• รมว.กลาโหม ยันข่าวจีนส่งอาวุธให้กัมพูชาเป็นเรื่องเก่า ก่อนเหตุสู้รบไทย-กัมพูชาปะทุ
    https://www.thai-tai.tv/news/21720/
    .
    #รมวกลาโหม #จีนกัมพูชา #ความขัดแย้งไทยกัมพูชา #อาวุธจีน #สันติวิธี #จัดซื้อยุทโธปกรณ์ #การเมือง #ไทยไท
    รมว.กลาโหม ยันข่าวจีนส่งอาวุธให้กัมพูชาเป็นเรื่องเก่า ก่อนเหตุสู้รบไทย-กัมพูชาปะทุ https://www.thai-tai.tv/news/21720/ . #รมวกลาโหม #จีนกัมพูชา #ความขัดแย้งไทยกัมพูชา #อาวุธจีน #สันติวิธี #จัดซื้อยุทโธปกรณ์ #การเมือง #ไทยไท
    0 Comments 0 Shares 44 Views 0 Reviews
  • สหรัฐเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากไทย 36% (ล่าสุดปรับอีกครั้งเป็น 37%) หนึ่งในทางออกคือ ไทยต้องเล่นบทบาทนำในอาเซียน เพื่อผ่านวิกฤตครั้งนี้ให้ได้.ประเด็นเร่งด่วนในระยะสั้นที่ไทยต้องเร่งผลักดันผ่านคณะทำงานของเจ้าหน้าที่ระดับสูง และที่ประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน เพื่อให้ทันก่อนการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนในเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้คือ.รับมือกับมาตรการทางทางการค้าของสหรัฐอเมริการ่วมกัน เพราะสมาชิกอาเซียนโดนกันถ้วนหน้า กัมพูชา 49% สปป ลาว 48% เวียดนาม 46% เมียนมา 44% ไทย 36-37% อินโดนีเซีย 32% มาเลเซียและบรูไน 24% ฟิลิปปินส์ 17% หรือแม้แต่สิงคโปร์ก็โดนภาษี 10% เราต้องคำนวณร่วมกันว่า อัตราที่ทรัมป์กล่าวอ้าง นั่นคือ x2 ของอัตราภาษีเหล่านี้ คืออัตราจริงหรือไม่ ที่มาเป็นอย่างไร ถ้าไม่จริงต้องเร่งปฏิเสธ (ซึ่งผมค่อนข้างมั่นใจว่าไม่น่าจะใช่อัตราที่ถูกต้อง รวมทั้งมีผู้คำนวณแล้วว่าตัวเลขชุดนี้ แท้จริงแล้วคือ สัดส่วนมูลค่าการขาดดุลการค้าต่อมูลค่าการนำเข้าที่สหรัฐนำเข้าสินค้าจากแต่ละประเทศ).จากนั้น ต้องคิดต่อว่าหากให้แต่ละประเทศสมาชิกเจรจากับสหรัฐ (ซึ่งจะมีเวลาเตรียมตัวสั้นมาก) เพื่อลดผลกระทบจากมาตรการกีดกันทางการค้า อำนาจการต่อรองของแต่ละสมาชิกเมื่อเทียบกับสหรัฐอเมริกาคือ เรื่องจิ๊บจ๊อยขี้ประติ๋ว แต่หากประชาคมอาเซียนรวมตัวกัน นี้คือตลาดของประชาชนเรือน 700 ล้านประชากร ที่มีรายได้สูงเป็นอันดับที่ 5 ของโลก และเป็นแหล่งทรัพยากรสำคัญ ดังนั้น อาเซียนต้องร่วมมือกัน อาเซียนต้องเดินหน้าต่อรองด้วยกัน .อาเซียนต้องไม่ดำเนินมาตรการที่ขัดแข้งขัดขาซึ่งกันและกัน มาตรการจำพวกตั้งภาษีตอบโต้กัน หรือเลียนแบบมาตรการทางการค้าเพื่อตอบโต้ซึ่งกันและกัน (Tariff Retaliation and/or Trade Emulation) รวมทั้งนโยบายประเภทเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น ขอทานจากประเทศเพื่อบ้าน (Beggar-thy-neighbor) อาทิ ขึ้นดอกเบี้ยเพื่อดึงดูดเงินทุน แข่งกันให้สิทธิพิเศษทางการค้าการลงทุนจนวายวอดทั้งภูมิภาค ฯลฯ เหล่านี้ต้องไม่เกิดขึ้น .จากนั้นทั้งอาเซียนต้องร่วมกัน.1. แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่า อาเซียนคืออาเซียน อาเซียนมีจุดแข็งของตนเอง อาเซียนพร้อมสนับสนุนการค้า การลงทุนเสรี อาเซียนสนับสนุนกฎกติการแบบพหุภาคีนิยม และอาเซียนไม่ได้เป็นเขตอิทธิพลของมหาอำนาจใดมหาอำนาจหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็น จีน สหรัฐ หรือ มหาอำนาจใดๆ.2. เร่งสำรวจผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากมาตรการทางการค้าที่สหรัฐประกาศ ณ วันที่ 2 เมษายน ว่าแต่ละประเทศได้รับผลกระทบอย่างไร และหากเราร่วมมือกัน เราต้องการตจะกำหนดทิศทางการเจรจาอย่างไร แน่นอนว่า ทุกประเทศ ทุกคน คงไม่ได้สิ่งที่ต้องการทั้งหมด แต่ต้องมีการจัดลำดับความสำคัญ บางเรื่อง บางประเทศ คงต้องยอมถอย เพื่อให้ได้ประโยชน์ต่อบางภาคการผลิต บางประเทศ และจากนั้นค่อยไปหารือกันว่าอาเซียนจะช่วยการเยียวยาผลกระทบซึ่งกันและกันได้อย่างไร เร่งปรึกษาหารือกับวิสาหกิจสหรัฐที่ทำการค้า ทำการลงทุนอยู่แล้วในอาเซียน ว่าพวกเขามีข้อเสนอแนะใดบ้าง.3. เร่งสำรวจว่าแต่ละประเทศมีช่องทาง มีสายสัมพันธ์ มีแนวทางการติดต่อประสานงานกับประธานาธิบดีทรัมป์ และทีมงานที่ภักดีของเขา รวมทั้งผู้สนับสนุนการรณรงค์หาเสียงของเขาในช่องทางใดบ้าง มีอะไรที่จะเป็นจุดสำคัญที่จะทำให้คนเหล่านี้ต้องการเป็นสะพานเพื่อเปิดการเจรจาระหว่างอาเซียนกับสหรัฐ.4. วางยุทธศาสตร์การเจรจาร่วมกัน โดยการจัดทำ “ยุทธศาสตร์ราชสีห์กับหนู” นำเสนอนโยบายที่ทำให้ทรัมป์ต้องให้ความสนใจอาเซียน (ทรัมป์เคยมาเยือนการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่ฟิลิปปินส์ในปี 2017 แต่ไม่เคยเข้าประชุมกับผู้นำอาเซียน) อาเซียนต้องเป็นหนูที่แสดงความเกรงใจนบนอบในระยะปัจจุบัน แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องแสดงให้เห็นโอกาสที่สหรัฐจะได้จากการร่วมมือกับในอนาคต มีอะไรที่เราจะเสนอกับอาเซียนได้บ้าง อาทิ ความต้องการในการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ของอาเซียนร่วมกันในอีก 5 ปีต่อจากนี้ ความต้องการในการซื้อสินค้าและบริการที่เป็น Billing ขนาดใหญ่ อาทิ การจัดหาเครื่องบินพาณิชย์ของสายการบินต่างๆ ในประเทศอาเซียนที่มีตลาดการบินขนาดใหญ่และเป็น Hub ทางการบินที่สำคัญ, การจัดซื้อ Software และ Hardware สำหรับระบบบริหาร ASEAN Smart City Network รวมทั้งความต้องการในการจัดซื้อบริการเหล่านี้สำหรับการบริหารกิจการทั้งของรัฐบาลและของภาคเอกชนในอาเซียน, ความต้องการซื้ออุปกรณ์และองค์ความรู้ในการติดตั้งเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์เพื่อการสร้างโรงไฟฟ้าและศักยภาพของการผลิตพลังงานสีเขียวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมดิจิตอลที่ผู้ประกอบการสหรัฐต้องการ, ทรัพยากรธรรมชาติของอาเซียนที่สหรัฐดิ้นรนแสวงหาอยู่ ณ ขณะนี้, ไปจนถึงการเปิดโอกาสให้กลุ่มทุนคาสิโนแห่ง Las Vegas ได้มีโอกาสในการทำธุรกิจในอาเซียนในประเทศที่กำลังเดินหน้านโยบายการเปิดบ่อน (ส่วนตัวผู้เขียนไม่เห็นด้วยกับการเปิดบ่อนคาสิโนที่มอมเมาประชาชน แต่หากรัฐบาลจะดันทุรังเปิดให้ได้ อย่างน้อยก็ต้องเอามาใช้ให้เป็นประโยชน์ เพราะต้องอย่าลืมว่าผู้สนับสนุนทรัมป์ก็เป็นกลุ่มทุนคาสิโนยักษ์ใหญ่) ฯลฯ เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นอำนาจต่อรองที่หนูตัวนี้จะรอดจากเงื้อมมือราชสีห์ด้วยกันทั้งสิ้น.5. และเนื่องจาก ไทย มาเลเซีย และเวียดนาม ได้รับสิทธิ์ในการเป็น Partner Country ของกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจ BRICS ในขณะที่อินโดนีเซียได้รับสิทธิ์เป็น Full Member ของ BRICS เรียบร้อยแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่หนูน้อยอาเซียนต้องดำเนินการด้วยนั่นก็คือ เร่งเจรจากับผู้นำบราซิลที่จะเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดกลุ่ม BRICS ในปีนี้ ว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะรับอาเซียนทั้ง 10 ประเทศเข้าเป็นสมาชิก เพราะหนูตัวนี้บางครั้งก็ต้องพึ่งพาราชสีห์อีกตัวมากดดันราชสีห์อันทพาลตัวเก่า การแสวงหาโอกาส การแสวงหาตลาดใหม่ๆ ที่จะเป็นทางเลือกเพื่อมาทดแทนตลาดการค้าที่กำลังจะเสียไป เป็นทางเลือกที่เรามีสิทธิ์ในฐานะรัฐอธิปไตย.ขอเรียกร้องให้ผู้กำหนดนโยบายของไทยต้องมีวิสัยทัศน์ มีความกล้าหาญในการเล่นบทบาทนำของประเทศไทยในประชาคมอาเซียน เราต้องมีข้อเสนอกับประชาคมอาเซียนเพื่อรับมือมาตรการกีดกันทางการค้าจะสหรัฐร่วมกัน.รองศาสตราจารย์ ดร.ปิติ ศรีแสงนามคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.ปล. รบกวนช่วยกัน Share นะครับ เราต้องลุกขึ้นมาทำอะไรบ้าง ไม่งั้นไทยจะหายไปจากจอเรดาร์
    สหรัฐเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากไทย 36% (ล่าสุดปรับอีกครั้งเป็น 37%) หนึ่งในทางออกคือ ไทยต้องเล่นบทบาทนำในอาเซียน เพื่อผ่านวิกฤตครั้งนี้ให้ได้.ประเด็นเร่งด่วนในระยะสั้นที่ไทยต้องเร่งผลักดันผ่านคณะทำงานของเจ้าหน้าที่ระดับสูง และที่ประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน เพื่อให้ทันก่อนการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนในเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้คือ.รับมือกับมาตรการทางทางการค้าของสหรัฐอเมริการ่วมกัน เพราะสมาชิกอาเซียนโดนกันถ้วนหน้า กัมพูชา 49% สปป ลาว 48% เวียดนาม 46% เมียนมา 44% ไทย 36-37% อินโดนีเซีย 32% มาเลเซียและบรูไน 24% ฟิลิปปินส์ 17% หรือแม้แต่สิงคโปร์ก็โดนภาษี 10% เราต้องคำนวณร่วมกันว่า อัตราที่ทรัมป์กล่าวอ้าง นั่นคือ x2 ของอัตราภาษีเหล่านี้ คืออัตราจริงหรือไม่ ที่มาเป็นอย่างไร ถ้าไม่จริงต้องเร่งปฏิเสธ (ซึ่งผมค่อนข้างมั่นใจว่าไม่น่าจะใช่อัตราที่ถูกต้อง รวมทั้งมีผู้คำนวณแล้วว่าตัวเลขชุดนี้ แท้จริงแล้วคือ สัดส่วนมูลค่าการขาดดุลการค้าต่อมูลค่าการนำเข้าที่สหรัฐนำเข้าสินค้าจากแต่ละประเทศ).จากนั้น ต้องคิดต่อว่าหากให้แต่ละประเทศสมาชิกเจรจากับสหรัฐ (ซึ่งจะมีเวลาเตรียมตัวสั้นมาก) เพื่อลดผลกระทบจากมาตรการกีดกันทางการค้า อำนาจการต่อรองของแต่ละสมาชิกเมื่อเทียบกับสหรัฐอเมริกาคือ เรื่องจิ๊บจ๊อยขี้ประติ๋ว แต่หากประชาคมอาเซียนรวมตัวกัน นี้คือตลาดของประชาชนเรือน 700 ล้านประชากร ที่มีรายได้สูงเป็นอันดับที่ 5 ของโลก และเป็นแหล่งทรัพยากรสำคัญ ดังนั้น อาเซียนต้องร่วมมือกัน อาเซียนต้องเดินหน้าต่อรองด้วยกัน .อาเซียนต้องไม่ดำเนินมาตรการที่ขัดแข้งขัดขาซึ่งกันและกัน มาตรการจำพวกตั้งภาษีตอบโต้กัน หรือเลียนแบบมาตรการทางการค้าเพื่อตอบโต้ซึ่งกันและกัน (Tariff Retaliation and/or Trade Emulation) รวมทั้งนโยบายประเภทเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น ขอทานจากประเทศเพื่อบ้าน (Beggar-thy-neighbor) อาทิ ขึ้นดอกเบี้ยเพื่อดึงดูดเงินทุน แข่งกันให้สิทธิพิเศษทางการค้าการลงทุนจนวายวอดทั้งภูมิภาค ฯลฯ เหล่านี้ต้องไม่เกิดขึ้น .จากนั้นทั้งอาเซียนต้องร่วมกัน.1. แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่า อาเซียนคืออาเซียน อาเซียนมีจุดแข็งของตนเอง อาเซียนพร้อมสนับสนุนการค้า การลงทุนเสรี อาเซียนสนับสนุนกฎกติการแบบพหุภาคีนิยม และอาเซียนไม่ได้เป็นเขตอิทธิพลของมหาอำนาจใดมหาอำนาจหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็น จีน สหรัฐ หรือ มหาอำนาจใดๆ.2. เร่งสำรวจผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากมาตรการทางการค้าที่สหรัฐประกาศ ณ วันที่ 2 เมษายน ว่าแต่ละประเทศได้รับผลกระทบอย่างไร และหากเราร่วมมือกัน เราต้องการตจะกำหนดทิศทางการเจรจาอย่างไร แน่นอนว่า ทุกประเทศ ทุกคน คงไม่ได้สิ่งที่ต้องการทั้งหมด แต่ต้องมีการจัดลำดับความสำคัญ บางเรื่อง บางประเทศ คงต้องยอมถอย เพื่อให้ได้ประโยชน์ต่อบางภาคการผลิต บางประเทศ และจากนั้นค่อยไปหารือกันว่าอาเซียนจะช่วยการเยียวยาผลกระทบซึ่งกันและกันได้อย่างไร เร่งปรึกษาหารือกับวิสาหกิจสหรัฐที่ทำการค้า ทำการลงทุนอยู่แล้วในอาเซียน ว่าพวกเขามีข้อเสนอแนะใดบ้าง.3. เร่งสำรวจว่าแต่ละประเทศมีช่องทาง มีสายสัมพันธ์ มีแนวทางการติดต่อประสานงานกับประธานาธิบดีทรัมป์ และทีมงานที่ภักดีของเขา รวมทั้งผู้สนับสนุนการรณรงค์หาเสียงของเขาในช่องทางใดบ้าง มีอะไรที่จะเป็นจุดสำคัญที่จะทำให้คนเหล่านี้ต้องการเป็นสะพานเพื่อเปิดการเจรจาระหว่างอาเซียนกับสหรัฐ.4. วางยุทธศาสตร์การเจรจาร่วมกัน โดยการจัดทำ “ยุทธศาสตร์ราชสีห์กับหนู” นำเสนอนโยบายที่ทำให้ทรัมป์ต้องให้ความสนใจอาเซียน (ทรัมป์เคยมาเยือนการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่ฟิลิปปินส์ในปี 2017 แต่ไม่เคยเข้าประชุมกับผู้นำอาเซียน) อาเซียนต้องเป็นหนูที่แสดงความเกรงใจนบนอบในระยะปัจจุบัน แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องแสดงให้เห็นโอกาสที่สหรัฐจะได้จากการร่วมมือกับในอนาคต มีอะไรที่เราจะเสนอกับอาเซียนได้บ้าง อาทิ ความต้องการในการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ของอาเซียนร่วมกันในอีก 5 ปีต่อจากนี้ ความต้องการในการซื้อสินค้าและบริการที่เป็น Billing ขนาดใหญ่ อาทิ การจัดหาเครื่องบินพาณิชย์ของสายการบินต่างๆ ในประเทศอาเซียนที่มีตลาดการบินขนาดใหญ่และเป็น Hub ทางการบินที่สำคัญ, การจัดซื้อ Software และ Hardware สำหรับระบบบริหาร ASEAN Smart City Network รวมทั้งความต้องการในการจัดซื้อบริการเหล่านี้สำหรับการบริหารกิจการทั้งของรัฐบาลและของภาคเอกชนในอาเซียน, ความต้องการซื้ออุปกรณ์และองค์ความรู้ในการติดตั้งเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์เพื่อการสร้างโรงไฟฟ้าและศักยภาพของการผลิตพลังงานสีเขียวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมดิจิตอลที่ผู้ประกอบการสหรัฐต้องการ, ทรัพยากรธรรมชาติของอาเซียนที่สหรัฐดิ้นรนแสวงหาอยู่ ณ ขณะนี้, ไปจนถึงการเปิดโอกาสให้กลุ่มทุนคาสิโนแห่ง Las Vegas ได้มีโอกาสในการทำธุรกิจในอาเซียนในประเทศที่กำลังเดินหน้านโยบายการเปิดบ่อน (ส่วนตัวผู้เขียนไม่เห็นด้วยกับการเปิดบ่อนคาสิโนที่มอมเมาประชาชน แต่หากรัฐบาลจะดันทุรังเปิดให้ได้ อย่างน้อยก็ต้องเอามาใช้ให้เป็นประโยชน์ เพราะต้องอย่าลืมว่าผู้สนับสนุนทรัมป์ก็เป็นกลุ่มทุนคาสิโนยักษ์ใหญ่) ฯลฯ เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นอำนาจต่อรองที่หนูตัวนี้จะรอดจากเงื้อมมือราชสีห์ด้วยกันทั้งสิ้น.5. และเนื่องจาก ไทย มาเลเซีย และเวียดนาม ได้รับสิทธิ์ในการเป็น Partner Country ของกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจ BRICS ในขณะที่อินโดนีเซียได้รับสิทธิ์เป็น Full Member ของ BRICS เรียบร้อยแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่หนูน้อยอาเซียนต้องดำเนินการด้วยนั่นก็คือ เร่งเจรจากับผู้นำบราซิลที่จะเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดกลุ่ม BRICS ในปีนี้ ว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะรับอาเซียนทั้ง 10 ประเทศเข้าเป็นสมาชิก เพราะหนูตัวนี้บางครั้งก็ต้องพึ่งพาราชสีห์อีกตัวมากดดันราชสีห์อันทพาลตัวเก่า การแสวงหาโอกาส การแสวงหาตลาดใหม่ๆ ที่จะเป็นทางเลือกเพื่อมาทดแทนตลาดการค้าที่กำลังจะเสียไป เป็นทางเลือกที่เรามีสิทธิ์ในฐานะรัฐอธิปไตย.ขอเรียกร้องให้ผู้กำหนดนโยบายของไทยต้องมีวิสัยทัศน์ มีความกล้าหาญในการเล่นบทบาทนำของประเทศไทยในประชาคมอาเซียน เราต้องมีข้อเสนอกับประชาคมอาเซียนเพื่อรับมือมาตรการกีดกันทางการค้าจะสหรัฐร่วมกัน.รองศาสตราจารย์ ดร.ปิติ ศรีแสงนามคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.ปล. รบกวนช่วยกัน Share นะครับ เราต้องลุกขึ้นมาทำอะไรบ้าง ไม่งั้นไทยจะหายไปจากจอเรดาร์
    Sad
    1
    0 Comments 1 Shares 1111 Views 0 Reviews
  • สื่อสหรัฐฯ วิเคราะห์เครื่องบินขับไล่ล่องหนรุ่นใหม่ของจีน J-35A (เจียน-35เอ) ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในงานแสดงอากาศยานเมืองจูไห่ เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2567 อาจทำลายสมดุลอำนาจทางอากาศของกองทัพสหรัฐฯ ในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก โดยเครื่องรุ่นนี้มีขีดความสามารถล่องหนใกล้เคียงกับ F-35 ของสหรัฐฯ และจะทำหน้าที่เคียงคู่กับ J-20 เพื่อสร้างยุทธวิธี “เครือข่ายพิฆาตทางอากาศ” (Kill chain) ของกองทัพอากาศจีน
    .
    รายงานล่าสุดจากนิตยสาร National Interest ของสหรัฐฯ ชี้ว่ากองทัพอากาศจีนพัฒนาอย่างรวดเร็วมากในรอบทศวรรษที่ผ่านมา จีนสามารถผลิตทั้ง J-20 และ J-35A จำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว ตรงข้ามกับกระบวนการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ของสหรัฐฯ ที่ยังล่าช้าและซับซ้อน การเปิดตัว J-35A จึงกลายเป็นสัญญาณเตือนกองทัพอากาศสหรัฐฯ ในเอเชียว่าอำนาจทางอากาศที่เหนือชั้นของตนกำลังถูกท้าทายอย่างหนัก
    .
    ด้านนายพลจิลมาร์รี่ ฮอสเตจ ของกองทัพอากาศสหรัฐฯ เคยระบุในปี 2556 ว่า อำนาจทางอากาศหมายถึงการปฏิบัติการที่เสรีไร้ข้อจำกัดในน่านฟ้า ทว่าด้วยศักยภาพใหม่ของจีน ไม่เพียงแต่ทำให้อำนาจนี้สั่นคลอน แต่ยังอาจถึงขั้นสูญเสียการครอบครองท้องฟ้าในแถบนี้ไปโดยสิ้นเชิง
    .
    J-35A เป็นเครื่องบินขับไล่ขนาดกลาง เครื่องยนต์คู่ ถูกออกแบบด้วยเทคนิคขั้นสูง มีความสามารถล่องหนสูงจากลักษณะทางกายภาพที่ซ่อนใบพัดเครื่องยนต์จากเรดาร์ ระบบช่องรับอากาศแบบไร้ขอบ (DSI) รูปตัว S และพื้นผิวเครื่องที่ราบเรียบแนบสนิทไม่มีรอยต่อ นักวิเคราะห์หลายสำนักเห็นตรงกันว่าศักยภาพล่องหนของ J-35A ใกล้เคียงหรืออาจเทียบเท่ากับ F-35 ของสหรัฐฯ แล้ว
    .
    ถึงแม้รายละเอียดสมรรถนะที่แท้จริงของ J-35A ยังถือเป็นข้อมูลลับสูงสุด แต่สิ่งหนึ่งที่นักวิเคราะห์สหรัฐฯ ระบุชัดคือ แม้เครื่องบินจีนจะมีศักยภาพใกล้เคียงสหรัฐฯ แต่ด้วยความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ ทำให้ในการรบที่ใกล้ชายฝั่งจีน เครื่องบินของจีนย่อมมีข้อได้เปรียบมหาศาล ทั้งเรื่องการส่งกำลังบำรุงและความสามารถในการเสริมกำลังอย่างรวดเร็วผ่านระบบป้องกันและต่อต้านการเข้าถึงพื้นที่ (Anti-Access/Area Denial: A2/AD) ของจีน
    .
    อีกด้านหนึ่ง หวัง หย่งชิ่ง ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบเครื่องบินรบจากสถาบันการบินเสิ่นหยาง (Shenyang Aircraft Corporation) ของจีน ออกมาระบุในรายการสัมภาษณ์ว่า J-35A มีบทบาทเหมือน “การ์ดจ่ายบอล” ในทีมบาสเกตบอล ซึ่งไม่เพียงทำคะแนนได้เอง ยังสามารถเชื่อมโยงยุทโธปกรณ์อื่นๆ ให้ทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังเปิดเผยเบื้องหลังการออกแบบเครื่องบินรบว่ามีการดึงศิลปินมาออกแบบลายพรางบนตัวเครื่องด้วย เพื่อประสิทธิภาพการพรางตัวทางสายตา และย้ำว่าการออกแบบเครื่องบินรบที่ดีที่สุดนั้นไม่ได้อยู่ที่การรวมเทคโนโลยีขั้นสูงทั้งหมดเข้าไว้ด้วยกัน แต่ต้องอยู่ที่ภาพรวมและระบบการปฏิบัติการของเครื่องบินที่ต้องสามารถทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายได้ดีที่สุด
    .
    การเปิดตัวของ J-35A และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ของจีนในครั้งนี้ นับเป็นการส่งสัญญาณที่สหรัฐฯ ไม่อาจเพิกเฉยได้อีกต่อไป ในยุคที่การแข่งขันด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ทางอากาศของมหาอำนาจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกกำลังเข้มข้นขึ้นทุกขณะ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000020445
    ..............
    Sondhi X
    สื่อสหรัฐฯ วิเคราะห์เครื่องบินขับไล่ล่องหนรุ่นใหม่ของจีน J-35A (เจียน-35เอ) ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในงานแสดงอากาศยานเมืองจูไห่ เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2567 อาจทำลายสมดุลอำนาจทางอากาศของกองทัพสหรัฐฯ ในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก โดยเครื่องรุ่นนี้มีขีดความสามารถล่องหนใกล้เคียงกับ F-35 ของสหรัฐฯ และจะทำหน้าที่เคียงคู่กับ J-20 เพื่อสร้างยุทธวิธี “เครือข่ายพิฆาตทางอากาศ” (Kill chain) ของกองทัพอากาศจีน . รายงานล่าสุดจากนิตยสาร National Interest ของสหรัฐฯ ชี้ว่ากองทัพอากาศจีนพัฒนาอย่างรวดเร็วมากในรอบทศวรรษที่ผ่านมา จีนสามารถผลิตทั้ง J-20 และ J-35A จำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว ตรงข้ามกับกระบวนการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ของสหรัฐฯ ที่ยังล่าช้าและซับซ้อน การเปิดตัว J-35A จึงกลายเป็นสัญญาณเตือนกองทัพอากาศสหรัฐฯ ในเอเชียว่าอำนาจทางอากาศที่เหนือชั้นของตนกำลังถูกท้าทายอย่างหนัก . ด้านนายพลจิลมาร์รี่ ฮอสเตจ ของกองทัพอากาศสหรัฐฯ เคยระบุในปี 2556 ว่า อำนาจทางอากาศหมายถึงการปฏิบัติการที่เสรีไร้ข้อจำกัดในน่านฟ้า ทว่าด้วยศักยภาพใหม่ของจีน ไม่เพียงแต่ทำให้อำนาจนี้สั่นคลอน แต่ยังอาจถึงขั้นสูญเสียการครอบครองท้องฟ้าในแถบนี้ไปโดยสิ้นเชิง . J-35A เป็นเครื่องบินขับไล่ขนาดกลาง เครื่องยนต์คู่ ถูกออกแบบด้วยเทคนิคขั้นสูง มีความสามารถล่องหนสูงจากลักษณะทางกายภาพที่ซ่อนใบพัดเครื่องยนต์จากเรดาร์ ระบบช่องรับอากาศแบบไร้ขอบ (DSI) รูปตัว S และพื้นผิวเครื่องที่ราบเรียบแนบสนิทไม่มีรอยต่อ นักวิเคราะห์หลายสำนักเห็นตรงกันว่าศักยภาพล่องหนของ J-35A ใกล้เคียงหรืออาจเทียบเท่ากับ F-35 ของสหรัฐฯ แล้ว . ถึงแม้รายละเอียดสมรรถนะที่แท้จริงของ J-35A ยังถือเป็นข้อมูลลับสูงสุด แต่สิ่งหนึ่งที่นักวิเคราะห์สหรัฐฯ ระบุชัดคือ แม้เครื่องบินจีนจะมีศักยภาพใกล้เคียงสหรัฐฯ แต่ด้วยความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ ทำให้ในการรบที่ใกล้ชายฝั่งจีน เครื่องบินของจีนย่อมมีข้อได้เปรียบมหาศาล ทั้งเรื่องการส่งกำลังบำรุงและความสามารถในการเสริมกำลังอย่างรวดเร็วผ่านระบบป้องกันและต่อต้านการเข้าถึงพื้นที่ (Anti-Access/Area Denial: A2/AD) ของจีน . อีกด้านหนึ่ง หวัง หย่งชิ่ง ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบเครื่องบินรบจากสถาบันการบินเสิ่นหยาง (Shenyang Aircraft Corporation) ของจีน ออกมาระบุในรายการสัมภาษณ์ว่า J-35A มีบทบาทเหมือน “การ์ดจ่ายบอล” ในทีมบาสเกตบอล ซึ่งไม่เพียงทำคะแนนได้เอง ยังสามารถเชื่อมโยงยุทโธปกรณ์อื่นๆ ให้ทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังเปิดเผยเบื้องหลังการออกแบบเครื่องบินรบว่ามีการดึงศิลปินมาออกแบบลายพรางบนตัวเครื่องด้วย เพื่อประสิทธิภาพการพรางตัวทางสายตา และย้ำว่าการออกแบบเครื่องบินรบที่ดีที่สุดนั้นไม่ได้อยู่ที่การรวมเทคโนโลยีขั้นสูงทั้งหมดเข้าไว้ด้วยกัน แต่ต้องอยู่ที่ภาพรวมและระบบการปฏิบัติการของเครื่องบินที่ต้องสามารถทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายได้ดีที่สุด . การเปิดตัวของ J-35A และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ของจีนในครั้งนี้ นับเป็นการส่งสัญญาณที่สหรัฐฯ ไม่อาจเพิกเฉยได้อีกต่อไป ในยุคที่การแข่งขันด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ทางอากาศของมหาอำนาจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกกำลังเข้มข้นขึ้นทุกขณะ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000020445 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Wow
    11
    1 Comments 0 Shares 1903 Views 0 Reviews