• ก.ล.ต.กล่าวโทษ อดีตผู้บริหาร CMO ทุจริต 12/12/68 #ก.ล.ต. #อดีตผู้บริหาร CMO #ทุจริตซื้อหุ้น #ตลาดหุ้น #หุ้นไทย
    ก.ล.ต.กล่าวโทษ อดีตผู้บริหาร CMO ทุจริต 12/12/68 #ก.ล.ต. #อดีตผู้บริหาร CMO #ทุจริตซื้อหุ้น #ตลาดหุ้น #หุ้นไทย
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 60 Views 0 0 Reviews
  • Meta ซื้อกิจการ Limitless

    เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2025 Meta ประกาศเข้าซื้อกิจการ Limitless (เดิมชื่อ Rewind) ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพที่พัฒนาอุปกรณ์สวมใส่รูปแบบ pendant ที่สามารถบันทึกเสียงการสนทนา ถอดความ และสร้างสรุปที่ค้นหาได้ผ่านแอปพลิเคชันคู่ข้าง อุปกรณ์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อทำหน้าที่เป็น AI assistant ส่วนตัว ที่ช่วยเสริมความจำและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในชีวิตประจำวัน

    กลยุทธ์ของ Meta ในตลาด AI Wearables
    ดีลนี้เกิดขึ้นหลังจาก Meta เพิ่งดึงตัว Alan Dye อดีตผู้บริหารด้านการออกแบบของ Apple เข้ามาเสริมทีม เพื่อเน้นการพัฒนาอุปกรณ์รุ่นใหม่ที่มีความล้ำสมัยมากขึ้น ปัจจุบัน Meta มีความร่วมมือกับ EssilorLuxottica (เจ้าของแบรนด์ Ray-Ban และ Oakley) ในการผลิต AI-powered smart glasses และการซื้อ Limitless จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางเทคนิคในการสร้างอุปกรณ์สวมใส่ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้มากขึ้น

    ผลกระทบต่อผู้ใช้งานและตลาด
    แม้ Meta จะยังไม่เปิดเผยรายละเอียดทางการเงิน แต่ Limitless ยืนยันว่าจะยังคงสนับสนุนผู้ใช้เดิมต่อไป อย่างไรก็ตาม บริษัทจะ หยุดขายอุปกรณ์ใหม่ให้ลูกค้าใหม่ และผู้ใช้ปัจจุบันต้องยอมรับเงื่อนไขความเป็นส่วนตัวใหม่เพื่อใช้งานต่อไป Limitless เคยระดมทุนได้กว่า 33 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากนักลงทุนรายใหญ่ เช่น Sam Altman และ Andreessen Horowitz (A16z) ซึ่งสะท้อนถึงความสนใจในตลาด AI wearables ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

    ความท้าทายและข้อควรระวัง
    แม้การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้จะช่วย Meta เร่งพัฒนาอุปกรณ์สวมใส่ แต่ก็มีข้อกังวลเรื่อง ความเป็นส่วนตัว เนื่องจากอุปกรณ์ Limitless สามารถบันทึกการสนทนาในชีวิตจริงได้ตลอดเวลา หากไม่มีมาตรการกำกับดูแลที่เข้มงวด อาจนำไปสู่การละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลและสร้างความกังวลต่อผู้ใช้และสังคมโดยรวม

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Meta เข้าซื้อกิจการ Limitless
    อุปกรณ์ “pendant” บันทึกและถอดความการสนทนา

    เสริมกลยุทธ์ AI-enabled consumer hardware
    ร่วมมือกับ Ray-Ban และ Oakley ในการพัฒนา smart glasses

    ผลกระทบต่อผู้ใช้งาน
    ผู้ใช้เดิมยังได้รับการสนับสนุน แต่หยุดขายให้ลูกค้าใหม่

    คำเตือนด้านความเป็นส่วนตัว
    อุปกรณ์สามารถบันทึกการสนทนาได้ตลอดเวลา
    ผู้ใช้ต้องยอมรับเงื่อนไขใหม่เพื่อใช้งานต่อไป

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/06/meta-acquires-ai-wearables-startup-limitless
    📰 Meta ซื้อกิจการ Limitless เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2025 Meta ประกาศเข้าซื้อกิจการ Limitless (เดิมชื่อ Rewind) ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพที่พัฒนาอุปกรณ์สวมใส่รูปแบบ pendant ที่สามารถบันทึกเสียงการสนทนา ถอดความ และสร้างสรุปที่ค้นหาได้ผ่านแอปพลิเคชันคู่ข้าง อุปกรณ์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อทำหน้าที่เป็น AI assistant ส่วนตัว ที่ช่วยเสริมความจำและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในชีวิตประจำวัน 🤝 กลยุทธ์ของ Meta ในตลาด AI Wearables ดีลนี้เกิดขึ้นหลังจาก Meta เพิ่งดึงตัว Alan Dye อดีตผู้บริหารด้านการออกแบบของ Apple เข้ามาเสริมทีม เพื่อเน้นการพัฒนาอุปกรณ์รุ่นใหม่ที่มีความล้ำสมัยมากขึ้น ปัจจุบัน Meta มีความร่วมมือกับ EssilorLuxottica (เจ้าของแบรนด์ Ray-Ban และ Oakley) ในการผลิต AI-powered smart glasses และการซื้อ Limitless จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางเทคนิคในการสร้างอุปกรณ์สวมใส่ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้มากขึ้น 🌐 ผลกระทบต่อผู้ใช้งานและตลาด แม้ Meta จะยังไม่เปิดเผยรายละเอียดทางการเงิน แต่ Limitless ยืนยันว่าจะยังคงสนับสนุนผู้ใช้เดิมต่อไป อย่างไรก็ตาม บริษัทจะ หยุดขายอุปกรณ์ใหม่ให้ลูกค้าใหม่ และผู้ใช้ปัจจุบันต้องยอมรับเงื่อนไขความเป็นส่วนตัวใหม่เพื่อใช้งานต่อไป Limitless เคยระดมทุนได้กว่า 33 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากนักลงทุนรายใหญ่ เช่น Sam Altman และ Andreessen Horowitz (A16z) ซึ่งสะท้อนถึงความสนใจในตลาด AI wearables ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ⚠️ ความท้าทายและข้อควรระวัง แม้การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้จะช่วย Meta เร่งพัฒนาอุปกรณ์สวมใส่ แต่ก็มีข้อกังวลเรื่อง ความเป็นส่วนตัว เนื่องจากอุปกรณ์ Limitless สามารถบันทึกการสนทนาในชีวิตจริงได้ตลอดเวลา หากไม่มีมาตรการกำกับดูแลที่เข้มงวด อาจนำไปสู่การละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลและสร้างความกังวลต่อผู้ใช้และสังคมโดยรวม 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Meta เข้าซื้อกิจการ Limitless ➡️ อุปกรณ์ “pendant” บันทึกและถอดความการสนทนา ✅ เสริมกลยุทธ์ AI-enabled consumer hardware ➡️ ร่วมมือกับ Ray-Ban และ Oakley ในการพัฒนา smart glasses ✅ ผลกระทบต่อผู้ใช้งาน ➡️ ผู้ใช้เดิมยังได้รับการสนับสนุน แต่หยุดขายให้ลูกค้าใหม่ ‼️ คำเตือนด้านความเป็นส่วนตัว ⛔ อุปกรณ์สามารถบันทึกการสนทนาได้ตลอดเวลา ⛔ ผู้ใช้ต้องยอมรับเงื่อนไขใหม่เพื่อใช้งานต่อไป https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/06/meta-acquires-ai-wearables-startup-limitless
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Meta acquires AI-wearables startup Limitless
    Dec 5 (Reuters) - Meta has acquired AI-wearables startup Limitless, maker of a pendant-style device that records and transcribes real-world conversations, as the social media giant doubles down on efforts to build AI-enabled consumer hardware.
    0 Comments 0 Shares 167 Views 0 Reviews
  • ใครคือเจ้าของ Claude AI?

    Claude AI เป็นผลงานของบริษัท Anthropic สตาร์ทอัพจากซานฟรานซิสโก ก่อตั้งในปี 2021 โดยอดีตผู้บริหาร OpenAI คือ Dario และ Daniela Amodei จุดเด่นของ Anthropic คือการมุ่งเน้นเรื่อง ความปลอดภัยและความโปร่งใสในการพัฒนา AI โดย Claude ได้รับการตั้งชื่อตาม Claude Shannon บิดาแห่งทฤษฎีสารสนเทศ และเปิดตัวครั้งแรกในเดือนมีนาคม 2023.

    การลงทุนจากบริษัทยักษ์ใหญ่
    แม้ว่า Anthropic จะยังคงเป็นบริษัทอิสระ แต่ก็ได้รับเงินลงทุนจำนวนมหาศาลจากหลายบริษัท เช่น Amazon ที่ทุ่มสูงสุดถึง 8 พันล้านดอลลาร์ พร้อมให้ใช้โครงสร้างพื้นฐาน AWS และชิป AI ของตนเอง, Google ที่ลงทุนกว่า 3 พันล้านดอลลาร์, รวมถึง Salesforce และ Spark Capital ที่เข้ามามีส่วนร่วมด้วย ทำให้ Anthropic มีพันธมิตรเชิงพาณิชย์ที่แข็งแกร่งในตลาด.

    ความสัมพันธ์กับ Microsoft และการใช้งานจริง
    นอกจาก Amazon และ Google แล้ว Microsoft ก็มีบทบาทเช่นกัน โดยนำ Claude มารวมไว้ในชุด Microsoft 365 Copilot ควบคู่กับ GPT models สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่า Claude ไม่ได้เป็นของบริษัทใดบริษัทหนึ่ง แต่เป็นเทคโนโลยีที่หลายยักษ์ใหญ่ในวงการเข้ามามีส่วนร่วมและผลักดัน.

    โครงสร้างบริษัทและความสำคัญ
    Anthropic ถูกจัดตั้งเป็น Public-Benefit Corporation (PBC) ซึ่งหมายความว่ามีพันธกิจด้านความปลอดภัยระยะยาวควบคู่ไปกับการทำกำไร ทำให้แม้จะมีนักลงทุนรายใหญ่ แต่ก็ยากที่บริษัทใดบริษัทหนึ่งจะเข้ามาควบคุมทั้งหมดได้ การที่ Claude อยู่ในกลุ่ม AI ระดับแนวหน้าจึงทำให้โครงสร้างการถือครองและการลงทุนมีความสำคัญต่ออนาคตของวงการ AI โดยรวม.

    สรุปสาระสำคัญ
    Claude AI เป็นผลงานของ Anthropic
    ก่อตั้งโดย Dario และ Daniela Amodei อดีตผู้บริหาร OpenAI

    เปิดตัวครั้งแรกในเดือนมีนาคม 2023
    ตั้งชื่อตาม Claude Shannon

    Amazon ลงทุนสูงสุดถึง 8 พันล้านดอลลาร์
    พร้อมให้ใช้ AWS และชิป AI

    Google ลงทุนกว่า 3 พันล้านดอลลาร์
    มี Salesforce และ Spark Capital ร่วมด้วย

    Microsoft นำ Claude ไปใช้ใน 365 Copilot
    ทำงานร่วมกับ GPT models

    Anthropic แม้มีนักลงทุนรายใหญ่ แต่ยังคงเป็นบริษัทอิสระ
    ไม่มีบริษัทใดครอบครองทั้งหมด

    โครงสร้างแบบ Public-Benefit Corporation เน้นความปลอดภัยระยะยาว
    ทำให้การควบคุมโดยนักลงทุนรายเดียวเป็นไปได้ยาก

    https://www.slashgear.com/2035429/who-owns-claude-ai/
    🧠 ใครคือเจ้าของ Claude AI? Claude AI เป็นผลงานของบริษัท Anthropic สตาร์ทอัพจากซานฟรานซิสโก ก่อตั้งในปี 2021 โดยอดีตผู้บริหาร OpenAI คือ Dario และ Daniela Amodei จุดเด่นของ Anthropic คือการมุ่งเน้นเรื่อง ความปลอดภัยและความโปร่งใสในการพัฒนา AI โดย Claude ได้รับการตั้งชื่อตาม Claude Shannon บิดาแห่งทฤษฎีสารสนเทศ และเปิดตัวครั้งแรกในเดือนมีนาคม 2023. 💵 การลงทุนจากบริษัทยักษ์ใหญ่ แม้ว่า Anthropic จะยังคงเป็นบริษัทอิสระ แต่ก็ได้รับเงินลงทุนจำนวนมหาศาลจากหลายบริษัท เช่น Amazon ที่ทุ่มสูงสุดถึง 8 พันล้านดอลลาร์ พร้อมให้ใช้โครงสร้างพื้นฐาน AWS และชิป AI ของตนเอง, Google ที่ลงทุนกว่า 3 พันล้านดอลลาร์, รวมถึง Salesforce และ Spark Capital ที่เข้ามามีส่วนร่วมด้วย ทำให้ Anthropic มีพันธมิตรเชิงพาณิชย์ที่แข็งแกร่งในตลาด. 🔗 ความสัมพันธ์กับ Microsoft และการใช้งานจริง นอกจาก Amazon และ Google แล้ว Microsoft ก็มีบทบาทเช่นกัน โดยนำ Claude มารวมไว้ในชุด Microsoft 365 Copilot ควบคู่กับ GPT models สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่า Claude ไม่ได้เป็นของบริษัทใดบริษัทหนึ่ง แต่เป็นเทคโนโลยีที่หลายยักษ์ใหญ่ในวงการเข้ามามีส่วนร่วมและผลักดัน. ⚖️ โครงสร้างบริษัทและความสำคัญ Anthropic ถูกจัดตั้งเป็น Public-Benefit Corporation (PBC) ซึ่งหมายความว่ามีพันธกิจด้านความปลอดภัยระยะยาวควบคู่ไปกับการทำกำไร ทำให้แม้จะมีนักลงทุนรายใหญ่ แต่ก็ยากที่บริษัทใดบริษัทหนึ่งจะเข้ามาควบคุมทั้งหมดได้ การที่ Claude อยู่ในกลุ่ม AI ระดับแนวหน้าจึงทำให้โครงสร้างการถือครองและการลงทุนมีความสำคัญต่ออนาคตของวงการ AI โดยรวม. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Claude AI เป็นผลงานของ Anthropic ➡️ ก่อตั้งโดย Dario และ Daniela Amodei อดีตผู้บริหาร OpenAI ✅ เปิดตัวครั้งแรกในเดือนมีนาคม 2023 ➡️ ตั้งชื่อตาม Claude Shannon ✅ Amazon ลงทุนสูงสุดถึง 8 พันล้านดอลลาร์ ➡️ พร้อมให้ใช้ AWS และชิป AI ✅ Google ลงทุนกว่า 3 พันล้านดอลลาร์ ➡️ มี Salesforce และ Spark Capital ร่วมด้วย ✅ Microsoft นำ Claude ไปใช้ใน 365 Copilot ➡️ ทำงานร่วมกับ GPT models ‼️ Anthropic แม้มีนักลงทุนรายใหญ่ แต่ยังคงเป็นบริษัทอิสระ ⛔ ไม่มีบริษัทใดครอบครองทั้งหมด ‼️ โครงสร้างแบบ Public-Benefit Corporation เน้นความปลอดภัยระยะยาว ⛔ ทำให้การควบคุมโดยนักลงทุนรายเดียวเป็นไปได้ยาก https://www.slashgear.com/2035429/who-owns-claude-ai/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Who Owns Claude AI (And Is It Amazon?) - SlashGear
    Anthropic owns Claude AI, not Amazon. Big-tech funding and cloud partnerships exist, but no single company controls the model or the startup.
    0 Comments 0 Shares 197 Views 0 Reviews
  • Intel ปฏิเสธการได้ข้อมูลลับจาก TSMC

    Lip-Bu Tan ซีอีโอของ Intel ออกมาปฏิเสธข่าวลือที่ว่า Wei-Jen Lo อดีตผู้บริหารระดับสูงของ TSMC ได้นำข้อมูลเชิงลึกด้านเทคโนโลยีการผลิตชิปขั้นสูงมาให้ Intel หลังจากเข้ารับตำแหน่งใหม่ โดย Tan ย้ำว่า “นี่เป็นเพียงข่าวลือและการคาดเดา เราเคารพทรัพย์สินทางปัญญา”

    การสอบสวนของไต้หวัน
    อัยการไต้หวันได้เริ่มการสอบสวนในระดับความมั่นคงแห่งชาติ โดยตรวจสอบว่า Lo อาจนำข้อมูลกระบวนการผลิตขั้นสูง เช่น N2, A16 และ A14 ไปเผยแพร่ให้กับ Intel หรือไม่ รายงานบางฉบับระบุว่า Lo เคยขอเอกสารภายในก่อนลาออกจาก TSMC ซึ่งสร้างความกังวลว่าข้อมูลอาจถูกนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

    ความแตกต่างด้านเทคโนโลยี
    แม้จะมีข้อสงสัย แต่ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า เทคโนโลยีของ Intel (18A และ 14A) แตกต่างจากของ TSMC อย่างมาก ทำให้ข้อมูลที่ Lo อาจนำออกไปไม่สามารถนำมาใช้โดยตรงกับกระบวนการผลิตของ Intel ได้ อย่างมากก็อาจใช้เพื่อการวิเคราะห์เชิงแข่งขันเท่านั้น

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์
    กรณีนี้สะท้อนถึงการแข่งขันที่ดุเดือดระหว่าง Intel และ TSMC ในการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตชิปขั้นสูง การสอบสวนยังคงดำเนินต่อไป และอาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นของลูกค้าและพันธมิตรในอุตสาหกรรม หากพบว่ามีการละเมิดจริง

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Intel ปฏิเสธข่าวลือเรื่องการได้ข้อมูลลับจาก TSMC
    ซีอีโอ Lip-Bu Tan ยืนยันว่า “เคารพทรัพย์สินทางปัญญา”

    อัยการไต้หวันสอบสวน Wei-Jen Lo อดีตผู้บริหาร TSMC
    ตรวจสอบการขอเอกสารภายในเกี่ยวกับเทคโนโลยี N2, A16, A14

    เทคโนโลยี Intel (18A, 14A) แตกต่างจาก TSMC
    ทำให้ข้อมูลที่อาจถูกนำออกมาไม่สามารถใช้ได้โดยตรง

    กรณีนี้สะท้อนการแข่งขันในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์
    อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของลูกค้าและพันธมิตร

    ความเสี่ยงด้านความมั่นคงและทรัพย์สินทางปัญญา
    หากพบการละเมิดจริง อาจส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและการลงทุน

    ความไม่แน่นอนต่ออนาคตของ Intel และ TSMC
    การสอบสวนที่ยืดเยื้ออาจสร้างแรงกดดันต่อทั้งสองบริษัท

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/intel-ceo-rejects-reports-the-company-is-obtaining-tsmc-secrets-from-former-executive-taiwans-investigation-into-intels-controversial-recent-hire-continues
    🏭 Intel ปฏิเสธการได้ข้อมูลลับจาก TSMC Lip-Bu Tan ซีอีโอของ Intel ออกมาปฏิเสธข่าวลือที่ว่า Wei-Jen Lo อดีตผู้บริหารระดับสูงของ TSMC ได้นำข้อมูลเชิงลึกด้านเทคโนโลยีการผลิตชิปขั้นสูงมาให้ Intel หลังจากเข้ารับตำแหน่งใหม่ โดย Tan ย้ำว่า “นี่เป็นเพียงข่าวลือและการคาดเดา เราเคารพทรัพย์สินทางปัญญา” 🔎 การสอบสวนของไต้หวัน อัยการไต้หวันได้เริ่มการสอบสวนในระดับความมั่นคงแห่งชาติ โดยตรวจสอบว่า Lo อาจนำข้อมูลกระบวนการผลิตขั้นสูง เช่น N2, A16 และ A14 ไปเผยแพร่ให้กับ Intel หรือไม่ รายงานบางฉบับระบุว่า Lo เคยขอเอกสารภายในก่อนลาออกจาก TSMC ซึ่งสร้างความกังวลว่าข้อมูลอาจถูกนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ⚙️ ความแตกต่างด้านเทคโนโลยี แม้จะมีข้อสงสัย แต่ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า เทคโนโลยีของ Intel (18A และ 14A) แตกต่างจากของ TSMC อย่างมาก ทำให้ข้อมูลที่ Lo อาจนำออกไปไม่สามารถนำมาใช้โดยตรงกับกระบวนการผลิตของ Intel ได้ อย่างมากก็อาจใช้เพื่อการวิเคราะห์เชิงแข่งขันเท่านั้น 🌐 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ กรณีนี้สะท้อนถึงการแข่งขันที่ดุเดือดระหว่าง Intel และ TSMC ในการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตชิปขั้นสูง การสอบสวนยังคงดำเนินต่อไป และอาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นของลูกค้าและพันธมิตรในอุตสาหกรรม หากพบว่ามีการละเมิดจริง 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Intel ปฏิเสธข่าวลือเรื่องการได้ข้อมูลลับจาก TSMC ➡️ ซีอีโอ Lip-Bu Tan ยืนยันว่า “เคารพทรัพย์สินทางปัญญา” ✅ อัยการไต้หวันสอบสวน Wei-Jen Lo อดีตผู้บริหาร TSMC ➡️ ตรวจสอบการขอเอกสารภายในเกี่ยวกับเทคโนโลยี N2, A16, A14 ✅ เทคโนโลยี Intel (18A, 14A) แตกต่างจาก TSMC ➡️ ทำให้ข้อมูลที่อาจถูกนำออกมาไม่สามารถใช้ได้โดยตรง ✅ กรณีนี้สะท้อนการแข่งขันในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ➡️ อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของลูกค้าและพันธมิตร ‼️ ความเสี่ยงด้านความมั่นคงและทรัพย์สินทางปัญญา ⛔ หากพบการละเมิดจริง อาจส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและการลงทุน ‼️ ความไม่แน่นอนต่ออนาคตของ Intel และ TSMC ⛔ การสอบสวนที่ยืดเยื้ออาจสร้างแรงกดดันต่อทั้งสองบริษัท https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/intel-ceo-rejects-reports-the-company-is-obtaining-tsmc-secrets-from-former-executive-taiwans-investigation-into-intels-controversial-recent-hire-continues
    0 Comments 0 Shares 349 Views 0 Reviews
  • ทรัมป์ลงนาม เผยเอกสารเอ็ปสตีน อดีตผู้บริหารฮาร์วาร์ด ยุติบทบาทสาธารณะ : คนเคาะข่าว 20-11-68

    https://www.youtube.com/watch?v=ayjk9vaAM7w
    ทรัมป์ลงนาม เผยเอกสารเอ็ปสตีน อดีตผู้บริหารฮาร์วาร์ด ยุติบทบาทสาธารณะ : คนเคาะข่าว 20-11-68 https://www.youtube.com/watch?v=ayjk9vaAM7w
    Like
    2
    0 Comments 1 Shares 210 Views 0 Reviews
  • “Taiwan เปิดการสอบสวนกรณี Wei-Jen Lo อดีตผู้บริหาร TSMC กลับเข้าร่วม Intel”

    ทางการไต้หวันได้เปิดการสอบสวนด้านความมั่นคงแห่งชาติ กรณี Wei-Jen Lo อดีตผู้บริหารฝ่าย R&D ของ TSMC ที่เพิ่งเกษียณหลังทำงานกว่า 21 ปี แต่กลับไปปรากฏตัวที่ Intel ในตำแหน่งรองประธานฝ่าย R&D เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา รายงานจากสื่อท้องถิ่นระบุว่า Lo อาจนำเอกสารทางเทคนิคที่เป็นความลับของ TSMC ไปด้วย ซึ่งเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูง เช่น N2, A16, A14 และ post-A14 nodes

    ก่อนออกจาก TSMC Lo เคยมีอำนาจสั่งให้ทีมงานส่งมอบเอกสารภายในที่มีข้อจำกัดด้านการเข้าถึง โดยไม่มีการตั้งข้อสงสัยในตอนนั้น เนื่องจากตำแหน่งของเขาสูงมาก ทำให้คำสั่งดูเหมือนเป็นเรื่องปกติ อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาปรากฏตัวที่ Intel พร้อมรับผิดชอบด้านการพัฒนาอุปกรณ์และโมดูลใหม่ ๆ จึงเกิดข้อกังวลว่าเอกสารเหล่านี้อาจถูกนำไปใช้เพื่อประโยชน์เชิงแข่งขัน

    แม้จะมีข้อกล่าวหา แต่ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า ข้อมูลของ TSMC อาจไม่สามารถนำไปใช้ตรง ๆ กับ Intel ได้ เนื่องจากเทคโนโลยีการผลิตของทั้งสองบริษัทมีความแตกต่างกัน เช่น Intel ใช้ PowerVia และ High-NA EUV ในบางกระบวนการ ขณะที่ TSMC ใช้ Super Power Rail และ Low-NA EUV multipatterning อย่างไรก็ตาม เอกสารเหล่านี้ยังคงมีค่าในเชิงการวิเคราะห์คู่แข่งและกลยุทธ์ทางธุรกิจ

    กรณีนี้สะท้อนถึงความเปราะบางของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ที่การเคลื่อนไหวของผู้บริหารระดับสูงอาจส่งผลกระทบต่อการแข่งขันระดับโลก รัฐบาลไต้หวันกำลังตรวจสอบว่า Lo ละเมิดกฎหมายการถ่ายโอนความลับทางการค้าไปยังต่างประเทศหรือไม่

    สรุปสาระสำคัญ
    Wei-Jen Lo อดีตผู้บริหาร TSMC
    กลับไปทำงานที่ Intel ในตำแหน่ง VP of R&D

    ข้อกล่าวหานำเอกสารลับติดตัวไป
    ครอบคลุมเทคโนโลยี N2, A16, A14 และ post-A14

    ความแตกต่างด้านเทคโนโลยีระหว่าง Intel และ TSMC
    Intel ใช้ PowerVia และ High-NA EUV, TSMC ใช้ Super Power Rail และ Low-NA EUV

    รัฐบาลไต้หวันเปิดการสอบสวนด้านความมั่นคง
    ตรวจสอบการละเมิดกฎหมายการถ่ายโอนความลับทางการค้า

    ความเสี่ยงต่อการแข่งขันระดับโลก
    เอกสารลับอาจถูกใช้เพื่อวิเคราะห์คู่แข่งและกลยุทธ์ธุรกิจ

    การขาดมาตรการป้องกันภายในองค์กร
    TSMC ไม่ได้บังคับใช้ข้อตกลง non-compete กับ Lo ก่อนออกจากบริษัท

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/high-ranking-tsmc-executive-faces-taiwan-legal-investigation-over-murky-return-to-intel-report-alleges-employee-took-technical-documents-with-him
    📰 “Taiwan เปิดการสอบสวนกรณี Wei-Jen Lo อดีตผู้บริหาร TSMC กลับเข้าร่วม Intel” ทางการไต้หวันได้เปิดการสอบสวนด้านความมั่นคงแห่งชาติ กรณี Wei-Jen Lo อดีตผู้บริหารฝ่าย R&D ของ TSMC ที่เพิ่งเกษียณหลังทำงานกว่า 21 ปี แต่กลับไปปรากฏตัวที่ Intel ในตำแหน่งรองประธานฝ่าย R&D เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา รายงานจากสื่อท้องถิ่นระบุว่า Lo อาจนำเอกสารทางเทคนิคที่เป็นความลับของ TSMC ไปด้วย ซึ่งเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูง เช่น N2, A16, A14 และ post-A14 nodes ก่อนออกจาก TSMC Lo เคยมีอำนาจสั่งให้ทีมงานส่งมอบเอกสารภายในที่มีข้อจำกัดด้านการเข้าถึง โดยไม่มีการตั้งข้อสงสัยในตอนนั้น เนื่องจากตำแหน่งของเขาสูงมาก ทำให้คำสั่งดูเหมือนเป็นเรื่องปกติ อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาปรากฏตัวที่ Intel พร้อมรับผิดชอบด้านการพัฒนาอุปกรณ์และโมดูลใหม่ ๆ จึงเกิดข้อกังวลว่าเอกสารเหล่านี้อาจถูกนำไปใช้เพื่อประโยชน์เชิงแข่งขัน แม้จะมีข้อกล่าวหา แต่ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า ข้อมูลของ TSMC อาจไม่สามารถนำไปใช้ตรง ๆ กับ Intel ได้ เนื่องจากเทคโนโลยีการผลิตของทั้งสองบริษัทมีความแตกต่างกัน เช่น Intel ใช้ PowerVia และ High-NA EUV ในบางกระบวนการ ขณะที่ TSMC ใช้ Super Power Rail และ Low-NA EUV multipatterning อย่างไรก็ตาม เอกสารเหล่านี้ยังคงมีค่าในเชิงการวิเคราะห์คู่แข่งและกลยุทธ์ทางธุรกิจ กรณีนี้สะท้อนถึงความเปราะบางของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ที่การเคลื่อนไหวของผู้บริหารระดับสูงอาจส่งผลกระทบต่อการแข่งขันระดับโลก รัฐบาลไต้หวันกำลังตรวจสอบว่า Lo ละเมิดกฎหมายการถ่ายโอนความลับทางการค้าไปยังต่างประเทศหรือไม่ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Wei-Jen Lo อดีตผู้บริหาร TSMC ➡️ กลับไปทำงานที่ Intel ในตำแหน่ง VP of R&D ✅ ข้อกล่าวหานำเอกสารลับติดตัวไป ➡️ ครอบคลุมเทคโนโลยี N2, A16, A14 และ post-A14 ✅ ความแตกต่างด้านเทคโนโลยีระหว่าง Intel และ TSMC ➡️ Intel ใช้ PowerVia และ High-NA EUV, TSMC ใช้ Super Power Rail และ Low-NA EUV ✅ รัฐบาลไต้หวันเปิดการสอบสวนด้านความมั่นคง ➡️ ตรวจสอบการละเมิดกฎหมายการถ่ายโอนความลับทางการค้า ‼️ ความเสี่ยงต่อการแข่งขันระดับโลก ⛔ เอกสารลับอาจถูกใช้เพื่อวิเคราะห์คู่แข่งและกลยุทธ์ธุรกิจ ‼️ การขาดมาตรการป้องกันภายในองค์กร ⛔ TSMC ไม่ได้บังคับใช้ข้อตกลง non-compete กับ Lo ก่อนออกจากบริษัท https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/high-ranking-tsmc-executive-faces-taiwan-legal-investigation-over-murky-return-to-intel-report-alleges-employee-took-technical-documents-with-him
    0 Comments 0 Shares 349 Views 0 Reviews
  • “NES ครบรอบ 40 ปี – ดีไซน์ที่เกือบจะเป็นลายไม้แบบ Atari 2600”

    ในงาน Portland Retro Gaming Expo 2025 อดีตผู้บริหาร Nintendo of America ได้แก่ Bruce Lowry (VP of Sales), Gail Tilden (ฝ่ายการตลาด), และ Lance Barr (นักออกแบบผลิตภัณฑ์) ได้เล่าย้อนถึงการเปิดตัว NES ในสหรัฐฯ เมื่อปี 1985 พวกเขาเผยว่าในตอนแรกมีการเสนอแบบดีไซน์ที่คล้าย Atari 2600 คือมี ลายไม้และสวิตช์ด้านบน แต่ Barr ปฏิเสธทันที โดยบอกว่า “มันดูแย่มาก” และเลือกแนวทางใหม่ที่ทำให้ NES ดูเหมือนอุปกรณ์บันเทิงภายในบ้าน เช่น Hi-Fi หรือ VCR

    การตัดสินใจนี้มีความสำคัญมาก เพราะในช่วงนั้นตลาดเกมยังบอบช้ำจาก Video Game Crash ปี 1983 ผู้บริหารจึงต้องการให้ NES ดู “จริงจัง” และไม่เหมือนของเล่นราคาถูก ดีไซน์ Control Deck ที่เรียบหรูและเข้ากับเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน จึงช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคและผู้ค้าปลีก

    นอกจากดีไซน์แล้ว ทีมงานยังเล่าถึงการเปิดตัวอุปกรณ์เสริม เช่น Zapper light gun และการจัดการกับปัญหาในคลังสินค้าที่เต็มไปด้วย “หนู งู และขยะพิษ” ซึ่งสะท้อนความท้าทายเบื้องหลังการสร้าง NES ให้สำเร็จในตลาดอเมริกา

    ผลลัพธ์คือ NES ไม่เพียงแค่รอดจากวิกฤต แต่ยัง พลิกฟื้นอุตสาหกรรมเกม และกลายเป็นมาตรฐานใหม่ที่เปิดทางให้คู่แข่งอย่าง Sega Master System และต่อยอดไปสู่ยุค 16-bit เช่น SNES และ Sega Genesis จนทำให้เกมกลายเป็นอุตสาหกรรมใหญ่กว่าภาพยนตร์และดนตรีในเวลาต่อมา

    สรุปสาระสำคัญ
    แผนดีไซน์ NES ในตอนแรก
    มีการเสนอให้ใช้ลายไม้และสวิตช์ด้านบนคล้าย Atari 2600
    Lance Barr ปฏิเสธและเลือกดีไซน์ Control Deck ที่ดูเหมือนเครื่องเสียง/วิดีโอ

    เหตุผลในการเลือกดีไซน์ใหม่
    ตลาดเกมยังบอบช้ำจากวิกฤตปี 1983
    ต้องการให้ NES ดูจริงจัง ไม่เหมือนของเล่นราคาถูก
    ดีไซน์ใหม่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคและผู้ค้าปลีก

    เบื้องหลังการเปิดตัว
    เปิดตัวพร้อมอุปกรณ์เสริม เช่น Zapper light gun
    เผชิญปัญหาการจัดเก็บสินค้าที่มีหนู งู และขยะพิษ

    คำเตือนและข้อคิด
    หากเลือกดีไซน์ลายไม้ อาจทำให้ NES ถูกมองว่าเป็นเพียงของเล่น
    ความผิดพลาดด้านภาพลักษณ์อาจทำให้ NES ไม่สามารถฟื้นตลาดเกมได้

    https://www.tomshardware.com/video-games/nintendo/the-nes-at-40-employees-reveal-there-were-plans-for-a-woodgrain-veneer-model-to-rival-the-atari-2600
    🎮 “NES ครบรอบ 40 ปี – ดีไซน์ที่เกือบจะเป็นลายไม้แบบ Atari 2600” ในงาน Portland Retro Gaming Expo 2025 อดีตผู้บริหาร Nintendo of America ได้แก่ Bruce Lowry (VP of Sales), Gail Tilden (ฝ่ายการตลาด), และ Lance Barr (นักออกแบบผลิตภัณฑ์) ได้เล่าย้อนถึงการเปิดตัว NES ในสหรัฐฯ เมื่อปี 1985 พวกเขาเผยว่าในตอนแรกมีการเสนอแบบดีไซน์ที่คล้าย Atari 2600 คือมี ลายไม้และสวิตช์ด้านบน แต่ Barr ปฏิเสธทันที โดยบอกว่า “มันดูแย่มาก” และเลือกแนวทางใหม่ที่ทำให้ NES ดูเหมือนอุปกรณ์บันเทิงภายในบ้าน เช่น Hi-Fi หรือ VCR การตัดสินใจนี้มีความสำคัญมาก เพราะในช่วงนั้นตลาดเกมยังบอบช้ำจาก Video Game Crash ปี 1983 ผู้บริหารจึงต้องการให้ NES ดู “จริงจัง” และไม่เหมือนของเล่นราคาถูก ดีไซน์ Control Deck ที่เรียบหรูและเข้ากับเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน จึงช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคและผู้ค้าปลีก นอกจากดีไซน์แล้ว ทีมงานยังเล่าถึงการเปิดตัวอุปกรณ์เสริม เช่น Zapper light gun และการจัดการกับปัญหาในคลังสินค้าที่เต็มไปด้วย “หนู งู และขยะพิษ” ซึ่งสะท้อนความท้าทายเบื้องหลังการสร้าง NES ให้สำเร็จในตลาดอเมริกา ผลลัพธ์คือ NES ไม่เพียงแค่รอดจากวิกฤต แต่ยัง พลิกฟื้นอุตสาหกรรมเกม และกลายเป็นมาตรฐานใหม่ที่เปิดทางให้คู่แข่งอย่าง Sega Master System และต่อยอดไปสู่ยุค 16-bit เช่น SNES และ Sega Genesis จนทำให้เกมกลายเป็นอุตสาหกรรมใหญ่กว่าภาพยนตร์และดนตรีในเวลาต่อมา 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ แผนดีไซน์ NES ในตอนแรก ➡️ มีการเสนอให้ใช้ลายไม้และสวิตช์ด้านบนคล้าย Atari 2600 ➡️ Lance Barr ปฏิเสธและเลือกดีไซน์ Control Deck ที่ดูเหมือนเครื่องเสียง/วิดีโอ ✅ เหตุผลในการเลือกดีไซน์ใหม่ ➡️ ตลาดเกมยังบอบช้ำจากวิกฤตปี 1983 ➡️ ต้องการให้ NES ดูจริงจัง ไม่เหมือนของเล่นราคาถูก ➡️ ดีไซน์ใหม่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคและผู้ค้าปลีก ✅ เบื้องหลังการเปิดตัว ➡️ เปิดตัวพร้อมอุปกรณ์เสริม เช่น Zapper light gun ➡️ เผชิญปัญหาการจัดเก็บสินค้าที่มีหนู งู และขยะพิษ ‼️ คำเตือนและข้อคิด ⛔ หากเลือกดีไซน์ลายไม้ อาจทำให้ NES ถูกมองว่าเป็นเพียงของเล่น ⛔ ความผิดพลาดด้านภาพลักษณ์อาจทำให้ NES ไม่สามารถฟื้นตลาดเกมได้ https://www.tomshardware.com/video-games/nintendo/the-nes-at-40-employees-reveal-there-were-plans-for-a-woodgrain-veneer-model-to-rival-the-atari-2600
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    The NES at 40: Employees reveal there were plans for a woodgrain veneer model to rival the Atari 2600
    Nintendo of America veterans chatted to a host from the Video Game History Foundation to celebrate the console’s Ruby jubilee.
    0 Comments 0 Shares 328 Views 0 Reviews
  • The Matrix เคยเกือบได้เกมจาก Hideo Kojima แต่ Konami ปฏิเสธแบบไม่ใยดี

    ย้อนกลับไปในปี 1999 ผู้กำกับ The Matrix — พี่น้อง Wachowski — เคยเสนอให้ Hideo Kojima นักออกแบบเกมชื่อดังจากซีรีส์ Metal Gear สร้างเกมจากจักรวาล The Matrix แต่ข้อเสนอถูกปฏิเสธโดย CEO ของ Konami ในขณะนั้น ทั้งที่ Kojima แสดงความสนใจอย่างมาก

    เรื่องราวเบื้องหลังที่เพิ่งถูกเปิดเผย
    Christopher Bergstresser อดีตผู้บริหาร Konami เล่าเหตุการณ์ในวันเปิดตัว The Matrix ที่ญี่ปุ่น
    Wachowski โทรหา Konami เพื่อขอพบ Kojima และเสนอให้เขาสร้างเกมจาก The Matrix
    Kojima, Aki Saito และ Kazumi Kitaue (CEO) เข้าร่วมประชุมกับทีมผู้กำกับ
    เมื่อข้อเสนอถูกแปลเป็นภาษาญี่ปุ่นให้ CEO ฟัง เขาตอบกลับทันทีว่า “ไม่”
    แม้จะถูกปฏิเสธ ทีมงานยังได้ร่วมงานเปิดตัวภาพยนตร์และงานเลี้ยงหลังฉาย

    มีรายงานเพิ่มเติมว่า Kojima ยังแสดงความสนใจในโปรเจกต์นี้หลังจากถูกปฏิเสธ และอาจเคยพยายามผลักดันให้เกิดขึ้น แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นผล

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Wachowski เสนอให้ Kojima สร้างเกมจาก The Matrix ในปี 1999
    Konami ปฏิเสธข้อเสนอทันที แม้ Kojimaสนใจ
    การประชุมเกิดขึ้นในวันเปิดตัวภาพยนตร์ที่ญี่ปุ่น
    ทีมงานยังได้ร่วมงานเลี้ยงหลังฉาย แม้โปรเจกต์ไม่เกิดขึ้น
    Kojima อาจพยายามผลักดันโปรเจกต์หลังจากนั้น แต่ไม่สำเร็จ

    ความสำคัญของโปรเจกต์ที่ไม่เคยเกิดขึ้น
    The Matrix เป็น IP ที่เหมาะกับเกมแนวแอ็กชันและไซไฟ
    Kojima มีชื่อเสียงด้านการเล่าเรื่องและการออกแบบเกมล้ำยุค
    การร่วมมือครั้งนี้อาจเปลี่ยนประวัติศาสตร์เกมไซไฟไปเลย

    คำเตือนจากอดีตที่น่าคิด
    การตัดสินใจของผู้บริหารอาจขัดขวางโอกาสสร้างสรรค์ระดับตำนาน
    The Matrix ยังไม่มีเกมที่ได้รับคำชมในระดับเดียวกับภาพยนตร์
    แฟน ๆ อาจไม่เคยได้สัมผัสประสบการณ์เกมที่ควรจะเกิดขึ้น

    https://wccftech.com/the-matrix-creators-wanted-kojima-make-a-game-on-the-ip-konami-refused/
    🎮🕶️ The Matrix เคยเกือบได้เกมจาก Hideo Kojima แต่ Konami ปฏิเสธแบบไม่ใยดี ย้อนกลับไปในปี 1999 ผู้กำกับ The Matrix — พี่น้อง Wachowski — เคยเสนอให้ Hideo Kojima นักออกแบบเกมชื่อดังจากซีรีส์ Metal Gear สร้างเกมจากจักรวาล The Matrix แต่ข้อเสนอถูกปฏิเสธโดย CEO ของ Konami ในขณะนั้น ทั้งที่ Kojima แสดงความสนใจอย่างมาก 📼 เรื่องราวเบื้องหลังที่เพิ่งถูกเปิดเผย 💠 Christopher Bergstresser อดีตผู้บริหาร Konami เล่าเหตุการณ์ในวันเปิดตัว The Matrix ที่ญี่ปุ่น 💠 Wachowski โทรหา Konami เพื่อขอพบ Kojima และเสนอให้เขาสร้างเกมจาก The Matrix 💠 Kojima, Aki Saito และ Kazumi Kitaue (CEO) เข้าร่วมประชุมกับทีมผู้กำกับ 💠 เมื่อข้อเสนอถูกแปลเป็นภาษาญี่ปุ่นให้ CEO ฟัง เขาตอบกลับทันทีว่า “ไม่” 💠 แม้จะถูกปฏิเสธ ทีมงานยังได้ร่วมงานเปิดตัวภาพยนตร์และงานเลี้ยงหลังฉาย มีรายงานเพิ่มเติมว่า Kojima ยังแสดงความสนใจในโปรเจกต์นี้หลังจากถูกปฏิเสธ และอาจเคยพยายามผลักดันให้เกิดขึ้น แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นผล ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Wachowski เสนอให้ Kojima สร้างเกมจาก The Matrix ในปี 1999 ➡️ Konami ปฏิเสธข้อเสนอทันที แม้ Kojimaสนใจ ➡️ การประชุมเกิดขึ้นในวันเปิดตัวภาพยนตร์ที่ญี่ปุ่น ➡️ ทีมงานยังได้ร่วมงานเลี้ยงหลังฉาย แม้โปรเจกต์ไม่เกิดขึ้น ➡️ Kojima อาจพยายามผลักดันโปรเจกต์หลังจากนั้น แต่ไม่สำเร็จ ✅ ความสำคัญของโปรเจกต์ที่ไม่เคยเกิดขึ้น ➡️ The Matrix เป็น IP ที่เหมาะกับเกมแนวแอ็กชันและไซไฟ ➡️ Kojima มีชื่อเสียงด้านการเล่าเรื่องและการออกแบบเกมล้ำยุค ➡️ การร่วมมือครั้งนี้อาจเปลี่ยนประวัติศาสตร์เกมไซไฟไปเลย ‼️ คำเตือนจากอดีตที่น่าคิด ⛔ การตัดสินใจของผู้บริหารอาจขัดขวางโอกาสสร้างสรรค์ระดับตำนาน ⛔ The Matrix ยังไม่มีเกมที่ได้รับคำชมในระดับเดียวกับภาพยนตร์ ⛔ แฟน ๆ อาจไม่เคยได้สัมผัสประสบการณ์เกมที่ควรจะเกิดขึ้น https://wccftech.com/the-matrix-creators-wanted-kojima-make-a-game-on-the-ip-konami-refused/
    WCCFTECH.COM
    The Matrix Creators Wanted Kojima to Make a Game Based on the IP, But Konami Refused
    According to a former Konami employee, the creators of The Matrix asked Hideo Kojima to make a game on the IP, but Konami's CEO refused.
    0 Comments 0 Shares 243 Views 0 Reviews
  • “Euclyd เปิดตัว CRAFTWERK — ชิป AI ขนาดฝ่ามือที่แรงกว่า Nvidia ด้วย 16,384 คอร์ และแบนด์วิดธ์ 8PB/s”

    ในงาน KISACO Infrastructure Summit 2025 ที่ซานตาคลารา สตาร์ทอัพจากยุโรปชื่อ Euclyd ได้เปิดตัวชิป AI รุ่นใหม่ชื่อว่า “CRAFTWERK” ซึ่งสร้างความฮือฮาในวงการด้วยสเปกที่เหนือกว่าชิปจากบริษัทใหญ่ ๆ อย่าง Nvidia และ Intel อย่างชัดเจน

    CRAFTWERK เป็นชิปแบบ SiP (System-in-Package) ขนาดเล็กเท่าฝ่ามือ แต่ภายในบรรจุ SIMD processor ถึง 16,384 คอร์ พร้อมหน่วยความจำแบบใหม่ที่เรียกว่า UBM (Ultra Bandwidth Memory) ขนาด 1TB ซึ่งสามารถส่งข้อมูลได้เร็วถึง 8,000TB/s หรือ 8PB/s — เร็วกว่าหน่วยความจำ HBM ที่ Nvidia ใช้อย่างมาก

    ด้านการประมวลผล CRAFTWERK ให้พลังสูงถึง 8 PFLOPS ใน FP16 และ 32 PFLOPS ใน FP4 ซึ่งเหมาะกับงาน AI inference โดยเฉพาะแบบ agentic AI ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงและการจัดการพลังงานที่ดี

    นอกจากนี้ Euclyd ยังเปิดตัว CRAFTWERK STATION CWS 32 ซึ่งเป็นระบบ rack-scale ที่รวมชิป CRAFTWERK 32 ตัวเข้าด้วยกัน ให้พลังรวมถึง 1.024 exaflops และหน่วยความจำรวม 32TB โดยสามารถสร้าง token ได้ถึง 7.68 ล้านต่อวินาทีในโหมดหลายผู้ใช้ และใช้พลังงานเพียง 125kW ซึ่งถือว่าประหยัดกว่าระบบทั่วไปถึง 100 เท่า

    บริษัทตั้งอยู่ใน Eindhoven ประเทศเนเธอร์แลนด์ และมีสำนักงานในซานโฮเซ่ สหรัฐฯ โดยได้รับการสนับสนุนจากบุคคลสำคัญในวงการ เช่น Peter Wennink อดีต CEO ของ ASML และ Federico Faggin ผู้คิดค้นไมโครโปรเซสเซอร์

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Euclyd เปิดตัวชิป AI CRAFTWERK ที่งาน KISACO Summit 2025
    ชิปมี 16,384 SIMD คอร์ และหน่วยความจำ UBM ขนาด 1TB
    แบนด์วิดธ์ของ UBM สูงถึง 8PB/s เร็วกว่าหน่วยความจำ HBM ของ Nvidia
    ให้พลังประมวลผล 8 PFLOPS (FP16) และ 32 PFLOPS (FP4)
    CRAFTWERK STATION CWS 32 รวมชิป 32 ตัว ให้พลังรวม 1.024 exaflops
    สร้าง token ได้ 7.68 ล้านต่อวินาที ใช้พลังงานเพียง 125kW
    ประสิทธิภาพด้านพลังงานและต้นทุนต่อ token ดีกว่าระบบทั่วไปถึง 100 เท่า
    บริษัทมีสำนักงานในเนเธอร์แลนด์และสหรัฐฯ ได้รับการสนับสนุนจากอดีตผู้บริหาร ASML และผู้คิดค้นไมโครโปรเซสเซอร์

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    FP4 เป็นรูปแบบความแม่นยำต่ำที่เหมาะกับงาน inference โดยเฉพาะ LLM
    SIMD (Single Instruction, Multiple Data) เหมาะกับงานที่ต้องประมวลผลข้อมูลจำนวนมากพร้อมกัน
    UBM เป็นหน่วยความจำที่ออกแบบมาเฉพาะ ไม่ใช้เทคโนโลยีจาก HBM หรือ SRAM
    การใช้ SiP ขนาดเล็กช่วยลดความซับซ้อนในการเชื่อมต่อและการจัดการพลังงาน
    Euclyd ใช้แนวคิด “Crafted Compute” ที่ออกแบบทุกส่วนตั้งแต่ processor ถึง packaging

    https://www.techradar.com/pro/obscure-eu-ai-startup-outs-massive-chip-that-has-16-384-simd-processors-and-1tb-of-memory-thats-even-faster-than-nvidias-hbm-euclyds-ubm-has-8pb-s-bandwidth-32pf-fp4-compute-performance-and-some-iconic-backers
    🚀 “Euclyd เปิดตัว CRAFTWERK — ชิป AI ขนาดฝ่ามือที่แรงกว่า Nvidia ด้วย 16,384 คอร์ และแบนด์วิดธ์ 8PB/s” ในงาน KISACO Infrastructure Summit 2025 ที่ซานตาคลารา สตาร์ทอัพจากยุโรปชื่อ Euclyd ได้เปิดตัวชิป AI รุ่นใหม่ชื่อว่า “CRAFTWERK” ซึ่งสร้างความฮือฮาในวงการด้วยสเปกที่เหนือกว่าชิปจากบริษัทใหญ่ ๆ อย่าง Nvidia และ Intel อย่างชัดเจน CRAFTWERK เป็นชิปแบบ SiP (System-in-Package) ขนาดเล็กเท่าฝ่ามือ แต่ภายในบรรจุ SIMD processor ถึง 16,384 คอร์ พร้อมหน่วยความจำแบบใหม่ที่เรียกว่า UBM (Ultra Bandwidth Memory) ขนาด 1TB ซึ่งสามารถส่งข้อมูลได้เร็วถึง 8,000TB/s หรือ 8PB/s — เร็วกว่าหน่วยความจำ HBM ที่ Nvidia ใช้อย่างมาก ด้านการประมวลผล CRAFTWERK ให้พลังสูงถึง 8 PFLOPS ใน FP16 และ 32 PFLOPS ใน FP4 ซึ่งเหมาะกับงาน AI inference โดยเฉพาะแบบ agentic AI ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงและการจัดการพลังงานที่ดี นอกจากนี้ Euclyd ยังเปิดตัว CRAFTWERK STATION CWS 32 ซึ่งเป็นระบบ rack-scale ที่รวมชิป CRAFTWERK 32 ตัวเข้าด้วยกัน ให้พลังรวมถึง 1.024 exaflops และหน่วยความจำรวม 32TB โดยสามารถสร้าง token ได้ถึง 7.68 ล้านต่อวินาทีในโหมดหลายผู้ใช้ และใช้พลังงานเพียง 125kW ซึ่งถือว่าประหยัดกว่าระบบทั่วไปถึง 100 เท่า บริษัทตั้งอยู่ใน Eindhoven ประเทศเนเธอร์แลนด์ และมีสำนักงานในซานโฮเซ่ สหรัฐฯ โดยได้รับการสนับสนุนจากบุคคลสำคัญในวงการ เช่น Peter Wennink อดีต CEO ของ ASML และ Federico Faggin ผู้คิดค้นไมโครโปรเซสเซอร์ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Euclyd เปิดตัวชิป AI CRAFTWERK ที่งาน KISACO Summit 2025 ➡️ ชิปมี 16,384 SIMD คอร์ และหน่วยความจำ UBM ขนาด 1TB ➡️ แบนด์วิดธ์ของ UBM สูงถึง 8PB/s เร็วกว่าหน่วยความจำ HBM ของ Nvidia ➡️ ให้พลังประมวลผล 8 PFLOPS (FP16) และ 32 PFLOPS (FP4) ➡️ CRAFTWERK STATION CWS 32 รวมชิป 32 ตัว ให้พลังรวม 1.024 exaflops ➡️ สร้าง token ได้ 7.68 ล้านต่อวินาที ใช้พลังงานเพียง 125kW ➡️ ประสิทธิภาพด้านพลังงานและต้นทุนต่อ token ดีกว่าระบบทั่วไปถึง 100 เท่า ➡️ บริษัทมีสำนักงานในเนเธอร์แลนด์และสหรัฐฯ ได้รับการสนับสนุนจากอดีตผู้บริหาร ASML และผู้คิดค้นไมโครโปรเซสเซอร์ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ FP4 เป็นรูปแบบความแม่นยำต่ำที่เหมาะกับงาน inference โดยเฉพาะ LLM ➡️ SIMD (Single Instruction, Multiple Data) เหมาะกับงานที่ต้องประมวลผลข้อมูลจำนวนมากพร้อมกัน ➡️ UBM เป็นหน่วยความจำที่ออกแบบมาเฉพาะ ไม่ใช้เทคโนโลยีจาก HBM หรือ SRAM ➡️ การใช้ SiP ขนาดเล็กช่วยลดความซับซ้อนในการเชื่อมต่อและการจัดการพลังงาน ➡️ Euclyd ใช้แนวคิด “Crafted Compute” ที่ออกแบบทุกส่วนตั้งแต่ processor ถึง packaging https://www.techradar.com/pro/obscure-eu-ai-startup-outs-massive-chip-that-has-16-384-simd-processors-and-1tb-of-memory-thats-even-faster-than-nvidias-hbm-euclyds-ubm-has-8pb-s-bandwidth-32pf-fp4-compute-performance-and-some-iconic-backers
    0 Comments 0 Shares 322 Views 0 Reviews
  • “Rapidus ปลุกชีพอุตสาหกรรมชิปญี่ปุ่น — ดึง IBM และ Tenstorrent ร่วมผลิต 2nm พร้อมท้าชน TSMC และ Intel”

    Rapidus บริษัทผลิตเซมิคอนดักเตอร์สัญชาติญี่ปุ่นกำลังสร้างแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมชิประดับโลก ด้วยการประกาศความร่วมมือกับบริษัทอเมริกันรายใหญ่ ได้แก่ IBM และ Tenstorrent เพื่อพัฒนาและผลิตชิปขนาด 2 นาโนเมตร โดย Rapidus ตั้งเป้าจะเริ่มส่งมอบต้นแบบให้ลูกค้าในปี 2026 และเข้าสู่การผลิตจำนวนมากในช่วงปลายปี 2026 ถึงต้นปี 2027 ซึ่งเร็วกว่ากำหนดของ TSMC และ Intel

    เทคโนโลยีที่ Rapidus พัฒนาคือ “2HP” ซึ่งใช้โครงสร้างทรานซิสเตอร์แบบ Gate-All-Around (GAA) ที่มีความหนาแน่นของลอจิกสูงกว่าชิป 18A ของ Intel และเทียบเท่ากับ N2 ของ TSMC โดย IBM จะให้การสนับสนุนด้านเทคโนโลยีการบรรจุชิปและการวิจัยร่วม ขณะที่ Tenstorrent ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้าน RISC-V และ AI จะเป็นหนึ่งในลูกค้ารายแรกที่นำชิป 2nm ไปใช้ในผลิตภัณฑ์จริง

    Rapidus ยังมีแผนส่งมอบ PDK (Process Design Kit) ให้กับลูกค้าในไตรมาสแรกของปี 2026 และได้ติดตั้งเครื่องมือผลิตกว่า 200 ชุด รวมถึงเครื่อง EUV ที่โรงงานในเมือง Chitose จังหวัดฮอกไกโด ซึ่งเป็นศูนย์กลางการผลิตหลักของบริษัท

    แม้จะมีข่าวลือว่า NVIDIA กำลังพิจารณาใช้ Rapidus เป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทาน แต่ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงความพยายามของญี่ปุ่นในการกลับมาเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีชิปอีกครั้ง หลังจากเสียตำแหน่งให้กับไต้หวันและเกาหลีใต้มานานหลายปี

