• แฟนๆ ของ Samsung ได้เริ่มต้นการรณรงค์เพื่อเรียกร้องให้ Samsung นำฟีเจอร์ Bluetooth กลับมาใช้ใน S Pen ของ Galaxy S26 Ultra หลังจากที่ Samsung ได้ตัดฟีเจอร์นี้ออกจาก S25 Ultra ทำให้ไม่สามารถใช้การควบคุมกล้องระยะไกลและท่าทางได้

    Jeff Springer ผู้เชี่ยวชาญด้าน Samsung และเจ้าของเว็บไซต์ SammyGuru ได้เริ่มต้นการรณรงค์นี้บน Change.orgโดยมีผู้ลงชื่อสนับสนุนมากกว่า 3,200 คนในขณะนี้ Springer ระบุว่า ฟีเจอร์ Bluetooth ใน S Pen ไม่ใช่เพียงแค่ของเล่น แต่เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์และสำคัญที่ทำให้ Samsung Galaxy แตกต่างจากสมาร์ทโฟนอื่นๆ ในตลาด

    แม้ว่า Samsung จะอ้างว่าฟีเจอร์ Bluetooth ใน S Pen ไม่ได้รับความนิยมจากผู้ใช้มากนัก แต่การตัดฟีเจอร์นี้ออกทำให้ผู้ใช้บางคนรู้สึกผิดหวัง โดยเฉพาะเมื่อ S25 Ultra เป็นสมาร์ทโฟนระดับสูงสุดของ Samsung ที่มีคุณสมบัติอื่นๆ ที่ยอดเยี่ยม เช่น กล้องอัลตร้าไวด์ 50 เมกะพิกเซล และชิปเซ็ต Snapdragon 8 Elite

    การรณรงค์บน Change.orgอาจไม่มีผลทางกฎหมายหรือทางการในทุกพื้นที่ แต่สามารถเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการกดดันองค์กรและบริษัทให้เปลี่ยนแปลงนโยบายได้

    การตัดฟีเจอร์ Bluetooth ใน S Pen อาจทำให้ S25 Ultra ไม่เป็นที่นิยมในกลุ่มผู้ใช้ที่ลงชื่อสนับสนุนการรณรงค์นี้ แต่ก็ไม่น่าจะหยุด Samsung จากการเป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนที่ดีที่สุดในตลาด

    https://www.techradar.com/phones/samsung-galaxy-phones/annoyed-samsung-fans-have-started-a-petition-to-bring-bluetooth-back-to-the-s-pen-and-they-have-a-point
    แฟนๆ ของ Samsung ได้เริ่มต้นการรณรงค์เพื่อเรียกร้องให้ Samsung นำฟีเจอร์ Bluetooth กลับมาใช้ใน S Pen ของ Galaxy S26 Ultra หลังจากที่ Samsung ได้ตัดฟีเจอร์นี้ออกจาก S25 Ultra ทำให้ไม่สามารถใช้การควบคุมกล้องระยะไกลและท่าทางได้ Jeff Springer ผู้เชี่ยวชาญด้าน Samsung และเจ้าของเว็บไซต์ SammyGuru ได้เริ่มต้นการรณรงค์นี้บน Change.orgโดยมีผู้ลงชื่อสนับสนุนมากกว่า 3,200 คนในขณะนี้ Springer ระบุว่า ฟีเจอร์ Bluetooth ใน S Pen ไม่ใช่เพียงแค่ของเล่น แต่เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์และสำคัญที่ทำให้ Samsung Galaxy แตกต่างจากสมาร์ทโฟนอื่นๆ ในตลาด แม้ว่า Samsung จะอ้างว่าฟีเจอร์ Bluetooth ใน S Pen ไม่ได้รับความนิยมจากผู้ใช้มากนัก แต่การตัดฟีเจอร์นี้ออกทำให้ผู้ใช้บางคนรู้สึกผิดหวัง โดยเฉพาะเมื่อ S25 Ultra เป็นสมาร์ทโฟนระดับสูงสุดของ Samsung ที่มีคุณสมบัติอื่นๆ ที่ยอดเยี่ยม เช่น กล้องอัลตร้าไวด์ 50 เมกะพิกเซล และชิปเซ็ต Snapdragon 8 Elite การรณรงค์บน Change.orgอาจไม่มีผลทางกฎหมายหรือทางการในทุกพื้นที่ แต่สามารถเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการกดดันองค์กรและบริษัทให้เปลี่ยนแปลงนโยบายได้ การตัดฟีเจอร์ Bluetooth ใน S Pen อาจทำให้ S25 Ultra ไม่เป็นที่นิยมในกลุ่มผู้ใช้ที่ลงชื่อสนับสนุนการรณรงค์นี้ แต่ก็ไม่น่าจะหยุด Samsung จากการเป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนที่ดีที่สุดในตลาด https://www.techradar.com/phones/samsung-galaxy-phones/annoyed-samsung-fans-have-started-a-petition-to-bring-bluetooth-back-to-the-s-pen-and-they-have-a-point
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 115 มุมมอง 0 รีวิว
  • จะมีการแข่งขันวิ่งฮาล์ฟมาราธอนระหว่างมนุษย์กับหุ่นยนต์ที่จะจัดขึ้นในเขตต้าซิงของกรุงปักกิ่งในเดือนเมษายนนี้ โดยมีมนุษย์ประมาณ 12,000 คนและหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์จากกว่า 20 บริษัทเข้าร่วมการแข่งขัน

    การแข่งขันนี้เป็นครั้งแรกที่หุ่นยนต์จะแข่งขันกับมนุษย์ในระยะทาง 13 ไมล์ โดยหุ่นยนต์ที่เข้าร่วมต้องมีลักษณะคล้ายมนุษย์และมีโครงสร้างทางกลที่สามารถเดินหรือวิ่งได้ด้วยสองขา หุ่นยนต์ต้องมีความสูงระหว่าง 1.6 ถึง 6.5 ฟุต และระยะห่างจากข้อต่อสะโพกถึงฝ่าเท้าต้องไม่น้อยกว่า 1.47 ฟุต หุ่นยนต์ที่ควบคุมจากระยะไกลและหุ่นยนต์ที่ทำงานอัตโนมัติเต็มรูปแบบสามารถเข้าร่วมได้ และสามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ระหว่างการแข่งขันได้

    การแข่งขันนี้เป็นการทดสอบความสามารถของหุ่นยนต์ในการแข่งขันกับมนุษย์ในกิจกรรมที่ต้องใช้ความแข็งแรงและความอดทน ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของเทคโนโลยีหุ่นยนต์ในปัจจุบัน

    ในปีที่แล้ว หุ่นยนต์สองขาที่ชื่อว่า Tiangong จากบริษัท Galbot ได้เข้าร่วมการแข่งขันวิ่งในกรุงปักกิ่งและวิ่งได้ประมาณ 100 เมตร แม้ว่าจะวิ่งได้ช้า แต่ก็ได้รับเหรียญรางวัลสำหรับการเข้าเส้นชัย Tiangong จะเข้าร่วมการแข่งขันในเดือนเมษายนนี้ด้วย โดยสามารถวิ่งได้ที่ความเร็ว 6.2 ไมล์ต่อชั่วโมง

    https://www.techspot.com/news/106537-robots-race-humans-beijing-half-marathon.html
    จะมีการแข่งขันวิ่งฮาล์ฟมาราธอนระหว่างมนุษย์กับหุ่นยนต์ที่จะจัดขึ้นในเขตต้าซิงของกรุงปักกิ่งในเดือนเมษายนนี้ โดยมีมนุษย์ประมาณ 12,000 คนและหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์จากกว่า 20 บริษัทเข้าร่วมการแข่งขัน การแข่งขันนี้เป็นครั้งแรกที่หุ่นยนต์จะแข่งขันกับมนุษย์ในระยะทาง 13 ไมล์ โดยหุ่นยนต์ที่เข้าร่วมต้องมีลักษณะคล้ายมนุษย์และมีโครงสร้างทางกลที่สามารถเดินหรือวิ่งได้ด้วยสองขา หุ่นยนต์ต้องมีความสูงระหว่าง 1.6 ถึง 6.5 ฟุต และระยะห่างจากข้อต่อสะโพกถึงฝ่าเท้าต้องไม่น้อยกว่า 1.47 ฟุต หุ่นยนต์ที่ควบคุมจากระยะไกลและหุ่นยนต์ที่ทำงานอัตโนมัติเต็มรูปแบบสามารถเข้าร่วมได้ และสามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ระหว่างการแข่งขันได้ การแข่งขันนี้เป็นการทดสอบความสามารถของหุ่นยนต์ในการแข่งขันกับมนุษย์ในกิจกรรมที่ต้องใช้ความแข็งแรงและความอดทน ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของเทคโนโลยีหุ่นยนต์ในปัจจุบัน ในปีที่แล้ว หุ่นยนต์สองขาที่ชื่อว่า Tiangong จากบริษัท Galbot ได้เข้าร่วมการแข่งขันวิ่งในกรุงปักกิ่งและวิ่งได้ประมาณ 100 เมตร แม้ว่าจะวิ่งได้ช้า แต่ก็ได้รับเหรียญรางวัลสำหรับการเข้าเส้นชัย Tiangong จะเข้าร่วมการแข่งขันในเดือนเมษายนนี้ด้วย โดยสามารถวิ่งได้ที่ความเร็ว 6.2 ไมล์ต่อชั่วโมง https://www.techspot.com/news/106537-robots-race-humans-beijing-half-marathon.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Robots set to race humans in Beijing half-marathon
    The world's first humans vs. robot half-marathon will take place in Beijing's Daxing district in April. Around 12,000 humans will be racing the 13 miles against humanoid...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 121 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีรายงานจาก TechSpot ว่าผู้ใช้ Windows หลายคนพบปัญหาหลังจากติดตั้งอัปเดตเดือนมกราคม 2025 ปัญหาที่พบได้แก่ การเชื่อมต่อ USB, ไดรเวอร์ DAC, อุปกรณ์ Bluetooth, และอื่น ๆ แม้ว่าอัปเดตนี้จะไม่จำกัดเฉพาะ Windows 11 24H2 แต่ก็ทำให้เกิดความขัดแย้งเกี่ยวกับเวอร์ชันล่าสุดของระบบปฏิบัติการนี้มากขึ้น

    อัปเดตที่มีปัญหาประกอบด้วย KB5049981 สำหรับ Windows 10, KB5050009 สำหรับ Windows 11 24H2, และ KB5050021 สำหรับเวอร์ชันก่อนหน้าของ Windows 11 ผู้ใช้ที่พบปัญหาควรพิจารณาย้อนกลับไปยังเวอร์ชันก่อนหน้า หรือเลื่อนการติดตั้งอัปเดตเหล่านี้ออกไป

    Microsoft ได้รับทราบปัญหาบางอย่างที่เกิดขึ้นจากอัปเดตเหล่านี้ เช่น ปัญหากับ Open Secure Shell และส่วนประกอบของ Citrix. อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ยังรายงานปัญหาเพิ่มเติม เช่น ปัญหาไดรเวอร์ DAC, การเชื่อมต่อ Wi-Fi, และอุปกรณ์ USB นอกจากนี้ ยังมีปัญหากับเครื่องมือ Snipping Tool, ฟังก์ชัน Alt+Tab, และ Task Manager

    สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการย้อนกลับไปยังเวอร์ชันก่อนหน้า สามารถทำได้โดยไปที่ Settings > System > Recovery > Go Back. และสำหรับผู้ที่ต้องการเลื่อนการอัปเดต สามารถไปที่ Settings > Windows Update และเลือกช่วงเวลาที่ต้องการเลื่อน

    การอัปเดต Windows 11 24H2 ซึ่งเปิดตัวเมื่อปลายปีที่แล้ว ได้รับการร้องเรียนมากมายเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นกับเกม, SSD, และอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออื่น ๆ การอัปเดตนี้ยังมีฟีเจอร์ใหม่ ๆ เช่น Copilot+ GenAI, การรองรับ Wi-Fi 7, Sudo, และการควบคุมระยะไกล

    https://www.techspot.com/news/106523-windows-users-report-widespread-device-issues-following-january.html
    มีรายงานจาก TechSpot ว่าผู้ใช้ Windows หลายคนพบปัญหาหลังจากติดตั้งอัปเดตเดือนมกราคม 2025 ปัญหาที่พบได้แก่ การเชื่อมต่อ USB, ไดรเวอร์ DAC, อุปกรณ์ Bluetooth, และอื่น ๆ แม้ว่าอัปเดตนี้จะไม่จำกัดเฉพาะ Windows 11 24H2 แต่ก็ทำให้เกิดความขัดแย้งเกี่ยวกับเวอร์ชันล่าสุดของระบบปฏิบัติการนี้มากขึ้น อัปเดตที่มีปัญหาประกอบด้วย KB5049981 สำหรับ Windows 10, KB5050009 สำหรับ Windows 11 24H2, และ KB5050021 สำหรับเวอร์ชันก่อนหน้าของ Windows 11 ผู้ใช้ที่พบปัญหาควรพิจารณาย้อนกลับไปยังเวอร์ชันก่อนหน้า หรือเลื่อนการติดตั้งอัปเดตเหล่านี้ออกไป Microsoft ได้รับทราบปัญหาบางอย่างที่เกิดขึ้นจากอัปเดตเหล่านี้ เช่น ปัญหากับ Open Secure Shell และส่วนประกอบของ Citrix. อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ยังรายงานปัญหาเพิ่มเติม เช่น ปัญหาไดรเวอร์ DAC, การเชื่อมต่อ Wi-Fi, และอุปกรณ์ USB นอกจากนี้ ยังมีปัญหากับเครื่องมือ Snipping Tool, ฟังก์ชัน Alt+Tab, และ Task Manager สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการย้อนกลับไปยังเวอร์ชันก่อนหน้า สามารถทำได้โดยไปที่ Settings > System > Recovery > Go Back. และสำหรับผู้ที่ต้องการเลื่อนการอัปเดต สามารถไปที่ Settings > Windows Update และเลือกช่วงเวลาที่ต้องการเลื่อน การอัปเดต Windows 11 24H2 ซึ่งเปิดตัวเมื่อปลายปีที่แล้ว ได้รับการร้องเรียนมากมายเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นกับเกม, SSD, และอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออื่น ๆ การอัปเดตนี้ยังมีฟีเจอร์ใหม่ ๆ เช่น Copilot+ GenAI, การรองรับ Wi-Fi 7, Sudo, และการควบคุมระยะไกล https://www.techspot.com/news/106523-windows-users-report-widespread-device-issues-following-january.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Windows users report widespread device issues following January 2025 updates
    Recent mandatory patches for Windows 10 and 11 are causing issues with USB connections, Bluetooth devices, and several other functions. Users experiencing problems should consider rolling back...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 113 มุมมอง 1 รีวิว
  • แชร์ข่าวนี้ให้ไปถึงหัวหน้าของทุกคนด้วยครับ ฮาาา

    จากรายงานล่าสุดของ ActivTrak Productivity Lab พบว่าพนักงานที่ทำงานจากระยะไกลมีประสิทธิภาพการทำงานสูงกว่าพนักงานที่ทำงานในสำนักงาน พนักงานที่ทำงานจากระยะไกลมีชั่วโมงการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากกว่าและมีการขัดจังหวะน้อยกว่า

    ในขณะที่พนักงานในอุตสาหกรรมการเงินมีเวลาทำงานที่มีประสิทธิภาพมากกว่าพนักงานในอุตสาหกรรมอื่น ๆ ถึง 30 นาทีต่อวัน และมีอัตราการใช้งานที่ดีต่อสุขภาพสูงกว่า 9% พนักงานในอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพมีเวลาทำงานที่มีประสิทธิภาพมากกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมอื่น ๆ ถึง 36 นาทีต่อวัน แต่มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดการเบิร์นเอาท์หรือการไม่สนใจงาน

    นอกจากนี้ พนักงานที่ทำงานจากระยะไกลมีเวลาทำงานที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเนื่องจากมีการประชุมและการขัดจังหวะน้อยกว่า ในทางกลับกัน พนักงานที่ทำงานในสำนักงานมีรูปแบบการทำงานที่สมดุลที่สุด โดยใช้เวลาเกือบ 70% ของเวลาทำงานในสภาวะที่ดีต่อสุขภาพ

    การทำงานแบบไฮบริดกำลังได้รับความนิยมเนื่องจากความยืดหยุ่น แต่พนักงานที่ทำงานแบบไฮบริดมีเวลาพักที่สั้นกว่าเล็กน้อย ActivTrak เตือนว่าพนักงานที่ใช้เวลามากกว่า 75% ของเวลาทำงานในสภาวะที่ใช้งานมากเกินไปมีความเสี่ยงที่จะเกิดการเบิร์นเอาท์

    การเบิร์นเอาท์ (Burnout) เป็นภาวะที่เกิดจากความเครียดเรื้อรังในที่ทำงาน ซึ่งส่งผลให้เกิดความเหนื่อยล้าทางกายและจิตใจ สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนที่ทำงานหนักและมีความเครียดสูงเป็นเวลานาน การป้องกันการเบิร์นเอาท์สามารถทำได้โดยการจัดการความเครียดอย่างเหมาะสม เช่น การพักผ่อนให้เพียงพอ การออกกำลังกาย การทำกิจกรรมที่ชอบ และการพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานหรือผู้บังคับบัญชาเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นในที่ทำงาน

    การทำงานจากระยะไกลมีข้อดีหลายประการ เช่น การลดการขัดจังหวะและการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน แต่ก็มีความเสี่ยงที่ต้องระวังเช่นกัน

    https://www.techradar.com/pro/Remote-workers-are-more-productive-and-face-less-interruptions-than-their-office-only-co-workers
    แชร์ข่าวนี้ให้ไปถึงหัวหน้าของทุกคนด้วยครับ ฮาาา จากรายงานล่าสุดของ ActivTrak Productivity Lab พบว่าพนักงานที่ทำงานจากระยะไกลมีประสิทธิภาพการทำงานสูงกว่าพนักงานที่ทำงานในสำนักงาน พนักงานที่ทำงานจากระยะไกลมีชั่วโมงการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากกว่าและมีการขัดจังหวะน้อยกว่า ในขณะที่พนักงานในอุตสาหกรรมการเงินมีเวลาทำงานที่มีประสิทธิภาพมากกว่าพนักงานในอุตสาหกรรมอื่น ๆ ถึง 30 นาทีต่อวัน และมีอัตราการใช้งานที่ดีต่อสุขภาพสูงกว่า 9% พนักงานในอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพมีเวลาทำงานที่มีประสิทธิภาพมากกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมอื่น ๆ ถึง 36 นาทีต่อวัน แต่มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดการเบิร์นเอาท์หรือการไม่สนใจงาน นอกจากนี้ พนักงานที่ทำงานจากระยะไกลมีเวลาทำงานที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเนื่องจากมีการประชุมและการขัดจังหวะน้อยกว่า ในทางกลับกัน พนักงานที่ทำงานในสำนักงานมีรูปแบบการทำงานที่สมดุลที่สุด โดยใช้เวลาเกือบ 70% ของเวลาทำงานในสภาวะที่ดีต่อสุขภาพ การทำงานแบบไฮบริดกำลังได้รับความนิยมเนื่องจากความยืดหยุ่น แต่พนักงานที่ทำงานแบบไฮบริดมีเวลาพักที่สั้นกว่าเล็กน้อย ActivTrak เตือนว่าพนักงานที่ใช้เวลามากกว่า 75% ของเวลาทำงานในสภาวะที่ใช้งานมากเกินไปมีความเสี่ยงที่จะเกิดการเบิร์นเอาท์ การเบิร์นเอาท์ (Burnout) เป็นภาวะที่เกิดจากความเครียดเรื้อรังในที่ทำงาน ซึ่งส่งผลให้เกิดความเหนื่อยล้าทางกายและจิตใจ สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนที่ทำงานหนักและมีความเครียดสูงเป็นเวลานาน การป้องกันการเบิร์นเอาท์สามารถทำได้โดยการจัดการความเครียดอย่างเหมาะสม เช่น การพักผ่อนให้เพียงพอ การออกกำลังกาย การทำกิจกรรมที่ชอบ และการพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานหรือผู้บังคับบัญชาเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นในที่ทำงาน การทำงานจากระยะไกลมีข้อดีหลายประการ เช่น การลดการขัดจังหวะและการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน แต่ก็มีความเสี่ยงที่ต้องระวังเช่นกัน https://www.techradar.com/pro/Remote-workers-are-more-productive-and-face-less-interruptions-than-their-office-only-co-workers
    WWW.TECHRADAR.COM
    Remote workers are more productive and face less interruptions than their office-only co-workers
    Remote-first is most productive while hybrid and office-first approaches offer healthier utilization of employee time
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 103 มุมมอง 0 รีวิว
  • เดนมาร์กเปิดเผย จะทุ่มงบประมาณ 14,600 ล้านโครเนอเดนมาร์ก (ประมาณ 2,050 ล้านดอลลาร์ หรือ 69,000 ล้านบาท) เสริมประจำการทางทหารในอาร์กติก ตามหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ แสดงความสนใจซ้ำๆ ที่จะเข้าควบคุมกรีนแลนด์ ดินแดนปกครองตนเองของเดนมาร์ก และเย้ยหยันโคเปนเฮเกน ว่าไม่มีศักยภาพพอที่จะปกป้องเกาะแห่งนี้
    .
    ในเดือนนี้ ทรัมป์ บอกว่ากรีนแลนด์มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ และเดนมาร์กต้องปล่อยมือจากการควบคุมเกาะอาร์กติกที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์แห่งนี้
    .
    หลังจากปรับลดการใช้จ่ายด้านการป้องกันตนเองลงอย่างมากมานานกว่า 1 ทศวรรษ เดนมาร์ก แถลงในวันจันทร์ (27 ม.ค.) ว่าจะใช้จ่ายเงิน 14,600 ล้านโครเนอ ในการเสริมความมั่นคงในภูมิภาคอาร์กติก ดินแดนยุทธศาสตร์ใกล้กับทั้งสหรัฐฯ และรัสเซีย
    .
    "เราต้องเผชิญหน้ากับข้อเท็จจริงที่ว่า มีความท้าทายร้ายแรงในเรื่องความมั่นคงและด้านการป้องกันตนเองในอาร์กติกและนอร์ทแอตแลนติก" โทรเอลส์ ลุนด์ โพลเซน รัฐมนตรีกลาโหมเดนมาร์กระบุในถ้อยแถลง
    .
    ในขณะที่ เดนมาร์ก รับผิดชอบมอบความมั่นคงและการป้องกันตนเองแก่กรีนแลนด์ แต่พวกเขากลับมีแสนยานุภาพทางทหารอย่างจำกัดบนเกาะที่ใหญ่โตแห่งนี้ จนถึงมองอย่างกว้างว่าเป็นหลุมดำด้านความมั่นคง
    .
    ณ ปัจจุบัน ศักยภาพของเดนมาร์กนั้นมีเพียงแค่เรือตรวจการณ์เก่าเก็บ 4 ลำ เครื่องบินลาดตระเวนชาลเลนเจอร์ 1 ลำ และสุนัขลากเลื่อนลาดตระเวน 12 ตัว ซึ่งทั้งหมดมีหน้าที่รับผิดชอบตรวจการณ์ทั่วเกาะ ที่มีขนาดพื้นที่ใหญ่กว่าฝรั่งเศสถึง 4 เท่า
    .
    ในงบประมาณใหม่นี้ รวมไปถึงเงินทุนสำหรับเรือราชนาวีอาร์กติกใหม่ 3 ลำ เพิ่มโดรนตรวจการณ์ระยะไกลที่วางแผนไว้อีกเท่าตัวเป็น 4 ลำ เช่นเดียวกับดาวเทียวสอดแนม ถ้อยแถลงรัฐมนตรีกลาโหมเดนมาร์กระบุ
    .
    รายงานข่าวระบุว่า บรรดาพรรคการเมืองต่างๆ ของเดนมาร์ก เห็นพ้องกันจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมสำหรับอาร์กติก ในข้อตกลงหนึ่งๆ ที่จะนำเสนอในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้
    .
    ในด้านกองทัพสหรัฐฯ พวกเขามีกำลังพลประจำการถาวรอยู่ ณ ฐานทัพอวกาศพิทัฟฟิก ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะกรีนแลนด์ ตำแหน่งยุทธศาสตร์ซึ่งเป็นที่ตั้งของระบบแจ้งเตือนขีปนาวุธล่วงหน้า ในขณะที่จุดดังกล่าวเป็นเส้นทางที่สั้นที่สุดสำหรับเดินทางจากยุโรปไปยังอเมริกาเหนือ ผ่านเกาะแห่งนี้
    .
    ก่อนหน้านี้ในวันเสาร์ (25 ม.ค.) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับพวกผู้สื่อข่าวบนเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวัน บอกว่า เดนมาร์กไม่มีแสนยานุภาพเพียงพอที่จะปกป้องเกาะกรีนแลนด์ ดินแดนที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ ความเคลื่อนไหวที่ดูเหมือนเป็นการเย้ยยันข่าวลือที่หลุดออกมาว่า เดนมาร์กมีแผนเพิ่มประจำการทางทหารบนเกาะในอาร์กติกแห่งนี้
    .
    ทรัมป์ เคยหยิบยกความคิดซื้อเกาะกรีนแลนด์ ครั้งดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยแรก และรื้อฟื้นความคิดดังกล่าวหลังได้รับชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
    .
    ผู้นำอเมริการายนี้เน้นย้ำว่ากรีนแลนด์มีความสำคัญในด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ และไม่ตัดความเป็นไปได้ในการใช้กำลังเพื่อให้ได้มันมาครอบครอง ในขณะที่เดนมาร์กปฏิเสธอย่างหนักแน่นว่าเกาะแห่งนี้ไม่ได้มีไว้ขาย
    .
    ทรัมป์ กล่าวว่า "ผมเชื่อว่าเกาะกรีนแลนด์ เราจะได้มันมา เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำจริงๆ เพื่อเสรีภาพของโลก มันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับสหรัฐฯ เหนือสิ่งอื่นใดที่เรามีคือ สามารถมอบเสรีภาพ เดนมาร์กไม่สามารถมอบให้ได้ พวกเขาส่งสุนัขลากเลื่อนเข้าไปอีก 2 ตัวเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน พวกเขาคิดหรือว่านั่นเป็นการป้องกัน" ทรัมป์บอกกับไฟแนนเชียลไทม์ส
    .
    ดูเหมือนว่า ทรัมป์ จะพาดพิงถึงถ้อยแถลงของรัฐมนตรีกลาโหมของเดนมาร์ก ที่บอกว่าโคเปนเฮเกนมีแผนเพิ่มเติมเรือตรวจการณ์ 2 ลำ โดรน 2 ลำ และสุนัขลากเลื่อนลาดตระเวน 2 ตัว เข้าไปเสริมกองกำลังพล 75 นาย เรือ 4 ลำ และเครื่องบินลาดตระเวน 1 ลำ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน
    .
    "ผมไม่รู้ว่า เดนมาร์ก จะอ้างว่าอย่างไร แต่มันจะเป็นการกระทำที่ไม่เป็นมิตรมากๆ หากพวกเขาไม่ปล่อยให้มันเกิดขึ้น" ทรัมป์บอกเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ พร้อมอ้างว่า "ประชาชนชาวกรีนแลนด์ต้องการเข้าร่วมกับเรา"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008692
    ..............
    Sondhi X
    เดนมาร์กเปิดเผย จะทุ่มงบประมาณ 14,600 ล้านโครเนอเดนมาร์ก (ประมาณ 2,050 ล้านดอลลาร์ หรือ 69,000 ล้านบาท) เสริมประจำการทางทหารในอาร์กติก ตามหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ แสดงความสนใจซ้ำๆ ที่จะเข้าควบคุมกรีนแลนด์ ดินแดนปกครองตนเองของเดนมาร์ก และเย้ยหยันโคเปนเฮเกน ว่าไม่มีศักยภาพพอที่จะปกป้องเกาะแห่งนี้ . ในเดือนนี้ ทรัมป์ บอกว่ากรีนแลนด์มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ และเดนมาร์กต้องปล่อยมือจากการควบคุมเกาะอาร์กติกที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์แห่งนี้ . หลังจากปรับลดการใช้จ่ายด้านการป้องกันตนเองลงอย่างมากมานานกว่า 1 ทศวรรษ เดนมาร์ก แถลงในวันจันทร์ (27 ม.ค.) ว่าจะใช้จ่ายเงิน 14,600 ล้านโครเนอ ในการเสริมความมั่นคงในภูมิภาคอาร์กติก ดินแดนยุทธศาสตร์ใกล้กับทั้งสหรัฐฯ และรัสเซีย . "เราต้องเผชิญหน้ากับข้อเท็จจริงที่ว่า มีความท้าทายร้ายแรงในเรื่องความมั่นคงและด้านการป้องกันตนเองในอาร์กติกและนอร์ทแอตแลนติก" โทรเอลส์ ลุนด์ โพลเซน รัฐมนตรีกลาโหมเดนมาร์กระบุในถ้อยแถลง . ในขณะที่ เดนมาร์ก รับผิดชอบมอบความมั่นคงและการป้องกันตนเองแก่กรีนแลนด์ แต่พวกเขากลับมีแสนยานุภาพทางทหารอย่างจำกัดบนเกาะที่ใหญ่โตแห่งนี้ จนถึงมองอย่างกว้างว่าเป็นหลุมดำด้านความมั่นคง . ณ ปัจจุบัน ศักยภาพของเดนมาร์กนั้นมีเพียงแค่เรือตรวจการณ์เก่าเก็บ 4 ลำ เครื่องบินลาดตระเวนชาลเลนเจอร์ 1 ลำ และสุนัขลากเลื่อนลาดตระเวน 12 ตัว ซึ่งทั้งหมดมีหน้าที่รับผิดชอบตรวจการณ์ทั่วเกาะ ที่มีขนาดพื้นที่ใหญ่กว่าฝรั่งเศสถึง 4 เท่า . ในงบประมาณใหม่นี้ รวมไปถึงเงินทุนสำหรับเรือราชนาวีอาร์กติกใหม่ 3 ลำ เพิ่มโดรนตรวจการณ์ระยะไกลที่วางแผนไว้อีกเท่าตัวเป็น 4 ลำ เช่นเดียวกับดาวเทียวสอดแนม ถ้อยแถลงรัฐมนตรีกลาโหมเดนมาร์กระบุ . รายงานข่าวระบุว่า บรรดาพรรคการเมืองต่างๆ ของเดนมาร์ก เห็นพ้องกันจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมสำหรับอาร์กติก ในข้อตกลงหนึ่งๆ ที่จะนำเสนอในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ . ในด้านกองทัพสหรัฐฯ พวกเขามีกำลังพลประจำการถาวรอยู่ ณ ฐานทัพอวกาศพิทัฟฟิก ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะกรีนแลนด์ ตำแหน่งยุทธศาสตร์ซึ่งเป็นที่ตั้งของระบบแจ้งเตือนขีปนาวุธล่วงหน้า ในขณะที่จุดดังกล่าวเป็นเส้นทางที่สั้นที่สุดสำหรับเดินทางจากยุโรปไปยังอเมริกาเหนือ ผ่านเกาะแห่งนี้ . ก่อนหน้านี้ในวันเสาร์ (25 ม.ค.) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับพวกผู้สื่อข่าวบนเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวัน บอกว่า เดนมาร์กไม่มีแสนยานุภาพเพียงพอที่จะปกป้องเกาะกรีนแลนด์ ดินแดนที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ ความเคลื่อนไหวที่ดูเหมือนเป็นการเย้ยยันข่าวลือที่หลุดออกมาว่า เดนมาร์กมีแผนเพิ่มประจำการทางทหารบนเกาะในอาร์กติกแห่งนี้ . ทรัมป์ เคยหยิบยกความคิดซื้อเกาะกรีนแลนด์ ครั้งดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยแรก และรื้อฟื้นความคิดดังกล่าวหลังได้รับชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา . ผู้นำอเมริการายนี้เน้นย้ำว่ากรีนแลนด์มีความสำคัญในด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ และไม่ตัดความเป็นไปได้ในการใช้กำลังเพื่อให้ได้มันมาครอบครอง ในขณะที่เดนมาร์กปฏิเสธอย่างหนักแน่นว่าเกาะแห่งนี้ไม่ได้มีไว้ขาย . ทรัมป์ กล่าวว่า "ผมเชื่อว่าเกาะกรีนแลนด์ เราจะได้มันมา เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำจริงๆ เพื่อเสรีภาพของโลก มันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับสหรัฐฯ เหนือสิ่งอื่นใดที่เรามีคือ สามารถมอบเสรีภาพ เดนมาร์กไม่สามารถมอบให้ได้ พวกเขาส่งสุนัขลากเลื่อนเข้าไปอีก 2 ตัวเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน พวกเขาคิดหรือว่านั่นเป็นการป้องกัน" ทรัมป์บอกกับไฟแนนเชียลไทม์ส . ดูเหมือนว่า ทรัมป์ จะพาดพิงถึงถ้อยแถลงของรัฐมนตรีกลาโหมของเดนมาร์ก ที่บอกว่าโคเปนเฮเกนมีแผนเพิ่มเติมเรือตรวจการณ์ 2 ลำ โดรน 2 ลำ และสุนัขลากเลื่อนลาดตระเวน 2 ตัว เข้าไปเสริมกองกำลังพล 75 นาย เรือ 4 ลำ และเครื่องบินลาดตระเวน 1 ลำ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน . "ผมไม่รู้ว่า เดนมาร์ก จะอ้างว่าอย่างไร แต่มันจะเป็นการกระทำที่ไม่เป็นมิตรมากๆ หากพวกเขาไม่ปล่อยให้มันเกิดขึ้น" ทรัมป์บอกเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ พร้อมอ้างว่า "ประชาชนชาวกรีนแลนด์ต้องการเข้าร่วมกับเรา" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008692 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Wow
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 869 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่วงนี้อ่านเล่มไหนก็รู้สึกชอบและสนุกไปหมดเลยครับ อาจเพราะเป็นคนเลือกที่อยากอ่านเองจริง ๆ และก็มักไม่พบความผิดหวังกับเล่มที่เลือกนั้น ล่าสุดก็เรื่องนี้ที่สะดุดตาตั้งแต่ปกหน้า พอเจอในแอป hibrary ที่คนจองคิวไม่มาก และระบุว่าเกี่ยวกับการสืบสวนสอบสวน ระทึกขวัญกลางกรุงโตเกียว คิดว่าน่าสนใจจึงต่อคิวจอง และเมื่อวันก่อนครบกำหนดต้องคืน จึงรีบอ่านแบบติดเทอร์โบรวดเดียวจนจบทันก่อนเวลาเส้นตายแบบเฉียดฉิว เมื่ออ่านจบก็พบว่า

    "ดีจริงที่ตัดสินใจที่จะลองอ่าน ถ้าไม่งั้นคงน่าเสียดายยิ่ง"

    #silenttokyoandsothisisxmas
    สนพ.ไดฟุกุ (อ่านหนังสือของไดฟุกุติดกันหลายเล่ม เป็นสนพ.หนึ่งที่ผลิตหนังสือค่อนข้างคุณภาพทีเดียว แต่ผมอ่านแบบอีบุ๊ก)
    ฮาตะ ทาเคฮิโตะ เขียน
    เกวลิน ลิขิตวิทยาวุฒิ แปล
    248 หน้า 280 บาท
    พิมพ์ในญี่ปุ่นครั้งแรก 2559 ในไทยพิมพ์ครั้งแรกปี 2564

    คุณจะทำอย่างไร ถ้ารู้ว่าเมืองที่ตนอาศัยอยู่กำลังจะเกิดเหตุระเบิดครั้งใหญ่ใจกลางกรุง?

    เริ่มเรื่องก็ระทึกขวัญแต่ต้น ด้วยการที่แม่บ้านวัยสี่สิบกว่ารายหนึ่งตั้งใจจะออกไปซื้อของขวัญให้สามี เพราะใกล้จะถึงคริสต์มาส เธอจึงออกจากบ้านไปยังย่านกลางเมือง หลังซื้อของแล้วจึงมานั่งรับแดดกะจะกินแซนด์วิช บนม้านั่งตัวหนึ่งที่ลานสาธารณะหน้าสถานีรถไฟเอบิสุ ครู่หนึ่งชายที่ไหนไม่รู้ เข้ามาคุยกับเธอพูดจาแปลก ๆ บอกว่าใต้ม้านั่งมีระเบิด ห้ามเธอลุกขึ้นไม่งั้นระเบิดจะทำงาน เพราะเมื่อมีน้ำหนักมากกว่า30กิโลกรัมกดทับ วงจรจะเริ่มเตรียมพร้อม ทางเดียวที่จะรอด เธอต้องนั่งรอจนกว่าจะมีคนจากสถานทีโทรทัศน์แห่งหนึ่งมาที่นี่ แล้วให้เขานั่งลงข้าง ๆ จากนั้นเธอจึงลุกขึ้นได้ แต่ให้บอกสิ่งที่เธอได้ยินนี้กับเขาด้วยเพื่อจะได้ไม่ตายเพราะระเบิด และสุดท้ายให้บอกเขาว่า นี่คือสงคราม!

    🧨

    จากจุดเริ่มนั้นเอง ที่สถานีโทรทัศน์แห่งนั้น มีสายโทรแจ้งว่าจะมีการระเบิดขึ้นที่...หนุ่มทำงานพาร์ตไทม์ในสถานีที่ได้รับงานเป็นเบ๊ทั่วไป ถูกสั่งให้ไปยังจุดดังกล่าวพร้อมจนท.อีกคนที่ติดอุปกรณ์การถ่ายทำไปด้วย ทั้งสองจำใจไปแต่เชื่อว่าคงเป็นการล้อกันเล่น เมื่อไปถึงพบหญิงที่นั่งอยู่ข้างม้านั่งที่คนในสายแจ้ง ทั้งสองเข้าไปใกล้กะจะไปนั่งม้านั่งใกล้กันเพื่อสังเกต แต่เธอกลับเรียกให้ชายที่ถือกล้องนั่งลงถามว่ามาจากสถานีโทรทัศน์ใช่ไหม เขาแปลกใจจึงนั่งลงจะสอบถาม เธอรีบกระโดดขึ้นทันทีพลางบอกรายละเอียดทั้งหมด

    🧨

    ชายที่นั่งไม่เชื่อจะลุก เธอรีบกดไหล่และหว่านล้อมว่าวิธีเดียวที่จะรอดคือต้องทำตามคำบอกของชายคนที่แจ้งรายละเอียดกับเธอไว้ในตอนแรก นั่นคือให้เขาใช้กล้องบันทึกสิ่งที่ตัวเองประสบแล้วเผยแพร่ออกไป จากนั้นเธอเอาของที่คล้ายนาฬิกาข้อมือดิจิทัลมาคล้องกับข้อมือของหนุ่มพาร์ตไทม์โดยเขาไม่ทันตั้งตัว พลางเธอชูให้ดูว่าที่ข้อมือตัวเองก็มี บอกว่านี่เป็นระเบิดด้วยเช่นกัน ถ้าไม่ทำตามคำสั่งของชายแปลกหน้าที่เข้ามาคุยกับเธอ เขาจะสั่งงานระยะไกลให้นาฬิการะเบิด แล้วรีบบอกกับเด็กหนุ่มว่าต้องไปต่อที่แห่งหนึ่งตามคำสั่ง จากนั้นทิ้งชายที่น่าสงสารไว้ตามลำพัง ซึ่งเขาก็กลัวมากจึงรีบทำตามที่เธอบอก ในที่สุดเรื่องก็ทราบถึงตำรวจ จนแห่กันมากู้ระเบิดด้วยการใช้ไนโตรเจนเหลวกะให้หยุดการทำงานของระบบ ปรากฏว่าเกิดระเบิดเสียงดังสนั่น

    🧨

    ที่แท้เป็นการข่มขู่ แค่ระเบิดเสียงแต่ยังไม่มีอำนาจทำลายล้าง ทว่าด้วยเหตุนี้ทางตำรวจสืบสวนกลางจึงตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อดูแลและสืบเรื่องนี้ขึ้น จากการวิเคราะห์ทำให้ตำรวจทราบว่า ระเบิดนั้นถูกติดตั้งตัวจับอุณหภูมิไว้ด้วย แสดงว่าคนที่ประกอบระเบิดเป็นระดับผู้เชี่ยวชาญ ที่มีความรู้ด้านนี้และคาดเดาได้ว่าตำรวจจะใช้ไนโตรเจนเหลว จึงดักทางด้วยการติดตั้งระบบให้ไม่อาจกู้ด้วยวิธีที่ตำรวจใช้ ในทีมสืบสวน มีการจับคู่ของนายตำรวจมากประสบการณ์วัยสี่สิบกว่ากับตำรวจหนุ่มไฟแรงคู่หนึ่ง ซึ่งมีบทบาทในการตามสืบข้อมูลเกี่ยวกับการระเบิดครั้งนี้อย่างกัดติด ด้วยตำรวจวัยกลางคนนั้นเคยแต่งงานกับลูกสาวของระดับสูงของหัวหน้าที่ตั้งทีมครั้งนี้ ทว่ามีเหตุการณ์ในอดีตที่ทำให้ต้องหย่ากันไป อย่างไรเขาคือผู้มีประสบการณ์มาอย่างโชกโชนเกี่ยวกับสถานการณ์อันตราย

    🧨

    ด้านหญิงกลางคนกับหนุ่มพาร์ตไทม์ เดินทางไปยังอาคารหลังหนึ่งเป็นห้องเช่า ที่ภายในมีทีวีและอุปกรณ์กล้อง พร้อมซองสีขาวที่เขียนรายละเอียดบอกไว้ให้เด็กหนุ่มต้องอ่านข้อความตามที่มีบทพูดไว้ให้ โดยให้ฝ่ายหญิงเป็นคนทำหน้าที่บันทึกภาพ จากนั้นให้นำโหลดเผยแพร่ให้คนอื่นในยูทูปเห็น เนื้อหาสรุปคือให้บอกว่าผมคือผู้ที่วางระเบิดนั้นเอง และยื่นข้อเสนอขอคุยกับนายกถ่ายทอดออกทางสถานีโทรทัศน์ ถ้าไม่ทำตาม จะมีการวางระเบิดในย่านใจกลางชิบูย่า หน้ารูปปั้นหมาฮาจิโกะ เส้นตายคือ18.30น. ปรากฏว่านายกฯออกข่าวตอบโต้ว่าไม่ต้องการเจรจาใดกับผู้ก่อการร้ายทั้งสิ้น และจะทำสงครามกับคนไม่หวังดีอย่างถึงที่สุด

    🧨

    ด้านหนุ่มพาร์ตไทม์ได้รับคำสั่งต่อไปให้ไปทำคนเดียว จึงต้องแยกกับหญิงกลางคนที่ถูกให้เฝ้ารอคำสั่งอยู่ในห้องแห่งนั้น ส่วนตำรวจก็วิ่งขาขวิด ล้อมรั้วด้วยแถบเหลืองรอบรูปปั้นฮาจิโกะด้วยรัศมีประมาณหนึ่ง และให้หน่วยกอบกู้ระเบิดพยายามเร่งค้นหาวัตถุระเบิดที่ถูกซุกซ่อนอยู่ แต่คนโตเกียวและชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่เข้าใจว่าคลิปที่เผยแพร่ น่าจะเป็นการหลอกลวงเหมือนเช่นระเบิดก่อนหน้าที่สถานีเอบิสุ จึงไม่รู้สึกกลัวแถมยังแห่มายังบริเวณลานอันเป็นสถานที่ถูกระบุ ด้วยต้องการมาเซลฟี่ตนเอง บ้างมาเป็นกลุ่ม เพื่ออัปโหลดเผยแพร่ให้คนอื่นเห็น

    🧨

    มีหญิงสาวพนักงานบริษัทธรรมดาสองคนที่เป็นเพื่อนสนิทกัน คนหนึ่งเป็นชู้กับสามีของคนอื่นและคะยั้นคะยอชวนเพื่อนไปนัดบอดก่อนหน้านี้ ซึ่งเพื่อนของเธอเพิ่งอกหักจากแฟนที่รักกันมากว่าสิบปี แล้วทิ้งไปอยู่กับกิ๊กที่ตั้งท้องไม่กี่เดือน เพื่อนสาวคนนี้กำลังคิดจะเริ่มต้นใหม่และรู้สึกดีกับหนุ่มคนหนึ่งในงานนัดบอด โดยเขาคนนั้นเป็นเจ้าของบริษัทที่สร้างแอปพลิเคชันที่เปิดตัวดีและมีคนใช้เยอะ ธุรกิจไปได้สวยทั้งที่ยังอายุไม่มาก แต่ค่อนข้างเย็นชาไม่สนใจคนรอบข้าง สองสาวตั้งใจจะมากินอาหารฉลองก่อนคริสต์มาส แล้วเห็นหนุ่มคนที่ตนสนใจเข้าพอดีในสถานที่ใกล้รูปปั้นฮาจิโกะ เพื่อนคนที่ใจกล้าจึงชวนอีกคนว่าให้ลองตามไปดูเขาว่าทำไมถึงมาอยู่แถวชิบูย่า ทั้งที่ก่อนหน้าตอนเธอชวนมากินข้าวด้วยกัน ปฏิเสธว่ามีนัดสำคัญที่อื่น เธอไม่อยากไปแต่สุดท้ายก็โดนเพื่อนลากไปจนได้

    🧨

    ด้านตำรวจยังคงพยายามตามหาว่าระเบิดถูกซ่อนตรงไหน เวลากระชั้นสั้นเข้าใกล้ถึงกำหนดที่ถูกประกาศว่าจะมีการระเบิด แต่ผู้คนยิ่งมาออกันอย่างเนืองแน่นด้วยความสนุกสนาน

    สุดท้ายจึงเกิดโศกนาฏกรรมใหญ่ เพราะมีการระเบิดขึ้นจริง ผู้คนล้มตายเป็นใบไม้ร่วง แต่เรื่องราวไม่จบเท่านี้ เพราะหลังเหตุร้ายแรง นายกฯยังคงยืนยันคำพูดแข็งกร้าวเช่นเดิม ดังนั้นจึงมีข้อความต่อมาของคนร้ายที่แจ้งให้ทราบว่า ถ้านายกยังไม่ทำตามข้อเสนอ ระเบิดครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นในคืนวันคริสต์มาสอีฟ คราวนี้บอกแค่เวลา แต่ไม่ระบุจุดที่จะระเบิด บอกเพียงว่าในกรุงโตเกียว

    🧨

    เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป..

    ตำรวจจะหาตัวคนร้ายเจอไหม ..

    สถานที่ใดจะเกิดระเบิดครั้งต่อไป..

    หญิงสาวสองคนที่อยู่ตรงบริเวณย่านชิบูย่าตายหรือไม่..

    ชายคนที่หญิงสาวรู้สึกสนใจ ทำไมโกหกเธอ แล้วเขามาทำอะไร รอดตายหรือไม่..

    หญิงวัยกลางคนที่ประสบเหตุคนแรกเล่า ที่ข้อมือยังมีนาฬิกาที่พร้อมระเบิดถ้าขัดคำสั่งคนร้าย เธอถูกให้ทำเรื่องใดต่อไป..

    หนุ่มพาร์ตไทม์ที่ได้รับมอบหมายงานไปทำตามลำพัง จะรอดหรือไม่ ใคร ๆ ต่างเข้าใจว่าเขาคือคนร้ายไปหมดแล้ว ...

    ยังมีอีกหลายตัวละครที่มีบทบาทต่อเนื้อเรื่อง ที่ผมเล่าได้ไม่หมด ต้องไปหาอ่านกันต่อแล้วล่ะ

    .......

    ภาควิเคราะห์✒️

    ตัวละครเยอะ และโผล่มาเรื่อย ๆ เฉพาะที่มีส่วนเกี่ยวข้องหลักก็เกือบสิบคน ยังมีประเภทโผล่มาประปรายเพราะมีความสัมพันธ์กับตัวละครที่เกี่ยวข้องอีกพอสมควร แต่เนื่องจากผมมีเวลาจำกัดที่ต้องอ่านให้จบทันก่อนหนังสือจะคืนเข้าระบบตามกำหนด จึงไม่สามารถค่อย ๆ เสพอ่านอย่างละเมียดบรรจง แต่ใช้วิธีอ่านแบบกวาดตาโดยไว ซึ่งปกติจะไม่อยากอ่านแบบนี้ถ้าไม่จำเป็น เนื่องจากจะจดจำชื่อตัวละคร หรือดื่มด่ำกับสำนวนและการบรรยายของผู้เขียนได้น้อย

    ✒️

    ดีที่เล่มนี้ไม่เน้นการบรรยายเยอะ แต่สนทนามากกว่า มีบรรยายบ้างแต่ไม่ยาวเป็นหน้า ค่อนข้างเดินเรื่องกระชับฉับไว ให้รายละเอียดเท่าที่จำเป็น ตัวละครคุยกันเยอะ ให้ความรู้สึกเหมือนดูหนังครับ ยิ่งอ่านประวัติคนเขียนด้วยจึงเข้าใจ เพราะเป็นทั้งนักเขียนหนังสือ นักเขียนบท โปรดิวเซอร์ ผู้กำกับ มิน่าล่ะจึงสะท้อนความเชี่ยวชาญและแนวคิดการทำงานในการผลิตหนัง มาใช้ในงานเขียนด้วย

    ✒️

    อ่านแล้วนึกถึงหนังเรื่อง pulp fiction เมื่อปี 2537 ครับ ลักษณะการเล่ามีความเดินเรื่องคล้ายอย่างในหนัง คือไม่ได้เล่าไปทีละลำดับ แต่สลับระหว่างตัวละครหลักกลับไปกลับมา ฉากโน้นฉากนี้ แล้วพอตัวละครเยอะ ก็จะเข้าใจยากหน่อย แต่พอนำมาร้อยเรียงกันเองในหัวแล้วจะเริ่มมองภาพใหญ่ออก เพียงแค่ผู้เขียนเลือกหยิบเล่าในบริเวณจำกัดของ jigsaw บางส่วนในภาพทั้งหมด แล้วกระโดดไปเล่ามุมอื่นของชีวิตตัวละครตัวอื่น วนไปวนมาแบบนี้ จนค่อย ๆ กลายเป็นภาพที่ต่อสำเร็จเป็นรูปร่างมากขึ้นเรื่อย ๆ

    ✒️

    อ่านไปเหมือนจะงง แล้วพาลทำให้ไม่เข้าใจและไม่ชอบ หมดสนุกได้หากเราไม่คุ้นเคยกับการเล่าแบบนี้ ผมนึกถึงตัวเองตอนได้ดู pulp fiction ในโรงหนังลิโด้ครั้งแรกสมัยก่อน ถึงกับอุทานในใจ

    แหม..หนังอะไรวะเนี่ย ดูไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจอะไรเลย ตัวละครต่าง ๆ ที่จู่ ๆ ก็โผล่มาแบบไม่มีต้น ไม่มีปลาย มาทำบ้าอะไรของมันเดี๋ยวเดียวก็ตัดไป กลายเป็นตัวอื่นโผล่มาแล้วก็ลักษณะเดียวกันคือไม่มีรายละเอียดให้รู้ งงไปจนแทบเลยกลางเรื่องไปพอสมควรแล้วนั่นแหละ แบบดูไปด่าไปในใจ แต่ก็ทนดูต่อไปเพราะอยากรู้ว่าตกลงเรื่องราวมันยังไงกันแน่

    ✒️

    พอดูจบถึงกับแทบโห่ร้องออกมาแบบไม่มีเสียง นี่มันหนังโคตรดี สุดยอดอย่างที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน คิดได้ยังไง ถ้าดำเนินเรื่องตามลำดับเวลาก่อนหลังที่ควรจะเป็น เราก็เข้าใจง่ายตั้งแต่ต้นละ แต่นี่ดันตัดเอาแค่บางช่วงสลับไปมาจนงงไปหมด ให้ไปต่อเอาเองในหัว

    หนังสือเล่มนี้ก็มีความคล้ายในการเล่าแบบหนังเรื่องนั้นเหมือนกัน แต่ไม่ได้มากเท่าและไม่ได้ชัดเจนเท่า ยังมีความเล่าตามลำดับในโครงสร้างใหญ่ไปตามวันที่เริ่มตั้งแต่ 22 ธันวาคม จนถึงก่อนวันคริสต์มาส แต่ทว่าจะมีช่วงที่เล่าให้ทราบถึงความเป็นไปในตัวละครบางตัวในอดีต เป็นเชิงภาคขยายจากในคราวแรกที่ไม่ได้ให้รายละเอียดตัวละครอะไรมากมาย

    ✒️

    กลางเล่มไปแล้วที่หลังเกิดเหตุระเบิดใหญ่อันน่าตกใจและมีการสูญเสียทำได้ดีทีเดียว ฉากกลางย่านชิบูย่าในภาพก่อนหน้าที่กำลังวุ่นวายและเต็มไปด้วยความเอะอะของเหล่าผู้คน ที่ไม่ตระหนักถึงอันตรายใดแล้วไม่สนใจคำเตือนตำรวจ กับภายหลังเหตุระเบิด รวมถึงความไต่ระดับของการเดินเรื่องที่บางตัวละครพยายามตามหาความจริง จิกกัดไม่ปล่อย ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ใช่ตำรวจและยังเป็นผู้หญิง มีฉากหนึ่งที่อ่านแล้วอดนึกไม่ได้ว่า

    "อยากตายนักหรือไง"

    เพราะเธอไปจี้ถาม คุ้ยแคะแกะแผลจะคาดคั้นเอาคำตอบกับคนที่น่าสงสัยให้ได้ ช่วงบทสนทนาตอนนั้นคือลุ้นมาก นางปากดีคนนี้จะถูกหมกตายไหมเนี่ย ช่างปากกล้า ปากเก่งในเวลาที่ไม่ควรจริง ๆ แล้วเหตุการณ์ต่อจากฉากนั้น ก็ทำเอาแทบกลั้นลมหายใจอ่านทีเดียว

    ✒️

    ผู้เขียนฉลาดในการหลอกล่อคนอ่านมาตั้งแต่ต้นเริ่มเรื่องทีเดียว เรียกว่าเอาอยู่ หัวปั่นเพราะเบาะแสที่ให้มาทีละนิด เราก็คิดว่าเออ คนนี้หรือคนนั้นมีแววนะว่าอาจจะใช่คนร้ายที่เจ้าแผนการทั้งหมด เพียงเพื่อสุดท้ายจะพบกับความพลิกเหมือนลูกรูบิกที่บิดที สีที่เหมือนจะเรียงกันได้ครบ แต่ทำเอาแทบสลบเพราะนอกจากไม่เรียงสำเร็จทุกสี ยังเหมือนวิ่งหนีออกไปไกลกว่าเก่า

    อ้าว..ที่แท้คนนี้เองเหรอ..เราหมุนไปผิดทางตั้งแต่แรกเลยเหรอเนี่ย

    พอย้อนไปเก็บรายละเอียดหลังอ่านจบ โดยทวนเนื้อหาใหม่ในบางช่วงบางบทสนทนา การบรรยายรายละเอียดที่ผู้เขียนใส่ไว้ใหม่ จึงเกิดความรู้สึกเหมือน อะไรที่มันขัดกันในหัว หมุนเคลื่อนตัวลงล็อกดัง "กริ๊ก" ในตำแหน่งที่ถูกต้องเป๊ะ

    ✒️

    เราอ่านไม่ดีเองตั้งแต่แรก ละเลยส่วนสำคัญไปเพราะไม่ละเอียดและไม่คิดตามมากพอ แท้จริงร่องรอยของความจริงได้วางไว้ให้เห็นอยู่แล้ว ช่างสุดยอดจริง ๆ สมกับที่เล่มนี้ขายดีในญี่ปุ่น รวมถึงตอนสร้างเป็นหนังก็มีผลตอบรับดีด้วย (ตามที่ในหนังสือระบุไว้ในช่วงคำนำสำนักพิมพ์ หรือความในใจของผู้แปลก็ไม่แน่ใจ)

    ชอบที่ตอนจบ บทสรุปที่ให้คนอ่านได้เก็บไปคิดทบทวนถึงสิ่งที่คนเขียนต้องการสื่อไปถึงชาวญี่ปุ่นทั้งประเทศ หรือที่จริงชาวโลกก็ว่าได้ เกี่ยวกับสงครามว่าคือสิ่งที่นักการเมือง ผู้มีอำนาจ และพลเมืองที่อยู่ในประเทศนั้น ๆ ควรจะปฏิบัติเช่นไร หรือไม่ควรปฏิบัติเช่นไร

    ✒️บทสรุปของคนร้ายจะตายหรือไม่

    ตอนที่เรื่องเฉลยโดยให้คนร้ายบอกเล่าความจริงในใจกับใครคนหนึ่งนั้น รู้สึกชอบวิธีเฉลยที่ผู้เขียนเลือกใช้ครับ รูปแบบเรียบง่ายแต่เข้ากับนิสัยของตัวละครตัวนี้ดี บ่งบอกตัวตนของคนคนนี้ได้ค่อนข้างชัดเจน

    คนอ่านหลายคนอาจไม่ชอบเหตุผลและแรงจูงใจของคนร้าย และไม่อาจทำใจให้เชื่อได้ แต่ผมคิดว่าพอจะเข้าใจนะ แต่ไม่ใช่เห็นด้วยกับสิ่งที่คนร้ายเลือกกระทำ คนเราเมื่อยึดติดในสิ่งใด สัตว์ใด คนใด ความเชื่อใดมากจนฝังแน่นไปถึงจิต

    ✒️

    มันยากเหลือเกินที่จะลบล้างเอาเจ้าความคิดนั้นให้หลุดออกไปได้ ในแง่นี้ผมจึงคิดว่าเข้าใจและเห็นใจสงสารคนร้ายพอสมควร ส่วนประชาชนคนที่ตายไปมากมายนั้น หากพูดกันอย่างไม่อคติ จะไปโทษคนร้ายทั้งหมดก็ไม่ได้ แท้จริงเหล่าคนที่ตายไป จะมากน้อยเพราะเขาทำตัวเอง พาตัวเองไปอยู่ในสถานที่ที่อันตราย ทั้งที่ทางตำรวจก็แจ้งเตือน ห้ามปราม แต่ก็ไม่สนใจ รวมถึงพวกสื่อต่าง ๆ ที่เอาแต่อยากทำข่าวโดยไม่สนใจว่าสิ่งที่ทำนั้นจะส่งผลให้สถานการณ์แย่กว่าเดิมหรือเป็นอันตรายต่อสังคม ประชาชนและประเทศชาติหรือไม่

    ผมว่าเล่มนี้สะท้อนมุมมองเรื่องเหล่านี้ได้ดี

    แต่เหนืออื่นใดคือฉากจบที่ตัวละครหนึ่งที่น่าสงสารและน่าเห็นใจมาก แต่กลับเป็นฝ่ายพูดและให้กำลังใจกับตัวละครอีกตัวที่บาดเจ็บทางใจอย่างร้ายแรงได้อย่างเข้าถึงจิตใจภายใน ราวกับคำพูดนั้นไปสัมผัสและลูบไล้ที่หัวใจด้วยความแผ่วเบาที่สุด

    ช่างอบอุ่นหัวใจดีเหลือเกิน หลังจากเหตุการณ์ทั้งหมดที่ประสบมา

    สำนวนแปลอ่านได้อย่างไม่รู้สึกสะดุด

    ..........

    อ่านจบ ไปลองค้นข้อมูลที่มีการสร้างเป็นหนังต่อ พอเห็นภาพโปสเตอร์ยิ่งอยากดูมาก เพราะมีนักแสดงคนโปรดเล่นด้วยนั่นคือ อิชิดะ ยูริโกะ และคนอื่น ๆ ก็ต่างเป็นนักแสดงคุณภาพทั้งนั้น สุดท้ายเจอที่มีคนทำซับบรรยายไทย จึงโหลดมาชม แต่ดูจบแล้วพบว่า ฉบับหนังสือดีกว่าพอสมควร คือหนังสร้างออกมาได้โอเคอยู่ นักแสดงก็ทำหน้าที่ในส่วนของตัวเองได้ดี แต่มันมีอยู่หลายช่วงที่รู้สึกว่าน่าจะเล่าได้ดีกว่านี้ อาจเพราะเวลาจำกัด รายละเอียดมากมายจึงใส่มาได้ไม่หมด จึงทำให้ลดความสนุกลงไปจากฉบับหนังสือเยอะเลย

    แต่ฉากสำคัญที่เกิดระเบิดกลางย่านชิบูย่าทำออกมาได้ดี

    ใครสนใจลองไปหาชมดูครับ

    สุดท้ายขอจบด้วยประโยคที่ตัวละครสองตัวในเรื่องเอ่ยไว้ได้อย่างน่าประทับใจ โดยระบุว่าเป็นคำกล่าวของนักเขียนนิยายที่มีชื่อว่า Stephen King

    "ผู้ชนะในการแข่งขันปาขี้คือคนที่มือเปื้อนน้อยที่สุด คนมีคุณภาพคือคนที่ไม่ทำให้มือตัวเองเปื้อนจากอะไรไร้สาระอย่างการขว้างปาเจตนาร้ายใส่คนอื่น"

    #หนังญี่ปุ่น
    #หนังน่าดู
    #หนังสือน่าอ่าน
    #บทความ
    #รีววิหนังสือ
    #thaitimes
    #นิยายแปล
    #นิยายญี่ปุ่น
    #ระเบิดกลางกรุง
    #โตเกียว
    #สงคราม
    #แง่คิด
    #ระทึกขวัญ
    #สืบสวน
    #ก่อการร้าย
    ช่วงนี้อ่านเล่มไหนก็รู้สึกชอบและสนุกไปหมดเลยครับ อาจเพราะเป็นคนเลือกที่อยากอ่านเองจริง ๆ และก็มักไม่พบความผิดหวังกับเล่มที่เลือกนั้น ล่าสุดก็เรื่องนี้ที่สะดุดตาตั้งแต่ปกหน้า พอเจอในแอป hibrary ที่คนจองคิวไม่มาก และระบุว่าเกี่ยวกับการสืบสวนสอบสวน ระทึกขวัญกลางกรุงโตเกียว คิดว่าน่าสนใจจึงต่อคิวจอง และเมื่อวันก่อนครบกำหนดต้องคืน จึงรีบอ่านแบบติดเทอร์โบรวดเดียวจนจบทันก่อนเวลาเส้นตายแบบเฉียดฉิว เมื่ออ่านจบก็พบว่า "ดีจริงที่ตัดสินใจที่จะลองอ่าน ถ้าไม่งั้นคงน่าเสียดายยิ่ง" #silenttokyoandsothisisxmas สนพ.ไดฟุกุ (อ่านหนังสือของไดฟุกุติดกันหลายเล่ม เป็นสนพ.หนึ่งที่ผลิตหนังสือค่อนข้างคุณภาพทีเดียว แต่ผมอ่านแบบอีบุ๊ก) ฮาตะ ทาเคฮิโตะ เขียน เกวลิน ลิขิตวิทยาวุฒิ แปล 248 หน้า 280 บาท พิมพ์ในญี่ปุ่นครั้งแรก 2559 ในไทยพิมพ์ครั้งแรกปี 2564 คุณจะทำอย่างไร ถ้ารู้ว่าเมืองที่ตนอาศัยอยู่กำลังจะเกิดเหตุระเบิดครั้งใหญ่ใจกลางกรุง? เริ่มเรื่องก็ระทึกขวัญแต่ต้น ด้วยการที่แม่บ้านวัยสี่สิบกว่ารายหนึ่งตั้งใจจะออกไปซื้อของขวัญให้สามี เพราะใกล้จะถึงคริสต์มาส เธอจึงออกจากบ้านไปยังย่านกลางเมือง หลังซื้อของแล้วจึงมานั่งรับแดดกะจะกินแซนด์วิช บนม้านั่งตัวหนึ่งที่ลานสาธารณะหน้าสถานีรถไฟเอบิสุ ครู่หนึ่งชายที่ไหนไม่รู้ เข้ามาคุยกับเธอพูดจาแปลก ๆ บอกว่าใต้ม้านั่งมีระเบิด ห้ามเธอลุกขึ้นไม่งั้นระเบิดจะทำงาน เพราะเมื่อมีน้ำหนักมากกว่า30กิโลกรัมกดทับ วงจรจะเริ่มเตรียมพร้อม ทางเดียวที่จะรอด เธอต้องนั่งรอจนกว่าจะมีคนจากสถานทีโทรทัศน์แห่งหนึ่งมาที่นี่ แล้วให้เขานั่งลงข้าง ๆ จากนั้นเธอจึงลุกขึ้นได้ แต่ให้บอกสิ่งที่เธอได้ยินนี้กับเขาด้วยเพื่อจะได้ไม่ตายเพราะระเบิด และสุดท้ายให้บอกเขาว่า นี่คือสงคราม! 🧨 จากจุดเริ่มนั้นเอง ที่สถานีโทรทัศน์แห่งนั้น มีสายโทรแจ้งว่าจะมีการระเบิดขึ้นที่...หนุ่มทำงานพาร์ตไทม์ในสถานีที่ได้รับงานเป็นเบ๊ทั่วไป ถูกสั่งให้ไปยังจุดดังกล่าวพร้อมจนท.อีกคนที่ติดอุปกรณ์การถ่ายทำไปด้วย ทั้งสองจำใจไปแต่เชื่อว่าคงเป็นการล้อกันเล่น เมื่อไปถึงพบหญิงที่นั่งอยู่ข้างม้านั่งที่คนในสายแจ้ง ทั้งสองเข้าไปใกล้กะจะไปนั่งม้านั่งใกล้กันเพื่อสังเกต แต่เธอกลับเรียกให้ชายที่ถือกล้องนั่งลงถามว่ามาจากสถานีโทรทัศน์ใช่ไหม เขาแปลกใจจึงนั่งลงจะสอบถาม เธอรีบกระโดดขึ้นทันทีพลางบอกรายละเอียดทั้งหมด 🧨 ชายที่นั่งไม่เชื่อจะลุก เธอรีบกดไหล่และหว่านล้อมว่าวิธีเดียวที่จะรอดคือต้องทำตามคำบอกของชายคนที่แจ้งรายละเอียดกับเธอไว้ในตอนแรก นั่นคือให้เขาใช้กล้องบันทึกสิ่งที่ตัวเองประสบแล้วเผยแพร่ออกไป จากนั้นเธอเอาของที่คล้ายนาฬิกาข้อมือดิจิทัลมาคล้องกับข้อมือของหนุ่มพาร์ตไทม์โดยเขาไม่ทันตั้งตัว พลางเธอชูให้ดูว่าที่ข้อมือตัวเองก็มี บอกว่านี่เป็นระเบิดด้วยเช่นกัน ถ้าไม่ทำตามคำสั่งของชายแปลกหน้าที่เข้ามาคุยกับเธอ เขาจะสั่งงานระยะไกลให้นาฬิการะเบิด แล้วรีบบอกกับเด็กหนุ่มว่าต้องไปต่อที่แห่งหนึ่งตามคำสั่ง จากนั้นทิ้งชายที่น่าสงสารไว้ตามลำพัง ซึ่งเขาก็กลัวมากจึงรีบทำตามที่เธอบอก ในที่สุดเรื่องก็ทราบถึงตำรวจ จนแห่กันมากู้ระเบิดด้วยการใช้ไนโตรเจนเหลวกะให้หยุดการทำงานของระบบ ปรากฏว่าเกิดระเบิดเสียงดังสนั่น 🧨 ที่แท้เป็นการข่มขู่ แค่ระเบิดเสียงแต่ยังไม่มีอำนาจทำลายล้าง ทว่าด้วยเหตุนี้ทางตำรวจสืบสวนกลางจึงตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อดูแลและสืบเรื่องนี้ขึ้น จากการวิเคราะห์ทำให้ตำรวจทราบว่า ระเบิดนั้นถูกติดตั้งตัวจับอุณหภูมิไว้ด้วย แสดงว่าคนที่ประกอบระเบิดเป็นระดับผู้เชี่ยวชาญ ที่มีความรู้ด้านนี้และคาดเดาได้ว่าตำรวจจะใช้ไนโตรเจนเหลว จึงดักทางด้วยการติดตั้งระบบให้ไม่อาจกู้ด้วยวิธีที่ตำรวจใช้ ในทีมสืบสวน มีการจับคู่ของนายตำรวจมากประสบการณ์วัยสี่สิบกว่ากับตำรวจหนุ่มไฟแรงคู่หนึ่ง ซึ่งมีบทบาทในการตามสืบข้อมูลเกี่ยวกับการระเบิดครั้งนี้อย่างกัดติด ด้วยตำรวจวัยกลางคนนั้นเคยแต่งงานกับลูกสาวของระดับสูงของหัวหน้าที่ตั้งทีมครั้งนี้ ทว่ามีเหตุการณ์ในอดีตที่ทำให้ต้องหย่ากันไป อย่างไรเขาคือผู้มีประสบการณ์มาอย่างโชกโชนเกี่ยวกับสถานการณ์อันตราย 🧨 ด้านหญิงกลางคนกับหนุ่มพาร์ตไทม์ เดินทางไปยังอาคารหลังหนึ่งเป็นห้องเช่า ที่ภายในมีทีวีและอุปกรณ์กล้อง พร้อมซองสีขาวที่เขียนรายละเอียดบอกไว้ให้เด็กหนุ่มต้องอ่านข้อความตามที่มีบทพูดไว้ให้ โดยให้ฝ่ายหญิงเป็นคนทำหน้าที่บันทึกภาพ จากนั้นให้นำโหลดเผยแพร่ให้คนอื่นในยูทูปเห็น เนื้อหาสรุปคือให้บอกว่าผมคือผู้ที่วางระเบิดนั้นเอง และยื่นข้อเสนอขอคุยกับนายกถ่ายทอดออกทางสถานีโทรทัศน์ ถ้าไม่ทำตาม จะมีการวางระเบิดในย่านใจกลางชิบูย่า หน้ารูปปั้นหมาฮาจิโกะ เส้นตายคือ18.30น. ปรากฏว่านายกฯออกข่าวตอบโต้ว่าไม่ต้องการเจรจาใดกับผู้ก่อการร้ายทั้งสิ้น และจะทำสงครามกับคนไม่หวังดีอย่างถึงที่สุด 🧨 ด้านหนุ่มพาร์ตไทม์ได้รับคำสั่งต่อไปให้ไปทำคนเดียว จึงต้องแยกกับหญิงกลางคนที่ถูกให้เฝ้ารอคำสั่งอยู่ในห้องแห่งนั้น ส่วนตำรวจก็วิ่งขาขวิด ล้อมรั้วด้วยแถบเหลืองรอบรูปปั้นฮาจิโกะด้วยรัศมีประมาณหนึ่ง และให้หน่วยกอบกู้ระเบิดพยายามเร่งค้นหาวัตถุระเบิดที่ถูกซุกซ่อนอยู่ แต่คนโตเกียวและชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่เข้าใจว่าคลิปที่เผยแพร่ น่าจะเป็นการหลอกลวงเหมือนเช่นระเบิดก่อนหน้าที่สถานีเอบิสุ จึงไม่รู้สึกกลัวแถมยังแห่มายังบริเวณลานอันเป็นสถานที่ถูกระบุ ด้วยต้องการมาเซลฟี่ตนเอง บ้างมาเป็นกลุ่ม เพื่ออัปโหลดเผยแพร่ให้คนอื่นเห็น 🧨 มีหญิงสาวพนักงานบริษัทธรรมดาสองคนที่เป็นเพื่อนสนิทกัน คนหนึ่งเป็นชู้กับสามีของคนอื่นและคะยั้นคะยอชวนเพื่อนไปนัดบอดก่อนหน้านี้ ซึ่งเพื่อนของเธอเพิ่งอกหักจากแฟนที่รักกันมากว่าสิบปี แล้วทิ้งไปอยู่กับกิ๊กที่ตั้งท้องไม่กี่เดือน เพื่อนสาวคนนี้กำลังคิดจะเริ่มต้นใหม่และรู้สึกดีกับหนุ่มคนหนึ่งในงานนัดบอด โดยเขาคนนั้นเป็นเจ้าของบริษัทที่สร้างแอปพลิเคชันที่เปิดตัวดีและมีคนใช้เยอะ ธุรกิจไปได้สวยทั้งที่ยังอายุไม่มาก แต่ค่อนข้างเย็นชาไม่สนใจคนรอบข้าง สองสาวตั้งใจจะมากินอาหารฉลองก่อนคริสต์มาส แล้วเห็นหนุ่มคนที่ตนสนใจเข้าพอดีในสถานที่ใกล้รูปปั้นฮาจิโกะ เพื่อนคนที่ใจกล้าจึงชวนอีกคนว่าให้ลองตามไปดูเขาว่าทำไมถึงมาอยู่แถวชิบูย่า ทั้งที่ก่อนหน้าตอนเธอชวนมากินข้าวด้วยกัน ปฏิเสธว่ามีนัดสำคัญที่อื่น เธอไม่อยากไปแต่สุดท้ายก็โดนเพื่อนลากไปจนได้ 🧨 ด้านตำรวจยังคงพยายามตามหาว่าระเบิดถูกซ่อนตรงไหน เวลากระชั้นสั้นเข้าใกล้ถึงกำหนดที่ถูกประกาศว่าจะมีการระเบิด แต่ผู้คนยิ่งมาออกันอย่างเนืองแน่นด้วยความสนุกสนาน สุดท้ายจึงเกิดโศกนาฏกรรมใหญ่ เพราะมีการระเบิดขึ้นจริง ผู้คนล้มตายเป็นใบไม้ร่วง แต่เรื่องราวไม่จบเท่านี้ เพราะหลังเหตุร้ายแรง นายกฯยังคงยืนยันคำพูดแข็งกร้าวเช่นเดิม ดังนั้นจึงมีข้อความต่อมาของคนร้ายที่แจ้งให้ทราบว่า ถ้านายกยังไม่ทำตามข้อเสนอ ระเบิดครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นในคืนวันคริสต์มาสอีฟ คราวนี้บอกแค่เวลา แต่ไม่ระบุจุดที่จะระเบิด บอกเพียงว่าในกรุงโตเกียว 🧨 เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป.. ตำรวจจะหาตัวคนร้ายเจอไหม .. สถานที่ใดจะเกิดระเบิดครั้งต่อไป.. หญิงสาวสองคนที่อยู่ตรงบริเวณย่านชิบูย่าตายหรือไม่.. ชายคนที่หญิงสาวรู้สึกสนใจ ทำไมโกหกเธอ แล้วเขามาทำอะไร รอดตายหรือไม่.. หญิงวัยกลางคนที่ประสบเหตุคนแรกเล่า ที่ข้อมือยังมีนาฬิกาที่พร้อมระเบิดถ้าขัดคำสั่งคนร้าย เธอถูกให้ทำเรื่องใดต่อไป.. หนุ่มพาร์ตไทม์ที่ได้รับมอบหมายงานไปทำตามลำพัง จะรอดหรือไม่ ใคร ๆ ต่างเข้าใจว่าเขาคือคนร้ายไปหมดแล้ว ... ยังมีอีกหลายตัวละครที่มีบทบาทต่อเนื้อเรื่อง ที่ผมเล่าได้ไม่หมด ต้องไปหาอ่านกันต่อแล้วล่ะ ....... ภาควิเคราะห์✒️ ตัวละครเยอะ และโผล่มาเรื่อย ๆ เฉพาะที่มีส่วนเกี่ยวข้องหลักก็เกือบสิบคน ยังมีประเภทโผล่มาประปรายเพราะมีความสัมพันธ์กับตัวละครที่เกี่ยวข้องอีกพอสมควร แต่เนื่องจากผมมีเวลาจำกัดที่ต้องอ่านให้จบทันก่อนหนังสือจะคืนเข้าระบบตามกำหนด จึงไม่สามารถค่อย ๆ เสพอ่านอย่างละเมียดบรรจง แต่ใช้วิธีอ่านแบบกวาดตาโดยไว ซึ่งปกติจะไม่อยากอ่านแบบนี้ถ้าไม่จำเป็น เนื่องจากจะจดจำชื่อตัวละคร หรือดื่มด่ำกับสำนวนและการบรรยายของผู้เขียนได้น้อย ✒️ ดีที่เล่มนี้ไม่เน้นการบรรยายเยอะ แต่สนทนามากกว่า มีบรรยายบ้างแต่ไม่ยาวเป็นหน้า ค่อนข้างเดินเรื่องกระชับฉับไว ให้รายละเอียดเท่าที่จำเป็น ตัวละครคุยกันเยอะ ให้ความรู้สึกเหมือนดูหนังครับ ยิ่งอ่านประวัติคนเขียนด้วยจึงเข้าใจ เพราะเป็นทั้งนักเขียนหนังสือ นักเขียนบท โปรดิวเซอร์ ผู้กำกับ มิน่าล่ะจึงสะท้อนความเชี่ยวชาญและแนวคิดการทำงานในการผลิตหนัง มาใช้ในงานเขียนด้วย ✒️ อ่านแล้วนึกถึงหนังเรื่อง pulp fiction เมื่อปี 2537 ครับ ลักษณะการเล่ามีความเดินเรื่องคล้ายอย่างในหนัง คือไม่ได้เล่าไปทีละลำดับ แต่สลับระหว่างตัวละครหลักกลับไปกลับมา ฉากโน้นฉากนี้ แล้วพอตัวละครเยอะ ก็จะเข้าใจยากหน่อย แต่พอนำมาร้อยเรียงกันเองในหัวแล้วจะเริ่มมองภาพใหญ่ออก เพียงแค่ผู้เขียนเลือกหยิบเล่าในบริเวณจำกัดของ jigsaw บางส่วนในภาพทั้งหมด แล้วกระโดดไปเล่ามุมอื่นของชีวิตตัวละครตัวอื่น วนไปวนมาแบบนี้ จนค่อย ๆ กลายเป็นภาพที่ต่อสำเร็จเป็นรูปร่างมากขึ้นเรื่อย ๆ ✒️ อ่านไปเหมือนจะงง แล้วพาลทำให้ไม่เข้าใจและไม่ชอบ หมดสนุกได้หากเราไม่คุ้นเคยกับการเล่าแบบนี้ ผมนึกถึงตัวเองตอนได้ดู pulp fiction ในโรงหนังลิโด้ครั้งแรกสมัยก่อน ถึงกับอุทานในใจ แหม..หนังอะไรวะเนี่ย ดูไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจอะไรเลย ตัวละครต่าง ๆ ที่จู่ ๆ ก็โผล่มาแบบไม่มีต้น ไม่มีปลาย มาทำบ้าอะไรของมันเดี๋ยวเดียวก็ตัดไป กลายเป็นตัวอื่นโผล่มาแล้วก็ลักษณะเดียวกันคือไม่มีรายละเอียดให้รู้ งงไปจนแทบเลยกลางเรื่องไปพอสมควรแล้วนั่นแหละ แบบดูไปด่าไปในใจ แต่ก็ทนดูต่อไปเพราะอยากรู้ว่าตกลงเรื่องราวมันยังไงกันแน่ ✒️ พอดูจบถึงกับแทบโห่ร้องออกมาแบบไม่มีเสียง นี่มันหนังโคตรดี สุดยอดอย่างที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน คิดได้ยังไง ถ้าดำเนินเรื่องตามลำดับเวลาก่อนหลังที่ควรจะเป็น เราก็เข้าใจง่ายตั้งแต่ต้นละ แต่นี่ดันตัดเอาแค่บางช่วงสลับไปมาจนงงไปหมด ให้ไปต่อเอาเองในหัว หนังสือเล่มนี้ก็มีความคล้ายในการเล่าแบบหนังเรื่องนั้นเหมือนกัน แต่ไม่ได้มากเท่าและไม่ได้ชัดเจนเท่า ยังมีความเล่าตามลำดับในโครงสร้างใหญ่ไปตามวันที่เริ่มตั้งแต่ 22 ธันวาคม จนถึงก่อนวันคริสต์มาส แต่ทว่าจะมีช่วงที่เล่าให้ทราบถึงความเป็นไปในตัวละครบางตัวในอดีต เป็นเชิงภาคขยายจากในคราวแรกที่ไม่ได้ให้รายละเอียดตัวละครอะไรมากมาย ✒️ กลางเล่มไปแล้วที่หลังเกิดเหตุระเบิดใหญ่อันน่าตกใจและมีการสูญเสียทำได้ดีทีเดียว ฉากกลางย่านชิบูย่าในภาพก่อนหน้าที่กำลังวุ่นวายและเต็มไปด้วยความเอะอะของเหล่าผู้คน ที่ไม่ตระหนักถึงอันตรายใดแล้วไม่สนใจคำเตือนตำรวจ กับภายหลังเหตุระเบิด รวมถึงความไต่ระดับของการเดินเรื่องที่บางตัวละครพยายามตามหาความจริง จิกกัดไม่ปล่อย ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ใช่ตำรวจและยังเป็นผู้หญิง มีฉากหนึ่งที่อ่านแล้วอดนึกไม่ได้ว่า "อยากตายนักหรือไง" เพราะเธอไปจี้ถาม คุ้ยแคะแกะแผลจะคาดคั้นเอาคำตอบกับคนที่น่าสงสัยให้ได้ ช่วงบทสนทนาตอนนั้นคือลุ้นมาก นางปากดีคนนี้จะถูกหมกตายไหมเนี่ย ช่างปากกล้า ปากเก่งในเวลาที่ไม่ควรจริง ๆ แล้วเหตุการณ์ต่อจากฉากนั้น ก็ทำเอาแทบกลั้นลมหายใจอ่านทีเดียว ✒️ ผู้เขียนฉลาดในการหลอกล่อคนอ่านมาตั้งแต่ต้นเริ่มเรื่องทีเดียว เรียกว่าเอาอยู่ หัวปั่นเพราะเบาะแสที่ให้มาทีละนิด เราก็คิดว่าเออ คนนี้หรือคนนั้นมีแววนะว่าอาจจะใช่คนร้ายที่เจ้าแผนการทั้งหมด เพียงเพื่อสุดท้ายจะพบกับความพลิกเหมือนลูกรูบิกที่บิดที สีที่เหมือนจะเรียงกันได้ครบ แต่ทำเอาแทบสลบเพราะนอกจากไม่เรียงสำเร็จทุกสี ยังเหมือนวิ่งหนีออกไปไกลกว่าเก่า อ้าว..ที่แท้คนนี้เองเหรอ..เราหมุนไปผิดทางตั้งแต่แรกเลยเหรอเนี่ย พอย้อนไปเก็บรายละเอียดหลังอ่านจบ โดยทวนเนื้อหาใหม่ในบางช่วงบางบทสนทนา การบรรยายรายละเอียดที่ผู้เขียนใส่ไว้ใหม่ จึงเกิดความรู้สึกเหมือน อะไรที่มันขัดกันในหัว หมุนเคลื่อนตัวลงล็อกดัง "กริ๊ก" ในตำแหน่งที่ถูกต้องเป๊ะ ✒️ เราอ่านไม่ดีเองตั้งแต่แรก ละเลยส่วนสำคัญไปเพราะไม่ละเอียดและไม่คิดตามมากพอ แท้จริงร่องรอยของความจริงได้วางไว้ให้เห็นอยู่แล้ว ช่างสุดยอดจริง ๆ สมกับที่เล่มนี้ขายดีในญี่ปุ่น รวมถึงตอนสร้างเป็นหนังก็มีผลตอบรับดีด้วย (ตามที่ในหนังสือระบุไว้ในช่วงคำนำสำนักพิมพ์ หรือความในใจของผู้แปลก็ไม่แน่ใจ) ชอบที่ตอนจบ บทสรุปที่ให้คนอ่านได้เก็บไปคิดทบทวนถึงสิ่งที่คนเขียนต้องการสื่อไปถึงชาวญี่ปุ่นทั้งประเทศ หรือที่จริงชาวโลกก็ว่าได้ เกี่ยวกับสงครามว่าคือสิ่งที่นักการเมือง ผู้มีอำนาจ และพลเมืองที่อยู่ในประเทศนั้น ๆ ควรจะปฏิบัติเช่นไร หรือไม่ควรปฏิบัติเช่นไร ✒️บทสรุปของคนร้ายจะตายหรือไม่ ตอนที่เรื่องเฉลยโดยให้คนร้ายบอกเล่าความจริงในใจกับใครคนหนึ่งนั้น รู้สึกชอบวิธีเฉลยที่ผู้เขียนเลือกใช้ครับ รูปแบบเรียบง่ายแต่เข้ากับนิสัยของตัวละครตัวนี้ดี บ่งบอกตัวตนของคนคนนี้ได้ค่อนข้างชัดเจน คนอ่านหลายคนอาจไม่ชอบเหตุผลและแรงจูงใจของคนร้าย และไม่อาจทำใจให้เชื่อได้ แต่ผมคิดว่าพอจะเข้าใจนะ แต่ไม่ใช่เห็นด้วยกับสิ่งที่คนร้ายเลือกกระทำ คนเราเมื่อยึดติดในสิ่งใด สัตว์ใด คนใด ความเชื่อใดมากจนฝังแน่นไปถึงจิต ✒️ มันยากเหลือเกินที่จะลบล้างเอาเจ้าความคิดนั้นให้หลุดออกไปได้ ในแง่นี้ผมจึงคิดว่าเข้าใจและเห็นใจสงสารคนร้ายพอสมควร ส่วนประชาชนคนที่ตายไปมากมายนั้น หากพูดกันอย่างไม่อคติ จะไปโทษคนร้ายทั้งหมดก็ไม่ได้ แท้จริงเหล่าคนที่ตายไป จะมากน้อยเพราะเขาทำตัวเอง พาตัวเองไปอยู่ในสถานที่ที่อันตราย ทั้งที่ทางตำรวจก็แจ้งเตือน ห้ามปราม แต่ก็ไม่สนใจ รวมถึงพวกสื่อต่าง ๆ ที่เอาแต่อยากทำข่าวโดยไม่สนใจว่าสิ่งที่ทำนั้นจะส่งผลให้สถานการณ์แย่กว่าเดิมหรือเป็นอันตรายต่อสังคม ประชาชนและประเทศชาติหรือไม่ ผมว่าเล่มนี้สะท้อนมุมมองเรื่องเหล่านี้ได้ดี แต่เหนืออื่นใดคือฉากจบที่ตัวละครหนึ่งที่น่าสงสารและน่าเห็นใจมาก แต่กลับเป็นฝ่ายพูดและให้กำลังใจกับตัวละครอีกตัวที่บาดเจ็บทางใจอย่างร้ายแรงได้อย่างเข้าถึงจิตใจภายใน ราวกับคำพูดนั้นไปสัมผัสและลูบไล้ที่หัวใจด้วยความแผ่วเบาที่สุด ช่างอบอุ่นหัวใจดีเหลือเกิน หลังจากเหตุการณ์ทั้งหมดที่ประสบมา สำนวนแปลอ่านได้อย่างไม่รู้สึกสะดุด .......... อ่านจบ ไปลองค้นข้อมูลที่มีการสร้างเป็นหนังต่อ พอเห็นภาพโปสเตอร์ยิ่งอยากดูมาก เพราะมีนักแสดงคนโปรดเล่นด้วยนั่นคือ อิชิดะ ยูริโกะ และคนอื่น ๆ ก็ต่างเป็นนักแสดงคุณภาพทั้งนั้น สุดท้ายเจอที่มีคนทำซับบรรยายไทย จึงโหลดมาชม แต่ดูจบแล้วพบว่า ฉบับหนังสือดีกว่าพอสมควร คือหนังสร้างออกมาได้โอเคอยู่ นักแสดงก็ทำหน้าที่ในส่วนของตัวเองได้ดี แต่มันมีอยู่หลายช่วงที่รู้สึกว่าน่าจะเล่าได้ดีกว่านี้ อาจเพราะเวลาจำกัด รายละเอียดมากมายจึงใส่มาได้ไม่หมด จึงทำให้ลดความสนุกลงไปจากฉบับหนังสือเยอะเลย แต่ฉากสำคัญที่เกิดระเบิดกลางย่านชิบูย่าทำออกมาได้ดี ใครสนใจลองไปหาชมดูครับ สุดท้ายขอจบด้วยประโยคที่ตัวละครสองตัวในเรื่องเอ่ยไว้ได้อย่างน่าประทับใจ โดยระบุว่าเป็นคำกล่าวของนักเขียนนิยายที่มีชื่อว่า Stephen King "ผู้ชนะในการแข่งขันปาขี้คือคนที่มือเปื้อนน้อยที่สุด คนมีคุณภาพคือคนที่ไม่ทำให้มือตัวเองเปื้อนจากอะไรไร้สาระอย่างการขว้างปาเจตนาร้ายใส่คนอื่น" #หนังญี่ปุ่น #หนังน่าดู #หนังสือน่าอ่าน #บทความ #รีววิหนังสือ #thaitimes #นิยายแปล #นิยายญี่ปุ่น #ระเบิดกลางกรุง #โตเกียว #สงคราม #แง่คิด #ระทึกขวัญ #สืบสวน #ก่อการร้าย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 459 มุมมอง 0 รีวิว
  • อันนี้ลุงโดนเองเต็มๆ พรุ่งนี้ต้องเข้า office เพื่อ upgrade 😭😭

    SonicWall ได้ออกคำเตือนเกี่ยวกับช่องโหว่ความปลอดภัยในผลิตภัณฑ์ SMA1000 Appliance Management Console (AMC) และ Central Management Console (CMC) ช่องโหว่นี้ถูกระบุว่าเป็น CVE-2025-23006 และมีคะแนนความรุนแรงสูงถึง 9.8 จาก 10 ตามมาตรฐาน CVSS v3. ช่องโหว่นี้สามารถให้ผู้โจมตีที่ไม่ได้รับการยืนยันตัวตนจากระยะไกลสามารถรันคำสั่ง OS ได้ตามเงื่อนไขที่กำหนด

    SonicWall ได้รับรายงานว่าช่องโหว่นี้ถูกใช้ในการโจมตีแบบ zero-day ซึ่งหมายความว่าผู้โจมตีได้ใช้ช่องโหว่นี้ก่อนที่จะมีการออกแพตช์แก้ไข SonicWall แนะนำให้ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ SMA1000 อัปเกรดเป็นเวอร์ชัน 12.4.3-02854 (platform-hotfix) และเวอร์ชันที่ใหม่กว่าเพื่อแก้ไขปัญหานี้

    นอกจากนี้ SonicWall ยังได้ชี้แจงว่าช่องโหว่นี้ไม่ส่งผลกระทบต่อผลิตภัณฑ์ SMA 100 series ดังนั้นผู้ใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไม่จำเป็นต้องดำเนินการใดๆ ทีมวิจัยของ Microsoft Threat Intelligence Center เป็นผู้ค้นพบช่องโหว่นี้ และอาจมีการเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับกิจกรรมการโจมตีในภายหลัง

    น่าสนใจที่เห็นว่าช่องโหว่ในอุปกรณ์ SonicWall มักเป็นเป้าหมายของผู้โจมตี เนื่องจากอุปกรณ์เหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการให้บริการ VPN แก่องค์กรขนาดใหญ่ หน่วยงานรัฐบาล และผู้ให้บริการที่สำคัญ การที่ช่องโหว่เหล่านี้ไม่ได้รับการแก้ไขอาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อความปลอดภัยของเครือข่ายองค์กร

    https://www.bleepingcomputer.com/news/security/sonicwall-warns-of-sma1000-rce-flaw-exploited-in-zero-day-attacks/
    อันนี้ลุงโดนเองเต็มๆ พรุ่งนี้ต้องเข้า office เพื่อ upgrade 😭😭 SonicWall ได้ออกคำเตือนเกี่ยวกับช่องโหว่ความปลอดภัยในผลิตภัณฑ์ SMA1000 Appliance Management Console (AMC) และ Central Management Console (CMC) ช่องโหว่นี้ถูกระบุว่าเป็น CVE-2025-23006 และมีคะแนนความรุนแรงสูงถึง 9.8 จาก 10 ตามมาตรฐาน CVSS v3. ช่องโหว่นี้สามารถให้ผู้โจมตีที่ไม่ได้รับการยืนยันตัวตนจากระยะไกลสามารถรันคำสั่ง OS ได้ตามเงื่อนไขที่กำหนด SonicWall ได้รับรายงานว่าช่องโหว่นี้ถูกใช้ในการโจมตีแบบ zero-day ซึ่งหมายความว่าผู้โจมตีได้ใช้ช่องโหว่นี้ก่อนที่จะมีการออกแพตช์แก้ไข SonicWall แนะนำให้ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ SMA1000 อัปเกรดเป็นเวอร์ชัน 12.4.3-02854 (platform-hotfix) และเวอร์ชันที่ใหม่กว่าเพื่อแก้ไขปัญหานี้ นอกจากนี้ SonicWall ยังได้ชี้แจงว่าช่องโหว่นี้ไม่ส่งผลกระทบต่อผลิตภัณฑ์ SMA 100 series ดังนั้นผู้ใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไม่จำเป็นต้องดำเนินการใดๆ ทีมวิจัยของ Microsoft Threat Intelligence Center เป็นผู้ค้นพบช่องโหว่นี้ และอาจมีการเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับกิจกรรมการโจมตีในภายหลัง น่าสนใจที่เห็นว่าช่องโหว่ในอุปกรณ์ SonicWall มักเป็นเป้าหมายของผู้โจมตี เนื่องจากอุปกรณ์เหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการให้บริการ VPN แก่องค์กรขนาดใหญ่ หน่วยงานรัฐบาล และผู้ให้บริการที่สำคัญ การที่ช่องโหว่เหล่านี้ไม่ได้รับการแก้ไขอาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อความปลอดภัยของเครือข่ายองค์กร https://www.bleepingcomputer.com/news/security/sonicwall-warns-of-sma1000-rce-flaw-exploited-in-zero-day-attacks/
    WWW.BLEEPINGCOMPUTER.COM
    SonicWall warns of SMA1000 RCE flaw exploited in zero-day attacks
    SonicWall is warning about a pre-authentication deserialization vulnerability in SonicWall SMA1000 Appliance Management Console (AMC) and Central Management Console (CMC), with reports that it has been exploited as a zero-day in attacks.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 189 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้เกี่ยวกับการที่ Google ได้เปิดตัว Chrome Web Store สำหรับองค์กร ซึ่งช่วยให้องค์กรสามารถสร้างรายการส่วนขยายที่ผ่านการตรวจสอบแล้วสำหรับพนักงานได้ การเปิดตัวนี้มีเป้าหมายเพื่อลดความเสี่ยงที่พนักงานจะติดตั้งส่วนขยายที่เป็นอันตรายโดยไม่ได้ตั้งใจ

    ปัญหาส่วนขยายที่เป็นอันตรายบน Chrome มีมานานแล้ว โดยมีผู้ไม่หวังดีปล่อยหรือแฮ็กส่วนขยายที่มีอยู่เพื่อใส่โค้ดที่เป็นอันตราย เมื่อเดือนที่แล้ว มีส่วนขยาย 35 รายการที่ถูกแฮ็กหลังจากนักพัฒนาถูกโจมตีด้วยฟิชชิง ทำให้ผู้ไม่หวังดีสามารถอัปโหลดเวอร์ชันที่มีสคริปต์ขโมยข้อมูลได้

    Google ได้ประกาศเปิดตัว Chrome Web Store สำหรับองค์กรในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งช่วยให้องค์กรสามารถสร้างรายการส่วนขยายที่ผ่านการตรวจสอบแล้ว และลดความเสี่ยงที่พนักงานจะติดตั้งส่วนขยายที่เป็นอันตราย นอกจากนี้ องค์กรยังสามารถปรับแต่ง Web Store ให้แสดงโลโก้บริษัทและเน้นส่วนขยายที่จำเป็นสำหรับงานขององค์กรได

    Google ยังได้แนะนำเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถมองเห็นความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องกับส่วนขยายได้มากขึ้น โดยแสดงคะแนนความเสี่ยงที่ได้รับจาก Spin ในปลายปีนี้ Google จะเปิดตัวฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถลบส่วนขยายออกจากเบราว์เซอร์ของผู้ใช้ได้จากระยะไกล เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้มากขึ้น

    น่าสนใจที่เห็นว่า Google กำลังพยายามเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ใช้ Chrome โดยการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่ช่วยลดความเสี่ยงจากส่วนขยายที่เป็นอันตราย การที่องค์กรสามารถสร้างรายการส่วนขยายที่ผ่านการตรวจสอบแล้วและปรับแต่ง Web Store ได้ตามต้องการ จะช่วยให้การใช้งาน Chrome ในองค์กรมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    https://www.bleepingcomputer.com/news/google/google-launches-customizable-web-store-for-enterprise-extensions/
    ข่าวนี้เกี่ยวกับการที่ Google ได้เปิดตัว Chrome Web Store สำหรับองค์กร ซึ่งช่วยให้องค์กรสามารถสร้างรายการส่วนขยายที่ผ่านการตรวจสอบแล้วสำหรับพนักงานได้ การเปิดตัวนี้มีเป้าหมายเพื่อลดความเสี่ยงที่พนักงานจะติดตั้งส่วนขยายที่เป็นอันตรายโดยไม่ได้ตั้งใจ ปัญหาส่วนขยายที่เป็นอันตรายบน Chrome มีมานานแล้ว โดยมีผู้ไม่หวังดีปล่อยหรือแฮ็กส่วนขยายที่มีอยู่เพื่อใส่โค้ดที่เป็นอันตราย เมื่อเดือนที่แล้ว มีส่วนขยาย 35 รายการที่ถูกแฮ็กหลังจากนักพัฒนาถูกโจมตีด้วยฟิชชิง ทำให้ผู้ไม่หวังดีสามารถอัปโหลดเวอร์ชันที่มีสคริปต์ขโมยข้อมูลได้ Google ได้ประกาศเปิดตัว Chrome Web Store สำหรับองค์กรในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งช่วยให้องค์กรสามารถสร้างรายการส่วนขยายที่ผ่านการตรวจสอบแล้ว และลดความเสี่ยงที่พนักงานจะติดตั้งส่วนขยายที่เป็นอันตราย นอกจากนี้ องค์กรยังสามารถปรับแต่ง Web Store ให้แสดงโลโก้บริษัทและเน้นส่วนขยายที่จำเป็นสำหรับงานขององค์กรได Google ยังได้แนะนำเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถมองเห็นความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องกับส่วนขยายได้มากขึ้น โดยแสดงคะแนนความเสี่ยงที่ได้รับจาก Spin ในปลายปีนี้ Google จะเปิดตัวฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถลบส่วนขยายออกจากเบราว์เซอร์ของผู้ใช้ได้จากระยะไกล เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้มากขึ้น น่าสนใจที่เห็นว่า Google กำลังพยายามเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ใช้ Chrome โดยการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่ช่วยลดความเสี่ยงจากส่วนขยายที่เป็นอันตราย การที่องค์กรสามารถสร้างรายการส่วนขยายที่ผ่านการตรวจสอบแล้วและปรับแต่ง Web Store ได้ตามต้องการ จะช่วยให้การใช้งาน Chrome ในองค์กรมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น https://www.bleepingcomputer.com/news/google/google-launches-customizable-web-store-for-enterprise-extensions/
    WWW.BLEEPINGCOMPUTER.COM
    Google launches customizable Web Store for Enterprise extensions
    Google has officially launched its Chrome Web Store for Enterprises, allowing organizations to create a curated list of extensions that can be installed in employees' web browsers.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 142 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีรายงานการโจมตีทางไซเบอร์ที่ใช้ Telegram captcha เพื่อหลอกให้ผู้ใช้รันสคริปต์ PowerShell ที่เป็นอันตราย ผู้โจมตีใช้ข่าวเกี่ยวกับ Ross Ulbricht เพื่อดึงดูดผู้ใช้ไปยังช่อง Telegram ที่หลอกให้พวกเขารันโค้ด PowerShell ซึ่งจะติดตั้งมัลแวร์ในเครื่องของพวกเขา

    การโจมตีนี้เป็นรูปแบบใหม่ของเทคนิค "Click-Fix" ที่ได้รับความนิยมในหมู่ผู้โจมตีในปีที่ผ่านมา แทนที่จะเป็นการแก้ไขข้อผิดพลาดทั่วไป รูปแบบนี้แสร้งเป็นระบบ captcha หรือการยืนยันตัวตนที่ผู้ใช้ต้องรันเพื่อเข้าร่วมช่อง Telegram

    เมื่อผู้ใช้ทำตามขั้นตอนการยืนยันตัวตนปลอม พวกเขาจะถูกนำไปยังแอปขนาดเล็กใน Telegram ที่แสดงหน้าต่างการยืนยันปลอม แอปนี้จะคัดลอกคำสั่ง PowerShell ลงในคลิปบอร์ดของอุปกรณ์และขอให้ผู้ใช้เปิดหน้าต่าง Run ของ Windows และวางคำสั่งนั้นลงไปและรันมัน

    คำสั่งที่คัดลอกลงในคลิปบอร์ดจะดาวน์โหลดและรันสคริปต์ PowerShell ซึ่งจะดาวน์โหลดไฟล์ ZIP ที่มีไฟล์หลายไฟล์รวมถึง identity-helper.exe ซึ่งอาจเป็นตัวโหลด Cobalt Strike. Cobalt Strike เป็นเครื่องมือทดสอบการเจาะระบบที่มักถูกใช้โดยผู้โจมตีเพื่อเข้าถึงคอมพิวเตอร์และเครือข่ายระยะไกล

    การโจมตีประเภทนี้มักเป็นการเตรียมการสำหรับการโจมตีด้วยแรนซัมแวร์และการขโมยข้อมูล ผู้ใช้ควรระมัดระวังและไม่รันคำสั่งใด ๆ ที่คัดลอกจากอินเทอร์เน็ตลงในหน้าต่าง Run ของ Windows หรือ PowerShell เว้นแต่จะรู้แน่ชัดว่ากำลังทำอะไรอยู่

    https://www.bleepingcomputer.com/news/security/telegram-captcha-tricks-you-into-running-malicious-powershell-scripts/
    มีรายงานการโจมตีทางไซเบอร์ที่ใช้ Telegram captcha เพื่อหลอกให้ผู้ใช้รันสคริปต์ PowerShell ที่เป็นอันตราย ผู้โจมตีใช้ข่าวเกี่ยวกับ Ross Ulbricht เพื่อดึงดูดผู้ใช้ไปยังช่อง Telegram ที่หลอกให้พวกเขารันโค้ด PowerShell ซึ่งจะติดตั้งมัลแวร์ในเครื่องของพวกเขา การโจมตีนี้เป็นรูปแบบใหม่ของเทคนิค "Click-Fix" ที่ได้รับความนิยมในหมู่ผู้โจมตีในปีที่ผ่านมา แทนที่จะเป็นการแก้ไขข้อผิดพลาดทั่วไป รูปแบบนี้แสร้งเป็นระบบ captcha หรือการยืนยันตัวตนที่ผู้ใช้ต้องรันเพื่อเข้าร่วมช่อง Telegram เมื่อผู้ใช้ทำตามขั้นตอนการยืนยันตัวตนปลอม พวกเขาจะถูกนำไปยังแอปขนาดเล็กใน Telegram ที่แสดงหน้าต่างการยืนยันปลอม แอปนี้จะคัดลอกคำสั่ง PowerShell ลงในคลิปบอร์ดของอุปกรณ์และขอให้ผู้ใช้เปิดหน้าต่าง Run ของ Windows และวางคำสั่งนั้นลงไปและรันมัน คำสั่งที่คัดลอกลงในคลิปบอร์ดจะดาวน์โหลดและรันสคริปต์ PowerShell ซึ่งจะดาวน์โหลดไฟล์ ZIP ที่มีไฟล์หลายไฟล์รวมถึง identity-helper.exe ซึ่งอาจเป็นตัวโหลด Cobalt Strike. Cobalt Strike เป็นเครื่องมือทดสอบการเจาะระบบที่มักถูกใช้โดยผู้โจมตีเพื่อเข้าถึงคอมพิวเตอร์และเครือข่ายระยะไกล การโจมตีประเภทนี้มักเป็นการเตรียมการสำหรับการโจมตีด้วยแรนซัมแวร์และการขโมยข้อมูล ผู้ใช้ควรระมัดระวังและไม่รันคำสั่งใด ๆ ที่คัดลอกจากอินเทอร์เน็ตลงในหน้าต่าง Run ของ Windows หรือ PowerShell เว้นแต่จะรู้แน่ชัดว่ากำลังทำอะไรอยู่ https://www.bleepingcomputer.com/news/security/telegram-captcha-tricks-you-into-running-malicious-powershell-scripts/
    WWW.BLEEPINGCOMPUTER.COM
    Telegram captcha tricks you into running malicious PowerShell scripts
    Threat actors on X are exploiting the news around Ross Ulbricht to direct unsuspecting users to a Telegram channel that tricks them into executing PowerShell code that infects them with malware.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 159 มุมมอง 0 รีวิว
  • Goldman Sachs ได้ออกมาคาดการณ์ว่า Tesla จะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์สำหรับธุรกิจ Robotaxi ในครึ่งหลังของปี 2026 โดยจะใช้การช่วยเหลือจากระยะไกลและการกำหนดขอบเขตการทำงาน (Geofencing) การช่วยเหลือจากระยะไกล (Remote Assistance) หมายถึงการใช้มนุษย์ช่วยในการควบคุมหรือแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับระบบขับขี่อัตโนมัติของรถยนต์ เช่น การช่วยเหลือในการตัดสินใจเมื่อระบบขับขี่อัตโนมัติไม่สามารถทำงานได้อย่างถูกต้องหรือปลอดภัยในบางสถานการณ์ ซึ่งเป็นแนวทางที่คล้ายกับที่ใช้โดย Robotaxi ของคู่แข่งในปัจจุบัน

    Mark Delaney นักวิเคราะห์จาก Goldman Sachs ได้กล่าวถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบขับขี่อัตโนมัติ (FSD) รุ่นที่ 13 ของ Tesla ว่ามีการปรับปรุงอย่างมีนัยสำคัญ โดยอ้างอิงจากการทดสอบล่าสุด ข้อมูลจากผู้ใช้ และการรีวิวจากบุคคลที่สาม อย่างไรก็ตาม Tesla ยังคงตามหลัง Waymo ซึ่งมีการให้บริการ Robotaxi บนเส้นทางที่กำหนดขอบเขตการทำงานอย่างเข้มงวด

    Delaney ยังระบุว่า FSD ของ Tesla ยังต้องการการปรับปรุงเพิ่มเติมเพื่อให้สามารถขับขี่ได้โดยไม่ต้องใช้สายตาในสถานการณ์ต่าง ๆ เช่น บนทางหลวงในสภาพอากาศที่ดี หรือการขับขี่ในระดับ 3 ของการขับขี่อัตโนมัติ

    Goldman Sachs คาดว่า Tesla จะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์สำหรับธุรกิจ Robotaxi ในครึ่งหลังของปี 2026 โดยใช้การช่วยเหลือจากระยะไกลและการกำหนดขอบเขตการทำงาน ซึ่งจะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพทางเทคนิคของซอฟต์แวร์ FSD ของ Tesla แม้ว่าจะจำกัดอัตราการขยายตัวในช่วงไม่กี่ปีข้างหน้า

    นอกจากนี้ Morgan Stanley นักวิเคราะห์ Adam Jonas ได้เพิ่มเป้าหมายราคาหุ้นของ Tesla จาก $400 เป็น $430 แต่ยังคงไม่คาดหวังว่าจะมีการใช้งาน Robotaxi อย่างมีนัยสำคัญจนถึงปี 2032

    https://wccftech.com/goldman-sachs-tesla-robotaxi-business-to-begin-commercial-operations-in-2h26-will-use-remote-assistance-and-geofencing/
    Goldman Sachs ได้ออกมาคาดการณ์ว่า Tesla จะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์สำหรับธุรกิจ Robotaxi ในครึ่งหลังของปี 2026 โดยจะใช้การช่วยเหลือจากระยะไกลและการกำหนดขอบเขตการทำงาน (Geofencing) การช่วยเหลือจากระยะไกล (Remote Assistance) หมายถึงการใช้มนุษย์ช่วยในการควบคุมหรือแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับระบบขับขี่อัตโนมัติของรถยนต์ เช่น การช่วยเหลือในการตัดสินใจเมื่อระบบขับขี่อัตโนมัติไม่สามารถทำงานได้อย่างถูกต้องหรือปลอดภัยในบางสถานการณ์ ซึ่งเป็นแนวทางที่คล้ายกับที่ใช้โดย Robotaxi ของคู่แข่งในปัจจุบัน Mark Delaney นักวิเคราะห์จาก Goldman Sachs ได้กล่าวถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบขับขี่อัตโนมัติ (FSD) รุ่นที่ 13 ของ Tesla ว่ามีการปรับปรุงอย่างมีนัยสำคัญ โดยอ้างอิงจากการทดสอบล่าสุด ข้อมูลจากผู้ใช้ และการรีวิวจากบุคคลที่สาม อย่างไรก็ตาม Tesla ยังคงตามหลัง Waymo ซึ่งมีการให้บริการ Robotaxi บนเส้นทางที่กำหนดขอบเขตการทำงานอย่างเข้มงวด Delaney ยังระบุว่า FSD ของ Tesla ยังต้องการการปรับปรุงเพิ่มเติมเพื่อให้สามารถขับขี่ได้โดยไม่ต้องใช้สายตาในสถานการณ์ต่าง ๆ เช่น บนทางหลวงในสภาพอากาศที่ดี หรือการขับขี่ในระดับ 3 ของการขับขี่อัตโนมัติ Goldman Sachs คาดว่า Tesla จะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์สำหรับธุรกิจ Robotaxi ในครึ่งหลังของปี 2026 โดยใช้การช่วยเหลือจากระยะไกลและการกำหนดขอบเขตการทำงาน ซึ่งจะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพทางเทคนิคของซอฟต์แวร์ FSD ของ Tesla แม้ว่าจะจำกัดอัตราการขยายตัวในช่วงไม่กี่ปีข้างหน้า นอกจากนี้ Morgan Stanley นักวิเคราะห์ Adam Jonas ได้เพิ่มเป้าหมายราคาหุ้นของ Tesla จาก $400 เป็น $430 แต่ยังคงไม่คาดหวังว่าจะมีการใช้งาน Robotaxi อย่างมีนัยสำคัญจนถึงปี 2032 https://wccftech.com/goldman-sachs-tesla-robotaxi-business-to-begin-commercial-operations-in-2h26-will-use-remote-assistance-and-geofencing/
    WCCFTECH.COM
    Goldman Sachs: "Tesla's Robotaxi Business To Begin Commercial Operations In 2H26," Will "Use Remote Assistance And Geofencing"
    Goldman Sachs analyst Mark Delaney touts the "meaningfully improved" performance of the just-released version 13 of Tesla's FSD.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 229 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวบรวม 61ความระยำของ ทักษิณ บันทึกไว้ให้ลูกหลานมันจำ" 🧐เครดิต:ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิทย์ แชร์ให้โลกรู้
    9 ธค.นี้ 10.00 น.หน้าทำเนียบรัฐบาลไทยทุกคน

    1. แก้ พรบ.สรรพสามิตโทรคมนาคม ให้เสียภาษีน้อยลง ได้ผลประโยชน์ 8,000 ล้าน
    2. ลดสัมปทาน itv ได้ผลประโยชน์ 20,000 ล้าน แถมได้สถานีโทรทัศน์ที่เคยมีอุดมการณ์เปลี่ยนมาทำลายวัฒนธรรม โดยการเอาหนังเกาหลีมาฉาย และปิดสื่อความไม่ดีสร้างภาพดีๆให้ตัวเอง (กลุ่มชินคอร์ป ถือหุ้น itv 53%)
    3. ตั้ง ชัยสิทธิ์ ชินวัตร เป็น ผบ.ทบ. ก็ได้พี่ชายตนเองคุมทหาร
    4. ตั้ง เพรียวพันธ์ ดามาพงษ์ เป็น รอง ผบ.ตร. ก็ได้พี่เขยตนเองคุมตำรวจ
    5. ตั้ง วาสนา เพิ่มลาภ เป็น ประธาน กกต ก็ได้ตำรวจพวกพ้องตัวเองคุม กกต.
    6. ตั้ง สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ เป็น ผอ.กองสลาก ก็ได้ตำรวจพวกพ้องตัวเองคุม กองสลาก
    7. ตั้ง คงศักดิ์ วันทนา เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย สามีลูกน้ำเพื่อนรักที่ช่วยแลกเช็คให้สมัยยังจนอยู่ก็ได้เพื่อนคุณหญิงอ้อ…มาคุมทุกเหล่า
    8. กล่าวคําพูดท้าทายพวกก่อการร้ายในภาคใต้ว่าเป็นแค่โจรกระจอก อย่าไปใส่ใจ ทําให้เกิดความรุนแรงคนตายมากมายและหลุดปากด่าทหารว่า “สมควรตาย”
    9. ปล่อยเงินกู้ให้พม่า 4,000ล้าน เพื่อนำมาเช่าช่องสัญญาณ IP Star ของตัวเอง ถึงกำหนดแล้วพม่ายังไม่ใช้หนี้เลย
    10. เจรจาเซ็น FTA กับจีน ให้จีนนำเข้า หอม กระเทียม เข้ามาไม่เสียภาษี เกษตรกรที่ปลูกหอมปลูกกระเทียมทางเหนือก็ตายหมด ส่วนไทยได้ขายธุรกิจช่อง สัญญาณดาวเทียม IP Star
    11. เจรจาเซ็น FTA กับออสเตรเลีย ให้นำเข้า นม ไวน์ เข้ามาไม่เสียภาษี ทำลายเหล้าไวน์พื้นบ้าน OTOP ทำลายนมพระราชดำริ ส่วนไทยได้ขายธุรกิจช่องสัญญาณ IP Star
    12. ในเดือนพฤศจิกายน 2546 คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) มีมติส่งเสริมการลงทุนโครงการดาวเทียมไอพีสตาร์ของ ชินแซทเทิลไลท์ โดยให้การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเฉพาะรายได้ที่ได้รับจากต่างประเทศ ทั้ง ๆที่เป็นกิจการที่ลงทุนเดิมอยู่แล้วไม่รู้ไปยกเว้นภาษีทำไม บริษัทจึงได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้อีก 16,459 ล้านบาทต่อปี
    13. แปรรูปขายหุ้น ปตท วันแรกเปิดขายหุ้นหมดภายใน 1 นาที 17 วินาที ตระกูลใครละที่ได้ซื้อหุ้นไปหลังจากแปรรูป น้ำมันก็แพงขึ้นทุกวัน ให้กองทุนน้ำมันของคนไทยขาดทุนกว่า 70,000 ล้านบาท แต่ ปตท ได้กำไรปี 2548 จำนวน 160,000 ล้านบาท แล้วกำไรแทนที่จะเป็นของรัฐก็กลายเป็นกำไรของตระกูลพวกถือหุ้น
    14. ซุกหุ้นภาคแรกให้เมียตัวเองขึ้นศาลรับผิด ซุกหุ้นภาค 2 ให้ลูกชายตัวเองขึ้นศาลรับผิดไหนบอกว่ารักครอบครัวไง
    15. บริษัทของลูกท่านได้เงินกู้ 5,000 ล้าน จาก ICT ดอกเบี้ย0% ไม่กำหนดเวลาชำระคืนแถมได้รับการเว้นภาษีจาก บีโอไอ อีกทำสวนสนุกได้รับการเว้นภาษี
    16. ได้รับสัมปทานสื่อโฆษณาที่รถไฟใต้ดิน โดยที่ไม่ได้รับการเปิดประมูลเพื่อแข่งขันกับบริษัทอื่น
    17. ทักษิณ สั่ง รมต. กลางวง ครม. ลดค่าเช่าพื้นที่ย่านสยามสแควร์ เปิดทางลูก-หลานเปิด สตูดิโอ – ร้านกาแฟ อ้างค่าเช่าแพงเกินจริง
    18. ลดเงินค่ารถไฟฟ้า-ใต้ดิน พอดีกับงานสวนสนุกธุรกิจของลูกๆ สอดคล้องสนับสนุนกันพอดี บังเอิญจริงๆ
    19. ทักษิณพูดว่า”จังหวัดไหนเลือกไทยรักไทย จะให้ความดูแลก่อน” น้ำท่วมภาคใต้ 5 วันแล้ว แต่ทักษิณไปช่วยหาเสียงเลือกตั้งซ่อม ไปกินก๋วยเตี๋ยวสร้างภาพ ไปเดินตลาดหาเสียง ทั้งๆที่มี สส อยู่เต็มสภาแล้วแต่ที่ต้องลงใต้ไปดูน้ำท่วมวันศุกร์เช้า เนื่องจากกลัวสนธิพูดตอนเย็นในรายการเมืองไทยรายสัปดาห์
    20. การที่มีพวกพ้องตัวเองเป็น กกต. จึงเปลี่ยนรูปแบบการเลือกตั้งให้สามารถโกงการเลือกตั้งเพิ่มขึ้นได้อีก 2 วิธี
    20.1 ปั๊มตรายางอีกชุดรอเวลาเปลี่ยนกล่องบัตรได้ทุกเวลา
    20.2 หมึกมีแบบล่องหน และ แบบโผล่ขึ้นมาได้ (ในทางเคมีสามารถทำได้)
    21. ปิดข่าวเรื่องไข้หวัดนกทําให้ชาวบ้านที่ไม่ทราบต้องตายแล้วยังไปแสดงการกินไก่ไปหัวเราะไป เพื่อ ซีพี.นายทุนพรรคเท่านั้น
    22. ทําให้เกิดการฆ่าตัดตอนประชาชนผู้บริสุทธิ์กว่า 2000 คน จากการปราบยาบ้าสั่งฆ่าคนได้หน้าตาเฉย โหดร้ายทารุณ
    23. ซุกหุ้นปั่นหุ้น ซุกซ่อนทรัพย์สินไว้กับญาติพี่น้องเอาเงินไปฟอกต่างประเทศเอาเปรียบใน การทําธุรกิจผูกขาด
    ทั้งรับทั้งจ่ายใต้โต๊ะจนคนในวงการธุรกิจ เขารู้กันหมด ค้ากำไรเกินควร จนรํ่ารวยมหาศาล
    24. โกงที่ดินวัดของสนามกอล์ฟอัลไพน์มีคนโกงที่ดินธรณีสงฆ์เอามาทำสนามกอล์ฟ แล้วทักษิณไปซื้อต่อทั้ง ๆ รู้ว่าที่ดินนั้นได้มา ไม่ถูกต้องเพราะไม่กลัวบาปกรรม
    25. ประชาชนเสียรู้ทักษิณ เรียนฟรี 12 ปี นโยบายรัฐที่เปิดช่องให้โรงเรียนนำค่าใช้จ่ายอย่างอื่นมาเพิ่มแทนค่าเทอม นั่นแหละ สุดท้ายก็ไม่ได้เรียนฟรีอยู่ดี เป็นความล้มเหลวที่เห็นได้ชัดเจนของการปฎิรูปการศึกษาไทย ประชาชนจะถูกหลอกอีก 4 ปี เอาเข้าไป เป็นความจริงที่สุดเลย นี่คือการโกหกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาในโลกนี้ซึ่งหาดูไม่ได้ที่ไหนนอกจากประเทศไทยที่กฎหมายบอกว่าเรียนฟรี แต่ความจริงมีใครบ้างที่เรียนฟรีถามผู้ปกครองทุกคนดูได้เลย
    26. ชั่วเวลาแค่ปีเศษ ๆ รัฐบาลชุดนี้ก็ทำให้สถานการณ์ภาคใต้ที่ร่มเย็นเป็นสุขมานานหลายสิบปี กลับร้อนระอุกลายเป็นแดนมิคสัญญี
    27. เช่าน่านฟ้า เช่าผืนแผ่นดินไทย ราคาเช่าช่างถูกจัง มีอะไรแอบแฝงหรือเปล่า ตนเองน่าจะรู้ดี ไหนบอกว่าแผ่นดินไทยจะไม่ให้หายแม้แต่ตารางนิ้วเดียวไงใช้อำนาจจนเลยเถิดไม่เห็นด้วย คิดไงท่านนายก ที่ให้เช่า 15 ปี แถมมีเปลียนสัญญาได้ทุกๆ 5 ปี เหมือนทำธรุกิจเลยขอเชิญชาวไทยเรียกร้องอธิปไตยชาติไทยกลับมาด้วยขอให้มี สส สว ที่ยังพอมีความเป็นไทยที่มิใช่มีความเป็น ทรท. ช่วยกันคัดค้าน ล่ารายชื่อด้วยครับผมว่ามันเกี่ยวกันหมดแหละครับ ตั้งแต่ AIS (มือถือ) ไทยคม1 ไทยคม 2 IPstar ชินคอร์ป ธนาคาร ธุรกิจ การเมือง อยู่ในมือสิงคโปร์ทั้งหมดแล้วครับ ชัดเจน มีผลประโยชน์ทับซ้อนแหง๋ ไม่งั้นไม่งุบงิบกันทำหรอก อย่านึกว่าประชาชนโง่นะคุณ ยุคทักษิณคือ ยุคของเงินเหนือรัฐ ยุคตำรวจรังแกประชาชน ยุคทหารฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ยุคความรุนแรงอยู่เหนือเหตุผล
    28. ฉลาด อย่างตัวจับยาก เอาเงินหลวงไปหว่านให้รากหญ้าแล้ว ผ่านกระเป๋ารากหญ้าแบบเคาะกะลาให้หมาดีใจ ผ่านธุรกิจมือถือเข้ากระเป๋ามันเอง
    29. ยุบสภาหนีความผิด เนื่องจากนายกองค์การนักศึกษา ม.ธรรมศาสตร์ ล่า 50,000 รายชื่อ เพื่อถอดถอนนายกรัฐมนตรีออกจากตำแหน่ง
    30. ยุบสภาได้ยังไงไม่ได้มีปัญหาภายในสภาสักหน่อย อภิปรายไม่ไว้วางใจก็ไม่ได้ ฝ่ายค้านมีไม่พอ
    31. วันที่ประกาศยุบสภาประกาศพร้อมกันว่าให้ไปเลือกตั้งวันที่ 2 เมษา ได้ยังไง รู้ได้ยังไง ไหนว่า กกต. เป็นกลางไง
    32. คุณหญิงพจมาน อยากมีสมเด็จพระสังฆราชประจำตระกูลตัวเอง จึงให้นายวิษณุ เครืองา ลงนามแต่งตั้ง สมเด็จพระพุฒาจารย์ เกี่ยว อุปเสโณ วัดสระเกศ ขึ้นปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2547 เสมอกับสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสถาปนา อ้างว่า สมเด็จญาณฯ ทรงประชวร ไม่สามารถประกอบศาสนกิจได้ ทั้งๆที่มี VDO วันที่ 13 มีนาคม 2547 สมเด็จพระสังฆราชพระราชทานรางวัลให้กับเด็กนักเรียนที่ได้รับทุนของมหามกุฏราชวิทยาลัยในการประกวดเรียงความเรื่อง สมเด็จพระสังฆราช 90 พรรษา
    33. คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่า สตง. ตรวจเจอการทุจริตของรัฐบาลหลายเรื่อง ล่าสุดตรวจสอบเจอการทุจริต CTX ทางรัฐบาลจึงอ้างว่ากระบวนการสรรหา คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (ผู้ว่าการ สตง.) มิชอบด้วยรัฐธรรมนูญ (ทั้งๆที่ได้รับการแต่งตั้งจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว) คุณหญิงปิดห้องทำงานแล้ว ยังไปงัดห้องคุณหญิง คิดจะหาหลักฐานทุจริตที่ห้องคุณหญิง ต่อมาคนดีอย่างคุณหญิงก็ได้กลับมาทำงานเหมือนเดิม
    34. จัดซื้อเครื่องบินรบ ซู30 ตั้งงบประมาณไว้ 35,000 ล้าน ทั้งที่รัสเซียบอกว่าขายแค่ 20,000 ล้าน กะจะกินตั้ง 15,000 ล้าน เครื่องบินเป็นแบบบินระยะไกล เสียค่าซ่อมเยอะ (ไทยนี้รักสงบ) เราเป็นพวกบุกรุก หรือ ตั้งรับถ้าเราเป็นฝ่ายตั้งรับ แล้วจะซื้อเครื่องบินระยะไกลทำไม ให้ช่างทหารอากาศเลือกซื้อทำไมไม่ให้นักบินเป็นคนเลือก เพราะฝ่ายช่างอยู่ในความดูแลของ คงศักดิ์ วัณทนา สามีของเพื่อน คุณหญิงพจมาน…
    35. ก่อนขายหุ้นบอกว่าจะไปพักผ่อนที่สิงคโปร์ 4 วัน เดินเล่นที่สิงคโปร์ไปเดินครึ่งวัน อย่างมากก็วันเดียวก็ไม่รู้จะไปเดิน ที่ไหนแล้วนี่ไปถึง 4 วันเจรจาขายหุ้น แต่โกหกประชาชนคนไทยว่าจะไปพักผ่อน บอกตรงๆก็ได้
    36. จัดซื้อ CTX ราคา ระหว่าง บทม.และใบแจ้งราคาสินค้าของบริษัท อินวิชั่นฯ เป็นเงินประมาณ 283,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 11.30 ล้านบาทต่อเครื่อง หากคิดรวม 26 เครื่อง เป็นเงิน 7.36 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 294.4 ล้านบาทซึ่ง “ส่วนต่าง”ราคานี้ถูกนำไปใช้บันทึกซ้ำซ้อน โดยอ้างว่าเป็นอุปกรณ์ที่ต้องการซื้อเพิ่มเติม ทั้งที่รวมอยู่ในราคา 35.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯหรือประมาณ1,432 ล้านบาทกะจะกิน1,432 ล้าน – 294.4 ล้าน = ?
    37. ร่วมทุนชินคอร์ปกับมาเลเซีย เปิดธุรกิจสายการบิน Low Cost แล้วสั่งยกเลิกเที่ยวบินการบินไทยที่ได้กำไร แล้วเอาสายการบินของตัวเองไปบินทับที่แทน ทำให้การบินไทยซึ่ง เป็นสายการบินของคนไทยขาดทุน แล้วทำหนังสือถึงหน่วยงานราชการว่านอกจากการบินไทยแล้ว สามารถใช้งบหลวงเบิกค่านั่งเครื่องบิน Low Cost ได้ด้วย แล้วยังขายหุ้น Low Cost ให้สิงคโปร์อีก ทำให้ Low Cost ที่มีเที่ยวบินที่กำไรดีที่สุด (แย่ง จากการบินไทย) เป็นเที่ยวบินของ มาเลเซีย+สิงคโปร์ (ขายชาติ)
    38. โทรศัพท์เครื่องที่ระบบ 1900 “ไทยโมบาย” ของ ทีโอที มันให้ ทีโอทีตั้งเสาเฉพาะใน กทม. ส่วนในต่างจังหวัด มันไม่ยอมให้ตั้งเสาทั้งๆที่ ทีโอทีมีที่ดินอยู่มากมายในต่างจังหวัด มันสั่งให้ ระบบ 1900 ของทีโอที ในต่างจังหวัดใช้เสาสัญญาณของAISโดยโทร 3 บาท ทีโอที ต้องจ่ายให้ AIS 2 บาท ทีโอที ได้ 1 บาท ..สุดยอดไหมละ
    39. ปี 2535 – วิ่งเต้นจนได้รับสัมปทานดาวเทียมไทยคมโดยการสนับสนุนอย่างดีจากรัฐบาลเผด็จ การ รสช. โดยอิงความสัมพันธ์ที่สนิทแนบแน่นกับ พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ ซึ่งก็ชดใช้บุญคุณมาจนถึงสนับสนุน 2 คนสนิทของท่านให้ได้ดีในยุคนี้คือ พล.อ.สัมพันธ์ บุญญานันท์ ได้เป็นรมว.กลาโหม และพล.อ.เรืองโรจน์ มหาสรานนท์ ได้เป็นผบ.สูงสุด
    40. การพูดจาบจ้วงดูหมิ่นพระบรมฯ
    40.1. สำนัก ราชเลขาฯ ขอให้รัฐบาลพิจารณาเครื่องบินราชพาหนะลำใหม่.. แทนลำเก่าที่ ชำรุดมากแล้ว …..ทักษิณ อ้างว่า ไม่มีงบประมาณ แต่สุดท้าย ซื้อเครื่องบินไทยคู่ฟ้าให้ตนเองและครอบครัวนั่งก่อน..จาก ข่าวที่น้องสาว ทักษิณใช้เครื่องบินไปฉลองวันเกิดที่เชียงใหม่……………
    40.2. ทักษิณ ชินวัตร ใช้อุโบสถวัดพระแก้วในการทำบุญประเทศ (แต่แต่งกายในชุดสบายๆ ไม่เป็นทางการ) ทั้งๆที่ประธานในการทำบุญระดับประเทศควรเป็นพระองค์ท่านมากกว่า…ที่ สำคัญอุโบสถวัดพระแก้วเป็นสถานที่ที่ใช้สำหรับประกอบ ศาสนพิธีของพระมหากษัตริย์ ตั้งแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน.. ไม่มีการขอพระบรมราชานุญาต… .พอ มีคนรู้ทัน.. รีบขอพระบรมราชานุญาตย้อนหลัง… จนพระองค์ท่านออกมาตรัสใน วันที่ 4 ธันวาคมว่า นายกฯจะให้ท่านทำอะไรก็ทำให้หมด แต่ควรพิจารณาด้วยว่าสมควรหรือไม่
    40.3. ทักษิณ ชินวัตร กล่าวว่า ถ้านายกฯไม่จงรักภักดี ”ผีที่ไหนจะจงรักภักดี….”
    คนระดับทักษิณ มีการศึกษาสูงพอ ผ่านงานพระราชพิธีมามากมาย..ย่อมควรรู้ดีว่าสมควรพูดเช่นนี้ หรือไม่….ถ้ามีปัญญาก็ควรพูดว่า ถ้านายกฯไม่จงรักภักดี ใครเล่าที่จะจงรักภักดี มากกว่า
    40.4. ทักษิณ ชินวัตร กล่าวว่า ถ้าในหลวงมากระซิบข้างหู…(พูดว่าข้างหู) ว่าออกเถอะจะกราบบังคมลาทันที…คำหลังยังใช้ราชาศัพท์เป็น แต่คำหน้าไหงใช้คำว่ามากระซิบข้างหู… ทักษิณ ไม่ควรทำตัวเสมอพระองค์ท่าน
    40.5. แม่ยายของทักษิณ กล่าวจาบจ้วงว่า บางทีตนอาจขอม็อบพระราชทานบ้าง คำว่า สิ่งพระราชทาน ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่มงคล เป็นสิ่งที่ดีแต่คำว่า “ม็อบ” หมายถึง กลุ่มผู้ชุมนุมที่เรียกร้องบางอย่าง พระองค์ท่านจะพระราชทานได้อย่าง ไร…ไม่สมควรพูด
    40.6. ทักษิณ ชินวัตร กล่าวว่า ตนเป็นนายกฯพระราชทานอยู่แล้ว ถ้าได้กลับมาอีกครั้งพระองค์ท่านต้อง …ใช้คำว่า “ต้อง” เซ็นให้ตนเป็นนายกฯอยู่วันยังค่ำ
    40.7. ทักษิณ ชินวัตร กล่าวว่า โผทหารที่นายกฯเซ็นแล้ว ใครจะกล้าเปลี่…
    รวบรวม 61ความระยำของ ทักษิณ บันทึกไว้ให้ลูกหลานมันจำ" 🧐เครดิต:ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิทย์ แชร์ให้โลกรู้ 9 ธค.นี้ 10.00 น.หน้าทำเนียบรัฐบาลไทยทุกคน 1. แก้ พรบ.สรรพสามิตโทรคมนาคม ให้เสียภาษีน้อยลง ได้ผลประโยชน์ 8,000 ล้าน 2. ลดสัมปทาน itv ได้ผลประโยชน์ 20,000 ล้าน แถมได้สถานีโทรทัศน์ที่เคยมีอุดมการณ์เปลี่ยนมาทำลายวัฒนธรรม โดยการเอาหนังเกาหลีมาฉาย และปิดสื่อความไม่ดีสร้างภาพดีๆให้ตัวเอง (กลุ่มชินคอร์ป ถือหุ้น itv 53%) 3. ตั้ง ชัยสิทธิ์ ชินวัตร เป็น ผบ.ทบ. ก็ได้พี่ชายตนเองคุมทหาร 4. ตั้ง เพรียวพันธ์ ดามาพงษ์ เป็น รอง ผบ.ตร. ก็ได้พี่เขยตนเองคุมตำรวจ 5. ตั้ง วาสนา เพิ่มลาภ เป็น ประธาน กกต ก็ได้ตำรวจพวกพ้องตัวเองคุม กกต. 6. ตั้ง สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ เป็น ผอ.กองสลาก ก็ได้ตำรวจพวกพ้องตัวเองคุม กองสลาก 7. ตั้ง คงศักดิ์ วันทนา เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย สามีลูกน้ำเพื่อนรักที่ช่วยแลกเช็คให้สมัยยังจนอยู่ก็ได้เพื่อนคุณหญิงอ้อ…มาคุมทุกเหล่า 8. กล่าวคําพูดท้าทายพวกก่อการร้ายในภาคใต้ว่าเป็นแค่โจรกระจอก อย่าไปใส่ใจ ทําให้เกิดความรุนแรงคนตายมากมายและหลุดปากด่าทหารว่า “สมควรตาย” 9. ปล่อยเงินกู้ให้พม่า 4,000ล้าน เพื่อนำมาเช่าช่องสัญญาณ IP Star ของตัวเอง ถึงกำหนดแล้วพม่ายังไม่ใช้หนี้เลย 10. เจรจาเซ็น FTA กับจีน ให้จีนนำเข้า หอม กระเทียม เข้ามาไม่เสียภาษี เกษตรกรที่ปลูกหอมปลูกกระเทียมทางเหนือก็ตายหมด ส่วนไทยได้ขายธุรกิจช่อง สัญญาณดาวเทียม IP Star 11. เจรจาเซ็น FTA กับออสเตรเลีย ให้นำเข้า นม ไวน์ เข้ามาไม่เสียภาษี ทำลายเหล้าไวน์พื้นบ้าน OTOP ทำลายนมพระราชดำริ ส่วนไทยได้ขายธุรกิจช่องสัญญาณ IP Star 12. ในเดือนพฤศจิกายน 2546 คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) มีมติส่งเสริมการลงทุนโครงการดาวเทียมไอพีสตาร์ของ ชินแซทเทิลไลท์ โดยให้การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเฉพาะรายได้ที่ได้รับจากต่างประเทศ ทั้ง ๆที่เป็นกิจการที่ลงทุนเดิมอยู่แล้วไม่รู้ไปยกเว้นภาษีทำไม บริษัทจึงได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้อีก 16,459 ล้านบาทต่อปี 13. แปรรูปขายหุ้น ปตท วันแรกเปิดขายหุ้นหมดภายใน 1 นาที 17 วินาที ตระกูลใครละที่ได้ซื้อหุ้นไปหลังจากแปรรูป น้ำมันก็แพงขึ้นทุกวัน ให้กองทุนน้ำมันของคนไทยขาดทุนกว่า 70,000 ล้านบาท แต่ ปตท ได้กำไรปี 2548 จำนวน 160,000 ล้านบาท แล้วกำไรแทนที่จะเป็นของรัฐก็กลายเป็นกำไรของตระกูลพวกถือหุ้น 14. ซุกหุ้นภาคแรกให้เมียตัวเองขึ้นศาลรับผิด ซุกหุ้นภาค 2 ให้ลูกชายตัวเองขึ้นศาลรับผิดไหนบอกว่ารักครอบครัวไง 15. บริษัทของลูกท่านได้เงินกู้ 5,000 ล้าน จาก ICT ดอกเบี้ย0% ไม่กำหนดเวลาชำระคืนแถมได้รับการเว้นภาษีจาก บีโอไอ อีกทำสวนสนุกได้รับการเว้นภาษี 16. ได้รับสัมปทานสื่อโฆษณาที่รถไฟใต้ดิน โดยที่ไม่ได้รับการเปิดประมูลเพื่อแข่งขันกับบริษัทอื่น 17. ทักษิณ สั่ง รมต. กลางวง ครม. ลดค่าเช่าพื้นที่ย่านสยามสแควร์ เปิดทางลูก-หลานเปิด สตูดิโอ – ร้านกาแฟ อ้างค่าเช่าแพงเกินจริง 18. ลดเงินค่ารถไฟฟ้า-ใต้ดิน พอดีกับงานสวนสนุกธุรกิจของลูกๆ สอดคล้องสนับสนุนกันพอดี บังเอิญจริงๆ 19. ทักษิณพูดว่า”จังหวัดไหนเลือกไทยรักไทย จะให้ความดูแลก่อน” น้ำท่วมภาคใต้ 5 วันแล้ว แต่ทักษิณไปช่วยหาเสียงเลือกตั้งซ่อม ไปกินก๋วยเตี๋ยวสร้างภาพ ไปเดินตลาดหาเสียง ทั้งๆที่มี สส อยู่เต็มสภาแล้วแต่ที่ต้องลงใต้ไปดูน้ำท่วมวันศุกร์เช้า เนื่องจากกลัวสนธิพูดตอนเย็นในรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ 20. การที่มีพวกพ้องตัวเองเป็น กกต. จึงเปลี่ยนรูปแบบการเลือกตั้งให้สามารถโกงการเลือกตั้งเพิ่มขึ้นได้อีก 2 วิธี 20.1 ปั๊มตรายางอีกชุดรอเวลาเปลี่ยนกล่องบัตรได้ทุกเวลา 20.2 หมึกมีแบบล่องหน และ แบบโผล่ขึ้นมาได้ (ในทางเคมีสามารถทำได้) 21. ปิดข่าวเรื่องไข้หวัดนกทําให้ชาวบ้านที่ไม่ทราบต้องตายแล้วยังไปแสดงการกินไก่ไปหัวเราะไป เพื่อ ซีพี.นายทุนพรรคเท่านั้น 22. ทําให้เกิดการฆ่าตัดตอนประชาชนผู้บริสุทธิ์กว่า 2000 คน จากการปราบยาบ้าสั่งฆ่าคนได้หน้าตาเฉย โหดร้ายทารุณ 23. ซุกหุ้นปั่นหุ้น ซุกซ่อนทรัพย์สินไว้กับญาติพี่น้องเอาเงินไปฟอกต่างประเทศเอาเปรียบใน การทําธุรกิจผูกขาด ทั้งรับทั้งจ่ายใต้โต๊ะจนคนในวงการธุรกิจ เขารู้กันหมด ค้ากำไรเกินควร จนรํ่ารวยมหาศาล 24. โกงที่ดินวัดของสนามกอล์ฟอัลไพน์มีคนโกงที่ดินธรณีสงฆ์เอามาทำสนามกอล์ฟ แล้วทักษิณไปซื้อต่อทั้ง ๆ รู้ว่าที่ดินนั้นได้มา ไม่ถูกต้องเพราะไม่กลัวบาปกรรม 25. ประชาชนเสียรู้ทักษิณ เรียนฟรี 12 ปี นโยบายรัฐที่เปิดช่องให้โรงเรียนนำค่าใช้จ่ายอย่างอื่นมาเพิ่มแทนค่าเทอม นั่นแหละ สุดท้ายก็ไม่ได้เรียนฟรีอยู่ดี เป็นความล้มเหลวที่เห็นได้ชัดเจนของการปฎิรูปการศึกษาไทย ประชาชนจะถูกหลอกอีก 4 ปี เอาเข้าไป เป็นความจริงที่สุดเลย นี่คือการโกหกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาในโลกนี้ซึ่งหาดูไม่ได้ที่ไหนนอกจากประเทศไทยที่กฎหมายบอกว่าเรียนฟรี แต่ความจริงมีใครบ้างที่เรียนฟรีถามผู้ปกครองทุกคนดูได้เลย 26. ชั่วเวลาแค่ปีเศษ ๆ รัฐบาลชุดนี้ก็ทำให้สถานการณ์ภาคใต้ที่ร่มเย็นเป็นสุขมานานหลายสิบปี กลับร้อนระอุกลายเป็นแดนมิคสัญญี 27. เช่าน่านฟ้า เช่าผืนแผ่นดินไทย ราคาเช่าช่างถูกจัง มีอะไรแอบแฝงหรือเปล่า ตนเองน่าจะรู้ดี ไหนบอกว่าแผ่นดินไทยจะไม่ให้หายแม้แต่ตารางนิ้วเดียวไงใช้อำนาจจนเลยเถิดไม่เห็นด้วย คิดไงท่านนายก ที่ให้เช่า 15 ปี แถมมีเปลียนสัญญาได้ทุกๆ 5 ปี เหมือนทำธรุกิจเลยขอเชิญชาวไทยเรียกร้องอธิปไตยชาติไทยกลับมาด้วยขอให้มี สส สว ที่ยังพอมีความเป็นไทยที่มิใช่มีความเป็น ทรท. ช่วยกันคัดค้าน ล่ารายชื่อด้วยครับผมว่ามันเกี่ยวกันหมดแหละครับ ตั้งแต่ AIS (มือถือ) ไทยคม1 ไทยคม 2 IPstar ชินคอร์ป ธนาคาร ธุรกิจ การเมือง อยู่ในมือสิงคโปร์ทั้งหมดแล้วครับ ชัดเจน มีผลประโยชน์ทับซ้อนแหง๋ ไม่งั้นไม่งุบงิบกันทำหรอก อย่านึกว่าประชาชนโง่นะคุณ ยุคทักษิณคือ ยุคของเงินเหนือรัฐ ยุคตำรวจรังแกประชาชน ยุคทหารฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ยุคความรุนแรงอยู่เหนือเหตุผล 28. ฉลาด อย่างตัวจับยาก เอาเงินหลวงไปหว่านให้รากหญ้าแล้ว ผ่านกระเป๋ารากหญ้าแบบเคาะกะลาให้หมาดีใจ ผ่านธุรกิจมือถือเข้ากระเป๋ามันเอง 29. ยุบสภาหนีความผิด เนื่องจากนายกองค์การนักศึกษา ม.ธรรมศาสตร์ ล่า 50,000 รายชื่อ เพื่อถอดถอนนายกรัฐมนตรีออกจากตำแหน่ง 30. ยุบสภาได้ยังไงไม่ได้มีปัญหาภายในสภาสักหน่อย อภิปรายไม่ไว้วางใจก็ไม่ได้ ฝ่ายค้านมีไม่พอ 31. วันที่ประกาศยุบสภาประกาศพร้อมกันว่าให้ไปเลือกตั้งวันที่ 2 เมษา ได้ยังไง รู้ได้ยังไง ไหนว่า กกต. เป็นกลางไง 32. คุณหญิงพจมาน อยากมีสมเด็จพระสังฆราชประจำตระกูลตัวเอง จึงให้นายวิษณุ เครืองา ลงนามแต่งตั้ง สมเด็จพระพุฒาจารย์ เกี่ยว อุปเสโณ วัดสระเกศ ขึ้นปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2547 เสมอกับสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสถาปนา อ้างว่า สมเด็จญาณฯ ทรงประชวร ไม่สามารถประกอบศาสนกิจได้ ทั้งๆที่มี VDO วันที่ 13 มีนาคม 2547 สมเด็จพระสังฆราชพระราชทานรางวัลให้กับเด็กนักเรียนที่ได้รับทุนของมหามกุฏราชวิทยาลัยในการประกวดเรียงความเรื่อง สมเด็จพระสังฆราช 90 พรรษา 33. คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่า สตง. ตรวจเจอการทุจริตของรัฐบาลหลายเรื่อง ล่าสุดตรวจสอบเจอการทุจริต CTX ทางรัฐบาลจึงอ้างว่ากระบวนการสรรหา คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (ผู้ว่าการ สตง.) มิชอบด้วยรัฐธรรมนูญ (ทั้งๆที่ได้รับการแต่งตั้งจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว) คุณหญิงปิดห้องทำงานแล้ว ยังไปงัดห้องคุณหญิง คิดจะหาหลักฐานทุจริตที่ห้องคุณหญิง ต่อมาคนดีอย่างคุณหญิงก็ได้กลับมาทำงานเหมือนเดิม 34. จัดซื้อเครื่องบินรบ ซู30 ตั้งงบประมาณไว้ 35,000 ล้าน ทั้งที่รัสเซียบอกว่าขายแค่ 20,000 ล้าน กะจะกินตั้ง 15,000 ล้าน เครื่องบินเป็นแบบบินระยะไกล เสียค่าซ่อมเยอะ (ไทยนี้รักสงบ) เราเป็นพวกบุกรุก หรือ ตั้งรับถ้าเราเป็นฝ่ายตั้งรับ แล้วจะซื้อเครื่องบินระยะไกลทำไม ให้ช่างทหารอากาศเลือกซื้อทำไมไม่ให้นักบินเป็นคนเลือก เพราะฝ่ายช่างอยู่ในความดูแลของ คงศักดิ์ วัณทนา สามีของเพื่อน คุณหญิงพจมาน… 35. ก่อนขายหุ้นบอกว่าจะไปพักผ่อนที่สิงคโปร์ 4 วัน เดินเล่นที่สิงคโปร์ไปเดินครึ่งวัน อย่างมากก็วันเดียวก็ไม่รู้จะไปเดิน ที่ไหนแล้วนี่ไปถึง 4 วันเจรจาขายหุ้น แต่โกหกประชาชนคนไทยว่าจะไปพักผ่อน บอกตรงๆก็ได้ 36. จัดซื้อ CTX ราคา ระหว่าง บทม.และใบแจ้งราคาสินค้าของบริษัท อินวิชั่นฯ เป็นเงินประมาณ 283,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 11.30 ล้านบาทต่อเครื่อง หากคิดรวม 26 เครื่อง เป็นเงิน 7.36 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 294.4 ล้านบาทซึ่ง “ส่วนต่าง”ราคานี้ถูกนำไปใช้บันทึกซ้ำซ้อน โดยอ้างว่าเป็นอุปกรณ์ที่ต้องการซื้อเพิ่มเติม ทั้งที่รวมอยู่ในราคา 35.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯหรือประมาณ1,432 ล้านบาทกะจะกิน1,432 ล้าน – 294.4 ล้าน = ? 37. ร่วมทุนชินคอร์ปกับมาเลเซีย เปิดธุรกิจสายการบิน Low Cost แล้วสั่งยกเลิกเที่ยวบินการบินไทยที่ได้กำไร แล้วเอาสายการบินของตัวเองไปบินทับที่แทน ทำให้การบินไทยซึ่ง เป็นสายการบินของคนไทยขาดทุน แล้วทำหนังสือถึงหน่วยงานราชการว่านอกจากการบินไทยแล้ว สามารถใช้งบหลวงเบิกค่านั่งเครื่องบิน Low Cost ได้ด้วย แล้วยังขายหุ้น Low Cost ให้สิงคโปร์อีก ทำให้ Low Cost ที่มีเที่ยวบินที่กำไรดีที่สุด (แย่ง จากการบินไทย) เป็นเที่ยวบินของ มาเลเซีย+สิงคโปร์ (ขายชาติ) 38. โทรศัพท์เครื่องที่ระบบ 1900 “ไทยโมบาย” ของ ทีโอที มันให้ ทีโอทีตั้งเสาเฉพาะใน กทม. ส่วนในต่างจังหวัด มันไม่ยอมให้ตั้งเสาทั้งๆที่ ทีโอทีมีที่ดินอยู่มากมายในต่างจังหวัด มันสั่งให้ ระบบ 1900 ของทีโอที ในต่างจังหวัดใช้เสาสัญญาณของAISโดยโทร 3 บาท ทีโอที ต้องจ่ายให้ AIS 2 บาท ทีโอที ได้ 1 บาท ..สุดยอดไหมละ 39. ปี 2535 – วิ่งเต้นจนได้รับสัมปทานดาวเทียมไทยคมโดยการสนับสนุนอย่างดีจากรัฐบาลเผด็จ การ รสช. โดยอิงความสัมพันธ์ที่สนิทแนบแน่นกับ พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ ซึ่งก็ชดใช้บุญคุณมาจนถึงสนับสนุน 2 คนสนิทของท่านให้ได้ดีในยุคนี้คือ พล.อ.สัมพันธ์ บุญญานันท์ ได้เป็นรมว.กลาโหม และพล.อ.เรืองโรจน์ มหาสรานนท์ ได้เป็นผบ.สูงสุด 40. การพูดจาบจ้วงดูหมิ่นพระบรมฯ 40.1. สำนัก ราชเลขาฯ ขอให้รัฐบาลพิจารณาเครื่องบินราชพาหนะลำใหม่.. แทนลำเก่าที่ ชำรุดมากแล้ว …..ทักษิณ อ้างว่า ไม่มีงบประมาณ แต่สุดท้าย ซื้อเครื่องบินไทยคู่ฟ้าให้ตนเองและครอบครัวนั่งก่อน..จาก ข่าวที่น้องสาว ทักษิณใช้เครื่องบินไปฉลองวันเกิดที่เชียงใหม่…………… 40.2. ทักษิณ ชินวัตร ใช้อุโบสถวัดพระแก้วในการทำบุญประเทศ (แต่แต่งกายในชุดสบายๆ ไม่เป็นทางการ) ทั้งๆที่ประธานในการทำบุญระดับประเทศควรเป็นพระองค์ท่านมากกว่า…ที่ สำคัญอุโบสถวัดพระแก้วเป็นสถานที่ที่ใช้สำหรับประกอบ ศาสนพิธีของพระมหากษัตริย์ ตั้งแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน.. ไม่มีการขอพระบรมราชานุญาต… .พอ มีคนรู้ทัน.. รีบขอพระบรมราชานุญาตย้อนหลัง… จนพระองค์ท่านออกมาตรัสใน วันที่ 4 ธันวาคมว่า นายกฯจะให้ท่านทำอะไรก็ทำให้หมด แต่ควรพิจารณาด้วยว่าสมควรหรือไม่ 40.3. ทักษิณ ชินวัตร กล่าวว่า ถ้านายกฯไม่จงรักภักดี ”ผีที่ไหนจะจงรักภักดี….” คนระดับทักษิณ มีการศึกษาสูงพอ ผ่านงานพระราชพิธีมามากมาย..ย่อมควรรู้ดีว่าสมควรพูดเช่นนี้ หรือไม่….ถ้ามีปัญญาก็ควรพูดว่า ถ้านายกฯไม่จงรักภักดี ใครเล่าที่จะจงรักภักดี มากกว่า 40.4. ทักษิณ ชินวัตร กล่าวว่า ถ้าในหลวงมากระซิบข้างหู…(พูดว่าข้างหู) ว่าออกเถอะจะกราบบังคมลาทันที…คำหลังยังใช้ราชาศัพท์เป็น แต่คำหน้าไหงใช้คำว่ามากระซิบข้างหู… ทักษิณ ไม่ควรทำตัวเสมอพระองค์ท่าน 40.5. แม่ยายของทักษิณ กล่าวจาบจ้วงว่า บางทีตนอาจขอม็อบพระราชทานบ้าง คำว่า สิ่งพระราชทาน ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่มงคล เป็นสิ่งที่ดีแต่คำว่า “ม็อบ” หมายถึง กลุ่มผู้ชุมนุมที่เรียกร้องบางอย่าง พระองค์ท่านจะพระราชทานได้อย่าง ไร…ไม่สมควรพูด 40.6. ทักษิณ ชินวัตร กล่าวว่า ตนเป็นนายกฯพระราชทานอยู่แล้ว ถ้าได้กลับมาอีกครั้งพระองค์ท่านต้อง …ใช้คำว่า “ต้อง” เซ็นให้ตนเป็นนายกฯอยู่วันยังค่ำ 40.7. ทักษิณ ชินวัตร กล่าวว่า โผทหารที่นายกฯเซ็นแล้ว ใครจะกล้าเปลี่…
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1010 มุมมอง 0 รีวิว
  • Pinwheel Watch เป็นมาร์ทวอทช์ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับเด็ก ซึ่งมาพร้อมกับฟีเจอร์ความปลอดภัยและเวอร์ชันของ ChatGPT ที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก ได้ถูกเปิดตัวที่งาน CES ในลาสเวกัส

    ต่างจากโทรศัพท์ที่มีซอฟต์แวร์ Pinwheel ซ้อนทับบนโทรศัพท์ Samsung และ Google ที่มีอยู่ สมาร์ทวอทช์นี้เป็นฮาร์ดแวร์ดั้งเดิมชิ้นแรกของ Pinwheel และมีร้านแอปที่ผ่านการตรวจสอบแล้ว การติดตามตำแหน่งระยะไกลสำหรับผู้ปกครอง และอนุญาตให้ผู้ปกครองตรวจสอบข้อความได้

    อุปกรณ์นี้ยังมีกล้องและเวอร์ชันพิเศษของ ChatGPT ซึ่ง Pinwheel กล่าวว่าถูกปรับให้เหมาะสมกับเด็ก โดยมีคำตอบที่เหมาะสมกับวัยและไม่มีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม

    Dane Witbeck ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Pinwheel กล่าวว่า บริษัทได้รับฟังความคิดเห็นจากลูกค้าว่าบางคนไม่ต้องการให้ลูกมีโทรศัพท์ แต่ต้องการนาฬิกาที่สามารถใช้งานได้นานขึ้นและยังสามารถเข้าถึงส่วนต่างๆ ของโลกดิจิทัลได้ แต่ไม่มีอันตรายที่ชัดเจนจากการออนไลน์

    "มีสมาร์ทวอทช์หลายรุ่นที่ออกมาเมื่อเร็วๆ นี้ แต่รุ่นนี้มีความพิเศษในหลายๆ ด้าน" Witbeck กล่าว "มันมี AI ที่สร้างขึ้นมาเพื่อเด็กตั้งแต่แรก เราทุกคนตื่นเต้นกับ AI ที่สร้างขึ้นสำหรับผู้ใหญ่ แต่เทคโนโลยีหลายอย่างที่สร้างขึ้นสำหรับผู้ใหญ่ เด็กๆ มักจะถูกมองข้าม"

    Pinwheel ได้เพิ่มชั้นความปลอดภัยระหว่างบริษัทกับ OpenAI เพื่อให้แน่ใจว่าเนื้อหาทั้งหมดที่ผ่าน PinwheelGPT นั้นปลอดภัยและเหมาะสมกับเด็ก

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/01/14/this-smartwatch-for-children-has-a-kid-safe-ai-chatbot-built-in
    Pinwheel Watch เป็นมาร์ทวอทช์ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับเด็ก ซึ่งมาพร้อมกับฟีเจอร์ความปลอดภัยและเวอร์ชันของ ChatGPT ที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก ได้ถูกเปิดตัวที่งาน CES ในลาสเวกัส ต่างจากโทรศัพท์ที่มีซอฟต์แวร์ Pinwheel ซ้อนทับบนโทรศัพท์ Samsung และ Google ที่มีอยู่ สมาร์ทวอทช์นี้เป็นฮาร์ดแวร์ดั้งเดิมชิ้นแรกของ Pinwheel และมีร้านแอปที่ผ่านการตรวจสอบแล้ว การติดตามตำแหน่งระยะไกลสำหรับผู้ปกครอง และอนุญาตให้ผู้ปกครองตรวจสอบข้อความได้ อุปกรณ์นี้ยังมีกล้องและเวอร์ชันพิเศษของ ChatGPT ซึ่ง Pinwheel กล่าวว่าถูกปรับให้เหมาะสมกับเด็ก โดยมีคำตอบที่เหมาะสมกับวัยและไม่มีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม Dane Witbeck ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Pinwheel กล่าวว่า บริษัทได้รับฟังความคิดเห็นจากลูกค้าว่าบางคนไม่ต้องการให้ลูกมีโทรศัพท์ แต่ต้องการนาฬิกาที่สามารถใช้งานได้นานขึ้นและยังสามารถเข้าถึงส่วนต่างๆ ของโลกดิจิทัลได้ แต่ไม่มีอันตรายที่ชัดเจนจากการออนไลน์ "มีสมาร์ทวอทช์หลายรุ่นที่ออกมาเมื่อเร็วๆ นี้ แต่รุ่นนี้มีความพิเศษในหลายๆ ด้าน" Witbeck กล่าว "มันมี AI ที่สร้างขึ้นมาเพื่อเด็กตั้งแต่แรก เราทุกคนตื่นเต้นกับ AI ที่สร้างขึ้นสำหรับผู้ใหญ่ แต่เทคโนโลยีหลายอย่างที่สร้างขึ้นสำหรับผู้ใหญ่ เด็กๆ มักจะถูกมองข้าม" Pinwheel ได้เพิ่มชั้นความปลอดภัยระหว่างบริษัทกับ OpenAI เพื่อให้แน่ใจว่าเนื้อหาทั้งหมดที่ผ่าน PinwheelGPT นั้นปลอดภัยและเหมาะสมกับเด็ก https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/01/14/this-smartwatch-for-children-has-a-kid-safe-ai-chatbot-built-in
    WWW.THESTAR.COM.MY
    This smartwatch for children has a ‘kid-safe’ AI chatbot built in
    A specially designed smartwatch for children, which is loaded with safety features and a “kid-safe” version of ChatGPT has been unveiled at CES in Las Vegas.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 170 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google เตรียมอัปเกรด Google TV ครั้งใหญ่ในปี 2025 ด้วยฟีเจอร์ใหม่ 3 อย่างที่น่าตื่นเต้นครับ

    Google ได้ประกาศการอัปเกรดครั้งใหญ่สำหรับ Google TV ในปี 2025 โดยจะมีการนำ Gemini assistant เข้ามาใช้แทน Google Assistant เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตอบสนองคำสั่งเสียงและการค้นหาข้อมูลที่ซับซ้อนมากขึ้น

    ฟีเจอร์ใหม่มีดังนี้

    1) Gemini assistant จะเข้ามาแทนที่ Google Assistant บน Google TV ทำให้ผู้ใช้สามารถสั่งงานด้วยเสียงได้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น โดยไม่ต้องพูดคำว่า "Hey Google" และสามารถใช้คำสั่งที่ซับซ้อนมากขึ้นได้
    2) ผู้ใช้สามารถถามคำถามที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น "บอกเกี่ยวกับระบบสุริยะสำหรับเด็กประถม" หรือ "ช่วยวางแผนสถานที่พักผ่อนที่มีชายหาดสวย" และ Gemini จะสามารถตอบคำถามเหล่านี้ได้อย่างรวดเร็วและแสดงผลบนหน้าจอทีวี
    3) Google มีแผนที่จะทำงานร่วมกับพันธมิตรเพื่ออัปเกรดฮาร์ดแวร์ของ Google TV โดยจะมีการติดตั้งไมโครโฟนระยะไกลเพื่อให้ผู้ใช้สามารถสั่งงานทีวีได้โดยไม่ต้องใช้รีโมท และมีการพัฒนาประสบการณ์การใช้งานแบบ ambient ที่สามารถแสดงข้อมูลส่วนตัวและวิดเจ็ตที่น่าสนใจเมื่อผู้ใช้เข้าใกล้ทีวี

    การอัปเกรดครั้งนี้จะทำให้การใช้งาน Google TV เป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยการนำ Gemini assistant เข้ามาใช้จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถสั่งงานทีวีได้อย่างเป็นธรรมชาติและสะดวกสบายมากขึ้น

    ลุงว่า การใส่ไมค์มาใน TV มันจะน่ากลัวว่าจะโดนเก็บข้อมูลตลอดเวลาหน่ะสิ

    https://www.zdnet.com/home-and-office/home-entertainment/google-tvs-are-getting-a-major-gemini-upgrade-in-2025-here-are-the-3-best-features/
    Google เตรียมอัปเกรด Google TV ครั้งใหญ่ในปี 2025 ด้วยฟีเจอร์ใหม่ 3 อย่างที่น่าตื่นเต้นครับ Google ได้ประกาศการอัปเกรดครั้งใหญ่สำหรับ Google TV ในปี 2025 โดยจะมีการนำ Gemini assistant เข้ามาใช้แทน Google Assistant เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตอบสนองคำสั่งเสียงและการค้นหาข้อมูลที่ซับซ้อนมากขึ้น ฟีเจอร์ใหม่มีดังนี้ 1) Gemini assistant จะเข้ามาแทนที่ Google Assistant บน Google TV ทำให้ผู้ใช้สามารถสั่งงานด้วยเสียงได้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น โดยไม่ต้องพูดคำว่า "Hey Google" และสามารถใช้คำสั่งที่ซับซ้อนมากขึ้นได้ 2) ผู้ใช้สามารถถามคำถามที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น "บอกเกี่ยวกับระบบสุริยะสำหรับเด็กประถม" หรือ "ช่วยวางแผนสถานที่พักผ่อนที่มีชายหาดสวย" และ Gemini จะสามารถตอบคำถามเหล่านี้ได้อย่างรวดเร็วและแสดงผลบนหน้าจอทีวี 3) Google มีแผนที่จะทำงานร่วมกับพันธมิตรเพื่ออัปเกรดฮาร์ดแวร์ของ Google TV โดยจะมีการติดตั้งไมโครโฟนระยะไกลเพื่อให้ผู้ใช้สามารถสั่งงานทีวีได้โดยไม่ต้องใช้รีโมท และมีการพัฒนาประสบการณ์การใช้งานแบบ ambient ที่สามารถแสดงข้อมูลส่วนตัวและวิดเจ็ตที่น่าสนใจเมื่อผู้ใช้เข้าใกล้ทีวี การอัปเกรดครั้งนี้จะทำให้การใช้งาน Google TV เป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยการนำ Gemini assistant เข้ามาใช้จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถสั่งงานทีวีได้อย่างเป็นธรรมชาติและสะดวกสบายมากขึ้น ลุงว่า การใส่ไมค์มาใน TV มันจะน่ากลัวว่าจะโดนเก็บข้อมูลตลอดเวลาหน่ะสิ https://www.zdnet.com/home-and-office/home-entertainment/google-tvs-are-getting-a-major-gemini-upgrade-in-2025-here-are-the-3-best-features/
    WWW.ZDNET.COM
    Google TVs are getting a major Gemini upgrade in 2025 - here are the 3 best features
    You will finally be able to speak to your Google TV like you would speak to a person. And future models will support ambient sensors for a hands-free viewing experience.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 259 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักวิทยาศาสตร์จีนได้สร้างนาฬิกาอะตอมที่สามารถนำไปใช้ในเขตสงครามได้ ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงอนาคตของการต่อสู้ทางทหารได้อย่างลึกซึ้ง นาฬิกาอะตอมฟาวน์เทนซีเซียมนี้มีความสูง 1.5 เมตร และมีขนาดประมาณตู้เย็นประตูเดียว สามารถบรรทุกบนรถบรรทุกทหารและทนต่อการขนส่งระยะไกลและสภาพแวดล้อมที่รุนแรงได้ โดยยังคงความแม่นยำของการจับเวลาให้น้อยกว่า 1/5 ของหนึ่งในพันล้านวินาที

    ระบบการจับเวลาที่มีความแม่นยำสูงเป็นกระดูกสันหลังของสงครามสมัยใหม่ ช่วยให้เรดาร์ที่แยกจากกันหลายพันไมล์ทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ นาฬิกา NIM-TF3 ที่ผลิตโดยสถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติจีนสามารถทำงานได้อย่างอิสระเป็นเวลานานโดยไม่ต้องการการบำรุงรักษาจากผู้เชี่ยวชาญ ทำให้เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานในโลกเปิด

    ทีมวิจัยที่นำโดยศาสตราจารย์หลิน ผิงเว่ย ได้ทำการทดสอบและพบว่านาฬิกามีความเสถียรในระยะยาวถึงระดับห้าหนึ่งในพันล้านวินาที ซึ่งสูงกว่านาฬิกาอะตอมเคลื่อนที่ที่ดีที่สุดในสหรัฐอเมริกาถึงสองระดับ นาฬิกาอะตอมซีเซียมทำงานเหมือนน้ำพุ โดยนักวิทยาศาสตร์จะทำให้อะตอมซีเซียมเย็นลงด้วยเลเซอร์แล้วยิงขึ้นไปในอากาศ อะตอมจะตกลงมาตามแรงโน้มถ่วงและปล่อยแสงฟลูออเรสเซนซ์เมื่อผ่านสนามพลังงานไมโครเวฟ

    การพัฒนานาฬิกาอะตอมนี้ทำให้กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน (PLA) มีความได้เปรียบในการแข่งขันกับกองทัพสหรัฐในด้านสงครามอิเล็กทรอนิกส์ จีนยังได้ปิดช่องว่างกับสหรัฐในด้านเทคโนโลยีการจับเวลาที่มีความแม่นยำสูง และได้ก้าวข้ามในบางพื้นที่สำคัญ เช่น นาฬิกาอะตอมบนดาวเทียม BeiDou ที่มีประสิทธิภาพดีกว่าดาวเทียม GPS

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/01/07/chinese-scientists-build-the-most-precise-timing-machine-for-electronic-warfare
    นักวิทยาศาสตร์จีนได้สร้างนาฬิกาอะตอมที่สามารถนำไปใช้ในเขตสงครามได้ ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงอนาคตของการต่อสู้ทางทหารได้อย่างลึกซึ้ง นาฬิกาอะตอมฟาวน์เทนซีเซียมนี้มีความสูง 1.5 เมตร และมีขนาดประมาณตู้เย็นประตูเดียว สามารถบรรทุกบนรถบรรทุกทหารและทนต่อการขนส่งระยะไกลและสภาพแวดล้อมที่รุนแรงได้ โดยยังคงความแม่นยำของการจับเวลาให้น้อยกว่า 1/5 ของหนึ่งในพันล้านวินาที ระบบการจับเวลาที่มีความแม่นยำสูงเป็นกระดูกสันหลังของสงครามสมัยใหม่ ช่วยให้เรดาร์ที่แยกจากกันหลายพันไมล์ทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ นาฬิกา NIM-TF3 ที่ผลิตโดยสถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติจีนสามารถทำงานได้อย่างอิสระเป็นเวลานานโดยไม่ต้องการการบำรุงรักษาจากผู้เชี่ยวชาญ ทำให้เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานในโลกเปิด ทีมวิจัยที่นำโดยศาสตราจารย์หลิน ผิงเว่ย ได้ทำการทดสอบและพบว่านาฬิกามีความเสถียรในระยะยาวถึงระดับห้าหนึ่งในพันล้านวินาที ซึ่งสูงกว่านาฬิกาอะตอมเคลื่อนที่ที่ดีที่สุดในสหรัฐอเมริกาถึงสองระดับ นาฬิกาอะตอมซีเซียมทำงานเหมือนน้ำพุ โดยนักวิทยาศาสตร์จะทำให้อะตอมซีเซียมเย็นลงด้วยเลเซอร์แล้วยิงขึ้นไปในอากาศ อะตอมจะตกลงมาตามแรงโน้มถ่วงและปล่อยแสงฟลูออเรสเซนซ์เมื่อผ่านสนามพลังงานไมโครเวฟ การพัฒนานาฬิกาอะตอมนี้ทำให้กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน (PLA) มีความได้เปรียบในการแข่งขันกับกองทัพสหรัฐในด้านสงครามอิเล็กทรอนิกส์ จีนยังได้ปิดช่องว่างกับสหรัฐในด้านเทคโนโลยีการจับเวลาที่มีความแม่นยำสูง และได้ก้าวข้ามในบางพื้นที่สำคัญ เช่น นาฬิกาอะตอมบนดาวเทียม BeiDou ที่มีประสิทธิภาพดีกว่าดาวเทียม GPS https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/01/07/chinese-scientists-build-the-most-precise-timing-machine-for-electronic-warfare
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Chinese scientists build the most precise timing machine for electronic warfare
    Researchers have created an atomic clock that can be taken into war zones, and it could change the future of military combat.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 278 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนเอาชนะ Starlink ด้วยการส่งสัญญาณเลเซอร์ภาคพื้นดินในอวกาศ 100 GBPS ที่เร็วกว่าถึง 10 เท่า

    บริษัท Chang Guang Satellite Technology ซึ่งเป็นบริษัทที่อยู่เบื้องหลังกลุ่มดาวเทียม Jilin-1 ได้ดำเนินการดังกล่าวแล้ว โดยรายงานระบุว่า Jilin-1 เป็นเครือข่ายดาวเทียมสำรวจระยะไกลเชิงพาณิชย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ⬇️
    -
    เทคโนโลยีดาวเทียม Chuang Guang เป็นรัฐวิสาหกิจที่บริหารจัดการโดยรัฐบาลมณฑลจี๋หลินและสถาบันออปติก กลศาสตร์ประณีต และฟิสิกส์ฉางชุน
    -
    ข้อมูลดังกล่าวถูกส่งระหว่างสถานีภาคพื้นดินที่ใช้รถบรรทุกเคลื่อนที่กับกลุ่มดาวเทียม 1 ใน 117 ดวงที่อยู่ในวงโคจรของโลก
    -
    “Starlink ของมัสก์ได้เปิดเผยระบบสื่อสารระหว่างดาวเทียมด้วยเลเซอร์แล้ว แต่ยังไม่ได้นำระบบสื่อสารเลเซอร์จากดาวเทียมสู่พื้นดินมาใช้ เราคิดว่าพวกเขาน่าจะมีเทคโนโลยีดังกล่าว แต่เราได้เริ่มใช้งานในระดับใหญ่แล้ว” หวัง หางหาง หัวหน้าฝ่ายเทคโนโลยีสถานีภาคพื้นดินสำหรับการสื่อสารด้วยเลเซอร์ของบริษัทกล่าว
    -
    บริษัทมีแผนที่จะติดตั้งหน่วยสื่อสารเลเซอร์เหล่านี้ไปยังดาวเทียมทั้งหมดในกลุ่มดาวเทียม Jilin-1 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ โดยมีเป้าหมายที่จะเชื่อมต่อเครือข่ายดาวเทียม 300 ดวงภายในปี 2020
    -
    ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ดาวเทียมจึงมีความชาญฉลาดและดีขึ้นในการรวบรวมข้อมูลรายละเอียด อย่างไรก็ตาม การส่งข้อมูลทั้งหมดกลับมายังโลกโดยใช้วิธีดั้งเดิมกำลังกลายเป็นอุปสรรคสำคัญ
    -
    การสื่อสารผ่านดาวเทียม โดยเฉพาะการสื่อสารด้วยเลเซอร์ ถือเป็นโซลูชันที่มีประสิทธิภาพและคุ้มราคา ด้วยเหตุนี้ บริษัท Chang Guang จึงตัดสินใจมุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยีการสื่อสารด้วยเลเซอร์ในปี 2020
    -
    ชางกวงได้พัฒนาเทอร์มินัลการสื่อสารด้วยเลเซอร์ขนาดกะทัดรัด ซึ่งมีขนาดประมาณกระเป๋าเป้ และสามารถส่งข้อมูลระหว่างดาวเทียมและจากอวกาศกลับมายังโลกได้ เทอร์มินัลขั้นสูงนี้ถูกติดตั้งไว้ในเพย์โหลดของดาวเทียม (กำหนดเป็น Jilin-1 02A02) ซึ่งปล่อยขึ้นสู่อวกาศเมื่อเดือนมิถุนายน 2023
    -
    เนื่องจากสถานีภาคพื้นดินติดตั้งบนยานพาหนะ จึงสามารถเคลื่อนย้ายได้เพื่อหลีกเลี่ยงสภาพอากาศเลวร้ายและความปั่นป่วน ทำให้การส่งข้อมูลมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น โดยจะมีการจัดตั้งสถานีรับสัญญาณหลายแห่งทั่วประเทศจีนเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพในการรวบรวมข้อมูลภาพจากการสำรวจระยะไกล
    -
    ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา บริษัทได้พัฒนาเทคโนโลยีการสื่อสารด้วยเลเซอร์ความเร็วสูงอย่างรวดเร็ว ทั้งสำหรับการส่งข้อมูลจากอวกาศสู่พื้นดินและระหว่างดาวเทียม ตัวอย่างเช่น ก่อนหน้านี้ ระบบดังกล่าวสามารถถ่ายโอนข้อมูลได้ 10 Gbps จากอวกาศสู่โลกในเดือนตุลาคม 2023
    -
    ความสำเร็จล่าสุดนี้ที่อัตราการส่งข้อมูล 100Gbps ถือว่าเทียบเท่ากับการส่งภาพยนตร์ความยาวเต็มเรื่อง 10 เรื่องภายใน "วินาทีเดียว"
    -
    การพัฒนาระบบสื่อสารด้วยเลเซอร์จากดาวเทียมสู่พื้นดินนี้จะช่วยเพิ่มศักยภาพด้านอวกาศของจีนได้อย่างมาก และจะนำไปสู่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของดาวเทียมที่ดีขึ้น รวมถึงระบบนำทาง อินเทอร์เน็ต 6G และการสำรวจระยะไกล
    -
    ที่มา: จีนเอาชนะ Starklink ด้วยการส่งสัญญาณเลเซอร์ภาคพื้นดิน-อวกาศความเร็ว 100 Gbps ที่เร็วกว่าถึง 10 เท่า - InterestingEngineering
    จีนเอาชนะ Starlink ด้วยการส่งสัญญาณเลเซอร์ภาคพื้นดินในอวกาศ 100 GBPS ที่เร็วกว่าถึง 10 เท่า บริษัท Chang Guang Satellite Technology ซึ่งเป็นบริษัทที่อยู่เบื้องหลังกลุ่มดาวเทียม Jilin-1 ได้ดำเนินการดังกล่าวแล้ว โดยรายงานระบุว่า Jilin-1 เป็นเครือข่ายดาวเทียมสำรวจระยะไกลเชิงพาณิชย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ⬇️ - เทคโนโลยีดาวเทียม Chuang Guang เป็นรัฐวิสาหกิจที่บริหารจัดการโดยรัฐบาลมณฑลจี๋หลินและสถาบันออปติก กลศาสตร์ประณีต และฟิสิกส์ฉางชุน - ข้อมูลดังกล่าวถูกส่งระหว่างสถานีภาคพื้นดินที่ใช้รถบรรทุกเคลื่อนที่กับกลุ่มดาวเทียม 1 ใน 117 ดวงที่อยู่ในวงโคจรของโลก - “Starlink ของมัสก์ได้เปิดเผยระบบสื่อสารระหว่างดาวเทียมด้วยเลเซอร์แล้ว แต่ยังไม่ได้นำระบบสื่อสารเลเซอร์จากดาวเทียมสู่พื้นดินมาใช้ เราคิดว่าพวกเขาน่าจะมีเทคโนโลยีดังกล่าว แต่เราได้เริ่มใช้งานในระดับใหญ่แล้ว” หวัง หางหาง หัวหน้าฝ่ายเทคโนโลยีสถานีภาคพื้นดินสำหรับการสื่อสารด้วยเลเซอร์ของบริษัทกล่าว - บริษัทมีแผนที่จะติดตั้งหน่วยสื่อสารเลเซอร์เหล่านี้ไปยังดาวเทียมทั้งหมดในกลุ่มดาวเทียม Jilin-1 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ โดยมีเป้าหมายที่จะเชื่อมต่อเครือข่ายดาวเทียม 300 ดวงภายในปี 2020 - ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ดาวเทียมจึงมีความชาญฉลาดและดีขึ้นในการรวบรวมข้อมูลรายละเอียด อย่างไรก็ตาม การส่งข้อมูลทั้งหมดกลับมายังโลกโดยใช้วิธีดั้งเดิมกำลังกลายเป็นอุปสรรคสำคัญ - การสื่อสารผ่านดาวเทียม โดยเฉพาะการสื่อสารด้วยเลเซอร์ ถือเป็นโซลูชันที่มีประสิทธิภาพและคุ้มราคา ด้วยเหตุนี้ บริษัท Chang Guang จึงตัดสินใจมุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยีการสื่อสารด้วยเลเซอร์ในปี 2020 - ชางกวงได้พัฒนาเทอร์มินัลการสื่อสารด้วยเลเซอร์ขนาดกะทัดรัด ซึ่งมีขนาดประมาณกระเป๋าเป้ และสามารถส่งข้อมูลระหว่างดาวเทียมและจากอวกาศกลับมายังโลกได้ เทอร์มินัลขั้นสูงนี้ถูกติดตั้งไว้ในเพย์โหลดของดาวเทียม (กำหนดเป็น Jilin-1 02A02) ซึ่งปล่อยขึ้นสู่อวกาศเมื่อเดือนมิถุนายน 2023 - เนื่องจากสถานีภาคพื้นดินติดตั้งบนยานพาหนะ จึงสามารถเคลื่อนย้ายได้เพื่อหลีกเลี่ยงสภาพอากาศเลวร้ายและความปั่นป่วน ทำให้การส่งข้อมูลมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น โดยจะมีการจัดตั้งสถานีรับสัญญาณหลายแห่งทั่วประเทศจีนเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพในการรวบรวมข้อมูลภาพจากการสำรวจระยะไกล - ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา บริษัทได้พัฒนาเทคโนโลยีการสื่อสารด้วยเลเซอร์ความเร็วสูงอย่างรวดเร็ว ทั้งสำหรับการส่งข้อมูลจากอวกาศสู่พื้นดินและระหว่างดาวเทียม ตัวอย่างเช่น ก่อนหน้านี้ ระบบดังกล่าวสามารถถ่ายโอนข้อมูลได้ 10 Gbps จากอวกาศสู่โลกในเดือนตุลาคม 2023 - ความสำเร็จล่าสุดนี้ที่อัตราการส่งข้อมูล 100Gbps ถือว่าเทียบเท่ากับการส่งภาพยนตร์ความยาวเต็มเรื่อง 10 เรื่องภายใน "วินาทีเดียว" - การพัฒนาระบบสื่อสารด้วยเลเซอร์จากดาวเทียมสู่พื้นดินนี้จะช่วยเพิ่มศักยภาพด้านอวกาศของจีนได้อย่างมาก และจะนำไปสู่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของดาวเทียมที่ดีขึ้น รวมถึงระบบนำทาง อินเทอร์เน็ต 6G และการสำรวจระยะไกล - ที่มา: จีนเอาชนะ Starklink ด้วยการส่งสัญญาณเลเซอร์ภาคพื้นดิน-อวกาศความเร็ว 100 Gbps ที่เร็วกว่าถึง 10 เท่า - InterestingEngineering
    Like
    Love
    3
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 445 มุมมอง 0 รีวิว
  • กระทรวงการคลังของสหรัฐอเมริกาได้ตกเป็นเหยื่อของการโจมตีทางไซเบอร์ (อีกแล้ว) ครั้งใหญ่ที่ถูกระบุว่าเป็นฝีมือของแฮกเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐจีน (อีกแล้ว!!)

    การโจมตีนี้เกิดขึ้นในช่วงต้นเดือนธันวาคม 2024 โดยใช้ช่องโหว่ในผลิตภัณฑ์สนับสนุนระยะไกลของ BeyondTrust ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ แฮกเกอร์สามารถเข้าถึงกุญแจที่ใช้ในการรักษาความปลอดภัยของบริการคลาวด์ที่ใช้ในการให้การสนับสนุนทางเทคนิคระยะไกลสำหรับผู้ใช้ในกระทรวงการคลัง ทำให้แฮกเกอร์สามารถเข้าถึงเอกสารที่ "ไม่" เป็นความลับได้ (จริงเหรอ?)

    กระทรวงการคลังได้รับแจ้งเกี่ยวกับการโจมตีนี้เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2024 และได้ร่วมมือกับหน่วยงานด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์และโครงสร้างพื้นฐาน (CISA) และสำนักงานสอบสวนกลาง (FBI) เพื่อประเมินผลกระทบ BeyondTrust ได้ยอมรับเหตุการณ์นี้และได้ดำเนินการแก้ไขช่องโหว่ที่พบในผลิตภัณฑ์ของตนแล้ว

    https://www.techspot.com/news/106153-chinese-hackers-exploit-third-party-vendor-breach-us.html
    กระทรวงการคลังของสหรัฐอเมริกาได้ตกเป็นเหยื่อของการโจมตีทางไซเบอร์ (อีกแล้ว) ครั้งใหญ่ที่ถูกระบุว่าเป็นฝีมือของแฮกเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐจีน (อีกแล้ว!!) การโจมตีนี้เกิดขึ้นในช่วงต้นเดือนธันวาคม 2024 โดยใช้ช่องโหว่ในผลิตภัณฑ์สนับสนุนระยะไกลของ BeyondTrust ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ แฮกเกอร์สามารถเข้าถึงกุญแจที่ใช้ในการรักษาความปลอดภัยของบริการคลาวด์ที่ใช้ในการให้การสนับสนุนทางเทคนิคระยะไกลสำหรับผู้ใช้ในกระทรวงการคลัง ทำให้แฮกเกอร์สามารถเข้าถึงเอกสารที่ "ไม่" เป็นความลับได้ (จริงเหรอ?) กระทรวงการคลังได้รับแจ้งเกี่ยวกับการโจมตีนี้เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2024 และได้ร่วมมือกับหน่วยงานด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์และโครงสร้างพื้นฐาน (CISA) และสำนักงานสอบสวนกลาง (FBI) เพื่อประเมินผลกระทบ BeyondTrust ได้ยอมรับเหตุการณ์นี้และได้ดำเนินการแก้ไขช่องโหว่ที่พบในผลิตภัณฑ์ของตนแล้ว https://www.techspot.com/news/106153-chinese-hackers-exploit-third-party-vendor-breach-us.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Major cybersecurity breach hits US Treasury, linked to Chinese hackers
    The breach, which occurred in early December 2024, exploited a vulnerability in BeyondTrust's remote support product. According to a letter the department sent to lawmakers that was...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 195 มุมมอง 0 รีวิว
  • บ็อตเน็ตสองตัวที่ชื่อว่า "Ficora" และ "Capsaicin" ได้เพิ่มกิจกรรมในการโจมตีเราเตอร์ D-Link ที่หมดอายุการใช้งานหรือใช้เฟิร์มแวร์ตกรุ่น ลุงเคยนำเสนอข่าวนี้ไปแล้ว

    บ็อตเน็ตเหล่านี้ใช้ช่องโหว่ที่รู้จักกันดีในการเข้าถึงเราเตอร์ D-Link เช่น CVE-2015-2051, CVE-2019-10891, CVE-2022-37056, และ CVE-2024-33112 เมื่อเราเตอร์ถูกโจมตี, ผู้โจมตีสามารถใช้คำสั่งที่เป็นอันตรายผ่านอินเทอร์เฟซการจัดการของ D-Link และสามารถขโมยข้อมูลหรือรันสคริปต์ได้

    บ็อตเน็ต Ficora เป็นเวอร์ชันใหม่ของบ็อตเน็ต Mirai ที่ถูกปรับให้ใช้ช่องโหว่ในอุปกรณ์ D-Link โดยเฉพาะ ส่วนบ็อตเน็ต Capsaicin เป็นเวอร์ชันของบ็อตเน็ต Kaiten ที่พัฒนาโดยกลุ่ม Keksec ซึ่งเป็นที่รู้จักจากมัลแวร์ EnemyBot และมัลแวร์อื่น ๆ ที่โจมตีอุปกรณ์ Linux

    เพื่อป้องกันการติดมัลแวร์บ็อตเน็ต, ควรอัปเดตเฟิร์มแวร์ของเราเตอร์ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดเสมอ และหากอุปกรณ์หมดอายุการใช้งาน ควรเปลี่ยนเป็นรุ่นใหม่ อีกทั้งควรเปลี่ยนรหัสผ่านเริ่มต้นของผู้ดูแลระบบเป็นรหัสผ่านที่แข็งแกร่งและไม่ซ้ำกัน และปิดการเข้าถึงระยะไกลหากไม่จำเป็นครับ

    https://www.bleepingcomputer.com/news/security/malware-botnets-exploit-outdated-d-link-routers-in-recent-attacks/
    บ็อตเน็ตสองตัวที่ชื่อว่า "Ficora" และ "Capsaicin" ได้เพิ่มกิจกรรมในการโจมตีเราเตอร์ D-Link ที่หมดอายุการใช้งานหรือใช้เฟิร์มแวร์ตกรุ่น ลุงเคยนำเสนอข่าวนี้ไปแล้ว บ็อตเน็ตเหล่านี้ใช้ช่องโหว่ที่รู้จักกันดีในการเข้าถึงเราเตอร์ D-Link เช่น CVE-2015-2051, CVE-2019-10891, CVE-2022-37056, และ CVE-2024-33112 เมื่อเราเตอร์ถูกโจมตี, ผู้โจมตีสามารถใช้คำสั่งที่เป็นอันตรายผ่านอินเทอร์เฟซการจัดการของ D-Link และสามารถขโมยข้อมูลหรือรันสคริปต์ได้ บ็อตเน็ต Ficora เป็นเวอร์ชันใหม่ของบ็อตเน็ต Mirai ที่ถูกปรับให้ใช้ช่องโหว่ในอุปกรณ์ D-Link โดยเฉพาะ ส่วนบ็อตเน็ต Capsaicin เป็นเวอร์ชันของบ็อตเน็ต Kaiten ที่พัฒนาโดยกลุ่ม Keksec ซึ่งเป็นที่รู้จักจากมัลแวร์ EnemyBot และมัลแวร์อื่น ๆ ที่โจมตีอุปกรณ์ Linux เพื่อป้องกันการติดมัลแวร์บ็อตเน็ต, ควรอัปเดตเฟิร์มแวร์ของเราเตอร์ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดเสมอ และหากอุปกรณ์หมดอายุการใช้งาน ควรเปลี่ยนเป็นรุ่นใหม่ อีกทั้งควรเปลี่ยนรหัสผ่านเริ่มต้นของผู้ดูแลระบบเป็นรหัสผ่านที่แข็งแกร่งและไม่ซ้ำกัน และปิดการเข้าถึงระยะไกลหากไม่จำเป็นครับ https://www.bleepingcomputer.com/news/security/malware-botnets-exploit-outdated-d-link-routers-in-recent-attacks/
    WWW.BLEEPINGCOMPUTER.COM
    Malware botnets exploit outdated D-Link routers in recent attacks
    Two botnets tracked as 'Ficora' and 'Capsaicin' have recorded increased activity in targeting D-Link routers that have reached end of life or are running outdated firmware versions.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 174 มุมมอง 0 รีวิว
  • 2/
    หน่วยข่าวกรองกลางรัสเซีย (FSB) จับกุมกลุ่มก่อการร้ายเครือข่ายยูเครน ที่พยายามวางแผนลอบสังหารเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงกลาโหม

    วิดีโอ1 - เป้าหมายของกลุ่มก่อการร้ายยูเครนครั้งนี้คือ หัวหน้าโครงการ Archangel ในกรุงมอสโกซึ่งเป็นโครงการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ควบคุมโดรน โดยมีการซุกซ่อนระเบิดไว้ด้านหลังกรอบประกาศนียบัตร เจ้าหน้าที่ FSB สามารถจับกุมได้ก่อนจะมีการส่งไปรษณีย์ไปให้เป้าหมาย

    วิดีโอ2 - เจ้าหน้าที่จากหน่วยข่าวกรองกลางรัสเซีย (FSB) ขัดขวางแผนการลอบสังหารเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงกลาโหมรัสเซียที่ยูเครนเป็นผู้ดำเนินการ จากการสอบสวนกลุ่มก่อการร้ายยูเครน อุปกรณ์ระเบิดซึ่งดัดแปลงเป็นอุปกรณ์ชาร์จเครื่องมือสื่อสารจะถูกนำไปติดตั้งไว้ใต้รถประจำตำแหน่งของผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงกลาโหมรัสเซีย ระเบิดจะถูกจุดขึ้นจากรีโมทระยะไกล
    2/ หน่วยข่าวกรองกลางรัสเซีย (FSB) จับกุมกลุ่มก่อการร้ายเครือข่ายยูเครน ที่พยายามวางแผนลอบสังหารเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงกลาโหม วิดีโอ1 - เป้าหมายของกลุ่มก่อการร้ายยูเครนครั้งนี้คือ หัวหน้าโครงการ Archangel ในกรุงมอสโกซึ่งเป็นโครงการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ควบคุมโดรน โดยมีการซุกซ่อนระเบิดไว้ด้านหลังกรอบประกาศนียบัตร เจ้าหน้าที่ FSB สามารถจับกุมได้ก่อนจะมีการส่งไปรษณีย์ไปให้เป้าหมาย วิดีโอ2 - เจ้าหน้าที่จากหน่วยข่าวกรองกลางรัสเซีย (FSB) ขัดขวางแผนการลอบสังหารเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงกลาโหมรัสเซียที่ยูเครนเป็นผู้ดำเนินการ จากการสอบสวนกลุ่มก่อการร้ายยูเครน อุปกรณ์ระเบิดซึ่งดัดแปลงเป็นอุปกรณ์ชาร์จเครื่องมือสื่อสารจะถูกนำไปติดตั้งไว้ใต้รถประจำตำแหน่งของผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงกลาโหมรัสเซีย ระเบิดจะถูกจุดขึ้นจากรีโมทระยะไกล
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 303 มุมมอง 16 0 รีวิว
  • 1/
    หน่วยข่าวกรองกลางรัสเซีย (FSB) จับกุมกลุ่มก่อการร้ายเครือข่ายยูเครน ที่พยายามวางแผนลอบสังหารเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงกลาโหม

    วิดีโอ1 - เป้าหมายของกลุ่มก่อการร้ายยูเครนครั้งนี้คือ หัวหน้าโครงการ Archangel ในกรุงมอสโกซึ่งเป็นโครงการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ควบคุมโดรน โดยมีการซุกซ่อนระเบิดไว้ด้านหลังกรอบประกาศนียบัตร เจ้าหน้าที่ FSB สามารถจับกุมได้ก่อนจะมีการส่งไปรษณีย์ไปให้เป้าหมาย

    วิดีโอ2 - เจ้าหน้าที่จากหน่วยข่าวกรองกลางรัสเซีย (FSB) ขัดขวางแผนการลอบสังหารเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงกลาโหมรัสเซียที่ยูเครนเป็นผู้ดำเนินการ จากการสอบสวนกลุ่มก่อการร้ายยูเครน อุปกรณ์ระเบิดซึ่งดัดแปลงเป็นอุปกรณ์ชาร์จเครื่องมือสื่อสารจะถูกนำไปติดตั้งไว้ใต้รถประจำตำแหน่งของผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงกลาโหมรัสเซีย ระเบิดจะถูกจุดขึ้นจากรีโมทระยะไกล
    1/ หน่วยข่าวกรองกลางรัสเซีย (FSB) จับกุมกลุ่มก่อการร้ายเครือข่ายยูเครน ที่พยายามวางแผนลอบสังหารเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงกลาโหม วิดีโอ1 - เป้าหมายของกลุ่มก่อการร้ายยูเครนครั้งนี้คือ หัวหน้าโครงการ Archangel ในกรุงมอสโกซึ่งเป็นโครงการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ควบคุมโดรน โดยมีการซุกซ่อนระเบิดไว้ด้านหลังกรอบประกาศนียบัตร เจ้าหน้าที่ FSB สามารถจับกุมได้ก่อนจะมีการส่งไปรษณีย์ไปให้เป้าหมาย วิดีโอ2 - เจ้าหน้าที่จากหน่วยข่าวกรองกลางรัสเซีย (FSB) ขัดขวางแผนการลอบสังหารเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงกลาโหมรัสเซียที่ยูเครนเป็นผู้ดำเนินการ จากการสอบสวนกลุ่มก่อการร้ายยูเครน อุปกรณ์ระเบิดซึ่งดัดแปลงเป็นอุปกรณ์ชาร์จเครื่องมือสื่อสารจะถูกนำไปติดตั้งไว้ใต้รถประจำตำแหน่งของผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงกลาโหมรัสเซีย ระเบิดจะถูกจุดขึ้นจากรีโมทระยะไกล
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 291 มุมมอง 16 0 รีวิว
  • มี Botnet ใหม่ที่ใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ใน NVRs และเราเตอร์ TP-Link บ็อตเน็ตนี้มีพื้นฐานมาจาก Mirai และกำลังใช้ช่องโหว่การเรียกใช้โค้ดระยะไกล (RCE) ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขใน DigiEver DS-2105 Pro NVRs ปฏิบัติการนี้เริ่มต้นในเดือนตุลาคมและมุ่งเป้าไปที่เครื่องบันทึกวิดีโอเครือข่ายหลายตัวและเราเตอร์ TP-Link ที่มีเฟิร์มแวร์ล้าสมัย

    บ็อตเน็ตนี้ใช้ช่องโหว่ RCE ใน DigiEver NVRs ผ่าน URI '/cgi-bin/cgi_main.cgi' ซึ่งไม่ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่ผู้ใช้ป้อนอย่างเหมาะสม ทำให้ผู้โจมตีสามารถฉีดคำสั่งเช่น 'curl' และ 'chmod' ผ่านพารามิเตอร์บางอย่างในคำขอ HTTP POST อีกทั้งยังใช้ช่องโหว่ CVE-2023-1389 ในอุปกรณ์ TP-Link และ CVE-2018-17532 ในเราเตอร์ Teltonika RUT9XX

    เมื่ออุปกรณ์ถูกโจมตีแล้ว จะถูกใช้ในการโจมตี DDoS หรือแพร่กระจายไปยังอุปกรณ์อื่น ๆ ด้วย เฮ้ออออ....


    https://www.bleepingcomputer.com/news/security/new-botnet-exploits-vulnerabilities-in-nvrs-tp-link-routers/
    มี Botnet ใหม่ที่ใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ใน NVRs และเราเตอร์ TP-Link บ็อตเน็ตนี้มีพื้นฐานมาจาก Mirai และกำลังใช้ช่องโหว่การเรียกใช้โค้ดระยะไกล (RCE) ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขใน DigiEver DS-2105 Pro NVRs ปฏิบัติการนี้เริ่มต้นในเดือนตุลาคมและมุ่งเป้าไปที่เครื่องบันทึกวิดีโอเครือข่ายหลายตัวและเราเตอร์ TP-Link ที่มีเฟิร์มแวร์ล้าสมัย บ็อตเน็ตนี้ใช้ช่องโหว่ RCE ใน DigiEver NVRs ผ่าน URI '/cgi-bin/cgi_main.cgi' ซึ่งไม่ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่ผู้ใช้ป้อนอย่างเหมาะสม ทำให้ผู้โจมตีสามารถฉีดคำสั่งเช่น 'curl' และ 'chmod' ผ่านพารามิเตอร์บางอย่างในคำขอ HTTP POST อีกทั้งยังใช้ช่องโหว่ CVE-2023-1389 ในอุปกรณ์ TP-Link และ CVE-2018-17532 ในเราเตอร์ Teltonika RUT9XX เมื่ออุปกรณ์ถูกโจมตีแล้ว จะถูกใช้ในการโจมตี DDoS หรือแพร่กระจายไปยังอุปกรณ์อื่น ๆ ด้วย เฮ้ออออ.... https://www.bleepingcomputer.com/news/security/new-botnet-exploits-vulnerabilities-in-nvrs-tp-link-routers/
    WWW.BLEEPINGCOMPUTER.COM
    New botnet exploits vulnerabilities in NVRs, TP-Link routers
    A new Mirai-based malware campaign is actively exploiting unpatched vulnerabilities in Internet of Things (IoT) devices, including DigiEver DS-2105 Pro DVRs.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 197 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัสเซียควบคุมตัวชายชาวอุซเบกรายหนึ่ง ซึ่งสารภาพว่าเป็นคนลอบวางและจุดชนวนระเบิดสังหารนายพลระดับสูง ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมกองกำลังป้องกันนิวเคลียร์ของรัสเซีย ในกรุงมอสโก เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ เจ้าตัวสารภาพทำตามคำส่งของหน่วยงานความมั่นคง SBU ของยูเครน
    .
    คิริลลอฟ ผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันนิวเคลียร์ ชีวภาพ และเคมีแห่งกองทัพสหพันธรัฐรัสเซีย ถูกสังหารบริเวณด้านนอกอาคารอพาร์ทเมนท์ของตนเองเมื่อวันอังคาร(17ธ.ค.) พร้อมกับผู้ช่วยรายหนึ่ง หลังจากคนร้ายจุดชนวนระเบิดที่ซุกซ่อนอยู่ในสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า
    .
    เขากลายเป็นเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงสุดของรัสเซีย ที่ถูกยูเครนลอบสังหารในรัสเซีย ทั้งนี้ SBU หน่วยงานความมั่นคงของยูเครน ออกมากล่าวอ้างความรับผิดชอบต่อเหตุสังหารครั้งนี้ หลังจาก เคียฟ กล่าวหาว่า คิริลลอฟ เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการใช้อาวุธเคมีกับทหารยูเครน คำกล่าวหาที่ทางมอสโกปฏิเสธ
    .
    คณะกรรมการสืบสวนของรัสเซีย ซึ่งมีหน้าที่สืบสวนอาชญากรรมร้ายแรงต่างๆ ระบุในถ้อยแถลงที่เผยแพร่ในวันพุธ(18ธ.ค.) ว่าผู้ต้องสงสัยซึ่งไม่เปิดเผยชื่อรายนี้ ให้การว่าเขาเดินทางมายังกรุงมอสโก เพื่อทำงานตามที่ได้รับมอบหมายจากหน่วยข่าวกรองยูเครน
    .
    ในวิดีโอที่เผยแพร่โดยสำนักข่าวเบซา พบเห็นผู้ต้องสงสัยกำลังนั่งอยู่ในรถตู้คันหนึ่ง บอกเล่าเกี่ยวกับปฏิบัติการของตนเอง เขาบอกว่าเดินทางมายังกรุงมอสโก ตามคำสั่งของหน่วยข่าวกรองยูเครน จากนั้นก็ไปหาซื้อสกู๊ตเตอร์และรับระเบิดแสวงเครื่องมา
    .
    ต่อมาก็นำระเบิดแสวงเครื่องดังกล่าวซุกซ่อนในรถสกู๊ตเตอร์และนำมันไปจอดไว้บริเวณด้านนอกของอาคารที่ คิริลลอฟ อาศัยอยู่ ทีมสืบสวนอ้างคำให้การของเขา ระบุว่าชายรายนี้ติดตั้งกล้องวงจรปิดในรถยนต์คันหนึ่งที่เช่ามา เพื่อให้คนที่บงการปฏิบัติการลอบสังหาร ได้เฝ้าดูจากเมืองดริโปรของยูเครน
    .
    ผู้ต้องสงสัยรายนี้ ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเกิดในช่วงปี 1995 ยังบอกด้วยว่าเขาจุดชนวนวัตถุระเบิดจากระยะไกล ตอนที่ คิริลลอฟ ออกมาจากอาคาร พร้อมสารภาพว่ายูเครนว่าจ้างเขาด้วยเงิน 100,000 ดอลลาร์(ราว 3.4 ล้านบาท) และมีถิ่นที่อยู่ในประเทศยุโรปชาติหนึ่ง
    .
    ทีมสืบสวนเผยว่าพวกเขากำลังระบุตัวตนคนอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ในขณะที่สื่อมวลชนท้องถิ่นรายงานว่ามีผู้ต้องสงสัยอีกคนถูกควบคุมตัวเช่นกัน แต่รอยเตอร์ไม่ยืนยันรายงานข่าวนี้
    .
    มาเรีย ชาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย บอกว่ามอสโกจะหยิบยกเหตุลอบสังหารครั้งนี้ เข้าหารือ ณ ที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ในวันศุกร์(20ธ.ค.) พร้อมระบุ "รัสเซียจะตามล่าตัวทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการลอบสังหารจนพบและทำการลงโทษ มอสโกจะไม่ยอมถูกข่มขู่ใดๆ"
    .
    "เรามองว่ารัฐบาลเคียฟคือผู้อยู่เบื้องหลังอีกครั้ง สำหรับการโจมตีก่อการร้ายครั้งใหม่ พวกขี้แพ้ SBU และรัฐบาลบ้าบอของเคียฟ เป็นเครื่องไม้เครื่องมือที่อยู่ภายใต้การควบคุมของพวกแองโกล-แซกซอน" ถ้อยคำที่รัสเซียใช้เรียกสหรัฐฯและสหราชอาณาจักร "พวกเขาคือผู้รับผลประโยชน์หนักในการก่อการร้ายของเคียฟ"
    .
    กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯเมื่อวันอังคาร(17ธ.ค.) ยืนยันว่าวอชิงตันไม่เกี่ยวข้องใดๆหรือรู้ล่วงหน้าในเหตุบอลสังหาร ในขณะที่โฆษกนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร ระบุว่า "คิริลลอฟ แผ่ขยายการรุกรานผิดกฎหมายและทำให้ประชาชนชาวยูเครนบาดเจ็บล้มตายและทุกข์ทรมาน"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000121642
    ..............
    Sondhi X
    รัสเซียควบคุมตัวชายชาวอุซเบกรายหนึ่ง ซึ่งสารภาพว่าเป็นคนลอบวางและจุดชนวนระเบิดสังหารนายพลระดับสูง ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมกองกำลังป้องกันนิวเคลียร์ของรัสเซีย ในกรุงมอสโก เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ เจ้าตัวสารภาพทำตามคำส่งของหน่วยงานความมั่นคง SBU ของยูเครน . คิริลลอฟ ผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันนิวเคลียร์ ชีวภาพ และเคมีแห่งกองทัพสหพันธรัฐรัสเซีย ถูกสังหารบริเวณด้านนอกอาคารอพาร์ทเมนท์ของตนเองเมื่อวันอังคาร(17ธ.ค.) พร้อมกับผู้ช่วยรายหนึ่ง หลังจากคนร้ายจุดชนวนระเบิดที่ซุกซ่อนอยู่ในสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า . เขากลายเป็นเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงสุดของรัสเซีย ที่ถูกยูเครนลอบสังหารในรัสเซีย ทั้งนี้ SBU หน่วยงานความมั่นคงของยูเครน ออกมากล่าวอ้างความรับผิดชอบต่อเหตุสังหารครั้งนี้ หลังจาก เคียฟ กล่าวหาว่า คิริลลอฟ เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการใช้อาวุธเคมีกับทหารยูเครน คำกล่าวหาที่ทางมอสโกปฏิเสธ . คณะกรรมการสืบสวนของรัสเซีย ซึ่งมีหน้าที่สืบสวนอาชญากรรมร้ายแรงต่างๆ ระบุในถ้อยแถลงที่เผยแพร่ในวันพุธ(18ธ.ค.) ว่าผู้ต้องสงสัยซึ่งไม่เปิดเผยชื่อรายนี้ ให้การว่าเขาเดินทางมายังกรุงมอสโก เพื่อทำงานตามที่ได้รับมอบหมายจากหน่วยข่าวกรองยูเครน . ในวิดีโอที่เผยแพร่โดยสำนักข่าวเบซา พบเห็นผู้ต้องสงสัยกำลังนั่งอยู่ในรถตู้คันหนึ่ง บอกเล่าเกี่ยวกับปฏิบัติการของตนเอง เขาบอกว่าเดินทางมายังกรุงมอสโก ตามคำสั่งของหน่วยข่าวกรองยูเครน จากนั้นก็ไปหาซื้อสกู๊ตเตอร์และรับระเบิดแสวงเครื่องมา . ต่อมาก็นำระเบิดแสวงเครื่องดังกล่าวซุกซ่อนในรถสกู๊ตเตอร์และนำมันไปจอดไว้บริเวณด้านนอกของอาคารที่ คิริลลอฟ อาศัยอยู่ ทีมสืบสวนอ้างคำให้การของเขา ระบุว่าชายรายนี้ติดตั้งกล้องวงจรปิดในรถยนต์คันหนึ่งที่เช่ามา เพื่อให้คนที่บงการปฏิบัติการลอบสังหาร ได้เฝ้าดูจากเมืองดริโปรของยูเครน . ผู้ต้องสงสัยรายนี้ ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเกิดในช่วงปี 1995 ยังบอกด้วยว่าเขาจุดชนวนวัตถุระเบิดจากระยะไกล ตอนที่ คิริลลอฟ ออกมาจากอาคาร พร้อมสารภาพว่ายูเครนว่าจ้างเขาด้วยเงิน 100,000 ดอลลาร์(ราว 3.4 ล้านบาท) และมีถิ่นที่อยู่ในประเทศยุโรปชาติหนึ่ง . ทีมสืบสวนเผยว่าพวกเขากำลังระบุตัวตนคนอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ในขณะที่สื่อมวลชนท้องถิ่นรายงานว่ามีผู้ต้องสงสัยอีกคนถูกควบคุมตัวเช่นกัน แต่รอยเตอร์ไม่ยืนยันรายงานข่าวนี้ . มาเรีย ชาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย บอกว่ามอสโกจะหยิบยกเหตุลอบสังหารครั้งนี้ เข้าหารือ ณ ที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ในวันศุกร์(20ธ.ค.) พร้อมระบุ "รัสเซียจะตามล่าตัวทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการลอบสังหารจนพบและทำการลงโทษ มอสโกจะไม่ยอมถูกข่มขู่ใดๆ" . "เรามองว่ารัฐบาลเคียฟคือผู้อยู่เบื้องหลังอีกครั้ง สำหรับการโจมตีก่อการร้ายครั้งใหม่ พวกขี้แพ้ SBU และรัฐบาลบ้าบอของเคียฟ เป็นเครื่องไม้เครื่องมือที่อยู่ภายใต้การควบคุมของพวกแองโกล-แซกซอน" ถ้อยคำที่รัสเซียใช้เรียกสหรัฐฯและสหราชอาณาจักร "พวกเขาคือผู้รับผลประโยชน์หนักในการก่อการร้ายของเคียฟ" . กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯเมื่อวันอังคาร(17ธ.ค.) ยืนยันว่าวอชิงตันไม่เกี่ยวข้องใดๆหรือรู้ล่วงหน้าในเหตุบอลสังหาร ในขณะที่โฆษกนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร ระบุว่า "คิริลลอฟ แผ่ขยายการรุกรานผิดกฎหมายและทำให้ประชาชนชาวยูเครนบาดเจ็บล้มตายและทุกข์ทรมาน" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000121642 .............. Sondhi X
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 742 มุมมอง 0 รีวิว
  • หน่วยข่าวกรองยูเครน (SBU) เผยแพร่วิดีโอช่วงเวลาลอบสังหารพล.ท.อิกอร์ คิริลลอฟ(Igor Kirillov) ผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันนิวเคลียร์ ชีวภาพ และเคมี (NBC) ของกองทัพรัสเซีย กลางกรุงมอสโก เสียชีวิตพร้อมกับผู้ช่วยของเขา

    สำนักข่าว Sputnik รายงานว่าเป็นระเบิดทีเอ็นทีประมาณ 200 กรัม จุดชนวนด้วยรีโมทควบคุมระยะไกล
    หน่วยข่าวกรองยูเครน (SBU) เผยแพร่วิดีโอช่วงเวลาลอบสังหารพล.ท.อิกอร์ คิริลลอฟ(Igor Kirillov) ผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันนิวเคลียร์ ชีวภาพ และเคมี (NBC) ของกองทัพรัสเซีย กลางกรุงมอสโก เสียชีวิตพร้อมกับผู้ช่วยของเขา สำนักข่าว Sputnik รายงานว่าเป็นระเบิดทีเอ็นทีประมาณ 200 กรัม จุดชนวนด้วยรีโมทควบคุมระยะไกล
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 642 มุมมอง 25 0 รีวิว
  • สงครามในโลกไซ-ไฟ กลายเป็นจริง!
    นักวิจัยจีนหาวิธี ยิงเลเซอร์จากโดรน
    "ลำแสงทรงพลัง" ตัดผ่านเหล็กได้
    .
    วันนี้ (15 ธ.ค.) เว็บไซต์ South China Morning Post สื่อฮ่องกงรายงานว่า เมื่อเดือนตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา ทีมวิจัยซึ่งนำโดย หลี่ เซียว (李霄) ผู้ช่วยนักวิจัยจากคณะวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมออปโตอิเล็กทรอนิกส์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีการป้องกันประเทศแห่งชาติ (国防科技大学) กองทัพปลดแอกประชาชนจีน ได้เผยแพร่งานวิจัยที่ผ่านการตรวจสอบโดยผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Acta Armamentarii ว่า
    .
    "ลำแสงเลเซอร์ที่ปล่อยออกมาจากโดรน เลเซอร์อินฟราเรดใกล้ (Near-infrared laser) ที่มีความยาวคลื่น 1,080 นาโนเมตร สามารถทำให้ตาบอดได้เมื่อใช้พลังงานเพียง 5 ไมโครวัตต์ ความเข้มของลำแสงที่เข้าตาทหารเหล่านี้มีมากกว่า 200 ล้านเท่า ซึ่งสูงถึง 1 กิโลวัตต์ต่อตารางเซนติเมตร หากผิวหนังที่ถูกยิงโดน ไขมันใต้ผิวหนังจะระเหยไปในทันที โดยเลเซอร์ที่มีความเข้มข้นดังกล่าวมีศักยภาพเพียงพอที่จะ 'ตัดผ่านโลหะได้' "
    .
    อีเมลของ หลี่ เซียว ที่ใช้ชื่อขึ้นต้นว่า "crazy.li" แสดงให้เห็นถึงความคิดที่แหวกแนวของเขา โดยก่อนหน้านี้สิ่งที่เขาจินตนาการเอาไว้นั้นถูกมองว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะการสร้างลำแสงเลเซอร์ที่มีความสามารถในการล่าสังหารจากระยะไกล โดยปกติแล้วต้องใช้อุปกรณ์ในการผลิตลำแสงขนาดใหญ่ราว ๆ รถบรรทุก ซึ่งจักรกลขนาดเล็กอย่างโดรนนั้นไม่สามารถบรรทุกอาวุธเลเซอร์ที่มีพลังสูง และอุปกรณ์จ่ายพลังงานที่เกี่ยวข้องได้
    .
    โดยหลี่ และทีมงานของเขา ได้ประดิษฐ์คิดค้นอุปกรณ์เปลี่ยนทิศทางขนาดเล็ก และมีน้ำหนักเบาที่ช่วยให้โดรนที่ติดตั้งอุปกรณ์นี้สามารถรับลำแสงที่มีพลังสูงจากพื้นดินและสะท้อนไปยังเป้าหมายของศัตรูได้ โดยวิธีนี้ไม่เพียงแต่เพิ่มพลังเลเซอร์ที่โดรนปล่อยออกมาเป็น 30 กิโลวัตต์หรือสูงกว่านั้นเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ลำแสงโค้งงอในท้องฟ้าได้ โดยหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวาง เช่น อาคาร และโจมตีเป้าหมายในจุดที่เปราะบางที่สุดได้อีกด้วย
    .
    “ในอนาคต โดรนหลายลำสามารถติดตั้งอุปกรณ์นี้เพื่อตรวจจับเป้าหมาย แล้วร้องขอลำแสงจากภาคพื้น (ตามภาพประกอบ) ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเร็วในการตอบสนองได้มากขึ้น” ทีมงานระบุในงานวิจัย
    .
    สำหรับ ส่วนประกอบหลักของอุปกรณ์เปลี่ยนทิศทางนั้นเป็น ท่อคล้ายกล้องโทรทรรศน์สองท่อ โดย "ท่อรับ" จะหันไปทางเครื่องส่งเลเซอร์ฝ่ายเดียวกันที่อยู่บนพื้น และ "ท่อสะท้อนแสง" ซึ่งจะชี้ตรงไปยังเป้าหมาย ซึ่งเป็นฝั่งศัตรู
    .
    การเคลื่อนไหวของท่อควบคุมด้วยกลไกเซอร์โวปรับระดับความสูงที่มีความแม่นยำสูงเป็นพิเศษ และแท่นหมุนแนวราบ และเส้นทางแสงระหว่างท่อทั้งสองเชื่อมต่อกันด้วยกระจกสะท้อนแสงประสิทธิภาพสูง
    .
    ปัญหาหลักอีกประการของวิธีการนี้ คือ แรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นระหว่างการบินของโดรน ซึ่งอาจทำให้ลำแสงเลเซอร์กระจัดกระจาย และลดความรุนแรงของลำแสงลงได้ ดังนั้น อุปกรณ์จะต้องมีเทคโนโลยีป้องกันการสั่นสะเทือนที่ดีเยี่ยม ทีมงานของหลี่ระบุ
    .
    นอกจากนี้ การล็อกเส้นทางแสงระหว่างโดรน และตัวปล่อยภาคพื้นดินอย่างแน่นหนายังต้องใช้เทคโนโลยีบีคอนออปติกชั้นยอด (first-rate optical beacon) อีกด้วย โดยปัญหาทางเทคนิคเหล่านี้ส่วนใหญ่ นักวิจัยชาวจีนได้หาทางแก้ไขได้แล้ว
    .
    อนึ่ง จีนเคยส่งดาวเทียมควอนตัมดวงแรกของโลกขึ้นสู่อวกาศในปี 2559 โดยเปลี่ยนเทคโนโลยีการเล็งด้วยเลเซอร์ระยะไกลเป็นพิเศษ (ultra-long-distance laser aiming technology) จากนวนิยายวิทยาศาสตร์ให้กลายเป็นความจริงได้ โดยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์ชาวจีนยังประสบความสำเร็จในการพัฒนาเทคโนโลยีการซิงโครไนซ์เวลาที่มีความแม่นยำสูงเป็นพิเศษบนอุปกรณ์พกพา ซึ่งช่วยปรับปรุงความแม่นยำในการประสานงานระหว่างแพลตฟอร์มอาวุธอัจฉริยะได้อย่างมาก
    .
    สิ่งนี้ทำให้เกิดความก้าวหน้าอย่างใหญ่หลวงของเทคโนโลยีที่ครั้งหนึ่ง เคยถูกมองว่าเป็นเรื่องเพ้อฝัน เช่น การรวมคลื่นไมโครเวฟ หรือ เลเซอร์ที่ปล่อยออกมาจากแพลตฟอร์มต่างๆ ให้กลายเป็นลำแสงพลังงานสูงบนท้องฟ้า เป็นต้น
    .
    .
    .
    เรียบเรียงจาก >> https://www.scmp.com/news/china/science/article/3290461/chinese-laser-scientist-crazy-li-arms-small-drones-metal-cutting-beam
    สงครามในโลกไซ-ไฟ กลายเป็นจริง! นักวิจัยจีนหาวิธี ยิงเลเซอร์จากโดรน "ลำแสงทรงพลัง" ตัดผ่านเหล็กได้ . วันนี้ (15 ธ.ค.) เว็บไซต์ South China Morning Post สื่อฮ่องกงรายงานว่า เมื่อเดือนตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา ทีมวิจัยซึ่งนำโดย หลี่ เซียว (李霄) ผู้ช่วยนักวิจัยจากคณะวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมออปโตอิเล็กทรอนิกส์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีการป้องกันประเทศแห่งชาติ (国防科技大学) กองทัพปลดแอกประชาชนจีน ได้เผยแพร่งานวิจัยที่ผ่านการตรวจสอบโดยผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Acta Armamentarii ว่า . "ลำแสงเลเซอร์ที่ปล่อยออกมาจากโดรน เลเซอร์อินฟราเรดใกล้ (Near-infrared laser) ที่มีความยาวคลื่น 1,080 นาโนเมตร สามารถทำให้ตาบอดได้เมื่อใช้พลังงานเพียง 5 ไมโครวัตต์ ความเข้มของลำแสงที่เข้าตาทหารเหล่านี้มีมากกว่า 200 ล้านเท่า ซึ่งสูงถึง 1 กิโลวัตต์ต่อตารางเซนติเมตร หากผิวหนังที่ถูกยิงโดน ไขมันใต้ผิวหนังจะระเหยไปในทันที โดยเลเซอร์ที่มีความเข้มข้นดังกล่าวมีศักยภาพเพียงพอที่จะ 'ตัดผ่านโลหะได้' " . อีเมลของ หลี่ เซียว ที่ใช้ชื่อขึ้นต้นว่า "crazy.li" แสดงให้เห็นถึงความคิดที่แหวกแนวของเขา โดยก่อนหน้านี้สิ่งที่เขาจินตนาการเอาไว้นั้นถูกมองว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะการสร้างลำแสงเลเซอร์ที่มีความสามารถในการล่าสังหารจากระยะไกล โดยปกติแล้วต้องใช้อุปกรณ์ในการผลิตลำแสงขนาดใหญ่ราว ๆ รถบรรทุก ซึ่งจักรกลขนาดเล็กอย่างโดรนนั้นไม่สามารถบรรทุกอาวุธเลเซอร์ที่มีพลังสูง และอุปกรณ์จ่ายพลังงานที่เกี่ยวข้องได้ . โดยหลี่ และทีมงานของเขา ได้ประดิษฐ์คิดค้นอุปกรณ์เปลี่ยนทิศทางขนาดเล็ก และมีน้ำหนักเบาที่ช่วยให้โดรนที่ติดตั้งอุปกรณ์นี้สามารถรับลำแสงที่มีพลังสูงจากพื้นดินและสะท้อนไปยังเป้าหมายของศัตรูได้ โดยวิธีนี้ไม่เพียงแต่เพิ่มพลังเลเซอร์ที่โดรนปล่อยออกมาเป็น 30 กิโลวัตต์หรือสูงกว่านั้นเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ลำแสงโค้งงอในท้องฟ้าได้ โดยหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวาง เช่น อาคาร และโจมตีเป้าหมายในจุดที่เปราะบางที่สุดได้อีกด้วย . “ในอนาคต โดรนหลายลำสามารถติดตั้งอุปกรณ์นี้เพื่อตรวจจับเป้าหมาย แล้วร้องขอลำแสงจากภาคพื้น (ตามภาพประกอบ) ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเร็วในการตอบสนองได้มากขึ้น” ทีมงานระบุในงานวิจัย . สำหรับ ส่วนประกอบหลักของอุปกรณ์เปลี่ยนทิศทางนั้นเป็น ท่อคล้ายกล้องโทรทรรศน์สองท่อ โดย "ท่อรับ" จะหันไปทางเครื่องส่งเลเซอร์ฝ่ายเดียวกันที่อยู่บนพื้น และ "ท่อสะท้อนแสง" ซึ่งจะชี้ตรงไปยังเป้าหมาย ซึ่งเป็นฝั่งศัตรู . การเคลื่อนไหวของท่อควบคุมด้วยกลไกเซอร์โวปรับระดับความสูงที่มีความแม่นยำสูงเป็นพิเศษ และแท่นหมุนแนวราบ และเส้นทางแสงระหว่างท่อทั้งสองเชื่อมต่อกันด้วยกระจกสะท้อนแสงประสิทธิภาพสูง . ปัญหาหลักอีกประการของวิธีการนี้ คือ แรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นระหว่างการบินของโดรน ซึ่งอาจทำให้ลำแสงเลเซอร์กระจัดกระจาย และลดความรุนแรงของลำแสงลงได้ ดังนั้น อุปกรณ์จะต้องมีเทคโนโลยีป้องกันการสั่นสะเทือนที่ดีเยี่ยม ทีมงานของหลี่ระบุ . นอกจากนี้ การล็อกเส้นทางแสงระหว่างโดรน และตัวปล่อยภาคพื้นดินอย่างแน่นหนายังต้องใช้เทคโนโลยีบีคอนออปติกชั้นยอด (first-rate optical beacon) อีกด้วย โดยปัญหาทางเทคนิคเหล่านี้ส่วนใหญ่ นักวิจัยชาวจีนได้หาทางแก้ไขได้แล้ว . อนึ่ง จีนเคยส่งดาวเทียมควอนตัมดวงแรกของโลกขึ้นสู่อวกาศในปี 2559 โดยเปลี่ยนเทคโนโลยีการเล็งด้วยเลเซอร์ระยะไกลเป็นพิเศษ (ultra-long-distance laser aiming technology) จากนวนิยายวิทยาศาสตร์ให้กลายเป็นความจริงได้ โดยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์ชาวจีนยังประสบความสำเร็จในการพัฒนาเทคโนโลยีการซิงโครไนซ์เวลาที่มีความแม่นยำสูงเป็นพิเศษบนอุปกรณ์พกพา ซึ่งช่วยปรับปรุงความแม่นยำในการประสานงานระหว่างแพลตฟอร์มอาวุธอัจฉริยะได้อย่างมาก . สิ่งนี้ทำให้เกิดความก้าวหน้าอย่างใหญ่หลวงของเทคโนโลยีที่ครั้งหนึ่ง เคยถูกมองว่าเป็นเรื่องเพ้อฝัน เช่น การรวมคลื่นไมโครเวฟ หรือ เลเซอร์ที่ปล่อยออกมาจากแพลตฟอร์มต่างๆ ให้กลายเป็นลำแสงพลังงานสูงบนท้องฟ้า เป็นต้น . . . เรียบเรียงจาก >> https://www.scmp.com/news/china/science/article/3290461/chinese-laser-scientist-crazy-li-arms-small-drones-metal-cutting-beam
    Like
    Wow
    9
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 591 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🇷🇺🇺🇦 รัสเซียกำลังเตรียมโจมตีตอบโต้ยูเครนครั้งใหญ่

    “การโจมตีด้วยอาวุธระยะไกลของชาติตะวันตกครั้งนี้ จะไม่ถูกปล่อยทิ้งร้าง และจะมีการใช้มาตรการที่เหมาะสม”
    .
    JUST IN: 🇷🇺🇺🇦 Russia is preparing a major retaliation attack on Ukraine.

    "This attack by Western long-range weapons will not go unanswered and appropriate measures will be taken."
    .
    11:29 PM · Dec 11, 2024 · 338.8K Views
    https://x.com/BRICSinfo/status/1866883106671603920
    🇷🇺🇺🇦 รัสเซียกำลังเตรียมโจมตีตอบโต้ยูเครนครั้งใหญ่ “การโจมตีด้วยอาวุธระยะไกลของชาติตะวันตกครั้งนี้ จะไม่ถูกปล่อยทิ้งร้าง และจะมีการใช้มาตรการที่เหมาะสม” . JUST IN: 🇷🇺🇺🇦 Russia is preparing a major retaliation attack on Ukraine. "This attack by Western long-range weapons will not go unanswered and appropriate measures will be taken." . 11:29 PM · Dec 11, 2024 · 338.8K Views https://x.com/BRICSinfo/status/1866883106671603920
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 230 มุมมอง 0 รีวิว
  • “พ่อดุเรา… บอกให้เราไปถ่ายที่อื่น ให้เราสำรวมและให้ไปบอกคนข้างหลังให้เงียบๆ ด้วย”.…. สมเด็จพระเทพฯ เคยมีรับสั่งเกี่ยวกับภาพนี้อย่างมีความสุขกับนักข่าวว่า ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงตำหนิที่พระองค์ทำตัวเหมือนเด็ก .-Behind the scenes- ....ย้อนกลับไปในวันมหามงคล วันศุกร์ที่ 9 มิถุนายน พุทธศักราช 2549 เวลา 11.29 นาฬิกา ณ สีหบัญชร ระเบียงหน้า พระที่นั่งอนันตสมาคม พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จฯ ออกมหาสมาคม ทรงรับการถวายพระพรชัยมงคลเนื่องในวโรกาสพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี....เช้ามืดตี 4 วันนั้นผมทำหน้าที่ถ่ายภาพให้กับสำนักข่าว AP ผมเข้าจุดบนสแตนถ่ายภาพบริเวณโค้งด้านขวาประตูพระที่นั่งอนันตสมาคมฝั่งเขาดิน อยู่กับช่างภาพรุ่นพี่คนหนึ่ง ในเช้ามืดวันนั้นมีประชาชนใส่เสื้อเหลืองเดินทางมาถวายพระพรกันมากมายเรียกว่ามืดฟ้ามัวดิน แบบที่ว่าจนบัดนี้ยังไม่เคยเห็นการรวมตัวกันของประชาชนไม่ว่าที่ใดในโลกที่มีผู้คนมารวมตัวกันได้มากมายเพียงนี้....รุ่นพี่ผมจึงให้ผมออกไปถ่ายภาพ เก็บบรรยากาศผู้คน ประชาชนผู้จงรักภักดีที่กำลังเดินทางมาและหาจุดถ่ายภาพที่แตกต่างออกไปจากมุมบนสแตนนี้เมื่อพระราชพิธีเริ่มต้นขึ้น เพราะบนสแตนหนึ่งจะอนุญาติให้มีช่างภาพประจำอยู่สำนักละหนึ่งคนเท่านั้น....ผมจึงเดินเก็บภาพไปเรื่อยๆ จากบริเวณหน้าประตูพระที่นั่งฯ เดินสวนเบียดกับประชาชนที่กำลังรีบเข้ามาจับจองพื้นที่ ที่ตอนนี้บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้าเต็มจนเกือบแน่นแล้วทั้งที่ฟ้ายังไม่สว่างเลย ซึ่งส่วนใหญ่มานอนจองกันไว้ตั้งแต่เมื่อเย็นวาน.....ผมเดินสวนออกไป ถ่ายภาพไปเรื่อยๆ จนมาถึงเวทีมวยราชดำเนิน ในใจคิดได้ว่า ไปถ่ายภาพเรือโดยสารบริเวณท่าเรือตรงภูเขาทองรูปคงจะสวยเพราะมีประชาชนใส่เสื้อสีเหลืองทุกคนโดยสารกันมาเต็มลำเรือ.....ผมใช้เวลาเดินเบียดเสียดผู้คนและเดินถ่ายภาพไปด้วยกว่าชั่วโมงจนถึงที่หมาย ตอนนี้เวลาเจ็ดโมงแล้ว ฟ้าสว่างประชาชนใส่เสื้อสีเหลืองอยู่ทั่วไปหมด ทุกคนมุ่งสู่ลานพระบรมรูปทรงม้า.....เสียงโทรศัพท์ดังและสั่นเตือนมา ปลายสายคือรุ่นพี่ช่างภาพจากสำนักข่าว AP ที่อยู่บนสแตน ถามผมว่า "ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน" ผมตอบว่า "ผมอยู่ที่สะพานผ่านฟ้าฯ" ปลายสายอุทานคำไทยแท้ออกมาคำนึงอย่างดัง "..." "คุณรีบกลับมาที่สแตนเลย เขาอนุญาตให้ช่างภาพขึ้นสแตนได้ทุกคน ผมจองที่ไว้ให้คุณแล้ว แต่คุณต้องรีบมาเพราะมีช่างภาพมากันเยอะมากๆ" .....ตอนนี้เวลา 7.00 น. พระราชพิธีจะเริ่มเวลา 10.19 น. แต่เราต้องเข้าจุดก่อนพระราชพิธีเริ่มอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมง ในใจคิดว่างานลำบากรออยู่ข้างหน้าแน่นอน ที่จะต้องเดินเบียดเสียดกับผู้คนที่อัดตัวกันอยู่ที่ด้านหน้า ที่แม้แต่เวลาเดินสวนออกมาตอนเช้ามืดยังเดินยากและใช้เวลาเป็นชั่วโมงกว่าจะมาถึงตรงที่ยืนนี้.....ผมเริ่มเดินกลับตั้งแต่ตอนรับสายแล้ว ทั้งเดินทั้งวิ่งในช่วงแรกที่พอมีพื้นที่ จนถึงสะพานมัฆวานฯ หน้ายูเอ็นคนเริ่มแน่น มีทั้งนั่ง ทั้งยืน ตรงนี้วิ่งไม่ได้แล้ว เดินยังลำบาก ผมไม่ถ่ายภาพอะไรแล้วตั้งแต่ออกตัวเดินกลับ ถ้าภาพนั้นไม่ดีจริงๆ ....8.30 น. ผมจำได้ว่าผมมาถึงหน้าลานพระรูปทรงม้า มันเป็นภาพจำที่จดจำได้มาจนทุกวันนี้ เบื้องหน้าที่เต็มไปด้วยผู้คนใส่เสื้อสีเหลืองนั่งโบกธงอยู่กันแน่นจนเต็มพื้นที่ มองหาที่ว่างที่เดินไม่มีเลย.....ผมเอาป้ายนักข่าวขึ้นมาแขวนคอ เผื่ออาจช่วยได้บ้างเมื่อเวลาเดินแหวกผู้คนที่นั่งเบียดกันแน่น จนคิดว่าแม้แต่มดตัวเล็กๆ ก็ไม่มีทางรอดออกไปจากจุดนี้ ผมเริ่มยกมือไหว้ ของทางแค่วางเท้าเดินไปได้ ปากก็บอกไม่ได้หยุดว่า "ขออนุญาตเข้าพื้นที่ถ่ายภาพหน่อยครับ" มือนึงก็ชูกล้อง มือนึงก็ไหว้ ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ บางคนก็มีน้ำใจ เห็นใจก็ขยับเบียดหลบให้เดิน บางคนก็ด่าว่าสารพัด ว่าทำไมไม่มาเช้าๆ มาเดินจะเหยียบมือเหยีบดเท้าคนอื่นเค้าแบบนี้ทำไม ผมก็ก้มหน้าก้มตา ปากก็ขอโทษ มือก็ยกไหว้ ไม่แก้ตัวหรืออธิบายอะไรทั้งนั้น เพราะจะเสียเวลา กว่าจะขยับได้ทีละเมตร ทีละศอกมันช่างลำบากเสียเหลือเกิน .....9.00 น. แล้วผมมาถึงแค่หางม้า ยังเหลืออีกครึ่งทางผมจึงจะถึงสแตน แต่ยิ่งใกล้ประชาชนที่นั่งอยู่นั้นยิ่งแน่นเท่าทวีคูณ ผมยกมือไหว้ขอทาง ปากร้องขอไม่ได้หยุด เสียงบ่นด่ามีให้ได้ยินตลอดเป็นระยะ แต่ผมเข้าใจว่าเขามา ณ จุดนี้ยากลำบากแค่ไหน ผมได้แต่ยิ้มรับ และไหว้ขอโทษ บางจุดเดินหรือขยับไม่ได้เลย ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นหลายนาทีจนเขาเห็นใจ หลายครั้งผมเกือบถอดใจและหยุดอยู่ตรงนั้น เพราะเกรงใจคนที่นั่งอยู่..... เสียงโทรศัพท์จากช่างภาพรุ่นพี่ดังมาถามไม่รู้ครั้งที่เท่าไหร่แล้วว่าอยู่ตรงไหน ผมก็ยังไปไม่ถึงสแตนสักที เวลาเสด็จก็งวดใกล้เข้ามาทุกที จะเก้าโมงแล้วผมยังอยู่หัวม้าด้านขวามือ อีก 50 เมตรผมจะถึงสแตนแล้ว .....คิดว่าเป็นวันหนึ่งที่ผมโดนด่ามากที่สุด ที่ต้องเดินขอทางเบียดประชาชนที่นั่งเข้ามายังจุดถ่ายภาพ แต่เพราะโดยไม่ได้คาดคิดว่าการเดินกลับมาจะมีความยากลำบากขนาดนี้ เพราะเวลาเดินออกไปจะมีรั้วกั้นให้ไว้สำหรับเป็นทางเดินเข้าออก แต่ด้วยการที่ทุกคนต้องการเข้ามาใกล้ๆ พื้นที่จึงเต็มแน่นไปด้วยประชาชน ไม่มีที่ว่างแม้แต่ทางเดินเล็กๆ .....ผมจำได้ว่าผมเดินมาถึงสแตนในสภาพที่เหงื่อชุ่มในเวลาประมาณ 9.30 น. ผมใช้เวลาเดินจากสะพานผ่านฟ้ามาถึงโค้งด้านขวาพระที่นั่งฯ รวมเวลาสองชั่วโมงครึ่ง เป็นสองชั่วโมงครึ่งที่ยากลำบากใจเป็นที่สุด ท้อหลายครั้ง แต่โอกาสถ่ายงานนี้และร่วมอยู่ในบรรยากาศแบบนี้ไม่ได้มีง่ายๆ ผมต้องอดทนไปให้ถึงสแตนให้ได้ ในเมื่อมีการอนุญาตให้ขึ้นถ่ายได้แล้ว.....ผมมาถึงไม่มีเวลาให้พูดอะไรกันมาก เพราะใกล้เสด็จฯ และทุกคนตกใจ ผมมาได้ยังไงเพราะมองเห็นว่าประชาชนแน่นมากแค่ไหน ผมเช็กชื่อเข้าจุดขึ้นสแตนที่พี่เขาจองไว้ให้ ซึ่งเหลือพื้นที่ให้ยืนแค่สองขา ที่นั่งไม่มี..... จำได้ว่าต้องหยุดคิดทุกสิ่งอย่างที่ผ่านมาไว้ก่อน ต้องมีสติ สมาธิกับงานสำคัญตรงหน้า เพราะอีกไม่นานขบวนเสด็จของทุกพระองค์จะผ่านมาตรงนี้.....เสียงร้องทรงพระเจริญและเสียงชัตเตอร์จากกล้องหลายร้อยตัวดังสนั่นบนสแตนช่างภาพที่เบียดกันแบบไหล่ชนไหล่ เมื่อขบวนเสด็จผ่านมาหน้าพระที่นั่งอนันตสมาคมเพื่อผ่านเข้าประตูพระที่นั่งฯไป.....เวลา 11.29 นาฬิกา ณ สีหบัญชร ระเบียงหน้า ในหลวงรัชกาลที่ ๙ เสด็จฯ ออกมหาสมาคมพระที่นั่งอนันตสมาคม ประชาชนนับแสนที่เดินทางมาถวายพระพร ณ ลานพระบรมรูปทรงม้าและพื้นที่โดยรอบ เสียงเปร่งร้องตะโกนทรงพระเจริญดังกึกก้องทั่วบริเวณ เป็นเสียงเปร่งร้องทรงพระเจริญที่ดังที่สุดเท่าที่ผมเคยได้ยินมา.....ในหลวงรัชกาลที่ ๙ แย้มพระสรวล ทรงโบกพระหัตถ์ ทักทายประชาชน เสียงเปร่งร้องและเสียงชัตเตอร์ยังดังไม่หยุด....พระราชพิธีก็เริ่มดำเนินไป ผมก็ถ่ายภาพพระองค์ท่านบ้าง ประชาชนที่ร้องไห้ดีใจบ้าง สลับกันไป อากาศเริ่มร้อน แต่ก็ไม่มีใครหลบถอยออกจากตรงนั้น บางคนเริ่มเป็นลม มีการอุ้มยกออกจากพื้นที่ไปหลายคน.....พระราชพิธีก็ดำเนินไปเรื่อยๆ เสียงร้องตะโกนและเสียงชัตเตอร์เริ่มเบาลงในช่วงรอยต่อของพระราชพิธี ช่างภาพหลายคนเริ่มขยับไปห้องน้ำ หลายคนเริ่มหาอะไรทาน หลายคนเริ่มวางกล้องลงเพราะเป็นช่วงรอยต่อ.....แต่ผมยังคงไม่ยอมทิ้งตาจากวิวไฟน์เดอร์กล้องที่ติดเลนส์ 600 มม.จับกับขาตั้งเดี่ยวในมือที่จับถืออยู่อย่างนิ่งแน่น สายตาที่ยังคงเฝ้ามองพ่อของแผ่นดินที่ทรงประทับนั่งอยู่ ณ สีหบัญชร ระเบียงหน้าพระที่นั่งฯ พระองค์กำลังทอดพระเนตรประชาชนของพระองค์ที่พร้อมใจกันใส่เสื้อสีเหลืองมาร่วมกันถวายพระพรกันอย่างมากมายกว้างไกลจนสุดลูกหูลูกตา..... ณ วินาทีนั้น ที่เป็นช่วงรอยต่อของพระราชพิธี หลายคนเริ่มผ่อนคลาย หลายคนเริ่มขยับทำกิจกรรมอย่างอื่น แต่มีช่างภาพ 3 คนที่ดวงตายังคงไม่ทิ้งช่องมองภาพ ซึ่งผมเป็น 1 ใน 3 คนนั้น .....เสี้ยววินาทีนั้น สมเด็จพระเทพฯ ท่านทรงเสด็จออกมาถ่ายรูป ผมกดชัตเตอร์ด้วยสัญชาติญาน เพราะไม่คิดว่าจะมีภาพนี้ให้เราได้เห็น ผมกดชัตเตอร์ได้สามภาพ ภาพนี้เป็นภาพที่ผมชอบที่สุด เพราะทั้งสองพระองค์ทรงสบพระเนตรกันพอดี.....ณ​ ช่วงเวลานั้น ในใจคิดว่าภาพแนวนี้อาจไม่บังควรในการที่จะเผยแพร่ออกสื่อไป ถ้าต้องเลือกภาพเองก็คงไม่กล้าเลือกภาพนี้ไปเผยแพร่ แต่โชคดีเป็นของทุกคน ที่เวลานั้น ผมไม่มีเวลามานั่งเลือกภาพ ทำภาพเพื่อส่งเข้าไปยังระบบในต่างประเทศ ทางหัวหน้าช่างภาพซึ่งเป็นคนอเมริกัน ส่งคนมารับการ์ดเก็บภาพไปเลือกภาพ ทำภาพให้ .....หัวหน้าจึงเลือกภาพนี้เป็นหนึ่งในภาพชุดวันนั้น เพื่อส่งเข้าระบบภาพของสำนักข่าว AP เพื่อเผยแพร่พระราชพิธีอันยิ่งใหญ่ งดงามของประเทศไทยนี้ไปทั่วโลก เราจึงได้เห็นภาพๆ นี้กันจากหลายๆ สื่อทั้งในประเทศและต่างประเทศ.....ผมถ่ายภาพมาหลายสิบปี ภาพนี้เป็นภาพแรกที่ได้รับคำขอบคุณจากผู้ที่ได้เห็นภาพ ได้ชมภาพ และส่งข้อความ เขียนคอมเมนต์ขอบคุณช่างภาพผู้ถ่ายภาพนี้.....ผู้ใหญ่หลายคนเมื่อพูดถึงผมหรือจะแนะนำผมให้กับคนอื่น เขาก็จะบอกว่า "ภาพสมเด็จพระเทพฯที่ออกมาถ่ายรูปไง คนนี้เป็นคนถ่าย" .....จริงๆ ภาพใบนี้จะไม่มีทางได้มาเลย ถ้าผมทิ้งตาจากวิวไฟน์เดอร์ และที่ผมไม่ทิ้งช่องมองภาพก็เพราะว่า ผมมีเลนส์เทเลระยะไกลถึง 600 มม. อยู่ในมือ ผมจึงอยากมองในหลวงใกล้ๆ ให้นานที่สุดแค่นั้น ผมจึงให้เวลาทุกนาทีกับการจ้องมองพระองค์ท่านผ่านช่องมองภาพที่ติดเลนส์ขนาดใหญ่ตัวนี้.....ภาพๆ นี้ยังมีช่างภาพอีกสองท่านที่บันทึกไว้ได้ คนหนึ่งเป็นคุณน้าที่ผมเคารพมาก อีกคนเป็นน้องรักร่วมสำนักพิมพ์ มุมภาพ จังหวะอาจต่างกันแต่ทุกคนที่ได้เห็นภาพจะต้องอมยิ้มเหมือนกันแน่นอน.....ความเครียด ความยากลำบากในการเข้าพื้นที่ในตอนเช้า ความอ่อนล้าทุกๆ อย่าง มันมลายหายไปหมดสิ้น เมื่อเห็นและบันทึกรูปๆ นี้ไว้ได้ ."รูปที่มีทุกบ้าน"เครดิต:สุข กะ ภาพ(วสันต์ วณิชชากร)
    “พ่อดุเรา… บอกให้เราไปถ่ายที่อื่น ให้เราสำรวมและให้ไปบอกคนข้างหลังให้เงียบๆ ด้วย”.…. สมเด็จพระเทพฯ เคยมีรับสั่งเกี่ยวกับภาพนี้อย่างมีความสุขกับนักข่าวว่า ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงตำหนิที่พระองค์ทำตัวเหมือนเด็ก .-Behind the scenes- ....ย้อนกลับไปในวันมหามงคล วันศุกร์ที่ 9 มิถุนายน พุทธศักราช 2549 เวลา 11.29 นาฬิกา ณ สีหบัญชร ระเบียงหน้า พระที่นั่งอนันตสมาคม พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จฯ ออกมหาสมาคม ทรงรับการถวายพระพรชัยมงคลเนื่องในวโรกาสพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี....เช้ามืดตี 4 วันนั้นผมทำหน้าที่ถ่ายภาพให้กับสำนักข่าว AP ผมเข้าจุดบนสแตนถ่ายภาพบริเวณโค้งด้านขวาประตูพระที่นั่งอนันตสมาคมฝั่งเขาดิน อยู่กับช่างภาพรุ่นพี่คนหนึ่ง ในเช้ามืดวันนั้นมีประชาชนใส่เสื้อเหลืองเดินทางมาถวายพระพรกันมากมายเรียกว่ามืดฟ้ามัวดิน แบบที่ว่าจนบัดนี้ยังไม่เคยเห็นการรวมตัวกันของประชาชนไม่ว่าที่ใดในโลกที่มีผู้คนมารวมตัวกันได้มากมายเพียงนี้....รุ่นพี่ผมจึงให้ผมออกไปถ่ายภาพ เก็บบรรยากาศผู้คน ประชาชนผู้จงรักภักดีที่กำลังเดินทางมาและหาจุดถ่ายภาพที่แตกต่างออกไปจากมุมบนสแตนนี้เมื่อพระราชพิธีเริ่มต้นขึ้น เพราะบนสแตนหนึ่งจะอนุญาติให้มีช่างภาพประจำอยู่สำนักละหนึ่งคนเท่านั้น....ผมจึงเดินเก็บภาพไปเรื่อยๆ จากบริเวณหน้าประตูพระที่นั่งฯ เดินสวนเบียดกับประชาชนที่กำลังรีบเข้ามาจับจองพื้นที่ ที่ตอนนี้บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้าเต็มจนเกือบแน่นแล้วทั้งที่ฟ้ายังไม่สว่างเลย ซึ่งส่วนใหญ่มานอนจองกันไว้ตั้งแต่เมื่อเย็นวาน.....ผมเดินสวนออกไป ถ่ายภาพไปเรื่อยๆ จนมาถึงเวทีมวยราชดำเนิน ในใจคิดได้ว่า ไปถ่ายภาพเรือโดยสารบริเวณท่าเรือตรงภูเขาทองรูปคงจะสวยเพราะมีประชาชนใส่เสื้อสีเหลืองทุกคนโดยสารกันมาเต็มลำเรือ.....ผมใช้เวลาเดินเบียดเสียดผู้คนและเดินถ่ายภาพไปด้วยกว่าชั่วโมงจนถึงที่หมาย ตอนนี้เวลาเจ็ดโมงแล้ว ฟ้าสว่างประชาชนใส่เสื้อสีเหลืองอยู่ทั่วไปหมด ทุกคนมุ่งสู่ลานพระบรมรูปทรงม้า.....เสียงโทรศัพท์ดังและสั่นเตือนมา ปลายสายคือรุ่นพี่ช่างภาพจากสำนักข่าว AP ที่อยู่บนสแตน ถามผมว่า "ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน" ผมตอบว่า "ผมอยู่ที่สะพานผ่านฟ้าฯ" ปลายสายอุทานคำไทยแท้ออกมาคำนึงอย่างดัง "..." "คุณรีบกลับมาที่สแตนเลย เขาอนุญาตให้ช่างภาพขึ้นสแตนได้ทุกคน ผมจองที่ไว้ให้คุณแล้ว แต่คุณต้องรีบมาเพราะมีช่างภาพมากันเยอะมากๆ" .....ตอนนี้เวลา 7.00 น. พระราชพิธีจะเริ่มเวลา 10.19 น. แต่เราต้องเข้าจุดก่อนพระราชพิธีเริ่มอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมง ในใจคิดว่างานลำบากรออยู่ข้างหน้าแน่นอน ที่จะต้องเดินเบียดเสียดกับผู้คนที่อัดตัวกันอยู่ที่ด้านหน้า ที่แม้แต่เวลาเดินสวนออกมาตอนเช้ามืดยังเดินยากและใช้เวลาเป็นชั่วโมงกว่าจะมาถึงตรงที่ยืนนี้.....ผมเริ่มเดินกลับตั้งแต่ตอนรับสายแล้ว ทั้งเดินทั้งวิ่งในช่วงแรกที่พอมีพื้นที่ จนถึงสะพานมัฆวานฯ หน้ายูเอ็นคนเริ่มแน่น มีทั้งนั่ง ทั้งยืน ตรงนี้วิ่งไม่ได้แล้ว เดินยังลำบาก ผมไม่ถ่ายภาพอะไรแล้วตั้งแต่ออกตัวเดินกลับ ถ้าภาพนั้นไม่ดีจริงๆ ....8.30 น. ผมจำได้ว่าผมมาถึงหน้าลานพระรูปทรงม้า มันเป็นภาพจำที่จดจำได้มาจนทุกวันนี้ เบื้องหน้าที่เต็มไปด้วยผู้คนใส่เสื้อสีเหลืองนั่งโบกธงอยู่กันแน่นจนเต็มพื้นที่ มองหาที่ว่างที่เดินไม่มีเลย.....ผมเอาป้ายนักข่าวขึ้นมาแขวนคอ เผื่ออาจช่วยได้บ้างเมื่อเวลาเดินแหวกผู้คนที่นั่งเบียดกันแน่น จนคิดว่าแม้แต่มดตัวเล็กๆ ก็ไม่มีทางรอดออกไปจากจุดนี้ ผมเริ่มยกมือไหว้ ของทางแค่วางเท้าเดินไปได้ ปากก็บอกไม่ได้หยุดว่า "ขออนุญาตเข้าพื้นที่ถ่ายภาพหน่อยครับ" มือนึงก็ชูกล้อง มือนึงก็ไหว้ ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ บางคนก็มีน้ำใจ เห็นใจก็ขยับเบียดหลบให้เดิน บางคนก็ด่าว่าสารพัด ว่าทำไมไม่มาเช้าๆ มาเดินจะเหยียบมือเหยีบดเท้าคนอื่นเค้าแบบนี้ทำไม ผมก็ก้มหน้าก้มตา ปากก็ขอโทษ มือก็ยกไหว้ ไม่แก้ตัวหรืออธิบายอะไรทั้งนั้น เพราะจะเสียเวลา กว่าจะขยับได้ทีละเมตร ทีละศอกมันช่างลำบากเสียเหลือเกิน .....9.00 น. แล้วผมมาถึงแค่หางม้า ยังเหลืออีกครึ่งทางผมจึงจะถึงสแตน แต่ยิ่งใกล้ประชาชนที่นั่งอยู่นั้นยิ่งแน่นเท่าทวีคูณ ผมยกมือไหว้ขอทาง ปากร้องขอไม่ได้หยุด เสียงบ่นด่ามีให้ได้ยินตลอดเป็นระยะ แต่ผมเข้าใจว่าเขามา ณ จุดนี้ยากลำบากแค่ไหน ผมได้แต่ยิ้มรับ และไหว้ขอโทษ บางจุดเดินหรือขยับไม่ได้เลย ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นหลายนาทีจนเขาเห็นใจ หลายครั้งผมเกือบถอดใจและหยุดอยู่ตรงนั้น เพราะเกรงใจคนที่นั่งอยู่..... เสียงโทรศัพท์จากช่างภาพรุ่นพี่ดังมาถามไม่รู้ครั้งที่เท่าไหร่แล้วว่าอยู่ตรงไหน ผมก็ยังไปไม่ถึงสแตนสักที เวลาเสด็จก็งวดใกล้เข้ามาทุกที จะเก้าโมงแล้วผมยังอยู่หัวม้าด้านขวามือ อีก 50 เมตรผมจะถึงสแตนแล้ว .....คิดว่าเป็นวันหนึ่งที่ผมโดนด่ามากที่สุด ที่ต้องเดินขอทางเบียดประชาชนที่นั่งเข้ามายังจุดถ่ายภาพ แต่เพราะโดยไม่ได้คาดคิดว่าการเดินกลับมาจะมีความยากลำบากขนาดนี้ เพราะเวลาเดินออกไปจะมีรั้วกั้นให้ไว้สำหรับเป็นทางเดินเข้าออก แต่ด้วยการที่ทุกคนต้องการเข้ามาใกล้ๆ พื้นที่จึงเต็มแน่นไปด้วยประชาชน ไม่มีที่ว่างแม้แต่ทางเดินเล็กๆ .....ผมจำได้ว่าผมเดินมาถึงสแตนในสภาพที่เหงื่อชุ่มในเวลาประมาณ 9.30 น. ผมใช้เวลาเดินจากสะพานผ่านฟ้ามาถึงโค้งด้านขวาพระที่นั่งฯ รวมเวลาสองชั่วโมงครึ่ง เป็นสองชั่วโมงครึ่งที่ยากลำบากใจเป็นที่สุด ท้อหลายครั้ง แต่โอกาสถ่ายงานนี้และร่วมอยู่ในบรรยากาศแบบนี้ไม่ได้มีง่ายๆ ผมต้องอดทนไปให้ถึงสแตนให้ได้ ในเมื่อมีการอนุญาตให้ขึ้นถ่ายได้แล้ว.....ผมมาถึงไม่มีเวลาให้พูดอะไรกันมาก เพราะใกล้เสด็จฯ และทุกคนตกใจ ผมมาได้ยังไงเพราะมองเห็นว่าประชาชนแน่นมากแค่ไหน ผมเช็กชื่อเข้าจุดขึ้นสแตนที่พี่เขาจองไว้ให้ ซึ่งเหลือพื้นที่ให้ยืนแค่สองขา ที่นั่งไม่มี..... จำได้ว่าต้องหยุดคิดทุกสิ่งอย่างที่ผ่านมาไว้ก่อน ต้องมีสติ สมาธิกับงานสำคัญตรงหน้า เพราะอีกไม่นานขบวนเสด็จของทุกพระองค์จะผ่านมาตรงนี้.....เสียงร้องทรงพระเจริญและเสียงชัตเตอร์จากกล้องหลายร้อยตัวดังสนั่นบนสแตนช่างภาพที่เบียดกันแบบไหล่ชนไหล่ เมื่อขบวนเสด็จผ่านมาหน้าพระที่นั่งอนันตสมาคมเพื่อผ่านเข้าประตูพระที่นั่งฯไป.....เวลา 11.29 นาฬิกา ณ สีหบัญชร ระเบียงหน้า ในหลวงรัชกาลที่ ๙ เสด็จฯ ออกมหาสมาคมพระที่นั่งอนันตสมาคม ประชาชนนับแสนที่เดินทางมาถวายพระพร ณ ลานพระบรมรูปทรงม้าและพื้นที่โดยรอบ เสียงเปร่งร้องตะโกนทรงพระเจริญดังกึกก้องทั่วบริเวณ เป็นเสียงเปร่งร้องทรงพระเจริญที่ดังที่สุดเท่าที่ผมเคยได้ยินมา.....ในหลวงรัชกาลที่ ๙ แย้มพระสรวล ทรงโบกพระหัตถ์ ทักทายประชาชน เสียงเปร่งร้องและเสียงชัตเตอร์ยังดังไม่หยุด....พระราชพิธีก็เริ่มดำเนินไป ผมก็ถ่ายภาพพระองค์ท่านบ้าง ประชาชนที่ร้องไห้ดีใจบ้าง สลับกันไป อากาศเริ่มร้อน แต่ก็ไม่มีใครหลบถอยออกจากตรงนั้น บางคนเริ่มเป็นลม มีการอุ้มยกออกจากพื้นที่ไปหลายคน.....พระราชพิธีก็ดำเนินไปเรื่อยๆ เสียงร้องตะโกนและเสียงชัตเตอร์เริ่มเบาลงในช่วงรอยต่อของพระราชพิธี ช่างภาพหลายคนเริ่มขยับไปห้องน้ำ หลายคนเริ่มหาอะไรทาน หลายคนเริ่มวางกล้องลงเพราะเป็นช่วงรอยต่อ.....แต่ผมยังคงไม่ยอมทิ้งตาจากวิวไฟน์เดอร์กล้องที่ติดเลนส์ 600 มม.จับกับขาตั้งเดี่ยวในมือที่จับถืออยู่อย่างนิ่งแน่น สายตาที่ยังคงเฝ้ามองพ่อของแผ่นดินที่ทรงประทับนั่งอยู่ ณ สีหบัญชร ระเบียงหน้าพระที่นั่งฯ พระองค์กำลังทอดพระเนตรประชาชนของพระองค์ที่พร้อมใจกันใส่เสื้อสีเหลืองมาร่วมกันถวายพระพรกันอย่างมากมายกว้างไกลจนสุดลูกหูลูกตา..... ณ วินาทีนั้น ที่เป็นช่วงรอยต่อของพระราชพิธี หลายคนเริ่มผ่อนคลาย หลายคนเริ่มขยับทำกิจกรรมอย่างอื่น แต่มีช่างภาพ 3 คนที่ดวงตายังคงไม่ทิ้งช่องมองภาพ ซึ่งผมเป็น 1 ใน 3 คนนั้น .....เสี้ยววินาทีนั้น สมเด็จพระเทพฯ ท่านทรงเสด็จออกมาถ่ายรูป ผมกดชัตเตอร์ด้วยสัญชาติญาน เพราะไม่คิดว่าจะมีภาพนี้ให้เราได้เห็น ผมกดชัตเตอร์ได้สามภาพ ภาพนี้เป็นภาพที่ผมชอบที่สุด เพราะทั้งสองพระองค์ทรงสบพระเนตรกันพอดี.....ณ​ ช่วงเวลานั้น ในใจคิดว่าภาพแนวนี้อาจไม่บังควรในการที่จะเผยแพร่ออกสื่อไป ถ้าต้องเลือกภาพเองก็คงไม่กล้าเลือกภาพนี้ไปเผยแพร่ แต่โชคดีเป็นของทุกคน ที่เวลานั้น ผมไม่มีเวลามานั่งเลือกภาพ ทำภาพเพื่อส่งเข้าไปยังระบบในต่างประเทศ ทางหัวหน้าช่างภาพซึ่งเป็นคนอเมริกัน ส่งคนมารับการ์ดเก็บภาพไปเลือกภาพ ทำภาพให้ .....หัวหน้าจึงเลือกภาพนี้เป็นหนึ่งในภาพชุดวันนั้น เพื่อส่งเข้าระบบภาพของสำนักข่าว AP เพื่อเผยแพร่พระราชพิธีอันยิ่งใหญ่ งดงามของประเทศไทยนี้ไปทั่วโลก เราจึงได้เห็นภาพๆ นี้กันจากหลายๆ สื่อทั้งในประเทศและต่างประเทศ.....ผมถ่ายภาพมาหลายสิบปี ภาพนี้เป็นภาพแรกที่ได้รับคำขอบคุณจากผู้ที่ได้เห็นภาพ ได้ชมภาพ และส่งข้อความ เขียนคอมเมนต์ขอบคุณช่างภาพผู้ถ่ายภาพนี้.....ผู้ใหญ่หลายคนเมื่อพูดถึงผมหรือจะแนะนำผมให้กับคนอื่น เขาก็จะบอกว่า "ภาพสมเด็จพระเทพฯที่ออกมาถ่ายรูปไง คนนี้เป็นคนถ่าย" .....จริงๆ ภาพใบนี้จะไม่มีทางได้มาเลย ถ้าผมทิ้งตาจากวิวไฟน์เดอร์ และที่ผมไม่ทิ้งช่องมองภาพก็เพราะว่า ผมมีเลนส์เทเลระยะไกลถึง 600 มม. อยู่ในมือ ผมจึงอยากมองในหลวงใกล้ๆ ให้นานที่สุดแค่นั้น ผมจึงให้เวลาทุกนาทีกับการจ้องมองพระองค์ท่านผ่านช่องมองภาพที่ติดเลนส์ขนาดใหญ่ตัวนี้.....ภาพๆ นี้ยังมีช่างภาพอีกสองท่านที่บันทึกไว้ได้ คนหนึ่งเป็นคุณน้าที่ผมเคารพมาก อีกคนเป็นน้องรักร่วมสำนักพิมพ์ มุมภาพ จังหวะอาจต่างกันแต่ทุกคนที่ได้เห็นภาพจะต้องอมยิ้มเหมือนกันแน่นอน.....ความเครียด ความยากลำบากในการเข้าพื้นที่ในตอนเช้า ความอ่อนล้าทุกๆ อย่าง มันมลายหายไปหมดสิ้น เมื่อเห็นและบันทึกรูปๆ นี้ไว้ได้ ."รูปที่มีทุกบ้าน"เครดิต:สุข กะ ภาพ(วสันต์ วณิชชากร)
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 456 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts