• Qualcomm เปิดตัว AI200 และ AI250 — ชิปเร่งการประมวลผล AI สำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ ท้าชน AMD และ Nvidia

    Qualcomm ประกาศเปิดตัวชิปเร่งการประมวลผล AI รุ่นใหม่ AI200 และ AI250 ที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานในดาต้าเซ็นเตอร์ โดยใช้สถาปัตยกรรม Hexagon NPU ที่พัฒนามาอย่างต่อเนื่อง พร้อมฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูง เพื่อรองรับงาน inference ขนาดใหญ่ เช่น Generative AI และ Transformer models

    ชิป AI200 จะเริ่มใช้งานในปี 2026 โดยมาพร้อมหน่วยความจำ LPDDR ขนาด 768 GB ต่อแร็ค และระบบระบายความร้อนแบบ liquid cooling รองรับการขยายแบบ scale-up ผ่าน PCIe และ scale-out ผ่าน Ethernet โดยมีพลังงานสูงถึง 160 kW ต่อแร็ค ซึ่งถือว่าแรงมากสำหรับงาน inference

    AI250 จะเปิดตัวในปี 2027 โดยเพิ่มสถาปัตยกรรม near-memory compute ที่ช่วยเพิ่มแบนด์วิดท์ของหน่วยความจำมากกว่า 10 เท่า และรองรับการแบ่งทรัพยากร compute/memory แบบ dynamic ระหว่างการ์ดต่าง ๆ

    ทั้งสองรุ่นรองรับการเข้ารหัสโมเดล AI, virtualization, และ confidential computing เพื่อให้เหมาะกับการใช้งานในองค์กรขนาดใหญ่ที่ต้องการความปลอดภัยสูง

    Qualcomm ยังพัฒนาแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์สำหรับ hyperscaler ที่รองรับเครื่องมือยอดนิยม เช่น PyTorch, ONNX, LangChain และ vLLM พร้อมระบบ onboarding โมเดลแบบคลิกเดียว

    Qualcomm เปิดตัว AI200 และ AI250
    AI200 ใช้งานปี 2026, AI250 ปี 2027
    ใช้ Hexagon NPU ที่รองรับ scalar, vector, tensor
    รองรับ INT2–INT16, FP8–FP16, micro-tile inferencing

    ความสามารถด้านฮาร์ดแวร์
    AI200 มี LPDDR 768 GB ต่อแร็ค, liquid cooling, 160 kW
    AI250 เพิ่ม near-memory compute และการแบ่งทรัพยากรแบบ dynamic
    รองรับ GenAI, confidential computing, และ model encryption

    แพลตฟอร์มซอฟต์แวร์
    รองรับ PyTorch, ONNX, LangChain, vLLM
    มีระบบ onboarding โมเดลแบบคลิกเดียว
    รองรับ disaggregated serving และ virtualization

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้งานระดับองค์กร
    ต้องเตรียมระบบระบายความร้อนและพลังงานให้เพียงพอ
    การใช้ AI inference ขนาดใหญ่ต้องมีการจัดการด้านความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
    ควรตรวจสอบความเข้ากันได้ของซอฟต์แวร์ก่อนใช้งานจริง

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/qualcomm-unveils-ai200-and-ai250-ai-inference-accelerators-hexagon-takes-on-amd-and-nvidia-in-the-booming-data-center-realm
    ⚙️ Qualcomm เปิดตัว AI200 และ AI250 — ชิปเร่งการประมวลผล AI สำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ ท้าชน AMD และ Nvidia Qualcomm ประกาศเปิดตัวชิปเร่งการประมวลผล AI รุ่นใหม่ AI200 และ AI250 ที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานในดาต้าเซ็นเตอร์ โดยใช้สถาปัตยกรรม Hexagon NPU ที่พัฒนามาอย่างต่อเนื่อง พร้อมฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูง เพื่อรองรับงาน inference ขนาดใหญ่ เช่น Generative AI และ Transformer models ชิป AI200 จะเริ่มใช้งานในปี 2026 โดยมาพร้อมหน่วยความจำ LPDDR ขนาด 768 GB ต่อแร็ค และระบบระบายความร้อนแบบ liquid cooling รองรับการขยายแบบ scale-up ผ่าน PCIe และ scale-out ผ่าน Ethernet โดยมีพลังงานสูงถึง 160 kW ต่อแร็ค ซึ่งถือว่าแรงมากสำหรับงาน inference AI250 จะเปิดตัวในปี 2027 โดยเพิ่มสถาปัตยกรรม near-memory compute ที่ช่วยเพิ่มแบนด์วิดท์ของหน่วยความจำมากกว่า 10 เท่า และรองรับการแบ่งทรัพยากร compute/memory แบบ dynamic ระหว่างการ์ดต่าง ๆ ทั้งสองรุ่นรองรับการเข้ารหัสโมเดล AI, virtualization, และ confidential computing เพื่อให้เหมาะกับการใช้งานในองค์กรขนาดใหญ่ที่ต้องการความปลอดภัยสูง Qualcomm ยังพัฒนาแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์สำหรับ hyperscaler ที่รองรับเครื่องมือยอดนิยม เช่น PyTorch, ONNX, LangChain และ vLLM พร้อมระบบ onboarding โมเดลแบบคลิกเดียว ✅ Qualcomm เปิดตัว AI200 และ AI250 ➡️ AI200 ใช้งานปี 2026, AI250 ปี 2027 ➡️ ใช้ Hexagon NPU ที่รองรับ scalar, vector, tensor ➡️ รองรับ INT2–INT16, FP8–FP16, micro-tile inferencing ✅ ความสามารถด้านฮาร์ดแวร์ ➡️ AI200 มี LPDDR 768 GB ต่อแร็ค, liquid cooling, 160 kW ➡️ AI250 เพิ่ม near-memory compute และการแบ่งทรัพยากรแบบ dynamic ➡️ รองรับ GenAI, confidential computing, และ model encryption ✅ แพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ ➡️ รองรับ PyTorch, ONNX, LangChain, vLLM ➡️ มีระบบ onboarding โมเดลแบบคลิกเดียว ➡️ รองรับ disaggregated serving และ virtualization ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้งานระดับองค์กร ⛔ ต้องเตรียมระบบระบายความร้อนและพลังงานให้เพียงพอ ⛔ การใช้ AI inference ขนาดใหญ่ต้องมีการจัดการด้านความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ⛔ ควรตรวจสอบความเข้ากันได้ของซอฟต์แวร์ก่อนใช้งานจริง https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/qualcomm-unveils-ai200-and-ai250-ai-inference-accelerators-hexagon-takes-on-amd-and-nvidia-in-the-booming-data-center-realm
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 19 มุมมอง 0 รีวิว
  • Foxconn ทุ่มงบ $1.37 พันล้าน สร้างศูนย์ซูเปอร์คอมพิวเตอร์และคลัสเตอร์ AI — ขยายแพลตฟอร์มคลาวด์และเร่งพัฒนาโครงสร้างอัจฉริยะ

    Foxconn หรือ Hon Hai Precision Industry Co Ltd ประกาศแผนลงทุนสูงสุดถึง NT$42 พันล้าน (ประมาณ $1.37 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อจัดซื้ออุปกรณ์สำหรับสร้างคลัสเตอร์ AI และศูนย์ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ โดยจะใช้เงินทุนของบริษัทเองตั้งแต่เดือนธันวาคม 2025 ถึงธันวาคม 2026

    Foxconn ซึ่งเป็นผู้ผลิตอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ที่สุดในโลก กำลังเร่งขยายธุรกิจด้าน AI และคลาวด์ โดยการลงทุนครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับแพลตฟอร์มคลาวด์ของบริษัท และเร่งพัฒนา “สามแพลตฟอร์มอัจฉริยะ” ที่เป็นยุทธศาสตร์หลักขององค์กร

    แม้จะยังไม่เปิดเผยสถานที่ตั้งของศูนย์ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ แต่แผนนี้ต่อยอดจากโครงการก่อนหน้า เช่น การร่วมมือกับ Nvidia สร้างศูนย์ AI ในไต้หวัน และการผลิตอุปกรณ์ดาต้าเซ็นเตอร์ร่วมกับ SoftBank ที่โรงงานเดิมในรัฐโอไฮโอ สหรัฐฯ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Stargate เพื่อเสริมโครงสร้างพื้นฐาน AI ในอเมริกา

    Foxconn กำลังเปลี่ยนบทบาทจากผู้ผลิตฮาร์ดแวร์แบบดั้งเดิม ไปสู่ผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐาน AI ระดับโลก โดยเน้นการลงทุนใน compute power, cloud services และ edge AI

    Foxconn ลงทุน $1.37 พันล้านในคลัสเตอร์ AI
    ใช้เงินทุนของบริษัทเอง
    ลงทุนระหว่าง ธ.ค. 2025 – ธ.ค. 2026
    ยังไม่เปิดเผยสถานที่ตั้งของศูนย์

    เป้าหมายของการลงทุน
    ขยายแพลตฟอร์มคลาวด์ของกลุ่ม
    เร่งพัฒนา “สามแพลตฟอร์มอัจฉริยะ”
    เสริมศักยภาพด้าน compute และ AI infrastructure

    โครงการที่เกี่ยวข้องก่อนหน้า
    ร่วมมือกับ Nvidia สร้างศูนย์ AI ในไต้หวัน
    ผลิตอุปกรณ์ดาต้าเซ็นเตอร์กับ SoftBank ที่โอไฮโอ
    เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Stargate เพื่อเสริม AI infrastructure ในสหรัฐฯ

    คำเตือนสำหรับผู้ติดตามอุตสาหกรรม AI
    การลงทุนขนาดใหญ่ใน compute power อาจกระตุ้นการแข่งขันด้านพลังงานและทรัพยากร
    การขยายโครงสร้างพื้นฐาน AI ต้องมาพร้อมการจัดการด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว
    การเปลี่ยนบทบาทของผู้ผลิตฮาร์ดแวร์อาจส่งผลต่อห่วงโซ่อุปทานเดิม

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/28/foxconn-to-invest-up-to-137-billion-in-ai-compute-cluster-supercomputing-centre
    🏭 Foxconn ทุ่มงบ $1.37 พันล้าน สร้างศูนย์ซูเปอร์คอมพิวเตอร์และคลัสเตอร์ AI — ขยายแพลตฟอร์มคลาวด์และเร่งพัฒนาโครงสร้างอัจฉริยะ Foxconn หรือ Hon Hai Precision Industry Co Ltd ประกาศแผนลงทุนสูงสุดถึง NT$42 พันล้าน (ประมาณ $1.37 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อจัดซื้ออุปกรณ์สำหรับสร้างคลัสเตอร์ AI และศูนย์ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ โดยจะใช้เงินทุนของบริษัทเองตั้งแต่เดือนธันวาคม 2025 ถึงธันวาคม 2026 Foxconn ซึ่งเป็นผู้ผลิตอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ที่สุดในโลก กำลังเร่งขยายธุรกิจด้าน AI และคลาวด์ โดยการลงทุนครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับแพลตฟอร์มคลาวด์ของบริษัท และเร่งพัฒนา “สามแพลตฟอร์มอัจฉริยะ” ที่เป็นยุทธศาสตร์หลักขององค์กร แม้จะยังไม่เปิดเผยสถานที่ตั้งของศูนย์ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ แต่แผนนี้ต่อยอดจากโครงการก่อนหน้า เช่น การร่วมมือกับ Nvidia สร้างศูนย์ AI ในไต้หวัน และการผลิตอุปกรณ์ดาต้าเซ็นเตอร์ร่วมกับ SoftBank ที่โรงงานเดิมในรัฐโอไฮโอ สหรัฐฯ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Stargate เพื่อเสริมโครงสร้างพื้นฐาน AI ในอเมริกา Foxconn กำลังเปลี่ยนบทบาทจากผู้ผลิตฮาร์ดแวร์แบบดั้งเดิม ไปสู่ผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐาน AI ระดับโลก โดยเน้นการลงทุนใน compute power, cloud services และ edge AI ✅ Foxconn ลงทุน $1.37 พันล้านในคลัสเตอร์ AI ➡️ ใช้เงินทุนของบริษัทเอง ➡️ ลงทุนระหว่าง ธ.ค. 2025 – ธ.ค. 2026 ➡️ ยังไม่เปิดเผยสถานที่ตั้งของศูนย์ ✅ เป้าหมายของการลงทุน ➡️ ขยายแพลตฟอร์มคลาวด์ของกลุ่ม ➡️ เร่งพัฒนา “สามแพลตฟอร์มอัจฉริยะ” ➡️ เสริมศักยภาพด้าน compute และ AI infrastructure ✅ โครงการที่เกี่ยวข้องก่อนหน้า ➡️ ร่วมมือกับ Nvidia สร้างศูนย์ AI ในไต้หวัน ➡️ ผลิตอุปกรณ์ดาต้าเซ็นเตอร์กับ SoftBank ที่โอไฮโอ ➡️ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Stargate เพื่อเสริม AI infrastructure ในสหรัฐฯ ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ติดตามอุตสาหกรรม AI ⛔ การลงทุนขนาดใหญ่ใน compute power อาจกระตุ้นการแข่งขันด้านพลังงานและทรัพยากร ⛔ การขยายโครงสร้างพื้นฐาน AI ต้องมาพร้อมการจัดการด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว ⛔ การเปลี่ยนบทบาทของผู้ผลิตฮาร์ดแวร์อาจส่งผลต่อห่วงโซ่อุปทานเดิม https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/28/foxconn-to-invest-up-to-137-billion-in-ai-compute-cluster-supercomputing-centre
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Foxconn to invest up to $1.37 billion in AI compute cluster, supercomputing centre
    TAIPEI (Reuters) -Taiwan's Foxconn said its board of directors has approved an investment plan to procure equipment for a AI compute cluster and a supercomputing centre, that will allow it to spend up to NT$42 billion ($1.37 billion).
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 19 มุมมอง 0 รีวิว
  • 10 ปัญหาใหญ่ที่ CISO และทีมไซเบอร์ต้องเผชิญในปี 2025 — จากภัยคุกคาม AI ถึงงบประมาณที่ไม่พอรับมือ

    บทความจาก CSO Online โดย Mary K. Pratt สรุป 10 ความท้าทายที่ผู้บริหารด้านความปลอดภัยข้อมูล (CISO) และทีมไซเบอร์ต้องเผชิญในยุคที่ภัยคุกคามซับซ้อนขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะจาก AI, quantum computing และการโจมตีที่ไม่เลือกเป้าหมายอีกต่อไป

    ในปี 2025 งานของ CISO ไม่ใช่แค่ป้องกันข้อมูล แต่ต้องรับมือกับความเร็วของภัยคุกคามที่เกิดจาก AI, การขาดแคลนบุคลากร, งบประมาณที่ไม่พอ และความคาดหวังจากผู้บริหารที่ต้องการให้ “ทุกอย่างปลอดภัย” โดยไม่เพิ่มทรัพยากร

    ภัยคุกคามจาก AI ไม่ใช่แค่การโจมตีแบบใหม่ แต่ยังรวมถึงข้อมูลที่ AI สร้างขึ้นเอง ซึ่งอาจกลายเป็น “ภัยจากภายใน” โดยไม่ตั้งใจ เช่น ข้อมูลแชตหรือคำสั่งที่หลุดออกไปโดยไม่ผ่านการตรวจสอบ

    นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงจาก quantum computing ที่อาจทำลายระบบเข้ารหัสในอนาคต และการโจมตีที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เช่น การเรียกค่าไถ่จากข้อมูลเด็กในโรงเรียน

    สรุป 10 ปัญหาใหญ่ที่ CISO ต้องเผชิญ

    การรักษาความปลอดภัยของโครงสร้าง AI
    ทีมยังไม่มีเครื่องมือหรือความรู้เพียงพอในการป้องกัน AI
    การใช้งาน AI เติบโตเร็วกว่าการวางมาตรการความปลอดภัย

    การโจมตีด้วย AI ที่เร็วและรุนแรงขึ้น
    เวลาที่แฮกเกอร์ใช้ในการเจาะระบบลดเหลือเพียงไม่กี่วินาที
    ต้องฝึกซ้อมรับมือแทบทุกวัน ไม่ใช่แค่เดือนละครั้ง

    การปกป้องข้อมูลในยุค AI
    ข้อมูลที่ AI สร้างขึ้นเอง เช่น แชตหรือคำสั่ง ต้องได้รับการจัดการ
    หลายองค์กรยังไม่รู้ว่าข้อมูลสำคัญอยู่ที่ไหน

    ภูมิทัศน์ภัยคุกคามที่ขยายตัว
    ระบบเชื่อมโยงกันมากขึ้น ทำให้จุดอ่อนเพิ่มขึ้น
    แฮกเกอร์มี supply chain ของตัวเองและใช้ AI เพิ่มประสิทธิภาพ

    การโจมตีที่โหดร้ายขึ้น
    ไม่มีเป้าหมายที่ “ปลอดภัย” อีกต่อไป เช่น โรงเรียนเด็กเล็กก็ถูกโจมตี
    แฮกเกอร์ไม่สนผลกระทบต่อเหยื่อ

    ข้อจำกัดด้านงบประมาณ
    งบเพิ่มขึ้นแต่ไม่ทันกับความรุนแรงของภัยคุกคาม
    ต้องลดต้นทุนโดยใช้ automation และ outsourcing

    การเตรียมพนักงานให้รับมือกับ phishing ขั้นสูง
    AI สร้างอีเมลหลอกลวงที่เหมือนจริงมาก
    ต้องฝึกซ้อม phishing simulation บ่อยขึ้น และมีบทลงโทษจริง

    ความเสี่ยงจาก quantum computing
    การเข้ารหัสปัจจุบันอาจถูกทำลายในอนาคต
    ต้องเริ่มวางแผนใช้ quantum-safe encryption

    การจัดลำดับความสำคัญ
    มีงานมากเกินไปแต่คนไม่พอ ต้องเลือกทำสิ่งที่สำคัญที่สุด
    ขาดแคลนบุคลากรด้านความปลอดภัยอย่างหนัก

    การประเมินความเสี่ยงให้ถูกต้อง
    ต้องเข้าใจความเสี่ยงที่ธุรกิจยอมรับได้
    ความเข้าใจระหว่าง CISO กับผู้บริหารลดลงจาก 84% เหลือ 64%

    คำเตือนสำหรับองค์กร
    อย่าคิดว่า AI จะปลอดภัยโดยอัตโนมัติ
    อย่ารอให้ quantum computing มาถึงก่อนจะเตรียมระบบ
    อย่ามองข้ามการฝึกพนักงาน แม้จะมีเทคโนโลยีป้องกันแล้ว

    https://www.csoonline.com/article/4077442/the-10-biggest-issues-cisos-and-cyber-teams-face-today-2.html
    🛡️ 10 ปัญหาใหญ่ที่ CISO และทีมไซเบอร์ต้องเผชิญในปี 2025 — จากภัยคุกคาม AI ถึงงบประมาณที่ไม่พอรับมือ บทความจาก CSO Online โดย Mary K. Pratt สรุป 10 ความท้าทายที่ผู้บริหารด้านความปลอดภัยข้อมูล (CISO) และทีมไซเบอร์ต้องเผชิญในยุคที่ภัยคุกคามซับซ้อนขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะจาก AI, quantum computing และการโจมตีที่ไม่เลือกเป้าหมายอีกต่อไป ในปี 2025 งานของ CISO ไม่ใช่แค่ป้องกันข้อมูล แต่ต้องรับมือกับความเร็วของภัยคุกคามที่เกิดจาก AI, การขาดแคลนบุคลากร, งบประมาณที่ไม่พอ และความคาดหวังจากผู้บริหารที่ต้องการให้ “ทุกอย่างปลอดภัย” โดยไม่เพิ่มทรัพยากร ภัยคุกคามจาก AI ไม่ใช่แค่การโจมตีแบบใหม่ แต่ยังรวมถึงข้อมูลที่ AI สร้างขึ้นเอง ซึ่งอาจกลายเป็น “ภัยจากภายใน” โดยไม่ตั้งใจ เช่น ข้อมูลแชตหรือคำสั่งที่หลุดออกไปโดยไม่ผ่านการตรวจสอบ นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงจาก quantum computing ที่อาจทำลายระบบเข้ารหัสในอนาคต และการโจมตีที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เช่น การเรียกค่าไถ่จากข้อมูลเด็กในโรงเรียน 📌 สรุป 10 ปัญหาใหญ่ที่ CISO ต้องเผชิญ ✅ การรักษาความปลอดภัยของโครงสร้าง AI ➡️ ทีมยังไม่มีเครื่องมือหรือความรู้เพียงพอในการป้องกัน AI ➡️ การใช้งาน AI เติบโตเร็วกว่าการวางมาตรการความปลอดภัย ✅ การโจมตีด้วย AI ที่เร็วและรุนแรงขึ้น ➡️ เวลาที่แฮกเกอร์ใช้ในการเจาะระบบลดเหลือเพียงไม่กี่วินาที ➡️ ต้องฝึกซ้อมรับมือแทบทุกวัน ไม่ใช่แค่เดือนละครั้ง ✅ การปกป้องข้อมูลในยุค AI ➡️ ข้อมูลที่ AI สร้างขึ้นเอง เช่น แชตหรือคำสั่ง ต้องได้รับการจัดการ ➡️ หลายองค์กรยังไม่รู้ว่าข้อมูลสำคัญอยู่ที่ไหน ✅ ภูมิทัศน์ภัยคุกคามที่ขยายตัว ➡️ ระบบเชื่อมโยงกันมากขึ้น ทำให้จุดอ่อนเพิ่มขึ้น ➡️ แฮกเกอร์มี supply chain ของตัวเองและใช้ AI เพิ่มประสิทธิภาพ ✅ การโจมตีที่โหดร้ายขึ้น ➡️ ไม่มีเป้าหมายที่ “ปลอดภัย” อีกต่อไป เช่น โรงเรียนเด็กเล็กก็ถูกโจมตี ➡️ แฮกเกอร์ไม่สนผลกระทบต่อเหยื่อ ✅ ข้อจำกัดด้านงบประมาณ ➡️ งบเพิ่มขึ้นแต่ไม่ทันกับความรุนแรงของภัยคุกคาม ➡️ ต้องลดต้นทุนโดยใช้ automation และ outsourcing ✅ การเตรียมพนักงานให้รับมือกับ phishing ขั้นสูง ➡️ AI สร้างอีเมลหลอกลวงที่เหมือนจริงมาก ➡️ ต้องฝึกซ้อม phishing simulation บ่อยขึ้น และมีบทลงโทษจริง ✅ ความเสี่ยงจาก quantum computing ➡️ การเข้ารหัสปัจจุบันอาจถูกทำลายในอนาคต ➡️ ต้องเริ่มวางแผนใช้ quantum-safe encryption ✅ การจัดลำดับความสำคัญ ➡️ มีงานมากเกินไปแต่คนไม่พอ ต้องเลือกทำสิ่งที่สำคัญที่สุด ➡️ ขาดแคลนบุคลากรด้านความปลอดภัยอย่างหนัก ✅ การประเมินความเสี่ยงให้ถูกต้อง ➡️ ต้องเข้าใจความเสี่ยงที่ธุรกิจยอมรับได้ ➡️ ความเข้าใจระหว่าง CISO กับผู้บริหารลดลงจาก 84% เหลือ 64% ‼️ คำเตือนสำหรับองค์กร ⛔ อย่าคิดว่า AI จะปลอดภัยโดยอัตโนมัติ ⛔ อย่ารอให้ quantum computing มาถึงก่อนจะเตรียมระบบ ⛔ อย่ามองข้ามการฝึกพนักงาน แม้จะมีเทคโนโลยีป้องกันแล้ว https://www.csoonline.com/article/4077442/the-10-biggest-issues-cisos-and-cyber-teams-face-today-2.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    The 10 biggest issues CISOs and cyber teams face today
    From escalating AI-enabled threats to budgets that don’t scale alongside expanding threat landscapes, security leaders are reshaping their agendas to address several key long-standing and emerging concerns.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 17 มุมมอง 0 รีวิว
  • iPad Pro รุ่นใหม่จะมาพร้อมระบบระบายความร้อน Vapor Chamber และชิป M6 เปิดตัวปี 2027

    Apple เตรียมเปิดตัว iPad Pro รุ่นถัดไปที่ใช้ชิป M6 พร้อมระบบระบายความร้อนแบบ Vapor Chamber ซึ่งจะช่วยลดปัญหาเครื่องร้อนและประสิทธิภาพตกเมื่อใช้งานหนัก เช่น การตัดต่อวิดีโอหรือเรนเดอร์ 3D โดยคาดว่าจะเปิดตัวในช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2027

    Apple กำลังพัฒนา iPad Pro รุ่นใหม่ที่ใช้ชิป M6 ซึ่งจะมาพร้อมเทคโนโลยีระบายความร้อนแบบ Vapor Chamber (VC) ที่เคยใช้ใน iPhone 17 Pro โดยระบบนี้จะช่วยลดความร้อนสะสมและป้องกันการลดประสิทธิภาพเมื่อใช้งานหนัก

    การใช้ Vapor Chamber ถือเป็นก้าวสำคัญ เพราะ iPad Pro เริ่มถูกใช้ในงานระดับมืออาชีพมากขึ้น เช่น ตัดต่อวิดีโอ 4K, สร้างโมเดล 3D หรือทำงานกราฟิก ซึ่งต้องการความเสถียรและประสิทธิภาพสูงอย่างต่อเนื่อง

    หากการใช้งาน VC ใน iPhone และ iPad Pro ได้ผลดี Apple อาจขยายไปยังอุปกรณ์อื่นที่ใช้ระบบระบายความร้อนแบบ passive เช่น MacBook Air ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีพัดลม

    Apple ยังคงรักษารอบการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ไว้ที่ประมาณ 18 เดือน ทำให้ iPad Pro รุ่นใหม่ที่ใช้ชิป M6 และระบบ VC น่าจะเปิดตัวในช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2027

    iPad Pro รุ่นใหม่
    ใช้ชิป M6 ที่มีประสิทธิภาพสูง
    มาพร้อมระบบระบายความร้อน Vapor Chamber
    ลดปัญหาเครื่องร้อนและประสิทธิภาพตก

    ประโยชน์ของ Vapor Chamber
    ป้องกัน thermal throttling เมื่อใช้งานหนัก
    เหมาะกับงานระดับมืออาชีพ เช่น ตัดต่อวิดีโอและเรนเดอร์ 3D
    เพิ่มความเสถียรในการทำงานต่อเนื่อง

    แนวโน้มการขยายเทคโนโลยี
    หากได้ผลดี อาจนำไปใช้กับ MacBook Air และอุปกรณ์อื่น
    รองรับการใช้งานที่ต้องการระบบ passive cooling

    กำหนดการเปิดตัว
    คาดว่าจะเปิดตัวในฤดูใบไม้ผลิปี 2027
    อยู่ในรอบการรีเฟรชผลิตภัณฑ์ทุก 18 เดือน

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้งานระดับมืออาชีพ
    หากใช้งานหนักโดยไม่มีระบบระบายความร้อนที่ดี อาจทำให้เครื่องร้อนและช้าลง
    อุปกรณ์ที่ไม่มีพัดลมอาจไม่เหมาะกับงานที่ใช้ทรัพยากรสูงต่อเนื่อง

    https://securityonline.info/next-gen-power-ipad-pro-gets-vapor-chamber-cooling-for-m6-chip/
    📱 iPad Pro รุ่นใหม่จะมาพร้อมระบบระบายความร้อน Vapor Chamber และชิป M6 เปิดตัวปี 2027 Apple เตรียมเปิดตัว iPad Pro รุ่นถัดไปที่ใช้ชิป M6 พร้อมระบบระบายความร้อนแบบ Vapor Chamber ซึ่งจะช่วยลดปัญหาเครื่องร้อนและประสิทธิภาพตกเมื่อใช้งานหนัก เช่น การตัดต่อวิดีโอหรือเรนเดอร์ 3D โดยคาดว่าจะเปิดตัวในช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2027 Apple กำลังพัฒนา iPad Pro รุ่นใหม่ที่ใช้ชิป M6 ซึ่งจะมาพร้อมเทคโนโลยีระบายความร้อนแบบ Vapor Chamber (VC) ที่เคยใช้ใน iPhone 17 Pro โดยระบบนี้จะช่วยลดความร้อนสะสมและป้องกันการลดประสิทธิภาพเมื่อใช้งานหนัก การใช้ Vapor Chamber ถือเป็นก้าวสำคัญ เพราะ iPad Pro เริ่มถูกใช้ในงานระดับมืออาชีพมากขึ้น เช่น ตัดต่อวิดีโอ 4K, สร้างโมเดล 3D หรือทำงานกราฟิก ซึ่งต้องการความเสถียรและประสิทธิภาพสูงอย่างต่อเนื่อง หากการใช้งาน VC ใน iPhone และ iPad Pro ได้ผลดี Apple อาจขยายไปยังอุปกรณ์อื่นที่ใช้ระบบระบายความร้อนแบบ passive เช่น MacBook Air ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีพัดลม Apple ยังคงรักษารอบการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ไว้ที่ประมาณ 18 เดือน ทำให้ iPad Pro รุ่นใหม่ที่ใช้ชิป M6 และระบบ VC น่าจะเปิดตัวในช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2027 ✅ iPad Pro รุ่นใหม่ ➡️ ใช้ชิป M6 ที่มีประสิทธิภาพสูง ➡️ มาพร้อมระบบระบายความร้อน Vapor Chamber ➡️ ลดปัญหาเครื่องร้อนและประสิทธิภาพตก ✅ ประโยชน์ของ Vapor Chamber ➡️ ป้องกัน thermal throttling เมื่อใช้งานหนัก ➡️ เหมาะกับงานระดับมืออาชีพ เช่น ตัดต่อวิดีโอและเรนเดอร์ 3D ➡️ เพิ่มความเสถียรในการทำงานต่อเนื่อง ✅ แนวโน้มการขยายเทคโนโลยี ➡️ หากได้ผลดี อาจนำไปใช้กับ MacBook Air และอุปกรณ์อื่น ➡️ รองรับการใช้งานที่ต้องการระบบ passive cooling ✅ กำหนดการเปิดตัว ➡️ คาดว่าจะเปิดตัวในฤดูใบไม้ผลิปี 2027 ➡️ อยู่ในรอบการรีเฟรชผลิตภัณฑ์ทุก 18 เดือน ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้งานระดับมืออาชีพ ⛔ หากใช้งานหนักโดยไม่มีระบบระบายความร้อนที่ดี อาจทำให้เครื่องร้อนและช้าลง ⛔ อุปกรณ์ที่ไม่มีพัดลมอาจไม่เหมาะกับงานที่ใช้ทรัพยากรสูงต่อเนื่อง https://securityonline.info/next-gen-power-ipad-pro-gets-vapor-chamber-cooling-for-m6-chip/
    SECURITYONLINE.INFO
    Next-Gen Power: iPad Pro Gets Vapor Chamber Cooling for M6 Chip
    Apple plans to add vapor chamber cooling to the M6-powered iPad Pro (expected 2027) to prevent thermal throttling during intensive professional workloads.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 18 มุมมอง 0 รีวิว
  • Amazon เปิดตัวหุ่นยนต์ Blue Jay และ AI Eluna พลิกโฉมโลจิสติกส์ เพิ่มประสิทธิภาพ ลดภาระพนักงาน

    Amazon เผยโฉมนวัตกรรมใหม่ในระบบโลจิสติกส์ ได้แก่ “Blue Jay” หุ่นยนต์แขนกลอัจฉริยะ และ “Project Eluna” ผู้ช่วย AI สำหรับผู้จัดการคลังสินค้า โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความปลอดภัย ลดงานซ้ำซ้อน และยกระดับประสิทธิภาพการจัดส่ง

    Amazon กำลังเร่งพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อยกระดับการทำงานในคลังสินค้า โดยเปิดตัว 2 เทคโนโลยีใหม่ ได้แก่:

    1️⃣ Blue Jay – หุ่นยนต์แขนกลหลายแขนที่สามารถทำงานร่วมกับพนักงานได้อย่างคล่องตัว เช่น หยิบของ เก็บของ และจัดเรียงสินค้าในพื้นที่เดียวกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เปรียบเสมือน “นักเล่นกลที่ไม่เคยทำของตก” และ “วาทยกร” ที่ควบคุมการเคลื่อนไหวอย่างแม่นยำ โดยใช้พื้นที่น้อยลงแต่ทำงานได้มากขึ้น ปัจจุบันกำลังทดสอบในศูนย์ของ Amazon ที่เซาท์แคโรไลนา และสามารถจัดการสินค้ากว่า 75% ของคลังได้แล้ว

    2️⃣ Project Eluna – ผู้ช่วย AI สำหรับผู้จัดการคลังสินค้า ที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลเรียลไทม์และประวัติการทำงาน เพื่อแนะนำการตัดสินใจ เช่น การจัดสรรพนักงานเพื่อหลีกเลี่ยงคอขวดในระบบ โดยผู้จัดการสามารถถามคำถามเชิงกลยุทธ์ เช่น “ควรย้ายพนักงานไปตรงไหนเพื่อป้องกันความล่าช้า?” แล้ว Eluna จะให้คำตอบที่มีข้อมูลรองรับ

    ทั้งสองเทคโนโลยีนี้มีเป้าหมายร่วมกันคือ ลดภาระงานซ้ำซ้อน เพิ่มความปลอดภัยทางกายภาพ และเปิดโอกาสให้พนักงานได้พัฒนาทักษะในงานที่มีคุณค่ามากขึ้น

    หุ่นยนต์ Blue Jay
    เป็นระบบแขนกลหลายแขนที่ทำงานร่วมกับพนักงาน
    รวม 3 สถานีงาน (หยิบ-เก็บ-รวมสินค้า) ไว้ในจุดเดียว
    ใช้พื้นที่น้อยลงแต่ทำงานได้มากขึ้น
    ทดสอบแล้วในศูนย์ Amazon ที่เซาท์แคโรไลนา

    AI ผู้ช่วย Project Eluna
    วิเคราะห์ข้อมูลเรียลไทม์และประวัติการทำงาน
    แนะนำการจัดสรรทรัพยากรเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา
    ช่วยให้ผู้จัดการวางแผนเชิงรุก แทนการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า

    เป้าหมายของเทคโนโลยี
    ลดงานซ้ำซ้อน เพิ่มความปลอดภัยในการทำงาน
    สนับสนุนการเติบโตของพนักงานในบทบาทที่มีคุณค่ามากขึ้น

    คำเตือนเกี่ยวกับการใช้ AI และหุ่นยนต์ในที่ทำงาน
    ควรมีการฝึกอบรมพนักงานให้เข้าใจการทำงานร่วมกับ AI
    ต้องมีมาตรการป้องกันการพึ่งพาเทคโนโลยีมากเกินไป
    ควรติดตามผลกระทบต่อแรงงานในระยะยาวอย่างใกล้ชิด

    https://securityonline.info/future-of-logistics-amazon-unveils-blue-jay-robot-and-eluna-ai-assistant/
    🤖 Amazon เปิดตัวหุ่นยนต์ Blue Jay และ AI Eluna พลิกโฉมโลจิสติกส์ เพิ่มประสิทธิภาพ ลดภาระพนักงาน Amazon เผยโฉมนวัตกรรมใหม่ในระบบโลจิสติกส์ ได้แก่ “Blue Jay” หุ่นยนต์แขนกลอัจฉริยะ และ “Project Eluna” ผู้ช่วย AI สำหรับผู้จัดการคลังสินค้า โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความปลอดภัย ลดงานซ้ำซ้อน และยกระดับประสิทธิภาพการจัดส่ง Amazon กำลังเร่งพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อยกระดับการทำงานในคลังสินค้า โดยเปิดตัว 2 เทคโนโลยีใหม่ ได้แก่: 1️⃣ Blue Jay – หุ่นยนต์แขนกลหลายแขนที่สามารถทำงานร่วมกับพนักงานได้อย่างคล่องตัว เช่น หยิบของ เก็บของ และจัดเรียงสินค้าในพื้นที่เดียวกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เปรียบเสมือน “นักเล่นกลที่ไม่เคยทำของตก” และ “วาทยกร” ที่ควบคุมการเคลื่อนไหวอย่างแม่นยำ โดยใช้พื้นที่น้อยลงแต่ทำงานได้มากขึ้น ปัจจุบันกำลังทดสอบในศูนย์ของ Amazon ที่เซาท์แคโรไลนา และสามารถจัดการสินค้ากว่า 75% ของคลังได้แล้ว 2️⃣ Project Eluna – ผู้ช่วย AI สำหรับผู้จัดการคลังสินค้า ที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลเรียลไทม์และประวัติการทำงาน เพื่อแนะนำการตัดสินใจ เช่น การจัดสรรพนักงานเพื่อหลีกเลี่ยงคอขวดในระบบ โดยผู้จัดการสามารถถามคำถามเชิงกลยุทธ์ เช่น “ควรย้ายพนักงานไปตรงไหนเพื่อป้องกันความล่าช้า?” แล้ว Eluna จะให้คำตอบที่มีข้อมูลรองรับ ทั้งสองเทคโนโลยีนี้มีเป้าหมายร่วมกันคือ ลดภาระงานซ้ำซ้อน เพิ่มความปลอดภัยทางกายภาพ และเปิดโอกาสให้พนักงานได้พัฒนาทักษะในงานที่มีคุณค่ามากขึ้น ✅ หุ่นยนต์ Blue Jay ➡️ เป็นระบบแขนกลหลายแขนที่ทำงานร่วมกับพนักงาน ➡️ รวม 3 สถานีงาน (หยิบ-เก็บ-รวมสินค้า) ไว้ในจุดเดียว ➡️ ใช้พื้นที่น้อยลงแต่ทำงานได้มากขึ้น ➡️ ทดสอบแล้วในศูนย์ Amazon ที่เซาท์แคโรไลนา ✅ AI ผู้ช่วย Project Eluna ➡️ วิเคราะห์ข้อมูลเรียลไทม์และประวัติการทำงาน ➡️ แนะนำการจัดสรรทรัพยากรเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา ➡️ ช่วยให้ผู้จัดการวางแผนเชิงรุก แทนการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ✅ เป้าหมายของเทคโนโลยี ➡️ ลดงานซ้ำซ้อน เพิ่มความปลอดภัยในการทำงาน ➡️ สนับสนุนการเติบโตของพนักงานในบทบาทที่มีคุณค่ามากขึ้น ‼️ คำเตือนเกี่ยวกับการใช้ AI และหุ่นยนต์ในที่ทำงาน ⛔ ควรมีการฝึกอบรมพนักงานให้เข้าใจการทำงานร่วมกับ AI ⛔ ต้องมีมาตรการป้องกันการพึ่งพาเทคโนโลยีมากเกินไป ⛔ ควรติดตามผลกระทบต่อแรงงานในระยะยาวอย่างใกล้ชิด https://securityonline.info/future-of-logistics-amazon-unveils-blue-jay-robot-and-eluna-ai-assistant/
    SECURITYONLINE.INFO
    Future of Logistics: Amazon Unveils Blue Jay Robot and Eluna AI Assistant
    Amazon introduced Blue Jay, a multi-arm robot for packing, and Project Eluna, an AI assistant for managers, promising safer, faster operations.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 18 มุมมอง 0 รีวิว


  • ..จริงๆย่อมาไทย สงครามที่คนไทยเจอจริงๆคือสงครามกฎหมาย ,จะผ่านด่านใดๆต้องอาศัยข้อกฎหมายในการปล้นชิง แย่งชิงได้อย่างใสซื่อ ชอบธรรมที่สุดเพราะทุกๆอย่างจะจบที่ข้อกฎหมายนำมาอ้าง มาหยิบยก การแย่งชิงใดๆจะบันทึกเป็นกฎกันให้ต่างบังคับกันให้ปฏิบัติ ใครเขียนกฎหมายได้ก็ยึดประเทศนั้นได้ ใครสร้างกฎหมาย ใครสร้างกฎ ใครทำลายกฎหมายก็สามารถทำตามสิ่งที่ตนต้องการได้หมด ทั้งสร้างทั้งทำ ,เรา..อยู่ในสงครามกฎหมาย ต่างชาติใช้กฎหมายภายในที่เปิดช่องเพื่อต้องให้มันเข้ามาอย่างถูกกฎหมาย อย่างถูกต้องชอบธรรม จึงต้องยึดคนสร้างกฎหมายในไทยให้ได้ บีบบังคับ กดดันคนมีอำนาจสร้างกฎหมายให้มันปล้นชิงอย่างชอบธรรมให้ไม่น่าเกียจในยุคปัจจุบันนี้ให้ได้ mou43,44ก็ข้อกฎหมายทั้งนั้น,ผ่านอำนาจกฎหมายจากนายกฯหรือคณะครม. ก็มีกฎหมายมาค้ำคอหมด ต่างชาติจะทำอะไรได้ในไทยต้องผ่านกฎหมายไทย เขียนกฎหมายให้ต่างชาติทำได้ก่อน เช่นนั้นจะทำไม่ได้อย่างชอบธรรมอะไรใดๆเลย,การทำลายกฎหมายของการเอื้ออำนวยต่างชาติคือการปลดปล่อยประเทศไทยที่ถูกทาง ชอบธรรมโดยหลักสากลปกติ ไม่ต้องคิดมากอะไรและง่ายดายมาก เขียนกฎหมายใดๆได้หมดหากจะปกป้องอธิปไตยจากคนต่างประเทศ.
    ..สงครามที่เกิดกับไทยแท้จริงคือสงครามกฎหมายภายในเราเองโดยต่างชาติพยายามสร้างพยายามลงมือยิงเราผ่านช่องทางนี้ พยายามโจมตี พยายามยึดเมือง ยึดพื้นที่ที่ดิน ยึดครองที่ดินผ่านช่องทางกฎหมายให้ตนเองดูมีความชอบธรรมก่อน,เมื่อยึดใดๆได้แล้วหรือยึดพื้นที่ ยึดที่อยู่ที่อาศัย ยึดทรัพยากร ก็จะยึดทั้งประเทศไทยได้เบ็ดเสร็จต่อไป จึงกลับมาเขียนกฎหมายฉบับตนเองใหม่ทั้งหมดต่อไปในส่วนของมันที่ยึดครองประเทศไทยได้หมดแล้ว,
    ..ข่าวคราวยิวทำไมเกิดข่าวเด่นชัดในยุครัฐบาลอนุทิน มีสองกรณีคือต่อต้านยิว กับเป็นฝ่ายยิว ยอมรับยิว,แต่อย่าลืมว่า้พรรคภูมิใจไทยมุสลิมไม่น้อยเต็มพรรค ไม่พอใจยิวที่ทำกับปาเลสไตน์แน่นอน,คนอาหรับคนมุสลิมรู้ไส้รู้พุงรู้สันดานกันและกันอีก เขาคือศัตรูกันจึงไม่ชอบยิวอิสราเอลในภาพรวม,การต่อต้านยิวสายใต้ดินจึงเต็มที่,อย่าลืมว่าอิสลามไม่ดีในไทยรวมมือกับต่างชาติอิสลามนอกไทยจะยึดประเทศไทยก็มีเช่นกัน,ยิวเข้ามาขัดคอขัดจังหวะของกินตนย่อมไม่พอใจด้วย,กระบวนการสร้างความเกลียดยิวให้คนไทยมาเกลียดยิวจึงเริ่มขึ้น,ยิวก็ไซออนิสต์ก็ถูกสั่งสอนมาจากอนูคานีศาสนาดาเดียวกันกับอิสลาม ใครต่างศาสนาลัทธิความเชื่อมันคือศัตรูต่อพระเจ้ามันหมด ต้องไล่ล่ากำจัดทิ้งฆ่าสังหารคนต่างศาสนาตนที่ไม่ได้นับถือลัทธีรีตศาสนาแบบตนนั้นเอง มันอนูนาคีสั่งสอนแบบนี้ทั้งยิวซาตานไซออนิสต์ยุโรปทั้งอิสลามทั่วโลกเอาเด็กทำเมียไม่ผิดหลักศาสนา,ยิวที่ฆ่าคนปาเลสไตน์เด็ก คนแก่คนชรา หญิงชาย ล้วนมันมองแบบเดียวกันคือคนต่างศาสนาฆ่าได้ทันทีไม่ผิดต่อพระเจ้า ได้ขึ้นสวรรค์ด้วย อิสลามก็ฆ่าคนละทิ้งศาสนาละทิ้งพระเจ้า คนนอกศาสนาอิสลามไม่ผิดต่อพระเจ้า ช่วยกำจัดแทนพระเจ้า ได้ขึ้นสวรรค์โน้นเหมือนกัน ต่างดาวชั่วเลวแบบอนูนาคีชั่วเลวสั่งสอนทั้งอิสลามและยิวคริสต์ไซออนิสต์อิลูมินาติจึงอนาถโคตรๆแก่ผู้บริสุทธิ์ทั่วโลกชาวโลกในปัจจุบันให้หลงผิดทั้งโลก,ไทยจึงจะเป็นสนามบอลอีกแห่งให้คนยิวอิสราเอลตีกับอิสลามในไทยคงไม่นาน บัดสบที่สุดคืออิสลามยุแหย่ให้มาร่วมตียิวในสนามด้วย,ซึ่งจริงๆต้องไล่ถีบทั้งคู่ที่ไม่ดีออกจากประเทศไทยออกจากสนามไปตีกันเองในพื้นที่อื่น,เพราะประเทศไทยสงวนไว้ให้ยิวนิสัยดีคนดี อิสลามดีคนดี มาร่วมอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขได้ มาสร้างชาติไทยร่วมสร้างชาติไทย คนไทยและผู้มาร่วมอาศัยต่างประเทศมาอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข เมตตารักดีต่อกัน ช่วยเหลือกันและกัน ไม่ยึดครองยึดเอาเป็นของตนที่มาอาศัยแผ่นดินไทยอยู่ ไม่ก้าวล่วงทำร้ายทำลายกัน อิสระเสรีไปมาอยู่ร่วมกันอย่างร่มเย็นสงบสุขสามัคคีกันแม้ต่างชาติต่างศาสนากัน มิใช่แดกกันแดกมนุษย์ ทำลายฆ่ากันบนแผ่นดินไทย เลอะเทอะต่อบ้านต่อเมืองต่อประเทศไทยต่อคนไทย จนลุแก่ปัจจัยทรัพย์สินเงินทองตนอำนาจเครือข่ายตนจนอยากยึดประเทศไทยถือว่าผิดสันดานผู้หลบภัยหลบหนีร้อนมาพึ่งเย็นบนแผ่นดินไทยมาก อาจสมควรตายและถูกกำจัดทิ้งออกจากประเทศไทยเช่นกันเป็นภัยอันตรายต่อเจ้าของประเทศไทยคือคนไทยเรา,เราจะไปอาศัยแล้วจะยึดบ้านเมืองเขาเหมือนกัน เขาหรือใครเขาจะยอมเช่นกัน,ประเทศไทยก็ยอมไม่ได้,ไม่มีชาติไหนที่อิสลามเต็มประเทศไทยสวัสดิการดีมากมาย,ไม่มีชาติไหนแบบไทย ยิวจะเต็มอ.ปาย เต็ม เกาะพะงัน เต็มภาคใต้เสรีอิสระขนาดนั้น,ไทยให้โอกาสคนทุกๆคนทั่วโลกมาเป็นคนดีเพื่อตนเองและเพื่อโลก มาร่วมสร้างสันติสุขร่วมกันย่อลงมาคือราชอาณาจักรไทยเขตประเทศไทยคืออย่างน้อย,การกวาดล้างปราบการคตโกงล้างทำความสะอาดเมืองไทยให้น่าอยู่โดยเฉพาะคนข้าราชการไทยเทา นักการเมืองไทยเทา เจ้าของกิจการไทยเทาเจ้าสัวชั่วเลวไทยเทาผูกขาดไร้กระจายความมั่งคั่งทางวัตถุให้สมดุลเจริญต่อจิตใจถือว่าคนเหล่านี้ขัดขวางการยกจิตยกใจทางดีงามคนไทยและคนดีๆที่หมายดีมาร่วมพักพิงมาเยือนอาศัยชั่วคราวในไทยให้จิตใจตกต่ำชั่วเลวไปด้วยถือว่าต้องถูกกวาดล้างและกำจัดทั้งหมด,สมมุติทางโลกเสียสมดุล รวยจนต่างกันมากเกินไปผ่านวิถีกฎหมายการปกครองของคนเทาๆในไทยเราแบบนี้,ค่าจริงจึงไม่สดใส จิตใจที่ดีงามของคนไทยและผู้มาเยือนท่องเที่ยวจะถือทำลายไปด้วย,วัตถุธาตุเจริญทางทรัพย์สินเงินทองต้องร่วมหล่อเลี้ยงจิตใจให้ดีงามไปด้วย อาหารทางวัตถุหล่อเลี้ยงอาหารทางจิตใจจิตวิญญาณคนไทยและคนมาเยือนเยี่ยมย่อมสมดุลควบคู่กันไปด้วย,เสมือนคนมีหนี้สินล้นเต็มตัว ย่อมฝันไปเลยจะมีจิตใจความคิดอ่านที่เป็นปกติได้ ทุกข์ทั้งทางวัตถุและจิตใจจึงตกต่ำก็อันเดียวกัน,การกวาดล้างทำลายจึงต้องจัดการคนเหล่านี้จริงจังภายในประเทศไทยเรานี้ล่ะ,กองทัพไทย ทหารไทยคือทางเดียวด้วยกฎอัยการศึกพิเศษแบบนี้เท่านั้นจริงเมื่อดูรูปกาลเวลาทั้งหมดภาพรวมมันเน่าเละหมดโดยอำนาจทางการเมืองของนักการเมืองในปัจจุบัน มันส่อไปทางชั่วเลวให้ชาติบ้านเมืองพินาศพิบัติพังพินาศสิ้นชาติชัดเจนแบบสืบทอดต่อยอดรับงานกันเป็นทอดๆมิให้ใครจับได้ด้วย ทำชั่วให้แบบแนบเนียนนั้นเอง,เดอะแก๊งทำลายชาติไทยชัดเจนนั้นเอง ทหารไทยทหารประชาชนทหารพระราชาจึงต้องเด็ดขาดจัดการมันเสีย.

    .............................

    สงครามไฮบริด คือ อะไร ทำไม คนไทย ต้องรู้จัก

    สงครามที่เรา รู้จักกัน ไม่ว่า จะเป็นสงครามในอดีต หรือในปัจจุบัน ล้วนเกี่ยวข้องกับการ แย่งชิง หรือ ยึดครอง ทรัพยากร ของคู่ต่อสู้ ตัวอย่างชัดๆ คือ วิกฤต รศ.112 ที่ฝรั่งเศสเอาเรือปืน เอากองทัพมา “ปล้น” แผ่นดินสยาม แถมเรียกค่าปฏิกรณ์สงครามเป็น “ เงินถุงแดง”
    ในปัจจุบันก็ไม่ต่างกัน ตัวอย่างชัดๆ คือ สงครามในอิสราเอล ที่แย่งชิงพื้นที่ทำกิน พื้นที่อาศัย ระหว่าง เจ้าของพื้นที่ ชาวปาเลสไตน์ กับ ชาวคาซาร์เรียน ยิว (Khazarian ) ที่ อ้างว่าเป็นชาวอิสราเอล ที่เอากองทัพมาเข่นฆ่า เด็ก สตรี และคนชรา ทำแม้แต่ทิ้งระเบิดถล่ม โรงพยาบาล เพื่อขับไล่คนปาเลสไตน์ออกจากพื้นที่ ที่ต้องการยึดครอง

    แต่นอกจากสงคราม “ในรูปแบบ ” ตามที่ยกตัวอย่างแล้ว ยังมี สงคราม “นอกรูปแบบ” ที่ใช้กลยุทธ์ ผสมผสาน (hybrid) ที่มีวัตถุประสงค์เดียวกัน คือ “ยึดครองทรัพยากร”
    เทียบให้เห็นภาพชัดๆ คือ สมัยก่อน โจรจะปล้น ก็เอาปืนจี้ แต่ปัจจุบันนี้ ใช้วิธี ฉ้อโกง หลอกลวง คอลเซนเตอร์ ไซเบอร์แอทแทก ฯลฯ เพื่อปล้นทรัพย์ ในระดับ ประเทศก็ไม่ต่างกัน
    สงครามดังกล่าวมีตั้งแต่
    1.สงครามการเงิน ตัวอย่างเช่น วิกฤติต้มยำกุ้ง
    2. สงครามข้อมูลข่าวสาร ให้ข้อมูลที่บิดเบือน หรือ ดึงความสนใจให้ไปสนใจเรื่องอื่นที่ไม่สำคัญ เพื่อทำเรื่องที่ต้องการ
    3. สงครามไซเบอร์ ตย เช่น กรณีระบบ คอมพิวเตอร์ที่พึ่งล่ม ทำคนติดค้างในสนามบิน🖥

    แต่สงครามที่พึ่ง สร้างความเสียหายให้กับหลายประเทศทั่วโลก เร็วๆ นี้ คือ “สงครามชีวภาพ” สงครามที่ใช้ “เชื้อโรค” ใช้ “ยา” เป็นอาวุธ
    สงครามที่เรารู้จัก กันว่า “การระบาดของโควิด”
    ซึ่ง มีข้อมูลชัดเจนว่า กระทรวงกลาโหม สหรัฐ เป็นผู้ให้ทุนวิจัย
    และ บริษัทยายักษ์ใหญ่ เป็นผู้ได้รับผลประโยชน์ บริษัทที่มีผู้ถือหุ้นใหญ่เป็น กลุ่มเดียวกันกับ ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ อุตสากรรมอาวุธ ของอเมริกา

    อาจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ ได้นำหลักฐานที่ยืนยันว่า การระบาดครั้งนี้มีการเตรียม การล่วงหน้า มีการให้ทุนสนับสนุน มีการ ถอนทุนคืน มาตีแผ่ เป็นบทความสาม ตอน ที่ คนไทยทุกคน และฝ่ายความมั่นคงควร “ต้องอ่าน”

    ลับ ลวง พราง ชั่วร้าย ยาและวัคซีน โดย หมอดื้อ
    (ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต )


    (ตอนที่ 1)
    https://mgronline.com/daily/detail/9670000053749

    (ตอนที่ 2)
    https://www.thairath.co.th/lifestyle/health-and-beauty/2797034

    (ตอนที่ 3)
    https://mgronline.com/daily/detail/9670000057723
    ..จริงๆย่อมาไทย สงครามที่คนไทยเจอจริงๆคือสงครามกฎหมาย ,จะผ่านด่านใดๆต้องอาศัยข้อกฎหมายในการปล้นชิง แย่งชิงได้อย่างใสซื่อ ชอบธรรมที่สุดเพราะทุกๆอย่างจะจบที่ข้อกฎหมายนำมาอ้าง มาหยิบยก การแย่งชิงใดๆจะบันทึกเป็นกฎกันให้ต่างบังคับกันให้ปฏิบัติ ใครเขียนกฎหมายได้ก็ยึดประเทศนั้นได้ ใครสร้างกฎหมาย ใครสร้างกฎ ใครทำลายกฎหมายก็สามารถทำตามสิ่งที่ตนต้องการได้หมด ทั้งสร้างทั้งทำ ,เรา..อยู่ในสงครามกฎหมาย ต่างชาติใช้กฎหมายภายในที่เปิดช่องเพื่อต้องให้มันเข้ามาอย่างถูกกฎหมาย อย่างถูกต้องชอบธรรม จึงต้องยึดคนสร้างกฎหมายในไทยให้ได้ บีบบังคับ กดดันคนมีอำนาจสร้างกฎหมายให้มันปล้นชิงอย่างชอบธรรมให้ไม่น่าเกียจในยุคปัจจุบันนี้ให้ได้ mou43,44ก็ข้อกฎหมายทั้งนั้น,ผ่านอำนาจกฎหมายจากนายกฯหรือคณะครม. ก็มีกฎหมายมาค้ำคอหมด ต่างชาติจะทำอะไรได้ในไทยต้องผ่านกฎหมายไทย เขียนกฎหมายให้ต่างชาติทำได้ก่อน เช่นนั้นจะทำไม่ได้อย่างชอบธรรมอะไรใดๆเลย,การทำลายกฎหมายของการเอื้ออำนวยต่างชาติคือการปลดปล่อยประเทศไทยที่ถูกทาง ชอบธรรมโดยหลักสากลปกติ ไม่ต้องคิดมากอะไรและง่ายดายมาก เขียนกฎหมายใดๆได้หมดหากจะปกป้องอธิปไตยจากคนต่างประเทศ. ..สงครามที่เกิดกับไทยแท้จริงคือสงครามกฎหมายภายในเราเองโดยต่างชาติพยายามสร้างพยายามลงมือยิงเราผ่านช่องทางนี้ พยายามโจมตี พยายามยึดเมือง ยึดพื้นที่ที่ดิน ยึดครองที่ดินผ่านช่องทางกฎหมายให้ตนเองดูมีความชอบธรรมก่อน,เมื่อยึดใดๆได้แล้วหรือยึดพื้นที่ ยึดที่อยู่ที่อาศัย ยึดทรัพยากร ก็จะยึดทั้งประเทศไทยได้เบ็ดเสร็จต่อไป จึงกลับมาเขียนกฎหมายฉบับตนเองใหม่ทั้งหมดต่อไปในส่วนของมันที่ยึดครองประเทศไทยได้หมดแล้ว, ..ข่าวคราวยิวทำไมเกิดข่าวเด่นชัดในยุครัฐบาลอนุทิน มีสองกรณีคือต่อต้านยิว กับเป็นฝ่ายยิว ยอมรับยิว,แต่อย่าลืมว่า้พรรคภูมิใจไทยมุสลิมไม่น้อยเต็มพรรค ไม่พอใจยิวที่ทำกับปาเลสไตน์แน่นอน,คนอาหรับคนมุสลิมรู้ไส้รู้พุงรู้สันดานกันและกันอีก เขาคือศัตรูกันจึงไม่ชอบยิวอิสราเอลในภาพรวม,การต่อต้านยิวสายใต้ดินจึงเต็มที่,อย่าลืมว่าอิสลามไม่ดีในไทยรวมมือกับต่างชาติอิสลามนอกไทยจะยึดประเทศไทยก็มีเช่นกัน,ยิวเข้ามาขัดคอขัดจังหวะของกินตนย่อมไม่พอใจด้วย,กระบวนการสร้างความเกลียดยิวให้คนไทยมาเกลียดยิวจึงเริ่มขึ้น,ยิวก็ไซออนิสต์ก็ถูกสั่งสอนมาจากอนูคานีศาสนาดาเดียวกันกับอิสลาม ใครต่างศาสนาลัทธิความเชื่อมันคือศัตรูต่อพระเจ้ามันหมด ต้องไล่ล่ากำจัดทิ้งฆ่าสังหารคนต่างศาสนาตนที่ไม่ได้นับถือลัทธีรีตศาสนาแบบตนนั้นเอง มันอนูนาคีสั่งสอนแบบนี้ทั้งยิวซาตานไซออนิสต์ยุโรปทั้งอิสลามทั่วโลกเอาเด็กทำเมียไม่ผิดหลักศาสนา,ยิวที่ฆ่าคนปาเลสไตน์เด็ก คนแก่คนชรา หญิงชาย ล้วนมันมองแบบเดียวกันคือคนต่างศาสนาฆ่าได้ทันทีไม่ผิดต่อพระเจ้า ได้ขึ้นสวรรค์ด้วย อิสลามก็ฆ่าคนละทิ้งศาสนาละทิ้งพระเจ้า คนนอกศาสนาอิสลามไม่ผิดต่อพระเจ้า ช่วยกำจัดแทนพระเจ้า ได้ขึ้นสวรรค์โน้นเหมือนกัน ต่างดาวชั่วเลวแบบอนูนาคีชั่วเลวสั่งสอนทั้งอิสลามและยิวคริสต์ไซออนิสต์อิลูมินาติจึงอนาถโคตรๆแก่ผู้บริสุทธิ์ทั่วโลกชาวโลกในปัจจุบันให้หลงผิดทั้งโลก,ไทยจึงจะเป็นสนามบอลอีกแห่งให้คนยิวอิสราเอลตีกับอิสลามในไทยคงไม่นาน บัดสบที่สุดคืออิสลามยุแหย่ให้มาร่วมตียิวในสนามด้วย,ซึ่งจริงๆต้องไล่ถีบทั้งคู่ที่ไม่ดีออกจากประเทศไทยออกจากสนามไปตีกันเองในพื้นที่อื่น,เพราะประเทศไทยสงวนไว้ให้ยิวนิสัยดีคนดี อิสลามดีคนดี มาร่วมอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขได้ มาสร้างชาติไทยร่วมสร้างชาติไทย คนไทยและผู้มาร่วมอาศัยต่างประเทศมาอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข เมตตารักดีต่อกัน ช่วยเหลือกันและกัน ไม่ยึดครองยึดเอาเป็นของตนที่มาอาศัยแผ่นดินไทยอยู่ ไม่ก้าวล่วงทำร้ายทำลายกัน อิสระเสรีไปมาอยู่ร่วมกันอย่างร่มเย็นสงบสุขสามัคคีกันแม้ต่างชาติต่างศาสนากัน มิใช่แดกกันแดกมนุษย์ ทำลายฆ่ากันบนแผ่นดินไทย เลอะเทอะต่อบ้านต่อเมืองต่อประเทศไทยต่อคนไทย จนลุแก่ปัจจัยทรัพย์สินเงินทองตนอำนาจเครือข่ายตนจนอยากยึดประเทศไทยถือว่าผิดสันดานผู้หลบภัยหลบหนีร้อนมาพึ่งเย็นบนแผ่นดินไทยมาก อาจสมควรตายและถูกกำจัดทิ้งออกจากประเทศไทยเช่นกันเป็นภัยอันตรายต่อเจ้าของประเทศไทยคือคนไทยเรา,เราจะไปอาศัยแล้วจะยึดบ้านเมืองเขาเหมือนกัน เขาหรือใครเขาจะยอมเช่นกัน,ประเทศไทยก็ยอมไม่ได้,ไม่มีชาติไหนที่อิสลามเต็มประเทศไทยสวัสดิการดีมากมาย,ไม่มีชาติไหนแบบไทย ยิวจะเต็มอ.ปาย เต็ม เกาะพะงัน เต็มภาคใต้เสรีอิสระขนาดนั้น,ไทยให้โอกาสคนทุกๆคนทั่วโลกมาเป็นคนดีเพื่อตนเองและเพื่อโลก มาร่วมสร้างสันติสุขร่วมกันย่อลงมาคือราชอาณาจักรไทยเขตประเทศไทยคืออย่างน้อย,การกวาดล้างปราบการคตโกงล้างทำความสะอาดเมืองไทยให้น่าอยู่โดยเฉพาะคนข้าราชการไทยเทา นักการเมืองไทยเทา เจ้าของกิจการไทยเทาเจ้าสัวชั่วเลวไทยเทาผูกขาดไร้กระจายความมั่งคั่งทางวัตถุให้สมดุลเจริญต่อจิตใจถือว่าคนเหล่านี้ขัดขวางการยกจิตยกใจทางดีงามคนไทยและคนดีๆที่หมายดีมาร่วมพักพิงมาเยือนอาศัยชั่วคราวในไทยให้จิตใจตกต่ำชั่วเลวไปด้วยถือว่าต้องถูกกวาดล้างและกำจัดทั้งหมด,สมมุติทางโลกเสียสมดุล รวยจนต่างกันมากเกินไปผ่านวิถีกฎหมายการปกครองของคนเทาๆในไทยเราแบบนี้,ค่าจริงจึงไม่สดใส จิตใจที่ดีงามของคนไทยและผู้มาเยือนท่องเที่ยวจะถือทำลายไปด้วย,วัตถุธาตุเจริญทางทรัพย์สินเงินทองต้องร่วมหล่อเลี้ยงจิตใจให้ดีงามไปด้วย อาหารทางวัตถุหล่อเลี้ยงอาหารทางจิตใจจิตวิญญาณคนไทยและคนมาเยือนเยี่ยมย่อมสมดุลควบคู่กันไปด้วย,เสมือนคนมีหนี้สินล้นเต็มตัว ย่อมฝันไปเลยจะมีจิตใจความคิดอ่านที่เป็นปกติได้ ทุกข์ทั้งทางวัตถุและจิตใจจึงตกต่ำก็อันเดียวกัน,การกวาดล้างทำลายจึงต้องจัดการคนเหล่านี้จริงจังภายในประเทศไทยเรานี้ล่ะ,กองทัพไทย ทหารไทยคือทางเดียวด้วยกฎอัยการศึกพิเศษแบบนี้เท่านั้นจริงเมื่อดูรูปกาลเวลาทั้งหมดภาพรวมมันเน่าเละหมดโดยอำนาจทางการเมืองของนักการเมืองในปัจจุบัน มันส่อไปทางชั่วเลวให้ชาติบ้านเมืองพินาศพิบัติพังพินาศสิ้นชาติชัดเจนแบบสืบทอดต่อยอดรับงานกันเป็นทอดๆมิให้ใครจับได้ด้วย ทำชั่วให้แบบแนบเนียนนั้นเอง,เดอะแก๊งทำลายชาติไทยชัดเจนนั้นเอง ทหารไทยทหารประชาชนทหารพระราชาจึงต้องเด็ดขาดจัดการมันเสีย. ............................. 📣สงครามไฮบริด💥 คือ อะไร ⁉️ ทำไม คนไทย ต้องรู้จัก🔥💣 💣สงครามที่เรา รู้จักกัน ไม่ว่า จะเป็นสงครามในอดีต หรือในปัจจุบัน ล้วนเกี่ยวข้องกับการ แย่งชิง หรือ ยึดครอง ทรัพยากร ของคู่ต่อสู้ ตัวอย่างชัดๆ คือ วิกฤต รศ.112 ที่ฝรั่งเศสเอาเรือปืน เอากองทัพมา “ปล้น” แผ่นดินสยาม แถมเรียกค่าปฏิกรณ์สงครามเป็น “ เงินถุงแดง” 🔺 🔥ในปัจจุบันก็ไม่ต่างกัน ตัวอย่างชัดๆ คือ สงครามในอิสราเอล ที่แย่งชิงพื้นที่ทำกิน พื้นที่อาศัย ระหว่าง เจ้าของพื้นที่ ชาวปาเลสไตน์ กับ ชาวคาซาร์เรียน ยิว (Khazarian ) ที่ อ้างว่าเป็นชาวอิสราเอล ที่เอากองทัพมาเข่นฆ่า เด็ก สตรี และคนชรา ทำแม้แต่ทิ้งระเบิดถล่ม โรงพยาบาล เพื่อขับไล่คนปาเลสไตน์ออกจากพื้นที่ ที่ต้องการยึดครอง 💥แต่นอกจากสงคราม “ในรูปแบบ ” ตามที่ยกตัวอย่างแล้ว ยังมี สงคราม “นอกรูปแบบ” ที่ใช้กลยุทธ์ ผสมผสาน (hybrid) ที่มีวัตถุประสงค์เดียวกัน คือ “ยึดครองทรัพยากร” เทียบให้เห็นภาพชัดๆ คือ สมัยก่อน โจรจะปล้น ก็เอาปืนจี้ แต่ปัจจุบันนี้ ใช้วิธี ฉ้อโกง หลอกลวง คอลเซนเตอร์ ไซเบอร์แอทแทก ฯลฯ เพื่อปล้นทรัพย์ ในระดับ ประเทศก็ไม่ต่างกัน สงครามดังกล่าวมีตั้งแต่ 1.สงครามการเงิน ตัวอย่างเช่น วิกฤติต้มยำกุ้ง 💵 2. สงครามข้อมูลข่าวสาร ให้ข้อมูลที่บิดเบือน หรือ ดึงความสนใจให้ไปสนใจเรื่องอื่นที่ไม่สำคัญ เพื่อทำเรื่องที่ต้องการ 📰 3. สงครามไซเบอร์ ตย เช่น กรณีระบบ คอมพิวเตอร์ที่พึ่งล่ม ทำคนติดค้างในสนามบิน🖥 แต่สงครามที่พึ่ง สร้างความเสียหายให้กับหลายประเทศทั่วโลก เร็วๆ นี้ คือ “สงครามชีวภาพ” สงครามที่ใช้ “เชื้อโรค” ใช้ “ยา” เป็นอาวุธ 💉😷 สงครามที่เรารู้จัก กันว่า “การระบาดของโควิด”🦠 ซึ่ง มีข้อมูลชัดเจนว่า กระทรวงกลาโหม สหรัฐ เป็นผู้ให้ทุนวิจัย และ บริษัทยายักษ์ใหญ่ เป็นผู้ได้รับผลประโยชน์ บริษัทที่มีผู้ถือหุ้นใหญ่เป็น กลุ่มเดียวกันกับ ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ อุตสากรรมอาวุธ ของอเมริกา อาจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ ได้นำหลักฐานที่ยืนยันว่า การระบาดครั้งนี้มีการเตรียม การล่วงหน้า มีการให้ทุนสนับสนุน มีการ ถอนทุนคืน มาตีแผ่ เป็นบทความสาม ตอน ที่ คนไทยทุกคน และฝ่ายความมั่นคงควร “ต้องอ่าน” ✍️ ลับ ลวง พราง ชั่วร้าย ยาและวัคซีน โดย หมอดื้อ (ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ) (ตอนที่ 1) https://mgronline.com/daily/detail/9670000053749 (ตอนที่ 2) https://www.thairath.co.th/lifestyle/health-and-beauty/2797034 (ตอนที่ 3) https://mgronline.com/daily/detail/9670000057723
    MGRONLINE.COM
    ลับ ลวง พราง ชั่วร้าย ยาและวัคซีน (ตอนที่ 1)
    ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑาอดีตหัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นที่รับทราบกันแล้วในปัจจุบัน การกำเนิดของไวรัสโควิดมาจากการสร้างในห้องแล็บ จากความร่วมมือของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ และสถาบันว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 33 มุมมอง 0 รีวิว
  • ต้มข้ามศตวรรษ – บทนำ 1 – 2
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”

    บทนำ

    (1)

    จากประวัติศาสตร์ ที่ฝรั่งทั้งเขียนทั้งแต่ง และคนไทยเอามาแปล เป็นทั้งหนังสืออ่าน และบทเรียนประวัติศาสตร์สากล ทำให้เราเข้าใจ และเชื่อว่า สงครามโลกครั้งที่ 1 เกิดขึ้นจาก เหตุการณ์ลอบฆ่าอาชดยุก ฟรานซ์ เฟอร์ดินานด์ รัชทายาทของออสเตรีย-ฮังการี โดยชาวเซอรเบีย ที่เซราเจโว เมืองหลวงของเซอร์เบีย เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน คศ 1914

    มันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง และเป็นสายชนวนเส้นหนึ่ง ของสงครามโลกครั้งที่ 1 จริง แต่มันไม่ใช่ “สาเหตุ ” แท้จริงที่ทำให้เกิดสงครามโลก แม้เหตุการณ์นั้น จะทำให้ออสเตรียโกรธจัด ควันออกหูก็ตาม ออสเตรียกับเซอร์เบียขบเขี้ยวกันมานานแล้ว เนื่องจากออสเตรียซึ่งตอนนั้นคิดว่าตนเองกล้ามใหญ่ ไปผนวกเอาบอสเนียและเฮอเซโกวีนา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรออตโตมาน มาเป็นของตน ตั้งแต่ประมาณปี คศ 1878 ทำให้เซอร์เบียซี่งถือว่าบอสเนียเป็นพวกเดียวกันตัว เป็นเดือดเป็นแค้นแทน และเอาความแค้นไปฝากใส่หูรัสเซีย ในฐานะลูกพี่ใหญ่ของพวกสลาฟ และกลุ่มนิกายออโธดอกซ์

    หลังจากมีการเจรจา ที่มีเค้าว่าจะล้มเหลวตั้งแต่เริ่มต้นอยู่ประมาณ 1 เดือน ในวันที่ 28 กรกฏาคม คศ 1914 ออสเตรียก็ประกาศสงครามกับเซอร์เบียรัฐเล็กกระจ้อย เพื่อให้รับผิดชอบการฆาตกรรมดังกล่าว ออสเตรียเชื่อว่า จะได้รับการช่วยเหลือจากเยอรมัน หากรัสเซียออกมาหนุนหลังให้เซอร์เบีย ออสเตรียคงต้องลุ้นหนักว่า เยอรมันจะมาช่วยทันไหม เพราะวันรุ่งขึ้น 29 กรกฏาคม รัสเซียก็ประกาศระดมพล เตรียมตัวรบแล้ว

    ในวันเดียวกันนั้น ไกเซอร์ของเยอรมัน ก็ส่งโทรเลขไปหาซาร์นิโคลัสของรัสเซีย ขอร้องไม่ให้เรียกระดมพล และคงเพราะมีไมตรีต่อกันฉันท์ญาติ ซาร์จึงระงับคำสั่งระดมพลไว้ชั่วคราว แต่ฝ่ายกองทัพของรัสเซียไม่ชอบใจ ที่ซาร์ออกอาการลังเล วันรุ่งขึ้น 30 กรกฏาคม จึงพากันเดินตบเท้า เข้าไปกล่อม แกมบีบให้ซาร์มีคำสั่งระดมพลต่อ

    คงมีใครอยากรบเต็มที วันที่ 31 กรกฏาคม ทูตเยอรมันประจำเมือง St Petersburg ก็เข้าไปพบซาร์ และยื่นหนังสือของเยอรมัน ที่ประกาศสงครามต่อรัสเซีย หลังจากนั้นก็เอามือปิดหน้าและเดินออกไปจากห้อง ไม่ใช่คนเยอรมันทุกคนอยากทำสงคราม โดยเฉพาะกับรัสเซีย ซึ่งแท้จริงแล้ว ไม่ได้เป็นศัตรูกับเยอรมัน
    เนื่องจากรู้ว่า ฝรั่งเศสและรัสเซียมีสัญญาให้การร่วมมือกันทางกองทัพ เยอรมันจึงตัดสินใจว่า จะต้องจัดการอย่างรวดเร็ว ให้ฝรั่งเศสหมอบราบเสียก่อนที่รัสเซียจะขยับมาช่วยทัน เพราะเยอรมันคาดว่า รัสเซียน่าจะใช้เวลานานในการระดมพล ขณะนั้นกองทัพของรัสเซียมีขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรป วันที่ 3 สิงหาคม คศ 1914 เยอรมันจึงรีบประกาศสงครามกับฝรั่งเศส หลังจากนั้นเยอรมันก็เคลื่อนพลเข้าไปในเบลเยี่ยม เพื่อใช้เป็นทางข้ามไปโจมตีฝรั่งเศส

    อังกฤษคงกลัวน้อยหน้า เดี๋ยวเขาจะว่าเก่งแต่ปาก วันที่ 4 สิงหาคม คศ 1914 อังกฤษจึงรีบประกาศสงครามกับเยอรมันบ้าง โดยอ้างเหตุผลว่า เพื่อปกป้องความเป็นกลางของเบลเยี่ยม เป็นการอ้างเหตุผลการเข้าสงครามที่ตอแหลอย่างน่าทุเรศ เหตุผลจริงของอังกฤษในการทำสงคราม ชั่วร้ายเกินกว่าที่เราจะนึก แต่ที่น่าสนใจอย่างยิ่งคือ สถานะการเงินของอังกฤษ ขณะตัดสินใจประกาศทำสงครามกับเยอรมันนั้น อังกฤษอยู่ในสภาพล้มละลาย

    ถังแตกขนาดนั้น ทำไมอังกฤษยังคิดทำสงคราม และทำได้อย่างไร

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทนำ

    (2)

    ประมาณปี คศ 1890 อังกฤษ แม้จะอยู่บนเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้ว ก้อยของเท้าซ้าย แต่ก็สร้างเสริมตนเอง ด้วยความฉลาด เล่ห์เหลี่ยม และความชั่วร้าย จนโดดเด่น มีอำนาจทั้งในด้านการเมือง การทหาร และ การค้า และคิดเอาเองว่า ไม่มีใครจะกล้ามาทาบรัศมี จักรภพอังกฤษอันกว้างใหญ่ แผ่ไพศาลไปเกือบทั่วโลก จนดวงอาทิตย์หาที่ตกในจักรภพไม่ได้ เมื่อคิดอย่างนั้น อังกฤษก็พยายามทำทุกอย่าง ที่จะรักษาความเป็นที่หนึ่ง และเอาโลกใบนี้ให้อยู่ในกำมือของตนเองตลอดกาล หรือให้นานที่สุดเท่าที่จะยืดคอทำได้

    จะเอาโลกไว้ในกำมือ อังกฤษต้องทำให้ตนเองมีเสาหลัก หรืออำนาจควบคุมใน 3 เรื่อง

    – ควบคุมเส้นทางเดินเรือ

    – ควบคุมระบบการเงินการธนาคาร

    – ควบคุม หรือครอบครองทรัพยากรที่เป็นผลต่อยุทธศาสตร์ของตน
    เสาหลักแรก: การควบคุมเส้นทางเดินเรือ อังกฤษ ทำได้สำเร็จ โดยใช้บริษัทประกันภัยใหญ่หมายเลขหนึ่งของอังกฤษ Lloyd ซึ่งมีเครือข่ายทั่วโลก บวกกับการใช้เครือข่ายของธนาคารอังกฤษ เป็นผู้วางกฏ เกี่ยวกับการการขนส่งทางเรือ รวมทั้งใช้กองทัพเรือของตน ที่อังกฤษภูมิใจหนักหนาว่า ไม่มีใครเก่งเทียบ และไม่กล้าท้าทาย ทำหน้าที่เป็นเรือคุ้มกันภัย ให้กับเรือขนส่งสินค้าสัญชาติอังกฤษ โดยไม่ต้องทำประกันภัย ขณะที่คู่แข่ง ถูกบังคับให้ทำประกันภัยกับ Lloyd หรือคิดจะเสี่ยง กับการเจอภัยพิบัติกลางทะเล มันดูไม่ต่างกับการขู่กรรโชกของโจรสลัด

    สินเชื่อ และตั๋วแลกเงิน ที่จำเป็นต้องออกให้แก่กันในการค้าขาย และขนส่งสินค้าทางเรือ อังกฤษบีบให้ทำผ่านธนาคารของอังกฤษ ซึ่งเป็นธนาคารส่วนบุคคล ที่ได้รับการสนับสนุนจาก Bank of England ซึ่งก็เป็นผลผลิต ของกลุ่มนักการเงินใน City of London ที่นำโดย เจ้าพ่อใหญ่ ตระกูล Rothschild และพวก เช่น Barings, Hambros เป็นต้น

    ประมาณ ปี 1900 อังกฤษ ยืนยืด อกแอ่น จนแทบหงายหลัง ประกาศว่า เรามีเสาหลักนี้ ตั้งตระหง่านเรียบร้อยแล้ว

    เสาหลักที่สอง: การควบคุบระบบการเงิน และระบบการธนาคาร อังกฤษวางแผนอย่างคร่ำเคร่ง แต่เงียบสนิท และผลของมัน ทำให้เกิดระบบธนาคารกลางในอังกฤษ และที่สำคัญ อังกฤษเป็นตัวการสำคัญ ในการวางแผนอีกต่อหนึ่ง ทำให้เกิด Federal Reserve System ในอเมริกา ในปี คศ 1913 ที่เรารู้จักกันในนาม Federal Reserve Bank หรือ ที่เรียกกันสั้นๆว่า Fed ซึ่งเป็นของเอกชน ไม่ใช่เป็นของรัฐ และเป็นเอกชนไม่กี่ตระกูล ที่ส่วนใหญ่เป็นเครือข่าย ของตระกูล Rothschild ของฝั่งอังกฤษ และ ตระกูล Rockefeller และ Morgan ของฝั่งอเมริกา

    Fed มีอำนาจมากมาย และมีอิสระหลายเรื่อง ที่ไม่ต้องอยู่ในความควบคุมของรัฐบาลอเมริกัน โดยเฉพาะ ในการพิมพ์ธนบัตร การกำหนดอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่างสถาบัน ฯลฯ การตัดสินใจของ Fed มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจการเงิน ตลาดทุน ตลาดหุ้น ของอเมริกา และของโลก แม้แต่สมันน้อย ยังต้องคอยฟังว่า เฟด เขาว่าอะไร ฟังแล้ว รู้เรื่องจริงไหม เข้าใจไหม เป็นอีกเรื่อง แต่ต้องคอยฟัง ต้องพูดถึง เพราะมันเข้าสมัย และผู้บริหารบ้านเราก็แสนฉลาด เดินทุกก้าวตาม ที่เฟด บอก

    Fed จึงกลายเป็นตัวสำคัญในการชักใยการเงินโลกจนถึงทุกวันนี้ เป็นไปตามเป้าหมายของเสาหลักที่สอง ที่มีอานุภาพรุนแรงและยาวนานอย่างไม่น่าเชื่อ

    เสาหลักที่สาม: ควบคุม หรือครอบครอง ทรัพยากรที่มีผลสำคัญต่อยุทธศาสตร์ ในความหมายของอังกฤษ ขณะนั้น และยังมีผลจนถึงขณะนี้ก็คือ น้ำมัน! ซึ่งไม่ใช่มีความหมายเฉพาะกับอังกฤษเท่านั้น แต่มันมีความหมาย และมีผลกับโลกนี้ทั้งใบ

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    20 เม.ย. 2558
    ต้มข้ามศตวรรษ – บทนำ 1 – 2 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทนำ (1) จากประวัติศาสตร์ ที่ฝรั่งทั้งเขียนทั้งแต่ง และคนไทยเอามาแปล เป็นทั้งหนังสืออ่าน และบทเรียนประวัติศาสตร์สากล ทำให้เราเข้าใจ และเชื่อว่า สงครามโลกครั้งที่ 1 เกิดขึ้นจาก เหตุการณ์ลอบฆ่าอาชดยุก ฟรานซ์ เฟอร์ดินานด์ รัชทายาทของออสเตรีย-ฮังการี โดยชาวเซอรเบีย ที่เซราเจโว เมืองหลวงของเซอร์เบีย เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน คศ 1914 มันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง และเป็นสายชนวนเส้นหนึ่ง ของสงครามโลกครั้งที่ 1 จริง แต่มันไม่ใช่ “สาเหตุ ” แท้จริงที่ทำให้เกิดสงครามโลก แม้เหตุการณ์นั้น จะทำให้ออสเตรียโกรธจัด ควันออกหูก็ตาม ออสเตรียกับเซอร์เบียขบเขี้ยวกันมานานแล้ว เนื่องจากออสเตรียซึ่งตอนนั้นคิดว่าตนเองกล้ามใหญ่ ไปผนวกเอาบอสเนียและเฮอเซโกวีนา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรออตโตมาน มาเป็นของตน ตั้งแต่ประมาณปี คศ 1878 ทำให้เซอร์เบียซี่งถือว่าบอสเนียเป็นพวกเดียวกันตัว เป็นเดือดเป็นแค้นแทน และเอาความแค้นไปฝากใส่หูรัสเซีย ในฐานะลูกพี่ใหญ่ของพวกสลาฟ และกลุ่มนิกายออโธดอกซ์ หลังจากมีการเจรจา ที่มีเค้าว่าจะล้มเหลวตั้งแต่เริ่มต้นอยู่ประมาณ 1 เดือน ในวันที่ 28 กรกฏาคม คศ 1914 ออสเตรียก็ประกาศสงครามกับเซอร์เบียรัฐเล็กกระจ้อย เพื่อให้รับผิดชอบการฆาตกรรมดังกล่าว ออสเตรียเชื่อว่า จะได้รับการช่วยเหลือจากเยอรมัน หากรัสเซียออกมาหนุนหลังให้เซอร์เบีย ออสเตรียคงต้องลุ้นหนักว่า เยอรมันจะมาช่วยทันไหม เพราะวันรุ่งขึ้น 29 กรกฏาคม รัสเซียก็ประกาศระดมพล เตรียมตัวรบแล้ว ในวันเดียวกันนั้น ไกเซอร์ของเยอรมัน ก็ส่งโทรเลขไปหาซาร์นิโคลัสของรัสเซีย ขอร้องไม่ให้เรียกระดมพล และคงเพราะมีไมตรีต่อกันฉันท์ญาติ ซาร์จึงระงับคำสั่งระดมพลไว้ชั่วคราว แต่ฝ่ายกองทัพของรัสเซียไม่ชอบใจ ที่ซาร์ออกอาการลังเล วันรุ่งขึ้น 30 กรกฏาคม จึงพากันเดินตบเท้า เข้าไปกล่อม แกมบีบให้ซาร์มีคำสั่งระดมพลต่อ คงมีใครอยากรบเต็มที วันที่ 31 กรกฏาคม ทูตเยอรมันประจำเมือง St Petersburg ก็เข้าไปพบซาร์ และยื่นหนังสือของเยอรมัน ที่ประกาศสงครามต่อรัสเซีย หลังจากนั้นก็เอามือปิดหน้าและเดินออกไปจากห้อง ไม่ใช่คนเยอรมันทุกคนอยากทำสงคราม โดยเฉพาะกับรัสเซีย ซึ่งแท้จริงแล้ว ไม่ได้เป็นศัตรูกับเยอรมัน เนื่องจากรู้ว่า ฝรั่งเศสและรัสเซียมีสัญญาให้การร่วมมือกันทางกองทัพ เยอรมันจึงตัดสินใจว่า จะต้องจัดการอย่างรวดเร็ว ให้ฝรั่งเศสหมอบราบเสียก่อนที่รัสเซียจะขยับมาช่วยทัน เพราะเยอรมันคาดว่า รัสเซียน่าจะใช้เวลานานในการระดมพล ขณะนั้นกองทัพของรัสเซียมีขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรป วันที่ 3 สิงหาคม คศ 1914 เยอรมันจึงรีบประกาศสงครามกับฝรั่งเศส หลังจากนั้นเยอรมันก็เคลื่อนพลเข้าไปในเบลเยี่ยม เพื่อใช้เป็นทางข้ามไปโจมตีฝรั่งเศส อังกฤษคงกลัวน้อยหน้า เดี๋ยวเขาจะว่าเก่งแต่ปาก วันที่ 4 สิงหาคม คศ 1914 อังกฤษจึงรีบประกาศสงครามกับเยอรมันบ้าง โดยอ้างเหตุผลว่า เพื่อปกป้องความเป็นกลางของเบลเยี่ยม เป็นการอ้างเหตุผลการเข้าสงครามที่ตอแหลอย่างน่าทุเรศ เหตุผลจริงของอังกฤษในการทำสงคราม ชั่วร้ายเกินกว่าที่เราจะนึก แต่ที่น่าสนใจอย่างยิ่งคือ สถานะการเงินของอังกฤษ ขณะตัดสินใจประกาศทำสงครามกับเยอรมันนั้น อังกฤษอยู่ในสภาพล้มละลาย ถังแตกขนาดนั้น ทำไมอังกฤษยังคิดทำสงคราม และทำได้อย่างไร นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทนำ (2) ประมาณปี คศ 1890 อังกฤษ แม้จะอยู่บนเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้ว ก้อยของเท้าซ้าย แต่ก็สร้างเสริมตนเอง ด้วยความฉลาด เล่ห์เหลี่ยม และความชั่วร้าย จนโดดเด่น มีอำนาจทั้งในด้านการเมือง การทหาร และ การค้า และคิดเอาเองว่า ไม่มีใครจะกล้ามาทาบรัศมี จักรภพอังกฤษอันกว้างใหญ่ แผ่ไพศาลไปเกือบทั่วโลก จนดวงอาทิตย์หาที่ตกในจักรภพไม่ได้ เมื่อคิดอย่างนั้น อังกฤษก็พยายามทำทุกอย่าง ที่จะรักษาความเป็นที่หนึ่ง และเอาโลกใบนี้ให้อยู่ในกำมือของตนเองตลอดกาล หรือให้นานที่สุดเท่าที่จะยืดคอทำได้ จะเอาโลกไว้ในกำมือ อังกฤษต้องทำให้ตนเองมีเสาหลัก หรืออำนาจควบคุมใน 3 เรื่อง – ควบคุมเส้นทางเดินเรือ – ควบคุมระบบการเงินการธนาคาร – ควบคุม หรือครอบครองทรัพยากรที่เป็นผลต่อยุทธศาสตร์ของตน เสาหลักแรก: การควบคุมเส้นทางเดินเรือ อังกฤษ ทำได้สำเร็จ โดยใช้บริษัทประกันภัยใหญ่หมายเลขหนึ่งของอังกฤษ Lloyd ซึ่งมีเครือข่ายทั่วโลก บวกกับการใช้เครือข่ายของธนาคารอังกฤษ เป็นผู้วางกฏ เกี่ยวกับการการขนส่งทางเรือ รวมทั้งใช้กองทัพเรือของตน ที่อังกฤษภูมิใจหนักหนาว่า ไม่มีใครเก่งเทียบ และไม่กล้าท้าทาย ทำหน้าที่เป็นเรือคุ้มกันภัย ให้กับเรือขนส่งสินค้าสัญชาติอังกฤษ โดยไม่ต้องทำประกันภัย ขณะที่คู่แข่ง ถูกบังคับให้ทำประกันภัยกับ Lloyd หรือคิดจะเสี่ยง กับการเจอภัยพิบัติกลางทะเล มันดูไม่ต่างกับการขู่กรรโชกของโจรสลัด สินเชื่อ และตั๋วแลกเงิน ที่จำเป็นต้องออกให้แก่กันในการค้าขาย และขนส่งสินค้าทางเรือ อังกฤษบีบให้ทำผ่านธนาคารของอังกฤษ ซึ่งเป็นธนาคารส่วนบุคคล ที่ได้รับการสนับสนุนจาก Bank of England ซึ่งก็เป็นผลผลิต ของกลุ่มนักการเงินใน City of London ที่นำโดย เจ้าพ่อใหญ่ ตระกูล Rothschild และพวก เช่น Barings, Hambros เป็นต้น ประมาณ ปี 1900 อังกฤษ ยืนยืด อกแอ่น จนแทบหงายหลัง ประกาศว่า เรามีเสาหลักนี้ ตั้งตระหง่านเรียบร้อยแล้ว เสาหลักที่สอง: การควบคุบระบบการเงิน และระบบการธนาคาร อังกฤษวางแผนอย่างคร่ำเคร่ง แต่เงียบสนิท และผลของมัน ทำให้เกิดระบบธนาคารกลางในอังกฤษ และที่สำคัญ อังกฤษเป็นตัวการสำคัญ ในการวางแผนอีกต่อหนึ่ง ทำให้เกิด Federal Reserve System ในอเมริกา ในปี คศ 1913 ที่เรารู้จักกันในนาม Federal Reserve Bank หรือ ที่เรียกกันสั้นๆว่า Fed ซึ่งเป็นของเอกชน ไม่ใช่เป็นของรัฐ และเป็นเอกชนไม่กี่ตระกูล ที่ส่วนใหญ่เป็นเครือข่าย ของตระกูล Rothschild ของฝั่งอังกฤษ และ ตระกูล Rockefeller และ Morgan ของฝั่งอเมริกา Fed มีอำนาจมากมาย และมีอิสระหลายเรื่อง ที่ไม่ต้องอยู่ในความควบคุมของรัฐบาลอเมริกัน โดยเฉพาะ ในการพิมพ์ธนบัตร การกำหนดอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่างสถาบัน ฯลฯ การตัดสินใจของ Fed มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจการเงิน ตลาดทุน ตลาดหุ้น ของอเมริกา และของโลก แม้แต่สมันน้อย ยังต้องคอยฟังว่า เฟด เขาว่าอะไร ฟังแล้ว รู้เรื่องจริงไหม เข้าใจไหม เป็นอีกเรื่อง แต่ต้องคอยฟัง ต้องพูดถึง เพราะมันเข้าสมัย และผู้บริหารบ้านเราก็แสนฉลาด เดินทุกก้าวตาม ที่เฟด บอก Fed จึงกลายเป็นตัวสำคัญในการชักใยการเงินโลกจนถึงทุกวันนี้ เป็นไปตามเป้าหมายของเสาหลักที่สอง ที่มีอานุภาพรุนแรงและยาวนานอย่างไม่น่าเชื่อ เสาหลักที่สาม: ควบคุม หรือครอบครอง ทรัพยากรที่มีผลสำคัญต่อยุทธศาสตร์ ในความหมายของอังกฤษ ขณะนั้น และยังมีผลจนถึงขณะนี้ก็คือ น้ำมัน! ซึ่งไม่ใช่มีความหมายเฉพาะกับอังกฤษเท่านั้น แต่มันมีความหมาย และมีผลกับโลกนี้ทั้งใบ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 20 เม.ย. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 78 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐบาลงุบงิบเจรจา ไทยเสี่ยงเสียดินแดน : [THE MESSAGE]
    นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน พร้อมด้วยนายวีระ สมความคิด นักเคลื่อนไหวภาคประชาชน เผยถึงการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย–กัมพูชา(JBC) และคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) รวมถึงการลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างไทย–สหรัฐอเมริกา ว่าด้วยความร่วมมือด้านแร่หายาก ห่วงทิศทางการดำเนินนโยบายด้านความมั่นคงและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของรัฐบาล โดยเฉพาะประเด็นที่อาจกระทบต่ออธิปไตยและผลประโยชน์ของประเทศ ทั้งการเจรจาระหว่างไทย–กัมพูชา และการทำบันทึกความเข้าใจกับสหรัฐอเมริกาในประเด็นแร่หายาก ซึ่งเป็นทรัพยากรที่สำคัญเชิงยุทธศาสตร์ระดับโลก แต่กลับปกปิดข้อมูล อ้างเป็นเรื่องความลับทางการเจรจา เสี่ยงต่อการชักศึกเข้าบ้าน รัฐบาลไทยไม่เรียกร้องความรับผิดชอบจากกัมพูชา กรณีละเมิด MOU 2543 ส่วนพื้นที่ที่ยังไม่สามารถนำคืนมาได้ อาจกลายเป็นพื้นที่ที่ไทยไม่สามารถอ้างสิทธิ์ได้อีก หากไม่ดำเนินการเชิงรุก เรียกร้องรัฐบาลเปิดเผยรายละเอียดการเจรจา
    รัฐบาลงุบงิบเจรจา ไทยเสี่ยงเสียดินแดน : [THE MESSAGE] นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน พร้อมด้วยนายวีระ สมความคิด นักเคลื่อนไหวภาคประชาชน เผยถึงการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย–กัมพูชา(JBC) และคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) รวมถึงการลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างไทย–สหรัฐอเมริกา ว่าด้วยความร่วมมือด้านแร่หายาก ห่วงทิศทางการดำเนินนโยบายด้านความมั่นคงและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของรัฐบาล โดยเฉพาะประเด็นที่อาจกระทบต่ออธิปไตยและผลประโยชน์ของประเทศ ทั้งการเจรจาระหว่างไทย–กัมพูชา และการทำบันทึกความเข้าใจกับสหรัฐอเมริกาในประเด็นแร่หายาก ซึ่งเป็นทรัพยากรที่สำคัญเชิงยุทธศาสตร์ระดับโลก แต่กลับปกปิดข้อมูล อ้างเป็นเรื่องความลับทางการเจรจา เสี่ยงต่อการชักศึกเข้าบ้าน รัฐบาลไทยไม่เรียกร้องความรับผิดชอบจากกัมพูชา กรณีละเมิด MOU 2543 ส่วนพื้นที่ที่ยังไม่สามารถนำคืนมาได้ อาจกลายเป็นพื้นที่ที่ไทยไม่สามารถอ้างสิทธิ์ได้อีก หากไม่ดำเนินการเชิงรุก เรียกร้องรัฐบาลเปิดเผยรายละเอียดการเจรจา
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 176 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • บทบาทกองทัพไทยเรายังแสดงความเด็ดขาดไม่ชัดเจนใดๆน่าผิดหวังมากที่เรา..ประชาชนคนไทยฝากความหวังไว้มากมายเพราะกองทัพไทยมีอำนาจหน้าที่เต็มพร้อมสั่งการใดๆผ่านอำนาจในมือตนได้หมดเพื่อรักษาอธิปไตยไทยเราเองในทุกๆมิติจากคนต่างประเทศต่างชาติได้ที่เป็นต่างชาติที่ไม่ดีเป็นคนต่างชาตินั้นๆที่ไม่ดีต่อประเทศไทยเราและปัจจุบันชัดเจนมาก,เราตัดตอนสิ่งเลวชั่วก่อนที่จะลุกลามไปไม่ให้ลุกลามใดๆได้ที่เสียหายต่อดินแดนอธิปไตยไทยเราเองเจ้าของประเทศ,ผลักดันเนียนๆนิ่มๆอย่างชอบธรรมได้ในเวลาจังหวะนี้ กฎหมายใดๆที่เขียนขึ้นจากรัฐบาลบัดสบยุคอดีตเราสามารถโมฆะเขียนใหม่ให้ดีได้ต่อไทยตนเอง,มิใช่ปัจจุบันยังกอดผีบ้ากฎหมายที่เสียอธิปไตยตนมากมายในปัจจุบันเช่นนี้,แผ่นดินไทยและประชาชนคนไทยที่ผาสุขสงบสุขสันติสุขต้องมาก่อนความสงบสุขของคนต่างชาติที่ย้ายมาจากไหนไม่รู้มายึดครองแผ่นดินที่ดินคนไทยด้วยตังคนต่างชาติที่อดีตรัฐบาลชั่วไปทำผิดต่อบ้านต่อเมืองไทยตน เราสามารถยกเลิกกฎหมายอุบาทก์นั้นได้หมดเพราะประเทศไทยคือประเทศต้องมาก่อน,คนไทยทรยศไทยต่อประหารชีวิตทั้งหมด.

    ..โลกยุคสมัยหน้าต้องรักษาปกป้องชาติตนเองและประชาชนตนเองก่อน จากนั้นจึงแสวงหามิตรดีสหายดีมาร่วมกันปกป้องกันดูแลกัน มิใช่มาเอาเปรียบกัน ปล้นชิงกัน ทำชั่วจากที่อื่นหมายมาทำชั่วเลวที่ใหม่ต้องผลักดันออกทันที.

    ..กองทัพไทยต้องยึดอำนาจรัฐบาลปัจจุบันนี้ทันทีอย่าให้ทำผิดเหมือนอดีตนายกฯอุ๊งอิ๊งอีก,ตัดตอนยุคนั้นสงครามเขมรจะไม่เกิดตามแผนไซออนิสต์เลย,เรา..ประเทศกองทัพไทยยังทันนะที่จะลงมือยึดอำนาจแล้วกวาดล้างความสกปกรกในบ้านในเมืองเราอย่างเด็ดขาดจริงจัง ท่านเห็นอะไรว่าดี ว่าชั่วว่าเลวหมดแล้ว พยานหลักฐานครบหมดเก็บในบิ๊กดาต้าหมดแล้วแน่นอนในทีมงานคณะสายลับกองทัพไทยและคณะสากลโลก,ดีที่สุดยุคนี้คือคนของประเทศใดต้องกลับไปประเทศนั้นหมดทันที,ไทยเรายังไม่พร้อมรับคนต่างชาติต่างด้าวใดๆเลยตลอดแรงงานต่างชาติทัังหมดในยุคเวลาวิกฤตินี้ ต้องผลักดันคนต่างชาติแรงงานต่างชาติต่างด้าวออกจากประเทศไทยทั้งหมดทันทีก่อนเพื่อจัดระเบียนแบบแผนภายในเราใหม่ทั้งหมด,ปิดประเทศก็ต้องปิดก่อน ห้ามคนต่างชาติเข้าประเทศไทยทั้งหมด คนต่างชาติต่างประเทศต่างด้าวต้องออกจากประเทศไทยทันทีทุกๆกรณี,นี้คือการจัดการปัญหาได้ตรงจุด ในเวลานี้ ยุคนี้ จะเหตุการณ์ใดๆ ยิว มุสลิม คนต่างชาติต่างด้าว ที่มาจากคนพวกนี้จะหมดไปเป็นอันมาก,เราจะเหลือคนไทยเพียวๆล้วนๆทันที ปัญหาจะจัดหารง่าย ภัยสังคมภายในจะบริหารจัดการแก้ไขง่าย เห็นสิ่งผิดปกติชัด ไม่ต้องมากังวลข้างหลังกับพวกต่างชาติใดๆในประเทศไทยเราอีก,เมื่ออะไรจัดการลงตัววางระบบระเบียบใหม่พร้อมรับมือลงตัวจึงเปิดประเทศไทยเราใหม่เพื่อเปิดรับนักท่องเที่ยวหรือคนต่างประเทศไทยได้,ปิดประเทศไทย เราไม่ตายอะไรหรอก,คนไทยภายในประเทศไม่ตายหรอก,จะตายคืออีลิทบ้าเงินบ้าทองนายลงทุนสามานย์โน้น,กิจการเจ้าสัวชั่วเลวมือเทาเถื่อนต่างๆที่ปะปนไปกับสินค้าบริการตนที่อ้่งว่าถูกกฎหมายนั้นล่ะ,
    ..วิกฤตประเทศไทย แก้ได้แน่นอนถ้าทำตามนี้ อย่ารักษหน้าตาผีบ้าเลย,รักษาชาติไทยแผ่นดินไทยบ้านประเทศไทยเราไว้ก่อน,ถีบต่างชาตคนต่างประเทศแรงงานต่างประเทศแรงงานต่างชาติออกไปก่อน อย่างไรมันก็คนต่างชาติมันก็เป็นต่างประเทศ มันก็กลับไปประเทศชาติมันได้หรือไปอาศัยอยู่ในประเทศอื่นๆต่อได้ ไปเป็นแรงงานชาติอื่นๆได้,เรา..ประเทศไทยมาจัดการเรื่องภายใน ทำความสะอาดครั้งใหญ่ดีกว่า,ยึดทรัพย์สินเจ้าสัวเทา นักการเมืองเทา นักปกครองคนข้าราชการไทยเทาเราดีกว่า,สมบัติทรัพยากรเราจากการปิดประเทศจะได้คืนมาทันทีด้วย,เขียนระบบปกครองใหม่ก็ได้,ผีบ้าไปใช้ระบบปกครองของฝรั่งส่งออกมันทำไม เราเป็นทาสมันเหรอต้องใช้ระบบปกครองของฝรั่งมัน มันบอกต้องปกครองระบอบปกครองนี้เหรอ,เมื่อระบอบปกครองนี้ทำให้เราเกือบสิ้นชาติจะเก็บไว้ทำพ่อมรึงเหรอ,เมื่อระบอบปกครองนี้ทำให้เราเสียบ่อน้ำมันไปเกือบทั้งประเทศได้ค่าภาคหลวงแบบกากๆรายได้แค่เศษตังเศษกระดูกพอใจอะไรเปรียบเสมือนระบอบปกครองนี้มันปล้นชิงแผ่นดินไทยผ่านระบอบปกครองของฝรั่งชัดเจนที่คณะ2475ไปรับมา,เรามันยุคไหนแล้วไร้สติปัญญาคิดอ่านสร้างระบบระบอบปกครองตนเองของฉบับไทยเราเองไม่ได้เหรอ,ถ้าโง่ขนาดนั้นก็สมควรพังพินาศสิ้นชาติไทยเถอะ,สมบัติทรัพยากรมีค่ามากมายบนแผ่นดินไทยต่างถูกปล้นชิงแย่งชิงผูกขาดยึดครองแทนคนไทยแทนประเทศไทยต่อหน้าต่อตาก็สมควรถูกต่างชาติคนต่างประเทศยึดประเทศไทยเถอะ สิ้นชาติไทยไป ไปเป็นทาสมันคนต่างชาติต่างประเทศเสีย ,ไล่ต่างชาติออกไปทั้งหมดมันผิดตรงไหน,ระหว่างมันยุยงยุแหย่ให้คนไทยแตกความสามัคคีกันฆ่าฟันกันเองหรือหมายล้มสถาบันกษัตริย์ไทยเราแล้วมันคนต่างชาติเข้ามายึดพื้นที่ดินยึดครองอยู่แทนคนไทยภายในทั้งหมดทันที,แบบไหนมันดีกว่ากัน,การไล่การถีบคนต่างชาติ ปิดบ้านตนเอง ปิดฐานตนเองเพื่อความปลอดภัยสำคัญที่สุด,มันออกไปข้างนอก จะกลับบ้านมันเองหรือไปไหนต่อก็เรื่องของมัน บ้านเราคือบ้านเรา ,ยิ่งเอาโจร ปล้นชิงฆ่าข่มขืนเข้าบ้านมาอยู่ด้วย มันสมควรจะกระทำมั้ย.,กองทัพไทยไม่โง่ ,นักการเมืองไทยหมดศักยภาพทางดีงามแล้ว ชั่วเลวเต็มสันดานจริตมารปีศาจอสูรครอบงำร่างกายเน่าๆมันหมดแล้ว,กองทัพไทยทหารพระราชาทหารประชาชนคนไทยต้องเด็ดขาดได้แล้ว.,อย่าโง่เหง้าอีกเลย เสียโง่ยุคโควิด19ก็มากพอแล้ว ทั้งมันทหารเลวชั่วฝ่ายมืดอีลิทซาตานอีก,ยุคเราคือทหารฝ่ายแสงต้องกวาดล้างจริงจังกันได้แล้ว.

    https://vm.tiktok.com/ZSHvnCQAs94up-BURXT/
    บทบาทกองทัพไทยเรายังแสดงความเด็ดขาดไม่ชัดเจนใดๆน่าผิดหวังมากที่เรา..ประชาชนคนไทยฝากความหวังไว้มากมายเพราะกองทัพไทยมีอำนาจหน้าที่เต็มพร้อมสั่งการใดๆผ่านอำนาจในมือตนได้หมดเพื่อรักษาอธิปไตยไทยเราเองในทุกๆมิติจากคนต่างประเทศต่างชาติได้ที่เป็นต่างชาติที่ไม่ดีเป็นคนต่างชาตินั้นๆที่ไม่ดีต่อประเทศไทยเราและปัจจุบันชัดเจนมาก,เราตัดตอนสิ่งเลวชั่วก่อนที่จะลุกลามไปไม่ให้ลุกลามใดๆได้ที่เสียหายต่อดินแดนอธิปไตยไทยเราเองเจ้าของประเทศ,ผลักดันเนียนๆนิ่มๆอย่างชอบธรรมได้ในเวลาจังหวะนี้ กฎหมายใดๆที่เขียนขึ้นจากรัฐบาลบัดสบยุคอดีตเราสามารถโมฆะเขียนใหม่ให้ดีได้ต่อไทยตนเอง,มิใช่ปัจจุบันยังกอดผีบ้ากฎหมายที่เสียอธิปไตยตนมากมายในปัจจุบันเช่นนี้,แผ่นดินไทยและประชาชนคนไทยที่ผาสุขสงบสุขสันติสุขต้องมาก่อนความสงบสุขของคนต่างชาติที่ย้ายมาจากไหนไม่รู้มายึดครองแผ่นดินที่ดินคนไทยด้วยตังคนต่างชาติที่อดีตรัฐบาลชั่วไปทำผิดต่อบ้านต่อเมืองไทยตน เราสามารถยกเลิกกฎหมายอุบาทก์นั้นได้หมดเพราะประเทศไทยคือประเทศต้องมาก่อน,คนไทยทรยศไทยต่อประหารชีวิตทั้งหมด. ..โลกยุคสมัยหน้าต้องรักษาปกป้องชาติตนเองและประชาชนตนเองก่อน จากนั้นจึงแสวงหามิตรดีสหายดีมาร่วมกันปกป้องกันดูแลกัน มิใช่มาเอาเปรียบกัน ปล้นชิงกัน ทำชั่วจากที่อื่นหมายมาทำชั่วเลวที่ใหม่ต้องผลักดันออกทันที. ..กองทัพไทยต้องยึดอำนาจรัฐบาลปัจจุบันนี้ทันทีอย่าให้ทำผิดเหมือนอดีตนายกฯอุ๊งอิ๊งอีก,ตัดตอนยุคนั้นสงครามเขมรจะไม่เกิดตามแผนไซออนิสต์เลย,เรา..ประเทศกองทัพไทยยังทันนะที่จะลงมือยึดอำนาจแล้วกวาดล้างความสกปกรกในบ้านในเมืองเราอย่างเด็ดขาดจริงจัง ท่านเห็นอะไรว่าดี ว่าชั่วว่าเลวหมดแล้ว พยานหลักฐานครบหมดเก็บในบิ๊กดาต้าหมดแล้วแน่นอนในทีมงานคณะสายลับกองทัพไทยและคณะสากลโลก,ดีที่สุดยุคนี้คือคนของประเทศใดต้องกลับไปประเทศนั้นหมดทันที,ไทยเรายังไม่พร้อมรับคนต่างชาติต่างด้าวใดๆเลยตลอดแรงงานต่างชาติทัังหมดในยุคเวลาวิกฤตินี้ ต้องผลักดันคนต่างชาติแรงงานต่างชาติต่างด้าวออกจากประเทศไทยทั้งหมดทันทีก่อนเพื่อจัดระเบียนแบบแผนภายในเราใหม่ทั้งหมด,ปิดประเทศก็ต้องปิดก่อน ห้ามคนต่างชาติเข้าประเทศไทยทั้งหมด คนต่างชาติต่างประเทศต่างด้าวต้องออกจากประเทศไทยทันทีทุกๆกรณี,นี้คือการจัดการปัญหาได้ตรงจุด ในเวลานี้ ยุคนี้ จะเหตุการณ์ใดๆ ยิว มุสลิม คนต่างชาติต่างด้าว ที่มาจากคนพวกนี้จะหมดไปเป็นอันมาก,เราจะเหลือคนไทยเพียวๆล้วนๆทันที ปัญหาจะจัดหารง่าย ภัยสังคมภายในจะบริหารจัดการแก้ไขง่าย เห็นสิ่งผิดปกติชัด ไม่ต้องมากังวลข้างหลังกับพวกต่างชาติใดๆในประเทศไทยเราอีก,เมื่ออะไรจัดการลงตัววางระบบระเบียบใหม่พร้อมรับมือลงตัวจึงเปิดประเทศไทยเราใหม่เพื่อเปิดรับนักท่องเที่ยวหรือคนต่างประเทศไทยได้,ปิดประเทศไทย เราไม่ตายอะไรหรอก,คนไทยภายในประเทศไม่ตายหรอก,จะตายคืออีลิทบ้าเงินบ้าทองนายลงทุนสามานย์โน้น,กิจการเจ้าสัวชั่วเลวมือเทาเถื่อนต่างๆที่ปะปนไปกับสินค้าบริการตนที่อ้่งว่าถูกกฎหมายนั้นล่ะ, ..วิกฤตประเทศไทย แก้ได้แน่นอนถ้าทำตามนี้ อย่ารักษหน้าตาผีบ้าเลย,รักษาชาติไทยแผ่นดินไทยบ้านประเทศไทยเราไว้ก่อน,ถีบต่างชาตคนต่างประเทศแรงงานต่างประเทศแรงงานต่างชาติออกไปก่อน อย่างไรมันก็คนต่างชาติมันก็เป็นต่างประเทศ มันก็กลับไปประเทศชาติมันได้หรือไปอาศัยอยู่ในประเทศอื่นๆต่อได้ ไปเป็นแรงงานชาติอื่นๆได้,เรา..ประเทศไทยมาจัดการเรื่องภายใน ทำความสะอาดครั้งใหญ่ดีกว่า,ยึดทรัพย์สินเจ้าสัวเทา นักการเมืองเทา นักปกครองคนข้าราชการไทยเทาเราดีกว่า,สมบัติทรัพยากรเราจากการปิดประเทศจะได้คืนมาทันทีด้วย,เขียนระบบปกครองใหม่ก็ได้,ผีบ้าไปใช้ระบบปกครองของฝรั่งส่งออกมันทำไม เราเป็นทาสมันเหรอต้องใช้ระบบปกครองของฝรั่งมัน มันบอกต้องปกครองระบอบปกครองนี้เหรอ,เมื่อระบอบปกครองนี้ทำให้เราเกือบสิ้นชาติจะเก็บไว้ทำพ่อมรึงเหรอ,เมื่อระบอบปกครองนี้ทำให้เราเสียบ่อน้ำมันไปเกือบทั้งประเทศได้ค่าภาคหลวงแบบกากๆรายได้แค่เศษตังเศษกระดูกพอใจอะไรเปรียบเสมือนระบอบปกครองนี้มันปล้นชิงแผ่นดินไทยผ่านระบอบปกครองของฝรั่งชัดเจนที่คณะ2475ไปรับมา,เรามันยุคไหนแล้วไร้สติปัญญาคิดอ่านสร้างระบบระบอบปกครองตนเองของฉบับไทยเราเองไม่ได้เหรอ,ถ้าโง่ขนาดนั้นก็สมควรพังพินาศสิ้นชาติไทยเถอะ,สมบัติทรัพยากรมีค่ามากมายบนแผ่นดินไทยต่างถูกปล้นชิงแย่งชิงผูกขาดยึดครองแทนคนไทยแทนประเทศไทยต่อหน้าต่อตาก็สมควรถูกต่างชาติคนต่างประเทศยึดประเทศไทยเถอะ สิ้นชาติไทยไป ไปเป็นทาสมันคนต่างชาติต่างประเทศเสีย ,ไล่ต่างชาติออกไปทั้งหมดมันผิดตรงไหน,ระหว่างมันยุยงยุแหย่ให้คนไทยแตกความสามัคคีกันฆ่าฟันกันเองหรือหมายล้มสถาบันกษัตริย์ไทยเราแล้วมันคนต่างชาติเข้ามายึดพื้นที่ดินยึดครองอยู่แทนคนไทยภายในทั้งหมดทันที,แบบไหนมันดีกว่ากัน,การไล่การถีบคนต่างชาติ ปิดบ้านตนเอง ปิดฐานตนเองเพื่อความปลอดภัยสำคัญที่สุด,มันออกไปข้างนอก จะกลับบ้านมันเองหรือไปไหนต่อก็เรื่องของมัน บ้านเราคือบ้านเรา ,ยิ่งเอาโจร ปล้นชิงฆ่าข่มขืนเข้าบ้านมาอยู่ด้วย มันสมควรจะกระทำมั้ย.,กองทัพไทยไม่โง่ ,นักการเมืองไทยหมดศักยภาพทางดีงามแล้ว ชั่วเลวเต็มสันดานจริตมารปีศาจอสูรครอบงำร่างกายเน่าๆมันหมดแล้ว,กองทัพไทยทหารพระราชาทหารประชาชนคนไทยต้องเด็ดขาดได้แล้ว.,อย่าโง่เหง้าอีกเลย เสียโง่ยุคโควิด19ก็มากพอแล้ว ทั้งมันทหารเลวชั่วฝ่ายมืดอีลิทซาตานอีก,ยุคเราคือทหารฝ่ายแสงต้องกวาดล้างจริงจังกันได้แล้ว. https://vm.tiktok.com/ZSHvnCQAs94up-BURXT/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 78 มุมมอง 0 รีวิว
  • AMD สร้างปรากฏการณ์ใหม่ – รันอัลกอริธึมควอนตัมบนชิปทั่วไป แซงหน้า NVIDIA ในสนามควอนตัม

    ในโลกของควอนตัมคอมพิวติ้ง “qubit” คือหน่วยข้อมูลที่เปราะบางมาก แค่แรงสั่นสะเทือนเล็กน้อยก็ทำให้ข้อมูลผิดพลาดได้ ดังนั้นการมีอัลกอริธึมที่สามารถตรวจจับและแก้ไขข้อผิดพลาดโดยไม่ทำลายสถานะของ qubit จึงเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาระบบควอนตัมที่ใช้งานได้จริง

    IBM ได้พัฒนาอัลกอริธึม QEC และทดลองรันบนชิป FPGA ของ AMD ซึ่งเป็นฮาร์ดแวร์ทั่วไปที่สามารถปรับแต่งได้ตามงานเฉพาะ (reconfigurable hardware) ผลลัพธ์คือความเร็วในการประมวลผลสูงกว่าที่คาดไว้ถึง 10 เท่า และไม่ต้องใช้ชิปเฉพาะทางราคาแพง

    นี่คือจุดที่ AMD ได้เปรียบ เพราะมี Xilinx อยู่ในเครือ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน FPGA ขณะที่ NVIDIA ใช้แนวทางต่างออกไป โดยพัฒนาแพลตฟอร์ม DGX Quantum ที่รวมซอฟต์แวร์ CUDA-Q เข้ากับฮาร์ดแวร์ระดับสูง แต่ยังไม่สามารถรัน QEC บนชิปทั่วไปได้เหมือน AMD

    แม้ NVIDIA จะมีเทคโนโลยีที่ทรงพลัง แต่ความสำเร็จของ AMD ในการใช้ฮาร์ดแวร์ “off-the-shelf” กับงานควอนตัม ถือเป็นก้าวสำคัญที่อาจเปลี่ยนแนวทางของอุตสาหกรรมในอนาคต

    ความสำเร็จของ AMD กับอัลกอริธึม QEC
    รันบนชิป FPGA ที่ปรับแต่งได้
    ประสิทธิภาพสูงกว่าที่คาดไว้ถึง 10 เท่า
    ไม่ต้องใช้ชิปเฉพาะทางราคาแพง

    จุดเด่นของ FPGA ในงานควอนตัม
    ปรับแต่งได้ตามงานเฉพาะ
    รองรับ feedback loop ที่มี latency ต่ำ
    เหมาะกับงานที่ต้องการความแม่นยำสูง

    ความแตกต่างจากแนวทางของ NVIDIA
    ใช้แพลตฟอร์ม DGX Quantum + CUDA-Q
    ยังไม่สามารถใช้ฮาร์ดแวร์ทั่วไปกับ QEC ได้
    ขาดทรัพยากรด้าน FPGA แบบที่ AMD มีจาก Xilinx

    https://wccftech.com/amd-beats-nvidia-in-quantum-computing-milestone-for-now/
    🧠 AMD สร้างปรากฏการณ์ใหม่ – รันอัลกอริธึมควอนตัมบนชิปทั่วไป แซงหน้า NVIDIA ในสนามควอนตัม ในโลกของควอนตัมคอมพิวติ้ง “qubit” คือหน่วยข้อมูลที่เปราะบางมาก แค่แรงสั่นสะเทือนเล็กน้อยก็ทำให้ข้อมูลผิดพลาดได้ ดังนั้นการมีอัลกอริธึมที่สามารถตรวจจับและแก้ไขข้อผิดพลาดโดยไม่ทำลายสถานะของ qubit จึงเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาระบบควอนตัมที่ใช้งานได้จริง IBM ได้พัฒนาอัลกอริธึม QEC และทดลองรันบนชิป FPGA ของ AMD ซึ่งเป็นฮาร์ดแวร์ทั่วไปที่สามารถปรับแต่งได้ตามงานเฉพาะ (reconfigurable hardware) ผลลัพธ์คือความเร็วในการประมวลผลสูงกว่าที่คาดไว้ถึง 10 เท่า และไม่ต้องใช้ชิปเฉพาะทางราคาแพง นี่คือจุดที่ AMD ได้เปรียบ เพราะมี Xilinx อยู่ในเครือ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน FPGA ขณะที่ NVIDIA ใช้แนวทางต่างออกไป โดยพัฒนาแพลตฟอร์ม DGX Quantum ที่รวมซอฟต์แวร์ CUDA-Q เข้ากับฮาร์ดแวร์ระดับสูง แต่ยังไม่สามารถรัน QEC บนชิปทั่วไปได้เหมือน AMD แม้ NVIDIA จะมีเทคโนโลยีที่ทรงพลัง แต่ความสำเร็จของ AMD ในการใช้ฮาร์ดแวร์ “off-the-shelf” กับงานควอนตัม ถือเป็นก้าวสำคัญที่อาจเปลี่ยนแนวทางของอุตสาหกรรมในอนาคต ✅ ความสำเร็จของ AMD กับอัลกอริธึม QEC ➡️ รันบนชิป FPGA ที่ปรับแต่งได้ ➡️ ประสิทธิภาพสูงกว่าที่คาดไว้ถึง 10 เท่า ➡️ ไม่ต้องใช้ชิปเฉพาะทางราคาแพง ✅ จุดเด่นของ FPGA ในงานควอนตัม ➡️ ปรับแต่งได้ตามงานเฉพาะ ➡️ รองรับ feedback loop ที่มี latency ต่ำ ➡️ เหมาะกับงานที่ต้องการความแม่นยำสูง ✅ ความแตกต่างจากแนวทางของ NVIDIA ➡️ ใช้แพลตฟอร์ม DGX Quantum + CUDA-Q ➡️ ยังไม่สามารถใช้ฮาร์ดแวร์ทั่วไปกับ QEC ได้ ➡️ ขาดทรัพยากรด้าน FPGA แบบที่ AMD มีจาก Xilinx https://wccftech.com/amd-beats-nvidia-in-quantum-computing-milestone-for-now/
    WCCFTECH.COM
    AMD Beats NVIDIA in Quantum Computing Milestone For Now, By Running IBM's Error-Correction Algorithm On Standard Chips
    IBM has announced a breakthrough in quantum computing, as AMD's standard chips have successfully run a key error correction algorithm.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 50 มุมมอง 0 รีวิว
  • “NetBSD ขอแรงชุมชน – ระดมทุนโค้งสุดท้ายก่อนสิ้นปีเพื่อพัฒนาระบบปฏิบัติการโอเพ่นซอร์สให้ทันสมัย”

    ในช่วงปลายปี 2025 Jay Patel สมาชิกชุมชน NetBSD ได้ส่งข้อความถึงผู้ใช้งานทั่วโลกผ่าน mailing list เพื่อขอแรงสนับสนุนครั้งสุดท้ายในการระดมทุนให้กับ The NetBSD Foundation ซึ่งขณะนี้ยังขาดอีกกว่า 39,000 ดอลลาร์จากเป้าหมาย 50,000 ดอลลาร์ประจำปี

    NetBSD เป็นระบบปฏิบัติการโอเพ่นซอร์สที่มีจุดเด่นด้านความเสถียร ความปลอดภัย และความสามารถในการทำงานบนฮาร์ดแวร์หลากหลาย ตั้งแต่เครื่องรุ่นใหม่ไปจนถึงอุปกรณ์เก่า ๆ ที่ถูกนำกลับมาใช้งานอีกครั้ง เช่น เป็นไฟร์วอลล์ เซิร์ฟเวอร์ หรือเครื่องเล่นเกมย้อนยุค

    การระดมทุนครั้งนี้จะนำไปใช้กับโครงการสำคัญ เช่น:
    การรองรับสถาปัตยกรรม RISC-V ที่กำลังมาแรงในวงการฮาร์ดแวร์โอเพ่นซอร์ส
    การปรับปรุงระบบ Wi-Fi ครั้งใหญ่ เพื่อให้ NetBSD ใช้งานได้สะดวกขึ้นบนแล็ปท็อปและอุปกรณ์ฝังตัว

    Jay เน้นว่า NetBSD ไม่ใช่แค่ระบบปฏิบัติการ แต่เป็นพลังแห่งความยั่งยืนในยุคที่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ถูกทิ้งอย่างรวดเร็ว การที่ NetBSD สามารถทำงานบนเครื่องเก่าได้ดี ช่วยลดขยะอิเล็กทรอนิกส์และส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ

    การระดมทุนของ The NetBSD Foundation
    เป้าหมายปี 2025 คือ 50,000 ดอลลาร์
    ขณะนี้ระดมทุนได้แล้ว 10,738 ดอลลาร์
    ยังขาดอีก 39,262 ดอลลาร์ก่อนสิ้นปี

    โครงการที่ต้องการการสนับสนุน
    รองรับสถาปัตยกรรม RISC-V
    ปรับปรุงระบบ Wi-Fi ให้ทันสมัยและใช้งานได้ดีขึ้น

    จุดเด่นของ NetBSD
    ทำงานได้บนฮาร์ดแวร์หลากหลาย ทั้งใหม่และเก่า
    ลดขยะอิเล็กทรอนิกส์โดยนำอุปกรณ์เก่ากลับมาใช้งาน
    ใช้เป็นไฟร์วอลล์ เซิร์ฟเวอร์ หรือเครื่องเล่นเกมย้อนยุค

    การมีส่วนร่วมของชุมชน
    ผู้ใช้สามารถบริจาคผ่านเว็บไซต์ของ NetBSD
    แชร์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดียด้วยแฮชแท็ก #WhyIRunNetBSD

    คำเตือนสำหรับผู้สนใจสนับสนุน
    หากไม่ถึงเป้าหมาย อาจกระทบต่อการพัฒนาโครงการสำคัญในปีหน้า
    การไม่ปรับปรุงระบบ Wi-Fi อาจทำให้ NetBSD ใช้งานบนแล็ปท็อปได้ยากขึ้น
    การไม่รองรับ RISC-V อาจทำให้ NetBSD ตกขบวนเทคโนโลยีโอเพ่นซอร์สใหม่

    https://mail-index.netbsd.org/netbsd-users/2025/10/26/msg033327.html
    📰 “NetBSD ขอแรงชุมชน – ระดมทุนโค้งสุดท้ายก่อนสิ้นปีเพื่อพัฒนาระบบปฏิบัติการโอเพ่นซอร์สให้ทันสมัย” ในช่วงปลายปี 2025 Jay Patel สมาชิกชุมชน NetBSD ได้ส่งข้อความถึงผู้ใช้งานทั่วโลกผ่าน mailing list เพื่อขอแรงสนับสนุนครั้งสุดท้ายในการระดมทุนให้กับ The NetBSD Foundation ซึ่งขณะนี้ยังขาดอีกกว่า 39,000 ดอลลาร์จากเป้าหมาย 50,000 ดอลลาร์ประจำปี NetBSD เป็นระบบปฏิบัติการโอเพ่นซอร์สที่มีจุดเด่นด้านความเสถียร ความปลอดภัย และความสามารถในการทำงานบนฮาร์ดแวร์หลากหลาย ตั้งแต่เครื่องรุ่นใหม่ไปจนถึงอุปกรณ์เก่า ๆ ที่ถูกนำกลับมาใช้งานอีกครั้ง เช่น เป็นไฟร์วอลล์ เซิร์ฟเวอร์ หรือเครื่องเล่นเกมย้อนยุค การระดมทุนครั้งนี้จะนำไปใช้กับโครงการสำคัญ เช่น: 🎗️ การรองรับสถาปัตยกรรม RISC-V ที่กำลังมาแรงในวงการฮาร์ดแวร์โอเพ่นซอร์ส 🎗️ การปรับปรุงระบบ Wi-Fi ครั้งใหญ่ เพื่อให้ NetBSD ใช้งานได้สะดวกขึ้นบนแล็ปท็อปและอุปกรณ์ฝังตัว Jay เน้นว่า NetBSD ไม่ใช่แค่ระบบปฏิบัติการ แต่เป็นพลังแห่งความยั่งยืนในยุคที่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ถูกทิ้งอย่างรวดเร็ว การที่ NetBSD สามารถทำงานบนเครื่องเก่าได้ดี ช่วยลดขยะอิเล็กทรอนิกส์และส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ✅ การระดมทุนของ The NetBSD Foundation ➡️ เป้าหมายปี 2025 คือ 50,000 ดอลลาร์ ➡️ ขณะนี้ระดมทุนได้แล้ว 10,738 ดอลลาร์ ➡️ ยังขาดอีก 39,262 ดอลลาร์ก่อนสิ้นปี ✅ โครงการที่ต้องการการสนับสนุน ➡️ รองรับสถาปัตยกรรม RISC-V ➡️ ปรับปรุงระบบ Wi-Fi ให้ทันสมัยและใช้งานได้ดีขึ้น ✅ จุดเด่นของ NetBSD ➡️ ทำงานได้บนฮาร์ดแวร์หลากหลาย ทั้งใหม่และเก่า ➡️ ลดขยะอิเล็กทรอนิกส์โดยนำอุปกรณ์เก่ากลับมาใช้งาน ➡️ ใช้เป็นไฟร์วอลล์ เซิร์ฟเวอร์ หรือเครื่องเล่นเกมย้อนยุค ✅ การมีส่วนร่วมของชุมชน ➡️ ผู้ใช้สามารถบริจาคผ่านเว็บไซต์ของ NetBSD ➡️ แชร์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดียด้วยแฮชแท็ก #WhyIRunNetBSD ‼️ คำเตือนสำหรับผู้สนใจสนับสนุน ⛔ หากไม่ถึงเป้าหมาย อาจกระทบต่อการพัฒนาโครงการสำคัญในปีหน้า ⛔ การไม่ปรับปรุงระบบ Wi-Fi อาจทำให้ NetBSD ใช้งานบนแล็ปท็อปได้ยากขึ้น ⛔ การไม่รองรับ RISC-V อาจทำให้ NetBSD ตกขบวนเทคโนโลยีโอเพ่นซอร์สใหม่ https://mail-index.netbsd.org/netbsd-users/2025/10/26/msg033327.html
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 49 มุมมอง 0 รีวิว
  • หัวข้อข่าว: “Swift เปิดตัว SDK สำหรับ Android – ก้าวใหม่ของการพัฒนาแอปข้ามแพลตฟอร์ม”

    หลังจาก Swift เติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ทั้งในด้านการพัฒนาแอปบนคลาวด์, Windows, เบราว์เซอร์ และแม้แต่ไมโครคอนโทรลเลอร์ ล่าสุด Swift ได้ขยายขอบเขตไปยัง Android อย่างเป็นทางการ ด้วยการเปิดตัว “Swift SDK for Android” เวอร์ชัน nightly preview

    การเปิดตัวครั้งนี้เป็นผลจากความร่วมมือของ Android Workgroup ซึ่งเป็นกลุ่มเปิดที่ทุกคนสามารถเข้าร่วมได้ โดยมีเป้าหมายเพื่อผลักดัน Swift ให้สามารถพัฒนาแอปบน Android ได้อย่างเต็มรูปแบบ

    นักพัฒนาสามารถเริ่มต้นใช้งาน SDK ได้ทันที โดยมีคู่มือและตัวอย่างโค้ดให้ทดลองใช้งาน พร้อมรองรับการพอร์ตแพ็กเกจ Swift ไปยัง Android ได้ง่ายขึ้น ปัจจุบันกว่า 25% ของแพ็กเกจใน Swift Package Index สามารถ build บน Android ได้แล้ว

    นอกจากนี้ยังมีโครงการ swift-java ที่ช่วยให้ Swift สามารถทำงานร่วมกับ Java ได้ทั้งสองทาง โดยมีระบบสร้าง binding อัตโนมัติที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

    Swift SDK for Android เปิดตัวในรูปแบบ nightly preview
    เปิดโอกาสให้นักพัฒนาเขียนแอป Android ด้วยภาษา Swift
    รองรับการพัฒนาแบบ native และการพอร์ตแพ็กเกจ Swift

    การสนับสนุนจาก Android Workgroup
    เป็นกลุ่มเปิดที่ทุกคนสามารถเข้าร่วมได้
    มีการร่างเอกสารวิสัยทัศน์เพื่อกำหนดทิศทางในอนาคต

    เครื่องมือและทรัพยากรสำหรับนักพัฒนา
    มีคู่มือ Getting Started สำหรับเริ่มต้นใช้งาน
    มีตัวอย่าง Swift for Android Examples สำหรับ workflow แบบ end-to-end
    Community Showcase แสดงแพ็กเกจที่รองรับ Android

    การทำงานร่วมกับ Java ผ่าน swift-java
    เป็นทั้งไลบรารีและเครื่องมือสร้างโค้ด binding ระหว่าง Swift และ Java
    รองรับการนำ business logic จาก Swift ไปใช้บน Android ได้ง่ายขึ้น

    การติดตามและพัฒนาในอนาคต
    มี project board สำหรับติดตามสถานะของงานหลัก
    มีระบบ CI อย่างเป็นทางการสำหรับ Swift SDK for Android
    เปิดรับความคิดเห็นและไอเดียผ่าน Swift forums

    https://www.swift.org/blog/nightly-swift-sdk-for-android/
    📰 หัวข้อข่าว: “Swift เปิดตัว SDK สำหรับ Android – ก้าวใหม่ของการพัฒนาแอปข้ามแพลตฟอร์ม” หลังจาก Swift เติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ทั้งในด้านการพัฒนาแอปบนคลาวด์, Windows, เบราว์เซอร์ และแม้แต่ไมโครคอนโทรลเลอร์ ล่าสุด Swift ได้ขยายขอบเขตไปยัง Android อย่างเป็นทางการ ด้วยการเปิดตัว “Swift SDK for Android” เวอร์ชัน nightly preview การเปิดตัวครั้งนี้เป็นผลจากความร่วมมือของ Android Workgroup ซึ่งเป็นกลุ่มเปิดที่ทุกคนสามารถเข้าร่วมได้ โดยมีเป้าหมายเพื่อผลักดัน Swift ให้สามารถพัฒนาแอปบน Android ได้อย่างเต็มรูปแบบ นักพัฒนาสามารถเริ่มต้นใช้งาน SDK ได้ทันที โดยมีคู่มือและตัวอย่างโค้ดให้ทดลองใช้งาน พร้อมรองรับการพอร์ตแพ็กเกจ Swift ไปยัง Android ได้ง่ายขึ้น ปัจจุบันกว่า 25% ของแพ็กเกจใน Swift Package Index สามารถ build บน Android ได้แล้ว นอกจากนี้ยังมีโครงการ swift-java ที่ช่วยให้ Swift สามารถทำงานร่วมกับ Java ได้ทั้งสองทาง โดยมีระบบสร้าง binding อัตโนมัติที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ✅ Swift SDK for Android เปิดตัวในรูปแบบ nightly preview ➡️ เปิดโอกาสให้นักพัฒนาเขียนแอป Android ด้วยภาษา Swift ➡️ รองรับการพัฒนาแบบ native และการพอร์ตแพ็กเกจ Swift ✅ การสนับสนุนจาก Android Workgroup ➡️ เป็นกลุ่มเปิดที่ทุกคนสามารถเข้าร่วมได้ ➡️ มีการร่างเอกสารวิสัยทัศน์เพื่อกำหนดทิศทางในอนาคต ✅ เครื่องมือและทรัพยากรสำหรับนักพัฒนา ➡️ มีคู่มือ Getting Started สำหรับเริ่มต้นใช้งาน ➡️ มีตัวอย่าง Swift for Android Examples สำหรับ workflow แบบ end-to-end ➡️ Community Showcase แสดงแพ็กเกจที่รองรับ Android ✅ การทำงานร่วมกับ Java ผ่าน swift-java ➡️ เป็นทั้งไลบรารีและเครื่องมือสร้างโค้ด binding ระหว่าง Swift และ Java ➡️ รองรับการนำ business logic จาก Swift ไปใช้บน Android ได้ง่ายขึ้น ✅ การติดตามและพัฒนาในอนาคต ➡️ มี project board สำหรับติดตามสถานะของงานหลัก ➡️ มีระบบ CI อย่างเป็นทางการสำหรับ Swift SDK for Android ➡️ เปิดรับความคิดเห็นและไอเดียผ่าน Swift forums https://www.swift.org/blog/nightly-swift-sdk-for-android/
    WWW.SWIFT.ORG
    Announcing the Swift SDK for Android
    Swift has matured significantly over the past decade — extending from cloud services to Windows applications, browser apps, and microcontrollers. Swift powers apps and services of all kinds, and thanks to its great interoperability, you can share code across platforms.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 38 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..ความผิดทั้งหมดคือข้าราชการประจำของกระทรวงการต่างประเทศไทยเต็ม กับอดีตรัฐบาลทั้งหมดจากฝ่ายการเมืองที่ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตต่อดินแดนอธิปไตยตนเองในการปกป้องแผ่นดินไทยและยึดคืนมาทั้งหมดที่ถูกต้องชอบธรรมแต่ต้น,คน กต. ตั้งใจเล่นเดินเรื่องให้ผิดจุดผิดประเด็นชัดเจน ทำหนังสือประท้วงฑูตฝรั่งเศสตัวต้นเหตุปัญหาก็จบ ที่คืนผิดประเทศ ต้องคืนแผ่นดินพื้นที่ให้ถูกประเทศ มลฑลบูรพาตะวันออกทั้งหมดตลอดเกาะกงด้วย ต้องคืนเป็นของไทย,ตอนนี้กองทัพไทยมีสิทธิชอบธรรมในการยึดอำนาจปฏิวัติปฏิรูปประเทศไทยใหม่ทั้งหมด,ผลักดันคนต่างประเทศออกจากประเทศไทยทั้งหมดก่อนเพื่อตัดตอนทุกๆปัญหามิให้เกิดขึ้นได้ด้วย,เรื่องของคนไทย บ้านไทย แผ่นดินไทย ภายในบ้าน คนนอก คนต่างชาติต่างประเทศที่อยู่บนแผ่นดินไทยต้องออกไปก่อนทั้งหมด ทุกๆกรณีแบบไม่มีเงื่อนไขใดๆ,เรา..ประเทศไทยจะบริหารจัดการทุกๆปัญหาอย่างสบายใจแน่นอน.,จะเห็นต้นเหตุตัวปัญหาได้ชัดเจนด้วย,ทหารไทยและกองทัพไทยเราจะคืนความสงบสุขอย่างสบายๆทันที,ปัญหาทั้งหมดล้วนมาจากพวกต่างชาติมาอยู่ประเทศไทยทั้งสิ้น,มาแย่งแผ่นดินไทยของคนไทยแย่งทรัพยากรไทยมีค่ามากมายไปจากประชาชนคนไทยเราชัดเจน.
    ..กองทัพไทยต้องเด็ดขาดเรื่องนี้จริงๆ,เสมือนอเมริกาปิดบ้านมันนั้นล่ะ ,เราก็ปิดบ้านขับไล่ถีบต่างชาติออกไปก่อนได้.,ถีบออกใ้หมดปจากอผ่นดินไทยสัก10-20ปี เราจะเห็นชัดถึงความสงบความปลอดภัยทันที,จะแปลกใจว่า ต่างชาติเหี้ยวุ่นวายทั่วโลก แต่ไทยเรากลับสงบสุขทันที จะเห็นชัดเจนแน่นอน.,คนไทยเทาก็ยิ่งจัดการสะดวกง่ายดายไปอีก.


    https://youtube.com/live/43nVcEDBjog?si=JA9EC2QyNeL8TpyL
    ..ความผิดทั้งหมดคือข้าราชการประจำของกระทรวงการต่างประเทศไทยเต็ม กับอดีตรัฐบาลทั้งหมดจากฝ่ายการเมืองที่ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตต่อดินแดนอธิปไตยตนเองในการปกป้องแผ่นดินไทยและยึดคืนมาทั้งหมดที่ถูกต้องชอบธรรมแต่ต้น,คน กต. ตั้งใจเล่นเดินเรื่องให้ผิดจุดผิดประเด็นชัดเจน ทำหนังสือประท้วงฑูตฝรั่งเศสตัวต้นเหตุปัญหาก็จบ ที่คืนผิดประเทศ ต้องคืนแผ่นดินพื้นที่ให้ถูกประเทศ มลฑลบูรพาตะวันออกทั้งหมดตลอดเกาะกงด้วย ต้องคืนเป็นของไทย,ตอนนี้กองทัพไทยมีสิทธิชอบธรรมในการยึดอำนาจปฏิวัติปฏิรูปประเทศไทยใหม่ทั้งหมด,ผลักดันคนต่างประเทศออกจากประเทศไทยทั้งหมดก่อนเพื่อตัดตอนทุกๆปัญหามิให้เกิดขึ้นได้ด้วย,เรื่องของคนไทย บ้านไทย แผ่นดินไทย ภายในบ้าน คนนอก คนต่างชาติต่างประเทศที่อยู่บนแผ่นดินไทยต้องออกไปก่อนทั้งหมด ทุกๆกรณีแบบไม่มีเงื่อนไขใดๆ,เรา..ประเทศไทยจะบริหารจัดการทุกๆปัญหาอย่างสบายใจแน่นอน.,จะเห็นต้นเหตุตัวปัญหาได้ชัดเจนด้วย,ทหารไทยและกองทัพไทยเราจะคืนความสงบสุขอย่างสบายๆทันที,ปัญหาทั้งหมดล้วนมาจากพวกต่างชาติมาอยู่ประเทศไทยทั้งสิ้น,มาแย่งแผ่นดินไทยของคนไทยแย่งทรัพยากรไทยมีค่ามากมายไปจากประชาชนคนไทยเราชัดเจน. ..กองทัพไทยต้องเด็ดขาดเรื่องนี้จริงๆ,เสมือนอเมริกาปิดบ้านมันนั้นล่ะ ,เราก็ปิดบ้านขับไล่ถีบต่างชาติออกไปก่อนได้.,ถีบออกใ้หมดปจากอผ่นดินไทยสัก10-20ปี เราจะเห็นชัดถึงความสงบความปลอดภัยทันที,จะแปลกใจว่า ต่างชาติเหี้ยวุ่นวายทั่วโลก แต่ไทยเรากลับสงบสุขทันที จะเห็นชัดเจนแน่นอน.,คนไทยเทาก็ยิ่งจัดการสะดวกง่ายดายไปอีก. https://youtube.com/live/43nVcEDBjog?si=JA9EC2QyNeL8TpyL
    - YouTube
    เพลิดเพลินไปกับวิดีโอและเพลงที่คุณชอบ อัปโหลดเนื้อหาต้นฉบับ และแชร์เนื้อหาทั้งหมดกับเพื่อน ครอบครัว และผู้คนทั่วโลกบน YouTube
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 126 มุมมอง 0 รีวิว
  • TSMC เผยผลกระทบจากการจำกัดส่งออกแร่หายากของจีนยังไม่รุนแรงในระยะสั้น – แต่การเปลี่ยนแหล่งผลิตในระยะยาวคือความท้าทาย

    TSMC บริษัทผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ของโลกจากไต้หวัน ระบุว่าการจำกัดการส่งออกแร่หายากของจีนจะไม่ส่งผลกระทบต่อการผลิตในระยะสั้น เพราะบริษัทมีสต็อกเพียงพอสำหรับ 1–2 ปี อย่างไรก็ตาม ความกังวลหลักอยู่ที่การเปลี่ยนแหล่งวัตถุดิบจากจีนไปยังประเทศอื่น เช่น ออสเตรเลีย แคนาดา หรือสหรัฐฯ ซึ่งต้องใช้เวลาและการลงทุนสูง

    จีนถือครองกำลังการผลิตแร่หายากกว่า 85% ของโลก และได้ประกาศให้ทรัพยากรเหล่านี้เป็นของรัฐตั้งแต่ปี 2024 พร้อมทั้งออกมาตรการควบคุมการส่งออกหลายครั้งในปี 2025 ซึ่งส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก โดยเฉพาะชิปที่มีขนาดเล็กกว่า 14nm หรือมีมากกว่า 256 เลเยอร์

    แม้จะมีแหล่งแร่หายากในประเทศอื่น แต่ยังขาดโครงสร้างพื้นฐานในการสกัดและแปรรูป เช่นเดียวกับโรงงานในมาเลเซียที่แม้จะเป็นโรงงานนอกจีนที่ใหญ่ที่สุด ก็ยังต้องพึ่งพาความร่วมมือกับจีนในการพัฒนา

    สถานการณ์ของ TSMC
    มีสต็อกแร่หายากเพียงพอสำหรับ 1–2 ปี
    ไม่กังวลผลกระทบระยะสั้นจากการจำกัดส่งออกของจีน
    ความท้าทายหลักคือการเปลี่ยนแหล่งวัตถุดิบในระยะยาว

    บทบาทของจีนในตลาดแร่หายาก
    ครองกำลังการผลิตกว่า 85% ของโลก
    ประกาศให้แร่หายากเป็นทรัพย์สินของรัฐในปี 2024
    ออกมาตรการควบคุมการส่งออกหลายครั้งในปี 2025
    ส่งผลกระทบต่อการผลิตชิปขั้นสูงทั่วโลก

    ทางเลือกจากประเทศอื่น
    ออสเตรเลียพยายามสกัดแร่จากของเสียในเหมือง
    แคนาดาและสหรัฐฯ เตรียมลงทุนเพื่อขยายกำลังผลิต
    มาเลเซียมีโรงงานแปรรูปใหญ่ที่สุดนอกจีน แต่ยังต้องพึ่งพาความร่วมมือกับจีน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/manufacturing/tsmc-says-chinas-rare-earth-export-restrictions-will-have-limited-short-term-impact-on-company-concern-lies-in-transitioning-away-from-china-supply
    🌏 TSMC เผยผลกระทบจากการจำกัดส่งออกแร่หายากของจีนยังไม่รุนแรงในระยะสั้น – แต่การเปลี่ยนแหล่งผลิตในระยะยาวคือความท้าทาย TSMC บริษัทผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ของโลกจากไต้หวัน ระบุว่าการจำกัดการส่งออกแร่หายากของจีนจะไม่ส่งผลกระทบต่อการผลิตในระยะสั้น เพราะบริษัทมีสต็อกเพียงพอสำหรับ 1–2 ปี อย่างไรก็ตาม ความกังวลหลักอยู่ที่การเปลี่ยนแหล่งวัตถุดิบจากจีนไปยังประเทศอื่น เช่น ออสเตรเลีย แคนาดา หรือสหรัฐฯ ซึ่งต้องใช้เวลาและการลงทุนสูง จีนถือครองกำลังการผลิตแร่หายากกว่า 85% ของโลก และได้ประกาศให้ทรัพยากรเหล่านี้เป็นของรัฐตั้งแต่ปี 2024 พร้อมทั้งออกมาตรการควบคุมการส่งออกหลายครั้งในปี 2025 ซึ่งส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก โดยเฉพาะชิปที่มีขนาดเล็กกว่า 14nm หรือมีมากกว่า 256 เลเยอร์ แม้จะมีแหล่งแร่หายากในประเทศอื่น แต่ยังขาดโครงสร้างพื้นฐานในการสกัดและแปรรูป เช่นเดียวกับโรงงานในมาเลเซียที่แม้จะเป็นโรงงานนอกจีนที่ใหญ่ที่สุด ก็ยังต้องพึ่งพาความร่วมมือกับจีนในการพัฒนา ✅ สถานการณ์ของ TSMC ➡️ มีสต็อกแร่หายากเพียงพอสำหรับ 1–2 ปี ➡️ ไม่กังวลผลกระทบระยะสั้นจากการจำกัดส่งออกของจีน ➡️ ความท้าทายหลักคือการเปลี่ยนแหล่งวัตถุดิบในระยะยาว ✅ บทบาทของจีนในตลาดแร่หายาก ➡️ ครองกำลังการผลิตกว่า 85% ของโลก ➡️ ประกาศให้แร่หายากเป็นทรัพย์สินของรัฐในปี 2024 ➡️ ออกมาตรการควบคุมการส่งออกหลายครั้งในปี 2025 ➡️ ส่งผลกระทบต่อการผลิตชิปขั้นสูงทั่วโลก ✅ ทางเลือกจากประเทศอื่น ➡️ ออสเตรเลียพยายามสกัดแร่จากของเสียในเหมือง ➡️ แคนาดาและสหรัฐฯ เตรียมลงทุนเพื่อขยายกำลังผลิต ➡️ มาเลเซียมีโรงงานแปรรูปใหญ่ที่สุดนอกจีน แต่ยังต้องพึ่งพาความร่วมมือกับจีน https://www.tomshardware.com/tech-industry/manufacturing/tsmc-says-chinas-rare-earth-export-restrictions-will-have-limited-short-term-impact-on-company-concern-lies-in-transitioning-away-from-china-supply
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 111 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google ยอมรับกลาย ๆ ว่า GPU ของ Tensor G5 ยังต้องปรับจูน – เตรียมเพิ่มประสิทธิภาพก่อนเปิดตัว Pixel รุ่นใหม่

    Google กำลังพัฒนา Tensor G5 ซึ่งเป็นชิปเซ็ตรุ่นใหม่ที่จะใช้ใน Pixel รุ่นถัดไป โดยมีรายงานว่า GPU ที่ใช้ใน Tensor G5 ยังไม่สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ และต้องการการปรับแต่งเพิ่มเติมก่อนจะพร้อมใช้งานจริง

    แม้ Google จะยังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการ แต่ข้อมูลจากเอกสารภายในและการเคลื่อนไหวของทีมพัฒนาเผยว่า GPU ที่ใช้ใน Tensor G5 ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมจากบริษัท Imagination Technologies ยังต้องการการปรับจูนเพื่อให้เหมาะกับการใช้งานบน Android และแอปต่าง ๆ ของ Google โดยเฉพาะด้านการประมวลผลกราฟิกและ AI

    Tensor G5 ถือเป็นชิปที่ Google พัฒนาขึ้นเองเต็มรูปแบบ โดยใช้โรงงาน TSMC ในการผลิตด้วยเทคโนโลยี 3nm ซึ่งต่างจาก Tensor รุ่นก่อนที่ร่วมพัฒนากับ Samsung การเปลี่ยนมาใช้ GPU จาก Imagination แทน ARM Mali ก็เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ต้องใช้เวลาในการปรับแต่งให้เข้ากับ ecosystem ของ Google

    การพัฒนา Tensor G5 โดย Google
    เป็นชิปที่ Google พัฒนาขึ้นเองเต็มรูปแบบ
    ผลิตโดย TSMC ด้วยเทคโนโลยี 3nm
    ใช้ GPU จาก Imagination Technologies แทน ARM Mali

    ความท้าทายด้าน GPU
    GPU ยังไม่สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
    ต้องการการปรับจูนเพื่อรองรับ Android และแอปของ Google
    ทีมพัฒนากำลังเร่งแก้ไขก่อนเปิดตัว Pixel รุ่นใหม่

    การเปลี่ยนแปลงจาก Tensor รุ่นก่อน
    Tensor G5 ไม่ร่วมพัฒนากับ Samsung เหมือนรุ่นก่อน
    เปลี่ยนสถาปัตยกรรม GPU เป็นครั้งแรก
    มุ่งเน้นการควบคุมคุณภาพและประสิทธิภาพโดย Google เอง

    ข้อควรระวังและข้อจำกัด
    การเปลี่ยน GPU อาจทำให้เกิดปัญหาความเข้ากันได้กับแอปบางตัว
    หากปรับจูนไม่ทัน อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของ Pixel รุ่นใหม่
    การพัฒนา GPU ภายในต้องใช้ทรัพยากรและเวลามาก
    ความคาดหวังสูงจากผู้ใช้ Pixel อาจกดดันทีมพัฒนา

    https://wccftech.com/google-tacitly-admits-to-the-need-for-optimizing-the-tensor-g5s-gpu/
    📱 Google ยอมรับกลาย ๆ ว่า GPU ของ Tensor G5 ยังต้องปรับจูน – เตรียมเพิ่มประสิทธิภาพก่อนเปิดตัว Pixel รุ่นใหม่ Google กำลังพัฒนา Tensor G5 ซึ่งเป็นชิปเซ็ตรุ่นใหม่ที่จะใช้ใน Pixel รุ่นถัดไป โดยมีรายงานว่า GPU ที่ใช้ใน Tensor G5 ยังไม่สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ และต้องการการปรับแต่งเพิ่มเติมก่อนจะพร้อมใช้งานจริง แม้ Google จะยังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการ แต่ข้อมูลจากเอกสารภายในและการเคลื่อนไหวของทีมพัฒนาเผยว่า GPU ที่ใช้ใน Tensor G5 ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมจากบริษัท Imagination Technologies ยังต้องการการปรับจูนเพื่อให้เหมาะกับการใช้งานบน Android และแอปต่าง ๆ ของ Google โดยเฉพาะด้านการประมวลผลกราฟิกและ AI Tensor G5 ถือเป็นชิปที่ Google พัฒนาขึ้นเองเต็มรูปแบบ โดยใช้โรงงาน TSMC ในการผลิตด้วยเทคโนโลยี 3nm ซึ่งต่างจาก Tensor รุ่นก่อนที่ร่วมพัฒนากับ Samsung การเปลี่ยนมาใช้ GPU จาก Imagination แทน ARM Mali ก็เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ต้องใช้เวลาในการปรับแต่งให้เข้ากับ ecosystem ของ Google ✅ การพัฒนา Tensor G5 โดย Google ➡️ เป็นชิปที่ Google พัฒนาขึ้นเองเต็มรูปแบบ ➡️ ผลิตโดย TSMC ด้วยเทคโนโลยี 3nm ➡️ ใช้ GPU จาก Imagination Technologies แทน ARM Mali ✅ ความท้าทายด้าน GPU ➡️ GPU ยังไม่สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ➡️ ต้องการการปรับจูนเพื่อรองรับ Android และแอปของ Google ➡️ ทีมพัฒนากำลังเร่งแก้ไขก่อนเปิดตัว Pixel รุ่นใหม่ ✅ การเปลี่ยนแปลงจาก Tensor รุ่นก่อน ➡️ Tensor G5 ไม่ร่วมพัฒนากับ Samsung เหมือนรุ่นก่อน ➡️ เปลี่ยนสถาปัตยกรรม GPU เป็นครั้งแรก ➡️ มุ่งเน้นการควบคุมคุณภาพและประสิทธิภาพโดย Google เอง ‼️ ข้อควรระวังและข้อจำกัด ⛔ การเปลี่ยน GPU อาจทำให้เกิดปัญหาความเข้ากันได้กับแอปบางตัว ⛔ หากปรับจูนไม่ทัน อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของ Pixel รุ่นใหม่ ⛔ การพัฒนา GPU ภายในต้องใช้ทรัพยากรและเวลามาก ⛔ ความคาดหวังสูงจากผู้ใช้ Pixel อาจกดดันทีมพัฒนา https://wccftech.com/google-tacitly-admits-to-the-need-for-optimizing-the-tensor-g5s-gpu/
    WCCFTECH.COM
    Google Tacitly Admits To The Need For Optimizing The Tensor G5's GPU
    While Google has worked with Imagination to develop the IMG DXT-48-1536 GPU for the Tensor G5, Imagination retains full proprietary control.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 133 มุมมอง 0 รีวิว
  • Starlink จับมือ Samsung พัฒนาโมเด็ม AI – ปูทางสู่การเชื่อมต่อ 6G จากดาวเทียมสู่มือถือโดยตรง

    Starlink ของ Elon Musk กำลังร่วมมือกับ Samsung เพื่อพัฒนาโมเด็มรุ่นใหม่ที่มีหน่วยประมวลผล AI (NPU) ในตัว โดยมีเป้าหมายเพื่อให้สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์บนโลกกับดาวเทียมได้โดยตรง โดยไม่ต้องผ่านสถานีฐานแบบเดิม ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างเครือข่าย 6G แบบ non-terrestrial network (NTN)

    โมเด็มใหม่นี้จะใช้ AI ในการ “คาดการณ์ตำแหน่งดาวเทียมและปรับสัญญาณแบบเรียลไทม์” ซึ่งช่วยให้การเชื่อมต่อมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดย Samsung อ้างว่าโมเด็ม Exynos รุ่นใหม่สามารถปรับปรุงการระบุลำแสงและการคาดการณ์ช่องสัญญาณได้ดีกว่าเดิมถึง 55 เท่าและ 42 เท่าตามลำดับ

    SpaceX ยังลงทุนซื้อคลื่นความถี่ 50 MHz และ MSS เพื่อรองรับบริการ 6G NTN โดยมีมูลค่าการลงทุนสูงถึง 17 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความจริงจังในการผลักดันเทคโนโลยีนี้

    นอกจากการใช้งานในสมาร์ทโฟนแล้ว โมเด็มนี้ยังสามารถนำไปใช้ในยานยนต์และหุ่นยนต์ ซึ่งไม่ต้องการประสิทธิภาพด้านพลังงานสูงเท่ากับอุปกรณ์พกพา

    ความร่วมมือระหว่าง Starlink และ Samsung
    พัฒนาโมเด็มที่มี NPU เพื่อเชื่อมต่อกับดาวเทียมโดยตรง
    ใช้ AI ในการคาดการณ์ตำแหน่งดาวเทียมและปรับสัญญาณแบบเรียลไทม์
    รองรับเครือข่าย 6G แบบ non-terrestrial network (NTN)

    ความสามารถของโมเด็ม Exynos รุ่นใหม่
    ปรับปรุงการระบุลำแสงได้ดีขึ้น 55 เท่า
    คาดการณ์ช่องสัญญาณได้ดีขึ้น 42 เท่า
    รองรับการใช้งานแบบเรียลไทม์ที่โมเด็มปัจจุบันยังทำไม่ได้

    การลงทุนของ SpaceX
    ซื้อคลื่นความถี่ 50 MHz และ MSS เพื่อรองรับบริการ 6G
    มูลค่าการลงทุนสูงถึง 17 พันล้านดอลลาร์
    แสดงถึงความมุ่งมั่นในการสร้างเครือข่ายดาวเทียมระดับโลก

    การใช้งานในอุตสาหกรรมอื่น
    โมเด็มสามารถนำไปใช้ในยานยนต์และหุ่นยนต์
    ไม่ต้องการประสิทธิภาพด้านพลังงานสูงเท่ากับสมาร์ทโฟน

    ข้อควรระวังและความท้าทาย
    การเชื่อมต่อโดยตรงกับดาวเทียมยังเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ต้องทดสอบ
    ความแม่นยำในการคาดการณ์ตำแหน่งดาวเทียมอาจมีผลต่อคุณภาพสัญญาณ
    การใช้งานในสมาร์ทโฟนอาจเผชิญกับข้อจำกัดด้านพลังงานและขนาดโมเด็ม
    การพัฒนาโมเด็ม AI ต้องใช้ทรัพยากรสูงและอาจมีต้นทุนที่แพงในช่วงแรก

    https://www.tomshardware.com/networking/elon-musks-starlink-reportedly-tasks-samsung-to-build-ai-powered-modem-space-based-6g-service-could-revolutionize-satellite-to-device-connectivity
    🚀 Starlink จับมือ Samsung พัฒนาโมเด็ม AI – ปูทางสู่การเชื่อมต่อ 6G จากดาวเทียมสู่มือถือโดยตรง Starlink ของ Elon Musk กำลังร่วมมือกับ Samsung เพื่อพัฒนาโมเด็มรุ่นใหม่ที่มีหน่วยประมวลผล AI (NPU) ในตัว โดยมีเป้าหมายเพื่อให้สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์บนโลกกับดาวเทียมได้โดยตรง โดยไม่ต้องผ่านสถานีฐานแบบเดิม ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างเครือข่าย 6G แบบ non-terrestrial network (NTN) โมเด็มใหม่นี้จะใช้ AI ในการ “คาดการณ์ตำแหน่งดาวเทียมและปรับสัญญาณแบบเรียลไทม์” ซึ่งช่วยให้การเชื่อมต่อมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดย Samsung อ้างว่าโมเด็ม Exynos รุ่นใหม่สามารถปรับปรุงการระบุลำแสงและการคาดการณ์ช่องสัญญาณได้ดีกว่าเดิมถึง 55 เท่าและ 42 เท่าตามลำดับ SpaceX ยังลงทุนซื้อคลื่นความถี่ 50 MHz และ MSS เพื่อรองรับบริการ 6G NTN โดยมีมูลค่าการลงทุนสูงถึง 17 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความจริงจังในการผลักดันเทคโนโลยีนี้ นอกจากการใช้งานในสมาร์ทโฟนแล้ว โมเด็มนี้ยังสามารถนำไปใช้ในยานยนต์และหุ่นยนต์ ซึ่งไม่ต้องการประสิทธิภาพด้านพลังงานสูงเท่ากับอุปกรณ์พกพา ✅ ความร่วมมือระหว่าง Starlink และ Samsung ➡️ พัฒนาโมเด็มที่มี NPU เพื่อเชื่อมต่อกับดาวเทียมโดยตรง ➡️ ใช้ AI ในการคาดการณ์ตำแหน่งดาวเทียมและปรับสัญญาณแบบเรียลไทม์ ➡️ รองรับเครือข่าย 6G แบบ non-terrestrial network (NTN) ✅ ความสามารถของโมเด็ม Exynos รุ่นใหม่ ➡️ ปรับปรุงการระบุลำแสงได้ดีขึ้น 55 เท่า ➡️ คาดการณ์ช่องสัญญาณได้ดีขึ้น 42 เท่า ➡️ รองรับการใช้งานแบบเรียลไทม์ที่โมเด็มปัจจุบันยังทำไม่ได้ ✅ การลงทุนของ SpaceX ➡️ ซื้อคลื่นความถี่ 50 MHz และ MSS เพื่อรองรับบริการ 6G ➡️ มูลค่าการลงทุนสูงถึง 17 พันล้านดอลลาร์ ➡️ แสดงถึงความมุ่งมั่นในการสร้างเครือข่ายดาวเทียมระดับโลก ✅ การใช้งานในอุตสาหกรรมอื่น ➡️ โมเด็มสามารถนำไปใช้ในยานยนต์และหุ่นยนต์ ➡️ ไม่ต้องการประสิทธิภาพด้านพลังงานสูงเท่ากับสมาร์ทโฟน ‼️ ข้อควรระวังและความท้าทาย ⛔ การเชื่อมต่อโดยตรงกับดาวเทียมยังเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ต้องทดสอบ ⛔ ความแม่นยำในการคาดการณ์ตำแหน่งดาวเทียมอาจมีผลต่อคุณภาพสัญญาณ ⛔ การใช้งานในสมาร์ทโฟนอาจเผชิญกับข้อจำกัดด้านพลังงานและขนาดโมเด็ม ⛔ การพัฒนาโมเด็ม AI ต้องใช้ทรัพยากรสูงและอาจมีต้นทุนที่แพงในช่วงแรก https://www.tomshardware.com/networking/elon-musks-starlink-reportedly-tasks-samsung-to-build-ai-powered-modem-space-based-6g-service-could-revolutionize-satellite-to-device-connectivity
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Elon Musk's Starlink reportedly tasks Samsung to build AI-powered modem — space-based 6G service could revolutionize satellite-to-device connectivity
    The modem’s NPU will be used to ‘predict satellite trajectories and optimize signal links in real time,’ it is claimed.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 113 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนประกาศแผน 5 ปีใหม่ มุ่งพึ่งพาตนเองด้านเซมิคอนดักเตอร์และ AI พร้อมกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ

    จีนกำลังวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจระยะยาวฉบับใหม่ (ปี 2026–2030) โดยเน้นการพึ่งพาตนเองด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะเซมิคอนดักเตอร์และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการเติบโตทางเศรษฐกิจในยุคใหม่ แผนนี้ถูกผลักดันโดยพรรคคอมมิวนิสต์จีน และมีเป้าหมายเพื่อรับมือกับความเสี่ยงจากการพึ่งพาการส่งออกและผลกระทบจากสงครามการค้ากับสหรัฐฯ

    จีนต้องการเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจจากการพึ่งพาการส่งออก มาเป็นการกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศ โดยจะเพิ่มความมั่นคงทางการเงินให้ประชาชนผ่านการปรับปรุงระบบประกันสังคมและสนับสนุนภาคอสังหาริมทรัพย์ เพื่อให้ประชาชนกล้าจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น

    ในด้านเทคโนโลยี รัฐบาลจะสนับสนุนการผลิตภายในประเทศ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และ AI ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของแผนนี้ พร้อมทั้งส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่ เช่น การบิน การขนส่ง และอินเทอร์เน็ต เพื่อสร้าง “พลังการผลิตคุณภาพใหม่” ที่จะผลักดันเศรษฐกิจจีนให้เติบโตอย่างมั่นคง

    แผนพัฒนาเศรษฐกิจ 5 ปีใหม่ของจีน (2026–2030)
    เน้นการพึ่งพาตนเองด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะเซมิคอนดักเตอร์และ AI
    ผลักดัน “พลังการผลิตคุณภาพใหม่” เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมยุคใหม่
    รับมือกับความเสี่ยงจากการพึ่งพาการส่งออกและสงครามการค้ากับสหรัฐฯ

    การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ
    ลดสัดส่วนการพึ่งพาการส่งออก ซึ่งเคยสูงสุดในปี 2024
    กระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศที่ยังต่ำกว่า 40% ของ GDP
    ปรับปรุงระบบประกันสังคมและสนับสนุนภาคอสังหาริมทรัพย์
    เพิ่มความมั่นคงทางการเงินให้ประชาชนเพื่อกระตุ้นการบริโภค

    ผลกระทบต่อภาคเทคโนโลยี
    บริษัทเทคโนโลยีจีนจะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล
    ความต้องการภายในประเทศจะเพิ่มขึ้นจากการกระตุ้นการใช้จ่าย
    การพัฒนาเทคโนโลยีภายในจะช่วยลดการพึ่งพาตะวันตก

    ข้อควรระวังและความท้าทาย
    การเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจต้องใช้เวลาและอาจกระทบการเติบโตระยะสั้น
    การพัฒนาเทคโนโลยีภายในอาจเผชิญกับข้อจำกัดด้านทรัพยากรและความเชี่ยวชาญ
    ความไม่แน่นอนจากสงครามการค้าอาจส่งผลต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
    การกระตุ้นการใช้จ่ายอาจไม่สำเร็จหากประชาชนยังขาดความมั่นใจ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/china-seeks-semiconductor-and-ai-self-reliance-in-ambitious-new-5-year-plan-beijing-also-wants-to-increase-domestic-spending-and-reduce-reliance-on-exports
    🇨🇳 จีนประกาศแผน 5 ปีใหม่ มุ่งพึ่งพาตนเองด้านเซมิคอนดักเตอร์และ AI พร้อมกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ จีนกำลังวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจระยะยาวฉบับใหม่ (ปี 2026–2030) โดยเน้นการพึ่งพาตนเองด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะเซมิคอนดักเตอร์และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการเติบโตทางเศรษฐกิจในยุคใหม่ แผนนี้ถูกผลักดันโดยพรรคคอมมิวนิสต์จีน และมีเป้าหมายเพื่อรับมือกับความเสี่ยงจากการพึ่งพาการส่งออกและผลกระทบจากสงครามการค้ากับสหรัฐฯ จีนต้องการเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจจากการพึ่งพาการส่งออก มาเป็นการกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศ โดยจะเพิ่มความมั่นคงทางการเงินให้ประชาชนผ่านการปรับปรุงระบบประกันสังคมและสนับสนุนภาคอสังหาริมทรัพย์ เพื่อให้ประชาชนกล้าจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ในด้านเทคโนโลยี รัฐบาลจะสนับสนุนการผลิตภายในประเทศ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และ AI ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของแผนนี้ พร้อมทั้งส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่ เช่น การบิน การขนส่ง และอินเทอร์เน็ต เพื่อสร้าง “พลังการผลิตคุณภาพใหม่” ที่จะผลักดันเศรษฐกิจจีนให้เติบโตอย่างมั่นคง ✅ แผนพัฒนาเศรษฐกิจ 5 ปีใหม่ของจีน (2026–2030) ➡️ เน้นการพึ่งพาตนเองด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะเซมิคอนดักเตอร์และ AI ➡️ ผลักดัน “พลังการผลิตคุณภาพใหม่” เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมยุคใหม่ ➡️ รับมือกับความเสี่ยงจากการพึ่งพาการส่งออกและสงครามการค้ากับสหรัฐฯ ✅ การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ ➡️ ลดสัดส่วนการพึ่งพาการส่งออก ซึ่งเคยสูงสุดในปี 2024 ➡️ กระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศที่ยังต่ำกว่า 40% ของ GDP ➡️ ปรับปรุงระบบประกันสังคมและสนับสนุนภาคอสังหาริมทรัพย์ ➡️ เพิ่มความมั่นคงทางการเงินให้ประชาชนเพื่อกระตุ้นการบริโภค ✅ ผลกระทบต่อภาคเทคโนโลยี ➡️ บริษัทเทคโนโลยีจีนจะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ➡️ ความต้องการภายในประเทศจะเพิ่มขึ้นจากการกระตุ้นการใช้จ่าย ➡️ การพัฒนาเทคโนโลยีภายในจะช่วยลดการพึ่งพาตะวันตก ‼️ ข้อควรระวังและความท้าทาย ⛔ การเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจต้องใช้เวลาและอาจกระทบการเติบโตระยะสั้น ⛔ การพัฒนาเทคโนโลยีภายในอาจเผชิญกับข้อจำกัดด้านทรัพยากรและความเชี่ยวชาญ ⛔ ความไม่แน่นอนจากสงครามการค้าอาจส่งผลต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ⛔ การกระตุ้นการใช้จ่ายอาจไม่สำเร็จหากประชาชนยังขาดความมั่นใจ https://www.tomshardware.com/tech-industry/china-seeks-semiconductor-and-ai-self-reliance-in-ambitious-new-5-year-plan-beijing-also-wants-to-increase-domestic-spending-and-reduce-reliance-on-exports
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 135 มุมมอง 0 รีวิว
  • พฤติกรรมกระทรวงการต่างประเทศไทยและอดีตรัฐบาลที่ผ่านๆมาไม่เคยทวงคืนดินแดนและอธิปไตยไทยตรงจุดนี้อย่างจริงจังเลย.
    ..การเมืองในรูปแบบปกตินี้คือรัฐบาลยุคปัจจุบันถือว่าไร้ฝีมือและศักยภาพทั้งหมด ทำไปทำมาตัวพ่อเหมือนกันที่บัดสบกับเขมรเหี้ยนี้ด้วย,ไปยอมรับ1:200,000ตามเขมรในmou43,44อีก,ไปร่วมเจรจากับอาชญากรสงครามที่จงใจยิงระเบิดฆ่าเด็กๆฆ่าประชาชนคนไทยอีก,ไร้จิตสำนึกจัดการอาชญากรแบบเขมรชัดเจน,มีกลิ่นเน่าเหม็นกับเขมรด้วย,เกาหลีใต้ยังแสดงบทบาทชัดเจน,รัฐบาลชุดนี้ถือว่าเทา ไม่บริสุทธิ์สมควรยุบอำนาจตนไปสะ.,อย่าถ่วงความถูกต้องดีงามและความเจริญของคนไทยเลย,ต้องพักงานภาคการเมืองของนักการเมืองทั้งหมดถือว่าสอบตกทั้งระบบในการดูแลปกครองประเทศไทยตัังแต่ปี2475มาถึงปัจจุบัน,สมบัติชาติเอย ทรัพยากรมีค่ามากมายทั่วประเทศล้วนตกไปในมือของประเทศต่างชาติและเอกชนต่างชาติหมด,เอกชนไทยก็เลวชั่วผูกขาดความมั่งคั่งร่ำรวยไปกับต่างชาติด้วย ตย.ชัดเจนคือบ่อน้ำมันและบ่อทองคำบนแผ่นดินไทย เรา..ประเทศไทยถูกพวกมันยึดครองหมด.,ทหารเลวชั่วไร้จิตสำนึกก็ทำชั่วเลวกับมันด้วย,ไม่แน่คือพวกอำมาตย์คณะกบฎ2475นี้ล่ะ.,ที่สืบทอดความอัปรีย์บัดสบถึงปัจจุบัน,เรา..ประชาชนคนไทยไม่ต้องการระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์และก็ไม่ต้องการระบบคอมมิวนิสต์เผด็จการแบบจีนด้วยเช่นกันหรือระบบประชาธิปไตยส่งออกปลอมๆของฝรั่งเหมือนกันดั่งในปัจจุบันนี้,ระบบประชาธิปไตยของนายทุน อำนวยเอื้อนายทุนชัดเจนกว่าเป็นประโยชน์ของประชาชน,เรา..ประเทศไทยต้องออกแบบระบบปกครองเราใหม่จริงๆ,ระบบธรรมาธิปไตย ธรรมะจักรวาลสมควรเป็นต้นแบบของโลกบนแผ่นดินไทยเรานี้,ประชาชนเป็นกษัตริย์ปกครองโลกใบนี้ร่วมกัน มีหัวหน้ากษัตริย์ที่ทรงธรรมนำพาปกครองโลกนี้ ย่อมาคือประเทศไทยเรา,คุณสมบัติ ถ้าวิชาไม่มี บรรลุหยั่งเห็นในธรรม ในวิชาคุณวิเศษทางธรรม อย่าลิมาขึ้นนำพาปกครองประเทศ ตาทิพย์หูทิพย์อ่านจิตอ่านใจประชาชนต้องได้คุณนี้ แสดงว่าดีจริงจึงผ่านคุณวิชานี้ได้,รู้สมควรชอบดีชั่วงามจึงผ่านวิชานี้ได้และได้ครองวิชานี้เบื้องต้น,เพราะเมื่อขึ้นปกครอง จะนำพาประชาชนมีวิชานี้ยิ่งๆขึ้นไปด้วย มีหูทิพย์ตาทิพย์อ่านใจทางทิพย์ มนุษย์เราจะเคารพกันบนพื้นฐานแห่งธรรมทันที ธรรมจะปกครองควบคุมเรากันเองทั่วโลก,โลกจะเต็มด้วยแสงสว่างแห่งธรรม การก้าวล่วงในทางชั่วเลวแก่กันและกันจะไม่มีในหมู่มนุษย์โลกเราใบนี้ทันที,มารเลวชั่วเข้ามาในโลก มวลชาวโลกก็พร้อมสามัคคีพลังจิตพลังใจร่วมต่อสู้ได้สบาย,สันติสุขจะเกิดจริงแก่ทุกๆคน,ปัจจุบันผู้นำผู้ปกครองโลกไม่มีสิ่งนี้เลย ไม่สมควรเป็นผู้นำประเทศนั้นๆทั้งหมดหากหยิบตรงจุดนี้มาพิจารณากันจริงๆ ล้วนขาดคุณสมบัติ การปกครองจึงเลว เป็นผีเป็นครึ่งอสูร ,เรา..ประชาชนต้องสร้างมาตราฐานนี้,การเมืองไทยจึงยิ่งยุบไป มีแต่พวกชั่วเลวละโมบโลภในอำนาจอยากมีอำนาจเพื่อให้ตนและพวกพ้องเลวมีทางหาแดกทางชั่วเลวและสะดวกผ่านระบบกฎหมายที่ตนเขียนขึ้นเองแบบกฎหมายลักษณะต่างๆเช่นผีบ้ากฎหมายปิโตรเลียม ลามไปmou43,44สดๆร้อนๆในแบบปัจจุบันที่ร่วมกันขายชาติขายแผ่นดินในทางชั่วเลวโดยกระทรวงการต่างประเทศไทยล้วนเห็นตำจาลึกทุกๆรายละเอียดหมดล่ะ เสือก1:200,000ก็ชัดเจนว่าเสียดินแดนให้เขมรแน่นอนยังเสือกจะไปเจรจามันอีก,สรุป ยึดทรัพย์สินพวกเกี่ยวข้องกับmou43,44นี้ทั้งหมดก่อน ใครดำเนินการร่วมในเรื่องmouยึดทรัพย์สินเงินทองไว้ก่อนหมด มาแจ้งพิสูจน์ทรัพย์สินที่ได้มาอย่างบริสุทธิ์นั้นทีหลัง,หากเงินทองทรัพย์สินใดแจ้งที่มาที่ไปไม่ได้ จะถูกยึดและอายัดทันที,พวกจะเปิดด่านเอย ออกมาปกป้องให้ใช้mou43,44ใช้1:200,000ต้องยึดทรัยพ์สินเงินทองก่อนทั้งหมดคือชุดแรกทันที

    https://youtube.com/shorts/9nzZrC1cL2Q?si=XnZf_AE0IMY4_AEk
    พฤติกรรมกระทรวงการต่างประเทศไทยและอดีตรัฐบาลที่ผ่านๆมาไม่เคยทวงคืนดินแดนและอธิปไตยไทยตรงจุดนี้อย่างจริงจังเลย. ..การเมืองในรูปแบบปกตินี้คือรัฐบาลยุคปัจจุบันถือว่าไร้ฝีมือและศักยภาพทั้งหมด ทำไปทำมาตัวพ่อเหมือนกันที่บัดสบกับเขมรเหี้ยนี้ด้วย,ไปยอมรับ1:200,000ตามเขมรในmou43,44อีก,ไปร่วมเจรจากับอาชญากรสงครามที่จงใจยิงระเบิดฆ่าเด็กๆฆ่าประชาชนคนไทยอีก,ไร้จิตสำนึกจัดการอาชญากรแบบเขมรชัดเจน,มีกลิ่นเน่าเหม็นกับเขมรด้วย,เกาหลีใต้ยังแสดงบทบาทชัดเจน,รัฐบาลชุดนี้ถือว่าเทา ไม่บริสุทธิ์สมควรยุบอำนาจตนไปสะ.,อย่าถ่วงความถูกต้องดีงามและความเจริญของคนไทยเลย,ต้องพักงานภาคการเมืองของนักการเมืองทั้งหมดถือว่าสอบตกทั้งระบบในการดูแลปกครองประเทศไทยตัังแต่ปี2475มาถึงปัจจุบัน,สมบัติชาติเอย ทรัพยากรมีค่ามากมายทั่วประเทศล้วนตกไปในมือของประเทศต่างชาติและเอกชนต่างชาติหมด,เอกชนไทยก็เลวชั่วผูกขาดความมั่งคั่งร่ำรวยไปกับต่างชาติด้วย ตย.ชัดเจนคือบ่อน้ำมันและบ่อทองคำบนแผ่นดินไทย เรา..ประเทศไทยถูกพวกมันยึดครองหมด.,ทหารเลวชั่วไร้จิตสำนึกก็ทำชั่วเลวกับมันด้วย,ไม่แน่คือพวกอำมาตย์คณะกบฎ2475นี้ล่ะ.,ที่สืบทอดความอัปรีย์บัดสบถึงปัจจุบัน,เรา..ประชาชนคนไทยไม่ต้องการระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์และก็ไม่ต้องการระบบคอมมิวนิสต์เผด็จการแบบจีนด้วยเช่นกันหรือระบบประชาธิปไตยส่งออกปลอมๆของฝรั่งเหมือนกันดั่งในปัจจุบันนี้,ระบบประชาธิปไตยของนายทุน อำนวยเอื้อนายทุนชัดเจนกว่าเป็นประโยชน์ของประชาชน,เรา..ประเทศไทยต้องออกแบบระบบปกครองเราใหม่จริงๆ,ระบบธรรมาธิปไตย ธรรมะจักรวาลสมควรเป็นต้นแบบของโลกบนแผ่นดินไทยเรานี้,ประชาชนเป็นกษัตริย์ปกครองโลกใบนี้ร่วมกัน มีหัวหน้ากษัตริย์ที่ทรงธรรมนำพาปกครองโลกนี้ ย่อมาคือประเทศไทยเรา,คุณสมบัติ ถ้าวิชาไม่มี บรรลุหยั่งเห็นในธรรม ในวิชาคุณวิเศษทางธรรม อย่าลิมาขึ้นนำพาปกครองประเทศ ตาทิพย์หูทิพย์อ่านจิตอ่านใจประชาชนต้องได้คุณนี้ แสดงว่าดีจริงจึงผ่านคุณวิชานี้ได้,รู้สมควรชอบดีชั่วงามจึงผ่านวิชานี้ได้และได้ครองวิชานี้เบื้องต้น,เพราะเมื่อขึ้นปกครอง จะนำพาประชาชนมีวิชานี้ยิ่งๆขึ้นไปด้วย มีหูทิพย์ตาทิพย์อ่านใจทางทิพย์ มนุษย์เราจะเคารพกันบนพื้นฐานแห่งธรรมทันที ธรรมจะปกครองควบคุมเรากันเองทั่วโลก,โลกจะเต็มด้วยแสงสว่างแห่งธรรม การก้าวล่วงในทางชั่วเลวแก่กันและกันจะไม่มีในหมู่มนุษย์โลกเราใบนี้ทันที,มารเลวชั่วเข้ามาในโลก มวลชาวโลกก็พร้อมสามัคคีพลังจิตพลังใจร่วมต่อสู้ได้สบาย,สันติสุขจะเกิดจริงแก่ทุกๆคน,ปัจจุบันผู้นำผู้ปกครองโลกไม่มีสิ่งนี้เลย ไม่สมควรเป็นผู้นำประเทศนั้นๆทั้งหมดหากหยิบตรงจุดนี้มาพิจารณากันจริงๆ ล้วนขาดคุณสมบัติ การปกครองจึงเลว เป็นผีเป็นครึ่งอสูร ,เรา..ประชาชนต้องสร้างมาตราฐานนี้,การเมืองไทยจึงยิ่งยุบไป มีแต่พวกชั่วเลวละโมบโลภในอำนาจอยากมีอำนาจเพื่อให้ตนและพวกพ้องเลวมีทางหาแดกทางชั่วเลวและสะดวกผ่านระบบกฎหมายที่ตนเขียนขึ้นเองแบบกฎหมายลักษณะต่างๆเช่นผีบ้ากฎหมายปิโตรเลียม ลามไปmou43,44สดๆร้อนๆในแบบปัจจุบันที่ร่วมกันขายชาติขายแผ่นดินในทางชั่วเลวโดยกระทรวงการต่างประเทศไทยล้วนเห็นตำจาลึกทุกๆรายละเอียดหมดล่ะ เสือก1:200,000ก็ชัดเจนว่าเสียดินแดนให้เขมรแน่นอนยังเสือกจะไปเจรจามันอีก,สรุป ยึดทรัพย์สินพวกเกี่ยวข้องกับmou43,44นี้ทั้งหมดก่อน ใครดำเนินการร่วมในเรื่องmouยึดทรัพย์สินเงินทองไว้ก่อนหมด มาแจ้งพิสูจน์ทรัพย์สินที่ได้มาอย่างบริสุทธิ์นั้นทีหลัง,หากเงินทองทรัพย์สินใดแจ้งที่มาที่ไปไม่ได้ จะถูกยึดและอายัดทันที,พวกจะเปิดด่านเอย ออกมาปกป้องให้ใช้mou43,44ใช้1:200,000ต้องยึดทรัยพ์สินเงินทองก่อนทั้งหมดคือชุดแรกทันที https://youtube.com/shorts/9nzZrC1cL2Q?si=XnZf_AE0IMY4_AEk
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 173 มุมมอง 0 รีวิว
  • “9 เครื่องมือจัดการ Attack Surface ที่องค์กรควรรู้ – ป้องกันภัยไซเบอร์ก่อนถูกเจาะ!”

    ในยุคที่ระบบ IT เชื่อมต่อกับโลกภายนอกตลอดเวลา การรู้ว่า “อะไรเปิดเผยอยู่บ้าง” คือกุญแจสำคัญในการป้องกันการโจมตี เครื่องมือประเภท CAASM (Cyber Asset Attack Surface Management) และ EASM (External Attack Surface Management) จึงกลายเป็นหัวใจของการรักษาความปลอดภัยระดับองค์กร

    บทความจาก CSO Online ได้รวบรวม 9 เครื่องมือเด่นที่ช่วยค้นหาและจัดการช่องโหว่ในระบบขององค์กร โดยแต่ละตัวมีจุดเด่นต่างกัน เช่น การมองจากมุมของแฮกเกอร์, การเชื่อมต่อกับระบบภายใน, หรือการวิเคราะห์ความเสี่ยงเชิงธุรกิจ

    เป้าหมายของเครื่องมือเหล่านี้คือการลด “ข้อมูลที่แฮกเกอร์มองเห็น” ให้เหลือน้อยที่สุด โดยยังคงให้บริการธุรกิจได้ตามปกติ และสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงแบบเรียลไทม์ เช่น การเพิ่ม asset ใหม่ หรือการเปลี่ยน config ที่อาจเกิดจาก human error หรือการโจมตี

    ความเข้าใจพื้นฐานของ Attack Surface
    หมายถึงทรัพยากรทั้งหมดที่เข้าถึงได้จากอินเทอร์เน็ต เช่น IP, domain, application
    รวมถึง open ports, SSL, server platform และ protocol ที่ใช้งาน
    ช่องโหว่เกิดจาก config ผิดพลาดหรือ software ที่ยังไม่ได้ patch
    แม้ asset จะอยู่ใน data center ก็ยังเสี่ยง หากไม่มีการ monitor ที่ดี

    ความสามารถของเครื่องมือ CAASM/EASM
    ตรวจจับ asset ใหม่และ config drift แบบเรียลไทม์
    วิเคราะห์ความเสี่ยงจากทั้งมุมเทคนิคและมุมธุรกิจ
    เชื่อมต่อกับระบบภายใน เช่น Jira, ServiceNow, Slack
    บางตัวสามารถทำ remediation อัตโนมัติหรือผ่าน playbook

    เครื่องมือเด่นที่แนะนำ
    Axonius – เน้น asset inventory และ policy compliance เช่น PCI/HIPAA
    CrowdStrike Falcon Surface – มองจากมุมแฮกเกอร์ พร้อม remediation ผ่าน integration
    CyCognito – วิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่าง asset และจัดลำดับความเสี่ยง
    Informer – ค้นหา asset บน web/API พร้อม pen testing เสริม
    JupiterOne – แสดง asset แบบ visual map พร้อม query ขั้นสูง
    Microsoft Defender EASM – ค้นหา shadow IT และ probe ทุก layer ของ tech stack
    Rapid7 InsightVM – มีสิทธิ์ออก CVE ใหม่ พร้อม dashboard วิเคราะห์แบบเจาะลึก
    SOCRadar AttackMapper – ตรวจ SSL, DNS, defacement และ correlate กับวิธีโจมตี
    Tenable.asm – วิเคราะห์ asset ด้วย metadata กว่า 200 field พร้อม context เชิงธุรกิจ

    ข้อควรระวังและคำเตือน
    การ scan แบบ periodic ไม่เพียงพอ ต้องใช้ monitoring แบบต่อเนื่อง
    การไม่จัดการ config drift อาจเปิดช่องให้โจมตีโดยไม่รู้ตัว
    หากไม่เชื่อมโยง asset กับ context ธุรกิจ อาจจัดลำดับความเสี่ยงผิด
    การใช้หลายเครื่องมือโดยไม่มีการบูรณาการ อาจทำให้ข้อมูลกระจัดกระจาย
    การไม่ฝึกซ้อม incident response ทำให้ 57% ของเหตุการณ์จริงไม่เคยถูกจำลองมาก่อน

    https://www.csoonline.com/article/574797/9-attack-surface-discovery-and-management-tools.html
    🛡️ “9 เครื่องมือจัดการ Attack Surface ที่องค์กรควรรู้ – ป้องกันภัยไซเบอร์ก่อนถูกเจาะ!” ในยุคที่ระบบ IT เชื่อมต่อกับโลกภายนอกตลอดเวลา การรู้ว่า “อะไรเปิดเผยอยู่บ้าง” คือกุญแจสำคัญในการป้องกันการโจมตี เครื่องมือประเภท CAASM (Cyber Asset Attack Surface Management) และ EASM (External Attack Surface Management) จึงกลายเป็นหัวใจของการรักษาความปลอดภัยระดับองค์กร บทความจาก CSO Online ได้รวบรวม 9 เครื่องมือเด่นที่ช่วยค้นหาและจัดการช่องโหว่ในระบบขององค์กร โดยแต่ละตัวมีจุดเด่นต่างกัน เช่น การมองจากมุมของแฮกเกอร์, การเชื่อมต่อกับระบบภายใน, หรือการวิเคราะห์ความเสี่ยงเชิงธุรกิจ เป้าหมายของเครื่องมือเหล่านี้คือการลด “ข้อมูลที่แฮกเกอร์มองเห็น” ให้เหลือน้อยที่สุด โดยยังคงให้บริการธุรกิจได้ตามปกติ และสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงแบบเรียลไทม์ เช่น การเพิ่ม asset ใหม่ หรือการเปลี่ยน config ที่อาจเกิดจาก human error หรือการโจมตี ✅ ความเข้าใจพื้นฐานของ Attack Surface ➡️ หมายถึงทรัพยากรทั้งหมดที่เข้าถึงได้จากอินเทอร์เน็ต เช่น IP, domain, application ➡️ รวมถึง open ports, SSL, server platform และ protocol ที่ใช้งาน ➡️ ช่องโหว่เกิดจาก config ผิดพลาดหรือ software ที่ยังไม่ได้ patch ➡️ แม้ asset จะอยู่ใน data center ก็ยังเสี่ยง หากไม่มีการ monitor ที่ดี ✅ ความสามารถของเครื่องมือ CAASM/EASM ➡️ ตรวจจับ asset ใหม่และ config drift แบบเรียลไทม์ ➡️ วิเคราะห์ความเสี่ยงจากทั้งมุมเทคนิคและมุมธุรกิจ ➡️ เชื่อมต่อกับระบบภายใน เช่น Jira, ServiceNow, Slack ➡️ บางตัวสามารถทำ remediation อัตโนมัติหรือผ่าน playbook ✅ เครื่องมือเด่นที่แนะนำ ➡️ Axonius – เน้น asset inventory และ policy compliance เช่น PCI/HIPAA ➡️ CrowdStrike Falcon Surface – มองจากมุมแฮกเกอร์ พร้อม remediation ผ่าน integration ➡️ CyCognito – วิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่าง asset และจัดลำดับความเสี่ยง ➡️ Informer – ค้นหา asset บน web/API พร้อม pen testing เสริม ➡️ JupiterOne – แสดง asset แบบ visual map พร้อม query ขั้นสูง ➡️ Microsoft Defender EASM – ค้นหา shadow IT และ probe ทุก layer ของ tech stack ➡️ Rapid7 InsightVM – มีสิทธิ์ออก CVE ใหม่ พร้อม dashboard วิเคราะห์แบบเจาะลึก ➡️ SOCRadar AttackMapper – ตรวจ SSL, DNS, defacement และ correlate กับวิธีโจมตี ➡️ Tenable.asm – วิเคราะห์ asset ด้วย metadata กว่า 200 field พร้อม context เชิงธุรกิจ ‼️ ข้อควรระวังและคำเตือน ⛔ การ scan แบบ periodic ไม่เพียงพอ ต้องใช้ monitoring แบบต่อเนื่อง ⛔ การไม่จัดการ config drift อาจเปิดช่องให้โจมตีโดยไม่รู้ตัว ⛔ หากไม่เชื่อมโยง asset กับ context ธุรกิจ อาจจัดลำดับความเสี่ยงผิด ⛔ การใช้หลายเครื่องมือโดยไม่มีการบูรณาการ อาจทำให้ข้อมูลกระจัดกระจาย ⛔ การไม่ฝึกซ้อม incident response ทำให้ 57% ของเหตุการณ์จริงไม่เคยถูกจำลองมาก่อน https://www.csoonline.com/article/574797/9-attack-surface-discovery-and-management-tools.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    CAASM and EASM: Top 12 attack surface discovery and management tools
    The main goal of cyber asset attack surface management (CAASM) and external attack surface management (EASM) tools is to protect information about a company’s security measures from attackers. Here are 9 tools to consider when deciding what is best for the business.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 199 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Idealist.org ลดค่าใช้จ่ายจาก $3,000 เหลือ $55 ต่อเดือน – เปลี่ยนจาก Heroku มาใช้เซิร์ฟเวอร์เดียวกับ Disco!”

    Idealist.org ซึ่งเป็นเว็บไซต์หางานด้าน nonprofit ที่มีผู้ใช้งานหลายล้านคนต่อเดือน เคยใช้ Heroku สำหรับ staging environment โดยเสียค่าใช้จ่ายถึง $500 ต่อ environment และมีทั้งหมด 6 environment รวมแล้วจ่ายถึง $3,000 ต่อเดือน แค่เพื่อการทดสอบก่อนปล่อยจริง!

    ทีมงานจึงทดลองย้าย staging environment ไปยังเซิร์ฟเวอร์เดียวบน Hetzner ราคาเพียง $55 ต่อเดือน โดยใช้เครื่องมือชื่อว่า Disco ซึ่งช่วยให้ยังคง workflow แบบ “git push to deploy” ได้เหมือนเดิม

    Disco ไม่ใช่แค่ docker-compose ธรรมดา แต่ให้ฟีเจอร์แบบ PaaS เช่น deploy อัตโนมัติ, SSL certificate, UI สำหรับดู log และจัดการ environment ได้ง่าย ๆ ทำให้ทีมสามารถสร้าง staging ใหม่ได้ทันทีโดยไม่ต้องขออนุญาตหรือกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย

    ผลลัพธ์คือจากเดิมที่มีแค่ 2 environment (dev และ main) ตอนนี้มีถึง 6 environment บนเซิร์ฟเวอร์เดียว โดยใช้ CPU แค่ ~2% และ RAM 14 GB จาก 32 GB เท่านั้น

    แม้จะต้องจัดการ DNS, CDN และดูแลเซิร์ฟเวอร์เอง แต่ทีมยอมรับได้ เพราะประหยัดงบมหาศาล และได้ความคล่องตัวในการพัฒนาเพิ่มขึ้น

    ปัญหาที่พบจากการใช้ Heroku
    ค่าใช้จ่ายสูงถึง $500 ต่อ staging environment
    ต้องจำกัดจำนวน environment เพราะงบประมาณ
    ระบบ staging กลายเป็นทรัพยากรที่หายากและต้องขออนุญาตก่อนใช้

    แนวทางใหม่ที่ใช้ Disco บนเซิร์ฟเวอร์เดียว
    ใช้ Hetzner CCX33 ราคา $55/เดือน
    ใช้ Disco เพื่อรักษา workflow แบบ git push to deploy
    แชร์ Postgres instance เดียวกันสำหรับ staging ทั้งหมด
    สร้าง environment ใหม่ได้ง่ายและรวดเร็ว
    ใช้ CPU ~2% และ RAM 14 GB จาก 32 GB

    ฟีเจอร์ของ Disco ที่ช่วยให้ใช้งานง่าย
    deploy อัตโนมัติแบบ zero-downtime
    SSL certificate อัตโนมัติสำหรับทุก branch
    UI สำหรับดู log และจัดการ environment
    ไม่ต้องเขียน automation เองเหมือนใช้ VPS แบบดิบ ๆ

    ผลลัพธ์ที่ได้
    ลดค่าใช้จ่ายจาก $3,000 เหลือ $55 ต่อเดือน
    สร้าง staging ได้ทันทีโดยไม่ต้องขออนุญาต
    เพิ่มความคล่องตัวในการพัฒนาและทดสอบ
    เปลี่ยน mindset จาก “staging เป็นของแพง” เป็น “staging เป็นของฟรี”

    ข้อควรระวังและคำเตือน
    ต้องจัดการ DNS และ CDN ด้วยตัวเอง
    ต้องดูแลเรื่อง security และ monitoring ของเซิร์ฟเวอร์
    หากเซิร์ฟเวอร์ล่ม ต้อง reprovision ใหม่เอง
    ต้องปรับ networking ของแอปให้เข้ากับ Docker
    Disco ยังไม่เหมาะกับ workload ที่ต้อง redundancy สูง

    https://disco.cloud/blog/how-idealistorg-replaced-a-3000mo-heroku-bill-with-a-55mo-server/
    💸 “Idealist.org ลดค่าใช้จ่ายจาก $3,000 เหลือ $55 ต่อเดือน – เปลี่ยนจาก Heroku มาใช้เซิร์ฟเวอร์เดียวกับ Disco!” Idealist.org ซึ่งเป็นเว็บไซต์หางานด้าน nonprofit ที่มีผู้ใช้งานหลายล้านคนต่อเดือน เคยใช้ Heroku สำหรับ staging environment โดยเสียค่าใช้จ่ายถึง $500 ต่อ environment และมีทั้งหมด 6 environment รวมแล้วจ่ายถึง $3,000 ต่อเดือน แค่เพื่อการทดสอบก่อนปล่อยจริง! ทีมงานจึงทดลองย้าย staging environment ไปยังเซิร์ฟเวอร์เดียวบน Hetzner ราคาเพียง $55 ต่อเดือน โดยใช้เครื่องมือชื่อว่า Disco ซึ่งช่วยให้ยังคง workflow แบบ “git push to deploy” ได้เหมือนเดิม Disco ไม่ใช่แค่ docker-compose ธรรมดา แต่ให้ฟีเจอร์แบบ PaaS เช่น deploy อัตโนมัติ, SSL certificate, UI สำหรับดู log และจัดการ environment ได้ง่าย ๆ ทำให้ทีมสามารถสร้าง staging ใหม่ได้ทันทีโดยไม่ต้องขออนุญาตหรือกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย ผลลัพธ์คือจากเดิมที่มีแค่ 2 environment (dev และ main) ตอนนี้มีถึง 6 environment บนเซิร์ฟเวอร์เดียว โดยใช้ CPU แค่ ~2% และ RAM 14 GB จาก 32 GB เท่านั้น แม้จะต้องจัดการ DNS, CDN และดูแลเซิร์ฟเวอร์เอง แต่ทีมยอมรับได้ เพราะประหยัดงบมหาศาล และได้ความคล่องตัวในการพัฒนาเพิ่มขึ้น ✅ ปัญหาที่พบจากการใช้ Heroku ➡️ ค่าใช้จ่ายสูงถึง $500 ต่อ staging environment ➡️ ต้องจำกัดจำนวน environment เพราะงบประมาณ ➡️ ระบบ staging กลายเป็นทรัพยากรที่หายากและต้องขออนุญาตก่อนใช้ ✅ แนวทางใหม่ที่ใช้ Disco บนเซิร์ฟเวอร์เดียว ➡️ ใช้ Hetzner CCX33 ราคา $55/เดือน ➡️ ใช้ Disco เพื่อรักษา workflow แบบ git push to deploy ➡️ แชร์ Postgres instance เดียวกันสำหรับ staging ทั้งหมด ➡️ สร้าง environment ใหม่ได้ง่ายและรวดเร็ว ➡️ ใช้ CPU ~2% และ RAM 14 GB จาก 32 GB ✅ ฟีเจอร์ของ Disco ที่ช่วยให้ใช้งานง่าย ➡️ deploy อัตโนมัติแบบ zero-downtime ➡️ SSL certificate อัตโนมัติสำหรับทุก branch ➡️ UI สำหรับดู log และจัดการ environment ➡️ ไม่ต้องเขียน automation เองเหมือนใช้ VPS แบบดิบ ๆ ✅ ผลลัพธ์ที่ได้ ➡️ ลดค่าใช้จ่ายจาก $3,000 เหลือ $55 ต่อเดือน ➡️ สร้าง staging ได้ทันทีโดยไม่ต้องขออนุญาต ➡️ เพิ่มความคล่องตัวในการพัฒนาและทดสอบ ➡️ เปลี่ยน mindset จาก “staging เป็นของแพง” เป็น “staging เป็นของฟรี” ‼️ ข้อควรระวังและคำเตือน ⛔ ต้องจัดการ DNS และ CDN ด้วยตัวเอง ⛔ ต้องดูแลเรื่อง security และ monitoring ของเซิร์ฟเวอร์ ⛔ หากเซิร์ฟเวอร์ล่ม ต้อง reprovision ใหม่เอง ⛔ ต้องปรับ networking ของแอปให้เข้ากับ Docker ⛔ Disco ยังไม่เหมาะกับ workload ที่ต้อง redundancy สูง https://disco.cloud/blog/how-idealistorg-replaced-a-3000mo-heroku-bill-with-a-55mo-server/
    DISCO.CLOUD
    How Idealist.org Replaced a $3,000/mo Heroku Bill with a $55/mo Server
    At Disco, we help teams escape expensive PaaS pricing while keeping the developer experience they love. This is the story of how Idealist.org, the world's largest nonprofit job board, tackled a common and expensive challenge: the rising cost of staging environments on Heroku. To give a sense of scale …
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 161 มุมมอง 0 รีวิว
  • “จากปฏิเสธสู่การยอมรับ – ทำไมธนาคารใหญ่หันมาใช้ Blockchain จริงจังในปี 2025?”

    เมื่อก่อนธนาคารมอง Blockchain ว่าเป็นเทคโนโลยีเสี่ยงที่เชื่อมโยงกับคริปโตและความผันผวน แต่ในปี 2025 ทุกอย่างเปลี่ยนไป ธนาคารยักษ์ใหญ่อย่าง JPMorgan, HSBC และ Citi ไม่ได้แค่ทดลองใช้ Blockchain อีกต่อไป พวกเขากำลัง “สร้างระบบใหม่” บนเทคโนโลยีนี้จริงจัง

    เหตุผลหลักคือ Blockchain ช่วยแก้ปัญหาเก่า ๆ ที่ธนาคารเจอมานาน เช่น การโอนเงินข้ามประเทศที่ใช้เวลาหลายวัน, ค่าธรรมเนียมสูง, และระบบหลังบ้านที่ซับซ้อนและเปลืองทรัพยากร

    ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ JPMorgan ใช้แพลตฟอร์ม Kinexys (ชื่อเดิม Onyx) ที่ประมวลผลธุรกรรมกว่า $1.5 ล้านล้านดอลลาร์ และมีการใช้งานเฉลี่ยวันละ $2 พันล้าน โดยใช้ JPM Coin เพื่อให้ลูกค้าธุรกิจโอนเงินแบบ real-time

    นอกจากเรื่องความเร็ว ยังมีเรื่องต้นทุนและความร่วมมือระหว่างธนาคาร เช่น SWIFT กำลังทดลองระบบ settlement ด้วย Blockchain ร่วมกับกว่า 30 สถาบัน และเครือข่าย Canton Network ที่มี Deutsche Bank และ Goldman Sachs ก็เปิดให้ธนาคารแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ tokenized ได้โดยตรง

    ธนาคารยังหันมาใช้ Blockchain ในการจัดการข้อมูลลูกค้า เช่น KYC และการตรวจสอบการฉ้อโกง เพราะระบบนี้มีความโปร่งใสสูง ทุกธุรกรรมมี timestamp และสามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ง่าย

    แม้จะยังไม่ใช่ทุกธนาคารที่ใช้ Blockchain เต็มรูปแบบ แต่แนวโน้มชัดเจนว่าเทคโนโลยีนี้กำลังกลายเป็น “โครงสร้างพื้นฐานใหม่” ของโลกการเงิน

    เหตุผลที่ธนาคารหันมาใช้ Blockchain
    ลดเวลาในการโอนเงินข้ามประเทศ
    ลดค่าธรรมเนียมและความผิดพลาด
    เพิ่มความโปร่งใสในการตรวจสอบธุรกรรม
    ใช้กับการจัดการข้อมูลลูกค้า เช่น KYC และ fraud detection
    รองรับการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ tokenized แบบ real-time

    ตัวอย่างการใช้งานจริง
    JPMorgan ใช้ Kinexys และ JPM Coin โอนเงินแบบทันที
    SWIFT ทดลองระบบ settlement ด้วย Blockchain
    Deutsche Bank และ BNP Paribas ใช้ Partior และ Canton Network
    HSBC เปิดบริการ tokenized deposit ในฮ่องกง
    Citi ใช้ smart contract เพื่อเร่งการโอนเงินและ trade finance

    ปัจจัยที่ทำให้ Blockchain น่าใช้มากขึ้น
    ระบบ permissioned ที่ใช้พลังงานต่ำ
    กฎระเบียบที่ชัดเจนขึ้นใน EU และสิงคโปร์
    Stablecoin และ digital token ที่มีเงินสดหนุนหลัง
    ธนาคารกลางกว่า 90% กำลังทดลอง CBDC
    เครื่องมือตรวจสอบ smart contract เพื่อความปลอดภัย

    https://hackread.com/why-banks-embrace-blockchain-once-rejected/
    🏦 “จากปฏิเสธสู่การยอมรับ – ทำไมธนาคารใหญ่หันมาใช้ Blockchain จริงจังในปี 2025?” เมื่อก่อนธนาคารมอง Blockchain ว่าเป็นเทคโนโลยีเสี่ยงที่เชื่อมโยงกับคริปโตและความผันผวน แต่ในปี 2025 ทุกอย่างเปลี่ยนไป ธนาคารยักษ์ใหญ่อย่าง JPMorgan, HSBC และ Citi ไม่ได้แค่ทดลองใช้ Blockchain อีกต่อไป พวกเขากำลัง “สร้างระบบใหม่” บนเทคโนโลยีนี้จริงจัง เหตุผลหลักคือ Blockchain ช่วยแก้ปัญหาเก่า ๆ ที่ธนาคารเจอมานาน เช่น การโอนเงินข้ามประเทศที่ใช้เวลาหลายวัน, ค่าธรรมเนียมสูง, และระบบหลังบ้านที่ซับซ้อนและเปลืองทรัพยากร ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ JPMorgan ใช้แพลตฟอร์ม Kinexys (ชื่อเดิม Onyx) ที่ประมวลผลธุรกรรมกว่า $1.5 ล้านล้านดอลลาร์ และมีการใช้งานเฉลี่ยวันละ $2 พันล้าน โดยใช้ JPM Coin เพื่อให้ลูกค้าธุรกิจโอนเงินแบบ real-time นอกจากเรื่องความเร็ว ยังมีเรื่องต้นทุนและความร่วมมือระหว่างธนาคาร เช่น SWIFT กำลังทดลองระบบ settlement ด้วย Blockchain ร่วมกับกว่า 30 สถาบัน และเครือข่าย Canton Network ที่มี Deutsche Bank และ Goldman Sachs ก็เปิดให้ธนาคารแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ tokenized ได้โดยตรง ธนาคารยังหันมาใช้ Blockchain ในการจัดการข้อมูลลูกค้า เช่น KYC และการตรวจสอบการฉ้อโกง เพราะระบบนี้มีความโปร่งใสสูง ทุกธุรกรรมมี timestamp และสามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ง่าย แม้จะยังไม่ใช่ทุกธนาคารที่ใช้ Blockchain เต็มรูปแบบ แต่แนวโน้มชัดเจนว่าเทคโนโลยีนี้กำลังกลายเป็น “โครงสร้างพื้นฐานใหม่” ของโลกการเงิน ✅ เหตุผลที่ธนาคารหันมาใช้ Blockchain ➡️ ลดเวลาในการโอนเงินข้ามประเทศ ➡️ ลดค่าธรรมเนียมและความผิดพลาด ➡️ เพิ่มความโปร่งใสในการตรวจสอบธุรกรรม ➡️ ใช้กับการจัดการข้อมูลลูกค้า เช่น KYC และ fraud detection ➡️ รองรับการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ tokenized แบบ real-time ✅ ตัวอย่างการใช้งานจริง ➡️ JPMorgan ใช้ Kinexys และ JPM Coin โอนเงินแบบทันที ➡️ SWIFT ทดลองระบบ settlement ด้วย Blockchain ➡️ Deutsche Bank และ BNP Paribas ใช้ Partior และ Canton Network ➡️ HSBC เปิดบริการ tokenized deposit ในฮ่องกง ➡️ Citi ใช้ smart contract เพื่อเร่งการโอนเงินและ trade finance ✅ ปัจจัยที่ทำให้ Blockchain น่าใช้มากขึ้น ➡️ ระบบ permissioned ที่ใช้พลังงานต่ำ ➡️ กฎระเบียบที่ชัดเจนขึ้นใน EU และสิงคโปร์ ➡️ Stablecoin และ digital token ที่มีเงินสดหนุนหลัง ➡️ ธนาคารกลางกว่า 90% กำลังทดลอง CBDC ➡️ เครื่องมือตรวจสอบ smart contract เพื่อความปลอดภัย https://hackread.com/why-banks-embrace-blockchain-once-rejected/
    HACKREAD.COM
    Why Banks Are Embracing Blockchain They Once Rejected
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 243 มุมมอง 0 รีวิว
  • “จีนสร้างซูเปอร์คอมพิวเตอร์ 37 ล้านคอร์ – จำลองเคมีควอนตัมระดับโมเลกุลด้วย AI!”

    จีนประกาศความสำเร็จครั้งใหญ่ในการจำลองเคมีควอนตัมระดับโมเลกุล ด้วยซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Sunway ที่มีจำนวนคอร์ประมวลผลมากถึง 37 ล้านคอร์! ความสำเร็จนี้เกิดขึ้นจากการผสานพลังของ AI เข้ากับการคำนวณเชิงควอนตัม ซึ่งเป็นโจทย์ที่ซับซ้อนและใช้ทรัพยากรสูงมาก

    ทีมวิจัยจาก National Research Center of Parallel Computer Engineering & Technology (NRCPC) ใช้ Sunway supercomputer ในการจำลองปฏิกิริยาเคมีที่ซับซ้อนระดับอะตอม โดยใช้โมเดล AI ขนาดใหญ่ที่มี context ยาวถึง 20,000 tokens ซึ่งช่วยให้สามารถวิเคราะห์โครงสร้างโมเลกุลและพฤติกรรมควอนตัมได้แม่นยำขึ้น

    สิ่งที่น่าทึ่งคือ Sunway ใช้สถาปัตยกรรมที่ออกแบบเองทั้งหมด โดยไม่พึ่งพาเทคโนโลยีจากตะวันตก และสามารถประมวลผลได้เร็วกว่าเครื่องระดับ exascale ที่ใช้ GPU แบบทั่วไปหลายเท่า

    การจำลองเคมีควอนตัมระดับนี้มีความสำคัญมากในงานด้านวัสดุศาสตร์ ยา และพลังงาน เพราะสามารถช่วยออกแบบโมเลกุลใหม่ ๆ ได้โดยไม่ต้องทดลองในห้องแล็บ ซึ่งลดต้นทุนและเวลาได้มหาศาล

    ความสำเร็จของ Sunway Supercomputer
    ใช้คอร์ประมวลผลมากถึง 37 ล้านคอร์
    จำลองเคมีควอนตัมระดับโมเลกุลได้สำเร็จ
    ใช้โมเดล AI ขนาดใหญ่ที่มี context ยาวถึง 20,000 tokens
    ประมวลผลเร็วกว่า exascale GPU หลายเท่า
    สถาปัตยกรรมออกแบบเอง ไม่พึ่งเทคโนโลยีตะวันตก

    ความสำคัญของการจำลองเคมีควอนตัม
    ช่วยออกแบบวัสดุใหม่ เช่น ตัวนำยิ่งยวดหรือแบตเตอรี่
    ใช้ในงานด้านเภสัชกรรมเพื่อออกแบบยาใหม่
    ลดต้นทุนและเวลาในการทดลองในห้องแล็บ
    เพิ่มความแม่นยำในการวิเคราะห์พฤติกรรมโมเลกุล
    เป็นก้าวสำคัญในการรวม AI เข้ากับวิทยาศาสตร์พื้นฐาน

    ข้อควรระวังและคำเตือน
    การจำลองเคมีควอนตัมต้องใช้พลังงานมหาศาล
    โมเดล AI ขนาดใหญ่ยังมีข้อจำกัดด้านความแม่นยำในบางบริบท
    การพัฒนาเทคโนโลยีแบบปิดอาจขาดความร่วมมือจากนานาชาติ
    ผลลัพธ์จากการจำลองยังต้องตรวจสอบกับการทดลองจริง
    การใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ระดับนี้ต้องการบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญสูง

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/supercomputers/china-supercomputer-breakthrough-models-complex-quantum-chemistry-at-molecular-scale-37-million-processor-cores-fuse-ai-and-quantum-science
    🧬 “จีนสร้างซูเปอร์คอมพิวเตอร์ 37 ล้านคอร์ – จำลองเคมีควอนตัมระดับโมเลกุลด้วย AI!” จีนประกาศความสำเร็จครั้งใหญ่ในการจำลองเคมีควอนตัมระดับโมเลกุล ด้วยซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Sunway ที่มีจำนวนคอร์ประมวลผลมากถึง 37 ล้านคอร์! ความสำเร็จนี้เกิดขึ้นจากการผสานพลังของ AI เข้ากับการคำนวณเชิงควอนตัม ซึ่งเป็นโจทย์ที่ซับซ้อนและใช้ทรัพยากรสูงมาก ทีมวิจัยจาก National Research Center of Parallel Computer Engineering & Technology (NRCPC) ใช้ Sunway supercomputer ในการจำลองปฏิกิริยาเคมีที่ซับซ้อนระดับอะตอม โดยใช้โมเดล AI ขนาดใหญ่ที่มี context ยาวถึง 20,000 tokens ซึ่งช่วยให้สามารถวิเคราะห์โครงสร้างโมเลกุลและพฤติกรรมควอนตัมได้แม่นยำขึ้น สิ่งที่น่าทึ่งคือ Sunway ใช้สถาปัตยกรรมที่ออกแบบเองทั้งหมด โดยไม่พึ่งพาเทคโนโลยีจากตะวันตก และสามารถประมวลผลได้เร็วกว่าเครื่องระดับ exascale ที่ใช้ GPU แบบทั่วไปหลายเท่า การจำลองเคมีควอนตัมระดับนี้มีความสำคัญมากในงานด้านวัสดุศาสตร์ ยา และพลังงาน เพราะสามารถช่วยออกแบบโมเลกุลใหม่ ๆ ได้โดยไม่ต้องทดลองในห้องแล็บ ซึ่งลดต้นทุนและเวลาได้มหาศาล ✅ ความสำเร็จของ Sunway Supercomputer ➡️ ใช้คอร์ประมวลผลมากถึง 37 ล้านคอร์ ➡️ จำลองเคมีควอนตัมระดับโมเลกุลได้สำเร็จ ➡️ ใช้โมเดล AI ขนาดใหญ่ที่มี context ยาวถึง 20,000 tokens ➡️ ประมวลผลเร็วกว่า exascale GPU หลายเท่า ➡️ สถาปัตยกรรมออกแบบเอง ไม่พึ่งเทคโนโลยีตะวันตก ✅ ความสำคัญของการจำลองเคมีควอนตัม ➡️ ช่วยออกแบบวัสดุใหม่ เช่น ตัวนำยิ่งยวดหรือแบตเตอรี่ ➡️ ใช้ในงานด้านเภสัชกรรมเพื่อออกแบบยาใหม่ ➡️ ลดต้นทุนและเวลาในการทดลองในห้องแล็บ ➡️ เพิ่มความแม่นยำในการวิเคราะห์พฤติกรรมโมเลกุล ➡️ เป็นก้าวสำคัญในการรวม AI เข้ากับวิทยาศาสตร์พื้นฐาน ‼️ ข้อควรระวังและคำเตือน ⛔ การจำลองเคมีควอนตัมต้องใช้พลังงานมหาศาล ⛔ โมเดล AI ขนาดใหญ่ยังมีข้อจำกัดด้านความแม่นยำในบางบริบท ⛔ การพัฒนาเทคโนโลยีแบบปิดอาจขาดความร่วมมือจากนานาชาติ ⛔ ผลลัพธ์จากการจำลองยังต้องตรวจสอบกับการทดลองจริง ⛔ การใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ระดับนี้ต้องการบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญสูง https://www.tomshardware.com/tech-industry/supercomputers/china-supercomputer-breakthrough-models-complex-quantum-chemistry-at-molecular-scale-37-million-processor-cores-fuse-ai-and-quantum-science
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 135 มุมมอง 0 รีวิว
  • “DeepSeek-OCR เปลี่ยนข้อความเป็นภาพ ลดการใช้ทรัพยากร AI ได้ถึง 20 เท่า – เปิดทางสู่โมเดลยักษ์ราคาประหยัด!”

    DeepSeek AI จากจีนเปิดตัวโมเดลใหม่ชื่อว่า “DeepSeek-OCR” ที่ใช้เทคนิคสุดล้ำในการจัดการข้อความจำนวนมาก โดยแทนที่จะป้อนข้อความเข้าโมเดลโดยตรง พวกเขาเลือก “แปลงข้อความเป็นภาพ” ก่อน แล้วค่อยให้โมเดลตีความจากภาพนั้นอีกที

    ฟังดูย้อนยุค แต่ผลลัพธ์กลับน่าทึ่ง เพราะวิธีนี้ช่วยลดจำนวน token ที่ต้องใช้ในการประมวลผลได้ถึง 7–20 เท่า! ซึ่งหมายความว่าโมเดลสามารถจัดการข้อมูลปริมาณมหาศาลได้โดยใช้ทรัพยากรน้อยลงมาก ทั้งในด้านเวลาและค่าใช้จ่าย

    ระบบนี้ประกอบด้วยสองส่วนหลัก:
    DeepEncoder: แปลงข้อความเป็นภาพความละเอียดสูง
    DeepSeek3B-MoE-A570M: ทำหน้าที่ตีความภาพเหล่านั้นกลับมาเป็นข้อมูลที่เข้าใจได้

    เทคนิคนี้เหมาะมากกับข้อมูลที่เป็นตาราง กราฟ หรือเอกสารที่มีโครงสร้างซับซ้อน เช่น ข้อมูลทางการเงิน วิทยาศาสตร์ หรือการแพทย์ โดยเฉพาะในงานที่ต้องใช้ context ยาว ๆ

    ในการทดสอบ benchmark พบว่า ถ้าลด token น้อยกว่า 10 เท่า ความแม่นยำยังอยู่ที่ 97% แต่ถ้าลดถึง 20 เท่า ความแม่นยำจะลดลงเหลือ 60% ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีจุดสมดุลที่ต้องเลือกให้เหมาะกับงาน

    DeepSeek-OCR ยังถูกเสนอให้ใช้ในการสร้าง training data สำหรับโมเดลในอนาคต เพราะสามารถจัดการข้อมูลจำนวนมากได้เร็วขึ้น แม้จะมีความเสี่ยงเรื่องความแม่นยำที่ลดลงเล็กน้อย

    จุดเด่นของ DeepSeek-OCR
    แปลงข้อความเป็นภาพก่อนป้อนเข้าโมเดล
    ลดการใช้ token ได้ถึง 7–20 เท่า
    ใช้ DeepEncoder และ DeepSeek3B-MoE-A570M ร่วมกัน
    เหมาะกับข้อมูลที่มีโครงสร้าง เช่น ตาราง กราฟ เอกสาร
    ช่วยลดต้นทุนและเวลาในการประมวลผลโมเดลขนาดใหญ่
    ใช้ได้ดีในงานที่ต้องการ context ยาว เช่น LLM

    ผลการทดสอบและการใช้งาน
    ลด token <10 เท่า → ความแม่นยำ 97%
    ลด token 20 เท่า → ความแม่นยำลดเหลือ 60%
    มีจุดสมดุลระหว่างการลดต้นทุนและความแม่นยำ
    เสนอให้ใช้สร้าง training data สำหรับโมเดลในอนาคต
    เหมาะกับงานด้านการเงิน วิทยาศาสตร์ และการแพทย์

    ความเคลื่อนไหวของ DeepSeek
    เป็นโมเดลจากจีนที่สร้างความฮือฮาในปี 2025
    ใช้ทรัพยากรน้อยกว่า ChatGPT และ Gemini
    เปิดให้ใช้งานผ่าน Hugging Face และ GitHub
    พัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/new-deepseek-model-drastically-reduces-resource-usage-by-converting-text-and-documents-into-images-vision-text-compression-uses-up-to-20-times-fewer-tokens
    🧠 “DeepSeek-OCR เปลี่ยนข้อความเป็นภาพ ลดการใช้ทรัพยากร AI ได้ถึง 20 เท่า – เปิดทางสู่โมเดลยักษ์ราคาประหยัด!” DeepSeek AI จากจีนเปิดตัวโมเดลใหม่ชื่อว่า “DeepSeek-OCR” ที่ใช้เทคนิคสุดล้ำในการจัดการข้อความจำนวนมาก โดยแทนที่จะป้อนข้อความเข้าโมเดลโดยตรง พวกเขาเลือก “แปลงข้อความเป็นภาพ” ก่อน แล้วค่อยให้โมเดลตีความจากภาพนั้นอีกที ฟังดูย้อนยุค แต่ผลลัพธ์กลับน่าทึ่ง เพราะวิธีนี้ช่วยลดจำนวน token ที่ต้องใช้ในการประมวลผลได้ถึง 7–20 เท่า! ซึ่งหมายความว่าโมเดลสามารถจัดการข้อมูลปริมาณมหาศาลได้โดยใช้ทรัพยากรน้อยลงมาก ทั้งในด้านเวลาและค่าใช้จ่าย ระบบนี้ประกอบด้วยสองส่วนหลัก: 💻 DeepEncoder: แปลงข้อความเป็นภาพความละเอียดสูง 💻 DeepSeek3B-MoE-A570M: ทำหน้าที่ตีความภาพเหล่านั้นกลับมาเป็นข้อมูลที่เข้าใจได้ เทคนิคนี้เหมาะมากกับข้อมูลที่เป็นตาราง กราฟ หรือเอกสารที่มีโครงสร้างซับซ้อน เช่น ข้อมูลทางการเงิน วิทยาศาสตร์ หรือการแพทย์ โดยเฉพาะในงานที่ต้องใช้ context ยาว ๆ ในการทดสอบ benchmark พบว่า ถ้าลด token น้อยกว่า 10 เท่า ความแม่นยำยังอยู่ที่ 97% แต่ถ้าลดถึง 20 เท่า ความแม่นยำจะลดลงเหลือ 60% ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีจุดสมดุลที่ต้องเลือกให้เหมาะกับงาน DeepSeek-OCR ยังถูกเสนอให้ใช้ในการสร้าง training data สำหรับโมเดลในอนาคต เพราะสามารถจัดการข้อมูลจำนวนมากได้เร็วขึ้น แม้จะมีความเสี่ยงเรื่องความแม่นยำที่ลดลงเล็กน้อย ✅ จุดเด่นของ DeepSeek-OCR ➡️ แปลงข้อความเป็นภาพก่อนป้อนเข้าโมเดล ➡️ ลดการใช้ token ได้ถึง 7–20 เท่า ➡️ ใช้ DeepEncoder และ DeepSeek3B-MoE-A570M ร่วมกัน ➡️ เหมาะกับข้อมูลที่มีโครงสร้าง เช่น ตาราง กราฟ เอกสาร ➡️ ช่วยลดต้นทุนและเวลาในการประมวลผลโมเดลขนาดใหญ่ ➡️ ใช้ได้ดีในงานที่ต้องการ context ยาว เช่น LLM ✅ ผลการทดสอบและการใช้งาน ➡️ ลด token <10 เท่า → ความแม่นยำ 97% ➡️ ลด token 20 เท่า → ความแม่นยำลดเหลือ 60% ➡️ มีจุดสมดุลระหว่างการลดต้นทุนและความแม่นยำ ➡️ เสนอให้ใช้สร้าง training data สำหรับโมเดลในอนาคต ➡️ เหมาะกับงานด้านการเงิน วิทยาศาสตร์ และการแพทย์ ✅ ความเคลื่อนไหวของ DeepSeek ➡️ เป็นโมเดลจากจีนที่สร้างความฮือฮาในปี 2025 ➡️ ใช้ทรัพยากรน้อยกว่า ChatGPT และ Gemini ➡️ เปิดให้ใช้งานผ่าน Hugging Face และ GitHub ➡️ พัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/new-deepseek-model-drastically-reduces-resource-usage-by-converting-text-and-documents-into-images-vision-text-compression-uses-up-to-20-times-fewer-tokens
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 148 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ผลโหวต TechPowerUp เผย! ผู้ใช้ส่วนใหญ่ไม่จ่ายเงินซื้อแอนตี้ไวรัส – Windows Defender ครองใจคนไอที”

    TechPowerUp จัดโพลสำรวจผู้ใช้กว่า 34,000 คนเกี่ยวกับการใช้งานโปรแกรมแอนตี้ไวรัส และผลที่ออกมาก็ชวนให้หลายคนต้องคิดใหม่ เพราะ “เกือบไม่มีใครจ่ายเงินซื้อแอนตี้ไวรัสอีกแล้ว” โดย 60.5% ของผู้ตอบแบบสอบถามเลือกใช้ Windows Defender ซึ่งเป็นโปรแกรมฟรีที่ติดมากับ Windows อยู่แล้ว

    นอกจากนี้ยังมี 15.7% ที่บอกว่า “ไม่ได้ใช้แอนตี้ไวรัสเลย” ซึ่งจริง ๆ แล้ว Windows Defender ก็ยังทำงานอยู่ในเบื้องหลัง แม้ผู้ใช้จะไม่รู้ตัวก็ตาม ส่วนผู้ที่ยังใช้โปรแกรมจากค่ายอื่น ๆ มีเพียง 24% เท่านั้น โดยแบ่งเป็น Bitdefender 6.1%, Avast 2.9%, AVG 1%, Norton 1.9% และ McAfee 0.7%

    เหตุผลหลักที่คนหันหลังให้กับแอนตี้ไวรัสแบบเสียเงินคือ Windows เองได้พัฒนาเครื่องมือรักษาความปลอดภัยมาอย่างต่อเนื่อง เช่น Secure Boot, BitLocker, TPM, และ Virtualization-based Security ที่ทำให้ระบบปลอดภัยขึ้นมากโดยไม่ต้องพึ่งโปรแกรมเสริม

    อีกด้านหนึ่ง ผู้ใช้บางคนยังคงใช้โปรแกรมอย่าง Malwarebytes หรือ firewall แบบแยกต่างหากเพื่อเสริมความปลอดภัยเฉพาะทาง เช่น การบล็อก Windows Update หรือการควบคุมการเชื่อมต่อของแอปพลิเคชัน

    ผลสำรวจจาก TechPowerUp
    ผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด 34,316 คน
    60.5% ใช้ Windows Defender เป็นหลัก
    15.7% ระบุว่าไม่ได้ใช้แอนตี้ไวรัสเลย
    24% ใช้โปรแกรมจากค่ายอื่น เช่น Bitdefender, Avast, AVG, Norton, McAfee
    Bitdefender ได้คะแนนสูงสุดในกลุ่ม third-party ที่ 6.1%

    เหตุผลที่ Windows Defender ได้รับความนิยม
    เป็นโปรแกรมฟรีที่ติดมากับ Windows
    มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เช่น Secure Boot, BitLocker, TPM, VBS
    ลดความจำเป็นในการติดตั้งโปรแกรมเสริม
    ไม่กินทรัพยากรเครื่องเท่ากับบางโปรแกรมแบบเสียเงิน

    ทางเลือกเสริมของผู้ใช้บางกลุ่ม
    ใช้ Malwarebytes สำหรับตรวจจับมัลแวร์เฉพาะทาง
    ใช้ firewall แยกต่างหากเพื่อควบคุมการเชื่อมต่อ
    บางคนยังใช้โปรแกรมแบบ lifetime license ที่เคยซื้อไว้

    https://www.techpowerup.com/342112/almost-nobody-uses-paid-third-party-antivirus-techpowerup-frontpage-poll
    🛡️ “ผลโหวต TechPowerUp เผย! ผู้ใช้ส่วนใหญ่ไม่จ่ายเงินซื้อแอนตี้ไวรัส – Windows Defender ครองใจคนไอที” TechPowerUp จัดโพลสำรวจผู้ใช้กว่า 34,000 คนเกี่ยวกับการใช้งานโปรแกรมแอนตี้ไวรัส และผลที่ออกมาก็ชวนให้หลายคนต้องคิดใหม่ เพราะ “เกือบไม่มีใครจ่ายเงินซื้อแอนตี้ไวรัสอีกแล้ว” โดย 60.5% ของผู้ตอบแบบสอบถามเลือกใช้ Windows Defender ซึ่งเป็นโปรแกรมฟรีที่ติดมากับ Windows อยู่แล้ว นอกจากนี้ยังมี 15.7% ที่บอกว่า “ไม่ได้ใช้แอนตี้ไวรัสเลย” ซึ่งจริง ๆ แล้ว Windows Defender ก็ยังทำงานอยู่ในเบื้องหลัง แม้ผู้ใช้จะไม่รู้ตัวก็ตาม ส่วนผู้ที่ยังใช้โปรแกรมจากค่ายอื่น ๆ มีเพียง 24% เท่านั้น โดยแบ่งเป็น Bitdefender 6.1%, Avast 2.9%, AVG 1%, Norton 1.9% และ McAfee 0.7% เหตุผลหลักที่คนหันหลังให้กับแอนตี้ไวรัสแบบเสียเงินคือ Windows เองได้พัฒนาเครื่องมือรักษาความปลอดภัยมาอย่างต่อเนื่อง เช่น Secure Boot, BitLocker, TPM, และ Virtualization-based Security ที่ทำให้ระบบปลอดภัยขึ้นมากโดยไม่ต้องพึ่งโปรแกรมเสริม อีกด้านหนึ่ง ผู้ใช้บางคนยังคงใช้โปรแกรมอย่าง Malwarebytes หรือ firewall แบบแยกต่างหากเพื่อเสริมความปลอดภัยเฉพาะทาง เช่น การบล็อก Windows Update หรือการควบคุมการเชื่อมต่อของแอปพลิเคชัน ✅ ผลสำรวจจาก TechPowerUp ➡️ ผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด 34,316 คน ➡️ 60.5% ใช้ Windows Defender เป็นหลัก ➡️ 15.7% ระบุว่าไม่ได้ใช้แอนตี้ไวรัสเลย ➡️ 24% ใช้โปรแกรมจากค่ายอื่น เช่น Bitdefender, Avast, AVG, Norton, McAfee ➡️ Bitdefender ได้คะแนนสูงสุดในกลุ่ม third-party ที่ 6.1% ✅ เหตุผลที่ Windows Defender ได้รับความนิยม ➡️ เป็นโปรแกรมฟรีที่ติดมากับ Windows ➡️ มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เช่น Secure Boot, BitLocker, TPM, VBS ➡️ ลดความจำเป็นในการติดตั้งโปรแกรมเสริม ➡️ ไม่กินทรัพยากรเครื่องเท่ากับบางโปรแกรมแบบเสียเงิน ✅ ทางเลือกเสริมของผู้ใช้บางกลุ่ม ➡️ ใช้ Malwarebytes สำหรับตรวจจับมัลแวร์เฉพาะทาง ➡️ ใช้ firewall แยกต่างหากเพื่อควบคุมการเชื่อมต่อ ➡️ บางคนยังใช้โปรแกรมแบบ lifetime license ที่เคยซื้อไว้ https://www.techpowerup.com/342112/almost-nobody-uses-paid-third-party-antivirus-techpowerup-frontpage-poll
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Almost Nobody Uses Paid Third-Party Antivirus: TechPowerUp Frontpage Poll
    Almost nobody cares about third-party antivirus applications, much less pay for them, a surprising set of TechPowerUp Frontpage Poll results show. There was a time when you couldn't have a reliable PC experience without a solid third-party antivirus software, paying protection money each year for su...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 99 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลมหนาวมาแล้ววว…

    ปลายฝนต้นหนาว ทุ่งนาที่เคยเขียวขจีเริ่มเปลี่ยนเป็นสีทองอร่าม รอวันเก็บเกี่ยวในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า แต่ในขณะที่ธรรมชาติให้ความหวัง เหตุการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชายังไม่สงบ

    พื้นที่เพาะปลูกจำนวนมากอยู่ในรัศมีการปะทะเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เกษตรกรตัวเล็กๆ อย่างเราได้แต่หวังว่า…จะไม่มีการปะทะซ้ำในช่วงที่ผลผลิตกำลังจะออก

    ลองมองผ่านสายตาวรรณกรรมสามก๊ก กลยุทธ์ “ไฟเผาทัพ” ถูกใช้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าในสงครามยุคนั้น ไม่ต้องใช้ทรัพยากรมาก แต่สร้างผลลัพธ์มหาศาล

    โจโฉเผาค่ายลิโป้ที่เสียวพ่าย

    เผาเสบียงอ้วนเสี้ยวที่อู่เฉา

    ขงเบ้งวางแผนเผาทัพโจโฉที่โบหย๋อง

    ผาแดง…ลมตะวันออกพัดไฟเผาทัพเรือโจโฉ

    ลกซุนเผาค่ายเล่าปี่ที่อิเหลง

    และอีกหลายกลยุทธ์ที่ใช้ “ไฟ” เป็นอาวุธหลัก

    ไฟในสามก๊กคือกลยุทธ์ แต่ไฟในชีวิตจริง…คือความหวังที่อาจถูกเผาไหม้

    เราไม่สนับสนุนสงคราม แต่เรากลัว…กลัวสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ เกษตรกรตัวน้อยๆ ต้องเร่งเก็บเกี่ยวก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป

    #ลมหนาวมาแล้ว #สามก๊ก #กลยุทธ์ไฟเผาทัพ #ชายแดนไทยกัมพูชา #เกษตรกรตัวน้อย
    🍃 ลมหนาวมาแล้ววว… ปลายฝนต้นหนาว ทุ่งนาที่เคยเขียวขจีเริ่มเปลี่ยนเป็นสีทองอร่าม รอวันเก็บเกี่ยวในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า แต่ในขณะที่ธรรมชาติให้ความหวัง เหตุการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชายังไม่สงบ พื้นที่เพาะปลูกจำนวนมากอยู่ในรัศมีการปะทะเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เกษตรกรตัวเล็กๆ อย่างเราได้แต่หวังว่า…จะไม่มีการปะทะซ้ำในช่วงที่ผลผลิตกำลังจะออก 🧠 ลองมองผ่านสายตาวรรณกรรมสามก๊ก กลยุทธ์ “ไฟเผาทัพ” ถูกใช้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าในสงครามยุคนั้น ไม่ต้องใช้ทรัพยากรมาก แต่สร้างผลลัพธ์มหาศาล โจโฉเผาค่ายลิโป้ที่เสียวพ่าย เผาเสบียงอ้วนเสี้ยวที่อู่เฉา ขงเบ้งวางแผนเผาทัพโจโฉที่โบหย๋อง ผาแดง…ลมตะวันออกพัดไฟเผาทัพเรือโจโฉ ลกซุนเผาค่ายเล่าปี่ที่อิเหลง และอีกหลายกลยุทธ์ที่ใช้ “ไฟ” เป็นอาวุธหลัก 🔥 ไฟในสามก๊กคือกลยุทธ์ แต่ไฟในชีวิตจริง…คือความหวังที่อาจถูกเผาไหม้ เราไม่สนับสนุนสงคราม แต่เรากลัว…กลัวสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ เกษตรกรตัวน้อยๆ ต้องเร่งเก็บเกี่ยวก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป #ลมหนาวมาแล้ว #สามก๊ก #กลยุทธ์ไฟเผาทัพ #ชายแดนไทยกัมพูชา #เกษตรกรตัวน้อย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 156 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts