• "ไก่ มีสุข" เมื่อครั้งมีคดีกับ "พระคึกฤทธิ์" ย้อนไปในปี 2562 เคยตกเป็นข่าวใหญ่กรณีถูกอดีตลูกศิษย์ฟ้องร้อง กล่าวหาว่าฉ้อโกงเงินบริจาคเพื่อซื้อที่ดินและจัดพิมพ์หนังสือพุทธวจน รวมกว่า 515 ล้านบาท

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000088385

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    "ไก่ มีสุข" เมื่อครั้งมีคดีกับ "พระคึกฤทธิ์" ย้อนไปในปี 2562 เคยตกเป็นข่าวใหญ่กรณีถูกอดีตลูกศิษย์ฟ้องร้อง กล่าวหาว่าฉ้อโกงเงินบริจาคเพื่อซื้อที่ดินและจัดพิมพ์หนังสือพุทธวจน รวมกว่า 515 ล้านบาท อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000088385 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Haha
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 279 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจาก XMP ถึงศาลกลาง: เมื่อความเร็ว RAM กลายเป็นเรื่องฟ้องร้อง

    หลายคนที่ซื้อ RAM รุ่น Vengeance หรือ Dominator ของ Corsair ระหว่างปี 2018–2025 อาจเคยเห็นตัวเลขสวย ๆ อย่าง DDR4-3600 หรือ DDR5-6400 บนกล่อง แล้วคาดหวังว่าเสียบแล้วจะได้ความเร็วตามนั้นทันที แต่ความจริงคือ RAM เหล่านี้ทำงานที่ความเร็วมาตรฐาน JEDEC (เช่น DDR4-2133 หรือ DDR5-4800) โดยค่าเริ่มต้น และต้องเข้าไปเปิดโปรไฟล์ XMP หรือ EXPO ใน BIOS เพื่อให้ได้ความเร็วที่โฆษณาไว้

    คดี McKinney v. Corsair Gaming, Inc. ถูกฟ้องในปี 2022 โดยกล่าวหาว่า Corsair โฆษณา RAM ด้วยความเร็วที่ต้องใช้การโอเวอร์คล็อกโดยไม่แจ้งให้ชัดเจน ทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดและจ่ายเงินแพงขึ้นโดยไม่รู้ว่าอาจไม่ได้ความเร็วตามที่ระบุไว้เลย หากระบบของตนไม่รองรับหรือไม่เสถียรพอ

    แม้ Corsair จะปฏิเสธว่าไม่ได้ทำผิด แต่สุดท้ายก็ยอมตกลงจ่ายเงินชดเชย และจะปรับข้อความบนกล่องและหน้าเว็บให้ชัดเจนขึ้น เช่น การใช้คำว่า “up to” และเพิ่มคำเตือนว่าเป็นความเร็วจากการโอเวอร์คล็อก

    ผู้ซื้อในสหรัฐฯ ที่เคยซื้อ RAM รุ่นที่เข้าข่ายสามารถยื่นขอเงินชดเชยได้สูงสุด 5 รายการ โดยไม่ต้องมีใบเสร็จสำหรับเคลมเล็ก ๆ และสามารถยื่นได้จนถึงวันที่ 28 ตุลาคม 2025 ผ่านเว็บไซต์

    รายละเอียดของคดีความ
    คดี McKinney v. Corsair Gaming, Inc. เริ่มในปี 2022
    Corsair ถูกกล่าวหาว่าโฆษณาความเร็ว RAM แบบ XMP โดยไม่แจ้งว่าเป็นการโอเวอร์คล็อก
    RAM ทำงานที่ความเร็ว JEDEC โดยค่าเริ่มต้น ต้องเปิด XMP/EXPO ใน BIOS

    ผลการตกลงและการชดเชย
    Corsair ยอมจ่ายเงินชดเชยรวม $5.5 ล้าน
    จะปรับข้อความบนกล่องและหน้าเว็บให้ชัดเจนขึ้น
    ผู้ซื้อในสหรัฐฯ ระหว่างปี 2018–2025 สามารถยื่นขอเงินคืนได้

    วิธีการยื่นเคลม
    ยื่นได้สูงสุด 5 รายการต่อคน
    ไม่ต้องใช้ใบเสร็จสำหรับเคลมเล็ก ๆ
    ยื่นผ่านเว็บไซต์ที่ศาลแต่งตั้งภายในวันที่ 28 ตุลาคม 2025

    ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ XMP/EXPO
    XMP (Intel) และ EXPO (AMD) เป็นโปรไฟล์โอเวอร์คล็อกที่ต้องเปิดใช้งานใน BIOS
    ความเร็วที่โฆษณาไม่ใช่ความเร็วที่ได้ทันทีหลังติดตั้ง
    ความเสถียรขึ้นอยู่กับ CPU, เมนบอร์ด และคุณภาพของ RAM

    https://www.tomshardware.com/pc-components/ram/corsair-lost-a-lawsuit-over-advertising-overclocked-memory-speeds-and-you-could-get-paid-the-settlement-covers-u-s-purchases-between-2018-and-2025
    🎙️ เรื่องเล่าจาก XMP ถึงศาลกลาง: เมื่อความเร็ว RAM กลายเป็นเรื่องฟ้องร้อง หลายคนที่ซื้อ RAM รุ่น Vengeance หรือ Dominator ของ Corsair ระหว่างปี 2018–2025 อาจเคยเห็นตัวเลขสวย ๆ อย่าง DDR4-3600 หรือ DDR5-6400 บนกล่อง แล้วคาดหวังว่าเสียบแล้วจะได้ความเร็วตามนั้นทันที แต่ความจริงคือ RAM เหล่านี้ทำงานที่ความเร็วมาตรฐาน JEDEC (เช่น DDR4-2133 หรือ DDR5-4800) โดยค่าเริ่มต้น และต้องเข้าไปเปิดโปรไฟล์ XMP หรือ EXPO ใน BIOS เพื่อให้ได้ความเร็วที่โฆษณาไว้ คดี McKinney v. Corsair Gaming, Inc. ถูกฟ้องในปี 2022 โดยกล่าวหาว่า Corsair โฆษณา RAM ด้วยความเร็วที่ต้องใช้การโอเวอร์คล็อกโดยไม่แจ้งให้ชัดเจน ทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดและจ่ายเงินแพงขึ้นโดยไม่รู้ว่าอาจไม่ได้ความเร็วตามที่ระบุไว้เลย หากระบบของตนไม่รองรับหรือไม่เสถียรพอ แม้ Corsair จะปฏิเสธว่าไม่ได้ทำผิด แต่สุดท้ายก็ยอมตกลงจ่ายเงินชดเชย และจะปรับข้อความบนกล่องและหน้าเว็บให้ชัดเจนขึ้น เช่น การใช้คำว่า “up to” และเพิ่มคำเตือนว่าเป็นความเร็วจากการโอเวอร์คล็อก ผู้ซื้อในสหรัฐฯ ที่เคยซื้อ RAM รุ่นที่เข้าข่ายสามารถยื่นขอเงินชดเชยได้สูงสุด 5 รายการ โดยไม่ต้องมีใบเสร็จสำหรับเคลมเล็ก ๆ และสามารถยื่นได้จนถึงวันที่ 28 ตุลาคม 2025 ผ่านเว็บไซต์ ✅ รายละเอียดของคดีความ ➡️ คดี McKinney v. Corsair Gaming, Inc. เริ่มในปี 2022 ➡️ Corsair ถูกกล่าวหาว่าโฆษณาความเร็ว RAM แบบ XMP โดยไม่แจ้งว่าเป็นการโอเวอร์คล็อก ➡️ RAM ทำงานที่ความเร็ว JEDEC โดยค่าเริ่มต้น ต้องเปิด XMP/EXPO ใน BIOS ✅ ผลการตกลงและการชดเชย ➡️ Corsair ยอมจ่ายเงินชดเชยรวม $5.5 ล้าน ➡️ จะปรับข้อความบนกล่องและหน้าเว็บให้ชัดเจนขึ้น ➡️ ผู้ซื้อในสหรัฐฯ ระหว่างปี 2018–2025 สามารถยื่นขอเงินคืนได้ ✅ วิธีการยื่นเคลม ➡️ ยื่นได้สูงสุด 5 รายการต่อคน ➡️ ไม่ต้องใช้ใบเสร็จสำหรับเคลมเล็ก ๆ ➡️ ยื่นผ่านเว็บไซต์ที่ศาลแต่งตั้งภายในวันที่ 28 ตุลาคม 2025 ✅ ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ XMP/EXPO ➡️ XMP (Intel) และ EXPO (AMD) เป็นโปรไฟล์โอเวอร์คล็อกที่ต้องเปิดใช้งานใน BIOS ➡️ ความเร็วที่โฆษณาไม่ใช่ความเร็วที่ได้ทันทีหลังติดตั้ง ➡️ ความเสถียรขึ้นอยู่กับ CPU, เมนบอร์ด และคุณภาพของ RAM https://www.tomshardware.com/pc-components/ram/corsair-lost-a-lawsuit-over-advertising-overclocked-memory-speeds-and-you-could-get-paid-the-settlement-covers-u-s-purchases-between-2018-and-2025
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 90 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลุงเองก็สนับสนุนให้ใช้พลังงานนิวเคลียร์ครับ ไม่ว่าจะเป็น fission หรือ fusion

    เรื่องเล่าจากการฟ้องร้องของออสเตรียถึงชัยชนะของวิทยาศาสตร์: เมื่อศาลสูงสุดของยุโรปตัดสินว่า “นิวเคลียร์คือพลังงานสะอาด”

    ย้อนกลับไปในปี 2022 ออสเตรียได้ยื่นฟ้องต่อศาลสหภาพยุโรปเพื่อขอให้ยกเลิกการจัดให้นิวเคลียร์และก๊าซธรรมชาติเป็นพลังงานที่ “เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม” ตามกฎเกณฑ์ของ EU Taxonomy ซึ่งเป็นระบบที่ใช้กำหนดว่าโครงการใดสามารถรับเงินลงทุนในฐานะพลังงานสีเขียวได้

    ออสเตรียอ้างว่านิวเคลียร์มีความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะเรื่องกากกัมมันตรังสี และก๊าซธรรมชาติปล่อย CO₂ ซึ่งขัดกับหลักการ “ไม่ก่อให้เกิดอันตรายอย่างมีนัยสำคัญ” ที่ควรใช้กับพลังงานสีเขียว

    แต่เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2025 ศาลสูงสุดของ EU ได้ตัดสินยกฟ้อง โดยระบุว่า “การผลิตพลังงานนิวเคลียร์ปล่อยก๊าซเรือนกระจกแทบไม่มีเลย” และ “ยังไม่มีเทคโนโลยีอื่นที่สามารถทดแทนได้ในระดับที่เพียงพอ” จึงถือว่าเป็นพลังงานที่สามารถช่วยลดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้

    คำตัดสินนี้ไม่เพียงแต่ยืนยันสิทธิ์ของนิวเคลียร์ในการรับเงินลงทุนจากกองทุนสีเขียวของ EU แต่ยังส่งผลให้คดีอื่น ๆ เช่นของ Greenpeace มีแนวโน้มจะแพ้ตามไปด้วย

    แม้จะมีเสียงคัดค้านจากองค์กรสิ่งแวดล้อม เช่น Greenpeace ที่เรียกวันนี้ว่า “วันมืดมนของสภาพภูมิอากาศ” แต่หลายประเทศ เช่น ฝรั่งเศส โปแลนด์ และบัลแกเรีย กลับมองว่านี่คือโอกาสในการเร่งลงทุนในพลังงานที่มั่นคงและปลอดภัย

    คำตัดสินของศาลสูงสุด EU
    ยืนยันว่าพลังงานนิวเคลียร์และก๊าซธรรมชาติสามารถจัดเป็นพลังงานสีเขียว
    ปฏิเสธคำร้องของออสเตรียที่ขอให้ยกเลิกการจัดประเภทนี้
    ระบุว่านิวเคลียร์ปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยมาก และยังไม่มีทางเลือกที่ดีกว่าในปัจจุบัน

    ผลกระทบต่อการลงทุนและนโยบาย
    เปิดทางให้โครงการนิวเคลียร์ได้รับเงินลงทุนจากกองทุนสีเขียวของ EU
    อาจยุติการชะงักงันของการลงทุนในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แบบดั้งเดิม
    ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศ เช่น ข้อตกลงล่าสุดระหว่างฝรั่งเศสและเยอรมนี

    การตอบสนองจากฝ่ายสนับสนุนและคัดค้าน
    Greenpeace เรียกคำตัดสินนี้ว่า “วันมืดมน” และเตือนว่าจะทำให้เงินไหลไปยังพลังงานที่ไม่ยั่งยืน
    ฝ่ายสนับสนุนชี้ว่านี่คือชัยชนะของวิทยาศาสตร์และความมั่นคงด้านพลังงาน
    ออสเตรียยังสามารถยื่นอุทธรณ์ต่อศาลชั้นสูงของ EU ได้

    https://www.weplanet.org/post/eu-court-rules-nuclear-energy-is-clean-energy
    ลุงเองก็สนับสนุนให้ใช้พลังงานนิวเคลียร์ครับ ไม่ว่าจะเป็น fission หรือ fusion 🎙️ เรื่องเล่าจากการฟ้องร้องของออสเตรียถึงชัยชนะของวิทยาศาสตร์: เมื่อศาลสูงสุดของยุโรปตัดสินว่า “นิวเคลียร์คือพลังงานสะอาด” ย้อนกลับไปในปี 2022 ออสเตรียได้ยื่นฟ้องต่อศาลสหภาพยุโรปเพื่อขอให้ยกเลิกการจัดให้นิวเคลียร์และก๊าซธรรมชาติเป็นพลังงานที่ “เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม” ตามกฎเกณฑ์ของ EU Taxonomy ซึ่งเป็นระบบที่ใช้กำหนดว่าโครงการใดสามารถรับเงินลงทุนในฐานะพลังงานสีเขียวได้ ออสเตรียอ้างว่านิวเคลียร์มีความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะเรื่องกากกัมมันตรังสี และก๊าซธรรมชาติปล่อย CO₂ ซึ่งขัดกับหลักการ “ไม่ก่อให้เกิดอันตรายอย่างมีนัยสำคัญ” ที่ควรใช้กับพลังงานสีเขียว แต่เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2025 ศาลสูงสุดของ EU ได้ตัดสินยกฟ้อง โดยระบุว่า “การผลิตพลังงานนิวเคลียร์ปล่อยก๊าซเรือนกระจกแทบไม่มีเลย” และ “ยังไม่มีเทคโนโลยีอื่นที่สามารถทดแทนได้ในระดับที่เพียงพอ” จึงถือว่าเป็นพลังงานที่สามารถช่วยลดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ คำตัดสินนี้ไม่เพียงแต่ยืนยันสิทธิ์ของนิวเคลียร์ในการรับเงินลงทุนจากกองทุนสีเขียวของ EU แต่ยังส่งผลให้คดีอื่น ๆ เช่นของ Greenpeace มีแนวโน้มจะแพ้ตามไปด้วย แม้จะมีเสียงคัดค้านจากองค์กรสิ่งแวดล้อม เช่น Greenpeace ที่เรียกวันนี้ว่า “วันมืดมนของสภาพภูมิอากาศ” แต่หลายประเทศ เช่น ฝรั่งเศส โปแลนด์ และบัลแกเรีย กลับมองว่านี่คือโอกาสในการเร่งลงทุนในพลังงานที่มั่นคงและปลอดภัย ✅ คำตัดสินของศาลสูงสุด EU ➡️ ยืนยันว่าพลังงานนิวเคลียร์และก๊าซธรรมชาติสามารถจัดเป็นพลังงานสีเขียว ➡️ ปฏิเสธคำร้องของออสเตรียที่ขอให้ยกเลิกการจัดประเภทนี้ ➡️ ระบุว่านิวเคลียร์ปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยมาก และยังไม่มีทางเลือกที่ดีกว่าในปัจจุบัน ✅ ผลกระทบต่อการลงทุนและนโยบาย ➡️ เปิดทางให้โครงการนิวเคลียร์ได้รับเงินลงทุนจากกองทุนสีเขียวของ EU ➡️ อาจยุติการชะงักงันของการลงทุนในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แบบดั้งเดิม ➡️ ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศ เช่น ข้อตกลงล่าสุดระหว่างฝรั่งเศสและเยอรมนี ✅ การตอบสนองจากฝ่ายสนับสนุนและคัดค้าน ➡️ Greenpeace เรียกคำตัดสินนี้ว่า “วันมืดมน” และเตือนว่าจะทำให้เงินไหลไปยังพลังงานที่ไม่ยั่งยืน ➡️ ฝ่ายสนับสนุนชี้ว่านี่คือชัยชนะของวิทยาศาสตร์และความมั่นคงด้านพลังงาน ➡️ ออสเตรียยังสามารถยื่นอุทธรณ์ต่อศาลชั้นสูงของ EU ได้ https://www.weplanet.org/post/eu-court-rules-nuclear-energy-is-clean-energy
    WWW.WEPLANET.ORG
    EU Court Rules Nuclear Energy is Clean Energy
    The highest court in the EU just reaffirmed that nuclear energy meets the scientific and environmental standards to be included in sustainable finance, and Greenpeace still refuses to budge.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 101 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Supabase เปิดสิทธิบัตร OrioleDB ให้ชุมชน Postgres — ยกระดับระบบจัดเก็บข้อมูลด้วย B+-Tree เวอร์ชันทนทาน พร้อมเป้าหมายสู่การรวมเข้ากับต้นน้ำ”

    หลังจาก Supabase เข้าซื้อ OrioleDB มาเมื่อปีก่อน ล่าสุดบริษัทได้ประกาศเปิดสิทธิบัตรสหรัฐฯ หมายเลข 10,325,030 ซึ่งครอบคลุมเทคโนโลยี “Durable multiversion B+-tree” ให้ใช้งานได้ฟรีแบบไม่จำกัดสิทธิ์สำหรับผู้ใช้ OrioleDB ทุกคน รวมถึงโฟร์กเชิงพาณิชย์ โดยมีเป้าหมายเพื่อปกป้องโอเพ่นซอร์สจากการฟ้องร้องด้านทรัพย์สินทางปัญญา และผลักดันให้ OrioleDB กลายเป็นส่วนหนึ่งของ PostgreSQL อย่างแท้จริง

    OrioleDB เป็นระบบจัดเก็บข้อมูลแบบ extension ที่ใช้ Table Access Method API ของ Postgres เพื่อแทนที่ heap storage แบบเดิม โดยออกแบบมาให้ทำงานได้ดีกับฮาร์ดแวร์ยุคใหม่และโครงสร้างคลาวด์ Benchmarks ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า OrioleDB เร็วกว่า heap ถึง 5.5 เท่าใน workload แบบ TPC-C

    สิ่งที่ทำให้ OrioleDB โดดเด่นคือการใช้ index-organized tables, การเชื่อมโยงหน้าในหน่วยความจำแบบตรง (no buffer mapping), การใช้ undo log แทน vacuum และการทำ checkpoint แบบ copy-on-write ซึ่งช่วยลด overhead และเพิ่มความเสถียรในการทำงานแบบ concurrent

    Supabase ยังยืนยันว่า OrioleDB จะยังคงเป็นโอเพ่นซอร์ส พร้อมเปิดรับการมีส่วนร่วมจากชุมชน ไม่ว่าจะเป็นการส่งโค้ด ทดสอบ หรือให้ฟีดแบ็ก โดยมีเป้าหมายระยะยาวคือการ upstream เข้าสู่ PostgreSQL source tree เพื่อให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของระบบหลักอย่างเป็นทางการ

    การเปิดสิทธิบัตรของ OrioleDB
    Supabase เปิดสิทธิบัตร Durable multiversion B+-tree ให้ใช้งานฟรี
    ครอบคลุมผู้ใช้ทุกคน รวมถึงโฟร์กเชิงพาณิชย์
    ใช้เพื่อปกป้องโอเพ่นซอร์สจากการฟ้องร้องด้าน IP
    เสริมความเข้ากันได้กับ PostgreSQL License

    จุดเด่นของ OrioleDB
    เป็น extension ที่แทนที่ heap storage ด้วย Table Access Method API
    เร็วกว่า heap ถึง 5.5 เท่าใน TPC-C benchmark
    ใช้ index-organized tables และ direct memory mapping
    มี undo log แทน vacuum และใช้ copy-on-write checkpoint

    แนวทางการพัฒนาและเป้าหมาย
    ยังคงเป็นโอเพ่นซอร์ส พร้อมเปิดรับการมีส่วนร่วมจากชุมชน
    เป้าหมายคือ upstream เข้าสู่ PostgreSQL source tree
    พัฒนาให้ทำงานได้บน stock Postgres โดยไม่ต้องแก้ไขมาก
    มีแผนปรับปรุงเอกสารและ onboarding เพื่อให้ใช้งานง่ายขึ้น

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    PostgreSQL 18 กำลังจะเปิดตัวพร้อมฟีเจอร์ด้าน performance ใหม่
    OrioleDB ยังไม่รองรับ index ประเภท HNSW ของ pg_vector
    มีการพัฒนา bridge สำหรับ Index Access Method เพื่อรองรับ index ทุกประเภท
    Supabase ใช้ OrioleDB เป็น storage engine เริ่มต้นใน image ของตนแล้ว

    https://supabase.com/blog/orioledb-patent-free
    🐘 “Supabase เปิดสิทธิบัตร OrioleDB ให้ชุมชน Postgres — ยกระดับระบบจัดเก็บข้อมูลด้วย B+-Tree เวอร์ชันทนทาน พร้อมเป้าหมายสู่การรวมเข้ากับต้นน้ำ” หลังจาก Supabase เข้าซื้อ OrioleDB มาเมื่อปีก่อน ล่าสุดบริษัทได้ประกาศเปิดสิทธิบัตรสหรัฐฯ หมายเลข 10,325,030 ซึ่งครอบคลุมเทคโนโลยี “Durable multiversion B+-tree” ให้ใช้งานได้ฟรีแบบไม่จำกัดสิทธิ์สำหรับผู้ใช้ OrioleDB ทุกคน รวมถึงโฟร์กเชิงพาณิชย์ โดยมีเป้าหมายเพื่อปกป้องโอเพ่นซอร์สจากการฟ้องร้องด้านทรัพย์สินทางปัญญา และผลักดันให้ OrioleDB กลายเป็นส่วนหนึ่งของ PostgreSQL อย่างแท้จริง OrioleDB เป็นระบบจัดเก็บข้อมูลแบบ extension ที่ใช้ Table Access Method API ของ Postgres เพื่อแทนที่ heap storage แบบเดิม โดยออกแบบมาให้ทำงานได้ดีกับฮาร์ดแวร์ยุคใหม่และโครงสร้างคลาวด์ Benchmarks ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า OrioleDB เร็วกว่า heap ถึง 5.5 เท่าใน workload แบบ TPC-C สิ่งที่ทำให้ OrioleDB โดดเด่นคือการใช้ index-organized tables, การเชื่อมโยงหน้าในหน่วยความจำแบบตรง (no buffer mapping), การใช้ undo log แทน vacuum และการทำ checkpoint แบบ copy-on-write ซึ่งช่วยลด overhead และเพิ่มความเสถียรในการทำงานแบบ concurrent Supabase ยังยืนยันว่า OrioleDB จะยังคงเป็นโอเพ่นซอร์ส พร้อมเปิดรับการมีส่วนร่วมจากชุมชน ไม่ว่าจะเป็นการส่งโค้ด ทดสอบ หรือให้ฟีดแบ็ก โดยมีเป้าหมายระยะยาวคือการ upstream เข้าสู่ PostgreSQL source tree เพื่อให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของระบบหลักอย่างเป็นทางการ ✅ การเปิดสิทธิบัตรของ OrioleDB ➡️ Supabase เปิดสิทธิบัตร Durable multiversion B+-tree ให้ใช้งานฟรี ➡️ ครอบคลุมผู้ใช้ทุกคน รวมถึงโฟร์กเชิงพาณิชย์ ➡️ ใช้เพื่อปกป้องโอเพ่นซอร์สจากการฟ้องร้องด้าน IP ➡️ เสริมความเข้ากันได้กับ PostgreSQL License ✅ จุดเด่นของ OrioleDB ➡️ เป็น extension ที่แทนที่ heap storage ด้วย Table Access Method API ➡️ เร็วกว่า heap ถึง 5.5 เท่าใน TPC-C benchmark ➡️ ใช้ index-organized tables และ direct memory mapping ➡️ มี undo log แทน vacuum และใช้ copy-on-write checkpoint ✅ แนวทางการพัฒนาและเป้าหมาย ➡️ ยังคงเป็นโอเพ่นซอร์ส พร้อมเปิดรับการมีส่วนร่วมจากชุมชน ➡️ เป้าหมายคือ upstream เข้าสู่ PostgreSQL source tree ➡️ พัฒนาให้ทำงานได้บน stock Postgres โดยไม่ต้องแก้ไขมาก ➡️ มีแผนปรับปรุงเอกสารและ onboarding เพื่อให้ใช้งานง่ายขึ้น ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ PostgreSQL 18 กำลังจะเปิดตัวพร้อมฟีเจอร์ด้าน performance ใหม่ ➡️ OrioleDB ยังไม่รองรับ index ประเภท HNSW ของ pg_vector ➡️ มีการพัฒนา bridge สำหรับ Index Access Method เพื่อรองรับ index ทุกประเภท ➡️ Supabase ใช้ OrioleDB เป็น storage engine เริ่มต้นใน image ของตนแล้ว https://supabase.com/blog/orioledb-patent-free
    SUPABASE.COM
    OrioleDB Patent: now freely available to the Postgres community
    Supabase is explicitly making available a non-exclusive license of the OrioleDB patent to all OrioleDB users in accordance with the OrioleDB license.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 133 มุมมอง 0 รีวิว
  • 555,ถ้าประชาชนเอาจริง บอกเลยข้าราชการทั้งสระแก้วตายยกเข่ง,ปล่อยปละละเลยก็ ม.157 แล้ว สมยอมรู้เห็นเป็นใจให้เสียหายแบบเสียดินแดนโดยเจตนาให้คนเขมรครอบครองไปขับไล่ก็ ม.119แล้ว ตำรวจท้องที่ ตำรวจชายแดน ทหารกำกับดูแลพื้นที่ก็ต้องโดนด้วยตามเนื้องานรับผิดชอบตน ทั้งม.157และ ม.119ด้วยชัดเจนเอาแค่สองตัวนี้ก็ดิ้นไม่หลุดแล้วนอกจากนายใหญ่โคตรพ่อโคตรแมร่งเลวชั่วปกป้องพวกนี้,จึงต้องกำจัดนายใหญ่นี้ด้วย เป็นเจ้าเป็นเชื้อพระวงศ์หากทำผิดเสียเองให้ท้ายจนนำไปสู่ภัยเสียดินแดนไทยตนก็มิอาจเก็บไว้ พวกผิดหวังขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ลูกหลานนางสนมต่างๆในอดีตสืบทอดถึงปัจจุบันหากกระทำตนเลวชั่วก็ต้องกำจัดจริงๆ,นายใหญ่นายใหญ่นอกจากอำมาตย์ราชการใหญ่โต ก็มองไม่ออกว่าโคตรหม่อมๆชั่วเลวตรใดก็ว่า ผู้ดีโคตรเหง้าตระกูลใดสั่งมทภ.1ได้มิให้จัดการเขมรเถื่อนจนถึงปัจจุบัน ,แฝมทภ.2ทำไมจัดการได้ อดีตทหารนายพลใดที่เลวชั่วนัก,กฎหมายหมิ่นประมาทต้องยกเลิก,จะได้มีคนกล้าแฉกล้าพูดว่า อาจจะเป็นใคร น่าจะเป็นใคร โอกาสเป็นใคร สายลับคาดว่าเป็นคนชื่อนั้นนี้ เปิดออกมาก็ไม่ต้องกลัวถูกฟ้องร้องหมิ่นประมาทมัน,มันไม่ผิดก็ไม่ต้องเดือดร้อน ออกมาตอบโต้ได้สาระพัดทาง,ประจานประนามด่าว่าคนที่แฉตน เอาความจริงหรือไม่จริงมาพูดได้,จากนั้นประชาชนจะประเมิน ค.ว.ย.ตามหลักเหตุผล ผูกปมไขพิสูจน์แต่ละฝ่ายว่ามีมูลความจริงขนาดไหน คนแฉมีรูปมีพยานหลักฐานโชว์บอกผ่านสื่อประชาชนอีก,ความจริงก็จะทำลายความไม่จริงลงเรื่อยๆ กำจัดคนไม่ดีในสังคมได้ตลอดเวลา หากไม่สำนึกปรับปรุงตัวก็ดับอนาถจัดการแฉขั้นเด็ดขาดไม่ไว้หน้าอับอายทั่วประเทศไทยเลย,นี้ไง กฎหมายหมิ่นประมาทจึงบัดสบมาก,ปิดปากผู้คนชาวไทยเราได้ดีล่ะ.

    ..ภาค.1ตอนนี้ ทหารภาค1.คือเครดิตตกต่ำมากจากการนำทัพบัญชาการรบลงสนามรบของแม่ทัพภาค.1 ถ้าเทียบสมรภูมิสงคราม9ทัพ99ทัพ,1ในทัพที่พ่ายแพ้สงครามดับอนาถแก้ศัตรูที่แพ้ในสนามรบกับข้าศึก ทหารตายทั้งกองทัพด้วยก็คือทัพของภาค.1นี้ล่ะ,และหากเทียบอีก1ใน9ทัพหรือ99ทัพที่No.1ในการทำศึกสงครามครั้งนี้ที่สุดยอดของทั้งกองทัพก็คือทัพของภาค.2เต็มๆเข้าตีเมืองศัตรูข้าศึกรบตลอด5วันสามารถเข้าตียึดเมืองศัตรูด้วยกว่า11เมืองพื้นที่ข้าศึกนอกจากชนะบนลานสนามรบแล้ว,ภาค.1แม้เมืองเดียวที่ไร้หัวทหารศัตรูบนสนามรบแท้ๆก็ยังเข้าตีเมืองยึดเมืองไม่ได้,อำมาตย์ราชวังยังหน้ามึนหน้าหนาหน้าด้านไม่รู้จักถูกผิด สมควร ไม่สมควร เสือกเลื่อนตำแหน่งชั้นยศให้เป็นรางวัลอีก,เสมือนแม่ทัพผู้นี้แม้ออกรบที่พ่ายแพ้สงครามบนสนามรบกลับมาก็สามารถมีตำแหน่งใหญ่โตบนอำนาจทางทหารได้ เป็นการทำลายขวัญและกำลังใจนายทหารอื่นๆที่มีความสามารถมากมายกว่าแม่ทัพนายทหารนี้มาก,นี้คือการทำลายความมั่นคงทางกองทัพจากภายในชัดเจน อันตรายมาก เสมือนกรุงศรีอยุธยาล้มสลายเมืองกรุงแตกก็มาจากอำมาตย์ชั่วเลวเหล่านี้นี้เอง,เชิดชูคนกากกระจอกอ่อนแอไปเป็นคนมีอำนาจควบคุมทั้งกองทัพ ซึ่งฝีมือตนไม่มีห่าอะไรเลย รบก็แพ้ ออกสนามรบก็ยังไม่ชักดาบฆ่าทหารฝ่ายศัตรูตายสักคน,ทหารตายทั้งกองทัพจนแพ้สงครามกว่าทัพใดๆใน9ทัพ99ทัพ ,หากยังเป็นแบบนี้ อันตรายแน่นอน,เราไม่สามารถระวังภัยนั้นได้ตลอดเวลาดอก,อย่าประมาทไฟแม้เพียงก้อนเล็กน้อย.

    https://youtube.com/shorts/bM8NJBMPjuw?si=8TiqGCDlsRFHhSJI
    555,ถ้าประชาชนเอาจริง บอกเลยข้าราชการทั้งสระแก้วตายยกเข่ง,ปล่อยปละละเลยก็ ม.157 แล้ว สมยอมรู้เห็นเป็นใจให้เสียหายแบบเสียดินแดนโดยเจตนาให้คนเขมรครอบครองไปขับไล่ก็ ม.119แล้ว ตำรวจท้องที่ ตำรวจชายแดน ทหารกำกับดูแลพื้นที่ก็ต้องโดนด้วยตามเนื้องานรับผิดชอบตน ทั้งม.157และ ม.119ด้วยชัดเจนเอาแค่สองตัวนี้ก็ดิ้นไม่หลุดแล้วนอกจากนายใหญ่โคตรพ่อโคตรแมร่งเลวชั่วปกป้องพวกนี้,จึงต้องกำจัดนายใหญ่นี้ด้วย เป็นเจ้าเป็นเชื้อพระวงศ์หากทำผิดเสียเองให้ท้ายจนนำไปสู่ภัยเสียดินแดนไทยตนก็มิอาจเก็บไว้ พวกผิดหวังขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ลูกหลานนางสนมต่างๆในอดีตสืบทอดถึงปัจจุบันหากกระทำตนเลวชั่วก็ต้องกำจัดจริงๆ,นายใหญ่นายใหญ่นอกจากอำมาตย์ราชการใหญ่โต ก็มองไม่ออกว่าโคตรหม่อมๆชั่วเลวตรใดก็ว่า ผู้ดีโคตรเหง้าตระกูลใดสั่งมทภ.1ได้มิให้จัดการเขมรเถื่อนจนถึงปัจจุบัน ,แฝมทภ.2ทำไมจัดการได้ อดีตทหารนายพลใดที่เลวชั่วนัก,กฎหมายหมิ่นประมาทต้องยกเลิก,จะได้มีคนกล้าแฉกล้าพูดว่า อาจจะเป็นใคร น่าจะเป็นใคร โอกาสเป็นใคร สายลับคาดว่าเป็นคนชื่อนั้นนี้ เปิดออกมาก็ไม่ต้องกลัวถูกฟ้องร้องหมิ่นประมาทมัน,มันไม่ผิดก็ไม่ต้องเดือดร้อน ออกมาตอบโต้ได้สาระพัดทาง,ประจานประนามด่าว่าคนที่แฉตน เอาความจริงหรือไม่จริงมาพูดได้,จากนั้นประชาชนจะประเมิน ค.ว.ย.ตามหลักเหตุผล ผูกปมไขพิสูจน์แต่ละฝ่ายว่ามีมูลความจริงขนาดไหน คนแฉมีรูปมีพยานหลักฐานโชว์บอกผ่านสื่อประชาชนอีก,ความจริงก็จะทำลายความไม่จริงลงเรื่อยๆ กำจัดคนไม่ดีในสังคมได้ตลอดเวลา หากไม่สำนึกปรับปรุงตัวก็ดับอนาถจัดการแฉขั้นเด็ดขาดไม่ไว้หน้าอับอายทั่วประเทศไทยเลย,นี้ไง กฎหมายหมิ่นประมาทจึงบัดสบมาก,ปิดปากผู้คนชาวไทยเราได้ดีล่ะ. ..ภาค.1ตอนนี้ ทหารภาค1.คือเครดิตตกต่ำมากจากการนำทัพบัญชาการรบลงสนามรบของแม่ทัพภาค.1 ถ้าเทียบสมรภูมิสงคราม9ทัพ99ทัพ,1ในทัพที่พ่ายแพ้สงครามดับอนาถแก้ศัตรูที่แพ้ในสนามรบกับข้าศึก ทหารตายทั้งกองทัพด้วยก็คือทัพของภาค.1นี้ล่ะ,และหากเทียบอีก1ใน9ทัพหรือ99ทัพที่No.1ในการทำศึกสงครามครั้งนี้ที่สุดยอดของทั้งกองทัพก็คือทัพของภาค.2เต็มๆเข้าตีเมืองศัตรูข้าศึกรบตลอด5วันสามารถเข้าตียึดเมืองศัตรูด้วยกว่า11เมืองพื้นที่ข้าศึกนอกจากชนะบนลานสนามรบแล้ว,ภาค.1แม้เมืองเดียวที่ไร้หัวทหารศัตรูบนสนามรบแท้ๆก็ยังเข้าตีเมืองยึดเมืองไม่ได้,อำมาตย์ราชวังยังหน้ามึนหน้าหนาหน้าด้านไม่รู้จักถูกผิด สมควร ไม่สมควร เสือกเลื่อนตำแหน่งชั้นยศให้เป็นรางวัลอีก,เสมือนแม่ทัพผู้นี้แม้ออกรบที่พ่ายแพ้สงครามบนสนามรบกลับมาก็สามารถมีตำแหน่งใหญ่โตบนอำนาจทางทหารได้ เป็นการทำลายขวัญและกำลังใจนายทหารอื่นๆที่มีความสามารถมากมายกว่าแม่ทัพนายทหารนี้มาก,นี้คือการทำลายความมั่นคงทางกองทัพจากภายในชัดเจน อันตรายมาก เสมือนกรุงศรีอยุธยาล้มสลายเมืองกรุงแตกก็มาจากอำมาตย์ชั่วเลวเหล่านี้นี้เอง,เชิดชูคนกากกระจอกอ่อนแอไปเป็นคนมีอำนาจควบคุมทั้งกองทัพ ซึ่งฝีมือตนไม่มีห่าอะไรเลย รบก็แพ้ ออกสนามรบก็ยังไม่ชักดาบฆ่าทหารฝ่ายศัตรูตายสักคน,ทหารตายทั้งกองทัพจนแพ้สงครามกว่าทัพใดๆใน9ทัพ99ทัพ ,หากยังเป็นแบบนี้ อันตรายแน่นอน,เราไม่สามารถระวังภัยนั้นได้ตลอดเวลาดอก,อย่าประมาทไฟแม้เพียงก้อนเล็กน้อย. https://youtube.com/shorts/bM8NJBMPjuw?si=8TiqGCDlsRFHhSJI
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 210 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประตูเปิดทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ

    เดือนนี้ เป็นเพราะปากพาจน เป็นผลให้การเจรจานำไปสู่การแตกหัก ชื่อเสียงที่สั่งสมไว้จึงถูกดิสเครดิตรให้ เสียหาย คำมั่นคำสัญญาที่เคยให้ไว้กับใคร จะถูกทวงถามให้เป็นที่น่ารำคาญใจ จะตกลงเอกสารสัญญา ต้องรัดกุมให้มากๆ มีโอกาสตัดสินใจผิดพลาดเกิดขึ้นได้ ยุ่งเรื่องคนอื่นจะเดือดร้อนเสียหาย ทำให้ถูกฟ้องร้อง จนกลายเป็นคดีความ ครอบครัวมีโอกาสแตกแยกเพราะนอกใจ แม้แต่คนงานในบ้านอาจเป็นสาย รู้เห็นเป็นใจ ให้แก่โจรมาปล้นขโมย อีกทั้งควรป้องกันอัคคีภัยก่อนจะบานปลาย โดยเฉพาะเด็กผู้หญิงจะโชคร้าย จะได้รับ บาดเจ็บเพราะโลหะ มีด ของมีคม หรืออุบัติเหตุทางรถยนต์ ระวังอาหารจะเป็นพิษ ดื่มน้ำเย็นจัดจะเป็นผลร้าย จะเจ็บป่วยหนัก จนเป็นโรคร้าย ที่ปอด คอ ปาก ฟัน ลิ้น รังไข่ มดลูก ลำไส้ใหญ่ โรคเพศสัมพันธุ์

    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    ประตูเปิดทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เดือนนี้ เป็นเพราะปากพาจน เป็นผลให้การเจรจานำไปสู่การแตกหัก ชื่อเสียงที่สั่งสมไว้จึงถูกดิสเครดิตรให้ เสียหาย คำมั่นคำสัญญาที่เคยให้ไว้กับใคร จะถูกทวงถามให้เป็นที่น่ารำคาญใจ จะตกลงเอกสารสัญญา ต้องรัดกุมให้มากๆ มีโอกาสตัดสินใจผิดพลาดเกิดขึ้นได้ ยุ่งเรื่องคนอื่นจะเดือดร้อนเสียหาย ทำให้ถูกฟ้องร้อง จนกลายเป็นคดีความ ครอบครัวมีโอกาสแตกแยกเพราะนอกใจ แม้แต่คนงานในบ้านอาจเป็นสาย รู้เห็นเป็นใจ ให้แก่โจรมาปล้นขโมย อีกทั้งควรป้องกันอัคคีภัยก่อนจะบานปลาย โดยเฉพาะเด็กผู้หญิงจะโชคร้าย จะได้รับ บาดเจ็บเพราะโลหะ มีด ของมีคม หรืออุบัติเหตุทางรถยนต์ ระวังอาหารจะเป็นพิษ ดื่มน้ำเย็นจัดจะเป็นผลร้าย จะเจ็บป่วยหนัก จนเป็นโรคร้าย ที่ปอด คอ ปาก ฟัน ลิ้น รังไข่ มดลูก ลำไส้ใหญ่ โรคเพศสัมพันธุ์ ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 167 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากเบื้องหลังการปิดข่าว: เมื่อการไม่เปิดเผยเหตุการณ์ไซเบอร์กลายเป็นกลยุทธ์องค์กร

    จากรายงานล่าสุดของ Bitdefender และการสัมภาษณ์โดย CSO Online พบว่า 69% ของ CISO ถูกขอให้ปิดข่าวการถูกโจมตีทางไซเบอร์โดยผู้บริหารขององค์กร ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 42% เมื่อสองปีก่อน สาเหตุหลักคือความกลัวผลกระทบต่อชื่อเสียงและราคาหุ้น มากกว่าการปฏิบัติตามกฎหมายหรือมาตรฐานความปลอดภัย

    รูปแบบการโจมตีที่เปลี่ยนไปก็มีส่วน—จาก ransomware ที่เคยบังคับให้เปิดเผยข้อมูล สู่การขโมยข้อมูลแบบเงียบ ๆ โดยไม่กระทบผู้ใช้ปลายทาง เช่น กลุ่ม RedCurl ที่เจาะ hypervisor โดยไม่แตะระบบที่ผู้ใช้เห็น ทำให้การเจรจาเป็นไปแบบลับ ๆ และลดแรงกดดันในการเปิดเผย

    CISO หลายคนเล่าว่าถูกกดดันให้ “ไม่แจ้งคณะกรรมการตรวจสอบ” หรือ “แต่งเรื่องให้ดูดีในเอกสาร SEC” แม้จะมีเหตุการณ์อย่างการขโมยข้อมูล 500GB, การใช้สิทธิ์ผู้ดูแลระบบในทางที่ผิด, หรือการโอนเงินผิดกว่า €50 ล้านผ่านช่องโหว่ใน SAP

    แม้จะมีข้อบังคับจาก GDPR, DORA, NIS2 และกฎหมายตลาดทุนที่กำหนดให้ต้องเปิดเผยเหตุการณ์ไซเบอร์อย่างทันท่วงที แต่ CISO กลับถูกบีบให้หลีกเลี่ยงการรายงาน—ทั้งจากแรงกดดันภายในและความกลัวผลกระทบต่ออาชีพของตนเอง

    Caroline Morgan จาก CM Law เตือนว่า “การปิดข่าวไม่ใช่การหลีกเลี่ยงปัญหา แต่เป็นการเพิ่มความเสียหาย” เพราะหากถูกตรวจพบ องค์กรอาจถูกปรับหนัก เสียความเชื่อมั่น และผู้บริหารอาจถูกฟ้องหรือดำเนินคดีได้

    สถิติและแนวโน้มการปิดข่าวไซเบอร์
    69% ของ CISO ถูกขอให้ปิดข่าวการโจมตี เพิ่มจาก 42% ในสองปี
    การโจมตีแบบขโมยข้อมูลเงียบ ๆ ทำให้เหตุการณ์ดูไม่รุนแรง
    การเจรจาแบบลับ ๆ ลดแรงกดดันในการเปิดเผย

    ตัวอย่างเหตุการณ์ที่ถูกปิดข่าว
    ขโมยข้อมูลวิศวกรรม 500GB โดย insider ขายบน dark web
    ผู้ดูแลระบบใช้สิทธิ์ข่มขู่และเข้าถึงบัญชีผู้บริหาร
    โอนเงินผิดกว่า €50 ล้าน ผ่านช่องโหว่ใน SAP
    บัญชี super admin ถูก CrowdStrike แจ้งเตือน แต่ไม่มีการแก้ไข
    CISO ถูกติดสินบนด้วยทริปหรูเพื่อแลกกับสัญญา

    แรงกดดันจากผู้บริหารและโครงสร้างองค์กร
    CIO และ CFO เป็นผู้ตัดสินใจว่าจะเปิดเผยหรือไม่ โดยไม่ปรึกษา CISO
    เหตุการณ์มักถูกเลื่อนการแจ้งก่อนประชุมผู้ถือหุ้นหรือรายงานผลประกอบการ
    CISO ที่ไม่ยอมปิดข่าวมักถูกลดบทบาทหรือให้ออกจากงาน

    ข้อกฎหมายและคำเตือนจากผู้เชี่ยวชาญ
    GDPR, DORA, NIS2 และกฎหมายตลาดทุนกำหนดให้ต้องเปิดเผยทันที
    การปิดข่าวอาจนำไปสู่การปรับ, สูญเสียความเชื่อมั่น, และฟ้องร้อง
    อดีต CISO ของ Uber ถูกตัดสินว่ามีความผิดจากการปิดข่าวการโจมตีในปี 2016

    https://www.csoonline.com/article/4050232/pressure-on-cisos-to-stay-silent-about-security-incidents-growing.html
    🎙️ เรื่องเล่าจากเบื้องหลังการปิดข่าว: เมื่อการไม่เปิดเผยเหตุการณ์ไซเบอร์กลายเป็นกลยุทธ์องค์กร จากรายงานล่าสุดของ Bitdefender และการสัมภาษณ์โดย CSO Online พบว่า 69% ของ CISO ถูกขอให้ปิดข่าวการถูกโจมตีทางไซเบอร์โดยผู้บริหารขององค์กร ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 42% เมื่อสองปีก่อน สาเหตุหลักคือความกลัวผลกระทบต่อชื่อเสียงและราคาหุ้น มากกว่าการปฏิบัติตามกฎหมายหรือมาตรฐานความปลอดภัย รูปแบบการโจมตีที่เปลี่ยนไปก็มีส่วน—จาก ransomware ที่เคยบังคับให้เปิดเผยข้อมูล สู่การขโมยข้อมูลแบบเงียบ ๆ โดยไม่กระทบผู้ใช้ปลายทาง เช่น กลุ่ม RedCurl ที่เจาะ hypervisor โดยไม่แตะระบบที่ผู้ใช้เห็น ทำให้การเจรจาเป็นไปแบบลับ ๆ และลดแรงกดดันในการเปิดเผย CISO หลายคนเล่าว่าถูกกดดันให้ “ไม่แจ้งคณะกรรมการตรวจสอบ” หรือ “แต่งเรื่องให้ดูดีในเอกสาร SEC” แม้จะมีเหตุการณ์อย่างการขโมยข้อมูล 500GB, การใช้สิทธิ์ผู้ดูแลระบบในทางที่ผิด, หรือการโอนเงินผิดกว่า €50 ล้านผ่านช่องโหว่ใน SAP แม้จะมีข้อบังคับจาก GDPR, DORA, NIS2 และกฎหมายตลาดทุนที่กำหนดให้ต้องเปิดเผยเหตุการณ์ไซเบอร์อย่างทันท่วงที แต่ CISO กลับถูกบีบให้หลีกเลี่ยงการรายงาน—ทั้งจากแรงกดดันภายในและความกลัวผลกระทบต่ออาชีพของตนเอง Caroline Morgan จาก CM Law เตือนว่า “การปิดข่าวไม่ใช่การหลีกเลี่ยงปัญหา แต่เป็นการเพิ่มความเสียหาย” เพราะหากถูกตรวจพบ องค์กรอาจถูกปรับหนัก เสียความเชื่อมั่น และผู้บริหารอาจถูกฟ้องหรือดำเนินคดีได้ ✅ สถิติและแนวโน้มการปิดข่าวไซเบอร์ ➡️ 69% ของ CISO ถูกขอให้ปิดข่าวการโจมตี เพิ่มจาก 42% ในสองปี ➡️ การโจมตีแบบขโมยข้อมูลเงียบ ๆ ทำให้เหตุการณ์ดูไม่รุนแรง ➡️ การเจรจาแบบลับ ๆ ลดแรงกดดันในการเปิดเผย ✅ ตัวอย่างเหตุการณ์ที่ถูกปิดข่าว ➡️ ขโมยข้อมูลวิศวกรรม 500GB โดย insider ขายบน dark web ➡️ ผู้ดูแลระบบใช้สิทธิ์ข่มขู่และเข้าถึงบัญชีผู้บริหาร ➡️ โอนเงินผิดกว่า €50 ล้าน ผ่านช่องโหว่ใน SAP ➡️ บัญชี super admin ถูก CrowdStrike แจ้งเตือน แต่ไม่มีการแก้ไข ➡️ CISO ถูกติดสินบนด้วยทริปหรูเพื่อแลกกับสัญญา ✅ แรงกดดันจากผู้บริหารและโครงสร้างองค์กร ➡️ CIO และ CFO เป็นผู้ตัดสินใจว่าจะเปิดเผยหรือไม่ โดยไม่ปรึกษา CISO ➡️ เหตุการณ์มักถูกเลื่อนการแจ้งก่อนประชุมผู้ถือหุ้นหรือรายงานผลประกอบการ ➡️ CISO ที่ไม่ยอมปิดข่าวมักถูกลดบทบาทหรือให้ออกจากงาน ✅ ข้อกฎหมายและคำเตือนจากผู้เชี่ยวชาญ ➡️ GDPR, DORA, NIS2 และกฎหมายตลาดทุนกำหนดให้ต้องเปิดเผยทันที ➡️ การปิดข่าวอาจนำไปสู่การปรับ, สูญเสียความเชื่อมั่น, และฟ้องร้อง ➡️ อดีต CISO ของ Uber ถูกตัดสินว่ามีความผิดจากการปิดข่าวการโจมตีในปี 2016 https://www.csoonline.com/article/4050232/pressure-on-cisos-to-stay-silent-about-security-incidents-growing.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Pressure on CISOs to stay silent about security incidents growing
    A recent survey found that 69% of CISOs have been told to keep quiet about breaches by their employers, up from 42% just two years ago.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 231 มุมมอง 0 รีวิว
  • สตาร์บัคส์มาเลเซียอ่วม หางเลขบอยคอตขาดทุนยับ

    กิจกรรมคว่ำบาตรจากเหตุความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ ส่งผลทำให้ร้านกาแฟสัญชาติอเมริกัน สตาร์บัคส์ (Starbucks) ในประเทศมาเลเซีย ภายใต้การบริหารงานของเบอร์จายา ฟู้ด เบอร์ฮัด (Berjaya Food Berhad) ธุรกิจค้าปลีกของกลุ่มเบอร์จายา คอร์ปอเรชัน (Berjaya Corporation) ขาดทุนอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดรายงานผลประกอบการไปยังตลาดหลักทรัพย์เบอร์ซามาเลเซีย (Bursa Malaysia) ว่า งบการเงินปี 2025 มีรายได้รวม 476.770 ล้านริงกิต ขาดทุน 291.99 ล้านริงกิต (ประมาณ 2,232.37 ล้านบาท) ซึ่งเป็นสถิติสูงสุด เทียบกับงบการเงินปี 2024 เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.2567 ที่มีรายได้รวม 750.70 ล้านบาท ขาดทุน 90.92 ล้านริงกิต

    สาเหตุหลักมาจากผลกระทบที่ยืดเยื้อ ของกระแสความรู้สึกที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ซึ่งส่งผลต่อพลวัตของตลาดและรูปแบบการใช้จ่ายของผู้บริโภค นับจากนี้จะมุ่งเน้นกระจายตลาดทั้งในและต่างประเทศ (ซึ่งบริหารร้านสตาร์บัคส์ในประเทศบรูไน และไอซ์แลนด์) พร้อมกับปรับโครงสร้างร้านค้าในประเทศ ใช้นวัตกรรมควบคู่กับการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล และการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าที่เข้มแข็งยิ่งขึ้น มุ่งเน้นการขยายตัวในด้านดิจิทัลและโซเชียลมีเดีย ควบคู่กับประสบการณ์ร้านค้าที่มีชีวิต

    ที่ผ่านมา สตาร์บัคส์ มาเลเซีย ได้รับผลกระทบจากกรณีบริษัทแม่ในสหรัฐอเมริกา ฟ้องร้องสหภาพแรงงานสตาร์บัคส์ กรณีโพสต์ข้อความสนับสนุนปาเลสไตน์ จากเหตุปะทะกับอิสราเอลในฉนวนกาซาเมื่อปี 2566 ทำให้เกิดกิจกรรมคว่ำบาตรไปทั่วโลก แม้แต่มาเลเซียซึ่งประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม ก็ได้รับอิทธิพลจากการรณรงค์ในครั้งนี้ ส่งผลให้รายได้ลดลง ต้องทยอยปิดสาขาที่รายได้ลดลง แม้ผู้ก่อตั้งกลุ่มเบอร์จายาอย่างวินเซนต์ ตัน (Vincent Tan) จะขอร้องให้ทบทวน ย้ำว่าผู้บริหารร้านเป็นบริษัทมาเลเซีย และพนักงาน 85% เป็นชาวมุสลิม นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังบริจาคเงิน 1 ล้านริงกิตแก่กองทุนเพื่อมนุษยธรรมของชาวปาเลสไตน์ (AAKRP) ของรัฐบาลมาเลเซียอีกด้วย

    ร้านสตาร์บัคส์ มาเลเซีย เปิดสาขาแรกเมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 2541 ที่ศูนย์การค้าเคแอล พลาซา ย่านบูกิตบินตัง (ปัจจุบันคือ ศูนย์การค้าฟาเรนไฮต์ 88) ก่อนขยายสาขาไปทั่วประเทศ กระทั่งในปี 2567 มีจำนวนสาขารวม 408 แห่ง ซึ่งเบอร์จายา ฟู้ด เบอร์ฮัด ยังเป็นผู้บริหารร้านอาหารเคนนี่ โรเจอร์ โรสเตอร์, ร้านคริสปี้ ครีม, ร้านปารีสบาแก็ต, ร้านจอยบีน และร้านเคลาวา นอกจากนี้ กลุ่มเบอร์จายา ยังเป็นผู้บริหารร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น (7-Eleven) ในมาเลเซีย ปัจจุบันมีจำนวนสาขารวม 2,646 แห่ง

    #Newskit
    สตาร์บัคส์มาเลเซียอ่วม หางเลขบอยคอตขาดทุนยับ กิจกรรมคว่ำบาตรจากเหตุความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ ส่งผลทำให้ร้านกาแฟสัญชาติอเมริกัน สตาร์บัคส์ (Starbucks) ในประเทศมาเลเซีย ภายใต้การบริหารงานของเบอร์จายา ฟู้ด เบอร์ฮัด (Berjaya Food Berhad) ธุรกิจค้าปลีกของกลุ่มเบอร์จายา คอร์ปอเรชัน (Berjaya Corporation) ขาดทุนอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดรายงานผลประกอบการไปยังตลาดหลักทรัพย์เบอร์ซามาเลเซีย (Bursa Malaysia) ว่า งบการเงินปี 2025 มีรายได้รวม 476.770 ล้านริงกิต ขาดทุน 291.99 ล้านริงกิต (ประมาณ 2,232.37 ล้านบาท) ซึ่งเป็นสถิติสูงสุด เทียบกับงบการเงินปี 2024 เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.2567 ที่มีรายได้รวม 750.70 ล้านบาท ขาดทุน 90.92 ล้านริงกิต สาเหตุหลักมาจากผลกระทบที่ยืดเยื้อ ของกระแสความรู้สึกที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ซึ่งส่งผลต่อพลวัตของตลาดและรูปแบบการใช้จ่ายของผู้บริโภค นับจากนี้จะมุ่งเน้นกระจายตลาดทั้งในและต่างประเทศ (ซึ่งบริหารร้านสตาร์บัคส์ในประเทศบรูไน และไอซ์แลนด์) พร้อมกับปรับโครงสร้างร้านค้าในประเทศ ใช้นวัตกรรมควบคู่กับการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล และการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าที่เข้มแข็งยิ่งขึ้น มุ่งเน้นการขยายตัวในด้านดิจิทัลและโซเชียลมีเดีย ควบคู่กับประสบการณ์ร้านค้าที่มีชีวิต ที่ผ่านมา สตาร์บัคส์ มาเลเซีย ได้รับผลกระทบจากกรณีบริษัทแม่ในสหรัฐอเมริกา ฟ้องร้องสหภาพแรงงานสตาร์บัคส์ กรณีโพสต์ข้อความสนับสนุนปาเลสไตน์ จากเหตุปะทะกับอิสราเอลในฉนวนกาซาเมื่อปี 2566 ทำให้เกิดกิจกรรมคว่ำบาตรไปทั่วโลก แม้แต่มาเลเซียซึ่งประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม ก็ได้รับอิทธิพลจากการรณรงค์ในครั้งนี้ ส่งผลให้รายได้ลดลง ต้องทยอยปิดสาขาที่รายได้ลดลง แม้ผู้ก่อตั้งกลุ่มเบอร์จายาอย่างวินเซนต์ ตัน (Vincent Tan) จะขอร้องให้ทบทวน ย้ำว่าผู้บริหารร้านเป็นบริษัทมาเลเซีย และพนักงาน 85% เป็นชาวมุสลิม นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังบริจาคเงิน 1 ล้านริงกิตแก่กองทุนเพื่อมนุษยธรรมของชาวปาเลสไตน์ (AAKRP) ของรัฐบาลมาเลเซียอีกด้วย ร้านสตาร์บัคส์ มาเลเซีย เปิดสาขาแรกเมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 2541 ที่ศูนย์การค้าเคแอล พลาซา ย่านบูกิตบินตัง (ปัจจุบันคือ ศูนย์การค้าฟาเรนไฮต์ 88) ก่อนขยายสาขาไปทั่วประเทศ กระทั่งในปี 2567 มีจำนวนสาขารวม 408 แห่ง ซึ่งเบอร์จายา ฟู้ด เบอร์ฮัด ยังเป็นผู้บริหารร้านอาหารเคนนี่ โรเจอร์ โรสเตอร์, ร้านคริสปี้ ครีม, ร้านปารีสบาแก็ต, ร้านจอยบีน และร้านเคลาวา นอกจากนี้ กลุ่มเบอร์จายา ยังเป็นผู้บริหารร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น (7-Eleven) ในมาเลเซีย ปัจจุบันมีจำนวนสาขารวม 2,646 แห่ง #Newskit
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 330 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อพลังงานลมถูกโจมตีด้วย “เงินน้ำมัน” และกลยุทธ์ทางกฎหมาย

    ในขณะที่โลกกำลังเร่งเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Brown กลับพบว่าเบื้องหลังการต่อต้านโครงการพลังงานลมนอกชายฝั่งในสหรัฐฯ มีเครือข่ายที่ซับซ้อนซึ่งได้รับทุนจากอุตสาหกรรมน้ำมันและกลุ่มการเมืองฝ่ายขวา

    รายงาน “Legal Entanglements” จาก Climate & Development Lab (CDL) เปิดเผยว่า กลุ่มต่อต้านพลังงานลมใช้กลยุทธ์ทางกฎหมายและการบิดเบือนข้อมูลเพื่อชะลอหรือยกเลิกโครงการพลังงานลม โดยอ้างความกังวลด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การคุกคามวาฬสายพันธุ์ North Atlantic Right Whale ทั้งที่ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ชี้ชัดว่าอุตสาหกรรมน้ำมันเป็นตัวการหลักที่ทำลายระบบนิเวศทางทะเล

    หนึ่งในตัวอย่างที่โดดเด่นคือการฟ้องร้องโครงการ Cape Wind โดยกลุ่ม Alliance to Protect Nantucket Sound ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากมหาเศรษฐีน้ำมัน William Koch จนทำให้โครงการต้องยุติ แม้จะใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้วก็ตาม

    เมื่อ CDL เปิดเผยความเชื่อมโยงระหว่างกลุ่มต่อต้านกับบริษัทน้ำมันและสำนักงานกฎหมาย เช่น Marzulla Law บริษัทเหล่านี้กลับตอบโต้ด้วยการข่มขู่ให้มหาวิทยาลัย Brown ถอนรายงาน และขู่ว่าจะยื่นเรื่องให้หน่วยงานรัฐตัดงบประมาณของมหาวิทยาลัย

    สิ่งที่น่ากังวลคือ การโจมตีทางกฎหมายเช่นนี้ไม่เพียงแต่ทำให้โครงการพลังงานสะอาดล่าช้า แต่ยังเป็นการคุกคามเสรีภาพทางวิชาการ และทำให้ประชาชนเข้าใจผิดเกี่ยวกับผลกระทบของพลังงานลม

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    CDL แห่งมหาวิทยาลัย Brown เผยรายงาน “Legal Entanglements” เปิดโปงเครือข่ายต่อต้านพลังงานลม
    กลุ่มต่อต้านได้รับทุนจากอุตสาหกรรมน้ำมันและกลุ่มการเมืองฝ่ายขวา
    ใช้กลยุทธ์ทางกฎหมายและการบิดเบือนข้อมูลเพื่อชะลอหรือยกเลิกโครงการพลังงานลมนอกชายฝั่ง
    อ้างการคุกคามวาฬ North Atlantic Right Whale ทั้งที่สาเหตุหลักมาจากการขนส่งน้ำมันและภาวะโลกร้อน
    Marzulla Law ส่งจดหมายข่มขู่ให้มหาวิทยาลัย Brown ถอนรายงาน และขู่ว่าจะยื่นเรื่องให้ DOE ตัดงบประมาณ
    กลุ่ม Green Oceans ที่ Marzulla Law เป็นตัวแทน เคยฟ้องโครงการ Revolution Wind จนต้องหยุดชั่วคราว
    CDL ยืนยันว่าไม่ได้รับทุนจาก DOE และจะไม่ยอมเซ็นเซอร์งานวิจัย
    Brown University ยืนยันหลักการเสรีภาพทางวิชาการ แม้จะถูกกดดันจากภายนอก
    รายงานชี้ว่าการฟ้องร้องแม้ไม่สำเร็จ ก็สามารถทำให้โครงการล่าช้าและเพิ่มต้นทุน
    การบิดเบือนข้อมูลทำให้ประชาชนเข้าใจผิดเกี่ยวกับผลกระทบของพลังงานลม

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Offshore wind มีศักยภาพสูงในแถบ North Atlantic และสามารถผลิตไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่อง
    ประเทศอย่างเดนมาร์ก เยอรมนี และเวียดนามประสบความสำเร็จในการใช้พลังงานลมนอกชายฝั่ง
    การใช้พลังงานลมช่วยลดการพึ่งพาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ และลดการปล่อยคาร์บอน
    การฟ้องร้องโครงการพลังงานสะอาดเป็นกลยุทธ์ที่ใช้กันทั่วโลกเพื่อรักษาผลประโยชน์ของอุตสาหกรรมเก่า
    การคุกคามนักวิจัยและมหาวิทยาลัยเป็นรูปแบบใหม่ของการโจมตีเสรีภาพทางวิชาการ

    https://electrek.co/2025/08/25/scientist-exposes-anti-wind-groups-as-oil-funded-now-they-want-to-silence-him/
    🌬️ เมื่อพลังงานลมถูกโจมตีด้วย “เงินน้ำมัน” และกลยุทธ์ทางกฎหมาย ในขณะที่โลกกำลังเร่งเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Brown กลับพบว่าเบื้องหลังการต่อต้านโครงการพลังงานลมนอกชายฝั่งในสหรัฐฯ มีเครือข่ายที่ซับซ้อนซึ่งได้รับทุนจากอุตสาหกรรมน้ำมันและกลุ่มการเมืองฝ่ายขวา รายงาน “Legal Entanglements” จาก Climate & Development Lab (CDL) เปิดเผยว่า กลุ่มต่อต้านพลังงานลมใช้กลยุทธ์ทางกฎหมายและการบิดเบือนข้อมูลเพื่อชะลอหรือยกเลิกโครงการพลังงานลม โดยอ้างความกังวลด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การคุกคามวาฬสายพันธุ์ North Atlantic Right Whale ทั้งที่ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ชี้ชัดว่าอุตสาหกรรมน้ำมันเป็นตัวการหลักที่ทำลายระบบนิเวศทางทะเล หนึ่งในตัวอย่างที่โดดเด่นคือการฟ้องร้องโครงการ Cape Wind โดยกลุ่ม Alliance to Protect Nantucket Sound ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากมหาเศรษฐีน้ำมัน William Koch จนทำให้โครงการต้องยุติ แม้จะใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้วก็ตาม เมื่อ CDL เปิดเผยความเชื่อมโยงระหว่างกลุ่มต่อต้านกับบริษัทน้ำมันและสำนักงานกฎหมาย เช่น Marzulla Law บริษัทเหล่านี้กลับตอบโต้ด้วยการข่มขู่ให้มหาวิทยาลัย Brown ถอนรายงาน และขู่ว่าจะยื่นเรื่องให้หน่วยงานรัฐตัดงบประมาณของมหาวิทยาลัย สิ่งที่น่ากังวลคือ การโจมตีทางกฎหมายเช่นนี้ไม่เพียงแต่ทำให้โครงการพลังงานสะอาดล่าช้า แต่ยังเป็นการคุกคามเสรีภาพทางวิชาการ และทำให้ประชาชนเข้าใจผิดเกี่ยวกับผลกระทบของพลังงานลม 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ CDL แห่งมหาวิทยาลัย Brown เผยรายงาน “Legal Entanglements” เปิดโปงเครือข่ายต่อต้านพลังงานลม ➡️ กลุ่มต่อต้านได้รับทุนจากอุตสาหกรรมน้ำมันและกลุ่มการเมืองฝ่ายขวา ➡️ ใช้กลยุทธ์ทางกฎหมายและการบิดเบือนข้อมูลเพื่อชะลอหรือยกเลิกโครงการพลังงานลมนอกชายฝั่ง ➡️ อ้างการคุกคามวาฬ North Atlantic Right Whale ทั้งที่สาเหตุหลักมาจากการขนส่งน้ำมันและภาวะโลกร้อน ➡️ Marzulla Law ส่งจดหมายข่มขู่ให้มหาวิทยาลัย Brown ถอนรายงาน และขู่ว่าจะยื่นเรื่องให้ DOE ตัดงบประมาณ ➡️ กลุ่ม Green Oceans ที่ Marzulla Law เป็นตัวแทน เคยฟ้องโครงการ Revolution Wind จนต้องหยุดชั่วคราว ➡️ CDL ยืนยันว่าไม่ได้รับทุนจาก DOE และจะไม่ยอมเซ็นเซอร์งานวิจัย ➡️ Brown University ยืนยันหลักการเสรีภาพทางวิชาการ แม้จะถูกกดดันจากภายนอก ➡️ รายงานชี้ว่าการฟ้องร้องแม้ไม่สำเร็จ ก็สามารถทำให้โครงการล่าช้าและเพิ่มต้นทุน ➡️ การบิดเบือนข้อมูลทำให้ประชาชนเข้าใจผิดเกี่ยวกับผลกระทบของพลังงานลม ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Offshore wind มีศักยภาพสูงในแถบ North Atlantic และสามารถผลิตไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่อง ➡️ ประเทศอย่างเดนมาร์ก เยอรมนี และเวียดนามประสบความสำเร็จในการใช้พลังงานลมนอกชายฝั่ง ➡️ การใช้พลังงานลมช่วยลดการพึ่งพาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ และลดการปล่อยคาร์บอน ➡️ การฟ้องร้องโครงการพลังงานสะอาดเป็นกลยุทธ์ที่ใช้กันทั่วโลกเพื่อรักษาผลประโยชน์ของอุตสาหกรรมเก่า ➡️ การคุกคามนักวิจัยและมหาวิทยาลัยเป็นรูปแบบใหม่ของการโจมตีเสรีภาพทางวิชาการ https://electrek.co/2025/08/25/scientist-exposes-anti-wind-groups-as-oil-funded-now-they-want-to-silence-him/
    ELECTREK.CO
    Scientist exposes anti-wind groups as oil-funded. Now they want to silence him.
    A report shows how fossil-funded legal groups file bogus lawsuits and spread disinfo about wind - then those lawyers threatened the authors.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 281 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผิดก็ไม่ถูกลงโทษติดคุกอะไร,ประชาชนเด็กๆและเกือบหมดครอบครัวเขาตายไปจริงๆนะเพราะรัฐบาลทั้งคณะพวกนี้ด้วย.,การปกครองเราอ่อนหัดต่อผู้นำที่ทำชั่วเลวต่อบ้านเมือง แต่มืออาชีพจับประชาชนติดคุกยัดข้อหาได้ทุกๆรูปผิดอะไรผูกทั้งปรับทั้งจำคุกทั้งประหารชีวิตแต่ถ้ารัฐบาลทำผิดซึ่งคือสส.ที่เป็นพรรคหลักพรรคร่วมเป็นครม.ของพรรคหลักพรรคร่วม กลับไม่ถูกลงโทษใดๆจริงจัง,ระบบศาลลงโทษคนประเภทนี้มีปัญหามาก แต่กับประชาชนเคี้ยวลากไส้ ดูกรณีบ้านหนองจานที่ฟ้องร้องอะไรก็ไร้ผล พึ่งอะไรหน่วยงานรัฐได้จริง,จนต้องพึ่งตนเองอย่างอ.วีระเข้าช่วยที่มีหน้ามีตาในสังคมไทยผู้คนรับรู้,
    ..คดีนี้หากตัดสินว่านายกฯรอด ต้องยอมรับว่าประเทศไทยสมควรล้มละลายพังพินาศ,ไม่สมควรที่ประชาชนคนไทยต้องคงไว้ซึ่งระบบอุบาทก์นี้ไว้อีก,เรา..ประชาชนจะร่วมกันกวาดล้างกันเองสร้างประเทศขึ้นใหม่เอง,ระบบเก่าทั้งหมดต้องพัง,หรือไม่ก็ปล่อยให้มันพังพินาศตามที่มันเป็นปัจจุบันเอง,อยากให้เป็นแบบนี้ นั้นแสดงว่า อำนาจและกำลังเท่านั้นคือยุติธรรมกับใคร?.

    https://youtube.com/watch?v=4ou6WZvWPwY&si=vIMy0ZEzJbj3Gdzd
    ผิดก็ไม่ถูกลงโทษติดคุกอะไร,ประชาชนเด็กๆและเกือบหมดครอบครัวเขาตายไปจริงๆนะเพราะรัฐบาลทั้งคณะพวกนี้ด้วย.,การปกครองเราอ่อนหัดต่อผู้นำที่ทำชั่วเลวต่อบ้านเมือง แต่มืออาชีพจับประชาชนติดคุกยัดข้อหาได้ทุกๆรูปผิดอะไรผูกทั้งปรับทั้งจำคุกทั้งประหารชีวิตแต่ถ้ารัฐบาลทำผิดซึ่งคือสส.ที่เป็นพรรคหลักพรรคร่วมเป็นครม.ของพรรคหลักพรรคร่วม กลับไม่ถูกลงโทษใดๆจริงจัง,ระบบศาลลงโทษคนประเภทนี้มีปัญหามาก แต่กับประชาชนเคี้ยวลากไส้ ดูกรณีบ้านหนองจานที่ฟ้องร้องอะไรก็ไร้ผล พึ่งอะไรหน่วยงานรัฐได้จริง,จนต้องพึ่งตนเองอย่างอ.วีระเข้าช่วยที่มีหน้ามีตาในสังคมไทยผู้คนรับรู้, ..คดีนี้หากตัดสินว่านายกฯรอด ต้องยอมรับว่าประเทศไทยสมควรล้มละลายพังพินาศ,ไม่สมควรที่ประชาชนคนไทยต้องคงไว้ซึ่งระบบอุบาทก์นี้ไว้อีก,เรา..ประชาชนจะร่วมกันกวาดล้างกันเองสร้างประเทศขึ้นใหม่เอง,ระบบเก่าทั้งหมดต้องพัง,หรือไม่ก็ปล่อยให้มันพังพินาศตามที่มันเป็นปัจจุบันเอง,อยากให้เป็นแบบนี้ นั้นแสดงว่า อำนาจและกำลังเท่านั้นคือยุติธรรมกับใคร?. https://youtube.com/watch?v=4ou6WZvWPwY&si=vIMy0ZEzJbj3Gdzd
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 214 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรา..ประชาชนสามารถเข้าใจและพร้อมกับฟันธงได้เลยทันทีว่านอกจากที่เรา..เชื่อว่ามีไส้ศึกในส่วนอื่นๆแล้ว ตัวพ่ออีกตัวคือ กต.นี้เอง เธอมีองค์ข้อมูลสาระพัดกับดิวต่างประเทศทั้งหมด อะไรที่เกี่ยวกับอธิปไตยไทยต่อต่างชาติเธอคนนี้รับรู้ข้อมูลทั้งหมดก่อนใครเพื่อน นักการเมืองจะขายชาติจะแย่งเอาบ่อน้ำมันจากอ่าวไทยเธอในเรื่องอะไรจะไม่รู้ลึกรู้หนารู้ตื้น ช่องทางใดต่างชาติได้เปรียบหรือไม่ได้เปรียบไทยเธอก็รับรู้รายละเอียดความในเราหมดสิ้นมีช่องว่างอะไรที่จะช่วยต่างชาติชนะเราได้,เรามีอะไรปิดช่องนั้นก็ได้อีก สามารถเสนอทางตัดตอนเด็ดขาดก็ได้หรือไม่เด็ดขาดโอนอ่อนผ่อนตามก็ได้อีก,จะเสียดินแดนเสียอธิปไตยไทย กต.มีส่วนเกี่ยวข้องทุกๆเรื่องราวสืบทอดเชื่อมโยงแต่ละรัฐบาลได้นั้นเอง,ปลัดกระทรวงกต.จึงเสมือนกลไกให้คุณให้โทษเต็มที่ต่อการเสียอธิปไตยไทยแก่ต่างชาติใดๆหรือไม่ก็ได้ นอกจากมาจากฝ่ายนักการเมืองด้วย ตัวอันตรายที่สุดนอกจากฝ่ายนักการเมือง ปลัดกระทรวงอธิบดีทบวงกรมก็อันตรายไม่แพ้กัน เขียนสัญญาข้อตกลงได้เสียหมดที่กระทำการใดๆกับต่างชาตินอกอาณาจักรเราทั้งหมด,
    ..คนไทยเรากำลังเล่นงานผิดคนก็ด้วยนอกจากนักการเมือง,คนของกระทรวงต่างประเทศด้วยคือตัวอันตรายตัวจริงอีกตัว,แค่แถลงชี้เป้า แบบสไตล์ผู้ว่าฯสระแก้วก็พอเข้าใจแนวรบของพวกขายชาติไส้ศึกแล้ว จึงพยายามยืนยันทุกๆรูปแบบ ทุกๆช่องทาง ตีหลายด้าน ในที่นี้คือผ่านกระทรวงการต่างประเทศแล้ว ใช้เรือกะรุกขุนเลย เดินเรือค้าขายพาณิชย์มานานกับต่างชาติกะค้ำประกันยืนยันเข้าข้างต่างชาติเสียสะงันว่าต้องใช้1:200,000แน่นอน แม้ ในหลวงร.9เราถือใช้กางออกร่วมกับทหารแนวพรมแดนก็เป็นตกไป กระทรวงการต่างประเทศใหญ่กว่าในหลวงเรา ร.9เราที่ทรงใช้แผนที่1:50,000ตลอดการครองราชพระองค์ท่าน กระทรวงการต่างประเทศเป็นเจ้าเสียเองแล้ว เป็นเจ้าของแผ่นดินไทยนี้เสียแล้ว เป็นผู้กำหนดแผ่นดินเขตแดนราชอาณาจักรไทยแล้วว่าต้องใช้อัตราเขตแดน1:200,000นะเพื่อเป็นประโยชน์แก่เขมร เป็นประโยชน์แก่อเมริกาฝรั่งเศสลากเส้นเขตแดนแดกบ่อน้ำมันในอ่าวไทยได้ รับตังมาแล้วต้องเร่งรีบตามแผนเดี๋ยวต่างชาติอเมริกาฝรั่งเศสdeep stateเอากูตาย ,ข้ามีอำนาจเต็มใหญ่ที่สุดเกี่ยวกับต่างประเทศตลอดข้อตกลงต่างๆข้าเท่านั้นเป็นผู้อนุมัตและกำหนดกฎกติกาเงื่อนไขใดๆจะเข้าข้างต่างชาติจะทำไมทำอะไรกูได้เพราะกูมีอำนาจเต็มมือแล้วตอนนี้ คำโพสต์คำยืนยัน คำใดๆประกาศผ่านกูคือราชโองการโว้ย เขตแดนทั่วราชอาณาจักรไทยกูจะขีดจะรับกฎกติกาสมยอมเลียตีนใครก็เรื่องของกูเพราะกูใหญ่ กูจึงประกาศชัดเจนในที่นี้ว่าต้องใช้1:200,000เท่านั้น,ในประเทศไทยนี้ใครใหญ่กว่ากูตอนนี้ กูบอกยืนยันใช้ต้องใช้ตามกูบอก ,กูมีอเมริกาฝรั่งเศสหนุนหลังด้วยเรือจอดท่าเรียมแล้วเช่นนั้นกูไม่กล้าเจาะจงโพสต์วันนี้หรอกมันว่า.

    ..ในหลวงเรา ร.9 เสด็จพระราชกรณียกิจทั่วประเทศกางแผนที่กับทหารทั่วประเทศก็ใช้1:50,000 สคส.ก็ขีดวาดแผนที่1:50,000 แสดงว่ากระทรวงต่างประเทศไทยขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์สำเร็จราชการบนแผ่นดินไทยแน่นอนแล้ว สามารถสั่งการหนักแน่นว่าต้องใช้1:200,000เท่านั้น,ทั้งที่ปี2505เราประกาศไม่ยอมรับการตัดสินศาลผีบ้านี้แล้วพร้อมเสือกยื่นเสนอฝ่ายเดียวด้วย,ต้องโมฆะแผนที่นั้นอัตโนมัติตั้งแต่ปี2505แล้วซึ่งต้องเป็นไปในแบบนั้นถึงปัจจุบัน.
    ..สรุปใครก็ตามที่มีแนวคิดและโพสต์ความคิดเห็น แสดงวาจาว่าต้องใช้1:200,000 มันผู้นั้นคือศัตรูภัยร้ายทำลายแผ่นดินไทยประเทศไทยที่แท้จริง,มิอาจให้มันอยู่ร่วมแผ่นดินไทยนี้ต่อไปได้ กบฎทรยศอธิปไตยชาติไทยชัดเจน เจตนาทำให้สูญเสียดินแดนเขตอธิปไตยไทยแน่นอนแล้ว.,เพราะนั้นคือแผ่นดินไทยที่หายไปถึง1:150,000เลย,ซึ่งในหลวง ร.9เราใช้1:50,000 ,กระทรวงการต่างประเทศบกพร่องโดยทุจริตในใจชัดเจน ไม่ซื่อสัตย์ ซื่อตรงต่อประเทศชาติตน ไม่แสวงข้อเท็จจริงใดๆที่กูรูไทยมากมายรู้ต้นรู้ปลายสาเหตุและเกิดผลของปัญหา ขาดฝีมือมือไม่ถึง ขลาดเขลาหวาดกลัวต่อนักการเมืองและต่างชาติเสมือนพร้อมทรยศหักหลังทั้งสามารถเป็นหนอนบ่อนไส้เสียเองโดยง่ายให้ศัตรูรู้ความภายในตน, ไร้เกียรติไร้ศักดิ์สุดอัปยศและอัปรีย์จัญไรกว่าใดๆยุดใดสมัยใดที่มีกระทรวงการต่างประเทศในไทยเรา.,ไม่มีก็ได้ในเวลานี้กระทรวงแบบนี้,ยุบไปเลย,เรา..ประชาชนทั่วไทยมีคนเก่งมากความสามารถทั่วประเทศในเวลานี้ยุคนี้สามารถตั้งเป็นกระทรวงใหม่เพื่อเจรจาความต่างๆเชื่อมสัมพันธไมตรีต่อต่างชาติต่างประเทศทั่วโลกใหม่ได้และอาจรุ่งเรืองรุ่งโรจน์โคตรๆกว่าปัจจุบันอีก,เพราะรากเหง้าอิทธิพลทรามหยาบหนามึนคงเต็มกระทรวงเดิมแล้ว สามารถล้างบางทั้งหมดในคราวเดียวกัน,ตั้งชื่อกระทรวงว่า กระทรวงการรวมเพื่อนทั่วโลก ก็ว่าไป อนาคตใครคือศัตรูตัดสายสัมพันธ์เลย มีแต่เพื่อนๆร่วมปฏิสัมพันธ์กันเท่านั้น,ผีบ้าแบบปัจจุบันเป็นศัตรูแท้ๆก็ยังคบหาอยู่ ไม่เลือกคบนั้นเองจึงนำภัยวุ่นวายเข้าสู่ประเทศตนเองไม่ขาดสายมิใช่ความเจริญรุ่งเรืองสงบสันติสุขอะไรเลย,เจรจาผีบ้าผีบ้าก็ตกลงไปทั่วไร้สติปัญญาความามารถ แยกแยะถูกผิดชั่วเลวไม่เป็น,อะไรตนเสียเปรียบ อะไรตนเอาเปรียบเขาเกินงามก็ไม่กระทำเป็นต้น,เพื่อนมิตรประเทศแม้เขาเสียเปรียบไม่รู้ เราผู้รู้ก็ไม่สามารถเอาเปรียบเอาแต่ได้ในสิ่งที่รู้ได้,มิตรที่ดีก็ระวังภัยให้มิตรได้,แบบอเมริการู้ว่าเรามีน้ำมันมากมาย แต่ก็เอาเปรียบมากมายกับเราในสิ่งที่รู้,
    ..ยุบทิ้งกระทรวงการต่างประเทศเลย
    #กระทรวงการต่างประเทศมีไว้ทำไม.
    ..ใครที่เกี่ยวข้องในการสมยอมสนับสนุบใช้1:200,000 จัดอยู่ในโหมด ม.119ได้เลยสามารถให้ทนายแผ่นดินไทยฟ้องร้องดำเนินคดีเอาผิดไว้ก่อนได้เลย.ยิ่งเกี่ยวข้องในอำนาจหน้าที่ของตนแบบผู้ว่าฯสระแก้ว ที่กล้ามากเก่งมากต่อดินแดนอธิปไตยตนคนเหล่านี้ต้องพร้อมจ่ายราคาที่ตนกระทำออกมาอย่างแสนแพง,ยิ่งรับรู้และเก็บรวบรวมข้อมูลมามาดมายหลายทศวรรตยิ่งต้องจ่ายราคาแพงและแสนแพงในผลการกระทำของตนที่กล้าหาญท้าทายพระราชอำนาจกษัตริย์เราที่ใช้1:50,000ทั่วราชอาณาจักร,ใดๆทั้งหมดทั้งสิ้นต้องตกไปทั้งหมดแม้อำนาจศาลสูงสุดขึ้นบัลลังก์ว่าความ อื่นๆใดก็ต้องตกไป ไม่สามารถใช้บังคับได้ นอกจาก1:50,000เท่านั้น.เพราะนี้คืออัตราส่วนที่ในหลวงเรา ร.9ใช้จริงบนผืนแผ่นดินไทยเรานี้ทุกๆพระองค์ท่านแน่นอน.

    https://youtube.com/watch?v=vTKbeqvv0RA&si=QtfSpJJWdJy9bEa5
    เรา..ประชาชนสามารถเข้าใจและพร้อมกับฟันธงได้เลยทันทีว่านอกจากที่เรา..เชื่อว่ามีไส้ศึกในส่วนอื่นๆแล้ว ตัวพ่ออีกตัวคือ กต.นี้เอง เธอมีองค์ข้อมูลสาระพัดกับดิวต่างประเทศทั้งหมด อะไรที่เกี่ยวกับอธิปไตยไทยต่อต่างชาติเธอคนนี้รับรู้ข้อมูลทั้งหมดก่อนใครเพื่อน นักการเมืองจะขายชาติจะแย่งเอาบ่อน้ำมันจากอ่าวไทยเธอในเรื่องอะไรจะไม่รู้ลึกรู้หนารู้ตื้น ช่องทางใดต่างชาติได้เปรียบหรือไม่ได้เปรียบไทยเธอก็รับรู้รายละเอียดความในเราหมดสิ้นมีช่องว่างอะไรที่จะช่วยต่างชาติชนะเราได้,เรามีอะไรปิดช่องนั้นก็ได้อีก สามารถเสนอทางตัดตอนเด็ดขาดก็ได้หรือไม่เด็ดขาดโอนอ่อนผ่อนตามก็ได้อีก,จะเสียดินแดนเสียอธิปไตยไทย กต.มีส่วนเกี่ยวข้องทุกๆเรื่องราวสืบทอดเชื่อมโยงแต่ละรัฐบาลได้นั้นเอง,ปลัดกระทรวงกต.จึงเสมือนกลไกให้คุณให้โทษเต็มที่ต่อการเสียอธิปไตยไทยแก่ต่างชาติใดๆหรือไม่ก็ได้ นอกจากมาจากฝ่ายนักการเมืองด้วย ตัวอันตรายที่สุดนอกจากฝ่ายนักการเมือง ปลัดกระทรวงอธิบดีทบวงกรมก็อันตรายไม่แพ้กัน เขียนสัญญาข้อตกลงได้เสียหมดที่กระทำการใดๆกับต่างชาตินอกอาณาจักรเราทั้งหมด, ..คนไทยเรากำลังเล่นงานผิดคนก็ด้วยนอกจากนักการเมือง,คนของกระทรวงต่างประเทศด้วยคือตัวอันตรายตัวจริงอีกตัว,แค่แถลงชี้เป้า แบบสไตล์ผู้ว่าฯสระแก้วก็พอเข้าใจแนวรบของพวกขายชาติไส้ศึกแล้ว จึงพยายามยืนยันทุกๆรูปแบบ ทุกๆช่องทาง ตีหลายด้าน ในที่นี้คือผ่านกระทรวงการต่างประเทศแล้ว ใช้เรือกะรุกขุนเลย เดินเรือค้าขายพาณิชย์มานานกับต่างชาติกะค้ำประกันยืนยันเข้าข้างต่างชาติเสียสะงันว่าต้องใช้1:200,000แน่นอน แม้ ในหลวงร.9เราถือใช้กางออกร่วมกับทหารแนวพรมแดนก็เป็นตกไป กระทรวงการต่างประเทศใหญ่กว่าในหลวงเรา ร.9เราที่ทรงใช้แผนที่1:50,000ตลอดการครองราชพระองค์ท่าน กระทรวงการต่างประเทศเป็นเจ้าเสียเองแล้ว เป็นเจ้าของแผ่นดินไทยนี้เสียแล้ว เป็นผู้กำหนดแผ่นดินเขตแดนราชอาณาจักรไทยแล้วว่าต้องใช้อัตราเขตแดน1:200,000นะเพื่อเป็นประโยชน์แก่เขมร เป็นประโยชน์แก่อเมริกาฝรั่งเศสลากเส้นเขตแดนแดกบ่อน้ำมันในอ่าวไทยได้ รับตังมาแล้วต้องเร่งรีบตามแผนเดี๋ยวต่างชาติอเมริกาฝรั่งเศสdeep stateเอากูตาย ,ข้ามีอำนาจเต็มใหญ่ที่สุดเกี่ยวกับต่างประเทศตลอดข้อตกลงต่างๆข้าเท่านั้นเป็นผู้อนุมัตและกำหนดกฎกติกาเงื่อนไขใดๆจะเข้าข้างต่างชาติจะทำไมทำอะไรกูได้เพราะกูมีอำนาจเต็มมือแล้วตอนนี้ คำโพสต์คำยืนยัน คำใดๆประกาศผ่านกูคือราชโองการโว้ย เขตแดนทั่วราชอาณาจักรไทยกูจะขีดจะรับกฎกติกาสมยอมเลียตีนใครก็เรื่องของกูเพราะกูใหญ่ กูจึงประกาศชัดเจนในที่นี้ว่าต้องใช้1:200,000เท่านั้น,ในประเทศไทยนี้ใครใหญ่กว่ากูตอนนี้ กูบอกยืนยันใช้ต้องใช้ตามกูบอก ,กูมีอเมริกาฝรั่งเศสหนุนหลังด้วยเรือจอดท่าเรียมแล้วเช่นนั้นกูไม่กล้าเจาะจงโพสต์วันนี้หรอกมันว่า. ..ในหลวงเรา ร.9 เสด็จพระราชกรณียกิจทั่วประเทศกางแผนที่กับทหารทั่วประเทศก็ใช้1:50,000 สคส.ก็ขีดวาดแผนที่1:50,000 แสดงว่ากระทรวงต่างประเทศไทยขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์สำเร็จราชการบนแผ่นดินไทยแน่นอนแล้ว สามารถสั่งการหนักแน่นว่าต้องใช้1:200,000เท่านั้น,ทั้งที่ปี2505เราประกาศไม่ยอมรับการตัดสินศาลผีบ้านี้แล้วพร้อมเสือกยื่นเสนอฝ่ายเดียวด้วย,ต้องโมฆะแผนที่นั้นอัตโนมัติตั้งแต่ปี2505แล้วซึ่งต้องเป็นไปในแบบนั้นถึงปัจจุบัน. ..สรุปใครก็ตามที่มีแนวคิดและโพสต์ความคิดเห็น แสดงวาจาว่าต้องใช้1:200,000 มันผู้นั้นคือศัตรูภัยร้ายทำลายแผ่นดินไทยประเทศไทยที่แท้จริง,มิอาจให้มันอยู่ร่วมแผ่นดินไทยนี้ต่อไปได้ กบฎทรยศอธิปไตยชาติไทยชัดเจน เจตนาทำให้สูญเสียดินแดนเขตอธิปไตยไทยแน่นอนแล้ว.,เพราะนั้นคือแผ่นดินไทยที่หายไปถึง1:150,000เลย,ซึ่งในหลวง ร.9เราใช้1:50,000 ,กระทรวงการต่างประเทศบกพร่องโดยทุจริตในใจชัดเจน ไม่ซื่อสัตย์ ซื่อตรงต่อประเทศชาติตน ไม่แสวงข้อเท็จจริงใดๆที่กูรูไทยมากมายรู้ต้นรู้ปลายสาเหตุและเกิดผลของปัญหา ขาดฝีมือมือไม่ถึง ขลาดเขลาหวาดกลัวต่อนักการเมืองและต่างชาติเสมือนพร้อมทรยศหักหลังทั้งสามารถเป็นหนอนบ่อนไส้เสียเองโดยง่ายให้ศัตรูรู้ความภายในตน, ไร้เกียรติไร้ศักดิ์สุดอัปยศและอัปรีย์จัญไรกว่าใดๆยุดใดสมัยใดที่มีกระทรวงการต่างประเทศในไทยเรา.,ไม่มีก็ได้ในเวลานี้กระทรวงแบบนี้,ยุบไปเลย,เรา..ประชาชนทั่วไทยมีคนเก่งมากความสามารถทั่วประเทศในเวลานี้ยุคนี้สามารถตั้งเป็นกระทรวงใหม่เพื่อเจรจาความต่างๆเชื่อมสัมพันธไมตรีต่อต่างชาติต่างประเทศทั่วโลกใหม่ได้และอาจรุ่งเรืองรุ่งโรจน์โคตรๆกว่าปัจจุบันอีก,เพราะรากเหง้าอิทธิพลทรามหยาบหนามึนคงเต็มกระทรวงเดิมแล้ว สามารถล้างบางทั้งหมดในคราวเดียวกัน,ตั้งชื่อกระทรวงว่า กระทรวงการรวมเพื่อนทั่วโลก ก็ว่าไป อนาคตใครคือศัตรูตัดสายสัมพันธ์เลย มีแต่เพื่อนๆร่วมปฏิสัมพันธ์กันเท่านั้น,ผีบ้าแบบปัจจุบันเป็นศัตรูแท้ๆก็ยังคบหาอยู่ ไม่เลือกคบนั้นเองจึงนำภัยวุ่นวายเข้าสู่ประเทศตนเองไม่ขาดสายมิใช่ความเจริญรุ่งเรืองสงบสันติสุขอะไรเลย,เจรจาผีบ้าผีบ้าก็ตกลงไปทั่วไร้สติปัญญาความามารถ แยกแยะถูกผิดชั่วเลวไม่เป็น,อะไรตนเสียเปรียบ อะไรตนเอาเปรียบเขาเกินงามก็ไม่กระทำเป็นต้น,เพื่อนมิตรประเทศแม้เขาเสียเปรียบไม่รู้ เราผู้รู้ก็ไม่สามารถเอาเปรียบเอาแต่ได้ในสิ่งที่รู้ได้,มิตรที่ดีก็ระวังภัยให้มิตรได้,แบบอเมริการู้ว่าเรามีน้ำมันมากมาย แต่ก็เอาเปรียบมากมายกับเราในสิ่งที่รู้, ..ยุบทิ้งกระทรวงการต่างประเทศเลย #กระทรวงการต่างประเทศมีไว้ทำไม. ..ใครที่เกี่ยวข้องในการสมยอมสนับสนุบใช้1:200,000 จัดอยู่ในโหมด ม.119ได้เลยสามารถให้ทนายแผ่นดินไทยฟ้องร้องดำเนินคดีเอาผิดไว้ก่อนได้เลย.ยิ่งเกี่ยวข้องในอำนาจหน้าที่ของตนแบบผู้ว่าฯสระแก้ว ที่กล้ามากเก่งมากต่อดินแดนอธิปไตยตนคนเหล่านี้ต้องพร้อมจ่ายราคาที่ตนกระทำออกมาอย่างแสนแพง,ยิ่งรับรู้และเก็บรวบรวมข้อมูลมามาดมายหลายทศวรรตยิ่งต้องจ่ายราคาแพงและแสนแพงในผลการกระทำของตนที่กล้าหาญท้าทายพระราชอำนาจกษัตริย์เราที่ใช้1:50,000ทั่วราชอาณาจักร,ใดๆทั้งหมดทั้งสิ้นต้องตกไปทั้งหมดแม้อำนาจศาลสูงสุดขึ้นบัลลังก์ว่าความ อื่นๆใดก็ต้องตกไป ไม่สามารถใช้บังคับได้ นอกจาก1:50,000เท่านั้น.เพราะนี้คืออัตราส่วนที่ในหลวงเรา ร.9ใช้จริงบนผืนแผ่นดินไทยเรานี้ทุกๆพระองค์ท่านแน่นอน. https://youtube.com/watch?v=vTKbeqvv0RA&si=QtfSpJJWdJy9bEa5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 351 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อเบอร์ลินเสนอขอ “ดูแล” Chrome – และอาจเปลี่ยนเบราว์เซอร์ให้กลายเป็นเครื่องมือสีเขียว

    ในวันที่ 21 สิงหาคม 2025 Ecosia บริษัทไม่แสวงหากำไรจากเยอรมนีที่รู้จักกันดีในฐานะเสิร์ชเอนจินสายสิ่งแวดล้อม ได้เสนอแนวคิดที่ไม่ธรรมดา: ขอรับหน้าที่ดูแล Google Chrome เป็นเวลา 10 ปี โดยไม่ขอซื้อ แต่ขอ “บริหารจัดการ” แทน

    ข้อเสนอของ Ecosia คือให้ Google แยก Chrome ออกเป็นมูลนิธิที่ยังคงถือสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาไว้ แต่ให้ Ecosia รับผิดชอบการดำเนินงานทั้งหมด โดย Ecosiaจะนำกำไรจาก Chrome ประมาณ 60% ไปลงทุนในโครงการด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การปลูกป่า การพัฒนา AI สีเขียว และการฟ้องร้องผู้ก่อมลพิษ ส่วนอีก 40% จะคืนให้ Google เป็นค่าตอบแทน

    ข้อเสนอนี้เกิดขึ้นในช่วงที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ กำลังพิจารณาให้ Google แยก Chrome ออกจากธุรกิจหลัก หลังจากถูกตัดสินว่าผูกขาดตลาดค้นหา Ecosiaจึงเสนอแนวทางที่ไม่ใช่การขาย แต่เป็นการดูแลแบบมีเป้าหมายเพื่อสาธารณะ

    ก่อนหน้านี้ Perplexity AI เคยเสนอซื้อ Chrome ด้วยเงินสด $34.5 พันล้าน แม้จะมีมูลค่าต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ แต่ก็สะท้อนถึงความสนใจใน Chrome ที่มีผู้ใช้งานหลายพันล้านคนทั่วโลก

    แม้ข้อเสนอของ Ecosia จะดู “ฟรี” แต่พวกเขาคาดว่า Chrome จะสร้างรายได้ถึง $1 ล้านล้านใน 10 ปี ซึ่งหมายความว่า Ecosia จะบริหารเงินกว่า $600 พันล้านเพื่อสิ่งแวดล้อม และ Google จะได้รับคืน $400 พันล้าน โดยไม่ต้องบริหารเอง

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    Ecosia เสนอรับหน้าที่ดูแล Google Chrome เป็นเวลา 10 ปี โดยไม่ขอซื้อ
    Google จะยังคงถือสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาและสามารถเป็น search engine เริ่มต้นได้
    Ecosia จะนำกำไร 60% ไปลงทุนในโครงการสิ่งแวดล้อม และคืน 40% ให้ Google
    ข้อเสนอเกิดขึ้นหลัง DOJ สหรัฐฯ พิจารณาให้ Google แยก Chrome ออกจากธุรกิจหลัก
    Ecosia คาดว่า Chrome จะสร้างรายได้ $1 ล้านล้านใน 10 ปี
    โครงการสิ่งแวดล้อมที่เสนอรวมถึงการปลูกป่า, พัฒนา AI สีเขียว และฟ้องร้องผู้ก่อมลพิษ
    Google ยังไม่ตอบรับหรือปฏิเสธข้อเสนออย่างเป็นทางการ
    Ecosia มีความสัมพันธ์กับ Google อยู่แล้วผ่านการใช้ search engine และ revenue sharing
    ข้อเสนอของ Ecosia ถูกมองว่าเป็นทางเลือกที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์ แต่เน้นผลประโยชน์สาธารณะ
    หากครบ 10 ปี อาจมีการเปลี่ยนผู้ดูแลหรือทบทวนใหม่

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Perplexity AI เคยเสนอซื้อ Chrome ด้วยเงินสด $34.5 พันล้าน แม้จะต่ำกว่าคาด
    OpenAI ก็แสดงความสนใจในการซื้อ Chrome หากมีการเปิดขาย
    Ecosia ก่อตั้งในปี 2009 และลงทุนในโครงการสิ่งแวดล้อมในกว่า 35 ประเทศ
    นักวิเคราะห์คาดว่า Chrome อาจมีมูลค่าหลายแสนล้านดอลลาร์หากเปิดประมูล
    การเปลี่ยน Chrome เป็นมูลนิธิอาจช่วยลดแรงกดดันด้านกฎหมายต่อตัว Google

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/21/germany039s-ecosia-proposes-stewardship-to-run-google-chrome
    🎙️ เมื่อเบอร์ลินเสนอขอ “ดูแล” Chrome – และอาจเปลี่ยนเบราว์เซอร์ให้กลายเป็นเครื่องมือสีเขียว ในวันที่ 21 สิงหาคม 2025 Ecosia บริษัทไม่แสวงหากำไรจากเยอรมนีที่รู้จักกันดีในฐานะเสิร์ชเอนจินสายสิ่งแวดล้อม ได้เสนอแนวคิดที่ไม่ธรรมดา: ขอรับหน้าที่ดูแล Google Chrome เป็นเวลา 10 ปี โดยไม่ขอซื้อ แต่ขอ “บริหารจัดการ” แทน ข้อเสนอของ Ecosia คือให้ Google แยก Chrome ออกเป็นมูลนิธิที่ยังคงถือสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาไว้ แต่ให้ Ecosia รับผิดชอบการดำเนินงานทั้งหมด โดย Ecosiaจะนำกำไรจาก Chrome ประมาณ 60% ไปลงทุนในโครงการด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การปลูกป่า การพัฒนา AI สีเขียว และการฟ้องร้องผู้ก่อมลพิษ ส่วนอีก 40% จะคืนให้ Google เป็นค่าตอบแทน ข้อเสนอนี้เกิดขึ้นในช่วงที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ กำลังพิจารณาให้ Google แยก Chrome ออกจากธุรกิจหลัก หลังจากถูกตัดสินว่าผูกขาดตลาดค้นหา Ecosiaจึงเสนอแนวทางที่ไม่ใช่การขาย แต่เป็นการดูแลแบบมีเป้าหมายเพื่อสาธารณะ ก่อนหน้านี้ Perplexity AI เคยเสนอซื้อ Chrome ด้วยเงินสด $34.5 พันล้าน แม้จะมีมูลค่าต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ แต่ก็สะท้อนถึงความสนใจใน Chrome ที่มีผู้ใช้งานหลายพันล้านคนทั่วโลก แม้ข้อเสนอของ Ecosia จะดู “ฟรี” แต่พวกเขาคาดว่า Chrome จะสร้างรายได้ถึง $1 ล้านล้านใน 10 ปี ซึ่งหมายความว่า Ecosia จะบริหารเงินกว่า $600 พันล้านเพื่อสิ่งแวดล้อม และ Google จะได้รับคืน $400 พันล้าน โดยไม่ต้องบริหารเอง 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ Ecosia เสนอรับหน้าที่ดูแล Google Chrome เป็นเวลา 10 ปี โดยไม่ขอซื้อ ➡️ Google จะยังคงถือสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาและสามารถเป็น search engine เริ่มต้นได้ ➡️ Ecosia จะนำกำไร 60% ไปลงทุนในโครงการสิ่งแวดล้อม และคืน 40% ให้ Google ➡️ ข้อเสนอเกิดขึ้นหลัง DOJ สหรัฐฯ พิจารณาให้ Google แยก Chrome ออกจากธุรกิจหลัก ➡️ Ecosia คาดว่า Chrome จะสร้างรายได้ $1 ล้านล้านใน 10 ปี ➡️ โครงการสิ่งแวดล้อมที่เสนอรวมถึงการปลูกป่า, พัฒนา AI สีเขียว และฟ้องร้องผู้ก่อมลพิษ ➡️ Google ยังไม่ตอบรับหรือปฏิเสธข้อเสนออย่างเป็นทางการ ➡️ Ecosia มีความสัมพันธ์กับ Google อยู่แล้วผ่านการใช้ search engine และ revenue sharing ➡️ ข้อเสนอของ Ecosia ถูกมองว่าเป็นทางเลือกที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์ แต่เน้นผลประโยชน์สาธารณะ ➡️ หากครบ 10 ปี อาจมีการเปลี่ยนผู้ดูแลหรือทบทวนใหม่ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Perplexity AI เคยเสนอซื้อ Chrome ด้วยเงินสด $34.5 พันล้าน แม้จะต่ำกว่าคาด ➡️ OpenAI ก็แสดงความสนใจในการซื้อ Chrome หากมีการเปิดขาย ➡️ Ecosia ก่อตั้งในปี 2009 และลงทุนในโครงการสิ่งแวดล้อมในกว่า 35 ประเทศ ➡️ นักวิเคราะห์คาดว่า Chrome อาจมีมูลค่าหลายแสนล้านดอลลาร์หากเปิดประมูล ➡️ การเปลี่ยน Chrome เป็นมูลนิธิอาจช่วยลดแรงกดดันด้านกฎหมายต่อตัว Google https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/21/germany039s-ecosia-proposes-stewardship-to-run-google-chrome
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Germany's Ecosia proposes stewardship to run Google Chrome
    STOCKHOLM (Reuters) -Germany's Ecosia, a nonprofit search engine, said on Thursday it has submitted a proposal to assume a 10-year stewardship of Alphabet's Google Chrome web browser.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 232 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่องโหว่เงียบใน Copilot – เมื่อ AI ละเลยความปลอดภัยโดยไม่มีใครรู้

    ในวันที่ 4 กรกฎาคม 2025 Zack Korman นักวิจัยด้านความปลอดภัยจากบริษัท Pistachio พบช่องโหว่ใน Microsoft 365 Copilot ที่น่าตกใจ: เขาสามารถขอให้ Copilot สรุปเนื้อหาไฟล์โดยไม่ให้ลิงก์กลับไปยังไฟล์นั้น และผลคือ...ไม่มีการบันทึกใน audit log เลย

    นั่นหมายความว่าใครก็ตามที่ใช้ Copilot เพื่อเข้าถึงไฟล์ สามารถทำได้โดยไม่ทิ้งร่องรอยไว้ในระบบตรวจสอบขององค์กร ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่สำหรับการรักษาความปลอดภัยและการปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น HIPAA หรือ GDPR

    แม้ว่า Microsoft จะได้รับรายงานและแก้ไขช่องโหว่นี้ในวันที่ 17 สิงหาคม 2025 แต่พวกเขากลับไม่แจ้งลูกค้า ไม่ออก CVE และไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ โดยอ้างว่าเป็นช่องโหว่ระดับ “สำคัญ” ไม่ใช่ “วิกฤต” และการแก้ไขถูกส่งอัตโนมัติ จึงไม่จำเป็นต้องแจ้ง

    สิ่งที่น่ากังวลคือ ช่องโหว่นี้สามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่ตั้งใจ และอาจมีองค์กรจำนวนมากที่มี audit log ไม่สมบูรณ์ โดยไม่รู้ตัวเลย

    ข้อมูลในข่าว
    พบช่องโหว่ใน M365 Copilot ที่ทำให้เข้าถึงไฟล์โดยไม่บันทึกใน audit log
    ช่องโหว่เกิดจากการสั่งให้ Copilot สรุปไฟล์โดยไม่ให้ลิงก์กลับ
    ช่องโหว่นี้สามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่ตั้งใจจากผู้ใช้ทั่วไป
    Zack Korman รายงานช่องโหว่ผ่าน MSRC ของ Microsoft
    Microsoft แก้ไขช่องโหว่ในวันที่ 17 สิงหาคม 2025
    ช่องโหว่ถูกจัดระดับ “Important” ไม่ใช่ “Critical”
    Microsoft ไม่ออก CVE และไม่แจ้งลูกค้า
    ช่องโหว่นี้กระทบต่อองค์กรที่ต้องใช้ audit log เพื่อความปลอดภัยและการปฏิบัติตามกฎหมาย

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ช่องโหว่นี้เคยถูกพบโดย Michael Bargury จาก Zenity ตั้งแต่ปี 2024
    ช่องโหว่ถูกนำเสนอในงาน Black Hat โดยใช้เทคนิค jailbreak ด้วย caret (^)
    Microsoft มีนโยบายใหม่ที่ไม่ออก CVE หากไม่ต้องอัปเดตด้วยตนเอง
    นักวิจัยด้านความปลอดภัยเรียกร้องให้รัฐบาลกดดันให้ cloud providers เปิดเผยช่องโหว่ทั้งหมด
    ช่องโหว่นี้อาจถูกใช้ในการฟ้องร้องหรือสอบสวนทางกฎหมาย หาก audit log ไม่สมบูรณ์

    https://pistachioapp.com/blog/copilot-broke-your-audit-log
    📖 ช่องโหว่เงียบใน Copilot – เมื่อ AI ละเลยความปลอดภัยโดยไม่มีใครรู้ ในวันที่ 4 กรกฎาคม 2025 Zack Korman นักวิจัยด้านความปลอดภัยจากบริษัท Pistachio พบช่องโหว่ใน Microsoft 365 Copilot ที่น่าตกใจ: เขาสามารถขอให้ Copilot สรุปเนื้อหาไฟล์โดยไม่ให้ลิงก์กลับไปยังไฟล์นั้น และผลคือ...ไม่มีการบันทึกใน audit log เลย นั่นหมายความว่าใครก็ตามที่ใช้ Copilot เพื่อเข้าถึงไฟล์ สามารถทำได้โดยไม่ทิ้งร่องรอยไว้ในระบบตรวจสอบขององค์กร ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่สำหรับการรักษาความปลอดภัยและการปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น HIPAA หรือ GDPR แม้ว่า Microsoft จะได้รับรายงานและแก้ไขช่องโหว่นี้ในวันที่ 17 สิงหาคม 2025 แต่พวกเขากลับไม่แจ้งลูกค้า ไม่ออก CVE และไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ โดยอ้างว่าเป็นช่องโหว่ระดับ “สำคัญ” ไม่ใช่ “วิกฤต” และการแก้ไขถูกส่งอัตโนมัติ จึงไม่จำเป็นต้องแจ้ง สิ่งที่น่ากังวลคือ ช่องโหว่นี้สามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่ตั้งใจ และอาจมีองค์กรจำนวนมากที่มี audit log ไม่สมบูรณ์ โดยไม่รู้ตัวเลย ✅ ข้อมูลในข่าว ➡️ พบช่องโหว่ใน M365 Copilot ที่ทำให้เข้าถึงไฟล์โดยไม่บันทึกใน audit log ➡️ ช่องโหว่เกิดจากการสั่งให้ Copilot สรุปไฟล์โดยไม่ให้ลิงก์กลับ ➡️ ช่องโหว่นี้สามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่ตั้งใจจากผู้ใช้ทั่วไป ➡️ Zack Korman รายงานช่องโหว่ผ่าน MSRC ของ Microsoft ➡️ Microsoft แก้ไขช่องโหว่ในวันที่ 17 สิงหาคม 2025 ➡️ ช่องโหว่ถูกจัดระดับ “Important” ไม่ใช่ “Critical” ➡️ Microsoft ไม่ออก CVE และไม่แจ้งลูกค้า ➡️ ช่องโหว่นี้กระทบต่อองค์กรที่ต้องใช้ audit log เพื่อความปลอดภัยและการปฏิบัติตามกฎหมาย ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ช่องโหว่นี้เคยถูกพบโดย Michael Bargury จาก Zenity ตั้งแต่ปี 2024 ➡️ ช่องโหว่ถูกนำเสนอในงาน Black Hat โดยใช้เทคนิค jailbreak ด้วย caret (^) ➡️ Microsoft มีนโยบายใหม่ที่ไม่ออก CVE หากไม่ต้องอัปเดตด้วยตนเอง ➡️ นักวิจัยด้านความปลอดภัยเรียกร้องให้รัฐบาลกดดันให้ cloud providers เปิดเผยช่องโหว่ทั้งหมด ➡️ ช่องโหว่นี้อาจถูกใช้ในการฟ้องร้องหรือสอบสวนทางกฎหมาย หาก audit log ไม่สมบูรณ์ https://pistachioapp.com/blog/copilot-broke-your-audit-log
    PISTACHIOAPP.COM
    Copilot Broke Your Audit Log, but Microsoft Won’t Tell You
    Copilot Broke Your Audit Log, but Microsoft Won’t Tell You
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 186 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.การต่างประเทศ เผยถึงการฟ้องเอาผิดตามกฎหมายไทย ทั้งทางแพ่งและอาญากับนายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา และนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา รัฐบาลต้องดูรายละเอียด ขณะนี้เป็นแค่หลักการว่าจะพิจารณาดำเนินการ มีข้อกังวลว่าการฟ้องร้องอาจกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ส่วนการจะใช้กฎหมายระหว่างประเทศดำเนินคดีกับกัมพูชา ต้องดูรายละเอียดการฟ้องของกฎหมายไทยว่าฟ้องขนาดไหน ต้องดูเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วย โดยคำนึงถึงมิติต่างๆ ต้องรักษาอำนาจอธิปไตย รักษาบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศไทย รวมถึงผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศไทยด้วย

    -เป็นเรื่องของฝ่ายกฎหมาย
    -เขมรป่วนผู้สังเกตการณ์
    -ลาออกก็ไม่พ้น(หาก)ผิด
    -ห่วงความปลอดภัยซีเกมส์
    นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.การต่างประเทศ เผยถึงการฟ้องเอาผิดตามกฎหมายไทย ทั้งทางแพ่งและอาญากับนายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา และนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา รัฐบาลต้องดูรายละเอียด ขณะนี้เป็นแค่หลักการว่าจะพิจารณาดำเนินการ มีข้อกังวลว่าการฟ้องร้องอาจกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ส่วนการจะใช้กฎหมายระหว่างประเทศดำเนินคดีกับกัมพูชา ต้องดูรายละเอียดการฟ้องของกฎหมายไทยว่าฟ้องขนาดไหน ต้องดูเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วย โดยคำนึงถึงมิติต่างๆ ต้องรักษาอำนาจอธิปไตย รักษาบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศไทย รวมถึงผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศไทยด้วย -เป็นเรื่องของฝ่ายกฎหมาย -เขมรป่วนผู้สังเกตการณ์ -ลาออกก็ไม่พ้น(หาก)ผิด -ห่วงความปลอดภัยซีเกมส์
    Haha
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 426 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เปิดทางฟ้องกัมพูชา อาชญากรสงคราม : [THE MESSAGE]

    นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เผยกรณีเสียงเรียกร้องให้ฟ้องกัมพูชากับศาลอาญาระหว่างประเทศ(ICC) ในข้อหาอาชญากรสงคราม การฟ้องร้องขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย และเงื่อนไข เป็นเรื่องของสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) กระทรวงการต่างประเทศ และกองทัพ ร่วมกันพิจารณา หากทำได้ก็ต้องทำ แต่ตอนนี้เราเริ่มตรงนี้ ยังเป็นเรื่องภายในประเทศ โดยดูความเสียหายที่เกิดขึ้น และดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมที่มี ส่วนการจ่ายเงินเยียวยาชดเชยพิเศษให้บางกลุ่ม ได้สั่งการไปแล้ว ต้องระมัดระวังว่าจะมีผลผูกพันอะไร การเยียวยาเพิ่มต้องหาจุดที่เหมาะสม ซึ่งกำลังพิจารณา
    เปิดทางฟ้องกัมพูชา อาชญากรสงคราม : [THE MESSAGE] นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เผยกรณีเสียงเรียกร้องให้ฟ้องกัมพูชากับศาลอาญาระหว่างประเทศ(ICC) ในข้อหาอาชญากรสงคราม การฟ้องร้องขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย และเงื่อนไข เป็นเรื่องของสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) กระทรวงการต่างประเทศ และกองทัพ ร่วมกันพิจารณา หากทำได้ก็ต้องทำ แต่ตอนนี้เราเริ่มตรงนี้ ยังเป็นเรื่องภายในประเทศ โดยดูความเสียหายที่เกิดขึ้น และดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมที่มี ส่วนการจ่ายเงินเยียวยาชดเชยพิเศษให้บางกลุ่ม ได้สั่งการไปแล้ว ต้องระมัดระวังว่าจะมีผลผูกพันอะไร การเยียวยาเพิ่มต้องหาจุดที่เหมาะสม ซึ่งกำลังพิจารณา
    Like
    Haha
    Sad
    3
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 446 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เมื่อ Meta แอบฟังข้อมูลสุขภาพผู้หญิงจากแอป Flo โดยไม่ได้รับอนุญาต

    เรื่องนี้เริ่มจากแอป Flo Health ซึ่งเป็นแอปติดตามรอบเดือนและสุขภาพการเจริญพันธุ์ของผู้หญิง ที่มีผู้ใช้งานกว่า 150 ล้านคนทั่วโลก แอปนี้เก็บข้อมูลส่วนตัวอย่างละเอียด เช่น วันมีประจำเดือน อารมณ์ ความสัมพันธ์ทางเพศ และเป้าหมายการตั้งครรภ์ โดยสัญญาว่าจะไม่แชร์ข้อมูลกับบุคคลที่สาม ยกเว้นเพื่อการให้บริการเท่านั้น

    แต่ระหว่างปี 2016–2019 ข้อมูลเหล่านี้ถูกแชร์กับบริษัทต่าง ๆ รวมถึง Meta (เจ้าของ Facebook), Google, AppsFlyer และ Flurry โดยใช้ SDK ที่ฝังอยู่ในแอป ซึ่งจะส่งข้อมูลทุกครั้งที่ผู้ใช้คลิกหรือใช้งานฟีเจอร์บางอย่าง เช่น “กำลังพยายามตั้งครรภ์” โดยไม่มีการควบคุมว่าบริษัทเหล่านี้จะนำข้อมูลไปใช้อย่างไร

    คดีนี้เริ่มต้นจากการฟ้องร้องแบบกลุ่มในปี 2021 โดยมีผู้หญิงกว่า 3.7 ล้านคนในสหรัฐฯ ได้รับผลกระทบ ล่าสุดในเดือนสิงหาคม 2025 คณะลูกขุนตัดสินว่า Meta ละเมิดกฎหมายความเป็นส่วนตัวของรัฐแคลิฟอร์เนีย โดย “แอบฟังและบันทึกข้อมูล” โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ใช้

    แม้ Flo, Google และ Flurry จะยอมความไปก่อนหน้านี้ แต่ Meta สู้คดีจนถึงที่สุด และแพ้ในที่สุด คดีนี้จึงกลายเป็นหมุดหมายสำคัญของการปกป้องข้อมูลสุขภาพดิจิทัล โดยเฉพาะในยุคที่สิทธิการทำแท้งในสหรัฐฯ ถูกจำกัดอย่างหนัก

    Meta ถูกตัดสินว่าละเมิดกฎหมายความเป็นส่วนตัวของรัฐแคลิฟอร์เนีย
    โดยแอบฟังและบันทึกข้อมูลจากแอป Flo โดยไม่ได้รับความยินยอม

    Flo Health แชร์ข้อมูลสุขภาพผู้หญิงกับ Meta, Google และบริษัทอื่น
    ข้อมูลรวมถึงรอบเดือน ความสัมพันธ์ทางเพศ และเป้าหมายการตั้งครรภ์

    SDK ของ Meta ถูกฝังในแอป Flo เพื่อเก็บข้อมูลการใช้งาน
    ส่งข้อมูล “App Event” ทุกครั้งที่ผู้ใช้คลิกฟีเจอร์เฉพาะ

    คดีนี้มีผู้เสียหายกว่า 3.7 ล้านคนในสหรัฐฯ
    ผู้ใช้ที่ลงทะเบียนระหว่าง พ.ย. 2016 ถึง ก.พ. 2019

    Flo เคยสัญญาว่าจะไม่แชร์ข้อมูลส่วนตัวกับบุคคลที่สาม
    แต่กลับเปิดช่องให้บริษัทอื่นใช้ข้อมูลเพื่อผลประโยชน์ทางการค้า

    FTC เคยสอบสวนและบังคับให้ Flo ปรับปรุงนโยบายความเป็นส่วนตัว
    พร้อมตั้งผู้ตรวจสอบอิสระเพื่อป้องกันการละเมิดซ้ำ

    คดีนี้เป็นหมุดหมายสำคัญด้านสิทธิข้อมูลสุขภาพดิจิทัล
    โดยเฉพาะหลังการยกเลิกสิทธิการทำแท้งตามรัฐธรรมนูญในสหรัฐฯ

    SDK เป็นเครื่องมือที่ใช้เก็บพฤติกรรมผู้ใช้เพื่อการโฆษณา
    แต่สามารถถูกใช้เพื่อดึงข้อมูลส่วนตัวได้หากไม่มีการควบคุม

    การใช้แอปติดตามสุขภาพอาจเสี่ยงต่อการถูกนำข้อมูลไปใช้ในทางกฎหมาย
    เช่น การสืบสวนคดีทำแท้งในบางรัฐของสหรัฐฯ

    เว็บไซต์ขายยาทำแท้งก็เคยถูกพบว่าแชร์ข้อมูลกับ Google
    เพิ่มความเสี่ยงต่อการถูกติดตามโดยหน่วยงานรัฐ

    https://www.malwarebytes.com/blog/news/2025/08/meta-accessed-womens-health-data-from-flo-app-without-consent-says-court
    📢🕵️‍♀️ เมื่อ Meta แอบฟังข้อมูลสุขภาพผู้หญิงจากแอป Flo โดยไม่ได้รับอนุญาต เรื่องนี้เริ่มจากแอป Flo Health ซึ่งเป็นแอปติดตามรอบเดือนและสุขภาพการเจริญพันธุ์ของผู้หญิง ที่มีผู้ใช้งานกว่า 150 ล้านคนทั่วโลก แอปนี้เก็บข้อมูลส่วนตัวอย่างละเอียด เช่น วันมีประจำเดือน อารมณ์ ความสัมพันธ์ทางเพศ และเป้าหมายการตั้งครรภ์ โดยสัญญาว่าจะไม่แชร์ข้อมูลกับบุคคลที่สาม ยกเว้นเพื่อการให้บริการเท่านั้น แต่ระหว่างปี 2016–2019 ข้อมูลเหล่านี้ถูกแชร์กับบริษัทต่าง ๆ รวมถึง Meta (เจ้าของ Facebook), Google, AppsFlyer และ Flurry โดยใช้ SDK ที่ฝังอยู่ในแอป ซึ่งจะส่งข้อมูลทุกครั้งที่ผู้ใช้คลิกหรือใช้งานฟีเจอร์บางอย่าง เช่น “กำลังพยายามตั้งครรภ์” โดยไม่มีการควบคุมว่าบริษัทเหล่านี้จะนำข้อมูลไปใช้อย่างไร คดีนี้เริ่มต้นจากการฟ้องร้องแบบกลุ่มในปี 2021 โดยมีผู้หญิงกว่า 3.7 ล้านคนในสหรัฐฯ ได้รับผลกระทบ ล่าสุดในเดือนสิงหาคม 2025 คณะลูกขุนตัดสินว่า Meta ละเมิดกฎหมายความเป็นส่วนตัวของรัฐแคลิฟอร์เนีย โดย “แอบฟังและบันทึกข้อมูล” โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ใช้ แม้ Flo, Google และ Flurry จะยอมความไปก่อนหน้านี้ แต่ Meta สู้คดีจนถึงที่สุด และแพ้ในที่สุด คดีนี้จึงกลายเป็นหมุดหมายสำคัญของการปกป้องข้อมูลสุขภาพดิจิทัล โดยเฉพาะในยุคที่สิทธิการทำแท้งในสหรัฐฯ ถูกจำกัดอย่างหนัก ✅ Meta ถูกตัดสินว่าละเมิดกฎหมายความเป็นส่วนตัวของรัฐแคลิฟอร์เนีย ➡️ โดยแอบฟังและบันทึกข้อมูลจากแอป Flo โดยไม่ได้รับความยินยอม ✅ Flo Health แชร์ข้อมูลสุขภาพผู้หญิงกับ Meta, Google และบริษัทอื่น ➡️ ข้อมูลรวมถึงรอบเดือน ความสัมพันธ์ทางเพศ และเป้าหมายการตั้งครรภ์ ✅ SDK ของ Meta ถูกฝังในแอป Flo เพื่อเก็บข้อมูลการใช้งาน ➡️ ส่งข้อมูล “App Event” ทุกครั้งที่ผู้ใช้คลิกฟีเจอร์เฉพาะ ✅ คดีนี้มีผู้เสียหายกว่า 3.7 ล้านคนในสหรัฐฯ ➡️ ผู้ใช้ที่ลงทะเบียนระหว่าง พ.ย. 2016 ถึง ก.พ. 2019 ✅ Flo เคยสัญญาว่าจะไม่แชร์ข้อมูลส่วนตัวกับบุคคลที่สาม ➡️ แต่กลับเปิดช่องให้บริษัทอื่นใช้ข้อมูลเพื่อผลประโยชน์ทางการค้า ✅ FTC เคยสอบสวนและบังคับให้ Flo ปรับปรุงนโยบายความเป็นส่วนตัว ➡️ พร้อมตั้งผู้ตรวจสอบอิสระเพื่อป้องกันการละเมิดซ้ำ ✅ คดีนี้เป็นหมุดหมายสำคัญด้านสิทธิข้อมูลสุขภาพดิจิทัล ➡️ โดยเฉพาะหลังการยกเลิกสิทธิการทำแท้งตามรัฐธรรมนูญในสหรัฐฯ ✅ SDK เป็นเครื่องมือที่ใช้เก็บพฤติกรรมผู้ใช้เพื่อการโฆษณา ➡️ แต่สามารถถูกใช้เพื่อดึงข้อมูลส่วนตัวได้หากไม่มีการควบคุม ✅ การใช้แอปติดตามสุขภาพอาจเสี่ยงต่อการถูกนำข้อมูลไปใช้ในทางกฎหมาย ➡️ เช่น การสืบสวนคดีทำแท้งในบางรัฐของสหรัฐฯ ✅ เว็บไซต์ขายยาทำแท้งก็เคยถูกพบว่าแชร์ข้อมูลกับ Google ➡️ เพิ่มความเสี่ยงต่อการถูกติดตามโดยหน่วยงานรัฐ https://www.malwarebytes.com/blog/news/2025/08/meta-accessed-womens-health-data-from-flo-app-without-consent-says-court
    WWW.MALWAREBYTES.COM
    Meta accessed women's health data from Flo app without consent, says court
    A jury has ruled that Meta accessed sensitive information from women's reproductive health tracking app Flo without consent.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 290 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยัวะ!ฟ้องคนปากพล่อย วิจารณ์เข้าข้างเขมร : [THE MESSAGE]
    นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เผยกรณีทหารระบุหลังเกิดเหตุเหยียบกับระเบิดต้องปกป้องตนเอง ตามกฎหมายระหว่างประเทศสามารถทำได้ การใช้กับระเบิดผิดอนุสัญญาออตตาวา มีขั้นตอนต้องยื่นเรื่องฟ้องร้องกับยูเอ็น กระทรวงการต่างประเทศเตรียมยื่นแล้ว เห็นชัดว่ากัมพูชาไม่มีเจตนาให้เกิดสันติภาพ ขอประชาชนช่วยกันแก้ปัญหา ตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรมที่บอกว่าไปเข้าข้างเขมรไม่จริง มีนักวิจารณ์บางคนพูดว่าให้ตัดขาผมจะได้รู้ว่าหัวอกเป็นอย่างไร ผมจะฟ้องหมดเรื่องนี้ต้องทำให้ประจักษ์ อย่าพูดอะไรพล่อยๆ
    ยัวะ!ฟ้องคนปากพล่อย วิจารณ์เข้าข้างเขมร : [THE MESSAGE] นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เผยกรณีทหารระบุหลังเกิดเหตุเหยียบกับระเบิดต้องปกป้องตนเอง ตามกฎหมายระหว่างประเทศสามารถทำได้ การใช้กับระเบิดผิดอนุสัญญาออตตาวา มีขั้นตอนต้องยื่นเรื่องฟ้องร้องกับยูเอ็น กระทรวงการต่างประเทศเตรียมยื่นแล้ว เห็นชัดว่ากัมพูชาไม่มีเจตนาให้เกิดสันติภาพ ขอประชาชนช่วยกันแก้ปัญหา ตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรมที่บอกว่าไปเข้าข้างเขมรไม่จริง มีนักวิจารณ์บางคนพูดว่าให้ตัดขาผมจะได้รู้ว่าหัวอกเป็นอย่างไร ผมจะฟ้องหมดเรื่องนี้ต้องทำให้ประจักษ์ อย่าพูดอะไรพล่อยๆ
    Haha
    Sad
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 467 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกเสรีภาพข้อมูล: Wikipedia แพ้คดี Online Safety Act แต่ยังไม่หมดหวัง

    ในเดือนสิงหาคม 2025 Wikipedia แพ้คดีในศาลสูงแห่งสหราชอาณาจักร หลังจาก Wikimedia Foundation ยื่นขอให้มีการพิจารณากฎหมาย Online Safety Act (OSA) โดยเฉพาะกฎเกณฑ์ที่อาจทำให้ Wikipedia ถูกจัดอยู่ใน “Category 1” ซึ่งเป็นกลุ่มเว็บไซต์ที่ต้องปฏิบัติตามข้อบังคับเข้มงวดที่สุด เช่น การยืนยันตัวตนผู้ใช้

    Wikimedia โต้แย้งว่ากฎนี้ออกแบบมาเพื่อควบคุมแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียขนาดใหญ่ แต่กลับใช้เกณฑ์ที่กว้างเกินไปจนรวม Wikipedia ซึ่งเป็นเว็บไซต์สารานุกรมที่ดำเนินการโดยอาสาสมัคร ไม่มีกำไร และไม่มีโฆษณา

    แม้ศาลจะไม่รับคำร้องในครั้งนี้ แต่ผู้พิพากษา Jeremy Johnson ระบุชัดว่า “นี่ไม่ใช่ใบอนุญาตให้ Ofcom และรัฐบาลดำเนินการโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อ Wikipedia” และเปิดช่องให้ Wikimedia ยื่นคำร้องใหม่ได้ หาก Ofcom ตัดสินว่า Wikipedia เป็น Category 1 จริง

    หาก Wikipedia ถูกจัดอยู่ใน Category 1 จะต้องยืนยันตัวตนผู้ใช้ ซึ่งอาจทำให้ผู้ใช้บางคนเสี่ยงต่อการถูกติดตาม ฟ้องร้อง หรือแม้แต่ถูกจับในประเทศที่ไม่เปิดกว้างด้านเสรีภาพข้อมูล และอาจต้องลดจำนวนผู้ใช้ในสหราชอาณาจักรลงถึง 75% เพื่อหลีกเลี่ยงข้อบังคับนี้

    Wikipedia แพ้คดีในศาลสูงสหราชอาณาจักรเกี่ยวกับ Online Safety Act
    คดีเกี่ยวกับการจัดประเภทเว็บไซต์ภายใต้กฎหมายใหม่

    Wikimedia Foundation คัดค้านการจัด Wikipedia เป็น Category 1
    เพราะจะต้องยืนยันตัวตนผู้ใช้และปฏิบัติตามข้อบังคับเข้มงวด

    ศาลไม่รับคำร้อง แต่เปิดช่องให้ยื่นใหม่ได้หาก Ofcom ตัดสินว่า Wikipedia เป็น Category 1
    ผู้พิพากษาระบุว่าไม่ใช่ “ใบอนุญาตให้ดำเนินการโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบ”

    หากถูกจัดเป็น Category 1 Wikipedia อาจต้องลดจำนวนผู้ใช้ใน UK ลง 75%
    หรือปิดฟีเจอร์สำคัญบางอย่างเพื่อหลีกเลี่ยงข้อบังคับ

    Wikimedia เตือนว่าการยืนยันตัวตนอาจทำให้ผู้ใช้เสี่ยงต่อการถูกละเมิดสิทธิ
    เช่น การถูกติดตาม ฟ้องร้อง หรือถูกจับในบางประเทศ

    Online Safety Act มีเป้าหมายเพื่อปกป้องเด็กและลบเนื้อหาผิดกฎหมาย
    แต่ถูกวิจารณ์ว่าอาจละเมิดเสรีภาพในการแสดงออก

    Category 1 ครอบคลุมแพลตฟอร์มขนาดใหญ่ เช่น Facebook, YouTube, X
    แต่ Wikipedia ไม่ใช่แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียและไม่มีโฆษณา

    Wikipedia มีผู้ใช้ทั่วโลกกว่า 260,000 คนที่เป็นอาสาสมัคร
    การยืนยันตัวตนอาจทำให้หลายคนไม่กล้าเข้าร่วม

    กฎหมายให้อำนาจรัฐในการแทรกแซง Ofcom ได้โดยตรง
    ถูกวิจารณ์ว่าเป็นการรวมศูนย์อำนาจและเปิดช่องให้ควบคุมเนื้อหาออนไลน์

    https://www.bbc.com/news/articles/cjr11qqvvwlo
    📚⚖️ เรื่องเล่าจากโลกเสรีภาพข้อมูล: Wikipedia แพ้คดี Online Safety Act แต่ยังไม่หมดหวัง ในเดือนสิงหาคม 2025 Wikipedia แพ้คดีในศาลสูงแห่งสหราชอาณาจักร หลังจาก Wikimedia Foundation ยื่นขอให้มีการพิจารณากฎหมาย Online Safety Act (OSA) โดยเฉพาะกฎเกณฑ์ที่อาจทำให้ Wikipedia ถูกจัดอยู่ใน “Category 1” ซึ่งเป็นกลุ่มเว็บไซต์ที่ต้องปฏิบัติตามข้อบังคับเข้มงวดที่สุด เช่น การยืนยันตัวตนผู้ใช้ Wikimedia โต้แย้งว่ากฎนี้ออกแบบมาเพื่อควบคุมแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียขนาดใหญ่ แต่กลับใช้เกณฑ์ที่กว้างเกินไปจนรวม Wikipedia ซึ่งเป็นเว็บไซต์สารานุกรมที่ดำเนินการโดยอาสาสมัคร ไม่มีกำไร และไม่มีโฆษณา แม้ศาลจะไม่รับคำร้องในครั้งนี้ แต่ผู้พิพากษา Jeremy Johnson ระบุชัดว่า “นี่ไม่ใช่ใบอนุญาตให้ Ofcom และรัฐบาลดำเนินการโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อ Wikipedia” และเปิดช่องให้ Wikimedia ยื่นคำร้องใหม่ได้ หาก Ofcom ตัดสินว่า Wikipedia เป็น Category 1 จริง หาก Wikipedia ถูกจัดอยู่ใน Category 1 จะต้องยืนยันตัวตนผู้ใช้ ซึ่งอาจทำให้ผู้ใช้บางคนเสี่ยงต่อการถูกติดตาม ฟ้องร้อง หรือแม้แต่ถูกจับในประเทศที่ไม่เปิดกว้างด้านเสรีภาพข้อมูล และอาจต้องลดจำนวนผู้ใช้ในสหราชอาณาจักรลงถึง 75% เพื่อหลีกเลี่ยงข้อบังคับนี้ ✅ Wikipedia แพ้คดีในศาลสูงสหราชอาณาจักรเกี่ยวกับ Online Safety Act ➡️ คดีเกี่ยวกับการจัดประเภทเว็บไซต์ภายใต้กฎหมายใหม่ ✅ Wikimedia Foundation คัดค้านการจัด Wikipedia เป็น Category 1 ➡️ เพราะจะต้องยืนยันตัวตนผู้ใช้และปฏิบัติตามข้อบังคับเข้มงวด ✅ ศาลไม่รับคำร้อง แต่เปิดช่องให้ยื่นใหม่ได้หาก Ofcom ตัดสินว่า Wikipedia เป็น Category 1 ➡️ ผู้พิพากษาระบุว่าไม่ใช่ “ใบอนุญาตให้ดำเนินการโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบ” ✅ หากถูกจัดเป็น Category 1 Wikipedia อาจต้องลดจำนวนผู้ใช้ใน UK ลง 75% ➡️ หรือปิดฟีเจอร์สำคัญบางอย่างเพื่อหลีกเลี่ยงข้อบังคับ ✅ Wikimedia เตือนว่าการยืนยันตัวตนอาจทำให้ผู้ใช้เสี่ยงต่อการถูกละเมิดสิทธิ ➡️ เช่น การถูกติดตาม ฟ้องร้อง หรือถูกจับในบางประเทศ ✅ Online Safety Act มีเป้าหมายเพื่อปกป้องเด็กและลบเนื้อหาผิดกฎหมาย ➡️ แต่ถูกวิจารณ์ว่าอาจละเมิดเสรีภาพในการแสดงออก ✅ Category 1 ครอบคลุมแพลตฟอร์มขนาดใหญ่ เช่น Facebook, YouTube, X ➡️ แต่ Wikipedia ไม่ใช่แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียและไม่มีโฆษณา ✅ Wikipedia มีผู้ใช้ทั่วโลกกว่า 260,000 คนที่เป็นอาสาสมัคร ➡️ การยืนยันตัวตนอาจทำให้หลายคนไม่กล้าเข้าร่วม ✅ กฎหมายให้อำนาจรัฐในการแทรกแซง Ofcom ได้โดยตรง ➡️ ถูกวิจารณ์ว่าเป็นการรวมศูนย์อำนาจและเปิดช่องให้ควบคุมเนื้อหาออนไลน์ https://www.bbc.com/news/articles/cjr11qqvvwlo
    WWW.BBC.COM
    Wikipedia loses challenge against Online Safety Act verification rules
    The Wikimedia Foundation says the new rules could threaten user privacy and safety.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 302 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากแผนที่ดิจิทัล: Instagram Map กับความกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว

    เมื่อวันที่ 6 สิงหาคมที่ผ่านมา Instagram ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ชื่อว่า “Instagram Map” ซึ่งให้ผู้ใช้สามารถแชร์ตำแหน่งของตนเองแบบเรียลไทม์กับเพื่อนหรือผู้ติดตาม คล้ายกับฟีเจอร์ Snap Map ของ Snapchat ที่มีมาตั้งแต่ปี 2017

    แม้ Meta จะยืนยันว่าฟีเจอร์นี้ “ปิดไว้โดยค่าเริ่มต้น” และต้อง “เลือกเปิดเอง” แต่ผู้ใช้หลายคนกลับพบว่าตำแหน่งของตนถูกแชร์โดยไม่รู้ตัว เช่น Lindsey Bell ที่โพสต์ว่า “บ้านของฉันปรากฏให้ผู้ติดตามทุกคนเห็น” จนรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก

    Kelley Flanagan ดาราเรียลลิตี้จากรายการ The Bachelor ได้โพสต์ TikTok เตือนว่า “ฟีเจอร์นี้อันตราย” พร้อมสอนวิธีปิดการแชร์ตำแหน่งแบบละเอียด

    Adam Mosseri หัวหน้า Instagram ยืนยันผ่าน Threads ว่า “ระบบแชร์ตำแหน่งจะทำงานก็ต่อเมื่อผู้ใช้เลือกเปิดเอง และสามารถจำกัดกลุ่มผู้เห็นได้” พร้อมเสริมว่า “ข้อมูลตำแหน่งจะอัปเดตเมื่อเปิดแอปหรือกลับมาใช้งานหลังพักหน้าจอ”

    อย่างไรก็ตาม ความกังวลไม่ได้หยุดแค่เรื่องการตั้งค่าฟีเจอร์ แต่ยังรวมถึงประเด็นใหญ่กว่านั้น เช่น:
    - ความเสี่ยงจากการถูกติดตามหรือคุกคาม
    - การใช้ข้อมูลตำแหน่งเพื่อควบคุมพฤติกรรมในความสัมพันธ์ (tech-based coercive control)
    - ความไม่ชัดเจนในการแสดงผลตำแหน่งที่อาจทำให้ผู้ใช้เข้าใจผิดว่า “กำลังถูกติดตามแบบเรียลไทม์”

    นอกจากนี้ ยังมีคดีฟ้องร้องล่าสุดที่ Meta ถูกกล่าวหาว่าใช้ข้อมูลสุขภาพจากแอป Flo เพื่อยิงโฆษณาแบบเจาะจง ซึ่งยิ่งตอกย้ำความไม่ไว้วางใจในเรื่องการจัดการข้อมูลส่วนตัว

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/11/new-instagram-location-sharing-feature-sparks-privacy-fears
    📍📱 เรื่องเล่าจากแผนที่ดิจิทัล: Instagram Map กับความกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว เมื่อวันที่ 6 สิงหาคมที่ผ่านมา Instagram ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ชื่อว่า “Instagram Map” ซึ่งให้ผู้ใช้สามารถแชร์ตำแหน่งของตนเองแบบเรียลไทม์กับเพื่อนหรือผู้ติดตาม คล้ายกับฟีเจอร์ Snap Map ของ Snapchat ที่มีมาตั้งแต่ปี 2017 แม้ Meta จะยืนยันว่าฟีเจอร์นี้ “ปิดไว้โดยค่าเริ่มต้น” และต้อง “เลือกเปิดเอง” แต่ผู้ใช้หลายคนกลับพบว่าตำแหน่งของตนถูกแชร์โดยไม่รู้ตัว เช่น Lindsey Bell ที่โพสต์ว่า “บ้านของฉันปรากฏให้ผู้ติดตามทุกคนเห็น” จนรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก Kelley Flanagan ดาราเรียลลิตี้จากรายการ The Bachelor ได้โพสต์ TikTok เตือนว่า “ฟีเจอร์นี้อันตราย” พร้อมสอนวิธีปิดการแชร์ตำแหน่งแบบละเอียด Adam Mosseri หัวหน้า Instagram ยืนยันผ่าน Threads ว่า “ระบบแชร์ตำแหน่งจะทำงานก็ต่อเมื่อผู้ใช้เลือกเปิดเอง และสามารถจำกัดกลุ่มผู้เห็นได้” พร้อมเสริมว่า “ข้อมูลตำแหน่งจะอัปเดตเมื่อเปิดแอปหรือกลับมาใช้งานหลังพักหน้าจอ” อย่างไรก็ตาม ความกังวลไม่ได้หยุดแค่เรื่องการตั้งค่าฟีเจอร์ แต่ยังรวมถึงประเด็นใหญ่กว่านั้น เช่น: - ความเสี่ยงจากการถูกติดตามหรือคุกคาม - การใช้ข้อมูลตำแหน่งเพื่อควบคุมพฤติกรรมในความสัมพันธ์ (tech-based coercive control) - ความไม่ชัดเจนในการแสดงผลตำแหน่งที่อาจทำให้ผู้ใช้เข้าใจผิดว่า “กำลังถูกติดตามแบบเรียลไทม์” นอกจากนี้ ยังมีคดีฟ้องร้องล่าสุดที่ Meta ถูกกล่าวหาว่าใช้ข้อมูลสุขภาพจากแอป Flo เพื่อยิงโฆษณาแบบเจาะจง ซึ่งยิ่งตอกย้ำความไม่ไว้วางใจในเรื่องการจัดการข้อมูลส่วนตัว https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/11/new-instagram-location-sharing-feature-sparks-privacy-fears
    WWW.THESTAR.COM.MY
    New Instagram location sharing feature sparks privacy fears
    Instagram users are warning about a new location sharing feature, fearing that the hugely popular app could be putting people in danger by revealing their whereabouts without their knowledge.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 247 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประตูเปิดทางทิศตะวันตก

    เดือนนี้ การเงินจะมีปัญหาติดขัดไม่คล่องมือ การแข่งขันจะไม่โปร่งใส ความคิดสร้างสรรคจะถดถอย อีกทั้ง จะเสียหายเพราะเพศหญิง ดังนั้นเอกสารสัญญาต่างๆต้องรัดกุมอาจจะผิดพลาด หรือเป็นเพราะปากพาจน เกิดการฟ้องร้องมีคดีความมาสู่ ควรจะอดกลั้นอดทนจึงดี ไม่ดีต่อลูกสาวคนโตเพราะมีโอกาสจะเสียผู้เสียคน ได้ง่าย พี่น้อง 2 สาวจะขัดแย้งทะเลาะเบาะแว้งต่อกัน สาวใหญ่จะถูกสาวน้อยหาเรื่อง ภรรยาน้อยจะมีอำนาจ ต่อรอง จนความลับที่เก็บไว้ถูกเปิดเผยให้อับอาย เรื่องของความรักก็ไม่ดี มีหย่าร้าง จักถูกลวงหลอกให้สับสน อีกทั้งต้องใส่ใจอาการเจ็บป่วยที่ ต้นขา สะโพก ขาอ่อน ฟัน และท้อง จะเกิดอุบัติเหตุที่กระดูกจนบาดเจ็บต้อง รักษาผ่าตัด เพราะเหตุเนื่องจากเหล็กโลหะ ของมีคม และยานยนต์

    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    ประตูเปิดทางทิศตะวันตก เดือนนี้ การเงินจะมีปัญหาติดขัดไม่คล่องมือ การแข่งขันจะไม่โปร่งใส ความคิดสร้างสรรคจะถดถอย อีกทั้ง จะเสียหายเพราะเพศหญิง ดังนั้นเอกสารสัญญาต่างๆต้องรัดกุมอาจจะผิดพลาด หรือเป็นเพราะปากพาจน เกิดการฟ้องร้องมีคดีความมาสู่ ควรจะอดกลั้นอดทนจึงดี ไม่ดีต่อลูกสาวคนโตเพราะมีโอกาสจะเสียผู้เสียคน ได้ง่าย พี่น้อง 2 สาวจะขัดแย้งทะเลาะเบาะแว้งต่อกัน สาวใหญ่จะถูกสาวน้อยหาเรื่อง ภรรยาน้อยจะมีอำนาจ ต่อรอง จนความลับที่เก็บไว้ถูกเปิดเผยให้อับอาย เรื่องของความรักก็ไม่ดี มีหย่าร้าง จักถูกลวงหลอกให้สับสน อีกทั้งต้องใส่ใจอาการเจ็บป่วยที่ ต้นขา สะโพก ขาอ่อน ฟัน และท้อง จะเกิดอุบัติเหตุที่กระดูกจนบาดเจ็บต้อง รักษาผ่าตัด เพราะเหตุเนื่องจากเหล็กโลหะ ของมีคม และยานยนต์ ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 189 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฟ้องอาญา-แพ่งกัมพูชา รุกรานอธิปไตยไทย : [NEWS UPDATE]
    นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรี สั่งดำเนินคดีกรณีกัมพูชาใช้กำลังทหารและอาวุธรุกรานอธิปไตยไทย จนเกิดความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน กำลังพลและทางราชการจำนวนมาก ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการทั้งทางอาญาและแพ่ง จนถึงระดับโลก โดยดำเนินคดีกับผู้สั่งการและผู้เกี่ยวข้องเร็วที่สุด มอบหมายให้สภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) เป็นหน่วยงานหลัก หารือกับหน่วยงานที่ได้รับความเสียหาย เช่น กองทัพบก กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งฟ้องร้องคดีอาญาเรียกค่าเสียหายจากผู้สั่งการ และให้เก็บกู้วัตถุระเบิดที่กัมพูชายิงเข้ามา ซึ่งยังมีเหลือในชุมชน เผย พบโดรนบินเข้ามามากผิดปกติ ขอให้เร่งบังคับใช้กฎหมายกับผู้ทำผิดทันที


    เฟกนิวส์ไทยวางแผนสังหาร

    รับไม่ได้น่าเกลียดมาก

    เครือข่ายสู้สงครามการค้า

    เร่งสำรวจผลกระทบภาษี
    ฟ้องอาญา-แพ่งกัมพูชา รุกรานอธิปไตยไทย : [NEWS UPDATE] นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรี สั่งดำเนินคดีกรณีกัมพูชาใช้กำลังทหารและอาวุธรุกรานอธิปไตยไทย จนเกิดความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน กำลังพลและทางราชการจำนวนมาก ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการทั้งทางอาญาและแพ่ง จนถึงระดับโลก โดยดำเนินคดีกับผู้สั่งการและผู้เกี่ยวข้องเร็วที่สุด มอบหมายให้สภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) เป็นหน่วยงานหลัก หารือกับหน่วยงานที่ได้รับความเสียหาย เช่น กองทัพบก กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งฟ้องร้องคดีอาญาเรียกค่าเสียหายจากผู้สั่งการ และให้เก็บกู้วัตถุระเบิดที่กัมพูชายิงเข้ามา ซึ่งยังมีเหลือในชุมชน เผย พบโดรนบินเข้ามามากผิดปกติ ขอให้เร่งบังคับใช้กฎหมายกับผู้ทำผิดทันที เฟกนิวส์ไทยวางแผนสังหาร รับไม่ได้น่าเกลียดมาก เครือข่ายสู้สงครามการค้า เร่งสำรวจผลกระทบภาษี
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 526 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากข่าว: เมื่อ Tesla ปิดบังหลักฐาน Autopilot เพื่อโยนความผิดให้คนขับ

    ย้อนกลับไปในปี 2019 เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงในฟลอริดา รถ Tesla Model S ที่เปิดใช้งาน Autopilot พุ่งชนคนเดินถนนจนเสียชีวิตทันที และมีผู้บาดเจ็บสาหัสอีกหนึ่งราย Tesla อ้างว่าคนขับเป็นฝ่ายผิด แต่หลักฐานจากการสืบสวนกลับเผยว่า Tesla มีข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการทำงานของ Autopilot ในช่วงเกิดเหตุ—แต่กลับปกปิดไว้

    ในเวลาเพียง 3 นาทีหลังชน ตัวรถได้อัปโหลด “collision snapshot” ไปยังเซิร์ฟเวอร์ของ Tesla ซึ่งประกอบด้วยวิดีโอ, ข้อมูล CAN-bus, EDR และข้อมูลจาก Autopilot ECU จากนั้นลบข้อมูลในเครื่องทันที ทำให้ Tesla เป็นฝ่ายเดียวที่ถือครองหลักฐานนี้

    เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายโจทก์ขอข้อมูล Tesla กลับบอกว่า “ไม่มีข้อมูลดังกล่าว” และยังให้ทนายความช่วยเขียนจดหมายขอข้อมูลแบบหลอก ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการเปิดเผยข้อมูลจริง

    Tesla อัปโหลดข้อมูลการชนไปยังเซิร์ฟเวอร์ภายใน 3 นาทีหลังเกิดเหตุ
    ข้อมูลประกอบด้วยวิดีโอ, CAN-bus, EDR และข้อมูลจาก Autopilot ECU
    ตัวรถลบข้อมูลในเครื่องทันทีหลังอัปโหลด ทำให้ Tesla เป็นฝ่ายเดียวที่มีข้อมูล

    ผู้เชี่ยวชาญสามารถกู้ข้อมูลจาก ECU และยืนยันว่า Tesla มีข้อมูลทั้งหมดตั้งแต่แรก
    Alan Moore วิศวกรด้านการวิเคราะห์อุบัติเหตุ ยืนยันว่ามี “collision snapshot” อยู่จริง
    Tesla กลับบอกว่า “ไม่มีข้อมูล” ในเอกสารการตอบคำขอของศาล

    ตำรวจขอข้อมูลจาก Tesla แต่ถูกชี้นำให้เขียนจดหมายที่หลีกเลี่ยงการขอข้อมูลสำคัญ
    ทนายของ Tesla บอกว่าไม่ต้องใช้หมายศาล แค่เขียนจดหมายตามที่เขาบอก
    ผลคือ Tesla ส่งแค่ข้อมูล infotainment เช่น call logs และคู่มือรถ—not ข้อมูล Autopilot

    ศาลตัดสินให้ Tesla มีความผิดบางส่วนในคดีการเสียชีวิตจาก Autopilot
    เป็นครั้งแรกที่ Tesla ถูกตัดสินในคดีลักษณะนี้โดยคณะลูกขุน
    คดีนี้อาจเป็นบรรทัดฐานใหม่สำหรับการฟ้องร้องเกี่ยวกับระบบขับขี่อัตโนมัติ

    https://electrek.co/2025/08/04/tesla-withheld-data-lied-misdirected-police-plaintiffs-avoid-blame-autopilot-crash/
    🎙️ เรื่องเล่าจากข่าว: เมื่อ Tesla ปิดบังหลักฐาน Autopilot เพื่อโยนความผิดให้คนขับ ย้อนกลับไปในปี 2019 เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงในฟลอริดา รถ Tesla Model S ที่เปิดใช้งาน Autopilot พุ่งชนคนเดินถนนจนเสียชีวิตทันที และมีผู้บาดเจ็บสาหัสอีกหนึ่งราย Tesla อ้างว่าคนขับเป็นฝ่ายผิด แต่หลักฐานจากการสืบสวนกลับเผยว่า Tesla มีข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการทำงานของ Autopilot ในช่วงเกิดเหตุ—แต่กลับปกปิดไว้ ในเวลาเพียง 3 นาทีหลังชน ตัวรถได้อัปโหลด “collision snapshot” ไปยังเซิร์ฟเวอร์ของ Tesla ซึ่งประกอบด้วยวิดีโอ, ข้อมูล CAN-bus, EDR และข้อมูลจาก Autopilot ECU จากนั้นลบข้อมูลในเครื่องทันที ทำให้ Tesla เป็นฝ่ายเดียวที่ถือครองหลักฐานนี้ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายโจทก์ขอข้อมูล Tesla กลับบอกว่า “ไม่มีข้อมูลดังกล่าว” และยังให้ทนายความช่วยเขียนจดหมายขอข้อมูลแบบหลอก ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการเปิดเผยข้อมูลจริง ✅ Tesla อัปโหลดข้อมูลการชนไปยังเซิร์ฟเวอร์ภายใน 3 นาทีหลังเกิดเหตุ ➡️ ข้อมูลประกอบด้วยวิดีโอ, CAN-bus, EDR และข้อมูลจาก Autopilot ECU ➡️ ตัวรถลบข้อมูลในเครื่องทันทีหลังอัปโหลด ทำให้ Tesla เป็นฝ่ายเดียวที่มีข้อมูล ✅ ผู้เชี่ยวชาญสามารถกู้ข้อมูลจาก ECU และยืนยันว่า Tesla มีข้อมูลทั้งหมดตั้งแต่แรก ➡️ Alan Moore วิศวกรด้านการวิเคราะห์อุบัติเหตุ ยืนยันว่ามี “collision snapshot” อยู่จริง ➡️ Tesla กลับบอกว่า “ไม่มีข้อมูล” ในเอกสารการตอบคำขอของศาล ✅ ตำรวจขอข้อมูลจาก Tesla แต่ถูกชี้นำให้เขียนจดหมายที่หลีกเลี่ยงการขอข้อมูลสำคัญ ➡️ ทนายของ Tesla บอกว่าไม่ต้องใช้หมายศาล แค่เขียนจดหมายตามที่เขาบอก ➡️ ผลคือ Tesla ส่งแค่ข้อมูล infotainment เช่น call logs และคู่มือรถ—not ข้อมูล Autopilot ✅ ศาลตัดสินให้ Tesla มีความผิดบางส่วนในคดีการเสียชีวิตจาก Autopilot ➡️ เป็นครั้งแรกที่ Tesla ถูกตัดสินในคดีลักษณะนี้โดยคณะลูกขุน ➡️ คดีนี้อาจเป็นบรรทัดฐานใหม่สำหรับการฟ้องร้องเกี่ยวกับระบบขับขี่อัตโนมัติ https://electrek.co/2025/08/04/tesla-withheld-data-lied-misdirected-police-plaintiffs-avoid-blame-autopilot-crash/
    ELECTREK.CO
    Tesla withheld data, lied, and misdirected police and plaintiffs to avoid blame in Autopilot crash
    Tesla was caught withholding data, lying about it, and misdirecting authorities in the wrongful death case involving Autopilot that it...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 256 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากข่าว: คดีสะเทือนวงการ—เมื่อแพลตฟอร์ม X ต้องรับผิดชอบต่อการละเลยรายงานวิดีโอล่วงละเมิดเด็ก

    ศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ ได้รื้อฟื้นบางส่วนของคดีที่ฟ้องแพลตฟอร์ม X โดยกล่าวหาว่า X ละเลยหน้าที่ในการรายงานวิดีโอที่มีภาพล่วงละเมิดเด็กชายสองคน ซึ่งถูกหลอกลวงผ่าน Snapchat ให้ส่งภาพเปลือย ก่อนถูกแบล็กเมล์และนำภาพไปเผยแพร่บน Twitter

    วิดีโอนั้นอยู่บนแพลตฟอร์มนานถึง 9 วัน และมีผู้ชมมากกว่า 167,000 ครั้ง ก่อนจะถูกลบและรายงานไปยังศูนย์ NCMEC (National Center for Missing and Exploited Children)

    แม้ศาลจะยืนยันว่า X ได้รับการคุ้มครองตามมาตรา 230 ของกฎหมาย Communications Decency Act ในหลายข้อกล่าวหา แต่ก็ชี้ว่าเมื่อแพลตฟอร์ม “รับรู้จริง” ถึงเนื้อหาละเมิดแล้ว ยังไม่ดำเนินการทันที ถือเป็นความประมาทเลินเล่อที่ต้องรับผิดชอบ

    ศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ ให้ดำเนินคดีต่อ X ในข้อหาละเลยการรายงานวิดีโอล่วงละเมิดเด็ก
    วิดีโอมีภาพเด็กชายสองคนที่ถูกแบล็กเมล์ผ่าน Snapchat
    ถูกเผยแพร่บน Twitter และอยู่บนระบบถึง 9 วัน

    วิดีโอดังกล่าวมีผู้ชมมากกว่า 167,000 ครั้งก่อนถูกลบและรายงานไปยัง NCMEC
    การล่าช้าในการลบและรายงานถือเป็นการละเลย
    ศาลชี้ว่าเมื่อมี “ความรู้จริง” แพลตฟอร์มต้องรายงานทันที

    ศาลอนุญาตให้ดำเนินคดีในข้อกล่าวหาว่าโครงสร้างของ X ทำให้รายงานเนื้อหาล่วงละเมิดได้ยาก
    ระบบแจ้งเนื้อหาของผู้ใช้ไม่สะดวกหรือไม่ชัดเจน
    อาจเป็นอุปสรรคต่อการป้องกันการละเมิด

    ข้อกล่าวหาอื่น เช่น การได้ประโยชน์จากการค้ามนุษย์หรือการขยายเนื้อหาผ่านระบบค้นหา ถูกศาลยกฟ้อง
    ศาลเห็นว่าไม่มีหลักฐานเพียงพอ
    X ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายในข้อกล่าวหาเหล่านั้น

    คดีนี้เกิดขึ้นก่อน Elon Musk ซื้อ Twitter ในปี 2022 และเขาไม่ใช่จำเลยในคดีนี้
    การดำเนินคดีจึงไม่เกี่ยวกับการบริหารของ Musk โดยตรง
    แต่สะท้อนปัญหาเชิงโครงสร้างของแพลตฟอร์ม

    การล่าช้าในการลบเนื้อหาล่วงละเมิดเด็กอาจสร้างความเสียหายร้ายแรงต่อเหยื่อ
    เหยื่ออาจถูกเปิดเผยต่อสาธารณะโดยไม่สามารถควบคุมได้
    ส่งผลต่อสุขภาพจิตและความปลอดภัยในระยะยาว

    ระบบแจ้งเนื้อหาที่ไม่ชัดเจนอาจทำให้ผู้ใช้ไม่สามารถรายงานเนื้อหาผิดกฎหมายได้ทันเวลา
    แพลตฟอร์มต้องออกแบบให้ผู้ใช้สามารถแจ้งเนื้อหาได้ง่ายและรวดเร็ว
    การละเลยในจุดนี้อาจเป็นช่องโหว่ให้เนื้อหาผิดกฎหมายเผยแพร่ต่อไป

    การพึ่งพากฎหมายคุ้มครองแพลตฟอร์มอาจทำให้บริษัทหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบทางจริยธรรม
    แม้จะไม่ผิดตามกฎหมาย แต่ก็อาจละเมิดหลักจริยธรรมและความรับผิดชอบต่อสังคม
    ผู้ใช้และสังคมควรเรียกร้องให้แพลตฟอร์มมีมาตรฐานสูงกว่าข้อกฎหมายขั้นต่ำ

    การไม่ดำเนินการทันทีเมื่อรับรู้เนื้อหาละเมิดเด็ก อาจทำให้แพลตฟอร์มถูกฟ้องร้องในข้อหาประมาทเลินเล่อ
    ศาลชี้ว่า “ความรู้จริง” คือจุดเริ่มต้นของหน้าที่ในการรายงาน
    การเพิกเฉยหลังจากรับรู้ถือเป็นการละเมิดกฎหมาย

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/02/musk039s-x-must-face-part-of-lawsuit-over-child-pornography-video
    🎙️ เรื่องเล่าจากข่าว: คดีสะเทือนวงการ—เมื่อแพลตฟอร์ม X ต้องรับผิดชอบต่อการละเลยรายงานวิดีโอล่วงละเมิดเด็ก ศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ ได้รื้อฟื้นบางส่วนของคดีที่ฟ้องแพลตฟอร์ม X โดยกล่าวหาว่า X ละเลยหน้าที่ในการรายงานวิดีโอที่มีภาพล่วงละเมิดเด็กชายสองคน ซึ่งถูกหลอกลวงผ่าน Snapchat ให้ส่งภาพเปลือย ก่อนถูกแบล็กเมล์และนำภาพไปเผยแพร่บน Twitter วิดีโอนั้นอยู่บนแพลตฟอร์มนานถึง 9 วัน และมีผู้ชมมากกว่า 167,000 ครั้ง ก่อนจะถูกลบและรายงานไปยังศูนย์ NCMEC (National Center for Missing and Exploited Children) แม้ศาลจะยืนยันว่า X ได้รับการคุ้มครองตามมาตรา 230 ของกฎหมาย Communications Decency Act ในหลายข้อกล่าวหา แต่ก็ชี้ว่าเมื่อแพลตฟอร์ม “รับรู้จริง” ถึงเนื้อหาละเมิดแล้ว ยังไม่ดำเนินการทันที ถือเป็นความประมาทเลินเล่อที่ต้องรับผิดชอบ ✅ ศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ ให้ดำเนินคดีต่อ X ในข้อหาละเลยการรายงานวิดีโอล่วงละเมิดเด็ก ➡️ วิดีโอมีภาพเด็กชายสองคนที่ถูกแบล็กเมล์ผ่าน Snapchat ➡️ ถูกเผยแพร่บน Twitter และอยู่บนระบบถึง 9 วัน ✅ วิดีโอดังกล่าวมีผู้ชมมากกว่า 167,000 ครั้งก่อนถูกลบและรายงานไปยัง NCMEC ➡️ การล่าช้าในการลบและรายงานถือเป็นการละเลย ➡️ ศาลชี้ว่าเมื่อมี “ความรู้จริง” แพลตฟอร์มต้องรายงานทันที ✅ ศาลอนุญาตให้ดำเนินคดีในข้อกล่าวหาว่าโครงสร้างของ X ทำให้รายงานเนื้อหาล่วงละเมิดได้ยาก ➡️ ระบบแจ้งเนื้อหาของผู้ใช้ไม่สะดวกหรือไม่ชัดเจน ➡️ อาจเป็นอุปสรรคต่อการป้องกันการละเมิด ✅ ข้อกล่าวหาอื่น เช่น การได้ประโยชน์จากการค้ามนุษย์หรือการขยายเนื้อหาผ่านระบบค้นหา ถูกศาลยกฟ้อง ➡️ ศาลเห็นว่าไม่มีหลักฐานเพียงพอ ➡️ X ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายในข้อกล่าวหาเหล่านั้น ✅ คดีนี้เกิดขึ้นก่อน Elon Musk ซื้อ Twitter ในปี 2022 และเขาไม่ใช่จำเลยในคดีนี้ ➡️ การดำเนินคดีจึงไม่เกี่ยวกับการบริหารของ Musk โดยตรง ➡️ แต่สะท้อนปัญหาเชิงโครงสร้างของแพลตฟอร์ม ‼️ การล่าช้าในการลบเนื้อหาล่วงละเมิดเด็กอาจสร้างความเสียหายร้ายแรงต่อเหยื่อ ⛔ เหยื่ออาจถูกเปิดเผยต่อสาธารณะโดยไม่สามารถควบคุมได้ ⛔ ส่งผลต่อสุขภาพจิตและความปลอดภัยในระยะยาว ‼️ ระบบแจ้งเนื้อหาที่ไม่ชัดเจนอาจทำให้ผู้ใช้ไม่สามารถรายงานเนื้อหาผิดกฎหมายได้ทันเวลา ⛔ แพลตฟอร์มต้องออกแบบให้ผู้ใช้สามารถแจ้งเนื้อหาได้ง่ายและรวดเร็ว ⛔ การละเลยในจุดนี้อาจเป็นช่องโหว่ให้เนื้อหาผิดกฎหมายเผยแพร่ต่อไป ‼️ การพึ่งพากฎหมายคุ้มครองแพลตฟอร์มอาจทำให้บริษัทหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบทางจริยธรรม ⛔ แม้จะไม่ผิดตามกฎหมาย แต่ก็อาจละเมิดหลักจริยธรรมและความรับผิดชอบต่อสังคม ⛔ ผู้ใช้และสังคมควรเรียกร้องให้แพลตฟอร์มมีมาตรฐานสูงกว่าข้อกฎหมายขั้นต่ำ ‼️ การไม่ดำเนินการทันทีเมื่อรับรู้เนื้อหาละเมิดเด็ก อาจทำให้แพลตฟอร์มถูกฟ้องร้องในข้อหาประมาทเลินเล่อ ⛔ ศาลชี้ว่า “ความรู้จริง” คือจุดเริ่มต้นของหน้าที่ในการรายงาน ⛔ การเพิกเฉยหลังจากรับรู้ถือเป็นการละเมิดกฎหมาย https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/02/musk039s-x-must-face-part-of-lawsuit-over-child-pornography-video
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Musk's X must face part of lawsuit over child pornography video
    (Reuters) -A federal appeals court on Friday revived part of a lawsuit accusing Elon Musk's X of becoming a haven for child exploitation, though the court said the platform deserves broad immunity from claims over objectionable content.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 373 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากเบราว์เซอร์: เมื่อ Opera ลุกขึ้นสู้กับ Edge เพื่อความเป็นธรรมในการแข่งขัน

    ในเดือนกรกฎาคม 2025 Opera ได้ยื่นคำร้องต่อ CADE (หน่วยงานกำกับดูแลการแข่งขันของบราซิล) โดยกล่าวหาว่า Microsoft ใช้ “กลยุทธ์การออกแบบที่ชักจูง” หรือที่เรียกว่า dark patterns เพื่อผลักดันให้ผู้ใช้ Windows ใช้ Edge เป็นเบราว์เซอร์หลัก ทั้งที่ผู้ใช้ตั้งค่าเบราว์เซอร์อื่นไว้แล้ว

    Opera ระบุว่า Microsoft:
    - ให้แรงจูงใจแก่ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ (OEMs) เพื่อให้ติดตั้ง Edge เป็นค่าเริ่มต้น
    - ไม่เปิดโอกาสให้เบราว์เซอร์อื่น เช่น Opera ได้รับการติดตั้งล่วงหน้า
    - ใช้เครื่องมือในระบบ เช่น Widgets, Teams, Search และ Outlook เปิดลิงก์ผ่าน Edge โดยไม่สนใจการตั้งค่าของผู้ใช้
    - แสดงข้อความรบกวนเมื่อผู้ใช้พยายามดาวน์โหลดเบราว์เซอร์อื่น

    Opera หวังว่าบราซิลจะเป็นตัวอย่างให้ประเทศอื่นดำเนินการตาม และเรียกร้องให้ Microsoft ยุติการใช้กลยุทธ์เหล่านี้ พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้ใช้เลือกเบราว์เซอร์ได้อย่างเสรี

    Opera ยื่นคำร้องต่อ CADE ในบราซิล กล่าวหา Microsoft ใช้กลยุทธ์ไม่เป็นธรรมเพื่อผลักดัน Edge
    เป็นการฟ้องร้องในตลาดสำคัญของ Opera ซึ่งมีผู้ใช้จำนวนมาก
    หวังให้บราซิลเป็นแบบอย่างระดับโลกในการควบคุม Big Tech

    Microsoft ถูกกล่าวหาว่าใช้ “manipulative design tactics” และ “dark patterns” ใน Windows
    เช่น การเปิดไฟล์ PDF ผ่าน Edge แม้ผู้ใช้ตั้งค่าเบราว์เซอร์อื่น
    การแสดงข้อความรบกวนเมื่อพยายามดาวน์โหลดเบราว์เซอร์คู่แข่ง

    Opera ระบุว่า Microsoft ให้แรงจูงใจแก่ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์เพื่อให้ติดตั้ง Edge เป็นค่าเริ่มต้น
    ส่งผลให้เบราว์เซอร์อื่นไม่มีโอกาสถูกติดตั้งล่วงหน้า
    เป็นการปิดกั้นการแข่งขันตั้งแต่ระดับฮาร์ดแวร์

    Opera เรียกร้องให้ CADE สั่งให้ Microsoft ยุติการใช้ dark patterns และเปิดโอกาสให้เบราว์เซอร์อื่นได้ติดตั้งล่วงหน้า
    รวมถึงการยกเลิกข้อกำหนด “S mode” ที่จำกัดการติดตั้งซอฟต์แวร์จากเว็บ
    เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเลือกเบราว์เซอร์ได้อย่างอิสระ

    นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Opera ฟ้อง Microsoft ด้วยข้อกล่าวหาเรื่องการผูกขาดเบราว์เซอร์
    เคยฟ้องในสหภาพยุโรปเมื่อปี 2007 กรณี Internet Explorer
    และเคยเรียกร้องให้ Edge ถูกจัดเป็น “gatekeeper” ภายใต้กฎหมาย DMA ของ EU แต่ไม่สำเร็จ

    ผู้ใช้ Windows อาจไม่รู้ว่าการตั้งค่าเบราว์เซอร์ของตนถูกละเมิด
    เครื่องมือในระบบเปิดลิงก์ผ่าน Edge โดยไม่สนใจการตั้งค่าของผู้ใช้
    ส่งผลให้เกิดความสับสนและลดความไว้วางใจในระบบ

    การใช้ dark patterns อาจบั่นทอนเสรีภาพในการเลือกใช้ซอฟต์แวร์ของผู้บริโภค
    ผู้ใช้ถูกชักจูงโดยไม่รู้ตัวให้ใช้ Edge
    เป็นการลดโอกาสของเบราว์เซอร์คู่แข่งในการแข่งขันอย่างเป็นธรรม

    การให้แรงจูงใจแก่ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์เพื่อให้ติดตั้ง Edge อาจละเมิดหลักการการแข่งขันเสรี
    เบราว์เซอร์อื่นถูกกีดกันตั้งแต่ระดับโรงงาน
    ส่งผลให้ผู้ใช้ไม่มีทางเลือกตั้งแต่ซื้อเครื่อง

    หากไม่มีการควบคุม อาจเกิดการผูกขาดในตลาดเบราว์เซอร์โดยไม่รู้ตัว
    ส่งผลต่อความหลากหลายของนวัตกรรมและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้
    อาจต้องพึ่งพาการแทรกแซงจากหน่วยงานกำกับดูแลในหลายประเทศ

    https://www.neowin.net/news/opera-files-complaint-against-microsoft-for-manipulating-customers-into-using-edge/
    🧭 เรื่องเล่าจากเบราว์เซอร์: เมื่อ Opera ลุกขึ้นสู้กับ Edge เพื่อความเป็นธรรมในการแข่งขัน ในเดือนกรกฎาคม 2025 Opera ได้ยื่นคำร้องต่อ CADE (หน่วยงานกำกับดูแลการแข่งขันของบราซิล) โดยกล่าวหาว่า Microsoft ใช้ “กลยุทธ์การออกแบบที่ชักจูง” หรือที่เรียกว่า dark patterns เพื่อผลักดันให้ผู้ใช้ Windows ใช้ Edge เป็นเบราว์เซอร์หลัก ทั้งที่ผู้ใช้ตั้งค่าเบราว์เซอร์อื่นไว้แล้ว Opera ระบุว่า Microsoft: - ให้แรงจูงใจแก่ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ (OEMs) เพื่อให้ติดตั้ง Edge เป็นค่าเริ่มต้น - ไม่เปิดโอกาสให้เบราว์เซอร์อื่น เช่น Opera ได้รับการติดตั้งล่วงหน้า - ใช้เครื่องมือในระบบ เช่น Widgets, Teams, Search และ Outlook เปิดลิงก์ผ่าน Edge โดยไม่สนใจการตั้งค่าของผู้ใช้ - แสดงข้อความรบกวนเมื่อผู้ใช้พยายามดาวน์โหลดเบราว์เซอร์อื่น Opera หวังว่าบราซิลจะเป็นตัวอย่างให้ประเทศอื่นดำเนินการตาม และเรียกร้องให้ Microsoft ยุติการใช้กลยุทธ์เหล่านี้ พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้ใช้เลือกเบราว์เซอร์ได้อย่างเสรี ✅ Opera ยื่นคำร้องต่อ CADE ในบราซิล กล่าวหา Microsoft ใช้กลยุทธ์ไม่เป็นธรรมเพื่อผลักดัน Edge ➡️ เป็นการฟ้องร้องในตลาดสำคัญของ Opera ซึ่งมีผู้ใช้จำนวนมาก ➡️ หวังให้บราซิลเป็นแบบอย่างระดับโลกในการควบคุม Big Tech ✅ Microsoft ถูกกล่าวหาว่าใช้ “manipulative design tactics” และ “dark patterns” ใน Windows ➡️ เช่น การเปิดไฟล์ PDF ผ่าน Edge แม้ผู้ใช้ตั้งค่าเบราว์เซอร์อื่น ➡️ การแสดงข้อความรบกวนเมื่อพยายามดาวน์โหลดเบราว์เซอร์คู่แข่ง ✅ Opera ระบุว่า Microsoft ให้แรงจูงใจแก่ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์เพื่อให้ติดตั้ง Edge เป็นค่าเริ่มต้น ➡️ ส่งผลให้เบราว์เซอร์อื่นไม่มีโอกาสถูกติดตั้งล่วงหน้า ➡️ เป็นการปิดกั้นการแข่งขันตั้งแต่ระดับฮาร์ดแวร์ ✅ Opera เรียกร้องให้ CADE สั่งให้ Microsoft ยุติการใช้ dark patterns และเปิดโอกาสให้เบราว์เซอร์อื่นได้ติดตั้งล่วงหน้า ➡️ รวมถึงการยกเลิกข้อกำหนด “S mode” ที่จำกัดการติดตั้งซอฟต์แวร์จากเว็บ ➡️ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเลือกเบราว์เซอร์ได้อย่างอิสระ ✅ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Opera ฟ้อง Microsoft ด้วยข้อกล่าวหาเรื่องการผูกขาดเบราว์เซอร์ ➡️ เคยฟ้องในสหภาพยุโรปเมื่อปี 2007 กรณี Internet Explorer ➡️ และเคยเรียกร้องให้ Edge ถูกจัดเป็น “gatekeeper” ภายใต้กฎหมาย DMA ของ EU แต่ไม่สำเร็จ ‼️ ผู้ใช้ Windows อาจไม่รู้ว่าการตั้งค่าเบราว์เซอร์ของตนถูกละเมิด ⛔ เครื่องมือในระบบเปิดลิงก์ผ่าน Edge โดยไม่สนใจการตั้งค่าของผู้ใช้ ⛔ ส่งผลให้เกิดความสับสนและลดความไว้วางใจในระบบ ‼️ การใช้ dark patterns อาจบั่นทอนเสรีภาพในการเลือกใช้ซอฟต์แวร์ของผู้บริโภค ⛔ ผู้ใช้ถูกชักจูงโดยไม่รู้ตัวให้ใช้ Edge ⛔ เป็นการลดโอกาสของเบราว์เซอร์คู่แข่งในการแข่งขันอย่างเป็นธรรม ‼️ การให้แรงจูงใจแก่ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์เพื่อให้ติดตั้ง Edge อาจละเมิดหลักการการแข่งขันเสรี ⛔ เบราว์เซอร์อื่นถูกกีดกันตั้งแต่ระดับโรงงาน ⛔ ส่งผลให้ผู้ใช้ไม่มีทางเลือกตั้งแต่ซื้อเครื่อง ‼️ หากไม่มีการควบคุม อาจเกิดการผูกขาดในตลาดเบราว์เซอร์โดยไม่รู้ตัว ⛔ ส่งผลต่อความหลากหลายของนวัตกรรมและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ ⛔ อาจต้องพึ่งพาการแทรกแซงจากหน่วยงานกำกับดูแลในหลายประเทศ https://www.neowin.net/news/opera-files-complaint-against-microsoft-for-manipulating-customers-into-using-edge/
    WWW.NEOWIN.NET
    Opera files complaint against Microsoft for manipulating customers into using Edge
    Opera has filed a complaint against Microsoft Edge, claiming that the Redmond firm uses deceptive tactics to get customers to use its browser.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 308 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากสารานุกรมเสรี: เมื่อกฎหมายความปลอดภัยออนไลน์กลายเป็นภัยต่อผู้สร้างความรู้

    ในเดือนกรกฎาคม 2025 Wikimedia Foundation ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรที่ดูแล Wikipedia ได้ยื่นฟ้องรัฐบาลสหราชอาณาจักรต่อศาลสูงแห่งลอนดอน โดยมุ่งเป้าไปที่ “Categorisation Regulations” ของกฎหมาย Online Safety Act (OSA) ซึ่งอาจจัดให้ Wikipedia เป็น “Category 1 service”—กลุ่มเว็บไซต์ที่มีข้อบังคับเข้มงวดที่สุด

    หาก Wikipedia ถูกจัดอยู่ในหมวดนี้ จะต้องตรวจสอบตัวตนของอาสาสมัครที่แก้ไขบทความ ซึ่งขัดกับหลักการพื้นฐานของ Wikipedia ที่เน้นการเปิดกว้างและไม่เก็บข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ การบังคับให้เปิดเผยตัวตนอาจทำให้อาสาสมัครเสี่ยงต่อการถูกตามรอย, ฟ้องร้อง, หรือแม้แต่ถูกคุมขังในบางประเทศ

    Wikimedia ยืนยันว่า Wikipedia ไม่ควรถูกจัดอยู่ในกลุ่มเดียวกับแพลตฟอร์มเชิงพาณิชย์อย่าง Facebook หรือ TikTok เพราะไม่มีโฆษณา, ไม่ขายข้อมูล, และดำเนินงานโดยอาสาสมัครกว่า 260,000 คนทั่วโลก

    Wikimedia Foundation ยื่นฟ้องรัฐบาลสหราชอาณาจักรต่อศาลสูงในเดือนกรกฎาคม 2025
    มุ่งเป้าไปที่ Categorisation Regulations ของกฎหมาย Online Safety Act
    เป็นการฟ้องเฉพาะข้อกำหนด ไม่ใช่ตัวกฎหมายทั้งหมด

    Wikipedia อาจถูกจัดเป็น Category 1 service ซึ่งมีข้อบังคับเข้มงวดที่สุด
    ต้องตรวจสอบตัวตนของผู้ใช้และอาสาสมัคร
    ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัยและการรายงาน

    Wikimedia เตือนว่าข้อกำหนดเหล่านี้จะกระทบต่อความปลอดภัยของอาสาสมัคร
    เสี่ยงต่อการถูกละเมิดข้อมูล, ถูกตามรอย, หรือถูกดำเนินคดี
    อาจทำให้อาสาสมัครจำนวนมากเลิกแก้ไขบทความ

    Wikipedia มีผู้เข้าชมกว่า 15 พันล้านครั้งต่อเดือนทั่วโลก และ 776 ล้านครั้งในสหราชอาณาจักร
    มีอาสาสมัครในสหราชอาณาจักรหลายพันคน
    เป็นแหล่งเรียนรู้สำคัญในระบบการศึกษาของประเทศ เช่น Wikipedia ภาษาเวลส์

    ผู้ร่วมฟ้องคืออาสาสมัครในสหราชอาณาจักรที่ใช้นามแฝงว่า “Zzuuzz”
    เพื่อแสดงให้เห็นถึงผลกระทบต่อผู้ใช้งานจริง
    เป็นคดีแรกที่มีอาสาสมัคร Wikipedia เข้าร่วมเป็นผู้ฟ้องร่วม

    Wikimedia เรียกร้องให้ศาลตั้งบรรทัดฐานใหม่ในการคุ้มครองโครงการสาธารณะบนอินเทอร์เน็ต
    Wikipedia เป็นเว็บไซต์ระดับโลกที่ดำเนินงานโดยไม่แสวงหากำไร
    เป็นแหล่งข้อมูลสำคัญที่ใช้ฝึกโมเดล AI และส่งเสริมการรู้เท่าทันสื่อ

    https://wikimediafoundation.org/news/2025/07/17/wikimedia-foundation-challenges-uk-online-safety-act-regulations/
    🧠 เรื่องเล่าจากสารานุกรมเสรี: เมื่อกฎหมายความปลอดภัยออนไลน์กลายเป็นภัยต่อผู้สร้างความรู้ ในเดือนกรกฎาคม 2025 Wikimedia Foundation ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรที่ดูแล Wikipedia ได้ยื่นฟ้องรัฐบาลสหราชอาณาจักรต่อศาลสูงแห่งลอนดอน โดยมุ่งเป้าไปที่ “Categorisation Regulations” ของกฎหมาย Online Safety Act (OSA) ซึ่งอาจจัดให้ Wikipedia เป็น “Category 1 service”—กลุ่มเว็บไซต์ที่มีข้อบังคับเข้มงวดที่สุด หาก Wikipedia ถูกจัดอยู่ในหมวดนี้ จะต้องตรวจสอบตัวตนของอาสาสมัครที่แก้ไขบทความ ซึ่งขัดกับหลักการพื้นฐานของ Wikipedia ที่เน้นการเปิดกว้างและไม่เก็บข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ การบังคับให้เปิดเผยตัวตนอาจทำให้อาสาสมัครเสี่ยงต่อการถูกตามรอย, ฟ้องร้อง, หรือแม้แต่ถูกคุมขังในบางประเทศ Wikimedia ยืนยันว่า Wikipedia ไม่ควรถูกจัดอยู่ในกลุ่มเดียวกับแพลตฟอร์มเชิงพาณิชย์อย่าง Facebook หรือ TikTok เพราะไม่มีโฆษณา, ไม่ขายข้อมูล, และดำเนินงานโดยอาสาสมัครกว่า 260,000 คนทั่วโลก ✅ Wikimedia Foundation ยื่นฟ้องรัฐบาลสหราชอาณาจักรต่อศาลสูงในเดือนกรกฎาคม 2025 ➡️ มุ่งเป้าไปที่ Categorisation Regulations ของกฎหมาย Online Safety Act ➡️ เป็นการฟ้องเฉพาะข้อกำหนด ไม่ใช่ตัวกฎหมายทั้งหมด ✅ Wikipedia อาจถูกจัดเป็น Category 1 service ซึ่งมีข้อบังคับเข้มงวดที่สุด ➡️ ต้องตรวจสอบตัวตนของผู้ใช้และอาสาสมัคร ➡️ ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัยและการรายงาน ✅ Wikimedia เตือนว่าข้อกำหนดเหล่านี้จะกระทบต่อความปลอดภัยของอาสาสมัคร ➡️ เสี่ยงต่อการถูกละเมิดข้อมูล, ถูกตามรอย, หรือถูกดำเนินคดี ➡️ อาจทำให้อาสาสมัครจำนวนมากเลิกแก้ไขบทความ ✅ Wikipedia มีผู้เข้าชมกว่า 15 พันล้านครั้งต่อเดือนทั่วโลก และ 776 ล้านครั้งในสหราชอาณาจักร ➡️ มีอาสาสมัครในสหราชอาณาจักรหลายพันคน ➡️ เป็นแหล่งเรียนรู้สำคัญในระบบการศึกษาของประเทศ เช่น Wikipedia ภาษาเวลส์ ✅ ผู้ร่วมฟ้องคืออาสาสมัครในสหราชอาณาจักรที่ใช้นามแฝงว่า “Zzuuzz” ➡️ เพื่อแสดงให้เห็นถึงผลกระทบต่อผู้ใช้งานจริง ➡️ เป็นคดีแรกที่มีอาสาสมัคร Wikipedia เข้าร่วมเป็นผู้ฟ้องร่วม ✅ Wikimedia เรียกร้องให้ศาลตั้งบรรทัดฐานใหม่ในการคุ้มครองโครงการสาธารณะบนอินเทอร์เน็ต ➡️ Wikipedia เป็นเว็บไซต์ระดับโลกที่ดำเนินงานโดยไม่แสวงหากำไร ➡️ เป็นแหล่งข้อมูลสำคัญที่ใช้ฝึกโมเดล AI และส่งเสริมการรู้เท่าทันสื่อ https://wikimediafoundation.org/news/2025/07/17/wikimedia-foundation-challenges-uk-online-safety-act-regulations/
    WIKIMEDIAFOUNDATION.ORG
    Wikimedia Foundation Challenges UK Online Safety Act Regulations – Wikimedia Foundation
    Next week, on 22 and 23 July 2025, the High Court of Justice in London will hear the Wikimedia Foundation's legal challenge to the Categorisation Regulations of the United Kingdom (UK)'s Online Safety Act (OSA).
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 261 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts