• วิดีโอล่าสุดที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม เผยให้เห็นทหารอิสราเอลได้ถ่ายวิดีโอของตัวเองด้วยความสนุกสนานขณะกำลังทำลายอาคารที่พักอาศัยของชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา เพื่อเป็นการฉลองการเผยเพศทารกโดยใช้สีของระเบิดเพื่อประกาศเพศทารก ถ้าเป็นสีฟ้า จะหมายถึงเพศชาย แต่ถ้าเป็นสีชมพู ก็หมายถึงเพศหญิง

    จากในวิดีโอ จะเห็นว่าบ้านเรือนของชาวปาเลสไตน์ถูกทำลายจนกลายเป็นซากปรักหักพังและทุ่งโล่งไปจนหมดสิ้น

    โดยปกติแล้วธรรมเนียมการเฉลยหรือเปิดเผยเพศทารกที่อยู่ในครรภ์จะเกิดขึ้นในประเทศตะวันตก โดยเมื่อครอบครัวใดที่มารดากำลังเข้าสู่ช่วงใกล้คลอด จะมีการจัดงานปาร์ตี้หรืองานเลี้ยงฉลองทารกใกล้คลอด ซึ่งพ่อแม่จะทำการเฉลยเพศของลูกที่อยู่ในครรภ์ต่อคนในงานที่ร่วมลุ้นเพศของเด็กทารกด้วยวิธีการต่างๆ โดยใช้สีเป็นตัวเฉลยเพศของลูกในครรภ์ ถ้าเป็นสีฟ้า จะหมายถึงเพศชาย แต่ถ้าเป็นสีชมพู ก็หมายถึงเพศหญิง
    วิดีโอล่าสุดที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม เผยให้เห็นทหารอิสราเอลได้ถ่ายวิดีโอของตัวเองด้วยความสนุกสนานขณะกำลังทำลายอาคารที่พักอาศัยของชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา เพื่อเป็นการฉลองการเผยเพศทารกโดยใช้สีของระเบิดเพื่อประกาศเพศทารก ถ้าเป็นสีฟ้า จะหมายถึงเพศชาย แต่ถ้าเป็นสีชมพู ก็หมายถึงเพศหญิง จากในวิดีโอ จะเห็นว่าบ้านเรือนของชาวปาเลสไตน์ถูกทำลายจนกลายเป็นซากปรักหักพังและทุ่งโล่งไปจนหมดสิ้น โดยปกติแล้วธรรมเนียมการเฉลยหรือเปิดเผยเพศทารกที่อยู่ในครรภ์จะเกิดขึ้นในประเทศตะวันตก โดยเมื่อครอบครัวใดที่มารดากำลังเข้าสู่ช่วงใกล้คลอด จะมีการจัดงานปาร์ตี้หรืองานเลี้ยงฉลองทารกใกล้คลอด ซึ่งพ่อแม่จะทำการเฉลยเพศของลูกที่อยู่ในครรภ์ต่อคนในงานที่ร่วมลุ้นเพศของเด็กทารกด้วยวิธีการต่างๆ โดยใช้สีเป็นตัวเฉลยเพศของลูกในครรภ์ ถ้าเป็นสีฟ้า จะหมายถึงเพศชาย แต่ถ้าเป็นสีชมพู ก็หมายถึงเพศหญิง
    0 Comments 0 Shares 31 Views 7 0 Reviews
  • “อนุสรณ์” เย้ย “พิธา” ประกาศอีก 9 ปีจะกลับมาเป็นนายกฯ ที่ดีที่สุดของประเทศไทย แค่พูดไปบนเวที ชี้การเมืองไม่ได้ถูกแช่แข็งเพื่อรอใคร มองถึงวันนั้นบริบทและสถานการณ์การเมืองอาจเปลี่ยนไปก็ได้

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000042026

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “อนุสรณ์” เย้ย “พิธา” ประกาศอีก 9 ปีจะกลับมาเป็นนายกฯ ที่ดีที่สุดของประเทศไทย แค่พูดไปบนเวที ชี้การเมืองไม่ได้ถูกแช่แข็งเพื่อรอใคร มองถึงวันนั้นบริบทและสถานการณ์การเมืองอาจเปลี่ยนไปก็ได้ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000042026 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Haha
    1
    0 Comments 0 Shares 142 Views 0 Reviews
  • ปราสาทตาเมือนธมเครื่องมือสร้าง 'ชาตินิยม'ไทยระวังหลงเหลี่ยมกัมพูชา : ข่าวลึกปมลับ 05/05/68
    ปราสาทตาเมือนธมเครื่องมือสร้าง 'ชาตินิยม'ไทยระวังหลงเหลี่ยมกัมพูชา : ข่าวลึกปมลับ 05/05/68
    0 Comments 0 Shares 51 Views 0 0 Reviews
  • Storyฯ เพิ่งได้มีโอกาสดูละครเรื่อง <ร้อยรักปักดวงใจ> ซึ่งเป็นเรื่องราวสมัยราชวงศ์หมิง สิ่งที่สะดุดตามากคือท่าทำความเคารพ รู้สึกว่าทำออกมาได้ดีมากในหลายฉาก วันนี้เลยมาคุยให้ฟังกันสั้นๆ

    ฉากที่สะดุดตา Storyฯ มากคือฉากพิธีกราบไหว้ฟ้าดินของพระเอกนางเอก ลักษณะการคำนับคือยกมือขึ้นประสานทับกันระดับหน้าอกโดยฝ่ามือหันเข้าหาตัว จากนั้นดันมือออกไปให้ห่างตัวพร้อมกับค้อมตัวลง (ดูรูปประกอบ)

    การโค้งคำนับแบบนี้มีชื่อเรียกค่ะ คือ ‘จั๊วอี๊’ (作揖)

    จั๊วอี๊เป็นการคำนับอย่างเป็นทางการโดยไม่คุกเข่าลง ด้วยการยกมือขึ้นแบบที่กล่าวมาข้างต้น (อาจวางมือทาบซ้อนกันหรือกุมมือก็ได้) หากเป็นชายจะเป็นมือซ้ายทับมือขวา และหากเป็นหญิงจะเป็นขวาทับซ้าย (สังเกตเปรียบเทียบได้จากรูป) จากนั้นก้มหลังตรงจากเอวลงมาพร้อมกับดันมือออกไปข้างหน้าเล็กน้อย

    ในบันทึกทางพิธีการสมัยราชวงศ์โจว (1050-256 ปีก่อนคริสตกาล) มีการจำแนกจั๊วอี๊ออกเป็นอีกหลายลักษณะ คือ
    - ‘ถู่อี๊’ (土揖) คือการโค้งเล็กน้อย (ประมาณ 30 องศา) แล้วมือโน้มลงต่ำเล็กน้อย เป็นการเคารพคนที่มีอาวุโสน้อยกว่าหรือศักดิ์ด้อยกว่า;
    - ‘สืออี๊’(時揖) คือการโค้งต่ำ (ประมาณ 60 องศา) โดยที่ระดับมือยังอยู่ที่หน้าอก เป็นการเคารพคนที่อาวุโสกว่า;
    - ‘เทียนอี๊’(天揖) คือการโค้งเล็กน้อย (ประมาณ 30 องศา) และมือยกขึ้นสูงเล็กน้อย เป็นการเคารพคนที่เสมอศักดิ์;
    - ‘เท่ออี๊’ (特揖) คือคำนับอีกฝ่ายทีละคนแทนที่จะคำนับครั้งเดียวต่อคนทั้งกลุ่ม;
    - ‘หลี่ว์อี๊’(旅揖) คือคำนับในแบบที่แตกต่างกันตามศักดิ์ของฝ่ายตรงข้าม;
    - ‘ผางซานอี๊’(旁三揖) คือการคำนับสามครั้งต่อคนทั้งกลุ่ม; และ
    - ‘ฉางอี๊’ (长揖) คือการคำนับแบบโค้งตัวลงต่ำมาก มือยืดออกไปมากขึ้นและยกขึ้นสูง เป็นการเคารพแบบสูงสุดของการทำจั๊วอี๊ แต่ยังเทียบไม่ได้กับการคุกเข่าคำนับ จึงมีวลีที่ว่า ‘ฉางอี๊ปู๋ไป้’ (长揖不拜) อันหมายถึงการแสดงความทะนงตนด้วยการเคารพนอบน้อมแต่ไม่ยอมคุกเข่าให้

    แต่ในกรณีที่เป็นการทำความเคารพในงานศพจะสลับมือกัน คือเป็นขวาทับซ้ายสำหรับชาย และซ้ายทับขวาสำหรับหญิงแทน

    จริงๆ แล้วตามบันทึกและภาพวาดทางประวัติศาสตร์กลับไม่ค่อยปรากฏสตรีมีการทำจั๊วอี๊สักเท่าไหร่ โดยเฉพาะตั้งแต่สมัยราชวงศ์ถังลงมา แล้วผู้หญิงเขาทำความเคารพอย่างไร? ในละครเรื่องเดียวกันจะเห็นผู้หญิงกำมือวางซ้อนกัน (ขวาบนซ้ายล่าง) อยู่ระดับเอวแล้วย่อตัวลงเล็กน้อย (ดูรูปประกอบ) ท่านี้เรียกว่า ‘ว่านฝู’ (万福) ซึ่งใช้ปกติทั่วไปในยุคสมัยหมิงยกเว้นกรณีที่เป็นทางการอย่างยิ่ง อย่างเช่นในเรื่อง <ร้อยรักปักดวงใจ> ที่นางเอกทำจั๊วอี๊ในพิธีกราบไหว้ฟ้าดิน

    ทั้งจั๊วอี๊และว่านฝูที่กล่าวมาข้างต้นเป็นการทำความเคารพแบบของชาวจีนเชื้อสายฮั่น ไม่ใช่แมนจู ดังนั้นเพื่อนเพจที่ดูละครสมัยราชวงศ์ชิงจะไม่เห็นท่าทำความเคารพแบบนี้แม้ว่าในสมัยชิงจะมีท่าทำความเคารพที่เรียกว่าว่านฝูเหมือนกัน

    เขียนเพิ่มเมื่อวันที่ 11/6: ท่าทำความเคารพของจั๊วอี๊ที่ถูกต้องคือประสานมือก่อนแล้วค่อยดันมือออกไป (เหมือนที่ Storyฯ ได้บรรยายภาพที่เห็นในละครนะคะ ไม่ใช่กางแขนออกแล้วประสานไว้ไกลๆ เป็นวงใหญ่) อันนี้เป็นนัยว่าเรากำลังยื่นมือออกไปเชื้อเชิญให้อีกฝ่ายเปิดใจกับเราและเรากำลังเปิดใจให้กับเขา

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://today.line.me/tw/v2/article/l5nNxB
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://baike.baidu.hk/item/%E4%BD%9C%E6%8F%96/6203317
    https://kknews.cc/history/4lyoojx.html
    https://new.qq.com/omn/20190803/20190803A08S2B00.html
    https://www.newton.com.tw/wiki/%E4%BD%9C%E6%8F%96

    #จั๊วอี๊ #จัวอี #การคำนับแบบจีน #ว่านฝู #ราชวงศ์หมิง
    Storyฯ เพิ่งได้มีโอกาสดูละครเรื่อง <ร้อยรักปักดวงใจ> ซึ่งเป็นเรื่องราวสมัยราชวงศ์หมิง สิ่งที่สะดุดตามากคือท่าทำความเคารพ รู้สึกว่าทำออกมาได้ดีมากในหลายฉาก วันนี้เลยมาคุยให้ฟังกันสั้นๆ ฉากที่สะดุดตา Storyฯ มากคือฉากพิธีกราบไหว้ฟ้าดินของพระเอกนางเอก ลักษณะการคำนับคือยกมือขึ้นประสานทับกันระดับหน้าอกโดยฝ่ามือหันเข้าหาตัว จากนั้นดันมือออกไปให้ห่างตัวพร้อมกับค้อมตัวลง (ดูรูปประกอบ) การโค้งคำนับแบบนี้มีชื่อเรียกค่ะ คือ ‘จั๊วอี๊’ (作揖) จั๊วอี๊เป็นการคำนับอย่างเป็นทางการโดยไม่คุกเข่าลง ด้วยการยกมือขึ้นแบบที่กล่าวมาข้างต้น (อาจวางมือทาบซ้อนกันหรือกุมมือก็ได้) หากเป็นชายจะเป็นมือซ้ายทับมือขวา และหากเป็นหญิงจะเป็นขวาทับซ้าย (สังเกตเปรียบเทียบได้จากรูป) จากนั้นก้มหลังตรงจากเอวลงมาพร้อมกับดันมือออกไปข้างหน้าเล็กน้อย ในบันทึกทางพิธีการสมัยราชวงศ์โจว (1050-256 ปีก่อนคริสตกาล) มีการจำแนกจั๊วอี๊ออกเป็นอีกหลายลักษณะ คือ - ‘ถู่อี๊’ (土揖) คือการโค้งเล็กน้อย (ประมาณ 30 องศา) แล้วมือโน้มลงต่ำเล็กน้อย เป็นการเคารพคนที่มีอาวุโสน้อยกว่าหรือศักดิ์ด้อยกว่า; - ‘สืออี๊’(時揖) คือการโค้งต่ำ (ประมาณ 60 องศา) โดยที่ระดับมือยังอยู่ที่หน้าอก เป็นการเคารพคนที่อาวุโสกว่า; - ‘เทียนอี๊’(天揖) คือการโค้งเล็กน้อย (ประมาณ 30 องศา) และมือยกขึ้นสูงเล็กน้อย เป็นการเคารพคนที่เสมอศักดิ์; - ‘เท่ออี๊’ (特揖) คือคำนับอีกฝ่ายทีละคนแทนที่จะคำนับครั้งเดียวต่อคนทั้งกลุ่ม; - ‘หลี่ว์อี๊’(旅揖) คือคำนับในแบบที่แตกต่างกันตามศักดิ์ของฝ่ายตรงข้าม; - ‘ผางซานอี๊’(旁三揖) คือการคำนับสามครั้งต่อคนทั้งกลุ่ม; และ - ‘ฉางอี๊’ (长揖) คือการคำนับแบบโค้งตัวลงต่ำมาก มือยืดออกไปมากขึ้นและยกขึ้นสูง เป็นการเคารพแบบสูงสุดของการทำจั๊วอี๊ แต่ยังเทียบไม่ได้กับการคุกเข่าคำนับ จึงมีวลีที่ว่า ‘ฉางอี๊ปู๋ไป้’ (长揖不拜) อันหมายถึงการแสดงความทะนงตนด้วยการเคารพนอบน้อมแต่ไม่ยอมคุกเข่าให้ แต่ในกรณีที่เป็นการทำความเคารพในงานศพจะสลับมือกัน คือเป็นขวาทับซ้ายสำหรับชาย และซ้ายทับขวาสำหรับหญิงแทน จริงๆ แล้วตามบันทึกและภาพวาดทางประวัติศาสตร์กลับไม่ค่อยปรากฏสตรีมีการทำจั๊วอี๊สักเท่าไหร่ โดยเฉพาะตั้งแต่สมัยราชวงศ์ถังลงมา แล้วผู้หญิงเขาทำความเคารพอย่างไร? ในละครเรื่องเดียวกันจะเห็นผู้หญิงกำมือวางซ้อนกัน (ขวาบนซ้ายล่าง) อยู่ระดับเอวแล้วย่อตัวลงเล็กน้อย (ดูรูปประกอบ) ท่านี้เรียกว่า ‘ว่านฝู’ (万福) ซึ่งใช้ปกติทั่วไปในยุคสมัยหมิงยกเว้นกรณีที่เป็นทางการอย่างยิ่ง อย่างเช่นในเรื่อง <ร้อยรักปักดวงใจ> ที่นางเอกทำจั๊วอี๊ในพิธีกราบไหว้ฟ้าดิน ทั้งจั๊วอี๊และว่านฝูที่กล่าวมาข้างต้นเป็นการทำความเคารพแบบของชาวจีนเชื้อสายฮั่น ไม่ใช่แมนจู ดังนั้นเพื่อนเพจที่ดูละครสมัยราชวงศ์ชิงจะไม่เห็นท่าทำความเคารพแบบนี้แม้ว่าในสมัยชิงจะมีท่าทำความเคารพที่เรียกว่าว่านฝูเหมือนกัน เขียนเพิ่มเมื่อวันที่ 11/6: ท่าทำความเคารพของจั๊วอี๊ที่ถูกต้องคือประสานมือก่อนแล้วค่อยดันมือออกไป (เหมือนที่ Storyฯ ได้บรรยายภาพที่เห็นในละครนะคะ ไม่ใช่กางแขนออกแล้วประสานไว้ไกลๆ เป็นวงใหญ่) อันนี้เป็นนัยว่าเรากำลังยื่นมือออกไปเชื้อเชิญให้อีกฝ่ายเปิดใจกับเราและเรากำลังเปิดใจให้กับเขา (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://today.line.me/tw/v2/article/l5nNxB Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://baike.baidu.hk/item/%E4%BD%9C%E6%8F%96/6203317 https://kknews.cc/history/4lyoojx.html https://new.qq.com/omn/20190803/20190803A08S2B00.html https://www.newton.com.tw/wiki/%E4%BD%9C%E6%8F%96 #จั๊วอี๊ #จัวอี #การคำนับแบบจีน #ว่านฝู #ราชวงศ์หมิง
    TODAY.LINE.ME
    鍾漢良、譚松韻《錦心似玉》開播倒數,「庶女逆襲」超勵志,老夫少妻寵溺甜炸! | Bella儂儂 | LINE TODAY
    2020年許多陸劇都已就定位,目前正被排在待播的佇列,最近由鍾漢良、譚松韻主演的《錦心似玉》就已經邁入開播倒數,不過男主角從原本的宋威龍換角成鍾漢良,與女主角譚松韻配對卻被大家吐槽沒有CP感?大家就來看看這部戲還有什麼精彩亮點吧! 延伸閱讀:2020網友熱議6部陸劇推薦!甜寵神劇、懸疑推理、都市溫馨,每部讓人想一看再看 「庶女逆襲」劇情設定 source:#锦心似玉#-weibo 《錦心似玉》改編自紅遍中國網路的吱吱小說《庶女攻略》,「庶女逆襲」的安排,與唐嫣主演的《錦繡未央》、趙麗穎的《知否知否應是綠肥紅瘦》,劇情設定相同,女主角不再是天真無害的甜白傻,而是一步一步晉級打怪的「庶女逆襲」
    1 Comments 0 Shares 80 Views 0 Reviews
  • สวัสดีครับ เข้าใจเลยว่าคุณกำลังสนใจในเรื่องของ พลังแห่งความกล้า และ พลังที่ตรงกันข้ามกับความกล้า ซึ่งเป็นสองด้านที่น่าสนใจและมีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิตของเรา
    พลังแห่งความกล้า นั้นไม่ใช่การปราศจากความกลัว แต่เป็นการที่เราสามารถ ก้าวข้ามความกลัว และ ลงมือทำ ในสิ่งที่ถูกต้องหรือสิ่งที่ควรทำ แม้จะรู้สึกหวาดหวั่นก็ตาม ความกล้าหาญนำมาซึ่ง:
    * การเติบโตและพัฒนาตนเอง: การกล้าเผชิญกับความท้าทายและออกจาก Comfort Zone ทำให้เราได้เรียนรู้และพัฒนาศักยภาพของตนเอง
    * ความเชื่อมั่นในตนเอง: เมื่อเราเอาชนะความกลัวและทำสิ่งที่ตั้งใจได้สำเร็จ ความเชื่อมั่นในตนเองก็จะเพิ่มมากขึ้น
    * โอกาสใหม่ ๆ: ความกล้าที่จะลองทำสิ่งใหม่ ๆ หรือกล้าที่จะเสี่ยงอย่างมีเหตุผล มักนำมาซึ่งโอกาสดี ๆ ในชีวิต
    * การเป็นผู้นำ: ผู้ที่มีความกล้าหาญมักจะกล้าตัดสินใจและนำพาผู้อื่นไปในทิศทางที่ถูกต้อง
    * ความสุขและความภาคภูมิใจ: การได้ทำในสิ่งที่ใจปรารถนา แม้จะต้องเผชิญกับความยากลำบาก ย่อมนำมาซึ่งความสุขและความภาคภูมิใจในตนเอง
    ในทางตรงกันข้าม พลังที่ตรงกันข้ามกับความกล้า นั้นสามารถมองได้หลายแง่มุม แต่หลัก ๆ แล้วคือ ความกลัว และสิ่งที่เกิดจากความกลัว เช่น:
    * ความขลาดกลัว (Cowardice): คือการที่เราปล่อยให้ความกลัวครอบงำ จนไม่กล้าที่จะทำในสิ่งที่ควรทำ หรือหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับปัญหา
    * ความลังเลและความไม่มั่นใจ: ความกลัวมักนำไปสู่ความลังเลในการตัดสินใจ และความไม่มั่นใจในความสามารถของตนเอง ทำให้พลาดโอกาสดี ๆ ไป
    * การยึดติดกับความปลอดภัย (Staying in Comfort Zone): ความกลัวความล้มเหลวหรือความผิดพลาด ทำให้เราไม่กล้าที่จะออกจาก Comfort Zone และพลาดโอกาสในการเติบโต
    * ความเฉื่อยชาและการไม่ลงมือทำ: เมื่อความกลัวมีอำนาจเหนือกว่า เราก็มักจะผัดวันประกันพรุ่ง หรือไม่กล้าที่จะเริ่มต้นทำอะไรเลย
    * ความทุกข์และความเสียใจ: การปล่อยให้ความกลัวควบคุมชีวิต อาจนำมาซึ่งความรู้สึกเสียใจในภายหลัง ที่ไม่ได้ทำในสิ่งที่ต้องการ หรือไม่ได้เผชิญหน้ากับสิ่งที่ควรเผชิญ
    ความกล้าและความกลัวเป็นสิ่งที่อยู่คู่กัน ไม่มีใครที่ไม่เคยรู้สึกกลัว แต่สิ่งที่แตกต่างคือการที่เราจะจัดการกับความกลัวนั้นอย่างไร เราจะปล่อยให้มันหยุดยั้งเรา หรือเราจะรวบรวมความกล้าเพื่อก้าวข้ามมันไป
    การฝึกฝนความกล้าสามารถทำได้โดยการเริ่มจากสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เรากลัว แล้วค่อย ๆ เพิ่มระดับความท้าทายขึ้น เมื่อเราเผชิญหน้ากับความกลัวและเอาชนะมันได้ครั้งแล้วครั้งเล่า พลังแห่งความกล้าในตัวเราก็จะค่อย ๆ เติบโตขึ้นครับ
    สวัสดีครับ เข้าใจเลยว่าคุณกำลังสนใจในเรื่องของ พลังแห่งความกล้า และ พลังที่ตรงกันข้ามกับความกล้า ซึ่งเป็นสองด้านที่น่าสนใจและมีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิตของเรา พลังแห่งความกล้า นั้นไม่ใช่การปราศจากความกลัว แต่เป็นการที่เราสามารถ ก้าวข้ามความกลัว และ ลงมือทำ ในสิ่งที่ถูกต้องหรือสิ่งที่ควรทำ แม้จะรู้สึกหวาดหวั่นก็ตาม ความกล้าหาญนำมาซึ่ง: * การเติบโตและพัฒนาตนเอง: การกล้าเผชิญกับความท้าทายและออกจาก Comfort Zone ทำให้เราได้เรียนรู้และพัฒนาศักยภาพของตนเอง * ความเชื่อมั่นในตนเอง: เมื่อเราเอาชนะความกลัวและทำสิ่งที่ตั้งใจได้สำเร็จ ความเชื่อมั่นในตนเองก็จะเพิ่มมากขึ้น * โอกาสใหม่ ๆ: ความกล้าที่จะลองทำสิ่งใหม่ ๆ หรือกล้าที่จะเสี่ยงอย่างมีเหตุผล มักนำมาซึ่งโอกาสดี ๆ ในชีวิต * การเป็นผู้นำ: ผู้ที่มีความกล้าหาญมักจะกล้าตัดสินใจและนำพาผู้อื่นไปในทิศทางที่ถูกต้อง * ความสุขและความภาคภูมิใจ: การได้ทำในสิ่งที่ใจปรารถนา แม้จะต้องเผชิญกับความยากลำบาก ย่อมนำมาซึ่งความสุขและความภาคภูมิใจในตนเอง ในทางตรงกันข้าม พลังที่ตรงกันข้ามกับความกล้า นั้นสามารถมองได้หลายแง่มุม แต่หลัก ๆ แล้วคือ ความกลัว และสิ่งที่เกิดจากความกลัว เช่น: * ความขลาดกลัว (Cowardice): คือการที่เราปล่อยให้ความกลัวครอบงำ จนไม่กล้าที่จะทำในสิ่งที่ควรทำ หรือหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับปัญหา * ความลังเลและความไม่มั่นใจ: ความกลัวมักนำไปสู่ความลังเลในการตัดสินใจ และความไม่มั่นใจในความสามารถของตนเอง ทำให้พลาดโอกาสดี ๆ ไป * การยึดติดกับความปลอดภัย (Staying in Comfort Zone): ความกลัวความล้มเหลวหรือความผิดพลาด ทำให้เราไม่กล้าที่จะออกจาก Comfort Zone และพลาดโอกาสในการเติบโต * ความเฉื่อยชาและการไม่ลงมือทำ: เมื่อความกลัวมีอำนาจเหนือกว่า เราก็มักจะผัดวันประกันพรุ่ง หรือไม่กล้าที่จะเริ่มต้นทำอะไรเลย * ความทุกข์และความเสียใจ: การปล่อยให้ความกลัวควบคุมชีวิต อาจนำมาซึ่งความรู้สึกเสียใจในภายหลัง ที่ไม่ได้ทำในสิ่งที่ต้องการ หรือไม่ได้เผชิญหน้ากับสิ่งที่ควรเผชิญ ความกล้าและความกลัวเป็นสิ่งที่อยู่คู่กัน ไม่มีใครที่ไม่เคยรู้สึกกลัว แต่สิ่งที่แตกต่างคือการที่เราจะจัดการกับความกลัวนั้นอย่างไร เราจะปล่อยให้มันหยุดยั้งเรา หรือเราจะรวบรวมความกล้าเพื่อก้าวข้ามมันไป การฝึกฝนความกล้าสามารถทำได้โดยการเริ่มจากสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เรากลัว แล้วค่อย ๆ เพิ่มระดับความท้าทายขึ้น เมื่อเราเผชิญหน้ากับความกลัวและเอาชนะมันได้ครั้งแล้วครั้งเล่า พลังแห่งความกล้าในตัวเราก็จะค่อย ๆ เติบโตขึ้นครับ
    0 Comments 0 Shares 46 Views 0 Reviews
  • หลวงพ่อโสธร เนื้อผงพุทธคุณ
    หลวงพ่อโสธร เนื้อผงพุทธคุณ //หลวงพ่อโสธร หรือ หลวงพ่อพระพุทธโสธร เป็นพระพุทธรูปองค์สำคัญของจังหวัดฉะเชิงเทรา // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณครบทุกด้านให้คุณทางด้านอำนวยโชคลาภ ความมั่งคั่งทรัพย์สินเงินทอง อุดมด้วย ลาภ ยศ ความเจริญรุ่งเรืองดีนักแล” ทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาด ป้องกันภัย มหาเสน่ห์ มหาอุด รวมทั้งไล่ภูตผี และใช้กันเสนียดจัญไรได้ >>

    ** พระพุทธโสธร หรือที่โดยทั่วไปนิยมเรียกว่า หลวงพ่อโสธร ตามประวัติความเป็นมากล่าวว่าประดิษฐานที่วัดโสธรวรารามวรวิหาร อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา ตั้งแต่ราว พ.ศ. ๒๓๑๓ มีตำนานแสดงถึงพุทธานุภาพอันศักดิ์สิทธิที่เล่าขานสืบต่อกันมาว่าเดิมทีนั้นประดิษฐานอยู่ทางภาคเหนือ ต่อมาบ้านเมืองเกิดเหตุการณ์ระส่ำระสายจึงได้แสดงปาฏิหาริย์ลอยน้ำลงมาพร้อมกับพี่น้อง ๓ องค์ พระพุทธรูปองค์พี่มีขนาดใหญ่ล่องไปถึงแม่น้ำแม่กลอง ชาวประมงอัญเชิญขึ้นประดิษฐานไว้ที่วัดบ้านแหลม จังหวัดสมุทรสงคราม และเป็นที่รู้จักกันในชื่อ “หลวงพ่อบ้านแหลม” พระพุทธรูปองค์เล็กล่องเข้าไปที่คลองบางพลี คือหลวงพ่อโต วัดบางพลีใหญ่ จังหวัดสมุทรปราการ ส่วนพระพุทธรูปองค์กลางนั้นล่องไปทางแม่น้ำบางปะกง เมื่อมาถึงบริเวณหน้าวัดหงส์ ชาวบ้านจำนวนมากช่วยกันยกฉุดแต่ก็ไม่สามารถนำขึ้นจากน้ำได้ จนมีอาจารย์ผู้หนึ่งได้ทำพิธีบวงสรวง และใช้ด้ายสายสิญจน์คล้องพระหัตถ์อัญเชิญขึ้นจากน้ำเป็นอันสำเร็จ วัดหงส์นี้กาลภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นวัดโสธร และขนานนามพระพุทธรูปศักดิ์สิทธินี้ตามชื่อวัดคือ “หลวงพ่อโสธร” >>

    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    หลวงพ่อโสธร เนื้อผงพุทธคุณ หลวงพ่อโสธร เนื้อผงพุทธคุณ //หลวงพ่อโสธร หรือ หลวงพ่อพระพุทธโสธร เป็นพระพุทธรูปองค์สำคัญของจังหวัดฉะเชิงเทรา // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณครบทุกด้านให้คุณทางด้านอำนวยโชคลาภ ความมั่งคั่งทรัพย์สินเงินทอง อุดมด้วย ลาภ ยศ ความเจริญรุ่งเรืองดีนักแล” ทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาด ป้องกันภัย มหาเสน่ห์ มหาอุด รวมทั้งไล่ภูตผี และใช้กันเสนียดจัญไรได้ >> ** พระพุทธโสธร หรือที่โดยทั่วไปนิยมเรียกว่า หลวงพ่อโสธร ตามประวัติความเป็นมากล่าวว่าประดิษฐานที่วัดโสธรวรารามวรวิหาร อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา ตั้งแต่ราว พ.ศ. ๒๓๑๓ มีตำนานแสดงถึงพุทธานุภาพอันศักดิ์สิทธิที่เล่าขานสืบต่อกันมาว่าเดิมทีนั้นประดิษฐานอยู่ทางภาคเหนือ ต่อมาบ้านเมืองเกิดเหตุการณ์ระส่ำระสายจึงได้แสดงปาฏิหาริย์ลอยน้ำลงมาพร้อมกับพี่น้อง ๓ องค์ พระพุทธรูปองค์พี่มีขนาดใหญ่ล่องไปถึงแม่น้ำแม่กลอง ชาวประมงอัญเชิญขึ้นประดิษฐานไว้ที่วัดบ้านแหลม จังหวัดสมุทรสงคราม และเป็นที่รู้จักกันในชื่อ “หลวงพ่อบ้านแหลม” พระพุทธรูปองค์เล็กล่องเข้าไปที่คลองบางพลี คือหลวงพ่อโต วัดบางพลีใหญ่ จังหวัดสมุทรปราการ ส่วนพระพุทธรูปองค์กลางนั้นล่องไปทางแม่น้ำบางปะกง เมื่อมาถึงบริเวณหน้าวัดหงส์ ชาวบ้านจำนวนมากช่วยกันยกฉุดแต่ก็ไม่สามารถนำขึ้นจากน้ำได้ จนมีอาจารย์ผู้หนึ่งได้ทำพิธีบวงสรวง และใช้ด้ายสายสิญจน์คล้องพระหัตถ์อัญเชิญขึ้นจากน้ำเป็นอันสำเร็จ วัดหงส์นี้กาลภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นวัดโสธร และขนานนามพระพุทธรูปศักดิ์สิทธินี้ตามชื่อวัดคือ “หลวงพ่อโสธร” >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 Comments 0 Shares 49 Views 0 Reviews
  • พักนี้คงเจอเรื่องกดดันมามากพอแล้ว แต่รอบข้างไม่เอื้อ แถมบีบผมให้ทำตามความคิดของเขาจนผมเสียตัวตน ผมเลยคิดว่าถ้าจะให้ผมทำงาน กกต. อีก บอกเลย ผมไม่ทำแล้ว เพราะสภาพแวดล้อมอย่างตึงเครียดสุดๆ กดดันสุดๆ ดุสุดๆ ผมเลยคิดว่าต้องเปลี่ยนสภาพแวดล้อมการทำงาน เพราะงาน กกต. ไม่ใช่ทางของผม
    พักนี้คงเจอเรื่องกดดันมามากพอแล้ว แต่รอบข้างไม่เอื้อ แถมบีบผมให้ทำตามความคิดของเขาจนผมเสียตัวตน ผมเลยคิดว่าถ้าจะให้ผมทำงาน กกต. อีก บอกเลย ผมไม่ทำแล้ว เพราะสภาพแวดล้อมอย่างตึงเครียดสุดๆ กดดันสุดๆ ดุสุดๆ ผมเลยคิดว่าต้องเปลี่ยนสภาพแวดล้อมการทำงาน เพราะงาน กกต. ไม่ใช่ทางของผม
    0 Comments 0 Shares 15 Views 0 Reviews
  • อิหร่านเปิดตัวขีปนาวุธ Qassem Basir ที่มีความแม่นยำ และ ‘หลบเลี่ยงสงครามอิเล็กทรอนิกส์’ ได้อย่างดีเยี่ยม

    การเปิดตัวขีปนาวุธใหม่ของอิหร่านเกิดขึ้นในช่วงเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง หลังจากที่มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐประกาศว่า อิหร่านต้องยุติโครงการขีปนาวุธพิสัยใกล้

    คุณสมบัติบางอย่างที่มีการกล่าวถึงของขีปนาวุธใหม่:

    👉 ขีปนาวุธดังกล่าวได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อหลบเลี่ยงระบบป้องกัน THAAD ของสหรัฐ รวมทั้งระบบต่อต้านขีปนาวุธอื่นๆด้วย

    👉 มีพิสัยการบิน 1,300 กม. ซึ่งครอบคลุมดินแดนทั้งหมดของอิสราเอล

    👉 ใช้เทคโนโลยีล่องหนขั้นสูง: ตัวขีปนาวุธทำจากวัสดุคอมโพสิตคาร์บอน สามารถหลบเลี่ยงการตรวจจับของเรดาร์ได้อย่างดี ซึ่งเบากว่า เร็วกว่า และดูดซับเรดาร์ได้

    👉 ไม่ใช้ระบบ GPS ทำให้ล้มเหลวในการสกัดกั้นด้วยดาวเทียม แม้แต่ระบบป้องกันบนอวกาศก็ไม่สามารถติดตามหัวรบได้

    👉ขีปนาวุธนี้โจมตีเป้าหมายโดยเบี่ยงเบนศูนย์ (ไม่ถึงหนึ่งเมตร) โดยไม่ต้องพึ่งระบบนำทาง GPS
    อิหร่านเปิดตัวขีปนาวุธ Qassem Basir ที่มีความแม่นยำ และ ‘หลบเลี่ยงสงครามอิเล็กทรอนิกส์’ ได้อย่างดีเยี่ยม การเปิดตัวขีปนาวุธใหม่ของอิหร่านเกิดขึ้นในช่วงเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง หลังจากที่มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐประกาศว่า อิหร่านต้องยุติโครงการขีปนาวุธพิสัยใกล้ คุณสมบัติบางอย่างที่มีการกล่าวถึงของขีปนาวุธใหม่: 👉 ขีปนาวุธดังกล่าวได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อหลบเลี่ยงระบบป้องกัน THAAD ของสหรัฐ รวมทั้งระบบต่อต้านขีปนาวุธอื่นๆด้วย 👉 มีพิสัยการบิน 1,300 กม. ซึ่งครอบคลุมดินแดนทั้งหมดของอิสราเอล 👉 ใช้เทคโนโลยีล่องหนขั้นสูง: ตัวขีปนาวุธทำจากวัสดุคอมโพสิตคาร์บอน สามารถหลบเลี่ยงการตรวจจับของเรดาร์ได้อย่างดี ซึ่งเบากว่า เร็วกว่า และดูดซับเรดาร์ได้ 👉 ไม่ใช้ระบบ GPS ทำให้ล้มเหลวในการสกัดกั้นด้วยดาวเทียม แม้แต่ระบบป้องกันบนอวกาศก็ไม่สามารถติดตามหัวรบได้ 👉ขีปนาวุธนี้โจมตีเป้าหมายโดยเบี่ยงเบนศูนย์ (ไม่ถึงหนึ่งเมตร) โดยไม่ต้องพึ่งระบบนำทาง GPS
    Sad
    1
    0 Comments 0 Shares 105 Views 10 0 Reviews
  • เนทันยาฮูประกาศตอบโต้การโจมตีของกลุ่มฮูตีและอิหร่าน!!

    “การโจมตีของกลุ่มฮูตีมีต้นตอมาจากอิหร่าน อิสราเอลจะตอบโต้กลุ่มฮูตีที่โจมตีสนามบินเรา ในเวลาและสถานที่ที่เราเลือก รวมทั้งตอบโต้ผู้ก่อการร้ายอิหร่านเจ้านายของพวกเขาด้วย“


    ทั้งนี้เนทันยาฮูมีการอ้างอิงคำพูดของทรัมป์เมื่อเดือนมีนาคม โดยกล่าวหาอิหร่านอยู่เบื้องหลังกลุ่มฮูตี

    ผู้เชี่ยวชาญหลายรายเชื่อว่าการที่เนทันยาฮูอ้างคำพูดของทรัมป์ เพื่อเป็นการขอไฟเขียวโจมตีอิหร่าน แม้ว่าในระยะหลัง ทรัมป์มีท่าทีเปลี่ยนแนวคิดที่มีต่ออิหร่าน โดยต้องการใช้ช่องทางการเจรจามากขึ้นก็ตาม


    หลุมที่เกิดจากขีปนาวุธของฮูตีที่สนามบินเบน กูเรียน มีความลึกประมาณ 25 เมตร!!
    เนทันยาฮูประกาศตอบโต้การโจมตีของกลุ่มฮูตีและอิหร่าน!! “การโจมตีของกลุ่มฮูตีมีต้นตอมาจากอิหร่าน อิสราเอลจะตอบโต้กลุ่มฮูตีที่โจมตีสนามบินเรา ในเวลาและสถานที่ที่เราเลือก รวมทั้งตอบโต้ผู้ก่อการร้ายอิหร่านเจ้านายของพวกเขาด้วย“ ทั้งนี้เนทันยาฮูมีการอ้างอิงคำพูดของทรัมป์เมื่อเดือนมีนาคม โดยกล่าวหาอิหร่านอยู่เบื้องหลังกลุ่มฮูตี ผู้เชี่ยวชาญหลายรายเชื่อว่าการที่เนทันยาฮูอ้างคำพูดของทรัมป์ เพื่อเป็นการขอไฟเขียวโจมตีอิหร่าน แม้ว่าในระยะหลัง ทรัมป์มีท่าทีเปลี่ยนแนวคิดที่มีต่ออิหร่าน โดยต้องการใช้ช่องทางการเจรจามากขึ้นก็ตาม หลุมที่เกิดจากขีปนาวุธของฮูตีที่สนามบินเบน กูเรียน มีความลึกประมาณ 25 เมตร!!
    Sad
    1
    0 Comments 0 Shares 83 Views 0 Reviews
  • ประธานาธิบดีทรัมป์สั่งเปิดเรือนจำอัลคาทราซอีกครั้งเพื่อใช้คุมขังผู้กระทำความผิดที่โหดเหี้ยมและรุนแรงที่สุดในอเมริกา

    “วันนี้ ผมกำลังสั่งการให้กรมราชทัณฑ์ ร่วมกับกระทรวงยุติธรรม เอฟบีไอ และกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ เปิดเรือนจำอัลคาทราซที่ขยายใหญ่ขึ้นและสร้างขึ้นใหม่ เพื่อใช้คุมขังผู้กระทำความผิดที่โหดร้ายและรุนแรงที่สุดในอเมริกา”
    .

    เกี่ยวกับ "อัลคาทราซ"

    เรือนจำอัลคาทราซ เป็นอดีตเรือนจำซึ่งตั้งอยู่บนเกาะนอกชายฝั่งซานฟรานซิสโก ที่ปิดมานานกว่า 60 ปี โดยปิดตัวลงตั้งแต่ปี 2506 และได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง

    ในปี 1962 นักโทษชายสามคนประสบผลสำเร็จในการหลบหนีออกจากเรือนจำ “อัลคาทราซ” (Alcatraz) สถานที่ที่มีการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนาที่สุดของสหรัฐ ประกอบไปด้วย แฟรงก์ มอร์ริส และสองพี่น้องตระกูลแอนกลิน

    เริ่มต้นนั้น "อัลคาทราซ" คือป้อมปืนของกองทัพเรือ ซึ่งใช้ป้องกันศัตรูไม่ให้ล่วงล้ำเข้ามาในน่านน้ำของอ่าวซานฟรานซิสโก

    ต่อมาในช่วงสงครามกลางเมืองของสหรัฐ ถูกดัดแปลงใช้เป็นที่คุมขังนักโทษที่เป็นฝ่ายสมาพันธรัฐ เนื่องจากเป็นเกาะที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยวและมีหน้าผาสูงชัน ทั้งยังมีกระแสน้ำเย็นยะเยือกที่ไหลเชี่ยวล้อมรอบ

    ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 มีการปรับปรุงป้อมปราการเก่าให้กลายเป็นเรือนจำทหาร และต่อมาในช่วงทศวรรษ 1930 ขณะที่รัฐบาลสหรัฐฯ พยายามจัดการกับบรรดาแก๊งอาชญากรรมที่ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด เพราะนโยบายห้ามผลิตและค้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (Prohibition) กระทรวงยุติธรรมได้เข้าควบคุมเรือนจำอัลคาทราซ และเริ่มโยกย้ายนักโทษตัวอันตรายที่อยู่ในระบบเรือนจำของรัฐบาลกลางมาที่นั่น ในจำนวนนี้มีอาชญากรชื่อดังอย่างเจ้าพ่ออัลคาโปน, มิกกี โคเฮน, จอร์จ เคลลี เจ้าของฉายา “ปืนกล”, และฆาตกรตัวฉกาจอย่างโรเบิร์ต สตราวด์ ซึ่งต่อมาเป็นที่รู้จักกันดีในฉายา “คนเลี้ยงนกแห่งอัลคาทราซ” (Birdman of Alcatraz)

    รายละเอียดเพิ่มเติม
    https://www.bbc.com/thai/articles/cv225351q59o

    ประธานาธิบดีทรัมป์สั่งเปิดเรือนจำอัลคาทราซอีกครั้งเพื่อใช้คุมขังผู้กระทำความผิดที่โหดเหี้ยมและรุนแรงที่สุดในอเมริกา “วันนี้ ผมกำลังสั่งการให้กรมราชทัณฑ์ ร่วมกับกระทรวงยุติธรรม เอฟบีไอ และกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ เปิดเรือนจำอัลคาทราซที่ขยายใหญ่ขึ้นและสร้างขึ้นใหม่ เพื่อใช้คุมขังผู้กระทำความผิดที่โหดร้ายและรุนแรงที่สุดในอเมริกา” . เกี่ยวกับ "อัลคาทราซ" เรือนจำอัลคาทราซ เป็นอดีตเรือนจำซึ่งตั้งอยู่บนเกาะนอกชายฝั่งซานฟรานซิสโก ที่ปิดมานานกว่า 60 ปี โดยปิดตัวลงตั้งแต่ปี 2506 และได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง ในปี 1962 นักโทษชายสามคนประสบผลสำเร็จในการหลบหนีออกจากเรือนจำ “อัลคาทราซ” (Alcatraz) สถานที่ที่มีการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนาที่สุดของสหรัฐ ประกอบไปด้วย แฟรงก์ มอร์ริส และสองพี่น้องตระกูลแอนกลิน เริ่มต้นนั้น "อัลคาทราซ" คือป้อมปืนของกองทัพเรือ ซึ่งใช้ป้องกันศัตรูไม่ให้ล่วงล้ำเข้ามาในน่านน้ำของอ่าวซานฟรานซิสโก ต่อมาในช่วงสงครามกลางเมืองของสหรัฐ ถูกดัดแปลงใช้เป็นที่คุมขังนักโทษที่เป็นฝ่ายสมาพันธรัฐ เนื่องจากเป็นเกาะที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยวและมีหน้าผาสูงชัน ทั้งยังมีกระแสน้ำเย็นยะเยือกที่ไหลเชี่ยวล้อมรอบ ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 มีการปรับปรุงป้อมปราการเก่าให้กลายเป็นเรือนจำทหาร และต่อมาในช่วงทศวรรษ 1930 ขณะที่รัฐบาลสหรัฐฯ พยายามจัดการกับบรรดาแก๊งอาชญากรรมที่ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด เพราะนโยบายห้ามผลิตและค้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (Prohibition) กระทรวงยุติธรรมได้เข้าควบคุมเรือนจำอัลคาทราซ และเริ่มโยกย้ายนักโทษตัวอันตรายที่อยู่ในระบบเรือนจำของรัฐบาลกลางมาที่นั่น ในจำนวนนี้มีอาชญากรชื่อดังอย่างเจ้าพ่ออัลคาโปน, มิกกี โคเฮน, จอร์จ เคลลี เจ้าของฉายา “ปืนกล”, และฆาตกรตัวฉกาจอย่างโรเบิร์ต สตราวด์ ซึ่งต่อมาเป็นที่รู้จักกันดีในฉายา “คนเลี้ยงนกแห่งอัลคาทราซ” (Birdman of Alcatraz) รายละเอียดเพิ่มเติม https://www.bbc.com/thai/articles/cv225351q59o
    Sad
    1
    0 Comments 0 Shares 110 Views 0 Reviews
  • เปิด 8 ตัวเต็ง ชิงเก้าอี้ 'อัยการสูงสุด'
    .
    อีกไม่นานสำนักงานอัยการสูงสุดกำลังจะเดินมาถึงจุดเปลี่ยนผ่านที่สำคัญ เนื่องจาก นายไพรัช พรสมบูรณ์ศิริ อัยการสูงสุด คนปัจจุบันจะครบวาระการดำรงตำแหน่งในวันที่ 30 กันยายน 2568
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000041880

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    เปิด 8 ตัวเต็ง ชิงเก้าอี้ 'อัยการสูงสุด' . อีกไม่นานสำนักงานอัยการสูงสุดกำลังจะเดินมาถึงจุดเปลี่ยนผ่านที่สำคัญ เนื่องจาก นายไพรัช พรสมบูรณ์ศิริ อัยการสูงสุด คนปัจจุบันจะครบวาระการดำรงตำแหน่งในวันที่ 30 กันยายน 2568 . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000041880 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    5
    0 Comments 1 Shares 343 Views 0 Reviews
  • Samsung ประสบปัญหาขาดทุน 400 ล้านดอลลาร์ หลังจากตัดสินใจ ยกเลิกการใช้ชิป Exynos 2500 ในสมาร์ทโฟน Galaxy S25 Series เนื่องจากปัญหาด้าน ผลผลิตต่ำและประสิทธิภาพที่ไม่สามารถแข่งขันกับ Snapdragon 8 Elite ได้

    เพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์เช่นนี้ในอนาคต Samsung มีแผนที่จะเปิดตัว Exynos 2600 ใน Galaxy S26 Series โดยคาดว่าจะใช้เฉพาะใน รุ่นที่จำหน่ายในยุโรป เนื่องจากปัญหาด้านผลผลิตที่ยังคงต่ำ

    ✅ Samsung ขาดทุน 400 ล้านดอลลาร์จากการยกเลิก Exynos 2500
    - ตัดสินใจใช้ Snapdragon 8 Elite ใน Galaxy S25 Series
    - ผลผลิตของ Exynos 2500 ต่ำและไม่สามารถแข่งขันกับ Snapdragon ได้

    ✅ Exynos 2600 อาจถูกใช้ใน Galaxy S26 รุ่นยุโรป
    - ผลผลิตยังคงต่ำ ทำให้มีการจำกัดการใช้งานในบางรุ่น
    - คาดว่า Snapdragon 8 Elite Gen 2 จะยังคงมีประสิทธิภาพเหนือกว่า

    ✅ Samsung ตั้งเป้าปรับปรุงกระบวนการผลิต 2nm GAA
    - ตั้งเป้าให้ ผลผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 60% เพื่อรองรับการผลิตเต็มรูปแบบ
    - คาดว่าจะเริ่มการผลิตจำนวนมากใน ครึ่งหลังของปี 2025

    ✅ ผลกระทบต่อกลยุทธ์ของ Samsung ในตลาดชิปเซ็ต
    - Samsung ต้องการลดต้นทุนการผลิตชิปโดยใช้ Exynos 2600
    - อาจมีการเปิดตัว Exynos 2600 ใน Galaxy Z Flip 7

    https://wccftech.com/samsung-lost-400-million-for-dropping-exynos-2500-in-the-galaxy-s25-series/
    Samsung ประสบปัญหาขาดทุน 400 ล้านดอลลาร์ หลังจากตัดสินใจ ยกเลิกการใช้ชิป Exynos 2500 ในสมาร์ทโฟน Galaxy S25 Series เนื่องจากปัญหาด้าน ผลผลิตต่ำและประสิทธิภาพที่ไม่สามารถแข่งขันกับ Snapdragon 8 Elite ได้ เพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์เช่นนี้ในอนาคต Samsung มีแผนที่จะเปิดตัว Exynos 2600 ใน Galaxy S26 Series โดยคาดว่าจะใช้เฉพาะใน รุ่นที่จำหน่ายในยุโรป เนื่องจากปัญหาด้านผลผลิตที่ยังคงต่ำ ✅ Samsung ขาดทุน 400 ล้านดอลลาร์จากการยกเลิก Exynos 2500 - ตัดสินใจใช้ Snapdragon 8 Elite ใน Galaxy S25 Series - ผลผลิตของ Exynos 2500 ต่ำและไม่สามารถแข่งขันกับ Snapdragon ได้ ✅ Exynos 2600 อาจถูกใช้ใน Galaxy S26 รุ่นยุโรป - ผลผลิตยังคงต่ำ ทำให้มีการจำกัดการใช้งานในบางรุ่น - คาดว่า Snapdragon 8 Elite Gen 2 จะยังคงมีประสิทธิภาพเหนือกว่า ✅ Samsung ตั้งเป้าปรับปรุงกระบวนการผลิต 2nm GAA - ตั้งเป้าให้ ผลผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 60% เพื่อรองรับการผลิตเต็มรูปแบบ - คาดว่าจะเริ่มการผลิตจำนวนมากใน ครึ่งหลังของปี 2025 ✅ ผลกระทบต่อกลยุทธ์ของ Samsung ในตลาดชิปเซ็ต - Samsung ต้องการลดต้นทุนการผลิตชิปโดยใช้ Exynos 2600 - อาจมีการเปิดตัว Exynos 2600 ใน Galaxy Z Flip 7 https://wccftech.com/samsung-lost-400-million-for-dropping-exynos-2500-in-the-galaxy-s25-series/
    WCCFTECH.COM
    Samsung Was Estimated To Lose Around $400 Million After It Decided To Drop The Exynos 2500 For The Galaxy S25 Series; European Galaxy S26 Models To Be Equipped With Exynos 2600
    The Exynos 2600 will apparently be found in some Galaxy S26 variants, as Samsung was estimated to lose $400 million for dropping the Exynos 2500
    0 Comments 0 Shares 49 Views 0 Reviews
  • Samsung กำลังต่อสู้กับ คำสั่งเรียกเก็บภาษีมูลค่า 520 ล้านดอลลาร์ จากรัฐบาลอินเดีย โดยอ้างว่า บริษัท Reliance Jio เคยนำเข้าอุปกรณ์เดียวกันโดยไม่เสียภาษี เป็นเวลาหลายปี

    รัฐบาลอินเดียกล่าวหาว่า Samsung หลีกเลี่ยงภาษี 10-20% โดยการ จัดประเภทผิดพลาด สำหรับอุปกรณ์เครือข่ายที่นำเข้าจาก เกาหลีและเวียดนาม ระหว่างปี 2018-2021 ซึ่งถูกขายให้กับ Reliance Jio

    Samsung โต้แย้งว่า หน่วยงานภาษีอินเดียรับรู้ถึงแนวทางการนำเข้านี้มานานแล้ว และไม่เคยตั้งคำถามเกี่ยวกับการจัดประเภทสินค้าจนกระทั่งปี 2025

    ✅ Samsung ถูกเรียกเก็บภาษี 520 ล้านดอลลาร์จากรัฐบาลอินเดีย
    - ถูกกล่าวหาว่า จัดประเภทผิดพลาด สำหรับอุปกรณ์เครือข่าย
    - อุปกรณ์ดังกล่าวถูกขายให้กับ Reliance Jio

    ✅ ข้อโต้แย้งของ Samsung
    - อ้างว่า Reliance Jio เคยนำเข้าอุปกรณ์เดียวกันโดยไม่เสียภาษี
    - หน่วยงานภาษีอินเดีย รับรู้ถึงแนวทางนี้มานานแล้ว

    ✅ ผลกระทบต่อธุรกิจของ Samsung ในอินเดีย
    - คำสั่งเรียกเก็บภาษีคิดเป็น มากกว่า 50% ของกำไรสุทธิของ Samsung ในอินเดียปีที่แล้ว
    - อาจส่งผลต่อ กลยุทธ์ทางธุรกิจของ Samsung ในตลาดอินเดีย

    ✅ แนวทางการต่อสู้ของ Samsung
    - ยื่นคำร้องต่อ ศาลภาษีในมุมไบ
    - อ้างว่า ไม่ได้รับโอกาสที่เป็นธรรมในการนำเสนอหลักฐาน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/04/samsung-fights-520-million-india-tax-demand-points-to-reliance-practice
    Samsung กำลังต่อสู้กับ คำสั่งเรียกเก็บภาษีมูลค่า 520 ล้านดอลลาร์ จากรัฐบาลอินเดีย โดยอ้างว่า บริษัท Reliance Jio เคยนำเข้าอุปกรณ์เดียวกันโดยไม่เสียภาษี เป็นเวลาหลายปี รัฐบาลอินเดียกล่าวหาว่า Samsung หลีกเลี่ยงภาษี 10-20% โดยการ จัดประเภทผิดพลาด สำหรับอุปกรณ์เครือข่ายที่นำเข้าจาก เกาหลีและเวียดนาม ระหว่างปี 2018-2021 ซึ่งถูกขายให้กับ Reliance Jio Samsung โต้แย้งว่า หน่วยงานภาษีอินเดียรับรู้ถึงแนวทางการนำเข้านี้มานานแล้ว และไม่เคยตั้งคำถามเกี่ยวกับการจัดประเภทสินค้าจนกระทั่งปี 2025 ✅ Samsung ถูกเรียกเก็บภาษี 520 ล้านดอลลาร์จากรัฐบาลอินเดีย - ถูกกล่าวหาว่า จัดประเภทผิดพลาด สำหรับอุปกรณ์เครือข่าย - อุปกรณ์ดังกล่าวถูกขายให้กับ Reliance Jio ✅ ข้อโต้แย้งของ Samsung - อ้างว่า Reliance Jio เคยนำเข้าอุปกรณ์เดียวกันโดยไม่เสียภาษี - หน่วยงานภาษีอินเดีย รับรู้ถึงแนวทางนี้มานานแล้ว ✅ ผลกระทบต่อธุรกิจของ Samsung ในอินเดีย - คำสั่งเรียกเก็บภาษีคิดเป็น มากกว่า 50% ของกำไรสุทธิของ Samsung ในอินเดียปีที่แล้ว - อาจส่งผลต่อ กลยุทธ์ทางธุรกิจของ Samsung ในตลาดอินเดีย ✅ แนวทางการต่อสู้ของ Samsung - ยื่นคำร้องต่อ ศาลภาษีในมุมไบ - อ้างว่า ไม่ได้รับโอกาสที่เป็นธรรมในการนำเสนอหลักฐาน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/04/samsung-fights-520-million-india-tax-demand-points-to-reliance-practice
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Samsung fights $520 million India tax demand, points to Reliance practice
    NEW DELHI (Reuters) -Samsung has asked an Indian tribunal to quash a $520 million tax demand for allegedly misclassifying imports of networking gear, arguing officials were aware of the practice as India's Reliance imported the same component in a similar manner for years, documents show.
    0 Comments 0 Shares 55 Views 0 Reviews
  • บทความนี้กล่าวถึง PowerToys ซึ่งเป็นชุดเครื่องมือขั้นสูงสำหรับ Windows 10 และ 11 ที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2019 และได้รับการอัปเดตอย่างต่อเนื่อง โดยผู้เขียนแนะนำว่า Microsoft ควรนำฟีเจอร์บางส่วนของ PowerToys มาเป็นส่วนหนึ่งของ Windows 11

    PowerToys มีต้นกำเนิดจากยุค Windows 95 ซึ่งบางฟีเจอร์เดิมได้ถูกนำมาใช้ใน Windows รุ่นหลัง เช่น Quick Res ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนความละเอียดหน้าจอได้อย่างรวดเร็ว

    ✅ Always on Top
    - กด Win + Ctrl + T เพื่อให้แอปที่ใช้งานอยู่ติดอยู่ด้านบนสุด
    - สามารถใช้กับ Sticky Notes, Browser Tabs, Messengers และ Calculator

    ✅ Peek
    - กด Ctrl + Space เพื่อดูตัวอย่างไฟล์โดยไม่ต้องเปิดแอป
    - รองรับ ภาพ, Excel, PDF, และไฟล์ข้อความ

    ✅ Mouse Utilities
    - กด Ctrl ซ้ายสองครั้ง เพื่อค้นหาตำแหน่งเคอร์เซอร์
    - ไฮไลต์การคลิกเมาส์และเปลี่ยนเคอร์เซอร์เป็น Crosshair

    ✅ Command Palette / PowerToys Run
    - เครื่องมือค้นหาที่เร็วและแม่นยำกว่าระบบ Windows Search
    - สามารถค้นหา แอป, ไฟล์, โฟลเดอร์, คำสั่งระบบ และเว็บเพจ

    ✅ Shortcut Guide
    - แสดงรายการ คีย์ลัดของ Windows โดยกดปุ่ม Windows ค้างไว้
    - ช่วยให้ผู้ใช้ใหม่เรียนรู้ การใช้งาน Windows 11 ได้เร็วขึ้น

    https://www.neowin.net/news/microsoft-should-integrate-these-five-powertoys-utilities-into-windows-11/
    บทความนี้กล่าวถึง PowerToys ซึ่งเป็นชุดเครื่องมือขั้นสูงสำหรับ Windows 10 และ 11 ที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2019 และได้รับการอัปเดตอย่างต่อเนื่อง โดยผู้เขียนแนะนำว่า Microsoft ควรนำฟีเจอร์บางส่วนของ PowerToys มาเป็นส่วนหนึ่งของ Windows 11 PowerToys มีต้นกำเนิดจากยุค Windows 95 ซึ่งบางฟีเจอร์เดิมได้ถูกนำมาใช้ใน Windows รุ่นหลัง เช่น Quick Res ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนความละเอียดหน้าจอได้อย่างรวดเร็ว ✅ Always on Top - กด Win + Ctrl + T เพื่อให้แอปที่ใช้งานอยู่ติดอยู่ด้านบนสุด - สามารถใช้กับ Sticky Notes, Browser Tabs, Messengers และ Calculator ✅ Peek - กด Ctrl + Space เพื่อดูตัวอย่างไฟล์โดยไม่ต้องเปิดแอป - รองรับ ภาพ, Excel, PDF, และไฟล์ข้อความ ✅ Mouse Utilities - กด Ctrl ซ้ายสองครั้ง เพื่อค้นหาตำแหน่งเคอร์เซอร์ - ไฮไลต์การคลิกเมาส์และเปลี่ยนเคอร์เซอร์เป็น Crosshair ✅ Command Palette / PowerToys Run - เครื่องมือค้นหาที่เร็วและแม่นยำกว่าระบบ Windows Search - สามารถค้นหา แอป, ไฟล์, โฟลเดอร์, คำสั่งระบบ และเว็บเพจ ✅ Shortcut Guide - แสดงรายการ คีย์ลัดของ Windows โดยกดปุ่ม Windows ค้างไว้ - ช่วยให้ผู้ใช้ใหม่เรียนรู้ การใช้งาน Windows 11 ได้เร็วขึ้น https://www.neowin.net/news/microsoft-should-integrate-these-five-powertoys-utilities-into-windows-11/
    WWW.NEOWIN.NET
    Microsoft should integrate these five PowerToys utilities into Windows 11
    PowerToys is among the fan-favorite Windows apps, and it is time for Microsoft to make some of its utilities part of Windows 11.
    0 Comments 0 Shares 52 Views 0 Reviews
  • “ความอยากรู้ว่า ถ้าไม่ใช่เรา แล้วคืออะไร?”

    ---

    1. จุดที่ติดคือ "อยากรู้ว่าเราคือใคร"

    ความอยากรู้นี้ไม่ใช่ปัญหาในตัวเอง

    แต่ “อุปาทานในความอยากรู้” นั่นเอง ที่เป็นพันธนาการ

    ---

    2. พระพุทธเจ้าสอนให้รู้ว่า...

    ไม่มีสิ่งใดเป็นตัวเรา ตัวเรามีแต่ในความคิด

    “ตัวเรา” เป็นเพียง ภาพหลอนทางอุปาทาน ที่เกิดขึ้นตาม เหตุปัจจัย

    เราไม่ได้หายใจ — แต่ กายหายใจ

    เราไม่ได้โกรธ — แต่ จิตแสดงอาการโทสะ

    เราไม่ได้ทุกข์ — แต่ ขันธ์แสดงอาการรับรู้เวทนา

    ---

    3. วิธีพิจารณาโดยแยบคาย (โยนิโสมนสิการ)

    ทุกสิ่งเกิดขึ้น ดับไป ไม่อยู่คง — แม้แต่ความสงสัยก็เช่นกัน

    ความคิด "เราคือใคร" ก็ไม่ใช่ตัวตน เป็นเพียง ความคิดดวงหนึ่ง

    ทุกขณะของการยึดถือ คือขณะของอุปาทาน

    อุปาทานเปลี่ยนแปลงได้ เห็นแล้วคลาย เห็นแล้วปล่อย

    ---

    4. วิธีเจริญสติผ่านความสงสัย

    ไม่ต้องห้ามสงสัย แต่ให้ “รู้ทันความสงสัย”

    เมื่อรู้ทัน ก็เห็นว่า ความสงสัยเป็นเพียงอาการหนึ่งของจิต

    ความสงสัยเองก็ไม่ใช่ตัวตน

    > "สงสัยก็รู้ว่าสงสัย ไม่ใช่เราเป็นคนสงสัย"

    ---

    5. บทสรุปของการเห็นอนัตตา

    > ไม่มี "เราผู้หลุดพ้น"
    มีแต่ "ธรรมชาติที่พ้นจากความยึดมั่นว่ามีเรา"
    มีแต่จิตที่ปลอดจากอุปาทานชั่วขณะ
    และนั่นคือจุดที่ "จิตรู้อนัตตา" โดยไม่มีใครเป็นผู้รู้
    “ความอยากรู้ว่า ถ้าไม่ใช่เรา แล้วคืออะไร?” --- 1. จุดที่ติดคือ "อยากรู้ว่าเราคือใคร" ความอยากรู้นี้ไม่ใช่ปัญหาในตัวเอง แต่ “อุปาทานในความอยากรู้” นั่นเอง ที่เป็นพันธนาการ --- 2. พระพุทธเจ้าสอนให้รู้ว่า... ไม่มีสิ่งใดเป็นตัวเรา ตัวเรามีแต่ในความคิด “ตัวเรา” เป็นเพียง ภาพหลอนทางอุปาทาน ที่เกิดขึ้นตาม เหตุปัจจัย เราไม่ได้หายใจ — แต่ กายหายใจ เราไม่ได้โกรธ — แต่ จิตแสดงอาการโทสะ เราไม่ได้ทุกข์ — แต่ ขันธ์แสดงอาการรับรู้เวทนา --- 3. วิธีพิจารณาโดยแยบคาย (โยนิโสมนสิการ) ทุกสิ่งเกิดขึ้น ดับไป ไม่อยู่คง — แม้แต่ความสงสัยก็เช่นกัน ความคิด "เราคือใคร" ก็ไม่ใช่ตัวตน เป็นเพียง ความคิดดวงหนึ่ง ทุกขณะของการยึดถือ คือขณะของอุปาทาน อุปาทานเปลี่ยนแปลงได้ เห็นแล้วคลาย เห็นแล้วปล่อย --- 4. วิธีเจริญสติผ่านความสงสัย ไม่ต้องห้ามสงสัย แต่ให้ “รู้ทันความสงสัย” เมื่อรู้ทัน ก็เห็นว่า ความสงสัยเป็นเพียงอาการหนึ่งของจิต ความสงสัยเองก็ไม่ใช่ตัวตน > "สงสัยก็รู้ว่าสงสัย ไม่ใช่เราเป็นคนสงสัย" --- 5. บทสรุปของการเห็นอนัตตา > ไม่มี "เราผู้หลุดพ้น" มีแต่ "ธรรมชาติที่พ้นจากความยึดมั่นว่ามีเรา" มีแต่จิตที่ปลอดจากอุปาทานชั่วขณะ และนั่นคือจุดที่ "จิตรู้อนัตตา" โดยไม่มีใครเป็นผู้รู้
    0 Comments 0 Shares 40 Views 0 Reviews
  • เสวนา ปชช. เกี่ยวกับ ต่างด้าวเถื่อน แย่งอาชีพคนไทย ภัยความมั่นคง ครั้งที่ 3 ผมไม่ว่างนะครับ เพราะต้องช่วยงานในจ็อบใหม่ที่ผมรับไว้ หลังปิดจ๊อบค่อยว่ากันอีกที ตอนนี้จ็อบยังไม่แล้วเสร็จ และคือไม่ได้ตามเพจ 8bit นานละ เพจนั้นแดง+ส้ม+กีบนานละ แต่ที่แน่ๆผู้ติดตามเพจแม่งกีบ+ขี้ข้าไซออนิสต์ออกมาด่าทหารทั้งนั้น ไม่เคยวิจารณ์ทักษิณ พรรค พท. และพรรคส้ม หัวหน้าพรรคส้มคนล่าสุดมีแววว่าจะว่าวสมัยหน้า ถ้าว่าวนักก็ไปชักไป ล่าสุดก็โพสต์เพจ 8bitกีบ มาโผล่หน้าฟีด FB ผมอ่านคอมเมนต์แต่ละตัว ขี้ข้าไซออนิสต์ทั้งนั้น ยิ่งอ่านยิ่งเครียด ยิ่งความดันขึ้น ยิ่ง Toxic เข้าตัวมากขึ้น เลยพยายามไม่สนใจดีกว่า 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้พวกกีบขี้ข้าไซออนิสต์ก็พากันโทษ กอ.รมน. โทษ ศอ.บต โทษทหาร ว่าเป็นพวกเลี้ยงโจร สร้างโจร สร้างสถานการณ์ ทำไอโอ แม่งแต่ละตัว แนวคิดเดียวกันทั้งนั้นเลยว่ะ โจรทุน USAID ก็ยังไม่เชื่อ คิดว่าตัดต่อ พักหลังมานี้กูละขำ มันมีบางตัวเป็นสาวกจานผีคลอง III ด้วย ด่าและให้ร้ายศาสนาอิสลามและชาวมุสลิมทั่วโลก โดยเหมารวม ป้ายสี ใส่ร้าย ใส่สีตีไข่ ว่า ศาสนานี้ส่งเสริมการขูดรีด คอรัปชั่น ฆ่าแบบไร้เหตุผล พวกอิสลาโมโฟเบียก็ได้ล้วนรับชุดความคิดจากพวกยิวไซออนิสต์อิสราเอลในรูปของซีไอเอทั้งสิ้น เลวร้ายที่สุดในโลกคือ อิสราเอล และ CIA ไม่ใช่ชาวมุสลิมทั่วโลก ก็แค่ชาวมุสลิมหัวรุนแรงสายวะฮาบีย์-ซุฟยานีแค่ไม่กี่กลุ่มเองที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้รับอามิสสินจ้างแบบรางวัลใหญ่ๆจากไซออนิสต์และรัฐพันลึกโดยยิว ของยิว เพื่อยิว หลอกประชาชนอเมริกันมาเนิ่นนาน
    เสวนา ปชช. เกี่ยวกับ ต่างด้าวเถื่อน แย่งอาชีพคนไทย ภัยความมั่นคง ครั้งที่ 3 ผมไม่ว่างนะครับ เพราะต้องช่วยงานในจ็อบใหม่ที่ผมรับไว้ หลังปิดจ๊อบค่อยว่ากันอีกที ตอนนี้จ็อบยังไม่แล้วเสร็จ และคือไม่ได้ตามเพจ 8bit นานละ เพจนั้นแดง+ส้ม+กีบนานละ แต่ที่แน่ๆผู้ติดตามเพจแม่งกีบ+ขี้ข้าไซออนิสต์ออกมาด่าทหารทั้งนั้น ไม่เคยวิจารณ์ทักษิณ พรรค พท. และพรรคส้ม หัวหน้าพรรคส้มคนล่าสุดมีแววว่าจะว่าวสมัยหน้า ถ้าว่าวนักก็ไปชักไป ล่าสุดก็โพสต์เพจ 8bitกีบ มาโผล่หน้าฟีด FB ผมอ่านคอมเมนต์แต่ละตัว ขี้ข้าไซออนิสต์ทั้งนั้น ยิ่งอ่านยิ่งเครียด ยิ่งความดันขึ้น ยิ่ง Toxic เข้าตัวมากขึ้น เลยพยายามไม่สนใจดีกว่า 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้พวกกีบขี้ข้าไซออนิสต์ก็พากันโทษ กอ.รมน. โทษ ศอ.บต โทษทหาร ว่าเป็นพวกเลี้ยงโจร สร้างโจร สร้างสถานการณ์ ทำไอโอ แม่งแต่ละตัว แนวคิดเดียวกันทั้งนั้นเลยว่ะ โจรทุน USAID ก็ยังไม่เชื่อ คิดว่าตัดต่อ พักหลังมานี้กูละขำ มันมีบางตัวเป็นสาวกจานผีคลอง III ด้วย ด่าและให้ร้ายศาสนาอิสลามและชาวมุสลิมทั่วโลก โดยเหมารวม ป้ายสี ใส่ร้าย ใส่สีตีไข่ ว่า ศาสนานี้ส่งเสริมการขูดรีด คอรัปชั่น ฆ่าแบบไร้เหตุผล พวกอิสลาโมโฟเบียก็ได้ล้วนรับชุดความคิดจากพวกยิวไซออนิสต์อิสราเอลในรูปของซีไอเอทั้งสิ้น เลวร้ายที่สุดในโลกคือ อิสราเอล และ CIA ไม่ใช่ชาวมุสลิมทั่วโลก ก็แค่ชาวมุสลิมหัวรุนแรงสายวะฮาบีย์-ซุฟยานีแค่ไม่กี่กลุ่มเองที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้รับอามิสสินจ้างแบบรางวัลใหญ่ๆจากไซออนิสต์และรัฐพันลึกโดยยิว ของยิว เพื่อยิว หลอกประชาชนอเมริกันมาเนิ่นนาน
    0 Comments 0 Shares 70 Views 0 Reviews
  • ใครเป็นผู้แต่งตั้งให้เป็นผู้ออกใบอนุญาตโครงการนิวเคลียร์!?!

    ทรัมป์เปลี่ยนใจเรื่องโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน โดยอาจเปิดใจยอมให้อิหร่านมีโครงการนิวเคลียร์ไว้สำหรับพลเรือนเท่านั้น


    ทรัมป์กล่าวว่าเป้าหมายแรกในการเจรจากับอิหร่าน คือการ "รื้อถอน" โครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านทั้งหมด แต่ก็พร้อมเปิดใจรับฟังเหตุผลของอิหร่านหากจะมีโครงการนิวเคลียร์สำหรับพลเรือนเท่านั้น โดยมีเงื่อนไขว่าโครงการอาวุธนิวเคลียร์จะต้องยุติลงทั้งหมด เพราะโครงการเหล่านั้นมักจะนำไปสู่สงครามทางการทหาร
    ใครเป็นผู้แต่งตั้งให้เป็นผู้ออกใบอนุญาตโครงการนิวเคลียร์!?! ทรัมป์เปลี่ยนใจเรื่องโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน โดยอาจเปิดใจยอมให้อิหร่านมีโครงการนิวเคลียร์ไว้สำหรับพลเรือนเท่านั้น ทรัมป์กล่าวว่าเป้าหมายแรกในการเจรจากับอิหร่าน คือการ "รื้อถอน" โครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านทั้งหมด แต่ก็พร้อมเปิดใจรับฟังเหตุผลของอิหร่านหากจะมีโครงการนิวเคลียร์สำหรับพลเรือนเท่านั้น โดยมีเงื่อนไขว่าโครงการอาวุธนิวเคลียร์จะต้องยุติลงทั้งหมด เพราะโครงการเหล่านั้นมักจะนำไปสู่สงครามทางการทหาร
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 105 Views 0 Reviews
  • น้องก้อยและน้องคริส ชวนทานค่ะ… อาหารแห้งที่ควรมีติดบ้านไว้เลย …อร่อย ทานง่าย สินค้าขายดีประจำร้านเลยค่ะ…จะทอดกับน้ำ จะทอดกับน้ำมัน หรือ ทอดหม้อทอดไร้น้ำมัน ก็อร่อยทุกอย่างค่ะ“มีใครบ้าง...ที่ไม่ชอบกุนเชียง? โดยเฉพาะกุนเชียงร้านกินจุ๊บจิ๊บ ที่ทั้งหอม ทั้งนุ่ม ทอดก็กรอบนอกนุ่มใน หั่นบาง ๆ โปะข้าวสวยร้อน ๆ โอ้โห... ฟินไม่ไหว ของร้านเราสะอาด ทำจากเนื้อหมู เนื้อปลาจริง ๆ ไม่มีสารกันบูด ทอดแล้วไม่มันเยิ้ม กินแล้วไม่เลี่ยนจะทำข้าวผัดกุนเชียง ไข่เจียวกุนเชียง หรือแค่กินเปล่า ๆ เสิร์ฟกับข้าวสวยร้อนๆ ก็อร่อยทุกคำ เก็บไว้ในตู้เย็นได้นาน ทานง่าย หิวเมื่อไหร่ก็พร้อมเสิร์ฟ …นี่เราไม่ได้มาเล่น ๆ... เค้ามาอร่อยจริงจัง ปังไม่ไหววววกดสั่งซื้อในตะกร้าด้านล่างได้เลยค่ะ🌶️♨️⭕️ กุนเชียงหมู 🙂 ใน TikTokhttps://vt.tiktok.com/ZSMYbDdHr/กุนเชียงหมู 🙂 ใน Shopeehttps://th.shp.ee/icytTqnกุนเชียงปลา 🐟🐠 🙂 ใน TikTokhttps://vt.tiktok.com/ZSMYgRyc2/กุนเชียงปลา 🐠🐟 🙂 ใน Shopeehttps://th.shp.ee/UP94YQLเลือกชมสินค้าอื่นๆของเราได้ทั้งสองช่องทาง1. Shopee : shopee.co.th/kinjubjibshop2. TikTok : https://www.tiktok.com/@kinjubjibshop?_t=ZS-8txYHQWejyM&_เลือกช้อปได้ตามความชอบและคูปองของแต่ละช่องทางได้เลยค่ะ#นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #อร่อยดีบอกต่อ #ของอร่อยต้องลอง #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #ปลาเกล็ดขาวสามรส #ปลาเกล็ดขาว #กุนเชียงหมู #กุนเชียงปลา #ปลาซิวทอดกรอบ #ปลาซิว #หมึกกะตอยแห้ง
    น้องก้อยและน้องคริส ชวนทานค่ะ… อาหารแห้งที่ควรมีติดบ้านไว้เลย …อร่อย ทานง่าย สินค้าขายดีประจำร้านเลยค่ะ…จะทอดกับน้ำ จะทอดกับน้ำมัน หรือ ทอดหม้อทอดไร้น้ำมัน ก็อร่อยทุกอย่างค่ะ“มีใครบ้าง...ที่ไม่ชอบกุนเชียง? โดยเฉพาะกุนเชียงร้านกินจุ๊บจิ๊บ ที่ทั้งหอม ทั้งนุ่ม ทอดก็กรอบนอกนุ่มใน หั่นบาง ๆ โปะข้าวสวยร้อน ๆ โอ้โห... ฟินไม่ไหว ของร้านเราสะอาด ทำจากเนื้อหมู เนื้อปลาจริง ๆ ไม่มีสารกันบูด ทอดแล้วไม่มันเยิ้ม กินแล้วไม่เลี่ยนจะทำข้าวผัดกุนเชียง ไข่เจียวกุนเชียง หรือแค่กินเปล่า ๆ เสิร์ฟกับข้าวสวยร้อนๆ ก็อร่อยทุกคำ เก็บไว้ในตู้เย็นได้นาน ทานง่าย หิวเมื่อไหร่ก็พร้อมเสิร์ฟ …นี่เราไม่ได้มาเล่น ๆ... เค้ามาอร่อยจริงจัง ปังไม่ไหววววกดสั่งซื้อในตะกร้าด้านล่างได้เลยค่ะ🌶️♨️⭕️ กุนเชียงหมู 🙂 ใน TikTokhttps://vt.tiktok.com/ZSMYbDdHr/กุนเชียงหมู 🙂 ใน Shopeehttps://th.shp.ee/icytTqnกุนเชียงปลา 🐟🐠 🙂 ใน TikTokhttps://vt.tiktok.com/ZSMYgRyc2/กุนเชียงปลา 🐠🐟 🙂 ใน Shopeehttps://th.shp.ee/UP94YQLเลือกชมสินค้าอื่นๆของเราได้ทั้งสองช่องทาง1. Shopee : shopee.co.th/kinjubjibshop2. TikTok : https://www.tiktok.com/@kinjubjibshop?_t=ZS-8txYHQWejyM&_เลือกช้อปได้ตามความชอบและคูปองของแต่ละช่องทางได้เลยค่ะ#นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #อร่อยดีบอกต่อ #ของอร่อยต้องลอง #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #ปลาเกล็ดขาวสามรส #ปลาเกล็ดขาว #กุนเชียงหมู #กุนเชียงปลา #ปลาซิวทอดกรอบ #ปลาซิว #หมึกกะตอยแห้ง
    0 Comments 0 Shares 142 Views 0 0 Reviews
  • **การแต่งงานภายในช่วงเวลาไว้ทุกข์**

    สวัสดีค่ะ Storyฯ เคยเขียนเรื่องระยะเวลาไว้ทุกข์จีนโบราณมาแล้ว โดนอิงรายละเอียดตามสมัยหมิง (ย้อนอ่านได้ในลิ้งค์ข้างล่าง) ซึ่งระยะเวลาที่สามีจะไว้ทุกข์ให้ภรรยาโดยทั่วไปคือหนึ่งปีและในช่วงเวลาไว้ทุกข์นั้น ห้ามจัดงานรื่นเริงหรืองานมงคล

    แต่ความ ‘เอ๊ะ’ จากการดูเรื่อง <จิ่วฉงจื่อ บุปผาเหนือลิขิต> ก็คือ เมื่อแม่ของนางเอกเสีย แม่เลี้ยงก็ถูกพาเข้าเรือนมาเป็นภรรยาเอกภายในช่วงเวลาไม่กี่วันหลังจากแม่ของนางเอกเสีย สาเหตุหลักมาจากว่านางตั้งครรภ์แล้ว คำถามคือ แต่งงานในช่วงไว้ทุกข์ได้ด้วยหรือ?

    การแต่งงานในช่วงไว้ทุกข์ในหลักการคือต้องทำภายใน 100 วันแรกของการไว้ทุกข์ เรียกว่า ‘ไป่รึฉวี่’ (百日娶) หรือ ‘เฉิงเซี่ยวฉวี่’ (乘孝娶) และจริงๆ แล้วจะจัดทำในกรณีที่จำเป็นเท่านั้น กล่าวคือมีญาติผู้ใหญ่ของฝ่ายชายเสียไปในขณะที่เขาได้มีการหมั้นหมายไว้และมีแผนจะเข้าพิธีแต่งงานในอนาคตอันใกล้อยู่แล้ว จึงจัดให้แต่งงานกันเลยแทนที่จะรอให้พ้นระยะเวลาไว้ทุกข์ซึ่งอาจยาวนาน 1-3 ปี (ระยะเวลาไว้ทุกข์ขึ้นอยู่กับลำดับความสนิทของญาติผู้ใหญ่คนนั้นและยุคสมัย) และต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่าย

    เหตุผลของการแต่งงานภายในระยะเวลาไว้ทุกข์ดังกล่าวก็คือเพื่อไม่ให้เสียโอกาสในชีวิต เช่นสตรีจะได้ไม่เลยวัยแต่งงานอันควร หรือเหตุผลการเกี่ยวดองทางสังคมหรือการเมืองที่ไม่อาจรอช้าได้ นอกจากนี้ ยังเป็นความเชื่อที่ว่า ผู้ใหญ่ที่เสียไปอาจเคยมีความหวังไว้ว่าอยากเห็นลูกหลานเป็นฝั่งเป็นฝา จึงรีบแต่งงานเพื่อเป็นการแสดงออกซึ่งความกตัญญูอย่างหนึ่ง

    พิธีแต่งงานภายในระยะไว้ทุกข์นี้จะไม่ได้จัดทำตามพิธีสมรสทั่วไปเพราะต้องลดความเอิกเกริกลง เป็นต้นว่า ไม่เลือกวันมงคล ไม่แต่งบ้านสีแดง ไม่แจกอั่งเปา ไม่จัดเลี้ยง บ่าวสาวไม่ใส่สีแดงและแต่งกายด้วยสีสุภาพหรือแต่งแดงไว้ข้างในแต่คาดผ้ากระสอบทับ เจ้าสาวไม่ต้องแต่งหน้าแต่งตัวมาก ฝ่ายชายไม่อาจเข้าบ้านฝ่ายหญิงตอนรับตัวเจ้าสาวได้เพราะตนยังไว้ทุกข์อยู่โดยให้แม่สื่อทำหน้าที่ต่างๆ แทน และญาติฝ่ายหญิงไม่สามารถตามมาส่งตัวเจ้าสาวถึงบ้านฝ่ายชายได้ นอกจากนี้ ยังไม่มีการคำนับบรรพบุรุษฝ่ายชายเนื่องจากป้ายบรรพบุรุษจะถูกตกแต่งหรือจัดวางไว้สำหรับงานศพ โดยจะส่งตัวเจ้าสาวเข้าห้องหอเลย และหลังจากนั้นเจ้าสาวสามารถร่วมพิธีต่างๆ ที่เกี่ยวกับงานศพได้ในฐานะสะใภ้ และเจ้าสาวต้องรอพ้นระยะไว้ทุกข์จึงจะกลับไปเยี่ยมบ้านตนเองได้

    การแต่งงานในช่วงไว้ทุกข์ไม่ได้เป็นประเพณีอย่างทางการที่มีการบันทึกไว้สืบทอดมาแต่โบราณ (กล่าวคือไม่เหมือนกับขั้นตอนการแต่งงานหรือไว้ทุกข์ที่มีการบันทึกไว้ในบันทึกโจวหลี่หรือบทกฎหมายใด) หากแต่เป็นธรรมเนียมปฏิบัติท้องถิ่นทางใต้ของจีน มีต้นตอมาอย่างไรก็ไม่ทราบได้ แต่ปรากฏให้เห็นผ่านงานวรรณกรรมหรืออุปรากรในสมัยหมิง และปัจจุบันยังเป็นธรรมเนียมที่พบเห็นได้ทางใต้ของประเทศจีนและไต้หวัน

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    บทความเก่าว่าด้วยระยะเวลาไว้ทุกข์จีนโบราณ:
    https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/1044627014332257
    https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/1050216903773268

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    https://cyberrevue.com/2025-blossom/#jp-carousel-115105
    https://news.qq.com/rain/a/20241218A09Z5200
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://news.qq.com/rain/a/20200317A0V53X00#
    https://www.ilifepost.com/20210128/【阴宅解码】顺孝娶-婚礼一切从简
    https://www.facebook.com/permalink.php/?story_fbid=399369496884979&id=167326656755932

    #จิ่วฉงจื่อ #การแต่งงานจีนโบราณ #การไว้ทุกข์จีนโบราณ #ไป่รึฉวี่ #สาระจีน
    **การแต่งงานภายในช่วงเวลาไว้ทุกข์** สวัสดีค่ะ Storyฯ เคยเขียนเรื่องระยะเวลาไว้ทุกข์จีนโบราณมาแล้ว โดนอิงรายละเอียดตามสมัยหมิง (ย้อนอ่านได้ในลิ้งค์ข้างล่าง) ซึ่งระยะเวลาที่สามีจะไว้ทุกข์ให้ภรรยาโดยทั่วไปคือหนึ่งปีและในช่วงเวลาไว้ทุกข์นั้น ห้ามจัดงานรื่นเริงหรืองานมงคล แต่ความ ‘เอ๊ะ’ จากการดูเรื่อง <จิ่วฉงจื่อ บุปผาเหนือลิขิต> ก็คือ เมื่อแม่ของนางเอกเสีย แม่เลี้ยงก็ถูกพาเข้าเรือนมาเป็นภรรยาเอกภายในช่วงเวลาไม่กี่วันหลังจากแม่ของนางเอกเสีย สาเหตุหลักมาจากว่านางตั้งครรภ์แล้ว คำถามคือ แต่งงานในช่วงไว้ทุกข์ได้ด้วยหรือ? การแต่งงานในช่วงไว้ทุกข์ในหลักการคือต้องทำภายใน 100 วันแรกของการไว้ทุกข์ เรียกว่า ‘ไป่รึฉวี่’ (百日娶) หรือ ‘เฉิงเซี่ยวฉวี่’ (乘孝娶) และจริงๆ แล้วจะจัดทำในกรณีที่จำเป็นเท่านั้น กล่าวคือมีญาติผู้ใหญ่ของฝ่ายชายเสียไปในขณะที่เขาได้มีการหมั้นหมายไว้และมีแผนจะเข้าพิธีแต่งงานในอนาคตอันใกล้อยู่แล้ว จึงจัดให้แต่งงานกันเลยแทนที่จะรอให้พ้นระยะเวลาไว้ทุกข์ซึ่งอาจยาวนาน 1-3 ปี (ระยะเวลาไว้ทุกข์ขึ้นอยู่กับลำดับความสนิทของญาติผู้ใหญ่คนนั้นและยุคสมัย) และต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่าย เหตุผลของการแต่งงานภายในระยะเวลาไว้ทุกข์ดังกล่าวก็คือเพื่อไม่ให้เสียโอกาสในชีวิต เช่นสตรีจะได้ไม่เลยวัยแต่งงานอันควร หรือเหตุผลการเกี่ยวดองทางสังคมหรือการเมืองที่ไม่อาจรอช้าได้ นอกจากนี้ ยังเป็นความเชื่อที่ว่า ผู้ใหญ่ที่เสียไปอาจเคยมีความหวังไว้ว่าอยากเห็นลูกหลานเป็นฝั่งเป็นฝา จึงรีบแต่งงานเพื่อเป็นการแสดงออกซึ่งความกตัญญูอย่างหนึ่ง พิธีแต่งงานภายในระยะไว้ทุกข์นี้จะไม่ได้จัดทำตามพิธีสมรสทั่วไปเพราะต้องลดความเอิกเกริกลง เป็นต้นว่า ไม่เลือกวันมงคล ไม่แต่งบ้านสีแดง ไม่แจกอั่งเปา ไม่จัดเลี้ยง บ่าวสาวไม่ใส่สีแดงและแต่งกายด้วยสีสุภาพหรือแต่งแดงไว้ข้างในแต่คาดผ้ากระสอบทับ เจ้าสาวไม่ต้องแต่งหน้าแต่งตัวมาก ฝ่ายชายไม่อาจเข้าบ้านฝ่ายหญิงตอนรับตัวเจ้าสาวได้เพราะตนยังไว้ทุกข์อยู่โดยให้แม่สื่อทำหน้าที่ต่างๆ แทน และญาติฝ่ายหญิงไม่สามารถตามมาส่งตัวเจ้าสาวถึงบ้านฝ่ายชายได้ นอกจากนี้ ยังไม่มีการคำนับบรรพบุรุษฝ่ายชายเนื่องจากป้ายบรรพบุรุษจะถูกตกแต่งหรือจัดวางไว้สำหรับงานศพ โดยจะส่งตัวเจ้าสาวเข้าห้องหอเลย และหลังจากนั้นเจ้าสาวสามารถร่วมพิธีต่างๆ ที่เกี่ยวกับงานศพได้ในฐานะสะใภ้ และเจ้าสาวต้องรอพ้นระยะไว้ทุกข์จึงจะกลับไปเยี่ยมบ้านตนเองได้ การแต่งงานในช่วงไว้ทุกข์ไม่ได้เป็นประเพณีอย่างทางการที่มีการบันทึกไว้สืบทอดมาแต่โบราณ (กล่าวคือไม่เหมือนกับขั้นตอนการแต่งงานหรือไว้ทุกข์ที่มีการบันทึกไว้ในบันทึกโจวหลี่หรือบทกฎหมายใด) หากแต่เป็นธรรมเนียมปฏิบัติท้องถิ่นทางใต้ของจีน มีต้นตอมาอย่างไรก็ไม่ทราบได้ แต่ปรากฏให้เห็นผ่านงานวรรณกรรมหรืออุปรากรในสมัยหมิง และปัจจุบันยังเป็นธรรมเนียมที่พบเห็นได้ทางใต้ของประเทศจีนและไต้หวัน (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) บทความเก่าว่าด้วยระยะเวลาไว้ทุกข์จีนโบราณ: https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/1044627014332257 https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/1050216903773268 Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://cyberrevue.com/2025-blossom/#jp-carousel-115105 https://news.qq.com/rain/a/20241218A09Z5200 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://news.qq.com/rain/a/20200317A0V53X00# https://www.ilifepost.com/20210128/【阴宅解码】顺孝娶-婚礼一切从简 https://www.facebook.com/permalink.php/?story_fbid=399369496884979&id=167326656755932 #จิ่วฉงจื่อ #การแต่งงานจีนโบราณ #การไว้ทุกข์จีนโบราณ #ไป่รึฉวี่ #สาระจีน
    1 Comments 0 Shares 125 Views 0 Reviews
  • สงครามเย็น ยุคดิจิทัล : Sondhitalk EP291 VDO
    โลกกำลังเปลี่ยนจาก “ทุนอุตสาหกรรม” ไปสู่ “จักรวรรดิทุนคลาวด์” ประชาชนอย่างเราเป็นได้แค่ ไพร่ดิจิทัล
    #สงครามเย็นยุคดิจิทัล #สหรัฐจีน #จักรวรรดิทุนคลาวด์ #ไพร่ดิจิทัล #สนธิลิ้มทองกุล #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    • สมัครสมาชิก membership ความจริงมีหนึ่งเดียว ช่อง SONDHITALK บน YouTube : https://www.youtube.com/@sondhitalk/join
    • ติดต่อสอบถามได้ที่ Line : @sondhitalk
    สงครามเย็น ยุคดิจิทัล : Sondhitalk EP291 VDO โลกกำลังเปลี่ยนจาก “ทุนอุตสาหกรรม” ไปสู่ “จักรวรรดิทุนคลาวด์” ประชาชนอย่างเราเป็นได้แค่ ไพร่ดิจิทัล #สงครามเย็นยุคดิจิทัล #สหรัฐจีน #จักรวรรดิทุนคลาวด์ #ไพร่ดิจิทัล #สนธิลิ้มทองกุล #คุยทุกเรื่องกับสนธิ • สมัครสมาชิก membership ความจริงมีหนึ่งเดียว ช่อง SONDHITALK บน YouTube : https://www.youtube.com/@sondhitalk/join • ติดต่อสอบถามได้ที่ Line : @sondhitalk
    Like
    Love
    11
    0 Comments 0 Shares 761 Views 32 0 Reviews
  • วันที่สมองซีกซ้ายกับซีกขวาคืนดีกัน

    ชีวิตของ "อ๋อง" เคยเหมือนเรือลำเล็กที่ลอยเคว้งคว้างอยู่กลางทะเลหมอกหนาทึบ เขามักจมอยู่กับ "อดีต" (Past) วนเวียนคิดถึงแต่ "สาเหตุ" (Cause) ของความผิดพลาด ความล้มเหลวต่างๆ ที่ฝังใจ จนกลายเป็น "อาการ" (Symptoms) ของความท้อแท้ ไม่มั่นใจ และมองไม่เห็นทางไปต่อในปัจจุบัน สมองซีกซ้ายที่เต็มไปด้วยเหตุผลและคำตำหนิ กับสมองซีกขวาที่โหยหาความฝันและความสุข ดูเหมือนจะทำงานขัดแย้งกันอยู่ตลอดเวลา
    วันหนึ่ง อ๋องได้รู้จักกับแนวคิด NLP Coaching ผ่านเว็บไซต์หนึ่ง เหมือนมีแสงสว่างเล็กๆ ส่องเข้ามาในม่านหมอก เขาลองเปิดใจศึกษา ค่อยๆ เรียนรู้วิธีสำรวจความคิด ความเชื่อที่จำกัดตัวเอง และทำความเข้าใจว่าสิ่งที่คอยฉุดรั้งเขาไว้นั้นมาจากไหน

    กระบวนการโค้ชชิ่งพาอ๋องกลับมาโฟกัสที่ "ปัจจุบัน" (Now) สอนให้เขาใช้ "พลังสร้างสรรค์ปัจจุบัน" ที่มีอยู่ในตัว ดึงเอาศักยภาพที่ซ่อนอยู่ออกมา เขาเริ่มฝึกตั้ง "เป้าหมาย" (Outcome) ที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น "เป้าหมายในอีก 10 สัปดาห์ข้างหน้า" หรือการใช้หลักการ "10.10.10" เพื่อมองภาพความสำเร็จในระยะสั้น กลาง ยาว รวมถึงการจัดลำดับความสำคัญด้วย "Rule of 5" หรือ 5 สิ่งที่สำคัญที่สุดในแต่ละวัน

    อ๋องเริ่มฝึกมอง "ผลลัพธ์" ที่ต้องการ และจินตนาการถึง "ผลกระทบ" (Impact) ที่จะเกิดขึ้นเมื่อเขาทำสำเร็จ ภาพความสำเร็จที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นแรงผลักดันมหาศาล แม้ในช่วงแรกจะมีบางวันที่เขาท้อแท้ หรือเผลอกลับไปคิดถึงเรื่องเก่าๆ แต่เขาก็ถูกสอนให้ใช้มุมมองที่ว่า "สิ่งที่เกิดขึ้นมันดีเสมอ" เพื่อเป็นบทเรียนและก้าวต่อไป

    จากคนที่เคยมองโลกในแง่ลบ อ๋องค่อยๆ เปลี่ยนไป เขามีพลังมากขึ้น มีความหวัง มองเห็นเส้นทางข้างหน้าชัดเจนขึ้น เขารู้สึกเหมือนได้ปลดล็อกตัวเอง (Breakthrough Success) และก้าวข้ามกำแพงที่มองไม่เห็นซึ่งเคยขวางกั้นเขาไว้มานาน ชีวิตของเขากำลังจะเปลี่ยนไปตลอดกาล...

    หลายปีผ่านไป...
    ชายคนหนึ่งกำลังวาด Mind Map แผ่นนั้นอย่างตั้งใจ บนกระดาษปรากฏภาพสมองซีกซ้าย-ขวา ก้อนเมฆแห่งความคิด และลูกศรที่ชี้จากอดีตสู่อนาคต เขาวาดมันขึ้นมาเพื่อเตรียมใช้สอนและโค้ชชิ่งให้กับลูกศิษย์คนใหม่ ที่กำลังเผชิญกับปัญหาคล้ายๆ กับที่เขาเคยเจอ

    เขามอง Mind Map แผ่นนั้นด้วยรอยยิ้มบางๆ นึกถึงการเดินทางของตัวเอง จาก "อ๋อง" เด็กหนุ่มที่เคยหลงทาง สู่ "อ.หม่อม" หรือ ศาสตราจารย์พิศิษฐ์ ดร.วสิษฐ์ พรหมบุตร ผู้ก่อตั้งแบรนด์ “Life Alignmentor” (www.lifealignmentor.com) ในวันนี้

    ใช่แล้ว... เรื่องราวทั้งหมดคือประสบการณ์ตรงของเขาเอง วันที่สมองซีกซ้ายกับซีกขวาของเขาได้เรียนรู้ที่จะทำงานร่วมกันอย่างทรงพลัง และเปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล เพื่อส่งต่อพลังนั้นให้กับคนอื่นๆ ต่อไป

    www.lifealignmentor.com
    วันที่สมองซีกซ้ายกับซีกขวาคืนดีกัน ชีวิตของ "อ๋อง" เคยเหมือนเรือลำเล็กที่ลอยเคว้งคว้างอยู่กลางทะเลหมอกหนาทึบ เขามักจมอยู่กับ "อดีต" (Past) วนเวียนคิดถึงแต่ "สาเหตุ" (Cause) ของความผิดพลาด ความล้มเหลวต่างๆ ที่ฝังใจ จนกลายเป็น "อาการ" (Symptoms) ของความท้อแท้ ไม่มั่นใจ และมองไม่เห็นทางไปต่อในปัจจุบัน สมองซีกซ้ายที่เต็มไปด้วยเหตุผลและคำตำหนิ กับสมองซีกขวาที่โหยหาความฝันและความสุข ดูเหมือนจะทำงานขัดแย้งกันอยู่ตลอดเวลา วันหนึ่ง อ๋องได้รู้จักกับแนวคิด NLP Coaching ผ่านเว็บไซต์หนึ่ง เหมือนมีแสงสว่างเล็กๆ ส่องเข้ามาในม่านหมอก เขาลองเปิดใจศึกษา ค่อยๆ เรียนรู้วิธีสำรวจความคิด ความเชื่อที่จำกัดตัวเอง และทำความเข้าใจว่าสิ่งที่คอยฉุดรั้งเขาไว้นั้นมาจากไหน กระบวนการโค้ชชิ่งพาอ๋องกลับมาโฟกัสที่ "ปัจจุบัน" (Now) สอนให้เขาใช้ "พลังสร้างสรรค์ปัจจุบัน" ที่มีอยู่ในตัว ดึงเอาศักยภาพที่ซ่อนอยู่ออกมา เขาเริ่มฝึกตั้ง "เป้าหมาย" (Outcome) ที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น "เป้าหมายในอีก 10 สัปดาห์ข้างหน้า" หรือการใช้หลักการ "10.10.10" เพื่อมองภาพความสำเร็จในระยะสั้น กลาง ยาว รวมถึงการจัดลำดับความสำคัญด้วย "Rule of 5" หรือ 5 สิ่งที่สำคัญที่สุดในแต่ละวัน อ๋องเริ่มฝึกมอง "ผลลัพธ์" ที่ต้องการ และจินตนาการถึง "ผลกระทบ" (Impact) ที่จะเกิดขึ้นเมื่อเขาทำสำเร็จ ภาพความสำเร็จที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นแรงผลักดันมหาศาล แม้ในช่วงแรกจะมีบางวันที่เขาท้อแท้ หรือเผลอกลับไปคิดถึงเรื่องเก่าๆ แต่เขาก็ถูกสอนให้ใช้มุมมองที่ว่า "สิ่งที่เกิดขึ้นมันดีเสมอ" เพื่อเป็นบทเรียนและก้าวต่อไป จากคนที่เคยมองโลกในแง่ลบ อ๋องค่อยๆ เปลี่ยนไป เขามีพลังมากขึ้น มีความหวัง มองเห็นเส้นทางข้างหน้าชัดเจนขึ้น เขารู้สึกเหมือนได้ปลดล็อกตัวเอง (Breakthrough Success) และก้าวข้ามกำแพงที่มองไม่เห็นซึ่งเคยขวางกั้นเขาไว้มานาน ชีวิตของเขากำลังจะเปลี่ยนไปตลอดกาล... หลายปีผ่านไป... ชายคนหนึ่งกำลังวาด Mind Map แผ่นนั้นอย่างตั้งใจ บนกระดาษปรากฏภาพสมองซีกซ้าย-ขวา ก้อนเมฆแห่งความคิด และลูกศรที่ชี้จากอดีตสู่อนาคต เขาวาดมันขึ้นมาเพื่อเตรียมใช้สอนและโค้ชชิ่งให้กับลูกศิษย์คนใหม่ ที่กำลังเผชิญกับปัญหาคล้ายๆ กับที่เขาเคยเจอ เขามอง Mind Map แผ่นนั้นด้วยรอยยิ้มบางๆ นึกถึงการเดินทางของตัวเอง จาก "อ๋อง" เด็กหนุ่มที่เคยหลงทาง สู่ "อ.หม่อม" หรือ ศาสตราจารย์พิศิษฐ์ ดร.วสิษฐ์ พรหมบุตร ผู้ก่อตั้งแบรนด์ “Life Alignmentor” (www.lifealignmentor.com) ในวันนี้ ใช่แล้ว... เรื่องราวทั้งหมดคือประสบการณ์ตรงของเขาเอง วันที่สมองซีกซ้ายกับซีกขวาของเขาได้เรียนรู้ที่จะทำงานร่วมกันอย่างทรงพลัง และเปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล เพื่อส่งต่อพลังนั้นให้กับคนอื่นๆ ต่อไป www.lifealignmentor.com
    0 Comments 0 Shares 86 Views 0 Reviews
  • Dynatron ได้เปิดตัว ชุดระบายความร้อนใหม่ ที่สามารถรองรับ พลังงานสูงสุดถึง 660W สำหรับ Intel Diamond Rapids และ AMD Venice CPUs ซึ่งเป็น ชิปรุ่นใหม่สำหรับเซิร์ฟเวอร์

    AMD ได้ยืนยันว่า Venice จะเป็นชิป EPYC รุ่นแรกที่ใช้กระบวนการผลิต TSMC N2 และคาดว่าจะใช้ สถาปัตยกรรม Zen 6 โดย Venice อาจเปลี่ยนไปใช้ ซ็อกเก็ต SP7 แทน SP5 ที่ใช้ในรุ่นก่อนหน้า

    Intel กำลังพัฒนา Diamond Rapids ซึ่งคาดว่าจะเป็น Xeon 7 และใช้ ซ็อกเก็ต LGA 9324 โดยมีการปรับปรุง I/O ให้ดีกว่ารุ่นก่อนหน้า

    ✅ Dynatron เปิดตัวชุดระบายความร้อนใหม่
    - รองรับ พลังงานสูงสุดถึง 660W
    - ออกแบบมาสำหรับ Intel Diamond Rapids และ AMD Venice

    ✅ รายละเอียดของ AMD Venice
    - ใช้กระบวนการผลิต TSMC N2
    - คาดว่าจะใช้ สถาปัตยกรรม Zen 6
    - อาจเปลี่ยนไปใช้ ซ็อกเก็ต SP7

    ✅ รายละเอียดของ Intel Diamond Rapids
    - คาดว่าจะเป็น Xeon 7
    - ใช้ ซ็อกเก็ต LGA 9324
    - มีการปรับปรุง I/O ให้ดีกว่ารุ่นก่อนหน้า

    ✅ การออกแบบของ Dynatron Coolers
    - รุ่น J24 และ J25 รองรับ AMD Venice และสามารถระบายความร้อนได้ถึง 600W
    - รุ่น C21 รองรับ Intel Diamond Rapids และสามารถระบายความร้อนได้ถึง 660W

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/dynatron-coolers-support-up-to-660w-for-intel-diamond-rapids-and-amd-venice-cpus
    Dynatron ได้เปิดตัว ชุดระบายความร้อนใหม่ ที่สามารถรองรับ พลังงานสูงสุดถึง 660W สำหรับ Intel Diamond Rapids และ AMD Venice CPUs ซึ่งเป็น ชิปรุ่นใหม่สำหรับเซิร์ฟเวอร์ AMD ได้ยืนยันว่า Venice จะเป็นชิป EPYC รุ่นแรกที่ใช้กระบวนการผลิต TSMC N2 และคาดว่าจะใช้ สถาปัตยกรรม Zen 6 โดย Venice อาจเปลี่ยนไปใช้ ซ็อกเก็ต SP7 แทน SP5 ที่ใช้ในรุ่นก่อนหน้า Intel กำลังพัฒนา Diamond Rapids ซึ่งคาดว่าจะเป็น Xeon 7 และใช้ ซ็อกเก็ต LGA 9324 โดยมีการปรับปรุง I/O ให้ดีกว่ารุ่นก่อนหน้า ✅ Dynatron เปิดตัวชุดระบายความร้อนใหม่ - รองรับ พลังงานสูงสุดถึง 660W - ออกแบบมาสำหรับ Intel Diamond Rapids และ AMD Venice ✅ รายละเอียดของ AMD Venice - ใช้กระบวนการผลิต TSMC N2 - คาดว่าจะใช้ สถาปัตยกรรม Zen 6 - อาจเปลี่ยนไปใช้ ซ็อกเก็ต SP7 ✅ รายละเอียดของ Intel Diamond Rapids - คาดว่าจะเป็น Xeon 7 - ใช้ ซ็อกเก็ต LGA 9324 - มีการปรับปรุง I/O ให้ดีกว่ารุ่นก่อนหน้า ✅ การออกแบบของ Dynatron Coolers - รุ่น J24 และ J25 รองรับ AMD Venice และสามารถระบายความร้อนได้ถึง 600W - รุ่น C21 รองรับ Intel Diamond Rapids และสามารถระบายความร้อนได้ถึง 660W https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/dynatron-coolers-support-up-to-660w-for-intel-diamond-rapids-and-amd-venice-cpus
    0 Comments 0 Shares 52 Views 0 Reviews
  • Duolingo กำลังปรับโครงสร้างองค์กรให้เป็น AI-first โดยเน้นการใช้ AI ในการสร้างเนื้อหาการเรียนรู้และปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน

    Luis von Ahn ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ Duolingo ระบุว่า AI จะมีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจจ้างงานและประเมินผลการทำงานของพนักงาน โดยบริษัทจะขยายทีมงานเฉพาะในกรณีที่ AI ไม่สามารถทำงานนั้นได้

    นอกจากนี้ Duolingo ยังมีแผนที่จะ ลดการใช้ผู้รับเหมา สำหรับงานที่ AI สามารถจัดการได้ และปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรเพื่อให้สอดคล้องกับแนวทาง AI-first

    ✅ Duolingo ปรับโครงสร้างองค์กรให้เป็น AI-first
    - AI จะมีบทบาทสำคัญในการ สร้างเนื้อหาการเรียนรู้
    - บริษัทจะขยายทีมงานเฉพาะในกรณีที่ AI ไม่สามารถทำงานนั้นได้

    ✅ AI จะมีผลต่อการจ้างงานและการประเมินผลพนักงาน
    - ความสามารถในการใช้ AI จะเป็น ปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจจ้างงาน
    - AI จะถูกนำมาใช้ในการ ประเมินผลการทำงานของพนักงาน

    ✅ การลดการใช้ผู้รับเหมา
    - Duolingo จะ หยุดใช้ผู้รับเหมา สำหรับงานที่ AI สามารถจัดการได้
    - ปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรเพื่อให้สอดคล้องกับแนวทาง AI-first

    ✅ แนวโน้มของการพัฒนาในอนาคต
    - หากนโยบายนี้ประสบความสำเร็จ อาจมีบริษัทอื่น นำแนวทาง AI-first มาใช้มากขึ้น
    - AI อาจกลายเป็น มาตรฐานใหม่ในการบริหารองค์กร

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/04/duolingo039s-ai-policy-a-glimpse-of-future-ai-first-reality-for-workers
    Duolingo กำลังปรับโครงสร้างองค์กรให้เป็น AI-first โดยเน้นการใช้ AI ในการสร้างเนื้อหาการเรียนรู้และปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน Luis von Ahn ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ Duolingo ระบุว่า AI จะมีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจจ้างงานและประเมินผลการทำงานของพนักงาน โดยบริษัทจะขยายทีมงานเฉพาะในกรณีที่ AI ไม่สามารถทำงานนั้นได้ นอกจากนี้ Duolingo ยังมีแผนที่จะ ลดการใช้ผู้รับเหมา สำหรับงานที่ AI สามารถจัดการได้ และปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรเพื่อให้สอดคล้องกับแนวทาง AI-first ✅ Duolingo ปรับโครงสร้างองค์กรให้เป็น AI-first - AI จะมีบทบาทสำคัญในการ สร้างเนื้อหาการเรียนรู้ - บริษัทจะขยายทีมงานเฉพาะในกรณีที่ AI ไม่สามารถทำงานนั้นได้ ✅ AI จะมีผลต่อการจ้างงานและการประเมินผลพนักงาน - ความสามารถในการใช้ AI จะเป็น ปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจจ้างงาน - AI จะถูกนำมาใช้ในการ ประเมินผลการทำงานของพนักงาน ✅ การลดการใช้ผู้รับเหมา - Duolingo จะ หยุดใช้ผู้รับเหมา สำหรับงานที่ AI สามารถจัดการได้ - ปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรเพื่อให้สอดคล้องกับแนวทาง AI-first ✅ แนวโน้มของการพัฒนาในอนาคต - หากนโยบายนี้ประสบความสำเร็จ อาจมีบริษัทอื่น นำแนวทาง AI-first มาใช้มากขึ้น - AI อาจกลายเป็น มาตรฐานใหม่ในการบริหารองค์กร https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/04/duolingo039s-ai-policy-a-glimpse-of-future-ai-first-reality-for-workers
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Duolingo's AI policy a glimpse of future AI-first reality for workers
    The language-learning app Duolingo is significantly shifting its emphasis in hiring, productivity and corporate structures toward the use of artificial intelligence.
    0 Comments 0 Shares 48 Views 0 Reviews
  • Microsoft ได้ประกาศว่าจะ ยกเลิกฟีเจอร์จัดการรหัสผ่านในแอป Authenticator ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2025 เป็นต้นไป โดยมีเป้าหมายเพื่อ ผลักดันให้ผู้ใช้หันมาใช้ Microsoft Edge ซึ่งมีระบบจัดการรหัสผ่านที่ครอบคลุมมากกว่า

    การเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลให้ ผู้ใช้ไม่สามารถบันทึกรหัสผ่านใหม่ใน Authenticator ได้ตั้งแต่เดือนมิถุนายน และในเดือนกรกฎาคม แอปจะหยุดการเติมข้อมูลอัตโนมัติในเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน รวมถึง ลบข้อมูลการชำระเงินทั้งหมด สุดท้ายในเดือนสิงหาคม รหัสผ่านที่บันทึกไว้ทั้งหมดจะถูกลบออกจากแอป

    Microsoft ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงนี้มีเป้าหมายเพื่อทำให้การจัดการรหัสผ่านง่ายขึ้น โดยแนะนำให้ผู้ใช้ ย้ายข้อมูลไปยัง Microsoft Edge หรือใช้ตัวจัดการรหัสผ่านอื่น ก่อนวันที่ 1 สิงหาคม 2025

    =========================================

    🔍 วิธีการย้ายข้อมูลรหัสผ่านจาก Microsoft Authenticator
    ✅ ใช้ฟีเจอร์ Export ใน Microsoft Authenticator
    - เปิดแอป Microsoft Authenticator
    - ไปที่ Settings และเลือก Export Verified IDs
    - กด Export Now เพื่อบันทึกข้อมูล

    ✅ นำเข้าข้อมูลไปยังตัวจัดการรหัสผ่านอื่น
    - สามารถนำเข้าข้อมูลไปยัง Microsoft Edge หรือแอปจัดการรหัสผ่านอื่น
    - หากใช้ Google Chrome สามารถนำเข้าไฟล์ CSV ได้โดยตรง

    ✅ ตรวจสอบข้อมูลหลังการย้าย
    - ตรวจสอบว่ารหัสผ่านทั้งหมดถูกย้ายไปยังตัวจัดการรหัสผ่านใหม่เรียบร้อย
    - ลบข้อมูลจาก Microsoft Authenticator หลังจากย้ายเสร็จ

    =========================================

    ✅ Microsoft จะยกเลิกฟีเจอร์จัดการรหัสผ่านใน Authenticator
    - ตั้งแต่ มิถุนายน 2025 จะไม่สามารถบันทึกรหัสผ่านใหม่ได้
    - ตั้งแต่ กรกฎาคม 2025 แอปจะหยุดการเติมข้อมูลอัตโนมัติ
    - ตั้งแต่ สิงหาคม 2025 รหัสผ่านที่บันทึกไว้ทั้งหมดจะถูกลบ

    ✅ เหตุผลในการเปลี่ยนแปลง
    - Microsoft ต้องการ ผลักดันให้ผู้ใช้หันมาใช้ Edge
    - Edge มี ระบบจัดการรหัสผ่านที่ครอบคลุมมากกว่า

    ✅ แนวทางสำหรับผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบ
    - สามารถ ย้ายข้อมูลไปยัง Microsoft Edge
    - หรือ ใช้ตัวจัดการรหัสผ่านอื่น ก่อนวันที่ 1 สิงหาคม 2025

    ✅ ผลกระทบต่อผู้ใช้
    - ผู้ใช้ที่พึ่งพา Authenticator ในการจัดการรหัสผ่านต้อง หาทางเลือกใหม่
    - อาจต้อง เรียนรู้การใช้ Edge หรือแอปจัดการรหัสผ่านอื่น

    https://www.neowin.net/news/microsoft-is-killing-its-password-manager-in-authenticator-to-make-everyone-use-edge/
    Microsoft ได้ประกาศว่าจะ ยกเลิกฟีเจอร์จัดการรหัสผ่านในแอป Authenticator ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2025 เป็นต้นไป โดยมีเป้าหมายเพื่อ ผลักดันให้ผู้ใช้หันมาใช้ Microsoft Edge ซึ่งมีระบบจัดการรหัสผ่านที่ครอบคลุมมากกว่า การเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลให้ ผู้ใช้ไม่สามารถบันทึกรหัสผ่านใหม่ใน Authenticator ได้ตั้งแต่เดือนมิถุนายน และในเดือนกรกฎาคม แอปจะหยุดการเติมข้อมูลอัตโนมัติในเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน รวมถึง ลบข้อมูลการชำระเงินทั้งหมด สุดท้ายในเดือนสิงหาคม รหัสผ่านที่บันทึกไว้ทั้งหมดจะถูกลบออกจากแอป Microsoft ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงนี้มีเป้าหมายเพื่อทำให้การจัดการรหัสผ่านง่ายขึ้น โดยแนะนำให้ผู้ใช้ ย้ายข้อมูลไปยัง Microsoft Edge หรือใช้ตัวจัดการรหัสผ่านอื่น ก่อนวันที่ 1 สิงหาคม 2025 ========================================= 🔍 วิธีการย้ายข้อมูลรหัสผ่านจาก Microsoft Authenticator ✅ ใช้ฟีเจอร์ Export ใน Microsoft Authenticator - เปิดแอป Microsoft Authenticator - ไปที่ Settings และเลือก Export Verified IDs - กด Export Now เพื่อบันทึกข้อมูล ✅ นำเข้าข้อมูลไปยังตัวจัดการรหัสผ่านอื่น - สามารถนำเข้าข้อมูลไปยัง Microsoft Edge หรือแอปจัดการรหัสผ่านอื่น - หากใช้ Google Chrome สามารถนำเข้าไฟล์ CSV ได้โดยตรง ✅ ตรวจสอบข้อมูลหลังการย้าย - ตรวจสอบว่ารหัสผ่านทั้งหมดถูกย้ายไปยังตัวจัดการรหัสผ่านใหม่เรียบร้อย - ลบข้อมูลจาก Microsoft Authenticator หลังจากย้ายเสร็จ ========================================= ✅ Microsoft จะยกเลิกฟีเจอร์จัดการรหัสผ่านใน Authenticator - ตั้งแต่ มิถุนายน 2025 จะไม่สามารถบันทึกรหัสผ่านใหม่ได้ - ตั้งแต่ กรกฎาคม 2025 แอปจะหยุดการเติมข้อมูลอัตโนมัติ - ตั้งแต่ สิงหาคม 2025 รหัสผ่านที่บันทึกไว้ทั้งหมดจะถูกลบ ✅ เหตุผลในการเปลี่ยนแปลง - Microsoft ต้องการ ผลักดันให้ผู้ใช้หันมาใช้ Edge - Edge มี ระบบจัดการรหัสผ่านที่ครอบคลุมมากกว่า ✅ แนวทางสำหรับผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบ - สามารถ ย้ายข้อมูลไปยัง Microsoft Edge - หรือ ใช้ตัวจัดการรหัสผ่านอื่น ก่อนวันที่ 1 สิงหาคม 2025 ✅ ผลกระทบต่อผู้ใช้ - ผู้ใช้ที่พึ่งพา Authenticator ในการจัดการรหัสผ่านต้อง หาทางเลือกใหม่ - อาจต้อง เรียนรู้การใช้ Edge หรือแอปจัดการรหัสผ่านอื่น https://www.neowin.net/news/microsoft-is-killing-its-password-manager-in-authenticator-to-make-everyone-use-edge/
    WWW.NEOWIN.NET
    Microsoft is killing its password manager in Authenticator to make everyone use Edge
    Microsoft is changing how its Authenticator app works, and you are not going to like it if you use it to store and autofill passwords.
    0 Comments 0 Shares 72 Views 0 Reviews
  • Micro-credential: อาวุธลับอัปสกิล เพิ่มแต้มต่อให้คนทำงานยุคดิจิทัล
    รายงานล่าสุดจาก Coursera Micro-Credentials Impact Report 2025 - Thailand)

    ในโลกการทำงานปัจจุบันที่หมุนเร็วตามเทคโนโลยีดิจิทัล การหยุดนิ่งอยู่กับที่เท่ากับถอยหลัง คนทำงานอย่างเราๆ ต่างต้องเผชิญกับความท้าทายในการรักษาความสามารถในการแข่งขันและสร้างความก้าวหน้าในสายอาชีพ ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงนี้ "Micro-credential" หรือ "หน่วยกิตย่อย" ได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้คุณอัปเดตทักษะได้อย่างรวดเร็วและตรงจุด เพิ่มโอกาสให้คุณโดดเด่นในตลาดแรงงาน

    Micro-credential คืออะไร? (ฉบับคนทำงาน)
    ลองนึกภาพการเข้าคอร์สออนไลน์สั้นๆ หลังเลิกงาน หรือในวันหยุดสุดสัปดาห์ เพื่อเรียนรู้ทักษะใหม่ที่กำลังเป็นที่ต้องการ เช่น การวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) การตลาดดิจิทัล (Digital Marketing) หรือแม้แต่ทักษะเฉพาะทางอย่าง Generative AI (GenAI) เมื่อเรียนจบและผ่านการวัดผล คุณจะได้รับใบรับรองหรือสัญลักษณ์ดิจิทัล (Badge) ที่ใช้ยืนยันกับหัวหน้า เพื่อนร่วมงาน หรือบริษัทใหม่ได้ว่า "ฉันมีทักษะนี้จริง" นี่แหละครับคือ Micro-credential – หลักสูตรเข้มข้น ยืดหยุ่น ใช้เวลาไม่นาน และเน้นทักษะที่เอาไปใช้งานได้ทันที ตอบโจทย์คนทำงานที่มีเวลาน้อยแต่อยากพัฒนาตัวเอง

    ทำไม Micro-credential ถึงสำคัญต่อเส้นทางอาชีพของคุณ?
    -ทันโลก ทันเกม:
    ช่วยให้คุณตามทันเทรนด์และเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงลักษณะงานของคุณ ทำให้คุณยังคงเป็นที่ต้องการขององค์กร
    -ปิดจุดอ่อน เติมจุดแข็ง:
    รู้สึกว่าตัวเองขาดทักษะไหน หรืออยากเสริมความเชี่ยวชาญด้านใด ก็เลือกเรียนเพิ่มเติมได้ตรงประเด็น ไม่ต้องเสียเวลากับหลักสูตรยาวๆ
    -สร้างความคล่องตัว (Career Agility):
    เพิ่มทางเลือกให้คุณสามารถปรับเปลี่ยนบทบาทหน้าที่ หรือแม้กระทั่งเปลี่ยนสายงานได้ง่ายขึ้นในอนาคต
    -แสดงความมุ่งมั่น:
    การมี Micro-credential บ่งบอกว่าคุณเป็นคนที่ไม่หยุดเรียนรู้และกระตือรือร้นที่จะพัฒนาตัวเอง ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่นายจ้างมองหา

    มุมมองจากฝั่งนายจ้าง: ทำไมบริษัทถึงมองหาคนที่มี Micro-credential?
    การเข้าใจว่านายจ้างคิดอย่างไรจะช่วยให้คุณวางแผนพัฒนาตัวเองได้ดีขึ้น รายงานล่าสุดจาก Coursera (Micro-Credentials Impact Report 2025 - Thailand) ให้ข้อมูลที่น่าสนใจมากครับ:
    -โปรไฟล์โดดเด่น:
    นายจ้างไทยถึง 98% มองว่า Micro-credential ทำให้เรซูเม่ของคุณน่าสนใจขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
    -ตัดสินใจจ้างง่ายขึ้น:
    95% ของนายจ้างมีการจ้างงานคนที่มี Micro-credential อย่างน้อยหนึ่งใบในปีที่ผ่านมา
    -ต่อรองเงินเดือนได้เปรียบ:
    97% ยินดีเสนอเงินเดือนเริ่มต้นสูงขึ้นให้คนที่มี Micro-credential โดยเฉพาะสาย GenAI หรือหน่วยกิตที่เทียบโอนได้ (Credit-bearing)

    ทักษะเฉพาะทางคือแต้มต่อสำคัญ:
    นายจ้าง 98% มีแนวโน้มจะเลือกคนที่มีทักษะ GenAI มากกว่าคนที่ไม่มี
    ถึงขั้นที่ 95% อาจยอมเลือกคนประสบการณ์น้อยกว่าแต่มีใบรับรอง GenAI มากกว่าคนเก๋าเกมแต่ขาดทักษะนี้!
    และ
    98% ก็มีแนวโน้มจะเลือกคนที่มีหน่วยกิตเทียบโอนได้ มากกว่าคนที่ไม่มีเช่นกัน
    -ลดเวลา (และต้นทุน) สอนงาน:
    นายจ้าง 92% พบว่าพนักงานใหม่ที่มี Micro-credential ตรงสายงาน จะเรียนรู้งานได้เร็วขึ้น ช่วยประหยัดต้นทุนการฝึกอบรมภายใน
    -ทักษะการสื่อสารยังคงสำคัญ:
    นอกจากทักษะเฉพาะทาง นายจ้างไทยยังเน้น "การสื่อสารทางธุรกิจ" ที่ดี เพราะต่อให้เก่งเทคโนโลยีแค่ไหน ถ้าสื่อสารไม่รู้เรื่อง งานก็เดินต่อลำบาก โดยเฉพาะในธุรกิจบริการและการท่องเที่ยว

    ประโยชน์โดยตรงต่อคนทำงานอย่างคุณ
    -เพิ่มโอกาสได้งานและเงินเดือน:
    ชัดเจนจากข้อมูลว่า Micro-credential ช่วยให้คุณได้เปรียบทั้งตอนสมัครงานและตอนต่อรองเงินเดือน
    -พัฒนาทักษะแบบเร่งรัด ตรงเป้า:
    เลือกเรียนเฉพาะสิ่งที่คุณต้องการ หรือสิ่งที่จำเป็นต่องานในปัจจุบัน/อนาคต ประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย
    -เรียนรู้ได้ตามสไตล์คุณ:
    ไม่ว่าจะเป็นหลังเลิกงาน เสาร์อาทิตย์ หรือตอนพักเที่ยง ก็สามารถจัดสรรเวลาเรียนได้เอง
    -สร้างความมั่นใจ:
    การมีใบรับรองทักษะใหม่ๆ เพิ่มความมั่นใจในการทำงานและการนำเสนอตัวเอง
    -เป็นใบเบิกทางสู่บทบาทใหม่:
    อยากลองเปลี่ยนสายงาน? Micro-credential ช่วยปูพื้นฐานทักษะที่จำเป็นให้คุณได้

    Micro-credential: เครื่องมือจัดการเส้นทางอาชีพเชิงรุก
    ในฐานะคนทำงาน การมองหา Micro-credential ไม่ใช่แค่การเรียนเพิ่ม แต่คือการ "บริหารจัดการเส้นทางอาชีพ" ของคุณในเชิงรุก:
    -รักษาความสดใหม่:
    ทำให้โปรไฟล์ของคุณทันสมัย ไม่ตกยุค
    -สร้างความแตกต่าง:
    ในสนามการแข่งขันที่รุนแรง ทักษะเฉพาะทางคือสิ่งที่ทำให้คุณไม่เหมือนใคร
    -ลงทุนในตัวเอง:
    เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเพื่อโอกาสและความก้าวหน้าในระยะยาว

    สถิติยืนยัน Micro-credential คือ Game Changer ของคนทำงาน
    ข้อมูลเชิงลึกจาก Coursera ตอกย้ำอย่างชัดเจนว่า Micro-credential ไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่คือปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการตัดสินใจของนายจ้างในประเทศไทย สถิติที่น่าทึ่ง เช่น 98% ของนายจ้างมองว่าช่วยเสริมแกร่งใบสมัคร, 97% ยินดีจ่ายสูงขึ้นสำหรับผู้มีหน่วยกิตนี้, และความต้องการที่พุ่งสูงถึง 95-98% สำหรับผู้มีทักษะ GenAI หรือหน่วยกิตเทียบโอนได้ ล้วนชี้ให้เห็นว่า การมี Micro-credential สามารถสร้างความได้เปรียบที่จับต้องได้ทั้งในแง่โอกาสการจ้างงานและผลตอบแทน

    การมุ่งมั่นพัฒนาทักษะอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ สอดคล้องกับแนวคิดการทำงานยุคใหม่ที่ต้องกล้าลอง กล้าเผชิญความท้าทาย และเรียนรู้จากประสบการณ์อย่างรวดเร็ว สำหรับคนทำงานที่ต้องการเสริมสร้างทัศนคติแบบ "ล้มให้เร็ว สำเร็จให้ไวขึ้น" เพื่อขับเคลื่อนเส้นทางอาชีพ การศึกษาแนวคิดเพิ่มเติมจากแหล่งความรู้อย่างหนังสือ "Fail Fast Succeed More: ล้มให้เร็ว สำเร็จให้สุด" โดย 10X Consulting ก็อาจเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยเปิดมุมมองและสร้างแรงบันดาลใจในการพัฒนาตนเองได้อย่างน่าสนใจครับ

    www.10-xconsulting.com
    Micro-credential: อาวุธลับอัปสกิล เพิ่มแต้มต่อให้คนทำงานยุคดิจิทัล รายงานล่าสุดจาก Coursera Micro-Credentials Impact Report 2025 - Thailand) ในโลกการทำงานปัจจุบันที่หมุนเร็วตามเทคโนโลยีดิจิทัล การหยุดนิ่งอยู่กับที่เท่ากับถอยหลัง คนทำงานอย่างเราๆ ต่างต้องเผชิญกับความท้าทายในการรักษาความสามารถในการแข่งขันและสร้างความก้าวหน้าในสายอาชีพ ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงนี้ "Micro-credential" หรือ "หน่วยกิตย่อย" ได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้คุณอัปเดตทักษะได้อย่างรวดเร็วและตรงจุด เพิ่มโอกาสให้คุณโดดเด่นในตลาดแรงงาน Micro-credential คืออะไร? (ฉบับคนทำงาน) ลองนึกภาพการเข้าคอร์สออนไลน์สั้นๆ หลังเลิกงาน หรือในวันหยุดสุดสัปดาห์ เพื่อเรียนรู้ทักษะใหม่ที่กำลังเป็นที่ต้องการ เช่น การวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) การตลาดดิจิทัล (Digital Marketing) หรือแม้แต่ทักษะเฉพาะทางอย่าง Generative AI (GenAI) เมื่อเรียนจบและผ่านการวัดผล คุณจะได้รับใบรับรองหรือสัญลักษณ์ดิจิทัล (Badge) ที่ใช้ยืนยันกับหัวหน้า เพื่อนร่วมงาน หรือบริษัทใหม่ได้ว่า "ฉันมีทักษะนี้จริง" นี่แหละครับคือ Micro-credential – หลักสูตรเข้มข้น ยืดหยุ่น ใช้เวลาไม่นาน และเน้นทักษะที่เอาไปใช้งานได้ทันที ตอบโจทย์คนทำงานที่มีเวลาน้อยแต่อยากพัฒนาตัวเอง ทำไม Micro-credential ถึงสำคัญต่อเส้นทางอาชีพของคุณ? -ทันโลก ทันเกม: ช่วยให้คุณตามทันเทรนด์และเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงลักษณะงานของคุณ ทำให้คุณยังคงเป็นที่ต้องการขององค์กร -ปิดจุดอ่อน เติมจุดแข็ง: รู้สึกว่าตัวเองขาดทักษะไหน หรืออยากเสริมความเชี่ยวชาญด้านใด ก็เลือกเรียนเพิ่มเติมได้ตรงประเด็น ไม่ต้องเสียเวลากับหลักสูตรยาวๆ -สร้างความคล่องตัว (Career Agility): เพิ่มทางเลือกให้คุณสามารถปรับเปลี่ยนบทบาทหน้าที่ หรือแม้กระทั่งเปลี่ยนสายงานได้ง่ายขึ้นในอนาคต -แสดงความมุ่งมั่น: การมี Micro-credential บ่งบอกว่าคุณเป็นคนที่ไม่หยุดเรียนรู้และกระตือรือร้นที่จะพัฒนาตัวเอง ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่นายจ้างมองหา มุมมองจากฝั่งนายจ้าง: ทำไมบริษัทถึงมองหาคนที่มี Micro-credential? การเข้าใจว่านายจ้างคิดอย่างไรจะช่วยให้คุณวางแผนพัฒนาตัวเองได้ดีขึ้น รายงานล่าสุดจาก Coursera (Micro-Credentials Impact Report 2025 - Thailand) ให้ข้อมูลที่น่าสนใจมากครับ: -โปรไฟล์โดดเด่น: นายจ้างไทยถึง 98% มองว่า Micro-credential ทำให้เรซูเม่ของคุณน่าสนใจขึ้นอย่างเห็นได้ชัด -ตัดสินใจจ้างง่ายขึ้น: 95% ของนายจ้างมีการจ้างงานคนที่มี Micro-credential อย่างน้อยหนึ่งใบในปีที่ผ่านมา -ต่อรองเงินเดือนได้เปรียบ: 97% ยินดีเสนอเงินเดือนเริ่มต้นสูงขึ้นให้คนที่มี Micro-credential โดยเฉพาะสาย GenAI หรือหน่วยกิตที่เทียบโอนได้ (Credit-bearing) ทักษะเฉพาะทางคือแต้มต่อสำคัญ: นายจ้าง 98% มีแนวโน้มจะเลือกคนที่มีทักษะ GenAI มากกว่าคนที่ไม่มี ถึงขั้นที่ 95% อาจยอมเลือกคนประสบการณ์น้อยกว่าแต่มีใบรับรอง GenAI มากกว่าคนเก๋าเกมแต่ขาดทักษะนี้! และ 98% ก็มีแนวโน้มจะเลือกคนที่มีหน่วยกิตเทียบโอนได้ มากกว่าคนที่ไม่มีเช่นกัน -ลดเวลา (และต้นทุน) สอนงาน: นายจ้าง 92% พบว่าพนักงานใหม่ที่มี Micro-credential ตรงสายงาน จะเรียนรู้งานได้เร็วขึ้น ช่วยประหยัดต้นทุนการฝึกอบรมภายใน -ทักษะการสื่อสารยังคงสำคัญ: นอกจากทักษะเฉพาะทาง นายจ้างไทยยังเน้น "การสื่อสารทางธุรกิจ" ที่ดี เพราะต่อให้เก่งเทคโนโลยีแค่ไหน ถ้าสื่อสารไม่รู้เรื่อง งานก็เดินต่อลำบาก โดยเฉพาะในธุรกิจบริการและการท่องเที่ยว ประโยชน์โดยตรงต่อคนทำงานอย่างคุณ -เพิ่มโอกาสได้งานและเงินเดือน: ชัดเจนจากข้อมูลว่า Micro-credential ช่วยให้คุณได้เปรียบทั้งตอนสมัครงานและตอนต่อรองเงินเดือน -พัฒนาทักษะแบบเร่งรัด ตรงเป้า: เลือกเรียนเฉพาะสิ่งที่คุณต้องการ หรือสิ่งที่จำเป็นต่องานในปัจจุบัน/อนาคต ประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย -เรียนรู้ได้ตามสไตล์คุณ: ไม่ว่าจะเป็นหลังเลิกงาน เสาร์อาทิตย์ หรือตอนพักเที่ยง ก็สามารถจัดสรรเวลาเรียนได้เอง -สร้างความมั่นใจ: การมีใบรับรองทักษะใหม่ๆ เพิ่มความมั่นใจในการทำงานและการนำเสนอตัวเอง -เป็นใบเบิกทางสู่บทบาทใหม่: อยากลองเปลี่ยนสายงาน? Micro-credential ช่วยปูพื้นฐานทักษะที่จำเป็นให้คุณได้ Micro-credential: เครื่องมือจัดการเส้นทางอาชีพเชิงรุก ในฐานะคนทำงาน การมองหา Micro-credential ไม่ใช่แค่การเรียนเพิ่ม แต่คือการ "บริหารจัดการเส้นทางอาชีพ" ของคุณในเชิงรุก: -รักษาความสดใหม่: ทำให้โปรไฟล์ของคุณทันสมัย ไม่ตกยุค -สร้างความแตกต่าง: ในสนามการแข่งขันที่รุนแรง ทักษะเฉพาะทางคือสิ่งที่ทำให้คุณไม่เหมือนใคร -ลงทุนในตัวเอง: เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเพื่อโอกาสและความก้าวหน้าในระยะยาว สถิติยืนยัน Micro-credential คือ Game Changer ของคนทำงาน ข้อมูลเชิงลึกจาก Coursera ตอกย้ำอย่างชัดเจนว่า Micro-credential ไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่คือปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการตัดสินใจของนายจ้างในประเทศไทย สถิติที่น่าทึ่ง เช่น 98% ของนายจ้างมองว่าช่วยเสริมแกร่งใบสมัคร, 97% ยินดีจ่ายสูงขึ้นสำหรับผู้มีหน่วยกิตนี้, และความต้องการที่พุ่งสูงถึง 95-98% สำหรับผู้มีทักษะ GenAI หรือหน่วยกิตเทียบโอนได้ ล้วนชี้ให้เห็นว่า การมี Micro-credential สามารถสร้างความได้เปรียบที่จับต้องได้ทั้งในแง่โอกาสการจ้างงานและผลตอบแทน การมุ่งมั่นพัฒนาทักษะอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ สอดคล้องกับแนวคิดการทำงานยุคใหม่ที่ต้องกล้าลอง กล้าเผชิญความท้าทาย และเรียนรู้จากประสบการณ์อย่างรวดเร็ว สำหรับคนทำงานที่ต้องการเสริมสร้างทัศนคติแบบ "ล้มให้เร็ว สำเร็จให้ไวขึ้น" เพื่อขับเคลื่อนเส้นทางอาชีพ การศึกษาแนวคิดเพิ่มเติมจากแหล่งความรู้อย่างหนังสือ "Fail Fast Succeed More: ล้มให้เร็ว สำเร็จให้สุด" โดย 10X Consulting ก็อาจเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยเปิดมุมมองและสร้างแรงบันดาลใจในการพัฒนาตนเองได้อย่างน่าสนใจครับ www.10-xconsulting.com
    0 Comments 0 Shares 104 Views 0 Reviews
More Results