• สนธินัด 2 ธ.ค. ยื่นหนังสือถึงนายกฯ จี้ชี้แจงเอ็มโอยู 44
    .
    สนธิ ลิ้มทองกุล เตรียมยื่นหนังสือที่ทำเนียบรัฐบาล ให้นายกรัฐมนตรีชี้แจงกรณีเอ็มโอยูไทย-กัมพูชา ปี 2544 ชี้เรื่องนี้เรื่องใหญ่ จ่อสูญเสียอธิปไตยเช่นเดียวกรณีปราสาทพระวิหาร ชี้มีพระบรมราชโองการ รัชกาลที่ 9 ยึดหลักกฎหมายทะเลสากล
    .
    วันนี้ (25 พ.ย.) นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ดำเนินรายการ คุยทุกเรื่องกับสนธิ กล่าวในรายการสนธิเล่าเรื่อง ทางยูทูบ Sondhitalk ระบุว่า ในวันจันทร์ที่ 2 ธ.ค. 2567 เวลา 10.30 น. ตนและนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต จะไปยื่นหนังสือถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อให้นายกฯ ชี้แจงกรณีเอ็มโอยู ไทย-กัมพูชา 2544 ที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ทางทะเล 12 ไมล์ทะเลโดยรอบเกาะกูด จ.ตราด หลังจากที่นายภูมิธรรม เวชยะชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม อ้างว่าเกาะกูดยังเป็นของไทย และเอ็มโอยูไทย-กัมพูชา ปี 2544 ไม่สามารถยกเลิกได้
    .
    โดยนายสนธิเห็นว่าการที่นายภูมิธรรมพูด แสดงว่าไม่เข้าใจว่าเอ็มโอยูเป็นข้อตกลงเบื้องต้น ไม่ใช่สนธิสัญญาใดๆ ทั้งสิ้น เป็นสิทธิของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่หากไม่พอใจข้อตกลงก็สามารถถอนตัวได้ พร้อมกันนี้ ถ้าหากรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยมั่นใจในข้อมูล ก็อยากจะเสนอให้นายภูมิธรรมมาออกรายการโทรทัศน์สาธารณะ ซึ่งฝั่งตนจะอธิบายและคัดค้านด้วยหลักฐานและข้อเท็จจริง นอกจากนี้ตนขอถามว่า การที่ผู้บัญชาการทหารเรือสั่งทหารเรือหยุดลาดตระเวนโดยรอบเกาะกูดเป็นคำสั่งของนายภูมิธรรมหรือไม่ ถ้าสั่งจริงก็เหมือนกับจะยกพื้นที่ให้กับกัมพูชาใช่หรือไม่
    .
    สำหรับที่มาที่ไปของเอ็มโอยู 2544 คนที่ลงนามเป็นคนแรกคือ นายสุรเกียรติ เสถียรไทย รมว.ต่างประเทศในขณะนั้น โดยมีนายทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นเป็นผู้รับรอง เคยมีความพยายามยกเลิกในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แต่ไม่ทันนำเข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภา กระทั่งสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้มีการนำเรื่องเอ็มโอยู 2544 ขึ้นมาพิจารณาอีกครั้ง โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในขณะนั้น การที่ยอมรับเอ็มโอยู 2544 เท่ากับเป็นการยอมรับกัมพูชาลากเส้นทางทะเลรุกล้ำเขตแดนฝั่งไทย ทั้งที่สมัยรัชกาลที่ 9 เคยมีพระบรมราชโองการและหลักฐานชัดเจนว่าถ้าจะมีการเจรจาให้ยึดกฎหมายทะเลสากลเป็นหลัก แต่ไม่มีใครพูดถึง
    .
    “เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องของการสูญเสียอธิปไตยไป เราสูญเสียเขาพระวิหารให้เขมรแล้ว ยุคนั้นเขมรไปฟ้องศาลโลก เราเตือนรัฐบาลนายอภิสิทธิ์แล้วว่าอย่าไป เพราะเราไม่ยอมรับศาลโลก แต่รัฐบาลอภิสิทธิ์แสดงว่ายอมรับความเป็นสากล ผลปรากฎว่าเราแพ้ วันนี้เราใช้กฎหมายทะเลสากล เขมรก็ไม่ยอมรับตรงนี้ แต่กลับกันสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์กลับยอมรับศาลโลกได้ มันเป็นความขัดแย้งที่เลวร้ายมาก คนๆ หนึ่งจะตัดสินใจคนละแบบได้อย่างไร ถ้าเราจะเจรจากับเขมรด้วยหลักการเอ็มโอยู 2544 เราจะสูญเสียอธิปไตยอย่างแน่นอน ประชาชนรับได้หรือไม่ที่นายทักษิณพูดว่า ช่างมันเถอะ แบ่งผลประโยชน์กัน 50-50 คุณทักษิณพูดแต่เรื่องผลประโยชน์ แต่ไม่พูดเรื่องอธิปไตยของชาติ“ นายสนธิ กล่าว
    .
    นายสนธิ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศ นายภูมิธรรม รวมทั้งนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ไม่พูดถึงพระบรมราชโองการของรัฐบาลที่ 9 ซึ่งประกาศออกมาในปี 2516 ว่ามีหลักการแบบนี้ แต่ไม่มีใครกล้าพูด เพราะพระบรมราชโองการเมื่อประกาศออกมาแล้ว ถือว่าเป็นคำสั่งของจอมทัพ ของประมุขประเทศ คนอื่นจะไปทำเป็นอย่างอื่นย่อมทำไม่ได้อยู่แล้ว เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กแล้ว เป็นเรื่องใหญ่
    ........
    Sondhi X
    สนธินัด 2 ธ.ค. ยื่นหนังสือถึงนายกฯ จี้ชี้แจงเอ็มโอยู 44 . สนธิ ลิ้มทองกุล เตรียมยื่นหนังสือที่ทำเนียบรัฐบาล ให้นายกรัฐมนตรีชี้แจงกรณีเอ็มโอยูไทย-กัมพูชา ปี 2544 ชี้เรื่องนี้เรื่องใหญ่ จ่อสูญเสียอธิปไตยเช่นเดียวกรณีปราสาทพระวิหาร ชี้มีพระบรมราชโองการ รัชกาลที่ 9 ยึดหลักกฎหมายทะเลสากล . วันนี้ (25 พ.ย.) นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ดำเนินรายการ คุยทุกเรื่องกับสนธิ กล่าวในรายการสนธิเล่าเรื่อง ทางยูทูบ Sondhitalk ระบุว่า ในวันจันทร์ที่ 2 ธ.ค. 2567 เวลา 10.30 น. ตนและนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต จะไปยื่นหนังสือถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อให้นายกฯ ชี้แจงกรณีเอ็มโอยู ไทย-กัมพูชา 2544 ที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ทางทะเล 12 ไมล์ทะเลโดยรอบเกาะกูด จ.ตราด หลังจากที่นายภูมิธรรม เวชยะชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม อ้างว่าเกาะกูดยังเป็นของไทย และเอ็มโอยูไทย-กัมพูชา ปี 2544 ไม่สามารถยกเลิกได้ . โดยนายสนธิเห็นว่าการที่นายภูมิธรรมพูด แสดงว่าไม่เข้าใจว่าเอ็มโอยูเป็นข้อตกลงเบื้องต้น ไม่ใช่สนธิสัญญาใดๆ ทั้งสิ้น เป็นสิทธิของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่หากไม่พอใจข้อตกลงก็สามารถถอนตัวได้ พร้อมกันนี้ ถ้าหากรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยมั่นใจในข้อมูล ก็อยากจะเสนอให้นายภูมิธรรมมาออกรายการโทรทัศน์สาธารณะ ซึ่งฝั่งตนจะอธิบายและคัดค้านด้วยหลักฐานและข้อเท็จจริง นอกจากนี้ตนขอถามว่า การที่ผู้บัญชาการทหารเรือสั่งทหารเรือหยุดลาดตระเวนโดยรอบเกาะกูดเป็นคำสั่งของนายภูมิธรรมหรือไม่ ถ้าสั่งจริงก็เหมือนกับจะยกพื้นที่ให้กับกัมพูชาใช่หรือไม่ . สำหรับที่มาที่ไปของเอ็มโอยู 2544 คนที่ลงนามเป็นคนแรกคือ นายสุรเกียรติ เสถียรไทย รมว.ต่างประเทศในขณะนั้น โดยมีนายทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นเป็นผู้รับรอง เคยมีความพยายามยกเลิกในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แต่ไม่ทันนำเข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภา กระทั่งสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้มีการนำเรื่องเอ็มโอยู 2544 ขึ้นมาพิจารณาอีกครั้ง โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในขณะนั้น การที่ยอมรับเอ็มโอยู 2544 เท่ากับเป็นการยอมรับกัมพูชาลากเส้นทางทะเลรุกล้ำเขตแดนฝั่งไทย ทั้งที่สมัยรัชกาลที่ 9 เคยมีพระบรมราชโองการและหลักฐานชัดเจนว่าถ้าจะมีการเจรจาให้ยึดกฎหมายทะเลสากลเป็นหลัก แต่ไม่มีใครพูดถึง . “เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องของการสูญเสียอธิปไตยไป เราสูญเสียเขาพระวิหารให้เขมรแล้ว ยุคนั้นเขมรไปฟ้องศาลโลก เราเตือนรัฐบาลนายอภิสิทธิ์แล้วว่าอย่าไป เพราะเราไม่ยอมรับศาลโลก แต่รัฐบาลอภิสิทธิ์แสดงว่ายอมรับความเป็นสากล ผลปรากฎว่าเราแพ้ วันนี้เราใช้กฎหมายทะเลสากล เขมรก็ไม่ยอมรับตรงนี้ แต่กลับกันสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์กลับยอมรับศาลโลกได้ มันเป็นความขัดแย้งที่เลวร้ายมาก คนๆ หนึ่งจะตัดสินใจคนละแบบได้อย่างไร ถ้าเราจะเจรจากับเขมรด้วยหลักการเอ็มโอยู 2544 เราจะสูญเสียอธิปไตยอย่างแน่นอน ประชาชนรับได้หรือไม่ที่นายทักษิณพูดว่า ช่างมันเถอะ แบ่งผลประโยชน์กัน 50-50 คุณทักษิณพูดแต่เรื่องผลประโยชน์ แต่ไม่พูดเรื่องอธิปไตยของชาติ“ นายสนธิ กล่าว . นายสนธิ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศ นายภูมิธรรม รวมทั้งนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ไม่พูดถึงพระบรมราชโองการของรัฐบาลที่ 9 ซึ่งประกาศออกมาในปี 2516 ว่ามีหลักการแบบนี้ แต่ไม่มีใครกล้าพูด เพราะพระบรมราชโองการเมื่อประกาศออกมาแล้ว ถือว่าเป็นคำสั่งของจอมทัพ ของประมุขประเทศ คนอื่นจะไปทำเป็นอย่างอื่นย่อมทำไม่ได้อยู่แล้ว เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กแล้ว เป็นเรื่องใหญ่ ........ Sondhi X
    Like
    Love
    Wow
    12
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 495 มุมมอง 0 รีวิว
  • สนธิเล่าเรื่อง 25-11-67
    .
    เช้าวันนี้ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล จะมาเล่าเรื่องเบื้องหน้า...เบื้องหลัง รายการความจริงมีหนึ่งเดียวเมื่อวานนี้ (24) ที่ ม.ธรรมศาสตร์ รวมถึงจะเล่าถึงสิ่งที่จะทำต่อไปเกี่ยวกับ MOU2544 และเรื่องราวบางเรื่องเกี่ยวกับ "ทนายตั้ม ษิทรา" และพินัยกรรมพี่อ้อย จตุพร
    .
    คลิก >> https://www.youtube.com/watch?v=jrPiI1WpOhQ
    สนธิเล่าเรื่อง 25-11-67 . เช้าวันนี้ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล จะมาเล่าเรื่องเบื้องหน้า...เบื้องหลัง รายการความจริงมีหนึ่งเดียวเมื่อวานนี้ (24) ที่ ม.ธรรมศาสตร์ รวมถึงจะเล่าถึงสิ่งที่จะทำต่อไปเกี่ยวกับ MOU2544 และเรื่องราวบางเรื่องเกี่ยวกับ "ทนายตั้ม ษิทรา" และพินัยกรรมพี่อ้อย จตุพร . คลิก >> https://www.youtube.com/watch?v=jrPiI1WpOhQ
    Like
    Love
    4
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 162 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ประสบการณ์ขนลุก# สัก 17 ปีก่อน ..ผู้เขียนได้ไปฉลองปีใหม่ ที่ อ.ดอยสะเก็ด กับพรรคพวก ที่ไปจากกรุงเทพฯจำนวนนึง...ขับรถจากกรุงเทพ ถึง รีสอร์ท ตี 4 กว่า..เราก็เข้าห้อง เป็นบ้านหลัง มี 2 ชั้น..มีหลายห้องนอน..เราก็เลือกนอนชั้นล่าง เพราะขี้เกียจขึ้นแล้ว ขับรถมาตั้งหลายชั่วโมง...เอนตัวนอน...ประสาทค้าง...คือ ระวังมาตลอดทาง...ใครขับรถทางไกล จะทราบความรู้สึกนี้...นอนไปสักพัก มีเสียงกระดานไม้ลั่น เหมือนมีคนเดินอยู่บนหัวเรา...ก็เดินไปหาเพื่อนที่มาด้วยกัน ที่เขาอยู่ห้องถัดไป..ข้างล่างเหมือนกัน...มากันแค่ 2 คน...ที่เหลือตามมาทีหลังจองบ้านไว้ 3 หลัง...เราก็ถามเขาบอก มีคนมาเพิ่มแล้วก็เหรอ...เขาก็บอก...ไม่มีนะ..เราก็ถามต่อ...เมื่อกี้ขึ้นไปข้างบนเหรอ...เขาบอกปล่าว...อาบน้ำเพิ่งเสร็จ...เอาละ ความสงสัยเริ่มเกิด...แต่คิด เข้าค่อยว่ากัน...ก็เดินกลับห้องไปนอน...สักพักเดียว มีเสียงไม้เสียดสีกันอีก...บนหัวเรา เหมือนมีคนเดิน (ลืมบอกไป เป็นบ้านไม้ทั้งหลัง) ...เราก็คิดเออ..เช้าค่อยว่ากัน...พอตื่นมา..เดินขึ้นไปสำรวจ...สิ่งที่เจอ...มีโกฏิกระดูกเล็กๆ อยู่ในตู้เสื้อผ้า....เราก็นึก...ทำไมเอามาไว้ที่นี่ ไม่เก็บที่อื่น...แล้วก็ตั้งใจแล้วว่าคืนนี้ เราไม่นอนนี่แน่ กลับไปนอนในเมืองดีกว่า (อ่อในเมืองมีบ้านพักของญาติกันอยู่) ...ก็กินดื่มกันไปยาวจน เราก็เล่าเรื่องเช้ามืดให้ฟัง..แต่ไม่มีใครเชื่อ..จนถึง พอ countdown เสร็จ เที่ยงคืนกว่า..เราบอกขอลงไปนอนในเมือง...ก็ขับรถออกมา...ใครเคยไปดอยสะเก็ดจะทราบว่า ลักษณะจะโค้ง ตามภูเขา...ก็ขับไป...พอออกจากโค้ง เจอศาลเพียงตา..ตั้งอยู่ก็ไม่คิดอะไร....ก็ขับต่อไปอีกสัก 5 นาที...หลุดโค้งมาก็เจอศาลเพียงตาอีก..ก็ยังไม่ฉุกคิดอะไร...ทีนี้ รอบที่ 3 ....เฮ้ย ศาลเพียงตา มันอันเดิมนี่......ไม่ปกติแล้ว...เราเอาสร้อยพระที่คอ...มากำแล้วบอกว่า ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุ้มครองข้าพเจ้า...เปิดทางให้ที....!! ...อีกแค่เพียง 2 นาที ก็ถึงถนนหลัก...มีไฟถนนชัดเจน...เราก็ดูเวลา...ตั้งแต่จากรีสอร์ทเราใช้เวลาไป 30 กว่านาที...ทั้งๆที่ตอนขาขึ้นไป เราใช้เวลาไม่น่าเกิน 10 นาที....กำหนดการคือ อยู่กัน สองคืน...รวมทั้งคณะ น่าจะประมาณ 10 คน...พอผ่านคืนแรก ..รุ่งขึ้นก็ไปนัดกินข้าวกันในเมือง...เขารีบบอกเลย...ย้ายกันออกมาหมดแล้ว ลงมานอนในเมือง...เราถามเจออะไร? ...เขาบอก..หลายอย่าง..แต่กลับกรุงเทพค่อยเล่า..(แต่หลังจากดลับมาก็ลืมถาม).สรุปบ้าน 3 หลัง ที่จอง 2 คืน..ทิ้งหมด เสียเงินฟรี...#ประสบการณ์ตรงที่เกิดกับตนเอง..
    #ประสบการณ์ขนลุก# สัก 17 ปีก่อน ..ผู้เขียนได้ไปฉลองปีใหม่ ที่ อ.ดอยสะเก็ด กับพรรคพวก ที่ไปจากกรุงเทพฯจำนวนนึง...ขับรถจากกรุงเทพ ถึง รีสอร์ท ตี 4 กว่า..เราก็เข้าห้อง เป็นบ้านหลัง มี 2 ชั้น..มีหลายห้องนอน..เราก็เลือกนอนชั้นล่าง เพราะขี้เกียจขึ้นแล้ว ขับรถมาตั้งหลายชั่วโมง...เอนตัวนอน...ประสาทค้าง...คือ ระวังมาตลอดทาง...ใครขับรถทางไกล จะทราบความรู้สึกนี้...นอนไปสักพัก มีเสียงกระดานไม้ลั่น เหมือนมีคนเดินอยู่บนหัวเรา...ก็เดินไปหาเพื่อนที่มาด้วยกัน ที่เขาอยู่ห้องถัดไป..ข้างล่างเหมือนกัน...มากันแค่ 2 คน...ที่เหลือตามมาทีหลังจองบ้านไว้ 3 หลัง...เราก็ถามเขาบอก มีคนมาเพิ่มแล้วก็เหรอ...เขาก็บอก...ไม่มีนะ..เราก็ถามต่อ...เมื่อกี้ขึ้นไปข้างบนเหรอ...เขาบอกปล่าว...อาบน้ำเพิ่งเสร็จ...เอาละ ความสงสัยเริ่มเกิด...แต่คิด เข้าค่อยว่ากัน...ก็เดินกลับห้องไปนอน...สักพักเดียว มีเสียงไม้เสียดสีกันอีก...บนหัวเรา เหมือนมีคนเดิน (ลืมบอกไป เป็นบ้านไม้ทั้งหลัง) ...เราก็คิดเออ..เช้าค่อยว่ากัน...พอตื่นมา..เดินขึ้นไปสำรวจ...สิ่งที่เจอ...มีโกฏิกระดูกเล็กๆ อยู่ในตู้เสื้อผ้า....เราก็นึก...ทำไมเอามาไว้ที่นี่ ไม่เก็บที่อื่น...แล้วก็ตั้งใจแล้วว่าคืนนี้ เราไม่นอนนี่แน่ กลับไปนอนในเมืองดีกว่า (อ่อในเมืองมีบ้านพักของญาติกันอยู่) ...ก็กินดื่มกันไปยาวจน เราก็เล่าเรื่องเช้ามืดให้ฟัง..แต่ไม่มีใครเชื่อ..จนถึง พอ countdown เสร็จ เที่ยงคืนกว่า..เราบอกขอลงไปนอนในเมือง...ก็ขับรถออกมา...ใครเคยไปดอยสะเก็ดจะทราบว่า ลักษณะจะโค้ง ตามภูเขา...ก็ขับไป...พอออกจากโค้ง เจอศาลเพียงตา..ตั้งอยู่ก็ไม่คิดอะไร....ก็ขับต่อไปอีกสัก 5 นาที...หลุดโค้งมาก็เจอศาลเพียงตาอีก..ก็ยังไม่ฉุกคิดอะไร...ทีนี้ รอบที่ 3 ....เฮ้ย ศาลเพียงตา มันอันเดิมนี่......ไม่ปกติแล้ว...เราเอาสร้อยพระที่คอ...มากำแล้วบอกว่า ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุ้มครองข้าพเจ้า...เปิดทางให้ที....!! ...อีกแค่เพียง 2 นาที ก็ถึงถนนหลัก...มีไฟถนนชัดเจน...เราก็ดูเวลา...ตั้งแต่จากรีสอร์ทเราใช้เวลาไป 30 กว่านาที...ทั้งๆที่ตอนขาขึ้นไป เราใช้เวลาไม่น่าเกิน 10 นาที....กำหนดการคือ อยู่กัน สองคืน...รวมทั้งคณะ น่าจะประมาณ 10 คน...พอผ่านคืนแรก ..รุ่งขึ้นก็ไปนัดกินข้าวกันในเมือง...เขารีบบอกเลย...ย้ายกันออกมาหมดแล้ว ลงมานอนในเมือง...เราถามเจออะไร? ...เขาบอก..หลายอย่าง..แต่กลับกรุงเทพค่อยเล่า..(แต่หลังจากดลับมาก็ลืมถาม).สรุปบ้าน 3 หลัง ที่จอง 2 คืน..ทิ้งหมด เสียเงินฟรี...#ประสบการณ์ตรงที่เกิดกับตนเอง..
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 162 มุมมอง 0 รีวิว
  • จากกรณีที่เมื่อวันจันทร์ที่ 18 พ.ย. ที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้ออกรายการสนธิเล่าเรื่อง เพื่อเปิดโปงพฤติกรรมของ นายแพทย์บุญ วนาสิน ผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลธนบุรี ที่ปลอมลายเซ็นอดีตลูกสะใภ้เพื่อกู้เงินผ่านเอเย่นต์ จนได้รับความเสียหายกว่า 8,000 ล้านบาท รวมถึงมีการตั้งข้อสังเกตว่า น่าจะมีผู้เสียหายที่ถูกนายแพทย์คนดัง ฉ้อโกงฯ เงิน ผ่านกลโกงการทำธุรกรรม ชักชวนลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์อีกหลายราย จนอาจทำให้เกิดความเสียหายในวงกว้างนับหมื่นล้าน กระทั่งมีรายงานด้วยว่าขณะนี้ นายแพทย์บุญ วนาสิน น่าจะหลบหนีคดีไปยังต่างประเทศแล้ว.ความคืบหน้าเมื่อเวลา 21.00 น.วันที่ 22 พ.ย. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สมควร พึ่งทรัพย์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น.1 และ คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ตามคำสั่ง บก.น.1 ที่ 285/2567 ลงวันที่ 11 พ.ย.67 ไปขออนุมัติหมายจับจากศาลอาญา จนสามารถนำมาสู่การออกหมายจับ นายแพทย์บุญ วนาสิน รวมถึงผู้ต้องหาที่ร่วมขบวนการ และมีพฤติการณ์ เกี่ยวข้องกับคดีนี้ ได้ 9 คน ได้แก่.1.นายแพทย์บุญ วนาสิน อายุ 86 ปี ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5645/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน, ออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค และธนาคารปฏิเสธไม่ให้ใช้เงินตามเช็คนั้น.2.น.ส.จิดาภา พุ่มพุฒ อายุ 53 ปี เลขาส่วนตัว นายแพทย์บุญ ซี่งเป็นผู้จัดการเรื่องการเงิน และการบัญชีสัญญากู้เงินทั้งหมด ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5646/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.3.น.ส.ศิวิมล จาดเมือง อายุ 38 ปี ซึ่งเป็นผู้จัดการเกี่ยวกับเอกสาร สัญญาต่างๆ และจัดการด้านการเงิน ตามคำสั่ง น.ส.จิดาภา อาทิ การจ่ายเงินให้กับผู้เสียหาย เป็นผู้จ่ายเช็ค พร้อมทั้งติดต่อตัวแทนต่างๆ ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5647/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.4.นางจารุวรรณ วนาสิน อายุ 79 ปี ภรรยาของ นายแพทย์บุญ ซึ่งเป็นผู้ลงลายมือชื่อเป็นผู้ค้ำประกันในสัญญาต่างๆ เป็นผู้ลงลายมือชื่ออาวัลในเช็ค เป็นผู้ถือหุ้น THG ซึ่งนำมาค้ำประกันในสัญญากู้ต่างๆ ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5648/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.5.น.ส.นลิน วนาสิน อายุ 51 ปี บุตรสาวของนายแพทย์บุญ และ นางจารุวรรณ ซึ่งเป็นผู้ลงลายมือชื่อเป็นผู้ค้ำประกันในสัญญาต่างๆ และ เป็นผู้ลงลายมือชื่ออาวัลในเช็ค ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5649/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.6.นางอัจจิมา พาณิชเกรียงไกร อายุ 49 ปี ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของ บริษัทหลักทรัพย์ คิงฟอร์ด เป็นผู้ชักชวนให้ร่วมลงทุน และมอบหมายให้คนนำสัญญากู้ยืม ทำสัญญาค้ำประกัน ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5650/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.7.นายภาคย์ วัฒนาพร อายุ 36 ปี เป็นเจ้าหน้าที่ บริษัทหลักทรัพย์ คิงฟอร์ด ร่วมกับนางอัจจิมา เป็นผู้ประสานงานให้คำปรึกษา ชักชวนลงทุน ผู้ชักชวนให้ร่วมลงทุน ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5651/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.8.นางภัทรานิษฐ์ ณ สงขลา อายุ 55 ปี ซึ่งเป็นนายหน้า และผู้ชักชวนแนะนำการลงทุน เป็นผู้จัดทำเอกสารเป็นผู้ลงลายมือชื่อเป็นพยานในสัญญากู้ยืมเงิน สัญญาค้ำประกัน หนังสือส่งมอบเช็ค สัญญาซื้อและขายหุ้นคืนและหนังสือชำระหนี้ ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5652/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.9.นายธนภูมิ ชนประเสริฐ อายุ 36 ปี ซึ่งเป็นตัวแทนติดต่อชักชวนผู้เสียหาย เป็นผู้จัดทำสัญญา ลงลายมือชื่อเป็นพยานในสัญญากู้ สัญญาค้ำประกัน และเป็นผู้นำสัญญามามอบให้ผู้เสียหาย ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5653/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.การออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 9 ราย เนื่องจากก่อนหน้านี้ ในห้วงวันที่ 2-4 ก.พ.66 นายแพทย์บุญ ได้สร้างความน่าเชื่อถือให้กับตัวเอง โดยออกสื่อสารธารณะแพร่ข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์สาธารณะ โดยกล่าวอ้างการลงทุนที่น่าสนใจ จำนวน 5 โครงการ ได้แก่ .1.โครงการสร้างศูนย์มะเร็ง ย่านปิ่นเกล้า พื้นที่ 7 ไร่ งบลงทุน 4,๐๐๐ ล้านบาท (ทันสมัยที่สุดในเอเชีย) 2.โครงการเวสเนสเซ็นเตอร์ ย่านพระราม 3 ริมแม่น้ำเจ้าพระยา พื้นที่ 5 ไร่เศษ งบลงทุนประมาณ 4,๐๐๐ – 5,๐๐๐ ล้านบาท (อาคารที่พักสูง 52 ชั้น รองรับผู้สูงวัย 400 ห้อง).3.โครงการสร้างโรงพยาบาลใน สปป.ลาว จำนวน 3 แห่ง (ในเวียงจันทร์ 2 แห่ง, จำปาสัก 1 แห่ง) 4.โครงการเข้าร่วมลงทุนกับโรงพยาบาลในเวียดนาม โดยใช้งบลงทุน ประมาณ 4,๐๐๐ – 5,๐๐๐ ล้านบาท และ 5.โครงการสร้างเมดิคอล อินเทลลิเจน (Medical Intelligen) ซึ่งทำหน้าที่ด้านไอที ใช้งบประมาณ 1๐๐ ล้านบาท โดยหากมีการร่วมลงทุน ในปี 66 อ้างว่าจะได้กำไร 7๐๐ ล้านบาท และในปี 67 อ้างว่าจะได้กำไรเพิ่มขึ้นเป็น  1,000 ล้านบาท.จากนั้นจึงมีผู้เสียหายซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจชั้นนำระดับประเทศ และบุคลากรวงการแพทย์ หลายร้อยราย หลงเชื่อเพราะ นายแพทย์บุญ และครอบครัว มีบริษัทหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนอย่างถูกต้องกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหลายแห่ง จึงเข้าร่วมลงทุน ผ่านการติดต่อจากตัวแทน (โบรกเกอร์) บริษัทหลักทรัพย์ เป็นตัวแทนการระดมเงินลงทุน ให้นายแพทย์บุญ และครอบครัว.ตลอดจนการลงทุนในลักษณะโครงการที่เสนอให้ลงทุนในรูปแบบที่ นายแพทย์บุญ ทำสัญญากู้ยืมเงินโดยให้ดอกเบี้ยกับผู้เสียหาย และได้จ่ายเช็คให้ผู้เสียหายเพื่อชำระหนี้เงินกู้ พร้อมทั้งเช็คเพื่อชำระค่าดอกเบี้ยล่วงหน้า ในชื่อนายแพทย์บุญ วนาสิน พร้อมทั้งมี นางจารุวรรณ วนาสิน และนางณวรา วนาสิน บุคคลในครอบครัวเป็น ผู้ค้ำประกันตามสัญญา.นอกจากนี้ นางจารุวรรณ วนาสิน และนางณวรา วนาสิน ทั้งสองคนยังเซ็นต์สลักหลังในเช็คทุกใบของนายแพทย์บุญ วนาสิน มอบให้แก่ผู้ให้กู้ โดยในช่วงแรกมีการให้ดอกเบี้ย แต่ต่อมาไม่มีการชำระแต่อย่างใด ในส่วนเช็คที่ออกไว้ เมื่อผู้เสียหายนำเช็คไปขึ้นเงินตามวันเวลาที่สั่งจ่าย ปรากฎว่าธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จนกระทั่งต่อมาจากการตรวจสอบพบว่า นายแพทย์บุญ ได้เดินทางออกไปจากประเทศไทย ในวันที่ 29 ก.ย.67 เวลา 14.25 น. โดยสายการบินคาร์เธฯออกไปประเทศจีน โดยมีพฤติการณ์หลบหนี.ซึ่งในกรณี ตั้งแต่ช่วงเดือน ธ.ค.66 – ต.ค.67 มีกลุ่มผู้เสียหาย เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 แล้วจำนวน 527 ราย รวมมูลค่าความเสียหาย กว่า 7,564,433,637 บาท (เจ็ดพันห้าร้อยหกสิบสี่ล้านสี่แสนสามหมื่นสามพันหกร้อยสามสิบเจ็ดบาท) โดยในทันทีที่ศาลอนุมติหมายจับ ผู้ต้องหาทั้ง 9 ราย เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการตำรวจนครบาล และ กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 จึงได้เร่งติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหา เอาไว้ได้แล้ว จำนวน 6 ราย  คือ.1.น.ส.จิดาภา พุ่มพุฒ อายุ 53 ปี 2.น.ส.ศิวิมล จาดเมือง อายุ 38 ปี 3.นางอัจจิมา พาณิชเกรียงไกร อายุ 49 ปี 4.นายภาคย์ วัฒนาพร อายุ 36 ปี 5.นางภัทรานิษฐ์ ณ สงขลา อายุ 55 ปี และ 6.นายธนภูมิ ชนประเสริฐ อายุ 36 ปี ยังเหลือที่ยังหลบหนีไปได้อีก 3 ราย คือ นายแพทย์บุญ วนาสิน อายุ 86 ปี นางจารุวรรณ วนาสิน อายุ 79 ปี ภรรยาของ นายแพทย์บุญ และ น.ส.นลิน วนาสิน อายุ 51 ปี บุตรสาวของนายแพทย์บุญ กับ นางจารุวรรณ ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างติดตามตัวมาดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งกองบัญชาการตำรวจนครบาลเห็นควรอนุมัติให้ส่งสำนวนการสอบสวนคดีดังกล่าวนี้ไปยังกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หรือ DSI เพื่อดำเนินการสืบสวนสอบสวนตามอำนาจหน้าที่ โดยจะแถลงความคืบหน้าให้ทราบอย่างเป็นทางการต่อไป (จบ 3/3)......Sondhi X
    จากกรณีที่เมื่อวันจันทร์ที่ 18 พ.ย. ที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้ออกรายการสนธิเล่าเรื่อง เพื่อเปิดโปงพฤติกรรมของ นายแพทย์บุญ วนาสิน ผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลธนบุรี ที่ปลอมลายเซ็นอดีตลูกสะใภ้เพื่อกู้เงินผ่านเอเย่นต์ จนได้รับความเสียหายกว่า 8,000 ล้านบาท รวมถึงมีการตั้งข้อสังเกตว่า น่าจะมีผู้เสียหายที่ถูกนายแพทย์คนดัง ฉ้อโกงฯ เงิน ผ่านกลโกงการทำธุรกรรม ชักชวนลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์อีกหลายราย จนอาจทำให้เกิดความเสียหายในวงกว้างนับหมื่นล้าน กระทั่งมีรายงานด้วยว่าขณะนี้ นายแพทย์บุญ วนาสิน น่าจะหลบหนีคดีไปยังต่างประเทศแล้ว.ความคืบหน้าเมื่อเวลา 21.00 น.วันที่ 22 พ.ย. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สมควร พึ่งทรัพย์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น.1 และ คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ตามคำสั่ง บก.น.1 ที่ 285/2567 ลงวันที่ 11 พ.ย.67 ไปขออนุมัติหมายจับจากศาลอาญา จนสามารถนำมาสู่การออกหมายจับ นายแพทย์บุญ วนาสิน รวมถึงผู้ต้องหาที่ร่วมขบวนการ และมีพฤติการณ์ เกี่ยวข้องกับคดีนี้ ได้ 9 คน ได้แก่.1.นายแพทย์บุญ วนาสิน อายุ 86 ปี ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5645/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน, ออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค และธนาคารปฏิเสธไม่ให้ใช้เงินตามเช็คนั้น.2.น.ส.จิดาภา พุ่มพุฒ อายุ 53 ปี เลขาส่วนตัว นายแพทย์บุญ ซี่งเป็นผู้จัดการเรื่องการเงิน และการบัญชีสัญญากู้เงินทั้งหมด ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5646/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.3.น.ส.ศิวิมล จาดเมือง อายุ 38 ปี ซึ่งเป็นผู้จัดการเกี่ยวกับเอกสาร สัญญาต่างๆ และจัดการด้านการเงิน ตามคำสั่ง น.ส.จิดาภา อาทิ การจ่ายเงินให้กับผู้เสียหาย เป็นผู้จ่ายเช็ค พร้อมทั้งติดต่อตัวแทนต่างๆ ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5647/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.4.นางจารุวรรณ วนาสิน อายุ 79 ปี ภรรยาของ นายแพทย์บุญ ซึ่งเป็นผู้ลงลายมือชื่อเป็นผู้ค้ำประกันในสัญญาต่างๆ เป็นผู้ลงลายมือชื่ออาวัลในเช็ค เป็นผู้ถือหุ้น THG ซึ่งนำมาค้ำประกันในสัญญากู้ต่างๆ ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5648/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.5.น.ส.นลิน วนาสิน อายุ 51 ปี บุตรสาวของนายแพทย์บุญ และ นางจารุวรรณ ซึ่งเป็นผู้ลงลายมือชื่อเป็นผู้ค้ำประกันในสัญญาต่างๆ และ เป็นผู้ลงลายมือชื่ออาวัลในเช็ค ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5649/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.6.นางอัจจิมา พาณิชเกรียงไกร อายุ 49 ปี ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของ บริษัทหลักทรัพย์ คิงฟอร์ด เป็นผู้ชักชวนให้ร่วมลงทุน และมอบหมายให้คนนำสัญญากู้ยืม ทำสัญญาค้ำประกัน ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5650/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.7.นายภาคย์ วัฒนาพร อายุ 36 ปี เป็นเจ้าหน้าที่ บริษัทหลักทรัพย์ คิงฟอร์ด ร่วมกับนางอัจจิมา เป็นผู้ประสานงานให้คำปรึกษา ชักชวนลงทุน ผู้ชักชวนให้ร่วมลงทุน ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5651/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.8.นางภัทรานิษฐ์ ณ สงขลา อายุ 55 ปี ซึ่งเป็นนายหน้า และผู้ชักชวนแนะนำการลงทุน เป็นผู้จัดทำเอกสารเป็นผู้ลงลายมือชื่อเป็นพยานในสัญญากู้ยืมเงิน สัญญาค้ำประกัน หนังสือส่งมอบเช็ค สัญญาซื้อและขายหุ้นคืนและหนังสือชำระหนี้ ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5652/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.9.นายธนภูมิ ชนประเสริฐ อายุ 36 ปี ซึ่งเป็นตัวแทนติดต่อชักชวนผู้เสียหาย เป็นผู้จัดทำสัญญา ลงลายมือชื่อเป็นพยานในสัญญากู้ สัญญาค้ำประกัน และเป็นผู้นำสัญญามามอบให้ผู้เสียหาย ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5653/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.การออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 9 ราย เนื่องจากก่อนหน้านี้ ในห้วงวันที่ 2-4 ก.พ.66 นายแพทย์บุญ ได้สร้างความน่าเชื่อถือให้กับตัวเอง โดยออกสื่อสารธารณะแพร่ข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์สาธารณะ โดยกล่าวอ้างการลงทุนที่น่าสนใจ จำนวน 5 โครงการ ได้แก่ .1.โครงการสร้างศูนย์มะเร็ง ย่านปิ่นเกล้า พื้นที่ 7 ไร่ งบลงทุน 4,๐๐๐ ล้านบาท (ทันสมัยที่สุดในเอเชีย) 2.โครงการเวสเนสเซ็นเตอร์ ย่านพระราม 3 ริมแม่น้ำเจ้าพระยา พื้นที่ 5 ไร่เศษ งบลงทุนประมาณ 4,๐๐๐ – 5,๐๐๐ ล้านบาท (อาคารที่พักสูง 52 ชั้น รองรับผู้สูงวัย 400 ห้อง).3.โครงการสร้างโรงพยาบาลใน สปป.ลาว จำนวน 3 แห่ง (ในเวียงจันทร์ 2 แห่ง, จำปาสัก 1 แห่ง) 4.โครงการเข้าร่วมลงทุนกับโรงพยาบาลในเวียดนาม โดยใช้งบลงทุน ประมาณ 4,๐๐๐ – 5,๐๐๐ ล้านบาท และ 5.โครงการสร้างเมดิคอล อินเทลลิเจน (Medical Intelligen) ซึ่งทำหน้าที่ด้านไอที ใช้งบประมาณ 1๐๐ ล้านบาท โดยหากมีการร่วมลงทุน ในปี 66 อ้างว่าจะได้กำไร 7๐๐ ล้านบาท และในปี 67 อ้างว่าจะได้กำไรเพิ่มขึ้นเป็น  1,000 ล้านบาท.จากนั้นจึงมีผู้เสียหายซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจชั้นนำระดับประเทศ และบุคลากรวงการแพทย์ หลายร้อยราย หลงเชื่อเพราะ นายแพทย์บุญ และครอบครัว มีบริษัทหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนอย่างถูกต้องกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหลายแห่ง จึงเข้าร่วมลงทุน ผ่านการติดต่อจากตัวแทน (โบรกเกอร์) บริษัทหลักทรัพย์ เป็นตัวแทนการระดมเงินลงทุน ให้นายแพทย์บุญ และครอบครัว.ตลอดจนการลงทุนในลักษณะโครงการที่เสนอให้ลงทุนในรูปแบบที่ นายแพทย์บุญ ทำสัญญากู้ยืมเงินโดยให้ดอกเบี้ยกับผู้เสียหาย และได้จ่ายเช็คให้ผู้เสียหายเพื่อชำระหนี้เงินกู้ พร้อมทั้งเช็คเพื่อชำระค่าดอกเบี้ยล่วงหน้า ในชื่อนายแพทย์บุญ วนาสิน พร้อมทั้งมี นางจารุวรรณ วนาสิน และนางณวรา วนาสิน บุคคลในครอบครัวเป็น ผู้ค้ำประกันตามสัญญา.นอกจากนี้ นางจารุวรรณ วนาสิน และนางณวรา วนาสิน ทั้งสองคนยังเซ็นต์สลักหลังในเช็คทุกใบของนายแพทย์บุญ วนาสิน มอบให้แก่ผู้ให้กู้ โดยในช่วงแรกมีการให้ดอกเบี้ย แต่ต่อมาไม่มีการชำระแต่อย่างใด ในส่วนเช็คที่ออกไว้ เมื่อผู้เสียหายนำเช็คไปขึ้นเงินตามวันเวลาที่สั่งจ่าย ปรากฎว่าธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จนกระทั่งต่อมาจากการตรวจสอบพบว่า นายแพทย์บุญ ได้เดินทางออกไปจากประเทศไทย ในวันที่ 29 ก.ย.67 เวลา 14.25 น. โดยสายการบินคาร์เธฯออกไปประเทศจีน โดยมีพฤติการณ์หลบหนี.ซึ่งในกรณี ตั้งแต่ช่วงเดือน ธ.ค.66 – ต.ค.67 มีกลุ่มผู้เสียหาย เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 แล้วจำนวน 527 ราย รวมมูลค่าความเสียหาย กว่า 7,564,433,637 บาท (เจ็ดพันห้าร้อยหกสิบสี่ล้านสี่แสนสามหมื่นสามพันหกร้อยสามสิบเจ็ดบาท) โดยในทันทีที่ศาลอนุมติหมายจับ ผู้ต้องหาทั้ง 9 ราย เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการตำรวจนครบาล และ กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 จึงได้เร่งติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหา เอาไว้ได้แล้ว จำนวน 6 ราย  คือ.1.น.ส.จิดาภา พุ่มพุฒ อายุ 53 ปี 2.น.ส.ศิวิมล จาดเมือง อายุ 38 ปี 3.นางอัจจิมา พาณิชเกรียงไกร อายุ 49 ปี 4.นายภาคย์ วัฒนาพร อายุ 36 ปี 5.นางภัทรานิษฐ์ ณ สงขลา อายุ 55 ปี และ 6.นายธนภูมิ ชนประเสริฐ อายุ 36 ปี ยังเหลือที่ยังหลบหนีไปได้อีก 3 ราย คือ นายแพทย์บุญ วนาสิน อายุ 86 ปี นางจารุวรรณ วนาสิน อายุ 79 ปี ภรรยาของ นายแพทย์บุญ และ น.ส.นลิน วนาสิน อายุ 51 ปี บุตรสาวของนายแพทย์บุญ กับ นางจารุวรรณ ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างติดตามตัวมาดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งกองบัญชาการตำรวจนครบาลเห็นควรอนุมัติให้ส่งสำนวนการสอบสวนคดีดังกล่าวนี้ไปยังกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หรือ DSI เพื่อดำเนินการสืบสวนสอบสวนตามอำนาจหน้าที่ โดยจะแถลงความคืบหน้าให้ทราบอย่างเป็นทางการต่อไป (จบ 3/3)......Sondhi X
    Like
    Yay
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 686 มุมมอง 0 รีวิว
  • #สุดยอดวีรกรรมที่ผสหต้องรู้
    #สองพี่น้องผู้ซัพพอตสาวแดนอุนจิ
    ใครปกป้องสองพี่น้องนี้ เมิงต้องรู้ข้อมูลนี้
    นอกเหนือจากกรณีช่อโกงง บุคคลที่มีจำนวนมหาศาล
    กับเพื่อน และคนใกล้ตัว มันสองตัวก็ไม่เคยละเว้น
    คาดีเป็นหางว่าว แม้กระทั่ง กับแน๊นมันก็เอา
    พี่คิงส์จะเล่าเรื่องโดยเรียก 2 ผ.นี้ว่า บี 1 เป็นพี่ บี 2 เป็นน้องละกัน
    เอาที่บี 2 ก่อน อีนี่เปย์ของขวัญให้สาวอุนจิหนักฉัดๆ แต่เบื้องหลังกรวง
    เรื่องมีอยู่ว่า หลังจากที่ตุ๋นคนจนเค้ารู้กันทั่ว ยกเว้นทุยที่เชียร์อย่างไม่ลืมหูลืมตา ใครซัพพอตสาวอุนจิ คือพวกกรรรู ไอ่ฟาย
    พอ บี2 หมดปังญา ไม่รู้จะหาเงินมาจากไหนเพื่อวิ่งเต้น
    เกิดอาการหน้ามืด อาจจะได้รับคำแนะนำ จากอีป้าสายเทาเข้าวัด
    ชื่อ ยาย ม. หรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ เพราะมันมีความเกี่ยวเนื่องกับเรื่องนี้
    บี 2 ณ เวลานั้นมีกระแสเงินจากการที่ผู้คนหลงเชื่อ โอนมาจองของ
    แต่ของน่ะ ไม่มีอยู่จริงหรอก ไอ่เงินที่ตุ๋น ลค ก็ไม่รู้เอาไปไหน หรือเพราะต้องปิดหนี้ให้ผัวเก่า ที่ติดเว็บออนไลน์ไม่รู้ จึงเกิดอุบายใหม่ขึ้น
    นั่นคือ ไปถอยเบนลี โดยไม่ต้องวางดาว ทำราคาเผื่อให้เหลือใช้
    ยังไม่พอ คนใกล้ชิดหรือเด็กในคาถาของ ยาย ม. คนวัยใกล้เลข 7 ก็รับจำนำเบนลี จาก บี 2 ต่อ โดยบี 2 บอกว่า ให้มา 1.5 ล เอารถไปเลย
    พูดง่ายๆ ซื้อรถแต่ไม่ได้อยากได้รถ แต่มีเจตนาเอาไปจำนำ สุดทรีีนมั๊ยอีนี่
    ดังนั้น บี 2 จึงไม่ได้ผ่อนแน้นเลย แม้แต่รอบเดียว เอาหละสิเกิดไรขึ้นต่อ
    สาวกคนสนิท ยาย ม. เอารถไปขึ้นเหนือ หวังว่าจะปล่อยข้ามแดนไปประเทศเพื่อนบ้าน แต่ด้วยความที่รถราคามันแรงตามความหรู ตั้งไว้ 2 ล ก็ยังไม่มีคนเอา ช่างบังเอิญ แน้นตามไปเจอซะก่อน
    ส่วนบี 2 ก็เลยโดน KAdee Yadyog ซัพ โดยบี 2 ตีเช็คไว้ให้แน้น แต่แล้ว ก็เด้งแล้วเด้งอีก จึงเป็นที่มา ที่ต้นสัปดาห์ ก่อนนางบินไปแดนอุนจิเมื่อวาน ต้องไปขึ้น SAN
    ดังนั้น พี่คิงส์ถึงต้องบอก ผสห ทุกคนว่า ที่ยาย ม. มันป้ายยาหอมทุกวัน อ้างว่าจะรับผิดชอบต่างๆนานา ยาย ม. คนเทาชอบเข้าวัด มันพูดกับคนอื่นแบบนี้มานานแล้ว เพราะถ้าเกิน 3 ปี ผสห จะทำอะไรสองพี่น้องนี้ได้ หมดอายุความ
    เรื่องของยาย ม.ยังมีอีกเยอะ เอาไว้ในตอนต่อๆไปละกัน เพราะเรื่องสองพี่น้องนี้มันยาว แต่อย่างน้อย ผสห จะได้เห็นแล้วว่า การที่ยาย ม. และสองพี่น้องสร้างความหวังว่าจะคืนพวกเธอได้ ขอแค่ให้สองนางได้ปักตระกร้า มันคือเรื่องเพ้อฝัน ได้แค่น้ำลายจากยาย วัย จะ 70 และจากสอง ผ. เท่านั้นแหละ เพราะถ้ามันได้เงินมา กรรูถามว่า มันจะให้พวกเมิงก่อน หรือมันต้องให้กับแน้นที่ฟ้อง R-Ya มันก่อน มูลที่ต้องชดใช้หลักสิบล้าน
    ดังนั้น พวกเมิงตั้งสติ การจะได้เงินคืนน่ะมีทางเดียว คือเมิงต้อง ดำเนินKadee ใครที่ดำเนินการก่อน เมิงก็สำคัญก่อน เพราะบางคน อีสองพี่น้องต้องหอบเงินที่ซุกไว้มาคืนก่อนพวกเมิงนี่แหละ
    หูยยย เฉพาะบี 2 พี่อ่านเองก็ว่ายาวไปละ เอางี้ เดี๋ยวมาต่อกันในโพสถัดๆไปละกัน อีบี 1 ก็ไม่ธรรมดา แม็คลาเลนเลยพวกเมิง
    สิ่งที่กรรูเล่า พวกเมิงไม่ต้องเชื่อเลยก็ได้ เมิงแค่ไปหาข้อมูลที่ San ทั้งแพ่ง R-Ya ข้อมูล KADEE ที่เป็นชื่อพี่น้อง 2 ผ. นี้ ก็จะขึ้นให้เมิงเห็น
    หลักจากนั้นก็แค่ แหก ตา ดู
    ไอ่ฉัด
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง-2
    #สุดยอดวีรกรรมที่ผสหต้องรู้ #สองพี่น้องผู้ซัพพอตสาวแดนอุนจิ ใครปกป้องสองพี่น้องนี้ เมิงต้องรู้ข้อมูลนี้ นอกเหนือจากกรณีช่อโกงง บุคคลที่มีจำนวนมหาศาล กับเพื่อน และคนใกล้ตัว มันสองตัวก็ไม่เคยละเว้น คาดีเป็นหางว่าว แม้กระทั่ง กับแน๊นมันก็เอา พี่คิงส์จะเล่าเรื่องโดยเรียก 2 ผ.นี้ว่า บี 1 เป็นพี่ บี 2 เป็นน้องละกัน เอาที่บี 2 ก่อน อีนี่เปย์ของขวัญให้สาวอุนจิหนักฉัดๆ แต่เบื้องหลังกรวง เรื่องมีอยู่ว่า หลังจากที่ตุ๋นคนจนเค้ารู้กันทั่ว ยกเว้นทุยที่เชียร์อย่างไม่ลืมหูลืมตา ใครซัพพอตสาวอุนจิ คือพวกกรรรู ไอ่ฟาย พอ บี2 หมดปังญา ไม่รู้จะหาเงินมาจากไหนเพื่อวิ่งเต้น เกิดอาการหน้ามืด อาจจะได้รับคำแนะนำ จากอีป้าสายเทาเข้าวัด ชื่อ ยาย ม. หรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ เพราะมันมีความเกี่ยวเนื่องกับเรื่องนี้ บี 2 ณ เวลานั้นมีกระแสเงินจากการที่ผู้คนหลงเชื่อ โอนมาจองของ แต่ของน่ะ ไม่มีอยู่จริงหรอก ไอ่เงินที่ตุ๋น ลค ก็ไม่รู้เอาไปไหน หรือเพราะต้องปิดหนี้ให้ผัวเก่า ที่ติดเว็บออนไลน์ไม่รู้ จึงเกิดอุบายใหม่ขึ้น นั่นคือ ไปถอยเบนลี โดยไม่ต้องวางดาว ทำราคาเผื่อให้เหลือใช้ ยังไม่พอ คนใกล้ชิดหรือเด็กในคาถาของ ยาย ม. คนวัยใกล้เลข 7 ก็รับจำนำเบนลี จาก บี 2 ต่อ โดยบี 2 บอกว่า ให้มา 1.5 ล เอารถไปเลย พูดง่ายๆ ซื้อรถแต่ไม่ได้อยากได้รถ แต่มีเจตนาเอาไปจำนำ สุดทรีีนมั๊ยอีนี่ ดังนั้น บี 2 จึงไม่ได้ผ่อนแน้นเลย แม้แต่รอบเดียว เอาหละสิเกิดไรขึ้นต่อ สาวกคนสนิท ยาย ม. เอารถไปขึ้นเหนือ หวังว่าจะปล่อยข้ามแดนไปประเทศเพื่อนบ้าน แต่ด้วยความที่รถราคามันแรงตามความหรู ตั้งไว้ 2 ล ก็ยังไม่มีคนเอา ช่างบังเอิญ แน้นตามไปเจอซะก่อน ส่วนบี 2 ก็เลยโดน KAdee Yadyog ซัพ โดยบี 2 ตีเช็คไว้ให้แน้น แต่แล้ว ก็เด้งแล้วเด้งอีก จึงเป็นที่มา ที่ต้นสัปดาห์ ก่อนนางบินไปแดนอุนจิเมื่อวาน ต้องไปขึ้น SAN ดังนั้น พี่คิงส์ถึงต้องบอก ผสห ทุกคนว่า ที่ยาย ม. มันป้ายยาหอมทุกวัน อ้างว่าจะรับผิดชอบต่างๆนานา ยาย ม. คนเทาชอบเข้าวัด มันพูดกับคนอื่นแบบนี้มานานแล้ว เพราะถ้าเกิน 3 ปี ผสห จะทำอะไรสองพี่น้องนี้ได้ หมดอายุความ เรื่องของยาย ม.ยังมีอีกเยอะ เอาไว้ในตอนต่อๆไปละกัน เพราะเรื่องสองพี่น้องนี้มันยาว แต่อย่างน้อย ผสห จะได้เห็นแล้วว่า การที่ยาย ม. และสองพี่น้องสร้างความหวังว่าจะคืนพวกเธอได้ ขอแค่ให้สองนางได้ปักตระกร้า มันคือเรื่องเพ้อฝัน ได้แค่น้ำลายจากยาย วัย จะ 70 และจากสอง ผ. เท่านั้นแหละ เพราะถ้ามันได้เงินมา กรรูถามว่า มันจะให้พวกเมิงก่อน หรือมันต้องให้กับแน้นที่ฟ้อง R-Ya มันก่อน มูลที่ต้องชดใช้หลักสิบล้าน ดังนั้น พวกเมิงตั้งสติ การจะได้เงินคืนน่ะมีทางเดียว คือเมิงต้อง ดำเนินKadee ใครที่ดำเนินการก่อน เมิงก็สำคัญก่อน เพราะบางคน อีสองพี่น้องต้องหอบเงินที่ซุกไว้มาคืนก่อนพวกเมิงนี่แหละ หูยยย เฉพาะบี 2 พี่อ่านเองก็ว่ายาวไปละ เอางี้ เดี๋ยวมาต่อกันในโพสถัดๆไปละกัน อีบี 1 ก็ไม่ธรรมดา แม็คลาเลนเลยพวกเมิง สิ่งที่กรรูเล่า พวกเมิงไม่ต้องเชื่อเลยก็ได้ เมิงแค่ไปหาข้อมูลที่ San ทั้งแพ่ง R-Ya ข้อมูล KADEE ที่เป็นชื่อพี่น้อง 2 ผ. นี้ ก็จะขึ้นให้เมิงเห็น หลักจากนั้นก็แค่ แหก ตา ดู ไอ่ฉัด #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง-2
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 733 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทำงานด้วย เที่ยวไปด้วย Prambanan Temple, Jogjakartahttps://maps.app.goo.gl/fmMafK8eDM6yStvE6?g_st=com.google.maps.preview.copyปรัมบานัน (Prambanan Temple) เป็นหนึ่งในวัดฮินดูที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดในอินโดนีเซีย ตั้งอยู่ในจังหวัดยอกยาการ์ตา (Yogyakarta) บนเกาะชวา วัดนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี พ.ศ. 2534ประวัติย่อ • สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 9วัดปรัมบานันถูกสร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 9 ภายใต้การปกครองของราชวงศ์มาตาราม (Mataram Kingdom) เพื่ออุทิศให้กับตรีมูรติในศาสนาฮินดู ได้แก่ พระพรหม (ผู้สร้าง) พระวิษณุ (ผู้รักษา) และพระศิวะ (ผู้ทำลาย) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระศิวะ ซึ่งถือเป็นเทพเจ้าสูงสุดของวัดแห่งนี้ • รูปแบบสถาปัตยกรรมวัดหลักของปรัมบานันมีลักษณะเด่นด้วยยอดแหลมสูง ตัววัดสร้างด้วยหินภูเขาไฟและประกอบด้วยกลุ่มวัดย่อย 240 แห่ง แต่ในปัจจุบันบางส่วนอยู่ในสภาพซากปรักหักพัง • การล่มสลายหลังจากศตวรรษที่ 10 วัดนี้ถูกทิ้งร้างและเริ่มเสื่อมสภาพเนื่องจากภัยธรรมชาติ เช่น แผ่นดินไหว และการปกคลุมของพืชพรรณ • การบูรณะเริ่มต้นในศตวรรษที่ 20 โดยเฉพาะในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 โดยเน้นการอนุรักษ์ตามหลักฐานโบราณที่มีอยู่ความน่าสนใจ • วัดปรัมบานันมีลวดลายแกะสลักหินที่วิจิตรงดงาม บอกเล่าเรื่องราวมหากาพย์รามเกียรติ์ (Ramayana) • วัดหลักสามแห่งคือ วัดศิวะ (Shiva Temple), วัดวิษณุ (Vishnu Temple), และ วัดพรหม (Brahma Temple)วัดปรัมบานันยังถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่สำคัญในอินโดนีเซีย นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมและชมการแสดงรามายณะบัลเลต์ (Ramayana Ballet) ที่จัดขึ้นในยามค่ำคืนท่ามกลางแสงไฟที่วัดอีกด้วย
    ทำงานด้วย เที่ยวไปด้วย Prambanan Temple, Jogjakartahttps://maps.app.goo.gl/fmMafK8eDM6yStvE6?g_st=com.google.maps.preview.copyปรัมบานัน (Prambanan Temple) เป็นหนึ่งในวัดฮินดูที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดในอินโดนีเซีย ตั้งอยู่ในจังหวัดยอกยาการ์ตา (Yogyakarta) บนเกาะชวา วัดนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี พ.ศ. 2534ประวัติย่อ • สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 9วัดปรัมบานันถูกสร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 9 ภายใต้การปกครองของราชวงศ์มาตาราม (Mataram Kingdom) เพื่ออุทิศให้กับตรีมูรติในศาสนาฮินดู ได้แก่ พระพรหม (ผู้สร้าง) พระวิษณุ (ผู้รักษา) และพระศิวะ (ผู้ทำลาย) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระศิวะ ซึ่งถือเป็นเทพเจ้าสูงสุดของวัดแห่งนี้ • รูปแบบสถาปัตยกรรมวัดหลักของปรัมบานันมีลักษณะเด่นด้วยยอดแหลมสูง ตัววัดสร้างด้วยหินภูเขาไฟและประกอบด้วยกลุ่มวัดย่อย 240 แห่ง แต่ในปัจจุบันบางส่วนอยู่ในสภาพซากปรักหักพัง • การล่มสลายหลังจากศตวรรษที่ 10 วัดนี้ถูกทิ้งร้างและเริ่มเสื่อมสภาพเนื่องจากภัยธรรมชาติ เช่น แผ่นดินไหว และการปกคลุมของพืชพรรณ • การบูรณะเริ่มต้นในศตวรรษที่ 20 โดยเฉพาะในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 โดยเน้นการอนุรักษ์ตามหลักฐานโบราณที่มีอยู่ความน่าสนใจ • วัดปรัมบานันมีลวดลายแกะสลักหินที่วิจิตรงดงาม บอกเล่าเรื่องราวมหากาพย์รามเกียรติ์ (Ramayana) • วัดหลักสามแห่งคือ วัดศิวะ (Shiva Temple), วัดวิษณุ (Vishnu Temple), และ วัดพรหม (Brahma Temple)วัดปรัมบานันยังถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่สำคัญในอินโดนีเซีย นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมและชมการแสดงรามายณะบัลเลต์ (Ramayana Ballet) ที่จัดขึ้นในยามค่ำคืนท่ามกลางแสงไฟที่วัดอีกด้วย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 413 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทำงานด้วย เที่ยวไปด้วย Prambanan Temple, Jogjakartahttps://maps.app.goo.gl/fmMafK8eDM6yStvE6?g_st=com.google.maps.preview.copyปรัมบานัน (Prambanan Temple) เป็นหนึ่งในวัดฮินดูที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดในอินโดนีเซีย ตั้งอยู่ในจังหวัดยอกยาการ์ตา (Yogyakarta) บนเกาะชวา วัดนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี พ.ศ. 2534ประวัติย่อ • สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 9วัดปรัมบานันถูกสร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 9 ภายใต้การปกครองของราชวงศ์มาตาราม (Mataram Kingdom) เพื่ออุทิศให้กับตรีมูรติในศาสนาฮินดู ได้แก่ พระพรหม (ผู้สร้าง) พระวิษณุ (ผู้รักษา) และพระศิวะ (ผู้ทำลาย) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระศิวะ ซึ่งถือเป็นเทพเจ้าสูงสุดของวัดแห่งนี้ • รูปแบบสถาปัตยกรรมวัดหลักของปรัมบานันมีลักษณะเด่นด้วยยอดแหลมสูง ตัววัดสร้างด้วยหินภูเขาไฟและประกอบด้วยกลุ่มวัดย่อย 240 แห่ง แต่ในปัจจุบันบางส่วนอยู่ในสภาพซากปรักหักพัง • การล่มสลายหลังจากศตวรรษที่ 10 วัดนี้ถูกทิ้งร้างและเริ่มเสื่อมสภาพเนื่องจากภัยธรรมชาติ เช่น แผ่นดินไหว และการปกคลุมของพืชพรรณ • การบูรณะเริ่มต้นในศตวรรษที่ 20 โดยเฉพาะในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 โดยเน้นการอนุรักษ์ตามหลักฐานโบราณที่มีอยู่ความน่าสนใจ • วัดปรัมบานันมีลวดลายแกะสลักหินที่วิจิตรงดงาม บอกเล่าเรื่องราวมหากาพย์รามเกียรติ์ (Ramayana) • วัดหลักสามแห่งคือ วัดศิวะ (Shiva Temple), วัดวิษณุ (Vishnu Temple), และ วัดพรหม (Brahma Temple)วัดปรัมบานันยังถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่สำคัญในอินโดนีเซีย นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมและชมการแสดงรามายณะบัลเลต์ (Ramayana Ballet) ที่จัดขึ้นในยามค่ำคืนท่ามกลางแสงไฟที่วัดอีกด้วย
    ทำงานด้วย เที่ยวไปด้วย Prambanan Temple, Jogjakartahttps://maps.app.goo.gl/fmMafK8eDM6yStvE6?g_st=com.google.maps.preview.copyปรัมบานัน (Prambanan Temple) เป็นหนึ่งในวัดฮินดูที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดในอินโดนีเซีย ตั้งอยู่ในจังหวัดยอกยาการ์ตา (Yogyakarta) บนเกาะชวา วัดนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี พ.ศ. 2534ประวัติย่อ • สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 9วัดปรัมบานันถูกสร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 9 ภายใต้การปกครองของราชวงศ์มาตาราม (Mataram Kingdom) เพื่ออุทิศให้กับตรีมูรติในศาสนาฮินดู ได้แก่ พระพรหม (ผู้สร้าง) พระวิษณุ (ผู้รักษา) และพระศิวะ (ผู้ทำลาย) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระศิวะ ซึ่งถือเป็นเทพเจ้าสูงสุดของวัดแห่งนี้ • รูปแบบสถาปัตยกรรมวัดหลักของปรัมบานันมีลักษณะเด่นด้วยยอดแหลมสูง ตัววัดสร้างด้วยหินภูเขาไฟและประกอบด้วยกลุ่มวัดย่อย 240 แห่ง แต่ในปัจจุบันบางส่วนอยู่ในสภาพซากปรักหักพัง • การล่มสลายหลังจากศตวรรษที่ 10 วัดนี้ถูกทิ้งร้างและเริ่มเสื่อมสภาพเนื่องจากภัยธรรมชาติ เช่น แผ่นดินไหว และการปกคลุมของพืชพรรณ • การบูรณะเริ่มต้นในศตวรรษที่ 20 โดยเฉพาะในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 โดยเน้นการอนุรักษ์ตามหลักฐานโบราณที่มีอยู่ความน่าสนใจ • วัดปรัมบานันมีลวดลายแกะสลักหินที่วิจิตรงดงาม บอกเล่าเรื่องราวมหากาพย์รามเกียรติ์ (Ramayana) • วัดหลักสามแห่งคือ วัดศิวะ (Shiva Temple), วัดวิษณุ (Vishnu Temple), และ วัดพรหม (Brahma Temple)วัดปรัมบานันยังถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่สำคัญในอินโดนีเซีย นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมและชมการแสดงรามายณะบัลเลต์ (Ramayana Ballet) ที่จัดขึ้นในยามค่ำคืนท่ามกลางแสงไฟที่วัดอีกด้วย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 408 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทำงานด้วย เที่ยวไปด้วย Prambanan Temple, Jogjakartahttps://maps.app.goo.gl/fmMafK8eDM6yStvE6?g_st=com.google.maps.preview.copyปรัมบานัน (Prambanan Temple) เป็นหนึ่งในวัดฮินดูที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดในอินโดนีเซีย ตั้งอยู่ในจังหวัดยอกยาการ์ตา (Yogyakarta) บนเกาะชวา วัดนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี พ.ศ. 2534ประวัติย่อ • สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 9วัดปรัมบานันถูกสร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 9 ภายใต้การปกครองของราชวงศ์มาตาราม (Mataram Kingdom) เพื่ออุทิศให้กับตรีมูรติในศาสนาฮินดู ได้แก่ พระพรหม (ผู้สร้าง) พระวิษณุ (ผู้รักษา) และพระศิวะ (ผู้ทำลาย) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระศิวะ ซึ่งถือเป็นเทพเจ้าสูงสุดของวัดแห่งนี้ • รูปแบบสถาปัตยกรรมวัดหลักของปรัมบานันมีลักษณะเด่นด้วยยอดแหลมสูง ตัววัดสร้างด้วยหินภูเขาไฟและประกอบด้วยกลุ่มวัดย่อย 240 แห่ง แต่ในปัจจุบันบางส่วนอยู่ในสภาพซากปรักหักพัง • การล่มสลายหลังจากศตวรรษที่ 10 วัดนี้ถูกทิ้งร้างและเริ่มเสื่อมสภาพเนื่องจากภัยธรรมชาติ เช่น แผ่นดินไหว และการปกคลุมของพืชพรรณ • การบูรณะเริ่มต้นในศตวรรษที่ 20 โดยเฉพาะในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 โดยเน้นการอนุรักษ์ตามหลักฐานโบราณที่มีอยู่ความน่าสนใจ • วัดปรัมบานันมีลวดลายแกะสลักหินที่วิจิตรงดงาม บอกเล่าเรื่องราวมหากาพย์รามเกียรติ์ (Ramayana) • วัดหลักสามแห่งคือ วัดศิวะ (Shiva Temple), วัดวิษณุ (Vishnu Temple), และ วัดพรหม (Brahma Temple)วัดปรัมบานันยังถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่สำคัญในอินโดนีเซีย นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมและชมการแสดงรามายณะบัลเลต์ (Ramayana Ballet) ที่จัดขึ้นในยามค่ำคืนท่ามกลางแสงไฟที่วัดอีกด้วย
    ทำงานด้วย เที่ยวไปด้วย Prambanan Temple, Jogjakartahttps://maps.app.goo.gl/fmMafK8eDM6yStvE6?g_st=com.google.maps.preview.copyปรัมบานัน (Prambanan Temple) เป็นหนึ่งในวัดฮินดูที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดในอินโดนีเซีย ตั้งอยู่ในจังหวัดยอกยาการ์ตา (Yogyakarta) บนเกาะชวา วัดนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี พ.ศ. 2534ประวัติย่อ • สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 9วัดปรัมบานันถูกสร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 9 ภายใต้การปกครองของราชวงศ์มาตาราม (Mataram Kingdom) เพื่ออุทิศให้กับตรีมูรติในศาสนาฮินดู ได้แก่ พระพรหม (ผู้สร้าง) พระวิษณุ (ผู้รักษา) และพระศิวะ (ผู้ทำลาย) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระศิวะ ซึ่งถือเป็นเทพเจ้าสูงสุดของวัดแห่งนี้ • รูปแบบสถาปัตยกรรมวัดหลักของปรัมบานันมีลักษณะเด่นด้วยยอดแหลมสูง ตัววัดสร้างด้วยหินภูเขาไฟและประกอบด้วยกลุ่มวัดย่อย 240 แห่ง แต่ในปัจจุบันบางส่วนอยู่ในสภาพซากปรักหักพัง • การล่มสลายหลังจากศตวรรษที่ 10 วัดนี้ถูกทิ้งร้างและเริ่มเสื่อมสภาพเนื่องจากภัยธรรมชาติ เช่น แผ่นดินไหว และการปกคลุมของพืชพรรณ • การบูรณะเริ่มต้นในศตวรรษที่ 20 โดยเฉพาะในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 โดยเน้นการอนุรักษ์ตามหลักฐานโบราณที่มีอยู่ความน่าสนใจ • วัดปรัมบานันมีลวดลายแกะสลักหินที่วิจิตรงดงาม บอกเล่าเรื่องราวมหากาพย์รามเกียรติ์ (Ramayana) • วัดหลักสามแห่งคือ วัดศิวะ (Shiva Temple), วัดวิษณุ (Vishnu Temple), และ วัดพรหม (Brahma Temple)วัดปรัมบานันยังถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่สำคัญในอินโดนีเซีย นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมและชมการแสดงรามายณะบัลเลต์ (Ramayana Ballet) ที่จัดขึ้นในยามค่ำคืนท่ามกลางแสงไฟที่วัดอีกด้วย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 403 มุมมอง 0 รีวิว
  • #เล่าเรื่อง# #วัดวรเชษฐ นอกเกาะ ...ประสบการณ์ตรงของผู้เขียนเอง...เริ่มจาก 10 ปีก่อน ผู้เขียนได้อ่านหนังสือ ของ ริชชี่ และบทความของ ดร .พระมหาสิงทน...ว่า ที่นี่คือที่ บรรจุพระบรมอัฐิ ของพระนเรศวรจริง...จึงเดินทางไป..ครั้งแรก มุ่งหน้าไปกุฏิพระมหาสิงทนก่อน ไปสนทนากับท่าน...ท่านเล่าว่า ผู้มีญาณ ไม่ใช่แค่คนไทย มาจากหลายประเทศเลย ..มาพิสูจน์ และนืนยันว่า จริง ..ดังที่กล่าว...ครั้งแรกผู้เขียนก็สักการะปกติ ได้แต่เอา 2 มือ สัมผัสองค์พระปรางค์ในภาพ แล้วตั้งจิตว่า ถ้าข้าพเจ้าเคยเป็นบริวารของท่าน ช่วยสื่อสารให้ข้าพเจ้ารับทราบมีด้วย...พอเอามือออก..ลมพัดแรงซะงั้น...ซึ่งก่อนหน้านี้เงียบสงบ..เป็นสักประมาณครึ่งนาที..แล้วก็สงบ...ก็ไม่ได้คิดอะไร....ครั้งที่ 2 มาหา พระมหาอีก ท่านแนะนำว่า ใบเสมาหน้าวิหารนะ มีพลัง ไปขอเอาสิ....พอลงจากกุฏิ..กำลังจะเดินขึ้นพระปรางค์ ก่อนเดินเข้า ยกมือไหว้..บอกท่านครับ ลูกมาแล้วครับ...ลมจากสงบ..พัดแรงขึ้นมาแบบคราวที่แล้วเลย...แล้วขนเราก็ลุกแบบไม่มีสาเหตุ...สักไม่เกินครึ่งนาที ลมก็สงบ...ก็เดินไปขึ้นพระปรางค์ในภาพแบบเดิม ก็สักการะปกติ ...ลงมา ไปหน้าพระวิหารร้าง..ที่ พระมหาบอก...ให้ไปขอพลัง....เราก็จุดธูป เอาพวงมาลัยวาง ...และเอามือ 2 มือ จับที่ใบเสมาหินทรายนั้น...แล้วตั้งจิตว่า ขอให้มือคู่นี้ ทำอะไรก็สำเร็จ ถ้าไม่ผิดศีลธรรม...สิ่งที่ไม่น่าเชื่อเกิดขึ้น....ไฟดูด...!! ..ชักมือกลับอย่างเร็ว...ตั้งสติได้ เอ ไฟมันรั่วตรงไหน ก้มเงยหายสายไฟ...จนทั่ว...ไม่มี....แล้วเมื่อครู่คืออ่ะไร? ...ข้ามไปครั้งต่อมาเลย ผู้เขียนมีนิสัยที่ดี หรือแย่ ก็ไม่ทราบ แต่ชอบชาเล้นจ์แทบทุกอย่างในชีวิต...อยุธยาผีดุเหรอ..มาๆ อยากรู้...ไปกลางคืนเลย..ไปนั่งสมาธิในวิหารร้างมืดๆ.ผี.มาสิ อยากเจอ...อ้อ สักพักภรรยา เลื่อนรถเอาไฟหน้าส่องมา บอกกลัวงู.เราก็บอกไม่เป็นไรหรอกนั่งรอในรถนั่นแหละ...ผ่านไปสัก 30 นาที ก็เข้าสมาธิไม่ได้ เนื่องจากเสียงเครื่องยนต์..ทำให้ไม่สงบ...ภรรยาจึงเดินมาบอก กลับเถอะ ...กลัวงูกัด...เราก็ไปก็ไป ..และผู้เขียนก็แวะเวียนไปตลอด ..และคำบอกกล่าวก่อนเข้าก็ทำแบบเดิม ลมก็มาแบบเดิม แปลกดีไหม?..ท่านผู้อ่านสนใจ เชิญครับ วัดวรเชษฐมีในเกาะ กับนอกเกาะ ..ที่เขียนคือ นอกเกาะครับ.
    #เล่าเรื่อง# #วัดวรเชษฐ นอกเกาะ ...ประสบการณ์ตรงของผู้เขียนเอง...เริ่มจาก 10 ปีก่อน ผู้เขียนได้อ่านหนังสือ ของ ริชชี่ และบทความของ ดร .พระมหาสิงทน...ว่า ที่นี่คือที่ บรรจุพระบรมอัฐิ ของพระนเรศวรจริง...จึงเดินทางไป..ครั้งแรก มุ่งหน้าไปกุฏิพระมหาสิงทนก่อน ไปสนทนากับท่าน...ท่านเล่าว่า ผู้มีญาณ ไม่ใช่แค่คนไทย มาจากหลายประเทศเลย ..มาพิสูจน์ และนืนยันว่า จริง ..ดังที่กล่าว...ครั้งแรกผู้เขียนก็สักการะปกติ ได้แต่เอา 2 มือ สัมผัสองค์พระปรางค์ในภาพ แล้วตั้งจิตว่า ถ้าข้าพเจ้าเคยเป็นบริวารของท่าน ช่วยสื่อสารให้ข้าพเจ้ารับทราบมีด้วย...พอเอามือออก..ลมพัดแรงซะงั้น...ซึ่งก่อนหน้านี้เงียบสงบ..เป็นสักประมาณครึ่งนาที..แล้วก็สงบ...ก็ไม่ได้คิดอะไร....ครั้งที่ 2 มาหา พระมหาอีก ท่านแนะนำว่า ใบเสมาหน้าวิหารนะ มีพลัง ไปขอเอาสิ....พอลงจากกุฏิ..กำลังจะเดินขึ้นพระปรางค์ ก่อนเดินเข้า ยกมือไหว้..บอกท่านครับ ลูกมาแล้วครับ...ลมจากสงบ..พัดแรงขึ้นมาแบบคราวที่แล้วเลย...แล้วขนเราก็ลุกแบบไม่มีสาเหตุ...สักไม่เกินครึ่งนาที ลมก็สงบ...ก็เดินไปขึ้นพระปรางค์ในภาพแบบเดิม ก็สักการะปกติ ...ลงมา ไปหน้าพระวิหารร้าง..ที่ พระมหาบอก...ให้ไปขอพลัง....เราก็จุดธูป เอาพวงมาลัยวาง ...และเอามือ 2 มือ จับที่ใบเสมาหินทรายนั้น...แล้วตั้งจิตว่า ขอให้มือคู่นี้ ทำอะไรก็สำเร็จ ถ้าไม่ผิดศีลธรรม...สิ่งที่ไม่น่าเชื่อเกิดขึ้น....ไฟดูด...!! ..ชักมือกลับอย่างเร็ว...ตั้งสติได้ เอ ไฟมันรั่วตรงไหน ก้มเงยหายสายไฟ...จนทั่ว...ไม่มี....แล้วเมื่อครู่คืออ่ะไร? ...ข้ามไปครั้งต่อมาเลย ผู้เขียนมีนิสัยที่ดี หรือแย่ ก็ไม่ทราบ แต่ชอบชาเล้นจ์แทบทุกอย่างในชีวิต...อยุธยาผีดุเหรอ..มาๆ อยากรู้...ไปกลางคืนเลย..ไปนั่งสมาธิในวิหารร้างมืดๆ.ผี.มาสิ อยากเจอ...อ้อ สักพักภรรยา เลื่อนรถเอาไฟหน้าส่องมา บอกกลัวงู.เราก็บอกไม่เป็นไรหรอกนั่งรอในรถนั่นแหละ...ผ่านไปสัก 30 นาที ก็เข้าสมาธิไม่ได้ เนื่องจากเสียงเครื่องยนต์..ทำให้ไม่สงบ...ภรรยาจึงเดินมาบอก กลับเถอะ ...กลัวงูกัด...เราก็ไปก็ไป ..และผู้เขียนก็แวะเวียนไปตลอด ..และคำบอกกล่าวก่อนเข้าก็ทำแบบเดิม ลมก็มาแบบเดิม แปลกดีไหม?..ท่านผู้อ่านสนใจ เชิญครับ วัดวรเชษฐมีในเกาะ กับนอกเกาะ ..ที่เขียนคือ นอกเกาะครับ.
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 342 มุมมอง 0 รีวิว
  • #เล่าเรื่อง# #วัดวรเชษฐ นอกเกาะ ...ประสบการณ์ตรงของผู้เขียนเอง...เริ่มจาก 10 ปีก่อน ผู้เขียนได้อ่านหนังสือ ของ ริชชี่ และบทความของ ดร .พระมหาสิงทน...ว่า ที่นี่คือที่ บรรจุพระบรมอัฐิ ของพระนเรศวรจริง...จึงเดินทางไป..ครั้งแรก มุ่งหน้าไปกุฏิพระมหาสิงทนก่อน ไปสนทนากับท่าน...ท่านเล่าว่า ผู้มีญาณ ไม่ใช่แค่คนไทย มาจากหลายประเทศเลย ..มาพิสูจน์ และนืนยันว่า จริง ..ดังที่กล่าว...ครั้งแรกผู้เขียนก็สักการะปกติ ได้แต่เอา 2 มือ สัมผัสองค์พระปรางค์ในภาพ แล้วตั้งจิตว่า ถ้าข้าพเจ้าเคยเป็นบริวารของท่าน ช่วยสื่อสารให้ข้าพเจ้ารับทราบมีด้วย...พอเอามือออก..ลมพัดแรงซะงั้น...ซึ่งก่อนหน้านี้เงียบสงบ..เป็นสักประมาณครึ่งนาที..แล้วก็สงบ...ก็ไม่ได้คิดอะไร....ครั้งที่ 2 มาหา พระมหาอีก ท่านแนะนำว่า ใบเสมาหน้าวิหารนะ มีพลัง ไปขอเอาสิ....พอลงจากกุฏิ..กำลังจะเดินขึ้นพระปรางค์ ก่อนเดินเข้า ยกมือไหว้..บอกท่านครับ ลูกมาแล้วครับ...ลมจากสงบ..พัดแรงขึ้นมาแบบคราวที่แล้วเลย...แล้วขนเราก็ลุกแบบไม่มีสาเหตุ...สักไม่เกินครึ่งนาที ลมก็สงบ...ก็เดินไปขึ้นพระปรางค์ในภาพแบบเดิม ก็สักการะปกติ ...ลงมา ไปหน้าพระวิหารร้าง..ที่ พระมหาบอก...ให้ไปขอพลัง....เราก็จุดธูป เอาพวงมาลัยวาง ...และเอามือ 2 มือ จับที่ใบเสมาหินทรายนั้น...แล้วตั้งจิตว่า ขอให้มือคู่นี้ ทำอะไรก็สำเร็จ ถ้าไม่ผิดศีลธรรม...สิ่งที่ไม่น่าเชื่อเกิดขึ้น....ไฟดูด...!! ..ชักมือกลับอย่างเร็ว...ตั้งสติได้ เอ ไฟมันรั่วตรงไหน ก้มเงยหายสายไฟ...จนทั่ว...ไม่มี....แล้วเมื่อครู่คืออ่ะไร? ...ข้ามไปครั้งต่อมาเลย ผู้เขียนมีนิสัยที่ดี หรือแย่ ก็ไม่ทราบ แต่ชอบชาเล้นจ์แทบทุกอย่างในชีวิต...อยุธยาผีดุเหรอ..มาๆ อยากรู้...ไปกลางคืนเลย..ไปนั่งสมาธิในวิหารร้างมืดๆ.ผี.มาสิ อยากเจอ...อ้อ สักพักภรรยา เลื่อนรถเอาไฟหน้าส่องมา บอกกลัวงู.เราก็บอกไม่เป็นไรหรอกนั่งรอในรถนั่นแหละ...ผ่านไปสัก 30 นาที ก็เข้าสมาธิไม่ได้ เนื่องจากเสียงเครื่องยนต์..ทำให้ไม่สงบ...ภรรยาจึงเดินมาบอก กลับเถอะ ...กลัวงูกัด...เราก็ไปก็ไป ..และผู้เขียนก็แวะเวียนไปตลอด ..และคำบอกกล่าวก่อนเข้าก็ทำแบบเดิม ลมก็มาแบบเดิม แปลกดีไหม?..ท่านผู้อ่านสนใจ เชิญครับ วัดวรเชษฐมีในเกาะ กับนอกเกาะ ..ที่เขียนคือ นอกเกาะครับ.
    #เล่าเรื่อง# #วัดวรเชษฐ นอกเกาะ ...ประสบการณ์ตรงของผู้เขียนเอง...เริ่มจาก 10 ปีก่อน ผู้เขียนได้อ่านหนังสือ ของ ริชชี่ และบทความของ ดร .พระมหาสิงทน...ว่า ที่นี่คือที่ บรรจุพระบรมอัฐิ ของพระนเรศวรจริง...จึงเดินทางไป..ครั้งแรก มุ่งหน้าไปกุฏิพระมหาสิงทนก่อน ไปสนทนากับท่าน...ท่านเล่าว่า ผู้มีญาณ ไม่ใช่แค่คนไทย มาจากหลายประเทศเลย ..มาพิสูจน์ และนืนยันว่า จริง ..ดังที่กล่าว...ครั้งแรกผู้เขียนก็สักการะปกติ ได้แต่เอา 2 มือ สัมผัสองค์พระปรางค์ในภาพ แล้วตั้งจิตว่า ถ้าข้าพเจ้าเคยเป็นบริวารของท่าน ช่วยสื่อสารให้ข้าพเจ้ารับทราบมีด้วย...พอเอามือออก..ลมพัดแรงซะงั้น...ซึ่งก่อนหน้านี้เงียบสงบ..เป็นสักประมาณครึ่งนาที..แล้วก็สงบ...ก็ไม่ได้คิดอะไร....ครั้งที่ 2 มาหา พระมหาอีก ท่านแนะนำว่า ใบเสมาหน้าวิหารนะ มีพลัง ไปขอเอาสิ....พอลงจากกุฏิ..กำลังจะเดินขึ้นพระปรางค์ ก่อนเดินเข้า ยกมือไหว้..บอกท่านครับ ลูกมาแล้วครับ...ลมจากสงบ..พัดแรงขึ้นมาแบบคราวที่แล้วเลย...แล้วขนเราก็ลุกแบบไม่มีสาเหตุ...สักไม่เกินครึ่งนาที ลมก็สงบ...ก็เดินไปขึ้นพระปรางค์ในภาพแบบเดิม ก็สักการะปกติ ...ลงมา ไปหน้าพระวิหารร้าง..ที่ พระมหาบอก...ให้ไปขอพลัง....เราก็จุดธูป เอาพวงมาลัยวาง ...และเอามือ 2 มือ จับที่ใบเสมาหินทรายนั้น...แล้วตั้งจิตว่า ขอให้มือคู่นี้ ทำอะไรก็สำเร็จ ถ้าไม่ผิดศีลธรรม...สิ่งที่ไม่น่าเชื่อเกิดขึ้น....ไฟดูด...!! ..ชักมือกลับอย่างเร็ว...ตั้งสติได้ เอ ไฟมันรั่วตรงไหน ก้มเงยหายสายไฟ...จนทั่ว...ไม่มี....แล้วเมื่อครู่คืออ่ะไร? ...ข้ามไปครั้งต่อมาเลย ผู้เขียนมีนิสัยที่ดี หรือแย่ ก็ไม่ทราบ แต่ชอบชาเล้นจ์แทบทุกอย่างในชีวิต...อยุธยาผีดุเหรอ..มาๆ อยากรู้...ไปกลางคืนเลย..ไปนั่งสมาธิในวิหารร้างมืดๆ.ผี.มาสิ อยากเจอ...อ้อ สักพักภรรยา เลื่อนรถเอาไฟหน้าส่องมา บอกกลัวงู.เราก็บอกไม่เป็นไรหรอกนั่งรอในรถนั่นแหละ...ผ่านไปสัก 30 นาที ก็เข้าสมาธิไม่ได้ เนื่องจากเสียงเครื่องยนต์..ทำให้ไม่สงบ...ภรรยาจึงเดินมาบอก กลับเถอะ ...กลัวงูกัด...เราก็ไปก็ไป ..และผู้เขียนก็แวะเวียนไปตลอด ..และคำบอกกล่าวก่อนเข้าก็ทำแบบเดิม ลมก็มาแบบเดิม แปลกดีไหม?..ท่านผู้อ่านสนใจ เชิญครับ วัดวรเชษฐมีในเกาะ กับนอกเกาะ ..ที่เขียนคือ นอกเกาะครับ.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 339 มุมมอง 0 รีวิว
  • รายการสนธิเล่าเรื่องเช้านี้ พบทนายตั้มเป็นผู้จัดการมรดก เขียนพินัยกรรมเอง ก่อนเริ่มซื้อรถเบนซ์ พบให้พยานเซ็นเฉพาะหน้าสุดท้าย ไม่คืนคู่ฉบับ ซื้อรถเบนซ์คุณอ้อย ติด GPS ดูทุกความเคลื่อนไหว แถมชักชวนไปเที่ยวไกลๆ ไปเชียงราย แม้กระทั่งไปเขื่อนเชี่ยวหลาน สุราษฎร์ธานี ไม่มีสัญญาณมือถือ ผวาหากตายไปอ้างได้ว่าอุบัติเหตุ สุดท้ายทำพินัยกรรมฝ่ายเมืองสกัดกั้น

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000111671

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    รายการสนธิเล่าเรื่องเช้านี้ พบทนายตั้มเป็นผู้จัดการมรดก เขียนพินัยกรรมเอง ก่อนเริ่มซื้อรถเบนซ์ พบให้พยานเซ็นเฉพาะหน้าสุดท้าย ไม่คืนคู่ฉบับ ซื้อรถเบนซ์คุณอ้อย ติด GPS ดูทุกความเคลื่อนไหว แถมชักชวนไปเที่ยวไกลๆ ไปเชียงราย แม้กระทั่งไปเขื่อนเชี่ยวหลาน สุราษฎร์ธานี ไม่มีสัญญาณมือถือ ผวาหากตายไปอ้างได้ว่าอุบัติเหตุ สุดท้ายทำพินัยกรรมฝ่ายเมืองสกัดกั้น อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000111671 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    Haha
    Sad
    16
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1026 มุมมอง 0 รีวิว
  • สนธิเล่าเรื่อง "ทนายตั้ม" ทำตัวผู้จัดการมรดก ส่อง GPS รถเบนซ์ เปิดแผนลวงเข้าป่า-ล่องแพ
    .
    รายการสนธิเล่าเรื่องเช้านี้ พบทนายตั้มเป็นผู้จัดการมรดก เขียนพินัยกรรมเอง ก่อนเริ่มซื้อรถเบนซ์ พบให้พยานเซ็นเฉพาะหน้าสุดท้าย ไม่คืนคู่ฉบับ ซื้อรถเบนซ์คุณอ้อย ติด GPS ดูทุกความเคลื่อนไหว แถมชักชวนไปเที่ยวไกลๆ ไปเชียงราย แม้กระทั่งไปเขื่อนเชี่ยวหลาน สุราษฎร์ธานี ไม่มีสัญญาณมือถือ ผวาหากตายไปอ้างได้ว่าอุบัติเหตุ สุดท้ายทำพินัยกรรมฝ่ายเมืองสกัดกั้น
    .
    วันนี้ (20 พ.ย.) นายสนธิ ลิ้มทองกุล กล่าวในรายการสนธิเล่าเรื่อง ทางยูทูบ Sondhitalk ถึงความคืบหน้าคดีที่ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือคุณอ้อย เศรษฐีชาว อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา แจ้งความดำเนินคดีกับนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ไฮไสต์สำคัญอยู่ที่การที่ทนายตั้มเป็นผู้จัดการมรดก โดยสรุปดังนี้
    .
    - คุณอ้อยกล่าวว่า ทนายตั้มต้องการเป็นผู้จัดการมรดกในการเขียนพินัยกรรม พอได้รับการแต่งตั้งก็พยายามชวนคุณอ้อยไปเที่ยวไกลๆ เช่น เขื่อนรัชประภา หรือเขื่อนเชี่ยวหลาน จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งอะไรก็เกิดขึ้นได้โดยไม่มีใครคาดคิด หากคุณอ้อยเสียชีวิต ทนายตั้มจะได้เป็นผู้จัดการมรดก มีอำนาจเด็ดขาดแต่ผู้เดียว แต่โชคดีที่คุณอ้อยไหวตัวทัน
    .
    - ก่อนหน้านี้บริษัท ษิทรา ลอว์เฟิร์ม จำกัด ได้รับว่าจ้างจากคุณอ้อยเดือนละ 300,000 บาทให้เป็นที่ปรึกษาดูแลผลประโยชน์ธุรกิจ เมื่อ 2 ปีก่อน หลังจากนั้นทนายตั้มอาศัยความไว้ใจจากพี่อ้อยช่วยเหลือดำเนินการ เช่น ยกลูกตัวเองคนหนึ่งให้เป็นลูกบุญธรรม แต่ลูกชายคุณอ้อยไม่เห็นด้วย
    .
    - เมื่อรู้ว่าคุณอ้อยร่ำรวยเป็นหมื่นล้านบาท และการศึกษาน้อย ร่ำรวยจากการเสี่ยงโชค คุณอ้อยพลาดตรงที่หาทนายความจากเฟซบุ๊ก เห็นว่าทนายตั้มหน้าตาดี เป็นทนายความเพื่อประชาชน แต่คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ นึกไม่ถึงว่าเป็นคนเลวถึงขนาดนั้น
    .
    - พอได้รับแต่งตั้งเป็นผู้จัดการมรดกแค่ 9 วัน ทนายตั้มก็คิดจะฮุบเงินฮุบทอง ทำพินัยกรรมที่สำนักงาน ษิทรา ลอว์เฟิร์ม มีทั้งหมด 7 ข้อ โดยมีทนายตั้มเป็นผู้เขียนและพิมพ์พินัยกรรม คุณเดวิดสามีคุณอ้อย และคุณน้อย เป็นพยาน ทีแรกไม่ผิดสังเกต แต่ภายหลังพบว่าทนายตั้มไม่ได้ทำงานสมค่าจ้าง ยกครอบครัวเที่ยวหรูอยู่สบาย รวมทั้งสำนักงาน ษิทรา ลอว์เฟิร์ม จัดทริปพาพนักงาน 20 คนเที่ยวญี่ปุ่น ก็ขอเงินคุณอ้อยหลายล้านบาท และขอเงินยิบย่อย
    .
    - ผ่านไป 1 ปี คุณอ้อยเห็นว่าทำงานไม่คุ้ม ไม่ไหว เลยยกเลิกสัญญาเป็นที่ปรึกษา แต่ทนายตั้มยังตื้อขอต่อสัญญาอีก 1 ปี พร้อมข้อเสนอการลงทุนตามมา เป็นที่มาของเงิน 2 ล้านยูโร ทำแอปฯ นาคี ต่อด้วยคดีสมคบกับนายนุวัฒน์และ น.ส.สาลินีหลอกลวงว่าถูกแฮกคริปโตฯ สูญ 39 ล้านบาท ฉ้อโกงเขียนแบบโรงแรม และอื่นๆ
    .
    - ทนายตั้มร่างพินัยกรรมคุณอ้อยฉบับใหม่ ทำที่บ้านชีวา ลงวันที่ 7 ส.ค. 2566 แก้ไขจากฉบับแรก แต่พินัยกรรมมีปัญหารายละเอียดสำคัญว่า สินทรัพย์ที่อยู่ต่างประเทศให้ลูกชายคนเดียว แต่ทนายตั้มเป็นผู้จัดการมรดก ก่อนเริ่มซื้อรถเบนซ์ ติด GPS เอาไว้ โดยทนายตั้มติดเอง แสดงว่าจะตามว่ารถคันนี้ไปที่ไหนบ้าง จึงสงสัยว่าทำไมถึงติด GPS เอาไว้ แต่ทนายตั้มยังโกหก
    .
    - คุณอ้อยกล่าวว่า ทนายตั้มเคยชวนไปเชียงราย อ้างว่าทำบุญที่วัดห้วยปลากั้ง แต่ไม่ไปเพราะไกล เป็นห่วงความปลอดภัยของแฟน และไม่ได้รู้จักคนทางโน้น และชวนไปล่องแพที่ภาคใต้ เขื่อนรัชประภา จ.สุราษฎร์ธานี แต่ไม่ไปเพราะกลัวเป็นน้ำ ไปลำบากเลยปฎิเสธ ไม่ได้คิดเบื้องหน้าเบื้องหลัง พอรู้จากคนใกล้ชิดก็กลัวว่าอยู่ใต้แพ
    .
    - ในสัญญาติดตั้ง GPS ใช้ชื่อทนายตั้ม ทำสัญญารายปี และมีหลักฐานว่าทนายตั้มแอบดูข้อมูลการเดินทางว่าไปไหนบ้าง เมื่อเดือน ก.ย. ที่ผ่านมาหลังมีเรื่อง นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยาทนายตั้มยังแอบเข้าไปดู GPS ว่ารถคุณอ้อยเดินทางไปที่ไหน
    .
    - คุณอ้อยและคุณน้อยพบว่า หลังทำพินัยกรรมฉบับที่ 2 ทนายตั้มยังชักชวนไปเที่ยวแพที่เขื่อนรัชประภา อ้างว่าจะพาไปรู้จักนายตำรวจคนหนึ่งซึ่งเป็นคนใต้ คือ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล หรือโจ๊ก เหมือนกับที่ไปฮ่องกง ไปเจอนายอนุทิน ชาญวีรกุล และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ แต่คุณอ้อยไม่อยากไป เพราะไม่อยากลำบาก และไม่อยากรู้จักใคร
    .
    - เขื่อนรัชชประภา หรือเขื่อนเชี่ยวหลาน เหมือนถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์หรืออินเทอร์เน็ต ใครจะทำอะไรก็ไม่มีใครรู้ สมมติกรณีที่จัดการกับเจ้าของมรดกก็ไม่มีใครรู้ อ้างได้ว่าอุบัติเหตุทางน้ำ
    .
    - หลังจากทำพินัยกรรมฉบับที่ 2 คุณอ้อยและคุณน้อยพยายามทวงถามพินัยกรรมคู่ฉบับก็ไม่นำมาให้ กระทั่งแตกหักเรื่องรถเบนซ์ ได้ทำหนังสือทวงถามพินัยกรรม แต่ทนายตั้มตอบกลับว่า ทำลายไปหมดแล้ว ทั้งที่ไม่ได้ถามหรือทำลายต่อหน้า และพบว่าสัญญามีช่องโหว่ อีกทั้งให้ลงนามเฉพาะหน้าสุดท้าย แทนที่จะลงนามสัญญาทุกหน้า เพราะฉะนั้นเป็นพินัยกรรมปลอมและพินัยกรรมสอดไส้
    .
    - ต้นปี 2567 หลังจากคุณอ้อยใจสลาย ก็ได้ยกเลิกพินัยกรรมกับทนายตั้มทุกฉบับ แล้วไปทำพินัยกรรมฝ่ายเมือง จัดทำที่อำเภอ มีเจ้าหน้าที่รัฐรับรอง
    ..............
    Sondhi X
    สนธิเล่าเรื่อง "ทนายตั้ม" ทำตัวผู้จัดการมรดก ส่อง GPS รถเบนซ์ เปิดแผนลวงเข้าป่า-ล่องแพ . รายการสนธิเล่าเรื่องเช้านี้ พบทนายตั้มเป็นผู้จัดการมรดก เขียนพินัยกรรมเอง ก่อนเริ่มซื้อรถเบนซ์ พบให้พยานเซ็นเฉพาะหน้าสุดท้าย ไม่คืนคู่ฉบับ ซื้อรถเบนซ์คุณอ้อย ติด GPS ดูทุกความเคลื่อนไหว แถมชักชวนไปเที่ยวไกลๆ ไปเชียงราย แม้กระทั่งไปเขื่อนเชี่ยวหลาน สุราษฎร์ธานี ไม่มีสัญญาณมือถือ ผวาหากตายไปอ้างได้ว่าอุบัติเหตุ สุดท้ายทำพินัยกรรมฝ่ายเมืองสกัดกั้น . วันนี้ (20 พ.ย.) นายสนธิ ลิ้มทองกุล กล่าวในรายการสนธิเล่าเรื่อง ทางยูทูบ Sondhitalk ถึงความคืบหน้าคดีที่ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือคุณอ้อย เศรษฐีชาว อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา แจ้งความดำเนินคดีกับนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ไฮไสต์สำคัญอยู่ที่การที่ทนายตั้มเป็นผู้จัดการมรดก โดยสรุปดังนี้ . - คุณอ้อยกล่าวว่า ทนายตั้มต้องการเป็นผู้จัดการมรดกในการเขียนพินัยกรรม พอได้รับการแต่งตั้งก็พยายามชวนคุณอ้อยไปเที่ยวไกลๆ เช่น เขื่อนรัชประภา หรือเขื่อนเชี่ยวหลาน จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งอะไรก็เกิดขึ้นได้โดยไม่มีใครคาดคิด หากคุณอ้อยเสียชีวิต ทนายตั้มจะได้เป็นผู้จัดการมรดก มีอำนาจเด็ดขาดแต่ผู้เดียว แต่โชคดีที่คุณอ้อยไหวตัวทัน . - ก่อนหน้านี้บริษัท ษิทรา ลอว์เฟิร์ม จำกัด ได้รับว่าจ้างจากคุณอ้อยเดือนละ 300,000 บาทให้เป็นที่ปรึกษาดูแลผลประโยชน์ธุรกิจ เมื่อ 2 ปีก่อน หลังจากนั้นทนายตั้มอาศัยความไว้ใจจากพี่อ้อยช่วยเหลือดำเนินการ เช่น ยกลูกตัวเองคนหนึ่งให้เป็นลูกบุญธรรม แต่ลูกชายคุณอ้อยไม่เห็นด้วย . - เมื่อรู้ว่าคุณอ้อยร่ำรวยเป็นหมื่นล้านบาท และการศึกษาน้อย ร่ำรวยจากการเสี่ยงโชค คุณอ้อยพลาดตรงที่หาทนายความจากเฟซบุ๊ก เห็นว่าทนายตั้มหน้าตาดี เป็นทนายความเพื่อประชาชน แต่คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ นึกไม่ถึงว่าเป็นคนเลวถึงขนาดนั้น . - พอได้รับแต่งตั้งเป็นผู้จัดการมรดกแค่ 9 วัน ทนายตั้มก็คิดจะฮุบเงินฮุบทอง ทำพินัยกรรมที่สำนักงาน ษิทรา ลอว์เฟิร์ม มีทั้งหมด 7 ข้อ โดยมีทนายตั้มเป็นผู้เขียนและพิมพ์พินัยกรรม คุณเดวิดสามีคุณอ้อย และคุณน้อย เป็นพยาน ทีแรกไม่ผิดสังเกต แต่ภายหลังพบว่าทนายตั้มไม่ได้ทำงานสมค่าจ้าง ยกครอบครัวเที่ยวหรูอยู่สบาย รวมทั้งสำนักงาน ษิทรา ลอว์เฟิร์ม จัดทริปพาพนักงาน 20 คนเที่ยวญี่ปุ่น ก็ขอเงินคุณอ้อยหลายล้านบาท และขอเงินยิบย่อย . - ผ่านไป 1 ปี คุณอ้อยเห็นว่าทำงานไม่คุ้ม ไม่ไหว เลยยกเลิกสัญญาเป็นที่ปรึกษา แต่ทนายตั้มยังตื้อขอต่อสัญญาอีก 1 ปี พร้อมข้อเสนอการลงทุนตามมา เป็นที่มาของเงิน 2 ล้านยูโร ทำแอปฯ นาคี ต่อด้วยคดีสมคบกับนายนุวัฒน์และ น.ส.สาลินีหลอกลวงว่าถูกแฮกคริปโตฯ สูญ 39 ล้านบาท ฉ้อโกงเขียนแบบโรงแรม และอื่นๆ . - ทนายตั้มร่างพินัยกรรมคุณอ้อยฉบับใหม่ ทำที่บ้านชีวา ลงวันที่ 7 ส.ค. 2566 แก้ไขจากฉบับแรก แต่พินัยกรรมมีปัญหารายละเอียดสำคัญว่า สินทรัพย์ที่อยู่ต่างประเทศให้ลูกชายคนเดียว แต่ทนายตั้มเป็นผู้จัดการมรดก ก่อนเริ่มซื้อรถเบนซ์ ติด GPS เอาไว้ โดยทนายตั้มติดเอง แสดงว่าจะตามว่ารถคันนี้ไปที่ไหนบ้าง จึงสงสัยว่าทำไมถึงติด GPS เอาไว้ แต่ทนายตั้มยังโกหก . - คุณอ้อยกล่าวว่า ทนายตั้มเคยชวนไปเชียงราย อ้างว่าทำบุญที่วัดห้วยปลากั้ง แต่ไม่ไปเพราะไกล เป็นห่วงความปลอดภัยของแฟน และไม่ได้รู้จักคนทางโน้น และชวนไปล่องแพที่ภาคใต้ เขื่อนรัชประภา จ.สุราษฎร์ธานี แต่ไม่ไปเพราะกลัวเป็นน้ำ ไปลำบากเลยปฎิเสธ ไม่ได้คิดเบื้องหน้าเบื้องหลัง พอรู้จากคนใกล้ชิดก็กลัวว่าอยู่ใต้แพ . - ในสัญญาติดตั้ง GPS ใช้ชื่อทนายตั้ม ทำสัญญารายปี และมีหลักฐานว่าทนายตั้มแอบดูข้อมูลการเดินทางว่าไปไหนบ้าง เมื่อเดือน ก.ย. ที่ผ่านมาหลังมีเรื่อง นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยาทนายตั้มยังแอบเข้าไปดู GPS ว่ารถคุณอ้อยเดินทางไปที่ไหน . - คุณอ้อยและคุณน้อยพบว่า หลังทำพินัยกรรมฉบับที่ 2 ทนายตั้มยังชักชวนไปเที่ยวแพที่เขื่อนรัชประภา อ้างว่าจะพาไปรู้จักนายตำรวจคนหนึ่งซึ่งเป็นคนใต้ คือ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล หรือโจ๊ก เหมือนกับที่ไปฮ่องกง ไปเจอนายอนุทิน ชาญวีรกุล และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ แต่คุณอ้อยไม่อยากไป เพราะไม่อยากลำบาก และไม่อยากรู้จักใคร . - เขื่อนรัชชประภา หรือเขื่อนเชี่ยวหลาน เหมือนถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์หรืออินเทอร์เน็ต ใครจะทำอะไรก็ไม่มีใครรู้ สมมติกรณีที่จัดการกับเจ้าของมรดกก็ไม่มีใครรู้ อ้างได้ว่าอุบัติเหตุทางน้ำ . - หลังจากทำพินัยกรรมฉบับที่ 2 คุณอ้อยและคุณน้อยพยายามทวงถามพินัยกรรมคู่ฉบับก็ไม่นำมาให้ กระทั่งแตกหักเรื่องรถเบนซ์ ได้ทำหนังสือทวงถามพินัยกรรม แต่ทนายตั้มตอบกลับว่า ทำลายไปหมดแล้ว ทั้งที่ไม่ได้ถามหรือทำลายต่อหน้า และพบว่าสัญญามีช่องโหว่ อีกทั้งให้ลงนามเฉพาะหน้าสุดท้าย แทนที่จะลงนามสัญญาทุกหน้า เพราะฉะนั้นเป็นพินัยกรรมปลอมและพินัยกรรมสอดไส้ . - ต้นปี 2567 หลังจากคุณอ้อยใจสลาย ก็ได้ยกเลิกพินัยกรรมกับทนายตั้มทุกฉบับ แล้วไปทำพินัยกรรมฝ่ายเมือง จัดทำที่อำเภอ มีเจ้าหน้าที่รัฐรับรอง .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Love
    10
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1357 มุมมอง 0 รีวิว
  • รายการสนธิเล่าเรื่องเช้านี้ พบทนายตั้มเป็นผู้จัดการมรดก เขียนพินัยกรรมเอง ก่อนเริ่มซื้อรถเบนซ์ พบให้พยานเซ็นเฉพาะหน้าสุดท้าย ไม่คืนคู่ฉบับ ซื้อรถเบนซ์คุณอ้อย ติด GPS ดูทุกความเคลื่อนไหว แถมชักชวนไปเที่ยวไกลๆ ไปเชียงราย แม้กระทั่งไปเขื่อนเชี่ยวหลาน สุราษฎร์ธานี ไม่มีสัญญาณมือถือ ผวาหากตายไปอ้างได้ว่าอุบัติเหตุ สุดท้ายทำพินัยกรรมฝ่ายเมืองสกัดกั้น

    วันนี้ (20 พ.ย.) นายสนธิ ลิ้มทองกุล กล่าวในรายการสนธิเล่าเรื่อง ทางยูทูบ Sondhitalk ถึงความคืบหน้าคดีที่ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือคุณอ้อย เศรษฐีชาว อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา แจ้งความดำเนินคดีกับนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ไฮไสต์สำคัญอยู่ที่การที่ทนายตั้มเป็นผู้จัดการมรดก โดยสรุปดังนี้

    - คุณอ้อยกล่าวว่า ทนายตั้มต้องการเป็นผู้จัดการมรดกในการเขียนพินัยกรรม พอได้รับการแต่งตั้งก็พยายามชวนคุณอ้อยไปเที่ยวไกลๆ เช่น เขื่อนรัชประภา หรือเขื่อนเชี่ยวหลาน จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งอะไรก็เกิดขึ้นได้โดยไม่มีใครคาดคิด หากคุณอ้อยเสียชีวิต ทนายตั้มจะได้เป็นผู้จัดการมรดก มีอำนาจเด็ดขาดแต่ผู้เดียว แต่โชคดีที่คุณอ้อยไหวตัวทัน

    - ก่อนหน้านี้บริษัท ษิทรา ลอว์เฟิร์ม จำกัด ได้รับว่าจ้างจากคุณอ้อยเดือนละ 300,000 บาทให้เป็นที่ปรึกษาดูแลผลประโยชน์ธุรกิจ เมื่อ 2 ปีก่อน หลังจากนั้นทนายตั้มอาศัยความไว้ใจจากพี่อ้อยช่วยเหลือดำเนินการ เช่น ยกลูกตัวเองคนหนึ่งให้เป็นลูกบุญธรรม แต่ลูกชายคุณอ้อยไม่เห็นด้วย

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000111671

    #MGROnline #ทนายตั้ม #ผู้จัดการมรดก #พินัยกรรม #พี่อ้อย
    รายการสนธิเล่าเรื่องเช้านี้ พบทนายตั้มเป็นผู้จัดการมรดก เขียนพินัยกรรมเอง ก่อนเริ่มซื้อรถเบนซ์ พบให้พยานเซ็นเฉพาะหน้าสุดท้าย ไม่คืนคู่ฉบับ ซื้อรถเบนซ์คุณอ้อย ติด GPS ดูทุกความเคลื่อนไหว แถมชักชวนไปเที่ยวไกลๆ ไปเชียงราย แม้กระทั่งไปเขื่อนเชี่ยวหลาน สุราษฎร์ธานี ไม่มีสัญญาณมือถือ ผวาหากตายไปอ้างได้ว่าอุบัติเหตุ สุดท้ายทำพินัยกรรมฝ่ายเมืองสกัดกั้น • วันนี้ (20 พ.ย.) นายสนธิ ลิ้มทองกุล กล่าวในรายการสนธิเล่าเรื่อง ทางยูทูบ Sondhitalk ถึงความคืบหน้าคดีที่ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือคุณอ้อย เศรษฐีชาว อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา แจ้งความดำเนินคดีกับนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ไฮไสต์สำคัญอยู่ที่การที่ทนายตั้มเป็นผู้จัดการมรดก โดยสรุปดังนี้ • - คุณอ้อยกล่าวว่า ทนายตั้มต้องการเป็นผู้จัดการมรดกในการเขียนพินัยกรรม พอได้รับการแต่งตั้งก็พยายามชวนคุณอ้อยไปเที่ยวไกลๆ เช่น เขื่อนรัชประภา หรือเขื่อนเชี่ยวหลาน จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งอะไรก็เกิดขึ้นได้โดยไม่มีใครคาดคิด หากคุณอ้อยเสียชีวิต ทนายตั้มจะได้เป็นผู้จัดการมรดก มีอำนาจเด็ดขาดแต่ผู้เดียว แต่โชคดีที่คุณอ้อยไหวตัวทัน • - ก่อนหน้านี้บริษัท ษิทรา ลอว์เฟิร์ม จำกัด ได้รับว่าจ้างจากคุณอ้อยเดือนละ 300,000 บาทให้เป็นที่ปรึกษาดูแลผลประโยชน์ธุรกิจ เมื่อ 2 ปีก่อน หลังจากนั้นทนายตั้มอาศัยความไว้ใจจากพี่อ้อยช่วยเหลือดำเนินการ เช่น ยกลูกตัวเองคนหนึ่งให้เป็นลูกบุญธรรม แต่ลูกชายคุณอ้อยไม่เห็นด้วย • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000111671 • #MGROnline #ทนายตั้ม #ผู้จัดการมรดก #พินัยกรรม #พี่อ้อย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 491 มุมมอง 0 รีวิว
  • สนธิเล่าเรื่อง 20-11-67
    .
    วันนี้คุณสนธิจะมาเล่าเรื่องสาระสำคัญเกี่ยวกับคดี ระหว่าง "พี่อ้อย จตุพร" กับ "ทนายตั้ม ษิทรา" วันนี้ นรกแตก !!!
    .
    คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=8H3MeO9sBmc
    สนธิเล่าเรื่อง 20-11-67 . วันนี้คุณสนธิจะมาเล่าเรื่องสาระสำคัญเกี่ยวกับคดี ระหว่าง "พี่อ้อย จตุพร" กับ "ทนายตั้ม ษิทรา" วันนี้ นรกแตก !!! . คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=8H3MeO9sBmc
    Like
    Love
    Wow
    Haha
    47
    8 ความคิดเห็น 6 การแบ่งปัน 3573 มุมมอง 5 รีวิว
  • นรกแตก !!! สนธิเล่าเรื่อง 20-11-67
    .
    วันนี้คุณสนธิจะมาเล่าเรื่องสาระสำคัญเกี่ยวกับคดี ระหว่าง "พี่อ้อย จตุพร" กับ "ทนายตั้ม ษิทรา" ซึ่ง "พี่อ้อย" ล่าสุดได้เข้ามาพบกับคุณสนธิ ที่บ้านพระอาทิตย์ เมื่อวันจันทร์ (18 พ.ย.) ที่ผ่านมานี้เอง โดยความเข้มข้นของเนื้อหาในวันนี้คุณสนธิเกริ่นเอาไว้แล้วว่า อยู่ในระดับ "นรกแตก!" เลยทีเดียว
    .
    คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=8H3MeO9sBmc
    นรกแตก !!! สนธิเล่าเรื่อง 20-11-67 . วันนี้คุณสนธิจะมาเล่าเรื่องสาระสำคัญเกี่ยวกับคดี ระหว่าง "พี่อ้อย จตุพร" กับ "ทนายตั้ม ษิทรา" ซึ่ง "พี่อ้อย" ล่าสุดได้เข้ามาพบกับคุณสนธิ ที่บ้านพระอาทิตย์ เมื่อวันจันทร์ (18 พ.ย.) ที่ผ่านมานี้เอง โดยความเข้มข้นของเนื้อหาในวันนี้คุณสนธิเกริ่นเอาไว้แล้วว่า อยู่ในระดับ "นรกแตก!" เลยทีเดียว . คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=8H3MeO9sBmc
    Like
    Love
    4
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 356 มุมมอง 0 รีวิว
  • กลายเป็นประเด็นในโลกออนไลน์ หลังจากที่ “อุ๋ย บุดดาเบลส” นที เอกวิจิตร ได้โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่าเพิ่งรู้ว่า “8 ปีที่แล้วคนที่ร้องเรียนให้ผมเปลี่ยนชื่อเพลงเพื่อนหายเพราะขายตรงก็คือเจ๊พัชนี่เอง มิน่าหน้าโคตรคุ้น”

    อย่างไรก็ตาม เมื่อวานนี้ (18 พ.ย.) รายการกรรมกรข่าวนอกจอ โดย “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” และ “ไบรท์ พัชญทัฬห์” ได้เล่าย้อนไป เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 59 “อุ๋ย บุดดาเบลด” และเพื่อนสนิท “ซัว โปรโตซัว” ได้มาร้องเพลงโปรโมตในรายการชื่อเพลงว่า “เพื่อนหายเพราะขายตรง” ซึ่งเนื้อหาเล่าเรื่องขายตรง เพื่อนหดหาย การปลุกใจ ชักชวนว่านั่งนับเงินจนตาลาย ขยันผิดที่ มาอยู่เครือข่ายเดียวกับพี่ จะได้ขับลัมโบกินี่ ได้เที่ยวเมืองนอกฟรีๆ ซึ่งเป็นเพลงเมื่อ 8 ปีก่อน

    โดยในตอนนั้นอุ๋ย ถูก “เจ๊พัช กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์” ประธานอำนวยการศูนย์ประสานงานส่งเสริมเครือข่าย-ออนไลน์ ที่กำลังถูกออกหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ข้อหากรรโชกทรัพย์ และเป็นตัวกลางเรียกรับสินบน ถูกจับกุมตัวได้ที่บ้านพักย่านคลอง 5 จ.ปทุมธานี ซึ่งขณะนั้นอยู่ในแวดวงขายตรง ได้โพสต์เฟซบุ๊กฟาดทำนองว่าทำแบบนี้มันเสียหาย กระทบอาชีพขายตรง เข้าใจว่าเนื้อเพลงเปลี่ยนยาก แต่ขอเปลี่ยนชื่อเพลงได้ไหม ทุกอาชีพมีทั้งดีและไม่ดีถ้าจะแต่งเพลงเอ่ยอาชีพคนอื่น ช่วยแต่งมุมดีๆ ของขายตรงบ้าง รวมทั้งมีการประท้วงล่ารายชื่อเรียกร้องให้อุ๋ย หยุดด้อยค่าอาชีพขายตรง เพราะมีทั้งคนดีและไม่ดี

    ในเวลานั้น อุ๋ย ยังได้โพสต์เฟซบุ๊กขอบคุณ “สามารถ เจนชัยจิตรวนิช” ประธานสมาพันธ์ต่อต้านแชร์ลูกโซ่ ที่ได้ให้กำลังใจ ส่วนเรื่องเปลี่ยนชื่อจะรับไปพิจารณา ส่วนที่ถูกเจ๊พัชด่าเลวให้อภัย ถ้าท้อเป็นแค่ถ่าน ถ้าผ่านได้ผมจะเป็นเพชร

    ซึ่งต่อมา อุ๋ย ก็ได้เปลี่ยนชื่อเพลงดังกล่าวเป็น “เพื่อนหายเพราะขายอ้อม” แทน ซึ่งสรยุทธเผยว่าโลกเราอะไรมันจะกลมขนาดนี้ ยกให้เป็นผู้มาก่อนกาลเลยทีเดียว

    #MGROnline #อุ๋ยบุดดาเบลส #เจ๊พัช
    กลายเป็นประเด็นในโลกออนไลน์ หลังจากที่ “อุ๋ย บุดดาเบลส” นที เอกวิจิตร ได้โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่าเพิ่งรู้ว่า “8 ปีที่แล้วคนที่ร้องเรียนให้ผมเปลี่ยนชื่อเพลงเพื่อนหายเพราะขายตรงก็คือเจ๊พัชนี่เอง มิน่าหน้าโคตรคุ้น” • อย่างไรก็ตาม เมื่อวานนี้ (18 พ.ย.) รายการกรรมกรข่าวนอกจอ โดย “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” และ “ไบรท์ พัชญทัฬห์” ได้เล่าย้อนไป เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 59 “อุ๋ย บุดดาเบลด” และเพื่อนสนิท “ซัว โปรโตซัว” ได้มาร้องเพลงโปรโมตในรายการชื่อเพลงว่า “เพื่อนหายเพราะขายตรง” ซึ่งเนื้อหาเล่าเรื่องขายตรง เพื่อนหดหาย การปลุกใจ ชักชวนว่านั่งนับเงินจนตาลาย ขยันผิดที่ มาอยู่เครือข่ายเดียวกับพี่ จะได้ขับลัมโบกินี่ ได้เที่ยวเมืองนอกฟรีๆ ซึ่งเป็นเพลงเมื่อ 8 ปีก่อน • โดยในตอนนั้นอุ๋ย ถูก “เจ๊พัช กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์” ประธานอำนวยการศูนย์ประสานงานส่งเสริมเครือข่าย-ออนไลน์ ที่กำลังถูกออกหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ข้อหากรรโชกทรัพย์ และเป็นตัวกลางเรียกรับสินบน ถูกจับกุมตัวได้ที่บ้านพักย่านคลอง 5 จ.ปทุมธานี ซึ่งขณะนั้นอยู่ในแวดวงขายตรง ได้โพสต์เฟซบุ๊กฟาดทำนองว่าทำแบบนี้มันเสียหาย กระทบอาชีพขายตรง เข้าใจว่าเนื้อเพลงเปลี่ยนยาก แต่ขอเปลี่ยนชื่อเพลงได้ไหม ทุกอาชีพมีทั้งดีและไม่ดีถ้าจะแต่งเพลงเอ่ยอาชีพคนอื่น ช่วยแต่งมุมดีๆ ของขายตรงบ้าง รวมทั้งมีการประท้วงล่ารายชื่อเรียกร้องให้อุ๋ย หยุดด้อยค่าอาชีพขายตรง เพราะมีทั้งคนดีและไม่ดี • ในเวลานั้น อุ๋ย ยังได้โพสต์เฟซบุ๊กขอบคุณ “สามารถ เจนชัยจิตรวนิช” ประธานสมาพันธ์ต่อต้านแชร์ลูกโซ่ ที่ได้ให้กำลังใจ ส่วนเรื่องเปลี่ยนชื่อจะรับไปพิจารณา ส่วนที่ถูกเจ๊พัชด่าเลวให้อภัย ถ้าท้อเป็นแค่ถ่าน ถ้าผ่านได้ผมจะเป็นเพชร • ซึ่งต่อมา อุ๋ย ก็ได้เปลี่ยนชื่อเพลงดังกล่าวเป็น “เพื่อนหายเพราะขายอ้อม” แทน ซึ่งสรยุทธเผยว่าโลกเราอะไรมันจะกลมขนาดนี้ ยกให้เป็นผู้มาก่อนกาลเลยทีเดียว • #MGROnline #อุ๋ยบุดดาเบลส #เจ๊พัช
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 308 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผ่าแผน “ประธานสีจิ้นผิง” รับมือแผนการ “โดนัลด์ ทรัมป์”

    #Sondhitalk #สนธิทอล์ค #สนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #sondhiapp #sondhiX #จีน #อเมริกา
    ผ่าแผน “ประธานสีจิ้นผิง” รับมือแผนการ “โดนัลด์ ทรัมป์” #Sondhitalk #สนธิทอล์ค #สนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #sondhiapp #sondhiX #จีน #อเมริกา
    Like
    Love
    Haha
    Wow
    29
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 3978 มุมมอง 641 5 รีวิว
  • จีนผงาดผู้นำเศรษฐกิจโลก : SondhitalkEP268 VDO
    ประเทศมหาอำนาจวิกฤต เศรษฐกิจและเทคโนโลยี ถดถอย
    #Sondhitalk #สนธิทอล์ค #สนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #sondhiapp #sondhiX #จีน #อเมริกา #ผู้นำเศรษฐกิจโลก
    จีนผงาดผู้นำเศรษฐกิจโลก : SondhitalkEP268 VDO ประเทศมหาอำนาจวิกฤต เศรษฐกิจและเทคโนโลยี ถดถอย #Sondhitalk #สนธิทอล์ค #สนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #sondhiapp #sondhiX #จีน #อเมริกา #ผู้นำเศรษฐกิจโลก
    Like
    Love
    32
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 4004 มุมมอง 496 2 รีวิว
  • "สี" คำราม "ทรัมป์" : Sondhitalk EP268 VDO
    ประธานสีจิ้นผิง เตือนสติ ทรัมป์ ความสัมพันธ์ “จีน - อเมริกา”
    #sondhi #sondhiapp #sondhitalk #สนธิ #สนธิทอล์ค #สนธิลิ้มทองกุล #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #sondhiX #สนธิเล่าเรื่อง
    "สี" คำราม "ทรัมป์" : Sondhitalk EP268 VDO ประธานสีจิ้นผิง เตือนสติ ทรัมป์ ความสัมพันธ์ “จีน - อเมริกา” #sondhi #sondhiapp #sondhitalk #สนธิ #สนธิทอล์ค #สนธิลิ้มทองกุล #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #sondhiX #สนธิเล่าเรื่อง
    Like
    Love
    Wow
    21
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 4113 มุมมอง 414 1 รีวิว
  • ป.ป.ช. ยุคใหม่ ไร้คนอุ้มโจ๊ก : Sondhitalk EP268 VDO
    "ป.ป.ช." ถ่ายเลือดใหม่
    รื้อระบบ ล้างบางมลทิน
    หมดยุคอุ้มโจ๊ก
    #Sondhitalk #สนธิทอล์ค #สนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #sondhiapp #sondhiX #อุ้มโจ๊ก #ป.ป.ช. #ปปช.ถ่ายเลือดใหม่
    ป.ป.ช. ยุคใหม่ ไร้คนอุ้มโจ๊ก : Sondhitalk EP268 VDO "ป.ป.ช." ถ่ายเลือดใหม่ รื้อระบบ ล้างบางมลทิน หมดยุคอุ้มโจ๊ก #Sondhitalk #สนธิทอล์ค #สนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #sondhiapp #sondhiX #อุ้มโจ๊ก #ป.ป.ช. #ปปช.ถ่ายเลือดใหม่
    Like
    Haha
    Wow
    19
    0 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 4379 มุมมอง 441 1 รีวิว
  • ปิดตำนานแมว 9 ชีวิต : SondhitalkEP268 VDO
    เบื้องลึก "โจ๊ก สุรเชชษฐ์" อดกลับ ตร. ศาลปกครองสูงสุดตีตกคำร้อง
    #Sondhitalk #สนธิทอล์ค #สนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #sondhiapp #sondhiX #จีน #อเมริกา #ผู้นำเศรษฐกิจโลก
    ปิดตำนานแมว 9 ชีวิต : SondhitalkEP268 VDO เบื้องลึก "โจ๊ก สุรเชชษฐ์" อดกลับ ตร. ศาลปกครองสูงสุดตีตกคำร้อง #Sondhitalk #สนธิทอล์ค #สนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #sondhiapp #sondhiX #จีน #อเมริกา #ผู้นำเศรษฐกิจโลก
    Like
    Love
    Haha
    Yay
    Sad
    27
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 4400 มุมมอง 390 1 รีวิว
  • “ตั้ม” สมคบ “แก๊งพนันออนไลน์” กุเรื่องโกง 39 ล้านบาท

    #Sondhitalk #สนธิทอล์ค #สนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #sondhiapp #sondhiX #ทนายตั้ม #ษิทราเบี้ยบังเกิด #ทนายตั้มโกงเงิน #ทนายตั้มถูกจับ #โกงเป็นปกติธุระ
    “ตั้ม” สมคบ “แก๊งพนันออนไลน์” กุเรื่องโกง 39 ล้านบาท #Sondhitalk #สนธิทอล์ค #สนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #sondhiapp #sondhiX #ทนายตั้ม #ษิทราเบี้ยบังเกิด #ทนายตั้มโกงเงิน #ทนายตั้มถูกจับ #โกงเป็นปกติธุระ

    Like
    Haha
    Love
    32
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 4417 มุมมอง 459 1 รีวิว
  • สันดานโกงเป็นปกติธุระ : Sondhitalk EP267 VDO



    คนแรกในประวัติศาสตร์ 

    “ทนายตั้ม” ฉ้อโกงเป็นปกติธุระ



    #Sondhitalk #สนธิทอล์ค #สนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #sondhiapp #sondhiX #ทนายตั้ม #ษิทราเบี้ยบังเกิด #ทนายตั้มโกงเงิน #ทนายตั้มถูกจับ #โกงเป็นปกติธุระ
    สันดานโกงเป็นปกติธุระ : Sondhitalk EP267 VDO

 คนแรกในประวัติศาสตร์ 
 “ทนายตั้ม” ฉ้อโกงเป็นปกติธุระ

 #Sondhitalk #สนธิทอล์ค #สนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #sondhiapp #sondhiX #ทนายตั้ม #ษิทราเบี้ยบังเกิด #ทนายตั้มโกงเงิน #ทนายตั้มถูกจับ #โกงเป็นปกติธุระ

    Like
    Love
    Yay
    Wow
    Angry
    32
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 4459 มุมมอง 414 0 รีวิว
  • เล่าเรื่องราวของคุณได้เลย ที่นี่
    เล่าเรื่องราวของคุณได้เลย ที่นี่
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 70 มุมมอง 0 รีวิว
  • การเล่าเรื่องราวของตัวเองนี่แหละ
    ที่สร้างตัวตนของเราขึ้นมา

    จากหนังสือ |เหตุใดเราจึงมีชีวิตอยู่

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #เหตุใดเราจึงมีชีวิตอยู่ #นิ้วกลม
    การเล่าเรื่องราวของตัวเองนี่แหละ ที่สร้างตัวตนของเราขึ้นมา จากหนังสือ |เหตุใดเราจึงมีชีวิตอยู่ #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #เหตุใดเราจึงมีชีวิตอยู่ #นิ้วกลม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 294 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts