• ดีใจกันทั้งเมือง! ขนส่งต่อลมหายใจ “รถโดยสารคอกหมู-เอกลักษณ์สุโขทัย”อีก 1 ปี , หลังดราม่ายกเลิกต่อทะเบียนเพราะอายุโครงรถเกินเกณฑ์ เจ้าของรถและชาวบ้านเผยโล่งใจแต่ก็ยังต้องลุ้นปีหน้า

    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000110030

    #สุโขทัย #รถโดยสารคอกหมู #ขนส่งทางบก #นโยบายภาครัฐ #การคมนาคม #News1live #News1
    ดีใจกันทั้งเมือง! ขนส่งต่อลมหายใจ “รถโดยสารคอกหมู-เอกลักษณ์สุโขทัย”อีก 1 ปี , หลังดราม่ายกเลิกต่อทะเบียนเพราะอายุโครงรถเกินเกณฑ์ เจ้าของรถและชาวบ้านเผยโล่งใจแต่ก็ยังต้องลุ้นปีหน้า • อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000110030 • #สุโขทัย #รถโดยสารคอกหมู #ขนส่งทางบก #นโยบายภาครัฐ #การคมนาคม #News1live #News1
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 57 มุมมอง 0 รีวิว
  • “เยอรมนีติดตั้งโซลาร์เซลล์บนระเบียงกว่า 500,000 จุด — พลังงานสะอาดที่ใครก็เข้าถึงได้”

    ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เยอรมนีได้พลิกโฉมการใช้พลังงานสะอาดด้วยการผลักดัน “Balkonkraftwerk” หรือระบบโซลาร์เซลล์ขนาดเล็กที่ติดตั้งบนระเบียง ซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับปลั๊กไฟภายในบ้านได้โดยตรง โดยไม่ต้องมีการติดตั้งซับซ้อนหรือเป็นเจ้าของบ้านเอง

    ระบบนี้ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว โดยในปี 2023 เพียงปีเดียวมีการติดตั้งมากกว่า 275,000 จุด และในปี 2024 ตัวเลขรวมทะลุ 550,000 จุดทั่วประเทศ โดยแต่ละชุดมีขนาดไม่เกิน 800 วัตต์ ซึ่งเพียงพอสำหรับการชาร์จแล็ปท็อปหรือใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก

    ความสำเร็จนี้เกิดจากการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีที่เรียบง่าย ราคาที่เข้าถึงได้ (ประมาณ 500–700 ยูโรต่อชุด) และนโยบายภาครัฐที่สนับสนุนอย่างจริงจัง เช่น การลดขั้นตอนการขออนุญาต การอนุญาตให้ใช้ปลั๊ก Schuko มาตรฐาน และการออกกฎหมายคุ้มครองผู้เช่าไม่ให้ถูกเจ้าของบ้านขัดขวางการติดตั้ง

    แม้ระบบจะผลิตไฟฟ้าได้ไม่มากนัก — เฉลี่ยประมาณ 500–600 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี — แต่ผู้ใช้งานจำนวนมากมองว่าเป็น “การกระทำเล็ก ๆ ที่มีความหมาย” ทั้งในแง่ของการลดค่าไฟ และการมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศ

    ผู้ใช้งานหลายคนยังกล่าวว่า การติดตั้งโซลาร์ระเบียงทำให้พวกเขาเริ่มตระหนักถึงการใช้พลังงานมากขึ้น เช่น การเลือกเวลาซักผ้าให้ตรงกับช่วงแดดจัด หรือการติดตามปริมาณพลังงานที่ผลิตผ่านแอปพลิเคชัน ซึ่งกลายเป็นกิจกรรมที่สร้างความภูมิใจและแรงบันดาลใจให้กับคนรอบข้าง

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    เยอรมนีติดตั้งโซลาร์เซลล์บนระเบียงมากกว่า 550,000 จุดทั่วประเทศ
    ระบบ Balkonkraftwerk มีขนาดไม่เกิน 800 วัตต์ และเชื่อมต่อผ่านปลั๊กไฟบ้าน
    ราคาต่อชุดประมาณ 500–700 ยูโร และติดตั้งได้เองโดยไม่ต้องเป็นเจ้าของบ้าน
    รัฐบาลออกกฎหมายคุ้มครองผู้เช่าไม่ให้ถูกขัดขวางการติดตั้ง
    มีการลดขั้นตอนการขออนุญาตและอนุญาตให้ใช้ปลั๊ก Schuko มาตรฐาน
    ระบบผลิตไฟฟ้าเฉลี่ย 500–600 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี
    ผู้ใช้งานสามารถติดตามการผลิตพลังงานผ่านแอปพลิเคชัน
    การติดตั้งช่วยให้ผู้คนตระหนักถึงการใช้พลังงานและวางแผนการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ
    เป็นการมีส่วนร่วมเล็ก ๆ ที่ช่วยลดการพึ่งพาพลังงานจากฟอสซิล

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ในปี 2024 เยอรมนีผ่าน “Solarpaket 1” เพื่อสนับสนุนโซลาร์ระเบียงอย่างเป็นระบบ
    ระบบโซลาร์ระเบียงสามารถคืนทุนได้ภายใน 3–5 ปี ขึ้นอยู่กับตำแหน่งและทิศทางของแสง
    ประเทศอื่นในยุโรป เช่น เนเธอร์แลนด์ ออสเตรีย และเบลเยียม กำลังนำแนวทางนี้ไปใช้
    ระบบแบบ plug-and-play ช่วยลดความซับซ้อนในการติดตั้งและเพิ่มการเข้าถึง
    การผลิตพลังงานในระดับครัวเรือนช่วยลดภาระของโครงข่ายไฟฟ้ากลาง

    https://grist.org/buildings/how-germany-outfitted-half-a-million-balconies-with-solar-panels/
    ☀️ “เยอรมนีติดตั้งโซลาร์เซลล์บนระเบียงกว่า 500,000 จุด — พลังงานสะอาดที่ใครก็เข้าถึงได้” ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เยอรมนีได้พลิกโฉมการใช้พลังงานสะอาดด้วยการผลักดัน “Balkonkraftwerk” หรือระบบโซลาร์เซลล์ขนาดเล็กที่ติดตั้งบนระเบียง ซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับปลั๊กไฟภายในบ้านได้โดยตรง โดยไม่ต้องมีการติดตั้งซับซ้อนหรือเป็นเจ้าของบ้านเอง ระบบนี้ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว โดยในปี 2023 เพียงปีเดียวมีการติดตั้งมากกว่า 275,000 จุด และในปี 2024 ตัวเลขรวมทะลุ 550,000 จุดทั่วประเทศ โดยแต่ละชุดมีขนาดไม่เกิน 800 วัตต์ ซึ่งเพียงพอสำหรับการชาร์จแล็ปท็อปหรือใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก ความสำเร็จนี้เกิดจากการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีที่เรียบง่าย ราคาที่เข้าถึงได้ (ประมาณ 500–700 ยูโรต่อชุด) และนโยบายภาครัฐที่สนับสนุนอย่างจริงจัง เช่น การลดขั้นตอนการขออนุญาต การอนุญาตให้ใช้ปลั๊ก Schuko มาตรฐาน และการออกกฎหมายคุ้มครองผู้เช่าไม่ให้ถูกเจ้าของบ้านขัดขวางการติดตั้ง แม้ระบบจะผลิตไฟฟ้าได้ไม่มากนัก — เฉลี่ยประมาณ 500–600 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี — แต่ผู้ใช้งานจำนวนมากมองว่าเป็น “การกระทำเล็ก ๆ ที่มีความหมาย” ทั้งในแง่ของการลดค่าไฟ และการมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศ ผู้ใช้งานหลายคนยังกล่าวว่า การติดตั้งโซลาร์ระเบียงทำให้พวกเขาเริ่มตระหนักถึงการใช้พลังงานมากขึ้น เช่น การเลือกเวลาซักผ้าให้ตรงกับช่วงแดดจัด หรือการติดตามปริมาณพลังงานที่ผลิตผ่านแอปพลิเคชัน ซึ่งกลายเป็นกิจกรรมที่สร้างความภูมิใจและแรงบันดาลใจให้กับคนรอบข้าง ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ เยอรมนีติดตั้งโซลาร์เซลล์บนระเบียงมากกว่า 550,000 จุดทั่วประเทศ ➡️ ระบบ Balkonkraftwerk มีขนาดไม่เกิน 800 วัตต์ และเชื่อมต่อผ่านปลั๊กไฟบ้าน ➡️ ราคาต่อชุดประมาณ 500–700 ยูโร และติดตั้งได้เองโดยไม่ต้องเป็นเจ้าของบ้าน ➡️ รัฐบาลออกกฎหมายคุ้มครองผู้เช่าไม่ให้ถูกขัดขวางการติดตั้ง ➡️ มีการลดขั้นตอนการขออนุญาตและอนุญาตให้ใช้ปลั๊ก Schuko มาตรฐาน ➡️ ระบบผลิตไฟฟ้าเฉลี่ย 500–600 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี ➡️ ผู้ใช้งานสามารถติดตามการผลิตพลังงานผ่านแอปพลิเคชัน ➡️ การติดตั้งช่วยให้ผู้คนตระหนักถึงการใช้พลังงานและวางแผนการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ ➡️ เป็นการมีส่วนร่วมเล็ก ๆ ที่ช่วยลดการพึ่งพาพลังงานจากฟอสซิล ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ในปี 2024 เยอรมนีผ่าน “Solarpaket 1” เพื่อสนับสนุนโซลาร์ระเบียงอย่างเป็นระบบ ➡️ ระบบโซลาร์ระเบียงสามารถคืนทุนได้ภายใน 3–5 ปี ขึ้นอยู่กับตำแหน่งและทิศทางของแสง ➡️ ประเทศอื่นในยุโรป เช่น เนเธอร์แลนด์ ออสเตรีย และเบลเยียม กำลังนำแนวทางนี้ไปใช้ ➡️ ระบบแบบ plug-and-play ช่วยลดความซับซ้อนในการติดตั้งและเพิ่มการเข้าถึง ➡️ การผลิตพลังงานในระดับครัวเรือนช่วยลดภาระของโครงข่ายไฟฟ้ากลาง https://grist.org/buildings/how-germany-outfitted-half-a-million-balconies-with-solar-panels/
    GRIST.ORG
    How Germany outfitted half a million balconies with solar panels
    Meet balkonkraftwerk, the simple technology putting solar power in the hands of renters and nudging Germany toward its clean energy goals.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 353 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปว่า AI จะทำลายหรือต่อยอด “งาน” อย่างไรในระยะยาว โดยเฉพาะเมื่อมองจากข้อมูลเชิงวิชาการที่ยังมีข้อจำกัดด้านพื้นที่, ช่วงเวลา, และประเภท AI ที่ศึกษา

    ช่วงนี้คนทั่วโลกเริ่มกังวลว่า “AI จะมาแย่งงานไหม?” โดยเฉพาะเมื่อเราเห็นบริษัทยักษ์ใหญ่หันมาใช้ chatbot และหุ่นยนต์แบบจริงจัง — แต่ทีมนักวิจัยจากเยอรมนี อิตาลี และสหรัฐฯ กลับบอกว่า ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่า AI ทำให้คนตกงานหรือเครียดหนักขึ้นจริงในภาพรวม

    ทีมนี้ใช้ข้อมูลจากเยอรมนี (2000–2020) ก่อนยุค generative AI อย่าง ChatGPT และพบว่า AI อาจช่วยลดความเสี่ยงทางกายภาพของงานบางประเภท และเพิ่มความพึงพอใจในงานเล็กน้อย โดยเฉพาะในกลุ่มแรงงานที่ไม่มีปริญญา

    แต่พวกเขาก็เตือนว่าอย่าด่วนสรุป — เพราะ
    1) การใช้ AI ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น
    2) กฎหมายแรงงานในเยอรมนีค่อนข้างแข็งแรงกว่าประเทศอื่น และ
    3) งานวิจัยยังไม่ครอบคลุม AI สมัยใหม่แบบ LLM

    นักวิจัยยังเน้นด้วยว่า “สถาบันและนโยบายภาครัฐ” จะเป็นตัวกำหนดว่า AI จะทำให้งานดีขึ้นหรือแย่ลง ไม่ใช่ตัวเทคโนโลยีเองล้วน ๆ

    งานวิจัยจากนักวิจัยในเยอรมนี–อิตาลี–สหรัฐฯ ชี้ว่า AI ยังไม่ส่งผลลบต่อสุขภาพจิตและความพึงพอใจในการทำงาน  
    • โดยเฉพาะในประเทศที่มีแรงงานคุ้มครองสูง เช่น เยอรมนี

    พบว่า AI อาจมีส่วนช่วยลด “ความเสี่ยงทางร่างกาย” และภาระทางกายในบางอาชีพได้เล็กน้อย  
    • เช่น งานที่เคยหนัก อาจถูกแทนบางส่วนด้วยระบบอัตโนมัติ

    คนไม่มีปริญญาอาจได้ประโยชน์ทางสุขภาพมากกว่า  
    • จากการที่งานเน้นแรงกายน้อยลง

    ข้อมูลวิจัยใช้แบบ Longitudinal ครอบคลุมปี 2000–2020  
    • ก่อนเกิดเทคโนโลยี Generative AI แบบ ChatGPT (ปลายปี 2022)

    นักวิจัยเน้นว่า “นโยบายและสถาบันแรงงาน” มีผลสำคัญต่อผลกระทบของ AI ต่อแรงงาน  
    • ไม่ใช่ตัว AI อย่างเดียวที่กำหนดชะตากรรม

    Gallup ระบุว่าในสหรัฐฯ อัตราใช้ AI ที่ทำงานเพิ่มขึ้น 2 เท่าใน 2 ปีที่ผ่านมา  
    • มากสุดในสายงาน white-collar อย่างเทคโนโลยีและการเงิน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/25/it039s-still-039too-soon039-to-say-how-ai-will-affect-jobs-researchers-say
    ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปว่า AI จะทำลายหรือต่อยอด “งาน” อย่างไรในระยะยาว โดยเฉพาะเมื่อมองจากข้อมูลเชิงวิชาการที่ยังมีข้อจำกัดด้านพื้นที่, ช่วงเวลา, และประเภท AI ที่ศึกษา ช่วงนี้คนทั่วโลกเริ่มกังวลว่า “AI จะมาแย่งงานไหม?” โดยเฉพาะเมื่อเราเห็นบริษัทยักษ์ใหญ่หันมาใช้ chatbot และหุ่นยนต์แบบจริงจัง — แต่ทีมนักวิจัยจากเยอรมนี อิตาลี และสหรัฐฯ กลับบอกว่า ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่า AI ทำให้คนตกงานหรือเครียดหนักขึ้นจริงในภาพรวม ทีมนี้ใช้ข้อมูลจากเยอรมนี (2000–2020) ก่อนยุค generative AI อย่าง ChatGPT และพบว่า AI อาจช่วยลดความเสี่ยงทางกายภาพของงานบางประเภท และเพิ่มความพึงพอใจในงานเล็กน้อย โดยเฉพาะในกลุ่มแรงงานที่ไม่มีปริญญา แต่พวกเขาก็เตือนว่าอย่าด่วนสรุป — เพราะ 1) การใช้ AI ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น 2) กฎหมายแรงงานในเยอรมนีค่อนข้างแข็งแรงกว่าประเทศอื่น และ 3) งานวิจัยยังไม่ครอบคลุม AI สมัยใหม่แบบ LLM นักวิจัยยังเน้นด้วยว่า “สถาบันและนโยบายภาครัฐ” จะเป็นตัวกำหนดว่า AI จะทำให้งานดีขึ้นหรือแย่ลง ไม่ใช่ตัวเทคโนโลยีเองล้วน ๆ ✅ งานวิจัยจากนักวิจัยในเยอรมนี–อิตาลี–สหรัฐฯ ชี้ว่า AI ยังไม่ส่งผลลบต่อสุขภาพจิตและความพึงพอใจในการทำงาน   • โดยเฉพาะในประเทศที่มีแรงงานคุ้มครองสูง เช่น เยอรมนี ✅ พบว่า AI อาจมีส่วนช่วยลด “ความเสี่ยงทางร่างกาย” และภาระทางกายในบางอาชีพได้เล็กน้อย   • เช่น งานที่เคยหนัก อาจถูกแทนบางส่วนด้วยระบบอัตโนมัติ ✅ คนไม่มีปริญญาอาจได้ประโยชน์ทางสุขภาพมากกว่า   • จากการที่งานเน้นแรงกายน้อยลง ✅ ข้อมูลวิจัยใช้แบบ Longitudinal ครอบคลุมปี 2000–2020   • ก่อนเกิดเทคโนโลยี Generative AI แบบ ChatGPT (ปลายปี 2022) ✅ นักวิจัยเน้นว่า “นโยบายและสถาบันแรงงาน” มีผลสำคัญต่อผลกระทบของ AI ต่อแรงงาน   • ไม่ใช่ตัว AI อย่างเดียวที่กำหนดชะตากรรม ✅ Gallup ระบุว่าในสหรัฐฯ อัตราใช้ AI ที่ทำงานเพิ่มขึ้น 2 เท่าใน 2 ปีที่ผ่านมา   • มากสุดในสายงาน white-collar อย่างเทคโนโลยีและการเงิน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/25/it039s-still-039too-soon039-to-say-how-ai-will-affect-jobs-researchers-say
    WWW.THESTAR.COM.MY
    It's still 'too soon' to say how AI will affect jobs, researchers say
    Using artificial intelligence at work has not caused any discernible damage to employees' mental health or job satisfaction, according to researchers based in Germany, Italy and the US, who nonetheless warn that it is probably "way too soon to draw definitive conclusions" about its effects on jobs.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 474 มุมมอง 0 รีวิว
  • รายงานวิเคราะห์จากเพจลงทุนแมน เกี่ยวกับสรุปวิกฤติค่าเงิน อินโดนีเซีย อ่อนสุดตั้งแต่ต้มยำกุ้ง ในโพสต์เดียว /โดย ลงทุนแมน
    ถ้าบอกว่า อินโดนีเซียยังเป็นประเทศดาวรุ่งพุ่งแรง ที่ทุกอย่างกำลังดูดี โพสต์นี้อาจทำให้หลายคนมองภาพประเทศนี้เปลี่ยนไป

    เพราะตอนนี้ อินโดนีเซียกำลังเจอวิกฤติเงินรูเปียอ่อนค่าอย่างหนัก ซึ่งเป็นการอ่อนค่ามากที่สุด นับตั้งแต่วิกฤติต้มยำกุ้งในปี 2540 เลยทีเดียว

    จนธนาคารกลางอินโดนีเซีย ต้องนำเงินทุนสำรองมาพยุงค่าเงินรูเปียไม่ให้อ่อนค่าไปมากกว่านี้

    วิกฤติค่าเงินของอินโดนีเซียรุนแรงแค่ไหน ?
    แล้วเกิดขึ้นเพราะอะไร ?
    ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง

    ค่าเงินรูเปียของอินโดนีเซีย ร่วงไปแตะระดับ 16,600 รูเปียต่อดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่ามากที่สุด ระดับเดียวกับช่วงวิกฤติต้มยำกุ้ง เมื่อปี 2540

    สถานการณ์ของอินโดนีเซียในครั้งนี้ อาจไม่ได้ซ้ำรอยกับวิกฤติต้มยำกุ้ง ที่เริ่มต้นจากการถล่มค่าเงินในภูมิภาค แต่เกิดขึ้นจากรากฐานเศรษฐกิจของอินโดนีเซียที่อ่อนแอลง และถูกซ้ำเติมด้วยนโยบายภาครัฐ

    ก่อนหน้านี้ อินโดนีเซีย คือหนึ่งในประเทศที่ได้รับเงินสนับสนุนและการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติมาอย่างต่อเนื่อง

    โดยในปี 2566 มีเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติมากถึง 1.88 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% จากปีก่อนหน้า และมี GDP เติบโตเฉลี่ย 5% ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา

    เมื่อมีเม็ดเงินลงทุนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง บวกกับเศรษฐกิจที่เติบโตดี มีฐานประชากรกว่า 281 ล้านคน คอยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

    อีกทั้งรัฐบาลอินโดนีเซีย ดำเนินนโยบายแบบขาดดุลตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งอินโดนีเซียมีกรอบนโยบายขาดดุลงบประมาณราว -3% ต่อ GDP อย่างยาวนาน

    จนมาถึงยุคของ ประธานาธิบดีปราโบโว ซูเบียนโต
    ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งในช่วงปลายปี 2567 ก็ยังคงเดินตามแบบแผนเดิม ๆ คือ การตั้งงบประมาณแบบขาดดุล

    พร้อมกับนโยบายประชานิยมหลากหลายอย่าง ที่เขาได้ประกาศใช้ ไม่ว่าจะเป็น

    - ปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 6.5% สูงกว่าข้อเสนอของกระทรวงแรงงานที่เสนอไว้ 6%

    - อาหารกลางวันฟรี ให้กับประชาชนกว่า 83 ล้านคน โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือ เด็ก และสตรีมีครรภ์ ซึ่งคาดว่าจะใช้งบประมาณกว่า 950,000 ล้านบาทต่อปี

    - สั่งเบรกอัตราภาษี VAT ที่จะต้องปรับขึ้นเป็น 12% ในสินค้าทุกรายการ เป็นบังคับใช้เพียงสินค้าฟุ่มเฟือยเท่านั้น

    แน่นอนว่า การทำนโยบายประชานิยม ก็ยิ่งกดดันให้อินโดนีเซียต้องขาดดุลมากขึ้น และมีความเสี่ยงที่จะเลยกรอบ 3% ต่อ GDP ที่วางไว้

    ซึ่งในปี 2568 รัฐบาลอินโดนีเซีย ตั้งเป้างบประมาณขาดดุลไว้ที่ 2.53% เพิ่มขึ้นจาก 2.29% ในปี 2567

    แล้วภาพเศรษฐกิจของอินโดนีเซีย เป็นอย่างไร ?

    สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP อินโดนีเซีย ในปี 2567 อยู่ที่ 39% ซึ่งถือว่าค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับชาติอื่น ๆ ในภูมิภาค เช่น ไทย ฟิลิปปินส์ หรือ มาเลเซีย

    แต่หากดูในภาพรวม จะพบว่า GDP ของอินโดนีเซีย กำลังเติบโตลดลงทีละน้อย จาก 5.31% ในปี 2565 เหลือ 5.03% ในปี 2567

    ในขณะที่รายได้ของรัฐ เริ่มส่งสัญญาณโตไม่ทันรายจ่าย ทำให้ภาครัฐขาดดุลมากขึ้น

    ปี 2565 ขาดดุล 943,236 ล้านบาท
    ปี 2566 ขาดดุล 994,387 ล้านบาท
    ปี 2567 ขาดดุล 1,070,091 ล้านบาท

    เมื่อมีแนวโน้มขาดดุลงบประมาณมากขึ้น แต่การเติบโตของเศรษฐกิจกลับเริ่มอ่อนแรง การกู้เงินมาใช้จ่ายจึงเพิ่มขึ้น

    ซึ่งแม้แต่ประธานาธิบดีปราโบโวเอง ก็เคยบอกไว้ว่ามีแผนจะปรับระดับเพดานหนี้สาธารณะต่อ GDP อินโดนีเซีย ไปอยู่ในระดับ 50% ภายในเวลา 5 ปี

    นอกจากเรื่องการขาดดุลอย่างต่อเนื่องแล้ว ประธานาธิบดีคนนี้ ยังต้องการตั้งกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติที่ชื่อว่า Danantara ที่คาดว่าจะมีมูลค่าทรัพย์สินภายใต้การจัดการกว่า 30 ล้านล้านบาท

    Danantara มีโมเดลคล้าย Temasek กองทุน
    ความมั่งคั่งแห่งชาติสิงคโปร์ ที่เน้นนำเงินของประเทศ
    ไปลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ ทั่วโลก

    รวมถึง รัฐวิสาหกิจของอินโดนีเซีย กว่า 40 แห่ง ที่จะถูกรวมเข้ามาเป็นสินทรัพย์ภายใต้กองทุน เช่น
    - Pertamina บริษัทน้ำมันและก๊าซ
    - PLN บริษัทไฟฟ้า
    - Telkom Indonesia บริษัทโทรคมนาคม

    แต่ปัญหาคือ กองทุนนี้ต้องใช้เงินมหาศาลในการจัดตั้งกองทุน ซึ่งสิ่งที่รัฐบาลอินโดนีเซียทำ เป็นความเสี่ยงที่หลายคนกังวล

    เพราะรัฐบาลหาเงินมาทำกองทุนนี้ ด้วยการตัดงบประมาณบริการสาธารณะที่จำเป็น รวมถึงการลดเงินทุนสำหรับการศึกษาระดับประถมลง 24% และลดงบประมาณการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยลง 39% ลดค่าใช้จ่ายด้านการดูแลสุขภาพลง 19% และที่สำคัญคือ การลดโครงการสาธารณูปโภค และโครงสร้างพื้นฐานลง 73%

    เรียกได้ว่า กองทุนนี้มีเงินตั้งต้นจากการลดค่าใช้จ่าย
    ในเศรษฐกิจ ที่เป็นอนาคตสำคัญของประเทศ

    จากปัญหาหลักทั้ง 2 เรื่องนี้ นั่นก็คือ การขาดดุลงบประมาณ และการลดค่าใช้จ่ายที่สำคัญทางเศรษฐกิจ ก็ทำให้นักลงทุนต่างชาติเริ่มกังวลกับความอ่อนแอของเศรษฐกิจ และศักยภาพการเติบโตที่ยั่งยืนในระยะยาวของอินโดนีเซีย

    ส่งผลให้นักลงทุนเริ่มเทขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์อินโดนีเซีย จนดัชนีตลาดหลักทรัพย์อินโดนีเซีย (IDX Composite) ปรับตัวลงไปแล้ว -10% นับจากต้นปี (ยังดีกว่าดัชนี SET ของไทยที่ -14%)

    ซึ่งวันที่ 18 มีนาคมที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์อินโดนีเซียได้มีการประกาศหยุดซื้อขายหุ้นชั่วคราว หลังจากดัชนีหลักทรัพย์ร่วงไป -5%

    โดยแรงขายหุ้นจากนักลงทุนต่างชาติ ยังเป็นแรงกดดันให้ค่าเงินรูเปียของอินโดนีเซียอ่อนค่าลงอีกทาง

    ในที่สุด ค่าเงินรูเปียของอินโดนีเซียก็อ่อนค่าลงต่อเนื่อง จนตอนนี้อยู่ในระดับที่ต่ำสุด นับตั้งแต่วิกฤติต้มยำกุ้งในช่วงปี 2540 ไปแล้ว (ในขณะที่ค่าเงินบาทไทยยังห่างไกลจากช่วงวิกฤติต้มยำกุ้ง ที่อ่อนค่าลงไปแตะ 55 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ)

    อย่างไรก็ตาม ก็ต้องบอกว่า เรื่องนี้ก็อาจเกิดขึ้นในระยะสั้นเท่านั้น หากความเชื่อมั่นของนักลงทุนกลับมา และความท้าทายทางเศรษฐกิจเริ่มคลี่คลาย

    แต่ถ้ารัฐบาลอินโดนีเซียภายใต้ผู้นำที่ชื่อว่า ปราโบโว
    ซูเบียนโต ยังทำแบบเดิม ๆ และความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ ยังไม่ฟื้นคืน

    สุดท้าย ก็อาจทำให้ค่าเงินรูเปียของอินโดนีเซีย ร่วงหนักไปมากกว่านี้ก็ได้..

    ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ

    รู้ไหมว่า กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ Danantara
    ของอินโดนีเซีย มีคุณทักษิณ ชินวัตร เป็นที่ปรึกษาอีกด้วย
    ╔═══════════╗
    ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
    ╚═══════════╝
    ติดตามลงทุนแมนได้ที่
    Website - longtunman.com
    Blockdit - blockdit.com/longtunman
    Facebook - facebook.com/longtunman
    Twitter - twitter.com/longtunman
    Instagram - instagram.com/longtunman
    YouTube - youtube.com/longtunman
    TikTok - tiktok.com/@longtunman
    Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
    Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงทุนแมน/id1543162829
    Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
    References
    -https://www.reuters.com/markets/currencies/indonesia-cbank-says-rupiah-weakness-reflects-global-domestic-factors-2025-03-25/?utm_source=chatgpt.com
    -https://www.bloomberg.com/news/articles/2025-03-26/indonesia-stock-market-why-are-investors-fleeing-what-role-has-prabowo-played
    -https://tradingeconomics.com/indonesia/indicators
    -https://www.bps.go.id/en/statistics-table/2/MTA4NSMy/actual-government-expenditures--finance-.html
    -https://asiatimes.com/2025/03/danantara-indonesias-ticking-financial-time-bomb
    รายงานวิเคราะห์จากเพจลงทุนแมน เกี่ยวกับสรุปวิกฤติค่าเงิน อินโดนีเซีย อ่อนสุดตั้งแต่ต้มยำกุ้ง ในโพสต์เดียว /โดย ลงทุนแมน ถ้าบอกว่า อินโดนีเซียยังเป็นประเทศดาวรุ่งพุ่งแรง ที่ทุกอย่างกำลังดูดี โพสต์นี้อาจทำให้หลายคนมองภาพประเทศนี้เปลี่ยนไป เพราะตอนนี้ อินโดนีเซียกำลังเจอวิกฤติเงินรูเปียอ่อนค่าอย่างหนัก ซึ่งเป็นการอ่อนค่ามากที่สุด นับตั้งแต่วิกฤติต้มยำกุ้งในปี 2540 เลยทีเดียว จนธนาคารกลางอินโดนีเซีย ต้องนำเงินทุนสำรองมาพยุงค่าเงินรูเปียไม่ให้อ่อนค่าไปมากกว่านี้ วิกฤติค่าเงินของอินโดนีเซียรุนแรงแค่ไหน ? แล้วเกิดขึ้นเพราะอะไร ? ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง ค่าเงินรูเปียของอินโดนีเซีย ร่วงไปแตะระดับ 16,600 รูเปียต่อดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่ามากที่สุด ระดับเดียวกับช่วงวิกฤติต้มยำกุ้ง เมื่อปี 2540 สถานการณ์ของอินโดนีเซียในครั้งนี้ อาจไม่ได้ซ้ำรอยกับวิกฤติต้มยำกุ้ง ที่เริ่มต้นจากการถล่มค่าเงินในภูมิภาค แต่เกิดขึ้นจากรากฐานเศรษฐกิจของอินโดนีเซียที่อ่อนแอลง และถูกซ้ำเติมด้วยนโยบายภาครัฐ ก่อนหน้านี้ อินโดนีเซีย คือหนึ่งในประเทศที่ได้รับเงินสนับสนุนและการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติมาอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2566 มีเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติมากถึง 1.88 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% จากปีก่อนหน้า และมี GDP เติบโตเฉลี่ย 5% ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา เมื่อมีเม็ดเงินลงทุนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง บวกกับเศรษฐกิจที่เติบโตดี มีฐานประชากรกว่า 281 ล้านคน คอยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ อีกทั้งรัฐบาลอินโดนีเซีย ดำเนินนโยบายแบบขาดดุลตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งอินโดนีเซียมีกรอบนโยบายขาดดุลงบประมาณราว -3% ต่อ GDP อย่างยาวนาน จนมาถึงยุคของ ประธานาธิบดีปราโบโว ซูเบียนโต ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งในช่วงปลายปี 2567 ก็ยังคงเดินตามแบบแผนเดิม ๆ คือ การตั้งงบประมาณแบบขาดดุล พร้อมกับนโยบายประชานิยมหลากหลายอย่าง ที่เขาได้ประกาศใช้ ไม่ว่าจะเป็น - ปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 6.5% สูงกว่าข้อเสนอของกระทรวงแรงงานที่เสนอไว้ 6% - อาหารกลางวันฟรี ให้กับประชาชนกว่า 83 ล้านคน โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือ เด็ก และสตรีมีครรภ์ ซึ่งคาดว่าจะใช้งบประมาณกว่า 950,000 ล้านบาทต่อปี - สั่งเบรกอัตราภาษี VAT ที่จะต้องปรับขึ้นเป็น 12% ในสินค้าทุกรายการ เป็นบังคับใช้เพียงสินค้าฟุ่มเฟือยเท่านั้น แน่นอนว่า การทำนโยบายประชานิยม ก็ยิ่งกดดันให้อินโดนีเซียต้องขาดดุลมากขึ้น และมีความเสี่ยงที่จะเลยกรอบ 3% ต่อ GDP ที่วางไว้ ซึ่งในปี 2568 รัฐบาลอินโดนีเซีย ตั้งเป้างบประมาณขาดดุลไว้ที่ 2.53% เพิ่มขึ้นจาก 2.29% ในปี 2567 แล้วภาพเศรษฐกิจของอินโดนีเซีย เป็นอย่างไร ? สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP อินโดนีเซีย ในปี 2567 อยู่ที่ 39% ซึ่งถือว่าค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับชาติอื่น ๆ ในภูมิภาค เช่น ไทย ฟิลิปปินส์ หรือ มาเลเซีย แต่หากดูในภาพรวม จะพบว่า GDP ของอินโดนีเซีย กำลังเติบโตลดลงทีละน้อย จาก 5.31% ในปี 2565 เหลือ 5.03% ในปี 2567 ในขณะที่รายได้ของรัฐ เริ่มส่งสัญญาณโตไม่ทันรายจ่าย ทำให้ภาครัฐขาดดุลมากขึ้น ปี 2565 ขาดดุล 943,236 ล้านบาท ปี 2566 ขาดดุล 994,387 ล้านบาท ปี 2567 ขาดดุล 1,070,091 ล้านบาท เมื่อมีแนวโน้มขาดดุลงบประมาณมากขึ้น แต่การเติบโตของเศรษฐกิจกลับเริ่มอ่อนแรง การกู้เงินมาใช้จ่ายจึงเพิ่มขึ้น ซึ่งแม้แต่ประธานาธิบดีปราโบโวเอง ก็เคยบอกไว้ว่ามีแผนจะปรับระดับเพดานหนี้สาธารณะต่อ GDP อินโดนีเซีย ไปอยู่ในระดับ 50% ภายในเวลา 5 ปี นอกจากเรื่องการขาดดุลอย่างต่อเนื่องแล้ว ประธานาธิบดีคนนี้ ยังต้องการตั้งกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติที่ชื่อว่า Danantara ที่คาดว่าจะมีมูลค่าทรัพย์สินภายใต้การจัดการกว่า 30 ล้านล้านบาท Danantara มีโมเดลคล้าย Temasek กองทุน ความมั่งคั่งแห่งชาติสิงคโปร์ ที่เน้นนำเงินของประเทศ ไปลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ ทั่วโลก รวมถึง รัฐวิสาหกิจของอินโดนีเซีย กว่า 40 แห่ง ที่จะถูกรวมเข้ามาเป็นสินทรัพย์ภายใต้กองทุน เช่น - Pertamina บริษัทน้ำมันและก๊าซ - PLN บริษัทไฟฟ้า - Telkom Indonesia บริษัทโทรคมนาคม แต่ปัญหาคือ กองทุนนี้ต้องใช้เงินมหาศาลในการจัดตั้งกองทุน ซึ่งสิ่งที่รัฐบาลอินโดนีเซียทำ เป็นความเสี่ยงที่หลายคนกังวล เพราะรัฐบาลหาเงินมาทำกองทุนนี้ ด้วยการตัดงบประมาณบริการสาธารณะที่จำเป็น รวมถึงการลดเงินทุนสำหรับการศึกษาระดับประถมลง 24% และลดงบประมาณการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยลง 39% ลดค่าใช้จ่ายด้านการดูแลสุขภาพลง 19% และที่สำคัญคือ การลดโครงการสาธารณูปโภค และโครงสร้างพื้นฐานลง 73% เรียกได้ว่า กองทุนนี้มีเงินตั้งต้นจากการลดค่าใช้จ่าย ในเศรษฐกิจ ที่เป็นอนาคตสำคัญของประเทศ จากปัญหาหลักทั้ง 2 เรื่องนี้ นั่นก็คือ การขาดดุลงบประมาณ และการลดค่าใช้จ่ายที่สำคัญทางเศรษฐกิจ ก็ทำให้นักลงทุนต่างชาติเริ่มกังวลกับความอ่อนแอของเศรษฐกิจ และศักยภาพการเติบโตที่ยั่งยืนในระยะยาวของอินโดนีเซีย ส่งผลให้นักลงทุนเริ่มเทขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์อินโดนีเซีย จนดัชนีตลาดหลักทรัพย์อินโดนีเซีย (IDX Composite) ปรับตัวลงไปแล้ว -10% นับจากต้นปี (ยังดีกว่าดัชนี SET ของไทยที่ -14%) ซึ่งวันที่ 18 มีนาคมที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์อินโดนีเซียได้มีการประกาศหยุดซื้อขายหุ้นชั่วคราว หลังจากดัชนีหลักทรัพย์ร่วงไป -5% โดยแรงขายหุ้นจากนักลงทุนต่างชาติ ยังเป็นแรงกดดันให้ค่าเงินรูเปียของอินโดนีเซียอ่อนค่าลงอีกทาง ในที่สุด ค่าเงินรูเปียของอินโดนีเซียก็อ่อนค่าลงต่อเนื่อง จนตอนนี้อยู่ในระดับที่ต่ำสุด นับตั้งแต่วิกฤติต้มยำกุ้งในช่วงปี 2540 ไปแล้ว (ในขณะที่ค่าเงินบาทไทยยังห่างไกลจากช่วงวิกฤติต้มยำกุ้ง ที่อ่อนค่าลงไปแตะ 55 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ) อย่างไรก็ตาม ก็ต้องบอกว่า เรื่องนี้ก็อาจเกิดขึ้นในระยะสั้นเท่านั้น หากความเชื่อมั่นของนักลงทุนกลับมา และความท้าทายทางเศรษฐกิจเริ่มคลี่คลาย แต่ถ้ารัฐบาลอินโดนีเซียภายใต้ผู้นำที่ชื่อว่า ปราโบโว ซูเบียนโต ยังทำแบบเดิม ๆ และความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ ยังไม่ฟื้นคืน สุดท้าย ก็อาจทำให้ค่าเงินรูเปียของอินโดนีเซีย ร่วงหนักไปมากกว่านี้ก็ได้.. ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ รู้ไหมว่า กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ Danantara ของอินโดนีเซีย มีคุณทักษิณ ชินวัตร เป็นที่ปรึกษาอีกด้วย ╔═══════════╗ ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download ╚═══════════╝ ติดตามลงทุนแมนได้ที่ Website - longtunman.com Blockdit - blockdit.com/longtunman Facebook - facebook.com/longtunman Twitter - twitter.com/longtunman Instagram - instagram.com/longtunman YouTube - youtube.com/longtunman TikTok - tiktok.com/@longtunman Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงทุนแมน/id1543162829 Soundcloud - soundcloud.com/longtunman References -https://www.reuters.com/markets/currencies/indonesia-cbank-says-rupiah-weakness-reflects-global-domestic-factors-2025-03-25/?utm_source=chatgpt.com -https://www.bloomberg.com/news/articles/2025-03-26/indonesia-stock-market-why-are-investors-fleeing-what-role-has-prabowo-played -https://tradingeconomics.com/indonesia/indicators -https://www.bps.go.id/en/statistics-table/2/MTA4NSMy/actual-government-expenditures--finance-.html -https://asiatimes.com/2025/03/danantara-indonesias-ticking-financial-time-bomb
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1730 มุมมอง 0 รีวิว

  • รวมกิจกรรมและปฏิบัติการปลุกพี่น้องคนไทยจากภัยโkวิdลวงโลก(!)
    1.วันที่ 17 ก.ย.2564 หม่อมโจ้ รุ่งคุณ กิติยากรและประชาชนเข้าพบเพื่อให้ข้อมูลแก่ตัวแทนกรมอนามัย https://rumble.com/vmqybf-38209083.html นับเป็นจุดเริ่มต้นในการปลุกคนไทยจากโควิดลวงโลก
    2.วันที่ 18 ก.ย.2564 รายการรู้ทันพลังงานไทย โดยกลุ่ม ผีเสื้อกระพือปีก ตอนพิเศษ ข้อเท็จจริงที่ควรรู้เรื่อง ภูมิคุ้มกัน วิทยากรในรายการ อ.นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง,นพ.ศิริโรจน์ กิตติสารพงษ์,ม.ล.รุ่งคุณ กิติยากร
    https://rumble.com/vmr3i3-38215803.html
    3.วันที่ 30 ก.ย.2564 เสวนาออนไลน์และแถลงการณ์ เสรีภาพในการรับ/ไม่รับ วัคซีนต้าน โควิด 19 บนความรับผิดชอบ ศ.นพ.อมร เปรมกมล,นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง,นพ.ทีปทัศน์ ชุณหสวัสดิกุล,พท.ป.วิพุธ สันติวาณิช,คุณธวัชชัย โตสิตระกูล,มล.รุ่งคุณ กิติยากร ผู้ดำเนินรายการ ดร.กฤษฎา บุญชัย,คุณนคร ลิมปคุปตถาวร
    https://www.youtube.com/watch?v=EpdTD7G6pCU
    4.วันที่ 27 ต.ค.2564 ยื่นหนังสือถึงศาลปกครอง หม่อมโจ้ รุ่งคุณ กิติยากร เป็นตัวแทนฟ้องศาลปกครอง กรณีวัคซีนพาสปอร์ต https://t.me/ThaiPitaksithData/2227
    https://www.facebook.com/479570925826198/posts/1267602190356397/
    5.วันที่ 4 ธ.ค.2564 หม่อมโจ้ รุ่งคุณ กิติยากร และประชาชนผู้ตื่นรู้ข้อมูลโควิดลวงโลกร่วมชุมนุมหน้าสวนลุมและหน้าสถานฑูตออสเตรเลีย https://www.facebook.com/watch/live/?ref=watch_permalink&v=3169160836742615
    https://youtu.be/SJ_FQHnFKxw
    6.วันที่ 13 ธ.ค.2564 กลุ่มเชียงใหม่พิทักษ์สิทธิ์(ต่อมาเปลี่ยนชื่อกลุ่มเป็นคนไทยพิทักษ์สิทธิ์) ชุมนุมเพื่อพิทักษ์สิทธิ์ต่อต้านการบังคับฉีดทั้งทางตรงและทางอ้อมที่จ.เชียงใหม่ จุดประกายการรวมตัวกันของกลุ่มคนที่ต่อต้านยาฉีดลวงโลก ครั้งแรก ยื่นหนังสือต่อศาลปกครอง https://www.facebook.com/105105782022345/posts/110293994836857/
    7.วันที่ 1 ม.ค.2565 กลุ่มคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ (เชียงใหม่)รวมตัวกันบริเวณอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย เพื่อสร้างความตื่นรู้ให้กับผู้ปกครองเกี่ยวกับความปลอดภัยของยาฉีดโควิดเนื่องจากกระทรวงสาธารณสุขจะเริ่มจัดฉีดในเด็กอายุ 5-11 ปี โดยจะเริ่มฉีดในวันที่ 31 มกราคม 2565 https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=118390780693845&id=105105782022345&mibextid=gngRpg
    8.วันที่ 14 ม.ค.2565 กลุ่มคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ที่เคยร่วมลงไว้ 185 ชื่อ ยื่นหนังสือต่อ ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เรื่อง ขอให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนได้รับสรุปข้อเท็จจริงเกี่ยวกับนโยบายการฉีดวัคซีน จากภาครัฐและแถลงการณ์ภายใน 7 วัน https://docs.google.com/document/d/1n_xmLIp85Ao-E_mM7jzdlyvn8m0feluWPz79w-bB18g/edit?usp=sharing
    9.วันที่ 16 ม.ค.2565 กลุ่มคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ (เชียงใหม่) รวมตัวกันบริเวณประตูท่าแพ เพื่อแสดงความห่วงใยแก่เด็ก ต่อนโยบายยาฉีดระยะทดลอง ที่จะเริ่มขึ้นสิ้นเดือน มกราคม 65 และตั้งคำถามกับหน่วยงานของรัฐ กรณีการใช้มาตรการ 2 มาตรฐาน กีดกันไม่ให้ผู้ที่เลือกไม่รับยาฉีดไม่สามารถเข้าร่วมตามสถานที่ต่าง ๆ เช่น ถนนคนเดินบริเวณประตูท่าแพ
    https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=122732786926311&id=105105782022345&mibextid=gngRpg
    10.ระหว่างวันที่ 24-31 ม.ค.2565 ดร.ณัฏฐพบธรรม(วู้ดดี้)และคณะจากกลุ่มคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ปั่นจักรยานจากเชียงใหม่มากรุงเทพฯ เพื่อยื่นหนังสือพร้อม นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง และหม่อมโจ้ ม.ล.รุ่งคุณ กิติยากร และประชาชนต่อกระทรวงศึกษาฯ ครั้งเริ่มมีการฉีดในเด็ก https://www.facebook.com/105105782022345/posts/126941879838735/ https://photos.app.goo.gl/zfpHX8iSDYXD26fh7
    11.วันที่ 17 ก.พ.2565 ชุมชุมต่อต้านวัคซีนโควิด-19 อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา https://t.me/ThaiPitaksithData/2282
    https://photos.app.goo.gl/mzi3A4dCrPqgW4936
    12.วันที่ 11 มี.ค.2565 คุณหมออรรถพล ดร.ณัฏฐพบธรรม คุณอดิเทพ คุณวรเชษฐ์ (วงสไมล์บัพพาโล่)พร้อมกับกลุ่มผู้ต่อต้านวัคซีนทดลอง ไปยื่นหนังสือที่กระทรวงสาธารณสุข https://photos.app.goo.gl/qukmJK5xiaiJE9ij7 เพื่อขอความเป็นธรรมให้แก่ผู้ที่ได้รับผลข้างเคียงจากวัคซีนทดลอง หลังจากนั้นก็มีการทยอยส่งหนังสือถึงหน่วยงานต่างๆ อาทิ จดหมายเปิดผนึก ถึงเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา https://cmhealthlibertyrights.blogspot.com/2022/04/email-paisarnpomgmail.html จดหมายเปิดผนึกถึงประชาชนคนไทย และผู้มีอำนาจใน ศคบ https://cmhealthlibertyrights.blogspot.com/2022/05/blog-post_61.html
    13.วันที่ 17 เม.ย.2565 แพทย์ไทยลงชื่อ30ท่าน คือแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการรักษาผู้ที่ติดเชื้อโkวิd-19 ด้วยยาผสมผสาน 4 ตัว Combination Drugs อันได้แก่ 1. ยา Ivermectin 2.ยา Fluoxetine 3.ยา Niclosamide 4.ยา Doxycycline 5.วิตามิน ดี 6.วิตามิน ซี 7.สังกะสี 8. NAC 9.แอสไพริน 10.famotidine 11.วิตามิน เอ 12. Quecertin (หอมแดง) 13. ฟ้าทะลายโจร 14. ขิง 15. กระชาย
    สนับสนุนให้เพื่อนๆแพทย์ที่เคารพทั้งหลายมีทางเลือกในการดูแลรักษาพี่น้องประชาชนชาวไทยด้วยการใช้ยารักษาโรคอื่นๆ (เดิม) ที่ได้ผ่านการศึกษาวิจัย เพื่อนำมาใช้ใหม่ Repurposed Drugs ในการรักษาโkวิd-19 เป็นยาราคาถูกที่หมดสิทธิบัตรไปแล้ว Off-patent Drugs เป็นยาที่มีประสิทธิภาพสูงแต่ผลข้างเคียงน้อย ซึ่งทั้งหมดนี้ผ่านการรักษามาเป็นจำนวนมากแล้ว โดยอ้างอิงผลการวิจัยและคนไข้จริงๆ ทำให้คนไข้หายได้เร็วและไม่เกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆตามมา https://c19early.com/
    รายชื่อแพทย์เรียงตามลำดับตามอักษร มีดังต่อไปนี้
    หมายเหตุ : ลงชื่อ นพ. พญ. ชื่อ-นามสกุล แพทย์สาขาหรือประสบการณ์ ที่ทำงานอดีตหรือปัจจุบัน จังหวัด
    1. นพ.กฤษณ์ติพัฒณ์ พิริยกรเจริญกิจ กุมารแพทย์
    2. นพ.กฤษดา จงสกุล เวชศาสตร์ครอบครัว นนทบุรี
    3. นพ.โกวิท ยงวานิชจิต
    4. พญ.จันทนา พงศ์สงวนสิน อายุรแพทย์ กรุงเทพฯ
    5. พญ.จันทร์จิรา ชัชวาลา รังสีแพทย์ กรุงเทพฯ
    6. นพ.จิตจำลอง หะริณสุต อายุรแพทย์ กรุงเทพฯ
    7. นพ.ชัยยศ คุณานุสนธิ์ แพทย์ระบาดวิทยา นนทบุรี
    8. นพ.ทวีชัย พิตรปรีชา โสต-ศอ-นาสิกแพทย์ กรุงเทพฯ
    9. นพ.ธนะรัตน์ ลยางกูร กุมารแพทย์ (ใช้ในการป้องกัน)
    10. นพ.ธีรเดช ตังเดชะหิรัญ อายุรแพทย์ กรุงเทพฯ
    11. ศ.นพ.ธีรวัฒน์ เหมะจุฑา คณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
    12. นพ.พิศิษฐ์ เจนดิษฐการ อายุรแพทย์ กรุงเทพฯ
    13. นพ.พิศิษฐ์ ศรีประเสริฐ แพทย์ เวชศาสตร์ป้องกัน จังหวัดน่าน
    14. นพ. พุทธพจน์ สรรพกิจจำนง แพทย์โรงพยาบาลเอกชน อยุธยา
    15. นพ.ภูษณุ ธนาพรสังสุทธิ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
    16. นพ.มาโนช อาภรณ์สุวรรณ กุมารแพทย์ บุรีรัมย์
    17. พญ.ลลิดา เกษมสุวรรณ โสต-ศอ-นาสิกแพทย์ กรุงเทพฯ
    18.พญ.วัชรา ริ้วไพบูลย์ แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู กรุงเทพฯ
    19. นพ.วัฒนา รังสราญนนท์ ศัลยกรรมทั่วไป รพ.บางไผ่ กทม.
    20. นพ.วีรชัย ลดาคม แพทย์เอกชน กรุงเทพฯ
    21. พญ.ศิราภรณ์ สวัสดิวร กุมารแพทย์ กรุงเทพฯ
    22. นพ.สมภพ อิทธิอาวัชกุล สูติแพทย์ อรัญประเทศ
    23. นพ.สายัณห์ ผลประเสริฐ สูตินรีแพทย์ อ.หล่มศักดิ์ จ.เพชรบูรณ์
    24. นพ.สุทัศน์ วาณิชเสนี จักษุแพทย์ นครศรีธรรมราช
    25. นพ.สุเทพ ลิ้มสุขนิรันดร์ จักษุแพทย์ กาญจนบุรี
    26. นพ.สุนทร ศรีปรัชญาอนันต์ กรุงเทพฯ
    27. พญ.อรสา ชวาลภาฤทธิ์ รังสีแพทย์ กรุงเทพฯ
    28. พญ.อัจฉรา รังสราญนนท์ แพทย์ห้วงเวลา ศูนย์บริการสาธารณสุข 30 วัดเจ้าอาม สำนักอนามัย กทม.
    29. น.พ. อลงกรณ์ ชุตินันท์ ประสาทศัลยแพทย์ จ.ชลบุรี
    30. นพ อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง
    https://www.facebook.com/105105782022345/posts/146820267850896/
    14.วันที่ 31 พ.ค.2565 กลุ่มผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากนโยบายของโควิดมากว่า 2 ปี นำโดยนิตยสารข้ามห้วงมหรรณพที่เป็นสื่อกลาง ร่วมกับ กลุ่มภาคการท่องเที่ยว กลุ่มผู้ปกครองและเด็ก และกลุ่มภาคประชาชน กว่า 50 ชีวิต ได้รวมตัวกันเพื่อเรียกร้อง ขอให้ยกเลิกการสวมหน้ากาก ให้การสวมหน้ากากเป็นทางเลือก เพื่อคืนชีวิตปกติ 100 % ให้กับประชาชน ต่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ที่กระทรวงสาธารณสุข โดยมี คุณปวีณ์ริศา สกุลเกียรติศรุต รักษาราชการแทนหัวหน้าสำนักงานรัฐมนตรี ได้เป็นตัวแทนในการรับเรื่องและข้อเรียกร้องในครั้งนี้
    15.วันที่ 20 พ.ค.2565 นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง และประชาชนบุกช่อง 3 เพื่อเอาข้อมูลบ.ไฟzerแพ้คดีจำใจเปิดเผยข้อมูลด้านเสียของยาฉีด มีนักข่าวมารับเรื่องเพียงเท่านั้นเรื่องก็เงียบไป
    https://rumble.com/v15flrb--.-3.html https://odysee.com/@EE:8/CH3PfizerReports:9 https://rookon.com/read-blog/130 ต่อมาช่อง news1 สนใจและเชิญอาจารย์หมอออกรายการคนเคาะข่าว https://t.me/ThaiPitaksithData/867
    16. วันที่ 11 ก.ค.2565 องค์กรภาคีเครือข่ายผู้ประกอบการวิทยุกระจายเสียงภาคประชาชนแห่งประเทศไทย รายการประเด็นโดนใจ หัวข้อ"ฉีดวัคซีนตอนนี้ดีหรือไม่ " ดำเนินรายการโดย ชาลี นพวงศ์ ณ อยุธยา ผู้ร่วมรายการ นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง
    https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=620043739211127&id=100004085020749
    17.วันที่ 30 ก.ค.2565 นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง,พญ.ชนิฎา ศิริประภารัตน์,ทพญ.เพ็ญนภา คณิตจินดา,ทพ.วัลลภ ธีรเวชกุล,ลุงโฉลก สัมพันธารักษ์,ทนายเกิดผล แก้วเกิด,โค๊ชนาตาลี,อดิเทพ จาวลาห์,บรรยงก์ วิสุทธิ์,ภัทนรินทร์ ผลพฤกษาและผู้กล้าหลายๆท่าน จัดงานสัมมนา โควิด ทางรอดที่ปลอดภัย ครั้งที่ 1 ปลุกคนไทยให้เข้าถึงความรู้และทางรอด
    คลิปที่ 1-14 https://t.me/ThaiPitaksithData/1117 คลิปที่15-20 https://t.me/ThaiPitaksithData/1801
    หรือ https://docs.google.com/document/d/1bWenIBiboQgE5WnvM6_Tqn-PP90w45wF6C3b-LFcmxw/edit?usp=sharing
    18.วันที่ 13 ก.ย.2565 จส ๑๐๐ สัมภาษณ์ นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง เรื่องวัคซีนโควิด-19 https://atapol616246.substack.com/p/100?sd=pf
    19.วันที่ 30 ก.ย.2565 นายอภิชาติ กาญจนาพงศาเวช ตัวแทนกลุ่มคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ ได้ยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการยา ขอให้ทบทวนการอนุญาตผลิตภัณฑ์ยาแผนปัจจุบันสำหรับมนุษย์แบบมีเงื่อนไข
    ในสถานการณ์ฉุกเฉินของผลิตภัณฑ์วัคซีนโคเมอร์เนตี (Comirnaty, วัคซีนไฟเซอร์) นายอภิชาติ ได้รับสำเนาหนังสือจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (ในฐานะที่ผู้แทนสำนักฯ เป็นกรรมการโดยตำแหน่ง ในคณะกรรมการยา) เรื่องการส่งคำร้องของนายอภิชาติ เพื่อให้ทางเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยาพิจารณาเพิกถอนตำรับยาวัคซีนโคเมอร์เนตีต่อไป
    20.วันที่ 5 ต.ค.2565 กลุ่มฯเชิญชวนประชาชนส่งข้อมูลถึงผู้ตรวจการแผ่นดิน https://drive.google.com/drive/folders/190jXcZNCD8znI340eigQl3NvuWTsgoI3?usp=share_link
    21.วันที่ 14 พ.ย.2565 ตัวแทนกลุ่มฯเดินทางไปที่สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนเพื่อติดต่อดำเนินการขอจัดตั้งองค์กร "พลังไทยพิทักษ์สิทธิ์"
    22.วันที่ 15 พ.ย.2565 ตัวแทนกลุ่มพลังไทยพิทักษ์สิทธิ์ เดินทางไปที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินเพื่อติดตามเรื่องการสืบเนื่องจากการที่คณะกรรมการอาหารและยาได้อนุญาตให้ใช้วัคซีน โคเมอร์เนตีในเด็ก ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของกระบวนการพิจารณาอนุญาตยา ที่ยังไม่ได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา อันเป็นผลให้ไม่สามารถนำมาบังคับใช้ได้ การอนุญาตวัคซีนไฟเซอร์จึงเป็นการอนุญาตที่ผิดเงื่อนไข และผิดขั้นตอนทางกฎหมาย อันมีผลทำให้วัคซีนดังกล่าวยังไม่ได้รับการอนุญาต หากมีการนำวัคซีนไปฉีดให้กับผู้ป่วยจึงเป็นการนำยาที่ไม่ได้รับอนุญาตไปฉีดอันเป็นการกระทำที่ผิดตามพระราชบัญญัติยา พุทธศักราช ๒๕๖๕
    23.วันที่ 20 ธ.ค.2565 ตัวแทนกลุ่มคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ยื่นหนังสือถวายฎีกา https://t.me/ThaiPitaksithData/2258
    24.วันที่ 23 ม.ค.2566 เริ่มยื่นหนังสือ จากการที่กลุ่มได้เชิญชวนประชาชนยื่นหนังสือให้หน่วยงานต่างๆให้ทบทวนแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนโควิด-19 พร้อมทั้งรับทราบผลเสียจากวัคซีน และการรับผิดชอบทางละเมิด หากท่านกระทำการโดยประมาท https://drive.google.com/drive/folders/1z0_Qv-q7C9RXETMBkaqBcJHATVXNElbw?usp=share_link
    รายชื่อบุคลากรทางการแพทย์และผู้เชี่ยวชาญ ผู้ที่ต้องการให้ยุติการฉีดยีนไวรัส ที่หลอกว่าเป็นวัคซีน ดังนี้ ศ.ดร.สุจริต (บุณยรัตพันธุ์)ภักดี,นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง,อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์,ดร.ศรีวิชัย ศรีสุวรรณ,ดร.วีระพล โมนยะกุล,ดร.ธิดารัตน์ เอกศิริ,ดร.ภัทราภรณ์ พิมลไทย,โฉลก สัมพันธารักษ์,Natalie Proenca,อดิเทพ จาวลาห์,ผศ.ดร.ศรัณยา สุจริตกุล,ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา,ทพญ.เพ็ญนภา คณิตจินดา,ทพ.วัลลภ ธีรเวชกุล,พญ.ชนิฎา ศิริประภารัตน์,พญ.ภูสณิตา วิเศษปุณรัตน์,นพ.มนตรี เศรษฐบุตร,นพ.สำลี เปลี่ยนบางช้าง,ทญ.สรินภรณ์ ธีรเวชกุล,นพ.วัลลภ ธนเกียรติ์,ผศ.พญ.นิลรัตน์ นฤหล้า,นพ.วีระพล มงคลกุล,ศ.นพ.อมร เปรมกมล,ทพ.เกริกพันธุ์ ทองดี​,นพ.อลงกรณ์ ชุตินันท์,พญ.นรากร ลีปรีชานนท์,ทพ.เกรียง​ศักดิ์​ ลือ​กำลัง,พญ.​นวลอนงค์​ ลือ​กำลัง,นพ.ภาคภูมิ สุปิยพันธ์,ทพญ.อัมพา ทองดี,นพ.ศิริโรจน์ กิตติสารพงษ์,พญ.รัสรินทร์ กาญจนศศิศิลป์,พญ.ทิตยาวดี สัมพันธารักษ์,พญ.สุภาพร มีลาภ,แพทย์แผนจีนไกร บารมีเสริมส่ง,พท.กนกนุช​ ชิตวัฒนานนท์,พท.วิชากร จันทรโคตร,พท.วัชรธน อภิเลิศโสภณ,พท.มณฑล ภัทรภักดีกุล,พท.ปภาน ชัยเกษมวรากุล, พท.สุมนัสสา วาจรัต,พท.อภิชาติ กาญจนาพงศาเวช,ทนพ.ชัยศรี เลิศวิทยากูล,พว.ณัฐชฎา สมบูรณ์สุข,พว.ณัฐชฎา สมบูรณ์สุข,พว.ปาหนัน หวนไธสง,พว.บัวบาน อาชาศรัย,พว.ศิริรัตน์ คำไข,พว.วรนุชนันท์ ลภัสสุปภานันท์,พว.สุภรณ์ บุหลัน,พว.พิกุล เขื่อนคำ,ร.ต.พิลาสินี พันทองหลาง (นายทหารกายภาพบำบัด),กภญ.พรรณราย ชัยชมภู,ภก.วีรรัตน์ อภิวัฒนเสวี​,ภก.นชน มาตรชัยสิงห์,ภก.พัชราถรณ์ กาญจนบัตร,ภญ.พิรุณ​รัตน์​ เขื่อน​แก้ว,ภญ.วรณัน เกิดม่วงหมู่​,อสม.วิจิตรา จันทร์สม,ผู้ช่วย พยาบาลนพนันท์ จิตรตรง,รุ่งทิพย์ อาจารยา,เสียงเงิน สอนเย็น,จินตนา เดชศร,นวลละออ ศิโรรัตน์,มริยาท สารทอง,โชติกา ไทยฤทธิ์,เพนนี แจนส์ซ และรายชื่อประชาชนจากลิงค์ต่อไปนี้ https://docs.google.com/spreadsheets/d/1h1cE4qaAs062q-IxuEwzSWektFvCbVWs1UUpnA9z_gM/edit?usp=sharing ร่วมลงชื่อเพิ่มเติมใบแบบฟอร์มลิงก์ต่อไปนี้ https://forms.gle/LhtATTMenVmASZVH7
    25.วันที่ 28 ม.ค.2566 โค๊ชนาตาลีจัดงานสัมนามีหัวข้อบางส่วนในนั้นคือสิ่งสำคัญที่สุด ที่คุณต้องตื่นรู้ในชีวิตนี้และเรียนรู้เรื่อง Mind Control ปลดล็อคจากการถูกควบคุมเพื่ออิสระภาพของคุณ บรรยายโดยแขกรับเชิญพิเศษ! คุณอดิเทพ จาวลาห์
    26.วันที่ 29 ม.ค.2566 ช่อง 3 นำคลิปสัมภาษณ์ นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง ออกรายงานข่าว 3มิติ
    https://t.me/clipcovid19/274
    https://www.youtube.com/live/vEiTffjxaVk?si=EQ9bjfPjI2D_W1L7
    27.วันที่ 31 ม.ค.2566 ตัวแทนกลุ่มคนไทยพิทักษ์สิทธิ์และกลุ่มต่อต้านวัคซีนทดลองประเทศไทยดังมีรายชื่อร่วมลงนามคือ ผู้เชี่ยวชาญ,บุคลากรทางการแพทย์ 56 รายชื่อและประชาชน 1270รายชื่อ ยื่นหนังสือ แนบข้อมูลต่อช่อง 3 เรื่อง ขอให้สื่อมีความเป็นกลางในการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 ระบุถึงพิษภัยหรือความอันตรายเพื่อให้ประชาชนทราบ ไม่ควรเสนอข่าวตามนโยบายภาครัฐเพียงด้านเดียว ถึงคุณสรยุทธ สุทัศนจินดาและคุณพิชยทัฬห์ จันทร์พุฒ แต่มีเจ้าหน้าที่มารับเรื่องแทน
    28.วันที่ 10 ก.พ.2566 ตัวแทนกลุ่มฯ ยื่นหนังสือฯ ต่อคุณสมโภชน์ โตรักษา ผู้จัดการฝ่ายข่าวช่อง 7สี
    29.วันที่ 14 ก.พ. 2566 นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง อ.ประจำคณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมสนทนาในรายการ "คนเคาะข่าว" ออกอากาศทาง SONDHI APP ในหัวข้อ "ฉีดอะไรเข้าไปในร่างกาย? เรื่องที่วงในการแพทย์รู้ แต่พูดไม่ได้" https://rumble.com/v29lyme-137073542.htmlฉีดอะไรเข้าไปในร่างกาย?
    30.วันที่ 23 ก.พ.2565 คุณปรีดา บุญเพลิง พรรคครูไทยเพื่อประชาชน และตัวแทนกลุ่มฯ แถลงข่าวเรื่อง ผลกระทบของวัคซีน และ จะเสนอให้มีการดำเนินการทางกฎหมายเพื่อนำผู้ที่มีส่วนรับผิดชอบในเรื่องนี้มารับโทษให้ได้ https://www.facebook.com/MGRNEWS1/videos/1410158199794026/?mibextid=NnVzG8 หรือ https://fb.watch/iSMoW5QBTg/
    31.วันที่ 2 มี.ค.2566 ตัวแทนกลุ่มเข้าพบและยื่นหนังสือและข้อมูลให้กับคุณชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตสส. เรื่อง ขอให้ช่วยตรวจสอบความปลอดภัยและการละเมิดสิทธิ์เกี่ยวกับวัคซีนทดลองโควิด19
    https://t.me/ThaiPitaksithData/2519
    ✅ 🤝🇹🇭🤝 รวมกิจกรรมและปฏิบัติการปลุกพี่น้องคนไทยจากภัยโkวิdลวงโลก(!) 🇹🇭1.วันที่ 17 ก.ย.2564 หม่อมโจ้ รุ่งคุณ กิติยากรและประชาชนเข้าพบเพื่อให้ข้อมูลแก่ตัวแทนกรมอนามัย https://rumble.com/vmqybf-38209083.html นับเป็นจุดเริ่มต้นในการปลุกคนไทยจากโควิดลวงโลก 🇹🇭2.วันที่ 18 ก.ย.2564 รายการรู้ทันพลังงานไทย โดยกลุ่ม ผีเสื้อกระพือปีก ตอนพิเศษ ข้อเท็จจริงที่ควรรู้เรื่อง ภูมิคุ้มกัน วิทยากรในรายการ อ.นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง,นพ.ศิริโรจน์ กิตติสารพงษ์,ม.ล.รุ่งคุณ กิติยากร https://rumble.com/vmr3i3-38215803.html 🇹🇭3.วันที่ 30 ก.ย.2564 เสวนาออนไลน์และแถลงการณ์ เสรีภาพในการรับ/ไม่รับ วัคซีนต้าน โควิด 19 บนความรับผิดชอบ ศ.นพ.อมร เปรมกมล,นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง,นพ.ทีปทัศน์ ชุณหสวัสดิกุล,พท.ป.วิพุธ สันติวาณิช,คุณธวัชชัย โตสิตระกูล,มล.รุ่งคุณ กิติยากร ผู้ดำเนินรายการ ดร.กฤษฎา บุญชัย,คุณนคร ลิมปคุปตถาวร https://www.youtube.com/watch?v=EpdTD7G6pCU 🇹🇭4.วันที่ 27 ต.ค.2564 ยื่นหนังสือถึงศาลปกครอง หม่อมโจ้ รุ่งคุณ กิติยากร เป็นตัวแทนฟ้องศาลปกครอง กรณีวัคซีนพาสปอร์ต https://t.me/ThaiPitaksithData/2227 https://www.facebook.com/479570925826198/posts/1267602190356397/ 🇹🇭5.วันที่ 4 ธ.ค.2564 หม่อมโจ้ รุ่งคุณ กิติยากร และประชาชนผู้ตื่นรู้ข้อมูลโควิดลวงโลกร่วมชุมนุมหน้าสวนลุมและหน้าสถานฑูตออสเตรเลีย https://www.facebook.com/watch/live/?ref=watch_permalink&v=3169160836742615 https://youtu.be/SJ_FQHnFKxw 🇹🇭6.วันที่ 13 ธ.ค.2564 กลุ่มเชียงใหม่พิทักษ์สิทธิ์(ต่อมาเปลี่ยนชื่อกลุ่มเป็นคนไทยพิทักษ์สิทธิ์) ชุมนุมเพื่อพิทักษ์สิทธิ์ต่อต้านการบังคับฉีดทั้งทางตรงและทางอ้อมที่จ.เชียงใหม่ จุดประกายการรวมตัวกันของกลุ่มคนที่ต่อต้านยาฉีดลวงโลก ครั้งแรก ยื่นหนังสือต่อศาลปกครอง https://www.facebook.com/105105782022345/posts/110293994836857/ 🇹🇭7.วันที่ 1 ม.ค.2565 กลุ่มคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ (เชียงใหม่)รวมตัวกันบริเวณอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย เพื่อสร้างความตื่นรู้ให้กับผู้ปกครองเกี่ยวกับความปลอดภัยของยาฉีดโควิดเนื่องจากกระทรวงสาธารณสุขจะเริ่มจัดฉีดในเด็กอายุ 5-11 ปี โดยจะเริ่มฉีดในวันที่ 31 มกราคม 2565 https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=118390780693845&id=105105782022345&mibextid=gngRpg 🇹🇭8.วันที่ 14 ม.ค.2565 กลุ่มคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ที่เคยร่วมลงไว้ 185 ชื่อ ยื่นหนังสือต่อ ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เรื่อง ขอให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนได้รับสรุปข้อเท็จจริงเกี่ยวกับนโยบายการฉีดวัคซีน จากภาครัฐและแถลงการณ์ภายใน 7 วัน https://docs.google.com/document/d/1n_xmLIp85Ao-E_mM7jzdlyvn8m0feluWPz79w-bB18g/edit?usp=sharing 🇹🇭9.วันที่ 16 ม.ค.2565 กลุ่มคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ (เชียงใหม่) รวมตัวกันบริเวณประตูท่าแพ เพื่อแสดงความห่วงใยแก่เด็ก ต่อนโยบายยาฉีดระยะทดลอง ที่จะเริ่มขึ้นสิ้นเดือน มกราคม 65 และตั้งคำถามกับหน่วยงานของรัฐ กรณีการใช้มาตรการ 2 มาตรฐาน กีดกันไม่ให้ผู้ที่เลือกไม่รับยาฉีดไม่สามารถเข้าร่วมตามสถานที่ต่าง ๆ เช่น ถนนคนเดินบริเวณประตูท่าแพ https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=122732786926311&id=105105782022345&mibextid=gngRpg 🇹🇭10.ระหว่างวันที่ 24-31 ม.ค.2565 ดร.ณัฏฐพบธรรม(วู้ดดี้)และคณะจากกลุ่มคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ปั่นจักรยานจากเชียงใหม่มากรุงเทพฯ เพื่อยื่นหนังสือพร้อม นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง และหม่อมโจ้ ม.ล.รุ่งคุณ กิติยากร และประชาชนต่อกระทรวงศึกษาฯ ครั้งเริ่มมีการฉีดในเด็ก https://www.facebook.com/105105782022345/posts/126941879838735/ https://photos.app.goo.gl/zfpHX8iSDYXD26fh7 🇹🇭11.วันที่ 17 ก.พ.2565 ชุมชุมต่อต้านวัคซีนโควิด-19 อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา https://t.me/ThaiPitaksithData/2282 https://photos.app.goo.gl/mzi3A4dCrPqgW4936 🇹🇭12.วันที่ 11 มี.ค.2565 คุณหมออรรถพล ดร.ณัฏฐพบธรรม คุณอดิเทพ คุณวรเชษฐ์ (วงสไมล์บัพพาโล่)พร้อมกับกลุ่มผู้ต่อต้านวัคซีนทดลอง ไปยื่นหนังสือที่กระทรวงสาธารณสุข https://photos.app.goo.gl/qukmJK5xiaiJE9ij7 เพื่อขอความเป็นธรรมให้แก่ผู้ที่ได้รับผลข้างเคียงจากวัคซีนทดลอง หลังจากนั้นก็มีการทยอยส่งหนังสือถึงหน่วยงานต่างๆ อาทิ จดหมายเปิดผนึก ถึงเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา https://cmhealthlibertyrights.blogspot.com/2022/04/email-paisarnpomgmail.html จดหมายเปิดผนึกถึงประชาชนคนไทย และผู้มีอำนาจใน ศคบ https://cmhealthlibertyrights.blogspot.com/2022/05/blog-post_61.html 🇹🇭13.วันที่ 17 เม.ย.2565 แพทย์ไทยลงชื่อ30ท่าน คือแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการรักษาผู้ที่ติดเชื้อโkวิd-19 ด้วยยาผสมผสาน 4 ตัว Combination Drugs อันได้แก่ 1. ยา Ivermectin 2.ยา Fluoxetine 3.ยา Niclosamide 4.ยา Doxycycline 5.วิตามิน ดี 6.วิตามิน ซี 7.สังกะสี 8. NAC 9.แอสไพริน 10.famotidine 11.วิตามิน เอ 12. Quecertin (หอมแดง) 13. ฟ้าทะลายโจร 14. ขิง 15. กระชาย สนับสนุนให้เพื่อนๆแพทย์ที่เคารพทั้งหลายมีทางเลือกในการดูแลรักษาพี่น้องประชาชนชาวไทยด้วยการใช้ยารักษาโรคอื่นๆ (เดิม) ที่ได้ผ่านการศึกษาวิจัย เพื่อนำมาใช้ใหม่ Repurposed Drugs ในการรักษาโkวิd-19 เป็นยาราคาถูกที่หมดสิทธิบัตรไปแล้ว Off-patent Drugs เป็นยาที่มีประสิทธิภาพสูงแต่ผลข้างเคียงน้อย ซึ่งทั้งหมดนี้ผ่านการรักษามาเป็นจำนวนมากแล้ว โดยอ้างอิงผลการวิจัยและคนไข้จริงๆ ทำให้คนไข้หายได้เร็วและไม่เกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆตามมา https://c19early.com/ รายชื่อแพทย์เรียงตามลำดับตามอักษร มีดังต่อไปนี้ หมายเหตุ : ลงชื่อ นพ. พญ. ชื่อ-นามสกุล แพทย์สาขาหรือประสบการณ์ ที่ทำงานอดีตหรือปัจจุบัน จังหวัด 1. นพ.กฤษณ์ติพัฒณ์ พิริยกรเจริญกิจ กุมารแพทย์ 2. นพ.กฤษดา จงสกุล เวชศาสตร์ครอบครัว นนทบุรี 3. นพ.โกวิท ยงวานิชจิต 4. พญ.จันทนา พงศ์สงวนสิน อายุรแพทย์ กรุงเทพฯ 5. พญ.จันทร์จิรา ชัชวาลา รังสีแพทย์ กรุงเทพฯ 6. นพ.จิตจำลอง หะริณสุต อายุรแพทย์ กรุงเทพฯ 7. นพ.ชัยยศ คุณานุสนธิ์ แพทย์ระบาดวิทยา นนทบุรี 8. นพ.ทวีชัย พิตรปรีชา โสต-ศอ-นาสิกแพทย์ กรุงเทพฯ 9. นพ.ธนะรัตน์ ลยางกูร กุมารแพทย์ (ใช้ในการป้องกัน) 10. นพ.ธีรเดช ตังเดชะหิรัญ อายุรแพทย์ กรุงเทพฯ 11. ศ.นพ.ธีรวัฒน์ เหมะจุฑา คณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 12. นพ.พิศิษฐ์ เจนดิษฐการ อายุรแพทย์ กรุงเทพฯ 13. นพ.พิศิษฐ์ ศรีประเสริฐ แพทย์ เวชศาสตร์ป้องกัน จังหวัดน่าน 14. นพ. พุทธพจน์ สรรพกิจจำนง แพทย์โรงพยาบาลเอกชน อยุธยา 15. นพ.ภูษณุ ธนาพรสังสุทธิ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ 16. นพ.มาโนช อาภรณ์สุวรรณ กุมารแพทย์ บุรีรัมย์ 17. พญ.ลลิดา เกษมสุวรรณ โสต-ศอ-นาสิกแพทย์ กรุงเทพฯ 18.พญ.วัชรา ริ้วไพบูลย์ แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู กรุงเทพฯ 19. นพ.วัฒนา รังสราญนนท์ ศัลยกรรมทั่วไป รพ.บางไผ่ กทม. 20. นพ.วีรชัย ลดาคม แพทย์เอกชน กรุงเทพฯ 21. พญ.ศิราภรณ์ สวัสดิวร กุมารแพทย์ กรุงเทพฯ 22. นพ.สมภพ อิทธิอาวัชกุล สูติแพทย์ อรัญประเทศ 23. นพ.สายัณห์ ผลประเสริฐ สูตินรีแพทย์ อ.หล่มศักดิ์ จ.เพชรบูรณ์ 24. นพ.สุทัศน์ วาณิชเสนี จักษุแพทย์ นครศรีธรรมราช 25. นพ.สุเทพ ลิ้มสุขนิรันดร์ จักษุแพทย์ กาญจนบุรี 26. นพ.สุนทร ศรีปรัชญาอนันต์ กรุงเทพฯ 27. พญ.อรสา ชวาลภาฤทธิ์ รังสีแพทย์ กรุงเทพฯ 28. พญ.อัจฉรา รังสราญนนท์ แพทย์ห้วงเวลา ศูนย์บริการสาธารณสุข 30 วัดเจ้าอาม สำนักอนามัย กทม. 29. น.พ. อลงกรณ์ ชุตินันท์ ประสาทศัลยแพทย์ จ.ชลบุรี 30. นพ อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง https://www.facebook.com/105105782022345/posts/146820267850896/ 🇹🇭14.วันที่ 31 พ.ค.2565 กลุ่มผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากนโยบายของโควิดมากว่า 2 ปี นำโดยนิตยสารข้ามห้วงมหรรณพที่เป็นสื่อกลาง ร่วมกับ กลุ่มภาคการท่องเที่ยว กลุ่มผู้ปกครองและเด็ก และกลุ่มภาคประชาชน กว่า 50 ชีวิต ได้รวมตัวกันเพื่อเรียกร้อง ขอให้ยกเลิกการสวมหน้ากาก ให้การสวมหน้ากากเป็นทางเลือก เพื่อคืนชีวิตปกติ 100 % ให้กับประชาชน ต่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ที่กระทรวงสาธารณสุข โดยมี คุณปวีณ์ริศา สกุลเกียรติศรุต รักษาราชการแทนหัวหน้าสำนักงานรัฐมนตรี ได้เป็นตัวแทนในการรับเรื่องและข้อเรียกร้องในครั้งนี้ 🇹🇭15.วันที่ 20 พ.ค.2565 นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง และประชาชนบุกช่อง 3 เพื่อเอาข้อมูลบ.ไฟzerแพ้คดีจำใจเปิดเผยข้อมูลด้านเสียของยาฉีด มีนักข่าวมารับเรื่องเพียงเท่านั้นเรื่องก็เงียบไป https://rumble.com/v15flrb--.-3.html https://odysee.com/@EE:8/CH3PfizerReports:9 https://rookon.com/read-blog/130 ต่อมาช่อง news1 สนใจและเชิญอาจารย์หมอออกรายการคนเคาะข่าว https://t.me/ThaiPitaksithData/867 🇹🇭16. วันที่ 11 ก.ค.2565 องค์กรภาคีเครือข่ายผู้ประกอบการวิทยุกระจายเสียงภาคประชาชนแห่งประเทศไทย รายการประเด็นโดนใจ หัวข้อ"ฉีดวัคซีนตอนนี้ดีหรือไม่ " ดำเนินรายการโดย ชาลี นพวงศ์ ณ อยุธยา ผู้ร่วมรายการ นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=620043739211127&id=100004085020749 🇹🇭17.วันที่ 30 ก.ค.2565 นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง,พญ.ชนิฎา ศิริประภารัตน์,ทพญ.เพ็ญนภา คณิตจินดา,ทพ.วัลลภ ธีรเวชกุล,ลุงโฉลก สัมพันธารักษ์,ทนายเกิดผล แก้วเกิด,โค๊ชนาตาลี,อดิเทพ จาวลาห์,บรรยงก์ วิสุทธิ์,ภัทนรินทร์ ผลพฤกษาและผู้กล้าหลายๆท่าน จัดงานสัมมนา โควิด ทางรอดที่ปลอดภัย ครั้งที่ 1 ปลุกคนไทยให้เข้าถึงความรู้และทางรอด คลิปที่ 1-14 https://t.me/ThaiPitaksithData/1117 คลิปที่15-20 https://t.me/ThaiPitaksithData/1801 หรือ https://docs.google.com/document/d/1bWenIBiboQgE5WnvM6_Tqn-PP90w45wF6C3b-LFcmxw/edit?usp=sharing 🇹🇭18.วันที่ 13 ก.ย.2565 จส ๑๐๐ สัมภาษณ์ นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง เรื่องวัคซีนโควิด-19 https://atapol616246.substack.com/p/100?sd=pf 🇹🇭19.วันที่ 30 ก.ย.2565 นายอภิชาติ กาญจนาพงศาเวช ตัวแทนกลุ่มคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ ได้ยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการยา ขอให้ทบทวนการอนุญาตผลิตภัณฑ์ยาแผนปัจจุบันสำหรับมนุษย์แบบมีเงื่อนไข ในสถานการณ์ฉุกเฉินของผลิตภัณฑ์วัคซีนโคเมอร์เนตี (Comirnaty, วัคซีนไฟเซอร์) นายอภิชาติ ได้รับสำเนาหนังสือจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (ในฐานะที่ผู้แทนสำนักฯ เป็นกรรมการโดยตำแหน่ง ในคณะกรรมการยา) เรื่องการส่งคำร้องของนายอภิชาติ เพื่อให้ทางเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยาพิจารณาเพิกถอนตำรับยาวัคซีนโคเมอร์เนตีต่อไป 🇹🇭20.วันที่ 5 ต.ค.2565 กลุ่มฯเชิญชวนประชาชนส่งข้อมูลถึงผู้ตรวจการแผ่นดิน https://drive.google.com/drive/folders/190jXcZNCD8znI340eigQl3NvuWTsgoI3?usp=share_link 🇹🇭21.วันที่ 14 พ.ย.2565 ตัวแทนกลุ่มฯเดินทางไปที่สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนเพื่อติดต่อดำเนินการขอจัดตั้งองค์กร "พลังไทยพิทักษ์สิทธิ์" 🇹🇭22.วันที่ 15 พ.ย.2565 ตัวแทนกลุ่มพลังไทยพิทักษ์สิทธิ์ เดินทางไปที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินเพื่อติดตามเรื่องการสืบเนื่องจากการที่คณะกรรมการอาหารและยาได้อนุญาตให้ใช้วัคซีน โคเมอร์เนตีในเด็ก ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของกระบวนการพิจารณาอนุญาตยา ที่ยังไม่ได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา อันเป็นผลให้ไม่สามารถนำมาบังคับใช้ได้ การอนุญาตวัคซีนไฟเซอร์จึงเป็นการอนุญาตที่ผิดเงื่อนไข และผิดขั้นตอนทางกฎหมาย อันมีผลทำให้วัคซีนดังกล่าวยังไม่ได้รับการอนุญาต หากมีการนำวัคซีนไปฉีดให้กับผู้ป่วยจึงเป็นการนำยาที่ไม่ได้รับอนุญาตไปฉีดอันเป็นการกระทำที่ผิดตามพระราชบัญญัติยา พุทธศักราช ๒๕๖๕ 🇹🇭23.วันที่ 20 ธ.ค.2565 ตัวแทนกลุ่มคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ยื่นหนังสือถวายฎีกา https://t.me/ThaiPitaksithData/2258 🇹🇭24.วันที่ 23 ม.ค.2566 เริ่มยื่นหนังสือ จากการที่กลุ่มได้เชิญชวนประชาชนยื่นหนังสือให้หน่วยงานต่างๆให้ทบทวนแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนโควิด-19 พร้อมทั้งรับทราบผลเสียจากวัคซีน และการรับผิดชอบทางละเมิด หากท่านกระทำการโดยประมาท https://drive.google.com/drive/folders/1z0_Qv-q7C9RXETMBkaqBcJHATVXNElbw?usp=share_link รายชื่อบุคลากรทางการแพทย์และผู้เชี่ยวชาญ ผู้ที่ต้องการให้ยุติการฉีดยีนไวรัส ที่หลอกว่าเป็นวัคซีน ดังนี้ ศ.ดร.สุจริต (บุณยรัตพันธุ์)ภักดี,นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง,อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์,ดร.ศรีวิชัย ศรีสุวรรณ,ดร.วีระพล โมนยะกุล,ดร.ธิดารัตน์ เอกศิริ,ดร.ภัทราภรณ์ พิมลไทย,โฉลก สัมพันธารักษ์,Natalie Proenca,อดิเทพ จาวลาห์,ผศ.ดร.ศรัณยา สุจริตกุล,ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา,ทพญ.เพ็ญนภา คณิตจินดา,ทพ.วัลลภ ธีรเวชกุล,พญ.ชนิฎา ศิริประภารัตน์,พญ.ภูสณิตา วิเศษปุณรัตน์,นพ.มนตรี เศรษฐบุตร,นพ.สำลี เปลี่ยนบางช้าง,ทญ.สรินภรณ์ ธีรเวชกุล,นพ.วัลลภ ธนเกียรติ์,ผศ.พญ.นิลรัตน์ นฤหล้า,นพ.วีระพล มงคลกุล,ศ.นพ.อมร เปรมกมล,ทพ.เกริกพันธุ์ ทองดี​,นพ.อลงกรณ์ ชุตินันท์,พญ.นรากร ลีปรีชานนท์,ทพ.เกรียง​ศักดิ์​ ลือ​กำลัง,พญ.​นวลอนงค์​ ลือ​กำลัง,นพ.ภาคภูมิ สุปิยพันธ์,ทพญ.อัมพา ทองดี,นพ.ศิริโรจน์ กิตติสารพงษ์,พญ.รัสรินทร์ กาญจนศศิศิลป์,พญ.ทิตยาวดี สัมพันธารักษ์,พญ.สุภาพร มีลาภ,แพทย์แผนจีนไกร บารมีเสริมส่ง,พท.กนกนุช​ ชิตวัฒนานนท์,พท.วิชากร จันทรโคตร,พท.วัชรธน อภิเลิศโสภณ,พท.มณฑล ภัทรภักดีกุล,พท.ปภาน ชัยเกษมวรากุล, พท.สุมนัสสา วาจรัต,พท.อภิชาติ กาญจนาพงศาเวช,ทนพ.ชัยศรี เลิศวิทยากูล,พว.ณัฐชฎา สมบูรณ์สุข,พว.ณัฐชฎา สมบูรณ์สุข,พว.ปาหนัน หวนไธสง,พว.บัวบาน อาชาศรัย,พว.ศิริรัตน์ คำไข,พว.วรนุชนันท์ ลภัสสุปภานันท์,พว.สุภรณ์ บุหลัน,พว.พิกุล เขื่อนคำ,ร.ต.พิลาสินี พันทองหลาง (นายทหารกายภาพบำบัด),กภญ.พรรณราย ชัยชมภู,ภก.วีรรัตน์ อภิวัฒนเสวี​,ภก.นชน มาตรชัยสิงห์,ภก.พัชราถรณ์ กาญจนบัตร,ภญ.พิรุณ​รัตน์​ เขื่อน​แก้ว,ภญ.วรณัน เกิดม่วงหมู่​,อสม.วิจิตรา จันทร์สม,ผู้ช่วย พยาบาลนพนันท์ จิตรตรง,รุ่งทิพย์ อาจารยา,เสียงเงิน สอนเย็น,จินตนา เดชศร,นวลละออ ศิโรรัตน์,มริยาท สารทอง,โชติกา ไทยฤทธิ์,เพนนี แจนส์ซ และรายชื่อประชาชนจากลิงค์ต่อไปนี้ https://docs.google.com/spreadsheets/d/1h1cE4qaAs062q-IxuEwzSWektFvCbVWs1UUpnA9z_gM/edit?usp=sharing ร่วมลงชื่อเพิ่มเติมใบแบบฟอร์มลิงก์ต่อไปนี้ https://forms.gle/LhtATTMenVmASZVH7 🇹🇭25.วันที่ 28 ม.ค.2566 โค๊ชนาตาลีจัดงานสัมนามีหัวข้อบางส่วนในนั้นคือสิ่งสำคัญที่สุด ที่คุณต้องตื่นรู้ในชีวิตนี้และเรียนรู้เรื่อง Mind Control ปลดล็อคจากการถูกควบคุมเพื่ออิสระภาพของคุณ บรรยายโดยแขกรับเชิญพิเศษ! คุณอดิเทพ จาวลาห์ 🇹🇭26.วันที่ 29 ม.ค.2566 ช่อง 3 นำคลิปสัมภาษณ์ นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง ออกรายงานข่าว 3มิติ https://t.me/clipcovid19/274 https://www.youtube.com/live/vEiTffjxaVk?si=EQ9bjfPjI2D_W1L7 🇹🇭27.วันที่ 31 ม.ค.2566 ตัวแทนกลุ่มคนไทยพิทักษ์สิทธิ์และกลุ่มต่อต้านวัคซีนทดลองประเทศไทยดังมีรายชื่อร่วมลงนามคือ ผู้เชี่ยวชาญ,บุคลากรทางการแพทย์ 56 รายชื่อและประชาชน 1270รายชื่อ ยื่นหนังสือ แนบข้อมูลต่อช่อง 3 เรื่อง ขอให้สื่อมีความเป็นกลางในการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 ระบุถึงพิษภัยหรือความอันตรายเพื่อให้ประชาชนทราบ ไม่ควรเสนอข่าวตามนโยบายภาครัฐเพียงด้านเดียว ถึงคุณสรยุทธ สุทัศนจินดาและคุณพิชยทัฬห์ จันทร์พุฒ แต่มีเจ้าหน้าที่มารับเรื่องแทน 🇹🇭28.วันที่ 10 ก.พ.2566 ตัวแทนกลุ่มฯ ยื่นหนังสือฯ ต่อคุณสมโภชน์ โตรักษา ผู้จัดการฝ่ายข่าวช่อง 7สี 🇹🇭29.วันที่ 14 ก.พ. 2566 นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง อ.ประจำคณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมสนทนาในรายการ "คนเคาะข่าว" ออกอากาศทาง SONDHI APP ในหัวข้อ "ฉีดอะไรเข้าไปในร่างกาย? เรื่องที่วงในการแพทย์รู้ แต่พูดไม่ได้" https://rumble.com/v29lyme-137073542.htmlฉีดอะไรเข้าไปในร่างกาย? 🇹🇭30.วันที่ 23 ก.พ.2565 คุณปรีดา บุญเพลิง พรรคครูไทยเพื่อประชาชน และตัวแทนกลุ่มฯ แถลงข่าวเรื่อง ผลกระทบของวัคซีน และ จะเสนอให้มีการดำเนินการทางกฎหมายเพื่อนำผู้ที่มีส่วนรับผิดชอบในเรื่องนี้มารับโทษให้ได้ https://www.facebook.com/MGRNEWS1/videos/1410158199794026/?mibextid=NnVzG8 หรือ https://fb.watch/iSMoW5QBTg/ 🇹🇭31.วันที่ 2 มี.ค.2566 ตัวแทนกลุ่มเข้าพบและยื่นหนังสือและข้อมูลให้กับคุณชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตสส. เรื่อง ขอให้ช่วยตรวจสอบความปลอดภัยและการละเมิดสิทธิ์เกี่ยวกับวัคซีนทดลองโควิด19 https://t.me/ThaiPitaksithData/2519
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 5259 มุมมอง 0 รีวิว