• บทความนี้พูดถึงการก้าวเข้าสู่ยุคของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งเต็มไปด้วยโอกาสสำหรับทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและผู้ที่มีความเข้าใจในธุรกิจ โดยมีสองเส้นทางหลักที่ผู้คนสามารถเลือกเดินได้ ได้แก่ การสร้าง AI หรือการนำ AI มาช่วยสร้างธุรกิจของตัวเอง

    ในแง่ของการทำงานด้านเทคนิค ผู้เชี่ยวชาญด้าน IT สามารถใช้เครื่องมืออย่าง GitHub Copilot หรือ DALL-E เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และควรพัฒนาทักษะในการกำหนดคำสั่ง (prompt engineering) เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีคุณภาพสูงสุดจาก AI ในขณะที่สำหรับผู้ที่อยู่ในสายงานธุรกิจ จำเป็นต้องเข้าใจการทำงานของ AI และวิธีการปรับใช้ให้เหมาะสมกับความต้องการของอุตสาหกรรม เพื่อเสริมสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจ

    ที่น่าสนใจคือการผสมผสานระหว่างความรู้ด้านเทคโนโลยีกับความเข้าใจในธุรกิจ ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการอย่างมากในปัจจุบัน องค์กรต่าง ๆ กำลังมองหาคนที่มีความสามารถทั้งสองด้านเพื่อช่วยให้ธุรกิจเติบโต

    มีข้อแนะนำสำหรับผู้เชี่ยวชาญในสองสายงานดังนี้:
    1) สำหรับสายเทคนิค: เรียนรู้พื้นฐานของ AI ฝึกฝนทักษะการเขียนคำสั่ง และทดลองใช้เครื่องมือใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง
    2) สำหรับสายธุรกิจ: ศึกษาการประยุกต์ใช้ AI ในอุตสาหกรรมของตัวเอง เข้าใจพฤติกรรมผู้ใช้งาน และเรียนรู้วิธีการทำให้ผลิตภัณฑ์ของตัวเองโดดเด่นในตลาด

    เป็นที่ชัดเจนว่า AI ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือที่สร้างความสะดวกสบายในชีวิตประจำวัน แต่ยังเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยปลดล็อกศักยภาพทางอาชีพและธุรกิจในยุคใหม่ที่กำลังมาถึง

    https://www.zdnet.com/article/want-to-win-in-the-age-of-ai-you-can-either-build-it-or-build-your-business-with-it/
    บทความนี้พูดถึงการก้าวเข้าสู่ยุคของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งเต็มไปด้วยโอกาสสำหรับทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและผู้ที่มีความเข้าใจในธุรกิจ โดยมีสองเส้นทางหลักที่ผู้คนสามารถเลือกเดินได้ ได้แก่ การสร้าง AI หรือการนำ AI มาช่วยสร้างธุรกิจของตัวเอง ในแง่ของการทำงานด้านเทคนิค ผู้เชี่ยวชาญด้าน IT สามารถใช้เครื่องมืออย่าง GitHub Copilot หรือ DALL-E เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และควรพัฒนาทักษะในการกำหนดคำสั่ง (prompt engineering) เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีคุณภาพสูงสุดจาก AI ในขณะที่สำหรับผู้ที่อยู่ในสายงานธุรกิจ จำเป็นต้องเข้าใจการทำงานของ AI และวิธีการปรับใช้ให้เหมาะสมกับความต้องการของอุตสาหกรรม เพื่อเสริมสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจ ที่น่าสนใจคือการผสมผสานระหว่างความรู้ด้านเทคโนโลยีกับความเข้าใจในธุรกิจ ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการอย่างมากในปัจจุบัน องค์กรต่าง ๆ กำลังมองหาคนที่มีความสามารถทั้งสองด้านเพื่อช่วยให้ธุรกิจเติบโต มีข้อแนะนำสำหรับผู้เชี่ยวชาญในสองสายงานดังนี้: 1) สำหรับสายเทคนิค: เรียนรู้พื้นฐานของ AI ฝึกฝนทักษะการเขียนคำสั่ง และทดลองใช้เครื่องมือใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง 2) สำหรับสายธุรกิจ: ศึกษาการประยุกต์ใช้ AI ในอุตสาหกรรมของตัวเอง เข้าใจพฤติกรรมผู้ใช้งาน และเรียนรู้วิธีการทำให้ผลิตภัณฑ์ของตัวเองโดดเด่นในตลาด เป็นที่ชัดเจนว่า AI ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือที่สร้างความสะดวกสบายในชีวิตประจำวัน แต่ยังเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยปลดล็อกศักยภาพทางอาชีพและธุรกิจในยุคใหม่ที่กำลังมาถึง https://www.zdnet.com/article/want-to-win-in-the-age-of-ai-you-can-either-build-it-or-build-your-business-with-it/
    WWW.ZDNET.COM
    Want to win in the age of AI? You can either build it or build your business with it
    In-depth knowledge of generative AI is in high demand - and the need for technical chops and business savvy is converging
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 16 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักพัฒนาหน้าใหม่จำนวนมากเริ่มพึ่งพา AI ในการเขียนโค้ดมากขึ้น ซึ่งทำให้ความสามารถในการเข้าใจและแก้ไขปัญหาของพวกเขาลดลง ซึ่งสร้างความกังวลในวงการเทคโนโลยี

    จากการรายงานของ Futurism.comโดย Namanyay Goel นักพัฒนาที่มีประสบการณ์ เขาได้กล่าวว่านักพัฒนาหน้าใหม่ที่เขาได้พูดคุยด้วยนั้นขาดความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับโค้ดที่พวกเขาเขียน “นักพัฒนารุ่นใหม่นี้ใช้ Copilot, Claude หรือ GPT ตลอดเวลา พวกเขาส่งโค้ดได้เร็วขึ้นกว่าเดิม แต่ถ้าถามว่าทำไมโค้ดถึงทำงานแบบนี้แทนที่จะเป็นแบบอื่น พวกเขาเงียบกริบ” Goel กล่าว

    Goel ยังเสริมอีกว่าความรู้พื้นฐานที่เคยได้จากการต่อสู้กับปัญหาได้หายไป โดยเขากังวลว่าเมื่อมีปัญหาที่ซับซ้อน นักพัฒนาที่พึ่งพา AI มากเกินไปอาจไม่สามารถเข้าใจและแก้ไขได้

    ปัญหานี้ไม่ได้จำกัดเฉพาะการเขียนโค้ดเท่านั้น ในขณะที่ AI มีความสามารถมากขึ้น บริษัทเล็ก ๆ อาจถูกล่อลวงให้นำ AI มาใช้เติมช่องว่างทักษะในทีมงาน แทนที่จะจ้างผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์

    Goel สรุปประเด็นนี้ไว้ในประโยคเดียวว่า “เราต้องซื่อสัตย์กับสิ่งที่เรายอมเสียไปเพื่อความสะดวกสบาย” นี่เป็นการเตือนให้ผู้ประกอบการและผู้จัดการคำนึงถึงคุณค่าของผู้เชี่ยวชาญในทีม และมั่นใจว่านักพัฒนารุ่นใหม่เข้าใจทฤษฎีพื้นฐานของงานที่ทำอยู่

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/04/a-new-ai-worry-many-young-coders-no-longer-know-how-their-code-really-works
    นักพัฒนาหน้าใหม่จำนวนมากเริ่มพึ่งพา AI ในการเขียนโค้ดมากขึ้น ซึ่งทำให้ความสามารถในการเข้าใจและแก้ไขปัญหาของพวกเขาลดลง ซึ่งสร้างความกังวลในวงการเทคโนโลยี จากการรายงานของ Futurism.comโดย Namanyay Goel นักพัฒนาที่มีประสบการณ์ เขาได้กล่าวว่านักพัฒนาหน้าใหม่ที่เขาได้พูดคุยด้วยนั้นขาดความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับโค้ดที่พวกเขาเขียน “นักพัฒนารุ่นใหม่นี้ใช้ Copilot, Claude หรือ GPT ตลอดเวลา พวกเขาส่งโค้ดได้เร็วขึ้นกว่าเดิม แต่ถ้าถามว่าทำไมโค้ดถึงทำงานแบบนี้แทนที่จะเป็นแบบอื่น พวกเขาเงียบกริบ” Goel กล่าว Goel ยังเสริมอีกว่าความรู้พื้นฐานที่เคยได้จากการต่อสู้กับปัญหาได้หายไป โดยเขากังวลว่าเมื่อมีปัญหาที่ซับซ้อน นักพัฒนาที่พึ่งพา AI มากเกินไปอาจไม่สามารถเข้าใจและแก้ไขได้ ปัญหานี้ไม่ได้จำกัดเฉพาะการเขียนโค้ดเท่านั้น ในขณะที่ AI มีความสามารถมากขึ้น บริษัทเล็ก ๆ อาจถูกล่อลวงให้นำ AI มาใช้เติมช่องว่างทักษะในทีมงาน แทนที่จะจ้างผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ Goel สรุปประเด็นนี้ไว้ในประโยคเดียวว่า “เราต้องซื่อสัตย์กับสิ่งที่เรายอมเสียไปเพื่อความสะดวกสบาย” นี่เป็นการเตือนให้ผู้ประกอบการและผู้จัดการคำนึงถึงคุณค่าของผู้เชี่ยวชาญในทีม และมั่นใจว่านักพัฒนารุ่นใหม่เข้าใจทฤษฎีพื้นฐานของงานที่ทำอยู่ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/04/a-new-ai-worry-many-young-coders-no-longer-know-how-their-code-really-works
    WWW.THESTAR.COM.MY
    A new AI worry: Many young coders no longer know how their code really works
    Research recently showed that using AI may impact workers' long term critical thinking powers. Another alarm bell raises worries that overreliance on AI to help write code will also have a long-term on the workplace.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 103 มุมมอง 0 รีวิว
  • ASUS ได้เปิดตัว ExpertCenter PN54 ซึ่งเป็นมินิพีซี Copilot+ ที่ใช้หน่วยประมวลผล AMD Ryzen AI 300 Series โดยการ์ดกราฟิก AMD Radeon ก็มาพร้อมกับพีซีรุ่นนี้ด้วย

    ExpertCenter PN54 ออกแบบมาเพื่อรองรับการทำงานที่ต้องใช้ข้อมูลมากและแอปพลิเคชันที่ใช้ AI เช่น การสร้างเนื้อหาด้วย AI การคอมไพล์โค้ด การวิเคราะห์ข้อมูล และการประชุม ด้วยหน่วยประมวลผล AMD Ryzen AI 300 Series รุ่นใหม่ที่มีแรมในชิปเพิ่มขึ้นถึง 50% และใช้เทคโนโลยี AMD Zen 5 ที่ออกแบบมาจากหน่วยประมวลผลเดสก์ท็อป ทำให้พีซีนี้มีประสิทธิภาพสูงและรองรับการทำงานที่หลากหลาย

    นอกจากนี้ ExpertCenter PN54 ยังมีการเชื่อมต่อที่ครอบคลุมมาก เช่น WiFi 7, Bluetooth 5.4, และพอร์ต USB ถึง 6 พอร์ต รวมถึงยังรองรับการแสดงผลถึง 4 หน้าจอ 4K ทำให้การใช้งานในพื้นที่จำกัดหรือการเชื่อมต่ออุปกรณ์หลายตัวสามารถทำได้ง่ายขึ้น

    จุดเด่นคือคุณสมบัติ AI ของ Copilot+ ที่สามารถทำงานต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว เช่น การค้นหาข้อความและอีเมลเก่า การแปลคำบรรยายแบบเรียลไทม์ถึง 44 ภาษา และการสร้างงานศิลปะกราฟิกด้วยการพิมพ์คำสั่งง่าย ๆ คุณสมบัติเหล่านี้สามารถเปิดใช้งานได้ผ่านปุ่ม Copilot หรือใช้คำสั่งเสียงผ่านลำโพงและไมโครโฟนในตัว

    ที่น่าสนใจคือ ExpertCenter PN54 มีการออกแบบที่แข็งแรงทนทานและผ่านการทดสอบความคงทนในสภาพแวดล้อมต่าง ๆ อย่างเข้มงวด รวมถึงยังมีระบบความปลอดภัยที่ทันสมัย เช่น การล็อกอินด้วยลายนิ้วมือและเทคโนโลยี Trusted Platform Module (TPM) เพื่อป้องกันการเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาตและการปกป้องข้อมูลสำคัญ

    https://www.techpowerup.com/333490/asus-intros-expertcenter-pn54-copilot-mini-pc-with-amd-ryzen-ai-300-series-processors
    ASUS ได้เปิดตัว ExpertCenter PN54 ซึ่งเป็นมินิพีซี Copilot+ ที่ใช้หน่วยประมวลผล AMD Ryzen AI 300 Series โดยการ์ดกราฟิก AMD Radeon ก็มาพร้อมกับพีซีรุ่นนี้ด้วย ExpertCenter PN54 ออกแบบมาเพื่อรองรับการทำงานที่ต้องใช้ข้อมูลมากและแอปพลิเคชันที่ใช้ AI เช่น การสร้างเนื้อหาด้วย AI การคอมไพล์โค้ด การวิเคราะห์ข้อมูล และการประชุม ด้วยหน่วยประมวลผล AMD Ryzen AI 300 Series รุ่นใหม่ที่มีแรมในชิปเพิ่มขึ้นถึง 50% และใช้เทคโนโลยี AMD Zen 5 ที่ออกแบบมาจากหน่วยประมวลผลเดสก์ท็อป ทำให้พีซีนี้มีประสิทธิภาพสูงและรองรับการทำงานที่หลากหลาย นอกจากนี้ ExpertCenter PN54 ยังมีการเชื่อมต่อที่ครอบคลุมมาก เช่น WiFi 7, Bluetooth 5.4, และพอร์ต USB ถึง 6 พอร์ต รวมถึงยังรองรับการแสดงผลถึง 4 หน้าจอ 4K ทำให้การใช้งานในพื้นที่จำกัดหรือการเชื่อมต่ออุปกรณ์หลายตัวสามารถทำได้ง่ายขึ้น จุดเด่นคือคุณสมบัติ AI ของ Copilot+ ที่สามารถทำงานต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว เช่น การค้นหาข้อความและอีเมลเก่า การแปลคำบรรยายแบบเรียลไทม์ถึง 44 ภาษา และการสร้างงานศิลปะกราฟิกด้วยการพิมพ์คำสั่งง่าย ๆ คุณสมบัติเหล่านี้สามารถเปิดใช้งานได้ผ่านปุ่ม Copilot หรือใช้คำสั่งเสียงผ่านลำโพงและไมโครโฟนในตัว ที่น่าสนใจคือ ExpertCenter PN54 มีการออกแบบที่แข็งแรงทนทานและผ่านการทดสอบความคงทนในสภาพแวดล้อมต่าง ๆ อย่างเข้มงวด รวมถึงยังมีระบบความปลอดภัยที่ทันสมัย เช่น การล็อกอินด้วยลายนิ้วมือและเทคโนโลยี Trusted Platform Module (TPM) เพื่อป้องกันการเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาตและการปกป้องข้อมูลสำคัญ https://www.techpowerup.com/333490/asus-intros-expertcenter-pn54-copilot-mini-pc-with-amd-ryzen-ai-300-series-processors
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    ASUS Intros ExpertCenter PN54 Copilot+ mini PC with AMD Ryzen AI 300 Series Processors
    ASUS today announced ExpertCenter PN54, a high-performance Copilot+ mini PC powered by AMD Ryzen AI 300 Series processors and AMD Radeon graphics. ExpertCenter PN54 offers extensive connectivity, including WiFi 7 and Bluetooth 5.4, and is able to support up to four 4K displays. This mini PC enables ...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 152 มุมมอง 0 รีวิว
  • วิเคราะห์สถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น และคำแนะนำที่เป็นรูปธรรมสำหรับการเตรียมตัวรับมือยุคใหม่

    ---

    1. วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก (Deep Analysis)

    สิ่งที่คุณวิเคราะห์มานั้นมีความเป็นไปได้สูง และสอดคล้องกับแนวโน้มที่เกิดขึ้นในโลกปัจจุบัน (AI, Automation, Digitalization, และการเปลี่ยนผ่านของเศรษฐกิจโลก) นี่คือมุมมองที่ลึกขึ้นสำหรับแต่ละประเด็น

    1.1 ธุรกิจเก่าจะล่มสลาย - แรงงานตกงานเป็นจำนวนมาก

    Real Data: ยอดขายของธุรกิจดั้งเดิมลดลงจริง และอัตราการปิดกิจการเพิ่มขึ้น

    AI Disruption: AI และ Automation แทนที่แรงงานที่ไร้ทักษะ คนที่ไม่ Reskill จะตกงานแน่นอน

    Middle-Class Crisis: รายได้ชนชั้นกลางถูกกดดัน หนี้สินครัวเรือนสูงขึ้น

    → การเตรียมตัว:
    ✅ Upskill & Reskill อย่างต่อเนื่อง
    ✅ พัฒนาอาชีพทางเลือก (Freelance, Online Business, Tech Skills)
    ✅ วางแผนการเงินแบบอนุรักษ์นิยม (ลดหนี้, สร้าง Passive Income)

    ---

    1.2 ธุรกิจยุคใหม่จะถูกขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี

    Tech-Driven Economy: คนที่เก่งเทคโนโลยีจะเป็นกลุ่มที่มั่งคั่ง

    Job Market Shift: สายงานดั้งเดิมหดตัว แต่สายงาน Tech, Data Science, AI, และ Digital Business จะเติบโต

    New Wealth Creation: คนทำงานออนไลน์จะมีโอกาสสร้างความมั่งคั่งได้ง่ายขึ้น

    → การเตรียมตัว:
    ✅ ฝึก Coding, Data Analysis, Blockchain, Digital Marketing
    ✅ เรียนรู้ AI Tools (ChatGPT, MidJourney, Copilot, Automation Tools)
    ✅ สร้างรายได้จาก Gig Economy, Online Business, Digital Assets

    ---

    1.3 ภาษาอังกฤษ, คอมพิวเตอร์, เทรดดิ้ง, และสุขภาพจิตเป็นทักษะจำเป็น

    Linguistic Economy: คนที่สื่อสารได้หลายภาษา (โดยเฉพาะอังกฤษ) ได้เปรียบ

    Financial Intelligence: การเทรดหุ้น, สินค้าโภคภัณฑ์, Crypto จะเป็นทางเลือกของคนฉลาดด้านการเงิน

    Mental Health Crisis: คนที่ปรับตัวไม่ได้จะเกิดภาวะเครียดและซึมเศร้า

    → การเตรียมตัว:
    ✅ ฝึก ภาษาอังกฤษ + ภาษาที่สาม (จีน/สเปน/ญี่ปุ่น/เยอรมัน)
    ✅ เรียน พื้นฐานการลงทุน, Financial Literacy, Asset Allocation
    ✅ ฝึก สมาธิ, Mental Resilience, Self-Healing Skills

    ---

    1.4 ร้านค้าออฟไลน์ล้มหาย ธุรกิจออนไลน์ครองเมือง

    Retail Apocalypse: ร้านค้าที่มีหน้าร้านจะลดลง 60-80%

    E-Commerce Dominance: Shopee, Lazada, Amazon, TikTok Shop จะเป็นช่องทางหลักของการค้า

    → การเตรียมตัว:
    ✅ ทำธุรกิจออนไลน์ให้เป็น (E-Commerce, Digital Marketing, Dropshipping, Affiliate, Influencer Economy)
    ✅ ลงทุนในโลจิสติกส์ & AI-driven Sales

    ---

    1.5 คนรวยยิ่งรวยขึ้น คนจนจะยิ่งจนลง

    Wealth Inequality: 1% ของประชากรโลกถือครองทรัพย์สิน 90% ของโลก

    Rich Get Richer: คนที่เข้าใจการลงทุนจะเพิ่มทรัพย์สินได้มหาศาล

    Poor Get Poorer: คนที่ไม่มี Financial Literacy จะจมอยู่กับหนี้

    → การเตรียมตัว:
    ✅ ศึกษาและลงทุนในสินทรัพย์ที่สร้าง Passive Income
    ✅ หลีกเลี่ยงหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Bad Debt)
    ✅ สร้าง Mindset แบบเจ้าของกิจการ (Owner Mindset vs. Employee Mindset)

    ---

    1.6 คนจำนวนมากจะหนีความจริงไปอยู่ในวัดและโลกเสมือน

    Spiritual Escapism: คนที่รับมือกับความเปลี่ยนแปลงไม่ได้จะเลือกอยู่กับศาสนาหรือ Metaverse

    Virtual Reality Economy: การใช้ชีวิตใน Metaverse และ Virtual Work จะกลายเป็นกระแสหลัก

    → การเตรียมตัว:
    ✅ ทำความเข้าใจ Digital Economy และ Virtual Business Models
    ✅ ฝึกทักษะ Mindfulness + Resilience ให้รับมือกับความเปลี่ยนแปลงได้

    ---

    1.7 คนจะวิพากษ์วิจารณ์มากขึ้น สังคมปั่นป่วน

    Social Discontent: ความเหลื่อมล้ำสูงทำให้เกิดความไม่พอใจ

    Cancel Culture & Digital Mobs: สังคมออนไลน์จะดุเดือดขึ้น

    Political & Economic Shifts: อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในหลายประเทศ

    → การเตรียมตัว:
    ✅ เป็นนักคิดเชิงวิพากษ์ (Critical Thinker) อย่าโดนชักจูงง่ายๆ
    ✅ บริหารความเสี่ยงการลงทุน และไม่ขึ้นกับประเทศเดียว
    ✅ รักษาความเป็นกลาง & มองเกมระยะยาว

    ---

    2. แผนการเตรียมตัวสำหรับยุคใหม่

    ✅ 3 สิ่งที่ต้องทำทันที

    1. ลงทุนในตัวเอง (Tech Skills, Financial Literacy, Global Mindset)

    2. สร้างรายได้หลายทาง (Online Income, Passive Income, Investing)

    3. รักษาสุขภาพกาย-ใจ (Mental Health, Meditation, Longevity Science)

    ⚠️ 3 สิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยง

    1. การเป็นหนี้เพื่อบริโภค (เน้นลงทุน ไม่ใช่ใช้จ่ายเกินตัว)

    2. อาศัยเพียงรายได้ทางเดียว (กระจายความเสี่ยงให้หลากหลาย)

    3. คิดแบบเดิมๆ ในโลกที่เปลี่ยนไป (Open-minded, Adaptive, Resilient)

    ---

    3. คำแนะนำจาก Mentor

    1️⃣ Be Ahead of the Curve

    คนที่อ่านเกมออกเร็วจะได้เปรียบ ถ้าคุณเริ่มปรับตัวตั้งแต่วันนี้ คุณจะเป็น First Mover ในยุคใหม่

    2️⃣ Invest in High-Leverage Skills

    คนที่เก่ง AI, Automation, Financial Literacy, และ Digital Business จะอยู่รอดและรุ่งเรือง

    3️⃣ Own Assets, Not Just Earn Money

    อย่าทำงานเพื่อเงิน แต่ให้เงินทำงานแทนคุณ (Asset Mindset)

    4️⃣ Stay Mentally & Physically Fit

    คนที่รอดคือคนที่แข็งแกร่งทั้งร่างกายและจิตใจ

    5️⃣ Build Multiple Income Streams

    รายได้เดียว = ความเสี่ยงสูง ต้องมี Passive Income & Location-Independent Income
    วิเคราะห์สถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น และคำแนะนำที่เป็นรูปธรรมสำหรับการเตรียมตัวรับมือยุคใหม่ --- 1. วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก (Deep Analysis) สิ่งที่คุณวิเคราะห์มานั้นมีความเป็นไปได้สูง และสอดคล้องกับแนวโน้มที่เกิดขึ้นในโลกปัจจุบัน (AI, Automation, Digitalization, และการเปลี่ยนผ่านของเศรษฐกิจโลก) นี่คือมุมมองที่ลึกขึ้นสำหรับแต่ละประเด็น 1.1 ธุรกิจเก่าจะล่มสลาย - แรงงานตกงานเป็นจำนวนมาก Real Data: ยอดขายของธุรกิจดั้งเดิมลดลงจริง และอัตราการปิดกิจการเพิ่มขึ้น AI Disruption: AI และ Automation แทนที่แรงงานที่ไร้ทักษะ คนที่ไม่ Reskill จะตกงานแน่นอน Middle-Class Crisis: รายได้ชนชั้นกลางถูกกดดัน หนี้สินครัวเรือนสูงขึ้น → การเตรียมตัว: ✅ Upskill & Reskill อย่างต่อเนื่อง ✅ พัฒนาอาชีพทางเลือก (Freelance, Online Business, Tech Skills) ✅ วางแผนการเงินแบบอนุรักษ์นิยม (ลดหนี้, สร้าง Passive Income) --- 1.2 ธุรกิจยุคใหม่จะถูกขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี Tech-Driven Economy: คนที่เก่งเทคโนโลยีจะเป็นกลุ่มที่มั่งคั่ง Job Market Shift: สายงานดั้งเดิมหดตัว แต่สายงาน Tech, Data Science, AI, และ Digital Business จะเติบโต New Wealth Creation: คนทำงานออนไลน์จะมีโอกาสสร้างความมั่งคั่งได้ง่ายขึ้น → การเตรียมตัว: ✅ ฝึก Coding, Data Analysis, Blockchain, Digital Marketing ✅ เรียนรู้ AI Tools (ChatGPT, MidJourney, Copilot, Automation Tools) ✅ สร้างรายได้จาก Gig Economy, Online Business, Digital Assets --- 1.3 ภาษาอังกฤษ, คอมพิวเตอร์, เทรดดิ้ง, และสุขภาพจิตเป็นทักษะจำเป็น Linguistic Economy: คนที่สื่อสารได้หลายภาษา (โดยเฉพาะอังกฤษ) ได้เปรียบ Financial Intelligence: การเทรดหุ้น, สินค้าโภคภัณฑ์, Crypto จะเป็นทางเลือกของคนฉลาดด้านการเงิน Mental Health Crisis: คนที่ปรับตัวไม่ได้จะเกิดภาวะเครียดและซึมเศร้า → การเตรียมตัว: ✅ ฝึก ภาษาอังกฤษ + ภาษาที่สาม (จีน/สเปน/ญี่ปุ่น/เยอรมัน) ✅ เรียน พื้นฐานการลงทุน, Financial Literacy, Asset Allocation ✅ ฝึก สมาธิ, Mental Resilience, Self-Healing Skills --- 1.4 ร้านค้าออฟไลน์ล้มหาย ธุรกิจออนไลน์ครองเมือง Retail Apocalypse: ร้านค้าที่มีหน้าร้านจะลดลง 60-80% E-Commerce Dominance: Shopee, Lazada, Amazon, TikTok Shop จะเป็นช่องทางหลักของการค้า → การเตรียมตัว: ✅ ทำธุรกิจออนไลน์ให้เป็น (E-Commerce, Digital Marketing, Dropshipping, Affiliate, Influencer Economy) ✅ ลงทุนในโลจิสติกส์ & AI-driven Sales --- 1.5 คนรวยยิ่งรวยขึ้น คนจนจะยิ่งจนลง Wealth Inequality: 1% ของประชากรโลกถือครองทรัพย์สิน 90% ของโลก Rich Get Richer: คนที่เข้าใจการลงทุนจะเพิ่มทรัพย์สินได้มหาศาล Poor Get Poorer: คนที่ไม่มี Financial Literacy จะจมอยู่กับหนี้ → การเตรียมตัว: ✅ ศึกษาและลงทุนในสินทรัพย์ที่สร้าง Passive Income ✅ หลีกเลี่ยงหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Bad Debt) ✅ สร้าง Mindset แบบเจ้าของกิจการ (Owner Mindset vs. Employee Mindset) --- 1.6 คนจำนวนมากจะหนีความจริงไปอยู่ในวัดและโลกเสมือน Spiritual Escapism: คนที่รับมือกับความเปลี่ยนแปลงไม่ได้จะเลือกอยู่กับศาสนาหรือ Metaverse Virtual Reality Economy: การใช้ชีวิตใน Metaverse และ Virtual Work จะกลายเป็นกระแสหลัก → การเตรียมตัว: ✅ ทำความเข้าใจ Digital Economy และ Virtual Business Models ✅ ฝึกทักษะ Mindfulness + Resilience ให้รับมือกับความเปลี่ยนแปลงได้ --- 1.7 คนจะวิพากษ์วิจารณ์มากขึ้น สังคมปั่นป่วน Social Discontent: ความเหลื่อมล้ำสูงทำให้เกิดความไม่พอใจ Cancel Culture & Digital Mobs: สังคมออนไลน์จะดุเดือดขึ้น Political & Economic Shifts: อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในหลายประเทศ → การเตรียมตัว: ✅ เป็นนักคิดเชิงวิพากษ์ (Critical Thinker) อย่าโดนชักจูงง่ายๆ ✅ บริหารความเสี่ยงการลงทุน และไม่ขึ้นกับประเทศเดียว ✅ รักษาความเป็นกลาง & มองเกมระยะยาว --- 2. แผนการเตรียมตัวสำหรับยุคใหม่ ✅ 3 สิ่งที่ต้องทำทันที 1. ลงทุนในตัวเอง (Tech Skills, Financial Literacy, Global Mindset) 2. สร้างรายได้หลายทาง (Online Income, Passive Income, Investing) 3. รักษาสุขภาพกาย-ใจ (Mental Health, Meditation, Longevity Science) ⚠️ 3 สิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยง 1. การเป็นหนี้เพื่อบริโภค (เน้นลงทุน ไม่ใช่ใช้จ่ายเกินตัว) 2. อาศัยเพียงรายได้ทางเดียว (กระจายความเสี่ยงให้หลากหลาย) 3. คิดแบบเดิมๆ ในโลกที่เปลี่ยนไป (Open-minded, Adaptive, Resilient) --- 3. คำแนะนำจาก Mentor 1️⃣ Be Ahead of the Curve คนที่อ่านเกมออกเร็วจะได้เปรียบ ถ้าคุณเริ่มปรับตัวตั้งแต่วันนี้ คุณจะเป็น First Mover ในยุคใหม่ 2️⃣ Invest in High-Leverage Skills คนที่เก่ง AI, Automation, Financial Literacy, และ Digital Business จะอยู่รอดและรุ่งเรือง 3️⃣ Own Assets, Not Just Earn Money อย่าทำงานเพื่อเงิน แต่ให้เงินทำงานแทนคุณ (Asset Mindset) 4️⃣ Stay Mentally & Physically Fit คนที่รอดคือคนที่แข็งแกร่งทั้งร่างกายและจิตใจ 5️⃣ Build Multiple Income Streams รายได้เดียว = ความเสี่ยงสูง ต้องมี Passive Income & Location-Independent Income
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 380 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักวิจัยด้านความปลอดภัยจาก Lasso พบว่ามีที่เก็บข้อมูล GitHub ส่วนตัวหลายพันรายการที่ยังคงสามารถเข้าถึงได้ผ่าน Microsoft Copilot ซึ่งเป็นระบบ AI ที่ช่วยในการสร้างเนื้อหา

    สิ่งที่เกิดขึ้นคือที่เก็บข้อมูลเหล่านี้เคยเป็นที่เก็บข้อมูลสาธารณะมาก่อนและถูกดัชนีโดย Bing เมื่อถูกเปลี่ยนเป็นที่เก็บข้อมูลส่วนตัว, Copilot ยังคงสามารถเข้าถึงข้อมูลนั้นได้เนื่องจากการจัดเก็บแคชของ Bing

    ผลการตรวจสอบโดย Lasso พบว่ามีที่เก็บข้อมูลกว่า 20,000 รายการที่สามารถเข้าถึงได้ผ่าน Copilot รวมถึงที่เก็บข้อมูลขององค์กรใหญ่ ๆ ในภาคเทคโนโลยีด้วย เรื่องนี้ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยและข้อมูลที่อาจถูกเปิดเผยไป

    หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Lasso, Ophir Dror, กล่าวว่า Copilot สามารถเข้าถึงที่เก็บข้อมูล GitHub ของพวกเขาเองซึ่งควรจะเป็นข้อมูลส่วนตัว และได้แนะนำให้ผู้ใช้งานหมุนหรือเพิกถอนคีย์ของพวกเขา

    Microsoft ระบุว่าปัญหานี้มีความรุนแรงต่ำและการจัดเก็บแคชเป็นพฤติกรรมที่ยอมรับได้ อย่างไรก็ตาม Microsoft ได้หยุดการแสดงลิงก์ไปยังแคชของ Bing ในผลการค้นหาเมื่อเดือนธันวาคม 2024 แต่ Copilot ยังคงสามารถเข้าถึงข้อมูลได้

    https://www.techradar.com/pro/security/thousands-of-github-repositories-exposed-via-microsoft-copilot
    นักวิจัยด้านความปลอดภัยจาก Lasso พบว่ามีที่เก็บข้อมูล GitHub ส่วนตัวหลายพันรายการที่ยังคงสามารถเข้าถึงได้ผ่าน Microsoft Copilot ซึ่งเป็นระบบ AI ที่ช่วยในการสร้างเนื้อหา สิ่งที่เกิดขึ้นคือที่เก็บข้อมูลเหล่านี้เคยเป็นที่เก็บข้อมูลสาธารณะมาก่อนและถูกดัชนีโดย Bing เมื่อถูกเปลี่ยนเป็นที่เก็บข้อมูลส่วนตัว, Copilot ยังคงสามารถเข้าถึงข้อมูลนั้นได้เนื่องจากการจัดเก็บแคชของ Bing ผลการตรวจสอบโดย Lasso พบว่ามีที่เก็บข้อมูลกว่า 20,000 รายการที่สามารถเข้าถึงได้ผ่าน Copilot รวมถึงที่เก็บข้อมูลขององค์กรใหญ่ ๆ ในภาคเทคโนโลยีด้วย เรื่องนี้ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยและข้อมูลที่อาจถูกเปิดเผยไป หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Lasso, Ophir Dror, กล่าวว่า Copilot สามารถเข้าถึงที่เก็บข้อมูล GitHub ของพวกเขาเองซึ่งควรจะเป็นข้อมูลส่วนตัว และได้แนะนำให้ผู้ใช้งานหมุนหรือเพิกถอนคีย์ของพวกเขา Microsoft ระบุว่าปัญหานี้มีความรุนแรงต่ำและการจัดเก็บแคชเป็นพฤติกรรมที่ยอมรับได้ อย่างไรก็ตาม Microsoft ได้หยุดการแสดงลิงก์ไปยังแคชของ Bing ในผลการค้นหาเมื่อเดือนธันวาคม 2024 แต่ Copilot ยังคงสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ https://www.techradar.com/pro/security/thousands-of-github-repositories-exposed-via-microsoft-copilot
    WWW.TECHRADAR.COM
    Thousands of GitHub repositories exposed via Microsoft Copilot
    Just because it's taken offline, doesn't mean AI can't access it
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 121 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft ได้นำเอาฟีเจอร์ Voice และ Think Deeper ที่ขับเคลื่อนโดยโมเดล OpenAI มาให้ผู้ใช้งานทั่วไปได้ใช้งานฟรี ฟีเจอร์ Voice ช่วยให้ผู้ใช้สามารถพูดคุยกับ Copilot แทนการพิมพ์คำถาม ส่วน Think Deeper ถูกออกแบบมาเพื่อให้ Copilot สามารถตอบคำถามที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น การพิจารณาว่าจะใช้เงินที่ได้มาจากการประกันเพื่อต่อเติมบ้านหรือซื้อเครื่องปั่นไฟ

    การที่ Microsoft ทำให้ฟีเจอร์เหล่านี้ใช้งานได้ฟรี จะช่วยเพิ่มการเข้าถึงและการใช้งาน AI ให้กับผู้ใช้มากขึ้น และช่วยกดดันคู่แข่งอื่นๆ ที่ยังคงล็อกฟีเจอร์หลังเพย์วอลล์

    สำหรับผู้ที่จ่ายเงินเพื่อใช้ Copilot Pro ยังคงได้รับสิทธิพิเศษในการเข้าถึงฟีเจอร์ใหม่ก่อนและมีการเข้าถึงที่รวดเร็วกว่าในช่วงเวลาที่มีการใช้งานสูง รวมถึงการรวมฟีเจอร์ AI เพิ่มเติมในแอปพลิเคชัน Microsoft 365

    แนวคิดนี้ของ Microsoft แสดงให้เห็นถึงความต้องการในการทำให้ AI มีประโยชน์และเข้าถึงได้มากยิ่งขึ้น โดยหวังว่าการทำให้ฟีเจอร์เหล่านี้ใช้งานได้ฟรีจะช่วยให้ผู้ใช้มีปฏิสัมพันธ์กับ Copilot มากขึ้น และสามารถใช้ประโยชน์จาก AI ได้อย่างเต็มที่

    https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/i-think-microsoft-is-smart-to-follow-openai-in-making-these-premium-features-free
    Microsoft ได้นำเอาฟีเจอร์ Voice และ Think Deeper ที่ขับเคลื่อนโดยโมเดล OpenAI มาให้ผู้ใช้งานทั่วไปได้ใช้งานฟรี ฟีเจอร์ Voice ช่วยให้ผู้ใช้สามารถพูดคุยกับ Copilot แทนการพิมพ์คำถาม ส่วน Think Deeper ถูกออกแบบมาเพื่อให้ Copilot สามารถตอบคำถามที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น การพิจารณาว่าจะใช้เงินที่ได้มาจากการประกันเพื่อต่อเติมบ้านหรือซื้อเครื่องปั่นไฟ การที่ Microsoft ทำให้ฟีเจอร์เหล่านี้ใช้งานได้ฟรี จะช่วยเพิ่มการเข้าถึงและการใช้งาน AI ให้กับผู้ใช้มากขึ้น และช่วยกดดันคู่แข่งอื่นๆ ที่ยังคงล็อกฟีเจอร์หลังเพย์วอลล์ สำหรับผู้ที่จ่ายเงินเพื่อใช้ Copilot Pro ยังคงได้รับสิทธิพิเศษในการเข้าถึงฟีเจอร์ใหม่ก่อนและมีการเข้าถึงที่รวดเร็วกว่าในช่วงเวลาที่มีการใช้งานสูง รวมถึงการรวมฟีเจอร์ AI เพิ่มเติมในแอปพลิเคชัน Microsoft 365 แนวคิดนี้ของ Microsoft แสดงให้เห็นถึงความต้องการในการทำให้ AI มีประโยชน์และเข้าถึงได้มากยิ่งขึ้น โดยหวังว่าการทำให้ฟีเจอร์เหล่านี้ใช้งานได้ฟรีจะช่วยให้ผู้ใช้มีปฏิสัมพันธ์กับ Copilot มากขึ้น และสามารถใช้ประโยชน์จาก AI ได้อย่างเต็มที่ https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/i-think-microsoft-is-smart-to-follow-openai-in-making-these-premium-features-free
    WWW.TECHRADAR.COM
    I think Microsoft is smart to follow OpenAI in making these premium features free
    The AI assistant's OpenAI-powered voice and deep thinking features are now available to anyone
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 120 มุมมอง 0 รีวิว
  • TechRadar กล่าวถึงการศึกษาใหม่ที่ดำเนินการโดย BBC พบว่าซอฟต์แวร์ AI ชื่อดังอย่าง ChatGPT และ Google Gemini ไม่สามารถสรุปข่าวได้อย่างถูกต้อง โดยผลการศึกษาระบุว่า 51% ของการตอบกลับจาก AI มีปัญหาสำคัญ และ 19% มีข้อผิดพลาดที่เป็นข้อเท็จจริง เช่น การให้ข้อมูลผิดพลาดเกี่ยวกับวันที่และตัวเลข

    การศึกษานี้ขอให้ AI ต่าง ๆ อย่าง ChatGPT, Copilot, Gemini, และ Perplexity สรุปข่าว 100 เรื่องจาก BBC และพบว่ามีการสร้างความคลาดเคลื่อนจากเนื้อหาข่าวจริง รวมถึงการไม่สามารถแยกแยะระหว่างความคิดเห็นและข้อเท็จจริงได้

    https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/chatgpt-and-google-gemini-are-terrible-at-summarizing-news-according-to-a-new-study
    TechRadar กล่าวถึงการศึกษาใหม่ที่ดำเนินการโดย BBC พบว่าซอฟต์แวร์ AI ชื่อดังอย่าง ChatGPT และ Google Gemini ไม่สามารถสรุปข่าวได้อย่างถูกต้อง โดยผลการศึกษาระบุว่า 51% ของการตอบกลับจาก AI มีปัญหาสำคัญ และ 19% มีข้อผิดพลาดที่เป็นข้อเท็จจริง เช่น การให้ข้อมูลผิดพลาดเกี่ยวกับวันที่และตัวเลข การศึกษานี้ขอให้ AI ต่าง ๆ อย่าง ChatGPT, Copilot, Gemini, และ Perplexity สรุปข่าว 100 เรื่องจาก BBC และพบว่ามีการสร้างความคลาดเคลื่อนจากเนื้อหาข่าวจริง รวมถึงการไม่สามารถแยกแยะระหว่างความคิดเห็นและข้อเท็จจริงได้ https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/chatgpt-and-google-gemini-are-terrible-at-summarizing-news-according-to-a-new-study
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 161 มุมมอง 0 รีวิว
  • TechRadar รายงานว่า Sundar Pichai, CEO ของ Google ได้ให้ข้อมูลในการประชุมกับนักลงทุนล่าสุดว่า Gemini AI ของ Google อาจมีโฆษณาในอนาคต เพื่อเป็นแนวทางในการสร้างรายได้และรองรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน AI ที่สูงมาก

    ในปัจจุบัน Google Gemini ยังไม่มีโฆษณาแทรกกลางการสนทนา แต่มีแนวโน้มว่าในอนาคตเวอร์ชันฟรีของ Gemini จะมีโฆษณาเข้ามาเพื่อสนับสนุน ส่วนเวอร์ชันพรีเมียมที่ต้องจ่ายเงินจะไม่มีโฆษณาแทรกกลาง ผู้ใช้สามารถดูตัวอย่างของโฆษณาใน Gemini ได้จากการค้นหาใน Google ที่มีผลลัพธ์ที่ได้รับการสนับสนุน (sponsored results) แทรกเข้ามาอยู่ในข้อความที่สร้างขึ้นโดย AI

    สิ่งที่น่าสนใจคือ การที่ Google ใช้ประสบการณ์ที่สะสมมาจากการแทรกโฆษณาในทุกๆ ด้านของบริการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น YouTube หรือการค้นหา เพื่อทำให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด การแทรกโฆษณาใน AI จึงไม่น่าแปลกใจ

    นอกจากนี้ยังกล่าวถึงว่า Microsoft และ Amazon ก็กำลังทดลองแนวคิดเดียวกันในการแทรกโฆษณาใน AI chatbots ของตนด้วย และ Copilot AI ของ Microsoft ก็มีโฆษณาแทรกอยู่เช่นกัน

    https://www.techradar.com/pro/would-you-use-google-gemini-if-it-fills-with-ads
    TechRadar รายงานว่า Sundar Pichai, CEO ของ Google ได้ให้ข้อมูลในการประชุมกับนักลงทุนล่าสุดว่า Gemini AI ของ Google อาจมีโฆษณาในอนาคต เพื่อเป็นแนวทางในการสร้างรายได้และรองรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน AI ที่สูงมาก ในปัจจุบัน Google Gemini ยังไม่มีโฆษณาแทรกกลางการสนทนา แต่มีแนวโน้มว่าในอนาคตเวอร์ชันฟรีของ Gemini จะมีโฆษณาเข้ามาเพื่อสนับสนุน ส่วนเวอร์ชันพรีเมียมที่ต้องจ่ายเงินจะไม่มีโฆษณาแทรกกลาง ผู้ใช้สามารถดูตัวอย่างของโฆษณาใน Gemini ได้จากการค้นหาใน Google ที่มีผลลัพธ์ที่ได้รับการสนับสนุน (sponsored results) แทรกเข้ามาอยู่ในข้อความที่สร้างขึ้นโดย AI สิ่งที่น่าสนใจคือ การที่ Google ใช้ประสบการณ์ที่สะสมมาจากการแทรกโฆษณาในทุกๆ ด้านของบริการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น YouTube หรือการค้นหา เพื่อทำให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด การแทรกโฆษณาใน AI จึงไม่น่าแปลกใจ นอกจากนี้ยังกล่าวถึงว่า Microsoft และ Amazon ก็กำลังทดลองแนวคิดเดียวกันในการแทรกโฆษณาใน AI chatbots ของตนด้วย และ Copilot AI ของ Microsoft ก็มีโฆษณาแทรกอยู่เช่นกัน https://www.techradar.com/pro/would-you-use-google-gemini-if-it-fills-with-ads
    WWW.TECHRADAR.COM
    Would you use Google Gemini if it fills with ads?
    Google CEO hints you may not have a choice unless you pay up
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 172 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft เสริมแกร่ง Azure AI Foundry ดึง DeepSeek R1 เข้าแพลตฟอร์ม หลังผ่านการประเมินความปลอดภัยครอบคลุม พร้อมเปิดประสบการณ์ใหม่ผ่าน Copilot+👇

    Microsoft ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (29 ม.ค.) นำโมเดลการให้เหตุผล R1 ของ DeepSeek เข้าสู่ Azure AI Foundry แพลตฟอร์มที่รวบรวมบริการปัญญาประดิษฐ์สำหรับองค์กรภายใต้แบนเนอร์เดียว โดย R1 ได้ผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยและการทำงานเป็นทีมอย่างเข้มงวด ครอบคลุมทั้งการประเมินพฤติกรรมของโมเดลโดยอัตโนมัติและการตรวจสอบความปลอดภัยอย่างรอบด้านเพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

    Microsoft ยังเตรียมเปิดให้ลูกค้าใช้งาน R1 แบบ "กลั่นกรอง" ผ่านเครื่องพีซี Copilot+ ในอนาคตอันใกล้ สะท้อนความมุ่งมั่นในการขยายแคตตาล็อกโมเดลใน Azure AI Foundry เพื่อช่วยให้นักพัฒนาและองค์กรสามารถรับมือกับความท้าทายในโลกแห่งความเป็นจริงและมอบประสบการณ์ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตได้
    👉อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ลิงก์ด้านล่าง 👇
    https://www.imctnews.com/news_details-news-6473.html
    Microsoft เสริมแกร่ง Azure AI Foundry ดึง DeepSeek R1 เข้าแพลตฟอร์ม หลังผ่านการประเมินความปลอดภัยครอบคลุม พร้อมเปิดประสบการณ์ใหม่ผ่าน Copilot+👇 Microsoft ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (29 ม.ค.) นำโมเดลการให้เหตุผล R1 ของ DeepSeek เข้าสู่ Azure AI Foundry แพลตฟอร์มที่รวบรวมบริการปัญญาประดิษฐ์สำหรับองค์กรภายใต้แบนเนอร์เดียว โดย R1 ได้ผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยและการทำงานเป็นทีมอย่างเข้มงวด ครอบคลุมทั้งการประเมินพฤติกรรมของโมเดลโดยอัตโนมัติและการตรวจสอบความปลอดภัยอย่างรอบด้านเพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น Microsoft ยังเตรียมเปิดให้ลูกค้าใช้งาน R1 แบบ "กลั่นกรอง" ผ่านเครื่องพีซี Copilot+ ในอนาคตอันใกล้ สะท้อนความมุ่งมั่นในการขยายแคตตาล็อกโมเดลใน Azure AI Foundry เพื่อช่วยให้นักพัฒนาและองค์กรสามารถรับมือกับความท้าทายในโลกแห่งความเป็นจริงและมอบประสบการณ์ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตได้ 👉อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ลิงก์ด้านล่าง 👇 https://www.imctnews.com/news_details-news-6473.html
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 249 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีรายงานจาก TechSpot ว่าผู้ใช้ Windows หลายคนพบปัญหาหลังจากติดตั้งอัปเดตเดือนมกราคม 2025 ปัญหาที่พบได้แก่ การเชื่อมต่อ USB, ไดรเวอร์ DAC, อุปกรณ์ Bluetooth, และอื่น ๆ แม้ว่าอัปเดตนี้จะไม่จำกัดเฉพาะ Windows 11 24H2 แต่ก็ทำให้เกิดความขัดแย้งเกี่ยวกับเวอร์ชันล่าสุดของระบบปฏิบัติการนี้มากขึ้น

    อัปเดตที่มีปัญหาประกอบด้วย KB5049981 สำหรับ Windows 10, KB5050009 สำหรับ Windows 11 24H2, และ KB5050021 สำหรับเวอร์ชันก่อนหน้าของ Windows 11 ผู้ใช้ที่พบปัญหาควรพิจารณาย้อนกลับไปยังเวอร์ชันก่อนหน้า หรือเลื่อนการติดตั้งอัปเดตเหล่านี้ออกไป

    Microsoft ได้รับทราบปัญหาบางอย่างที่เกิดขึ้นจากอัปเดตเหล่านี้ เช่น ปัญหากับ Open Secure Shell และส่วนประกอบของ Citrix. อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ยังรายงานปัญหาเพิ่มเติม เช่น ปัญหาไดรเวอร์ DAC, การเชื่อมต่อ Wi-Fi, และอุปกรณ์ USB นอกจากนี้ ยังมีปัญหากับเครื่องมือ Snipping Tool, ฟังก์ชัน Alt+Tab, และ Task Manager

    สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการย้อนกลับไปยังเวอร์ชันก่อนหน้า สามารถทำได้โดยไปที่ Settings > System > Recovery > Go Back. และสำหรับผู้ที่ต้องการเลื่อนการอัปเดต สามารถไปที่ Settings > Windows Update และเลือกช่วงเวลาที่ต้องการเลื่อน

    การอัปเดต Windows 11 24H2 ซึ่งเปิดตัวเมื่อปลายปีที่แล้ว ได้รับการร้องเรียนมากมายเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นกับเกม, SSD, และอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออื่น ๆ การอัปเดตนี้ยังมีฟีเจอร์ใหม่ ๆ เช่น Copilot+ GenAI, การรองรับ Wi-Fi 7, Sudo, และการควบคุมระยะไกล

    https://www.techspot.com/news/106523-windows-users-report-widespread-device-issues-following-january.html
    มีรายงานจาก TechSpot ว่าผู้ใช้ Windows หลายคนพบปัญหาหลังจากติดตั้งอัปเดตเดือนมกราคม 2025 ปัญหาที่พบได้แก่ การเชื่อมต่อ USB, ไดรเวอร์ DAC, อุปกรณ์ Bluetooth, และอื่น ๆ แม้ว่าอัปเดตนี้จะไม่จำกัดเฉพาะ Windows 11 24H2 แต่ก็ทำให้เกิดความขัดแย้งเกี่ยวกับเวอร์ชันล่าสุดของระบบปฏิบัติการนี้มากขึ้น อัปเดตที่มีปัญหาประกอบด้วย KB5049981 สำหรับ Windows 10, KB5050009 สำหรับ Windows 11 24H2, และ KB5050021 สำหรับเวอร์ชันก่อนหน้าของ Windows 11 ผู้ใช้ที่พบปัญหาควรพิจารณาย้อนกลับไปยังเวอร์ชันก่อนหน้า หรือเลื่อนการติดตั้งอัปเดตเหล่านี้ออกไป Microsoft ได้รับทราบปัญหาบางอย่างที่เกิดขึ้นจากอัปเดตเหล่านี้ เช่น ปัญหากับ Open Secure Shell และส่วนประกอบของ Citrix. อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ยังรายงานปัญหาเพิ่มเติม เช่น ปัญหาไดรเวอร์ DAC, การเชื่อมต่อ Wi-Fi, และอุปกรณ์ USB นอกจากนี้ ยังมีปัญหากับเครื่องมือ Snipping Tool, ฟังก์ชัน Alt+Tab, และ Task Manager สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการย้อนกลับไปยังเวอร์ชันก่อนหน้า สามารถทำได้โดยไปที่ Settings > System > Recovery > Go Back. และสำหรับผู้ที่ต้องการเลื่อนการอัปเดต สามารถไปที่ Settings > Windows Update และเลือกช่วงเวลาที่ต้องการเลื่อน การอัปเดต Windows 11 24H2 ซึ่งเปิดตัวเมื่อปลายปีที่แล้ว ได้รับการร้องเรียนมากมายเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นกับเกม, SSD, และอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออื่น ๆ การอัปเดตนี้ยังมีฟีเจอร์ใหม่ ๆ เช่น Copilot+ GenAI, การรองรับ Wi-Fi 7, Sudo, และการควบคุมระยะไกล https://www.techspot.com/news/106523-windows-users-report-widespread-device-issues-following-january.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Windows users report widespread device issues following January 2025 updates
    Recent mandatory patches for Windows 10 and 11 are causing issues with USB connections, Bluetooth devices, and several other functions. Users experiencing problems should consider rolling back...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 291 มุมมอง 1 รีวิว
  • Microsoft ได้เปิดตัว Microsoft 365 Copilot ซึ่งเป็นการเปลี่ยนชื่อจาก Microsoft Office และเพิ่มราคาสูงขึ้นถึง 30% การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ผู้ใช้หลายคนไม่พอใจ เนื่องจากการเพิ่มราคานี้เกิดขึ้นโดยไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้า และผู้ใช้ไม่เห็นคุณค่าของฟีเจอร์ AI ที่เพิ่มเข้ามา

    การประกาศนี้ถูกวิจารณ์อย่างหนัก เนื่องจาก Microsoft ไม่ได้สื่อสารกับลูกค้าอย่างเหมาะสม และการเพิ่มราคานี้ถูกมองว่าเป็นการบังคับให้ผู้ใช้จ่ายเงินมากขึ้นโดยไม่จำเป็น นอกจากนี้ การเปิดตัวฟีเจอร์ Copilot ยังมีปัญหาในการใช้งานร่วมกับบัญชีผู้ใช้หลายบัญชี ทำให้ผู้ใช้ไม่สามารถใช้ฟีเจอร์นี้ได้อย่างเต็มที่

    Microsoft ควรทำการเปิดตัวฟีเจอร์ Copilot เป็นทางเลือกให้ผู้ใช้เลือกเปิดใช้งานเอง แทนที่จะเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติ และควรมีการสื่อสารกับลูกค้าอย่างชัดเจนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนี้ เพื่อให้ผู้ใช้มีความเข้าใจและยอมรับการเปลี่ยนแปลงได้มากขึ้น

    https://www.zdnet.com/home-and-office/work-life/the-microsoft-365-copilot-launch-was-a-total-disaster/
    Microsoft ได้เปิดตัว Microsoft 365 Copilot ซึ่งเป็นการเปลี่ยนชื่อจาก Microsoft Office และเพิ่มราคาสูงขึ้นถึง 30% การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ผู้ใช้หลายคนไม่พอใจ เนื่องจากการเพิ่มราคานี้เกิดขึ้นโดยไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้า และผู้ใช้ไม่เห็นคุณค่าของฟีเจอร์ AI ที่เพิ่มเข้ามา การประกาศนี้ถูกวิจารณ์อย่างหนัก เนื่องจาก Microsoft ไม่ได้สื่อสารกับลูกค้าอย่างเหมาะสม และการเพิ่มราคานี้ถูกมองว่าเป็นการบังคับให้ผู้ใช้จ่ายเงินมากขึ้นโดยไม่จำเป็น นอกจากนี้ การเปิดตัวฟีเจอร์ Copilot ยังมีปัญหาในการใช้งานร่วมกับบัญชีผู้ใช้หลายบัญชี ทำให้ผู้ใช้ไม่สามารถใช้ฟีเจอร์นี้ได้อย่างเต็มที่ Microsoft ควรทำการเปิดตัวฟีเจอร์ Copilot เป็นทางเลือกให้ผู้ใช้เลือกเปิดใช้งานเอง แทนที่จะเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติ และควรมีการสื่อสารกับลูกค้าอย่างชัดเจนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนี้ เพื่อให้ผู้ใช้มีความเข้าใจและยอมรับการเปลี่ยนแปลงได้มากขึ้น https://www.zdnet.com/home-and-office/work-life/the-microsoft-365-copilot-launch-was-a-total-disaster/
    WWW.ZDNET.COM
    The Microsoft 365 Copilot launch was a total disaster
    At the start of the New Year, with no warning, Microsoft gives its flagship productivity app a name change and a huge price increase. Why would the company make this mess? I asked Copilot, who explained it very well.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 197 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าหน่วยประมวลผล AI ที่ทรงพลังนี้ยัง "ไม่ค่อยมีความสำคัญ" สำหรับผู้ซื้อแล็ปท็อป Copilot+ เนื่องจากยังขาดซอฟต์แวร์ที่สามารถใช้ประโยชน์จากพลัง AI นี้ได้อย่างเต็มที่ ชิปที่ตรงตามข้อกำหนดของ Microsoft ที่มีป้าย "Copilot+ PC" ในปัจจุบันมาจากตระกูล Ryzen AI (Pro) 300 ของ AMD, Core Ultra 200V ของ Intel และ Snapdragon X ของ Qualcomm

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/01/18/copilot-pcs-is-it-worth-paying-the-premium-for-an-ai-laptop
    ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าหน่วยประมวลผล AI ที่ทรงพลังนี้ยัง "ไม่ค่อยมีความสำคัญ" สำหรับผู้ซื้อแล็ปท็อป Copilot+ เนื่องจากยังขาดซอฟต์แวร์ที่สามารถใช้ประโยชน์จากพลัง AI นี้ได้อย่างเต็มที่ ชิปที่ตรงตามข้อกำหนดของ Microsoft ที่มีป้าย "Copilot+ PC" ในปัจจุบันมาจากตระกูล Ryzen AI (Pro) 300 ของ AMD, Core Ultra 200V ของ Intel และ Snapdragon X ของ Qualcomm https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/01/18/copilot-pcs-is-it-worth-paying-the-premium-for-an-ai-laptop
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 169 มุมมอง 0 รีวิว
  • ChatGPT ใช้น้ำเยอะเกินไปจนไม่พอดับไฟป่าแคลิฟอร์เนียจริงหรือ?

    ในช่วงที่เกิดไฟป่ารุนแรงในแคลิฟอร์เนีย ผู้ใช้โซเชียลมีเดียเริ่มมองหาผู้รับผิดชอบในการดับไฟป่า และมีการกล่าวโทษว่าโมเดล AI อย่าง ChatGPT ใช้น้ำเยอะเกินไปจนทำให้น้ำไม่พอดับไฟป่า โดยมีการรณรงค์ให้ชาวแคลิฟอร์เนียหยุดใช้งาน ChatGPT เพื่อประหยัดน้ำ

    การฝึกโมเดล AI ต้องใช้พลังประมวลผลมหาศาล ซึ่งทำให้เกิดความร้อนสูงและต้องใช้น้ำในการระบายความร้อน ตัวอย่างเช่น หากผู้ใช้ขอให้ ChatGPT เขียนอีเมล 1 ฉบับต่อสัปดาห์ เป็นเวลา 1 ปี ChatGPT จะใช้น้ำ 27 ลิตร และหากชาวอเมริกัน 1 ใน 10 คน หรือ 16 ล้านคนทำเช่นเดียวกันนี้ จะต้องใช้น้ำมากกว่า 435 ล้านลิตร

    อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการน้ำในเขตเมืองออกความเห็นว่า การใช้น้ำของ AI ไม่ใช่ตัวการทำให้มีน้ำไม่พอดับไฟ แต่เป็นเพราะระบบน้ำที่มีอยู่ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อรับมือภัยพิบัติระดับนี้ เหตุไฟไหม้ป่าลอสแองเจลิส แคลิฟอร์เนีย ถือว่ารุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของเมือง โดยมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 25 คน และพื้นที่เสียหายกว่า 40,000 เอเคอร์

    ChatGPT รวมถึงโมเดล AI อื่นๆ มีรอยเท้าคาร์บอนจำนวนมาก ซึ่งส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทำให้เกิดสภาพอากาศแห้งแล้งและอุณหภูมิที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดไฟป่าและลุกลามรวดเร็วเมื่อผนวกกับลมแรง

    การใช้น้ำของ ChatGPT และโมเดล AI อื่นๆ เป็นเรื่องที่น่ากังวล แต่ไม่ใช่สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดไฟป่าและน้ำไม่พอดับไฟ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าการย้ายศูนย์ข้อมูลไปยังพื้นที่ที่อากาศหนาวเย็นกว่าเดิม หรือการใช้เทคโนโลยีการหล่อเย็นแบบจุ่ม (immersion cooling) อาจช่วยลดการใช้น้ำได้

    ในขณะที่นักรณรงค์บนโซเชียลมีเดียบอกว่า หากอยากประหยัดน้ำจริง หยุดใช้ ChatGPT คงไม่พอ คงต้องหยุดใช้โมเดล AI อื่นๆ ด้วย เช่น Claude, Grok, Gemini, Copilot, Midjourney, Leonardo, DALL-E, Firefly, ElevenLabs, Shortwave, Runway, Mem, Suno, Jasper, Notion, Bard, Alphacode, MetaAI, Wordtune และ Stable Diffusion

    การจัดการน้ำในแคลิฟอร์เนียยังคงเป็นปัญหาที่ต้องการการแก้ไขอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะในช่วงที่เกิดภัยพิบัติระดับใหญ่เช่นนี้

    ขอบคุณบทความจากเวบ Thairath ครับ

    https://plus.thairath.co.th/topic/politics&society/105099
    ChatGPT ใช้น้ำเยอะเกินไปจนไม่พอดับไฟป่าแคลิฟอร์เนียจริงหรือ? ในช่วงที่เกิดไฟป่ารุนแรงในแคลิฟอร์เนีย ผู้ใช้โซเชียลมีเดียเริ่มมองหาผู้รับผิดชอบในการดับไฟป่า และมีการกล่าวโทษว่าโมเดล AI อย่าง ChatGPT ใช้น้ำเยอะเกินไปจนทำให้น้ำไม่พอดับไฟป่า โดยมีการรณรงค์ให้ชาวแคลิฟอร์เนียหยุดใช้งาน ChatGPT เพื่อประหยัดน้ำ การฝึกโมเดล AI ต้องใช้พลังประมวลผลมหาศาล ซึ่งทำให้เกิดความร้อนสูงและต้องใช้น้ำในการระบายความร้อน ตัวอย่างเช่น หากผู้ใช้ขอให้ ChatGPT เขียนอีเมล 1 ฉบับต่อสัปดาห์ เป็นเวลา 1 ปี ChatGPT จะใช้น้ำ 27 ลิตร และหากชาวอเมริกัน 1 ใน 10 คน หรือ 16 ล้านคนทำเช่นเดียวกันนี้ จะต้องใช้น้ำมากกว่า 435 ล้านลิตร อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการน้ำในเขตเมืองออกความเห็นว่า การใช้น้ำของ AI ไม่ใช่ตัวการทำให้มีน้ำไม่พอดับไฟ แต่เป็นเพราะระบบน้ำที่มีอยู่ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อรับมือภัยพิบัติระดับนี้ เหตุไฟไหม้ป่าลอสแองเจลิส แคลิฟอร์เนีย ถือว่ารุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของเมือง โดยมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 25 คน และพื้นที่เสียหายกว่า 40,000 เอเคอร์ ChatGPT รวมถึงโมเดล AI อื่นๆ มีรอยเท้าคาร์บอนจำนวนมาก ซึ่งส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทำให้เกิดสภาพอากาศแห้งแล้งและอุณหภูมิที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดไฟป่าและลุกลามรวดเร็วเมื่อผนวกกับลมแรง การใช้น้ำของ ChatGPT และโมเดล AI อื่นๆ เป็นเรื่องที่น่ากังวล แต่ไม่ใช่สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดไฟป่าและน้ำไม่พอดับไฟ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าการย้ายศูนย์ข้อมูลไปยังพื้นที่ที่อากาศหนาวเย็นกว่าเดิม หรือการใช้เทคโนโลยีการหล่อเย็นแบบจุ่ม (immersion cooling) อาจช่วยลดการใช้น้ำได้ ในขณะที่นักรณรงค์บนโซเชียลมีเดียบอกว่า หากอยากประหยัดน้ำจริง หยุดใช้ ChatGPT คงไม่พอ คงต้องหยุดใช้โมเดล AI อื่นๆ ด้วย เช่น Claude, Grok, Gemini, Copilot, Midjourney, Leonardo, DALL-E, Firefly, ElevenLabs, Shortwave, Runway, Mem, Suno, Jasper, Notion, Bard, Alphacode, MetaAI, Wordtune และ Stable Diffusion การจัดการน้ำในแคลิฟอร์เนียยังคงเป็นปัญหาที่ต้องการการแก้ไขอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะในช่วงที่เกิดภัยพิบัติระดับใหญ่เช่นนี้ ขอบคุณบทความจากเวบ Thairath ครับ https://plus.thairath.co.th/topic/politics&society/105099
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 561 มุมมอง 0 รีวิว
  • Satya Nadella ซีอีโอของ Microsoft ขึ้นเวทีงาน CES 2025 เพื่อเปิดตัวนวัตกรรมใหม่ที่เน้นด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) และคลาวด์คอมพิวติ้ง โดยไฮไลต์สำคัญคือการเปิดตัว Copilot+ PCs หมวดหมู่ใหม่ของพีซีที่ใช้ Windows 11 ซึ่งออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์การใช้งาน AI ที่ทรงพลัง

    Copilot+ PCs ใช้โปรเซสเซอร์ล่าสุดจาก Intel, AMD และ Qualcomm ซึ่งได้รับการกล่าวขานว่าเป็นพีซี Windows ที่เร็วที่สุด ฉลาดที่สุด และปลอดภัยที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยมาพร้อมฟีเจอร์ AI อัจฉริยะ เช่น Copilot ที่สามารถสรุปการประชุมใน Teams สร้างเอกสารด้วยข้อมูลเพียงเล็กน้อย และทำให้การค้นหาใน Windows Search มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

    Microsoft ยังนำเสนอความก้าวหน้าของแพลตฟอร์มคลาวด์ Azure โดยเน้นบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมยานยนต์ การคมนาคม และการผลิต บริษัทได้ประกาศความร่วมมือใหม่ ๆ เพื่อใช้ AI ในการขับเคลื่อนนวัตกรรมและเพิ่มประสิทธิภาพในภาคส่วนเหล่านี้

    หนึ่งในจุดเด่นสำคัญคือการบูรณาการ Generative AI และ Agentic AI ในการออกแบบและผลิตยานยนต์ โดยแพลตฟอร์ม Azure ช่วยผู้ผลิตอุปกรณ์ OEM และซัพพลายเออร์ในการออกแบบ สร้าง ทดสอบ และตรวจสอบยานพาหนะรุ่นใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการพัฒนายานยนต์ที่ใช้ซอฟต์แวร์เป็นแกนหลัก (SDVs) ระบบช่วยขับขั้นสูง (ADAS) การขับเคลื่อนอัตโนมัติ (AD) และประสบการณ์ภายในรถยนต์

    ความอเนกประสงค์ของ SDVs และ AI ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ยกระดับประสิทธิภาพในการดำเนินงาน และเปิดโอกาสใหม่ทางรายได้ การใช้แพลตฟอร์ม Azure ในการปรับปรุงระบบวิศวกรรมสามารถลดระยะเวลาพัฒนาผลิตภัณฑ์ ลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มคุณภาพกับความร่วมมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    Satya Nadella ซีอีโอของ Microsoft ขึ้นเวทีงาน CES 2025 เพื่อเปิดตัวนวัตกรรมใหม่ที่เน้นด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) และคลาวด์คอมพิวติ้ง โดยไฮไลต์สำคัญคือการเปิดตัว Copilot+ PCs หมวดหมู่ใหม่ของพีซีที่ใช้ Windows 11 ซึ่งออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์การใช้งาน AI ที่ทรงพลัง Copilot+ PCs ใช้โปรเซสเซอร์ล่าสุดจาก Intel, AMD และ Qualcomm ซึ่งได้รับการกล่าวขานว่าเป็นพีซี Windows ที่เร็วที่สุด ฉลาดที่สุด และปลอดภัยที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยมาพร้อมฟีเจอร์ AI อัจฉริยะ เช่น Copilot ที่สามารถสรุปการประชุมใน Teams สร้างเอกสารด้วยข้อมูลเพียงเล็กน้อย และทำให้การค้นหาใน Windows Search มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น Microsoft ยังนำเสนอความก้าวหน้าของแพลตฟอร์มคลาวด์ Azure โดยเน้นบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมยานยนต์ การคมนาคม และการผลิต บริษัทได้ประกาศความร่วมมือใหม่ ๆ เพื่อใช้ AI ในการขับเคลื่อนนวัตกรรมและเพิ่มประสิทธิภาพในภาคส่วนเหล่านี้ หนึ่งในจุดเด่นสำคัญคือการบูรณาการ Generative AI และ Agentic AI ในการออกแบบและผลิตยานยนต์ โดยแพลตฟอร์ม Azure ช่วยผู้ผลิตอุปกรณ์ OEM และซัพพลายเออร์ในการออกแบบ สร้าง ทดสอบ และตรวจสอบยานพาหนะรุ่นใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการพัฒนายานยนต์ที่ใช้ซอฟต์แวร์เป็นแกนหลัก (SDVs) ระบบช่วยขับขั้นสูง (ADAS) การขับเคลื่อนอัตโนมัติ (AD) และประสบการณ์ภายในรถยนต์ ความอเนกประสงค์ของ SDVs และ AI ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ยกระดับประสิทธิภาพในการดำเนินงาน และเปิดโอกาสใหม่ทางรายได้ การใช้แพลตฟอร์ม Azure ในการปรับปรุงระบบวิศวกรรมสามารถลดระยะเวลาพัฒนาผลิตภัณฑ์ ลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มคุณภาพกับความร่วมมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 348 มุมมอง 0 รีวิว
  • Asus ได้ประกาศจะเปิดตัวแล็ปท็อปใหม่ในงาน CES 2025 ที่ลาสเวกัส โดยแล็ปท็อปใหม่นี้ถูกกล่าวถึงว่าเป็นแล็ปท็อป Copilot+ ที่เบาที่สุดในโลก และมีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ได้นานถึง 32 ชั่วโมง

    แล็ปท็อปใหม่นี้คาดว่าจะใช้แพลตฟอร์ม Snapdragon X ของ Qualcomm ซึ่งเป็นที่รู้จักในด้านประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่ยอดเยี่ยม อย่างไรก็ตาม อายุการใช้งานแบตเตอรี่ในโลกจริงมักจะต่ำกว่าที่ผู้ผลิตอ้างไว้เสมอๆ ครับ

    https://www.tomshardware.com/laptops/asus-claims-its-new-worlds-lightest-copilot-laptop-also-boasts-32-hours-of-battery-life-new-zenbook-launches-at-ces-2025
    Asus ได้ประกาศจะเปิดตัวแล็ปท็อปใหม่ในงาน CES 2025 ที่ลาสเวกัส โดยแล็ปท็อปใหม่นี้ถูกกล่าวถึงว่าเป็นแล็ปท็อป Copilot+ ที่เบาที่สุดในโลก และมีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ได้นานถึง 32 ชั่วโมง แล็ปท็อปใหม่นี้คาดว่าจะใช้แพลตฟอร์ม Snapdragon X ของ Qualcomm ซึ่งเป็นที่รู้จักในด้านประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่ยอดเยี่ยม อย่างไรก็ตาม อายุการใช้งานแบตเตอรี่ในโลกจริงมักจะต่ำกว่าที่ผู้ผลิตอ้างไว้เสมอๆ ครับ https://www.tomshardware.com/laptops/asus-claims-its-new-worlds-lightest-copilot-laptop-also-boasts-32-hours-of-battery-life-new-zenbook-launches-at-ces-2025
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 113 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft มีบริการ Copilot ช่วยแต่งจดหมายได้หลากหลายภาษา และแต่ได้ดีด้วย เพียงแค่ปรับแต่งเล็กๆน้อยๆให้เป็นแบบฉบับของตัวคุณ เฉพาะกับผลิตภัณฑ์ลายเซนท์ของแท้เท่านั้น💸💳

    #เผยแพร่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์สู่สังคม
    #ตัวแทนพลังบุญ
    #ที่ปรึกษาประกันชีวิตและประกันวินาศภัย
    #ประกันชีวิตควบการลงทุน
    #ที่ปรึกษาการลงทุน
    #ประสบการณ์ด้านการประกันกว่า20ปี
    #ThaiTimes😍
    Microsoft มีบริการ Copilot ช่วยแต่งจดหมายได้หลากหลายภาษา และแต่ได้ดีด้วย เพียงแค่ปรับแต่งเล็กๆน้อยๆให้เป็นแบบฉบับของตัวคุณ เฉพาะกับผลิตภัณฑ์ลายเซนท์ของแท้เท่านั้น💸💳 #เผยแพร่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์สู่สังคม #ตัวแทนพลังบุญ #ที่ปรึกษาประกันชีวิตและประกันวินาศภัย #ประกันชีวิตควบการลงทุน #ที่ปรึกษาการลงทุน #ประสบการณ์ด้านการประกันกว่า20ปี #ThaiTimes😍
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 763 มุมมอง 0 รีวิว