• วางระเบิดไปด้วย-ได้เงินไปด้วย!!! สหรัฐฯ อนุมัติเงิน 6.75 แสนดอลลาร์หนุนกัมพูชากู้ทุ่นระเบิด
    https://www.thai-tai.tv/news/21692/
    .
    #ทุ่นระเบิดกัมพูชา #ความช่วยเหลือสหรัฐฯ #CMAC #ชายแดนไทยกัมพูชา #การเมืองโลก #ทุนจีน #ปัญหาสงคราม #เฮงรัตนา
    วางระเบิดไปด้วย-ได้เงินไปด้วย!!! สหรัฐฯ อนุมัติเงิน 6.75 แสนดอลลาร์หนุนกัมพูชากู้ทุ่นระเบิด https://www.thai-tai.tv/news/21692/ . #ทุ่นระเบิดกัมพูชา #ความช่วยเหลือสหรัฐฯ #CMAC #ชายแดนไทยกัมพูชา #การเมืองโลก #ทุนจีน #ปัญหาสงคราม #เฮงรัตนา
    0 Comments 0 Shares 117 Views 0 Reviews
  • ส่วนตัวถ้าเป็นนายกฯจะเลื่อนยศเป็นพลเอกเลย,ต่ออายุราชการเพื่อเสียสละมารับใช้ชาติต่ออีกจนจบสงครามนี้,หรือจัดการฮุนเซนจบเร็วเคลมเร็วทันที,ตัวปัญหาสงคราม,ไม่มีใครเปลี่ยนแม่ทัพที่รบดีอยู่แล้วตลอดเข้าใจศัตรูเป็นอย่างดีจากผลงานที่เห็นประจักษ์ชัดเจน สองเป็นขวัญกำลังใจของทหารที่ดี สงครามสำคัญสูงสุดคือขวัญกำลังใจของนักรบ ที่แม่ทัพเริ่มสู้เคียงบ่าเคียงไหล่มาด้วยกันพร้อมๆกันบนสนามสงครามปัจจุบัน,มีแต่คนทรยศไส้ศึกขายชาติเท่านั้นที่อ้างกฎกติกาผีบ้ามาบังหน้าเพื่อทำลายทุกๆช่องทางด้านยุทธวิธีสงครามของตนเองให้ทัพตนเองแพ้สงครามนั้น,นักวิชาการเหล่านี้หนักแผ่นดินชัดเจน,แม่ทัพมีชัยสร้างผลงานดีเยี่ยม ควบคุมสนามรบได้ดี รู้รายละเอียดสนามรบมีฝีมือชำนาญการความสามารถซึ่งแต่ละคนอัจฉริยะหยั่งใจลึกล้ำนั้นมีเฉพาะใครมันลอกเลียนแบบไม่ได้ ทั้งกว่าจะปรับความเข้ากันเข้าใจกันได้กับเพื่อนร่วมงานมันต้องใช้เวลา,นี้ความเข้าใจเต็มเปี่ยมขวัญกำลังเกินล้าน%เสือกจะมาเปลี่ยนแม่ทัพ กฎกติกามันเรื่องขี้หมา รองต่างๆอยากขึ้นมาเป็นแม่ทัพภาคใจแทบขาดหรือไงหรือรัฐบาลเตรียมคนของตนที่สั่งได้ไว้แล้วใช่หรือไม่ แบบสั่งหยุดยิงได้ ยิงแต่ปืนคอแบบยุทธปืนคอนั้น,นี้คือคนบ่อนทำลายขวัญกำลังใจทหารชัดเจน,และมาเล่นเวลานี้ กำลังสร้างกระแสความแตกแยกชัดเจนภายในกองทัพ, บิ๊กกุ้งและบิ๊กปู ยืนหนึ่งในเวลานี้และท่านอื่นๆที่รักชาติบ้านเมืองไม่แพ้กัน,แม่ทัพจึงสำคัญมาก,แม่ทัพเท่านั้นจะจัดการแม่ทัพแบบฮุนเซนฮุนมาเนตเด็ดหัวมันสมน้ำสมเนื้อชดใช้สิ่งที่มันเปิดก่อนจนประชาชนเราเสียชีวิตอย่างที่ไม่สมควรเสียและทหารไทยเราที่รักสงบปกติแต่มาสูญเสียเพราะเขมรที่รัฐบาลสมยอมมองทหารไทยตนเองว่าเป็นฝ่ายตรงข้ามตนเอง,กบฎชัดเจน,นักวิชาการต่างๆก็ด้วยเจตนาทำให้ไทยแพ้สงครามชัดเจนนั้นเอง ,แม่ทัพรบแพ้ยึดพื้นที่กว่าสิบจุดไม่ได้ต่างหากสมควรไม่ต้องมีข้อเรียกร้องนี้จากภาคประชาชน,เอาง่ายๆหากเด็ดหัวถล่มบ้านฮุนเซนฮุนมาเนตไม่ตายภายใน50วัน จะไม่ต่ออายุราชการให้,หากเด็ดหัวฮุนเซนฮุนมาเนตถล่มบ้านมันได้ภายใน50วันจนพิสูจน์ซากศพมันได้ว่าเป็นมันคือฮุนเซนฮุนมาเนตจริงจะต่ออายุราชการให้แต่ท่านจะรับหรือไม่คือสิทธิของท่านแต่เลื่อนเป็นพลเอกนี้ท่านต้องรับ. เป็นต้น.
    ..ประเด็นคือประชาชนไม่ไว้วางใจรัฐบาลในการปกป้องประเทศไทยจากเขมรเลยอย่างสิ้นเชิงด้วย,หากลงมติทั่วประเทศเรียลไทม์ออนไลน์ให้รัฐบาลนี้หมดอำนาจ ประชาชนคนไทยแน่นอนว่าเกือบทั้งประเทศจะลงมติปุ่มว่าให้สิ้นอำนาจหมดอำนาจทันทีโน้นเลยล่ะ.
    ..นักวิชาการมากมายนักการเมืองฝ่ายรัฐบาลจะล็อบบี้ซื้อตัวออกมาพูดมาปั่นกระแสแบบใดๆก็ได้,แต่จริงๆสมควรไปจับอาวุธยิงกับเขมรจริงที่ชายแดนสนามรบจริงโน้น,ไปหันยิงปืนก่อน ก่อนจะมาขัดขวางท่าน ขวัญกำลังใจทหารแนวรบท่าน.

    https://youtube.com/watch?v=4oaLhddMTD4&si=9xkwGq0ECRCCETTd
    ส่วนตัวถ้าเป็นนายกฯจะเลื่อนยศเป็นพลเอกเลย,ต่ออายุราชการเพื่อเสียสละมารับใช้ชาติต่ออีกจนจบสงครามนี้,หรือจัดการฮุนเซนจบเร็วเคลมเร็วทันที,ตัวปัญหาสงคราม,ไม่มีใครเปลี่ยนแม่ทัพที่รบดีอยู่แล้วตลอดเข้าใจศัตรูเป็นอย่างดีจากผลงานที่เห็นประจักษ์ชัดเจน สองเป็นขวัญกำลังใจของทหารที่ดี สงครามสำคัญสูงสุดคือขวัญกำลังใจของนักรบ ที่แม่ทัพเริ่มสู้เคียงบ่าเคียงไหล่มาด้วยกันพร้อมๆกันบนสนามสงครามปัจจุบัน,มีแต่คนทรยศไส้ศึกขายชาติเท่านั้นที่อ้างกฎกติกาผีบ้ามาบังหน้าเพื่อทำลายทุกๆช่องทางด้านยุทธวิธีสงครามของตนเองให้ทัพตนเองแพ้สงครามนั้น,นักวิชาการเหล่านี้หนักแผ่นดินชัดเจน,แม่ทัพมีชัยสร้างผลงานดีเยี่ยม ควบคุมสนามรบได้ดี รู้รายละเอียดสนามรบมีฝีมือชำนาญการความสามารถซึ่งแต่ละคนอัจฉริยะหยั่งใจลึกล้ำนั้นมีเฉพาะใครมันลอกเลียนแบบไม่ได้ ทั้งกว่าจะปรับความเข้ากันเข้าใจกันได้กับเพื่อนร่วมงานมันต้องใช้เวลา,นี้ความเข้าใจเต็มเปี่ยมขวัญกำลังเกินล้าน%เสือกจะมาเปลี่ยนแม่ทัพ กฎกติกามันเรื่องขี้หมา รองต่างๆอยากขึ้นมาเป็นแม่ทัพภาคใจแทบขาดหรือไงหรือรัฐบาลเตรียมคนของตนที่สั่งได้ไว้แล้วใช่หรือไม่ แบบสั่งหยุดยิงได้ ยิงแต่ปืนคอแบบยุทธปืนคอนั้น,นี้คือคนบ่อนทำลายขวัญกำลังใจทหารชัดเจน,และมาเล่นเวลานี้ กำลังสร้างกระแสความแตกแยกชัดเจนภายในกองทัพ, บิ๊กกุ้งและบิ๊กปู ยืนหนึ่งในเวลานี้และท่านอื่นๆที่รักชาติบ้านเมืองไม่แพ้กัน,แม่ทัพจึงสำคัญมาก,แม่ทัพเท่านั้นจะจัดการแม่ทัพแบบฮุนเซนฮุนมาเนตเด็ดหัวมันสมน้ำสมเนื้อชดใช้สิ่งที่มันเปิดก่อนจนประชาชนเราเสียชีวิตอย่างที่ไม่สมควรเสียและทหารไทยเราที่รักสงบปกติแต่มาสูญเสียเพราะเขมรที่รัฐบาลสมยอมมองทหารไทยตนเองว่าเป็นฝ่ายตรงข้ามตนเอง,กบฎชัดเจน,นักวิชาการต่างๆก็ด้วยเจตนาทำให้ไทยแพ้สงครามชัดเจนนั้นเอง ,แม่ทัพรบแพ้ยึดพื้นที่กว่าสิบจุดไม่ได้ต่างหากสมควรไม่ต้องมีข้อเรียกร้องนี้จากภาคประชาชน,เอาง่ายๆหากเด็ดหัวถล่มบ้านฮุนเซนฮุนมาเนตไม่ตายภายใน50วัน จะไม่ต่ออายุราชการให้,หากเด็ดหัวฮุนเซนฮุนมาเนตถล่มบ้านมันได้ภายใน50วันจนพิสูจน์ซากศพมันได้ว่าเป็นมันคือฮุนเซนฮุนมาเนตจริงจะต่ออายุราชการให้แต่ท่านจะรับหรือไม่คือสิทธิของท่านแต่เลื่อนเป็นพลเอกนี้ท่านต้องรับ. เป็นต้น. ..ประเด็นคือประชาชนไม่ไว้วางใจรัฐบาลในการปกป้องประเทศไทยจากเขมรเลยอย่างสิ้นเชิงด้วย,หากลงมติทั่วประเทศเรียลไทม์ออนไลน์ให้รัฐบาลนี้หมดอำนาจ ประชาชนคนไทยแน่นอนว่าเกือบทั้งประเทศจะลงมติปุ่มว่าให้สิ้นอำนาจหมดอำนาจทันทีโน้นเลยล่ะ. ..นักวิชาการมากมายนักการเมืองฝ่ายรัฐบาลจะล็อบบี้ซื้อตัวออกมาพูดมาปั่นกระแสแบบใดๆก็ได้,แต่จริงๆสมควรไปจับอาวุธยิงกับเขมรจริงที่ชายแดนสนามรบจริงโน้น,ไปหันยิงปืนก่อน ก่อนจะมาขัดขวางท่าน ขวัญกำลังใจทหารแนวรบท่าน. https://youtube.com/watch?v=4oaLhddMTD4&si=9xkwGq0ECRCCETTd
    0 Comments 0 Shares 349 Views 0 Reviews
  • วันนี้เป็นครั้งแรกที่จะเขียนบทความนี้ทุกตัวอักษรจากหัวใจล้วนๆ ไม่มีอ้างอิงข้อมูลใดๆ ไม่มีการหาข้อมูลใดๆ เพิ่มเติม เพราะส่วนตัวคิดว่า คงถึงเวลาที่เราต้องเรียก "สติ" กัน แม้ว่าการส่งเสียงผ่านกลุ่มนี้ อาจจะเงียบกริบ แต่อย่างน้อยๆ คนที่แวะผ่านมาเห็น ขอจงโปรดใช้วิจารณญานในการ ค.ว.ย. กรณีตระกูลฮุน

    ผมหมายถึง "คิด . วิเคระห์ . แยกแยะ" โปรดอย่างคิดเป็นอื่น

    คงปฏิเสธไม่ได้ว่า สิ่งที่คุณอุ๊งอิ๊งได้ทำลงเป็น เป็นความผิดพลาดที่ไม่สมควรอภัยอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะด้วยเจตนาดีหรือร้ายอย่างใด สิ่งที่ทำลงไป ไม่อาจเรียกว่าเป็น "การกระทำที่ผ่านการคิดไตร่ตรองอย่างรอบคอบแล้ว" ได้เลย

    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในฐานะผู้นำประเทศที่ทุกๆ การกระทำ คือสิ่งแสดงสถานะตัวแทนและผู้นำประเทศ และไม่ว่าจะด้วยการกล่าวอ้างใดๆ ของคนที่เห็นว่านายกฯ ทำอย่างดีที่สุดแล้ว แต่ยิ่งช่วย ก็ยิ่งตอกย้ำว่า ลูกสาวคนสุดท้อง ของคุณทักษิณ ยังไม่มีวุฒิภาวะ และความสามารถเพียงพอใจการเป็นผู้นำประเทศ

    โดยเฉพาะการนำเรื่อง "ประเด็นปัญหาระหว่างประเทศ" ไปคุยผ่าน "ความสัมพันธ์ส่วนตัว" ไม่ว่าคนที่คุยด้วยนั้น จะเป็นผู้นำประเทศคู่กรณีตัวจริง หรือ ตัวจริง ก็ตาม (ผมหมายถึง เป็นโดยตำแหน่ง หรือเป็นโดยการยอมรับ) หรือแม้กระทั่ง เป็นการคุยเพื่อหวังดีต่อประเทศจริงๆ หรือเพียงหวังดีต่อเก้าอี้ตนเองก็ตาม

    นี่คือเรื่องของ "ประเทศ" ที่ไม่ใช่ "ธุรกิจส่วนตัว" ที่ไปคุยกันบนกรีนสนามกอล์ฟ หรือจบที่คลับหรือเลานจ์สักที่่ คุยนอกรอบให้ลงตัว แล้วค่อยไปจบในห้องประชุม การพูดคุยในฐานะประเทศ ต่อให้ใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัว ก็พึงมีคนระวังหลังให้เสมอ ไม่ว่าจะมีอำนาจตัดสินใจหรือไม่ ก็ต้องมีคนช่วยเวลาคุย ไม่ใช่ กำลังจะนอนแล้ว โทรหาอังเคิลซะหน่อย เผื่อเคลียร์ได้

    ผมไม่เคยเชื่อว่าระหว่าง Donald Trump และ Vladimir Putin จะโทรคุยกันโดยอาศัยความสัมพันธ์ส่วนตัว หรือแม้แต่ระหว่าง Vladimir Putin กับ 习近平 (สีจิ้นผิง) จะคุยกันบนความสัมพันธ์ส่วนตัว

    และเมื่อตัดสินใจผิดพลาด เปลี่ยนการพูดคุยที่ควรจะมีแบบแผนและจริงจัง เป็นวาทกรรมก่อนนอน ก็ต้องยอมรับผลที่จะตามมา เมื่อคู่สนทนา จริงจังในทุกๆ บริบท

    สรุป ไม่ว่าสายซัพพอร์ตของ น้องอิ๊ง จะพยายามแก้ต่างด้วยเหตุความหวังดีต่อประเทศอย่างไร มันก็ยิ่งตอกย้ำว่า น้องอิ๊ง ไม่เหมาะกับการเป็นผู้นำอยู่ดี - รู้สึกอย่างไรบ้างครับ เมื่อบทสนทนาหนักๆ กลายเป็นเรื่องคุยก่อนนอน

    แต่!!

    สิ่งที่น่ากลัวกว่าท่านนายกฯ ก็คือ ท่านพ่อนายกฯ ที่ไม่ใช่พ่อนายกฯ เมืองไทย แต่เป็นพ่อนายกฯ เขมร ผู้นำตระกูลฮุน ที่กำลัง "เซาะกร่อนบ่อนทำลาย" ความน่าเชื่อถือของประเทศไทยบนเวทีโลกไปทุกวัน ดูจากสิ่งที่กำลังตามต่อมาจากหลังจาก คลิปเสียงเวอร์ชั่นเต็ม 17 นาทีถูกปล่อยออกมา

    สิ่งที่ท่านผู้นำฮุนกระทำ และบัญชาการให้องคาพยบของเหล่าชนชั้นนำของกัมพูชาทำก็คือ การเขย่าประเทศไทยให้แรงที่สุดเท่าที่จะแรงได้ เพื่อสร้างแต้มต่อไม่ว่าจะมากหรือน้อยเพียงใดให้กับการต่ออายุการกดขี่ข่มเหงคนกัมพูชาให้นานที่สุด

    โดยมีเป้าหมายในการเป็น "คิมอิลซุง" หรือ "คิมจองอิล" ของราชวงศ์กัมพูชาให้จงได้ โดยอาศัยเพียงความชาตินิยมของคนกัมพูชา ที่ยังไม่หลุดพ้นจากภาพจำของการตกเป็นเมืองขึ้นของสยามตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมา ตั้งแต่นครวัดนครธมถูกอโยธยาเผา เรื่อยมาจนกระทั่งเขมรได้รับการปลดปล่อยจากไทย ด้วยปลายกระบอกปืนของฝรั่งเศส แต่ก็ถูกกดโดยเหล่าเสนาอำมาตย์ที่คอยยกไทยให้เป็นศัตรูผ่านตำราเรียนอยู่ตลอดเวลา เหมือนกับที่ตำราเรียนประวัติศาสตร์ไทย ยังคงตอกย้ำการเสียกรุงให้พม่า 2 ครั้งมาโดยตลอด

    ยังดีที่คนไทย ได้รับโอกาสมากกว่า เราจึงหลุดพ้นการกดขี่และเรียกร้องสิทธิเสรีภาพจากผู้ปกครองได้มากกว่าคนกัมพูชา แม้ว่าไทยจะลุ่มๆ ดอนๆ ทางด้านประชาธิปไตยมาตลอด 92 ปี จนถึงวันที่เขียนเรื่องนี้

    แต่คนกัมพูชา ยังไม่หลุดพ้นจากเรื่องนั้น ทั้งปัญหาสงครามกลางเมืองและการช่วงชิงอำนาจที่พึ่งยุติไปเมื่อก่อนโลโซปกแดงไม่กี่ปี แถมซ้ำด้วยการที่กลุ่มชนชั้นนำของประเทศกัมพูขากดหัวประชาชนตัวเองต่อเนื่องยาวนาน ยิ่งทำให้คนกัมพูชายังมองภาพรวมไม่ออก

    ซึ่งก็ไม่ค่อยต่างกันคนไทยเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยๆ เราก็มีเสรีมากกว่าในการพูด พรรคฝ่ายค้านของประเทศเรา ก็ยังด่ารัฐบาลได้ทุกวัน ไม่ต้องติดคุก หรือไปตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นที่ไหน

    ดูได้จาก ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ "ไทย" ได้ดิบได้ดี ชาวกัมพูชาบางส่วน ก็จะแปลงสัญชาติเป็น "เคลมโบเดีย" ทันที และเป็นกับไทย และไทยเท่านั้น ไม่มีลาว ไม่มีเวียดนามที่มีพรมแดนติดกับกัมพูชาเหมือนกัน และเจริญกว่ากัมพูชาเหมือนกันแม้แต่น้อย

    ตราบใดก็ตามที่ คนกัมพูชา ยังไม่หลุดกับดักของชนชั้้นนำ ที่พยายามเอาเรื่องความรู้สึกต่ำต้อยทางเชื่อชาติเมื่อเทียบกับไทย มาเป็นอาวุธเหนี่ยวไกฝังกระสุนลงหัวประชาชนกัมพูชา ตราบนั้น การที่ตระกูลฮุน และชนชั้นนำของกัมพูชา จะใช้ไทยเป็นเครื่องมือก็จะไม่มีวันจบไม่มีวันสิ้น

    และวันนี้ คนไทย กำลังเล่นเกมตระกูลฮุนอยู่

    เรากำลังเสริมภาพลักษณ์ให้ "ฮุนเซน" กลายเป็นรัฐบุรุษแห่งชาติกัมพูชา ดังที่คนกัมพูชากำลังได้ชม "ลูกชายใต้แสงจันทร์วันเพ็ญ" (หรือบางคนเรียกว่า "ลูกชายใต้เดือนเพ็ญ") ผ่านทางสถานีโทรทัศน์กัมพูชาในทุกวัน

    คนไทยเรา แค่ต้องฟังเพลง "เราจะทำตามสัญญา" ก็ปิดทีวี เปิด YouTube หรือ Netflix ดูกันหมดแล้ว แต่นี่ละครทั้งเรื่อง คนกัมพูชามีทางเลือกอะไรบ้าง?

    สิ่งที่เราควรทำในนาทีนี้คือ Status Quo หรือ ตรึงทุกอย่างไว้กับที่ให้นานที่สุด เพราะตระกูลฮุน กำลังเล่นเกมที่เรียกว่า Rally Round the Flag หรือการสร้างภาพการคลั่งชาติ ประคองคะแนนนิยม

    ยิ่งฝ่ายตรงข้ามในเกม ร้อนระอุเท่าไหร่ ตระกูลฮุน ก็จะยิ่งได้ ได้ และ ได้ ได้โดยไม่หยุดหย่อน และหากผันเกมให้เป็นความบาดหมางระหว่างเชื้อชาติได้ ตระกูลฮุนจะยิ่งครอง และกดหัวคนกัมพูชาไปได้อีกหลาย Generation

    และเราก็จะเดือดร้อนไปอีกหลาย Generation เช่นกัน และไม่เพียงแต่ชีวิตประชาชนและทหารหาญที่จะต้องเสียไปในวันนี้ หากการปั่นกระแสเพื่อรักษาอำนาจของตระกูลฮุน จุดติดขึ้นมาจริงๆ ประชาชนและทหารหาญที่ คนรักอิ๊ง นำมากล่าวอ้างว่า ต้องการปกป้องนัก ปกป้องหนา ก็จะยิ่งต้องสังเวยชีวิตให้กับสงครามทีจะไม่มีวันสิ้นสุด

    ไม่ต่างจาก ฉนวนกาซ่า ที่ ปาเลสไตน์ ปะทะกับ อิสราเอล ตามที่ ฮุนเซน กล่าวและหวังไว้ว่ามันจะเกิด

    สิ่งที่ต้องทำในเวลานี้จึงควรเป็นการตั้งสติอย่างมาก และมากที่สุด หยุดเต้นตามเพลงกัมพูชา ไม่ว่าจะเป็นการเข้ามาร้องเพลง เต้นรำ ปิดปราสาทในเขตพื้นที่พิพาท หรือการกระทำใดๆ ก็ตาม แม้กระทั่งทหารไทยที่กำลังได้รับแรงเชียร์อย่างมหาศาลให้รบ ก็ควรทิ้งกระบอกปืนไว้ที่ต้้ง แล้วจัดการกับปัญหาต่างๆ ด้วยความอดทนอย่างถึงที่สุด แม้ว่าจะทนไม่ได้ ทนไม่ไหว ก็ต้องทน

    ยิ่งฮุนเซน ไม่สามารถบีบให้กระสุนไทย ฝังในร่างกายคนกัมพูชาได้เท่าไร่

    ยิ่งฮุนเซน ไม่สามารถบีบให้หมัดทหารไทย อัดหน้านักแสดงตุ๊กตาทองรักชาติกัมพูชาที่พยายามยั่วยุในพื้นที่พิพาทรายวันได้เท่าไหร่

    ฮุนเซนก็จะยิ่งอึดอัดกับกระแสที่จะค่อยๆ ตีกลับมากยิ่งขึ้นเท่านั้น

    เมื่อใดก็ตามที่คนไทยสามารถสร้างภาพให้คนกัมพูชาเห็นได้ว่า ฮุนเซน ไม่เท่าไหร่ ไม่ได้ดี ไม่ได้เจ๋ง ซ้ำยังอ่อนด้อย เพราะไม่เคยสร้างความเจริญใดๆ ให้ประเทศเค้าเอง นอกจากความมั่งคั่งของตัวเอง และเป็นเพียงนายใหม่ที่มากดหัวคนกัมพูชามากกว่า สยามในประวัติศาสตร์ และฝรั่งเศสในอดีต

    เพราะฮุนเซนเป็นคนชาติเดียวกันกับคนกัมพูชา ที่ต้องระเหเร่ร่อนมาหางานทำในเมืองไทยเพื่อชีวิตที่่ดีกว่า ไม่สามารถมีชีวิตที่ดีในประเทศตัวเองได้

    ยิ่งภาพความ "ไร้สมรรถภาพ" และ "ไร้ฝีมือ" เกิดขึ้นกับ ฮุนเซน และตระกูลฮุนมากเท่าไหร่ ...เราก็จะใกล้กับความสงบมากขึ้นเท่านั้น

    ณ เวลานี้ จึงไม่ใช่เวลา ส่งทหารเป็นผู้มีอำนาจ หรือต่อให้ส่งอำนาจให้ทหาร ก็ไม่ใช่เวลาที่ทหารจะใช้อำนาจ แต่ต้องเป็นการใช้โอบกอดคนกัมพูชา

    ถ้าเค้าส่งคมมาร้องรำ เราก็เนียนร้องเพลงไทยไปข้างๆ เขาเลย ถือธงชาติ 2 ประเทศเคียงกัน ทำให้รู้สึกว่า คนที่อยู่บริเวณนั้น คือ "คน" เหมือนๆ กัน ที่ต่างก็พูดเขมรได้ พูดไทยเป็นด้วยกันทั้งสิ้น ส่วนคนที่ทำผิดพลาดไป ในตอนนี้ จะลงดาบประหารเลย หรือว่าจะเก็บเอาไว้ด่าเล่นเพลินๆ ก่อน ก็แล้วแต่ท่านจะพิจารณา

    แต่ได้โปรด อย่าหยิบยื่นกระสุนให้ทหารเลย

    หวังว่าเสียงนี้จะเพียงพอที่จะทำให้คนที่แวะเข้ามาอ่าน ได้หยุดความสะใจ และเลือกทางเดินให้กับประเทศอย่างมีวิจารณญาน
    วันนี้เป็นครั้งแรกที่จะเขียนบทความนี้ทุกตัวอักษรจากหัวใจล้วนๆ ไม่มีอ้างอิงข้อมูลใดๆ ไม่มีการหาข้อมูลใดๆ เพิ่มเติม เพราะส่วนตัวคิดว่า คงถึงเวลาที่เราต้องเรียก "สติ" กัน แม้ว่าการส่งเสียงผ่านกลุ่มนี้ อาจจะเงียบกริบ แต่อย่างน้อยๆ คนที่แวะผ่านมาเห็น ขอจงโปรดใช้วิจารณญานในการ ค.ว.ย. กรณีตระกูลฮุน ผมหมายถึง "คิด . วิเคระห์ . แยกแยะ" โปรดอย่างคิดเป็นอื่น คงปฏิเสธไม่ได้ว่า สิ่งที่คุณอุ๊งอิ๊งได้ทำลงเป็น เป็นความผิดพลาดที่ไม่สมควรอภัยอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะด้วยเจตนาดีหรือร้ายอย่างใด สิ่งที่ทำลงไป ไม่อาจเรียกว่าเป็น "การกระทำที่ผ่านการคิดไตร่ตรองอย่างรอบคอบแล้ว" ได้เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในฐานะผู้นำประเทศที่ทุกๆ การกระทำ คือสิ่งแสดงสถานะตัวแทนและผู้นำประเทศ และไม่ว่าจะด้วยการกล่าวอ้างใดๆ ของคนที่เห็นว่านายกฯ ทำอย่างดีที่สุดแล้ว แต่ยิ่งช่วย ก็ยิ่งตอกย้ำว่า ลูกสาวคนสุดท้อง ของคุณทักษิณ ยังไม่มีวุฒิภาวะ และความสามารถเพียงพอใจการเป็นผู้นำประเทศ โดยเฉพาะการนำเรื่อง "ประเด็นปัญหาระหว่างประเทศ" ไปคุยผ่าน "ความสัมพันธ์ส่วนตัว" ไม่ว่าคนที่คุยด้วยนั้น จะเป็นผู้นำประเทศคู่กรณีตัวจริง หรือ ตัวจริง ก็ตาม (ผมหมายถึง เป็นโดยตำแหน่ง หรือเป็นโดยการยอมรับ) หรือแม้กระทั่ง เป็นการคุยเพื่อหวังดีต่อประเทศจริงๆ หรือเพียงหวังดีต่อเก้าอี้ตนเองก็ตาม นี่คือเรื่องของ "ประเทศ" ที่ไม่ใช่ "ธุรกิจส่วนตัว" ที่ไปคุยกันบนกรีนสนามกอล์ฟ หรือจบที่คลับหรือเลานจ์สักที่่ คุยนอกรอบให้ลงตัว แล้วค่อยไปจบในห้องประชุม การพูดคุยในฐานะประเทศ ต่อให้ใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัว ก็พึงมีคนระวังหลังให้เสมอ ไม่ว่าจะมีอำนาจตัดสินใจหรือไม่ ก็ต้องมีคนช่วยเวลาคุย ไม่ใช่ กำลังจะนอนแล้ว โทรหาอังเคิลซะหน่อย เผื่อเคลียร์ได้ ผมไม่เคยเชื่อว่าระหว่าง Donald Trump และ Vladimir Putin จะโทรคุยกันโดยอาศัยความสัมพันธ์ส่วนตัว หรือแม้แต่ระหว่าง Vladimir Putin กับ 习近平 (สีจิ้นผิง) จะคุยกันบนความสัมพันธ์ส่วนตัว และเมื่อตัดสินใจผิดพลาด เปลี่ยนการพูดคุยที่ควรจะมีแบบแผนและจริงจัง เป็นวาทกรรมก่อนนอน ก็ต้องยอมรับผลที่จะตามมา เมื่อคู่สนทนา จริงจังในทุกๆ บริบท สรุป ไม่ว่าสายซัพพอร์ตของ น้องอิ๊ง จะพยายามแก้ต่างด้วยเหตุความหวังดีต่อประเทศอย่างไร มันก็ยิ่งตอกย้ำว่า น้องอิ๊ง ไม่เหมาะกับการเป็นผู้นำอยู่ดี - รู้สึกอย่างไรบ้างครับ เมื่อบทสนทนาหนักๆ กลายเป็นเรื่องคุยก่อนนอน แต่!! สิ่งที่น่ากลัวกว่าท่านนายกฯ ก็คือ ท่านพ่อนายกฯ ที่ไม่ใช่พ่อนายกฯ เมืองไทย แต่เป็นพ่อนายกฯ เขมร ผู้นำตระกูลฮุน ที่กำลัง "เซาะกร่อนบ่อนทำลาย" ความน่าเชื่อถือของประเทศไทยบนเวทีโลกไปทุกวัน ดูจากสิ่งที่กำลังตามต่อมาจากหลังจาก คลิปเสียงเวอร์ชั่นเต็ม 17 นาทีถูกปล่อยออกมา สิ่งที่ท่านผู้นำฮุนกระทำ และบัญชาการให้องคาพยบของเหล่าชนชั้นนำของกัมพูชาทำก็คือ การเขย่าประเทศไทยให้แรงที่สุดเท่าที่จะแรงได้ เพื่อสร้างแต้มต่อไม่ว่าจะมากหรือน้อยเพียงใดให้กับการต่ออายุการกดขี่ข่มเหงคนกัมพูชาให้นานที่สุด โดยมีเป้าหมายในการเป็น "คิมอิลซุง" หรือ "คิมจองอิล" ของราชวงศ์กัมพูชาให้จงได้ โดยอาศัยเพียงความชาตินิยมของคนกัมพูชา ที่ยังไม่หลุดพ้นจากภาพจำของการตกเป็นเมืองขึ้นของสยามตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมา ตั้งแต่นครวัดนครธมถูกอโยธยาเผา เรื่อยมาจนกระทั่งเขมรได้รับการปลดปล่อยจากไทย ด้วยปลายกระบอกปืนของฝรั่งเศส แต่ก็ถูกกดโดยเหล่าเสนาอำมาตย์ที่คอยยกไทยให้เป็นศัตรูผ่านตำราเรียนอยู่ตลอดเวลา เหมือนกับที่ตำราเรียนประวัติศาสตร์ไทย ยังคงตอกย้ำการเสียกรุงให้พม่า 2 ครั้งมาโดยตลอด ยังดีที่คนไทย ได้รับโอกาสมากกว่า เราจึงหลุดพ้นการกดขี่และเรียกร้องสิทธิเสรีภาพจากผู้ปกครองได้มากกว่าคนกัมพูชา แม้ว่าไทยจะลุ่มๆ ดอนๆ ทางด้านประชาธิปไตยมาตลอด 92 ปี จนถึงวันที่เขียนเรื่องนี้ แต่คนกัมพูชา ยังไม่หลุดพ้นจากเรื่องนั้น ทั้งปัญหาสงครามกลางเมืองและการช่วงชิงอำนาจที่พึ่งยุติไปเมื่อก่อนโลโซปกแดงไม่กี่ปี แถมซ้ำด้วยการที่กลุ่มชนชั้นนำของประเทศกัมพูขากดหัวประชาชนตัวเองต่อเนื่องยาวนาน ยิ่งทำให้คนกัมพูชายังมองภาพรวมไม่ออก ซึ่งก็ไม่ค่อยต่างกันคนไทยเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยๆ เราก็มีเสรีมากกว่าในการพูด พรรคฝ่ายค้านของประเทศเรา ก็ยังด่ารัฐบาลได้ทุกวัน ไม่ต้องติดคุก หรือไปตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นที่ไหน ดูได้จาก ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ "ไทย" ได้ดิบได้ดี ชาวกัมพูชาบางส่วน ก็จะแปลงสัญชาติเป็น "เคลมโบเดีย" ทันที และเป็นกับไทย และไทยเท่านั้น ไม่มีลาว ไม่มีเวียดนามที่มีพรมแดนติดกับกัมพูชาเหมือนกัน และเจริญกว่ากัมพูชาเหมือนกันแม้แต่น้อย ตราบใดก็ตามที่ คนกัมพูชา ยังไม่หลุดกับดักของชนชั้้นนำ ที่พยายามเอาเรื่องความรู้สึกต่ำต้อยทางเชื่อชาติเมื่อเทียบกับไทย มาเป็นอาวุธเหนี่ยวไกฝังกระสุนลงหัวประชาชนกัมพูชา ตราบนั้น การที่ตระกูลฮุน และชนชั้นนำของกัมพูชา จะใช้ไทยเป็นเครื่องมือก็จะไม่มีวันจบไม่มีวันสิ้น และวันนี้ คนไทย กำลังเล่นเกมตระกูลฮุนอยู่ เรากำลังเสริมภาพลักษณ์ให้ "ฮุนเซน" กลายเป็นรัฐบุรุษแห่งชาติกัมพูชา ดังที่คนกัมพูชากำลังได้ชม "ลูกชายใต้แสงจันทร์วันเพ็ญ" (หรือบางคนเรียกว่า "ลูกชายใต้เดือนเพ็ญ") ผ่านทางสถานีโทรทัศน์กัมพูชาในทุกวัน คนไทยเรา แค่ต้องฟังเพลง "เราจะทำตามสัญญา" ก็ปิดทีวี เปิด YouTube หรือ Netflix ดูกันหมดแล้ว แต่นี่ละครทั้งเรื่อง คนกัมพูชามีทางเลือกอะไรบ้าง? สิ่งที่เราควรทำในนาทีนี้คือ Status Quo หรือ ตรึงทุกอย่างไว้กับที่ให้นานที่สุด เพราะตระกูลฮุน กำลังเล่นเกมที่เรียกว่า Rally Round the Flag หรือการสร้างภาพการคลั่งชาติ ประคองคะแนนนิยม ยิ่งฝ่ายตรงข้ามในเกม ร้อนระอุเท่าไหร่ ตระกูลฮุน ก็จะยิ่งได้ ได้ และ ได้ ได้โดยไม่หยุดหย่อน และหากผันเกมให้เป็นความบาดหมางระหว่างเชื้อชาติได้ ตระกูลฮุนจะยิ่งครอง และกดหัวคนกัมพูชาไปได้อีกหลาย Generation และเราก็จะเดือดร้อนไปอีกหลาย Generation เช่นกัน และไม่เพียงแต่ชีวิตประชาชนและทหารหาญที่จะต้องเสียไปในวันนี้ หากการปั่นกระแสเพื่อรักษาอำนาจของตระกูลฮุน จุดติดขึ้นมาจริงๆ ประชาชนและทหารหาญที่ คนรักอิ๊ง นำมากล่าวอ้างว่า ต้องการปกป้องนัก ปกป้องหนา ก็จะยิ่งต้องสังเวยชีวิตให้กับสงครามทีจะไม่มีวันสิ้นสุด ไม่ต่างจาก ฉนวนกาซ่า ที่ ปาเลสไตน์ ปะทะกับ อิสราเอล ตามที่ ฮุนเซน กล่าวและหวังไว้ว่ามันจะเกิด สิ่งที่ต้องทำในเวลานี้จึงควรเป็นการตั้งสติอย่างมาก และมากที่สุด หยุดเต้นตามเพลงกัมพูชา ไม่ว่าจะเป็นการเข้ามาร้องเพลง เต้นรำ ปิดปราสาทในเขตพื้นที่พิพาท หรือการกระทำใดๆ ก็ตาม แม้กระทั่งทหารไทยที่กำลังได้รับแรงเชียร์อย่างมหาศาลให้รบ ก็ควรทิ้งกระบอกปืนไว้ที่ต้้ง แล้วจัดการกับปัญหาต่างๆ ด้วยความอดทนอย่างถึงที่สุด แม้ว่าจะทนไม่ได้ ทนไม่ไหว ก็ต้องทน ยิ่งฮุนเซน ไม่สามารถบีบให้กระสุนไทย ฝังในร่างกายคนกัมพูชาได้เท่าไร่ ยิ่งฮุนเซน ไม่สามารถบีบให้หมัดทหารไทย อัดหน้านักแสดงตุ๊กตาทองรักชาติกัมพูชาที่พยายามยั่วยุในพื้นที่พิพาทรายวันได้เท่าไหร่ ฮุนเซนก็จะยิ่งอึดอัดกับกระแสที่จะค่อยๆ ตีกลับมากยิ่งขึ้นเท่านั้น เมื่อใดก็ตามที่คนไทยสามารถสร้างภาพให้คนกัมพูชาเห็นได้ว่า ฮุนเซน ไม่เท่าไหร่ ไม่ได้ดี ไม่ได้เจ๋ง ซ้ำยังอ่อนด้อย เพราะไม่เคยสร้างความเจริญใดๆ ให้ประเทศเค้าเอง นอกจากความมั่งคั่งของตัวเอง และเป็นเพียงนายใหม่ที่มากดหัวคนกัมพูชามากกว่า สยามในประวัติศาสตร์ และฝรั่งเศสในอดีต เพราะฮุนเซนเป็นคนชาติเดียวกันกับคนกัมพูชา ที่ต้องระเหเร่ร่อนมาหางานทำในเมืองไทยเพื่อชีวิตที่่ดีกว่า ไม่สามารถมีชีวิตที่ดีในประเทศตัวเองได้ ยิ่งภาพความ "ไร้สมรรถภาพ" และ "ไร้ฝีมือ" เกิดขึ้นกับ ฮุนเซน และตระกูลฮุนมากเท่าไหร่ ...เราก็จะใกล้กับความสงบมากขึ้นเท่านั้น ณ เวลานี้ จึงไม่ใช่เวลา ส่งทหารเป็นผู้มีอำนาจ หรือต่อให้ส่งอำนาจให้ทหาร ก็ไม่ใช่เวลาที่ทหารจะใช้อำนาจ แต่ต้องเป็นการใช้โอบกอดคนกัมพูชา ถ้าเค้าส่งคมมาร้องรำ เราก็เนียนร้องเพลงไทยไปข้างๆ เขาเลย ถือธงชาติ 2 ประเทศเคียงกัน ทำให้รู้สึกว่า คนที่อยู่บริเวณนั้น คือ "คน" เหมือนๆ กัน ที่ต่างก็พูดเขมรได้ พูดไทยเป็นด้วยกันทั้งสิ้น ส่วนคนที่ทำผิดพลาดไป ในตอนนี้ จะลงดาบประหารเลย หรือว่าจะเก็บเอาไว้ด่าเล่นเพลินๆ ก่อน ก็แล้วแต่ท่านจะพิจารณา แต่ได้โปรด อย่าหยิบยื่นกระสุนให้ทหารเลย หวังว่าเสียงนี้จะเพียงพอที่จะทำให้คนที่แวะเข้ามาอ่าน ได้หยุดความสะใจ และเลือกทางเดินให้กับประเทศอย่างมีวิจารณญาน
    0 Comments 0 Shares 762 Views 0 Reviews
  • ขยับกำแพงภาษีจีน-สหรัฐน่าวิเคราะห์ว่า จะมีการขยับกำแพงภาษีจีน-สหรัฐกันอย่างไรด้านจีน ฝ่ายผู้บริโภค สินค้าจำเป็นบางอย่างจำเป็นต้องซื้อจากสหรัฐ เช่น ก๊าซอีเทน รัฐบาลใช้วิธียกเว้นแบบเงียบๆฝ่ายผู้ผลิต โรงงานอุตสาหกรรมเบาหลายแห่งต้องปิด คนงานกลับไปอยู่บ้านต่างจังหวัด แต่การเมืองยังไม่เดือดร้อนมาก เพราะไม่มีเลือกตั้งด้านสหรัฐ รูป 1 ฝ่ายผู้บริโภค รัฐบาลใช้วิธียกเว้นสินค้าจำเป็นบางอย่างไปแล้ว 22% ของยอดนำเข้าจากจีนรูป 2 แต่เนื่องจาก 37% ของสินค้าจีน เป็นชิ้นส่วนหรือวัตถุดิบ ดังนั้น ขบวนการอุตสาหกรรมทั่วไปในสหรัฐ กำลังจะสะดุดนี่ยังไม่คำนึงถึงอุตสาหกรรมไฮเทคและยุทโธปกรณ์ ที่จีนแบนแร่หายากสัปดาห์ก่อน บริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่ได้ขอพบกับทรัมป์ แจ้งว่า สงครามภาษี จะทำให้ของเริ่มขาดตลาด ภายในไม่กี่สัปดาห์รูป 3 แสดงน่านน้ำจีน ท่าเรือเซี่ยงไฮ้ S ท่าเรือนิงเบา N จำนวนเรือรอเข้า/ออก ยังมีมากรูป 4 แสดงน่านน้ำสหรัฐ ลอสแอนเจลีส L ซานฟรานซิสโก S จำนวนเรือเหลือน้อยมากSupply Chain Disruption กำลังจะเกิดขึ้นในสหรัฐ ทั้งสินค้าคอนซูเมอร์ และชิ้นส่วนอุตสาหกรรมรูป 5 จะเห็นได้ว่า สินค้าจีนไปสหรัฐ ส่วนใหญ่เป็นของโฮเทค (สีชมพูคือเครื่องจักร เทเลคอม และรถยนต์) ซึ่งกว่าจะหาแหล่งทดแทนได้ จะใช้เวลานานสินค้าสหรัฐไปจีน เป็นของพื้นๆ ที่ทดแทนได้ง่าย (สีฟ้าคือน้ำมันและก๊าซ)รูป 6 แสดงสัดส่วนแต่ละสินค้า ที่สหรัฐซื้อจากจีน ไฟ LED และเตาไมโครเวฟ เกิน 90%สมาร์ทโฟน วีดีโอเกม และพัดลม เกิน 80% ของเล่น สินค้าพลาสติก และจอคอมพิวเตอร์ เกิน 70%แลปท้อป และแบตเตอรี่ลิเทียม เกิน 60%ด้วยเหตุนี้ ทรัมป์จะเผชิญปัญหาการเมืองภายในประเทศ เริ่มตั้งแต่เดือน มิ.ย. จึงคาดกันว่า ทรัมป์จะเป็นฝ่ายที่คลายปม ก่อนสีจิ้นผิงทางเลือกที่หนึ่ง เลื่อนการใช้กำแพง 145% ออกไปชั่วคราว เหมือน 184 ประเทศที่เหลือจะแก้ปัญหาฝ่ายผู้นำเข้า ฝ่ายผู้บริโภค และผู้ผลิตอุตสาหกรรมซัพพลายเชน แต่ถ้าจีนไม่เลื่อนเวลาบังคับใช้ 125% ออกไปเช่นกัน การส่งออกสินค้าเกษตร ก็ไม่ฟื้น และไม่รู้ว่า ทรัมป์จะเดินหมาก ให้ไม่ดูเป็นการเสียหน้าได้อย่างไรรวมทั้ง การเลื่อนจะทำให้ปัญหา ค้างคาอยู่ กดดันการวางแผนธุรกิจทางเลือกที่สอง ประกาศยกเว้นสินค้าเพิ่มขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ จากปัจจุบันที่ยกเว้น 22% ที่นำเข้าจากจีนขึ้นไปเป็น 30-40-50% แต่ก็จะดูเหมือนเป็นการยอมแพ้อีกเช่นกันและไม่แก้ปัญหา ด้านสหรัฐส่งออกทางเลือกที่สาม ประกาศลดจาก 145% ลงเหลือ 54% ตามตารางที่ทรัมป์ยกชูขึ้น ในการแถลงข่าวเป็นไปได้ ที่จีนจะยอมลดลงมา ล้อเลียนกัน เช่น อาจจะลดจาก 125% เหลือ 25-30%แต่ต้องยอมรับว่า อัตรา 54% ก็ยังจะทำให้คนอเมริกัน เลือดซิบ ในการควักกระเป๋าข้อบปิ้งอยู่เช่นเดิมอัตรานี้ สหรัฐจะไปไม่ได้ในระยะยาว ทางเลือกที่สี่ ประกาศแก้ไขจาก 145% กลับไปเป็น 20% ก่อนวันปลดปล่อยอิสรภาพปัญหาสงครามภาษีจะคลี่คลายทันที แต่คงต้องยกเลิกการเจรจากับ 184 ประเทศที่เหลือโฟกัสปัญหา จะเปลี่ยนไปอยู่ที่ การเมืองภายในพรรครีปับบิลกันทันทีวันที่ 29 เมษายน 2568นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รองหัวหน้าพรรคฝ่ายเศรษฐกิจ พรรคพลังประชารัฐอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังhttps://www.facebook.com/share/p/1E1Z4MinwB/?mibextid=wwXIfr
    ขยับกำแพงภาษีจีน-สหรัฐน่าวิเคราะห์ว่า จะมีการขยับกำแพงภาษีจีน-สหรัฐกันอย่างไรด้านจีน ฝ่ายผู้บริโภค สินค้าจำเป็นบางอย่างจำเป็นต้องซื้อจากสหรัฐ เช่น ก๊าซอีเทน รัฐบาลใช้วิธียกเว้นแบบเงียบๆฝ่ายผู้ผลิต โรงงานอุตสาหกรรมเบาหลายแห่งต้องปิด คนงานกลับไปอยู่บ้านต่างจังหวัด แต่การเมืองยังไม่เดือดร้อนมาก เพราะไม่มีเลือกตั้งด้านสหรัฐ รูป 1 ฝ่ายผู้บริโภค รัฐบาลใช้วิธียกเว้นสินค้าจำเป็นบางอย่างไปแล้ว 22% ของยอดนำเข้าจากจีนรูป 2 แต่เนื่องจาก 37% ของสินค้าจีน เป็นชิ้นส่วนหรือวัตถุดิบ ดังนั้น ขบวนการอุตสาหกรรมทั่วไปในสหรัฐ กำลังจะสะดุดนี่ยังไม่คำนึงถึงอุตสาหกรรมไฮเทคและยุทโธปกรณ์ ที่จีนแบนแร่หายากสัปดาห์ก่อน บริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่ได้ขอพบกับทรัมป์ แจ้งว่า สงครามภาษี จะทำให้ของเริ่มขาดตลาด ภายในไม่กี่สัปดาห์รูป 3 แสดงน่านน้ำจีน ท่าเรือเซี่ยงไฮ้ S ท่าเรือนิงเบา N จำนวนเรือรอเข้า/ออก ยังมีมากรูป 4 แสดงน่านน้ำสหรัฐ ลอสแอนเจลีส L ซานฟรานซิสโก S จำนวนเรือเหลือน้อยมากSupply Chain Disruption กำลังจะเกิดขึ้นในสหรัฐ ทั้งสินค้าคอนซูเมอร์ และชิ้นส่วนอุตสาหกรรมรูป 5 จะเห็นได้ว่า สินค้าจีนไปสหรัฐ ส่วนใหญ่เป็นของโฮเทค (สีชมพูคือเครื่องจักร เทเลคอม และรถยนต์) ซึ่งกว่าจะหาแหล่งทดแทนได้ จะใช้เวลานานสินค้าสหรัฐไปจีน เป็นของพื้นๆ ที่ทดแทนได้ง่าย (สีฟ้าคือน้ำมันและก๊าซ)รูป 6 แสดงสัดส่วนแต่ละสินค้า ที่สหรัฐซื้อจากจีน ไฟ LED และเตาไมโครเวฟ เกิน 90%สมาร์ทโฟน วีดีโอเกม และพัดลม เกิน 80% ของเล่น สินค้าพลาสติก และจอคอมพิวเตอร์ เกิน 70%แลปท้อป และแบตเตอรี่ลิเทียม เกิน 60%ด้วยเหตุนี้ ทรัมป์จะเผชิญปัญหาการเมืองภายในประเทศ เริ่มตั้งแต่เดือน มิ.ย. จึงคาดกันว่า ทรัมป์จะเป็นฝ่ายที่คลายปม ก่อนสีจิ้นผิงทางเลือกที่หนึ่ง เลื่อนการใช้กำแพง 145% ออกไปชั่วคราว เหมือน 184 ประเทศที่เหลือจะแก้ปัญหาฝ่ายผู้นำเข้า ฝ่ายผู้บริโภค และผู้ผลิตอุตสาหกรรมซัพพลายเชน แต่ถ้าจีนไม่เลื่อนเวลาบังคับใช้ 125% ออกไปเช่นกัน การส่งออกสินค้าเกษตร ก็ไม่ฟื้น และไม่รู้ว่า ทรัมป์จะเดินหมาก ให้ไม่ดูเป็นการเสียหน้าได้อย่างไรรวมทั้ง การเลื่อนจะทำให้ปัญหา ค้างคาอยู่ กดดันการวางแผนธุรกิจทางเลือกที่สอง ประกาศยกเว้นสินค้าเพิ่มขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ จากปัจจุบันที่ยกเว้น 22% ที่นำเข้าจากจีนขึ้นไปเป็น 30-40-50% แต่ก็จะดูเหมือนเป็นการยอมแพ้อีกเช่นกันและไม่แก้ปัญหา ด้านสหรัฐส่งออกทางเลือกที่สาม ประกาศลดจาก 145% ลงเหลือ 54% ตามตารางที่ทรัมป์ยกชูขึ้น ในการแถลงข่าวเป็นไปได้ ที่จีนจะยอมลดลงมา ล้อเลียนกัน เช่น อาจจะลดจาก 125% เหลือ 25-30%แต่ต้องยอมรับว่า อัตรา 54% ก็ยังจะทำให้คนอเมริกัน เลือดซิบ ในการควักกระเป๋าข้อบปิ้งอยู่เช่นเดิมอัตรานี้ สหรัฐจะไปไม่ได้ในระยะยาว ทางเลือกที่สี่ ประกาศแก้ไขจาก 145% กลับไปเป็น 20% ก่อนวันปลดปล่อยอิสรภาพปัญหาสงครามภาษีจะคลี่คลายทันที แต่คงต้องยกเลิกการเจรจากับ 184 ประเทศที่เหลือโฟกัสปัญหา จะเปลี่ยนไปอยู่ที่ การเมืองภายในพรรครีปับบิลกันทันทีวันที่ 29 เมษายน 2568นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รองหัวหน้าพรรคฝ่ายเศรษฐกิจ พรรคพลังประชารัฐอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังhttps://www.facebook.com/share/p/1E1Z4MinwB/?mibextid=wwXIfr
    0 Comments 0 Shares 841 Views 0 Reviews
  • เจ้าหน้าที่ระดับสูงนาโตเชื่อว่า สหรัฐฯ จะยังไม่ลาออกจากนาโตแต่น่าจะถอนกำลังทหารออกไปบางส่วนหลังยุโรปไม่ใช่เป้าหมายหลักอีกต่อไปสำหรับวอชิงตัน
    .
    บลูมเบิร์กของสหรัฐฯ รายงานวันจันทร์ (17 ก.พ.) ว่า วอชิงตันน่าที่จะยังคงอยู่ร่วมกับนาโตต่อไป แต่ทว่าอาจจะลดกองกำลังประจำการลงในยุโรปจากการที่สหรัฐฯ หันเห็นความจำเป็นไปอยู่ที่ภูมิภาคอินโดแปซิฟิก
    .
    พลเรือเอกจูเซปเป คาโว ดราโกเน ประธานคณะกรรมการกองทัพประจำ NATO เดือนที่แล้วได้กล่าวในการประชุมนอกรอบในการประชุมความมั่นคงมิวนิกที่ซึ่งบรรดาผู้นำยุโรปมาเพื่อเผชิญหน้ากับรัฐบาลสหรัฐฯ ชุดใหม่ของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ รวมถึงความคาดหวังการลดลงของการปกป้องทางความมั่นคงของสหรัฐฯ
    .
    พลเรือเอกคาโว ดราโกเน กล่าวว่า “สหรัฐฯ จะไม่ถอนตัวออกไปจากนาโต” ในการให้สัมภาษณ์ในเมืองมิวนิก แต่การถอนกำลังทหารอเมริกันบางส่วนออกไปจากทั้งหมด 100,000 นายที่ประจำอยู่ในยุโรปอาจมีวาระเกิดขึ้น เป็นเพราะมีความผูกพันบางประการที่สหรัฐฯ ต้องออกห่างไปจากที่นี่ ไปอยู่ที่มหาสมุทรแปซิฟิก”
    .
    แต่พลเรือเอกจากอิตาลีที่ได้นั่งในตำแหน่งสำคัญนี้เปิดเผยว่า “อย่างไรก็ตามผมไม่คิดว่าจะเป็นตัวเลขมหาศาลที่จะนำอเมริกันออกไปจากยุโรป”
    .
    ความมั่นคงยุโรปมีความสำคัญอย่างสูงในการประชุมความมั่นคงมิวนิก เหนือจากทั้งหมดคือการแก้ปัญหาสงครามยูเครนที่ยาวนานยืดเยื้อร่วม 3 ปี
    .
    แต่ทว่าผู้นำชาติยุโรปและยูเครนต่างไม่ทันตั้งตัวถึงแผนทรัมป์ที่จะหารือกับประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ที่ต่างวิตกกันว่ายุโรปจะไม่ได้มีส่วนร่วม
    .
    คาโว ดราโกเน เห็นพ้องกับสมาชิกนาโตหลายคนในยุโรปเรียกร้องให้เพิ่มงบประมาณการป้องกันประเทศ โดยรับรู้ว่าการหันเหความสนใจของสหรัฐฯ หมายถึงยุโรปจำเป็นต้องเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นมา
    .
    “มันมีความไม่สมดุลเกิดขึ้น ดังนั้นพวกเราจำเป็นต้องทำให้มีความสมดุลกลับคืนมา” พร้อมกับเรียกแนวคิดที่ว่ายุโรปไม่สามารถปกป้องตัวเองว่า “เป็นการดูหมิ่น”
    .
    อย่างไรก็ตาม การลดลงใดๆ ของอเมริกาในยุโรปนั้นเป็นสิ่งที่ต้องยอมรับโดยนาโตด้วยทัศนคติเชิงปฏิบัติ” เขากล่าวพร้อมยืนกรานว่า กองทัพในภูมิภาคจำเป็นต้องเข้ามาแทนที่เพื่ออุดช่องโหว่
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000016363
    ..............
    Sondhi X
    เจ้าหน้าที่ระดับสูงนาโตเชื่อว่า สหรัฐฯ จะยังไม่ลาออกจากนาโตแต่น่าจะถอนกำลังทหารออกไปบางส่วนหลังยุโรปไม่ใช่เป้าหมายหลักอีกต่อไปสำหรับวอชิงตัน . บลูมเบิร์กของสหรัฐฯ รายงานวันจันทร์ (17 ก.พ.) ว่า วอชิงตันน่าที่จะยังคงอยู่ร่วมกับนาโตต่อไป แต่ทว่าอาจจะลดกองกำลังประจำการลงในยุโรปจากการที่สหรัฐฯ หันเห็นความจำเป็นไปอยู่ที่ภูมิภาคอินโดแปซิฟิก . พลเรือเอกจูเซปเป คาโว ดราโกเน ประธานคณะกรรมการกองทัพประจำ NATO เดือนที่แล้วได้กล่าวในการประชุมนอกรอบในการประชุมความมั่นคงมิวนิกที่ซึ่งบรรดาผู้นำยุโรปมาเพื่อเผชิญหน้ากับรัฐบาลสหรัฐฯ ชุดใหม่ของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ รวมถึงความคาดหวังการลดลงของการปกป้องทางความมั่นคงของสหรัฐฯ . พลเรือเอกคาโว ดราโกเน กล่าวว่า “สหรัฐฯ จะไม่ถอนตัวออกไปจากนาโต” ในการให้สัมภาษณ์ในเมืองมิวนิก แต่การถอนกำลังทหารอเมริกันบางส่วนออกไปจากทั้งหมด 100,000 นายที่ประจำอยู่ในยุโรปอาจมีวาระเกิดขึ้น เป็นเพราะมีความผูกพันบางประการที่สหรัฐฯ ต้องออกห่างไปจากที่นี่ ไปอยู่ที่มหาสมุทรแปซิฟิก” . แต่พลเรือเอกจากอิตาลีที่ได้นั่งในตำแหน่งสำคัญนี้เปิดเผยว่า “อย่างไรก็ตามผมไม่คิดว่าจะเป็นตัวเลขมหาศาลที่จะนำอเมริกันออกไปจากยุโรป” . ความมั่นคงยุโรปมีความสำคัญอย่างสูงในการประชุมความมั่นคงมิวนิก เหนือจากทั้งหมดคือการแก้ปัญหาสงครามยูเครนที่ยาวนานยืดเยื้อร่วม 3 ปี . แต่ทว่าผู้นำชาติยุโรปและยูเครนต่างไม่ทันตั้งตัวถึงแผนทรัมป์ที่จะหารือกับประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ที่ต่างวิตกกันว่ายุโรปจะไม่ได้มีส่วนร่วม . คาโว ดราโกเน เห็นพ้องกับสมาชิกนาโตหลายคนในยุโรปเรียกร้องให้เพิ่มงบประมาณการป้องกันประเทศ โดยรับรู้ว่าการหันเหความสนใจของสหรัฐฯ หมายถึงยุโรปจำเป็นต้องเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นมา . “มันมีความไม่สมดุลเกิดขึ้น ดังนั้นพวกเราจำเป็นต้องทำให้มีความสมดุลกลับคืนมา” พร้อมกับเรียกแนวคิดที่ว่ายุโรปไม่สามารถปกป้องตัวเองว่า “เป็นการดูหมิ่น” . อย่างไรก็ตาม การลดลงใดๆ ของอเมริกาในยุโรปนั้นเป็นสิ่งที่ต้องยอมรับโดยนาโตด้วยทัศนคติเชิงปฏิบัติ” เขากล่าวพร้อมยืนกรานว่า กองทัพในภูมิภาคจำเป็นต้องเข้ามาแทนที่เพื่ออุดช่องโหว่ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000016363 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    7
    0 Comments 0 Shares 2444 Views 0 Reviews
  • นิด้าโพลเปิดผลสำรวจ คนไทยเหนื่อยหน่ายกับอะไรบ้างในปี 2567 พบเกินครึ่งเป็นเรื่องปัญหาเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อรายได้ รองลงมาเป็นภัยไซเบอร์ และความวุ่นวายทางการเมืองทั้งในและนอกสภา
    .
    วันนี้ (22 ธ.ค.) ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่อง “เหนื่อยหน่ายกับอะไรบ้าง ในปี 2567 ที่ผ่านมา” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 16-18 ธ.ค. 2567 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปทั่วประเทศ รวม 1,310 หน่วยตัวอย่าง
    .
    เมื่อถามประชาชนถึงความสุขในปี 2567 ที่ผ่านมา พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 39.92 ระบุว่า ค่อนข้างมีความสุข เพราะ มีความสุขทั้งกับตัวเองและครอบครัว ชีวิตการทำงานราบรื่น ไม่มีอุปสรรค
    .
    รองลงมา ร้อยละ 32.52 ระบุว่า ไม่ค่อยมีความสุข เพราะมีปัญหาทางการเงินที่เกิดจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น และรู้สึกเบื่อหน่ายกับความวุ่นวายของสถานการณ์ทางการเมืองที่ไม่มีความแน่นอน
    .
    ร้อยละ 18.17 ระบุว่า มีความสุขมาก เพราะการใช้ชีวิตเป็นไปอย่างราบรื่น สุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ ไม่มีเรื่องใดที่ต้องกังวล
    .
    และร้อยละ 9.39 ระบุว่าไม่มีความสุขเลย เพราะ เศรษฐกิจที่ย่ำแย่ส่งผลให้เกิดปัญหาหนี้สินสะสม การใช้ชีวิตเป็นไปอย่างยากลำบากและไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้

    ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงสิ่งที่ประชาชนเหนื่อยหน่ายในปี 2567 ที่ผ่านมา พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 52.14 ระบุว่า ปัญหาเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อรายได้และชีวิตความเป็นอยู่ รองลงมา ร้อยละ 28.09 ระบุว่า ปัญหาภัยไซเบอร์ เช่น แก๊งคอลเซ็นเตอร์ การแฮกข้อมูล เป็นต้น
    .
    ร้อยละ 27.86 ระบุว่า ปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองทั้งในและนอกสภา ร้อยละ 21.60 ระบุว่า ปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดร้อยละ 14.89 ระบุว่า ปัญหาราคาพลังงาน ร้อยละ 13.59 ระบุว่า ปัญหาสิ่งแวดล้อม ภัยทางธรรมชาติ ร้อยละ 13.44 ระบุว่า ปัญหาสุขภาพ โรคระบาด
    .
    ร้อยละ 12.98 ระบุว่า ปัญหาอาชญากรรม ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ร้อยละ 12.90 ระบุว่า ปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตร ร้อยละ 12.75 ระบุว่า ไม่เหนื่อยหน่ายกับอะไรเลย ร้อยละ 11.45 ระบุว่า ปัญหาความขัดแย้งในสังคม ร้อยละ 9.85 ระบุว่า ปัญหาการคอร์รัปชันในทุกระดับ
    .
    ร้อยละ 9.69 ระบุว่า ปัญหาการจราจร ร้อยละ 5.57 ระบุว่า ปัญหาความไม่เป็นธรรมในกระบวนการยุติธรรม ร้อยละ 4.81 ระบุว่า ปัญหาการแต่งตั้งโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรมในระบบราชการ และร้อยละ 2.06 ระบุว่า ปัญหาสงคราม ความขัดแย้งในต่างประเทศ
    นิด้าโพลเปิดผลสำรวจ คนไทยเหนื่อยหน่ายกับอะไรบ้างในปี 2567 พบเกินครึ่งเป็นเรื่องปัญหาเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อรายได้ รองลงมาเป็นภัยไซเบอร์ และความวุ่นวายทางการเมืองทั้งในและนอกสภา . วันนี้ (22 ธ.ค.) ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่อง “เหนื่อยหน่ายกับอะไรบ้าง ในปี 2567 ที่ผ่านมา” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 16-18 ธ.ค. 2567 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปทั่วประเทศ รวม 1,310 หน่วยตัวอย่าง . เมื่อถามประชาชนถึงความสุขในปี 2567 ที่ผ่านมา พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 39.92 ระบุว่า ค่อนข้างมีความสุข เพราะ มีความสุขทั้งกับตัวเองและครอบครัว ชีวิตการทำงานราบรื่น ไม่มีอุปสรรค . รองลงมา ร้อยละ 32.52 ระบุว่า ไม่ค่อยมีความสุข เพราะมีปัญหาทางการเงินที่เกิดจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น และรู้สึกเบื่อหน่ายกับความวุ่นวายของสถานการณ์ทางการเมืองที่ไม่มีความแน่นอน . ร้อยละ 18.17 ระบุว่า มีความสุขมาก เพราะการใช้ชีวิตเป็นไปอย่างราบรื่น สุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ ไม่มีเรื่องใดที่ต้องกังวล . และร้อยละ 9.39 ระบุว่าไม่มีความสุขเลย เพราะ เศรษฐกิจที่ย่ำแย่ส่งผลให้เกิดปัญหาหนี้สินสะสม การใช้ชีวิตเป็นไปอย่างยากลำบากและไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงสิ่งที่ประชาชนเหนื่อยหน่ายในปี 2567 ที่ผ่านมา พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 52.14 ระบุว่า ปัญหาเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อรายได้และชีวิตความเป็นอยู่ รองลงมา ร้อยละ 28.09 ระบุว่า ปัญหาภัยไซเบอร์ เช่น แก๊งคอลเซ็นเตอร์ การแฮกข้อมูล เป็นต้น . ร้อยละ 27.86 ระบุว่า ปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองทั้งในและนอกสภา ร้อยละ 21.60 ระบุว่า ปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดร้อยละ 14.89 ระบุว่า ปัญหาราคาพลังงาน ร้อยละ 13.59 ระบุว่า ปัญหาสิ่งแวดล้อม ภัยทางธรรมชาติ ร้อยละ 13.44 ระบุว่า ปัญหาสุขภาพ โรคระบาด . ร้อยละ 12.98 ระบุว่า ปัญหาอาชญากรรม ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ร้อยละ 12.90 ระบุว่า ปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตร ร้อยละ 12.75 ระบุว่า ไม่เหนื่อยหน่ายกับอะไรเลย ร้อยละ 11.45 ระบุว่า ปัญหาความขัดแย้งในสังคม ร้อยละ 9.85 ระบุว่า ปัญหาการคอร์รัปชันในทุกระดับ . ร้อยละ 9.69 ระบุว่า ปัญหาการจราจร ร้อยละ 5.57 ระบุว่า ปัญหาความไม่เป็นธรรมในกระบวนการยุติธรรม ร้อยละ 4.81 ระบุว่า ปัญหาการแต่งตั้งโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรมในระบบราชการ และร้อยละ 2.06 ระบุว่า ปัญหาสงคราม ความขัดแย้งในต่างประเทศ
    0 Comments 0 Shares 420 Views 0 Reviews