• BIG Story | โกดังเก็บศพหมายเลข 17

    ย้อนรอยคดีสะเทือนขวัญ “สุสานทารก 2,002 ศพ” ที่วัดไผ่เงิน ความจริงอันเจ็บปวดของชีวิตเล็ก ๆ ที่ไม่มีโอกาสได้ลืมตาดูโลก ชีวิตที่เลือกเกิดไม่ได้ และดวงวิญญาณที่ไร้เสียงร้องขอความเมตตา เรื่องจริงที่สะท้อนปัญหาสังคมอย่างลึกซึ้ง และยังคงฝังอยู่ในความทรงจำของคนไทยทั้งประเทศ

    ติดตามสารคดีเชิงข่าว BIG STORY: โกดังเก็บศพหมายเลข 17 ได้ที่ Thaitimes App

    #BigStory #โกดังเก็บศพหมายเลข17 #สุสานทารก #วัดไผ่เงิน #คดีสะเทือนใจ #ชีวิตที่ไม่ได้เลือกเกิด #ThaiTimes
    BIG Story | โกดังเก็บศพหมายเลข 17 ย้อนรอยคดีสะเทือนขวัญ “สุสานทารก 2,002 ศพ” ที่วัดไผ่เงิน ความจริงอันเจ็บปวดของชีวิตเล็ก ๆ ที่ไม่มีโอกาสได้ลืมตาดูโลก ชีวิตที่เลือกเกิดไม่ได้ และดวงวิญญาณที่ไร้เสียงร้องขอความเมตตา เรื่องจริงที่สะท้อนปัญหาสังคมอย่างลึกซึ้ง และยังคงฝังอยู่ในความทรงจำของคนไทยทั้งประเทศ 📲 ติดตามสารคดีเชิงข่าว BIG STORY: โกดังเก็บศพหมายเลข 17 ได้ที่ Thaitimes App #BigStory #โกดังเก็บศพหมายเลข17 #สุสานทารก #วัดไผ่เงิน #คดีสะเทือนใจ #ชีวิตที่ไม่ได้เลือกเกิด #ThaiTimes
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 444 Views 0 0 Reviews
  • #๒๘ ก.ค.๒๕๖๘"รัฐบาลไทยไปเจรจาหยุดยิงที่มาเลย์ฯ"โดยไม่ถามทหารสักคำ ทำให้ไทยต้องสูญเสียกำลังพลไปจำนวนมากในคืนนั้นเพราะกัมพูชาละเมิดการหยุดยิง มันยิงไม่หยุดบุกเข้ามาประชิดทำให้เกิดการปะทะอย่างรุนแรง สงสารทหารทุกหน่วยฯลฯ,ตชด,เจ้าหน้าที่อาสาทหารพราน คนไทยหัวใจไทยเจ็บปวดหัวใจสุดๆ เจ็บนี้จำจนตาย สดุดีวีรชนทุกนายสละชีพเพื่อชาติ "ต่างกับไส้ศึกที่พร้อมสละชาติเพื่อชีพ
    #๒๘ ก.ค.๒๕๖๘"รัฐบาลไทยไปเจรจาหยุดยิงที่มาเลย์ฯ"โดยไม่ถามทหารสักคำ ทำให้ไทยต้องสูญเสียกำลังพลไปจำนวนมากในคืนนั้นเพราะกัมพูชาละเมิดการหยุดยิง มันยิงไม่หยุดบุกเข้ามาประชิดทำให้เกิดการปะทะอย่างรุนแรง สงสารทหารทุกหน่วยฯลฯ,ตชด,เจ้าหน้าที่อาสาทหารพราน คนไทยหัวใจไทยเจ็บปวดหัวใจสุดๆ เจ็บนี้จำจนตาย สดุดีวีรชนทุกนายสละชีพเพื่อชาติ "ต่างกับไส้ศึกที่พร้อมสละชาติเพื่อชีพ
    Sad
    1
    0 Comments 0 Shares 107 Views 0 0 Reviews
  • มีสิทธิอะไรมาบอกใครอยู่ตรงไหนให้อยู่ตรงนั้น แผ่นดินไทยแลกมาด้วยเลือดเนื้อและชีวิต ไม่เคยคิดห่วงแหนบ้างเลยเหรอ "เห็นไหมไทยเสียไปกี่ชีวิตในวันที่คุณไปเจรจา ครอบครัวเจ็บปวดแค่ไหน พ่อแม่เสียลูก ภรรยาเสียสามี ลูกขาดพ่อ คนไทยน้ำตาไหลเป็นเลือด#"ข้อตกลงอะไร?:รักษาการนายกเอาข้อตกลงที่ประชาชนไม่ได้รับรู้ด้วยไม่ผ่านสภาเป็นข้อตกลงโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย@เราประชาชนคนไทยไม่ขอรับการตกลงอะไรก็ตามที่พวกคุณไปทำทั้งสิ้น:NO
    มีสิทธิอะไรมาบอกใครอยู่ตรงไหนให้อยู่ตรงนั้น แผ่นดินไทยแลกมาด้วยเลือดเนื้อและชีวิต ไม่เคยคิดห่วงแหนบ้างเลยเหรอ "เห็นไหมไทยเสียไปกี่ชีวิตในวันที่คุณไปเจรจา ครอบครัวเจ็บปวดแค่ไหน พ่อแม่เสียลูก ภรรยาเสียสามี ลูกขาดพ่อ คนไทยน้ำตาไหลเป็นเลือด🥺#"ข้อตกลงอะไร?:รักษาการนายกเอาข้อตกลงที่ประชาชนไม่ได้รับรู้ด้วยไม่ผ่านสภาเป็นข้อตกลงโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย@เราประชาชนคนไทยไม่ขอรับการตกลงอะไรก็ตามที่พวกคุณไปทำทั้งสิ้น:NO🤚👊
    Angry
    1
    0 Comments 0 Shares 72 Views 0 0 Reviews
  • หัว-จะ-ปวด ทหารเขมร “ปล้น” ไอโฟน ชาวบ้านขะแมร์ [19/8/68]
    (Cambodian soldiers “steal” iPhones from Khmer villagers — a real headache!)

    #TruthFromThailand
    #scambodia
    #CambodiaEncroachingThailand
    #SAVEThailand
    #ThaiTimes
    #news1
    #shorts
    #KhmerPeopleAbused
    #CambodianArmyExposed
    #StopCambodianAbuse
    หัว-จะ-ปวด ทหารเขมร “ปล้น” ไอโฟน ชาวบ้านขะแมร์ [19/8/68] (Cambodian soldiers “steal” iPhones from Khmer villagers — a real headache!) #TruthFromThailand #scambodia #CambodiaEncroachingThailand #SAVEThailand #ThaiTimes #news1 #shorts #KhmerPeopleAbused #CambodianArmyExposed #StopCambodianAbuse
    0 Comments 0 Shares 156 Views 0 0 Reviews
  • ข้อถกเถียงอันน่าปวดหัวของคำว่า ขอม เขมร สยาม ไท ไต กับมุมมองความแตกต่างทางพันธุกรรม
    =================================================================
    ผมมักอ่านพบการโต้เถียงในเรื่องว่า ขอม เป็นใคร อยู่บ่อยๆ บ้างว่าคือ สยาม.. บ้างว่า คือ เขมร.. ทั้งที่ต่างก็เป็นชื่อสมมุติ มีความยืดหยุ่นมาก ชื่อส่วนใหญ่มักเป็นชื่อที่ผู้อื่นเรียก โดยมากมีความหมายไม่ดีมาก่อนและมีการเปลี่ยนผันไปตามกาลเวลา จึงอยากขออนุญาติเสนอความเห็นสักสองสตางค์ในมุมมองที่แตกต่างออกไป อาจจะยาวไปหน่อย ปกติมันควรใช้เวลาอธิบายสักสองชั่วโมง แต่ผมจะพยายามย่อให้สั้น
    .
    ผมคิดแบบเอาวิทยาศาสตร์เป็นตัวตั้ง ใช้ชีววิทยาพันธุกรรมเป็นแผนที่หลักในการสำรวจสิ่งต่างๆ ก็ด้วยเหตุผลว่า ดีเอ็นเอมนุษย์สามารถเชื่อมโยงมนุษย์ทั้งหมดเข้าด้วยกันได้ว่าใครสืบสายเลือดมาทางสาแหรกไหนหรือใครมีอายุเก่าใหม่กว่ากัน เพราะในดีเอ็นเอมี time stamp อยู่ในสิ่งที่เรียกว่า “genetic marker” ในมนุษย์ผู้ชายมียีนพ่อ Y chromosome DNA และยีนแม่ Mitochondreal DNA ปรากฏอยู่ในโครงสร้างของโปรตีนในเลือดเนื้อ.. ส่วนผู้หญิงมีแต่ยีนแม่ Mitochondrea DNA. ยีนพ่อและยีนแม่เหล่านี้มันไม่เคยหายไป มันอยู่ในตัวเราและสาวลึกไปสู่บรรพบุรุษต้นทางได้ ข้อมูลของความหนาแน่นของดีเอ็นเอประชากรโลกและ time stamp ที่บอกอายุของดีเอ็นเอ ก่อให้เกิดการคำนวณเส้นทางการอพยพย้ายถิ่นของมนุษย์โบราณได้ ทีมวิจัยด้านพันธุกรรมศาสตร์ของสแตนฟอร์ดที่บุกเบิกโดยศาสตราจารย์ Luca Cavalli Sforza ทำการพลอตเส้นทางอพยพของมนุษย์จากฐานข้อมูลนี้. ดังนั้นสำหรับผม… ชื่อทุกชื่อเป็นเพียงสิ่งสมมุติ ภาษาพูดไม่ใช่สิ่งยืนยันทางพันธุกรรม.
    .
    แสนกว่าปีก่อนมนุษย์อพยพออกจากบริเวณที่เป็นซาฮารันโบราณในแอฟริกา ห้าหมื่นกว่าปีก่อน… มนุษย์กลุ่มแรกที่อพยพออกจากแอฟริกาใช้เส้นทางเลาะชายฝั่งทะเลและอพยพมาถึงเอเชียโบราณบริเวณที่เรียกว่าแผ่นดินซุนดา ซึ่งผืนดินเชื่อมถึงกันหมดทั้งอุษาคเนย์ ไม่มีทะเลบริเวณอ่าวไทย ยีนพ่อหรือมนุษย์ผู้ชายที่มาถึงก่อนเป็นพวก YDNA Haplogroup C และยีนแม่คือ Mitochondreal M และ B คนพวกนี้เคยถูกเรียกว่าอะไรหรือพูดภาษาอะไรมาก่อนไม่รู้ได้ นักวิชาการสมัยใหม่นิยามว่าภาษาซาฮารันโบราณหรือโปรโตซาฮารันอนุมานจากบริเวณถิ่นฐานในแอฟริกาโบราณที่พวกเขาจากมา ส่วนหนึ่งจากคลื่นอพยพของพวกเขากลายเป็นพวกที่เริ่มอารยะธรรมสินธุที่บริเวณฮารัปปา-โมฮันจดาโรเมื่ออพยพผ่านอินเดียโบราณ ซึ่งต่อมาพวกนี้กลายเป็นสาแหรกของกลุ่มดราวิเดียน ทมิฬ สิงหล… ส่วนหนึ่งพลัดข้ามไปสู่เกาะเซนทิเนียล นิโคบาร์ ในอันดามัน ถูกกักกั้นตัดขาดอยู่กลางทะเล รู้จักกันในชื่อพวกอันดามันนิส… ส่วนหนึ่งเข้าสู่เมนแลนด์ซุนดากลายเป็นพวกปาปวน แล้วข้ามไปแผ่นดินซาฮุลโบราณหรือออสเตรเลียปัจจุบันกลายเป็นพวกที่เรียกว่าอะบอริจินิสท์… ส่วนหนึ่งอพยพขึ้นเหนือ แล้วกลับเข้าสู่เอเชียตะวันออกทางตอนบนเคลื่อนย้อนมาทางตะวันตกกลายเป็นพวกมองโกล ส่วนหนึ่งข้ามไปบุกเบิกเกาะญี่ปุ่นกลายเป็นพวกไอนุ ส่วนหนึ่งขึ้นเหนือไปและข้ามทะเลแบริ่งไปทวีปอเมริกาโบราณกลายเป็นพวกอินุอิตที่พบในอะลาสก้า… ไม่ว่าพวกเขาทั้งหมดนี้จะมีหรือเคยมีชื่อชาติพันธุ์อะไร เคยพูดภาษาอะไรและในที่สุดพูดภาษาอะไร พวกเขาล้วนมีบรรพบุรุษร่วมกัน มาจากมดลูกของบรรพบุรุษสาแหรกเดียวกันทั้งสิ้น มนุษย์ผู้ชายทั้งหมดจากชาติพันธุ์ที่กล่าวไปนี้ทั้งหมด แครี่ Y Chromosome DNA Haplogroup C. และเมื่อลองพิจารณาดูปัจจุบันนี้ เฉพาะพวกไอนุอย่างเดียว วันนี้พูดภาษาญี่ปุ่นและสำมะโนประชากรระบุว่าเป็นคนญี่ปุ่น จะเห็นว่าชื่อทางชาติพันธุ์หรือภาษาพูดไม่ได้เป็นตัวชี้วัดว่าพวกเขาเป็นใคร (ไม่ต่างกับการพูดภาษาขอม ภาษาเขมร ภาษาไทย ก็ไม่ได้เป็นตัวชี้ว่าพวกเขาเป็นใครมาก่อนกันแน่)
    .
    สามหมื่นห้าพันกว่าปีก่อน คลื่นอพยพระลอกที่สองประกอบด้วยยีนพ่อคือ Y Chromosome Hg O ยีนแม่คือ Mt DNA Hg F และ D. อพยพมาตามเส้นทางโบราณสายอนาโตเลีย ยูเครน สู่เอเชียกลาง มาถึงบริเวณที่รู้จักกันในชื่อ Pamir Knot ซึ่งมีภูเขายักษ์สามลูกคือ ฮินดูกูช หิมาลัย และเทียนซานขวางหน้าพวกเขา อุปสรรคทางภูมิศาสตร์นี้บีบให้เส้นทางอพยพแตกออกเป็นสามทาง พวกหนึ่งขึ้นเหนือเลาะเทียนซานมุ่งสู่ไซบีเรียและอพยพข้ามแบริ่งไปทวีปอเมริกากลายเป็นพวกนาดิเนอินเดียนและอะมาไรด์อินเดียน… พวกหนึ่งผ่าที่ราบสูงทิเบตแล้วกระจายกันสู่บริเวณที่เป็นเสฉวน หยุนหนาน กวางสี ในปัจจุบัน กลายเป็นพวกชนเผ่าหิมาลายัน และชนเผ่ามากมายที่บันทึกจีนเรียกเยว่ร้อยเผ่า ในบรรดาพวกนี้ ผลการสำรวจดีเอ็นเอในประเทศจีนตอนใต้โดยศาสตราจารย์จินลีของประเทศจีน ปรากฏว่าไม่มีใครมียีนเก่าไปกว่าพวกข่าว้าและพวกผู้ยีซึ่งเป็นชนเผ่าหนึ่งในตระกูลจ้วงเหนือ… พวกสุดท้ายกลุ่มที่สาม อพยพเลาะเทือกตะนาวศรีเข้าสู่ซุนดาโบราณ ลงมาปะทะสังสรรค์และผสานกับพวกอพยพคลื่นลูกแรกที่มาถึงก่อน ในบรรดาพวกนี้ทั้งหมด จากฐานข้อมูลดีเอ็นเอปัจุบันไม่มีใครมียีนเก่าไปกว่าพวกโอรังอัสลิ (นักวิชาการรุ่นใหม่เรียกว่า aslian) โดยเฉพาะกลุ่มที่อาศัยในซาบาห์ บอร์เนียว ที่สำคัญไปกว่านั้น แม่พันธุ์ของพวกอพยพระลอกแรก คือ mt DNA B และ M เลือกพวกผู้ชายอัสเลียนเป็นพ่อพันธุ์ด้วนเหตุผลใดไม่ทราบ ทำให้ยีนพ่อเดิมของพวกคลื่นอพยพแรกคือพวก Y DNA Hg C ถูกเบียดผลักให้ออกจากเมนแลนด์ไปสู่เกาะแก่งโดยรอบ... ด้วยการที่ตระกูลนี้มีแม่พันธ์ุใหญ่ถึงสี่สาแหรก คือ mt DNA hg B / M / D / F ทำให้ยีนพ่อ Y DNA hg O กลายเป็นสาแหรกที่ใหญ่ที่สุดและมีลูกหลานยึดครองแผ่นดินเอเชียที่มีปริมาณประชากรมากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ของประชากรเอเชียทั้งหมดจนถึงปัจจุบัน
    .
    ปัจจัยสำคัญเกิดขึ้นเมื่อเกือบหมื่นปีที่แล้ว สิ้นสุดยุคน้ำแข็ง น้ำแข็งละลายและระดับน้ำสูงขึ้นจนท่วมแผ่นดินซุนดาโบราณสามครั้ง รวมแล้วประมาณ 120 เมตร ทำให้แผ่นดินซุนดาหายไปกว่าครึ่ง และทำให้เอเชียมีรูปร่างอย่างที่เห็นทุกวันนี้ ผลจากน้ำท่วมโลกนี้ ทำให้ประชากรอัสเลียนโบราณ Y DNA O ในตอนล่างของคาบสมุทร อพยพหนีขึ้นเหนือไปรวมกับพวก Y DNA O ที่อยู่ทางตอนเหนือ บางส่วนอพยพหนีไปสู่เกาะต่างๆ โดยรอบ เกิดปรากฏการณ์ของ cultural transmission ที่หลากหลายและน่าทึ่ง
    .
    ทั้งหมดนี้คือวิทยาศาสตร์ที่บอกว่าเราเป็นใคร คนอุษาคเนย์ที่อยู่บนคาบสมุทรตอนล่างไม่ว่าจะถูกเรียกด้วยชื่ออะไร พูดภาษาอะไร พวกเขาล้วนมาจากพวกอัสเลียนอย่างเช่น เซมังซาไก มานิ โอรังลาโว้ย ดยัค อิฟูเกา บอนทอค…ฯลฯ ไม่ว่าต่อมาลูกหลานของพวกเขาจะกลายเป็นเซนอย เป็นข่า เป็นมอญ เป็นขอม เป็นละโว้ เป็นสยาม เป็นอโยธยา เป็นทวารวดี เป็นศรีโพธิ์ เป็นเขมรพระนคร…ฯลฯ. ชื่ออะไรก็ตามแต่... ผู้ชายของชื่อสมมุติพวกนี้ทั้งหมดล้วนมาจาก 'aslian' และบางกลุ่มยังมียีนแม่เป็นอะบอริจินิสท์ พวกเขาล้วนมีโครงสร้างทางโปรตีนในดีเอ็นเหมือนกันกว่าเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ ต่างกันเพียงมิวเทชั่นเล็กน้อย ดังนั้น fact ง่ายๆ สำหรับผมพวกเขาคือ Y Chromosome DNA Haplogroup O . สาแหรกวงศ์ตระกูลทีใหญ่ที่สุดในโลก
    .
    คนมอญ คนสยาม คนเขมร ไม่ว่าเก่าใหม่ มีชื่อเรียกว่าอะไร เคยมีชื่อเรียกว่าอะไร.. มนุษย์ผู้ชาย 'ส่วนใหญ่' แชร์ยีนพ่อ sub clan จาก Y DNA hg O2 คนพื้นถิ่นพวกนี้ที่เป็นประชากรทั่วไป โดยธรรมชาติจะแทบไม่เคลื่อนย้ายไปไหน ถ้าไม่มีภัยพิบัติคุกคาม โรคระบาด หรือถูกกวาดต้อนย้ายไปเพราะมีสงคราม… เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าคนเขมรพระนครยุคโบราณพากันย้ายไปไหนบ้าง เพราะเมืองนครวัดประสบปัญหาเรื่องชลประทาน สุขาภิบาลและสุขอนามัย ในที่สุดมันล่มสลายและถูกทิ้งให้ร้างอยู่ในป่า จนแม้แต่คนเขมรส่วนใหญ่ในยุคอาณานิคมก็ไม่รู้ว่ามีนครโบราณอยู่ตรงนั้นตอนที่พวกทีมสำรวจของฝรั่งเศสไปพบเข้า เป็นไปได้ว่ายังอาจมีเชื้อพันธุ์จากประชากรโบราณบางส่วนยังคงอยู่ในบริเวณนั้นบ้าง แต่ไม่ได้แปลว่าคนกัมพูชาปัจจุบันสืบสายมาจากประชากรเมืองพระนคร
    .
    ลองคิดดูว่า สมมุติว่าหลังพระนครล่มสลาย ถ้าพวกเขาส่วนหนึ่งย้ายถิ่นฐานมาอยู่แถบลุ่มน้ำเจ้าพระยาส่วนหนึ่ง ในขณะที่บางส่วนที่อาจยังคงอยู่ในบริเวณโตนเลสาปส่วนหนึ่ง หากวันนี้มีการนำลูกหลานของทั้งสองพวกนี้มาตรวจดีเอ็นเอ ก็จะไม่แปลกใจเลยเมื่อพบว่าพวกเขาส่วนใหญ่มียีน O2 เหมือนกัน แต่พวกหนึ่งพูดไทย พวกหนึ่งพูดกัมพูชา ทั้งที่เมื่อสาวย้อนไปไกลขึ้นอีกล้วนมีรากลึกที่สุดมาจากอัสเลียนและพูดภาษาอัสเลียนมาก่อนทั้งคู่ วิทยาศาสตร์จะบอกอย่างตรงไปตรงมาอย่างนี้โดยไม่สนความสมมุติทั้งหลาย.. หากเป็นเช่นนี้ คำพูดที่ว่า ขอมพระนครคือสยาม และขอมพระนครคือเขมร ก็จะถูกต้องทั้งสองแง่
    .
    ถ้าเราลองมองดูเฉพาะ อยุธยา ที่จีนเรียกว่า "เสียน-หลอ" เพราะเป็นการรวมกันของสุโขทัยและละโว้ในความคิดจีน พวกสุโขทัยหรือที่จีนเรียก 'เสียน' อาศัยอยู่ทางเหนือ พวกนี้ก็เป็น Y DNA hg O เช่นกัน จัดเป็นกลุ่มเยว่ พูดภาษาจ้วงไต... ขณะที่พวกละโว้อโยธยาที่จีนเรียกหลอหู่ อาศัยอยู่ตอนกลางคาบสมุทรแถบลุ่มน้ำเจ้าพระยา พวกนี้ก็เป็น Y DNA hg O เช่นกันอีก จัดเป็นสาแหรกอัสเลียนที่ไม่ต่างกับพวกอื่นที่อยู่ในคาบสมุทรมาเลย์ และพวกมอญ-เขมร. จะด้วยสาเหตุใดก็ตามที่พวกนี้ได้ปกครองเหนือชนพื้นเมืองหลายพงศ์เผ่า จะเป็นเพราะพวกเยว่รูปหล่อผิวขาวร่ำรวยกว่าหรืออย่างไรก็ไม่อาจทราบ คนพวกนี้ได้เป็นชนชั้นปกครองและเป็นผลให้ภาษาสกุลจ้วงไทกลายเป็นภาษากลางของหลอหู่ ทั้งที่คนพื้นเมืองหลายกลุ่มปะปนมีทั้งพูดอัสเลียนมาก่อน พูดขอมมาก่อน พูดข่ามาก่อน พูดมอญมาก่อน และประชากรชาวบ้านพวกนี้ส่วนใหญ่ไม่ได้ย้ายไปไหน ชื่อเมืองอาจเปลี่ยน ชื่อคนอาจเปลี่ยน ชื่ออาณาจักรอาจเปลี่ยน ภาษาอาจเปลี่ยน แต่สาแหรกพันธุกรรมและความเชื่อมโยงกลับไม่เปลี่ยน ที่อัศจรรย์กว่านั้นคือ พวกที่อยู่ไกลกันมากอย่างเช่นพวกนากาในอัสสัม พวกอดิในอรุณาจัลประเทศ พวกดยัคในบอร์เนียว พวกบอนทอคในฟิลิปปินส์ พวกอตายาลในฟอร์โมซา พวกข่าว้าในหยุนหนานมีความเชื่อมโยงทางดีเอ็นเอใกล้ชิดกันมากอย่างน่าแปลกใจ แน่นอนผู้ชายของพวกเขาล้วนมียีน Y DNA hg O
    .
    เคสที่น่าสนใจ เคสนึงที่จะทำให้เห็นภาพปัจจัยทางสังคมศาสตร์มากขึ้นคือกรณีของพระนางจามเทวี พระนางไม่ได้เป็นเจ้านางของชนเผ่าไฮโซที่ไหน แต่เป็นผู้หญิงระดับสูงของพวกลั๊วะ และแน่ๆ คือเป็นนักรบด้วยเพราะนางพุ่งหอกชนะนักรบลั๊วะผู้ชายคนนึงที่หมายปองนาง แต่นางไปเลือกแต่งกับเจ้าชายจากเมืองเหนือแทน นักรบผู้นั้นก็เลยไปท้านางแข่งพุ่งหอกเดิมพันแต่งงานกันแต่ไม่อาจเอาชนะนางได้ การดองกันนี้ของเจ้าหญิงเผ่าลั๊วะกับเจ้านายหริภุญไชยเป็นการเมืองที่ทำให้คนเมืองเหนือที่พูดไทปกครองชนเผ่าเชื้อสายอัสเลียนที่พูดออสโตรเอเชียติคได้ ผ่านกาลเวลายาวนาน อัสเลียนกับไทดองกันเป็นประชากรชาติเดียวกันและพูดภาษาเดียวกัน ยาวมาจนทุกวันนี้
    .
    สำหรับผม การเอาข้อมูลเหล่านี้เป็นแผนที่วิจัย จะเห็นความเชื่อมโยงในอีกแง่มุมที่เราไม่เคยคิดมาก่อน ผมทำอย่างนี้ในเกือบทุกเรื่องที่ผมค้นคว้า และเมื่อใช้มันประกบเข้ากับสาขาความรู้อื่น เช่น ประวัติศาสตร์ โบราณคดี ภาษาศาสตร์ นิรุกติศาสตร์ ธรณีวิทยา ศิลปะวัฒนธรรม หรือแม้แต่ปรัมปราคติ ถ้ามันเข้ากันได้ทั้งหมดโดยไม่มีข้อขัดแย้งซึ่งกันและกัน ในความเห็นผม มันน่าจะเป็นประวัติศาสตร์ที่มั่นคงที่สุด
    .
    เมื่อพิจารณาอย่างนี้ แนวคิดหนึ่งที่ถูกนำเสนอและดูจะมีน้ำหนักสุด คือแนวคิดที่เห็นว่า ขอม เป็นชื่อที่คนพื้นเมืองทางเหนือเรียกคนพื้นเมืองทางใต้ ประชากรพวกนี้บ้างอาจเคยเป็นส่วนหนึ่งของแคว้นโบราณสักแคว้นหนึ่งหรือหลายแคว้น อาจปะปน เคลื่อนย้ายถ่ายเทไปมา บางพวกอาจเคยเป็นส่วนหนึ่งของฟูนัน อาจเป็นส่วนหนึ่งของมอญทวารวดี อาจเป็นส่วนหนึ่งของเขมรพระนคร เป็นส่วนหนึ่งของละโว้ เป็นส่วนหนึ่งอโยธยา เป็นส่วนหนึ่งของจาม.... แต่ความสมมุตินี้ได้จบสิ้นไปแล้วหลายร้อยปี ไม่ควรเอามาเป็นตัวชี้วัดปัจจุบัน ความเป็นจริงแท้เดียวที่ไม่เปลี่ยนแปรไป แม้ความสมมุติเหล่านั้นจะสิ้นสลายไปแล้วก็คือ ทั้งอุษาคเนย์ล้วนมียีนพ่อเดียวกันกว่า 70 เปอร์เซ็นต์คือ Y Chromosome DNA Haplogroup O เป็นสายพันธ์ุตระกูลใหญ่ที่มีรากมาจากหิมาลายัน ไป่เยว่และอัสเลียน และยังมีแม่จากต่างสาแหรกร่วมกับพวกดราวิเดียน อะบอริจินิสท์ ไอนุ โพลินิเชียน มองโกล และอินุอิต ถ้ายอมรับความจริงข้อนี้ ความขัดแย้งน่าจะยุติลง
    .
    อยากรู้ว่าประชากรเขมร หรือประชากรสยามคนไหนเคยเป็นส่วนหนึ่งของประชากรที่อาศัยในพื้นที่ใด มีความเก่าแก่แค่ไหนในตัวเขา และเขามาจากสาแหรกไหน เก่าแก่มากน้อยเพียงใด... ไม่ยาก สามารถอ่านได้จากรหัสมิวเทชั่นในพันธุกรรมของพวกเขา ที่ซึ่งจากฐานข้อมูลที่มีการรวบรวมอยู่ตลอดเวลาที่ผ่านมากว่าสามสิบปี อย่างเช่นของ familytreedna.org เราจะสามารถระบุความหนาแน่นของดีเอ็นเอในกลุ่มประชากรแต่ละพื้นที่ได้ ถ้าดีเอ็นเอของใครที่มาจากมิวเทชั่นของสาแหรกเก่าแก่นับพันปี (อย่างที่บอก ดีเอ็นเอมี time stamp) และพบหนาแน่นอยู่ในบริเวณลุ่มน้ำเจ้าพระยาไปจนจรดแถบตะวันออกของกัมพูชาเวียตนามปัจจุบัน และพบว่าไม่เคยย้ายถิ่นฐานไปไกลจากพื้นที่แถบนั้นเลยมาหลายชั่วคนเกินกว่าสองสามร้อยปีมาแล้ว ก็เป็นไปได้ว่าบรรพบุรุษพวกเขาอาจอยู่ในเขมรพระนครมาก่อน
    .
    เอา fact นี้เป็นตัวตั้ง แล้วเอาประวัติศาสตร์วางทาบลงไป
    =========================================================
    ข้อถกเถียงอันน่าปวดหัวของคำว่า ขอม เขมร สยาม ไท ไต กับมุมมองความแตกต่างทางพันธุกรรม ================================================================= ผมมักอ่านพบการโต้เถียงในเรื่องว่า ขอม เป็นใคร อยู่บ่อยๆ บ้างว่าคือ สยาม.. บ้างว่า คือ เขมร.. ทั้งที่ต่างก็เป็นชื่อสมมุติ มีความยืดหยุ่นมาก ชื่อส่วนใหญ่มักเป็นชื่อที่ผู้อื่นเรียก โดยมากมีความหมายไม่ดีมาก่อนและมีการเปลี่ยนผันไปตามกาลเวลา จึงอยากขออนุญาติเสนอความเห็นสักสองสตางค์ในมุมมองที่แตกต่างออกไป อาจจะยาวไปหน่อย ปกติมันควรใช้เวลาอธิบายสักสองชั่วโมง แต่ผมจะพยายามย่อให้สั้น . ผมคิดแบบเอาวิทยาศาสตร์เป็นตัวตั้ง ใช้ชีววิทยาพันธุกรรมเป็นแผนที่หลักในการสำรวจสิ่งต่างๆ ก็ด้วยเหตุผลว่า ดีเอ็นเอมนุษย์สามารถเชื่อมโยงมนุษย์ทั้งหมดเข้าด้วยกันได้ว่าใครสืบสายเลือดมาทางสาแหรกไหนหรือใครมีอายุเก่าใหม่กว่ากัน เพราะในดีเอ็นเอมี time stamp อยู่ในสิ่งที่เรียกว่า “genetic marker” ในมนุษย์ผู้ชายมียีนพ่อ Y chromosome DNA และยีนแม่ Mitochondreal DNA ปรากฏอยู่ในโครงสร้างของโปรตีนในเลือดเนื้อ.. ส่วนผู้หญิงมีแต่ยีนแม่ Mitochondrea DNA. ยีนพ่อและยีนแม่เหล่านี้มันไม่เคยหายไป มันอยู่ในตัวเราและสาวลึกไปสู่บรรพบุรุษต้นทางได้ ข้อมูลของความหนาแน่นของดีเอ็นเอประชากรโลกและ time stamp ที่บอกอายุของดีเอ็นเอ ก่อให้เกิดการคำนวณเส้นทางการอพยพย้ายถิ่นของมนุษย์โบราณได้ ทีมวิจัยด้านพันธุกรรมศาสตร์ของสแตนฟอร์ดที่บุกเบิกโดยศาสตราจารย์ Luca Cavalli Sforza ทำการพลอตเส้นทางอพยพของมนุษย์จากฐานข้อมูลนี้. ดังนั้นสำหรับผม… ชื่อทุกชื่อเป็นเพียงสิ่งสมมุติ ภาษาพูดไม่ใช่สิ่งยืนยันทางพันธุกรรม. . แสนกว่าปีก่อนมนุษย์อพยพออกจากบริเวณที่เป็นซาฮารันโบราณในแอฟริกา ห้าหมื่นกว่าปีก่อน… มนุษย์กลุ่มแรกที่อพยพออกจากแอฟริกาใช้เส้นทางเลาะชายฝั่งทะเลและอพยพมาถึงเอเชียโบราณบริเวณที่เรียกว่าแผ่นดินซุนดา ซึ่งผืนดินเชื่อมถึงกันหมดทั้งอุษาคเนย์ ไม่มีทะเลบริเวณอ่าวไทย ยีนพ่อหรือมนุษย์ผู้ชายที่มาถึงก่อนเป็นพวก YDNA Haplogroup C และยีนแม่คือ Mitochondreal M และ B คนพวกนี้เคยถูกเรียกว่าอะไรหรือพูดภาษาอะไรมาก่อนไม่รู้ได้ นักวิชาการสมัยใหม่นิยามว่าภาษาซาฮารันโบราณหรือโปรโตซาฮารันอนุมานจากบริเวณถิ่นฐานในแอฟริกาโบราณที่พวกเขาจากมา ส่วนหนึ่งจากคลื่นอพยพของพวกเขากลายเป็นพวกที่เริ่มอารยะธรรมสินธุที่บริเวณฮารัปปา-โมฮันจดาโรเมื่ออพยพผ่านอินเดียโบราณ ซึ่งต่อมาพวกนี้กลายเป็นสาแหรกของกลุ่มดราวิเดียน ทมิฬ สิงหล… ส่วนหนึ่งพลัดข้ามไปสู่เกาะเซนทิเนียล นิโคบาร์ ในอันดามัน ถูกกักกั้นตัดขาดอยู่กลางทะเล รู้จักกันในชื่อพวกอันดามันนิส… ส่วนหนึ่งเข้าสู่เมนแลนด์ซุนดากลายเป็นพวกปาปวน แล้วข้ามไปแผ่นดินซาฮุลโบราณหรือออสเตรเลียปัจจุบันกลายเป็นพวกที่เรียกว่าอะบอริจินิสท์… ส่วนหนึ่งอพยพขึ้นเหนือ แล้วกลับเข้าสู่เอเชียตะวันออกทางตอนบนเคลื่อนย้อนมาทางตะวันตกกลายเป็นพวกมองโกล ส่วนหนึ่งข้ามไปบุกเบิกเกาะญี่ปุ่นกลายเป็นพวกไอนุ ส่วนหนึ่งขึ้นเหนือไปและข้ามทะเลแบริ่งไปทวีปอเมริกาโบราณกลายเป็นพวกอินุอิตที่พบในอะลาสก้า… ไม่ว่าพวกเขาทั้งหมดนี้จะมีหรือเคยมีชื่อชาติพันธุ์อะไร เคยพูดภาษาอะไรและในที่สุดพูดภาษาอะไร พวกเขาล้วนมีบรรพบุรุษร่วมกัน มาจากมดลูกของบรรพบุรุษสาแหรกเดียวกันทั้งสิ้น มนุษย์ผู้ชายทั้งหมดจากชาติพันธุ์ที่กล่าวไปนี้ทั้งหมด แครี่ Y Chromosome DNA Haplogroup C. และเมื่อลองพิจารณาดูปัจจุบันนี้ เฉพาะพวกไอนุอย่างเดียว วันนี้พูดภาษาญี่ปุ่นและสำมะโนประชากรระบุว่าเป็นคนญี่ปุ่น จะเห็นว่าชื่อทางชาติพันธุ์หรือภาษาพูดไม่ได้เป็นตัวชี้วัดว่าพวกเขาเป็นใคร (ไม่ต่างกับการพูดภาษาขอม ภาษาเขมร ภาษาไทย ก็ไม่ได้เป็นตัวชี้ว่าพวกเขาเป็นใครมาก่อนกันแน่) . สามหมื่นห้าพันกว่าปีก่อน คลื่นอพยพระลอกที่สองประกอบด้วยยีนพ่อคือ Y Chromosome Hg O ยีนแม่คือ Mt DNA Hg F และ D. อพยพมาตามเส้นทางโบราณสายอนาโตเลีย ยูเครน สู่เอเชียกลาง มาถึงบริเวณที่รู้จักกันในชื่อ Pamir Knot ซึ่งมีภูเขายักษ์สามลูกคือ ฮินดูกูช หิมาลัย และเทียนซานขวางหน้าพวกเขา อุปสรรคทางภูมิศาสตร์นี้บีบให้เส้นทางอพยพแตกออกเป็นสามทาง พวกหนึ่งขึ้นเหนือเลาะเทียนซานมุ่งสู่ไซบีเรียและอพยพข้ามแบริ่งไปทวีปอเมริกากลายเป็นพวกนาดิเนอินเดียนและอะมาไรด์อินเดียน… พวกหนึ่งผ่าที่ราบสูงทิเบตแล้วกระจายกันสู่บริเวณที่เป็นเสฉวน หยุนหนาน กวางสี ในปัจจุบัน กลายเป็นพวกชนเผ่าหิมาลายัน และชนเผ่ามากมายที่บันทึกจีนเรียกเยว่ร้อยเผ่า ในบรรดาพวกนี้ ผลการสำรวจดีเอ็นเอในประเทศจีนตอนใต้โดยศาสตราจารย์จินลีของประเทศจีน ปรากฏว่าไม่มีใครมียีนเก่าไปกว่าพวกข่าว้าและพวกผู้ยีซึ่งเป็นชนเผ่าหนึ่งในตระกูลจ้วงเหนือ… พวกสุดท้ายกลุ่มที่สาม อพยพเลาะเทือกตะนาวศรีเข้าสู่ซุนดาโบราณ ลงมาปะทะสังสรรค์และผสานกับพวกอพยพคลื่นลูกแรกที่มาถึงก่อน ในบรรดาพวกนี้ทั้งหมด จากฐานข้อมูลดีเอ็นเอปัจุบันไม่มีใครมียีนเก่าไปกว่าพวกโอรังอัสลิ (นักวิชาการรุ่นใหม่เรียกว่า aslian) โดยเฉพาะกลุ่มที่อาศัยในซาบาห์ บอร์เนียว ที่สำคัญไปกว่านั้น แม่พันธุ์ของพวกอพยพระลอกแรก คือ mt DNA B และ M เลือกพวกผู้ชายอัสเลียนเป็นพ่อพันธุ์ด้วนเหตุผลใดไม่ทราบ ทำให้ยีนพ่อเดิมของพวกคลื่นอพยพแรกคือพวก Y DNA Hg C ถูกเบียดผลักให้ออกจากเมนแลนด์ไปสู่เกาะแก่งโดยรอบ... ด้วยการที่ตระกูลนี้มีแม่พันธ์ุใหญ่ถึงสี่สาแหรก คือ mt DNA hg B / M / D / F ทำให้ยีนพ่อ Y DNA hg O กลายเป็นสาแหรกที่ใหญ่ที่สุดและมีลูกหลานยึดครองแผ่นดินเอเชียที่มีปริมาณประชากรมากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ของประชากรเอเชียทั้งหมดจนถึงปัจจุบัน . ปัจจัยสำคัญเกิดขึ้นเมื่อเกือบหมื่นปีที่แล้ว สิ้นสุดยุคน้ำแข็ง น้ำแข็งละลายและระดับน้ำสูงขึ้นจนท่วมแผ่นดินซุนดาโบราณสามครั้ง รวมแล้วประมาณ 120 เมตร ทำให้แผ่นดินซุนดาหายไปกว่าครึ่ง และทำให้เอเชียมีรูปร่างอย่างที่เห็นทุกวันนี้ ผลจากน้ำท่วมโลกนี้ ทำให้ประชากรอัสเลียนโบราณ Y DNA O ในตอนล่างของคาบสมุทร อพยพหนีขึ้นเหนือไปรวมกับพวก Y DNA O ที่อยู่ทางตอนเหนือ บางส่วนอพยพหนีไปสู่เกาะต่างๆ โดยรอบ เกิดปรากฏการณ์ของ cultural transmission ที่หลากหลายและน่าทึ่ง . ทั้งหมดนี้คือวิทยาศาสตร์ที่บอกว่าเราเป็นใคร คนอุษาคเนย์ที่อยู่บนคาบสมุทรตอนล่างไม่ว่าจะถูกเรียกด้วยชื่ออะไร พูดภาษาอะไร พวกเขาล้วนมาจากพวกอัสเลียนอย่างเช่น เซมังซาไก มานิ โอรังลาโว้ย ดยัค อิฟูเกา บอนทอค…ฯลฯ ไม่ว่าต่อมาลูกหลานของพวกเขาจะกลายเป็นเซนอย เป็นข่า เป็นมอญ เป็นขอม เป็นละโว้ เป็นสยาม เป็นอโยธยา เป็นทวารวดี เป็นศรีโพธิ์ เป็นเขมรพระนคร…ฯลฯ. ชื่ออะไรก็ตามแต่... ผู้ชายของชื่อสมมุติพวกนี้ทั้งหมดล้วนมาจาก 'aslian' และบางกลุ่มยังมียีนแม่เป็นอะบอริจินิสท์ พวกเขาล้วนมีโครงสร้างทางโปรตีนในดีเอ็นเหมือนกันกว่าเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ ต่างกันเพียงมิวเทชั่นเล็กน้อย ดังนั้น fact ง่ายๆ สำหรับผมพวกเขาคือ Y Chromosome DNA Haplogroup O . สาแหรกวงศ์ตระกูลทีใหญ่ที่สุดในโลก . คนมอญ คนสยาม คนเขมร ไม่ว่าเก่าใหม่ มีชื่อเรียกว่าอะไร เคยมีชื่อเรียกว่าอะไร.. มนุษย์ผู้ชาย 'ส่วนใหญ่' แชร์ยีนพ่อ sub clan จาก Y DNA hg O2 คนพื้นถิ่นพวกนี้ที่เป็นประชากรทั่วไป โดยธรรมชาติจะแทบไม่เคลื่อนย้ายไปไหน ถ้าไม่มีภัยพิบัติคุกคาม โรคระบาด หรือถูกกวาดต้อนย้ายไปเพราะมีสงคราม… เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าคนเขมรพระนครยุคโบราณพากันย้ายไปไหนบ้าง เพราะเมืองนครวัดประสบปัญหาเรื่องชลประทาน สุขาภิบาลและสุขอนามัย ในที่สุดมันล่มสลายและถูกทิ้งให้ร้างอยู่ในป่า จนแม้แต่คนเขมรส่วนใหญ่ในยุคอาณานิคมก็ไม่รู้ว่ามีนครโบราณอยู่ตรงนั้นตอนที่พวกทีมสำรวจของฝรั่งเศสไปพบเข้า เป็นไปได้ว่ายังอาจมีเชื้อพันธุ์จากประชากรโบราณบางส่วนยังคงอยู่ในบริเวณนั้นบ้าง แต่ไม่ได้แปลว่าคนกัมพูชาปัจจุบันสืบสายมาจากประชากรเมืองพระนคร . ลองคิดดูว่า สมมุติว่าหลังพระนครล่มสลาย ถ้าพวกเขาส่วนหนึ่งย้ายถิ่นฐานมาอยู่แถบลุ่มน้ำเจ้าพระยาส่วนหนึ่ง ในขณะที่บางส่วนที่อาจยังคงอยู่ในบริเวณโตนเลสาปส่วนหนึ่ง หากวันนี้มีการนำลูกหลานของทั้งสองพวกนี้มาตรวจดีเอ็นเอ ก็จะไม่แปลกใจเลยเมื่อพบว่าพวกเขาส่วนใหญ่มียีน O2 เหมือนกัน แต่พวกหนึ่งพูดไทย พวกหนึ่งพูดกัมพูชา ทั้งที่เมื่อสาวย้อนไปไกลขึ้นอีกล้วนมีรากลึกที่สุดมาจากอัสเลียนและพูดภาษาอัสเลียนมาก่อนทั้งคู่ วิทยาศาสตร์จะบอกอย่างตรงไปตรงมาอย่างนี้โดยไม่สนความสมมุติทั้งหลาย.. หากเป็นเช่นนี้ คำพูดที่ว่า ขอมพระนครคือสยาม และขอมพระนครคือเขมร ก็จะถูกต้องทั้งสองแง่ . ถ้าเราลองมองดูเฉพาะ อยุธยา ที่จีนเรียกว่า "เสียน-หลอ" เพราะเป็นการรวมกันของสุโขทัยและละโว้ในความคิดจีน พวกสุโขทัยหรือที่จีนเรียก 'เสียน' อาศัยอยู่ทางเหนือ พวกนี้ก็เป็น Y DNA hg O เช่นกัน จัดเป็นกลุ่มเยว่ พูดภาษาจ้วงไต... ขณะที่พวกละโว้อโยธยาที่จีนเรียกหลอหู่ อาศัยอยู่ตอนกลางคาบสมุทรแถบลุ่มน้ำเจ้าพระยา พวกนี้ก็เป็น Y DNA hg O เช่นกันอีก จัดเป็นสาแหรกอัสเลียนที่ไม่ต่างกับพวกอื่นที่อยู่ในคาบสมุทรมาเลย์ และพวกมอญ-เขมร. จะด้วยสาเหตุใดก็ตามที่พวกนี้ได้ปกครองเหนือชนพื้นเมืองหลายพงศ์เผ่า จะเป็นเพราะพวกเยว่รูปหล่อผิวขาวร่ำรวยกว่าหรืออย่างไรก็ไม่อาจทราบ คนพวกนี้ได้เป็นชนชั้นปกครองและเป็นผลให้ภาษาสกุลจ้วงไทกลายเป็นภาษากลางของหลอหู่ ทั้งที่คนพื้นเมืองหลายกลุ่มปะปนมีทั้งพูดอัสเลียนมาก่อน พูดขอมมาก่อน พูดข่ามาก่อน พูดมอญมาก่อน และประชากรชาวบ้านพวกนี้ส่วนใหญ่ไม่ได้ย้ายไปไหน ชื่อเมืองอาจเปลี่ยน ชื่อคนอาจเปลี่ยน ชื่ออาณาจักรอาจเปลี่ยน ภาษาอาจเปลี่ยน แต่สาแหรกพันธุกรรมและความเชื่อมโยงกลับไม่เปลี่ยน ที่อัศจรรย์กว่านั้นคือ พวกที่อยู่ไกลกันมากอย่างเช่นพวกนากาในอัสสัม พวกอดิในอรุณาจัลประเทศ พวกดยัคในบอร์เนียว พวกบอนทอคในฟิลิปปินส์ พวกอตายาลในฟอร์โมซา พวกข่าว้าในหยุนหนานมีความเชื่อมโยงทางดีเอ็นเอใกล้ชิดกันมากอย่างน่าแปลกใจ แน่นอนผู้ชายของพวกเขาล้วนมียีน Y DNA hg O . เคสที่น่าสนใจ เคสนึงที่จะทำให้เห็นภาพปัจจัยทางสังคมศาสตร์มากขึ้นคือกรณีของพระนางจามเทวี พระนางไม่ได้เป็นเจ้านางของชนเผ่าไฮโซที่ไหน แต่เป็นผู้หญิงระดับสูงของพวกลั๊วะ และแน่ๆ คือเป็นนักรบด้วยเพราะนางพุ่งหอกชนะนักรบลั๊วะผู้ชายคนนึงที่หมายปองนาง แต่นางไปเลือกแต่งกับเจ้าชายจากเมืองเหนือแทน นักรบผู้นั้นก็เลยไปท้านางแข่งพุ่งหอกเดิมพันแต่งงานกันแต่ไม่อาจเอาชนะนางได้ การดองกันนี้ของเจ้าหญิงเผ่าลั๊วะกับเจ้านายหริภุญไชยเป็นการเมืองที่ทำให้คนเมืองเหนือที่พูดไทปกครองชนเผ่าเชื้อสายอัสเลียนที่พูดออสโตรเอเชียติคได้ ผ่านกาลเวลายาวนาน อัสเลียนกับไทดองกันเป็นประชากรชาติเดียวกันและพูดภาษาเดียวกัน ยาวมาจนทุกวันนี้ . สำหรับผม การเอาข้อมูลเหล่านี้เป็นแผนที่วิจัย จะเห็นความเชื่อมโยงในอีกแง่มุมที่เราไม่เคยคิดมาก่อน ผมทำอย่างนี้ในเกือบทุกเรื่องที่ผมค้นคว้า และเมื่อใช้มันประกบเข้ากับสาขาความรู้อื่น เช่น ประวัติศาสตร์ โบราณคดี ภาษาศาสตร์ นิรุกติศาสตร์ ธรณีวิทยา ศิลปะวัฒนธรรม หรือแม้แต่ปรัมปราคติ ถ้ามันเข้ากันได้ทั้งหมดโดยไม่มีข้อขัดแย้งซึ่งกันและกัน ในความเห็นผม มันน่าจะเป็นประวัติศาสตร์ที่มั่นคงที่สุด . เมื่อพิจารณาอย่างนี้ แนวคิดหนึ่งที่ถูกนำเสนอและดูจะมีน้ำหนักสุด คือแนวคิดที่เห็นว่า ขอม เป็นชื่อที่คนพื้นเมืองทางเหนือเรียกคนพื้นเมืองทางใต้ ประชากรพวกนี้บ้างอาจเคยเป็นส่วนหนึ่งของแคว้นโบราณสักแคว้นหนึ่งหรือหลายแคว้น อาจปะปน เคลื่อนย้ายถ่ายเทไปมา บางพวกอาจเคยเป็นส่วนหนึ่งของฟูนัน อาจเป็นส่วนหนึ่งของมอญทวารวดี อาจเป็นส่วนหนึ่งของเขมรพระนคร เป็นส่วนหนึ่งของละโว้ เป็นส่วนหนึ่งอโยธยา เป็นส่วนหนึ่งของจาม.... แต่ความสมมุตินี้ได้จบสิ้นไปแล้วหลายร้อยปี ไม่ควรเอามาเป็นตัวชี้วัดปัจจุบัน ความเป็นจริงแท้เดียวที่ไม่เปลี่ยนแปรไป แม้ความสมมุติเหล่านั้นจะสิ้นสลายไปแล้วก็คือ ทั้งอุษาคเนย์ล้วนมียีนพ่อเดียวกันกว่า 70 เปอร์เซ็นต์คือ Y Chromosome DNA Haplogroup O เป็นสายพันธ์ุตระกูลใหญ่ที่มีรากมาจากหิมาลายัน ไป่เยว่และอัสเลียน และยังมีแม่จากต่างสาแหรกร่วมกับพวกดราวิเดียน อะบอริจินิสท์ ไอนุ โพลินิเชียน มองโกล และอินุอิต ถ้ายอมรับความจริงข้อนี้ ความขัดแย้งน่าจะยุติลง . อยากรู้ว่าประชากรเขมร หรือประชากรสยามคนไหนเคยเป็นส่วนหนึ่งของประชากรที่อาศัยในพื้นที่ใด มีความเก่าแก่แค่ไหนในตัวเขา และเขามาจากสาแหรกไหน เก่าแก่มากน้อยเพียงใด... ไม่ยาก สามารถอ่านได้จากรหัสมิวเทชั่นในพันธุกรรมของพวกเขา ที่ซึ่งจากฐานข้อมูลที่มีการรวบรวมอยู่ตลอดเวลาที่ผ่านมากว่าสามสิบปี อย่างเช่นของ familytreedna.org เราจะสามารถระบุความหนาแน่นของดีเอ็นเอในกลุ่มประชากรแต่ละพื้นที่ได้ ถ้าดีเอ็นเอของใครที่มาจากมิวเทชั่นของสาแหรกเก่าแก่นับพันปี (อย่างที่บอก ดีเอ็นเอมี time stamp) และพบหนาแน่นอยู่ในบริเวณลุ่มน้ำเจ้าพระยาไปจนจรดแถบตะวันออกของกัมพูชาเวียตนามปัจจุบัน และพบว่าไม่เคยย้ายถิ่นฐานไปไกลจากพื้นที่แถบนั้นเลยมาหลายชั่วคนเกินกว่าสองสามร้อยปีมาแล้ว ก็เป็นไปได้ว่าบรรพบุรุษพวกเขาอาจอยู่ในเขมรพระนครมาก่อน . เอา fact นี้เป็นตัวตั้ง แล้วเอาประวัติศาสตร์วางทาบลงไป =========================================================
    0 Comments 0 Shares 234 Views 0 Reviews
  • ย้อนกลับไปในวัยเด็กของผม เมื่อปี พ.ศ. 2526 กรุงเทพมหานครกำลังเผชิญกับอุทกภัยครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ น้ำท่วมสูงจนชีวิตประจำวันหยุดชะงัก โรงเรียนต้องปิดเพราะถนนหลายสายอย่างรามคำแหงและสุขุมวิทกลายเป็นคลองชั่วคราว เรือพายวิ่งพล่านแทนรถยนต์ที่จมน้ำ บ้านของผมในย่านชานเมืองก็ไม่รอด น้ำทะลักเข้ามาจนบ่ายวันนั้นไฟฟ้าดับสนิท ทิ้งให้ผมเด็กน้อยนั่งเหงาไม่มีอะไรทำ ท่ามกลางเสียงฝนเทกระหน่ำและความเบื่อหน่ายที่แผ่ซ่าน ผมเลยแอบหยิบวิทยุทรานซิสเตอร์เก่าของพ่อมาลองเปิดฟัง เพื่อคลายความเซ็งในบ่ายวันนั้น แล้วเสียงเพลงบัลลาดเศร้าสร้อยก็ดังขึ้น

    "What have I got to do to make you love me? ...
    Sorry seems to be the hardest word"

    มันคือเพลง "Sorry Seems To Be The Hardest Word" ของ Elton John ที่ผมได้ยินครั้งแรก และมันฝังใจผมตั้งแต่นั้นมา เพลงนี้ไม่เพียงสะท้อนความสิ้นหวังจากน้ำท่วมที่ทำให้ทุกอย่าง "จบสิ้น" แต่ยังสอนให้ผมเข้าใจว่าคำว่า "ขอโทษ" นั้นพูดยากเพียงใด แม้ในสถานการณ์ที่ดูเรียบง่ายที่สุด

    อุทกภัยปีนั้นกินเวลายาวนานตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคมถึงพฤศจิกายน สาเหตุจากพายุดีเปรสชันสองลูก เฮอร์เบิร์ตและคิม ที่ทำให้ฝนตกหนัก น้ำทะเลหนุนสูง และน้ำเหนือไหลบ่า ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาสูงกว่าปกติถึง 2 เมตร ส่งผลให้กรุงเทพฯ และปริมณฑลจมน้ำ โรงเรียนและมหาวิทยาลัยอย่างรามคำแหงต้องเลื่อนสอบและเปิดเทอม การคมนาคมหยุดชะงัก ผู้คนต้องใช้เรือแทนรถ และรัฐบาลจัดรายการทีวีพิเศษขอรับบริจาคช่วยเหลือ สำหรับผม เพลงนี้กลายเป็น "เพื่อนคลายเหงา" ในบ่ายไฟดับ มันทำให้ผมสงสัยว่าทำไมคำง่ายๆ อย่าง "ขอโทษ" ถึงพูดยากนัก เหมือนกับน้ำท่วมที่ไม่อาจควบคุมได้

    เพลงนี้เกิดขึ้นในปี 1975 ที่ลอสแอนเจลิส ซึ่งเป็นกระบวนการสร้างสรรค์ที่แตกต่างจากปกติของ Elton John และ Bernie Taupin คู่หูนักแต่งเพลง โดยปกติ Taupin จะเขียนเนื้อก่อน แล้ว John จึงประพันธ์ทำนอง แต่ครั้งนี้ John นั่งเล่นเปียโนแล้วทำนองเศร้าสร้อยผุดขึ้นมาก่อน พร้อมวลี

    "What have I got to do to make you love me?"

    Taupin ได้ยินแล้วเติมคำว่า

    "Sorry seems to be the hardest word"

    เข้าไปอย่างสมบูรณ์แบบ และเขียนเนื้อที่เหลือเสร็จในไม่กี่นาที มันสะท้อนความเจ็บปวดของความสัมพันธ์ที่กำลังล่มสลาย ซึ่งอารมณ์ลึกซึ้งเกินกว่าถ่ายทอดเป็นคำพูดได้ทันที

    เมื่อปล่อยในปี 1976 เป็นซิงเกิลจากอัลบั้ม Blue Moves ซึ่งได้รับคำวิจารณ์หลากหลายเพราะเนื้อหาเศร้าและยาวเกินไป แต่ตัวเพลงกลับประสบความสำเร็จอย่างมาก ขึ้นอันดับ 6 ใน Billboard Hot 100 ของสหรัฐฯ อันดับ 1 ในชาร์ต Adult Contemporary ของสหรัฐฯ และแคนาดา อันดับ 3 ในแคนาดาและไอร์แลนด์ อันดับ 11 ในสหราชอาณาจักรและออสเตรเลีย และได้รับการรับรอง Gold ในสหรัฐฯ (ยอดขายกว่า 1 ล้านชุด) และแคนาดา (75,000 ชุด) นักวิจารณ์จาก Billboard ชมว่าเสียงร้องของ John "จริงใจและน่าเชื่อถือจนเกือบเจ็บปวด" ขณะที่ Cash Box เรียกมันว่า "เพลงรักอ่อนโยนเกี่ยวกับการเลิกรา"

    เพลงนี้ไม่เคยจางหายจากวัฒนธรรมสมัยนิยม มันถูกนำไปใช้ในภาพยนตร์หลายเรื่อง เช่น Slap Shot (1977) ในฉากเศร้าโศก Rush Hour 3 (2007) และ Gnomeo & Juliet (2011) เพื่อตอกย้ำธีมความขัดแย้งและการแยกจาก นอกจากนี้ ยังมีเวอร์ชันคัฟเวอร์มากกว่า 50 เวอร์ชัน จากศิลปินหลากแนวอย่าง Ray Charles (แจ๊ส), Mary J. Blige (โซล), และ Joe Cocker

    การกลับมาอย่างยิ่งใหญ่เกิดขึ้นในปี 2002 เมื่อวงบอยแบนด์ Blue คัฟเวอร์เพลงนี้และเชิญ John มาร่วมร้อง ทำให้ขึ้นอันดับ 1 ใน UK Singles Chart (เพลงอันดับ 1 ลำดับที่ 3 ของ Blue และที่ 5 ของ John) อันดับ 1 ในฮังการีและเนเธอร์แลนด์ และท็อป 10 ในอีก 16 ประเทศ ได้รับ Gold ในหลายแห่งอย่างสหราชอาณาจักร (400,000 ชุด) และฝรั่งเศส (250,000 ชุด)

    แก่นแท้ของเพลงอยู่ที่จิตวิทยาของการขอโทษ ซึ่ง Taupin อธิบายว่าเป็นความพยายามช่วยชีวิตความสัมพันธ์ที่ตายไปแล้ว คำถามอย่าง "What do I say when it's all over?" แสดงความสิ้นหวังที่เป็นสากล ทำให้เพลงนี้ทรงพลังข้ามกาลเวลา

    สำหรับผม เพลงนี้ไม่ใช่แค่เพลงฮิต แต่เป็นเครื่องเตือนใจจากบ่ายน้ำท่วมปี 2526 ว่าความเจ็บปวดและการยอมรับจุดจบนั้นยากเพียงใด แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมนุษย์ที่ทำให้เราเติบโต มรดกของมันยังคงอยู่ เพราะศิลปะที่ซื่อสัตย์ต่ออารมณ์จะเชื่อมโยงผู้คนเสมอ

    #ลุงเล่าหลานฟัง

    https://youtu.be/c3nScN89Klo?
    ย้อนกลับไปในวัยเด็กของผม เมื่อปี พ.ศ. 2526 🌧️ กรุงเทพมหานครกำลังเผชิญกับอุทกภัยครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ น้ำท่วมสูงจนชีวิตประจำวันหยุดชะงัก โรงเรียนต้องปิดเพราะถนนหลายสายอย่างรามคำแหงและสุขุมวิทกลายเป็นคลองชั่วคราว เรือพายวิ่งพล่านแทนรถยนต์ที่จมน้ำ บ้านของผมในย่านชานเมืองก็ไม่รอด น้ำทะลักเข้ามาจนบ่ายวันนั้นไฟฟ้าดับสนิท ทิ้งให้ผมเด็กน้อยนั่งเหงาไม่มีอะไรทำ ท่ามกลางเสียงฝนเทกระหน่ำและความเบื่อหน่ายที่แผ่ซ่าน ผมเลยแอบหยิบวิทยุทรานซิสเตอร์เก่าของพ่อมาลองเปิดฟัง เพื่อคลายความเซ็งในบ่ายวันนั้น แล้วเสียงเพลงบัลลาดเศร้าสร้อยก็ดังขึ้น 🎤 "What have I got to do to make you love me? ... Sorry seems to be the hardest word" 🎶 มันคือเพลง "Sorry Seems To Be The Hardest Word" ของ Elton John ที่ผมได้ยินครั้งแรก และมันฝังใจผมตั้งแต่นั้นมา เพลงนี้ไม่เพียงสะท้อนความสิ้นหวังจากน้ำท่วมที่ทำให้ทุกอย่าง "จบสิ้น" แต่ยังสอนให้ผมเข้าใจว่าคำว่า "ขอโทษ" นั้นพูดยากเพียงใด แม้ในสถานการณ์ที่ดูเรียบง่ายที่สุด อุทกภัยปีนั้นกินเวลายาวนานตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคมถึงพฤศจิกายน สาเหตุจากพายุดีเปรสชันสองลูก เฮอร์เบิร์ตและคิม ที่ทำให้ฝนตกหนัก น้ำทะเลหนุนสูง และน้ำเหนือไหลบ่า ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาสูงกว่าปกติถึง 2 เมตร ส่งผลให้กรุงเทพฯ และปริมณฑลจมน้ำ โรงเรียนและมหาวิทยาลัยอย่างรามคำแหงต้องเลื่อนสอบและเปิดเทอม การคมนาคมหยุดชะงัก ผู้คนต้องใช้เรือแทนรถ และรัฐบาลจัดรายการทีวีพิเศษขอรับบริจาคช่วยเหลือ สำหรับผม เพลงนี้กลายเป็น "เพื่อนคลายเหงา" ในบ่ายไฟดับ มันทำให้ผมสงสัยว่าทำไมคำง่ายๆ อย่าง "ขอโทษ" ถึงพูดยากนัก เหมือนกับน้ำท่วมที่ไม่อาจควบคุมได้ เพลงนี้เกิดขึ้นในปี 1975 ที่ลอสแอนเจลิส 🎹 ซึ่งเป็นกระบวนการสร้างสรรค์ที่แตกต่างจากปกติของ Elton John และ Bernie Taupin คู่หูนักแต่งเพลง โดยปกติ Taupin จะเขียนเนื้อก่อน แล้ว John จึงประพันธ์ทำนอง แต่ครั้งนี้ John นั่งเล่นเปียโนแล้วทำนองเศร้าสร้อยผุดขึ้นมาก่อน พร้อมวลี 🔖 "What have I got to do to make you love me?" Taupin ได้ยินแล้วเติมคำว่า 🔖 "Sorry seems to be the hardest word" เข้าไปอย่างสมบูรณ์แบบ และเขียนเนื้อที่เหลือเสร็จในไม่กี่นาที มันสะท้อนความเจ็บปวดของความสัมพันธ์ที่กำลังล่มสลาย ซึ่งอารมณ์ลึกซึ้งเกินกว่าถ่ายทอดเป็นคำพูดได้ทันที เมื่อปล่อยในปี 1976 เป็นซิงเกิลจากอัลบั้ม Blue Moves 📀 ซึ่งได้รับคำวิจารณ์หลากหลายเพราะเนื้อหาเศร้าและยาวเกินไป แต่ตัวเพลงกลับประสบความสำเร็จอย่างมาก ขึ้นอันดับ 6 ใน Billboard Hot 100 ของสหรัฐฯ อันดับ 1 ในชาร์ต Adult Contemporary ของสหรัฐฯ และแคนาดา อันดับ 3 ในแคนาดาและไอร์แลนด์ อันดับ 11 ในสหราชอาณาจักรและออสเตรเลีย และได้รับการรับรอง Gold ในสหรัฐฯ (ยอดขายกว่า 1 ล้านชุด) และแคนาดา (75,000 ชุด) 📈 นักวิจารณ์จาก Billboard ชมว่าเสียงร้องของ John "จริงใจและน่าเชื่อถือจนเกือบเจ็บปวด" ขณะที่ Cash Box เรียกมันว่า "เพลงรักอ่อนโยนเกี่ยวกับการเลิกรา" เพลงนี้ไม่เคยจางหายจากวัฒนธรรมสมัยนิยม มันถูกนำไปใช้ในภาพยนตร์หลายเรื่อง เช่น Slap Shot (1977) ในฉากเศร้าโศก Rush Hour 3 (2007) และ Gnomeo & Juliet (2011) เพื่อตอกย้ำธีมความขัดแย้งและการแยกจาก 🎥 นอกจากนี้ ยังมีเวอร์ชันคัฟเวอร์มากกว่า 50 เวอร์ชัน จากศิลปินหลากแนวอย่าง Ray Charles (แจ๊ส), Mary J. Blige (โซล), และ Joe Cocker การกลับมาอย่างยิ่งใหญ่เกิดขึ้นในปี 2002 เมื่อวงบอยแบนด์ Blue คัฟเวอร์เพลงนี้และเชิญ John มาร่วมร้อง ทำให้ขึ้นอันดับ 1 ใน UK Singles Chart (เพลงอันดับ 1 ลำดับที่ 3 ของ Blue และที่ 5 ของ John) อันดับ 1 ในฮังการีและเนเธอร์แลนด์ และท็อป 10 ในอีก 16 ประเทศ ได้รับ Gold ในหลายแห่งอย่างสหราชอาณาจักร (400,000 ชุด) และฝรั่งเศส (250,000 ชุด) 🌟 แก่นแท้ของเพลงอยู่ที่จิตวิทยาของการขอโทษ ซึ่ง Taupin อธิบายว่าเป็นความพยายามช่วยชีวิตความสัมพันธ์ที่ตายไปแล้ว คำถามอย่าง "What do I say when it's all over?" แสดงความสิ้นหวังที่เป็นสากล ทำให้เพลงนี้ทรงพลังข้ามกาลเวลา 💔 สำหรับผม เพลงนี้ไม่ใช่แค่เพลงฮิต แต่เป็นเครื่องเตือนใจจากบ่ายน้ำท่วมปี 2526 ว่าความเจ็บปวดและการยอมรับจุดจบนั้นยากเพียงใด แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมนุษย์ที่ทำให้เราเติบโต มรดกของมันยังคงอยู่ เพราะศิลปะที่ซื่อสัตย์ต่ออารมณ์จะเชื่อมโยงผู้คนเสมอ #ลุงเล่าหลานฟัง https://youtu.be/c3nScN89Klo?
    0 Comments 0 Shares 254 Views 0 Reviews
  • SMÅ: เครื่องพิมพ์เล็กแต่ทรงพลัง ที่เปลี่ยนภาพจำของ “เครื่องพิมพ์ยุ่งยาก” ไปตลอดกาล

    ถ้าคุณเคยหงุดหงิดกับเครื่องพิมพ์ที่มีปุ่มเยอะ ถาดกระดาษหลายชั้น และต้องงัดแงะเวลาหมึกหมด—SMÅ คือคำตอบที่ตรงข้ามทุกอย่างนั้น

    Jakob Höxtermann นักออกแบบจากมหาวิทยาลัย Bergische Universität Wuppertal ได้สร้าง SMÅ ขึ้นมาโดยเน้น 3 สิ่ง: ความเรียบง่าย ความยั่งยืน และความกะทัดรัด

    เครื่องนี้มีแค่ 3 ปุ่ม: เปิด/ปิด, หยุด, และตั้งค่าเบื้องต้น พร้อมไฟ LED สีเดียวที่บอกสถานะได้ครบ—ขาวคือพร้อมใช้งาน, ส้มคือหมึกใกล้หมด, แดงคือกระดาษติด

    ดีไซน์แนวตั้งช่วยประหยัดพื้นที่โต๊ะ และสามารถใส่กระดาษได้ถึง 120 แผ่นโดยไม่ต้องมีถาดเสริม แถมมีแผ่นใสกันกระดาษหล่นอย่างชาญฉลาด

    การเปลี่ยนหมึกก็ง่ายสุด ๆ แค่ยกฝาครอบขึ้นแล้วสอดตลับใหม่ด้วยมือเดียว—ไม่มีเลอะ ไม่มีงัด ไม่มีปวดหัว

    ที่สำคัญคือ SMÅ ใช้สกรูแทนกาวในการประกอบ ทำให้แยกชิ้นส่วนเพื่อรีไซเคิลได้ง่าย และช่วยลดการใช้หมึกและกระดาษโดยรวม

    https://www.techradar.com/pro/this-is-the-most-exciting-printer-design-ive-seen-in-years-and-it-reminds-me-of-an-obscure-vertical-panasonic-printer
    🧠 SMÅ: เครื่องพิมพ์เล็กแต่ทรงพลัง ที่เปลี่ยนภาพจำของ “เครื่องพิมพ์ยุ่งยาก” ไปตลอดกาล ถ้าคุณเคยหงุดหงิดกับเครื่องพิมพ์ที่มีปุ่มเยอะ ถาดกระดาษหลายชั้น และต้องงัดแงะเวลาหมึกหมด—SMÅ คือคำตอบที่ตรงข้ามทุกอย่างนั้น Jakob Höxtermann นักออกแบบจากมหาวิทยาลัย Bergische Universität Wuppertal ได้สร้าง SMÅ ขึ้นมาโดยเน้น 3 สิ่ง: ความเรียบง่าย ความยั่งยืน และความกะทัดรัด เครื่องนี้มีแค่ 3 ปุ่ม: เปิด/ปิด, หยุด, และตั้งค่าเบื้องต้น พร้อมไฟ LED สีเดียวที่บอกสถานะได้ครบ—ขาวคือพร้อมใช้งาน, ส้มคือหมึกใกล้หมด, แดงคือกระดาษติด ดีไซน์แนวตั้งช่วยประหยัดพื้นที่โต๊ะ และสามารถใส่กระดาษได้ถึง 120 แผ่นโดยไม่ต้องมีถาดเสริม แถมมีแผ่นใสกันกระดาษหล่นอย่างชาญฉลาด การเปลี่ยนหมึกก็ง่ายสุด ๆ แค่ยกฝาครอบขึ้นแล้วสอดตลับใหม่ด้วยมือเดียว—ไม่มีเลอะ ไม่มีงัด ไม่มีปวดหัว ที่สำคัญคือ SMÅ ใช้สกรูแทนกาวในการประกอบ ทำให้แยกชิ้นส่วนเพื่อรีไซเคิลได้ง่าย และช่วยลดการใช้หมึกและกระดาษโดยรวม https://www.techradar.com/pro/this-is-the-most-exciting-printer-design-ive-seen-in-years-and-it-reminds-me-of-an-obscure-vertical-panasonic-printer
    0 Comments 0 Shares 124 Views 0 Reviews
  • รั้วไฟฟ้าที่ไม่มีไฟ: ความกลัวที่ขังเราไว้ แม้มันจะพังไปนานแล้ว

    บทความเริ่มจากเรื่องของสุนัขตัวหนึ่งที่ไม่กล้าออกจากระเบียงบ้าน แม้ว่า “รั้วไฟฟ้า” ที่เคยฝึกมันไว้จะเสียมานานแล้ว เจ้าของบอกว่า “มันไม่ออกไปหรอก รั้วไฟฟ้าเสียมาหลายปีแล้ว แต่มันยังไม่กล้าเดินข้าม” นั่นคือภาพของการถูกขังด้วยความทรงจำ ไม่ใช่สิ่งกีดขวางจริง

    รั้วไฟฟ้าในชีวิตจริงของเราก็มีลักษณะคล้ายกัน—ความกลัวที่จะถูกปฏิเสธ ความรู้สึกว่าเราไม่ควรเป็นฝ่ายเริ่มต้น ความคิดว่า “ถ้าเขาไม่ทักมา แสดงว่าเขาไม่แคร์” ทั้งหมดนี้คือรั้วที่ไม่มีไฟ แต่เรายังไม่กล้าข้าม

    บทความชวนให้เรากล้าทำสิ่งเล็ก ๆ ที่อาจเปลี่ยนชีวิต เช่น ส่งข้อความ “คิดถึงนะ สบายดีไหม” หรือโทรหาใครสักคนที่เราห่างเหินไปนาน เพราะการเชื่อมโยงไม่ใช่เรื่องของการนับแต้ม แต่เป็นเรื่องของความกล้า

    และคนที่กล้าทำก่อน ไม่ใช่คนอ่อนแอ แต่คือคนที่รู้ว่ารั้วนั้นพังไปนานแล้ว และเลือกที่จะวิ่งออกไปสู่โลกที่เปิดกว้าง

    ภาพเปรียบเทียบของรั้วไฟฟ้า
    สุนัขไม่กล้าออกจากระเบียง แม้รั้วไฟฟ้าจะเสียไปแล้ว
    ความทรงจำของความเจ็บปวดทำให้มันยังคงอยู่ในกรอบเดิม
    เปรียบเทียบกับมนุษย์ที่ถูกขังด้วยความกลัวในอดีต

    รั้วไฟฟ้าในชีวิตจริง
    ความคิดว่า “ถ้าเราทักไป เขาจะคิดว่าเราน่ารำคาญ”
    ความกลัวที่จะเป็นฝ่ายเริ่มต้น หรือถูกมองว่าอ่อนแอ
    ความเชื่อว่าการไม่ถูกทักคือการไม่ถูกแคร์

    การเชื่อมโยงที่แท้จริง
    ไม่มีใครรำคาญเมื่อมีคนทักมาถามว่า “เป็นยังไงบ้าง”
    การเชื่อมโยงไม่ใช่การนับแต้ม แต่คือความกล้า
    แค่ 20 วินาทีของความกล้า อาจเปลี่ยนความสัมพันธ์ได้

    ข้อเสนอจาก Soonly
    แอป Soonly ส่งข้อความเตือนให้ “ทักใครสักคนวันนี้”
    ช่วยให้การเชื่อมโยงกลายเป็นนิสัย ไม่ใช่แค่แรงบันดาลใจชั่วคราว
    สร้างผลลัพธ์ที่เปลี่ยนความสัมพันธ์ได้จริง

    ความคิดว่า “ถ้าเขาไม่ทักมา แสดงว่าเขาไม่แคร์” เป็นกับดักทางใจ
    การรอให้คนอื่นเริ่มก่อน อาจทำให้เรายืนอยู่บนระเบียงไปตลอดชีวิต
    ความกล้าเล็ก ๆ ที่ไม่กล้าทำ อาจเป็นสิ่งเดียวที่ขวางเราไว้จากความสุข

    https://soonly.com/electric-fences/
    🧠 รั้วไฟฟ้าที่ไม่มีไฟ: ความกลัวที่ขังเราไว้ แม้มันจะพังไปนานแล้ว บทความเริ่มจากเรื่องของสุนัขตัวหนึ่งที่ไม่กล้าออกจากระเบียงบ้าน แม้ว่า “รั้วไฟฟ้า” ที่เคยฝึกมันไว้จะเสียมานานแล้ว เจ้าของบอกว่า “มันไม่ออกไปหรอก รั้วไฟฟ้าเสียมาหลายปีแล้ว แต่มันยังไม่กล้าเดินข้าม” นั่นคือภาพของการถูกขังด้วยความทรงจำ ไม่ใช่สิ่งกีดขวางจริง รั้วไฟฟ้าในชีวิตจริงของเราก็มีลักษณะคล้ายกัน—ความกลัวที่จะถูกปฏิเสธ ความรู้สึกว่าเราไม่ควรเป็นฝ่ายเริ่มต้น ความคิดว่า “ถ้าเขาไม่ทักมา แสดงว่าเขาไม่แคร์” ทั้งหมดนี้คือรั้วที่ไม่มีไฟ แต่เรายังไม่กล้าข้าม บทความชวนให้เรากล้าทำสิ่งเล็ก ๆ ที่อาจเปลี่ยนชีวิต เช่น ส่งข้อความ “คิดถึงนะ สบายดีไหม” หรือโทรหาใครสักคนที่เราห่างเหินไปนาน เพราะการเชื่อมโยงไม่ใช่เรื่องของการนับแต้ม แต่เป็นเรื่องของความกล้า และคนที่กล้าทำก่อน ไม่ใช่คนอ่อนแอ แต่คือคนที่รู้ว่ารั้วนั้นพังไปนานแล้ว และเลือกที่จะวิ่งออกไปสู่โลกที่เปิดกว้าง ✅ ภาพเปรียบเทียบของรั้วไฟฟ้า ➡️ สุนัขไม่กล้าออกจากระเบียง แม้รั้วไฟฟ้าจะเสียไปแล้ว ➡️ ความทรงจำของความเจ็บปวดทำให้มันยังคงอยู่ในกรอบเดิม ➡️ เปรียบเทียบกับมนุษย์ที่ถูกขังด้วยความกลัวในอดีต ✅ รั้วไฟฟ้าในชีวิตจริง ➡️ ความคิดว่า “ถ้าเราทักไป เขาจะคิดว่าเราน่ารำคาญ” ➡️ ความกลัวที่จะเป็นฝ่ายเริ่มต้น หรือถูกมองว่าอ่อนแอ ➡️ ความเชื่อว่าการไม่ถูกทักคือการไม่ถูกแคร์ ✅ การเชื่อมโยงที่แท้จริง ➡️ ไม่มีใครรำคาญเมื่อมีคนทักมาถามว่า “เป็นยังไงบ้าง” ➡️ การเชื่อมโยงไม่ใช่การนับแต้ม แต่คือความกล้า ➡️ แค่ 20 วินาทีของความกล้า อาจเปลี่ยนความสัมพันธ์ได้ ✅ ข้อเสนอจาก Soonly ➡️ แอป Soonly ส่งข้อความเตือนให้ “ทักใครสักคนวันนี้” ➡️ ช่วยให้การเชื่อมโยงกลายเป็นนิสัย ไม่ใช่แค่แรงบันดาลใจชั่วคราว ➡️ สร้างผลลัพธ์ที่เปลี่ยนความสัมพันธ์ได้จริง ⛔ ความคิดว่า “ถ้าเขาไม่ทักมา แสดงว่าเขาไม่แคร์” เป็นกับดักทางใจ ⛔ การรอให้คนอื่นเริ่มก่อน อาจทำให้เรายืนอยู่บนระเบียงไปตลอดชีวิต ⛔ ความกล้าเล็ก ๆ ที่ไม่กล้าทำ อาจเป็นสิ่งเดียวที่ขวางเราไว้จากความสุข https://soonly.com/electric-fences/
    SOONLY.COM
    The Electric Fence Stopped Working Years Ago
    "Don't worry, he won't leave the porch. The electric fence hasn't worked in years, but he still won't go past it."
    0 Comments 0 Shares 79 Views 0 Reviews
  • คุณคิดอย่างไร?คะ...#ฉันจะไม่ยอมฉีดยาพิษเข้าร่างกายอีกต่อไปแล้วคราวก่อนจำเป็นต้องฉีด"วซ.โดยสังคมบังคับเดินทางไม่ได้ เข้าห้างไม่ได้ ใช้ชีวิตปกติไม่ได้เลย และต้องเซ็นยินยอมรับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับตัวเอง ฉีดวซ.เข็มแรกตอนบ่าย3โมงอาการเริ่มผิดปกติตอน5โมงเย็น.ตอน2ทุ่มเป็นไข้ตัวร้อนเป็นไฟในขณะที่หนาวมากผ้านวมถูกห่ม2ผืนพันตัวไว้แทบเอาไม่อยู่ปวดหัวจะแตกเป็นเสี่ยงๆทั้งๆที่ปกติเป็นคนแข็งแรงไม่เคยป่วยเลย ต้องทานยาไทลีนอล2เม็ดทุกๆ3ชม.มันแย่มากคิดว่าคงตายแน่ภาวนาอะไรไม่ได้เลยเพราะปวดหัวมากๆอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนเลย หลับไปด้วยฤทธิยาตื่นมาอีกทีลุกขึ้นไม่ไหว ลุกได้ประมาณบ่าย3โมงเย็นต้องฝืนทานข้าวทานยา ไปทำงานวันจันทร์รู้สึกร่างกายอ่อนแรงแขนขาจับอะไรไม่อยู่จะหลุดจากมือบ่อยครั้ง ไม่ค่อยมีแรงเลยๆพยายามทานเยอะๆเพื่อให้ร่างกายมีกำลังขึ้นมา อ้วนก็ช่างมันขอให้มีแรงขึ้นมาก่อน หัวใจเริ่มเต้นผิดจังหวะบางครั้งเร็วมากเหมือนหัวใจจะวาย พยายามฟื้นฟูร่างกายตัวเองจากนั้นอีก3เดือนไปฉีดเข็มที่2คราวนี้ทานยาดักไว้ก่อนเลย ทานยาแก้ไขทุกๆ3ชม.รอ4ชมไม่ไหวปวดหัวเป็นไข้อยู่2อาทิตย์เต็มๆแต่บอกใครไม่ได้ต้องทำงานตามปกติ วูบล้มไป3ครั้งที่บ้านในห้องน้ำ1ครั้งแต่ติดประตูหัวเลยไม่ฟาดก็แต่งตัวไปทำงานปกติ ล้มครั้งที่2ที่ลานจอดรถคิ้วซ้ายกระแทกรถค้ำอยู่หัวไม่ฟาด วูบครั้งที่3ในบ้านตรงประตูทางเข้าดีมีสตินั่งลงกับพื้นไม่ล้ม..ต่อไปนี้ฉันจะไม่ยอมฉีด วซ.ใดๆอีกต่อไปแล้วจะตายเพราะไม่ฉีดก็ให้มันตายไปเถอะดีกว่าทรมานเพราะ วซ.
    คุณคิดอย่างไร?คะ...#ฉันจะไม่ยอมฉีดยาพิษเข้าร่างกายอีกต่อไปแล้วคราวก่อนจำเป็นต้องฉีด"วซ.โดยสังคมบังคับเดินทางไม่ได้ เข้าห้างไม่ได้ ใช้ชีวิตปกติไม่ได้เลย และต้องเซ็นยินยอมรับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับตัวเอง ฉีดวซ.เข็มแรกตอนบ่าย3โมงอาการเริ่มผิดปกติตอน5โมงเย็น.ตอน2ทุ่มเป็นไข้ตัวร้อนเป็นไฟในขณะที่หนาวมากผ้านวมถูกห่ม2ผืนพันตัวไว้แทบเอาไม่อยู่ปวดหัวจะแตกเป็นเสี่ยงๆทั้งๆที่ปกติเป็นคนแข็งแรงไม่เคยป่วยเลย ต้องทานยาไทลีนอล2เม็ดทุกๆ3ชม.มันแย่มากคิดว่าคงตายแน่ภาวนาอะไรไม่ได้เลยเพราะปวดหัวมากๆอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนเลย หลับไปด้วยฤทธิยาตื่นมาอีกทีลุกขึ้นไม่ไหว ลุกได้ประมาณบ่าย3โมงเย็นต้องฝืนทานข้าวทานยา ไปทำงานวันจันทร์รู้สึกร่างกายอ่อนแรงแขนขาจับอะไรไม่อยู่จะหลุดจากมือบ่อยครั้ง ไม่ค่อยมีแรงเลยๆพยายามทานเยอะๆเพื่อให้ร่างกายมีกำลังขึ้นมา อ้วนก็ช่างมันขอให้มีแรงขึ้นมาก่อน หัวใจเริ่มเต้นผิดจังหวะบางครั้งเร็วมากเหมือนหัวใจจะวาย พยายามฟื้นฟูร่างกายตัวเองจากนั้นอีก3เดือนไปฉีดเข็มที่2คราวนี้ทานยาดักไว้ก่อนเลย ทานยาแก้ไขทุกๆ3ชม.รอ4ชมไม่ไหวปวดหัวเป็นไข้อยู่2อาทิตย์เต็มๆแต่บอกใครไม่ได้ต้องทำงานตามปกติ วูบล้มไป3ครั้งที่บ้านในห้องน้ำ1ครั้งแต่ติดประตูหัวเลยไม่ฟาดก็แต่งตัวไปทำงานปกติ ล้มครั้งที่2ที่ลานจอดรถคิ้วซ้ายกระแทกรถค้ำอยู่หัวไม่ฟาด วูบครั้งที่3ในบ้านตรงประตูทางเข้าดีมีสตินั่งลงกับพื้นไม่ล้ม..ต่อไปนี้ฉันจะไม่ยอมฉีด วซ.ใดๆอีกต่อไปแล้วจะตายเพราะไม่ฉีดก็ให้มันตายไปเถอะดีกว่าทรมานเพราะ วซ.
    Angry
    1
    0 Comments 0 Shares 143 Views 0 0 Reviews
  • ...R.I.P. ‍ ขอแสดงความเสียใจกับพลทหารรัฐภูมิอย่างสุดซึ้ง...#ไล่ไทม์ไลน์ช่วงเวลาและจากพฤติกรรมแวดล้อมแล้ว"ฉันเห็นด้านกายภาพดูรู้เลยว่า พลทหารรัฐภูมิไม่ได้คลั่งแต่อย่างใด เพราะถ้าเขาคลั่งสองคนนั้นมันคงไม่รอดหรอก#วาทะกรรมชั่วๆมันควรได้รับโทษนะ"ที่กล่าวว่า มีทหารไว้ทำไม รบก็ไม่ชนะเขมรแค่นี้เขาก็เจ็บปวดมากแล้วถ้าไม่มีใครเตะเบรคไว้ป่านนี้เขมรคงราบไปหมดแล้วล่ะปชช.คนไทยหัวใจไทยเขามองกันออกแต่ทำอะไรไม่ได้ไงฉันเองยังเจ็บใจเลยในวันที่ไปเจรจาคืนนั้นเขมรมันบุกหนักไม่ได้หยุดยิงแต่อย่างใดเลย ทำให้ทหารไทยต้องพลีชีพเข้าแลกเสียชีวิตคืนนั้นตายไปกี่ศพกี่ครอบครัวที่ต้องเจ็บปวดกับการบริหารแบบนี้.. เดินก็เหยียบแต่กับระเบิดขาขาด คำพูดเหมือนขวานฟาดฟันโดยไร้บาดแผลแต่สร้างบาดแผลทางใจอย่างเจ็บปวดเพราะถ้าทหารเขาคลั่งจริงๆละก็คนพวกนั้นคงหมดลมหายใจไปแล้ว จริงๆแล้วควรมีมาตรการลงโทษคนที่ดูถูกเหยีดหยามเจ้าหน้าที่รัฐ "เคสแบบนี้ถ้าเป็นสหรัฐฯก็คงไม่รอดแล้วล่ะ "ทหารเขาต้องแบกรับหน้าที่ๆหนักอยู่แล้วสถานการณ์ก็ไม่ปกติมันใช่หรือที่ประชาชนจะมานั่งดื่มเหล้าเปิดเพลงฟังสนุกสนานตั้งแต่บ่ายยันดึกขนาดนั้น พิจารณาด้วยใจที่เป็นธรรมก็จะเห็น #คนตายเขาพูดไม่ได้ ชาวบ้านในพื้นที่เขาให้ข้อมูลแต่เขาก็ไม่กล้าเปิดหน้ามาเป็นพยานหรอก เพราะเขาก็ไม่อยากมีเรื่องคนเป็นพูดอะไรก็ได้แต่พยานแวดล้อมและช่วงเวลามันบอกมีน้ำหนักมากกว่าคำพูดคนเสียอีก "การที่ทหารเขายิงปืนลงดินแสดงถึงความหนักแน่นในใจพอสมควรเพราะถ้าคลั่งลูกกระสุนคงอยู่ในร่างคนทั้งหมดนั่นแหละ #แทนที่จะเห็นใจและขอบคุณทหารที่มาลาดตระเวนให้ความปลอดภัยให้ตัวเองนอนหลับอยู่สบายกับมาพ่นคำทำร้ายจิตใจกันแบบนี้#‍น้องทหารหลับให้สบายไม่ต้องทุกข์อีกแล้วขอบคุณนะที่ยอมเสียสละเพื่อชาติใครไม่เห็นเราเห็น สื่อมวลชนนำเสนอข่าวควรให้ความเป็นธรรมกับพลทหารรัฐภูมิด้วยถ้าเขาไม่แข็งแกร่งจริงๆคงไม่มีชีวิตมาถึงวันนี้หรอก คนที่ครอบครัวแตกแยกต้องโดดเดี่ยวเพียงใดใครรู้บ้าง ฉันรู้เพราะฉันเองก็เป็น้ช่นนั้นเหมือนกันคนอื่นอาจจะอดทน50%แต่เราต้อง100%...อ่อนแอไม่ได้เลย แต่อย่าลืมว่าเราก็เป็นมนุษย์คนนึงที่มีอารมณ์เหมือนกันไม่ใช่พระอรหันต์มาจากไหน...คนเป็นพูดให้คิดมากๆ"คนตายเขาพูดไม่ได้แล้วชีวิตคนเรามีค่าเท่ากัน#หลับให้สบายนะลูกแผ่บุญพระกรรมฐานให้เธอ‍#ชีวิตเธอมีค่ามากไม่ควรมาแลกกับ"สวะแบบนั้นเลย...
    😔...R.I.P. 💂‍♂️ ขอแสดงความเสียใจกับพลทหารรัฐภูมิอย่างสุดซึ้ง🖤🇹🇭...#ไล่ไทม์ไลน์ช่วงเวลาและจากพฤติกรรมแวดล้อมแล้ว"ฉันเห็นด้านกายภาพดูรู้เลยว่า พลทหารรัฐภูมิไม่ได้คลั่งแต่อย่างใด เพราะถ้าเขาคลั่งสองคนนั้นมันคงไม่รอดหรอก#วาทะกรรมชั่วๆมันควรได้รับโทษนะ"ที่กล่าวว่า มีทหารไว้ทำไม รบก็ไม่ชนะเขมรแค่นี้เขาก็เจ็บปวดมากแล้วถ้าไม่มีใครเตะเบรคไว้ป่านนี้เขมรคงราบไปหมดแล้วล่ะปชช.คนไทยหัวใจไทยเขามองกันออกแต่ทำอะไรไม่ได้ไงฉันเองยังเจ็บใจเลยในวันที่ไปเจรจาคืนนั้นเขมรมันบุกหนักไม่ได้หยุดยิงแต่อย่างใดเลย ทำให้ทหารไทยต้องพลีชีพเข้าแลกเสียชีวิตคืนนั้นตายไปกี่ศพกี่ครอบครัวที่ต้องเจ็บปวดกับการบริหารแบบนี้.. เดินก็เหยียบแต่กับระเบิดขาขาด คำพูดเหมือนขวานฟาดฟันโดยไร้บาดแผลแต่สร้างบาดแผลทางใจอย่างเจ็บปวดเพราะถ้าทหารเขาคลั่งจริงๆละก็คนพวกนั้นคงหมดลมหายใจไปแล้ว จริงๆแล้วควรมีมาตรการลงโทษคนที่ดูถูกเหยีดหยามเจ้าหน้าที่รัฐ "เคสแบบนี้ถ้าเป็นสหรัฐฯก็คงไม่รอดแล้วล่ะ "ทหารเขาต้องแบกรับหน้าที่ๆหนักอยู่แล้วสถานการณ์ก็ไม่ปกติมันใช่หรือที่ประชาชนจะมานั่งดื่มเหล้าเปิดเพลงฟังสนุกสนานตั้งแต่บ่ายยันดึกขนาดนั้น พิจารณาด้วยใจที่เป็นธรรมก็จะเห็น #คนตายเขาพูดไม่ได้ ชาวบ้านในพื้นที่เขาให้ข้อมูลแต่เขาก็ไม่กล้าเปิดหน้ามาเป็นพยานหรอก เพราะเขาก็ไม่อยากมีเรื่องคนเป็นพูดอะไรก็ได้แต่พยานแวดล้อมและช่วงเวลามันบอกมีน้ำหนักมากกว่าคำพูดคนเสียอีก "การที่ทหารเขายิงปืนลงดินแสดงถึงความหนักแน่นในใจพอสมควรเพราะถ้าคลั่งลูกกระสุนคงอยู่ในร่างคนทั้งหมดนั่นแหละ #แทนที่จะเห็นใจและขอบคุณทหารที่มาลาดตระเวนให้ความปลอดภัยให้ตัวเองนอนหลับอยู่สบายกับมาพ่นคำทำร้ายจิตใจกันแบบนี้😡#🖤💂‍♂️🇹🇭น้องทหารหลับให้สบายไม่ต้องทุกข์อีกแล้วขอบคุณนะที่ยอมเสียสละเพื่อชาติใครไม่เห็นเราเห็น สื่อมวลชนนำเสนอข่าวควรให้ความเป็นธรรมกับพลทหารรัฐภูมิด้วยถ้าเขาไม่แข็งแกร่งจริงๆคงไม่มีชีวิตมาถึงวันนี้หรอก คนที่ครอบครัวแตกแยกต้องโดดเดี่ยวเพียงใดใครรู้บ้าง ฉันรู้เพราะฉันเองก็เป็น้ช่นนั้นเหมือนกันคนอื่นอาจจะอดทน50%แต่เราต้อง100%...อ่อนแอไม่ได้เลย แต่อย่าลืมว่าเราก็เป็นมนุษย์คนนึงที่มีอารมณ์เหมือนกันไม่ใช่พระอรหันต์มาจากไหน...คนเป็นพูดให้คิดมากๆ🤔"คนตายเขาพูดไม่ได้แล้วชีวิตคนเรามีค่าเท่ากัน#หลับให้สบายนะลูกแผ่บุญพระกรรมฐานให้เธอ🤲🔆🧘‍♀️#🇹🇭ชีวิตเธอมีค่ามากไม่ควรมาแลกกับ"สวะแบบนั้นเลย...
    Sad
    1
    0 Comments 0 Shares 202 Views 0 0 Reviews
  • หัวจะปวด!!
    อินฟลูเขมร เอาไดสตาร์ทรถบรรทุก มาจัดฉากเป็นระเบิดไทย หลอกคนชาติเดียวกัน
    หัวจะปวด!! อินฟลูเขมร เอาไดสตาร์ทรถบรรทุก มาจัดฉากเป็นระเบิดไทย หลอกคนชาติเดียวกัน
    0 Comments 0 Shares 212 Views 0 0 Reviews
  • ตอน 17
    ปลายปี พ.ศ.2552/ค.ศ.2009 มีรายงานของทูตอเมริกันในไทยระบุว่า เป็นครั้งแรกที่จิ๊กโก๋๋เสียตำแหน่งThailand ‘s top export ให้แก่จีน ซึ่งเป็นตำแหน่งที่จิ๊กโก๋๋ครองมาอยู่หลายสิบปี และเป็นไปได้ว่า ปีหน้าอาเฮียก็จะได้ตำแหน่งนี้ต่อไป….หน้าแตกละซิ
    ตัวเลขส่งออกของไทยกับอาเฮีย ในปีนั้น เป็นจำนวน 1.88 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 115%
    ตัวเลขส่งออกของไทย กับสหรัฐ ในปีนั้น เป็นจำนวน 1.56 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 13%
    และมีที่ท่าว่า ตัวเลขการเพิ่มขึ้น ระหว่างจีนกับสหรัฐ จะห่างกันมากขึ้น มากขึ้น ทุกปี ที่ปวดกระดอง จิ๊กโก๋๋ หนักเข้าไปอีกคือ รมว คลัง และผู้ว่า ธปท. ของไทยสมัยนั้น ต่างก็ชื่นชมยินดีกับการค้าขายกับจีน ว่า เป็นไปด้วยสันถวไมตรีอันดียิ่ง
    นอกเหนือจากเรื่องค้าขาย (ทุน) แล้ว เรื่องอำนาจ ก็ทำท่าจะแผ่ว
    ช่วงที่เกิดรัฐประหาร ในไทยปี พ.ศ. 2549 /ค.ศ.2006 อเมริกาก็ทำโทษไทย ยกเลิก การเงินทุนสนับ สนุน ทางทหารทุกรายการ เป็นจำนวน 24 ล้านเหรียญ
    พอเห็นสมันน้อย คอตกเพราะถูกพี่เบิ้มทำโทษ อาเฮียก็ถลามาปลอบใจ ให้สินเชื่อช่วยเหลือแก่กองทัพไทย จำนวน 49 ล้านเหรียญ
    การเอาใจสมันน้อยของจีน เป็นที่ฮือฮากัน ถึงขนาดได้ยินไปถึงหูพี่เบิ้มว่า ทหารใหญ่ท่านหนึ่งของไทย (อย่าให้ผมเอ่ยชื่อเลยนะ ตอนนี้รู้สึก มีคนอยากชวนไปเที่ยวหลายคนแล้ว!) บอกว่า คุยกับจีนสบายใจกว่าอเมริกาที่เอาแต่พูดเรื่องที่ตัวสนใจเช่น เรื่องสิทธิมนุษยชน และการส่งเสริมประชาธิปไตย
    นี่ ยังไม่นับ เรื่องการซื้ออาวุธที่สมันน้อย ทำเป็นลืมสัญญา ไปจับมือกับเจ้าอื่นแทน ช่วงที่พี่เบิ้มตัดทุนสนับสนุน แหม เรื่องมัน เดิมๆ ซ้ำซาก แล้วยังงี้ จิ๊กโก๋๋จะทนทำเฉย ไหวหรือ
    รู้จักภูมิศาสตร์ของจีนก่อน นักอ่านนิทานครับ จะอ่านนิทานตอนนี้ให้ภาพชัด ต้องไปหาแผนที่มาดูประกอบ
    จีนตั้งอยู่บนเอเซียตะวันออก ฝั่งตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิก มีพื้นที่ดินประมาณ 9.6 ล้านตารางกิโลเมตร เป็นพื้นที่บนบกใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก (ใครเป็นอันดับ 1 ไปเปิดกูเกิลหาเอาเอง) มีอาณาเขตติดต่อกับประเทศอื่นๆ 14 ประเทศได้แก่ เวียตนาม ลาว พม่า อินเดีย ภูฐาน เนปาล ปากีสถาน อัฟกานิสถาน ทาจิกิสถาน คีร์กิสถาน คาซัคสถาน รัสเซีย มองโกเลีย และเกาหลีเหนือ
    เอ แล้วไม่เห็นมันติดกับไทยแลนด์ตรงไหนเลยนี่ แล้วพวกจิ๊กโก๋๋จะเข้าไปล่วงตับจีนผ่านไทยได้ยังไงหว่า น่าสงสัยนะ
    ก็น่าสงสัยอยู่หรอก ถ้ามัวแต่ดูข่าวจากช่องที่ถนัดแต่ เอาละคร เรื่องคุณชาย เรื่องแม่ลำยง ลำยอง มาเล่นฯลฯ มันจะไปรู้ได้ยังไง ต้องอ่านนิทานของเรานี่แหละ ถึงจะได้เห็นโลกกว้าง ทางลึกกันบ้าง
    กลับมาดูประเทศไทย อาณาเขตติดกับประเทศอะไรบ้าง อันนี้ถ้าไม่รู้ เลิกเล่านิทานจริงๆ นะ ลองถามตัวเองดู หลังจากเห็นภูมิศาสตร์อาณาเขตประเทศจีน และประเทศไทยดูแล้ว ทำไมสหรัฐถึงจำเป็นต้องมานั่งประทับทรงอยู่ในไทยแลนด์
    ย้อนดูจีนอีกที ไอ้14 ประเทศที่ติดกับจีนน่ะ มีส่วนที่ติดกับ พวกแก๊ง BRICS คือ อินเดีย รัสเซีย และจิ๊กโก๋๋ที่ตัวเล็ก แต่พูดกันไม่รู้เรื่องคือเกาหลีเหนือ อยู่ด้วย
    เพราะฉะนั้น ไปยุ่งกับประเทศแถวนั้นเขาได้ไหม หาเรื่องใส่ตัว เอาพวกที่ที่เหลือที่ปั่นหัวง่ายไม่ ดีหรือ ก็คือ เวียตนาม ลาว พม่า ลาวนั้นอเมริกาครอบงำ ตั้งแต่สมัยสงครามเวียตนาม แล้วไม่เคยปล่อยฝาครอบอีกเลย แทรกแซงตะแบงอุ้มสารพัด จนทุกวันนี้ยังตามเรื่องลาวอพยพ หรือมั้ง ที่อเมริกามาฝากไทยดูแลไว้ ตั้งแต่หลังสงครามเวียตนาม ก็ยังไม่จบสิ้น ขณะนี้พวกม้ง อพยพนี้ ขึ้นกับใครเป็นภาระของใคร ต้องไปถาม กอ.รมน.
    ส่วนเวียตนามนั้น มันก็เหลือเชื่อ จากที่รบกันจะเป็นจะตาย ฉิบหายกระเป๋าฉีกบ้านช่องวินาศสันตะโรกันไปค่อนโลกกว่า 15 ปี ตอนนี้หันมาจูบปากค้าขายกันเรียบร้อย แล้วพวกเราไม่สงสัยกันบ้างหรือจ้ะว่ามันอะไรกัน รบจริง รักจริง
    แบบนี้พวกสมันน้อยไม่ทันเขาหร๊อก! หมดห่วงเรื่องลาวกับเวียตนาม ก็เหลือพม่า
    เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ตอนที่อเมริกาเริ่มจะกลับมาภูมิภาคนี้ เพื่อมาเฝ้าระวังจีน หนทางที่จะเข้าพม่าไม่มีเลย คุณน้าอองซานได้แต่เอาดอกไม้แซมผม นั่งเอี้ยมเฟี้ยมถูกกักตัวอยู่แต่ในบ้าน แล้วจิ๊กโก๋๋จะไปคุยกับใคร
    อ้า! มาแล้ว งั้นก็ต้องคุยกับไทยแลนด์ ที่มีดินแดนติดทั้ง เขมร ลาว และพม่าไง เข้าใจหรือยัง ย้อนไปอ่านตอนต้น ที่เล่าสมัยเหตุการณ์ ร.ศ.112 ก็เหมือนกันเป๊ะ
    ไอ้จิ๊กโก๋๋รุ่นเก๋า อังกฤษ ฝรั่งเศส คิดยังไง ทำยังไง จิ๊กโก๋๋รุ่นใหม่ ก็คิดเหมือนเดิมนั่นแหละ ก็บอกแล้ว มัน3 เกลอหัวแข็ง ผลัดกันเล่น ผลัดกันตี ลืมไปแล้วหรือไร ไม่มีอะไรแปลกใหม่
    ถ้าอเมริกามาประทับทรงคุมทุกอย่างในไทยแลนด์ได้เหมือนเดิม การจะจับตามอง ส่องกล้องดูอาเฮีย ขยับแข้งรำมวยจีน มันก็ไม่น่ามีปัญหา อาเฮียก็ต้องคิดหนักนะ อย่าลืมเรื่องมณฑลยูนาน ดอยตุง ดาวเทียมไทยคม อู่ตะเภา 4 เรื่องนี่มันเกี่ยวกันนะ เล่ามากกว่านี้เดี๋ยวถูกจับ
    เมื่อปี ค.ศ.1999 สมัยรัฐบาลบุช (Bush) ตัวพ่อ อเมริกาเห็นจีนเริ่มโต ชักไม่พอใจ แต่ตัวเองกำลังกระเป๋าแฟบ เศรษฐกิจไม่ดี ก็ยังอยากต้มให้จีนมาลงทุนใช้เป็นตลาด เพราะฉะนั้น นโยบายสหรัฐกับจีน ช่วงนั้นก็ยังเป็นคบๆ ค้าๆ อะไรทำนองนั้น แต่ภาษาการทูตของเขาก็บอกเฝ้าระวัง ช่างใช้คำพูดจริง
    ผ่านไป 10 ปี อาเฮีย รัศมีเงินจับ มีพลเมืองเป็นเศรษฐีเพิ่มขึ้น จนพวกหัวทองชักอิจฉาเปลี่ยนจากตาสีฟ้าเป็นตาสีเขียว อาเฮียเริ่มสร้างบ้าน แปลงเมือง ปรับปรุงกองทัพ พัฒนาการกว้างไกล ถนนทุกสายมุ่งสู่ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้
    แล้วจิ๊กโก๋๋จะทนได้ไง แบบนี้ไอ้คบๆ ค้าๆ มันก็ต้องเปลี่ยนเป็น ค้าๆ คุมๆ ยิ่งวันก็ยิ่งหนักไปทางคุมเข้ม นโยบายสูตร containment ก็เริ่มเข้มขึ้นเพราะฉะนั้น แค่เอาพวกมาฝึกคอบบร้า โกลด์ (Cobra Gold) กับไทยแลนด์เฉยๆ น่ะ มันถ้าจะไม่พอแล้วมั้ง

    คนเล่านิทาน
    ตอน 17 ปลายปี พ.ศ.2552/ค.ศ.2009 มีรายงานของทูตอเมริกันในไทยระบุว่า เป็นครั้งแรกที่จิ๊กโก๋๋เสียตำแหน่งThailand ‘s top export ให้แก่จีน ซึ่งเป็นตำแหน่งที่จิ๊กโก๋๋ครองมาอยู่หลายสิบปี และเป็นไปได้ว่า ปีหน้าอาเฮียก็จะได้ตำแหน่งนี้ต่อไป….หน้าแตกละซิ ตัวเลขส่งออกของไทยกับอาเฮีย ในปีนั้น เป็นจำนวน 1.88 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 115% ตัวเลขส่งออกของไทย กับสหรัฐ ในปีนั้น เป็นจำนวน 1.56 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 13% และมีที่ท่าว่า ตัวเลขการเพิ่มขึ้น ระหว่างจีนกับสหรัฐ จะห่างกันมากขึ้น มากขึ้น ทุกปี ที่ปวดกระดอง จิ๊กโก๋๋ หนักเข้าไปอีกคือ รมว คลัง และผู้ว่า ธปท. ของไทยสมัยนั้น ต่างก็ชื่นชมยินดีกับการค้าขายกับจีน ว่า เป็นไปด้วยสันถวไมตรีอันดียิ่ง นอกเหนือจากเรื่องค้าขาย (ทุน) แล้ว เรื่องอำนาจ ก็ทำท่าจะแผ่ว ช่วงที่เกิดรัฐประหาร ในไทยปี พ.ศ. 2549 /ค.ศ.2006 อเมริกาก็ทำโทษไทย ยกเลิก การเงินทุนสนับ สนุน ทางทหารทุกรายการ เป็นจำนวน 24 ล้านเหรียญ พอเห็นสมันน้อย คอตกเพราะถูกพี่เบิ้มทำโทษ อาเฮียก็ถลามาปลอบใจ ให้สินเชื่อช่วยเหลือแก่กองทัพไทย จำนวน 49 ล้านเหรียญ การเอาใจสมันน้อยของจีน เป็นที่ฮือฮากัน ถึงขนาดได้ยินไปถึงหูพี่เบิ้มว่า ทหารใหญ่ท่านหนึ่งของไทย (อย่าให้ผมเอ่ยชื่อเลยนะ ตอนนี้รู้สึก มีคนอยากชวนไปเที่ยวหลายคนแล้ว!) บอกว่า คุยกับจีนสบายใจกว่าอเมริกาที่เอาแต่พูดเรื่องที่ตัวสนใจเช่น เรื่องสิทธิมนุษยชน และการส่งเสริมประชาธิปไตย นี่ ยังไม่นับ เรื่องการซื้ออาวุธที่สมันน้อย ทำเป็นลืมสัญญา ไปจับมือกับเจ้าอื่นแทน ช่วงที่พี่เบิ้มตัดทุนสนับสนุน แหม เรื่องมัน เดิมๆ ซ้ำซาก แล้วยังงี้ จิ๊กโก๋๋จะทนทำเฉย ไหวหรือ รู้จักภูมิศาสตร์ของจีนก่อน นักอ่านนิทานครับ จะอ่านนิทานตอนนี้ให้ภาพชัด ต้องไปหาแผนที่มาดูประกอบ จีนตั้งอยู่บนเอเซียตะวันออก ฝั่งตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิก มีพื้นที่ดินประมาณ 9.6 ล้านตารางกิโลเมตร เป็นพื้นที่บนบกใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก (ใครเป็นอันดับ 1 ไปเปิดกูเกิลหาเอาเอง) มีอาณาเขตติดต่อกับประเทศอื่นๆ 14 ประเทศได้แก่ เวียตนาม ลาว พม่า อินเดีย ภูฐาน เนปาล ปากีสถาน อัฟกานิสถาน ทาจิกิสถาน คีร์กิสถาน คาซัคสถาน รัสเซีย มองโกเลีย และเกาหลีเหนือ เอ แล้วไม่เห็นมันติดกับไทยแลนด์ตรงไหนเลยนี่ แล้วพวกจิ๊กโก๋๋จะเข้าไปล่วงตับจีนผ่านไทยได้ยังไงหว่า น่าสงสัยนะ ก็น่าสงสัยอยู่หรอก ถ้ามัวแต่ดูข่าวจากช่องที่ถนัดแต่ เอาละคร เรื่องคุณชาย เรื่องแม่ลำยง ลำยอง มาเล่นฯลฯ มันจะไปรู้ได้ยังไง ต้องอ่านนิทานของเรานี่แหละ ถึงจะได้เห็นโลกกว้าง ทางลึกกันบ้าง กลับมาดูประเทศไทย อาณาเขตติดกับประเทศอะไรบ้าง อันนี้ถ้าไม่รู้ เลิกเล่านิทานจริงๆ นะ ลองถามตัวเองดู หลังจากเห็นภูมิศาสตร์อาณาเขตประเทศจีน และประเทศไทยดูแล้ว ทำไมสหรัฐถึงจำเป็นต้องมานั่งประทับทรงอยู่ในไทยแลนด์ ย้อนดูจีนอีกที ไอ้14 ประเทศที่ติดกับจีนน่ะ มีส่วนที่ติดกับ พวกแก๊ง BRICS คือ อินเดีย รัสเซีย และจิ๊กโก๋๋ที่ตัวเล็ก แต่พูดกันไม่รู้เรื่องคือเกาหลีเหนือ อยู่ด้วย เพราะฉะนั้น ไปยุ่งกับประเทศแถวนั้นเขาได้ไหม หาเรื่องใส่ตัว เอาพวกที่ที่เหลือที่ปั่นหัวง่ายไม่ ดีหรือ ก็คือ เวียตนาม ลาว พม่า ลาวนั้นอเมริกาครอบงำ ตั้งแต่สมัยสงครามเวียตนาม แล้วไม่เคยปล่อยฝาครอบอีกเลย แทรกแซงตะแบงอุ้มสารพัด จนทุกวันนี้ยังตามเรื่องลาวอพยพ หรือมั้ง ที่อเมริกามาฝากไทยดูแลไว้ ตั้งแต่หลังสงครามเวียตนาม ก็ยังไม่จบสิ้น ขณะนี้พวกม้ง อพยพนี้ ขึ้นกับใครเป็นภาระของใคร ต้องไปถาม กอ.รมน. ส่วนเวียตนามนั้น มันก็เหลือเชื่อ จากที่รบกันจะเป็นจะตาย ฉิบหายกระเป๋าฉีกบ้านช่องวินาศสันตะโรกันไปค่อนโลกกว่า 15 ปี ตอนนี้หันมาจูบปากค้าขายกันเรียบร้อย แล้วพวกเราไม่สงสัยกันบ้างหรือจ้ะว่ามันอะไรกัน รบจริง รักจริง แบบนี้พวกสมันน้อยไม่ทันเขาหร๊อก! หมดห่วงเรื่องลาวกับเวียตนาม ก็เหลือพม่า เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ตอนที่อเมริกาเริ่มจะกลับมาภูมิภาคนี้ เพื่อมาเฝ้าระวังจีน หนทางที่จะเข้าพม่าไม่มีเลย คุณน้าอองซานได้แต่เอาดอกไม้แซมผม นั่งเอี้ยมเฟี้ยมถูกกักตัวอยู่แต่ในบ้าน แล้วจิ๊กโก๋๋จะไปคุยกับใคร อ้า! มาแล้ว งั้นก็ต้องคุยกับไทยแลนด์ ที่มีดินแดนติดทั้ง เขมร ลาว และพม่าไง เข้าใจหรือยัง ย้อนไปอ่านตอนต้น ที่เล่าสมัยเหตุการณ์ ร.ศ.112 ก็เหมือนกันเป๊ะ ไอ้จิ๊กโก๋๋รุ่นเก๋า อังกฤษ ฝรั่งเศส คิดยังไง ทำยังไง จิ๊กโก๋๋รุ่นใหม่ ก็คิดเหมือนเดิมนั่นแหละ ก็บอกแล้ว มัน3 เกลอหัวแข็ง ผลัดกันเล่น ผลัดกันตี ลืมไปแล้วหรือไร ไม่มีอะไรแปลกใหม่ ถ้าอเมริกามาประทับทรงคุมทุกอย่างในไทยแลนด์ได้เหมือนเดิม การจะจับตามอง ส่องกล้องดูอาเฮีย ขยับแข้งรำมวยจีน มันก็ไม่น่ามีปัญหา อาเฮียก็ต้องคิดหนักนะ อย่าลืมเรื่องมณฑลยูนาน ดอยตุง ดาวเทียมไทยคม อู่ตะเภา 4 เรื่องนี่มันเกี่ยวกันนะ เล่ามากกว่านี้เดี๋ยวถูกจับ เมื่อปี ค.ศ.1999 สมัยรัฐบาลบุช (Bush) ตัวพ่อ อเมริกาเห็นจีนเริ่มโต ชักไม่พอใจ แต่ตัวเองกำลังกระเป๋าแฟบ เศรษฐกิจไม่ดี ก็ยังอยากต้มให้จีนมาลงทุนใช้เป็นตลาด เพราะฉะนั้น นโยบายสหรัฐกับจีน ช่วงนั้นก็ยังเป็นคบๆ ค้าๆ อะไรทำนองนั้น แต่ภาษาการทูตของเขาก็บอกเฝ้าระวัง ช่างใช้คำพูดจริง ผ่านไป 10 ปี อาเฮีย รัศมีเงินจับ มีพลเมืองเป็นเศรษฐีเพิ่มขึ้น จนพวกหัวทองชักอิจฉาเปลี่ยนจากตาสีฟ้าเป็นตาสีเขียว อาเฮียเริ่มสร้างบ้าน แปลงเมือง ปรับปรุงกองทัพ พัฒนาการกว้างไกล ถนนทุกสายมุ่งสู่ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ แล้วจิ๊กโก๋๋จะทนได้ไง แบบนี้ไอ้คบๆ ค้าๆ มันก็ต้องเปลี่ยนเป็น ค้าๆ คุมๆ ยิ่งวันก็ยิ่งหนักไปทางคุมเข้ม นโยบายสูตร containment ก็เริ่มเข้มขึ้นเพราะฉะนั้น แค่เอาพวกมาฝึกคอบบร้า โกลด์ (Cobra Gold) กับไทยแลนด์เฉยๆ น่ะ มันถ้าจะไม่พอแล้วมั้ง คนเล่านิทาน
    2 Comments 0 Shares 299 Views 0 Reviews
  • ภูมิธรรม ไหนว่าจะเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอไง นี่เล่นเอาเด็กสีน้ำเงินออก เอาเด็กสีแดงออกมาแทนที่ เออเข้าท่าว่ะ ง่ายกว่าจัดการเลือกตั้งเยอะ กลัวผู้ว่าสายสีส้มจนขึ้นสมองเลยไม่จัดเลือกตั้งผู้ว่าซะเลย
    เมื่อวานกับวันนี้เจอแต่เรื่องปวดหัวรัวๆเลยไม่มีหยุดพัก แต่ก็จุดไฟให้ผมสตาร์ทเครื่องทำงานง่ายๆขนาดนั้นเลย แต่ดีกว่านอนจนลืมตื่น แต่ถือว่าตื่นตัวกว่าครั้งก่อนๆแล้วนะครับ และได้วางแผนใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
    ภูมิธรรม ไหนว่าจะเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอไง นี่เล่นเอาเด็กสีน้ำเงินออก เอาเด็กสีแดงออกมาแทนที่ เออเข้าท่าว่ะ ง่ายกว่าจัดการเลือกตั้งเยอะ กลัวผู้ว่าสายสีส้มจนขึ้นสมองเลยไม่จัดเลือกตั้งผู้ว่าซะเลย เมื่อวานกับวันนี้เจอแต่เรื่องปวดหัวรัวๆเลยไม่มีหยุดพัก แต่ก็จุดไฟให้ผมสตาร์ทเครื่องทำงานง่ายๆขนาดนั้นเลย แต่ดีกว่านอนจนลืมตื่น แต่ถือว่าตื่นตัวกว่าครั้งก่อนๆแล้วนะครับ และได้วางแผนใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
    0 Comments 0 Shares 73 Views 0 Reviews
  • ..ฉันเคยอยากออกบวชเพื่อทำที่สุดทุกข์ให้ได้.." เคยถามแม่ตอนเด็กเล็กๆ6-7ขวบ."ว่าสุดขอบฟ้าอยู่ตรงไหนเราเดินออกจากโลกนี้กันเถอะ แม่นิ่ง..ฉันแสวงหาความหมายของชีวิตว่าเกิดมาทำไม?ไปโบถส์เรียนคำสอนอื่นๆ เป็นพุทธแค่ในทะเบียนบ้านแต่ใจไม่มีศาสนาอะไรเลย อายุยี่สิบก่วาอยากมีลูกเพื่อให้เขาบวชแทนฉันทำในสิ่งที่ฉันอยากทำ"..คืนหนึ่งนอนหลับและฝันไปว่าผู้คนมากมายเบียดกันแทบไม่มีช่องว่างและฆ่าฟันกันกินเนื้อมนุษย์ด้วยกันสำคัญว่าเป็นเนื้อสัตว์เท่านั้น"..ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงพูดกับฉันว่าเธออยากให้ลูกเธอเกิดมาในกาลียุคเช่นนี้หรือ..เห็นเลือดท่วมข้อเท้าช้างนองไปทั่วพื้น"ตื่นจากฝันเลยเปลี่ยนความคิดว่าไม่ดีก่วาและการจะให้ใครมาทำความฝันให้มันไม่ยุติธรรมกับเขาเลย.ความคิดพับเก็บ..แต่การอยากมีลูกของฉันนั้นคือต้องไม่มีแฟนนะทำเด็กหลอดแก้วประมาณนั้น"...แม่เคยเล่าว่าฉันเกิดมาเกือบทำให้แม่ต้องตายเจ็บท้องทรมานถึง7วัน7คืนมีเสียงปริศนามาบอกให้แม่ไปคลอดฉันที่ใต้ต้นมะขามใหญ่หน้าหมู่บ้านแม่ไม่ไปทนเจ็บอยู่บ้านหลังหนึ่งอยู่นาน ในที่สุดก็ต้องขนย้ายกันไปบ้านอีกหลังแล้วก็คลอดฉันออกมาลูกหลงสุดท้องอย่างฉันเป็นความหวังของพี่ว่าจะได้น้องชายแต่กับเป็นผู้หญิงเขาก็พากันผิดหวัง "แต่ฉันเป็นผู้หญิงแต่ใจแมนมาก"แม่ฉันชอบสร้างหนังสือพระไตรปิฎกถวายวัดเสมอเลยสงสัยถามแม่ว่าดียังไงเหรอ แม่บอกอยากรู้ก็อ่านเองซิ แต่ฉันอ่านหนังสือตัวกูของกูของหลวงพ่อพุทธทาสก่อนเลยเกิดศรัธทา เลยลองอ่านพระไตรปิฎกดูอ่านแล้ววางไม่ลงเลยเป็นอะไรที่น่าสนใจมากหลายอย่างไม่เข้าใจหรอกไม่มีสภาวะ(ประสบการณ์ตรง)แต่ก็อ่านจบใช้เวลา3เดือน6วันครั้งแรกและอ่านจนครบ9รอบมันน่าทึ่งมากที่มีอัจฉริยะมนุษย์อย่างพระพุทธเจ้าเกิดมาตรัสรู้อะไรแบบนี้ได้สุดยอดมากๆยังไม่ค่อยเข้าใจก็ค่อยๆเรียนรู้คู่ไปกับการปฎิบัติด้วยตัวเองหัดนั่งสมาธิที่บ้านนั่งทั้งวันโดยไม่กินข้าวไม่อาบน้ำทำอยู่แบบนั้นมันเจ็บปวดทรมานร่างกายสุดๆเหมือนตัวจะระเบิดตัวร้อนเหมือนไฟเหงื่อออกมาไหลเป็นน้ำร้อนกระเพาะก็ร้องหิวแต่จิตฉันไม่หิวร่างกายเจ็บปวดแต่จิตไม่เจ็บปวดใดๆเลยตัวเริ่มแข็งคอแข็งจากนั้นกลางระหว่างคิ้วมีแสงพุ่งออกมาคล้ายตาที่สามเปิดความรู้ๆทุกอย่างแล้วกาย&จิต ก็แยกออกจากกันให้รู้ในคราวนั้น ฉันก็ฝึกเองมาเรื่อยๆต่อมาฉันนั่งสมาธิจากตัวแข็งรับรู้ตรงกลางระห่วางคิ้วจากนั้นหัวตึงไปหมดความรู้สึกสุดท้ายตรงกลางกระหม่อมเหมือนจิตพุ่งหลุดออกจากกายๆฉันหายไปพร้อมเวทนาทางกายหายไปจนหมดสิ้น มีแต่รู้ๆว่างๆอยู่แบบนั้น นั่งสมาธิคราวใดก็จะเข้าสมาธิเร็วและกายหายไปเป็นแบบนั้นอยู่2ปีเลยเลิกนั่งสมาธิเพราะไม่รู้จะถามใครได้ จนกระทั่งได้ฟังคำบรรยายธรรมของหลวงปูดุลย์ อตุโล จึงเข้าใจและไปต่อได้ หลวงปู่สอนว่ามีตัวรู้ในขันธ์5 และธาตุรู้โดยธรรมชาติไม่เกี่ยวกับขันธ์5ใดๆเลย"ฉันได้เกิดใหม่อีกครั้งโดยธรรมบุญในครี้งนี้ได้มาเพราะ"แม่ของฉันเธอคือแสงสว่างและความรักที่ไร้เงื่อนไขใดๆไม่คาดหวัง ไม่เรียกร้อง อ้อมกอดของแม่เป็นอ้อมกอดที่อบอุ่นที่สุด.."ฉันรู้ว่าถ้าฉันมีลูกฉันจะต้องตายเพราะฉะนั้นฉันจึงตั้งจิตอธิษฐานไว้ว่าเมื่อต้องเอาชีวิตเข้าแรก เด็กคนนั้นต้องเป็นอัจฉริยะมนุษย์มีบุญญาธิการเพื่อมาช่วยปลุกสัตว์ให้ตื่นเท่านั้นถ้าไม่ได้เช่นนั้นฉันจะไม่รับเด็ดขาดฉันยังมีความคาดหวังแต่ไม่ใช่กิเลสแต่เป็นกุศล..บุญใดที่ลูกคนนี้ได้ทำแล้วและจะทำต่อไปบุญนั้นแม่พ่อบรรพบุรุษตลอดทั้งผู้ดูแลรักษาข้าพเจ้ามีส่วนในบุญนั้นๆด้วยเสมอสาธุ(บุญเป็นชื่อของความสุขเมื่อทำแล้วสุขใจก็เป็นบุญแล้ว"หลวงพ่อพุทธทาสได้กล่าวไว้.
    🧘‍♀️..ฉันเคยอยากออกบวชเพื่อทำที่สุดทุกข์ให้ได้.." เคยถามแม่ตอนเด็กเล็กๆ6-7ขวบ."ว่าสุดขอบฟ้าอยู่ตรงไหนเราเดินออกจากโลกนี้กันเถอะ แม่นิ่ง..ฉันแสวงหาความหมายของชีวิตว่าเกิดมาทำไม?ไปโบถส์เรียนคำสอนอื่นๆ เป็นพุทธแค่ในทะเบียนบ้านแต่ใจไม่มีศาสนาอะไรเลย อายุยี่สิบก่วาอยากมีลูกเพื่อให้เขาบวชแทนฉันทำในสิ่งที่ฉันอยากทำ"..คืนหนึ่งนอนหลับและฝันไปว่าผู้คนมากมายเบียดกันแทบไม่มีช่องว่างและฆ่าฟันกันกินเนื้อมนุษย์ด้วยกันสำคัญว่าเป็นเนื้อสัตว์เท่านั้น"..ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงพูดกับฉันว่าเธออยากให้ลูกเธอเกิดมาในกาลียุคเช่นนี้หรือ..เห็นเลือดท่วมข้อเท้าช้างนองไปทั่วพื้น"ตื่นจากฝันเลยเปลี่ยนความคิดว่าไม่ดีก่วาและการจะให้ใครมาทำความฝันให้มันไม่ยุติธรรมกับเขาเลย.ความคิดพับเก็บ..แต่การอยากมีลูกของฉันนั้นคือต้องไม่มีแฟนนะทำเด็กหลอดแก้วประมาณนั้น"...แม่เคยเล่าว่าฉันเกิดมาเกือบทำให้แม่ต้องตายเจ็บท้องทรมานถึง7วัน7คืนมีเสียงปริศนามาบอกให้แม่ไปคลอดฉันที่ใต้ต้นมะขามใหญ่หน้าหมู่บ้านแม่ไม่ไปทนเจ็บอยู่บ้านหลังหนึ่งอยู่นาน ในที่สุดก็ต้องขนย้ายกันไปบ้านอีกหลังแล้วก็คลอดฉันออกมาลูกหลงสุดท้องอย่างฉันเป็นความหวังของพี่ว่าจะได้น้องชายแต่กับเป็นผู้หญิงเขาก็พากันผิดหวัง "แต่ฉันเป็นผู้หญิงแต่ใจแมนมาก"แม่ฉันชอบสร้างหนังสือพระไตรปิฎกถวายวัดเสมอเลยสงสัยถามแม่ว่าดียังไงเหรอ แม่บอกอยากรู้ก็อ่านเองซิ แต่ฉันอ่านหนังสือตัวกูของกูของหลวงพ่อพุทธทาสก่อนเลยเกิดศรัธทา เลยลองอ่านพระไตรปิฎกดูอ่านแล้ววางไม่ลงเลยเป็นอะไรที่น่าสนใจมากหลายอย่างไม่เข้าใจหรอกไม่มีสภาวะ(ประสบการณ์ตรง)แต่ก็อ่านจบใช้เวลา3เดือน6วันครั้งแรกและอ่านจนครบ9รอบมันน่าทึ่งมากที่มีอัจฉริยะมนุษย์อย่างพระพุทธเจ้าเกิดมาตรัสรู้อะไรแบบนี้ได้สุดยอดมากๆยังไม่ค่อยเข้าใจก็ค่อยๆเรียนรู้คู่ไปกับการปฎิบัติด้วยตัวเองหัดนั่งสมาธิที่บ้านนั่งทั้งวันโดยไม่กินข้าวไม่อาบน้ำทำอยู่แบบนั้นมันเจ็บปวดทรมานร่างกายสุดๆเหมือนตัวจะระเบิดตัวร้อนเหมือนไฟเหงื่อออกมาไหลเป็นน้ำร้อนกระเพาะก็ร้องหิวแต่จิตฉันไม่หิวร่างกายเจ็บปวดแต่จิตไม่เจ็บปวดใดๆเลยตัวเริ่มแข็งคอแข็งจากนั้นกลางระหว่างคิ้วมีแสงพุ่งออกมาคล้ายตาที่สามเปิดความรู้ๆทุกอย่างแล้วกาย&จิต ก็แยกออกจากกันให้รู้ในคราวนั้น ฉันก็ฝึกเองมาเรื่อยๆต่อมาฉันนั่งสมาธิจากตัวแข็งรับรู้ตรงกลางระห่วางคิ้วจากนั้นหัวตึงไปหมดความรู้สึกสุดท้ายตรงกลางกระหม่อมเหมือนจิตพุ่งหลุดออกจากกายๆฉันหายไปพร้อมเวทนาทางกายหายไปจนหมดสิ้น มีแต่รู้ๆว่างๆอยู่แบบนั้น นั่งสมาธิคราวใดก็จะเข้าสมาธิเร็วและกายหายไปเป็นแบบนั้นอยู่2ปีเลยเลิกนั่งสมาธิเพราะไม่รู้จะถามใครได้ จนกระทั่งได้ฟังคำบรรยายธรรมของหลวงปูดุลย์ อตุโล จึงเข้าใจและไปต่อได้ หลวงปู่สอนว่ามีตัวรู้ในขันธ์5 และธาตุรู้โดยธรรมชาติไม่เกี่ยวกับขันธ์5ใดๆเลย"ฉันได้เกิดใหม่อีกครั้งโดยธรรมบุญในครี้งนี้ได้มาเพราะ"แม่ของฉันเธอคือแสงสว่างและความรักที่ไร้เงื่อนไขใดๆไม่คาดหวัง ไม่เรียกร้อง อ้อมกอดของแม่เป็นอ้อมกอดที่อบอุ่นที่สุด.."ฉันรู้ว่าถ้าฉันมีลูกฉันจะต้องตายเพราะฉะนั้นฉันจึงตั้งจิตอธิษฐานไว้ว่าเมื่อต้องเอาชีวิตเข้าแรก เด็กคนนั้นต้องเป็นอัจฉริยะมนุษย์มีบุญญาธิการเพื่อมาช่วยปลุกสัตว์ให้ตื่นเท่านั้นถ้าไม่ได้เช่นนั้นฉันจะไม่รับเด็ดขาดฉันยังมีความคาดหวังแต่ไม่ใช่กิเลสแต่เป็นกุศล..บุญใดที่ลูกคนนี้ได้ทำแล้วและจะทำต่อไปบุญนั้นแม่พ่อบรรพบุรุษตลอดทั้งผู้ดูแลรักษาข้าพเจ้ามีส่วนในบุญนั้นๆด้วยเสมอสาธุ🔆🙇‍♀️(บุญเป็นชื่อของความสุขเมื่อทำแล้วสุขใจก็เป็นบุญแล้ว"หลวงพ่อพุทธทาสได้กล่าวไว้.
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 245 Views 0 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากจุดตัดของเทคโนโลยีกับความเศร้า: เมื่อ Jim Acosta สัมภาษณ์ AI ของผู้เสียชีวิต

    ในเดือนสิงหาคม 2025 Jim Acosta อดีตผู้สื่อข่าว CNN ได้สร้างกระแสถกเถียงครั้งใหญ่ เมื่อเขาเผยแพร่ “บทสัมภาษณ์” กับ Joaquin Oliver—ไม่ใช่ตัวจริง แต่เป็น AI avatar ของเด็กชายวัย 17 ปีที่เสียชีวิตจากเหตุกราดยิงที่โรงเรียน Parkland ในปี 2018

    AI ตัวนี้ถูกสร้างขึ้นโดยพ่อแม่ของ Joaquin เพื่อรักษาความทรงจำของลูกชาย และใช้เป็นเครื่องมือรณรงค์เรื่องกฎหมายควบคุมอาวุธปืน โดยในวิดีโอ Joaquin AI พูดถึงความจำเป็นของ “กฎหมายควบคุมอาวุธที่เข้มงวดขึ้น การสนับสนุนสุขภาพจิต และการสร้างชุมชนที่ปลอดภัย”

    แม้เจตนาจะดูจริงใจ แต่การใช้ AI เพื่อจำลองผู้เสียชีวิตกลับสร้างคำถามทางจริยธรรมอย่างหนัก หลายคนมองว่าเป็นการ “ใช้ความเศร้าเพื่อผลทางการเมือง” หรือ “ละเมิดความทรงจำของผู้เสียชีวิต” ขณะที่บางคนเห็นว่าเป็นวิธีเยียวยาความเจ็บปวดของครอบครัว

    กรณีนี้ยังสะท้อนแนวโน้มใหม่ที่ผู้คนเริ่มใช้ AI เพื่อสื่อสารกับผู้ที่จากไป เช่น Joshua Barbeau ที่เคยใช้ Project December เพื่อคุยกับ AI ของคู่หมั้นที่เสียชีวิต หรือผู้ใช้ ChatGPT ที่ใช้เป็นเพื่อนหรือแม้แต่คู่รักเสมือน

    คำถามใหญ่จึงไม่ใช่แค่ว่า “ควรหรือไม่” แต่คือ “เรากำลังเชื่อมต่อกันจริง ๆ หรือแค่จำลองความสัมพันธ์?” และ “เรากำลังใช้ AI เพื่อเยียวยา หรือกำลังหลีกเลี่ยงความเจ็บปวดที่ควรเผชิญ?”

    Jim Acosta สัมภาษณ์ AI avatar ของ Joaquin Oliver ผู้เสียชีวิตจากเหตุกราดยิง
    สร้างขึ้นโดยพ่อแม่เพื่อรณรงค์เรื่องกฎหมายควบคุมอาวุธ

    AI ใช้เสียงและบุคลิกที่จำลองจาก Joaquin เพื่อพูดถึงประเด็นสังคม
    เช่น กฎหมายควบคุมอาวุธ, สุขภาพจิต, การมีส่วนร่วมของชุมชน

    Acosta ระบุว่าพ่อของ Joaquin เป็นผู้เสนอให้ทำสัมภาษณ์นี้
    เพื่อรักษาความทรงจำของลูกชาย

    วิดีโอสร้างกระแสถกเถียงอย่างหนักในสื่อและโซเชียล
    มีทั้งเสียงสนับสนุนและเสียงวิจารณ์เรื่องจริยธรรม

    กรณีนี้สะท้อนแนวโน้มการใช้ AI เพื่อเยียวยาความเศร้า
    เช่น Project December และ ChatGPT ที่ใช้เป็นเพื่อนหรือคู่รักเสมือน

    ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาเตือนว่า AI อาจช่วยเยียวยาได้ชั่วคราว
    แต่เสี่ยงต่อการหลีกเลี่ยงการยอมรับความสูญเสียจริง

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/12/opinion-jim-acostas-ai-interview-raises-deeper-questions-about-human-connection
    🧠📺 เรื่องเล่าจากจุดตัดของเทคโนโลยีกับความเศร้า: เมื่อ Jim Acosta สัมภาษณ์ AI ของผู้เสียชีวิต ในเดือนสิงหาคม 2025 Jim Acosta อดีตผู้สื่อข่าว CNN ได้สร้างกระแสถกเถียงครั้งใหญ่ เมื่อเขาเผยแพร่ “บทสัมภาษณ์” กับ Joaquin Oliver—ไม่ใช่ตัวจริง แต่เป็น AI avatar ของเด็กชายวัย 17 ปีที่เสียชีวิตจากเหตุกราดยิงที่โรงเรียน Parkland ในปี 2018 AI ตัวนี้ถูกสร้างขึ้นโดยพ่อแม่ของ Joaquin เพื่อรักษาความทรงจำของลูกชาย และใช้เป็นเครื่องมือรณรงค์เรื่องกฎหมายควบคุมอาวุธปืน โดยในวิดีโอ Joaquin AI พูดถึงความจำเป็นของ “กฎหมายควบคุมอาวุธที่เข้มงวดขึ้น การสนับสนุนสุขภาพจิต และการสร้างชุมชนที่ปลอดภัย” แม้เจตนาจะดูจริงใจ แต่การใช้ AI เพื่อจำลองผู้เสียชีวิตกลับสร้างคำถามทางจริยธรรมอย่างหนัก หลายคนมองว่าเป็นการ “ใช้ความเศร้าเพื่อผลทางการเมือง” หรือ “ละเมิดความทรงจำของผู้เสียชีวิต” ขณะที่บางคนเห็นว่าเป็นวิธีเยียวยาความเจ็บปวดของครอบครัว กรณีนี้ยังสะท้อนแนวโน้มใหม่ที่ผู้คนเริ่มใช้ AI เพื่อสื่อสารกับผู้ที่จากไป เช่น Joshua Barbeau ที่เคยใช้ Project December เพื่อคุยกับ AI ของคู่หมั้นที่เสียชีวิต หรือผู้ใช้ ChatGPT ที่ใช้เป็นเพื่อนหรือแม้แต่คู่รักเสมือน คำถามใหญ่จึงไม่ใช่แค่ว่า “ควรหรือไม่” แต่คือ “เรากำลังเชื่อมต่อกันจริง ๆ หรือแค่จำลองความสัมพันธ์?” และ “เรากำลังใช้ AI เพื่อเยียวยา หรือกำลังหลีกเลี่ยงความเจ็บปวดที่ควรเผชิญ?” ✅ Jim Acosta สัมภาษณ์ AI avatar ของ Joaquin Oliver ผู้เสียชีวิตจากเหตุกราดยิง ➡️ สร้างขึ้นโดยพ่อแม่เพื่อรณรงค์เรื่องกฎหมายควบคุมอาวุธ ✅ AI ใช้เสียงและบุคลิกที่จำลองจาก Joaquin เพื่อพูดถึงประเด็นสังคม ➡️ เช่น กฎหมายควบคุมอาวุธ, สุขภาพจิต, การมีส่วนร่วมของชุมชน ✅ Acosta ระบุว่าพ่อของ Joaquin เป็นผู้เสนอให้ทำสัมภาษณ์นี้ ➡️ เพื่อรักษาความทรงจำของลูกชาย ✅ วิดีโอสร้างกระแสถกเถียงอย่างหนักในสื่อและโซเชียล ➡️ มีทั้งเสียงสนับสนุนและเสียงวิจารณ์เรื่องจริยธรรม ✅ กรณีนี้สะท้อนแนวโน้มการใช้ AI เพื่อเยียวยาความเศร้า ➡️ เช่น Project December และ ChatGPT ที่ใช้เป็นเพื่อนหรือคู่รักเสมือน ✅ ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาเตือนว่า AI อาจช่วยเยียวยาได้ชั่วคราว ➡️ แต่เสี่ยงต่อการหลีกเลี่ยงการยอมรับความสูญเสียจริง https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/12/opinion-jim-acostas-ai-interview-raises-deeper-questions-about-human-connection
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Opinion: Jim Acosta’s AI interview raises deeper questions about human connection
    The interview sparked backlash and raised ethical concerns over technology's potential role in tarnishing the memory of the dead or changing their viewpoint.
    0 Comments 0 Shares 236 Views 0 Reviews
  • "สม รังสี" ปราศรัยกับคนเขมรที่ฝรั่งเศส บอกทหารกัมพูชายิงมั่ว โดนพื้นที่พลเรือนของไทย ขณะที่ทหารไทยยิงแม่นยำกว่า ทำ "ฮุนเซน" ฉุนจัด โพสต์เฟซบุ๊กจวกเป็นคนหรือสัตว์ ยกย่องผู้รุกรานแต่ดูหมิ่นกัมพูชา ด้านชาวเน็ตเขมรออกมาเออออห่อหมกตามผู้นำ บางคนถึงขั้นให้ถอนสัญชาติ

    วันนี้(11 ส.ค.) เมื่อเวลา 10.28 น. ในเฟซบุ๊ก Samdech Hun Sen of Cambodia ของนายฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา มีการแชร์คลิปการกล่าวปราศรัยของนายสม รังสี นักการเมืองฝ่ายค้านของกัมพูชาที่ลี้ภัยอยู่ต่างประเทศ พร้อมระบุข้อความว่า
    “พี่น้องร่วมชาติที่รัก!

    “เมื่อประชาชนและกองทัพของเรากำลังทุกข์ทรมานจากการรุกรานของไทย ซึ่งส่งผลให้โรงเรียน วัด บ้านเรือนประชาชน และแม้แต่วัดโบราณ รวมถึงปราสาทพระวิหาร ถูกกองทัพไทยยิงทำลาย ทำให้ครอบครัวหลายพันครอบครัวต้องอพยพออกจากบ้านเรือนและกลายเป็นผู้ลี้ภัย ซึ่งเป็นความเจ็บปวดของคนทั้งชาติ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000076148

    #MGROnline #สมรังสี #ทหารกัมพูชา #พลเรือนของไทย #ฮุนเซน
    "สม รังสี" ปราศรัยกับคนเขมรที่ฝรั่งเศส บอกทหารกัมพูชายิงมั่ว โดนพื้นที่พลเรือนของไทย ขณะที่ทหารไทยยิงแม่นยำกว่า ทำ "ฮุนเซน" ฉุนจัด โพสต์เฟซบุ๊กจวกเป็นคนหรือสัตว์ ยกย่องผู้รุกรานแต่ดูหมิ่นกัมพูชา ด้านชาวเน็ตเขมรออกมาเออออห่อหมกตามผู้นำ บางคนถึงขั้นให้ถอนสัญชาติ • วันนี้(11 ส.ค.) เมื่อเวลา 10.28 น. ในเฟซบุ๊ก Samdech Hun Sen of Cambodia ของนายฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา มีการแชร์คลิปการกล่าวปราศรัยของนายสม รังสี นักการเมืองฝ่ายค้านของกัมพูชาที่ลี้ภัยอยู่ต่างประเทศ พร้อมระบุข้อความว่า “พี่น้องร่วมชาติที่รัก! • “เมื่อประชาชนและกองทัพของเรากำลังทุกข์ทรมานจากการรุกรานของไทย ซึ่งส่งผลให้โรงเรียน วัด บ้านเรือนประชาชน และแม้แต่วัดโบราณ รวมถึงปราสาทพระวิหาร ถูกกองทัพไทยยิงทำลาย ทำให้ครอบครัวหลายพันครอบครัวต้องอพยพออกจากบ้านเรือนและกลายเป็นผู้ลี้ภัย ซึ่งเป็นความเจ็บปวดของคนทั้งชาติ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000076148 • #MGROnline #สมรังสี #ทหารกัมพูชา #พลเรือนของไทย #ฮุนเซน
    0 Comments 0 Shares 255 Views 0 Reviews
  • ประตูเปิดทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ

    เดือนนี้ ผู้ใหญ่ลุแก่อำนาจ เกิดการแก่งแย่งภายใน ไม่ดีต่อคนหนุ่มหรือลูกชายคนโต มีความเจริญก้าวหน้าช้า มีการแข่งขันเป็นการใหญ่ มีเรื่องให้ไม่สบายใจต้องอดกลั้นอดทน ลูกน้องและบริวารจะสร้างแต่ปัญหา สร้าง ความปั่นป่วนให้แก่องค์กร จะได้รับเอกสารการทวงถามหนี้ มีคดีความอยู่ควรจะเจรจาพยายามรอมชอม จะได้ ไม่ต้องขึ้นโรงขึ้นศาลให้เกิดเป็นกังวล ระวังของรักของหวงจะสูญหาย เพราะผู้รักษาความปลอดภัยจะถูกโจร หลอกให้ร่วมมือ ผู้ใหญ่ในบ้านจะได้รับบาดเจ็บ ลื่นหกล้ม ของหล่นใส่ มือเท้าเจ็บเพราะเครื่องจักร ของมีคม จะปวดเมื่อย เส้นเอ็น เส้นประสาท โรคตับ จะประสบพบอุบัติเหตุทางรถยนต์ระหว่างการเดินทาง

    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    ประตูเปิดทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เดือนนี้ ผู้ใหญ่ลุแก่อำนาจ เกิดการแก่งแย่งภายใน ไม่ดีต่อคนหนุ่มหรือลูกชายคนโต มีความเจริญก้าวหน้าช้า มีการแข่งขันเป็นการใหญ่ มีเรื่องให้ไม่สบายใจต้องอดกลั้นอดทน ลูกน้องและบริวารจะสร้างแต่ปัญหา สร้าง ความปั่นป่วนให้แก่องค์กร จะได้รับเอกสารการทวงถามหนี้ มีคดีความอยู่ควรจะเจรจาพยายามรอมชอม จะได้ ไม่ต้องขึ้นโรงขึ้นศาลให้เกิดเป็นกังวล ระวังของรักของหวงจะสูญหาย เพราะผู้รักษาความปลอดภัยจะถูกโจร หลอกให้ร่วมมือ ผู้ใหญ่ในบ้านจะได้รับบาดเจ็บ ลื่นหกล้ม ของหล่นใส่ มือเท้าเจ็บเพราะเครื่องจักร ของมีคม จะปวดเมื่อย เส้นเอ็น เส้นประสาท โรคตับ จะประสบพบอุบัติเหตุทางรถยนต์ระหว่างการเดินทาง ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    0 Comments 0 Shares 160 Views 0 Reviews
  • กราบสวัสดีคุณอาสนธิที่เคารพ‍"หนูได้ฟังคุณอาในรายการเมื่อวันศุกร์ที่8ส.ค.2568"แล้วคุณอาโจมตีแต่ลุงตู่ในแง่ร้ายๆในช่วงนี้หนูเองก็ยังไม่เห็นมีประโยชน์อะไรเลย "กับสถานการณ์ในปัจจุบัน ณ.ขณะนี้ อาเปิดคลิปเสียงการสนทนาของพ่อสามีคุณหมิวกับโทนี่ที่พูดถึงลุงตู่ แล้วอีกคลิปที่ผญ.คนนั้นพูดล่ะคะไม่มีใครเปิดเลย อีกอย่างหนึ่ง!!ทำไมไม่ด่ารัฐบาล"นักการเมืองชั่วที่กำลังจัดฉากละครโดยใช้ชีวิตประชาชนและทหารต้องมาตายโดยเพื่อผลประโยชน์ของพวกมันคือทรัพยากรในอ่าวไทย"ด่าพวกมันซิคะมันกำลังทำอยู่ตอนนี้ ทหารกำลังรบได้เปรียบกับบอกให้หยุดรบทำให้ทหารต้องเอาชีวิตเข้าแรกเจรจาหยุดยิงอะไรแม้ตอนนี้"กัมพูชามันยังไม่หยุดยิงเลย โดรนบินทั่วไปหมดไม่หยุดลอบวางระเบิดวันนี้ทหารก็มีตายเพิ่ม ขาขาดบาดเจ็บทุกวันไม่มีท่าทีที่จะหยุดคนไทยหัวใจไทยต้องเจ็บปวดไปด้วยกันแน่นอนที่ต้องมาสูญเสียลูกหลานไทยเลือดไหลไม่หยุดเลย น้ำตาคนไทยไหลเป็นเลือดแล้ว"รัฐบาลนักการเมืองที่มีใจเข้าข้างเขมรแต่รับเงินเดือนจากภาษีประชาชนไทยมันโคตรเจ็บปวดชาวบ้านในพื้นที่ก็ยังต้องอยู่กับความหวาดกลัว"โดรนเขมรก็ยังบินอยู่ทั่วบนหลังบ้าน,โรงพยาบาล,โรงเรียน ประชาชนยังไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติเลยเข้าไร่สวนก็กลัว บางคนไม่มีบ้านให้กลับแล้วไฟไหม้ไม่เหลืออะไรเครียดจนต้องผูกคอตาย ทุกวันไทยต้องมีรายงานว่าสูญเสียทหารตาย พวกเขาก็คือลูกหลานของเรานะ#หนูไม่ได้บอกว่าลุงตู่เป็นเทวดาจะด่าหรือทำอะไรดีไปหมดไม่ใช่ "แต่ถ้าถามว่าไอ#MOU43-44มันเกิดขึ้นจากใครกี่สิบปีแล้วใครมันเป็นคนเริ่มสมรู้ร่วมคิดไหม"รู้เท่าไม่ถึงการงั้นหรือ?"อมวัดมาพูดใครจะเชื่อ."รัฐบาลที่รักษาการอยู่ตอนนี้อยู่ฝ่ายตรงข้ามของแม่ทัพภาค2..ปชช.คนไทยไม่สามารถให้บริหารหรือมาสั่งให้ทหารหันซ้ายหันขวาได้อีกต่อไปแล้ว "ยามนี้ประชาชนไทยจะมีใครที่เราหวังพึ่งได้อยู่บ้างนอกจากทหาร นอกนั้นก็มองไม่เห็นเลย"ทหารกำลังรบได้เปรียบศัตรูก็มีไส้ศึกเป่านกหวีดให้หยุดเพื่อให้อีกฝ่ายได้พัก เพื่ออะไร เจรจาหยุดยิงเจรจาทำไม?ไทยไม่ได้อะไรเลยกับเสียเปรียบทำให้อีกฝ่ายมีเวลาได้จัดทัพเตรียมอาวุธสะสมกำลังเพิ่ม เงินมืดมันก็เยอะแล้วฝ่ายไทยละมีคนขายชาติยังลักลอบขนอาวุธส่งไปให้ไหมแล้วน้ำมันยังมีคนในไทยจัดส่งให้อยู่เลยเสบียงอาหารพวกมันก็มีคนในไทยจัดส่งให้คนชายแดนเขารู้กันทั้งนั้น ถ้าอีกฝ่ายไม่มีน้ำมันๆจะเอารถถังออกมาวิ่งได้ยังไง มันไม่มีเน็ตจะจับพิกัดยังไง ไม่มีเสบียงกองทัพมันจะเอาแรงที่ไหนมารบ?หลายๆอย่างเป็นสิ่งที่แม้เด็กอนุบาลยังรู้เลยฝ่ายการเมืองฝ่ายความมั่นคงไม่รู้งั้นหรือ?อยากให้ไทยเป็นซีเรียไหม?"ยังไงกัมพูชามันก็กำลังเป็นยูเครนอยู่แล้วแต่คงไม่ต้องใช้เวลามากเท่ายูเครนหรอกพื้นที่นิดเดียวแป๊บเดียวก็หมด.."#ส่วนประเทศไทยประชาชนที่ยากจนก็คงตายอยู่ในแผ่นดินนี้แหละ90%อีก1%มันก็มีกำลังหนีออกนอกประเทศไปได้เพราะมันมีเงิน#หมดหวังหดหู่มากกับประเทศในยามนี้ ไม่รู้เราจะยังเชื่อใจใครได้อยู่บ้าง???
    กราบสวัสดีคุณอาสนธิที่เคารพ🙇‍♀️"หนูได้ฟังคุณอาในรายการเมื่อวันศุกร์ที่8ส.ค.2568"แล้วคุณอาโจมตีแต่ลุงตู่ในแง่ร้ายๆในช่วงนี้หนูเองก็ยังไม่เห็นมีประโยชน์อะไรเลย "กับสถานการณ์ในปัจจุบัน ณ.ขณะนี้ อาเปิดคลิปเสียงการสนทนาของพ่อสามีคุณหมิวกับโทนี่ที่พูดถึงลุงตู่ แล้วอีกคลิปที่ผญ.คนนั้นพูดล่ะคะไม่มีใครเปิดเลย อีกอย่างหนึ่ง!!ทำไมไม่ด่ารัฐบาล"นักการเมืองชั่วที่กำลังจัดฉากละครโดยใช้ชีวิตประชาชนและทหารต้องมาตายโดยเพื่อผลประโยชน์ของพวกมันคือทรัพยากรในอ่าวไทย"ด่าพวกมันซิคะมันกำลังทำอยู่ตอนนี้ ทหารกำลังรบได้เปรียบกับบอกให้หยุดรบทำให้ทหารต้องเอาชีวิตเข้าแรกเจรจาหยุดยิงอะไรแม้ตอนนี้"กัมพูชามันยังไม่หยุดยิงเลย โดรนบินทั่วไปหมดไม่หยุดลอบวางระเบิดวันนี้ทหารก็มีตายเพิ่ม ขาขาดบาดเจ็บทุกวันไม่มีท่าทีที่จะหยุดคนไทยหัวใจไทยต้องเจ็บปวดไปด้วยกันแน่นอนที่ต้องมาสูญเสียลูกหลานไทยเลือดไหลไม่หยุดเลย น้ำตาคนไทยไหลเป็นเลือดแล้ว"รัฐบาลนักการเมืองที่มีใจเข้าข้างเขมรแต่รับเงินเดือนจากภาษีประชาชนไทยมันโคตรเจ็บปวดชาวบ้านในพื้นที่ก็ยังต้องอยู่กับความหวาดกลัว"โดรนเขมรก็ยังบินอยู่ทั่วบนหลังบ้าน,โรงพยาบาล,โรงเรียน ประชาชนยังไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติเลยเข้าไร่สวนก็กลัว บางคนไม่มีบ้านให้กลับแล้วไฟไหม้ไม่เหลืออะไรเครียดจนต้องผูกคอตาย ทุกวันไทยต้องมีรายงานว่าสูญเสียทหารตาย พวกเขาก็คือลูกหลานของเรานะ#หนูไม่ได้บอกว่าลุงตู่เป็นเทวดาจะด่าหรือทำอะไรดีไปหมดไม่ใช่ "แต่ถ้าถามว่าไอ#MOU43-44มันเกิดขึ้นจากใครกี่สิบปีแล้วใครมันเป็นคนเริ่มสมรู้ร่วมคิดไหม"รู้เท่าไม่ถึงการงั้นหรือ?"อมวัดมาพูดใครจะเชื่อ❌."รัฐบาลที่รักษาการอยู่ตอนนี้อยู่ฝ่ายตรงข้ามของแม่ทัพภาค2..ปชช.คนไทยไม่สามารถให้บริหารหรือมาสั่งให้ทหารหันซ้ายหันขวาได้อีกต่อไปแล้ว "ยามนี้ประชาชนไทยจะมีใครที่เราหวังพึ่งได้อยู่บ้างนอกจากทหาร นอกนั้นก็มองไม่เห็นเลย"ทหารกำลังรบได้เปรียบศัตรูก็มีไส้ศึกเป่านกหวีดให้หยุดเพื่อให้อีกฝ่ายได้พัก เพื่ออะไร เจรจาหยุดยิงเจรจาทำไม?ไทยไม่ได้อะไรเลยกับเสียเปรียบทำให้อีกฝ่ายมีเวลาได้จัดทัพเตรียมอาวุธสะสมกำลังเพิ่ม เงินมืดมันก็เยอะแล้วฝ่ายไทยละมีคนขายชาติยังลักลอบขนอาวุธส่งไปให้ไหมแล้วน้ำมันยังมีคนในไทยจัดส่งให้อยู่เลยเสบียงอาหารพวกมันก็มีคนในไทยจัดส่งให้คนชายแดนเขารู้กันทั้งนั้น ถ้าอีกฝ่ายไม่มีน้ำมันๆจะเอารถถังออกมาวิ่งได้ยังไง มันไม่มีเน็ตจะจับพิกัดยังไง ไม่มีเสบียงกองทัพมันจะเอาแรงที่ไหนมารบ?หลายๆอย่างเป็นสิ่งที่แม้เด็กอนุบาลยังรู้เลยฝ่ายการเมืองฝ่ายความมั่นคงไม่รู้งั้นหรือ?อยากให้ไทยเป็นซีเรียไหม?"ยังไงกัมพูชามันก็กำลังเป็นยูเครนอยู่แล้วแต่คงไม่ต้องใช้เวลามากเท่ายูเครนหรอกพื้นที่นิดเดียวแป๊บเดียวก็หมด..💣🔥"#ส่วนประเทศไทยประชาชนที่ยากจนก็คงตายอยู่ในแผ่นดินนี้แหละ90%อีก1%มันก็มีกำลังหนีออกนอกประเทศไปได้เพราะมันมีเงิน💸💰#😔หมดหวังหดหู่มากกับประเทศในยามนี้ ไม่รู้เราจะยังเชื่อใจใครได้อยู่บ้าง???
    Sad
    1
    0 Comments 0 Shares 275 Views 0 Reviews
  • ตอน 12
    พี่เบิ้มหายไปไหน ถึงได้ตกข่าวขนาดนั้น ก็พี่เบิ้มกำลังไปขุดเผือกขุดน้ำมันไง
    ตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ.1973 (พ.ศ.2516) ระหว่างที่เห็นลางว่า รบกับพวกแกวนี่ท่าทางกูจะเหนื่อย เอาเครื่องบินไล่ถล่มอยู่ดีๆ มันทะลึ่งหนีลงรูไปหมด พี่เบิ้มไม่โง่นี่ จะได้มุดรูดตาม พี่เบิ้มก็เลยหาทางไปรับประทานทางอื่นต่อดีกว่า
    พี่เบิ้มก็เข้าไปยุให้อิรัก อิหร่าน มันรบกัน ป่วนเรื่องอียิปต์ อิสราเอล และซาอุหนุนคูเวต สารพัดละก็แถวนั้นมันบ่อน้ำมันทั้งนั้น
    จำง่ายๆ เวลาพี่เบิ้มเขาอยากได้อะไร …เขาก็ต้องสร้างเรื่องให้ประเทศเจ้าของบ้าน มันวุ่น มันงง แล้วในที่สุดก็เละ… เขาจะได้เข้าไปได้สะดวกโดยเจ้าของบ้านไม่รู้ตัว ก็สูตรธรรมดา จะไปขโมยของบ้านเขา รอบรั้วการป้อง กันเขาแข็งแรง จะขโมยได้ง่ายยังไง เสือใบ เสือดำ นักปล้นรุ่นโบราณของบ้านเรายังรู้เลย จะปล้นเขา ก็ต้องรอให้มันมืด มอมเหล้าเด็กแถวบ้านมันบ้าง ปล่อยหมาให้มันไปกัดกันหน้าบ้านบ้าง ปาก้อนอิฐใส่บ้าง พอเจ้า ของบ้านมันงง ก็ค่อยเขย่งเก็งกอย เข้าไปหยิบฉวยสมบัติเจ้าคุณปู่เขาออกมา ก็เท่านั้น
    ทุกเรื่องที่พี่เบิ้มเขาทำ มันก็สูตรทำนองนี้ ทั้งนั้น แต่มันสร้างเรื่อง ทำฉากให้ใหญ่โต ก็ติดนิสัยนักสร้างหนังฮอลลีวู้ดไง ถ้าเราดูอะไรแบบตรงไปตรงมา อย่าไปตื่นเต้นกับฉากมโหฬาร ถามตัวเองก่อน… ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเนี่ยใครได้ ใครเสีย วิเคราะห์เองบ้าง ก็จะมองเห็นละนะคุณโยม ไม่ต้องไปหาหมอดู ถามมันวันละ 3 ครั้งให้เสียเงินเปล่าๆ ว่าบ้านเมืองมันเราจะเป็นยังไง มันจะแย่ไหมค้า
    เอ้ากลับมาที่คุณน้าขวัญใจนักธุรกิจสาวอินเตอร์
    ไอ้เรื่องดาวเทียม เรื่องโทรศัพท์ 3 ล้านเลขหมาย นี่มันเรื่องใหญ่นะ ใหญ่ยังไง ก็แหม ดาวเทียมนี่ เอามาลอยตุ๊บป่องจัดวางให้ถูกองศา ส่องไปที่ไหนนี่นะ ไม่อยากพูดเลย เหมือนดูหนังโป๊ สิว ไฝ ฝ้า หูด แผล มีตรงไหนเห็นหมดแล้วไอ้การกำหนดองศา slot ของดาวเทียมนี้ มันมีองค์การที่ทำหน้าที่กำหนดตำแหน่งดาวเทียม ที่แต่ละประเทศก็มีสิทธิจองกัน
    นี่ถ้าเราให้สมันน้อย จององศาให้ถูกที่เราต้องการนะ อาเฮียกำลังนั่งแทะเม็ดกวยจี้เกาหูด ไอก็เห็นทุกช็อต เฮ้อ! แล้วจะปล่อยให้หลุดมือไปได้ยังไง
    ส่วนไอ้ 3 ล้านเลขหมายนะ มันเรื่องจ้อย มันอยากจะจ้อกันทั้งวันก็ช่างหัวมันเต๊อะ
    แต่การจะใช้ 3 ล้านเลขหมายนี้นะ มันต้องวางเครือข่ายไฟเบอร์ออพติกทั้งประเทศ ทั้งใต้ดิน บนดิน ใต้น้ำ ใครกระซิบ ใครส่งข่าวอะไร ไอ้สายบ้านี่มันจับได้หมด
    แหม! มีทั้งบนฟ้า มีทั้งบนดิน ใต้ดิน บวกกับค่ายรามสูรที่ไอแกล้งทำลืม ไม่เอากลับตอนเลิกรบกับ เวียต นามนะ ไทยแลนด์ ไอไม่ต้องจ่ายค่าวิ่งผลัด อย่างเมื่อก่อน ไอก็คุมได้ เข้าใจไหมสมันน้อย
    แล้วจะปล่อยให้มันหลุดมือไปได้ยังไง ต้องเล่าให้ชัดกว่านี้มั้ย
    อ่านนิทานมาจนบัดนี้แล้วน่ะ หัดตอบโจทย์เองบ้าง ไม่ต้องไปรอใครทำหน้าฉลาดตอบให้หรอก
    แล้วมันจะบังเอิญไปหน่อยไหม อยู่ดีๆ ก็เกิดเรื่องพฤษภาทมิฬ
    คุณทหารทั้งหลายก็ลุกขึ้นมาแย่งอำนาจกัน บี้กันไปบี้กันมา เหล่าม๊อบมือถือแห่งไทยแลนด์แดนสวรรค์ ก็หน้ามุ่ยออกไปประท้วง ทั้งลุงจำลอง ลุงฉลาด แย่งกันอดข้าว อดน้ำ
    แล้วไง พอถึงเวลา ต้ายตาย ดร.อาทิตย์หน้าแฉล้ม ปล่อยให้คุณน้าสมบุญเป็นพ่อสายบัว แต่งชุดขาว ภู่ระหงส์ เหี่ยวรออยู่กับบ้าน แต่ดันไปอุ้มคุณน้านัน technocrat แห่งซิบวีนัส ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี
    คิดแล้ว ไม่แปลกใจบ้างหรือจ๊ะ เมืองไทยนี้สมกับเป็นแดนแห่ง Amazing Thailand จริ๊ง จริง คุณน้านัน ผู้ดีเก่า นี่น่าสนใจ
    สมัยสงครามเวียตนามช่วงท้าย ระหว่างที่คุณลุงถนัดออกมาอาละวาด ฟาดงวงงา เรื่องพี่เบิ้มไม่ยอมทำสัญญาจริงๆ จังๆกับไทย คุณน้านันเป็นทูตไทยประจำ UN คุณน้าเลยต้องเป็นตัวแทนฝ่ายไทยไปเจรจากับพี่เบิ้มตลอดเวลา (สมัยนั้นท่านอาจารย์คึกฤทธิ์ เป็นนายกฯ)
    เสร็จการเจรจา รายงานฝ่ายอเมริกาบอก Mr. A นี่ เป็นคนที่เราจะต้องจับตามอง เขาเป็นคนที่เราจะพูดคุยได้รู้เรื่อง (เหมือนกับ Mr. P รุ่นปู่เจ้าพ่อน้ำดำเลยนะ) เอ้า! ก็อย่างว่า แล้วคุณน้านัน ก็มาเป็นนายก เป็นแล้วเป็นอีก ช่วงปี พ.ศ.2531 ถึง พ.ศ.2535 เขาว่า งานแรกที่คุณน้านัน มาจัดการก็คือเรื่องที่ค้างคา (คาใจพี่เบิ้ม!) เป็นที่เรียบร้อย
    ไอ้ 3 ล้านเลขหมาย เขาว่า (อีกแล้ว) คุณน้าเรียกมาแบ่งเค้ก เอ้ย! เจรจาเองเลยนะ บริษัทของพี่เบิ้มตกรอบ ไม่ได้เป็นผู้ให้บริการ 3 ล้านเลขหมาย ไม่เป็นไรยูรับเหมาวาง fiber optic ไปแล้วกันนะ แหะแหะ สมใจนึกบางลำพู ทำท่าหงอยๆ รับ ok ok กลับไปรายงานข้ามโลกว่า We win! แล้วดาวเทียมล่ะ เสร็จโก๋ท้องถิ่นหน้าใหม่เอี่ยมเหลี่ยมพราว นายหน้าเหลี่ยมแจ้งเกิด ได้สัมปทานดาวเทียมเอาไปกอดอยู่ 15 ปี ต่อมาขายให้สิงคโปร์ กำไรบานตะเกียงไม่เสียภาษีซักกะแดง ไอ้หนุ่ยลูกป้าเหน่ง ทำงานเป็นเสมียน เงินเดือนๆ ละ 20,000 ยังเสียภาษีเดือนละ 2,000 บาทเลย เป็นงงเอาฝ่าเท้าก่ายหน้าผากรำพึง มันทำได้ไงวะ
    พูดถึงดาวเทียม ข้อมูลมันน่าสนใจ ไม่รู้ลืมกันหมดหรือยัง ไม่เล่าสู่กันฟัง มารู้ภายหลัง เดี๋ยวจะมาต่อว่ามีของดีแล้วไม่บอก
    ไอ้ดาวเทียมไทยคมนี้ นายหน้าเหลี่ยมเขาได้ไปก็จริง แต่ขบวนการมันน่าคิดนะ ตอนไปขอสัมปทานกับรัฐน่ะ
    ยังต้องให้เจ๊กระบัง ตากหน้าไปแลกเช็คอยู่เลย เอาเงินจากไหนมาคิดสร้างดาวเทียมน่ะ มันดวงละ 100, 200 บาท ซะเมื่อไหร่ ไม่ใช่ลูกโป่งนะ
    อ๋อ! ก็กู้เงินจากเอ็กซิม แบงค์ (Exim Bank, Export Import Bank) ของพี่เบิ้ม ที่สนง.ใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงวอชิงตัน ดี ซี ซิ คร้าบ อา! มาแล้ว เริ่มเห็นหัวโผล่ๆ มาแล้วใช่ไหม เดี๋ยวนี้คนอ่านนิทานฉลาดจะตาย อ่านนิทานไปไม่เท่าไหร่ พอจะปะติดปะต่อกันได้ อิ! อิ!
    มันไม่เท่านั้นนะนาย กู้เงินจากเอ็กซิม แบงค์ แล้วยังมีธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ให้อีก เอ! แล้วธนาคารนี้มาเกี่ยวอะไร เขาถ้าจะรักฝังใจ เสียดายดาวเทียม ตอนแรกก็ทำคลอดให้ ตอนจบก็ช่วยแต่งศพให้ ..เอ๊ะ! เล่าให้มันรู้เรื่องหน่อยซีลุง
    ก็คืองี้ ตอนกู้เงินสร้างดาวเทียม ธนาคารไทยพาณิชย์ก็กรุณาค้ำประกันให้ตอนจะขายให้ Temasek ของสิงคโปร์ บริษัทลูกของไทยพาณิชย์ ก็เป็นที่ปรึกษาการเงินให้เสร็จ แล้วเพื่อไม่ให้ผิดสัญญาที่สัมปทานกำหนด เกณฑ์คนต่างด้าวถือหุ้นเอาไว้ ก็ต้องสร้างนอมินี (nominee) ไทยมาถือแทนต่างด้าว (อีนอมาอีกแล้ว) อีนอก็ดันไม่มีเงินซื้อ ไปกู้เงินจากไทยพาณิชย์ เป็นทุนมาซื้อหุ้นดาวเทียม
    บริษัทนี้ชื่อกุหลาบแก้วไงจ๊ะ ลืมกันแล้วหรือ แล้วใครเป็นประธานบริษัทกุหลาบแก้วนะ แหม! ไม่อยากบอกเล้ย ! เขาชื่อมิสเตอร์พงส์ ลูกมิสเตอร์ พี แห่งน้ำดำจ๊ะ มันก็คงเป็นเรื่องบังเอิญอีกน่ะนะ แล้วตอนนี้เรื่องมันถึงไหน ผิดถูกอย่างไร ไปตามหากันต่อเองเน้อ เอ้า ! ยังมีบังเอิญอีก แล้วธนาคารไทยพาณิชย์นี่นะ อีตอนที่ให้กุหลาบแก้วกู้เงินน่ะ ข่าวว่า ประธานธนาคารชื่อ คุณน้านัน! โอ้ย! มันบังเอิญทั้งนั้น Amazing Thailand นี่น่ะ
    แล้วตกลงไอ้ดาวเทียมไทยคม นี่มันเป็นของไอ้เหลี่ยมตั้งแต่ต้น หรือไอ้เหลี่ยมก็มีนอกันแน่ …คิดมากแล้วปวดหัวนิ
    เรื่องบ้านเมืองนี้ มันมีแยะ ตั้งกะพี่เบิ้มมันเดินยิ้ม จมูกโด่งงุ้ม ย้ายพุงไปมาในบ้านเราน่ะ ถึงว่าจะดูอะไร ดูให้ชัดๆ จะฟังอะไร ก็หัดกรอง สมองมีให้คิด ไม่ใช่มีไว้กั้นหูอย่างเดียว


    คนเล่านิทาน
    ตอน 12 พี่เบิ้มหายไปไหน ถึงได้ตกข่าวขนาดนั้น ก็พี่เบิ้มกำลังไปขุดเผือกขุดน้ำมันไง ตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ.1973 (พ.ศ.2516) ระหว่างที่เห็นลางว่า รบกับพวกแกวนี่ท่าทางกูจะเหนื่อย เอาเครื่องบินไล่ถล่มอยู่ดีๆ มันทะลึ่งหนีลงรูไปหมด พี่เบิ้มไม่โง่นี่ จะได้มุดรูดตาม พี่เบิ้มก็เลยหาทางไปรับประทานทางอื่นต่อดีกว่า พี่เบิ้มก็เข้าไปยุให้อิรัก อิหร่าน มันรบกัน ป่วนเรื่องอียิปต์ อิสราเอล และซาอุหนุนคูเวต สารพัดละก็แถวนั้นมันบ่อน้ำมันทั้งนั้น จำง่ายๆ เวลาพี่เบิ้มเขาอยากได้อะไร …เขาก็ต้องสร้างเรื่องให้ประเทศเจ้าของบ้าน มันวุ่น มันงง แล้วในที่สุดก็เละ… เขาจะได้เข้าไปได้สะดวกโดยเจ้าของบ้านไม่รู้ตัว ก็สูตรธรรมดา จะไปขโมยของบ้านเขา รอบรั้วการป้อง กันเขาแข็งแรง จะขโมยได้ง่ายยังไง เสือใบ เสือดำ นักปล้นรุ่นโบราณของบ้านเรายังรู้เลย จะปล้นเขา ก็ต้องรอให้มันมืด มอมเหล้าเด็กแถวบ้านมันบ้าง ปล่อยหมาให้มันไปกัดกันหน้าบ้านบ้าง ปาก้อนอิฐใส่บ้าง พอเจ้า ของบ้านมันงง ก็ค่อยเขย่งเก็งกอย เข้าไปหยิบฉวยสมบัติเจ้าคุณปู่เขาออกมา ก็เท่านั้น ทุกเรื่องที่พี่เบิ้มเขาทำ มันก็สูตรทำนองนี้ ทั้งนั้น แต่มันสร้างเรื่อง ทำฉากให้ใหญ่โต ก็ติดนิสัยนักสร้างหนังฮอลลีวู้ดไง ถ้าเราดูอะไรแบบตรงไปตรงมา อย่าไปตื่นเต้นกับฉากมโหฬาร ถามตัวเองก่อน… ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเนี่ยใครได้ ใครเสีย วิเคราะห์เองบ้าง ก็จะมองเห็นละนะคุณโยม ไม่ต้องไปหาหมอดู ถามมันวันละ 3 ครั้งให้เสียเงินเปล่าๆ ว่าบ้านเมืองมันเราจะเป็นยังไง มันจะแย่ไหมค้า เอ้ากลับมาที่คุณน้าขวัญใจนักธุรกิจสาวอินเตอร์ ไอ้เรื่องดาวเทียม เรื่องโทรศัพท์ 3 ล้านเลขหมาย นี่มันเรื่องใหญ่นะ ใหญ่ยังไง ก็แหม ดาวเทียมนี่ เอามาลอยตุ๊บป่องจัดวางให้ถูกองศา ส่องไปที่ไหนนี่นะ ไม่อยากพูดเลย เหมือนดูหนังโป๊ สิว ไฝ ฝ้า หูด แผล มีตรงไหนเห็นหมดแล้วไอ้การกำหนดองศา slot ของดาวเทียมนี้ มันมีองค์การที่ทำหน้าที่กำหนดตำแหน่งดาวเทียม ที่แต่ละประเทศก็มีสิทธิจองกัน นี่ถ้าเราให้สมันน้อย จององศาให้ถูกที่เราต้องการนะ อาเฮียกำลังนั่งแทะเม็ดกวยจี้เกาหูด ไอก็เห็นทุกช็อต เฮ้อ! แล้วจะปล่อยให้หลุดมือไปได้ยังไง ส่วนไอ้ 3 ล้านเลขหมายนะ มันเรื่องจ้อย มันอยากจะจ้อกันทั้งวันก็ช่างหัวมันเต๊อะ แต่การจะใช้ 3 ล้านเลขหมายนี้นะ มันต้องวางเครือข่ายไฟเบอร์ออพติกทั้งประเทศ ทั้งใต้ดิน บนดิน ใต้น้ำ ใครกระซิบ ใครส่งข่าวอะไร ไอ้สายบ้านี่มันจับได้หมด แหม! มีทั้งบนฟ้า มีทั้งบนดิน ใต้ดิน บวกกับค่ายรามสูรที่ไอแกล้งทำลืม ไม่เอากลับตอนเลิกรบกับ เวียต นามนะ ไทยแลนด์ ไอไม่ต้องจ่ายค่าวิ่งผลัด อย่างเมื่อก่อน ไอก็คุมได้ เข้าใจไหมสมันน้อย แล้วจะปล่อยให้มันหลุดมือไปได้ยังไง ต้องเล่าให้ชัดกว่านี้มั้ย อ่านนิทานมาจนบัดนี้แล้วน่ะ หัดตอบโจทย์เองบ้าง ไม่ต้องไปรอใครทำหน้าฉลาดตอบให้หรอก แล้วมันจะบังเอิญไปหน่อยไหม อยู่ดีๆ ก็เกิดเรื่องพฤษภาทมิฬ คุณทหารทั้งหลายก็ลุกขึ้นมาแย่งอำนาจกัน บี้กันไปบี้กันมา เหล่าม๊อบมือถือแห่งไทยแลนด์แดนสวรรค์ ก็หน้ามุ่ยออกไปประท้วง ทั้งลุงจำลอง ลุงฉลาด แย่งกันอดข้าว อดน้ำ แล้วไง พอถึงเวลา ต้ายตาย ดร.อาทิตย์หน้าแฉล้ม ปล่อยให้คุณน้าสมบุญเป็นพ่อสายบัว แต่งชุดขาว ภู่ระหงส์ เหี่ยวรออยู่กับบ้าน แต่ดันไปอุ้มคุณน้านัน technocrat แห่งซิบวีนัส ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี คิดแล้ว ไม่แปลกใจบ้างหรือจ๊ะ เมืองไทยนี้สมกับเป็นแดนแห่ง Amazing Thailand จริ๊ง จริง คุณน้านัน ผู้ดีเก่า นี่น่าสนใจ สมัยสงครามเวียตนามช่วงท้าย ระหว่างที่คุณลุงถนัดออกมาอาละวาด ฟาดงวงงา เรื่องพี่เบิ้มไม่ยอมทำสัญญาจริงๆ จังๆกับไทย คุณน้านันเป็นทูตไทยประจำ UN คุณน้าเลยต้องเป็นตัวแทนฝ่ายไทยไปเจรจากับพี่เบิ้มตลอดเวลา (สมัยนั้นท่านอาจารย์คึกฤทธิ์ เป็นนายกฯ) เสร็จการเจรจา รายงานฝ่ายอเมริกาบอก Mr. A นี่ เป็นคนที่เราจะต้องจับตามอง เขาเป็นคนที่เราจะพูดคุยได้รู้เรื่อง (เหมือนกับ Mr. P รุ่นปู่เจ้าพ่อน้ำดำเลยนะ) เอ้า! ก็อย่างว่า แล้วคุณน้านัน ก็มาเป็นนายก เป็นแล้วเป็นอีก ช่วงปี พ.ศ.2531 ถึง พ.ศ.2535 เขาว่า งานแรกที่คุณน้านัน มาจัดการก็คือเรื่องที่ค้างคา (คาใจพี่เบิ้ม!) เป็นที่เรียบร้อย ไอ้ 3 ล้านเลขหมาย เขาว่า (อีกแล้ว) คุณน้าเรียกมาแบ่งเค้ก เอ้ย! เจรจาเองเลยนะ บริษัทของพี่เบิ้มตกรอบ ไม่ได้เป็นผู้ให้บริการ 3 ล้านเลขหมาย ไม่เป็นไรยูรับเหมาวาง fiber optic ไปแล้วกันนะ แหะแหะ สมใจนึกบางลำพู ทำท่าหงอยๆ รับ ok ok กลับไปรายงานข้ามโลกว่า We win! แล้วดาวเทียมล่ะ เสร็จโก๋ท้องถิ่นหน้าใหม่เอี่ยมเหลี่ยมพราว นายหน้าเหลี่ยมแจ้งเกิด ได้สัมปทานดาวเทียมเอาไปกอดอยู่ 15 ปี ต่อมาขายให้สิงคโปร์ กำไรบานตะเกียงไม่เสียภาษีซักกะแดง ไอ้หนุ่ยลูกป้าเหน่ง ทำงานเป็นเสมียน เงินเดือนๆ ละ 20,000 ยังเสียภาษีเดือนละ 2,000 บาทเลย เป็นงงเอาฝ่าเท้าก่ายหน้าผากรำพึง มันทำได้ไงวะ พูดถึงดาวเทียม ข้อมูลมันน่าสนใจ ไม่รู้ลืมกันหมดหรือยัง ไม่เล่าสู่กันฟัง มารู้ภายหลัง เดี๋ยวจะมาต่อว่ามีของดีแล้วไม่บอก ไอ้ดาวเทียมไทยคมนี้ นายหน้าเหลี่ยมเขาได้ไปก็จริง แต่ขบวนการมันน่าคิดนะ ตอนไปขอสัมปทานกับรัฐน่ะ ยังต้องให้เจ๊กระบัง ตากหน้าไปแลกเช็คอยู่เลย เอาเงินจากไหนมาคิดสร้างดาวเทียมน่ะ มันดวงละ 100, 200 บาท ซะเมื่อไหร่ ไม่ใช่ลูกโป่งนะ อ๋อ! ก็กู้เงินจากเอ็กซิม แบงค์ (Exim Bank, Export Import Bank) ของพี่เบิ้ม ที่สนง.ใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงวอชิงตัน ดี ซี ซิ คร้าบ อา! มาแล้ว เริ่มเห็นหัวโผล่ๆ มาแล้วใช่ไหม เดี๋ยวนี้คนอ่านนิทานฉลาดจะตาย อ่านนิทานไปไม่เท่าไหร่ พอจะปะติดปะต่อกันได้ อิ! อิ! มันไม่เท่านั้นนะนาย กู้เงินจากเอ็กซิม แบงค์ แล้วยังมีธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ให้อีก เอ! แล้วธนาคารนี้มาเกี่ยวอะไร เขาถ้าจะรักฝังใจ เสียดายดาวเทียม ตอนแรกก็ทำคลอดให้ ตอนจบก็ช่วยแต่งศพให้ ..เอ๊ะ! เล่าให้มันรู้เรื่องหน่อยซีลุง ก็คืองี้ ตอนกู้เงินสร้างดาวเทียม ธนาคารไทยพาณิชย์ก็กรุณาค้ำประกันให้ตอนจะขายให้ Temasek ของสิงคโปร์ บริษัทลูกของไทยพาณิชย์ ก็เป็นที่ปรึกษาการเงินให้เสร็จ แล้วเพื่อไม่ให้ผิดสัญญาที่สัมปทานกำหนด เกณฑ์คนต่างด้าวถือหุ้นเอาไว้ ก็ต้องสร้างนอมินี (nominee) ไทยมาถือแทนต่างด้าว (อีนอมาอีกแล้ว) อีนอก็ดันไม่มีเงินซื้อ ไปกู้เงินจากไทยพาณิชย์ เป็นทุนมาซื้อหุ้นดาวเทียม บริษัทนี้ชื่อกุหลาบแก้วไงจ๊ะ ลืมกันแล้วหรือ แล้วใครเป็นประธานบริษัทกุหลาบแก้วนะ แหม! ไม่อยากบอกเล้ย ! เขาชื่อมิสเตอร์พงส์ ลูกมิสเตอร์ พี แห่งน้ำดำจ๊ะ มันก็คงเป็นเรื่องบังเอิญอีกน่ะนะ แล้วตอนนี้เรื่องมันถึงไหน ผิดถูกอย่างไร ไปตามหากันต่อเองเน้อ เอ้า ! ยังมีบังเอิญอีก แล้วธนาคารไทยพาณิชย์นี่นะ อีตอนที่ให้กุหลาบแก้วกู้เงินน่ะ ข่าวว่า ประธานธนาคารชื่อ คุณน้านัน! โอ้ย! มันบังเอิญทั้งนั้น Amazing Thailand นี่น่ะ แล้วตกลงไอ้ดาวเทียมไทยคม นี่มันเป็นของไอ้เหลี่ยมตั้งแต่ต้น หรือไอ้เหลี่ยมก็มีนอกันแน่ …คิดมากแล้วปวดหัวนิ เรื่องบ้านเมืองนี้ มันมีแยะ ตั้งกะพี่เบิ้มมันเดินยิ้ม จมูกโด่งงุ้ม ย้ายพุงไปมาในบ้านเราน่ะ ถึงว่าจะดูอะไร ดูให้ชัดๆ จะฟังอะไร ก็หัดกรอง สมองมีให้คิด ไม่ใช่มีไว้กั้นหูอย่างเดียว คนเล่านิทาน
    3 Comments 0 Shares 346 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากนักพัฒนา: เมื่อ AI ที่เราให้แขนขา กลับหันหลังให้เรา

    Robin Grell นักพัฒนาไลบรารีชื่อ “enigo” ซึ่งใช้สำหรับควบคุมคอมพิวเตอร์ผ่านการจำลองการกดแป้นพิมพ์และเมาส์ ได้ค้นพบว่า Anthropic บริษัท AI มูลค่ากว่า 60 พันล้านดอลลาร์ ได้นำไลบรารีของเขาไปใช้ในแอป Claude Desktop โดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า

    Claude Desktop เป็นแอปที่ให้ Claude AI ควบคุมคอมพิวเตอร์ได้โดยตรง เช่น การคัดลอกข้อมูลจากเบราว์เซอร์ไปยังสเปรดชีต ซึ่งฟีเจอร์นี้เรียกว่า “Computer Use” และยังอยู่ในช่วงเบต้า โดย enigo ถูกใช้ทั้งในเวอร์ชัน macOS และ Windows

    Robin รู้สึกภูมิใจที่ไลบรารีของเขาได้รับเลือกจากบริษัทใหญ่ แต่ก็รู้สึกเจ็บปวดเมื่อเขาถูกปฏิเสธจากการสมัครงานกับ Anthropic แม้จะเป็นผู้สร้างเครื่องมือที่พวกเขาใช้ก็ตาม

    ที่น่าสนใจคือ enigo เป็นไลบรารีโอเพ่นซอร์สภายใต้ MIT license ซึ่งหมายความว่าใครก็สามารถใช้ได้ฟรีโดยไม่ต้องจ่ายเงิน ทำให้ Robin ไม่ได้รับผลตอบแทนใด ๆ นอกจากดาวบน GitHub และยอดดาวน์โหลดบน crates.io

    Anthropic ใช้ไลบรารี “enigo” ใน Claude Desktop
    ใช้สำหรับควบคุมคอมพิวเตอร์ผ่านฟีเจอร์ “Computer Use”

    enigo รองรับทั้ง macOS และ Windows
    ยืนยันได้จากการตรวจสอบไฟล์ Claude Desktop

    enigo เป็นไลบรารีที่เขียนด้วยภาษา Rust
    รองรับหลายระบบปฏิบัติการโดยไม่ต้องใช้ root

    Claude Desktop เป็นแอป Electron ที่ให้ AI ควบคุมคอมพิวเตอร์
    ใช้สำหรับงานอัตโนมัติ เช่น คัดลอกข้อมูลหรือควบคุมแอป

    enigo มีดาวมากกว่า 1,200 บน GitHub และถูกดาวน์โหลดเกือบ 300,000 ครั้ง
    เป็นไลบรารียอดนิยมบน crates.io

    Claude Desktop รองรับการติดตั้ง extension เพื่อเชื่อมต่อกับแอปในเครื่อง
    เช่น ปฏิทิน, อีเมล, ไฟล์ระบบ และ iMessage

    ฟีเจอร์ “Computer Use” ยังอยู่ในช่วงเบต้า
    ต้องเปิดใช้งานด้วย header พิเศษ

    Claude สามารถควบคุมเมาส์, คีย์บอร์ด และจับภาพหน้าจอ
    ช่วยให้ AI ทำงานอัตโนมัติได้เหมือนมนุษย์

    Anthropic มีระบบ MCP สำหรับจัดการ extension บน Claude Desktop
    รองรับการอัปเดตอัตโนมัติและการตั้งค่าที่ง่าย

    นักพัฒนาโอเพ่นซอร์สอาจไม่ได้รับผลตอบแทนจากการใช้งานเชิงพาณิชย์
    แม้จะมีบริษัทใหญ่ใช้ผลงาน แต่ก็ไม่มีข้อผูกพันทางการเงิน

    การใช้ไลบรารีโอเพ่นซอร์สในผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์อาจไม่แจ้งเจ้าของ
    ทำให้เกิดความรู้สึกถูกละเลยหรือไม่ให้เครดิต

    การสมัครงานในบริษัทที่ใช้ผลงานของคุณไม่รับประกันว่าจะได้รับการตอบรับ
    แม้จะมีคุณสมบัติเหมาะสม ก็อาจถูกปฏิเสธโดยไม่มีเหตุผลชัดเจน

    https://grell.dev/blog/ai_rejection
    🤖💔 เรื่องเล่าจากนักพัฒนา: เมื่อ AI ที่เราให้แขนขา กลับหันหลังให้เรา Robin Grell นักพัฒนาไลบรารีชื่อ “enigo” ซึ่งใช้สำหรับควบคุมคอมพิวเตอร์ผ่านการจำลองการกดแป้นพิมพ์และเมาส์ ได้ค้นพบว่า Anthropic บริษัท AI มูลค่ากว่า 60 พันล้านดอลลาร์ ได้นำไลบรารีของเขาไปใช้ในแอป Claude Desktop โดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า Claude Desktop เป็นแอปที่ให้ Claude AI ควบคุมคอมพิวเตอร์ได้โดยตรง เช่น การคัดลอกข้อมูลจากเบราว์เซอร์ไปยังสเปรดชีต ซึ่งฟีเจอร์นี้เรียกว่า “Computer Use” และยังอยู่ในช่วงเบต้า โดย enigo ถูกใช้ทั้งในเวอร์ชัน macOS และ Windows Robin รู้สึกภูมิใจที่ไลบรารีของเขาได้รับเลือกจากบริษัทใหญ่ แต่ก็รู้สึกเจ็บปวดเมื่อเขาถูกปฏิเสธจากการสมัครงานกับ Anthropic แม้จะเป็นผู้สร้างเครื่องมือที่พวกเขาใช้ก็ตาม ที่น่าสนใจคือ enigo เป็นไลบรารีโอเพ่นซอร์สภายใต้ MIT license ซึ่งหมายความว่าใครก็สามารถใช้ได้ฟรีโดยไม่ต้องจ่ายเงิน ทำให้ Robin ไม่ได้รับผลตอบแทนใด ๆ นอกจากดาวบน GitHub และยอดดาวน์โหลดบน crates.io ✅ Anthropic ใช้ไลบรารี “enigo” ใน Claude Desktop ➡️ ใช้สำหรับควบคุมคอมพิวเตอร์ผ่านฟีเจอร์ “Computer Use” ✅ enigo รองรับทั้ง macOS และ Windows ➡️ ยืนยันได้จากการตรวจสอบไฟล์ Claude Desktop ✅ enigo เป็นไลบรารีที่เขียนด้วยภาษา Rust ➡️ รองรับหลายระบบปฏิบัติการโดยไม่ต้องใช้ root ✅ Claude Desktop เป็นแอป Electron ที่ให้ AI ควบคุมคอมพิวเตอร์ ➡️ ใช้สำหรับงานอัตโนมัติ เช่น คัดลอกข้อมูลหรือควบคุมแอป ✅ enigo มีดาวมากกว่า 1,200 บน GitHub และถูกดาวน์โหลดเกือบ 300,000 ครั้ง ➡️ เป็นไลบรารียอดนิยมบน crates.io ✅ Claude Desktop รองรับการติดตั้ง extension เพื่อเชื่อมต่อกับแอปในเครื่อง ➡️ เช่น ปฏิทิน, อีเมล, ไฟล์ระบบ และ iMessage ✅ ฟีเจอร์ “Computer Use” ยังอยู่ในช่วงเบต้า ➡️ ต้องเปิดใช้งานด้วย header พิเศษ ✅ Claude สามารถควบคุมเมาส์, คีย์บอร์ด และจับภาพหน้าจอ ➡️ ช่วยให้ AI ทำงานอัตโนมัติได้เหมือนมนุษย์ ✅ Anthropic มีระบบ MCP สำหรับจัดการ extension บน Claude Desktop ➡️ รองรับการอัปเดตอัตโนมัติและการตั้งค่าที่ง่าย ‼️ นักพัฒนาโอเพ่นซอร์สอาจไม่ได้รับผลตอบแทนจากการใช้งานเชิงพาณิชย์ ⛔ แม้จะมีบริษัทใหญ่ใช้ผลงาน แต่ก็ไม่มีข้อผูกพันทางการเงิน ‼️ การใช้ไลบรารีโอเพ่นซอร์สในผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์อาจไม่แจ้งเจ้าของ ⛔ ทำให้เกิดความรู้สึกถูกละเลยหรือไม่ให้เครดิต ‼️ การสมัครงานในบริษัทที่ใช้ผลงานของคุณไม่รับประกันว่าจะได้รับการตอบรับ ⛔ แม้จะมีคุณสมบัติเหมาะสม ก็อาจถูกปฏิเสธโดยไม่มีเหตุผลชัดเจน https://grell.dev/blog/ai_rejection
    GRELL.DEV
    I gave the AI arms and legs – then it rejected me | Robin Grell
    How I helped Claude AI extend its capabilities only for the same AI to reject my job application.
    0 Comments 0 Shares 154 Views 0 Reviews
  • คนไทยหัวจะปวด บิ๊กเล็กประเมินเองกัมพูชามีความจริงใจที่จะหยุดยิง (6/8/68)
    #TruthFromThailand
    #scambodia
    #Hunsenfiredfirst
    #CambodiaNoCeasefire
    #กัมพูชายิงก่อน
    #ไทยรบเพื่อปกป้องแผ่นดิน
    #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    #news1
    #thaitimes
    #shorts
    คนไทยหัวจะปวด บิ๊กเล็กประเมินเองกัมพูชามีความจริงใจที่จะหยุดยิง (6/8/68) #TruthFromThailand #scambodia #Hunsenfiredfirst #CambodiaNoCeasefire #กัมพูชายิงก่อน #ไทยรบเพื่อปกป้องแผ่นดิน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #news1 #thaitimes #shorts
    0 Comments 0 Shares 183 Views 0 0 Reviews
  • ประตูเปิดทางทิศตะวันออก

    เดือนนี้ การเงินดี จะมีเงินทองเก่าเก็บที่หลงลืมไปแล้วจะกลับได้คืนมาให้ดีใจ ธุรกิจค้าขาย การทำงาน จะมี การขยับขยาย ต้องแข่งขันขัดแย้งก่อนจึงจะพบประสบความสำเร็จได้ ส่งผลให้หน้าที่การงานเจริญก้าวหน้า ที่ลุ้นตำแหน่งมานานจะได้ปรับเลื่อนขั้นเพิ่มเงินเดือน ส่วนนักวิชาการจะมีตำแหน่งหน้าที่ดี จะมีผู้มีบารมีช่วย เหลือให้ได้รับตำแหน่งใหม่ๆให้มีชื่อเสียง มีเรื่องมงคลงานชื่นชมสิริมงคลในบ้าน หรือลูกหลานที่ห่างหายไปนาน จะกลับมาเยี่ยมเยียน หากขอพรจากองค์พระโพธิสัตย์กวนอิมปางอุ้มเด็ก จะได้อภิชาตบุตรอยู่ในโอวาท แต่ชอบ เอาชนะ ก้าวร้าว อารมณ์ร้าย บุรุษจะปวดตาสตรีจะปวดที่ขา รู้สึกร้อนที่แขน ขา ควรใส่ใจดูแลสุขภาพร่างกาย ที่ระบบประสาทและตับ

    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    ประตูเปิดทางทิศตะวันออก เดือนนี้ การเงินดี จะมีเงินทองเก่าเก็บที่หลงลืมไปแล้วจะกลับได้คืนมาให้ดีใจ ธุรกิจค้าขาย การทำงาน จะมี การขยับขยาย ต้องแข่งขันขัดแย้งก่อนจึงจะพบประสบความสำเร็จได้ ส่งผลให้หน้าที่การงานเจริญก้าวหน้า ที่ลุ้นตำแหน่งมานานจะได้ปรับเลื่อนขั้นเพิ่มเงินเดือน ส่วนนักวิชาการจะมีตำแหน่งหน้าที่ดี จะมีผู้มีบารมีช่วย เหลือให้ได้รับตำแหน่งใหม่ๆให้มีชื่อเสียง มีเรื่องมงคลงานชื่นชมสิริมงคลในบ้าน หรือลูกหลานที่ห่างหายไปนาน จะกลับมาเยี่ยมเยียน หากขอพรจากองค์พระโพธิสัตย์กวนอิมปางอุ้มเด็ก จะได้อภิชาตบุตรอยู่ในโอวาท แต่ชอบ เอาชนะ ก้าวร้าว อารมณ์ร้าย บุรุษจะปวดตาสตรีจะปวดที่ขา รู้สึกร้อนที่แขน ขา ควรใส่ใจดูแลสุขภาพร่างกาย ที่ระบบประสาทและตับ ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    0 Comments 0 Shares 167 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจาก Firefox: อัปเดต 141.0.2 กับภารกิจแก้บั๊ก Nvidia และอีกมากมาย

    Mozilla ปล่อยอัปเดตเล็ก ๆ สำหรับ Firefox เวอร์ชัน 141.0.2 ซึ่งแม้จะดูเหมือน minor patch แต่ก็แก้ปัญหาสำคัญที่สร้างความปวดหัวให้ผู้ใช้หลายคน โดยเฉพาะผู้ใช้ Linux ที่ใช้การ์ดจอ Nvidia รุ่นเก่า

    ผู้ใช้บางรายรายงานว่า Firefox crash ทันทีเมื่อเปิดใช้งานบน Linux ที่ใช้ไดรเวอร์ Nvidia รุ่น 560.35.03 ซึ่งเป็นปัญหาที่ไม่เกิดบน Windows อัปเดตนี้จึงเข้ามาแก้บั๊ก startup crash โดยตรง

    นอกจากนี้ยังมีการแก้ปัญหาเกี่ยวกับ canvas object ที่กลายเป็น draggable โดยไม่ตั้งใจ ซึ่งส่งผลต่อความเข้ากันได้ของเว็บไซต์ และอีกหนึ่งบั๊กที่ทำให้ Web Developer Tools crash เมื่อ inspect หน้าเว็บที่มี iframe

    แม้จะยังไม่ปล่อยผ่าน auto-update แต่ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดได้จาก FTP ของ Mozilla หรือเข้าไปที่เมนู Help > About Firefox เพื่อเช็กและติดตั้งอัปเดตได้ทันที

    และถ้าใครพลาดอัปเดตใหญ่ใน Firefox 141 เมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน ก็มีฟีเจอร์ใหม่เพียบ เช่น AI-powered tab groups, การปรับปรุง vertical tab, memory optimization สำหรับ Linux และ WebGPU บน Windows

    Firefox 141.0.2 แก้บั๊ก crash บน Linux ที่ใช้ Nvidia driver รุ่นเก่า
    ปัญหาเกิดกับ driver 560.35.03 แต่ไม่ส่งผลต่อผู้ใช้ Windows

    แก้ปัญหา canvas object ที่กลายเป็น draggable โดยไม่ตั้งใจ
    ส่งผลต่อความเข้ากันได้ของเว็บไซต์บางแห่ง

    แก้บั๊ก Web Developer Tools crash เมื่อ inspect หน้า iframe
    ปัญหาเกิดจากการจัดการ DOM ที่ไม่สมบูรณ์

    อัปเดตยังไม่ปล่อยผ่าน auto-update
    ต้องดาวน์โหลดจาก FTP หรือเช็กผ่านเมนู Help > About Firefox

    Firefox 141 ก่อนหน้านี้มีฟีเจอร์ใหม่หลายอย่าง
    เช่น AI tab groups, vertical tab improvements, WebGPU บน Windows

    Firefox 141.0.2 ยังแก้บั๊กอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับ GTK+ และ UI
    เช่นปัญหา focus stealing และ visual glitches

    WebGPU เป็นฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้เว็บแอปใช้ GPU ได้โดยตรง
    เพิ่มประสิทธิภาพกราฟิกในแอปที่ใช้ WebGL หรือ 3D rendering

    AI-powered tab groups ใช้ machine learning จัดกลุ่มแท็บอัตโนมัติ
    ช่วยให้ผู้ใช้จัดการงานหลายอย่างได้ง่ายขึ้น

    Firefox ยังคงรองรับการใช้งานบน Windows ผ่าน Microsoft Store
    เพิ่มช่องทางให้ผู้ใช้ทั่วไปเข้าถึงได้สะดวก

    https://www.neowin.net/news/firefox-14102-is-out-fixes-crashes-on-systems-with-nvidia-gpus-and-more/
    🦊💥 เรื่องเล่าจาก Firefox: อัปเดต 141.0.2 กับภารกิจแก้บั๊ก Nvidia และอีกมากมาย Mozilla ปล่อยอัปเดตเล็ก ๆ สำหรับ Firefox เวอร์ชัน 141.0.2 ซึ่งแม้จะดูเหมือน minor patch แต่ก็แก้ปัญหาสำคัญที่สร้างความปวดหัวให้ผู้ใช้หลายคน โดยเฉพาะผู้ใช้ Linux ที่ใช้การ์ดจอ Nvidia รุ่นเก่า ผู้ใช้บางรายรายงานว่า Firefox crash ทันทีเมื่อเปิดใช้งานบน Linux ที่ใช้ไดรเวอร์ Nvidia รุ่น 560.35.03 ซึ่งเป็นปัญหาที่ไม่เกิดบน Windows อัปเดตนี้จึงเข้ามาแก้บั๊ก startup crash โดยตรง นอกจากนี้ยังมีการแก้ปัญหาเกี่ยวกับ canvas object ที่กลายเป็น draggable โดยไม่ตั้งใจ ซึ่งส่งผลต่อความเข้ากันได้ของเว็บไซต์ และอีกหนึ่งบั๊กที่ทำให้ Web Developer Tools crash เมื่อ inspect หน้าเว็บที่มี iframe แม้จะยังไม่ปล่อยผ่าน auto-update แต่ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดได้จาก FTP ของ Mozilla หรือเข้าไปที่เมนู Help > About Firefox เพื่อเช็กและติดตั้งอัปเดตได้ทันที และถ้าใครพลาดอัปเดตใหญ่ใน Firefox 141 เมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน ก็มีฟีเจอร์ใหม่เพียบ เช่น AI-powered tab groups, การปรับปรุง vertical tab, memory optimization สำหรับ Linux และ WebGPU บน Windows ✅ Firefox 141.0.2 แก้บั๊ก crash บน Linux ที่ใช้ Nvidia driver รุ่นเก่า ➡️ ปัญหาเกิดกับ driver 560.35.03 แต่ไม่ส่งผลต่อผู้ใช้ Windows ✅ แก้ปัญหา canvas object ที่กลายเป็น draggable โดยไม่ตั้งใจ ➡️ ส่งผลต่อความเข้ากันได้ของเว็บไซต์บางแห่ง ✅ แก้บั๊ก Web Developer Tools crash เมื่อ inspect หน้า iframe ➡️ ปัญหาเกิดจากการจัดการ DOM ที่ไม่สมบูรณ์ ✅ อัปเดตยังไม่ปล่อยผ่าน auto-update ➡️ ต้องดาวน์โหลดจาก FTP หรือเช็กผ่านเมนู Help > About Firefox ✅ Firefox 141 ก่อนหน้านี้มีฟีเจอร์ใหม่หลายอย่าง ➡️ เช่น AI tab groups, vertical tab improvements, WebGPU บน Windows ✅ Firefox 141.0.2 ยังแก้บั๊กอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับ GTK+ และ UI ➡️ เช่นปัญหา focus stealing และ visual glitches ✅ WebGPU เป็นฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้เว็บแอปใช้ GPU ได้โดยตรง ➡️ เพิ่มประสิทธิภาพกราฟิกในแอปที่ใช้ WebGL หรือ 3D rendering ✅ AI-powered tab groups ใช้ machine learning จัดกลุ่มแท็บอัตโนมัติ ➡️ ช่วยให้ผู้ใช้จัดการงานหลายอย่างได้ง่ายขึ้น ✅ Firefox ยังคงรองรับการใช้งานบน Windows ผ่าน Microsoft Store ➡️ เพิ่มช่องทางให้ผู้ใช้ทั่วไปเข้าถึงได้สะดวก https://www.neowin.net/news/firefox-14102-is-out-fixes-crashes-on-systems-with-nvidia-gpus-and-more/
    WWW.NEOWIN.NET
    Firefox 141.0.2 is out, fixes crashes on systems with Nvidia GPUs and more
    Mozilla is rolling out a small Firefox update to address startup crashes on systems with Nvidia cards, fix compatibility issues, and more.
    0 Comments 0 Shares 267 Views 0 Reviews
  • ประตูเปิดทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ

    เดือนนี้ อารมณ์หงุดหงิด เครียดวิตกเป็นกังวล เพราะเงินทองล้มเหลว แต่โชคต้องพยายามฟันฝ่า ใครไหว้ วานให้กระทำสิ่งใดจะไม่สำเร็จ หรือมอบความไว้วางใจเชื่อใครง่ายๆจะถูกใส่ร้ายป้ายสีให้เสียหาย หรือแม้แต่ รับของฝากจากใครก็มีสิทธิ์จะเดือดร้อนเพราะรับของโจรผิดกฏหมาย จะเกิดการแก่งแย่งชิงมรดกทรัพย์สมบัติ ผู้ใหญ่จะเกิดการขัดแย้งโต้เถียงทะเลาะเบาะแว้งไม่ลงรอยต่อกัน สุขภาพของสมาชิกในครอบครัวจะมีปัญหา โรคเก่าจะกำเริบ เกิดโรคภูมิแพ้เมื่อมีอากาศเปลี่ยน อีกทั้งอาหารจะเป็นพิษลามติดถึงขั้นกินไม่ได้ จะเจ็บปวด ที่ท้อง กระเพาะ ลำไส้ หลัง กระดูก กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น

    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    ประตูเปิดทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เดือนนี้ อารมณ์หงุดหงิด เครียดวิตกเป็นกังวล เพราะเงินทองล้มเหลว แต่โชคต้องพยายามฟันฝ่า ใครไหว้ วานให้กระทำสิ่งใดจะไม่สำเร็จ หรือมอบความไว้วางใจเชื่อใครง่ายๆจะถูกใส่ร้ายป้ายสีให้เสียหาย หรือแม้แต่ รับของฝากจากใครก็มีสิทธิ์จะเดือดร้อนเพราะรับของโจรผิดกฏหมาย จะเกิดการแก่งแย่งชิงมรดกทรัพย์สมบัติ ผู้ใหญ่จะเกิดการขัดแย้งโต้เถียงทะเลาะเบาะแว้งไม่ลงรอยต่อกัน สุขภาพของสมาชิกในครอบครัวจะมีปัญหา โรคเก่าจะกำเริบ เกิดโรคภูมิแพ้เมื่อมีอากาศเปลี่ยน อีกทั้งอาหารจะเป็นพิษลามติดถึงขั้นกินไม่ได้ จะเจ็บปวด ที่ท้อง กระเพาะ ลำไส้ หลัง กระดูก กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    0 Comments 0 Shares 137 Views 0 Reviews
  • ตอน 8
    พ.ศ.2506 คุณป๋าสฤษดิ์ก็หมดบุญ น้าหนอมของป้าจงก็ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 10 อีกครั้งหนึ่ง พี่เบิ้มบอกว่า น้าหนอมน่าเอ็นดู แต่เด็ดไม่ขาด ไม่มีบารมี การสั่งการจากที่เคยคุยแต่กับคุณป๋าคนเดียวก็รู้เรื่อง ที่นี้ก็ต้องคุยเป็นพวง ถนอม ประภาส จิตติ ทวี กฤษณ์ฯลฯ
    แล้วไง ทำเป็นไม่รู้เรื่อง คุย 1 คน จ่าย 100 คุย 5 คน ก็เอา 5 คูณ
    พี่เบิ้มถึงจะรวยก็ขี้เหนียวนะ มาเล่นวิ่งผลัด 100 x 5 กับไอนี่ ไอไม่ชอบนะ
    ช่วงนั้นสถานการณ์ด้านการรบก็กำลังเข้ม การบริหารประเทศไทยแลนด์ของยูก็ไม่มีเอกภาพ แบ่งชามข้าวกันอยู่นั้น เอ้า! พจน์ สารสิน (อีกแล้ว!) ยูมาคุมกระทรวงพัฒนาแห่งชาติหน่อย อย่างน้อยไอก็ไม่ต้องปวดหมองด้านการพัฒนาเศรษฐกิจ เดี๋ยวเงินไหลเข้าไหลออกมันจะสะดุด แล้วพจน์ ยูก็มาทำหน้า ที่เป็นกระบอกเสียงระหว่างน้าหนอมกับไอด้วยนะ เวลาพี่เบิ้มจะเอาอะไรก็บอก good boy ชื่อ พจน์ พจน์ก็ไปบอกน้าหนอม ไม่งั้นสั่งอะไรน้าหนอมก็พยักหน้าอย่างเดียว ไม่รู้ว่ารู้เรื่องหรือเปล่า
    สถานการณ์วิ่งผลัดก็ดำเนินไปเรื่อยๆ เขาเข้ามาใช้บ้านเราเป็นฐานทัพทั้งบก เรือ อากาศ นี่ดีว่าไม่มีเรือดำนำนะ ถามว่า ภายใต้พันธะอะไร ข้อตกลงอะไร เคยรู้กันบ้างไหมว่า เขาเข้ามากันเปล่าๆ ไม่เคยมีสัญญาข้อตกลงเป็นรูปธรรมเลยระหว่างสหรัฐกับไทย ก็มันสมประโยชน์กันทั้ง 2 ฝ่าย สหรัฐก็ไม่ต้องแจงรัฐสภาของตัวเอง ไทยก็ไม่ต้องแจงรัฐสภาของไทย เพราะทุกอย่างอยู่ในกำมือ บอกแล้วเงินช่วย เหลือเข้ามา ก็คนละหนุบละหนับ เขียนแล้วมันเศร้าใจ
    ทหารอเมริกันก็ไม่ต้องขึ้นศาลไทย เครื่องบินจะบินขึ้นไปทิ้งบอมบ์เขาก็เป็นคนอนุมัติ เขาจะขนทหารเข้ามาเท่าไหร่ เราก็ o.k, o.k
    นี่คือสิทธิสภาพนอกอาณาเขต ยุคสงครามเวียตนาม แล้วนึกว่าหมดแล้วหรือ เปล่าเลยแล้วให้จำสัญญาJUSMAC ปี ค.ศ.1950 ที่ท่านนายพลคนแปลก เป็นผู้ลงนามไว้ บอกไว้แล้วว่า สัญญานั้นยังมีชีวิตอยู่ สัญญานี้มีผลอย่างไร เกี่ยวกับปัจจุบันหรือไม่ โปรดติดตาม อย่าได้ขาดตอนเชียว
    ช่วงปี พ.ศ.2507 – 2511 คอมมิวนิสต์เริ่มรุกเข้าอีสานบ้านเรา พี่เบิ้มก็ทุ่มเงินใส่ให้พัฒนาหมู่บ้านและตชด. กับตำรวจภูธรเพื่อดูแลหมู่บ้าน ตอนนี้เข้าใจแล้วใช่ไหม ทำไมเขาต้องตั้งตชด.และตั้งตำรวจ ภูธรให้เรา ทหารนั้นเอาไว้ไปรบกับเวียดกง โว้ย! สั่งทุกอย่างเหมือนเป็นบ้านตัวเองเลยนะ
    เงินที่พี่เบิ้มให้มาผ่านโครงการ MAP (Military Assistance Program) โดยให้ผ่านหน่วยงาน USIS และ USOM ปีละตั้งหลาย (ประมาณ 100 ล้านเหรียญต่อปีพี่เบิ้มเขาก็เป็นห่วงว่าเงิน MAP นี่มันจะไปใช้สนับสนุนกีฬาวิ่งผลัด 100 x 5 เท่าไหร่ จะถึงตชด.เท่าไหร่  เขาเลยเข้ามาวางแผนเข้าไปถึงระบบพัฒนาหมู่บ้านเราเอง จัดสรรงบเอง เพื่อไม่ให้กีฬาวิ่งผลัดเบิกบานเกินไป และเพื่อให้การเมืองไทยมีเสถียรภาพ สามารถรับใช้การปฏิบัติงานของเจ้าของเงินได้อย่างราบรื่น พี่เบิ้มก็ต้องการให้ไทยแลนด์มีการเลือกตั้ง เป็นประชาธิปไตยจริงๆ เสียที เพราะว่า ค่าใช้จ่ายกีฬาวิ่งผลัดมันชักจะสูงไปแล้วนะ แทน ที่จะคุยกับนักกีฬาวิ่งผลัด คุยกับรัฐบาลมันน่าจะประหยัดค่าใช้จ่ายไอมากกว่านะ แต่ต้องเป็นรัฐบาลจากพรรคที่ไอเลือกให้ เป็นรัฐบาลนะ
    คิดกลับไปกลับมา พี่เบิ้มก็ปวดหัวว่าจะใช้บริการของใครดีหนอ น้าหนอมน่าจะดีที่สุด ท่าทางนอนง่ายสอนง่าย ไม่ค่อยมีพยศ รายงานของ CIA ระบุว่า สหรัฐมีแผนที่จะให้กลุ่มถนอมเป็นผู้บริหารประเทศไทยต่อไป ดังนั้นจึงมีการเจรจากับทูตอเมริกันนามว่าคุณมาร์ติน ให้อเมริกาสนับสนุนการตั้งพรรคของ กลุ่มถนอม
    ได้ยินเสียงตัวแทนฝ่ายไทย คล้ายๆ เสียงนายพจน์ สารสิน บอกเลือกตั้งน่ะนะ มันต้องใช้ทุนแยะอยู่ ถ้ายูช่วยพวกไอก็จะดี จะได้ไม่ต้องไปเอาจากพ่อค้า ซึ่งส่วนมากเป็นคนจีน มันยากจะเดาว่าจะเอียงหน้าไปอยู่ข้างไหน
    รายงาน CIA บอกว่าทูตมาร์ตินนำเรื่องนี้ไปเสนอต่อ 303 Committee ปรากฏว่าทางวอชิงตัน (Washington) ก็ถามกลับมาว่า คุ้มแน่นะ คำตอบก็อยู่ในสายลมที่พัดไป แล้วก็เงียบหาย ระหว่างนั้นไทยแลนด์ก็เลยมีข่าวลือว่า จะมีการปฎิวัติน้าหนอมโดยกลุ่มทวี จิตติ กฤษณ์บ้าง ลุงตุ๊บ้าง แต่ระยะหลังข่าวปฎิวัติโดยลุงตุ๊มาแรง แหม มันประจวบเหมาะอะไรเช่นนั้น บังเอิญจริงนะ
    ช่วงข่าวปฏิวัติโดยลุงตุ๊ ทูตมาร์ตินก็หมดวาระกลับบ้าน ทูตอังเกอร์ (Unger) มาแทน คุณ good boy นามพจน์ ก็ไปเตือนทูตใหม่อีกว่า ยูจะเอายังไง ข่าวปฎิวัติมาแรงนะ ถ้ายูจะให้ถนอมเป็นนายกนี่ต้องเร่งๆ หน่อย เราจะตั้งพรรคแล้วหนา เงินที่ว่าจะช่วยยังไม่มาเลย
    ทูตตั้งคำถาม 20 คำถาม แล้วก็มีประโยคทองตอบไปเป็นเกียรติประวัติว่า “Trust us-We know what to do” เชื่อเราน่า เรารู้ว่าจะต้องทำยังไง …ไอรวยจะตาย ยูไม่ต้องห่วง ธุรกิจแยะไปหมด น้ำดำไทยแลนด์นี่ก็ของไอนะ (ไม่ได้ค่าโฆษณาไม่เขียนให้รอบสอง!)
    ทูตอังเกอร์ (Unger) ได้ยินประโยคทอง แล้วก็อ่อนระทวยเขียนรายงานชื่อว่า “Lotus Project” ส่งด่วนจี๋ไปยังวอชิงตัน (Washington) ทันทีอีกรอบ การเลือกตั้งในวันที่ 11 ก.พ. พ.ศ.2512 ปรากฏว่า พรรคสหประชาไทยของน้าหนอม ได้รับชัยชนะเฉียดฉิวมากคือ 75 ที่นั่งจากสส.ทั้งหมด 215 คน เก่งจังเลย!
    การเลือกตั้งครั้งนี้สมควร บันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ว่าอำนวยการสร้างโดย CIA ของแท้ ภายใต้ชื่อว่า Lotus Project  มีนายพจน์ สารสินเป็น project manger ทั้งนี้เพราะพี่เบิ้มกลัวว่า ถ้าการเมืองไทยไม่นิ่ง Pax Americana ที่วางไว้ซับซ้อนก็จะ ฉ.ห. ดังนั้นพรรคสหประชาไทย ภายใต้การดำเนินงานของนายพจน์ จึงเกิด ขึ้น และชนะการเลือกตั้งและได้นายกชื่อ พล.อ. ถนอม!
    ไอ้ที่เขียนเกี่ยวกับ Lotus Project มาทั้งหมดนี้นี้ อยู่ในรายงานลับของทูตมาร์ติน และทูตอังเกอร์ เองนะ ไม่ ได้ยกเมฆ แหม ลับยังไงก็หลุดมาได้น่า สีมือระดับนี่แล้ว เดี๋ยวว่าคุย (ฮา)
    โม้มาก สงสัย คงมีพวกซีมาคอยรับตัวไปเที่ยวแน่
    Lotus Project ใช้เงินหลวงของพี่เบิ้มอุดหนุน ภายใต้การพิจารณาอนุมัติของ Committer 303 ไปหาดูแล้วกัน ไอ้ Committee นี้มันทำอะไร แล้วอย่ามาพูดอีกนะ ยูต้องเป็นประชาธิปไตย เหม็นขี้ฟันจริงๆ


    คนเล่านิทาน
    ตอน 8 พ.ศ.2506 คุณป๋าสฤษดิ์ก็หมดบุญ น้าหนอมของป้าจงก็ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 10 อีกครั้งหนึ่ง พี่เบิ้มบอกว่า น้าหนอมน่าเอ็นดู แต่เด็ดไม่ขาด ไม่มีบารมี การสั่งการจากที่เคยคุยแต่กับคุณป๋าคนเดียวก็รู้เรื่อง ที่นี้ก็ต้องคุยเป็นพวง ถนอม ประภาส จิตติ ทวี กฤษณ์ฯลฯ แล้วไง ทำเป็นไม่รู้เรื่อง คุย 1 คน จ่าย 100 คุย 5 คน ก็เอา 5 คูณ พี่เบิ้มถึงจะรวยก็ขี้เหนียวนะ มาเล่นวิ่งผลัด 100 x 5 กับไอนี่ ไอไม่ชอบนะ ช่วงนั้นสถานการณ์ด้านการรบก็กำลังเข้ม การบริหารประเทศไทยแลนด์ของยูก็ไม่มีเอกภาพ แบ่งชามข้าวกันอยู่นั้น เอ้า! พจน์ สารสิน (อีกแล้ว!) ยูมาคุมกระทรวงพัฒนาแห่งชาติหน่อย อย่างน้อยไอก็ไม่ต้องปวดหมองด้านการพัฒนาเศรษฐกิจ เดี๋ยวเงินไหลเข้าไหลออกมันจะสะดุด แล้วพจน์ ยูก็มาทำหน้า ที่เป็นกระบอกเสียงระหว่างน้าหนอมกับไอด้วยนะ เวลาพี่เบิ้มจะเอาอะไรก็บอก good boy ชื่อ พจน์ พจน์ก็ไปบอกน้าหนอม ไม่งั้นสั่งอะไรน้าหนอมก็พยักหน้าอย่างเดียว ไม่รู้ว่ารู้เรื่องหรือเปล่า สถานการณ์วิ่งผลัดก็ดำเนินไปเรื่อยๆ เขาเข้ามาใช้บ้านเราเป็นฐานทัพทั้งบก เรือ อากาศ นี่ดีว่าไม่มีเรือดำนำนะ ถามว่า ภายใต้พันธะอะไร ข้อตกลงอะไร เคยรู้กันบ้างไหมว่า เขาเข้ามากันเปล่าๆ ไม่เคยมีสัญญาข้อตกลงเป็นรูปธรรมเลยระหว่างสหรัฐกับไทย ก็มันสมประโยชน์กันทั้ง 2 ฝ่าย สหรัฐก็ไม่ต้องแจงรัฐสภาของตัวเอง ไทยก็ไม่ต้องแจงรัฐสภาของไทย เพราะทุกอย่างอยู่ในกำมือ บอกแล้วเงินช่วย เหลือเข้ามา ก็คนละหนุบละหนับ เขียนแล้วมันเศร้าใจ ทหารอเมริกันก็ไม่ต้องขึ้นศาลไทย เครื่องบินจะบินขึ้นไปทิ้งบอมบ์เขาก็เป็นคนอนุมัติ เขาจะขนทหารเข้ามาเท่าไหร่ เราก็ o.k, o.k นี่คือสิทธิสภาพนอกอาณาเขต ยุคสงครามเวียตนาม แล้วนึกว่าหมดแล้วหรือ เปล่าเลยแล้วให้จำสัญญาJUSMAC ปี ค.ศ.1950 ที่ท่านนายพลคนแปลก เป็นผู้ลงนามไว้ บอกไว้แล้วว่า สัญญานั้นยังมีชีวิตอยู่ สัญญานี้มีผลอย่างไร เกี่ยวกับปัจจุบันหรือไม่ โปรดติดตาม อย่าได้ขาดตอนเชียว ช่วงปี พ.ศ.2507 – 2511 คอมมิวนิสต์เริ่มรุกเข้าอีสานบ้านเรา พี่เบิ้มก็ทุ่มเงินใส่ให้พัฒนาหมู่บ้านและตชด. กับตำรวจภูธรเพื่อดูแลหมู่บ้าน ตอนนี้เข้าใจแล้วใช่ไหม ทำไมเขาต้องตั้งตชด.และตั้งตำรวจ ภูธรให้เรา ทหารนั้นเอาไว้ไปรบกับเวียดกง โว้ย! สั่งทุกอย่างเหมือนเป็นบ้านตัวเองเลยนะ เงินที่พี่เบิ้มให้มาผ่านโครงการ MAP (Military Assistance Program) โดยให้ผ่านหน่วยงาน USIS และ USOM ปีละตั้งหลาย (ประมาณ 100 ล้านเหรียญต่อปีพี่เบิ้มเขาก็เป็นห่วงว่าเงิน MAP นี่มันจะไปใช้สนับสนุนกีฬาวิ่งผลัด 100 x 5 เท่าไหร่ จะถึงตชด.เท่าไหร่  เขาเลยเข้ามาวางแผนเข้าไปถึงระบบพัฒนาหมู่บ้านเราเอง จัดสรรงบเอง เพื่อไม่ให้กีฬาวิ่งผลัดเบิกบานเกินไป และเพื่อให้การเมืองไทยมีเสถียรภาพ สามารถรับใช้การปฏิบัติงานของเจ้าของเงินได้อย่างราบรื่น พี่เบิ้มก็ต้องการให้ไทยแลนด์มีการเลือกตั้ง เป็นประชาธิปไตยจริงๆ เสียที เพราะว่า ค่าใช้จ่ายกีฬาวิ่งผลัดมันชักจะสูงไปแล้วนะ แทน ที่จะคุยกับนักกีฬาวิ่งผลัด คุยกับรัฐบาลมันน่าจะประหยัดค่าใช้จ่ายไอมากกว่านะ แต่ต้องเป็นรัฐบาลจากพรรคที่ไอเลือกให้ เป็นรัฐบาลนะ คิดกลับไปกลับมา พี่เบิ้มก็ปวดหัวว่าจะใช้บริการของใครดีหนอ น้าหนอมน่าจะดีที่สุด ท่าทางนอนง่ายสอนง่าย ไม่ค่อยมีพยศ รายงานของ CIA ระบุว่า สหรัฐมีแผนที่จะให้กลุ่มถนอมเป็นผู้บริหารประเทศไทยต่อไป ดังนั้นจึงมีการเจรจากับทูตอเมริกันนามว่าคุณมาร์ติน ให้อเมริกาสนับสนุนการตั้งพรรคของ กลุ่มถนอม ได้ยินเสียงตัวแทนฝ่ายไทย คล้ายๆ เสียงนายพจน์ สารสิน บอกเลือกตั้งน่ะนะ มันต้องใช้ทุนแยะอยู่ ถ้ายูช่วยพวกไอก็จะดี จะได้ไม่ต้องไปเอาจากพ่อค้า ซึ่งส่วนมากเป็นคนจีน มันยากจะเดาว่าจะเอียงหน้าไปอยู่ข้างไหน รายงาน CIA บอกว่าทูตมาร์ตินนำเรื่องนี้ไปเสนอต่อ 303 Committee ปรากฏว่าทางวอชิงตัน (Washington) ก็ถามกลับมาว่า คุ้มแน่นะ คำตอบก็อยู่ในสายลมที่พัดไป แล้วก็เงียบหาย ระหว่างนั้นไทยแลนด์ก็เลยมีข่าวลือว่า จะมีการปฎิวัติน้าหนอมโดยกลุ่มทวี จิตติ กฤษณ์บ้าง ลุงตุ๊บ้าง แต่ระยะหลังข่าวปฎิวัติโดยลุงตุ๊มาแรง แหม มันประจวบเหมาะอะไรเช่นนั้น บังเอิญจริงนะ ช่วงข่าวปฏิวัติโดยลุงตุ๊ ทูตมาร์ตินก็หมดวาระกลับบ้าน ทูตอังเกอร์ (Unger) มาแทน คุณ good boy นามพจน์ ก็ไปเตือนทูตใหม่อีกว่า ยูจะเอายังไง ข่าวปฎิวัติมาแรงนะ ถ้ายูจะให้ถนอมเป็นนายกนี่ต้องเร่งๆ หน่อย เราจะตั้งพรรคแล้วหนา เงินที่ว่าจะช่วยยังไม่มาเลย ทูตตั้งคำถาม 20 คำถาม แล้วก็มีประโยคทองตอบไปเป็นเกียรติประวัติว่า “Trust us-We know what to do” เชื่อเราน่า เรารู้ว่าจะต้องทำยังไง …ไอรวยจะตาย ยูไม่ต้องห่วง ธุรกิจแยะไปหมด น้ำดำไทยแลนด์นี่ก็ของไอนะ (ไม่ได้ค่าโฆษณาไม่เขียนให้รอบสอง!) ทูตอังเกอร์ (Unger) ได้ยินประโยคทอง แล้วก็อ่อนระทวยเขียนรายงานชื่อว่า “Lotus Project” ส่งด่วนจี๋ไปยังวอชิงตัน (Washington) ทันทีอีกรอบ การเลือกตั้งในวันที่ 11 ก.พ. พ.ศ.2512 ปรากฏว่า พรรคสหประชาไทยของน้าหนอม ได้รับชัยชนะเฉียดฉิวมากคือ 75 ที่นั่งจากสส.ทั้งหมด 215 คน เก่งจังเลย! การเลือกตั้งครั้งนี้สมควร บันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ว่าอำนวยการสร้างโดย CIA ของแท้ ภายใต้ชื่อว่า Lotus Project  มีนายพจน์ สารสินเป็น project manger ทั้งนี้เพราะพี่เบิ้มกลัวว่า ถ้าการเมืองไทยไม่นิ่ง Pax Americana ที่วางไว้ซับซ้อนก็จะ ฉ.ห. ดังนั้นพรรคสหประชาไทย ภายใต้การดำเนินงานของนายพจน์ จึงเกิด ขึ้น และชนะการเลือกตั้งและได้นายกชื่อ พล.อ. ถนอม! ไอ้ที่เขียนเกี่ยวกับ Lotus Project มาทั้งหมดนี้นี้ อยู่ในรายงานลับของทูตมาร์ติน และทูตอังเกอร์ เองนะ ไม่ ได้ยกเมฆ แหม ลับยังไงก็หลุดมาได้น่า สีมือระดับนี่แล้ว เดี๋ยวว่าคุย (ฮา) โม้มาก สงสัย คงมีพวกซีมาคอยรับตัวไปเที่ยวแน่ Lotus Project ใช้เงินหลวงของพี่เบิ้มอุดหนุน ภายใต้การพิจารณาอนุมัติของ Committer 303 ไปหาดูแล้วกัน ไอ้ Committee นี้มันทำอะไร แล้วอย่ามาพูดอีกนะ ยูต้องเป็นประชาธิปไตย เหม็นขี้ฟันจริงๆ คนเล่านิทาน
    9 Comments 0 Shares 383 Views 0 Reviews
More Results