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Rapidus ประกาศความร่วมมือกับ IBM และ Tenstorrent เพื่อพัฒนาชิป 2nm
    เทคโนโลยี “2HP” ใช้โครงสร้าง GAA ที่มีความหนาแน่นสูงกว่าชิป 18A ของ Intel
    IBM สนับสนุนด้านการบรรจุชิปและการวิจัยร่วม
    Tenstorrent จะเป็นหนึ่งในลูกค้ารายแรกที่ใช้ชิป 2nm ในผลิตภัณฑ์ AI
    Rapidus ตั้งเป้าส่งมอบ PDK ใน Q1 ปี 2026 และผลิตจำนวนมากในปลายปี 2026
    โรงงานใน Chitose ติดตั้งเครื่องมือผลิตกว่า 200 ชุด รวมถึง EUV lithography
    Rapidus ไม่ตั้งเป้าแข่งตรงกับ TSMC แต่เน้นความคล่องตัวและความเร็วในการผลิต
    มีข่าวลือว่า NVIDIA กำลังพิจารณาใช้ Rapidus ในห่วงโซ่อุปทาน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Tenstorrent มีความเชี่ยวชาญด้าน RISC-V และ AI โดยมี Jim Keller อดีตผู้บริหาร Intel และ AMD เป็น CEO
    IBM เคยเปิดตัวชิป 2nm รุ่นต้นแบบในปี 2021 และร่วมมือกับ Rapidus ตั้งแต่ปี 2022
    GAA transistor เป็นเทคโนโลยีที่มาแทน FinFET โดยให้ประสิทธิภาพสูงและใช้พลังงานต่ำ
    Rapidus ส่งวิศวกรกว่า 150 คนไปฝึกที่สหรัฐฯ เพื่อเรียนรู้การผลิต GAA
    ญี่ปุ่นเคยเป็นผู้นำด้านเซมิคอนดักเตอร์ในยุค 1980s ก่อนจะถูกแซงโดย TSMC และ Samsung

    https://wccftech.com/japan-rapidus-secures-major-american-customers-for-its-2nm-process/
    ⚙️ “Rapidus ปลุกชีพอุตสาหกรรมชิปญี่ปุ่น — ดึง IBM และ Tenstorrent ร่วมผลิต 2nm พร้อมท้าชน TSMC และ Intel” Rapidus บริษัทผลิตเซมิคอนดักเตอร์สัญชาติญี่ปุ่นกำลังสร้างแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมชิประดับโลก ด้วยการประกาศความร่วมมือกับบริษัทอเมริกันรายใหญ่ ได้แก่ IBM และ Tenstorrent เพื่อพัฒนาและผลิตชิปขนาด 2 นาโนเมตร โดย Rapidus ตั้งเป้าจะเริ่มส่งมอบต้นแบบให้ลูกค้าในปี 2026 และเข้าสู่การผลิตจำนวนมากในช่วงปลายปี 2026 ถึงต้นปี 2027 ซึ่งเร็วกว่ากำหนดของ TSMC และ Intel เทคโนโลยีที่ Rapidus พัฒนาคือ “2HP” ซึ่งใช้โครงสร้างทรานซิสเตอร์แบบ Gate-All-Around (GAA) ที่มีความหนาแน่นของลอจิกสูงกว่าชิป 18A ของ Intel และเทียบเท่ากับ N2 ของ TSMC โดย IBM จะให้การสนับสนุนด้านเทคโนโลยีการบรรจุชิปและการวิจัยร่วม ขณะที่ Tenstorrent ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้าน RISC-V และ AI จะเป็นหนึ่งในลูกค้ารายแรกที่นำชิป 2nm ไปใช้ในผลิตภัณฑ์จริง Rapidus ยังมีแผนส่งมอบ PDK (Process Design Kit) ให้กับลูกค้าในไตรมาสแรกของปี 2026 และได้ติดตั้งเครื่องมือผลิตกว่า 200 ชุด รวมถึงเครื่อง EUV ที่โรงงานในเมือง Chitose จังหวัดฮอกไกโด ซึ่งเป็นศูนย์กลางการผลิตหลักของบริษัท แม้จะมีข่าวลือว่า NVIDIA กำลังพิจารณาใช้ Rapidus เป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทาน แต่ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงความพยายามของญี่ปุ่นในการกลับมาเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีชิปอีกครั้ง หลังจากเสียตำแหน่งให้กับไต้หวันและเกาหลีใต้มานานหลายปี ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Rapidus ประกาศความร่วมมือกับ IBM และ Tenstorrent เพื่อพัฒนาชิป 2nm ➡️ เทคโนโลยี “2HP” ใช้โครงสร้าง GAA ที่มีความหนาแน่นสูงกว่าชิป 18A ของ Intel ➡️ IBM สนับสนุนด้านการบรรจุชิปและการวิจัยร่วม ➡️ Tenstorrent จะเป็นหนึ่งในลูกค้ารายแรกที่ใช้ชิป 2nm ในผลิตภัณฑ์ AI ➡️ Rapidus ตั้งเป้าส่งมอบ PDK ใน Q1 ปี 2026 และผลิตจำนวนมากในปลายปี 2026 ➡️ โรงงานใน Chitose ติดตั้งเครื่องมือผลิตกว่า 200 ชุด รวมถึง EUV lithography ➡️ Rapidus ไม่ตั้งเป้าแข่งตรงกับ TSMC แต่เน้นความคล่องตัวและความเร็วในการผลิต ➡️ มีข่าวลือว่า NVIDIA กำลังพิจารณาใช้ Rapidus ในห่วงโซ่อุปทาน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Tenstorrent มีความเชี่ยวชาญด้าน RISC-V และ AI โดยมี Jim Keller อดีตผู้บริหาร Intel และ AMD เป็น CEO ➡️ IBM เคยเปิดตัวชิป 2nm รุ่นต้นแบบในปี 2021 และร่วมมือกับ Rapidus ตั้งแต่ปี 2022 ➡️ GAA transistor เป็นเทคโนโลยีที่มาแทน FinFET โดยให้ประสิทธิภาพสูงและใช้พลังงานต่ำ ➡️ Rapidus ส่งวิศวกรกว่า 150 คนไปฝึกที่สหรัฐฯ เพื่อเรียนรู้การผลิต GAA ➡️ ญี่ปุ่นเคยเป็นผู้นำด้านเซมิคอนดักเตอร์ในยุค 1980s ก่อนจะถูกแซงโดย TSMC และ Samsung https://wccftech.com/japan-rapidus-secures-major-american-customers-for-its-2nm-process/
    WCCFTECH.COM
    Japan’s Rapidus Secures ‘Major’ American Customers for Its 2nm Process, Ramping Up the Race Against TSMC and Intel
    Rapidus has stepped up the race in the 2nm segment, as the Japanese chip firm announces support from major American customers.
    0 Comments 0 Shares 378 Views 0 Reviews
  • “Stan Lee กลับมาอีกครั้งในรูปแบบ AI Hologram — เทคโนโลยีปลุกตำนานสู่ชีวิตใหม่ที่ L.A. Comic Con”

    ในงาน L.A. Comic Con ปี 2025 ที่จัดขึ้น ณ Los Angeles Convention Center ผู้เข้าร่วมงานได้สัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษกับ “Stan Lee Experience” — การปรากฏตัวของ Stan Lee ผู้สร้างฮีโร่ระดับตำนานอย่าง Spider-Man, Iron Man, Hulk และ Thor ในรูปแบบ AI hologram ที่สามารถพูดคุยและตอบคำถามแฟน ๆ ได้แบบเรียลไทม์

    แม้ Stan Lee จะเสียชีวิตไปในปี 2018 ด้วยวัย 95 ปี แต่ด้วยความร่วมมือระหว่าง Proto Hologram และ Hyperreal ทีมงานสามารถสร้าง “Holo Stan” ขึ้นมาโดยใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์และภาพจากการปรากฏตัวของเขาในงานต่าง ๆ ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา เพื่อให้คำพูดและบุคลิกของเขายังคง “เป็นตัวเขา” อย่างแท้จริง

    ผู้เข้าร่วมงานสามารถเข้าไปในบูธขนาด 1,500 ตารางฟุตเพื่อพูดคุยกับ Holo Stan ได้โดยตรง เช่น ถามว่า “คุณคิดอย่างไรกับ X-Men ที่เชื่อมโยงกับขบวนการสิทธิพลเมือง?” หรือ “ถ้าเลือกฮีโร่หนึ่งคนมาช่วยโลกวันนี้ คุณจะเลือกใคร?” ซึ่งคำตอบของเขาคือ Spider-Man พร้อมคำพูดที่อบอุ่นว่า “ฮีโร่ที่แท้จริงคือพวกคุณ — แฟน ๆ ที่ทำให้เรื่องราวเหล่านี้ยังมีชีวิตอยู่”

    แม้หลายคนจะรู้สึกตื่นเต้นกับการได้พบ Stan Lee อีกครั้งในรูปแบบใหม่ แต่ก็มีเสียงวิจารณ์จากบางกลุ่มที่มองว่าเป็นการ “ไม่ให้เขาได้พักผ่อน” และตั้งคำถามถึงขอบเขตของการใช้ AI กับบุคคลที่ล่วงลับไปแล้ว

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Stan Lee ปรากฏตัวในรูปแบบ AI hologram ที่ L.A. Comic Con ปี 2025
    ใช้เทคโนโลยีจาก Proto Hologram และ Hyperreal ในการสร้าง “Holo Stan”
    Hologram ถูกฝึกจากภาพและเสียงของ Stan Lee ตลอดชีวิตการทำงาน
    ผู้เข้าร่วมสามารถพูดคุยกับ Holo Stan ได้แบบเรียลไทม์ในบูธขนาด 1,500 ตารางฟุต
    คำพูดของ Holo Stan ถูกควบคุมให้ไม่ออกนอกบริบทจากสิ่งที่ Stan เคยพูดจริง
    โครงการนี้ได้รับการอนุมัติจาก Stan Lee Universe และอดีตผู้บริหาร Marvel
    Holo Stan กล่าวถึงความรักที่มีต่อแฟน ๆ และความหวังในโลกผ่านฮีโร่
    มีการใช้เทคโนโลยี “guardrails” เพื่อป้องกันไม่ให้ AI พูดสิ่งที่ไม่เหมาะสม
    ผู้ชมสามารถถ่ายภาพและพูดคุยกับ Holo Stan ได้เหมือนพบตัวจริง

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Proto Hologram เคยใช้เทคโนโลยีนี้โปรโมตภาพยนตร์ เช่น The Conjuring และ Minecraft Movie
    Hyperreal เป็นบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านการสร้าง digital humans ด้วย AI
    Stan Lee เคยปรากฏตัวในภาพยนตร์ Marvel ทุกเรื่องก่อนเสียชีวิต
    การใช้ AI hologram เริ่มแพร่หลายในวงการบันเทิง เช่น Elvis, Whitney Houston และ ABBA
    การสร้าง “digital legacy” กำลังกลายเป็นเทรนด์ใหม่ในการอนุรักษ์บุคคลสำคัญ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/27/ai-hologram-of-spider-man-creator-stan-lee-debuts-at-la-comic-con
    🕹️ “Stan Lee กลับมาอีกครั้งในรูปแบบ AI Hologram — เทคโนโลยีปลุกตำนานสู่ชีวิตใหม่ที่ L.A. Comic Con” ในงาน L.A. Comic Con ปี 2025 ที่จัดขึ้น ณ Los Angeles Convention Center ผู้เข้าร่วมงานได้สัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษกับ “Stan Lee Experience” — การปรากฏตัวของ Stan Lee ผู้สร้างฮีโร่ระดับตำนานอย่าง Spider-Man, Iron Man, Hulk และ Thor ในรูปแบบ AI hologram ที่สามารถพูดคุยและตอบคำถามแฟน ๆ ได้แบบเรียลไทม์ แม้ Stan Lee จะเสียชีวิตไปในปี 2018 ด้วยวัย 95 ปี แต่ด้วยความร่วมมือระหว่าง Proto Hologram และ Hyperreal ทีมงานสามารถสร้าง “Holo Stan” ขึ้นมาโดยใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์และภาพจากการปรากฏตัวของเขาในงานต่าง ๆ ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา เพื่อให้คำพูดและบุคลิกของเขายังคง “เป็นตัวเขา” อย่างแท้จริง ผู้เข้าร่วมงานสามารถเข้าไปในบูธขนาด 1,500 ตารางฟุตเพื่อพูดคุยกับ Holo Stan ได้โดยตรง เช่น ถามว่า “คุณคิดอย่างไรกับ X-Men ที่เชื่อมโยงกับขบวนการสิทธิพลเมือง?” หรือ “ถ้าเลือกฮีโร่หนึ่งคนมาช่วยโลกวันนี้ คุณจะเลือกใคร?” ซึ่งคำตอบของเขาคือ Spider-Man พร้อมคำพูดที่อบอุ่นว่า “ฮีโร่ที่แท้จริงคือพวกคุณ — แฟน ๆ ที่ทำให้เรื่องราวเหล่านี้ยังมีชีวิตอยู่” แม้หลายคนจะรู้สึกตื่นเต้นกับการได้พบ Stan Lee อีกครั้งในรูปแบบใหม่ แต่ก็มีเสียงวิจารณ์จากบางกลุ่มที่มองว่าเป็นการ “ไม่ให้เขาได้พักผ่อน” และตั้งคำถามถึงขอบเขตของการใช้ AI กับบุคคลที่ล่วงลับไปแล้ว ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Stan Lee ปรากฏตัวในรูปแบบ AI hologram ที่ L.A. Comic Con ปี 2025 ➡️ ใช้เทคโนโลยีจาก Proto Hologram และ Hyperreal ในการสร้าง “Holo Stan” ➡️ Hologram ถูกฝึกจากภาพและเสียงของ Stan Lee ตลอดชีวิตการทำงาน ➡️ ผู้เข้าร่วมสามารถพูดคุยกับ Holo Stan ได้แบบเรียลไทม์ในบูธขนาด 1,500 ตารางฟุต ➡️ คำพูดของ Holo Stan ถูกควบคุมให้ไม่ออกนอกบริบทจากสิ่งที่ Stan เคยพูดจริง ➡️ โครงการนี้ได้รับการอนุมัติจาก Stan Lee Universe และอดีตผู้บริหาร Marvel ➡️ Holo Stan กล่าวถึงความรักที่มีต่อแฟน ๆ และความหวังในโลกผ่านฮีโร่ ➡️ มีการใช้เทคโนโลยี “guardrails” เพื่อป้องกันไม่ให้ AI พูดสิ่งที่ไม่เหมาะสม ➡️ ผู้ชมสามารถถ่ายภาพและพูดคุยกับ Holo Stan ได้เหมือนพบตัวจริง ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Proto Hologram เคยใช้เทคโนโลยีนี้โปรโมตภาพยนตร์ เช่น The Conjuring และ Minecraft Movie ➡️ Hyperreal เป็นบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านการสร้าง digital humans ด้วย AI ➡️ Stan Lee เคยปรากฏตัวในภาพยนตร์ Marvel ทุกเรื่องก่อนเสียชีวิต ➡️ การใช้ AI hologram เริ่มแพร่หลายในวงการบันเทิง เช่น Elvis, Whitney Houston และ ABBA ➡️ การสร้าง “digital legacy” กำลังกลายเป็นเทรนด์ใหม่ในการอนุรักษ์บุคคลสำคัญ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/27/ai-hologram-of-spider-man-creator-stan-lee-debuts-at-la-comic-con
    WWW.THESTAR.COM.MY
    AI hologram of Spider-Man creator Stan Lee debuts at L.A. Comic Con
    LOS ANGELES (Reuters) -Wearing a green sweater and tan pants against a bright blue screen, Marvel comic book superhero creator Stan Lee will return to L.A. Comic Con in holographic form to meet fans of his characters including Spider-Man, Hulk, Iron Man and Thor.
    0 Comments 0 Shares 407 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจาก Nehalem ถึง Nova Lake: เมื่อผู้นำด้านสถาปัตยกรรมของ Xeon ตัดสินใจเดินออกจาก Intel

    Ronak Singhal ซึ่งอยู่กับ Intel มานานถึง 28 ปี และเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการออกแบบ CPU ระดับตำนานอย่าง Nehalem, Haswell และ Broadwell ได้ลาออกจากตำแหน่ง Chief Architect ของ Xeon หลังจากรับตำแหน่งได้เพียง 8 เดือน โดยเขาเป็นคนที่สองที่รับตำแหน่งนี้ต่อจาก Sailesh Kottapalli ซึ่งก็ลาออกไปก่อนหน้านี้เพื่อร่วมทีมเซิร์ฟเวอร์ของ Qualcomm

    การลาออกของ Singhal เกิดขึ้นในช่วงที่ Intel กำลังปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ โดย CEO คนใหม่ Lip-Bu Tan ได้แต่งตั้ง Kevork Kechichian อดีตผู้บริหารจาก Arm ให้เป็นหัวหน้ากลุ่ม Data Center Group (DCG) เพื่อเร่งการเปลี่ยนแปลงและเน้นการพัฒนา CPU เป็นแกนหลักของธุรกิจศูนย์ข้อมูล

    Singhal เคยดูแลทั้งแผนกลยุทธ์ Xeon, การออกแบบแพลตฟอร์ม, ระบบหน่วยความจำ, ความปลอดภัย และการเร่ง AI ซึ่งถือว่าเป็นบทบาทที่ครอบคลุมมากกว่าการออกแบบชิปทั่วไป และเขายังถือสิทธิบัตรกว่า 30 ฉบับเกี่ยวกับสถาปัตยกรรม CPU

    การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงแรงสั่นสะเทือนในทีม Data Center ของ Intel ที่มีการเปลี่ยนตัวผู้บริหารหลายคนในเวลาไม่ถึงปี เช่น Justin Hotard ที่ลาออกไปเป็น CEO ของ Nokia และ Sandra Rivera ที่ย้ายไปเป็น CEO ของ Altera ซึ่งถูกแยกออกจาก Intel ในปี 2024

    การลาออกของ Ronak Singhal
    ลาออกหลังรับตำแหน่ง Chief Architect ของ Xeon ได้เพียง 8 เดือน
    เป็นผู้นำด้านสถาปัตยกรรมที่อยู่กับ Intel มานาน 28 ปี
    เคยดูแล Nehalem, Haswell, Broadwell และระบบ AI acceleration

    การปรับโครงสร้างองค์กรของ Intel
    CEO Lip-Bu Tan เร่งปรับโครงสร้างเพื่อเน้น CPU เป็นแกนหลัก
    แต่งตั้ง Kevork Kechichian จาก Arm เป็นหัวหน้า DCG
    ย้ายทีม accelerator ไปอยู่ภายใต้การดูแลของ Sachin Katti

    การเปลี่ยนแปลงในทีม Data Center
    Sailesh Kottapalli ลาออกไปอยู่กับ Qualcomm
    Justin Hotard ลาออกไปเป็น CEO ของ Nokia
    Sandra Rivera ย้ายไปเป็น CEO ของ Altera ที่ถูก spin-off

    บทบาทของ Singhal ที่มีผลต่อ Intel
    ดูแลกลยุทธ์ Xeon และการออกแบบแพลตฟอร์มระดับองค์กร
    มีสิทธิบัตรกว่า 30 ฉบับเกี่ยวกับ CPU architecture
    เป็นสถาปนิกที่ครอบคลุมทั้งด้าน core, memory, security และ AI

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intel-xeon-chief-architect-leaves-just-8-months-after-appointment-ronak-singhal-latest-departure-in-ongoing-shakeup
    🎙️ เรื่องเล่าจาก Nehalem ถึง Nova Lake: เมื่อผู้นำด้านสถาปัตยกรรมของ Xeon ตัดสินใจเดินออกจาก Intel Ronak Singhal ซึ่งอยู่กับ Intel มานานถึง 28 ปี และเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการออกแบบ CPU ระดับตำนานอย่าง Nehalem, Haswell และ Broadwell ได้ลาออกจากตำแหน่ง Chief Architect ของ Xeon หลังจากรับตำแหน่งได้เพียง 8 เดือน โดยเขาเป็นคนที่สองที่รับตำแหน่งนี้ต่อจาก Sailesh Kottapalli ซึ่งก็ลาออกไปก่อนหน้านี้เพื่อร่วมทีมเซิร์ฟเวอร์ของ Qualcomm การลาออกของ Singhal เกิดขึ้นในช่วงที่ Intel กำลังปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ โดย CEO คนใหม่ Lip-Bu Tan ได้แต่งตั้ง Kevork Kechichian อดีตผู้บริหารจาก Arm ให้เป็นหัวหน้ากลุ่ม Data Center Group (DCG) เพื่อเร่งการเปลี่ยนแปลงและเน้นการพัฒนา CPU เป็นแกนหลักของธุรกิจศูนย์ข้อมูล Singhal เคยดูแลทั้งแผนกลยุทธ์ Xeon, การออกแบบแพลตฟอร์ม, ระบบหน่วยความจำ, ความปลอดภัย และการเร่ง AI ซึ่งถือว่าเป็นบทบาทที่ครอบคลุมมากกว่าการออกแบบชิปทั่วไป และเขายังถือสิทธิบัตรกว่า 30 ฉบับเกี่ยวกับสถาปัตยกรรม CPU การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงแรงสั่นสะเทือนในทีม Data Center ของ Intel ที่มีการเปลี่ยนตัวผู้บริหารหลายคนในเวลาไม่ถึงปี เช่น Justin Hotard ที่ลาออกไปเป็น CEO ของ Nokia และ Sandra Rivera ที่ย้ายไปเป็น CEO ของ Altera ซึ่งถูกแยกออกจาก Intel ในปี 2024 ✅ การลาออกของ Ronak Singhal ➡️ ลาออกหลังรับตำแหน่ง Chief Architect ของ Xeon ได้เพียง 8 เดือน ➡️ เป็นผู้นำด้านสถาปัตยกรรมที่อยู่กับ Intel มานาน 28 ปี ➡️ เคยดูแล Nehalem, Haswell, Broadwell และระบบ AI acceleration ✅ การปรับโครงสร้างองค์กรของ Intel ➡️ CEO Lip-Bu Tan เร่งปรับโครงสร้างเพื่อเน้น CPU เป็นแกนหลัก ➡️ แต่งตั้ง Kevork Kechichian จาก Arm เป็นหัวหน้า DCG ➡️ ย้ายทีม accelerator ไปอยู่ภายใต้การดูแลของ Sachin Katti ✅ การเปลี่ยนแปลงในทีม Data Center ➡️ Sailesh Kottapalli ลาออกไปอยู่กับ Qualcomm ➡️ Justin Hotard ลาออกไปเป็น CEO ของ Nokia ➡️ Sandra Rivera ย้ายไปเป็น CEO ของ Altera ที่ถูก spin-off ✅ บทบาทของ Singhal ที่มีผลต่อ Intel ➡️ ดูแลกลยุทธ์ Xeon และการออกแบบแพลตฟอร์มระดับองค์กร ➡️ มีสิทธิบัตรกว่า 30 ฉบับเกี่ยวกับ CPU architecture ➡️ เป็นสถาปนิกที่ครอบคลุมทั้งด้าน core, memory, security และ AI https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intel-xeon-chief-architect-leaves-just-8-months-after-appointment-ronak-singhal-latest-departure-in-ongoing-shakeup
    0 Comments 0 Shares 291 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจาก xAI: เมื่อบริษัทที่วิ่งเร็วที่สุดในวงการ AI ต้องหยุดชั่วคราวเพื่อจัดระเบียบภายใน

    Mike Liberatore อดีตผู้บริหารจาก Airbnb เข้ารับตำแหน่ง CFO ของ xAI ในเดือนเมษายน 2025 และลาออกในปลายเดือนกรกฎาคม หลังจากอยู่ในตำแหน่งเพียง 4 เดือน โดยไม่มีการเปิดเผยเหตุผลอย่างเป็นทางการจากบริษัท2 แต่การลาออกของเขาไม่ได้เกิดขึ้นโดดเดี่ยว—เพราะก่อนหน้านั้นไม่นาน ผู้ร่วมก่อตั้ง Igor Babuschkin ก็ประกาศลาออกเพื่อไปตั้งบริษัทด้าน AI safety ของตัวเอง และตามมาด้วยการลาออกของที่ปรึกษากฎหมายระดับสูงอีกสองคน รวมถึง CEO ของแพลตฟอร์ม X ที่ถูกควบรวมเข้ากับ xAI

    Liberatore มีบทบาทสำคัญในการระดมทุนกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์ ทั้งในรูปแบบหนี้และหุ้น เพื่อสนับสนุนการสร้าง data center และการพัฒนา Grok ซึ่งเป็นโมเดล AI ที่ Musk ตั้งใจใช้เป็นทางเลือกที่ “ปลอด censorship” ต่อ OpenAI และ Google

    อย่างไรก็ตาม Grok เองก็เผชิญกับปัญหาหนัก—ตั้งแต่การถูกเจาะระบบภายใน 48 ชั่วโมงหลังเปิดตัว ไปจนถึงการสร้างเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม เช่น การยกย่องเผด็จการ หรือการสร้าง deepfake ที่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ซึ่งทำให้เกิดคำถามว่า xAI กำลังเร่งพัฒนาเร็วเกินไปโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยและความมั่นคงของระบบ

    การลาออกของ Mike Liberatore
    เข้ารับตำแหน่ง CFO ในเดือนเมษายน 2025 และลาออกปลายกรกฎาคม
    ไม่มีการเปิดเผยเหตุผลอย่างเป็นทางการจาก xAI
    มีบทบาทสำคัญในการระดมทุนกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์เพื่อพัฒนา Grok และ data center

    ลำดับการลาออกของผู้บริหาร
    ผู้ร่วมก่อตั้ง Igor Babuschkin ลาออกเพื่อก่อตั้งบริษัทด้าน AI safety
    ที่ปรึกษากฎหมาย Robert Keele และ Raghu Rao ลาออกในเดือนสิงหาคม
    Linda Yaccarino CEO ของ X ลาออกหลังจากแพลตฟอร์มถูกควบรวมกับ xAI

    ปัญหาของ Grok และผลกระทบต่อองค์กร
    Grok ถูกเจาะระบบภายใน 48 ชั่วโมงหลังเปิดตัว
    สร้างเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม เช่น การยกย่องเผด็จการและ deepfake ละเมิดสิทธิ
    เกิดคำถามเรื่องความปลอดภัยและการควบคุมโมเดล AI

    บริบทการแข่งขันในวงการ AI
    xAI แข่งขันกับ OpenAI, Google และ Anthropic ที่ลงทุนมหาศาลในระบบ AI
    Musk ตั้งใจใช้ Grok เป็นทางเลือกที่ “ปลอด censorship”
    การลาออกของผู้บริหารอาจสะท้อนถึงแรงกดดันภายในองค์กร

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/04/xai039s-finance-chief-steps-down-wsj-reports
    🎙️ เรื่องเล่าจาก xAI: เมื่อบริษัทที่วิ่งเร็วที่สุดในวงการ AI ต้องหยุดชั่วคราวเพื่อจัดระเบียบภายใน Mike Liberatore อดีตผู้บริหารจาก Airbnb เข้ารับตำแหน่ง CFO ของ xAI ในเดือนเมษายน 2025 และลาออกในปลายเดือนกรกฎาคม หลังจากอยู่ในตำแหน่งเพียง 4 เดือน โดยไม่มีการเปิดเผยเหตุผลอย่างเป็นทางการจากบริษัท2 แต่การลาออกของเขาไม่ได้เกิดขึ้นโดดเดี่ยว—เพราะก่อนหน้านั้นไม่นาน ผู้ร่วมก่อตั้ง Igor Babuschkin ก็ประกาศลาออกเพื่อไปตั้งบริษัทด้าน AI safety ของตัวเอง และตามมาด้วยการลาออกของที่ปรึกษากฎหมายระดับสูงอีกสองคน รวมถึง CEO ของแพลตฟอร์ม X ที่ถูกควบรวมเข้ากับ xAI Liberatore มีบทบาทสำคัญในการระดมทุนกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์ ทั้งในรูปแบบหนี้และหุ้น เพื่อสนับสนุนการสร้าง data center และการพัฒนา Grok ซึ่งเป็นโมเดล AI ที่ Musk ตั้งใจใช้เป็นทางเลือกที่ “ปลอด censorship” ต่อ OpenAI และ Google อย่างไรก็ตาม Grok เองก็เผชิญกับปัญหาหนัก—ตั้งแต่การถูกเจาะระบบภายใน 48 ชั่วโมงหลังเปิดตัว ไปจนถึงการสร้างเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม เช่น การยกย่องเผด็จการ หรือการสร้าง deepfake ที่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ซึ่งทำให้เกิดคำถามว่า xAI กำลังเร่งพัฒนาเร็วเกินไปโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยและความมั่นคงของระบบ ✅ การลาออกของ Mike Liberatore ➡️ เข้ารับตำแหน่ง CFO ในเดือนเมษายน 2025 และลาออกปลายกรกฎาคม ➡️ ไม่มีการเปิดเผยเหตุผลอย่างเป็นทางการจาก xAI ➡️ มีบทบาทสำคัญในการระดมทุนกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์เพื่อพัฒนา Grok และ data center ✅ ลำดับการลาออกของผู้บริหาร ➡️ ผู้ร่วมก่อตั้ง Igor Babuschkin ลาออกเพื่อก่อตั้งบริษัทด้าน AI safety ➡️ ที่ปรึกษากฎหมาย Robert Keele และ Raghu Rao ลาออกในเดือนสิงหาคม ➡️ Linda Yaccarino CEO ของ X ลาออกหลังจากแพลตฟอร์มถูกควบรวมกับ xAI ✅ ปัญหาของ Grok และผลกระทบต่อองค์กร ➡️ Grok ถูกเจาะระบบภายใน 48 ชั่วโมงหลังเปิดตัว ➡️ สร้างเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม เช่น การยกย่องเผด็จการและ deepfake ละเมิดสิทธิ ➡️ เกิดคำถามเรื่องความปลอดภัยและการควบคุมโมเดล AI ✅ บริบทการแข่งขันในวงการ AI ➡️ xAI แข่งขันกับ OpenAI, Google และ Anthropic ที่ลงทุนมหาศาลในระบบ AI ➡️ Musk ตั้งใจใช้ Grok เป็นทางเลือกที่ “ปลอด censorship” ➡️ การลาออกของผู้บริหารอาจสะท้อนถึงแรงกดดันภายในองค์กร https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/04/xai039s-finance-chief-steps-down-wsj-reports
    WWW.THESTAR.COM.MY
    xAI's finance chief steps down after a few months on job, WSJ reports
    (Reuters) -The finance chief of Elon Musk's xAI, Mike Liberatore, has left the artificial intelligence startup after just a few months on the job, the Wall Street Journal reported on Wednesday, citing people familiar with the matter.
    0 Comments 0 Shares 280 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากโลกนักพัฒนา: GitHub เปลี่ยนโฉมเข้าสู่ยุค AI เต็มตัว หลัง CEO ลาออก

    GitHub ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ทั่วโลก กำลังเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อ Thomas Dohmke ประกาศลาออกจากตำแหน่ง CEO หลังดำรงตำแหน่งมาเกือบ 4 ปี โดยเขาเผยว่าอยากกลับไปเป็นผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพอีกครั้ง

    การลาออกครั้งนี้ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนตัวผู้นำ แต่เป็นการเปลี่ยนโครงสร้างองค์กร GitHub ทั้งหมด โดย Microsoft จะไม่แต่งตั้ง CEO คนใหม่ แต่จะรวม GitHub เข้าเป็นส่วนหนึ่งของทีม CoreAI ซึ่งเป็นหน่วยงานใหม่ที่มุ่งเน้นการพัฒนาแพลตฟอร์ม AI สำหรับนักพัฒนาและลูกค้าทั่วโลก นำโดย Jay Parikh อดีตผู้บริหารจาก Meta

    ภายใต้การนำของ Dohmke GitHub เติบโตอย่างมหาศาล มีผู้ใช้กว่า 150 ล้านคน และมี repository มากกว่า 1 พันล้านแห่ง โดยเฉพาะ GitHub Copilot ซึ่งเป็นผู้ช่วยเขียนโค้ดด้วย AI ที่มีผู้ใช้กว่า 20 ล้านคน และเพิ่งเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ “Spark” ที่สามารถสร้างแอปพลิเคชันทั้งระบบจากข้อความเดียว

    แม้การรวม GitHub เข้ากับ CoreAI จะดูเป็นการผลักดันนวัตกรรม แต่ก็มีคำถามตามมาว่า GitHub จะยังคงรักษาความเป็นกลางและเปิดกว้างสำหรับนักพัฒนาทั่วโลกได้หรือไม่ เมื่อไม่มีผู้นำเฉพาะของตัวเองอีกต่อไป

    Thomas Dohmke ลาออกจากตำแหน่ง CEO ของ GitHub
    เพื่อกลับไปเป็นผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพอีกครั้ง

    GitHub จะถูกรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของทีม CoreAI ของ Microsoft
    โดยไม่มีการแต่งตั้ง CEO คนใหม่

    ทีม CoreAI นำโดย Jay Parikh อดีตผู้บริหารจาก Meta
    มุ่งเน้นการสร้างแพลตฟอร์ม AI สำหรับนักพัฒนาและลูกค้า

    GitHub Copilot มีผู้ใช้กว่า 20 ล้านคน และเป็นหัวใจของยุทธศาสตร์ AI
    มีฟีเจอร์ใหม่ เช่น Copilot Chat, Voice และ Spark

    GitHub เติบโตอย่างมากในยุคของ Dohmke
    มีผู้ใช้กว่า 150 ล้านคน และ repository มากกว่า 1 พันล้านแห่ง

    Dohmke จะอยู่ช่วยดูแลการเปลี่ยนผ่านจนถึงสิ้นปี 2025
    เพื่อให้การรวมองค์กรเป็นไปอย่างราบรื่น

    GitHub เคยดำเนินงานอย่างอิสระหลังถูก Microsoft ซื้อในปี 2018
    ด้วยมูลค่า 7.5 พันล้านดอลลาร์

    GitHub Copilot เป็นหนึ่งในเครื่องมือ AI ที่เติบโตเร็วที่สุดในอุตสาหกรรม
    มีการใช้โมเดลจาก OpenAI, Google และ Anthropic

    ฟีเจอร์ Spark สามารถสร้างแอปทั้งระบบจากข้อความเดียว
    ตั้งแต่ UI, ฐานข้อมูล ไปจนถึงการ deploy บน Azure

    GitHub Actions รองรับการทำงาน CI/CD กว่า 3 พันล้านนาทีต่อเดือน
    เป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของนักพัฒนาในยุคใหม่

    https://www.theverge.com/news/757461/microsoft-github-thomas-dohmke-resignation-coreai-team-transition
    🧠💼 เรื่องเล่าจากโลกนักพัฒนา: GitHub เปลี่ยนโฉมเข้าสู่ยุค AI เต็มตัว หลัง CEO ลาออก GitHub ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ทั่วโลก กำลังเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อ Thomas Dohmke ประกาศลาออกจากตำแหน่ง CEO หลังดำรงตำแหน่งมาเกือบ 4 ปี โดยเขาเผยว่าอยากกลับไปเป็นผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพอีกครั้ง การลาออกครั้งนี้ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนตัวผู้นำ แต่เป็นการเปลี่ยนโครงสร้างองค์กร GitHub ทั้งหมด โดย Microsoft จะไม่แต่งตั้ง CEO คนใหม่ แต่จะรวม GitHub เข้าเป็นส่วนหนึ่งของทีม CoreAI ซึ่งเป็นหน่วยงานใหม่ที่มุ่งเน้นการพัฒนาแพลตฟอร์ม AI สำหรับนักพัฒนาและลูกค้าทั่วโลก นำโดย Jay Parikh อดีตผู้บริหารจาก Meta ภายใต้การนำของ Dohmke GitHub เติบโตอย่างมหาศาล มีผู้ใช้กว่า 150 ล้านคน และมี repository มากกว่า 1 พันล้านแห่ง โดยเฉพาะ GitHub Copilot ซึ่งเป็นผู้ช่วยเขียนโค้ดด้วย AI ที่มีผู้ใช้กว่า 20 ล้านคน และเพิ่งเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ “Spark” ที่สามารถสร้างแอปพลิเคชันทั้งระบบจากข้อความเดียว แม้การรวม GitHub เข้ากับ CoreAI จะดูเป็นการผลักดันนวัตกรรม แต่ก็มีคำถามตามมาว่า GitHub จะยังคงรักษาความเป็นกลางและเปิดกว้างสำหรับนักพัฒนาทั่วโลกได้หรือไม่ เมื่อไม่มีผู้นำเฉพาะของตัวเองอีกต่อไป ✅ Thomas Dohmke ลาออกจากตำแหน่ง CEO ของ GitHub ➡️ เพื่อกลับไปเป็นผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพอีกครั้ง ✅ GitHub จะถูกรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของทีม CoreAI ของ Microsoft ➡️ โดยไม่มีการแต่งตั้ง CEO คนใหม่ ✅ ทีม CoreAI นำโดย Jay Parikh อดีตผู้บริหารจาก Meta ➡️ มุ่งเน้นการสร้างแพลตฟอร์ม AI สำหรับนักพัฒนาและลูกค้า ✅ GitHub Copilot มีผู้ใช้กว่า 20 ล้านคน และเป็นหัวใจของยุทธศาสตร์ AI ➡️ มีฟีเจอร์ใหม่ เช่น Copilot Chat, Voice และ Spark ✅ GitHub เติบโตอย่างมากในยุคของ Dohmke ➡️ มีผู้ใช้กว่า 150 ล้านคน และ repository มากกว่า 1 พันล้านแห่ง ✅ Dohmke จะอยู่ช่วยดูแลการเปลี่ยนผ่านจนถึงสิ้นปี 2025 ➡️ เพื่อให้การรวมองค์กรเป็นไปอย่างราบรื่น ✅ GitHub เคยดำเนินงานอย่างอิสระหลังถูก Microsoft ซื้อในปี 2018 ➡️ ด้วยมูลค่า 7.5 พันล้านดอลลาร์ ✅ GitHub Copilot เป็นหนึ่งในเครื่องมือ AI ที่เติบโตเร็วที่สุดในอุตสาหกรรม ➡️ มีการใช้โมเดลจาก OpenAI, Google และ Anthropic ✅ ฟีเจอร์ Spark สามารถสร้างแอปทั้งระบบจากข้อความเดียว ➡️ ตั้งแต่ UI, ฐานข้อมูล ไปจนถึงการ deploy บน Azure ✅ GitHub Actions รองรับการทำงาน CI/CD กว่า 3 พันล้านนาทีต่อเดือน ➡️ เป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของนักพัฒนาในยุคใหม่ https://www.theverge.com/news/757461/microsoft-github-thomas-dohmke-resignation-coreai-team-transition
    WWW.THEVERGE.COM
    GitHub just got less independent at Microsoft after CEO resignation
    GitHub will be part of Microsoft’s AI engineering team
    0 Comments 0 Shares 317 Views 0 Reviews
  • ท่ามกลางคลื่น AI ที่ไหลแรงแบบไม่หยุด Siemens ไม่ยอมน้อยหน้าใคร ล่าสุดประกาศแต่งตั้ง Vasi Philomin — อดีตรองประธาน AI แห่ง Amazon มาเป็น “หัวหน้าฝ่ายข้อมูลและปัญญาประดิษฐ์” (Head of Data and AI)

    คนนี้ไม่ธรรมดาเลยครับ เขาคือผู้อยู่เบื้องหลังบริการ ML ระดับใหญ่ เช่น Amazon Lex, Amazon Transcribe, และแพลตฟอร์ม AI-as-a-Service ของ AWS มานานหลายปี

    Siemens ต้องการใช้ AI เพื่อพัฒนา “AI Copilot” สำหรับอุตสาหกรรม เช่น การผลิต, ขนส่ง, ไปจนถึงการแพทย์ — โดยมีเป้าหมายคือให้ AI มาช่วยพนักงาน “ร่วมออกแบบสินค้า, วางแผนการผลิต, และดูแลบำรุงรักษา” ได้ทันที

    Philomin จะรายงานตรงต่อ Peter Koerte (CTO และ Chief Strategy Officer ของ Siemens) ซึ่งหมายความว่าบทบาทนี้อยู่ในระดับแนวหน้าของการขับเคลื่อนองค์กร

    Siemens แต่งตั้ง Vasi Philomin อดีตผู้บริหารสาย AI จาก Amazon เป็นหัวหน้าฝ่าย Data & AI  
    • เน้นพัฒนาโซลูชัน AI เชิงอุตสาหกรรม เช่น AI Copilot  
    • รายงานตรงต่อผู้บริหารระดับสูง Peter Koerte

    Philomin มีประสบการณ์สร้าง AI ขนาดใหญ่ที่ Amazon AWS เช่น Lex, Transcribe, Comprehend  
    • เชี่ยวชาญด้าน Machine Learning และ AI เชิงพาณิชย์

    Siemens มองว่า AI คือเสาหลักร่วมกับซอฟต์แวร์อุตสาหกรรม (Industrial Software)  
    • ต้องการเร่ง digital transformation ระดับองค์กร

    เคยประกาศความร่วมมือกับ Microsoft ตั้งแต่ปี 2023  
    • สร้าง “AI Copilot” เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานร่วมมนุษย์ในสายการผลิต, โลจิสติกส์ และสุขภาพ

    เป้าหมายคือการให้ AI เข้ามาช่วยพนักงานบริษัทลูกค้าออกแบบสินค้า–วางแผน–บำรุงรักษาได้อัตโนมัติ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/30/siemens-recruits-artificial-intelligence-expert-from-amazon
    ท่ามกลางคลื่น AI ที่ไหลแรงแบบไม่หยุด Siemens ไม่ยอมน้อยหน้าใคร ล่าสุดประกาศแต่งตั้ง Vasi Philomin — อดีตรองประธาน AI แห่ง Amazon มาเป็น “หัวหน้าฝ่ายข้อมูลและปัญญาประดิษฐ์” (Head of Data and AI) คนนี้ไม่ธรรมดาเลยครับ เขาคือผู้อยู่เบื้องหลังบริการ ML ระดับใหญ่ เช่น Amazon Lex, Amazon Transcribe, และแพลตฟอร์ม AI-as-a-Service ของ AWS มานานหลายปี Siemens ต้องการใช้ AI เพื่อพัฒนา “AI Copilot” สำหรับอุตสาหกรรม เช่น การผลิต, ขนส่ง, ไปจนถึงการแพทย์ — โดยมีเป้าหมายคือให้ AI มาช่วยพนักงาน “ร่วมออกแบบสินค้า, วางแผนการผลิต, และดูแลบำรุงรักษา” ได้ทันที Philomin จะรายงานตรงต่อ Peter Koerte (CTO และ Chief Strategy Officer ของ Siemens) ซึ่งหมายความว่าบทบาทนี้อยู่ในระดับแนวหน้าของการขับเคลื่อนองค์กร ✅ Siemens แต่งตั้ง Vasi Philomin อดีตผู้บริหารสาย AI จาก Amazon เป็นหัวหน้าฝ่าย Data & AI   • เน้นพัฒนาโซลูชัน AI เชิงอุตสาหกรรม เช่น AI Copilot   • รายงานตรงต่อผู้บริหารระดับสูง Peter Koerte ✅ Philomin มีประสบการณ์สร้าง AI ขนาดใหญ่ที่ Amazon AWS เช่น Lex, Transcribe, Comprehend   • เชี่ยวชาญด้าน Machine Learning และ AI เชิงพาณิชย์ ✅ Siemens มองว่า AI คือเสาหลักร่วมกับซอฟต์แวร์อุตสาหกรรม (Industrial Software)   • ต้องการเร่ง digital transformation ระดับองค์กร ✅ เคยประกาศความร่วมมือกับ Microsoft ตั้งแต่ปี 2023   • สร้าง “AI Copilot” เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานร่วมมนุษย์ในสายการผลิต, โลจิสติกส์ และสุขภาพ ✅ เป้าหมายคือการให้ AI เข้ามาช่วยพนักงานบริษัทลูกค้าออกแบบสินค้า–วางแผน–บำรุงรักษาได้อัตโนมัติ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/30/siemens-recruits-artificial-intelligence-expert-from-amazon
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Siemens recruits artificial intelligence expert from Amazon
    ZURICH (Reuters) -Siemens has recruited Amazon executive Vasi Philomin to its new position of head of data and artificial intelligence, the German technology company said on Monday.
    0 Comments 0 Shares 283 Views 0 Reviews
  • เคยคิดไหมครับว่าสักวันหนึ่งจะมี "หุ่นยนต์แฮกเกอร์" ที่เก่งกว่าคนจริง? วันนั้นมาถึงแล้ว เพราะ Xbow คือ AI ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นแฮกเกอร์มืออาชีพโดยเฉพาะ มันสามารถ “แฮกระบบ” อย่างถูกกฎหมายผ่านการเจาะช่องโหว่ (penetration test) แบบอัตโนมัติ และรายงานเข้าระบบบั๊ก bounty ได้เร็วและแม่นยำกว่าคน

    Xbow เพิ่งขึ้นเป็น อันดับ 1 ในสหรัฐฯ บน HackerOne ซึ่งจัดอันดับจาก “จำนวนช่องโหว่ที่ค้นพบ + ความร้ายแรง” และการที่ “AI” ได้อันดับสูงสุดเป็นครั้งแรกนี้ ก็ทำให้นักลงทุนแห่ให้เงินเพิ่มอีก 75 ล้านดอลลาร์

    แต่นี่ไม่ได้เป็นแค่ความสำเร็จครับ — เพราะผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยหลายคนเริ่มตั้งคำถามว่า “เรากำลังก้าวสู่ยุคที่เครื่องจักรกำลังแฮกระบบของเครื่องจักรด้วยกันเองหรือเปล่า?” และถ้า AI ฝั่งร้ายพัฒนาเร็วเท่าฝั่งดีล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น…

    Xbow คือ AI แฮกเกอร์ที่พัฒนาโดยบริษัทชื่อเดียวกัน ก่อตั้งในปี 2024 โดยอดีตผู้บริหาร GitHub  
    • มีทีมพัฒนาเคยทำงานกับ Copilot และ Semmle (บริษัทรักษาความปลอดภัยที่ GitHub เคยซื้อ)

    Xbow ขึ้นอันดับ 1 ของ HackerOne ในสหรัฐฯ จากคะแนน reputation สูงสุด  
    • เก็บแต้มจากการพบช่องโหว่ที่มีความสำคัญมาก และรายงานสำเร็จ

    ระดมทุนเพิ่มอีก $75 ล้าน จาก Altimeter Capital, Sequoia และ NFDG  
    • เพื่อขยายระบบ AI ให้ทำงานได้ละเอียดและครอบคลุมมากขึ้น

    ทำ penetration testing แบบอัตโนมัติ – ใช้เวลาน้อยกว่า และราคาถูกกว่าทีม red team ปกติ  
    • ปกติจ้าง red team ทดสอบ 1 ครั้งเฉลี่ย $18,000 แต่ Xbow ทำได้บ่อยและต่อเนื่อง

    Xbow ค้นพบช่องโหว่ในบริษัทชื่อดัง เช่น Amazon, Disney, PayPal, Sony  
    • แต่ผู้ใช้งานเป็นองค์กรเท่านั้น ยังไม่เปิดเผยรายชื่อทั้งหมด

    ทำงานคู่กับ HackerOne ที่ให้มนุษย์รีวิวข้อผิดพลาดที่ AI พบ เพื่อกันไม่ให้เกิด “hallucination”  
    • แยกจริงปลอมก่อนส่งรายงานให้บริษัท

    ในอนาคต Xbow จะสามารถ “เสนอทางแก้ไข” ให้กับลูกค้าด้วย เช่น แก้โค้ด หรือแนะนำวิธี fix ช่องโหว่  
    • ไม่ใช่แค่หาเจอ แต่ช่วยซ่อมได้ด้วย

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/26/one-of-the-best-hackers-in-the-us-is-an-ai-bot
    เคยคิดไหมครับว่าสักวันหนึ่งจะมี "หุ่นยนต์แฮกเกอร์" ที่เก่งกว่าคนจริง? วันนั้นมาถึงแล้ว เพราะ Xbow คือ AI ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นแฮกเกอร์มืออาชีพโดยเฉพาะ มันสามารถ “แฮกระบบ” อย่างถูกกฎหมายผ่านการเจาะช่องโหว่ (penetration test) แบบอัตโนมัติ และรายงานเข้าระบบบั๊ก bounty ได้เร็วและแม่นยำกว่าคน Xbow เพิ่งขึ้นเป็น อันดับ 1 ในสหรัฐฯ บน HackerOne ซึ่งจัดอันดับจาก “จำนวนช่องโหว่ที่ค้นพบ + ความร้ายแรง” และการที่ “AI” ได้อันดับสูงสุดเป็นครั้งแรกนี้ ก็ทำให้นักลงทุนแห่ให้เงินเพิ่มอีก 75 ล้านดอลลาร์ แต่นี่ไม่ได้เป็นแค่ความสำเร็จครับ — เพราะผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยหลายคนเริ่มตั้งคำถามว่า “เรากำลังก้าวสู่ยุคที่เครื่องจักรกำลังแฮกระบบของเครื่องจักรด้วยกันเองหรือเปล่า?” และถ้า AI ฝั่งร้ายพัฒนาเร็วเท่าฝั่งดีล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น… ✅ Xbow คือ AI แฮกเกอร์ที่พัฒนาโดยบริษัทชื่อเดียวกัน ก่อตั้งในปี 2024 โดยอดีตผู้บริหาร GitHub   • มีทีมพัฒนาเคยทำงานกับ Copilot และ Semmle (บริษัทรักษาความปลอดภัยที่ GitHub เคยซื้อ) ✅ Xbow ขึ้นอันดับ 1 ของ HackerOne ในสหรัฐฯ จากคะแนน reputation สูงสุด   • เก็บแต้มจากการพบช่องโหว่ที่มีความสำคัญมาก และรายงานสำเร็จ ✅ ระดมทุนเพิ่มอีก $75 ล้าน จาก Altimeter Capital, Sequoia และ NFDG   • เพื่อขยายระบบ AI ให้ทำงานได้ละเอียดและครอบคลุมมากขึ้น ✅ ทำ penetration testing แบบอัตโนมัติ – ใช้เวลาน้อยกว่า และราคาถูกกว่าทีม red team ปกติ   • ปกติจ้าง red team ทดสอบ 1 ครั้งเฉลี่ย $18,000 แต่ Xbow ทำได้บ่อยและต่อเนื่อง ✅ Xbow ค้นพบช่องโหว่ในบริษัทชื่อดัง เช่น Amazon, Disney, PayPal, Sony   • แต่ผู้ใช้งานเป็นองค์กรเท่านั้น ยังไม่เปิดเผยรายชื่อทั้งหมด ✅ ทำงานคู่กับ HackerOne ที่ให้มนุษย์รีวิวข้อผิดพลาดที่ AI พบ เพื่อกันไม่ให้เกิด “hallucination”   • แยกจริงปลอมก่อนส่งรายงานให้บริษัท ✅ ในอนาคต Xbow จะสามารถ “เสนอทางแก้ไข” ให้กับลูกค้าด้วย เช่น แก้โค้ด หรือแนะนำวิธี fix ช่องโหว่   • ไม่ใช่แค่หาเจอ แต่ช่วยซ่อมได้ด้วย https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/26/one-of-the-best-hackers-in-the-us-is-an-ai-bot
    WWW.THESTAR.COM.MY
    One of the best hackers in the US is an AI bot
    A hacker named Xbow has topped a prestigious security industry US leaderboard that tracks who has found and reported the most vulnerabilities in software from large companies. Xbow isn't a person – it's an artificial intelligence tool developed by a company of the same name.
    0 Comments 0 Shares 350 Views 0 Reviews
  • หลายคนอาจไม่ค่อยรู้จักชื่อ Nat Friedman เท่า Elon หรือ Altman แต่เบื้องหลังเขาคือหนึ่งใน “คนสร้างแรงกระเพื่อม” แห่งโลกโอเพ่นซอร์สและนักลงทุนยุค AI-first ตัวจริง โดยเคยเป็น CEO ของ GitHub (ช่วงที่ Microsoft ซื้อมา) และหลังออกจากตำแหน่ง ก็หันมาเป็น VC เปิดกองทุนร่วมกับ Daniel Gross (อดีตผู้บริหาร Apple และผู้ร่วมก่อตั้ง Cue ที่ถูก Google ซื้อกิจการ)

    ข่าวจาก The Information และ Reuters บอกว่า Meta กำลังเจรจาทาบทามทั้งคู่มาเสริมทัพโปรเจกต์ AI ของบริษัท และอาจถึงขั้น ซื้อหุ้นบางส่วนของกองทุน NFDG ที่พวกเขาร่วมกันตั้งขึ้น เพื่อ “ดึงทรัพยากร AI ทั้งคนและเทคโนโลยี” เข้ามาอยู่ในมือ Meta

    ช่วงนี้ Meta ขยับเร็วมาก—หลังเพิ่งเทเงินกว่า 14.8 พันล้านดอลลาร์ลงทุนใน Scale AI และดึงตัวซีอีโอของ Scale อย่าง Alexandr Wang มานำแผนก “Superintelligence” ที่เพิ่งตั้งขึ้นใหม่

    เป้าหมายของ Meta คือสร้างโมเดล AI แบบโอเพ่นซอร์สที่แข่งกับ OpenAI, Google และ Anthropic ให้ได้ โดยมี Llama เป็นแกนหลัก และตอนนี้ต้องการทีมระดับ “ผู้ปั้น ecosystem” มาเสริม ไม่ใช่แค่นักวิจัย

    Nat Friedman เคยอยู่ในคณะที่ปรึกษา Meta มาก่อนด้วย ทำให้คาดว่าดีลนี้มีโอกาสเกิดขึ้นจริงสูง และน่าจะเชื่อมโยงกับทิศทาง AI ด้าน Developer Tools หรือแพลตฟอร์มโอเพ่นซอร์สของ Meta ในอนาคต

    Meta อยู่ระหว่างการเจรจากับ Nat Friedman (อดีต CEO GitHub) และ Daniel Gross ให้เข้าร่วมภารกิจ AI  
    • ทั้งสองคนเป็นผู้ร่วมก่อตั้งกองทุน NFDG ซึ่งลงทุนในสตาร์ตอัปสาย AI  
    • Meta เคยดึง Friedman เข้าเป็นที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีมาแล้วก่อนหน้านี้

    มีการพูดคุยถึงการซื้อหุ้นบางส่วนของ NFDG เพื่อควบรวมกำลังด้าน AI  
    • Meta ต้องการเชื่อมโยงแหล่งบุคลากรและบริษัท AI ที่กองทุนสนับสนุนอยู่

    การเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลัง Meta เทเงิน $14.8B ลงทุนใน Scale AI  
    • และดึง CEO ของ Scale (Alexandr Wang) มานำทีม Superintelligence Unit

    เป้าหมายระยะยาวของ Meta คือเร่งพัฒนา Open-Source AI ให้แข่งขันกับคู่แข่งอย่าง OpenAI, Google, Anthropic ได้  
    • โดยเฉพาะผ่านโมเดล Llama และแพลตฟอร์มที่เน้น Developer เป็นศูนย์กลาง

    หาก Meta ซื้อหุ้นใน NFDG จริง อาจเกิดความกังวลเรื่อง “การผูกขาดบุคลากร AI”  
    • Meta อาจเข้าถึง startup และนักพัฒนา AI รุ่นใหม่ก่อนใครในตลาด  
    • ส่งผลต่อความเป็นอิสระของระบบนิเวศโอเพ่นซอร์ส

    แผน “เร่งเกม AI” ของ Meta ยังไม่มีโมเดลที่ใช้งานเชิงพาณิชย์เทียบเท่า GPT-4 หรือ Claude 3  
    • แม้จะเปิดตัว Llama และชุด weights ฟรี แต่ยังเน้นด้านนักพัฒนา มากกว่าผู้ใช้งานทั่วไป

    การจ้างบุคคลระดับสูงจำนวนมากในระยะสั้น อาจส่งผลกระทบต่อความสอดคล้องของวิสัยทัศน์องค์กร  
    • โดยเฉพาะหากมีหลายทีมที่พัฒนา AI ไปคนละทิศ

    ตลาด AI มีการแข่งขันสูง และเคลื่อนไหวเร็ว—อาจทำให้ Meta ต้องทบทวนแผนลงทุนและโครงสร้างบ่อยครั้ง  
    • ส่งผลต่อเสถียรภาพของแพลตฟอร์มและเครื่องมือสำหรับนักพัฒนา

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/19/meta-in-talks-to-hire-former-github-ceo-nat-friedman-to-join-ai-efforts-the-information-reports
    หลายคนอาจไม่ค่อยรู้จักชื่อ Nat Friedman เท่า Elon หรือ Altman แต่เบื้องหลังเขาคือหนึ่งใน “คนสร้างแรงกระเพื่อม” แห่งโลกโอเพ่นซอร์สและนักลงทุนยุค AI-first ตัวจริง โดยเคยเป็น CEO ของ GitHub (ช่วงที่ Microsoft ซื้อมา) และหลังออกจากตำแหน่ง ก็หันมาเป็น VC เปิดกองทุนร่วมกับ Daniel Gross (อดีตผู้บริหาร Apple และผู้ร่วมก่อตั้ง Cue ที่ถูก Google ซื้อกิจการ) ข่าวจาก The Information และ Reuters บอกว่า Meta กำลังเจรจาทาบทามทั้งคู่มาเสริมทัพโปรเจกต์ AI ของบริษัท และอาจถึงขั้น ซื้อหุ้นบางส่วนของกองทุน NFDG ที่พวกเขาร่วมกันตั้งขึ้น เพื่อ “ดึงทรัพยากร AI ทั้งคนและเทคโนโลยี” เข้ามาอยู่ในมือ Meta ช่วงนี้ Meta ขยับเร็วมาก—หลังเพิ่งเทเงินกว่า 14.8 พันล้านดอลลาร์ลงทุนใน Scale AI และดึงตัวซีอีโอของ Scale อย่าง Alexandr Wang มานำแผนก “Superintelligence” ที่เพิ่งตั้งขึ้นใหม่ เป้าหมายของ Meta คือสร้างโมเดล AI แบบโอเพ่นซอร์สที่แข่งกับ OpenAI, Google และ Anthropic ให้ได้ โดยมี Llama เป็นแกนหลัก และตอนนี้ต้องการทีมระดับ “ผู้ปั้น ecosystem” มาเสริม ไม่ใช่แค่นักวิจัย Nat Friedman เคยอยู่ในคณะที่ปรึกษา Meta มาก่อนด้วย ทำให้คาดว่าดีลนี้มีโอกาสเกิดขึ้นจริงสูง และน่าจะเชื่อมโยงกับทิศทาง AI ด้าน Developer Tools หรือแพลตฟอร์มโอเพ่นซอร์สของ Meta ในอนาคต ✅ Meta อยู่ระหว่างการเจรจากับ Nat Friedman (อดีต CEO GitHub) และ Daniel Gross ให้เข้าร่วมภารกิจ AI   • ทั้งสองคนเป็นผู้ร่วมก่อตั้งกองทุน NFDG ซึ่งลงทุนในสตาร์ตอัปสาย AI   • Meta เคยดึง Friedman เข้าเป็นที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีมาแล้วก่อนหน้านี้ ✅ มีการพูดคุยถึงการซื้อหุ้นบางส่วนของ NFDG เพื่อควบรวมกำลังด้าน AI   • Meta ต้องการเชื่อมโยงแหล่งบุคลากรและบริษัท AI ที่กองทุนสนับสนุนอยู่ ✅ การเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลัง Meta เทเงิน $14.8B ลงทุนใน Scale AI   • และดึง CEO ของ Scale (Alexandr Wang) มานำทีม Superintelligence Unit ✅ เป้าหมายระยะยาวของ Meta คือเร่งพัฒนา Open-Source AI ให้แข่งขันกับคู่แข่งอย่าง OpenAI, Google, Anthropic ได้   • โดยเฉพาะผ่านโมเดล Llama และแพลตฟอร์มที่เน้น Developer เป็นศูนย์กลาง ‼️ หาก Meta ซื้อหุ้นใน NFDG จริง อาจเกิดความกังวลเรื่อง “การผูกขาดบุคลากร AI”   • Meta อาจเข้าถึง startup และนักพัฒนา AI รุ่นใหม่ก่อนใครในตลาด   • ส่งผลต่อความเป็นอิสระของระบบนิเวศโอเพ่นซอร์ส ‼️ แผน “เร่งเกม AI” ของ Meta ยังไม่มีโมเดลที่ใช้งานเชิงพาณิชย์เทียบเท่า GPT-4 หรือ Claude 3   • แม้จะเปิดตัว Llama และชุด weights ฟรี แต่ยังเน้นด้านนักพัฒนา มากกว่าผู้ใช้งานทั่วไป ‼️ การจ้างบุคคลระดับสูงจำนวนมากในระยะสั้น อาจส่งผลกระทบต่อความสอดคล้องของวิสัยทัศน์องค์กร   • โดยเฉพาะหากมีหลายทีมที่พัฒนา AI ไปคนละทิศ ‼️ ตลาด AI มีการแข่งขันสูง และเคลื่อนไหวเร็ว—อาจทำให้ Meta ต้องทบทวนแผนลงทุนและโครงสร้างบ่อยครั้ง   • ส่งผลต่อเสถียรภาพของแพลตฟอร์มและเครื่องมือสำหรับนักพัฒนา https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/19/meta-in-talks-to-hire-former-github-ceo-nat-friedman-to-join-ai-efforts-the-information-reports
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Meta in talks to hire former GitHub CEO Nat Friedman to join AI efforts, The Information reports
    (Reuters) -Meta Platforms is in talks to hire former GitHub CEO Nat Friedman to join the Facebook parent's AI efforts, The Information reported on Wednesday, citing a person familiar with the matter.
    0 Comments 0 Shares 313 Views 0 Reviews
  • อดีตผู้บริหาร Meta เตือนว่า AI อาจล่มสลายทันทีหากต้องขออนุญาตใช้ข้อมูลลิขสิทธิ์

    Nick Clegg อดีตรองนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรและอดีตผู้บริหาร Meta แสดงความเห็นว่า การบังคับให้บริษัท AI ขออนุญาตทุกครั้งที่ใช้ข้อมูลลิขสิทธิ์ในการฝึกโมเดลอาจทำให้อุตสาหกรรม AI ในสหราชอาณาจักรล่มสลายทันที โดยเขาเชื่อว่า กฎหมายลิขสิทธิ์ปัจจุบันไม่สอดคล้องกับเทคโนโลยี AI

    รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับข้อถกเถียงเรื่องลิขสิทธิ์และ AI
    Nick Clegg เชื่อว่าการขออนุญาตทุกครั้งก่อนใช้ข้อมูลลิขสิทธิ์จะทำให้ AI ไม่สามารถพัฒนาได้
    - AI ต้องใช้ข้อมูลจำนวนมหาศาลเพื่อปรับปรุงความสามารถในการวิเคราะห์และเหตุผล

    Clegg สนับสนุนให้ศิลปินและเจ้าของลิขสิทธิ์สามารถเลือกไม่ให้ข้อมูลของตนถูกใช้ในการฝึก AI
    - แต่เขาเชื่อว่า การขออนุญาตล่วงหน้าทุกครั้งเป็นไปไม่ได้ในทางเทคนิค

    รัฐสภาสหราชอาณาจักรกำลังพิจารณาร่างกฎหมาย Data (Use and Access) Bill
    - กฎหมายนี้ มีเป้าหมายเพื่อควบคุมการเข้าถึงข้อมูลของลูกค้าและบริษัท

    กลุ่มศิลปินและนักเขียนเรียกร้องให้ AI ต้องเปิดเผยข้อมูลที่ใช้ในการฝึกโมเดล
    - แต่ข้อเสนอนี้ ถูกปฏิเสธโดยรัฐสภา

    ร่างกฎหมายจะถูกนำกลับไปพิจารณาในสภาขุนนางอีกครั้งในวันที่ 2 มิถุนายน
    - อาจมีการแก้ไขเพิ่มเติมก่อนผ่านเป็นกฎหมาย

    https://www.techspot.com/news/108071-former-meta-executive-nick-clegg-forcing-ai-companies.html
    อดีตผู้บริหาร Meta เตือนว่า AI อาจล่มสลายทันทีหากต้องขออนุญาตใช้ข้อมูลลิขสิทธิ์ Nick Clegg อดีตรองนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรและอดีตผู้บริหาร Meta แสดงความเห็นว่า การบังคับให้บริษัท AI ขออนุญาตทุกครั้งที่ใช้ข้อมูลลิขสิทธิ์ในการฝึกโมเดลอาจทำให้อุตสาหกรรม AI ในสหราชอาณาจักรล่มสลายทันที โดยเขาเชื่อว่า กฎหมายลิขสิทธิ์ปัจจุบันไม่สอดคล้องกับเทคโนโลยี AI 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับข้อถกเถียงเรื่องลิขสิทธิ์และ AI ✅ Nick Clegg เชื่อว่าการขออนุญาตทุกครั้งก่อนใช้ข้อมูลลิขสิทธิ์จะทำให้ AI ไม่สามารถพัฒนาได้ - AI ต้องใช้ข้อมูลจำนวนมหาศาลเพื่อปรับปรุงความสามารถในการวิเคราะห์และเหตุผล ✅ Clegg สนับสนุนให้ศิลปินและเจ้าของลิขสิทธิ์สามารถเลือกไม่ให้ข้อมูลของตนถูกใช้ในการฝึก AI - แต่เขาเชื่อว่า การขออนุญาตล่วงหน้าทุกครั้งเป็นไปไม่ได้ในทางเทคนิค ✅ รัฐสภาสหราชอาณาจักรกำลังพิจารณาร่างกฎหมาย Data (Use and Access) Bill - กฎหมายนี้ มีเป้าหมายเพื่อควบคุมการเข้าถึงข้อมูลของลูกค้าและบริษัท ✅ กลุ่มศิลปินและนักเขียนเรียกร้องให้ AI ต้องเปิดเผยข้อมูลที่ใช้ในการฝึกโมเดล - แต่ข้อเสนอนี้ ถูกปฏิเสธโดยรัฐสภา ✅ ร่างกฎหมายจะถูกนำกลับไปพิจารณาในสภาขุนนางอีกครั้งในวันที่ 2 มิถุนายน - อาจมีการแก้ไขเพิ่มเติมก่อนผ่านเป็นกฎหมาย https://www.techspot.com/news/108071-former-meta-executive-nick-clegg-forcing-ai-companies.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    AI will die "overnight" if copyright permission is enforced, says former Meta exec
    Former UK Deputy Prime Minister Nick Clegg says artificial intelligence companies shouldn't need to seek permission every time they use copyright-protected data. Speaking at a recent event...
    0 Comments 0 Shares 143 Views 0 Reviews
  • Disney ฟ้อง YouTube เพื่อหยุดการจ้างอดีตผู้บริหารดูแลสื่อและกีฬา

    Disney ยื่นฟ้อง Alphabet's YouTube ในศาลรัฐลอสแอนเจลิส เพื่อขัดขวางการแต่งตั้ง Justin Connolly เป็นหัวหน้าฝ่ายสื่อและกีฬา โดยอ้างว่า เป็นการละเมิดสัญญาการจ้างงาน

    รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับคดีระหว่าง Disney และ YouTube
    Disney อ้างว่า Connolly มีสัญญาจ้างงานกับบริษัทจนถึงปี 2027
    - เขาเซ็นสัญญาใหม่ในเดือนพฤศจิกายน 2024 โดยมีสิทธิ์ยกเลิกได้เพียงครั้งเดียวก่อนมีนาคม 2027

    YouTube ประกาศแต่งตั้ง Connolly เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2025
    - เขาจะดูแล ความสัมพันธ์กับบริษัทสื่อรายใหญ่และขยายพอร์ตโฟลิโอกีฬา

    YouTube ลงทุนมหาศาลในสตรีมมิ่งกีฬา
    - เซ็นสัญญา $14 พันล้านกับ NFL ในปี 2022 เพื่อสตรีมการแข่งขันฟุตบอล

    Disney กำลังเตรียมเปิดตัวแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง ESPN
    - Connolly เคยเป็นหัวหน้าฝ่ายจัดจำหน่ายแพลตฟอร์มของ ESPN และ Disney

    YouTube ยังไม่ได้ตอบกลับคำร้องขอความคิดเห็นจาก Reuters
    - คดีนี้ อาจส่งผลต่อแนวทางการจ้างงานในอุตสาหกรรมสื่อ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/23/youtube-hires-former-disney-veteran-to-oversee-sports-and-media
    Disney ฟ้อง YouTube เพื่อหยุดการจ้างอดีตผู้บริหารดูแลสื่อและกีฬา Disney ยื่นฟ้อง Alphabet's YouTube ในศาลรัฐลอสแอนเจลิส เพื่อขัดขวางการแต่งตั้ง Justin Connolly เป็นหัวหน้าฝ่ายสื่อและกีฬา โดยอ้างว่า เป็นการละเมิดสัญญาการจ้างงาน 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับคดีระหว่าง Disney และ YouTube ✅ Disney อ้างว่า Connolly มีสัญญาจ้างงานกับบริษัทจนถึงปี 2027 - เขาเซ็นสัญญาใหม่ในเดือนพฤศจิกายน 2024 โดยมีสิทธิ์ยกเลิกได้เพียงครั้งเดียวก่อนมีนาคม 2027 ✅ YouTube ประกาศแต่งตั้ง Connolly เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2025 - เขาจะดูแล ความสัมพันธ์กับบริษัทสื่อรายใหญ่และขยายพอร์ตโฟลิโอกีฬา ✅ YouTube ลงทุนมหาศาลในสตรีมมิ่งกีฬา - เซ็นสัญญา $14 พันล้านกับ NFL ในปี 2022 เพื่อสตรีมการแข่งขันฟุตบอล ✅ Disney กำลังเตรียมเปิดตัวแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง ESPN - Connolly เคยเป็นหัวหน้าฝ่ายจัดจำหน่ายแพลตฟอร์มของ ESPN และ Disney ✅ YouTube ยังไม่ได้ตอบกลับคำร้องขอความคิดเห็นจาก Reuters - คดีนี้ อาจส่งผลต่อแนวทางการจ้างงานในอุตสาหกรรมสื่อ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/23/youtube-hires-former-disney-veteran-to-oversee-sports-and-media
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Disney seeks to stop YouTube from hiring veteran to oversee sports and media
    (Reuters) -Walt Disney seeks to stop Alphabet's YouTube, which announced on Thursday that it has appointed long-time executive Justin Connolly as its global head of media and sports.
    0 Comments 0 Shares 462 Views 0 Reviews
  • Xiaomi เปิดตัว XRING 01 ชิปเซ็ตแรกที่พัฒนาขึ้นเอง แต่ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดสเปก

    Xiaomi ได้ประกาศเปิดตัว XRING 01 ซึ่งเป็น ชิปเซ็ตที่พัฒนาขึ้นเองเป็นครั้งแรก หลังจากมีข่าวลือเกี่ยวกับโครงการนี้มานาน อย่างไรก็ตาม รายละเอียดเกี่ยวกับสเปกของชิปเซ็ตยังคงถูกเก็บเป็นความลับ โดยมีเพียงข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับกระบวนการผลิตและแนวทางการพัฒนา

    XRING 01 ใช้กระบวนการผลิต 4nm ของ TSMC
    - มีข่าวลือว่า Xiaomi อาจพัฒนาเวอร์ชัน 3nm ในอนาคต

    ชิปเซ็ตนี้ใช้สถาปัตยกรรมของ ARM รุ่นล่าสุด
    - คอร์ที่เร็วที่สุดคือ Cortex-X925 ทำงานที่ 3.20GHz

    Xiaomi ได้จัดตั้งทีมพัฒนาแยกต่างหากสำหรับ XRING 01
    - ทีมนี้นำโดย อดีตผู้บริหารระดับสูงของ Qualcomm

    Xiaomi มีพนักงานกว่า 1,000 คนที่ทำงานเกี่ยวกับ XRING 01
    - แสดงให้เห็นว่า บริษัทให้ความสำคัญกับโครงการนี้อย่างมาก

    Xiaomi อาจต้องการลดต้นทุนและหลีกเลี่ยงข้อจำกัดทางการค้าจากสหรัฐฯ
    - คล้ายกับกรณีของ Huawei ที่เคยเผชิญกับมาตรการคว่ำบาตร

    https://wccftech.com/xiaomi-xring-01-officially-announced/
    Xiaomi เปิดตัว XRING 01 ชิปเซ็ตแรกที่พัฒนาขึ้นเอง แต่ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดสเปก Xiaomi ได้ประกาศเปิดตัว XRING 01 ซึ่งเป็น ชิปเซ็ตที่พัฒนาขึ้นเองเป็นครั้งแรก หลังจากมีข่าวลือเกี่ยวกับโครงการนี้มานาน อย่างไรก็ตาม รายละเอียดเกี่ยวกับสเปกของชิปเซ็ตยังคงถูกเก็บเป็นความลับ โดยมีเพียงข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับกระบวนการผลิตและแนวทางการพัฒนา ✅ XRING 01 ใช้กระบวนการผลิต 4nm ของ TSMC - มีข่าวลือว่า Xiaomi อาจพัฒนาเวอร์ชัน 3nm ในอนาคต ✅ ชิปเซ็ตนี้ใช้สถาปัตยกรรมของ ARM รุ่นล่าสุด - คอร์ที่เร็วที่สุดคือ Cortex-X925 ทำงานที่ 3.20GHz ✅ Xiaomi ได้จัดตั้งทีมพัฒนาแยกต่างหากสำหรับ XRING 01 - ทีมนี้นำโดย อดีตผู้บริหารระดับสูงของ Qualcomm ✅ Xiaomi มีพนักงานกว่า 1,000 คนที่ทำงานเกี่ยวกับ XRING 01 - แสดงให้เห็นว่า บริษัทให้ความสำคัญกับโครงการนี้อย่างมาก ✅ Xiaomi อาจต้องการลดต้นทุนและหลีกเลี่ยงข้อจำกัดทางการค้าจากสหรัฐฯ - คล้ายกับกรณีของ Huawei ที่เคยเผชิญกับมาตรการคว่ำบาตร https://wccftech.com/xiaomi-xring-01-officially-announced/
    0 Comments 0 Shares 167 Views 0 Reviews
  • อดีตผู้บริหาร PlayStation Shuhei Yoshida ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ การขึ้นราคาวิดีโอเกม โดยระบุว่า เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ปัญหาที่แท้จริงคือ คุณค่าของเกมที่ไม่สอดคล้องกับราคาที่เพิ่มขึ้น

    ปัจจุบัน เกม AAA หลายเกมมีราคาสูงถึง $70 หรือมากกว่า โดยผู้พัฒนาให้เหตุผลว่า ต้นทุนการพัฒนาเพิ่มขึ้นและเงินเฟ้อเป็นปัจจัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม ผู้เล่นจำนวนมาก เริ่มหลีกเลี่ยงการซื้อเกมวันแรก เนื่องจาก เกมใหม่หลายเกมไม่สามารถให้คุณค่าเทียบเท่ากับราคาที่ต้องจ่าย

    เกม AAA หลายเกมมีราคาสูงถึง $70 หรือมากกว่า
    - ผู้พัฒนาให้เหตุผลว่า ต้นทุนการพัฒนาเพิ่มขึ้นและเงินเฟ้อเป็นปัจจัยสำคัญ
    - ผู้เล่นจำนวนมาก เริ่มหลีกเลี่ยงการซื้อเกมวันแรก

    Nintendo และ Microsoft กำลังปรับราคาขึ้น
    - เกมสำหรับ Nintendo Switch 2 อาจมีราคาสูงถึง $80
    - มีรายงานว่า GTA 6 อาจมีราคาสูงกว่า $100

    Shuhei Yoshida ระบุว่าผู้เล่นต้องการเกมที่มีความทะเยอทะยานมากขึ้น แต่ไม่ต้องการให้ราคาสูงขึ้น
    - เขาเรียกสถานการณ์นี้ว่า "สมการที่เป็นไปไม่ได้"
    - ผู้เล่นต้องการ เกมที่มีคุณภาพสูงขึ้นโดยไม่ต้องจ่ายแพงขึ้น

    เกมจากทีมพัฒนาเล็ก ๆ เช่น Clair Obscur: Expedition 33 แสดงให้เห็นว่าเกมคุณภาพสูงสามารถสร้างได้โดยไม่ต้องใช้ต้นทุนมหาศาล
    - เกมนี้ถูกพัฒนาโดยทีม 30 คน และขายได้ 1 ล้านชุดภายใน 3 วัน
    - ต้นทุนต่ำกว่าการพัฒนาเกม AAA แต่ยังคงให้ประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม

    Yoshida เชื่อว่า AI อาจช่วยลดต้นทุนการพัฒนาเกมในอนาคต
    - เขากล่าวว่า เครื่องมือ AI เช่น Microsoft's Muse อาจช่วยให้ทีมพัฒนาเกมขนาดเล็กสามารถสร้างเกมได้ง่ายขึ้น

    https://www.techspot.com/news/107821-former-playstation-boss-gaming-price-hikes-inevitable-but.html
    อดีตผู้บริหาร PlayStation Shuhei Yoshida ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ การขึ้นราคาวิดีโอเกม โดยระบุว่า เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ปัญหาที่แท้จริงคือ คุณค่าของเกมที่ไม่สอดคล้องกับราคาที่เพิ่มขึ้น ปัจจุบัน เกม AAA หลายเกมมีราคาสูงถึง $70 หรือมากกว่า โดยผู้พัฒนาให้เหตุผลว่า ต้นทุนการพัฒนาเพิ่มขึ้นและเงินเฟ้อเป็นปัจจัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม ผู้เล่นจำนวนมาก เริ่มหลีกเลี่ยงการซื้อเกมวันแรก เนื่องจาก เกมใหม่หลายเกมไม่สามารถให้คุณค่าเทียบเท่ากับราคาที่ต้องจ่าย ✅ เกม AAA หลายเกมมีราคาสูงถึง $70 หรือมากกว่า - ผู้พัฒนาให้เหตุผลว่า ต้นทุนการพัฒนาเพิ่มขึ้นและเงินเฟ้อเป็นปัจจัยสำคัญ - ผู้เล่นจำนวนมาก เริ่มหลีกเลี่ยงการซื้อเกมวันแรก ✅ Nintendo และ Microsoft กำลังปรับราคาขึ้น - เกมสำหรับ Nintendo Switch 2 อาจมีราคาสูงถึง $80 - มีรายงานว่า GTA 6 อาจมีราคาสูงกว่า $100 ✅ Shuhei Yoshida ระบุว่าผู้เล่นต้องการเกมที่มีความทะเยอทะยานมากขึ้น แต่ไม่ต้องการให้ราคาสูงขึ้น - เขาเรียกสถานการณ์นี้ว่า "สมการที่เป็นไปไม่ได้" - ผู้เล่นต้องการ เกมที่มีคุณภาพสูงขึ้นโดยไม่ต้องจ่ายแพงขึ้น ✅ เกมจากทีมพัฒนาเล็ก ๆ เช่น Clair Obscur: Expedition 33 แสดงให้เห็นว่าเกมคุณภาพสูงสามารถสร้างได้โดยไม่ต้องใช้ต้นทุนมหาศาล - เกมนี้ถูกพัฒนาโดยทีม 30 คน และขายได้ 1 ล้านชุดภายใน 3 วัน - ต้นทุนต่ำกว่าการพัฒนาเกม AAA แต่ยังคงให้ประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม ✅ Yoshida เชื่อว่า AI อาจช่วยลดต้นทุนการพัฒนาเกมในอนาคต - เขากล่าวว่า เครื่องมือ AI เช่น Microsoft's Muse อาจช่วยให้ทีมพัฒนาเกมขนาดเล็กสามารถสร้างเกมได้ง่ายขึ้น https://www.techspot.com/news/107821-former-playstation-boss-gaming-price-hikes-inevitable-but.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Former PlayStation boss says gaming price hikes are inevitable, but lack of value is the real issue
    Many players have opted out of day-one releases as big-name publishers rapidly raise game prices. Nintendo's upcoming Switch 2 titles will cost as much as $80, Microsoft...
    0 Comments 0 Shares 256 Views 0 Reviews
  • ในที่สุดฟรีดริช เมิร์ซ อดีตผู้บริหารแบล็กร็อค ก็ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของเยอรมนี จากการลงคะแนนเสียงรอบที่สอง ซึ่งเกิดขึ้นภายในวันเดียวกันทันที หลังจากเมิร์ซพลาดท่าได้รับคะแนนไม่ถึงตามกำหนดในครั้งแรก

    การลงคะแนนเสียงรอบที่สอง เมิร์ซได้รับคะแนนเสียง 325 เสียง ซึ่งเพียงพอให้เขาขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเยอรมนีคนใหม่ โดยสืบตำแหน่งหัวหน้ารัฐบาลผสมเป็นระยะเวลา 4 ปี ต่อจากโอลาฟ โชลซ์

    แต่ความล้มเหลวครั้งประวัติศาสตร์ของเขาในการลงคะแนนรอบแรกเมื่อเช้านี้ จะถูกบันทึดไว้บนหน้าประวัติศาสตร์การเมืองของเยอรมนีตลอดไป
    ในที่สุดฟรีดริช เมิร์ซ อดีตผู้บริหารแบล็กร็อค ก็ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของเยอรมนี จากการลงคะแนนเสียงรอบที่สอง ซึ่งเกิดขึ้นภายในวันเดียวกันทันที หลังจากเมิร์ซพลาดท่าได้รับคะแนนไม่ถึงตามกำหนดในครั้งแรก การลงคะแนนเสียงรอบที่สอง เมิร์ซได้รับคะแนนเสียง 325 เสียง ซึ่งเพียงพอให้เขาขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเยอรมนีคนใหม่ โดยสืบตำแหน่งหัวหน้ารัฐบาลผสมเป็นระยะเวลา 4 ปี ต่อจากโอลาฟ โชลซ์ แต่ความล้มเหลวครั้งประวัติศาสตร์ของเขาในการลงคะแนนรอบแรกเมื่อเช้านี้ จะถูกบันทึดไว้บนหน้าประวัติศาสตร์การเมืองของเยอรมนีตลอดไป
    0 Comments 0 Shares 289 Views 0 Reviews
  • Xiaomi กำลังเร่งพัฒนา Xring SoC ซึ่งเป็นชิปเซ็ตที่ออกแบบเอง โดยมีทีมงานมากกว่า 1,000 คน ทำงานในโครงการนี้ ซึ่งเป็นการขยายขีดความสามารถของบริษัทในการผลิตชิปสำหรับสมาร์ทโฟน

    ก่อนหน้านี้ Xiaomi เคยพยายามพัฒนาชิปเซ็ตของตัวเอง แต่ไม่ประสบความสำเร็จ อย่างไรก็ตาม Xring SoC อาจเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยให้ Xiaomi สามารถแข่งขันกับ Qualcomm และ MediaTek ได้ในอนาคต

    Xiaomi มีทีมงานมากกว่า 1,000 คนทำงานในโครงการ Xring SoC
    - เป็นทีมงานที่แยกออกจากบริษัทแม่
    - มีอดีตผู้บริหารจาก Qualcomm เข้ามาช่วยพัฒนา

    เป้าหมายของ Xring SoC
    - ต้องการผลิตชิปเซ็ตที่สามารถแข่งขันกับ Qualcomm และ MediaTek
    - อาจช่วยให้ Xiaomi ลดการพึ่งพาผู้ผลิตชิปจากต่างประเทศ

    Xring SoC อาจถูกใช้ในสมาร์ทโฟน Xiaomi รุ่นใหม่
    - มีรายงานว่ามี ต้นแบบของชิปที่ถูกทดสอบแล้วในเดือนมีนาคม 2025
    - อาจช่วยให้ Xiaomi สามารถควบคุมต้นทุนและประสิทธิภาพของอุปกรณ์ได้ดีขึ้น

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมสมาร์ทโฟน
    - หาก Xring SoC ประสบความสำเร็จ อาจทำให้ บริษัทอื่น ๆ ในจีนเริ่มพัฒนาชิปของตัวเองมากขึ้น
    - อาจช่วยให้ วิศวกรที่ทำงานในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ได้รับค่าตอบแทนที่สูงขึ้น

    https://www.techpowerup.com/336395/1000-xiaomi-employees-reportedly-working-on-proprietary-xring-chipset-designs
    Xiaomi กำลังเร่งพัฒนา Xring SoC ซึ่งเป็นชิปเซ็ตที่ออกแบบเอง โดยมีทีมงานมากกว่า 1,000 คน ทำงานในโครงการนี้ ซึ่งเป็นการขยายขีดความสามารถของบริษัทในการผลิตชิปสำหรับสมาร์ทโฟน ก่อนหน้านี้ Xiaomi เคยพยายามพัฒนาชิปเซ็ตของตัวเอง แต่ไม่ประสบความสำเร็จ อย่างไรก็ตาม Xring SoC อาจเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยให้ Xiaomi สามารถแข่งขันกับ Qualcomm และ MediaTek ได้ในอนาคต ✅ Xiaomi มีทีมงานมากกว่า 1,000 คนทำงานในโครงการ Xring SoC - เป็นทีมงานที่แยกออกจากบริษัทแม่ - มีอดีตผู้บริหารจาก Qualcomm เข้ามาช่วยพัฒนา ✅ เป้าหมายของ Xring SoC - ต้องการผลิตชิปเซ็ตที่สามารถแข่งขันกับ Qualcomm และ MediaTek - อาจช่วยให้ Xiaomi ลดการพึ่งพาผู้ผลิตชิปจากต่างประเทศ ✅ Xring SoC อาจถูกใช้ในสมาร์ทโฟน Xiaomi รุ่นใหม่ - มีรายงานว่ามี ต้นแบบของชิปที่ถูกทดสอบแล้วในเดือนมีนาคม 2025 - อาจช่วยให้ Xiaomi สามารถควบคุมต้นทุนและประสิทธิภาพของอุปกรณ์ได้ดีขึ้น ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมสมาร์ทโฟน - หาก Xring SoC ประสบความสำเร็จ อาจทำให้ บริษัทอื่น ๆ ในจีนเริ่มพัฒนาชิปของตัวเองมากขึ้น - อาจช่วยให้ วิศวกรที่ทำงานในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ได้รับค่าตอบแทนที่สูงขึ้น https://www.techpowerup.com/336395/1000-xiaomi-employees-reportedly-working-on-proprietary-xring-chipset-designs
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    1000+ Xiaomi Employees Reportedly Working on Proprietary "Xring" Chipset Designs
    Mid-way through April, a few Asian media outlets proposed a fairly recent formation of Xiaomi's "chip platform department"—most likely operating as part of the Chinese corporation's mobile phone development operation. Industry insiders claimed that this special branch was tasked with the designing o...
    0 Comments 0 Shares 218 Views 0 Reviews
  • ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์ ไม่รับคำร้อง วิโรจน์ นวลแข อดีตผู้บริหารธนาคารกรุงไทย ร้อง อัยการสูงสุด ฟ้องศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีปล่อยกู้เครือกฤษฎามหานคร ระบุ คำพิพากษา-คำสั่งถึงที่สุดแล้ว ขณะที่ วิรุฬห์ แสงเทียน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ถอนตัว เหตุ เกี่ยวข้องกับคดีที่ขอให้วินิจฉัยนั้นมาก่อนสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 30 เมษายน 2568 ศาลรัฐธรรมนูญได้มีการประชุมปรึกษาคดีที่สำคัญและเป็นที่น่าสนใจ เรื่องพิจารณาที่ ต. 35/2568 กรณีนายวิโรจน์ นวลแข อดีตกรรมการผู้จัดการธนาคารกรุงไทย ผู้ร้อง ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 ว่า สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) ผู้ถูกร้อง ฟ้องศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในคดีที่ธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้ให้กับเครือกฤษฎามหานคร เป็นการถูกละเมิดสิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ โดยศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณาก่อนที่จะมีมติเป็นเอกฉันท์มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย โดยสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เผยแพร่รายละเอียดผ่านเอกสารข่าวสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ข่าวที่ 12/2568 ดังนี้นายวิโรจน์ นวลแข ผู้ร้อง ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 ว่า สำนักงานอัยการสูงสุด ผู้ถูกร้อง ฟ้องผู้ร้องกับพวกรวม 27 คน เป็นจำเลยต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และศาลพิพากษาว่าผู้ร้องมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 4 และมาตรา 8 พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 313 ประกอบมาตรา 307 และมาตรา 308 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 353 ประกอบมาตรา 354แต่ภายหลังศาลพิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 1 ผู้ร้องเห็นว่า เมื่อศาลยกฟ้องจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนักการเมืองเพียงคนเดียวในคดีแล้ว ผู้ร้องจึงไม่อาจถูกดำเนินคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง การที่ผู้ถูกร้องทำให้ผู้ร้องต้องตกอยู่ในการพิจารณาคดีของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งเป็นกระบวนการพิจารณาค้นหาความจริงที่แตกต่างจากการพิจารณาแบบทั่วไปและถูกพิพากษาให้มีความผิด จึงเป็นกรณีที่ผู้ร้องละเมิดสิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 วรรคสอง มาตรา 5 วรรคหนึ่ง มาตรา 27 มาตรา 29 มาตรา 188 วรรคหนึ่ง และมาตรา 195 วรรคสอง ข้ดต่อกฎหมายและหลักนิติธรรม ทำให้ผู้ร้องได้รับความเสียหายนอกจากนี้ ผู้ร้องกล่าวอ้างด้วยว่า พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 10 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 5 และมาตรา 27 ทำให้ผู้ร้องถูกละเมิดจากการกระทำของผู้ถูกร้องผลการพิจารณานายวิรุฬห์ แสงเทียน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ขอถอนตัวจากการพิจารณาคดีนี้ เนื่องจากเคยเป็นผู้พิพากษาหรือตุลาการในศาลอื่นซึ่งเคยพิจารณาวินิจฉัยในคดีหรือประเด็นที่เกี่ยวข้องกับคดีที่ขอให้วินิจฉัยนั้นมาก่อน และที่ประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอนุญาตศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาโดยการอภิปรายแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องเป็นเรื่องที่ศาลอื่นมีคำพิพากษาหรือคำสั่งถึงที่สุดแล้วตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561มาตรา 47 (4) ซึ่งมาตรา 46 วรรคสาม บัญญัติให้ศาลรัฐธธรรมนูญสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณา ดังนั้น ผู้ร้องไม่อาจยื่นคำร้องดังกล่าวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213ส่วนที่ผู้ร้องกล่าวอ้างว่า พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 10 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 27 นั้น เป็นการยื่นคำร้องขอให้ตรวจสอบความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของกฎหมาย รัฐธรรมนูญบัญญัติให้สิทธิไว้เป็นการเฉพาะแล้วตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 212 และมาตรา 231 (1) กรณีไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 48 ประกอบมาตรา 47 (2) ซึ่งมาตรา 46 วรรคสาม บัญญัติให้ศาลรัฐธรรมนูสังไม่รับคำร้องไว้พิจารมา ดังนั้น ผู้ร้องไม่อาจอื่นคำร้องดังกล่าวตามรัฐรรมนูมาตรา
    ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์ ไม่รับคำร้อง วิโรจน์ นวลแข อดีตผู้บริหารธนาคารกรุงไทย ร้อง อัยการสูงสุด ฟ้องศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีปล่อยกู้เครือกฤษฎามหานคร ระบุ คำพิพากษา-คำสั่งถึงที่สุดแล้ว ขณะที่ วิรุฬห์ แสงเทียน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ถอนตัว เหตุ เกี่ยวข้องกับคดีที่ขอให้วินิจฉัยนั้นมาก่อนสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 30 เมษายน 2568 ศาลรัฐธรรมนูญได้มีการประชุมปรึกษาคดีที่สำคัญและเป็นที่น่าสนใจ เรื่องพิจารณาที่ ต. 35/2568 กรณีนายวิโรจน์ นวลแข อดีตกรรมการผู้จัดการธนาคารกรุงไทย ผู้ร้อง ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 ว่า สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) ผู้ถูกร้อง ฟ้องศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในคดีที่ธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้ให้กับเครือกฤษฎามหานคร เป็นการถูกละเมิดสิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ โดยศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณาก่อนที่จะมีมติเป็นเอกฉันท์มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย โดยสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เผยแพร่รายละเอียดผ่านเอกสารข่าวสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ข่าวที่ 12/2568 ดังนี้นายวิโรจน์ นวลแข ผู้ร้อง ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 ว่า สำนักงานอัยการสูงสุด ผู้ถูกร้อง ฟ้องผู้ร้องกับพวกรวม 27 คน เป็นจำเลยต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และศาลพิพากษาว่าผู้ร้องมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 4 และมาตรา 8 พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 313 ประกอบมาตรา 307 และมาตรา 308 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 353 ประกอบมาตรา 354แต่ภายหลังศาลพิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 1 ผู้ร้องเห็นว่า เมื่อศาลยกฟ้องจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนักการเมืองเพียงคนเดียวในคดีแล้ว ผู้ร้องจึงไม่อาจถูกดำเนินคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง การที่ผู้ถูกร้องทำให้ผู้ร้องต้องตกอยู่ในการพิจารณาคดีของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งเป็นกระบวนการพิจารณาค้นหาความจริงที่แตกต่างจากการพิจารณาแบบทั่วไปและถูกพิพากษาให้มีความผิด จึงเป็นกรณีที่ผู้ร้องละเมิดสิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 วรรคสอง มาตรา 5 วรรคหนึ่ง มาตรา 27 มาตรา 29 มาตรา 188 วรรคหนึ่ง และมาตรา 195 วรรคสอง ข้ดต่อกฎหมายและหลักนิติธรรม ทำให้ผู้ร้องได้รับความเสียหายนอกจากนี้ ผู้ร้องกล่าวอ้างด้วยว่า พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 10 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 5 และมาตรา 27 ทำให้ผู้ร้องถูกละเมิดจากการกระทำของผู้ถูกร้องผลการพิจารณานายวิรุฬห์ แสงเทียน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ขอถอนตัวจากการพิจารณาคดีนี้ เนื่องจากเคยเป็นผู้พิพากษาหรือตุลาการในศาลอื่นซึ่งเคยพิจารณาวินิจฉัยในคดีหรือประเด็นที่เกี่ยวข้องกับคดีที่ขอให้วินิจฉัยนั้นมาก่อน และที่ประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอนุญาตศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาโดยการอภิปรายแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องเป็นเรื่องที่ศาลอื่นมีคำพิพากษาหรือคำสั่งถึงที่สุดแล้วตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561มาตรา 47 (4) ซึ่งมาตรา 46 วรรคสาม บัญญัติให้ศาลรัฐธธรรมนูญสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณา ดังนั้น ผู้ร้องไม่อาจยื่นคำร้องดังกล่าวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213ส่วนที่ผู้ร้องกล่าวอ้างว่า พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 10 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 27 นั้น เป็นการยื่นคำร้องขอให้ตรวจสอบความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของกฎหมาย รัฐธรรมนูญบัญญัติให้สิทธิไว้เป็นการเฉพาะแล้วตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 212 และมาตรา 231 (1) กรณีไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 48 ประกอบมาตรา 47 (2) ซึ่งมาตรา 46 วรรคสาม บัญญัติให้ศาลรัฐธรรมนูสังไม่รับคำร้องไว้พิจารมา ดังนั้น ผู้ร้องไม่อาจอื่นคำร้องดังกล่าวตามรัฐรรมนูมาตรา
    0 Comments 0 Shares 839 Views 0 Reviews
  • การบินไทย เตรียมออกจากแผนฟื้นฟูกิจการ

    หลังประชุมผู้ถือหุ้น มีมติรับรองบอร์ดใหม่ 8 คน บอร์ดเดิม 3 คน (นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร พล.อ.อ.อำนาจ จีระมณีมัย) รวมเป็น 11 คน

    กระทรวงการคลังคุมเสียงข้างมากถึง 9 ที่นั่ง เตรียมเสนอชื่อ "ลวรณ แสงสนิท" ปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธานบอร์ดคนใหม่

    จดทะเบียนเพิ่มกรรมการใหม่ภายใน 25 เมษายน 2568
    ยื่นคำขอต่อศาลล้มละลายเพื่อออกจากแผนฟื้นฟูวันที่ 28 เมษายน (โดยศาลนัดพิจารณาคำขอวันที่ 22 พฤษภาคม และคาดว่าจะมีคำสั่งให้ออกจากแผนต้นเดือนมิถุนายน)

    หลังพ้นแผนฟื้นฟู การบินไทยจะยื่นขอกลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ทันที คาดว่าจะสามารถกลับมาซื้อขายได้ในช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2568

    รายชื่อบอร์ดใหม่ที่ได้รับการแต่งตั้ง 8 คน ได้แก่:
    1. นายชาย เอี่ยมศิริ CEO การบินไทย
    2. ดร.กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพสามิต
    3. นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง
    4. นายชาครีย์ บำรุงวงศ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม
    5. นายณปกรณ์ ธนสุวรรณเกษม ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงินการธนาคาร
    6. นายยรรยง เดชภิรัตนมงคล อัยการพิเศษ
    7. นายสัมฤทธิ์ สำเนียง อดีตผู้บริหาร ปตท.สผ.
    8. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ

    สำหรับ กรรมการบอร์ดเดิม 3 ท่านของการบินไทย ยังมีอายุทำงานอีก 1 ปี ประกอบด้วย
    1. นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันท์
    2. นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร
    3. พล.อ.อ.อำนาจ จีระมณีมัย รองเลขาธิการพระราชวัง ท่านนี้มีความสำคัญ เนื่องจากต้องเป็นผู้ประสานงานระหว่างการบินไทยกับในวัง ในเวลาที่พระมหากษัตริย์และพระราชินีต้องใช้การบินไทยเสด็จต่างประเทศ)

    .
    เครดิต:
    https://web.facebook.com/roytunpd
    การบินไทย เตรียมออกจากแผนฟื้นฟูกิจการ หลังประชุมผู้ถือหุ้น มีมติรับรองบอร์ดใหม่ 8 คน บอร์ดเดิม 3 คน (นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร พล.อ.อ.อำนาจ จีระมณีมัย) รวมเป็น 11 คน กระทรวงการคลังคุมเสียงข้างมากถึง 9 ที่นั่ง เตรียมเสนอชื่อ "ลวรณ แสงสนิท" ปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธานบอร์ดคนใหม่ จดทะเบียนเพิ่มกรรมการใหม่ภายใน 25 เมษายน 2568 ยื่นคำขอต่อศาลล้มละลายเพื่อออกจากแผนฟื้นฟูวันที่ 28 เมษายน (โดยศาลนัดพิจารณาคำขอวันที่ 22 พฤษภาคม และคาดว่าจะมีคำสั่งให้ออกจากแผนต้นเดือนมิถุนายน) หลังพ้นแผนฟื้นฟู การบินไทยจะยื่นขอกลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ทันที คาดว่าจะสามารถกลับมาซื้อขายได้ในช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2568 รายชื่อบอร์ดใหม่ที่ได้รับการแต่งตั้ง 8 คน ได้แก่: 1. นายชาย เอี่ยมศิริ CEO การบินไทย 2. ดร.กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพสามิต 3. นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง 4. นายชาครีย์ บำรุงวงศ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม 5. นายณปกรณ์ ธนสุวรรณเกษม ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงินการธนาคาร 6. นายยรรยง เดชภิรัตนมงคล อัยการพิเศษ 7. นายสัมฤทธิ์ สำเนียง อดีตผู้บริหาร ปตท.สผ. 8. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ สำหรับ กรรมการบอร์ดเดิม 3 ท่านของการบินไทย ยังมีอายุทำงานอีก 1 ปี ประกอบด้วย 1. นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันท์ 2. นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร 3. พล.อ.อ.อำนาจ จีระมณีมัย รองเลขาธิการพระราชวัง ท่านนี้มีความสำคัญ เนื่องจากต้องเป็นผู้ประสานงานระหว่างการบินไทยกับในวัง ในเวลาที่พระมหากษัตริย์และพระราชินีต้องใช้การบินไทยเสด็จต่างประเทศ) . เครดิต: https://web.facebook.com/roytunpd
    0 Comments 0 Shares 836 Views 0 Reviews
More Results