• 'เตีย บัญ' ตรวจเรือคอร์เวตติดขีปนาวุธ Type 056 ของจีน 2 ลำ คาดแลกสิทธิ์ใช้งานฐานทัพเรือเรียม แต่ยังไร้การกำหนดส่งมอบอย่างแน่ชัด
    https://www.thai-tai.tv/news/21761/
    .
    #เรือรบType056 #จีนกัมพูชา #ฐานทัพเรือเรียม #เตียบัญ #ความช่วยเหลือทางทหาร #ขีปนาวุธ #ความมั่นคงภูมิภาค #CPP
    'เตีย บัญ' ตรวจเรือคอร์เวตติดขีปนาวุธ Type 056 ของจีน 2 ลำ คาดแลกสิทธิ์ใช้งานฐานทัพเรือเรียม แต่ยังไร้การกำหนดส่งมอบอย่างแน่ชัด https://www.thai-tai.tv/news/21761/ . #เรือรบType056 #จีนกัมพูชา #ฐานทัพเรือเรียม #เตียบัญ #ความช่วยเหลือทางทหาร #ขีปนาวุธ #ความมั่นคงภูมิภาค #CPP
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 43 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์แสดงความไม่พอใจต่อท่าทีของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน โดยระบุว่าตลอดการสนทนาหลายครั้ง ปูตินมักแสดงท่าทีเป็นมิตรแต่กลับไร้ความหมายเมื่อพูดถึงการหยุดยิงในยูเครน

    เขากล่าวว่ากำลังพิจารณาอนุมัติความช่วยเหลือทางทหารชุดใหม่ให้กับยูเครน ซึ่งถือเป็นแพ็กเกจใหญ่ชุดแรกนับตั้งแต่เขากลับเข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคม

    "เราจะส่งขีปนาวุธ Patriot ไปให้ยูเครน พวกเขาต้องการมันอย่างมาก" ทรัมป์กล่าว
    ทรัมป์แสดงความไม่พอใจต่อท่าทีของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน โดยระบุว่าตลอดการสนทนาหลายครั้ง ปูตินมักแสดงท่าทีเป็นมิตรแต่กลับไร้ความหมายเมื่อพูดถึงการหยุดยิงในยูเครน เขากล่าวว่ากำลังพิจารณาอนุมัติความช่วยเหลือทางทหารชุดใหม่ให้กับยูเครน ซึ่งถือเป็นแพ็กเกจใหญ่ชุดแรกนับตั้งแต่เขากลับเข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคม "เราจะส่งขีปนาวุธ Patriot ไปให้ยูเครน พวกเขาต้องการมันอย่างมาก" ทรัมป์กล่าว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 303 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • พวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ออกมาปัดเป่าความกังวลกรณีที่ทำเนียบขาวแถลงว่าวอชิงตันกำลังระงับส่งมอบอาวุธบางส่วนแก่ยูเครน ยืนยันยังมีทางเลือกอื่นในด้านความช่วยเหลือทางทหาร ความเคลื่อนไหวที่มีขึ้นหลังจากมันสร้างความตกอกตกใจแก่เคียฟ ที่ร้องขอความชัดเจนในเรื่องนี้
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000062523

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    พวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ออกมาปัดเป่าความกังวลกรณีที่ทำเนียบขาวแถลงว่าวอชิงตันกำลังระงับส่งมอบอาวุธบางส่วนแก่ยูเครน ยืนยันยังมีทางเลือกอื่นในด้านความช่วยเหลือทางทหาร ความเคลื่อนไหวที่มีขึ้นหลังจากมันสร้างความตกอกตกใจแก่เคียฟ ที่ร้องขอความชัดเจนในเรื่องนี้ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000062523 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Haha
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1078 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐฯ เพิ่งอนุมัติการขายอาวุธมูลค่า 510 ล้านดอลลาร์ให้กับอิสราเอล ทำให้ยอดรวมความช่วยเหลือพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์

    กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้ลงนามข้อตกลงมูลค่า 510 ล้านดอลลาร์กับอิสราเอล ซึ่งรวมถึงระเบิดนำวิถีหลายพันลูก ซึ่งคาดว่าเตรียมไว้ถล่มกาซาและอิหร่าน

    ข้อตกลงดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่ความช่วยเหลือทางทหารของสหรัฐฯ ต่ออิสราเอลพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 17,900 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1959
    สหรัฐฯ เพิ่งอนุมัติการขายอาวุธมูลค่า 510 ล้านดอลลาร์ให้กับอิสราเอล ทำให้ยอดรวมความช่วยเหลือพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้ลงนามข้อตกลงมูลค่า 510 ล้านดอลลาร์กับอิสราเอล ซึ่งรวมถึงระเบิดนำวิถีหลายพันลูก ซึ่งคาดว่าเตรียมไว้ถล่มกาซาและอิหร่าน ข้อตกลงดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่ความช่วยเหลือทางทหารของสหรัฐฯ ต่ออิสราเอลพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 17,900 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1959
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 261 มุมมอง 0 รีวิว
  • คาร์โรล นาวร็อคกี (Karol Nawrocki) ผู้นำฝ่ายขวา หรืออนุรักษ์นิยม ชนะการเลือกตั้งได้เป็นประธานาธิบดีโปแลนด์ด้วยคะแนนเสียง 50.89% แซงหน้าราฟาล ทรัสคอฟสกี (Rafał Trzaskowski) นายกเทศมนตรีเมืองวอร์ซอ ผู้นำซ้าย หรือเสรีนิยม ที่ได้รับคะแนนเสียง 49.11%


    ก่อนการเลือกตั้ง ทรัสคอฟสกี มีคะแนนนำมาตลอด แต่เป็นคะแนนที่นำอย่างสูสี หลังการเลือกตั้ง นาวร็อคกี กลับมาพลิกชนะไปได้อย่างหวุดหวิด

    สำหรับนาวร็อคกี เป็นที่รับรู้กันดีว่า เขาได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากทรัมป์และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ ที่จะนำพาโปแลนด์ไปสู่ทิศทางชาตินิยมมากขึ้น และอาจทำให้ความสัมพันธ์ทางทหารกับสหรัฐฯ แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น แต่นั่นอาจทำให้สหภาพยุโรปไม่พอใจ

    อย่างไรก็ตาม ชัยชนะของนาวร็อคกีอาจไม่ราบรื่น เนื่องจากนายกรัฐมนตรี โดนัลด็ ทรัสก์ เป็นเอนเอียงไปทาฝ่ายซ้าย หรือเสรีนิยมเต็มตัว ประกอบกับสมาชิกในรัฐสภาโปแลนด์ ยังเป็นพวกฝ่ายซ้ายอีกด้วย

    เขาจะสืบทอดตำแหน่งต่อจากอันเดรจ ดูดา ประธานาธิบดีโปแลนด์คนปัจจุบัน หลังจากสิ้นสุดวาระการดำรงตำแหน่งในวันที่ 6 สิงหาคม 2025

    แนวคิดเกี่ยวกับยูเครน นาวร็อคกีเคยวิจารณ์เซเลนสกีและยูเครนอย่างดุเดือด และเคยสัญญาว่าหากเขาก้าวขึ้นเป็นผู้นำโปแลนด์ จะยืนหยัดขัดขวางการเข้าร่วม NATO ของยูเครนอย่างถึงที่สุด และไม่เห็นด้วยที่โปแลนด์ให้ความช่วยเหลือทางทหารต่อยูเครนมากเกินไป

    แนวคิดเกี่ยวกับรัสเซีย ยังไงซะ เขาก็คือชาวโปแลนด์อีกคนที่เกลียดรัสเซีย!!!

    คาร์โรล นาวร็อคกี (Karol Nawrocki) ผู้นำฝ่ายขวา หรืออนุรักษ์นิยม ชนะการเลือกตั้งได้เป็นประธานาธิบดีโปแลนด์ด้วยคะแนนเสียง 50.89% แซงหน้าราฟาล ทรัสคอฟสกี (Rafał Trzaskowski) นายกเทศมนตรีเมืองวอร์ซอ ผู้นำซ้าย หรือเสรีนิยม ที่ได้รับคะแนนเสียง 49.11% ก่อนการเลือกตั้ง ทรัสคอฟสกี มีคะแนนนำมาตลอด แต่เป็นคะแนนที่นำอย่างสูสี หลังการเลือกตั้ง นาวร็อคกี กลับมาพลิกชนะไปได้อย่างหวุดหวิด สำหรับนาวร็อคกี เป็นที่รับรู้กันดีว่า เขาได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากทรัมป์และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ ที่จะนำพาโปแลนด์ไปสู่ทิศทางชาตินิยมมากขึ้น และอาจทำให้ความสัมพันธ์ทางทหารกับสหรัฐฯ แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น แต่นั่นอาจทำให้สหภาพยุโรปไม่พอใจ อย่างไรก็ตาม ชัยชนะของนาวร็อคกีอาจไม่ราบรื่น เนื่องจากนายกรัฐมนตรี โดนัลด็ ทรัสก์ เป็นเอนเอียงไปทาฝ่ายซ้าย หรือเสรีนิยมเต็มตัว ประกอบกับสมาชิกในรัฐสภาโปแลนด์ ยังเป็นพวกฝ่ายซ้ายอีกด้วย เขาจะสืบทอดตำแหน่งต่อจากอันเดรจ ดูดา ประธานาธิบดีโปแลนด์คนปัจจุบัน หลังจากสิ้นสุดวาระการดำรงตำแหน่งในวันที่ 6 สิงหาคม 2025 👉แนวคิดเกี่ยวกับยูเครน นาวร็อคกีเคยวิจารณ์เซเลนสกีและยูเครนอย่างดุเดือด และเคยสัญญาว่าหากเขาก้าวขึ้นเป็นผู้นำโปแลนด์ จะยืนหยัดขัดขวางการเข้าร่วม NATO ของยูเครนอย่างถึงที่สุด และไม่เห็นด้วยที่โปแลนด์ให้ความช่วยเหลือทางทหารต่อยูเครนมากเกินไป 👉แนวคิดเกี่ยวกับรัสเซีย ยังไงซะ เขาก็คือชาวโปแลนด์อีกคนที่เกลียดรัสเซีย!!!
    Yay
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 424 มุมมอง 0 รีวิว
  • Fancy Bear แฮกบริษัทโลจิสติกส์เพื่อติดตามความช่วยเหลือทางทหารที่ส่งไปยังยูเครน

    Fancy Bear หรือ APT28 ซึ่งเป็นกลุ่มแฮกเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลรัสเซีย ได้ทำการเจาะระบบของบริษัทโลจิสติกส์ในประเทศตะวันตกและ NATO เพื่อติดตาม ความช่วยเหลือทางทหารที่ถูกส่งไปยังยูเครน

    รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการโจมตีของ Fancy Bear
    Fancy Bear เริ่มโจมตีองค์กรโลจิสติกส์ตั้งแต่ปี 2022
    - เป้าหมายคือ ติดตามความช่วยเหลือทางทหารที่ถูกส่งไปยังยูเครน

    กลุ่มแฮกเกอร์มุ่งเป้าไปที่บริษัทโลจิสติกส์, เทคโนโลยี และหน่วยงานรัฐบาล
    - ครอบคลุม ทุกโหมดการขนส่ง เช่น ทางอากาศ, ทางทะเล และทางรถไฟ

    CCTV ที่จุดผ่านแดนถูกตรวจสอบเพื่อดูการเคลื่อนย้ายของกองกำลังและอาวุธ
    - ช่วยให้ แฮกเกอร์สามารถติดตามเส้นทางการขนส่งได้อย่างแม่นยำ

    ใช้เทคนิค Credential Stuffing และ Brute-force Attack เพื่อเข้าถึงระบบ
    - รวมถึง การโจมตีผ่าน Spearphishing และช่องโหว่ของซอฟต์แวร์

    ช่องโหว่ที่ถูกใช้ ได้แก่ CVE-2023-23397 ซึ่งส่งผลกระทบต่อ Microsoft Exchange, Roundcube Webmail และ WinRAR
    - นอกจากนี้ ยังมีการเจาะระบบ VPN และฐานข้อมูล SQL ที่มีช่องโหว่

    https://www.techradar.com/pro/security/russian-gru-cracks-open-logistic-companies-to-spy-on-ukranian-military-aid
    Fancy Bear แฮกบริษัทโลจิสติกส์เพื่อติดตามความช่วยเหลือทางทหารที่ส่งไปยังยูเครน Fancy Bear หรือ APT28 ซึ่งเป็นกลุ่มแฮกเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลรัสเซีย ได้ทำการเจาะระบบของบริษัทโลจิสติกส์ในประเทศตะวันตกและ NATO เพื่อติดตาม ความช่วยเหลือทางทหารที่ถูกส่งไปยังยูเครน 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการโจมตีของ Fancy Bear ✅ Fancy Bear เริ่มโจมตีองค์กรโลจิสติกส์ตั้งแต่ปี 2022 - เป้าหมายคือ ติดตามความช่วยเหลือทางทหารที่ถูกส่งไปยังยูเครน ✅ กลุ่มแฮกเกอร์มุ่งเป้าไปที่บริษัทโลจิสติกส์, เทคโนโลยี และหน่วยงานรัฐบาล - ครอบคลุม ทุกโหมดการขนส่ง เช่น ทางอากาศ, ทางทะเล และทางรถไฟ ✅ CCTV ที่จุดผ่านแดนถูกตรวจสอบเพื่อดูการเคลื่อนย้ายของกองกำลังและอาวุธ - ช่วยให้ แฮกเกอร์สามารถติดตามเส้นทางการขนส่งได้อย่างแม่นยำ ✅ ใช้เทคนิค Credential Stuffing และ Brute-force Attack เพื่อเข้าถึงระบบ - รวมถึง การโจมตีผ่าน Spearphishing และช่องโหว่ของซอฟต์แวร์ ✅ ช่องโหว่ที่ถูกใช้ ได้แก่ CVE-2023-23397 ซึ่งส่งผลกระทบต่อ Microsoft Exchange, Roundcube Webmail และ WinRAR - นอกจากนี้ ยังมีการเจาะระบบ VPN และฐานข้อมูล SQL ที่มีช่องโหว่ https://www.techradar.com/pro/security/russian-gru-cracks-open-logistic-companies-to-spy-on-ukranian-military-aid
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 426 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประกาศที่เหมือนไม่ประกาศ วิธีการที่น่าเบื่อของยุโรป!

    Keir Starmer นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ข่มขู่รัสเซียด้วยการประกาศจะส่งความช่วยเหลือทางทหารเพิ่มเติมแก่ยูเครนรวมทั้งมาตรการคว่ำบาตรที่เข้มงวดยิ่งขึ้น หากมอสโก "ปฏิเสธที่หยุดยิง"
    ประกาศที่เหมือนไม่ประกาศ วิธีการที่น่าเบื่อของยุโรป! Keir Starmer นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ข่มขู่รัสเซียด้วยการประกาศจะส่งความช่วยเหลือทางทหารเพิ่มเติมแก่ยูเครนรวมทั้งมาตรการคว่ำบาตรที่เข้มงวดยิ่งขึ้น หากมอสโก "ปฏิเสธที่หยุดยิง"
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 311 มุมมอง 5 0 รีวิว
  • ยูเลีย สวีรีเดนโก (Yulia Svyrydenko) รองนายกรัฐมนตรีคนที่หนึ่ง และรมต.กระทรวงเศรษฐกิจและการค้ายูเครน ประกาศการลงนามในบันทึกความเข้าใจ (Memorandum) เกี่ยวกับข้อตกลงด้านแร่ธาตุกับสหรัฐแล้ว (บันทึกความเข้าใจยังไม่มีผลผูกพันธ์ทางกฎหมาย)

    สวีรีเดนโก กล่าวอีกว่า ทั้งสองประเทศจะเร่งสรุปกรอบของข้อตกลงด้านแร่ธาตุและลงนามในข้อตกลงอย่างเป็นทางการต่อไป


    ทางด้านเซเลนสกีได้ยืนยันถึงการลงนามตามบันทึกความเข้าใจครั้งนี้ (Memorandum) และยังกล่าวอีกว่า "นี่ยังไม่ใช่ข้อตกลงขั้นตอนสุดท้ายที่แท้จริง"

    ขณะเดียวกันทรัมป์ได้กล่าวในวันนี้ว่า ข้อตกลงขั้นสุดท้ายกับยูเครนในเรื่องทรัพยากรแร่ธาตุจะมีการ "ลงนามข้อตกลง" ในวันพฤหัสบดีหน้านี้


    เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว The New York Times เปิดเผยเกี่ยวกับรายละเอียดบางส่วนของข้อตกลงแร่ธาตุระหว่างสหรัฐฯและยูเครน โดยระบุว่า:

    ยูเครนจะต้องคืนเงินหลายพันล้านดอลลาร์ที่สหรัฐส่งความช่วยเหลือทางการทหารตลอดระยะเวลา 3 ปีของการต่อสู้กับรัสเซียให้แก่สหรัฐฯ

    ยูเครนจะต้องแบ่งรายได้ครึ่งหนึ่งของรายได้ทั้งหมดจากการทำธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ รวมทั้งรายได้จากโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน เช่น ท่าเรือ ท่อส่งน้ำมันและก๊าซ เข้ากองทุนที่สหรัฐกำลังจัดตั้งขึ้น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการนำเงินส่วนนี้ไปลงทุนต่อในด้านโครงการทรัพยากรธรรมชาติของยูเครน แต่ยังไม่ได้ระบุแน่ชัดว่าสหรัฐจะร่วมลงทุนในสัดส่วนเท่าไหร่

    ข้อตกลงนี้จะมีผลบังคับใช้ไปจนกว่ายูเครนจะคืนเงินค่าใช้จ่ายความช่วยเหลือทางทหารจากสหรัฐฯ พร้อมดอกเบี้ย 4% ต่อปี

    นอกจากนี้ โครงการดังกล่าวไม่ได้กล่าวถึงการรับประกันความปลอดภัยสำหรับยูเครน แม้ว่าฝ่ายยูเครนจะเคยยืนยันหนักแน่นว่าจะต้องรวมข้อกำหนดนี้ไว้ในข้อตกลงแร่ธาตุด้วยก็ตาม

    ยูเลีย สวีรีเดนโก (Yulia Svyrydenko) รองนายกรัฐมนตรีคนที่หนึ่ง และรมต.กระทรวงเศรษฐกิจและการค้ายูเครน ประกาศการลงนามในบันทึกความเข้าใจ (Memorandum) เกี่ยวกับข้อตกลงด้านแร่ธาตุกับสหรัฐแล้ว (บันทึกความเข้าใจยังไม่มีผลผูกพันธ์ทางกฎหมาย) สวีรีเดนโก กล่าวอีกว่า ทั้งสองประเทศจะเร่งสรุปกรอบของข้อตกลงด้านแร่ธาตุและลงนามในข้อตกลงอย่างเป็นทางการต่อไป ทางด้านเซเลนสกีได้ยืนยันถึงการลงนามตามบันทึกความเข้าใจครั้งนี้ (Memorandum) และยังกล่าวอีกว่า "นี่ยังไม่ใช่ข้อตกลงขั้นตอนสุดท้ายที่แท้จริง" ขณะเดียวกันทรัมป์ได้กล่าวในวันนี้ว่า ข้อตกลงขั้นสุดท้ายกับยูเครนในเรื่องทรัพยากรแร่ธาตุจะมีการ "ลงนามข้อตกลง" ในวันพฤหัสบดีหน้านี้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว The New York Times เปิดเผยเกี่ยวกับรายละเอียดบางส่วนของข้อตกลงแร่ธาตุระหว่างสหรัฐฯและยูเครน โดยระบุว่า: ยูเครนจะต้องคืนเงินหลายพันล้านดอลลาร์ที่สหรัฐส่งความช่วยเหลือทางการทหารตลอดระยะเวลา 3 ปีของการต่อสู้กับรัสเซียให้แก่สหรัฐฯ ยูเครนจะต้องแบ่งรายได้ครึ่งหนึ่งของรายได้ทั้งหมดจากการทำธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ รวมทั้งรายได้จากโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน เช่น ท่าเรือ ท่อส่งน้ำมันและก๊าซ เข้ากองทุนที่สหรัฐกำลังจัดตั้งขึ้น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการนำเงินส่วนนี้ไปลงทุนต่อในด้านโครงการทรัพยากรธรรมชาติของยูเครน แต่ยังไม่ได้ระบุแน่ชัดว่าสหรัฐจะร่วมลงทุนในสัดส่วนเท่าไหร่ ข้อตกลงนี้จะมีผลบังคับใช้ไปจนกว่ายูเครนจะคืนเงินค่าใช้จ่ายความช่วยเหลือทางทหารจากสหรัฐฯ พร้อมดอกเบี้ย 4% ต่อปี นอกจากนี้ โครงการดังกล่าวไม่ได้กล่าวถึงการรับประกันความปลอดภัยสำหรับยูเครน แม้ว่าฝ่ายยูเครนจะเคยยืนยันหนักแน่นว่าจะต้องรวมข้อกำหนดนี้ไว้ในข้อตกลงแร่ธาตุด้วยก็ตาม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 576 มุมมอง 0 รีวิว
  • "บิดเก่ง!"
    สถานการณ์ล่าสุด เซเลนสกียุติการลงนามข้อตกลงแร่ธาตุกับสหรัฐอีกครั้ง! โดยอ้างว่าข้อตกลงดังกล่าวขัดขวางการเข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป

    “รัฐธรรมนูญของยูเครนระบุชัดเจนว่าแนวทางของเรามุ่งไปที่สหภาพยุโรป” “เราไม่สามารถยอมรับสิ่งใดที่อาจขัดขวางการเข้าร่วมสหภาพยุโรปของยูเครนได้ เนื่องจากมีข้อจำกัดมาหมายที่ส่งผลกระทบต่ออำนาจอธิปไตยทางเศรษฐกิจของยูเครน” เซเลนสกีกล่าวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม

    การพลิกลิ้นของเซเลนสกีมีขึ้นหนึ่งวันหลังจากที่รายละเอียดของร่างข้อตกลงแร่ธาตุฉบับใหม่ระหว่างเคียฟและวอชิงตันถูกเปิดเผยโดยไฟแนนเชียลไทม์ส ซึ่งรายงานว่า ข้อตกลงฉบับล่าสุดที่สหรัฐเสนอ มีเงื่อนไขที่ให้วอชิงตันเข้าควบคุมทรัพยากรธรรมชาติของยูเครนได้อย่างเต็มที่ผ่านกองทุนการลงทุนร่วมสองประเทศ

    ต่อมาเซเลนสกีได้ประกาศว่า เขาบรรลุข้อตกลงกับ "บางประเทศในยุโรป" เกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวกรองและใบอนุญาตสำหรับการผลิตระบบป้องกันภัยทางอากาศและขีปนาวุธ (ยูเครนเคยขอใบอนุญาตจากสหรัฐในการผลิตระบบ Patriot แต่ถูกปฏิเสธ)


    นอกจากนี้ เซเลนสกียังยืนยันอีกครั้งว่า ไม่ยอมรับหนี้ที่เกิดขึ้นในอดีตกับสหรัฐสำหรับความช่วยเหลือที่ให้ไปก่อนหน้านี้ แต่อาจพิจารณาเปิดช่องให้กับการจ่ายสำหรับแพ็คเกจความช่วยเหลือทางทหารใหม่จากสหรัฐที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

    "เราซาบซึ้งในการสนับสนุน แต่สิ่งนี้ไม่ใช่เงินกู้และเราจะไม่ยอมรับ" เซเลนสกีกล่าวยืนยัน
    "บิดเก่ง!" สถานการณ์ล่าสุด เซเลนสกียุติการลงนามข้อตกลงแร่ธาตุกับสหรัฐอีกครั้ง! โดยอ้างว่าข้อตกลงดังกล่าวขัดขวางการเข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป “รัฐธรรมนูญของยูเครนระบุชัดเจนว่าแนวทางของเรามุ่งไปที่สหภาพยุโรป” “เราไม่สามารถยอมรับสิ่งใดที่อาจขัดขวางการเข้าร่วมสหภาพยุโรปของยูเครนได้ เนื่องจากมีข้อจำกัดมาหมายที่ส่งผลกระทบต่ออำนาจอธิปไตยทางเศรษฐกิจของยูเครน” เซเลนสกีกล่าวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม การพลิกลิ้นของเซเลนสกีมีขึ้นหนึ่งวันหลังจากที่รายละเอียดของร่างข้อตกลงแร่ธาตุฉบับใหม่ระหว่างเคียฟและวอชิงตันถูกเปิดเผยโดยไฟแนนเชียลไทม์ส ซึ่งรายงานว่า ข้อตกลงฉบับล่าสุดที่สหรัฐเสนอ มีเงื่อนไขที่ให้วอชิงตันเข้าควบคุมทรัพยากรธรรมชาติของยูเครนได้อย่างเต็มที่ผ่านกองทุนการลงทุนร่วมสองประเทศ ต่อมาเซเลนสกีได้ประกาศว่า เขาบรรลุข้อตกลงกับ "บางประเทศในยุโรป" เกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวกรองและใบอนุญาตสำหรับการผลิตระบบป้องกันภัยทางอากาศและขีปนาวุธ (ยูเครนเคยขอใบอนุญาตจากสหรัฐในการผลิตระบบ Patriot แต่ถูกปฏิเสธ) นอกจากนี้ เซเลนสกียังยืนยันอีกครั้งว่า ไม่ยอมรับหนี้ที่เกิดขึ้นในอดีตกับสหรัฐสำหรับความช่วยเหลือที่ให้ไปก่อนหน้านี้ แต่อาจพิจารณาเปิดช่องให้กับการจ่ายสำหรับแพ็คเกจความช่วยเหลือทางทหารใหม่จากสหรัฐที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต "เราซาบซึ้งในการสนับสนุน แต่สิ่งนี้ไม่ใช่เงินกู้และเราจะไม่ยอมรับ" เซเลนสกีกล่าวยืนยัน
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 510 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์แพ้ให้กับปูตินอีกครั้ง!
    สื่อตะวันตกตีข่าวว่าทรัมป์ “แพ้” ในการเจรจากับปูติน หลังจากปูตินตกลงระงับโจมตีแหล่งพลังงานยูเครนชั่วคราว แต่ปฏิเสธรับรองข้อตกลงหยุดยิงเต็มรูปแบบ 30 วัน หลังคุยกับ 'ทรัมป์' นานชั่วโมงครึ่ง แถมปูตินยังขอพ่วงเงื่อนไขให้ตะวันตกระงับความช่วยเหลือยูเครน รวมทั้งห้ามยูเครนเคลื่อนย้ายกำลัง

    สื่อของยูเครนและตะวันตกรู้สึกผิดหวังที่ประธานาธิบดีทรัมป์ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงหยุดยิงเต็มรูปแบบ 30 วันตามที่เขาผลักดันในการเจรจากับประธานาธิบดีปูติน รายงานระบุว่าผู้นำรัสเซียยืนหยัดในเงื่อนไขของตัวเอง โดยตกลงเพียงข้อตกลงหยุดยิงในระยะเวลาจำกัดในเงื่อนไขที่เอื้อประโยชน์ต่อมอสโก แทนที่จะยุติการสู้รบทั้งหมดตามที่วอชิงตันและเคียฟเรียกร้อง

    สำนักข่าวนิวยอร์กไทม์ส(The New York Times) และดิอีโคโนมิสต์(The Economist) ระบุว่า ทรัมป์มีคาดหวังไว้สูงว่าปูตินจะยอมรับข้อเสนอหยุดยิงของเขาในการสนทนาเมื่อวานนี้ (18 มีนาคม) แต่กลับต้องผิดหวัง หลังจากเฝ้ารออย่างมีความหวังมาเป็นเวลาหลายวันต่อข้อตกลงสันติภาพที่อาจเกิดขึ้น แต่มอสโกกลับยืนหยัดในเงื่อนไขของตนเองและเป็นฝ่ายได้ตามที่ต้องการเกือบทั้งหมด

    ทางด้านเซเลนสกีแสดงความผิดหวังดังกล่าวออกมาอย่างชัดเจนโดยกล่าวประชดประชันทรัมป์ว่า วันนี้ปูตินไม่เคยยอมรับข้อตกลงหยุดยิงทั้งหมดอย่างแท้จริง และนี่กลับทำให้ยูเครนไม่สามารถโจมตีเครือข่ายโรงกลั่นน้ำมันของรัสเซียได้ นอกจากนี้ยังกล่าวเรียกร้องให้ตะวันตกเพิ่มความช่วยเหลือทางทหารและคว่ำบาตรรัสเซียหนักกว่าเดิม
    ทรัมป์แพ้ให้กับปูตินอีกครั้ง! สื่อตะวันตกตีข่าวว่าทรัมป์ “แพ้” ในการเจรจากับปูติน หลังจากปูตินตกลงระงับโจมตีแหล่งพลังงานยูเครนชั่วคราว แต่ปฏิเสธรับรองข้อตกลงหยุดยิงเต็มรูปแบบ 30 วัน หลังคุยกับ 'ทรัมป์' นานชั่วโมงครึ่ง แถมปูตินยังขอพ่วงเงื่อนไขให้ตะวันตกระงับความช่วยเหลือยูเครน รวมทั้งห้ามยูเครนเคลื่อนย้ายกำลัง สื่อของยูเครนและตะวันตกรู้สึกผิดหวังที่ประธานาธิบดีทรัมป์ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงหยุดยิงเต็มรูปแบบ 30 วันตามที่เขาผลักดันในการเจรจากับประธานาธิบดีปูติน รายงานระบุว่าผู้นำรัสเซียยืนหยัดในเงื่อนไขของตัวเอง โดยตกลงเพียงข้อตกลงหยุดยิงในระยะเวลาจำกัดในเงื่อนไขที่เอื้อประโยชน์ต่อมอสโก แทนที่จะยุติการสู้รบทั้งหมดตามที่วอชิงตันและเคียฟเรียกร้อง สำนักข่าวนิวยอร์กไทม์ส(The New York Times) และดิอีโคโนมิสต์(The Economist) ระบุว่า ทรัมป์มีคาดหวังไว้สูงว่าปูตินจะยอมรับข้อเสนอหยุดยิงของเขาในการสนทนาเมื่อวานนี้ (18 มีนาคม) แต่กลับต้องผิดหวัง หลังจากเฝ้ารออย่างมีความหวังมาเป็นเวลาหลายวันต่อข้อตกลงสันติภาพที่อาจเกิดขึ้น แต่มอสโกกลับยืนหยัดในเงื่อนไขของตนเองและเป็นฝ่ายได้ตามที่ต้องการเกือบทั้งหมด ทางด้านเซเลนสกีแสดงความผิดหวังดังกล่าวออกมาอย่างชัดเจนโดยกล่าวประชดประชันทรัมป์ว่า วันนี้ปูตินไม่เคยยอมรับข้อตกลงหยุดยิงทั้งหมดอย่างแท้จริง และนี่กลับทำให้ยูเครนไม่สามารถโจมตีเครือข่ายโรงกลั่นน้ำมันของรัสเซียได้ นอกจากนี้ยังกล่าวเรียกร้องให้ตะวันตกเพิ่มความช่วยเหลือทางทหารและคว่ำบาตรรัสเซียหนักกว่าเดิม
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 505 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมดเวเดฟ กล่าวถึงนาโต้ว่า “ยอมรับเถอะ พวกคุณต้องการสงคราม”

    ดมิทรี เมดเวเดฟกล่าวถึงฝรั่งเศสและอังกฤษว่าทำให้ความขัดแย้งรุนแรงขึ้นด้วยการเป็นตัวตั้งตัวตีพยายามให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่เคียฟ ทั้งที่รัสเซียคัดค้านกองกำลังนาโต้ในยูเครนอย่างชัดเจน

    “มาครงและสตาร์เมอร์ทำเหมือนแกล้งโง่… ยอมรับมาเถอะว่าการที่พวกคุณต้องการให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่พวกนีโอนาซีในเคียฟ นั่นหมายถึงต้องการให้เกิดสงครามรัสเซียกับนาโต้” รองประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งรัสเซียกล่าว

    นอกจากนี้ เมดเวเดฟยังแนะนำให้ปารีสและลอนดอนไปคุยกับทรัมป์ก่อนตัดสินใจกันเองซึ่งอาจนำไปสู่การเผชิญหน้าครั้งใหญ่โดยไม่ม่สหรัฐร่วมด้วย

    ขณะเดียวกัน มีรายงานจากหนังสือพิมพ์ The Times ของอังกฤษว่า อังกฤษเตรียมส่งทหาร 10,000 นายไปยูเครนภายใต้ภารกิจรักษาสันติภาพระยะยาว โดยไม่มีแผนการถอนทหารที่ชัดเจน

    โดยที่กองกำลังทหารอังกฤษจะประจำการอยู่ในอยู่เครนตราบเท่าที่จำเป็น โดยไม่กำหนดระยะเวลา ซึ่งจะทำหน้าที่ "รักษาข้อตกลงสันติภาพ" และ "ปกป้องยูเครนจากภัยคุกคามจากรัสเซีย"

    แนวคิดของอังกฤษที่ส่งกองกำลังหลายพันนายโดยไม่กำหนดระยะเวลา ทำให้เกิดคำถามว่านี่เป็นการ "ปกป้องหรือเข้ายึดครอง"
    เมดเวเดฟ กล่าวถึงนาโต้ว่า “ยอมรับเถอะ พวกคุณต้องการสงคราม” ดมิทรี เมดเวเดฟกล่าวถึงฝรั่งเศสและอังกฤษว่าทำให้ความขัดแย้งรุนแรงขึ้นด้วยการเป็นตัวตั้งตัวตีพยายามให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่เคียฟ ทั้งที่รัสเซียคัดค้านกองกำลังนาโต้ในยูเครนอย่างชัดเจน “มาครงและสตาร์เมอร์ทำเหมือนแกล้งโง่… ยอมรับมาเถอะว่าการที่พวกคุณต้องการให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่พวกนีโอนาซีในเคียฟ นั่นหมายถึงต้องการให้เกิดสงครามรัสเซียกับนาโต้” รองประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งรัสเซียกล่าว นอกจากนี้ เมดเวเดฟยังแนะนำให้ปารีสและลอนดอนไปคุยกับทรัมป์ก่อนตัดสินใจกันเองซึ่งอาจนำไปสู่การเผชิญหน้าครั้งใหญ่โดยไม่ม่สหรัฐร่วมด้วย ขณะเดียวกัน มีรายงานจากหนังสือพิมพ์ The Times ของอังกฤษว่า อังกฤษเตรียมส่งทหาร 10,000 นายไปยูเครนภายใต้ภารกิจรักษาสันติภาพระยะยาว โดยไม่มีแผนการถอนทหารที่ชัดเจน โดยที่กองกำลังทหารอังกฤษจะประจำการอยู่ในอยู่เครนตราบเท่าที่จำเป็น โดยไม่กำหนดระยะเวลา ซึ่งจะทำหน้าที่ "รักษาข้อตกลงสันติภาพ" และ "ปกป้องยูเครนจากภัยคุกคามจากรัสเซีย" แนวคิดของอังกฤษที่ส่งกองกำลังหลายพันนายโดยไม่กำหนดระยะเวลา ทำให้เกิดคำถามว่านี่เป็นการ "ปกป้องหรือเข้ายึดครอง"
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 502 มุมมอง 0 รีวิว
  • อเมริกายุติการระงับความช่วยเหลือทางทหารแก่เคียฟ หลังคณะเจรจายูเครนรับข้อเสนอหยุดยิง 30 วัน รวมทั้งตกลงเจรจากับรัสเซียเพื่อยุติสงครามทันที อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวในรัสเซียหลายคนฟันธง ปูตินไม่มีแนวโน้มยอมรับข้อเสนอนี้

    อ่านต่อ..https://sondhitalk.com/detail/9680000024100
    อเมริกายุติการระงับความช่วยเหลือทางทหารแก่เคียฟ หลังคณะเจรจายูเครนรับข้อเสนอหยุดยิง 30 วัน รวมทั้งตกลงเจรจากับรัสเซียเพื่อยุติสงครามทันที อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวในรัสเซียหลายคนฟันธง ปูตินไม่มีแนวโน้มยอมรับข้อเสนอนี้ อ่านต่อ..https://sondhitalk.com/detail/9680000024100
    Haha
    Like
    Love
    11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2419 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภาพช่วงเวลาการโจมตีเรือบรรทุกสินค้า MJ Pinar ที่ท่าเรือโอเดสซาของยูเครนด้วยขีปนาวุธ Iskander โดยฝ่ายรัสเซียเมื่อคืนนี้

    ก่อนหน้านี้มีรายงานว่ายูเครนแอบลักลอบขนความช่วยเหลือทางทหารและความช่วยเหลืออื่น ๆ มายังยูเครนโดยใช้เรือบรรทุกสินค้านี้

    มีรายงานว่ามีลูกเรืออยู่บนเรือ 12 คน
    ภาพช่วงเวลาการโจมตีเรือบรรทุกสินค้า MJ Pinar ที่ท่าเรือโอเดสซาของยูเครนด้วยขีปนาวุธ Iskander โดยฝ่ายรัสเซียเมื่อคืนนี้ ก่อนหน้านี้มีรายงานว่ายูเครนแอบลักลอบขนความช่วยเหลือทางทหารและความช่วยเหลืออื่น ๆ มายังยูเครนโดยใช้เรือบรรทุกสินค้านี้ มีรายงานว่ามีลูกเรืออยู่บนเรือ 12 คน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 303 มุมมอง 0 รีวิว
  • พวกผู้เชี่ยวชาญและเหล่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรของเยอรมนี มีความกังวลเพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับความเป็นไปไดที่สหรัฐฯจะตัดขาดจากระยะไกล การใช้งานเครื่องบินขับไล่ F-35 ที่วอชิงตันส่งมอบให้แก่เบอร์ลิน ในกรณีที่เกิดวิกฤตการณ์หนึ่งใด หลังจากเมื่อเร็วๆนี้อเมริกาเพิ่งหยุดสนับสนุนทางทหารและระงับป้อนข้อมูลข่าวกรองแก่ยูเครน ตามรายงานของหนังสือพิมพ์บิลด์เมื่อช่วงสุดสัปดาห์
    .
    กองทัพอากาศเยอรมนี เตรียมได้รับการส่งมอบเครื่องบินขับไล่ F-35A Lightning II ที่ผลิตโดยอเมริกา จำนวน 35 ลำ ในปี 2026 ส่วนหนึ่งในข้อตกลงมูลค่า 8,300 ล้านยูโร อย่างไรก็ตามสมาชิกรัฐสภาเยอรมนีบางส่วนกังวลว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งขัดแย้งกับอียูในหลายๆประเด็น อาจใช้ตัวตัดการเชื่อมต่อ "kill switch" ทำให้เครื่องบินเหล่านั้นขึ้นบินไม่ได้ หากว่าวอชิงตันกับชาติต่างๆในยุโรป เห็นต่างกันในแนวทางที่ใช้รับมือกับความเป็นไปได้ที่จะเกิดความขัดแย้งกับรัสเซีย
    .
    "kill switch ไม่มีอะไรมากไปกว่าข่าวลือ" โจอาชิม ชรานโชเฟอร์ หัวหน้าฝ่ายสื่อสารมวลชน Hensoldt บริษัทกลาโหมของเยอรมนี บอกกับหนังสือพิมพ์บิลด์ "แต่มันคงดีกว่า ถ้าวางแผนภารกิจอย่างเป็นระบบ ให้เครื่องบินยังอยู่บนภาคพื้น"
    .
    โวล์ฟกัง อิสชินเดกอร์ อดีตประธานมูลนิธิ Munich Security Conference ตั้งคำถามเกี่ยวกับชะตากรรมของสัญญาจัดซื้อดังกล่าว "ถ้าเราหวั่นเกรงว่าสหรัฐฯจะทำกับฝูงบิน F-35 ในอนาคตของเยอรมนี แบบเดียวกับที่ทำกับยูเครนในปัจจุบัน เราอาจยกเลิกสัญญา" เขาบอกกับหนังสือพิมพ์บิลด์
    .
    ความกังวลเกี่ยวกับ kill switch บนเครื่องบินรบที่ผลิตโดยสหรัฐฯ ยังสะท้อนได้จากความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญหลายคนที่ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทม์ส หนึ่งในนั้นรวมถึง ริชาร์ด อาบัวลาเฟีย นักวิเคราะห์ด้านกลาโหม ที่บอกว่าแม้ยังไม่เคยมีคำยืนยันเกี่ยวกับ "kill switch" แต่ "ลองสมมุติดู มันอาจมีอยู่จริง ถ้าคุณมีบางอย่างที่สามารถทำอะไรเล็กๆน้อยๆกับรหัสซอฟต์แวร์ "
    .
    ผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆชี้ว่า โดยพื้นฐานแล้ว kill switch เป็นสิ่งที่เกินความจำเป็น สืบเนื่องจากความล้ำสมัยของเครื่องบินขับไล่สมัยใหม่และมันพึ่งพาอาศัยผู้ขายมากจนเกินไป "กองทัพยุโรปเกือบทั้งหมดพึ่งพาสหรัฐฯเป็นอย่างมาก สำหรับการสนับสนุนด้านติดต่อสื่อสาร สำหรับสนับสนุนการสงครามอิเล็กทรอนิก และสำหรับเติมเสบียงกระสุนในความขัดแย้งร้ายแรงใดๆ" จัสติน บรอนค์ นักวิจัยจากสถาบัน Royal United Services บอกกับไฟแนนเชียลไทม์ส
    .
    ความกังวลเกี่ยวกับเครื่องบิน F-35 ปรากฏขึ้นมา หลังจากสหรัฐฯระงับความช่วยเหลือทางทหารและข้อมูลข่าวกรองที่มอบแก่ยูเครน ตามหลังศึกวิวาทะระหว่าง ทรัมป์ กับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน โดยระหว่างนั้นผู้นำสหรัฐฯกล่าวหาผู้นำยูเครนว่าไม่ต้องการมีสันติภาพกับรัสเซีย
    .
    โครงการ F-35 ถูกให้คำนิยามว่าเป็นโครงการทางทหารแพงที่สุดในประวัติศาสตร์ ต้นทุนรวมของโครงการนี้ทะลุ 1.7 ล้านล้านดอลลาร์ตลอดช่วงอายุของโครงการ อย่างไรก็ตามนับตั้งแต่ F-35 ทำการบินในเที่ยวบินปฐมฤกษ์เมื่อปี 2006 โครงการนี้ก็ถูกห้อมล้อมด้วยปัญหาต้นทุนบานปลาย ล่าช้าและประเด็นความน่าเชื่อถือ จนถึงตอนนี้เครื่องบินรุ่นนี้ถูกผลิตออกมาแล้วกว่า 1,100 ลำ จำนวนมากเป็นการป้อนสู่บรรดาพันธมิตรของอเมริกา
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000023273
    ..............
    Sondhi X
    พวกผู้เชี่ยวชาญและเหล่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรของเยอรมนี มีความกังวลเพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับความเป็นไปไดที่สหรัฐฯจะตัดขาดจากระยะไกล การใช้งานเครื่องบินขับไล่ F-35 ที่วอชิงตันส่งมอบให้แก่เบอร์ลิน ในกรณีที่เกิดวิกฤตการณ์หนึ่งใด หลังจากเมื่อเร็วๆนี้อเมริกาเพิ่งหยุดสนับสนุนทางทหารและระงับป้อนข้อมูลข่าวกรองแก่ยูเครน ตามรายงานของหนังสือพิมพ์บิลด์เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ . กองทัพอากาศเยอรมนี เตรียมได้รับการส่งมอบเครื่องบินขับไล่ F-35A Lightning II ที่ผลิตโดยอเมริกา จำนวน 35 ลำ ในปี 2026 ส่วนหนึ่งในข้อตกลงมูลค่า 8,300 ล้านยูโร อย่างไรก็ตามสมาชิกรัฐสภาเยอรมนีบางส่วนกังวลว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งขัดแย้งกับอียูในหลายๆประเด็น อาจใช้ตัวตัดการเชื่อมต่อ "kill switch" ทำให้เครื่องบินเหล่านั้นขึ้นบินไม่ได้ หากว่าวอชิงตันกับชาติต่างๆในยุโรป เห็นต่างกันในแนวทางที่ใช้รับมือกับความเป็นไปได้ที่จะเกิดความขัดแย้งกับรัสเซีย . "kill switch ไม่มีอะไรมากไปกว่าข่าวลือ" โจอาชิม ชรานโชเฟอร์ หัวหน้าฝ่ายสื่อสารมวลชน Hensoldt บริษัทกลาโหมของเยอรมนี บอกกับหนังสือพิมพ์บิลด์ "แต่มันคงดีกว่า ถ้าวางแผนภารกิจอย่างเป็นระบบ ให้เครื่องบินยังอยู่บนภาคพื้น" . โวล์ฟกัง อิสชินเดกอร์ อดีตประธานมูลนิธิ Munich Security Conference ตั้งคำถามเกี่ยวกับชะตากรรมของสัญญาจัดซื้อดังกล่าว "ถ้าเราหวั่นเกรงว่าสหรัฐฯจะทำกับฝูงบิน F-35 ในอนาคตของเยอรมนี แบบเดียวกับที่ทำกับยูเครนในปัจจุบัน เราอาจยกเลิกสัญญา" เขาบอกกับหนังสือพิมพ์บิลด์ . ความกังวลเกี่ยวกับ kill switch บนเครื่องบินรบที่ผลิตโดยสหรัฐฯ ยังสะท้อนได้จากความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญหลายคนที่ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทม์ส หนึ่งในนั้นรวมถึง ริชาร์ด อาบัวลาเฟีย นักวิเคราะห์ด้านกลาโหม ที่บอกว่าแม้ยังไม่เคยมีคำยืนยันเกี่ยวกับ "kill switch" แต่ "ลองสมมุติดู มันอาจมีอยู่จริง ถ้าคุณมีบางอย่างที่สามารถทำอะไรเล็กๆน้อยๆกับรหัสซอฟต์แวร์ " . ผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆชี้ว่า โดยพื้นฐานแล้ว kill switch เป็นสิ่งที่เกินความจำเป็น สืบเนื่องจากความล้ำสมัยของเครื่องบินขับไล่สมัยใหม่และมันพึ่งพาอาศัยผู้ขายมากจนเกินไป "กองทัพยุโรปเกือบทั้งหมดพึ่งพาสหรัฐฯเป็นอย่างมาก สำหรับการสนับสนุนด้านติดต่อสื่อสาร สำหรับสนับสนุนการสงครามอิเล็กทรอนิก และสำหรับเติมเสบียงกระสุนในความขัดแย้งร้ายแรงใดๆ" จัสติน บรอนค์ นักวิจัยจากสถาบัน Royal United Services บอกกับไฟแนนเชียลไทม์ส . ความกังวลเกี่ยวกับเครื่องบิน F-35 ปรากฏขึ้นมา หลังจากสหรัฐฯระงับความช่วยเหลือทางทหารและข้อมูลข่าวกรองที่มอบแก่ยูเครน ตามหลังศึกวิวาทะระหว่าง ทรัมป์ กับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน โดยระหว่างนั้นผู้นำสหรัฐฯกล่าวหาผู้นำยูเครนว่าไม่ต้องการมีสันติภาพกับรัสเซีย . โครงการ F-35 ถูกให้คำนิยามว่าเป็นโครงการทางทหารแพงที่สุดในประวัติศาสตร์ ต้นทุนรวมของโครงการนี้ทะลุ 1.7 ล้านล้านดอลลาร์ตลอดช่วงอายุของโครงการ อย่างไรก็ตามนับตั้งแต่ F-35 ทำการบินในเที่ยวบินปฐมฤกษ์เมื่อปี 2006 โครงการนี้ก็ถูกห้อมล้อมด้วยปัญหาต้นทุนบานปลาย ล่าช้าและประเด็นความน่าเชื่อถือ จนถึงตอนนี้เครื่องบินรุ่นนี้ถูกผลิตออกมาแล้วกว่า 1,100 ลำ จำนวนมากเป็นการป้อนสู่บรรดาพันธมิตรของอเมริกา . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000023273 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Love
    12
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2347 มุมมอง 0 รีวิว
  • อเมริกาเล็งใช้การประชุมกับคณะเจรจายูเครนในซาอุดีอาระเบียที่กำหนดจัดขึ้นวันอังคาร (11 มี.ค.) เพื่อวัดใจว่า เคียฟยินยอมพร้อมใจสละดินแดนให้รัสเซียเพื่อยุติสงคราม และจริงจังกับการปรับปรุงความสัมพันธ์กับคณะบริหารของทรัมป์หรือไม่ ขณะที่ทั้งทรัมป์และเซเลนสกี้ต่างแสดงความเห็นแง่ดีว่า การหารือจะมีความคืบหน้าและมีผลลัพธ์ที่ดี
    .
    มาร์โค รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ออกเดินทางไปยังเมืองเจดดาห์ของซาอุดีอาระเบียเมื่อวันอาทิตย์ (9 มี.ค.) เพื่อหารือกับคณะเจ้าหน้าที่ยูเครนที่นำโดยอันเดร เยมาร์ค หัวหน้าคณะทำงานของประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ รวมถึงอันดรี ซีบิกา รัฐมนตรีต่างประเทศ, รัสเทม ยูเมรอฟ รัฐมนตรีกลาโหม และพาฟโล ปาลิซา ผู้บัญชาการทหาร
    .
    คณะเจ้าหน้าที่ของอเมริกายังประกอบด้วยไมค์ วอลซ์ ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติ และสตีฟ วิตคอฟฟ์ ผู้แทนพิเศษดูแลเรื่องตะวันออกกลางของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
    .
    เจ้าหน้าที่คนหนึ่งของสหรัฐฯ เผยว่า วอชิงตันต้องการใช้โอกาสนี้พิจารณาว่า ยูเครนต้องการเพียงสันติภาพที่เป็นธรรมหรือสันติภาพที่เป็นจริง สนใจแค่พรมแดนเดิมในปี 2014 หรือพรมแดนในปี 2022 หรืออีกนัยหนึ่งคือยูเครนพร้อมประนีประนอมด้วยการยกดินแดนบางส่วนให้รัสเซียเพื่อแลกกับการยุติสงครามหรือไม่
    .
    ขณะเดียวกัน ไบรอัน ฮิวจ์ โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของอเมริกา แถลงว่า เซเลนสกี้มีความคืบหน้าในการฟื้นคืนความสัมพันธ์วอชิงตัน-เคียฟ หลังจากปะทะคารมกับทรัมป์ระหว่างเยือนทำเนียบขาวเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ และสำทับว่า อเมริกาเฝ้ารอว่า จะเห็นการดำเนินการที่ดีเพิ่มเติมซึ่งจะนำไปสู่การยุติสงครามโหดร้ายในยูเครน
    .
    ด้านทรัมป์แสดงความเห็นแง่ดีว่า การหารือที่เจดดาห์จะมีความคืบหน้าอย่างมาก
    .
    วิตคอฟฟ์ซึ่งเป็นผู้จัดการการเจรจา เผยว่า เป้าหมายคือ การบรรลุกรอบโครงข้อตกลงสันติภาพและข้อตกลงหยุดยิงเบื้องต้น
    .
    ทั้งนี้ เซเลนสกี้ต้องการให้มการหยุดยิงทางอากาศและทะเล ตลอดจนถึงการแลกเปลี่ยนนักโทษ เพื่อทดสอบความมุ่งมั่นในการยุติสงครามของรัสเซีย ขณะที่มอสโกคัดค้านแนวคิดข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวที่อังกฤษและฝรั่งเศสเสนอ เนื่องจากเห็นว่า เป็นการซื้อเวลาของเคียฟเพื่อป้องกันไม่ให้กองทัพยูเครนล่มสลาย
    .
    ทางฝ่ายเซเลนสกี้กล่าวเมื่อคืนวันอาทิตย์ก่อนออกเดินทางไปซาอุดีอาระเบีย ว่า เขาหวังว่า การเจรจาระหว่างทีมเจ้าหน้าที่ยูเครนกับอเมริกาจะนำมาซึ่งผลลัพธ์ทั้งในด้านความคืบหน้าเกี่ยวกับสันติภาพและการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องของอเมริกา ทั้งนี้ ประธานาธิบดียูเครนมีกำหนดการเข้าพบมกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ของซาอุดีอาระเบีย ในวันจันทร์ (10 ) แต่การเจรจากับทีมของสหรัฐฯในวันอังคารนั้น ตามรายงานข่าวบอกว่าเป็นภารกิจของทีมเจรจาฝ่ายยูเครน
    .
    เซเลนสกี้เสริมว่า ยูเครนพร้อมลงนามข้อตกลงแร่ธาตุกับอเมริกา ซึ่งจะมีการจัดตั้งกองทุนร่วมจากการขายแร่ธาตุของยูเครน ขณะที่วอชิงตันระบุว่า ข้อตกลงนี้มีความสำคัญต่อการที่อเมริกาจะให้การสนับสนุนเคียฟต่อไป
    .
    อย่างไรก็ดี ขณะที่การสนับสนุนของอเมริกายังไร้ความแน่นอน เซเลนสกี้ได้เรียกร้องให้พวกพันธมิตรยุโรปเพิ่มการสนับสนุนตนเอง ขณะที่เคียฟเพลี่ยงพล้ำในสนามรบมากขึ้นและกำลังถูกบดขยี้หนักให้ล่าถอยออกจากแคว้นคูร์สก์ของรัสเซีย
    .
    สำหรับมุมมองของพันธมิตรยุโรปเกี่ยวกับข้อตกลงสันติภาพนั้น มีการเตือนว่า ยูเครนควรทำข้อตกลงกับรัสเซียภายใต้จุดยืนที่แข็งแกร่งเท่านั้น อีกทั้งไม่ควรรีบร้อนเจรจากับผู้รุกราน
    .
    ทั้งนี้ เซเลนสกี้ระบุว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ไม่ต้องการสันติภาพ อีกทั้งบอกว่ารัสเซียยังจะโจมตีประเทศยุโรปอื่นๆ ต่อไปอีก ถ้าที่สุดแล้วไม่มีผลลัพธ์ชัดเจนว่า รัสเซียพ่ายแพ้ในการรุกรานยูเครน
    .
    ในทางกลับกัน วอชิงตันพยายามบีบทุกทางให้เคียฟยอมเจรจายุติสงครามกับรัสเซีย โดยล่าสุดถึงขั้นที่สหรัฐฯระงับการให้ความช่วยเหลือทางทหารและการแบ่งปันข้อมูลข่าวกรอง รวมทั้งการเข้าถึงภาพถ่ายดาวเทียมแก่ยูเครน โดยไม่ฟังเสียงพวกโปรยูเครนที่อ้างว่า ความเคลื่อนไหวนี้เสี่ยงทำให้สงครามยืดเยื้อออกไป เนื่องจากรัสเซียจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นและมีแนวโน้มลดลงในการยอมยุติศึก และยอมทำข้อตกลงสันติภาพแบบเท่าเทียมกับยูเครน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000023235
    ..............
    Sondhi X
    อเมริกาเล็งใช้การประชุมกับคณะเจรจายูเครนในซาอุดีอาระเบียที่กำหนดจัดขึ้นวันอังคาร (11 มี.ค.) เพื่อวัดใจว่า เคียฟยินยอมพร้อมใจสละดินแดนให้รัสเซียเพื่อยุติสงคราม และจริงจังกับการปรับปรุงความสัมพันธ์กับคณะบริหารของทรัมป์หรือไม่ ขณะที่ทั้งทรัมป์และเซเลนสกี้ต่างแสดงความเห็นแง่ดีว่า การหารือจะมีความคืบหน้าและมีผลลัพธ์ที่ดี . มาร์โค รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ออกเดินทางไปยังเมืองเจดดาห์ของซาอุดีอาระเบียเมื่อวันอาทิตย์ (9 มี.ค.) เพื่อหารือกับคณะเจ้าหน้าที่ยูเครนที่นำโดยอันเดร เยมาร์ค หัวหน้าคณะทำงานของประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ รวมถึงอันดรี ซีบิกา รัฐมนตรีต่างประเทศ, รัสเทม ยูเมรอฟ รัฐมนตรีกลาโหม และพาฟโล ปาลิซา ผู้บัญชาการทหาร . คณะเจ้าหน้าที่ของอเมริกายังประกอบด้วยไมค์ วอลซ์ ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติ และสตีฟ วิตคอฟฟ์ ผู้แทนพิเศษดูแลเรื่องตะวันออกกลางของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ . เจ้าหน้าที่คนหนึ่งของสหรัฐฯ เผยว่า วอชิงตันต้องการใช้โอกาสนี้พิจารณาว่า ยูเครนต้องการเพียงสันติภาพที่เป็นธรรมหรือสันติภาพที่เป็นจริง สนใจแค่พรมแดนเดิมในปี 2014 หรือพรมแดนในปี 2022 หรืออีกนัยหนึ่งคือยูเครนพร้อมประนีประนอมด้วยการยกดินแดนบางส่วนให้รัสเซียเพื่อแลกกับการยุติสงครามหรือไม่ . ขณะเดียวกัน ไบรอัน ฮิวจ์ โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของอเมริกา แถลงว่า เซเลนสกี้มีความคืบหน้าในการฟื้นคืนความสัมพันธ์วอชิงตัน-เคียฟ หลังจากปะทะคารมกับทรัมป์ระหว่างเยือนทำเนียบขาวเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ และสำทับว่า อเมริกาเฝ้ารอว่า จะเห็นการดำเนินการที่ดีเพิ่มเติมซึ่งจะนำไปสู่การยุติสงครามโหดร้ายในยูเครน . ด้านทรัมป์แสดงความเห็นแง่ดีว่า การหารือที่เจดดาห์จะมีความคืบหน้าอย่างมาก . วิตคอฟฟ์ซึ่งเป็นผู้จัดการการเจรจา เผยว่า เป้าหมายคือ การบรรลุกรอบโครงข้อตกลงสันติภาพและข้อตกลงหยุดยิงเบื้องต้น . ทั้งนี้ เซเลนสกี้ต้องการให้มการหยุดยิงทางอากาศและทะเล ตลอดจนถึงการแลกเปลี่ยนนักโทษ เพื่อทดสอบความมุ่งมั่นในการยุติสงครามของรัสเซีย ขณะที่มอสโกคัดค้านแนวคิดข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวที่อังกฤษและฝรั่งเศสเสนอ เนื่องจากเห็นว่า เป็นการซื้อเวลาของเคียฟเพื่อป้องกันไม่ให้กองทัพยูเครนล่มสลาย . ทางฝ่ายเซเลนสกี้กล่าวเมื่อคืนวันอาทิตย์ก่อนออกเดินทางไปซาอุดีอาระเบีย ว่า เขาหวังว่า การเจรจาระหว่างทีมเจ้าหน้าที่ยูเครนกับอเมริกาจะนำมาซึ่งผลลัพธ์ทั้งในด้านความคืบหน้าเกี่ยวกับสันติภาพและการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องของอเมริกา ทั้งนี้ ประธานาธิบดียูเครนมีกำหนดการเข้าพบมกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ของซาอุดีอาระเบีย ในวันจันทร์ (10 ) แต่การเจรจากับทีมของสหรัฐฯในวันอังคารนั้น ตามรายงานข่าวบอกว่าเป็นภารกิจของทีมเจรจาฝ่ายยูเครน . เซเลนสกี้เสริมว่า ยูเครนพร้อมลงนามข้อตกลงแร่ธาตุกับอเมริกา ซึ่งจะมีการจัดตั้งกองทุนร่วมจากการขายแร่ธาตุของยูเครน ขณะที่วอชิงตันระบุว่า ข้อตกลงนี้มีความสำคัญต่อการที่อเมริกาจะให้การสนับสนุนเคียฟต่อไป . อย่างไรก็ดี ขณะที่การสนับสนุนของอเมริกายังไร้ความแน่นอน เซเลนสกี้ได้เรียกร้องให้พวกพันธมิตรยุโรปเพิ่มการสนับสนุนตนเอง ขณะที่เคียฟเพลี่ยงพล้ำในสนามรบมากขึ้นและกำลังถูกบดขยี้หนักให้ล่าถอยออกจากแคว้นคูร์สก์ของรัสเซีย . สำหรับมุมมองของพันธมิตรยุโรปเกี่ยวกับข้อตกลงสันติภาพนั้น มีการเตือนว่า ยูเครนควรทำข้อตกลงกับรัสเซียภายใต้จุดยืนที่แข็งแกร่งเท่านั้น อีกทั้งไม่ควรรีบร้อนเจรจากับผู้รุกราน . ทั้งนี้ เซเลนสกี้ระบุว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ไม่ต้องการสันติภาพ อีกทั้งบอกว่ารัสเซียยังจะโจมตีประเทศยุโรปอื่นๆ ต่อไปอีก ถ้าที่สุดแล้วไม่มีผลลัพธ์ชัดเจนว่า รัสเซียพ่ายแพ้ในการรุกรานยูเครน . ในทางกลับกัน วอชิงตันพยายามบีบทุกทางให้เคียฟยอมเจรจายุติสงครามกับรัสเซีย โดยล่าสุดถึงขั้นที่สหรัฐฯระงับการให้ความช่วยเหลือทางทหารและการแบ่งปันข้อมูลข่าวกรอง รวมทั้งการเข้าถึงภาพถ่ายดาวเทียมแก่ยูเครน โดยไม่ฟังเสียงพวกโปรยูเครนที่อ้างว่า ความเคลื่อนไหวนี้เสี่ยงทำให้สงครามยืดเยื้อออกไป เนื่องจากรัสเซียจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นและมีแนวโน้มลดลงในการยอมยุติศึก และยอมทำข้อตกลงสันติภาพแบบเท่าเทียมกับยูเครน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000023235 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    Haha
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1812 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขณะที่เซเลนสกีกำลังเตรียมเดินทางไปซาอุดิอาระเบีย "เซอร์ฮีย์ เลชเชนโก" (Serhiy Leshchenko) ที่ปรึกษาของเซเลนสกีและเยอร์มัค กล่าวกับสื่อว่า เซเลนสกีเตรียมแผนหยุดยิงชั่วคราวเพื่อไปคุยกับทรัมป์ "ยูเครนจะไม่ตกลงหยุดยิงภาคพื้นดิน เพราะนั่นจะทำให้ปูตินมีโอกาสฟื้นกำลังพลและกลับมาสู้รบอีกครั้งในภายหลัง"

    “ทรัมป์ถามเราว่า เรามีแผนหยุดยิงหรือยัง เราตอบว่าเรามี เราเสนอให้หยุดยิงทางอากาศ หยุดโจมตีด้วยโดรน ขีปนาวุธ เรายังเสนอให้หยุดการโจมตีทางทะเลอีกด้วย โดยเราให้คำมั่นว่าจะไม่โจมตีตามที่กล่าวมา
    นอกจากนี้ เรายังเสนอให้หยุดการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน แต่การหยุดยิงจะไม่ใช่ทางภาคพื้นดิน ซึ่งปูตินอาจใช้ช่วงเวลานั้นในการรักษาทหารที่ได้รับบาดเจ็บ คัดเลือกทหารราบจากเกาหลีเหนือ และเริ่มต้นสงครามอีกครั้ง” เลชเชนโกกล่าวทางโทรทัศน์ของยูเครน

    เลชเชนโก ยังกล่าวอีกว่าความช่วยเหลือทางทหารของสหรัฐฯ ต่อยูเครนไม่ได้สำคัญขนาดนั้น ดังนั้นเซเลนสกีจะไม่เห็นด้วยกับแผนของทรัมป์ในการสร้างสันติภาพ เซเลนสกีจะไม่เห็นด้วยกับการหยุดยิงภาคพื้นดิน

    เขาอ้างว่า 70% ของความสูญเสียในสนามรบของยูเครนมาจากโดรน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าข้อเสนอของเคียฟน่าจะดึงดูดใจรัสเซียได้

    ข้อเสนอของเลชเชนโกยังจะบั่นทอนความได้เปรียบของรัสเซียในการโจมตีระยะไกลอีกด้วย เนื่องจากมอสโกมีขีปนาวุธและโดรนที่สามารถโจมตียูเครนได้ลึกกว่า

    จากคำกล่าวของเลชเชนโก เห็นได้ชัดว่านี่เป็นเพียงข้ออ้างในการปฏิเสธการหยุดยิงเต็มรูปแบบ ปูตินไม่มีทางเห็นด้วยกับข้อเสนอนี้ ขณะนี้กองทัพยูเครนกำลังสูญเสียเลือดและล่าถอย กองทัพรัสเซียไม่จำเป็นต้องหยุดชะงักเพื่อฟื้นกำลัง
    การอ้างว่าความช่วยเหลือทางทหารของอเมริกาไม่จำเป็นนั้นเป็นการหลอกลวงอย่างชัดเจน และทรัมป์จะไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน
    ขณะที่เซเลนสกีกำลังเตรียมเดินทางไปซาอุดิอาระเบีย "เซอร์ฮีย์ เลชเชนโก" (Serhiy Leshchenko) ที่ปรึกษาของเซเลนสกีและเยอร์มัค กล่าวกับสื่อว่า เซเลนสกีเตรียมแผนหยุดยิงชั่วคราวเพื่อไปคุยกับทรัมป์ "ยูเครนจะไม่ตกลงหยุดยิงภาคพื้นดิน เพราะนั่นจะทำให้ปูตินมีโอกาสฟื้นกำลังพลและกลับมาสู้รบอีกครั้งในภายหลัง" “ทรัมป์ถามเราว่า เรามีแผนหยุดยิงหรือยัง เราตอบว่าเรามี เราเสนอให้หยุดยิงทางอากาศ หยุดโจมตีด้วยโดรน ขีปนาวุธ เรายังเสนอให้หยุดการโจมตีทางทะเลอีกด้วย โดยเราให้คำมั่นว่าจะไม่โจมตีตามที่กล่าวมา นอกจากนี้ เรายังเสนอให้หยุดการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน แต่การหยุดยิงจะไม่ใช่ทางภาคพื้นดิน ซึ่งปูตินอาจใช้ช่วงเวลานั้นในการรักษาทหารที่ได้รับบาดเจ็บ คัดเลือกทหารราบจากเกาหลีเหนือ และเริ่มต้นสงครามอีกครั้ง” เลชเชนโกกล่าวทางโทรทัศน์ของยูเครน เลชเชนโก ยังกล่าวอีกว่าความช่วยเหลือทางทหารของสหรัฐฯ ต่อยูเครนไม่ได้สำคัญขนาดนั้น ดังนั้นเซเลนสกีจะไม่เห็นด้วยกับแผนของทรัมป์ในการสร้างสันติภาพ เซเลนสกีจะไม่เห็นด้วยกับการหยุดยิงภาคพื้นดิน เขาอ้างว่า 70% ของความสูญเสียในสนามรบของยูเครนมาจากโดรน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าข้อเสนอของเคียฟน่าจะดึงดูดใจรัสเซียได้ ข้อเสนอของเลชเชนโกยังจะบั่นทอนความได้เปรียบของรัสเซียในการโจมตีระยะไกลอีกด้วย เนื่องจากมอสโกมีขีปนาวุธและโดรนที่สามารถโจมตียูเครนได้ลึกกว่า จากคำกล่าวของเลชเชนโก เห็นได้ชัดว่านี่เป็นเพียงข้ออ้างในการปฏิเสธการหยุดยิงเต็มรูปแบบ ปูตินไม่มีทางเห็นด้วยกับข้อเสนอนี้ ขณะนี้กองทัพยูเครนกำลังสูญเสียเลือดและล่าถอย กองทัพรัสเซียไม่จำเป็นต้องหยุดชะงักเพื่อฟื้นกำลัง การอ้างว่าความช่วยเหลือทางทหารของอเมริกาไม่จำเป็นนั้นเป็นการหลอกลวงอย่างชัดเจน และทรัมป์จะไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 568 มุมมอง 15 0 รีวิว
  • ยูเครนถึงต้องรุดออกมาเปิดเผยว่าพวกเขามีแผนจัดเจรจารอบใหม่กับสหรัฐฯ หลังวอชิงตันระงับแบ่งปันข้อมูลข่าวกรอง ก่อความเสียหายรอบใหม่แก่เคียฟ ในขณะที่พวกเขากำลังต่อสู้ป้องปรามการรุกรานของรัสเซีย
    .
    จอห์น แรตคลิฟ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (CIA) เปิดเผยในวันพุธ (5 มี.ค.) อเมริกาได้ระงับการสนับสนุนด้านข่าวกรองแก่ยูเครน หลังจากที่ได้ระงับการจัดส่งอาวุธให้แก่ยูเครนก่อนหน้านี้ ตามหลังการพังครืนในความสัมพันธ์ระหว่างเคียฟกับทำเนียบขาว
    .
    "ท่านประธานาธิบดีทรัมป์ไม่มั่นใจว่าประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีต้องการสันติภาพหรือไม่ ท่านจึงสั่งให้ระงับความช่วยเหลือด้านข่าวกรอง" แรตคลิฟ กล่าว
    .
    คำแถลงนี้มีขึ้นในขณะที่ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน กำลังพยายามดิ้นรนควบคุมความเสียหาย จากผลลัพธ์ที่เขาเปิดศึกวิวาทะกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งผู้นำอเมริกาดุด่าเขาต่อหน้าบรรดาสื่อมวลชนนานาชาติและตะเพิดเขาออกจากทำเนียบขาว
    .
    "วันนี้ คณะทำงานยูเครนและสหรัฐฯ เริ่มทำงานเกี่ยวกับการประชุมที่กำลังจะมีขึ้น เรากำลังเห็นแนวโน้มมุ่งไปข้างหน้า" เซเลนสกีกล่าวระหว่างปราศรัยในช่วงค่ำวันพุธ (5 มี.ค.) แต่ไม่ได้ระบุว่าการเจรจารอบใหม่จะมีขึ้นเมื่อไหร่และที่ไหน นอกจากนี้ เขายังบอกด้วยว่าจะเข้าร่วมกับพวกผู้นำยุโรป สำหรับการประชุมซัมมิตในบรัสเซลส์ในวันพฤหัสบดี (6 มี.ค.)
    .
    ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส บอกว่าอาจส่งกองกำลังทหารยุโรปเข้าไปยังยูเครน หากมีการลงนามในข้อตกลง รับประกันว่ารัสเซียจะไม่รุกรานประเทศเพื่อนบ้านอีก
    .
    ท่าทีที่เปลี่ยนไปของเซเลนสกี มีขึ้นหลังจากก่อนหน้านี้ในวันพุธ (5 มี.ค.) สหรัฐฯ บอกว่าพวกเขาหยุดแบ่งปันข่าวกรองกับยูเครนแล้ว 2 วันหลังจากระงับความช่วยเหลือด้านการทหารไปก่อนหน้านี้
    .
    ควาามเคลื่อนไหวดังกล่าวโหมกระพือความกังวลในเคียฟและยุโรป ว่ายูเครนอาจถูกบีบให้ยอมรับข้อตกลงสันติภาพหนึ่งใดบนเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยแก่รัสเซีย ไม่อย่างนั้นก็เสี่ยงสูญเสียแรงสนับสนุนจากสหรัฐฯ ทั้งหมด
    .
    "เราทุกคนต้องการปกป้องอนาคตสำหรับประชาชนของเรา ไม่เอาหยุดยิงชั่วคราว แต่ต้องยุติสงครามครั้งนี้และตลอดไป ภายใต้ความพยายามประสานงานระหว่างเรากับผู้นำสหรัฐฯ เป้าหมายนี้สามารถบรรลุได้โดยสมบูรณ์" เซเลนสกี เขียนบนสื่อสังคมออนไลน์ในวันพุธ (5 มี.ค.) ตามหลังพูดคุยทางโทรศัพท์กับ โอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี
    .
    ก่อนหน้านี้หนึ่งวัน เซเลนสกีบอกว่าเขาพร้อม "เข้าสู่โต๊ะเจรจาอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อเข้าใกล้สันติภาพที่ยั่งยืน" และเขาต้องการปรับแก้ทำความเข้าใจกับทรัมป์
    .
    ระหว่างการปราศรัยต่อสภาคองเกรสในวันอังคาร (4 มี.ค.) ทรัมป์ อ่านออกเสียงหนังสือที่เขาอ้างว่าได้รับจากเซเลนสกี ที่ผู้นำยูเครนบอกว่าพร้อมสำหรับการเจรจาสันติภาพ
    .
    ทรัมป์ ให้ความสำคัญกับการยุติสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนในลำดับต้นๆ ในนโยบายต่างประเทศ ขณะที่ เซเลนสกี ต้องการคำรับประกันจากสหรัฐฯ เพื่อป้องกันรัสเซียจากการรุกรานอีกในอนาคต ส่วนทางรัสเซีย ปฏิเสธละทิ้งดินแดนใดๆ ที่พวกเขายึดครองมาจากเคียฟในปฏิบัติการทางทหารที่ยืดเยื้อมานาน 3 ปี และเวลานี้กำลังร่าเริงจากความเคลื่อนไหวระงับความช่วยเหลือทางทหารของอเมริกา
    .
    นอกจากนี้ รัสเซียยังขานรับด้วยความยินดีกับข่าวที่ว่าผู้นำยูเครนส่งจดหมายถึงทรัมป์ แสดงท่าทีพร้อมสำหรับการเจรจา "มันเป็นแนวทางที่เป็นบวก" ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกวังเครมลินบอกกับผู้สื่อข่าว อย่างไรก็ตามทางวังเครมลินก็ยังไม่พูดอย่างชัดเจนว่าพวกเขาจะยอมพูดคุยเจรจากับเซเลนสกีหรือไม่
    .
    ประธานาธิบดียูเครน ระบุหลายต่อหลายครั้งว่าเขามีความตั้งใจพบปะกับปูติน แต่ก็ต่อเมื่อเคียฟและพันธมิตรตะวันตก เห็นพ้องร่วมกันเกี่ยวกับจุดยืนการเจรจา
    .
    รัสเซีย กล่าวหา เซเลนสกี ว่าไม่ใช่ผู้นำยูเครนที่ชอบด้วยกฎหมาย อ้างถึงวาระการดำรงตำแหน่ง 5 ปี ที่หมดสมัยไปแล้ว ตามหลังเขาได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีในปี 2019 ภายใต้กฎอัยการศึกของยูเครน ห้ามมีการจัดเลือกตั้งใดๆ ระหว่างสงคราม และบรรดาชาติยุโรปผู้สนับสนุนตัวยงของเซเลนสกี ได้สนับสนุนการพักไว้ซึ่งการเลือกตั้ง ท่ามกลางการรุกรานเต็มรูปแบบของมอสโก
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000021624
    ..............
    Sondhi X
    ยูเครนถึงต้องรุดออกมาเปิดเผยว่าพวกเขามีแผนจัดเจรจารอบใหม่กับสหรัฐฯ หลังวอชิงตันระงับแบ่งปันข้อมูลข่าวกรอง ก่อความเสียหายรอบใหม่แก่เคียฟ ในขณะที่พวกเขากำลังต่อสู้ป้องปรามการรุกรานของรัสเซีย . จอห์น แรตคลิฟ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (CIA) เปิดเผยในวันพุธ (5 มี.ค.) อเมริกาได้ระงับการสนับสนุนด้านข่าวกรองแก่ยูเครน หลังจากที่ได้ระงับการจัดส่งอาวุธให้แก่ยูเครนก่อนหน้านี้ ตามหลังการพังครืนในความสัมพันธ์ระหว่างเคียฟกับทำเนียบขาว . "ท่านประธานาธิบดีทรัมป์ไม่มั่นใจว่าประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีต้องการสันติภาพหรือไม่ ท่านจึงสั่งให้ระงับความช่วยเหลือด้านข่าวกรอง" แรตคลิฟ กล่าว . คำแถลงนี้มีขึ้นในขณะที่ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน กำลังพยายามดิ้นรนควบคุมความเสียหาย จากผลลัพธ์ที่เขาเปิดศึกวิวาทะกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งผู้นำอเมริกาดุด่าเขาต่อหน้าบรรดาสื่อมวลชนนานาชาติและตะเพิดเขาออกจากทำเนียบขาว . "วันนี้ คณะทำงานยูเครนและสหรัฐฯ เริ่มทำงานเกี่ยวกับการประชุมที่กำลังจะมีขึ้น เรากำลังเห็นแนวโน้มมุ่งไปข้างหน้า" เซเลนสกีกล่าวระหว่างปราศรัยในช่วงค่ำวันพุธ (5 มี.ค.) แต่ไม่ได้ระบุว่าการเจรจารอบใหม่จะมีขึ้นเมื่อไหร่และที่ไหน นอกจากนี้ เขายังบอกด้วยว่าจะเข้าร่วมกับพวกผู้นำยุโรป สำหรับการประชุมซัมมิตในบรัสเซลส์ในวันพฤหัสบดี (6 มี.ค.) . ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส บอกว่าอาจส่งกองกำลังทหารยุโรปเข้าไปยังยูเครน หากมีการลงนามในข้อตกลง รับประกันว่ารัสเซียจะไม่รุกรานประเทศเพื่อนบ้านอีก . ท่าทีที่เปลี่ยนไปของเซเลนสกี มีขึ้นหลังจากก่อนหน้านี้ในวันพุธ (5 มี.ค.) สหรัฐฯ บอกว่าพวกเขาหยุดแบ่งปันข่าวกรองกับยูเครนแล้ว 2 วันหลังจากระงับความช่วยเหลือด้านการทหารไปก่อนหน้านี้ . ควาามเคลื่อนไหวดังกล่าวโหมกระพือความกังวลในเคียฟและยุโรป ว่ายูเครนอาจถูกบีบให้ยอมรับข้อตกลงสันติภาพหนึ่งใดบนเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยแก่รัสเซีย ไม่อย่างนั้นก็เสี่ยงสูญเสียแรงสนับสนุนจากสหรัฐฯ ทั้งหมด . "เราทุกคนต้องการปกป้องอนาคตสำหรับประชาชนของเรา ไม่เอาหยุดยิงชั่วคราว แต่ต้องยุติสงครามครั้งนี้และตลอดไป ภายใต้ความพยายามประสานงานระหว่างเรากับผู้นำสหรัฐฯ เป้าหมายนี้สามารถบรรลุได้โดยสมบูรณ์" เซเลนสกี เขียนบนสื่อสังคมออนไลน์ในวันพุธ (5 มี.ค.) ตามหลังพูดคุยทางโทรศัพท์กับ โอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี . ก่อนหน้านี้หนึ่งวัน เซเลนสกีบอกว่าเขาพร้อม "เข้าสู่โต๊ะเจรจาอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อเข้าใกล้สันติภาพที่ยั่งยืน" และเขาต้องการปรับแก้ทำความเข้าใจกับทรัมป์ . ระหว่างการปราศรัยต่อสภาคองเกรสในวันอังคาร (4 มี.ค.) ทรัมป์ อ่านออกเสียงหนังสือที่เขาอ้างว่าได้รับจากเซเลนสกี ที่ผู้นำยูเครนบอกว่าพร้อมสำหรับการเจรจาสันติภาพ . ทรัมป์ ให้ความสำคัญกับการยุติสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนในลำดับต้นๆ ในนโยบายต่างประเทศ ขณะที่ เซเลนสกี ต้องการคำรับประกันจากสหรัฐฯ เพื่อป้องกันรัสเซียจากการรุกรานอีกในอนาคต ส่วนทางรัสเซีย ปฏิเสธละทิ้งดินแดนใดๆ ที่พวกเขายึดครองมาจากเคียฟในปฏิบัติการทางทหารที่ยืดเยื้อมานาน 3 ปี และเวลานี้กำลังร่าเริงจากความเคลื่อนไหวระงับความช่วยเหลือทางทหารของอเมริกา . นอกจากนี้ รัสเซียยังขานรับด้วยความยินดีกับข่าวที่ว่าผู้นำยูเครนส่งจดหมายถึงทรัมป์ แสดงท่าทีพร้อมสำหรับการเจรจา "มันเป็นแนวทางที่เป็นบวก" ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกวังเครมลินบอกกับผู้สื่อข่าว อย่างไรก็ตามทางวังเครมลินก็ยังไม่พูดอย่างชัดเจนว่าพวกเขาจะยอมพูดคุยเจรจากับเซเลนสกีหรือไม่ . ประธานาธิบดียูเครน ระบุหลายต่อหลายครั้งว่าเขามีความตั้งใจพบปะกับปูติน แต่ก็ต่อเมื่อเคียฟและพันธมิตรตะวันตก เห็นพ้องร่วมกันเกี่ยวกับจุดยืนการเจรจา . รัสเซีย กล่าวหา เซเลนสกี ว่าไม่ใช่ผู้นำยูเครนที่ชอบด้วยกฎหมาย อ้างถึงวาระการดำรงตำแหน่ง 5 ปี ที่หมดสมัยไปแล้ว ตามหลังเขาได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีในปี 2019 ภายใต้กฎอัยการศึกของยูเครน ห้ามมีการจัดเลือกตั้งใดๆ ระหว่างสงคราม และบรรดาชาติยุโรปผู้สนับสนุนตัวยงของเซเลนสกี ได้สนับสนุนการพักไว้ซึ่งการเลือกตั้ง ท่ามกลางการรุกรานเต็มรูปแบบของมอสโก . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000021624 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    Haha
    15
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 2842 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์สั่ง “ระงับ” ความช่วยเหลือยูเครนเพื่อบีบเซเลนสกีร่วมเจรจายุติสงครามกับรัสเซีย ลั่นไม่อดทนกับผู้นำเคียฟอีกต่อไป ด้านรองประธานาธิบดีแวนซ์ก็สำทับวิพากษ์วิจารณ์ยุโรปกำลังทำให้ยูเครนตกอยู่ในอันตรายด้วยการไม่กดดันให้เซเลนสกีหาทางยุติสงคราม แต่กลับสนับสนุนให้เคียฟสู้ต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด ขณะที่ทางยูเครนแถลงวันอังคาร (4 มี.ค.) ว่า กองทหารของตนซึ่งกำลังสู้รบกับฝ่ายรัสเซียอยู่ ยังสามารถรักษาสถานการณ์ในสมรภูมิเอาไว้ได้ด้วยตัวเอง
    .
    ความเคลื่อนไหวเหล่านี้มีขึ้นหลังการประชุมที่กลายเป็นการปะทะคารมอย่างดุเดือด ในห้องทำงานรูปไข่ของทำเนียบขาวเมื่อวันศุกร์ (28 ก.พ.) ที่ผ่านมา โดยที่ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และรองประธานาธิบดี เจดี แวนซ์ รุมทึ้งโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ที่ไม่ยินยอมเข้าเจรจาสร้างสันติภาพกับรัสเซียโดยรวดเร็ว รวมทั้งกล่าวหาประธานาธิบดียูเครน ไม่เคารพและไม่สำนึกบุญคุณอเมริกาอย่างเพียงพอ ทั้งที่สหรัฐฯ ให้ความช่วยเหลือทางทหารเป็นจำนวนมหาศาลนับจากเคียฟถูกรัสเซียรุกรานเมื่อ 3 ปีที่แล้ว
    .
    ในวันจันทร์ (3) สื่อต่างๆ พากันรายงานข่าวโดยอ้างเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวเปิดเผย ว่า ทรัมป์เวลานี้โฟกัสอยู่ที่การทำให้บรรลุข้อตกลงสันติภาพระหว่างยูเครนกับรัสเซีย และต้องการให้เซเลนสกีมุ่งมั่นกับเป้าหมายเดียวกันนี้ เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวยังระบุด้วยว่า ขณะนี้อเมริกาได้ระงับเพื่อดำเนินการทบทวนความช่วยเหลือที่ให้แก่ยูเครนแล้ว เพื่อให้แน่ใจว่าวัตถุประสงค์ของทรัมป์ดังกล่าวข้างต้นจะบรรลุผล โดยคำสั่งนี้จะมีผลบังคับใช้จนกว่าทรัมป์จะตัดสินใจว่า ยูเครนแสดงความมุ่งมั่นในการเจรจาสันติภาพกับรัสเซีย
    .
    ความเคลื่อนไหวคราวนี้มีความร้ายแรงยิ่งกว่าที่ทรัมป์ประกาศตอนกลับเข้าสู่ทำเนียบขาวเสียอีก โดยในตอนนั้นเป็นการระบุว่าสหรัฐฯ จะไม่ให้ความช่วยเหลือใหม่ๆ แก่ยูเครน แต่สำหรับคำสั่งล่าสุดนี้เป็นการระงับการจัดส่งอาวุธที่รวมถึงกระสุนและขีปนาวุธ ซึ่งได้รับอนุมัติจากคณะบริหารของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน แล้ว แต่ยังอยู่ในกระบวนการจัดหาและจัดส่ง
    .
    ทางด้านสมาชิกพรรคเดโมแครตในรัฐสภาสหรัฐฯ ออกมาแสดงปฏิกิริยาอย่างรวดเร็วด้วยการประณามการตัดสินใจครั้งนี้ของทรัมป์ เป็นต้นว่า ส.ว. จีน ชาฮีน ซึ่งเป็นสมาชิกในคณะกรรมาธิการวิเทศสัมพันธ์ของวุฒิสภา ตำหนิว่า การระงับความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครนเท่ากับว่า ทรัมป์เปิดกว้างให้ปูตินรุกรานและกระทำรุนแรงต่อประชาชนยูเครนหนักข้อขึ้นซึ่งจะส่งผลร้ายแรงอย่างไม่ต้องสงสัย
    .
    ทรัมป์ที่ประกาศระหว่างหาเสียงว่า จะทำให้สงครามในยูเครนยุติลงตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับตำแหน่งนั้น แสดงความไม่พอใจเซเลนสกีมากขึ้นเรื่อยๆ ในเรื่องที่ยังคงต้องทำสงครามต่อไป ขณะเดียวกันเขาก็แสดงความเชื่อมั่นว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซียจะรักษาสันติภาพ หากบรรลุข้อตกลงหยุดยิงกับฝ่ายยูเครน
    .
    หลังจากที่สื่อรายงานว่า เซเลนสกีที่ให้สัมภาษณ์พวกผู้สื่อข่าวเมื่อคืนวันอาทิตย์ (2) ว่า น่าจะอีกนานมากกว่าที่สงครามจะยุติ เนื่องจากต้องใช้เวลาในการเจรจาข้อตกลง ทรัมป์ก็อยู่ในอาการฟิวส์ขาด ระบุว่า เป็นคำพูดที่แย่ที่สุดของประธานาธิบดียูเครน และอเมริกาจะไม่อดทนอีกต่อไป
    .
    ด้านเซเลนสกีพยายามอธิบายผ่านโซเชียลมีเดียว่า ยูเครนกำลังพยายามดำเนินมาตรการทางการทูตเพื่อให้สงครามยุติลงโดยเร็วที่สุด และย้ำว่า ยูเครนต้องการสันติภาพที่แท้จริงและการรับประกันความมั่นคง ทว่า ทรัมป์ปฏิเสธที่จะให้การรับประกันดังกล่าวมาโดยตลอด
    .
    ในส่วนของ แวนซ์ เขากล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์สื่อทีวีฟ็อกซ์ นิวส์ที่ ออกอากาศช่วงค่ำวันจันทร์ว่า พันธมิตรยุโรปกำลังทำให้ยูเครนตกอยู่ในอันตรายด้วยการไม่กดดันให้เซเลนสกีหาทางยุติสงคราม แต่กลับสนับสนุนให้ยูเครนสู้ต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด คำถามคือยูเครนจะเอาเงินและอาวุธจากไหนมาสู้ และจะต้องแลกด้วยชีวิตใครบ้าง
    .
    อย่างไรก็ดี เมื่อวันจันทร์ทรัมป์ส่งสัญญาณว่า ข้อตกลงลงทุนในแร่ธาตุของยูเครนยังมีทางสามารถบรรลุผลได้ และเขาจะอัปเดตสถานการณ์ล่าสุดคืนวันอังคาร (4 มี.ค.) ระหว่างแถลงต่อการประชุมร่วมของรัฐสภาสหรัฐฯ
    .
    เกี่ยวกับข้อตกลงฉบับนี้ คณะบริหารทรัมป์ มองว่า มันคือค่าชดเชยที่อเมริกาควรได้รับจากการให้ความช่วยเหลือด้านการเงินและการทหารแก่เคียฟหลายแสนล้านดอลลาร์ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
    .
    ขณะที่แวนซ์กล่าวผ่านฟ็อกซ์ นิวส์ว่า ถ้าเซเลนสกีต้องการการรับประกันความมั่นคง และอยากมั่นใจว่า ปูตินจะไม่รุกรานยูเครนอีก การเปิดทางให้เศรษฐกิจอเมริกาเข้าไปมีส่วนร่วมในอนาคตของยูเครนคือการรับประกันที่ดีที่สุด
    .
    ยูเครนโวยังมีหนทางประคองสถานการณ์ที่แนวหน้า
    .
    ในวันอังคาร (4) ภายหลังรายงานข่าวเรื่องสหรัฐฯ ระงับการส่งความช่วยเหลือให้ยูเครนแพร่ออกไป นายกรัฐมนตรี เดนิส ชมีฮัล ของยูเครน ออกมาแถลงว่า เคียฟยังคงมีหนทางที่จะส่งกำลังบำรุงให้แก่กองทหารของตนเอง “กองทัพของเราและรัฐบาลมีสมรรถนะ มีเครื่องมือ พูดได้ว่าอย่างนั้น ที่จะประคองสถานการณ์ในแนวหน้าเอาไว้” เขากล่าว
    .
    ชมีฮัล ยังกล่าวขอบคุณสหรัฐฯ และย้ำว่ายูเครนต้องการความร่วมมือที่อำนวยประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่าย
    .
    “เราจะยังคงทำงานกับสหรัฐฯ ผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งหลายทั้งปวงด้วยความสงบสุขุม” เขากล่าวในการแถลงข่าว “เรามีแผนการเพียงอย่างเดียวเท่านั้น นั่นคือเพื่อชัยชนะและเพื่อความอยู่รอด เราจะชนะหรือไม่ยังงัยก็จะต้องเจอกับแผนบี ซึ่งถูกเขียนขึ้นมาโดยคนอื่นๆ”
    .
    สำหรับตัวเซเลนสกีเองนั้น เก็บตัวค่อนข้างเงียบเชียบ จนกระทั่งถึงบ่ายวันอังคารในกรุงเคียฟ สิ่งที่เขาแถลงต่อสาธารณชนก็มีเพียงว่าเขาได้พูดจากับ ฟรีดริช เมร์ซ ว่าที่นายกรัฐมนตรีเยอรมนี พร้อมกับเน้นย้ำถึงความช่วยเหลือทั้งทางทหารและทางการเงินที่ได้รับจากเยอรมนี
    .
    “เราจักจดจำไว้ว่าเยอรมนีคือผู้นำในเรื่องการจัดหาจัดส่งระบบการป้องกันภัยทางอากาศให้แก่ยูเครน และแสดงบทบาทที่สำคัญยิ่งยวดในการรับประกันเสถียรภาพทางการเงินของเรา” เขาโพสต์ข้อความเช่นนี้บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ ภายหลังคุยโทรศัพท์กับเมร์ซ
    .
    ในอีกด้านหนึ่ง พวกผู้เชี่ยวชาญทางทหารของฝ่ายตะวันตกบอกว่า อาจจะกินเวลาไปอีกระยะหนึ่งกว่าที่ผลกระทบจากการถูกตัดขาดความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ จะเป็นที่รู้สึกกัน ทั้งนี้เมื่อตอนที่งบประมาณความช่วยเหลือของสหรัฐฯ ถูกแขวนเอาไว้เป็นเวลาหลายเดือนทีเดียวในปีที่แล้ว โดยฝีมือของพวกสมาชิกพรรครีพับลิกันในสภาล่าง ผลกระทบเบื้องต้นที่รู้สึกกันมากที่สุดคือการขาดแคลนอาวุธป้องกันภัยทางอากาศที่จะสามารถสอยขีปนาวุธและโดรนของฝ่ายรัสเซีย ถึงแม้ในเวลาต่อมาทางกองทหารยูเครนร้องเรียนว่าพวกเครื่องกระสุนต่างๆ ในแนวน้าร่อยหรอลงไปมาก
    .
    “มันมีความสำคัญมากทีเดียว ทว่าไม่ได้ใกล้เคียงกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นถ้าหากมันเป็นช่วงก่อนหน้านี้ของสงคราม เพราะยูเครนเวลานี้ต้องพึ่งพาอาศัยความช่วยเหลือทางทหารของสหรัฐฯ โดยตรง ลดน้อยลงไปมากแล้ว” เป็นความเห็นของไมเคิล คอฟแมน นักวิจัยอาวุโสของคาร์เนกี เอนดาวเมนต์
    .
    ผลกระทบต่อพันธมิตรในยุโรปของสหรัฐฯ
    .
    การที่สหรัฐฯ ระงับจัดส่งความช่วยเหลือให้ยูเครนคราวนี้ เป็นการเพิ่มแรงกดดันต่อพวกชาติพันธมิตรในยุโรปของสหรัฐฯ โดยที่ชาติเหล่านี้เองได้แสดงท่าทีออกมาปลอบขวัญโอบอุ้มเซเลนสกีอย่างเปิดเผยภายหลังจากเหตุการณ์ปะทะคารมเดือดที่ทำเนียบขาว
    .
    มีรายงานว่าเวลานี้ยุโรปกำลังเร่งรีบเพิ่มงบประมาณการใช้จ่ายทางทหารของพวกเขาเอง และในวันอังคาร (4) อัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานของคณะกรรมาธิการยุโรป ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของสหภาพยุโรป ได้เปิดเผยข้อเสนอต่างๆ ที่มุ่งเพิ่มพูนการใช้จ่ายทางทหารในอียู ซึ่งเธอกล่าวว่าอาจจะระดมเงินในเรื่องนี้ออกมาได้สูงถึง 800,000 ล้านยูโร (840,000 ล้านดอลลาร์) กันทีเดียว ทั้งนี้อียูมีกำหนดจัดการประชุมฉุกเฉินในเรื่องเกี่ยวกับยูเครนในวันพฤหัสบดี (6) นี้
    .
    ในฝรั่งเศส เบนจามิน ฮัดดัด รัฐมนตรีช่วยดูแลด้านยุโรป ได้ออกมากล่าวประณามการระงับความช่วยเหลือของสหรัฐฯ คราวนี้ โดยกล่าวว่ามันทำให้สันติภาพ “ห่างไกลออกไปมากขึ้น เพราะมันมีแต่ทำให้เงื้อมมือของผู้รุกราน ... ซึ่งก็คือรัสเซีย เข้มแข็งยิ่งขึ้น”
    .
    ขณะที่สหราชอาณาจักร ซึ่งแสดงทีท่าต้องการดึงให้คณะบริหารทรัมป์ยังคงอยู่ข้างๆ ตัว ไม่แตกแถวออกไปไกลกว่านี้ แสดงท่าทีสุขุมรอบคอบยิ่งกว่า โดยที่นายกรัฐมนตรี เคียร์ สตาร์เมอร์ ได้พูดจาทางโทรศัพท์กับทรัมป์ในคืนวันจันทร์ (3) ตามการแถลงของโฆษกผู้หนึ่งของสตาร์เมอร์ แต่ไม่ได้ระบุว่าทรมป์ได้เอ่ยถึงเรื่องการระงับความช่วยเหลือนี้หรือไม่
    .
    “ท่านนายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดีทรัมป์ กำลังโฟกัสอยู่ที่ผลลัพธ์อย่างเดียวกัน นั่นคือการทำให้เกิดสันติภาพที่มั่นคงและยั่งยืนขึ้นมาในยูเครน” โฆษกผู้นี้บอก
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000021233
    ..............
    Sondhi X
    ทรัมป์สั่ง “ระงับ” ความช่วยเหลือยูเครนเพื่อบีบเซเลนสกีร่วมเจรจายุติสงครามกับรัสเซีย ลั่นไม่อดทนกับผู้นำเคียฟอีกต่อไป ด้านรองประธานาธิบดีแวนซ์ก็สำทับวิพากษ์วิจารณ์ยุโรปกำลังทำให้ยูเครนตกอยู่ในอันตรายด้วยการไม่กดดันให้เซเลนสกีหาทางยุติสงคราม แต่กลับสนับสนุนให้เคียฟสู้ต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด ขณะที่ทางยูเครนแถลงวันอังคาร (4 มี.ค.) ว่า กองทหารของตนซึ่งกำลังสู้รบกับฝ่ายรัสเซียอยู่ ยังสามารถรักษาสถานการณ์ในสมรภูมิเอาไว้ได้ด้วยตัวเอง . ความเคลื่อนไหวเหล่านี้มีขึ้นหลังการประชุมที่กลายเป็นการปะทะคารมอย่างดุเดือด ในห้องทำงานรูปไข่ของทำเนียบขาวเมื่อวันศุกร์ (28 ก.พ.) ที่ผ่านมา โดยที่ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และรองประธานาธิบดี เจดี แวนซ์ รุมทึ้งโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ที่ไม่ยินยอมเข้าเจรจาสร้างสันติภาพกับรัสเซียโดยรวดเร็ว รวมทั้งกล่าวหาประธานาธิบดียูเครน ไม่เคารพและไม่สำนึกบุญคุณอเมริกาอย่างเพียงพอ ทั้งที่สหรัฐฯ ให้ความช่วยเหลือทางทหารเป็นจำนวนมหาศาลนับจากเคียฟถูกรัสเซียรุกรานเมื่อ 3 ปีที่แล้ว . ในวันจันทร์ (3) สื่อต่างๆ พากันรายงานข่าวโดยอ้างเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวเปิดเผย ว่า ทรัมป์เวลานี้โฟกัสอยู่ที่การทำให้บรรลุข้อตกลงสันติภาพระหว่างยูเครนกับรัสเซีย และต้องการให้เซเลนสกีมุ่งมั่นกับเป้าหมายเดียวกันนี้ เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวยังระบุด้วยว่า ขณะนี้อเมริกาได้ระงับเพื่อดำเนินการทบทวนความช่วยเหลือที่ให้แก่ยูเครนแล้ว เพื่อให้แน่ใจว่าวัตถุประสงค์ของทรัมป์ดังกล่าวข้างต้นจะบรรลุผล โดยคำสั่งนี้จะมีผลบังคับใช้จนกว่าทรัมป์จะตัดสินใจว่า ยูเครนแสดงความมุ่งมั่นในการเจรจาสันติภาพกับรัสเซีย . ความเคลื่อนไหวคราวนี้มีความร้ายแรงยิ่งกว่าที่ทรัมป์ประกาศตอนกลับเข้าสู่ทำเนียบขาวเสียอีก โดยในตอนนั้นเป็นการระบุว่าสหรัฐฯ จะไม่ให้ความช่วยเหลือใหม่ๆ แก่ยูเครน แต่สำหรับคำสั่งล่าสุดนี้เป็นการระงับการจัดส่งอาวุธที่รวมถึงกระสุนและขีปนาวุธ ซึ่งได้รับอนุมัติจากคณะบริหารของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน แล้ว แต่ยังอยู่ในกระบวนการจัดหาและจัดส่ง . ทางด้านสมาชิกพรรคเดโมแครตในรัฐสภาสหรัฐฯ ออกมาแสดงปฏิกิริยาอย่างรวดเร็วด้วยการประณามการตัดสินใจครั้งนี้ของทรัมป์ เป็นต้นว่า ส.ว. จีน ชาฮีน ซึ่งเป็นสมาชิกในคณะกรรมาธิการวิเทศสัมพันธ์ของวุฒิสภา ตำหนิว่า การระงับความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครนเท่ากับว่า ทรัมป์เปิดกว้างให้ปูตินรุกรานและกระทำรุนแรงต่อประชาชนยูเครนหนักข้อขึ้นซึ่งจะส่งผลร้ายแรงอย่างไม่ต้องสงสัย . ทรัมป์ที่ประกาศระหว่างหาเสียงว่า จะทำให้สงครามในยูเครนยุติลงตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับตำแหน่งนั้น แสดงความไม่พอใจเซเลนสกีมากขึ้นเรื่อยๆ ในเรื่องที่ยังคงต้องทำสงครามต่อไป ขณะเดียวกันเขาก็แสดงความเชื่อมั่นว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซียจะรักษาสันติภาพ หากบรรลุข้อตกลงหยุดยิงกับฝ่ายยูเครน . หลังจากที่สื่อรายงานว่า เซเลนสกีที่ให้สัมภาษณ์พวกผู้สื่อข่าวเมื่อคืนวันอาทิตย์ (2) ว่า น่าจะอีกนานมากกว่าที่สงครามจะยุติ เนื่องจากต้องใช้เวลาในการเจรจาข้อตกลง ทรัมป์ก็อยู่ในอาการฟิวส์ขาด ระบุว่า เป็นคำพูดที่แย่ที่สุดของประธานาธิบดียูเครน และอเมริกาจะไม่อดทนอีกต่อไป . ด้านเซเลนสกีพยายามอธิบายผ่านโซเชียลมีเดียว่า ยูเครนกำลังพยายามดำเนินมาตรการทางการทูตเพื่อให้สงครามยุติลงโดยเร็วที่สุด และย้ำว่า ยูเครนต้องการสันติภาพที่แท้จริงและการรับประกันความมั่นคง ทว่า ทรัมป์ปฏิเสธที่จะให้การรับประกันดังกล่าวมาโดยตลอด . ในส่วนของ แวนซ์ เขากล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์สื่อทีวีฟ็อกซ์ นิวส์ที่ ออกอากาศช่วงค่ำวันจันทร์ว่า พันธมิตรยุโรปกำลังทำให้ยูเครนตกอยู่ในอันตรายด้วยการไม่กดดันให้เซเลนสกีหาทางยุติสงคราม แต่กลับสนับสนุนให้ยูเครนสู้ต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด คำถามคือยูเครนจะเอาเงินและอาวุธจากไหนมาสู้ และจะต้องแลกด้วยชีวิตใครบ้าง . อย่างไรก็ดี เมื่อวันจันทร์ทรัมป์ส่งสัญญาณว่า ข้อตกลงลงทุนในแร่ธาตุของยูเครนยังมีทางสามารถบรรลุผลได้ และเขาจะอัปเดตสถานการณ์ล่าสุดคืนวันอังคาร (4 มี.ค.) ระหว่างแถลงต่อการประชุมร่วมของรัฐสภาสหรัฐฯ . เกี่ยวกับข้อตกลงฉบับนี้ คณะบริหารทรัมป์ มองว่า มันคือค่าชดเชยที่อเมริกาควรได้รับจากการให้ความช่วยเหลือด้านการเงินและการทหารแก่เคียฟหลายแสนล้านดอลลาร์ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา . ขณะที่แวนซ์กล่าวผ่านฟ็อกซ์ นิวส์ว่า ถ้าเซเลนสกีต้องการการรับประกันความมั่นคง และอยากมั่นใจว่า ปูตินจะไม่รุกรานยูเครนอีก การเปิดทางให้เศรษฐกิจอเมริกาเข้าไปมีส่วนร่วมในอนาคตของยูเครนคือการรับประกันที่ดีที่สุด . ยูเครนโวยังมีหนทางประคองสถานการณ์ที่แนวหน้า . ในวันอังคาร (4) ภายหลังรายงานข่าวเรื่องสหรัฐฯ ระงับการส่งความช่วยเหลือให้ยูเครนแพร่ออกไป นายกรัฐมนตรี เดนิส ชมีฮัล ของยูเครน ออกมาแถลงว่า เคียฟยังคงมีหนทางที่จะส่งกำลังบำรุงให้แก่กองทหารของตนเอง “กองทัพของเราและรัฐบาลมีสมรรถนะ มีเครื่องมือ พูดได้ว่าอย่างนั้น ที่จะประคองสถานการณ์ในแนวหน้าเอาไว้” เขากล่าว . ชมีฮัล ยังกล่าวขอบคุณสหรัฐฯ และย้ำว่ายูเครนต้องการความร่วมมือที่อำนวยประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่าย . “เราจะยังคงทำงานกับสหรัฐฯ ผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งหลายทั้งปวงด้วยความสงบสุขุม” เขากล่าวในการแถลงข่าว “เรามีแผนการเพียงอย่างเดียวเท่านั้น นั่นคือเพื่อชัยชนะและเพื่อความอยู่รอด เราจะชนะหรือไม่ยังงัยก็จะต้องเจอกับแผนบี ซึ่งถูกเขียนขึ้นมาโดยคนอื่นๆ” . สำหรับตัวเซเลนสกีเองนั้น เก็บตัวค่อนข้างเงียบเชียบ จนกระทั่งถึงบ่ายวันอังคารในกรุงเคียฟ สิ่งที่เขาแถลงต่อสาธารณชนก็มีเพียงว่าเขาได้พูดจากับ ฟรีดริช เมร์ซ ว่าที่นายกรัฐมนตรีเยอรมนี พร้อมกับเน้นย้ำถึงความช่วยเหลือทั้งทางทหารและทางการเงินที่ได้รับจากเยอรมนี . “เราจักจดจำไว้ว่าเยอรมนีคือผู้นำในเรื่องการจัดหาจัดส่งระบบการป้องกันภัยทางอากาศให้แก่ยูเครน และแสดงบทบาทที่สำคัญยิ่งยวดในการรับประกันเสถียรภาพทางการเงินของเรา” เขาโพสต์ข้อความเช่นนี้บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ ภายหลังคุยโทรศัพท์กับเมร์ซ . ในอีกด้านหนึ่ง พวกผู้เชี่ยวชาญทางทหารของฝ่ายตะวันตกบอกว่า อาจจะกินเวลาไปอีกระยะหนึ่งกว่าที่ผลกระทบจากการถูกตัดขาดความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ จะเป็นที่รู้สึกกัน ทั้งนี้เมื่อตอนที่งบประมาณความช่วยเหลือของสหรัฐฯ ถูกแขวนเอาไว้เป็นเวลาหลายเดือนทีเดียวในปีที่แล้ว โดยฝีมือของพวกสมาชิกพรรครีพับลิกันในสภาล่าง ผลกระทบเบื้องต้นที่รู้สึกกันมากที่สุดคือการขาดแคลนอาวุธป้องกันภัยทางอากาศที่จะสามารถสอยขีปนาวุธและโดรนของฝ่ายรัสเซีย ถึงแม้ในเวลาต่อมาทางกองทหารยูเครนร้องเรียนว่าพวกเครื่องกระสุนต่างๆ ในแนวน้าร่อยหรอลงไปมาก . “มันมีความสำคัญมากทีเดียว ทว่าไม่ได้ใกล้เคียงกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นถ้าหากมันเป็นช่วงก่อนหน้านี้ของสงคราม เพราะยูเครนเวลานี้ต้องพึ่งพาอาศัยความช่วยเหลือทางทหารของสหรัฐฯ โดยตรง ลดน้อยลงไปมากแล้ว” เป็นความเห็นของไมเคิล คอฟแมน นักวิจัยอาวุโสของคาร์เนกี เอนดาวเมนต์ . ผลกระทบต่อพันธมิตรในยุโรปของสหรัฐฯ . การที่สหรัฐฯ ระงับจัดส่งความช่วยเหลือให้ยูเครนคราวนี้ เป็นการเพิ่มแรงกดดันต่อพวกชาติพันธมิตรในยุโรปของสหรัฐฯ โดยที่ชาติเหล่านี้เองได้แสดงท่าทีออกมาปลอบขวัญโอบอุ้มเซเลนสกีอย่างเปิดเผยภายหลังจากเหตุการณ์ปะทะคารมเดือดที่ทำเนียบขาว . มีรายงานว่าเวลานี้ยุโรปกำลังเร่งรีบเพิ่มงบประมาณการใช้จ่ายทางทหารของพวกเขาเอง และในวันอังคาร (4) อัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานของคณะกรรมาธิการยุโรป ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของสหภาพยุโรป ได้เปิดเผยข้อเสนอต่างๆ ที่มุ่งเพิ่มพูนการใช้จ่ายทางทหารในอียู ซึ่งเธอกล่าวว่าอาจจะระดมเงินในเรื่องนี้ออกมาได้สูงถึง 800,000 ล้านยูโร (840,000 ล้านดอลลาร์) กันทีเดียว ทั้งนี้อียูมีกำหนดจัดการประชุมฉุกเฉินในเรื่องเกี่ยวกับยูเครนในวันพฤหัสบดี (6) นี้ . ในฝรั่งเศส เบนจามิน ฮัดดัด รัฐมนตรีช่วยดูแลด้านยุโรป ได้ออกมากล่าวประณามการระงับความช่วยเหลือของสหรัฐฯ คราวนี้ โดยกล่าวว่ามันทำให้สันติภาพ “ห่างไกลออกไปมากขึ้น เพราะมันมีแต่ทำให้เงื้อมมือของผู้รุกราน ... ซึ่งก็คือรัสเซีย เข้มแข็งยิ่งขึ้น” . ขณะที่สหราชอาณาจักร ซึ่งแสดงทีท่าต้องการดึงให้คณะบริหารทรัมป์ยังคงอยู่ข้างๆ ตัว ไม่แตกแถวออกไปไกลกว่านี้ แสดงท่าทีสุขุมรอบคอบยิ่งกว่า โดยที่นายกรัฐมนตรี เคียร์ สตาร์เมอร์ ได้พูดจาทางโทรศัพท์กับทรัมป์ในคืนวันจันทร์ (3) ตามการแถลงของโฆษกผู้หนึ่งของสตาร์เมอร์ แต่ไม่ได้ระบุว่าทรมป์ได้เอ่ยถึงเรื่องการระงับความช่วยเหลือนี้หรือไม่ . “ท่านนายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดีทรัมป์ กำลังโฟกัสอยู่ที่ผลลัพธ์อย่างเดียวกัน นั่นคือการทำให้เกิดสันติภาพที่มั่นคงและยั่งยืนขึ้นมาในยูเครน” โฆษกผู้นี้บอก . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000021233 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Sad
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2987 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ออกคำสั่งให้ระงับความช่วยเหลือทางทหารทั้งหมดที่มอบแก่ยูเครน เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงกลาโหมอเมริการายหนึ่งเปิดเผยกับสำนักข่าวบลูมเบิร์กในวันจันทร์(3มี.ค.) ยกระดับกดดันประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ไม่กี่วันหลังจากโต้เถียงกันอย่างเผ็ดร้อนในห้องทำงานรูปไข่ ที่ก่อข้อสงสัยเกี่ยวกับแรงสนับสนุนของอเมริกาที่มีต่อเคียฟ
    .
    บลูมเบิร์กอ้างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเพนตากอน ระบุว่าความช่วยเหลือทางทหารทั้งหมดที่สหรัฐฯมอบแก่ยูคเรน จะถูกระงับไว้จนกว่า ทรัมป์ ได้ข้อสรุปว่าพวกผู้นำยูเครนกำลังพยายามอย่างแท้จริงในการมุ่งหน้าสู่สันติภาพ
    .
    อ้างอิงข้อมูลจากสถาบันคีลเพื่อการศึกษาเศรษฐกิจโลก (Kiel Institute for the World Economy) พบว่าสหรัฐฯได้มอบความช่วยเหลือแก่ยูเครนไปแล้วกว่า 119,800 ล้านดอลลาร์ นับตั้งแต่รัสเซียเริ่มเปิดฉากรุกรานเต็มรูปแบบในปี 2022 ในนั้นแบ่งเป็นเงินช่วยเหลือทางทหาร 67,100 ล้านดอลลาร์, ความช่วยเหลือทางการเงิน 49,000 ล้านดอลลาร์ และความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม 3,600 ล้านดอลลาร์
    .
    คำสั่งระงับครั้งนี้ไม่ใช่แค่ส่งผลกระทบกับความช่วยเหลือในอนาคตเท่านั้น แต่มันยังรวมถึงบรรดาอาวุธที่อยู่ระหว่างการขนส่ง ในนั้นรวมถึงการลำเลียงทั้งทางอากาศยานและทางเรือ เช่นเดียวกับยุทโธปกรณ์ต่างๆที่รอการขนย้ายในโปแลนด์
    .
    การตัดสินใจครั้งนี้มีขึ้นตามหลังการประชุมที่เต็มไปด้วยศึกวิวาทะอันดุเดือดระหว่าง ทรัมป์ กับ เซเลนสกี ที่ห้องทำงานรูปไข่ในทำเนียบขาว หลังจากทั้ง 2 ฝ่าย เห็นต่างกันเกี่ยวกับความช่วยเหลือทางทหาร และจุดยืนทางยุทธศาสตร์ของยูเครนที่โหมกระพือความตึงเครียด
    .
    ตามหลังการพบปะหารือดังกล่าว ทรัมป์ บอกว่า เซเลนสกี "ไม่พร้อมสำหรับสันติภาพ"
    .
    "เขาไม่ให้ความเคารพสหรัฐอเมริกา ในห้องทำงานรูปไข่อันทรงเกียรติ เขาสามารถกลับมาได้ เมื่อเขาพร้อมสำหรับสันติภาพ" ทรัมป์ โพสต์ข้อความบนทรัตช์โซเชียล ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์
    .
    ทำเนียบขาวไม่ได้เจาะจงว่ายูเครนจำเป็นต้องดำเนินการเช่นไร เพื่อกอบกู้เงินช่วยเหลือทางทหารจากสหรัฐฯ ทำให้กรอบเวลาและเงื่อนไขสำหรับการคืนชีพความช่วยเหลือด้านการทหาร ตกอยู่ในความไม่แน่นอน
    .
    เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวรายหนึ่ง ซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนาม เปิดเผยกับเอเอฟพีว่า ทรัมป์ คาดหวังว่า เซเลนสกี จะมุ่งมั่นเจรจาข้อตกลงสันติภาพเพื่อยุติสงคราม พร้อมระบุว่าอเมริกา "กำลังระงับและทบทวนความช่วยเหลือด้านการทหาร เพื่อรับประกันว่ามันจะเป็นตัวสนับสนุนทางออกหนึ่งๆ"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000020886
    ..............
    Sondhi X
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ออกคำสั่งให้ระงับความช่วยเหลือทางทหารทั้งหมดที่มอบแก่ยูเครน เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงกลาโหมอเมริการายหนึ่งเปิดเผยกับสำนักข่าวบลูมเบิร์กในวันจันทร์(3มี.ค.) ยกระดับกดดันประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ไม่กี่วันหลังจากโต้เถียงกันอย่างเผ็ดร้อนในห้องทำงานรูปไข่ ที่ก่อข้อสงสัยเกี่ยวกับแรงสนับสนุนของอเมริกาที่มีต่อเคียฟ . บลูมเบิร์กอ้างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเพนตากอน ระบุว่าความช่วยเหลือทางทหารทั้งหมดที่สหรัฐฯมอบแก่ยูคเรน จะถูกระงับไว้จนกว่า ทรัมป์ ได้ข้อสรุปว่าพวกผู้นำยูเครนกำลังพยายามอย่างแท้จริงในการมุ่งหน้าสู่สันติภาพ . อ้างอิงข้อมูลจากสถาบันคีลเพื่อการศึกษาเศรษฐกิจโลก (Kiel Institute for the World Economy) พบว่าสหรัฐฯได้มอบความช่วยเหลือแก่ยูเครนไปแล้วกว่า 119,800 ล้านดอลลาร์ นับตั้งแต่รัสเซียเริ่มเปิดฉากรุกรานเต็มรูปแบบในปี 2022 ในนั้นแบ่งเป็นเงินช่วยเหลือทางทหาร 67,100 ล้านดอลลาร์, ความช่วยเหลือทางการเงิน 49,000 ล้านดอลลาร์ และความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม 3,600 ล้านดอลลาร์ . คำสั่งระงับครั้งนี้ไม่ใช่แค่ส่งผลกระทบกับความช่วยเหลือในอนาคตเท่านั้น แต่มันยังรวมถึงบรรดาอาวุธที่อยู่ระหว่างการขนส่ง ในนั้นรวมถึงการลำเลียงทั้งทางอากาศยานและทางเรือ เช่นเดียวกับยุทโธปกรณ์ต่างๆที่รอการขนย้ายในโปแลนด์ . การตัดสินใจครั้งนี้มีขึ้นตามหลังการประชุมที่เต็มไปด้วยศึกวิวาทะอันดุเดือดระหว่าง ทรัมป์ กับ เซเลนสกี ที่ห้องทำงานรูปไข่ในทำเนียบขาว หลังจากทั้ง 2 ฝ่าย เห็นต่างกันเกี่ยวกับความช่วยเหลือทางทหาร และจุดยืนทางยุทธศาสตร์ของยูเครนที่โหมกระพือความตึงเครียด . ตามหลังการพบปะหารือดังกล่าว ทรัมป์ บอกว่า เซเลนสกี "ไม่พร้อมสำหรับสันติภาพ" . "เขาไม่ให้ความเคารพสหรัฐอเมริกา ในห้องทำงานรูปไข่อันทรงเกียรติ เขาสามารถกลับมาได้ เมื่อเขาพร้อมสำหรับสันติภาพ" ทรัมป์ โพสต์ข้อความบนทรัตช์โซเชียล ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ . ทำเนียบขาวไม่ได้เจาะจงว่ายูเครนจำเป็นต้องดำเนินการเช่นไร เพื่อกอบกู้เงินช่วยเหลือทางทหารจากสหรัฐฯ ทำให้กรอบเวลาและเงื่อนไขสำหรับการคืนชีพความช่วยเหลือด้านการทหาร ตกอยู่ในความไม่แน่นอน . เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวรายหนึ่ง ซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนาม เปิดเผยกับเอเอฟพีว่า ทรัมป์ คาดหวังว่า เซเลนสกี จะมุ่งมั่นเจรจาข้อตกลงสันติภาพเพื่อยุติสงคราม พร้อมระบุว่าอเมริกา "กำลังระงับและทบทวนความช่วยเหลือด้านการทหาร เพื่อรับประกันว่ามันจะเป็นตัวสนับสนุนทางออกหนึ่งๆ" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000020886 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    6
    0 ความคิดเห็น 3 การแบ่งปัน 2147 มุมมอง 0 รีวิว
  • “เราจะรอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น”

    ทรัมป์กล่าวหลังจากตัดสินใจระงับความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครน
    “เราจะรอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น” ทรัมป์กล่าวหลังจากตัดสินใจระงับความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 365 มุมมอง 16 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ออกคำสั่งให้ระงับความช่วยเหลือทางทหารทั้งหมดที่มอบแก่ยูเครน เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงกลาโหมอเมริการายหนึ่งเปิดเผยกับสำนักข่าวบลูมเบิร์กในวันจันทร์(3มี.ค.) ยกระดับกดดันประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ไม่กี่วันหลังจากโต้เถียงกันอย่างเผ็ดร้อนในห้องทำงานรูปไข่ ที่ก่อข้อสงสัยเกี่ยวกับแรงสนับสนุนของอเมริกาที่มีต่อเคียฟ

    บลูมเบิร์กอ้างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเพนตากอน ระบุว่าความช่วยเหลือทางทหารทั้งหมดที่สหรัฐฯมอบแก่ยูคเรน จะถูกระงับไว้จนกว่า ทรัมป์ ได้ข้อสรุปว่าพวกผู้นำยูเครนกำลังพยายามอย่างแท้จริงในการมุ่งหน้าสู่สันติภาพ

    อ้างอิงข้อมูลจากสถาบันคีลเพื่อการศึกษาเศรษฐกิจโลก (Kiel Institute for the World Economy) พบว่าสหรัฐฯได้มอบความช่วยเหลือแก่ยูเครนไปแล้วกว่า 119,800 ล้านดอลลาร์ นับตั้งแต่รัสเซียเริ่มเปิดฉากรุกรานเต็มรูปแบบในปี 2022 ในนั้นแบ่งเป็นเงินช่วยเหลือทางทหาร 67,100 ล้านดอลลาร์, ความช่วยเหลือทางการเงิน 49,000 ล้านดอลลาร์ และความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม 3,600 ล้านดอลลาร์

    คำสั่งระงับครั้งนี้ไม่ใช่แค่ส่งผลกระทบกับความช่วยเหลือในอนาคตเท่านั้น แต่มันยังรวมถึงบรรดาอาวุธที่อยู่ระหว่างการขนส่ง ในนั้นรวมถึงการลำเลียงทั้งทางอากาศยานและทางเรือ เช่นเดียวกับยุทโธปกรณ์ต่างๆที่รอการขนย้ายในโปแลนด์

    การตัดสินใจครั้งนี้มีขึ้นตามหลังการประชุมที่เต็มไปด้วยศึกวิวาทะอันดุเดือดระหว่าง ทรัมป์ กับ เซเลนสกี ที่ห้องทำงานรูปไข่ในทำเนียบขาว หลังจากทั้ง 2 ฝ่าย เห็นต่างกันเกี่ยวกับความช่วยเหลือทางทหาร และจุดยืนทางยุทธศาสตร์ของยูเครนที่โหมกระพือความตึงเครียด

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000020882

    #MGROnline #โดนัลด์ทรัมป์ #ยูเครน
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ออกคำสั่งให้ระงับความช่วยเหลือทางทหารทั้งหมดที่มอบแก่ยูเครน เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงกลาโหมอเมริการายหนึ่งเปิดเผยกับสำนักข่าวบลูมเบิร์กในวันจันทร์(3มี.ค.) ยกระดับกดดันประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ไม่กี่วันหลังจากโต้เถียงกันอย่างเผ็ดร้อนในห้องทำงานรูปไข่ ที่ก่อข้อสงสัยเกี่ยวกับแรงสนับสนุนของอเมริกาที่มีต่อเคียฟ • บลูมเบิร์กอ้างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเพนตากอน ระบุว่าความช่วยเหลือทางทหารทั้งหมดที่สหรัฐฯมอบแก่ยูคเรน จะถูกระงับไว้จนกว่า ทรัมป์ ได้ข้อสรุปว่าพวกผู้นำยูเครนกำลังพยายามอย่างแท้จริงในการมุ่งหน้าสู่สันติภาพ • อ้างอิงข้อมูลจากสถาบันคีลเพื่อการศึกษาเศรษฐกิจโลก (Kiel Institute for the World Economy) พบว่าสหรัฐฯได้มอบความช่วยเหลือแก่ยูเครนไปแล้วกว่า 119,800 ล้านดอลลาร์ นับตั้งแต่รัสเซียเริ่มเปิดฉากรุกรานเต็มรูปแบบในปี 2022 ในนั้นแบ่งเป็นเงินช่วยเหลือทางทหาร 67,100 ล้านดอลลาร์, ความช่วยเหลือทางการเงิน 49,000 ล้านดอลลาร์ และความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม 3,600 ล้านดอลลาร์ • คำสั่งระงับครั้งนี้ไม่ใช่แค่ส่งผลกระทบกับความช่วยเหลือในอนาคตเท่านั้น แต่มันยังรวมถึงบรรดาอาวุธที่อยู่ระหว่างการขนส่ง ในนั้นรวมถึงการลำเลียงทั้งทางอากาศยานและทางเรือ เช่นเดียวกับยุทโธปกรณ์ต่างๆที่รอการขนย้ายในโปแลนด์ • การตัดสินใจครั้งนี้มีขึ้นตามหลังการประชุมที่เต็มไปด้วยศึกวิวาทะอันดุเดือดระหว่าง ทรัมป์ กับ เซเลนสกี ที่ห้องทำงานรูปไข่ในทำเนียบขาว หลังจากทั้ง 2 ฝ่าย เห็นต่างกันเกี่ยวกับความช่วยเหลือทางทหาร และจุดยืนทางยุทธศาสตร์ของยูเครนที่โหมกระพือความตึงเครียด • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000020882 • #MGROnline #โดนัลด์ทรัมป์ #ยูเครน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 550 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์ระงับความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครน

    ประธานาธิบดีทรัมป์มีคำสั่งระงับความช่วยเหลือทางทหารทั้งหมดแก่ยูเครน ส่งผลให้ความตึงเครียดกับยูเครนทวีความรุนแรงขึ้นไปอีก หลังจากไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ทรัมป์และเซเลนสกีปะทะคารมที่ห้องทำงานรูปไข่อย่างดุเดือด

    เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงกลาโหมกล่าวว่าการระงับความช่วยเหลือจะดำเนินต่อไปจนกว่ายูเครนจะแสดง "ความมุ่งมั่นอย่างจริงใจต่อสันติภาพ"

    การเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้ความช่วยเหลือทั้งหมดที่อยู่ระหว่างการส่งในปัจจุบันหยุดชะงัก และอาจส่งผลถึงการทำสงครามของยูเครนอยู่ในสภาวะไม่แน่นอน

    ที่มา: Bloomberg
    ทรัมป์ระงับความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครน ประธานาธิบดีทรัมป์มีคำสั่งระงับความช่วยเหลือทางทหารทั้งหมดแก่ยูเครน ส่งผลให้ความตึงเครียดกับยูเครนทวีความรุนแรงขึ้นไปอีก หลังจากไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ทรัมป์และเซเลนสกีปะทะคารมที่ห้องทำงานรูปไข่อย่างดุเดือด เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงกลาโหมกล่าวว่าการระงับความช่วยเหลือจะดำเนินต่อไปจนกว่ายูเครนจะแสดง "ความมุ่งมั่นอย่างจริงใจต่อสันติภาพ" การเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้ความช่วยเหลือทั้งหมดที่อยู่ระหว่างการส่งในปัจจุบันหยุดชะงัก และอาจส่งผลถึงการทำสงครามของยูเครนอยู่ในสภาวะไม่แน่นอน ที่มา: Bloomberg
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 276 มุมมอง 0 รีวิว
  • จะไม่มีข้อตกลงเรื่องแร่ธาตุจนกว่าเซเลนสกีจะออกมาขอโทษต่อหน้าสาธารณะสำหรับเรื่องอื้อฉาวที่ทำเนียบขาว
    ซึ่งจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีคำขอโทษจากเซเลนสกีหรือเจ้าหน้าที่ของยูเครนคนใดเลย

    การระงับความช่วยเหลือทางทหารและทางการเงินแก่ยูเครนอาจมีการประกาศในวันพรุ่งนี้ในคำปราศรัยของทรัมป์ต่อรัฐสภา

    สหรัฐจะปล่อยให้ยุโรปตอบสนองความต้องการของเซเลนสกี

    รัฐบาลทรัมป์กำลังวางแผนลดขนาดการกองกำลังสหรัฐในยุโรปลง ซึ่งจะมีการหารือในการประชุมวันนี้

    ไมค์ วอลซ์ ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติประจำทำเนียบขาว มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศ และ พีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหม จะเข้าร่วมในการหารือในครั้งนี้ด้วย
    จะไม่มีข้อตกลงเรื่องแร่ธาตุจนกว่าเซเลนสกีจะออกมาขอโทษต่อหน้าสาธารณะสำหรับเรื่องอื้อฉาวที่ทำเนียบขาว ซึ่งจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีคำขอโทษจากเซเลนสกีหรือเจ้าหน้าที่ของยูเครนคนใดเลย การระงับความช่วยเหลือทางทหารและทางการเงินแก่ยูเครนอาจมีการประกาศในวันพรุ่งนี้ในคำปราศรัยของทรัมป์ต่อรัฐสภา สหรัฐจะปล่อยให้ยุโรปตอบสนองความต้องการของเซเลนสกี รัฐบาลทรัมป์กำลังวางแผนลดขนาดการกองกำลังสหรัฐในยุโรปลง ซึ่งจะมีการหารือในการประชุมวันนี้ ไมค์ วอลซ์ ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติประจำทำเนียบขาว มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศ และ พีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหม จะเข้าร่วมในการหารือในครั้งนี้ด้วย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 449 มุมมอง 14 0 รีวิว
  • นิวยอร์กไทมส์รายงานว่า ทรัมป์จะพบกับทีมความมั่นคงแห่งชาติในวันที่ 3 มีนาคม นี้ ซึ่งอาจมีการหารือเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับยูเครน

    มาตรการดังกล่าวอาจรวมถึงการระงับหรือยกเลิกความช่วยเหลือทางทหารแก่เคียฟที่ตกลงกันไว้ภายใต้รัฐบาลสหรัฐฯ ชุดก่อน
    นิวยอร์กไทมส์รายงานว่า ทรัมป์จะพบกับทีมความมั่นคงแห่งชาติในวันที่ 3 มีนาคม นี้ ซึ่งอาจมีการหารือเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับยูเครน มาตรการดังกล่าวอาจรวมถึงการระงับหรือยกเลิกความช่วยเหลือทางทหารแก่เคียฟที่ตกลงกันไว้ภายใต้รัฐบาลสหรัฐฯ ชุดก่อน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 196 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยุโรปและแคนาดาตัดสินใจยุติแผนสันติภาพของทรัมป์ที่มีต่อยูเครน ทำให้ข้อตกลงสันติภาพใดๆ จะยังไม่เกิดขึ้นในตอนนี้!

    ข้อสรุปมีดังต่อไปนี้:

    1) จะมีการส่งความช่วยเหลือทางทหารให้กับยูเครน และมาตการคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติม

    2) ยูเครนจะต้องมีอำนาจอธิปไตยเต็มที่บนดินแดนของตนเอง นั่นหมายความว่ายูเครนต้องได้รับดินแดนทั้งหมดกลับคืน และยูเครนต้องมีส่วนร่วมในการเจรจาสัติภาพที่จะมีขึ้นในอนาคต

    3) หลังจากข้อตกลงสันติภาพเกิดขึ้น ยูเครนจะสามารถสร้างกองทัพเป็นของตนเองได้

    4) สหราชอาณาจักรและประเทศอื่นๆ จะจัดตั้งกองกำลังทหารสันติภาพเพื่อประจำการในยูเครน!!


    -> จำคำประกาศนี้ เห็นได้ชัดว่ารัสเซียจะไม่ยอมรับข้อตกลงใดๆได้เลย
    และคาดว่าสหรัฐคงจะต้องถอนตัวออกไปในที่สุด และยูเครนจะต่อสู้ต่อไปจนถึงยูเครนคนสุดท้าย!
    ยุโรปและแคนาดาตัดสินใจยุติแผนสันติภาพของทรัมป์ที่มีต่อยูเครน ทำให้ข้อตกลงสันติภาพใดๆ จะยังไม่เกิดขึ้นในตอนนี้! ข้อสรุปมีดังต่อไปนี้: 1) จะมีการส่งความช่วยเหลือทางทหารให้กับยูเครน และมาตการคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติม 2) ยูเครนจะต้องมีอำนาจอธิปไตยเต็มที่บนดินแดนของตนเอง นั่นหมายความว่ายูเครนต้องได้รับดินแดนทั้งหมดกลับคืน และยูเครนต้องมีส่วนร่วมในการเจรจาสัติภาพที่จะมีขึ้นในอนาคต 3) หลังจากข้อตกลงสันติภาพเกิดขึ้น ยูเครนจะสามารถสร้างกองทัพเป็นของตนเองได้ 4) สหราชอาณาจักรและประเทศอื่นๆ จะจัดตั้งกองกำลังทหารสันติภาพเพื่อประจำการในยูเครน!! -> จำคำประกาศนี้ เห็นได้ชัดว่ารัสเซียจะไม่ยอมรับข้อตกลงใดๆได้เลย และคาดว่าสหรัฐคงจะต้องถอนตัวออกไปในที่สุด และยูเครนจะต่อสู้ต่อไปจนถึงยูเครนคนสุดท้าย!
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 371 มุมมอง 8 0 รีวิว
Pages Boosts