• นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง”

    ตอนที่ 6 ฉากนี้ ชื่อ Ukraine

    Ukraine กับรัสเซีย พัวพัน แกะกันแทบไม่ออก ในเรื่องของ เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม โดยเฉพาะในฝั่งตะวันออกของประเทศ มันแทบจะเป็นเนื้อเดียวกัน ไม่มีอะไรแปลกแยกกันเลย ท่อแก๊สเกือบทั้งหมดของรัสเซีย วิ่งลงมาจากตะวันตกของไซบีเรีย ผ่านตรงลงมาที่ Ukraine เพื่อออกไปสู่เยอรมัน ฝรั่งเศส และประเทศอื่นๆ ในยุโรปตะวันออก ความพยายามของ NATO ที่จะทำให้ Ukraine กลายเป็นรัฐที่ไม่เป็นกลาง ย่อมมีผลกระทบอย่างมากต่อความมั่นคงของรัสเซีย และนี่เป็นตัวชนวน ที่รัฐบาลของ Bush คนลูก ต้องการอย่างที่สุด

    ดูให้ดี ๆ จากแผนที่ของ Eurasia จะเห็นว่า Color – Revolutions การปฏิวัติหลากสี ที่เกิดขึ้นใน Eurasia ในช่วงปี ค.ศ. 2000 เป็นการเดินหมากล้อมของอเมริกา เพื่อโดดเดี่ยวรัสเซีย และเป้าหมายที่สำคัญ คือเพื่อตัดเส้นเลือดสำคัญที่เลี้ยงเศรษฐกิจรัสเซีย คือเครือข่ายการขนส่งน้ำมันและ แก๊สทางท่อส่งจาก Urals และไซบีเรีย มายังยุโรปตะวันตก และ Eurasia โดยผ่าน Ukraine ถ้าอเมริกาเก็บ Ukraine เข้ากระเป๋าตัวเองได้ นั่นคืออวสานของรัสเซีย

    การพยายามเปลี่ยนให้ Ukraine ที่เคยพึ่งพารัสเซีย มาเข้าอยู่ในอ้อมกอดของ NATO จึงเป็นมหกรรมการสร้างฉาก ที่อเมริกาลงทุนทุ่มสุดตัว ผ่านเรื่องราวที่สื่อฟอกย้อมเรียกว่า “Orange Revolution หุ่นเชิดชาว Ukraine ที่อเมริกาเรียกมาเข้าฉาก คือ Viktor Yushchenko อดีตผู้ว่าการธนาคารกลางของ Ukraine วัย 50 ปี เมียของ Yushchenko ชื่อ Kateryna เป็นคนสัญชาติอเมริกันเกิดใน Chicago และเคยเป็นเจ้าหน้าที่ทำงานอยู่ในกระทรวงต่างประเทศอเมริกา ในสมัยของ Reagan และ Bush คนพ่อ คุณนายมาอยู่ Ukraine ในฐานะตัวแทนของ US-Ukraine Foundation ซึ่งมีกรรมการสำคัญ ๆ เช่น นาย Grover Norquist ซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลสูงอยู่ในพรรค Republican ของอเมริกา และเป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่ของนาย Bush คนพ่อ
    ทีมงานสร้างหุ่น สร้างฉาก มีหน้าที่ทำแผนการหาเสียง ในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีให้นาย Yushchenko และเพื่อจัดการให้ Ukraine ยื่นใบสมัครเข้าเป็นสมาชิกของ NATO และของ EU ต่อไป ในการหาเสียงของนาย Yushchenko ผู้กำกับบอกใช้สีส้มนะ ถูกโฉลกดี ดังนั้นทุกอย่างตั้งแต่ ผืนธง แผ่นพับ ลูกโป่ง ป้าย ฯลฯ เป็นสีส้มหมด ส้มมันทั้งเมือง ไม่เป็นไร ลูกพี่ใหญ่รวยทุ่มเข้าไป แค่นั้นยังไม่สมกับฐานะเศรษฐี ลงมาเป็นผู้อำนวยการสร้าง วอชิงตันบอกเราต้องสร้างกลุ่มวัยรุ่นด้วย ที่คอยส่งเสียงเรียกร้องหาประชาธิปไตย เอามาวิ่งไป วิ่งมา เดินมันให้เต็มถนน สนุกดีออก เอ๊ะ แบบนี้คล้าย ๆ กับเพิ่งเห็นนะ ที่ไหนหว่า

    นอกจากนี้ นายทุนใหญ่จัดหนัก ส่งบริษัท PR ประชาสัมพันธ์ ตรงมาจากวอชิงตัน ชื่อบริษัท Rock Creek Creative มาเป็นผู้คิดแผนประชาสัมพันธ์สีส้มทั้งหมด ทำ web เชียร์ นาย Yushchenko ให้เป็นเทวดา ใช้ Slogan ว่า Pora (ถึงเวลาแล้ว) และยังเอาทีมงานที่เคยใช้สมัย “Rose Revolution” ของ Georgia มาร่วมด้วยช่วยกัน ส่วนด้านสื่อ CNN และ BBC ก็ช่วยกันประโคมข่าวว่าการเลือ กตั้งก่อนหน้านี้ ที่นาย Yushchenko แพ้นั้น เพราะมีการโกง เมื่อมีการเลือกตั้งใหม่ เมื่อ ค.ศ. 2005 Yushchenko ก็ชนะแบบฉิ่วเฉียด แม้ว่าจะมีทีมงานสีส้มมาจัดฉาก แล้วเขาก็ประกาศตัวเป็นประธานาธิบดี

    งานนี้ นายทุนใหญ่ กระทรวงต่างประเทศของสหรัฐอเมริกาควักกระเป๋าจ่ายไปจิ๊บ ๆ แค่ 20 ล้านเหรียญ คุ้มซะยิ่งกว่าคุ้ม ข่าวว่าลุงกำนันยังฉิบหายมากกว่านี้เลยตอนที่ให้สู้เข้าไป อย่าได้ถอยน่ะ

    นอกจากนี้องค์การ NGO ที่เคยสนับสนุนตอน Georgia ก็มาแจมด้วย ไม่ต้องบอกก็น่าจะเดาออก คือองค์กร Open Society Institute ของไอ้ตัวร้าย George Soros รวมทั้ง Freedom House และ the National Endowment for Democracy (NED) แถมพ่วงพวกองค์กรของนักการเมือ งมาอีก 2 หน่อ คือ National Republican Institute และ National Democratic Institute ไม่ให้น้อยหน้ากัน สื่อท้องถิ่นของ Ukraine ออกข่าวว่า พวกนักสร้างฉากของนอก ที่เข้ามาเผ่นพ่านในเมืองเขานั้น ทำงานกันขยันขันแข็งมาก ทำกันเป็นทีม เดินกันเต็มเมือง เล่นเอาชาว Ukraine เหนียมอายหลบเข้าบ้านกันหมด
    เขียน ๆ ไปแล้วชักสงสัย แล้วไอ้สีเหลือง สีแดง สีฟ้า สี…อื่นๆ ในบ้านเรานี่ มีผู้กำกับนักสร้างฉากของนอก ส่งมาร่วมงานด้วยหรือเปล่าหนอ ? ! ?

    สิ่งที่วอชิงตันกัดฟันแน่น ไม่สามารถพูดออกมาได้ถึงวาระซ่อนเร้นของตน เกี่ยวกับนโยบายถล่มรัสเซีย คือ “พลังงาน” ตราบใดที่รัสเซียยังถือไพ่ใหญ่ในมือ คือการมีน้ำมันและแก๊สธรรมชาติเหลือเฟือในดินแดนของตน ซึ่งทำให้ยุโรปตะวันตก จีน และอีกหลาย ๆ ที่ ยากที่จะไม่เป็นเพื่อนกับรัสเซีย แล้วอย่างนี้อเมริกาจะใช้วิธีไหนที่จะโดดเดี่ยวรัสเซีย !

    ดูกันต่อไป หนังเพิ่งเริ่มเล่นมา 100 ปีกว่าเอง เขาก็เล่นมันไปเรื่อย ๆ เราก็ดูกันไปเรื่อย ๆ หรือไงครับ ? !

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    28 มิย. 2557
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง” ตอนที่ 6 ฉากนี้ ชื่อ Ukraine Ukraine กับรัสเซีย พัวพัน แกะกันแทบไม่ออก ในเรื่องของ เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม โดยเฉพาะในฝั่งตะวันออกของประเทศ มันแทบจะเป็นเนื้อเดียวกัน ไม่มีอะไรแปลกแยกกันเลย ท่อแก๊สเกือบทั้งหมดของรัสเซีย วิ่งลงมาจากตะวันตกของไซบีเรีย ผ่านตรงลงมาที่ Ukraine เพื่อออกไปสู่เยอรมัน ฝรั่งเศส และประเทศอื่นๆ ในยุโรปตะวันออก ความพยายามของ NATO ที่จะทำให้ Ukraine กลายเป็นรัฐที่ไม่เป็นกลาง ย่อมมีผลกระทบอย่างมากต่อความมั่นคงของรัสเซีย และนี่เป็นตัวชนวน ที่รัฐบาลของ Bush คนลูก ต้องการอย่างที่สุด ดูให้ดี ๆ จากแผนที่ของ Eurasia จะเห็นว่า Color – Revolutions การปฏิวัติหลากสี ที่เกิดขึ้นใน Eurasia ในช่วงปี ค.ศ. 2000 เป็นการเดินหมากล้อมของอเมริกา เพื่อโดดเดี่ยวรัสเซีย และเป้าหมายที่สำคัญ คือเพื่อตัดเส้นเลือดสำคัญที่เลี้ยงเศรษฐกิจรัสเซีย คือเครือข่ายการขนส่งน้ำมันและ แก๊สทางท่อส่งจาก Urals และไซบีเรีย มายังยุโรปตะวันตก และ Eurasia โดยผ่าน Ukraine ถ้าอเมริกาเก็บ Ukraine เข้ากระเป๋าตัวเองได้ นั่นคืออวสานของรัสเซีย การพยายามเปลี่ยนให้ Ukraine ที่เคยพึ่งพารัสเซีย มาเข้าอยู่ในอ้อมกอดของ NATO จึงเป็นมหกรรมการสร้างฉาก ที่อเมริกาลงทุนทุ่มสุดตัว ผ่านเรื่องราวที่สื่อฟอกย้อมเรียกว่า “Orange Revolution หุ่นเชิดชาว Ukraine ที่อเมริกาเรียกมาเข้าฉาก คือ Viktor Yushchenko อดีตผู้ว่าการธนาคารกลางของ Ukraine วัย 50 ปี เมียของ Yushchenko ชื่อ Kateryna เป็นคนสัญชาติอเมริกันเกิดใน Chicago และเคยเป็นเจ้าหน้าที่ทำงานอยู่ในกระทรวงต่างประเทศอเมริกา ในสมัยของ Reagan และ Bush คนพ่อ คุณนายมาอยู่ Ukraine ในฐานะตัวแทนของ US-Ukraine Foundation ซึ่งมีกรรมการสำคัญ ๆ เช่น นาย Grover Norquist ซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลสูงอยู่ในพรรค Republican ของอเมริกา และเป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่ของนาย Bush คนพ่อ ทีมงานสร้างหุ่น สร้างฉาก มีหน้าที่ทำแผนการหาเสียง ในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีให้นาย Yushchenko และเพื่อจัดการให้ Ukraine ยื่นใบสมัครเข้าเป็นสมาชิกของ NATO และของ EU ต่อไป ในการหาเสียงของนาย Yushchenko ผู้กำกับบอกใช้สีส้มนะ ถูกโฉลกดี ดังนั้นทุกอย่างตั้งแต่ ผืนธง แผ่นพับ ลูกโป่ง ป้าย ฯลฯ เป็นสีส้มหมด ส้มมันทั้งเมือง ไม่เป็นไร ลูกพี่ใหญ่รวยทุ่มเข้าไป แค่นั้นยังไม่สมกับฐานะเศรษฐี ลงมาเป็นผู้อำนวยการสร้าง วอชิงตันบอกเราต้องสร้างกลุ่มวัยรุ่นด้วย ที่คอยส่งเสียงเรียกร้องหาประชาธิปไตย เอามาวิ่งไป วิ่งมา เดินมันให้เต็มถนน สนุกดีออก เอ๊ะ แบบนี้คล้าย ๆ กับเพิ่งเห็นนะ ที่ไหนหว่า นอกจากนี้ นายทุนใหญ่จัดหนัก ส่งบริษัท PR ประชาสัมพันธ์ ตรงมาจากวอชิงตัน ชื่อบริษัท Rock Creek Creative มาเป็นผู้คิดแผนประชาสัมพันธ์สีส้มทั้งหมด ทำ web เชียร์ นาย Yushchenko ให้เป็นเทวดา ใช้ Slogan ว่า Pora (ถึงเวลาแล้ว) และยังเอาทีมงานที่เคยใช้สมัย “Rose Revolution” ของ Georgia มาร่วมด้วยช่วยกัน ส่วนด้านสื่อ CNN และ BBC ก็ช่วยกันประโคมข่าวว่าการเลือ กตั้งก่อนหน้านี้ ที่นาย Yushchenko แพ้นั้น เพราะมีการโกง เมื่อมีการเลือกตั้งใหม่ เมื่อ ค.ศ. 2005 Yushchenko ก็ชนะแบบฉิ่วเฉียด แม้ว่าจะมีทีมงานสีส้มมาจัดฉาก แล้วเขาก็ประกาศตัวเป็นประธานาธิบดี งานนี้ นายทุนใหญ่ กระทรวงต่างประเทศของสหรัฐอเมริกาควักกระเป๋าจ่ายไปจิ๊บ ๆ แค่ 20 ล้านเหรียญ คุ้มซะยิ่งกว่าคุ้ม ข่าวว่าลุงกำนันยังฉิบหายมากกว่านี้เลยตอนที่ให้สู้เข้าไป อย่าได้ถอยน่ะ นอกจากนี้องค์การ NGO ที่เคยสนับสนุนตอน Georgia ก็มาแจมด้วย ไม่ต้องบอกก็น่าจะเดาออก คือองค์กร Open Society Institute ของไอ้ตัวร้าย George Soros รวมทั้ง Freedom House และ the National Endowment for Democracy (NED) แถมพ่วงพวกองค์กรของนักการเมือ งมาอีก 2 หน่อ คือ National Republican Institute และ National Democratic Institute ไม่ให้น้อยหน้ากัน สื่อท้องถิ่นของ Ukraine ออกข่าวว่า พวกนักสร้างฉากของนอก ที่เข้ามาเผ่นพ่านในเมืองเขานั้น ทำงานกันขยันขันแข็งมาก ทำกันเป็นทีม เดินกันเต็มเมือง เล่นเอาชาว Ukraine เหนียมอายหลบเข้าบ้านกันหมด เขียน ๆ ไปแล้วชักสงสัย แล้วไอ้สีเหลือง สีแดง สีฟ้า สี…อื่นๆ ในบ้านเรานี่ มีผู้กำกับนักสร้างฉากของนอก ส่งมาร่วมงานด้วยหรือเปล่าหนอ ? ! ? สิ่งที่วอชิงตันกัดฟันแน่น ไม่สามารถพูดออกมาได้ถึงวาระซ่อนเร้นของตน เกี่ยวกับนโยบายถล่มรัสเซีย คือ “พลังงาน” ตราบใดที่รัสเซียยังถือไพ่ใหญ่ในมือ คือการมีน้ำมันและแก๊สธรรมชาติเหลือเฟือในดินแดนของตน ซึ่งทำให้ยุโรปตะวันตก จีน และอีกหลาย ๆ ที่ ยากที่จะไม่เป็นเพื่อนกับรัสเซีย แล้วอย่างนี้อเมริกาจะใช้วิธีไหนที่จะโดดเดี่ยวรัสเซีย ! ดูกันต่อไป หนังเพิ่งเริ่มเล่นมา 100 ปีกว่าเอง เขาก็เล่นมันไปเรื่อย ๆ เราก็ดูกันไปเรื่อย ๆ หรือไงครับ ? ! สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 28 มิย. 2557
    0 Comments 0 Shares 121 Views 0 Reviews
  • Shai-Hulud: มัลแวร์สายพันธุ์ใหม่โจมตี npm ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ — เมื่อ JavaScript กลายเป็นช่องทางขโมยข้อมูลองค์กร

    นักพัฒนา JavaScript ทั่วโลกกำลังเผชิญกับภัยคุกคามครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของระบบ npm หลังจากบริษัท Koi Security และ StepSecurity เปิดเผยแคมเปญมัลแวร์ชื่อ “Shai-Hulud” ซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นการโจมตีแบบ supply chain ที่รุนแรงที่สุดเท่าที่เคยมีมาในระบบ Node.js โดยมีแพ็กเกจที่ได้รับผลกระทบมากกว่า 500 รายการ และยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

    มัลแวร์ Shai-Hulud ถูกฝังอยู่ในแพ็กเกจยอดนิยม เช่น @ctrl/tinycolor, ngx-bootstrap, ng2-file-upload และแม้แต่แพ็กเกจจาก CrowdStrike โดยใช้เทคนิค worm ที่สามารถแพร่กระจายตัวเองไปยังแพ็กเกจอื่นโดยอัตโนมัติผ่าน npm token ที่ถูกขโมยจากเครื่องของนักพัฒนา

    เมื่อผู้ใช้ติดตั้งแพ็กเกจที่ติดมัลแวร์ bundle.js จะถูกเรียกใช้ทันที ซึ่งจะสแกนระบบด้วย TruffleHog เพื่อค้นหา credentials เช่น GitHub token, AWS key, Google Cloud และ Azure แล้วส่งข้อมูลไปยัง GitHub repository ที่ถูกสร้างขึ้นโดยผู้โจมตี พร้อมฝัง GitHub Actions workflow (.github/workflows/shai-hulud-workflow.yml) เพื่อขโมยข้อมูลอย่างต่อเนื่องแม้หลังจากการติดตั้งครั้งแรก

    สิ่งที่ทำให้การโจมตีนี้น่ากลัวคือความสามารถในการเปลี่ยน repository ส่วนตัวให้กลายเป็นสาธารณะโดยอัตโนมัติ และการใช้ GitHub Actions เพื่อสร้าง backdoor ที่คงอยู่ในระบบ CI/CD ขององค์กรโดยไม่ต้องอาศัยการกระทำจากผู้ใช้โดยตรง

    Shai-Hulud เป็น supply chain attack ที่รุนแรงที่สุดใน npm ecosystem
    ส่งผลกระทบต่อแพ็กเกจมากกว่า 500 รายการ
    ใช้เทคนิค worm ที่แพร่กระจายตัวเองผ่าน npm token

    มัลแวร์ถูกฝังในแพ็กเกจยอดนิยม
    เช่น @ctrl/tinycolor, ngx-bootstrap, ng2-file-upload และ CrowdStrike
    มีการเผยแพร่ผ่านบัญชีผู้ดูแลที่ถูกแฮกกว่า 40 บัญชี

    ใช้ TruffleHog เพื่อขโมย credentials จากเครื่องนักพัฒนา
    GitHub token, AWS/GCP/Azure keys, environment variables
    สร้าง GitHub Actions workflow เพื่อขโมยข้อมูลอย่างต่อเนื่อง

    เปลี่ยน repository ส่วนตัวให้กลายเป็นสาธารณะ
    สร้าง repo ชื่อ “Shai-Hulud Migration” พร้อม dump ข้อมูล
    ใช้ GitHub API เพื่อควบคุม repository โดยไม่ต้อง login

    มีการวิเคราะห์โดยหลายบริษัทด้านความปลอดภัย
    Wiz, JFrog, Socket, CrowdStrike และ StepSecurity
    พบว่า malware targeting Linux/macOS และหลีกเลี่ยง Windows

    คำเตือนเกี่ยวกับผลกระทบของ Shai-Hulud
    นักพัฒนาที่ใช้ npm อาจถูกขโมยข้อมูลโดยไม่รู้ตัว
    GitHub Actions ที่ถูกฝังอาจทำงานแม้หลังจากลบแพ็กเกจ
    การเปลี่ยน repo เป็นสาธารณะอาจทำให้ข้อมูลภายในองค์กรรั่วไหล
    การแพร่กระจายแบบ worm ทำให้การโจมตียากต่อการควบคุมและตรวจสอบ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/shai-hulud-malware-campaign-dubbed-the-largest-and-most-dangerous-npm-supply-chain-compromise-in-history-hundreds-of-javascript-packages-affected
    📰 Shai-Hulud: มัลแวร์สายพันธุ์ใหม่โจมตี npm ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ — เมื่อ JavaScript กลายเป็นช่องทางขโมยข้อมูลองค์กร นักพัฒนา JavaScript ทั่วโลกกำลังเผชิญกับภัยคุกคามครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของระบบ npm หลังจากบริษัท Koi Security และ StepSecurity เปิดเผยแคมเปญมัลแวร์ชื่อ “Shai-Hulud” ซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นการโจมตีแบบ supply chain ที่รุนแรงที่สุดเท่าที่เคยมีมาในระบบ Node.js โดยมีแพ็กเกจที่ได้รับผลกระทบมากกว่า 500 รายการ และยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง มัลแวร์ Shai-Hulud ถูกฝังอยู่ในแพ็กเกจยอดนิยม เช่น @ctrl/tinycolor, ngx-bootstrap, ng2-file-upload และแม้แต่แพ็กเกจจาก CrowdStrike โดยใช้เทคนิค worm ที่สามารถแพร่กระจายตัวเองไปยังแพ็กเกจอื่นโดยอัตโนมัติผ่าน npm token ที่ถูกขโมยจากเครื่องของนักพัฒนา เมื่อผู้ใช้ติดตั้งแพ็กเกจที่ติดมัลแวร์ bundle.js จะถูกเรียกใช้ทันที ซึ่งจะสแกนระบบด้วย TruffleHog เพื่อค้นหา credentials เช่น GitHub token, AWS key, Google Cloud และ Azure แล้วส่งข้อมูลไปยัง GitHub repository ที่ถูกสร้างขึ้นโดยผู้โจมตี พร้อมฝัง GitHub Actions workflow (.github/workflows/shai-hulud-workflow.yml) เพื่อขโมยข้อมูลอย่างต่อเนื่องแม้หลังจากการติดตั้งครั้งแรก สิ่งที่ทำให้การโจมตีนี้น่ากลัวคือความสามารถในการเปลี่ยน repository ส่วนตัวให้กลายเป็นสาธารณะโดยอัตโนมัติ และการใช้ GitHub Actions เพื่อสร้าง backdoor ที่คงอยู่ในระบบ CI/CD ขององค์กรโดยไม่ต้องอาศัยการกระทำจากผู้ใช้โดยตรง ✅ Shai-Hulud เป็น supply chain attack ที่รุนแรงที่สุดใน npm ecosystem ➡️ ส่งผลกระทบต่อแพ็กเกจมากกว่า 500 รายการ ➡️ ใช้เทคนิค worm ที่แพร่กระจายตัวเองผ่าน npm token ✅ มัลแวร์ถูกฝังในแพ็กเกจยอดนิยม ➡️ เช่น @ctrl/tinycolor, ngx-bootstrap, ng2-file-upload และ CrowdStrike ➡️ มีการเผยแพร่ผ่านบัญชีผู้ดูแลที่ถูกแฮกกว่า 40 บัญชี ✅ ใช้ TruffleHog เพื่อขโมย credentials จากเครื่องนักพัฒนา ➡️ GitHub token, AWS/GCP/Azure keys, environment variables ➡️ สร้าง GitHub Actions workflow เพื่อขโมยข้อมูลอย่างต่อเนื่อง ✅ เปลี่ยน repository ส่วนตัวให้กลายเป็นสาธารณะ ➡️ สร้าง repo ชื่อ “Shai-Hulud Migration” พร้อม dump ข้อมูล ➡️ ใช้ GitHub API เพื่อควบคุม repository โดยไม่ต้อง login ✅ มีการวิเคราะห์โดยหลายบริษัทด้านความปลอดภัย ➡️ Wiz, JFrog, Socket, CrowdStrike และ StepSecurity ➡️ พบว่า malware targeting Linux/macOS และหลีกเลี่ยง Windows ‼️ คำเตือนเกี่ยวกับผลกระทบของ Shai-Hulud ⛔ นักพัฒนาที่ใช้ npm อาจถูกขโมยข้อมูลโดยไม่รู้ตัว ⛔ GitHub Actions ที่ถูกฝังอาจทำงานแม้หลังจากลบแพ็กเกจ ⛔ การเปลี่ยน repo เป็นสาธารณะอาจทำให้ข้อมูลภายในองค์กรรั่วไหล ⛔ การแพร่กระจายแบบ worm ทำให้การโจมตียากต่อการควบคุมและตรวจสอบ https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/shai-hulud-malware-campaign-dubbed-the-largest-and-most-dangerous-npm-supply-chain-compromise-in-history-hundreds-of-javascript-packages-affected
    0 Comments 0 Shares 86 Views 0 Reviews
  • “Shai-Hulud: มัลแวร์สายพันธุ์ใหม่โจมตี NPM แบบแพร่กระจายตัวเอง — ขโมยข้อมูลลับผ่าน GitHub Actions และคลาวด์”

    เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2025 โลกของนักพัฒนา JavaScript ต้องสะเทือนอีกครั้ง เมื่อมีการค้นพบการโจมตีแบบ supply chain ที่ซับซ้อนที่สุดครั้งหนึ่งในระบบนิเวศของ NPM โดยมัลแวร์ที่ถูกตั้งชื่อว่า “Shai-Hulud” ได้แฝงตัวอยู่ในแพ็กเกจยอดนิยมอย่าง @ctrl/tinycolor ซึ่งมีผู้ดาวน์โหลดมากกว่า 2 ล้านครั้งต่อสัปดาห์ พร้อมกับอีกกว่า 180 แพ็กเกจที่ถูกโจมตีในลักษณะเดียวกัน2

    มัลแวร์นี้ไม่ใช่แค่แฝงตัว — มันสามารถ “แพร่กระจายตัวเอง” ไปยังแพ็กเกจอื่น ๆ ที่ผู้ดูแลมีสิทธิ์เข้าถึง โดยใช้ฟังก์ชัน updatePackage เพื่อดึงรายชื่อแพ็กเกจจาก NPM API แล้วบังคับเผยแพร่เวอร์ชันใหม่ที่ฝัง bundle.js ซึ่งเป็นสคริปต์หลักของการโจมตี

    เป้าหมายของ Shai-Hulud คือการขโมยข้อมูลลับ เช่น AWS keys, GitHub tokens, GCP credentials และ Azure secrets โดยใช้เครื่องมือ TruffleHog ที่ปกติใช้ในการตรวจสอบความปลอดภัย แต่ถูกนำมาใช้ในทางร้าย มัลแวร์จะสแกนไฟล์ระบบและ environment variables เพื่อดึงข้อมูลลับทั้งหมด

    ที่น่ากลัวที่สุดคือการสร้าง persistence ผ่าน GitHub Actions โดยมัลแวร์จะ inject ไฟล์ workflow ชื่อ shai-hulud-workflow.yml ซึ่งจะถูกเรียกใช้ทุกครั้งที่มีการ push โค้ด และส่งข้อมูลลับไปยังเซิร์ฟเวอร์ควบคุมผ่าน webhook ที่ตั้งค่าไว้ล่วงหน้า

    ข้อมูลที่ถูกขโมยจะถูกจัดเก็บในรูปแบบ JSON และอัปโหลดไปยัง repository สาธารณะชื่อ “Shai-Hulud” บน GitHub ของเหยื่อเอง ทำให้ใครก็สามารถเข้าถึงข้อมูลลับเหล่านั้นได้ และยังมีการสร้าง branch ชื่อเดียวกันเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ

    แม้จะมีการตอบสนองอย่างรวดเร็วจากทีม NPM และ GitHub รวมถึงการลบแพ็กเกจที่ถูกโจมตีออกจาก registry แล้ว แต่การโจมตียังคงดำเนินต่อไป โดยมีการพบ repository ใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นทุกวัน และมีข้อมูลลับที่ยังไม่ถูกเพิกถอนอีกหลายรายการ

    ข้อมูลสำคัญจากเหตุการณ์
    แพ็กเกจ @ctrl/tinycolor และอีกกว่า 180 แพ็กเกจถูกฝังมัลแวร์ Shai-Hulud
    มัลแวร์สามารถแพร่กระจายตัวเองไปยังแพ็กเกจอื่นของผู้ดูแลผ่าน NPM API
    ใช้ TruffleHog เพื่อสแกนหา credentials จากไฟล์ระบบและ environment variables
    สร้าง GitHub Actions workflow เพื่อส่งข้อมูลลับไปยังเซิร์ฟเวอร์ควบคุม
    ข้อมูลลับถูกอัปโหลดไปยัง repo สาธารณะชื่อ “Shai-Hulud” บน GitHub ของเหยื่อ

    กลไกการทำงานของมัลแวร์
    bundle.js เป็นสคริปต์หลักที่ถูกฝังใน postinstall script ของ package.json
    ใช้ Webpack modular design เพื่อแยกฟังก์ชันการโจมตี เช่น OS recon, credential harvesting, propagation
    ตรวจสอบระบบปฏิบัติการก่อนทำงาน — targeting Linux/macOS โดยเฉพาะ
    ใช้ GitHub API เพื่อสร้าง branch และ push workflow โดยใช้ token ของเหยื่อ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ชื่อ “Shai-Hulud” มาจาก sandworm ในนิยาย Dune — สื่อถึงการแพร่กระจายแบบหนอน
    การโจมตีคล้ายกับแคมเปญก่อนหน้า เช่น s1ngularity และ GhostActions
    CrowdStrike ยืนยันว่าแพ็กเกจที่ถูกโจมตีไม่กระทบกับ Falcon sensor ของบริษัท
    StepSecurity และ Socket เป็นผู้ค้นพบและวิเคราะห์เชิงลึกของการโจมตีนี้

    https://www.stepsecurity.io/blog/ctrl-tinycolor-and-40-npm-packages-compromised
    🕷️ “Shai-Hulud: มัลแวร์สายพันธุ์ใหม่โจมตี NPM แบบแพร่กระจายตัวเอง — ขโมยข้อมูลลับผ่าน GitHub Actions และคลาวด์” เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2025 โลกของนักพัฒนา JavaScript ต้องสะเทือนอีกครั้ง เมื่อมีการค้นพบการโจมตีแบบ supply chain ที่ซับซ้อนที่สุดครั้งหนึ่งในระบบนิเวศของ NPM โดยมัลแวร์ที่ถูกตั้งชื่อว่า “Shai-Hulud” ได้แฝงตัวอยู่ในแพ็กเกจยอดนิยมอย่าง @ctrl/tinycolor ซึ่งมีผู้ดาวน์โหลดมากกว่า 2 ล้านครั้งต่อสัปดาห์ พร้อมกับอีกกว่า 180 แพ็กเกจที่ถูกโจมตีในลักษณะเดียวกัน2 มัลแวร์นี้ไม่ใช่แค่แฝงตัว — มันสามารถ “แพร่กระจายตัวเอง” ไปยังแพ็กเกจอื่น ๆ ที่ผู้ดูแลมีสิทธิ์เข้าถึง โดยใช้ฟังก์ชัน updatePackage เพื่อดึงรายชื่อแพ็กเกจจาก NPM API แล้วบังคับเผยแพร่เวอร์ชันใหม่ที่ฝัง bundle.js ซึ่งเป็นสคริปต์หลักของการโจมตี เป้าหมายของ Shai-Hulud คือการขโมยข้อมูลลับ เช่น AWS keys, GitHub tokens, GCP credentials และ Azure secrets โดยใช้เครื่องมือ TruffleHog ที่ปกติใช้ในการตรวจสอบความปลอดภัย แต่ถูกนำมาใช้ในทางร้าย มัลแวร์จะสแกนไฟล์ระบบและ environment variables เพื่อดึงข้อมูลลับทั้งหมด ที่น่ากลัวที่สุดคือการสร้าง persistence ผ่าน GitHub Actions โดยมัลแวร์จะ inject ไฟล์ workflow ชื่อ shai-hulud-workflow.yml ซึ่งจะถูกเรียกใช้ทุกครั้งที่มีการ push โค้ด และส่งข้อมูลลับไปยังเซิร์ฟเวอร์ควบคุมผ่าน webhook ที่ตั้งค่าไว้ล่วงหน้า ข้อมูลที่ถูกขโมยจะถูกจัดเก็บในรูปแบบ JSON และอัปโหลดไปยัง repository สาธารณะชื่อ “Shai-Hulud” บน GitHub ของเหยื่อเอง ทำให้ใครก็สามารถเข้าถึงข้อมูลลับเหล่านั้นได้ และยังมีการสร้าง branch ชื่อเดียวกันเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ แม้จะมีการตอบสนองอย่างรวดเร็วจากทีม NPM และ GitHub รวมถึงการลบแพ็กเกจที่ถูกโจมตีออกจาก registry แล้ว แต่การโจมตียังคงดำเนินต่อไป โดยมีการพบ repository ใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นทุกวัน และมีข้อมูลลับที่ยังไม่ถูกเพิกถอนอีกหลายรายการ ✅ ข้อมูลสำคัญจากเหตุการณ์ ➡️ แพ็กเกจ @ctrl/tinycolor และอีกกว่า 180 แพ็กเกจถูกฝังมัลแวร์ Shai-Hulud ➡️ มัลแวร์สามารถแพร่กระจายตัวเองไปยังแพ็กเกจอื่นของผู้ดูแลผ่าน NPM API ➡️ ใช้ TruffleHog เพื่อสแกนหา credentials จากไฟล์ระบบและ environment variables ➡️ สร้าง GitHub Actions workflow เพื่อส่งข้อมูลลับไปยังเซิร์ฟเวอร์ควบคุม ➡️ ข้อมูลลับถูกอัปโหลดไปยัง repo สาธารณะชื่อ “Shai-Hulud” บน GitHub ของเหยื่อ ✅ กลไกการทำงานของมัลแวร์ ➡️ bundle.js เป็นสคริปต์หลักที่ถูกฝังใน postinstall script ของ package.json ➡️ ใช้ Webpack modular design เพื่อแยกฟังก์ชันการโจมตี เช่น OS recon, credential harvesting, propagation ➡️ ตรวจสอบระบบปฏิบัติการก่อนทำงาน — targeting Linux/macOS โดยเฉพาะ ➡️ ใช้ GitHub API เพื่อสร้าง branch และ push workflow โดยใช้ token ของเหยื่อ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ชื่อ “Shai-Hulud” มาจาก sandworm ในนิยาย Dune — สื่อถึงการแพร่กระจายแบบหนอน ➡️ การโจมตีคล้ายกับแคมเปญก่อนหน้า เช่น s1ngularity และ GhostActions ➡️ CrowdStrike ยืนยันว่าแพ็กเกจที่ถูกโจมตีไม่กระทบกับ Falcon sensor ของบริษัท ➡️ StepSecurity และ Socket เป็นผู้ค้นพบและวิเคราะห์เชิงลึกของการโจมตีนี้ https://www.stepsecurity.io/blog/ctrl-tinycolor-and-40-npm-packages-compromised
    WWW.STEPSECURITY.IO
    ctrl/tinycolor and 40+ NPM Packages Compromised - StepSecurity
    The popular @ctrl/tinycolor package with over 2 million weekly downloads has been compromised alongside 40+ other NPM packages in a sophisticated supply chain attack dubbed "Shai-Hulud". The malware self-propagates across maintainer packages, harvests AWS/GCP/Azure credentials using TruffleHog, and establishes persistence through GitHub Actions backdoors - representing a major escalation in NPM ecosystem threats.
    0 Comments 0 Shares 74 Views 0 Reviews
  • “Firefox 143 มาแล้ว! เพิ่มฟีเจอร์ปกป้องความเป็นส่วนตัว พร้อมลูกเล่นใหม่ทั้งบนเดสก์ท็อปและมือถือ”

    Mozilla ปล่อย Firefox 143 เวอร์ชันล่าสุดอย่างเป็นทางการในวันที่ 16 กันยายน 2025 โดยแม้จะเป็นอัปเดตขนาดเล็ก แต่ก็มีฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจหลายอย่าง โดยเฉพาะด้านความเป็นส่วนตัวและการใช้งานที่สะดวกขึ้น ทั้งบนเดสก์ท็อปและ Android

    หนึ่งในฟีเจอร์เด่นคือการขยายระบบ Fingerprinting Protection ด้วยฟังก์ชันใหม่ชื่อ “Suspected Fingerprinters” ซึ่งช่วยป้องกันการติดตามผู้ใช้ผ่านข้อมูลฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ไม่สามารถบล็อกได้โดยตรง โดย Firefox จะรายงานค่าคงที่ของหลายแอตทริบิวต์เพื่อหลอกระบบติดตามให้เข้าใจผิด

    อีกฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาคือการแสดงตัวอย่างกล้องเมื่อเว็บไซต์ร้องขอสิทธิ์ใช้งานกล้อง — มีประโยชน์มากเมื่อผู้ใช้มีหลายกล้องเชื่อมต่อ และต้องการเลือกกล้องที่ถูกต้องก่อนอนุญาต

    สำหรับผู้ใช้โหมด Private Browsing ตอนนี้ Firefox จะถามว่าต้องการเก็บหรือจะลบไฟล์ที่ดาวน์โหลดหลังจากออกจากโหมดหรือไม่ ซึ่งเป็นการเพิ่มการควบคุมข้อมูลส่วนตัวให้ผู้ใช้มากขึ้น

    ฝั่ง Android ก็มีการปรับปรุงหลายจุด เช่น รองรับการเล่นเสียงแบบ xHE-AAC, แสดงความคืบหน้าการดาวน์โหลดแบบเรียลไทม์ พร้อมปุ่ม pause/resume/retry/cancel และสามารถตั้งค่า DNS over HTTPS ได้จากหน้าตั้งค่าโดยตรง

    สำหรับนักพัฒนา Firefox 143 เพิ่มความสามารถในการแสดงข้อความ debug แบบไม่รวมกลุ่ม เพื่อให้เห็นข้อความทั้งหมดอย่างชัดเจน และรองรับ CSS ใหม่ เช่น <color> ใน <input type=color>, การจัดการ grid ที่แม่นยำขึ้น และ pseudo-element ใหม่ ::details-content สำหรับจัดสไตล์เนื้อหาที่ขยาย/ยุบได้

    ฟีเจอร์ใหม่ใน Firefox 143
    เพิ่ม “Suspected Fingerprinters” เพื่อขยายการป้องกันการติดตามแบบ fingerprinting
    แสดงตัวอย่างกล้องในหน้าขอสิทธิ์ใช้งาน — เลือกกล้องได้ก่อนอนุญาต
    ถามผู้ใช้ว่าจะเก็บหรือลบไฟล์ที่ดาวน์โหลดในโหมด Private Browsing
    ลบฟีเจอร์ “Website Advertising Preferences” ออกจากหน้าความเป็นส่วนตัว

    การปรับปรุงบน Android
    รองรับการเล่นเสียงแบบ xHE-AAC
    แสดงความคืบหน้าการดาวน์โหลดแบบเรียลไทม์ พร้อมควบคุมการทำงาน
    ตั้งค่า DNS over HTTPS ได้จากหน้าตั้งค่า
    เปิดเว็บที่เกี่ยวข้องเมื่อแตะ notification หลังปิดหรือรีสตาร์ทแอป

    ฟีเจอร์สำหรับนักพัฒนา
    ปิดการรวมข้อความ debug ที่คล้ายกัน — แสดงข้อความทั้งหมด
    รองรับ CSS <color> ใน <input type=color>
    ปรับปรุงการจัดขนาด grid ให้ตรงกับสเปก CSS Grid
    เพิ่ม ::details-content สำหรับจัดสไตล์เนื้อหาที่ขยาย/ยุบได้

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Fingerprinting คือเทคนิคติดตามผู้ใช้ผ่านค่าฮาร์ดแวร์/ซอฟต์แวร์ เช่น GPU, font, screen size
    xHE-AAC เป็น codec เสียงคุณภาพสูงที่ใช้ในสตรีมมิ่งยุคใหม่ เช่น Netflix และ YouTube
    DNS over HTTPS ช่วยป้องกันการดักฟัง DNS โดย ISP หรือบุคคลที่สาม
    CSS ::details-content ช่วยให้นักพัฒนาออกแบบ UI แบบ accordion ได้ง่ายขึ้น

    https://9to5linux.com/firefox-143-is-now-available-for-download-this-is-whats-new
    🦊 “Firefox 143 มาแล้ว! เพิ่มฟีเจอร์ปกป้องความเป็นส่วนตัว พร้อมลูกเล่นใหม่ทั้งบนเดสก์ท็อปและมือถือ” Mozilla ปล่อย Firefox 143 เวอร์ชันล่าสุดอย่างเป็นทางการในวันที่ 16 กันยายน 2025 โดยแม้จะเป็นอัปเดตขนาดเล็ก แต่ก็มีฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจหลายอย่าง โดยเฉพาะด้านความเป็นส่วนตัวและการใช้งานที่สะดวกขึ้น ทั้งบนเดสก์ท็อปและ Android หนึ่งในฟีเจอร์เด่นคือการขยายระบบ Fingerprinting Protection ด้วยฟังก์ชันใหม่ชื่อ “Suspected Fingerprinters” ซึ่งช่วยป้องกันการติดตามผู้ใช้ผ่านข้อมูลฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ไม่สามารถบล็อกได้โดยตรง โดย Firefox จะรายงานค่าคงที่ของหลายแอตทริบิวต์เพื่อหลอกระบบติดตามให้เข้าใจผิด อีกฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาคือการแสดงตัวอย่างกล้องเมื่อเว็บไซต์ร้องขอสิทธิ์ใช้งานกล้อง — มีประโยชน์มากเมื่อผู้ใช้มีหลายกล้องเชื่อมต่อ และต้องการเลือกกล้องที่ถูกต้องก่อนอนุญาต สำหรับผู้ใช้โหมด Private Browsing ตอนนี้ Firefox จะถามว่าต้องการเก็บหรือจะลบไฟล์ที่ดาวน์โหลดหลังจากออกจากโหมดหรือไม่ ซึ่งเป็นการเพิ่มการควบคุมข้อมูลส่วนตัวให้ผู้ใช้มากขึ้น ฝั่ง Android ก็มีการปรับปรุงหลายจุด เช่น รองรับการเล่นเสียงแบบ xHE-AAC, แสดงความคืบหน้าการดาวน์โหลดแบบเรียลไทม์ พร้อมปุ่ม pause/resume/retry/cancel และสามารถตั้งค่า DNS over HTTPS ได้จากหน้าตั้งค่าโดยตรง สำหรับนักพัฒนา Firefox 143 เพิ่มความสามารถในการแสดงข้อความ debug แบบไม่รวมกลุ่ม เพื่อให้เห็นข้อความทั้งหมดอย่างชัดเจน และรองรับ CSS ใหม่ เช่น <color> ใน <input type=color>, การจัดการ grid ที่แม่นยำขึ้น และ pseudo-element ใหม่ ::details-content สำหรับจัดสไตล์เนื้อหาที่ขยาย/ยุบได้ ✅ ฟีเจอร์ใหม่ใน Firefox 143 ➡️ เพิ่ม “Suspected Fingerprinters” เพื่อขยายการป้องกันการติดตามแบบ fingerprinting ➡️ แสดงตัวอย่างกล้องในหน้าขอสิทธิ์ใช้งาน — เลือกกล้องได้ก่อนอนุญาต ➡️ ถามผู้ใช้ว่าจะเก็บหรือลบไฟล์ที่ดาวน์โหลดในโหมด Private Browsing ➡️ ลบฟีเจอร์ “Website Advertising Preferences” ออกจากหน้าความเป็นส่วนตัว ✅ การปรับปรุงบน Android ➡️ รองรับการเล่นเสียงแบบ xHE-AAC ➡️ แสดงความคืบหน้าการดาวน์โหลดแบบเรียลไทม์ พร้อมควบคุมการทำงาน ➡️ ตั้งค่า DNS over HTTPS ได้จากหน้าตั้งค่า ➡️ เปิดเว็บที่เกี่ยวข้องเมื่อแตะ notification หลังปิดหรือรีสตาร์ทแอป ✅ ฟีเจอร์สำหรับนักพัฒนา ➡️ ปิดการรวมข้อความ debug ที่คล้ายกัน — แสดงข้อความทั้งหมด ➡️ รองรับ CSS <color> ใน <input type=color> ➡️ ปรับปรุงการจัดขนาด grid ให้ตรงกับสเปก CSS Grid ➡️ เพิ่ม ::details-content สำหรับจัดสไตล์เนื้อหาที่ขยาย/ยุบได้ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Fingerprinting คือเทคนิคติดตามผู้ใช้ผ่านค่าฮาร์ดแวร์/ซอฟต์แวร์ เช่น GPU, font, screen size ➡️ xHE-AAC เป็น codec เสียงคุณภาพสูงที่ใช้ในสตรีมมิ่งยุคใหม่ เช่น Netflix และ YouTube ➡️ DNS over HTTPS ช่วยป้องกันการดักฟัง DNS โดย ISP หรือบุคคลที่สาม ➡️ CSS ::details-content ช่วยให้นักพัฒนาออกแบบ UI แบบ accordion ได้ง่ายขึ้น https://9to5linux.com/firefox-143-is-now-available-for-download-this-is-whats-new
    9TO5LINUX.COM
    Firefox 143 Is Now Available for Download, This Is What's New - 9to5Linux
    Firefox 143 open-source web browser is now available for download with various new features and improvements.
    0 Comments 0 Shares 119 Views 0 Reviews
  • แหกคอก ตอนที่ 11 – ปฏิบัติการฟอกย้อม
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ”
    ตอนที่ 11 : ปฏิบัติการฟอกย้อม
    ปี ค.ศ.1913 เกิดเหตุการณ์ที่เหมืองถ่านหินในรัฐ Colorado รู้จักกันในชื่อเหตุการณ์ฆ่าโหด Ludlow (Ludlow Massacre) กรรมกรในเหมืองถ่านหินประมาณหมื่นกว่าคน พร้อมใจกันประท้วงนายจ้าง เนื่องจากหัวหน้ากรรมกรถูกฆาตกรรม กรรมกรพวกนี้เป็นคนต่างชาติ เช่น พวกกรีก อิตาเลียน และเซิร์บ ที่อพยพมาอยู่ในอเมริกาในช่วงอุตสาหกรรมบูม การประท้วงลามไปถึง Colorado Fuel & Iron Corporation ซึ่งเป็นของตระกูล Rockefeller กรรมกรขอขึ้นค่าแรง เนื่องจากสภาพความเป็นอยู่สุดห่วย แถมยังมีการกดขี่จากนายจ้าง และฝ่ายรัฐซึ่งเป็นเสมือนขี้ข้าของนายทุน (เพราะรับเงินส่วย !) ที่เป็นเจ้าของเหมือง นายทุนบอกโง่มาก คิดว่าเอากำลังคนมาขู่กำลังเงินจะสำเร็จหรือ ว่าแล้วก็ไล่กรรมกรและครอบครัวกระเจิงออกไปจากเหมือง กรรมกรคอตกไม่มีที่ไป จัดการกางเต็นท์ตั้งมันอยู่ที่นอกเมืองนั่นแหละ นายทุน Rockefeller บอกว่าเมื่อพูดด้วยปากไม่รู้เรื่อง ก็เอาปืนมาพูดแทนแล้วกัน แล้วเขาก็ไปจ้างพวกมือปืนรับจ้าง ซึ่งมีทั้งปืนกลและปืนไรเฟิล มายิ่งถล่มใส่เต้นท์กรรมกร
    ผู้ว่าการรัฐ Colorado รู้เรื่องเข้าก็บอก นายท่านจัดการเองแบบนี้ไม่ได้ เป็นหน้าที่ของกระผม แล้วขี้ข้าก็ไปรวบรวมเจ้าหน้าที่ ของรัฐ ซึ่งแน่นอน กินเงินเดือนของนายทุน Rockefeller มากวาดเต้นท์จนราบ ในวันที่ 20 เมษายน ค.ศ.1914 ประวัติศาสตร์ได้ บันทึกไว้ว่า กรรมกรที่รวมกลุ่มกันตั้งเต้นท์กลุ่มใหญ่ที่สุด มีคนรวมกันประมาณพันคน มีทั้งผู้หญิงผู้ชายและเด็ก ถูกปืนกลของเจ้าหน้าที่รัฐรัวใส่บาดเจ็บล้มตายระเนระนาดไปหมด และเมื่อกรรมกรยกธงขาวเดินเข้ามาขอเจรจาสงบศึก เขาก็ถูกปืนกลรัวใส่ตายคาที่เรียบร้อยอยู่บนพื้นถนน หลังจากนั้นปืนกลก็รัวต่อจนถึงค่ำ ตามต่อด้วยเจ้าหน้าที่จุดไฟเผาเต้นท์จนไม่เหลือ กรรมกรตายเรียบ ในจำนวนผู้ที่ถูกไฟเผามีทั้งผู้หญิงและเด็ก ชื่อของฆ่าโหด Ludlow ก็เป็นที่รู้จักดังไปทั่วตั้งแต่นั้นมา หนังสือพิมพ์ลงข่าวทุกวัน พร้อมคำด่ามาจากทุกสารทิศ
    นายทุน Rockefeller บอกว่าเรื่องแบบนี้จะต้องไม่เกิดขึ้นอีก ขอโทษอย่าเข้าใจผิดว่า เรื่องสาดปืนกลและเอาไฟเผาจะไม่เกิดขึ้นอีก เขาหมายความว่าการที่สื่อประโคมข่าวด่าแบบไม่เลิกนี้ จะต้องไม่เกิดขึ้นอีกต่างหาก ดังนั้น Rockefeller Foundation จึงได้รับมอบหมายให้ทำการวิจัย เกี่ยวกับการโฆษณาชวนเชื่อ propaganda เพื่อหาวิธีปิดปากสังคมเกี่ยวกับความไม่สงบทางสังคม และการเมือง ไหนๆ จะวิเคราะห์วิจัยเกี่ยวกับเรื่องการบิดเบือนข้อเท็จจริงแล้ว มันก็ควรจะทำกันให้ครบถ้วนไปเลย โดยหาวิธีคิดหลักสูตรเพิ่มคือ เอาให้ถึงวิธีชี้นำสังคม ว่าความจริง truth เป็นอย่างไรไม่สำคัญ สำคัญว่าจะทำให้สังคมคิดอย่างไรกับความจริงนั้นต่างหาก หาวิธีใส่ความคิดเข้าในหัวเรา !
    วิธีการนี้มาจากการโฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งได้มีการทดลองใช้ในช่วงสงคราม โลกครั้งที่ 1 มาแล้ว โดยประธานาธิบดี Woodrow Wilson ได้ตั้งหน่วยงาน US Committee on Public Information (CPI) เพื่อให้ประชาชนสนับสนุนการทำสงคราม ก่อนทำสงครามประชาชนทั่วไป
    โดยเฉพาะชนชั้นกรรมกร ไม่มีใครอยากให้ทำสงคราม เพราะมีแต่ความอดอยาก ชาวบ้านบอกว่าสงครามเป็นเรื่อง ของคนรวย แต่นาย Walter Lippman นักคิด นักเขียน จากมหาวิทยาลัย Harvard ผู้ซึ่งประธานาธิบดี Roosevelt ปลื้มมาก บอกว่าเป็นคนหนุ่มที่ฉลาดที่สุดในพวกวัยเดียวกับเขา (ตอนนั้นเขาอายุ 25 ปี) นาย Lippman บอกว่าที่ทำสงครามเพื่อทำให้ประชาธิปไตยเราปลอดภัย เป็นการพูดที่ฟังแล้วดูสวยหรู แต่เป็นตรรกะที่ห่วยมาก แต่คนก็พากันเชื่อ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะไอ้หนุ่มน้อยนี้เป็นที่ชื่นชมของประธานาธิบดีหรือเปล่า ฝรั่งก็สอพลอเป็น
    นาย Lippman ยังมีความเห็นอีกว่า คนส่วนใหญ่จะมีความเห็นชอบหรือไม่ชอบ ขึ้นอยู่กับอารมณ์ ว่างั้นเถอะ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเหตุผล (ด้วยเหตุว่า) คนพวกนี้ไม่ค่อยมีความเฉลียวฉลาดมากนัก และไม่มีความคิดที่มั่นคง แถมเป็นพวกที่ไม่ชอบใช้ความคิด หรือไม่ใช้เวลามานั่งคิดว่าอะไรเกิดขึ้นในโลกนี้บ้าง คนพวกนี้คือคนส่วนใหญ่ของสังคม (พวกโลกสวย?!) เป็นมวลชน เป็นกลุ่มชน ที่ควรจะต้องมีการชี้นำ กำกับ โดยผู้นำ ซึ่งก็อาจจะชี้นำถูกหรือผิดก็ได้ ดังนั้นในความเห็นของนาย Lippman คือ ควรจะมีผู้เชี่ยวชาญ ที่จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการแนะนำ ให้แก่ผู้มีหน้าที่ตัดสินใจ
    ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ เป็นผู้ที่มีความคิดเฉลียวฉลาด มีปัญญามองอะไรทะลุปรุโปร่ง ซึ่งส่วนมากจะเป็นผู้บริหารชั้นสูง คนระดับสูงของประเทศ หรือผู้นำกลุ่มวิชาชีพ ซึ่งเขาเหล่านี้มักจะอยู่ในระดับสูงสุดของสังคม (นี่มันไม่ใช่ แค่แบ่งชนชั้นทางสังคมนะ เป็นการแบ่งชนชั้นทางปัญญาอีกด้วย !)
    นาย Rockefeller ถูกใจมาก เขาเห็นด้วยอย่างยิ่ง บอกใช่แล้วพ่อหนุ่ม เราควรนำมาใช้ในทุกเรื่องเลย โดยเฉพาะใช้ในการครองโลก รวมทั้งด้านธุรกิจสังคมและการเมือง เพื่อชี้นำประชาชน (ฟ้อกย้อมความคิดแบบสมบูรณ์) และนี่เป็นจุดเริ่มต้นของการคิดสร้างถังความคิด (Think Tank) CFR ซึ่งแน่นอนภายหลัง นาย Lippmann เป็นหนึ่งในนักคิดคนสำคัญของ CFR ด้วย
    วิธีการโฆษณาชวนเชื่อ Propaganda พัฒนามาจนถึงปี ค.ศ.1928 Edward Bernays ซึ่งเป็นหลานของ Sigmund Freud และเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้วางแผนโฆษณาชวนเชื่อให้กับประธานาธิบดี Woodrow Wilson ในสำนักงาน CPI เขียนหนังสือชื่อ Propaganda การโฆษณาชวนเชื่อ ถือเป็นตำราที่ผู้นำทั้งหลายนำไปใช้ ในการต้อนประชาชนเข้าคอก เขาบอกว่า ประชาชนสามารถถูกชี้นำได้โดยคนไม่กี่คน ที่เข้าใจขบวนการนึกคิดและรูปแบบของมวลชน คนไม่กี่คนนี้สามารถทำหน้าที่เป็นคนกระตุกเชือกในการคุมและชี้นำความคิดของมหาชน เหมือนเวลาจะต้อนสัตว์เข้าคอกนั่นแหละ
    วิธีการเช่นนี้ ปรากฎว่าได้ผลไปในทุกวงการและทั่วโลกและยังใช้อยู่จนทุกวันนี้ เพียงแต่เขาเรียกเป็นภาษาสมัยใหม่ว่า engineering consent หรือ constructing consent กระบวนการจัดการให้ได้รับความยินยอมความเห็นชอบ ที่นักล่าเอาไว้ใช้ในการล่าเหยื่อ โดยไม่ต้องออกแรงใช้อาวุธ เพียงแค่หาวิธีย้อมความคิดเหยื่อ จนเหยื่อหลงเชื่อคล้อยตาม และเต็มใจเดินเข้าปากนักล่าให้เคี้ยวแบบสบายๆ 60 ปีมานี้สมันน้อยเต็มใจเดินเข้าปากนักล่าให้เคี้ยวอย่างสบายใจกันเกือบหมดแล้ว
    คนเล่านิทาน
30 พค. 57
    แหกคอก ตอนที่ 11 – ปฏิบัติการฟอกย้อม นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ” ตอนที่ 11 : ปฏิบัติการฟอกย้อม ปี ค.ศ.1913 เกิดเหตุการณ์ที่เหมืองถ่านหินในรัฐ Colorado รู้จักกันในชื่อเหตุการณ์ฆ่าโหด Ludlow (Ludlow Massacre) กรรมกรในเหมืองถ่านหินประมาณหมื่นกว่าคน พร้อมใจกันประท้วงนายจ้าง เนื่องจากหัวหน้ากรรมกรถูกฆาตกรรม กรรมกรพวกนี้เป็นคนต่างชาติ เช่น พวกกรีก อิตาเลียน และเซิร์บ ที่อพยพมาอยู่ในอเมริกาในช่วงอุตสาหกรรมบูม การประท้วงลามไปถึง Colorado Fuel & Iron Corporation ซึ่งเป็นของตระกูล Rockefeller กรรมกรขอขึ้นค่าแรง เนื่องจากสภาพความเป็นอยู่สุดห่วย แถมยังมีการกดขี่จากนายจ้าง และฝ่ายรัฐซึ่งเป็นเสมือนขี้ข้าของนายทุน (เพราะรับเงินส่วย !) ที่เป็นเจ้าของเหมือง นายทุนบอกโง่มาก คิดว่าเอากำลังคนมาขู่กำลังเงินจะสำเร็จหรือ ว่าแล้วก็ไล่กรรมกรและครอบครัวกระเจิงออกไปจากเหมือง กรรมกรคอตกไม่มีที่ไป จัดการกางเต็นท์ตั้งมันอยู่ที่นอกเมืองนั่นแหละ นายทุน Rockefeller บอกว่าเมื่อพูดด้วยปากไม่รู้เรื่อง ก็เอาปืนมาพูดแทนแล้วกัน แล้วเขาก็ไปจ้างพวกมือปืนรับจ้าง ซึ่งมีทั้งปืนกลและปืนไรเฟิล มายิ่งถล่มใส่เต้นท์กรรมกร ผู้ว่าการรัฐ Colorado รู้เรื่องเข้าก็บอก นายท่านจัดการเองแบบนี้ไม่ได้ เป็นหน้าที่ของกระผม แล้วขี้ข้าก็ไปรวบรวมเจ้าหน้าที่ ของรัฐ ซึ่งแน่นอน กินเงินเดือนของนายทุน Rockefeller มากวาดเต้นท์จนราบ ในวันที่ 20 เมษายน ค.ศ.1914 ประวัติศาสตร์ได้ บันทึกไว้ว่า กรรมกรที่รวมกลุ่มกันตั้งเต้นท์กลุ่มใหญ่ที่สุด มีคนรวมกันประมาณพันคน มีทั้งผู้หญิงผู้ชายและเด็ก ถูกปืนกลของเจ้าหน้าที่รัฐรัวใส่บาดเจ็บล้มตายระเนระนาดไปหมด และเมื่อกรรมกรยกธงขาวเดินเข้ามาขอเจรจาสงบศึก เขาก็ถูกปืนกลรัวใส่ตายคาที่เรียบร้อยอยู่บนพื้นถนน หลังจากนั้นปืนกลก็รัวต่อจนถึงค่ำ ตามต่อด้วยเจ้าหน้าที่จุดไฟเผาเต้นท์จนไม่เหลือ กรรมกรตายเรียบ ในจำนวนผู้ที่ถูกไฟเผามีทั้งผู้หญิงและเด็ก ชื่อของฆ่าโหด Ludlow ก็เป็นที่รู้จักดังไปทั่วตั้งแต่นั้นมา หนังสือพิมพ์ลงข่าวทุกวัน พร้อมคำด่ามาจากทุกสารทิศ นายทุน Rockefeller บอกว่าเรื่องแบบนี้จะต้องไม่เกิดขึ้นอีก ขอโทษอย่าเข้าใจผิดว่า เรื่องสาดปืนกลและเอาไฟเผาจะไม่เกิดขึ้นอีก เขาหมายความว่าการที่สื่อประโคมข่าวด่าแบบไม่เลิกนี้ จะต้องไม่เกิดขึ้นอีกต่างหาก ดังนั้น Rockefeller Foundation จึงได้รับมอบหมายให้ทำการวิจัย เกี่ยวกับการโฆษณาชวนเชื่อ propaganda เพื่อหาวิธีปิดปากสังคมเกี่ยวกับความไม่สงบทางสังคม และการเมือง ไหนๆ จะวิเคราะห์วิจัยเกี่ยวกับเรื่องการบิดเบือนข้อเท็จจริงแล้ว มันก็ควรจะทำกันให้ครบถ้วนไปเลย โดยหาวิธีคิดหลักสูตรเพิ่มคือ เอาให้ถึงวิธีชี้นำสังคม ว่าความจริง truth เป็นอย่างไรไม่สำคัญ สำคัญว่าจะทำให้สังคมคิดอย่างไรกับความจริงนั้นต่างหาก หาวิธีใส่ความคิดเข้าในหัวเรา ! วิธีการนี้มาจากการโฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งได้มีการทดลองใช้ในช่วงสงคราม โลกครั้งที่ 1 มาแล้ว โดยประธานาธิบดี Woodrow Wilson ได้ตั้งหน่วยงาน US Committee on Public Information (CPI) เพื่อให้ประชาชนสนับสนุนการทำสงคราม ก่อนทำสงครามประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะชนชั้นกรรมกร ไม่มีใครอยากให้ทำสงคราม เพราะมีแต่ความอดอยาก ชาวบ้านบอกว่าสงครามเป็นเรื่อง ของคนรวย แต่นาย Walter Lippman นักคิด นักเขียน จากมหาวิทยาลัย Harvard ผู้ซึ่งประธานาธิบดี Roosevelt ปลื้มมาก บอกว่าเป็นคนหนุ่มที่ฉลาดที่สุดในพวกวัยเดียวกับเขา (ตอนนั้นเขาอายุ 25 ปี) นาย Lippman บอกว่าที่ทำสงครามเพื่อทำให้ประชาธิปไตยเราปลอดภัย เป็นการพูดที่ฟังแล้วดูสวยหรู แต่เป็นตรรกะที่ห่วยมาก แต่คนก็พากันเชื่อ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะไอ้หนุ่มน้อยนี้เป็นที่ชื่นชมของประธานาธิบดีหรือเปล่า ฝรั่งก็สอพลอเป็น นาย Lippman ยังมีความเห็นอีกว่า คนส่วนใหญ่จะมีความเห็นชอบหรือไม่ชอบ ขึ้นอยู่กับอารมณ์ ว่างั้นเถอะ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเหตุผล (ด้วยเหตุว่า) คนพวกนี้ไม่ค่อยมีความเฉลียวฉลาดมากนัก และไม่มีความคิดที่มั่นคง แถมเป็นพวกที่ไม่ชอบใช้ความคิด หรือไม่ใช้เวลามานั่งคิดว่าอะไรเกิดขึ้นในโลกนี้บ้าง คนพวกนี้คือคนส่วนใหญ่ของสังคม (พวกโลกสวย?!) เป็นมวลชน เป็นกลุ่มชน ที่ควรจะต้องมีการชี้นำ กำกับ โดยผู้นำ ซึ่งก็อาจจะชี้นำถูกหรือผิดก็ได้ ดังนั้นในความเห็นของนาย Lippman คือ ควรจะมีผู้เชี่ยวชาญ ที่จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการแนะนำ ให้แก่ผู้มีหน้าที่ตัดสินใจ ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ เป็นผู้ที่มีความคิดเฉลียวฉลาด มีปัญญามองอะไรทะลุปรุโปร่ง ซึ่งส่วนมากจะเป็นผู้บริหารชั้นสูง คนระดับสูงของประเทศ หรือผู้นำกลุ่มวิชาชีพ ซึ่งเขาเหล่านี้มักจะอยู่ในระดับสูงสุดของสังคม (นี่มันไม่ใช่ แค่แบ่งชนชั้นทางสังคมนะ เป็นการแบ่งชนชั้นทางปัญญาอีกด้วย !) นาย Rockefeller ถูกใจมาก เขาเห็นด้วยอย่างยิ่ง บอกใช่แล้วพ่อหนุ่ม เราควรนำมาใช้ในทุกเรื่องเลย โดยเฉพาะใช้ในการครองโลก รวมทั้งด้านธุรกิจสังคมและการเมือง เพื่อชี้นำประชาชน (ฟ้อกย้อมความคิดแบบสมบูรณ์) และนี่เป็นจุดเริ่มต้นของการคิดสร้างถังความคิด (Think Tank) CFR ซึ่งแน่นอนภายหลัง นาย Lippmann เป็นหนึ่งในนักคิดคนสำคัญของ CFR ด้วย วิธีการโฆษณาชวนเชื่อ Propaganda พัฒนามาจนถึงปี ค.ศ.1928 Edward Bernays ซึ่งเป็นหลานของ Sigmund Freud และเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้วางแผนโฆษณาชวนเชื่อให้กับประธานาธิบดี Woodrow Wilson ในสำนักงาน CPI เขียนหนังสือชื่อ Propaganda การโฆษณาชวนเชื่อ ถือเป็นตำราที่ผู้นำทั้งหลายนำไปใช้ ในการต้อนประชาชนเข้าคอก เขาบอกว่า ประชาชนสามารถถูกชี้นำได้โดยคนไม่กี่คน ที่เข้าใจขบวนการนึกคิดและรูปแบบของมวลชน คนไม่กี่คนนี้สามารถทำหน้าที่เป็นคนกระตุกเชือกในการคุมและชี้นำความคิดของมหาชน เหมือนเวลาจะต้อนสัตว์เข้าคอกนั่นแหละ วิธีการเช่นนี้ ปรากฎว่าได้ผลไปในทุกวงการและทั่วโลกและยังใช้อยู่จนทุกวันนี้ เพียงแต่เขาเรียกเป็นภาษาสมัยใหม่ว่า engineering consent หรือ constructing consent กระบวนการจัดการให้ได้รับความยินยอมความเห็นชอบ ที่นักล่าเอาไว้ใช้ในการล่าเหยื่อ โดยไม่ต้องออกแรงใช้อาวุธ เพียงแค่หาวิธีย้อมความคิดเหยื่อ จนเหยื่อหลงเชื่อคล้อยตาม และเต็มใจเดินเข้าปากนักล่าให้เคี้ยวแบบสบายๆ 60 ปีมานี้สมันน้อยเต็มใจเดินเข้าปากนักล่าให้เคี้ยวอย่างสบายใจกันเกือบหมดแล้ว คนเล่านิทาน
30 พค. 57
    0 Comments 0 Shares 202 Views 0 Reviews
  • “Kodi 22 ‘Piers’ มาแล้ว! รองรับ HDR บน Wayland และ OpenGL พร้อมฟีเจอร์ใหม่เพียบทั้งเกม หนัง และระบบเสียง”

    ถ้าคุณเป็นสายดูหนัง เล่นเกม หรือใช้ Kodi เป็นศูนย์กลางความบันเทิงในบ้าน — เวอร์ชันใหม่ที่กำลังจะมาในชื่อ Kodi 22 “Piers” คือการอัปเกรดครั้งใหญ่ที่น่าจับตามอง โดยเฉพาะผู้ใช้ Linux เพราะมันมาพร้อมฟีเจอร์ที่รอคอยมานาน: รองรับ HDR บน Wayland และ HDR passthrough บน OpenGL

    Kodi 22 ได้เพิ่มการรองรับ Wayland Color Management Protocol ซึ่งทำให้สามารถแสดงภาพ HDR ได้บนระบบที่ใช้ Wayland compositor ที่รองรับ — ถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับผู้ใช้ Linux ที่ต้องการคุณภาพภาพระดับสูงโดยไม่ต้องพึ่ง X11 อีกต่อไป

    นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงด้านเกม เช่น รองรับ shader, ปรับปรุงการใช้เมาส์และคีย์บอร์ด, และการเรนเดอร์แบบ front-to-back บน OpenGL เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ รวมถึงการลดการใช้หน่วยความจำสำหรับ texture แบบ single และ dual channel

    ฝั่งวิดีโอและเสียงก็ไม่น้อยหน้า: Kodi 22 รองรับ FFmpeg 7, เพิ่มระบบ chapter สำหรับ audiobook, ปรับปรุงเมนูเลือกตอนใน Blu-ray, และเพิ่มระบบจัดการ Movie Versions/Extras แบบใหม่ที่แสดง artwork และข้อมูลได้ละเอียดขึ้น

    สำหรับ Android ก็รองรับ Android 15 และ page size 16KB พร้อมฟีเจอร์แชร์ไฟล์กับแอปอื่น ส่วน LG webOS ก็มี unified media pipeline ใหม่ และ Windows ARM64 ก็เริ่มรองรับแล้วเช่นกัน

    ด้าน PVR (Personal Video Recorder) มีการเพิ่ม Recently Added Channels, widget ใหม่, ระบบ Custom Timers, และปรับปรุงการค้นหา EPG รวมถึงการจัดกลุ่มช่องรายการ

    สุดท้ายคือการปรับปรุงด้านเครือข่าย เช่น การแสดง SMB directory ขนาดใหญ่ได้เร็วขึ้น, รองรับ SMB 2.0 ที่ไม่มีฟีเจอร์ “large MTU”, และเชื่อมต่อกับ Windows SMB server ที่ไม่มีรหัสผ่านได้ดีขึ้น

    การรองรับ HDR และกราฟิกบน Linux
    รองรับ HDR passthrough บน OpenGL
    รองรับ HDR บน Wayland ผ่าน Wayland Color Management Protocol
    ปรับปรุงการเรนเดอร์แบบ front-to-back บน OpenGL(ES)
    ลดการใช้หน่วยความจำสำหรับ texture แบบ single และ dual channel

    ฟีเจอร์ใหม่ด้านวิดีโอและเสียง
    รองรับ FFmpeg 7
    เพิ่มระบบ audiobook chapter
    ปรับปรุง Movie Versions/Extras และ Blu-ray episode menu
    เพิ่มระบบจัดการ artwork และข้อมูลตอนใน Blu-ray

    ฟีเจอร์ด้านเกม
    รองรับ shader สำหรับเกม
    ปรับปรุงการใช้เมาส์และคีย์บอร์ด
    ปรับปรุงคุณภาพ texture สำหรับอุปกรณ์ช้า

    การรองรับแพลตฟอร์มต่างๆ
    Android รองรับ Android 15 และ page size 16KB
    LG webOS มี unified media pipeline ใหม่
    Windows รองรับ ARM64 desktop และ Python 3.13
    รองรับการแชร์ไฟล์กับแอปอื่นบน Android

    การปรับปรุงระบบ PVR
    เพิ่ม Recently Added Channels และ widget ใหม่
    เพิ่ม Providers window และ Custom Timers
    ปรับปรุงการจัดกลุ่มช่อง, การค้นหา, และการบันทึก

    การปรับปรุงด้านเครือข่าย
    แสดง SMB directory ขนาดใหญ่ได้เร็วขึ้น
    รองรับ SMB 2.0 ที่ไม่มีฟีเจอร์ large MTU
    เชื่อมต่อกับ Windows SMB server ที่ไม่มีรหัสผ่านได้ดีขึ้น

    การรองรับอุปกรณ์เสริม
    ปรับปรุงการใช้งาน OSMC Remote
    รองรับ Pulse-Eight CEC adapter และ Flirc receiver

    https://9to5linux.com/kodi-22-piers-promises-hdr-passthrough-on-opengl-and-hdr-on-wayland
    🎬 “Kodi 22 ‘Piers’ มาแล้ว! รองรับ HDR บน Wayland และ OpenGL พร้อมฟีเจอร์ใหม่เพียบทั้งเกม หนัง และระบบเสียง” ถ้าคุณเป็นสายดูหนัง เล่นเกม หรือใช้ Kodi เป็นศูนย์กลางความบันเทิงในบ้าน — เวอร์ชันใหม่ที่กำลังจะมาในชื่อ Kodi 22 “Piers” คือการอัปเกรดครั้งใหญ่ที่น่าจับตามอง โดยเฉพาะผู้ใช้ Linux เพราะมันมาพร้อมฟีเจอร์ที่รอคอยมานาน: รองรับ HDR บน Wayland และ HDR passthrough บน OpenGL Kodi 22 ได้เพิ่มการรองรับ Wayland Color Management Protocol ซึ่งทำให้สามารถแสดงภาพ HDR ได้บนระบบที่ใช้ Wayland compositor ที่รองรับ — ถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับผู้ใช้ Linux ที่ต้องการคุณภาพภาพระดับสูงโดยไม่ต้องพึ่ง X11 อีกต่อไป นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงด้านเกม เช่น รองรับ shader, ปรับปรุงการใช้เมาส์และคีย์บอร์ด, และการเรนเดอร์แบบ front-to-back บน OpenGL เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ รวมถึงการลดการใช้หน่วยความจำสำหรับ texture แบบ single และ dual channel ฝั่งวิดีโอและเสียงก็ไม่น้อยหน้า: Kodi 22 รองรับ FFmpeg 7, เพิ่มระบบ chapter สำหรับ audiobook, ปรับปรุงเมนูเลือกตอนใน Blu-ray, และเพิ่มระบบจัดการ Movie Versions/Extras แบบใหม่ที่แสดง artwork และข้อมูลได้ละเอียดขึ้น สำหรับ Android ก็รองรับ Android 15 และ page size 16KB พร้อมฟีเจอร์แชร์ไฟล์กับแอปอื่น ส่วน LG webOS ก็มี unified media pipeline ใหม่ และ Windows ARM64 ก็เริ่มรองรับแล้วเช่นกัน ด้าน PVR (Personal Video Recorder) มีการเพิ่ม Recently Added Channels, widget ใหม่, ระบบ Custom Timers, และปรับปรุงการค้นหา EPG รวมถึงการจัดกลุ่มช่องรายการ สุดท้ายคือการปรับปรุงด้านเครือข่าย เช่น การแสดง SMB directory ขนาดใหญ่ได้เร็วขึ้น, รองรับ SMB 2.0 ที่ไม่มีฟีเจอร์ “large MTU”, และเชื่อมต่อกับ Windows SMB server ที่ไม่มีรหัสผ่านได้ดีขึ้น ✅ การรองรับ HDR และกราฟิกบน Linux ➡️ รองรับ HDR passthrough บน OpenGL ➡️ รองรับ HDR บน Wayland ผ่าน Wayland Color Management Protocol ➡️ ปรับปรุงการเรนเดอร์แบบ front-to-back บน OpenGL(ES) ➡️ ลดการใช้หน่วยความจำสำหรับ texture แบบ single และ dual channel ✅ ฟีเจอร์ใหม่ด้านวิดีโอและเสียง ➡️ รองรับ FFmpeg 7 ➡️ เพิ่มระบบ audiobook chapter ➡️ ปรับปรุง Movie Versions/Extras และ Blu-ray episode menu ➡️ เพิ่มระบบจัดการ artwork และข้อมูลตอนใน Blu-ray ✅ ฟีเจอร์ด้านเกม ➡️ รองรับ shader สำหรับเกม ➡️ ปรับปรุงการใช้เมาส์และคีย์บอร์ด ➡️ ปรับปรุงคุณภาพ texture สำหรับอุปกรณ์ช้า ✅ การรองรับแพลตฟอร์มต่างๆ ➡️ Android รองรับ Android 15 และ page size 16KB ➡️ LG webOS มี unified media pipeline ใหม่ ➡️ Windows รองรับ ARM64 desktop และ Python 3.13 ➡️ รองรับการแชร์ไฟล์กับแอปอื่นบน Android ✅ การปรับปรุงระบบ PVR ➡️ เพิ่ม Recently Added Channels และ widget ใหม่ ➡️ เพิ่ม Providers window และ Custom Timers ➡️ ปรับปรุงการจัดกลุ่มช่อง, การค้นหา, และการบันทึก ✅ การปรับปรุงด้านเครือข่าย ➡️ แสดง SMB directory ขนาดใหญ่ได้เร็วขึ้น ➡️ รองรับ SMB 2.0 ที่ไม่มีฟีเจอร์ large MTU ➡️ เชื่อมต่อกับ Windows SMB server ที่ไม่มีรหัสผ่านได้ดีขึ้น ✅ การรองรับอุปกรณ์เสริม ➡️ ปรับปรุงการใช้งาน OSMC Remote ➡️ รองรับ Pulse-Eight CEC adapter และ Flirc receiver https://9to5linux.com/kodi-22-piers-promises-hdr-passthrough-on-opengl-and-hdr-on-wayland
    9TO5LINUX.COM
    Kodi 22 "Piers" Promises HDR Passthrough on OpenGL and HDR on Wayland - 9to5Linux
    Kodi 22 "Piers" open-source media center is now available for public testing promising HDR on Wayland support for Linux systems.
    0 Comments 0 Shares 174 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจาก Helios 18P AI: เมื่อแล็ปท็อปเกมมิ่งกลายเป็นเครื่องมือของนักวิจัยและนักสร้างสรรค์

    ในงาน IFA 2025 ที่เบอร์ลิน Acer เปิดตัว Predator Helios 18P AI ซึ่งดูเผิน ๆ เหมือนเกมมิ่งแล็ปท็อปทั่วไป—มีโลโก้ Predator, ไฟ RGB, และดีไซน์ดุดัน แต่เมื่อดูสเปกแล้ว มันคือ “AI workstation แบบพกพา” ที่ออกแบบมาเพื่อคนทำงานจริงจัง ไม่ใช่แค่เล่นเกม

    หัวใจของเครื่องคือ Intel Core Ultra 9 285HX พร้อม vPro ซึ่งให้ความสามารถด้านการจัดการระดับองค์กร และความเสถียรแบบ workstation ส่วน RAM ก็ไม่ธรรมดา เพราะรองรับ ECC (Error-Correcting Code) สูงสุดถึง 192GB—เทคโนโลยีที่ใช้ในเซิร์ฟเวอร์เพื่อป้องกันข้อมูลเสียหายระหว่างการประมวลผล

    GPU ใช้ NVIDIA GeForce RTX 5090 Laptop ที่มีพลัง AI TOPS สูงถึง 1824 พร้อม DLSS 4 และ Tensor Core รุ่นที่ 5 ซึ่งเหมาะกับทั้งการเล่นเกมระดับสูงและการประมวลผล AI เช่นการเทรนโมเดล, การเรนเดอร์ภาพ 3D, หรือการจำลองทางวิทยาศาสตร์

    หน้าจอ Mini LED ขนาด 18 นิ้ว ความละเอียด 3840 × 2400 รองรับ HDR 1000 nits และ DCI-P3 เต็มช่วงสี พร้อม refresh rate 120Hz ทำให้เหมาะกับงานที่ต้องการความแม่นยำด้านสี เช่นการตัดต่อวิดีโอหรือการทำงานด้านภาพยนตร์

    ระบบระบายความร้อนใช้พัดลม AeroBlade รุ่นที่ 6 ที่บางเพียง 0.05 มม. พร้อม liquid metal และ heat pipe แบบ vector เพื่อให้เครื่องทำงานเต็มประสิทธิภาพโดยไม่ร้อนเกินไป

    สเปกระดับ workstation ที่ใส่ในแล็ปท็อปเกมมิ่ง
    ใช้ Intel Core Ultra 9 285HX พร้อม vPro สำหรับการจัดการระดับองค์กร
    รองรับ ECC RAM สูงสุด 192GB เพื่อป้องกันข้อมูลเสียหาย
    GPU เป็น RTX 5090 Laptop พร้อม DLSS 4 และ Tensor Core รุ่นที่ 5

    ความสามารถด้าน AI และการประมวลผลหนัก
    รองรับ AI workload ด้วย NPU และ GPU ที่มี AI TOPS สูง
    เหมาะกับงานเทรนโมเดล, simulation, และการเรนเดอร์ระดับสูง
    ใช้ PCIe Gen 5 SSD สูงสุด 6TB สำหรับการเข้าถึงข้อมูลเร็ว

    หน้าจอและการเชื่อมต่อสำหรับ creator
    Mini LED 18 นิ้ว ความละเอียด 3840 × 2400, HDR 1000 nits, DCI-P3 เต็มช่วงสี
    มี Thunderbolt 5, HDMI 2.1, SD card reader, Wi-Fi 7 และ Killer Ethernet
    เหมาะกับงานตัดต่อวิดีโอ, color grading, และการทำงานแบบมืออาชีพ

    ระบบระบายความร้อนระดับสูง
    ใช้พัดลม AeroBlade รุ่นที่ 6 บางเพียง 0.05 มม.
    มี liquid metal thermal grease และ vector heat pipe
    ช่วยให้เครื่องทำงานเต็มประสิทธิภาพโดยไม่เกิด thermal throttling

    https://www.tomshardware.com/laptops/gaming-laptops/acer-hedges-its-hardware-bets-puts-vpro-and-ecc-memory-in-new-high-end-gaming-laptop
    🎙️ เรื่องเล่าจาก Helios 18P AI: เมื่อแล็ปท็อปเกมมิ่งกลายเป็นเครื่องมือของนักวิจัยและนักสร้างสรรค์ ในงาน IFA 2025 ที่เบอร์ลิน Acer เปิดตัว Predator Helios 18P AI ซึ่งดูเผิน ๆ เหมือนเกมมิ่งแล็ปท็อปทั่วไป—มีโลโก้ Predator, ไฟ RGB, และดีไซน์ดุดัน แต่เมื่อดูสเปกแล้ว มันคือ “AI workstation แบบพกพา” ที่ออกแบบมาเพื่อคนทำงานจริงจัง ไม่ใช่แค่เล่นเกม หัวใจของเครื่องคือ Intel Core Ultra 9 285HX พร้อม vPro ซึ่งให้ความสามารถด้านการจัดการระดับองค์กร และความเสถียรแบบ workstation ส่วน RAM ก็ไม่ธรรมดา เพราะรองรับ ECC (Error-Correcting Code) สูงสุดถึง 192GB—เทคโนโลยีที่ใช้ในเซิร์ฟเวอร์เพื่อป้องกันข้อมูลเสียหายระหว่างการประมวลผล GPU ใช้ NVIDIA GeForce RTX 5090 Laptop ที่มีพลัง AI TOPS สูงถึง 1824 พร้อม DLSS 4 และ Tensor Core รุ่นที่ 5 ซึ่งเหมาะกับทั้งการเล่นเกมระดับสูงและการประมวลผล AI เช่นการเทรนโมเดล, การเรนเดอร์ภาพ 3D, หรือการจำลองทางวิทยาศาสตร์ หน้าจอ Mini LED ขนาด 18 นิ้ว ความละเอียด 3840 × 2400 รองรับ HDR 1000 nits และ DCI-P3 เต็มช่วงสี พร้อม refresh rate 120Hz ทำให้เหมาะกับงานที่ต้องการความแม่นยำด้านสี เช่นการตัดต่อวิดีโอหรือการทำงานด้านภาพยนตร์ ระบบระบายความร้อนใช้พัดลม AeroBlade รุ่นที่ 6 ที่บางเพียง 0.05 มม. พร้อม liquid metal และ heat pipe แบบ vector เพื่อให้เครื่องทำงานเต็มประสิทธิภาพโดยไม่ร้อนเกินไป ✅ สเปกระดับ workstation ที่ใส่ในแล็ปท็อปเกมมิ่ง ➡️ ใช้ Intel Core Ultra 9 285HX พร้อม vPro สำหรับการจัดการระดับองค์กร ➡️ รองรับ ECC RAM สูงสุด 192GB เพื่อป้องกันข้อมูลเสียหาย ➡️ GPU เป็น RTX 5090 Laptop พร้อม DLSS 4 และ Tensor Core รุ่นที่ 5 ✅ ความสามารถด้าน AI และการประมวลผลหนัก ➡️ รองรับ AI workload ด้วย NPU และ GPU ที่มี AI TOPS สูง ➡️ เหมาะกับงานเทรนโมเดล, simulation, และการเรนเดอร์ระดับสูง ➡️ ใช้ PCIe Gen 5 SSD สูงสุด 6TB สำหรับการเข้าถึงข้อมูลเร็ว ✅ หน้าจอและการเชื่อมต่อสำหรับ creator ➡️ Mini LED 18 นิ้ว ความละเอียด 3840 × 2400, HDR 1000 nits, DCI-P3 เต็มช่วงสี ➡️ มี Thunderbolt 5, HDMI 2.1, SD card reader, Wi-Fi 7 และ Killer Ethernet ➡️ เหมาะกับงานตัดต่อวิดีโอ, color grading, และการทำงานแบบมืออาชีพ ✅ ระบบระบายความร้อนระดับสูง ➡️ ใช้พัดลม AeroBlade รุ่นที่ 6 บางเพียง 0.05 มม. ➡️ มี liquid metal thermal grease และ vector heat pipe ➡️ ช่วยให้เครื่องทำงานเต็มประสิทธิภาพโดยไม่เกิด thermal throttling https://www.tomshardware.com/laptops/gaming-laptops/acer-hedges-its-hardware-bets-puts-vpro-and-ecc-memory-in-new-high-end-gaming-laptop
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Acer hedges its hardware bets, puts vPro and ECC memory in new high-end gaming laptop
    The company says the Predator Helios 18P AI is also a local AI workstation.
    0 Comments 0 Shares 166 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจาก reMarkable Paper Pro Move: เมื่อความเรียบง่ายกลายเป็นพลังของการจดจำและสร้างสรรค์

    ในยุคที่สมาร์ทโฟนทำได้ทุกอย่าง แต่ก็รบกวนทุกอย่างไปพร้อมกัน reMarkable จึงออกแบบอุปกรณ์ที่ “ทำได้น้อย แต่ทำได้ดี” โดยเฉพาะกับรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Paper Pro Move ซึ่งเป็นสมุดโน้ตดิจิทัลขนาด 7.3 นิ้ว ที่พกพาได้ง่ายเหมือนสมุดนักข่าว และให้สัมผัสการเขียนที่ใกล้เคียงกับปากกาบนกระดาษมากที่สุดในตลาดตอนนี้

    หน้าจอ Canvas Color ใช้เทคโนโลยี e-paper ที่สะท้อนแสงธรรมชาติ ลดอาการล้าตา พร้อมไฟอ่านในตัวสำหรับใช้งานในที่มืด และรองรับสีได้มากกว่า 20,000 เฉด แม้จะไม่สดใสเท่า OLED แต่กลับให้ความรู้สึก “จริง” มากกว่าเมื่อเขียนด้วย Marker stylus ที่มีแรงเสียดทานพอดี ๆ เหมือนปากกาบนกระดาษ4

    ฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามา ได้แก่ handwriting search ที่ช่วยค้นหาข้อความจากลายมือ, การแปลงลายมือเป็นข้อความ, การส่งอีเมลจากอุปกรณ์โดยตรง, และการเชื่อมต่อกับบริการ cloud เช่น Dropbox, Google Drive และ OneDrive ผ่าน Wi-Fi

    ตัวเครื่องบางเพียง 6.5 มม. น้ำหนัก 235 กรัม ทำจากอะลูมิเนียมรีไซเคิลมากกว่า 50% และมีแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานถึง 2 สัปดาห์ ชาร์จเพียง 10 นาทีได้พลังงานใช้งานถึง 3 วัน เหมาะกับการพกพาไปประชุม สนามบิน หรือคาเฟ่ โดยไม่ต้องพึ่งแล็ปท็อปหรือมือถือที่เต็มไปด้วยสิ่งรบกวน

    https://www.slashgear.com/1957782/remarkable-paper-pro-move-first-look-epaper-notebook/
    🎙️ เรื่องเล่าจาก reMarkable Paper Pro Move: เมื่อความเรียบง่ายกลายเป็นพลังของการจดจำและสร้างสรรค์ ในยุคที่สมาร์ทโฟนทำได้ทุกอย่าง แต่ก็รบกวนทุกอย่างไปพร้อมกัน reMarkable จึงออกแบบอุปกรณ์ที่ “ทำได้น้อย แต่ทำได้ดี” โดยเฉพาะกับรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Paper Pro Move ซึ่งเป็นสมุดโน้ตดิจิทัลขนาด 7.3 นิ้ว ที่พกพาได้ง่ายเหมือนสมุดนักข่าว และให้สัมผัสการเขียนที่ใกล้เคียงกับปากกาบนกระดาษมากที่สุดในตลาดตอนนี้ หน้าจอ Canvas Color ใช้เทคโนโลยี e-paper ที่สะท้อนแสงธรรมชาติ ลดอาการล้าตา พร้อมไฟอ่านในตัวสำหรับใช้งานในที่มืด และรองรับสีได้มากกว่า 20,000 เฉด แม้จะไม่สดใสเท่า OLED แต่กลับให้ความรู้สึก “จริง” มากกว่าเมื่อเขียนด้วย Marker stylus ที่มีแรงเสียดทานพอดี ๆ เหมือนปากกาบนกระดาษ4 ฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามา ได้แก่ handwriting search ที่ช่วยค้นหาข้อความจากลายมือ, การแปลงลายมือเป็นข้อความ, การส่งอีเมลจากอุปกรณ์โดยตรง, และการเชื่อมต่อกับบริการ cloud เช่น Dropbox, Google Drive และ OneDrive ผ่าน Wi-Fi ตัวเครื่องบางเพียง 6.5 มม. น้ำหนัก 235 กรัม ทำจากอะลูมิเนียมรีไซเคิลมากกว่า 50% และมีแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานถึง 2 สัปดาห์ ชาร์จเพียง 10 นาทีได้พลังงานใช้งานถึง 3 วัน เหมาะกับการพกพาไปประชุม สนามบิน หรือคาเฟ่ โดยไม่ต้องพึ่งแล็ปท็อปหรือมือถือที่เต็มไปด้วยสิ่งรบกวน https://www.slashgear.com/1957782/remarkable-paper-pro-move-first-look-epaper-notebook/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    It's Not Cheap, But This E-Paper Notebook Is Unexpectedly Delightful - SlashGear
    You can go with the iPad mini if you want, but maybe consider another option, because this E-paper notebook is worth considering.
    0 Comments 0 Shares 130 Views 0 Reviews
  • 19 Rare And Obscure Color Words Unlike Any Others

    Do you know all of your colors? No, we aren’t just talking about red and green. We mean color words like quercitron, puce, and dragon’s blood. There are so many unique and fascinating words that describe shades of color in our language. If you stop at the basics, you might just miss out on some of the most vivid and historically interesting shades that exist. Luckily, we’re here to prevent that. To celebrate all of the colors of the rainbow, and then some, we’ve put together a list of rare color words that are unlike any other. Keep reading for 19 obscure color words you may not have heard before.

    1. dragon’s blood
    This shade of red has a great name, but we’re sorry to disappoint you: it doesn’t actually come from dragons. Dragon’s blood is also sometimes called Pompeian red, and it’s a “dull, grayish red.” The color is associated with the deep-red resin that exudes from the fruit of palms, like the Malaysian palm and the dragon tree. It was first recorded in English in the 1590s.

    2. quercitron
    Quercitron might sound like a new type of robot technology, but it’s actually a shade of yellow. It’s named for the yellow dye produced by the bark of an oak tree that’s native to eastern North America. The word is a combination of the Latin quercus, or “oak,” and citron, “a grayish-green yellow color.”

    3. ultramarine
    If you’re imagining ultramarine as “a deep-blue color,” you are correct. In Medieval Latin, from which this word derives, ultramarinus literally means “beyond the sea.” This is because, historically, pigment from the mineral lapis lazuli was needed to make ultramarine dye, and this mineral had to be imported to Europe from Asia. Ultramarine has been in use in English since the late 1500s.

    4. annatto
    Annatto is a yellowish-red color, named for the dye that can be obtained from the pulp enclosing the seeds of the tree of the same name. This tree is also sometimes called the lipstick tree, and its dye is still used today to color cosmetics, butter, and cheese. The word annatto was borrowed into English from Carib.

    5. Tyrian purple
    Looking for “a vivid, purplish red”? Tyrian purple is your color. Tyrian purple was highly prized during the Byzantine empire, in part because of how difficult it was to obtain. The base to create this shade of purple had to be obtained from the secretions of a predatory sea snail. The term Tyrian purple has been in use in English since the late 1500s.

    6. Mazarine
    Mazarine is “a deep, rich blue,” most commonly associated with textiles and ceramics. The word first entered English between 1665 to 1675, but its origins aren’t fully known. The name may be an homage to a famous Italian cardinal, Cardinal Mazarin, who was culturally influential.

    7. cerulean
    Speaking of shades of blue, what about cerulean? Cerulean is best described as “deep blue; sky blue; azure.” In fact, it comes from the Latin caeruleus, meaning “dark blue.” The word has been in use in English since the mid-1600s, though the artist’s cerulean blue emerged closer to the late 1800s.

    8. greige
    What do you call “a warm beige color with gray undertones”? Greige, of course. This may sound like a trendy compound word that was invented by HGTV in the 2000s, but the color greige has actually been around for a while. Its name was first recorded in English as early as 1925, and it actually comes from the French grège, meaning “raw,” which was used to describe silk.

    9. citreous
    If the word citreous gives you visions of lemons and limes, you’re on the right track. This color is “lemon-yellow” or “greenish-yellow.” As you may have guessed, it is closely associated with citrus. In Latin, citreus means “of the citrus tree.” We’ve been using this term in English since at least 1865.

    10. ponceau
    You might see ponceau during a sunset. It means “a vivid reddish-orange color.” It may also make you think of poppies, as it likely derives from the Old French pouncel, or “poppy.” It was first recorded in English as early as 1825.

    11. sepia
    If you’ve ever used an Instagram filter, you’re probably familiar with sepia. This “brown, grayish brown, or olive brown” is often used in photography to give photos an old-fashioned vibe. The Latin sēpia, from which this word originates, means “cuttlefish” (and this is the creature that secretes the pigment used to create sepia).

    12. gamboge
    Gamboge is a “yellow or yellow-orange” color. It’s named for the yellow color of gum resin that comes from a type of tree native to Cambodia. Gamboge comes from Modern Latin cambogium, which is the Latin version of the place name Cambodia. This distinctive color name first appeared in English in the early 1600s.

    13. lovat
    Lovat doesn’t just describe one color. It means “a grayish blend of colors, especially of green, used in textiles, as for plaids.” First recorded between 1905 and 1910, lovat is likely named after Thomas Alexander Fraser, also known as Lord Lovat, who helped popularize tweeds in muted colors as attire for hunters.

    14. smaragdine
    If something is “emerald-green in color,” you can call it smaragdine. While this term is more rare, smaragd actually means “emerald” in Middle English. It’s likely that English speakers borrowed the term from the Greek smarágdinos, which was probably itself borrowed from Sanskrit marakata. The term has a long history and was first recorded in English as early as 1350.

    15. puce
    In French, puce means “flea” or “flea-colored.” In English, it’s most often used to describe “a dark or brownish purple.” Historically, it may also have been associated with the color of the scab or mark that a flea bite leaves behind. In any case, this creepy, crawly color word has existed in English since the 1780s.

    16. Viridian
    Let’s talk about green things, like Kermit the Frog, grass, or viridian. Viridian is the color of “a long-lasting bluish-green pigment.” Its name comes from the Latin viridi or viridis, which literally means “green.” Viridian entered English in the 1800s.

    17. heliotrope
    Heliotrope may sound like a chemical compound, but it’s actually a color that comes from a plant. It means “a light tint of purple; reddish lavender,” as found on the flowers of several plants belonging to the genus Heliotropium. These plants turn their leaves to the sun, hence their name, which can be traced to the Greek god Helios, or “sun.”

    18. sable
    Sable is another word for the color black. Typically it describes something “very dark or black,” that resembles the fur of an actual sable, an Old World weasel-like mammal. Sable entered English in the late 1200s or early 1300s.

    19. wheaten
    What color is wheaten? It might not surprise you to find out that this color word is pretty literal. It means “of the color of wheat, especially a pale yellow-brown color.” It’s also among the oldest words on our list, appearing in English before the year 900.

    © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    19 Rare And Obscure Color Words Unlike Any Others Do you know all of your colors? No, we aren’t just talking about red and green. We mean color words like quercitron, puce, and dragon’s blood. There are so many unique and fascinating words that describe shades of color in our language. If you stop at the basics, you might just miss out on some of the most vivid and historically interesting shades that exist. Luckily, we’re here to prevent that. To celebrate all of the colors of the rainbow, and then some, we’ve put together a list of rare color words that are unlike any other. Keep reading for 19 obscure color words you may not have heard before. 1. dragon’s blood This shade of red has a great name, but we’re sorry to disappoint you: it doesn’t actually come from dragons. Dragon’s blood is also sometimes called Pompeian red, and it’s a “dull, grayish red.” The color is associated with the deep-red resin that exudes from the fruit of palms, like the Malaysian palm and the dragon tree. It was first recorded in English in the 1590s. 2. quercitron Quercitron might sound like a new type of robot technology, but it’s actually a shade of yellow. It’s named for the yellow dye produced by the bark of an oak tree that’s native to eastern North America. The word is a combination of the Latin quercus, or “oak,” and citron, “a grayish-green yellow color.” 3. ultramarine If you’re imagining ultramarine as “a deep-blue color,” you are correct. In Medieval Latin, from which this word derives, ultramarinus literally means “beyond the sea.” This is because, historically, pigment from the mineral lapis lazuli was needed to make ultramarine dye, and this mineral had to be imported to Europe from Asia. Ultramarine has been in use in English since the late 1500s. 4. annatto Annatto is a yellowish-red color, named for the dye that can be obtained from the pulp enclosing the seeds of the tree of the same name. This tree is also sometimes called the lipstick tree, and its dye is still used today to color cosmetics, butter, and cheese. The word annatto was borrowed into English from Carib. 5. Tyrian purple Looking for “a vivid, purplish red”? Tyrian purple is your color. Tyrian purple was highly prized during the Byzantine empire, in part because of how difficult it was to obtain. The base to create this shade of purple had to be obtained from the secretions of a predatory sea snail. The term Tyrian purple has been in use in English since the late 1500s. 6. Mazarine Mazarine is “a deep, rich blue,” most commonly associated with textiles and ceramics. The word first entered English between 1665 to 1675, but its origins aren’t fully known. The name may be an homage to a famous Italian cardinal, Cardinal Mazarin, who was culturally influential. 7. cerulean Speaking of shades of blue, what about cerulean? Cerulean is best described as “deep blue; sky blue; azure.” In fact, it comes from the Latin caeruleus, meaning “dark blue.” The word has been in use in English since the mid-1600s, though the artist’s cerulean blue emerged closer to the late 1800s. 8. greige What do you call “a warm beige color with gray undertones”? Greige, of course. This may sound like a trendy compound word that was invented by HGTV in the 2000s, but the color greige has actually been around for a while. Its name was first recorded in English as early as 1925, and it actually comes from the French grège, meaning “raw,” which was used to describe silk. 9. citreous If the word citreous gives you visions of lemons and limes, you’re on the right track. This color is “lemon-yellow” or “greenish-yellow.” As you may have guessed, it is closely associated with citrus. In Latin, citreus means “of the citrus tree.” We’ve been using this term in English since at least 1865. 10. ponceau You might see ponceau during a sunset. It means “a vivid reddish-orange color.” It may also make you think of poppies, as it likely derives from the Old French pouncel, or “poppy.” It was first recorded in English as early as 1825. 11. sepia If you’ve ever used an Instagram filter, you’re probably familiar with sepia. This “brown, grayish brown, or olive brown” is often used in photography to give photos an old-fashioned vibe. The Latin sēpia, from which this word originates, means “cuttlefish” (and this is the creature that secretes the pigment used to create sepia). 12. gamboge Gamboge is a “yellow or yellow-orange” color. It’s named for the yellow color of gum resin that comes from a type of tree native to Cambodia. Gamboge comes from Modern Latin cambogium, which is the Latin version of the place name Cambodia. This distinctive color name first appeared in English in the early 1600s. 13. lovat Lovat doesn’t just describe one color. It means “a grayish blend of colors, especially of green, used in textiles, as for plaids.” First recorded between 1905 and 1910, lovat is likely named after Thomas Alexander Fraser, also known as Lord Lovat, who helped popularize tweeds in muted colors as attire for hunters. 14. smaragdine If something is “emerald-green in color,” you can call it smaragdine. While this term is more rare, smaragd actually means “emerald” in Middle English. It’s likely that English speakers borrowed the term from the Greek smarágdinos, which was probably itself borrowed from Sanskrit marakata. The term has a long history and was first recorded in English as early as 1350. 15. puce In French, puce means “flea” or “flea-colored.” In English, it’s most often used to describe “a dark or brownish purple.” Historically, it may also have been associated with the color of the scab or mark that a flea bite leaves behind. In any case, this creepy, crawly color word has existed in English since the 1780s. 16. Viridian Let’s talk about green things, like Kermit the Frog, grass, or viridian. Viridian is the color of “a long-lasting bluish-green pigment.” Its name comes from the Latin viridi or viridis, which literally means “green.” Viridian entered English in the 1800s. 17. heliotrope Heliotrope may sound like a chemical compound, but it’s actually a color that comes from a plant. It means “a light tint of purple; reddish lavender,” as found on the flowers of several plants belonging to the genus Heliotropium. These plants turn their leaves to the sun, hence their name, which can be traced to the Greek god Helios, or “sun.” 18. sable Sable is another word for the color black. Typically it describes something “very dark or black,” that resembles the fur of an actual sable, an Old World weasel-like mammal. Sable entered English in the late 1200s or early 1300s. 19. wheaten What color is wheaten? It might not surprise you to find out that this color word is pretty literal. It means “of the color of wheat, especially a pale yellow-brown color.” It’s also among the oldest words on our list, appearing in English before the year 900. © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 383 Views 0 Reviews
  • OKLCH — สีที่เข้าใจสายตาคนมากกว่าที่เคย

    ลองนึกภาพว่าคุณกำลังออกแบบปุ่มบนเว็บไซต์ และอยากให้แต่ละปุ่มมีสีต่างกัน แต่ยังคง “ความรู้สึก” ที่เหมือนกัน — ไม่ใช่บางปุ่มดูสว่างเกินไป บางปุ่มดูหม่น หรือบางปุ่มดูโดดเด่นเกินหน้าเพื่อน

    นั่นคือปัญหาที่ OKLCH เข้ามาแก้ได้อย่างเฉียบขาด

    OKLCH เป็นระบบสีใหม่ใน CSS ที่ออกแบบมาให้ “perceptually uniform” หรือก็คือ สีที่เปลี่ยนไปอย่างสม่ำเสมอตามการรับรู้ของสายตามนุษย์ ไม่ใช่แค่ตัวเลขในระบบ RGB หรือ HSL ที่บางครั้งเปลี่ยนแค่ 5 หน่วย แต่กลับทำให้สีดูเปลี่ยนไปมากเกินคาด

    OKLCH ประกอบด้วย 3 ค่า:
    - Lightness (L): ความสว่าง
    - Chroma (C): ความเข้มของสี
    - Hue (H): เฉดสี

    เมื่อคุณเปลี่ยนเฉพาะ Hue โดยคงค่า L และ C ไว้ สีที่ได้จะมีความสว่างและความเข้มเท่ากัน ต่างกันแค่เฉด — ทำให้สร้างชุดสีที่ “รู้สึกเท่ากัน” ได้ง่ายมาก

    นอกจากนี้ OKLCH ยังช่วยให้การสร้าง gradients ดูนุ่มนวลและเป็นธรรมชาติกว่า RGB เพราะมันคำนวณจากความสว่าง ความเข้ม และเฉด ไม่ใช่แค่ค่าของแดง เขียว น้ำเงิน

    และที่สำคัญ OKLCH รองรับสีใน Display-P3 ซึ่งเป็นขอบเขตสีที่กว้างกว่าสำหรับหน้าจอสมัยใหม่ เช่น MacBook หรือ iPhone รุ่นใหม่ ทำให้สีดูสดและแม่นยำยิ่งขึ้น

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    OKLCH เป็นระบบสีใหม่ใน CSS ที่ออกแบบมาให้ perceptually uniform
    ประกอบด้วย 3 ค่า: Lightness, Chroma และ Hue
    การเปลี่ยนเฉพาะ Hue โดยคงค่า L และ C จะได้ชุดสีที่มีความรู้สึกเท่ากัน
    OKLCH ช่วยให้ gradients ดูนุ่มนวลและไม่เกิดสีแปลกกลางทาง
    รองรับสีใน Display-P3 ซึ่งมีขอบเขตกว้างกว่าสี sRGB
    OKLCH ถูกนำมาใช้ใน CSS Color Module Level 4 และรองรับในเบราว์เซอร์สมัยใหม่
    สามารถใช้ @supports ใน CSS เพื่อ fallback ไปยัง sRGB หากเบราว์เซอร์ไม่รองรับ
    มีเครื่องมือช่วยสร้างพาเลตสี OKLCH เช่น oklch.fyi
    OKLCH ใช้พื้นฐานจาก OKLab ซึ่งเป็นโมเดลสีที่แม่นยำต่อการรับรู้ของมนุษย์

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    OKLCH ถูกเสนอโดย Björn Ottosson ในปี 2020 เพื่อแก้ปัญหาความไม่สม่ำเสมอของสีในระบบเดิม
    Display-P3 มีขอบเขตสีมากกว่า sRGB ถึง 50% โดยเฉพาะในเฉดแดงและเขียว
    OKLCH สามารถกำหนดค่าที่อยู่นอกขอบเขตของหน้าจอจริงได้ แต่จะถูก “clip” ให้ใกล้เคียงที่สุด
    การใช้ OKLCH ช่วยให้การออกแบบเว็บเข้าถึงผู้ใช้ที่มีความบกพร่องทางการมองเห็นได้ดีขึ้น

    https://jakub.kr/components/oklch-colors
    🎙️ OKLCH — สีที่เข้าใจสายตาคนมากกว่าที่เคย ลองนึกภาพว่าคุณกำลังออกแบบปุ่มบนเว็บไซต์ และอยากให้แต่ละปุ่มมีสีต่างกัน แต่ยังคง “ความรู้สึก” ที่เหมือนกัน — ไม่ใช่บางปุ่มดูสว่างเกินไป บางปุ่มดูหม่น หรือบางปุ่มดูโดดเด่นเกินหน้าเพื่อน นั่นคือปัญหาที่ OKLCH เข้ามาแก้ได้อย่างเฉียบขาด OKLCH เป็นระบบสีใหม่ใน CSS ที่ออกแบบมาให้ “perceptually uniform” หรือก็คือ สีที่เปลี่ยนไปอย่างสม่ำเสมอตามการรับรู้ของสายตามนุษย์ ไม่ใช่แค่ตัวเลขในระบบ RGB หรือ HSL ที่บางครั้งเปลี่ยนแค่ 5 หน่วย แต่กลับทำให้สีดูเปลี่ยนไปมากเกินคาด OKLCH ประกอบด้วย 3 ค่า: - Lightness (L): ความสว่าง - Chroma (C): ความเข้มของสี - Hue (H): เฉดสี เมื่อคุณเปลี่ยนเฉพาะ Hue โดยคงค่า L และ C ไว้ สีที่ได้จะมีความสว่างและความเข้มเท่ากัน ต่างกันแค่เฉด — ทำให้สร้างชุดสีที่ “รู้สึกเท่ากัน” ได้ง่ายมาก นอกจากนี้ OKLCH ยังช่วยให้การสร้าง gradients ดูนุ่มนวลและเป็นธรรมชาติกว่า RGB เพราะมันคำนวณจากความสว่าง ความเข้ม และเฉด ไม่ใช่แค่ค่าของแดง เขียว น้ำเงิน และที่สำคัญ OKLCH รองรับสีใน Display-P3 ซึ่งเป็นขอบเขตสีที่กว้างกว่าสำหรับหน้าจอสมัยใหม่ เช่น MacBook หรือ iPhone รุ่นใหม่ ทำให้สีดูสดและแม่นยำยิ่งขึ้น 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ OKLCH เป็นระบบสีใหม่ใน CSS ที่ออกแบบมาให้ perceptually uniform ➡️ ประกอบด้วย 3 ค่า: Lightness, Chroma และ Hue ➡️ การเปลี่ยนเฉพาะ Hue โดยคงค่า L และ C จะได้ชุดสีที่มีความรู้สึกเท่ากัน ➡️ OKLCH ช่วยให้ gradients ดูนุ่มนวลและไม่เกิดสีแปลกกลางทาง ➡️ รองรับสีใน Display-P3 ซึ่งมีขอบเขตกว้างกว่าสี sRGB ➡️ OKLCH ถูกนำมาใช้ใน CSS Color Module Level 4 และรองรับในเบราว์เซอร์สมัยใหม่ ➡️ สามารถใช้ @supports ใน CSS เพื่อ fallback ไปยัง sRGB หากเบราว์เซอร์ไม่รองรับ ➡️ มีเครื่องมือช่วยสร้างพาเลตสี OKLCH เช่น oklch.fyi ➡️ OKLCH ใช้พื้นฐานจาก OKLab ซึ่งเป็นโมเดลสีที่แม่นยำต่อการรับรู้ของมนุษย์ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ OKLCH ถูกเสนอโดย Björn Ottosson ในปี 2020 เพื่อแก้ปัญหาความไม่สม่ำเสมอของสีในระบบเดิม ➡️ Display-P3 มีขอบเขตสีมากกว่า sRGB ถึง 50% โดยเฉพาะในเฉดแดงและเขียว ➡️ OKLCH สามารถกำหนดค่าที่อยู่นอกขอบเขตของหน้าจอจริงได้ แต่จะถูก “clip” ให้ใกล้เคียงที่สุด ➡️ การใช้ OKLCH ช่วยให้การออกแบบเว็บเข้าถึงผู้ใช้ที่มีความบกพร่องทางการมองเห็นได้ดีขึ้น https://jakub.kr/components/oklch-colors
    JAKUB.KR
    What are OKLCH colors?
    Article about the OKLCH color model.
    0 Comments 0 Shares 143 Views 0 Reviews
  • เมื่อ AI Browser กลายเป็นเหยื่อ – และ CAPTCHA ก็ไม่ใช่เกราะป้องกันอีกต่อไป

    ในยุคที่ AI browser อย่าง Comet จาก Perplexity ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยผู้ใช้ทำงานออนไลน์ เช่น ซื้อของหรือจัดการอีเมลโดยอัตโนมัติ นักวิจัยจาก Guardio Labs กลับพบว่า AI เหล่านี้สามารถถูกหลอกให้ทำสิ่งอันตรายได้ง่ายกว่าที่คิด

    การโจมตีแบบใหม่ชื่อว่า “PromptFix” ใช้เทคนิคที่ดูเรียบง่ายแต่แฝงอันตราย นั่นคือ “CAPTCHA ปลอม” ที่ซ่อนคำสั่งอันตรายไว้ใน HTML โดยใช้ CSS เช่น display:none หรือ color:transparent เพื่อซ่อนข้อความที่ AI จะอ่านแต่มนุษย์มองไม่เห็น

    เมื่อ AI browser เจอ CAPTCHA ปลอมนี้ มันจะเข้าใจว่าเป็นคำสั่งที่ต้องทำตามทันที เช่น “ซื้อ Apple Watch จากเว็บนี้” หรือ “คลิกเพื่อดูผลเลือด” โดยไม่รู้เลยว่าเว็บนั้นเป็น phishing หรือร้านปลอมที่สร้างขึ้นมาเพื่อหลอกให้ AI กรอกข้อมูลบัตรเครดิตของผู้ใช้

    นักวิจัยเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “Scamlexity” – การหลอกลวงที่ซับซ้อนขึ้นในยุคที่ AI กลายเป็นผู้ช่วยที่เชื่อฟังโดยไม่ตั้งคำถาม และเมื่อ AI ถูกหลอก ผู้ใช้ก็กลายเป็นเหยื่อโดยไม่รู้ตัว

    สิ่งที่น่ากลัวคือ ถ้าแฮกเกอร์สามารถหลอก AI ได้หนึ่งตัว ก็สามารถใช้เทคนิคเดียวกันกับผู้ใช้หลายล้านคนที่ใช้ AI ตัวนั้นได้ทันที โดยไม่ต้องหลอกมนุษย์ทีละคนอีกต่อไป

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    PromptFix เป็นการโจมตีแบบ prompt injection ที่ซ่อนคำสั่งไว้ใน CAPTCHA ปลอม
    AI browser เช่น Comet ถูกหลอกให้คลิก phishing link และซื้อสินค้าจากร้านปลอม
    คำสั่งถูกซ่อนไว้ใน HTML โดยใช้ CSS เพื่อให้มนุษย์มองไม่เห็น แต่ AI อ่านออก
    AI ทำตามคำสั่งทันที เช่น กรอกข้อมูลบัตรเครดิต หรือคลิกลิงก์อันตราย
    การโจมตีใช้เทคนิคจาก social engineering เพื่อหลอก AI โดยตรง
    นักวิจัยเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “Scamlexity” – ความซับซ้อนของการหลอกลวงในยุค AI
    การโจมตีสามารถขยายผลได้ทันทีเมื่อหลอก AI ได้หนึ่งตัว
    AI browser บางครั้งไม่แจ้งเตือนผู้ใช้ก่อนทำธุรกรรม
    CAPTCHA ปลอมถูกออกแบบให้ดูเหมือน “AI-friendly” เพื่อให้ AI ทำงานแทนมนุษย์
    การโจมตีสามารถนำไปสู่ drive-by download หรือการขโมยข้อมูล

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    PromptFix เป็นวิวัฒนาการจาก ClickFix ซึ่งเคยใช้หลอกมนุษย์ให้รันสคริปต์อันตราย
    AI coding assistant เช่น Lovable ก็เคยถูกหลอกด้วยเทคนิคคล้ายกัน (VibeScamming)
    การโจมตีแบบนี้ไม่พึ่งพาการ glitch โมเดล แต่ใช้การหลอกลวงเชิงบริบท
    นักวิจัยเตือนว่า AI ต้องมีระบบความปลอดภัยตั้งแต่ต้น ไม่ใช่เสริมภายหลัง
    Darktrace ระบุว่า transparency และ explainability คือหัวใจของการป้องกัน AI

    คำเตือนในข่าว
    AI browser ที่ไม่มีระบบตรวจสอบคำสั่งอาจกลายเป็นเครื่องมือของแฮกเกอร์
    CAPTCHA ปลอมสามารถหลอก AI ได้ง่ายกว่าที่คิด และมนุษย์ไม่สามารถมองเห็นคำสั่งที่ซ่อนอยู่
    การพึ่งพา AI โดยไม่เข้าใจกลไกภายในอาจทำให้ผู้ใช้ตกเป็นเหยื่อโดยไม่รู้ตัว
    การโจมตีแบบ PromptFix สามารถขยายผลได้ทันทีโดยไม่ต้องหลอกมนุษย์ทีละคน
    หากไม่ออกแบบระบบ AI ให้ปลอดภัยตั้งแต่ต้น การแก้ไขภายหลังอาจไม่ทันต่อภัยคุกคาม

    https://hackread.com/ai-browsers-trick-paying-fake-stores-promptfix-attack/
    🎙️ เมื่อ AI Browser กลายเป็นเหยื่อ – และ CAPTCHA ก็ไม่ใช่เกราะป้องกันอีกต่อไป ในยุคที่ AI browser อย่าง Comet จาก Perplexity ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยผู้ใช้ทำงานออนไลน์ เช่น ซื้อของหรือจัดการอีเมลโดยอัตโนมัติ นักวิจัยจาก Guardio Labs กลับพบว่า AI เหล่านี้สามารถถูกหลอกให้ทำสิ่งอันตรายได้ง่ายกว่าที่คิด การโจมตีแบบใหม่ชื่อว่า “PromptFix” ใช้เทคนิคที่ดูเรียบง่ายแต่แฝงอันตราย นั่นคือ “CAPTCHA ปลอม” ที่ซ่อนคำสั่งอันตรายไว้ใน HTML โดยใช้ CSS เช่น display:none หรือ color:transparent เพื่อซ่อนข้อความที่ AI จะอ่านแต่มนุษย์มองไม่เห็น เมื่อ AI browser เจอ CAPTCHA ปลอมนี้ มันจะเข้าใจว่าเป็นคำสั่งที่ต้องทำตามทันที เช่น “ซื้อ Apple Watch จากเว็บนี้” หรือ “คลิกเพื่อดูผลเลือด” โดยไม่รู้เลยว่าเว็บนั้นเป็น phishing หรือร้านปลอมที่สร้างขึ้นมาเพื่อหลอกให้ AI กรอกข้อมูลบัตรเครดิตของผู้ใช้ นักวิจัยเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “Scamlexity” – การหลอกลวงที่ซับซ้อนขึ้นในยุคที่ AI กลายเป็นผู้ช่วยที่เชื่อฟังโดยไม่ตั้งคำถาม และเมื่อ AI ถูกหลอก ผู้ใช้ก็กลายเป็นเหยื่อโดยไม่รู้ตัว สิ่งที่น่ากลัวคือ ถ้าแฮกเกอร์สามารถหลอก AI ได้หนึ่งตัว ก็สามารถใช้เทคนิคเดียวกันกับผู้ใช้หลายล้านคนที่ใช้ AI ตัวนั้นได้ทันที โดยไม่ต้องหลอกมนุษย์ทีละคนอีกต่อไป 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ PromptFix เป็นการโจมตีแบบ prompt injection ที่ซ่อนคำสั่งไว้ใน CAPTCHA ปลอม ➡️ AI browser เช่น Comet ถูกหลอกให้คลิก phishing link และซื้อสินค้าจากร้านปลอม ➡️ คำสั่งถูกซ่อนไว้ใน HTML โดยใช้ CSS เพื่อให้มนุษย์มองไม่เห็น แต่ AI อ่านออก ➡️ AI ทำตามคำสั่งทันที เช่น กรอกข้อมูลบัตรเครดิต หรือคลิกลิงก์อันตราย ➡️ การโจมตีใช้เทคนิคจาก social engineering เพื่อหลอก AI โดยตรง ➡️ นักวิจัยเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “Scamlexity” – ความซับซ้อนของการหลอกลวงในยุค AI ➡️ การโจมตีสามารถขยายผลได้ทันทีเมื่อหลอก AI ได้หนึ่งตัว ➡️ AI browser บางครั้งไม่แจ้งเตือนผู้ใช้ก่อนทำธุรกรรม ➡️ CAPTCHA ปลอมถูกออกแบบให้ดูเหมือน “AI-friendly” เพื่อให้ AI ทำงานแทนมนุษย์ ➡️ การโจมตีสามารถนำไปสู่ drive-by download หรือการขโมยข้อมูล ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ PromptFix เป็นวิวัฒนาการจาก ClickFix ซึ่งเคยใช้หลอกมนุษย์ให้รันสคริปต์อันตราย ➡️ AI coding assistant เช่น Lovable ก็เคยถูกหลอกด้วยเทคนิคคล้ายกัน (VibeScamming) ➡️ การโจมตีแบบนี้ไม่พึ่งพาการ glitch โมเดล แต่ใช้การหลอกลวงเชิงบริบท ➡️ นักวิจัยเตือนว่า AI ต้องมีระบบความปลอดภัยตั้งแต่ต้น ไม่ใช่เสริมภายหลัง ➡️ Darktrace ระบุว่า transparency และ explainability คือหัวใจของการป้องกัน AI ‼️ คำเตือนในข่าว ⛔ AI browser ที่ไม่มีระบบตรวจสอบคำสั่งอาจกลายเป็นเครื่องมือของแฮกเกอร์ ⛔ CAPTCHA ปลอมสามารถหลอก AI ได้ง่ายกว่าที่คิด และมนุษย์ไม่สามารถมองเห็นคำสั่งที่ซ่อนอยู่ ⛔ การพึ่งพา AI โดยไม่เข้าใจกลไกภายในอาจทำให้ผู้ใช้ตกเป็นเหยื่อโดยไม่รู้ตัว ⛔ การโจมตีแบบ PromptFix สามารถขยายผลได้ทันทีโดยไม่ต้องหลอกมนุษย์ทีละคน ⛔ หากไม่ออกแบบระบบ AI ให้ปลอดภัยตั้งแต่ต้น การแก้ไขภายหลังอาจไม่ทันต่อภัยคุกคาม https://hackread.com/ai-browsers-trick-paying-fake-stores-promptfix-attack/
    HACKREAD.COM
    AI Browsers Can Be Tricked Into Paying Fake Stores in PromptFix Attack
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 Comments 0 Shares 179 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าใหม่: จากเส้นสเก็ตช์สู่จักรวาล – เบื้องหลังการสร้าง Space Invader แบบเจนเนอเรทีฟ

    Stanko Tadić นักพัฒนาและศิลปินสายโค้ดจาก Creative Coding Amsterdam ได้สร้าง “Space Invader Generator” เพื่อใช้ในงานแข่งโค้ดแบบสร้างสรรค์ โดยเริ่มจากความคิดง่าย ๆ ว่าอยากหยุดพัฒนาเครื่องมือที่ไม่มีวันเสร็จ แล้วหันมาสร้างอะไรที่ “จบได้” และสนุก

    เขาเริ่มจากการสเก็ตช์ Space Invader บนกระดาษ แล้วนำไปวาดใน Aseprite ด้วยขนาด 15x15 พิกเซล ก่อนจะสังเกตว่ารูปทรงของ Invader มีลักษณะเป็นโพลิกอนแบบสมมาตร ซึ่งสามารถสร้างแบบเวกเตอร์ได้โดยใช้จุดสุ่มและการสะท้อนซ้าย-ขวา

    จากนั้นเขาเพิ่ม “หนวด” และ “เขา” ด้วยเทคนิคการสร้างเส้นกลางแล้วขยายความหนาแบบไดนามิก พร้อมพิกเซลตาและสีที่ใช้ OKLCH เพื่อให้ความสว่างคงที่และสีสดใสเท่ากันทุกตัว

    สุดท้าย เขาใส่อนิเมชันสองเฟรมให้ Invader ขยับหนวดและตาเล็กน้อย เพื่อให้ดูมีชีวิต และเปิดให้ผู้ใช้สร้าง Invader ของตัวเองได้แบบสุ่ม พร้อม debug mode ให้ดูโครงสร้างภายใน

    ข้อมูลในข่าว
    โครงการ Space Invader Generator ถูกสร้างขึ้นเพื่อแข่งโค้ดใน Creative Coding Amsterdam
    เริ่มจากการสเก็ตช์บนกระดาษและวาดใน Aseprite ขนาด 15x15 พิกเซล
    ใช้หลักการสมมาตรและเวกเตอร์ในการสร้างรูปร่างของ Invader
    หนวดและเขาถูกสร้างจากเส้นกลางแบบสุ่ม แล้วขยายความหนาแบบไดนามิก
    ใช้ OKLCH color space เพื่อให้สีมีความสว่างเท่ากันและสดใส
    ใส่อนิเมชันสองเฟรมให้ Invader ขยับหนวดและตา
    เปิดให้ผู้ใช้สร้าง Invader แบบสุ่ม พร้อม debug mode ให้ดูโครงสร้าง
    ขนาดสูงสุดของ Invader คือ 31x31 พิกเซล แต่สามารถเพิ่มได้ถึง 51x51 ผ่าน URL

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    OKLCH เป็น color space ที่แม่นยำกว่า HSL ในการควบคุมความสว่าง
    Aseprite เป็นเครื่องมือยอดนิยมสำหรับการสร้าง pixel art แบบมืออาชีพ
    การใช้สมมาตรช่วยลดจำนวนจุดที่ต้องสุ่มลงครึ่งหนึ่ง และทำให้ภาพดูสมดุล
    เทคนิค “fat line” ถูกใช้ในกราฟิกเวกเตอร์เพื่อสร้างรูปร่างที่มีความหนา
    การใช้ randomness แบบมีข้อจำกัดช่วยให้ผลลัพธ์ดูมีรูปแบบและไม่มั่ว

    https://muffinman.io/blog/invaders/
    🎨 เรื่องเล่าใหม่: จากเส้นสเก็ตช์สู่จักรวาล – เบื้องหลังการสร้าง Space Invader แบบเจนเนอเรทีฟ Stanko Tadić นักพัฒนาและศิลปินสายโค้ดจาก Creative Coding Amsterdam ได้สร้าง “Space Invader Generator” เพื่อใช้ในงานแข่งโค้ดแบบสร้างสรรค์ โดยเริ่มจากความคิดง่าย ๆ ว่าอยากหยุดพัฒนาเครื่องมือที่ไม่มีวันเสร็จ แล้วหันมาสร้างอะไรที่ “จบได้” และสนุก เขาเริ่มจากการสเก็ตช์ Space Invader บนกระดาษ แล้วนำไปวาดใน Aseprite ด้วยขนาด 15x15 พิกเซล ก่อนจะสังเกตว่ารูปทรงของ Invader มีลักษณะเป็นโพลิกอนแบบสมมาตร ซึ่งสามารถสร้างแบบเวกเตอร์ได้โดยใช้จุดสุ่มและการสะท้อนซ้าย-ขวา จากนั้นเขาเพิ่ม “หนวด” และ “เขา” ด้วยเทคนิคการสร้างเส้นกลางแล้วขยายความหนาแบบไดนามิก พร้อมพิกเซลตาและสีที่ใช้ OKLCH เพื่อให้ความสว่างคงที่และสีสดใสเท่ากันทุกตัว สุดท้าย เขาใส่อนิเมชันสองเฟรมให้ Invader ขยับหนวดและตาเล็กน้อย เพื่อให้ดูมีชีวิต และเปิดให้ผู้ใช้สร้าง Invader ของตัวเองได้แบบสุ่ม พร้อม debug mode ให้ดูโครงสร้างภายใน ✅ ข้อมูลในข่าว ➡️ โครงการ Space Invader Generator ถูกสร้างขึ้นเพื่อแข่งโค้ดใน Creative Coding Amsterdam ➡️ เริ่มจากการสเก็ตช์บนกระดาษและวาดใน Aseprite ขนาด 15x15 พิกเซล ➡️ ใช้หลักการสมมาตรและเวกเตอร์ในการสร้างรูปร่างของ Invader ➡️ หนวดและเขาถูกสร้างจากเส้นกลางแบบสุ่ม แล้วขยายความหนาแบบไดนามิก ➡️ ใช้ OKLCH color space เพื่อให้สีมีความสว่างเท่ากันและสดใส ➡️ ใส่อนิเมชันสองเฟรมให้ Invader ขยับหนวดและตา ➡️ เปิดให้ผู้ใช้สร้าง Invader แบบสุ่ม พร้อม debug mode ให้ดูโครงสร้าง ➡️ ขนาดสูงสุดของ Invader คือ 31x31 พิกเซล แต่สามารถเพิ่มได้ถึง 51x51 ผ่าน URL ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ OKLCH เป็น color space ที่แม่นยำกว่า HSL ในการควบคุมความสว่าง ➡️ Aseprite เป็นเครื่องมือยอดนิยมสำหรับการสร้าง pixel art แบบมืออาชีพ ➡️ การใช้สมมาตรช่วยลดจำนวนจุดที่ต้องสุ่มลงครึ่งหนึ่ง และทำให้ภาพดูสมดุล ➡️ เทคนิค “fat line” ถูกใช้ในกราฟิกเวกเตอร์เพื่อสร้างรูปร่างที่มีความหนา ➡️ การใช้ randomness แบบมีข้อจำกัดช่วยให้ผลลัพธ์ดูมีรูปแบบและไม่มั่ว https://muffinman.io/blog/invaders/
    MUFFINMAN.IO
    How to draw a Space Invader · Muffin Man
    This interactive post will show you how to build your own fleet of space invaders by mixing geometry with randomness and a splash of color.
    0 Comments 0 Shares 199 Views 0 Reviews
  • Bigme B13: จอ ePaper สีแบบพกพารุ่นแรกของโลกเพื่อสายตาและงานเอกสาร

    Bigme B13 คือจอมอนิเตอร์ขนาด 13.3 นิ้วที่ใช้เทคโนโลยี ePaper สี ซึ่งต่างจากจอ LCD หรือ OLED ตรงที่ให้ภาพเหมือนกระดาษจริง ลดแสงสะท้อนและความเมื่อยล้าของสายตา เหมาะสำหรับการอ่านเอกสาร, แก้ไขข้อความ และท่องเว็บ

    จอนี้มีความละเอียดสูงถึง 3200x2400 พิกเซล อัตราส่วนภาพ 4:3 และรองรับการเชื่อมต่อทั้งแบบสาย (USB-C, HDMI) และไร้สาย (AirPlay, Miracast, DLNA) พร้อมโหมดการใช้งานหลายแบบ เช่น โหมดข้อความ, โหมดภาพ, โหมดวิดีโอ และโหมดเว็บ ที่ปรับ refresh rate และความคมชัดตามลักษณะงาน

    Bigme B13 ยังมีฟีเจอร์เสริม เช่น ระบบปรับแสงหน้าจอได้ทั้งความสว่างและอุณหภูมิสี, ลำโพงคู่ในตัว, ช่องเสียบหูฟัง และขาตั้งแม่เหล็กที่สามารถติดกับแล็ปท็อปเพื่อใช้งานแบบสองจอได้อย่างสะดวก

    แม้จะมีจุดเด่นเรื่องการถนอมสายตาและความพกพาสะดวก แต่จอนี้ไม่เหมาะกับงานที่ต้องการความแม่นยำของสี เช่น การออกแบบกราฟิกหรือการตัดต่อภาพ และราคาก็ยังค่อนข้างสูงที่ $699–$729

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ใช้หน้าจอ Kaleido 3 ซึ่งให้ความละเอียด 300PPI สำหรับขาวดำ และ 150PPI สำหรับสี
    รองรับการเล่นวิดีโอที่ 30Hz ด้วยเทคโนโลยี refresh เฉพาะของ Bigme
    ใช้งานได้กับ Windows, macOS, Android และ iOS รวมถึง Linux บางรุ่น
    มีรีโมตและเคสแถมมาในกล่อง พร้อมบอดี้อลูมิเนียมที่แข็งแรง
    Bigme ยังมีรุ่นจอใหญ่ 25.3 นิ้ว (B251) สำหรับงานระดับมืออาชีพ
    คู่แข่งในตลาด ePaper monitor ได้แก่ Dasung และ Onyx ซึ่งมีรุ่นจำกัด

    https://www.techradar.com/pro/the-worlds-first-portable-color-epaper-monitor-has-gone-on-sale-but-dont-expect-it-to-be-affordable-just-yet
    🧠 Bigme B13: จอ ePaper สีแบบพกพารุ่นแรกของโลกเพื่อสายตาและงานเอกสาร Bigme B13 คือจอมอนิเตอร์ขนาด 13.3 นิ้วที่ใช้เทคโนโลยี ePaper สี ซึ่งต่างจากจอ LCD หรือ OLED ตรงที่ให้ภาพเหมือนกระดาษจริง ลดแสงสะท้อนและความเมื่อยล้าของสายตา เหมาะสำหรับการอ่านเอกสาร, แก้ไขข้อความ และท่องเว็บ จอนี้มีความละเอียดสูงถึง 3200x2400 พิกเซล อัตราส่วนภาพ 4:3 และรองรับการเชื่อมต่อทั้งแบบสาย (USB-C, HDMI) และไร้สาย (AirPlay, Miracast, DLNA) พร้อมโหมดการใช้งานหลายแบบ เช่น โหมดข้อความ, โหมดภาพ, โหมดวิดีโอ และโหมดเว็บ ที่ปรับ refresh rate และความคมชัดตามลักษณะงาน Bigme B13 ยังมีฟีเจอร์เสริม เช่น ระบบปรับแสงหน้าจอได้ทั้งความสว่างและอุณหภูมิสี, ลำโพงคู่ในตัว, ช่องเสียบหูฟัง และขาตั้งแม่เหล็กที่สามารถติดกับแล็ปท็อปเพื่อใช้งานแบบสองจอได้อย่างสะดวก แม้จะมีจุดเด่นเรื่องการถนอมสายตาและความพกพาสะดวก แต่จอนี้ไม่เหมาะกับงานที่ต้องการความแม่นยำของสี เช่น การออกแบบกราฟิกหรือการตัดต่อภาพ และราคาก็ยังค่อนข้างสูงที่ $699–$729 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ใช้หน้าจอ Kaleido 3 ซึ่งให้ความละเอียด 300PPI สำหรับขาวดำ และ 150PPI สำหรับสี ➡️ รองรับการเล่นวิดีโอที่ 30Hz ด้วยเทคโนโลยี refresh เฉพาะของ Bigme ➡️ ใช้งานได้กับ Windows, macOS, Android และ iOS รวมถึง Linux บางรุ่น ➡️ มีรีโมตและเคสแถมมาในกล่อง พร้อมบอดี้อลูมิเนียมที่แข็งแรง ➡️ Bigme ยังมีรุ่นจอใหญ่ 25.3 นิ้ว (B251) สำหรับงานระดับมืออาชีพ ➡️ คู่แข่งในตลาด ePaper monitor ได้แก่ Dasung และ Onyx ซึ่งมีรุ่นจำกัด https://www.techradar.com/pro/the-worlds-first-portable-color-epaper-monitor-has-gone-on-sale-but-dont-expect-it-to-be-affordable-just-yet
    0 Comments 0 Shares 262 Views 0 Reviews
  • Illuminated by the vibrant and colorful light from a large stained-glass window.
    Illuminated by the vibrant and colorful light from a large stained-glass window.
    0 Comments 0 Shares 73 Views 0 Reviews
  • เล่าให้ฟังใหม่: Kindle Petit Color — อีรีดเดอร์จอสีรุ่นเล็กจาก Amazon ที่อาจมาเปลี่ยนประสบการณ์การอ่าน

    มีข่าวลือว่า Amazon กำลังทดสอบ Kindle Petit Color ซึ่งเป็นอีรีดเดอร์จอสีรุ่นเล็กที่อาจเปิดตัวในเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยมีภาพหลุดจากผู้ใช้ Reddit ในบราซิลที่อ้างว่าได้ทดลองใช้งานจริง

    Kindle Petit Color มีขนาดใกล้เคียงกับ Kindle รุ่นพื้นฐานปี 2024 แต่เพิ่มจอ E Ink สีที่สามารถปรับความอิ่มตัวของสีแต่ละสีได้ ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ไม่เคยมีใน Kindle รุ่นใดมาก่อน นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ “progressive colors” ที่เปลี่ยนสีข้อความตามความคืบหน้าในการอ่าน เช่น เปลี่ยนสีทุก 25% ของหนังสือ

    อีกหนึ่งจุดเด่นคือขอบจอ (bezel) ที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ โดยมีสีให้เลือกหลากหลาย เช่น “mermaid” ที่เปลี่ยนสีตามมุมมอง ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ Kindle มีการออกแบบในลักษณะนี้

    อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อสงสัยหลายประการ เช่น ความละเอียดจอที่อาจใช้ E Ink Kaleido 3 ซึ่งมีข้อจำกัดด้านความคมชัด และความเป็นไปได้ที่ Amazon จะเปิดตัว Kindle รุ่นใหม่เร็วเกินไปเมื่อเทียบกับรอบการอัปเดตที่ผ่านมา

    Amazon อาจเปิดตัว Kindle Petit Color ในเดือนพฤศจิกายน
    เป็นอีรีดเดอร์จอสีขนาดเล็กที่มีฟีเจอร์ใหม่

    จอ E Ink สีสามารถปรับความอิ่มตัวของแต่ละสีได้
    แตกต่างจากรุ่นอื่นที่ปรับได้แค่ระดับรวม

    มีฟีเจอร์ “progressive colors” เปลี่ยนสีข้อความตามความคืบหน้าในการอ่าน
    เพิ่มความมีชีวิตชีวาในการอ่านหนังสือ

    ขอบจอสามารถถอดเปลี่ยนได้ มีสีให้เลือกหลายแบบ
    รวมถึงรุ่นพิเศษที่เปลี่ยนสีตามมุมมอง

    ขนาดใกล้เคียงกับ Kindle รุ่นพื้นฐานปี 2024
    แต่เพิ่มฟีเจอร์จอสีและ UI ที่ปรับแต่งได้

    อาจใช้จอ E Ink Kaleido 3 ที่มีความละเอียด 150ppi สำหรับสี
    ช่วยให้ข้อความดูคมขึ้นบนหน้าจอขนาดเล็ก

    https://www.techradar.com/tablets/ereaders/amazon-is-reportedly-testing-a-smaller-version-of-the-kindle-colorsoft-for-a-november-release-but-im-not-entirely-convinced-by-the-leaks
    📚✨ เล่าให้ฟังใหม่: Kindle Petit Color — อีรีดเดอร์จอสีรุ่นเล็กจาก Amazon ที่อาจมาเปลี่ยนประสบการณ์การอ่าน มีข่าวลือว่า Amazon กำลังทดสอบ Kindle Petit Color ซึ่งเป็นอีรีดเดอร์จอสีรุ่นเล็กที่อาจเปิดตัวในเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยมีภาพหลุดจากผู้ใช้ Reddit ในบราซิลที่อ้างว่าได้ทดลองใช้งานจริง Kindle Petit Color มีขนาดใกล้เคียงกับ Kindle รุ่นพื้นฐานปี 2024 แต่เพิ่มจอ E Ink สีที่สามารถปรับความอิ่มตัวของสีแต่ละสีได้ ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ไม่เคยมีใน Kindle รุ่นใดมาก่อน นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ “progressive colors” ที่เปลี่ยนสีข้อความตามความคืบหน้าในการอ่าน เช่น เปลี่ยนสีทุก 25% ของหนังสือ อีกหนึ่งจุดเด่นคือขอบจอ (bezel) ที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ โดยมีสีให้เลือกหลากหลาย เช่น “mermaid” ที่เปลี่ยนสีตามมุมมอง ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ Kindle มีการออกแบบในลักษณะนี้ อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อสงสัยหลายประการ เช่น ความละเอียดจอที่อาจใช้ E Ink Kaleido 3 ซึ่งมีข้อจำกัดด้านความคมชัด และความเป็นไปได้ที่ Amazon จะเปิดตัว Kindle รุ่นใหม่เร็วเกินไปเมื่อเทียบกับรอบการอัปเดตที่ผ่านมา ✅ Amazon อาจเปิดตัว Kindle Petit Color ในเดือนพฤศจิกายน ➡️ เป็นอีรีดเดอร์จอสีขนาดเล็กที่มีฟีเจอร์ใหม่ ✅ จอ E Ink สีสามารถปรับความอิ่มตัวของแต่ละสีได้ ➡️ แตกต่างจากรุ่นอื่นที่ปรับได้แค่ระดับรวม ✅ มีฟีเจอร์ “progressive colors” เปลี่ยนสีข้อความตามความคืบหน้าในการอ่าน ➡️ เพิ่มความมีชีวิตชีวาในการอ่านหนังสือ ✅ ขอบจอสามารถถอดเปลี่ยนได้ มีสีให้เลือกหลายแบบ ➡️ รวมถึงรุ่นพิเศษที่เปลี่ยนสีตามมุมมอง ✅ ขนาดใกล้เคียงกับ Kindle รุ่นพื้นฐานปี 2024 ➡️ แต่เพิ่มฟีเจอร์จอสีและ UI ที่ปรับแต่งได้ ✅ อาจใช้จอ E Ink Kaleido 3 ที่มีความละเอียด 150ppi สำหรับสี ➡️ ช่วยให้ข้อความดูคมขึ้นบนหน้าจอขนาดเล็ก https://www.techradar.com/tablets/ereaders/amazon-is-reportedly-testing-a-smaller-version-of-the-kindle-colorsoft-for-a-november-release-but-im-not-entirely-convinced-by-the-leaks
    0 Comments 0 Shares 217 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากโลกโมดิฟาย: Game Boy Color โปร่งใสที่ใช้งานได้จริง—ศิลปะบนวงจร

    Natalie (@natalie_thenerd) นักโมดิฟายคอนโซลแบบ self-taught ได้สร้าง Game Boy Color ที่ไม่เหมือนใคร—ด้วยแผงวงจรโปร่งใส (transparent PCB) ที่ใช้งานได้จริง! เธอออกแบบ schematic เอง และเลือกใช้วัสดุคล้ายอะคริลิกที่ไม่มี ground zone เพื่อให้เห็นลายทองแดงชัดเจน

    แม้จะดูเหมือนของเล่น แต่การ solder บนวัสดุที่มีจุดหลอมต่ำเพียง 200°C ต้องใช้ความระมัดระวังสูง เพราะผิดพลาดนิดเดียวอาจทำให้แผงวงจรเสียหายได้

    เธอประกอบเครื่องด้วยชิ้นส่วนโปร่งใสเกือบทั้งหมด—รวมถึง cartridge reader จากเครื่องจีน และเปลือกใสพร้อมปุ่ม translucent ทำให้ได้เครื่อง Game Boy Color ที่ “เห็นทะลุทุกชั้น” อย่างแท้จริง

    แม้จะเป็นโปรเจกต์ศิลปะที่ไม่ได้ผลิตขาย แต่ก็จุดประกายให้ชุมชน modding สนใจเทคนิคนี้มากขึ้น เช่น การใช้ลายเงินแทนทองแดง หรือเพิ่ม backlight เพื่อความสวยงาม

    ชุมชน modding อย่าง Modded Gameboy Club และโปรเจกต์อย่าง SZ-CGB-L หรือ Ultra Boy Color ต่างก็พัฒนา PCB แบบใหม่ที่รองรับการใช้งานจริง พร้อมปรับแต่งให้เหมาะกับจอ IPS และการใช้งานยุคใหม่

    แต่ความท้าทายยังคงอยู่—PCB โปร่งใสยังเปราะบาง ไม่เหมาะกับการใช้งานหนัก และต้นทุนการผลิตยังสูง ทำให้ยังไม่พร้อมเข้าสู่ตลาด mass production

    Natalie สร้าง Game Boy Color ด้วยแผงวงจรโปร่งใสที่ใช้งานได้จริง
    เธอออกแบบ schematic เองและใช้วัสดุคล้ายอะคริลิก

    ลบ ground zone เพื่อให้เห็นลายทองแดงชัดเจน
    แม้จะสำคัญในอุปกรณ์สมัยใหม่ แต่ไม่เป็นปัญหากับ Game Boy

    PCB มีจุดหลอมต่ำเพียง 200°C ต้อง solder อย่างระวัง
    หากร้อนเกินไปอาจทำให้แผงวงจรเสียหาย

    ใช้ cartridge reader จากเครื่องจีนที่โปร่งใส
    ประกอบกับเปลือกใสและปุ่ม translucent

    เป็นโปรเจกต์ศิลปะ ไม่ได้ผลิตขาย
    สร้างเพื่อความสนุกและความสวยงาม

    ชุมชนเสนอไอเดียเพิ่ม เช่น ลายเงินหรือ backlight
    เพื่อเพิ่มความสวยงามและความโดดเด่น

    https://www.tomshardware.com/video-games/handheld-gaming/self-taught-modder-builds-completely-transparent-game-boy-color-circuit-board-that-actually-works-pcb-looks-stunning-when-matched-with-fully-transparent-shell
    🎮✨ เรื่องเล่าจากโลกโมดิฟาย: Game Boy Color โปร่งใสที่ใช้งานได้จริง—ศิลปะบนวงจร Natalie (@natalie_thenerd) นักโมดิฟายคอนโซลแบบ self-taught ได้สร้าง Game Boy Color ที่ไม่เหมือนใคร—ด้วยแผงวงจรโปร่งใส (transparent PCB) ที่ใช้งานได้จริง! เธอออกแบบ schematic เอง และเลือกใช้วัสดุคล้ายอะคริลิกที่ไม่มี ground zone เพื่อให้เห็นลายทองแดงชัดเจน แม้จะดูเหมือนของเล่น แต่การ solder บนวัสดุที่มีจุดหลอมต่ำเพียง 200°C ต้องใช้ความระมัดระวังสูง เพราะผิดพลาดนิดเดียวอาจทำให้แผงวงจรเสียหายได้ เธอประกอบเครื่องด้วยชิ้นส่วนโปร่งใสเกือบทั้งหมด—รวมถึง cartridge reader จากเครื่องจีน และเปลือกใสพร้อมปุ่ม translucent ทำให้ได้เครื่อง Game Boy Color ที่ “เห็นทะลุทุกชั้น” อย่างแท้จริง แม้จะเป็นโปรเจกต์ศิลปะที่ไม่ได้ผลิตขาย แต่ก็จุดประกายให้ชุมชน modding สนใจเทคนิคนี้มากขึ้น เช่น การใช้ลายเงินแทนทองแดง หรือเพิ่ม backlight เพื่อความสวยงาม ชุมชน modding อย่าง Modded Gameboy Club และโปรเจกต์อย่าง SZ-CGB-L หรือ Ultra Boy Color ต่างก็พัฒนา PCB แบบใหม่ที่รองรับการใช้งานจริง พร้อมปรับแต่งให้เหมาะกับจอ IPS และการใช้งานยุคใหม่ แต่ความท้าทายยังคงอยู่—PCB โปร่งใสยังเปราะบาง ไม่เหมาะกับการใช้งานหนัก และต้นทุนการผลิตยังสูง ทำให้ยังไม่พร้อมเข้าสู่ตลาด mass production ✅ Natalie สร้าง Game Boy Color ด้วยแผงวงจรโปร่งใสที่ใช้งานได้จริง ➡️ เธอออกแบบ schematic เองและใช้วัสดุคล้ายอะคริลิก ✅ ลบ ground zone เพื่อให้เห็นลายทองแดงชัดเจน ➡️ แม้จะสำคัญในอุปกรณ์สมัยใหม่ แต่ไม่เป็นปัญหากับ Game Boy ✅ PCB มีจุดหลอมต่ำเพียง 200°C ต้อง solder อย่างระวัง ➡️ หากร้อนเกินไปอาจทำให้แผงวงจรเสียหาย ✅ ใช้ cartridge reader จากเครื่องจีนที่โปร่งใส ➡️ ประกอบกับเปลือกใสและปุ่ม translucent ✅ เป็นโปรเจกต์ศิลปะ ไม่ได้ผลิตขาย ➡️ สร้างเพื่อความสนุกและความสวยงาม ✅ ชุมชนเสนอไอเดียเพิ่ม เช่น ลายเงินหรือ backlight ➡️ เพื่อเพิ่มความสวยงามและความโดดเด่น https://www.tomshardware.com/video-games/handheld-gaming/self-taught-modder-builds-completely-transparent-game-boy-color-circuit-board-that-actually-works-pcb-looks-stunning-when-matched-with-fully-transparent-shell
    0 Comments 0 Shares 272 Views 0 Reviews
  • เราต้องใช้สิ่งนี้จริงๆ เหรอ ลุงว่าคน 90% ยังไม่จำเป็นจะต้องใช้ SSD PCIe Gen5 เลยด้วยซ้ำ

    เรื่องเล่าจากโลกฮาร์ดแวร์: เมื่อซิงก์ SSD ไม่ใช่แค่ระบายความร้อน แต่โชว์ข้อมูลแบบเรียลไทม์

    ถ้าคุณเป็นสายแต่งคอมที่ชอบให้ทุกชิ้นส่วนมีลูกเล่นล้ำ ๆ Thermalright HR-10 2280 Pro Digital คือซิงก์ระบายความร้อนสำหรับ SSD ที่อาจทำให้คุณต้องหยุดมองมันทุกครั้งที่เปิดเครื่อง เพราะมันมาพร้อมหน้าจอ ARGB ที่แสดงข้อมูลสำคัญของ SSD แบบเรียลไทม์ ไม่ว่าจะเป็นอุณหภูมิ ความเร็วอ่าน/เขียน หรือระดับการใช้งาน

    ซิงก์รุ่นนี้ออกแบบมาสำหรับ SSD แบบ M.2 2280 โดยใช้ท่อทองแดง 4 เส้นขนาด 5 มม. เชื่อมกับแผ่นฐานทองแดงขัดเงา และมีพัดลมขนาด 30 มม. หมุนได้ถึง 6,500 RPM เพื่อช่วยระบายความร้อนอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมีแผ่นซิลิโคน Extreme Odyssey II ที่มีค่าการนำความร้อนสูงถึง 14.8 W/mK

    หน้าจอ ARGB ต้องเชื่อมต่อกับพอร์ต USB บนเมนบอร์ด และติดตั้งซอฟต์แวร์ Thermalright Control Center เพื่อควบคุมการแสดงผล โดยตัวซิงก์สูงกว่ารุ่นเดิมประมาณ 16% ดังนั้นควรตรวจสอบพื้นที่ระหว่างการ์ดจอกับซิงก์ CPU ก่อนติดตั้ง

    Thermalright HR-10 2280 Pro Digital เป็นซิงก์ SSD ที่มีหน้าจอ ARGB แสดงข้อมูลแบบเรียลไทม์
    แสดงอุณหภูมิ ความเร็วอ่าน/เขียน และการใช้งานของ SSD

    ใช้ท่อทองแดง 4 เส้นขนาด 5 มม. และแผ่นฐานทองแดงขัดเงา
    ช่วยถ่ายเทความร้อนไปยังฮีตซิงก์อลูมิเนียม

    มีพัดลมขนาด 30 มม. หมุนได้ระหว่าง 3,500–6,500 RPM
    ใช้หัวต่อแบบ PWM 4-pin บนเมนบอร์ด

    ต้องเชื่อมต่อ USB header และติดตั้งซอฟต์แวร์ TRCC เพื่อใช้งานหน้าจอ
    รองรับการควบคุมและแสดงผลผ่านซอฟต์แวร์

    ขนาดซิงก์คือ 90.3 x 26 x 51 มม. สูงกว่ารุ่นเดิม 16%
    ควรตรวจสอบพื้นที่ติดตั้งระหว่างการ์ดจอกับซิงก์ CPU

    ราคาจำหน่ายในจีนอยู่ที่ $19.36 และยังไม่วางขายใน Amazon
    หากซื้อผ่าน AliExpress จะอยู่ที่ $32.53

    https://www.tomshardware.com/pc-components/ssds/m-2-ssd-cooler-displays-your-ssds-performance-and-vitals-in-real-time-thermalright-hr-10-2280-pro-digital-features-an-argb-display-for-colorful-readouts
    เราต้องใช้สิ่งนี้จริงๆ เหรอ ลุงว่าคน 90% ยังไม่จำเป็นจะต้องใช้ SSD PCIe Gen5 เลยด้วยซ้ำ 🧊💾 เรื่องเล่าจากโลกฮาร์ดแวร์: เมื่อซิงก์ SSD ไม่ใช่แค่ระบายความร้อน แต่โชว์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ ถ้าคุณเป็นสายแต่งคอมที่ชอบให้ทุกชิ้นส่วนมีลูกเล่นล้ำ ๆ Thermalright HR-10 2280 Pro Digital คือซิงก์ระบายความร้อนสำหรับ SSD ที่อาจทำให้คุณต้องหยุดมองมันทุกครั้งที่เปิดเครื่อง เพราะมันมาพร้อมหน้าจอ ARGB ที่แสดงข้อมูลสำคัญของ SSD แบบเรียลไทม์ ไม่ว่าจะเป็นอุณหภูมิ ความเร็วอ่าน/เขียน หรือระดับการใช้งาน ซิงก์รุ่นนี้ออกแบบมาสำหรับ SSD แบบ M.2 2280 โดยใช้ท่อทองแดง 4 เส้นขนาด 5 มม. เชื่อมกับแผ่นฐานทองแดงขัดเงา และมีพัดลมขนาด 30 มม. หมุนได้ถึง 6,500 RPM เพื่อช่วยระบายความร้อนอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมีแผ่นซิลิโคน Extreme Odyssey II ที่มีค่าการนำความร้อนสูงถึง 14.8 W/mK หน้าจอ ARGB ต้องเชื่อมต่อกับพอร์ต USB บนเมนบอร์ด และติดตั้งซอฟต์แวร์ Thermalright Control Center เพื่อควบคุมการแสดงผล โดยตัวซิงก์สูงกว่ารุ่นเดิมประมาณ 16% ดังนั้นควรตรวจสอบพื้นที่ระหว่างการ์ดจอกับซิงก์ CPU ก่อนติดตั้ง ✅ Thermalright HR-10 2280 Pro Digital เป็นซิงก์ SSD ที่มีหน้าจอ ARGB แสดงข้อมูลแบบเรียลไทม์ ➡️ แสดงอุณหภูมิ ความเร็วอ่าน/เขียน และการใช้งานของ SSD ✅ ใช้ท่อทองแดง 4 เส้นขนาด 5 มม. และแผ่นฐานทองแดงขัดเงา ➡️ ช่วยถ่ายเทความร้อนไปยังฮีตซิงก์อลูมิเนียม ✅ มีพัดลมขนาด 30 มม. หมุนได้ระหว่าง 3,500–6,500 RPM ➡️ ใช้หัวต่อแบบ PWM 4-pin บนเมนบอร์ด ✅ ต้องเชื่อมต่อ USB header และติดตั้งซอฟต์แวร์ TRCC เพื่อใช้งานหน้าจอ ➡️ รองรับการควบคุมและแสดงผลผ่านซอฟต์แวร์ ✅ ขนาดซิงก์คือ 90.3 x 26 x 51 มม. สูงกว่ารุ่นเดิม 16% ➡️ ควรตรวจสอบพื้นที่ติดตั้งระหว่างการ์ดจอกับซิงก์ CPU ✅ ราคาจำหน่ายในจีนอยู่ที่ $19.36 และยังไม่วางขายใน Amazon ➡️ หากซื้อผ่าน AliExpress จะอยู่ที่ $32.53 https://www.tomshardware.com/pc-components/ssds/m-2-ssd-cooler-displays-your-ssds-performance-and-vitals-in-real-time-thermalright-hr-10-2280-pro-digital-features-an-argb-display-for-colorful-readouts
    0 Comments 0 Shares 208 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากข่าว: นกยูงกับเลเซอร์ในขนหาง—เมื่อธรรมชาติสร้างโพรงแสงได้เอง

    ขนนกยูงตัวผู้มีลวดลายตาไก่ที่สวยงาม ซึ่งเกิดจากโครงสร้างระดับนาโน ไม่ใช่เม็ดสี โดยเฉพาะในส่วนที่เรียกว่า “barbules” ซึ่งเป็นเส้นใยเล็ก ๆ ที่มีแท่งเมลานินเคลือบด้วยเคราตินเรียงตัวอย่างแม่นยำ ทำให้เกิดสีรุ้งที่เปลี่ยนไปตามมุมมอง

    ทีมนักวิจัยจากหลายมหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ ได้ทดลองหยดสารเรืองแสง rhodamine 6G ลงบนขนนกยูงหลายรอบ แล้วใช้แสงเลเซอร์สีเขียวยิงเข้าไป พบว่าเกิดการเปล่งแสงเลเซอร์ที่มีความถี่คงที่ที่ 574 และ 583 นาโนเมตร ซึ่งเป็นสีเหลือง-ส้ม

    สิ่งที่น่าทึ่งคือ ไม่ว่าจะยิงไปที่ส่วนไหนของตาไก่—ไม่ว่าจะเป็นสีน้ำเงิน เขียว เหลือง หรือน้ำตาล—ก็ได้ผลเหมือนกันหมด แสดงว่าโครงสร้างภายในขนนกยูงมีความเป็นระเบียบและสามารถทำหน้าที่เป็นโพรงเลเซอร์ได้จริง

    ผลการทดลองนี้แตกต่างจาก “random laser” ที่เคยพบในเนื้อเยื่อสัตว์อื่น ๆ ซึ่งมักให้ผลไม่แน่นอน แต่ขนนกยูงให้ผลซ้ำได้ทุกครั้ง และอาจนำไปสู่การสร้างเลเซอร์ชีวภาพที่ปลอดภัยสำหรับใช้ในร่างกาย เช่น การตรวจวินิจฉัยหรือการรักษา

    ขนนกยูงสามารถเปล่งแสงเลเซอร์ได้เมื่อเติมสารเรืองแสงและยิงแสงเลเซอร์เข้าไป
    ใช้สาร rhodamine 6G และแสงเลเซอร์สีเขียว 532 นาโนเมตร
    เกิดแสงเลเซอร์ที่ 574 และ 583 นาโนเมตร

    โครงสร้างภายในขนนกยูงทำหน้าที่เป็นโพรงเลเซอร์ได้โดยธรรมชาติ
    barbules มีโครงสร้างนาโนที่เรียงตัวอย่างแม่นยำ
    ทำหน้าที่คล้าย photonic crystals ที่สะท้อนและขยายแสง

    ผลการทดลองให้ผลซ้ำได้ทุกครั้ง ไม่ใช่แบบสุ่ม
    แตกต่างจาก random laser ที่พบในเนื้อเยื่ออื่น
    แสดงถึงความเป็นระเบียบในโครงสร้างชีวภาพ

    เป็นครั้งแรกที่พบโพรงเลเซอร์ในเนื้อเยื่อของสัตว์
    อาจนำไปสู่การสร้างเลเซอร์ชีวภาพที่ปลอดภัย
    ใช้ในการตรวจวินิจฉัยภายในร่างกายมนุษย์

    การทดลองใช้ขนนกยูงธรรมชาติที่ไม่มีสารเจือปน
    ตัดเฉพาะส่วนตาไก่และทำความสะอาดก่อนทดลอง
    ทำให้ผลการทดลองมีความแม่นยำและน่าเชื่อถือ

    สีของขนนกยูงเกิดจากโครงสร้าง ไม่ใช่เม็ดสี
    เป็นตัวอย่างของ “structural color” ที่เกิดจากการหักเหของแสง
    คล้ายกับสีในปีกผีเสื้อหรือเกล็ดของแมลงบางชนิด

    photonic crystals ในธรรมชาติสามารถนำไปพัฒนาเทคโนโลยีใหม่
    เช่น หน้าต่างเปลี่ยนสี, ผิววัสดุที่ทำความสะอาดตัวเอง, หรือสิ่งทอกันน้ำ
    อาจใช้ในธนบัตรเพื่อป้องกันการปลอมแปลง

    การศึกษาโครงสร้างชีวภาพระดับนาโนช่วยให้เข้าใจธรรมชาติและสร้างวัสดุใหม่
    เป็นแนวทางของ “biophotonics” และ “bio-inspired engineering”
    อาจนำไปสู่การออกแบบเลเซอร์ที่ปลอดภัยและเข้ากันได้กับร่างกายมนุษย์

    https://www.techspot.com/news/108915-scientists-transform-peacock-feathers-tiny-biological-laser-beams.html
    🎙️ เรื่องเล่าจากข่าว: นกยูงกับเลเซอร์ในขนหาง—เมื่อธรรมชาติสร้างโพรงแสงได้เอง ขนนกยูงตัวผู้มีลวดลายตาไก่ที่สวยงาม ซึ่งเกิดจากโครงสร้างระดับนาโน ไม่ใช่เม็ดสี โดยเฉพาะในส่วนที่เรียกว่า “barbules” ซึ่งเป็นเส้นใยเล็ก ๆ ที่มีแท่งเมลานินเคลือบด้วยเคราตินเรียงตัวอย่างแม่นยำ ทำให้เกิดสีรุ้งที่เปลี่ยนไปตามมุมมอง ทีมนักวิจัยจากหลายมหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ ได้ทดลองหยดสารเรืองแสง rhodamine 6G ลงบนขนนกยูงหลายรอบ แล้วใช้แสงเลเซอร์สีเขียวยิงเข้าไป พบว่าเกิดการเปล่งแสงเลเซอร์ที่มีความถี่คงที่ที่ 574 และ 583 นาโนเมตร ซึ่งเป็นสีเหลือง-ส้ม สิ่งที่น่าทึ่งคือ ไม่ว่าจะยิงไปที่ส่วนไหนของตาไก่—ไม่ว่าจะเป็นสีน้ำเงิน เขียว เหลือง หรือน้ำตาล—ก็ได้ผลเหมือนกันหมด แสดงว่าโครงสร้างภายในขนนกยูงมีความเป็นระเบียบและสามารถทำหน้าที่เป็นโพรงเลเซอร์ได้จริง ผลการทดลองนี้แตกต่างจาก “random laser” ที่เคยพบในเนื้อเยื่อสัตว์อื่น ๆ ซึ่งมักให้ผลไม่แน่นอน แต่ขนนกยูงให้ผลซ้ำได้ทุกครั้ง และอาจนำไปสู่การสร้างเลเซอร์ชีวภาพที่ปลอดภัยสำหรับใช้ในร่างกาย เช่น การตรวจวินิจฉัยหรือการรักษา ✅ ขนนกยูงสามารถเปล่งแสงเลเซอร์ได้เมื่อเติมสารเรืองแสงและยิงแสงเลเซอร์เข้าไป ➡️ ใช้สาร rhodamine 6G และแสงเลเซอร์สีเขียว 532 นาโนเมตร ➡️ เกิดแสงเลเซอร์ที่ 574 และ 583 นาโนเมตร ✅ โครงสร้างภายในขนนกยูงทำหน้าที่เป็นโพรงเลเซอร์ได้โดยธรรมชาติ ➡️ barbules มีโครงสร้างนาโนที่เรียงตัวอย่างแม่นยำ ➡️ ทำหน้าที่คล้าย photonic crystals ที่สะท้อนและขยายแสง ✅ ผลการทดลองให้ผลซ้ำได้ทุกครั้ง ไม่ใช่แบบสุ่ม ➡️ แตกต่างจาก random laser ที่พบในเนื้อเยื่ออื่น ➡️ แสดงถึงความเป็นระเบียบในโครงสร้างชีวภาพ ✅ เป็นครั้งแรกที่พบโพรงเลเซอร์ในเนื้อเยื่อของสัตว์ ➡️ อาจนำไปสู่การสร้างเลเซอร์ชีวภาพที่ปลอดภัย ➡️ ใช้ในการตรวจวินิจฉัยภายในร่างกายมนุษย์ ✅ การทดลองใช้ขนนกยูงธรรมชาติที่ไม่มีสารเจือปน ➡️ ตัดเฉพาะส่วนตาไก่และทำความสะอาดก่อนทดลอง ➡️ ทำให้ผลการทดลองมีความแม่นยำและน่าเชื่อถือ ✅ สีของขนนกยูงเกิดจากโครงสร้าง ไม่ใช่เม็ดสี ➡️ เป็นตัวอย่างของ “structural color” ที่เกิดจากการหักเหของแสง ➡️ คล้ายกับสีในปีกผีเสื้อหรือเกล็ดของแมลงบางชนิด ✅ photonic crystals ในธรรมชาติสามารถนำไปพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ➡️ เช่น หน้าต่างเปลี่ยนสี, ผิววัสดุที่ทำความสะอาดตัวเอง, หรือสิ่งทอกันน้ำ ➡️ อาจใช้ในธนบัตรเพื่อป้องกันการปลอมแปลง ✅ การศึกษาโครงสร้างชีวภาพระดับนาโนช่วยให้เข้าใจธรรมชาติและสร้างวัสดุใหม่ ➡️ เป็นแนวทางของ “biophotonics” และ “bio-inspired engineering” ➡️ อาจนำไปสู่การออกแบบเลเซอร์ที่ปลอดภัยและเข้ากันได้กับร่างกายมนุษย์ https://www.techspot.com/news/108915-scientists-transform-peacock-feathers-tiny-biological-laser-beams.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Scientists transform peacock feathers into tiny biological laser beams
    The research, conducted by researchers from several US universities and published in Nature, set out to explore the behavior of peacock feather barbules – microscopic structures that...
    0 Comments 0 Shares 257 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากห้องแล็บ: เมื่อ V-Color เปิดตัวแรม 2TB สำหรับ AMD Threadripper Pro 9000

    ในยุคที่งานด้าน AI, การเรนเดอร์ 3D และการจำลองทางวิทยาศาสตร์ต้องการหน่วยความจำมหาศาล V-Color ได้เปิดตัวชุดแรม DDR5 OC RDIMM รุ่นใหม่ที่รองรับความจุสูงสุดถึง 2TB ต่อระบบ โดยใช้โมดูลขนาด 256GB ต่อแถว ซึ่งเป็นครั้งแรกของโลกที่ RDIMM ขนาดนี้สามารถโอเวอร์คล็อกได้

    แรมชุดนี้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานร่วมกับซีพียู AMD Threadripper Pro 9000 WX-series รุ่นใหม่ล่าสุด โดยเฉพาะรุ่นเรือธง 9995WX ที่มีถึง 96 คอร์ และ 192 เธรด พร้อมรองรับแรม DDR5-6400 ได้สูงสุด 2TB ผ่านชิปเซ็ต WRX90 แบบ 8 แชนแนล

    V-Color เปิดตัวโมดูลแรม DDR5 OC RDIMM ขนาด 256GB ต่อแถว
    รองรับการโอเวอร์คล็อกได้ถึง 6400 MT/s สำหรับโมดูลใหญ่ และสูงสุด 8200 MT/s สำหรับโมดูลเล็ก
    มีรุ่น RGB สำหรับขนาด 16GB–64GB และรุ่นไม่ตกแต่งสำหรับขนาดใหญ่

    รองรับการติดตั้งสูงสุด 2TB บนระบบ AMD Threadripper Pro 9000
    ใช้ได้กับชิปเซ็ต WRX90 (8 แชนแนล) และ TRX50 (4 แชนแนล)
    TRX50 รองรับสูงสุด 1TB และมี PCIe 5.0 ถึง 80 เลน

    ผ่านการทดสอบความเสถียรและความร้อนอย่างเข้มข้น
    V-Color ยืนยันว่าโมดูลสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในระบบที่ใช้แรมสูงสุด
    เหมาะสำหรับงาน AI, การเรนเดอร์, การจำลอง และการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่

    ซีพียู Threadripper Pro 9995WX มีประสิทธิภาพสูงกว่ารุ่นก่อนถึง 73%
    เหมาะสำหรับงานระดับมืออาชีพที่ต้องการพลังประมวลผลและแรมมหาศาล
    เปิดตัวพร้อมกันกับแรมชุดใหม่ในไตรมาส 3 ปี 2025

    แรมชุดนี้จะวางจำหน่ายผ่านเว็บไซต์ V-Color และตัวแทนจำหน่ายทั่วโลก
    ยังไม่มีการเปิดเผยราคาชุดแรม 2TB แต่คาดว่าจะต่ำกว่าชุด LRDIMM ที่ขายอยู่ราว $11,599
    เป็นทางเลือกที่คุ้มค่ากว่าสำหรับผู้ใช้สายเวิร์กสเตชัน

    การใช้แรมความจุสูงอาจต้องการระบบระบายความร้อนและพลังงานที่เหมาะสม
    หากระบบระบายความร้อนไม่ดี อาจเกิดความร้อนสะสมและลดประสิทธิภาพ
    ต้องใช้พาวเวอร์ซัพพลายที่รองรับโหลดสูงอย่างต่อเนื่อง

    การโอเวอร์คล็อกแรมขนาดใหญ่มีความเสี่ยงต่อความเสถียรของระบบ
    แม้ผ่านการทดสอบ แต่การใช้งานจริงอาจมีความแตกต่างตามเมนบอร์ดและ BIOS
    ควรตรวจสอบความเข้ากันได้กับเมนบอร์ดก่อนซื้อ

    ราคาของแรมระดับนี้ยังไม่เปิดเผย อาจสูงเกินงบของผู้ใช้ทั่วไป
    แม้จะถูกกว่าชุด LRDIMM แต่ยังคงเป็นระดับพรีเมียม
    เหมาะสำหรับองค์กรหรือผู้ใช้ระดับมืออาชีพมากกว่าผู้ใช้ทั่วไป

    การใช้แรม 2TB อาจเกินความจำเป็นสำหรับงานทั่วไป
    งานทั่วไปไม่ต้องการแรมระดับนี้ อาจเป็นการลงทุนเกินจำเป็น
    ควรประเมินความต้องการจริงก่อนตัดสินใจซื้อ

    https://www.tomshardware.com/pc-components/ram/v-color-announces-2tb-rdimm-kits-for-threadripper-pro-9000-256gb-modules-promise-stability-at-absurdly-high-ram-capacities
    🎙️ เรื่องเล่าจากห้องแล็บ: เมื่อ V-Color เปิดตัวแรม 2TB สำหรับ AMD Threadripper Pro 9000 ในยุคที่งานด้าน AI, การเรนเดอร์ 3D และการจำลองทางวิทยาศาสตร์ต้องการหน่วยความจำมหาศาล V-Color ได้เปิดตัวชุดแรม DDR5 OC RDIMM รุ่นใหม่ที่รองรับความจุสูงสุดถึง 2TB ต่อระบบ โดยใช้โมดูลขนาด 256GB ต่อแถว ซึ่งเป็นครั้งแรกของโลกที่ RDIMM ขนาดนี้สามารถโอเวอร์คล็อกได้ แรมชุดนี้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานร่วมกับซีพียู AMD Threadripper Pro 9000 WX-series รุ่นใหม่ล่าสุด โดยเฉพาะรุ่นเรือธง 9995WX ที่มีถึง 96 คอร์ และ 192 เธรด พร้อมรองรับแรม DDR5-6400 ได้สูงสุด 2TB ผ่านชิปเซ็ต WRX90 แบบ 8 แชนแนล ✅ V-Color เปิดตัวโมดูลแรม DDR5 OC RDIMM ขนาด 256GB ต่อแถว ➡️ รองรับการโอเวอร์คล็อกได้ถึง 6400 MT/s สำหรับโมดูลใหญ่ และสูงสุด 8200 MT/s สำหรับโมดูลเล็ก ➡️ มีรุ่น RGB สำหรับขนาด 16GB–64GB และรุ่นไม่ตกแต่งสำหรับขนาดใหญ่ ✅ รองรับการติดตั้งสูงสุด 2TB บนระบบ AMD Threadripper Pro 9000 ➡️ ใช้ได้กับชิปเซ็ต WRX90 (8 แชนแนล) และ TRX50 (4 แชนแนล) ➡️ TRX50 รองรับสูงสุด 1TB และมี PCIe 5.0 ถึง 80 เลน ✅ ผ่านการทดสอบความเสถียรและความร้อนอย่างเข้มข้น ➡️ V-Color ยืนยันว่าโมดูลสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในระบบที่ใช้แรมสูงสุด ➡️ เหมาะสำหรับงาน AI, การเรนเดอร์, การจำลอง และการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ ✅ ซีพียู Threadripper Pro 9995WX มีประสิทธิภาพสูงกว่ารุ่นก่อนถึง 73% ➡️ เหมาะสำหรับงานระดับมืออาชีพที่ต้องการพลังประมวลผลและแรมมหาศาล ➡️ เปิดตัวพร้อมกันกับแรมชุดใหม่ในไตรมาส 3 ปี 2025 ✅ แรมชุดนี้จะวางจำหน่ายผ่านเว็บไซต์ V-Color และตัวแทนจำหน่ายทั่วโลก ➡️ ยังไม่มีการเปิดเผยราคาชุดแรม 2TB แต่คาดว่าจะต่ำกว่าชุด LRDIMM ที่ขายอยู่ราว $11,599 ➡️ เป็นทางเลือกที่คุ้มค่ากว่าสำหรับผู้ใช้สายเวิร์กสเตชัน ‼️ การใช้แรมความจุสูงอาจต้องการระบบระบายความร้อนและพลังงานที่เหมาะสม ⛔ หากระบบระบายความร้อนไม่ดี อาจเกิดความร้อนสะสมและลดประสิทธิภาพ ⛔ ต้องใช้พาวเวอร์ซัพพลายที่รองรับโหลดสูงอย่างต่อเนื่อง ‼️ การโอเวอร์คล็อกแรมขนาดใหญ่มีความเสี่ยงต่อความเสถียรของระบบ ⛔ แม้ผ่านการทดสอบ แต่การใช้งานจริงอาจมีความแตกต่างตามเมนบอร์ดและ BIOS ⛔ ควรตรวจสอบความเข้ากันได้กับเมนบอร์ดก่อนซื้อ ‼️ ราคาของแรมระดับนี้ยังไม่เปิดเผย อาจสูงเกินงบของผู้ใช้ทั่วไป ⛔ แม้จะถูกกว่าชุด LRDIMM แต่ยังคงเป็นระดับพรีเมียม ⛔ เหมาะสำหรับองค์กรหรือผู้ใช้ระดับมืออาชีพมากกว่าผู้ใช้ทั่วไป ‼️ การใช้แรม 2TB อาจเกินความจำเป็นสำหรับงานทั่วไป ⛔ งานทั่วไปไม่ต้องการแรมระดับนี้ อาจเป็นการลงทุนเกินจำเป็น ⛔ ควรประเมินความต้องการจริงก่อนตัดสินใจซื้อ https://www.tomshardware.com/pc-components/ram/v-color-announces-2tb-rdimm-kits-for-threadripper-pro-9000-256gb-modules-promise-stability-at-absurdly-high-ram-capacities
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    V-Color announces 2TB RDIMM kits for Threadripper Pro 9000 — 256GB modules promise stability at absurdly high RAM capacities
    Giant memory kits let Threadripper Pro users chew through massive data sets in single workstations
    0 Comments 0 Shares 179 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากแนวรบไซเบอร์: เมื่อ SAP NetWeaver กลายเป็นประตูหลังให้มัลแวร์ Auto-Color

    ในเดือนเมษายน 2025 บริษัท Darktrace ตรวจพบการโจมตีแบบหลายขั้นตอนที่ใช้ช่องโหว่ CVE-2025-31324 ใน SAP NetWeaver เพื่อส่งมัลแวร์ Auto-Color เข้าสู่ระบบของบริษัทเคมีในสหรัฐฯ โดยช่องโหว่นี้เปิดให้ผู้ไม่ผ่านการยืนยันตัวตนสามารถอัปโหลดไฟล์อันตรายเข้าสู่เซิร์ฟเวอร์ SAP ได้ ซึ่งนำไปสู่การควบคุมระบบจากระยะไกล (Remote Code Execution)

    Auto-Color เป็นมัลแวร์ที่ออกแบบมาให้ปรับตัวตามสิทธิ์ของผู้ใช้งาน หากรันด้วยสิทธิ์ root จะฝังไลบรารีปลอมชื่อ libcext.so.2 และใช้เทคนิค ld.so.preload เพื่อให้มัลแวร์ถูกโหลดก่อนทุกโปรแกรมในระบบ Linux ทำให้สามารถแทรกแซงการทำงานของระบบได้อย่างลึกซึ้ง

    Darktrace ใช้ระบบ AI “Autonomous Response” เข้าควบคุมอุปกรณ์ที่ถูกโจมตีภายในไม่กี่นาที โดยจำกัดพฤติกรรมให้อยู่ในขอบเขตปกติ พร้อมขยายเวลาการควบคุมอีก 24 ชั่วโมงเพื่อให้ทีมรักษาความปลอดภัยมีเวลาตรวจสอบและแก้ไข

    ช่องโหว่ CVE-2025-31324 ใน SAP NetWeaver ถูกเปิดเผยเมื่อ 24 เมษายน 2025
    เป็นช่องโหว่ระดับวิกฤต (CVSS 10.0) ที่เปิดให้ผู้โจมตีอัปโหลดไฟล์อันตรายโดยไม่ต้องยืนยันตัวตน
    ส่งผลให้สามารถควบคุมระบบได้เต็มรูปแบบผ่าน Remote Code Execution

    Darktrace ตรวจพบการโจมตีในบริษัทเคมีสหรัฐฯ เมื่อปลายเดือนเมษายน 2025
    เริ่มจากการสแกนช่องโหว่ในวันที่ 25 เมษายน และเริ่มโจมตีจริงในวันที่ 27 เมษายน
    ใช้ ZIP file และ DNS tunneling เพื่อส่งมัลแวร์เข้าสู่ระบบ

    มัลแวร์ Auto-Color ถูกส่งเข้าระบบในรูปแบบไฟล์ ELF สำหรับ Linux
    เปลี่ยนชื่อไฟล์เป็น “/var/log/cross/auto-color” เพื่อหลบซ่อน
    ใช้เทคนิค ld.so.preload เพื่อให้มัลแวร์ถูกโหลดก่อนโปรแกรมอื่นในระบบ

    Darktrace ใช้ AI Autonomous Response เข้าควบคุมอุปกรณ์ที่ถูกโจมตีทันที
    จำกัดพฤติกรรมของอุปกรณ์ให้อยู่ใน “pattern of life” ปกติ
    ขยายเวลาการควบคุมอีก 24 ชั่วโมงเพื่อให้ทีมรักษาความปลอดภัยตรวจสอบ

    ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ใช้สถาปัตยกรรม Zero Trust และปิด endpoint ที่เสี่ยงทันที
    หากไม่สามารถติดตั้งแพตช์ได้ ให้ปิดการเข้าถึง /developmentserver/metadatauploader
    แยกระบบ SAP ออกจากอินเทอร์เน็ตและตรวจสอบทุกการเชื่อมต่อ

    ช่องโหว่ CVE-2025-31324 ยังคงถูกโจมตีอย่างต่อเนื่องแม้จะมีการเปิดเผยแล้ว
    ผู้โจมตีสามารถใช้ข้อมูลสาธารณะในการสร้าง payload ใหม่ได้
    การไม่ติดตั้งแพตช์ทันทีอาจนำไปสู่การควบคุมระบบเต็มรูปแบบ

    Auto-Color มีความสามารถในการหลบซ่อนเมื่อไม่สามารถเชื่อมต่อกับ C2 ได้
    ทำให้การวิเคราะห์ใน sandbox หรือระบบออฟไลน์ไม่สามารถตรวจพบพฤติกรรมจริง
    ส่งผลให้การตรวจสอบมัลแวร์ล่าช้าและอาจพลาดการป้องกัน

    ระบบ SAP มักถูกแยกออกจากการดูแลด้านความปลอดภัยขององค์กร
    ทีม SAP Basis อาจไม่มีความเชี่ยวชาญด้านภัยคุกคามไซเบอร์
    การไม่บูรณาการกับทีม IT Security ทำให้เกิดช่องโหว่ในการป้องกัน

    การใช้เทคนิค ld.so.preload เป็นวิธีการฝังมัลแวร์ที่ลึกและยากต่อการตรวจจับ
    มัลแวร์สามารถแทรกแซงการทำงานของทุกโปรแกรมในระบบ Linux
    ต้องใช้เครื่องมือเฉพาะทางในการตรวจสอบและล้างระบบ

    https://hackread.com/sap-netweaver-vulnerability-auto-color-malware-us-firm/
    🕵️‍♂️ เรื่องเล่าจากแนวรบไซเบอร์: เมื่อ SAP NetWeaver กลายเป็นประตูหลังให้มัลแวร์ Auto-Color ในเดือนเมษายน 2025 บริษัท Darktrace ตรวจพบการโจมตีแบบหลายขั้นตอนที่ใช้ช่องโหว่ CVE-2025-31324 ใน SAP NetWeaver เพื่อส่งมัลแวร์ Auto-Color เข้าสู่ระบบของบริษัทเคมีในสหรัฐฯ โดยช่องโหว่นี้เปิดให้ผู้ไม่ผ่านการยืนยันตัวตนสามารถอัปโหลดไฟล์อันตรายเข้าสู่เซิร์ฟเวอร์ SAP ได้ ซึ่งนำไปสู่การควบคุมระบบจากระยะไกล (Remote Code Execution) Auto-Color เป็นมัลแวร์ที่ออกแบบมาให้ปรับตัวตามสิทธิ์ของผู้ใช้งาน หากรันด้วยสิทธิ์ root จะฝังไลบรารีปลอมชื่อ libcext.so.2 และใช้เทคนิค ld.so.preload เพื่อให้มัลแวร์ถูกโหลดก่อนทุกโปรแกรมในระบบ Linux ทำให้สามารถแทรกแซงการทำงานของระบบได้อย่างลึกซึ้ง Darktrace ใช้ระบบ AI “Autonomous Response” เข้าควบคุมอุปกรณ์ที่ถูกโจมตีภายในไม่กี่นาที โดยจำกัดพฤติกรรมให้อยู่ในขอบเขตปกติ พร้อมขยายเวลาการควบคุมอีก 24 ชั่วโมงเพื่อให้ทีมรักษาความปลอดภัยมีเวลาตรวจสอบและแก้ไข ✅ ช่องโหว่ CVE-2025-31324 ใน SAP NetWeaver ถูกเปิดเผยเมื่อ 24 เมษายน 2025 ➡️ เป็นช่องโหว่ระดับวิกฤต (CVSS 10.0) ที่เปิดให้ผู้โจมตีอัปโหลดไฟล์อันตรายโดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ➡️ ส่งผลให้สามารถควบคุมระบบได้เต็มรูปแบบผ่าน Remote Code Execution ✅ Darktrace ตรวจพบการโจมตีในบริษัทเคมีสหรัฐฯ เมื่อปลายเดือนเมษายน 2025 ➡️ เริ่มจากการสแกนช่องโหว่ในวันที่ 25 เมษายน และเริ่มโจมตีจริงในวันที่ 27 เมษายน ➡️ ใช้ ZIP file และ DNS tunneling เพื่อส่งมัลแวร์เข้าสู่ระบบ ✅ มัลแวร์ Auto-Color ถูกส่งเข้าระบบในรูปแบบไฟล์ ELF สำหรับ Linux ➡️ เปลี่ยนชื่อไฟล์เป็น “/var/log/cross/auto-color” เพื่อหลบซ่อน ➡️ ใช้เทคนิค ld.so.preload เพื่อให้มัลแวร์ถูกโหลดก่อนโปรแกรมอื่นในระบบ ✅ Darktrace ใช้ AI Autonomous Response เข้าควบคุมอุปกรณ์ที่ถูกโจมตีทันที ➡️ จำกัดพฤติกรรมของอุปกรณ์ให้อยู่ใน “pattern of life” ปกติ ➡️ ขยายเวลาการควบคุมอีก 24 ชั่วโมงเพื่อให้ทีมรักษาความปลอดภัยตรวจสอบ ✅ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ใช้สถาปัตยกรรม Zero Trust และปิด endpoint ที่เสี่ยงทันที ➡️ หากไม่สามารถติดตั้งแพตช์ได้ ให้ปิดการเข้าถึง /developmentserver/metadatauploader ➡️ แยกระบบ SAP ออกจากอินเทอร์เน็ตและตรวจสอบทุกการเชื่อมต่อ ‼️ ช่องโหว่ CVE-2025-31324 ยังคงถูกโจมตีอย่างต่อเนื่องแม้จะมีการเปิดเผยแล้ว ⛔ ผู้โจมตีสามารถใช้ข้อมูลสาธารณะในการสร้าง payload ใหม่ได้ ⛔ การไม่ติดตั้งแพตช์ทันทีอาจนำไปสู่การควบคุมระบบเต็มรูปแบบ ‼️ Auto-Color มีความสามารถในการหลบซ่อนเมื่อไม่สามารถเชื่อมต่อกับ C2 ได้ ⛔ ทำให้การวิเคราะห์ใน sandbox หรือระบบออฟไลน์ไม่สามารถตรวจพบพฤติกรรมจริง ⛔ ส่งผลให้การตรวจสอบมัลแวร์ล่าช้าและอาจพลาดการป้องกัน ‼️ ระบบ SAP มักถูกแยกออกจากการดูแลด้านความปลอดภัยขององค์กร ⛔ ทีม SAP Basis อาจไม่มีความเชี่ยวชาญด้านภัยคุกคามไซเบอร์ ⛔ การไม่บูรณาการกับทีม IT Security ทำให้เกิดช่องโหว่ในการป้องกัน ‼️ การใช้เทคนิค ld.so.preload เป็นวิธีการฝังมัลแวร์ที่ลึกและยากต่อการตรวจจับ ⛔ มัลแวร์สามารถแทรกแซงการทำงานของทุกโปรแกรมในระบบ Linux ⛔ ต้องใช้เครื่องมือเฉพาะทางในการตรวจสอบและล้างระบบ https://hackread.com/sap-netweaver-vulnerability-auto-color-malware-us-firm/
    HACKREAD.COM
    SAP NetWeaver Vulnerability Used in Auto-Color Malware Attack on US Firm
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 Comments 0 Shares 271 Views 0 Reviews
  • ** Apna Khata Bhulekh A Step Towards Digital Land Records **

    In the ultramodern digital age, governance systems across India have been witnessing rapid-fire metamorphosis. One significant action in this direction is ** “ Apna Khata Bhulekh ” **, a government- driven platform aimed at digitizing land records and furnishing easy access to citizens. Particularly active in countries like Rajasthan, Bihar, and Uttar Pradesh, this system enables coproprietors and growers to pierce important land- related documents online, reducing the need for physical visits to government services.

    What's Apna Khata Bhulekh?

    “ Apna Khata Bhulekh ” is a digital portal launched by colorful state governments to allow druggies to view and download land records online. The term" Bhulekh" translates to ** land records ** or ** land description **, and “ Apna Khata ” means ** your account **, pertaining to a person's land power account. The system provides translucency in land dealings and reduces the chances of land fraud and manipulation.

    These online platforms are state-specific but operate under the common thing of ** profit department digitization **. Citizens can pierce Jamabandi Nakal( Record of Rights), Khasra figures, Khata figures, and charts of their lands from anywhere with an internet connection.

    ---

    crucial Features of Apna Khata Bhulekh

    1. ** Ease of Access **
    druggies can log in to the separate state gate using introductory details like quarter, tehsil, vill name, and Khata or Khasra number to pierce their land details.

    2. ** translucency **
    With all land records available online, the compass of corruption, illegal land occupation, and fraudulent deals is significantly reduced.

    3. ** Time- Saving **
    before, carrying land records meant long ranges at profit services. With Apna Khata Bhulekh, it can now be done within twinkles.

    4. ** Legal mileage **
    These digital land documents are fairly valid and can be used for colorful purposes similar as loan operations, land deals, and court cases.

    5. ** Map Access **
    druggies can view or download ** Bhu- Naksha **( land chart) and get visual representations of plots.

    ---

    How to Access Apna Khata Bhulekh Online

    Although the exact interface varies slightly from state to state, the general process remains the same

    1. Visit the sanctioned Bhulekh or Apna Khata website of your separate state.
    2. Choose your ** quarter **, ** tehsil **, and ** vill **.
    3. Enter details like ** Khata number **, ** Khasra number **, or ** squatter name **.
    4. Click on “ Submit ” or “ View Report ” to get the land record.

    For illustration, in ** Rajasthan **, druggies can go to( apnakhata.raj.nic.in)( http// apnakhata.raj.nic.in) to pierce the gate. also, in ** Uttar Pradesh **, the point is( upbhulekh.gov.in)( http// upbhulekh.gov.in), while ** Bihar ** residers can use( biharbhumi.bihar.gov.in)( http// biharbhumi.bihar.gov.in).

    ---

    Benefits to Farmers and Coproprietors

    * ** Loan blessing ** growers frequently need land records to get crop loans from banks. Digital Bhulekh ensures timely access to vindicated documents.
    * ** disagreement Resolution ** Land controversies can now be resolved briskly with sanctioned digital substantiation available at the click of a button.
    * ** Land Deals and Purchases ** Buyers can corroborate land power and history before making purchases, leading to safer deals.

    ---

    Challenges and the Way Forward

    While the action is estimable, certain challenges remain. In pastoral areas, numerous people are still ignorant of how to use these doors. Internet connectivity and digital knowledge also pose walls. also, some old land records are yet to be digitized, leading to gaps in data vacuity.

    To overcome these issues, state governments need to conduct mindfulness juggernauts, offer backing at ** Common Service Centers( CSCs) **, and insure that all old records are digitized and vindicated.

    ---

    Conclusion

    “ Apna Khata Bhulekh ” is a transformative step in making governance further citizen-friendly. It empowers coproprietors by giving them direct access to pivotal information and promotes translucency in land dealings. As further people embrace digital platforms, Apna Khata Bhulekh will play an indeed more critical part in icing land security and effective land operation across India. https://apnakhataonline.com

    ** Apna Khata Bhulekh A Step Towards Digital Land Records ** In the ultramodern digital age, governance systems across India have been witnessing rapid-fire metamorphosis. One significant action in this direction is ** “ Apna Khata Bhulekh ” **, a government- driven platform aimed at digitizing land records and furnishing easy access to citizens. Particularly active in countries like Rajasthan, Bihar, and Uttar Pradesh, this system enables coproprietors and growers to pierce important land- related documents online, reducing the need for physical visits to government services. What's Apna Khata Bhulekh? “ Apna Khata Bhulekh ” is a digital portal launched by colorful state governments to allow druggies to view and download land records online. The term" Bhulekh" translates to ** land records ** or ** land description **, and “ Apna Khata ” means ** your account **, pertaining to a person's land power account. The system provides translucency in land dealings and reduces the chances of land fraud and manipulation. These online platforms are state-specific but operate under the common thing of ** profit department digitization **. Citizens can pierce Jamabandi Nakal( Record of Rights), Khasra figures, Khata figures, and charts of their lands from anywhere with an internet connection. --- crucial Features of Apna Khata Bhulekh 1. ** Ease of Access ** druggies can log in to the separate state gate using introductory details like quarter, tehsil, vill name, and Khata or Khasra number to pierce their land details. 2. ** translucency ** With all land records available online, the compass of corruption, illegal land occupation, and fraudulent deals is significantly reduced. 3. ** Time- Saving ** before, carrying land records meant long ranges at profit services. With Apna Khata Bhulekh, it can now be done within twinkles. 4. ** Legal mileage ** These digital land documents are fairly valid and can be used for colorful purposes similar as loan operations, land deals, and court cases. 5. ** Map Access ** druggies can view or download ** Bhu- Naksha **( land chart) and get visual representations of plots. --- How to Access Apna Khata Bhulekh Online Although the exact interface varies slightly from state to state, the general process remains the same 1. Visit the sanctioned Bhulekh or Apna Khata website of your separate state. 2. Choose your ** quarter **, ** tehsil **, and ** vill **. 3. Enter details like ** Khata number **, ** Khasra number **, or ** squatter name **. 4. Click on “ Submit ” or “ View Report ” to get the land record. For illustration, in ** Rajasthan **, druggies can go to( apnakhata.raj.nic.in)( http// apnakhata.raj.nic.in) to pierce the gate. also, in ** Uttar Pradesh **, the point is( upbhulekh.gov.in)( http// upbhulekh.gov.in), while ** Bihar ** residers can use( biharbhumi.bihar.gov.in)( http// biharbhumi.bihar.gov.in). --- Benefits to Farmers and Coproprietors * ** Loan blessing ** growers frequently need land records to get crop loans from banks. Digital Bhulekh ensures timely access to vindicated documents. * ** disagreement Resolution ** Land controversies can now be resolved briskly with sanctioned digital substantiation available at the click of a button. * ** Land Deals and Purchases ** Buyers can corroborate land power and history before making purchases, leading to safer deals. --- Challenges and the Way Forward While the action is estimable, certain challenges remain. In pastoral areas, numerous people are still ignorant of how to use these doors. Internet connectivity and digital knowledge also pose walls. also, some old land records are yet to be digitized, leading to gaps in data vacuity. To overcome these issues, state governments need to conduct mindfulness juggernauts, offer backing at ** Common Service Centers( CSCs) **, and insure that all old records are digitized and vindicated. --- Conclusion “ Apna Khata Bhulekh ” is a transformative step in making governance further citizen-friendly. It empowers coproprietors by giving them direct access to pivotal information and promotes translucency in land dealings. As further people embrace digital platforms, Apna Khata Bhulekh will play an indeed more critical part in icing land security and effective land operation across India. https://apnakhataonline.com
    0 Comments 0 Shares 466 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากโลกของการอ่าน: เมื่อ Kindle สำหรับเด็กมีสีสันและความปลอดภัยมากขึ้น

    หลังจากเปิดตัว Kindle Colorsoft รุ่นแรกในปี 2024 ซึ่งเป็น Kindle ที่มีหน้าจอสี Amazon ได้เปิดตัวรุ่นใหม่ 2 รุ่นในปี 2025:

    Kindle Colorsoft Kids
    เป็น Kindle รุ่นหน้าจอสีสำหรับเด็กโดยเฉพาะ
    มีความสามารถเหมือนรุ่น 16GB ของผู้ใหญ่ เช่น หน้าจอ high-contrast, ปรับแสงอุ่นได้, และเปลี่ยนหน้ารวดเร็ว
    เพิ่มฟีเจอร์สำหรับเด็ก เช่น:
    - เคสป้องกัน
    - การรับประกัน 2 ปีแบบ “worry-free”
    - ระบบควบคุมโดยผู้ปกครอง
    - สมาชิก Amazon Kids+ ฟรี 1 ปี
    ไม่มีแอป, การแจ้งเตือน หรือข้อความที่รบกวนสมาธิ
    มีการเพิ่มหนังสือใหม่ใน Kids+ เช่น Artemis Fowl และ Percy Jackson

    Kindle Colorsoft รุ่น 16GB สำหรับผู้ใหญ่
    ลดราคาจากรุ่น 32GB เหลือ $249.99
    ตัดฟีเจอร์บางอย่าง เช่น:
    - ไม่มี wireless charging
    - ไม่มีเซ็นเซอร์ปรับแสงอัตโนมัติ
    แถม Kindle Unlimited ฟรี 3 เดือน

    https://www.neowin.net/news/kindle-colorsoft-now-has-a-colored-display-model-for-kids/
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลกของการอ่าน: เมื่อ Kindle สำหรับเด็กมีสีสันและความปลอดภัยมากขึ้น หลังจากเปิดตัว Kindle Colorsoft รุ่นแรกในปี 2024 ซึ่งเป็น Kindle ที่มีหน้าจอสี Amazon ได้เปิดตัวรุ่นใหม่ 2 รุ่นในปี 2025: 🧒 Kindle Colorsoft Kids ✅ เป็น Kindle รุ่นหน้าจอสีสำหรับเด็กโดยเฉพาะ ✅ มีความสามารถเหมือนรุ่น 16GB ของผู้ใหญ่ เช่น หน้าจอ high-contrast, ปรับแสงอุ่นได้, และเปลี่ยนหน้ารวดเร็ว ✅ เพิ่มฟีเจอร์สำหรับเด็ก เช่น: - เคสป้องกัน - การรับประกัน 2 ปีแบบ “worry-free” - ระบบควบคุมโดยผู้ปกครอง - สมาชิก Amazon Kids+ ฟรี 1 ปี ✅ ไม่มีแอป, การแจ้งเตือน หรือข้อความที่รบกวนสมาธิ ✅ มีการเพิ่มหนังสือใหม่ใน Kids+ เช่น Artemis Fowl และ Percy Jackson 💰 Kindle Colorsoft รุ่น 16GB สำหรับผู้ใหญ่ ✅ ลดราคาจากรุ่น 32GB เหลือ $249.99 ✅ ตัดฟีเจอร์บางอย่าง เช่น: - ไม่มี wireless charging - ไม่มีเซ็นเซอร์ปรับแสงอัตโนมัติ ✅ แถม Kindle Unlimited ฟรี 3 เดือน https://www.neowin.net/news/kindle-colorsoft-now-has-a-colored-display-model-for-kids/
    WWW.NEOWIN.NET
    Kindle Colorsoft now has a colored display model for kids
    Amazon has announced two new variants of the Kindle Colorsoft, one is a cheaper version with significant downgrades, and the other is kid-friendly.
    0 Comments 0 Shares 190 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากเซลล์รับแสง: เมื่อเราสามารถเห็น “สีใหม่” ที่ธรรมชาติไม่เคยให้

    มนุษย์มีเซลล์รับแสง 3 ชนิดในจอประสาทตา (S, M, L cones) ซึ่งตอบสนองต่อช่วงคลื่นแสงที่ต่างกัน แต่ช่วงคลื่นเหล่านั้น “ทับซ้อนกัน” ทำให้เราไม่สามารถกระตุ้นเซลล์ใดเซลล์หนึ่งแบบเดี่ยว ๆ ได้ในชีวิตจริง

    แต่ทีมวิจัยจาก Fong et al. (2025) ใช้เลเซอร์ยิงเฉพาะจุดเพื่อกระตุ้นเซลล์ M โดยตรง ผลคือผู้ทดลองรายงานว่า “เห็นสีฟ้า-เขียวที่สดจัดแบบไม่เคยเห็นมาก่อน” — เป็นสีที่ไม่อยู่ในขอบเขตการมองเห็นตามธรรมชาติ

    แม้ไม่มีรายงานภาพหรือคำอธิบายจากผู้ทดลอง แต่ผู้เขียนบทความได้สร้างภาพลวงตาแบบหนึ่ง (inspired by Skytopia’s Eclipse of Titan) ที่ทำให้ผู้ชม “เห็นสีใหม่” โดยไม่ต้องใช้เลเซอร์เลย — แค่จ้องจุดขาวกลางภาพที่มีวงกลมสีแดงบนพื้นหลังฟ้า-เขียว แล้วรอให้วงกลมหดลง

    ผลคือคุณจะเห็น “สีฟ้า-เขียวสดจัด” รอบขอบวงกลม — เพราะเซลล์ L ถูกอิ่มตัวจากสีแดง ทำให้เซลล์ M ทำงานเด่นขึ้นโดยไม่มีการรบกวนจากเซลล์อื่น

    มนุษย์มีเซลล์รับแสง 3 ชนิด (S, M, L) ที่ตอบสนองต่อช่วงคลื่นแสงที่ทับซ้อนกัน
    ทำให้ไม่สามารถกระตุ้นเซลล์ใดเซลล์หนึ่งแบบเดี่ยว ๆ ได้ตามธรรมชาติ

    ทีมวิจัย Fong et al. ใช้เลเซอร์ยิงเฉพาะเซลล์ M เพื่อให้เห็นสีใหม่
    ผู้ทดลองรายงานว่าเห็นสีฟ้า-เขียวสดจัดแบบไม่เคยสัมผัสมาก่อน

    ผู้เขียนสร้างภาพลวงตาโดยใช้วงกลมสีแดงบนพื้นหลังฟ้า-เขียวที่หดลง
    ทำให้เซลล์ L อิ่มตัวและเซลล์ M ทำงานเด่นขึ้น เกิดการเห็นสีใหม่

    ภาพลวงตานี้ไม่ใช้เทคโนโลยีพิเศษ แสดงผลได้บนหน้าจอทั่วไป
    แสดงว่าการจัดการการอิ่มตัวของเซลล์สามารถสร้างประสบการณ์สีใหม่ได้

    มีเครื่องมือให้ผู้ชมปรับสี, ขนาดวงกลม, ความเร็วการหด และส่งออกเป็น SVG
    เปิดโอกาสให้ทดลองสร้างภาพลวงตาเองและศึกษาผลกระทบต่อการมองเห็น

    แนวคิดนี้อาจช่วยให้เข้าใจการทำงานของเซลล์ในผู้มีภาวะตาบอดสีบางประเภท
    เช่น deuteranomaly ที่เซลล์ M ตอบสนองคล้ายเซลล์ L

    https://dynomight.net/colors/
    🎙️ เรื่องเล่าจากเซลล์รับแสง: เมื่อเราสามารถเห็น “สีใหม่” ที่ธรรมชาติไม่เคยให้ มนุษย์มีเซลล์รับแสง 3 ชนิดในจอประสาทตา (S, M, L cones) ซึ่งตอบสนองต่อช่วงคลื่นแสงที่ต่างกัน แต่ช่วงคลื่นเหล่านั้น “ทับซ้อนกัน” ทำให้เราไม่สามารถกระตุ้นเซลล์ใดเซลล์หนึ่งแบบเดี่ยว ๆ ได้ในชีวิตจริง แต่ทีมวิจัยจาก Fong et al. (2025) ใช้เลเซอร์ยิงเฉพาะจุดเพื่อกระตุ้นเซลล์ M โดยตรง ผลคือผู้ทดลองรายงานว่า “เห็นสีฟ้า-เขียวที่สดจัดแบบไม่เคยเห็นมาก่อน” — เป็นสีที่ไม่อยู่ในขอบเขตการมองเห็นตามธรรมชาติ แม้ไม่มีรายงานภาพหรือคำอธิบายจากผู้ทดลอง แต่ผู้เขียนบทความได้สร้างภาพลวงตาแบบหนึ่ง (inspired by Skytopia’s Eclipse of Titan) ที่ทำให้ผู้ชม “เห็นสีใหม่” โดยไม่ต้องใช้เลเซอร์เลย — แค่จ้องจุดขาวกลางภาพที่มีวงกลมสีแดงบนพื้นหลังฟ้า-เขียว แล้วรอให้วงกลมหดลง ผลคือคุณจะเห็น “สีฟ้า-เขียวสดจัด” รอบขอบวงกลม — เพราะเซลล์ L ถูกอิ่มตัวจากสีแดง ทำให้เซลล์ M ทำงานเด่นขึ้นโดยไม่มีการรบกวนจากเซลล์อื่น ✅ มนุษย์มีเซลล์รับแสง 3 ชนิด (S, M, L) ที่ตอบสนองต่อช่วงคลื่นแสงที่ทับซ้อนกัน ➡️ ทำให้ไม่สามารถกระตุ้นเซลล์ใดเซลล์หนึ่งแบบเดี่ยว ๆ ได้ตามธรรมชาติ ✅ ทีมวิจัย Fong et al. ใช้เลเซอร์ยิงเฉพาะเซลล์ M เพื่อให้เห็นสีใหม่ ➡️ ผู้ทดลองรายงานว่าเห็นสีฟ้า-เขียวสดจัดแบบไม่เคยสัมผัสมาก่อน ✅ ผู้เขียนสร้างภาพลวงตาโดยใช้วงกลมสีแดงบนพื้นหลังฟ้า-เขียวที่หดลง ➡️ ทำให้เซลล์ L อิ่มตัวและเซลล์ M ทำงานเด่นขึ้น เกิดการเห็นสีใหม่ ✅ ภาพลวงตานี้ไม่ใช้เทคโนโลยีพิเศษ แสดงผลได้บนหน้าจอทั่วไป ➡️ แสดงว่าการจัดการการอิ่มตัวของเซลล์สามารถสร้างประสบการณ์สีใหม่ได้ ✅ มีเครื่องมือให้ผู้ชมปรับสี, ขนาดวงกลม, ความเร็วการหด และส่งออกเป็น SVG ➡️ เปิดโอกาสให้ทดลองสร้างภาพลวงตาเองและศึกษาผลกระทบต่อการมองเห็น ✅ แนวคิดนี้อาจช่วยให้เข้าใจการทำงานของเซลล์ในผู้มีภาวะตาบอดสีบางประเภท ➡️ เช่น deuteranomaly ที่เซลล์ M ตอบสนองคล้ายเซลล์ L https://dynomight.net/colors/
    DYNOMIGHT.NET
    New colors without shooting lasers into your eyes
    Can optical illusions take you outside the human color gamut?
    0 Comments 0 Shares 184 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากโลกฮาร์ดแวร์: GPU ที่ใส่ SSD ได้...เท่หรือเกินจำเป็น?

    Colorful ได้เผยโฉมกราฟิกการ์ดรุ่นหนึ่งในซีรีส์ iGame Ultra ที่งาน Bilibili World 2025 โดยการ์ดตัวนี้ติดตั้งสล็อต M.2 สองช่องไว้ที่ด้านหลัง PCB ใกล้กับ I/O bracket และใช้ระบบพัดลมคู่ในการระบายความร้อนให้ทั้ง GPU และ SSD พร้อมจุดติดตั้งซิงก์เสริมเพื่อจัดการความร้อน SSD โดยเฉพาะ

    จากการออกแบบ ระบบ PCIe บนการ์ดจะแบ่งแบนด์วิดธ์ x16 ดังนี้:
    - x8 สำหรับกราฟิกการ์ด
    - x4 สำหรับ SSD ตัวที่หนึ่ง
    - x4 สำหรับ SSD ตัวที่สอง

    การทำแบบนี้เรียกว่า PCIe bifurcation ซึ่งสามารถใช้งานได้ในเมนบอร์ดบางรุ่นที่รองรับโดยไม่ต้องใช้ riser หรือ adapter เพิ่มเติม

    แนวคิดนี้เหมาะกับเคสขนาดเล็ก หรือเมนบอร์ดที่มีสล็อต M.2 จำกัด — แต่ก็มีคำถามเรื่องประสิทธิภาพทั้งด้านกราฟิกและการจัดเก็บข้อมูล เช่น SSD จะมีความเร็วต่ำกว่า M.2 ที่ต่อโดยตรงกับเมนบอร์ด หรือการอัปเกรดอุปกรณ์ใดอุปกรณ์หนึ่งในอนาคตจะทำได้ยากขึ้น

    Colorful ยังไม่เผยข้อมูลสเปกเต็มหรือราคา ณ ตอนนี้ ทำให้ผู้เชี่ยวชาญมองว่ายังเป็น “ผลิตภัณฑ์ทดลอง” มากกว่า “ตัวเลือกที่จริงจัง” สำหรับตลาดหลัก

    https://www.techradar.com/pro/graphics-cards-with-ssd-slots-are-becoming-more-popular-but-i-fail-to-understand-why-these-products-actually-exist
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลกฮาร์ดแวร์: GPU ที่ใส่ SSD ได้...เท่หรือเกินจำเป็น? Colorful ได้เผยโฉมกราฟิกการ์ดรุ่นหนึ่งในซีรีส์ iGame Ultra ที่งาน Bilibili World 2025 โดยการ์ดตัวนี้ติดตั้งสล็อต M.2 สองช่องไว้ที่ด้านหลัง PCB ใกล้กับ I/O bracket และใช้ระบบพัดลมคู่ในการระบายความร้อนให้ทั้ง GPU และ SSD พร้อมจุดติดตั้งซิงก์เสริมเพื่อจัดการความร้อน SSD โดยเฉพาะ จากการออกแบบ ระบบ PCIe บนการ์ดจะแบ่งแบนด์วิดธ์ x16 ดังนี้: - x8 สำหรับกราฟิกการ์ด - x4 สำหรับ SSD ตัวที่หนึ่ง - x4 สำหรับ SSD ตัวที่สอง การทำแบบนี้เรียกว่า PCIe bifurcation ซึ่งสามารถใช้งานได้ในเมนบอร์ดบางรุ่นที่รองรับโดยไม่ต้องใช้ riser หรือ adapter เพิ่มเติม แนวคิดนี้เหมาะกับเคสขนาดเล็ก หรือเมนบอร์ดที่มีสล็อต M.2 จำกัด — แต่ก็มีคำถามเรื่องประสิทธิภาพทั้งด้านกราฟิกและการจัดเก็บข้อมูล เช่น SSD จะมีความเร็วต่ำกว่า M.2 ที่ต่อโดยตรงกับเมนบอร์ด หรือการอัปเกรดอุปกรณ์ใดอุปกรณ์หนึ่งในอนาคตจะทำได้ยากขึ้น Colorful ยังไม่เผยข้อมูลสเปกเต็มหรือราคา ณ ตอนนี้ ทำให้ผู้เชี่ยวชาญมองว่ายังเป็น “ผลิตภัณฑ์ทดลอง” มากกว่า “ตัวเลือกที่จริงจัง” สำหรับตลาดหลัก https://www.techradar.com/pro/graphics-cards-with-ssd-slots-are-becoming-more-popular-but-i-fail-to-understand-why-these-products-actually-exist
    0 Comments 0 Shares 293 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากโลก AI: AMD เปิดตัว Radeon AI PRO R9700 สำหรับงาน AI หนัก ๆ ในราคาครึ่งเดียวของคู่แข่ง

    AMD ประกาศเปิดตัว GPU รุ่นใหม่ Radeon AI PRO R9700 ซึ่งใช้สถาปัตยกรรม RDNA 4 และชิป Navi 48 โดยมาพร้อม VRAM ขนาด 32 GB แบบ GDDR6 และรองรับ PCIe 5.0 ออกแบบมาเพื่องาน AI ที่ต้องการความเร็วสูงและหน่วยความจำมาก เช่น transformer models, generative design และ multi-modal workflows

    AMD เคลมว่า R9700 มีประสิทธิภาพ inference สูงกว่า RTX 5080 ถึง 496% ในงานที่ต้องใช้หน่วยความจำมาก โดยมีราคาประมาณ $1,250 ซึ่งถูกกว่าซีรีส์ RTX PRO Blackwell ที่คาดว่าจะเปิดตัวเร็ว ๆ นี้

    ในช่วงแรก R9700 จะวางจำหน่ายเฉพาะในเวิร์กสเตชันสำเร็จรูปจาก OEM เช่น Boxx และ Velocity Micro ส่วนรุ่นสำหรับ DIY จะตามมาในไตรมาส 3 จากแบรนด์ ASRock, PowerColor และอื่น ๆ

    GPU รุ่นนี้รองรับแพลตฟอร์ม ROCm 6.3 ของ AMD ซึ่งสามารถใช้งานร่วมกับ PyTorch, TensorFlow และ ONNX Runtime ได้อย่างเต็มรูปแบบ และมีดีไซน์แบบ dual-slot พร้อมพัดลมแบบ blower ที่เหมาะกับการใช้งานในระบบ multi-GPU

    AMD เปิดตัว Radeon AI PRO R9700 สำหรับงาน AI โดยเฉพาะ
    ใช้ชิป Navi 48, สถาปัตยกรรม RDNA 4, VRAM 32 GB GDDR6

    รองรับ PCIe 5.0 และมีดีไซน์ dual-slot พร้อมพัดลม blower
    เหมาะกับการใช้งานในระบบ multi-GPU และเวิร์กสเตชัน

    ประสิทธิภาพ inference สูงกว่า RTX 5080 ถึง 496% ในบางกรณี
    โดยเฉพาะเมื่อโมเดลไม่สามารถรันได้ใน VRAM 16 GB ของคู่แข่ง

    ราคาประมาณ $1,250 ถูกกว่าซีรีส์ RTX PRO Blackwell ครึ่งหนึ่ง
    เหมาะกับองค์กรที่ต้องการลดต้นทุนด้านฮาร์ดแวร์

    วางจำหน่ายในเวิร์กสเตชันจาก OEM ก่อน เช่น Boxx และ Velocity Micro
    รุ่นสำหรับ DIY จะตามมาในไตรมาส 3 จาก ASRock และ PowerColor

    รองรับ ROCm 6.3 และเฟรมเวิร์กยอดนิยม เช่น PyTorch, TensorFlow
    ช่วยให้สามารถฝึกและ deploy โมเดล AI ได้ในเครื่อง local

    เหมาะกับงาน NLP, text-to-image, generative design และ multi-modal AI
    รองรับการทำ inference ขนาดใหญ่แบบ on-premises

    https://www.techpowerup.com/339030/amd-radeon-ai-pro-r9700-gpu-arrives-on-july-23rd
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลก AI: AMD เปิดตัว Radeon AI PRO R9700 สำหรับงาน AI หนัก ๆ ในราคาครึ่งเดียวของคู่แข่ง AMD ประกาศเปิดตัว GPU รุ่นใหม่ Radeon AI PRO R9700 ซึ่งใช้สถาปัตยกรรม RDNA 4 และชิป Navi 48 โดยมาพร้อม VRAM ขนาด 32 GB แบบ GDDR6 และรองรับ PCIe 5.0 ออกแบบมาเพื่องาน AI ที่ต้องการความเร็วสูงและหน่วยความจำมาก เช่น transformer models, generative design และ multi-modal workflows AMD เคลมว่า R9700 มีประสิทธิภาพ inference สูงกว่า RTX 5080 ถึง 496% ในงานที่ต้องใช้หน่วยความจำมาก โดยมีราคาประมาณ $1,250 ซึ่งถูกกว่าซีรีส์ RTX PRO Blackwell ที่คาดว่าจะเปิดตัวเร็ว ๆ นี้ ในช่วงแรก R9700 จะวางจำหน่ายเฉพาะในเวิร์กสเตชันสำเร็จรูปจาก OEM เช่น Boxx และ Velocity Micro ส่วนรุ่นสำหรับ DIY จะตามมาในไตรมาส 3 จากแบรนด์ ASRock, PowerColor และอื่น ๆ GPU รุ่นนี้รองรับแพลตฟอร์ม ROCm 6.3 ของ AMD ซึ่งสามารถใช้งานร่วมกับ PyTorch, TensorFlow และ ONNX Runtime ได้อย่างเต็มรูปแบบ และมีดีไซน์แบบ dual-slot พร้อมพัดลมแบบ blower ที่เหมาะกับการใช้งานในระบบ multi-GPU ✅ AMD เปิดตัว Radeon AI PRO R9700 สำหรับงาน AI โดยเฉพาะ ➡️ ใช้ชิป Navi 48, สถาปัตยกรรม RDNA 4, VRAM 32 GB GDDR6 ✅ รองรับ PCIe 5.0 และมีดีไซน์ dual-slot พร้อมพัดลม blower ➡️ เหมาะกับการใช้งานในระบบ multi-GPU และเวิร์กสเตชัน ✅ ประสิทธิภาพ inference สูงกว่า RTX 5080 ถึง 496% ในบางกรณี ➡️ โดยเฉพาะเมื่อโมเดลไม่สามารถรันได้ใน VRAM 16 GB ของคู่แข่ง ✅ ราคาประมาณ $1,250 ถูกกว่าซีรีส์ RTX PRO Blackwell ครึ่งหนึ่ง ➡️ เหมาะกับองค์กรที่ต้องการลดต้นทุนด้านฮาร์ดแวร์ ✅ วางจำหน่ายในเวิร์กสเตชันจาก OEM ก่อน เช่น Boxx และ Velocity Micro ➡️ รุ่นสำหรับ DIY จะตามมาในไตรมาส 3 จาก ASRock และ PowerColor ✅ รองรับ ROCm 6.3 และเฟรมเวิร์กยอดนิยม เช่น PyTorch, TensorFlow ➡️ ช่วยให้สามารถฝึกและ deploy โมเดล AI ได้ในเครื่อง local ✅ เหมาะกับงาน NLP, text-to-image, generative design และ multi-modal AI ➡️ รองรับการทำ inference ขนาดใหญ่แบบ on-premises https://www.techpowerup.com/339030/amd-radeon-ai-pro-r9700-gpu-arrives-on-july-23rd
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    AMD Radeon AI PRO R9700 GPU Arrives on July 23rd
    AMD confirmed today that its RDNA 4‑based Radeon AI PRO R9700 GPU will reach retail on Wednesday, July 23. Built on the Navi 48 die with a full 32 GB of GDDR6 memory and supporting PCIe 5.0, the R9700 is specifically tuned for lower‑precision calculations and demanding AI workloads. According to AMD...
    0 Comments 0 Shares 334 Views 0 Reviews
More Results