OpenAI เข้าสู่โหมด “Code Red”
ตามรายงานจาก The Wall Street Journal และ Tom’s Hardware, Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI ได้ส่งบันทึกภายในประกาศว่าองค์กรอยู่ในสถานะ “Code Red” หลังจาก Google เปิดตัว Gemini 3 ที่ถูกฝังอยู่ในผลิตภัณฑ์หลักของ Google และทำคะแนน benchmark ได้เหนือกว่า ChatGPT การตัดสินใจนี้ทำให้ OpenAI ต้องหยุดโครงการอื่น ๆ เพื่อทุ่มทรัพยากรไปที่การพัฒนาโมเดลหลัก
จุดอ่อนที่ต้องแก้ไข
Altman ระบุว่าทีมต้องเร่งปรับปรุง ความเร็ว ความเสถียร และความสามารถในการปรับแต่ง (personalization) ของ ChatGPT รวมถึงขยายขอบเขตความรู้ให้ครอบคลุมมากขึ้น หลังจากที่ GPT-5 ซึ่งเปิดตัวในเดือนสิงหาคม 2025 ถูกวิจารณ์ว่ามีความ “เชิงวิชาการเกินไป” และด้อยกว่าในด้านคณิตศาสตร์และภูมิศาสตร์เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า
การแข่งขันที่ดุเดือด
นอกจาก Google แล้ว ยังมีคู่แข่งรายอื่น เช่น Anthropic ที่เพิ่งเปิดตัว Claude Opus 4.5 และ Meta ที่ผลักดันโมเดลโอเพ่นซอร์ส LLaMA รวมถึง DeepSeek จากจีน ทำให้ตลาด LLM มีการแข่งขันสูงขึ้นเรื่อย ๆ OpenAI จึงต้องเร่งรักษาความได้เปรียบเพื่อไม่ให้เสียพื้นที่ในตลาดที่กำลังเติบโต
มิติทางธุรกิจ
Microsoft ซึ่งถือหุ้นราว 27% ใน OpenAI ได้ลงทุนไปกว่า 13 พันล้านดอลลาร์ แต่ก็รายงานขาดทุนกว่า 3.1 พันล้านในไตรมาสล่าสุด การแข่งขันที่รุนแรงนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องเทคโนโลยี แต่ยังเป็นแรงกดดันทางการเงินที่ทำให้ OpenAI ต้องเร่งสร้างความแตกต่างและหาทางคืนทุน
สรุปสาระสำคัญ
OpenAI ประกาศ “Code Red” หลัง Gemini 3 แซง ChatGPT
หยุดโครงการอื่นเพื่อทุ่มไปที่โมเดลหลัก
Sam Altman สั่งเร่งปรับปรุง GPT
เน้นความเร็ว ความเสถียร และการปรับแต่ง
คู่แข่งรายอื่นกำลังไล่บี้
Anthropic, Meta และ DeepSeek กำลังขยายตลาด
Microsoft ลงทุนมหาศาลแต่ยังขาดทุน
กดดันให้ OpenAI ต้องสร้างผลลัพธ์เชิงธุรกิจ
GPT-5 ถูกวิจารณ์ว่าด้อยกว่าในบางด้าน
อาจทำให้ผู้ใช้สูญเสียความเชื่อมั่น
การแข่งขัน LLM รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
หากไม่เร่งพัฒนา OpenAI อาจเสียความเป็นผู้นำ
https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/openai-declares-code-red-as-googles-gemini-ai-outpaces-chatgpt-in-industry-benchmarks-report-claims-sam-altman-sets-all-hands-to-the-pump-on-flagship-llm-parks-other-projects
ตามรายงานจาก The Wall Street Journal และ Tom’s Hardware, Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI ได้ส่งบันทึกภายในประกาศว่าองค์กรอยู่ในสถานะ “Code Red” หลังจาก Google เปิดตัว Gemini 3 ที่ถูกฝังอยู่ในผลิตภัณฑ์หลักของ Google และทำคะแนน benchmark ได้เหนือกว่า ChatGPT การตัดสินใจนี้ทำให้ OpenAI ต้องหยุดโครงการอื่น ๆ เพื่อทุ่มทรัพยากรไปที่การพัฒนาโมเดลหลัก
จุดอ่อนที่ต้องแก้ไข
Altman ระบุว่าทีมต้องเร่งปรับปรุง ความเร็ว ความเสถียร และความสามารถในการปรับแต่ง (personalization) ของ ChatGPT รวมถึงขยายขอบเขตความรู้ให้ครอบคลุมมากขึ้น หลังจากที่ GPT-5 ซึ่งเปิดตัวในเดือนสิงหาคม 2025 ถูกวิจารณ์ว่ามีความ “เชิงวิชาการเกินไป” และด้อยกว่าในด้านคณิตศาสตร์และภูมิศาสตร์เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า
การแข่งขันที่ดุเดือด
นอกจาก Google แล้ว ยังมีคู่แข่งรายอื่น เช่น Anthropic ที่เพิ่งเปิดตัว Claude Opus 4.5 และ Meta ที่ผลักดันโมเดลโอเพ่นซอร์ส LLaMA รวมถึง DeepSeek จากจีน ทำให้ตลาด LLM มีการแข่งขันสูงขึ้นเรื่อย ๆ OpenAI จึงต้องเร่งรักษาความได้เปรียบเพื่อไม่ให้เสียพื้นที่ในตลาดที่กำลังเติบโต
มิติทางธุรกิจ
Microsoft ซึ่งถือหุ้นราว 27% ใน OpenAI ได้ลงทุนไปกว่า 13 พันล้านดอลลาร์ แต่ก็รายงานขาดทุนกว่า 3.1 พันล้านในไตรมาสล่าสุด การแข่งขันที่รุนแรงนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องเทคโนโลยี แต่ยังเป็นแรงกดดันทางการเงินที่ทำให้ OpenAI ต้องเร่งสร้างความแตกต่างและหาทางคืนทุน
สรุปสาระสำคัญ
OpenAI ประกาศ “Code Red” หลัง Gemini 3 แซง ChatGPT
หยุดโครงการอื่นเพื่อทุ่มไปที่โมเดลหลัก
Sam Altman สั่งเร่งปรับปรุง GPT
เน้นความเร็ว ความเสถียร และการปรับแต่ง
คู่แข่งรายอื่นกำลังไล่บี้
Anthropic, Meta และ DeepSeek กำลังขยายตลาด
Microsoft ลงทุนมหาศาลแต่ยังขาดทุน
กดดันให้ OpenAI ต้องสร้างผลลัพธ์เชิงธุรกิจ
GPT-5 ถูกวิจารณ์ว่าด้อยกว่าในบางด้าน
อาจทำให้ผู้ใช้สูญเสียความเชื่อมั่น
การแข่งขัน LLM รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
หากไม่เร่งพัฒนา OpenAI อาจเสียความเป็นผู้นำ
https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/openai-declares-code-red-as-googles-gemini-ai-outpaces-chatgpt-in-industry-benchmarks-report-claims-sam-altman-sets-all-hands-to-the-pump-on-flagship-llm-parks-other-projects
🚨 OpenAI เข้าสู่โหมด “Code Red”
ตามรายงานจาก The Wall Street Journal และ Tom’s Hardware, Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI ได้ส่งบันทึกภายในประกาศว่าองค์กรอยู่ในสถานะ “Code Red” หลังจาก Google เปิดตัว Gemini 3 ที่ถูกฝังอยู่ในผลิตภัณฑ์หลักของ Google และทำคะแนน benchmark ได้เหนือกว่า ChatGPT การตัดสินใจนี้ทำให้ OpenAI ต้องหยุดโครงการอื่น ๆ เพื่อทุ่มทรัพยากรไปที่การพัฒนาโมเดลหลัก
⚙️ จุดอ่อนที่ต้องแก้ไข
Altman ระบุว่าทีมต้องเร่งปรับปรุง ความเร็ว ความเสถียร และความสามารถในการปรับแต่ง (personalization) ของ ChatGPT รวมถึงขยายขอบเขตความรู้ให้ครอบคลุมมากขึ้น หลังจากที่ GPT-5 ซึ่งเปิดตัวในเดือนสิงหาคม 2025 ถูกวิจารณ์ว่ามีความ “เชิงวิชาการเกินไป” และด้อยกว่าในด้านคณิตศาสตร์และภูมิศาสตร์เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า
🌍 การแข่งขันที่ดุเดือด
นอกจาก Google แล้ว ยังมีคู่แข่งรายอื่น เช่น Anthropic ที่เพิ่งเปิดตัว Claude Opus 4.5 และ Meta ที่ผลักดันโมเดลโอเพ่นซอร์ส LLaMA รวมถึง DeepSeek จากจีน ทำให้ตลาด LLM มีการแข่งขันสูงขึ้นเรื่อย ๆ OpenAI จึงต้องเร่งรักษาความได้เปรียบเพื่อไม่ให้เสียพื้นที่ในตลาดที่กำลังเติบโต
💰 มิติทางธุรกิจ
Microsoft ซึ่งถือหุ้นราว 27% ใน OpenAI ได้ลงทุนไปกว่า 13 พันล้านดอลลาร์ แต่ก็รายงานขาดทุนกว่า 3.1 พันล้านในไตรมาสล่าสุด การแข่งขันที่รุนแรงนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องเทคโนโลยี แต่ยังเป็นแรงกดดันทางการเงินที่ทำให้ OpenAI ต้องเร่งสร้างความแตกต่างและหาทางคืนทุน
📌 สรุปสาระสำคัญ
✅ OpenAI ประกาศ “Code Red” หลัง Gemini 3 แซง ChatGPT
➡️ หยุดโครงการอื่นเพื่อทุ่มไปที่โมเดลหลัก
✅ Sam Altman สั่งเร่งปรับปรุง GPT
➡️ เน้นความเร็ว ความเสถียร และการปรับแต่ง
✅ คู่แข่งรายอื่นกำลังไล่บี้
➡️ Anthropic, Meta และ DeepSeek กำลังขยายตลาด
✅ Microsoft ลงทุนมหาศาลแต่ยังขาดทุน
➡️ กดดันให้ OpenAI ต้องสร้างผลลัพธ์เชิงธุรกิจ
‼️ GPT-5 ถูกวิจารณ์ว่าด้อยกว่าในบางด้าน
⛔ อาจทำให้ผู้ใช้สูญเสียความเชื่อมั่น
‼️ การแข่งขัน LLM รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
⛔ หากไม่เร่งพัฒนา OpenAI อาจเสียความเป็นผู้นำ
https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/openai-declares-code-red-as-googles-gemini-ai-outpaces-chatgpt-in-industry-benchmarks-report-claims-sam-altman-sets-all-hands-to-the-pump-on-flagship-llm-parks-other-projects
0 ความคิดเห็น
0 การแบ่งปัน
43 มุมมอง
0 รีวิว