• แม๊ลั่นจะรื้อKADEE ถามใครx่าลูกชั้น อีกรอบถามปอ ไหนของขวัญปีใหม่ว่าจะเอามาให้แม่นอกเหนือจากที่ตกลง แม๊ ก็คือแม๊ อิฉัด!
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง3
    แม๊ลั่นจะรื้อKADEE ถามใครx่าลูกชั้น อีกรอบถามปอ ไหนของขวัญปีใหม่ว่าจะเอามาให้แม่นอกเหนือจากที่ตกลง แม๊ ก็คือแม๊ อิฉัด! #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 134 มุมมอง 0 รีวิว
  • Elephant in the Room
    The Crimes of the Pharmaceutical Industry
    เรื่องของบิ้กฟาร์ม่า

    Roddriver Aug 25, 2021

    อุตสาหกรรมยา เป็นการผลิตยาเพื่อผลทางการแพทย์ อุตสาหกรรมนี้เน้นการรณรงค์เรื่องของสิทธิบัตรทั่วโลกเป็นส่วนใหญ่ ...ถึงแม้ว่านักเศรษฐศาสตร์กระแสหลักจะวิจารณ์หนักมากในเรื่องของสิทธิบัตรยา ...ยาที่มีสิทธิบัตรมักจะขายได้ราคาสูงกว่ายาที่ไม่มีสิทธิบัตรนับพัน ๆ เท่า

    อุตสาหกรรมนี้แสดงให้เห็นได้ชัดเจนถึงประเด็นที่ได้โพสท์ไว้ก่อนหน้านี้ (แปลแล้ว) เกี่ยวกับอำนาจและอาชญากรรมจากสิทธิบัตรของบริษัทยักษ์ทั้งหลาย

    Researching The Wrong Problems
    วืจัยเฉพาะเรื่องที่มีกำไร

    การทำวิจัยส่วนใหญ่มักจะโฟกัสไปที่ปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศที่ร่ำรวยที่มีกำลังซื้อ ...มียาเพียง 21 ตัวจาก 1,556 ตัวซึ่งออกสู่ตลาดโลกตั้งแต่ปี 1975 ถึงปี 2004 ที่เล็งเป้าไปต่อสู้กับโรคที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับชาวตะวันตกนัก ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศยากจน

    บริษัทเหล่านี้ใช้เวลาส่วนใหญ่ทำการวิจัยยาที่เกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ เช่นไวอากร้ามากกว่ายารักษาวัณโรค เพราะกำไรมันอยู่ตรงนั้น ทั้ง ๆ ที่เราสามารถจัดการกับปัญหาสุขภาพของประเทศยากจนได้โดยใช้ทุนต่ำกว่ามาก ...ตั้งแต่ปี 2006 มาแล้วที่ World Health Organization (WHO) เริ่มพูดถึงปัญหานี้ แต่การหาทุนก็ยังคงมีไม่พอ

    Social Costs, Private Profits
    เงินวิจัยจากสาธารณชน แต่กำไรเป็นของเอกชน

    ในช่วงต้น ๆ ของการวิจัยและพัฒนามักจะได้รับทุนสาธารณะ ทั้งจากมหาวิทยาลัยและรัฐบาลหลายแห่งทั่วโลก ...บริษัทยักษ์จะเข้ามาร่วมด้วยหลังจากรู้ชัดว่าการทดลองขั้นต้นแสดงให้เห็นแล้วว่า..ยาตัวนี้น่าจะต้องมีอนาคตแน่

    อย่างไรก็ตาม ถ้าบริษัทไหนได้ถือสิทธิบัตรเอาไว้ ก็จะได้กำไรส่วนใหญ่ไป เพราะเมื่อมีสิทธิบัตรอยู่ในมือ พวกเขาก็จะชาร์จราคาสูงสุดได้ตามใจ พูดอีกอย่างก็คือ ราคาที่คนร่ำรวยจะจ่ายให้ได้

    ถ้าเป็นไปตามนี้ การปล่อยให้บริษัทเอกชนเก็บกำไรทั้งหมดจากยาที่ได้รับสิทธิบัตร..ก็ไม่น่าจะถูกต้องนัก มันคืออีกช่องทางหนึ่งของระบบเศรษฐกิจที่ถูกวางแผนครอบไว้ ในการดูดเอาความมั่งคั่งเข้ากระเป๋าพวกนักบริหารและผู้ถือหุ้นของบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งหลาย ...แค่นั้นเอง

    Depriving Poor Countries of Medicines
    คนจนไม่มีสิทธิ์ได้ใช้ยา

    ยาที่จะทำประโยชน์ให้คนนับล้านได้ในประเทศยากจน จำเป็นต้องมีราคาที่คนจนจะจับต้องได้ แต่พวกบิ้กฟาร์ม่าที่ถือสิทธิบัตรยาเหล่านั้น..ต้องการควบคุมการเข้าถึง และชาร์จที่ราคาสูงสุดเท่าที่จะทำได้

    World Trade organization (WTO) มีการบังคับใช้สิทธิบัตรผ่านข้อตกลง ที่เรียกว่า TRIPS (Trade Related Aspects of Intellectual Property) ...แต่ TRIPS ก็ยังมีข้อดีอยู่นิดหน่อยที่อนุญาตให้ประเทศยากจนหลายประเทศสามารถก้อปปี้การผลิตยาเฉพาะตัวที่สำคัญ ๆ และมีข้อบังคับทางกฏหมายให้บางประเทศเช่นอินเดียสามารถทำได้ ...แต่ถึงอย่างนั้น บิ้กฟาร์ม่าก็ยังคงบล็อกการเข้าถึงยาได้ทั่วโลกอยู่ ประเทศยากจนส่วนใหญ่ยังคงต้องซื้อยาในราคาแพงอยู่ เพราะยังคงมีการขู่จากทั้งสหรัฐ อังกฤษ และประเทศพัฒนาแล้วหลายประเทศ

    Nelson Mandela ผู้นำประเทศอัฟริกาใต้ เคยพยายามที่จะได้ยา HIV ราคาถูกเพื่อรักษาผู้ป่วยเอดส์ในประเทศ ...บริษัทยาตะวันตกชาร์จที่ราคา $15,000 ต่อคนต่อปี ในขณะที่บริษัทอินเดียผลิตได้แค่ $300 ต่อคนต่อปี ...แต่แมนเดล่าถูกขู่ที่จะแซงค์ชั่น..หลังจากบริษัทยายักษ์ใหญ่ล้อบบี้ฐบาลสหรัฐ ทำให้ผู้คนหลายล้านในอัฟริกาใต้ต้องตาย เพราะไม่สามารถเข้าถึงยาจากอินเดียที่ก้อปปี้จากยาราคาแพงตัวนี้ได้

    More Spent on Marketing Than on Research
    ใช้เงินไปกับการตลาดมากกว่าใช้กับการวิจัยซะอีก

    ถ้ายาได้ผลดีจริง มันก็ไม่ต้องการการตลาดเลย ถ้ามันให้ผลดีจากการศึกษาทางวิทยาศาสตร์จริงแล้ว แพทย์และเครือข่ายการแพทย์ทั่วโลกย่อมจะต้องนำมาใช้อยู่แล้ว ...แต่จริง ๆ แล้ว ยาส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ผลนัก บริษัทจึงจำเป็นต้องใช้เงินมหาศาลในการ "ชักชวน" ให้แพทย์ทั้งหลายให้มาสั่งใช้ยานั้น ...ทั้งหมดนี้หมายความรวมถึง ของขวัญ การจัดท่องเที่ยววันหยุด หรือการสร้างสิ่งจูงใจ (ฟังดูไพเราะกว่า "สินบน" เยอะเลย) แพทย์จำนวนมากก็แฮ้ปปี้ที่จะร่วมเล่นด้วย ...ค่าใช้จ่ายการตลาดเหล่านี้น่ะ มันรวมอยู่ในราคายาแล้วแหละ

    Fraud and Deception are Widespread
    การฉ้อฉลมันกระจายวงไปกว้างไกลมาก

    อุตสาหกรรมยาเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีการคอรัปชั่นมากที่สุด บิ้กฟาร์ม่าหลายแห่งถูกกล่าวหาว่าขายยาที่เป็นอันตราย หรืออาจถึงชีวิตได้ ...อุตสาหกรรมนี้เคยถูกสั่งปรับมาแล้วถึงมากกว่า $5 หมื่นล้านในรอบยี่สิบปีที่ผ่านมา ...เมื่อปี 2012 Glaxo Smith Kline (GSK) ก็ถูกปรับไป $3 พันล้านในสหรัฐที่ขายยาผิดประเภท และจ่ายสินบนแก่แพทย์ และปิดบังผลวิจัย นอกจากนี้ GSK ยังถูกปรับที่อินเดีย อัฟริกาใต้และอังกฤษ

    แต่บริษัทนี้ขายยาแค่รายการเดียวก็อาจเป็นจำนวนเงินที่มากกว่าค่าปรับหลายเท่าตัวก็ได้สบาย ๆ

    อุตสาหกรรมยามีประวัติการโฆษณายาเกินจริง..ไม่บอกถึงผลด้อยของคุณภาพ..และปิดบังผลร้ายของยามานานแล้ว ...จากการศึกษาเมื่อเร็ว ๆ นี้ แสดงให้เห็นว่า เวชภัณท์มีผลร้ายมากกว่าที่ผู้ผลิตแจ้งไว้ถึง 4 เท่าส่งผลให้มีผู้ป่วยต้องเข้าโรงพยาบาลถึงสองแสนกว่าคนในอังกฤษ และอีกสองล้านคนในสหรัฐในแต่ละปี

    นอกจากนี้ยังมีกรณีเสียชีวิตอีกถึง 55,000 รายจากยาแก้ปวด แต่ข้อมูลเหล่านี้ถูกปิดบังโดย Merck ผู้ผลิตยา ....ยังมีผู้เสียชีวิตจากโรคหัวใจ จากผลของยารักษาเบาหวาน

    ตอนนี้มีหลักฐานว่าบริษัทยาเหล่านี้มีการจัดการยักย้ายงานวิจัยของตน พวกนี้ทดสอบยาของตนเอง และออกผลทดสอบที่แสดงแต่ส่วนดีและซ่อนส่วนที่เป็นโทษ

    อุตสาหกรรมยาใช้เงินล้อบบี้รัฐบาลสหรัฐมากกว่าอุตสาหกรรมอื่น ๆ ..ปี 2018 มีการใช้เงินถึง $2.8 แสนล้าน นี่แสดงให้เห็นถึงการไร้กฏระเบียบของอุตสาหกรรมนี้ ถึงแม้สหรัฐจะมี Food and Drug Administration (FDA) แต่หน่วยงานนี้ก็มีงบประมาณไม่พอ ทำให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อน ...เจ้าหน้าที่ในสต้าฟมีสัมพันธภาพกับอุตสาหกรรมนี้ อดีตผอ. FDA ก็ออกไปทำงานกับ Pfizer ...ส่วนอดีตสมาชิกสภาคองเกรสจำนวนไม่น้อยก็ไปรับจ้อบเป็นล้อบบี้ยิสต์ให้กับอุตสาหกรรมยา

    สถานการณ์ของการรักษากฏของเรื่องนี้ในอังกฤษยิ่งร้ายหนักกว่าอีก อังกฤษไม่เคยมีการลงโทษบริษัทยาซักแห่งเลย มีการปรับเล็กน้อยรวมกันแค่ £73,300 แต่ไม่เคยมีการบังคับใช้กฏหมายอย่างจริงจังเลย

    Not Fit For Purpose

    แทบทุกประเทศที่มีหน่วยงานเกี่ยวกับอาหารและยามักจะตายใจไม่นึกว่าอุตสาหกรรมยาน่ะมันเชี่..แค่ไหน พวกสื่อเองก็เงียบไม่พูดถึงกำ ไรมหาศาลของบริษัทยาเพราะรับทรัพย์ไปเยอะ ...อุตสาหกรรมนี้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของอุตสาหกรรมที่ไม่ได้เกิดขึ้นเพื่อสนองจุดประสงค์แท้จริงของสาธารณชน (not fit for purpose) มันทำความล้มเหลวทั้งในประเทศร่ำรวยและยากจนถ้วนหน้า

    ถ้าอุตสาหกรรมนี้เป็นเรื่องที่ดำเนินงานไปโดยหน่วยงานของชาติ ยาทุกชนิดจะมีราคาเป็นแค่เศษเสี้ยวของราคาปัจจุบัน ไม่ต้องมีปัญหายาปลอม ไม่ต้องมีการล็อบบี้ ไม่ต้องมีการแย่งชิงสิทธิบัตร ประเทศยากจนเข้าถึงยาได้ง่าย ๆ ที่ราคาต่ำมาก ๆ จนอาจให้เปล่าได้เลย

    ถ้าเราพูดถึงการต่อสู้ความยากจนของโลกจริง ๆ แล้ว นี่เป็นเรื่องแรก ๆ ที่ต้องทำ ....แต่ความเป็นไปได้ที่อุตสาหกรรมยาควรจะเป็นเรื่องที่รัฐบาลดำเนินงานเอง เป็นเรื่องที่ไม่เคยมีใครพูดถึงเลย......

    ***ผมไม่ได้แปลส่วนเชิงอรรถในบทความนะครับ แต่เพื่อน ๆ ดูได้ในบทความต้นฉบับนะครับ***

    https://medium.com/elephantsintheroom/42-the-crimes-of-the-pharmaceutical-industry-5fee08225cbb
    Elephant in the Room The Crimes of the Pharmaceutical Industry เรื่องของบิ้กฟาร์ม่า Roddriver Aug 25, 2021 อุตสาหกรรมยา เป็นการผลิตยาเพื่อผลทางการแพทย์ อุตสาหกรรมนี้เน้นการรณรงค์เรื่องของสิทธิบัตรทั่วโลกเป็นส่วนใหญ่ ...ถึงแม้ว่านักเศรษฐศาสตร์กระแสหลักจะวิจารณ์หนักมากในเรื่องของสิทธิบัตรยา ...ยาที่มีสิทธิบัตรมักจะขายได้ราคาสูงกว่ายาที่ไม่มีสิทธิบัตรนับพัน ๆ เท่า อุตสาหกรรมนี้แสดงให้เห็นได้ชัดเจนถึงประเด็นที่ได้โพสท์ไว้ก่อนหน้านี้ (แปลแล้ว) เกี่ยวกับอำนาจและอาชญากรรมจากสิทธิบัตรของบริษัทยักษ์ทั้งหลาย Researching The Wrong Problems วืจัยเฉพาะเรื่องที่มีกำไร การทำวิจัยส่วนใหญ่มักจะโฟกัสไปที่ปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศที่ร่ำรวยที่มีกำลังซื้อ ...มียาเพียง 21 ตัวจาก 1,556 ตัวซึ่งออกสู่ตลาดโลกตั้งแต่ปี 1975 ถึงปี 2004 ที่เล็งเป้าไปต่อสู้กับโรคที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับชาวตะวันตกนัก ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศยากจน บริษัทเหล่านี้ใช้เวลาส่วนใหญ่ทำการวิจัยยาที่เกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ เช่นไวอากร้ามากกว่ายารักษาวัณโรค เพราะกำไรมันอยู่ตรงนั้น ทั้ง ๆ ที่เราสามารถจัดการกับปัญหาสุขภาพของประเทศยากจนได้โดยใช้ทุนต่ำกว่ามาก ...ตั้งแต่ปี 2006 มาแล้วที่ World Health Organization (WHO) เริ่มพูดถึงปัญหานี้ แต่การหาทุนก็ยังคงมีไม่พอ Social Costs, Private Profits เงินวิจัยจากสาธารณชน แต่กำไรเป็นของเอกชน ในช่วงต้น ๆ ของการวิจัยและพัฒนามักจะได้รับทุนสาธารณะ ทั้งจากมหาวิทยาลัยและรัฐบาลหลายแห่งทั่วโลก ...บริษัทยักษ์จะเข้ามาร่วมด้วยหลังจากรู้ชัดว่าการทดลองขั้นต้นแสดงให้เห็นแล้วว่า..ยาตัวนี้น่าจะต้องมีอนาคตแน่ อย่างไรก็ตาม ถ้าบริษัทไหนได้ถือสิทธิบัตรเอาไว้ ก็จะได้กำไรส่วนใหญ่ไป เพราะเมื่อมีสิทธิบัตรอยู่ในมือ พวกเขาก็จะชาร์จราคาสูงสุดได้ตามใจ พูดอีกอย่างก็คือ ราคาที่คนร่ำรวยจะจ่ายให้ได้ ถ้าเป็นไปตามนี้ การปล่อยให้บริษัทเอกชนเก็บกำไรทั้งหมดจากยาที่ได้รับสิทธิบัตร..ก็ไม่น่าจะถูกต้องนัก มันคืออีกช่องทางหนึ่งของระบบเศรษฐกิจที่ถูกวางแผนครอบไว้ ในการดูดเอาความมั่งคั่งเข้ากระเป๋าพวกนักบริหารและผู้ถือหุ้นของบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งหลาย ...แค่นั้นเอง Depriving Poor Countries of Medicines คนจนไม่มีสิทธิ์ได้ใช้ยา ยาที่จะทำประโยชน์ให้คนนับล้านได้ในประเทศยากจน จำเป็นต้องมีราคาที่คนจนจะจับต้องได้ แต่พวกบิ้กฟาร์ม่าที่ถือสิทธิบัตรยาเหล่านั้น..ต้องการควบคุมการเข้าถึง และชาร์จที่ราคาสูงสุดเท่าที่จะทำได้ World Trade organization (WTO) มีการบังคับใช้สิทธิบัตรผ่านข้อตกลง ที่เรียกว่า TRIPS (Trade Related Aspects of Intellectual Property) ...แต่ TRIPS ก็ยังมีข้อดีอยู่นิดหน่อยที่อนุญาตให้ประเทศยากจนหลายประเทศสามารถก้อปปี้การผลิตยาเฉพาะตัวที่สำคัญ ๆ และมีข้อบังคับทางกฏหมายให้บางประเทศเช่นอินเดียสามารถทำได้ ...แต่ถึงอย่างนั้น บิ้กฟาร์ม่าก็ยังคงบล็อกการเข้าถึงยาได้ทั่วโลกอยู่ ประเทศยากจนส่วนใหญ่ยังคงต้องซื้อยาในราคาแพงอยู่ เพราะยังคงมีการขู่จากทั้งสหรัฐ อังกฤษ และประเทศพัฒนาแล้วหลายประเทศ Nelson Mandela ผู้นำประเทศอัฟริกาใต้ เคยพยายามที่จะได้ยา HIV ราคาถูกเพื่อรักษาผู้ป่วยเอดส์ในประเทศ ...บริษัทยาตะวันตกชาร์จที่ราคา $15,000 ต่อคนต่อปี ในขณะที่บริษัทอินเดียผลิตได้แค่ $300 ต่อคนต่อปี ...แต่แมนเดล่าถูกขู่ที่จะแซงค์ชั่น..หลังจากบริษัทยายักษ์ใหญ่ล้อบบี้ฐบาลสหรัฐ ทำให้ผู้คนหลายล้านในอัฟริกาใต้ต้องตาย เพราะไม่สามารถเข้าถึงยาจากอินเดียที่ก้อปปี้จากยาราคาแพงตัวนี้ได้ More Spent on Marketing Than on Research ใช้เงินไปกับการตลาดมากกว่าใช้กับการวิจัยซะอีก ถ้ายาได้ผลดีจริง มันก็ไม่ต้องการการตลาดเลย ถ้ามันให้ผลดีจากการศึกษาทางวิทยาศาสตร์จริงแล้ว แพทย์และเครือข่ายการแพทย์ทั่วโลกย่อมจะต้องนำมาใช้อยู่แล้ว ...แต่จริง ๆ แล้ว ยาส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ผลนัก บริษัทจึงจำเป็นต้องใช้เงินมหาศาลในการ "ชักชวน" ให้แพทย์ทั้งหลายให้มาสั่งใช้ยานั้น ...ทั้งหมดนี้หมายความรวมถึง ของขวัญ การจัดท่องเที่ยววันหยุด หรือการสร้างสิ่งจูงใจ (ฟังดูไพเราะกว่า "สินบน" เยอะเลย) แพทย์จำนวนมากก็แฮ้ปปี้ที่จะร่วมเล่นด้วย ...ค่าใช้จ่ายการตลาดเหล่านี้น่ะ มันรวมอยู่ในราคายาแล้วแหละ Fraud and Deception are Widespread การฉ้อฉลมันกระจายวงไปกว้างไกลมาก อุตสาหกรรมยาเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีการคอรัปชั่นมากที่สุด บิ้กฟาร์ม่าหลายแห่งถูกกล่าวหาว่าขายยาที่เป็นอันตราย หรืออาจถึงชีวิตได้ ...อุตสาหกรรมนี้เคยถูกสั่งปรับมาแล้วถึงมากกว่า $5 หมื่นล้านในรอบยี่สิบปีที่ผ่านมา ...เมื่อปี 2012 Glaxo Smith Kline (GSK) ก็ถูกปรับไป $3 พันล้านในสหรัฐที่ขายยาผิดประเภท และจ่ายสินบนแก่แพทย์ และปิดบังผลวิจัย นอกจากนี้ GSK ยังถูกปรับที่อินเดีย อัฟริกาใต้และอังกฤษ แต่บริษัทนี้ขายยาแค่รายการเดียวก็อาจเป็นจำนวนเงินที่มากกว่าค่าปรับหลายเท่าตัวก็ได้สบาย ๆ อุตสาหกรรมยามีประวัติการโฆษณายาเกินจริง..ไม่บอกถึงผลด้อยของคุณภาพ..และปิดบังผลร้ายของยามานานแล้ว ...จากการศึกษาเมื่อเร็ว ๆ นี้ แสดงให้เห็นว่า เวชภัณท์มีผลร้ายมากกว่าที่ผู้ผลิตแจ้งไว้ถึง 4 เท่าส่งผลให้มีผู้ป่วยต้องเข้าโรงพยาบาลถึงสองแสนกว่าคนในอังกฤษ และอีกสองล้านคนในสหรัฐในแต่ละปี นอกจากนี้ยังมีกรณีเสียชีวิตอีกถึง 55,000 รายจากยาแก้ปวด แต่ข้อมูลเหล่านี้ถูกปิดบังโดย Merck ผู้ผลิตยา ....ยังมีผู้เสียชีวิตจากโรคหัวใจ จากผลของยารักษาเบาหวาน ตอนนี้มีหลักฐานว่าบริษัทยาเหล่านี้มีการจัดการยักย้ายงานวิจัยของตน พวกนี้ทดสอบยาของตนเอง และออกผลทดสอบที่แสดงแต่ส่วนดีและซ่อนส่วนที่เป็นโทษ อุตสาหกรรมยาใช้เงินล้อบบี้รัฐบาลสหรัฐมากกว่าอุตสาหกรรมอื่น ๆ ..ปี 2018 มีการใช้เงินถึง $2.8 แสนล้าน นี่แสดงให้เห็นถึงการไร้กฏระเบียบของอุตสาหกรรมนี้ ถึงแม้สหรัฐจะมี Food and Drug Administration (FDA) แต่หน่วยงานนี้ก็มีงบประมาณไม่พอ ทำให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อน ...เจ้าหน้าที่ในสต้าฟมีสัมพันธภาพกับอุตสาหกรรมนี้ อดีตผอ. FDA ก็ออกไปทำงานกับ Pfizer ...ส่วนอดีตสมาชิกสภาคองเกรสจำนวนไม่น้อยก็ไปรับจ้อบเป็นล้อบบี้ยิสต์ให้กับอุตสาหกรรมยา สถานการณ์ของการรักษากฏของเรื่องนี้ในอังกฤษยิ่งร้ายหนักกว่าอีก อังกฤษไม่เคยมีการลงโทษบริษัทยาซักแห่งเลย มีการปรับเล็กน้อยรวมกันแค่ £73,300 แต่ไม่เคยมีการบังคับใช้กฏหมายอย่างจริงจังเลย Not Fit For Purpose แทบทุกประเทศที่มีหน่วยงานเกี่ยวกับอาหารและยามักจะตายใจไม่นึกว่าอุตสาหกรรมยาน่ะมันเชี่..แค่ไหน พวกสื่อเองก็เงียบไม่พูดถึงกำ ไรมหาศาลของบริษัทยาเพราะรับทรัพย์ไปเยอะ ...อุตสาหกรรมนี้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของอุตสาหกรรมที่ไม่ได้เกิดขึ้นเพื่อสนองจุดประสงค์แท้จริงของสาธารณชน (not fit for purpose) มันทำความล้มเหลวทั้งในประเทศร่ำรวยและยากจนถ้วนหน้า ถ้าอุตสาหกรรมนี้เป็นเรื่องที่ดำเนินงานไปโดยหน่วยงานของชาติ ยาทุกชนิดจะมีราคาเป็นแค่เศษเสี้ยวของราคาปัจจุบัน ไม่ต้องมีปัญหายาปลอม ไม่ต้องมีการล็อบบี้ ไม่ต้องมีการแย่งชิงสิทธิบัตร ประเทศยากจนเข้าถึงยาได้ง่าย ๆ ที่ราคาต่ำมาก ๆ จนอาจให้เปล่าได้เลย ถ้าเราพูดถึงการต่อสู้ความยากจนของโลกจริง ๆ แล้ว นี่เป็นเรื่องแรก ๆ ที่ต้องทำ ....แต่ความเป็นไปได้ที่อุตสาหกรรมยาควรจะเป็นเรื่องที่รัฐบาลดำเนินงานเอง เป็นเรื่องที่ไม่เคยมีใครพูดถึงเลย...... ***ผมไม่ได้แปลส่วนเชิงอรรถในบทความนะครับ แต่เพื่อน ๆ ดูได้ในบทความต้นฉบับนะครับ*** https://medium.com/elephantsintheroom/42-the-crimes-of-the-pharmaceutical-industry-5fee08225cbb
    MEDIUM.COM
    42) The Crimes of the Pharmaceutical Industry
    “The history of medicine is littered with wonderful early results which over a period of time turn out to be not so wonderful…
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 216 มุมมอง 0 รีวิว
  • Elephant in the Room
    The Crimes of the Pharmaceutical Industry
    เรื่องของบิ้กฟาร์ม่า

    Roddriver Aug 25, 2021

    อุตสาหกรรมยา เป็นการผลิตยาเพื่อผลทางการแพทย์ อุตสาหกรรมนี้เน้นการรณรงค์เรื่องของสิทธิบัตรทั่วโลกเป็นส่วนใหญ่ ...ถึงแม้ว่านักเศรษฐศาสตร์กระแสหลักจะวิจารณ์หนักมากในเรื่องของสิทธิบัตรยา ...ยาที่มีสิทธิบัตรมักจะขายได้ราคาสูงกว่ายาที่ไม่มีสิทธิบัตรนับพัน ๆ เท่า

    อุตสาหกรรมนี้แสดงให้เห็นได้ชัดเจนถึงประเด็นที่ได้โพสท์ไว้ก่อนหน้านี้ (แปลแล้ว) เกี่ยวกับอำนาจและอาชญากรรมจากสิทธิบัตรของบริษัทยักษ์ทั้งหลาย

    Researching The Wrong Problems
    วืจัยเฉพาะเรื่องที่มีกำไร

    การทำวิจัยส่วนใหญ่มักจะโฟกัสไปที่ปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศที่ร่ำรวยที่มีกำลังซื้อ ...มียาเพียง 21 ตัวจาก 1,556 ตัวซึ่งออกสู่ตลาดโลกตั้งแต่ปี 1975 ถึงปี 2004 ที่เล็งเป้าไปต่อสู้กับโรคที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับชาวตะวันตกนัก ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศยากจน

    บริษัทเหล่านี้ใช้เวลาส่วนใหญ่ทำการวิจัยยาที่เกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ เช่นไวอากร้ามากกว่ายารักษาวัณโรค เพราะกำไรมันอยู่ตรงนั้น ทั้ง ๆ ที่เราสามารถจัดการกับปัญหาสุขภาพของประเทศยากจนได้โดยใช้ทุนต่ำกว่ามาก ...ตั้งแต่ปี 2006 มาแล้วที่ World Health Organization (WHO) เริ่มพูดถึงปัญหานี้ แต่การหาทุนก็ยังคงมีไม่พอ

    Social Costs, Private Profits
    เงินวิจัยจากสาธารณชน แต่กำไรเป็นของเอกชน

    ในช่วงต้น ๆ ของการวิจัยและพัฒนามักจะได้รับทุนสาธารณะ ทั้งจากมหาวิทยาลัยและรัฐบาลหลายแห่งทั่วโลก ...บริษัทยักษ์จะเข้ามาร่วมด้วยหลังจากรู้ชัดว่าการทดลองขั้นต้นแสดงให้เห็นแล้วว่า..ยาตัวนี้น่าจะต้องมีอนาคตแน่

    อย่างไรก็ตาม ถ้าบริษัทไหนได้ถือสิทธิบัตรเอาไว้ ก็จะได้กำไรส่วนใหญ่ไป เพราะเมื่อมีสิทธิบัตรอยู่ในมือ พวกเขาก็จะชาร์จราคาสูงสุดได้ตามใจ พูดอีกอย่างก็คือ ราคาที่คนร่ำรวยจะจ่ายให้ได้

    ถ้าเป็นไปตามนี้ การปล่อยให้บริษัทเอกชนเก็บกำไรทั้งหมดจากยาที่ได้รับสิทธิบัตร..ก็ไม่น่าจะถูกต้องนัก มันคืออีกช่องทางหนึ่งของระบบเศรษฐกิจที่ถูกวางแผนครอบไว้ ในการดูดเอาความมั่งคั่งเข้ากระเป๋าพวกนักบริหารและผู้ถือหุ้นของบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งหลาย ...แค่นั้นเอง

    Depriving Poor Countries of Medicines
    คนจนไม่มีสิทธิ์ได้ใช้ยา

    ยาที่จะทำประโยชน์ให้คนนับล้านได้ในประเทศยากจน จำเป็นต้องมีราคาที่คนจนจะจับต้องได้ แต่พวกบิ้กฟาร์ม่าที่ถือสิทธิบัตรยาเหล่านั้น..ต้องการควบคุมการเข้าถึง และชาร์จที่ราคาสูงสุดเท่าที่จะทำได้

    World Trade organization (WTO) มีการบังคับใช้สิทธิบัตรผ่านข้อตกลง ที่เรียกว่า TRIPS (Trade Related Aspects of Intellectual Property) ...แต่ TRIPS ก็ยังมีข้อดีอยู่นิดหน่อยที่อนุญาตให้ประเทศยากจนหลายประเทศสามารถก้อปปี้การผลิตยาเฉพาะตัวที่สำคัญ ๆ และมีข้อบังคับทางกฏหมายให้บางประเทศเช่นอินเดียสามารถทำได้ ...แต่ถึงอย่างนั้น บิ้กฟาร์ม่าก็ยังคงบล็อกการเข้าถึงยาได้ทั่วโลกอยู่ ประเทศยากจนส่วนใหญ่ยังคงต้องซื้อยาในราคาแพงอยู่ เพราะยังคงมีการขู่จากทั้งสหรัฐ อังกฤษ และประเทศพัฒนาแล้วหลายประเทศ

    Nelson Mandela ผู้นำประเทศอัฟริกาใต้ เคยพยายามที่จะได้ยา HIV ราคาถูกเพื่อรักษาผู้ป่วยเอดส์ในประเทศ ...บริษัทยาตะวันตกชาร์จที่ราคา $15,000 ต่อคนต่อปี ในขณะที่บริษัทอินเดียผลิตได้แค่ $300 ต่อคนต่อปี ...แต่แมนเดล่าถูกขู่ที่จะแซงค์ชั่น..หลังจากบริษัทยายักษ์ใหญ่ล้อบบี้ฐบาลสหรัฐ ทำให้ผู้คนหลายล้านในอัฟริกาใต้ต้องตาย เพราะไม่สามารถเข้าถึงยาจากอินเดียที่ก้อปปี้จากยาราคาแพงตัวนี้ได้

    More Spent on Marketing Than on Research
    ใช้เงินไปกับการตลาดมากกว่าใช้กับการวิจัยซะอีก

    ถ้ายาได้ผลดีจริง มันก็ไม่ต้องการการตลาดเลย ถ้ามันให้ผลดีจากการศึกษาทางวิทยาศาสตร์จริงแล้ว แพทย์และเครือข่ายการแพทย์ทั่วโลกย่อมจะต้องนำมาใช้อยู่แล้ว ...แต่จริง ๆ แล้ว ยาส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ผลนัก บริษัทจึงจำเป็นต้องใช้เงินมหาศาลในการ "ชักชวน" ให้แพทย์ทั้งหลายให้มาสั่งใช้ยานั้น ...ทั้งหมดนี้หมายความรวมถึง ของขวัญ การจัดท่องเที่ยววันหยุด หรือการสร้างสิ่งจูงใจ (ฟังดูไพเราะกว่า "สินบน" เยอะเลย) แพทย์จำนวนมากก็แฮ้ปปี้ที่จะร่วมเล่นด้วย ...ค่าใช้จ่ายการตลาดเหล่านี้น่ะ มันรวมอยู่ในราคายาแล้วแหละ

    Fraud and Deception are Widespread
    การฉ้อฉลมันกระจายวงไปกว้างไกลมาก

    อุตสาหกรรมยาเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีการคอรัปชั่นมากที่สุด บิ้กฟาร์ม่าหลายแห่งถูกกล่าวหาว่าขายยาที่เป็นอันตราย หรืออาจถึงชีวิตได้ ...อุตสาหกรรมนี้เคยถูกสั่งปรับมาแล้วถึงมากกว่า $5 หมื่นล้านในรอบยี่สิบปีที่ผ่านมา ...เมื่อปี 2012 Glaxo Smith Kline (GSK) ก็ถูกปรับไป $3 พันล้านในสหรัฐที่ขายยาผิดประเภท และจ่ายสินบนแก่แพทย์ และปิดบังผลวิจัย นอกจากนี้ GSK ยังถูกปรับที่อินเดีย อัฟริกาใต้และอังกฤษ

    แต่บริษัทนี้ขายยาแค่รายการเดียวก็อาจเป็นจำนวนเงินที่มากกว่าค่าปรับหลายเท่าตัวก็ได้สบาย ๆ

    อุตสาหกรรมยามีประวัติการโฆษณายาเกินจริง..ไม่บอกถึงผลด้อยของคุณภาพ..และปิดบังผลร้ายของยามานานแล้ว ...จากการศึกษาเมื่อเร็ว ๆ นี้ แสดงให้เห็นว่า เวชภัณท์มีผลร้ายมากกว่าที่ผู้ผลิตแจ้งไว้ถึง 4 เท่าส่งผลให้มีผู้ป่วยต้องเข้าโรงพยาบาลถึงสองแสนกว่าคนในอังกฤษ และอีกสองล้านคนในสหรัฐในแต่ละปี

    นอกจากนี้ยังมีกรณีเสียชีวิตอีกถึง 55,000 รายจากยาแก้ปวด แต่ข้อมูลเหล่านี้ถูกปิดบังโดย Merck ผู้ผลิตยา ....ยังมีผู้เสียชีวิตจากโรคหัวใจ จากผลของยารักษาเบาหวาน

    ตอนนี้มีหลักฐานว่าบริษัทยาเหล่านี้มีการจัดการยักย้ายงานวิจัยของตน พวกนี้ทดสอบยาของตนเอง และออกผลทดสอบที่แสดงแต่ส่วนดีและซ่อนส่วนที่เป็นโทษ

    อุตสาหกรรมยาใช้เงินล้อบบี้รัฐบาลสหรัฐมากกว่าอุตสาหกรรมอื่น ๆ ..ปี 2018 มีการใช้เงินถึง $2.8 แสนล้าน นี่แสดงให้เห็นถึงการไร้กฏระเบียบของอุตสาหกรรมนี้ ถึงแม้สหรัฐจะมี Food and Drug Administration (FDA) แต่หน่วยงานนี้ก็มีงบประมาณไม่พอ ทำให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อน ...เจ้าหน้าที่ในสต้าฟมีสัมพันธภาพกับอุตสาหกรรมนี้ อดีตผอ. FDA ก็ออกไปทำงานกับ Pfizer ...ส่วนอดีตสมาชิกสภาคองเกรสจำนวนไม่น้อยก็ไปรับจ้อบเป็นล้อบบี้ยิสต์ให้กับอุตสาหกรรมยา

    สถานการณ์ของการรักษากฏของเรื่องนี้ในอังกฤษยิ่งร้ายหนักกว่าอีก อังกฤษไม่เคยมีการลงโทษบริษัทยาซักแห่งเลย มีการปรับเล็กน้อยรวมกันแค่ £73,300 แต่ไม่เคยมีการบังคับใช้กฏหมายอย่างจริงจังเลย

    Not Fit For Purpose

    แทบทุกประเทศที่มีหน่วยงานเกี่ยวกับอาหารและยามักจะตายใจไม่นึกว่าอุตสาหกรรมยาน่ะมันเชี่..แค่ไหน พวกสื่อเองก็เงียบไม่พูดถึงกำ ไรมหาศาลของบริษัทยาเพราะรับทรัพย์ไปเยอะ ...อุตสาหกรรมนี้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของอุตสาหกรรมที่ไม่ได้เกิดขึ้นเพื่อสนองจุดประสงค์แท้จริงของสาธารณชน (not fit for purpose) มันทำความล้มเหลวทั้งในประเทศร่ำรวยและยากจนถ้วนหน้า

    ถ้าอุตสาหกรรมนี้เป็นเรื่องที่ดำเนินงานไปโดยหน่วยงานของชาติ ยาทุกชนิดจะมีราคาเป็นแค่เศษเสี้ยวของราคาปัจจุบัน ไม่ต้องมีปัญหายาปลอม ไม่ต้องมีการล็อบบี้ ไม่ต้องมีการแย่งชิงสิทธิบัตร ประเทศยากจนเข้าถึงยาได้ง่าย ๆ ที่ราคาต่ำมาก ๆ จนอาจให้เปล่าได้เลย

    ถ้าเราพูดถึงการต่อสู้ความยากจนของโลกจริง ๆ แล้ว นี่เป็นเรื่องแรก ๆ ที่ต้องทำ ....แต่ความเป็นไปได้ที่อุตสาหกรรมยาควรจะเป็นเรื่องที่รัฐบาลดำเนินงานเอง เป็นเรื่องที่ไม่เคยมีใครพูดถึงเลย......

    ***ผมไม่ได้แปลส่วนเชิงอรรถในบทความนะครับ แต่เพื่อน ๆ ดูได้ในบทความต้นฉบับนะครับ***

    https://medium.com/elephantsintheroom/42-the-crimes-of-the-pharmaceutical-industry-5fee08225cbb
    Elephant in the Room The Crimes of the Pharmaceutical Industry เรื่องของบิ้กฟาร์ม่า Roddriver Aug 25, 2021 อุตสาหกรรมยา เป็นการผลิตยาเพื่อผลทางการแพทย์ อุตสาหกรรมนี้เน้นการรณรงค์เรื่องของสิทธิบัตรทั่วโลกเป็นส่วนใหญ่ ...ถึงแม้ว่านักเศรษฐศาสตร์กระแสหลักจะวิจารณ์หนักมากในเรื่องของสิทธิบัตรยา ...ยาที่มีสิทธิบัตรมักจะขายได้ราคาสูงกว่ายาที่ไม่มีสิทธิบัตรนับพัน ๆ เท่า อุตสาหกรรมนี้แสดงให้เห็นได้ชัดเจนถึงประเด็นที่ได้โพสท์ไว้ก่อนหน้านี้ (แปลแล้ว) เกี่ยวกับอำนาจและอาชญากรรมจากสิทธิบัตรของบริษัทยักษ์ทั้งหลาย Researching The Wrong Problems วืจัยเฉพาะเรื่องที่มีกำไร การทำวิจัยส่วนใหญ่มักจะโฟกัสไปที่ปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศที่ร่ำรวยที่มีกำลังซื้อ ...มียาเพียง 21 ตัวจาก 1,556 ตัวซึ่งออกสู่ตลาดโลกตั้งแต่ปี 1975 ถึงปี 2004 ที่เล็งเป้าไปต่อสู้กับโรคที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับชาวตะวันตกนัก ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศยากจน บริษัทเหล่านี้ใช้เวลาส่วนใหญ่ทำการวิจัยยาที่เกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ เช่นไวอากร้ามากกว่ายารักษาวัณโรค เพราะกำไรมันอยู่ตรงนั้น ทั้ง ๆ ที่เราสามารถจัดการกับปัญหาสุขภาพของประเทศยากจนได้โดยใช้ทุนต่ำกว่ามาก ...ตั้งแต่ปี 2006 มาแล้วที่ World Health Organization (WHO) เริ่มพูดถึงปัญหานี้ แต่การหาทุนก็ยังคงมีไม่พอ Social Costs, Private Profits เงินวิจัยจากสาธารณชน แต่กำไรเป็นของเอกชน ในช่วงต้น ๆ ของการวิจัยและพัฒนามักจะได้รับทุนสาธารณะ ทั้งจากมหาวิทยาลัยและรัฐบาลหลายแห่งทั่วโลก ...บริษัทยักษ์จะเข้ามาร่วมด้วยหลังจากรู้ชัดว่าการทดลองขั้นต้นแสดงให้เห็นแล้วว่า..ยาตัวนี้น่าจะต้องมีอนาคตแน่ อย่างไรก็ตาม ถ้าบริษัทไหนได้ถือสิทธิบัตรเอาไว้ ก็จะได้กำไรส่วนใหญ่ไป เพราะเมื่อมีสิทธิบัตรอยู่ในมือ พวกเขาก็จะชาร์จราคาสูงสุดได้ตามใจ พูดอีกอย่างก็คือ ราคาที่คนร่ำรวยจะจ่ายให้ได้ ถ้าเป็นไปตามนี้ การปล่อยให้บริษัทเอกชนเก็บกำไรทั้งหมดจากยาที่ได้รับสิทธิบัตร..ก็ไม่น่าจะถูกต้องนัก มันคืออีกช่องทางหนึ่งของระบบเศรษฐกิจที่ถูกวางแผนครอบไว้ ในการดูดเอาความมั่งคั่งเข้ากระเป๋าพวกนักบริหารและผู้ถือหุ้นของบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งหลาย ...แค่นั้นเอง Depriving Poor Countries of Medicines คนจนไม่มีสิทธิ์ได้ใช้ยา ยาที่จะทำประโยชน์ให้คนนับล้านได้ในประเทศยากจน จำเป็นต้องมีราคาที่คนจนจะจับต้องได้ แต่พวกบิ้กฟาร์ม่าที่ถือสิทธิบัตรยาเหล่านั้น..ต้องการควบคุมการเข้าถึง และชาร์จที่ราคาสูงสุดเท่าที่จะทำได้ World Trade organization (WTO) มีการบังคับใช้สิทธิบัตรผ่านข้อตกลง ที่เรียกว่า TRIPS (Trade Related Aspects of Intellectual Property) ...แต่ TRIPS ก็ยังมีข้อดีอยู่นิดหน่อยที่อนุญาตให้ประเทศยากจนหลายประเทศสามารถก้อปปี้การผลิตยาเฉพาะตัวที่สำคัญ ๆ และมีข้อบังคับทางกฏหมายให้บางประเทศเช่นอินเดียสามารถทำได้ ...แต่ถึงอย่างนั้น บิ้กฟาร์ม่าก็ยังคงบล็อกการเข้าถึงยาได้ทั่วโลกอยู่ ประเทศยากจนส่วนใหญ่ยังคงต้องซื้อยาในราคาแพงอยู่ เพราะยังคงมีการขู่จากทั้งสหรัฐ อังกฤษ และประเทศพัฒนาแล้วหลายประเทศ Nelson Mandela ผู้นำประเทศอัฟริกาใต้ เคยพยายามที่จะได้ยา HIV ราคาถูกเพื่อรักษาผู้ป่วยเอดส์ในประเทศ ...บริษัทยาตะวันตกชาร์จที่ราคา $15,000 ต่อคนต่อปี ในขณะที่บริษัทอินเดียผลิตได้แค่ $300 ต่อคนต่อปี ...แต่แมนเดล่าถูกขู่ที่จะแซงค์ชั่น..หลังจากบริษัทยายักษ์ใหญ่ล้อบบี้ฐบาลสหรัฐ ทำให้ผู้คนหลายล้านในอัฟริกาใต้ต้องตาย เพราะไม่สามารถเข้าถึงยาจากอินเดียที่ก้อปปี้จากยาราคาแพงตัวนี้ได้ More Spent on Marketing Than on Research ใช้เงินไปกับการตลาดมากกว่าใช้กับการวิจัยซะอีก ถ้ายาได้ผลดีจริง มันก็ไม่ต้องการการตลาดเลย ถ้ามันให้ผลดีจากการศึกษาทางวิทยาศาสตร์จริงแล้ว แพทย์และเครือข่ายการแพทย์ทั่วโลกย่อมจะต้องนำมาใช้อยู่แล้ว ...แต่จริง ๆ แล้ว ยาส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ผลนัก บริษัทจึงจำเป็นต้องใช้เงินมหาศาลในการ "ชักชวน" ให้แพทย์ทั้งหลายให้มาสั่งใช้ยานั้น ...ทั้งหมดนี้หมายความรวมถึง ของขวัญ การจัดท่องเที่ยววันหยุด หรือการสร้างสิ่งจูงใจ (ฟังดูไพเราะกว่า "สินบน" เยอะเลย) แพทย์จำนวนมากก็แฮ้ปปี้ที่จะร่วมเล่นด้วย ...ค่าใช้จ่ายการตลาดเหล่านี้น่ะ มันรวมอยู่ในราคายาแล้วแหละ Fraud and Deception are Widespread การฉ้อฉลมันกระจายวงไปกว้างไกลมาก อุตสาหกรรมยาเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีการคอรัปชั่นมากที่สุด บิ้กฟาร์ม่าหลายแห่งถูกกล่าวหาว่าขายยาที่เป็นอันตราย หรืออาจถึงชีวิตได้ ...อุตสาหกรรมนี้เคยถูกสั่งปรับมาแล้วถึงมากกว่า $5 หมื่นล้านในรอบยี่สิบปีที่ผ่านมา ...เมื่อปี 2012 Glaxo Smith Kline (GSK) ก็ถูกปรับไป $3 พันล้านในสหรัฐที่ขายยาผิดประเภท และจ่ายสินบนแก่แพทย์ และปิดบังผลวิจัย นอกจากนี้ GSK ยังถูกปรับที่อินเดีย อัฟริกาใต้และอังกฤษ แต่บริษัทนี้ขายยาแค่รายการเดียวก็อาจเป็นจำนวนเงินที่มากกว่าค่าปรับหลายเท่าตัวก็ได้สบาย ๆ อุตสาหกรรมยามีประวัติการโฆษณายาเกินจริง..ไม่บอกถึงผลด้อยของคุณภาพ..และปิดบังผลร้ายของยามานานแล้ว ...จากการศึกษาเมื่อเร็ว ๆ นี้ แสดงให้เห็นว่า เวชภัณท์มีผลร้ายมากกว่าที่ผู้ผลิตแจ้งไว้ถึง 4 เท่าส่งผลให้มีผู้ป่วยต้องเข้าโรงพยาบาลถึงสองแสนกว่าคนในอังกฤษ และอีกสองล้านคนในสหรัฐในแต่ละปี นอกจากนี้ยังมีกรณีเสียชีวิตอีกถึง 55,000 รายจากยาแก้ปวด แต่ข้อมูลเหล่านี้ถูกปิดบังโดย Merck ผู้ผลิตยา ....ยังมีผู้เสียชีวิตจากโรคหัวใจ จากผลของยารักษาเบาหวาน ตอนนี้มีหลักฐานว่าบริษัทยาเหล่านี้มีการจัดการยักย้ายงานวิจัยของตน พวกนี้ทดสอบยาของตนเอง และออกผลทดสอบที่แสดงแต่ส่วนดีและซ่อนส่วนที่เป็นโทษ อุตสาหกรรมยาใช้เงินล้อบบี้รัฐบาลสหรัฐมากกว่าอุตสาหกรรมอื่น ๆ ..ปี 2018 มีการใช้เงินถึง $2.8 แสนล้าน นี่แสดงให้เห็นถึงการไร้กฏระเบียบของอุตสาหกรรมนี้ ถึงแม้สหรัฐจะมี Food and Drug Administration (FDA) แต่หน่วยงานนี้ก็มีงบประมาณไม่พอ ทำให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อน ...เจ้าหน้าที่ในสต้าฟมีสัมพันธภาพกับอุตสาหกรรมนี้ อดีตผอ. FDA ก็ออกไปทำงานกับ Pfizer ...ส่วนอดีตสมาชิกสภาคองเกรสจำนวนไม่น้อยก็ไปรับจ้อบเป็นล้อบบี้ยิสต์ให้กับอุตสาหกรรมยา สถานการณ์ของการรักษากฏของเรื่องนี้ในอังกฤษยิ่งร้ายหนักกว่าอีก อังกฤษไม่เคยมีการลงโทษบริษัทยาซักแห่งเลย มีการปรับเล็กน้อยรวมกันแค่ £73,300 แต่ไม่เคยมีการบังคับใช้กฏหมายอย่างจริงจังเลย Not Fit For Purpose แทบทุกประเทศที่มีหน่วยงานเกี่ยวกับอาหารและยามักจะตายใจไม่นึกว่าอุตสาหกรรมยาน่ะมันเชี่..แค่ไหน พวกสื่อเองก็เงียบไม่พูดถึงกำ ไรมหาศาลของบริษัทยาเพราะรับทรัพย์ไปเยอะ ...อุตสาหกรรมนี้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของอุตสาหกรรมที่ไม่ได้เกิดขึ้นเพื่อสนองจุดประสงค์แท้จริงของสาธารณชน (not fit for purpose) มันทำความล้มเหลวทั้งในประเทศร่ำรวยและยากจนถ้วนหน้า ถ้าอุตสาหกรรมนี้เป็นเรื่องที่ดำเนินงานไปโดยหน่วยงานของชาติ ยาทุกชนิดจะมีราคาเป็นแค่เศษเสี้ยวของราคาปัจจุบัน ไม่ต้องมีปัญหายาปลอม ไม่ต้องมีการล็อบบี้ ไม่ต้องมีการแย่งชิงสิทธิบัตร ประเทศยากจนเข้าถึงยาได้ง่าย ๆ ที่ราคาต่ำมาก ๆ จนอาจให้เปล่าได้เลย ถ้าเราพูดถึงการต่อสู้ความยากจนของโลกจริง ๆ แล้ว นี่เป็นเรื่องแรก ๆ ที่ต้องทำ ....แต่ความเป็นไปได้ที่อุตสาหกรรมยาควรจะเป็นเรื่องที่รัฐบาลดำเนินงานเอง เป็นเรื่องที่ไม่เคยมีใครพูดถึงเลย...... ***ผมไม่ได้แปลส่วนเชิงอรรถในบทความนะครับ แต่เพื่อน ๆ ดูได้ในบทความต้นฉบับนะครับ*** https://medium.com/elephantsintheroom/42-the-crimes-of-the-pharmaceutical-industry-5fee08225cbb
    MEDIUM.COM
    42) The Crimes of the Pharmaceutical Industry
    “The history of medicine is littered with wonderful early results which over a period of time turn out to be not so wonderful…
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 206 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่วงนี้อ่านเล่มไหนก็รู้สึกชอบและสนุกไปหมดเลยครับ อาจเพราะเป็นคนเลือกที่อยากอ่านเองจริง ๆ และก็มักไม่พบความผิดหวังกับเล่มที่เลือกนั้น ล่าสุดก็เรื่องนี้ที่สะดุดตาตั้งแต่ปกหน้า พอเจอในแอป hibrary ที่คนจองคิวไม่มาก และระบุว่าเกี่ยวกับการสืบสวนสอบสวน ระทึกขวัญกลางกรุงโตเกียว คิดว่าน่าสนใจจึงต่อคิวจอง และเมื่อวันก่อนครบกำหนดต้องคืน จึงรีบอ่านแบบติดเทอร์โบรวดเดียวจนจบทันก่อนเวลาเส้นตายแบบเฉียดฉิว เมื่ออ่านจบก็พบว่า

    "ดีจริงที่ตัดสินใจที่จะลองอ่าน ถ้าไม่งั้นคงน่าเสียดายยิ่ง"

    #silenttokyoandsothisisxmas
    สนพ.ไดฟุกุ (อ่านหนังสือของไดฟุกุติดกันหลายเล่ม เป็นสนพ.หนึ่งที่ผลิตหนังสือค่อนข้างคุณภาพทีเดียว แต่ผมอ่านแบบอีบุ๊ก)
    ฮาตะ ทาเคฮิโตะ เขียน
    เกวลิน ลิขิตวิทยาวุฒิ แปล
    248 หน้า 280 บาท
    พิมพ์ในญี่ปุ่นครั้งแรก 2559 ในไทยพิมพ์ครั้งแรกปี 2564

    คุณจะทำอย่างไร ถ้ารู้ว่าเมืองที่ตนอาศัยอยู่กำลังจะเกิดเหตุระเบิดครั้งใหญ่ใจกลางกรุง?

    เริ่มเรื่องก็ระทึกขวัญแต่ต้น ด้วยการที่แม่บ้านวัยสี่สิบกว่ารายหนึ่งตั้งใจจะออกไปซื้อของขวัญให้สามี เพราะใกล้จะถึงคริสต์มาส เธอจึงออกจากบ้านไปยังย่านกลางเมือง หลังซื้อของแล้วจึงมานั่งรับแดดกะจะกินแซนด์วิช บนม้านั่งตัวหนึ่งที่ลานสาธารณะหน้าสถานีรถไฟเอบิสุ ครู่หนึ่งชายที่ไหนไม่รู้ เข้ามาคุยกับเธอพูดจาแปลก ๆ บอกว่าใต้ม้านั่งมีระเบิด ห้ามเธอลุกขึ้นไม่งั้นระเบิดจะทำงาน เพราะเมื่อมีน้ำหนักมากกว่า30กิโลกรัมกดทับ วงจรจะเริ่มเตรียมพร้อม ทางเดียวที่จะรอด เธอต้องนั่งรอจนกว่าจะมีคนจากสถานทีโทรทัศน์แห่งหนึ่งมาที่นี่ แล้วให้เขานั่งลงข้าง ๆ จากนั้นเธอจึงลุกขึ้นได้ แต่ให้บอกสิ่งที่เธอได้ยินนี้กับเขาด้วยเพื่อจะได้ไม่ตายเพราะระเบิด และสุดท้ายให้บอกเขาว่า นี่คือสงคราม!

    🧨

    จากจุดเริ่มนั้นเอง ที่สถานีโทรทัศน์แห่งนั้น มีสายโทรแจ้งว่าจะมีการระเบิดขึ้นที่...หนุ่มทำงานพาร์ตไทม์ในสถานีที่ได้รับงานเป็นเบ๊ทั่วไป ถูกสั่งให้ไปยังจุดดังกล่าวพร้อมจนท.อีกคนที่ติดอุปกรณ์การถ่ายทำไปด้วย ทั้งสองจำใจไปแต่เชื่อว่าคงเป็นการล้อกันเล่น เมื่อไปถึงพบหญิงที่นั่งอยู่ข้างม้านั่งที่คนในสายแจ้ง ทั้งสองเข้าไปใกล้กะจะไปนั่งม้านั่งใกล้กันเพื่อสังเกต แต่เธอกลับเรียกให้ชายที่ถือกล้องนั่งลงถามว่ามาจากสถานีโทรทัศน์ใช่ไหม เขาแปลกใจจึงนั่งลงจะสอบถาม เธอรีบกระโดดขึ้นทันทีพลางบอกรายละเอียดทั้งหมด

    🧨

    ชายที่นั่งไม่เชื่อจะลุก เธอรีบกดไหล่และหว่านล้อมว่าวิธีเดียวที่จะรอดคือต้องทำตามคำบอกของชายคนที่แจ้งรายละเอียดกับเธอไว้ในตอนแรก นั่นคือให้เขาใช้กล้องบันทึกสิ่งที่ตัวเองประสบแล้วเผยแพร่ออกไป จากนั้นเธอเอาของที่คล้ายนาฬิกาข้อมือดิจิทัลมาคล้องกับข้อมือของหนุ่มพาร์ตไทม์โดยเขาไม่ทันตั้งตัว พลางเธอชูให้ดูว่าที่ข้อมือตัวเองก็มี บอกว่านี่เป็นระเบิดด้วยเช่นกัน ถ้าไม่ทำตามคำสั่งของชายแปลกหน้าที่เข้ามาคุยกับเธอ เขาจะสั่งงานระยะไกลให้นาฬิการะเบิด แล้วรีบบอกกับเด็กหนุ่มว่าต้องไปต่อที่แห่งหนึ่งตามคำสั่ง จากนั้นทิ้งชายที่น่าสงสารไว้ตามลำพัง ซึ่งเขาก็กลัวมากจึงรีบทำตามที่เธอบอก ในที่สุดเรื่องก็ทราบถึงตำรวจ จนแห่กันมากู้ระเบิดด้วยการใช้ไนโตรเจนเหลวกะให้หยุดการทำงานของระบบ ปรากฏว่าเกิดระเบิดเสียงดังสนั่น

    🧨

    ที่แท้เป็นการข่มขู่ แค่ระเบิดเสียงแต่ยังไม่มีอำนาจทำลายล้าง ทว่าด้วยเหตุนี้ทางตำรวจสืบสวนกลางจึงตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อดูแลและสืบเรื่องนี้ขึ้น จากการวิเคราะห์ทำให้ตำรวจทราบว่า ระเบิดนั้นถูกติดตั้งตัวจับอุณหภูมิไว้ด้วย แสดงว่าคนที่ประกอบระเบิดเป็นระดับผู้เชี่ยวชาญ ที่มีความรู้ด้านนี้และคาดเดาได้ว่าตำรวจจะใช้ไนโตรเจนเหลว จึงดักทางด้วยการติดตั้งระบบให้ไม่อาจกู้ด้วยวิธีที่ตำรวจใช้ ในทีมสืบสวน มีการจับคู่ของนายตำรวจมากประสบการณ์วัยสี่สิบกว่ากับตำรวจหนุ่มไฟแรงคู่หนึ่ง ซึ่งมีบทบาทในการตามสืบข้อมูลเกี่ยวกับการระเบิดครั้งนี้อย่างกัดติด ด้วยตำรวจวัยกลางคนนั้นเคยแต่งงานกับลูกสาวของระดับสูงของหัวหน้าที่ตั้งทีมครั้งนี้ ทว่ามีเหตุการณ์ในอดีตที่ทำให้ต้องหย่ากันไป อย่างไรเขาคือผู้มีประสบการณ์มาอย่างโชกโชนเกี่ยวกับสถานการณ์อันตราย

    🧨

    ด้านหญิงกลางคนกับหนุ่มพาร์ตไทม์ เดินทางไปยังอาคารหลังหนึ่งเป็นห้องเช่า ที่ภายในมีทีวีและอุปกรณ์กล้อง พร้อมซองสีขาวที่เขียนรายละเอียดบอกไว้ให้เด็กหนุ่มต้องอ่านข้อความตามที่มีบทพูดไว้ให้ โดยให้ฝ่ายหญิงเป็นคนทำหน้าที่บันทึกภาพ จากนั้นให้นำโหลดเผยแพร่ให้คนอื่นในยูทูปเห็น เนื้อหาสรุปคือให้บอกว่าผมคือผู้ที่วางระเบิดนั้นเอง และยื่นข้อเสนอขอคุยกับนายกถ่ายทอดออกทางสถานีโทรทัศน์ ถ้าไม่ทำตาม จะมีการวางระเบิดในย่านใจกลางชิบูย่า หน้ารูปปั้นหมาฮาจิโกะ เส้นตายคือ18.30น. ปรากฏว่านายกฯออกข่าวตอบโต้ว่าไม่ต้องการเจรจาใดกับผู้ก่อการร้ายทั้งสิ้น และจะทำสงครามกับคนไม่หวังดีอย่างถึงที่สุด

    🧨

    ด้านหนุ่มพาร์ตไทม์ได้รับคำสั่งต่อไปให้ไปทำคนเดียว จึงต้องแยกกับหญิงกลางคนที่ถูกให้เฝ้ารอคำสั่งอยู่ในห้องแห่งนั้น ส่วนตำรวจก็วิ่งขาขวิด ล้อมรั้วด้วยแถบเหลืองรอบรูปปั้นฮาจิโกะด้วยรัศมีประมาณหนึ่ง และให้หน่วยกอบกู้ระเบิดพยายามเร่งค้นหาวัตถุระเบิดที่ถูกซุกซ่อนอยู่ แต่คนโตเกียวและชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่เข้าใจว่าคลิปที่เผยแพร่ น่าจะเป็นการหลอกลวงเหมือนเช่นระเบิดก่อนหน้าที่สถานีเอบิสุ จึงไม่รู้สึกกลัวแถมยังแห่มายังบริเวณลานอันเป็นสถานที่ถูกระบุ ด้วยต้องการมาเซลฟี่ตนเอง บ้างมาเป็นกลุ่ม เพื่ออัปโหลดเผยแพร่ให้คนอื่นเห็น

    🧨

    มีหญิงสาวพนักงานบริษัทธรรมดาสองคนที่เป็นเพื่อนสนิทกัน คนหนึ่งเป็นชู้กับสามีของคนอื่นและคะยั้นคะยอชวนเพื่อนไปนัดบอดก่อนหน้านี้ ซึ่งเพื่อนของเธอเพิ่งอกหักจากแฟนที่รักกันมากว่าสิบปี แล้วทิ้งไปอยู่กับกิ๊กที่ตั้งท้องไม่กี่เดือน เพื่อนสาวคนนี้กำลังคิดจะเริ่มต้นใหม่และรู้สึกดีกับหนุ่มคนหนึ่งในงานนัดบอด โดยเขาคนนั้นเป็นเจ้าของบริษัทที่สร้างแอปพลิเคชันที่เปิดตัวดีและมีคนใช้เยอะ ธุรกิจไปได้สวยทั้งที่ยังอายุไม่มาก แต่ค่อนข้างเย็นชาไม่สนใจคนรอบข้าง สองสาวตั้งใจจะมากินอาหารฉลองก่อนคริสต์มาส แล้วเห็นหนุ่มคนที่ตนสนใจเข้าพอดีในสถานที่ใกล้รูปปั้นฮาจิโกะ เพื่อนคนที่ใจกล้าจึงชวนอีกคนว่าให้ลองตามไปดูเขาว่าทำไมถึงมาอยู่แถวชิบูย่า ทั้งที่ก่อนหน้าตอนเธอชวนมากินข้าวด้วยกัน ปฏิเสธว่ามีนัดสำคัญที่อื่น เธอไม่อยากไปแต่สุดท้ายก็โดนเพื่อนลากไปจนได้

    🧨

    ด้านตำรวจยังคงพยายามตามหาว่าระเบิดถูกซ่อนตรงไหน เวลากระชั้นสั้นเข้าใกล้ถึงกำหนดที่ถูกประกาศว่าจะมีการระเบิด แต่ผู้คนยิ่งมาออกันอย่างเนืองแน่นด้วยความสนุกสนาน

    สุดท้ายจึงเกิดโศกนาฏกรรมใหญ่ เพราะมีการระเบิดขึ้นจริง ผู้คนล้มตายเป็นใบไม้ร่วง แต่เรื่องราวไม่จบเท่านี้ เพราะหลังเหตุร้ายแรง นายกฯยังคงยืนยันคำพูดแข็งกร้าวเช่นเดิม ดังนั้นจึงมีข้อความต่อมาของคนร้ายที่แจ้งให้ทราบว่า ถ้านายกยังไม่ทำตามข้อเสนอ ระเบิดครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นในคืนวันคริสต์มาสอีฟ คราวนี้บอกแค่เวลา แต่ไม่ระบุจุดที่จะระเบิด บอกเพียงว่าในกรุงโตเกียว

    🧨

    เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป..

    ตำรวจจะหาตัวคนร้ายเจอไหม ..

    สถานที่ใดจะเกิดระเบิดครั้งต่อไป..

    หญิงสาวสองคนที่อยู่ตรงบริเวณย่านชิบูย่าตายหรือไม่..

    ชายคนที่หญิงสาวรู้สึกสนใจ ทำไมโกหกเธอ แล้วเขามาทำอะไร รอดตายหรือไม่..

    หญิงวัยกลางคนที่ประสบเหตุคนแรกเล่า ที่ข้อมือยังมีนาฬิกาที่พร้อมระเบิดถ้าขัดคำสั่งคนร้าย เธอถูกให้ทำเรื่องใดต่อไป..

    หนุ่มพาร์ตไทม์ที่ได้รับมอบหมายงานไปทำตามลำพัง จะรอดหรือไม่ ใคร ๆ ต่างเข้าใจว่าเขาคือคนร้ายไปหมดแล้ว ...

    ยังมีอีกหลายตัวละครที่มีบทบาทต่อเนื้อเรื่อง ที่ผมเล่าได้ไม่หมด ต้องไปหาอ่านกันต่อแล้วล่ะ

    .......

    ภาควิเคราะห์✒️

    ตัวละครเยอะ และโผล่มาเรื่อย ๆ เฉพาะที่มีส่วนเกี่ยวข้องหลักก็เกือบสิบคน ยังมีประเภทโผล่มาประปรายเพราะมีความสัมพันธ์กับตัวละครที่เกี่ยวข้องอีกพอสมควร แต่เนื่องจากผมมีเวลาจำกัดที่ต้องอ่านให้จบทันก่อนหนังสือจะคืนเข้าระบบตามกำหนด จึงไม่สามารถค่อย ๆ เสพอ่านอย่างละเมียดบรรจง แต่ใช้วิธีอ่านแบบกวาดตาโดยไว ซึ่งปกติจะไม่อยากอ่านแบบนี้ถ้าไม่จำเป็น เนื่องจากจะจดจำชื่อตัวละคร หรือดื่มด่ำกับสำนวนและการบรรยายของผู้เขียนได้น้อย

    ✒️

    ดีที่เล่มนี้ไม่เน้นการบรรยายเยอะ แต่สนทนามากกว่า มีบรรยายบ้างแต่ไม่ยาวเป็นหน้า ค่อนข้างเดินเรื่องกระชับฉับไว ให้รายละเอียดเท่าที่จำเป็น ตัวละครคุยกันเยอะ ให้ความรู้สึกเหมือนดูหนังครับ ยิ่งอ่านประวัติคนเขียนด้วยจึงเข้าใจ เพราะเป็นทั้งนักเขียนหนังสือ นักเขียนบท โปรดิวเซอร์ ผู้กำกับ มิน่าล่ะจึงสะท้อนความเชี่ยวชาญและแนวคิดการทำงานในการผลิตหนัง มาใช้ในงานเขียนด้วย

    ✒️

    อ่านแล้วนึกถึงหนังเรื่อง pulp fiction เมื่อปี 2537 ครับ ลักษณะการเล่ามีความเดินเรื่องคล้ายอย่างในหนัง คือไม่ได้เล่าไปทีละลำดับ แต่สลับระหว่างตัวละครหลักกลับไปกลับมา ฉากโน้นฉากนี้ แล้วพอตัวละครเยอะ ก็จะเข้าใจยากหน่อย แต่พอนำมาร้อยเรียงกันเองในหัวแล้วจะเริ่มมองภาพใหญ่ออก เพียงแค่ผู้เขียนเลือกหยิบเล่าในบริเวณจำกัดของ jigsaw บางส่วนในภาพทั้งหมด แล้วกระโดดไปเล่ามุมอื่นของชีวิตตัวละครตัวอื่น วนไปวนมาแบบนี้ จนค่อย ๆ กลายเป็นภาพที่ต่อสำเร็จเป็นรูปร่างมากขึ้นเรื่อย ๆ

    ✒️

    อ่านไปเหมือนจะงง แล้วพาลทำให้ไม่เข้าใจและไม่ชอบ หมดสนุกได้หากเราไม่คุ้นเคยกับการเล่าแบบนี้ ผมนึกถึงตัวเองตอนได้ดู pulp fiction ในโรงหนังลิโด้ครั้งแรกสมัยก่อน ถึงกับอุทานในใจ

    แหม..หนังอะไรวะเนี่ย ดูไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจอะไรเลย ตัวละครต่าง ๆ ที่จู่ ๆ ก็โผล่มาแบบไม่มีต้น ไม่มีปลาย มาทำบ้าอะไรของมันเดี๋ยวเดียวก็ตัดไป กลายเป็นตัวอื่นโผล่มาแล้วก็ลักษณะเดียวกันคือไม่มีรายละเอียดให้รู้ งงไปจนแทบเลยกลางเรื่องไปพอสมควรแล้วนั่นแหละ แบบดูไปด่าไปในใจ แต่ก็ทนดูต่อไปเพราะอยากรู้ว่าตกลงเรื่องราวมันยังไงกันแน่

    ✒️

    พอดูจบถึงกับแทบโห่ร้องออกมาแบบไม่มีเสียง นี่มันหนังโคตรดี สุดยอดอย่างที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน คิดได้ยังไง ถ้าดำเนินเรื่องตามลำดับเวลาก่อนหลังที่ควรจะเป็น เราก็เข้าใจง่ายตั้งแต่ต้นละ แต่นี่ดันตัดเอาแค่บางช่วงสลับไปมาจนงงไปหมด ให้ไปต่อเอาเองในหัว

    หนังสือเล่มนี้ก็มีความคล้ายในการเล่าแบบหนังเรื่องนั้นเหมือนกัน แต่ไม่ได้มากเท่าและไม่ได้ชัดเจนเท่า ยังมีความเล่าตามลำดับในโครงสร้างใหญ่ไปตามวันที่เริ่มตั้งแต่ 22 ธันวาคม จนถึงก่อนวันคริสต์มาส แต่ทว่าจะมีช่วงที่เล่าให้ทราบถึงความเป็นไปในตัวละครบางตัวในอดีต เป็นเชิงภาคขยายจากในคราวแรกที่ไม่ได้ให้รายละเอียดตัวละครอะไรมากมาย

    ✒️

    กลางเล่มไปแล้วที่หลังเกิดเหตุระเบิดใหญ่อันน่าตกใจและมีการสูญเสียทำได้ดีทีเดียว ฉากกลางย่านชิบูย่าในภาพก่อนหน้าที่กำลังวุ่นวายและเต็มไปด้วยความเอะอะของเหล่าผู้คน ที่ไม่ตระหนักถึงอันตรายใดแล้วไม่สนใจคำเตือนตำรวจ กับภายหลังเหตุระเบิด รวมถึงความไต่ระดับของการเดินเรื่องที่บางตัวละครพยายามตามหาความจริง จิกกัดไม่ปล่อย ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ใช่ตำรวจและยังเป็นผู้หญิง มีฉากหนึ่งที่อ่านแล้วอดนึกไม่ได้ว่า

    "อยากตายนักหรือไง"

    เพราะเธอไปจี้ถาม คุ้ยแคะแกะแผลจะคาดคั้นเอาคำตอบกับคนที่น่าสงสัยให้ได้ ช่วงบทสนทนาตอนนั้นคือลุ้นมาก นางปากดีคนนี้จะถูกหมกตายไหมเนี่ย ช่างปากกล้า ปากเก่งในเวลาที่ไม่ควรจริง ๆ แล้วเหตุการณ์ต่อจากฉากนั้น ก็ทำเอาแทบกลั้นลมหายใจอ่านทีเดียว

    ✒️

    ผู้เขียนฉลาดในการหลอกล่อคนอ่านมาตั้งแต่ต้นเริ่มเรื่องทีเดียว เรียกว่าเอาอยู่ หัวปั่นเพราะเบาะแสที่ให้มาทีละนิด เราก็คิดว่าเออ คนนี้หรือคนนั้นมีแววนะว่าอาจจะใช่คนร้ายที่เจ้าแผนการทั้งหมด เพียงเพื่อสุดท้ายจะพบกับความพลิกเหมือนลูกรูบิกที่บิดที สีที่เหมือนจะเรียงกันได้ครบ แต่ทำเอาแทบสลบเพราะนอกจากไม่เรียงสำเร็จทุกสี ยังเหมือนวิ่งหนีออกไปไกลกว่าเก่า

    อ้าว..ที่แท้คนนี้เองเหรอ..เราหมุนไปผิดทางตั้งแต่แรกเลยเหรอเนี่ย

    พอย้อนไปเก็บรายละเอียดหลังอ่านจบ โดยทวนเนื้อหาใหม่ในบางช่วงบางบทสนทนา การบรรยายรายละเอียดที่ผู้เขียนใส่ไว้ใหม่ จึงเกิดความรู้สึกเหมือน อะไรที่มันขัดกันในหัว หมุนเคลื่อนตัวลงล็อกดัง "กริ๊ก" ในตำแหน่งที่ถูกต้องเป๊ะ

    ✒️

    เราอ่านไม่ดีเองตั้งแต่แรก ละเลยส่วนสำคัญไปเพราะไม่ละเอียดและไม่คิดตามมากพอ แท้จริงร่องรอยของความจริงได้วางไว้ให้เห็นอยู่แล้ว ช่างสุดยอดจริง ๆ สมกับที่เล่มนี้ขายดีในญี่ปุ่น รวมถึงตอนสร้างเป็นหนังก็มีผลตอบรับดีด้วย (ตามที่ในหนังสือระบุไว้ในช่วงคำนำสำนักพิมพ์ หรือความในใจของผู้แปลก็ไม่แน่ใจ)

    ชอบที่ตอนจบ บทสรุปที่ให้คนอ่านได้เก็บไปคิดทบทวนถึงสิ่งที่คนเขียนต้องการสื่อไปถึงชาวญี่ปุ่นทั้งประเทศ หรือที่จริงชาวโลกก็ว่าได้ เกี่ยวกับสงครามว่าคือสิ่งที่นักการเมือง ผู้มีอำนาจ และพลเมืองที่อยู่ในประเทศนั้น ๆ ควรจะปฏิบัติเช่นไร หรือไม่ควรปฏิบัติเช่นไร

    ✒️บทสรุปของคนร้ายจะตายหรือไม่

    ตอนที่เรื่องเฉลยโดยให้คนร้ายบอกเล่าความจริงในใจกับใครคนหนึ่งนั้น รู้สึกชอบวิธีเฉลยที่ผู้เขียนเลือกใช้ครับ รูปแบบเรียบง่ายแต่เข้ากับนิสัยของตัวละครตัวนี้ดี บ่งบอกตัวตนของคนคนนี้ได้ค่อนข้างชัดเจน

    คนอ่านหลายคนอาจไม่ชอบเหตุผลและแรงจูงใจของคนร้าย และไม่อาจทำใจให้เชื่อได้ แต่ผมคิดว่าพอจะเข้าใจนะ แต่ไม่ใช่เห็นด้วยกับสิ่งที่คนร้ายเลือกกระทำ คนเราเมื่อยึดติดในสิ่งใด สัตว์ใด คนใด ความเชื่อใดมากจนฝังแน่นไปถึงจิต

    ✒️

    มันยากเหลือเกินที่จะลบล้างเอาเจ้าความคิดนั้นให้หลุดออกไปได้ ในแง่นี้ผมจึงคิดว่าเข้าใจและเห็นใจสงสารคนร้ายพอสมควร ส่วนประชาชนคนที่ตายไปมากมายนั้น หากพูดกันอย่างไม่อคติ จะไปโทษคนร้ายทั้งหมดก็ไม่ได้ แท้จริงเหล่าคนที่ตายไป จะมากน้อยเพราะเขาทำตัวเอง พาตัวเองไปอยู่ในสถานที่ที่อันตราย ทั้งที่ทางตำรวจก็แจ้งเตือน ห้ามปราม แต่ก็ไม่สนใจ รวมถึงพวกสื่อต่าง ๆ ที่เอาแต่อยากทำข่าวโดยไม่สนใจว่าสิ่งที่ทำนั้นจะส่งผลให้สถานการณ์แย่กว่าเดิมหรือเป็นอันตรายต่อสังคม ประชาชนและประเทศชาติหรือไม่

    ผมว่าเล่มนี้สะท้อนมุมมองเรื่องเหล่านี้ได้ดี

    แต่เหนืออื่นใดคือฉากจบที่ตัวละครหนึ่งที่น่าสงสารและน่าเห็นใจมาก แต่กลับเป็นฝ่ายพูดและให้กำลังใจกับตัวละครอีกตัวที่บาดเจ็บทางใจอย่างร้ายแรงได้อย่างเข้าถึงจิตใจภายใน ราวกับคำพูดนั้นไปสัมผัสและลูบไล้ที่หัวใจด้วยความแผ่วเบาที่สุด

    ช่างอบอุ่นหัวใจดีเหลือเกิน หลังจากเหตุการณ์ทั้งหมดที่ประสบมา

    สำนวนแปลอ่านได้อย่างไม่รู้สึกสะดุด

    ..........

    อ่านจบ ไปลองค้นข้อมูลที่มีการสร้างเป็นหนังต่อ พอเห็นภาพโปสเตอร์ยิ่งอยากดูมาก เพราะมีนักแสดงคนโปรดเล่นด้วยนั่นคือ อิชิดะ ยูริโกะ และคนอื่น ๆ ก็ต่างเป็นนักแสดงคุณภาพทั้งนั้น สุดท้ายเจอที่มีคนทำซับบรรยายไทย จึงโหลดมาชม แต่ดูจบแล้วพบว่า ฉบับหนังสือดีกว่าพอสมควร คือหนังสร้างออกมาได้โอเคอยู่ นักแสดงก็ทำหน้าที่ในส่วนของตัวเองได้ดี แต่มันมีอยู่หลายช่วงที่รู้สึกว่าน่าจะเล่าได้ดีกว่านี้ อาจเพราะเวลาจำกัด รายละเอียดมากมายจึงใส่มาได้ไม่หมด จึงทำให้ลดความสนุกลงไปจากฉบับหนังสือเยอะเลย

    แต่ฉากสำคัญที่เกิดระเบิดกลางย่านชิบูย่าทำออกมาได้ดี

    ใครสนใจลองไปหาชมดูครับ

    สุดท้ายขอจบด้วยประโยคที่ตัวละครสองตัวในเรื่องเอ่ยไว้ได้อย่างน่าประทับใจ โดยระบุว่าเป็นคำกล่าวของนักเขียนนิยายที่มีชื่อว่า Stephen King

    "ผู้ชนะในการแข่งขันปาขี้คือคนที่มือเปื้อนน้อยที่สุด คนมีคุณภาพคือคนที่ไม่ทำให้มือตัวเองเปื้อนจากอะไรไร้สาระอย่างการขว้างปาเจตนาร้ายใส่คนอื่น"

    #หนังญี่ปุ่น
    #หนังน่าดู
    #หนังสือน่าอ่าน
    #บทความ
    #รีววิหนังสือ
    #thaitimes
    #นิยายแปล
    #นิยายญี่ปุ่น
    #ระเบิดกลางกรุง
    #โตเกียว
    #สงคราม
    #แง่คิด
    #ระทึกขวัญ
    #สืบสวน
    #ก่อการร้าย
    ช่วงนี้อ่านเล่มไหนก็รู้สึกชอบและสนุกไปหมดเลยครับ อาจเพราะเป็นคนเลือกที่อยากอ่านเองจริง ๆ และก็มักไม่พบความผิดหวังกับเล่มที่เลือกนั้น ล่าสุดก็เรื่องนี้ที่สะดุดตาตั้งแต่ปกหน้า พอเจอในแอป hibrary ที่คนจองคิวไม่มาก และระบุว่าเกี่ยวกับการสืบสวนสอบสวน ระทึกขวัญกลางกรุงโตเกียว คิดว่าน่าสนใจจึงต่อคิวจอง และเมื่อวันก่อนครบกำหนดต้องคืน จึงรีบอ่านแบบติดเทอร์โบรวดเดียวจนจบทันก่อนเวลาเส้นตายแบบเฉียดฉิว เมื่ออ่านจบก็พบว่า "ดีจริงที่ตัดสินใจที่จะลองอ่าน ถ้าไม่งั้นคงน่าเสียดายยิ่ง" #silenttokyoandsothisisxmas สนพ.ไดฟุกุ (อ่านหนังสือของไดฟุกุติดกันหลายเล่ม เป็นสนพ.หนึ่งที่ผลิตหนังสือค่อนข้างคุณภาพทีเดียว แต่ผมอ่านแบบอีบุ๊ก) ฮาตะ ทาเคฮิโตะ เขียน เกวลิน ลิขิตวิทยาวุฒิ แปล 248 หน้า 280 บาท พิมพ์ในญี่ปุ่นครั้งแรก 2559 ในไทยพิมพ์ครั้งแรกปี 2564 คุณจะทำอย่างไร ถ้ารู้ว่าเมืองที่ตนอาศัยอยู่กำลังจะเกิดเหตุระเบิดครั้งใหญ่ใจกลางกรุง? เริ่มเรื่องก็ระทึกขวัญแต่ต้น ด้วยการที่แม่บ้านวัยสี่สิบกว่ารายหนึ่งตั้งใจจะออกไปซื้อของขวัญให้สามี เพราะใกล้จะถึงคริสต์มาส เธอจึงออกจากบ้านไปยังย่านกลางเมือง หลังซื้อของแล้วจึงมานั่งรับแดดกะจะกินแซนด์วิช บนม้านั่งตัวหนึ่งที่ลานสาธารณะหน้าสถานีรถไฟเอบิสุ ครู่หนึ่งชายที่ไหนไม่รู้ เข้ามาคุยกับเธอพูดจาแปลก ๆ บอกว่าใต้ม้านั่งมีระเบิด ห้ามเธอลุกขึ้นไม่งั้นระเบิดจะทำงาน เพราะเมื่อมีน้ำหนักมากกว่า30กิโลกรัมกดทับ วงจรจะเริ่มเตรียมพร้อม ทางเดียวที่จะรอด เธอต้องนั่งรอจนกว่าจะมีคนจากสถานทีโทรทัศน์แห่งหนึ่งมาที่นี่ แล้วให้เขานั่งลงข้าง ๆ จากนั้นเธอจึงลุกขึ้นได้ แต่ให้บอกสิ่งที่เธอได้ยินนี้กับเขาด้วยเพื่อจะได้ไม่ตายเพราะระเบิด และสุดท้ายให้บอกเขาว่า นี่คือสงคราม! 🧨 จากจุดเริ่มนั้นเอง ที่สถานีโทรทัศน์แห่งนั้น มีสายโทรแจ้งว่าจะมีการระเบิดขึ้นที่...หนุ่มทำงานพาร์ตไทม์ในสถานีที่ได้รับงานเป็นเบ๊ทั่วไป ถูกสั่งให้ไปยังจุดดังกล่าวพร้อมจนท.อีกคนที่ติดอุปกรณ์การถ่ายทำไปด้วย ทั้งสองจำใจไปแต่เชื่อว่าคงเป็นการล้อกันเล่น เมื่อไปถึงพบหญิงที่นั่งอยู่ข้างม้านั่งที่คนในสายแจ้ง ทั้งสองเข้าไปใกล้กะจะไปนั่งม้านั่งใกล้กันเพื่อสังเกต แต่เธอกลับเรียกให้ชายที่ถือกล้องนั่งลงถามว่ามาจากสถานีโทรทัศน์ใช่ไหม เขาแปลกใจจึงนั่งลงจะสอบถาม เธอรีบกระโดดขึ้นทันทีพลางบอกรายละเอียดทั้งหมด 🧨 ชายที่นั่งไม่เชื่อจะลุก เธอรีบกดไหล่และหว่านล้อมว่าวิธีเดียวที่จะรอดคือต้องทำตามคำบอกของชายคนที่แจ้งรายละเอียดกับเธอไว้ในตอนแรก นั่นคือให้เขาใช้กล้องบันทึกสิ่งที่ตัวเองประสบแล้วเผยแพร่ออกไป จากนั้นเธอเอาของที่คล้ายนาฬิกาข้อมือดิจิทัลมาคล้องกับข้อมือของหนุ่มพาร์ตไทม์โดยเขาไม่ทันตั้งตัว พลางเธอชูให้ดูว่าที่ข้อมือตัวเองก็มี บอกว่านี่เป็นระเบิดด้วยเช่นกัน ถ้าไม่ทำตามคำสั่งของชายแปลกหน้าที่เข้ามาคุยกับเธอ เขาจะสั่งงานระยะไกลให้นาฬิการะเบิด แล้วรีบบอกกับเด็กหนุ่มว่าต้องไปต่อที่แห่งหนึ่งตามคำสั่ง จากนั้นทิ้งชายที่น่าสงสารไว้ตามลำพัง ซึ่งเขาก็กลัวมากจึงรีบทำตามที่เธอบอก ในที่สุดเรื่องก็ทราบถึงตำรวจ จนแห่กันมากู้ระเบิดด้วยการใช้ไนโตรเจนเหลวกะให้หยุดการทำงานของระบบ ปรากฏว่าเกิดระเบิดเสียงดังสนั่น 🧨 ที่แท้เป็นการข่มขู่ แค่ระเบิดเสียงแต่ยังไม่มีอำนาจทำลายล้าง ทว่าด้วยเหตุนี้ทางตำรวจสืบสวนกลางจึงตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อดูแลและสืบเรื่องนี้ขึ้น จากการวิเคราะห์ทำให้ตำรวจทราบว่า ระเบิดนั้นถูกติดตั้งตัวจับอุณหภูมิไว้ด้วย แสดงว่าคนที่ประกอบระเบิดเป็นระดับผู้เชี่ยวชาญ ที่มีความรู้ด้านนี้และคาดเดาได้ว่าตำรวจจะใช้ไนโตรเจนเหลว จึงดักทางด้วยการติดตั้งระบบให้ไม่อาจกู้ด้วยวิธีที่ตำรวจใช้ ในทีมสืบสวน มีการจับคู่ของนายตำรวจมากประสบการณ์วัยสี่สิบกว่ากับตำรวจหนุ่มไฟแรงคู่หนึ่ง ซึ่งมีบทบาทในการตามสืบข้อมูลเกี่ยวกับการระเบิดครั้งนี้อย่างกัดติด ด้วยตำรวจวัยกลางคนนั้นเคยแต่งงานกับลูกสาวของระดับสูงของหัวหน้าที่ตั้งทีมครั้งนี้ ทว่ามีเหตุการณ์ในอดีตที่ทำให้ต้องหย่ากันไป อย่างไรเขาคือผู้มีประสบการณ์มาอย่างโชกโชนเกี่ยวกับสถานการณ์อันตราย 🧨 ด้านหญิงกลางคนกับหนุ่มพาร์ตไทม์ เดินทางไปยังอาคารหลังหนึ่งเป็นห้องเช่า ที่ภายในมีทีวีและอุปกรณ์กล้อง พร้อมซองสีขาวที่เขียนรายละเอียดบอกไว้ให้เด็กหนุ่มต้องอ่านข้อความตามที่มีบทพูดไว้ให้ โดยให้ฝ่ายหญิงเป็นคนทำหน้าที่บันทึกภาพ จากนั้นให้นำโหลดเผยแพร่ให้คนอื่นในยูทูปเห็น เนื้อหาสรุปคือให้บอกว่าผมคือผู้ที่วางระเบิดนั้นเอง และยื่นข้อเสนอขอคุยกับนายกถ่ายทอดออกทางสถานีโทรทัศน์ ถ้าไม่ทำตาม จะมีการวางระเบิดในย่านใจกลางชิบูย่า หน้ารูปปั้นหมาฮาจิโกะ เส้นตายคือ18.30น. ปรากฏว่านายกฯออกข่าวตอบโต้ว่าไม่ต้องการเจรจาใดกับผู้ก่อการร้ายทั้งสิ้น และจะทำสงครามกับคนไม่หวังดีอย่างถึงที่สุด 🧨 ด้านหนุ่มพาร์ตไทม์ได้รับคำสั่งต่อไปให้ไปทำคนเดียว จึงต้องแยกกับหญิงกลางคนที่ถูกให้เฝ้ารอคำสั่งอยู่ในห้องแห่งนั้น ส่วนตำรวจก็วิ่งขาขวิด ล้อมรั้วด้วยแถบเหลืองรอบรูปปั้นฮาจิโกะด้วยรัศมีประมาณหนึ่ง และให้หน่วยกอบกู้ระเบิดพยายามเร่งค้นหาวัตถุระเบิดที่ถูกซุกซ่อนอยู่ แต่คนโตเกียวและชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่เข้าใจว่าคลิปที่เผยแพร่ น่าจะเป็นการหลอกลวงเหมือนเช่นระเบิดก่อนหน้าที่สถานีเอบิสุ จึงไม่รู้สึกกลัวแถมยังแห่มายังบริเวณลานอันเป็นสถานที่ถูกระบุ ด้วยต้องการมาเซลฟี่ตนเอง บ้างมาเป็นกลุ่ม เพื่ออัปโหลดเผยแพร่ให้คนอื่นเห็น 🧨 มีหญิงสาวพนักงานบริษัทธรรมดาสองคนที่เป็นเพื่อนสนิทกัน คนหนึ่งเป็นชู้กับสามีของคนอื่นและคะยั้นคะยอชวนเพื่อนไปนัดบอดก่อนหน้านี้ ซึ่งเพื่อนของเธอเพิ่งอกหักจากแฟนที่รักกันมากว่าสิบปี แล้วทิ้งไปอยู่กับกิ๊กที่ตั้งท้องไม่กี่เดือน เพื่อนสาวคนนี้กำลังคิดจะเริ่มต้นใหม่และรู้สึกดีกับหนุ่มคนหนึ่งในงานนัดบอด โดยเขาคนนั้นเป็นเจ้าของบริษัทที่สร้างแอปพลิเคชันที่เปิดตัวดีและมีคนใช้เยอะ ธุรกิจไปได้สวยทั้งที่ยังอายุไม่มาก แต่ค่อนข้างเย็นชาไม่สนใจคนรอบข้าง สองสาวตั้งใจจะมากินอาหารฉลองก่อนคริสต์มาส แล้วเห็นหนุ่มคนที่ตนสนใจเข้าพอดีในสถานที่ใกล้รูปปั้นฮาจิโกะ เพื่อนคนที่ใจกล้าจึงชวนอีกคนว่าให้ลองตามไปดูเขาว่าทำไมถึงมาอยู่แถวชิบูย่า ทั้งที่ก่อนหน้าตอนเธอชวนมากินข้าวด้วยกัน ปฏิเสธว่ามีนัดสำคัญที่อื่น เธอไม่อยากไปแต่สุดท้ายก็โดนเพื่อนลากไปจนได้ 🧨 ด้านตำรวจยังคงพยายามตามหาว่าระเบิดถูกซ่อนตรงไหน เวลากระชั้นสั้นเข้าใกล้ถึงกำหนดที่ถูกประกาศว่าจะมีการระเบิด แต่ผู้คนยิ่งมาออกันอย่างเนืองแน่นด้วยความสนุกสนาน สุดท้ายจึงเกิดโศกนาฏกรรมใหญ่ เพราะมีการระเบิดขึ้นจริง ผู้คนล้มตายเป็นใบไม้ร่วง แต่เรื่องราวไม่จบเท่านี้ เพราะหลังเหตุร้ายแรง นายกฯยังคงยืนยันคำพูดแข็งกร้าวเช่นเดิม ดังนั้นจึงมีข้อความต่อมาของคนร้ายที่แจ้งให้ทราบว่า ถ้านายกยังไม่ทำตามข้อเสนอ ระเบิดครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นในคืนวันคริสต์มาสอีฟ คราวนี้บอกแค่เวลา แต่ไม่ระบุจุดที่จะระเบิด บอกเพียงว่าในกรุงโตเกียว 🧨 เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป.. ตำรวจจะหาตัวคนร้ายเจอไหม .. สถานที่ใดจะเกิดระเบิดครั้งต่อไป.. หญิงสาวสองคนที่อยู่ตรงบริเวณย่านชิบูย่าตายหรือไม่.. ชายคนที่หญิงสาวรู้สึกสนใจ ทำไมโกหกเธอ แล้วเขามาทำอะไร รอดตายหรือไม่.. หญิงวัยกลางคนที่ประสบเหตุคนแรกเล่า ที่ข้อมือยังมีนาฬิกาที่พร้อมระเบิดถ้าขัดคำสั่งคนร้าย เธอถูกให้ทำเรื่องใดต่อไป.. หนุ่มพาร์ตไทม์ที่ได้รับมอบหมายงานไปทำตามลำพัง จะรอดหรือไม่ ใคร ๆ ต่างเข้าใจว่าเขาคือคนร้ายไปหมดแล้ว ... ยังมีอีกหลายตัวละครที่มีบทบาทต่อเนื้อเรื่อง ที่ผมเล่าได้ไม่หมด ต้องไปหาอ่านกันต่อแล้วล่ะ ....... ภาควิเคราะห์✒️ ตัวละครเยอะ และโผล่มาเรื่อย ๆ เฉพาะที่มีส่วนเกี่ยวข้องหลักก็เกือบสิบคน ยังมีประเภทโผล่มาประปรายเพราะมีความสัมพันธ์กับตัวละครที่เกี่ยวข้องอีกพอสมควร แต่เนื่องจากผมมีเวลาจำกัดที่ต้องอ่านให้จบทันก่อนหนังสือจะคืนเข้าระบบตามกำหนด จึงไม่สามารถค่อย ๆ เสพอ่านอย่างละเมียดบรรจง แต่ใช้วิธีอ่านแบบกวาดตาโดยไว ซึ่งปกติจะไม่อยากอ่านแบบนี้ถ้าไม่จำเป็น เนื่องจากจะจดจำชื่อตัวละคร หรือดื่มด่ำกับสำนวนและการบรรยายของผู้เขียนได้น้อย ✒️ ดีที่เล่มนี้ไม่เน้นการบรรยายเยอะ แต่สนทนามากกว่า มีบรรยายบ้างแต่ไม่ยาวเป็นหน้า ค่อนข้างเดินเรื่องกระชับฉับไว ให้รายละเอียดเท่าที่จำเป็น ตัวละครคุยกันเยอะ ให้ความรู้สึกเหมือนดูหนังครับ ยิ่งอ่านประวัติคนเขียนด้วยจึงเข้าใจ เพราะเป็นทั้งนักเขียนหนังสือ นักเขียนบท โปรดิวเซอร์ ผู้กำกับ มิน่าล่ะจึงสะท้อนความเชี่ยวชาญและแนวคิดการทำงานในการผลิตหนัง มาใช้ในงานเขียนด้วย ✒️ อ่านแล้วนึกถึงหนังเรื่อง pulp fiction เมื่อปี 2537 ครับ ลักษณะการเล่ามีความเดินเรื่องคล้ายอย่างในหนัง คือไม่ได้เล่าไปทีละลำดับ แต่สลับระหว่างตัวละครหลักกลับไปกลับมา ฉากโน้นฉากนี้ แล้วพอตัวละครเยอะ ก็จะเข้าใจยากหน่อย แต่พอนำมาร้อยเรียงกันเองในหัวแล้วจะเริ่มมองภาพใหญ่ออก เพียงแค่ผู้เขียนเลือกหยิบเล่าในบริเวณจำกัดของ jigsaw บางส่วนในภาพทั้งหมด แล้วกระโดดไปเล่ามุมอื่นของชีวิตตัวละครตัวอื่น วนไปวนมาแบบนี้ จนค่อย ๆ กลายเป็นภาพที่ต่อสำเร็จเป็นรูปร่างมากขึ้นเรื่อย ๆ ✒️ อ่านไปเหมือนจะงง แล้วพาลทำให้ไม่เข้าใจและไม่ชอบ หมดสนุกได้หากเราไม่คุ้นเคยกับการเล่าแบบนี้ ผมนึกถึงตัวเองตอนได้ดู pulp fiction ในโรงหนังลิโด้ครั้งแรกสมัยก่อน ถึงกับอุทานในใจ แหม..หนังอะไรวะเนี่ย ดูไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจอะไรเลย ตัวละครต่าง ๆ ที่จู่ ๆ ก็โผล่มาแบบไม่มีต้น ไม่มีปลาย มาทำบ้าอะไรของมันเดี๋ยวเดียวก็ตัดไป กลายเป็นตัวอื่นโผล่มาแล้วก็ลักษณะเดียวกันคือไม่มีรายละเอียดให้รู้ งงไปจนแทบเลยกลางเรื่องไปพอสมควรแล้วนั่นแหละ แบบดูไปด่าไปในใจ แต่ก็ทนดูต่อไปเพราะอยากรู้ว่าตกลงเรื่องราวมันยังไงกันแน่ ✒️ พอดูจบถึงกับแทบโห่ร้องออกมาแบบไม่มีเสียง นี่มันหนังโคตรดี สุดยอดอย่างที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน คิดได้ยังไง ถ้าดำเนินเรื่องตามลำดับเวลาก่อนหลังที่ควรจะเป็น เราก็เข้าใจง่ายตั้งแต่ต้นละ แต่นี่ดันตัดเอาแค่บางช่วงสลับไปมาจนงงไปหมด ให้ไปต่อเอาเองในหัว หนังสือเล่มนี้ก็มีความคล้ายในการเล่าแบบหนังเรื่องนั้นเหมือนกัน แต่ไม่ได้มากเท่าและไม่ได้ชัดเจนเท่า ยังมีความเล่าตามลำดับในโครงสร้างใหญ่ไปตามวันที่เริ่มตั้งแต่ 22 ธันวาคม จนถึงก่อนวันคริสต์มาส แต่ทว่าจะมีช่วงที่เล่าให้ทราบถึงความเป็นไปในตัวละครบางตัวในอดีต เป็นเชิงภาคขยายจากในคราวแรกที่ไม่ได้ให้รายละเอียดตัวละครอะไรมากมาย ✒️ กลางเล่มไปแล้วที่หลังเกิดเหตุระเบิดใหญ่อันน่าตกใจและมีการสูญเสียทำได้ดีทีเดียว ฉากกลางย่านชิบูย่าในภาพก่อนหน้าที่กำลังวุ่นวายและเต็มไปด้วยความเอะอะของเหล่าผู้คน ที่ไม่ตระหนักถึงอันตรายใดแล้วไม่สนใจคำเตือนตำรวจ กับภายหลังเหตุระเบิด รวมถึงความไต่ระดับของการเดินเรื่องที่บางตัวละครพยายามตามหาความจริง จิกกัดไม่ปล่อย ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ใช่ตำรวจและยังเป็นผู้หญิง มีฉากหนึ่งที่อ่านแล้วอดนึกไม่ได้ว่า "อยากตายนักหรือไง" เพราะเธอไปจี้ถาม คุ้ยแคะแกะแผลจะคาดคั้นเอาคำตอบกับคนที่น่าสงสัยให้ได้ ช่วงบทสนทนาตอนนั้นคือลุ้นมาก นางปากดีคนนี้จะถูกหมกตายไหมเนี่ย ช่างปากกล้า ปากเก่งในเวลาที่ไม่ควรจริง ๆ แล้วเหตุการณ์ต่อจากฉากนั้น ก็ทำเอาแทบกลั้นลมหายใจอ่านทีเดียว ✒️ ผู้เขียนฉลาดในการหลอกล่อคนอ่านมาตั้งแต่ต้นเริ่มเรื่องทีเดียว เรียกว่าเอาอยู่ หัวปั่นเพราะเบาะแสที่ให้มาทีละนิด เราก็คิดว่าเออ คนนี้หรือคนนั้นมีแววนะว่าอาจจะใช่คนร้ายที่เจ้าแผนการทั้งหมด เพียงเพื่อสุดท้ายจะพบกับความพลิกเหมือนลูกรูบิกที่บิดที สีที่เหมือนจะเรียงกันได้ครบ แต่ทำเอาแทบสลบเพราะนอกจากไม่เรียงสำเร็จทุกสี ยังเหมือนวิ่งหนีออกไปไกลกว่าเก่า อ้าว..ที่แท้คนนี้เองเหรอ..เราหมุนไปผิดทางตั้งแต่แรกเลยเหรอเนี่ย พอย้อนไปเก็บรายละเอียดหลังอ่านจบ โดยทวนเนื้อหาใหม่ในบางช่วงบางบทสนทนา การบรรยายรายละเอียดที่ผู้เขียนใส่ไว้ใหม่ จึงเกิดความรู้สึกเหมือน อะไรที่มันขัดกันในหัว หมุนเคลื่อนตัวลงล็อกดัง "กริ๊ก" ในตำแหน่งที่ถูกต้องเป๊ะ ✒️ เราอ่านไม่ดีเองตั้งแต่แรก ละเลยส่วนสำคัญไปเพราะไม่ละเอียดและไม่คิดตามมากพอ แท้จริงร่องรอยของความจริงได้วางไว้ให้เห็นอยู่แล้ว ช่างสุดยอดจริง ๆ สมกับที่เล่มนี้ขายดีในญี่ปุ่น รวมถึงตอนสร้างเป็นหนังก็มีผลตอบรับดีด้วย (ตามที่ในหนังสือระบุไว้ในช่วงคำนำสำนักพิมพ์ หรือความในใจของผู้แปลก็ไม่แน่ใจ) ชอบที่ตอนจบ บทสรุปที่ให้คนอ่านได้เก็บไปคิดทบทวนถึงสิ่งที่คนเขียนต้องการสื่อไปถึงชาวญี่ปุ่นทั้งประเทศ หรือที่จริงชาวโลกก็ว่าได้ เกี่ยวกับสงครามว่าคือสิ่งที่นักการเมือง ผู้มีอำนาจ และพลเมืองที่อยู่ในประเทศนั้น ๆ ควรจะปฏิบัติเช่นไร หรือไม่ควรปฏิบัติเช่นไร ✒️บทสรุปของคนร้ายจะตายหรือไม่ ตอนที่เรื่องเฉลยโดยให้คนร้ายบอกเล่าความจริงในใจกับใครคนหนึ่งนั้น รู้สึกชอบวิธีเฉลยที่ผู้เขียนเลือกใช้ครับ รูปแบบเรียบง่ายแต่เข้ากับนิสัยของตัวละครตัวนี้ดี บ่งบอกตัวตนของคนคนนี้ได้ค่อนข้างชัดเจน คนอ่านหลายคนอาจไม่ชอบเหตุผลและแรงจูงใจของคนร้าย และไม่อาจทำใจให้เชื่อได้ แต่ผมคิดว่าพอจะเข้าใจนะ แต่ไม่ใช่เห็นด้วยกับสิ่งที่คนร้ายเลือกกระทำ คนเราเมื่อยึดติดในสิ่งใด สัตว์ใด คนใด ความเชื่อใดมากจนฝังแน่นไปถึงจิต ✒️ มันยากเหลือเกินที่จะลบล้างเอาเจ้าความคิดนั้นให้หลุดออกไปได้ ในแง่นี้ผมจึงคิดว่าเข้าใจและเห็นใจสงสารคนร้ายพอสมควร ส่วนประชาชนคนที่ตายไปมากมายนั้น หากพูดกันอย่างไม่อคติ จะไปโทษคนร้ายทั้งหมดก็ไม่ได้ แท้จริงเหล่าคนที่ตายไป จะมากน้อยเพราะเขาทำตัวเอง พาตัวเองไปอยู่ในสถานที่ที่อันตราย ทั้งที่ทางตำรวจก็แจ้งเตือน ห้ามปราม แต่ก็ไม่สนใจ รวมถึงพวกสื่อต่าง ๆ ที่เอาแต่อยากทำข่าวโดยไม่สนใจว่าสิ่งที่ทำนั้นจะส่งผลให้สถานการณ์แย่กว่าเดิมหรือเป็นอันตรายต่อสังคม ประชาชนและประเทศชาติหรือไม่ ผมว่าเล่มนี้สะท้อนมุมมองเรื่องเหล่านี้ได้ดี แต่เหนืออื่นใดคือฉากจบที่ตัวละครหนึ่งที่น่าสงสารและน่าเห็นใจมาก แต่กลับเป็นฝ่ายพูดและให้กำลังใจกับตัวละครอีกตัวที่บาดเจ็บทางใจอย่างร้ายแรงได้อย่างเข้าถึงจิตใจภายใน ราวกับคำพูดนั้นไปสัมผัสและลูบไล้ที่หัวใจด้วยความแผ่วเบาที่สุด ช่างอบอุ่นหัวใจดีเหลือเกิน หลังจากเหตุการณ์ทั้งหมดที่ประสบมา สำนวนแปลอ่านได้อย่างไม่รู้สึกสะดุด .......... อ่านจบ ไปลองค้นข้อมูลที่มีการสร้างเป็นหนังต่อ พอเห็นภาพโปสเตอร์ยิ่งอยากดูมาก เพราะมีนักแสดงคนโปรดเล่นด้วยนั่นคือ อิชิดะ ยูริโกะ และคนอื่น ๆ ก็ต่างเป็นนักแสดงคุณภาพทั้งนั้น สุดท้ายเจอที่มีคนทำซับบรรยายไทย จึงโหลดมาชม แต่ดูจบแล้วพบว่า ฉบับหนังสือดีกว่าพอสมควร คือหนังสร้างออกมาได้โอเคอยู่ นักแสดงก็ทำหน้าที่ในส่วนของตัวเองได้ดี แต่มันมีอยู่หลายช่วงที่รู้สึกว่าน่าจะเล่าได้ดีกว่านี้ อาจเพราะเวลาจำกัด รายละเอียดมากมายจึงใส่มาได้ไม่หมด จึงทำให้ลดความสนุกลงไปจากฉบับหนังสือเยอะเลย แต่ฉากสำคัญที่เกิดระเบิดกลางย่านชิบูย่าทำออกมาได้ดี ใครสนใจลองไปหาชมดูครับ สุดท้ายขอจบด้วยประโยคที่ตัวละครสองตัวในเรื่องเอ่ยไว้ได้อย่างน่าประทับใจ โดยระบุว่าเป็นคำกล่าวของนักเขียนนิยายที่มีชื่อว่า Stephen King "ผู้ชนะในการแข่งขันปาขี้คือคนที่มือเปื้อนน้อยที่สุด คนมีคุณภาพคือคนที่ไม่ทำให้มือตัวเองเปื้อนจากอะไรไร้สาระอย่างการขว้างปาเจตนาร้ายใส่คนอื่น" #หนังญี่ปุ่น #หนังน่าดู #หนังสือน่าอ่าน #บทความ #รีววิหนังสือ #thaitimes #นิยายแปล #นิยายญี่ปุ่น #ระเบิดกลางกรุง #โตเกียว #สงคราม #แง่คิด #ระทึกขวัญ #สืบสวน #ก่อการร้าย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 357 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในวันเดียวกับที่ผมได้เปลี่ยนคำเรียกแฟนเป็นภรรยาอย่างเป็นทางการ สำนักพิมพ์ นิมิต ก็ได้ส่งไพ่ชุดใหม่ล่าสุดในเครืออย่าง 'Lucky in Love Tarot' มาให้ ขอบคุณมาก ๆ ครับสำหรับของขวัญแต่งงานชิ้นนี้ 🥰

    ทีนี้ก็มีเรื่องหนักใจสำหรับผมตามมา นั่นคือ ในเมื่อมีคนรีวิวไพ่ชุดนี้กันไปน่าจะเฉียดร้อยคนแล้ว (นับรวมทุกแพลตฟอร์ม) ถ้าอย่างนั้นจะมีอะไรเหลือให้ผมเขียนถึงอีก

    แต่พอดูดี ๆ แล้ว มันก็มีอยู่ประเด็นหนึ่งซึ่งผมยังไม่เจอใครกล่าวถึงเลย อย่างมากก็แค่แตะเผิน ๆ แต่ไม่ได้เจาะในประเด็นเดียวกับที่ผมต้องการสื่อ คนชอบฉวยโอกาสเป็นอาจิณอย่างผมก็สบช่องเลยครับ

    'Lucky in Love Tarot' เป็นไพ่ชุดใหม่ที่ สนพ.นิมิตและสยามออราเคิลต่อยอดจากผลงานเดิมใน 2 ระดับ ระดับแรกคือต่อยอดในธีมความรักความสัมพันธ์จากไพ่ 'รักออราเคิล' อีกระดับคือต่อยอดในความเป็นทาโรต์กึ่งออราเคิลจากขบวนไพ่อย่างชุด 'The Magic of Paper' 'Magic Planet Tarot' และ 'Fantasy Planet Tarot' (และในอนาคตจะมี 'Manga Tarot' ตามมา)

    ตัวไพ่พิมพ์ด้วยกระดาษอาร์ต 350 gsm เคลือบด้านแบบลินิน (สังเกตได้จากลายคล้ายตารางช่องถี่ ๆ บนหน้าไพ่) ไถขอบสีแดงสะท้อนแสงพร้อมลวดลายรูปประกายดาววิบวับ ภาพหลังไพ่ไม่ได้มีความสมมาตรจนนำไปใช้อ่านไพ่แบบกลับหัวได้ แต่ก็มีความสมดุลในแง่การวางโครงสร้างของตัวละคร ชาย-หญิง และ ผู้ใหญ่-เด็ก บรรจุในกล่องแข็งแบบฝาสวม

    ในสำรับมีไพ่ 80 ใบ แน่นอนว่า 78 ใบคือไพ่ตามระบบทาโรต์มาตรฐาน โดยวาดหน้าไพ่ใหม่ให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์คนเมืองร่วมสมัย อีก 2 ใบเป็นไพ่พิเศษที่ผู้ผลิตเพิ่มเข้ามาเพื่อเฉลิมฉลองความแตกต่างหลากหลายทางเพศวิถีและรูปแบบความสัมพันธ์ไร้กรอบ ซึ่งก็ตอบรับกับวิถีชีวิตของคนในปัจจุบัน

    อย่างที่บอกไปว่าไพ่ชุดนี้ต่อยอดจากทาโรต์กึ่งออราเคิลชุดก่อน ๆ ของผู้ผลิต หน้าไพ่มีภาพที่ผู้ใช้สามารถดูแล้วตีความได้ง่าย ขณะเดียวกันที่แถบล่างของไพ่ก็มีคีย์เวิร์ด 2 ภาษา ซึ่งเป็นความหมายหลักของไพ่ทาโรต์ต้นฉบับ และเผื่อว่าคุณอยากรู้ว่าไพ่ต้นฉบับของไพ่ใบนั้น ๆ คือใบไหน ทาง สนพ. ก็ใส่ตัวเลขและสัญลักษณ์วัตถุมาไว้ให้เทียบเคียงในไพ่ด้วย ดังนั้น คุณสามารถเลือกตามสะดวกว่าอยากใช้ไพ่ชุดนี้ในฐานะทาโรต์ตามขนบหรือออราเคิลสายตีความภาพ + คีย์เวิร์ด

    อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ทั้งชื่อไพ่ ภาพหน้ากล่อง ตลอดจนการนำเสนอในแทบทุกช่องทางของผู้ผลิตจะบอกว่า ไพ่ชุดนี้เป็นไพ่ธีมความรักความสัมพันธ์ แต่ก็ไม่ใช่หน้าไพ่ทุกใบที่สื่อเรื่องความรักความสัมพันธ์ บางใบนำเสนอภาพของชีวิตปัจเจกในสังคมเมืองแบบที่พบเห็นได้ไม่ยากจากไพ่ร่วมสมัยหลายชุด ไม่ได้เน้นหนักเรื่องความรักความสัมพันธ์เท่าที่ควร ดังนั้นใครที่คาดหวังว่าจะใช้ไพ่ชุดนี้อ่านเจาะลึกเรื่องความรักความสัมพันธ์โดยอาศัยแค่หน้าไพ่อย่างเดียว บอกเลยว่าไม่น่าจะเวิร์กครับ ยกเว้นแต่สกิลการเชื่อมโยงความหมาย (+แถ) ของคุณจะสูงมาก

    โชคดีสำหรับพวกคุณที่ผู้ผลิตได้มอบสุดยอดตัวช่วยเพื่ออุดช่องโหว่ตรงนี้โดยเฉพาะ นั่นคือคู่มือเล่มเล็ก 2 ภาษาที่แถมมาในกล่องไพ่ ถ้าคุณได้อ่านเนื้อหาส่วนความหมายไพ่แต่ละใบ คุณจะพบว่าเป็นความหมายที่เจาะจงในเรื่องความรักความสัมพันธ์โดยเฉพาะ ที่สำคัญ มันเป็นความหมายด้านความรักความสัมพันธ์ที่สกัดมาจากสารบบความหมายของไพ่ทาโรต์ตามขนบอีกด้วย ดังนั้นคุณสามารถจำเอาไว้ใช้กับไพ่ชุดอื่น ๆ ได้อย่างแน่นอน

    สรุปแล้ว นี่เป็นไพ่ชุดที่อ่านได้ทั้งแบบทาโรต์ตามขนบและแบบออราเคิลสายตีความ และคู่มือเล่มเล็ก ๆ ของมันยังเป็นตำราเล่มจิ๋วเอาไว้ให้อ้างอิงและศึกษาต่อยอดในด้านความรักความสัมพันธ์ได้อีกด้วย

    ขอให้ทุกคน "Lucky in Love" ไม่ว่าจะเป็น Love ที่มอบให้ผู้อื่น ตัวเอง หรือสิ่งที่คุณมีแพชชั่นครับ 💖
    ในวันเดียวกับที่ผมได้เปลี่ยนคำเรียกแฟนเป็นภรรยาอย่างเป็นทางการ สำนักพิมพ์ นิมิต ก็ได้ส่งไพ่ชุดใหม่ล่าสุดในเครืออย่าง 'Lucky in Love Tarot' มาให้ ขอบคุณมาก ๆ ครับสำหรับของขวัญแต่งงานชิ้นนี้ 🥰 ทีนี้ก็มีเรื่องหนักใจสำหรับผมตามมา นั่นคือ ในเมื่อมีคนรีวิวไพ่ชุดนี้กันไปน่าจะเฉียดร้อยคนแล้ว (นับรวมทุกแพลตฟอร์ม) ถ้าอย่างนั้นจะมีอะไรเหลือให้ผมเขียนถึงอีก แต่พอดูดี ๆ แล้ว มันก็มีอยู่ประเด็นหนึ่งซึ่งผมยังไม่เจอใครกล่าวถึงเลย อย่างมากก็แค่แตะเผิน ๆ แต่ไม่ได้เจาะในประเด็นเดียวกับที่ผมต้องการสื่อ คนชอบฉวยโอกาสเป็นอาจิณอย่างผมก็สบช่องเลยครับ 'Lucky in Love Tarot' เป็นไพ่ชุดใหม่ที่ สนพ.นิมิตและสยามออราเคิลต่อยอดจากผลงานเดิมใน 2 ระดับ ระดับแรกคือต่อยอดในธีมความรักความสัมพันธ์จากไพ่ 'รักออราเคิล' อีกระดับคือต่อยอดในความเป็นทาโรต์กึ่งออราเคิลจากขบวนไพ่อย่างชุด 'The Magic of Paper' 'Magic Planet Tarot' และ 'Fantasy Planet Tarot' (และในอนาคตจะมี 'Manga Tarot' ตามมา) ตัวไพ่พิมพ์ด้วยกระดาษอาร์ต 350 gsm เคลือบด้านแบบลินิน (สังเกตได้จากลายคล้ายตารางช่องถี่ ๆ บนหน้าไพ่) ไถขอบสีแดงสะท้อนแสงพร้อมลวดลายรูปประกายดาววิบวับ ภาพหลังไพ่ไม่ได้มีความสมมาตรจนนำไปใช้อ่านไพ่แบบกลับหัวได้ แต่ก็มีความสมดุลในแง่การวางโครงสร้างของตัวละคร ชาย-หญิง และ ผู้ใหญ่-เด็ก บรรจุในกล่องแข็งแบบฝาสวม ในสำรับมีไพ่ 80 ใบ แน่นอนว่า 78 ใบคือไพ่ตามระบบทาโรต์มาตรฐาน โดยวาดหน้าไพ่ใหม่ให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์คนเมืองร่วมสมัย อีก 2 ใบเป็นไพ่พิเศษที่ผู้ผลิตเพิ่มเข้ามาเพื่อเฉลิมฉลองความแตกต่างหลากหลายทางเพศวิถีและรูปแบบความสัมพันธ์ไร้กรอบ ซึ่งก็ตอบรับกับวิถีชีวิตของคนในปัจจุบัน อย่างที่บอกไปว่าไพ่ชุดนี้ต่อยอดจากทาโรต์กึ่งออราเคิลชุดก่อน ๆ ของผู้ผลิต หน้าไพ่มีภาพที่ผู้ใช้สามารถดูแล้วตีความได้ง่าย ขณะเดียวกันที่แถบล่างของไพ่ก็มีคีย์เวิร์ด 2 ภาษา ซึ่งเป็นความหมายหลักของไพ่ทาโรต์ต้นฉบับ และเผื่อว่าคุณอยากรู้ว่าไพ่ต้นฉบับของไพ่ใบนั้น ๆ คือใบไหน ทาง สนพ. ก็ใส่ตัวเลขและสัญลักษณ์วัตถุมาไว้ให้เทียบเคียงในไพ่ด้วย ดังนั้น คุณสามารถเลือกตามสะดวกว่าอยากใช้ไพ่ชุดนี้ในฐานะทาโรต์ตามขนบหรือออราเคิลสายตีความภาพ + คีย์เวิร์ด อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ทั้งชื่อไพ่ ภาพหน้ากล่อง ตลอดจนการนำเสนอในแทบทุกช่องทางของผู้ผลิตจะบอกว่า ไพ่ชุดนี้เป็นไพ่ธีมความรักความสัมพันธ์ แต่ก็ไม่ใช่หน้าไพ่ทุกใบที่สื่อเรื่องความรักความสัมพันธ์ บางใบนำเสนอภาพของชีวิตปัจเจกในสังคมเมืองแบบที่พบเห็นได้ไม่ยากจากไพ่ร่วมสมัยหลายชุด ไม่ได้เน้นหนักเรื่องความรักความสัมพันธ์เท่าที่ควร ดังนั้นใครที่คาดหวังว่าจะใช้ไพ่ชุดนี้อ่านเจาะลึกเรื่องความรักความสัมพันธ์โดยอาศัยแค่หน้าไพ่อย่างเดียว บอกเลยว่าไม่น่าจะเวิร์กครับ ยกเว้นแต่สกิลการเชื่อมโยงความหมาย (+แถ) ของคุณจะสูงมาก โชคดีสำหรับพวกคุณที่ผู้ผลิตได้มอบสุดยอดตัวช่วยเพื่ออุดช่องโหว่ตรงนี้โดยเฉพาะ นั่นคือคู่มือเล่มเล็ก 2 ภาษาที่แถมมาในกล่องไพ่ ถ้าคุณได้อ่านเนื้อหาส่วนความหมายไพ่แต่ละใบ คุณจะพบว่าเป็นความหมายที่เจาะจงในเรื่องความรักความสัมพันธ์โดยเฉพาะ ที่สำคัญ มันเป็นความหมายด้านความรักความสัมพันธ์ที่สกัดมาจากสารบบความหมายของไพ่ทาโรต์ตามขนบอีกด้วย ดังนั้นคุณสามารถจำเอาไว้ใช้กับไพ่ชุดอื่น ๆ ได้อย่างแน่นอน สรุปแล้ว นี่เป็นไพ่ชุดที่อ่านได้ทั้งแบบทาโรต์ตามขนบและแบบออราเคิลสายตีความ และคู่มือเล่มเล็ก ๆ ของมันยังเป็นตำราเล่มจิ๋วเอาไว้ให้อ้างอิงและศึกษาต่อยอดในด้านความรักความสัมพันธ์ได้อีกด้วย ขอให้ทุกคน "Lucky in Love" ไม่ว่าจะเป็น Love ที่มอบให้ผู้อื่น ตัวเอง หรือสิ่งที่คุณมีแพชชั่นครับ 💖
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 243 มุมมอง 0 รีวิว
  • 24/1/68

    ในประเทศญี่ปุ่นไม่มีวันครู
    …วันหนึ่งฉันถามเพื่อนร่วมงานชาวญี่ปุ่นของฉัน ครู
    ยามาโมตะว่า
    - คุณฉลองวันครูในประเทศญี่ปุ่นอย่างไร

    เขาแปลกใจกับคำถามของฉันและตอบว่า

    - เราไม่มีวันครู
    เมื่อฉันได้ยินคำตอบของเขา ฉันไม่แน่ใจว่าควรเชื่อเขาหรือไม่ ความคิดแวบเข้ามาในหัวของฉัน: "ทำไมประเทศที่ก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ถึงไม่เคารพครูและงานของพวกเขา"
    ***
    ครั้งหนึ่งหลังเลิกงาน ยามาโมตะเชิญฉันไปบ้านเขา เราขึ้นรถไฟใต้ดินเพราะว่ามันอยู่ไกลมาก เป็นช่วงชั่วโมงเร่งด่วนตอนเย็น และตู้โดยสารในรถไฟใต้ดินก็แน่นมาก ฉันหาที่ยืนได้โดยจับราวบันไดแน่น ทันใดนั้น ชายชราที่นั่งข้างฉันก็เสนอที่นั่งให้ฉัน ฉันไม่เข้าใจพฤติกรรมที่น่าเคารพของชายชราคนนั้น จึงปฏิเสธ แต่เขายังคงยืนกราน ฉันจึงถูกบังคับให้นั่งลง เมื่อเราออกจากรถไฟใต้ดิน ฉันขอให้ยามาโมตะอธิบายว่า ผู้ชายคนที่มีเคราสีขาว เค้าทำแบบนั้นทำไมยามาโมตะยิ้มและชี้ไปที่ป้ายชื่อครูที่ฉันสวมอยู่และพูดว่า :

    - ชายชราคนนี้หลังจากเห็นป้ายชื่อครูที่ติดอยู่บนตัวคุณ และเพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อสถานะของคุณ เขาจึงเสนอที่นั่งให้คุณ
    เนื่องจากฉันมาที่ บ้านคุณยามาโมตะเป็นครั้งแรก ฉันจึงรู้สึกไม่สบายใจที่จะไปที่นั่นโดยไม่ได้ทำอะไรเลย จึงคิดจะซื้อของขวัญ ฉันจึงเล่าความคิดของฉันให้ยามาโมตะฟัง เขาสนับสนุนแนวคิดนี้และบอกว่ามีร้านค้าสำหรับครูอยู่อีกเล็กน้อย ซึ่งคุณสามารถซื้อของได้ในราคาลดพิเศษ อีกครั้ง ฉันอดไม่ได้ที่จะควบคุมอารมณ์ของตัวเอง :

    - สิทธิพิเศษมีให้เฉพาะกับครูเท่านั้นหรือ ฉันถาม
    ยามาโมตะยืนยันคำพูดของฉันโดยกล่าวว่า :
    - ในญี่ปุ่น การสอนเป็นอาชีพที่ได้รับความเคารพมากที่สุด และครูคือบุคคลที่ได้รับความเคารพมากที่สุด ผู้ประกอบการชาวญี่ปุ่นมีความสุขมากเมื่อครูมาที่ร้านของพวกเขา พวกเขาคิดว่าเป็นเกียรติ
    ***
    ระหว่างที่ฉันอยู่ที่ญี่ปุ่น ฉันสังเกตเห็นหลายครั้งว่าคนญี่ปุ่นให้ความเคารพครูอย่างสูงสุด พวกเขามีที่นั่งพิเศษที่จัดสรรให้ในรถไฟใต้ดิน มีร้านค้าพิเศษสำหรับพวกเขา ครูที่นั่นไม่ต้องเข้าคิวเพื่อซื้อตั๋วสำหรับการขนส่งประเภทใดๆ... นั่นคือเหตุผลที่ครูชาวญี่ปุ่นไม่จำเป็นต้องมีวันพิเศษ (เพราะทุกวันในชีวิตของพวกเขาคือการเฉลิมฉลอง)
    โปรดเผยแพร่เรื่องราวนี้ให้ทุกคนได้รู้ ปล่อยให้สังคมเติบโตขึ้นเพื่อชื่นชมครูในระดับนี้ เล่าเรื่องนี้อีกครั้งให้เพื่อนร่วมงานของคุณฟังเพื่อให้พวกเขาภาคภูมิใจ
    ครูของฉัน ฉันขอคารวะ
    24/1/68 ในประเทศญี่ปุ่นไม่มีวันครู …วันหนึ่งฉันถามเพื่อนร่วมงานชาวญี่ปุ่นของฉัน ครู ยามาโมตะว่า - คุณฉลองวันครูในประเทศญี่ปุ่นอย่างไร เขาแปลกใจกับคำถามของฉันและตอบว่า - เราไม่มีวันครู เมื่อฉันได้ยินคำตอบของเขา ฉันไม่แน่ใจว่าควรเชื่อเขาหรือไม่ ความคิดแวบเข้ามาในหัวของฉัน: "ทำไมประเทศที่ก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ถึงไม่เคารพครูและงานของพวกเขา" *** ครั้งหนึ่งหลังเลิกงาน ยามาโมตะเชิญฉันไปบ้านเขา เราขึ้นรถไฟใต้ดินเพราะว่ามันอยู่ไกลมาก เป็นช่วงชั่วโมงเร่งด่วนตอนเย็น และตู้โดยสารในรถไฟใต้ดินก็แน่นมาก ฉันหาที่ยืนได้โดยจับราวบันไดแน่น ทันใดนั้น ชายชราที่นั่งข้างฉันก็เสนอที่นั่งให้ฉัน ฉันไม่เข้าใจพฤติกรรมที่น่าเคารพของชายชราคนนั้น จึงปฏิเสธ แต่เขายังคงยืนกราน ฉันจึงถูกบังคับให้นั่งลง เมื่อเราออกจากรถไฟใต้ดิน ฉันขอให้ยามาโมตะอธิบายว่า ผู้ชายคนที่มีเคราสีขาว เค้าทำแบบนั้นทำไมยามาโมตะยิ้มและชี้ไปที่ป้ายชื่อครูที่ฉันสวมอยู่และพูดว่า : - ชายชราคนนี้หลังจากเห็นป้ายชื่อครูที่ติดอยู่บนตัวคุณ และเพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อสถานะของคุณ เขาจึงเสนอที่นั่งให้คุณ เนื่องจากฉันมาที่ บ้านคุณยามาโมตะเป็นครั้งแรก ฉันจึงรู้สึกไม่สบายใจที่จะไปที่นั่นโดยไม่ได้ทำอะไรเลย จึงคิดจะซื้อของขวัญ ฉันจึงเล่าความคิดของฉันให้ยามาโมตะฟัง เขาสนับสนุนแนวคิดนี้และบอกว่ามีร้านค้าสำหรับครูอยู่อีกเล็กน้อย ซึ่งคุณสามารถซื้อของได้ในราคาลดพิเศษ อีกครั้ง ฉันอดไม่ได้ที่จะควบคุมอารมณ์ของตัวเอง : - สิทธิพิเศษมีให้เฉพาะกับครูเท่านั้นหรือ ฉันถาม ยามาโมตะยืนยันคำพูดของฉันโดยกล่าวว่า : - ในญี่ปุ่น การสอนเป็นอาชีพที่ได้รับความเคารพมากที่สุด และครูคือบุคคลที่ได้รับความเคารพมากที่สุด ผู้ประกอบการชาวญี่ปุ่นมีความสุขมากเมื่อครูมาที่ร้านของพวกเขา พวกเขาคิดว่าเป็นเกียรติ *** ระหว่างที่ฉันอยู่ที่ญี่ปุ่น ฉันสังเกตเห็นหลายครั้งว่าคนญี่ปุ่นให้ความเคารพครูอย่างสูงสุด พวกเขามีที่นั่งพิเศษที่จัดสรรให้ในรถไฟใต้ดิน มีร้านค้าพิเศษสำหรับพวกเขา ครูที่นั่นไม่ต้องเข้าคิวเพื่อซื้อตั๋วสำหรับการขนส่งประเภทใดๆ... นั่นคือเหตุผลที่ครูชาวญี่ปุ่นไม่จำเป็นต้องมีวันพิเศษ (เพราะทุกวันในชีวิตของพวกเขาคือการเฉลิมฉลอง) โปรดเผยแพร่เรื่องราวนี้ให้ทุกคนได้รู้ ปล่อยให้สังคมเติบโตขึ้นเพื่อชื่นชมครูในระดับนี้ เล่าเรื่องนี้อีกครั้งให้เพื่อนร่วมงานของคุณฟังเพื่อให้พวกเขาภาคภูมิใจ ครูของฉัน ฉันขอคารวะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 189 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐ
    ทรัมป์ขู่ปูตินให้รีบยุติสงครามกับยูเครน ถ้าไม่ยุติจะคว่ำบาตรครั้งใหม่
    ทรัมป์ 1.0 ไม่มีสงครามสู้รบ มีแต่ trade war ครั้งนี้มองว่าอาจจะเหมือนเดิม แต่อาจจะมีการเดินเกมเพื่อสร้างอำนาจต่อรองให้สหรัฐเพิ่ม เช่น ความต้องการพื้นที่ greenland คลองปานามา

    Elon แฉ stargate Masayoshi Son (ที่จะเป็นประธานโครงการ) ไม่มีเงินลงทุนสูงตามที่โครงการต้องการ (หุ้นเทสล่า -2% เมื่อคืน สวนกับหุ้นอื่นในกลุ่ม MEG 7 อาจจะเกิดจากนโยบายทรัมป์ที่ยกเลิกคำสั่งใช้รถยนต์ไฟฟ้าของไบเดน และอาจจะประเด็นการออกมาแฉครั้งนี้)

    เจมี่ ไดมอน ผู้บริหาร JP Morgan: มองราคาหุ้นสหรัฐสูงเกิน แม้พื้นฐานหุ้นจะยังดี ความเสี่ยงเงินเฟ้อ ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ยังอยู่ เตือนว่าท้ายสุดราคาหุ้นอาจจะกลับไปสะท้อนมูลค่าพื้นฐานที่แท้จริง (หุ้นตก)
    *ก่อนหน้านี้ เซียน Howard Mask, วอร์เรน ผ่าน เบิร์คไชน์ เตือนภาวะฟองสบู่

    ค่าเงินดอลลาร์ อ่อนค่า

    ทอง ราคาเพิ่มต่อ จากค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า ความเสี่ยงการเมืองของโลก ทองทะลุ $2720 มีโอกาสทดสอบ $2780, $2800 ถ้าผ่านเป้าทดสอบถัดไปคือ $3022/oz. แต่ต้องระวังปัจจัยความเสี่ยงทางภูมิศาสตร์อาจจะลดลงจากนโยบายทรัมป์ที่ต้องการลดความร้อนแรงความขัดแย้งระหว่างประเทศ ดังนั้นปัจจัยสำคัญกับราคาทองคำจะโฟกัสที่การแข็งค่า-อ่อนค่าของดอลลาร์เป็นหลัก
    ทองไทย เพิ่มได้ไม่แรงเนื่องจากเงินบาทแข็งค่า รับ: 44,150, 44,000 บาท << 2 แนว, ต้าน: 44,450, 44,650 บาท << 2 แนว

    น้ำมัน ราคาลดลง รับแรงกดดันจากนโยบายทรัมป์ที่จะขยายการผลิตเพิ่มในสหรัฐ

    อัตราผลตอบแทน
    ...................................
    วันนี้ ธนาคารกลางญี่ปุ่นประชุม ลุ้นนโยบายดอกเบี้ย (ปีที่แล้วจขึ้นดอกเบี้ย เกิด black monday) อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์มองว่า มีโอกาสจะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งนี้ จากค่าแรงงานขึ้นในทุกภาคส่วน
    .........................................................
    จีน ตลาดเงิน ตลาดทุน หยุดตรุษจีน 28 มค. - 4 กพ.
    ช่วงก่อนเข้าวันหยุดยาว PBoC (ธนาคารกลางจีน) จะอัดฉีดเงินเข้าระบบ เพื่อดูแลสภาพคล่อง เนื่องจาก

    1. ความต้องการเงินสดเพิ่ม คนจีนจะถอนเงินสดเพื่อใช้ในการเดินทาง ท่องเที่ยว ของขวัญ (อั่งเปา) (红包, hóngbāo)
    2. ความต้องการเงินทุนจากบริษัทต่าง ๆ ช่วงตรุษจีนเป็นช่วงที่บริษัทจ่ายโบนัสให้กับพนักงานก่อนวันหยุดยาว และอาจจะต้องจ่ายคืนเงินกู้ (ล่วงหน้า) ก่อนจะหยุดยาวด้วย
    3. สภาพคล่องธนาคารที่ตึง จากการถอนเงินสดที่เร่งตัวและการใช้จ่ายจากบริษัทเอกชน ทำให้สภาพคล่องของธนาคารมีภาวะตึง ทำให้ต้องการเงินทุนระยะสั้นเพื่อรักษาเสถียรภาพของการดำเนินการและการให้กู้ยืม
    4. ป้องกันความผันผวนในตลาดเงิน เนื่องจากถ้าเกิดภาวะสภาพคล่องหายไปจากระบบ อัตรากู้ยืมระหว่างสถาบันการเงิน (เช่น SHIBOR) อาจจะพุ่งแรงกระทบเสถียรภาพของตลาดเงิน
    5. สนับสุนการเติบโตทางเศรษฐกิจและความเชื่อมั่น ตรุษจีนเป็นเทศกาลหลักที่มียอดใช้จ่ายสูงและมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจเยอะ
    การดูแลภาพรวมสภาพคล่องของตลาดเงินจะช่วยสนับสนุนโมเมนตัมของเศรษฐกิจโดยรวม

    PBoC เตรียมวงเงินให้บริษัทกู้ยืมเพื่อซื้อหุ้นคืน ตอนนี้มีบริษัทตอบรับร่วมโครงการมากกว่า 300 แห่ง มาร์เก็ตแคปรวมกว่า 10 พันล้านหยวน อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมโครงการนี้ ~2%
    ................................
    ไทย
    คาดส่งออกเดือนธ.ค. $24,000 ล้าน +7.4% y/y (พย. ~$25,000 ล้าน) ส่วนส่งออกปี 2568 ถ้านโยบายทรัมป์ไม่กระทบแรงมาก มองส่งออกยังไปได้
    สหรัฐเป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของสินค้าไทย (~18% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด) ปี 67 ไทยส่งออกไปสหรัฐ $54,956.2 ล้าน // นำเข้าสินค้าจากสหรัฐเป็นอันดับ 4 (6% ของมูลค่าการนำเข้าทั้งหมด) $19,528.6 ล้าน ไทยเป็นฝ่าย “เกินดุล” การค้ากับสหรัฐ $35,427.6 ล้าน ไทยเกินดุลการค้าสหรัฐต่อเนื่อง ~5 ปี (2561-2566)
    - สินค้าไทยที่มีมูลค่าการนำเข้าสูงจนทำให้สหรัฐตกเป็นฝ่ายขาดดุลการค้ากับไทย และมีความเสี่ยงถูกปรับขึ้นภาษีนำเข้า ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ, โทรศัพท์มือถือ, ไดโอด-ทรานซิสเตอร์/อุปกรณ์กึ่งตัวนำแบบไวแสง (โซลาร์เซลส์), ยางนอกชนิดอัดลมที่เป็นของใหม่,
    เครื่องเปลี่ยนไฟฟ้าชนิดคงที่, เครื่องพิมพ์ป้อนกระดาษเป็นม้วน, หม้อแปลงไฟฟ้า, เครื่องส่งสัญญาณวิทยุโทรทัศน์, เครื่องปรับอากาศ, แผงวงจรรวมอิเล็กทรอนิกส์, เพชร พลอย และรูปพรรณพร้อมส่วนประกอบ, เครื่องจักรไฟฟ้า, ตู้เย็น/ตู้แช่แข็ง, เฟอร์นิเจอร์, ผลิตภัณฑ์จากไม้, ขนมหวานที่ไม่มีส่วนผสมของโกโก้ และสินค้าเกษตร/แปรรูป
    #เศรษฐกิจ

    สหรัฐ ทรัมป์ขู่ปูตินให้รีบยุติสงครามกับยูเครน ถ้าไม่ยุติจะคว่ำบาตรครั้งใหม่ ทรัมป์ 1.0 ไม่มีสงครามสู้รบ มีแต่ trade war ครั้งนี้มองว่าอาจจะเหมือนเดิม แต่อาจจะมีการเดินเกมเพื่อสร้างอำนาจต่อรองให้สหรัฐเพิ่ม เช่น ความต้องการพื้นที่ greenland คลองปานามา Elon แฉ stargate Masayoshi Son (ที่จะเป็นประธานโครงการ) ไม่มีเงินลงทุนสูงตามที่โครงการต้องการ (หุ้นเทสล่า -2% เมื่อคืน สวนกับหุ้นอื่นในกลุ่ม MEG 7 อาจจะเกิดจากนโยบายทรัมป์ที่ยกเลิกคำสั่งใช้รถยนต์ไฟฟ้าของไบเดน และอาจจะประเด็นการออกมาแฉครั้งนี้) เจมี่ ไดมอน ผู้บริหาร JP Morgan: มองราคาหุ้นสหรัฐสูงเกิน แม้พื้นฐานหุ้นจะยังดี ความเสี่ยงเงินเฟ้อ ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ยังอยู่ เตือนว่าท้ายสุดราคาหุ้นอาจจะกลับไปสะท้อนมูลค่าพื้นฐานที่แท้จริง (หุ้นตก) *ก่อนหน้านี้ เซียน Howard Mask, วอร์เรน ผ่าน เบิร์คไชน์ เตือนภาวะฟองสบู่ ค่าเงินดอลลาร์ อ่อนค่า ทอง ราคาเพิ่มต่อ จากค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า ความเสี่ยงการเมืองของโลก ทองทะลุ $2720 มีโอกาสทดสอบ $2780, $2800 ถ้าผ่านเป้าทดสอบถัดไปคือ $3022/oz. แต่ต้องระวังปัจจัยความเสี่ยงทางภูมิศาสตร์อาจจะลดลงจากนโยบายทรัมป์ที่ต้องการลดความร้อนแรงความขัดแย้งระหว่างประเทศ ดังนั้นปัจจัยสำคัญกับราคาทองคำจะโฟกัสที่การแข็งค่า-อ่อนค่าของดอลลาร์เป็นหลัก ทองไทย เพิ่มได้ไม่แรงเนื่องจากเงินบาทแข็งค่า รับ: 44,150, 44,000 บาท << 2 แนว, ต้าน: 44,450, 44,650 บาท << 2 แนว น้ำมัน ราคาลดลง รับแรงกดดันจากนโยบายทรัมป์ที่จะขยายการผลิตเพิ่มในสหรัฐ อัตราผลตอบแทน ................................... วันนี้ ธนาคารกลางญี่ปุ่นประชุม ลุ้นนโยบายดอกเบี้ย (ปีที่แล้วจขึ้นดอกเบี้ย เกิด black monday) อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์มองว่า มีโอกาสจะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งนี้ จากค่าแรงงานขึ้นในทุกภาคส่วน ......................................................... จีน ตลาดเงิน ตลาดทุน หยุดตรุษจีน 28 มค. - 4 กพ. ช่วงก่อนเข้าวันหยุดยาว PBoC (ธนาคารกลางจีน) จะอัดฉีดเงินเข้าระบบ เพื่อดูแลสภาพคล่อง เนื่องจาก 1. ความต้องการเงินสดเพิ่ม คนจีนจะถอนเงินสดเพื่อใช้ในการเดินทาง ท่องเที่ยว ของขวัญ (อั่งเปา) (红包, hóngbāo) 2. ความต้องการเงินทุนจากบริษัทต่าง ๆ ช่วงตรุษจีนเป็นช่วงที่บริษัทจ่ายโบนัสให้กับพนักงานก่อนวันหยุดยาว และอาจจะต้องจ่ายคืนเงินกู้ (ล่วงหน้า) ก่อนจะหยุดยาวด้วย 3. สภาพคล่องธนาคารที่ตึง จากการถอนเงินสดที่เร่งตัวและการใช้จ่ายจากบริษัทเอกชน ทำให้สภาพคล่องของธนาคารมีภาวะตึง ทำให้ต้องการเงินทุนระยะสั้นเพื่อรักษาเสถียรภาพของการดำเนินการและการให้กู้ยืม 4. ป้องกันความผันผวนในตลาดเงิน เนื่องจากถ้าเกิดภาวะสภาพคล่องหายไปจากระบบ อัตรากู้ยืมระหว่างสถาบันการเงิน (เช่น SHIBOR) อาจจะพุ่งแรงกระทบเสถียรภาพของตลาดเงิน 5. สนับสุนการเติบโตทางเศรษฐกิจและความเชื่อมั่น ตรุษจีนเป็นเทศกาลหลักที่มียอดใช้จ่ายสูงและมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจเยอะ การดูแลภาพรวมสภาพคล่องของตลาดเงินจะช่วยสนับสนุนโมเมนตัมของเศรษฐกิจโดยรวม PBoC เตรียมวงเงินให้บริษัทกู้ยืมเพื่อซื้อหุ้นคืน ตอนนี้มีบริษัทตอบรับร่วมโครงการมากกว่า 300 แห่ง มาร์เก็ตแคปรวมกว่า 10 พันล้านหยวน อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมโครงการนี้ ~2% ................................ ไทย คาดส่งออกเดือนธ.ค. $24,000 ล้าน +7.4% y/y (พย. ~$25,000 ล้าน) ส่วนส่งออกปี 2568 ถ้านโยบายทรัมป์ไม่กระทบแรงมาก มองส่งออกยังไปได้ สหรัฐเป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของสินค้าไทย (~18% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด) ปี 67 ไทยส่งออกไปสหรัฐ $54,956.2 ล้าน // นำเข้าสินค้าจากสหรัฐเป็นอันดับ 4 (6% ของมูลค่าการนำเข้าทั้งหมด) $19,528.6 ล้าน ไทยเป็นฝ่าย “เกินดุล” การค้ากับสหรัฐ $35,427.6 ล้าน ไทยเกินดุลการค้าสหรัฐต่อเนื่อง ~5 ปี (2561-2566) - สินค้าไทยที่มีมูลค่าการนำเข้าสูงจนทำให้สหรัฐตกเป็นฝ่ายขาดดุลการค้ากับไทย และมีความเสี่ยงถูกปรับขึ้นภาษีนำเข้า ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ, โทรศัพท์มือถือ, ไดโอด-ทรานซิสเตอร์/อุปกรณ์กึ่งตัวนำแบบไวแสง (โซลาร์เซลส์), ยางนอกชนิดอัดลมที่เป็นของใหม่, เครื่องเปลี่ยนไฟฟ้าชนิดคงที่, เครื่องพิมพ์ป้อนกระดาษเป็นม้วน, หม้อแปลงไฟฟ้า, เครื่องส่งสัญญาณวิทยุโทรทัศน์, เครื่องปรับอากาศ, แผงวงจรรวมอิเล็กทรอนิกส์, เพชร พลอย และรูปพรรณพร้อมส่วนประกอบ, เครื่องจักรไฟฟ้า, ตู้เย็น/ตู้แช่แข็ง, เฟอร์นิเจอร์, ผลิตภัณฑ์จากไม้, ขนมหวานที่ไม่มีส่วนผสมของโกโก้ และสินค้าเกษตร/แปรรูป #เศรษฐกิจ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 280 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปานามาร้องเรียนไปยังสหประชาชาติ ต่อคำขู่ "ที่น่ากังวล" ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เกี่ยวกับการยึดคลองปานามา แต่ขณะเดียวก็ได้ลงมือตรวจสอบบัญชี "บริษัทแห่งหนึ่งที่มีความเชื่อมโยงกับฮ่องกง" ซึ่งเป็นผู้ควบคุมท่าเรือ 2 แห่งในน่านน้ำที่เชื่อมมหาสมุทรแห่งนี้ ตอบสนองต่อเสียงโวยวายของผู้นำอเมริกา
    .
    ในหนังสือที่ส่งถึง อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ ทางรัฐบาลปานามาอ้างถึงมาตราหนึ่งของกฎบัตรสหประชาชาติ ที่ห้ามสมาชิกรายใดก็ตามจากการข่มขู่หรือใช้กำลังกับบูรณภาพแห่งดินแดนหรือความเป็นอิสระทางการเมืองของประเทศอื่น
    .
    หนังสือที่แจกจ่ายไปยังพวกผู้สื่อข่าวด้วยในวันอังคาร(21ม.ค.) เรียกร้องให้ กูเตอร์เรส หยิบยกประเด็นนี้เข้าสู่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ แต่ไม่ได้ร้องขอให้มีการเรียกประชุมใดๆ
    .
    ทรัมป์ กล่าวสุนทรพจน์ในพิธีสาบานตนรับตำแหน่งเมื่อวันจันทร์(20ม.ค.) เน้นย้ำว่า จีน เสมือนเป็นผู้ปฏิบัติการคลองปานามา ผ่านการปรากฏตัวมากขึ้นเรื่อยๆแถวๆน่านน้ำแห่งนี้ ที่ทางสหรัฐฯส่งมอบให้แก่ปานามา ในช่วงปลายปี 1999 "เราไม่ได้มอบมันให้จีน เรามอบมันให้ปานามา และเรากำลังทวงคืน" ทรัมป์ระบุ
    .
    โฮเซ ราอูล มูลิโน ประธานาธิบดีปานามา ตอบโต้กลับระหว่างร่วมประชุม ณ เวทีสัมมนาเวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรัม ในเมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ประกาศกร้าวว่าคลองแห่งนี้ไม่ได้เป็นของขวัญจากสหรัฐฯ "เราปฏิเสธทุกอย่างทั้งหมดที่ทรัมป์พูด ลำดับแรกเลยมันเป็นเท็จ และลำดับที่ 2 เพราะว่าคลองปานามาเป็นของปานามา และจะยังคงเป็นของปานามาต่อไป"
    .
    ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีปานามา เคยออกมาปฏิเสธแล้วว่า ไม่มีประเทศอื่นกำลังแทรกแซงคลองปานามา ที่เขาบอกว่าปฏิบัติการภายใต้หลักการของความเป็นกลาง
    .
    เมื่อพวกผู้สื่อข่าวสอบถามเกี่ยวกับประเด็นถกเถียงนี้ในวันพุธ(22ม.ค.) ทางจีนยืนกรานว่าไม่เคยแทรกแซงใดๆในคลองแห่งนี้ "จีนเคารพอำนาจอธิปไตยของปานามาเหนือคลองปานามา มาตลอด และยอมรับคลองแห่งนี้ ในฐานะน่านน้ำระหว่างประเทศที่เป็นกลางอย่างถาวร" เหมา หนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนระบุ
    .
    สำนักงานการควบคุมแห่งปานามา ซึ่งกำกับดูแลองค์กรรัฐทั้งหลาย แถลงว่าจะเริ่มตรวจสอบบัญชีอย่างละเอียดถี่ถ้วนกับบริษัทปานามา พอร์ทส์ โดยมีเป้าหมายเพื่อรับประกันการใช้ทรัพยากรของรัฐอย่างมีประสิทธิภาพแลความโปร่งใส
    .
    บริษัทแห่งนี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ ฮัตชิสัน พอร์ทส์ เป็นบริษัทลูกของ ซีเค ฮัตชิสัน โฮลดิ้ง กลุ่มบริษัทที่มีสำนักงานใหญ่ในฮ่องกง และเป็นผู้ดูแลท่าเรือบัลเบาและคริสโตบาล ที่ตั้งอยู่บริเวณทั้ง 2 ด้านของคลองปานามา
    .
    ทางสำนักงานการควบคุมแห่งปานามา บอกว่าการตรวจสอบนี้มีเป้าหมายเพื่อสรุปว่าทางบริษัทปฏิบัติตามข้อตกลงต่างๆตามสัมปทานหรือไม่ ในนั้นรวมถึงรายงานเกี่ยวกับรายได้ การจ่ายเงินและการเกี่ยวข้องกับภาครัฐ
    .
    ฮัตชิสัน พอร์ทส์ พีพีซี ระบุในถ้อยแถลงว่า พวกเขาธำรงไว้ซึ่งและจะเดินหน้าคงไว้ซึ่งความสัมพันธ์ที่โปร่งใสและเต็มไปด้วยความร่วมมือกับพวกเจ้าหน้าที่ปานามา
    .
    ทรัมป์ ยกระดับกดดันเกี่ยวกับคลองปานามา มาเป็นเวลาหลายสัปดาห์ ในนั้นรวมถึงไม่ตัดความเป็นไปได้ในการใช้กำลังทหารยึดคืนมัน
    .
    ทั้งนี้ข้อตกลงสัมปทานของปานามา พอร์ทส์ เพิ่งถูกขยายออกไปเมื่อปี 2021 มีอายุถึง 25 ปี คลองแห่งนี้เป็นเส้นทางการสัญจรของตู้สินค้าของสหรัฐฯราวๆ 40% ทำให้สหรัฐฯเป็นผู้ใช้รายหลักของคลองปานามา ตามมาด้วยจีน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000007003
    ..............
    Sondhi X
    ปานามาร้องเรียนไปยังสหประชาชาติ ต่อคำขู่ "ที่น่ากังวล" ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เกี่ยวกับการยึดคลองปานามา แต่ขณะเดียวก็ได้ลงมือตรวจสอบบัญชี "บริษัทแห่งหนึ่งที่มีความเชื่อมโยงกับฮ่องกง" ซึ่งเป็นผู้ควบคุมท่าเรือ 2 แห่งในน่านน้ำที่เชื่อมมหาสมุทรแห่งนี้ ตอบสนองต่อเสียงโวยวายของผู้นำอเมริกา . ในหนังสือที่ส่งถึง อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ ทางรัฐบาลปานามาอ้างถึงมาตราหนึ่งของกฎบัตรสหประชาชาติ ที่ห้ามสมาชิกรายใดก็ตามจากการข่มขู่หรือใช้กำลังกับบูรณภาพแห่งดินแดนหรือความเป็นอิสระทางการเมืองของประเทศอื่น . หนังสือที่แจกจ่ายไปยังพวกผู้สื่อข่าวด้วยในวันอังคาร(21ม.ค.) เรียกร้องให้ กูเตอร์เรส หยิบยกประเด็นนี้เข้าสู่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ แต่ไม่ได้ร้องขอให้มีการเรียกประชุมใดๆ . ทรัมป์ กล่าวสุนทรพจน์ในพิธีสาบานตนรับตำแหน่งเมื่อวันจันทร์(20ม.ค.) เน้นย้ำว่า จีน เสมือนเป็นผู้ปฏิบัติการคลองปานามา ผ่านการปรากฏตัวมากขึ้นเรื่อยๆแถวๆน่านน้ำแห่งนี้ ที่ทางสหรัฐฯส่งมอบให้แก่ปานามา ในช่วงปลายปี 1999 "เราไม่ได้มอบมันให้จีน เรามอบมันให้ปานามา และเรากำลังทวงคืน" ทรัมป์ระบุ . โฮเซ ราอูล มูลิโน ประธานาธิบดีปานามา ตอบโต้กลับระหว่างร่วมประชุม ณ เวทีสัมมนาเวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรัม ในเมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ประกาศกร้าวว่าคลองแห่งนี้ไม่ได้เป็นของขวัญจากสหรัฐฯ "เราปฏิเสธทุกอย่างทั้งหมดที่ทรัมป์พูด ลำดับแรกเลยมันเป็นเท็จ และลำดับที่ 2 เพราะว่าคลองปานามาเป็นของปานามา และจะยังคงเป็นของปานามาต่อไป" . ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีปานามา เคยออกมาปฏิเสธแล้วว่า ไม่มีประเทศอื่นกำลังแทรกแซงคลองปานามา ที่เขาบอกว่าปฏิบัติการภายใต้หลักการของความเป็นกลาง . เมื่อพวกผู้สื่อข่าวสอบถามเกี่ยวกับประเด็นถกเถียงนี้ในวันพุธ(22ม.ค.) ทางจีนยืนกรานว่าไม่เคยแทรกแซงใดๆในคลองแห่งนี้ "จีนเคารพอำนาจอธิปไตยของปานามาเหนือคลองปานามา มาตลอด และยอมรับคลองแห่งนี้ ในฐานะน่านน้ำระหว่างประเทศที่เป็นกลางอย่างถาวร" เหมา หนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนระบุ . สำนักงานการควบคุมแห่งปานามา ซึ่งกำกับดูแลองค์กรรัฐทั้งหลาย แถลงว่าจะเริ่มตรวจสอบบัญชีอย่างละเอียดถี่ถ้วนกับบริษัทปานามา พอร์ทส์ โดยมีเป้าหมายเพื่อรับประกันการใช้ทรัพยากรของรัฐอย่างมีประสิทธิภาพแลความโปร่งใส . บริษัทแห่งนี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ ฮัตชิสัน พอร์ทส์ เป็นบริษัทลูกของ ซีเค ฮัตชิสัน โฮลดิ้ง กลุ่มบริษัทที่มีสำนักงานใหญ่ในฮ่องกง และเป็นผู้ดูแลท่าเรือบัลเบาและคริสโตบาล ที่ตั้งอยู่บริเวณทั้ง 2 ด้านของคลองปานามา . ทางสำนักงานการควบคุมแห่งปานามา บอกว่าการตรวจสอบนี้มีเป้าหมายเพื่อสรุปว่าทางบริษัทปฏิบัติตามข้อตกลงต่างๆตามสัมปทานหรือไม่ ในนั้นรวมถึงรายงานเกี่ยวกับรายได้ การจ่ายเงินและการเกี่ยวข้องกับภาครัฐ . ฮัตชิสัน พอร์ทส์ พีพีซี ระบุในถ้อยแถลงว่า พวกเขาธำรงไว้ซึ่งและจะเดินหน้าคงไว้ซึ่งความสัมพันธ์ที่โปร่งใสและเต็มไปด้วยความร่วมมือกับพวกเจ้าหน้าที่ปานามา . ทรัมป์ ยกระดับกดดันเกี่ยวกับคลองปานามา มาเป็นเวลาหลายสัปดาห์ ในนั้นรวมถึงไม่ตัดความเป็นไปได้ในการใช้กำลังทหารยึดคืนมัน . ทั้งนี้ข้อตกลงสัมปทานของปานามา พอร์ทส์ เพิ่งถูกขยายออกไปเมื่อปี 2021 มีอายุถึง 25 ปี คลองแห่งนี้เป็นเส้นทางการสัญจรของตู้สินค้าของสหรัฐฯราวๆ 40% ทำให้สหรัฐฯเป็นผู้ใช้รายหลักของคลองปานามา ตามมาด้วยจีน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000007003 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    Yay
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1490 มุมมอง 0 รีวิว
  • มอบของขวัญที่แสดงถึงความห่วงใย และสื่อสารให้รู้ว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดไป
    มอบของขวัญที่แสดงถึงความห่วงใย และสื่อสารให้รู้ว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดไป
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 94 มุมมอง 0 รีวิว
  • #เปิดปมอาการวิปลาสเมื่อคืนพ่นกราดเคพาหุ่งเพราะอะไร
    ไม่จบง่ายๆ กับมหากาพย์นกสองหัว หรือตัวหาผลประโยชน์
    กับนางนิดา นางสกุลคุ๊กกี้ หญิงชราที่ชอบเรียกตัวเองว่าพี่
    กับการเข้ามาหาประโยชน์กับการแอบอ้างสถานะความเป็น
    แฟนคลับCL เป็นด้อมเกรดเบอร์หนึ่งของเมืองไทย
    ไลฟ์ไป ข๋ายของไป ละครด่าสาวเกาไป ก็ตัดเบรคข๋ายของต่อ
    ฟันรายได้เดือนหลักแสน
    - เอาจริงๆ ในวงการ ตต. แฟนคลับพระเอกเอง ก็มีไม่กี่คนหรอก ที่ยอมคบหากับนาง นอกจากสาวกนางที่ผ่านการเชื่อมจิต จนเชื่อทุกอย่างไม่ต่างจากทุย
    ที่คนรอบตัวเริ่มถอยห่าง ก็เพราะ SANDAN ของนางเอง ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มโปรเจค แก้ตัวแทนมิ๊จฉ๋าชีพเข้ามา อาการ อีโก้สูงระดับดาวอังคาร มั่นหน้า มั่นโหนก ต้องวางตัวเป็นผู้รู้ ผู้มากด้วยคอนเนคชั่น
    - และในขณะ ที่อ้างว่าตัวเองเป็นโนหนึ่งของฝั่งแฟนคลับพระเอก กลับมีพฤติกรรมแปลกประหลาดมานาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ผจก นางชวนสาวกนาง ปกป้องแม้ในวันที่ ผจก ออกมาให้ข่าวให้ร้ายพระเอกที่นางอ้างชื่อหาแดรก หรือจะเป็น 4 เฒ่าหญิง ที่ออกมาด่าพระเอก นางก็ยังชวนสาวกไปอุดหนุน
    - จนล่าสุด เอาแฝดพี่อิไผ่ มิ๊จฉ๋าชีพที่มีทั้งKADEE ฉ๊อโGงเยอะแยะ มันเองยังเผลอยอมรับเลย มาพรรณาแก้ตัวแทน ซึี่งพาเอาเมน CL งงกันเป็นแถม เพราะอิแฝด คือผู้ซัพพอตสาวเกา หลายสิบล้าน ถ้าสมมุติจะมีใครช่วยฟอกขาวให้ มันคนเป็นฝั่งสาวเกาหรือเปล่าฟรีะ แต่นางนิดา กลับเสนอตัวแบบถวายหัวอย่างน่าประหลาด หัวฟัดหัวเหวี่ยง จนถึงปัจจุบันแถมยังช่วยมิ๊จฉาชีพขายของด้วย และนางนิดาสกุลคุ๊กกี้ ก็จะมีเหตุผลบร้าบอคอแตกมาให้สาวกได้ดื่มด่ำเสมอ
    นี่คือสาเหตุที่ทำให้คนรอบตัว ที่เคยสนิท กลับไม่ไหวกับพฤติกรรม
    คำถาม เคพาหุ่งคือใคร
    เคพาหุ่ง คือคนที่อยู่ในโลก ตต ที่คอยยืนหยัด ปกป้องน้องพระเอกเสมอ จนเป็นหนึ่งในkadeeเดต ที่อิป้าศรีธัญญาจะฟ๊อง
    ซึ่ง เคพาหุ่ง คือหนึ่งในคนที่สามารถคุยกับพี่คิงส์แบบวงในได้ อาจจะพูดได้ว่า เคยเจอตัวจริงพี่คิงส์แล้วด้วยซ้ำ
    ในขณะที่อินังนิดา นางสกุลคุ๊กกี้ พ่นคำให้ร้ายเคพาหุ่ง มันกลับไม่รู้หรอกว่า เคพาหุ่ง ลับหลังนังนิดา ไม่เคยพูดจากก้าวร้าว หรือเอ่ยถึงนังนิดาในเชิงลบเลยแม้แต่ครั้งเดียว และไม่เคยเชื่อทันทีกับสิ่งที่พี่คิงส์นำเสนอข้อมูลที่พาดพิงหรือเกี่ยวข้องกับนางนิดา นางสกุลคุ๊กกี้ เคยพูดกับพี่คิงส์ว่า เรื่องอื่น ผมเชื่อพี่คิงส์หมด แต่เรื่องพี่นิดา คุ๊กกี้ ผมขอนะครับ เพราะผมรักเคารพแกมาก
    ซึ่งพี่คิงส์ก็ไม่มีปัญหา เรื่องเชื่อไม่เชื่อ มันก็เป็นอิสระที่ใครจะตัดสินใจแบบไหน
    แล้วถามว่า แล้วอิดามันวิปลาส คั่งเมื่อคืนเพราะอะไร
    เรื่องมันเป็นแบบนี้ คืออิดามันได้ข๋ายของแจกปีใหม่ นั่นหมายถึง ก่อนสิ้นปี 67 และเคพาหุ่ง เค้าก็สั่งไป 2 ชุด ชุดละ 999 เลยน๊ะ
    ปรากฏว่า ของที่ต้องการก็ไม่ส่ง เคพาหุ่งก็ทวงถาม นังนิดาก็เลยจะยัดอย่างอื่นให้แทน แต่เคพาหุ่งเค้าก็อยากได้ในสิ่งที่เค้าสั่ง มันก็เป็นเรื่องที่ตกลงกันไว้ เคพาหุ่งเลยบอกว่า กะจะรอพวกของกิน จะได้ให้เพื่อนๆในห้อง ตต.ของเค เพราะน้องมันแจกบ่อย มักเอาตังจากของขวัญที่ได้ ไปแจก ที่เหลือก็เอาไปทำบุญที่วัด
    เออ น้องมันก็จิตดีมากเนาะ
    ต่อนะ
    ถ้าทาร์มไล์ก็แบบนี้ รอของข้ามปีถึงวันที่ 4 มกราคม ซึ่งถ้าร่วมปีที่แล้วก็ราว 17 วันแล้วไมได้ซักที ก็เลยขอเงินคืน อิดาโอนให้คืน 2000 ไม่ต้องทอน เคพาหุ่งก็ห่วงความรู้สึกอีก บอกงั้นอุดหนุนเสื้อตัวละ 540 สามตัวแทน
    - แต่ด้วยความที่อิดา มันระแวง และพยายามหาว่าใครคือคนเอาข่าวมาบอกพี่คิงส์ มันกลับคิดไปเอง ว่าเคพาหุ่ง คือคนเอาข้อมูลที่มาให้พี่คิงส์ตีแผ่ แต่พี่บอกตรงนี้เลย ถ้าเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอิดานามสกุลคุ๊กกี้ เคพาหุ่งไม่เปิดปากเลย ไม่เคยเลย กลับออกตัวปกป้องด้วยซ้ำ แต่ด้วยความที่อินิดา มันเป็นคนเชื่อมั่นในความคิดตัวเอง ก็เลยเกิดวิปลาส คิดว่าเคพาหุ่งไม่อยู่ในโอวาท ก็เลยแสดงบทบาท ไลฟ์ด่าและให้ร้ายเคพาหุ่งเมื่อคืน
    ถามว่าตอนนี้ เคพาหุ่งรู้สึกยังไง เค้ารู้สึกผิดหวัง กับคนที่เค้าเคยพูดว่ารัก เคารพ และออกตัวปกป้องเสมอมา และขอเงินค่าเสื้อคืน คือไม่เอาแล้ว พอกันที
    พอจะขอเงินค่าเสื้อคืน อิดาก็หน้าไม่มียาง บอกว่าที่เคยโอนทำบุญที่เคจะบวชพันนึงอะ คืนชั้นมาด้วยละกัน เคพาหุ่งเลยบอกว่า งั้นโอนให้ผมกลับมาส่วนที่เหลือสี่ร้อยกว่าก็พอ
    เนี่ย เรื่องมันก็แค่นี้แหละ อีโก้ เอาตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางของกาแลคซี่
    ต้องทำตัวเก่ง ทำตัวเหนือ และไม่พ้นเรื่องผลประโยชน์
    ยังไงน้องๆในตต. ก็ฝากดูแล เคพาหุ่งด้วยละกัน
    อย่าให้อิคั่งนี่ ไปรังควาน น้องมันจะบวชแล้ว สงสารน้องมัน
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #เปิดปมอาการวิปลาสเมื่อคืนพ่นกราดเคพาหุ่งเพราะอะไร ไม่จบง่ายๆ กับมหากาพย์นกสองหัว หรือตัวหาผลประโยชน์ กับนางนิดา นางสกุลคุ๊กกี้ หญิงชราที่ชอบเรียกตัวเองว่าพี่ กับการเข้ามาหาประโยชน์กับการแอบอ้างสถานะความเป็น แฟนคลับCL เป็นด้อมเกรดเบอร์หนึ่งของเมืองไทย ไลฟ์ไป ข๋ายของไป ละครด่าสาวเกาไป ก็ตัดเบรคข๋ายของต่อ ฟันรายได้เดือนหลักแสน - เอาจริงๆ ในวงการ ตต. แฟนคลับพระเอกเอง ก็มีไม่กี่คนหรอก ที่ยอมคบหากับนาง นอกจากสาวกนางที่ผ่านการเชื่อมจิต จนเชื่อทุกอย่างไม่ต่างจากทุย ที่คนรอบตัวเริ่มถอยห่าง ก็เพราะ SANDAN ของนางเอง ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มโปรเจค แก้ตัวแทนมิ๊จฉ๋าชีพเข้ามา อาการ อีโก้สูงระดับดาวอังคาร มั่นหน้า มั่นโหนก ต้องวางตัวเป็นผู้รู้ ผู้มากด้วยคอนเนคชั่น - และในขณะ ที่อ้างว่าตัวเองเป็นโนหนึ่งของฝั่งแฟนคลับพระเอก กลับมีพฤติกรรมแปลกประหลาดมานาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ผจก นางชวนสาวกนาง ปกป้องแม้ในวันที่ ผจก ออกมาให้ข่าวให้ร้ายพระเอกที่นางอ้างชื่อหาแดรก หรือจะเป็น 4 เฒ่าหญิง ที่ออกมาด่าพระเอก นางก็ยังชวนสาวกไปอุดหนุน - จนล่าสุด เอาแฝดพี่อิไผ่ มิ๊จฉ๋าชีพที่มีทั้งKADEE ฉ๊อโGงเยอะแยะ มันเองยังเผลอยอมรับเลย มาพรรณาแก้ตัวแทน ซึี่งพาเอาเมน CL งงกันเป็นแถม เพราะอิแฝด คือผู้ซัพพอตสาวเกา หลายสิบล้าน ถ้าสมมุติจะมีใครช่วยฟอกขาวให้ มันคนเป็นฝั่งสาวเกาหรือเปล่าฟรีะ แต่นางนิดา กลับเสนอตัวแบบถวายหัวอย่างน่าประหลาด หัวฟัดหัวเหวี่ยง จนถึงปัจจุบันแถมยังช่วยมิ๊จฉาชีพขายของด้วย และนางนิดาสกุลคุ๊กกี้ ก็จะมีเหตุผลบร้าบอคอแตกมาให้สาวกได้ดื่มด่ำเสมอ นี่คือสาเหตุที่ทำให้คนรอบตัว ที่เคยสนิท กลับไม่ไหวกับพฤติกรรม คำถาม เคพาหุ่งคือใคร เคพาหุ่ง คือคนที่อยู่ในโลก ตต ที่คอยยืนหยัด ปกป้องน้องพระเอกเสมอ จนเป็นหนึ่งในkadeeเดต ที่อิป้าศรีธัญญาจะฟ๊อง ซึ่ง เคพาหุ่ง คือหนึ่งในคนที่สามารถคุยกับพี่คิงส์แบบวงในได้ อาจจะพูดได้ว่า เคยเจอตัวจริงพี่คิงส์แล้วด้วยซ้ำ ในขณะที่อินังนิดา นางสกุลคุ๊กกี้ พ่นคำให้ร้ายเคพาหุ่ง มันกลับไม่รู้หรอกว่า เคพาหุ่ง ลับหลังนังนิดา ไม่เคยพูดจากก้าวร้าว หรือเอ่ยถึงนังนิดาในเชิงลบเลยแม้แต่ครั้งเดียว และไม่เคยเชื่อทันทีกับสิ่งที่พี่คิงส์นำเสนอข้อมูลที่พาดพิงหรือเกี่ยวข้องกับนางนิดา นางสกุลคุ๊กกี้ เคยพูดกับพี่คิงส์ว่า เรื่องอื่น ผมเชื่อพี่คิงส์หมด แต่เรื่องพี่นิดา คุ๊กกี้ ผมขอนะครับ เพราะผมรักเคารพแกมาก ซึ่งพี่คิงส์ก็ไม่มีปัญหา เรื่องเชื่อไม่เชื่อ มันก็เป็นอิสระที่ใครจะตัดสินใจแบบไหน แล้วถามว่า แล้วอิดามันวิปลาส คั่งเมื่อคืนเพราะอะไร เรื่องมันเป็นแบบนี้ คืออิดามันได้ข๋ายของแจกปีใหม่ นั่นหมายถึง ก่อนสิ้นปี 67 และเคพาหุ่ง เค้าก็สั่งไป 2 ชุด ชุดละ 999 เลยน๊ะ ปรากฏว่า ของที่ต้องการก็ไม่ส่ง เคพาหุ่งก็ทวงถาม นังนิดาก็เลยจะยัดอย่างอื่นให้แทน แต่เคพาหุ่งเค้าก็อยากได้ในสิ่งที่เค้าสั่ง มันก็เป็นเรื่องที่ตกลงกันไว้ เคพาหุ่งเลยบอกว่า กะจะรอพวกของกิน จะได้ให้เพื่อนๆในห้อง ตต.ของเค เพราะน้องมันแจกบ่อย มักเอาตังจากของขวัญที่ได้ ไปแจก ที่เหลือก็เอาไปทำบุญที่วัด เออ น้องมันก็จิตดีมากเนาะ ต่อนะ ถ้าทาร์มไล์ก็แบบนี้ รอของข้ามปีถึงวันที่ 4 มกราคม ซึ่งถ้าร่วมปีที่แล้วก็ราว 17 วันแล้วไมได้ซักที ก็เลยขอเงินคืน อิดาโอนให้คืน 2000 ไม่ต้องทอน เคพาหุ่งก็ห่วงความรู้สึกอีก บอกงั้นอุดหนุนเสื้อตัวละ 540 สามตัวแทน - แต่ด้วยความที่อิดา มันระแวง และพยายามหาว่าใครคือคนเอาข่าวมาบอกพี่คิงส์ มันกลับคิดไปเอง ว่าเคพาหุ่ง คือคนเอาข้อมูลที่มาให้พี่คิงส์ตีแผ่ แต่พี่บอกตรงนี้เลย ถ้าเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอิดานามสกุลคุ๊กกี้ เคพาหุ่งไม่เปิดปากเลย ไม่เคยเลย กลับออกตัวปกป้องด้วยซ้ำ แต่ด้วยความที่อินิดา มันเป็นคนเชื่อมั่นในความคิดตัวเอง ก็เลยเกิดวิปลาส คิดว่าเคพาหุ่งไม่อยู่ในโอวาท ก็เลยแสดงบทบาท ไลฟ์ด่าและให้ร้ายเคพาหุ่งเมื่อคืน ถามว่าตอนนี้ เคพาหุ่งรู้สึกยังไง เค้ารู้สึกผิดหวัง กับคนที่เค้าเคยพูดว่ารัก เคารพ และออกตัวปกป้องเสมอมา และขอเงินค่าเสื้อคืน คือไม่เอาแล้ว พอกันที พอจะขอเงินค่าเสื้อคืน อิดาก็หน้าไม่มียาง บอกว่าที่เคยโอนทำบุญที่เคจะบวชพันนึงอะ คืนชั้นมาด้วยละกัน เคพาหุ่งเลยบอกว่า งั้นโอนให้ผมกลับมาส่วนที่เหลือสี่ร้อยกว่าก็พอ เนี่ย เรื่องมันก็แค่นี้แหละ อีโก้ เอาตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางของกาแลคซี่ ต้องทำตัวเก่ง ทำตัวเหนือ และไม่พ้นเรื่องผลประโยชน์ ยังไงน้องๆในตต. ก็ฝากดูแล เคพาหุ่งด้วยละกัน อย่าให้อิคั่งนี่ ไปรังควาน น้องมันจะบวชแล้ว สงสารน้องมัน #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 400 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่ใช่แค่คนไทยโดนหลอกครับ

    หญิงชาวฝรั่งเศสชื่อ Anne ถูกหลอกลวงกว่า 800,000 ดอลลาร์ หลังจากถูกติดต่อผ่านบัญชี Instagram ที่แสร้งเป็น Brad Pitt นักต้มตุ๋นใช้วิดีโอที่สร้างด้วย AI และภาพที่แก้ไขเพื่อยืนยันตัวตนว่าเป็นดาราฮอลลีวูด โดยอ้างว่าต้องการเงินด่วนสำหรับการรักษาไตและไม่สามารถเข้าถึงบัญชีธนาคารได้เนื่องจากการหย่าร้างกับ Angelina Jolie

    Anne ซึ่งกำลังเผชิญกับปัญหาชีวิตสมรสกับสามีเศรษฐีของเธอ ทำให้เธอตกเป็นเหยื่อของนักต้มตุ๋นออนไลน์ที่ติดต่อเธอในเดือนกุมภาพันธ์ 2023 ผ่าน Instagram การแลกเปลี่ยนข้อความที่น่าพอใจในตอนแรกกลายเป็นความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยความรัก โดย Brad Pitt ที่สร้างด้วย AI ส่งบทกวีและข้อความที่ทำให้ Anne หลงรักเขา

    แม้ว่า Anne จะสงสัยว่าบัญชีนี้เป็นของปลอม แต่ข้อความที่ส่งมาอย่างต่อเนื่องพร้อมกับวิดีโอและภาพที่สร้างด้วย AI ทำให้เธอเชื่อใจในที่สุด Brad Pitt ปลอมได้ขอให้เธอจ่ายค่าธรรมเนียมศุลกากรเพื่อรับของขวัญที่สัญญาไว้ ซึ่งเริ่มต้นที่ 9,000 ยูโร หรือประมาณ 9,231 ดอลลาร์

    เมื่อ Anne บอกว่าเธอคาดว่าจะได้รับเงินจากการหย่าร้าง นักต้มตุ๋นใช้โอกาสนี้เพื่อหลอกลวงเงินจำนวนมากขึ้น โดยอ้างว่าต้องการเงินด่วนสำหรับการรักษามะเร็งไต และไม่สามารถเข้าถึงเงินของเขาได้เนื่องจากการหย่าร้างกับ Angelina Jolie

    Anne ได้ส่งเงินกว่า 800,000 ยูโร หรือมากกว่า 850,000 ดอลลาร์ ให้กับนักต้มตุ๋น ก่อนที่จะรู้ความจริงเมื่อเห็น Brad Pitt กับแฟนใหม่ของเขา Ines de Ramon ปัจจุบัน Anne กำลังรักษาตัวในคลินิกและมีภาวะซึมเศร้าอย่างรุนแรงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

    https://wccf.tech/1ftbc
    ไม่ใช่แค่คนไทยโดนหลอกครับ หญิงชาวฝรั่งเศสชื่อ Anne ถูกหลอกลวงกว่า 800,000 ดอลลาร์ หลังจากถูกติดต่อผ่านบัญชี Instagram ที่แสร้งเป็น Brad Pitt นักต้มตุ๋นใช้วิดีโอที่สร้างด้วย AI และภาพที่แก้ไขเพื่อยืนยันตัวตนว่าเป็นดาราฮอลลีวูด โดยอ้างว่าต้องการเงินด่วนสำหรับการรักษาไตและไม่สามารถเข้าถึงบัญชีธนาคารได้เนื่องจากการหย่าร้างกับ Angelina Jolie Anne ซึ่งกำลังเผชิญกับปัญหาชีวิตสมรสกับสามีเศรษฐีของเธอ ทำให้เธอตกเป็นเหยื่อของนักต้มตุ๋นออนไลน์ที่ติดต่อเธอในเดือนกุมภาพันธ์ 2023 ผ่าน Instagram การแลกเปลี่ยนข้อความที่น่าพอใจในตอนแรกกลายเป็นความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยความรัก โดย Brad Pitt ที่สร้างด้วย AI ส่งบทกวีและข้อความที่ทำให้ Anne หลงรักเขา แม้ว่า Anne จะสงสัยว่าบัญชีนี้เป็นของปลอม แต่ข้อความที่ส่งมาอย่างต่อเนื่องพร้อมกับวิดีโอและภาพที่สร้างด้วย AI ทำให้เธอเชื่อใจในที่สุด Brad Pitt ปลอมได้ขอให้เธอจ่ายค่าธรรมเนียมศุลกากรเพื่อรับของขวัญที่สัญญาไว้ ซึ่งเริ่มต้นที่ 9,000 ยูโร หรือประมาณ 9,231 ดอลลาร์ เมื่อ Anne บอกว่าเธอคาดว่าจะได้รับเงินจากการหย่าร้าง นักต้มตุ๋นใช้โอกาสนี้เพื่อหลอกลวงเงินจำนวนมากขึ้น โดยอ้างว่าต้องการเงินด่วนสำหรับการรักษามะเร็งไต และไม่สามารถเข้าถึงเงินของเขาได้เนื่องจากการหย่าร้างกับ Angelina Jolie Anne ได้ส่งเงินกว่า 800,000 ยูโร หรือมากกว่า 850,000 ดอลลาร์ ให้กับนักต้มตุ๋น ก่อนที่จะรู้ความจริงเมื่อเห็น Brad Pitt กับแฟนใหม่ของเขา Ines de Ramon ปัจจุบัน Anne กำลังรักษาตัวในคลินิกและมีภาวะซึมเศร้าอย่างรุนแรงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น https://wccf.tech/1ftbc
    WCCF.TECH
    Scammer Deprived A Woman Out Of Over $800,000 By Pretending To Be Brad Pitt Using AI-Generated Videos And Edited Images
    A person scammed a woman out of over $800,000 by using AI-generated videos to pretend that he was Brad Pitt
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 232 มุมมอง 0 รีวิว
  • New York Post เผยถึงเหตุที่ #ทรัมป์ ต้องการ #กรีนแลนด์ ถึงขั้นบอกว่าถ้าจำเป็น ก็อาจจะต้องใช้กำลังทหารเพื่อผนวกกรีนแลนด์ ซึ่งทำให้ชาวอเมริกันหลายคนตั้งคำถามว่า “แต่ทำไมล่ะ”

    ทั้งนี้ เพราะกรีนแลนด์ ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ริมเส้นทางเดินเรือที่สำคัญ และมีวัตถุดิบสำคัญที่หาได้ยากจากที่อื่น

    ปัจจุบัน #สหรัฐฯ กำลังต่อสู้กับ #จีน และ #รัสเซีย เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติของ #ภูมิภาคอาร์กติก เช่น ลิเธียม โคบอลต์ และกราไฟต์

    มี 2 เหตุผลหลัก ที่สหรัฐฯต้องการผนวกกรีนแลนด์
    - ประการแรกคือ แหล่งแร่หายากจำนวนมากที่จำเป็นสำหรับการผลิตอุปกรณ์ป้องกันประเทศและอิเล็กทรอนิกส์ที่สำคัญ

    - ประการที่สอง กรีนแลนด์มีสิทธิใน #อาร์กติก อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งจะช่วยให้สหรัฐฯ มีสถานะที่แข็งแกร่งขึ้น เนื่องจากการแข่งขันด้านการเดินเรือและทรัพยากรกำลังทวีความรุนแรงขึ้น

    สหรัฐฯ แข่งขันอย่างเงียบๆ กับจีนและรัสเซียในการเข้าถึงอาร์กติกมาหลายปีแล้ว โดยส่งเรือตัดน้ำแข็งทางทหารไปยังภูมิภาคนี้เพื่อปฏิบัติภารกิจสำรวจทุ่งทุนดราที่อุดมด้วยทรัพยากร

    ปัจจุบันสหรัฐฯ พึ่งพาแร่ธาตุหายากจากจีนอย่างมาก

    ขณะที่แร่ธาตุหายากก็พบในอาร์กติกนอกเหนือจากในเอเชีย และใช้ในทุกอย่างตั้งแต่โทรศัพท์มือถือไปจนถึงอาวุธทำลายล้างสูง

    “ด้วยความต้องการรถยนต์ไฟฟ้า ระบบพลังงานหมุนเวียน และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูงที่เพิ่มมากขึ้น สหรัฐฯ จึงพึ่งพาวัสดุที่สำคัญอย่างมากในการขับเคลื่อนการสร้างสรรค์นวัตกรรมและรักษาความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจระดับโลก”

    “[แร่ธาตุหายาก] ถูกใช้ในการป้องกันประเทศ เทคโนโลยี ขีปนาวุธ รถถัง ดาวเทียม เรือรบ เครื่องบินขับไล่ และด้วยเหตุนี้ การรักษาความปลอดภัยจึงกลายมาเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับความมั่นคงของชาติ”

    การแข่งขันในอาร์กติกทวีความรุนแรงมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งส่งผลให้แผ่นน้ำแข็งที่เคยทำให้ทรัพยากรต่างๆ แทบจะเข้าถึงไม่ได้ละลายลง

    "ภาวะโลกร้อนทำให้การเดินเรือในอาร์กติกมีอิสระมากขึ้น"

    แต่จนถึงขณะนี้ สหรัฐฯ ก็ยังถูกแซงหน้าโดยฝ่ายตรงข้าม ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะสหรัฐฯ เข้าถึงพื้นที่ดังกล่าวได้จำกัด และมีเรือตัดน้ำแข็งจำนวนค่อนข้างน้อย

    ปัญหานี้สร้างความรำคาญให้กับสมาชิกพรรครีพับลิกันบางคนมานานแล้ว รวมถึง ส.ส. ไมค์ วอลซ์ (R-Fla.) ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของทรัมป์

    “ในอาร์กติกที่เราต้องแข่งขันกันเพื่อทรัพยากรธรรมชาติ กองกำลังชายฝั่งต้องการเรือตัดน้ำแข็งมากกว่าหนึ่งลำ! รัสเซียมีเป็นโหล!” เขาโพสต์บน X เมื่อปี 2017

    ปัจจุบัน กองกำลังชายฝั่งของสหรัฐฯมีเรือตัดน้ำแข็งเพียงสองลำ แต่เมื่อไม่นานมานี้ วอลซ์ได้ให้คำมั่นว่าจะผลักดันให้มีเรือตัดน้ำแข็งเพิ่มขึ้นในรัฐสภาชุดที่ 119 ในการตอบกลับโพสต์บน X ที่เรียกร้องให้มีเรือตัดน้ำแข็ง “เพิ่มอีกสิบลำ”
    “นั่นคือแผน!” วอลซ์ให้คำมั่นเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม

    การจัดหาเรือตัดน้ำแข็งเพิ่มเติมและการซื้อกรีนแลนด์ถือเป็นโอกาสที่น่าสนใจเป็นพิเศษ เนื่องจากสหรัฐฯ กำลังสร้างโรงงานแปรรูปแร่ธาตุหายากเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามล่าสุดของสหรัฐฯ ที่ต้องการลดการพึ่งพาจีน
    แต่เนื่องจากสหรัฐฯ มีแร่ธาตุหายากเพียง 1.3% ของโลก ในขณะที่จีนมีมากถึง 70% "ตอนนี้เราจำเป็นต้องหาแร่ธาตุหายากเหล่านี้จากที่ใดสักแห่งเพื่อแปรรูปในประเทศ ... ซึ่งทำให้กรีนแลนด์มีเสน่ห์ดึงดูดใจ เนื่องจากกรีนแลนด์อาจเป็นแหล่งแร่ธาตุหายาก"

    ทรัมป์ ได้สรุปวิสัยทัศน์ของเขาสำหรับซีกโลกตะวันตกในงานแถลงข่าวที่มาร์อาลาโก
    🎯กรีนแลนด์
    ทรัมป์บอกจะไม่ตัดความเป็นไปได้ที่จะใช้กำลังทางเศรษฐกิจหรือการทหารเพื่อยึดกรีนแลนด์หรือคลองปานามาออกไป “ไม่ ผมรับรองคุณไม่ได้หรอกว่าจะใช้กำลังทั้งสองอย่าง แต่ผมบอกได้ว่าเราต้องการมันเพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ”

    🎯อ่าวเม็กซิโก
    ทรัมป์บอกจะขยายการขุดเจาะนอกชายฝั่ง “เราจะเปลี่ยนแปลง ซึ่งตรงข้ามกับการที่ไบเดนปิดทุกอย่างและกำจัดทรัพย์สินมูลค่า 50 ถึง 60 ล้านล้านดอลลาร์ เราจะเปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโกเป็นอ่าวอเมริกา ซึ่งมีความหมายที่สวยงาม”

    🎯แคนาดา
    ทรัมป์บอก #แคนาดา อาจกลายเป็นรัฐที่ 51 โดยมีเวย์น เกรตสกี้ นักฮ็อกกี้ชื่อดังเป็นผู้ว่าการรัฐ “คุณสามารถกำจัดเส้นแบ่งที่วาดขึ้นอย่างไม่เป็นธรรมชาตินั้นได้ และลองดูว่ามันเป็นอย่างไร และมันจะดีขึ้นมากสำหรับความมั่นคงของชาติด้วย “พวกเขาเป็นคนดี แต่เราใช้เงินหลายร้อยพันล้านที่นี่เพื่อปกป้องมัน เราใช้เงินหลายร้อยพันล้านต่อปีเพื่อดูแลแคนาดา เราสูญเสียดุลการค้า”

    🎯คลองปานามา
    “จีนเป็นผู้ดำเนินการ! จีน! และเรามอบคลองปานามาให้ปานามา” ทรัมป์กล่าว “เราไม่ได้มอบคลองนี้ให้จีน และพวกเขาใช้คลองนี้ในทางที่ผิด พวกเขาใช้ของขวัญนั้นในทางที่ผิด”

    ❌“ไม่ขาย”
    ความทะเยอทะยานของทรัมป์ไม่ได้รับการตอบรับที่ดีในเดนมาร์ก ซึ่งนายกรัฐมนตรีเมตเต้ เฟรเดอริกเซน ย้ำเมื่อวันอังคารว่าดินแดนนี้ “ไม่ขาย”

    “กรีนแลนด์เป็นของชาวกรีนแลนด์” นายกรัฐมนตรีเมตเตอ เฟรเดอริกเซนแห่งเดนมาร์ก ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์เดนมาร์ก TV 2 “ในแง่หนึ่ง ผมยินดีที่อเมริกาสนใจกรีนแลนด์มากขึ้น แต่แน่นอนว่าสิ่งสำคัญคือเรื่องนี้ต้องเกิดขึ้นในลักษณะที่ชาวกรีนแลนด์เป็นผู้ตัดสินใจเองว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต”

    “ในแง่ของการเป็นเจ้าของ เราอาจเห็นต่างกันได้มาก เพราะเรากำลังดำเนินการสร้างประเทศที่มีอำนาจอธิปไตยซึ่งก็คือกรีนแลนด์ และเราต้องการสร้างรัฐกรีนแลนด์” เฟนเคอร์กล่าว พร้อมเสริมว่ารัฐบาลอาณาเขตอาจเต็มใจทำงานร่วมกับสหรัฐฯ ในข้อตกลงการค้าโดยเสรี
    .
    ลิ้งค์ต้นทาง:
    https://web.facebook.com/share/p/15nuKPRz54/
    New York Post เผยถึงเหตุที่ #ทรัมป์ ต้องการ #กรีนแลนด์ ถึงขั้นบอกว่าถ้าจำเป็น ก็อาจจะต้องใช้กำลังทหารเพื่อผนวกกรีนแลนด์ ซึ่งทำให้ชาวอเมริกันหลายคนตั้งคำถามว่า “แต่ทำไมล่ะ” ทั้งนี้ เพราะกรีนแลนด์ ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ริมเส้นทางเดินเรือที่สำคัญ และมีวัตถุดิบสำคัญที่หาได้ยากจากที่อื่น ปัจจุบัน #สหรัฐฯ กำลังต่อสู้กับ #จีน และ #รัสเซีย เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติของ #ภูมิภาคอาร์กติก เช่น ลิเธียม โคบอลต์ และกราไฟต์ มี 2 เหตุผลหลัก ที่สหรัฐฯต้องการผนวกกรีนแลนด์ - ประการแรกคือ แหล่งแร่หายากจำนวนมากที่จำเป็นสำหรับการผลิตอุปกรณ์ป้องกันประเทศและอิเล็กทรอนิกส์ที่สำคัญ - ประการที่สอง กรีนแลนด์มีสิทธิใน #อาร์กติก อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งจะช่วยให้สหรัฐฯ มีสถานะที่แข็งแกร่งขึ้น เนื่องจากการแข่งขันด้านการเดินเรือและทรัพยากรกำลังทวีความรุนแรงขึ้น สหรัฐฯ แข่งขันอย่างเงียบๆ กับจีนและรัสเซียในการเข้าถึงอาร์กติกมาหลายปีแล้ว โดยส่งเรือตัดน้ำแข็งทางทหารไปยังภูมิภาคนี้เพื่อปฏิบัติภารกิจสำรวจทุ่งทุนดราที่อุดมด้วยทรัพยากร ปัจจุบันสหรัฐฯ พึ่งพาแร่ธาตุหายากจากจีนอย่างมาก ขณะที่แร่ธาตุหายากก็พบในอาร์กติกนอกเหนือจากในเอเชีย และใช้ในทุกอย่างตั้งแต่โทรศัพท์มือถือไปจนถึงอาวุธทำลายล้างสูง “ด้วยความต้องการรถยนต์ไฟฟ้า ระบบพลังงานหมุนเวียน และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูงที่เพิ่มมากขึ้น สหรัฐฯ จึงพึ่งพาวัสดุที่สำคัญอย่างมากในการขับเคลื่อนการสร้างสรรค์นวัตกรรมและรักษาความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจระดับโลก” “[แร่ธาตุหายาก] ถูกใช้ในการป้องกันประเทศ เทคโนโลยี ขีปนาวุธ รถถัง ดาวเทียม เรือรบ เครื่องบินขับไล่ และด้วยเหตุนี้ การรักษาความปลอดภัยจึงกลายมาเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับความมั่นคงของชาติ” การแข่งขันในอาร์กติกทวีความรุนแรงมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งส่งผลให้แผ่นน้ำแข็งที่เคยทำให้ทรัพยากรต่างๆ แทบจะเข้าถึงไม่ได้ละลายลง "ภาวะโลกร้อนทำให้การเดินเรือในอาร์กติกมีอิสระมากขึ้น" แต่จนถึงขณะนี้ สหรัฐฯ ก็ยังถูกแซงหน้าโดยฝ่ายตรงข้าม ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะสหรัฐฯ เข้าถึงพื้นที่ดังกล่าวได้จำกัด และมีเรือตัดน้ำแข็งจำนวนค่อนข้างน้อย ปัญหานี้สร้างความรำคาญให้กับสมาชิกพรรครีพับลิกันบางคนมานานแล้ว รวมถึง ส.ส. ไมค์ วอลซ์ (R-Fla.) ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของทรัมป์ “ในอาร์กติกที่เราต้องแข่งขันกันเพื่อทรัพยากรธรรมชาติ กองกำลังชายฝั่งต้องการเรือตัดน้ำแข็งมากกว่าหนึ่งลำ! รัสเซียมีเป็นโหล!” เขาโพสต์บน X เมื่อปี 2017 ปัจจุบัน กองกำลังชายฝั่งของสหรัฐฯมีเรือตัดน้ำแข็งเพียงสองลำ แต่เมื่อไม่นานมานี้ วอลซ์ได้ให้คำมั่นว่าจะผลักดันให้มีเรือตัดน้ำแข็งเพิ่มขึ้นในรัฐสภาชุดที่ 119 ในการตอบกลับโพสต์บน X ที่เรียกร้องให้มีเรือตัดน้ำแข็ง “เพิ่มอีกสิบลำ” “นั่นคือแผน!” วอลซ์ให้คำมั่นเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม การจัดหาเรือตัดน้ำแข็งเพิ่มเติมและการซื้อกรีนแลนด์ถือเป็นโอกาสที่น่าสนใจเป็นพิเศษ เนื่องจากสหรัฐฯ กำลังสร้างโรงงานแปรรูปแร่ธาตุหายากเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามล่าสุดของสหรัฐฯ ที่ต้องการลดการพึ่งพาจีน แต่เนื่องจากสหรัฐฯ มีแร่ธาตุหายากเพียง 1.3% ของโลก ในขณะที่จีนมีมากถึง 70% "ตอนนี้เราจำเป็นต้องหาแร่ธาตุหายากเหล่านี้จากที่ใดสักแห่งเพื่อแปรรูปในประเทศ ... ซึ่งทำให้กรีนแลนด์มีเสน่ห์ดึงดูดใจ เนื่องจากกรีนแลนด์อาจเป็นแหล่งแร่ธาตุหายาก" ทรัมป์ ได้สรุปวิสัยทัศน์ของเขาสำหรับซีกโลกตะวันตกในงานแถลงข่าวที่มาร์อาลาโก 🎯กรีนแลนด์ ทรัมป์บอกจะไม่ตัดความเป็นไปได้ที่จะใช้กำลังทางเศรษฐกิจหรือการทหารเพื่อยึดกรีนแลนด์หรือคลองปานามาออกไป “ไม่ ผมรับรองคุณไม่ได้หรอกว่าจะใช้กำลังทั้งสองอย่าง แต่ผมบอกได้ว่าเราต้องการมันเพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ” 🎯อ่าวเม็กซิโก ทรัมป์บอกจะขยายการขุดเจาะนอกชายฝั่ง “เราจะเปลี่ยนแปลง ซึ่งตรงข้ามกับการที่ไบเดนปิดทุกอย่างและกำจัดทรัพย์สินมูลค่า 50 ถึง 60 ล้านล้านดอลลาร์ เราจะเปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโกเป็นอ่าวอเมริกา ซึ่งมีความหมายที่สวยงาม” 🎯แคนาดา ทรัมป์บอก #แคนาดา อาจกลายเป็นรัฐที่ 51 โดยมีเวย์น เกรตสกี้ นักฮ็อกกี้ชื่อดังเป็นผู้ว่าการรัฐ “คุณสามารถกำจัดเส้นแบ่งที่วาดขึ้นอย่างไม่เป็นธรรมชาตินั้นได้ และลองดูว่ามันเป็นอย่างไร และมันจะดีขึ้นมากสำหรับความมั่นคงของชาติด้วย “พวกเขาเป็นคนดี แต่เราใช้เงินหลายร้อยพันล้านที่นี่เพื่อปกป้องมัน เราใช้เงินหลายร้อยพันล้านต่อปีเพื่อดูแลแคนาดา เราสูญเสียดุลการค้า” 🎯คลองปานามา “จีนเป็นผู้ดำเนินการ! จีน! และเรามอบคลองปานามาให้ปานามา” ทรัมป์กล่าว “เราไม่ได้มอบคลองนี้ให้จีน และพวกเขาใช้คลองนี้ในทางที่ผิด พวกเขาใช้ของขวัญนั้นในทางที่ผิด” ❌“ไม่ขาย” ความทะเยอทะยานของทรัมป์ไม่ได้รับการตอบรับที่ดีในเดนมาร์ก ซึ่งนายกรัฐมนตรีเมตเต้ เฟรเดอริกเซน ย้ำเมื่อวันอังคารว่าดินแดนนี้ “ไม่ขาย” “กรีนแลนด์เป็นของชาวกรีนแลนด์” นายกรัฐมนตรีเมตเตอ เฟรเดอริกเซนแห่งเดนมาร์ก ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์เดนมาร์ก TV 2 “ในแง่หนึ่ง ผมยินดีที่อเมริกาสนใจกรีนแลนด์มากขึ้น แต่แน่นอนว่าสิ่งสำคัญคือเรื่องนี้ต้องเกิดขึ้นในลักษณะที่ชาวกรีนแลนด์เป็นผู้ตัดสินใจเองว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต” “ในแง่ของการเป็นเจ้าของ เราอาจเห็นต่างกันได้มาก เพราะเรากำลังดำเนินการสร้างประเทศที่มีอำนาจอธิปไตยซึ่งก็คือกรีนแลนด์ และเราต้องการสร้างรัฐกรีนแลนด์” เฟนเคอร์กล่าว พร้อมเสริมว่ารัฐบาลอาณาเขตอาจเต็มใจทำงานร่วมกับสหรัฐฯ ในข้อตกลงการค้าโดยเสรี . ลิ้งค์ต้นทาง: https://web.facebook.com/share/p/15nuKPRz54/
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 701 มุมมอง 0 รีวิว
  • 9/1/68

    จี้ใจดำมาก! ลิสต์ 50 สิ่งของต้องทิ้ง (เชื่อว่าทุกคนมีของเหล่านี้อยู่ในบ้าน🤣)
    สำหรับใครที่อยากจัดบ้าน อยากเคลียของ เพื่อเริ่มต้นปีใหม่ มาเช็คลิสต์กันว่ามีอะไรควรทิ้งบ้าง
    .
    ไปเจอทริคของญี่ปุ่นมา คุณชิโฮมิ ชิโมมุระ ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดระเบียบชีวิต ที่มักเข้าไปช่วยเหลือบ้านที่มีของรก ได้แนะนำรายการสิ่งของที่ควรจะทิ้งปีใหม่นี้ เพื่อให้บ้านเป็นระเบียบมากขึ้น โดยเค้าแบ่งเป็นหมวดๆ
    .
    หมวดที่ 1 ของพัง ของที่ใช้งานไม่ได้แล้ว
    1. เครื่องใช้ไฟฟ้าที่พังแล้วและไม่คิดจะซ่อม
    2. เฟอร์นิเจอร์ที่วางเกะกะ ทำให้เปิดประตูไม่ได้
    3. ปากกาที่เขียนไม่ติด
    4. ต่างหูที่เหลือข้างเดียว
    5. ถุงเท้าเปื่อยที่ใส่อีกครั้งจะขาดแน่
    6. รองเท้าที่ใส่แล้วเจ็บเท้าตลอด
    7. ไม้หนีบผ้าที่แห้งกรอบ แตกหักง่าย
    8. เสื้อผ้าที่คิดว่าจะเก็บไว้ใส่ตอนผอม
    9. ถ้วยจานชามที่ชำรุด
    10. ต้นไม้ดอกไม้ที่เหี่ยวเฉาแล้ว
    .
    หมวดที่ 2 ของที่ไม่เคยใช้เลย
    11. เสื้อผ้าที่ไม่ได้ใส่มานานกว่า 1 ปี
    12. กระเป๋าที่หนักเกินไป ไม่คิดจะใช้
    13. หม้อที่หนักเกินไป ไม่คิดจะใช้
    14. เครื่องใช้บนโต๊ะอาหารสำหรับแขก ทั้งๆ ที่ไม่เคยมีแขกมาบ้าน
    15. ปากกาที่เขียนยาก เขียนแล้วเลอะ
    16. ผงซักฟอกที่ใช้ไม่ดี เลยไม่ได้ใช้
    17. แจกันดอกไม้ที่ได้มาเป็นของขวัญ
    18. เสื้อผ้าที่เป็นขุยง่าย
    19. อุปกรณ์ทำอาหารที่ดูใช้สะดวก แต่ใช้ไม่ได้จริง
    20. หม้อที่ไหม้ง่าย
    .
    หมวดที่ 3 ของที่มีปริมาณมากเกินความจำเป็นในชีวิต
    21. ถุงพลาสติก ถุงกระดาษ
    22. ถุงเจลเก็บความเย็น ที่มีเยอะล้นตู้เย็น
    23. ถุงผ้าที่ได้มาเป็นของแถม
    24. เศษผ้าที่จะเก็บไว้ทำผ้าขี้ริ้ว
    25. แปรงสีฟันเก่าที่จะเก็บไว้ขัดโน่นขัดนี่
    26. ถุงน่อง ชุดซับในรัดรูป
    27. หนังสือในกองดอง
    28. อุปกรณ์ประกอบที่ให้มาพร้อมกับเฟอร์นิเจอร์ประกอบเอง
    29. สมุดบันทึก กระดาษโน้ต ที่ใช้ค้างไว้
    30. กล่อง/กระป๋องแพ็คเกจน่ารักๆ
    .
    หมวดที่ 4 ของหมดอายุ
    31. เครื่องปรุงหมดอายุ
    32. เสบียงถุงยังชีพที่หมดอายุ
    33. อาหารที่ทำเองแล้วแช่แข็งไว้ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้
    34. บัตรสะสมแต้มที่หมดอายุ
    35. ไกด์บุ๊กท่องเที่ยวที่ตีพิมพ์มาเกิน 3 ปี
    36. ใบรับประกันที่หมดอายุแล้ว
    37. ใบปลิวงานอีเวนต์ที่จบไปแล้ว
    38. เครื่องสำอางที่เปิดใช้มานาน ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้
    39. จดหมายโฆษณาเก่าๆ
    40. เสื้อผ้าที่เคยใส่ตอนอายุน้อยกว่านี้ แฟชั่นเด็กเกินวัย

    หมวดที่ 5 ของที่เห็นแล้วรู้สึกแย่
    41. อุปกรณ์งานอดิเรกที่ซื้อมาตามกระแส เช่น อุปกรณ์ตั้งแคมป์
    42. หนังสือเตรียมสอบต่างๆ ที่ล้มเลิกการจะสอบไปแล้ว
    43. อุปกรณ์ออกกำลังกายที่ไม่ได้ใช้
    44. ของกินที่มีคนให้มา แต่ไม่ชอบกิน
    45. กระเป๋าใบโปรดที่ขึ้นราแล้ว
    46. อุปกรณ์เสริมสวยราคาแพง แต่ใช้ไม่เวิร์ก
    47. หนังสือคู่มือ ใบเสร็จเก่าๆ
    48. คอมพิวเตอร์ กล้องเก่าๆ
    49. ภาพถ่ายที่รู้สึกว่าตัวเองอ้วน น่าเกลียด
    50. ของขวัญ จดหมาย ที่แฟนเก่าเคยให้
    .
    ในลิสต์ 50 ข้อ มีกันไปแล้วกี่ข้อเอ่ย?
    .
    ที่มา https://news.livedoor.com/article/detail/27773476/
    9/1/68 จี้ใจดำมาก! ลิสต์ 50 สิ่งของต้องทิ้ง (เชื่อว่าทุกคนมีของเหล่านี้อยู่ในบ้าน🤣) สำหรับใครที่อยากจัดบ้าน อยากเคลียของ เพื่อเริ่มต้นปีใหม่ มาเช็คลิสต์กันว่ามีอะไรควรทิ้งบ้าง . ไปเจอทริคของญี่ปุ่นมา คุณชิโฮมิ ชิโมมุระ ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดระเบียบชีวิต ที่มักเข้าไปช่วยเหลือบ้านที่มีของรก ได้แนะนำรายการสิ่งของที่ควรจะทิ้งปีใหม่นี้ เพื่อให้บ้านเป็นระเบียบมากขึ้น โดยเค้าแบ่งเป็นหมวดๆ . หมวดที่ 1 ของพัง ของที่ใช้งานไม่ได้แล้ว 1. เครื่องใช้ไฟฟ้าที่พังแล้วและไม่คิดจะซ่อม 2. เฟอร์นิเจอร์ที่วางเกะกะ ทำให้เปิดประตูไม่ได้ 3. ปากกาที่เขียนไม่ติด 4. ต่างหูที่เหลือข้างเดียว 5. ถุงเท้าเปื่อยที่ใส่อีกครั้งจะขาดแน่ 6. รองเท้าที่ใส่แล้วเจ็บเท้าตลอด 7. ไม้หนีบผ้าที่แห้งกรอบ แตกหักง่าย 8. เสื้อผ้าที่คิดว่าจะเก็บไว้ใส่ตอนผอม 9. ถ้วยจานชามที่ชำรุด 10. ต้นไม้ดอกไม้ที่เหี่ยวเฉาแล้ว . หมวดที่ 2 ของที่ไม่เคยใช้เลย 11. เสื้อผ้าที่ไม่ได้ใส่มานานกว่า 1 ปี 12. กระเป๋าที่หนักเกินไป ไม่คิดจะใช้ 13. หม้อที่หนักเกินไป ไม่คิดจะใช้ 14. เครื่องใช้บนโต๊ะอาหารสำหรับแขก ทั้งๆ ที่ไม่เคยมีแขกมาบ้าน 15. ปากกาที่เขียนยาก เขียนแล้วเลอะ 16. ผงซักฟอกที่ใช้ไม่ดี เลยไม่ได้ใช้ 17. แจกันดอกไม้ที่ได้มาเป็นของขวัญ 18. เสื้อผ้าที่เป็นขุยง่าย 19. อุปกรณ์ทำอาหารที่ดูใช้สะดวก แต่ใช้ไม่ได้จริง 20. หม้อที่ไหม้ง่าย . หมวดที่ 3 ของที่มีปริมาณมากเกินความจำเป็นในชีวิต 21. ถุงพลาสติก ถุงกระดาษ 22. ถุงเจลเก็บความเย็น ที่มีเยอะล้นตู้เย็น 23. ถุงผ้าที่ได้มาเป็นของแถม 24. เศษผ้าที่จะเก็บไว้ทำผ้าขี้ริ้ว 25. แปรงสีฟันเก่าที่จะเก็บไว้ขัดโน่นขัดนี่ 26. ถุงน่อง ชุดซับในรัดรูป 27. หนังสือในกองดอง 28. อุปกรณ์ประกอบที่ให้มาพร้อมกับเฟอร์นิเจอร์ประกอบเอง 29. สมุดบันทึก กระดาษโน้ต ที่ใช้ค้างไว้ 30. กล่อง/กระป๋องแพ็คเกจน่ารักๆ . หมวดที่ 4 ของหมดอายุ 31. เครื่องปรุงหมดอายุ 32. เสบียงถุงยังชีพที่หมดอายุ 33. อาหารที่ทำเองแล้วแช่แข็งไว้ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ 34. บัตรสะสมแต้มที่หมดอายุ 35. ไกด์บุ๊กท่องเที่ยวที่ตีพิมพ์มาเกิน 3 ปี 36. ใบรับประกันที่หมดอายุแล้ว 37. ใบปลิวงานอีเวนต์ที่จบไปแล้ว 38. เครื่องสำอางที่เปิดใช้มานาน ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ 39. จดหมายโฆษณาเก่าๆ 40. เสื้อผ้าที่เคยใส่ตอนอายุน้อยกว่านี้ แฟชั่นเด็กเกินวัย หมวดที่ 5 ของที่เห็นแล้วรู้สึกแย่ 41. อุปกรณ์งานอดิเรกที่ซื้อมาตามกระแส เช่น อุปกรณ์ตั้งแคมป์ 42. หนังสือเตรียมสอบต่างๆ ที่ล้มเลิกการจะสอบไปแล้ว 43. อุปกรณ์ออกกำลังกายที่ไม่ได้ใช้ 44. ของกินที่มีคนให้มา แต่ไม่ชอบกิน 45. กระเป๋าใบโปรดที่ขึ้นราแล้ว 46. อุปกรณ์เสริมสวยราคาแพง แต่ใช้ไม่เวิร์ก 47. หนังสือคู่มือ ใบเสร็จเก่าๆ 48. คอมพิวเตอร์ กล้องเก่าๆ 49. ภาพถ่ายที่รู้สึกว่าตัวเองอ้วน น่าเกลียด 50. ของขวัญ จดหมาย ที่แฟนเก่าเคยให้ . ในลิสต์ 50 ข้อ มีกันไปแล้วกี่ข้อเอ่ย? . ที่มา https://news.livedoor.com/article/detail/27773476/
    NEWS.LIVEDOOR.COM
    ???դ??ʤ??Ȥ?ǯ???¨?Τƥꥹ??50?ס????????????¤鷺??????? - ?饤?֥ɥ??˥塼??
    ??ǯ??ޤǤ˼ΤƤ?Ȥ?????Ρפ?饤?ե??????ʥ????????Ҳ𤷤Ƥ??롣???ͽ?꤬?ʤ????줿???š??񤱤ʤ??ڥ?餻???????????礱?Ƥ??뿩??Ȥ????ʤ??ʤ????ޡ??쥸?ޤ???ޡ?????ˤ???꤭??ʤ?????ޡ??ʤ?
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 381 มุมมอง 0 รีวิว
  • "สมศักดิ์" ประชุมผู้บริหาร สธ.นัดแรกปี 68 จัดเต็มของขวัญวันเด็ก-วันผู้สูงอายุ เพิ่มเข้าถึงการรักษาขั้นสูง ปลื้มมีคนนับคาร์บแล้ว 11.8 ล้านคน เดินหน้าให้ได้ 50 ล้านคน ภายในปี 2568
    https://www.facebook.com/pradenrath/posts/1237779917819870
    "สมศักดิ์" ประชุมผู้บริหาร สธ.นัดแรกปี 68 จัดเต็มของขวัญวันเด็ก-วันผู้สูงอายุ เพิ่มเข้าถึงการรักษาขั้นสูง ปลื้มมีคนนับคาร์บแล้ว 11.8 ล้านคน เดินหน้าให้ได้ 50 ล้านคน ภายในปี 2568 https://www.facebook.com/pradenrath/posts/1237779917819870
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 199 มุมมอง 0 รีวิว
  • ส่งท้ายปีเก่า ด้วยของขวัญปีใหม่ให้กับคนดังประจำปี 2567
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    ส่งท้ายปีเก่า ด้วยของขวัญปีใหม่ให้กับคนดังประจำปี 2567 #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 936 มุมมอง 44 0 รีวิว
  • ต้อนรับสมาชิกใหม่ ในวันปีใหม่เลยทีเดียว สำหรับนักร้องสาว "แพท วงเคลียร์" หรือ "รัณนภันต์ ยั่งยืนพูนชัย" ที่ล่าสุดเจ้าตัวก็ให้กำเนิดลูกสาวคนสวย "น้องเรอารฎา" เป็นที่เรียบร้อย

    โดย "แพท วงเคลียร์" ได้โพสต์ภาพครอบครัวพ่อแม่ลูกให้แฟนๆ ได้ชมกันเป็นครั้งแรก พร้อมข้อความระบุว่า "เรอารฎา Reiardha Welcome to Earth นะลูก 01.01.25"

    งานนี้ก็ทำเอาบรรดาเพื่อนๆ และแฟนๆ แห่เข้ามาร่วมแสดงความยินดีกันเป็นจำนวนมาก เรียกว่าเป็นของขวัญสุดพิเศษที่มอบรับรอยยิ้มและความน่ารักให้กับแฟนๆ ในวันดีขึ้นต้นปีกันเลยทีเดียว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000000163

    #MGROnline #แพทวงเคลียร์ #น้องเรอารฎา
    ต้อนรับสมาชิกใหม่ ในวันปีใหม่เลยทีเดียว สำหรับนักร้องสาว "แพท วงเคลียร์" หรือ "รัณนภันต์ ยั่งยืนพูนชัย" ที่ล่าสุดเจ้าตัวก็ให้กำเนิดลูกสาวคนสวย "น้องเรอารฎา" เป็นที่เรียบร้อย • โดย "แพท วงเคลียร์" ได้โพสต์ภาพครอบครัวพ่อแม่ลูกให้แฟนๆ ได้ชมกันเป็นครั้งแรก พร้อมข้อความระบุว่า "เรอารฎา Reiardha Welcome to Earth นะลูก 01.01.25" • งานนี้ก็ทำเอาบรรดาเพื่อนๆ และแฟนๆ แห่เข้ามาร่วมแสดงความยินดีกันเป็นจำนวนมาก เรียกว่าเป็นของขวัญสุดพิเศษที่มอบรับรอยยิ้มและความน่ารักให้กับแฟนๆ ในวันดีขึ้นต้นปีกันเลยทีเดียว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000000163 • #MGROnline #แพทวงเคลียร์ #น้องเรอารฎา
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 294 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://www.youtube.com/watch?v=UbiuSgjAjlU
    บทสนทนาวันปีใหม่
    (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้)
    แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาวันปีใหม่
    มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ

    #บทสนทนาภาษาอังกฤษ #ฝึกฟังภาษาอังกฤษ #ปีใหม่

    The conversations from the clip :

    Emily: Hi, Jack! Do you know how the New Year’s celebration started?
    Jack: Hey, Emily! Not exactly. I know it’s a global tradition, but what’s the history behind it?
    Emily: Well, the first recorded New Year’s celebration was over 4,000 years ago in ancient Babylon.
    Jack: Really? That’s so long ago! How did they celebrate?
    Emily: They celebrated during the spring equinox with a festival called Akitu. It lasted 11 days.
    Jack: Wow, 11 days of celebrations? That sounds intense!
    Emily: It was! They honored their gods and renewed their king's power during the festival.
    Jack: That’s fascinating. Did they celebrate on January 1st back then?
    Emily: No, the January 1st tradition started in 45 BCE when Julius Caesar introduced the Julian calendar.
    Jack: So, it was the Romans who set January 1st as New Year’s Day?
    Emily: Exactly. They dedicated the day to Janus, the god of beginnings and transitions.
    Jack: That’s why it’s called January! It makes so much sense now.
    Emily: Right! People would exchange gifts and make sacrifices to Janus for good fortune.
    Jack: Sounds similar to our modern traditions like resolutions and celebrations.
    Emily: Definitely! It’s amazing how some things have stayed the same for centuries.
    Jack: It really is. Thanks for the history lesson, Emily!
    Emily: Anytime, Jack! Happy early New Year, by the way!
    Jack: Same to you! Let’s celebrate and make it memorable this year.

    Emily: สวัสดี แจ็ค! คุณรู้ไหมว่าการเฉลิมฉลองปีใหม่เริ่มต้นขึ้นได้อย่างไร?
    Jack: สวัสดี เอมิลี่! ไม่ค่อยแน่ใจนะ รู้แค่ว่ามันเป็นประเพณีทั่วโลก แต่เบื้องหลังมันคืออะไรเหรอ?
    Emily: เอาล่ะ การเฉลิมฉลองปีใหม่ครั้งแรกที่บันทึกไว้เกิดขึ้นเมื่อกว่า 4,000 ปีก่อนในบาบิโลนโบราณ
    Jack: จริงเหรอ? นานขนาดนั้นเลย! พวกเขาเฉลิมฉลองกันยังไง?
    Emily: พวกเขาเฉลิมฉลองในช่วงเวลาที่กลางวันเท่ากับกลางคืนในฤดูใบไม้ผลิ ด้วยเทศกาลที่เรียกว่า Akitu ซึ่งกินเวลาถึง 11 วัน
    Jack: ว้าว เทศกาล 11 วันเลยเหรอ? ฟังดูยิ่งใหญ่มาก!
    Emily: ใช่เลย! พวกเขาบูชาเทพเจ้าของพวกเขา และฟื้นฟูอำนาจของกษัตริย์ในช่วงเทศกาล
    Jack: น่าสนใจจัง ตอนนั้นพวกเขาเฉลิมฉลองวันที่ 1 มกราคมด้วยไหม?
    Emily: ไม่เลย ประเพณีวันที่ 1 มกราคมเริ่มต้นขึ้นในปี 45 ก่อนคริสตกาล เมื่อจูเลียส ซีซาร์แนะนำปฏิทินจูเลียน
    Jack: อ๋อ งั้นเป็นชาวโรมันสินะที่กำหนดให้วันที่ 1 มกราคมเป็นวันปีใหม่?
    Emily: ถูกต้อง พวกเขาอุทิศวันนั้นให้กับเจนัส เทพเจ้าแห่งการเริ่มต้นและการเปลี่ยนแปลง
    Jack: อ๋อ นั่นสินะถึงได้เรียกว่า "January"! เข้าใจแล้วล่ะ
    Emily: ใช่เลย! คนในยุคนั้นจะแลกเปลี่ยนของขวัญและทำพิธีบูชาเจนัสเพื่อความโชคดี
    Jack: ฟังดูคล้ายกับประเพณีของเราในปัจจุบันเลย เช่น การตั้งปณิธานและการเฉลิมฉลอง
    Emily: ใช่เลย! น่าทึ่งนะที่บางสิ่งยังคงอยู่มาหลายศตวรรษ
    Jack: จริงมาก ขอบคุณสำหรับบทเรียนประวัติศาสตร์นะ เอมิลี่!
    Emily: ยินดีเสมอ แจ็ค! ว่าแต่ สุขสันต์ปีใหม่ล่วงหน้าด้วยนะ!
    Jack: เช่นกันเลย! มาฉลองให้ปีนี้เป็นปีที่น่าจดจำกันเถอะ

    Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้)

    Celebration (เซล-ละ-เบร-ชัน) n. แปลว่า การเฉลิมฉลอง
    Tradition (ทรา-ดิช-ชัน) n. แปลว่า ประเพณี
    History (ฮิส-ทอ-รี) n. แปลว่า ประวัติศาสตร์
    Festival (เฟส-ติ-เวิล) n. แปลว่า เทศกาล
    Equinox (อี-ควิ-นอคซ) n. แปลว่า วันราตรีเสมอภาค
    Power (เพา-เวอร์) n. แปลว่า อำนาจ
    Transition (แทรน-ซิช-ชัน) n. แปลว่า การเปลี่ยนผ่าน
    Fortune (ฟอร์-ชูน) n. แปลว่า โชคชะตา
    Resolution (เรส-ซะ-ลู-ชัน) n. แปลว่า ปณิธาน
    Calendar (แคล-เลน-เดอร์) n. แปลว่า ปฏิทิน
    Gift (กิฟท์) n. แปลว่า ของขวัญ
    Sacrifice (แซค-ริ-ไฟซ) n. แปลว่า การบูชายัญ
    Beginning (บิก-กิน-นิง) n. แปลว่า จุดเริ่มต้น
    Lesson (เลส-ซัน) n. แปลว่า บทเรียน
    Fortune (ฟอร์-ชูน) n. แปลว่า ความโชคดี
    https://www.youtube.com/watch?v=UbiuSgjAjlU บทสนทนาวันปีใหม่ (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้) แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาวันปีใหม่ มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ #บทสนทนาภาษาอังกฤษ #ฝึกฟังภาษาอังกฤษ #ปีใหม่ The conversations from the clip : Emily: Hi, Jack! Do you know how the New Year’s celebration started? Jack: Hey, Emily! Not exactly. I know it’s a global tradition, but what’s the history behind it? Emily: Well, the first recorded New Year’s celebration was over 4,000 years ago in ancient Babylon. Jack: Really? That’s so long ago! How did they celebrate? Emily: They celebrated during the spring equinox with a festival called Akitu. It lasted 11 days. Jack: Wow, 11 days of celebrations? That sounds intense! Emily: It was! They honored their gods and renewed their king's power during the festival. Jack: That’s fascinating. Did they celebrate on January 1st back then? Emily: No, the January 1st tradition started in 45 BCE when Julius Caesar introduced the Julian calendar. Jack: So, it was the Romans who set January 1st as New Year’s Day? Emily: Exactly. They dedicated the day to Janus, the god of beginnings and transitions. Jack: That’s why it’s called January! It makes so much sense now. Emily: Right! People would exchange gifts and make sacrifices to Janus for good fortune. Jack: Sounds similar to our modern traditions like resolutions and celebrations. Emily: Definitely! It’s amazing how some things have stayed the same for centuries. Jack: It really is. Thanks for the history lesson, Emily! Emily: Anytime, Jack! Happy early New Year, by the way! Jack: Same to you! Let’s celebrate and make it memorable this year. Emily: สวัสดี แจ็ค! คุณรู้ไหมว่าการเฉลิมฉลองปีใหม่เริ่มต้นขึ้นได้อย่างไร? Jack: สวัสดี เอมิลี่! ไม่ค่อยแน่ใจนะ รู้แค่ว่ามันเป็นประเพณีทั่วโลก แต่เบื้องหลังมันคืออะไรเหรอ? Emily: เอาล่ะ การเฉลิมฉลองปีใหม่ครั้งแรกที่บันทึกไว้เกิดขึ้นเมื่อกว่า 4,000 ปีก่อนในบาบิโลนโบราณ Jack: จริงเหรอ? นานขนาดนั้นเลย! พวกเขาเฉลิมฉลองกันยังไง? Emily: พวกเขาเฉลิมฉลองในช่วงเวลาที่กลางวันเท่ากับกลางคืนในฤดูใบไม้ผลิ ด้วยเทศกาลที่เรียกว่า Akitu ซึ่งกินเวลาถึง 11 วัน Jack: ว้าว เทศกาล 11 วันเลยเหรอ? ฟังดูยิ่งใหญ่มาก! Emily: ใช่เลย! พวกเขาบูชาเทพเจ้าของพวกเขา และฟื้นฟูอำนาจของกษัตริย์ในช่วงเทศกาล Jack: น่าสนใจจัง ตอนนั้นพวกเขาเฉลิมฉลองวันที่ 1 มกราคมด้วยไหม? Emily: ไม่เลย ประเพณีวันที่ 1 มกราคมเริ่มต้นขึ้นในปี 45 ก่อนคริสตกาล เมื่อจูเลียส ซีซาร์แนะนำปฏิทินจูเลียน Jack: อ๋อ งั้นเป็นชาวโรมันสินะที่กำหนดให้วันที่ 1 มกราคมเป็นวันปีใหม่? Emily: ถูกต้อง พวกเขาอุทิศวันนั้นให้กับเจนัส เทพเจ้าแห่งการเริ่มต้นและการเปลี่ยนแปลง Jack: อ๋อ นั่นสินะถึงได้เรียกว่า "January"! เข้าใจแล้วล่ะ Emily: ใช่เลย! คนในยุคนั้นจะแลกเปลี่ยนของขวัญและทำพิธีบูชาเจนัสเพื่อความโชคดี Jack: ฟังดูคล้ายกับประเพณีของเราในปัจจุบันเลย เช่น การตั้งปณิธานและการเฉลิมฉลอง Emily: ใช่เลย! น่าทึ่งนะที่บางสิ่งยังคงอยู่มาหลายศตวรรษ Jack: จริงมาก ขอบคุณสำหรับบทเรียนประวัติศาสตร์นะ เอมิลี่! Emily: ยินดีเสมอ แจ็ค! ว่าแต่ สุขสันต์ปีใหม่ล่วงหน้าด้วยนะ! Jack: เช่นกันเลย! มาฉลองให้ปีนี้เป็นปีที่น่าจดจำกันเถอะ Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้) Celebration (เซล-ละ-เบร-ชัน) n. แปลว่า การเฉลิมฉลอง Tradition (ทรา-ดิช-ชัน) n. แปลว่า ประเพณี History (ฮิส-ทอ-รี) n. แปลว่า ประวัติศาสตร์ Festival (เฟส-ติ-เวิล) n. แปลว่า เทศกาล Equinox (อี-ควิ-นอคซ) n. แปลว่า วันราตรีเสมอภาค Power (เพา-เวอร์) n. แปลว่า อำนาจ Transition (แทรน-ซิช-ชัน) n. แปลว่า การเปลี่ยนผ่าน Fortune (ฟอร์-ชูน) n. แปลว่า โชคชะตา Resolution (เรส-ซะ-ลู-ชัน) n. แปลว่า ปณิธาน Calendar (แคล-เลน-เดอร์) n. แปลว่า ปฏิทิน Gift (กิฟท์) n. แปลว่า ของขวัญ Sacrifice (แซค-ริ-ไฟซ) n. แปลว่า การบูชายัญ Beginning (บิก-กิน-นิง) n. แปลว่า จุดเริ่มต้น Lesson (เลส-ซัน) n. แปลว่า บทเรียน Fortune (ฟอร์-ชูน) n. แปลว่า ความโชคดี
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 498 มุมมอง 0 รีวิว
  • พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานปฏิทิน ธรรมนาวาวัง พ.ศ.๒๕๖๘ /2025 เพื่อเป็นของขวัญแก่ปวงชนชาวไทย เนื่องในเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช ๒๕๖๘ 🙏🏼✨

    ที่มา : หน่วยราชการในพระองค์ สำนักพระราชวัง
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานปฏิทิน ธรรมนาวาวัง พ.ศ.๒๕๖๘ /2025 เพื่อเป็นของขวัญแก่ปวงชนชาวไทย เนื่องในเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช ๒๕๖๘ 🙏🏼✨ ที่มา : หน่วยราชการในพระองค์ สำนักพระราชวัง
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 232 มุมมอง 0 รีวิว
  • พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานปฏิทิน ธรรมนาวาวัง พ.ศ.๒๕๖๘ /2025 เพื่อเป็นของขวัญแก่ปวงชนชาวไทย เนื่องในเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช ๒๕๖๘ 🙏🏼✨

    ที่มา : หน่วยราชการในพระองค์ สำนักพระราชวัง
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานปฏิทิน ธรรมนาวาวัง พ.ศ.๒๕๖๘ /2025 เพื่อเป็นของขวัญแก่ปวงชนชาวไทย เนื่องในเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช ๒๕๖๘ 🙏🏼✨ ที่มา : หน่วยราชการในพระองค์ สำนักพระราชวัง
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 248 มุมมอง 0 รีวิว
  • พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานปฏิทิน ธรรมนาวาวัง พ.ศ.๒๕๖๘ /2025 เพื่อเป็นของขวัญแก่ปวงชนชาวไทย เนื่องในเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช ๒๕๖๘ 🙏🏼✨

    ที่มา : หน่วยราชการในพระองค์ สำนักพระราชวัง
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานปฏิทิน ธรรมนาวาวัง พ.ศ.๒๕๖๘ /2025 เพื่อเป็นของขวัญแก่ปวงชนชาวไทย เนื่องในเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช ๒๕๖๘ 🙏🏼✨ ที่มา : หน่วยราชการในพระองค์ สำนักพระราชวัง
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 240 มุมมอง 0 รีวิว
  • ของขวัญปีใหม่นี้ ด้วยการเริ่มวางแผนปกป้องสุขภาพลูกตั้งแต่ต้นปี ❤️❤️

    #ประกันชีวิตAIA #AIA #ประกันสุขภาพเด็ก #ประกันสุขภาพเด็กแบบเหมาจ่าย #ประกันสุขภาพเหมาจ่าย #เลี้ยงลูก #เหมาจ่ายเด็ก #ประกันสุขภาพเหมาจ่ายสุดคุ้ม #เลี้ยงลูกตามคุณหมอประเสริฐ #ประกันเหมาจ่ายเด็ก
    ของขวัญปีใหม่นี้ ด้วยการเริ่มวางแผนปกป้องสุขภาพลูกตั้งแต่ต้นปี ❤️❤️ #ประกันชีวิตAIA #AIA #ประกันสุขภาพเด็ก #ประกันสุขภาพเด็กแบบเหมาจ่าย #ประกันสุขภาพเหมาจ่าย #เลี้ยงลูก #เหมาจ่ายเด็ก #ประกันสุขภาพเหมาจ่ายสุดคุ้ม #เลี้ยงลูกตามคุณหมอประเสริฐ #ประกันเหมาจ่ายเด็ก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 342 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประโยชน์ของบัตรเติมเงินและบัตรของขวัญ
    ประโยชน์ของบัตรเติมเงินและบัตรของขวัญ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 224 มุมมอง 4 0 รีวิว
  • เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม Biz Hankook รายงานว่า บ้านเดี่ยวสุดหรูในย่านอีแทวอนของยูอาอิน นักแสดงชื่อดังที่เคยปรากฏในรายการวาไรตี้ “I Live Alone” ถูกขายและเปลี่ยนกรรมสิทธิ์เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม โดยเจ้าของใหม่คือเด็กอายุเพียง 7 ขวบ เกิดในเดือนกรกฎาคม 2017 ซึ่งมีรายงานว่าชำระด้วยเงินสดเต็มจำนวน 6.3 พันล้านวอน (ประมาณ 170 ล้านบาท) โดยไม่ใช้เงินกู้

    จากรายงานระบุว่า เจ้าของใหม่มีนามสกุล “พัค” และคาดว่าเป็นบุตรของพัคฮวามก ซีอีโอแห่ง Piece Peace Studio และอีซูฮยอน ดีไซเนอร์ชื่อดัง โดยที่อยู่ที่ลงทะเบียนสำหรับการโอนกรรมสิทธิ์ตรงกับที่พักอาศัยของทั้งสอง ผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์ประเมินว่าการลงทุนทั้งหมด รวมถึงภาษีของขวัญและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อาจสูงกว่า 10 พันล้านวอน (ประมาณ 270 ล้านบาท) เนื่องจากเด็กไม่สามารถมีรายได้หรือจัดการการเงินด้วยตัวเอง

    ในวงการแฟชั่นมีการคาดการณ์ว่า ครอบครัวพัคอาจวางแผนปรับเปลี่ยนบ้านหลังนี้เพื่อการใช้งานในเชิงธุรกิจ เช่น การทำเป็นออฟฟิศหรือร้านค้า

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/entertainment/detail/9670000124378

    #MGROnline #บ้านเดี่ยว #ย่านอีแทวอน #ยูอาอิน
    เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม Biz Hankook รายงานว่า บ้านเดี่ยวสุดหรูในย่านอีแทวอนของยูอาอิน นักแสดงชื่อดังที่เคยปรากฏในรายการวาไรตี้ “I Live Alone” ถูกขายและเปลี่ยนกรรมสิทธิ์เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม โดยเจ้าของใหม่คือเด็กอายุเพียง 7 ขวบ เกิดในเดือนกรกฎาคม 2017 ซึ่งมีรายงานว่าชำระด้วยเงินสดเต็มจำนวน 6.3 พันล้านวอน (ประมาณ 170 ล้านบาท) โดยไม่ใช้เงินกู้ • จากรายงานระบุว่า เจ้าของใหม่มีนามสกุล “พัค” และคาดว่าเป็นบุตรของพัคฮวามก ซีอีโอแห่ง Piece Peace Studio และอีซูฮยอน ดีไซเนอร์ชื่อดัง โดยที่อยู่ที่ลงทะเบียนสำหรับการโอนกรรมสิทธิ์ตรงกับที่พักอาศัยของทั้งสอง ผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์ประเมินว่าการลงทุนทั้งหมด รวมถึงภาษีของขวัญและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อาจสูงกว่า 10 พันล้านวอน (ประมาณ 270 ล้านบาท) เนื่องจากเด็กไม่สามารถมีรายได้หรือจัดการการเงินด้วยตัวเอง • ในวงการแฟชั่นมีการคาดการณ์ว่า ครอบครัวพัคอาจวางแผนปรับเปลี่ยนบ้านหลังนี้เพื่อการใช้งานในเชิงธุรกิจ เช่น การทำเป็นออฟฟิศหรือร้านค้า • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/entertainment/detail/9670000124378 • #MGROnline #บ้านเดี่ยว #ย่านอีแทวอน #ยูอาอิน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 337 มุมมอง 0 รีวิว
  • เย็นนี้จะมีของขวัญให้ผมบ้างไหมหนอ #คนรักสัตว์ #คริสต์มาส
    เย็นนี้จะมีของขวัญให้ผมบ้างไหมหนอ #คนรักสัตว์ #คริสต์มาส
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 141 มุมมอง 0 รีวิว
  • #สุดซอย
    #ของขวัญปีใหม่ตามสัญญา
    เพจใหญ่นำเสนอที่หลายคนถามหา
    ขอทวงคืนความยุติธรรมให้กับ ผสห ทุกคน
    คิงส์โพธิ์แดง+โอม
    สุดซอย
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #สุดซอย #ของขวัญปีใหม่ตามสัญญา เพจใหญ่นำเสนอที่หลายคนถามหา ขอทวงคืนความยุติธรรมให้กับ ผสห ทุกคน คิงส์โพธิ์แดง+โอม สุดซอย #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 181 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts