• แอร์พอร์ตเรลลิงก์ ใช้บัตร EMV ได้แล้ว

    ตั้งแต่วันที่ 8 พ.ย. เป็นต้นไป ผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ (พญาไท-ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ) ของบริษัท เอเชีย เอรา วัน จำกัด (AERA 1) สามารถใช้บัตรเครดิต หรือบัตรเดบิต VISA, Mastercard หรือ Unionpay ชำระค่าโดยสาร แทนการซื้อเหรียญโดยสารหรือบัตรโดยสาร Smart Pass นับเป็นผู้ให้บริการขนส่งมวลชนที่รองรับระบบบัตรโดยสาร EMV Contactless รายล่าสุด นับตั้งแต่รถไฟฟ้ามหานคร (MRT) สายสีน้ำเงินและสายสีม่วง มาตั้งแต่วันที่ 29 ม.ค. 2565 เป็นต้นมา ก่อนจะขยายการให้บริการไปยังรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง รถไฟฟ้า MRT สายสีเหลือง และรถไฟฟ้า MRT สายสีชมพู

    ยกเว้นรถไฟฟ้าบีทีเอส รถไฟฟ้าสายสีเขียว (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และ แบริ่ง-สมุทรปราการ) และรถไฟฟ้าสายสีทอง ยังไม่รองรับระบบ EMV Contactless แต่สามารถผูกบัตรเครดิตและบัตรเดบิตกับบัตรแรบบิท ผ่านบริการ LINE Pay

    ผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวที่ใช้บริการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ 8 สถานี ได้แก่ สถานีพญาไท ราชปรารภ มักกะสัน รามคำแหง หัวหมาก บ้านทับช้าง ลาดกระบัง และสุวรรณภูมิ สามารถใช้บัตร VISA, Mastercard หรือ Unionpay แตะที่เครื่องอ่านบัตร EDC บริเวณตรงกลางของ AFC Gate แล้วเดินผ่านประตูที่เปิดไว้ตลอด 2 ช่อง เพื่อเข้าไปในระบบรถไฟฟ้า โดยมีกล้อง CCTV ตรวจจับผู้โดยสาร เมื่อออกจากระบบที่สถานีปลายทาง ให้แตะที่เครื่องอ่านบัตร EDC อีกครั้ง ค่าโดยสารคิดตามระยะทาง ในอัตราบุคคลทั่วไป เริ่มต้นที่ 15 บาท สูงสุด 45 บาท

    รถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ มีระยะทาง 28 กิโลเมตร เปิดให้บริการเชิงพาณิชย์เมื่อวันที่ 23 ส.ค. 2553 ระยะแรกให้บริการแบ่งออกเป็น Express Line มักกะสัน-สุวรรณภูมิ ไม่จอดสถานีรายทาง ค่าโดยสาร 150 บาทต่อคน และ City Line พญาไท-สุวรรณภูมิ รับ-ส่งผู้โดยสารตามสถานีรายทาง ปัจจุบันคงเหลือ City Line เพียงประเภทเดียว แนวเส้นทางขนานกับทางรถไฟสายตะวันออก เชื่อมต่อรถไฟฟ้าบีทีเอสที่สถานีพญาไท และรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน (สถานีเพชรบุรี) ที่สถานีมักกะสัน ปัจจุบันมีปริมาณผู้โดยสารอยู่ที่ 2 ล้านคน-เที่ยวต่อเดือน มีทั้งนักท่องเที่ยวเข้า-ออกท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประชาชนที่อยู่อาศัยในโซนกรุงเทพตะวันออก เขตสวนหลวง ประเวศ สะพานสูง ลาดกระบัง และนักเรียน นักศึกษา

    อีกด้านหนึ่ง การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จำหน่ายบัตร Mangmoom EMV ราคาพิเศษ จากปกติ 250 บาท เหลือ 200 บาท ตั้งแต่บัดนี้ถึง 31 ม.ค.2569 ที่ห้องออกบัตรโดยสารรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน และสายสีม่วงทุกสถานี

    #Newskit
    แอร์พอร์ตเรลลิงก์ ใช้บัตร EMV ได้แล้ว ตั้งแต่วันที่ 8 พ.ย. เป็นต้นไป ผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ (พญาไท-ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ) ของบริษัท เอเชีย เอรา วัน จำกัด (AERA 1) สามารถใช้บัตรเครดิต หรือบัตรเดบิต VISA, Mastercard หรือ Unionpay ชำระค่าโดยสาร แทนการซื้อเหรียญโดยสารหรือบัตรโดยสาร Smart Pass นับเป็นผู้ให้บริการขนส่งมวลชนที่รองรับระบบบัตรโดยสาร EMV Contactless รายล่าสุด นับตั้งแต่รถไฟฟ้ามหานคร (MRT) สายสีน้ำเงินและสายสีม่วง มาตั้งแต่วันที่ 29 ม.ค. 2565 เป็นต้นมา ก่อนจะขยายการให้บริการไปยังรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง รถไฟฟ้า MRT สายสีเหลือง และรถไฟฟ้า MRT สายสีชมพู ยกเว้นรถไฟฟ้าบีทีเอส รถไฟฟ้าสายสีเขียว (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และ แบริ่ง-สมุทรปราการ) และรถไฟฟ้าสายสีทอง ยังไม่รองรับระบบ EMV Contactless แต่สามารถผูกบัตรเครดิตและบัตรเดบิตกับบัตรแรบบิท ผ่านบริการ LINE Pay ผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวที่ใช้บริการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ 8 สถานี ได้แก่ สถานีพญาไท ราชปรารภ มักกะสัน รามคำแหง หัวหมาก บ้านทับช้าง ลาดกระบัง และสุวรรณภูมิ สามารถใช้บัตร VISA, Mastercard หรือ Unionpay แตะที่เครื่องอ่านบัตร EDC บริเวณตรงกลางของ AFC Gate แล้วเดินผ่านประตูที่เปิดไว้ตลอด 2 ช่อง เพื่อเข้าไปในระบบรถไฟฟ้า โดยมีกล้อง CCTV ตรวจจับผู้โดยสาร เมื่อออกจากระบบที่สถานีปลายทาง ให้แตะที่เครื่องอ่านบัตร EDC อีกครั้ง ค่าโดยสารคิดตามระยะทาง ในอัตราบุคคลทั่วไป เริ่มต้นที่ 15 บาท สูงสุด 45 บาท รถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ มีระยะทาง 28 กิโลเมตร เปิดให้บริการเชิงพาณิชย์เมื่อวันที่ 23 ส.ค. 2553 ระยะแรกให้บริการแบ่งออกเป็น Express Line มักกะสัน-สุวรรณภูมิ ไม่จอดสถานีรายทาง ค่าโดยสาร 150 บาทต่อคน และ City Line พญาไท-สุวรรณภูมิ รับ-ส่งผู้โดยสารตามสถานีรายทาง ปัจจุบันคงเหลือ City Line เพียงประเภทเดียว แนวเส้นทางขนานกับทางรถไฟสายตะวันออก เชื่อมต่อรถไฟฟ้าบีทีเอสที่สถานีพญาไท และรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน (สถานีเพชรบุรี) ที่สถานีมักกะสัน ปัจจุบันมีปริมาณผู้โดยสารอยู่ที่ 2 ล้านคน-เที่ยวต่อเดือน มีทั้งนักท่องเที่ยวเข้า-ออกท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประชาชนที่อยู่อาศัยในโซนกรุงเทพตะวันออก เขตสวนหลวง ประเวศ สะพานสูง ลาดกระบัง และนักเรียน นักศึกษา อีกด้านหนึ่ง การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จำหน่ายบัตร Mangmoom EMV ราคาพิเศษ จากปกติ 250 บาท เหลือ 200 บาท ตั้งแต่บัดนี้ถึง 31 ม.ค.2569 ที่ห้องออกบัตรโดยสารรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน และสายสีม่วงทุกสถานี #Newskit
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 53 มุมมอง 0 รีวิว
  • ต้มข้ามศตวรรษ – ที่แท้ก็โจร 4
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 10 “ที่แท้ก็โจร”

    ตอน 4

    ระหว่างที่ ประธานาธิบดี Wilson ยังแต่งบทหลอกคนอเมริกันไม่ได้ว่า ทำไมเขาซึ่งหาเสียงในตอนสมัครเลือกตั้งว่า ” He kept us out of war ” เขาไม่พาเราเข้าสงคราม แต่ตอนนี้ มันถึงเวลา ถึงบท ที่จะต้องพากันเข้าสงครามหมดแล้ว เขาจะต้มประชาชนของเขาอย่างไรดี ให้พร้อมใจสนับสนุน

    พวกวอลสตรีท และพรรคพวกที่ส่วนใหญ่เป็นนายทุนชาวยิว ที่กุมสื่อเกือบทั้งหมดอยู่ในมือ ต่างระดมเรียกสื่อในสังกัด ให้หิ้วกระป๋องสีมาหมดเมือง แล้วข่าวย้อมสี ที่มีภาพเยอรมันเป็นผู้ร้าย ผู้ทำลายสันติภาพของโลก ก็กระจายออกมาเต็มทุกพื้นที่ของอเมริกา ในรูปแบบต่างๆกัน

    สื่อย้อมไม่ทันใจ คนอเมริกันเฉื่อยเกินไป กับสงครามนอกบ้านตนเอง คงต้องมีเหตุการณ์มากระตุ้นต่อมให้ตื่นตระหนกกันหน่อย

    Morgan ไม่ได้เก่งด้านการเงินอย่างเดียว หรือลงทุนเรื่องรางรถไฟเพื่อไว้ใช้ต่อรองกับรัฐบาลในเวลาจำเป็น เขาพยายามซื้อบริษัทเดินเรือด้วย คือ The Cunard ของอังกฤษ แต่ยังไม่สำเร็จ ในฐานะที่เขาเป็นตัวแทนซื้อสินค้าสงครามให้อังกฤษ ที่ต้องขนส่งทางเรือ เขาจึงมีสายใยกับอังกฤษในเรื่องการเดินเรือด้วย

    ” Lusitania” เป็นเรือโดยสารระดับหรูของ Cunard ที่แล่นข้ามไปมาระหว่าง ลิเวอร์พูลของอังกฤษกับนิวยอร์คของอเมริกา เมื่อ Lusitania แล่นออกจากท่าเรือที่นิวยอร์ค เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 1915 ไปได้ 6 วัน ก็ถูกเรือดำน้ำของเยอรมัน ยิงด้วยตอร์ปิโดจมดิ่งสู่ก้นมหาสมุทรแอตแลนติก มีผู้โดยสารตาย 1,195 คน เป็นคนอเมริกัน 195 คน

    ทำไมเยอรมันถึงโหดเหี้ยม ยิงเรือโดยสาร ละเมิดกฏการเดินเรือระหว่างประเทศในยามสงคราม?
    Lusitania ได้ถูกนำมาเข้าอู่ในเดือนพฤษภาคม 1913 เพื่อติดตั้งเกราะหุ้มเรือเพิ่ม พร้อมติดตั้งปืนกล รวมทั้งรางกระสุน ที่ดาดฟ้าของเรือ ปืนใหญ่ชนิดกำลังแรง 12 กระบอก ถูกชักรอกขึ้นไปติดตั้ง แม้หน้าตาจะบอกว่าเป็นเรือโดยสาร แต่สรีระ กลับกลายเป็นเรือรบ รายการทั้งหมดนี้ เป็นข้อมูลสาธารณะ ที่เปิดเผยอยู่ที่พิพิธภัณท์ด้านการเดินเรือที่อังกฤษ
    Lusitania ออกจากอู่เข้าไปประจำการณ์ ในฐานะกองเรือรบ เพื่อทำหน้าที่เป็นเรือขนส่งอาวุธระหว่างอเมริกากับอังกฤษ

    หลังจากสอบสวนอยู่หลายปี จึงได้มีรายงานออกมาว่า สินค้าที่ Lusitania บรรทุกในวันถูกตอร์ปิโดร์นั้น มี pyroxyline หรือ gun cotton (วัตถุระเบิดแรงสูง) 600 ตัน กระสุน 6 ล้านนัด กระสุนดาวกระจาย 1,248 หีบ และมีกระสุนปืนอีกไม่ทราบจำนวนอยู่ชั้นล่างสุดของเรือ นอกจากนี้ในรายการบอกว่ามีสินค้าประเภท เนยแข็ง น้ำมันหมู ขนสัตว์ และอื่นๆ อีกหลายตัน ซึ่งเข้าใจว่า เป็นการแสดงรายการสินค้าปลอมทั้งหมด มีชื่อ J P Mogan Company เป็นผู้ส่งสินค้า

    ระหว่างที่ Wilson และ Morgan กำลังแต่งบทฆาตกรรมหมู่ เพื่อนำอเมริกาเข้าสู่สงคราม ทางอังกฤษ โดยหลอด Churchill ก็รับหน้าที่เขียนบททางฝั่งอังกฤษให้สอดรับกัน

    เมื่อ Lusitania กำลังแล่นออกจากท่าเรือที่นิวยอร์ค Juno เรือรบคุ้มกันของอังกฤษ ก็กำลังออกมาจากชายฝั่งของไอร์แลนด์ เพื่อมาคุ้มกัน Lusitania ในแถบน่านน้ำเปิด แต่เมื่อ Lusitania แล่นมาถึงจุดนัดพบ Juno ยังไม่มา กัปตัน Lusitania คิดว่า เพราะหมอกลงจัด จึงพลัดกับ Juno

    แต่ความจริง Juno ถูกสั่งให้ถอยกลับมาที่เมือง Queenstown เป็นคำสั่งที่ออกมา โดยที่รู้แน่ว่า Lusitania กำลังมาที่จุดนัดพบ และเป็นบริเวณที่รู้กันว่า เรือดำน้ำเยอรมันมักออกมาปฏิบัติการ ยิ่งไปกว่านั้น Lusitania ถูกสั่งให้ลดจำนวนถ่านหินที่ใช้เดินเครื่องไม่ใช่เพราะกำลังขาดแคลนถ่านหิน แต่เป้าที่เคลื่อนที่ช้า ย่อมง่ายต่อการถูกเป็นเป้า Lusitania จึงแล่นมาด้วยอัตราความเร็วเพียง 75% ของความเร็วปรกติ

    ระหว่างนั้น หลอด Churchill ยืนดูความเคลื่อนไหวของ Lusitania อย่างเงียบขรึม ผ่านจอเรดาร์ที่แสดงให้เห็น Lusitania กำลังแล่นเข้ามาในบริเวณ ที่วงแดงเอาไว้ว่า เป็นบริเวณ ที่เรือ 2 ลำ ถูกตอร์ปิโดร์ของเยอรมัน ยิงจมเมื่อวันก่อน
    Lusitania กำลังแล่นด้วยความเร็ว 19 น๊อตตรงเข้าไปในใจกลางของวงแดง โดยไม่มีใครแสดงอาการใด หรือส่งสัญญานใด กับ Lusitania

    ดูเหมือนจะมีเพียงคนเดียวคือ ผู้บังคับการ Joseph Kenworthy ซึ่งก่อนหน้านั้นไม่กี่วันถูกหลอด Churchill เรียกไปพบ เพื่อให้เขียนคำตอบว่า จะมีผลกระทบทางการเมืองอย่างใดหรือไม่ ถ้าเรือโดยสาร ที่มีผู้โดยสารอเมริกันเดินทางมาด้วย แล้วถูกยิงจมดิ่งมหาสมุทร ผุ้บังคับการ Kenworthy เดินออกมาจากห้อง ด้วยความรู้สึกสะอิดสะเอียนต่อผู้บังคับบัญชาของเขา ต่อมาในปี 1927 เขาเขียนหนังสือชื่อ The Freedom of Sea ซึ่งเขาเขียนถึงเหตุการณ์ดังกล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า ” …Lusitania ถูกสั่งให้แล่นโดยลดความเร็ว เข้าไปในบริเวณที่เป็นที่รู้อยู่ว่า จะมีเรือดำน้ำเยอรมันคอยอยู่ โดยเรือคุ้มกันภัยของ Lusitania ได้ถอนตัวไม่มาตามนัด…”

    ในวันที่ Lusitania กำลังจะชะตาขาด Col. House อยู่ที่อังกฤษ เขามีหมายกำหนดการที่จะต้องเข้า พบ กษัตริย์ George ที่ 5 (ปู่ของพระราชินี Elizabeth ที่2) โดย Sir Edward Grey เป็นคนนำเข้าพบ ระหว่างเดินทาง Sir Grey ถามเขาว่า อเมริกาจะทำอย่างไร ถ้าเยอรมันจมเรือโดยสารที่มีคนอเมริกันอยู่ด้วย คำตอบของ House ตามที่เขาเขียนไว้ในบันทึกของเขา คือ “… ผมบอกเขาว่า ถ้ามันเกิดเหตุเช่นนั้นจริง ไฟของความโกรธแค้นคงลุกโพลงขึ้นในอเมริกา และมันคงพาให้เราเข้าสู่สงคราม..”

    เมื่อถึงวัง Buckingham กษัตริย์ George ที่ 5 ก็ถามเรื่องเดียวกัน แต่กษัตริย์ไม่อ้อมค้อม ถาม House ตรงๆ ว่า “… ถ้าเขาจมเรือ Lusitania ที่มีคนอเมริกันโดยสารมาด้วย…”

    4 ชั่วโมง หลังจากคำสนทนา กล้องส่องของเรือดำน้ำเยอรมัน ก็เห็นควันสีดำ พุ่งขึ้นมาจาก Lusitania ตอร์ปิโดลูกแรก ยิงถูกหัวเรือที่แล่นมาอย่างช้าๆ อย่างจัง ตอร์ปิโดลูกที่ 2 พร้อมยิง แต่อันที่จริงไม่จำเป็น เพราะหลังจากโดนลูกแรก Lusitania ซึ่งบรรทุกระเบิดมาเต็ม ก็มีการระเบิดอย่างแรง และจมหายไปทั้งลำ ในเวลาไม่เกิน 18 นาที

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    9 พ.ค. 2558
    ต้มข้ามศตวรรษ – ที่แท้ก็โจร 4 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 10 “ที่แท้ก็โจร” ตอน 4 ระหว่างที่ ประธานาธิบดี Wilson ยังแต่งบทหลอกคนอเมริกันไม่ได้ว่า ทำไมเขาซึ่งหาเสียงในตอนสมัครเลือกตั้งว่า ” He kept us out of war ” เขาไม่พาเราเข้าสงคราม แต่ตอนนี้ มันถึงเวลา ถึงบท ที่จะต้องพากันเข้าสงครามหมดแล้ว เขาจะต้มประชาชนของเขาอย่างไรดี ให้พร้อมใจสนับสนุน พวกวอลสตรีท และพรรคพวกที่ส่วนใหญ่เป็นนายทุนชาวยิว ที่กุมสื่อเกือบทั้งหมดอยู่ในมือ ต่างระดมเรียกสื่อในสังกัด ให้หิ้วกระป๋องสีมาหมดเมือง แล้วข่าวย้อมสี ที่มีภาพเยอรมันเป็นผู้ร้าย ผู้ทำลายสันติภาพของโลก ก็กระจายออกมาเต็มทุกพื้นที่ของอเมริกา ในรูปแบบต่างๆกัน สื่อย้อมไม่ทันใจ คนอเมริกันเฉื่อยเกินไป กับสงครามนอกบ้านตนเอง คงต้องมีเหตุการณ์มากระตุ้นต่อมให้ตื่นตระหนกกันหน่อย Morgan ไม่ได้เก่งด้านการเงินอย่างเดียว หรือลงทุนเรื่องรางรถไฟเพื่อไว้ใช้ต่อรองกับรัฐบาลในเวลาจำเป็น เขาพยายามซื้อบริษัทเดินเรือด้วย คือ The Cunard ของอังกฤษ แต่ยังไม่สำเร็จ ในฐานะที่เขาเป็นตัวแทนซื้อสินค้าสงครามให้อังกฤษ ที่ต้องขนส่งทางเรือ เขาจึงมีสายใยกับอังกฤษในเรื่องการเดินเรือด้วย ” Lusitania” เป็นเรือโดยสารระดับหรูของ Cunard ที่แล่นข้ามไปมาระหว่าง ลิเวอร์พูลของอังกฤษกับนิวยอร์คของอเมริกา เมื่อ Lusitania แล่นออกจากท่าเรือที่นิวยอร์ค เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 1915 ไปได้ 6 วัน ก็ถูกเรือดำน้ำของเยอรมัน ยิงด้วยตอร์ปิโดจมดิ่งสู่ก้นมหาสมุทรแอตแลนติก มีผู้โดยสารตาย 1,195 คน เป็นคนอเมริกัน 195 คน ทำไมเยอรมันถึงโหดเหี้ยม ยิงเรือโดยสาร ละเมิดกฏการเดินเรือระหว่างประเทศในยามสงคราม? Lusitania ได้ถูกนำมาเข้าอู่ในเดือนพฤษภาคม 1913 เพื่อติดตั้งเกราะหุ้มเรือเพิ่ม พร้อมติดตั้งปืนกล รวมทั้งรางกระสุน ที่ดาดฟ้าของเรือ ปืนใหญ่ชนิดกำลังแรง 12 กระบอก ถูกชักรอกขึ้นไปติดตั้ง แม้หน้าตาจะบอกว่าเป็นเรือโดยสาร แต่สรีระ กลับกลายเป็นเรือรบ รายการทั้งหมดนี้ เป็นข้อมูลสาธารณะ ที่เปิดเผยอยู่ที่พิพิธภัณท์ด้านการเดินเรือที่อังกฤษ Lusitania ออกจากอู่เข้าไปประจำการณ์ ในฐานะกองเรือรบ เพื่อทำหน้าที่เป็นเรือขนส่งอาวุธระหว่างอเมริกากับอังกฤษ หลังจากสอบสวนอยู่หลายปี จึงได้มีรายงานออกมาว่า สินค้าที่ Lusitania บรรทุกในวันถูกตอร์ปิโดร์นั้น มี pyroxyline หรือ gun cotton (วัตถุระเบิดแรงสูง) 600 ตัน กระสุน 6 ล้านนัด กระสุนดาวกระจาย 1,248 หีบ และมีกระสุนปืนอีกไม่ทราบจำนวนอยู่ชั้นล่างสุดของเรือ นอกจากนี้ในรายการบอกว่ามีสินค้าประเภท เนยแข็ง น้ำมันหมู ขนสัตว์ และอื่นๆ อีกหลายตัน ซึ่งเข้าใจว่า เป็นการแสดงรายการสินค้าปลอมทั้งหมด มีชื่อ J P Mogan Company เป็นผู้ส่งสินค้า ระหว่างที่ Wilson และ Morgan กำลังแต่งบทฆาตกรรมหมู่ เพื่อนำอเมริกาเข้าสู่สงคราม ทางอังกฤษ โดยหลอด Churchill ก็รับหน้าที่เขียนบททางฝั่งอังกฤษให้สอดรับกัน เมื่อ Lusitania กำลังแล่นออกจากท่าเรือที่นิวยอร์ค Juno เรือรบคุ้มกันของอังกฤษ ก็กำลังออกมาจากชายฝั่งของไอร์แลนด์ เพื่อมาคุ้มกัน Lusitania ในแถบน่านน้ำเปิด แต่เมื่อ Lusitania แล่นมาถึงจุดนัดพบ Juno ยังไม่มา กัปตัน Lusitania คิดว่า เพราะหมอกลงจัด จึงพลัดกับ Juno แต่ความจริง Juno ถูกสั่งให้ถอยกลับมาที่เมือง Queenstown เป็นคำสั่งที่ออกมา โดยที่รู้แน่ว่า Lusitania กำลังมาที่จุดนัดพบ และเป็นบริเวณที่รู้กันว่า เรือดำน้ำเยอรมันมักออกมาปฏิบัติการ ยิ่งไปกว่านั้น Lusitania ถูกสั่งให้ลดจำนวนถ่านหินที่ใช้เดินเครื่องไม่ใช่เพราะกำลังขาดแคลนถ่านหิน แต่เป้าที่เคลื่อนที่ช้า ย่อมง่ายต่อการถูกเป็นเป้า Lusitania จึงแล่นมาด้วยอัตราความเร็วเพียง 75% ของความเร็วปรกติ ระหว่างนั้น หลอด Churchill ยืนดูความเคลื่อนไหวของ Lusitania อย่างเงียบขรึม ผ่านจอเรดาร์ที่แสดงให้เห็น Lusitania กำลังแล่นเข้ามาในบริเวณ ที่วงแดงเอาไว้ว่า เป็นบริเวณ ที่เรือ 2 ลำ ถูกตอร์ปิโดร์ของเยอรมัน ยิงจมเมื่อวันก่อน Lusitania กำลังแล่นด้วยความเร็ว 19 น๊อตตรงเข้าไปในใจกลางของวงแดง โดยไม่มีใครแสดงอาการใด หรือส่งสัญญานใด กับ Lusitania ดูเหมือนจะมีเพียงคนเดียวคือ ผู้บังคับการ Joseph Kenworthy ซึ่งก่อนหน้านั้นไม่กี่วันถูกหลอด Churchill เรียกไปพบ เพื่อให้เขียนคำตอบว่า จะมีผลกระทบทางการเมืองอย่างใดหรือไม่ ถ้าเรือโดยสาร ที่มีผู้โดยสารอเมริกันเดินทางมาด้วย แล้วถูกยิงจมดิ่งมหาสมุทร ผุ้บังคับการ Kenworthy เดินออกมาจากห้อง ด้วยความรู้สึกสะอิดสะเอียนต่อผู้บังคับบัญชาของเขา ต่อมาในปี 1927 เขาเขียนหนังสือชื่อ The Freedom of Sea ซึ่งเขาเขียนถึงเหตุการณ์ดังกล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า ” …Lusitania ถูกสั่งให้แล่นโดยลดความเร็ว เข้าไปในบริเวณที่เป็นที่รู้อยู่ว่า จะมีเรือดำน้ำเยอรมันคอยอยู่ โดยเรือคุ้มกันภัยของ Lusitania ได้ถอนตัวไม่มาตามนัด…” ในวันที่ Lusitania กำลังจะชะตาขาด Col. House อยู่ที่อังกฤษ เขามีหมายกำหนดการที่จะต้องเข้า พบ กษัตริย์ George ที่ 5 (ปู่ของพระราชินี Elizabeth ที่2) โดย Sir Edward Grey เป็นคนนำเข้าพบ ระหว่างเดินทาง Sir Grey ถามเขาว่า อเมริกาจะทำอย่างไร ถ้าเยอรมันจมเรือโดยสารที่มีคนอเมริกันอยู่ด้วย คำตอบของ House ตามที่เขาเขียนไว้ในบันทึกของเขา คือ “… ผมบอกเขาว่า ถ้ามันเกิดเหตุเช่นนั้นจริง ไฟของความโกรธแค้นคงลุกโพลงขึ้นในอเมริกา และมันคงพาให้เราเข้าสู่สงคราม..” เมื่อถึงวัง Buckingham กษัตริย์ George ที่ 5 ก็ถามเรื่องเดียวกัน แต่กษัตริย์ไม่อ้อมค้อม ถาม House ตรงๆ ว่า “… ถ้าเขาจมเรือ Lusitania ที่มีคนอเมริกันโดยสารมาด้วย…” 4 ชั่วโมง หลังจากคำสนทนา กล้องส่องของเรือดำน้ำเยอรมัน ก็เห็นควันสีดำ พุ่งขึ้นมาจาก Lusitania ตอร์ปิโดลูกแรก ยิงถูกหัวเรือที่แล่นมาอย่างช้าๆ อย่างจัง ตอร์ปิโดลูกที่ 2 พร้อมยิง แต่อันที่จริงไม่จำเป็น เพราะหลังจากโดนลูกแรก Lusitania ซึ่งบรรทุกระเบิดมาเต็ม ก็มีการระเบิดอย่างแรง และจมหายไปทั้งลำ ในเวลาไม่เกิน 18 นาที สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 9 พ.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 92 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหรียญเลื่อนสมณศักดิ์หลวงพ่อทวด เนื้อนวะ วัดดีหลวง จ.สงขลา ปี2556
    เหรียญเลื่อนสมณศักดิ์หลวงพ่อทวด เนื้อนวะ ( ตอกโค๊ด ตอกเลข ๘๒๗ จัดสร้างจำนวนน้อย ) รุ่นสร้างรูปเหมือนหลวงพ่อทวด-อาจารย์ทิม ประดิษฐาน ณ วัดดีหลวง (วัดหลวงพ่อทวด) อ.สทิงพระ จ.สงขลา ปี2556 // พระดีพิธีใหญ่ ปลุกเสก 3 วาระ สุดยอดประสบการณ์ชั้นเยี่ยมอีกเหรียญ สร้างน้อย // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พร้อมกล่องเดิมๆ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ //

    ** พุทธคุณเยี่ยม เมตตา โชคลาภ มหาอุตม์ แคล้วคลาดคงกระพันเป็นเลิศ!!! เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม ดีนัก.กันเสนียดจัญไร เป็นมหามงคลและสุดยอดนิรันตราย ประสบการณ์มากมาย **

    ** เหรียญเสมาเลื่อนสมณศักดิ์หลวงพ่อทวด-อาจารย์ทิม เนื้อทองแดงรมดำ รุ่นสร้างรูปเหมือนหลวงพ่อทวด-อาจารย์ทิม ประดิษฐาน ณ วัดดีหลวง (วัดหลวงพ่อทวด) สุดยอดแห่งการรวบรวมชนวนมวลสารศักดิ์ในการก่อสร้าง พระดีพิธีใหญ่ ปลุกเสก 3วาระ โดยเกจิอาจารย์สายใต้ฯลฯ

    วาระที่1 เข้าร่วมพิธีมหาพุทธาภิเษก วันที่ 6 กรกฎาคม 2556 ณ อุโบสถ วัดพะโคะ จ.สงขลา โดยเกจิอาจารย์สายใต้ เช่น
    พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ พ่อท่านหวาย วัดสะบ้าย้อย พ่อท่านจ่าง วัดศรีมหาโพธิ์ พระอาจารย์ประสูติ วัดในเตา ฯลฯ

    วาระที่2 วันที่ 9 สิงหาคม 2556 อธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยวโดย พระใบฏีกาประสิทธิ์ เจ้าอาวาสวัดดีหลวง(วัดหลวงพ่อทวด)

    วาระที่3 วันที่ 6 กันยายน 2556 อธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยวโดย พระครูประสูตโสภณ(พ่อท่านเกลื่อน) วัดประดู่หมู่ เป็นสหธรรมิก อาจารย์ทิม วัดช้างให้

    ** วัดดีหลวง เป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยอยุธยา อยุ่คุ่กันมากับวัดพระโค๊ะและวัดสีหยัง ตั้งอยู่ที่ริมถนนสายสงขลา-ระโนด ต.ดีหลวง อ.สทิงพระ วัดดีหลวง เป็นวัดโบราณสร้างขึ้นในสมัยอยุธยา ในแผนที่ภาพกัลปนาวัดหัวเมืองพัทลุง เรียกชื่อวัดนี้ว่า วัดดีหลวง ขึ้นกับวัดพระโค๊ะ หลักฐานเอกสารเก่าบางฉบับก็เรียกว่า วัดกุฎีหลวงหรือวัดหลวง แต่คนเฒ่าคนแก่เรียกวัดเจดีหลวง เพราะสมัยก่อนมีเจดีย์ห้วยยอดขนาดใหญ่อยู่หน้าดบสถ์ หลวงพ่อทวดวัดช้างให้ จ.ปัตตานี หรือสมเด็จเจ้าพะโคะ เคยบวชเรียนอยู่ สมภารเจ้าวัดองค์แรกมีนามว่า สมภารจวง ซึ่งเป็นหลวงลุงองค์สมเด็จหลวงพ่อทวด เยียบน้ำทะเลจืด จึงถือเป็นวัดที่มีความสำคัญต่อประวัติองค์สมเด็จหลวงพ่อทวด เป็นอย่างมากในภาคปฐมวัย **

    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญเลื่อนสมณศักดิ์หลวงพ่อทวด เนื้อนวะ วัดดีหลวง จ.สงขลา ปี2556 เหรียญเลื่อนสมณศักดิ์หลวงพ่อทวด เนื้อนวะ ( ตอกโค๊ด ตอกเลข ๘๒๗ จัดสร้างจำนวนน้อย ) รุ่นสร้างรูปเหมือนหลวงพ่อทวด-อาจารย์ทิม ประดิษฐาน ณ วัดดีหลวง (วัดหลวงพ่อทวด) อ.สทิงพระ จ.สงขลา ปี2556 // พระดีพิธีใหญ่ ปลุกเสก 3 วาระ สุดยอดประสบการณ์ชั้นเยี่ยมอีกเหรียญ สร้างน้อย // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พร้อมกล่องเดิมๆ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ // ** พุทธคุณเยี่ยม เมตตา โชคลาภ มหาอุตม์ แคล้วคลาดคงกระพันเป็นเลิศ!!! เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม ดีนัก.กันเสนียดจัญไร เป็นมหามงคลและสุดยอดนิรันตราย ประสบการณ์มากมาย ** ** เหรียญเสมาเลื่อนสมณศักดิ์หลวงพ่อทวด-อาจารย์ทิม เนื้อทองแดงรมดำ รุ่นสร้างรูปเหมือนหลวงพ่อทวด-อาจารย์ทิม ประดิษฐาน ณ วัดดีหลวง (วัดหลวงพ่อทวด) สุดยอดแห่งการรวบรวมชนวนมวลสารศักดิ์ในการก่อสร้าง พระดีพิธีใหญ่ ปลุกเสก 3วาระ โดยเกจิอาจารย์สายใต้ฯลฯ วาระที่1 เข้าร่วมพิธีมหาพุทธาภิเษก วันที่ 6 กรกฎาคม 2556 ณ อุโบสถ วัดพะโคะ จ.สงขลา โดยเกจิอาจารย์สายใต้ เช่น พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ พ่อท่านหวาย วัดสะบ้าย้อย พ่อท่านจ่าง วัดศรีมหาโพธิ์ พระอาจารย์ประสูติ วัดในเตา ฯลฯ วาระที่2 วันที่ 9 สิงหาคม 2556 อธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยวโดย พระใบฏีกาประสิทธิ์ เจ้าอาวาสวัดดีหลวง(วัดหลวงพ่อทวด) วาระที่3 วันที่ 6 กันยายน 2556 อธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยวโดย พระครูประสูตโสภณ(พ่อท่านเกลื่อน) วัดประดู่หมู่ เป็นสหธรรมิก อาจารย์ทิม วัดช้างให้ ** วัดดีหลวง เป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยอยุธยา อยุ่คุ่กันมากับวัดพระโค๊ะและวัดสีหยัง ตั้งอยู่ที่ริมถนนสายสงขลา-ระโนด ต.ดีหลวง อ.สทิงพระ วัดดีหลวง เป็นวัดโบราณสร้างขึ้นในสมัยอยุธยา ในแผนที่ภาพกัลปนาวัดหัวเมืองพัทลุง เรียกชื่อวัดนี้ว่า วัดดีหลวง ขึ้นกับวัดพระโค๊ะ หลักฐานเอกสารเก่าบางฉบับก็เรียกว่า วัดกุฎีหลวงหรือวัดหลวง แต่คนเฒ่าคนแก่เรียกวัดเจดีหลวง เพราะสมัยก่อนมีเจดีย์ห้วยยอดขนาดใหญ่อยู่หน้าดบสถ์ หลวงพ่อทวดวัดช้างให้ จ.ปัตตานี หรือสมเด็จเจ้าพะโคะ เคยบวชเรียนอยู่ สมภารเจ้าวัดองค์แรกมีนามว่า สมภารจวง ซึ่งเป็นหลวงลุงองค์สมเด็จหลวงพ่อทวด เยียบน้ำทะเลจืด จึงถือเป็นวัดที่มีความสำคัญต่อประวัติองค์สมเด็จหลวงพ่อทวด เป็นอย่างมากในภาคปฐมวัย ** ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 78 มุมมอง 0 รีวิว
  • ต้มข้ามศตวรรษ – บทไอ้โหดเขียน 5 – 6
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 7 “บทไอ้โหดเขียน”

    ตอน 5

    J P Morgan ไม่ใช่เป็นบริษัทการเงินเล็กๆ เขาใหญ่ และดังคับโลก เขาสนใจ และรับงาน เฉพาะรายใหญ่ระดับชาติเท่านั้น และแม้ J P Morgan จะเป็นเจ้าพ่อ Wall Street แต่เขาก็สนิทสนม จนเกือบจะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับ Rothschild เจ้าพ่อตัวจริงของฝั่งอังกฤษ ทำให้ผู้คนต่างพากันเดาถึงที่มาของความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของ 2 กลุ่มการเงิน ที่ไม่แน่ว่าจะมีใครรู้จริง

    นาย George Peabody เป็นนักธุรกิจชาวอเมริกัน จาก Massachusetts เดินทางไปอังกฤษในปี ค.ศ. 1837 เพื่อขายพันธบัตร กิจการสร้างคลอง Chesapeake Ohio ของอเมริกา ซึ่งขายได้ฝืดมากในอเมริกา เนื่องจากอยู่ในช่วงเศรษฐกิจถอยหลัง เขาหวังว่าคนอังกฤษจะกระเป๋าหนักกว่าคนอเมริกัน แต่ประตูของตลาดลอนดอน ก็เปิดยากเอาการ แต่ Peabody มีความเพียร เขาพยายามเคาะประตูนักการเงินใหญ่ของลอนดอนไปทุกบาน ในที่สุดก็ขายพันธบัตรคลอง Ohio ได้หมด และได้กำไรไม่น้อย

    นาย Peabody ไม่เอาเงินกำไรกลับอเมริกา เขาเอาเงินนั้นไปลงทุน ตั้งบริษัททำธุรกิจตัวแทนเกี่ยวกับการนำเข้าส่งออก อยู่ที่ถนน Bond Street ในลอนดอน ทำหน้าที่เป็นตัวกลางให้นักธุรกิจ ทั้ง 2 ฝั่ง ของมหาสมุทรแอตแลนติก ใครต้องการส่งสินค้า เขาส่งให้ ใครต้องการขาย เขาหาคนซื้อให้ ใครไม่มีเงิน เขาให้เงินกู้ มันคงเป็นจังหวะดี หรือนาย Peabody มีฝีมือจริง ธุรกิจในลอนดอนของเขา จึงก้าวหน้าไปลิ่ว

    คงมัวแต่ทำงานหนัก เลยไม่มีเวลาหาเมีย กว่าจะนึกออกก็คงดึกไปแล้ว แทนที่จะไปมองหาสาว เขาเลยมองหาคนที่จะมารับช่วงกิจการต่อไป ซึ่งต้องมีคุณสมบัติตามที่เขา ตั้งไว้ คือ ข้อที่ 1. ต้องเป็นคนเกิดที่อเมริกา ถึงยังไง นาย Peabody ก็ยังรักบ้านเกิด และที่สำคัญ เขาถือว่าบริษัทของเขา เป็นบริษัทอเมริกัน ข้อที่ 2 ต้องเป็นคนที่มีสัญชาตญาณ หรือวิญญาณอังกฤษสิงอยู่หน่อยๆ จะได้ต้อนรับลูกค้า ที่เป็นคนใหญ่คนโตของอังกฤษ ได้อย่างไม่เก้งก้าง ข้อที่ 3 คือต้องรู้จักธุรกิจการเงินของอังกฤษ อเมริกา (Anglo-American finance) เป็นอย่างดี และข้อที่ 4 Peabody จะต้องชอบคนนั้นด้วย
    เมื่อนาย Junius Morgan พ่อค้าชาว Boston เจอกับ Peabody ที่ London ในงานเลี้ยงแห่งหนึ่งในปี 1850 Junius Morgan ไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังถูก Peabody เอากล้องส่องสำรวจอย่างละเอียด Peabody รู้สึกถูกชะตากับ Junius Morgan อย่างยิ่ง หลังจากไปสืบถามถึงภูมิหลังและชื่อเสียงจนเป็นที่พอใจ ปี 1854 Junius Morgan ก็อพยพครอบครัว ย้ายมาอยู่ที่ London และมีตำแหน่งเป็นหุ้นส่วนกิจการ ซึ่งต่อมาเป็นที่รู้จักกันในชื่อ Peabody, Morgan & Company

    นอกเหนือจากขายพันธบัตร ของธุรกิจของฝั่งอเมริกา และของรัฐบาลอเมริกันแล้ว บริษัทยังทำหน้าที่เป็นตัวแทนของรัฐบาลฝ่ายเหนือ ในตอนสงครามระหว่างเหนือใต้ ของอเมริกาอีกด้วย งานนี้ทำกำไรให้กับบริษัทมากมาย จน Peabody ได้ขึ้นอันดับไปยืนอยู่แถวหน้าของตลาดเงิน London

    ปี 1864 Peabody ก็ขอเกษียณตัวเอง และยกธุรกิจทั้งหมดให้กับ Junius ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น J. S Morgan and Company

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 7 “บทไอ้โหดเขียน”

    ตอน 6

    ลูกชายของ Junius คือ นาย John Pierpont ที่โด่งดัง เริ่มเข้าเรียนโรงเรียนมัธยมของอังกฤษที่ Boston แต่ต่อมา การเรียน และการใช้ชีวิตส่วนใหญ่ของเขาอยู่แถวยุโรป เขาจึงมีลักษณะท่าทาง เป็นคนอังกฤษมากกว่าคนอเมริกัน ดูเหมือนเขาจะถูกสร้างให้เป็นตามแบบพิมพ์ที่ Peabody ตั้งใจ
    John Pierpont ถูกส่งไปฝึกงานกับบริษัทการเงินอื่น ก่อนจะมารับตำแหน่งหุ้นส่วนในกิจการ Dabney, Morgan & Company ซึ่งเป็นสาขา New York ของบริษัทที่ London
    ในปี 1871 บริษัทได้หุ้นส่วนใหม่อีกคนจาก Philadelphia คือ Anthony Drexel บริษัทจึงเปลี่ยนชื่อเป็น Drexel, Morgan & Company และในปี 1895 เมื่อ Drexel ตาย บริษัทจึงเปลี่ยนชื่อกลับมาเป็น J P Morgan & Company และมีสาขาที่ปารีส ชื่อ Morgan, Haries & Company

    หลังจาก Junius ตาย ไม่กี่ปีต่อมา Pierpont ก็ตัดสินใจปรับปรุงรูปโฉมของบริษัทที่ London ให้กลายเป็นบริษัทอังกฤษแท้ และแบ่งธุรกิจให้สาขาที่อเมริกา ก็รับแต่งานของฝั่งอเมริกาไป และก็เป็นโอกาสให้ J P Morgan Jr. ซึ่งเพื่อนฝูงเรียกว่า Jack ลูกชายของ Pierpont ได้รับตำแหน่งเป็นผู้จัดการธุรกิจที่อเมริกา และกลายเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการทำให้โลกนี้กลายเป็นแดนอธรรม หรือ ดงโจร

    ตามชีวประวัติของ Jack ซึ่งนาย John Forbes เขียนไว้ดังนี้ :

    J P Morgan, Jr. ได้เป็นหุ้นส่วนของ London House ของ J. P Morgan & Co เมื่อเดือนมกราคม 1898 และหลังจากนั้นไม่กี่วัน ตัวเขาพร้อมครอบครัว เมีย 1 ลูก 3 ก็ย้ายจาก New York มาใช้ชีวิตอยู่ที่อังกฤษนานถึง 8 ปี เขาถูกส่งให้มาอยู่อังกฤษ เพื่อมาทำภาระกิจสำคัญ 2 รายการ

    ภาระกิจแรก เพื่อเรียนรู้ภาคปฎิบัติว่า คนอังกฤษทำธุรกิจการธนาคารอย่างไร ภายใต้ระบบธนาคารกลาง ซึ่งกำหนดโดย Bank of England ซึ่ง Morgan คนพ่อ มีความหวังอยากจะตั้งระบบธนาคารกลางในอเมริกา และหวังจะให้คนของ Morgan รู้ไว้ก่อนว่าระบบนี้ทำงานอย่างไร

    ภาระกิจที่สอง เพื่อทำความรู้จักกับนักธุรกิจการเงินของ London อย่างจริงจัง และเลือกหุ้นส่วนที่เป็นอังกฤษ ของแท้ ภาระที่สองนี้ ประสพผลสำเร็จชัดเจน เมื่อ Edward Grenfell ซึ่งเป็นกรรมการของ Bank of England มาเป็นเวลานาน ตกลงมาร่วมเป็นหุ้นส่วนอาวุโส และบริษัทก็เปลี่ยนชื่อใหม่อีกครั้ง เป็น Morgan Grenfell & Company นับว่า Jack ตกได้ปลาตัวใหญ่จริง และสงสัยว่าเขาจะใช้เหยื่อตกปลาชนิดพิเศษ
    ผู้คนพากันสงสัยว่า เมื่อนักการเงินอเมริกา อาจหาญมาซ่าอยู่แถวตลาด London ซึ่งมีเขี้ยวลากกันทั้งนั้น จะไปรอดหรือ มันคงเอาเขี้ยวงัดกัดกันน่าดู นั่นแสดงว่าไม่รู้จัก ว่าคนเป็นเจ้าพ่อตัวจริง เขาคิดอย่างไร

    เมื่อ George Peabody มาถึง London ใหม่ๆ เขาแปลกใจมาก เรียกว่า ตกใจจะตรงกว่า เขาตกใจ ที่อยู่ดีๆ ได้รับคำสั่งให้ไปพบเจ้าพ่อ Baron Nathan Mayer Rothschild ใครจะกล้าเบี้ยวใบสั่งเจ้าพ่อ โดยเฉพาะกำลังมาหากิน อยู่กลางดงของเจ้าพ่อ

    แต่เรื่องกลับโอละพ่อ เจ้าพ่อก็มีวันต้องการมีสมุนนอกบัญชี

    Rothschild บอกกับนาย Peabody ว่า เขาไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบนัก ของพวกผู้ดีหัวสูงของสังคมอังกฤษ ในสายตาของพวกผู้ดีหลายคน เขาก็เป็นเพียงพวกกา หาใช่พันธุ์หงส์ เพราะฉะนั้น พวกสังคมชั้นสูง ก็ไม่ปลื้ม ไม่จริงใจ ในการคบค้าเขา สนใจแต่จะคบกับเงินของเขาเท่านั้น

    แล้วนาย Peabody ก็จัดงานฉลองวันชาติของอเมริกาที่ London โดยเชิญบรรดา ขุนนาง ผู้ดีอังกฤษ หัวสูง ยะโสทั้งหลายมาร่วมงาน แขกรับเชิญต่างชอบใจเจ้าภาพ และพอใจที่จะคบค้าด้วย เพราะยังไง ก็เป็น Anglo Saxon เผ่าพันธ์เดียวกัน คงไม่มีใครรู้ว่า ค่าอาหาร ค่าเหล้าในงานเลี้ยงคืน และอีกหลายๆครั้งต่อมา นาย Peabody ไม่ได้เป็นคนจ่ายเงิน

    ปี 1857 เมื่อตลาด Wall Street เกือบล่ม นักเล่นหุ้นใช้สูตร ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย เหมือนพวกเซียนใหญ่บ้านเรา Peabody และ Morgan คนพ่อ ถลาเข้าไปรับประกันชำระหนี้แทน นักเล่นหุ้น รวม ๆ แล้ว ประมาณ 2 ล้านปอนด์ หวังค่าคอมก้อนใหญ่ แต่ก็มีคนไม่แน่ใจว่า ถึงเวลา ถ้าลูกหนี้เบี้ยวหมด Peabody และ Morgan จะเอาเงินที่ไหนมาจ่าย

    ในประวัติของ The House of Morgan เขียนโดย Ron Chernow บอกว่า ขณะที่ข่าวลือชิ้นแรกว่อนไปทั่วว่า George Peabody น่าจะร่วงตามลูกหนี้ ข่าวลือชิ้นต่อมา ก็บอกว่า จะมีเจ้ามือใหญ่ของตลาดมาช่วยนาย Peabody โดยมีเงื่อนไข เขาจะต้องปิดกิจการบริษัทที่อังกฤษ และกลับอเมริกาไปภายใน 1 ปี
    ไม่นานหลังจากมีข่าวลือ ก็มีข่าวจริงออกมา ว่า Bank of England ประกาศให้เงินกู้ 8 แสนปอนด์ ด้วยดอกเบี้ยอัตราต่ำติดพื้นให้แก่ Peabody รวมทั้งให้ credit line อีก 1 ล้านปอนด์ ถ้าจำเป็นและต้องการ มันเป็นเรื่องผิดคาดของตลาดการเงินลอนดอน ที่ Thomas Hanley ผู้ว่าการธนาคาร Bank of England ซึ่งปฎิเสธ ที่จะช่วยเหลือบริษัทการเงินอเมริกันมาหลายรายแล้ว จะมาอุ้ม Peabody & Company ในขณะที่จมน้ำไปเกือบมิดหัวแล้ว

    แต่ถ้าลองไล่เรียง ความก้าวหน้าของ Peabody ใน London ตั้งแต่เริ่ม ปี 1837 มาจนถึงวันที่ J P Morgan & Co กลายเป็น Morgan Grenfell & Company หลัง ปี 1894 ก็น่าจะพอต่อเรื่องกันได้ว่า ฝีมือเขาดีจริง หรือน่าจะเพราะมีเจ้าพ่อหนุนหลัง หรือทั้ง 2 อย่าง แต่ฝีมือดีอย่างเดียว คงไม่น่ามาได้ไกลขนาดนี้

    Guaranty Trust ของ J P Morgan จึงรับบทสำคัญไม่น้อย หรืออาจจะมากกว่า Jacob Schiff เสียด้วยซ้ำ ในละครลวงโลกปฏิวัติ Bolsheviks ปล้นรัสเซีย

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    5 พ.ค. 2558
    ต้มข้ามศตวรรษ – บทไอ้โหดเขียน 5 – 6 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 7 “บทไอ้โหดเขียน” ตอน 5 J P Morgan ไม่ใช่เป็นบริษัทการเงินเล็กๆ เขาใหญ่ และดังคับโลก เขาสนใจ และรับงาน เฉพาะรายใหญ่ระดับชาติเท่านั้น และแม้ J P Morgan จะเป็นเจ้าพ่อ Wall Street แต่เขาก็สนิทสนม จนเกือบจะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับ Rothschild เจ้าพ่อตัวจริงของฝั่งอังกฤษ ทำให้ผู้คนต่างพากันเดาถึงที่มาของความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของ 2 กลุ่มการเงิน ที่ไม่แน่ว่าจะมีใครรู้จริง นาย George Peabody เป็นนักธุรกิจชาวอเมริกัน จาก Massachusetts เดินทางไปอังกฤษในปี ค.ศ. 1837 เพื่อขายพันธบัตร กิจการสร้างคลอง Chesapeake Ohio ของอเมริกา ซึ่งขายได้ฝืดมากในอเมริกา เนื่องจากอยู่ในช่วงเศรษฐกิจถอยหลัง เขาหวังว่าคนอังกฤษจะกระเป๋าหนักกว่าคนอเมริกัน แต่ประตูของตลาดลอนดอน ก็เปิดยากเอาการ แต่ Peabody มีความเพียร เขาพยายามเคาะประตูนักการเงินใหญ่ของลอนดอนไปทุกบาน ในที่สุดก็ขายพันธบัตรคลอง Ohio ได้หมด และได้กำไรไม่น้อย นาย Peabody ไม่เอาเงินกำไรกลับอเมริกา เขาเอาเงินนั้นไปลงทุน ตั้งบริษัททำธุรกิจตัวแทนเกี่ยวกับการนำเข้าส่งออก อยู่ที่ถนน Bond Street ในลอนดอน ทำหน้าที่เป็นตัวกลางให้นักธุรกิจ ทั้ง 2 ฝั่ง ของมหาสมุทรแอตแลนติก ใครต้องการส่งสินค้า เขาส่งให้ ใครต้องการขาย เขาหาคนซื้อให้ ใครไม่มีเงิน เขาให้เงินกู้ มันคงเป็นจังหวะดี หรือนาย Peabody มีฝีมือจริง ธุรกิจในลอนดอนของเขา จึงก้าวหน้าไปลิ่ว คงมัวแต่ทำงานหนัก เลยไม่มีเวลาหาเมีย กว่าจะนึกออกก็คงดึกไปแล้ว แทนที่จะไปมองหาสาว เขาเลยมองหาคนที่จะมารับช่วงกิจการต่อไป ซึ่งต้องมีคุณสมบัติตามที่เขา ตั้งไว้ คือ ข้อที่ 1. ต้องเป็นคนเกิดที่อเมริกา ถึงยังไง นาย Peabody ก็ยังรักบ้านเกิด และที่สำคัญ เขาถือว่าบริษัทของเขา เป็นบริษัทอเมริกัน ข้อที่ 2 ต้องเป็นคนที่มีสัญชาตญาณ หรือวิญญาณอังกฤษสิงอยู่หน่อยๆ จะได้ต้อนรับลูกค้า ที่เป็นคนใหญ่คนโตของอังกฤษ ได้อย่างไม่เก้งก้าง ข้อที่ 3 คือต้องรู้จักธุรกิจการเงินของอังกฤษ อเมริกา (Anglo-American finance) เป็นอย่างดี และข้อที่ 4 Peabody จะต้องชอบคนนั้นด้วย เมื่อนาย Junius Morgan พ่อค้าชาว Boston เจอกับ Peabody ที่ London ในงานเลี้ยงแห่งหนึ่งในปี 1850 Junius Morgan ไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังถูก Peabody เอากล้องส่องสำรวจอย่างละเอียด Peabody รู้สึกถูกชะตากับ Junius Morgan อย่างยิ่ง หลังจากไปสืบถามถึงภูมิหลังและชื่อเสียงจนเป็นที่พอใจ ปี 1854 Junius Morgan ก็อพยพครอบครัว ย้ายมาอยู่ที่ London และมีตำแหน่งเป็นหุ้นส่วนกิจการ ซึ่งต่อมาเป็นที่รู้จักกันในชื่อ Peabody, Morgan & Company นอกเหนือจากขายพันธบัตร ของธุรกิจของฝั่งอเมริกา และของรัฐบาลอเมริกันแล้ว บริษัทยังทำหน้าที่เป็นตัวแทนของรัฐบาลฝ่ายเหนือ ในตอนสงครามระหว่างเหนือใต้ ของอเมริกาอีกด้วย งานนี้ทำกำไรให้กับบริษัทมากมาย จน Peabody ได้ขึ้นอันดับไปยืนอยู่แถวหน้าของตลาดเงิน London ปี 1864 Peabody ก็ขอเกษียณตัวเอง และยกธุรกิจทั้งหมดให้กับ Junius ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น J. S Morgan and Company นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 7 “บทไอ้โหดเขียน” ตอน 6 ลูกชายของ Junius คือ นาย John Pierpont ที่โด่งดัง เริ่มเข้าเรียนโรงเรียนมัธยมของอังกฤษที่ Boston แต่ต่อมา การเรียน และการใช้ชีวิตส่วนใหญ่ของเขาอยู่แถวยุโรป เขาจึงมีลักษณะท่าทาง เป็นคนอังกฤษมากกว่าคนอเมริกัน ดูเหมือนเขาจะถูกสร้างให้เป็นตามแบบพิมพ์ที่ Peabody ตั้งใจ John Pierpont ถูกส่งไปฝึกงานกับบริษัทการเงินอื่น ก่อนจะมารับตำแหน่งหุ้นส่วนในกิจการ Dabney, Morgan & Company ซึ่งเป็นสาขา New York ของบริษัทที่ London ในปี 1871 บริษัทได้หุ้นส่วนใหม่อีกคนจาก Philadelphia คือ Anthony Drexel บริษัทจึงเปลี่ยนชื่อเป็น Drexel, Morgan & Company และในปี 1895 เมื่อ Drexel ตาย บริษัทจึงเปลี่ยนชื่อกลับมาเป็น J P Morgan & Company และมีสาขาที่ปารีส ชื่อ Morgan, Haries & Company หลังจาก Junius ตาย ไม่กี่ปีต่อมา Pierpont ก็ตัดสินใจปรับปรุงรูปโฉมของบริษัทที่ London ให้กลายเป็นบริษัทอังกฤษแท้ และแบ่งธุรกิจให้สาขาที่อเมริกา ก็รับแต่งานของฝั่งอเมริกาไป และก็เป็นโอกาสให้ J P Morgan Jr. ซึ่งเพื่อนฝูงเรียกว่า Jack ลูกชายของ Pierpont ได้รับตำแหน่งเป็นผู้จัดการธุรกิจที่อเมริกา และกลายเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการทำให้โลกนี้กลายเป็นแดนอธรรม หรือ ดงโจร ตามชีวประวัติของ Jack ซึ่งนาย John Forbes เขียนไว้ดังนี้ : J P Morgan, Jr. ได้เป็นหุ้นส่วนของ London House ของ J. P Morgan & Co เมื่อเดือนมกราคม 1898 และหลังจากนั้นไม่กี่วัน ตัวเขาพร้อมครอบครัว เมีย 1 ลูก 3 ก็ย้ายจาก New York มาใช้ชีวิตอยู่ที่อังกฤษนานถึง 8 ปี เขาถูกส่งให้มาอยู่อังกฤษ เพื่อมาทำภาระกิจสำคัญ 2 รายการ ภาระกิจแรก เพื่อเรียนรู้ภาคปฎิบัติว่า คนอังกฤษทำธุรกิจการธนาคารอย่างไร ภายใต้ระบบธนาคารกลาง ซึ่งกำหนดโดย Bank of England ซึ่ง Morgan คนพ่อ มีความหวังอยากจะตั้งระบบธนาคารกลางในอเมริกา และหวังจะให้คนของ Morgan รู้ไว้ก่อนว่าระบบนี้ทำงานอย่างไร ภาระกิจที่สอง เพื่อทำความรู้จักกับนักธุรกิจการเงินของ London อย่างจริงจัง และเลือกหุ้นส่วนที่เป็นอังกฤษ ของแท้ ภาระที่สองนี้ ประสพผลสำเร็จชัดเจน เมื่อ Edward Grenfell ซึ่งเป็นกรรมการของ Bank of England มาเป็นเวลานาน ตกลงมาร่วมเป็นหุ้นส่วนอาวุโส และบริษัทก็เปลี่ยนชื่อใหม่อีกครั้ง เป็น Morgan Grenfell & Company นับว่า Jack ตกได้ปลาตัวใหญ่จริง และสงสัยว่าเขาจะใช้เหยื่อตกปลาชนิดพิเศษ ผู้คนพากันสงสัยว่า เมื่อนักการเงินอเมริกา อาจหาญมาซ่าอยู่แถวตลาด London ซึ่งมีเขี้ยวลากกันทั้งนั้น จะไปรอดหรือ มันคงเอาเขี้ยวงัดกัดกันน่าดู นั่นแสดงว่าไม่รู้จัก ว่าคนเป็นเจ้าพ่อตัวจริง เขาคิดอย่างไร เมื่อ George Peabody มาถึง London ใหม่ๆ เขาแปลกใจมาก เรียกว่า ตกใจจะตรงกว่า เขาตกใจ ที่อยู่ดีๆ ได้รับคำสั่งให้ไปพบเจ้าพ่อ Baron Nathan Mayer Rothschild ใครจะกล้าเบี้ยวใบสั่งเจ้าพ่อ โดยเฉพาะกำลังมาหากิน อยู่กลางดงของเจ้าพ่อ แต่เรื่องกลับโอละพ่อ เจ้าพ่อก็มีวันต้องการมีสมุนนอกบัญชี Rothschild บอกกับนาย Peabody ว่า เขาไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบนัก ของพวกผู้ดีหัวสูงของสังคมอังกฤษ ในสายตาของพวกผู้ดีหลายคน เขาก็เป็นเพียงพวกกา หาใช่พันธุ์หงส์ เพราะฉะนั้น พวกสังคมชั้นสูง ก็ไม่ปลื้ม ไม่จริงใจ ในการคบค้าเขา สนใจแต่จะคบกับเงินของเขาเท่านั้น แล้วนาย Peabody ก็จัดงานฉลองวันชาติของอเมริกาที่ London โดยเชิญบรรดา ขุนนาง ผู้ดีอังกฤษ หัวสูง ยะโสทั้งหลายมาร่วมงาน แขกรับเชิญต่างชอบใจเจ้าภาพ และพอใจที่จะคบค้าด้วย เพราะยังไง ก็เป็น Anglo Saxon เผ่าพันธ์เดียวกัน คงไม่มีใครรู้ว่า ค่าอาหาร ค่าเหล้าในงานเลี้ยงคืน และอีกหลายๆครั้งต่อมา นาย Peabody ไม่ได้เป็นคนจ่ายเงิน ปี 1857 เมื่อตลาด Wall Street เกือบล่ม นักเล่นหุ้นใช้สูตร ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย เหมือนพวกเซียนใหญ่บ้านเรา Peabody และ Morgan คนพ่อ ถลาเข้าไปรับประกันชำระหนี้แทน นักเล่นหุ้น รวม ๆ แล้ว ประมาณ 2 ล้านปอนด์ หวังค่าคอมก้อนใหญ่ แต่ก็มีคนไม่แน่ใจว่า ถึงเวลา ถ้าลูกหนี้เบี้ยวหมด Peabody และ Morgan จะเอาเงินที่ไหนมาจ่าย ในประวัติของ The House of Morgan เขียนโดย Ron Chernow บอกว่า ขณะที่ข่าวลือชิ้นแรกว่อนไปทั่วว่า George Peabody น่าจะร่วงตามลูกหนี้ ข่าวลือชิ้นต่อมา ก็บอกว่า จะมีเจ้ามือใหญ่ของตลาดมาช่วยนาย Peabody โดยมีเงื่อนไข เขาจะต้องปิดกิจการบริษัทที่อังกฤษ และกลับอเมริกาไปภายใน 1 ปี ไม่นานหลังจากมีข่าวลือ ก็มีข่าวจริงออกมา ว่า Bank of England ประกาศให้เงินกู้ 8 แสนปอนด์ ด้วยดอกเบี้ยอัตราต่ำติดพื้นให้แก่ Peabody รวมทั้งให้ credit line อีก 1 ล้านปอนด์ ถ้าจำเป็นและต้องการ มันเป็นเรื่องผิดคาดของตลาดการเงินลอนดอน ที่ Thomas Hanley ผู้ว่าการธนาคาร Bank of England ซึ่งปฎิเสธ ที่จะช่วยเหลือบริษัทการเงินอเมริกันมาหลายรายแล้ว จะมาอุ้ม Peabody & Company ในขณะที่จมน้ำไปเกือบมิดหัวแล้ว แต่ถ้าลองไล่เรียง ความก้าวหน้าของ Peabody ใน London ตั้งแต่เริ่ม ปี 1837 มาจนถึงวันที่ J P Morgan & Co กลายเป็น Morgan Grenfell & Company หลัง ปี 1894 ก็น่าจะพอต่อเรื่องกันได้ว่า ฝีมือเขาดีจริง หรือน่าจะเพราะมีเจ้าพ่อหนุนหลัง หรือทั้ง 2 อย่าง แต่ฝีมือดีอย่างเดียว คงไม่น่ามาได้ไกลขนาดนี้ Guaranty Trust ของ J P Morgan จึงรับบทสำคัญไม่น้อย หรืออาจจะมากกว่า Jacob Schiff เสียด้วยซ้ำ ในละครลวงโลกปฏิวัติ Bolsheviks ปล้นรัสเซีย สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 5 พ.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 128 มุมมอง 0 รีวิว
  • หัวข้อข่าว: “Snapmaker U1 – เครื่องพิมพ์ 3D ที่ระดมทุนสูงสุดในประวัติศาสตร์ เปิดขายแล้ว พร้อมเปลี่ยนโลกการสร้างสรรค์”

    Snapmaker เปิดตัวเครื่องพิมพ์ 3D รุ่น U1 อย่างเป็นทางการ หลังจากระดมทุนได้กว่า 20 ล้านดอลลาร์จากผู้สนับสนุนกว่า 20,000 รายบน Kickstarter โดยมาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ที่เน้นความเร็ว ความแม่นยำ และการพิมพ์หลายวัสดุในเครื่องเดียว.

    Snapmaker U1 ไม่ใช่แค่เครื่องพิมพ์ 3D ธรรมดา แต่เป็นการรวม 4 หัวฉีดวัสดุไว้ในระบบเดียวผ่านเทคโนโลยี “SnapSwap” ที่สามารถสลับหัวฉีดได้ภายใน 5 วินาที ทำให้ผู้ใช้สามารถพิมพ์วัสดุหลากหลาย เช่น PLA, TPU, PETG ได้โดยไม่ต้องหยุดงานหรือปรับเครื่องใหม่

    เครื่องนี้ใช้ระบบ CoreXY motion ที่ช่วยให้พิมพ์ได้เร็วถึง 500 มม./วินาที โดยยังคงความแม่นยำไว้ได้ ด้วยระบบชดเชยแรงสั่นสะเทือน, การปรับระดับอัตโนมัติ และการคาลิเบรตแบบอัจฉริยะ

    Snapmaker ยังใส่ระบบ AI ที่สามารถตรวจจับข้อผิดพลาดของเส้นใยก่อนที่งานพิมพ์จะล้มเหลว พร้อมกล้องภายในสำหรับบันทึก time-lapse และแอปมือถือที่ควบคุมเครื่องจากระยะไกลได้

    แม้จะมีจุดเด่นมากมาย แต่ก็ยังมีคำถามเรื่องความทนทานในระยะยาว และความแม่นยำเมื่อใช้งานที่ความเร็วสูง โดยเฉพาะในงานที่ต้องการความละเอียดสูง เช่น โมเดลวิศวกรรมหรือชิ้นส่วนประกอบจริง

    Snapmaker U1 เปิดขายแล้วหลังระดมทุนได้กว่า $20 ล้าน
    มีผู้สนับสนุนกว่า 20,000 รายบน Kickstarter

    ใช้ระบบ SnapSwap เปลี่ยนหัวฉีดได้ใน 5 วินาที
    รองรับการพิมพ์หลายวัสดุในเครื่องเดียว

    ความเร็วสูงถึง 500 มม./วินาที ด้วยระบบ CoreXY
    พร้อมระบบชดเชยแรงสั่นและปรับระดับอัตโนมัติ

    มี AI ตรวจจับข้อผิดพลาดของเส้นใยก่อนงานพิมพ์ล้มเหลว
    ช่วยลดของเสียและเพิ่มความแม่นยำ

    รองรับการควบคุมผ่านแอปมือถือและซอฟต์แวร์ Orca
    เพิ่มความสะดวกในการใช้งานและตรวจสอบงานพิมพ์

    กล้องภายในสำหรับบันทึก time-lapse และตรวจสอบงาน
    เตรียมรองรับการอัปเดต firmware เพื่อเพิ่มฟีเจอร์ AI

    ขนาดพื้นที่พิมพ์ 270 x 270 x 270 มม.
    รองรับงานขนาดใหญ่โดยไม่เสียความละเอียด

    หัวฉีดทนความร้อนสูงถึง 300°C และฐานพิมพ์ร้อนถึง 100°C
    รองรับวัสดุหลากหลายและยึดติดได้ดี

    https://www.techradar.com/pro/kickstarters-most-successful-product-ever-goes-on-sale-snapmakers-3d-u1-printer-backed-by-usd20-million-booking-order-makes-debut
    🖨️🚀 หัวข้อข่าว: “Snapmaker U1 – เครื่องพิมพ์ 3D ที่ระดมทุนสูงสุดในประวัติศาสตร์ เปิดขายแล้ว พร้อมเปลี่ยนโลกการสร้างสรรค์” Snapmaker เปิดตัวเครื่องพิมพ์ 3D รุ่น U1 อย่างเป็นทางการ หลังจากระดมทุนได้กว่า 20 ล้านดอลลาร์จากผู้สนับสนุนกว่า 20,000 รายบน Kickstarter โดยมาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ที่เน้นความเร็ว ความแม่นยำ และการพิมพ์หลายวัสดุในเครื่องเดียว. Snapmaker U1 ไม่ใช่แค่เครื่องพิมพ์ 3D ธรรมดา แต่เป็นการรวม 4 หัวฉีดวัสดุไว้ในระบบเดียวผ่านเทคโนโลยี “SnapSwap” ที่สามารถสลับหัวฉีดได้ภายใน 5 วินาที ทำให้ผู้ใช้สามารถพิมพ์วัสดุหลากหลาย เช่น PLA, TPU, PETG ได้โดยไม่ต้องหยุดงานหรือปรับเครื่องใหม่ เครื่องนี้ใช้ระบบ CoreXY motion ที่ช่วยให้พิมพ์ได้เร็วถึง 500 มม./วินาที โดยยังคงความแม่นยำไว้ได้ ด้วยระบบชดเชยแรงสั่นสะเทือน, การปรับระดับอัตโนมัติ และการคาลิเบรตแบบอัจฉริยะ Snapmaker ยังใส่ระบบ AI ที่สามารถตรวจจับข้อผิดพลาดของเส้นใยก่อนที่งานพิมพ์จะล้มเหลว พร้อมกล้องภายในสำหรับบันทึก time-lapse และแอปมือถือที่ควบคุมเครื่องจากระยะไกลได้ แม้จะมีจุดเด่นมากมาย แต่ก็ยังมีคำถามเรื่องความทนทานในระยะยาว และความแม่นยำเมื่อใช้งานที่ความเร็วสูง โดยเฉพาะในงานที่ต้องการความละเอียดสูง เช่น โมเดลวิศวกรรมหรือชิ้นส่วนประกอบจริง ✅ Snapmaker U1 เปิดขายแล้วหลังระดมทุนได้กว่า $20 ล้าน ➡️ มีผู้สนับสนุนกว่า 20,000 รายบน Kickstarter ✅ ใช้ระบบ SnapSwap เปลี่ยนหัวฉีดได้ใน 5 วินาที ➡️ รองรับการพิมพ์หลายวัสดุในเครื่องเดียว ✅ ความเร็วสูงถึง 500 มม./วินาที ด้วยระบบ CoreXY ➡️ พร้อมระบบชดเชยแรงสั่นและปรับระดับอัตโนมัติ ✅ มี AI ตรวจจับข้อผิดพลาดของเส้นใยก่อนงานพิมพ์ล้มเหลว ➡️ ช่วยลดของเสียและเพิ่มความแม่นยำ ✅ รองรับการควบคุมผ่านแอปมือถือและซอฟต์แวร์ Orca ➡️ เพิ่มความสะดวกในการใช้งานและตรวจสอบงานพิมพ์ ✅ กล้องภายในสำหรับบันทึก time-lapse และตรวจสอบงาน ➡️ เตรียมรองรับการอัปเดต firmware เพื่อเพิ่มฟีเจอร์ AI ✅ ขนาดพื้นที่พิมพ์ 270 x 270 x 270 มม. ➡️ รองรับงานขนาดใหญ่โดยไม่เสียความละเอียด ✅ หัวฉีดทนความร้อนสูงถึง 300°C และฐานพิมพ์ร้อนถึง 100°C ➡️ รองรับวัสดุหลากหลายและยึดติดได้ดี https://www.techradar.com/pro/kickstarters-most-successful-product-ever-goes-on-sale-snapmakers-3d-u1-printer-backed-by-usd20-million-booking-order-makes-debut
    WWW.TECHRADAR.COM
    Snapmaker U1 3D printer offers fast speeds and automatic material switching
    Snapmaker raised millions to build its most ambitious 3D printer yet
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 86 มุมมอง 0 รีวิว
  • MSI คว้ารางวัล GOOD DESIGN 2025 กับ Cubi NUC AI Series: เล็กแต่ล้ำ ยั่งยืนแต่แรง!

    ถ้าคุณคิดว่า Mini PC คือแค่กล่องเล็ก ๆ สำหรับงานเบา ๆ… MSI ขอเปลี่ยนความคิดนั้นด้วย Cubi NUC AI Series ที่คว้ารางวัล GOOD DESIGN AWARD 2025 ไปครอง ด้วยดีไซน์กะทัดรัดเพียง 0.51 หรือ 0.826 ลิตร แต่อัดแน่นด้วยพลัง AI และความยั่งยืนแบบจัดเต็ม

    Cubi NUC AI+ รุ่นใหม่ล่าสุดนี้รองรับ Copilot+ PC พร้อมฟีเจอร์ AI บนเครื่องโดยตรง เช่น การควบคุมด้วยเสียงผ่านไมค์และลำโพงในตัว มีพอร์ต Thunderbolt, LAN คู่ 2.5G และปุ่มเปิดเครื่องแบบสแกนนิ้วเพื่อความปลอดภัย เหมาะกับทั้งนักธุรกิจ นักการศึกษา และสายงานที่ต้องการความคล่องตัว

    ที่โดดเด่นไม่แพ้กันคือความใส่ใจสิ่งแวดล้อม: ตัวเครื่องผลิตจากพลาสติกรีไซเคิล 37.25%, บรรจุภัณฑ์ผ่านการรับรอง FSC และใช้วัสดุเยื่อกระดาษรีไซเคิล 100% ทั้งหมดนี้ทำให้ Cubi NUC AI Series ไม่ใช่แค่คอมพิวเตอร์ แต่เป็นสัญลักษณ์ของการออกแบบที่คิดถึงโลก

    เกร็ดน่ารู้เพิ่มเติม:
    GOOD DESIGN AWARD เป็นรางวัลจากญี่ปุ่นที่เน้นการออกแบบเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น ไม่ใช่แค่ความสวยงาม
    Copilot+ PC คือมาตรฐานใหม่ของ Windows ที่เน้นการประมวลผล AI บนเครื่องโดยไม่ต้องพึ่งคลาวด์
    Mini PC กำลังเป็นเทรนด์ในองค์กรที่ต้องการลดพื้นที่และพลังงาน แต่ยังคงประสิทธิภาพสูง

    MSI Cubi NUC AI Series ได้รับรางวัล GOOD DESIGN AWARD 2025
    โดดเด่นด้านดีไซน์, ฟังก์ชัน และความยั่งยืน
    ขนาดเล็กเพียง 0.51–0.826 ลิตร แต่ประสิทธิภาพสูง

    รองรับ Copilot+ PC และ AI บนเครื่อง
    มีไมค์และลำโพงในตัวสำหรับควบคุมด้วยเสียง
    พอร์ต Thunderbolt, LAN คู่ และปุ่มสแกนนิ้ว

    ความใส่ใจสิ่งแวดล้อม
    ใช้พลาสติกรีไซเคิล 37.25% ในตัวเครื่อง
    บรรจุภัณฑ์ผ่านการรับรอง FSC และรีไซเคิลได้ 100%

    เหมาะกับการใช้งานในยุคใหม่
    ตอบโจทย์นักธุรกิจ, นักการศึกษา และสายงาน AI
    เป็นตัวอย่างของการออกแบบที่ยั่งยืนและทรงพลัง

    ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ Mini PC
    หลายคนยังคิดว่า Mini PC ใช้งานได้แค่เบื้องต้น
    ความจริงคือสามารถรองรับงาน AI และธุรกิจได้เต็มรูปแบบ

    ความเสี่ยงจากการละเลยเรื่องสิ่งแวดล้อมในอุปกรณ์ไอที
    การใช้วัสดุที่ไม่รีไซเคิลอาจเพิ่มขยะอิเล็กทรอนิกส์
    การออกแบบที่ไม่ยั่งยืนส่งผลต่อภาพลักษณ์องค์กรในระยะยาว

    Cubi NUC AI Series ไม่ใช่แค่ Mini PC แต่เป็น “Mini Revolution” ที่รวมพลัง AI กับหัวใจสีเขียวไว้ในกล่องเล็ก ๆ ที่ทรงพลัง

    https://www.techpowerup.com/342551/msi-cubi-nuc-ai-series-wins-good-design-award-2025-for-innovation-and-sustainability
    🏆 MSI คว้ารางวัล GOOD DESIGN 2025 กับ Cubi NUC AI Series: เล็กแต่ล้ำ ยั่งยืนแต่แรง! ถ้าคุณคิดว่า Mini PC คือแค่กล่องเล็ก ๆ สำหรับงานเบา ๆ… MSI ขอเปลี่ยนความคิดนั้นด้วย Cubi NUC AI Series ที่คว้ารางวัล GOOD DESIGN AWARD 2025 ไปครอง ด้วยดีไซน์กะทัดรัดเพียง 0.51 หรือ 0.826 ลิตร แต่อัดแน่นด้วยพลัง AI และความยั่งยืนแบบจัดเต็ม Cubi NUC AI+ รุ่นใหม่ล่าสุดนี้รองรับ Copilot+ PC พร้อมฟีเจอร์ AI บนเครื่องโดยตรง เช่น การควบคุมด้วยเสียงผ่านไมค์และลำโพงในตัว มีพอร์ต Thunderbolt, LAN คู่ 2.5G และปุ่มเปิดเครื่องแบบสแกนนิ้วเพื่อความปลอดภัย เหมาะกับทั้งนักธุรกิจ นักการศึกษา และสายงานที่ต้องการความคล่องตัว ที่โดดเด่นไม่แพ้กันคือความใส่ใจสิ่งแวดล้อม: ตัวเครื่องผลิตจากพลาสติกรีไซเคิล 37.25%, บรรจุภัณฑ์ผ่านการรับรอง FSC และใช้วัสดุเยื่อกระดาษรีไซเคิล 100% ทั้งหมดนี้ทำให้ Cubi NUC AI Series ไม่ใช่แค่คอมพิวเตอร์ แต่เป็นสัญลักษณ์ของการออกแบบที่คิดถึงโลก 💡 เกร็ดน่ารู้เพิ่มเติม: 💠 GOOD DESIGN AWARD เป็นรางวัลจากญี่ปุ่นที่เน้นการออกแบบเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น ไม่ใช่แค่ความสวยงาม 💠 Copilot+ PC คือมาตรฐานใหม่ของ Windows ที่เน้นการประมวลผล AI บนเครื่องโดยไม่ต้องพึ่งคลาวด์ 💠 Mini PC กำลังเป็นเทรนด์ในองค์กรที่ต้องการลดพื้นที่และพลังงาน แต่ยังคงประสิทธิภาพสูง ✅ MSI Cubi NUC AI Series ได้รับรางวัล GOOD DESIGN AWARD 2025 ➡️ โดดเด่นด้านดีไซน์, ฟังก์ชัน และความยั่งยืน ➡️ ขนาดเล็กเพียง 0.51–0.826 ลิตร แต่ประสิทธิภาพสูง ✅ รองรับ Copilot+ PC และ AI บนเครื่อง ➡️ มีไมค์และลำโพงในตัวสำหรับควบคุมด้วยเสียง ➡️ พอร์ต Thunderbolt, LAN คู่ และปุ่มสแกนนิ้ว ✅ ความใส่ใจสิ่งแวดล้อม ➡️ ใช้พลาสติกรีไซเคิล 37.25% ในตัวเครื่อง ➡️ บรรจุภัณฑ์ผ่านการรับรอง FSC และรีไซเคิลได้ 100% ✅ เหมาะกับการใช้งานในยุคใหม่ ➡️ ตอบโจทย์นักธุรกิจ, นักการศึกษา และสายงาน AI ➡️ เป็นตัวอย่างของการออกแบบที่ยั่งยืนและทรงพลัง ‼️ ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ Mini PC ⛔ หลายคนยังคิดว่า Mini PC ใช้งานได้แค่เบื้องต้น ⛔ ความจริงคือสามารถรองรับงาน AI และธุรกิจได้เต็มรูปแบบ ‼️ ความเสี่ยงจากการละเลยเรื่องสิ่งแวดล้อมในอุปกรณ์ไอที ⛔ การใช้วัสดุที่ไม่รีไซเคิลอาจเพิ่มขยะอิเล็กทรอนิกส์ ⛔ การออกแบบที่ไม่ยั่งยืนส่งผลต่อภาพลักษณ์องค์กรในระยะยาว Cubi NUC AI Series ไม่ใช่แค่ Mini PC แต่เป็น “Mini Revolution” ที่รวมพลัง AI กับหัวใจสีเขียวไว้ในกล่องเล็ก ๆ ที่ทรงพลัง 🌱💻 https://www.techpowerup.com/342551/msi-cubi-nuc-ai-series-wins-good-design-award-2025-for-innovation-and-sustainability
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    MSI Cubi NUC AI Series Wins GOOD DESIGN AWARD 2025 for Innovation and Sustainability
    MSI proudly announces that its Cubi NUC AI Series mini PCs have been honored with the GOOD DESIGN AWARD 2025, recognizing its excellence in design, functionality, and commitment to sustainability. The MSI Cubi NUC AI Series is built for the era of AI-driven computing, all within a compact chassis of...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 100 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภารกิจชำแหละ GPU: เมื่อ RTX 4090 งอ-ไหม้-พังเกินเยียวยา!

    เรื่องนี้เริ่มต้นเหมือนภารกิจซ่อมทั่วไป แต่จบลงแบบ “ชันสูตรศพ” GPU! Tony จากช่อง Northwest Repair ได้รับการ์ดจอ Aorus RTX 4090 ที่มีอาการงออย่างหนักและคอนเนกเตอร์ละลายมาให้ซ่อม แต่เมื่อเริ่มแกะออกทีละชั้น เขากลับพบว่า...มันพังเกินกว่าจะเยียวยาได้

    ตัวการ์ดงอจนผิดรูป ฝาหลังใช้สกรูพลาสติกแทนของเดิม และซิงก์ระบายความร้อนแยกจากแผ่น vapor chamber ทำให้แผ่นนำความร้อนไม่สัมผัสกับ VRAM และ MOSFET เลย เมื่อทดสอบด้วยกล้องความร้อน พบว่าไฟ 12V ลัดวงจรไปยังหน่วยความจำ และสุดท้าย “เผา” GPU core จนเสียหาย

    แม้จะพยายามเปลี่ยน MOSFET และตรวจสอบทุกจุด แต่สุดท้ายเมื่อฉีดกระแสเข้า VRAM แล้วพบว่าแกน GPU ร้อนขึ้นเอง นั่นคือสัญญาณว่า “มันตายแล้ว” และนี่ไม่ใช่การซ่อม แต่เป็นการชันสูตรอย่างแท้จริง

    เกร็ดน่ารู้จากวงการซ่อม:
    MOSFET (Metal-Oxide-Semiconductor Field-Effect Transistor) เป็นส่วนสำคัญในการควบคุมพลังงานใน GPU หากเสียหายอาจทำให้ไฟลัดวงจรไปยังส่วนอื่น
    การ์ดจอระดับสูงอย่าง RTX 4090 มีความซับซ้อนสูง การซ่อมต้องใช้เครื่องมือพิเศษ เช่น กล้องความร้อน, ไมโครสโคป และ multimeter

    การ์ดจอ RTX 4090 ที่เสียหายหนัก
    โครงสร้างงอผิดรูป, คอนเนกเตอร์ละลาย, ซิงก์แยกจาก vapor chamber
    Thermal pad ไม่สัมผัสกับ VRAM และ MOSFET

    การตรวจสอบและซ่อมโดย Northwest Repair
    พบไฟลัดวงจรใน 12V, 1.8V และหน่วยความจำ
    ใช้กล้องความร้อนตรวจสอบจุดร้อน
    เปลี่ยน MOSFET แล้วตรวจสอบใหม่

    สรุปผลการตรวจสอบ
    ไฟ 12V ลัดวงจรไปยัง VRAM และ GPU core
    การ์ดไม่สามารถซ่อมได้ ถือเป็นการ “ชันสูตร” มากกว่าการซ่อม

    ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ MOSFET และการซ่อม GPU
    MOSFET เป็นตัวควบคุมพลังงานหลักในวงจร
    การซ่อมต้องใช้เครื่องมือเฉพาะและความชำนาญสูง

    ความเสี่ยงจากการใช้งานหรือซ่อม GPU ที่เสียหาย
    อาจเกิดไฟลัดวงจรและทำลายส่วนอื่นของระบบ
    การซ่อมโดยไม่มีความรู้หรือเครื่องมือที่เหมาะสมอาจทำให้สถานการณ์แย่ลง

    การซื้อการ์ดมือสองโดยไม่ตรวจสอบ
    อาจได้การ์ดที่ผ่านการซ่อมหรือมีความเสียหายซ่อนอยู่
    ควรตรวจสอบประวัติการใช้งานและสภาพภายนอกอย่างละเอียด

    เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า...แม้จะมีฝีมือระดับเทพ แต่บางครั้งการ์ดจอก็พังเกินจะเยียวยา และการซ่อมก็กลายเป็นการ “อำลา” อย่างสง่างามแทน

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/gpu-surgeon-attempts-to-rescue-fatally-bent-rtx-4090-that-came-in-for-a-melted-power-connector-fix-autopsy-reveals-shorted-mosfet-that-killed-the-gpu-core-rare-failed-repair-attempt-from-skilled-technician
    🔧 ภารกิจชำแหละ GPU: เมื่อ RTX 4090 งอ-ไหม้-พังเกินเยียวยา! เรื่องนี้เริ่มต้นเหมือนภารกิจซ่อมทั่วไป แต่จบลงแบบ “ชันสูตรศพ” GPU! Tony จากช่อง Northwest Repair ได้รับการ์ดจอ Aorus RTX 4090 ที่มีอาการงออย่างหนักและคอนเนกเตอร์ละลายมาให้ซ่อม แต่เมื่อเริ่มแกะออกทีละชั้น เขากลับพบว่า...มันพังเกินกว่าจะเยียวยาได้ ตัวการ์ดงอจนผิดรูป ฝาหลังใช้สกรูพลาสติกแทนของเดิม และซิงก์ระบายความร้อนแยกจากแผ่น vapor chamber ทำให้แผ่นนำความร้อนไม่สัมผัสกับ VRAM และ MOSFET เลย เมื่อทดสอบด้วยกล้องความร้อน พบว่าไฟ 12V ลัดวงจรไปยังหน่วยความจำ และสุดท้าย “เผา” GPU core จนเสียหาย แม้จะพยายามเปลี่ยน MOSFET และตรวจสอบทุกจุด แต่สุดท้ายเมื่อฉีดกระแสเข้า VRAM แล้วพบว่าแกน GPU ร้อนขึ้นเอง นั่นคือสัญญาณว่า “มันตายแล้ว” และนี่ไม่ใช่การซ่อม แต่เป็นการชันสูตรอย่างแท้จริง 💡 เกร็ดน่ารู้จากวงการซ่อม: 📍 MOSFET (Metal-Oxide-Semiconductor Field-Effect Transistor) เป็นส่วนสำคัญในการควบคุมพลังงานใน GPU หากเสียหายอาจทำให้ไฟลัดวงจรไปยังส่วนอื่น 📍 การ์ดจอระดับสูงอย่าง RTX 4090 มีความซับซ้อนสูง การซ่อมต้องใช้เครื่องมือพิเศษ เช่น กล้องความร้อน, ไมโครสโคป และ multimeter ✅ การ์ดจอ RTX 4090 ที่เสียหายหนัก ➡️ โครงสร้างงอผิดรูป, คอนเนกเตอร์ละลาย, ซิงก์แยกจาก vapor chamber ➡️ Thermal pad ไม่สัมผัสกับ VRAM และ MOSFET ✅ การตรวจสอบและซ่อมโดย Northwest Repair ➡️ พบไฟลัดวงจรใน 12V, 1.8V และหน่วยความจำ ➡️ ใช้กล้องความร้อนตรวจสอบจุดร้อน ➡️ เปลี่ยน MOSFET แล้วตรวจสอบใหม่ ✅ สรุปผลการตรวจสอบ ➡️ ไฟ 12V ลัดวงจรไปยัง VRAM และ GPU core ➡️ การ์ดไม่สามารถซ่อมได้ ถือเป็นการ “ชันสูตร” มากกว่าการซ่อม ✅ ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ MOSFET และการซ่อม GPU ➡️ MOSFET เป็นตัวควบคุมพลังงานหลักในวงจร ➡️ การซ่อมต้องใช้เครื่องมือเฉพาะและความชำนาญสูง ‼️ ความเสี่ยงจากการใช้งานหรือซ่อม GPU ที่เสียหาย ⛔ อาจเกิดไฟลัดวงจรและทำลายส่วนอื่นของระบบ ⛔ การซ่อมโดยไม่มีความรู้หรือเครื่องมือที่เหมาะสมอาจทำให้สถานการณ์แย่ลง ‼️ การซื้อการ์ดมือสองโดยไม่ตรวจสอบ ⛔ อาจได้การ์ดที่ผ่านการซ่อมหรือมีความเสียหายซ่อนอยู่ ⛔ ควรตรวจสอบประวัติการใช้งานและสภาพภายนอกอย่างละเอียด เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า...แม้จะมีฝีมือระดับเทพ แต่บางครั้งการ์ดจอก็พังเกินจะเยียวยา และการซ่อมก็กลายเป็นการ “อำลา” อย่างสง่างามแทน 😢💻 https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/gpu-surgeon-attempts-to-rescue-fatally-bent-rtx-4090-that-came-in-for-a-melted-power-connector-fix-autopsy-reveals-shorted-mosfet-that-killed-the-gpu-core-rare-failed-repair-attempt-from-skilled-technician
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 68 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชาวนาแดนมังกรสร้างเรือดำน้ำใช้งานได้จริงด้วยงบแค่ $5,570! ความฝันที่กลายเป็นจริงของ Zhang Shengwu

    เรื่องราวสุดเหลือเชื่อของ Zhang Shengwu ชาวนาจากมณฑลอานฮุย ประเทศจีน ผู้ใช้เวลากว่า 10 ปีสร้างเรือดำน้ำส่วนตัวชื่อ “Big Black Fish” ด้วยงบประมาณเพียงประมาณ 5,570 ดอลลาร์สหรัฐ กลายเป็นแรงบันดาลใจให้คนทั่วโลกว่า “ความฝันไม่จำกัดด้วยอาชีพหรือเงินทุน”.

    Zhang เติบโตริมแม่น้ำแยงซี เคยทำงานเป็นชาวนา ช่างไม้ ช่างเชื่อม และในอุตสาหกรรมขนส่ง แต่ไม่เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับเรือดำน้ำเลย จนกระทั่งปี 2014 เขาเห็นเรือดำน้ำครั้งแรกจากรายการโทรทัศน์ และตัดสินใจสร้างมันขึ้นมาเองจากเศษเหล็ก แบตเตอรี่ และเครื่องยนต์

    หลังจากต้นแบบแรกมีปัญหาเรื่องการรั่ว Zhang พัฒนารุ่นใหม่ที่สามารถดำน้ำได้ลึกถึง 26 ฟุต รองรับผู้โดยสาร 2 คน ใช้กล้องติดเสาเพื่อตรวจสอบพื้นแม่น้ำก่อนดำน้ำ และเคยใช้เรือดำน้ำนี้ช่วยค้นหาอวนหายจนได้รับค่าจ้างถึง $417

    เรื่องราวของ Zhang ไม่ใช่แค่การสร้างเรือดำน้ำ แต่คือการพิสูจน์ว่า “ความฝันสามารถเป็นจริงได้” หากมีความมุ่งมั่นและความพยายาม

    Zhang Shengwu ใช้เวลากว่า 10 ปีสร้างเรือดำน้ำเอง
    เริ่มต้นจากแรงบันดาลใจที่ได้จากรายการโทรทัศน์ในปี 2014

    งบประมาณทั้งหมดเพียงประมาณ $5,570
    ใช้กับวัสดุและการก่อสร้างทั้งหมด

    เรือดำน้ำชื่อ “Big Black Fish” มีขนาด 22 ฟุต ยาว 5.9 ฟุต สูง
    ดำน้ำได้ลึกถึง 26 ฟุต รองรับผู้โดยสาร 2 คน

    ใช้กล้องติดเสาเพื่อตรวจสอบพื้นแม่น้ำก่อนดำน้ำ
    เคยใช้ช่วยค้นหาอวนหายและได้รับค่าจ้าง $417

    เสริมความมั่นคงด้วยคอนกรีตเกือบ 2 ตันและถังถ่วงน้ำ
    ใช้ซิลิโคนเสริมรอยเชื่อม และมีแผงควบคุมเรืองแสงสีฟ้า

    ได้รับสิทธิบัตรระดับประเทศจากต้นแบบเรือดำน้ำ
    และอีกหนึ่งสิทธิบัตรจากเรือผิวน้ำที่สร้างคลื่นน้อย

    ต้นแบบแรกมีปัญหาเรื่องการรั่วเมื่ออยู่ใต้น้ำ
    ทำให้ต้องพัฒนาใหม่เป็นเรือผิวน้ำก่อนกลับมาสร้างเรือดำน้ำอีกครั้ง

    การสร้างเรือดำน้ำต้องใช้ความรู้ด้านวิศวกรรมและความปลอดภัยสูง
    อาจไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีพื้นฐานด้านช่างหรือการออกแบบโครงสร้าง

    https://www.slashgear.com/2010050/china-farmer-homemade-submarine-zhang-shengwu/
    🌊 ชาวนาแดนมังกรสร้างเรือดำน้ำใช้งานได้จริงด้วยงบแค่ $5,570! ความฝันที่กลายเป็นจริงของ Zhang Shengwu เรื่องราวสุดเหลือเชื่อของ Zhang Shengwu ชาวนาจากมณฑลอานฮุย ประเทศจีน ผู้ใช้เวลากว่า 10 ปีสร้างเรือดำน้ำส่วนตัวชื่อ “Big Black Fish” ด้วยงบประมาณเพียงประมาณ 5,570 ดอลลาร์สหรัฐ กลายเป็นแรงบันดาลใจให้คนทั่วโลกว่า “ความฝันไม่จำกัดด้วยอาชีพหรือเงินทุน”. Zhang เติบโตริมแม่น้ำแยงซี เคยทำงานเป็นชาวนา ช่างไม้ ช่างเชื่อม และในอุตสาหกรรมขนส่ง แต่ไม่เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับเรือดำน้ำเลย จนกระทั่งปี 2014 เขาเห็นเรือดำน้ำครั้งแรกจากรายการโทรทัศน์ และตัดสินใจสร้างมันขึ้นมาเองจากเศษเหล็ก แบตเตอรี่ และเครื่องยนต์ หลังจากต้นแบบแรกมีปัญหาเรื่องการรั่ว Zhang พัฒนารุ่นใหม่ที่สามารถดำน้ำได้ลึกถึง 26 ฟุต รองรับผู้โดยสาร 2 คน ใช้กล้องติดเสาเพื่อตรวจสอบพื้นแม่น้ำก่อนดำน้ำ และเคยใช้เรือดำน้ำนี้ช่วยค้นหาอวนหายจนได้รับค่าจ้างถึง $417 เรื่องราวของ Zhang ไม่ใช่แค่การสร้างเรือดำน้ำ แต่คือการพิสูจน์ว่า “ความฝันสามารถเป็นจริงได้” หากมีความมุ่งมั่นและความพยายาม 💪 ✅ Zhang Shengwu ใช้เวลากว่า 10 ปีสร้างเรือดำน้ำเอง ➡️ เริ่มต้นจากแรงบันดาลใจที่ได้จากรายการโทรทัศน์ในปี 2014 ✅ งบประมาณทั้งหมดเพียงประมาณ $5,570 ➡️ ใช้กับวัสดุและการก่อสร้างทั้งหมด ✅ เรือดำน้ำชื่อ “Big Black Fish” มีขนาด 22 ฟุต ยาว 5.9 ฟุต สูง ➡️ ดำน้ำได้ลึกถึง 26 ฟุต รองรับผู้โดยสาร 2 คน ✅ ใช้กล้องติดเสาเพื่อตรวจสอบพื้นแม่น้ำก่อนดำน้ำ ➡️ เคยใช้ช่วยค้นหาอวนหายและได้รับค่าจ้าง $417 ✅ เสริมความมั่นคงด้วยคอนกรีตเกือบ 2 ตันและถังถ่วงน้ำ ➡️ ใช้ซิลิโคนเสริมรอยเชื่อม และมีแผงควบคุมเรืองแสงสีฟ้า ✅ ได้รับสิทธิบัตรระดับประเทศจากต้นแบบเรือดำน้ำ ➡️ และอีกหนึ่งสิทธิบัตรจากเรือผิวน้ำที่สร้างคลื่นน้อย ‼️ ต้นแบบแรกมีปัญหาเรื่องการรั่วเมื่ออยู่ใต้น้ำ ⛔ ทำให้ต้องพัฒนาใหม่เป็นเรือผิวน้ำก่อนกลับมาสร้างเรือดำน้ำอีกครั้ง ‼️ การสร้างเรือดำน้ำต้องใช้ความรู้ด้านวิศวกรรมและความปลอดภัยสูง ⛔ อาจไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีพื้นฐานด้านช่างหรือการออกแบบโครงสร้าง https://www.slashgear.com/2010050/china-farmer-homemade-submarine-zhang-shengwu/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    This Chinese Farmer Has A Unique Hobby – He Built A Working Submarine - SlashGear
    A Chinese Farmer living near the Yangtze River in the Anhui province built a working submarine, investing a surprisingly low sum of around $5,570.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 92 มุมมอง 0 รีวิว
  • Apple เตรียมเปิดตัว 15 ผลิตภัณฑ์ใหม่ในปี 2026 นำโดย iPhone พับได้และบ้านอัจฉริยะ AI

    Apple วางแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ถึง 15 รายการในปี 2026 เพื่อฉลองครบรอบ 50 ปีของบริษัท โดยมีไฮไลต์สำคัญคือ iPhone พับได้, MacBook Pro จอ OLED รองรับระบบสัมผัส, และอุปกรณ์บ้านอัจฉริยะที่ใช้ Siri และ Apple Intelligence รุ่นใหม่

    ปี 2026 จะเป็นปีที่ Apple เปิดเกมรุกครั้งใหญ่ในทุกสายผลิตภัณฑ์ โดยเริ่มจาก iPhone 17e รุ่นประหยัด, iPad Gen 12, iPad Air และ MacBook Air ที่ใช้ชิป M5 ใหม่ทั้งหมดในช่วงต้นปี

    ช่วงฤดูใบไม้ผลิ (มี.ค.–เม.ย.) จะเปิดตัวบริการ Siri และ Apple Intelligence แบบเต็มรูปแบบ พร้อมอุปกรณ์ Smart Home Display ที่ติดตั้งได้ทั้งแบบตั้งโต๊ะและติดผนัง

    ช่วงปลายปีจะเป็นไฮไลต์สำคัญกับ iPhone 18 Pro ที่มาพร้อมโมเด็มที่ Apple พัฒนาขึ้นเองแทน Qualcomm และ iPhone พับได้รุ่นแรกของบริษัท รวมถึง Apple Watch รุ่นใหม่

    ตลอดปีจะมีการเปิดตัวอุปกรณ์เสริม เช่น กล้องรักษาความปลอดภัยบ้าน, Mac mini, Mac Studio, iPad mini จอ OLED และ MacBook Pro รุ่นใหม่ที่บางลง รองรับจอสัมผัสและใช้ชิป M6 Pro / M6 Max

    Apple เตรียมเปิดตัว 15 ผลิตภัณฑ์ใหม่ในปี 2026
    ครอบคลุมทุกสายผลิตภัณฑ์: iPhone, iPad, Mac, Smart Home
    ฉลองครบรอบ 50 ปีของบริษัท

    ผลิตภัณฑ์ช่วงต้นปี 2026
    iPhone 17e รุ่นประหยัด
    iPad Gen 12 (ชิป A18), iPad Air (ชิป M4)
    MacBook Air และ MacBook Pro (ชิป M5 / M5 Pro / M5 Max)
    จอภาพภายนอกใหม่

    ผลิตภัณฑ์ช่วงฤดูใบไม้ผลิ
    เปิดตัว Siri และ Apple Intelligence รุ่นใหม่
    Smart Home Display แบบตั้งโต๊ะและติดผนัง

    ผลิตภัณฑ์ช่วงปลายปี
    iPhone 18 Pro ใช้โมเด็มที่ Apple พัฒนาขึ้นเอง
    iPhone พับได้รุ่นแรก
    Apple Watch รุ่นใหม่
    MacBook Pro รุ่นใหม่: บางลง, จอ OLED, รองรับสัมผัส, ชิป M6 Pro / M6 Max
    พรีวิวแว่นตาอัจฉริยะ Smart Glasses

    https://securityonline.info/the-2026-surge-apples-15-product-roadmap-includes-foldable-iphone-ai-smart-home/
    📱 Apple เตรียมเปิดตัว 15 ผลิตภัณฑ์ใหม่ในปี 2026 นำโดย iPhone พับได้และบ้านอัจฉริยะ AI Apple วางแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ถึง 15 รายการในปี 2026 เพื่อฉลองครบรอบ 50 ปีของบริษัท โดยมีไฮไลต์สำคัญคือ iPhone พับได้, MacBook Pro จอ OLED รองรับระบบสัมผัส, และอุปกรณ์บ้านอัจฉริยะที่ใช้ Siri และ Apple Intelligence รุ่นใหม่ ปี 2026 จะเป็นปีที่ Apple เปิดเกมรุกครั้งใหญ่ในทุกสายผลิตภัณฑ์ โดยเริ่มจาก iPhone 17e รุ่นประหยัด, iPad Gen 12, iPad Air และ MacBook Air ที่ใช้ชิป M5 ใหม่ทั้งหมดในช่วงต้นปี ช่วงฤดูใบไม้ผลิ (มี.ค.–เม.ย.) จะเปิดตัวบริการ Siri และ Apple Intelligence แบบเต็มรูปแบบ พร้อมอุปกรณ์ Smart Home Display ที่ติดตั้งได้ทั้งแบบตั้งโต๊ะและติดผนัง ช่วงปลายปีจะเป็นไฮไลต์สำคัญกับ iPhone 18 Pro ที่มาพร้อมโมเด็มที่ Apple พัฒนาขึ้นเองแทน Qualcomm และ iPhone พับได้รุ่นแรกของบริษัท รวมถึง Apple Watch รุ่นใหม่ ตลอดปีจะมีการเปิดตัวอุปกรณ์เสริม เช่น กล้องรักษาความปลอดภัยบ้าน, Mac mini, Mac Studio, iPad mini จอ OLED และ MacBook Pro รุ่นใหม่ที่บางลง รองรับจอสัมผัสและใช้ชิป M6 Pro / M6 Max ✅ Apple เตรียมเปิดตัว 15 ผลิตภัณฑ์ใหม่ในปี 2026 ➡️ ครอบคลุมทุกสายผลิตภัณฑ์: iPhone, iPad, Mac, Smart Home ➡️ ฉลองครบรอบ 50 ปีของบริษัท ✅ ผลิตภัณฑ์ช่วงต้นปี 2026 ➡️ iPhone 17e รุ่นประหยัด ➡️ iPad Gen 12 (ชิป A18), iPad Air (ชิป M4) ➡️ MacBook Air และ MacBook Pro (ชิป M5 / M5 Pro / M5 Max) ➡️ จอภาพภายนอกใหม่ ✅ ผลิตภัณฑ์ช่วงฤดูใบไม้ผลิ ➡️ เปิดตัว Siri และ Apple Intelligence รุ่นใหม่ ➡️ Smart Home Display แบบตั้งโต๊ะและติดผนัง ✅ ผลิตภัณฑ์ช่วงปลายปี ➡️ iPhone 18 Pro ใช้โมเด็มที่ Apple พัฒนาขึ้นเอง ➡️ iPhone พับได้รุ่นแรก ➡️ Apple Watch รุ่นใหม่ ➡️ MacBook Pro รุ่นใหม่: บางลง, จอ OLED, รองรับสัมผัส, ชิป M6 Pro / M6 Max ➡️ พรีวิวแว่นตาอัจฉริยะ Smart Glasses https://securityonline.info/the-2026-surge-apples-15-product-roadmap-includes-foldable-iphone-ai-smart-home/
    SECURITYONLINE.INFO
    The 2026 Surge: Apple's 15-Product Roadmap Includes Foldable iPhone & AI Smart Home
    Apple’s ambitious 2026 roadmap features 15+ major products: iPhone 18, a foldable iPhone, M6 MacBooks with touchscreens, and a massive Apple Intelligence rollout.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 71 มุมมอง 0 รีวิว
  • สื่อกัมพูชาเผยภาพถอนอาวุธหนักแล้ว อ้างเป็นเครื่องยิงจรวดหลายลำกล้อง BM21 จำนวน 40 เครื่อง พร้อมปืนใหญ่อัตตาจร ตามแผนปฏิบัติการถอนอาวุธหนักที่ตกลงกับไทย โดยมี AOT สังเกตการณ์

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000104412

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    สื่อกัมพูชาเผยภาพถอนอาวุธหนักแล้ว อ้างเป็นเครื่องยิงจรวดหลายลำกล้อง BM21 จำนวน 40 เครื่อง พร้อมปืนใหญ่อัตตาจร ตามแผนปฏิบัติการถอนอาวุธหนักที่ตกลงกับไทย โดยมี AOT สังเกตการณ์ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000104412 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 370 มุมมอง 0 รีวิว
  • Doom บุกอวกาศ: เกมในตำนานถูกแฮกให้รันบนดาวเทียมของ ESA

    ในงาน Ubuntu Summit ล่าสุด นักพัฒนา Ólafur Waage ได้เล่าเรื่องราวสุดเหลือเชื่อของการนำเกม Doom ไปเล่นบนดาวเทียม OPS-SAT ของ European Space Agency (ESA) ซึ่งเป็นดาวเทียมทดลองขนาดเล็กที่เปิดให้แฮกเกอร์ทดสอบระบบ onboard ได้อย่างอิสระ

    ดาวเทียม OPS-SAT มีขนาดเพียง 10 x 10 x 30 ซม. แต่มีคอมพิวเตอร์ onboard ที่แรงกว่าดาวเทียม ESA รุ่นก่อนถึง 10 เท่า ทีมของ Waage ได้รับสิทธิ์เข้าถึงระบบเพื่อทดสอบขีดจำกัดของฮาร์ดแวร์ และหนึ่งในความท้าทายคือการรันเกม Doom ให้สำเร็จในอวกาศ

    ครั้งแรก ทีมใช้ Chocolate Doom ซึ่งเป็นพอร์ตที่ซื่อสัตย์ต่อต้นฉบับ แต่ไม่มีกราฟิกเพราะดาวเทียมไม่มีหน้าจอ จึงได้แค่ผลลัพธ์เป็นข้อความว่าเล่นผ่านด่านไปกี่เปอร์เซ็นต์ ฆ่าศัตรูไปกี่ตัว

    ครั้งที่สอง ทีมเปลี่ยนไปใช้ doomgeneric ซึ่งสามารถสร้างภาพกราฟิกได้โดยใช้ virtual video card และนำภาพถ่ายจากกล้องของดาวเทียมมาใช้เป็นฉากหลังในเกม! แต่ภาพจากกล้องมีความละเอียดสูงเกินไป ทีมจึงใช้ AI บนดาวเทียมปรับภาพให้เหลือ 8-bit และเปลี่ยนพาเลตสีของเกมเพื่อให้เข้ากับภาพโลกจริง

    Doom ถูกนำไปรันบนดาวเทียม OPS-SAT ของ ESA
    ดาวเทียมเปิดให้แฮกเกอร์ทดสอบ onboard system
    มีคอมพิวเตอร์ onboard ที่แรงกว่ารุ่นก่อน 10 เท่า

    ใช้ Chocolate Doom ในการรันครั้งแรก
    ไม่มีกราฟิกเพราะไม่มีหน้าจอ
    ได้ผลลัพธ์เป็นข้อความสรุปการเล่น

    ใช้ doomgeneric ในการรันครั้งที่สอง
    สร้างกราฟิกผ่าน virtual video card
    ใช้ภาพถ่ายจากกล้องดาวเทียมเป็นฉากหลัง

    ใช้ AI บนดาวเทียมปรับภาพให้เป็น 8-bit
    ลดความละเอียดและสีให้เข้ากับเกม
    เปลี่ยนพาเลตสีของ Doom เพื่อให้ภาพดูสมจริง

    https://www.tomshardware.com/video-games/doom-can-run-just-about-anywhere-including-space-hacker-recounts-tale-of-running-the-game-on-an-orbiting-satellite
    🚀 Doom บุกอวกาศ: เกมในตำนานถูกแฮกให้รันบนดาวเทียมของ ESA ในงาน Ubuntu Summit ล่าสุด นักพัฒนา Ólafur Waage ได้เล่าเรื่องราวสุดเหลือเชื่อของการนำเกม Doom ไปเล่นบนดาวเทียม OPS-SAT ของ European Space Agency (ESA) ซึ่งเป็นดาวเทียมทดลองขนาดเล็กที่เปิดให้แฮกเกอร์ทดสอบระบบ onboard ได้อย่างอิสระ ดาวเทียม OPS-SAT มีขนาดเพียง 10 x 10 x 30 ซม. แต่มีคอมพิวเตอร์ onboard ที่แรงกว่าดาวเทียม ESA รุ่นก่อนถึง 10 เท่า ทีมของ Waage ได้รับสิทธิ์เข้าถึงระบบเพื่อทดสอบขีดจำกัดของฮาร์ดแวร์ และหนึ่งในความท้าทายคือการรันเกม Doom ให้สำเร็จในอวกาศ ครั้งแรก ทีมใช้ Chocolate Doom ซึ่งเป็นพอร์ตที่ซื่อสัตย์ต่อต้นฉบับ แต่ไม่มีกราฟิกเพราะดาวเทียมไม่มีหน้าจอ จึงได้แค่ผลลัพธ์เป็นข้อความว่าเล่นผ่านด่านไปกี่เปอร์เซ็นต์ ฆ่าศัตรูไปกี่ตัว ครั้งที่สอง ทีมเปลี่ยนไปใช้ doomgeneric ซึ่งสามารถสร้างภาพกราฟิกได้โดยใช้ virtual video card และนำภาพถ่ายจากกล้องของดาวเทียมมาใช้เป็นฉากหลังในเกม! แต่ภาพจากกล้องมีความละเอียดสูงเกินไป ทีมจึงใช้ AI บนดาวเทียมปรับภาพให้เหลือ 8-bit และเปลี่ยนพาเลตสีของเกมเพื่อให้เข้ากับภาพโลกจริง ✅ Doom ถูกนำไปรันบนดาวเทียม OPS-SAT ของ ESA ➡️ ดาวเทียมเปิดให้แฮกเกอร์ทดสอบ onboard system ➡️ มีคอมพิวเตอร์ onboard ที่แรงกว่ารุ่นก่อน 10 เท่า ✅ ใช้ Chocolate Doom ในการรันครั้งแรก ➡️ ไม่มีกราฟิกเพราะไม่มีหน้าจอ ➡️ ได้ผลลัพธ์เป็นข้อความสรุปการเล่น ✅ ใช้ doomgeneric ในการรันครั้งที่สอง ➡️ สร้างกราฟิกผ่าน virtual video card ➡️ ใช้ภาพถ่ายจากกล้องดาวเทียมเป็นฉากหลัง ✅ ใช้ AI บนดาวเทียมปรับภาพให้เป็น 8-bit ➡️ ลดความละเอียดและสีให้เข้ากับเกม ➡️ เปลี่ยนพาเลตสีของ Doom เพื่อให้ภาพดูสมจริง https://www.tomshardware.com/video-games/doom-can-run-just-about-anywhere-including-space-hacker-recounts-tale-of-running-the-game-on-an-orbiting-satellite
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 117 มุมมอง 0 รีวิว
  • โปรเจกต์สุดบ้าระห่ำ: รีเมค Xbox รุ่นต้นแบบจากโลหะทั้งก้อน พร้อมอัปเกรด HDMI และหัวใจดิจิทัล

    กลุ่มนักโมดิฟายสายฮาร์ดคอร์นำต้นแบบ Xbox รุ่นแรกสุดที่เคยมีแค่ในตำนานกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ด้วยการสร้างเคสจากอลูมิเนียมทั้งก้อน มูลค่ากว่า $6,000 พร้อมใส่ฮาร์ดแวร์จริงจาก Xbox รุ่นดั้งเดิม และอัปเกรดให้ทันสมัยด้วย HDMI และหน้าจอวงกลมตรงกลางที่เคยเป็นแค่ไฟ LED กลายเป็นจอแสดงผลแบบมีแอนิเมชัน!

    เรื่องราวเบื้องหลังโปรเจกต์สุดโหด
    ย้อนกลับไปปี 2001 ก่อนที่ Xbox ตัวจริงจะเปิดตัว Microsoft เคยสร้างต้นแบบที่มีรูปร่างเป็น “X” ขนาดใหญ่ หนักถึง 40 ปอนด์ และใช้เงินสร้างกว่า $18,000 (เทียบเท่า $36,000 ในปัจจุบัน) แต่ไม่เคยวางขายจริง

    Macho Nacho Productions จับมือกับนักโมดิฟายหลายคน สร้าง CAD จากภาพถ่ายต้นฉบับที่จัดแสดงใน Microsoft Experience Center แล้วส่งให้ PCBWay กลึงเคสจากอลูมิเนียมทั้งก้อน พร้อมออกแบบภายในให้ใส่ฮาร์ดแวร์จริงของ Xbox ได้

    นอกจากนั้นยังมีการออกแบบระบบจ่ายไฟใหม่แบบ USB-C PD ที่ปลอดภัยและเล็กลงกว่าเดิม และโมดิฟายซอฟต์แวร์ให้สามารถรัน Homebrew ได้ พร้อมอัปเกรดพอร์ตภาพจาก composite เป็น HDMI

    ไฮไลต์คือ “จิวเวล” ตรงกลางที่เคยเป็นไฟ LED สีเขียว ถูกแทนที่ด้วยหน้าจอวงกลมที่แสดงแอนิเมชันแบบกำหนดเองผ่าน Raspberry Pi Pico 2 ซึ่งจะเปิดเมื่อเครื่องเปิด และดับเมื่อปิดเครื่อง

    สุดท้าย Macho Nacho เตรียมนำเครื่องนี้ไปโชว์ตามงานเกมทั่วโลก พร้อมกล่องพกพาแบบสั่งทำพิเศษ

    Xbox รุ่นต้นแบบถูกสร้างใหม่จากอลูมิเนียมทั้งก้อน
    ใช้ CAD จากภาพถ่ายต้นฉบับใน Microsoft Experience Center
    กลึงโดย PCBWay ด้วยงบประมาณ ~$6,000

    ใช้ฮาร์ดแวร์จริงจาก Xbox รุ่นดั้งเดิม
    มีเมนบอร์ด, ไดรฟ์, คอนโทรลเลอร์ครบ
    โมดิฟายให้รองรับ Homebrew และ HDMI

    ระบบไฟใหม่แบบ USB-C PD
    ปลอดภัยกว่า PSU เดิม
    ใช้เพาเวอร์แบงก์ขนาดเล็กจ่ายไฟได้

    “จิวเวล” กลางเครื่องกลายเป็นหน้าจอวงกลม
    ใช้ Raspberry Pi Pico 2 ควบคุม
    แสดงแอนิเมชันเปิด-ปิดเครื่องแบบกำหนดเอง

    ต้นแบบเดิมของ Xbox ไม่เคยวางขาย
    สร้างเพื่อโชว์ศักยภาพ Microsoft ในตลาดเกม
    มีเพียง 3 เครื่องที่จัดแสดงในสำนักงานทั่วโลก

    การสร้างใหม่ต้องใช้ความร่วมมือหลายฝ่าย
    ต้องวัดขนาดจากกระจกโชว์จริง
    ต้องออกแบบภายในใหม่ทั้งหมดให้ใส่ฮาร์ดแวร์ได้

    https://www.tomshardware.com/video-games/xbox/modders-recreate-original-xbox-prototype-with-a-solid-block-of-metal-in-ambitious-project-modern-makeover-features-real-xbox-hardware-and-hdmi-upgrades
    🎮 โปรเจกต์สุดบ้าระห่ำ: รีเมค Xbox รุ่นต้นแบบจากโลหะทั้งก้อน พร้อมอัปเกรด HDMI และหัวใจดิจิทัล กลุ่มนักโมดิฟายสายฮาร์ดคอร์นำต้นแบบ Xbox รุ่นแรกสุดที่เคยมีแค่ในตำนานกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ด้วยการสร้างเคสจากอลูมิเนียมทั้งก้อน มูลค่ากว่า $6,000 พร้อมใส่ฮาร์ดแวร์จริงจาก Xbox รุ่นดั้งเดิม และอัปเกรดให้ทันสมัยด้วย HDMI และหน้าจอวงกลมตรงกลางที่เคยเป็นแค่ไฟ LED กลายเป็นจอแสดงผลแบบมีแอนิเมชัน! 🧠 เรื่องราวเบื้องหลังโปรเจกต์สุดโหด ย้อนกลับไปปี 2001 ก่อนที่ Xbox ตัวจริงจะเปิดตัว Microsoft เคยสร้างต้นแบบที่มีรูปร่างเป็น “X” ขนาดใหญ่ หนักถึง 40 ปอนด์ และใช้เงินสร้างกว่า $18,000 (เทียบเท่า $36,000 ในปัจจุบัน) แต่ไม่เคยวางขายจริง Macho Nacho Productions จับมือกับนักโมดิฟายหลายคน สร้าง CAD จากภาพถ่ายต้นฉบับที่จัดแสดงใน Microsoft Experience Center แล้วส่งให้ PCBWay กลึงเคสจากอลูมิเนียมทั้งก้อน พร้อมออกแบบภายในให้ใส่ฮาร์ดแวร์จริงของ Xbox ได้ นอกจากนั้นยังมีการออกแบบระบบจ่ายไฟใหม่แบบ USB-C PD ที่ปลอดภัยและเล็กลงกว่าเดิม และโมดิฟายซอฟต์แวร์ให้สามารถรัน Homebrew ได้ พร้อมอัปเกรดพอร์ตภาพจาก composite เป็น HDMI ไฮไลต์คือ “จิวเวล” ตรงกลางที่เคยเป็นไฟ LED สีเขียว ถูกแทนที่ด้วยหน้าจอวงกลมที่แสดงแอนิเมชันแบบกำหนดเองผ่าน Raspberry Pi Pico 2 ซึ่งจะเปิดเมื่อเครื่องเปิด และดับเมื่อปิดเครื่อง สุดท้าย Macho Nacho เตรียมนำเครื่องนี้ไปโชว์ตามงานเกมทั่วโลก พร้อมกล่องพกพาแบบสั่งทำพิเศษ ✅ Xbox รุ่นต้นแบบถูกสร้างใหม่จากอลูมิเนียมทั้งก้อน ➡️ ใช้ CAD จากภาพถ่ายต้นฉบับใน Microsoft Experience Center ➡️ กลึงโดย PCBWay ด้วยงบประมาณ ~$6,000 ✅ ใช้ฮาร์ดแวร์จริงจาก Xbox รุ่นดั้งเดิม ➡️ มีเมนบอร์ด, ไดรฟ์, คอนโทรลเลอร์ครบ ➡️ โมดิฟายให้รองรับ Homebrew และ HDMI ✅ ระบบไฟใหม่แบบ USB-C PD ➡️ ปลอดภัยกว่า PSU เดิม ➡️ ใช้เพาเวอร์แบงก์ขนาดเล็กจ่ายไฟได้ ✅ “จิวเวล” กลางเครื่องกลายเป็นหน้าจอวงกลม ➡️ ใช้ Raspberry Pi Pico 2 ควบคุม ➡️ แสดงแอนิเมชันเปิด-ปิดเครื่องแบบกำหนดเอง ‼️ ต้นแบบเดิมของ Xbox ไม่เคยวางขาย ⛔ สร้างเพื่อโชว์ศักยภาพ Microsoft ในตลาดเกม ⛔ มีเพียง 3 เครื่องที่จัดแสดงในสำนักงานทั่วโลก ‼️ การสร้างใหม่ต้องใช้ความร่วมมือหลายฝ่าย ⛔ ต้องวัดขนาดจากกระจกโชว์จริง ⛔ ต้องออกแบบภายในใหม่ทั้งหมดให้ใส่ฮาร์ดแวร์ได้ https://www.tomshardware.com/video-games/xbox/modders-recreate-original-xbox-prototype-with-a-solid-block-of-metal-in-ambitious-project-modern-makeover-features-real-xbox-hardware-and-hdmi-upgrades
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 119 มุมมอง 0 รีวิว
  • แม่ทัพภาคที่ 2 ไทย - ผบ.ภภูมิภาคทหารที่ 4 กัมพูชาลงนามแผนปฏิบัติการปรับกำลังและถอนอาวุธหนัก 3 เฟส หลังคุย RBC วาระพิเศษ วัดใจ”กัมพูชา” ดีเดย์ 1 พ.ย. ถอนจรวดหลายลำกล้อง โชว์ AOT เผยหากฝ่ายใดปกปิดหรือบิดเบือนจำนวนหรือประเภทของอาวุธ ถือว่าไม่จริงใจ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000104204

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    แม่ทัพภาคที่ 2 ไทย - ผบ.ภภูมิภาคทหารที่ 4 กัมพูชาลงนามแผนปฏิบัติการปรับกำลังและถอนอาวุธหนัก 3 เฟส หลังคุย RBC วาระพิเศษ วัดใจ”กัมพูชา” ดีเดย์ 1 พ.ย. ถอนจรวดหลายลำกล้อง โชว์ AOT เผยหากฝ่ายใดปกปิดหรือบิดเบือนจำนวนหรือประเภทของอาวุธ ถือว่าไม่จริงใจ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000104204 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 406 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปลี่ยนจอ iPhone 17 Pro Max ต้องจ่าย $379!

    Apple เปิดราคาชิ้นส่วนซ่อมเองสำหรับ iPhone 17 ทุกรุ่น Apple เปิดเผยราคาชิ้นส่วนสำหรับซ่อมเองใน iPhone 17 ผ่าน Self-Service Repair Store โดย iPhone Air เปลี่ยนแบตเตอรี่ต้องจ่าย $119 ส่วน iPhone 17 Pro Max เปลี่ยนจอสูงถึง $379

    Apple เปิดตัวชุดคู่มือซ่อมเองสำหรับ iPhone 17 ทุกรุ่น พร้อมวางจำหน่ายชิ้นส่วนผ่าน Self-Service Repair Store ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามเพิ่มคะแนน iFixit และส่งเสริมสิทธิในการซ่อมของผู้ใช้

    แต่ราคาชิ้นส่วนกลับไม่เป็นมิตรเท่าไรนัก:
    iPhone 17 รุ่นพื้นฐาน:
    แบตเตอรี่: $99
    จอแสดงผล: $329
    กล้องหน้า: $199
    ฝาหลัง: $159
    โครงเครื่องพร้อมแบตเตอรี่: $236

    iPhone Air:
    แบตเตอรี่: $119
    จอแสดงผล: $329
    อื่น ๆ เหมือนรุ่นพื้นฐาน

    iPhone 17 Pro / Pro Max:
    แบตเตอรี่: $119
    จอแสดงผล Pro: $329
    จอแสดงผล Pro Max: $379
    อื่น ๆ เหมือนรุ่น Air

    ราคาฝาหลังและกล้องหน้าคงที่ทุกโมเดล แต่จอแสดงผลของ Pro Max แพงที่สุด ส่วนแบตเตอรี่ของรุ่นพื้นฐานถูกที่สุดที่ $99

    แม้จะเป็นก้าวสำคัญด้านสิทธิในการซ่อม แต่ราคาชิ้นส่วนเหล่านี้อาจทำให้ผู้ใช้ลังเลที่จะซ่อมเอง โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับค่าบริการจากศูนย์ซ่อมที่อาจรวมค่าแรงและการรับประกัน

    https://wccftech.com/apple-iphone-air-battery-replacement-will-cost-you-119-iphone-17-pro-max-display-will-set-you-back-by-379/
    📱💸 เปลี่ยนจอ iPhone 17 Pro Max ต้องจ่าย $379! Apple เปิดราคาชิ้นส่วนซ่อมเองสำหรับ iPhone 17 ทุกรุ่น Apple เปิดเผยราคาชิ้นส่วนสำหรับซ่อมเองใน iPhone 17 ผ่าน Self-Service Repair Store โดย iPhone Air เปลี่ยนแบตเตอรี่ต้องจ่าย $119 ส่วน iPhone 17 Pro Max เปลี่ยนจอสูงถึง $379 Apple เปิดตัวชุดคู่มือซ่อมเองสำหรับ iPhone 17 ทุกรุ่น พร้อมวางจำหน่ายชิ้นส่วนผ่าน Self-Service Repair Store ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามเพิ่มคะแนน iFixit และส่งเสริมสิทธิในการซ่อมของผู้ใช้ แต่ราคาชิ้นส่วนกลับไม่เป็นมิตรเท่าไรนัก: 📍 iPhone 17 รุ่นพื้นฐาน: 🎗️ แบตเตอรี่: $99 🎗️ จอแสดงผล: $329 🎗️ กล้องหน้า: $199 🎗️ ฝาหลัง: $159 🎗️ โครงเครื่องพร้อมแบตเตอรี่: $236 📍 iPhone Air: 🎗️ แบตเตอรี่: $119 🎗️ จอแสดงผล: $329 🎗️ อื่น ๆ เหมือนรุ่นพื้นฐาน 📍 iPhone 17 Pro / Pro Max: 🎗️ แบตเตอรี่: $119 🎗️ จอแสดงผล Pro: $329 🎗️ จอแสดงผล Pro Max: $379 🎗️ อื่น ๆ เหมือนรุ่น Air ราคาฝาหลังและกล้องหน้าคงที่ทุกโมเดล แต่จอแสดงผลของ Pro Max แพงที่สุด ส่วนแบตเตอรี่ของรุ่นพื้นฐานถูกที่สุดที่ $99 แม้จะเป็นก้าวสำคัญด้านสิทธิในการซ่อม แต่ราคาชิ้นส่วนเหล่านี้อาจทำให้ผู้ใช้ลังเลที่จะซ่อมเอง โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับค่าบริการจากศูนย์ซ่อมที่อาจรวมค่าแรงและการรับประกัน https://wccftech.com/apple-iphone-air-battery-replacement-will-cost-you-119-iphone-17-pro-max-display-will-set-you-back-by-379/
    WCCFTECH.COM
    Apple iPhone Air Battery Replacement Will Cost You $119, iPhone 17 Pro Max Display Will Set You Back By $379
    After releasing a self-repair manual for each of its iPhone 17 models, Apple has now made available the spare parts for the new lineup
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 106 มุมมอง 0 รีวิว
  • โดรนจิ๋วเลียนแบบค้างคาว อาจเป็นฮีโร่ในภารกิจช่วยชีวิตกลางพายุและความมืด

    ในห้องทดลองที่ดูเหมือนฉากฮาโลวีน—มีหมอก ไฟสลัว และค้างคาวปลอม—นักวิจัยจาก Worcester Polytechnic Institute (WPI) กำลังพัฒนาโดรนขนาดเล็กที่อาจเปลี่ยนโลกของการค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยในสถานการณ์สุดขั้ว เช่น พายุกลางคืน ควันไฟ หรือหิมะตกหนัก

    แรงบันดาลใจของพวกเขาคือ “ค้างคาว” สัตว์ที่สามารถบินในความมืดโดยใช้การสะท้อนเสียงหรือ echolocation นักวิจัยนำหลักการนี้มาสร้างโดรนที่ใช้เซนเซอร์อัลตราโซนิกคล้ายกับที่ใช้ในก๊อกน้ำอัตโนมัติ เพื่อส่งคลื่นเสียงและวิเคราะห์เสียงสะท้อนในการหลบหลีกสิ่งกีดขวาง

    โดรนจิ๋วนี้มีขนาดเท่าฝ่ามือ ใช้วัสดุราคาถูก และสามารถบินในที่มืดได้โดยไม่ต้องพึ่งแสงหรือกล้อง ทำให้เหมาะกับภารกิจช่วยชีวิตในสถานการณ์ที่โดรนทั่วไปใช้งานไม่ได้ เช่น ไฟไหม้กลางคืน หรือพื้นที่ที่ไม่มีไฟฟ้า

    นอกจากนั้น นักวิจัยยังใช้ AI เพื่อช่วยให้โดรนสามารถกรองเสียงรบกวนจากใบพัด และเรียนรู้การตีความเสียงสะท้อนอย่างแม่นยำมากขึ้น แม้ยังไม่สามารถเทียบชั้นกับค้างคาวที่สามารถตรวจจับเส้นผมมนุษย์จากระยะหลายเมตรได้ แต่ก็ถือเป็นก้าวสำคัญ

    ในอนาคต โดรนเหล่านี้อาจทำงานเป็น “ฝูงอัตโนมัติ” ที่สามารถตัดสินใจเองว่าจะค้นหาตรงไหน โดยใช้ข้อมูลจากกรณีผู้สูญหายในอดีตมาสร้างแบบจำลองพฤติกรรมของผู้ประสบภัย

    โดรนจิ๋วเลียนแบบค้างคาวใช้ echolocation เพื่อบินในความมืด
    ใช้เซนเซอร์อัลตราโซนิกในการตรวจจับสิ่งกีดขวาง
    ไม่ต้องพึ่งกล้องหรือแสงไฟในการทำงาน
    เหมาะกับภารกิจช่วยชีวิตในพื้นที่มืดหรือมีควัน

    โดรนมีขนาดเล็ก ราคาถูก และประหยัดพลังงาน
    ใช้วัสดุระดับงานอดิเรกในการประกอบ
    สามารถบินในห้องที่มีหมอกและแสงน้อยได้อย่างแม่นยำ

    ใช้ AI เพื่อปรับปรุงการรับเสียงและการตัดสินใจ
    ลดเสียงรบกวนจากใบพัดด้วยเปลือกพิมพ์ 3D
    สอนให้โดรนแยกแยะเสียงสะท้อนที่สำคัญ

    นักวิจัยพัฒนาโมเดลการค้นหาจากข้อมูลผู้สูญหาย
    ใช้ข้อมูลพฤติกรรมของผู้หลงทางในป่าเพื่อกำหนดเส้นทางค้นหา
    โดรนสามารถทำงานร่วมกับมนุษย์ในการค้นหาแบบอัตโนมัติ

    โดรนทั่วไปยังมีข้อจำกัดในการใช้งานในสถานการณ์สุดขั้ว
    ขนาดใหญ่ เทอะทะ และไม่สามารถบินในที่มืดหรือมีควันได้
    ต้องพึ่งพาการควบคุมจากมนุษย์และแสงไฟในการนำทาง

    การพัฒนาโดรนให้เทียบเท่าค้างคาวยังต้องใช้เวลา
    ค้างคาวสามารถกรองเสียงสะท้อนเฉพาะที่ต้องการได้อย่างแม่นยำ
    ความสามารถในการตรวจจับของโดรนยังห่างไกลจากธรรมชาติ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/31/how-tiny-drones-inspired-by-bats-could-save-lives-in-dark-and-stormy-conditions
    🦇 โดรนจิ๋วเลียนแบบค้างคาว อาจเป็นฮีโร่ในภารกิจช่วยชีวิตกลางพายุและความมืด ในห้องทดลองที่ดูเหมือนฉากฮาโลวีน—มีหมอก ไฟสลัว และค้างคาวปลอม—นักวิจัยจาก Worcester Polytechnic Institute (WPI) กำลังพัฒนาโดรนขนาดเล็กที่อาจเปลี่ยนโลกของการค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยในสถานการณ์สุดขั้ว เช่น พายุกลางคืน ควันไฟ หรือหิมะตกหนัก แรงบันดาลใจของพวกเขาคือ “ค้างคาว” สัตว์ที่สามารถบินในความมืดโดยใช้การสะท้อนเสียงหรือ echolocation นักวิจัยนำหลักการนี้มาสร้างโดรนที่ใช้เซนเซอร์อัลตราโซนิกคล้ายกับที่ใช้ในก๊อกน้ำอัตโนมัติ เพื่อส่งคลื่นเสียงและวิเคราะห์เสียงสะท้อนในการหลบหลีกสิ่งกีดขวาง โดรนจิ๋วนี้มีขนาดเท่าฝ่ามือ ใช้วัสดุราคาถูก และสามารถบินในที่มืดได้โดยไม่ต้องพึ่งแสงหรือกล้อง ทำให้เหมาะกับภารกิจช่วยชีวิตในสถานการณ์ที่โดรนทั่วไปใช้งานไม่ได้ เช่น ไฟไหม้กลางคืน หรือพื้นที่ที่ไม่มีไฟฟ้า นอกจากนั้น นักวิจัยยังใช้ AI เพื่อช่วยให้โดรนสามารถกรองเสียงรบกวนจากใบพัด และเรียนรู้การตีความเสียงสะท้อนอย่างแม่นยำมากขึ้น แม้ยังไม่สามารถเทียบชั้นกับค้างคาวที่สามารถตรวจจับเส้นผมมนุษย์จากระยะหลายเมตรได้ แต่ก็ถือเป็นก้าวสำคัญ ในอนาคต โดรนเหล่านี้อาจทำงานเป็น “ฝูงอัตโนมัติ” ที่สามารถตัดสินใจเองว่าจะค้นหาตรงไหน โดยใช้ข้อมูลจากกรณีผู้สูญหายในอดีตมาสร้างแบบจำลองพฤติกรรมของผู้ประสบภัย ✅ โดรนจิ๋วเลียนแบบค้างคาวใช้ echolocation เพื่อบินในความมืด ➡️ ใช้เซนเซอร์อัลตราโซนิกในการตรวจจับสิ่งกีดขวาง ➡️ ไม่ต้องพึ่งกล้องหรือแสงไฟในการทำงาน ➡️ เหมาะกับภารกิจช่วยชีวิตในพื้นที่มืดหรือมีควัน ✅ โดรนมีขนาดเล็ก ราคาถูก และประหยัดพลังงาน ➡️ ใช้วัสดุระดับงานอดิเรกในการประกอบ ➡️ สามารถบินในห้องที่มีหมอกและแสงน้อยได้อย่างแม่นยำ ✅ ใช้ AI เพื่อปรับปรุงการรับเสียงและการตัดสินใจ ➡️ ลดเสียงรบกวนจากใบพัดด้วยเปลือกพิมพ์ 3D ➡️ สอนให้โดรนแยกแยะเสียงสะท้อนที่สำคัญ ✅ นักวิจัยพัฒนาโมเดลการค้นหาจากข้อมูลผู้สูญหาย ➡️ ใช้ข้อมูลพฤติกรรมของผู้หลงทางในป่าเพื่อกำหนดเส้นทางค้นหา ➡️ โดรนสามารถทำงานร่วมกับมนุษย์ในการค้นหาแบบอัตโนมัติ ‼️ โดรนทั่วไปยังมีข้อจำกัดในการใช้งานในสถานการณ์สุดขั้ว ⛔ ขนาดใหญ่ เทอะทะ และไม่สามารถบินในที่มืดหรือมีควันได้ ⛔ ต้องพึ่งพาการควบคุมจากมนุษย์และแสงไฟในการนำทาง ‼️ การพัฒนาโดรนให้เทียบเท่าค้างคาวยังต้องใช้เวลา ⛔ ค้างคาวสามารถกรองเสียงสะท้อนเฉพาะที่ต้องการได้อย่างแม่นยำ ⛔ ความสามารถในการตรวจจับของโดรนยังห่างไกลจากธรรมชาติ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/31/how-tiny-drones-inspired-by-bats-could-save-lives-in-dark-and-stormy-conditions
    WWW.THESTAR.COM.MY
    How tiny drones inspired by bats could save lives in dark and stormy conditions
    Don't be fooled by the fog machine, spooky lights and fake bats: the robotics lab at Worcester Polytechnic Institute lab isn't hosting a Halloween party.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 100 มุมมอง 0 รีวิว
  • Akira Ransomware อ้างขโมยข้อมูล 23GB จาก Apache OpenOffice — ยังไม่มีการยืนยันจากทาง Apache

    กลุ่มแฮกเกอร์ Akira Ransomware ได้ออกมาอ้างว่าได้เจาะระบบของ Apache OpenOffice และขโมยข้อมูลภายในองค์กรกว่า 23GB ซึ่งรวมถึงข้อมูลพนักงาน เช่น ที่อยู่ เบอร์โทร เลขบัตรประชาชน หมายเลขบัตรเครดิต และเอกสารการเงินภายในองค์กร

    Akira เป็นกลุ่ม ransomware-as-a-service (RaaS) ที่เริ่มปรากฏตัวในปี 2023 และมีชื่อเสียงจากการใช้กลยุทธ์ “double extortion” คือขโมยข้อมูลก่อน แล้วจึงเข้ารหัสระบบเพื่อเรียกค่าไถ่ โดยในกรณีนี้ พวกเขาโพสต์ข้อความบน dark web ว่าจะเผยแพร่เอกสารทั้งหมดในเร็ว ๆ นี้

    อย่างไรก็ตาม ทาง Apache Software Foundation ยังไม่ออกมายืนยันว่ามีการเจาะระบบจริงหรือไม่ และไม่มีหลักฐานว่าการแจกจ่ายซอฟต์แวร์ของ OpenOffice ถูกกระทบ

    Akira ยังมีพฤติกรรมที่น่าสนใจ เช่น:
    ใช้ ransomware ที่ตรวจสอบ layout ของคีย์บอร์ดเพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีในประเทศที่ใช้ภาษารัสเซีย
    เคยถูกพบว่ามีการแฮกกล้องเว็บแคมของเหยื่อเพื่อเพิ่มแรงกดดันในการเรียกค่าไถ่

    ข้อมูลที่ถูกอ้างว่าถูกขโมย
    ข้อมูลพนักงาน: ที่อยู่ เบอร์โทร วันเกิด เลขบัตรประชาชน
    ข้อมูลการเงินและเอกสารภายในองค์กร
    รายงานปัญหาการใช้งานซอฟต์แวร์

    พฤติกรรมของ Akira Ransomware
    ใช้กลยุทธ์ double extortion
    มี ransomware สำหรับ Windows และ Linux/VMware ESXi
    ตรวจสอบ layout คีย์บอร์ดเพื่อหลีกเลี่ยงประเทศรัสเซีย
    เคยแฮกกล้องเว็บแคมของเหยื่อ

    สถานะปัจจุบัน
    Apache ยังไม่ยืนยันว่ามีการเจาะระบบ
    ไม่มีผลกระทบต่อระบบแจกจ่ายซอฟต์แวร์ของ OpenOffice
    ผู้ใช้ยังสามารถดาวน์โหลด OpenOffice ได้จากเว็บไซต์ทางการ

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้งาน
    อย่าดาวน์โหลด OpenOffice จากลิงก์ที่แชร์ในโซเชียลหรือฟอรั่ม
    ควรติดตามประกาศจาก Apache Software Foundation อย่างใกล้ชิด
    หากใช้งานในองค์กร ควรตรวจสอบระบบภายในและอัปเดตมาตรการรักษาความปลอดภัย

    https://hackread.com/akira-ransomware-stole-apache-openoffice-data/
    🕵️ Akira Ransomware อ้างขโมยข้อมูล 23GB จาก Apache OpenOffice — ยังไม่มีการยืนยันจากทาง Apache กลุ่มแฮกเกอร์ Akira Ransomware ได้ออกมาอ้างว่าได้เจาะระบบของ Apache OpenOffice และขโมยข้อมูลภายในองค์กรกว่า 23GB ซึ่งรวมถึงข้อมูลพนักงาน เช่น ที่อยู่ เบอร์โทร เลขบัตรประชาชน หมายเลขบัตรเครดิต และเอกสารการเงินภายในองค์กร Akira เป็นกลุ่ม ransomware-as-a-service (RaaS) ที่เริ่มปรากฏตัวในปี 2023 และมีชื่อเสียงจากการใช้กลยุทธ์ “double extortion” คือขโมยข้อมูลก่อน แล้วจึงเข้ารหัสระบบเพื่อเรียกค่าไถ่ โดยในกรณีนี้ พวกเขาโพสต์ข้อความบน dark web ว่าจะเผยแพร่เอกสารทั้งหมดในเร็ว ๆ นี้ อย่างไรก็ตาม ทาง Apache Software Foundation ยังไม่ออกมายืนยันว่ามีการเจาะระบบจริงหรือไม่ และไม่มีหลักฐานว่าการแจกจ่ายซอฟต์แวร์ของ OpenOffice ถูกกระทบ 🔐 Akira ยังมีพฤติกรรมที่น่าสนใจ เช่น: 💠 ใช้ ransomware ที่ตรวจสอบ layout ของคีย์บอร์ดเพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีในประเทศที่ใช้ภาษารัสเซีย 💠 เคยถูกพบว่ามีการแฮกกล้องเว็บแคมของเหยื่อเพื่อเพิ่มแรงกดดันในการเรียกค่าไถ่ ✅ ข้อมูลที่ถูกอ้างว่าถูกขโมย ➡️ ข้อมูลพนักงาน: ที่อยู่ เบอร์โทร วันเกิด เลขบัตรประชาชน ➡️ ข้อมูลการเงินและเอกสารภายในองค์กร ➡️ รายงานปัญหาการใช้งานซอฟต์แวร์ ✅ พฤติกรรมของ Akira Ransomware ➡️ ใช้กลยุทธ์ double extortion ➡️ มี ransomware สำหรับ Windows และ Linux/VMware ESXi ➡️ ตรวจสอบ layout คีย์บอร์ดเพื่อหลีกเลี่ยงประเทศรัสเซีย ➡️ เคยแฮกกล้องเว็บแคมของเหยื่อ ✅ สถานะปัจจุบัน ➡️ Apache ยังไม่ยืนยันว่ามีการเจาะระบบ ➡️ ไม่มีผลกระทบต่อระบบแจกจ่ายซอฟต์แวร์ของ OpenOffice ➡️ ผู้ใช้ยังสามารถดาวน์โหลด OpenOffice ได้จากเว็บไซต์ทางการ ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้งาน ⛔ อย่าดาวน์โหลด OpenOffice จากลิงก์ที่แชร์ในโซเชียลหรือฟอรั่ม ⛔ ควรติดตามประกาศจาก Apache Software Foundation อย่างใกล้ชิด ⛔ หากใช้งานในองค์กร ควรตรวจสอบระบบภายในและอัปเดตมาตรการรักษาความปลอดภัย https://hackread.com/akira-ransomware-stole-apache-openoffice-data/
    HACKREAD.COM
    Akira Ransomware Claims It Stole 23GB from Apache OpenOffice
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 86 มุมมอง 0 รีวิว
  • แคลิฟอร์เนียออกกฎหมายใหม่! ห้ามใช้ “อุปกรณ์หลอกระบบขับขี่อัตโนมัติ” — ป้องกันอุบัติเหตุจากการแฮกเทคโนโลยีรถ

    รัฐแคลิฟอร์เนียประกาศใช้กฎหมาย Senate Bill 1313 อย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน 2025 เพื่อห้ามการใช้ “defeat devices” — อุปกรณ์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อหลอกระบบตรวจสอบผู้ขับขี่ในรถยนต์ที่มีระบบขับขี่อัตโนมัติระดับ 2 เช่น Tesla Autopilot และ Ford BlueCruise

    อุปกรณ์เหล่านี้ เช่น ถ่วงพวงมาลัยหรือบังกล้องตรวจจับใบหน้า ถูกใช้เพื่อหลอกให้รถคิดว่าผู้ขับขี่ยังมีส่วนร่วมอยู่ ทั้งที่จริงแล้วไม่มีใครจับพวงมาลัยหรือมองถนนเลย ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุอย่างมาก

    กฎหมายใหม่ไม่เพียงห้ามการใช้งาน แต่ยังครอบคลุมถึงการผลิต โฆษณา และจำหน่ายอุปกรณ์เหล่านี้ด้วย โดยมีบทลงโทษเป็น “infraction” หรือความผิดเล็กน้อย แต่ถือเป็นการส่งสัญญาณชัดเจนว่าแคลิฟอร์เนียเอาจริงกับความปลอดภัยบนท้องถนน

    อย่างไรก็ตาม กฎหมายก็มีข้อยกเว้นบางกรณี เช่น:
    การใช้เพื่อการซ่อมแซมรถยนต์ตามมาตรฐานความปลอดภัยของผู้ผลิต
    การใช้งานที่จำเป็นตามกฎหมาย Americans with Disabilities Act เพื่อช่วยผู้ขับขี่ที่มีความพิการ

    กฎหมายใหม่ของรัฐแคลิฟอร์เนีย
    ห้ามใช้อุปกรณ์ที่หลอกระบบตรวจสอบผู้ขับขี่ (DMS)
    ครอบคลุมการผลิต จำหน่าย และโฆษณา defeat devices
    ใช้กับรถที่มีระบบขับขี่อัตโนมัติระดับ 2 เช่น Tesla และ Ford

    ตัวอย่างอุปกรณ์ที่ถูกห้าม
    ถ่วงพวงมาลัยเพื่อหลอกว่ามีมือจับ
    บังกล้องตรวจจับใบหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงการเตือน

    ข้อยกเว้นตามกฎหมาย
    ใช้เพื่อการซ่อมแซมตามมาตรฐานผู้ผลิต
    ใช้เพื่อช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่มีความพิการตาม ADA

    https://www.slashgear.com/2011751/california-self-driving-car-defeat-device-ban/
    🚗 แคลิฟอร์เนียออกกฎหมายใหม่! ห้ามใช้ “อุปกรณ์หลอกระบบขับขี่อัตโนมัติ” — ป้องกันอุบัติเหตุจากการแฮกเทคโนโลยีรถ รัฐแคลิฟอร์เนียประกาศใช้กฎหมาย Senate Bill 1313 อย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน 2025 เพื่อห้ามการใช้ “defeat devices” — อุปกรณ์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อหลอกระบบตรวจสอบผู้ขับขี่ในรถยนต์ที่มีระบบขับขี่อัตโนมัติระดับ 2 เช่น Tesla Autopilot และ Ford BlueCruise อุปกรณ์เหล่านี้ เช่น ถ่วงพวงมาลัยหรือบังกล้องตรวจจับใบหน้า ถูกใช้เพื่อหลอกให้รถคิดว่าผู้ขับขี่ยังมีส่วนร่วมอยู่ ทั้งที่จริงแล้วไม่มีใครจับพวงมาลัยหรือมองถนนเลย ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุอย่างมาก กฎหมายใหม่ไม่เพียงห้ามการใช้งาน แต่ยังครอบคลุมถึงการผลิต โฆษณา และจำหน่ายอุปกรณ์เหล่านี้ด้วย โดยมีบทลงโทษเป็น “infraction” หรือความผิดเล็กน้อย แต่ถือเป็นการส่งสัญญาณชัดเจนว่าแคลิฟอร์เนียเอาจริงกับความปลอดภัยบนท้องถนน 📜 อย่างไรก็ตาม กฎหมายก็มีข้อยกเว้นบางกรณี เช่น: 💠 การใช้เพื่อการซ่อมแซมรถยนต์ตามมาตรฐานความปลอดภัยของผู้ผลิต 💠 การใช้งานที่จำเป็นตามกฎหมาย Americans with Disabilities Act เพื่อช่วยผู้ขับขี่ที่มีความพิการ ✅ กฎหมายใหม่ของรัฐแคลิฟอร์เนีย ➡️ ห้ามใช้อุปกรณ์ที่หลอกระบบตรวจสอบผู้ขับขี่ (DMS) ➡️ ครอบคลุมการผลิต จำหน่าย และโฆษณา defeat devices ➡️ ใช้กับรถที่มีระบบขับขี่อัตโนมัติระดับ 2 เช่น Tesla และ Ford ✅ ตัวอย่างอุปกรณ์ที่ถูกห้าม ➡️ ถ่วงพวงมาลัยเพื่อหลอกว่ามีมือจับ ➡️ บังกล้องตรวจจับใบหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงการเตือน ✅ ข้อยกเว้นตามกฎหมาย ➡️ ใช้เพื่อการซ่อมแซมตามมาตรฐานผู้ผลิต ➡️ ใช้เพื่อช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่มีความพิการตาม ADA https://www.slashgear.com/2011751/california-self-driving-car-defeat-device-ban/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    California Is Cracking Down On People Using Hacks To Create Their Own 'Self-Driving' Cars - SlashGear
    California passed Senate Bill 1313 in September 2025 to ban the use and sale of devices that disable or interfere with cars' driver monitoring systems.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 85 มุมมอง 0 รีวิว
  • Superhuman: จากผู้ช่วยเขียนสู่แพลตฟอร์ม AI ครบวงจร
    Grammarly ก่อตั้งในปี 2009 และเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ช่วยเขียนที่ใช้ AI อย่างแพร่หลาย ล่าสุดบริษัทได้ประกาศเปลี่ยนชื่อเป็น “Superhuman” หลังจากเข้าซื้อกิจการของ Superhuman Mail และ Coda ในปี 2025 โดยเลือกใช้ชื่อของบริษัทที่ถูกซื้อมาแทนชื่อเดิม ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์ที่ไม่ธรรมดาในวงการเทคโนโลยี

    ภายใต้ชื่อใหม่ Superhuman จะรวม:
    Grammarly (ผู้ช่วยเขียน)
    Superhuman Mail (แพลตฟอร์มอีเมลระดับพรีเมียม)
    Coda (ผู้ช่วยงานที่ใช้ AI)

    ทั้งหมดจะอยู่ภายใต้ระบบ subscription เดียว พร้อมเปิดตัวผู้ช่วย AI ใหม่ชื่อว่า Superhuman Go ที่จะทำงานแบบเบื้องหลังโดยไม่ต้องรอคำสั่งจากผู้ใช้

    Superhuman Go จะสามารถ:
    เขียนและปรับแต่งอีเมลอัตโนมัติ
    สรุปข้อมูลจากข้อความหรือเอกสาร
    จัดการตารางงานและการประชุม
    เชื่อมต่อกับ Google Workspace และ Microsoft Outlook

    นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ใหม่ที่กำลังจะเปิดตัว เช่น:
    แปลงบันทึกการประชุมเป็นร่างเอกสาร
    จัดระเบียบกล่องอีเมลตามปฏิทินและ workflow ของผู้ใช้

    แพ็กเกจ subscription มีให้เลือก 2 ระดับ:

    Pro Plan ($12/เดือน): เขียนใหม่และแปลข้อความได้ไม่จำกัดใน 19 ภาษา
    Business Plan ($33/เดือน): รวมทุกฟีเจอร์ของ Pro พร้อมใช้งาน Superhuman Mail เต็มรูปแบบ

    https://securityonline.info/grammarly-is-now-superhuman-unifying-mail-and-ai-in-new-productivity-suite/
    🚀 Superhuman: จากผู้ช่วยเขียนสู่แพลตฟอร์ม AI ครบวงจร Grammarly ก่อตั้งในปี 2009 และเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ช่วยเขียนที่ใช้ AI อย่างแพร่หลาย ล่าสุดบริษัทได้ประกาศเปลี่ยนชื่อเป็น “Superhuman” หลังจากเข้าซื้อกิจการของ Superhuman Mail และ Coda ในปี 2025 โดยเลือกใช้ชื่อของบริษัทที่ถูกซื้อมาแทนชื่อเดิม ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์ที่ไม่ธรรมดาในวงการเทคโนโลยี ภายใต้ชื่อใหม่ Superhuman จะรวม: 💠 Grammarly (ผู้ช่วยเขียน) 💠 Superhuman Mail (แพลตฟอร์มอีเมลระดับพรีเมียม) 💠 Coda (ผู้ช่วยงานที่ใช้ AI) ทั้งหมดจะอยู่ภายใต้ระบบ subscription เดียว พร้อมเปิดตัวผู้ช่วย AI ใหม่ชื่อว่า Superhuman Go ที่จะทำงานแบบเบื้องหลังโดยไม่ต้องรอคำสั่งจากผู้ใช้ Superhuman Go จะสามารถ: 💠 เขียนและปรับแต่งอีเมลอัตโนมัติ 💠 สรุปข้อมูลจากข้อความหรือเอกสาร 💠 จัดการตารางงานและการประชุม 💠 เชื่อมต่อกับ Google Workspace และ Microsoft Outlook นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ใหม่ที่กำลังจะเปิดตัว เช่น: 💠 แปลงบันทึกการประชุมเป็นร่างเอกสาร 💠 จัดระเบียบกล่องอีเมลตามปฏิทินและ workflow ของผู้ใช้ แพ็กเกจ subscription มีให้เลือก 2 ระดับ: 🎗️ Pro Plan ($12/เดือน): เขียนใหม่และแปลข้อความได้ไม่จำกัดใน 19 ภาษา 🎗️ Business Plan ($33/เดือน): รวมทุกฟีเจอร์ของ Pro พร้อมใช้งาน Superhuman Mail เต็มรูปแบบ https://securityonline.info/grammarly-is-now-superhuman-unifying-mail-and-ai-in-new-productivity-suite/
    SECURITYONLINE.INFO
    Grammarly is Now Superhuman, Unifying Mail and AI in New Productivity Suite
    Grammarly has rebranded to Superhuman and launched Superhuman Go, a new AI assistant that unifies Grammarly, Superhuman Mail, and Coda for cross-app automation.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 140 มุมมอง 0 รีวิว
  • รูปหล่อหลวงปู่ทองมาก วัดนิคมประสาท จ.สงขลา
    รูปหล่อหลวงปู่ทองมาก ปฐมเจ้าอาวาส วัดนิคมประสาท ต.เกาะสะบ้า อ.เทพา จ.สงขลา //พระดีพิธีขลัง !! บนได้ ไหว์รับ สำเร็จทุกราย พระมีประสบการณ์โดนยิง แคล้วคลาด ปลอดภัย หลายราย // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พร้อมกล่องเดิมๆ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณ ขอได้ ไหว้รับ ประสบผลสำเร็จ เมตตามหานิยม แคล้วคลาด ปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ ทำมาค้าขายเจริญก้าวหน้า มีโชคลาภ เงินทองหลั่งไหลมาไม่ขาดสาย ค้าขายจะเจริญก้าวหน้า และเป็นมงคลแก่ผู้บูชา >>

    ** หลวงปู่ทองมาก วัดนิคมประสาท ท่านเป็นเจ้าอาวาสรูปแรกของวัดนิคมประสาท วัดเก่าแก่อีกวัดหนึ่ง บนได้ ไหว์รับ สำเร็จทุกราย ...คนนับถือท่านมาก มีคนแขวนรูปหล่อท่านหรือเหรียญท่านมีประสบการณ์โดนยิง แคล้วคลาด ปลอดภัย หลายราย >>

    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พร้อมกล่องเดิมๆ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    รูปหล่อหลวงปู่ทองมาก วัดนิคมประสาท จ.สงขลา รูปหล่อหลวงปู่ทองมาก ปฐมเจ้าอาวาส วัดนิคมประสาท ต.เกาะสะบ้า อ.เทพา จ.สงขลา //พระดีพิธีขลัง !! บนได้ ไหว์รับ สำเร็จทุกราย พระมีประสบการณ์โดนยิง แคล้วคลาด ปลอดภัย หลายราย // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พร้อมกล่องเดิมๆ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณ ขอได้ ไหว้รับ ประสบผลสำเร็จ เมตตามหานิยม แคล้วคลาด ปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ ทำมาค้าขายเจริญก้าวหน้า มีโชคลาภ เงินทองหลั่งไหลมาไม่ขาดสาย ค้าขายจะเจริญก้าวหน้า และเป็นมงคลแก่ผู้บูชา >> ** หลวงปู่ทองมาก วัดนิคมประสาท ท่านเป็นเจ้าอาวาสรูปแรกของวัดนิคมประสาท วัดเก่าแก่อีกวัดหนึ่ง บนได้ ไหว์รับ สำเร็จทุกราย ...คนนับถือท่านมาก มีคนแขวนรูปหล่อท่านหรือเหรียญท่านมีประสบการณ์โดนยิง แคล้วคลาด ปลอดภัย หลายราย >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พร้อมกล่องเดิมๆ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 90 มุมมอง 0 รีวิว
  • พระปิดตาหลวงปู่สุระ วัดสวนใหม่ จ.ยะลา ปี2538
    พระปิดตาหลวงปู่สุระ เนื้อว่านผสมผงกาฝากรัก (ฝังตะกรุดเงิน) วัดสวนใหม่ จ.ยะลา ปี2538 //พระดีพิธีขลัง!! (อยากได้พระดีเอาไว้ใช้ ผมแนะนำเลยครับ !!) พระมีประสบการณ์มาก เกียวกับความสำเร็จ ทำมาค้าขายดี มีโชคลาภเงินทองไหลมาเทมา ความสมบูรณ์มั่งคั่งที่ไม่เคยขาด บูชาเพื่อการเงินไหลมาเทมา เป็นของรักของหวง ของลูกศิษย์ และ คนเฒ่าคนแก่ คนพิ้นที่ //พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พร้อมกล่องเดิมๆ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณ โชคลาภ สุดยอดโภคทรัพย์ เมตตามหานิยม และเสี่ยงโชค ช่วยให้ค้าขายดี มีโชค ช่วยให้ทรัพย์ที่ได้มางอกเงยและรักษาทรัพย์ได้นาน เจริญรุ่งเรือง ไม่ฝืดเคืองขัดสน ค้าขาย ร่ำรวย เรียกทรัพย์หนุนดวง อุดมสมบูรณ์ ทำมาหากินคล่อง เจริญในหน้าที่การงานคุ้มครองป้องกันภัยอันตรายทั้งปวง **

    ** ใครที่ต้องการความสำเร็จในหน้าทีการงาน ข้าราชการที่เข้าหาผู้หลักผู้ใหญ่ เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งแบบง่ายๆ การค้าการขายแบบขายดีไม่ติดขัด มีโชค มีลาภ แบบมีเข้ามาตลอด "ผมแนะนำครับ มั้นใจในพุทธคุณได้ครับของหลวงปู่ดีจริงๆ **

    ** "หลวงปู่สุระ วัดสวนใหม่" พระนักพัฒนา ทั้งการทำนุบำรุงวัด และด้านวิปัสสนาธุระ อย่างเคร่งครัด หลังการมรณภาพ สรีระสังขารไม่เน่าเปื่อย เส้นผม และเล็บก็งอกยาวออกมา มีลูกศิษย์ ลูกหาในสามจังหวัดภาคใต้ มาเลเซีย สิงคโปร์ มากมาย **

    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พร้อมกล่องเดิมๆ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    พระปิดตาหลวงปู่สุระ วัดสวนใหม่ จ.ยะลา ปี2538 พระปิดตาหลวงปู่สุระ เนื้อว่านผสมผงกาฝากรัก (ฝังตะกรุดเงิน) วัดสวนใหม่ จ.ยะลา ปี2538 //พระดีพิธีขลัง!! (อยากได้พระดีเอาไว้ใช้ ผมแนะนำเลยครับ !!) พระมีประสบการณ์มาก เกียวกับความสำเร็จ ทำมาค้าขายดี มีโชคลาภเงินทองไหลมาเทมา ความสมบูรณ์มั่งคั่งที่ไม่เคยขาด บูชาเพื่อการเงินไหลมาเทมา เป็นของรักของหวง ของลูกศิษย์ และ คนเฒ่าคนแก่ คนพิ้นที่ //พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พร้อมกล่องเดิมๆ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณ โชคลาภ สุดยอดโภคทรัพย์ เมตตามหานิยม และเสี่ยงโชค ช่วยให้ค้าขายดี มีโชค ช่วยให้ทรัพย์ที่ได้มางอกเงยและรักษาทรัพย์ได้นาน เจริญรุ่งเรือง ไม่ฝืดเคืองขัดสน ค้าขาย ร่ำรวย เรียกทรัพย์หนุนดวง อุดมสมบูรณ์ ทำมาหากินคล่อง เจริญในหน้าที่การงานคุ้มครองป้องกันภัยอันตรายทั้งปวง ** ** ใครที่ต้องการความสำเร็จในหน้าทีการงาน ข้าราชการที่เข้าหาผู้หลักผู้ใหญ่ เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งแบบง่ายๆ การค้าการขายแบบขายดีไม่ติดขัด มีโชค มีลาภ แบบมีเข้ามาตลอด "ผมแนะนำครับ มั้นใจในพุทธคุณได้ครับของหลวงปู่ดีจริงๆ ** ** "หลวงปู่สุระ วัดสวนใหม่" พระนักพัฒนา ทั้งการทำนุบำรุงวัด และด้านวิปัสสนาธุระ อย่างเคร่งครัด หลังการมรณภาพ สรีระสังขารไม่เน่าเปื่อย เส้นผม และเล็บก็งอกยาวออกมา มีลูกศิษย์ ลูกหาในสามจังหวัดภาคใต้ มาเลเซีย สิงคโปร์ มากมาย ** ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พร้อมกล่องเดิมๆ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 155 มุมมอง 0 รีวิว
  • Rüdesheim River Cruise Port หนึ่งในท่าเรือสำราญ “ที่สวยและโรแมนติกที่สุด” บนแม่น้ำไรน์ของเยอรมนี ที่นี่มักเป็นจุดแวะหลักของ เรือล่องแม่น้ำยุโรปและได้เก็บครบทุกไฮไลท์

    ⭐️ Drosselgasse ถนนเดรอสเซลกัสเซอ
    ถนนเล็กๆ ความยาวเพียง 144 เมตร ถนนสายนี้เคยเป็นเส้นทางขนถังไวน์จากริมแม่น้ำขึ้นเขา ปัจจุบันกลายเป็นย่านท่องเที่ยวสำคัญและศูนย์รวมวัฒนธรรมไวน์ของเมือง

    ⭐️ Niederwalddenkmal อนุสรณ์สถานเนียเดอร์วัลด์
    สร้างขึ้นระหว่างปี 1871–1883 หลังการรวมชาติของเยอรมนีโดย Otto von Bismarck จุดชมวิวแม่น้ำไรน์ที่งดงาม พร้อมอนุสาวรีย์ขนาดใหญ่เพื่อรำลึกถึงการรวมชาติของเยอรมนี

    ⭐️ Siegfried’s Mechanical Music Cabinet พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีโบราณ
    เพื่ออนุรักษ์และจัดแสดงเครื่องดนตรีอัตโนมัติจากยุค 18–20 จัดเป็นพิพิธภัณฑ์หนึ่งเดียวในยุโรปที่รวบรวมเครื่องดนตรีอัตโนมัติกว่า 350 ชิ้น ตั้งอยู่ในปราสาทโบราณณ Brömserhof

    ⭐️ St. Jakobus Church โบสถ์เซนต์จาคอบัส
    เคยได้รับความเสียหาย จากการทิ้งระเบิดในปี 1944 ปัจจุบันยังใช้ประกอบพิธีทางศาสนาอย่างต่อเนื่อง โบสถ์ประจำเมือง ที่เรียบง่ายแต่สง่างาม สะท้อนศิลปะเยอรมันแบบโรมันและบาโรคมีหอระฆังสูง

    สอบถามเพิ่มเติมหรือจองแพ็คเกจได้ทันที!
    https://cruisedomain.com/
    LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029
    Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121
    Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620
    : 0 2116 9696

    #RüdesheimRiverCruisePort #RhineRiver #Germany #Drosselgasse #Niederwalddenkmal #SiegfriedMechanicalMusicCabinet #StJakobusChurch #port #cruisedomain
    Rüdesheim River Cruise Port หนึ่งในท่าเรือสำราญ “ที่สวยและโรแมนติกที่สุด” บนแม่น้ำไรน์ของเยอรมนี ที่นี่มักเป็นจุดแวะหลักของ เรือล่องแม่น้ำยุโรปและได้เก็บครบทุกไฮไลท์ 🍷🏰 ⭐️ Drosselgasse ➖ ถนนเดรอสเซลกัสเซอ ถนนเล็กๆ ความยาวเพียง 144 เมตร ถนนสายนี้เคยเป็นเส้นทางขนถังไวน์จากริมแม่น้ำขึ้นเขา ปัจจุบันกลายเป็นย่านท่องเที่ยวสำคัญและศูนย์รวมวัฒนธรรมไวน์ของเมือง ⭐️ Niederwalddenkmal ➖ อนุสรณ์สถานเนียเดอร์วัลด์ สร้างขึ้นระหว่างปี 1871–1883 หลังการรวมชาติของเยอรมนีโดย Otto von Bismarck จุดชมวิวแม่น้ำไรน์ที่งดงาม พร้อมอนุสาวรีย์ขนาดใหญ่เพื่อรำลึกถึงการรวมชาติของเยอรมนี ⭐️ Siegfried’s Mechanical Music Cabinet ➖ พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีโบราณ เพื่ออนุรักษ์และจัดแสดงเครื่องดนตรีอัตโนมัติจากยุค 18–20 จัดเป็นพิพิธภัณฑ์หนึ่งเดียวในยุโรปที่รวบรวมเครื่องดนตรีอัตโนมัติกว่า 350 ชิ้น ตั้งอยู่ในปราสาทโบราณณ Brömserhof ⭐️ St. Jakobus Church ➖ โบสถ์เซนต์จาคอบัส เคยได้รับความเสียหาย จากการทิ้งระเบิดในปี 1944 ปัจจุบันยังใช้ประกอบพิธีทางศาสนาอย่างต่อเนื่อง โบสถ์ประจำเมือง ที่เรียบง่ายแต่สง่างาม สะท้อนศิลปะเยอรมันแบบโรมันและบาโรคมีหอระฆังสูง 📩 สอบถามเพิ่มเติมหรือจองแพ็คเกจได้ทันที! https://cruisedomain.com/ LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029 Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121 Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620 ☎️: 0 2116 9696 #RüdesheimRiverCruisePort #RhineRiver #Germany #Drosselgasse #Niederwalddenkmal #SiegfriedMechanicalMusicCabinet #StJakobusChurch #port #cruisedomain
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 241 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้สื่อข่าวรายงานถึงการประชุมฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานชายแดนส่วนภูมิภาค กองทัพภาคที่ 2-ภูมิภาคทหารที่ 4 ฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชา เพื่อหารือแผนปฏิบัติการปรับกำลังและถอนอาวุธหนัก ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบกำหนดวัน D-Day วันที่ 1 พ.ย. 2568 โดยเฟส 1 ปรับกำลังอาวุธจรวดหลายลำกล้อง เฟส 2 เริ่มวันที่ 22 พ.ย. 2568 ปรับกำลังอาวุธประเภทปืนใหญ่ และ เฟส 3 เริ่มวันที่ 13 ธ.ค. 2568 อาวุธยานเกราะ รถถัง ทั้งนี้ วันที่ 15 พ.ย. 2568 จะประชุมทบทวนการปฏิบัติเพื่อแก้ไขปัญหาและหารือการปรับกำลัง เพื่อให้ส่วนที่เกี่ยวข้องมีเวลาวางแผนเข้าตรวจสอบและเคลื่อนย้าย

    -มีเรื่องอื่นสำคัญกว่าแรร์เอิร์ธ
    -วาระโลกรัฐบาลต้องจริงจัง
    -รอได้เลยคนละครึ่งพลัส#2
    -อินเดียเร่งนำเข้าทองคำ
    ผู้สื่อข่าวรายงานถึงการประชุมฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานชายแดนส่วนภูมิภาค กองทัพภาคที่ 2-ภูมิภาคทหารที่ 4 ฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชา เพื่อหารือแผนปฏิบัติการปรับกำลังและถอนอาวุธหนัก ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบกำหนดวัน D-Day วันที่ 1 พ.ย. 2568 โดยเฟส 1 ปรับกำลังอาวุธจรวดหลายลำกล้อง เฟส 2 เริ่มวันที่ 22 พ.ย. 2568 ปรับกำลังอาวุธประเภทปืนใหญ่ และ เฟส 3 เริ่มวันที่ 13 ธ.ค. 2568 อาวุธยานเกราะ รถถัง ทั้งนี้ วันที่ 15 พ.ย. 2568 จะประชุมทบทวนการปฏิบัติเพื่อแก้ไขปัญหาและหารือการปรับกำลัง เพื่อให้ส่วนที่เกี่ยวข้องมีเวลาวางแผนเข้าตรวจสอบและเคลื่อนย้าย -มีเรื่องอื่นสำคัญกว่าแรร์เอิร์ธ -วาระโลกรัฐบาลต้องจริงจัง -รอได้เลยคนละครึ่งพลัส#2 -อินเดียเร่งนำเข้าทองคำ
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 276 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ฝ่ายเลขาฯ RBC ไทย-กัมพูชา สรุปแผนถอนอาวุธหนักจากชายแดน แบ่งเป็น 3 ประเภท 3 ระยะ เริ่ม 1 พ.ย.เคลื่อนย้ายจรวดหลายลำกล้อง จากนั้นถอนปืนใหญ่ทั้งลากจูงและอัตราจร 22 พ.ย.และสุดท้ายถอนยานเกราะ-รถถัง 13 ธ.ค.

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000103427

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    ฝ่ายเลขาฯ RBC ไทย-กัมพูชา สรุปแผนถอนอาวุธหนักจากชายแดน แบ่งเป็น 3 ประเภท 3 ระยะ เริ่ม 1 พ.ย.เคลื่อนย้ายจรวดหลายลำกล้อง จากนั้นถอนปืนใหญ่ทั้งลากจูงและอัตราจร 22 พ.ย.และสุดท้ายถอนยานเกราะ-รถถัง 13 ธ.ค. อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000103427 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 319 มุมมอง 0 รีวิว
  • อย่าเสียบสิ่งเหล่านี้เข้าช่อง 12V ในรถ! แม้จะดูเหมือนปลอดภัย แต่บางอย่างอาจทำให้รถพังหรือแบตหมดข้ามคืน

    ช่องจ่ายไฟ 12V ในรถยนต์ (ที่หลายคนยังเรียกว่าช่องจุดบุหรี่) ถูกออกแบบมาเพื่อจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ แต่ไม่ใช่ทุกอย่างที่ควรเสียบเข้าไป — บางอย่างอาจทำให้ระบบไฟฟ้าเสียหายหรือทำให้แบตเตอรี่หมดโดยไม่รู้ตัว.

    สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงในการเสียบเข้าช่อง 12V

    1️⃣ หัวจุดบุหรี่แบบเก่า
    ช่อง 12V ในรถรุ่นใหม่ส่วนใหญ่ไม่รองรับหัวจุดบุหรี่แล้ว
    หากฝืนเสียบเข้าไป อาจทำให้ช่องร้อนเกินและเกิดความเสียหาย

    2️⃣ Power inverter ที่ไม่เหมาะสม
    อินเวอร์เตอร์ที่แปลงไฟ DC เป็น AC ต้องเลือกให้ตรงกับกำลังไฟของรถ
    หากใช้รุ่นที่ดึงไฟมากเกินไป อาจทำให้ฟิวส์ขาดหรือระบบไฟเสีย

    3️⃣ อุปกรณ์ที่เสียบค้างไว้ข้ามคืน
    เช่น กล้องติดรถหรือ CarPlay hub ที่ยังดึงไฟแม้รถดับเครื่อง
    อาจทำให้แบตเตอรี่หมดในตอนเช้าโดยไม่รู้ตัว

    4️⃣ ที่ชาร์จโทรศัพท์คุณภาพต่ำ
    ที่ชาร์จราคาถูกอาจจ่ายไฟไม่เสถียร ทำให้เครื่องร้อนหรือแบตเสื่อม
    บางรุ่นอาจดึงไฟเกินจนทำให้ระบบไฟฟ้าในรถเสียหาย

    5️⃣ สิ่งที่ไม่ใช่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
    เช่น เหรียญ, เศษอาหาร, หรือเศษขยะที่ตกลงไปในช่อง
    อาจทำให้เกิดการลัดวงจรหรือไฟฟ้าช็อตได้

    https://www.slashgear.com/2005658/never-plug-these-into-car-12v-socket/
    ⚠️ อย่าเสียบสิ่งเหล่านี้เข้าช่อง 12V ในรถ! แม้จะดูเหมือนปลอดภัย แต่บางอย่างอาจทำให้รถพังหรือแบตหมดข้ามคืน ช่องจ่ายไฟ 12V ในรถยนต์ (ที่หลายคนยังเรียกว่าช่องจุดบุหรี่) ถูกออกแบบมาเพื่อจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ แต่ไม่ใช่ทุกอย่างที่ควรเสียบเข้าไป — บางอย่างอาจทำให้ระบบไฟฟ้าเสียหายหรือทำให้แบตเตอรี่หมดโดยไม่รู้ตัว. ✅ สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงในการเสียบเข้าช่อง 12V 1️⃣ หัวจุดบุหรี่แบบเก่า ➡️ ช่อง 12V ในรถรุ่นใหม่ส่วนใหญ่ไม่รองรับหัวจุดบุหรี่แล้ว ➡️ หากฝืนเสียบเข้าไป อาจทำให้ช่องร้อนเกินและเกิดความเสียหาย 2️⃣ Power inverter ที่ไม่เหมาะสม ➡️ อินเวอร์เตอร์ที่แปลงไฟ DC เป็น AC ต้องเลือกให้ตรงกับกำลังไฟของรถ ➡️ หากใช้รุ่นที่ดึงไฟมากเกินไป อาจทำให้ฟิวส์ขาดหรือระบบไฟเสีย 3️⃣ อุปกรณ์ที่เสียบค้างไว้ข้ามคืน ➡️ เช่น กล้องติดรถหรือ CarPlay hub ที่ยังดึงไฟแม้รถดับเครื่อง ➡️ อาจทำให้แบตเตอรี่หมดในตอนเช้าโดยไม่รู้ตัว 4️⃣ ที่ชาร์จโทรศัพท์คุณภาพต่ำ ➡️ ที่ชาร์จราคาถูกอาจจ่ายไฟไม่เสถียร ทำให้เครื่องร้อนหรือแบตเสื่อม ➡️ บางรุ่นอาจดึงไฟเกินจนทำให้ระบบไฟฟ้าในรถเสียหาย 5️⃣ สิ่งที่ไม่ใช่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ➡️ เช่น เหรียญ, เศษอาหาร, หรือเศษขยะที่ตกลงไปในช่อง ➡️ อาจทำให้เกิดการลัดวงจรหรือไฟฟ้าช็อตได้ https://www.slashgear.com/2005658/never-plug-these-into-car-12v-socket/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Never Plug These 5 Things Into Your Car's 12V Socket - SlashGear
    A car's 12V socket can power so many electronics and accessories. But there are still a few things you shouldn't attempt to put in this socket for your safety.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 110 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดโลกไมโครชิป: นักสะสมเผยภาพภายใน Intel 4004 ชิปโปรแกรมตัวแรกของโลก

    นักสะสมซีพียูนามว่า “CPU Duke” ได้เปิดเผยภาพภายในของ Intel 4004 ชิปไมโครโปรเซสเซอร์ตัวแรกของโลก ที่เปิดตัวเมื่อปี 1971 โดยใช้กล้องจุลทรรศน์สำรวจโครงสร้างภายในระดับนาโน เผยให้เห็นความซับซ้อนของเทคโนโลยีในยุคเริ่มต้นของการประมวลผล

    จุดเด่นของ Intel 4004

    Intel 4004 เป็นชิปขนาด 10,000 นาโนเมตร มีทรานซิสเตอร์จำนวน 2,300 ตัว
    เป็นโปรเซสเซอร์แบบ 4-bit ที่มีความเร็วเพียง 740kHz และใช้แรงดันไฟฟ้าสูงถึง 15V
    รองรับหน่วยความจำสูงสุดเพียง 4KB และสามารถประมวลผลได้ 92,000 คำสั่งต่อวินาที
    ถือเป็นชิปแรกที่สามารถ “โปรแกรมได้” ด้วยซอฟต์แวร์ ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการคอมพิวเตอร์

    CPU Duke ได้รับชิปจากพิพิธภัณฑ์ Entertechnikwelt ในสวิตเซอร์แลนด์ และทำการ “เปิดฝา” เพื่อเผยให้เห็นโครงสร้างภายใน เช่น ลวดเชื่อมภายในและชั้นโพลีซิลิคอนใต้แผ่นโลหะ ซึ่งเขาอ้างว่าสามารถนับทรานซิสเตอร์ได้ทีละตัว

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Intel 4004 เป็นชิปแรกที่สามารถโปรแกรมได้ด้วยซอฟต์แวร์
    มีขนาด 10,000nm และทรานซิสเตอร์ 2,300 ตัว
    ความเร็ว 740kHz และแรงดันไฟฟ้า 15V
    รองรับหน่วยความจำเพียง 4KB
    สามารถประมวลผลได้ 92,000 คำสั่งต่อวินาที
    ถูกออกแบบเพื่อใช้ในเครื่องคิดเลขของ Busicom ก่อนจะกลายเป็นชิปอเนกประสงค์

    การเปิดเผยโดย CPU Duke
    ใช้กล้องจุลทรรศน์สำรวจโครงสร้างภายในของ Intel 4004
    เห็นลวดเชื่อมและโครงสร้างโพลีซิลิคอนอย่างชัดเจน
    ได้รับชิปจากพิพิธภัณฑ์ในสวิตเซอร์แลนด์เพื่อการศึกษา

    ความสำคัญทางประวัติศาสตร์
    Intel 4004 เป็นจุดเริ่มต้นของยุคไมโครโปรเซสเซอร์
    เปลี่ยนแนวคิดจากฮาร์ดแวร์เฉพาะทางเป็นระบบที่สามารถเขียนโปรแกรมได้
    เป็นรากฐานของการพัฒนาชิปในยุคปัจจุบัน

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/cpu-collector-exposes-microscopic-insides-of-intels-revolutionary-4004-chip-10-000nm-chip-was-the-worlds-first-programmable-microchip-processor
    🔬💡 เปิดโลกไมโครชิป: นักสะสมเผยภาพภายใน Intel 4004 ชิปโปรแกรมตัวแรกของโลก นักสะสมซีพียูนามว่า “CPU Duke” ได้เปิดเผยภาพภายในของ Intel 4004 ชิปไมโครโปรเซสเซอร์ตัวแรกของโลก ที่เปิดตัวเมื่อปี 1971 โดยใช้กล้องจุลทรรศน์สำรวจโครงสร้างภายในระดับนาโน เผยให้เห็นความซับซ้อนของเทคโนโลยีในยุคเริ่มต้นของการประมวลผล 🧠 จุดเด่นของ Intel 4004 💠 Intel 4004 เป็นชิปขนาด 10,000 นาโนเมตร มีทรานซิสเตอร์จำนวน 2,300 ตัว 💠 เป็นโปรเซสเซอร์แบบ 4-bit ที่มีความเร็วเพียง 740kHz และใช้แรงดันไฟฟ้าสูงถึง 15V 💠 รองรับหน่วยความจำสูงสุดเพียง 4KB และสามารถประมวลผลได้ 92,000 คำสั่งต่อวินาที 💠 ถือเป็นชิปแรกที่สามารถ “โปรแกรมได้” ด้วยซอฟต์แวร์ ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการคอมพิวเตอร์ CPU Duke ได้รับชิปจากพิพิธภัณฑ์ Entertechnikwelt ในสวิตเซอร์แลนด์ และทำการ “เปิดฝา” เพื่อเผยให้เห็นโครงสร้างภายใน เช่น ลวดเชื่อมภายในและชั้นโพลีซิลิคอนใต้แผ่นโลหะ ซึ่งเขาอ้างว่าสามารถนับทรานซิสเตอร์ได้ทีละตัว ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Intel 4004 เป็นชิปแรกที่สามารถโปรแกรมได้ด้วยซอฟต์แวร์ ➡️ มีขนาด 10,000nm และทรานซิสเตอร์ 2,300 ตัว ➡️ ความเร็ว 740kHz และแรงดันไฟฟ้า 15V ➡️ รองรับหน่วยความจำเพียง 4KB ➡️ สามารถประมวลผลได้ 92,000 คำสั่งต่อวินาที ➡️ ถูกออกแบบเพื่อใช้ในเครื่องคิดเลขของ Busicom ก่อนจะกลายเป็นชิปอเนกประสงค์ ✅ การเปิดเผยโดย CPU Duke ➡️ ใช้กล้องจุลทรรศน์สำรวจโครงสร้างภายในของ Intel 4004 ➡️ เห็นลวดเชื่อมและโครงสร้างโพลีซิลิคอนอย่างชัดเจน ➡️ ได้รับชิปจากพิพิธภัณฑ์ในสวิตเซอร์แลนด์เพื่อการศึกษา ✅ ความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ➡️ Intel 4004 เป็นจุดเริ่มต้นของยุคไมโครโปรเซสเซอร์ ➡️ เปลี่ยนแนวคิดจากฮาร์ดแวร์เฉพาะทางเป็นระบบที่สามารถเขียนโปรแกรมได้ ➡️ เป็นรากฐานของการพัฒนาชิปในยุคปัจจุบัน https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/cpu-collector-exposes-microscopic-insides-of-intels-revolutionary-4004-chip-10-000nm-chip-was-the-worlds-first-programmable-microchip-processor
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 124 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts