• การจัดการทางการเงิน
    ตอนที่ 1.
    .
    ทัศนคติทางการเงินของเราเป็นอย่างไร
    เคยเห็นคนที่ทำธุรกิจกี่ครั้งก็เจ๊ง ทั้งๆที่พยายามแล้วไหมครับ มากมาย
    ที่เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นไม่ใช่เพราะโชคชะตา แต่เป็นเพราะคนเหล่านี้มีจิตวิทยาการเงินไม่ดี หรือพิมพ์เขียวการเงินที่ไม่ดีนั่นเอง
    เวลาคุณสร้างบ้านต้องมีพิมพ์เขียวใช่ไหม ถ้าแบบมันผิดจะสร้างออกมาถูกได้มั้ย ไม่ได้
    แต่ถ้าแบบถูกต่อให้คุณย้ายจังหวัดหรือย้ายประเทศผู้รับเหมาก่อสร้างให้ออกมาตรงตามแบบได้
    การเงินก็เช่นกัน บางคนมีพิมพ์เขียวการเงินที่เบี้ยว ขยันอย่างไรผลลัพธ์ก็ไม่ดี
    ถ้าคุณอยากเปลี่ยนแปลง อยากมีฐานะการเงินที่ดีขึ้น คุณต้องเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับเงินของคุณก่อน
    ปัญหาคือ คนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังมีมุมมองต่อเงินในทางที่ผิด จึงผลักเงิน ออกจากตัวเองตลอดเวลาโดยที่ไม่รู้ตัวๆเเล้วก็สงสัยว่าทำไมยังไม่รวยสักที
    .
    แบบทดสอบ Financial Blueprint
    จงให้คะแนนประโยคเหล่านี้ว่าคุณเห็นด้วยมากน้อยเพียงใด เห็นด้วยอย่างมากให้เต็ม 10 ไม่เห็นด้วยอย่างมากให้ 0 คะแนน
    1. คนรวยโกง
    2. คนรวยโลภ
    3. คนรวยขี้อวด
    4. คนรวยเอาเปรียบ
    5. คนรวยเลว
    แล้วรวมคะแนนเลยครับ
    .
    คะแนนที่ดีควรจะเป็นเท่าไหร่ ต้องเป็น 0 ครับ ถ้าใครไม่เป็น 0 ต้องจัดการเปลี่ยนมุมมองต่อเงินใหม่ทันทีเดี๋ยวนี้เลย คุณอาจเคยเห็นคนรวยโกงคนรวยโลภ คนรวยขี้อวดคนรวยเอาเปรียบหรือคนรวยที่เลวๆมาบ้าง แต่อย่าลืมว่าคนจนที่โลภ โกงและเลวก็มีนะ และในทางกลับกันคนรวยที่ดี แบ่งปันบริจาคช่วยเหลือผู้อื่นเสมอก็มี
    .
    คนรวยที่ใช้ชีวิตสมถะก็มี คนรวยที่ถ่อมตนไม่เคยอวดร่ำอวดรวยก็มี คนรวยที่ซื่อสัตย์ตรงไปตรงมาไม่เคยเอารัดเอาเปรียบใครก็มี คนรวยที่เป็นคนดีก็มีให้เห็นมากมาย ดังนั้นคุณต้องเข้าใจว่าเงินและความรวยไม่ใช่สิ่งที่ทำให้คนกลายเป็นคนไม่ดี
    .
    เงินแค่ขยายตัวตนของคนคนนั้นให้เราเห็นเค้าได้ชัดเจนยิ่งขึ้น คนไม่ดีที่มีเงินเยอะขึ้นเขา สามารถทำสิ่งที่ไม่ดีได้มากขึ้น แต่ถ้าคุณเป็นคนดีที่มีเงินเยอะขึ้น คุณจะ สามารถนำเงินไปสร้างความดีช่วยเหลือผู้คนได้มากขึ้น ความรวยกับความดีไม่เกี่ยวกัน ตอนนี้ถึงเวลาเปลี่ยนพิมพ์เขียวทางการเงินใหม่แล้วครับ ด้วยการหาหลักฐานใหม่มาแทนหลักฐานเก่าแล้วเตรียมตัวรับความเปลี่ยนแปลงฐานะทางการเงิน พร้อมวิธีการกันต่อได้เลย
    .
    สุขภาพการเงินที่ดี
    ถ้าคุณสุขภาพไม่ดีเช่นเป็นมะเร็ง เป็นอัลไซเมอร์คนอื่นก็ต้องมาดูแลคุณ
    เช่นกัน ถ้าพูดมีสุขภาพการเงินไม่ดีคนอื่นก็ต้องเข้ามาช่วยดูแลคุณ ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว เพื่อนรอบตัวหรือประเทศชาติ และถ้ามีคนที่สุขภาพการเงินไม่ดีเยอะๆ สังคมและเศรษฐกิจของประเทศก็อ่อนแอ เงินที่ควรจะนำไปพัฒนาประเทศต้องนำมาช่วยคนที่สุขภาพการเงินไม่ดี แทนที่จะนำเงินนั้นไปพัฒนาประเทศ จากสถิติพบว่าประชากรไทยที่มีอายุเกิน 60 ปี 95% เกษตรไม่ได้เพราะเงินยังไม่พอใช้
    และข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทยพบว่า 98% ของบัญชีเงินฝากของคนไทยมีเงินไม่ถึง หนึ่ง ล้านบาท และมากถึง 87.23% มีเงินฝากไม่ถึง 50,000 บาท
    ตัวเลขเหล่านี้น่าตกใจนะครับเพราะกำลังชี้ให้เห็นว่าสุขภาพการเงินของคนไทยกำลังแย่ ความเหลื่อมล้ำระหว่างคนจนกับคนรวยก็ไม่ได้ห่างกันแบบเส้นขนานนะครับ แต่กำลังห่างกันแบบยกกำลัง และจะยิ่งห่างกันออกไปเรื่อยๆแบบยกกำลังซึ่งจะนำไปสู่ความเหลื่อมล้ำด้านอื่นๆด้วยเช่นการศึกษาการรักษาพยาบาลและนำไปสู่ความขัดแย้งที่มากขึ้นในสังคม
    .
    สมมุติง่ายๆคน สอง คนได้เงินมา หนึ่ง ล้านบาทเท่ากัน
    คนแรกคือคนที่ไม่มีความรู้ทางด้านการเงิน นำเงินไปฝากธนาคารรับดอกเบี้ยปีละ 0.25% - ผ่านไป หนึ่ง ปีได้ดอกเบี้ยเพิ่มมา 2500 บาท แต่อีกคนคือคนรวยที่มีความรู้ทางด้านการเงินได้เงินมา หนึ่ง ล้านเท่ากันเลย นำไปลงทุนในกองทุนดัชนีได้ผลตอบแทนมา 8% ผ่านไป หนึ่ง ปีมีเงินเพิ่ม 80,000 บาท นี่แค่ปีเดียวยังต่างกันขนาดนี้ถ้าเรามาดูกันเป็น 10 ปี 20 ปี ก็จะยิ่งเห็นความแตกต่างมีมากขึ้นทวีคูณ ช่องว่างห่างกันแบบยกกำลัง ความเหลื่อมล้ำมากขึ้น รู้ไม่เท่ากันผลตอบแทนไม่เท่ากันจึงสบายไม่เท่ากัน นี่คือที่มาของความเหลื่อมล้ำและช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวยที่นับวันยิ่งห่างกันออกไป
    .
    สิ่งที่น่าตกใจเรื่องแรกคือคนไทยเป็นหนี้กันเร็วขึ้นเริ่มเป็นหนี้กันตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 20 ปีและกลายเป็นหนี้เสียไปแล้ว 5000 ล้านบาท
    .
    หนี้เสียคืออะไร
    หนี้เสียคือหนี้ที่ไม่สามารถชำระหนี้ได้ 3 งวดหรือ 90 วันขึ้นไป แบบนี้นับเป็นหนี้เสียสิ่งที่น่าตกใจ เรื่องต่อมาคือคนไทยเรามีหนี้เสียเยอะมากค่าเฉลี่ยรวมสูงถึง 16%
    .
    สัดส่วนหนี้เสียจำแนกตามอายุ
    คนไทยช่วงอายุ 20 ถึง 80 ปี ใน 100 คนมีหนี้เสีย 16 คนไม่ สามารถชำระหนี้ได้ภายใน 90 วัน
    คนไทยอายุ 22 ปีใน 100 คนมีหนี้เสียหลักล้านบาท 24 คน
    คนไทยอายุ 31 ปีใน 100 คนมีหนี้เสีย 25 คน
    หมายความว่าคนไทยเดินมา 100 คนเป็นหนี้เสีย 16 คน และที่น่ากังวลคือคนไข้อายุ 22 ปีมีหนี้เสีย 24% คนไทยอายุ 31 ปีมีหนี้เสีย 25% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยและคนกลุ่มนี้คือวัยแห่งความหวังของประเทศเรา แต่สถิติออกมาให้เห็นแบบนี้ก็น่ากังวลว่าอนาคตของประเทศเราจะเป็นอย่างไร
    .
    ปัญหาเงินไม่พอใช้ เกษียณไม่ได้ ความเหลื่อมล้ำและหนี้ในสังคมเราเกิดขึ้นเพราะคนไทยส่วนใหญ่ยังขาดความรู้ที่สำคัญคือ... ความรู้ด้านการเงิน
    .
    คำถามคือทำไมคนส่วนใหญ่จึงขาดความรู้ด้านการเงิน
    หนึ่งในเหตุผลคือความรู้ด้านการเงินที่มีอยู่ ใช้ภาษาที่เข้าใจยาก เมื่อฟังเรื่องการเงินหรืออ่านหนังสือการเงินที่ไร ไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจ คนส่วนใหญ่จึงคิดว่าการเงินเป็นเรื่องยาก ก็เลยไม่อยากจะเรียนรู้ต่อจึงปล่อยหน้าที่นี้ให้นักการเงินดูแล แต่ความจริงแล้วการเงินเป็นเรื่องที่ง่ายและตรงไปตรงมา..
    .
    #สอนการลงทุน #สอนเล่นหุ้น #การลงทุน #หุ้น #ตลาดหุ้น #สอนฟรี #กลุ่มคนเล่นหุ้น #เรียนการลงทุน #เรียนหุ้น #พื้นฐานหุ้น #พื้นฐานการลงทุน #การเงิน #การธนาคาร
    การจัดการทางการเงิน ตอนที่ 1. . ทัศนคติทางการเงินของเราเป็นอย่างไร เคยเห็นคนที่ทำธุรกิจกี่ครั้งก็เจ๊ง ทั้งๆที่พยายามแล้วไหมครับ มากมาย ที่เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นไม่ใช่เพราะโชคชะตา แต่เป็นเพราะคนเหล่านี้มีจิตวิทยาการเงินไม่ดี หรือพิมพ์เขียวการเงินที่ไม่ดีนั่นเอง เวลาคุณสร้างบ้านต้องมีพิมพ์เขียวใช่ไหม ถ้าแบบมันผิดจะสร้างออกมาถูกได้มั้ย ไม่ได้ แต่ถ้าแบบถูกต่อให้คุณย้ายจังหวัดหรือย้ายประเทศผู้รับเหมาก่อสร้างให้ออกมาตรงตามแบบได้ การเงินก็เช่นกัน บางคนมีพิมพ์เขียวการเงินที่เบี้ยว ขยันอย่างไรผลลัพธ์ก็ไม่ดี ถ้าคุณอยากเปลี่ยนแปลง อยากมีฐานะการเงินที่ดีขึ้น คุณต้องเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับเงินของคุณก่อน ปัญหาคือ คนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังมีมุมมองต่อเงินในทางที่ผิด จึงผลักเงิน ออกจากตัวเองตลอดเวลาโดยที่ไม่รู้ตัวๆเเล้วก็สงสัยว่าทำไมยังไม่รวยสักที . แบบทดสอบ Financial Blueprint จงให้คะแนนประโยคเหล่านี้ว่าคุณเห็นด้วยมากน้อยเพียงใด เห็นด้วยอย่างมากให้เต็ม 10 ไม่เห็นด้วยอย่างมากให้ 0 คะแนน 1. คนรวยโกง 2. คนรวยโลภ 3. คนรวยขี้อวด 4. คนรวยเอาเปรียบ 5. คนรวยเลว แล้วรวมคะแนนเลยครับ . คะแนนที่ดีควรจะเป็นเท่าไหร่ ต้องเป็น 0 ครับ ถ้าใครไม่เป็น 0 ต้องจัดการเปลี่ยนมุมมองต่อเงินใหม่ทันทีเดี๋ยวนี้เลย คุณอาจเคยเห็นคนรวยโกงคนรวยโลภ คนรวยขี้อวดคนรวยเอาเปรียบหรือคนรวยที่เลวๆมาบ้าง แต่อย่าลืมว่าคนจนที่โลภ โกงและเลวก็มีนะ และในทางกลับกันคนรวยที่ดี แบ่งปันบริจาคช่วยเหลือผู้อื่นเสมอก็มี . คนรวยที่ใช้ชีวิตสมถะก็มี คนรวยที่ถ่อมตนไม่เคยอวดร่ำอวดรวยก็มี คนรวยที่ซื่อสัตย์ตรงไปตรงมาไม่เคยเอารัดเอาเปรียบใครก็มี คนรวยที่เป็นคนดีก็มีให้เห็นมากมาย ดังนั้นคุณต้องเข้าใจว่าเงินและความรวยไม่ใช่สิ่งที่ทำให้คนกลายเป็นคนไม่ดี . เงินแค่ขยายตัวตนของคนคนนั้นให้เราเห็นเค้าได้ชัดเจนยิ่งขึ้น คนไม่ดีที่มีเงินเยอะขึ้นเขา สามารถทำสิ่งที่ไม่ดีได้มากขึ้น แต่ถ้าคุณเป็นคนดีที่มีเงินเยอะขึ้น คุณจะ สามารถนำเงินไปสร้างความดีช่วยเหลือผู้คนได้มากขึ้น ความรวยกับความดีไม่เกี่ยวกัน ตอนนี้ถึงเวลาเปลี่ยนพิมพ์เขียวทางการเงินใหม่แล้วครับ ด้วยการหาหลักฐานใหม่มาแทนหลักฐานเก่าแล้วเตรียมตัวรับความเปลี่ยนแปลงฐานะทางการเงิน พร้อมวิธีการกันต่อได้เลย . สุขภาพการเงินที่ดี ถ้าคุณสุขภาพไม่ดีเช่นเป็นมะเร็ง เป็นอัลไซเมอร์คนอื่นก็ต้องมาดูแลคุณ เช่นกัน ถ้าพูดมีสุขภาพการเงินไม่ดีคนอื่นก็ต้องเข้ามาช่วยดูแลคุณ ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว เพื่อนรอบตัวหรือประเทศชาติ และถ้ามีคนที่สุขภาพการเงินไม่ดีเยอะๆ สังคมและเศรษฐกิจของประเทศก็อ่อนแอ เงินที่ควรจะนำไปพัฒนาประเทศต้องนำมาช่วยคนที่สุขภาพการเงินไม่ดี แทนที่จะนำเงินนั้นไปพัฒนาประเทศ จากสถิติพบว่าประชากรไทยที่มีอายุเกิน 60 ปี 95% เกษตรไม่ได้เพราะเงินยังไม่พอใช้ และข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทยพบว่า 98% ของบัญชีเงินฝากของคนไทยมีเงินไม่ถึง หนึ่ง ล้านบาท และมากถึง 87.23% มีเงินฝากไม่ถึง 50,000 บาท ตัวเลขเหล่านี้น่าตกใจนะครับเพราะกำลังชี้ให้เห็นว่าสุขภาพการเงินของคนไทยกำลังแย่ ความเหลื่อมล้ำระหว่างคนจนกับคนรวยก็ไม่ได้ห่างกันแบบเส้นขนานนะครับ แต่กำลังห่างกันแบบยกกำลัง และจะยิ่งห่างกันออกไปเรื่อยๆแบบยกกำลังซึ่งจะนำไปสู่ความเหลื่อมล้ำด้านอื่นๆด้วยเช่นการศึกษาการรักษาพยาบาลและนำไปสู่ความขัดแย้งที่มากขึ้นในสังคม . สมมุติง่ายๆคน สอง คนได้เงินมา หนึ่ง ล้านบาทเท่ากัน คนแรกคือคนที่ไม่มีความรู้ทางด้านการเงิน นำเงินไปฝากธนาคารรับดอกเบี้ยปีละ 0.25% - ผ่านไป หนึ่ง ปีได้ดอกเบี้ยเพิ่มมา 2500 บาท แต่อีกคนคือคนรวยที่มีความรู้ทางด้านการเงินได้เงินมา หนึ่ง ล้านเท่ากันเลย นำไปลงทุนในกองทุนดัชนีได้ผลตอบแทนมา 8% ผ่านไป หนึ่ง ปีมีเงินเพิ่ม 80,000 บาท นี่แค่ปีเดียวยังต่างกันขนาดนี้ถ้าเรามาดูกันเป็น 10 ปี 20 ปี ก็จะยิ่งเห็นความแตกต่างมีมากขึ้นทวีคูณ ช่องว่างห่างกันแบบยกกำลัง ความเหลื่อมล้ำมากขึ้น รู้ไม่เท่ากันผลตอบแทนไม่เท่ากันจึงสบายไม่เท่ากัน นี่คือที่มาของความเหลื่อมล้ำและช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวยที่นับวันยิ่งห่างกันออกไป . สิ่งที่น่าตกใจเรื่องแรกคือคนไทยเป็นหนี้กันเร็วขึ้นเริ่มเป็นหนี้กันตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 20 ปีและกลายเป็นหนี้เสียไปแล้ว 5000 ล้านบาท . หนี้เสียคืออะไร หนี้เสียคือหนี้ที่ไม่สามารถชำระหนี้ได้ 3 งวดหรือ 90 วันขึ้นไป แบบนี้นับเป็นหนี้เสียสิ่งที่น่าตกใจ เรื่องต่อมาคือคนไทยเรามีหนี้เสียเยอะมากค่าเฉลี่ยรวมสูงถึง 16% . สัดส่วนหนี้เสียจำแนกตามอายุ คนไทยช่วงอายุ 20 ถึง 80 ปี ใน 100 คนมีหนี้เสีย 16 คนไม่ สามารถชำระหนี้ได้ภายใน 90 วัน คนไทยอายุ 22 ปีใน 100 คนมีหนี้เสียหลักล้านบาท 24 คน คนไทยอายุ 31 ปีใน 100 คนมีหนี้เสีย 25 คน หมายความว่าคนไทยเดินมา 100 คนเป็นหนี้เสีย 16 คน และที่น่ากังวลคือคนไข้อายุ 22 ปีมีหนี้เสีย 24% คนไทยอายุ 31 ปีมีหนี้เสีย 25% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยและคนกลุ่มนี้คือวัยแห่งความหวังของประเทศเรา แต่สถิติออกมาให้เห็นแบบนี้ก็น่ากังวลว่าอนาคตของประเทศเราจะเป็นอย่างไร . ปัญหาเงินไม่พอใช้ เกษียณไม่ได้ ความเหลื่อมล้ำและหนี้ในสังคมเราเกิดขึ้นเพราะคนไทยส่วนใหญ่ยังขาดความรู้ที่สำคัญคือ... ความรู้ด้านการเงิน . คำถามคือทำไมคนส่วนใหญ่จึงขาดความรู้ด้านการเงิน หนึ่งในเหตุผลคือความรู้ด้านการเงินที่มีอยู่ ใช้ภาษาที่เข้าใจยาก เมื่อฟังเรื่องการเงินหรืออ่านหนังสือการเงินที่ไร ไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจ คนส่วนใหญ่จึงคิดว่าการเงินเป็นเรื่องยาก ก็เลยไม่อยากจะเรียนรู้ต่อจึงปล่อยหน้าที่นี้ให้นักการเงินดูแล แต่ความจริงแล้วการเงินเป็นเรื่องที่ง่ายและตรงไปตรงมา.. . #สอนการลงทุน #สอนเล่นหุ้น #การลงทุน #หุ้น #ตลาดหุ้น #สอนฟรี #กลุ่มคนเล่นหุ้น #เรียนการลงทุน #เรียนหุ้น #พื้นฐานหุ้น #พื้นฐานการลงทุน #การเงิน #การธนาคาร
    0 Comments 0 Shares 11 Views 0 Reviews