• ดราม่าในรั้วมหาวิทยาลัย: นักศึกษาปริญญาเอก UC Berkeley ถูกจับฐานทำลายคอมพิวเตอร์เพื่อน

    เหตุการณ์เกิดขึ้นที่ภาควิชา Electrical Engineering and Computer Sciences ของ UC Berkeley เมื่อศาสตราจารย์สังเกตว่ามีคอมพิวเตอร์ของนักศึกษาคนหนึ่งเสียหายบ่อยผิดปกติ รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 46,000 ดอลลาร์สหรัฐ จึงตัดสินใจติดตั้งกล้องแอบถ่ายเพื่อหาสาเหตุ

    กล้องจับภาพขณะก่อเหตุ
    กล้องสามารถบันทึกภาพนักศึกษาปริญญาเอกอีกคนหนึ่งชื่อ Jiarui Zou อายุ 26 ปี กำลังใช้เครื่องมือทำลายคอมพิวเตอร์ของเพื่อนร่วมงาน จนถึงขั้นทำให้เกิดประกายไฟออกจากเครื่อง เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นต่อเนื่องในช่วงวันที่ 9–10 พฤศจิกายน และสร้างความเสียหายต่อคอมพิวเตอร์อย่างน้อย 3 เครื่อง

    การดำเนินคดีและข้อกล่าวหา
    Zou ถูกจับกุมที่บ้านพักใน Berkeley เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน และถูกตั้งข้อหา 3 กระทงความผิดฐานทำลายทรัพย์สิน (felony vandalism) โดยแต่ละกรณีมีมูลค่าความเสียหายเกิน 400 ดอลลาร์ แม้จะปฏิเสธการให้การกับตำรวจ แต่หลักฐานจากวิดีโอทำให้คดีถูกนำขึ้นศาลในวันที่ 15 ธันวาคม

    บริบทเพิ่มเติมจากวงการวิชาการ
    กรณีนี้สะท้อนถึงแรงกดดันและการแข่งขันในระดับบัณฑิตศึกษา โดยเฉพาะในสาขาวิศวกรรมและวิทยาการคอมพิวเตอร์ที่มีการแข่งขันสูง นักวิชาการบางส่วนชี้ว่าเหตุการณ์นี้เป็นตัวอย่างของ “academic sabotage” ซึ่งแม้จะพบไม่บ่อย แต่ก็สร้างผลกระทบต่อชื่อเสียงของสถาบันและความไว้วางใจในชุมชนวิจัย

    สรุปสาระสำคัญ
    ศาสตราจารย์ UC Berkeley ติดตั้งกล้องแอบถ่าย
    พบความเสียหายสะสมกว่า 46,000 ดอลลาร์

    กล้องจับภาพ Jiarui Zou ก่อเหตุ
    ทำลายคอมพิวเตอร์เพื่อนร่วมงานจนเกิดประกายไฟ

    ถูกตั้งข้อหา 3 กระทง felony vandalism
    แต่ละกรณีมีมูลค่าความเสียหายเกิน 400 ดอลลาร์

    ความเสี่ยงจากการแข่งขันในวงการวิชาการ
    อาจนำไปสู่การก่อเหตุทำลายหรือ sabotage

    ผลกระทบต่อชื่อเสียงและความไว้วางใจ
    สร้างบรรยากาศไม่ปลอดภัยในชุมชนวิจัย

    https://www.tomshardware.com/laptops/uc-berkeley-ph-d-candidate-busted-by-hidden-camera-repeatedly-sabotaging-rival-students-computer-arrested-on-three-felony-counts-may-have-caused-usd46-000-in-damage
    🎓 ดราม่าในรั้วมหาวิทยาลัย: นักศึกษาปริญญาเอก UC Berkeley ถูกจับฐานทำลายคอมพิวเตอร์เพื่อน เหตุการณ์เกิดขึ้นที่ภาควิชา Electrical Engineering and Computer Sciences ของ UC Berkeley เมื่อศาสตราจารย์สังเกตว่ามีคอมพิวเตอร์ของนักศึกษาคนหนึ่งเสียหายบ่อยผิดปกติ รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 46,000 ดอลลาร์สหรัฐ จึงตัดสินใจติดตั้งกล้องแอบถ่ายเพื่อหาสาเหตุ 🔍 กล้องจับภาพขณะก่อเหตุ กล้องสามารถบันทึกภาพนักศึกษาปริญญาเอกอีกคนหนึ่งชื่อ Jiarui Zou อายุ 26 ปี กำลังใช้เครื่องมือทำลายคอมพิวเตอร์ของเพื่อนร่วมงาน จนถึงขั้นทำให้เกิดประกายไฟออกจากเครื่อง เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นต่อเนื่องในช่วงวันที่ 9–10 พฤศจิกายน และสร้างความเสียหายต่อคอมพิวเตอร์อย่างน้อย 3 เครื่อง ⚖️ การดำเนินคดีและข้อกล่าวหา Zou ถูกจับกุมที่บ้านพักใน Berkeley เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน และถูกตั้งข้อหา 3 กระทงความผิดฐานทำลายทรัพย์สิน (felony vandalism) โดยแต่ละกรณีมีมูลค่าความเสียหายเกิน 400 ดอลลาร์ แม้จะปฏิเสธการให้การกับตำรวจ แต่หลักฐานจากวิดีโอทำให้คดีถูกนำขึ้นศาลในวันที่ 15 ธันวาคม 🌐 บริบทเพิ่มเติมจากวงการวิชาการ กรณีนี้สะท้อนถึงแรงกดดันและการแข่งขันในระดับบัณฑิตศึกษา โดยเฉพาะในสาขาวิศวกรรมและวิทยาการคอมพิวเตอร์ที่มีการแข่งขันสูง นักวิชาการบางส่วนชี้ว่าเหตุการณ์นี้เป็นตัวอย่างของ “academic sabotage” ซึ่งแม้จะพบไม่บ่อย แต่ก็สร้างผลกระทบต่อชื่อเสียงของสถาบันและความไว้วางใจในชุมชนวิจัย 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ศาสตราจารย์ UC Berkeley ติดตั้งกล้องแอบถ่าย ➡️ พบความเสียหายสะสมกว่า 46,000 ดอลลาร์ ✅ กล้องจับภาพ Jiarui Zou ก่อเหตุ ➡️ ทำลายคอมพิวเตอร์เพื่อนร่วมงานจนเกิดประกายไฟ ✅ ถูกตั้งข้อหา 3 กระทง felony vandalism ➡️ แต่ละกรณีมีมูลค่าความเสียหายเกิน 400 ดอลลาร์ ‼️ ความเสี่ยงจากการแข่งขันในวงการวิชาการ ⛔ อาจนำไปสู่การก่อเหตุทำลายหรือ sabotage ‼️ ผลกระทบต่อชื่อเสียงและความไว้วางใจ ⛔ สร้างบรรยากาศไม่ปลอดภัยในชุมชนวิจัย https://www.tomshardware.com/laptops/uc-berkeley-ph-d-candidate-busted-by-hidden-camera-repeatedly-sabotaging-rival-students-computer-arrested-on-three-felony-counts-may-have-caused-usd46-000-in-damage
    0 Comments 0 Shares 4 Views 0 Reviews
  • ห้องทดลองใต้ดินเก็บข้อมูลสมอง 10,000 ชั่วโมงเพื่อสร้าง AI แปลงความคิดเป็นข้อความ

    บริษัทสตาร์ทอัพชื่อ Conduit ในซานฟรานซิสโกได้ดำเนินโครงการเก็บข้อมูลสมองจากผู้เข้าร่วมหลายพันคนรวมกว่า 10,000 ชั่วโมง โดยใช้ชุดอุปกรณ์สวมศีรษะที่พัฒนาขึ้นเอง เพื่อฝึกโมเดล AI ที่สามารถถอดรหัสความคิดและเปลี่ยนเป็นข้อความได้ เป้าหมายคือการจับสัญญาณสมองในช่วงเสี้ยววินาทีก่อนที่ผู้เข้าร่วมจะพูดหรือพิมพ์

    เทคโนโลยีและวิธีการเก็บข้อมูล
    Conduit ใช้การผสมผสานเซ็นเซอร์ EEG, fNIRS และอุปกรณ์ตรวจจับอื่น ๆ ในโครงสร้างที่พิมพ์ 3D เพื่อสร้าง “AI Helmet” ที่มีทั้งรุ่นสำหรับการฝึก (หนักและครอบคลุมสัญญาณมากที่สุด) และรุ่นสำหรับการใช้งานจริงในอนาคต ข้อมูลทั้งหมดถูกจัดเก็บในรูปแบบ Zarr 3 เพื่อรวมสัญญาณจากหลายเซ็นเซอร์ภายใต้ระบบเดียว

    ความท้าทายด้านคุณภาพและต้นทุน
    ในช่วงแรกทีมงานต้องปิดไฟหลักและใช้แบตเตอรี่เพื่อหลีกเลี่ยงสัญญาณรบกวนไฟฟ้า แต่ภายหลังพบว่าการขยายขนาดข้อมูลช่วยให้โมเดลสามารถ “ทั่วไป” ได้ดีขึ้นแม้มีเสียงรบกวน ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีที่ซับซ้อนมากอีกต่อไป นอกจากนี้ Conduit ยังลดต้นทุนต่อชั่วโมงข้อมูลลงกว่า 40% ด้วยระบบตรวจสอบคุณภาพแบบเรียลไทม์และการจัดการห้องบันทึกหลายห้องพร้อมกัน

    บริบทเพิ่มเติมจากวงการ AI และประสาทวิทยา
    การวิจัยนี้สะท้อนถึงความพยายามของวงการ AI ที่จะก้าวไปสู่ Brain-Computer Interface (BCI) ซึ่งมีศักยภาพในการช่วยผู้พิการสื่อสาร หรือแม้แต่การสร้างอินเทอร์เฟซใหม่ระหว่างมนุษย์กับคอมพิวเตอร์ อย่างไรก็ตาม นักวิจัยเตือนว่าการเก็บข้อมูลสมองในระดับใหญ่เช่นนี้ต้องพิจารณาเรื่อง จริยธรรมและความเป็นส่วนตัว อย่างเข้มงวด เพราะข้อมูลสมองถือเป็นข้อมูลที่ละเอียดอ่อนที่สุดของมนุษย์

    สรุปสาระสำคัญ
    Conduit เก็บข้อมูลสมองกว่า 10,000 ชั่วโมง
    ใช้เพื่อฝึกโมเดล AI แปลงความคิดเป็นข้อความ

    ใช้ AI Helmet ที่รวม EEG และ fNIRS
    มีรุ่นสำหรับการฝึกและรุ่นสำหรับใช้งานจริง

    ลดต้นทุนการเก็บข้อมูลลงกว่า 40%
    ด้วยระบบตรวจสอบคุณภาพและการจัดการหลายห้อง

    ความเสี่ยงด้านจริยธรรมและความเป็นส่วนตัว
    ข้อมูลสมองเป็นข้อมูลที่ละเอียดอ่อนและอาจถูกใช้ผิดวัตถุประสงค์

    ความท้าทายด้านการนำไปใช้จริง
    ต้องพิจารณาความแม่นยำและผลกระทบต่อผู้เข้าร่วม

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/basement-lab-produces-10000-hours-of-neural-data-for-thought-to-text-research
    🧠 ห้องทดลองใต้ดินเก็บข้อมูลสมอง 10,000 ชั่วโมงเพื่อสร้าง AI แปลงความคิดเป็นข้อความ บริษัทสตาร์ทอัพชื่อ Conduit ในซานฟรานซิสโกได้ดำเนินโครงการเก็บข้อมูลสมองจากผู้เข้าร่วมหลายพันคนรวมกว่า 10,000 ชั่วโมง โดยใช้ชุดอุปกรณ์สวมศีรษะที่พัฒนาขึ้นเอง เพื่อฝึกโมเดล AI ที่สามารถถอดรหัสความคิดและเปลี่ยนเป็นข้อความได้ เป้าหมายคือการจับสัญญาณสมองในช่วงเสี้ยววินาทีก่อนที่ผู้เข้าร่วมจะพูดหรือพิมพ์ ⚙️ เทคโนโลยีและวิธีการเก็บข้อมูล Conduit ใช้การผสมผสานเซ็นเซอร์ EEG, fNIRS และอุปกรณ์ตรวจจับอื่น ๆ ในโครงสร้างที่พิมพ์ 3D เพื่อสร้าง “AI Helmet” ที่มีทั้งรุ่นสำหรับการฝึก (หนักและครอบคลุมสัญญาณมากที่สุด) และรุ่นสำหรับการใช้งานจริงในอนาคต ข้อมูลทั้งหมดถูกจัดเก็บในรูปแบบ Zarr 3 เพื่อรวมสัญญาณจากหลายเซ็นเซอร์ภายใต้ระบบเดียว 🔋 ความท้าทายด้านคุณภาพและต้นทุน ในช่วงแรกทีมงานต้องปิดไฟหลักและใช้แบตเตอรี่เพื่อหลีกเลี่ยงสัญญาณรบกวนไฟฟ้า แต่ภายหลังพบว่าการขยายขนาดข้อมูลช่วยให้โมเดลสามารถ “ทั่วไป” ได้ดีขึ้นแม้มีเสียงรบกวน ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีที่ซับซ้อนมากอีกต่อไป นอกจากนี้ Conduit ยังลดต้นทุนต่อชั่วโมงข้อมูลลงกว่า 40% ด้วยระบบตรวจสอบคุณภาพแบบเรียลไทม์และการจัดการห้องบันทึกหลายห้องพร้อมกัน 🌐 บริบทเพิ่มเติมจากวงการ AI และประสาทวิทยา การวิจัยนี้สะท้อนถึงความพยายามของวงการ AI ที่จะก้าวไปสู่ Brain-Computer Interface (BCI) ซึ่งมีศักยภาพในการช่วยผู้พิการสื่อสาร หรือแม้แต่การสร้างอินเทอร์เฟซใหม่ระหว่างมนุษย์กับคอมพิวเตอร์ อย่างไรก็ตาม นักวิจัยเตือนว่าการเก็บข้อมูลสมองในระดับใหญ่เช่นนี้ต้องพิจารณาเรื่อง จริยธรรมและความเป็นส่วนตัว อย่างเข้มงวด เพราะข้อมูลสมองถือเป็นข้อมูลที่ละเอียดอ่อนที่สุดของมนุษย์ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Conduit เก็บข้อมูลสมองกว่า 10,000 ชั่วโมง ➡️ ใช้เพื่อฝึกโมเดล AI แปลงความคิดเป็นข้อความ ✅ ใช้ AI Helmet ที่รวม EEG และ fNIRS ➡️ มีรุ่นสำหรับการฝึกและรุ่นสำหรับใช้งานจริง ✅ ลดต้นทุนการเก็บข้อมูลลงกว่า 40% ➡️ ด้วยระบบตรวจสอบคุณภาพและการจัดการหลายห้อง ‼️ ความเสี่ยงด้านจริยธรรมและความเป็นส่วนตัว ⛔ ข้อมูลสมองเป็นข้อมูลที่ละเอียดอ่อนและอาจถูกใช้ผิดวัตถุประสงค์ ‼️ ความท้าทายด้านการนำไปใช้จริง ⛔ ต้องพิจารณาความแม่นยำและผลกระทบต่อผู้เข้าร่วม https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/basement-lab-produces-10000-hours-of-neural-data-for-thought-to-text-research
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Basement AI lab captures 10,000 hours of brain scans to train thought-to-text AI models — largest known neural dataset collected from thousands of humans over six months
    Conduit built a multimodal “AI helmet” system and a large-scale data operation to train models that decode semantic content from brain activity.
    0 Comments 0 Shares 6 Views 0 Reviews
  • ซูเปอร์คอมพิวเตอร์จิ๋วแต่ทรงพลัง

    Tiiny AI เปิดตัวเครื่องซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่มีขนาดเล็กมากจนสามารถถือได้ด้วยมือเดียว แต่ภายในบรรจุฮาร์ดแวร์ที่ทรงพลังพอจะรองรับโมเดล AI ขนาดมหึมา จุดเด่นคือการออกแบบที่เน้น local-first computing ทำให้สามารถประมวลผลโมเดลได้โดยไม่ต้องพึ่งพาเซิร์ฟเวอร์ภายนอก

    สเปกและความสามารถ
    เครื่องนี้ใช้สถาปัตยกรรมที่รองรับการประมวลผลโมเดล AI ขนาด 120B parameters พร้อมระบบจัดการพลังงานที่มีประสิทธิภาพสูง แม้จะมีขนาดเล็ก แต่สามารถทำงานได้ใกล้เคียงกับเซิร์ฟเวอร์ AI ระดับศูนย์ข้อมูล โดยยังคงรักษาความเป็นมิตรต่อผู้ใช้ทั่วไป

    ความหมายต่อวงการ AI
    การมาของ Tiiny AI Supercomputer สะท้อนถึงแนวโน้มการทำให้ AI เข้าถึงได้ง่ายขึ้น ไม่จำกัดอยู่แค่บริษัทใหญ่หรือศูนย์ข้อมูลขนาดมหึมา แต่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ทั่วไป, นักวิจัยอิสระ และสตาร์ทอัพสามารถทดลองโมเดลขนาดใหญ่ได้ด้วยเครื่องที่ตั้งบนโต๊ะทำงาน

    ผลกระทบในอนาคต
    หากเทคโนโลยีนี้ถูกพัฒนาและผลิตในเชิงพาณิชย์อย่างจริงจัง อาจเปลี่ยนโฉมการใช้งาน AI ไปอย่างสิ้นเชิง เพราะจะทำให้การฝึกและรันโมเดลขนาดใหญ่ไม่ต้องพึ่งพา cloud computing เพียงอย่างเดียว แต่สามารถทำได้ในระดับ local ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มความเป็นส่วนตัว

    สรุปเป็นหัวข้อ
    Tiiny AI Supercomputer
    ขนาดเล็กที่สุดในโลก
    รองรับโมเดล AI ขนาด 120B parameters

    จุดเด่นด้านเทคโนโลยี
    ออกแบบเพื่อ local-first computing
    ประสิทธิภาพใกล้เคียงเซิร์ฟเวอร์ศูนย์ข้อมูล

    ความหมายต่อวงการ AI
    ทำให้ AI เข้าถึงได้ง่ายขึ้น
    เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ทั่วไปและสตาร์ทอัพ

    ผลกระทบในอนาคต
    ลดการพึ่งพา cloud computing
    เพิ่มความเป็นส่วนตัวและลดค่าใช้จ่าย

    ข้อจำกัดและคำเตือน
    ยังไม่ชัดเจนเรื่องราคาและการวางจำหน่ายจริง
    อาจมีข้อจำกัดด้านการระบายความร้อนและการขยายระบบ
    ต้องพิสูจน์ความเสถียรในการใช้งานระยะยาว

    https://wccftech.com/meet-the-worlds-smallest-supercomputer-a-machine-bold-enough-to-run-120b-ai-models/
    🖥️ ซูเปอร์คอมพิวเตอร์จิ๋วแต่ทรงพลัง Tiiny AI เปิดตัวเครื่องซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่มีขนาดเล็กมากจนสามารถถือได้ด้วยมือเดียว แต่ภายในบรรจุฮาร์ดแวร์ที่ทรงพลังพอจะรองรับโมเดล AI ขนาดมหึมา จุดเด่นคือการออกแบบที่เน้น local-first computing ทำให้สามารถประมวลผลโมเดลได้โดยไม่ต้องพึ่งพาเซิร์ฟเวอร์ภายนอก ⚡ สเปกและความสามารถ เครื่องนี้ใช้สถาปัตยกรรมที่รองรับการประมวลผลโมเดล AI ขนาด 120B parameters พร้อมระบบจัดการพลังงานที่มีประสิทธิภาพสูง แม้จะมีขนาดเล็ก แต่สามารถทำงานได้ใกล้เคียงกับเซิร์ฟเวอร์ AI ระดับศูนย์ข้อมูล โดยยังคงรักษาความเป็นมิตรต่อผู้ใช้ทั่วไป 🌍 ความหมายต่อวงการ AI การมาของ Tiiny AI Supercomputer สะท้อนถึงแนวโน้มการทำให้ AI เข้าถึงได้ง่ายขึ้น ไม่จำกัดอยู่แค่บริษัทใหญ่หรือศูนย์ข้อมูลขนาดมหึมา แต่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ทั่วไป, นักวิจัยอิสระ และสตาร์ทอัพสามารถทดลองโมเดลขนาดใหญ่ได้ด้วยเครื่องที่ตั้งบนโต๊ะทำงาน 🔍 ผลกระทบในอนาคต หากเทคโนโลยีนี้ถูกพัฒนาและผลิตในเชิงพาณิชย์อย่างจริงจัง อาจเปลี่ยนโฉมการใช้งาน AI ไปอย่างสิ้นเชิง เพราะจะทำให้การฝึกและรันโมเดลขนาดใหญ่ไม่ต้องพึ่งพา cloud computing เพียงอย่างเดียว แต่สามารถทำได้ในระดับ local ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มความเป็นส่วนตัว 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ Tiiny AI Supercomputer ➡️ ขนาดเล็กที่สุดในโลก ➡️ รองรับโมเดล AI ขนาด 120B parameters ✅ จุดเด่นด้านเทคโนโลยี ➡️ ออกแบบเพื่อ local-first computing ➡️ ประสิทธิภาพใกล้เคียงเซิร์ฟเวอร์ศูนย์ข้อมูล ✅ ความหมายต่อวงการ AI ➡️ ทำให้ AI เข้าถึงได้ง่ายขึ้น ➡️ เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ทั่วไปและสตาร์ทอัพ ✅ ผลกระทบในอนาคต ➡️ ลดการพึ่งพา cloud computing ➡️ เพิ่มความเป็นส่วนตัวและลดค่าใช้จ่าย ‼️ ข้อจำกัดและคำเตือน ⛔ ยังไม่ชัดเจนเรื่องราคาและการวางจำหน่ายจริง ⛔ อาจมีข้อจำกัดด้านการระบายความร้อนและการขยายระบบ ⛔ ต้องพิสูจน์ความเสถียรในการใช้งานระยะยาว https://wccftech.com/meet-the-worlds-smallest-supercomputer-a-machine-bold-enough-to-run-120b-ai-models/
    WCCFTECH.COM
    Meet the World’s Smallest ‘Supercomputer’ from Tiiny AI; A Machine Bold Enough to Run 120B AI Models Right in the Palm of Your Hand
    Compact AI devices have become mainstream, but Tiiny AI has broken the barriers by introducing the world's smallest AI supercomputer.
    0 Comments 0 Shares 62 Views 0 Reviews
  • Vibe Coding: เมื่อ AI เขียนโค้ดแทนมนุษย์

    บทความ “If You’re Going to Vibe Code, Why Not Do It in C?” โดย Stephen Ramsay พูดถึงการเปลี่ยนแปลงของการเขียนโปรแกรมในยุคที่ AI สามารถสร้างโค้ดได้เอง ผู้เขียนตั้งคำถามว่า หาก “vibe coding” คืออนาคต ทำไมเรายังต้องใช้ภาษาโปรแกรมที่ออกแบบมาเพื่อมนุษย์อ่าน ทั้งที่ AI ไม่จำเป็นต้องมีความสะดวกเชิงมนุษย์

    Stephen Ramsay เล่าว่าตนรักการเขียนโปรแกรมมาตั้งแต่ยุค 90 และมองว่าการเขียนโค้ดคือการแก้ปริศนาที่สนุก แต่การใช้ AI เพื่อ “vibe coding” ทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกพรากความสุขไป เพราะไม่เข้าใจโค้ดที่ AI สร้างขึ้น อย่างไรก็ตาม เขายอมรับว่า AI สามารถสร้างระบบที่ซับซ้อนและทำงานได้จริง แม้จะไม่สมบูรณ์แบบ แต่ก็มีประสิทธิภาพเกินกว่าที่เขาคิดไว้

    บทเรียนจาก SICP และความหมายของภาษาโปรแกรม
    ผู้เขียนอ้างถึงหนังสือ Structure and Interpretation of Computer Programs ที่สอนว่า ภาษาโปรแกรมคือสื่อสำหรับมนุษย์ในการแสดงแนวคิด ไม่ใช่แค่เครื่องมือให้คอมพิวเตอร์ทำงาน ดังนั้น Rust, Python, หรือ Haskell ล้วนถูกออกแบบเพื่อให้มนุษย์เข้าใจง่าย แต่สำหรับ AI ที่ทำ vibe coding สิ่งเหล่านี้ไม่จำเป็น เพราะ AI ไม่ต้องการ “ความสะดวกในการอ่าน” แบบมนุษย์

    ทำไมไม่ใช้ C หรือ Assembly
    Ramsay ตั้งคำถามว่า หาก AI เขียนโค้ดได้เอง ทำไมไม่ใช้ภาษาอย่าง C หรือ Assembly ที่ตรงไปตรงมาและเหมาะกับเครื่องจักรมากกว่า เขาชี้ว่า AI ไม่ค่อยผิดพลาดเรื่อง memory leak หรือ off-by-one error และเก่งกว่ามนุษย์ในการจัดการรายละเอียดเชิงเทคนิค ดังนั้นการใช้ภาษาโปรแกรมที่ “เป็นมิตรกับมนุษย์” อาจไม่จำเป็นอีกต่อไป

    แนวคิด VOPL: Vibe-Oriented Programming Language
    ท้ายที่สุด เขาเสนอแนวคิด VOPL (Vibe-Oriented Programming Language) ซึ่งอาจเป็นภาษาที่ออกแบบมาเพื่อ AI โดยเฉพาะ ไม่ใช่เพื่อมนุษย์ อาจอยู่ในรูป pseudocode ที่ AI แปลงเป็น assembly หรือเป็นภาษาที่ใกล้เคียงกับภาษามนุษย์ แต่มี idiom เฉพาะที่ช่วยให้ AI เข้าใจและสร้างโค้ดได้เร็วขึ้น นี่อาจเป็นวิวัฒนาการใหม่ของการเขียนโปรแกรมในอนาคต

    สรุปสาระสำคัญ
    Vibe coding คือการใช้ AI เขียนโค้ดแทนมนุษย์
    AI สามารถสร้างระบบที่ซับซ้อนและทำงานได้จริง

    ภาษาโปรแกรมถูกออกแบบเพื่อมนุษย์อ่าน
    แต่ AI ไม่ต้องการความสะดวกเชิงมนุษย์

    AI จัดการรายละเอียดเชิงเทคนิคได้ดีกว่ามนุษย์
    เช่น memory management และ off-by-one error

    แนวคิด VOPL เสนอให้มีภาษาใหม่เพื่อ AI โดยเฉพาะ
    อาจเป็น pseudocode หรือภาษาที่ใกล้เคียงภาษามนุษย์

    การพึ่งพา AI อาจทำให้มนุษย์สูญเสียความเข้าใจโค้ด
    เสี่ยงต่อการลดทักษะการเขียนโปรแกรมเชิงลึก

    หากไม่มีกรอบกำกับ อาจเกิดการพัฒนาโค้ดที่มนุษย์ตรวจสอบไม่ได้
    ส่งผลต่อความปลอดภัยและความโปร่งใสของระบบ

    https://stephenramsay.net/posts/vibe-coding.html
    💻 Vibe Coding: เมื่อ AI เขียนโค้ดแทนมนุษย์ บทความ “If You’re Going to Vibe Code, Why Not Do It in C?” โดย Stephen Ramsay พูดถึงการเปลี่ยนแปลงของการเขียนโปรแกรมในยุคที่ AI สามารถสร้างโค้ดได้เอง ผู้เขียนตั้งคำถามว่า หาก “vibe coding” คืออนาคต ทำไมเรายังต้องใช้ภาษาโปรแกรมที่ออกแบบมาเพื่อมนุษย์อ่าน ทั้งที่ AI ไม่จำเป็นต้องมีความสะดวกเชิงมนุษย์ Stephen Ramsay เล่าว่าตนรักการเขียนโปรแกรมมาตั้งแต่ยุค 90 และมองว่าการเขียนโค้ดคือการแก้ปริศนาที่สนุก แต่การใช้ AI เพื่อ “vibe coding” ทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกพรากความสุขไป เพราะไม่เข้าใจโค้ดที่ AI สร้างขึ้น อย่างไรก็ตาม เขายอมรับว่า AI สามารถสร้างระบบที่ซับซ้อนและทำงานได้จริง แม้จะไม่สมบูรณ์แบบ แต่ก็มีประสิทธิภาพเกินกว่าที่เขาคิดไว้ 📖 บทเรียนจาก SICP และความหมายของภาษาโปรแกรม ผู้เขียนอ้างถึงหนังสือ Structure and Interpretation of Computer Programs ที่สอนว่า ภาษาโปรแกรมคือสื่อสำหรับมนุษย์ในการแสดงแนวคิด ไม่ใช่แค่เครื่องมือให้คอมพิวเตอร์ทำงาน ดังนั้น Rust, Python, หรือ Haskell ล้วนถูกออกแบบเพื่อให้มนุษย์เข้าใจง่าย แต่สำหรับ AI ที่ทำ vibe coding สิ่งเหล่านี้ไม่จำเป็น เพราะ AI ไม่ต้องการ “ความสะดวกในการอ่าน” แบบมนุษย์ ⚙️ ทำไมไม่ใช้ C หรือ Assembly Ramsay ตั้งคำถามว่า หาก AI เขียนโค้ดได้เอง ทำไมไม่ใช้ภาษาอย่าง C หรือ Assembly ที่ตรงไปตรงมาและเหมาะกับเครื่องจักรมากกว่า เขาชี้ว่า AI ไม่ค่อยผิดพลาดเรื่อง memory leak หรือ off-by-one error และเก่งกว่ามนุษย์ในการจัดการรายละเอียดเชิงเทคนิค ดังนั้นการใช้ภาษาโปรแกรมที่ “เป็นมิตรกับมนุษย์” อาจไม่จำเป็นอีกต่อไป 🌐 แนวคิด VOPL: Vibe-Oriented Programming Language ท้ายที่สุด เขาเสนอแนวคิด VOPL (Vibe-Oriented Programming Language) ซึ่งอาจเป็นภาษาที่ออกแบบมาเพื่อ AI โดยเฉพาะ ไม่ใช่เพื่อมนุษย์ อาจอยู่ในรูป pseudocode ที่ AI แปลงเป็น assembly หรือเป็นภาษาที่ใกล้เคียงกับภาษามนุษย์ แต่มี idiom เฉพาะที่ช่วยให้ AI เข้าใจและสร้างโค้ดได้เร็วขึ้น นี่อาจเป็นวิวัฒนาการใหม่ของการเขียนโปรแกรมในอนาคต 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Vibe coding คือการใช้ AI เขียนโค้ดแทนมนุษย์ ➡️ AI สามารถสร้างระบบที่ซับซ้อนและทำงานได้จริง ✅ ภาษาโปรแกรมถูกออกแบบเพื่อมนุษย์อ่าน ➡️ แต่ AI ไม่ต้องการความสะดวกเชิงมนุษย์ ✅ AI จัดการรายละเอียดเชิงเทคนิคได้ดีกว่ามนุษย์ ➡️ เช่น memory management และ off-by-one error ✅ แนวคิด VOPL เสนอให้มีภาษาใหม่เพื่อ AI โดยเฉพาะ ➡️ อาจเป็น pseudocode หรือภาษาที่ใกล้เคียงภาษามนุษย์ ‼️ การพึ่งพา AI อาจทำให้มนุษย์สูญเสียความเข้าใจโค้ด ⛔ เสี่ยงต่อการลดทักษะการเขียนโปรแกรมเชิงลึก ‼️ หากไม่มีกรอบกำกับ อาจเกิดการพัฒนาโค้ดที่มนุษย์ตรวจสอบไม่ได้ ⛔ ส่งผลต่อความปลอดภัยและความโปร่งใสของระบบ https://stephenramsay.net/posts/vibe-coding.html
    0 Comments 0 Shares 53 Views 0 Reviews
  • “โปรตุเกสออกกฎหมายใหม่ ปกป้อง Ethical Hackers จากการถูกดำเนินคดี”

    เนื้อหากฎหมายใหม่
    รัฐบาลโปรตุเกสได้ปรับปรุง Cybercrime Law (Decree Law No. 125/2025) โดยเพิ่มบทบัญญัติ Article 8-A ที่ระบุว่า “การกระทำที่ไม่ต้องรับโทษเนื่องจากเป็นประโยชน์ต่อความมั่นคงไซเบอร์” ซึ่งเปิดทางให้ นักวิจัยด้านความปลอดภัยและ Ethical Hackers สามารถทดสอบระบบ, ค้นหาช่องโหว่ และรายงานได้โดยไม่ถูกดำเนินคดี หากทำไปเพื่อประโยชน์สาธารณะ.

    เงื่อนไขการคุ้มครอง
    แม้จะได้รับการคุ้มครอง แต่กฎหมายกำหนดเงื่อนไขเข้มงวด เช่น:
    ต้องมีเจตนาเพื่อปรับปรุงความปลอดภัย ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว
    ห้ามทำให้เกิดความเสียหาย เช่น การหยุดบริการ, ขโมยข้อมูล, หรือใช้วิธีโจมตีรุนแรง (DoS, Phishing, Malware)
    ต้องรายงานช่องโหว่ต่อเจ้าของระบบ, หน่วยงานกำกับดูแลข้อมูล และ National Cybersecurity Centre (CNCS) อย่างรวดเร็ว
    ข้อมูลที่ได้มาต้องถูกลบภายใน 10 วันหลังจากช่องโหว่ถูกแก้ไข.

    แนวโน้มระดับนานาชาติ
    โปรตุเกสไม่ใช่ประเทศเดียวที่เดินหน้าแนวทางนี้ สหราชอาณาจักรกำลังพิจารณาปรับปรุง Computer Misuse Act เพื่อเพิ่ม “statutory defence” ให้กับนักวิจัยที่ทำงานอย่างถูกต้องตามหลักจริยธรรม แนวโน้มนี้สะท้อนให้เห็นว่าหลายประเทศเริ่มตระหนักว่า การเปิดพื้นที่ให้ Ethical Hackers ทำงาน เป็นสิ่งสำคัญต่อการป้องกันภัยไซเบอร์ในระดับโลก.

    ความหมายต่อวงการไซเบอร์
    การเปลี่ยนแปลงนี้ถือเป็นการยอมรับว่า การค้นหาช่องโหว่เป็นกิจกรรมเพื่อสาธารณะ ไม่ใช่อาชญากรรม และช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักวิจัยที่มักกังวลว่าจะถูกดำเนินคดีเมื่อรายงานช่องโหว่ ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐ, เอกชน และชุมชนผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย.

    สรุปเป็นหัวข้อ
    สาระสำคัญของกฎหมายใหม่ในโปรตุเกส
    เพิ่ม Article 8-A ใน Cybercrime Law
    ปกป้อง Ethical Hackers ที่ทำงานเพื่อสาธารณะ

    เงื่อนไขการคุ้มครอง
    ต้องมีเจตนาเพื่อปรับปรุงความปลอดภัย
    ห้ามทำให้เกิดความเสียหายหรือใช้วิธีโจมตีรุนแรง
    ต้องรายงานต่อ CNCS และลบข้อมูลภายใน 10 วัน

    แนวโน้มระดับนานาชาติ
    สหราชอาณาจักรพิจารณาปรับปรุง Computer Misuse Act
    หลายประเทศเริ่มยอมรับบทบาท Ethical Hackers

    ความหมายต่อวงการไซเบอร์
    สร้างความเชื่อมั่นให้นักวิจัย
    ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างรัฐ, เอกชน และชุมชนผู้เชี่ยวชาญ

    คำเตือนสำหรับ Ethical Hackers
    หากทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวหรือสร้างความเสียหาย จะไม่ถูกคุ้มครอง
    การไม่รายงานช่องโหว่ตามกำหนดเวลาอาจทำให้สูญเสียสิทธิ์คุ้มครอง
    การใช้วิธีโจมตีเชิงรุก เช่น DoS หรือ Malware ถือว่าผิดกฎหมาย

    https://hackread.com/portugal-cybercrime-law-protects-ethical-hackers/
    ⚖️ “โปรตุเกสออกกฎหมายใหม่ ปกป้อง Ethical Hackers จากการถูกดำเนินคดี” 📜 เนื้อหากฎหมายใหม่ รัฐบาลโปรตุเกสได้ปรับปรุง Cybercrime Law (Decree Law No. 125/2025) โดยเพิ่มบทบัญญัติ Article 8-A ที่ระบุว่า “การกระทำที่ไม่ต้องรับโทษเนื่องจากเป็นประโยชน์ต่อความมั่นคงไซเบอร์” ซึ่งเปิดทางให้ นักวิจัยด้านความปลอดภัยและ Ethical Hackers สามารถทดสอบระบบ, ค้นหาช่องโหว่ และรายงานได้โดยไม่ถูกดำเนินคดี หากทำไปเพื่อประโยชน์สาธารณะ. 🛡️ เงื่อนไขการคุ้มครอง แม้จะได้รับการคุ้มครอง แต่กฎหมายกำหนดเงื่อนไขเข้มงวด เช่น: 🎗️ ต้องมีเจตนาเพื่อปรับปรุงความปลอดภัย ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว 🎗️ ห้ามทำให้เกิดความเสียหาย เช่น การหยุดบริการ, ขโมยข้อมูล, หรือใช้วิธีโจมตีรุนแรง (DoS, Phishing, Malware) 🎗️ ต้องรายงานช่องโหว่ต่อเจ้าของระบบ, หน่วยงานกำกับดูแลข้อมูล และ National Cybersecurity Centre (CNCS) อย่างรวดเร็ว 🎗️ ข้อมูลที่ได้มาต้องถูกลบภายใน 10 วันหลังจากช่องโหว่ถูกแก้ไข. 🌍 แนวโน้มระดับนานาชาติ โปรตุเกสไม่ใช่ประเทศเดียวที่เดินหน้าแนวทางนี้ สหราชอาณาจักรกำลังพิจารณาปรับปรุง Computer Misuse Act เพื่อเพิ่ม “statutory defence” ให้กับนักวิจัยที่ทำงานอย่างถูกต้องตามหลักจริยธรรม แนวโน้มนี้สะท้อนให้เห็นว่าหลายประเทศเริ่มตระหนักว่า การเปิดพื้นที่ให้ Ethical Hackers ทำงาน เป็นสิ่งสำคัญต่อการป้องกันภัยไซเบอร์ในระดับโลก. 🔎 ความหมายต่อวงการไซเบอร์ การเปลี่ยนแปลงนี้ถือเป็นการยอมรับว่า การค้นหาช่องโหว่เป็นกิจกรรมเพื่อสาธารณะ ไม่ใช่อาชญากรรม และช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักวิจัยที่มักกังวลว่าจะถูกดำเนินคดีเมื่อรายงานช่องโหว่ ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐ, เอกชน และชุมชนผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย. 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ สาระสำคัญของกฎหมายใหม่ในโปรตุเกส ➡️ เพิ่ม Article 8-A ใน Cybercrime Law ➡️ ปกป้อง Ethical Hackers ที่ทำงานเพื่อสาธารณะ ✅ เงื่อนไขการคุ้มครอง ➡️ ต้องมีเจตนาเพื่อปรับปรุงความปลอดภัย ➡️ ห้ามทำให้เกิดความเสียหายหรือใช้วิธีโจมตีรุนแรง ➡️ ต้องรายงานต่อ CNCS และลบข้อมูลภายใน 10 วัน ✅ แนวโน้มระดับนานาชาติ ➡️ สหราชอาณาจักรพิจารณาปรับปรุง Computer Misuse Act ➡️ หลายประเทศเริ่มยอมรับบทบาท Ethical Hackers ✅ ความหมายต่อวงการไซเบอร์ ➡️ สร้างความเชื่อมั่นให้นักวิจัย ➡️ ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างรัฐ, เอกชน และชุมชนผู้เชี่ยวชาญ ‼️ คำเตือนสำหรับ Ethical Hackers ⛔ หากทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวหรือสร้างความเสียหาย จะไม่ถูกคุ้มครอง ⛔ การไม่รายงานช่องโหว่ตามกำหนดเวลาอาจทำให้สูญเสียสิทธิ์คุ้มครอง ⛔ การใช้วิธีโจมตีเชิงรุก เช่น DoS หรือ Malware ถือว่าผิดกฎหมาย https://hackread.com/portugal-cybercrime-law-protects-ethical-hackers/
    HACKREAD.COM
    New Portuguese Law Shields Ethical Hackers from Prosecution
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 Comments 0 Shares 57 Views 0 Reviews
  • รวมข่าวจากเวบ TechRadar

    #รวมข่าวIT #20251210 #TechRadar

    ความฝัน AGI ที่ยังไกลเกินเอื้อม
    นักวิจัย AI ในงานประชุม NeurIPS 2025 ออกมาเตือนว่า แม้ Google จะฉลองความสำเร็จของ Gemini 3 แต่ความจริงแล้วการสร้าง “ปัญญาประดิษฐ์ทั่วไป” หรือ AGI ยังห่างไกลมาก ปัญหาคือการพัฒนาโมเดลขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ได้ทำให้มันฉลาดขึ้นจริง ๆ แต่กลับติดกำแพงที่เรียกว่า “scaling wall” ทั้งเรื่องข้อมูลที่เริ่มหมดคุณภาพ การใช้พลังงานมหาศาล และที่สำคัญคือโมเดลยังไม่เข้าใจเหตุและผลอย่างแท้จริง หลายคนเสนอแนวทางใหม่ เช่น สถาปัตยกรรมแบบ neurosymbolic ที่ผสมผสานการเรียนรู้เชิงสถิติและตรรกะ หรือ “world models” ที่จำลองการรับรู้โลกแบบมนุษย์ เพื่อให้ AI ไม่ใช่แค่ตอบได้ แต่เข้าใจจริง ๆ https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/agi-is-a-pipe-dream-until-we-solve-one-big-problem-ai-experts-say-even-as-google-celebrates-geminis-success

    เครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ 14 ปีในอินโดนีเซียถูกโค่น
    นักวิจัย Malanta.ai พบโครงสร้างอาชญากรรมไซเบอร์ขนาดมหึมาในอินโดนีเซียที่ดำเนินการต่อเนื่องกว่า 14 ปี มีการควบคุมโดเมนกว่า 320,000 แห่ง รวมถึงซับโดเมนของรัฐบาลที่ถูกแฮ็ก ใช้แพลตฟอร์มคลาวด์อย่าง AWS และ Firebase ในการสั่งการมัลแวร์ และสร้างแอป Android ปลอมที่กระจายไปทั่ว ผลคือข้อมูลล็อกอินการพนันกว่า 50,000 รายการถูกขโมยไป นักวิจัยตั้งข้อสงสัยว่านี่อาจไม่ใช่แค่กลุ่มอาชญากรทั่วไป แต่มีลักษณะคล้ายปฏิบัติการระดับรัฐ https://www.techradar.com/pro/security/national-cybercrime-network-operating-for-14-years-dismantled-in-indonesia

    บอร์ด Framework เก่าถูกชุบชีวิตเป็นคลัสเตอร์คอมพิวเตอร์
    โครงการ Kickstarter ที่ชื่อ FrameCluster เสนอไอเดียเปลี่ยนเมนบอร์ด Framework ที่ไม่ได้ใช้แล้วให้กลายเป็นระบบคลัสเตอร์ขนาดเล็ก โดยใช้ชิ้นส่วนที่พิมพ์ 3D ทั้งหมด มันไม่ได้เน้นพลังประมวลผลสูงสุด แต่เน้นการจัดระเบียบและการนำฮาร์ดแวร์เก่ามาใช้ใหม่ เหมาะสำหรับงานทดลองหรือโฮสต์เซอร์วิสเล็ก ๆ แม้จะยังระดมทุนได้ไม่มาก แต่ก็เป็นตัวอย่างที่น่าสนใจของการรีไซเคิลเทคโนโลยีให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง https://www.techradar.com/pro/your-own-supercomputer-made-up-of-old-framework-motherboards-this-kickstarter-project-aims-to-achieve-just-that

    รีวิว Fairphone Fairbuds XL 2025 หูฟังรักษ์โลก
    Fairphone เปิดตัวหูฟังรุ่นใหม่ Fairbuds XL 2025 ที่ยังคงจุดขายด้านความยั่งยืน ใช้วัสดุรีไซเคิลและแร่ธาตุที่ได้จากการทำเหมืองอย่างเป็นธรรม จุดเด่นคือการควบคุมด้วยจอยสติ๊กเล็ก ๆ ที่ใช้งานง่ายและสนุก เสียงออกมาแนวสนุกสนาน มีพลังเบส แต่ยังไม่ละเอียดเท่าคู่แข่งรายใหญ่ จุดที่อาจทำให้ลังเลคือราคาที่สูงกว่าแบรนด์อื่น และฟีเจอร์เสริมที่ยังไม่ครบ แต่ถ้ามองเรื่องสิ่งแวดล้อมและการใช้งานระยะยาว หูฟังนี้ถือว่าโดดเด่นมาก https://www.techradar.com/audio/wireless-headphones/fairphone-fairbuds-xl-2025-review

    7 มือถือแนะนำสำหรับของขวัญคริสต์มาส
    TechRadar รวบรวมมือถือที่เหมาะจะซื้อเป็นของขวัญคริสต์มาสปีนี้ โดยแบ่งตามกลุ่มผู้ใช้ เช่น สำหรับทุกคนทั่วไปมีตัวเลือกอย่าง iPhone 17, Samsung Galaxy S25 และ Google Pixel 10 ส่วนวัยรุ่นเหมาะกับ iPhone 16 ที่ยังเร็วและรองรับอัปเดตอีกหลายปี สำหรับพ่อแม่แนะนำ Samsung Galaxy A36 ที่จอใหญ่ แบตอึด และราคาคุ้มค่า ถ้าเป็นแฟน Apple ก็มี iPhone 17 Pro ที่ครบเครื่อง หรือถ้าเป็นสาย Android ตัวแรง OnePlus 15 ก็เป็นดาวเด่นปีนี้ เรียกว่ามีตัวเลือกสำหรับทุกสไตล์และงบประมาณ https://www.techradar.com/phones/buying-someone-a-new-phone-this-christmas-here-are-my-7-expert-recommendations-for-every-type-of-person

    โฆษณาใน Gemini ยังไม่มา แต่อนาคตอาจเลี่ยงไม่พ้น
    ช่วงนี้โลก AI กำลังถูกจับตามองเรื่องโฆษณาในแชตบอท หลังจากที่ผู้ใช้ ChatGPT แบบโปรราคา 200 ดอลลาร์ต่อเดือนเจอ “app suggestions” โผล่มาเหมือนโฆษณา จนบริษัทต้องรีบถอดออกและยอมรับว่าพลาดไป ขณะที่คู่แข่งอย่าง Google Gemini รีบออกมาปฏิเสธข่าวลือว่าไม่มีแผนจะใส่โฆษณาในแอปตอนนี้ แต่คำว่า “ตอนนี้” ก็ทำให้หลายคนตั้งข้อสงสัย เพราะค่าใช้จ่ายมหาศาลในการดูแลระบบ AI อาจทำให้วันหนึ่งโฆษณากลายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เรื่องนี้สะท้อนว่าอนาคตของผู้ช่วย AI อาจไม่พ้นการกลายเป็นพื้นที่โฆษณา เพียงแต่จะมาเมื่อไหร่เท่านั้น https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/ads-arent-coming-to-gemini-google-says-but-openai-has-shown-that-the-inevitable-is-coming

    Xiaomi และ Motorola เตรียมส่งแท็กคู่แข่ง AirTag
    ตั้งแต่ Apple เปิดตัว AirTag ในปี 2021 ก็แทบจะครองตลาดอุปกรณ์ติดตามของหาย ล่าสุดมีข่าวลือว่า Xiaomi และ Motorola กำลังจะเปิดตัวแท็กของตัวเอง โดยทั้งคู่จะรองรับเทคโนโลยี ultra wide-band ที่แม่นยำกว่าเดิม Xiaomi อาจเปิดตัวพร้อมมือถือรุ่นใหม่ปลายปี ส่วน Motorola ก็มีภาพหลุดของ Moto Tag 2 ที่จะมาพร้อมสีใหม่และกันน้ำได้ด้วย ราคายังไม่ประกาศ แต่คาดว่าจะใกล้เคียงกับรุ่นก่อนที่ขายราว 40 ดอลลาร์ ถือเป็นข่าวดีสำหรับผู้ใช้ Android ที่อยากได้ตัวเลือกใหม่ในการติดตามของสำคัญ https://www.techradar.com/phones/android/forget-apple-airtags-motorola-and-xiaomi-are-rumored-to-be-launching-android-equivalents-soon

    Dyson V8 Cyclone รุ่นพื้นฐานที่ทำความสะอาดได้เกินคาด
    นักรีวิวเครื่องดูดฝุ่นจาก TechRadar ได้ลอง Dyson V8 Cyclone ซึ่งเป็นรุ่นพื้นฐาน ไม่มีฟีเจอร์ล้ำ ๆ เหมือนรุ่นใหม่ ๆ แต่กลับทำความสะอาดได้ดีจนเหนือความคาดหมาย ในการทดสอบเปรียบเทียบกับรุ่นไฮเทคอย่าง Dyson V16 และ Shark Detect Pro รุ่น V8 Cyclone กลับทำคะแนนสูงกว่า จุดเด่นคือแรงดูดและหัวดูดที่ออกแบบเรียบง่ายแต่มีประสิทธิภาพ ทำให้ตั้งคำถามว่าบางครั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ถูกออกแบบซับซ้อนเกินไปอาจไม่ได้ช่วยให้ใช้งานดีขึ้นเสมอไป https://www.techradar.com/home/vacuums/i-was-blown-away-by-this-basic-dyson-vacuums-cleaning-powers-and-im-wondering-if-modern-vacs-are-over-engineered

      IKEA เปิดตัวไฟอัจฉริยะราคาถูกที่สุด
    IKEA เปิดตัวไฟ LED รุ่นใหม่ชื่อ Gömpyssling ที่มาพร้อมเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว เปิดปุ๊บติดปั๊บ เหมาะสำหรับติดในตู้หรือชั้นวางของ จุดเด่นคือราคาถูกมาก แค่สองชิ้นราคาเพียง 3 ปอนด์ในอังกฤษ และ 4 ยูโรในหลายประเทศยุโรป ตัวไฟทำจากพลาสติกรีไซเคิล ใช้แบตเตอรี่ AA เพียงก้อนเดียว ไม่ต้องเชื่อมต่อ Wi-Fi หรือแอปใด ๆ ถือเป็นอุปกรณ์เล็ก ๆ ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในบ้านโดยไม่ต้องลงทุนเยอะ https://www.techradar.com/home/smart-home/ikea-quietly-launches-a-new-smart-light-and-its-the-simplest-and-most-affordable-one-yet

    Asus ROG Raikiri Pro คอนโทรลเลอร์พร้อมจอ OLED ลดราคาหนัก
    สำหรับสายเกมเมอร์ Asus ROG Raikiri Pro เป็นคอนโทรลเลอร์ไร้สายที่มีจอ OLED ในตัว สามารถปรับโปรไฟล์ปุ่มและตั้งค่าต่าง ๆ ได้ทันทีโดยไม่ต้องเข้าเมนูในเกม ล่าสุดมีโปรลดราคาจาก 149.99 ปอนด์เหลือเพียง 89.99 ปอนด์ ถือเป็นราคาต่ำสุดที่เคยมี ดีไซน์โดดเด่นด้วยไฟ RGB รอบปุ่มและตัวเครื่องกึ่งโปร่งใส เหมาะกับคนที่ชอบปรับแต่งละเอียดหรืออยากได้คอนโทรลเลอร์ที่แตกต่างจากทั่วไป https://www.techradar.com/gaming/this-asus-controller-comes-with-a-screen-and-right-now-its-cheaper-than-ever

      Meta ลดการแชร์ข้อมูลผู้ใช้ในยุโรป
    Meta ประกาศว่าจะลดการแชร์ข้อมูลของผู้ใช้ในสหภาพยุโรปภายในปี 2026 เพื่อหลีกเลี่ยงการโดนปรับตามกฎหมาย GDPR การเปลี่ยนแปลงนี้จะทำให้ข้อมูลที่ส่งต่อระหว่างบริการต่าง ๆ ของ Meta เช่น Facebook และ Instagram ถูกจำกัดมากขึ้น ถือเป็นการตอบสนองต่อแรงกดดันจากหน่วยงานกำกับดูแลในยุโรปที่เข้มงวดเรื่องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ https://www.techradar.com/pro/meta-promises-to-reduce-data-sharing-for-eu-users-by-2026-to-avoid-eu-gdpr-fines

      รีวิวกล้องติดรถ Thinkware U3000 Pro
    กล้องติดรถ Thinkware U3000 Pro รุ่นใหม่มาพร้อมฟีเจอร์จัดเต็ม เช่น การบันทึกวิดีโอความละเอียดสูง และระบบช่วยตรวจจับเหตุการณ์ แต่ราคาก็สูงตามไปด้วย รีวิวจาก TechRadar ระบุว่าถึงแม้คุณภาพดี แต่คู่แข่งที่ราคาถูกกว่ากลับทำได้ใกล้เคียงหรือบางรุ่นดีกว่า ทำให้ U3000 Pro อาจเหมาะกับคนที่ต้องการฟีเจอร์ครบ ๆ และไม่กังวลเรื่องงบประมาณ https://www.techradar.com/vehicle-tech/dash-cams/i-tested-the-thinkware-u3000-pro-dash-cam-and-it-has-heaps-of-potential-but-its-outshone-by-affordable-rivals

    สร้างห้องทำงานที่บ้านให้สมบูรณ์แบบ
    เรื่องนี้พูดถึงการจัดห้องทำงานที่บ้านให้กลายเป็นพื้นที่ทำงานที่ทรงพลังและสะดวกสบายที่สุด เขาแนะนำอุปกรณ์สำคัญตั้งแต่แล็ปท็อปที่แรงพอสำหรับงานหนักอย่าง Dell 16 Premium ไปจนถึงเก้าอี้ Branch Verve ที่นั่งได้นานโดยไม่เมื่อย รวมถึงโต๊ะยืน FlexiSpot E7 ที่ปรับระดับได้ง่าย เครื่องพิมพ์ Epson EcoTank ที่ประหยัดหมึก และจอมอนิเตอร์ Dell UltraSharp ที่ภาพคมชัด นอกจากนี้ยังมีเมาส์ Logitech MX Master 3S ที่ใช้งานได้เงียบและแม่นยำ รวมถึงระบบ Wi-Fi 7 จาก TP-Link Deco ที่ทำให้การเชื่อมต่อเสถียร สุดท้ายยังมีอุปกรณ์เสริมอย่าง Docking Station, SSD พกพา Samsung T9, Cloud Storage iDrive และหูฟัง Jabra Evolve2 75 ที่ช่วยให้การประชุมออนไลน์ชัดเจน ทั้งหมดนี้คือการรวมอุปกรณ์ที่ทำให้การทำงานจากบ้านมีประสิทธิภาพและสบายใจมากขึ้น https://www.techradar.com/home/create-the-ultimate-work-from-home-setup

    LinkedIn เดินหน้าตรวจสอบตัวตนผู้ใช้ทุกคน
    LinkedIn ประกาศความสำเร็จในการทำให้มีผู้ใช้ที่ผ่านการยืนยันตัวตนกว่า 100 ล้านบัญชี และยังตั้งเป้าว่าจะทำให้ทุกบัญชี ทุกบริษัท และทุกตำแหน่งงานมีการยืนยันเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือมากขึ้น การยืนยันนี้ช่วยให้ผู้ใช้ได้รับการเข้าถึงและการมีส่วนร่วมมากขึ้นถึงหลายสิบเปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ LinkedIn ยังเปิด API ให้แพลตฟอร์มอื่น ๆ เช่น Zoom นำสถานะการยืนยันไปแสดงในโปรไฟล์ เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการประชุมออนไลน์ ถือเป็นก้าวสำคัญที่ LinkedIn ต้องการสร้างมาตรฐานใหม่ของความน่าเชื่อถือบนโลกดิจิทัล https://www.techradar.com/pro/linkedin-wants-every-user-to-be-verified

    โน้ตบุ๊กเกมมิ่งจอ OLED ขยายได้จาก Lenovo
    มีข่าวลือว่า Lenovo เตรียมเปิดตัวโน้ตบุ๊กเกมมิ่งรุ่นใหม่ชื่อ Legion Pro Rollable ที่มาพร้อมจอ OLED แบบขยายได้ในแนวนอน ซึ่งจะกลายเป็นโน้ตบุ๊กเกมมิ่งจอ Ultrawide รุ่นแรกของโลก หากเป็นจริงจะเปิดตัวในงาน CES 2026 จุดเด่นคือหน้าจอสามารถขยายออกไปด้านข้างเพื่อเพิ่มพื้นที่การเล่นเกมหรือทำงานแบบมัลติทาสก์ คาดว่าจะใช้ซีพียู Intel Core Ultra แต่ยังไม่เปิดเผยการ์ดจอ แม้จะมีข้อกังวลเรื่องราคาและน้ำหนัก แต่ถ้า Lenovo ทำได้สำเร็จ นี่อาจเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโน้ตบุ๊กเกมมิ่ง https://www.techradar.com/computing/gaming-laptops/lenovo-legion-pro-rollable-leak-reveals-the-worlds-first-ultrawide-oled-gaming-laptop-and-i-cant-wait-to-try-it

    การโจมตีแบบ Prompt Injection อาจไม่มีวันแก้ได้
    หน่วยงานความมั่นคงไซเบอร์แห่งสหราชอาณาจักร (NCSC) เตือนว่าการโจมตีแบบ Prompt Injection ซึ่งเป็นการฝังคำสั่งแอบแฝงในข้อความเพื่อหลอกให้โมเดลภาษาขนาดใหญ่ทำงานผิด อาจจะไม่สามารถแก้ไขได้อย่างสมบูรณ์เหมือนที่เคยแก้ปัญหา SQL Injection เพราะโมเดลไม่สามารถแยกแยะระหว่างข้อมูลกับคำสั่งได้อย่างแท้จริง ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้นักพัฒนามองโมเดลเหล่านี้เป็น “ผู้ช่วยที่สับสนได้” และออกแบบระบบให้จำกัดผลกระทบหากถูกโจมตี นี่เป็นการเตือนว่าการใช้ AI ต้องระวังและไม่ควรคาดหวังว่าจะปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ https://www.techradar.com/pro/security/prompt-injection-attacks-might-never-be-properly-mitigated-uk-ncsc-warns

    ออสเตรเลียห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 16 ใช้โซเชียลมีเดีย
    กฎหมายใหม่ในออสเตรเลียเริ่มบังคับใช้แล้ว โดยห้ามผู้ที่อายุต่ำกว่า 16 ปีใช้งานแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียยอดนิยม เช่น YouTube, Instagram, TikTok และ Snapchat หากบริษัทไม่ปฏิบัติตามอาจถูกปรับสูงถึง 49.5 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย มาตรการนี้ได้รับเสียงสนับสนุนจากผู้ปกครองและนักปกป้องเด็ก แต่ก็มีเสียงวิจารณ์จากผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและความเป็นส่วนตัวที่กังวลว่าจะกระทบสิทธิของประชาชน เด็กบางคนเริ่มหันไปใช้แอปอื่นที่ไม่อยู่ในขอบเขตของกฎหมาย เช่น Discord หรือ Roblox และมีแนวโน้มว่าการค้นหา VPN จะเพิ่มขึ้นเพื่อหาทางเลี่ยงข้อจำกัด https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/under-16s-social-media-ban-lands-in-australia

    Pebble Index 01 อุปกรณ์ใหม่รวมแหวนอัจฉริยะกับผู้ช่วยเสียง
    Pebble เปิดตัวอุปกรณ์ที่รวมฟังก์ชันผู้ช่วยเสียงเข้ากับสมาร์ทริงในชื่อ Pebble Index 01 จุดเด่นคือสามารถสั่งงานด้วยเสียงได้โดยตรงจากแหวน เช่น เปิดเพลง ควบคุมอุปกรณ์สมาร์ทโฮม หรือเช็กข้อมูลต่าง ๆ โดยไม่ต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ดีไซน์เรียบง่ายและทันสมัย ทำให้เป็นทั้งเครื่องประดับและอุปกรณ์เทคโนโลยีในเวลาเดียวกัน ถือเป็นการพยายามสร้างหมวดหมู่ใหม่ที่ผสมผสาน wearable กับ AI voice assistant เข้าด้วยกัน https://www.techradar.com/health-fitness/pebble-is-reinventing-voice-assistants-and-smart-rings-in-one-device-meet-the-pebble-index-01

     รัฐบาลสหรัฐฯ มองโลกในแง่ดีหลังยอดจ่ายค่าไถ่ไซเบอร์ลดลง
    ช่วงปี 2023 ถือเป็นปีที่การโจมตี ransomware พุ่งสูงสุด มีการจ่ายค่าไถ่รวมกว่า 1.1 พันล้านดอลลาร์ แต่หลังจากที่หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายสามารถจัดการกับแก๊งใหญ่ ๆ อย่าง ALPHV และ LockBit ได้ ทำให้ปี 2024 ยอดการโจมตีและจำนวนเงินที่เหยื่อจ่ายลดลงเหลือประมาณ 734 ล้านดอลลาร์ แม้ยังมีแก๊งอย่าง Akira ที่ยังคงเคลื่อนไหวอยู่ แต่ภาพรวมถือว่าการปราบปรามครั้งนี้สร้างผลกระทบชัดเจนต่อวงการอาชญากรรมไซเบอร์ https://www.techradar.com/pro/security/us-treasury-offers-cautious-optimism-as-ransomware-payments-decline

     Spotify เดินหน้าสู่ยุคใหม่ เพิ่มมิวสิกวิดีโอในแอป
    Spotify กำลังพยายามกลายเป็นเหมือน MTV ยุคดิจิทัล โดยล่าสุดเปิดให้ผู้ใช้ในสหรัฐฯ และแคนาดา รวมถึงอีกหลายประเทศ สามารถดูมิวสิกวิดีโอได้โดยตรงในแอป ไม่ใช่แค่ฟังเพลงอย่างเดียว ผู้ใช้สามารถกดสลับจากโหมดเสียงไปเป็นวิดีโอได้ทันที ฟีเจอร์นี้สร้างความตื่นเต้น แต่ก็มีเสียงวิจารณ์ว่าประสบการณ์ดูวิดีโอยังไม่ลื่นไหลเท่า YouTube อย่างไรก็ตาม Spotify ยังคงเดินหน้าต่อยอดเพื่อขยายบริการให้ครบวงจรทั้งภาพและเสียง https://www.techradar.com/audio/spotify/spotify-steps-up-its-plan-to-be-the-new-mtv-music-videos-are-rolling-out-whether-you-want-them-or-not

     โลกการเขียนโค้ดกับเทรนด์ใหม่ “Vibe-Coding”
    คำว่า “Vibe-Coding” ถูกยกให้เป็นคำแห่งปี 2025 หมายถึงการเขียนโปรแกรมที่เน้นความรู้สึกและความคิดสร้างสรรค์มากกว่ากฎเกณฑ์ทางเทคนิค โดยใช้ AI เป็นตัวช่วยให้โค้ดเกิดขึ้นแทบจะอัตโนมัติ แนวทางนี้เปิดโอกาสให้คนที่ไม่เชี่ยวชาญด้านเทคนิคสามารถสร้างซอฟต์แวร์ได้ง่ายขึ้น แต่ก็มีข้อกังวลเรื่องคุณภาพ ความปลอดภัย และความเสี่ยงจากโค้ดที่ไม่ได้ตรวจสอบอย่างละเอียด นักพัฒนาจึงต้องปรับบทบาทจากการเขียนโค้ดเองไปสู่การควบคุมคุณภาพและกำกับ AI ให้ทำงานอย่างถูกต้อง https://www.techradar.com/pro/the-future-of-coding-has-a-vibe-problem-balancing-creativity-with-control

     AMD เตรียมเปิดตัวชิปเกมมิ่งรุ่นใหม่ Ryzen 9850X3D
    มีภาพหลุดจาก BIOS ที่เผยให้เห็นชิป AMD Ryzen 9850X3D ซึ่งคาดว่าจะเป็นรุ่นอัปเกรดจาก 9800X3D โดยเพิ่มความเร็วบูสต์สูงสุดถึง 5.6GHz ทำให้แรงขึ้นกว่าเดิมประมาณ 400MHz แม้ผลทดสอบเบื้องต้นยังไม่ชัดเจน แต่ถ้าชิปนี้เปิดตัวจริงในงาน CES 2026 จะเป็นข่าวดีสำหรับนักเล่นเกม เพราะนอกจากจะได้รุ่นใหม่ที่แรงขึ้นแล้ว ยังอาจทำให้รุ่นเก่าราคาเริ่มถูกลงด้วย https://www.techradar.com/computing/gpu/the-fastest-gaming-cpu-could-get-a-supercharged-version-soon-as-new-amd-ryzen-9850x3d-leak-pops-up

     สหราชอาณาจักรต้องเร่งสร้างเครือข่ายอัจฉริยะเพื่อแข่งขันในยุค AI
    รายงานล่าสุดชี้ว่า AI สามารถเพิ่ม GDP ของสหราชอาณาจักรได้กว่า 550 พันล้านปอนด์ภายในปี 2035 แต่ปัญหาคือโครงสร้างพื้นฐานด้านเครือข่ายยังล้าหลังมาก โดยปัจจุบันสหราชอาณาจักรถือครองพลังการประมวลผล AI เพียง 3% ของโลก ขณะที่สหรัฐฯ ครองถึง 75% หากไม่เร่งลงทุนในเครือข่ายที่เร็ว ปลอดภัย และปรับตัวได้ทันที ประเทศอาจเสียโอกาสในการแข่งขัน เครือข่ายอัจฉริยะจะเป็นหัวใจสำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจและนวัตกรรมในอนาคต https://www.techradar.com/pro/the-uk-must-build-smarter-networks-to-lead-in-ai

      IBM ทุ่มเงิน 11 พันล้านเหรียญซื้อกิจการ Confluent IBM
    กำลังเดินหน้าขยายธุรกิจด้านโครงสร้างพื้นฐานข้อมูล โดยล่าสุดมีรายงานว่าเตรียมเข้าซื้อ Confluent ด้วยมูลค่ากว่า 11 พันล้านเหรียญสหรัฐ การเข้าซื้อครั้งนี้สะท้อนถึงความตั้งใจของ IBM ที่จะเสริมความแข็งแกร่งด้านการจัดการข้อมูลแบบเรียลไทม์ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญขององค์กรยุค AI และคลาวด์ หากดีลนี้สำเร็จ IBM จะมีเครื่องมือที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถจัดการข้อมูลที่ซับซ้อนและกระจายตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น https://www.techradar.com/pro/ibm-looks-to-secure-data-infrastructure-with-usd11bn-bid-for-confluent

      สหรัฐฯ เตรียมอนุญาตให้ส่งออกชิป Nvidia H200 ไปจีน
    รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์ มีแนวโน้มที่จะอนุญาตให้บริษัท Nvidia ส่งออกชิปประสิทธิภาพสูงรุ่น H200 ไปยังจีน หลังจากก่อนหน้านี้มีการจำกัดการขายเพื่อป้องกันการนำไปใช้ในงานด้าน AI และการทหาร การผ่อนปรนครั้งนี้อาจช่วยให้ Nvidia ขยายตลาดและสร้างรายได้เพิ่มขึ้น แต่ก็มีเสียงวิจารณ์ว่าการตัดสินใจดังกล่าวอาจส่งผลต่อความมั่นคงทางเทคโนโลยีของสหรัฐฯ https://www.techradar.com/pro/trump-set-to-allow-nvidia-h200-chips-to-be-exported-to-china
    📌📡🟢 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🟢📡📌 #รวมข่าวIT #20251210 #TechRadar 🧠 ความฝัน AGI ที่ยังไกลเกินเอื้อม นักวิจัย AI ในงานประชุม NeurIPS 2025 ออกมาเตือนว่า แม้ Google จะฉลองความสำเร็จของ Gemini 3 แต่ความจริงแล้วการสร้าง “ปัญญาประดิษฐ์ทั่วไป” หรือ AGI ยังห่างไกลมาก ปัญหาคือการพัฒนาโมเดลขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ได้ทำให้มันฉลาดขึ้นจริง ๆ แต่กลับติดกำแพงที่เรียกว่า “scaling wall” ทั้งเรื่องข้อมูลที่เริ่มหมดคุณภาพ การใช้พลังงานมหาศาล และที่สำคัญคือโมเดลยังไม่เข้าใจเหตุและผลอย่างแท้จริง หลายคนเสนอแนวทางใหม่ เช่น สถาปัตยกรรมแบบ neurosymbolic ที่ผสมผสานการเรียนรู้เชิงสถิติและตรรกะ หรือ “world models” ที่จำลองการรับรู้โลกแบบมนุษย์ เพื่อให้ AI ไม่ใช่แค่ตอบได้ แต่เข้าใจจริง ๆ 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/agi-is-a-pipe-dream-until-we-solve-one-big-problem-ai-experts-say-even-as-google-celebrates-geminis-success 🕵️ เครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ 14 ปีในอินโดนีเซียถูกโค่น นักวิจัย Malanta.ai พบโครงสร้างอาชญากรรมไซเบอร์ขนาดมหึมาในอินโดนีเซียที่ดำเนินการต่อเนื่องกว่า 14 ปี มีการควบคุมโดเมนกว่า 320,000 แห่ง รวมถึงซับโดเมนของรัฐบาลที่ถูกแฮ็ก ใช้แพลตฟอร์มคลาวด์อย่าง AWS และ Firebase ในการสั่งการมัลแวร์ และสร้างแอป Android ปลอมที่กระจายไปทั่ว ผลคือข้อมูลล็อกอินการพนันกว่า 50,000 รายการถูกขโมยไป นักวิจัยตั้งข้อสงสัยว่านี่อาจไม่ใช่แค่กลุ่มอาชญากรทั่วไป แต่มีลักษณะคล้ายปฏิบัติการระดับรัฐ 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/national-cybercrime-network-operating-for-14-years-dismantled-in-indonesia 🖥️ บอร์ด Framework เก่าถูกชุบชีวิตเป็นคลัสเตอร์คอมพิวเตอร์ โครงการ Kickstarter ที่ชื่อ FrameCluster เสนอไอเดียเปลี่ยนเมนบอร์ด Framework ที่ไม่ได้ใช้แล้วให้กลายเป็นระบบคลัสเตอร์ขนาดเล็ก โดยใช้ชิ้นส่วนที่พิมพ์ 3D ทั้งหมด มันไม่ได้เน้นพลังประมวลผลสูงสุด แต่เน้นการจัดระเบียบและการนำฮาร์ดแวร์เก่ามาใช้ใหม่ เหมาะสำหรับงานทดลองหรือโฮสต์เซอร์วิสเล็ก ๆ แม้จะยังระดมทุนได้ไม่มาก แต่ก็เป็นตัวอย่างที่น่าสนใจของการรีไซเคิลเทคโนโลยีให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง 🔗 https://www.techradar.com/pro/your-own-supercomputer-made-up-of-old-framework-motherboards-this-kickstarter-project-aims-to-achieve-just-that 🎧 รีวิว Fairphone Fairbuds XL 2025 หูฟังรักษ์โลก Fairphone เปิดตัวหูฟังรุ่นใหม่ Fairbuds XL 2025 ที่ยังคงจุดขายด้านความยั่งยืน ใช้วัสดุรีไซเคิลและแร่ธาตุที่ได้จากการทำเหมืองอย่างเป็นธรรม จุดเด่นคือการควบคุมด้วยจอยสติ๊กเล็ก ๆ ที่ใช้งานง่ายและสนุก เสียงออกมาแนวสนุกสนาน มีพลังเบส แต่ยังไม่ละเอียดเท่าคู่แข่งรายใหญ่ จุดที่อาจทำให้ลังเลคือราคาที่สูงกว่าแบรนด์อื่น และฟีเจอร์เสริมที่ยังไม่ครบ แต่ถ้ามองเรื่องสิ่งแวดล้อมและการใช้งานระยะยาว หูฟังนี้ถือว่าโดดเด่นมาก 🔗 https://www.techradar.com/audio/wireless-headphones/fairphone-fairbuds-xl-2025-review 🎄 7 มือถือแนะนำสำหรับของขวัญคริสต์มาส TechRadar รวบรวมมือถือที่เหมาะจะซื้อเป็นของขวัญคริสต์มาสปีนี้ โดยแบ่งตามกลุ่มผู้ใช้ เช่น สำหรับทุกคนทั่วไปมีตัวเลือกอย่าง iPhone 17, Samsung Galaxy S25 และ Google Pixel 10 ส่วนวัยรุ่นเหมาะกับ iPhone 16 ที่ยังเร็วและรองรับอัปเดตอีกหลายปี สำหรับพ่อแม่แนะนำ Samsung Galaxy A36 ที่จอใหญ่ แบตอึด และราคาคุ้มค่า ถ้าเป็นแฟน Apple ก็มี iPhone 17 Pro ที่ครบเครื่อง หรือถ้าเป็นสาย Android ตัวแรง OnePlus 15 ก็เป็นดาวเด่นปีนี้ เรียกว่ามีตัวเลือกสำหรับทุกสไตล์และงบประมาณ 🔗 https://www.techradar.com/phones/buying-someone-a-new-phone-this-christmas-here-are-my-7-expert-recommendations-for-every-type-of-person 📰 โฆษณาใน Gemini ยังไม่มา แต่อนาคตอาจเลี่ยงไม่พ้น ช่วงนี้โลก AI กำลังถูกจับตามองเรื่องโฆษณาในแชตบอท หลังจากที่ผู้ใช้ ChatGPT แบบโปรราคา 200 ดอลลาร์ต่อเดือนเจอ “app suggestions” โผล่มาเหมือนโฆษณา จนบริษัทต้องรีบถอดออกและยอมรับว่าพลาดไป ขณะที่คู่แข่งอย่าง Google Gemini รีบออกมาปฏิเสธข่าวลือว่าไม่มีแผนจะใส่โฆษณาในแอปตอนนี้ แต่คำว่า “ตอนนี้” ก็ทำให้หลายคนตั้งข้อสงสัย เพราะค่าใช้จ่ายมหาศาลในการดูแลระบบ AI อาจทำให้วันหนึ่งโฆษณากลายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เรื่องนี้สะท้อนว่าอนาคตของผู้ช่วย AI อาจไม่พ้นการกลายเป็นพื้นที่โฆษณา เพียงแต่จะมาเมื่อไหร่เท่านั้น 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/ads-arent-coming-to-gemini-google-says-but-openai-has-shown-that-the-inevitable-is-coming 📱 Xiaomi และ Motorola เตรียมส่งแท็กคู่แข่ง AirTag ตั้งแต่ Apple เปิดตัว AirTag ในปี 2021 ก็แทบจะครองตลาดอุปกรณ์ติดตามของหาย ล่าสุดมีข่าวลือว่า Xiaomi และ Motorola กำลังจะเปิดตัวแท็กของตัวเอง โดยทั้งคู่จะรองรับเทคโนโลยี ultra wide-band ที่แม่นยำกว่าเดิม Xiaomi อาจเปิดตัวพร้อมมือถือรุ่นใหม่ปลายปี ส่วน Motorola ก็มีภาพหลุดของ Moto Tag 2 ที่จะมาพร้อมสีใหม่และกันน้ำได้ด้วย ราคายังไม่ประกาศ แต่คาดว่าจะใกล้เคียงกับรุ่นก่อนที่ขายราว 40 ดอลลาร์ ถือเป็นข่าวดีสำหรับผู้ใช้ Android ที่อยากได้ตัวเลือกใหม่ในการติดตามของสำคัญ 🔗 https://www.techradar.com/phones/android/forget-apple-airtags-motorola-and-xiaomi-are-rumored-to-be-launching-android-equivalents-soon 🧹 Dyson V8 Cyclone รุ่นพื้นฐานที่ทำความสะอาดได้เกินคาด นักรีวิวเครื่องดูดฝุ่นจาก TechRadar ได้ลอง Dyson V8 Cyclone ซึ่งเป็นรุ่นพื้นฐาน ไม่มีฟีเจอร์ล้ำ ๆ เหมือนรุ่นใหม่ ๆ แต่กลับทำความสะอาดได้ดีจนเหนือความคาดหมาย ในการทดสอบเปรียบเทียบกับรุ่นไฮเทคอย่าง Dyson V16 และ Shark Detect Pro รุ่น V8 Cyclone กลับทำคะแนนสูงกว่า จุดเด่นคือแรงดูดและหัวดูดที่ออกแบบเรียบง่ายแต่มีประสิทธิภาพ ทำให้ตั้งคำถามว่าบางครั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ถูกออกแบบซับซ้อนเกินไปอาจไม่ได้ช่วยให้ใช้งานดีขึ้นเสมอไป 🔗 https://www.techradar.com/home/vacuums/i-was-blown-away-by-this-basic-dyson-vacuums-cleaning-powers-and-im-wondering-if-modern-vacs-are-over-engineered 💡  IKEA เปิดตัวไฟอัจฉริยะราคาถูกที่สุด IKEA เปิดตัวไฟ LED รุ่นใหม่ชื่อ Gömpyssling ที่มาพร้อมเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว เปิดปุ๊บติดปั๊บ เหมาะสำหรับติดในตู้หรือชั้นวางของ จุดเด่นคือราคาถูกมาก แค่สองชิ้นราคาเพียง 3 ปอนด์ในอังกฤษ และ 4 ยูโรในหลายประเทศยุโรป ตัวไฟทำจากพลาสติกรีไซเคิล ใช้แบตเตอรี่ AA เพียงก้อนเดียว ไม่ต้องเชื่อมต่อ Wi-Fi หรือแอปใด ๆ ถือเป็นอุปกรณ์เล็ก ๆ ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในบ้านโดยไม่ต้องลงทุนเยอะ 🔗 https://www.techradar.com/home/smart-home/ikea-quietly-launches-a-new-smart-light-and-its-the-simplest-and-most-affordable-one-yet 🎮 Asus ROG Raikiri Pro คอนโทรลเลอร์พร้อมจอ OLED ลดราคาหนัก สำหรับสายเกมเมอร์ Asus ROG Raikiri Pro เป็นคอนโทรลเลอร์ไร้สายที่มีจอ OLED ในตัว สามารถปรับโปรไฟล์ปุ่มและตั้งค่าต่าง ๆ ได้ทันทีโดยไม่ต้องเข้าเมนูในเกม ล่าสุดมีโปรลดราคาจาก 149.99 ปอนด์เหลือเพียง 89.99 ปอนด์ ถือเป็นราคาต่ำสุดที่เคยมี ดีไซน์โดดเด่นด้วยไฟ RGB รอบปุ่มและตัวเครื่องกึ่งโปร่งใส เหมาะกับคนที่ชอบปรับแต่งละเอียดหรืออยากได้คอนโทรลเลอร์ที่แตกต่างจากทั่วไป 🔗 https://www.techradar.com/gaming/this-asus-controller-comes-with-a-screen-and-right-now-its-cheaper-than-ever 🌐  Meta ลดการแชร์ข้อมูลผู้ใช้ในยุโรป Meta ประกาศว่าจะลดการแชร์ข้อมูลของผู้ใช้ในสหภาพยุโรปภายในปี 2026 เพื่อหลีกเลี่ยงการโดนปรับตามกฎหมาย GDPR การเปลี่ยนแปลงนี้จะทำให้ข้อมูลที่ส่งต่อระหว่างบริการต่าง ๆ ของ Meta เช่น Facebook และ Instagram ถูกจำกัดมากขึ้น ถือเป็นการตอบสนองต่อแรงกดดันจากหน่วยงานกำกับดูแลในยุโรปที่เข้มงวดเรื่องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ 🔗 https://www.techradar.com/pro/meta-promises-to-reduce-data-sharing-for-eu-users-by-2026-to-avoid-eu-gdpr-fines 🚗  รีวิวกล้องติดรถ Thinkware U3000 Pro กล้องติดรถ Thinkware U3000 Pro รุ่นใหม่มาพร้อมฟีเจอร์จัดเต็ม เช่น การบันทึกวิดีโอความละเอียดสูง และระบบช่วยตรวจจับเหตุการณ์ แต่ราคาก็สูงตามไปด้วย รีวิวจาก TechRadar ระบุว่าถึงแม้คุณภาพดี แต่คู่แข่งที่ราคาถูกกว่ากลับทำได้ใกล้เคียงหรือบางรุ่นดีกว่า ทำให้ U3000 Pro อาจเหมาะกับคนที่ต้องการฟีเจอร์ครบ ๆ และไม่กังวลเรื่องงบประมาณ 🔗 https://www.techradar.com/vehicle-tech/dash-cams/i-tested-the-thinkware-u3000-pro-dash-cam-and-it-has-heaps-of-potential-but-its-outshone-by-affordable-rivals 🖥️ สร้างห้องทำงานที่บ้านให้สมบูรณ์แบบ เรื่องนี้พูดถึงการจัดห้องทำงานที่บ้านให้กลายเป็นพื้นที่ทำงานที่ทรงพลังและสะดวกสบายที่สุด เขาแนะนำอุปกรณ์สำคัญตั้งแต่แล็ปท็อปที่แรงพอสำหรับงานหนักอย่าง Dell 16 Premium ไปจนถึงเก้าอี้ Branch Verve ที่นั่งได้นานโดยไม่เมื่อย รวมถึงโต๊ะยืน FlexiSpot E7 ที่ปรับระดับได้ง่าย เครื่องพิมพ์ Epson EcoTank ที่ประหยัดหมึก และจอมอนิเตอร์ Dell UltraSharp ที่ภาพคมชัด นอกจากนี้ยังมีเมาส์ Logitech MX Master 3S ที่ใช้งานได้เงียบและแม่นยำ รวมถึงระบบ Wi-Fi 7 จาก TP-Link Deco ที่ทำให้การเชื่อมต่อเสถียร สุดท้ายยังมีอุปกรณ์เสริมอย่าง Docking Station, SSD พกพา Samsung T9, Cloud Storage iDrive และหูฟัง Jabra Evolve2 75 ที่ช่วยให้การประชุมออนไลน์ชัดเจน ทั้งหมดนี้คือการรวมอุปกรณ์ที่ทำให้การทำงานจากบ้านมีประสิทธิภาพและสบายใจมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/home/create-the-ultimate-work-from-home-setup 🔒 LinkedIn เดินหน้าตรวจสอบตัวตนผู้ใช้ทุกคน LinkedIn ประกาศความสำเร็จในการทำให้มีผู้ใช้ที่ผ่านการยืนยันตัวตนกว่า 100 ล้านบัญชี และยังตั้งเป้าว่าจะทำให้ทุกบัญชี ทุกบริษัท และทุกตำแหน่งงานมีการยืนยันเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือมากขึ้น การยืนยันนี้ช่วยให้ผู้ใช้ได้รับการเข้าถึงและการมีส่วนร่วมมากขึ้นถึงหลายสิบเปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ LinkedIn ยังเปิด API ให้แพลตฟอร์มอื่น ๆ เช่น Zoom นำสถานะการยืนยันไปแสดงในโปรไฟล์ เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการประชุมออนไลน์ ถือเป็นก้าวสำคัญที่ LinkedIn ต้องการสร้างมาตรฐานใหม่ของความน่าเชื่อถือบนโลกดิจิทัล 🔗 https://www.techradar.com/pro/linkedin-wants-every-user-to-be-verified 🎮 โน้ตบุ๊กเกมมิ่งจอ OLED ขยายได้จาก Lenovo มีข่าวลือว่า Lenovo เตรียมเปิดตัวโน้ตบุ๊กเกมมิ่งรุ่นใหม่ชื่อ Legion Pro Rollable ที่มาพร้อมจอ OLED แบบขยายได้ในแนวนอน ซึ่งจะกลายเป็นโน้ตบุ๊กเกมมิ่งจอ Ultrawide รุ่นแรกของโลก หากเป็นจริงจะเปิดตัวในงาน CES 2026 จุดเด่นคือหน้าจอสามารถขยายออกไปด้านข้างเพื่อเพิ่มพื้นที่การเล่นเกมหรือทำงานแบบมัลติทาสก์ คาดว่าจะใช้ซีพียู Intel Core Ultra แต่ยังไม่เปิดเผยการ์ดจอ แม้จะมีข้อกังวลเรื่องราคาและน้ำหนัก แต่ถ้า Lenovo ทำได้สำเร็จ นี่อาจเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโน้ตบุ๊กเกมมิ่ง 🔗 https://www.techradar.com/computing/gaming-laptops/lenovo-legion-pro-rollable-leak-reveals-the-worlds-first-ultrawide-oled-gaming-laptop-and-i-cant-wait-to-try-it ⚠️ การโจมตีแบบ Prompt Injection อาจไม่มีวันแก้ได้ หน่วยงานความมั่นคงไซเบอร์แห่งสหราชอาณาจักร (NCSC) เตือนว่าการโจมตีแบบ Prompt Injection ซึ่งเป็นการฝังคำสั่งแอบแฝงในข้อความเพื่อหลอกให้โมเดลภาษาขนาดใหญ่ทำงานผิด อาจจะไม่สามารถแก้ไขได้อย่างสมบูรณ์เหมือนที่เคยแก้ปัญหา SQL Injection เพราะโมเดลไม่สามารถแยกแยะระหว่างข้อมูลกับคำสั่งได้อย่างแท้จริง ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้นักพัฒนามองโมเดลเหล่านี้เป็น “ผู้ช่วยที่สับสนได้” และออกแบบระบบให้จำกัดผลกระทบหากถูกโจมตี นี่เป็นการเตือนว่าการใช้ AI ต้องระวังและไม่ควรคาดหวังว่าจะปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/prompt-injection-attacks-might-never-be-properly-mitigated-uk-ncsc-warns 🚫 ออสเตรเลียห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 16 ใช้โซเชียลมีเดีย กฎหมายใหม่ในออสเตรเลียเริ่มบังคับใช้แล้ว โดยห้ามผู้ที่อายุต่ำกว่า 16 ปีใช้งานแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียยอดนิยม เช่น YouTube, Instagram, TikTok และ Snapchat หากบริษัทไม่ปฏิบัติตามอาจถูกปรับสูงถึง 49.5 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย มาตรการนี้ได้รับเสียงสนับสนุนจากผู้ปกครองและนักปกป้องเด็ก แต่ก็มีเสียงวิจารณ์จากผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและความเป็นส่วนตัวที่กังวลว่าจะกระทบสิทธิของประชาชน เด็กบางคนเริ่มหันไปใช้แอปอื่นที่ไม่อยู่ในขอบเขตของกฎหมาย เช่น Discord หรือ Roblox และมีแนวโน้มว่าการค้นหา VPN จะเพิ่มขึ้นเพื่อหาทางเลี่ยงข้อจำกัด 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/under-16s-social-media-ban-lands-in-australia 💍 Pebble Index 01 อุปกรณ์ใหม่รวมแหวนอัจฉริยะกับผู้ช่วยเสียง Pebble เปิดตัวอุปกรณ์ที่รวมฟังก์ชันผู้ช่วยเสียงเข้ากับสมาร์ทริงในชื่อ Pebble Index 01 จุดเด่นคือสามารถสั่งงานด้วยเสียงได้โดยตรงจากแหวน เช่น เปิดเพลง ควบคุมอุปกรณ์สมาร์ทโฮม หรือเช็กข้อมูลต่าง ๆ โดยไม่ต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ดีไซน์เรียบง่ายและทันสมัย ทำให้เป็นทั้งเครื่องประดับและอุปกรณ์เทคโนโลยีในเวลาเดียวกัน ถือเป็นการพยายามสร้างหมวดหมู่ใหม่ที่ผสมผสาน wearable กับ AI voice assistant เข้าด้วยกัน 🔗 https://www.techradar.com/health-fitness/pebble-is-reinventing-voice-assistants-and-smart-rings-in-one-device-meet-the-pebble-index-01 🛡️ รัฐบาลสหรัฐฯ มองโลกในแง่ดีหลังยอดจ่ายค่าไถ่ไซเบอร์ลดลง ช่วงปี 2023 ถือเป็นปีที่การโจมตี ransomware พุ่งสูงสุด มีการจ่ายค่าไถ่รวมกว่า 1.1 พันล้านดอลลาร์ แต่หลังจากที่หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายสามารถจัดการกับแก๊งใหญ่ ๆ อย่าง ALPHV และ LockBit ได้ ทำให้ปี 2024 ยอดการโจมตีและจำนวนเงินที่เหยื่อจ่ายลดลงเหลือประมาณ 734 ล้านดอลลาร์ แม้ยังมีแก๊งอย่าง Akira ที่ยังคงเคลื่อนไหวอยู่ แต่ภาพรวมถือว่าการปราบปรามครั้งนี้สร้างผลกระทบชัดเจนต่อวงการอาชญากรรมไซเบอร์ 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/us-treasury-offers-cautious-optimism-as-ransomware-payments-decline 🎵 Spotify เดินหน้าสู่ยุคใหม่ เพิ่มมิวสิกวิดีโอในแอป Spotify กำลังพยายามกลายเป็นเหมือน MTV ยุคดิจิทัล โดยล่าสุดเปิดให้ผู้ใช้ในสหรัฐฯ และแคนาดา รวมถึงอีกหลายประเทศ สามารถดูมิวสิกวิดีโอได้โดยตรงในแอป ไม่ใช่แค่ฟังเพลงอย่างเดียว ผู้ใช้สามารถกดสลับจากโหมดเสียงไปเป็นวิดีโอได้ทันที ฟีเจอร์นี้สร้างความตื่นเต้น แต่ก็มีเสียงวิจารณ์ว่าประสบการณ์ดูวิดีโอยังไม่ลื่นไหลเท่า YouTube อย่างไรก็ตาม Spotify ยังคงเดินหน้าต่อยอดเพื่อขยายบริการให้ครบวงจรทั้งภาพและเสียง 🔗 https://www.techradar.com/audio/spotify/spotify-steps-up-its-plan-to-be-the-new-mtv-music-videos-are-rolling-out-whether-you-want-them-or-not 💻 โลกการเขียนโค้ดกับเทรนด์ใหม่ “Vibe-Coding” คำว่า “Vibe-Coding” ถูกยกให้เป็นคำแห่งปี 2025 หมายถึงการเขียนโปรแกรมที่เน้นความรู้สึกและความคิดสร้างสรรค์มากกว่ากฎเกณฑ์ทางเทคนิค โดยใช้ AI เป็นตัวช่วยให้โค้ดเกิดขึ้นแทบจะอัตโนมัติ แนวทางนี้เปิดโอกาสให้คนที่ไม่เชี่ยวชาญด้านเทคนิคสามารถสร้างซอฟต์แวร์ได้ง่ายขึ้น แต่ก็มีข้อกังวลเรื่องคุณภาพ ความปลอดภัย และความเสี่ยงจากโค้ดที่ไม่ได้ตรวจสอบอย่างละเอียด นักพัฒนาจึงต้องปรับบทบาทจากการเขียนโค้ดเองไปสู่การควบคุมคุณภาพและกำกับ AI ให้ทำงานอย่างถูกต้อง 🔗 https://www.techradar.com/pro/the-future-of-coding-has-a-vibe-problem-balancing-creativity-with-control ⚡ AMD เตรียมเปิดตัวชิปเกมมิ่งรุ่นใหม่ Ryzen 9850X3D มีภาพหลุดจาก BIOS ที่เผยให้เห็นชิป AMD Ryzen 9850X3D ซึ่งคาดว่าจะเป็นรุ่นอัปเกรดจาก 9800X3D โดยเพิ่มความเร็วบูสต์สูงสุดถึง 5.6GHz ทำให้แรงขึ้นกว่าเดิมประมาณ 400MHz แม้ผลทดสอบเบื้องต้นยังไม่ชัดเจน แต่ถ้าชิปนี้เปิดตัวจริงในงาน CES 2026 จะเป็นข่าวดีสำหรับนักเล่นเกม เพราะนอกจากจะได้รุ่นใหม่ที่แรงขึ้นแล้ว ยังอาจทำให้รุ่นเก่าราคาเริ่มถูกลงด้วย 🔗 https://www.techradar.com/computing/gpu/the-fastest-gaming-cpu-could-get-a-supercharged-version-soon-as-new-amd-ryzen-9850x3d-leak-pops-up 🌐 สหราชอาณาจักรต้องเร่งสร้างเครือข่ายอัจฉริยะเพื่อแข่งขันในยุค AI รายงานล่าสุดชี้ว่า AI สามารถเพิ่ม GDP ของสหราชอาณาจักรได้กว่า 550 พันล้านปอนด์ภายในปี 2035 แต่ปัญหาคือโครงสร้างพื้นฐานด้านเครือข่ายยังล้าหลังมาก โดยปัจจุบันสหราชอาณาจักรถือครองพลังการประมวลผล AI เพียง 3% ของโลก ขณะที่สหรัฐฯ ครองถึง 75% หากไม่เร่งลงทุนในเครือข่ายที่เร็ว ปลอดภัย และปรับตัวได้ทันที ประเทศอาจเสียโอกาสในการแข่งขัน เครือข่ายอัจฉริยะจะเป็นหัวใจสำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจและนวัตกรรมในอนาคต 🔗 https://www.techradar.com/pro/the-uk-must-build-smarter-networks-to-lead-in-ai 💼  IBM ทุ่มเงิน 11 พันล้านเหรียญซื้อกิจการ Confluent IBM กำลังเดินหน้าขยายธุรกิจด้านโครงสร้างพื้นฐานข้อมูล โดยล่าสุดมีรายงานว่าเตรียมเข้าซื้อ Confluent ด้วยมูลค่ากว่า 11 พันล้านเหรียญสหรัฐ การเข้าซื้อครั้งนี้สะท้อนถึงความตั้งใจของ IBM ที่จะเสริมความแข็งแกร่งด้านการจัดการข้อมูลแบบเรียลไทม์ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญขององค์กรยุค AI และคลาวด์ หากดีลนี้สำเร็จ IBM จะมีเครื่องมือที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถจัดการข้อมูลที่ซับซ้อนและกระจายตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/pro/ibm-looks-to-secure-data-infrastructure-with-usd11bn-bid-for-confluent 🇨🇳  สหรัฐฯ เตรียมอนุญาตให้ส่งออกชิป Nvidia H200 ไปจีน รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์ มีแนวโน้มที่จะอนุญาตให้บริษัท Nvidia ส่งออกชิปประสิทธิภาพสูงรุ่น H200 ไปยังจีน หลังจากก่อนหน้านี้มีการจำกัดการขายเพื่อป้องกันการนำไปใช้ในงานด้าน AI และการทหาร การผ่อนปรนครั้งนี้อาจช่วยให้ Nvidia ขยายตลาดและสร้างรายได้เพิ่มขึ้น แต่ก็มีเสียงวิจารณ์ว่าการตัดสินใจดังกล่าวอาจส่งผลต่อความมั่นคงทางเทคโนโลยีของสหรัฐฯ 🔗 https://www.techradar.com/pro/trump-set-to-allow-nvidia-h200-chips-to-be-exported-to-china
    0 Comments 0 Shares 278 Views 0 Reviews
  • Valve Steam Machine: ราคาที่ทำให้แฟน ๆ กังวล

    Valve เปิดตัว Steam Machine ซึ่งเป็นพีซีขนาดเล็กที่ใช้ระบบปฏิบัติการ SteamOS โดยหวังว่าจะเป็นอีกทางเลือกสำหรับการเล่นเกมบนเดสก์ท็อป แต่สิ่งที่สร้างความกังวลคือเรื่อง ราคา ที่ Valve ยืนยันว่าจะตั้งราคาแบบ “พีซี” ไม่ใช่ “คอนโซล”

    ราคาแพงเกินไปสำหรับคอนโซล แต่ไม่แรงพอสำหรับพีซี
    Pierre-Loup Griffais นักพัฒนาของ Valve กล่าวว่าราคาจะอยู่ในช่วงเดียวกับการประกอบพีซีที่มีสเปกใกล้เคียง ซึ่งหมายความว่า Steam Machine อาจมีราคา 600–800 ดอลลาร์สหรัฐ ขึ้นไป แม้ประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ PS5 รุ่นพื้นฐาน แต่ราคากลับสูงกว่าแม้เทียบกับ PS5 Pro ที่แพงกว่า

    ความท้าทายของ Valve
    ตลาดฮาร์ดแวร์พีซีกำลังเผชิญกับราคาชิ้นส่วนที่สูงขึ้นจากความต้องการในอุตสาหกรรม AI ทำให้การผลิต Steam Machine ยิ่งยากขึ้นไปอีก แม้จะถูกออกแบบให้เป็นพีซี แต่ผู้ใช้ส่วนใหญ่จะนำไปใช้แทนคอนโซลในห้องนั่งเล่น ซึ่งอาจทำให้กลุ่มเป้าหมายหลักคือ เกมเมอร์คอนโซล รู้สึกว่าราคาไม่คุ้มค่า

    กลุ่มผู้ใช้ที่ Valve อาจพลาด
    เกมเมอร์คอนโซล: ต้องการเครื่องเล่นราคาสมเหตุสมผล แต่ Steam Machine แพงเกินไป

    เกมเมอร์พีซีสายฮาร์ดคอร์: มักมีเครื่องแรงอยู่แล้ว จึงไม่สนใจฮาร์ดแวร์ที่ด้อยกว่า

    ผู้ใช้ทั่วไป: SteamOS และ Steam เองก็สามารถใช้งานบนพีซีหรือ Linux ได้ฟรี ทำให้ Steam Machine ไม่ได้มีจุดขายที่ชัดเจน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Valve เปิดตัว Steam Machine
    ใช้ SteamOS บนพีซีขนาดเล็ก
    ตั้งราคาแบบพีซี ไม่ใช่คอนโซล

    ราคาและสเปก
    คาดการณ์ 600–800 ดอลลาร์
    ประสิทธิภาพใกล้เคียง PS5 รุ่นพื้นฐาน แต่แพงกว่า PS5 Pro

    ความเสี่ยงต่อการตลาด
    แพงเกินไปสำหรับผู้เล่นคอนโซล
    ไม่แรงพอสำหรับผู้ใช้พีซีสายฮาร์ดคอร์

    ปัจจัยภายนอก
    ราคาชิ้นส่วนพีซีสูงขึ้นจากอุตสาหกรรม AI
    SteamOS และ Steam มีให้ใช้ฟรี ทำให้เครื่องไม่โดดเด่น

    https://www.slashgear.com/2044546/valve-steam-machine-pricing-console-or-computer/
    🎮 Valve Steam Machine: ราคาที่ทำให้แฟน ๆ กังวล Valve เปิดตัว Steam Machine ซึ่งเป็นพีซีขนาดเล็กที่ใช้ระบบปฏิบัติการ SteamOS โดยหวังว่าจะเป็นอีกทางเลือกสำหรับการเล่นเกมบนเดสก์ท็อป แต่สิ่งที่สร้างความกังวลคือเรื่อง ราคา ที่ Valve ยืนยันว่าจะตั้งราคาแบบ “พีซี” ไม่ใช่ “คอนโซล” 💰 ราคาแพงเกินไปสำหรับคอนโซล แต่ไม่แรงพอสำหรับพีซี Pierre-Loup Griffais นักพัฒนาของ Valve กล่าวว่าราคาจะอยู่ในช่วงเดียวกับการประกอบพีซีที่มีสเปกใกล้เคียง ซึ่งหมายความว่า Steam Machine อาจมีราคา 600–800 ดอลลาร์สหรัฐ ขึ้นไป แม้ประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ PS5 รุ่นพื้นฐาน แต่ราคากลับสูงกว่าแม้เทียบกับ PS5 Pro ที่แพงกว่า ⚠️ ความท้าทายของ Valve ตลาดฮาร์ดแวร์พีซีกำลังเผชิญกับราคาชิ้นส่วนที่สูงขึ้นจากความต้องการในอุตสาหกรรม AI ทำให้การผลิต Steam Machine ยิ่งยากขึ้นไปอีก แม้จะถูกออกแบบให้เป็นพีซี แต่ผู้ใช้ส่วนใหญ่จะนำไปใช้แทนคอนโซลในห้องนั่งเล่น ซึ่งอาจทำให้กลุ่มเป้าหมายหลักคือ เกมเมอร์คอนโซล รู้สึกว่าราคาไม่คุ้มค่า 🕹️ กลุ่มผู้ใช้ที่ Valve อาจพลาด เกมเมอร์คอนโซล: ต้องการเครื่องเล่นราคาสมเหตุสมผล แต่ Steam Machine แพงเกินไป เกมเมอร์พีซีสายฮาร์ดคอร์: มักมีเครื่องแรงอยู่แล้ว จึงไม่สนใจฮาร์ดแวร์ที่ด้อยกว่า ผู้ใช้ทั่วไป: SteamOS และ Steam เองก็สามารถใช้งานบนพีซีหรือ Linux ได้ฟรี ทำให้ Steam Machine ไม่ได้มีจุดขายที่ชัดเจน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Valve เปิดตัว Steam Machine ➡️ ใช้ SteamOS บนพีซีขนาดเล็ก ➡️ ตั้งราคาแบบพีซี ไม่ใช่คอนโซล ✅ ราคาและสเปก ➡️ คาดการณ์ 600–800 ดอลลาร์ ➡️ ประสิทธิภาพใกล้เคียง PS5 รุ่นพื้นฐาน แต่แพงกว่า PS5 Pro ‼️ ความเสี่ยงต่อการตลาด ⛔ แพงเกินไปสำหรับผู้เล่นคอนโซล ⛔ ไม่แรงพอสำหรับผู้ใช้พีซีสายฮาร์ดคอร์ ‼️ ปัจจัยภายนอก ⛔ ราคาชิ้นส่วนพีซีสูงขึ้นจากอุตสาหกรรม AI ⛔ SteamOS และ Steam มีให้ใช้ฟรี ทำให้เครื่องไม่โดดเด่น https://www.slashgear.com/2044546/valve-steam-machine-pricing-console-or-computer/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Valve Confirms What Everyone Feared About The Steam Machine's Pricing - SlashGear
    Valve confirms the Steam Machine won't be subsidized like a console. Pierre-Loup Griffais states pricing will match the cost of building a similar PC.
    0 Comments 0 Shares 33 Views 0 Reviews
  • "Caligra c100 – คอมพิวเตอร์เพื่อการสร้างสรรค์ ไม่ใช่การเสพ"

    บริษัท Caligra จากลอนดอนได้เปิดตัว c100 Developer Terminal ที่ออกแบบมาเพื่อผู้สร้างสรรค์โดยเฉพาะ ตัวเครื่องมีดีไซน์แบบ retro wedge ทำจากโลหะ bead-blasted ดูคลาสสิก แต่ภายในซ่อนพลังสมัยใหม่ด้วย AMD Ryzen 9 7940HS, แรม 96GB DDR5, และ SSD M.2 ขนาด 1TB ถือเป็นสเปกที่แรงพอสำหรับงานวิศวกรรม การออกแบบ ไปจนถึงงานศิลปะดิจิทัล. 【edge_current_page_context】

    จุดเด่นอีกอย่างคือระบบปฏิบัติการใหม่ชื่อ Workbench ซึ่งแม้จะยืมชื่อจาก GUI ของ Amiga ยุคเก่า แต่จริงๆ แล้วเป็น Linux-based OS ที่ตั้งใจทำให้ “เบา” และ “สะอาด” โดยตัดฟีเจอร์ที่รบกวนออกไป เพื่อให้ผู้ใช้โฟกัสกับงานสร้างสรรค์มากกว่าการเสพคอนเทนต์หรือถูกดึงความสนใจจาก AI และ Cloud services. 【edge_current_page_context】

    Workbench ใช้แกน rpm-based และรองรับการติดตั้งแพ็กเกจจาก Fedora รวมถึงการใช้ distrobox เพื่อนำซอฟต์แวร์จากดิสโทรอื่นมาใช้งานได้ ทำให้แม้จะเป็นระบบใหม่ แต่ก็ยังเปิดกว้างต่อ ecosystem ของ Linux และสามารถปรับตัวเข้ากับเครื่องมือที่นักพัฒนาคุ้นเคย. 【edge_current_page_context】

    ราคาเปิดตัวอยู่ที่ $1,999 โดยคาดว่าจะเริ่มส่งมอบในเดือนมกราคม 2026 การคำนวณต้นทุนฮาร์ดแวร์พบว่า หากประกอบเองอาจอยู่ราว $1,200–$1,500 ดังนั้นส่วนต่างราคาจึงสะท้อนถึงคุณค่าของการออกแบบ ระบบซอฟต์แวร์ และการสนับสนุนที่ Caligra มอบให้ ถือเป็นการวางตำแหน่งที่ชัดเจนว่า c100 ไม่ใช่เครื่องสำหรับทุกคน แต่สำหรับ “นักสร้าง” ที่ต้องการพื้นที่ทำงานที่ปราศจากสิ่งรบกวน. 【edge_current_page_context】

    สรุปสาระสำคัญ
    ฮาร์ดแวร์และดีไซน์
    AMD Ryzen 9 7940HS, RAM 96GB DDR5, SSD 1TB
    ดีไซน์ retro wedge โลหะ bead-blasted พกพาได้

    ระบบปฏิบัติการ Workbench
    Linux-based OS ที่เน้น “ทำงาน” มากกว่า “เสพคอนเทนต์”
    ใช้ rpm-based core รองรับ Fedora และ distrobox

    ราคาและการวางตลาด
    เปิดตัว $1,999 พร้อมส่งมอบมกราคม 2026
    ต้นทุนฮาร์ดแวร์ราว $1,200–$1,500 ส่วนต่างคือค่าออกแบบและซอฟต์แวร์

    คำเตือนและข้อสังเกต
    แม้จะเป็นระบบใหม่ แต่หาก Workbench หยุดพัฒนา ผู้ใช้ยังต้องพึ่ง Linux หรือ Windows
    ราคา $1,999 อาจสูงเกินไปสำหรับผู้ใช้ทั่วไปที่ไม่ได้ต้องการเครื่องเฉพาะทาง

    https://www.tomshardware.com/software/linux/new-computing-platform-is-made-for-making-caligra-c100-developer-terminal-targets-creators-with-distraction-free-computer-for-experts
    📰 "Caligra c100 – คอมพิวเตอร์เพื่อการสร้างสรรค์ ไม่ใช่การเสพ" 💻 บริษัท Caligra จากลอนดอนได้เปิดตัว c100 Developer Terminal ที่ออกแบบมาเพื่อผู้สร้างสรรค์โดยเฉพาะ ตัวเครื่องมีดีไซน์แบบ retro wedge ทำจากโลหะ bead-blasted ดูคลาสสิก แต่ภายในซ่อนพลังสมัยใหม่ด้วย AMD Ryzen 9 7940HS, แรม 96GB DDR5, และ SSD M.2 ขนาด 1TB ถือเป็นสเปกที่แรงพอสำหรับงานวิศวกรรม การออกแบบ ไปจนถึงงานศิลปะดิจิทัล. 【edge_current_page_context】 🖥️ จุดเด่นอีกอย่างคือระบบปฏิบัติการใหม่ชื่อ Workbench ซึ่งแม้จะยืมชื่อจาก GUI ของ Amiga ยุคเก่า แต่จริงๆ แล้วเป็น Linux-based OS ที่ตั้งใจทำให้ “เบา” และ “สะอาด” โดยตัดฟีเจอร์ที่รบกวนออกไป เพื่อให้ผู้ใช้โฟกัสกับงานสร้างสรรค์มากกว่าการเสพคอนเทนต์หรือถูกดึงความสนใจจาก AI และ Cloud services. 【edge_current_page_context】 ⚙️ Workbench ใช้แกน rpm-based และรองรับการติดตั้งแพ็กเกจจาก Fedora รวมถึงการใช้ distrobox เพื่อนำซอฟต์แวร์จากดิสโทรอื่นมาใช้งานได้ ทำให้แม้จะเป็นระบบใหม่ แต่ก็ยังเปิดกว้างต่อ ecosystem ของ Linux และสามารถปรับตัวเข้ากับเครื่องมือที่นักพัฒนาคุ้นเคย. 【edge_current_page_context】 💲 ราคาเปิดตัวอยู่ที่ $1,999 โดยคาดว่าจะเริ่มส่งมอบในเดือนมกราคม 2026 การคำนวณต้นทุนฮาร์ดแวร์พบว่า หากประกอบเองอาจอยู่ราว $1,200–$1,500 ดังนั้นส่วนต่างราคาจึงสะท้อนถึงคุณค่าของการออกแบบ ระบบซอฟต์แวร์ และการสนับสนุนที่ Caligra มอบให้ ถือเป็นการวางตำแหน่งที่ชัดเจนว่า c100 ไม่ใช่เครื่องสำหรับทุกคน แต่สำหรับ “นักสร้าง” ที่ต้องการพื้นที่ทำงานที่ปราศจากสิ่งรบกวน. 【edge_current_page_context】 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ฮาร์ดแวร์และดีไซน์ ➡️ AMD Ryzen 9 7940HS, RAM 96GB DDR5, SSD 1TB ➡️ ดีไซน์ retro wedge โลหะ bead-blasted พกพาได้ ✅ ระบบปฏิบัติการ Workbench ➡️ Linux-based OS ที่เน้น “ทำงาน” มากกว่า “เสพคอนเทนต์” ➡️ ใช้ rpm-based core รองรับ Fedora และ distrobox ✅ ราคาและการวางตลาด ➡️ เปิดตัว $1,999 พร้อมส่งมอบมกราคม 2026 ➡️ ต้นทุนฮาร์ดแวร์ราว $1,200–$1,500 ส่วนต่างคือค่าออกแบบและซอฟต์แวร์ ‼️ คำเตือนและข้อสังเกต ⛔ แม้จะเป็นระบบใหม่ แต่หาก Workbench หยุดพัฒนา ผู้ใช้ยังต้องพึ่ง Linux หรือ Windows ⛔ ราคา $1,999 อาจสูงเกินไปสำหรับผู้ใช้ทั่วไปที่ไม่ได้ต้องการเครื่องเฉพาะทาง https://www.tomshardware.com/software/linux/new-computing-platform-is-made-for-making-caligra-c100-developer-terminal-targets-creators-with-distraction-free-computer-for-experts
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    New computing platform is ‘Made for Making’ — Caligra c100 Developer Terminal targets creators with distraction-free ‘computer for experts’
    The lovely bead-blasted metal wedge design of this computer will win retro-fans. But its AMD Ryzen 9 7940HS, 96GB DDR5 RAM and ‘Workbench’ Linux-based OS are also strong draws at $1,999.
    0 Comments 0 Shares 124 Views 0 Reviews
  • ภาษา Perl เสื่อมความนิยมลง ไม่ได้เกิดจากข้อจำกัดทางเทคนิค

    บทความนี้อธิบายว่า การที่ภาษา Perl เสื่อมความนิยมลง ไม่ได้เกิดจากข้อจำกัดทางเทคนิค แต่เป็นผลจาก วัฒนธรรมของชุมชนผู้ใช้และนักพัฒนา ที่ทำให้ภาษาไม่สามารถปรับตัวได้ตามการเปลี่ยนแปลงของโลกซอฟต์แวร์

    ผู้เขียนเล่าว่าช่วงยุค 90s–2000s Perl เคยเป็นภาษาที่โดดเด่นมาก โดยเฉพาะในงาน เว็บและระบบ UNIX แต่ชุมชน Perl เติบโตจากวัฒนธรรม sysadmin ที่มีลักษณะ ปิดกั้น, เน้นความยาก, และยกย่องความเป็น “ผู้เชี่ยวชาญ” มากกว่าการเปิดรับผู้ใช้ใหม่ สิ่งนี้สร้างบรรยากาศที่ไม่เป็นมิตรต่อมือใหม่ และทำให้การพัฒนาภาษาไม่ก้าวไปข้างหน้า

    นอกจากนี้ยังมีแนวคิด TIMTOWTDI (There Is More Than One Way To Do It) ที่แม้จะดูเสรี แต่กลับสร้างความซับซ้อนและ dependency hell ผ่าน CPAN เพราะทุกอย่างสามารถทำได้หลายวิธีโดยไม่ต้องรวมเข้าสู่ core language ผลลัพธ์คือภาษาไม่พัฒนาอย่างเป็นระบบ และเกิดความแตกแยกเมื่อมีการสร้าง Perl 6 ซึ่งกลายเป็น “schism” ที่สะท้อนความขัดแย้งภายในชุมชน

    เมื่อเทียบกับภาษาอื่น เช่น Ruby (Rails), PHP, และ Python ที่มีวัฒนธรรมเปิดกว้างและเน้นความง่ายต่อผู้ใช้ใหม่ ทำให้ Perl สูญเสียความนิยมอย่างรวดเร็ว แม้ในเชิงเทคนิค Perl จะยังคงมีความสามารถสูง แต่การไม่ปรับตัวทางวัฒนธรรมทำให้มันถูกแทนที่ในตลาดเว็บและระบบสมัยใหม่

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Perl เคยรุ่งเรืองในยุค 90s–2000s
    ใช้กันแพร่หลายในงานเว็บและระบบ UNIX

    วัฒนธรรมชุมชนแบบปิดกั้น
    เน้นความยาก, ยกย่องผู้เชี่ยวชาญ, ไม่เป็นมิตรต่อมือใหม่

    แนวคิด TIMTOWTDI
    ทำให้เกิดความซับซ้อนและ dependency hell ผ่าน CPAN

    การแตกแยกจาก Perl 6
    สะท้อนความขัดแย้งภายในชุมชนและทำให้การพัฒนาภาษาหยุดชะงัก

    ภาษาอื่นที่เข้ามาแทนที่
    Ruby (Rails), PHP, Python มีวัฒนธรรมเปิดกว้างและใช้ง่ายกว่า

    ข้อจำกัดที่แท้จริงของ Perl
    ไม่ใช่ด้านเทคนิค แต่เป็นด้านวัฒนธรรมและการปรับตัวของชุมชน

    https://www.beatworm.co.uk/blog/computers/perls-decline-was-cultural-not-technical
    📉 ภาษา Perl เสื่อมความนิยมลง ไม่ได้เกิดจากข้อจำกัดทางเทคนิค บทความนี้อธิบายว่า การที่ภาษา Perl เสื่อมความนิยมลง ไม่ได้เกิดจากข้อจำกัดทางเทคนิค แต่เป็นผลจาก วัฒนธรรมของชุมชนผู้ใช้และนักพัฒนา ที่ทำให้ภาษาไม่สามารถปรับตัวได้ตามการเปลี่ยนแปลงของโลกซอฟต์แวร์ ผู้เขียนเล่าว่าช่วงยุค 90s–2000s Perl เคยเป็นภาษาที่โดดเด่นมาก โดยเฉพาะในงาน เว็บและระบบ UNIX แต่ชุมชน Perl เติบโตจากวัฒนธรรม sysadmin ที่มีลักษณะ ปิดกั้น, เน้นความยาก, และยกย่องความเป็น “ผู้เชี่ยวชาญ” มากกว่าการเปิดรับผู้ใช้ใหม่ สิ่งนี้สร้างบรรยากาศที่ไม่เป็นมิตรต่อมือใหม่ และทำให้การพัฒนาภาษาไม่ก้าวไปข้างหน้า นอกจากนี้ยังมีแนวคิด TIMTOWTDI (There Is More Than One Way To Do It) ที่แม้จะดูเสรี แต่กลับสร้างความซับซ้อนและ dependency hell ผ่าน CPAN เพราะทุกอย่างสามารถทำได้หลายวิธีโดยไม่ต้องรวมเข้าสู่ core language ผลลัพธ์คือภาษาไม่พัฒนาอย่างเป็นระบบ และเกิดความแตกแยกเมื่อมีการสร้าง Perl 6 ซึ่งกลายเป็น “schism” ที่สะท้อนความขัดแย้งภายในชุมชน เมื่อเทียบกับภาษาอื่น เช่น Ruby (Rails), PHP, และ Python ที่มีวัฒนธรรมเปิดกว้างและเน้นความง่ายต่อผู้ใช้ใหม่ ทำให้ Perl สูญเสียความนิยมอย่างรวดเร็ว แม้ในเชิงเทคนิค Perl จะยังคงมีความสามารถสูง แต่การไม่ปรับตัวทางวัฒนธรรมทำให้มันถูกแทนที่ในตลาดเว็บและระบบสมัยใหม่ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Perl เคยรุ่งเรืองในยุค 90s–2000s ➡️ ใช้กันแพร่หลายในงานเว็บและระบบ UNIX ✅ วัฒนธรรมชุมชนแบบปิดกั้น ➡️ เน้นความยาก, ยกย่องผู้เชี่ยวชาญ, ไม่เป็นมิตรต่อมือใหม่ ✅ แนวคิด TIMTOWTDI ➡️ ทำให้เกิดความซับซ้อนและ dependency hell ผ่าน CPAN ✅ การแตกแยกจาก Perl 6 ➡️ สะท้อนความขัดแย้งภายในชุมชนและทำให้การพัฒนาภาษาหยุดชะงัก ✅ ภาษาอื่นที่เข้ามาแทนที่ ➡️ Ruby (Rails), PHP, Python มีวัฒนธรรมเปิดกว้างและใช้ง่ายกว่า ‼️ ข้อจำกัดที่แท้จริงของ Perl ⛔ ไม่ใช่ด้านเทคนิค แต่เป็นด้านวัฒนธรรมและการปรับตัวของชุมชน https://www.beatworm.co.uk/blog/computers/perls-decline-was-cultural-not-technical
    0 Comments 0 Shares 120 Views 0 Reviews
  • "QR Code สะดวกบนมือถือ แต่ไม่เป็นมิตรกับคอมพิวเตอร์?"

    บทความจาก The Star วิเคราะห์ว่า QR Code แม้จะถูกออกแบบมาเพื่อความสะดวก แต่จริง ๆ แล้วเหมาะกับการใช้งานบนมือถือมากกว่าบนคอมพิวเตอร์ ผู้เขียนเล่าประสบการณ์ช่วยเพื่อนที่ได้รับ QR Code สำหรับกรอกฟอร์มบนคอมพิวเตอร์ แต่กลับไม่รู้วิธีเปิดลิงก์จาก QR Code บนหน้าจอใหญ่

    บนมือถือ การสแกน QR Code ทำได้ง่าย เพียงเปิดกล้องแล้วแตะปุ่มที่ปรากฏ ระบบจะพาไปยังเว็บไซต์ทันที แต่บนคอมพิวเตอร์กลับยุ่งยากกว่า เพราะไม่มีฟีเจอร์สแกนในตัว ผู้ใช้ต้อง แคปหน้าจอแล้วอัปโหลดไปยังเว็บถอดรหัส หรือใช้เครื่องมือเสริม เช่น Google Lens บน Chrome ที่สามารถคลิกขวาแล้วเลือก “Search with Google Lens” เพื่อดึงลิงก์ออกมา

    แม้วิธีนี้จะช่วยแก้ปัญหา แต่ก็ยังไม่สะดวกเท่าการใช้งานบนมือถือ และบางครั้ง QR Code ที่ฝังอยู่ในกราฟิกใหญ่ ๆ อาจต้องครอบภาพหรือเปิดในแท็บใหม่ก่อนถึงจะใช้งานได้ ทำให้เห็นชัดว่า QR Code ถูกออกแบบมาเพื่อ โลกของสมาร์ทโฟน มากกว่าเดสก์ท็อป

    ผู้เขียนสรุปว่า QR Code เป็นเหมือน “บุ๊กมาร์กที่ซ่อนอยู่ในภาพ” ซึ่งสะดวกเมื่อใช้กล้องมือถือ แต่ยังไม่เป็นมิตรกับผู้ใช้คอมพิวเตอร์ที่ต้องการเข้าถึงลิงก์โดยตรง

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การใช้งาน QR Code บนมือถือ
    กล้องมือถือสแกนได้ทันที
    ระบบเปิดลิงก์อัตโนมัติ สะดวกและรวดเร็ว

    การใช้งาน QR Code บนคอมพิวเตอร์
    ต้องแคปภาพแล้วอัปโหลดไปเว็บถอดรหัส
    ใช้ Google Lens บน Chrome เพื่อดึงลิงก์ออกมา
    อาจต้องครอบภาพหรือเปิดในแท็บใหม่ก่อน

    ข้อจำกัดและคำเตือน
    QR Code ถูกออกแบบมาเพื่อมือถือ ไม่เหมาะกับเดสก์ท็อป
    การใช้งานบนคอมพ์ยังไม่สะดวกและต้องใช้หลายขั้นตอน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/07/opinion-are-qr-codes-computer-friendly
    🔲 "QR Code สะดวกบนมือถือ แต่ไม่เป็นมิตรกับคอมพิวเตอร์?" บทความจาก The Star วิเคราะห์ว่า QR Code แม้จะถูกออกแบบมาเพื่อความสะดวก แต่จริง ๆ แล้วเหมาะกับการใช้งานบนมือถือมากกว่าบนคอมพิวเตอร์ ผู้เขียนเล่าประสบการณ์ช่วยเพื่อนที่ได้รับ QR Code สำหรับกรอกฟอร์มบนคอมพิวเตอร์ แต่กลับไม่รู้วิธีเปิดลิงก์จาก QR Code บนหน้าจอใหญ่ บนมือถือ การสแกน QR Code ทำได้ง่าย เพียงเปิดกล้องแล้วแตะปุ่มที่ปรากฏ ระบบจะพาไปยังเว็บไซต์ทันที แต่บนคอมพิวเตอร์กลับยุ่งยากกว่า เพราะไม่มีฟีเจอร์สแกนในตัว ผู้ใช้ต้อง แคปหน้าจอแล้วอัปโหลดไปยังเว็บถอดรหัส หรือใช้เครื่องมือเสริม เช่น Google Lens บน Chrome ที่สามารถคลิกขวาแล้วเลือก “Search with Google Lens” เพื่อดึงลิงก์ออกมา แม้วิธีนี้จะช่วยแก้ปัญหา แต่ก็ยังไม่สะดวกเท่าการใช้งานบนมือถือ และบางครั้ง QR Code ที่ฝังอยู่ในกราฟิกใหญ่ ๆ อาจต้องครอบภาพหรือเปิดในแท็บใหม่ก่อนถึงจะใช้งานได้ ทำให้เห็นชัดว่า QR Code ถูกออกแบบมาเพื่อ โลกของสมาร์ทโฟน มากกว่าเดสก์ท็อป ผู้เขียนสรุปว่า QR Code เป็นเหมือน “บุ๊กมาร์กที่ซ่อนอยู่ในภาพ” ซึ่งสะดวกเมื่อใช้กล้องมือถือ แต่ยังไม่เป็นมิตรกับผู้ใช้คอมพิวเตอร์ที่ต้องการเข้าถึงลิงก์โดยตรง 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การใช้งาน QR Code บนมือถือ ➡️ กล้องมือถือสแกนได้ทันที ➡️ ระบบเปิดลิงก์อัตโนมัติ สะดวกและรวดเร็ว ✅ การใช้งาน QR Code บนคอมพิวเตอร์ ➡️ ต้องแคปภาพแล้วอัปโหลดไปเว็บถอดรหัส ➡️ ใช้ Google Lens บน Chrome เพื่อดึงลิงก์ออกมา ➡️ อาจต้องครอบภาพหรือเปิดในแท็บใหม่ก่อน ‼️ ข้อจำกัดและคำเตือน ⛔ QR Code ถูกออกแบบมาเพื่อมือถือ ไม่เหมาะกับเดสก์ท็อป ⛔ การใช้งานบนคอมพ์ยังไม่สะดวกและต้องใช้หลายขั้นตอน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/07/opinion-are-qr-codes-computer-friendly
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Opinion: Are QR codes computer-friendly?
    I have a friend who calls me occasionally to come help him with various little things having to do with the technology at his house. This week, one of his requests was to learn more about QR codes and how they work.
    0 Comments 0 Shares 129 Views 0 Reviews
  • จุดเริ่มต้นของ Deep Learning บน GTX 580

    ข่าวนี้เล่าถึงการเปิดเผยของ Jensen Huang (CEO ของ Nvidia) ว่า การปฏิวัติ Deep Learning เริ่มต้นขึ้นในปี 2012 จากการใช้การ์ดจอ GTX 580 จำนวนสองตัวในโหมด SLI โดยทีมวิจัยมหาวิทยาลัยโตรอนโต ซึ่งนำไปสู่การสร้างโมเดล AlexNet ที่เปลี่ยนโลก AI ไปตลอดกาล

    ในปี 2011–2012 ทีมวิจัยของ Alex Krizhevsky, Ilya Sutskever และ Geoffrey Hinton ได้พัฒนาโมเดล AlexNet เพื่อแก้ปัญหาการจำแนกรูปภาพ โดยใช้การ์ดจอ GTX 580 (3GB) จำนวนสองตัวเชื่อมต่อแบบ SLI แม้การ์ดเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อเล่นเกม แต่ความสามารถด้านการประมวลผลแบบขนานกลับเหมาะสมกับการฝึก Neural Network อย่างยิ่ง

    ผลลัพธ์ที่พลิกวงการ
    AlexNet มีโครงสร้าง 8 ชั้นและพารามิเตอร์กว่า 60 ล้านตัว เมื่อถูกฝึกบน GTX 580s ผลลัพธ์สามารถเอาชนะอัลกอริทึมการจำแนกรูปภาพที่ดีที่สุดในยุคนั้นได้มากกว่า 70% ทำให้โลกวิชาการและอุตสาหกรรมหันมาสนใจ Deep Learning อย่างจริงจัง

    Nvidia เข้าสู่เส้นทาง AI
    Jensen Huang เปิดเผยว่า หลังจากเห็นศักยภาพของ Deep Learning บน GPU บริษัทจึงตัดสินใจลงทุนอย่างเต็มที่ในเทคโนโลยีนี้ ตั้งแต่การพัฒนา DGX systems ในปี 2016 ไปจนถึงสถาปัตยกรรม Volta ที่มี Tensor Cores และต่อยอดสู่ DLSS และการใช้งาน AI ในวงกว้าง

    ผลกระทบต่อโลก AI
    หากไม่มีการทดลองบน GTX 580s ในปี 2012 Nvidia อาจยังคงเป็นบริษัทที่เน้นกราฟิกเกมเท่านั้น แต่การค้นพบนี้ได้เปลี่ยนทิศทางบริษัท และกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิวัติ AI ที่เรากำลังเห็นในปัจจุบัน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ทีมมหาวิทยาลัยโตรอนโตใช้ GTX 580s ใน SLI
    เพื่อฝึกโมเดล AlexNet ในปี 2012

    AlexNet เอาชนะอัลกอริทึมเดิมกว่า 70%
    กลายเป็นจุดเปลี่ยนของวงการ Computer Vision

    Nvidia หันมาลงทุนใน AI อย่างเต็มที่
    พัฒนา DGX, Volta Tensor Cores และ DLSS

    GTX 580s กลายเป็นการ์ดจอแรกที่ใช้กับ AI
    แม้ถูกออกแบบมาเพื่อเกม แต่กลับเป็นจุดเริ่มต้นของ Deep Learning

    หากไม่มีการทดลองนี้ Nvidia อาจไม่เข้าสู่ AI
    โลกอาจไม่มีการเติบโตของ AI ในรูปแบบที่เราเห็นทุกวันนี้

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/two-gtx-580s-in-sli-are-responsible-for-the-ai-we-have-today-nvidias-huang-revealed-that-the-invention-of-deep-learning-began-with-two-flagship-fermi-gpus-in-2012
    🖥️ จุดเริ่มต้นของ Deep Learning บน GTX 580 ข่าวนี้เล่าถึงการเปิดเผยของ Jensen Huang (CEO ของ Nvidia) ว่า การปฏิวัติ Deep Learning เริ่มต้นขึ้นในปี 2012 จากการใช้การ์ดจอ GTX 580 จำนวนสองตัวในโหมด SLI โดยทีมวิจัยมหาวิทยาลัยโตรอนโต ซึ่งนำไปสู่การสร้างโมเดล AlexNet ที่เปลี่ยนโลก AI ไปตลอดกาล ในปี 2011–2012 ทีมวิจัยของ Alex Krizhevsky, Ilya Sutskever และ Geoffrey Hinton ได้พัฒนาโมเดล AlexNet เพื่อแก้ปัญหาการจำแนกรูปภาพ โดยใช้การ์ดจอ GTX 580 (3GB) จำนวนสองตัวเชื่อมต่อแบบ SLI แม้การ์ดเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อเล่นเกม แต่ความสามารถด้านการประมวลผลแบบขนานกลับเหมาะสมกับการฝึก Neural Network อย่างยิ่ง 📊 ผลลัพธ์ที่พลิกวงการ AlexNet มีโครงสร้าง 8 ชั้นและพารามิเตอร์กว่า 60 ล้านตัว เมื่อถูกฝึกบน GTX 580s ผลลัพธ์สามารถเอาชนะอัลกอริทึมการจำแนกรูปภาพที่ดีที่สุดในยุคนั้นได้มากกว่า 70% ทำให้โลกวิชาการและอุตสาหกรรมหันมาสนใจ Deep Learning อย่างจริงจัง 🚀 Nvidia เข้าสู่เส้นทาง AI Jensen Huang เปิดเผยว่า หลังจากเห็นศักยภาพของ Deep Learning บน GPU บริษัทจึงตัดสินใจลงทุนอย่างเต็มที่ในเทคโนโลยีนี้ ตั้งแต่การพัฒนา DGX systems ในปี 2016 ไปจนถึงสถาปัตยกรรม Volta ที่มี Tensor Cores และต่อยอดสู่ DLSS และการใช้งาน AI ในวงกว้าง 🌍 ผลกระทบต่อโลก AI หากไม่มีการทดลองบน GTX 580s ในปี 2012 Nvidia อาจยังคงเป็นบริษัทที่เน้นกราฟิกเกมเท่านั้น แต่การค้นพบนี้ได้เปลี่ยนทิศทางบริษัท และกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิวัติ AI ที่เรากำลังเห็นในปัจจุบัน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ทีมมหาวิทยาลัยโตรอนโตใช้ GTX 580s ใน SLI ➡️ เพื่อฝึกโมเดล AlexNet ในปี 2012 ✅ AlexNet เอาชนะอัลกอริทึมเดิมกว่า 70% ➡️ กลายเป็นจุดเปลี่ยนของวงการ Computer Vision ✅ Nvidia หันมาลงทุนใน AI อย่างเต็มที่ ➡️ พัฒนา DGX, Volta Tensor Cores และ DLSS ✅ GTX 580s กลายเป็นการ์ดจอแรกที่ใช้กับ AI ➡️ แม้ถูกออกแบบมาเพื่อเกม แต่กลับเป็นจุดเริ่มต้นของ Deep Learning ‼️ หากไม่มีการทดลองนี้ Nvidia อาจไม่เข้าสู่ AI ⛔ โลกอาจไม่มีการเติบโตของ AI ในรูปแบบที่เราเห็นทุกวันนี้ https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/two-gtx-580s-in-sli-are-responsible-for-the-ai-we-have-today-nvidias-huang-revealed-that-the-invention-of-deep-learning-began-with-two-flagship-fermi-gpus-in-2012
    0 Comments 0 Shares 172 Views 0 Reviews
  • ซูเปอร์คอมพิวเตอร์สร้างสมองเสมือนจริงที่สมบูรณ์ที่สุด

    ทีมนักวิจัยจาก Allen Institute (สหรัฐฯ) และ University of Electro-Communications (ญี่ปุ่น) ได้ใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Fugaku สร้างแบบจำลองสมองหนูที่สมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยจำลองทั้ง cortex ของสมองหนู ซึ่งมีความซับซ้อนใกล้เคียงกับสมองมนุษย์

    รายละเอียดของสมองเสมือน
    แบบจำลองนี้มี 9 ล้านเซลล์ประสาท และ 26 พันล้านไซแนปส์ ที่เชื่อมต่อกันใน 86 พื้นที่สมอง สามารถประมวลผลได้ระดับ quadrillions ของการคำนวณต่อวินาที ทำให้นักวิจัยสามารถติดตามการทำงานของเซลล์ประสาทแต่ละตัวได้แบบเรียลไทม์ ถือเป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่ในงานวิจัยด้านประสาทวิทยาศาสตร์

    ประโยชน์ต่อการศึกษาโรคสมอง
    สมองเสมือนนี้ช่วยให้นักวิจัยสามารถจำลองการแพร่กระจายของโรค เช่น อัลไซเมอร์ หรือการเกิด อาการชัก โดยไม่ต้องพึ่งการทดลองที่รุกรานในสมองจริง นอกจากนี้ยังสามารถใช้ศึกษาการทำงานของคลื่นสมองที่เกี่ยวข้องกับการโฟกัสและการรับรู้

    เป้าหมายในอนาคต
    ทีมวิจัยตั้งเป้าว่าจะต่อยอดไปสู่การสร้าง สมองมนุษย์เสมือนจริงเต็มรูปแบบ ในอนาคต โดยใช้ข้อมูลชีววิทยาที่ละเอียดมากขึ้น หากสำเร็จจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการทำความเข้าใจสมองมนุษย์และการรักษาโรคทางระบบประสาทที่ซับซ้อน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การสร้างสมองเสมือนจริง
    ใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Fugaku
    จำลอง cortex ของสมองหนูทั้งระบบ

    รายละเอียดเชิงเทคนิค
    9 ล้านเซลล์ประสาท
    26 พันล้านไซแนปส์ และ 86 พื้นที่สมอง

    ประโยชน์ต่อการแพทย์
    ศึกษาโรคอัลไซเมอร์และอาการชัก
    วิเคราะห์การทำงานของคลื่นสมอง

    ข้อควรระวังและข้อจำกัด
    ยังเป็นเพียงสมองหนู ไม่ใช่มนุษย์
    ต้องใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์มหาศาลในการจำลอง

    https://www.sciencealert.com/supercomputer-creates-one-of-the-most-realistic-virtual-brains-ever-seen
    🖥️ ซูเปอร์คอมพิวเตอร์สร้างสมองเสมือนจริงที่สมบูรณ์ที่สุด ทีมนักวิจัยจาก Allen Institute (สหรัฐฯ) และ University of Electro-Communications (ญี่ปุ่น) ได้ใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Fugaku สร้างแบบจำลองสมองหนูที่สมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยจำลองทั้ง cortex ของสมองหนู ซึ่งมีความซับซ้อนใกล้เคียงกับสมองมนุษย์ 🔬 รายละเอียดของสมองเสมือน แบบจำลองนี้มี 9 ล้านเซลล์ประสาท และ 26 พันล้านไซแนปส์ ที่เชื่อมต่อกันใน 86 พื้นที่สมอง สามารถประมวลผลได้ระดับ quadrillions ของการคำนวณต่อวินาที ทำให้นักวิจัยสามารถติดตามการทำงานของเซลล์ประสาทแต่ละตัวได้แบบเรียลไทม์ ถือเป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่ในงานวิจัยด้านประสาทวิทยาศาสตร์ 🧠 ประโยชน์ต่อการศึกษาโรคสมอง สมองเสมือนนี้ช่วยให้นักวิจัยสามารถจำลองการแพร่กระจายของโรค เช่น อัลไซเมอร์ หรือการเกิด อาการชัก โดยไม่ต้องพึ่งการทดลองที่รุกรานในสมองจริง นอกจากนี้ยังสามารถใช้ศึกษาการทำงานของคลื่นสมองที่เกี่ยวข้องกับการโฟกัสและการรับรู้ 🌍 เป้าหมายในอนาคต ทีมวิจัยตั้งเป้าว่าจะต่อยอดไปสู่การสร้าง สมองมนุษย์เสมือนจริงเต็มรูปแบบ ในอนาคต โดยใช้ข้อมูลชีววิทยาที่ละเอียดมากขึ้น หากสำเร็จจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการทำความเข้าใจสมองมนุษย์และการรักษาโรคทางระบบประสาทที่ซับซ้อน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การสร้างสมองเสมือนจริง ➡️ ใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Fugaku ➡️ จำลอง cortex ของสมองหนูทั้งระบบ ✅ รายละเอียดเชิงเทคนิค ➡️ 9 ล้านเซลล์ประสาท ➡️ 26 พันล้านไซแนปส์ และ 86 พื้นที่สมอง ✅ ประโยชน์ต่อการแพทย์ ➡️ ศึกษาโรคอัลไซเมอร์และอาการชัก ➡️ วิเคราะห์การทำงานของคลื่นสมอง ‼️ ข้อควรระวังและข้อจำกัด ⛔ ยังเป็นเพียงสมองหนู ไม่ใช่มนุษย์ ⛔ ต้องใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์มหาศาลในการจำลอง https://www.sciencealert.com/supercomputer-creates-one-of-the-most-realistic-virtual-brains-ever-seen
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    Supercomputer Creates One of The Most Realistic Virtual Brains Ever Seen
    Getting a better understanding of how the brain works is tricky, as living brains aren't easily prodded and analyzed.
    0 Comments 0 Shares 182 Views 0 Reviews
  • Deep Blue จุดเริ่มต้นของ AI ในเกมหมากรุก

    ครบรอบ 30 ปีการเปิดตัว Deep Blue ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของ IBM ที่ถูกออกแบบมาเพื่อเล่นหมากรุก และสามารถเอาชนะ Garry Kasparov แชมป์โลกในปี 1997 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการคอมพิวเตอร์และ AI

    IBM เปิดตัวต้นแบบ Deep Blue ครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 1995 โดยใช้เวิร์กสเตชัน RS/6000 พร้อม 14 โปรเซสเซอร์สำหรับค้นหาตำแหน่งหมากรุก สามารถวิเคราะห์ได้ 3-5 ล้านตำแหน่งต่อวินาที แม้จะยังไม่สามารถเอาชนะโปรแกรมหมากรุกชั้นนำในยุคนั้น แต่ถือเป็นก้าวสำคัญของการใช้ “พลังประมวลผลมหาศาล” เพื่อแข่งขันกับมนุษย์

    การเผชิญหน้ากับ Kasparov
    ปี 1996 Deep Blue พบกับ Kasparov เป็นครั้งแรก และสามารถชนะเกมเปิดได้ แต่สุดท้าย Kasparov เอาชนะไปด้วยคะแนน 4-2 อย่างไรก็ตาม IBM ไม่ยอมแพ้ และในปี 1997 ได้ปรับปรุงระบบใหม่ ใช้ 30 เวิร์กสเตชัน PowerPC ควบคุมชิปหมากรุก 16 ตัวต่อเครื่อง สามารถวิเคราะห์ได้ถึง 200 ล้านตำแหน่งต่อวินาที และในที่สุดก็เอาชนะ Kasparov ด้วยคะแนน 3.5-2.5

    ผลกระทบต่อวงการเทคโนโลยี
    ชัยชนะของ Deep Blue ไม่เพียงแต่เป็นการพิสูจน์ว่าคอมพิวเตอร์สามารถเอาชนะมนุษย์ในเกมที่ซับซ้อน แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการมอง AI ว่าเป็น “คู่แข่งทางความคิด” ของมนุษย์ IBM ใช้ชัยชนะนี้สร้างภาพลักษณ์ใหม่จากบริษัทที่ถูกมองว่า “ล้าหลัง” ให้กลับมาเป็นผู้นำด้านนวัตกรรม และยังเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดการพัฒนา AI ในหลายสาขา

    มุมมองจากปัจจุบัน
    แม้ Deep Blue จะใช้วิธี brute force ที่แตกต่างจาก AI ยุคใหม่ซึ่งเน้นการเรียนรู้เชิงสถิติ แต่เหตุการณ์นี้ยังคงเป็นสัญลักษณ์สำคัญของการที่เครื่องจักรสามารถท้าทายความคิดมนุษย์ได้ และเป็นรากฐานให้เกิดการพัฒนา AI ที่ซับซ้อนยิ่งขึ้นในปัจจุบัน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    IBM เปิดตัว Deep Blue ปี 1995
    วิเคราะห์ได้ 3-5 ล้านตำแหน่งต่อวินาที

    การแข่งกับ Kasparov ปี 1996 และ 1997
    ปีแรกแพ้ 4-2 แต่ปีถัดมาชนะ 3.5-2.5

    ผลกระทบต่อ IBM และวงการ AI
    สร้างภาพลักษณ์ใหม่และเป็นแรงบันดาลใจให้การพัฒนา AI

    คำเตือนจากบทเรียน Deep Blue
    วิธี brute force ไม่ใช่แนวทางเดียวของ AI
    ความสำเร็จในเกมไม่ได้หมายถึงการเข้าใจเชิงลึกแบบมนุษย์

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/ibm-unveiled-its-deep-blue-chess-supercomputer-prototype-30-years-ago-today-two-years-later-in-its-second-attempt-it-defeated-grandmaster-garry-kasparov
    ♟️ Deep Blue จุดเริ่มต้นของ AI ในเกมหมากรุก ครบรอบ 30 ปีการเปิดตัว Deep Blue ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของ IBM ที่ถูกออกแบบมาเพื่อเล่นหมากรุก และสามารถเอาชนะ Garry Kasparov แชมป์โลกในปี 1997 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการคอมพิวเตอร์และ AI IBM เปิดตัวต้นแบบ Deep Blue ครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 1995 โดยใช้เวิร์กสเตชัน RS/6000 พร้อม 14 โปรเซสเซอร์สำหรับค้นหาตำแหน่งหมากรุก สามารถวิเคราะห์ได้ 3-5 ล้านตำแหน่งต่อวินาที แม้จะยังไม่สามารถเอาชนะโปรแกรมหมากรุกชั้นนำในยุคนั้น แต่ถือเป็นก้าวสำคัญของการใช้ “พลังประมวลผลมหาศาล” เพื่อแข่งขันกับมนุษย์ 🏆 การเผชิญหน้ากับ Kasparov ปี 1996 Deep Blue พบกับ Kasparov เป็นครั้งแรก และสามารถชนะเกมเปิดได้ แต่สุดท้าย Kasparov เอาชนะไปด้วยคะแนน 4-2 อย่างไรก็ตาม IBM ไม่ยอมแพ้ และในปี 1997 ได้ปรับปรุงระบบใหม่ ใช้ 30 เวิร์กสเตชัน PowerPC ควบคุมชิปหมากรุก 16 ตัวต่อเครื่อง สามารถวิเคราะห์ได้ถึง 200 ล้านตำแหน่งต่อวินาที และในที่สุดก็เอาชนะ Kasparov ด้วยคะแนน 3.5-2.5 🌍 ผลกระทบต่อวงการเทคโนโลยี ชัยชนะของ Deep Blue ไม่เพียงแต่เป็นการพิสูจน์ว่าคอมพิวเตอร์สามารถเอาชนะมนุษย์ในเกมที่ซับซ้อน แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการมอง AI ว่าเป็น “คู่แข่งทางความคิด” ของมนุษย์ IBM ใช้ชัยชนะนี้สร้างภาพลักษณ์ใหม่จากบริษัทที่ถูกมองว่า “ล้าหลัง” ให้กลับมาเป็นผู้นำด้านนวัตกรรม และยังเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดการพัฒนา AI ในหลายสาขา ⚠️ มุมมองจากปัจจุบัน แม้ Deep Blue จะใช้วิธี brute force ที่แตกต่างจาก AI ยุคใหม่ซึ่งเน้นการเรียนรู้เชิงสถิติ แต่เหตุการณ์นี้ยังคงเป็นสัญลักษณ์สำคัญของการที่เครื่องจักรสามารถท้าทายความคิดมนุษย์ได้ และเป็นรากฐานให้เกิดการพัฒนา AI ที่ซับซ้อนยิ่งขึ้นในปัจจุบัน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ IBM เปิดตัว Deep Blue ปี 1995 ➡️ วิเคราะห์ได้ 3-5 ล้านตำแหน่งต่อวินาที ✅ การแข่งกับ Kasparov ปี 1996 และ 1997 ➡️ ปีแรกแพ้ 4-2 แต่ปีถัดมาชนะ 3.5-2.5 ✅ ผลกระทบต่อ IBM และวงการ AI ➡️ สร้างภาพลักษณ์ใหม่และเป็นแรงบันดาลใจให้การพัฒนา AI ‼️ คำเตือนจากบทเรียน Deep Blue ⛔ วิธี brute force ไม่ใช่แนวทางเดียวของ AI ⛔ ความสำเร็จในเกมไม่ได้หมายถึงการเข้าใจเชิงลึกแบบมนุษย์ https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/ibm-unveiled-its-deep-blue-chess-supercomputer-prototype-30-years-ago-today-two-years-later-in-its-second-attempt-it-defeated-grandmaster-garry-kasparov
    0 Comments 0 Shares 195 Views 0 Reviews
  • Raspberry Pi 5 รุ่น 1GB ราคา $45

    Raspberry Pi เพิ่งเปิดตัวรุ่น Pi 5 RAM 1GB ในราคา $45 พร้อมกับการปรับขึ้นราคาของรุ่นอื่น ๆ เช่น Pi 5 รุ่น 8GB ที่ขึ้นจาก $80 เป็น $95 และรุ่น 16GB ที่ขึ้นจาก $120 เป็น $145 สาเหตุหลักมาจาก การขาดแคลนหน่วยความจำ LPDDR4 ที่เกิดจากความต้องการสูงในตลาด AI infrastructure ตามคำกล่าวของ CEO Eben Upton ที่ย้ำว่าการขึ้นราคานี้เป็น “ชั่วคราว” และจะปรับลดลงเมื่อสถานการณ์ตลาดดีขึ้น

    คู่แข่งที่สเปกดีกว่าในราคาใกล้เคียง
    ตลาด Single Board Computer (SBC) มีการแข่งขันสูง โดยบอร์ดหลายรุ่นให้สเปกที่ดีกว่าในราคาใกล้เคียง เช่น:
    ArmSoM Forge1 ราคา $23 มาพร้อม CPU Rockchip RK3506J และ RAM 512MB เหมาะกับงาน IoT และอุตสาหกรรม
    Radxa ROCK 3A ราคาเริ่มต้น $30 มี RAM 2GB, CPU Cortex-A55 Quad-core และรองรับ NVMe, PCIe 3.0
    PINE64 ROCK64 ราคา $44.95 มาพร้อม RAM 4GB และชุมชนผู้ใช้ที่แข็งแกร่ง
    Le Potato AML-S905X-CC ราคา $45 มาพร้อม RAM 2GB และรองรับการเล่นวิดีโอ 4K

    Ecosystem ของ Raspberry Pi ที่ยังเหนือกว่า
    แม้คู่แข่งจะมีสเปกที่ดีกว่า แต่ Raspberry Pi ยังคงได้เปรียบในด้าน Ecosystem ที่ครบวงจร:
    Raspberry Pi OS ที่เสถียรและได้รับการอัปเดตสม่ำเสมอ
    เครื่องมือ Raspberry Pi Imager ที่ทำให้การติดตั้งง่ายสำหรับผู้เริ่มต้น
    HAT Ecosystem ที่มีบอร์ดเสริมหลายร้อยแบบ รองรับการใช้งานหลากหลายโดยไม่ต้องกังวลเรื่องไดรเวอร์
    ชุมชนและเอกสารประกอบ ที่กว้างขวางและเป็นมิตรต่อผู้ใช้ใหม่

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การเปิดตัว Raspberry Pi 5 รุ่น 1GB
    ราคา $45 แต่ถูกตั้งคำถามเรื่องความคุ้มค่า
    ราคาของรุ่นอื่น ๆ ก็ปรับขึ้นตามภาวะตลาด

    คู่แข่งในตลาด SBC
    ArmSoM Forge1 ($23) สำหรับ IoT
    Radxa ROCK 3A ($30) รองรับ NVMe/PCIe
    PINE64 ROCK64 ($44.95) RAM 4GB
    Le Potato ($45) RAM 2GB และรองรับ 4K

    จุดแข็งของ Raspberry Pi
    Ecosystem ครบวงจร (OS, HAT, Imager)
    ชุมชนและเอกสารประกอบที่แข็งแกร่ง

    คำเตือนต่อผู้ใช้
    รุ่น 1GB อาจไม่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับคู่แข่งที่ให้ RAM มากกว่าในราคาใกล้เคียง
    ราคาที่ปรับขึ้นอาจกระทบต่อเป้าหมายเดิมของ Raspberry Pi ที่ต้องการ democratize เทคโนโลยี

    https://itsfoss.com/news/raspberry-pi-5-1gb-worth-it/
    💻 Raspberry Pi 5 รุ่น 1GB ราคา $45 Raspberry Pi เพิ่งเปิดตัวรุ่น Pi 5 RAM 1GB ในราคา $45 พร้อมกับการปรับขึ้นราคาของรุ่นอื่น ๆ เช่น Pi 5 รุ่น 8GB ที่ขึ้นจาก $80 เป็น $95 และรุ่น 16GB ที่ขึ้นจาก $120 เป็น $145 สาเหตุหลักมาจาก การขาดแคลนหน่วยความจำ LPDDR4 ที่เกิดจากความต้องการสูงในตลาด AI infrastructure ตามคำกล่าวของ CEO Eben Upton ที่ย้ำว่าการขึ้นราคานี้เป็น “ชั่วคราว” และจะปรับลดลงเมื่อสถานการณ์ตลาดดีขึ้น ⚙️ คู่แข่งที่สเปกดีกว่าในราคาใกล้เคียง ตลาด Single Board Computer (SBC) มีการแข่งขันสูง โดยบอร์ดหลายรุ่นให้สเปกที่ดีกว่าในราคาใกล้เคียง เช่น: 💠 ArmSoM Forge1 ราคา $23 มาพร้อม CPU Rockchip RK3506J และ RAM 512MB เหมาะกับงาน IoT และอุตสาหกรรม 💠 Radxa ROCK 3A ราคาเริ่มต้น $30 มี RAM 2GB, CPU Cortex-A55 Quad-core และรองรับ NVMe, PCIe 3.0 💠 PINE64 ROCK64 ราคา $44.95 มาพร้อม RAM 4GB และชุมชนผู้ใช้ที่แข็งแกร่ง 💠 Le Potato AML-S905X-CC ราคา $45 มาพร้อม RAM 2GB และรองรับการเล่นวิดีโอ 4K 🌐 Ecosystem ของ Raspberry Pi ที่ยังเหนือกว่า แม้คู่แข่งจะมีสเปกที่ดีกว่า แต่ Raspberry Pi ยังคงได้เปรียบในด้าน Ecosystem ที่ครบวงจร: 💠 Raspberry Pi OS ที่เสถียรและได้รับการอัปเดตสม่ำเสมอ 💠 เครื่องมือ Raspberry Pi Imager ที่ทำให้การติดตั้งง่ายสำหรับผู้เริ่มต้น 💠 HAT Ecosystem ที่มีบอร์ดเสริมหลายร้อยแบบ รองรับการใช้งานหลากหลายโดยไม่ต้องกังวลเรื่องไดรเวอร์ 💠 ชุมชนและเอกสารประกอบ ที่กว้างขวางและเป็นมิตรต่อผู้ใช้ใหม่ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การเปิดตัว Raspberry Pi 5 รุ่น 1GB ➡️ ราคา $45 แต่ถูกตั้งคำถามเรื่องความคุ้มค่า ➡️ ราคาของรุ่นอื่น ๆ ก็ปรับขึ้นตามภาวะตลาด ✅ คู่แข่งในตลาด SBC ➡️ ArmSoM Forge1 ($23) สำหรับ IoT ➡️ Radxa ROCK 3A ($30) รองรับ NVMe/PCIe ➡️ PINE64 ROCK64 ($44.95) RAM 4GB ➡️ Le Potato ($45) RAM 2GB และรองรับ 4K ✅ จุดแข็งของ Raspberry Pi ➡️ Ecosystem ครบวงจร (OS, HAT, Imager) ➡️ ชุมชนและเอกสารประกอบที่แข็งแกร่ง ‼️ คำเตือนต่อผู้ใช้ ⛔ รุ่น 1GB อาจไม่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับคู่แข่งที่ให้ RAM มากกว่าในราคาใกล้เคียง ⛔ ราคาที่ปรับขึ้นอาจกระทบต่อเป้าหมายเดิมของ Raspberry Pi ที่ต้องการ democratize เทคโนโลยี https://itsfoss.com/news/raspberry-pi-5-1gb-worth-it/
    ITSFOSS.COM
    Raspberry Pi 5 1GB Variant: Is It Worth $45?
    Other SBCs offer more RAM at this price point. So, should you still pay $45 for a 1 GB Pi?
    0 Comments 0 Shares 135 Views 0 Reviews
  • HDMI Dummy Plug คืออะไร

    HDMI Dummy Plug เป็นหัวต่อ HDMI ที่มีวงจรภายในเพื่อจำลองการเชื่อมต่อจอภาพ โดยทั่วไปจะทำให้ระบบเชื่อว่ามีจอ 4K เชื่อมต่ออยู่ แม้จริง ๆ จะไม่มีจอภาพเลย จุดประสงค์หลักคือเพื่อให้ GPU ทำงานเต็มประสิทธิภาพ และเปิดใช้งานความละเอียดทั้งหมด แม้ในสภาวะที่ไม่มีจอภาพจริง

    การใช้งานใน Headless Computing
    หนึ่งในกรณีที่ใช้บ่อยคือ เซิร์ฟเวอร์ที่ทำงานตลอดเวลา (Always-on Home Server) หรือ Game Streaming Server เช่น Moonlight ซึ่งต้องการให้ GPU ทำงานเต็มที่แม้ไม่มีจอภาพเชื่อมต่อ นอกจากนี้ยังช่วยแก้ปัญหาบน Mac Mini และบางเครื่อง Windows ที่เมื่อ Remote เข้าไปแล้วไม่สามารถปรับความละเอียดให้ตรงกับจอผู้ใช้ได้ HDMI Dummy Plug จะช่วยให้สามารถเลือกความละเอียดที่เหมาะสมได้

    การใช้งานอื่น ๆ
    Single-board computers บางรุ่นไม่สามารถบูตได้หากไม่มีจอภาพเชื่อมต่อ HDMI Dummy Plug จึงจำเป็น
    ใช้เพื่อ จำลองจอเสมือน สำหรับการบันทึกหน้าจอด้วย OBS หรือการทดสอบซอฟต์แวร์
    เคยถูกใช้ในยุค GPU Crypto Mining เพื่อหลอกระบบป้องกันการขุดของการ์ดจอ

    สรุปเป็นหัวข้อ
    HDMI Dummy Plug คืออะไร
    หัวต่อ HDMI ที่หลอกให้ระบบคิดว่ามีจอภาพเชื่อมต่อ
    ทำให้ GPU ทำงานเต็มประสิทธิภาพและเปิดใช้งานความละเอียดทั้งหมด

    การใช้งานหลัก
    Headless Computing เช่น Home Server และ Game Streaming
    แก้ปัญหาความละเอียดไม่ตรงเมื่อ Remote เข้า Mac Mini หรือ Windows

    การใช้งานอื่น ๆ
    จำลองจอเสมือนเพื่อบันทึกหน้าจอด้วย OBS
    จำเป็นสำหรับ Single-board computers ที่ไม่บูตหากไม่มีจอ
    เคยใช้ใน GPU Crypto Mining เพื่อหลอกระบบป้องกัน

    คำเตือนด้านการใช้งาน
    ไม่เหมาะสำหรับผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการใช้งานจอจริง
    หากใช้ผิดวัตถุประสงค์ อาจทำให้ระบบเข้าใจผิดและเกิดปัญหาการตั้งค่าจอภาพ
    ไม่ควรใช้แทนการแก้ปัญหาที่ควรทำผ่านซอฟต์แวร์ เช่น BetterDisplay

    https://www.slashgear.com/2039953/hdmi-dummy-plug-purpose-uses-explained/
    🖥️ HDMI Dummy Plug คืออะไร HDMI Dummy Plug เป็นหัวต่อ HDMI ที่มีวงจรภายในเพื่อจำลองการเชื่อมต่อจอภาพ โดยทั่วไปจะทำให้ระบบเชื่อว่ามีจอ 4K เชื่อมต่ออยู่ แม้จริง ๆ จะไม่มีจอภาพเลย จุดประสงค์หลักคือเพื่อให้ GPU ทำงานเต็มประสิทธิภาพ และเปิดใช้งานความละเอียดทั้งหมด แม้ในสภาวะที่ไม่มีจอภาพจริง ⚙️ การใช้งานใน Headless Computing หนึ่งในกรณีที่ใช้บ่อยคือ เซิร์ฟเวอร์ที่ทำงานตลอดเวลา (Always-on Home Server) หรือ Game Streaming Server เช่น Moonlight ซึ่งต้องการให้ GPU ทำงานเต็มที่แม้ไม่มีจอภาพเชื่อมต่อ นอกจากนี้ยังช่วยแก้ปัญหาบน Mac Mini และบางเครื่อง Windows ที่เมื่อ Remote เข้าไปแล้วไม่สามารถปรับความละเอียดให้ตรงกับจอผู้ใช้ได้ HDMI Dummy Plug จะช่วยให้สามารถเลือกความละเอียดที่เหมาะสมได้ 🎮 การใช้งานอื่น ๆ 💠 Single-board computers บางรุ่นไม่สามารถบูตได้หากไม่มีจอภาพเชื่อมต่อ HDMI Dummy Plug จึงจำเป็น 💠 ใช้เพื่อ จำลองจอเสมือน สำหรับการบันทึกหน้าจอด้วย OBS หรือการทดสอบซอฟต์แวร์ 💠 เคยถูกใช้ในยุค GPU Crypto Mining เพื่อหลอกระบบป้องกันการขุดของการ์ดจอ 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ HDMI Dummy Plug คืออะไร ➡️ หัวต่อ HDMI ที่หลอกให้ระบบคิดว่ามีจอภาพเชื่อมต่อ ➡️ ทำให้ GPU ทำงานเต็มประสิทธิภาพและเปิดใช้งานความละเอียดทั้งหมด ✅ การใช้งานหลัก ➡️ Headless Computing เช่น Home Server และ Game Streaming ➡️ แก้ปัญหาความละเอียดไม่ตรงเมื่อ Remote เข้า Mac Mini หรือ Windows ✅ การใช้งานอื่น ๆ ➡️ จำลองจอเสมือนเพื่อบันทึกหน้าจอด้วย OBS ➡️ จำเป็นสำหรับ Single-board computers ที่ไม่บูตหากไม่มีจอ ➡️ เคยใช้ใน GPU Crypto Mining เพื่อหลอกระบบป้องกัน ‼️ คำเตือนด้านการใช้งาน ⛔ ไม่เหมาะสำหรับผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการใช้งานจอจริง ⛔ หากใช้ผิดวัตถุประสงค์ อาจทำให้ระบบเข้าใจผิดและเกิดปัญหาการตั้งค่าจอภาพ ⛔ ไม่ควรใช้แทนการแก้ปัญหาที่ควรทำผ่านซอฟต์แวร์ เช่น BetterDisplay https://www.slashgear.com/2039953/hdmi-dummy-plug-purpose-uses-explained/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    What Is An HDMI Dummy Plug, And What Are They Used For? - SlashGear
    If you've browsed HDMI cables and products, you've probably encountered a small device called an HDMI dummy plug. These can help with troubleshooting.
    0 Comments 0 Shares 91 Views 0 Reviews
  • Raspberry Pi 5 รุ่นใหม่ มาพร้อม RAM 1GB ราคาเพียง $45

    Raspberry Pi ประกาศเปิดตัวรุ่นใหม่ของ Raspberry Pi 5 ที่มาพร้อม RAM 1GB เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผู้ใช้ที่ต้องการบอร์ดราคาประหยัดสำหรับงานทดลองและโครงการโอเพนซอร์ส โดยรุ่นนี้ยังคงใช้ Broadcom BCM2712 พร้อมซีพียู quad-core Arm Cortex-A76 ความเร็ว 2.4GHz เช่นเดียวกับรุ่น RAM ที่สูงกว่า

    การเปิดตัวครั้งนี้ทำให้ Raspberry Pi 5 มีตัวเลือก RAM ครบตั้งแต่ 1GB, 2GB, 4GB, 8GB ไปจนถึง 16GB ตอบโจทย์ทั้งผู้ใช้ทั่วไป นักพัฒนา และผู้ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสำหรับงานเฉพาะทาง เช่น การประมวลผลภาพหรือการจำลองระบบเสมือน ขณะเดียวกัน Raspberry Pi ยังประกาศปรับขึ้นราคาของบางรุ่นเพื่อรับมือกับต้นทุนหน่วยความจำที่สูงขึ้น

    ในด้านสเปกเพิ่มเติม Raspberry Pi 5 รองรับ dual 4Kp60 HDMI output, VideoCore VII GPU ที่รองรับ Vulkan 1.3 และ OpenGL ES 3.1a รวมถึง PCIe slot สำหรับการขยายอุปกรณ์เสริม นอกจากนี้ยังมี HEVC decoder ที่รองรับการเล่นวิดีโอ 4Kp60 ทำให้บอร์ดเล็ก ๆ นี้สามารถใช้งานได้ทั้งในงานมัลติมีเดียและการพัฒนาเชิงลึก

    แม้การเปิดตัวรุ่น RAM ต่ำจะช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึง Raspberry Pi ได้ง่ายขึ้น แต่การปรับขึ้นราคาของรุ่นอื่น ๆ เช่น Raspberry Pi 4 และ Raspberry Pi 5 รุ่น RAM สูง อาจสร้างแรงกดดันต่อผู้ใช้ที่ต้องการประสิทธิภาพมากขึ้น ถือเป็นการสะท้อนถึงสถานการณ์ตลาดหน่วยความจำที่ตึงตัวในปี 2026

    สรุปสาระสำคัญ
    การเปิดตัวรุ่นใหม่
    Raspberry Pi 5 รุ่น RAM 1GB ราคา $45
    ใช้ซีพียู Broadcom BCM2712 Cortex-A76 2.4GHz

    ตัวเลือก RAM ที่หลากหลาย
    มีตั้งแต่ 1GB, 2GB, 4GB, 8GB จนถึง 16GB
    รองรับการใช้งานตั้งแต่ทั่วไปจนถึงงานประสิทธิภาพสูง

    สเปกเด่นของ Raspberry Pi 5
    Dual 4Kp60 HDMI output และ VideoCore VII GPU
    รองรับ Vulkan 1.3, OpenGL ES 3.1a และ HEVC decoder
    มี PCIe slot สำหรับขยายอุปกรณ์เสริม

    ข้อควรระวังและผลกระทบ
    ราคาของ Raspberry Pi 4 และ 5 รุ่น RAM สูงถูกปรับขึ้น
    ตลาดหน่วยความจำตึงตัว อาจกระทบต่อผู้ใช้ที่ต้องการประสิทธิภาพสูง

    https://9to5linux.com/raspberry-pi-5-single-board-computer-now-available-with-1gb-ram-for-45-usd
    🖥️ Raspberry Pi 5 รุ่นใหม่ มาพร้อม RAM 1GB ราคาเพียง $45 Raspberry Pi ประกาศเปิดตัวรุ่นใหม่ของ Raspberry Pi 5 ที่มาพร้อม RAM 1GB เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผู้ใช้ที่ต้องการบอร์ดราคาประหยัดสำหรับงานทดลองและโครงการโอเพนซอร์ส โดยรุ่นนี้ยังคงใช้ Broadcom BCM2712 พร้อมซีพียู quad-core Arm Cortex-A76 ความเร็ว 2.4GHz เช่นเดียวกับรุ่น RAM ที่สูงกว่า การเปิดตัวครั้งนี้ทำให้ Raspberry Pi 5 มีตัวเลือก RAM ครบตั้งแต่ 1GB, 2GB, 4GB, 8GB ไปจนถึง 16GB ตอบโจทย์ทั้งผู้ใช้ทั่วไป นักพัฒนา และผู้ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสำหรับงานเฉพาะทาง เช่น การประมวลผลภาพหรือการจำลองระบบเสมือน ขณะเดียวกัน Raspberry Pi ยังประกาศปรับขึ้นราคาของบางรุ่นเพื่อรับมือกับต้นทุนหน่วยความจำที่สูงขึ้น ในด้านสเปกเพิ่มเติม Raspberry Pi 5 รองรับ dual 4Kp60 HDMI output, VideoCore VII GPU ที่รองรับ Vulkan 1.3 และ OpenGL ES 3.1a รวมถึง PCIe slot สำหรับการขยายอุปกรณ์เสริม นอกจากนี้ยังมี HEVC decoder ที่รองรับการเล่นวิดีโอ 4Kp60 ทำให้บอร์ดเล็ก ๆ นี้สามารถใช้งานได้ทั้งในงานมัลติมีเดียและการพัฒนาเชิงลึก แม้การเปิดตัวรุ่น RAM ต่ำจะช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึง Raspberry Pi ได้ง่ายขึ้น แต่การปรับขึ้นราคาของรุ่นอื่น ๆ เช่น Raspberry Pi 4 และ Raspberry Pi 5 รุ่น RAM สูง อาจสร้างแรงกดดันต่อผู้ใช้ที่ต้องการประสิทธิภาพมากขึ้น ถือเป็นการสะท้อนถึงสถานการณ์ตลาดหน่วยความจำที่ตึงตัวในปี 2026 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การเปิดตัวรุ่นใหม่ ➡️ Raspberry Pi 5 รุ่น RAM 1GB ราคา $45 ➡️ ใช้ซีพียู Broadcom BCM2712 Cortex-A76 2.4GHz ✅ ตัวเลือก RAM ที่หลากหลาย ➡️ มีตั้งแต่ 1GB, 2GB, 4GB, 8GB จนถึง 16GB ➡️ รองรับการใช้งานตั้งแต่ทั่วไปจนถึงงานประสิทธิภาพสูง ✅ สเปกเด่นของ Raspberry Pi 5 ➡️ Dual 4Kp60 HDMI output และ VideoCore VII GPU ➡️ รองรับ Vulkan 1.3, OpenGL ES 3.1a และ HEVC decoder ➡️ มี PCIe slot สำหรับขยายอุปกรณ์เสริม ‼️ ข้อควรระวังและผลกระทบ ⛔ ราคาของ Raspberry Pi 4 และ 5 รุ่น RAM สูงถูกปรับขึ้น ⛔ ตลาดหน่วยความจำตึงตัว อาจกระทบต่อผู้ใช้ที่ต้องการประสิทธิภาพสูง https://9to5linux.com/raspberry-pi-5-single-board-computer-now-available-with-1gb-ram-for-45-usd
    9TO5LINUX.COM
    Raspberry Pi 5 Single-Board Computer Now Available with 1GB RAM for $45 USD - 9to5Linux
    Raspberry Pi 5 single-board computer is now available with 1GB RAM for $45 USD with dual-band Wi-Fi and PCI Express port.
    0 Comments 0 Shares 125 Views 0 Reviews
  • “Cybathlon – เมื่อเกมสมองกลายเป็นสนามแข่งขันจริง”

    การแข่งขัน Cybathlon จัดขึ้นทุก 4 ปีโดย ETH Zurich ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นเวทีที่นักวิจัยและผู้พิการที่เรียกว่า “pilots” ร่วมกันทดสอบเทคโนโลยีช่วยเหลือใหม่ ๆ ตั้งแต่แขนขาเทียมไปจนถึงระบบการมองเห็น และที่โดดเด่นที่สุดคือ brain-computer interface (BCI) ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ควบคุมคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ด้วยความคิดเพียงอย่างเดียว

    หนึ่งในผู้เข้าร่วมคือ Owen Collumb ชายชาวไอริชที่เป็นอัมพาตตั้งแต่อายุ 21 ปี เขาเข้าร่วมการแข่งขันตั้งแต่ปี 2016 และใช้ BCI ที่พัฒนาโดยทีมของ Prof. Damien Coyle จาก University of Bath ผ่านการวัดสัญญาณ EEG บนศีรษะ Collumb สามารถสั่งการคอมพิวเตอร์ให้ทำงาน เช่น ขยับเคอร์เซอร์ หรือเล่นเกม แม้ร่างกายจะไม่สามารถเคลื่อนไหวได้มากนัก

    การแข่งขันนี้ไม่ใช่เพียงการโชว์เทคโนโลยี แต่เป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้เห็นว่า คนพิการสามารถเป็น “เจ้านายของเทคโนโลยี” ไม่ใช่ผู้ถูกจำกัดโดยมัน อย่างไรก็ตาม ความท้าทายยังมีอยู่มาก เช่น ความแม่นยำของ EEG ที่ยังต่ำกว่าการใช้ brain implant แบบฝังในสมอง ซึ่งแม้จะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า แต่ก็มีความเสี่ยงสูงและค่าใช้จ่ายแพง

    บทความยังสะท้อนคำถามเชิงสังคมว่า การผสานสมองกับเทคโนโลยีลึกขึ้นเรื่อย ๆ จะทำให้ชีวิตดีขึ้นจริงหรือไม่ และเราควรยอมรับการเปลี่ยนแปลงนี้ในระดับไหน แต่สิ่งที่ชัดเจนคือ Cybathlon ได้พิสูจน์ว่า เทคโนโลยีช่วยเหลือสามารถเปลี่ยนชีวิตผู้พิการให้มีอิสระและศักดิ์ศรีในการแข่งขัน

    สรุปสาระสำคัญ
    การแข่งขัน Cybathlon
    จัดทุก 4 ปีโดย ETH Zurich
    มีการแข่งแขนขาเทียม, ระบบการมองเห็น และ BCI

    กรณีของ Owen Collumb
    เป็นอัมพาตตั้งแต่อายุ 21 ปี
    ใช้ EEG-based BCI ควบคุมคอมพิวเตอร์และเข้าร่วมแข่งขัน

    ความหมายของการแข่งขัน
    แสดงให้เห็นว่าคนพิการสามารถเป็น “เจ้านายของเทคโนโลยี”
    สร้างแรงบันดาลใจและความหวังใหม่

    ข้อท้าทายและคำเตือน
    EEG ยังไม่แม่นยำเท่าการใช้ brain implant
    การฝังอุปกรณ์ในสมองมีความเสี่ยงสูงและค่าใช้จ่ายแพง

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/01/let-the-mind-games-begin
    🧠 “Cybathlon – เมื่อเกมสมองกลายเป็นสนามแข่งขันจริง” การแข่งขัน Cybathlon จัดขึ้นทุก 4 ปีโดย ETH Zurich ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นเวทีที่นักวิจัยและผู้พิการที่เรียกว่า “pilots” ร่วมกันทดสอบเทคโนโลยีช่วยเหลือใหม่ ๆ ตั้งแต่แขนขาเทียมไปจนถึงระบบการมองเห็น และที่โดดเด่นที่สุดคือ brain-computer interface (BCI) ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ควบคุมคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ด้วยความคิดเพียงอย่างเดียว หนึ่งในผู้เข้าร่วมคือ Owen Collumb ชายชาวไอริชที่เป็นอัมพาตตั้งแต่อายุ 21 ปี เขาเข้าร่วมการแข่งขันตั้งแต่ปี 2016 และใช้ BCI ที่พัฒนาโดยทีมของ Prof. Damien Coyle จาก University of Bath ผ่านการวัดสัญญาณ EEG บนศีรษะ Collumb สามารถสั่งการคอมพิวเตอร์ให้ทำงาน เช่น ขยับเคอร์เซอร์ หรือเล่นเกม แม้ร่างกายจะไม่สามารถเคลื่อนไหวได้มากนัก การแข่งขันนี้ไม่ใช่เพียงการโชว์เทคโนโลยี แต่เป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้เห็นว่า คนพิการสามารถเป็น “เจ้านายของเทคโนโลยี” ไม่ใช่ผู้ถูกจำกัดโดยมัน อย่างไรก็ตาม ความท้าทายยังมีอยู่มาก เช่น ความแม่นยำของ EEG ที่ยังต่ำกว่าการใช้ brain implant แบบฝังในสมอง ซึ่งแม้จะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า แต่ก็มีความเสี่ยงสูงและค่าใช้จ่ายแพง บทความยังสะท้อนคำถามเชิงสังคมว่า การผสานสมองกับเทคโนโลยีลึกขึ้นเรื่อย ๆ จะทำให้ชีวิตดีขึ้นจริงหรือไม่ และเราควรยอมรับการเปลี่ยนแปลงนี้ในระดับไหน แต่สิ่งที่ชัดเจนคือ Cybathlon ได้พิสูจน์ว่า เทคโนโลยีช่วยเหลือสามารถเปลี่ยนชีวิตผู้พิการให้มีอิสระและศักดิ์ศรีในการแข่งขัน 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การแข่งขัน Cybathlon ➡️ จัดทุก 4 ปีโดย ETH Zurich ➡️ มีการแข่งแขนขาเทียม, ระบบการมองเห็น และ BCI ✅ กรณีของ Owen Collumb ➡️ เป็นอัมพาตตั้งแต่อายุ 21 ปี ➡️ ใช้ EEG-based BCI ควบคุมคอมพิวเตอร์และเข้าร่วมแข่งขัน ✅ ความหมายของการแข่งขัน ➡️ แสดงให้เห็นว่าคนพิการสามารถเป็น “เจ้านายของเทคโนโลยี” ➡️ สร้างแรงบันดาลใจและความหวังใหม่ ‼️ ข้อท้าทายและคำเตือน ⛔ EEG ยังไม่แม่นยำเท่าการใช้ brain implant ⛔ การฝังอุปกรณ์ในสมองมีความเสี่ยงสูงและค่าใช้จ่ายแพง https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/01/let-the-mind-games-begin
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Let the mind games begin
    Every four years at the Cybathlon, teams of researchers and technology "pilots" compete to see whose brain-computer interface holds the most promise.
    0 Comments 0 Shares 183 Views 0 Reviews
  • Quantum Computing กับการออกแบบเลเซอร์

    ข่าวนี้เล่าถึงบริษัท Trumpf ผู้ผลิตเลเซอร์สำหรับเครื่อง EUV ของ ASML ที่กำลังทดลองใช้ Quantum Computing เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการออกแบบเลเซอร์ CO₂ โดยร่วมมือกับ Fraunhofer ILT และมหาวิทยาลัย Freie Universität Berlin โครงการนี้ได้รับทุนสนับสนุนจากรัฐบาลเยอรมนี

    Trumpf กำลังทดสอบว่า Quantum Computing สามารถจำลองพฤติกรรมเชิงควอนตัมของเลเซอร์ CO₂ ได้ดีกว่า Supercomputer แบบดั้งเดิมหรือไม่ เนื่องจากการจำลองการแลกเปลี่ยนพลังงาน การชนกันของโมเลกุล และการสร้างแสงเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและมีสถานะจำนวนมหาศาล การใช้ Quantum Computing อาจช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำและรวดเร็วขึ้น

    การใช้งานในอุตสาหกรรมและวิทยาศาสตร์
    เลเซอร์ CO₂ ของ Trumpf ถูกใช้ทั้งใน การผลิตเซมิคอนดักเตอร์ (DUV/EUV lithography) และในอุตสาหกรรมทั่วไป เช่น การตัดโลหะ รวมถึงการใช้งานใน Silicon Photonics เพื่อการเชื่อมต่อข้อมูล หาก Quantum Computing สามารถจำลองและปรับปรุงการออกแบบได้จริง จะช่วยให้เลเซอร์รุ่นใหม่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ใช้พลังงานน้อยลง และมีขนาดกะทัดรัดมากขึ้น

    ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและเทคโนโลยี
    หนึ่งในเป้าหมายของโครงการคือการลด ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ของอุปกรณ์ที่ใช้เลเซอร์ โดยการออกแบบที่แม่นยำขึ้นจะช่วยลดการสูญเสียพลังงานและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต นอกจากนี้ยังเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับยุคที่ Quantum Computing มีความเสถียรมากขึ้น ซึ่งจะเปิดทางให้การออกแบบอุปกรณ์อุตสาหกรรมก้าวไปอีกขั้น

    ความท้าทายและอนาคต
    แม้ Quantum Computing ยังอยู่ในช่วงต้นและยังไม่สามารถรองรับงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ได้ แต่การเริ่มต้นทดลองและพัฒนาอัลกอริทึมตั้งแต่ตอนนี้ จะช่วยให้ Trumpf และพันธมิตรมีความพร้อมเมื่อเทคโนโลยี Quantum ก้าวสู่ระดับที่ใช้งานจริงในอนาคต

    สรุปสาระสำคัญ
    Trumpf ทดลองใช้ Quantum Computing
    เพื่อจำลองพฤติกรรมเลเซอร์ CO₂ ที่ซับซ้อน
    หวังได้ผลลัพธ์แม่นยำและรวดเร็วกว่า Supercomputer

    การใช้งานเลเซอร์ CO₂
    ใช้ใน EUV lithography และอุตสาหกรรมทั่วไป
    มีบทบาทใน Silicon Photonics สำหรับการเชื่อมต่อข้อมูล

    ผลกระทบเชิงบวก
    ลดการใช้พลังงานและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
    เพิ่มประสิทธิภาพและความกะทัดรัดของอุปกรณ์

    ความท้าทาย
    Quantum Computing ยังไม่เสถียรพอสำหรับงานใหญ่
    แต่การพัฒนาอัลกอริทึมตั้งแต่ตอนนี้คือการเตรียมความพร้อม

    คำเตือนต่ออุตสาหกรรม
    การพึ่งพา Quantum Computing ที่ยังไม่สมบูรณ์อาจเสี่ยงต่อการลงทุน
    หากเทคโนโลยีไม่ก้าวทัน อาจทำให้โครงการล่าช้าและสูญเสียโอกาสทางธุรกิจ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/euv-laser-maker-trumpf-explores-quantum-computing-to-improve-laser-tech
    🔬 Quantum Computing กับการออกแบบเลเซอร์ ข่าวนี้เล่าถึงบริษัท Trumpf ผู้ผลิตเลเซอร์สำหรับเครื่อง EUV ของ ASML ที่กำลังทดลองใช้ Quantum Computing เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการออกแบบเลเซอร์ CO₂ โดยร่วมมือกับ Fraunhofer ILT และมหาวิทยาลัย Freie Universität Berlin โครงการนี้ได้รับทุนสนับสนุนจากรัฐบาลเยอรมนี Trumpf กำลังทดสอบว่า Quantum Computing สามารถจำลองพฤติกรรมเชิงควอนตัมของเลเซอร์ CO₂ ได้ดีกว่า Supercomputer แบบดั้งเดิมหรือไม่ เนื่องจากการจำลองการแลกเปลี่ยนพลังงาน การชนกันของโมเลกุล และการสร้างแสงเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและมีสถานะจำนวนมหาศาล การใช้ Quantum Computing อาจช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำและรวดเร็วขึ้น 🏭 การใช้งานในอุตสาหกรรมและวิทยาศาสตร์ เลเซอร์ CO₂ ของ Trumpf ถูกใช้ทั้งใน การผลิตเซมิคอนดักเตอร์ (DUV/EUV lithography) และในอุตสาหกรรมทั่วไป เช่น การตัดโลหะ รวมถึงการใช้งานใน Silicon Photonics เพื่อการเชื่อมต่อข้อมูล หาก Quantum Computing สามารถจำลองและปรับปรุงการออกแบบได้จริง จะช่วยให้เลเซอร์รุ่นใหม่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ใช้พลังงานน้อยลง และมีขนาดกะทัดรัดมากขึ้น 🌍 ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและเทคโนโลยี หนึ่งในเป้าหมายของโครงการคือการลด ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ของอุปกรณ์ที่ใช้เลเซอร์ โดยการออกแบบที่แม่นยำขึ้นจะช่วยลดการสูญเสียพลังงานและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต นอกจากนี้ยังเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับยุคที่ Quantum Computing มีความเสถียรมากขึ้น ซึ่งจะเปิดทางให้การออกแบบอุปกรณ์อุตสาหกรรมก้าวไปอีกขั้น 💡 ความท้าทายและอนาคต แม้ Quantum Computing ยังอยู่ในช่วงต้นและยังไม่สามารถรองรับงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ได้ แต่การเริ่มต้นทดลองและพัฒนาอัลกอริทึมตั้งแต่ตอนนี้ จะช่วยให้ Trumpf และพันธมิตรมีความพร้อมเมื่อเทคโนโลยี Quantum ก้าวสู่ระดับที่ใช้งานจริงในอนาคต 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Trumpf ทดลองใช้ Quantum Computing ➡️ เพื่อจำลองพฤติกรรมเลเซอร์ CO₂ ที่ซับซ้อน ➡️ หวังได้ผลลัพธ์แม่นยำและรวดเร็วกว่า Supercomputer ✅ การใช้งานเลเซอร์ CO₂ ➡️ ใช้ใน EUV lithography และอุตสาหกรรมทั่วไป ➡️ มีบทบาทใน Silicon Photonics สำหรับการเชื่อมต่อข้อมูล ✅ ผลกระทบเชิงบวก ➡️ ลดการใช้พลังงานและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ➡️ เพิ่มประสิทธิภาพและความกะทัดรัดของอุปกรณ์ ✅ ความท้าทาย ➡️ Quantum Computing ยังไม่เสถียรพอสำหรับงานใหญ่ ➡️ แต่การพัฒนาอัลกอริทึมตั้งแต่ตอนนี้คือการเตรียมความพร้อม ‼️ คำเตือนต่ออุตสาหกรรม ⛔ การพึ่งพา Quantum Computing ที่ยังไม่สมบูรณ์อาจเสี่ยงต่อการลงทุน ⛔ หากเทคโนโลยีไม่ก้าวทัน อาจทำให้โครงการล่าช้าและสูญเสียโอกาสทางธุรกิจ https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/euv-laser-maker-trumpf-explores-quantum-computing-to-improve-laser-tech
    0 Comments 0 Shares 286 Views 0 Reviews
  • รวมข่าวจากเวบ TechRadar
    #รวมข่าวIT #20251126 #TechRadar

    Amazon ทุ่มงบ 50 พันล้านดอลลาร์เพื่อสร้างระบบ AI และ HPC สำหรับรัฐบาลสหรัฐฯ
    เรื่องนี้เป็นการลงทุนครั้งใหญ่ของ Amazon ที่ต้องการยกระดับศักยภาพด้านการประมวลผลให้กับหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ โดยจะเน้นไปที่งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ความมั่นคงไซเบอร์ พลังงาน และการแพทย์ การลงทุนนี้จะเพิ่มกำลังการประมวลผลกว่า 1.3 กิกะวัตต์ในระบบคลาวด์ของรัฐบาล ทำให้สามารถทำงานจำลองและวิเคราะห์ข้อมูลได้เร็วขึ้นมาก AWS CEO กล่าวว่านี่คือการเปิดทางให้หน่วยงานรัฐเข้าถึง AI ขั้นสูงเพื่อเร่งภารกิจสำคัญของประเทศ
    https://www.techradar.com/pro/talk-about-an-upgrade-amazon-is-spending-usd50-billion-on-new-ai-and-hpc-hardware-for-the-us-government

    ข่าวลือราคา iPhone พับได้ อาจสูงถึง $2,399 ทำให้ iPad Mini 8 ดูคุ้มกว่า
    มีรายงานจาก Fubon Research ว่า iPhone รุ่นพับได้ที่คาดว่าจะเปิดตัวในปี 2026 อาจมีราคาสูงถึง $2,399 ซึ่งถือว่าแพงกว่าที่หลายคนคาดไว้ แม้จะมีข่าวดีว่าหน้าจออาจไร้รอยพับ แต่ราคาที่สูงขนาดนี้ทำให้หลายคนมองว่าซื้อ iPhone รุ่นปกติพร้อม iPad Mini 8 อาจจะคุ้มกว่า เพราะได้สองหน้าจอในราคาที่ใกล้เคียงกัน การเปิดตัวคาดว่าจะใช้ชื่อ “iPhone Fold” และอยู่ในขั้นตอนการทดสอบก่อนผลิตจริง
    https://www.techradar.com/phones/iphone/if-the-latest-foldable-iphone-price-rumor-is-correct-the-ipad-mini-8-will-be-the-only-sensible-choice

    ช่องโหว่ที่ซ่อนอยู่ในระบบ Cloud Security
    บทความนี้ชี้ให้เห็นว่าการใช้ระบบคลาวด์หลายเจ้า (multicloud) และการนำ AI หรือ container มาใช้งาน ทำให้เกิดช่องโหว่ด้านความปลอดภัยที่องค์กรอาจมองไม่เห็น โดยเฉพาะการเคลื่อนย้ายข้อมูลภายใน (east-west traffic) และการส่งข้อมูลออกไปภายนอก (egress traffic) ที่มักไม่มีการควบคุมอย่างเข้มงวด ผู้เชี่ยวชาญเสนอแนวคิดใหม่ “Cloud Native Security Fabric” ที่ฝังระบบรักษาความปลอดภัยเข้าไปในโครงสร้างเครือข่ายโดยตรง เพื่อให้สามารถปรับตัวได้ตามการเปลี่ยนแปลงของ workload แบบเรียลไทม์
    https://www.techradar.com/pro/the-hidden-gaps-in-your-cloud-security-fabric

    Gemini 3 กับ Nano Banana Pro: AI ที่เปลี่ยนการแต่งภาพให้เหมือนงานศิลป์
    Google เปิดตัวเครื่องมือแก้ไขภาพด้วย AI ที่ชื่อ Nano Banana Pro ซึ่งใช้พลังจาก Gemini 3 จุดเด่นคือสามารถปรับแสงเหมือนเปลี่ยนบรรยากาศจริง เช่น จากภาพธรรมดาให้กลายเป็นช่วง golden hour หรือเปลี่ยนฉากหลังโดยไม่ทำให้ตัวแบบดูหลุดออกจากภาพ นอกจากนี้ยังสามารถย้ายวัตถุหรือปรับโครงสร้างภาพได้อย่างสมจริง ทำให้การแก้ไขภาพซับซ้อนกลายเป็นเรื่องง่ายเพียงแค่บอกคำสั่งเหมือนเล่าให้คนเข้าใจ
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/gemini-3s-nano-banana-pro-photo-editing-is-amazing-here-are-3-ways-to-make-the-most-of-it

    สิ้นสุดการสนับสนุน vSphere 7: Broadcom ปรับโมเดลราคาใหม่จนลูกค้าหนักใจ
    หลังจาก Broadcom เข้าซื้อ VMware ด้วยมูลค่า 61 พันล้านดอลลาร์ ก็มีการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ ทั้งการยกเลิกการขายแบบ perpetual license และเปลี่ยนเป็น subscription bundles ทำให้ต้นทุนของลูกค้าเพิ่มขึ้นหลายเท่า การสิ้นสุดการสนับสนุน vSphere 7 ในเดือนตุลาคม 2025 ยิ่งสร้างแรงกดดันให้ธุรกิจต้องหาทางเลือกใหม่ หลายองค์กรเริ่มมองหาผู้ให้บริการรายอื่นหรือใช้ third-party support เพื่อคงระบบเดิมไว้โดยไม่ต้องจ่ายค่าใช้จ่ายสูงตามโมเดลใหม่
    https://www.techradar.com/pro/vsphere-7-support-ends-the-challenges-of-broadcoms-new-licensing-and-pricing-models

    Linux OS มียอดดาวน์โหลดทะลุหนึ่งล้านครั้งหลัง Windows 10 หมดการสนับสนุน
    หลังจาก Microsoft ยุติการสนับสนุน Windows 10 ทำให้ผู้ใช้จำนวนมากหันไปหา Linux OS ทางเลือกใหม่ที่มีความปลอดภัยและเสถียร โดยมีรายงานว่ามียอดดาวน์โหลดทะลุหนึ่งล้านครั้งในเวลาไม่นาน ความนิยมนี้สะท้อนให้เห็นว่าผู้ใช้เริ่มมองหาทางเลือกที่ไม่ต้องพึ่งพา Windows และยังได้ฟีเจอร์ที่ทันสมัยพร้อมการอัปเดตต่อเนื่องจากชุมชนโอเพ่นซอร์ส
    https://www.techradar.com/computing/windows/this-linux-os-has-got-a-million-downloads-since-windows-10-support-ended-should-microsoft-start-worrying-now

    ChatGPT เปิดตัวฟีเจอร์ Agent ให้ผู้ใช้สั่งงานแล้วปล่อยให้ทำเอง
    ฟีเจอร์ใหม่ของ ChatGPT ที่ชื่อว่า Agent ช่วยให้ผู้ใช้สามารถตั้งภารกิจ เช่น ค้นหาข้อมูลหรือจัดการงาน แล้วปล่อยให้ระบบทำงานต่อเองโดยไม่ต้องติดตามตลอดเวลา ถือเป็นการยกระดับจากการสนทนาแบบโต้ตอบไปสู่การทำงานอัตโนมัติเต็มรูปแบบ ทำให้ผู้ใช้สามารถโฟกัสกับงานอื่นได้ในขณะที่ AI ทำงานเบื้องหลัง
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/chatgpts-agent-feature-lets-you-assign-tasks-and-walk-away-heres-how-it-works

    มหาวิทยาลัย Harvard เผยข้อมูลรั่วไหลกระทบศิษย์เก่าและผู้บริจาค
    Harvard University ประกาศว่ามีการโจมตีทางไซเบอร์ที่ทำให้ข้อมูลของศิษย์เก่าและผู้บริจาคถูกเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต เหตุการณ์นี้สร้างความกังวลอย่างมากต่อความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลและการเงินของผู้ที่เกี่ยวข้อง มหาวิทยาลัยกำลังดำเนินการตรวจสอบและเสริมมาตรการความปลอดภัยเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก
    https://www.techradar.com/pro/security/harvard-university-reveals-data-breach-hitting-alumni-and-donors

    Zero Trust มี 3 ระดับความเร็วในการปรับใช้
    แนวคิด Zero Trust ที่เน้นการตรวจสอบทุกการเข้าถึงระบบ ไม่ว่าจะมาจากภายในหรือภายนอกองค์กร ถูกแบ่งออกเป็น 3 ระดับความเร็วในการนำไปใช้ ได้แก่ ระดับเริ่มต้นที่เน้นการควบคุมพื้นฐาน ระดับกลางที่เริ่มใช้ระบบอัตโนมัติ และระดับสูงสุดที่ผสาน AI และการวิเคราะห์เชิงลึกเพื่อสร้างความปลอดภัยแบบครบวงจร องค์กรสามารถเลือกปรับใช้ตามความพร้อมและทรัพยากรที่มี
    https://www.techradar.com/pro/the-three-speeds-of-zero-trust

    iLamp พลังงานแสงอาทิตย์ เปลี่ยนเสาไฟให้กลายเป็นศูนย์กลาง AI
    นวัตกรรมใหม่ที่ชื่อว่า iLamp ใช้พลังงานแสงอาทิตย์และติดตั้งระบบ AI ภายในเสาไฟ ทำให้สามารถทำหน้าที่มากกว่าแค่ให้แสงสว่าง เช่น การตรวจสอบสภาพแวดล้อม การเชื่อมต่อกับระบบเมืองอัจฉริยะ และการวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ ถือเป็นการเปลี่ยนเสาไฟธรรมดาให้กลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของเมืองในอนาคต
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/solar-powered-ilamp-turns-the-humble-lamppost-into-an-ai-hub

    CEO Salesforce หันหลังให้ ChatGPT หันไปหา Gemini 3
    Marc Benioff ซีอีโอของ Salesforce สร้างความฮือฮาเมื่อประกาศเลิกใช้ ChatGPT หลังจากได้ลอง Google Gemini 3 เพียงสองชั่วโมง เขายกย่อง Gemini 3 ว่าเหนือกว่าในด้านความเร็ว การให้เหตุผล และความสามารถแบบมัลติโหมดที่รองรับทั้งข้อความ ภาพ เสียง และวิดีโอ การเปลี่ยนใจครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงการแข่งขันที่ดุเดือดในโลก AI และอาจส่งผลต่อทิศทางการใช้งาน AI ในองค์กรระดับโลก
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/the-leap-is-insane-salesforce-ceo-swaps-chatgpt-for-gemini-3-and-says-hes-not-going-back

    โน้ตบุ๊ก Geekom GeekBook X14 Pro เบาแต่แรง
    Geekom เปิดตัวโน้ตบุ๊กใหม่ GeekBook X14 Pro ที่มีน้ำหนักไม่ถึงหนึ่งกิโลกรัม แต่สเปกจัดเต็มด้วย Intel Core Ultra 9 และ Intel Arc GPU ที่รองรับการเร่งผลกราฟิกด้วย AI หน้าจอ OLED ขนาด 14 นิ้ว ความละเอียด 2.8K พร้อมรีเฟรชเรต 120Hz ทำให้ภาพคมชัดและสดใส แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานถึง 16 ชั่วโมง และรองรับชาร์จเร็ว จุดเด่นคือความเบาและพกพาสะดวก แต่ยังคงประสิทธิภาพสูงสำหรับงานหนักและงานสร้างสรรค์
    https://www.techradar.com/pro/geekoms-new-laptop-offers-a-bright-and-wide-screen-impressive-hardware-but-it-weighs-less-than-a-bag-of-sugar

    บั๊ก Windows 11 เล่นงานการ์ดจอ Nvidia RTX 5090
    การอัปเดต Windows 11 เดือนตุลาคมทำให้เกิดปัญหากับเกมเมอร์ โดยเฉพาะเกม Assassin’s Creed Shadows ที่เฟรมเรตตกลงถึง 50% แม้ใช้การ์ดจอระดับเทพ RTX 5090 Nvidia ต้องรีบออกแพตช์แก้ไขฉุกเฉิน แต่ยังไม่ชัดเจนว่าต้นเหตุจริง ๆ มาจาก Microsoft หรือ Nvidia เอง ปัญหานี้ทำให้ผู้ใช้หลายคนต้องหาทางแก้ชั่วคราว เช่น ปิดฟีเจอร์ Resizable Bar เพื่อให้เล่นเกมได้ลื่นขึ้น
    https://www.techradar.com/computing/gpu/possible-windows-11-bug-with-nvidia-gpus-tanks-assassins-creed-shadows-performance-bringing-even-an-rtx-5090-to-its-knees

    แฟนเทคโนโลยีย้อนยุคสร้างเครื่องอ่านเทปเจาะรู
    นักประดิษฐ์สายเรโทรได้สร้างเครื่องอ่านเทปเจาะรูขึ้นใหม่ โดยใช้ไมโครคอนโทรลเลอร์และเซ็นเซอร์แสงสมัยใหม่แทนกลไกเก่า ๆ เครื่องนี้สามารถอ่านข้อมูลจากเทปกระดาษได้ แม้ความเร็วจะอยู่ที่ประมาณ 50 ไบต์ต่อวินาที ซึ่งถือว่าช้ามากเมื่อเทียบกับมาตรฐานปัจจุบัน แต่ก็เป็นการรื้อฟื้นเทคโนโลยีเก่าที่เคยมีบทบาทสำคัญในยุคแรกของคอมพิวเตอร์ จุดประสงค์หลักคือการทดลองและอนุรักษ์ ไม่ใช่การใช้งานจริง
    https://www.techradar.com/pro/retro-computer-boffin-creates-a-freshly-created-perforated-tape-reader-just-dont-expect-high-data-reading-speeds

    DeepSeek-R1 ผู้ช่วย AI จากจีนเริ่มสะดุด DeepSeek-R1 ที่เคยถูกยกย่องว่าเป็นดาวรุ่งแห่งวงการ AI ตอนนี้กลับถูกวิจารณ์หนัก เพราะไม่สามารถจัดการกับหัวข้ออ่อนไหวได้ดี แถมยังสร้างโค้ดที่ผิดพลาดและมีช่องโหว่ด้านความปลอดภัย นักพัฒนาองค์กรที่เคยหวังพึ่งพากลับต้องระวังมากขึ้น เพราะความผิดพลาดเหล่านี้อาจนำไปสู่หายนะด้านความปลอดภัยในระบบใหญ่ ๆ ได้ เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่าการพัฒนา AI ไม่ใช่แค่เรื่องความฉลาด แต่ต้องมั่นคงและปลอดภัยด้วย https://www.techradar.com/pro/deepseek-took-off-as-an-ai-superstar-a-year-ago-but-could-it-also-be-a-major-security-risk-these-experts-think-so

    แฮกเกอร์ปลอมตัวเป็นนักข่าว TechCrunch
    มีการเปิดโปงว่าแฮกเกอร์จำนวนมากกำลังสวมรอยเป็นผู้สื่อข่าวจาก TechCrunch เพื่อหลอกบริษัทต่าง ๆ ให้เปิดเผยข้อมูลลับ ทั้งผ่านอีเมลและการโทรศัพท์ พวกเขาใช้ความน่าเชื่อถือของสื่อใหญ่เป็นเครื่องมือในการโจมตี ทำให้หลายองค์กรตกเป็นเหยื่อโดยไม่รู้ตัว เหตุการณ์นี้ตอกย้ำว่าการตรวจสอบแหล่งที่มาของการติดต่อเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในยุคที่ข้อมูลคือทรัพย์สินล้ำค่า
    https://www.techradar.com/pro/hackers-impersonate-techcrunch-reporters-to-steal-sensitive-information-but-you-can-always-trust-us

    แผน AI ระดับโลกของรัฐบาล Trump
    รัฐบาลสหรัฐภายใต้ Donald Trump ได้เปิดตัวแผนการครอบครองความเป็นผู้นำด้าน AI ระดับโลก โดยมีเป้าหมายผลักดันให้สหรัฐเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยี AI ที่เหนือกว่าประเทศอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลายคนตั้งคำถามว่าแผนนี้อาจมีช่องโหว่และความเสี่ยง ทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจ และความปลอดภัย เพราะการเร่งรีบเพื่อครองความเป็นใหญ่ อาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่คาดคิด
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/the-trump-administration-just-launched-its-own-plan-for-global-ai-dominance-and-what-could-go-wrong

    Meta เปิดโปรแกรมแลกเปลี่ยน Ray-Ban Smart Glasses
    Meta เปิดตัวโปรแกรมใหม่ที่ให้ผู้ใช้สามารถนำ AirPods มาแลกเป็นแว่นตาอัจฉริยะ Ray-Ban ได้ แต่มีเงื่อนไขบางอย่างที่ต้องระวัง เช่น รุ่นที่สามารถแลกได้ และข้อจำกัดในการใช้งาน แม้จะเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจสำหรับคนที่อยากลองเทคโนโลยีใหม่ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้สิทธิ์นี้ทันที
    ​​​​​​​ https://www.techradar.com/computing/virtual-reality-augmented-reality/metas-new-ray-ban-trade-in-program-lets-you-swap-your-airpods-for-smart-glasses-but-theres-a-catch
    📌📡🟢 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🟢📡📌 #รวมข่าวIT #20251126 #TechRadar 🖥️ Amazon ทุ่มงบ 50 พันล้านดอลลาร์เพื่อสร้างระบบ AI และ HPC สำหรับรัฐบาลสหรัฐฯ เรื่องนี้เป็นการลงทุนครั้งใหญ่ของ Amazon ที่ต้องการยกระดับศักยภาพด้านการประมวลผลให้กับหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ โดยจะเน้นไปที่งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ความมั่นคงไซเบอร์ พลังงาน และการแพทย์ การลงทุนนี้จะเพิ่มกำลังการประมวลผลกว่า 1.3 กิกะวัตต์ในระบบคลาวด์ของรัฐบาล ทำให้สามารถทำงานจำลองและวิเคราะห์ข้อมูลได้เร็วขึ้นมาก AWS CEO กล่าวว่านี่คือการเปิดทางให้หน่วยงานรัฐเข้าถึง AI ขั้นสูงเพื่อเร่งภารกิจสำคัญของประเทศ 🔗 https://www.techradar.com/pro/talk-about-an-upgrade-amazon-is-spending-usd50-billion-on-new-ai-and-hpc-hardware-for-the-us-government 📱 ข่าวลือราคา iPhone พับได้ อาจสูงถึง $2,399 ทำให้ iPad Mini 8 ดูคุ้มกว่า มีรายงานจาก Fubon Research ว่า iPhone รุ่นพับได้ที่คาดว่าจะเปิดตัวในปี 2026 อาจมีราคาสูงถึง $2,399 ซึ่งถือว่าแพงกว่าที่หลายคนคาดไว้ แม้จะมีข่าวดีว่าหน้าจออาจไร้รอยพับ แต่ราคาที่สูงขนาดนี้ทำให้หลายคนมองว่าซื้อ iPhone รุ่นปกติพร้อม iPad Mini 8 อาจจะคุ้มกว่า เพราะได้สองหน้าจอในราคาที่ใกล้เคียงกัน การเปิดตัวคาดว่าจะใช้ชื่อ “iPhone Fold” และอยู่ในขั้นตอนการทดสอบก่อนผลิตจริง 🔗 https://www.techradar.com/phones/iphone/if-the-latest-foldable-iphone-price-rumor-is-correct-the-ipad-mini-8-will-be-the-only-sensible-choice 🔒 ช่องโหว่ที่ซ่อนอยู่ในระบบ Cloud Security บทความนี้ชี้ให้เห็นว่าการใช้ระบบคลาวด์หลายเจ้า (multicloud) และการนำ AI หรือ container มาใช้งาน ทำให้เกิดช่องโหว่ด้านความปลอดภัยที่องค์กรอาจมองไม่เห็น โดยเฉพาะการเคลื่อนย้ายข้อมูลภายใน (east-west traffic) และการส่งข้อมูลออกไปภายนอก (egress traffic) ที่มักไม่มีการควบคุมอย่างเข้มงวด ผู้เชี่ยวชาญเสนอแนวคิดใหม่ “Cloud Native Security Fabric” ที่ฝังระบบรักษาความปลอดภัยเข้าไปในโครงสร้างเครือข่ายโดยตรง เพื่อให้สามารถปรับตัวได้ตามการเปลี่ยนแปลงของ workload แบบเรียลไทม์ 🔗 https://www.techradar.com/pro/the-hidden-gaps-in-your-cloud-security-fabric 🎨 Gemini 3 กับ Nano Banana Pro: AI ที่เปลี่ยนการแต่งภาพให้เหมือนงานศิลป์ Google เปิดตัวเครื่องมือแก้ไขภาพด้วย AI ที่ชื่อ Nano Banana Pro ซึ่งใช้พลังจาก Gemini 3 จุดเด่นคือสามารถปรับแสงเหมือนเปลี่ยนบรรยากาศจริง เช่น จากภาพธรรมดาให้กลายเป็นช่วง golden hour หรือเปลี่ยนฉากหลังโดยไม่ทำให้ตัวแบบดูหลุดออกจากภาพ นอกจากนี้ยังสามารถย้ายวัตถุหรือปรับโครงสร้างภาพได้อย่างสมจริง ทำให้การแก้ไขภาพซับซ้อนกลายเป็นเรื่องง่ายเพียงแค่บอกคำสั่งเหมือนเล่าให้คนเข้าใจ 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/gemini-3s-nano-banana-pro-photo-editing-is-amazing-here-are-3-ways-to-make-the-most-of-it 💸 สิ้นสุดการสนับสนุน vSphere 7: Broadcom ปรับโมเดลราคาใหม่จนลูกค้าหนักใจ หลังจาก Broadcom เข้าซื้อ VMware ด้วยมูลค่า 61 พันล้านดอลลาร์ ก็มีการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ ทั้งการยกเลิกการขายแบบ perpetual license และเปลี่ยนเป็น subscription bundles ทำให้ต้นทุนของลูกค้าเพิ่มขึ้นหลายเท่า การสิ้นสุดการสนับสนุน vSphere 7 ในเดือนตุลาคม 2025 ยิ่งสร้างแรงกดดันให้ธุรกิจต้องหาทางเลือกใหม่ หลายองค์กรเริ่มมองหาผู้ให้บริการรายอื่นหรือใช้ third-party support เพื่อคงระบบเดิมไว้โดยไม่ต้องจ่ายค่าใช้จ่ายสูงตามโมเดลใหม่ 🔗 https://www.techradar.com/pro/vsphere-7-support-ends-the-challenges-of-broadcoms-new-licensing-and-pricing-models 🐧 Linux OS มียอดดาวน์โหลดทะลุหนึ่งล้านครั้งหลัง Windows 10 หมดการสนับสนุน หลังจาก Microsoft ยุติการสนับสนุน Windows 10 ทำให้ผู้ใช้จำนวนมากหันไปหา Linux OS ทางเลือกใหม่ที่มีความปลอดภัยและเสถียร โดยมีรายงานว่ามียอดดาวน์โหลดทะลุหนึ่งล้านครั้งในเวลาไม่นาน ความนิยมนี้สะท้อนให้เห็นว่าผู้ใช้เริ่มมองหาทางเลือกที่ไม่ต้องพึ่งพา Windows และยังได้ฟีเจอร์ที่ทันสมัยพร้อมการอัปเดตต่อเนื่องจากชุมชนโอเพ่นซอร์ส 🔗 https://www.techradar.com/computing/windows/this-linux-os-has-got-a-million-downloads-since-windows-10-support-ended-should-microsoft-start-worrying-now 🤖 ChatGPT เปิดตัวฟีเจอร์ Agent ให้ผู้ใช้สั่งงานแล้วปล่อยให้ทำเอง ฟีเจอร์ใหม่ของ ChatGPT ที่ชื่อว่า Agent ช่วยให้ผู้ใช้สามารถตั้งภารกิจ เช่น ค้นหาข้อมูลหรือจัดการงาน แล้วปล่อยให้ระบบทำงานต่อเองโดยไม่ต้องติดตามตลอดเวลา ถือเป็นการยกระดับจากการสนทนาแบบโต้ตอบไปสู่การทำงานอัตโนมัติเต็มรูปแบบ ทำให้ผู้ใช้สามารถโฟกัสกับงานอื่นได้ในขณะที่ AI ทำงานเบื้องหลัง 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/chatgpts-agent-feature-lets-you-assign-tasks-and-walk-away-heres-how-it-works 🏫 มหาวิทยาลัย Harvard เผยข้อมูลรั่วไหลกระทบศิษย์เก่าและผู้บริจาค Harvard University ประกาศว่ามีการโจมตีทางไซเบอร์ที่ทำให้ข้อมูลของศิษย์เก่าและผู้บริจาคถูกเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต เหตุการณ์นี้สร้างความกังวลอย่างมากต่อความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลและการเงินของผู้ที่เกี่ยวข้อง มหาวิทยาลัยกำลังดำเนินการตรวจสอบและเสริมมาตรการความปลอดภัยเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/harvard-university-reveals-data-breach-hitting-alumni-and-donors 🛡️ Zero Trust มี 3 ระดับความเร็วในการปรับใช้ แนวคิด Zero Trust ที่เน้นการตรวจสอบทุกการเข้าถึงระบบ ไม่ว่าจะมาจากภายในหรือภายนอกองค์กร ถูกแบ่งออกเป็น 3 ระดับความเร็วในการนำไปใช้ ได้แก่ ระดับเริ่มต้นที่เน้นการควบคุมพื้นฐาน ระดับกลางที่เริ่มใช้ระบบอัตโนมัติ และระดับสูงสุดที่ผสาน AI และการวิเคราะห์เชิงลึกเพื่อสร้างความปลอดภัยแบบครบวงจร องค์กรสามารถเลือกปรับใช้ตามความพร้อมและทรัพยากรที่มี 🔗 https://www.techradar.com/pro/the-three-speeds-of-zero-trust 🌞 iLamp พลังงานแสงอาทิตย์ เปลี่ยนเสาไฟให้กลายเป็นศูนย์กลาง AI นวัตกรรมใหม่ที่ชื่อว่า iLamp ใช้พลังงานแสงอาทิตย์และติดตั้งระบบ AI ภายในเสาไฟ ทำให้สามารถทำหน้าที่มากกว่าแค่ให้แสงสว่าง เช่น การตรวจสอบสภาพแวดล้อม การเชื่อมต่อกับระบบเมืองอัจฉริยะ และการวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ ถือเป็นการเปลี่ยนเสาไฟธรรมดาให้กลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของเมืองในอนาคต 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/solar-powered-ilamp-turns-the-humble-lamppost-into-an-ai-hub 🤖 CEO Salesforce หันหลังให้ ChatGPT หันไปหา Gemini 3 Marc Benioff ซีอีโอของ Salesforce สร้างความฮือฮาเมื่อประกาศเลิกใช้ ChatGPT หลังจากได้ลอง Google Gemini 3 เพียงสองชั่วโมง เขายกย่อง Gemini 3 ว่าเหนือกว่าในด้านความเร็ว การให้เหตุผล และความสามารถแบบมัลติโหมดที่รองรับทั้งข้อความ ภาพ เสียง และวิดีโอ การเปลี่ยนใจครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงการแข่งขันที่ดุเดือดในโลก AI และอาจส่งผลต่อทิศทางการใช้งาน AI ในองค์กรระดับโลก 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/the-leap-is-insane-salesforce-ceo-swaps-chatgpt-for-gemini-3-and-says-hes-not-going-back 💻 โน้ตบุ๊ก Geekom GeekBook X14 Pro เบาแต่แรง Geekom เปิดตัวโน้ตบุ๊กใหม่ GeekBook X14 Pro ที่มีน้ำหนักไม่ถึงหนึ่งกิโลกรัม แต่สเปกจัดเต็มด้วย Intel Core Ultra 9 และ Intel Arc GPU ที่รองรับการเร่งผลกราฟิกด้วย AI หน้าจอ OLED ขนาด 14 นิ้ว ความละเอียด 2.8K พร้อมรีเฟรชเรต 120Hz ทำให้ภาพคมชัดและสดใส แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานถึง 16 ชั่วโมง และรองรับชาร์จเร็ว จุดเด่นคือความเบาและพกพาสะดวก แต่ยังคงประสิทธิภาพสูงสำหรับงานหนักและงานสร้างสรรค์ 🔗 https://www.techradar.com/pro/geekoms-new-laptop-offers-a-bright-and-wide-screen-impressive-hardware-but-it-weighs-less-than-a-bag-of-sugar 🎮 บั๊ก Windows 11 เล่นงานการ์ดจอ Nvidia RTX 5090 การอัปเดต Windows 11 เดือนตุลาคมทำให้เกิดปัญหากับเกมเมอร์ โดยเฉพาะเกม Assassin’s Creed Shadows ที่เฟรมเรตตกลงถึง 50% แม้ใช้การ์ดจอระดับเทพ RTX 5090 Nvidia ต้องรีบออกแพตช์แก้ไขฉุกเฉิน แต่ยังไม่ชัดเจนว่าต้นเหตุจริง ๆ มาจาก Microsoft หรือ Nvidia เอง ปัญหานี้ทำให้ผู้ใช้หลายคนต้องหาทางแก้ชั่วคราว เช่น ปิดฟีเจอร์ Resizable Bar เพื่อให้เล่นเกมได้ลื่นขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/computing/gpu/possible-windows-11-bug-with-nvidia-gpus-tanks-assassins-creed-shadows-performance-bringing-even-an-rtx-5090-to-its-knees 📼 แฟนเทคโนโลยีย้อนยุคสร้างเครื่องอ่านเทปเจาะรู นักประดิษฐ์สายเรโทรได้สร้างเครื่องอ่านเทปเจาะรูขึ้นใหม่ โดยใช้ไมโครคอนโทรลเลอร์และเซ็นเซอร์แสงสมัยใหม่แทนกลไกเก่า ๆ เครื่องนี้สามารถอ่านข้อมูลจากเทปกระดาษได้ แม้ความเร็วจะอยู่ที่ประมาณ 50 ไบต์ต่อวินาที ซึ่งถือว่าช้ามากเมื่อเทียบกับมาตรฐานปัจจุบัน แต่ก็เป็นการรื้อฟื้นเทคโนโลยีเก่าที่เคยมีบทบาทสำคัญในยุคแรกของคอมพิวเตอร์ จุดประสงค์หลักคือการทดลองและอนุรักษ์ ไม่ใช่การใช้งานจริง 🔗 https://www.techradar.com/pro/retro-computer-boffin-creates-a-freshly-created-perforated-tape-reader-just-dont-expect-high-data-reading-speeds 🧠 DeepSeek-R1 ผู้ช่วย AI จากจีนเริ่มสะดุด DeepSeek-R1 ที่เคยถูกยกย่องว่าเป็นดาวรุ่งแห่งวงการ AI ตอนนี้กลับถูกวิจารณ์หนัก เพราะไม่สามารถจัดการกับหัวข้ออ่อนไหวได้ดี แถมยังสร้างโค้ดที่ผิดพลาดและมีช่องโหว่ด้านความปลอดภัย นักพัฒนาองค์กรที่เคยหวังพึ่งพากลับต้องระวังมากขึ้น เพราะความผิดพลาดเหล่านี้อาจนำไปสู่หายนะด้านความปลอดภัยในระบบใหญ่ ๆ ได้ เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่าการพัฒนา AI ไม่ใช่แค่เรื่องความฉลาด แต่ต้องมั่นคงและปลอดภัยด้วย 🔗 https://www.techradar.com/pro/deepseek-took-off-as-an-ai-superstar-a-year-ago-but-could-it-also-be-a-major-security-risk-these-experts-think-so 🕵️‍♂️ แฮกเกอร์ปลอมตัวเป็นนักข่าว TechCrunch มีการเปิดโปงว่าแฮกเกอร์จำนวนมากกำลังสวมรอยเป็นผู้สื่อข่าวจาก TechCrunch เพื่อหลอกบริษัทต่าง ๆ ให้เปิดเผยข้อมูลลับ ทั้งผ่านอีเมลและการโทรศัพท์ พวกเขาใช้ความน่าเชื่อถือของสื่อใหญ่เป็นเครื่องมือในการโจมตี ทำให้หลายองค์กรตกเป็นเหยื่อโดยไม่รู้ตัว เหตุการณ์นี้ตอกย้ำว่าการตรวจสอบแหล่งที่มาของการติดต่อเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในยุคที่ข้อมูลคือทรัพย์สินล้ำค่า 🔗 https://www.techradar.com/pro/hackers-impersonate-techcrunch-reporters-to-steal-sensitive-information-but-you-can-always-trust-us 🌍 แผน AI ระดับโลกของรัฐบาล Trump รัฐบาลสหรัฐภายใต้ Donald Trump ได้เปิดตัวแผนการครอบครองความเป็นผู้นำด้าน AI ระดับโลก โดยมีเป้าหมายผลักดันให้สหรัฐเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยี AI ที่เหนือกว่าประเทศอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลายคนตั้งคำถามว่าแผนนี้อาจมีช่องโหว่และความเสี่ยง ทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจ และความปลอดภัย เพราะการเร่งรีบเพื่อครองความเป็นใหญ่ อาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่คาดคิด 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/the-trump-administration-just-launched-its-own-plan-for-global-ai-dominance-and-what-could-go-wrong 👓 Meta เปิดโปรแกรมแลกเปลี่ยน Ray-Ban Smart Glasses Meta เปิดตัวโปรแกรมใหม่ที่ให้ผู้ใช้สามารถนำ AirPods มาแลกเป็นแว่นตาอัจฉริยะ Ray-Ban ได้ แต่มีเงื่อนไขบางอย่างที่ต้องระวัง เช่น รุ่นที่สามารถแลกได้ และข้อจำกัดในการใช้งาน แม้จะเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจสำหรับคนที่อยากลองเทคโนโลยีใหม่ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้สิทธิ์นี้ทันที ​​​​​​​🔗 https://www.techradar.com/computing/virtual-reality-augmented-reality/metas-new-ray-ban-trade-in-program-lets-you-swap-your-airpods-for-smart-glasses-but-theres-a-catch
    0 Comments 0 Shares 878 Views 0 Reviews
  • รวมข่าวจากเวบ TechRadar
    #รวมข่าวIT #20251124 #TechRadar

    รีวิวเครื่องดูดฝุ่นไร้สายสำหรับพื้นแข็ง
    ใครที่บ้านมีพื้นแข็งเยอะ เช่นไม้หรือกระเบื้อง จะรู้ว่าการเลือกเครื่องดูดฝุ่นไม่ง่ายอย่างที่คิด ล่าสุดมีการทดสอบเครื่องดูดฝุ่นไร้สาย 8 รุ่น ผลปรากฏว่า Shark PowerDetect Cordless ทำคะแนนสูงสุด ทั้งดูดฝุ่นละเอียดและเศษใหญ่ได้ดี จุดเด่นคือสามารถดูดได้ทั้งขณะดันไปข้างหน้าและดึงกลับ ทำให้ไม่เหลือเศษสะสมด้านหลังหัวดูด นอกจากนี้ยังมีระบบปรับแรงดูดอัตโนมัติและฟีเจอร์ตรวจจับขอบห้อง รุ่นอื่นที่น่าสนใจคือ Dyson Gen5detect และ Dreame R20 แต่ Shark ถือว่าครองแชมป์เรื่องประสิทธิภาพ
    https://www.techradar.com/home/vacuums/i-tested-a-load-of-cordless-vacuums-to-find-the-best-option-for-hard-floor-heres-the-vac-that-came-out-on-top

    ทำไม ICQ ถึงล้มเหลว
    ย้อนกลับไปยุค 90s ICQ คือหนึ่งในโปรแกรมแชทที่บุกเบิกวงการ มีผู้ใช้ทะลุ 100 ล้านราย และถูก AOL ซื้อไปในปี 1998 แต่เมื่อคู่แข่งใหม่ ๆ อย่าง MSN, Yahoo Messenger และต่อมาคือ WhatsApp, Telegram เข้ามา ICQ ก็เริ่มเสื่อมความนิยม แม้จะพยายามปรับตัวเข้าสู่ยุคมือถือ แต่ก็ไม่สามารถกลับมาครองตลาดได้ สุดท้ายในปี 2024 ICQ ประกาศปิดตัวลงอย่างเป็นทางการ ถือเป็นการปิดฉากตำนานโปรแกรมแชทที่ครั้งหนึ่งเคยครองโลกออนไลน์
    https://www.techradar.com/pro/this-pioneering-instant-messaging-platform-tried-to-keep-up-with-the-times-it-failed

    ดราม่าเรื่องช่องโหว่ Comet Browser
    บริษัท SquareX ออกมาแฉว่า Comet Browser ของ Perplexity มี API ซ่อนที่อาจถูกใช้สั่งรันคำสั่งบนเครื่องผู้ใช้ได้ ซึ่งถือว่าอันตรายมาก แต่ทาง Perplexity รีบออกมาปฏิเสธทันที บอกว่าข้อมูลนี้ “ไม่จริง” เพราะต้องเปิดโหมดนักพัฒนาและผู้ใช้ต้องยินยอมเองถึงจะทำได้ อย่างไรก็ตาม SquareX ยืนยันว่ามีการทดสอบซ้ำจากนักวิจัยภายนอกและพบว่าช่องโหว่นี้มีจริง ก่อนที่ Comet จะอัปเดตแก้ไขแบบเงียบ ๆ เรื่องนี้สะท้อนว่าการแข่งขันด้านเบราว์เซอร์ AI กำลังร้อนแรง และความปลอดภัยยังเป็นประเด็นใหญ่ที่ต้องจับตา
    https://www.techradar.com/pro/security/perplexity-responds-to-comet-browser-vulnerability-claims-argues-fake-news

    AI พลิกโฉมการจัดการค่าใช้จ่ายธุรกิจ
    การเบิกค่าใช้จ่ายและการเดินทางของพนักงานเคยเป็นเรื่องยุ่งยาก แต่ตอนนี้ AI กำลังเข้ามาเปลี่ยนเกม ระบบใหม่ช่วยให้พนักงานสามารถส่งค่าใช้จ่ายได้ทันที เช่นถ่ายใบเสร็จแล้วระบบบันทึกอัตโนมัติ ลดงานเอกสารและความผิดพลาด ฝั่งฝ่ายการเงินก็ได้ข้อมูลแบบเรียลไทม์ สามารถตรวจสอบความเสี่ยงและควบคุมงบประมาณได้ดีกว่าเดิม จุดสำคัญคือ AI ไม่ได้แค่ทำงานอัตโนมัติ แต่ยังเรียนรู้พฤติกรรมและช่วยคาดการณ์ค่าใช้จ่ายล่วงหน้า ทำให้การจัดการค่าใช้จ่ายกลายเป็นเครื่องมือเชิงกลยุทธ์ ไม่ใช่แค่ภาระงานอีกต่อไป
    https://www.techradar.com/pro/how-ai-is-turning-travel-and-expense-into-a-strategic-advantage

    ยุโรปเสี่ยงเสียความได้เปรียบด้าน AI
    บทความนี้พูดถึงความท้าทายของยุโรปในการรักษาความได้เปรียบด้าน AI หากไม่มีโครงสร้างพื้นฐานที่ปลอดภัยและเป็นส่วนตัว ปัจจุบันสหรัฐฯ และจีนกำลังลงทุนมหาศาลในระบบคลาวด์และศูนย์ข้อมูล ทำให้ยุโรปอาจเสียตำแหน่งผู้นำหากไม่เร่งพัฒนา การสร้างระบบที่ปลอดภัยและเป็นส่วนตัวจึงเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจและรัฐบาลมั่นใจในการใช้ AI อย่างเต็มที่
    https://www.techradar.com/pro/europes-ai-advantage-at-risk-without-secure-and-private-infrastructure

    Quantum Computer กำลังจะมาเร็วเกินคาด
    มีการเตือนจาก CEO ของ Palo Alto Networks ว่า ภายในปี 2029 หรืออาจเร็วกว่านั้น รัฐที่ไม่เป็นมิตรอาจมี "Quantum Computer" ที่ทรงพลังพอจะทำลายระบบเข้ารหัสที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ได้ ซึ่งหมายความว่า firewall และอุปกรณ์ความปลอดภัยที่พึ่งพาการเข้ารหัสอาจต้องถูกเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด บริษัทจึงเตรียมออกผลิตภัณฑ์ "Quantum-safe" เพื่อรับมือ และยังชี้ว่าการผสมผสาน AI ใน browser ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการโจมตี ทำให้อนาคตของการป้องกันภัยไซเบอร์ต้องเข้มข้นกว่าเดิม
    https://www.techradar.com/pro/security/security-firm-ceo-thinks-nation-states-will-have-weaponized-quantum-computers-within-the-next-five-years

    Nvidia ปฏิเสธกระแส "AI Bubble"
    Jensen Huang CEO ของ Nvidia ออกมายืนยันว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับ AI ไม่ใช่ฟองสบู่ แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างพื้นฐานการคอมพิวเตอร์อย่างแท้จริง เขาอธิบายว่า GPU กำลังเข้ามาแทนที่ CPU ในงานที่ต้องใช้พลังประมวลผลสูง และยังพูดถึงการเกิดขึ้นของ "Agentic AI" ที่สามารถคิดและทำงานเองได้โดยแทบไม่ต้องมีมนุษย์สั่ง เขามองว่านี่คือการลงทุนระยะยาว ไม่ใช่การเก็งกำไรชั่วคราว
    https://www.techradar.com/pro/we-see-something-very-different-nvidia-ceo-jensen-huang-dismisses-ai-bubble-talk-and-i-guess-he-should-know

    ไฟรถยนต์ยุคใหม่: Pixel, Matrix, OLED
    เทคโนโลยีไฟรถยนต์พัฒนาไปไกลมาก โดยเฉพาะใน EV ที่ต้องการประหยัดพลังงาน ตอนนี้มีทั้ง pixel grille ที่สามารถแสดงข้อความหรือ emoji, matrix headlights ที่ปรับแสงอัตโนมัติไม่ให้แยงตาคนอื่น และ OLED taillights ที่บางและออกแบบได้อิสระมากขึ้น บางรุ่นถึงขั้นใช้ไฟหน้าเป็น "โปรเจคเตอร์" ฉายภาพนำทางหรือแม้แต่หนังกลางแปลงได้เลย!
    https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/pixel-arrays-matrix-headlights-oled-taillights-new-lighting-tech-is-bedazzling-evs

    ChatGPT ฟรีสำหรับครู
    OpenAI เปิดตัว ChatGPT เวอร์ชันพิเศษสำหรับครู K–12 ในสหรัฐ ใช้งาน GPT-5.1 ได้ไม่จำกัด พร้อมฟีเจอร์อัปโหลดไฟล์, สร้างภาพ, เชื่อมต่อกับ Google Drive และ Microsoft 365 ทั้งหมดนี้ฟรีจนถึงปี 2027 ระบบยังถูกออกแบบให้สอดคล้องกับกฎหมาย FERPA เพื่อปกป้องข้อมูลนักเรียน และช่วยครูวางแผนการสอน ทำงานร่วมกัน และสร้างบทเรียนได้ง่ายขึ้น
    https://www.techradar.com/pro/free-chatgpt-is-coming-for-teachers-openai-looks-to-spread-influence-of-its-chatbot-into-schools

    แอป Elfster ช่วยจัด Secret Santa
    ผู้เขียนเล่าว่าการแลกของขวัญในครอบครัวเคยยุ่งยาก แต่พอใช้แอป Elfster ทุกอย่างง่ายขึ้นมาก แอปนี้ช่วยสุ่มจับชื่อ, ตั้งกติกา เช่นไม่ให้คู่รักจับกันเอง, สร้าง wish list และแชร์กับเพื่อนหรือครอบครัวได้ นอกจากนี้ยังมีไกด์ของขวัญตามเทรนด์ เช่น "TikTok Finds" หรือ "Gifts Under $10" ทำให้การเลือกของขวัญสนุกและไม่เครียดอีกต่อไป
    https://www.techradar.com/computing/websites-apps/elfster

    DJI เตรียมเปิดตัวโดรน 360 องศา
    มีข่าวลือว่า DJI กำลังจะเปิดตัวโดรนรุ่นใหม่ที่สามารถถ่ายภาพและวิดีโอแบบ 360 องศาได้ หลังจากมีภาพหลุดออกมาอีกครั้ง ทำให้คาดการณ์ว่าอาจมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการเร็ว ๆ นี้ ซึ่งจะเป็นการยกระดับการถ่ายทำทั้งงานภาพยนตร์และคอนเทนต์โซเชียล
    https://www.techradar.com/cameras/drones/djis-first-360-degree-drone-leaks-again-and-an-official-launch-could-be-very-soon

    Galaxy S26 Ultra อาจได้แบตใหญ่ขึ้น
    มีข่าวลือเกี่ยวกับ Samsung Galaxy S26 Ultra ว่าจะมาพร้อมการอัปเกรดแบตเตอรี่ให้มีความจุสูงขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ใช้งานได้ยาวนานกว่าเดิม ถือเป็นการปรับปรุงที่สำคัญสำหรับสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นนี้ที่ผู้ใช้คาดหวังเรื่องความทนทานและประสิทธิภาพ ,
    https://www.techradar.com/phones/samsung-galaxy-phones/a-new-samsung-galaxy-s26-ultra-rumor-hints-at-a-battery-upgrade-for-the-premium-flagship-phone

    รัสเซียตั้งทีมชาติ AI
    รัสเซียประกาศตั้ง "National AI Taskforce" เพื่อสร้างความเป็นอิสระทางเทคโนโลยี โดยตั้งเป้าหมายให้มี AI และโดรนที่พัฒนาเองภายในประเทศภายในปี 2030 นี่ถือเป็นการเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์เพื่อแข่งขันกับมหาอำนาจด้านเทคโนโลยีอื่น ๆ และลดการพึ่งพาต่างชาติ
    https://www.techradar.com/pro/did-the-ai-war-just-get-one-step-closer-putin-confirms-russia-is-planning-its-own-national-ai-taskforce

    ศึก Router: TP-Link vs Netgear
    TP-Link ฟ้อง Netgear โดยกล่าวหาว่ามีการให้ข้อมูลที่ทำให้ TP-Link ดูเหมือนเป็นภัยต่อความมั่นคงของสหรัฐ และมีการโยงไปถึงการโจมตีไซเบอร์ที่สนับสนุนโดยรัฐ ซึ่ง TP-Link มองว่าเป็นการทำลายชื่อเสียงและสร้างความเข้าใจผิดในตลาด
    https://www.techradar.com/pro/the-router-wars-are-kicking-off-tp-link-says-smear-campaign-by-netgear-made-it-seem-to-be-a-us-national-security-risk

    AI ต้องบาลานซ์: นวัตกรรม vs ความเสี่ยง
    บทความนี้พูดถึงการสร้างสมดุลระหว่างการลงทุนใน AI กับต้นทุน ความเสี่ยง และผลตอบแทน (ROI) โดยชี้ว่าบริษัทต่าง ๆ ต้องหาวิธีใช้ AI อย่างชาญฉลาด ไม่ใช่แค่เพื่อความล้ำสมัย แต่ต้องคำนึงถึงความคุ้มค่าและความปลอดภัยด้วย
    ​​​​​​​ https://www.techradar.com/pro/harmonizing-ai-innovation-with-cost-risk-and-roi
    📌📡🟡 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🟡📡📌 #รวมข่าวIT #20251124 #TechRadar 🧹 รีวิวเครื่องดูดฝุ่นไร้สายสำหรับพื้นแข็ง ใครที่บ้านมีพื้นแข็งเยอะ เช่นไม้หรือกระเบื้อง จะรู้ว่าการเลือกเครื่องดูดฝุ่นไม่ง่ายอย่างที่คิด ล่าสุดมีการทดสอบเครื่องดูดฝุ่นไร้สาย 8 รุ่น ผลปรากฏว่า Shark PowerDetect Cordless ทำคะแนนสูงสุด ทั้งดูดฝุ่นละเอียดและเศษใหญ่ได้ดี จุดเด่นคือสามารถดูดได้ทั้งขณะดันไปข้างหน้าและดึงกลับ ทำให้ไม่เหลือเศษสะสมด้านหลังหัวดูด นอกจากนี้ยังมีระบบปรับแรงดูดอัตโนมัติและฟีเจอร์ตรวจจับขอบห้อง รุ่นอื่นที่น่าสนใจคือ Dyson Gen5detect และ Dreame R20 แต่ Shark ถือว่าครองแชมป์เรื่องประสิทธิภาพ 🔗 https://www.techradar.com/home/vacuums/i-tested-a-load-of-cordless-vacuums-to-find-the-best-option-for-hard-floor-heres-the-vac-that-came-out-on-top 💬 ทำไม ICQ ถึงล้มเหลว ย้อนกลับไปยุค 90s ICQ คือหนึ่งในโปรแกรมแชทที่บุกเบิกวงการ มีผู้ใช้ทะลุ 100 ล้านราย และถูก AOL ซื้อไปในปี 1998 แต่เมื่อคู่แข่งใหม่ ๆ อย่าง MSN, Yahoo Messenger และต่อมาคือ WhatsApp, Telegram เข้ามา ICQ ก็เริ่มเสื่อมความนิยม แม้จะพยายามปรับตัวเข้าสู่ยุคมือถือ แต่ก็ไม่สามารถกลับมาครองตลาดได้ สุดท้ายในปี 2024 ICQ ประกาศปิดตัวลงอย่างเป็นทางการ ถือเป็นการปิดฉากตำนานโปรแกรมแชทที่ครั้งหนึ่งเคยครองโลกออนไลน์ 🔗 https://www.techradar.com/pro/this-pioneering-instant-messaging-platform-tried-to-keep-up-with-the-times-it-failed 🔒 ดราม่าเรื่องช่องโหว่ Comet Browser บริษัท SquareX ออกมาแฉว่า Comet Browser ของ Perplexity มี API ซ่อนที่อาจถูกใช้สั่งรันคำสั่งบนเครื่องผู้ใช้ได้ ซึ่งถือว่าอันตรายมาก แต่ทาง Perplexity รีบออกมาปฏิเสธทันที บอกว่าข้อมูลนี้ “ไม่จริง” เพราะต้องเปิดโหมดนักพัฒนาและผู้ใช้ต้องยินยอมเองถึงจะทำได้ อย่างไรก็ตาม SquareX ยืนยันว่ามีการทดสอบซ้ำจากนักวิจัยภายนอกและพบว่าช่องโหว่นี้มีจริง ก่อนที่ Comet จะอัปเดตแก้ไขแบบเงียบ ๆ เรื่องนี้สะท้อนว่าการแข่งขันด้านเบราว์เซอร์ AI กำลังร้อนแรง และความปลอดภัยยังเป็นประเด็นใหญ่ที่ต้องจับตา 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/perplexity-responds-to-comet-browser-vulnerability-claims-argues-fake-news 🧳 AI พลิกโฉมการจัดการค่าใช้จ่ายธุรกิจ การเบิกค่าใช้จ่ายและการเดินทางของพนักงานเคยเป็นเรื่องยุ่งยาก แต่ตอนนี้ AI กำลังเข้ามาเปลี่ยนเกม ระบบใหม่ช่วยให้พนักงานสามารถส่งค่าใช้จ่ายได้ทันที เช่นถ่ายใบเสร็จแล้วระบบบันทึกอัตโนมัติ ลดงานเอกสารและความผิดพลาด ฝั่งฝ่ายการเงินก็ได้ข้อมูลแบบเรียลไทม์ สามารถตรวจสอบความเสี่ยงและควบคุมงบประมาณได้ดีกว่าเดิม จุดสำคัญคือ AI ไม่ได้แค่ทำงานอัตโนมัติ แต่ยังเรียนรู้พฤติกรรมและช่วยคาดการณ์ค่าใช้จ่ายล่วงหน้า ทำให้การจัดการค่าใช้จ่ายกลายเป็นเครื่องมือเชิงกลยุทธ์ ไม่ใช่แค่ภาระงานอีกต่อไป 🔗 https://www.techradar.com/pro/how-ai-is-turning-travel-and-expense-into-a-strategic-advantage 🌐 ยุโรปเสี่ยงเสียความได้เปรียบด้าน AI บทความนี้พูดถึงความท้าทายของยุโรปในการรักษาความได้เปรียบด้าน AI หากไม่มีโครงสร้างพื้นฐานที่ปลอดภัยและเป็นส่วนตัว ปัจจุบันสหรัฐฯ และจีนกำลังลงทุนมหาศาลในระบบคลาวด์และศูนย์ข้อมูล ทำให้ยุโรปอาจเสียตำแหน่งผู้นำหากไม่เร่งพัฒนา การสร้างระบบที่ปลอดภัยและเป็นส่วนตัวจึงเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจและรัฐบาลมั่นใจในการใช้ AI อย่างเต็มที่ 🔗 https://www.techradar.com/pro/europes-ai-advantage-at-risk-without-secure-and-private-infrastructure 🧮 Quantum Computer กำลังจะมาเร็วเกินคาด มีการเตือนจาก CEO ของ Palo Alto Networks ว่า ภายในปี 2029 หรืออาจเร็วกว่านั้น รัฐที่ไม่เป็นมิตรอาจมี "Quantum Computer" ที่ทรงพลังพอจะทำลายระบบเข้ารหัสที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ได้ ซึ่งหมายความว่า firewall และอุปกรณ์ความปลอดภัยที่พึ่งพาการเข้ารหัสอาจต้องถูกเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด บริษัทจึงเตรียมออกผลิตภัณฑ์ "Quantum-safe" เพื่อรับมือ และยังชี้ว่าการผสมผสาน AI ใน browser ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการโจมตี ทำให้อนาคตของการป้องกันภัยไซเบอร์ต้องเข้มข้นกว่าเดิม 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/security-firm-ceo-thinks-nation-states-will-have-weaponized-quantum-computers-within-the-next-five-years 💻 Nvidia ปฏิเสธกระแส "AI Bubble" Jensen Huang CEO ของ Nvidia ออกมายืนยันว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับ AI ไม่ใช่ฟองสบู่ แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างพื้นฐานการคอมพิวเตอร์อย่างแท้จริง เขาอธิบายว่า GPU กำลังเข้ามาแทนที่ CPU ในงานที่ต้องใช้พลังประมวลผลสูง และยังพูดถึงการเกิดขึ้นของ "Agentic AI" ที่สามารถคิดและทำงานเองได้โดยแทบไม่ต้องมีมนุษย์สั่ง เขามองว่านี่คือการลงทุนระยะยาว ไม่ใช่การเก็งกำไรชั่วคราว 🔗 https://www.techradar.com/pro/we-see-something-very-different-nvidia-ceo-jensen-huang-dismisses-ai-bubble-talk-and-i-guess-he-should-know 🚗 ไฟรถยนต์ยุคใหม่: Pixel, Matrix, OLED เทคโนโลยีไฟรถยนต์พัฒนาไปไกลมาก โดยเฉพาะใน EV ที่ต้องการประหยัดพลังงาน ตอนนี้มีทั้ง pixel grille ที่สามารถแสดงข้อความหรือ emoji, matrix headlights ที่ปรับแสงอัตโนมัติไม่ให้แยงตาคนอื่น และ OLED taillights ที่บางและออกแบบได้อิสระมากขึ้น บางรุ่นถึงขั้นใช้ไฟหน้าเป็น "โปรเจคเตอร์" ฉายภาพนำทางหรือแม้แต่หนังกลางแปลงได้เลย! 🔗 https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/pixel-arrays-matrix-headlights-oled-taillights-new-lighting-tech-is-bedazzling-evs 🎓 ChatGPT ฟรีสำหรับครู OpenAI เปิดตัว ChatGPT เวอร์ชันพิเศษสำหรับครู K–12 ในสหรัฐ ใช้งาน GPT-5.1 ได้ไม่จำกัด พร้อมฟีเจอร์อัปโหลดไฟล์, สร้างภาพ, เชื่อมต่อกับ Google Drive และ Microsoft 365 ทั้งหมดนี้ฟรีจนถึงปี 2027 ระบบยังถูกออกแบบให้สอดคล้องกับกฎหมาย FERPA เพื่อปกป้องข้อมูลนักเรียน และช่วยครูวางแผนการสอน ทำงานร่วมกัน และสร้างบทเรียนได้ง่ายขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/pro/free-chatgpt-is-coming-for-teachers-openai-looks-to-spread-influence-of-its-chatbot-into-schools 🎁 แอป Elfster ช่วยจัด Secret Santa ผู้เขียนเล่าว่าการแลกของขวัญในครอบครัวเคยยุ่งยาก แต่พอใช้แอป Elfster ทุกอย่างง่ายขึ้นมาก แอปนี้ช่วยสุ่มจับชื่อ, ตั้งกติกา เช่นไม่ให้คู่รักจับกันเอง, สร้าง wish list และแชร์กับเพื่อนหรือครอบครัวได้ นอกจากนี้ยังมีไกด์ของขวัญตามเทรนด์ เช่น "TikTok Finds" หรือ "Gifts Under $10" ทำให้การเลือกของขวัญสนุกและไม่เครียดอีกต่อไป 🔗 https://www.techradar.com/computing/websites-apps/elfster 🚁 DJI เตรียมเปิดตัวโดรน 360 องศา มีข่าวลือว่า DJI กำลังจะเปิดตัวโดรนรุ่นใหม่ที่สามารถถ่ายภาพและวิดีโอแบบ 360 องศาได้ หลังจากมีภาพหลุดออกมาอีกครั้ง ทำให้คาดการณ์ว่าอาจมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการเร็ว ๆ นี้ ซึ่งจะเป็นการยกระดับการถ่ายทำทั้งงานภาพยนตร์และคอนเทนต์โซเชียล 🔗 https://www.techradar.com/cameras/drones/djis-first-360-degree-drone-leaks-again-and-an-official-launch-could-be-very-soon 📱 Galaxy S26 Ultra อาจได้แบตใหญ่ขึ้น มีข่าวลือเกี่ยวกับ Samsung Galaxy S26 Ultra ว่าจะมาพร้อมการอัปเกรดแบตเตอรี่ให้มีความจุสูงขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ใช้งานได้ยาวนานกว่าเดิม ถือเป็นการปรับปรุงที่สำคัญสำหรับสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นนี้ที่ผู้ใช้คาดหวังเรื่องความทนทานและประสิทธิภาพ , 🔗 https://www.techradar.com/phones/samsung-galaxy-phones/a-new-samsung-galaxy-s26-ultra-rumor-hints-at-a-battery-upgrade-for-the-premium-flagship-phone 🤖 รัสเซียตั้งทีมชาติ AI รัสเซียประกาศตั้ง "National AI Taskforce" เพื่อสร้างความเป็นอิสระทางเทคโนโลยี โดยตั้งเป้าหมายให้มี AI และโดรนที่พัฒนาเองภายในประเทศภายในปี 2030 นี่ถือเป็นการเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์เพื่อแข่งขันกับมหาอำนาจด้านเทคโนโลยีอื่น ๆ และลดการพึ่งพาต่างชาติ 🔗 https://www.techradar.com/pro/did-the-ai-war-just-get-one-step-closer-putin-confirms-russia-is-planning-its-own-national-ai-taskforce 📡 ศึก Router: TP-Link vs Netgear TP-Link ฟ้อง Netgear โดยกล่าวหาว่ามีการให้ข้อมูลที่ทำให้ TP-Link ดูเหมือนเป็นภัยต่อความมั่นคงของสหรัฐ และมีการโยงไปถึงการโจมตีไซเบอร์ที่สนับสนุนโดยรัฐ ซึ่ง TP-Link มองว่าเป็นการทำลายชื่อเสียงและสร้างความเข้าใจผิดในตลาด 🔗 https://www.techradar.com/pro/the-router-wars-are-kicking-off-tp-link-says-smear-campaign-by-netgear-made-it-seem-to-be-a-us-national-security-risk 📊 AI ต้องบาลานซ์: นวัตกรรม vs ความเสี่ยง บทความนี้พูดถึงการสร้างสมดุลระหว่างการลงทุนใน AI กับต้นทุน ความเสี่ยง และผลตอบแทน (ROI) โดยชี้ว่าบริษัทต่าง ๆ ต้องหาวิธีใช้ AI อย่างชาญฉลาด ไม่ใช่แค่เพื่อความล้ำสมัย แต่ต้องคำนึงถึงความคุ้มค่าและความปลอดภัยด้วย ​​​​​​​🔗 https://www.techradar.com/pro/harmonizing-ai-innovation-with-cost-risk-and-roi
    0 Comments 0 Shares 871 Views 0 Reviews
  • บริษัท Tuxedo Computers ผู้ผลิตโน้ตบุ๊ก Linux ประกาศยุติโครงการพัฒนาเครื่องที่ใช้ชิป Qualcomm Snapdragon X1 Elite

    Tuxedo Computers ระบุว่าการพัฒนา Linux บน Snapdragon X1E ใช้เวลานานเกินไป และพบปัญหาหลักหลายด้าน เช่น
    การจัดการพลังงานและอายุแบตเตอรี่ไม่สามารถเทียบกับ Windows ได้
    การอัปเดต BIOS บน Linux ทำได้ยาก
    การควบคุมพัดลม, การรองรับ KVM virtualization และการโอนถ่ายข้อมูล USB4 ความเร็วสูงยังไม่สมบูรณ์
    การถอดรหัสวิดีโอแม้จะรองรับในเชิงเทคนิค แต่ไม่สามารถใช้งานได้กับหลายแอปพลิเคชัน

    ผลกระทบต่อผู้ใช้ Linux
    ปัญหาเหล่านี้ทำให้เครื่องแทบจะใช้งานจริงไม่ได้ และหากแก้ไขได้ก็จะใช้เวลาหลายเดือน ซึ่งเมื่อถึงตอนนั้น Snapdragon X2 Elite จะเข้าสู่ตลาดแล้ว ทำให้ X1E กลายเป็นรุ่นตกยุคทันที

    ความหวังกับ Snapdragon X2 Elite
    แม้จะยุติโครงการ X1E แต่ Tuxedo Computers ยืนยันว่าจะยังติดตามการพัฒนา Snapdragon X2 Elite และอาจกลับมาพัฒนาโน้ตบุ๊ก Linux อีกครั้ง หากสามารถนำงานที่ทำไว้กับ X1E มาปรับใช้ได้ และหากชิปใหม่ตอบโจทย์การทำงานกับระบบเปิดมากกว่า

    ความหมายต่อวงการ Linux
    เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่า แม้ ARM-based laptops จะมีศักยภาพสูงใน Windows แต่การนำมาใช้กับ Linux ยังมีอุปสรรคด้านไดรเวอร์และการสนับสนุนจากผู้ผลิตชิป ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อการยอมรับในตลาด

    สรุปเป็นหัวข้อ
    การยุติโครงการ
    Tuxedo Computers หยุดพัฒนาโน้ตบุ๊ก Snapdragon X1E
    ใช้เวลาพัฒนากว่า 18 เดือนแต่ยังไม่สมบูรณ์

    ปัญหาที่พบ
    อายุแบตเตอรี่ด้อยกว่า Windows
    BIOS update, fan control, virtualization, USB4 ยังไม่รองรับเต็มที่
    การถอดรหัสวิดีโอไม่ทำงานกับหลายแอป

    ผลกระทบ
    เครื่องแทบใช้งานจริงไม่ได้
    จะล้าสมัยทันทีเมื่อ Snapdragon X2 Elite เปิดตัว

    ความหวังในอนาคต
    อาจกลับมาพัฒนาบน Snapdragon X2 Elite
    ขึ้นอยู่กับความเข้ากันได้กับ Linux

    คำเตือนจากกรณีนี้
    ARM laptops อาจไม่พร้อมสำหรับ Linux ในเชิงใช้งานจริง
    การสนับสนุนไดรเวอร์จากผู้ผลิตชิปยังเป็นข้อจำกัดใหญ่

    https://www.tomshardware.com/software/linux/snapdragon-x1-elite-linux-laptop-cancelled-due-to-performance-concerns-linux-pc-maker-says-qualcomm-is-less-suitable-for-linux-than-expected
    🐧 บริษัท Tuxedo Computers ผู้ผลิตโน้ตบุ๊ก Linux ประกาศยุติโครงการพัฒนาเครื่องที่ใช้ชิป Qualcomm Snapdragon X1 Elite Tuxedo Computers ระบุว่าการพัฒนา Linux บน Snapdragon X1E ใช้เวลานานเกินไป และพบปัญหาหลักหลายด้าน เช่น ‼️ การจัดการพลังงานและอายุแบตเตอรี่ไม่สามารถเทียบกับ Windows ได้ ‼️ การอัปเดต BIOS บน Linux ทำได้ยาก ‼️ การควบคุมพัดลม, การรองรับ KVM virtualization และการโอนถ่ายข้อมูล USB4 ความเร็วสูงยังไม่สมบูรณ์ ‼️ การถอดรหัสวิดีโอแม้จะรองรับในเชิงเทคนิค แต่ไม่สามารถใช้งานได้กับหลายแอปพลิเคชัน ⚡ ผลกระทบต่อผู้ใช้ Linux ปัญหาเหล่านี้ทำให้เครื่องแทบจะใช้งานจริงไม่ได้ และหากแก้ไขได้ก็จะใช้เวลาหลายเดือน ซึ่งเมื่อถึงตอนนั้น Snapdragon X2 Elite จะเข้าสู่ตลาดแล้ว ทำให้ X1E กลายเป็นรุ่นตกยุคทันที 🔮 ความหวังกับ Snapdragon X2 Elite แม้จะยุติโครงการ X1E แต่ Tuxedo Computers ยืนยันว่าจะยังติดตามการพัฒนา Snapdragon X2 Elite และอาจกลับมาพัฒนาโน้ตบุ๊ก Linux อีกครั้ง หากสามารถนำงานที่ทำไว้กับ X1E มาปรับใช้ได้ และหากชิปใหม่ตอบโจทย์การทำงานกับระบบเปิดมากกว่า 🌐 ความหมายต่อวงการ Linux เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่า แม้ ARM-based laptops จะมีศักยภาพสูงใน Windows แต่การนำมาใช้กับ Linux ยังมีอุปสรรคด้านไดรเวอร์และการสนับสนุนจากผู้ผลิตชิป ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อการยอมรับในตลาด 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ การยุติโครงการ ➡️ Tuxedo Computers หยุดพัฒนาโน้ตบุ๊ก Snapdragon X1E ➡️ ใช้เวลาพัฒนากว่า 18 เดือนแต่ยังไม่สมบูรณ์ ✅ ปัญหาที่พบ ➡️ อายุแบตเตอรี่ด้อยกว่า Windows ➡️ BIOS update, fan control, virtualization, USB4 ยังไม่รองรับเต็มที่ ➡️ การถอดรหัสวิดีโอไม่ทำงานกับหลายแอป ✅ ผลกระทบ ➡️ เครื่องแทบใช้งานจริงไม่ได้ ➡️ จะล้าสมัยทันทีเมื่อ Snapdragon X2 Elite เปิดตัว ✅ ความหวังในอนาคต ➡️ อาจกลับมาพัฒนาบน Snapdragon X2 Elite ➡️ ขึ้นอยู่กับความเข้ากันได้กับ Linux ‼️ คำเตือนจากกรณีนี้ ⛔ ARM laptops อาจไม่พร้อมสำหรับ Linux ในเชิงใช้งานจริง ⛔ การสนับสนุนไดรเวอร์จากผู้ผลิตชิปยังเป็นข้อจำกัดใหญ่ https://www.tomshardware.com/software/linux/snapdragon-x1-elite-linux-laptop-cancelled-due-to-performance-concerns-linux-pc-maker-says-qualcomm-is-less-suitable-for-linux-than-expected
    0 Comments 0 Shares 204 Views 0 Reviews
  • กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ตั้งข้อหาชาวอเมริกัน 4 คนในคดีลักลอบส่งออก GPU Nvidia มีโทษจำคุกสูงสุดถึง 200 ปี

    กลุ่มผู้ต้องหานำโดย Brian Curtis Raymond ผู้ก่อตั้งบริษัท Bitworks ใน Alabama ถูกกล่าวหาว่าซื้อ GPU Nvidia A100, H100, H200 และซูเปอร์คอมพิวเตอร์ HPE จากช่องทางถูกกฎหมาย ก่อนจะขายต่อให้บริษัท Janford Realtor ใน Florida ซึ่งควบคุมโดย Hon Ning “Mathew” Ho จากนั้นมีการส่งออกไปจีนผ่านฮ่องกง มาเลเซีย และไทย โดยใช้เอกสารปลอมและเส้นทางการขนส่งที่ซับซ้อน

    มูลค่าการลักลอบและเส้นทางเงิน
    การดำเนินการนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2023–2025 หลังจากรัฐบาลสหรัฐฯ ออกมาตรการควบคุมการส่งออกชิป AI ขั้นสูง ผู้ต้องหาสามารถลักลอบส่งออก GPU A100 จำนวน 400 ตัว ไปจีนได้สำเร็จ และพยายามส่งออกซูเปอร์คอมพิวเตอร์ HPE อีก 10 เครื่องพร้อม GPU H100 และ H200 แต่ถูกจับกุมก่อน มูลค่าการทำธุรกรรมรวมกว่า 3.89 ล้านดอลลาร์ โดยมีการโอนเงินจากจีนมายังสหรัฐฯ ผ่านการฟอกเงิน

    ความสำคัญเชิงภูมิรัฐศาสตร์
    ชิป AI อย่าง A100/H100/H200 ถือเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนา AI และการประมวลผลขั้นสูง รัฐบาลสหรัฐฯ จึงเข้มงวดต่อการส่งออกไปจีนเพราะเกรงว่าจะถูกนำไปใช้ในงานด้านทหารและการวิจัยเชิงกลยุทธ์ การจับกุมครั้งนี้สะท้อนถึงความตึงเครียดด้านเทคโนโลยีระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ยังคงรุนแรง

    บทเรียนและผลกระทบ
    แม้ตัวเลข 3.89 ล้านดอลลาร์จะดูเล็กเมื่อเทียบกับตลาด AI ที่มีมูลค่าหลายหมื่นล้าน แต่คดีนี้ชี้ให้เห็นช่องโหว่ในระบบควบคุมการส่งออก และอาจทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ เข้มงวดมากขึ้นต่อบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการจัดจำหน่ายฮาร์ดแวร์ AI ในอนาคต

    สรุปประเด็นสำคัญ
    DOJ ตั้งข้อหาชาวอเมริกัน 4 คนในคดีลักลอบส่งออก GPU และซูเปอร์คอมพิวเตอร์
    ผู้ต้องหาหลักคือ Brian Curtis Raymond และ Hon Ning “Mathew” Ho

    ลักลอบส่งออก GPU A100 จำนวน 400 ตัว สำเร็จ
    พยายามส่งออก HPE Supercomputers และ GPU H200 แต่ถูกจับกุม
    มีโทษจำคุกสูงสุดถึง 200 ปี

    มูลค่าการลักลอบรวมกว่า 3.89 ล้านดอลลาร์
    มีการฟอกเงินผ่านบริษัท Janford Realtor

    สหรัฐฯ คุมเข้มการส่งออกชิป AI ขั้นสูง
    เกรงว่าจะถูกนำไปใช้ในงานด้านทหารและการวิจัยเชิงกลยุทธ์

    ความเสี่ยงด้านความมั่นคงและภูมิรัฐศาสตร์
    การลักลอบส่งออกชิปอาจช่วยเพิ่มศักยภาพด้าน AI ของจีน

    ช่องโหว่ในระบบควบคุมการส่งออก
    อาจทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ เข้มงวดมากขึ้นต่อบริษัทผู้จัดจำหน่ายฮาร์ดแวร์ AI

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/four-americans-charged-with-smuggling-nvidia-gpus-and-hpe-supercomputers-to-china-face-up-to-200-years-in-prison-usd3-89-million-worth-of-gear-smuggled-in-operation
    ⚖️ กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ตั้งข้อหาชาวอเมริกัน 4 คนในคดีลักลอบส่งออก GPU Nvidia มีโทษจำคุกสูงสุดถึง 200 ปี กลุ่มผู้ต้องหานำโดย Brian Curtis Raymond ผู้ก่อตั้งบริษัท Bitworks ใน Alabama ถูกกล่าวหาว่าซื้อ GPU Nvidia A100, H100, H200 และซูเปอร์คอมพิวเตอร์ HPE จากช่องทางถูกกฎหมาย ก่อนจะขายต่อให้บริษัท Janford Realtor ใน Florida ซึ่งควบคุมโดย Hon Ning “Mathew” Ho จากนั้นมีการส่งออกไปจีนผ่านฮ่องกง มาเลเซีย และไทย โดยใช้เอกสารปลอมและเส้นทางการขนส่งที่ซับซ้อน 💰 มูลค่าการลักลอบและเส้นทางเงิน การดำเนินการนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2023–2025 หลังจากรัฐบาลสหรัฐฯ ออกมาตรการควบคุมการส่งออกชิป AI ขั้นสูง ผู้ต้องหาสามารถลักลอบส่งออก GPU A100 จำนวน 400 ตัว ไปจีนได้สำเร็จ และพยายามส่งออกซูเปอร์คอมพิวเตอร์ HPE อีก 10 เครื่องพร้อม GPU H100 และ H200 แต่ถูกจับกุมก่อน มูลค่าการทำธุรกรรมรวมกว่า 3.89 ล้านดอลลาร์ โดยมีการโอนเงินจากจีนมายังสหรัฐฯ ผ่านการฟอกเงิน 🌐 ความสำคัญเชิงภูมิรัฐศาสตร์ ชิป AI อย่าง A100/H100/H200 ถือเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนา AI และการประมวลผลขั้นสูง รัฐบาลสหรัฐฯ จึงเข้มงวดต่อการส่งออกไปจีนเพราะเกรงว่าจะถูกนำไปใช้ในงานด้านทหารและการวิจัยเชิงกลยุทธ์ การจับกุมครั้งนี้สะท้อนถึงความตึงเครียดด้านเทคโนโลยีระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ยังคงรุนแรง 🚨 บทเรียนและผลกระทบ แม้ตัวเลข 3.89 ล้านดอลลาร์จะดูเล็กเมื่อเทียบกับตลาด AI ที่มีมูลค่าหลายหมื่นล้าน แต่คดีนี้ชี้ให้เห็นช่องโหว่ในระบบควบคุมการส่งออก และอาจทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ เข้มงวดมากขึ้นต่อบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการจัดจำหน่ายฮาร์ดแวร์ AI ในอนาคต 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ DOJ ตั้งข้อหาชาวอเมริกัน 4 คนในคดีลักลอบส่งออก GPU และซูเปอร์คอมพิวเตอร์ ➡️ ผู้ต้องหาหลักคือ Brian Curtis Raymond และ Hon Ning “Mathew” Ho ✅ ลักลอบส่งออก GPU A100 จำนวน 400 ตัว สำเร็จ ➡️ พยายามส่งออก HPE Supercomputers และ GPU H200 แต่ถูกจับกุม ➡️ มีโทษจำคุกสูงสุดถึง 200 ปี ✅ มูลค่าการลักลอบรวมกว่า 3.89 ล้านดอลลาร์ ➡️ มีการฟอกเงินผ่านบริษัท Janford Realtor ✅ สหรัฐฯ คุมเข้มการส่งออกชิป AI ขั้นสูง ➡️ เกรงว่าจะถูกนำไปใช้ในงานด้านทหารและการวิจัยเชิงกลยุทธ์ ‼️ ความเสี่ยงด้านความมั่นคงและภูมิรัฐศาสตร์ ⛔ การลักลอบส่งออกชิปอาจช่วยเพิ่มศักยภาพด้าน AI ของจีน ‼️ ช่องโหว่ในระบบควบคุมการส่งออก ⛔ อาจทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ เข้มงวดมากขึ้นต่อบริษัทผู้จัดจำหน่ายฮาร์ดแวร์ AI https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/four-americans-charged-with-smuggling-nvidia-gpus-and-hpe-supercomputers-to-china-face-up-to-200-years-in-prison-usd3-89-million-worth-of-gear-smuggled-in-operation
    0 Comments 0 Shares 444 Views 0 Reviews
  • ทำไม Costco และ Home Depot ยังใช้คอมพิวเตอร์ IBM จากยุค 1980

    หลายคนอาจแปลกใจเมื่อเห็นเครื่องคอมพิวเตอร์หน้าตาโบราณในร้าน Costco หรือ Home Depot แต่ความจริงคือบริษัทเหล่านี้ยังคงใช้ IBM AS/400 และ IBM 5250 ที่เปิดตัวตั้งแต่ปี 1988 เพื่อจัดการธุรกรรม, ระบบคลังสินค้า, และการเงินของร้านค้า ระบบเหล่านี้ทำงานบน OS/400 และต่อมาพัฒนามาเป็น IBM i ซึ่งยังคงได้รับการสนับสนุนจาก IBM

    เหตุผลหลักคือ ความปลอดภัย เนื่องจากระบบเหล่านี้ไม่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตโดยตรงและต้องใช้การเข้าถึงทางกายภาพ ทำให้แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะถูกแฮ็ก อีกทั้งยังมีความ เสถียรสูงมาก โดยมี uptime มากกว่า 99.99% ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจขนาดใหญ่ที่ต้องการระบบที่ไม่ล่มบ่อย

    อีกปัจจัยคือ ต้นทุนต่ำและความคุ้มค่า Costco เป็นบริษัทที่ขึ้นชื่อเรื่องการประหยัดค่าใช้จ่าย โดยจัดสรรงบประมาณเพียง 10% ของรายได้สำหรับการดำเนินงาน การใช้ระบบ IBM รุ่นเก่าจึงช่วยลดค่าใช้จ่ายได้มากเมื่อเทียบกับการลงทุนในระบบใหม่ เช่น Oracle หรือ SAP

    นอกจากนี้ยังมีตัวอย่างจากภาครัฐ เช่น กองทัพอากาศสหรัฐฯ ที่เคยใช้คอมพิวเตอร์ IBM Series/1 และแผ่นฟลอปปีดิสก์ 8 นิ้วในการควบคุมระบบอาวุธนิวเคลียร์มานานหลายสิบปี ก่อนจะอัปเดตในปี 2019 เหตุผลก็คล้ายกันคือ ความเชื่อถือได้และความปลอดภัยจากการโจมตีทางไซเบอร์

    สรุปประเด็นสำคัญ
    เหตุผลที่ยังใช้ IBM รุ่นเก่า
    ความเสถียรสูง (uptime > 99.99%)
    ปลอดภัยจากการถูกแฮ็กเพราะต้องเข้าถึงทางกายภาพ
    ต้นทุนต่ำและคุ้มค่า

    การใช้งานในธุรกิจ
    จัดการธุรกรรม, คลังสินค้า, และการเงิน
    ระบบ IBM AS/400 และ IBM 5250 ยังได้รับการสนับสนุนจาก IBM

    ตัวอย่างจากภาครัฐ
    กองทัพอากาศสหรัฐฯ ใช้ IBM Series/1 กับฟลอปปีดิสก์ 8 นิ้ว
    อัปเดตระบบในปี 2019 หลังใช้งานมานานหลายสิบปี

    คำเตือนและข้อควรพิจารณา
    ระบบเก่าอาจไม่รองรับความต้องการใหม่ ๆ เช่น Big Data หรือ Cloud
    การพึ่งพาเทคโนโลยีโบราณอาจทำให้ยากต่อการหาช่างผู้เชี่ยวชาญ
    หาก IBM ยุติการสนับสนุน อาจกระทบต่อการดำเนินธุรกิจในอนาคต

    https://www.slashgear.com/2021823/why-costco-home-depot-still-use-1980s-ibm-computers/
    🖥️ ทำไม Costco และ Home Depot ยังใช้คอมพิวเตอร์ IBM จากยุค 1980 หลายคนอาจแปลกใจเมื่อเห็นเครื่องคอมพิวเตอร์หน้าตาโบราณในร้าน Costco หรือ Home Depot แต่ความจริงคือบริษัทเหล่านี้ยังคงใช้ IBM AS/400 และ IBM 5250 ที่เปิดตัวตั้งแต่ปี 1988 เพื่อจัดการธุรกรรม, ระบบคลังสินค้า, และการเงินของร้านค้า ระบบเหล่านี้ทำงานบน OS/400 และต่อมาพัฒนามาเป็น IBM i ซึ่งยังคงได้รับการสนับสนุนจาก IBM เหตุผลหลักคือ ความปลอดภัย เนื่องจากระบบเหล่านี้ไม่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตโดยตรงและต้องใช้การเข้าถึงทางกายภาพ ทำให้แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะถูกแฮ็ก อีกทั้งยังมีความ เสถียรสูงมาก โดยมี uptime มากกว่า 99.99% ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจขนาดใหญ่ที่ต้องการระบบที่ไม่ล่มบ่อย อีกปัจจัยคือ ต้นทุนต่ำและความคุ้มค่า Costco เป็นบริษัทที่ขึ้นชื่อเรื่องการประหยัดค่าใช้จ่าย โดยจัดสรรงบประมาณเพียง 10% ของรายได้สำหรับการดำเนินงาน การใช้ระบบ IBM รุ่นเก่าจึงช่วยลดค่าใช้จ่ายได้มากเมื่อเทียบกับการลงทุนในระบบใหม่ เช่น Oracle หรือ SAP นอกจากนี้ยังมีตัวอย่างจากภาครัฐ เช่น กองทัพอากาศสหรัฐฯ ที่เคยใช้คอมพิวเตอร์ IBM Series/1 และแผ่นฟลอปปีดิสก์ 8 นิ้วในการควบคุมระบบอาวุธนิวเคลียร์มานานหลายสิบปี ก่อนจะอัปเดตในปี 2019 เหตุผลก็คล้ายกันคือ ความเชื่อถือได้และความปลอดภัยจากการโจมตีทางไซเบอร์ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ เหตุผลที่ยังใช้ IBM รุ่นเก่า ➡️ ความเสถียรสูง (uptime > 99.99%) ➡️ ปลอดภัยจากการถูกแฮ็กเพราะต้องเข้าถึงทางกายภาพ ➡️ ต้นทุนต่ำและคุ้มค่า ✅ การใช้งานในธุรกิจ ➡️ จัดการธุรกรรม, คลังสินค้า, และการเงิน ➡️ ระบบ IBM AS/400 และ IBM 5250 ยังได้รับการสนับสนุนจาก IBM ✅ ตัวอย่างจากภาครัฐ ➡️ กองทัพอากาศสหรัฐฯ ใช้ IBM Series/1 กับฟลอปปีดิสก์ 8 นิ้ว ➡️ อัปเดตระบบในปี 2019 หลังใช้งานมานานหลายสิบปี ‼️ คำเตือนและข้อควรพิจารณา ⛔ ระบบเก่าอาจไม่รองรับความต้องการใหม่ ๆ เช่น Big Data หรือ Cloud ⛔ การพึ่งพาเทคโนโลยีโบราณอาจทำให้ยากต่อการหาช่างผู้เชี่ยวชาญ ⛔ หาก IBM ยุติการสนับสนุน อาจกระทบต่อการดำเนินธุรกิจในอนาคต https://www.slashgear.com/2021823/why-costco-home-depot-still-use-1980s-ibm-computers/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Costco And Home Depot Still Use IBM Computers From The '80s: Here's Why - SlashGear
    Costco sells some of the most advanced computers on the consumer market today, so you'll be surprised to learn their stores rely on computers from the 1980s.
    0 Comments 0 Shares 243 Views 0 Reviews
  • ยุโรปเปิดตัวซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Exascale เครื่องที่สอง

    ยุโรปได้เปิดตัวซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Alice Recoque ซึ่งถือเป็นระบบ Exascale เครื่องที่สองของภูมิภาค โดยใช้พลังจากซีพียู AMD EPYC “Venice” รุ่นใหม่และจีพียู Instinct MI430X ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับงานด้าน AI และการประมวลผลทางวิทยาศาสตร์ขนาดใหญ่

    สเปกและเทคโนโลยีล้ำสมัย
    Alice Recoque จะประกอบด้วย 94 แร็ค บนแพลตฟอร์ม BullSequana XH3500 ของ Eviden พร้อมระบบจัดเก็บข้อมูลจาก DDN และโครงสร้างการเชื่อมต่อ BXI fabric ที่ช่วยให้การประมวลผลแบบขยายตัวมีประสิทธิภาพสูงสุด ซีพียู Venice มีจำนวนคอร์สูงสุดถึง 256 คอร์ ขณะที่จีพียู MI430X มาพร้อมหน่วยความจำ HBM4 ขนาด 432 GB และรองรับรูปแบบข้อมูล FP4 และ FP8 เพื่อให้เหมาะกับงาน AI โดยเฉพาะ

    พลังงานและการติดตั้ง
    ระบบนี้จะใช้พลังงานประมาณ 12 เมกะวัตต์ ภายใต้การทำงานปกติ และใช้เทคโนโลยี การระบายความร้อนด้วยน้ำอุ่นรุ่นที่ 5 ของ Eviden เพื่อจัดการกับความร้อนจากส่วนประกอบที่ใช้พลังงานสูง ซูเปอร์คอมพิวเตอร์จะถูกติดตั้งที่ประเทศฝรั่งเศส ภายใต้การดูแลของ GENCI และดำเนินงานโดย CEA โดยมีการสนับสนุนจากหลายประเทศในยุโรป เช่น เนเธอร์แลนด์ และกรีซ

    การใช้งานและอนาคต
    Alice Recoque จะถูกใช้ในงานวิจัยที่หลากหลาย ตั้งแต่ การพัฒนาโมเดล AI, การแพทย์เฉพาะบุคคล, การวิจัยสภาพภูมิอากาศ, ไปจนถึง การวิเคราะห์ข้อมูลจากดาวเทียมและกล้องโทรทรรศน์ คาดว่าระบบจะเริ่มใช้งานจริงในช่วงปี 2027–2028 หลังจาก AMD เปิดตัวซีพียู Venice และจีพียู MI430X อย่างเป็นทางการในปี 2026

    สรุปประเด็นสำคัญ
    เปิดตัว Alice Recoque
    ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Exascale เครื่องที่สองของยุโรป

    สเปกหลัก
    ใช้ AMD EPYC Venice (256 คอร์) และ Instinct MI430X (432 GB HBM4)

    โครงสร้างระบบ
    94 แร็ค บน BullSequana XH3500 พร้อม BXI fabric และ DDN storage

    พลังงานและการระบายความร้อน
    ใช้พลังงาน ~12 เมกะวัตต์ พร้อมระบบน้ำอุ่นรุ่นที่ 5

    การติดตั้งและการดำเนินงาน
    ติดตั้งที่ฝรั่งเศส ดูแลโดย GENCI และ CEA

    ความท้าทายด้านเวลาและเทคโนโลยี
    ระบบจะพร้อมใช้งานจริงได้ราวปี 2027–2028 หลังจากฮาร์ดแวร์หลักเปิดตัว

    ความเสี่ยงจากการพึ่งพาเทคโนโลยีใหม่
    หากการพัฒนา Venice และ MI430X ล่าช้า อาจกระทบต่อกำหนดการใช้งาน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/supercomputers/amd-and-eviden-unveil-europes-second-exascale-system-epyc-venice-and-instinct-mi430x-power-system-breaks-the-exaflop-barrier
    ⚡ ยุโรปเปิดตัวซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Exascale เครื่องที่สอง ยุโรปได้เปิดตัวซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Alice Recoque ซึ่งถือเป็นระบบ Exascale เครื่องที่สองของภูมิภาค โดยใช้พลังจากซีพียู AMD EPYC “Venice” รุ่นใหม่และจีพียู Instinct MI430X ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับงานด้าน AI และการประมวลผลทางวิทยาศาสตร์ขนาดใหญ่ 🖥️ สเปกและเทคโนโลยีล้ำสมัย Alice Recoque จะประกอบด้วย 94 แร็ค บนแพลตฟอร์ม BullSequana XH3500 ของ Eviden พร้อมระบบจัดเก็บข้อมูลจาก DDN และโครงสร้างการเชื่อมต่อ BXI fabric ที่ช่วยให้การประมวลผลแบบขยายตัวมีประสิทธิภาพสูงสุด ซีพียู Venice มีจำนวนคอร์สูงสุดถึง 256 คอร์ ขณะที่จีพียู MI430X มาพร้อมหน่วยความจำ HBM4 ขนาด 432 GB และรองรับรูปแบบข้อมูล FP4 และ FP8 เพื่อให้เหมาะกับงาน AI โดยเฉพาะ 🌍 พลังงานและการติดตั้ง ระบบนี้จะใช้พลังงานประมาณ 12 เมกะวัตต์ ภายใต้การทำงานปกติ และใช้เทคโนโลยี การระบายความร้อนด้วยน้ำอุ่นรุ่นที่ 5 ของ Eviden เพื่อจัดการกับความร้อนจากส่วนประกอบที่ใช้พลังงานสูง ซูเปอร์คอมพิวเตอร์จะถูกติดตั้งที่ประเทศฝรั่งเศส ภายใต้การดูแลของ GENCI และดำเนินงานโดย CEA โดยมีการสนับสนุนจากหลายประเทศในยุโรป เช่น เนเธอร์แลนด์ และกรีซ 🔮 การใช้งานและอนาคต Alice Recoque จะถูกใช้ในงานวิจัยที่หลากหลาย ตั้งแต่ การพัฒนาโมเดล AI, การแพทย์เฉพาะบุคคล, การวิจัยสภาพภูมิอากาศ, ไปจนถึง การวิเคราะห์ข้อมูลจากดาวเทียมและกล้องโทรทรรศน์ คาดว่าระบบจะเริ่มใช้งานจริงในช่วงปี 2027–2028 หลังจาก AMD เปิดตัวซีพียู Venice และจีพียู MI430X อย่างเป็นทางการในปี 2026 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ เปิดตัว Alice Recoque ➡️ ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Exascale เครื่องที่สองของยุโรป ✅ สเปกหลัก ➡️ ใช้ AMD EPYC Venice (256 คอร์) และ Instinct MI430X (432 GB HBM4) ✅ โครงสร้างระบบ ➡️ 94 แร็ค บน BullSequana XH3500 พร้อม BXI fabric และ DDN storage ✅ พลังงานและการระบายความร้อน ➡️ ใช้พลังงาน ~12 เมกะวัตต์ พร้อมระบบน้ำอุ่นรุ่นที่ 5 ✅ การติดตั้งและการดำเนินงาน ➡️ ติดตั้งที่ฝรั่งเศส ดูแลโดย GENCI และ CEA ‼️ ความท้าทายด้านเวลาและเทคโนโลยี ⛔ ระบบจะพร้อมใช้งานจริงได้ราวปี 2027–2028 หลังจากฮาร์ดแวร์หลักเปิดตัว ‼️ ความเสี่ยงจากการพึ่งพาเทคโนโลยีใหม่ ⛔ หากการพัฒนา Venice และ MI430X ล่าช้า อาจกระทบต่อกำหนดการใช้งาน https://www.tomshardware.com/tech-industry/supercomputers/amd-and-eviden-unveil-europes-second-exascale-system-epyc-venice-and-instinct-mi430x-power-system-breaks-the-exaflop-barrier
    0 Comments 0 Shares 349 Views 0 Reviews
  • Finnix 251 เปิดตัวพร้อม OCI Container Images

    ทีมพัฒนา Finnix ได้ประกาศเปิดตัว Finnix 251 ซึ่งเป็นเวอร์ชันล่าสุดของดิสโทร Linux แบบ Live ที่ออกแบบมาสำหรับผู้ดูแลระบบ (Sysadmins) จุดเด่นของรุ่นนี้คือการเพิ่มการรองรับ OCI Container Images อย่างเป็นทางการ ทำให้ผู้ใช้สามารถรัน Finnix ได้โดยตรงผ่าน Podman, Docker, Kubernetes และเครื่องมือจัดการคอนเทนเนอร์อื่น ๆ ได้ทันที

    นอกจากนี้ Finnix 251 ยังได้อัปเดต Linux Kernel จาก 6.12 LTS เป็น 6.16 เพื่อรองรับฮาร์ดแวร์รุ่นใหม่ ๆ ได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะเมื่อใช้งานผ่าน USB Live System ซึ่งช่วยให้การบูตและการทำงานบนเครื่องสมัยใหม่มีความเสถียรมากขึ้น

    อีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงสำคัญคือการเพิ่มแพ็กเกจ dc3dd ซึ่งเป็นเวอร์ชันปรับปรุงของ GNU dd ที่มีฟีเจอร์สำหรับงาน Computer Forensics เช่น การตรวจสอบและการกู้ข้อมูล ถือเป็นการเพิ่มความสามารถให้ Finnix ในการใช้งานด้านความปลอดภัยและการวิเคราะห์ระบบ

    Finnix 251 ยังรวมการอัปเดตแพ็กเกจจาก Debian 14 “Forky” (Testing) และ Debian Sid พร้อมแก้ไขบั๊กและปรับปรุงเล็กน้อยหลายรายการ โดยยังคงจุดแข็งคือการเป็นดิสโทรที่มี footprint เล็ก แต่บรรจุเครื่องมือสำหรับการกู้คืนระบบ การบำรุงรักษา และการทดสอบจำนวนมาก

    สรุปสาระสำคัญ
    การรองรับ OCI Container Images
    ใช้งานได้กับ Podman, Docker, Kubernetes
    รองรับสถาปัตยกรรม amd64, arm64 และ riscv64

    การอัปเดต Kernel
    จาก Linux 6.12 LTS เป็น Linux 6.16
    รองรับฮาร์ดแวร์ใหม่ ๆ ได้ดียิ่งขึ้น

    การเพิ่มแพ็กเกจใหม่
    dc3dd สำหรับงาน Computer Forensics
    รวมอัปเดตจาก Debian 14 “Forky” และ Debian Sid

    คุณสมบัติของ Finnix
    footprint เล็กแต่มีเครื่องมือมากมายสำหรับ Sysadmins
    ใช้งานได้ทั้งการกู้คืนระบบและการบำรุงรักษา

    ข้อควรระวัง
    ผู้ใช้ควรตรวจสอบ compatibility ของ container runtime ที่ใช้
    การใช้งาน dc3dd ต้องระวัง เนื่องจากเป็นเครื่องมือที่สามารถเขียนทับข้อมูลได้

    https://9to5linux.com/finnix-251-linux-distro-for-sysadmins-introduces-official-oci-container-images
    🐧 Finnix 251 เปิดตัวพร้อม OCI Container Images ทีมพัฒนา Finnix ได้ประกาศเปิดตัว Finnix 251 ซึ่งเป็นเวอร์ชันล่าสุดของดิสโทร Linux แบบ Live ที่ออกแบบมาสำหรับผู้ดูแลระบบ (Sysadmins) จุดเด่นของรุ่นนี้คือการเพิ่มการรองรับ OCI Container Images อย่างเป็นทางการ ทำให้ผู้ใช้สามารถรัน Finnix ได้โดยตรงผ่าน Podman, Docker, Kubernetes และเครื่องมือจัดการคอนเทนเนอร์อื่น ๆ ได้ทันที นอกจากนี้ Finnix 251 ยังได้อัปเดต Linux Kernel จาก 6.12 LTS เป็น 6.16 เพื่อรองรับฮาร์ดแวร์รุ่นใหม่ ๆ ได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะเมื่อใช้งานผ่าน USB Live System ซึ่งช่วยให้การบูตและการทำงานบนเครื่องสมัยใหม่มีความเสถียรมากขึ้น อีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงสำคัญคือการเพิ่มแพ็กเกจ dc3dd ซึ่งเป็นเวอร์ชันปรับปรุงของ GNU dd ที่มีฟีเจอร์สำหรับงาน Computer Forensics เช่น การตรวจสอบและการกู้ข้อมูล ถือเป็นการเพิ่มความสามารถให้ Finnix ในการใช้งานด้านความปลอดภัยและการวิเคราะห์ระบบ Finnix 251 ยังรวมการอัปเดตแพ็กเกจจาก Debian 14 “Forky” (Testing) และ Debian Sid พร้อมแก้ไขบั๊กและปรับปรุงเล็กน้อยหลายรายการ โดยยังคงจุดแข็งคือการเป็นดิสโทรที่มี footprint เล็ก แต่บรรจุเครื่องมือสำหรับการกู้คืนระบบ การบำรุงรักษา และการทดสอบจำนวนมาก 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การรองรับ OCI Container Images ➡️ ใช้งานได้กับ Podman, Docker, Kubernetes ➡️ รองรับสถาปัตยกรรม amd64, arm64 และ riscv64 ✅ การอัปเดต Kernel ➡️ จาก Linux 6.12 LTS เป็น Linux 6.16 ➡️ รองรับฮาร์ดแวร์ใหม่ ๆ ได้ดียิ่งขึ้น ✅ การเพิ่มแพ็กเกจใหม่ ➡️ dc3dd สำหรับงาน Computer Forensics ➡️ รวมอัปเดตจาก Debian 14 “Forky” และ Debian Sid ✅ คุณสมบัติของ Finnix ➡️ footprint เล็กแต่มีเครื่องมือมากมายสำหรับ Sysadmins ➡️ ใช้งานได้ทั้งการกู้คืนระบบและการบำรุงรักษา ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ ผู้ใช้ควรตรวจสอบ compatibility ของ container runtime ที่ใช้ ⛔ การใช้งาน dc3dd ต้องระวัง เนื่องจากเป็นเครื่องมือที่สามารถเขียนทับข้อมูลได้ https://9to5linux.com/finnix-251-linux-distro-for-sysadmins-introduces-official-oci-container-images
    9TO5LINUX.COM
    Finnix 251 Linux Distro for Sysadmins Introduces Official OCI Container Images - 9to5Linux
    Debian-based Finnix 251 Linux distribution for sysadmins is now available for download powered by Linux kernel 6.16.
    0 Comments 0 Shares 178 Views 0 Reviews
More Results