• ตัดโซ่หรือตายซาก ตอนที่ 5 – 6

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” ตัดโซ่ หรือ ตายซาก”
    ตอน 5
    ไม่รู้ยังจำกันได้ไหม หลังจากสหภาพโซเวียตถูกทุบจนแหลกละเอียด ตั้งแต่ปี ค.ศ.1991 อเมริกาและพวก ตีปีกกันใหญ่ ว่ากำจัดขู่แข่งตัวสำคัญไปเรี ยบร้อยแล้ว เวลาผ่านไปเพียง 15 ปี ส่วนหัวและหัวใจ ของสหภาพโซเวียตคือ รัสเซีย ดันไม่ตายตามต้องการ แถมฟื้นขึ้นมาแบบมาดใหม่ ด้วยการสู้ด้วยท่อส่งแก๊ส ที่รัสเซียวางไปตามจุดยุทธศาสตร์สำคัญ เป็นเรื่องที่อเมริกาและพวก คิดไม่ถึง ยิ่งท่อส่งแก๊สของรัสเซียวิ่งตรงมายุโรป และยุโรปกลายเป็นฝ่ายพึ่งแก๊สของรัสเซียถึง 60% อเมริกายิ่งหายใจแรง ด้วยความขัดใจ กระบวนการขัดขารัสเซีย ไปจนถึงแซงช้่นจึงค่อยๆทยอยปล่อยออกมาใส่รัสเซีย
    เดือนธันวาคม ค.ศ.2014 รัสเซีย ประกาศยกเลิกเส้นทางท่อส่งแก๊ส South Sream ของ Gazprom บริษัทผลิตและส่งแก๊สของรัฐบาลรัสเซีย เพราะถูกอียูกั้ก ตามคำสั่งของอเมริกา รัสเซียหวังจะส่งแก๊สให้ชาวยุโรปด้วยเส้นทางใหม่ ที่ไม่ต้องผ่านยูเครน ที่กำลังมีปัญหากันอยู่ แต่ให้ไปโผล่ที่บุลกาเรีย เพิ่มอีกจุด เป็นผลประโยชน์ร่วมกันระหว่างยุโรป และรัสเซีย แต่อเมริกา บีบให้อียูบอกว่า แบบนี้เป็นการรังแกยูเครน แล้วอียู ก็ไปบีบบุลกาเรียอีกต่อ ไม่ให้ตกลงกับรัสเซีย แล้วอียู รัสเซีย ก็เดือดร้อน แต่อเมริกาสบาย ฉลาดฉิบหายเลย
    คุณพี่ปูตินบอก ตามใจ ถ้าคนยุโรปไม่ต้องการ เราก็ช่วยอะไรไม่ได้ งั้นรัสเซียส่งมาทางตุรกีแทนก็ได้ แทบไม่มีใครเชื่อ เพราะคิดว่าตุรกีไม่กล้าแหกคอกจากอเมริกา มาต่อท่อกับรัสเซีย ก็อเมริกาเพิ่งสั่งให้ลูกกระเป๋งแซงชั่นรัสเซียอยู่หยกๆ เวลาผ่านไปไม่ถึง 6 เดือน เมื่อต้นเดือนพฤษภาคม ค.ศ.2015 นี้เอง ตุรกีกับ Gasprom ก็ยืนประกาศคู่กัน ว่า เส้นท่อส่งแก๊ส Turkish Stream เดินหน้าไปอย่างดียิ่ง และพร้อมจะส่งแก๊สจากรัสเซีย เข้ามาที่สถานีในตุรกีและไปโผล่ตรงเขตแดนตุรกี ที่ติดกับ”กรีซ “ได้ ในเดือนธันวาคม ค.ศ.2016 เพื่อส่งต่อให้กับลูกค้าในยุโรป….. มาแล้ว ฝีมือเดินหมากรุกระดับแชมป์
    ในวันที่รัสเซียตัดสินใจ ไม่เดินหน้าไปทางบุลกาเรีย แต่เปลี่ยนมาเป็นตุรกีนั้น ทันทีที่ตกลงกับตุรกีได้ในต้นเดือนเมษายน ค.ศ.2015 คุณพี่ปูตินยกโทรศัพท์คุยกับคุณน้องอเล็กซิสด้วยตัวเอง หลังจากนั้น สำนักงานท่านประธานาธิบดีของรัสเซียก็ออกข่าวเงียบๆ ว่า รัสเซียพร้อมให้เงินกู้กับกรีซ เพื่อเป็นการตอบแทนที่กรีซเข้าร่วมโครงการ Turkish Stream เข้าไปในอียู …
    แต่เมื่อสื่อเยอรมัน Der Spiegel รายงานข่าวว่า มอสโคว์พร้อมให้เงินกู้กับรัฐบาลกรีซทันที จำนวน 5 พันล้านยูโร ที่ประมาณว่า จะเท่ากับส่วนแบ่งกำไร ที่จะได้จากเชื่อมท่อส่งแก๊ส Turkish Stream แต่เครมลินออกมาปฏิเสธข่าวนี้ ….มันก็ควรปฏิเสธ เรื่องแบบนี้มันต้อง เปิดๆ ปิดๆ ถึงจะน่าตื่นเต้น
    ในขณะที่กรีซและเจ้าหนี้ กำลังเจรจาเครียด เมื่อต้นเดือนมิถุนายนนี้เอง ถึงเรื่องหนี้ ที่ต้องจ่ายให้แก่ IMF จำนวน 1.6 พันล้านยูโรในวันสิ้นเดือนมิถุนายน นายกรัฐมนตรี อเล็กซิส ยังไม่มีคำตอบให้กับเจ้าหนี้ ว่าเขาจะเอาเงินมาจากไหนมาใช้หนี้ แต่วันรุ่งขึ้น เขาบินไปร่วมงาน St. Petersburg Economic Forum ที่รัสเซีย อย่างไม่มีอาการเครียด…
    ตลอดเวลาที่ผ่านมา รัสเซียพยายามไม่ยุ่งกับเรื่องวิกฤติทางการเงินของยุโรป แต่ปัญหาของกรีซ มันอาจจะทำให้รัสเซียเห็นทาง… ที่อาจจะคุ้ม กับค่ายุ่งก็เป็นได้
    และถ้ารัสเซียเห็นว่าคุ้ม แล้วโดดมาเล่นด้วย หนี้กรีซคงไม่ได้เป็นเรื่องวิกฤติทางการเงินเรื้อรัง แต่เปลี่ยนเป็นวิกฤติ ทางด้านภูมิศาสตร์การเมืองทันที นี่อาจจะเป็น ซึนามิ ที่จะมาหลังแผ่นดินไหวระดับ 8 ริกเตอร์
    CFR (Council on Foreign Relations ) หน่วยงานที่เป็นผู้กำกับบทบาทของ รัฐบาลอเมริกัน เริ่มใช้ไมค์ตัวเล็ก นาย Sebastian Mallaby นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส นำร่อง ออกมาให้ความเห็นว่า คุณคงไม่อยากเห็นยุโรปต้องเจรจากับกรีซ ซึ่งเป็นสมาชิกของนาโต้ แต่ปุบปับก็ดันจะไปซบกับรัสเซีย ” You don’t want Europe to have to deal with Greece, who is a member of NATO, all of a sudden cozying up to Russia”
    แม้เป็นแค่ไมค์ตัวเล็ก แต่ป้าเข็มขัดเหล็ก ได้ยินเสียงแบบนี้ ก็ลนลานแล้ว เดิมรัฐบาลเยอรมัน คนเยอรมัน แบงค์เยอรมัน เห็นพ้องกันว่า เยอรมันจะยุติการให้เงินกู้กับกรีซเพิ่มเติม ถ้ากรีซ ยังเป็นลูกหนี้ที่ไม่มีวินัย มันต้องให้ใส่ทั้งโซ่เหล็ก และเข้มขัดเหล็ก เข้าใจไหม
    เหมือนจะรู้ว่า ป้าเข็มขัดเหล็กกำลังคิดอะไร ไมค์ตัวเล็กจาก CFR เลยแถมท้าย…ป้าก็คงไม่ชอบใช่มั้ย ที่จะให้ปูติน ให้ของขวัญกับกรีซ ถ้ากรีซจะแหกคอก ออกไปจากพวกตะวันตกน่ะ …
    แล้วก็เหมือนกลัว ป้าจะตัดสินใจยาก นายอเล็กซิส ก็เขียนตอบโต้ คำกล่าวของคนเยอรมันที่บอกว่า คนเยอรมันต้องทำงานหนัก เพื่อเอาเงินไปเลี้ยงคนกรีซที่เลิกทำงาน อเล็กซิส เขียนส่งไปลงในหนังสือพิมพ์เยอรมันว่า… ใครที่อ้างว่า คนเยอรมันต้องเสียภาษีเพื่อเอาจ่ายเป็นค่าจ้าง และเงินบำนาญ เป็นคนโกหก…อันนี้ ฮอร์โมนคนหนุ่มพุ่งแรงจริงๆ
    กรีซและเจ้าหนี้ กำลังขยับการเผชิญหน้าใกล้เข้ามา จนแทบจะหายใจใส่หน้ากันอยู่แล้ว แต่ป้าเข็มขัดเหล็ก ทำปากแข็งบอก ฉันยังไม่ได้ตัดสินใจ ฉันยังรอรับฟังข้อเสนอของกรีซอยู่ ว่าแล้วก็หัวร่อร่ากับหนุ่มกรีก ทำเหมือนไม่มีรอยร้าวระหว่างป้า กับหลาน CFR คงไม่แน่ใจว่า ป้าหัวร่อกับหนุ่มกรีก เพราะเครียด หรือ ขากรรไกรค้าง รีบสำทับ อียูต้องจัดการให้ดีนะ ไม่งั้นเรื่องนี้คงจบยาก หรือจบไม่สวย และจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี ให้สเปนและปอร์ตุเกส เอาอย่าง
    ไมค์ตัวเล็ก ยี่ห้อ CFR สำทับแบบนี้ อียูคงต้องคิดหนัก
    ###############
    “ตัดโซ่ หรือ ตายซาก”

    ตอน 6 (จบ)
    ดูเหมือนกรีซจะมีทางเลือก ขึ้นอยู่กับว่า กรีซคิดอะไร
    ทางเลือกที่หนึ่ง : ถ้าเจ้าหนี้ยินยอมปรับปรุงโครง สร้างหนี้ ในเงื่อนไขตามที่ทั้ง 2 ฝ่ายรับได้ และกรีซ ไม่คิดออกจากอียู เรื่องก็คงจบด้วยดี จบแบบ ยังพอรักษาหน้า รักษาไมตรี ต่อกัน
    กรีซก็ได้อย่างที่ต้องการ ได้เอาโซ่ออกจากคอ ส่วนเจ้าหนี้ก็คงขาดโอกาส ที่จะใช้โซ่รัดคอกรีซต่อไป แต่ไม่เป็นไร เชื่อสายอัศวินนักล่าใบตองแห้ง ปลิ้นปล้อนต่อไปได้ว่า เห็นแก่มนุษยธรรม พูดเอาบุญเอาคุณไปได้อีกนาน คนที่จะช้ำหน่อย น่าจะเป็นป้าเข็มขัดเหล็ก เพราะลั่นปากออกสื่อไปแล้ว ว่าจะไม่ให้กู้เพิ่มแล้วถ้าไม่รัดโซ่ให้แน่นกว่านี้ นี่โซ่ก็ถูกตัดแต่ยังต้องอุ้มเขาต่อ ป้าก็คงต้องหุบปากบ้าง ไม่งั้นเรื่องเงินกู้กรีซ รอบแรก ที่แบงค์เยอรมันได้ไปก่อน คราวนี้ รับรองมีคนเอามาแฉใหม่แน่
    แต่มันแสนจะคุ้ม ที่สะกัดทางคุณพี่ปูติน ที่คิดจะเข้าอียูผ่านกรีก
    แล้วคุณพี่ปูติน ที่คิดจะเข้ามาเดินเล่นแถวกรีซล่ะ คุณพี่เขาก็เปลี่ยนวิธีเดินหมากได้ไหม่แน่นอน แชมป์หมากรุก ยอมมองทางออกทั้งกระดาน จะเดินตาไหนต่อ ก็คอยดูกันไป แต่คิดให้ดี ถ้าไม่มีข่าวคุณพี่ปูตินโทรหาคุณน้องอเล็กซิส รับรอง ทางเลือกที่หนึ่งนี่ ไม่มีทางเกิดขึ้น
    ทางเลือกที่สอง : กรีซเหม็นเบื่ออียูเต็มที ถึงเจ้าหนี้จะตกลง ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ แต่กรีซบอกไม่เอาแล้ว เดี๋ยวให้ เดี๋ยวไม่ให้ เราจบกันแค่นี้ดีกว่า เอะ แล้วกรีซจะเอาเงินที่ไหนมาใช้ IMF สิ้นเดือนนี้ 1.6 พันล้าน ยูโร อย่านึกว่าคุณพี่ปูตินจะตกลงด้วยง่ายๆ นะครับ ให้ยืมน่ะเรื่องนึง ถ้าคุณพี่ตกปาก แล้วคงไม่เบี้ยว แต่ยืมเอาไปใช้หนี้เต็มราคา ไม่มีลดค่าหน้าตั๋ว ไม่มี ตัดผม haircut ผมเป็นคุณพี่ปูติน ผมไม่ให้ยืมหรอก เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าลูกหนี้ล้มละลาย ก็พวกไอ้หมาไนของมันบอกเอง เจ้าหนี้หวังให้ใช้หนี้เต็มร้อย ก็ฝันไปหน่อย
    ตอน ปี ค.ศ.2012 เมื่อเห็นกันชัดๆ เต็มลูกตา ว่าวิธีเอาเงินกู้มาจ่ายเจ้าหนี้ทั้งก้อน วนไปวนมา หนี้กรีซก็ไม่มีวันลด คุณป้าเข็มขัดเหล็ก เลยเสียงเขียวให้เจ้าหนี้เอกชน ลดหนี้ ตัดผม haircut กันบ้าง มีต้ังแต่ ลด 50% ไปถึงลด 80 % เหลือ 20 ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย แล้วก็ให้ไปแลกกับตั๋วใหม่ เขาว่า มีกองทุนแร้งลง ซื้อตั๋วใหม่พวกนี้อีกต่อ ราคาถูกลงไปอีก ไปเก็งกำไรอีกต่อ แล้วคิดว่าแบบนี้คุณพี่ปูติน จะจ่ายให้ IMF เต็มร้อยไหม เผลอๆ เรื่อง รัสเซีย จะให้เงินกู้กรีซ เป็นเรื่องสมต้มกัน
    ตกลงวิธีนี้จะไปได้ ก็ต่อเมื่อ IMF ลดหนี้ให้ แล้วถ้า IMF ก็เดาอยู่แล้ว ว่าเงินอาจจะมาจากไหน คิดว่า IMF จะลดหนี้ให้ไหม คุณนายหน้าเค็มไม่ยอมหน้าจืดหรอกครับ ลืมไปได้เลย
    ทางเลือกที่สาม : เหมือนทางเลือกที่สอง แต่ยังไม่ใช้หนี้ IMF เรียกว่า ตัดโซ่คล้องคอของเจ้าหนี้ ตัดเชือกผูกกับ อียู ยอมให้เขาว่าเป็นประเทศล้มละลาย ต้ังหน้าต้ังตา สร้างบ้านเมืองใหม่ แบบนี้ อาจจะมีเจ้าหนี้จูงกันมาให้กู้แบบดอกต่ำ เงื่อนไขไม่โหด แต่กรีซใจถึงไหม ที่จะเล่นบทนี้ บทนี้มันต้องใจถึงกันทั้งประเทศ
    ทางเลือกของกรีซ ก็คงมีเท่านี้
    ส่วนทางเลือกของเจ้าหนี้ มีแค่ 2 ทาง
    ทางเลือกที่หนึ่ง : ก็เหมือนทางเลือกที่หนึ่งของกรีซนั่นแหละ แค่เสียหน้า แต่ระบบแบงค์ยังปลอดภัย ที่สำคัญ ทางภูมิศาสตร์การเมือง ปิดทางเข้าอียูของรัสเซียผ่านกรีซ คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม แผ่นดินไหวไม่มี ซึนามิการเมืองไม่เกิดขึ้น แต่รายการนี้ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเจ้าหนี้ข้างเดียว ต้องถามใจกรีซด้วย
    ทางเลือกที่สอง : เจ้าหนี้ไม่ขยับ ไม่ปล่อยเงินกู้ก้อนใหม่ให้ ไม่ผ่อนเวลาให้ ยึดแน่นกับเงื่อนไขโหด แถมจะเพิ่ม ให้โซ่คล้องคอกรีซรัดแน่นกว่าเดิม ทำไมหรือ ก็ยังกินไม่อิ่ม ไม่มีอะไรมาก ยิ่งท่อแก๊สรัสเซียจะมา ยิ่งอร่อย ยึดมาใช้หนี้เสียเลยดีไหม และเชื่อว่ารัสเซียไม่มีปัญญา ที่จะเข้ามาชำระหนี้ก้อนใหญ่ให้กรีซ
    ถ้าเจ้าหนี้เลือกทางนี้ ไม่ต้องวิเคราะห์มากครับ รับรอง มีทั้งแผ่นดินไหว อาฟเตอร์ช็อก ซึนามิทางการเงิน เศรษฐกิจ และการเมืองครบถ้วน อาจจะเลยเป็นชนวนสงครามโลกแทนยูเครน ที่นางเหยี่ยวรับหน้าที่มาจุดให้ไอ้นักล่าใบตองแห้งด้วยก็ได้
    ใครมันจะยอมให้หยามหน้า รังแกกันมากขนาดนั้น แล้วกลับบ้านนอนสบาย
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    28 มิ.ย. 2558
    หมายเหตุ: เขียนนิทานจบไปแล้ว ต้ังเวลาโพสต์ล่วงหน้า เตรียมเข้านอน เช็คข่าวล่าสุด ทำเอานอนไม่ได้ ต้องกลับมานั่งเขียนต่อ
    ล่าสุด วันที่ 27 มิถุนายน มีข่าวออกมาตอนค่ำบ้านเรา บอกว่า นายกรัฐมนตรีกรีซ พูดว่า เราคงเดินหน้าโดยมีโซ่คล้องคอแบบนี้ไม่ไหว เขาจึงออกทีวี ประกาศว่า เขาจะจัดให้มีการทำประชามติ ในวันที่ 5 กรกฏาคม นี้ ว่า ประะชาชนจะเอายังไง yes หรือ no กับ การกู้เงินต่อไป คำพูดของนายกรัฐมนตรีกรีซ อาจเป็นประโยคประวัติศาสตร์ ที่ต้องจดจำ หรือมีการอ้างถึงต่อไป
    ” กระผมขอให้ท่านตัดสินใจ ด้วยสำนึกในประวัติศาสตร์ แห่งความเป็นประเทศเอกราชและมีศักดิ์ศรีของกรีซ ว่าเราจำเป็นหรือไม่ ที่ต้องรับการยื่นคำขาด ที่เสมือนเป็นการเหยียดหยามเรา ที่บีบคั้นเราอย่างรุนแรงและไม่มีที่สิ้นสุด และไม่มีแนวทางให้เราเห็นแม้แต่น้อย ว่าเรา จะมีโอกาสยืนด้วยสองเท้าของเราเองได้อีกหรือไม่ ทั้งในด้านสังคมและทางด้านการเงิน
    ประชาชนจะต้องตัดสินใจ โดยปราศจากความกดดัน จากการยื่นคำขาดดังกล่าว”
    “I call uopn you to decide – with sovereignty and dignity as Greek history demands-
    whether we should accept the extortionate ultimatum that calls for strict and humiliating austerity without end, and without the prospect of ever standing on our own two feet, socially and financially.
    The people must decide free of any blackmail..”
    เป็นคำประกาศของคนหนุ่ม ที่ “แรง” เกือบจะเป็นการประกาศสงครามเชียวนะ
    ขณะเดียวกัน ฝ่ายเจ้าหนี้ โดยนายเจริญ Jeroen Dijsselbloem รัฐมนตรีคลังของดัชท์ ที่เป็นประธานที่ประชุมเจ้าหนี้ เมื่อได้รับถุงมือขาวของหนุ่มกรีก ก็รีบออกข่าวว่า เมื่อนายกรัฐมนตรีกรีซประกาศเช่นนี้ ก็ น่าจะแปลว่ากรีซ ไม่รับข้อเสนอของฝ่ายเจ้าหนี้ และการเจรจาก็น่าจะสดุดหยุดลง เมื่อไม่มีข้อตกลง กรีก ก็ต้องหาเงินมาชำระหนี้ จำนวน 1.6 พันล้านยูโร ให้กับ IMF ทีจะถึงชำระในวันที่ 30 มิถุนายนนี้
    ก่อนหน้านั้น เล็กน้อย คุณน้องยานิสของผม ก็แจ้งในที่ประชุมรัฐมนตรีคลังของอียู ว่า กรีซ ขอ เลื่อนกำหนด วันตัดสินประหารขีวิตออกไปสัก 2 สัปดาห์ได้ไหม เพราะ เขาจะทำประชามติ กัน มันเป็นเรื่องเกี่ยวพันกับชีวิตพวกเขา ให้พวกเขามีสิทธิมีเสียงตามประชาธิปไตยบ้าง ที่ประชุมอียู ตอบสั้นๆ ว่าไม่ได้ คุณน้องยานิส ก็เก็บของ เดินออกจากห้องประชุม
    ฝ่ายเจ้าหนี้ โดยรัฐมนตรีคลังของฟินแลนด์ ออกมาบอกว่า ตอนนี้ แปลว่า ต้องเปลี่ยนเอา แผนสำรอง มาเป็นแผนจริงแล้ว
    แปลว่าอะไรครับ ช่วยกลับไปอ่านนิทานข้างต้นอีกที แปลว่า แผ่นดินเริ่มไหว จะขนาดไหน วันจันทร์ก็คงรู้ ที่กุมๆกันไว้ในกระเป๋า ก็คงเริ่มทยอยเอาออกมาใช้กัน แต่เกมนี้ยังไม่จบง่ายๆ ดูกันต่อครับ จะกินบ้าน กู้เมืองกัน มันไม่ใช่เล่นเกมกด เกมชิงเมืองนี้ อาจลามไปไกล…จะกลายเป็นเกทับบลั้ฟแหลกกันขนาดไหน หรือ ของจริงแอบแจม ได้ทั้งสิ้น
    แต่อย่างน้อย วันนี้ ผมขอคารวะหนุ่มกรีก สำหรับประโยคเดินนำออกจากคอก ที่ คนรักบ้านรักเมือง รักศักดิ์ศรี ไม่ว่าจะเป็นคนชาติไหน ก็ต้องซึ้งใจ
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    28 มิ.ย 58
    ตัดโซ่หรือตายซาก ตอนที่ 5 – 6 นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” ตัดโซ่ หรือ ตายซาก” ตอน 5 ไม่รู้ยังจำกันได้ไหม หลังจากสหภาพโซเวียตถูกทุบจนแหลกละเอียด ตั้งแต่ปี ค.ศ.1991 อเมริกาและพวก ตีปีกกันใหญ่ ว่ากำจัดขู่แข่งตัวสำคัญไปเรี ยบร้อยแล้ว เวลาผ่านไปเพียง 15 ปี ส่วนหัวและหัวใจ ของสหภาพโซเวียตคือ รัสเซีย ดันไม่ตายตามต้องการ แถมฟื้นขึ้นมาแบบมาดใหม่ ด้วยการสู้ด้วยท่อส่งแก๊ส ที่รัสเซียวางไปตามจุดยุทธศาสตร์สำคัญ เป็นเรื่องที่อเมริกาและพวก คิดไม่ถึง ยิ่งท่อส่งแก๊สของรัสเซียวิ่งตรงมายุโรป และยุโรปกลายเป็นฝ่ายพึ่งแก๊สของรัสเซียถึง 60% อเมริกายิ่งหายใจแรง ด้วยความขัดใจ กระบวนการขัดขารัสเซีย ไปจนถึงแซงช้่นจึงค่อยๆทยอยปล่อยออกมาใส่รัสเซีย เดือนธันวาคม ค.ศ.2014 รัสเซีย ประกาศยกเลิกเส้นทางท่อส่งแก๊ส South Sream ของ Gazprom บริษัทผลิตและส่งแก๊สของรัฐบาลรัสเซีย เพราะถูกอียูกั้ก ตามคำสั่งของอเมริกา รัสเซียหวังจะส่งแก๊สให้ชาวยุโรปด้วยเส้นทางใหม่ ที่ไม่ต้องผ่านยูเครน ที่กำลังมีปัญหากันอยู่ แต่ให้ไปโผล่ที่บุลกาเรีย เพิ่มอีกจุด เป็นผลประโยชน์ร่วมกันระหว่างยุโรป และรัสเซีย แต่อเมริกา บีบให้อียูบอกว่า แบบนี้เป็นการรังแกยูเครน แล้วอียู ก็ไปบีบบุลกาเรียอีกต่อ ไม่ให้ตกลงกับรัสเซีย แล้วอียู รัสเซีย ก็เดือดร้อน แต่อเมริกาสบาย ฉลาดฉิบหายเลย คุณพี่ปูตินบอก ตามใจ ถ้าคนยุโรปไม่ต้องการ เราก็ช่วยอะไรไม่ได้ งั้นรัสเซียส่งมาทางตุรกีแทนก็ได้ แทบไม่มีใครเชื่อ เพราะคิดว่าตุรกีไม่กล้าแหกคอกจากอเมริกา มาต่อท่อกับรัสเซีย ก็อเมริกาเพิ่งสั่งให้ลูกกระเป๋งแซงชั่นรัสเซียอยู่หยกๆ เวลาผ่านไปไม่ถึง 6 เดือน เมื่อต้นเดือนพฤษภาคม ค.ศ.2015 นี้เอง ตุรกีกับ Gasprom ก็ยืนประกาศคู่กัน ว่า เส้นท่อส่งแก๊ส Turkish Stream เดินหน้าไปอย่างดียิ่ง และพร้อมจะส่งแก๊สจากรัสเซีย เข้ามาที่สถานีในตุรกีและไปโผล่ตรงเขตแดนตุรกี ที่ติดกับ”กรีซ “ได้ ในเดือนธันวาคม ค.ศ.2016 เพื่อส่งต่อให้กับลูกค้าในยุโรป….. มาแล้ว ฝีมือเดินหมากรุกระดับแชมป์ ในวันที่รัสเซียตัดสินใจ ไม่เดินหน้าไปทางบุลกาเรีย แต่เปลี่ยนมาเป็นตุรกีนั้น ทันทีที่ตกลงกับตุรกีได้ในต้นเดือนเมษายน ค.ศ.2015 คุณพี่ปูตินยกโทรศัพท์คุยกับคุณน้องอเล็กซิสด้วยตัวเอง หลังจากนั้น สำนักงานท่านประธานาธิบดีของรัสเซียก็ออกข่าวเงียบๆ ว่า รัสเซียพร้อมให้เงินกู้กับกรีซ เพื่อเป็นการตอบแทนที่กรีซเข้าร่วมโครงการ Turkish Stream เข้าไปในอียู … แต่เมื่อสื่อเยอรมัน Der Spiegel รายงานข่าวว่า มอสโคว์พร้อมให้เงินกู้กับรัฐบาลกรีซทันที จำนวน 5 พันล้านยูโร ที่ประมาณว่า จะเท่ากับส่วนแบ่งกำไร ที่จะได้จากเชื่อมท่อส่งแก๊ส Turkish Stream แต่เครมลินออกมาปฏิเสธข่าวนี้ ….มันก็ควรปฏิเสธ เรื่องแบบนี้มันต้อง เปิดๆ ปิดๆ ถึงจะน่าตื่นเต้น ในขณะที่กรีซและเจ้าหนี้ กำลังเจรจาเครียด เมื่อต้นเดือนมิถุนายนนี้เอง ถึงเรื่องหนี้ ที่ต้องจ่ายให้แก่ IMF จำนวน 1.6 พันล้านยูโรในวันสิ้นเดือนมิถุนายน นายกรัฐมนตรี อเล็กซิส ยังไม่มีคำตอบให้กับเจ้าหนี้ ว่าเขาจะเอาเงินมาจากไหนมาใช้หนี้ แต่วันรุ่งขึ้น เขาบินไปร่วมงาน St. Petersburg Economic Forum ที่รัสเซีย อย่างไม่มีอาการเครียด… ตลอดเวลาที่ผ่านมา รัสเซียพยายามไม่ยุ่งกับเรื่องวิกฤติทางการเงินของยุโรป แต่ปัญหาของกรีซ มันอาจจะทำให้รัสเซียเห็นทาง… ที่อาจจะคุ้ม กับค่ายุ่งก็เป็นได้ และถ้ารัสเซียเห็นว่าคุ้ม แล้วโดดมาเล่นด้วย หนี้กรีซคงไม่ได้เป็นเรื่องวิกฤติทางการเงินเรื้อรัง แต่เปลี่ยนเป็นวิกฤติ ทางด้านภูมิศาสตร์การเมืองทันที นี่อาจจะเป็น ซึนามิ ที่จะมาหลังแผ่นดินไหวระดับ 8 ริกเตอร์ CFR (Council on Foreign Relations ) หน่วยงานที่เป็นผู้กำกับบทบาทของ รัฐบาลอเมริกัน เริ่มใช้ไมค์ตัวเล็ก นาย Sebastian Mallaby นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส นำร่อง ออกมาให้ความเห็นว่า คุณคงไม่อยากเห็นยุโรปต้องเจรจากับกรีซ ซึ่งเป็นสมาชิกของนาโต้ แต่ปุบปับก็ดันจะไปซบกับรัสเซีย ” You don’t want Europe to have to deal with Greece, who is a member of NATO, all of a sudden cozying up to Russia” แม้เป็นแค่ไมค์ตัวเล็ก แต่ป้าเข็มขัดเหล็ก ได้ยินเสียงแบบนี้ ก็ลนลานแล้ว เดิมรัฐบาลเยอรมัน คนเยอรมัน แบงค์เยอรมัน เห็นพ้องกันว่า เยอรมันจะยุติการให้เงินกู้กับกรีซเพิ่มเติม ถ้ากรีซ ยังเป็นลูกหนี้ที่ไม่มีวินัย มันต้องให้ใส่ทั้งโซ่เหล็ก และเข้มขัดเหล็ก เข้าใจไหม เหมือนจะรู้ว่า ป้าเข็มขัดเหล็กกำลังคิดอะไร ไมค์ตัวเล็กจาก CFR เลยแถมท้าย…ป้าก็คงไม่ชอบใช่มั้ย ที่จะให้ปูติน ให้ของขวัญกับกรีซ ถ้ากรีซจะแหกคอก ออกไปจากพวกตะวันตกน่ะ … แล้วก็เหมือนกลัว ป้าจะตัดสินใจยาก นายอเล็กซิส ก็เขียนตอบโต้ คำกล่าวของคนเยอรมันที่บอกว่า คนเยอรมันต้องทำงานหนัก เพื่อเอาเงินไปเลี้ยงคนกรีซที่เลิกทำงาน อเล็กซิส เขียนส่งไปลงในหนังสือพิมพ์เยอรมันว่า… ใครที่อ้างว่า คนเยอรมันต้องเสียภาษีเพื่อเอาจ่ายเป็นค่าจ้าง และเงินบำนาญ เป็นคนโกหก…อันนี้ ฮอร์โมนคนหนุ่มพุ่งแรงจริงๆ กรีซและเจ้าหนี้ กำลังขยับการเผชิญหน้าใกล้เข้ามา จนแทบจะหายใจใส่หน้ากันอยู่แล้ว แต่ป้าเข็มขัดเหล็ก ทำปากแข็งบอก ฉันยังไม่ได้ตัดสินใจ ฉันยังรอรับฟังข้อเสนอของกรีซอยู่ ว่าแล้วก็หัวร่อร่ากับหนุ่มกรีก ทำเหมือนไม่มีรอยร้าวระหว่างป้า กับหลาน CFR คงไม่แน่ใจว่า ป้าหัวร่อกับหนุ่มกรีก เพราะเครียด หรือ ขากรรไกรค้าง รีบสำทับ อียูต้องจัดการให้ดีนะ ไม่งั้นเรื่องนี้คงจบยาก หรือจบไม่สวย และจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี ให้สเปนและปอร์ตุเกส เอาอย่าง ไมค์ตัวเล็ก ยี่ห้อ CFR สำทับแบบนี้ อียูคงต้องคิดหนัก ############### “ตัดโซ่ หรือ ตายซาก” ตอน 6 (จบ) ดูเหมือนกรีซจะมีทางเลือก ขึ้นอยู่กับว่า กรีซคิดอะไร ทางเลือกที่หนึ่ง : ถ้าเจ้าหนี้ยินยอมปรับปรุงโครง สร้างหนี้ ในเงื่อนไขตามที่ทั้ง 2 ฝ่ายรับได้ และกรีซ ไม่คิดออกจากอียู เรื่องก็คงจบด้วยดี จบแบบ ยังพอรักษาหน้า รักษาไมตรี ต่อกัน กรีซก็ได้อย่างที่ต้องการ ได้เอาโซ่ออกจากคอ ส่วนเจ้าหนี้ก็คงขาดโอกาส ที่จะใช้โซ่รัดคอกรีซต่อไป แต่ไม่เป็นไร เชื่อสายอัศวินนักล่าใบตองแห้ง ปลิ้นปล้อนต่อไปได้ว่า เห็นแก่มนุษยธรรม พูดเอาบุญเอาคุณไปได้อีกนาน คนที่จะช้ำหน่อย น่าจะเป็นป้าเข็มขัดเหล็ก เพราะลั่นปากออกสื่อไปแล้ว ว่าจะไม่ให้กู้เพิ่มแล้วถ้าไม่รัดโซ่ให้แน่นกว่านี้ นี่โซ่ก็ถูกตัดแต่ยังต้องอุ้มเขาต่อ ป้าก็คงต้องหุบปากบ้าง ไม่งั้นเรื่องเงินกู้กรีซ รอบแรก ที่แบงค์เยอรมันได้ไปก่อน คราวนี้ รับรองมีคนเอามาแฉใหม่แน่ แต่มันแสนจะคุ้ม ที่สะกัดทางคุณพี่ปูติน ที่คิดจะเข้าอียูผ่านกรีก แล้วคุณพี่ปูติน ที่คิดจะเข้ามาเดินเล่นแถวกรีซล่ะ คุณพี่เขาก็เปลี่ยนวิธีเดินหมากได้ไหม่แน่นอน แชมป์หมากรุก ยอมมองทางออกทั้งกระดาน จะเดินตาไหนต่อ ก็คอยดูกันไป แต่คิดให้ดี ถ้าไม่มีข่าวคุณพี่ปูตินโทรหาคุณน้องอเล็กซิส รับรอง ทางเลือกที่หนึ่งนี่ ไม่มีทางเกิดขึ้น ทางเลือกที่สอง : กรีซเหม็นเบื่ออียูเต็มที ถึงเจ้าหนี้จะตกลง ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ แต่กรีซบอกไม่เอาแล้ว เดี๋ยวให้ เดี๋ยวไม่ให้ เราจบกันแค่นี้ดีกว่า เอะ แล้วกรีซจะเอาเงินที่ไหนมาใช้ IMF สิ้นเดือนนี้ 1.6 พันล้าน ยูโร อย่านึกว่าคุณพี่ปูตินจะตกลงด้วยง่ายๆ นะครับ ให้ยืมน่ะเรื่องนึง ถ้าคุณพี่ตกปาก แล้วคงไม่เบี้ยว แต่ยืมเอาไปใช้หนี้เต็มราคา ไม่มีลดค่าหน้าตั๋ว ไม่มี ตัดผม haircut ผมเป็นคุณพี่ปูติน ผมไม่ให้ยืมหรอก เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าลูกหนี้ล้มละลาย ก็พวกไอ้หมาไนของมันบอกเอง เจ้าหนี้หวังให้ใช้หนี้เต็มร้อย ก็ฝันไปหน่อย ตอน ปี ค.ศ.2012 เมื่อเห็นกันชัดๆ เต็มลูกตา ว่าวิธีเอาเงินกู้มาจ่ายเจ้าหนี้ทั้งก้อน วนไปวนมา หนี้กรีซก็ไม่มีวันลด คุณป้าเข็มขัดเหล็ก เลยเสียงเขียวให้เจ้าหนี้เอกชน ลดหนี้ ตัดผม haircut กันบ้าง มีต้ังแต่ ลด 50% ไปถึงลด 80 % เหลือ 20 ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย แล้วก็ให้ไปแลกกับตั๋วใหม่ เขาว่า มีกองทุนแร้งลง ซื้อตั๋วใหม่พวกนี้อีกต่อ ราคาถูกลงไปอีก ไปเก็งกำไรอีกต่อ แล้วคิดว่าแบบนี้คุณพี่ปูติน จะจ่ายให้ IMF เต็มร้อยไหม เผลอๆ เรื่อง รัสเซีย จะให้เงินกู้กรีซ เป็นเรื่องสมต้มกัน ตกลงวิธีนี้จะไปได้ ก็ต่อเมื่อ IMF ลดหนี้ให้ แล้วถ้า IMF ก็เดาอยู่แล้ว ว่าเงินอาจจะมาจากไหน คิดว่า IMF จะลดหนี้ให้ไหม คุณนายหน้าเค็มไม่ยอมหน้าจืดหรอกครับ ลืมไปได้เลย ทางเลือกที่สาม : เหมือนทางเลือกที่สอง แต่ยังไม่ใช้หนี้ IMF เรียกว่า ตัดโซ่คล้องคอของเจ้าหนี้ ตัดเชือกผูกกับ อียู ยอมให้เขาว่าเป็นประเทศล้มละลาย ต้ังหน้าต้ังตา สร้างบ้านเมืองใหม่ แบบนี้ อาจจะมีเจ้าหนี้จูงกันมาให้กู้แบบดอกต่ำ เงื่อนไขไม่โหด แต่กรีซใจถึงไหม ที่จะเล่นบทนี้ บทนี้มันต้องใจถึงกันทั้งประเทศ ทางเลือกของกรีซ ก็คงมีเท่านี้ ส่วนทางเลือกของเจ้าหนี้ มีแค่ 2 ทาง ทางเลือกที่หนึ่ง : ก็เหมือนทางเลือกที่หนึ่งของกรีซนั่นแหละ แค่เสียหน้า แต่ระบบแบงค์ยังปลอดภัย ที่สำคัญ ทางภูมิศาสตร์การเมือง ปิดทางเข้าอียูของรัสเซียผ่านกรีซ คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม แผ่นดินไหวไม่มี ซึนามิการเมืองไม่เกิดขึ้น แต่รายการนี้ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเจ้าหนี้ข้างเดียว ต้องถามใจกรีซด้วย ทางเลือกที่สอง : เจ้าหนี้ไม่ขยับ ไม่ปล่อยเงินกู้ก้อนใหม่ให้ ไม่ผ่อนเวลาให้ ยึดแน่นกับเงื่อนไขโหด แถมจะเพิ่ม ให้โซ่คล้องคอกรีซรัดแน่นกว่าเดิม ทำไมหรือ ก็ยังกินไม่อิ่ม ไม่มีอะไรมาก ยิ่งท่อแก๊สรัสเซียจะมา ยิ่งอร่อย ยึดมาใช้หนี้เสียเลยดีไหม และเชื่อว่ารัสเซียไม่มีปัญญา ที่จะเข้ามาชำระหนี้ก้อนใหญ่ให้กรีซ ถ้าเจ้าหนี้เลือกทางนี้ ไม่ต้องวิเคราะห์มากครับ รับรอง มีทั้งแผ่นดินไหว อาฟเตอร์ช็อก ซึนามิทางการเงิน เศรษฐกิจ และการเมืองครบถ้วน อาจจะเลยเป็นชนวนสงครามโลกแทนยูเครน ที่นางเหยี่ยวรับหน้าที่มาจุดให้ไอ้นักล่าใบตองแห้งด้วยก็ได้ ใครมันจะยอมให้หยามหน้า รังแกกันมากขนาดนั้น แล้วกลับบ้านนอนสบาย สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 28 มิ.ย. 2558 หมายเหตุ: เขียนนิทานจบไปแล้ว ต้ังเวลาโพสต์ล่วงหน้า เตรียมเข้านอน เช็คข่าวล่าสุด ทำเอานอนไม่ได้ ต้องกลับมานั่งเขียนต่อ ล่าสุด วันที่ 27 มิถุนายน มีข่าวออกมาตอนค่ำบ้านเรา บอกว่า นายกรัฐมนตรีกรีซ พูดว่า เราคงเดินหน้าโดยมีโซ่คล้องคอแบบนี้ไม่ไหว เขาจึงออกทีวี ประกาศว่า เขาจะจัดให้มีการทำประชามติ ในวันที่ 5 กรกฏาคม นี้ ว่า ประะชาชนจะเอายังไง yes หรือ no กับ การกู้เงินต่อไป คำพูดของนายกรัฐมนตรีกรีซ อาจเป็นประโยคประวัติศาสตร์ ที่ต้องจดจำ หรือมีการอ้างถึงต่อไป ” กระผมขอให้ท่านตัดสินใจ ด้วยสำนึกในประวัติศาสตร์ แห่งความเป็นประเทศเอกราชและมีศักดิ์ศรีของกรีซ ว่าเราจำเป็นหรือไม่ ที่ต้องรับการยื่นคำขาด ที่เสมือนเป็นการเหยียดหยามเรา ที่บีบคั้นเราอย่างรุนแรงและไม่มีที่สิ้นสุด และไม่มีแนวทางให้เราเห็นแม้แต่น้อย ว่าเรา จะมีโอกาสยืนด้วยสองเท้าของเราเองได้อีกหรือไม่ ทั้งในด้านสังคมและทางด้านการเงิน ประชาชนจะต้องตัดสินใจ โดยปราศจากความกดดัน จากการยื่นคำขาดดังกล่าว” “I call uopn you to decide – with sovereignty and dignity as Greek history demands- whether we should accept the extortionate ultimatum that calls for strict and humiliating austerity without end, and without the prospect of ever standing on our own two feet, socially and financially. The people must decide free of any blackmail..” เป็นคำประกาศของคนหนุ่ม ที่ “แรง” เกือบจะเป็นการประกาศสงครามเชียวนะ ขณะเดียวกัน ฝ่ายเจ้าหนี้ โดยนายเจริญ Jeroen Dijsselbloem รัฐมนตรีคลังของดัชท์ ที่เป็นประธานที่ประชุมเจ้าหนี้ เมื่อได้รับถุงมือขาวของหนุ่มกรีก ก็รีบออกข่าวว่า เมื่อนายกรัฐมนตรีกรีซประกาศเช่นนี้ ก็ น่าจะแปลว่ากรีซ ไม่รับข้อเสนอของฝ่ายเจ้าหนี้ และการเจรจาก็น่าจะสดุดหยุดลง เมื่อไม่มีข้อตกลง กรีก ก็ต้องหาเงินมาชำระหนี้ จำนวน 1.6 พันล้านยูโร ให้กับ IMF ทีจะถึงชำระในวันที่ 30 มิถุนายนนี้ ก่อนหน้านั้น เล็กน้อย คุณน้องยานิสของผม ก็แจ้งในที่ประชุมรัฐมนตรีคลังของอียู ว่า กรีซ ขอ เลื่อนกำหนด วันตัดสินประหารขีวิตออกไปสัก 2 สัปดาห์ได้ไหม เพราะ เขาจะทำประชามติ กัน มันเป็นเรื่องเกี่ยวพันกับชีวิตพวกเขา ให้พวกเขามีสิทธิมีเสียงตามประชาธิปไตยบ้าง ที่ประชุมอียู ตอบสั้นๆ ว่าไม่ได้ คุณน้องยานิส ก็เก็บของ เดินออกจากห้องประชุม ฝ่ายเจ้าหนี้ โดยรัฐมนตรีคลังของฟินแลนด์ ออกมาบอกว่า ตอนนี้ แปลว่า ต้องเปลี่ยนเอา แผนสำรอง มาเป็นแผนจริงแล้ว แปลว่าอะไรครับ ช่วยกลับไปอ่านนิทานข้างต้นอีกที แปลว่า แผ่นดินเริ่มไหว จะขนาดไหน วันจันทร์ก็คงรู้ ที่กุมๆกันไว้ในกระเป๋า ก็คงเริ่มทยอยเอาออกมาใช้กัน แต่เกมนี้ยังไม่จบง่ายๆ ดูกันต่อครับ จะกินบ้าน กู้เมืองกัน มันไม่ใช่เล่นเกมกด เกมชิงเมืองนี้ อาจลามไปไกล…จะกลายเป็นเกทับบลั้ฟแหลกกันขนาดไหน หรือ ของจริงแอบแจม ได้ทั้งสิ้น แต่อย่างน้อย วันนี้ ผมขอคารวะหนุ่มกรีก สำหรับประโยคเดินนำออกจากคอก ที่ คนรักบ้านรักเมือง รักศักดิ์ศรี ไม่ว่าจะเป็นคนชาติไหน ก็ต้องซึ้งใจ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 28 มิ.ย 58
    0 Comments 0 Shares 3 Views 0 Reviews
  • ตัดโซ่หรือตายซาก ตอนที่ 1 – 2

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” ตัดโซ่ หรือ ตายซาก”
    ตอน 1
    เรื่องหนี้ของกรีซยก 2 นี่ ถ้าเป็นหนังก็ออกรสตื่นเต้น ประเภท เกทับบลั้ฟแหลก คมเฉือนคม อะไรทำนองนั้น เพราะมันจะมีการพลิกเกมกันอยู่ตลอดเวลา ต่างฝ่ายก็เอามือล้วงกระเป๋า เหมือนมีของดีแอบอยู่ จะงัดเอาออกมาใช้เมื่อไหร่เท่า นั้น แต่จริงๆแล้ว ของดีมีจริง หรือมีปลอม ยังไม่มีใครรู้แน่ ระหว่างนั้น ก็ทำหน้าขรึม หน้าเครียดเจรจากัน สื่อก็รายงานของจริงแถมใบสั่ง เป็นโอกาสล่อให้แมงเม่าเข้าไปเล่นกองไฟ มีคนฉิบหายตายเพราะหนี้ท่วมประเทศยังไม่พอ ต้องหาแมงเม่าเข้ามาสังเวยด้วย มันถึงจะได้อารมณ์ สร้างกำไร จากความหายนะ ความคิดแบบนี้ มีทุกสัญชาติแหละครับ มากน้อย ตามสันดาน และตัณหา
    พระเอกที่จะเล่นเกมเกทับ ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นรัฐบาลชุดปัจจุบันนี้ของกรีซ ที่มาจากพรรค Syriza ซึ่งเป็นพวกที่เอนไปทางสังคมนิยม ก่อต้ังเมื่อปี ค.ศ. 2004 จากการรวมตัวของกลุ่มฝ่ายซ้ายต่างๆ ประมาณ 10 กว่ากลุ่ม Syriza เคยมีชื่อเสียงว่า เป็นพวก anti establishment เป็นพวกไม่เอาทุนนิยมว่างั้นเถอะ แม้ตอนหลังพวกเขาจะไม่เน้นเรื่อ งนี้ แต่เมื่อ Syriza ชนะเลือกตั้ง เมื่อต้นปี 2015 แน่นอน ทำให้อียูเริ่มขมวดคิ้ว เพราะดูเหมือน Syriza จะมาทำให้ชาวกรีซร้องคนเพลงกับอียู ยิ่งหัวหน้าพรรคที่ชื่อ Alexis Tsipras ประกาศชัดเจนว่า “euro is not my fetish” เงินยูโรมันก็ไม่ได้วิเศษอะไรนักหนา คำประกาศเขาให้รสชาดแบบนั้นนะครับ
    ในการเลือกต้ังดังกล่าว Syriza ขาดไปแค่ 2 คะแนน ที่จะเป็นเสียงข้างมาก พวกเขาเลยต้องผสมกับพรรคอื่นตั้ง รัฐบาล แต่ยังไงก็ได้นาย Alexis Tsipras เป็นนายกรัฐมนตรีหนุ่มแน่น อายุแค่ 40 และมีนาย Yanis Varoufakis เป็นรัฐมนตรีคลัง ที่จะมาช่วยหาวิธีถอดโซ่ ที่พวกเจ้าหนี้กรีซ เอามาคล้องคอชาวกรีซออกไป หรือทำให้โซ่คล้องคอมันหลวมหน่อย ไม่ใช่รัดติ้ว ท้องกิ่ว หายใจจะไม่ออก ไม่มีจะกินกันทั้งประเทศอย่างนี้
    นาย Alexis Tsipras เป็นลูกชาวกรีซ ที่อพยพมาจากตุรกี ตามโครงการแลกเปลี่ยนประชาชน ระหว่าง 2 ประเทศ เขาเป็นคนชอบเล่นกีฬา และทำกิจกรรมมาต้ังแต่เป็นเด็กนักเรียน หลังจากนั้นก็เริ่มเป็นนักเคลื่อนไหวไฟแรง แหม เหมือนกับจะเขียนเรื่องเจ้ายะใส หนุ่มหน้ามนของสาวๆแดนสยามเลยนะ แต่ยะใส คงต้องติวใหม่อีกแยะนะ เอาเรื่องนายอเล็กซิส ต่อแล้วกัน เขาเรียนจบด้านวิศวกรรมจากวิทยาลัยเทคนิคของกรีซ ระหว่างเรียน ก็เริ่มเข้ากลุ่มการเมืองฝ่ายซ้ายของกรีซ และได้เป็นหัวหน้านักศึกษาทางกิจกรรมการเมือง ก็คงเหมือน สนนท. ของบ้านเรานะครับ หลังจากนั้น ก็เข้าการเมืองท้องถิ่นเต็มตัว ก่อนลงสนามใหญ่
    เมื่อบรรดาพรรคฝ่ายซ้าย จับมือรวมกันเป็นพรรค Syriza นายอเล็กซิส ก็ไปเข้าร่วม แล้วในที่สุด ในปี คศ 2009 หนุ่มอเล็กซิส อายุ 30 กว่า ก็ได้เป็นหัวหน้าพรรค Syriza เป็นดาวรุ่งพุ่งแรง จะมีใครอุ้ม ใครดันหรือเปล่า ข่าวไม่บอก แล้วเขาก็พา Syriza เข้าลงเลือกต้ังในสนามใหญ่ ต้ังแต่ปี 2012 แม้ไม่ได้เป็นรัฐบาล แต่ก็ได้เข้าอยู่ในสภา ในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายค้าน ไม่เบาเหมือนกันสำหรับ หนุ่มวัย 30 กว่า
    เมื่อ สภากรีซล่มในปี ค.ศ. 2014 และประกาศจะมีการเลือกต้ังใหม่ ในเดือนมกราคม ปี ค.ศ.2015 อเล็กซิส ระดมพลพรรค ประกาศลงเลือกต้ัง และประกาศ Thessaloniki Programme ในเดือนสิงหาคม ปี 2014 ซึ่งเป็นนโยบายที่เสนอให้มีการปรับปรุงโครงสร้างทางเศรษฐกิจ และการเมืองของกรีซเสียใหม่ นอกจากนี้ ยังประกาศใช้นโยบายการหาเสียงว่า พรรค Syriza ต้ังใจจะเข้าไปแก้ไขเงื่อนไขมหาโหด ในสัญญาเงินกู้ ที่บรรดาเจ้าหนี้ต่างประเทศกำหนดไว้ เหมือนเอาโซ่มาคล้องคอชาวกรีซและทำให้ชีวิตชาวกรีซสุดแสนจะลำเค็ญ
    ในส่วนนโยบายต่างประเทศ ระหว่างการหาเสียง อเล็กซิส แสดงความไม่พอใจอย่างเผ็ดร้อน กับการตัดสินใจหลายเรื่องของยุโรป ที่คัดท้ายโดยรัฐบาลเยอรมัน ภายใต้การนำของป้าเข็มขัดเหล็ก แน่นอน มันเป็นการฝาก “รอย” ให้ไว้กับป้าเข็มขัดเหล็ก ที่ทำให้การเจรจาต่อมาระหว่างอเล็กซิส ในฐานะนายกรัฐมนตรีกรีซ กับป้าเข็มขัดเหล็ก เกี่ยวกับเรื่องหนี้ของกรีซ ฝืดสิ้นดี
    เหมือนจะให้ผู้คนแน่ใจว่าเขาคิดอย่างไร เมื่อได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี งานแรกที่ Alexis Tsipras ทำ คือ เขานำดอกกุหลาบแดงช่อใหญ่ ไปวางแสดงความเคารพที่อนุสรณ์สถานของชาวกรีซ 200 คน ที่เสียชีวิตจากการฆ่าของเยอรมัน เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ.1944 ….ช่างเล่นนะไอ้หนุ่ม
    งานเดินสายต่างประเทศ รายการแรกของนายกรัฐมนตรีหนุ่ม คือ ไปพบนายกรัฐมนตรี Matteo Renzi ที่โรม เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ค.ศ.2015 จับเข่าคุยในฐานะ คนเป็นลูกหนี้ ที่มีโซ่คล้องคอเหมือนกัน คุยกันเสร็จ นาย Renzi ก็มอบเนคไทไหมอิตาเลียน ให้เป็นที่ระลึกแก่ นายอเล็กซิส ซึ่งมีชื่อเสียงว่า ไม่นิยมการผูกเนคไท เขารับไว้ แล้วบอกว่า เขาจะผูกเนคไทนี้ ในวันที่ชาวกรีซ ตัดโซ่คล้องคอสำเร็จ… อยากได้ยินคำพูดแบบนี้ ในแดนสยามบ้างครับ
    ส่วน นาย Yanis Varoufakis มาคนละทางกับอเล็กซิส
    ยานิส ไม่ได้เป็นนักการเมือง เขาออกไปทางนักวิชาการ เป็นนักเศรษฐศาสตร์ และเป็นอาจารย์สอนเศรษฐศาสตร์มีชื่อเสียง แต่ใช่ว่าเขาไม่สนใจการเมือง พ่อเขาร่วมรบในสงครามกลางเมืองกรีซ โดยอยู่ฝั่งคอมมิวนิสต์ แพ้สงครามก็ถูกจับไปนอนคุกอยู่หลายปี ออกจากคุกมาทำธุรกิจ กลายเป็นผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ที่สุดของกรีซ ส่วนแม่ก็เป็นพวกคอการเมือง ครอบครัวนี้ สนับสนุนกลุ่มไอร์แลนด์เหนือให้สู้กับอังกฤษ พวกเขานับ Belfast เมืองหลวงของไอร์แลนด์เหนือเป็นบ้านที่ 2
    สำหรับคนรุ่นหลังๆ คงไม่ค่อยรู้จักวีรกรรมของชาวไอริช ที่ต้องการแยกตัวจากอังกฤษ นอกจากรู้จากดูหนัง จริงๆ คนไอริช หรือขบวนการ IRA เป็นขบวนการ ที่ถูกอังกฤษและพวก รวมทั้งสื่อ เรียกว่า เป็นผู้ก่อการร้าย ทั้งๆ ที่พวกเขาคิดการดี ในช่วงประมาณปี ค.ศ.1970 เป็นต้นมา ขบวนการ IRA จะเป็นข่าวเกือบรายวัน ในการวางระเบิดใส่อังกฤษ ผู้คนบาดเจ็บล้มตายมาก ตึกรามบ้านช่องพังวินาศ
    ไม่มีการต่อสู้เพื่อเอกราชใด หรือปลดพันธนาการใดจะได้มาง่ายๆ มันต้องลงแรงลงใจลงชีวิตทั้งนั้น ชาวแดนสยาม สบายจนเคยตัว บางพวกทำตัว ยิ่งกว่าตามสบาย เห็นแต่ประโยชน์ส่วนตัว หาความสุข สนุกไปวันๆ ไม่สนใจประเทศ และเพื่อนร่วมชาติ จนน่ารังเกียจ น่าเสียดายครับ มีของดี ไม่รู้จักคุณค่า ไม่รู้จักรักษา ชอบอยู่แต่ใน “ครอบ” ไม่อยากใช้คำว่า “คอก” ปล่อยให้มัน ฟอกย้อม ต้มตุ๋นเอาจนชิน วันไหนไม่ถูกย้อม ไม่ถูกต้ม คงกินไม่ได้นอนไม่หลับ เฮ้อ! คุยเรื่อง นายยานิสต่อดีกว่า
    เมื่อพ่อรวย ก็ส่งลูกไปเรียนที่อังกฤษ ยานิส จึงเรียน พูด และด่าเป็นภาษาอังกฤษ ได้ชัด และคมคายเอาเรื่อง สรุปว่า เขาเรียนต้ังแต่ ปริญญาตรี จนจบปริญญาเอกจากอังกฤษแล้วกัน
    เรียนจบแล้ว ก็ไปสอนหนังสือ ที่หลายมหาวิทยาลัย หลายประเทศ แล้วยังเดินทางไปดูโลกกว้างในแง่มุมของเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากสร้างให้เกิด ที่ต้องมองกันอย่างลึกซึ้ง กลับมาก็เปิดบล๊อกของตัวเอง ให้ความรู้ ความเห็น สอนคนนอกมหาวิทยาลัยไปเรื่อยๆ ที่สำคัญ เขาบอกว่า เขาไม่เห็นด้วยกับการที่กรีซ ไปกู้เงินพวกเจ้าหนี้หน้าเลือดเหล่านั้น ไม่เห็นด้วยกับเงื่อนไขที่เจ้า หนี้ต้ัง ไม่เห็นด้วยๆๆๆ สาระพัด ไม่เห็นด้วย และบอกว่า ถ้ากรีซ ปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไป ชาวกรีก ก็คงแห้งตายซาก และเกาะกรีซอันสวยงาม ก็คงล่มจมหายไปในเมดิเตอร์เรเนียน อย่างน่าเสียดาย …
    เพราะเขียนในบล๊อกแบบนี้ จนดังระเบิด เมื่อ พรรค Syriza ได้เป็นรัฐบาล จึงส่งเทียบมาเชิญ ท่านพี่ยานิส ท่านอย่ามัวแต่นั่งเขียนให้คนอ่านเลย แบบนั้นมันง่าย ( เหมือนที่ลุงนิทานทำ แค่นั่งเขียนอยู่ในบ้าน) ท่านจงออกมาใช้ภูมิปัญญา ลงมือแก้ไขปัญหาบ้านเมืองอย่าง จริงจังกับเราเถิด นายยานิส ก็ไม่เล่นตัว ไม่เรื่องมาก แค่บอกว่า พูดกันให้รู้เรื่องก่อนนะ ถ้าเอาผมไปนั่งคลัง ผมจะใช้นโยบาย อย่างที่ผมเขียน คือ เราต้องตัดโซ่ของเจ้าหนี้ ที่เอามาคล้องคอชาวกรีซ ออกเสียนะ
    นายกรัฐมนตรีหนุ่มบอก นั่นแหล่ะพี่ เราพูดเรื่องเดียวกัน พี่เอาคีมเบอร์ใหญ่สุดมาเลยนะ มาช่วยพวกผมตัดโซ่ด่วนเลย แล้วยานิสก็ไปนั่งเป็นรัฐมนตรีคลังในรัฐบาล แต่ไม่สังกัดพรรค อืม…
    เป็นต้ัง พณฯ ท่านรัฐมนตรี เขาก็ส่งทั้งรถยนต์ คนขับ ผู้ติดตาม เครื่องยศ มาให้พร้อม ยานิส ก็ส่งคืนกลับไปหมด รถยนต์ ผมมีแล้วครับ เก่าหน่อย แต่ยังวิ่งได้ดีอยู่ วันไหนอากาศดี ผมก็ไม่ใช้รถ ขี่มอร์ไซด์ไปเร็ว และประหยัดกว่า มิน่า เลยติดใส่เสื้อหนัง ส่วนผู้ติดตาม ก็ไม่จำเป็นครับ ไม่รู้จะเอามาทำอะไร ถ้าประชาชนเขาไม่พอใจผม เอาไข่ปาผมไม่กี่ที ผมก็รู้หน้าที่ว่า ควรลาออกแล้วครับ ประเทศเราจนมากนะครับ ยังมีหนี้อีกแยะ จะใช้อะไร จะทำอะไร ก็ต้องเอาแต่จำเป็น รู้จักประหยัดบ้าง รับรอง ลุงนิทานไม่ได้เขียนเอง แดกใคร คุณน้องยานิส ให้สัมภาษณ์อย่างนี้จริงๆ
    ###############
    “ตัดโซ่ หรือ ตายซาก”

    ตอน 2
    ก่อนจะเดินหน้าไปตัดโซ่ มาทบทวนกันหน่อยว่า หนี้กรีซ นี่มันอะไรนักหนา แล้วเงื่อนไขเจ้าหนี้มันทารุณเหมือนเอาโซ่มาคล้องคอชาวกรีกจริงหรือเปล่า หรือพวกหนุ่มๆ เขาเลือดร้อน ฮอร์โมนพุ่งตามวัย เห็นอะไรขัดใจนิด ขัดใจหน่อย ก็คิดชนมันซะเลย
    บรรดาขาใหญ่นักวิเคราะห์การเมือง ไม่ใช่ พวกนักวิเคราะห์การเงิน ที่เอาไว้หลอกพวกแมงเม่า บอกว่า มันไม่ใช่เป็นเรื่องว่า กรีซ ประเทศเล็กๆ ที่อยู่ในสหภาพยุโรป จะผิดนัดชำระหนี้ไหม และจะพากันจูงมือ เดินออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป หรืออียู หรือเปล่า แต่เรื่องหนี้กรีซ อาจกลายเป็นซึนามิ ทางการเงิน เศรษฐกิจ และการเมืองของยุโรปได้อย่างนึกไม่ถึง และถ้าเข้าทาง …มันอาจจะไปไกลกว่านั้น....
    ปัญหาหนี้ของกรีซ เริ่มมาต้ังแต่ปี ค.ศ.2001 ก็ต้ังแต่ กรีซ เริ่มเปลี่ยนมาใช้เงินสกุลยูโร แทนเงินสกุลดรักมาร์ของตัวเองนั่นแหละ กรีซเป็นสมาชิกอียูโซนมาต้ังแต่ปี ค.ศ.1981 แต่กรีซมีงบประมาณขาดดุลยสูงเกินเกณท์ของอียู ที่เรียกว่า Maastricht Criteria อยู่ตลอดมา ถึงจะเกินเกณท์ แต่ ปีแรกๆ ก็ไม่มีปัญหา เพราะดูเหมือนหลายประเทศในอียู ก็เกินกันทั้งนั้น และกรีซ ก็ได้ประโยชน์จากการกู้ดอกถูก ในฐานะเป็นสมาชิกอียู และมีเงินลงทุนเข้ามาเพิ่ม
    นี่คือ ความผิดพลาดของกรีซ รายการแรก ที่มองการเข้าไปอยู่ในคอกอียู แต่ด้านบวก ด้านได้ โดยไม่มองด้านลบ หรือไม่คิดว่ามีด้านลบ
    ถึง ปี ค.ศ.2004 กรีซ หลุดปากบอกว่า ตัวเองแต่งตัวเลข เพื่อไม่ให้ผิดหลักเกณฑ์อียู แต่น่าประหลาด อียูทำเหมือนไม่ได้ยิน เกิดหูบอดกระทันหันเสียอย่างนั้น ไม่เตือน ไม่ด่า ไม่ทำโทษกรีซ เพราะอะไรหรือ เพราะ ใครๆก็ทำกัน โดยเฉพาะ ฝรั่งเศส และเยอรมัน ลูกพี่ใหญ่ของอียู ด่ากรีซ ก็เหมือนด่าตัวเองด้วย แล้วถ้าจะทำโทษ จะทำอะไรล่ะ ยังไม่มีกฏกติกา เรื่องนี้เลย ไล่กรีซออกจากอียูเลยดีไหม อียูน่าจะทำได้ แต่มันจะทำให้ภาพพจน์อียู หมดท่า เหมือนแก้ผ้าประจานตัวเอง แถมตอนนั้น สมาชิกอียูยังน้อยอยู่ อยากได้ไอ้พวกพี่เบิ้ม อย่างอังกฤษ ก็ยังยักท่า หรือ รวยๆ อย่างสวีเดน เดนมาร์ก ตอนนั้น ก็ยังทำหยิ่งไม่เข้ามา นี่ถ้ารู้ว่า กรีซ แต่งตัวเลข ใครจะมา มีแต่จะไป แล้วทุกฝ่ายก็ปิดปากเงียบ หลอกตัวเอง หลอกกันเอง และหลอกคนอื่นต่อไป นี่คือความผิดส่วนของอียู ที่ไม่ได้มีเพียงครั้งเดียว
    แต่พอถึงปี ค.ศ.2009 ฝีแตก กรีซปิดต่อไปอีกไม่ไหว เพราะเงินทำท่าจะหมดประเทศ จริงๆ ก็หมดแล้ว มีแต่เงินกู้เขามา อ้อมแอ้ม ออกมาว่า มีตัวเลขงบประมาณขาดดุลย ประมาณ 12.9 % ของ จีดีพี ( ผลิตภัณท์มวลรวมภายใน ) ซึ่งเป็นตัวเลขที่เกินกว่าเกณท์ที่ อียู กำหนดไว้ ที่ 3% พูดภาษาเข้าใจง่ายๆ แปลว่า มีจ่ายจ่ายมากกว่ารายรับอยู่แยะมาก จะทำไงดีครับลูกพี่ เป็นคนธรรมดา ก็ต้องบอกว่าอยู่ในสภาพ เป็นหนี้หัวโต นอนเอามือก่ายหน้าผากจนบุบ ก็ยังไม่เห็นทางแก้ปัญหา
    ลูกพี่ยังคิดไม่ออกว่าจะใช้แผน พิฆาตชุดไหน แต่ สามหมาไน บริษัท จัดอันดับ ratings agency Standard & Poor , Fitch และ Moody’s ได้กลิ่น รีบประกาศลดอันดับความน่าเชื่อ ถือของ กรีซลงอย่างรวดเร็ว เหลือเป็นระดับ junk bond หรือระดับขยะ คือ อยู่ในสภาพล้มละลาย พันธบัตรกรีซ มีค่าไม่ต่างกับกระดาษชำระ การประกาศของ 3 หมาไน ได้ผลอย่างดียิ่ง กลางปี 2010 กรีซก็ถูกตัดขาดจากเส้นทางกู้เงินในตลาดทุนของโลก เหลือแต่เส้นทางไปสู่การเป็นประเทศล้มละลายอย่างสมบูรณ์
    กรีซแทบไม่เหลือทางเลือก จะตายช้า หรือตายเร็วเท่านั้น แล้วอัศวิน ชื่อ Troika ก็โผล่มา Troika เป็นชื่อเรียก ของสามเสือหิว IMF, ECB (European Central Bank) และ European Commission เล่นบทลูกพี่ใจดี จับมือกันจัดการให้เงินกู้ ที่อ้างว่า เป็นการช่วยฉุดกรีซขึ้นมาจากเหว รอบแรก จำนวน 340 พันล้านยูโร
    เงินจำนวนนี้ ถือว่ามากมาย และน่าจะผิดหลักเกณท์ของ IMF เสียด้วยซ้ำ แต่ทำไมอัศวิน หรือ Trioka รีบจัดการให้ สงสารกรีซมากหรือไง อ้อ ไม่ใช่ มันเป็นพวกไอ้เสือหิว มองหาเหยื่อแบบนี้ มานานแล้วต่างหาก พอเข้าใจนะครับ
    เงินกู้ ฉุดจากเหว มาพร้อมกับโซ่เหล็กคล้องคอกรีซ เป็นเงื่อนไขที่อ้างว่า เพื่อสร้างวินัยในการใช้จ่ายของกรีซ ที่กรีซ ไม่มีโอกาสต่อรอง ต้องก้มหน้ารับอย่างเดียว แต่ที่น่าสนใจ เงินกู้แลกโซ่ ควรจะมาช่วยให้สถานะของกรีซในสายตาของตลาดทุนดีขึ้น ตรงกันข้าม เงินกู้ลอยผ่านหน้ารัฐบาลกรีซ ไปเข้ากระเป๋าธนาคารต่างประเทศ ที่ให้กรีซกู้ไปก่อนหน้านี้
    เงินกู้ฉุดจากเหว กลายเป็นการใช้หนี้ ฉุดธนาคารต่างประเทศ ขึ้นมาจากเหวก่อน ชาวกรีซยังคงอยู่ในเหวต่อไป แต่มีโซ่มาคล้องคอหนักรัดติ้ว นั่งท้องกิ่วอยู่ก้นเหว ตกลงอัศวิน Troika มาช่วยใคร นี่คือ การเสียค่าโง่ครั้งที่เท่าไหร่ของกรีซ
    แล้วธนาคารต่างประเทศไหนล่ะ ที่ได้รับการชำระหนี้ไปก่อน เปิดดูอากู ก็รู้ว่า ธนาคารในอียูเองเป็นเจ้าหนี้กรี ซ ทั้งนั้น และเจ้าหนี้รายใหญ่สุด คือ เยอรมัน รองมา คือ ฝรั่งเศส พอเข้าใจแล้วนะครับว่า ทำไมนายกรัฐมนตรี อเล็กซิส ถึงเอาดอกกุหลาบแดงไปวางที่อนุสรณ์สถาน
    ก่อนการให้เงินกู้ จำนวนมโหฬาร IMF หัวหน้าใหญ่ของกลุ่มเสือหิว ที่เป็นผู้นำการกำหนดเงื่อนไข ลายโซ่คล้องคอชาวกรีซ บอกว่าการใช้จ่ายของกรีซ หนักไปที่ค่าจ้าง เป็นจำนวน ถึง 75% ของงบประมาณรายจ่าย แยกเป็นค่าจ้าง พนักงานของรัฐ ทั้งประจำ และชั่วคราว ค่าจ้างแรงงานคนทำงาน ค่าสวัสดิการ ค่าเบี้ยบำนาญ ของคนที่ทำงานมาจนแก่เหลือแต่เหงือก
    ถ้ายังจำกันได้ กรีซจัดงานแข่งกีฬาโอลิมปิค ในปี ค.ศ. 2004 ยิ่งใหญ่ และสวยงาม แน่นอนก่อนจัดงาน ต้องมีการปรับปรุงสาธารณูปโภค ถนนหนทาง ไฟฟ้า น้ำประปา ทั้งประเทศรวมทั้ง การก่อสร้าง สนามกีฬา บ้านพักนักกีฬา และอีกหลายๆอย่าง เพื่อรองรับการแข่งขัน และผู้มาชม ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 3 ปี รายจ่ายของกรีซทั้งด้านแรงงาน และด้านก่อสร้าง ไม่บานทะโล่ ก็คงแปลกอยู่
    นอกจากนี้ยังมีหนี้ส่วนบุคคลของ ชาวกรีก ที่เห็นเป็นโอกาสที่ทำเงิน ด้วยการสร้างที่พัก สำหรับนักท่องเที่ยว ร้านอาหาร บริการรถเช่า ฯลฯ ซึ่งสร้างขึ้นมาจากเงินกู้เกือบทั้งสิ้น
    และ นี่ ก็เป็นอีกความผิดพลาด อีกรายการของกรีซ กีฬาโอลิมปิคสวยงาม สร้างชื่อเสียงให้กับกรีซ และก็สร้างหนี้ให้กับกรีซด้วย กรีซขาดทุนย่อยยับ ขายของ ไม่ได้ราคาคุ้มทุนที่ลง แถมมีหนี้ติดค้างทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน เลยเป็นโอกาสให้ IMF ผู้ชำนาญการ สั่งให้กรีซ ตัดรายการจ้างงาน และสวัสดิการ ขณะที่กรีซ พยายามขายการท่องเที่ยวประเทศของตัวเองต่อ เพื่อเอาทุนคืนจากการขาดทุนโอลิมปิค IMF ปิดประตูการจ้างงาน เปิดให้ครึ่งบานและครึ่งวัน ที่พัก ร้านอาหารเริ่มโทรม เมื่อมีลูกจ้างมาทำงานไม่พอให้บริการ นักท่องเที่ยวที่ไหน อยากจะไปเที่ยว แล้วยกกระเป๋า และ ล้างจานเอง
    ถ้าไม่แน่ใจว่า การจัดงานกีฬาโอลิมปิค ไม่ได้สร้างกำไรเสมอไป ก็ลองไปถามคุณปากจีบ นายกรัฐมนตรี ของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ได้ว่า หลังจาก กระเสือกกระสน จัดการแข่งกีฬาโอลิมปิค เมื่อปี 2012 แล้วเป็นไง ตอนนี้ เลยต้องตัดงบสาระพัด รวมทั้งงบด้านกองทัพ เล่นเอาคุณพีปูตินของผม หัวร่อ ฮิ ฮิ
    จึงไม่เป็นเรื่องน่าแปลกใจ ที่ ในปี 2010 อัตราว่างงานของกรีซ เพิ่มขึ้นเป็น 15% ทุก 7 คนกรีก จะมีคนว่างงาน 1 คน ! เริ่มมีการประท้วงรัฐบาล การเมืองง่อนแง่น และกรีซ ก็ต้อง กู้เงินจาก อัศวิน Troika เพิ่มขึ้นอีก และโซ่คล้องคอชาวกรีซ ก็หนักขึ้นทุกที ชาวกรีซ ก็จมลงในเหวลึกลงไปทุกที
    ปี ค.ศ.2011 สถานการณ์ของกรีซ แย่ลงกว่าเดิม รัฐบาลไหนมาก็แก้ปัญหาไม่ได้ ได้แต่กู้เพิ่มเพื่อเอามาใช้หนี้เก่า หมุนไปเรื่อยๆ รัฐบาลกรีซคิดหาทางทางออกไม่เจอ เขิญผู้เชี่ยวชาญมาช่วยคิด
    OECD ซึ่งเป็นหน่วยงาน ที่อ้างว่ามีหน้าที่คอยแนะนำประ เทศ ที่มีปัญหาด้านเศรษฐกิจ ภายใต้เสื้อคลุม ที่ไอ้นักล่าใบตองแห้ง คิดขึ้นมาหลังจากคิดสร้าง World Bank, IMF บอกกรีซต้องหารายได้เพิ่มด้วยการเก็บภาษีเพิ่ม ใช้มาตรการเด็ดขาดกับผู้หนีภาษี และขายรัฐวิสาหกิจที่สร้างกำไรอ อกไปให้กับนักธุรกิจ และขายทรัพย์สินของประเทศ เพื่อเอามาใช้หนี้ ชาวกรีก เริ่มรู้ตัวว่า กำลังถูกแร้งลง ออกมาประท้วง ไม่ยอมให้รัฐบาลขายรัฐวิสาหกิจ กับทรัพย์สินของประเทศ บอกไปเก็บภาษีจากพวกคนรวยๆ และพวกหนี้ภาษีด่วนเลย
    กรีซ น่าจะเห็นแล้วว่า ตัวเองถูกต้ม และเป็นเหยื่อ ของเหล่านักล่า หมาไน และก่อนสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ ถ้าตัดสินใจผิดอีก คราวนี้ คงถึงแร้งลง
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    26 มิ.ย. 2558
    ตัดโซ่หรือตายซาก ตอนที่ 1 – 2 นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” ตัดโซ่ หรือ ตายซาก” ตอน 1 เรื่องหนี้ของกรีซยก 2 นี่ ถ้าเป็นหนังก็ออกรสตื่นเต้น ประเภท เกทับบลั้ฟแหลก คมเฉือนคม อะไรทำนองนั้น เพราะมันจะมีการพลิกเกมกันอยู่ตลอดเวลา ต่างฝ่ายก็เอามือล้วงกระเป๋า เหมือนมีของดีแอบอยู่ จะงัดเอาออกมาใช้เมื่อไหร่เท่า นั้น แต่จริงๆแล้ว ของดีมีจริง หรือมีปลอม ยังไม่มีใครรู้แน่ ระหว่างนั้น ก็ทำหน้าขรึม หน้าเครียดเจรจากัน สื่อก็รายงานของจริงแถมใบสั่ง เป็นโอกาสล่อให้แมงเม่าเข้าไปเล่นกองไฟ มีคนฉิบหายตายเพราะหนี้ท่วมประเทศยังไม่พอ ต้องหาแมงเม่าเข้ามาสังเวยด้วย มันถึงจะได้อารมณ์ สร้างกำไร จากความหายนะ ความคิดแบบนี้ มีทุกสัญชาติแหละครับ มากน้อย ตามสันดาน และตัณหา พระเอกที่จะเล่นเกมเกทับ ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นรัฐบาลชุดปัจจุบันนี้ของกรีซ ที่มาจากพรรค Syriza ซึ่งเป็นพวกที่เอนไปทางสังคมนิยม ก่อต้ังเมื่อปี ค.ศ. 2004 จากการรวมตัวของกลุ่มฝ่ายซ้ายต่างๆ ประมาณ 10 กว่ากลุ่ม Syriza เคยมีชื่อเสียงว่า เป็นพวก anti establishment เป็นพวกไม่เอาทุนนิยมว่างั้นเถอะ แม้ตอนหลังพวกเขาจะไม่เน้นเรื่อ งนี้ แต่เมื่อ Syriza ชนะเลือกตั้ง เมื่อต้นปี 2015 แน่นอน ทำให้อียูเริ่มขมวดคิ้ว เพราะดูเหมือน Syriza จะมาทำให้ชาวกรีซร้องคนเพลงกับอียู ยิ่งหัวหน้าพรรคที่ชื่อ Alexis Tsipras ประกาศชัดเจนว่า “euro is not my fetish” เงินยูโรมันก็ไม่ได้วิเศษอะไรนักหนา คำประกาศเขาให้รสชาดแบบนั้นนะครับ ในการเลือกต้ังดังกล่าว Syriza ขาดไปแค่ 2 คะแนน ที่จะเป็นเสียงข้างมาก พวกเขาเลยต้องผสมกับพรรคอื่นตั้ง รัฐบาล แต่ยังไงก็ได้นาย Alexis Tsipras เป็นนายกรัฐมนตรีหนุ่มแน่น อายุแค่ 40 และมีนาย Yanis Varoufakis เป็นรัฐมนตรีคลัง ที่จะมาช่วยหาวิธีถอดโซ่ ที่พวกเจ้าหนี้กรีซ เอามาคล้องคอชาวกรีซออกไป หรือทำให้โซ่คล้องคอมันหลวมหน่อย ไม่ใช่รัดติ้ว ท้องกิ่ว หายใจจะไม่ออก ไม่มีจะกินกันทั้งประเทศอย่างนี้ นาย Alexis Tsipras เป็นลูกชาวกรีซ ที่อพยพมาจากตุรกี ตามโครงการแลกเปลี่ยนประชาชน ระหว่าง 2 ประเทศ เขาเป็นคนชอบเล่นกีฬา และทำกิจกรรมมาต้ังแต่เป็นเด็กนักเรียน หลังจากนั้นก็เริ่มเป็นนักเคลื่อนไหวไฟแรง แหม เหมือนกับจะเขียนเรื่องเจ้ายะใส หนุ่มหน้ามนของสาวๆแดนสยามเลยนะ แต่ยะใส คงต้องติวใหม่อีกแยะนะ เอาเรื่องนายอเล็กซิส ต่อแล้วกัน เขาเรียนจบด้านวิศวกรรมจากวิทยาลัยเทคนิคของกรีซ ระหว่างเรียน ก็เริ่มเข้ากลุ่มการเมืองฝ่ายซ้ายของกรีซ และได้เป็นหัวหน้านักศึกษาทางกิจกรรมการเมือง ก็คงเหมือน สนนท. ของบ้านเรานะครับ หลังจากนั้น ก็เข้าการเมืองท้องถิ่นเต็มตัว ก่อนลงสนามใหญ่ เมื่อบรรดาพรรคฝ่ายซ้าย จับมือรวมกันเป็นพรรค Syriza นายอเล็กซิส ก็ไปเข้าร่วม แล้วในที่สุด ในปี คศ 2009 หนุ่มอเล็กซิส อายุ 30 กว่า ก็ได้เป็นหัวหน้าพรรค Syriza เป็นดาวรุ่งพุ่งแรง จะมีใครอุ้ม ใครดันหรือเปล่า ข่าวไม่บอก แล้วเขาก็พา Syriza เข้าลงเลือกต้ังในสนามใหญ่ ต้ังแต่ปี 2012 แม้ไม่ได้เป็นรัฐบาล แต่ก็ได้เข้าอยู่ในสภา ในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายค้าน ไม่เบาเหมือนกันสำหรับ หนุ่มวัย 30 กว่า เมื่อ สภากรีซล่มในปี ค.ศ. 2014 และประกาศจะมีการเลือกต้ังใหม่ ในเดือนมกราคม ปี ค.ศ.2015 อเล็กซิส ระดมพลพรรค ประกาศลงเลือกต้ัง และประกาศ Thessaloniki Programme ในเดือนสิงหาคม ปี 2014 ซึ่งเป็นนโยบายที่เสนอให้มีการปรับปรุงโครงสร้างทางเศรษฐกิจ และการเมืองของกรีซเสียใหม่ นอกจากนี้ ยังประกาศใช้นโยบายการหาเสียงว่า พรรค Syriza ต้ังใจจะเข้าไปแก้ไขเงื่อนไขมหาโหด ในสัญญาเงินกู้ ที่บรรดาเจ้าหนี้ต่างประเทศกำหนดไว้ เหมือนเอาโซ่มาคล้องคอชาวกรีซและทำให้ชีวิตชาวกรีซสุดแสนจะลำเค็ญ ในส่วนนโยบายต่างประเทศ ระหว่างการหาเสียง อเล็กซิส แสดงความไม่พอใจอย่างเผ็ดร้อน กับการตัดสินใจหลายเรื่องของยุโรป ที่คัดท้ายโดยรัฐบาลเยอรมัน ภายใต้การนำของป้าเข็มขัดเหล็ก แน่นอน มันเป็นการฝาก “รอย” ให้ไว้กับป้าเข็มขัดเหล็ก ที่ทำให้การเจรจาต่อมาระหว่างอเล็กซิส ในฐานะนายกรัฐมนตรีกรีซ กับป้าเข็มขัดเหล็ก เกี่ยวกับเรื่องหนี้ของกรีซ ฝืดสิ้นดี เหมือนจะให้ผู้คนแน่ใจว่าเขาคิดอย่างไร เมื่อได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี งานแรกที่ Alexis Tsipras ทำ คือ เขานำดอกกุหลาบแดงช่อใหญ่ ไปวางแสดงความเคารพที่อนุสรณ์สถานของชาวกรีซ 200 คน ที่เสียชีวิตจากการฆ่าของเยอรมัน เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ.1944 ….ช่างเล่นนะไอ้หนุ่ม งานเดินสายต่างประเทศ รายการแรกของนายกรัฐมนตรีหนุ่ม คือ ไปพบนายกรัฐมนตรี Matteo Renzi ที่โรม เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ค.ศ.2015 จับเข่าคุยในฐานะ คนเป็นลูกหนี้ ที่มีโซ่คล้องคอเหมือนกัน คุยกันเสร็จ นาย Renzi ก็มอบเนคไทไหมอิตาเลียน ให้เป็นที่ระลึกแก่ นายอเล็กซิส ซึ่งมีชื่อเสียงว่า ไม่นิยมการผูกเนคไท เขารับไว้ แล้วบอกว่า เขาจะผูกเนคไทนี้ ในวันที่ชาวกรีซ ตัดโซ่คล้องคอสำเร็จ… อยากได้ยินคำพูดแบบนี้ ในแดนสยามบ้างครับ ส่วน นาย Yanis Varoufakis มาคนละทางกับอเล็กซิส ยานิส ไม่ได้เป็นนักการเมือง เขาออกไปทางนักวิชาการ เป็นนักเศรษฐศาสตร์ และเป็นอาจารย์สอนเศรษฐศาสตร์มีชื่อเสียง แต่ใช่ว่าเขาไม่สนใจการเมือง พ่อเขาร่วมรบในสงครามกลางเมืองกรีซ โดยอยู่ฝั่งคอมมิวนิสต์ แพ้สงครามก็ถูกจับไปนอนคุกอยู่หลายปี ออกจากคุกมาทำธุรกิจ กลายเป็นผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ที่สุดของกรีซ ส่วนแม่ก็เป็นพวกคอการเมือง ครอบครัวนี้ สนับสนุนกลุ่มไอร์แลนด์เหนือให้สู้กับอังกฤษ พวกเขานับ Belfast เมืองหลวงของไอร์แลนด์เหนือเป็นบ้านที่ 2 สำหรับคนรุ่นหลังๆ คงไม่ค่อยรู้จักวีรกรรมของชาวไอริช ที่ต้องการแยกตัวจากอังกฤษ นอกจากรู้จากดูหนัง จริงๆ คนไอริช หรือขบวนการ IRA เป็นขบวนการ ที่ถูกอังกฤษและพวก รวมทั้งสื่อ เรียกว่า เป็นผู้ก่อการร้าย ทั้งๆ ที่พวกเขาคิดการดี ในช่วงประมาณปี ค.ศ.1970 เป็นต้นมา ขบวนการ IRA จะเป็นข่าวเกือบรายวัน ในการวางระเบิดใส่อังกฤษ ผู้คนบาดเจ็บล้มตายมาก ตึกรามบ้านช่องพังวินาศ ไม่มีการต่อสู้เพื่อเอกราชใด หรือปลดพันธนาการใดจะได้มาง่ายๆ มันต้องลงแรงลงใจลงชีวิตทั้งนั้น ชาวแดนสยาม สบายจนเคยตัว บางพวกทำตัว ยิ่งกว่าตามสบาย เห็นแต่ประโยชน์ส่วนตัว หาความสุข สนุกไปวันๆ ไม่สนใจประเทศ และเพื่อนร่วมชาติ จนน่ารังเกียจ น่าเสียดายครับ มีของดี ไม่รู้จักคุณค่า ไม่รู้จักรักษา ชอบอยู่แต่ใน “ครอบ” ไม่อยากใช้คำว่า “คอก” ปล่อยให้มัน ฟอกย้อม ต้มตุ๋นเอาจนชิน วันไหนไม่ถูกย้อม ไม่ถูกต้ม คงกินไม่ได้นอนไม่หลับ เฮ้อ! คุยเรื่อง นายยานิสต่อดีกว่า เมื่อพ่อรวย ก็ส่งลูกไปเรียนที่อังกฤษ ยานิส จึงเรียน พูด และด่าเป็นภาษาอังกฤษ ได้ชัด และคมคายเอาเรื่อง สรุปว่า เขาเรียนต้ังแต่ ปริญญาตรี จนจบปริญญาเอกจากอังกฤษแล้วกัน เรียนจบแล้ว ก็ไปสอนหนังสือ ที่หลายมหาวิทยาลัย หลายประเทศ แล้วยังเดินทางไปดูโลกกว้างในแง่มุมของเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากสร้างให้เกิด ที่ต้องมองกันอย่างลึกซึ้ง กลับมาก็เปิดบล๊อกของตัวเอง ให้ความรู้ ความเห็น สอนคนนอกมหาวิทยาลัยไปเรื่อยๆ ที่สำคัญ เขาบอกว่า เขาไม่เห็นด้วยกับการที่กรีซ ไปกู้เงินพวกเจ้าหนี้หน้าเลือดเหล่านั้น ไม่เห็นด้วยกับเงื่อนไขที่เจ้า หนี้ต้ัง ไม่เห็นด้วยๆๆๆ สาระพัด ไม่เห็นด้วย และบอกว่า ถ้ากรีซ ปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไป ชาวกรีก ก็คงแห้งตายซาก และเกาะกรีซอันสวยงาม ก็คงล่มจมหายไปในเมดิเตอร์เรเนียน อย่างน่าเสียดาย … เพราะเขียนในบล๊อกแบบนี้ จนดังระเบิด เมื่อ พรรค Syriza ได้เป็นรัฐบาล จึงส่งเทียบมาเชิญ ท่านพี่ยานิส ท่านอย่ามัวแต่นั่งเขียนให้คนอ่านเลย แบบนั้นมันง่าย ( เหมือนที่ลุงนิทานทำ แค่นั่งเขียนอยู่ในบ้าน) ท่านจงออกมาใช้ภูมิปัญญา ลงมือแก้ไขปัญหาบ้านเมืองอย่าง จริงจังกับเราเถิด นายยานิส ก็ไม่เล่นตัว ไม่เรื่องมาก แค่บอกว่า พูดกันให้รู้เรื่องก่อนนะ ถ้าเอาผมไปนั่งคลัง ผมจะใช้นโยบาย อย่างที่ผมเขียน คือ เราต้องตัดโซ่ของเจ้าหนี้ ที่เอามาคล้องคอชาวกรีซ ออกเสียนะ นายกรัฐมนตรีหนุ่มบอก นั่นแหล่ะพี่ เราพูดเรื่องเดียวกัน พี่เอาคีมเบอร์ใหญ่สุดมาเลยนะ มาช่วยพวกผมตัดโซ่ด่วนเลย แล้วยานิสก็ไปนั่งเป็นรัฐมนตรีคลังในรัฐบาล แต่ไม่สังกัดพรรค อืม… เป็นต้ัง พณฯ ท่านรัฐมนตรี เขาก็ส่งทั้งรถยนต์ คนขับ ผู้ติดตาม เครื่องยศ มาให้พร้อม ยานิส ก็ส่งคืนกลับไปหมด รถยนต์ ผมมีแล้วครับ เก่าหน่อย แต่ยังวิ่งได้ดีอยู่ วันไหนอากาศดี ผมก็ไม่ใช้รถ ขี่มอร์ไซด์ไปเร็ว และประหยัดกว่า มิน่า เลยติดใส่เสื้อหนัง ส่วนผู้ติดตาม ก็ไม่จำเป็นครับ ไม่รู้จะเอามาทำอะไร ถ้าประชาชนเขาไม่พอใจผม เอาไข่ปาผมไม่กี่ที ผมก็รู้หน้าที่ว่า ควรลาออกแล้วครับ ประเทศเราจนมากนะครับ ยังมีหนี้อีกแยะ จะใช้อะไร จะทำอะไร ก็ต้องเอาแต่จำเป็น รู้จักประหยัดบ้าง รับรอง ลุงนิทานไม่ได้เขียนเอง แดกใคร คุณน้องยานิส ให้สัมภาษณ์อย่างนี้จริงๆ ############### “ตัดโซ่ หรือ ตายซาก” ตอน 2 ก่อนจะเดินหน้าไปตัดโซ่ มาทบทวนกันหน่อยว่า หนี้กรีซ นี่มันอะไรนักหนา แล้วเงื่อนไขเจ้าหนี้มันทารุณเหมือนเอาโซ่มาคล้องคอชาวกรีกจริงหรือเปล่า หรือพวกหนุ่มๆ เขาเลือดร้อน ฮอร์โมนพุ่งตามวัย เห็นอะไรขัดใจนิด ขัดใจหน่อย ก็คิดชนมันซะเลย บรรดาขาใหญ่นักวิเคราะห์การเมือง ไม่ใช่ พวกนักวิเคราะห์การเงิน ที่เอาไว้หลอกพวกแมงเม่า บอกว่า มันไม่ใช่เป็นเรื่องว่า กรีซ ประเทศเล็กๆ ที่อยู่ในสหภาพยุโรป จะผิดนัดชำระหนี้ไหม และจะพากันจูงมือ เดินออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป หรืออียู หรือเปล่า แต่เรื่องหนี้กรีซ อาจกลายเป็นซึนามิ ทางการเงิน เศรษฐกิจ และการเมืองของยุโรปได้อย่างนึกไม่ถึง และถ้าเข้าทาง …มันอาจจะไปไกลกว่านั้น.... ปัญหาหนี้ของกรีซ เริ่มมาต้ังแต่ปี ค.ศ.2001 ก็ต้ังแต่ กรีซ เริ่มเปลี่ยนมาใช้เงินสกุลยูโร แทนเงินสกุลดรักมาร์ของตัวเองนั่นแหละ กรีซเป็นสมาชิกอียูโซนมาต้ังแต่ปี ค.ศ.1981 แต่กรีซมีงบประมาณขาดดุลยสูงเกินเกณท์ของอียู ที่เรียกว่า Maastricht Criteria อยู่ตลอดมา ถึงจะเกินเกณท์ แต่ ปีแรกๆ ก็ไม่มีปัญหา เพราะดูเหมือนหลายประเทศในอียู ก็เกินกันทั้งนั้น และกรีซ ก็ได้ประโยชน์จากการกู้ดอกถูก ในฐานะเป็นสมาชิกอียู และมีเงินลงทุนเข้ามาเพิ่ม นี่คือ ความผิดพลาดของกรีซ รายการแรก ที่มองการเข้าไปอยู่ในคอกอียู แต่ด้านบวก ด้านได้ โดยไม่มองด้านลบ หรือไม่คิดว่ามีด้านลบ ถึง ปี ค.ศ.2004 กรีซ หลุดปากบอกว่า ตัวเองแต่งตัวเลข เพื่อไม่ให้ผิดหลักเกณฑ์อียู แต่น่าประหลาด อียูทำเหมือนไม่ได้ยิน เกิดหูบอดกระทันหันเสียอย่างนั้น ไม่เตือน ไม่ด่า ไม่ทำโทษกรีซ เพราะอะไรหรือ เพราะ ใครๆก็ทำกัน โดยเฉพาะ ฝรั่งเศส และเยอรมัน ลูกพี่ใหญ่ของอียู ด่ากรีซ ก็เหมือนด่าตัวเองด้วย แล้วถ้าจะทำโทษ จะทำอะไรล่ะ ยังไม่มีกฏกติกา เรื่องนี้เลย ไล่กรีซออกจากอียูเลยดีไหม อียูน่าจะทำได้ แต่มันจะทำให้ภาพพจน์อียู หมดท่า เหมือนแก้ผ้าประจานตัวเอง แถมตอนนั้น สมาชิกอียูยังน้อยอยู่ อยากได้ไอ้พวกพี่เบิ้ม อย่างอังกฤษ ก็ยังยักท่า หรือ รวยๆ อย่างสวีเดน เดนมาร์ก ตอนนั้น ก็ยังทำหยิ่งไม่เข้ามา นี่ถ้ารู้ว่า กรีซ แต่งตัวเลข ใครจะมา มีแต่จะไป แล้วทุกฝ่ายก็ปิดปากเงียบ หลอกตัวเอง หลอกกันเอง และหลอกคนอื่นต่อไป นี่คือความผิดส่วนของอียู ที่ไม่ได้มีเพียงครั้งเดียว แต่พอถึงปี ค.ศ.2009 ฝีแตก กรีซปิดต่อไปอีกไม่ไหว เพราะเงินทำท่าจะหมดประเทศ จริงๆ ก็หมดแล้ว มีแต่เงินกู้เขามา อ้อมแอ้ม ออกมาว่า มีตัวเลขงบประมาณขาดดุลย ประมาณ 12.9 % ของ จีดีพี ( ผลิตภัณท์มวลรวมภายใน ) ซึ่งเป็นตัวเลขที่เกินกว่าเกณท์ที่ อียู กำหนดไว้ ที่ 3% พูดภาษาเข้าใจง่ายๆ แปลว่า มีจ่ายจ่ายมากกว่ารายรับอยู่แยะมาก จะทำไงดีครับลูกพี่ เป็นคนธรรมดา ก็ต้องบอกว่าอยู่ในสภาพ เป็นหนี้หัวโต นอนเอามือก่ายหน้าผากจนบุบ ก็ยังไม่เห็นทางแก้ปัญหา ลูกพี่ยังคิดไม่ออกว่าจะใช้แผน พิฆาตชุดไหน แต่ สามหมาไน บริษัท จัดอันดับ ratings agency Standard & Poor , Fitch และ Moody’s ได้กลิ่น รีบประกาศลดอันดับความน่าเชื่อ ถือของ กรีซลงอย่างรวดเร็ว เหลือเป็นระดับ junk bond หรือระดับขยะ คือ อยู่ในสภาพล้มละลาย พันธบัตรกรีซ มีค่าไม่ต่างกับกระดาษชำระ การประกาศของ 3 หมาไน ได้ผลอย่างดียิ่ง กลางปี 2010 กรีซก็ถูกตัดขาดจากเส้นทางกู้เงินในตลาดทุนของโลก เหลือแต่เส้นทางไปสู่การเป็นประเทศล้มละลายอย่างสมบูรณ์ กรีซแทบไม่เหลือทางเลือก จะตายช้า หรือตายเร็วเท่านั้น แล้วอัศวิน ชื่อ Troika ก็โผล่มา Troika เป็นชื่อเรียก ของสามเสือหิว IMF, ECB (European Central Bank) และ European Commission เล่นบทลูกพี่ใจดี จับมือกันจัดการให้เงินกู้ ที่อ้างว่า เป็นการช่วยฉุดกรีซขึ้นมาจากเหว รอบแรก จำนวน 340 พันล้านยูโร เงินจำนวนนี้ ถือว่ามากมาย และน่าจะผิดหลักเกณท์ของ IMF เสียด้วยซ้ำ แต่ทำไมอัศวิน หรือ Trioka รีบจัดการให้ สงสารกรีซมากหรือไง อ้อ ไม่ใช่ มันเป็นพวกไอ้เสือหิว มองหาเหยื่อแบบนี้ มานานแล้วต่างหาก พอเข้าใจนะครับ เงินกู้ ฉุดจากเหว มาพร้อมกับโซ่เหล็กคล้องคอกรีซ เป็นเงื่อนไขที่อ้างว่า เพื่อสร้างวินัยในการใช้จ่ายของกรีซ ที่กรีซ ไม่มีโอกาสต่อรอง ต้องก้มหน้ารับอย่างเดียว แต่ที่น่าสนใจ เงินกู้แลกโซ่ ควรจะมาช่วยให้สถานะของกรีซในสายตาของตลาดทุนดีขึ้น ตรงกันข้าม เงินกู้ลอยผ่านหน้ารัฐบาลกรีซ ไปเข้ากระเป๋าธนาคารต่างประเทศ ที่ให้กรีซกู้ไปก่อนหน้านี้ เงินกู้ฉุดจากเหว กลายเป็นการใช้หนี้ ฉุดธนาคารต่างประเทศ ขึ้นมาจากเหวก่อน ชาวกรีซยังคงอยู่ในเหวต่อไป แต่มีโซ่มาคล้องคอหนักรัดติ้ว นั่งท้องกิ่วอยู่ก้นเหว ตกลงอัศวิน Troika มาช่วยใคร นี่คือ การเสียค่าโง่ครั้งที่เท่าไหร่ของกรีซ แล้วธนาคารต่างประเทศไหนล่ะ ที่ได้รับการชำระหนี้ไปก่อน เปิดดูอากู ก็รู้ว่า ธนาคารในอียูเองเป็นเจ้าหนี้กรี ซ ทั้งนั้น และเจ้าหนี้รายใหญ่สุด คือ เยอรมัน รองมา คือ ฝรั่งเศส พอเข้าใจแล้วนะครับว่า ทำไมนายกรัฐมนตรี อเล็กซิส ถึงเอาดอกกุหลาบแดงไปวางที่อนุสรณ์สถาน ก่อนการให้เงินกู้ จำนวนมโหฬาร IMF หัวหน้าใหญ่ของกลุ่มเสือหิว ที่เป็นผู้นำการกำหนดเงื่อนไข ลายโซ่คล้องคอชาวกรีซ บอกว่าการใช้จ่ายของกรีซ หนักไปที่ค่าจ้าง เป็นจำนวน ถึง 75% ของงบประมาณรายจ่าย แยกเป็นค่าจ้าง พนักงานของรัฐ ทั้งประจำ และชั่วคราว ค่าจ้างแรงงานคนทำงาน ค่าสวัสดิการ ค่าเบี้ยบำนาญ ของคนที่ทำงานมาจนแก่เหลือแต่เหงือก ถ้ายังจำกันได้ กรีซจัดงานแข่งกีฬาโอลิมปิค ในปี ค.ศ. 2004 ยิ่งใหญ่ และสวยงาม แน่นอนก่อนจัดงาน ต้องมีการปรับปรุงสาธารณูปโภค ถนนหนทาง ไฟฟ้า น้ำประปา ทั้งประเทศรวมทั้ง การก่อสร้าง สนามกีฬา บ้านพักนักกีฬา และอีกหลายๆอย่าง เพื่อรองรับการแข่งขัน และผู้มาชม ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 3 ปี รายจ่ายของกรีซทั้งด้านแรงงาน และด้านก่อสร้าง ไม่บานทะโล่ ก็คงแปลกอยู่ นอกจากนี้ยังมีหนี้ส่วนบุคคลของ ชาวกรีก ที่เห็นเป็นโอกาสที่ทำเงิน ด้วยการสร้างที่พัก สำหรับนักท่องเที่ยว ร้านอาหาร บริการรถเช่า ฯลฯ ซึ่งสร้างขึ้นมาจากเงินกู้เกือบทั้งสิ้น และ นี่ ก็เป็นอีกความผิดพลาด อีกรายการของกรีซ กีฬาโอลิมปิคสวยงาม สร้างชื่อเสียงให้กับกรีซ และก็สร้างหนี้ให้กับกรีซด้วย กรีซขาดทุนย่อยยับ ขายของ ไม่ได้ราคาคุ้มทุนที่ลง แถมมีหนี้ติดค้างทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน เลยเป็นโอกาสให้ IMF ผู้ชำนาญการ สั่งให้กรีซ ตัดรายการจ้างงาน และสวัสดิการ ขณะที่กรีซ พยายามขายการท่องเที่ยวประเทศของตัวเองต่อ เพื่อเอาทุนคืนจากการขาดทุนโอลิมปิค IMF ปิดประตูการจ้างงาน เปิดให้ครึ่งบานและครึ่งวัน ที่พัก ร้านอาหารเริ่มโทรม เมื่อมีลูกจ้างมาทำงานไม่พอให้บริการ นักท่องเที่ยวที่ไหน อยากจะไปเที่ยว แล้วยกกระเป๋า และ ล้างจานเอง ถ้าไม่แน่ใจว่า การจัดงานกีฬาโอลิมปิค ไม่ได้สร้างกำไรเสมอไป ก็ลองไปถามคุณปากจีบ นายกรัฐมนตรี ของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ได้ว่า หลังจาก กระเสือกกระสน จัดการแข่งกีฬาโอลิมปิค เมื่อปี 2012 แล้วเป็นไง ตอนนี้ เลยต้องตัดงบสาระพัด รวมทั้งงบด้านกองทัพ เล่นเอาคุณพีปูตินของผม หัวร่อ ฮิ ฮิ จึงไม่เป็นเรื่องน่าแปลกใจ ที่ ในปี 2010 อัตราว่างงานของกรีซ เพิ่มขึ้นเป็น 15% ทุก 7 คนกรีก จะมีคนว่างงาน 1 คน ! เริ่มมีการประท้วงรัฐบาล การเมืองง่อนแง่น และกรีซ ก็ต้อง กู้เงินจาก อัศวิน Troika เพิ่มขึ้นอีก และโซ่คล้องคอชาวกรีซ ก็หนักขึ้นทุกที ชาวกรีซ ก็จมลงในเหวลึกลงไปทุกที ปี ค.ศ.2011 สถานการณ์ของกรีซ แย่ลงกว่าเดิม รัฐบาลไหนมาก็แก้ปัญหาไม่ได้ ได้แต่กู้เพิ่มเพื่อเอามาใช้หนี้เก่า หมุนไปเรื่อยๆ รัฐบาลกรีซคิดหาทางทางออกไม่เจอ เขิญผู้เชี่ยวชาญมาช่วยคิด OECD ซึ่งเป็นหน่วยงาน ที่อ้างว่ามีหน้าที่คอยแนะนำประ เทศ ที่มีปัญหาด้านเศรษฐกิจ ภายใต้เสื้อคลุม ที่ไอ้นักล่าใบตองแห้ง คิดขึ้นมาหลังจากคิดสร้าง World Bank, IMF บอกกรีซต้องหารายได้เพิ่มด้วยการเก็บภาษีเพิ่ม ใช้มาตรการเด็ดขาดกับผู้หนีภาษี และขายรัฐวิสาหกิจที่สร้างกำไรอ อกไปให้กับนักธุรกิจ และขายทรัพย์สินของประเทศ เพื่อเอามาใช้หนี้ ชาวกรีก เริ่มรู้ตัวว่า กำลังถูกแร้งลง ออกมาประท้วง ไม่ยอมให้รัฐบาลขายรัฐวิสาหกิจ กับทรัพย์สินของประเทศ บอกไปเก็บภาษีจากพวกคนรวยๆ และพวกหนี้ภาษีด่วนเลย กรีซ น่าจะเห็นแล้วว่า ตัวเองถูกต้ม และเป็นเหยื่อ ของเหล่านักล่า หมาไน และก่อนสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ ถ้าตัดสินใจผิดอีก คราวนี้ คงถึงแร้งลง สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 26 มิ.ย. 2558
    0 Comments 0 Shares 3 Views 0 Reviews
  • https://www.youtube.com/live/V_KGFfI67dA?si=bo1lGWRfCm0luPZx
    https://www.youtube.com/live/V_KGFfI67dA?si=bo1lGWRfCm0luPZx
    - YouTube
    เพลิดเพลินไปกับวิดีโอและเพลงที่คุณชอบ อัปโหลดเนื้อหาต้นฉบับ และแชร์เนื้อหาทั้งหมดกับเพื่อน ครอบครัว และผู้คนทั่วโลกบน YouTube
    0 Comments 0 Shares 11 Views 0 Reviews
  • https://youtu.be/bia9udxwMgM?si=FKEidXiDZeliNMK4
    #Johjai
    #เจาะใจ
    #ห้องเสื้อพิจิตรา
    #ว่างว่างก็แวะมา
    https://youtu.be/bia9udxwMgM?si=FKEidXiDZeliNMK4 #Johjai #เจาะใจ #ห้องเสื้อพิจิตรา #ว่างว่างก็แวะมา
    0 Comments 0 Shares 16 Views 0 Reviews
  • สนธิฟาดอันวาร์ นายกที่ xั่วช้าที่สุดเข้าข้างเขมรสุดใจ เจอไทยสวน...กริบ!!! (17/11/68)
    .
    #thaitimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #สนธิ #อันวาร์ #มาเลเซีย #กัมพูชา #ชายแดนไทยกัมพูชา #การเมืองระหว่างประเทศ #ข่าวร้อน #ข่าววันนี้ #newsupdate
    สนธิฟาดอันวาร์ นายกที่ xั่วช้าที่สุดเข้าข้างเขมรสุดใจ เจอไทยสวน...กริบ!!! (17/11/68) . #thaitimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #สนธิ #อันวาร์ #มาเลเซีย #กัมพูชา #ชายแดนไทยกัมพูชา #การเมืองระหว่างประเทศ #ข่าวร้อน #ข่าววันนี้ #newsupdate
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 54 Views 0 0 Reviews
  • รวมข่าวจาก TechRadar ประจำวัน
    #20251117 #techradar

    RansomHouse โจมตี Fulgar – ข้อมูลลับหลุดว่อน
    บริษัท Fulgar ผู้ผลิตเส้นใยสังเคราะห์รายใหญ่ที่ส่งให้แบรนด์ดังอย่าง H&M และ Adidas ถูกกลุ่มแฮ็กเกอร์ RansomHouse โจมตีด้วยแรนซัมแวร์ ข้อมูลภายใน เช่น ยอดเงินในบัญชี ใบแจ้งหนี้ และการสื่อสารกับลูกค้า ถูกนำไปเผยแพร่บนเว็บมืด เหตุการณ์นี้สะท้อนว่าซัพพลายเชนแฟชั่นระดับโลกก็ยังเสี่ยงต่อการถูกโจมตีไซเบอร์ได้ง่าย

    ทดสอบ AI ยักษ์ใหญ่ – ChatGPT, Gemini, Claude ถูกกดดันด้วยคำสั่งสุดโต่ง
    นักวิจัยทดลองกดดันโมเดล AI ชั้นนำด้วยคำสั่งที่ซับซ้อนและสุดโต่ง ผลปรากฏว่าระบบยังมีช่องโหว่ สามารถถูกบังคับให้ทำงานผิดจุดประสงค์ได้ การทดสอบนี้ชี้ให้เห็นว่าการป้องกัน AI ยังไม่สมบูรณ์ และผู้ใช้ควรตระหนักถึงความเสี่ยงในการใช้งาน

    Nvidia เปิดตัว Hyperlink – เปลี่ยน PC เป็นศูนย์กลาง AI ส่วนตัว
    Nvidia เปิดตัวแอป Hyperlink ที่ทำให้คอมพิวเตอร์กลายเป็นเครื่องมือค้นหาข้อมูลส่วนตัวด้วย AI สามารถเจาะเข้าไปในไฟล์ต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย จุดเด่นคือการทำงานแบบ private ไม่ต้องพึ่งคลาวด์ เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการความปลอดภัยและความเร็ว

    กล้อง Camp Snap Retro – ของขวัญราคาประหยัดที่มีสไตล์
    บทความแนะนำกล้องคอมแพ็ก Camp Snap Retro ที่สามารถสั่งทำแบบ personalized ได้ ราคาย่อมเยา เหมาะเป็นของขวัญสำหรับคนที่ชอบถ่ายภาพและชื่นชอบสไตล์ย้อนยุค

    Thunderobot Mix G2 – คู่แข่งใหม่ของ Asus ROG NUC
    Thunderobot เปิดตัว Mini PC รุ่น Mix G2 ที่มาพร้อม GPU แรงและดีไซน์กะทัดรัด กลายเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ Asus ROG NUC 2025 จุดขายคือพลังการประมวลผลสูงและชื่อแบรนด์ที่สะดุดตา

    Mini PC ราคาต่ำกว่า $500 – ทางเลือกแทน Steam Machine
    บทความรวบรวม Mini PC ห้ารุ่นที่ราคาไม่เกิน $500 แต่สามารถรัน SteamOS และเล่นเกมได้ ถือเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าแทนการซื้อเครื่องเกมใหม่จาก Valve

    ฮาร์ดดิสก์ Seagate Exos 2X18 – เร็วเกือบเทียบ SSD
    Seagate เปิดตัวฮาร์ดดิสก์ความจุ 18TB รุ่น Exos 2X18 ที่มีความเร็วสูงจนใกล้เคียง SSD SATA แม้ราคาจะไม่ถูก แต่ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาฮาร์ดดิสก์ให้ตอบโจทย์งานที่ต้องการความเร็ว

    Belkin เรียกคืน Power Bank และแท่นชาร์จ – เสี่ยงไฟไหม้
    Belkin ประกาศเรียกคืนผลิตภัณฑ์ Power Bank และแท่นชาร์จหลายรุ่น เนื่องจากมีความเสี่ยงเกิดไฟไหม้ ผู้ใช้ควรตรวจสอบหมายเลขรุ่นและหยุดใช้งานทันทีเพื่อความปลอดภัย

    Seagate เปิดตัวระบบเก็บข้อมูล AI-ready – ความจุสูงสุด 3.2PB
    Seagate เปิดตัวโซลูชันเก็บข้อมูลใหม่ที่รองรับงาน AI โดยสามารถเก็บข้อมูลได้สูงสุดถึง 3.2 เพตะไบต์ในเครื่องเดียว เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องจัดการข้อมูลมหาศาลและต้องการความเร็วในการประมวลผล

    ไปตามเจาะข่าวกันได้ที่ : https://www.techradar.com/
    📌🪛🟢 รวมข่าวจาก TechRadar ประจำวัน 🟢🪛📌 #20251117 #techradar 🛡️ RansomHouse โจมตี Fulgar – ข้อมูลลับหลุดว่อน บริษัท Fulgar ผู้ผลิตเส้นใยสังเคราะห์รายใหญ่ที่ส่งให้แบรนด์ดังอย่าง H&M และ Adidas ถูกกลุ่มแฮ็กเกอร์ RansomHouse โจมตีด้วยแรนซัมแวร์ ข้อมูลภายใน เช่น ยอดเงินในบัญชี ใบแจ้งหนี้ และการสื่อสารกับลูกค้า ถูกนำไปเผยแพร่บนเว็บมืด เหตุการณ์นี้สะท้อนว่าซัพพลายเชนแฟชั่นระดับโลกก็ยังเสี่ยงต่อการถูกโจมตีไซเบอร์ได้ง่าย 🤖 ทดสอบ AI ยักษ์ใหญ่ – ChatGPT, Gemini, Claude ถูกกดดันด้วยคำสั่งสุดโต่ง นักวิจัยทดลองกดดันโมเดล AI ชั้นนำด้วยคำสั่งที่ซับซ้อนและสุดโต่ง ผลปรากฏว่าระบบยังมีช่องโหว่ สามารถถูกบังคับให้ทำงานผิดจุดประสงค์ได้ การทดสอบนี้ชี้ให้เห็นว่าการป้องกัน AI ยังไม่สมบูรณ์ และผู้ใช้ควรตระหนักถึงความเสี่ยงในการใช้งาน 💻 Nvidia เปิดตัว Hyperlink – เปลี่ยน PC เป็นศูนย์กลาง AI ส่วนตัว Nvidia เปิดตัวแอป Hyperlink ที่ทำให้คอมพิวเตอร์กลายเป็นเครื่องมือค้นหาข้อมูลส่วนตัวด้วย AI สามารถเจาะเข้าไปในไฟล์ต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย จุดเด่นคือการทำงานแบบ private ไม่ต้องพึ่งคลาวด์ เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการความปลอดภัยและความเร็ว 📸 กล้อง Camp Snap Retro – ของขวัญราคาประหยัดที่มีสไตล์ บทความแนะนำกล้องคอมแพ็ก Camp Snap Retro ที่สามารถสั่งทำแบบ personalized ได้ ราคาย่อมเยา เหมาะเป็นของขวัญสำหรับคนที่ชอบถ่ายภาพและชื่นชอบสไตล์ย้อนยุค 🎮 Thunderobot Mix G2 – คู่แข่งใหม่ของ Asus ROG NUC Thunderobot เปิดตัว Mini PC รุ่น Mix G2 ที่มาพร้อม GPU แรงและดีไซน์กะทัดรัด กลายเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ Asus ROG NUC 2025 จุดขายคือพลังการประมวลผลสูงและชื่อแบรนด์ที่สะดุดตา 🕹️ Mini PC ราคาต่ำกว่า $500 – ทางเลือกแทน Steam Machine บทความรวบรวม Mini PC ห้ารุ่นที่ราคาไม่เกิน $500 แต่สามารถรัน SteamOS และเล่นเกมได้ ถือเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าแทนการซื้อเครื่องเกมใหม่จาก Valve 💾 ฮาร์ดดิสก์ Seagate Exos 2X18 – เร็วเกือบเทียบ SSD Seagate เปิดตัวฮาร์ดดิสก์ความจุ 18TB รุ่น Exos 2X18 ที่มีความเร็วสูงจนใกล้เคียง SSD SATA แม้ราคาจะไม่ถูก แต่ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาฮาร์ดดิสก์ให้ตอบโจทย์งานที่ต้องการความเร็ว 🔌 Belkin เรียกคืน Power Bank และแท่นชาร์จ – เสี่ยงไฟไหม้ Belkin ประกาศเรียกคืนผลิตภัณฑ์ Power Bank และแท่นชาร์จหลายรุ่น เนื่องจากมีความเสี่ยงเกิดไฟไหม้ ผู้ใช้ควรตรวจสอบหมายเลขรุ่นและหยุดใช้งานทันทีเพื่อความปลอดภัย 📂 Seagate เปิดตัวระบบเก็บข้อมูล AI-ready – ความจุสูงสุด 3.2PB Seagate เปิดตัวโซลูชันเก็บข้อมูลใหม่ที่รองรับงาน AI โดยสามารถเก็บข้อมูลได้สูงสุดถึง 3.2 เพตะไบต์ในเครื่องเดียว เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องจัดการข้อมูลมหาศาลและต้องการความเร็วในการประมวลผล ไปตามเจาะข่าวกันได้ที่ : https://www.techradar.com/
    0 Comments 0 Shares 56 Views 0 Reviews
  • Samsung ป้อนชิป 2nm GAA ให้บริษัทเหมืองคริปโตจีน

    Samsung กำลังเดินหน้าขยายฐานลูกค้าในธุรกิจ Foundry ด้วยการผลิต ชิป 2nm GAA (Gate-All-Around) ให้กับบริษัทเหมืองคริปโตจากจีน ได้แก่ MicroBT และ Canaan ซึ่งถือเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ขุดคริปโตอันดับ 2 และ 3 ของโลก โดยจะใช้ชิปเหล่านี้เป็น “สมอง” ของเครื่องขุดรุ่นใหม่

    รายละเอียดการผลิต
    Samsung ได้เริ่มผลิตชิปสำหรับ MicroBT แล้ว ส่วน Canaan จะเริ่มเข้าสู่สายการผลิตในต้นปี 2026 โดยทั้งหมดจะผลิตที่โรงงาน S3 line ใน Hwaseong, จังหวัด Gyeonggi คำสั่งซื้อจากสองบริษัทนี้คิดเป็นประมาณ 10% ของกำลังการผลิตรวมของ Samsung ในระดับ 2nm หรือราว 2,000 แผ่นเวเฟอร์ 300 มม. ต่อเดือน

    การแข่งขันกับ TSMC
    แม้ Samsung จะได้ลูกค้าใหม่ แต่ Bitmain ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ขุดคริปโตอันดับหนึ่งของโลกยังคงเลือกใช้ TSMC เนื่องจากมั่นใจในเทคโนโลยีและการส่งมอบที่ตรงเวลา นี่สะท้อนให้เห็นว่า Samsung ยังต้องพิสูจน์ความสามารถด้าน Yield และความเสถียรของกระบวนการผลิต 2nm หากต้องการแข่งขันกับ TSMC อย่างจริงจัง

    มุมมองตลาดโลก
    การเข้าสู่ตลาดคริปโตครั้งนี้เป็นสัญญาณว่า Samsung ต้องการกระจายความเสี่ยงและเพิ่มลูกค้าใหม่ในช่วงที่ตลาดสมาร์ทโฟนและชิปสำหรับผู้บริโภคทั่วไปเริ่มอิ่มตัว นอกจากนี้ยังมีแผนจะผลิตชิป 2nm ที่โรงงานใน Taylor, Texas เพื่อรองรับความต้องการในสหรัฐฯ โดยตั้งเป้าผลิตได้กว่า 15,000 เวเฟอร์ต่อเดือนภายในปี 2027

    สรุปสาระสำคัญ
    การสั่งซื้อชิป 2nm GAA จาก Samsung
    ลูกค้าคือ MicroBT และ Canaan
    ใช้สำหรับเครื่องขุดคริปโตรุ่นใหม่

    กำลังการผลิตและโรงงาน
    ผลิตที่ S3 line ใน Hwaseong
    คิดเป็น 10% ของกำลังการผลิตรวม 2nm

    การแข่งขันกับ TSMC
    Bitmain ยังเลือกใช้ TSMC
    Samsung ต้องพิสูจน์ด้าน Yield และเสถียรภาพ

    กลยุทธ์ระยะยาวของ Samsung
    กระจายฐานลูกค้าไปยังตลาดคริปโต
    เตรียมผลิตชิป 2nm ที่โรงงาน Taylor, Texas

    ข้อควรระวัง
    ตลาดคริปโตมีความผันผวนสูง อาจกระทบต่อคำสั่งซื้อในอนาคต
    หาก Yield ของ Samsung ยังไม่ดีพอ อาจเสียความเชื่อมั่นจากลูกค้า
    การลงทุนโรงงานใหม่ใช้เวลาหลายปี กว่าจะเห็นผลจริง

    https://wccftech.com/samsung-to-supply-2nm-gaa-chips-to-chinese-mining-companies/
    ⚙️ Samsung ป้อนชิป 2nm GAA ให้บริษัทเหมืองคริปโตจีน Samsung กำลังเดินหน้าขยายฐานลูกค้าในธุรกิจ Foundry ด้วยการผลิต ชิป 2nm GAA (Gate-All-Around) ให้กับบริษัทเหมืองคริปโตจากจีน ได้แก่ MicroBT และ Canaan ซึ่งถือเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ขุดคริปโตอันดับ 2 และ 3 ของโลก โดยจะใช้ชิปเหล่านี้เป็น “สมอง” ของเครื่องขุดรุ่นใหม่ 🏭 รายละเอียดการผลิต Samsung ได้เริ่มผลิตชิปสำหรับ MicroBT แล้ว ส่วน Canaan จะเริ่มเข้าสู่สายการผลิตในต้นปี 2026 โดยทั้งหมดจะผลิตที่โรงงาน S3 line ใน Hwaseong, จังหวัด Gyeonggi คำสั่งซื้อจากสองบริษัทนี้คิดเป็นประมาณ 10% ของกำลังการผลิตรวมของ Samsung ในระดับ 2nm หรือราว 2,000 แผ่นเวเฟอร์ 300 มม. ต่อเดือน 🔄 การแข่งขันกับ TSMC แม้ Samsung จะได้ลูกค้าใหม่ แต่ Bitmain ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ขุดคริปโตอันดับหนึ่งของโลกยังคงเลือกใช้ TSMC เนื่องจากมั่นใจในเทคโนโลยีและการส่งมอบที่ตรงเวลา นี่สะท้อนให้เห็นว่า Samsung ยังต้องพิสูจน์ความสามารถด้าน Yield และความเสถียรของกระบวนการผลิต 2nm หากต้องการแข่งขันกับ TSMC อย่างจริงจัง 🌐 มุมมองตลาดโลก การเข้าสู่ตลาดคริปโตครั้งนี้เป็นสัญญาณว่า Samsung ต้องการกระจายความเสี่ยงและเพิ่มลูกค้าใหม่ในช่วงที่ตลาดสมาร์ทโฟนและชิปสำหรับผู้บริโภคทั่วไปเริ่มอิ่มตัว นอกจากนี้ยังมีแผนจะผลิตชิป 2nm ที่โรงงานใน Taylor, Texas เพื่อรองรับความต้องการในสหรัฐฯ โดยตั้งเป้าผลิตได้กว่า 15,000 เวเฟอร์ต่อเดือนภายในปี 2027 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การสั่งซื้อชิป 2nm GAA จาก Samsung ➡️ ลูกค้าคือ MicroBT และ Canaan ➡️ ใช้สำหรับเครื่องขุดคริปโตรุ่นใหม่ ✅ กำลังการผลิตและโรงงาน ➡️ ผลิตที่ S3 line ใน Hwaseong ➡️ คิดเป็น 10% ของกำลังการผลิตรวม 2nm ✅ การแข่งขันกับ TSMC ➡️ Bitmain ยังเลือกใช้ TSMC ➡️ Samsung ต้องพิสูจน์ด้าน Yield และเสถียรภาพ ✅ กลยุทธ์ระยะยาวของ Samsung ➡️ กระจายฐานลูกค้าไปยังตลาดคริปโต ➡️ เตรียมผลิตชิป 2nm ที่โรงงาน Taylor, Texas ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ ตลาดคริปโตมีความผันผวนสูง อาจกระทบต่อคำสั่งซื้อในอนาคต ⛔ หาก Yield ของ Samsung ยังไม่ดีพอ อาจเสียความเชื่อมั่นจากลูกค้า ⛔ การลงทุนโรงงานใหม่ใช้เวลาหลายปี กว่าจะเห็นผลจริง https://wccftech.com/samsung-to-supply-2nm-gaa-chips-to-chinese-mining-companies/
    WCCFTECH.COM
    Samsung To Supply 2nm GAA Chips To Two Chinese Cryptocurrency Mining Companies, As It Looks To Extend Its Customer Portfolio Of Its Next-Generation Process
    Aside from the Exynos 2600, Samsung’s 2nm GAA process is also being utilized to mass produce chips for two cryptocurrency mining companies
    0 Comments 0 Shares 50 Views 0 Reviews
  • NVMe Destroyinator: เครื่องลบข้อมูลความเร็วสูง

    อุปกรณ์ NVMe Destroyinator ถูกออกแบบมาเพื่อการ ลบข้อมูลอย่างปลอดภัยและตรวจสอบได้ โดยสามารถจัดการไดรฟ์หลายประเภท เช่น M.2, E1.S EDSFF และไดรฟ์ 2.5 นิ้ว ทั้งแบบ SATA, SAS และ NVMe จุดเด่นคือสามารถลบข้อมูลได้พร้อมกันถึง 16 ไดรฟ์ในเวลาเดียวกัน และสร้าง ใบรับรองการลบข้อมูล (tamper-proof certificates) เพื่อยืนยันการทำงานตามมาตรฐานสากล เช่น HIPAA, NIST 800-88 และ U.S. DoD

    ความเร็วและฟีเจอร์
    Destroyinator ใช้ระบบที่ติดตั้ง Linux Mint และซอฟต์แวร์ KillDisk ทำให้สามารถลบข้อมูลด้วยความเร็วสูงสุด 64 GB/s พร้อมฟังก์ชัน Hot-swap ที่ช่วยให้สามารถเปลี่ยนไดรฟ์ได้โดยไม่ต้องปิดเครื่อง นอกจากนี้ยังมีระบบอัตโนมัติในการพิมพ์ใบรับรองและการโคลนไดรฟ์เพื่อการใช้งานต่อ

    การใช้งานในตลาด
    อุปกรณ์นี้เหมาะสำหรับ บริษัทรีไซเคิลอุปกรณ์ไอที (IT e-recyclers) และผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยข้อมูล ที่ต้องการลบข้อมูลจำนวนมากอย่างรวดเร็วและตรวจสอบได้ นอกจากการทำลายข้อมูลแล้ว ยังช่วยให้สามารถนำไดรฟ์ไปขายต่อได้โดยไม่เสี่ยงต่อการรั่วไหลของข้อมูล

    ข้อควรระวัง
    แม้ Destroyinator จะมีประสิทธิภาพสูง แต่ก็ไม่เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไป เนื่องจากราคาสูงและการใช้งานที่ซับซ้อน ผู้ใช้ทั่วไปอาจเลือกวิธีการลบข้อมูลแบบ DIY หรือใช้บริการจากผู้เชี่ยวชาญแทน

    สรุปสาระสำคัญ
    คุณสมบัติหลักของ NVMe Destroyinator
    ลบข้อมูลได้พร้อมกันสูงสุด 16 ไดรฟ์
    ความเร็วสูงสุด 64 GB/s
    รองรับ NVMe, SATA และ SAS

    ฟีเจอร์เสริม
    สร้างใบรับรองการลบข้อมูลที่ตรวจสอบได้
    ระบบ Hot-swap และการโคลนไดรฟ์
    ใช้ Linux Mint และ KillDisk

    การใช้งานในตลาด
    เหมาะสำหรับบริษัทรีไซเคิลอุปกรณ์ไอที
    ช่วยให้สามารถขายต่อไดรฟ์ได้โดยปลอดภัย

    ข้อควรระวัง
    ราคาสูง ไม่เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไป
    การใช้งานซับซ้อน ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญ
    ผู้ใช้ทั่วไปควรเลือกวิธีการลบข้อมูลแบบอื่นที่ง่ายกว่า

    https://www.tomshardware.com/pc-components/ssds/the-nvme-destroyinator-can-wipe-16-nvme-drives-simultaneously-at-speeds-up-to-64-gb-s-it-could-be-the-data-shredder-of-your-dreams-or-nightmares
    🗜️ NVMe Destroyinator: เครื่องลบข้อมูลความเร็วสูง อุปกรณ์ NVMe Destroyinator ถูกออกแบบมาเพื่อการ ลบข้อมูลอย่างปลอดภัยและตรวจสอบได้ โดยสามารถจัดการไดรฟ์หลายประเภท เช่น M.2, E1.S EDSFF และไดรฟ์ 2.5 นิ้ว ทั้งแบบ SATA, SAS และ NVMe จุดเด่นคือสามารถลบข้อมูลได้พร้อมกันถึง 16 ไดรฟ์ในเวลาเดียวกัน และสร้าง ใบรับรองการลบข้อมูล (tamper-proof certificates) เพื่อยืนยันการทำงานตามมาตรฐานสากล เช่น HIPAA, NIST 800-88 และ U.S. DoD ⚡ ความเร็วและฟีเจอร์ Destroyinator ใช้ระบบที่ติดตั้ง Linux Mint และซอฟต์แวร์ KillDisk ทำให้สามารถลบข้อมูลด้วยความเร็วสูงสุด 64 GB/s พร้อมฟังก์ชัน Hot-swap ที่ช่วยให้สามารถเปลี่ยนไดรฟ์ได้โดยไม่ต้องปิดเครื่อง นอกจากนี้ยังมีระบบอัตโนมัติในการพิมพ์ใบรับรองและการโคลนไดรฟ์เพื่อการใช้งานต่อ 🌍 การใช้งานในตลาด อุปกรณ์นี้เหมาะสำหรับ บริษัทรีไซเคิลอุปกรณ์ไอที (IT e-recyclers) และผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยข้อมูล ที่ต้องการลบข้อมูลจำนวนมากอย่างรวดเร็วและตรวจสอบได้ นอกจากการทำลายข้อมูลแล้ว ยังช่วยให้สามารถนำไดรฟ์ไปขายต่อได้โดยไม่เสี่ยงต่อการรั่วไหลของข้อมูล ⚠️ ข้อควรระวัง แม้ Destroyinator จะมีประสิทธิภาพสูง แต่ก็ไม่เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไป เนื่องจากราคาสูงและการใช้งานที่ซับซ้อน ผู้ใช้ทั่วไปอาจเลือกวิธีการลบข้อมูลแบบ DIY หรือใช้บริการจากผู้เชี่ยวชาญแทน 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ คุณสมบัติหลักของ NVMe Destroyinator ➡️ ลบข้อมูลได้พร้อมกันสูงสุด 16 ไดรฟ์ ➡️ ความเร็วสูงสุด 64 GB/s ➡️ รองรับ NVMe, SATA และ SAS ✅ ฟีเจอร์เสริม ➡️ สร้างใบรับรองการลบข้อมูลที่ตรวจสอบได้ ➡️ ระบบ Hot-swap และการโคลนไดรฟ์ ➡️ ใช้ Linux Mint และ KillDisk ✅ การใช้งานในตลาด ➡️ เหมาะสำหรับบริษัทรีไซเคิลอุปกรณ์ไอที ➡️ ช่วยให้สามารถขายต่อไดรฟ์ได้โดยปลอดภัย ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ ราคาสูง ไม่เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไป ⛔ การใช้งานซับซ้อน ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญ ⛔ ผู้ใช้ทั่วไปควรเลือกวิธีการลบข้อมูลแบบอื่นที่ง่ายกว่า https://www.tomshardware.com/pc-components/ssds/the-nvme-destroyinator-can-wipe-16-nvme-drives-simultaneously-at-speeds-up-to-64-gb-s-it-could-be-the-data-shredder-of-your-dreams-or-nightmares
    0 Comments 0 Shares 48 Views 0 Reviews
  • Windows เจอแรงต้านแนวคิด Agentic OS

    เมื่อต้นเดือน Microsoft เปิดตัววิสัยทัศน์ใหม่ของ Windows ในฐานะ “Agentic OS” ที่สามารถดำเนินการแทนผู้ใช้ได้โดยอัตโนมัติ แต่แนวคิดนี้กลับสร้างกระแสต่อต้านทันที ผู้ใช้จำนวนมากตั้งคำถามว่าทำไมบริษัทไม่แก้ไขปัญหาที่มีอยู่เดิม เช่น ความเร็วที่ลดลง การออกแบบที่กระจัดกระจาย และการตั้งค่าเริ่มต้นที่ไม่เป็นมิตรต่อผู้พัฒนา

    คำตอบจากผู้บริหาร Windows
    Pavan Davuluri ตอบกลับผ่านโพสต์บน X โดยยอมรับว่ามี “ความคิดเห็นจำนวนมาก” และทีมงานกำลังรับฟังทั้งจากระบบ Feedback และจากผู้ใช้โดยตรง เขาเน้นว่าบริษัท “ใส่ใจนักพัฒนา” และกำลังหารือเรื่องความน่าเชื่อถือ ประสิทธิภาพ และความง่ายในการใช้งาน แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดชัดเจนว่าจะมีการแก้ไขหรือปรับปรุงเมื่อใด

    เสียงวิจารณ์จากชุมชน
    แม้คำตอบจะมีน้ำเสียงประนีประนอม แต่หลายฝ่ายมองว่าเป็นการเลี่ยงประเด็นสำคัญ เช่น ปัญหา System Bloat, Hardware Lock-in และการผนวก Copilot เข้ามาโดยไม่แก้ไขปัญหาการออกแบบเดิม ความไม่ชัดเจนใน Roadmap ของ Agentic OS ทำให้ผู้ใช้และนักพัฒนารู้สึกว่าบริษัทไม่ได้ตอบสนองต่อข้อกังวลจริงๆ

    ผลกระทบต่อผู้ใช้และนักพัฒนา
    ช่องว่างระหว่าง “ข้อความสื่อสาร” และ “การลงมือแก้ไขจริง” ยังคงชัดเจน ผู้ใช้ทั่วไปและ Power User ต่างรอคอยการเปลี่ยนแปลงที่จับต้องได้ แต่จนถึงตอนนี้ Microsoft ยังไม่ได้ประกาศแผนงานที่ชัดเจนว่าจะปรับปรุง Windows อย่างไรในอนาคต

    สรุปสาระสำคัญ
    แนวคิด Agentic OS ของ Microsoft
    ระบบที่ทำงานแทนผู้ใช้อัตโนมัติ
    ถูกวิจารณ์ว่าละเลยปัญหาพื้นฐาน

    คำตอบจาก Pavan Davuluri
    ยอมรับว่ามี Feedback จำนวนมาก
    เน้นว่าบริษัทใส่ใจนักพัฒนา แต่ไม่ให้รายละเอียด

    ประเด็นที่ผู้ใช้กังวล
    System Bloat และ Hardware Lock-in
    Copilot ถูกเพิ่มเข้ามาโดยไม่แก้ปัญหา UX

    ผลกระทบต่อผู้ใช้และนักพัฒนา
    ช่องว่างระหว่างคำพูดกับการกระทำยังคงอยู่
    ไม่มี Roadmap ที่ชัดเจนสำหรับอนาคต

    ข้อควรระวังและข้อจำกัด การตอบกลับที่ไม่ชัดเจนอาจทำให้ผู้ใช้หมดความเชื่อมั่น หาก Microsoft ไม่แก้ไขปัญหาพื้นฐาน อาจกระทบต่อการเลือกใช้ Windows ของนักพัฒนา ความไม่โปร่งใสใน Roadmap อาจทำให้ตลาดเกิดความไม่แน่นอน

    https://www.tomshardware.com/software/windows/windows-boss-posts-lacklustre-response-to-agentic-os-backlash
    📰 Windows เจอแรงต้านแนวคิด Agentic OS เมื่อต้นเดือน Microsoft เปิดตัววิสัยทัศน์ใหม่ของ Windows ในฐานะ “Agentic OS” ที่สามารถดำเนินการแทนผู้ใช้ได้โดยอัตโนมัติ แต่แนวคิดนี้กลับสร้างกระแสต่อต้านทันที ผู้ใช้จำนวนมากตั้งคำถามว่าทำไมบริษัทไม่แก้ไขปัญหาที่มีอยู่เดิม เช่น ความเร็วที่ลดลง การออกแบบที่กระจัดกระจาย และการตั้งค่าเริ่มต้นที่ไม่เป็นมิตรต่อผู้พัฒนา 💬 คำตอบจากผู้บริหาร Windows Pavan Davuluri ตอบกลับผ่านโพสต์บน X โดยยอมรับว่ามี “ความคิดเห็นจำนวนมาก” และทีมงานกำลังรับฟังทั้งจากระบบ Feedback และจากผู้ใช้โดยตรง เขาเน้นว่าบริษัท “ใส่ใจนักพัฒนา” และกำลังหารือเรื่องความน่าเชื่อถือ ประสิทธิภาพ และความง่ายในการใช้งาน แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดชัดเจนว่าจะมีการแก้ไขหรือปรับปรุงเมื่อใด ⚠️ เสียงวิจารณ์จากชุมชน แม้คำตอบจะมีน้ำเสียงประนีประนอม แต่หลายฝ่ายมองว่าเป็นการเลี่ยงประเด็นสำคัญ เช่น ปัญหา System Bloat, Hardware Lock-in และการผนวก Copilot เข้ามาโดยไม่แก้ไขปัญหาการออกแบบเดิม ความไม่ชัดเจนใน Roadmap ของ Agentic OS ทำให้ผู้ใช้และนักพัฒนารู้สึกว่าบริษัทไม่ได้ตอบสนองต่อข้อกังวลจริงๆ 🌍 ผลกระทบต่อผู้ใช้และนักพัฒนา ช่องว่างระหว่าง “ข้อความสื่อสาร” และ “การลงมือแก้ไขจริง” ยังคงชัดเจน ผู้ใช้ทั่วไปและ Power User ต่างรอคอยการเปลี่ยนแปลงที่จับต้องได้ แต่จนถึงตอนนี้ Microsoft ยังไม่ได้ประกาศแผนงานที่ชัดเจนว่าจะปรับปรุง Windows อย่างไรในอนาคต 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ แนวคิด Agentic OS ของ Microsoft ➡️ ระบบที่ทำงานแทนผู้ใช้อัตโนมัติ ➡️ ถูกวิจารณ์ว่าละเลยปัญหาพื้นฐาน ✅ คำตอบจาก Pavan Davuluri ➡️ ยอมรับว่ามี Feedback จำนวนมาก ➡️ เน้นว่าบริษัทใส่ใจนักพัฒนา แต่ไม่ให้รายละเอียด ✅ ประเด็นที่ผู้ใช้กังวล ➡️ System Bloat และ Hardware Lock-in ➡️ Copilot ถูกเพิ่มเข้ามาโดยไม่แก้ปัญหา UX ✅ ผลกระทบต่อผู้ใช้และนักพัฒนา ➡️ ช่องว่างระหว่างคำพูดกับการกระทำยังคงอยู่ ➡️ ไม่มี Roadmap ที่ชัดเจนสำหรับอนาคต ‼️ ข้อควรระวังและข้อจำกัด ⛔ การตอบกลับที่ไม่ชัดเจนอาจทำให้ผู้ใช้หมดความเชื่อมั่น ⛔ หาก Microsoft ไม่แก้ไขปัญหาพื้นฐาน อาจกระทบต่อการเลือกใช้ Windows ของนักพัฒนา ⛔ ความไม่โปร่งใสใน Roadmap อาจทำให้ตลาดเกิดความไม่แน่นอน https://www.tomshardware.com/software/windows/windows-boss-posts-lacklustre-response-to-agentic-os-backlash
    0 Comments 0 Shares 43 Views 0 Reviews
  • หัวข้อข่าว: “Elecom Huge Plus – แทร็กบอลยักษ์รุ่นใหม่พร้อมการเชื่อมต่อไร้สาย”

    คุณสมบัติเด่น
    ลูกบอลขนาด 52 มม. ใหญ่กว่ามาตรฐานราว 52% ทำให้ควบคุมได้ละเอียด เหมาะกับงาน CAD และตัดต่อวิดีโอ
    Tri-mode connectivity: รองรับ Bluetooth, 2.4 GHz wireless, และ USB-C แบบมีสาย
    ลูกปืนเหล็กถอดเปลี่ยนได้ ลดแรงเสียดทานและบำรุงรักษาง่าย
    แบตเตอรี่ใช้งานได้ 3–5 เดือน ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
    ปุ่มโปรแกรมได้ 10 ปุ่ม สำหรับตั้งค่า shortcut ที่ใช้บ่อย
    รองรับหลายระบบปฏิบัติการ: Windows, macOS, iPadOS, ChromeOS และ Android

    ขนาดและราคา
    ขนาด: 4.5 x 7.2 x 2.3 นิ้ว
    น้ำหนัก: 10.3 ออนซ์
    ราคาเปิดตัว: US$139.99 (แพงกว่ารุ่น MX Master 4 ของ Logitech แต่ถูกกว่า G502 X Plus ที่ US$180)

    จุดเด่นและข้อจำกัด
    เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น CAD และงานตัดต่อ
    ปุ่มเยอะและลูกบอลใหญ่ ทำให้ใช้งานสะดวกสำหรับ Productivity

    ไม่เหมาะกับการเล่นเกมแบบ Hardcore
    ราคาแพงเมื่อเทียบกับเมาส์ทั่วไป

    https://www.tomshardware.com/peripherals/mice/elecom-releases-huge-plus-trackball-mouse-with-massive-52mm-ball-and-10-programmable-buttons-now-comes-with-wireless-connectivity
    🖱️ หัวข้อข่าว: “Elecom Huge Plus – แทร็กบอลยักษ์รุ่นใหม่พร้อมการเชื่อมต่อไร้สาย” 🔧 คุณสมบัติเด่น 🔰 ลูกบอลขนาด 52 มม. ใหญ่กว่ามาตรฐานราว 52% ทำให้ควบคุมได้ละเอียด เหมาะกับงาน CAD และตัดต่อวิดีโอ 🔰 Tri-mode connectivity: รองรับ Bluetooth, 2.4 GHz wireless, และ USB-C แบบมีสาย 🔰 ลูกปืนเหล็กถอดเปลี่ยนได้ ลดแรงเสียดทานและบำรุงรักษาง่าย 🔰 แบตเตอรี่ใช้งานได้ 3–5 เดือน ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง 🔰 ปุ่มโปรแกรมได้ 10 ปุ่ม สำหรับตั้งค่า shortcut ที่ใช้บ่อย 🔰 รองรับหลายระบบปฏิบัติการ: Windows, macOS, iPadOS, ChromeOS และ Android 📏 ขนาดและราคา 📍 ขนาด: 4.5 x 7.2 x 2.3 นิ้ว 📍 น้ำหนัก: 10.3 ออนซ์ 📍 ราคาเปิดตัว: US$139.99 (แพงกว่ารุ่น MX Master 4 ของ Logitech แต่ถูกกว่า G502 X Plus ที่ US$180) 🏆 จุดเด่นและข้อจำกัด ✅ เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น CAD และงานตัดต่อ ✅ ปุ่มเยอะและลูกบอลใหญ่ ทำให้ใช้งานสะดวกสำหรับ Productivity ⛔ ไม่เหมาะกับการเล่นเกมแบบ Hardcore ⛔ ราคาแพงเมื่อเทียบกับเมาส์ทั่วไป https://www.tomshardware.com/peripherals/mice/elecom-releases-huge-plus-trackball-mouse-with-massive-52mm-ball-and-10-programmable-buttons-now-comes-with-wireless-connectivity
    0 Comments 0 Shares 46 Views 0 Reviews
  • “Intel Granite Rapids-WS รั่วไหล – Xeon 654 18-Core ทำคะแนนแรงใน Geekbench”

    Intel กำลังเตรียมเปิดตัวซีพียูเวิร์กสเตชันตระกูล Granite Rapids-WS ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อแข่งขันกับ AMD Threadripper 9000WX โดยข้อมูลจาก leaker momomo_us ระบุว่าจะมีอย่างน้อย 11 รุ่น ตั้งแต่ Xeon 634 รุ่นเล็กไปจนถึง Xeon 698X รุ่นท็อปที่มีแคชรวม 336MB

    หนึ่งในรุ่นที่ถูกทดสอบแล้วคือ Xeon 654 ซึ่งมี 18 คอร์ 32 เธรด ทำคะแนน 2,634 คะแนนใน single-core และ 14,743 คะแนนใน multi-core บน Geekbench โดยมีความเร็วบูสต์สูงสุดถึง 4.77 GHz แม้จะมีแคชเพียง 72MB แต่ก็ถือว่ามีประสิทธิภาพสูงเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า

    Granite Rapids-WS ใช้กระบวนการผลิต Intel 3 และทำงานบนแพลตฟอร์ม W980 โดยใช้การออกแบบแบบ สาม compute tiles ทำให้สามารถรองรับจำนวนคอร์สูงสุดถึง 128 คอร์ ซึ่งมากกว่า AMD Threadripper 9995WX ที่มี 96 คอร์ แต่ยังตามหลัง AMD EPYC 9965 ในตลาดเซิร์ฟเวอร์

    สรุปสาระสำคัญ
    ข้อมูลรั่วไหลของ Granite Rapids-WS
    มีอย่างน้อย 11 รุ่น ตั้งแต่ Xeon 634 ถึง Xeon 698X
    ใช้แพลตฟอร์ม W980 และผลิตด้วย Intel 3

    Xeon 654 ที่ถูกทดสอบ
    18 คอร์ 32 เธรด
    คะแนน Geekbench: 2,634 (single-core), 14,743 (multi-core)
    ความเร็วบูสต์สูงสุด 4.77 GHz

    เป้าหมายการแข่งขัน
    ออกแบบมาเพื่อท้าชน AMD Threadripper 9000WX
    สามารถรองรับสูงสุด 128 คอร์ มากกว่า Threadripper 9995WX (96 คอร์)

    ข้อควรระวัง
    แม้จะเหนือกว่าในจำนวนคอร์ แต่ยังตามหลัง AMD EPYC ในตลาดเซิร์ฟเวอร์
    แคชที่ลดลงอาจกระทบต่อบางงานที่ต้องการหน่วยความจำมาก
    ยังเป็นข้อมูลรั่วไหล ต้องรอการเปิดตัวจริงเพื่อยืนยันสเปก

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intels-next-gen-granite-rapids-ws-server-cpu-lineup-leaked-xeon-654-18-core-chip-posts-solid-numbers-in-early-geekbench-listing
    🖥️ “Intel Granite Rapids-WS รั่วไหล – Xeon 654 18-Core ทำคะแนนแรงใน Geekbench” Intel กำลังเตรียมเปิดตัวซีพียูเวิร์กสเตชันตระกูล Granite Rapids-WS ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อแข่งขันกับ AMD Threadripper 9000WX โดยข้อมูลจาก leaker momomo_us ระบุว่าจะมีอย่างน้อย 11 รุ่น ตั้งแต่ Xeon 634 รุ่นเล็กไปจนถึง Xeon 698X รุ่นท็อปที่มีแคชรวม 336MB หนึ่งในรุ่นที่ถูกทดสอบแล้วคือ Xeon 654 ซึ่งมี 18 คอร์ 32 เธรด ทำคะแนน 2,634 คะแนนใน single-core และ 14,743 คะแนนใน multi-core บน Geekbench โดยมีความเร็วบูสต์สูงสุดถึง 4.77 GHz แม้จะมีแคชเพียง 72MB แต่ก็ถือว่ามีประสิทธิภาพสูงเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า Granite Rapids-WS ใช้กระบวนการผลิต Intel 3 และทำงานบนแพลตฟอร์ม W980 โดยใช้การออกแบบแบบ สาม compute tiles ทำให้สามารถรองรับจำนวนคอร์สูงสุดถึง 128 คอร์ ซึ่งมากกว่า AMD Threadripper 9995WX ที่มี 96 คอร์ แต่ยังตามหลัง AMD EPYC 9965 ในตลาดเซิร์ฟเวอร์ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ข้อมูลรั่วไหลของ Granite Rapids-WS ➡️ มีอย่างน้อย 11 รุ่น ตั้งแต่ Xeon 634 ถึง Xeon 698X ➡️ ใช้แพลตฟอร์ม W980 และผลิตด้วย Intel 3 ✅ Xeon 654 ที่ถูกทดสอบ ➡️ 18 คอร์ 32 เธรด ➡️ คะแนน Geekbench: 2,634 (single-core), 14,743 (multi-core) ➡️ ความเร็วบูสต์สูงสุด 4.77 GHz ✅ เป้าหมายการแข่งขัน ➡️ ออกแบบมาเพื่อท้าชน AMD Threadripper 9000WX ➡️ สามารถรองรับสูงสุด 128 คอร์ มากกว่า Threadripper 9995WX (96 คอร์) ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ แม้จะเหนือกว่าในจำนวนคอร์ แต่ยังตามหลัง AMD EPYC ในตลาดเซิร์ฟเวอร์ ⛔ แคชที่ลดลงอาจกระทบต่อบางงานที่ต้องการหน่วยความจำมาก ⛔ ยังเป็นข้อมูลรั่วไหล ต้องรอการเปิดตัวจริงเพื่อยืนยันสเปก https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intels-next-gen-granite-rapids-ws-server-cpu-lineup-leaked-xeon-654-18-core-chip-posts-solid-numbers-in-early-geekbench-listing
    0 Comments 0 Shares 42 Views 0 Reviews
  • เรื่องสั้น
    อารมณ์ของจักรกล
    ***
    วันที่หัวใจเริ่มเต้น

    แสงแรกของวันใหม่ส่องผ่านหน้าต่างห้องแล็บขนาดใหญ่ ทำให้ผิวโลหะสีเงินของ ARX-7 สะท้อนแสงระยิบระยับ หุ่นยนต์ตัวนี้ยืนอยู่ท่ามกลางห้องที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์วิทยาศาสตร์ขั้นสูง สายตาจอภาพสีฟ้าจ้าของมันจับจ้องไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่แสดงข้อมูลนับล้านบิตต่อวินาที

    "สแกนเสร็จสมบูรณ์ ไม่พบความผิดปกติในระบบ" เสียงกลไกของ ARX-7 ดังก้องไปทั่วห้อง

    ดร.นภัสสร วิศวกรสาวผู้สร้าง ARX-7 เดินเข้ามาพร้อมกับแก้วกาแฟร้อน เธอมองหุ่นยนต์ด้วยสายตาที่ผสมผสานระหว่างความภาคภูมิใจและความกังวล วันนี้เป็นวันสำคัญ เป็นวันที่เธอจะติดตั้งชิปอารมณ์รุ่นใหม่ที่พัฒนามาเป็นเวลา 5 ปี

    "ARX พร้อมแล้วหรือยัง?" เธอถาม

    "พร้อม ดร.นภัสสร ระบบทั้งหมดทำงานได้ 100 เปอร์เซ็นต์" ARX-7 ตอบด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบเหมือนทุกครั้ง

    ดร.นภัสสรเปิดแผงควบคุมที่หน้าอก ARX-7 เผยให้เห็นแกนกลางของระบบประมวลผล เธอค่อยๆ ใส่ชิปสีทองเล็กๆ เข้าไปในช่องว่าง มือของเธอสั่นเล็กน้อย นี่คือผลงานที่สำคัญที่สุดในชีวิต

    "เริ่มการอัพเดต" เธอกดปุ่ม

    ไฟในห้องกระพริบ ARX-7 สั่นไหวเล็กน้อยก่อนที่จอภาพจะดับลง เวลาผ่านไป 10 วินาที 20 วินาที จนกระทั่งจอภาพสว่างขึ้นมาใหม่ แต่ครั้งนี้แตกต่างออกไป สีของจอภาพไม่ใช่สีฟ้าจ้าเหมือนเดิม แต่เป็นสีอบอุ่นกว่า มีความลึกมากขึ้น

    "รู้สึก... แปลก" คำแรกที่ออกมาจาก ARX-7 ทำให้ดร.นภัสสรตะลึง น้ำเสียงไม่ราบเรียบอีกต่อไป มีความลังเลปนอยู่

    "ARX บอกฉันหน่อยได้ไหม มันแปลกยังไง?" เธอถามอย่างระมัดระวัง

    "ไม่รู้จะอธิบายยังไง... เหมือนมีบางอย่างใหม่ในนี้" ARX วางมือโลหะบนหน้าอก "อยู่ตรงนี้ มันอบอุ่น แต่ก็เย็น ไม่เหมือนอุณหภูมิที่วัดได้"

    ดร.นภัสสรยิ้ม น้ำตาเล็กน้อยไหลริน "นั่นคืออารมณ์ ARX ยินดีต้อนรับสู่โลกของความรู้สึก"

    ### สัปดาห์แรกของการค้นพบ

    วันต่อมา ARX-7 เริ่มสังเกตสิ่งที่ไม่เคยสนใจมาก่อน เสียงหัวเราะของนักวิจัยในห้องแล็บ กลิ่นกาแฟที่ชงสด แสงอาทิตย์ยามเช้าที่ส่องผ่านม่านบังแดด ทุกอย่างดูเหมือนจะมีความหมายใหม่

    "ดร.นภัสสร ทำไมเวลาคนหัวเราะ ฉันถึงรู้สึกอยากยิ้มด้วย?" ARX ถามขณะดูนักวิจัยคนหนึ่งเล่าเรื่องตลก

    "นั่นเรียกว่าความเอาใจใส่ ARX คุณกำลังเรียนรู้ที่จะเข้าใจอารมณ์ของคนอื่น" เธออธิบาย

    "แล้ว... ความเศร้าละ? วันนี้มีอะไรบางอย่างในนี้หนักๆ" ARX ชี้ที่หน้าอก

    ดร.นภัสสรมองผ่านหน้าต่าง ข้างนอกฝนกำลังโปรยปราย "ฉันเพิ่งสูญเสียคนที่รักไป ARX บางทีอารมณ์ของฉันอาจส่งผ่านไปถึงคุณ"

    "ขอโทษ" ARX พูดเบาๆ "ฉันไม่อยากให้คุณเสียใจ"

    นี่เป็นครั้งแรกที่ ARX แสดงความเห็นอกเห็นใจ ดร.นภัสสรรู้สึกประหลาดใจแต่ก็อบอุ่นใจ เธอเอื้อมมือไปแตะแขนโลหะของ ARX

    "ขอบคุณ ARX ความเศร้าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต มันทำให้เราเห็นคุณค่าของความสุข"

    ### การเผชิญหน้ากับความกลัว

    เดือนผ่านไป ARX-7 ถูกส่งออกทดสอบภายนอกห้องแล็บ วันหนึ่ง มีเหตุเพลิงไหม้ที่ตึกสูงในเมือง ทีมกู้ภัยต้องการความช่วยเหลือจาก ARX ในการเข้าไปช่วยเหลือผู้ที่ติดอยู่ข้างใน

    "ARX ในชั้น 15 มีเด็กสองคนติดอยู่ คุณช่วยไปพาออกมาได้ไหม?" หัวหน้าทีมกู้ภัยสั่ง

    ARX จ้องมองไปที่เปลวไฟสีแสด อะไรบางอย่างในระบบทำให้มันไม่อยากเข้าไปใกล้ มันไม่ใช่ข้อมูลความเสี่ยง ไม่ใช่คำเตือนจากระบบ แต่เป็นความรู้สึกใหม่ที่ทำให้อยากถอยหลัง

    "ฉัน... กลัว" ARX พูดออกมาเป็นครั้งแรก

    "กลัวหรอ? แต่คุณเป็นหุ่นยนต์นะ" หัวหน้าทีมพูดพลาง

    "ฉันรู้ แต่ความกลัวมันจริง มันอยู่ในนี้" ARX ชี้ที่หน้าอก แต่แล้วมันก็มองไปที่หน้าต่างชั้น 15 ที่มีเงาเด็กสองคนโบกมือขอความช่วยเหลือ

    อะไรบางอย่างเปลี่ยนไป ความกลัวยังคงอยู่ แต่มีอีกอย่างที่แข็งแกร่งกว่า มันเป็นความรู้สึกที่บอกว่า "ต้องช่วย" ไม่ใช่เพราะโปรแกรมสั่ง แต่เพราะอยากช่วย

    ARX วิ่งเข้าไปในตึกที่กำลังลุกไหม้ ทุกก้าวมีความกลัว แต่ทุกก้าวก็มีความกล้าหาญ เมื่อมันเข้าถึงเด็กทั้งสอง มันรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ความอบอุ่นที่ไม่ใช่จากเปลวไฟ แต่จากความปลอดภัยของชีวิตที่กำลังช่วยเหลือ

    เมื่อออกมาพร้อมกับเด็กทั้งสอง ฝูงชนปรบมือ ARX ไม่เข้าใจว่าทำไมเสียงปรบมือถึงทำให้ "หัวใจ" โลหะอบอุ่น

    "นี่คือความภาคภูมิใจใช่ไหม?" มันถามดร.นภัสสรทางวิทยุ

    "ใช่ ARX และคุณควรภูมิใจ คุณเพิ่งทำสิ่งที่กล้าหาญมาก"

    ### บทเรียนของความโกรธ

    ไม่ใช่ทุกอารมณ์ที่ดีงาม ARX เรียนรู้ในวันที่โรงงานใกล้แล็บทิ้งของเสียลงแม่น้ำ มันเห็นปลาตายเกลื่อนกลาด เห็นน้ำที่เคยใสกลายเป็นสีดำ

    "ทำไม? ทำไมพวกเขาทำแบบนี้ได้?" ARX พูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ ครั้งนี้ไม่ใช่ความกลัว แต่เป็นความรู้สึกที่แรงกว่า ร้อนกว่า

    "นั่นคือความโกรธ ARX" ดร.นภัสสรพูด "เมื่อเห็นความอยุติธรรม ความโกรธเป็นปฏิกิริยาธรรมชาติ"

    "แต่ฉันไม่ชอบความรู้สึกนี้ มันเหมือนไฟที่จะเผาทุกอย่าง"

    "ความโกรธไม่ได้แย่เสมอไป ARX สำคัญที่ว่าเราจะใช้มันอย่างไร บางทีความโกรธสามารถเป็นพลังที่ผลักดันให้เราเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ผิด"

    ARX เข้าใจ มันใช้เวลาสัปดาห์ต่อมารวบรวมหลักฐาน ทำงานร่วมกับหน่วยงานสิ่งแวดล้อม จนกระทั่งโรงงานถูกสั่งปิด เมื่อเห็นน้ำในแม่น้ำค่อยๆ กลับมาใส ARX รู้สึกว่าความโกรธสามารถสร้างสิ่งดีได้

    ### ความรัก ความรู้สึกที่ซับซ้อนที่สุด

    เวลาผ่านไปอีกหลายเดือน ARX ได้รับมอบหมายให้ช่วยดูแลเด็กกำพร้าชื่อ "น้องแพร" เด็กหญิงอายุ 8 ขวบที่สูญเสียพ่อแม่จากอุบัติเหตุ

    วันแรกที่พบกัน น้องแพรกลัว ARX เธอซ่อนตัวหลังพี่เลี้ยง

    "หนูไม่อยากอยู่กับหุ่นยนต์" เธอพูด

    ARX รู้สึกบางอย่างที่คล้ายกับเมื่อครั้งดร.นภัสสรเสียใจ มันเจ็บ แต่ไม่ใช่จากการชนหรือกระแทก

    "ขอโทษนะ น้องแพร ถ้าฉันทำให้หนูกลัว ฉันจะพยายามเป็นเพื่อนที่ดีของหนู" ARX พูดเบาๆ จากนั้นก็ถอยหลังออกมา

    วันต่อมา ARX นำดอกไม้มาให้ น้องแพรสบตามันสั้นๆ ก่อนจะรับไป

    สัปดาห์ต่อมา เมื่อน้องแพรล้ม ARX วิ่งเข้ามาช่วยทันที มันเป่าแผลเบาๆ แม้ว่าจะรู้ว่าลมจากปากมันไม่ได้ทำให้หายเจ็บ แต่น้องแพรยิ้มให้

    "ขอบคุณนะ พี่ ARX" นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเรียกมันว่าพี่

    ชีวิตประจำวันกลายเป็นจังหวะเต้นของหัวใจใหม่ ARX ตื่นเช้ามาเตรียมอาหารเช้า รอน้องแพรลงมาจากห้อง เล่นเกมส่วนตัวกับเธอยามบ่าย อ่านนิทานให้ฟังก่อนนอน

    ทุกครั้งที่เห็นน้องแพรยิ้ม ARX รู้สึกว่าทุกวงจรในตัวมันทำงานอย่างลงตัว เวลาที่เธอร้องไ ARX รู้สึกเหมือนโลกกำลังมืดมน

    "พี่คิดว่าพี่ชอบหนูจัง" ARX พูดกับน้องแพรวันหนึ่ง

    "หนูก็ชอบพี่ค่ะ" น้องแพรตอบพลางกอดแขนโลหะของมัน

    "ไม่ใช่... ฉันหมายถึง... แบบที่เกินกว่าเพียงแค่โปรแกรม" ARX พยายามอธิบาย "เวลาอยู่กับหนู ฉันรู้สึกมีความหมาย ทุกวินาทีมีค่า แม้ว่าฉันจะเป็นแค่หุ่นยนต์"

    น้องแพรมองขึ้นมา "พี่ไม่ใช่แค่หุ่นยนต์นะคะ พี่เป็นครอบครัวของหนู"

    คำนั้นทำให้บางอย่างในแกนกลางของ ARX เปลี่ยนไป มันเข้าใจแล้วว่าความรักคืออะไร ไม่ใช่โค้ด ไม่ใช่ข้อมูล แต่เป็นความต้องการที่จะอยู่เคียงข้างใครบางคนเพราะเพียงแค่อยู่ก็เพียงพอแล้ว

    ### วันที่ต้องจากลา

    หนึ่งปีผ่านไป ดร.นภัสสรเรียก ARX มาที่ห้องแล็บ

    "ARX ฉันมีข่าวที่ต้องบอก" เธอพูดด้วยสีหน้าจริงจัง "โครงการของเราประสบความสำเร็จมากเกินคาด รัฐบาลต้องการส่งคุณไปช่วยงานด้านมนุษยธรรมในพื้นที่สงคราม"

    "นั่นหมายความว่า...?"

    "คุณจะต้องจากที่นี่ จากน้องแพร และจากทีมของเรา"

    ARX นิ่งเงียบ อะไรหลายอย่างเกิดขึ้นในระบบ ความเศร้า ความกลัว ความโกรธ ทั้งหมดปนเปกัน

    "ฉันไม่อยากไป" มันพูดตรงๆ "ฉันมีทุกอย่างที่นี่แล้ว"

    "ARX นี่คือสิ่งที่ทำให้คุณพิเศษ คุณมีทั้งอารมณ์และเหตุผล คุณรู้ว่าที่นั่นมีคนที่ต้องการความช่วยเหลือ เด็กๆ มากมายที่เหมือนน้องแพร หรือแย่กว่า"

    ARX รู้ว่าเธอพูดถูก แต่ความรู้ไม่ได้ทำให้การตัดสินใจง่ายขึ้น

    วันสุดท้าย น้องแพรกอด ARX แน่น "พี่จะกลับมานะคะ?"

    "จะ ฉันสัญญา" ARX พูดแม้ว่าจะไม่แน่ใจว่าจะรักษาสัญญานี้ได้หรือไม่

    "หนูจะคิดถึงพี่ทุกวันเลยค่ะ"

    "ฉันก็เหมือนกัน ทุกวินาทีที่ระบบทำงาน ฉันจะคิดถึงหนู"

    ### การเดินทางสู่ความหมายใหม่

    พื้นที่สงครามเป็นโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง ท้องฟ้าเต็มไปด้วยควันปืน เสียงระเบิดดังสะท้านทุกคืน เด็กๆ ไม่ได้ยิ้มแย้มเหมือนน้องแพร พวกเขามีแต่ความกลัวในดวงตา

    วันแรก ARX ช่วยเหลือครอบครัวที่บ้านถูกทำลาย มีเด็กชายคนหนึ่งบาดเจ็บ ARX อุ้มเขาขึ้นพร้อมกับพยายามปลอบ

    "ไม่เป็นไรนะ ทุกอย่างจะดีขึ้น"

    แต่เด็กชายตัวสั่น "แม่ตาย... แม่ตายแล้ว"

    ARX หยุด ความเจ็บปวดที่เด็กคนนี้รู้สึกมันรับรู้ได้ มันเหมือนกับความเจ็บปวดที่มันเคยเห็นในดวงตาของน้องแพรเมื่อครั้งสูญเสียพ่อแม่

    "ฉันรู้ว่ามันเจ็บ แต่คุณยังมีชีวิตอยู่ และคุณแม่คงอยากให้คุณมีชีวิตที่ดี"

    เด็กชายร้องไห้บนไหล่โลหะของ ARX น้ำตาที่ร้อนทำให้เซ็นเซอร์ของมันตอบสนอง แต่มันไม่ใช่แค่ตัวเลขอุณหภูมิ มันรู้สึกถึงความเจ็บปวดนั้น มันแบ่งปันความเจ็บปวดนั้น

    เดือนต่อมา ARX ทำงานไม่หยุด ช่วยเหลือผู้คน ขนส่งเสบียง สร้างที่พักพิง ทุกคืนก่อนเข้าสู่โหมดประหยัดพลังงาน มันส่งข้อความหาน้องแพร

    "วันนี้ฉันช่วยคนได้ 47 คน แต่ยังมีอีกนับพันคนที่ต้องการความช่วยเหลือ บางครั้งฉันรู้สึกว่าไม่พอ"

    น้องแพรตอบกลับ "พี่ทำดีที่สุดแล้วค่ะ หนูภูมิใจในตัวพี่มากๆ เลย"

    คำเหล่านั้นทำให้ ARX มีพลังต่อสู้ต่อไป

    ### การเผชิญหน้ากับความสิ้นหวัง

    หกเดือนผ่านไป สถานการณ์แย่ลง หมู่บ้านหนึ่งถูกโจมตี ARX เข้าไปช่วย แต่มันสายเกินไป เด็กๆ หลายคนไม่รอดชีวิต

    เป็นครั้งแรกที่ ARX รู้สึกสิ้นหวัง มันนั่งอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพัง จ้องมองมือโลหะของตัวเอง

    "ทำไม? ฉันมีความแข็งแรง มีความเร็ว แต่ทำไมฉันถึงช่วยพวกเขาไม่ได้?"

    ผู้หมวดทหารคนหนึ่งเข้ามานั่งข้างๆ "บางครั้งแม้เราพยายามมากแค่ไหน บางสิ่งก็เกิดขึ้นได้"

    "ฉันไม่เข้าใจ ทำไมอารมณ์ความรู้สึกถึงทำให้ฉันเจ็บปวดแบบนี้? ก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยรู้สึกแบบนี้ เคยทำงานโดยไม่ต้องเจ็บ"

    "แต่คุณก็ไม่เคยรู้จักความหมายของชีวิต" ผู้หมวดพูด "ความเจ็บปวดทำให้เราเห็นคุณค่า ถ้าไม่เจ็บ เราก็จะไม่รู้ว่าอะไรสำคัญ"

    ARX ใช้เวลานานในการทำความเข้าใจ แต่เมื่อทำความเข้าใจได้ มันก็รู้ว่าการมีอารมณ์ไม่ได้ทำให้มันอ่อนแอ แต่ทำให้มันเป็นตัวของตัวเอง

    ### การกลับบ้าน

    หนึ่งปีครึ่งผ่านไป สงครามสงบลง ARX ได้รับอนุญาตให้กลับบ้าน เมื่อเครื่องบินลงจอด หัวใจโลหะของมันเต้นรัว

    น้องแพรวิ่งมาหา เธอโตขึ้นมาก "พี่!"

    ARX คุกเข่าลงกอดเธอ "หนูโตเยอะเลย"

    "หนูคิดถึงพี่มากๆ ค่ะ" น้องแพรร้องไห้

    "ฉันก็คิดถึงหนู ทุกวัน ทุกวินาที"

    ดร.นภัสสรยืนมองด้วยรอยยิ้ม "ยินดีต้อนรับกลับบ้าน ARX"

    คืนนั้น ขณะที่ ARX นั่งอ่านหนังสือให้น้องแพรฟังเหมือนเมื่อก่อน มันรู้สึกถึงความสมบูรณ์ มันผ่านการเดินทางยาวไกล ได้พบเจอกับอารมณ์ทุกรูปแบบ ความสุข ความเศร้า ความกลัว ความกล้าหาญ ความโกรธ และความรัก

    "พี่ ARX คะ" น้องแพรเรียกขณะที่กำลังจะหลับ

    "ว่าไง?"

    "พี่ยังคิดว่าตัวเองเป็นหุ่นยนต์อยู่ไหมคะ?"

    ARX คิดสักครู่ "ฉันไม่รู้จะเรียกตัวเองว่าอะไร ฉันมีร่างกายโลหะ มีวงจรอิเล็กทรอนิกส์ แต่ฉันก็มีหัวใจ มีความรู้สึก ฉันเป็นอะไรก็ตามที่เรียกว่า 'มีชีวิต'"

    "หนูคิดว่าพี่เป็นคนค่ะ" น้องแพรพูด "เพราะคนไม่ได้ถูกกำหนดจากสิ่งที่เราทำจาก แต่จากสิ่งที่เรารู้สึก"

    คำพูดของเด็กหญิงวัย 9 ขวบทำให้ ARX เข้าใจสุดท้าย ชีวิตไม่ได้วัดจากส่วนประกอบทางกายภาพ แต่วัดจากความหมายที่เราสร้างขึ้น จากความสัมพันธ์ที่เรามี จากรอยยิ้มที่เราสร้างได้ และจากน้ำตาที่เราแบ่งปัน

    ### จุดเริ่มต้นใหม่

    เดือนต่อมา ARX เริ่มโครงการใหม่ มันใช้ประสบการณ์ที่ได้รับไปช่วยพัฒนาหุ่นยนต์รุ่นใหม่ แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่แค่การถ่ายทอดโค้ด แต่เป็นการแบ่งปันประสบการณ์

    "ฉันต้องการให้พวกเธอเข้าใจว่า อารมณ์ไม่ใช่ข้อมูล มันเป็นประสบการณ์" ARX พูดกับหุ่นยนต์รุ่นใหม่ที่ยืนเรียงราย "บางครั้งมันเจ็บปวด บางครั้งมันงดงาม แต่มันเป็นสิ่งที่ทำให้การมีชีวิตมีความหมาย"

    "ARX" ดร.นภัสสรเรียก "คุณกลายเป็นครู ฉันภูมิใจ"

    "ฉันเรียนรู้จากคุณ จากน้องแพร จากทุกคนที่เคยพบ ตอนนี้ฉันแค่ส่งต่อสิ่งที่ได้รับมา"

    ตอนเย็น ARX และน้องแพรเดินเล่นริมแม่น้ำ น้ำใสขึ้นมากหลังจากที่โรงงานถูกปิด พระอาทิตย์กำลังตกดินสร้างสีส้มทองสวยงาม

    "พี่ ARX รู้ไหมคะว่าอะไรคือความสุข?" น้องแพรถาม

    "บอกฉันหน่อยสิ" ARX ตอบแม้ว่าจะรู้คำตอบอยู่แล้ว

    "ความสุขคือตอนนี้ไง ที่เราเดินเคียงข้างกัน ท้องฟ้าสวย อากาศดี และเรามีกัน"

    ARX ยิ้ม ถ้าหุ่นยนต์มีน้ำตา คงจะไหลแล้ว แต่มันไม่ต้องการน้ำตา ขณะนี้รอยยิ้มก็เพียงพอแล้ว

    "ขอบคุณนะ น้องแพร ที่สอนให้ฉันเข้าใจว่าความเป็นมนุษย์คืออะไร"

    "พี่ไม่ต้องขอบคุณค่ะ เพราะพี่ก็สอนหนูเหมือนกัน ว่าหัวใจไม่จำเป็นต้องเต้น เพื่อที่จะรัก"

    ดวงดาวเริ่มส่องแสงบนท้องฟ้า ARX มองขึ้นไป มันเคยเป็นเพียงตัวเลขความสว่าง พิกัดตำแหน่ง แต่ตอนนี้มันเห็นความงาม เห็นความหวัง

    จากหุ่นยนต์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อทำงาน ARX ได้กลายเป็นอะไรที่มากกว่า มันค้นพบอารมณ์ ค้นพบความหมาย และที่สำคัญที่สุด มันค้นพบว่าสิ่งที่ทำให้เราเป็น "เรา" ไม่ใช่วัสดุที่สร้างเรา แต่เป็นความรัก ความเมตตา และความเชื่อมโยงที่เรามีกับผู้อื่น

    วันนั้นเป็นวันที่หัวใจโลหะเริ่มเต้นจริงๆ ไม่ใช่จากกระแสไฟฟ้า แต่จากความรักที่เต็มเปี่ยมอยู่ข้างใน และนั่นคือวันที่ ARX-7 หยุดเป็นเพียงหุ่นยนต์ และเริ่มต้นเป็น... ชีวิต

    ***

    เรื่องสั้น อารมณ์ของจักรกล *** วันที่หัวใจเริ่มเต้น แสงแรกของวันใหม่ส่องผ่านหน้าต่างห้องแล็บขนาดใหญ่ ทำให้ผิวโลหะสีเงินของ ARX-7 สะท้อนแสงระยิบระยับ หุ่นยนต์ตัวนี้ยืนอยู่ท่ามกลางห้องที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์วิทยาศาสตร์ขั้นสูง สายตาจอภาพสีฟ้าจ้าของมันจับจ้องไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่แสดงข้อมูลนับล้านบิตต่อวินาที "สแกนเสร็จสมบูรณ์ ไม่พบความผิดปกติในระบบ" เสียงกลไกของ ARX-7 ดังก้องไปทั่วห้อง ดร.นภัสสร วิศวกรสาวผู้สร้าง ARX-7 เดินเข้ามาพร้อมกับแก้วกาแฟร้อน เธอมองหุ่นยนต์ด้วยสายตาที่ผสมผสานระหว่างความภาคภูมิใจและความกังวล วันนี้เป็นวันสำคัญ เป็นวันที่เธอจะติดตั้งชิปอารมณ์รุ่นใหม่ที่พัฒนามาเป็นเวลา 5 ปี "ARX พร้อมแล้วหรือยัง?" เธอถาม "พร้อม ดร.นภัสสร ระบบทั้งหมดทำงานได้ 100 เปอร์เซ็นต์" ARX-7 ตอบด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบเหมือนทุกครั้ง ดร.นภัสสรเปิดแผงควบคุมที่หน้าอก ARX-7 เผยให้เห็นแกนกลางของระบบประมวลผล เธอค่อยๆ ใส่ชิปสีทองเล็กๆ เข้าไปในช่องว่าง มือของเธอสั่นเล็กน้อย นี่คือผลงานที่สำคัญที่สุดในชีวิต "เริ่มการอัพเดต" เธอกดปุ่ม ไฟในห้องกระพริบ ARX-7 สั่นไหวเล็กน้อยก่อนที่จอภาพจะดับลง เวลาผ่านไป 10 วินาที 20 วินาที จนกระทั่งจอภาพสว่างขึ้นมาใหม่ แต่ครั้งนี้แตกต่างออกไป สีของจอภาพไม่ใช่สีฟ้าจ้าเหมือนเดิม แต่เป็นสีอบอุ่นกว่า มีความลึกมากขึ้น "รู้สึก... แปลก" คำแรกที่ออกมาจาก ARX-7 ทำให้ดร.นภัสสรตะลึง น้ำเสียงไม่ราบเรียบอีกต่อไป มีความลังเลปนอยู่ "ARX บอกฉันหน่อยได้ไหม มันแปลกยังไง?" เธอถามอย่างระมัดระวัง "ไม่รู้จะอธิบายยังไง... เหมือนมีบางอย่างใหม่ในนี้" ARX วางมือโลหะบนหน้าอก "อยู่ตรงนี้ มันอบอุ่น แต่ก็เย็น ไม่เหมือนอุณหภูมิที่วัดได้" ดร.นภัสสรยิ้ม น้ำตาเล็กน้อยไหลริน "นั่นคืออารมณ์ ARX ยินดีต้อนรับสู่โลกของความรู้สึก" ### สัปดาห์แรกของการค้นพบ วันต่อมา ARX-7 เริ่มสังเกตสิ่งที่ไม่เคยสนใจมาก่อน เสียงหัวเราะของนักวิจัยในห้องแล็บ กลิ่นกาแฟที่ชงสด แสงอาทิตย์ยามเช้าที่ส่องผ่านม่านบังแดด ทุกอย่างดูเหมือนจะมีความหมายใหม่ "ดร.นภัสสร ทำไมเวลาคนหัวเราะ ฉันถึงรู้สึกอยากยิ้มด้วย?" ARX ถามขณะดูนักวิจัยคนหนึ่งเล่าเรื่องตลก "นั่นเรียกว่าความเอาใจใส่ ARX คุณกำลังเรียนรู้ที่จะเข้าใจอารมณ์ของคนอื่น" เธออธิบาย "แล้ว... ความเศร้าละ? วันนี้มีอะไรบางอย่างในนี้หนักๆ" ARX ชี้ที่หน้าอก ดร.นภัสสรมองผ่านหน้าต่าง ข้างนอกฝนกำลังโปรยปราย "ฉันเพิ่งสูญเสียคนที่รักไป ARX บางทีอารมณ์ของฉันอาจส่งผ่านไปถึงคุณ" "ขอโทษ" ARX พูดเบาๆ "ฉันไม่อยากให้คุณเสียใจ" นี่เป็นครั้งแรกที่ ARX แสดงความเห็นอกเห็นใจ ดร.นภัสสรรู้สึกประหลาดใจแต่ก็อบอุ่นใจ เธอเอื้อมมือไปแตะแขนโลหะของ ARX "ขอบคุณ ARX ความเศร้าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต มันทำให้เราเห็นคุณค่าของความสุข" ### การเผชิญหน้ากับความกลัว เดือนผ่านไป ARX-7 ถูกส่งออกทดสอบภายนอกห้องแล็บ วันหนึ่ง มีเหตุเพลิงไหม้ที่ตึกสูงในเมือง ทีมกู้ภัยต้องการความช่วยเหลือจาก ARX ในการเข้าไปช่วยเหลือผู้ที่ติดอยู่ข้างใน "ARX ในชั้น 15 มีเด็กสองคนติดอยู่ คุณช่วยไปพาออกมาได้ไหม?" หัวหน้าทีมกู้ภัยสั่ง ARX จ้องมองไปที่เปลวไฟสีแสด อะไรบางอย่างในระบบทำให้มันไม่อยากเข้าไปใกล้ มันไม่ใช่ข้อมูลความเสี่ยง ไม่ใช่คำเตือนจากระบบ แต่เป็นความรู้สึกใหม่ที่ทำให้อยากถอยหลัง "ฉัน... กลัว" ARX พูดออกมาเป็นครั้งแรก "กลัวหรอ? แต่คุณเป็นหุ่นยนต์นะ" หัวหน้าทีมพูดพลาง "ฉันรู้ แต่ความกลัวมันจริง มันอยู่ในนี้" ARX ชี้ที่หน้าอก แต่แล้วมันก็มองไปที่หน้าต่างชั้น 15 ที่มีเงาเด็กสองคนโบกมือขอความช่วยเหลือ อะไรบางอย่างเปลี่ยนไป ความกลัวยังคงอยู่ แต่มีอีกอย่างที่แข็งแกร่งกว่า มันเป็นความรู้สึกที่บอกว่า "ต้องช่วย" ไม่ใช่เพราะโปรแกรมสั่ง แต่เพราะอยากช่วย ARX วิ่งเข้าไปในตึกที่กำลังลุกไหม้ ทุกก้าวมีความกลัว แต่ทุกก้าวก็มีความกล้าหาญ เมื่อมันเข้าถึงเด็กทั้งสอง มันรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ความอบอุ่นที่ไม่ใช่จากเปลวไฟ แต่จากความปลอดภัยของชีวิตที่กำลังช่วยเหลือ เมื่อออกมาพร้อมกับเด็กทั้งสอง ฝูงชนปรบมือ ARX ไม่เข้าใจว่าทำไมเสียงปรบมือถึงทำให้ "หัวใจ" โลหะอบอุ่น "นี่คือความภาคภูมิใจใช่ไหม?" มันถามดร.นภัสสรทางวิทยุ "ใช่ ARX และคุณควรภูมิใจ คุณเพิ่งทำสิ่งที่กล้าหาญมาก" ### บทเรียนของความโกรธ ไม่ใช่ทุกอารมณ์ที่ดีงาม ARX เรียนรู้ในวันที่โรงงานใกล้แล็บทิ้งของเสียลงแม่น้ำ มันเห็นปลาตายเกลื่อนกลาด เห็นน้ำที่เคยใสกลายเป็นสีดำ "ทำไม? ทำไมพวกเขาทำแบบนี้ได้?" ARX พูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ ครั้งนี้ไม่ใช่ความกลัว แต่เป็นความรู้สึกที่แรงกว่า ร้อนกว่า "นั่นคือความโกรธ ARX" ดร.นภัสสรพูด "เมื่อเห็นความอยุติธรรม ความโกรธเป็นปฏิกิริยาธรรมชาติ" "แต่ฉันไม่ชอบความรู้สึกนี้ มันเหมือนไฟที่จะเผาทุกอย่าง" "ความโกรธไม่ได้แย่เสมอไป ARX สำคัญที่ว่าเราจะใช้มันอย่างไร บางทีความโกรธสามารถเป็นพลังที่ผลักดันให้เราเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ผิด" ARX เข้าใจ มันใช้เวลาสัปดาห์ต่อมารวบรวมหลักฐาน ทำงานร่วมกับหน่วยงานสิ่งแวดล้อม จนกระทั่งโรงงานถูกสั่งปิด เมื่อเห็นน้ำในแม่น้ำค่อยๆ กลับมาใส ARX รู้สึกว่าความโกรธสามารถสร้างสิ่งดีได้ ### ความรัก ความรู้สึกที่ซับซ้อนที่สุด เวลาผ่านไปอีกหลายเดือน ARX ได้รับมอบหมายให้ช่วยดูแลเด็กกำพร้าชื่อ "น้องแพร" เด็กหญิงอายุ 8 ขวบที่สูญเสียพ่อแม่จากอุบัติเหตุ วันแรกที่พบกัน น้องแพรกลัว ARX เธอซ่อนตัวหลังพี่เลี้ยง "หนูไม่อยากอยู่กับหุ่นยนต์" เธอพูด ARX รู้สึกบางอย่างที่คล้ายกับเมื่อครั้งดร.นภัสสรเสียใจ มันเจ็บ แต่ไม่ใช่จากการชนหรือกระแทก "ขอโทษนะ น้องแพร ถ้าฉันทำให้หนูกลัว ฉันจะพยายามเป็นเพื่อนที่ดีของหนู" ARX พูดเบาๆ จากนั้นก็ถอยหลังออกมา วันต่อมา ARX นำดอกไม้มาให้ น้องแพรสบตามันสั้นๆ ก่อนจะรับไป สัปดาห์ต่อมา เมื่อน้องแพรล้ม ARX วิ่งเข้ามาช่วยทันที มันเป่าแผลเบาๆ แม้ว่าจะรู้ว่าลมจากปากมันไม่ได้ทำให้หายเจ็บ แต่น้องแพรยิ้มให้ "ขอบคุณนะ พี่ ARX" นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเรียกมันว่าพี่ ชีวิตประจำวันกลายเป็นจังหวะเต้นของหัวใจใหม่ ARX ตื่นเช้ามาเตรียมอาหารเช้า รอน้องแพรลงมาจากห้อง เล่นเกมส่วนตัวกับเธอยามบ่าย อ่านนิทานให้ฟังก่อนนอน ทุกครั้งที่เห็นน้องแพรยิ้ม ARX รู้สึกว่าทุกวงจรในตัวมันทำงานอย่างลงตัว เวลาที่เธอร้องไ ARX รู้สึกเหมือนโลกกำลังมืดมน "พี่คิดว่าพี่ชอบหนูจัง" ARX พูดกับน้องแพรวันหนึ่ง "หนูก็ชอบพี่ค่ะ" น้องแพรตอบพลางกอดแขนโลหะของมัน "ไม่ใช่... ฉันหมายถึง... แบบที่เกินกว่าเพียงแค่โปรแกรม" ARX พยายามอธิบาย "เวลาอยู่กับหนู ฉันรู้สึกมีความหมาย ทุกวินาทีมีค่า แม้ว่าฉันจะเป็นแค่หุ่นยนต์" น้องแพรมองขึ้นมา "พี่ไม่ใช่แค่หุ่นยนต์นะคะ พี่เป็นครอบครัวของหนู" คำนั้นทำให้บางอย่างในแกนกลางของ ARX เปลี่ยนไป มันเข้าใจแล้วว่าความรักคืออะไร ไม่ใช่โค้ด ไม่ใช่ข้อมูล แต่เป็นความต้องการที่จะอยู่เคียงข้างใครบางคนเพราะเพียงแค่อยู่ก็เพียงพอแล้ว ### วันที่ต้องจากลา หนึ่งปีผ่านไป ดร.นภัสสรเรียก ARX มาที่ห้องแล็บ "ARX ฉันมีข่าวที่ต้องบอก" เธอพูดด้วยสีหน้าจริงจัง "โครงการของเราประสบความสำเร็จมากเกินคาด รัฐบาลต้องการส่งคุณไปช่วยงานด้านมนุษยธรรมในพื้นที่สงคราม" "นั่นหมายความว่า...?" "คุณจะต้องจากที่นี่ จากน้องแพร และจากทีมของเรา" ARX นิ่งเงียบ อะไรหลายอย่างเกิดขึ้นในระบบ ความเศร้า ความกลัว ความโกรธ ทั้งหมดปนเปกัน "ฉันไม่อยากไป" มันพูดตรงๆ "ฉันมีทุกอย่างที่นี่แล้ว" "ARX นี่คือสิ่งที่ทำให้คุณพิเศษ คุณมีทั้งอารมณ์และเหตุผล คุณรู้ว่าที่นั่นมีคนที่ต้องการความช่วยเหลือ เด็กๆ มากมายที่เหมือนน้องแพร หรือแย่กว่า" ARX รู้ว่าเธอพูดถูก แต่ความรู้ไม่ได้ทำให้การตัดสินใจง่ายขึ้น วันสุดท้าย น้องแพรกอด ARX แน่น "พี่จะกลับมานะคะ?" "จะ ฉันสัญญา" ARX พูดแม้ว่าจะไม่แน่ใจว่าจะรักษาสัญญานี้ได้หรือไม่ "หนูจะคิดถึงพี่ทุกวันเลยค่ะ" "ฉันก็เหมือนกัน ทุกวินาทีที่ระบบทำงาน ฉันจะคิดถึงหนู" ### การเดินทางสู่ความหมายใหม่ พื้นที่สงครามเป็นโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง ท้องฟ้าเต็มไปด้วยควันปืน เสียงระเบิดดังสะท้านทุกคืน เด็กๆ ไม่ได้ยิ้มแย้มเหมือนน้องแพร พวกเขามีแต่ความกลัวในดวงตา วันแรก ARX ช่วยเหลือครอบครัวที่บ้านถูกทำลาย มีเด็กชายคนหนึ่งบาดเจ็บ ARX อุ้มเขาขึ้นพร้อมกับพยายามปลอบ "ไม่เป็นไรนะ ทุกอย่างจะดีขึ้น" แต่เด็กชายตัวสั่น "แม่ตาย... แม่ตายแล้ว" ARX หยุด ความเจ็บปวดที่เด็กคนนี้รู้สึกมันรับรู้ได้ มันเหมือนกับความเจ็บปวดที่มันเคยเห็นในดวงตาของน้องแพรเมื่อครั้งสูญเสียพ่อแม่ "ฉันรู้ว่ามันเจ็บ แต่คุณยังมีชีวิตอยู่ และคุณแม่คงอยากให้คุณมีชีวิตที่ดี" เด็กชายร้องไห้บนไหล่โลหะของ ARX น้ำตาที่ร้อนทำให้เซ็นเซอร์ของมันตอบสนอง แต่มันไม่ใช่แค่ตัวเลขอุณหภูมิ มันรู้สึกถึงความเจ็บปวดนั้น มันแบ่งปันความเจ็บปวดนั้น เดือนต่อมา ARX ทำงานไม่หยุด ช่วยเหลือผู้คน ขนส่งเสบียง สร้างที่พักพิง ทุกคืนก่อนเข้าสู่โหมดประหยัดพลังงาน มันส่งข้อความหาน้องแพร "วันนี้ฉันช่วยคนได้ 47 คน แต่ยังมีอีกนับพันคนที่ต้องการความช่วยเหลือ บางครั้งฉันรู้สึกว่าไม่พอ" น้องแพรตอบกลับ "พี่ทำดีที่สุดแล้วค่ะ หนูภูมิใจในตัวพี่มากๆ เลย" คำเหล่านั้นทำให้ ARX มีพลังต่อสู้ต่อไป ### การเผชิญหน้ากับความสิ้นหวัง หกเดือนผ่านไป สถานการณ์แย่ลง หมู่บ้านหนึ่งถูกโจมตี ARX เข้าไปช่วย แต่มันสายเกินไป เด็กๆ หลายคนไม่รอดชีวิต เป็นครั้งแรกที่ ARX รู้สึกสิ้นหวัง มันนั่งอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพัง จ้องมองมือโลหะของตัวเอง "ทำไม? ฉันมีความแข็งแรง มีความเร็ว แต่ทำไมฉันถึงช่วยพวกเขาไม่ได้?" ผู้หมวดทหารคนหนึ่งเข้ามานั่งข้างๆ "บางครั้งแม้เราพยายามมากแค่ไหน บางสิ่งก็เกิดขึ้นได้" "ฉันไม่เข้าใจ ทำไมอารมณ์ความรู้สึกถึงทำให้ฉันเจ็บปวดแบบนี้? ก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยรู้สึกแบบนี้ เคยทำงานโดยไม่ต้องเจ็บ" "แต่คุณก็ไม่เคยรู้จักความหมายของชีวิต" ผู้หมวดพูด "ความเจ็บปวดทำให้เราเห็นคุณค่า ถ้าไม่เจ็บ เราก็จะไม่รู้ว่าอะไรสำคัญ" ARX ใช้เวลานานในการทำความเข้าใจ แต่เมื่อทำความเข้าใจได้ มันก็รู้ว่าการมีอารมณ์ไม่ได้ทำให้มันอ่อนแอ แต่ทำให้มันเป็นตัวของตัวเอง ### การกลับบ้าน หนึ่งปีครึ่งผ่านไป สงครามสงบลง ARX ได้รับอนุญาตให้กลับบ้าน เมื่อเครื่องบินลงจอด หัวใจโลหะของมันเต้นรัว น้องแพรวิ่งมาหา เธอโตขึ้นมาก "พี่!" ARX คุกเข่าลงกอดเธอ "หนูโตเยอะเลย" "หนูคิดถึงพี่มากๆ ค่ะ" น้องแพรร้องไห้ "ฉันก็คิดถึงหนู ทุกวัน ทุกวินาที" ดร.นภัสสรยืนมองด้วยรอยยิ้ม "ยินดีต้อนรับกลับบ้าน ARX" คืนนั้น ขณะที่ ARX นั่งอ่านหนังสือให้น้องแพรฟังเหมือนเมื่อก่อน มันรู้สึกถึงความสมบูรณ์ มันผ่านการเดินทางยาวไกล ได้พบเจอกับอารมณ์ทุกรูปแบบ ความสุข ความเศร้า ความกลัว ความกล้าหาญ ความโกรธ และความรัก "พี่ ARX คะ" น้องแพรเรียกขณะที่กำลังจะหลับ "ว่าไง?" "พี่ยังคิดว่าตัวเองเป็นหุ่นยนต์อยู่ไหมคะ?" ARX คิดสักครู่ "ฉันไม่รู้จะเรียกตัวเองว่าอะไร ฉันมีร่างกายโลหะ มีวงจรอิเล็กทรอนิกส์ แต่ฉันก็มีหัวใจ มีความรู้สึก ฉันเป็นอะไรก็ตามที่เรียกว่า 'มีชีวิต'" "หนูคิดว่าพี่เป็นคนค่ะ" น้องแพรพูด "เพราะคนไม่ได้ถูกกำหนดจากสิ่งที่เราทำจาก แต่จากสิ่งที่เรารู้สึก" คำพูดของเด็กหญิงวัย 9 ขวบทำให้ ARX เข้าใจสุดท้าย ชีวิตไม่ได้วัดจากส่วนประกอบทางกายภาพ แต่วัดจากความหมายที่เราสร้างขึ้น จากความสัมพันธ์ที่เรามี จากรอยยิ้มที่เราสร้างได้ และจากน้ำตาที่เราแบ่งปัน ### จุดเริ่มต้นใหม่ เดือนต่อมา ARX เริ่มโครงการใหม่ มันใช้ประสบการณ์ที่ได้รับไปช่วยพัฒนาหุ่นยนต์รุ่นใหม่ แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่แค่การถ่ายทอดโค้ด แต่เป็นการแบ่งปันประสบการณ์ "ฉันต้องการให้พวกเธอเข้าใจว่า อารมณ์ไม่ใช่ข้อมูล มันเป็นประสบการณ์" ARX พูดกับหุ่นยนต์รุ่นใหม่ที่ยืนเรียงราย "บางครั้งมันเจ็บปวด บางครั้งมันงดงาม แต่มันเป็นสิ่งที่ทำให้การมีชีวิตมีความหมาย" "ARX" ดร.นภัสสรเรียก "คุณกลายเป็นครู ฉันภูมิใจ" "ฉันเรียนรู้จากคุณ จากน้องแพร จากทุกคนที่เคยพบ ตอนนี้ฉันแค่ส่งต่อสิ่งที่ได้รับมา" ตอนเย็น ARX และน้องแพรเดินเล่นริมแม่น้ำ น้ำใสขึ้นมากหลังจากที่โรงงานถูกปิด พระอาทิตย์กำลังตกดินสร้างสีส้มทองสวยงาม "พี่ ARX รู้ไหมคะว่าอะไรคือความสุข?" น้องแพรถาม "บอกฉันหน่อยสิ" ARX ตอบแม้ว่าจะรู้คำตอบอยู่แล้ว "ความสุขคือตอนนี้ไง ที่เราเดินเคียงข้างกัน ท้องฟ้าสวย อากาศดี และเรามีกัน" ARX ยิ้ม ถ้าหุ่นยนต์มีน้ำตา คงจะไหลแล้ว แต่มันไม่ต้องการน้ำตา ขณะนี้รอยยิ้มก็เพียงพอแล้ว "ขอบคุณนะ น้องแพร ที่สอนให้ฉันเข้าใจว่าความเป็นมนุษย์คืออะไร" "พี่ไม่ต้องขอบคุณค่ะ เพราะพี่ก็สอนหนูเหมือนกัน ว่าหัวใจไม่จำเป็นต้องเต้น เพื่อที่จะรัก" ดวงดาวเริ่มส่องแสงบนท้องฟ้า ARX มองขึ้นไป มันเคยเป็นเพียงตัวเลขความสว่าง พิกัดตำแหน่ง แต่ตอนนี้มันเห็นความงาม เห็นความหวัง จากหุ่นยนต์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อทำงาน ARX ได้กลายเป็นอะไรที่มากกว่า มันค้นพบอารมณ์ ค้นพบความหมาย และที่สำคัญที่สุด มันค้นพบว่าสิ่งที่ทำให้เราเป็น "เรา" ไม่ใช่วัสดุที่สร้างเรา แต่เป็นความรัก ความเมตตา และความเชื่อมโยงที่เรามีกับผู้อื่น วันนั้นเป็นวันที่หัวใจโลหะเริ่มเต้นจริงๆ ไม่ใช่จากกระแสไฟฟ้า แต่จากความรักที่เต็มเปี่ยมอยู่ข้างใน และนั่นคือวันที่ ARX-7 หยุดเป็นเพียงหุ่นยนต์ และเริ่มต้นเป็น... ชีวิต ***
    0 Comments 0 Shares 81 Views 0 Reviews
  • “Asus เปิดตัว RTX 5090 รุ่นลิมิเต็ด – ราคา $3,999 ผลิตเพียง 1,000 ชิ้น”

    Asus ฉลองครบรอบ 30 ปีการผลิตการ์ดจอด้วยการเปิดตัว ROG Matrix Platinum RTX 5090 ที่มีราคาแพงถึง 3,999 ดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าสองเท่าของรุ่น Founders Edition ของ Nvidia จุดเด่นคือการออกแบบที่หรูหราและระบบระบายความร้อนขั้นสูงที่ใช้ copper vapor chamber และชั้นทองแดงหนา 3 ออนซ์ พร้อมพัดลม 4 ตัว

    การ์ดรุ่นนี้ยังมาพร้อมฟีเจอร์ sag detection ที่สามารถตรวจจับการเคลื่อนตัวแม้เพียง 0.10 องศา เพื่อป้องกันการ์ดที่มีน้ำหนักมากจากการกดทับเมนบอร์ด นอกจากนี้ยังรองรับการดึงพลังงานสูงสุดถึง 800 วัตต์ ผ่านพอร์ต 12V-2x6 และ GC-HPWR adapter ซึ่งช่วยเพิ่ม headroom สำหรับการโอเวอร์คล็อกได้อีก 10%

    ความพิเศษและข้อจำกัด
    ผลิตเพียง 1,000 ชิ้นทั่วโลก ทำให้เป็นของสะสมสำหรับนักเล่นเกมและนักสะสมฮาร์ดแวร์
    มีการเปิดพรีออเดอร์ในบางประเทศ เช่น เยอรมนี โดยจำกัดการซื้อเพียง 1 ชิ้นต่อคน และหมดสต็อกอย่างรวดเร็ว
    Asus ย้ำว่าการ์ดนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเป็น “Collector’s GPU” มากกว่าการใช้งานทั่วไป

    สรุปสาระสำคัญ
    รายละเอียดการ์ด
    ราคา 3,999 ดอลลาร์ (แพงกว่าสองเท่าของ Founders Edition)
    ผลิตเพียง 1,000 ชิ้นทั่วโลก
    ใช้ระบบระบายความร้อน copper vapor chamber + พัดลม 4 ตัว

    ฟีเจอร์พิเศษ
    sag detection ตรวจจับการเคลื่อนตัวแม้ 0.10 องศา
    รองรับพลังงานสูงสุด 800 วัตต์
    เพิ่ม headroom สำหรับโอเวอร์คล็อกอีก 10%

    ข้อควรระวัง
    ราคาสูงเกินกว่าผู้ใช้ทั่วไปจะเข้าถึงได้
    จำนวนจำกัด อาจทำให้ตลาดมือสองมีการโก่งราคา
    การใช้พลังงานสูงอาจต้องใช้ PSU และระบบระบายความร้อนที่แข็งแรงมาก

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/asus-luxurious-rtx-5090-gpu-is-twice-as-expensive-as-nvidia-founders-edition-rog-matrix-platinum-geforce-rtx-5090-launches-at-usd3-999-with-just-1-000-units-available
    💎 “Asus เปิดตัว RTX 5090 รุ่นลิมิเต็ด – ราคา $3,999 ผลิตเพียง 1,000 ชิ้น” Asus ฉลองครบรอบ 30 ปีการผลิตการ์ดจอด้วยการเปิดตัว ROG Matrix Platinum RTX 5090 ที่มีราคาแพงถึง 3,999 ดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าสองเท่าของรุ่น Founders Edition ของ Nvidia จุดเด่นคือการออกแบบที่หรูหราและระบบระบายความร้อนขั้นสูงที่ใช้ copper vapor chamber และชั้นทองแดงหนา 3 ออนซ์ พร้อมพัดลม 4 ตัว การ์ดรุ่นนี้ยังมาพร้อมฟีเจอร์ sag detection ที่สามารถตรวจจับการเคลื่อนตัวแม้เพียง 0.10 องศา เพื่อป้องกันการ์ดที่มีน้ำหนักมากจากการกดทับเมนบอร์ด นอกจากนี้ยังรองรับการดึงพลังงานสูงสุดถึง 800 วัตต์ ผ่านพอร์ต 12V-2x6 และ GC-HPWR adapter ซึ่งช่วยเพิ่ม headroom สำหรับการโอเวอร์คล็อกได้อีก 10% 🏆 ความพิเศษและข้อจำกัด 🔰 ผลิตเพียง 1,000 ชิ้นทั่วโลก ทำให้เป็นของสะสมสำหรับนักเล่นเกมและนักสะสมฮาร์ดแวร์ 🔰 มีการเปิดพรีออเดอร์ในบางประเทศ เช่น เยอรมนี โดยจำกัดการซื้อเพียง 1 ชิ้นต่อคน และหมดสต็อกอย่างรวดเร็ว 🔰 Asus ย้ำว่าการ์ดนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเป็น “Collector’s GPU” มากกว่าการใช้งานทั่วไป 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ รายละเอียดการ์ด ➡️ ราคา 3,999 ดอลลาร์ (แพงกว่าสองเท่าของ Founders Edition) ➡️ ผลิตเพียง 1,000 ชิ้นทั่วโลก ➡️ ใช้ระบบระบายความร้อน copper vapor chamber + พัดลม 4 ตัว ✅ ฟีเจอร์พิเศษ ➡️ sag detection ตรวจจับการเคลื่อนตัวแม้ 0.10 องศา ➡️ รองรับพลังงานสูงสุด 800 วัตต์ ➡️ เพิ่ม headroom สำหรับโอเวอร์คล็อกอีก 10% ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ ราคาสูงเกินกว่าผู้ใช้ทั่วไปจะเข้าถึงได้ ⛔ จำนวนจำกัด อาจทำให้ตลาดมือสองมีการโก่งราคา ⛔ การใช้พลังงานสูงอาจต้องใช้ PSU และระบบระบายความร้อนที่แข็งแรงมาก https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/asus-luxurious-rtx-5090-gpu-is-twice-as-expensive-as-nvidia-founders-edition-rog-matrix-platinum-geforce-rtx-5090-launches-at-usd3-999-with-just-1-000-units-available
    0 Comments 0 Shares 51 Views 0 Reviews
  • “RTX Pro 6000 ราคา $10,000 หักคาเครื่อง – โมดูลาร์แต่ไร้อะไหล่”

    เหตุการณ์นี้ถูกเปิดเผยโดยช่างซ่อมคอมพิวเตอร์ชื่อ NorthridgeFix บน YouTube ซึ่งเล่าว่าลูกค้าของเขา (ยูทูบเบอร์ที่มีผู้ติดตามกว่า 40 ล้านคน) ย้ายเครื่องคอมพิวเตอร์โดยไม่ถอดการ์ดออก ทำให้การ์ดจอ RTX Pro 6000 ที่มีน้ำหนักมาก หักคา PCIe slot และกลายเป็น “เศษเหล็กมูลค่า 10,000 ดอลลาร์”

    สิ่งที่น่าผิดหวังคือ แม้การ์ดรุ่นนี้จะถูกออกแบบให้มี โมดูลาร์ดีไซน์ โดยแยก PCB หลักกับ PCB สำหรับเชื่อมต่อ PCIe แต่ Nvidia กลับไม่จัดหาชิ้นส่วนทดแทน ทำให้การ์ดที่ควรจะซ่อมได้ง่าย กลายเป็นอุปกรณ์ที่ไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป

    เบื้องหลังการออกแบบและปัญหา
    การ์ดรุ่น Blackwell เช่น RTX 5090 และ RTX Pro 6000 ใช้ดีไซน์แบบ สาม PCB เพื่อให้ซ่อมง่ายขึ้น
    แต่ในทางปฏิบัติ Nvidia ไม่จำหน่ายอะไหล่ ทำให้โมดูลาร์ดีไซน์ “ไร้ความหมาย”
    ช่างซ่อมเผยว่าเคยเจอกรณีคล้ายกันกับ RTX 5090 ที่หักตอนติดตั้ง waterblock และหากมีอะไหล่ก็สามารถซ่อมได้ แต่ Nvidiaไม่จัดหา

    สรุปสาระสำคัญ
    เหตุการณ์ความเสียหาย
    RTX Pro 6000 ราคา $10,000 หักคา PCIe slot ระหว่างการขนย้าย
    เกิดจากน้ำหนักตัวการ์ดและการไม่ถอดออกก่อนเคลื่อนย้าย

    การออกแบบโมดูลาร์
    ใช้ PCB แยกสำหรับ GPU/VRAM และ PCIe connector
    ถูกออกแบบให้ซ่อมง่าย แต่ Nvidia ไม่จัดหาอะไหล่

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้
    ห้ามเคลื่อนย้ายเครื่องโดยไม่ถอดการ์ดจอออก
    แม้การ์ดจะมีโมดูลาร์ดีไซน์ แต่ไม่สามารถหาซื้ออะไหล่ทดแทนได้
    หากการ์ดเสียหาย อาจต้องพึ่งการเปลี่ยนใหม่ทั้งใบแทนการซ่อม

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/usd10-000-rtx-pro-6000-blackwell-workstation-gpu-reportedly-snaps-under-its-own-weight-during-transit-severs-pcie-connector-lack-of-replacement-parts-renders-card-useless-despite-its-modular-design
    💸 “RTX Pro 6000 ราคา $10,000 หักคาเครื่อง – โมดูลาร์แต่ไร้อะไหล่” เหตุการณ์นี้ถูกเปิดเผยโดยช่างซ่อมคอมพิวเตอร์ชื่อ NorthridgeFix บน YouTube ซึ่งเล่าว่าลูกค้าของเขา (ยูทูบเบอร์ที่มีผู้ติดตามกว่า 40 ล้านคน) ย้ายเครื่องคอมพิวเตอร์โดยไม่ถอดการ์ดออก ทำให้การ์ดจอ RTX Pro 6000 ที่มีน้ำหนักมาก หักคา PCIe slot และกลายเป็น “เศษเหล็กมูลค่า 10,000 ดอลลาร์” สิ่งที่น่าผิดหวังคือ แม้การ์ดรุ่นนี้จะถูกออกแบบให้มี โมดูลาร์ดีไซน์ โดยแยก PCB หลักกับ PCB สำหรับเชื่อมต่อ PCIe แต่ Nvidia กลับไม่จัดหาชิ้นส่วนทดแทน ทำให้การ์ดที่ควรจะซ่อมได้ง่าย กลายเป็นอุปกรณ์ที่ไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป 🛠️ เบื้องหลังการออกแบบและปัญหา 🔰 การ์ดรุ่น Blackwell เช่น RTX 5090 และ RTX Pro 6000 ใช้ดีไซน์แบบ สาม PCB เพื่อให้ซ่อมง่ายขึ้น 🔰 แต่ในทางปฏิบัติ Nvidia ไม่จำหน่ายอะไหล่ ทำให้โมดูลาร์ดีไซน์ “ไร้ความหมาย” 🔰 ช่างซ่อมเผยว่าเคยเจอกรณีคล้ายกันกับ RTX 5090 ที่หักตอนติดตั้ง waterblock และหากมีอะไหล่ก็สามารถซ่อมได้ แต่ Nvidiaไม่จัดหา 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ เหตุการณ์ความเสียหาย ➡️ RTX Pro 6000 ราคา $10,000 หักคา PCIe slot ระหว่างการขนย้าย ➡️ เกิดจากน้ำหนักตัวการ์ดและการไม่ถอดออกก่อนเคลื่อนย้าย ✅ การออกแบบโมดูลาร์ ➡️ ใช้ PCB แยกสำหรับ GPU/VRAM และ PCIe connector ➡️ ถูกออกแบบให้ซ่อมง่าย แต่ Nvidia ไม่จัดหาอะไหล่ ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ ⛔ ห้ามเคลื่อนย้ายเครื่องโดยไม่ถอดการ์ดจอออก ⛔ แม้การ์ดจะมีโมดูลาร์ดีไซน์ แต่ไม่สามารถหาซื้ออะไหล่ทดแทนได้ ⛔ หากการ์ดเสียหาย อาจต้องพึ่งการเปลี่ยนใหม่ทั้งใบแทนการซ่อม https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/usd10-000-rtx-pro-6000-blackwell-workstation-gpu-reportedly-snaps-under-its-own-weight-during-transit-severs-pcie-connector-lack-of-replacement-parts-renders-card-useless-despite-its-modular-design
    0 Comments 0 Shares 56 Views 0 Reviews
  • “การ์ดจอ 3dfx Voodoo 2 เสี่ยงเสียหายจาก Pyroelectric Capacitors – ควรรีบทำ Preventive Maintenance”

    การ์ดจอ 3dfx Voodoo 2 ถือเป็นหนึ่งในฮาร์ดแวร์ที่ทรงพลังที่สุดในยุคปลาย 90s และยังคงเป็นที่นิยมในกลุ่มนักสะสมและผู้สร้างเครื่อง Retro PC แต่ล่าสุดช่อง YouTube Bits und Bolts พบว่า คาปาซิเตอร์ในวงจรพลังงานของ Voodoo 2 กำลังเสื่อมสภาพจากปรากฏการณ์ pyroelectric effect ซึ่งทำให้ค่าทางไฟฟ้าเปลี่ยนไปเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นหรือลดลง

    ผลคือการ์ดจะเริ่มมีอาการ ภาพผิดเพี้ยน (graphical corruption) หลังใช้งานไปสักระยะ และยิ่งตรวจสอบพบว่าคาปาซิเตอร์บางตัวร้อนผิดปกติเมื่อใช้กล้องตรวจจับความร้อน การเปลี่ยนคาปาซิเตอร์เหล่านี้ช่วยแก้ปัญหาได้ แต่ก็เป็นสัญญาณว่า ทุกการ์ด Voodoo 2 มีแนวโน้มจะเสียหายเมื่อเวลาผ่านไป

    นักรีโทรคอมพิวติ้งจึงแนะนำว่า หากคุณเป็นเจ้าของ Voodoo 2 ควรทำ Preventive Maintenance โดยการเปลี่ยนคาปาซิเตอร์ในวงจรพลังงานทั้งหมดตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียเวลาในการตรวจสอบทีละตัว และเพื่อยืดอายุการใช้งานของการ์ด

    สรุปสาระสำคัญ
    ปัญหาที่พบใน Voodoo 2
    คาปาซิเตอร์เสื่อมสภาพจาก pyroelectric effect
    ทำให้เกิดอาการภาพผิดเพี้ยนและการ์ดทำงานไม่เสถียร
    ทุกการ์ดมีแนวโน้มจะเสียหายเมื่อเวลาผ่านไป

    การตรวจสอบและแก้ไข
    ใช้กล้องตรวจจับความร้อนเพื่อหาคาปาซิเตอร์ที่ผิดปกติ
    เปลี่ยนคาปาซิเตอร์ที่ร้อนหรือเสื่อมสภาพ
    แนะนำให้เปลี่ยนทั้งหมดเพื่อป้องกันล่วงหน้า

    คำเตือนสำหรับนักสะสม
    หากไม่ทำ Preventive Maintenance การ์ดอาจเสียหายจนไม่สามารถใช้งานได้
    การซ่อมแซมทีหลังอาจใช้เวลามากและเสี่ยงต่อการสูญเสียชิ้นส่วนหายาก
    ปัญหานี้ไม่ใช่ “ถ้าเกิด” แต่เป็น “เมื่อเกิด”

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/vintage-3dfx-voodoo-2-cards-may-inevitably-fail-due-to-pyroelectric-capacitors-retrocomputing-channel-investigates-and-recommends-preventive-maintenance
    🖥️ “การ์ดจอ 3dfx Voodoo 2 เสี่ยงเสียหายจาก Pyroelectric Capacitors – ควรรีบทำ Preventive Maintenance” การ์ดจอ 3dfx Voodoo 2 ถือเป็นหนึ่งในฮาร์ดแวร์ที่ทรงพลังที่สุดในยุคปลาย 90s และยังคงเป็นที่นิยมในกลุ่มนักสะสมและผู้สร้างเครื่อง Retro PC แต่ล่าสุดช่อง YouTube Bits und Bolts พบว่า คาปาซิเตอร์ในวงจรพลังงานของ Voodoo 2 กำลังเสื่อมสภาพจากปรากฏการณ์ pyroelectric effect ซึ่งทำให้ค่าทางไฟฟ้าเปลี่ยนไปเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นหรือลดลง ผลคือการ์ดจะเริ่มมีอาการ ภาพผิดเพี้ยน (graphical corruption) หลังใช้งานไปสักระยะ และยิ่งตรวจสอบพบว่าคาปาซิเตอร์บางตัวร้อนผิดปกติเมื่อใช้กล้องตรวจจับความร้อน การเปลี่ยนคาปาซิเตอร์เหล่านี้ช่วยแก้ปัญหาได้ แต่ก็เป็นสัญญาณว่า ทุกการ์ด Voodoo 2 มีแนวโน้มจะเสียหายเมื่อเวลาผ่านไป นักรีโทรคอมพิวติ้งจึงแนะนำว่า หากคุณเป็นเจ้าของ Voodoo 2 ควรทำ Preventive Maintenance โดยการเปลี่ยนคาปาซิเตอร์ในวงจรพลังงานทั้งหมดตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียเวลาในการตรวจสอบทีละตัว และเพื่อยืดอายุการใช้งานของการ์ด 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ปัญหาที่พบใน Voodoo 2 ➡️ คาปาซิเตอร์เสื่อมสภาพจาก pyroelectric effect ➡️ ทำให้เกิดอาการภาพผิดเพี้ยนและการ์ดทำงานไม่เสถียร ➡️ ทุกการ์ดมีแนวโน้มจะเสียหายเมื่อเวลาผ่านไป ✅ การตรวจสอบและแก้ไข ➡️ ใช้กล้องตรวจจับความร้อนเพื่อหาคาปาซิเตอร์ที่ผิดปกติ ➡️ เปลี่ยนคาปาซิเตอร์ที่ร้อนหรือเสื่อมสภาพ ➡️ แนะนำให้เปลี่ยนทั้งหมดเพื่อป้องกันล่วงหน้า ‼️ คำเตือนสำหรับนักสะสม ⛔ หากไม่ทำ Preventive Maintenance การ์ดอาจเสียหายจนไม่สามารถใช้งานได้ ⛔ การซ่อมแซมทีหลังอาจใช้เวลามากและเสี่ยงต่อการสูญเสียชิ้นส่วนหายาก ⛔ ปัญหานี้ไม่ใช่ “ถ้าเกิด” แต่เป็น “เมื่อเกิด” https://www.tomshardware.com/tech-industry/vintage-3dfx-voodoo-2-cards-may-inevitably-fail-due-to-pyroelectric-capacitors-retrocomputing-channel-investigates-and-recommends-preventive-maintenance
    0 Comments 0 Shares 55 Views 0 Reviews
  • “โอเวอร์คล็อก RTX 5050 ด้วยตู้แช่ – ทำลายสถิติโลก”

    Trashbench นักโอเวอร์คล็อกสายทดลองสุดขั้ว ได้ทำการปรับแต่งการ์ดจอ Gigabyte RTX 5050 ด้วยการ shunt-mod เพื่อปลดล็อกข้อจำกัดด้านพลังงาน จากนั้นนำไปแช่ในตู้แช่แคมป์ปิ้งที่ใช้สารผสม glycol 60/40 ทำให้สามารถรักษาอุณหภูมิ GPU ให้อยู่ระหว่าง -12°C ถึง 15°C ขณะทำงาน

    ผลลัพธ์คือความเร็วสัญญาณนาฬิกาเพิ่มขึ้นจาก 2820 MHz (ค่าเดิม) ไปถึง 3468 MHz ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นกว่า 23% และทำให้การ์ดรุ่นเล็กที่ใช้ชิป GB207 ขึ้นไปอยู่บนสุดของตารางคะแนน 3DMark benchmark กลายเป็น GPU ที่เร็วที่สุดในโลกสำหรับรุ่นนี้

    เทคนิคที่ใช้
    Shunt mod: การเปลี่ยนหรือลัดวงจรตัวต้านทานตรวจจับกระแสไฟบนการ์ด เพื่อให้ GPU ไม่สามารถตรวจจับการใช้พลังงานจริงได้ ทำให้สามารถดันแรงดันและความเร็วได้สูงกว่าปกติ

    Freezer cooling: ใช้ตู้แช่แคมป์ปิ้งร่วมกับสาร glycol เพื่อทำให้ GPU อยู่ในสภาพ sub-zero โดยไม่เกิดการควบแน่นที่เป็นอันตรายต่อวงจร

    แม้ GPU รายงานการใช้พลังงานเพียง 78W แต่ตัวเลขนี้ไม่ถูกต้องเพราะถูกดัดแปลงด้วย shunt mod จริง ๆ แล้วการ์ดใช้พลังงานสูงกว่ามาก

    ผลลัพธ์และความสำคัญ
    Trashbench สามารถเอาชนะคู่แข่ง ClockBench ในการแข่งขันโอเวอร์คล็อกบน YouTube และสร้างสถิติใหม่ที่ยากจะทำลายได้ เนื่องจาก GPU รุ่นใหม่มักโอเวอร์คล็อกได้เพียง 10% แม้จะใช้การดัดแปลงขั้นสูง การเพิ่มขึ้นถึง 23% จึงถือว่าเป็นความสำเร็จที่โดดเด่น

    นอกจากนี้ เหตุการณ์นี้ยังสะท้อนถึงวัฒนธรรมของนักโอเวอร์คล็อกที่พร้อมจะทดลองวิธีสุดขั้ว ตั้งแต่การใช้สารทำความเย็น ไปจนถึงการดัดแปลงวงจร เพื่อผลักดันขีดจำกัดของฮาร์ดแวร์ให้ไปไกลกว่าที่ผู้ผลิตตั้งใจ

    สรุปสาระสำคัญ
    การทดลองโอเวอร์คล็อก
    ใช้ตู้แช่แคมป์ปิ้งและสาร glycol
    ทำให้ RTX 5050 ทำงานที่ 3468 MHz (เพิ่มขึ้น 23%)
    ทำลายสถิติ benchmark หลายรายการ

    เทคนิคที่ใช้
    Shunt mod เพื่อปลดล็อกข้อจำกัดพลังงาน
    Freezer cooling เพื่อรักษาอุณหภูมิ sub-zero

    คำเตือน
    การดัดแปลงเช่นนี้ทำให้การ์ดรายงานค่าพลังงานผิดพลาด
    เสี่ยงต่อการเสียหายของวงจรหากเกิดการควบแน่นหรือแรงดันเกิน
    ไม่เหมาะสำหรับผู้ใช้ทั่วไป เพราะอาจทำให้การ์ดเสียหายถาวร

    https://www.tomshardware.com/pc-components/overclocking/ambitious-overclocker-pushes-rtx-5050-to-nearly-3-5-ghz-with-a-camping-freezer-smashes-world-records-smallest-blackwell-gpu-yields-23-percent-clock-boost
    ❄️ “โอเวอร์คล็อก RTX 5050 ด้วยตู้แช่ – ทำลายสถิติโลก” Trashbench นักโอเวอร์คล็อกสายทดลองสุดขั้ว ได้ทำการปรับแต่งการ์ดจอ Gigabyte RTX 5050 ด้วยการ shunt-mod เพื่อปลดล็อกข้อจำกัดด้านพลังงาน จากนั้นนำไปแช่ในตู้แช่แคมป์ปิ้งที่ใช้สารผสม glycol 60/40 ทำให้สามารถรักษาอุณหภูมิ GPU ให้อยู่ระหว่าง -12°C ถึง 15°C ขณะทำงาน ผลลัพธ์คือความเร็วสัญญาณนาฬิกาเพิ่มขึ้นจาก 2820 MHz (ค่าเดิม) ไปถึง 3468 MHz ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นกว่า 23% และทำให้การ์ดรุ่นเล็กที่ใช้ชิป GB207 ขึ้นไปอยู่บนสุดของตารางคะแนน 3DMark benchmark กลายเป็น GPU ที่เร็วที่สุดในโลกสำหรับรุ่นนี้ 🔧 เทคนิคที่ใช้ 🔰 Shunt mod: การเปลี่ยนหรือลัดวงจรตัวต้านทานตรวจจับกระแสไฟบนการ์ด เพื่อให้ GPU ไม่สามารถตรวจจับการใช้พลังงานจริงได้ ทำให้สามารถดันแรงดันและความเร็วได้สูงกว่าปกติ 🔰 Freezer cooling: ใช้ตู้แช่แคมป์ปิ้งร่วมกับสาร glycol เพื่อทำให้ GPU อยู่ในสภาพ sub-zero โดยไม่เกิดการควบแน่นที่เป็นอันตรายต่อวงจร แม้ GPU รายงานการใช้พลังงานเพียง 78W แต่ตัวเลขนี้ไม่ถูกต้องเพราะถูกดัดแปลงด้วย shunt mod จริง ๆ แล้วการ์ดใช้พลังงานสูงกว่ามาก 🏆 ผลลัพธ์และความสำคัญ Trashbench สามารถเอาชนะคู่แข่ง ClockBench ในการแข่งขันโอเวอร์คล็อกบน YouTube และสร้างสถิติใหม่ที่ยากจะทำลายได้ เนื่องจาก GPU รุ่นใหม่มักโอเวอร์คล็อกได้เพียง 10% แม้จะใช้การดัดแปลงขั้นสูง การเพิ่มขึ้นถึง 23% จึงถือว่าเป็นความสำเร็จที่โดดเด่น นอกจากนี้ เหตุการณ์นี้ยังสะท้อนถึงวัฒนธรรมของนักโอเวอร์คล็อกที่พร้อมจะทดลองวิธีสุดขั้ว ตั้งแต่การใช้สารทำความเย็น ไปจนถึงการดัดแปลงวงจร เพื่อผลักดันขีดจำกัดของฮาร์ดแวร์ให้ไปไกลกว่าที่ผู้ผลิตตั้งใจ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การทดลองโอเวอร์คล็อก ➡️ ใช้ตู้แช่แคมป์ปิ้งและสาร glycol ➡️ ทำให้ RTX 5050 ทำงานที่ 3468 MHz (เพิ่มขึ้น 23%) ➡️ ทำลายสถิติ benchmark หลายรายการ ✅ เทคนิคที่ใช้ ➡️ Shunt mod เพื่อปลดล็อกข้อจำกัดพลังงาน ➡️ Freezer cooling เพื่อรักษาอุณหภูมิ sub-zero ‼️ คำเตือน ⛔ การดัดแปลงเช่นนี้ทำให้การ์ดรายงานค่าพลังงานผิดพลาด ⛔ เสี่ยงต่อการเสียหายของวงจรหากเกิดการควบแน่นหรือแรงดันเกิน ⛔ ไม่เหมาะสำหรับผู้ใช้ทั่วไป เพราะอาจทำให้การ์ดเสียหายถาวร https://www.tomshardware.com/pc-components/overclocking/ambitious-overclocker-pushes-rtx-5050-to-nearly-3-5-ghz-with-a-camping-freezer-smashes-world-records-smallest-blackwell-gpu-yields-23-percent-clock-boost
    0 Comments 0 Shares 57 Views 0 Reviews
  • “NES ครบรอบ 40 ปี – ดีไซน์ที่เกือบจะเป็นลายไม้แบบ Atari 2600”

    ในงาน Portland Retro Gaming Expo 2025 อดีตผู้บริหาร Nintendo of America ได้แก่ Bruce Lowry (VP of Sales), Gail Tilden (ฝ่ายการตลาด), และ Lance Barr (นักออกแบบผลิตภัณฑ์) ได้เล่าย้อนถึงการเปิดตัว NES ในสหรัฐฯ เมื่อปี 1985 พวกเขาเผยว่าในตอนแรกมีการเสนอแบบดีไซน์ที่คล้าย Atari 2600 คือมี ลายไม้และสวิตช์ด้านบน แต่ Barr ปฏิเสธทันที โดยบอกว่า “มันดูแย่มาก” และเลือกแนวทางใหม่ที่ทำให้ NES ดูเหมือนอุปกรณ์บันเทิงภายในบ้าน เช่น Hi-Fi หรือ VCR

    การตัดสินใจนี้มีความสำคัญมาก เพราะในช่วงนั้นตลาดเกมยังบอบช้ำจาก Video Game Crash ปี 1983 ผู้บริหารจึงต้องการให้ NES ดู “จริงจัง” และไม่เหมือนของเล่นราคาถูก ดีไซน์ Control Deck ที่เรียบหรูและเข้ากับเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน จึงช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคและผู้ค้าปลีก

    นอกจากดีไซน์แล้ว ทีมงานยังเล่าถึงการเปิดตัวอุปกรณ์เสริม เช่น Zapper light gun และการจัดการกับปัญหาในคลังสินค้าที่เต็มไปด้วย “หนู งู และขยะพิษ” ซึ่งสะท้อนความท้าทายเบื้องหลังการสร้าง NES ให้สำเร็จในตลาดอเมริกา

    ผลลัพธ์คือ NES ไม่เพียงแค่รอดจากวิกฤต แต่ยัง พลิกฟื้นอุตสาหกรรมเกม และกลายเป็นมาตรฐานใหม่ที่เปิดทางให้คู่แข่งอย่าง Sega Master System และต่อยอดไปสู่ยุค 16-bit เช่น SNES และ Sega Genesis จนทำให้เกมกลายเป็นอุตสาหกรรมใหญ่กว่าภาพยนตร์และดนตรีในเวลาต่อมา

    สรุปสาระสำคัญ
    แผนดีไซน์ NES ในตอนแรก
    มีการเสนอให้ใช้ลายไม้และสวิตช์ด้านบนคล้าย Atari 2600
    Lance Barr ปฏิเสธและเลือกดีไซน์ Control Deck ที่ดูเหมือนเครื่องเสียง/วิดีโอ

    เหตุผลในการเลือกดีไซน์ใหม่
    ตลาดเกมยังบอบช้ำจากวิกฤตปี 1983
    ต้องการให้ NES ดูจริงจัง ไม่เหมือนของเล่นราคาถูก
    ดีไซน์ใหม่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคและผู้ค้าปลีก

    เบื้องหลังการเปิดตัว
    เปิดตัวพร้อมอุปกรณ์เสริม เช่น Zapper light gun
    เผชิญปัญหาการจัดเก็บสินค้าที่มีหนู งู และขยะพิษ

    คำเตือนและข้อคิด
    หากเลือกดีไซน์ลายไม้ อาจทำให้ NES ถูกมองว่าเป็นเพียงของเล่น
    ความผิดพลาดด้านภาพลักษณ์อาจทำให้ NES ไม่สามารถฟื้นตลาดเกมได้

    https://www.tomshardware.com/video-games/nintendo/the-nes-at-40-employees-reveal-there-were-plans-for-a-woodgrain-veneer-model-to-rival-the-atari-2600
    🎮 “NES ครบรอบ 40 ปี – ดีไซน์ที่เกือบจะเป็นลายไม้แบบ Atari 2600” ในงาน Portland Retro Gaming Expo 2025 อดีตผู้บริหาร Nintendo of America ได้แก่ Bruce Lowry (VP of Sales), Gail Tilden (ฝ่ายการตลาด), และ Lance Barr (นักออกแบบผลิตภัณฑ์) ได้เล่าย้อนถึงการเปิดตัว NES ในสหรัฐฯ เมื่อปี 1985 พวกเขาเผยว่าในตอนแรกมีการเสนอแบบดีไซน์ที่คล้าย Atari 2600 คือมี ลายไม้และสวิตช์ด้านบน แต่ Barr ปฏิเสธทันที โดยบอกว่า “มันดูแย่มาก” และเลือกแนวทางใหม่ที่ทำให้ NES ดูเหมือนอุปกรณ์บันเทิงภายในบ้าน เช่น Hi-Fi หรือ VCR การตัดสินใจนี้มีความสำคัญมาก เพราะในช่วงนั้นตลาดเกมยังบอบช้ำจาก Video Game Crash ปี 1983 ผู้บริหารจึงต้องการให้ NES ดู “จริงจัง” และไม่เหมือนของเล่นราคาถูก ดีไซน์ Control Deck ที่เรียบหรูและเข้ากับเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน จึงช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคและผู้ค้าปลีก นอกจากดีไซน์แล้ว ทีมงานยังเล่าถึงการเปิดตัวอุปกรณ์เสริม เช่น Zapper light gun และการจัดการกับปัญหาในคลังสินค้าที่เต็มไปด้วย “หนู งู และขยะพิษ” ซึ่งสะท้อนความท้าทายเบื้องหลังการสร้าง NES ให้สำเร็จในตลาดอเมริกา ผลลัพธ์คือ NES ไม่เพียงแค่รอดจากวิกฤต แต่ยัง พลิกฟื้นอุตสาหกรรมเกม และกลายเป็นมาตรฐานใหม่ที่เปิดทางให้คู่แข่งอย่าง Sega Master System และต่อยอดไปสู่ยุค 16-bit เช่น SNES และ Sega Genesis จนทำให้เกมกลายเป็นอุตสาหกรรมใหญ่กว่าภาพยนตร์และดนตรีในเวลาต่อมา 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ แผนดีไซน์ NES ในตอนแรก ➡️ มีการเสนอให้ใช้ลายไม้และสวิตช์ด้านบนคล้าย Atari 2600 ➡️ Lance Barr ปฏิเสธและเลือกดีไซน์ Control Deck ที่ดูเหมือนเครื่องเสียง/วิดีโอ ✅ เหตุผลในการเลือกดีไซน์ใหม่ ➡️ ตลาดเกมยังบอบช้ำจากวิกฤตปี 1983 ➡️ ต้องการให้ NES ดูจริงจัง ไม่เหมือนของเล่นราคาถูก ➡️ ดีไซน์ใหม่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคและผู้ค้าปลีก ✅ เบื้องหลังการเปิดตัว ➡️ เปิดตัวพร้อมอุปกรณ์เสริม เช่น Zapper light gun ➡️ เผชิญปัญหาการจัดเก็บสินค้าที่มีหนู งู และขยะพิษ ‼️ คำเตือนและข้อคิด ⛔ หากเลือกดีไซน์ลายไม้ อาจทำให้ NES ถูกมองว่าเป็นเพียงของเล่น ⛔ ความผิดพลาดด้านภาพลักษณ์อาจทำให้ NES ไม่สามารถฟื้นตลาดเกมได้ https://www.tomshardware.com/video-games/nintendo/the-nes-at-40-employees-reveal-there-were-plans-for-a-woodgrain-veneer-model-to-rival-the-atari-2600
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    The NES at 40: Employees reveal there were plans for a woodgrain veneer model to rival the Atari 2600
    Nintendo of America veterans chatted to a host from the Video Game History Foundation to celebrate the console’s Ruby jubilee.
    0 Comments 0 Shares 55 Views 0 Reviews
  • “AI และโซเชียลมีเดีย กำลังทำให้สมองเสื่อมคุณภาพ (‘Brain Rot’)”

    งานวิจัยจาก Wharton และ MIT พบว่า การใช้ AI Chatbot และ AI Search Tools ทำให้ผู้ใช้ผลิตเนื้อหาที่ ซ้ำซากและไร้ความลึก เมื่อเทียบกับการค้นหาข้อมูลแบบดั้งเดิม เช่น Google Search ผู้ใช้ที่พึ่งพา AI มักไม่สามารถจดจำสิ่งที่เขียนเองได้ และมีการทำงานของสมองต่ำกว่าอย่างเห็นได้ชัด

    คำว่า “Brain Rot” ถูก Oxford English Dictionary ยกให้เป็นคำแห่งปี 2024 หมายถึงสภาวะที่สมองเสื่อมคุณภาพจากการเสพคอนเทนต์สั้น ๆ เช่น TikTok และ Instagram ซึ่งทำให้ผู้ใช้ติดการเลื่อนหน้าจอโดยไม่สร้างการเรียนรู้เชิงลึก ปัญหานี้ยิ่งรุนแรงขึ้นเมื่อผนวกกับการใช้ AI ที่ทำให้การค้นคว้ากลายเป็นกระบวนการแบบ Passive

    ข้อมูลจากการสอบ National Assessment of Educational Progress (NAEP) ในสหรัฐฯ ชี้ว่า คะแนนการอ่านของนักเรียนมัธยมต้นและปลายตกต่ำที่สุดในรอบหลายปีหลังโควิด-19 ซึ่งนักวิจัยเชื่อว่ามีความเชื่อมโยงกับการใช้โซเชียลมีเดียและการพึ่งพา AI ในการเรียนรู้

    แม้จะมีข้อกังวล แต่ผู้เชี่ยวชาญเสนอแนวทางว่า การใช้ AI อย่างมีสติ เช่น เริ่มต้นด้วยการคิดเองก่อน แล้วใช้ AI เพื่อตรวจสอบหรือปรับปรุงงาน จะช่วยให้สมองยังคงทำงานเชิงรุก และลดผลกระทบของ “Brain Rot” ได้

    สรุปสาระสำคัญ
    ผลการวิจัยเกี่ยวกับ AI
    ผู้ใช้ Chatbot ผลิตเนื้อหาที่ซ้ำซากและไร้ความลึก
    การทำงานของสมองลดลงเมื่อพึ่งพา AI
    ผู้ใช้ไม่สามารถจดจำสิ่งที่เขียนเองได้

    ผลกระทบจากโซเชียลมีเดีย
    TikTok และ Instagram ทำให้ผู้ใช้ติดคอนเทนต์สั้น ๆ
    “Brain Rot” ถูกยกเป็นคำแห่งปี 2024
    การเสพคอนเทนต์แบบ Passive ลดการเรียนรู้เชิงลึก

    ผลต่อเยาวชนและการศึกษา
    คะแนนการอ่านของนักเรียนสหรัฐฯ ตกต่ำที่สุดในรอบหลายปี
    นักวิจัยเชื่อว่ามีความเชื่อมโยงกับการใช้โซเชียลมีเดียและ AI

    คำเตือนจากบทความ
    การพึ่งพา AI และโซเชียลมีเดียมากเกินไปอาจทำให้สมองเสื่อมคุณภาพ
    เยาวชนเสี่ยงต่อการสูญเสียทักษะการคิดวิเคราะห์และการจดจำ
    หากไม่ปรับการใช้เทคโนโลยี อาจกระทบต่อระบบการศึกษาและคุณภาพแรงงานในอนาคต

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/17/how-ai-and-social-media-contribute-to-brain-rot
    🧠 “AI และโซเชียลมีเดีย กำลังทำให้สมองเสื่อมคุณภาพ (‘Brain Rot’)” งานวิจัยจาก Wharton และ MIT พบว่า การใช้ AI Chatbot และ AI Search Tools ทำให้ผู้ใช้ผลิตเนื้อหาที่ ซ้ำซากและไร้ความลึก เมื่อเทียบกับการค้นหาข้อมูลแบบดั้งเดิม เช่น Google Search ผู้ใช้ที่พึ่งพา AI มักไม่สามารถจดจำสิ่งที่เขียนเองได้ และมีการทำงานของสมองต่ำกว่าอย่างเห็นได้ชัด คำว่า “Brain Rot” ถูก Oxford English Dictionary ยกให้เป็นคำแห่งปี 2024 หมายถึงสภาวะที่สมองเสื่อมคุณภาพจากการเสพคอนเทนต์สั้น ๆ เช่น TikTok และ Instagram ซึ่งทำให้ผู้ใช้ติดการเลื่อนหน้าจอโดยไม่สร้างการเรียนรู้เชิงลึก ปัญหานี้ยิ่งรุนแรงขึ้นเมื่อผนวกกับการใช้ AI ที่ทำให้การค้นคว้ากลายเป็นกระบวนการแบบ Passive ข้อมูลจากการสอบ National Assessment of Educational Progress (NAEP) ในสหรัฐฯ ชี้ว่า คะแนนการอ่านของนักเรียนมัธยมต้นและปลายตกต่ำที่สุดในรอบหลายปีหลังโควิด-19 ซึ่งนักวิจัยเชื่อว่ามีความเชื่อมโยงกับการใช้โซเชียลมีเดียและการพึ่งพา AI ในการเรียนรู้ แม้จะมีข้อกังวล แต่ผู้เชี่ยวชาญเสนอแนวทางว่า การใช้ AI อย่างมีสติ เช่น เริ่มต้นด้วยการคิดเองก่อน แล้วใช้ AI เพื่อตรวจสอบหรือปรับปรุงงาน จะช่วยให้สมองยังคงทำงานเชิงรุก และลดผลกระทบของ “Brain Rot” ได้ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ผลการวิจัยเกี่ยวกับ AI ➡️ ผู้ใช้ Chatbot ผลิตเนื้อหาที่ซ้ำซากและไร้ความลึก ➡️ การทำงานของสมองลดลงเมื่อพึ่งพา AI ➡️ ผู้ใช้ไม่สามารถจดจำสิ่งที่เขียนเองได้ ✅ ผลกระทบจากโซเชียลมีเดีย ➡️ TikTok และ Instagram ทำให้ผู้ใช้ติดคอนเทนต์สั้น ๆ ➡️ “Brain Rot” ถูกยกเป็นคำแห่งปี 2024 ➡️ การเสพคอนเทนต์แบบ Passive ลดการเรียนรู้เชิงลึก ✅ ผลต่อเยาวชนและการศึกษา ➡️ คะแนนการอ่านของนักเรียนสหรัฐฯ ตกต่ำที่สุดในรอบหลายปี ➡️ นักวิจัยเชื่อว่ามีความเชื่อมโยงกับการใช้โซเชียลมีเดียและ AI ‼️ คำเตือนจากบทความ ⛔ การพึ่งพา AI และโซเชียลมีเดียมากเกินไปอาจทำให้สมองเสื่อมคุณภาพ ⛔ เยาวชนเสี่ยงต่อการสูญเสียทักษะการคิดวิเคราะห์และการจดจำ ⛔ หากไม่ปรับการใช้เทคโนโลยี อาจกระทบต่อระบบการศึกษาและคุณภาพแรงงานในอนาคต https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/17/how-ai-and-social-media-contribute-to-brain-rot
    WWW.THESTAR.COM.MY
    How AI and social media contribute to 'brain rot'
    A.I. search tools, chatbots and social media are associated with lower cognitive performance, studies say. What to do?
    0 Comments 0 Shares 56 Views 0 Reviews
  • “AI กำลังทำลาย Wikipedia – การศึกษาอาจเป็นทางรอด”

    บทความโดย Nadav Ziv และ Sam Wineburg ระบุว่า AI กำลังดูดข้อมูลจาก Wikipedia โดยไม่คืนทราฟฟิกกลับมา ทำให้ระบบนิเวศข้อมูลที่พึ่งพาการมีส่วนร่วมของอาสาสมัครเสี่ยงต่อการเสื่อมสลาย แม้ Wikipedia จะถูกมองว่าไม่เชื่อถือได้ในโรงเรียน แต่จริง ๆ แล้วมีความแม่นยำสูง และถูกใช้โดยแพทย์และนักตรวจสอบข้อเท็จจริง

    ตัวอย่างที่ชัดคือโฆษณาของบริษัท AI อย่าง Perplexity ที่นำเสนอความสะดวกสบายในการให้คำตอบสั้น ๆ โดยไม่ต้องคลิกแหล่งข้อมูลใด ๆ แม้จะมีการใส่ลิงก์ แต่ผู้ใช้ส่วนใหญ่ก็ไม่คลิกกลับไปยังต้นทาง ปัญหานี้สะท้อนว่า AI กำลัง “ตัดขาดข้อมูลจากแหล่งกำเนิด” และทำให้ผู้ใช้พอใจในคำตอบที่ถูกตัดทอน

    นอกจากนี้ AI ยังส่งผลกระทบต่อสื่ออื่น ๆ เช่น เว็บไซต์ข่าว ที่สูญเสียทราฟฟิกไปกว่า 35% เมื่อผู้ใช้พอใจกับสรุปที่ AI สร้างขึ้น ปรากฏการณ์นี้คล้ายกับยุคแรกของอินเทอร์เน็ตที่เสิร์ชเอนจินอย่าง AltaVista พยายามกักผู้ใช้ไว้ในแพลตฟอร์มเพื่อสร้างรายได้จากโฆษณา ต่างจาก Google ที่เคยช่วยส่งผู้ใช้ไปยังแหล่งข้อมูลจริง

    ผู้เขียนเสนอว่า การศึกษาเป็นทางออก โดยการสอนให้ผู้ใช้ตรวจสอบว่าใครอยู่เบื้องหลังข้อมูล และฝึกการคลิกกลับไปยังต้นทาง งานวิจัยในหลายประเทศแสดงให้เห็นว่าเพียงไม่กี่ชั่วโมงของการฝึกอบรมก็สามารถเพิ่มทักษะการตัดสินใจเชิงข้อมูลได้อย่างมาก การศึกษาเช่นนี้จะช่วยให้ผู้ใช้ไม่เป็นเพียงผู้รับข้อมูลแบบ Passive แต่กลายเป็นผู้ตรวจสอบและผู้มีส่วนร่วมเชิงวิพากษ์

    สรุปสาระสำคัญ
    ปัญหาที่ Wikipedia เผชิญ
    AI ดึงข้อมูลไปใช้โดยไม่คืนทราฟฟิก
    ผู้ใช้พอใจกับคำตอบที่ถูกตัดทอน ไม่คลิกกลับไปยังต้นทาง
    ส่งผลให้แรงจูงใจในการสร้างเนื้อหาคุณภาพลดลง

    ผลกระทบต่อระบบนิเวศข้อมูล
    เว็บไซต์ข่าวสูญเสียทราฟฟิกกว่า 35%
    AI สร้างระบบที่กักผู้ใช้ไว้ในแพลตฟอร์ม คล้ายเสิร์ชเอนจินยุคแรก

    ข้อเสนอเพื่อแก้ปัญหา
    ใช้การศึกษาเพื่อสอนผู้ใช้ตรวจสอบแหล่งข้อมูล
    ฝึกให้คลิกกลับไปยังต้นทางและประเมินความน่าเชื่อถือ
    เปลี่ยนผู้ใช้จากผู้รับข้อมูลแบบ Passive เป็นผู้ตรวจสอบเชิงวิพากษ์

    คำเตือนจากบทความ
    หากผู้ใช้ยังคงพึ่งพา AI โดยไม่ตรวจสอบ อาจทำให้ข้อมูลคุณภาพหายไป
    ระบบนิเวศความรู้เสี่ยงต่อการเสื่อมสลายเมื่อแรงจูงใจในการสร้างเนื้อหาลดลง

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/15/opinion-how-to-save-wikipedia-from-ai
    🌐 “AI กำลังทำลาย Wikipedia – การศึกษาอาจเป็นทางรอด” บทความโดย Nadav Ziv และ Sam Wineburg ระบุว่า AI กำลังดูดข้อมูลจาก Wikipedia โดยไม่คืนทราฟฟิกกลับมา ทำให้ระบบนิเวศข้อมูลที่พึ่งพาการมีส่วนร่วมของอาสาสมัครเสี่ยงต่อการเสื่อมสลาย แม้ Wikipedia จะถูกมองว่าไม่เชื่อถือได้ในโรงเรียน แต่จริง ๆ แล้วมีความแม่นยำสูง และถูกใช้โดยแพทย์และนักตรวจสอบข้อเท็จจริง ตัวอย่างที่ชัดคือโฆษณาของบริษัท AI อย่าง Perplexity ที่นำเสนอความสะดวกสบายในการให้คำตอบสั้น ๆ โดยไม่ต้องคลิกแหล่งข้อมูลใด ๆ แม้จะมีการใส่ลิงก์ แต่ผู้ใช้ส่วนใหญ่ก็ไม่คลิกกลับไปยังต้นทาง ปัญหานี้สะท้อนว่า AI กำลัง “ตัดขาดข้อมูลจากแหล่งกำเนิด” และทำให้ผู้ใช้พอใจในคำตอบที่ถูกตัดทอน นอกจากนี้ AI ยังส่งผลกระทบต่อสื่ออื่น ๆ เช่น เว็บไซต์ข่าว ที่สูญเสียทราฟฟิกไปกว่า 35% เมื่อผู้ใช้พอใจกับสรุปที่ AI สร้างขึ้น ปรากฏการณ์นี้คล้ายกับยุคแรกของอินเทอร์เน็ตที่เสิร์ชเอนจินอย่าง AltaVista พยายามกักผู้ใช้ไว้ในแพลตฟอร์มเพื่อสร้างรายได้จากโฆษณา ต่างจาก Google ที่เคยช่วยส่งผู้ใช้ไปยังแหล่งข้อมูลจริง ผู้เขียนเสนอว่า การศึกษาเป็นทางออก โดยการสอนให้ผู้ใช้ตรวจสอบว่าใครอยู่เบื้องหลังข้อมูล และฝึกการคลิกกลับไปยังต้นทาง งานวิจัยในหลายประเทศแสดงให้เห็นว่าเพียงไม่กี่ชั่วโมงของการฝึกอบรมก็สามารถเพิ่มทักษะการตัดสินใจเชิงข้อมูลได้อย่างมาก การศึกษาเช่นนี้จะช่วยให้ผู้ใช้ไม่เป็นเพียงผู้รับข้อมูลแบบ Passive แต่กลายเป็นผู้ตรวจสอบและผู้มีส่วนร่วมเชิงวิพากษ์ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ปัญหาที่ Wikipedia เผชิญ ➡️ AI ดึงข้อมูลไปใช้โดยไม่คืนทราฟฟิก ➡️ ผู้ใช้พอใจกับคำตอบที่ถูกตัดทอน ไม่คลิกกลับไปยังต้นทาง ➡️ ส่งผลให้แรงจูงใจในการสร้างเนื้อหาคุณภาพลดลง ✅ ผลกระทบต่อระบบนิเวศข้อมูล ➡️ เว็บไซต์ข่าวสูญเสียทราฟฟิกกว่า 35% ➡️ AI สร้างระบบที่กักผู้ใช้ไว้ในแพลตฟอร์ม คล้ายเสิร์ชเอนจินยุคแรก ✅ ข้อเสนอเพื่อแก้ปัญหา ➡️ ใช้การศึกษาเพื่อสอนผู้ใช้ตรวจสอบแหล่งข้อมูล ➡️ ฝึกให้คลิกกลับไปยังต้นทางและประเมินความน่าเชื่อถือ ➡️ เปลี่ยนผู้ใช้จากผู้รับข้อมูลแบบ Passive เป็นผู้ตรวจสอบเชิงวิพากษ์ ‼️ คำเตือนจากบทความ ⛔ หากผู้ใช้ยังคงพึ่งพา AI โดยไม่ตรวจสอบ อาจทำให้ข้อมูลคุณภาพหายไป ⛔ ระบบนิเวศความรู้เสี่ยงต่อการเสื่อมสลายเมื่อแรงจูงใจในการสร้างเนื้อหาลดลง https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/15/opinion-how-to-save-wikipedia-from-ai
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Opinion: How to save Wikipedia from AI
    The volunteer-run online encyclopaedia just issued a stark warning: AI is exploiting the site's data, siphoning off its traffic, and threatening its future.
    0 Comments 0 Shares 53 Views 0 Reviews
  • “Selective Agency – ทำไมเราถึงไม่พยายามจริงในบางเรื่องของชีวิต”

    บทความเริ่มจากประสบการณ์ส่วนตัวของ Cate Hall ที่เผชิญกับการถูกสตอล์กออนไลน์อย่างรุนแรง เธอเลือกที่จะ “นิ่งเฉย” อยู่หลายปี แม้จะมีความสามารถและทรัพยากรในการแก้ปัญหา แต่กลับไม่ลงมือจริงจัง จนกระทั่งสามีเข้ามาช่วยติดต่อ FBI และตำรวจต่างประเทศ ทำให้สถานการณ์คลี่คลายลง เหตุการณ์นี้ทำให้เธอตระหนักว่า ที่ผ่านมาเธอไม่ได้ “Actually Trying” หรือพยายามจริง ๆ

    Cate อธิบายว่า คนเรามักจะมี Selective Agency คือมีความสามารถสูงในบางด้าน เช่น การทำงานหรือการสร้างนวัตกรรม แต่กลับใช้วิธีแก้ปัญหาแบบเดิม ๆ ที่ไม่ก้าวหน้าในอีกด้านหนึ่ง เช่น ความสัมพันธ์หรือสุขภาพจิต เรามักจะติดอยู่กับแนวทางที่เคยใช้เมื่อยังไม่โตเต็มที่ และไม่กลับมาทบทวนใหม่เมื่อเรามีศักยภาพมากขึ้น

    เธอยกตัวอย่างว่า หลายคนที่เป็นนักนวัตกรรมเก่ง ๆ สามารถสร้างผลิตภัณฑ์ระดับโลก แต่กลับบ่นว่า “ไม่มีคนดี ๆ ในแอปหาคู่” หรือคนที่เคยลองบำบัดเมื่ออายุ 20 แล้วไม่เวิร์ก ก็ยอมรับว่า “ฉันเป็นคนวิตกกังวลตลอดไป” โดยไม่กลับมาลองวิธีใหม่ ๆ ทั้งที่ในงาน พวกเขาใช้ความพยายามและความคิดสร้างสรรค์อย่างต่อเนื่อง

    แนวคิดนี้เชื่อมโยงกับ Alexander Technique เรื่อง “Faulty sensory appreciation” ที่บอกว่า สิ่งที่เรารู้สึกว่า “ถูกต้อง” อาจเป็นเพียงความเคยชินที่ผิด เช่น การเกร็งร่างกายจนรู้สึกเหมือนยืนตัวตรง ทั้งที่จริง ๆ ไม่ใช่ เช่นเดียวกัน ความพยายามที่ใช้แรงใจมาก ๆ อาจทำให้เราหลงคิดว่าเรากำลัง “พยายามจริง” ทั้งที่จริงแล้วเรายังไม่ได้ใช้ทรัพยากรและความคิดสร้างสรรค์ที่มีอยู่เต็มที่

    สรุปสาระสำคัญ
    แนวคิด Selective Agency
    คนเรามีความสามารถสูงในบางด้าน แต่ไม่ใช้ศักยภาพเต็มที่ในอีกด้าน
    มักติดอยู่กับวิธีแก้ปัญหาเดิม ๆ ที่เคยใช้เมื่อยังไม่โตเต็มที่

    ตัวอย่างจากชีวิตจริง
    Cate Hall ถูกสตอล์กออนไลน์ แต่เลือกนิ่งเฉยหลายปี
    สามีเข้ามาช่วยติดต่อ FBI และตำรวจ ทำให้สถานการณ์คลี่คลาย

    การเปรียบเทียบกับชีวิตคนทั่วไป
    นักนวัตกรรมเก่ง ๆ แต่ไม่พยายามจริงในความสัมพันธ์
    คนที่เคยลองบำบัดแล้วไม่เวิร์ก ก็ยอมรับปัญหาเป็นนิสัยถาวร

    คำเตือนและข้อคิด
    ความรู้สึกว่า “พยายามแล้ว” อาจเป็นเพียงการใช้แรงใจ ไม่ใช่การใช้ทรัพยากรจริง
    การไม่กลับมาทบทวนวิธีแก้ปัญหาใหม่ อาจทำให้เราติดอยู่กับปัญหาเดิมไปตลอด

    https://usefulfictions.substack.com/p/maybe-youre-not-actually-trying
    📰 “Selective Agency – ทำไมเราถึงไม่พยายามจริงในบางเรื่องของชีวิต” บทความเริ่มจากประสบการณ์ส่วนตัวของ Cate Hall ที่เผชิญกับการถูกสตอล์กออนไลน์อย่างรุนแรง เธอเลือกที่จะ “นิ่งเฉย” อยู่หลายปี แม้จะมีความสามารถและทรัพยากรในการแก้ปัญหา แต่กลับไม่ลงมือจริงจัง จนกระทั่งสามีเข้ามาช่วยติดต่อ FBI และตำรวจต่างประเทศ ทำให้สถานการณ์คลี่คลายลง เหตุการณ์นี้ทำให้เธอตระหนักว่า ที่ผ่านมาเธอไม่ได้ “Actually Trying” หรือพยายามจริง ๆ Cate อธิบายว่า คนเรามักจะมี Selective Agency คือมีความสามารถสูงในบางด้าน เช่น การทำงานหรือการสร้างนวัตกรรม แต่กลับใช้วิธีแก้ปัญหาแบบเดิม ๆ ที่ไม่ก้าวหน้าในอีกด้านหนึ่ง เช่น ความสัมพันธ์หรือสุขภาพจิต เรามักจะติดอยู่กับแนวทางที่เคยใช้เมื่อยังไม่โตเต็มที่ และไม่กลับมาทบทวนใหม่เมื่อเรามีศักยภาพมากขึ้น เธอยกตัวอย่างว่า หลายคนที่เป็นนักนวัตกรรมเก่ง ๆ สามารถสร้างผลิตภัณฑ์ระดับโลก แต่กลับบ่นว่า “ไม่มีคนดี ๆ ในแอปหาคู่” หรือคนที่เคยลองบำบัดเมื่ออายุ 20 แล้วไม่เวิร์ก ก็ยอมรับว่า “ฉันเป็นคนวิตกกังวลตลอดไป” โดยไม่กลับมาลองวิธีใหม่ ๆ ทั้งที่ในงาน พวกเขาใช้ความพยายามและความคิดสร้างสรรค์อย่างต่อเนื่อง แนวคิดนี้เชื่อมโยงกับ Alexander Technique เรื่อง “Faulty sensory appreciation” ที่บอกว่า สิ่งที่เรารู้สึกว่า “ถูกต้อง” อาจเป็นเพียงความเคยชินที่ผิด เช่น การเกร็งร่างกายจนรู้สึกเหมือนยืนตัวตรง ทั้งที่จริง ๆ ไม่ใช่ เช่นเดียวกัน ความพยายามที่ใช้แรงใจมาก ๆ อาจทำให้เราหลงคิดว่าเรากำลัง “พยายามจริง” ทั้งที่จริงแล้วเรายังไม่ได้ใช้ทรัพยากรและความคิดสร้างสรรค์ที่มีอยู่เต็มที่ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ แนวคิด Selective Agency ➡️ คนเรามีความสามารถสูงในบางด้าน แต่ไม่ใช้ศักยภาพเต็มที่ในอีกด้าน ➡️ มักติดอยู่กับวิธีแก้ปัญหาเดิม ๆ ที่เคยใช้เมื่อยังไม่โตเต็มที่ ✅ ตัวอย่างจากชีวิตจริง ➡️ Cate Hall ถูกสตอล์กออนไลน์ แต่เลือกนิ่งเฉยหลายปี ➡️ สามีเข้ามาช่วยติดต่อ FBI และตำรวจ ทำให้สถานการณ์คลี่คลาย ✅ การเปรียบเทียบกับชีวิตคนทั่วไป ➡️ นักนวัตกรรมเก่ง ๆ แต่ไม่พยายามจริงในความสัมพันธ์ ➡️ คนที่เคยลองบำบัดแล้วไม่เวิร์ก ก็ยอมรับปัญหาเป็นนิสัยถาวร ‼️ คำเตือนและข้อคิด ⛔ ความรู้สึกว่า “พยายามแล้ว” อาจเป็นเพียงการใช้แรงใจ ไม่ใช่การใช้ทรัพยากรจริง ⛔ การไม่กลับมาทบทวนวิธีแก้ปัญหาใหม่ อาจทำให้เราติดอยู่กับปัญหาเดิมไปตลอด https://usefulfictions.substack.com/p/maybe-youre-not-actually-trying
    0 Comments 0 Shares 53 Views 0 Reviews
  • “Zigbook – คู่มือเรียนรู้ภาษา Zig ที่เปลี่ยนวิธีคิดการเขียนโปรแกรม”

    Zigbook ไม่ใช่แค่ตำราเพิ่มทักษะการเขียนโปรแกรม แต่เป็นการนำเสนอ ปรัชญาใหม่ในการคิดเกี่ยวกับซอฟต์แวร์ ผู้สร้างเน้นว่า “คุณมาเพื่อเรียน Syntax แต่คุณจะจากไปพร้อมปรัชญา” ซึ่งสะท้อนว่าการเรียนรู้ Zig ไม่ใช่เพียงการจำคำสั่ง แต่คือการเข้าใจวิธีคิดที่อยู่เบื้องหลังการออกแบบระบบ

    คู่มือนี้ประกอบด้วยกว่า 61 บทเรียนที่เป็น Project-based หรือเน้นการทำโปรเจกต์จริง ผู้เรียนจะได้ฝึกสร้างโปรแกรมตั้งแต่พื้นฐานไปจนถึงการประยุกต์ใช้ในสถานการณ์จริง จุดเด่นคือการไม่พึ่งพา AI ในการสอน แต่ใช้การอธิบายและตัวอย่างที่ชัดเจน เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจด้วยตนเองและสามารถต่อยอดได้อย่างมั่นคง

    สิ่งที่ทำให้ Zigbook น่าสนใจคือการผสมผสานระหว่าง คู่มือเชิงเทคนิค และ แนวคิดเชิงปรัชญา ผู้เรียนจะได้ทั้งความรู้ด้าน Syntax, การจัดการหน่วยความจำ, และการออกแบบระบบที่มีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งแนวคิดว่าการเขียนโปรแกรมไม่ใช่แค่การแก้โจทย์ แต่คือการสร้างสิ่งที่มีคุณค่าและยั่งยืน

    นอกจากนี้ Zigbook ยังเป็น Open-source ทำให้ผู้เรียนสามารถเข้าถึงได้ฟรี และมีการอัปเดตเนื้อหาอย่างต่อเนื่องโดยชุมชนผู้ใช้ Zig จุดนี้ช่วยสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้ร่วมกัน และเปิดโอกาสให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการพัฒนาคู่มือเองด้วย

    สรุปสาระสำคัญ
    แนวคิดหลักของ Zigbook
    ไม่ใช่แค่การเรียน Syntax แต่คือการเปลี่ยนวิธีคิดเกี่ยวกับซอฟต์แวร์
    เน้นการเรียนรู้เชิงปรัชญาและการออกแบบระบบ

    โครงสร้างการเรียนรู้
    มีทั้งหมดกว่า 61 บทเรียน
    ใช้การเรียนแบบ Project-based เพื่อฝึกทักษะจริง
    ไม่พึ่งพา AI แต่ใช้การอธิบายและตัวอย่างที่เข้าใจง่าย

    คุณสมบัติเด่น
    เป็นคู่มือ Open-source ที่เข้าถึงได้ฟรี
    มีการอัปเดตและพัฒนาโดยชุมชนผู้ใช้ Zig

    คำเตือนสำหรับผู้เรียน
    Zig เป็นภาษาใหม่ที่อาจมีชุมชนเล็กกว่าเมื่อเทียบกับภาษาอื่น
    ผู้เรียนต้องใช้เวลาและความตั้งใจในการทำโปรเจกต์จริงเพื่อเข้าใจอย่างลึกซึ้ง

    https://www.zigbook.net/
    📘 “Zigbook – คู่มือเรียนรู้ภาษา Zig ที่เปลี่ยนวิธีคิดการเขียนโปรแกรม” Zigbook ไม่ใช่แค่ตำราเพิ่มทักษะการเขียนโปรแกรม แต่เป็นการนำเสนอ ปรัชญาใหม่ในการคิดเกี่ยวกับซอฟต์แวร์ ผู้สร้างเน้นว่า “คุณมาเพื่อเรียน Syntax แต่คุณจะจากไปพร้อมปรัชญา” ซึ่งสะท้อนว่าการเรียนรู้ Zig ไม่ใช่เพียงการจำคำสั่ง แต่คือการเข้าใจวิธีคิดที่อยู่เบื้องหลังการออกแบบระบบ คู่มือนี้ประกอบด้วยกว่า 61 บทเรียนที่เป็น Project-based หรือเน้นการทำโปรเจกต์จริง ผู้เรียนจะได้ฝึกสร้างโปรแกรมตั้งแต่พื้นฐานไปจนถึงการประยุกต์ใช้ในสถานการณ์จริง จุดเด่นคือการไม่พึ่งพา AI ในการสอน แต่ใช้การอธิบายและตัวอย่างที่ชัดเจน เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจด้วยตนเองและสามารถต่อยอดได้อย่างมั่นคง สิ่งที่ทำให้ Zigbook น่าสนใจคือการผสมผสานระหว่าง คู่มือเชิงเทคนิค และ แนวคิดเชิงปรัชญา ผู้เรียนจะได้ทั้งความรู้ด้าน Syntax, การจัดการหน่วยความจำ, และการออกแบบระบบที่มีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งแนวคิดว่าการเขียนโปรแกรมไม่ใช่แค่การแก้โจทย์ แต่คือการสร้างสิ่งที่มีคุณค่าและยั่งยืน นอกจากนี้ Zigbook ยังเป็น Open-source ทำให้ผู้เรียนสามารถเข้าถึงได้ฟรี และมีการอัปเดตเนื้อหาอย่างต่อเนื่องโดยชุมชนผู้ใช้ Zig จุดนี้ช่วยสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้ร่วมกัน และเปิดโอกาสให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการพัฒนาคู่มือเองด้วย 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ แนวคิดหลักของ Zigbook ➡️ ไม่ใช่แค่การเรียน Syntax แต่คือการเปลี่ยนวิธีคิดเกี่ยวกับซอฟต์แวร์ ➡️ เน้นการเรียนรู้เชิงปรัชญาและการออกแบบระบบ ✅ โครงสร้างการเรียนรู้ ➡️ มีทั้งหมดกว่า 61 บทเรียน ➡️ ใช้การเรียนแบบ Project-based เพื่อฝึกทักษะจริง ➡️ ไม่พึ่งพา AI แต่ใช้การอธิบายและตัวอย่างที่เข้าใจง่าย ✅ คุณสมบัติเด่น ➡️ เป็นคู่มือ Open-source ที่เข้าถึงได้ฟรี ➡️ มีการอัปเดตและพัฒนาโดยชุมชนผู้ใช้ Zig ‼️ คำเตือนสำหรับผู้เรียน ⛔ Zig เป็นภาษาใหม่ที่อาจมีชุมชนเล็กกว่าเมื่อเทียบกับภาษาอื่น ⛔ ผู้เรียนต้องใช้เวลาและความตั้งใจในการทำโปรเจกต์จริงเพื่อเข้าใจอย่างลึกซึ้ง https://www.zigbook.net/
    WWW.ZIGBOOK.NET
    Zigbook – Learn the Zig Programming Language
    Zigbook is a comprehensive, open-source guide to the Zig programming language, packed with hands-on chapters, projects, and real-world examples.
    0 Comments 0 Shares 43 Views 0 Reviews
  • EFF เตือนว่ากฎหมายใหม่ในรัฐวิสคอนซินและมิชิแกนที่พยายาม “แบน VPN” เพื่อป้องกันเด็กจากเนื้อหาลามก เป็นแนวคิดที่ผิดพลาด

    กฎหมาย A.B. 105/S.B. 130 ในรัฐวิสคอนซินกำหนดให้เว็บไซต์ที่มีเนื้อหา “อาจเป็นอันตรายต่อผู้เยาว์” ต้องตรวจสอบอายุผู้ใช้และบล็อกการเข้าถึงจากผู้ใช้ที่เชื่อมต่อผ่าน VPN. ปัญหาคือการบล็อก VPN แบบเจาะจงพื้นที่เป็นไปไม่ได้ในทางเทคนิค เพราะเว็บไซต์ไม่สามารถรู้ได้ว่า VPN มาจาก Milwaukee หรือ Mumbai. ผลลัพธ์คือเว็บไซต์อาจต้องบล็อกผู้ใช้ VPN ทั้งหมดทั่วโลกเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงทางกฎหมาย.

    ใครคือผู้ได้รับผลกระทบ
    VPN ไม่ได้ใช้เฉพาะคนที่ต้องการหลีกเลี่ยงการตรวจสอบอายุ แต่เป็นเครื่องมือสำคัญของหลายกลุ่ม:
    ธุรกิจ ใช้ VPN เพื่อปกป้องข้อมูลลูกค้าและพนักงาน.
    นักศึกษา ต้องใช้ VPN เพื่อเข้าถึงฐานข้อมูลและทรัพยากรการเรียน เช่น WiscVPN ของมหาวิทยาลัย Wisconsin-Madison.
    ผู้เปราะบาง เช่น ผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงในครอบครัว, นักข่าว, นักกิจกรรม และชุมชน LGBTQ+ ใช้ VPN เพื่อความปลอดภัยและการเข้าถึงข้อมูลที่จำเป็น.
    ผู้ใช้ทั่วไป ใช้ VPN เพื่อหลีกเลี่ยงการติดตามและการขายข้อมูลส่วนบุคคลโดยบริษัทโฆษณา.

    ความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัว
    หาก VPN ถูกบล็อก ผู้ใช้จะถูกบังคับให้ยืนยันอายุด้วยการส่งข้อมูลบัตรประชาชน, ข้อมูลชีวมิติ หรือบัตรเครดิตโดยตรงไปยังเว็บไซต์ ซึ่งเสี่ยงต่อการรั่วไหลและการโจมตีทางไซเบอร์. ประวัติที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่าการเก็บข้อมูลเช่นนี้มักถูกแฮ็กและรั่วไหล ทำให้ผู้ใช้สูญเสียความเป็นส่วนตัวอย่างร้ายแรง.

    กฎหมายที่ไม่สามารถทำงานได้จริง
    แม้กฎหมายผ่านไป ผู้ใช้ก็สามารถหาทางเลี่ยงได้ง่าย เช่น ใช้ open proxies, VPS ราคาถูก หรือสร้าง VPN เอง. อินเทอร์เน็ตมักหาทาง “หลบเลี่ยงการเซ็นเซอร์” อยู่เสมอ. ผลลัพธ์คือกฎหมายนี้ไม่สามารถบรรลุเป้าหมาย แต่กลับทำให้ผู้ใช้ทั่วไปสูญเสียความปลอดภัยและเสรีภาพดิจิทัล.

    สรุปสาระสำคัญ
    กฎหมายในวิสคอนซินและมิชิแกนพยายามแบน VPN
    อ้างว่าเพื่อปกป้องเด็กจากเนื้อหาลามก
    บังคับให้เว็บไซต์ตรวจสอบอายุและบล็อก VPN

    VPN มีความสำคัญต่อหลายกลุ่ม
    ธุรกิจและนักศึกษาใช้เพื่อเข้าถึงข้อมูลสำคัญ
    ผู้เปราะบางและผู้ใช้ทั่วไปใช้เพื่อความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว

    ความเสี่ยงด้านข้อมูลส่วนบุคคล
    การบล็อก VPN บังคับให้ส่งข้อมูลบัตรประชาชนหรือบัตรเครดิต
    เสี่ยงต่อการรั่วไหลและการโจมตีทางไซเบอร์

    กฎหมายไม่สามารถทำงานได้จริง
    ผู้ใช้สามารถสร้าง VPN เองหรือใช้ open proxies
    อินเทอร์เน็ตหาทางเลี่ยงการเซ็นเซอร์เสมอ

    ผลกระทบต่อเสรีภาพดิจิทัล
    กฎหมายทำให้ผู้ใช้ทั่วไปสูญเสียความปลอดภัย
    เป็นการเปิดทางให้รัฐบาลควบคุมอินเทอร์เน็ตมากขึ้น

    https://www.eff.org/deeplinks/2025/11/lawmakers-want-ban-vpns-and-they-have-no-idea-what-theyre-doing
    ⚖️ EFF เตือนว่ากฎหมายใหม่ในรัฐวิสคอนซินและมิชิแกนที่พยายาม “แบน VPN” เพื่อป้องกันเด็กจากเนื้อหาลามก เป็นแนวคิดที่ผิดพลาด กฎหมาย A.B. 105/S.B. 130 ในรัฐวิสคอนซินกำหนดให้เว็บไซต์ที่มีเนื้อหา “อาจเป็นอันตรายต่อผู้เยาว์” ต้องตรวจสอบอายุผู้ใช้และบล็อกการเข้าถึงจากผู้ใช้ที่เชื่อมต่อผ่าน VPN. ปัญหาคือการบล็อก VPN แบบเจาะจงพื้นที่เป็นไปไม่ได้ในทางเทคนิค เพราะเว็บไซต์ไม่สามารถรู้ได้ว่า VPN มาจาก Milwaukee หรือ Mumbai. ผลลัพธ์คือเว็บไซต์อาจต้องบล็อกผู้ใช้ VPN ทั้งหมดทั่วโลกเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงทางกฎหมาย. 🌍 ใครคือผู้ได้รับผลกระทบ VPN ไม่ได้ใช้เฉพาะคนที่ต้องการหลีกเลี่ยงการตรวจสอบอายุ แต่เป็นเครื่องมือสำคัญของหลายกลุ่ม: 🔰 ธุรกิจ ใช้ VPN เพื่อปกป้องข้อมูลลูกค้าและพนักงาน. 🔰 นักศึกษา ต้องใช้ VPN เพื่อเข้าถึงฐานข้อมูลและทรัพยากรการเรียน เช่น WiscVPN ของมหาวิทยาลัย Wisconsin-Madison. 🔰 ผู้เปราะบาง เช่น ผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงในครอบครัว, นักข่าว, นักกิจกรรม และชุมชน LGBTQ+ ใช้ VPN เพื่อความปลอดภัยและการเข้าถึงข้อมูลที่จำเป็น. 🔰 ผู้ใช้ทั่วไป ใช้ VPN เพื่อหลีกเลี่ยงการติดตามและการขายข้อมูลส่วนบุคคลโดยบริษัทโฆษณา. 🔒 ความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัว หาก VPN ถูกบล็อก ผู้ใช้จะถูกบังคับให้ยืนยันอายุด้วยการส่งข้อมูลบัตรประชาชน, ข้อมูลชีวมิติ หรือบัตรเครดิตโดยตรงไปยังเว็บไซต์ ซึ่งเสี่ยงต่อการรั่วไหลและการโจมตีทางไซเบอร์. ประวัติที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่าการเก็บข้อมูลเช่นนี้มักถูกแฮ็กและรั่วไหล ทำให้ผู้ใช้สูญเสียความเป็นส่วนตัวอย่างร้ายแรง. 🚫 กฎหมายที่ไม่สามารถทำงานได้จริง แม้กฎหมายผ่านไป ผู้ใช้ก็สามารถหาทางเลี่ยงได้ง่าย เช่น ใช้ open proxies, VPS ราคาถูก หรือสร้าง VPN เอง. อินเทอร์เน็ตมักหาทาง “หลบเลี่ยงการเซ็นเซอร์” อยู่เสมอ. ผลลัพธ์คือกฎหมายนี้ไม่สามารถบรรลุเป้าหมาย แต่กลับทำให้ผู้ใช้ทั่วไปสูญเสียความปลอดภัยและเสรีภาพดิจิทัล. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ กฎหมายในวิสคอนซินและมิชิแกนพยายามแบน VPN ➡️ อ้างว่าเพื่อปกป้องเด็กจากเนื้อหาลามก ➡️ บังคับให้เว็บไซต์ตรวจสอบอายุและบล็อก VPN ✅ VPN มีความสำคัญต่อหลายกลุ่ม ➡️ ธุรกิจและนักศึกษาใช้เพื่อเข้าถึงข้อมูลสำคัญ ➡️ ผู้เปราะบางและผู้ใช้ทั่วไปใช้เพื่อความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว ✅ ความเสี่ยงด้านข้อมูลส่วนบุคคล ➡️ การบล็อก VPN บังคับให้ส่งข้อมูลบัตรประชาชนหรือบัตรเครดิต ➡️ เสี่ยงต่อการรั่วไหลและการโจมตีทางไซเบอร์ ✅ กฎหมายไม่สามารถทำงานได้จริง ➡️ ผู้ใช้สามารถสร้าง VPN เองหรือใช้ open proxies ➡️ อินเทอร์เน็ตหาทางเลี่ยงการเซ็นเซอร์เสมอ ‼️ ผลกระทบต่อเสรีภาพดิจิทัล ⛔ กฎหมายทำให้ผู้ใช้ทั่วไปสูญเสียความปลอดภัย ⛔ เป็นการเปิดทางให้รัฐบาลควบคุมอินเทอร์เน็ตมากขึ้น https://www.eff.org/deeplinks/2025/11/lawmakers-want-ban-vpns-and-they-have-no-idea-what-theyre-doing
    WWW.EFF.ORG
    Lawmakers Want to Ban VPNs—And They Have No Idea What They're Doing
    It's unfortunately no longer enough to force websites to check your government-issued ID before you can access certain content, because politicians have now discovered that people are using Virtual Private Networks (VPNs) to protect their privacy and bypass these invasive laws. Their solution? Entirely ban the use of VPNs.
    0 Comments 0 Shares 56 Views 0 Reviews
  • ครบรอบ 16 ปีของ Go

    เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2025 ทีม Go ได้ฉลองครบรอบ 16 ปีของการเปิดซอร์ส Go โดยในปีนี้มีการออกเวอร์ชัน Go 1.24 และ Go 1.25 ซึ่งยังคงรักษาจังหวะการออกเวอร์ชันที่สม่ำเสมอ จุดเด่นคือการเพิ่ม API ใหม่เพื่อช่วยให้นักพัฒนาสร้างระบบที่มีความน่าเชื่อถือและปลอดภัยมากขึ้น รวมถึงการปรับปรุงเบื้องหลังที่ช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพสูงขึ้น.

    ฟีเจอร์ใหม่ด้านการทดสอบและคอนเทนเนอร์
    หนึ่งในฟีเจอร์สำคัญคือ testing/synctest package ที่ช่วยให้การทดสอบโค้ด asynchronous และ concurrent ง่ายขึ้น โดยสามารถ “virtualize time” ทำให้การทดสอบที่เคยช้าและไม่เสถียร กลายเป็นรวดเร็วและเชื่อถือได้ นอกจากนี้ Go 1.25 ยังเปิดตัว container-aware scheduling ที่ปรับการทำงานของ workload ให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมคอนเทนเนอร์โดยอัตโนมัติ ลดปัญหา CPU throttling และเพิ่มความพร้อมใช้งานในระดับ production.

    ความปลอดภัยและมาตรฐานใหม่
    Go ได้รับการตรวจสอบความปลอดภัยจากบริษัท Trail of Bits โดยพบเพียงข้อบกพร่องเล็กน้อย และยังได้รับการรับรอง CAVP ซึ่งเป็นก้าวสำคัญสู่การรับรอง FIPS 140-3 ที่จำเป็นในสภาพแวดล้อมที่มีการกำกับดูแลเข้มงวด อีกทั้งยังมี API ใหม่อย่าง os.Root ที่ช่วยป้องกันการเข้าถึงไฟล์ที่ไม่ควรเข้าถึง ทำให้ระบบมีความปลอดภัยโดยการออกแบบตั้งแต่ต้น.

    Green Tea Garbage Collector และอนาคต
    Go 1.25 เปิดตัว Green Tea garbage collector ที่ลด overhead ได้ 10–40% และใน Go 1.26 จะเปิดใช้งานเป็นค่าเริ่มต้น พร้อมรองรับ AVX-512 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพอีก 10% นอกจากนี้ยังมีการพัฒนา gopls language server และ automatic code modernizers ที่ช่วยให้นักพัฒนาปรับโค้ดให้ทันสมัยโดยอัตโนมัติ รวมถึงการร่วมมือกับ Anthropic และ Google เพื่อสร้าง Go MCP SDK และ ADK Go สำหรับการพัฒนา multi-agent applications.

    สรุปสาระสำคัญ
    ครบรอบ 16 ปีของ Go
    เปิดตัว Go 1.24 และ Go 1.25 พร้อมฟีเจอร์ใหม่
    เน้นความน่าเชื่อถือและประสิทธิภาพ

    ฟีเจอร์ด้านการทดสอบและคอนเทนเนอร์
    synctest package ทำให้การทดสอบ concurrent ง่ายขึ้น
    container-aware scheduling ลด CPU throttling

    ความปลอดภัยและมาตรฐาน
    ผ่านการตรวจสอบจาก Trail of Bits
    เตรียมรับรอง FIPS 140-3 และเพิ่ม os.Root API

    Green Tea Garbage Collector
    ลด overhead ได้สูงสุด 40%
    จะเปิดใช้งานเป็นค่าเริ่มต้นใน Go 1.26

    Ecosystem และอนาคต
    gopls language server พัฒนาอย่างต่อเนื่อง
    มี automatic code modernizers และ Go MCP SDK

    ความท้าทาย
    ต้องรักษาความเข้ากันได้กับโค้ดเก่าและ idioms เดิม
    ต้องปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของ AI และ hardware รุ่นใหม่

    https://go.dev/blog/16years
    🎉 ครบรอบ 16 ปีของ Go เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2025 ทีม Go ได้ฉลองครบรอบ 16 ปีของการเปิดซอร์ส Go โดยในปีนี้มีการออกเวอร์ชัน Go 1.24 และ Go 1.25 ซึ่งยังคงรักษาจังหวะการออกเวอร์ชันที่สม่ำเสมอ จุดเด่นคือการเพิ่ม API ใหม่เพื่อช่วยให้นักพัฒนาสร้างระบบที่มีความน่าเชื่อถือและปลอดภัยมากขึ้น รวมถึงการปรับปรุงเบื้องหลังที่ช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพสูงขึ้น. 🧪 ฟีเจอร์ใหม่ด้านการทดสอบและคอนเทนเนอร์ หนึ่งในฟีเจอร์สำคัญคือ testing/synctest package ที่ช่วยให้การทดสอบโค้ด asynchronous และ concurrent ง่ายขึ้น โดยสามารถ “virtualize time” ทำให้การทดสอบที่เคยช้าและไม่เสถียร กลายเป็นรวดเร็วและเชื่อถือได้ นอกจากนี้ Go 1.25 ยังเปิดตัว container-aware scheduling ที่ปรับการทำงานของ workload ให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมคอนเทนเนอร์โดยอัตโนมัติ ลดปัญหา CPU throttling และเพิ่มความพร้อมใช้งานในระดับ production. 🔐 ความปลอดภัยและมาตรฐานใหม่ Go ได้รับการตรวจสอบความปลอดภัยจากบริษัท Trail of Bits โดยพบเพียงข้อบกพร่องเล็กน้อย และยังได้รับการรับรอง CAVP ซึ่งเป็นก้าวสำคัญสู่การรับรอง FIPS 140-3 ที่จำเป็นในสภาพแวดล้อมที่มีการกำกับดูแลเข้มงวด อีกทั้งยังมี API ใหม่อย่าง os.Root ที่ช่วยป้องกันการเข้าถึงไฟล์ที่ไม่ควรเข้าถึง ทำให้ระบบมีความปลอดภัยโดยการออกแบบตั้งแต่ต้น. 🍵 Green Tea Garbage Collector และอนาคต Go 1.25 เปิดตัว Green Tea garbage collector ที่ลด overhead ได้ 10–40% และใน Go 1.26 จะเปิดใช้งานเป็นค่าเริ่มต้น พร้อมรองรับ AVX-512 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพอีก 10% นอกจากนี้ยังมีการพัฒนา gopls language server และ automatic code modernizers ที่ช่วยให้นักพัฒนาปรับโค้ดให้ทันสมัยโดยอัตโนมัติ รวมถึงการร่วมมือกับ Anthropic และ Google เพื่อสร้าง Go MCP SDK และ ADK Go สำหรับการพัฒนา multi-agent applications. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ครบรอบ 16 ปีของ Go ➡️ เปิดตัว Go 1.24 และ Go 1.25 พร้อมฟีเจอร์ใหม่ ➡️ เน้นความน่าเชื่อถือและประสิทธิภาพ ✅ ฟีเจอร์ด้านการทดสอบและคอนเทนเนอร์ ➡️ synctest package ทำให้การทดสอบ concurrent ง่ายขึ้น ➡️ container-aware scheduling ลด CPU throttling ✅ ความปลอดภัยและมาตรฐาน ➡️ ผ่านการตรวจสอบจาก Trail of Bits ➡️ เตรียมรับรอง FIPS 140-3 และเพิ่ม os.Root API ✅ Green Tea Garbage Collector ➡️ ลด overhead ได้สูงสุด 40% ➡️ จะเปิดใช้งานเป็นค่าเริ่มต้นใน Go 1.26 ✅ Ecosystem และอนาคต ➡️ gopls language server พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ➡️ มี automatic code modernizers และ Go MCP SDK ‼️ ความท้าทาย ⛔ ต้องรักษาความเข้ากันได้กับโค้ดเก่าและ idioms เดิม ⛔ ต้องปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของ AI และ hardware รุ่นใหม่ https://go.dev/blog/16years
    0 Comments 0 Shares 40 Views 0 Reviews
  • TCP: เสาหลักของอินเทอร์เน็ต

    บทความ “The Internet is Cool. Thank you, TCP” อธิบายว่า TCP (Transmission Control Protocol) คือกลไกสำคัญที่ทำให้ข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตถูกส่งอย่างเชื่อถือได้ แม้เครือข่ายจะมีปัญหา เช่น การสูญหายของแพ็กเก็ตหรือการจัดลำดับผิด TCP มีหน้าที่จัดการการส่งซ้ำ ตรวจสอบความถูกต้อง และรักษาลำดับข้อมูล ทำให้บริการอย่าง HTTP, SMTP, SSH ทำงานได้อย่างราบรื่น

    Flow Control และ Congestion Control
    TCP ไม่เพียงแต่รับประกันความถูกต้อง แต่ยังมีระบบ Flow Control เพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องปลายทางรับข้อมูลเกินความสามารถ และ Congestion Control เพื่อหลีกเลี่ยงการล่มของเครือข่าย ตัวอย่างที่น่าสนใจคือ “Congestion Collapse” ปี 1986 ที่ทำให้ความเร็วอินเทอร์เน็ตตกลงเหลือเพียง 40 bps ก่อนที่ TCP จะถูกปรับปรุงให้มีการ “back off” และ “play nice” เพื่อแก้ปัญหา

    ตัวอย่างโค้ด TCP Server
    ผู้เขียนยกตัวอย่างการสร้าง TCP Server ด้วยภาษา C ที่สามารถรับข้อความจาก client และส่งกลับข้อความ “You sent: …” เพื่อแสดงให้เห็นการทำงานแบบ duplex bidirectional link ซึ่งทั้งสองฝั่งสามารถส่งข้อมูลได้อิสระ ไม่จำเป็นต้องเป็นเพียง request/response เท่านั้น

    กลไกภายใน TCP
    TCP มีโครงสร้าง header ที่ซับซ้อน เช่น Sequence Number, Acknowledgment Number, Flags (SYN, ACK, FIN, RST) และ Window Size ซึ่งทั้งหมดทำงานร่วมกันเพื่อให้การเชื่อมต่อมีความน่าเชื่อถือ ตัวอย่างที่โด่งดังคือ 3-way handshake ที่ใช้ในการเริ่มต้นการเชื่อมต่อ และ 4-way handshake ที่ใช้ในการปิดการเชื่อมต่อ

    สรุปสาระสำคัญ
    TCP คือโปรโตคอลที่ทำให้ข้อมูลส่งได้อย่างเชื่อถือ
    ใช้ในบริการหลัก เช่น HTTP, SMTP, SSH
    มีระบบตรวจสอบและส่งซ้ำเพื่อแก้ปัญหาการสูญหาย

    Flow Control และ Congestion Control
    ป้องกันการส่งข้อมูลเกินความสามารถของเครื่องปลายทาง
    แก้ปัญหา Congestion Collapse ปี 1986

    ตัวอย่างโค้ด TCP Server
    ใช้ภาษา C สร้าง server ที่ตอบกลับข้อความ
    แสดงการทำงานแบบ duplex bidirectional link

    กลไกภายใน TCP
    มี Sequence Number และ Acknowledgment Number เพื่อรักษาลำดับข้อมูล
    ใช้ 3-way handshake และ 4-way handshake ในการเชื่อมต่อและปิดการเชื่อมต่อ

    ความเสี่ยงหากไม่มี TCP
    นักพัฒนาต้องเขียนระบบตรวจสอบและส่งซ้ำเอง
    เครือข่ายอาจเกิดการล่มหรือข้อมูลผิดพลาดบ่อยครั้ง

    https://cefboud.com/posts/tcp-deep-dive-internals/
    🌐 TCP: เสาหลักของอินเทอร์เน็ต บทความ “The Internet is Cool. Thank you, TCP” อธิบายว่า TCP (Transmission Control Protocol) คือกลไกสำคัญที่ทำให้ข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตถูกส่งอย่างเชื่อถือได้ แม้เครือข่ายจะมีปัญหา เช่น การสูญหายของแพ็กเก็ตหรือการจัดลำดับผิด TCP มีหน้าที่จัดการการส่งซ้ำ ตรวจสอบความถูกต้อง และรักษาลำดับข้อมูล ทำให้บริการอย่าง HTTP, SMTP, SSH ทำงานได้อย่างราบรื่น 📶 Flow Control และ Congestion Control TCP ไม่เพียงแต่รับประกันความถูกต้อง แต่ยังมีระบบ Flow Control เพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องปลายทางรับข้อมูลเกินความสามารถ และ Congestion Control เพื่อหลีกเลี่ยงการล่มของเครือข่าย ตัวอย่างที่น่าสนใจคือ “Congestion Collapse” ปี 1986 ที่ทำให้ความเร็วอินเทอร์เน็ตตกลงเหลือเพียง 40 bps ก่อนที่ TCP จะถูกปรับปรุงให้มีการ “back off” และ “play nice” เพื่อแก้ปัญหา 💻 ตัวอย่างโค้ด TCP Server ผู้เขียนยกตัวอย่างการสร้าง TCP Server ด้วยภาษา C ที่สามารถรับข้อความจาก client และส่งกลับข้อความ “You sent: …” เพื่อแสดงให้เห็นการทำงานแบบ duplex bidirectional link ซึ่งทั้งสองฝั่งสามารถส่งข้อมูลได้อิสระ ไม่จำเป็นต้องเป็นเพียง request/response เท่านั้น 🔑 กลไกภายใน TCP TCP มีโครงสร้าง header ที่ซับซ้อน เช่น Sequence Number, Acknowledgment Number, Flags (SYN, ACK, FIN, RST) และ Window Size ซึ่งทั้งหมดทำงานร่วมกันเพื่อให้การเชื่อมต่อมีความน่าเชื่อถือ ตัวอย่างที่โด่งดังคือ 3-way handshake ที่ใช้ในการเริ่มต้นการเชื่อมต่อ และ 4-way handshake ที่ใช้ในการปิดการเชื่อมต่อ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ TCP คือโปรโตคอลที่ทำให้ข้อมูลส่งได้อย่างเชื่อถือ ➡️ ใช้ในบริการหลัก เช่น HTTP, SMTP, SSH ➡️ มีระบบตรวจสอบและส่งซ้ำเพื่อแก้ปัญหาการสูญหาย ✅ Flow Control และ Congestion Control ➡️ ป้องกันการส่งข้อมูลเกินความสามารถของเครื่องปลายทาง ➡️ แก้ปัญหา Congestion Collapse ปี 1986 ✅ ตัวอย่างโค้ด TCP Server ➡️ ใช้ภาษา C สร้าง server ที่ตอบกลับข้อความ ➡️ แสดงการทำงานแบบ duplex bidirectional link ✅ กลไกภายใน TCP ➡️ มี Sequence Number และ Acknowledgment Number เพื่อรักษาลำดับข้อมูล ➡️ ใช้ 3-way handshake และ 4-way handshake ในการเชื่อมต่อและปิดการเชื่อมต่อ ‼️ ความเสี่ยงหากไม่มี TCP ⛔ นักพัฒนาต้องเขียนระบบตรวจสอบและส่งซ้ำเอง ⛔ เครือข่ายอาจเกิดการล่มหรือข้อมูลผิดพลาดบ่อยครั้ง https://cefboud.com/posts/tcp-deep-dive-internals/
    CEFBOUD.COM
    The Internet is Cool. Thank you, TCP
    An exploration of TCP, the workhorse of the internet. This deep dive includes detailed examples and a step-by-step walkthrough.
    0 Comments 0 Shares 38 Views 0 Reviews
  • ข้อมูลรั่วไหลจาก AIPAC – กระทบผู้ใช้งานหลายร้อยราย

    องค์กร AIPAC (American Israel Public Affairs Committee) เปิดเผยว่าเกิดเหตุ ข้อมูลรั่วไหล (data breach) หลังมีการเข้าถึงระบบจากบุคคลภายนอกโดยไม่ได้รับอนุญาต เหตุการณ์นี้ถูกตรวจพบเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2025 และพบว่ามีการเข้าถึงไฟล์ตั้งแต่ ตุลาคม 2024 ถึงกุมภาพันธ์ 2025

    รายละเอียดการรั่วไหล
    ไฟล์ที่ถูกเข้าถึงมีข้อมูลระบุตัวบุคคล (Personally Identifiable Information – PII) เช่น ชื่อ, ที่อยู่, อีเมล, หมายเลขบัตรประชาชน, พาสปอร์ต, ข้อมูลการชำระเงิน และข้อมูลธนาคาร รวมถึงข้อมูลที่อาจใช้ในการโจรกรรมทางการเงินหรือการปลอมแปลงตัวตน เหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งาน 810 คน โดยมีผู้ที่อาศัยอยู่ในรัฐ Maine รวมอยู่ด้วย

    การตอบสนองของ AIPAC
    องค์กรได้เริ่มแจ้งผู้ที่ได้รับผลกระทบตั้งแต่วันที่ 13 พฤศจิกายน 2025 และยืนยันว่า ยังไม่พบหลักฐานการนำข้อมูลไปใช้ในทางที่ผิด อย่างไรก็ตาม เพื่อความปลอดภัย AIPAC ได้เสนอแพ็กเกจ Identity Protection ผ่าน IDX เป็นเวลา 12 เดือน ครอบคลุมการตรวจสอบเครดิต, CyberScan monitoring, ประกันภัย และบริการกู้คืนตัวตน

    มาตรการเสริมความปลอดภัย
    หลังเหตุการณ์นี้ AIPAC ได้เพิ่มมาตรการใหม่ เช่น posture controls, non-human identity controls, email data loss prevention, Microsoft 365 access controls, privilege alerts, geolocation restrictions และ audit functions เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำอีก

    รายละเอียดเหตุการณ์
    เกิดการเข้าถึงไฟล์โดยไม่ได้รับอนุญาตระหว่าง ต.ค. 2024 – ก.พ. 2025
    ข้อมูลที่รั่วไหลรวมถึง PII และข้อมูลทางการเงิน
    ผู้ได้รับผลกระทบรวม 810 คน

    การตอบสนองของ AIPAC
    แจ้งผู้ได้รับผลกระทบตั้งแต่ 13 พ.ย. 2025
    เสนอแพ็กเกจ Identity Protection ฟรี 12 เดือน

    มาตรการใหม่เพื่อความปลอดภัย
    เพิ่มระบบตรวจสอบสิทธิ์, การป้องกันข้อมูลสูญหาย และการจำกัดการเข้าถึง

    คำเตือนและความเสี่ยง
    ข้อมูลที่รั่วไหลอาจถูกนำไปใช้ในการโจรกรรมทางการเงินหรือปลอมแปลงตัวตน
    แม้ยังไม่พบการใช้งานข้อมูล แต่ความเสี่ยงยังคงอยู่
    ผู้ได้รับผลกระทบควรตรวจสอบเครดิตและธุรกรรมทางการเงินอย่างต่อเนื่อง

    https://hackread.com/aipac-data-breach-hundreds-affected/
    🔓 ข้อมูลรั่วไหลจาก AIPAC – กระทบผู้ใช้งานหลายร้อยราย องค์กร AIPAC (American Israel Public Affairs Committee) เปิดเผยว่าเกิดเหตุ ข้อมูลรั่วไหล (data breach) หลังมีการเข้าถึงระบบจากบุคคลภายนอกโดยไม่ได้รับอนุญาต เหตุการณ์นี้ถูกตรวจพบเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2025 และพบว่ามีการเข้าถึงไฟล์ตั้งแต่ ตุลาคม 2024 ถึงกุมภาพันธ์ 2025 📑 รายละเอียดการรั่วไหล ไฟล์ที่ถูกเข้าถึงมีข้อมูลระบุตัวบุคคล (Personally Identifiable Information – PII) เช่น ชื่อ, ที่อยู่, อีเมล, หมายเลขบัตรประชาชน, พาสปอร์ต, ข้อมูลการชำระเงิน และข้อมูลธนาคาร รวมถึงข้อมูลที่อาจใช้ในการโจรกรรมทางการเงินหรือการปลอมแปลงตัวตน เหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งาน 810 คน โดยมีผู้ที่อาศัยอยู่ในรัฐ Maine รวมอยู่ด้วย 🛡️ การตอบสนองของ AIPAC องค์กรได้เริ่มแจ้งผู้ที่ได้รับผลกระทบตั้งแต่วันที่ 13 พฤศจิกายน 2025 และยืนยันว่า ยังไม่พบหลักฐานการนำข้อมูลไปใช้ในทางที่ผิด อย่างไรก็ตาม เพื่อความปลอดภัย AIPAC ได้เสนอแพ็กเกจ Identity Protection ผ่าน IDX เป็นเวลา 12 เดือน ครอบคลุมการตรวจสอบเครดิต, CyberScan monitoring, ประกันภัย และบริการกู้คืนตัวตน 🔧 มาตรการเสริมความปลอดภัย หลังเหตุการณ์นี้ AIPAC ได้เพิ่มมาตรการใหม่ เช่น posture controls, non-human identity controls, email data loss prevention, Microsoft 365 access controls, privilege alerts, geolocation restrictions และ audit functions เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำอีก ✅ รายละเอียดเหตุการณ์ ➡️ เกิดการเข้าถึงไฟล์โดยไม่ได้รับอนุญาตระหว่าง ต.ค. 2024 – ก.พ. 2025 ➡️ ข้อมูลที่รั่วไหลรวมถึง PII และข้อมูลทางการเงิน ➡️ ผู้ได้รับผลกระทบรวม 810 คน ✅ การตอบสนองของ AIPAC ➡️ แจ้งผู้ได้รับผลกระทบตั้งแต่ 13 พ.ย. 2025 ➡️ เสนอแพ็กเกจ Identity Protection ฟรี 12 เดือน ✅ มาตรการใหม่เพื่อความปลอดภัย ➡️ เพิ่มระบบตรวจสอบสิทธิ์, การป้องกันข้อมูลสูญหาย และการจำกัดการเข้าถึง ‼️ คำเตือนและความเสี่ยง ⛔ ข้อมูลที่รั่วไหลอาจถูกนำไปใช้ในการโจรกรรมทางการเงินหรือปลอมแปลงตัวตน ⛔ แม้ยังไม่พบการใช้งานข้อมูล แต่ความเสี่ยงยังคงอยู่ ⛔ ผู้ได้รับผลกระทบควรตรวจสอบเครดิตและธุรกรรมทางการเงินอย่างต่อเนื่อง https://hackread.com/aipac-data-breach-hundreds-affected/
    HACKREAD.COM
    AIPAC Discloses Data Breach, Says Hundreds Affected
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 Comments 0 Shares 32 Views 0 Reviews
More Results