• ReactOS ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการโอเพ่นซอร์สที่พัฒนาขึ้นเพื่อให้เข้ากันได้กับ Windows NT ได้เพิ่มการรองรับไดรเวอร์สำหรับ GPU รุ่น Voodoo5 ของ 3dfx ซึ่งเป็นการ์ดจอที่ได้รับความนิยมในยุค 90 โดยนักพัฒนาได้รายงานว่าประสิทธิภาพในแอปพลิเคชัน OpenGL นั้นใกล้เคียงกับการใช้งานบน Windows NT แม้ว่าจะยังมีข้อจำกัดบางประการ เช่น การไม่รองรับโหมดหน้าต่าง

    การ์ดจอ Voodoo5 ซึ่งเป็นรุ่นสุดท้ายของ 3dfx ได้รับความนิยมในหมู่เกมเมอร์และนักสะสม เนื่องจากความสามารถในการรองรับเกมที่ใช้ Glide API และความเร็วที่โดดเด่นในยุคนั้น

    ReactOS ยังคงอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา Alpha และมีเป้าหมายเพื่อให้เป็นระบบที่ปลอดภัยและเหมาะสำหรับการใช้งานฮาร์ดแวร์รุ่นเก่า โดยในเวอร์ชันล่าสุด 0.4.15 ได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ เช่น การรองรับ Plug-and-Play และการจัดการหน่วยความจำที่ดีขึ้น

    ✅ การรองรับ GPU รุ่น Voodoo5
    - ReactOS เพิ่มการรองรับไดรเวอร์สำหรับ GPU รุ่น Voodoo5
    - ประสิทธิภาพในแอปพลิเคชัน OpenGL ใกล้เคียงกับการใช้งานบน Windows NT

    ✅ ความสำคัญของการ์ดจอ Voodoo5
    - เป็นรุ่นสุดท้ายของ 3dfx และได้รับความนิยมในหมู่เกมเมอร์และนักสะสม
    - รองรับเกมที่ใช้ Glide API และมีความเร็วที่โดดเด่นในยุคนั้น

    ✅ ฟีเจอร์ใหม่ใน ReactOS เวอร์ชัน 0.4.15
    - รองรับ Plug-and-Play และการจัดการหน่วยความจำที่ดีขึ้น
    - เพิ่มการรองรับรูปแบบเสียงและอุปกรณ์เสริม

    ✅ เป้าหมายของ ReactOS
    - มุ่งเน้นการเป็นระบบที่ปลอดภัยและเหมาะสำหรับการใช้งานฮาร์ดแวร์รุ่นเก่า
    - เหมาะสำหรับการทดสอบและการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ต้องการความปลอดภัย

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/reactos-now-supports-3dfxs-voodoo5-gpus-open-source-windows-alternative-offers-near-native-performance-for-retro-gamers
    ReactOS ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการโอเพ่นซอร์สที่พัฒนาขึ้นเพื่อให้เข้ากันได้กับ Windows NT ได้เพิ่มการรองรับไดรเวอร์สำหรับ GPU รุ่น Voodoo5 ของ 3dfx ซึ่งเป็นการ์ดจอที่ได้รับความนิยมในยุค 90 โดยนักพัฒนาได้รายงานว่าประสิทธิภาพในแอปพลิเคชัน OpenGL นั้นใกล้เคียงกับการใช้งานบน Windows NT แม้ว่าจะยังมีข้อจำกัดบางประการ เช่น การไม่รองรับโหมดหน้าต่าง การ์ดจอ Voodoo5 ซึ่งเป็นรุ่นสุดท้ายของ 3dfx ได้รับความนิยมในหมู่เกมเมอร์และนักสะสม เนื่องจากความสามารถในการรองรับเกมที่ใช้ Glide API และความเร็วที่โดดเด่นในยุคนั้น ReactOS ยังคงอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา Alpha และมีเป้าหมายเพื่อให้เป็นระบบที่ปลอดภัยและเหมาะสำหรับการใช้งานฮาร์ดแวร์รุ่นเก่า โดยในเวอร์ชันล่าสุด 0.4.15 ได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ เช่น การรองรับ Plug-and-Play และการจัดการหน่วยความจำที่ดีขึ้น ✅ การรองรับ GPU รุ่น Voodoo5 - ReactOS เพิ่มการรองรับไดรเวอร์สำหรับ GPU รุ่น Voodoo5 - ประสิทธิภาพในแอปพลิเคชัน OpenGL ใกล้เคียงกับการใช้งานบน Windows NT ✅ ความสำคัญของการ์ดจอ Voodoo5 - เป็นรุ่นสุดท้ายของ 3dfx และได้รับความนิยมในหมู่เกมเมอร์และนักสะสม - รองรับเกมที่ใช้ Glide API และมีความเร็วที่โดดเด่นในยุคนั้น ✅ ฟีเจอร์ใหม่ใน ReactOS เวอร์ชัน 0.4.15 - รองรับ Plug-and-Play และการจัดการหน่วยความจำที่ดีขึ้น - เพิ่มการรองรับรูปแบบเสียงและอุปกรณ์เสริม ✅ เป้าหมายของ ReactOS - มุ่งเน้นการเป็นระบบที่ปลอดภัยและเหมาะสำหรับการใช้งานฮาร์ดแวร์รุ่นเก่า - เหมาะสำหรับการทดสอบและการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ต้องการความปลอดภัย https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/reactos-now-supports-3dfxs-voodoo5-gpus-open-source-windows-alternative-offers-near-native-performance-for-retro-gamers
    0 Comments 0 Shares 122 Views 0 Reviews
  • บทความนี้กล่าวถึงการใช้เงินของบริษัทเทคโนโลยีในสหรัฐฯ เพื่อการล็อบบี้รัฐบาลในปี 2024 โดยมีเป้าหมายเพื่อปกป้องผลประโยชน์และสนับสนุนกฎหมายที่สอดคล้องกับเป้าหมายทางธุรกิจ รายงานจาก OpenSecrets เผยให้เห็นว่าบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ เช่น Apple, Meta, Microsoft, Amazon, OpenAI, Alphabet และ Samsung ได้ลงทุนเงินจำนวนมหาศาลในกิจกรรมล็อบบี้ โดย Meta เป็นบริษัทที่ใช้เงินมากที่สุดถึง 24.43 ล้านดอลลาร์

    กิจกรรมล็อบบี้ของบริษัทเหล่านี้ครอบคลุมกฎหมายที่หลากหลาย เช่น กฎหมายปกป้องเด็กออนไลน์ (Kids Online Safety Act) กฎหมายป้องกันการใช้ AI ในการหลอกลวง (Protect Elections from Deceptive AI Act) และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันประเทศ

    การล็อบบี้ในสหรัฐฯ เป็นเรื่องที่ถูกกฎหมายและมีบริษัทที่ให้บริการล็อบบี้โดยเฉพาะ อย่างไรก็ตาม การล็อบบี้ยังคงเป็นประเด็นที่ถกเถียงในหลายประเทศ เนื่องจากอาจถูกมองว่าเป็นการทุจริต

    ✅ การใช้เงินในกิจกรรมล็อบบี้
    - Meta ใช้เงินมากที่สุดถึง 24.43 ล้านดอลลาร์
    - Apple ใช้เงิน 7.82 ล้านดอลลาร์ และ Microsoft ใช้เงิน 10.35 ล้านดอลลาร์

    ✅ กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
    - กฎหมายปกป้องเด็กออนไลน์ เช่น Kids Online Safety Act
    - กฎหมายป้องกันการใช้ AI ในการหลอกลวง เช่น Protect Elections from Deceptive AI Act

    ✅ เป้าหมายของกิจกรรมล็อบบี้
    - ปกป้องผลประโยชน์ของบริษัท
    - สนับสนุนกฎหมายที่สอดคล้องกับเป้าหมายทางธุรกิจ

    ✅ การล็อบบี้ในสหรัฐฯ
    - เป็นเรื่องที่ถูกกฎหมายและมีบริษัทที่ให้บริการล็อบบี้โดยเฉพาะ

    https://www.neowin.net/news/here-is-how-much-us-tech-firms-spent-on-lobbying-the-us-government-in-2024/
    บทความนี้กล่าวถึงการใช้เงินของบริษัทเทคโนโลยีในสหรัฐฯ เพื่อการล็อบบี้รัฐบาลในปี 2024 โดยมีเป้าหมายเพื่อปกป้องผลประโยชน์และสนับสนุนกฎหมายที่สอดคล้องกับเป้าหมายทางธุรกิจ รายงานจาก OpenSecrets เผยให้เห็นว่าบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ เช่น Apple, Meta, Microsoft, Amazon, OpenAI, Alphabet และ Samsung ได้ลงทุนเงินจำนวนมหาศาลในกิจกรรมล็อบบี้ โดย Meta เป็นบริษัทที่ใช้เงินมากที่สุดถึง 24.43 ล้านดอลลาร์ กิจกรรมล็อบบี้ของบริษัทเหล่านี้ครอบคลุมกฎหมายที่หลากหลาย เช่น กฎหมายปกป้องเด็กออนไลน์ (Kids Online Safety Act) กฎหมายป้องกันการใช้ AI ในการหลอกลวง (Protect Elections from Deceptive AI Act) และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันประเทศ การล็อบบี้ในสหรัฐฯ เป็นเรื่องที่ถูกกฎหมายและมีบริษัทที่ให้บริการล็อบบี้โดยเฉพาะ อย่างไรก็ตาม การล็อบบี้ยังคงเป็นประเด็นที่ถกเถียงในหลายประเทศ เนื่องจากอาจถูกมองว่าเป็นการทุจริต ✅ การใช้เงินในกิจกรรมล็อบบี้ - Meta ใช้เงินมากที่สุดถึง 24.43 ล้านดอลลาร์ - Apple ใช้เงิน 7.82 ล้านดอลลาร์ และ Microsoft ใช้เงิน 10.35 ล้านดอลลาร์ ✅ กฎหมายที่เกี่ยวข้อง - กฎหมายปกป้องเด็กออนไลน์ เช่น Kids Online Safety Act - กฎหมายป้องกันการใช้ AI ในการหลอกลวง เช่น Protect Elections from Deceptive AI Act ✅ เป้าหมายของกิจกรรมล็อบบี้ - ปกป้องผลประโยชน์ของบริษัท - สนับสนุนกฎหมายที่สอดคล้องกับเป้าหมายทางธุรกิจ ✅ การล็อบบี้ในสหรัฐฯ - เป็นเรื่องที่ถูกกฎหมายและมีบริษัทที่ให้บริการล็อบบี้โดยเฉพาะ https://www.neowin.net/news/here-is-how-much-us-tech-firms-spent-on-lobbying-the-us-government-in-2024/
    WWW.NEOWIN.NET
    Here is how much US tech firms spent on lobbying the US government in 2024
    Tech firms in the United States spend hundreds of millions of dollars per year on lobbying efforts to protect their interests. Here is how much.
    0 Comments 0 Shares 154 Views 0 Reviews
  • Afghanization, Finlandization, And The Politic-ization Of Place Names

    Recent news has been filled with analysis that attempts to make sense of current events by comparing them to past moments in history—and applying some of the terminology that originated in the midst or aftermath of those earlier events. Prominent examples include terms based on the combination of a place name and the ending -ization, such as Afghanization (in the context of the withdrawal of US forces from Afghanistan) and Finlandization (in the context of the Russian invasion of Ukraine).

    Not only are such terms used in fraught political discussions, use of the words themselves is often controversial due to debates about what they mean exactly as well as how—or whether—they should be used.

    Add context to your reading of current events with this list of some of the -ization terms you’re most likely to encounter in historical analysis, along with explanations about the different meanings they can have.

    Afghanization
    The term Afghanization is most prominently used in the context of US forces in Afghanistan, particularly in the lead-up to and during the withdrawal of those forces in 2021. Specifically, it refers to the US strategy of attempting to return political and military control to Afghan forces. The term is also used separately to refer to ethnic and language assimilation within the country.

    Africanization
    The term Africanization can be used in a variety of ways. It can mean “to bring under African, especially Black African, influence or to adapt to African needs” or more specifically, “to make African, especially to give control of (policy, government, etc.) to Africans.” It is commonly used to discuss postcolonial Africa and post-apartheid South Africa. In this context, Africanization refers to restoring political, economic, and civil power to Black Africans.

    Americanization
    The word Americanization is used to refer to two separate ideas. In the early 1900s, many advocated for “Americanizing” the large number of new immigrants who were entering the United States at the time as a way to instill cultural values considered quintessentially “American.” During and after, this approach has faced criticism for forcing the loss of immigrants’ original cultures.

    More currently, the word Americanization is often used to refer to the spread of American culture across the world, especially through American media and popular culture. This term can refer to the wide availability of American pop culture, which has been noted for its influence on many other nations’ cultures.

    Arabization
    The word Arabization is used to refer to a process of promoting Arabic language and Arabic culture in education, government, and media. In particular, Arabization is often used to describe government policies that enforce this process in countries that were formerly under the control of non-Arab colonizers.

    balkanization
    The term balkanization is sometimes applied when a large place or country divides up into smaller, more homogenous communities. It can also refer to conflict between various ethnic groups in one state. The term balkanization makes reference to the Balkans, also known as the Balkan Peninsula, which split into many small countries first after the fall of the Ottoman Empire and again after the fall of the Soviet Union and the breakup of Yugoslavia.

    Dubaization
    Dubaization refers to a rapid period of development of a city or area with futuristic architecture. Dubaization takes its name from the city of Dubai in the United Arab Emirates, which is known for its architectural development dating back to the 1990s.

    Finlandization
    Finlandization refers to the process by which a smaller country maintains a neutral or favorable policy toward a larger country due to influence from that larger country. Coined by political scientist Richard Lowenthal in the 1960s, the term references Finland’s neutrality toward the Soviet Union during the Cold War. A 1948 treaty stipulated Finland would remain neutral during the Cold War if in turn the Soviet Union refrained from invading the country. The term can have negative connotations, as it can imply one country is under the thumb of a more powerful one and has opted for neutrality under undue pressure.

    Japanization
    In economics, the term Japanization is used to refer to a period of deflation and economic stagnation in a country. The term references the nation of Japan, whose economic stagnation in the 1990s led to a severe financial crisis in what is now often referred to as the Lost Decade.

    Latinization
    The term Latinization has several distinct senses:

    - Latinization can refer to the act of rendering a language into a script that uses the Latin alphabet. For example, a translator might Latinize a text by taking Chinese or Hindi characters and converting them to Latin letters.
    - In religious context, Latinization can refer to the process by which non-Latin Christian churches were made to conform to the practices of the Latin and Roman Catholic Church, primarily during the Middle Ages.
    - Latinization can also refer to a place becoming similar to places in Latin America. For example, US cities with large Hispanic populations, such as Miami, have been described as being Latinized.

    Mongolization
    The term Mongolization is often used to refer to the assimilation of language and culture that occurred by peoples who were conquered by the Mongol Empire. For many peoples, this process occurred over a long period of time and often involved their traditional culture slowly blending with Mongol culture.

    Ottomanization
    Ottomanization refers to the adoption of the culture of the Ottoman Empire by the peoples and places under its rule. Historically, this term has referred to the transition from the Christian, Greek traditions of the Byzantines to the Islamic, Turkish traditions and culture of the Ottomans.

    Romanization
    The term Romanization is often used to refer to the cultural influence practiced by the Roman Empire. At its peak, the Roman Empire encompassed an incredibly diverse range of countries and cultures, which allowed for a large-scale Romanization, the influence of which can still be seen today in the many languages, architecture, and cultures retaining Roman influences.

    Sinicization
    Sinicization refers to the spreading of Chinese culture, religion, and politics. The term Sinicization has also been used, including by the Chinese government, to refer to China’s policy of enforcing the assimilation of ethnic and religious minorities to Chinese practices. The beginning of the term is a version of Sino-, which comes from a Latin word referring to China and is used in many other terms referring to China or Chinese culture (such as Sinology).

    Vietnamization
    Vietnamization is the name given to a strategy employed by the Nixon administration as an attempt to end US involvement in the highly unpopular Vietnam War. The strategy intended for the US to transfer all military responsibility to South Vietnamese forces and prepare South Vietnam to fight North Vietnam. The process called Afghanization is sometimes likened to Vietnamization due to similarities in the failures and other aspects of the respective conflicts.

    © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    Afghanization, Finlandization, And The Politic-ization Of Place Names Recent news has been filled with analysis that attempts to make sense of current events by comparing them to past moments in history—and applying some of the terminology that originated in the midst or aftermath of those earlier events. Prominent examples include terms based on the combination of a place name and the ending -ization, such as Afghanization (in the context of the withdrawal of US forces from Afghanistan) and Finlandization (in the context of the Russian invasion of Ukraine). Not only are such terms used in fraught political discussions, use of the words themselves is often controversial due to debates about what they mean exactly as well as how—or whether—they should be used. Add context to your reading of current events with this list of some of the -ization terms you’re most likely to encounter in historical analysis, along with explanations about the different meanings they can have. Afghanization The term Afghanization is most prominently used in the context of US forces in Afghanistan, particularly in the lead-up to and during the withdrawal of those forces in 2021. Specifically, it refers to the US strategy of attempting to return political and military control to Afghan forces. The term is also used separately to refer to ethnic and language assimilation within the country. Africanization The term Africanization can be used in a variety of ways. It can mean “to bring under African, especially Black African, influence or to adapt to African needs” or more specifically, “to make African, especially to give control of (policy, government, etc.) to Africans.” It is commonly used to discuss postcolonial Africa and post-apartheid South Africa. In this context, Africanization refers to restoring political, economic, and civil power to Black Africans. Americanization The word Americanization is used to refer to two separate ideas. In the early 1900s, many advocated for “Americanizing” the large number of new immigrants who were entering the United States at the time as a way to instill cultural values considered quintessentially “American.” During and after, this approach has faced criticism for forcing the loss of immigrants’ original cultures. More currently, the word Americanization is often used to refer to the spread of American culture across the world, especially through American media and popular culture. This term can refer to the wide availability of American pop culture, which has been noted for its influence on many other nations’ cultures. Arabization The word Arabization is used to refer to a process of promoting Arabic language and Arabic culture in education, government, and media. In particular, Arabization is often used to describe government policies that enforce this process in countries that were formerly under the control of non-Arab colonizers. balkanization The term balkanization is sometimes applied when a large place or country divides up into smaller, more homogenous communities. It can also refer to conflict between various ethnic groups in one state. The term balkanization makes reference to the Balkans, also known as the Balkan Peninsula, which split into many small countries first after the fall of the Ottoman Empire and again after the fall of the Soviet Union and the breakup of Yugoslavia. Dubaization Dubaization refers to a rapid period of development of a city or area with futuristic architecture. Dubaization takes its name from the city of Dubai in the United Arab Emirates, which is known for its architectural development dating back to the 1990s. Finlandization Finlandization refers to the process by which a smaller country maintains a neutral or favorable policy toward a larger country due to influence from that larger country. Coined by political scientist Richard Lowenthal in the 1960s, the term references Finland’s neutrality toward the Soviet Union during the Cold War. A 1948 treaty stipulated Finland would remain neutral during the Cold War if in turn the Soviet Union refrained from invading the country. The term can have negative connotations, as it can imply one country is under the thumb of a more powerful one and has opted for neutrality under undue pressure. Japanization In economics, the term Japanization is used to refer to a period of deflation and economic stagnation in a country. The term references the nation of Japan, whose economic stagnation in the 1990s led to a severe financial crisis in what is now often referred to as the Lost Decade. Latinization The term Latinization has several distinct senses: - Latinization can refer to the act of rendering a language into a script that uses the Latin alphabet. For example, a translator might Latinize a text by taking Chinese or Hindi characters and converting them to Latin letters. - In religious context, Latinization can refer to the process by which non-Latin Christian churches were made to conform to the practices of the Latin and Roman Catholic Church, primarily during the Middle Ages. - Latinization can also refer to a place becoming similar to places in Latin America. For example, US cities with large Hispanic populations, such as Miami, have been described as being Latinized. Mongolization The term Mongolization is often used to refer to the assimilation of language and culture that occurred by peoples who were conquered by the Mongol Empire. For many peoples, this process occurred over a long period of time and often involved their traditional culture slowly blending with Mongol culture. Ottomanization Ottomanization refers to the adoption of the culture of the Ottoman Empire by the peoples and places under its rule. Historically, this term has referred to the transition from the Christian, Greek traditions of the Byzantines to the Islamic, Turkish traditions and culture of the Ottomans. Romanization The term Romanization is often used to refer to the cultural influence practiced by the Roman Empire. At its peak, the Roman Empire encompassed an incredibly diverse range of countries and cultures, which allowed for a large-scale Romanization, the influence of which can still be seen today in the many languages, architecture, and cultures retaining Roman influences. Sinicization Sinicization refers to the spreading of Chinese culture, religion, and politics. The term Sinicization has also been used, including by the Chinese government, to refer to China’s policy of enforcing the assimilation of ethnic and religious minorities to Chinese practices. The beginning of the term is a version of Sino-, which comes from a Latin word referring to China and is used in many other terms referring to China or Chinese culture (such as Sinology). Vietnamization Vietnamization is the name given to a strategy employed by the Nixon administration as an attempt to end US involvement in the highly unpopular Vietnam War. The strategy intended for the US to transfer all military responsibility to South Vietnamese forces and prepare South Vietnam to fight North Vietnam. The process called Afghanization is sometimes likened to Vietnamization due to similarities in the failures and other aspects of the respective conflicts. © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    0 Comments 0 Shares 453 Views 0 Reviews
  • ในงาน RSA 2025 มีคำถามสำคัญ 10 ข้อที่ผู้นำด้านความปลอดภัยควรพิจารณาเพื่อปรับกลยุทธ์และตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมความปลอดภัยไซเบอร์:

    1️⃣ Google-Wiz มีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมความปลอดภัยอย่างไร?
    - การเข้าซื้อ Wiz ของ Alphabet มูลค่า 32 พันล้านดอลลาร์ส่งผลต่อกลยุทธ์ด้านความปลอดภัยบนคลาวด์อย่างไร?

    2️⃣ Agentic AI เป็นความจริงหรือเพียงแค่ความหวัง?
    - AI ที่สามารถตัดสินใจและดำเนินการได้เองจะมีบทบาทสำคัญในอนาคตหรือไม่?

    3️⃣ แพลตฟอร์มสามารถครองตลาดองค์กรได้หรือไม่?
    - การรวมระบบและการลดความซับซ้อนของแพลตฟอร์มจะตอบโจทย์องค์กรขนาดใหญ่ได้หรือไม่?

    4️⃣ การปฏิวัติระบบไร้รหัสผ่านมาถึงแล้วหรือยัง?
    - การเปลี่ยนผ่านจากรหัสผ่านไปสู่ passkeys และ FIDO2 จะเปลี่ยนแปลงวิธีการยืนยันตัวตนอย่างไร?

    5️⃣ การเดินทางของ Zero Trust จะไปในทิศทางใดในปี 2025?
    - Zero Trust จะพัฒนาไปพร้อมกับการนำ SASE และ FIDO2 มาใช้ได้อย่างไร?

    6️⃣ กลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงกำลังพัฒนาไปอย่างไร?
    - การจัดการความเสี่ยงแบบต่อเนื่อง (CTEM) และการใช้ AI ในการจัดลำดับความสำคัญของสินทรัพย์จะช่วยลดความเสี่ยงได้อย่างไร?

    7️⃣ CISOs สามารถเรียนรู้อะไรจากนวัตกรรมของ MSSP?
    - ผู้ให้บริการความปลอดภัยที่มีการจัดการ (MSSP) ใช้ AI และระบบอัตโนมัติในการแก้ปัญหาความปลอดภัยอย่างไร?

    8️⃣ ความปลอดภัยเครือข่ายกำลังกลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้งหรือไม่?
    - การตรวจสอบการเคลื่อนไหวของข้อมูลในเครือข่ายยังคงมีความสำคัญในยุคของ EDR หรือไม่?

    9️⃣ ผู้ขายเข้าใจความเป็นจริงของ Cyber Resilience หรือไม่?
    - ความยืดหยุ่นทางไซเบอร์ (Cyber Resilience) เป็นเพียงคำโฆษณาหรือเป็นกลยุทธ์ที่แท้จริง?

    🔟 ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองส่งผลต่ออุตสาหกรรมอย่างไร?
    - การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและการเมือง เช่น ภาษีและการลดงบประมาณ จะส่งผลต่อการพัฒนาเทคโนโลยีความปลอดภัยอย่างไร?

    https://www.csoonline.com/article/3965415/10-key-questions-security-leaders-must-ask-at-rsa-2025.html
    ในงาน RSA 2025 มีคำถามสำคัญ 10 ข้อที่ผู้นำด้านความปลอดภัยควรพิจารณาเพื่อปรับกลยุทธ์และตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมความปลอดภัยไซเบอร์: 1️⃣ Google-Wiz มีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมความปลอดภัยอย่างไร? - การเข้าซื้อ Wiz ของ Alphabet มูลค่า 32 พันล้านดอลลาร์ส่งผลต่อกลยุทธ์ด้านความปลอดภัยบนคลาวด์อย่างไร? 2️⃣ Agentic AI เป็นความจริงหรือเพียงแค่ความหวัง? - AI ที่สามารถตัดสินใจและดำเนินการได้เองจะมีบทบาทสำคัญในอนาคตหรือไม่? 3️⃣ แพลตฟอร์มสามารถครองตลาดองค์กรได้หรือไม่? - การรวมระบบและการลดความซับซ้อนของแพลตฟอร์มจะตอบโจทย์องค์กรขนาดใหญ่ได้หรือไม่? 4️⃣ การปฏิวัติระบบไร้รหัสผ่านมาถึงแล้วหรือยัง? - การเปลี่ยนผ่านจากรหัสผ่านไปสู่ passkeys และ FIDO2 จะเปลี่ยนแปลงวิธีการยืนยันตัวตนอย่างไร? 5️⃣ การเดินทางของ Zero Trust จะไปในทิศทางใดในปี 2025? - Zero Trust จะพัฒนาไปพร้อมกับการนำ SASE และ FIDO2 มาใช้ได้อย่างไร? 6️⃣ กลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงกำลังพัฒนาไปอย่างไร? - การจัดการความเสี่ยงแบบต่อเนื่อง (CTEM) และการใช้ AI ในการจัดลำดับความสำคัญของสินทรัพย์จะช่วยลดความเสี่ยงได้อย่างไร? 7️⃣ CISOs สามารถเรียนรู้อะไรจากนวัตกรรมของ MSSP? - ผู้ให้บริการความปลอดภัยที่มีการจัดการ (MSSP) ใช้ AI และระบบอัตโนมัติในการแก้ปัญหาความปลอดภัยอย่างไร? 8️⃣ ความปลอดภัยเครือข่ายกำลังกลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้งหรือไม่? - การตรวจสอบการเคลื่อนไหวของข้อมูลในเครือข่ายยังคงมีความสำคัญในยุคของ EDR หรือไม่? 9️⃣ ผู้ขายเข้าใจความเป็นจริงของ Cyber Resilience หรือไม่? - ความยืดหยุ่นทางไซเบอร์ (Cyber Resilience) เป็นเพียงคำโฆษณาหรือเป็นกลยุทธ์ที่แท้จริง? 🔟 ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองส่งผลต่ออุตสาหกรรมอย่างไร? - การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและการเมือง เช่น ภาษีและการลดงบประมาณ จะส่งผลต่อการพัฒนาเทคโนโลยีความปลอดภัยอย่างไร? https://www.csoonline.com/article/3965415/10-key-questions-security-leaders-must-ask-at-rsa-2025.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    10 key questions security leaders must ask at RSA 2025
    Agentic AI, platform hype, identity management, and economic uncertainty will dominate the RSA agenda. But discussions with fellow attendees will provide the real payoff.
    0 Comments 0 Shares 194 Views 0 Reviews
  • คำตัดสินของศาลสหรัฐฯ ระบุว่า Google มีการผูกขาดที่ผิดกฎหมายในเทคโนโลยีโฆษณา ซึ่งอาจนำไปสู่การดำเนินการทางกฎหมายเพิ่มเติม รวมถึงความเป็นไปได้ที่รัฐบาลจะสั่งให้ Google แยกธุรกิจโฆษณาออกจากกัน

    ✅ ศาลสหรัฐฯ ตัดสินว่า Google มีการผูกขาดที่ผิดกฎหมายในเทคโนโลยีโฆษณา
    - คดีนี้เกี่ยวข้องกับ Google Network ซึ่งเป็นระบบที่ช่วยให้ผู้ลงโฆษณาซื้อพื้นที่โฆษณาแบบประมูล
    - อัยการระบุว่า Google ใช้อำนาจเหนือเทคโนโลยีโฆษณาเพื่อกำจัดคู่แข่ง ซึ่งส่งผลเสียต่อผู้เผยแพร่โฆษณา เช่น สำนักข่าว

    ✅ Google อ้างว่าการแข่งขันของตนเป็นผลจากเทคโนโลยีที่เหนือกว่า
    - Google ระบุว่า บริษัทสามารถเอาชนะคู่แข่งได้เพราะมีเทคโนโลยีที่ดีกว่า
    - อย่างไรก็ตาม ศาลไม่เห็นด้วยกับข้อโต้แย้งนี้

    ✅ ธุรกิจโฆษณาของ Google มีผลกระทบต่อรายได้ของบริษัท
    - รายได้จากโฆษณาคิดเป็น 75% ของรายได้ทั้งหมดของ Alphabet
    - Google Network คิดเป็น 8.7% ของรายได้ทั้งหมด

    ✅ กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ อาจสั่งให้ Google แยกธุรกิจโฆษณาออกจากกัน
    - หน่วยงานกำกับดูแลต้องพิจารณาว่า Google ควรขายแพลตฟอร์ม Google Ad Manager หรือไม่
    - Google เคยเสนอขาย Advertising Exchange เพื่อแก้ไขปัญหาการผูกขาด แต่ผู้เผยแพร่โฆษณาปฏิเสธข้อเสนอ

    ✅ Google เตรียมอุทธรณ์คำตัดสิน
    - กระบวนการทางกฎหมายอาจใช้เวลาหลายปี หากไม่มีการตกลงกันระหว่าง Google และรัฐบาล

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/18/explainer-what-does-ruling-on-google039s-illegal-ad-tech-monopoly-mean
    คำตัดสินของศาลสหรัฐฯ ระบุว่า Google มีการผูกขาดที่ผิดกฎหมายในเทคโนโลยีโฆษณา ซึ่งอาจนำไปสู่การดำเนินการทางกฎหมายเพิ่มเติม รวมถึงความเป็นไปได้ที่รัฐบาลจะสั่งให้ Google แยกธุรกิจโฆษณาออกจากกัน ✅ ศาลสหรัฐฯ ตัดสินว่า Google มีการผูกขาดที่ผิดกฎหมายในเทคโนโลยีโฆษณา - คดีนี้เกี่ยวข้องกับ Google Network ซึ่งเป็นระบบที่ช่วยให้ผู้ลงโฆษณาซื้อพื้นที่โฆษณาแบบประมูล - อัยการระบุว่า Google ใช้อำนาจเหนือเทคโนโลยีโฆษณาเพื่อกำจัดคู่แข่ง ซึ่งส่งผลเสียต่อผู้เผยแพร่โฆษณา เช่น สำนักข่าว ✅ Google อ้างว่าการแข่งขันของตนเป็นผลจากเทคโนโลยีที่เหนือกว่า - Google ระบุว่า บริษัทสามารถเอาชนะคู่แข่งได้เพราะมีเทคโนโลยีที่ดีกว่า - อย่างไรก็ตาม ศาลไม่เห็นด้วยกับข้อโต้แย้งนี้ ✅ ธุรกิจโฆษณาของ Google มีผลกระทบต่อรายได้ของบริษัท - รายได้จากโฆษณาคิดเป็น 75% ของรายได้ทั้งหมดของ Alphabet - Google Network คิดเป็น 8.7% ของรายได้ทั้งหมด ✅ กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ อาจสั่งให้ Google แยกธุรกิจโฆษณาออกจากกัน - หน่วยงานกำกับดูแลต้องพิจารณาว่า Google ควรขายแพลตฟอร์ม Google Ad Manager หรือไม่ - Google เคยเสนอขาย Advertising Exchange เพื่อแก้ไขปัญหาการผูกขาด แต่ผู้เผยแพร่โฆษณาปฏิเสธข้อเสนอ ✅ Google เตรียมอุทธรณ์คำตัดสิน - กระบวนการทางกฎหมายอาจใช้เวลาหลายปี หากไม่มีการตกลงกันระหว่าง Google และรัฐบาล https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/18/explainer-what-does-ruling-on-google039s-illegal-ad-tech-monopoly-mean
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Explainer-What does ruling on Google's illegal ad tech monopoly mean?
    SAN FRANCISCO (Reuters) -A U.S. judge's ruling that Google has illegal monopolies in ad technology sets up the possibility of U.S. prosecutors seeking a breakup. Here's what the case involves and what Google owner Alphabet faces from here.
    0 Comments 0 Shares 267 Views 0 Reviews
  • ข่าวนี้เล่าถึงการลงทุนครั้งสำคัญในบริษัท Safe Superintelligence (SSI) ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพด้าน AI ที่ก่อตั้งโดย Ilya Sutskever อดีตหัวหน้านักวิทยาศาสตร์ของ OpenAI โดยมีบริษัทใหญ่เช่น Alphabet และ Nvidia เข้าร่วมลงทุน มาฟังกันว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง:

    SSI ได้รับการสนับสนุนจาก Alphabet และ Nvidia ซึ่งเป็นการแสดงถึงความสนใจที่เพิ่มขึ้นในสตาร์ทอัพที่พัฒนา AI ขั้นสูงที่ต้องการพลังการประมวลผลมหาศาล Alphabet ยังได้ทำข้อตกลงผ่านแผนกคลาวด์คอมพิวติ้งของตนเพื่อขายชิปประมวลผล AI (TPUs) ให้กับ SSI ซึ่งเป็นชิปที่ออกแบบมาเพื่อการทำงานด้าน AI โดยเฉพาะ

    SSI ถูกประเมินมูลค่าล่าสุดที่ 32 พันล้านดอลลาร์ และเป็นหนึ่งในสตาร์ทอัพที่มีชื่อเสียงที่สุดในวงการ AI เนื่องจากความสำเร็จของ Sutskever ในการพัฒนาโมเดล AI ที่ล้ำสมัย

    ✅ การลงทุนใน SSI Alphabet และ Nvidia ร่วมลงทุนใน SSI ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพด้าน AI ที่ก่อตั้งโดย Ilya Sutskever

    ✅ ข้อตกลงด้านชิปประมวลผล AI Alphabet ขายชิป TPUs ให้กับ SSI เพื่อสนับสนุนการวิจัยและพัฒนา AI

    ✅ มูลค่าของ SSI SSI ถูกประเมินมูลค่าที่ 32 พันล้านดอลลาร์ และเป็นหนึ่งในสตาร์ทอัพ AI ที่มีชื่อเสียง

    ℹ️ ความต้องการพลังการประมวลผล การพัฒนา AI ขั้นสูงต้องการพลังการประมวลผลมหาศาล ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคสำหรับสตาร์ทอัพที่ไม่มีทรัพยากรเพียงพอ

    ℹ️ การแข่งขันในตลาดชิป AI ตลาดชิป AI มีการแข่งขันสูง โดยมีผู้เล่นหลักเช่น Nvidia, Alphabet และ Amazon ที่พัฒนาเทคโนโลยีของตนเอง

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/12/exclusive-alphabet-nvidia-invest-in-openai-co-founder-sutskever039s-ssi-source-says
    ข่าวนี้เล่าถึงการลงทุนครั้งสำคัญในบริษัท Safe Superintelligence (SSI) ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพด้าน AI ที่ก่อตั้งโดย Ilya Sutskever อดีตหัวหน้านักวิทยาศาสตร์ของ OpenAI โดยมีบริษัทใหญ่เช่น Alphabet และ Nvidia เข้าร่วมลงทุน มาฟังกันว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง: SSI ได้รับการสนับสนุนจาก Alphabet และ Nvidia ซึ่งเป็นการแสดงถึงความสนใจที่เพิ่มขึ้นในสตาร์ทอัพที่พัฒนา AI ขั้นสูงที่ต้องการพลังการประมวลผลมหาศาล Alphabet ยังได้ทำข้อตกลงผ่านแผนกคลาวด์คอมพิวติ้งของตนเพื่อขายชิปประมวลผล AI (TPUs) ให้กับ SSI ซึ่งเป็นชิปที่ออกแบบมาเพื่อการทำงานด้าน AI โดยเฉพาะ SSI ถูกประเมินมูลค่าล่าสุดที่ 32 พันล้านดอลลาร์ และเป็นหนึ่งในสตาร์ทอัพที่มีชื่อเสียงที่สุดในวงการ AI เนื่องจากความสำเร็จของ Sutskever ในการพัฒนาโมเดล AI ที่ล้ำสมัย ✅ การลงทุนใน SSI Alphabet และ Nvidia ร่วมลงทุนใน SSI ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพด้าน AI ที่ก่อตั้งโดย Ilya Sutskever ✅ ข้อตกลงด้านชิปประมวลผล AI Alphabet ขายชิป TPUs ให้กับ SSI เพื่อสนับสนุนการวิจัยและพัฒนา AI ✅ มูลค่าของ SSI SSI ถูกประเมินมูลค่าที่ 32 พันล้านดอลลาร์ และเป็นหนึ่งในสตาร์ทอัพ AI ที่มีชื่อเสียง ℹ️ ความต้องการพลังการประมวลผล การพัฒนา AI ขั้นสูงต้องการพลังการประมวลผลมหาศาล ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคสำหรับสตาร์ทอัพที่ไม่มีทรัพยากรเพียงพอ ℹ️ การแข่งขันในตลาดชิป AI ตลาดชิป AI มีการแข่งขันสูง โดยมีผู้เล่นหลักเช่น Nvidia, Alphabet และ Amazon ที่พัฒนาเทคโนโลยีของตนเอง https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/12/exclusive-alphabet-nvidia-invest-in-openai-co-founder-sutskever039s-ssi-source-says
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Exclusive-Alphabet, Nvidia invest in OpenAI co-founder Sutskever's SSI, source says
    SAN FRANCISCO (Reuters) - Alphabet and Nvidia have joined prominent venture capital investors to back Safe Superintelligence (SSI), a startup co-founded by OpenAI's former chief scientist Ilya Sutskever that has quickly risen to become one of the most valuable artificial intelligence startups months after its launch, a source familiar with the matter said.
    0 Comments 0 Shares 212 Views 0 Reviews
  • nEye Systems ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพด้านชิปเครือข่ายสำหรับศูนย์ข้อมูล AI ได้รับเงินทุนจำนวน 58 ล้านดอลลาร์ ในรอบการระดมทุนที่นำโดย CapitalG ซึ่งเป็นกองทุนที่ได้รับการสนับสนุนจาก Alphabet โดยชิปที่พัฒนาขึ้นนี้ใช้เทคโนโลยีแสงเพื่อส่งข้อมูลระหว่างชิป AI แทนการใช้สัญญาณไฟฟ้า

    ✅ การระดมทุน:
    - nEye Systems ได้รับเงินทุน 58 ล้านดอลลาร์จาก CapitalG ซึ่งเป็นกองทุนที่สนับสนุนโดย Alphabet

    ✅ เทคโนโลยีที่พัฒนา:
    - ชิปของ nEye ใช้เทคโนโลยีแสง (optical technology) ในการส่งข้อมูลระหว่างชิป AI
    - เทคโนโลยีนี้ช่วยลดการใช้พลังงานในศูนย์ข้อมูล AI

    ✅ ความสำคัญของเทคโนโลยี:
    - การใช้แสงแทนสัญญาณไฟฟ้าสามารถเพิ่มประสิทธิภาพและลดความร้อนในกระบวนการประมวลผลข้อมูล
    - เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับความสนใจจากทั้งบริษัทใหญ่ เช่น Nvidia และสตาร์ทอัพอื่น ๆ

    ✅ ที่ตั้งของบริษัท:
    - nEye Systems ตั้งอยู่ในเมือง Emeryville รัฐแคลิฟอร์เนีย

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/11/ai-networking-chip-startup-neye-systems-raises-58-million-led-by-alphabet039s-capitalg-fund-
    nEye Systems ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพด้านชิปเครือข่ายสำหรับศูนย์ข้อมูล AI ได้รับเงินทุนจำนวน 58 ล้านดอลลาร์ ในรอบการระดมทุนที่นำโดย CapitalG ซึ่งเป็นกองทุนที่ได้รับการสนับสนุนจาก Alphabet โดยชิปที่พัฒนาขึ้นนี้ใช้เทคโนโลยีแสงเพื่อส่งข้อมูลระหว่างชิป AI แทนการใช้สัญญาณไฟฟ้า ✅ การระดมทุน: - nEye Systems ได้รับเงินทุน 58 ล้านดอลลาร์จาก CapitalG ซึ่งเป็นกองทุนที่สนับสนุนโดย Alphabet ✅ เทคโนโลยีที่พัฒนา: - ชิปของ nEye ใช้เทคโนโลยีแสง (optical technology) ในการส่งข้อมูลระหว่างชิป AI - เทคโนโลยีนี้ช่วยลดการใช้พลังงานในศูนย์ข้อมูล AI ✅ ความสำคัญของเทคโนโลยี: - การใช้แสงแทนสัญญาณไฟฟ้าสามารถเพิ่มประสิทธิภาพและลดความร้อนในกระบวนการประมวลผลข้อมูล - เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับความสนใจจากทั้งบริษัทใหญ่ เช่น Nvidia และสตาร์ทอัพอื่น ๆ ✅ ที่ตั้งของบริษัท: - nEye Systems ตั้งอยู่ในเมือง Emeryville รัฐแคลิฟอร์เนีย https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/11/ai-networking-chip-startup-neye-systems-raises-58-million-led-by-alphabet039s-capitalg-fund-
    WWW.THESTAR.COM.MY
    AI networking chip startup nEye Systems raises $58 million, led by Alphabet's CapitalG fund
    SAN FRANCISCO (Reuters) - NEye Systems, a startup developing a new kind of networking chip for artificial intelligence data centers, on Thursday raised $58 million in venture financing in a round led by CapitalG, a growth-stage fund backed by Alphabet.
    0 Comments 0 Shares 176 Views 0 Reviews
  • นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย UC Berkeley และ UC San Francisco ได้พัฒนาเทคโนโลยี Brain-Computer Interface (BCI) ที่ช่วยให้ผู้ป่วยอัมพาตสามารถสื่อสารได้ใกล้เคียงกับการพูดตามธรรมชาติ โดยใช้ AI ในการแปลงสัญญาณสมองเป็นเสียงพูดแบบเรียลไทม์

    ✅ การทำงานของระบบ:
    - ระบบนี้ใช้ AI ในการถอดรหัสสัญญาณสมองจาก motor cortex ซึ่งควบคุมการพูด
    - สามารถแปลงสัญญาณสมองเป็นเสียงพูดได้ในเวลาไม่ถึง 1 วินาที ซึ่งเร็วกว่าวิธีเดิมที่ใช้เวลา 8 วินาที

    ✅ การฝึกระบบ:
    - ผู้เข้าร่วมทดลองพยายามพูดประโยคในใจ ขณะที่นักวิจัยบันทึกกิจกรรมสมอง
    - AI เติมเต็มรายละเอียดที่ขาดหาย เช่น รูปแบบเสียง เพื่อสร้างเสียงพูดที่สมบูรณ์

    ✅ การใช้งานที่หลากหลาย:
    - รองรับทั้งวิธีที่ไม่รุกราน เช่น การใช้เซ็นเซอร์บนผิวหนัง และวิธีที่ซับซ้อน เช่น การฝังอิเล็กโทรดในสมอง
    - สามารถสร้างเสียงพูดที่คล้ายกับเสียงเดิมของผู้ป่วยก่อนเกิดอาการบาดเจ็บ

    ✅ ความแม่นยำและความยืดหยุ่น:
    - ระบบสามารถสร้างคำที่ไม่เคยอยู่ในข้อมูลการฝึก เช่น คำใน NATO phonetic alphabet
    - มีความแม่นยำสูงและรองรับคำศัพท์ที่หลากหลาย

    ✅ เป้าหมายในอนาคต:
    - เพิ่มโทนเสียง อารมณ์ และความลื่นไหลของเสียงพูด เพื่อให้ใกล้เคียงกับการพูดของมนุษย์มากขึ้น

    == ข้อเสนอแนะและคำเตือน ==
    ⚠️ ความท้าทายด้านการเข้าถึง:
    - เทคโนโลยีนี้อาจมีค่าใช้จ่ายสูง ทำให้ผู้ป่วยบางกลุ่มไม่สามารถเข้าถึงได้

    ⚠️ การพัฒนาด้านอารมณ์:
    - การเพิ่มโทนเสียงและอารมณ์ในเสียงพูดอาจต้องการการพัฒนาเพิ่มเติม เพื่อให้การสื่อสารมีความเป็นธรรมชาติมากขึ้น

    https://www.neowin.net/news/paralysed-patients-could-soon-talk-with-near-real-time-conversion-of-brain-signals/
    นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย UC Berkeley และ UC San Francisco ได้พัฒนาเทคโนโลยี Brain-Computer Interface (BCI) ที่ช่วยให้ผู้ป่วยอัมพาตสามารถสื่อสารได้ใกล้เคียงกับการพูดตามธรรมชาติ โดยใช้ AI ในการแปลงสัญญาณสมองเป็นเสียงพูดแบบเรียลไทม์ ✅ การทำงานของระบบ: - ระบบนี้ใช้ AI ในการถอดรหัสสัญญาณสมองจาก motor cortex ซึ่งควบคุมการพูด - สามารถแปลงสัญญาณสมองเป็นเสียงพูดได้ในเวลาไม่ถึง 1 วินาที ซึ่งเร็วกว่าวิธีเดิมที่ใช้เวลา 8 วินาที ✅ การฝึกระบบ: - ผู้เข้าร่วมทดลองพยายามพูดประโยคในใจ ขณะที่นักวิจัยบันทึกกิจกรรมสมอง - AI เติมเต็มรายละเอียดที่ขาดหาย เช่น รูปแบบเสียง เพื่อสร้างเสียงพูดที่สมบูรณ์ ✅ การใช้งานที่หลากหลาย: - รองรับทั้งวิธีที่ไม่รุกราน เช่น การใช้เซ็นเซอร์บนผิวหนัง และวิธีที่ซับซ้อน เช่น การฝังอิเล็กโทรดในสมอง - สามารถสร้างเสียงพูดที่คล้ายกับเสียงเดิมของผู้ป่วยก่อนเกิดอาการบาดเจ็บ ✅ ความแม่นยำและความยืดหยุ่น: - ระบบสามารถสร้างคำที่ไม่เคยอยู่ในข้อมูลการฝึก เช่น คำใน NATO phonetic alphabet - มีความแม่นยำสูงและรองรับคำศัพท์ที่หลากหลาย ✅ เป้าหมายในอนาคต: - เพิ่มโทนเสียง อารมณ์ และความลื่นไหลของเสียงพูด เพื่อให้ใกล้เคียงกับการพูดของมนุษย์มากขึ้น == ข้อเสนอแนะและคำเตือน == ⚠️ ความท้าทายด้านการเข้าถึง: - เทคโนโลยีนี้อาจมีค่าใช้จ่ายสูง ทำให้ผู้ป่วยบางกลุ่มไม่สามารถเข้าถึงได้ ⚠️ การพัฒนาด้านอารมณ์: - การเพิ่มโทนเสียงและอารมณ์ในเสียงพูดอาจต้องการการพัฒนาเพิ่มเติม เพื่อให้การสื่อสารมีความเป็นธรรมชาติมากขึ้น https://www.neowin.net/news/paralysed-patients-could-soon-talk-with-near-real-time-conversion-of-brain-signals/
    WWW.NEOWIN.NET
    Paralysed patients could soon "talk" with "near-real time" conversion of brain signals
    Brain-computer interface (BCI) technology has made a major advancement as it now enables converting brain signals to speech "in near-real time."
    0 Comments 0 Shares 218 Views 0 Reviews
  • Sundar Pichai CEO ของ Alphabet ยืนยันแผนการลงทุนมูลค่า 75 พันล้านดอลลาร์ ในปี 2025 เพื่อขยายศักยภาพของศูนย์ข้อมูลและพัฒนาเทคโนโลยี AI โดยเฉพาะโมเดล Gemini ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการสำคัญที่บริษัทมุ่งเน้น

    🌐 การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน:
    - งบประมาณนี้จะถูกใช้ในการพัฒนาชิปและเซิร์ฟเวอร์ที่จำเป็นสำหรับบริการหลัก เช่น Search และการพัฒนา AI
    - การลงทุนยังครอบคลุมถึงการสนับสนุนลูกค้าองค์กรที่ใช้บริการคลาวด์ของ Google

    🤖 โอกาสใน AI:
    - Sundar Pichai ระบุว่า AI เป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคนี้ และ Alphabet มุ่งมั่นที่จะนำเทคโนโลยีนี้ไปสู่มือของผู้บริโภคและองค์กร

    📈 ผลกระทบต่อหุ้น:
    - หุ้นของ Alphabet เพิ่มขึ้นกว่า 7% หลังจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศหยุดการเก็บภาษีชั่วคราว ซึ่งช่วยลดแรงกดดันในตลาด

    ความท้าทายที่ต้องเผชิญ:
    💡 ความกังวลของนักลงทุน:
    - แม้การลงทุนใน AI จะมีศักยภาพสูง แต่นักลงทุนเริ่มตั้งคำถามถึงผลตอบแทนที่ชัดเจนจากการลงทุนมหาศาลนี้

    💡 สงครามการค้า:
    - ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างประเทศอาจเพิ่มต้นทุนการผลิตและส่งผลกระทบต่อแผนการลงทุน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/10/alphabet-ceo-reaffirms-planned-75-billion-capital-spending-in-2025
    Sundar Pichai CEO ของ Alphabet ยืนยันแผนการลงทุนมูลค่า 75 พันล้านดอลลาร์ ในปี 2025 เพื่อขยายศักยภาพของศูนย์ข้อมูลและพัฒนาเทคโนโลยี AI โดยเฉพาะโมเดล Gemini ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการสำคัญที่บริษัทมุ่งเน้น 🌐 การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน: - งบประมาณนี้จะถูกใช้ในการพัฒนาชิปและเซิร์ฟเวอร์ที่จำเป็นสำหรับบริการหลัก เช่น Search และการพัฒนา AI - การลงทุนยังครอบคลุมถึงการสนับสนุนลูกค้าองค์กรที่ใช้บริการคลาวด์ของ Google 🤖 โอกาสใน AI: - Sundar Pichai ระบุว่า AI เป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคนี้ และ Alphabet มุ่งมั่นที่จะนำเทคโนโลยีนี้ไปสู่มือของผู้บริโภคและองค์กร 📈 ผลกระทบต่อหุ้น: - หุ้นของ Alphabet เพิ่มขึ้นกว่า 7% หลังจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศหยุดการเก็บภาษีชั่วคราว ซึ่งช่วยลดแรงกดดันในตลาด ความท้าทายที่ต้องเผชิญ: 💡 ความกังวลของนักลงทุน: - แม้การลงทุนใน AI จะมีศักยภาพสูง แต่นักลงทุนเริ่มตั้งคำถามถึงผลตอบแทนที่ชัดเจนจากการลงทุนมหาศาลนี้ 💡 สงครามการค้า: - ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างประเทศอาจเพิ่มต้นทุนการผลิตและส่งผลกระทบต่อแผนการลงทุน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/10/alphabet-ceo-reaffirms-planned-75-billion-capital-spending-in-2025
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Alphabet CEO reaffirms planned $75 billion capital spending in 2025
    Las Vegas (Reuters) - Alphabet reiterated on Wednesday it would spend about $75 billion this year to build out data center capacity, doubling down on its generative AI bet even as the payoff remains unclear and a global trade war threatens to raise costs.
    0 Comments 0 Shares 254 Views 0 Reviews
  • ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าทุกประเภท 10% และเพิ่มภาษีสินค้าจาก 60 ประเทศ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก จีนโดนหนักสุดด้วยภาษีนำเข้ารวมกว่า 54% หุ้นเทคโนโลยีตกหนัก โดยเฉพาะ Apple, Nvidia และ Tesla นักวิเคราะห์เตือนว่าการขึ้นภาษีครั้งนี้อาจนำไปสู่ สงครามการค้าครั้งใหญ่ และราคาสินค้าอิเล็กทรอนิกส์อาจพุ่งสูงขึ้น

    ✅ เศรษฐกิจโลกอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย
    - นักเศรษฐศาสตร์เตือนว่า การขึ้นภาษีครั้งนี้อาจกระตุ้นสงครามการค้าแบบตอบโต้
    - มีการคาดการณ์ว่าหลายประเทศ อาจต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยภายในปีหน้า

    ✅ ตลาดหุ้นร่วงหนัก หลังข่าวภาษีใหม่ประกาศออกมา
    - หุ้นเทคโนโลยีร่วงอย่างหนัก โดย Apple ลดลง 9% และ Nasdaq Composite ลดลงกว่า 5%
    - Microsoft และ Alphabet ลดลงประมาณ 2% ขณะที่ Nvidia และ Tesla ลดลง 5%

    ✅ ภาษีสำหรับอุตสาหกรรมเทคโนโลยี—ชิปคอมพิวเตอร์รอดจากภาษี แต่เพียงชั่วคราว
    - ชิปคอมพิวเตอร์และทองแดง ยังคงได้รับการยกเว้น แต่คาดว่า ภาษีสำหรับเซมิคอนดักเตอร์จะถูกเพิ่มเข้ามาในภายหลัง
    - หุ้นของ Marvell, Arm และ Micron ลดลงกว่า 8% ขณะที่ AMD ลดลง 4%

    ✅ ภาษีสูงสุดสำหรับประเทศคู่ค้า—จีนโดนหนักสุด
    - สินค้าจากจีนจะต้องเผชิญกับ อัตราภาษีรวมกว่า 54% ซึ่งสูงกว่าภาษีนำเข้าเดิมอย่างมาก
    - ประเทศอื่นที่ได้รับผลกระทบหนัก ได้แก่ เวียดนาม (46%) และกัมพูชา (49%)

    ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมไอทีและผู้บริโภค
    - สินค้าทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น สมาร์ทโฟน, แล็ปท็อป, ทีวี และคอมพิวเตอร์ อาจมีราคาสูงขึ้น
    - Amazon อาจได้รับผลกระทบหนัก เนื่องจาก ทรัมป์เตรียมยกเลิกข้อยกเว้นสินค้าราคาต่ำกว่า $800 ที่เคยได้รับการปลอดภาษี

    ✅ การตอบโต้จาก EU และจีน
    - ทั้ง สหภาพยุโรปและจีนเตรียมดำเนินมาตรการตอบโต้ แต่กระทรวงการคลังสหรัฐฯ เรียกร้องให้ประเทศอื่น ยอมรับการขึ้นภาษีเป็นมาตรฐานใหม่

    https://www.techspot.com/news/107402-trump-tariffs-could-prove-nuclear-bomb-international-trade.html
    ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าทุกประเภท 10% และเพิ่มภาษีสินค้าจาก 60 ประเทศ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก จีนโดนหนักสุดด้วยภาษีนำเข้ารวมกว่า 54% หุ้นเทคโนโลยีตกหนัก โดยเฉพาะ Apple, Nvidia และ Tesla นักวิเคราะห์เตือนว่าการขึ้นภาษีครั้งนี้อาจนำไปสู่ สงครามการค้าครั้งใหญ่ และราคาสินค้าอิเล็กทรอนิกส์อาจพุ่งสูงขึ้น ✅ เศรษฐกิจโลกอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย - นักเศรษฐศาสตร์เตือนว่า การขึ้นภาษีครั้งนี้อาจกระตุ้นสงครามการค้าแบบตอบโต้ - มีการคาดการณ์ว่าหลายประเทศ อาจต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยภายในปีหน้า ✅ ตลาดหุ้นร่วงหนัก หลังข่าวภาษีใหม่ประกาศออกมา - หุ้นเทคโนโลยีร่วงอย่างหนัก โดย Apple ลดลง 9% และ Nasdaq Composite ลดลงกว่า 5% - Microsoft และ Alphabet ลดลงประมาณ 2% ขณะที่ Nvidia และ Tesla ลดลง 5% ✅ ภาษีสำหรับอุตสาหกรรมเทคโนโลยี—ชิปคอมพิวเตอร์รอดจากภาษี แต่เพียงชั่วคราว - ชิปคอมพิวเตอร์และทองแดง ยังคงได้รับการยกเว้น แต่คาดว่า ภาษีสำหรับเซมิคอนดักเตอร์จะถูกเพิ่มเข้ามาในภายหลัง - หุ้นของ Marvell, Arm และ Micron ลดลงกว่า 8% ขณะที่ AMD ลดลง 4% ✅ ภาษีสูงสุดสำหรับประเทศคู่ค้า—จีนโดนหนักสุด - สินค้าจากจีนจะต้องเผชิญกับ อัตราภาษีรวมกว่า 54% ซึ่งสูงกว่าภาษีนำเข้าเดิมอย่างมาก - ประเทศอื่นที่ได้รับผลกระทบหนัก ได้แก่ เวียดนาม (46%) และกัมพูชา (49%) ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมไอทีและผู้บริโภค - สินค้าทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น สมาร์ทโฟน, แล็ปท็อป, ทีวี และคอมพิวเตอร์ อาจมีราคาสูงขึ้น - Amazon อาจได้รับผลกระทบหนัก เนื่องจาก ทรัมป์เตรียมยกเลิกข้อยกเว้นสินค้าราคาต่ำกว่า $800 ที่เคยได้รับการปลอดภาษี ✅ การตอบโต้จาก EU และจีน - ทั้ง สหภาพยุโรปและจีนเตรียมดำเนินมาตรการตอบโต้ แต่กระทรวงการคลังสหรัฐฯ เรียกร้องให้ประเทศอื่น ยอมรับการขึ้นภาษีเป็นมาตรฐานใหม่ https://www.techspot.com/news/107402-trump-tariffs-could-prove-nuclear-bomb-international-trade.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Trump's tariffs could prove to be a "nuclear bomb" on international trade and tech imports, experts warn
    This aggressive escalation of Trump's trade wars could mean higher prices on virtually every product Americans purchase from overseas. Worse, analysts predict the tariffs could trigger recessions...
    0 Comments 0 Shares 380 Views 0 Reviews
  • ReactOS เป็นระบบปฏิบัติการที่สร้างขึ้นใหม่เพื่อเข้ากันได้กับ Windows โดยไม่มีโค้ดของ Microsoft หลังจาก 26 ปีของการพัฒนา ล่าสุดได้เปิดตัว ReactOS 0.4.15 ซึ่งมีการปรับปรุงสำคัญ เช่น Plug and Play และเสียง อย่างไรก็ตาม ระบบยังคงอยู่ใน สถานะ Alpha และเป้าหมายปัจจุบันคือ Windows Server 2003 ในอนาคตอาจรองรับ UEFI, NTFS และระบบพลังงานที่ดีขึ้น

    ✅ ReactOS คืออะไร?
    - เป็น ระบบปฏิบัติการที่สร้างขึ้นใหม่ทั้งหมดโดยไม่มีโค้ดของ Microsoft
    - เป้าหมายคือ ให้สามารถใช้งานซอฟต์แวร์และไดรเวอร์ของ Windows ได้
    - ใช้โครงสร้าง Windows NT แต่พัฒนาขึ้นเอง

    ✅ เป้าหมายการเข้ากันได้—Windows Server 2003
    - ReactOS ปัจจุบันยังคง พยายามเข้ากันได้กับ Windows Server 2003
    - สามารถใช้งาน LibreOffice, Firefox และ Adobe Photoshop รุ่นเก่าได้
    - ใช้ส่วนประกอบจาก โครงการ Wine และสามารถ บูตระบบ Linux 64-bit ผ่าน Freeloader utility

    ✅ การอัปเดตครั้งใหญ่ในเวอร์ชัน 0.4.15
    - ปรับปรุงระบบ Plug and Play และเสียง
    - เพิ่มความสามารถในการจัดการหน่วยความจำและแก้ไขปัญหา Registry
    - ปรับปรุงเครื่องมือพื้นฐาน เช่น Notepad, Paint และ RAPPS

    ✅ ReactOS ยังอยู่ในช่วง Alpha และอาจใช้เวลานานกว่าจะสมบูรณ์
    - แม้ว่าจะพัฒนามากว่า 26 ปี แต่ ReactOS ยังอยู่ในสถานะ Alpha
    - ผู้ใช้ที่สนใจสามารถลอง ใช้งานผ่าน VirtualBox เพื่อดูพัฒนาการของระบบ

    ✅ ฟีเจอร์ที่วางแผนสำหรับอัปเดตถัดไป
    - รองรับ UEFI
    - ตัวติดตั้งแบบกราฟิกใหม่
    - ระบบไฟล์ NTFS และ Symmetric Multiprocessing (SMP)
    - การจัดการพลังงานและรองรับแอปพลิเคชันที่หลากหลายขึ้น

    https://www.techradar.com/pro/free-microsoft-windows-rival-gets-first-major-update-in-four-years-but-is-it-already-too-little-too-late
    ReactOS เป็นระบบปฏิบัติการที่สร้างขึ้นใหม่เพื่อเข้ากันได้กับ Windows โดยไม่มีโค้ดของ Microsoft หลังจาก 26 ปีของการพัฒนา ล่าสุดได้เปิดตัว ReactOS 0.4.15 ซึ่งมีการปรับปรุงสำคัญ เช่น Plug and Play และเสียง อย่างไรก็ตาม ระบบยังคงอยู่ใน สถานะ Alpha และเป้าหมายปัจจุบันคือ Windows Server 2003 ในอนาคตอาจรองรับ UEFI, NTFS และระบบพลังงานที่ดีขึ้น ✅ ReactOS คืออะไร? - เป็น ระบบปฏิบัติการที่สร้างขึ้นใหม่ทั้งหมดโดยไม่มีโค้ดของ Microsoft - เป้าหมายคือ ให้สามารถใช้งานซอฟต์แวร์และไดรเวอร์ของ Windows ได้ - ใช้โครงสร้าง Windows NT แต่พัฒนาขึ้นเอง ✅ เป้าหมายการเข้ากันได้—Windows Server 2003 - ReactOS ปัจจุบันยังคง พยายามเข้ากันได้กับ Windows Server 2003 - สามารถใช้งาน LibreOffice, Firefox และ Adobe Photoshop รุ่นเก่าได้ - ใช้ส่วนประกอบจาก โครงการ Wine และสามารถ บูตระบบ Linux 64-bit ผ่าน Freeloader utility ✅ การอัปเดตครั้งใหญ่ในเวอร์ชัน 0.4.15 - ปรับปรุงระบบ Plug and Play และเสียง - เพิ่มความสามารถในการจัดการหน่วยความจำและแก้ไขปัญหา Registry - ปรับปรุงเครื่องมือพื้นฐาน เช่น Notepad, Paint และ RAPPS ✅ ReactOS ยังอยู่ในช่วง Alpha และอาจใช้เวลานานกว่าจะสมบูรณ์ - แม้ว่าจะพัฒนามากว่า 26 ปี แต่ ReactOS ยังอยู่ในสถานะ Alpha - ผู้ใช้ที่สนใจสามารถลอง ใช้งานผ่าน VirtualBox เพื่อดูพัฒนาการของระบบ ✅ ฟีเจอร์ที่วางแผนสำหรับอัปเดตถัดไป - รองรับ UEFI - ตัวติดตั้งแบบกราฟิกใหม่ - ระบบไฟล์ NTFS และ Symmetric Multiprocessing (SMP) - การจัดการพลังงานและรองรับแอปพลิเคชันที่หลากหลายขึ้น https://www.techradar.com/pro/free-microsoft-windows-rival-gets-first-major-update-in-four-years-but-is-it-already-too-little-too-late
    0 Comments 0 Shares 307 Views 0 Reviews
  • Reuters รายงานว่า Arm เคยสนใจเข้าซื้อ Alphawave บริษัทด้านเทคโนโลยี SerDes (serializer-deserializer) จากสหราชอาณาจักร แต่สุดท้ายได้ถอนตัวจากดีลโดยไม่มีเหตุผลที่ชัดเจน หนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้ Arm สนใจ Alphawave คือ เทคโนโลยี SerDes ขั้นสูงที่ช่วยให้การสื่อสารข้อมูลความเร็วสูงมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่ง Arm ยังไม่มีเทคโนโลยีในระดับเดียวกัน

    SerDes มีความสำคัญมากขึ้นในยุค AI
    - เทคโนโลยีนี้ใช้ในการแปลงข้อมูลจากรูปแบบ parallel ไปเป็น serial และกลับมาอีกครั้ง ซึ่งจำเป็นสำหรับระบบที่มีการส่งข้อมูลความเร็วสูง
    - AI เช่น ChatGPT และ Gemini ใช้เครือข่ายคอมพิวเตอร์จำนวนมากในการให้บริการ ทำให้ SerDes เป็นองค์ประกอบที่จำเป็นต่อการประมวลผล

    Broadcom เป็นผู้นำในเทคโนโลยีนี้
    - Broadcom มีลูกค้ารายใหญ่ เช่น Google และ OpenAI ซึ่งใช้ SerDes สำหรับโครงสร้างพื้นฐานของศูนย์ข้อมูล

    Alphawave มีมูลค่าตลาดกว่า 913 ล้านดอลลาร์
    - แม้ว่าดีลกับ Arm จะล่มลง Alphawave กำลังได้รับความสนใจจากบริษัทอื่น ๆ ที่ต้องการซื้อกิจการ

    ปัญหาความมั่นคงทางเทคโนโลยีเป็นสาเหตุที่ Arm ถอนตัว
    - Alphawave มีบริษัทร่วมทุนในจีนชื่อ WiseWave ซึ่งเกี่ยวข้องกับ Wise Road Capital ที่ติดบัญชีดำด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ
    - Arm เคยประสบปัญหาด้านความสัมพันธ์กับจีนตอนเข้าตลาดหุ้น (IPO) ปี 2023 จึงอาจไม่ต้องการเผชิญปัญหาแบบเดิมจากการเข้าซื้อ Alphawave

    https://www.neowin.net/news/serdes-technologys-strategic-value-revealed-as-arms-acquisition-falls-through/
    Reuters รายงานว่า Arm เคยสนใจเข้าซื้อ Alphawave บริษัทด้านเทคโนโลยี SerDes (serializer-deserializer) จากสหราชอาณาจักร แต่สุดท้ายได้ถอนตัวจากดีลโดยไม่มีเหตุผลที่ชัดเจน หนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้ Arm สนใจ Alphawave คือ เทคโนโลยี SerDes ขั้นสูงที่ช่วยให้การสื่อสารข้อมูลความเร็วสูงมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่ง Arm ยังไม่มีเทคโนโลยีในระดับเดียวกัน SerDes มีความสำคัญมากขึ้นในยุค AI - เทคโนโลยีนี้ใช้ในการแปลงข้อมูลจากรูปแบบ parallel ไปเป็น serial และกลับมาอีกครั้ง ซึ่งจำเป็นสำหรับระบบที่มีการส่งข้อมูลความเร็วสูง - AI เช่น ChatGPT และ Gemini ใช้เครือข่ายคอมพิวเตอร์จำนวนมากในการให้บริการ ทำให้ SerDes เป็นองค์ประกอบที่จำเป็นต่อการประมวลผล Broadcom เป็นผู้นำในเทคโนโลยีนี้ - Broadcom มีลูกค้ารายใหญ่ เช่น Google และ OpenAI ซึ่งใช้ SerDes สำหรับโครงสร้างพื้นฐานของศูนย์ข้อมูล Alphawave มีมูลค่าตลาดกว่า 913 ล้านดอลลาร์ - แม้ว่าดีลกับ Arm จะล่มลง Alphawave กำลังได้รับความสนใจจากบริษัทอื่น ๆ ที่ต้องการซื้อกิจการ ปัญหาความมั่นคงทางเทคโนโลยีเป็นสาเหตุที่ Arm ถอนตัว - Alphawave มีบริษัทร่วมทุนในจีนชื่อ WiseWave ซึ่งเกี่ยวข้องกับ Wise Road Capital ที่ติดบัญชีดำด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ - Arm เคยประสบปัญหาด้านความสัมพันธ์กับจีนตอนเข้าตลาดหุ้น (IPO) ปี 2023 จึงอาจไม่ต้องการเผชิญปัญหาแบบเดิมจากการเข้าซื้อ Alphawave https://www.neowin.net/news/serdes-technologys-strategic-value-revealed-as-arms-acquisition-falls-through/
    WWW.NEOWIN.NET
    SerDes technology's strategic value revealed as Arm's acquisition falls through
    AI hype is driving a need for faster data transfers, making SerDes an important technology. Arm tried to acquire a leading firm in this field but the deal collapsed for this reason.
    0 Comments 0 Shares 249 Views 0 Reviews
  • Alphabet ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Google กำลังคิดใหญ่ด้วยการเจรจาซื้อ Wiz สตาร์ตอัพด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ด้วยเงินมหาศาลถึง 30 พันล้านดอลลาร์ ดีลนี้ถ้าสำเร็จ นับว่าเป็นการซื้อกิจการที่ใหญ่ที่สุดของ Alphabet เลยก็ว่าได้. Wiz เองก็เด่นเรื่องการใช้ AI ช่วยองค์กรตรวจจับความเสี่ยงในระบบคลาวด์ และเหมาะกับความต้องการในยุคที่องค์กรต่าง ๆ ต้องป้องกันข้อมูลดิจิทัลให้ดีกว่าเดิม แต่การซื้อครั้งนี้ก็อาจถูกจับตามองในเรื่องการผูกขาดตลาดด้วย

    เบื้องหลังของ Wiz:
    - Wiz เป็นสตาร์ตอัพที่เชี่ยวชาญในการพัฒนาโซลูชันความปลอดภัยบนระบบคลาวด์ โดยใช้เทคโนโลยี AI เพื่อตรวจจับและแก้ไขความเสี่ยงในระบบคลาวด์ขององค์กร.
    - มูลค่าของ Wiz ล่าสุดในปี 2024 อยู่ที่ 12 พันล้านดอลลาร์จากการระดมทุนรอบก่อน.

    ผลกระทบของการซื้อกิจการ:
    - หากการเข้าซื้อสำเร็จ Alphabet จะสามารถตอบสนองต่อความต้องการด้านความปลอดภัยในโลกไซเบอร์ได้มากขึ้น ท่ามกลางความกังวลขององค์กรที่เพิ่มขึ้นหลังเหตุการณ์ระบบ CrowdStrike ล่มทั่วโลกเมื่อปีที่ผ่านมา.
    - อย่างไรก็ตาม ดีลนี้น่าจะเผชิญการตรวจสอบอย่างเข้มงวดจากหน่วยงานกำกับดูแล เนื่องจากมีมูลค่าสูงและอาจกระทบเรื่องการแข่งขันในตลาด.

    ตลาดความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่เติบโต:
    - อุตสาหกรรมความปลอดภัยทางไซเบอร์กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว เนื่องจากองค์กรต่าง ๆ มุ่งลงทุนในการป้องกันระบบดิจิทัล.
    - Alphabet มีแผนใช้ Wiz เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ของตัวเอง ซึ่งปีที่ผ่านมา สร้างรายได้กว่า 43 พันล้านดอลลาร์.

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/18/alphabet-back-in-deal-to-buy-cybersecurity-startup-wiz-for-30-billion-wsj-reports
    Alphabet ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Google กำลังคิดใหญ่ด้วยการเจรจาซื้อ Wiz สตาร์ตอัพด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ด้วยเงินมหาศาลถึง 30 พันล้านดอลลาร์ ดีลนี้ถ้าสำเร็จ นับว่าเป็นการซื้อกิจการที่ใหญ่ที่สุดของ Alphabet เลยก็ว่าได้. Wiz เองก็เด่นเรื่องการใช้ AI ช่วยองค์กรตรวจจับความเสี่ยงในระบบคลาวด์ และเหมาะกับความต้องการในยุคที่องค์กรต่าง ๆ ต้องป้องกันข้อมูลดิจิทัลให้ดีกว่าเดิม แต่การซื้อครั้งนี้ก็อาจถูกจับตามองในเรื่องการผูกขาดตลาดด้วย เบื้องหลังของ Wiz: - Wiz เป็นสตาร์ตอัพที่เชี่ยวชาญในการพัฒนาโซลูชันความปลอดภัยบนระบบคลาวด์ โดยใช้เทคโนโลยี AI เพื่อตรวจจับและแก้ไขความเสี่ยงในระบบคลาวด์ขององค์กร. - มูลค่าของ Wiz ล่าสุดในปี 2024 อยู่ที่ 12 พันล้านดอลลาร์จากการระดมทุนรอบก่อน. ผลกระทบของการซื้อกิจการ: - หากการเข้าซื้อสำเร็จ Alphabet จะสามารถตอบสนองต่อความต้องการด้านความปลอดภัยในโลกไซเบอร์ได้มากขึ้น ท่ามกลางความกังวลขององค์กรที่เพิ่มขึ้นหลังเหตุการณ์ระบบ CrowdStrike ล่มทั่วโลกเมื่อปีที่ผ่านมา. - อย่างไรก็ตาม ดีลนี้น่าจะเผชิญการตรวจสอบอย่างเข้มงวดจากหน่วยงานกำกับดูแล เนื่องจากมีมูลค่าสูงและอาจกระทบเรื่องการแข่งขันในตลาด. ตลาดความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่เติบโต: - อุตสาหกรรมความปลอดภัยทางไซเบอร์กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว เนื่องจากองค์กรต่าง ๆ มุ่งลงทุนในการป้องกันระบบดิจิทัล. - Alphabet มีแผนใช้ Wiz เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ของตัวเอง ซึ่งปีที่ผ่านมา สร้างรายได้กว่า 43 พันล้านดอลลาร์. https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/18/alphabet-back-in-deal-to-buy-cybersecurity-startup-wiz-for-30-billion-wsj-reports
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Alphabet back in talks to buy cybersecurity startup Wiz for $30 billion, source says
    (Reuters) -Google-parent Alphabet is in advanced talks to acquire cybersecurity startup Wiz for around $30 billion, a source familiar with the matter said on Monday, potentially marking the tech giant's largest deal to date.
    0 Comments 0 Shares 356 Views 0 Reviews
  • แม้ว่า Google Chrome จะถือครองตลาดเบราว์เซอร์อยู่ถึง 67% ในเดือนมกราคม 2025 แต่ก็มี AI startups หลายรายที่เริ่มพัฒนาเบราว์เซอร์ใหม่เพื่อล้มแชมป์คนเดิม เช่น Perplexity ซึ่งเป็น AI-powered search engine กำลังพัฒนาเบราว์เซอร์ที่ชื่อว่า Comet คาดว่าจะเปิดตัวเร็วๆ นี้ Perplexity เติบโตอย่างรวดเร็วและมีการใช้บริการถึง 100 ล้านครั้งต่อสัปดาห์ อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนเงินทุนกว่า 500 ล้านดอลลาร์จาก Nvidia และ Jeff Bezos ทำให้มูลค่าของบริษัทสูงถึง 9 พันล้านดอลลาร์

    OpenAI ก็เป็นอีกหนึ่งผู้พัฒนาที่กำลังพัฒนาเบราว์เซอร์ที่มี AI เป็นส่วนหนึ่งของการใช้งาน ซึ่งเป็นความพยายามที่จะดึงดูดผู้ใช้อยู่ในแอปพลิเคชัน ChatGPT โดยการรวมความสามารถในการค้นหาเว็บเข้าไปด้วย

    Google เองก็ไม่ยอมแพ้ โดยได้แอบเพิ่ม Gemini AI เข้ามาใน Chrome เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ผู้ใช้สามารถเข้าถึง Gemini ได้โดยพิมพ์ @gemini ในช่องค้นหาในเบราว์เซอร์ ซึ่งมีฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้สร้างธีมใหม่ด้วย AI เปลี่ยนภาพพื้นหลังการค้นหา และให้ข้อมูลรวมจากหลายแท็บผ่านการวิเคราะห์ของ AI

    อย่างไรก็ตาม Google กำลังเผชิญกับปัญหาทางกฎหมาย บริษัทได้รับคำตัดสินว่าผิดในคดีผูกขาดการค้นหาและกำลังรอคำตัดสินเกี่ยวกับการแยกบริษัทออกเป็นส่วนๆ ซึ่งจะบังคับให้ Alphabet ต้องขาย Chrome ออกไป คาดว่ากระบวนการนี้จะใช้เวลาหลายปี

    การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นโอกาสสำคัญสำหรับ startups ที่มีทุนสนับสนุนมากมายที่เล็งเห็นถึงช่องทางที่อาจเข้ามาแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดจาก Google ด้วยการใช้นวัตกรรม AI ที่ทันสมัยและสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้ดียิ่งขึ้น

    แม้ว่า Google Chrome จะยังครองตำแหน่งผู้นำในตลาดเบราว์เซอร์ แต่การเปลี่ยนแปลงในตลาดนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้และมีแนวโน้มว่าผู้แข่งขันรายใหม่ที่มีเทคโนโลยี AI อาจเข้ามาท้าทายตลาดในอนาคต

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/08/can-ai-startups-dethrone-google-chrome-in-the-web-browser-wars
    แม้ว่า Google Chrome จะถือครองตลาดเบราว์เซอร์อยู่ถึง 67% ในเดือนมกราคม 2025 แต่ก็มี AI startups หลายรายที่เริ่มพัฒนาเบราว์เซอร์ใหม่เพื่อล้มแชมป์คนเดิม เช่น Perplexity ซึ่งเป็น AI-powered search engine กำลังพัฒนาเบราว์เซอร์ที่ชื่อว่า Comet คาดว่าจะเปิดตัวเร็วๆ นี้ Perplexity เติบโตอย่างรวดเร็วและมีการใช้บริการถึง 100 ล้านครั้งต่อสัปดาห์ อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนเงินทุนกว่า 500 ล้านดอลลาร์จาก Nvidia และ Jeff Bezos ทำให้มูลค่าของบริษัทสูงถึง 9 พันล้านดอลลาร์ OpenAI ก็เป็นอีกหนึ่งผู้พัฒนาที่กำลังพัฒนาเบราว์เซอร์ที่มี AI เป็นส่วนหนึ่งของการใช้งาน ซึ่งเป็นความพยายามที่จะดึงดูดผู้ใช้อยู่ในแอปพลิเคชัน ChatGPT โดยการรวมความสามารถในการค้นหาเว็บเข้าไปด้วย Google เองก็ไม่ยอมแพ้ โดยได้แอบเพิ่ม Gemini AI เข้ามาใน Chrome เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ผู้ใช้สามารถเข้าถึง Gemini ได้โดยพิมพ์ @gemini ในช่องค้นหาในเบราว์เซอร์ ซึ่งมีฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้สร้างธีมใหม่ด้วย AI เปลี่ยนภาพพื้นหลังการค้นหา และให้ข้อมูลรวมจากหลายแท็บผ่านการวิเคราะห์ของ AI อย่างไรก็ตาม Google กำลังเผชิญกับปัญหาทางกฎหมาย บริษัทได้รับคำตัดสินว่าผิดในคดีผูกขาดการค้นหาและกำลังรอคำตัดสินเกี่ยวกับการแยกบริษัทออกเป็นส่วนๆ ซึ่งจะบังคับให้ Alphabet ต้องขาย Chrome ออกไป คาดว่ากระบวนการนี้จะใช้เวลาหลายปี การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นโอกาสสำคัญสำหรับ startups ที่มีทุนสนับสนุนมากมายที่เล็งเห็นถึงช่องทางที่อาจเข้ามาแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดจาก Google ด้วยการใช้นวัตกรรม AI ที่ทันสมัยและสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้ดียิ่งขึ้น แม้ว่า Google Chrome จะยังครองตำแหน่งผู้นำในตลาดเบราว์เซอร์ แต่การเปลี่ยนแปลงในตลาดนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้และมีแนวโน้มว่าผู้แข่งขันรายใหม่ที่มีเทคโนโลยี AI อาจเข้ามาท้าทายตลาดในอนาคต https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/08/can-ai-startups-dethrone-google-chrome-in-the-web-browser-wars
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Can AI startups dethrone Google Chrome in the web browser wars?
    Google Chrome has been the dominant web browser for more than a decade. But it will soon have competition from AI companies like OpenAI and Perplexity.
    0 Comments 0 Shares 410 Views 0 Reviews
  • Google ได้พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ที่เรียกว่า "Taara chip" ซึ่งเป็นชิปที่สามารถใช้แสงในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในพื้นที่ที่ขาดแคลนแหล่งทรัพยากร ชิป Taara นี้เป็นการย่อส่วนของเทคโนโลยีการเชื่อมต่อด้วยแสงที่ช่วยให้มีความเร็วอินเทอร์เน็ตที่สูงขึ้น

    โปรเจค Taara ของ Google เป็นการนำเอาเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นโดย Loon LLC ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Alphabet มาใช้ในการสร้างต้นแบบของ "moonshot technologies" หรือเทคโนโลยีที่มีความเสี่ยงสูงแต่สามารถนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงได้

    เทคโนโลยี Taara ใช้ชุด Taara Lightbridge ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่มีขนาดใหญ่พอสมควร ใช้กระจก เซนเซอร์ และฮาร์ดแวร์อื่น ๆ เพื่อทำการส่องแสงและสร้างการเชื่อมต่อ เมื่อชุด Lightbridge สองชุดสามารถเชื่อมต่อกันได้ จะสามารถส่งข้อมูลดิจิทัลได้อย่างเสถียร

    อย่างไรก็ตาม ชิป Taara ใหม่ได้ย่อส่วนให้เล็กลง และไม่ต้องใช้ชิ้นส่วนกลไกมากเท่ารุ่นก่อน ๆ โดยใช้เทคโนโลยี optical phased array ที่มีความแม่นยำสูงในการควบคุมการส่งแสง ทำให้สามารถติดตั้งชิปได้ง่ายขึ้นและใช้งานได้ดีขึ้น

    สิ่งที่น่าสนใจคือ ชิป Taara สามารถส่งข้อมูลด้วยความเร็วถึง 10 Gbps ในระยะทาง 1 กิโลเมตรในสภาพแวดล้อมกลางแจ้ง ซึ่งเป็นความสำเร็จที่น่าทึ่งสำหรับการส่งข้อมูลด้วยชิปโฟโตนิกส์

    โปรเจคนี้ของ Google มีแผนที่จะนำชิป Taara ไปใช้ในการสร้างเครือข่ายเมชทั่วโลกเพื่อให้สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในพื้นที่ที่ขาดแคลนได้เร็วขึ้น รวมถึงการใช้ในศูนย์ข้อมูล ยานพาหนะอัตโนมัติ และอื่น ๆ

    การพัฒนานี้ไม่เพียงแต่จะลดค่าใช้จ่ายในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต แต่ยังเปิดโอกาสในการใช้เทคโนโลยีแสงในการสื่อสารอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

    https://www.techspot.com/news/106987-google-taara-chip-miniaturizes-light-based-connectivity-faster.html
    Google ได้พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ที่เรียกว่า "Taara chip" ซึ่งเป็นชิปที่สามารถใช้แสงในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในพื้นที่ที่ขาดแคลนแหล่งทรัพยากร ชิป Taara นี้เป็นการย่อส่วนของเทคโนโลยีการเชื่อมต่อด้วยแสงที่ช่วยให้มีความเร็วอินเทอร์เน็ตที่สูงขึ้น โปรเจค Taara ของ Google เป็นการนำเอาเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นโดย Loon LLC ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Alphabet มาใช้ในการสร้างต้นแบบของ "moonshot technologies" หรือเทคโนโลยีที่มีความเสี่ยงสูงแต่สามารถนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงได้ เทคโนโลยี Taara ใช้ชุด Taara Lightbridge ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่มีขนาดใหญ่พอสมควร ใช้กระจก เซนเซอร์ และฮาร์ดแวร์อื่น ๆ เพื่อทำการส่องแสงและสร้างการเชื่อมต่อ เมื่อชุด Lightbridge สองชุดสามารถเชื่อมต่อกันได้ จะสามารถส่งข้อมูลดิจิทัลได้อย่างเสถียร อย่างไรก็ตาม ชิป Taara ใหม่ได้ย่อส่วนให้เล็กลง และไม่ต้องใช้ชิ้นส่วนกลไกมากเท่ารุ่นก่อน ๆ โดยใช้เทคโนโลยี optical phased array ที่มีความแม่นยำสูงในการควบคุมการส่งแสง ทำให้สามารถติดตั้งชิปได้ง่ายขึ้นและใช้งานได้ดีขึ้น สิ่งที่น่าสนใจคือ ชิป Taara สามารถส่งข้อมูลด้วยความเร็วถึง 10 Gbps ในระยะทาง 1 กิโลเมตรในสภาพแวดล้อมกลางแจ้ง ซึ่งเป็นความสำเร็จที่น่าทึ่งสำหรับการส่งข้อมูลด้วยชิปโฟโตนิกส์ โปรเจคนี้ของ Google มีแผนที่จะนำชิป Taara ไปใช้ในการสร้างเครือข่ายเมชทั่วโลกเพื่อให้สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในพื้นที่ที่ขาดแคลนได้เร็วขึ้น รวมถึงการใช้ในศูนย์ข้อมูล ยานพาหนะอัตโนมัติ และอื่น ๆ การพัฒนานี้ไม่เพียงแต่จะลดค่าใช้จ่ายในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต แต่ยังเปิดโอกาสในการใช้เทคโนโลยีแสงในการสื่อสารอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น https://www.techspot.com/news/106987-google-taara-chip-miniaturizes-light-based-connectivity-faster.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Google's Taara chip miniaturizes light-based connectivity for faster internet in underserved areas
    Google's X company is working on the next generation of Taara, a silicon photonics technology designed to bring fast broadband speeds to some underdeveloped areas of the...
    0 Comments 0 Shares 317 Views 0 Reviews
  • กองปราบบุกทลายเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ SBOBET รวบ 13 ผู้ต้องหายึดเงินสด 7 ล้าน-ทรัพย์สินรวม 20 ล้านบาท พบเปิดมา 10 ปี เงินหมุนเวียน 1.6 พันล้าน เตรียมนำเฉลี่ยคืนเหยื่อ "อ.อ๊อด ตี่ลี่ฮวงจุ้ย" ลูกค้า VIP ของเว็บฯ

    วันนี้ (3 มี.ค. ) ที่ กองปราบปราม ( บก.ป.) พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป. พร้อมด้วย พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ, พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป. และ เจ้าหน้าที่ กก.1 บก.ป. ร่วมกันแถลงผลปฏิบัติการ “ตี่ลี่ ภาค 2 เซียนพนัน VIP ถังแตก ทลายเครือข่ายเว็บพนัน SBOBET” หลังนำกำลังเข้าปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 3 จุด ในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร และ จ.ปทุมธานี ก่อนสามารถจับกุม นายธนะพัฒน์ อายุ 58 ปี เอเยนต์ เว็บไซต์พนันออนไลน์ SBOBET พร้อมทีมงานบริหารจัดการเว็บ ,แอดมิน ,บัญชีม้า และ บุคคลที่ได้รับผลประโยชน์ รวม 13 ราย ในจำนวนนี้มีผู้ต้องที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำจากคดีอื่น 1 ราย

    พร้อมกันนี้ยังได้ตรวจยึดของกลาง หลายรายการประกอบด้วย เงินสด 7 ล้านบาท รถยนต์ BMW X3 จำนวน 1 คัน รถยนต์ Toyota Alphard 1 คัน รถยนต์มิซูบิชิ ปาเจโร่ 1 คัน ตุ๊กตาแบร์บริค 5 ตัว พระเครื่อง 132 องค์ นาฬิกาหรู 3 เรือน รถจักรยานยนต์ 1 คัน อาวุธปืน 2 กระบอก โทรศัพท์มือถือ 18 เครื่อง สมุดบัญชีเงินฝาก รวม 49 เล่ม คอมพิวเตอร์ 1 เครื่อง ไอแพด 3 เครื่อง เครื่องนับเงิน 1 เครื่อง เอกสารฝาก-ถอนเงิน และ เอกสารประกอบหลักฐานอื่นๆ อีกจำนวนมาก รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ตรวจยึดกว่า 20 ล้านบาท

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000020653

    #MGROnline #กองปราบ #เครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ #SBOBET
    กองปราบบุกทลายเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ SBOBET รวบ 13 ผู้ต้องหายึดเงินสด 7 ล้าน-ทรัพย์สินรวม 20 ล้านบาท พบเปิดมา 10 ปี เงินหมุนเวียน 1.6 พันล้าน เตรียมนำเฉลี่ยคืนเหยื่อ "อ.อ๊อด ตี่ลี่ฮวงจุ้ย" ลูกค้า VIP ของเว็บฯ • วันนี้ (3 มี.ค. ) ที่ กองปราบปราม ( บก.ป.) พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป. พร้อมด้วย พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ, พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป. และ เจ้าหน้าที่ กก.1 บก.ป. ร่วมกันแถลงผลปฏิบัติการ “ตี่ลี่ ภาค 2 เซียนพนัน VIP ถังแตก ทลายเครือข่ายเว็บพนัน SBOBET” หลังนำกำลังเข้าปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 3 จุด ในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร และ จ.ปทุมธานี ก่อนสามารถจับกุม นายธนะพัฒน์ อายุ 58 ปี เอเยนต์ เว็บไซต์พนันออนไลน์ SBOBET พร้อมทีมงานบริหารจัดการเว็บ ,แอดมิน ,บัญชีม้า และ บุคคลที่ได้รับผลประโยชน์ รวม 13 ราย ในจำนวนนี้มีผู้ต้องที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำจากคดีอื่น 1 ราย • พร้อมกันนี้ยังได้ตรวจยึดของกลาง หลายรายการประกอบด้วย เงินสด 7 ล้านบาท รถยนต์ BMW X3 จำนวน 1 คัน รถยนต์ Toyota Alphard 1 คัน รถยนต์มิซูบิชิ ปาเจโร่ 1 คัน ตุ๊กตาแบร์บริค 5 ตัว พระเครื่อง 132 องค์ นาฬิกาหรู 3 เรือน รถจักรยานยนต์ 1 คัน อาวุธปืน 2 กระบอก โทรศัพท์มือถือ 18 เครื่อง สมุดบัญชีเงินฝาก รวม 49 เล่ม คอมพิวเตอร์ 1 เครื่อง ไอแพด 3 เครื่อง เครื่องนับเงิน 1 เครื่อง เอกสารฝาก-ถอนเงิน และ เอกสารประกอบหลักฐานอื่นๆ อีกจำนวนมาก รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ตรวจยึดกว่า 20 ล้านบาท • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000020653 • #MGROnline #กองปราบ #เครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ #SBOBET
    0 Comments 0 Shares 796 Views 0 Reviews
  • Anthropicบริษัทเทคโนโลยีที่ก่อตั้งโดยอดีตพนักงาน OpenAI ได้เปิดตัวโมเดลปัญญาประดิษฐ์ใหม่ล่าสุดที่ชื่อว่า Claude 3.7 Sonnet โมเดลใหม่นี้ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ โดยมีชื่อว่า Claude Code ซึ่งมีความสามารถในการค้นหาและอ่านโค้ด แก้ไขไฟล์ และทดสอบซอฟต์แวร์

    Anthropic อ้างว่า Claude 3.7 Sonnet นี้มีความสามารถในการเขียนโค้ดที่ซับซ้อนมากขึ้น Jared Kaplan ซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้งและหัวหน้าเจ้าหน้าที่ด้านวิทยาศาสตร์ของ Anthropic กล่าวว่า โมเดลใหม่นี้มีการพัฒนาโดยใช้ "hybrid reasoning model" ที่ช่วยให้ผู้ใช้ได้รับคำตอบที่รวดเร็วและสามารถจัดการกับคำถามที่ซับซ้อนได้ดียิ่งขึ้น

    โมเดล Claude 3.7 Sonnet นี้มีความสามารถในการปรับตัวตามปัญหาของลูกค้า และตอบสนองความต้องการในการพัฒนาโค้ดได้อย่างเหมาะสม นอกจากการพัฒนาโค้ดแล้ว โมเดลนี้ยังสามารถจัดการกับการวิเคราะห์และการแก้ไขปัญหาทางคอมพิวเตอร์ที่ซับซ้อนได้อีกด้วย

    การเปิดตัวโมเดลใหม่นี้เกิดขึ้นในขณะที่บริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ กำลังแข่งขันกันในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมสูงและสามารถตอบสนองความต้องการของตลาดได้อย่างรวดเร็ว โดยมีการลงทุนในเทคโนโลยี AI อย่างมหาศาล Anthropic ได้รับการสนับสนุนจาก Amazon และ Google-parent Alphabet ซึ่งทำให้บริษัทสามารถพัฒนาและเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็ว

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/26/anthropic-releases-its-smartest-ai-model
    Anthropicบริษัทเทคโนโลยีที่ก่อตั้งโดยอดีตพนักงาน OpenAI ได้เปิดตัวโมเดลปัญญาประดิษฐ์ใหม่ล่าสุดที่ชื่อว่า Claude 3.7 Sonnet โมเดลใหม่นี้ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ โดยมีชื่อว่า Claude Code ซึ่งมีความสามารถในการค้นหาและอ่านโค้ด แก้ไขไฟล์ และทดสอบซอฟต์แวร์ Anthropic อ้างว่า Claude 3.7 Sonnet นี้มีความสามารถในการเขียนโค้ดที่ซับซ้อนมากขึ้น Jared Kaplan ซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้งและหัวหน้าเจ้าหน้าที่ด้านวิทยาศาสตร์ของ Anthropic กล่าวว่า โมเดลใหม่นี้มีการพัฒนาโดยใช้ "hybrid reasoning model" ที่ช่วยให้ผู้ใช้ได้รับคำตอบที่รวดเร็วและสามารถจัดการกับคำถามที่ซับซ้อนได้ดียิ่งขึ้น โมเดล Claude 3.7 Sonnet นี้มีความสามารถในการปรับตัวตามปัญหาของลูกค้า และตอบสนองความต้องการในการพัฒนาโค้ดได้อย่างเหมาะสม นอกจากการพัฒนาโค้ดแล้ว โมเดลนี้ยังสามารถจัดการกับการวิเคราะห์และการแก้ไขปัญหาทางคอมพิวเตอร์ที่ซับซ้อนได้อีกด้วย การเปิดตัวโมเดลใหม่นี้เกิดขึ้นในขณะที่บริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ กำลังแข่งขันกันในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมสูงและสามารถตอบสนองความต้องการของตลาดได้อย่างรวดเร็ว โดยมีการลงทุนในเทคโนโลยี AI อย่างมหาศาล Anthropic ได้รับการสนับสนุนจาก Amazon และ Google-parent Alphabet ซึ่งทำให้บริษัทสามารถพัฒนาและเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็ว https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/26/anthropic-releases-its-smartest-ai-model
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Anthropic releases its 'smartest' AI model
    OpenAI rival Anthropic on Monday released what it said is its smartest artificial intelligence model to date, particularly when it comes to computer coding.
    0 Comments 0 Shares 308 Views 0 Reviews
  • 🍈 #เมล่อนสายพันธุ์ไหนปลูกง่าย ทนโรค หวานอร่อย? 🍈

    เพื่อนๆ หลายคนสอบถามกันมา วันนี้พามาชมเมล่อนจาก สวนอารยาเกษตรปลอดสารพิษ ที่อำเภอนบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช กันครับ

    ปลูก เมล่อนสายพันธุ์ #Alpha เนื้อส้มลายตาข่าย ผลกลม หวานกรอบ น้ำหนัก1.4-2.2กิโลกรัม ต้นสมบูรณ์หวาน 14-18บริกซ์

    ตอนนี้ติดผลอายุ 8 วันหลังผสมเกสร ผลโตสวยมาก กำลังอยู่ในช่วงขยายผล

    ต้นสมบูรณ์ ใบเขียวเข้ม ผลทรงสวย

    ปลูกในโรงเรือนขนาด 6 x 12 เมตร จำนวน 200 ต้น ตอนนี้ครบทุกต้น ไม่มีโรคและแมลงเข้าทำลายเลย

    เจ้าของฟาร์มดูแลดีมาก ใช้ #ไตรโคบิวพลัส ป้องกันโรคและแมลงสม่ำเสมอตามแผน

    สายพันธุ์ Alpha เป็นที่ Little Farm เลือกใช้ปลูกและแนะนำมานานแล้ว หากเพื่อนๆ สนใจเมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย AB สำหรับเมล่อน และชีวภัณฑ์ป้องกันโรคแมลง สามารถสอบถามได้ที่ Inbox หรือโทร 093-696-2691 ครับ

    #LittleFarm #เมล่อนAlpha #ปลูกเมล่อนง่าย #ทนโรคหวานอร่อย #ไตรโคบิวพลัส
    🍈 #เมล่อนสายพันธุ์ไหนปลูกง่าย ทนโรค หวานอร่อย? 🍈 เพื่อนๆ หลายคนสอบถามกันมา วันนี้พามาชมเมล่อนจาก สวนอารยาเกษตรปลอดสารพิษ ที่อำเภอนบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช กันครับ ปลูก เมล่อนสายพันธุ์ #Alpha เนื้อส้มลายตาข่าย ผลกลม หวานกรอบ น้ำหนัก1.4-2.2กิโลกรัม ต้นสมบูรณ์หวาน 14-18บริกซ์ ตอนนี้ติดผลอายุ 8 วันหลังผสมเกสร ผลโตสวยมาก กำลังอยู่ในช่วงขยายผล ต้นสมบูรณ์ ใบเขียวเข้ม ผลทรงสวย ปลูกในโรงเรือนขนาด 6 x 12 เมตร จำนวน 200 ต้น ตอนนี้ครบทุกต้น ไม่มีโรคและแมลงเข้าทำลายเลย เจ้าของฟาร์มดูแลดีมาก ใช้ #ไตรโคบิวพลัส ป้องกันโรคและแมลงสม่ำเสมอตามแผน สายพันธุ์ Alpha เป็นที่ Little Farm เลือกใช้ปลูกและแนะนำมานานแล้ว หากเพื่อนๆ สนใจเมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย AB สำหรับเมล่อน และชีวภัณฑ์ป้องกันโรคแมลง สามารถสอบถามได้ที่ Inbox หรือโทร 093-696-2691 ครับ #LittleFarm #เมล่อนAlpha #ปลูกเมล่อนง่าย #ทนโรคหวานอร่อย #ไตรโคบิวพลัส
    0 Comments 0 Shares 827 Views 0 0 Reviews
  • 🍈 เมล่อนสายพันธุ์ไหนปลูกง่าย ทนโรค หวานอร่อย? 🍈

    เพื่อนๆ หลายคนสอบถามกันมา วันนี้พามาชมเมล่อนจาก สวนอารยาเกษตรปลอดสารพิษ ที่อำเภอนบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช กันครับ

    ปลูก เมล่อนสายพันธุ์ Alpha เนื้อส้ม

    ตอนนี้ติดผลอายุ 8 วันหลังผสมเกสร ผลโตสวยมาก กำลังอยู่ในช่วงขยายผล

    ต้นสมบูรณ์ ใบเขียวเข้ม ผลทรงสวย

    ปลูกในโรงเรือนขนาด 6 x 12 เมตร จำนวน 200 ต้น ตอนนี้ครบทุกต้น ไม่มีโรคและแมลงเข้าทำลายเลย

    เจ้าของฟาร์มดูแลดีมาก ใช้ ไตรโคบิวพลัส ป้องกันโรคและแมลงสม่ำเสมอตามแผน


    สายพันธุ์ Alpha เป็นที่ Little Farm เลือกใช้ปลูกและแนะนำมานานแล้ว หากเพื่อนๆ สนใจเมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย AB สำหรับเมล่อน และชีวภัณฑ์ป้องกันโรคแมลง สามารถสอบถามได้ที่ Inbox หรือโทร 093-696-2691 ครับ

    #LittleFarm #เมล่อนAlpha #ปลูกเมล่อนง่าย #ทนโรคหวานอร่อย #ไตรโคบิวพลัส
    🍈 เมล่อนสายพันธุ์ไหนปลูกง่าย ทนโรค หวานอร่อย? 🍈 เพื่อนๆ หลายคนสอบถามกันมา วันนี้พามาชมเมล่อนจาก สวนอารยาเกษตรปลอดสารพิษ ที่อำเภอนบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช กันครับ ปลูก เมล่อนสายพันธุ์ Alpha เนื้อส้ม ตอนนี้ติดผลอายุ 8 วันหลังผสมเกสร ผลโตสวยมาก กำลังอยู่ในช่วงขยายผล ต้นสมบูรณ์ ใบเขียวเข้ม ผลทรงสวย ปลูกในโรงเรือนขนาด 6 x 12 เมตร จำนวน 200 ต้น ตอนนี้ครบทุกต้น ไม่มีโรคและแมลงเข้าทำลายเลย เจ้าของฟาร์มดูแลดีมาก ใช้ ไตรโคบิวพลัส ป้องกันโรคและแมลงสม่ำเสมอตามแผน สายพันธุ์ Alpha เป็นที่ Little Farm เลือกใช้ปลูกและแนะนำมานานแล้ว หากเพื่อนๆ สนใจเมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย AB สำหรับเมล่อน และชีวภัณฑ์ป้องกันโรคแมลง สามารถสอบถามได้ที่ Inbox หรือโทร 093-696-2691 ครับ #LittleFarm #เมล่อนAlpha #ปลูกเมล่อนง่าย #ทนโรคหวานอร่อย #ไตรโคบิวพลัส
    0 Comments 0 Shares 727 Views 0 Reviews
  • Generation Beta เป็นคำที่ใช้เรียกกลุ่มคนที่เกิดหลังจาก Generation Alpha ซึ่งโดยทั่วไปหมายถึงเด็กที่เกิดตั้งแต่ประมาณปี 2025 เป็นต้นไป

    ลักษณะของ Generation Beta (คาดการณ์)

    1. เกิดในยุคเทคโนโลยีล้ำหน้า – เติบโตมาพร้อมกับ AI, Automation, และ Metaverse


    2. ใช้ชีวิตแบบดิจิทัลเป็นหลัก – การเรียน การทำงาน และความบันเทิงจะเชื่อมต่อกับโลกเสมือนจริงมากขึ้น


    3. ได้รับอิทธิพลจากสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อม – โตมาในโลกที่เผชิญกับปัญหาสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ


    4. มีแนวคิดเกี่ยวกับความหลากหลายและความเท่าเทียมมากขึ้น – สังคมเปิดกว้างด้านวัฒนธรรมและเพศสภาพ


    5. พฤติกรรมการใช้โซเชียลมีเดียจะเปลี่ยนไป – อาจใช้งานแพลตฟอร์มที่มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น หรือแพลตฟอร์มที่เชื่อมต่อกับ AI



    เนื่องจาก Generation Beta ยังไม่เกิดขึ้นจริง คำนี้จึงเป็นเพียงแนวคิดที่นักวิเคราะห์ใช้คาดการณ์อนาคตของกลุ่มคนรุ่นใหม่

    Generation Beta เป็นคำที่ใช้เรียกกลุ่มคนที่เกิดหลังจาก Generation Alpha ซึ่งโดยทั่วไปหมายถึงเด็กที่เกิดตั้งแต่ประมาณปี 2025 เป็นต้นไป ลักษณะของ Generation Beta (คาดการณ์) 1. เกิดในยุคเทคโนโลยีล้ำหน้า – เติบโตมาพร้อมกับ AI, Automation, และ Metaverse 2. ใช้ชีวิตแบบดิจิทัลเป็นหลัก – การเรียน การทำงาน และความบันเทิงจะเชื่อมต่อกับโลกเสมือนจริงมากขึ้น 3. ได้รับอิทธิพลจากสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อม – โตมาในโลกที่เผชิญกับปัญหาสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 4. มีแนวคิดเกี่ยวกับความหลากหลายและความเท่าเทียมมากขึ้น – สังคมเปิดกว้างด้านวัฒนธรรมและเพศสภาพ 5. พฤติกรรมการใช้โซเชียลมีเดียจะเปลี่ยนไป – อาจใช้งานแพลตฟอร์มที่มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น หรือแพลตฟอร์มที่เชื่อมต่อกับ AI เนื่องจาก Generation Beta ยังไม่เกิดขึ้นจริง คำนี้จึงเป็นเพียงแนวคิดที่นักวิเคราะห์ใช้คาดการณ์อนาคตของกลุ่มคนรุ่นใหม่
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 585 Views 0 Reviews
  • เมื่อไม่นานมานี้ ได้มีการรายงานว่าเด็กที่ถูกใช้ในทางไม่เหมาะสมเพิ่มขึ้น 12% จากปี 2022 ถึง 2023 ข้อมูลจากศูนย์แห่งชาติเพื่อเด็กที่สูญหายและถูกใช้ในทางที่ผิดแสดงให้เห็นถึงปัญหาที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในด้านนี้ เพื่อรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่หลายแห่ง เช่น Alphabet Inc, OpenAI, Roblox Cor. และ Discord ได้ร่วมกันสร้างโครงการใหม่ชื่อว่า "ROOST" ที่รวบรวมเงินได้กว่า 27 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 120.71 ล้านบาท) เพื่อสร้างเครื่องมือโอเพนซอร์ซสำหรับการปรับปรุงความปลอดภัยของเด็กออนไลน์

    โครงการ ROOST มีเป้าหมายที่จะเร่งการพัฒนานวัตกรรมเพื่อความปลอดภัยของเด็กออนไลน์ โดยใช้เทคโนโลยี AI ในการตรวจสอบและรายงานเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม และทำให้เทคโนโลยีพื้นฐานสำหรับความปลอดภัยเข้าถึงได้ง่ายขึ้น

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/13/roblox-joins-tech-companies-in-new-fund-to-protect-kids-online
    เมื่อไม่นานมานี้ ได้มีการรายงานว่าเด็กที่ถูกใช้ในทางไม่เหมาะสมเพิ่มขึ้น 12% จากปี 2022 ถึง 2023 ข้อมูลจากศูนย์แห่งชาติเพื่อเด็กที่สูญหายและถูกใช้ในทางที่ผิดแสดงให้เห็นถึงปัญหาที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในด้านนี้ เพื่อรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่หลายแห่ง เช่น Alphabet Inc, OpenAI, Roblox Cor. และ Discord ได้ร่วมกันสร้างโครงการใหม่ชื่อว่า "ROOST" ที่รวบรวมเงินได้กว่า 27 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 120.71 ล้านบาท) เพื่อสร้างเครื่องมือโอเพนซอร์ซสำหรับการปรับปรุงความปลอดภัยของเด็กออนไลน์ โครงการ ROOST มีเป้าหมายที่จะเร่งการพัฒนานวัตกรรมเพื่อความปลอดภัยของเด็กออนไลน์ โดยใช้เทคโนโลยี AI ในการตรวจสอบและรายงานเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม และทำให้เทคโนโลยีพื้นฐานสำหรับความปลอดภัยเข้าถึงได้ง่ายขึ้น https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/13/roblox-joins-tech-companies-in-new-fund-to-protect-kids-online
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Roblox joins tech companies in new fund to protect kids online
    Experts in child safety, open-source technology and countering violent extremism are contributing to the effort.
    0 Comments 0 Shares 239 Views 0 Reviews
  • เรื่องนี้เป็นเรื่องของการแข่งขันในการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ระหว่างบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Amazon, Google, Microsoft และ Meta ในปีนี้มีการคาดการณ์ว่าการลงทุนใน AI ของบริษัทเหล่านี้จะเกิน 320 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือเป็นการลงทุนที่สูงสุดเท่าที่เคยมีมา

    ในบทความนี้กล่าวถึงว่า Amazon ได้ประกาศการลงทุนกว่า 100 พันล้านดอลลาร์ในโครงสร้างพื้นฐาน โดยมุ่งเน้นการขยายบริการคลาวด์ Amazon Web Services (AWS) ซึ่งเพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบกับ 77 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024 และ 48 พันล้านดอลลาร์ในปี 2023 CEO ของ Amazon, Andy Jassy, อธิบายว่ามีสัญญาณความต้องการที่ชัดเจนในด้าน AI

    Google โดย Alphabet ก็ไม่ได้น้อยหน้า Sundar Pichai CEO ของ Alphabet กล่าวว่าจะลงทุน 75 พันล้านดอลลาร์ในปี 2025 เพื่อทำให้ AI เข้าถึงได้มากขึ้น Microsoft ก็ตั้งเป้าหมายการลงทุน 80 พันล้านดอลลาร์เพื่อขยายแพลตฟอร์ม Azure และ Meta ประกาศจะลงทุนเพิ่มขึ้นหลายพันล้านดอลลาร์ใน AI โดยมีแผนที่จะแก้ไขปัญหาการโฆษณาและปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้

    มีตัวอย่างที่น่าสนใจคือ DeepSeek บริษัทสตาร์ทอัพจากประเทศจีนที่มี AI ที่สามารถเปรียบเทียบกับ Google และ OpenAI ในราคาที่ถูกกว่ามาก แม้จะมีความสงสัยเกี่ยวกับความสามารถและค่าใช้จ่ายของ DeepSeek แต่บริษัทใหญ่ๆ ก็ยังคงยืนหยัดในการลงทุนและการวิจัยในเทคโนโลยี AI ของตน

    ผู้เชี่ยวชาญจาก RBC Capital Markets กล่าวถึงความเป็นไปได้ของ 'AI winter' ที่อาจเกิดขึ้น แต่บริษัทยักษ์ใหญ่ยังคงมองว่า AI มีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงโลก และไม่สามารถหยุดการลงทุนได้

    https://www.techspot.com/news/106700-amazon-google-microsoft-meta-push-ai-spending-new.html
    เรื่องนี้เป็นเรื่องของการแข่งขันในการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ระหว่างบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Amazon, Google, Microsoft และ Meta ในปีนี้มีการคาดการณ์ว่าการลงทุนใน AI ของบริษัทเหล่านี้จะเกิน 320 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือเป็นการลงทุนที่สูงสุดเท่าที่เคยมีมา ในบทความนี้กล่าวถึงว่า Amazon ได้ประกาศการลงทุนกว่า 100 พันล้านดอลลาร์ในโครงสร้างพื้นฐาน โดยมุ่งเน้นการขยายบริการคลาวด์ Amazon Web Services (AWS) ซึ่งเพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบกับ 77 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024 และ 48 พันล้านดอลลาร์ในปี 2023 CEO ของ Amazon, Andy Jassy, อธิบายว่ามีสัญญาณความต้องการที่ชัดเจนในด้าน AI Google โดย Alphabet ก็ไม่ได้น้อยหน้า Sundar Pichai CEO ของ Alphabet กล่าวว่าจะลงทุน 75 พันล้านดอลลาร์ในปี 2025 เพื่อทำให้ AI เข้าถึงได้มากขึ้น Microsoft ก็ตั้งเป้าหมายการลงทุน 80 พันล้านดอลลาร์เพื่อขยายแพลตฟอร์ม Azure และ Meta ประกาศจะลงทุนเพิ่มขึ้นหลายพันล้านดอลลาร์ใน AI โดยมีแผนที่จะแก้ไขปัญหาการโฆษณาและปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้ มีตัวอย่างที่น่าสนใจคือ DeepSeek บริษัทสตาร์ทอัพจากประเทศจีนที่มี AI ที่สามารถเปรียบเทียบกับ Google และ OpenAI ในราคาที่ถูกกว่ามาก แม้จะมีความสงสัยเกี่ยวกับความสามารถและค่าใช้จ่ายของ DeepSeek แต่บริษัทใหญ่ๆ ก็ยังคงยืนหยัดในการลงทุนและการวิจัยในเทคโนโลยี AI ของตน ผู้เชี่ยวชาญจาก RBC Capital Markets กล่าวถึงความเป็นไปได้ของ 'AI winter' ที่อาจเกิดขึ้น แต่บริษัทยักษ์ใหญ่ยังคงมองว่า AI มีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงโลก และไม่สามารถหยุดการลงทุนได้ https://www.techspot.com/news/106700-amazon-google-microsoft-meta-push-ai-spending-new.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Amazon, Google, Microsoft, and Meta push AI spending to new heights, set to surpass $320 billion this year
    Amazon has set the bar exceptionally high, announcing an unprecedented investment of over $100 billion in infrastructure, primarily focused on expanding its cloud computing arm, Amazon Web...
    0 Comments 0 Shares 493 Views 0 Reviews
  • อ่านเอาเรื่อง Ep.93 : อัลฟ่าโกะกับจีน

    ในปี ค.ศ.2016 มีเหตุการณ์เล็กๆที่ยิ่งใหญ่เกิดขึ้นครับ คือ มีการแข่งขันเกมส์ “โกะ” (หรือ หมากล้อม) ระหว่างแชมป์โลกโกะชาวเกาหลีใต้ชื่อ “ลี เซดอล“ กับหุ่นยนต์เอไอของกูเกิ้ล ชื่อ ”อัลฟ่าโกะ - AlphaGo"

    ผลก็คือ อัลฟ่าโกะชนะลี เซดอลไปได้ขาดลอย คือ แข่งกัน 5 กระดาน อัลฟ่าโกะชนะไป 4 กระดาน ทำเอาแขมป์โลกลี เซดอลต้องยอมแพ้และถอนตัวจากแข่งขัน

    เผื่อใครไม่ทราบ โกะคือเกมส์ที่เล่นบนกระดานครับ ผู้เล่นสองฝั่งต้องวางแผนล่วงหน้าในการเดินหมากเพื่อลวงคู่ต่อสู้ เป็นเกมส์ที่ใช้พลังสมองและฝึกกระบวนการคิดซับซ้อนเป็นอย่างดี
    .
    .
    .
    ข่าวชัยชนะของอัลฟ่าโกะนี้แพร่กระจายไปทั่วโลก จนกระทั่งไปเข้าถึงหูของกลุ่มผู้นำจีนในเวลานั้น

    เรื่องใครชนะใครแพ้ในเกมส์โกะนั้นไม่สำคัญสำหรับกลุ่มผู้นำรัฐบาลจีนเท่ากับความจริงที่ว่า เทคโนโลยีเอไอนั้นก้าวล้ำไปรวดเร็วกว่าที่ใครจะคาดคิดครับ

    ผู้นำจีนได้พูดคุยกันและตัดสินใจทันทีว่า จีนจะต้องเร่งพัฒนาองค์ความรู้เรื่องเอไอเพื่อให้จีนเป็นผู้นำเทคโนโลยีนี้ให้ได้

    ดังนั้นแล้วหนึ่งปีหลังจากชัยชนะของอัลฟ่าโกะ คือ ค.ศ.2017 รัฐบาลจีนได้ประกาศแผนแห่งชาติที่ชื่อว่า “New Generation Artificial Intelligence Development Plan" หรือ ”แผนพัฒนาเอไอยุคใหม่“ ออกมาครับ

    กล่าวโดยสรุปคือ แผนนี้กำหนดเป้าหมายไว้ว่า

    ภายในปี 2020 จีนจะต้องตามทันอเมริกาและชาติที่ก้าวล้ำในด้านเอไอ

    ภายในปี 2025 จีนจะต้องสร้างนวัตกรรมสำคัญในเรื่อง เอไอ application

    ภายในปี 2030 จีนจะต้องเป็นผู้นำโลกด้านเอไอ

    และในหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมา รัฐบาลจีนก็ได้จัดสรรเงินลงทุนประมาณ 200,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐมุ่งไปที่การพัฒนาเอไออย่างเดียว

    เงินก้อนนี้คิดเป็น 23% ของงบประมาณลงทุนทั้งหมดของรัฐบาลจีนในทศวรรษนี้ครับ

    บางท่านอาจถามว่า “อ้าว… แล้วก่อนหน้าปี 2017 นี่ จีนไม่ได้สนใจเรื่องเอไอเลยเหรอ?”

    คำตอบคือ สนใจครับ ในยุคนั้นมีบริษัทดังๆเช่น หัวเหว่ย, อาลีบาบา, เทนเซนท์ และไป่ตู้ (Baidu) ซึ่งเป็นบริษัทเทคสำคัญๆของจีนก็สนใจเอไออยู่ แต่งบประมาณยังไม่ได้มากมายอะไร

    เมื่อรัฐบาลจีนเข้ามาส่งเสริมเอไอเต็มสูบแบบนี้ พวกบริษัทเทคยักษ์ใหญ่ของจีนก็เดินหน้าเต็มเหนี่ยวเช่นกัน เช่น ระบบเอไอเฮลธ์แคร์โดยเทนเซนท์, ระบบสมาร์ทซิตี้ของอาลีบาบา หรือ ระบบจดจำใบหน้าของเอไอโดยเซนส์ไทม์ ฯลฯ
    .
    .
    .
    งบ 2 แสนล้านดอลล่าร์ของรัฐบาลนี้ ไม่ได้ส่งไปที่บริษัทหรือเทคสตาร์ทอัพอย่างเดียวครับ แต่ส่งไปยังโรงเรียนและมหาวิทยาลัยทั่วประเทศจีนเพื่อส่งเสริมการเรียนการสอนทั้ง STEM + เอไอด้วย

    STEM ย่อมาจาก การเรียนสายวิทยาศาสตร์คือ Science, Technology, Engineering and Mathematic ครับ

    ในระดับประถม-มัธยมก็เริ่มสอนการเขียนโปรแกรม หรือ โค้ดดิ้ง (Coding) แต่เด็กๆ โดยใส่เข้าไปในหลักสูตรเลย

    ที่น่าสนใจคือ โรงเรียนและผู้ปกครองส่งเสริมให้เด็กๆหัดเล่นโกะเยอะขึ้นมาก เพื่อให้ฝึกกระบวนการคิดหลายชั้น

    และให้เอไอเป็นโค้ชสอนเด็กเล่นโกะด้วยซ้ำ

    มหาวิทยาลัยทั้งหลายในจีนเริ่มเปิดหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับเอไอและ STEM มากขึ้น

    ในช่วงปี 2016-2019 นักศึกษาปริญญาเอกในสาย STEM ของมหาวิทยาลัยจีนเพิ่มขึ้นจาก 59,000 คน เป็น 83,000 คน

    คาดว่าในปี 2025 จีนจะผลิตด็อกเตอร์จบใหม่สาย STEM ได้ปีละ 77,000 คน เทียบกับสหรัฐอเมริกาที่ผลิตปีละ 40,000 คน

    ส่วนในระดับปริญญาตรีและโท จีนผลิตบัณฑิตและมหาบัณฑิตได้ปีละหลักล้านคน

    ในจีนนั้นมีอยู่ 3 มหาวิทยาลัยที่ถือว่าโด่งดังในหลักสูตรเอไอ คือ ปักกิ่ง, ซิงหัว และ Zhejiang ครับ ซึ่งมหาลัยเหล่านี้เขาก็ทำงานร่วมกับบริษัทเทคยักษ์ใหญ่ของจีน 3 แห่งคือ Baitu, Alibaba และ Tencent

    ย่อหน้าที่แล้วผมเขียนชื่อสามบริษัทนี้เป็นภาษาอังกฤษ เพราะยักษ์ใหญ่สามบริษัทนี้เขามีชื่อเรียกย่อๆรวมกันว่า BAT ครับ
    .
    .
    .
    ที่ผมนำเรื่องนี้มาเล่า ก็เพราะอยากจะบอกว่าความสำเร็จของเอไอ “ดีปซีค” นั้นไม่ใช่ความสำเร็จชั่วข้ามคืน

    แต่เกิดจากยุทธศาสตร์ที่มุ่งพัฒนาชาติของรัฐบาลจีนและความมานะหมั่นเพียรของเด็กจีน

    อัลฟ่าโกะนั้นเปรียบเสมือนเสียงนาฬิกาปลุกสำหรับมังกรจีน

    เทียบได้กับในวันที่โซเวียตส่งยานสปุตนิกขึ้นไปโคจรรอบโลกแล้วนั่นคือนาฬิกาปลุกของอเมริกา

    สำหรับประเทศไทยเรานั้น อย่าไปหวังยุทธศาสตร์อะไรกับนายกรัฐมนตรีที่เทงบซอฟท์พาวเวอร์ไป 5 พันล้านบาทเลยครับ

    ยิ่งเห็นข่าวคณะผู้แทนจีนตั้งคำถามกับฝ่ายความมั่นคงและตำรวจไทยเรื่องแก๊งคอลล์เซ็นเตอร์ว่า “ทำไมพวกคุณไม่สนใจดูแลบ้านเมืองของตัวเองบ้างเลย“ แล้ว

    ผมอายบรรพบุรุษครับ

    อายว่า “เจนเนอเรชั่นพวกเรานั้น ทำได้แค่นี้เหรอ? มีดีแค่นี้เหรอ?“
    อ่านเอาเรื่อง Ep.93 : อัลฟ่าโกะกับจีน ในปี ค.ศ.2016 มีเหตุการณ์เล็กๆที่ยิ่งใหญ่เกิดขึ้นครับ คือ มีการแข่งขันเกมส์ “โกะ” (หรือ หมากล้อม) ระหว่างแชมป์โลกโกะชาวเกาหลีใต้ชื่อ “ลี เซดอล“ กับหุ่นยนต์เอไอของกูเกิ้ล ชื่อ ”อัลฟ่าโกะ - AlphaGo" ผลก็คือ อัลฟ่าโกะชนะลี เซดอลไปได้ขาดลอย คือ แข่งกัน 5 กระดาน อัลฟ่าโกะชนะไป 4 กระดาน ทำเอาแขมป์โลกลี เซดอลต้องยอมแพ้และถอนตัวจากแข่งขัน เผื่อใครไม่ทราบ โกะคือเกมส์ที่เล่นบนกระดานครับ ผู้เล่นสองฝั่งต้องวางแผนล่วงหน้าในการเดินหมากเพื่อลวงคู่ต่อสู้ เป็นเกมส์ที่ใช้พลังสมองและฝึกกระบวนการคิดซับซ้อนเป็นอย่างดี . . . ข่าวชัยชนะของอัลฟ่าโกะนี้แพร่กระจายไปทั่วโลก จนกระทั่งไปเข้าถึงหูของกลุ่มผู้นำจีนในเวลานั้น เรื่องใครชนะใครแพ้ในเกมส์โกะนั้นไม่สำคัญสำหรับกลุ่มผู้นำรัฐบาลจีนเท่ากับความจริงที่ว่า เทคโนโลยีเอไอนั้นก้าวล้ำไปรวดเร็วกว่าที่ใครจะคาดคิดครับ ผู้นำจีนได้พูดคุยกันและตัดสินใจทันทีว่า จีนจะต้องเร่งพัฒนาองค์ความรู้เรื่องเอไอเพื่อให้จีนเป็นผู้นำเทคโนโลยีนี้ให้ได้ ดังนั้นแล้วหนึ่งปีหลังจากชัยชนะของอัลฟ่าโกะ คือ ค.ศ.2017 รัฐบาลจีนได้ประกาศแผนแห่งชาติที่ชื่อว่า “New Generation Artificial Intelligence Development Plan" หรือ ”แผนพัฒนาเอไอยุคใหม่“ ออกมาครับ กล่าวโดยสรุปคือ แผนนี้กำหนดเป้าหมายไว้ว่า ภายในปี 2020 จีนจะต้องตามทันอเมริกาและชาติที่ก้าวล้ำในด้านเอไอ ภายในปี 2025 จีนจะต้องสร้างนวัตกรรมสำคัญในเรื่อง เอไอ application ภายในปี 2030 จีนจะต้องเป็นผู้นำโลกด้านเอไอ และในหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมา รัฐบาลจีนก็ได้จัดสรรเงินลงทุนประมาณ 200,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐมุ่งไปที่การพัฒนาเอไออย่างเดียว เงินก้อนนี้คิดเป็น 23% ของงบประมาณลงทุนทั้งหมดของรัฐบาลจีนในทศวรรษนี้ครับ บางท่านอาจถามว่า “อ้าว… แล้วก่อนหน้าปี 2017 นี่ จีนไม่ได้สนใจเรื่องเอไอเลยเหรอ?” คำตอบคือ สนใจครับ ในยุคนั้นมีบริษัทดังๆเช่น หัวเหว่ย, อาลีบาบา, เทนเซนท์ และไป่ตู้ (Baidu) ซึ่งเป็นบริษัทเทคสำคัญๆของจีนก็สนใจเอไออยู่ แต่งบประมาณยังไม่ได้มากมายอะไร เมื่อรัฐบาลจีนเข้ามาส่งเสริมเอไอเต็มสูบแบบนี้ พวกบริษัทเทคยักษ์ใหญ่ของจีนก็เดินหน้าเต็มเหนี่ยวเช่นกัน เช่น ระบบเอไอเฮลธ์แคร์โดยเทนเซนท์, ระบบสมาร์ทซิตี้ของอาลีบาบา หรือ ระบบจดจำใบหน้าของเอไอโดยเซนส์ไทม์ ฯลฯ . . . งบ 2 แสนล้านดอลล่าร์ของรัฐบาลนี้ ไม่ได้ส่งไปที่บริษัทหรือเทคสตาร์ทอัพอย่างเดียวครับ แต่ส่งไปยังโรงเรียนและมหาวิทยาลัยทั่วประเทศจีนเพื่อส่งเสริมการเรียนการสอนทั้ง STEM + เอไอด้วย STEM ย่อมาจาก การเรียนสายวิทยาศาสตร์คือ Science, Technology, Engineering and Mathematic ครับ ในระดับประถม-มัธยมก็เริ่มสอนการเขียนโปรแกรม หรือ โค้ดดิ้ง (Coding) แต่เด็กๆ โดยใส่เข้าไปในหลักสูตรเลย ที่น่าสนใจคือ โรงเรียนและผู้ปกครองส่งเสริมให้เด็กๆหัดเล่นโกะเยอะขึ้นมาก เพื่อให้ฝึกกระบวนการคิดหลายชั้น และให้เอไอเป็นโค้ชสอนเด็กเล่นโกะด้วยซ้ำ มหาวิทยาลัยทั้งหลายในจีนเริ่มเปิดหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับเอไอและ STEM มากขึ้น ในช่วงปี 2016-2019 นักศึกษาปริญญาเอกในสาย STEM ของมหาวิทยาลัยจีนเพิ่มขึ้นจาก 59,000 คน เป็น 83,000 คน คาดว่าในปี 2025 จีนจะผลิตด็อกเตอร์จบใหม่สาย STEM ได้ปีละ 77,000 คน เทียบกับสหรัฐอเมริกาที่ผลิตปีละ 40,000 คน ส่วนในระดับปริญญาตรีและโท จีนผลิตบัณฑิตและมหาบัณฑิตได้ปีละหลักล้านคน ในจีนนั้นมีอยู่ 3 มหาวิทยาลัยที่ถือว่าโด่งดังในหลักสูตรเอไอ คือ ปักกิ่ง, ซิงหัว และ Zhejiang ครับ ซึ่งมหาลัยเหล่านี้เขาก็ทำงานร่วมกับบริษัทเทคยักษ์ใหญ่ของจีน 3 แห่งคือ Baitu, Alibaba และ Tencent ย่อหน้าที่แล้วผมเขียนชื่อสามบริษัทนี้เป็นภาษาอังกฤษ เพราะยักษ์ใหญ่สามบริษัทนี้เขามีชื่อเรียกย่อๆรวมกันว่า BAT ครับ . . . ที่ผมนำเรื่องนี้มาเล่า ก็เพราะอยากจะบอกว่าความสำเร็จของเอไอ “ดีปซีค” นั้นไม่ใช่ความสำเร็จชั่วข้ามคืน แต่เกิดจากยุทธศาสตร์ที่มุ่งพัฒนาชาติของรัฐบาลจีนและความมานะหมั่นเพียรของเด็กจีน อัลฟ่าโกะนั้นเปรียบเสมือนเสียงนาฬิกาปลุกสำหรับมังกรจีน เทียบได้กับในวันที่โซเวียตส่งยานสปุตนิกขึ้นไปโคจรรอบโลกแล้วนั่นคือนาฬิกาปลุกของอเมริกา สำหรับประเทศไทยเรานั้น อย่าไปหวังยุทธศาสตร์อะไรกับนายกรัฐมนตรีที่เทงบซอฟท์พาวเวอร์ไป 5 พันล้านบาทเลยครับ ยิ่งเห็นข่าวคณะผู้แทนจีนตั้งคำถามกับฝ่ายความมั่นคงและตำรวจไทยเรื่องแก๊งคอลล์เซ็นเตอร์ว่า “ทำไมพวกคุณไม่สนใจดูแลบ้านเมืองของตัวเองบ้างเลย“ แล้ว ผมอายบรรพบุรุษครับ อายว่า “เจนเนอเรชั่นพวกเรานั้น ทำได้แค่นี้เหรอ? มีดีแค่นี้เหรอ?“
    0 Comments 0 Shares 882 Views 0 Reviews
  • ข่าวของบริษัทในฝันของคนส่วนใหญ่ครับ !!

    Google ได้เสนอแผน "การออกจากงานโดยสมัครใจ" พร้อมกับเงินชดเชยให้กับพนักงานที่ทำงานในทีม Pixel และ Android ที่เพิ่งรวมกัน โดยแผนนี้มีเป้าหมายเพื่อให้พนักงานที่ไม่สอดคล้องกับภารกิจใหม่ของทีมที่รวมกันสามารถออกจากงานได้อย่างสงบสุข

    Rick Osterloh รองประธานอาวุโสของ Google ได้ประกาศในบันทึกภายในว่าแผนการแยกตัวโดยสมัครใจนี้ใช้กับพนักงานในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น และมีเป้าหมายที่พนักงานที่ทำงานในผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น โทรศัพท์ Pixel, Android, Chrome OS, Google Photos, อุปกรณ์สมาร์ทโฮม Nest และสายผลิตภัณฑ์ Fitbit

    การเสนอแผนการแยกตัวนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ Google ได้รวมกลุ่มฮาร์ดแวร์ Pixel กับทีมซอฟต์แวร์ Android เพื่อสร้างหน่วยงาน Platforms & Devices ในเดือนตุลาคมปีที่แล้ว โดยพนักงานที่ไม่สอดคล้องกับภารกิจใหม่หรือมีปัญหาในการทำงานแบบไฮบริดหลังการปรับโครงสร้างสามารถขอรับเงินชดเชยและออกจากงานได้

    การลดต้นทุนเป็นสิ่งสำคัญสำหรับ CFO คนใหม่ของ Google, Anat Ashkenazi ซึ่งเข้ารับตำแหน่งในเดือนตุลาคมปีที่แล้ว โดยเธอได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการ "เพิ่มประสิทธิภาพ" ในการดำเนินงานของ Alphabet

    แม้ว่ายอดขายสมาร์ทโฟน Pixel จะทำสถิติสูงสุดใหม่ในไตรมาสที่ 3 ปี 2024 แต่การลดต้นทุนและการปรับโครงสร้างยังคงเป็นแนวโน้มที่สำคัญในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี

    https://www.techspot.com/news/106592-google-offers-voluntary-exit-plan-severance-pay-pixel.html
    ข่าวของบริษัทในฝันของคนส่วนใหญ่ครับ !! Google ได้เสนอแผน "การออกจากงานโดยสมัครใจ" พร้อมกับเงินชดเชยให้กับพนักงานที่ทำงานในทีม Pixel และ Android ที่เพิ่งรวมกัน โดยแผนนี้มีเป้าหมายเพื่อให้พนักงานที่ไม่สอดคล้องกับภารกิจใหม่ของทีมที่รวมกันสามารถออกจากงานได้อย่างสงบสุข Rick Osterloh รองประธานอาวุโสของ Google ได้ประกาศในบันทึกภายในว่าแผนการแยกตัวโดยสมัครใจนี้ใช้กับพนักงานในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น และมีเป้าหมายที่พนักงานที่ทำงานในผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น โทรศัพท์ Pixel, Android, Chrome OS, Google Photos, อุปกรณ์สมาร์ทโฮม Nest และสายผลิตภัณฑ์ Fitbit การเสนอแผนการแยกตัวนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ Google ได้รวมกลุ่มฮาร์ดแวร์ Pixel กับทีมซอฟต์แวร์ Android เพื่อสร้างหน่วยงาน Platforms & Devices ในเดือนตุลาคมปีที่แล้ว โดยพนักงานที่ไม่สอดคล้องกับภารกิจใหม่หรือมีปัญหาในการทำงานแบบไฮบริดหลังการปรับโครงสร้างสามารถขอรับเงินชดเชยและออกจากงานได้ การลดต้นทุนเป็นสิ่งสำคัญสำหรับ CFO คนใหม่ของ Google, Anat Ashkenazi ซึ่งเข้ารับตำแหน่งในเดือนตุลาคมปีที่แล้ว โดยเธอได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการ "เพิ่มประสิทธิภาพ" ในการดำเนินงานของ Alphabet แม้ว่ายอดขายสมาร์ทโฟน Pixel จะทำสถิติสูงสุดใหม่ในไตรมาสที่ 3 ปี 2024 แต่การลดต้นทุนและการปรับโครงสร้างยังคงเป็นแนวโน้มที่สำคัญในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี https://www.techspot.com/news/106592-google-offers-voluntary-exit-plan-severance-pay-pixel.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Google offers "voluntary exit" plan with severance pay for Pixel and Android employees
    In an internal memo, Google SVP of Platforms & Devices Rick Osterloh announced that the voluntary separation program applies only to US-based staff. It's aimed at those...
    0 Comments 0 Shares 382 Views 0 Reviews
  • 34,000,000,000,000 บาท (อ่านว่า 34 ล้านล้านบาท) นี่คือมูลค่าบริษัทที่หายไปในคืนเดียว ของบรรดาหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ-ยุโรป จากการที่ราคาหุ้น Panic ร่วงหนัก..

    หลังการมาของ DeepSeek บริษัทจีนที่พัฒนาโมเดล AI มาสู้กับ ChatGPT ของ OpenAI
    ซึ่งมากับความสามารถที่ไม่ธรรมดา แต่ต้นทุนต่ำกว่ามหาศาล ทั้งในแง่ของการพัฒนาโมเดล และการใช้งานถาม-ตอบ

    จึงฉุดให้นักลงทุนตั้งคำถามเกี่ยวกับมูลค่าหุ้นที่สูงเกินไปของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่จากสหรัฐฯ และยุโรป เช่น Nvidia, ASML ซึ่งราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาหลายเท่าตัว

    และกังขาเกี่ยวกับงบลงทุนหลายแสนล้านดอลลาร์ ที่บริษัทต่าง ๆ เช่น Microsoft, Meta, Alphabet (Google) วางแผนจะใช้กับการลงทุนด้าน AI

    เพราะ DeepSeek กำลังแสดงให้เห็นว่า การพัฒนาโมเดล AI ที่ทรงพลัง ด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่านั้น เป็นไปได้

    และนี่ก็อาจพลิกโฉมภาพของอุตสาหกรรม AI และการลงทุนของทั้งซัปพลายเชน ซึ่งขับเคลื่อนด้วยการใช้จ่ายมหาศาล จากบริษัทขนาดใหญ่เพียงไม่กี่แห่ง

    ซึ่งการมาของ DeepSeek ก็กำลังทำให้หลายคนเริ่มตั้งคำถามว่า เทคโนโลยี AI ของจีน ไม่ได้ตามหลังสหรัฐฯ เหมือนที่คิดไว้

    และมาตรการกีดกันเทคโนโลยีต่าง ๆ ของสหรัฐฯ นั้น ก็ไม่มีผลต่อความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของจีน

    รวมถึงทำให้ต้องคิดใหม่ว่า เกมชิงความเป็นผู้นำในสมรภูมิแห่ง AI ยังไม่จบ แต่กำลังเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น..

    .
    https://www.facebook.com/share/p/1FQ2W9GAPv/
    34,000,000,000,000 บาท (อ่านว่า 34 ล้านล้านบาท) นี่คือมูลค่าบริษัทที่หายไปในคืนเดียว ของบรรดาหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ-ยุโรป จากการที่ราคาหุ้น Panic ร่วงหนัก.. หลังการมาของ DeepSeek บริษัทจีนที่พัฒนาโมเดล AI มาสู้กับ ChatGPT ของ OpenAI ซึ่งมากับความสามารถที่ไม่ธรรมดา แต่ต้นทุนต่ำกว่ามหาศาล ทั้งในแง่ของการพัฒนาโมเดล และการใช้งานถาม-ตอบ จึงฉุดให้นักลงทุนตั้งคำถามเกี่ยวกับมูลค่าหุ้นที่สูงเกินไปของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่จากสหรัฐฯ และยุโรป เช่น Nvidia, ASML ซึ่งราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาหลายเท่าตัว และกังขาเกี่ยวกับงบลงทุนหลายแสนล้านดอลลาร์ ที่บริษัทต่าง ๆ เช่น Microsoft, Meta, Alphabet (Google) วางแผนจะใช้กับการลงทุนด้าน AI เพราะ DeepSeek กำลังแสดงให้เห็นว่า การพัฒนาโมเดล AI ที่ทรงพลัง ด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่านั้น เป็นไปได้ และนี่ก็อาจพลิกโฉมภาพของอุตสาหกรรม AI และการลงทุนของทั้งซัปพลายเชน ซึ่งขับเคลื่อนด้วยการใช้จ่ายมหาศาล จากบริษัทขนาดใหญ่เพียงไม่กี่แห่ง ซึ่งการมาของ DeepSeek ก็กำลังทำให้หลายคนเริ่มตั้งคำถามว่า เทคโนโลยี AI ของจีน ไม่ได้ตามหลังสหรัฐฯ เหมือนที่คิดไว้ และมาตรการกีดกันเทคโนโลยีต่าง ๆ ของสหรัฐฯ นั้น ก็ไม่มีผลต่อความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของจีน รวมถึงทำให้ต้องคิดใหม่ว่า เกมชิงความเป็นผู้นำในสมรภูมิแห่ง AI ยังไม่จบ แต่กำลังเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น.. . https://www.facebook.com/share/p/1FQ2W9GAPv/
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 560 Views 0 Reviews
More Results