• การบินไทย เตรียมออกจากแผนฟื้นฟูกิจการ

    หลังประชุมผู้ถือหุ้น มีมติรับรองบอร์ดใหม่ 8 คน บอร์ดเดิม 3 คน (นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร พล.อ.อ.อำนาจ จีระมณีมัย) รวมเป็น 11 คน

    กระทรวงการคลังคุมเสียงข้างมากถึง 9 ที่นั่ง เตรียมเสนอชื่อ "ลวรณ แสงสนิท" ปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธานบอร์ดคนใหม่

    จดทะเบียนเพิ่มกรรมการใหม่ภายใน 25 เมษายน 2568
    ยื่นคำขอต่อศาลล้มละลายเพื่อออกจากแผนฟื้นฟูวันที่ 28 เมษายน (โดยศาลนัดพิจารณาคำขอวันที่ 22 พฤษภาคม และคาดว่าจะมีคำสั่งให้ออกจากแผนต้นเดือนมิถุนายน)

    หลังพ้นแผนฟื้นฟู การบินไทยจะยื่นขอกลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ทันที คาดว่าจะสามารถกลับมาซื้อขายได้ในช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2568

    รายชื่อบอร์ดใหม่ที่ได้รับการแต่งตั้ง 8 คน ได้แก่:
    1. นายชาย เอี่ยมศิริ CEO การบินไทย
    2. ดร.กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพสามิต
    3. นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง
    4. นายชาครีย์ บำรุงวงศ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม
    5. นายณปกรณ์ ธนสุวรรณเกษม ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงินการธนาคาร
    6. นายยรรยง เดชภิรัตนมงคล อัยการพิเศษ
    7. นายสัมฤทธิ์ สำเนียง อดีตผู้บริหาร ปตท.สผ.
    8. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ

    สำหรับ กรรมการบอร์ดเดิม 3 ท่านของการบินไทย ยังมีอายุทำงานอีก 1 ปี ประกอบด้วย
    1. นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันท์
    2. นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร
    3. พล.อ.อ.อำนาจ จีระมณีมัย รองเลขาธิการพระราชวัง ท่านนี้มีความสำคัญ เนื่องจากต้องเป็นผู้ประสานงานระหว่างการบินไทยกับในวัง ในเวลาที่พระมหากษัตริย์และพระราชินีต้องใช้การบินไทยเสด็จต่างประเทศ)

    .
    เครดิต:
    https://web.facebook.com/roytunpd
    การบินไทย เตรียมออกจากแผนฟื้นฟูกิจการ หลังประชุมผู้ถือหุ้น มีมติรับรองบอร์ดใหม่ 8 คน บอร์ดเดิม 3 คน (นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร พล.อ.อ.อำนาจ จีระมณีมัย) รวมเป็น 11 คน กระทรวงการคลังคุมเสียงข้างมากถึง 9 ที่นั่ง เตรียมเสนอชื่อ "ลวรณ แสงสนิท" ปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธานบอร์ดคนใหม่ จดทะเบียนเพิ่มกรรมการใหม่ภายใน 25 เมษายน 2568 ยื่นคำขอต่อศาลล้มละลายเพื่อออกจากแผนฟื้นฟูวันที่ 28 เมษายน (โดยศาลนัดพิจารณาคำขอวันที่ 22 พฤษภาคม และคาดว่าจะมีคำสั่งให้ออกจากแผนต้นเดือนมิถุนายน) หลังพ้นแผนฟื้นฟู การบินไทยจะยื่นขอกลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ทันที คาดว่าจะสามารถกลับมาซื้อขายได้ในช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2568 รายชื่อบอร์ดใหม่ที่ได้รับการแต่งตั้ง 8 คน ได้แก่: 1. นายชาย เอี่ยมศิริ CEO การบินไทย 2. ดร.กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพสามิต 3. นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง 4. นายชาครีย์ บำรุงวงศ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม 5. นายณปกรณ์ ธนสุวรรณเกษม ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงินการธนาคาร 6. นายยรรยง เดชภิรัตนมงคล อัยการพิเศษ 7. นายสัมฤทธิ์ สำเนียง อดีตผู้บริหาร ปตท.สผ. 8. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ สำหรับ กรรมการบอร์ดเดิม 3 ท่านของการบินไทย ยังมีอายุทำงานอีก 1 ปี ประกอบด้วย 1. นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันท์ 2. นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร 3. พล.อ.อ.อำนาจ จีระมณีมัย รองเลขาธิการพระราชวัง ท่านนี้มีความสำคัญ เนื่องจากต้องเป็นผู้ประสานงานระหว่างการบินไทยกับในวัง ในเวลาที่พระมหากษัตริย์และพระราชินีต้องใช้การบินไทยเสด็จต่างประเทศ) . เครดิต: https://web.facebook.com/roytunpd
    0 Comments 0 Shares 228 Views 0 Reviews
  • รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 12 อยู่กินอย่างไรไม่ให้เดือดร้อน
    .
    การจับจ่ายใช้สอยซื้อของที่ตนเองต้องการเป็นเรื่องสนุก หลายคนมีสติในเรื่องการใช้จ่าย แต่หลายคนก็ขาดสติ ใช้จ่ายจนเกิดความเดือดร้อนในเรื่องเงินทอง ซึ่งมีผลกระทบไปถึงการดำเนินชีวิตด้วย
    .
    บ่อยครั้งคนที่เริ่มเดือดร้อนเรื่องเงิน ยังไม่ตระหนักถึงสภานะของตนเอง เพราะไม่มีไฟแดงกระพริบเตือนเป็นสัญญาณให้ทราบว่ากำลังใช้จ่ายเกินตัว กินอยู่เกินฐานะ และชีวิตในอนาคตกำลังจะลำบาก สิ่งที่อาจเป็นตัวแทนของไฟแดงกระพริบได้แก่ (1) รายได้ส่วนหนึ่งถูกใช้ชำระหนี้เพิ่มมากขึ้นทุกที (2) จ่ายเงินชำระหนี้บัตรเครดิตหรือเงินกู้ด้วยจำนวนเงินต่ำที่สุดเท่าที่เจ้าหนี้จะยอมให้ได้ (3) ใช้เงินเต็มวงกู้ของบัตรเครดิต (4) ต้องเอาเงินส่วนที่ตั้งใจไว้ทำอย่างอื่น มาจ่ายชำระเงินตามใบเรียกเก็บเงิน (5) ใช้บัตรเครดิตชำระเงินสำหรับหลายสิ่งทั้ง ๆ ที่แต่เดิมใช้เงินสด (6) ชำระเงินตามใบเรียกเก็บเกินกำหนดเวลาอยู่เนืองๆ (7) ถูกเตือนให้จัดการกับบิลค้างชำระอยู่บ่อย ๆ (8) ทำงานล่วงเวลาหรือหาเงินพิเศษตัวเป็นเกลียวเพื่อหาเงินสดมาชำระบิลที่ส่งมาเรียกเก็บ (9) หากต้องออกจากงานที่ทำอยู่ก็จะเกิดปัญหาการเงินขึ้นมาทันที (10) นึกกังวลถึงเรื่องเงินอยู่เสมอ
    .
    สัญญาณข้างต้นไม่จำเป็นต้องมีครบทุกอย่างก็แสดงว่า กำลังกินอย่างเดือดร้อนแล้ว สาเหตุก็มาจากความไม่สมดุลระหว่างรายได้และรายจ่าย หนทางแก้ไขแรกคือ ต้องหารายได้ให้พอกับรายจ่ายที่กำลังเกิดขึ้น หรือพูดอีกอย่างว่า ยกฐานะการเงินขึ้นมาให้ทัดเทียมกับระดับการอยู่กิน หนทางที่สองคือ ลดรายจ่ายลงให้พอดีกับรายได้ หรือลดการอยู่กินลงมาให้พอดีหรือต่ำกว่าฐานะ หรือทั้งสองหนทาง
    .
    การแก้ไขด้วยวิธีแรกนั้นยากมาก และไม่มีวันจบสิ้นได้เลย เพราะเคยชินกับการใช้จ่ายสูงจนเสมือนกับไล่จับเงาตัวเอง หามาได้เท่าใดก็ไม่มีวันเพียงพอ การใช้ทั้งสองวิธี หรือใช้วิธีที่สองคือ ลดรายจ่ายลงให้พอดีกับรายได้ มีเหตุมีผลมากกว่า เพราะถึงแม้จะเจ็บปวดแต่ก็กระทำได้ง่ายกว่าการหารายได้ให้เพียงพอกับรายจ่าย และที่สำคัญที่สุด เกิดเป็นมรรคเป็นผลในระยะยาว
    .
    อย่างไรก็ดีในการหาทางแก้ไข จะจ้องเข้าใจว่าอะไรเป็นสาเหตุของการอยู่กินอย่างเดือดร้อนของคนไฟแดงกะพริบเหล่านี้ หากมองในภาพรวมก็จะเห็นว่า ปัญหาเริ่มจากความต้องการที่ไม่มีวันพอ เป็นสาเหตุแรก กล่าวคือ ความต้องการมีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดังที่มาสโลว์ กล่าวไว้ โดยเริ่มต้นจากต้องการบำบัดความหิว ต้องการอยู่รอดอย่างมั่นคงปลอดภัย ต้องการความรักและมีพรรคพวก ต้องการความสำเร็จและได้รับการชื่นชมยอมรับ ต้องการมีความรู้และความเข้าใจ ต้องการความงามและความเป็นระเบียบ สุดท้ายต้องการบรรลุศักยภาพของตนเอง ดังนั้นโดยพื้นฐาน มนุษย์ต้องการการบริโภคมากอยู่แล้ว ซึ่งย่อมทำให้ใช้จ่ายมากขึ้นเป็นเงาตามตัว
    .
    สาเหตุที่ 2 คือ ความเข้าใจโลกที่ไม่เหมาะสม หลายคนมักนึกว่าการดำเนินชีวิตของผู้คนและครอบครัวกังที่ปรากฏในสื่อ คือวิถีการดำเนินชีวิตจริงของคนทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการบริโภค การใช้ชีวิต และค่านิยม ดังนั้นเมื่อผู้เสพสื่อเหล่านี้ต้องการเป็นเช่นเดียวกับคนอื่นๆ จึงจำเป็นต้องบริโภคในลักษณะนั้นๆ เพื่อให้ได้ใช้ชีวิต และมีค่านิยมแบบเดียวกัน การเลียนแบบเหล่านี้ ย่อมเกิดค่าใช้จ่ายขึ้นมากมายอีกเช่นกัน
    .
    สาเหตุที่ 3 คือ อิทธิพลของสิ่งแวดล้อม ในปัจจุบันโทรศัพท์สื่อโซเชี่ยลมิเดียหลายแพลทฟอร์ม เป็นสื่อที่ทรงอิทธิพลอย่างมาก มีหลายครั้งที่ผู้โฆษณาพยายามบอกผู้ชมว่า ถ้าใช้สินค้านั้น หรือไปสถานที่นี้ ทำอย่างนั้นแล้วจะเป็น “คนมีระดับ” จะทำให้เป็นคนที่สังคมยอมรับ และ “คนปกติ” เขาก็ปฎิบัติเช่นนั้น การสื่อเช่นนี้ทำให้ผู้คนคล้อยตามได้โดยง่าย
    .
    ทั้งสามสาเหตุ นำไปสู่การใช้จ่ายที่สูง ดังนั้นการขาดความสมดุลระหว่างรายได้และรายจ่ายจึงเป็นเหตุที่ทำให้คนจำนวนมากอยู่ในสภาวะอยู่กินอย่างเดือดร้อน
    .
    ผู้ที่ดื่มด่ำกับการบริโภคในปัจจุบันจนลึมนึกถึงอนาคต ลืมนึกถึงความมั่นคงในชีวิตตนเองและครอบครัวในวันข้างหน้า มักจะนึกเอาว่า เอาไว้อีกสักพักค่อยออมเงินเพื่อสร้างอนาคตก็ได้ แต่ “สักพัก” นั้นก็ไม่มาถึงซักที พร้อมกับจมดิ่งลงไปในหนี้สินที่พอกพูนขึ้นทุกวัน สำหรับคนเหล่านี้ อย่าว่าแต่จะออมได้เลย แค่มีเงินใช้จ่ายให้ตลอดเดือนได้ก็ยากเต็มทีแล้ว
    .
    กลุ่มคนเหล่านี้จะหลุดพ้นจากการอยู่กินอย่างเดือดร้อนได้ก็ด้วยหลัก 4 ประการ ดังต่อไปนี้
    (1) ต้องมองโลกในแง่ใหม่ ว่าเงินเป็นได้ทั้งมิตรและศัตรู การมีหนี้สินที่ไม่นำไปสู่อนาคตที่ดีขึ้น เท่ากับเปิดช่องให้เงินเป็นศัตรู โดยทำร้ายตนเองตลอดเวลาด้วยดอกเบี้ย ดังนั้นจึงต้องพยายามแก้ไขให้เงินเป็นมิตรด้วยการมีเงินออมแทน
    (2) อยู่กินต่ำกว่าฐานะ
    (3) ทำให้เงินทำงานรับใช้ โดยเริ่มจากการมีเงินออม
    (4) ควบคุมความต้องการของตนเองโดยยึด “แนวทางเศรษฐกิจพอเพียง” นั่นคือดำรงตนอย่างมีสติ ไม่ใช้เงินอย่างประมาท รู้จักความพอดี ความพอประมาณ มีเหตุมีผล และมีวุฒิภาวะควบคุมความต้องการของตนเองให้ได้
    .
    การอยู่กินอย่างเดือดร้อน คือการอยู่กินอย่างขาดความหวังว่าชีวิตในอนาคตจะมีความมั่นคงทางการเงิน เป็นการดำรงชีวิตอย่างทุกข์ใจ ต้องนึกถึงแต่เรื่องเงินอยู่ตลอดเวลาจนชีวิตเปราะบาง เอื้อต่อการกระทำที่ผิดจริยธรรม
    รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 12 อยู่กินอย่างไรไม่ให้เดือดร้อน . การจับจ่ายใช้สอยซื้อของที่ตนเองต้องการเป็นเรื่องสนุก หลายคนมีสติในเรื่องการใช้จ่าย แต่หลายคนก็ขาดสติ ใช้จ่ายจนเกิดความเดือดร้อนในเรื่องเงินทอง ซึ่งมีผลกระทบไปถึงการดำเนินชีวิตด้วย . บ่อยครั้งคนที่เริ่มเดือดร้อนเรื่องเงิน ยังไม่ตระหนักถึงสภานะของตนเอง เพราะไม่มีไฟแดงกระพริบเตือนเป็นสัญญาณให้ทราบว่ากำลังใช้จ่ายเกินตัว กินอยู่เกินฐานะ และชีวิตในอนาคตกำลังจะลำบาก สิ่งที่อาจเป็นตัวแทนของไฟแดงกระพริบได้แก่ (1) รายได้ส่วนหนึ่งถูกใช้ชำระหนี้เพิ่มมากขึ้นทุกที (2) จ่ายเงินชำระหนี้บัตรเครดิตหรือเงินกู้ด้วยจำนวนเงินต่ำที่สุดเท่าที่เจ้าหนี้จะยอมให้ได้ (3) ใช้เงินเต็มวงกู้ของบัตรเครดิต (4) ต้องเอาเงินส่วนที่ตั้งใจไว้ทำอย่างอื่น มาจ่ายชำระเงินตามใบเรียกเก็บเงิน (5) ใช้บัตรเครดิตชำระเงินสำหรับหลายสิ่งทั้ง ๆ ที่แต่เดิมใช้เงินสด (6) ชำระเงินตามใบเรียกเก็บเกินกำหนดเวลาอยู่เนืองๆ (7) ถูกเตือนให้จัดการกับบิลค้างชำระอยู่บ่อย ๆ (8) ทำงานล่วงเวลาหรือหาเงินพิเศษตัวเป็นเกลียวเพื่อหาเงินสดมาชำระบิลที่ส่งมาเรียกเก็บ (9) หากต้องออกจากงานที่ทำอยู่ก็จะเกิดปัญหาการเงินขึ้นมาทันที (10) นึกกังวลถึงเรื่องเงินอยู่เสมอ . สัญญาณข้างต้นไม่จำเป็นต้องมีครบทุกอย่างก็แสดงว่า กำลังกินอย่างเดือดร้อนแล้ว สาเหตุก็มาจากความไม่สมดุลระหว่างรายได้และรายจ่าย หนทางแก้ไขแรกคือ ต้องหารายได้ให้พอกับรายจ่ายที่กำลังเกิดขึ้น หรือพูดอีกอย่างว่า ยกฐานะการเงินขึ้นมาให้ทัดเทียมกับระดับการอยู่กิน หนทางที่สองคือ ลดรายจ่ายลงให้พอดีกับรายได้ หรือลดการอยู่กินลงมาให้พอดีหรือต่ำกว่าฐานะ หรือทั้งสองหนทาง . การแก้ไขด้วยวิธีแรกนั้นยากมาก และไม่มีวันจบสิ้นได้เลย เพราะเคยชินกับการใช้จ่ายสูงจนเสมือนกับไล่จับเงาตัวเอง หามาได้เท่าใดก็ไม่มีวันเพียงพอ การใช้ทั้งสองวิธี หรือใช้วิธีที่สองคือ ลดรายจ่ายลงให้พอดีกับรายได้ มีเหตุมีผลมากกว่า เพราะถึงแม้จะเจ็บปวดแต่ก็กระทำได้ง่ายกว่าการหารายได้ให้เพียงพอกับรายจ่าย และที่สำคัญที่สุด เกิดเป็นมรรคเป็นผลในระยะยาว . อย่างไรก็ดีในการหาทางแก้ไข จะจ้องเข้าใจว่าอะไรเป็นสาเหตุของการอยู่กินอย่างเดือดร้อนของคนไฟแดงกะพริบเหล่านี้ หากมองในภาพรวมก็จะเห็นว่า ปัญหาเริ่มจากความต้องการที่ไม่มีวันพอ เป็นสาเหตุแรก กล่าวคือ ความต้องการมีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดังที่มาสโลว์ กล่าวไว้ โดยเริ่มต้นจากต้องการบำบัดความหิว ต้องการอยู่รอดอย่างมั่นคงปลอดภัย ต้องการความรักและมีพรรคพวก ต้องการความสำเร็จและได้รับการชื่นชมยอมรับ ต้องการมีความรู้และความเข้าใจ ต้องการความงามและความเป็นระเบียบ สุดท้ายต้องการบรรลุศักยภาพของตนเอง ดังนั้นโดยพื้นฐาน มนุษย์ต้องการการบริโภคมากอยู่แล้ว ซึ่งย่อมทำให้ใช้จ่ายมากขึ้นเป็นเงาตามตัว . สาเหตุที่ 2 คือ ความเข้าใจโลกที่ไม่เหมาะสม หลายคนมักนึกว่าการดำเนินชีวิตของผู้คนและครอบครัวกังที่ปรากฏในสื่อ คือวิถีการดำเนินชีวิตจริงของคนทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการบริโภค การใช้ชีวิต และค่านิยม ดังนั้นเมื่อผู้เสพสื่อเหล่านี้ต้องการเป็นเช่นเดียวกับคนอื่นๆ จึงจำเป็นต้องบริโภคในลักษณะนั้นๆ เพื่อให้ได้ใช้ชีวิต และมีค่านิยมแบบเดียวกัน การเลียนแบบเหล่านี้ ย่อมเกิดค่าใช้จ่ายขึ้นมากมายอีกเช่นกัน . สาเหตุที่ 3 คือ อิทธิพลของสิ่งแวดล้อม ในปัจจุบันโทรศัพท์สื่อโซเชี่ยลมิเดียหลายแพลทฟอร์ม เป็นสื่อที่ทรงอิทธิพลอย่างมาก มีหลายครั้งที่ผู้โฆษณาพยายามบอกผู้ชมว่า ถ้าใช้สินค้านั้น หรือไปสถานที่นี้ ทำอย่างนั้นแล้วจะเป็น “คนมีระดับ” จะทำให้เป็นคนที่สังคมยอมรับ และ “คนปกติ” เขาก็ปฎิบัติเช่นนั้น การสื่อเช่นนี้ทำให้ผู้คนคล้อยตามได้โดยง่าย . ทั้งสามสาเหตุ นำไปสู่การใช้จ่ายที่สูง ดังนั้นการขาดความสมดุลระหว่างรายได้และรายจ่ายจึงเป็นเหตุที่ทำให้คนจำนวนมากอยู่ในสภาวะอยู่กินอย่างเดือดร้อน . ผู้ที่ดื่มด่ำกับการบริโภคในปัจจุบันจนลึมนึกถึงอนาคต ลืมนึกถึงความมั่นคงในชีวิตตนเองและครอบครัวในวันข้างหน้า มักจะนึกเอาว่า เอาไว้อีกสักพักค่อยออมเงินเพื่อสร้างอนาคตก็ได้ แต่ “สักพัก” นั้นก็ไม่มาถึงซักที พร้อมกับจมดิ่งลงไปในหนี้สินที่พอกพูนขึ้นทุกวัน สำหรับคนเหล่านี้ อย่าว่าแต่จะออมได้เลย แค่มีเงินใช้จ่ายให้ตลอดเดือนได้ก็ยากเต็มทีแล้ว . กลุ่มคนเหล่านี้จะหลุดพ้นจากการอยู่กินอย่างเดือดร้อนได้ก็ด้วยหลัก 4 ประการ ดังต่อไปนี้ (1) ต้องมองโลกในแง่ใหม่ ว่าเงินเป็นได้ทั้งมิตรและศัตรู การมีหนี้สินที่ไม่นำไปสู่อนาคตที่ดีขึ้น เท่ากับเปิดช่องให้เงินเป็นศัตรู โดยทำร้ายตนเองตลอดเวลาด้วยดอกเบี้ย ดังนั้นจึงต้องพยายามแก้ไขให้เงินเป็นมิตรด้วยการมีเงินออมแทน (2) อยู่กินต่ำกว่าฐานะ (3) ทำให้เงินทำงานรับใช้ โดยเริ่มจากการมีเงินออม (4) ควบคุมความต้องการของตนเองโดยยึด “แนวทางเศรษฐกิจพอเพียง” นั่นคือดำรงตนอย่างมีสติ ไม่ใช้เงินอย่างประมาท รู้จักความพอดี ความพอประมาณ มีเหตุมีผล และมีวุฒิภาวะควบคุมความต้องการของตนเองให้ได้ . การอยู่กินอย่างเดือดร้อน คือการอยู่กินอย่างขาดความหวังว่าชีวิตในอนาคตจะมีความมั่นคงทางการเงิน เป็นการดำรงชีวิตอย่างทุกข์ใจ ต้องนึกถึงแต่เรื่องเงินอยู่ตลอดเวลาจนชีวิตเปราะบาง เอื้อต่อการกระทำที่ผิดจริยธรรม
    0 Comments 0 Shares 162 Views 0 Reviews
  • รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 10 ทัศนคติที่ถูกต้องเกี่ยวกับเงิน
    .
    สุภาษิตจีนบอกว่า หากจะกินผลไม้ที่ปลูกเองอย่างเร็วที่สุดก็ต้องปลูกวันนี้เลย ถ้าจะให้ผลิดอกออกผลอย่างดีแล้ว ก็ต้องเข้าใจธรรมชาติของมันตั้งแต่แรก และวางแผนก่อนลงมือปลูกว่าจะปลูกที่ใด ห่างจากต้นไม้อื่นมากน้อยแค่ไหน การผลิดอกออกผลของเงินก็เหมือนกัน จำเป็นต้องเข้าใจธรรมชาติของมัน และวางแผนเพื่อความมั่นคงที่จะได้ดอกผล
    .
    มีความตรงหลายประเด็นที่ควรทำความเข้าใจ นั่นคือเงินเป็นได้ทั้งนาย ทาส มิตร และศัตรู ถ้าผู้ใดยอมให้เงินเป็นนาย ชีวิตก็จะอับเฉา เพราะจริยธรรมจะเป็นเรื่องรองจากการแสวงหาเงินทอง การใช้เล่ห์เพทุบายฉ้อฉลคดโกงจะเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวันของคนเหล่านี้ เพราะสามารถกระทำได้ทุกสิ่งเพียงให้ได้เงิน แต่ถ้าเห็นว่าเงินมิใช่เรื่องใหญ่ที่สุด และสามารถมีวินัยควบคุมตนเองให้มีอำนาจเหนือเงินได้แล้ว เงินก็จะเป็นทาสรับใช้และเป็นมิตรไปพร้อมๆกันด้วย เพราะเงินจะทำงานรับใช้ตลอดเวลา โดยจะหาเงินมาให้จากการที่ได้เอาเงินไปลงทุนไว้
    .
    การที่เงินเป็นศัตรูนั้นเกิดขึ้นเมื่อต้องกู้หนี้ยืมสิน เพราะจำเป็นต้องใช้เงินในขณะที่เงินในมือมีไม่พอ ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายก็คือการเป็นศัตรูของเงิน เพราะมันจะทิ่มแทงผู้กู้ตลอดเวลาทั้งหลับและตื่น การเลือกให้เงินเป็นทาสและให้เงินเป็นมิตรจึงเป็นสิ่งพึงประสงค์กว่ากรณีเงินเป็นนายและศัตรู
    .
    นอกจากนี้การใช้เงินที่เหมาะสมในแต่ละเดือนนั้น ควรมีลำดับความสำคัญเรียงลงไปดังนี้ (1) ค่าใช้จ่ายในการครองชีพ ซึ่งได้แก่ค่าอาหาร ค่าพาหนะ ค่าเสื้อผ้า ค่าหย่อนใจ สิ่งเหล่านี้สำคัญที่สุดเพราะเป็นค่าใช้จ่ายที่ทำให้มีชีวิตอยู่รอด (2) กันเงินส่วนหนึ่งไว้สำรองฉุกเฉินในรูปของเงินฝากออมทรัพย์ หรือการลงทุนระยะสั้นที่สามารถถอนมาใช้ได้ทันกาล (3) จ่ายภาระหนี้สินที่จำเป็น เช่น เงินผ่อนชำระหนี้เพื่อการบริโภค (หนี้บัตรเครดิต) และเพื่อการศึกษา และ (4) หักเงินไว้สำหรับแผนการในอนาคตที่สำคัญเพื่อการมีชีวิตที่มีความสุขสบายและมั่นคง เช่น ค่าดาวน์บ้าน ค่าดาวน์รถยนต์ ทุนการศึกษาของลูก ค่าภาษีปลายปี เงินสะสมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือเงินอย่างอื่นเพื่อเป็นทุนตอนเกษียฯอายุ (5) หักเบี้ยประกันชีวิต ประกันรถยนต์ และค่าประกันอื่นๆ เพื่อความมั่นคงในชีวิต การประกันเหล่านี้แท้จริงแล้วก็คือการประกันเงินออมทางอ้อมนั่นเอง เพราะหากไม่มีการประกันแล้ว เหตุการณ์ที่ทำให้เสียเงินมากๆ โดยไม่คาดฝันจะทำให้ต้องเอาเงินออมออกมาใช้จนอาจหมดไปก็เป็นได้
    .
    รายจ่ายทั้ง 5 รายการนี้ปนเปกันอยู่ทั้งรายจ่ายเพื่อการบริโภคและเงินออม (ค่าดาวน์บ้าน ทุนการศึกษา ค่าดาวน์รถยนต์ เงินสะสมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ) สิ่งสำคัญก็คือ ในภาพรวมของช่วงระยะเวลาหนึ่ง เช่น หนึ่งปี รายจ่ายเพื่อการบริโภครวมกันไม่ควรเกินร้อยละ 85 ซึ่งหมายถึงมีเงินออมไม่ต่ำกว่าร้อยละ 15 นั่นเอง ซึ่งในปัจจุบันถือว่าเป็นอัตราต่ำสุดของการออม
    .
    เงินมีแขนขา มีพลวัตไม่หยุดนิ่ง การมีรายได้น้อยแต่ยังพอมีชีวิตอยู่รอดด้วยปัจจัยสี่ระดับพื้นฐาน มิได้หมายความว่าขาดโอกาสในการสร้างความมั่นคงให้แก่ชีวิต ถ้าหากสามารถกันเงินส่วนหนึ่งออกจากรายได้ก่อนการบริโภค ก็จะทำให้มีเงินออมเป็นทุนเริ่มต้น
    .
    การออมทำได้หลายวิธี ดังนี้
    .
    (1) เก็บเงินแบบเพิ่มสิบ กล่าวคือเมื่อใดก็ตามที่ใช้เงินออกไป ให้บวกยอดเงินเข้าไปอีกร้อยละ 10 เช่น ถ้าซื้อของ 100 บาท ก็ให้เก็บเงินไว้อีก 10 บาทเสมอ ถ้าทำอย่างนี้เป็นประจำ ไม่ว่าจะจ่ายออกไปมากน้อยเพียงใด ก็จะมีเงินออมร้อยละ 10 อยู่ในมือเสมอ ข้อดีของมันคล้ายกับมีภาษีเก็บเพิ่มนั่นเอง เช่น เมื่อจะซื้อของราคา 500 บาท ก็จะเกิดความคิดว่าราคาของมันคือ 550 บาท ดังนั้น การใช้จ่ายก็จะน้อยลงไปด้วยโดยอัตโนมัติ
    (2) เก็บเงินแบบลบสิบ กล่าวคือ หักเงินร้อยละ 10 ของเงินเดือนทันทีที่ได้รับมาเป็นเงินออม โดยอาจเป็นการสั่งให้หักเงินเดือนเข้าอีกบัญชีหนึ่งในอัตราร้อยละ 10 ของรายได้ทุกเดือน การกระทำเช่นนี้ก็จะทำให้มีเงินออมร้อยละ 10 ของรายได้ทุกเดือน
    (3) กำหนดการออมแต่ละวันไว้ตายตัว เช่น แต่ละเดือนเก็บเงินออมวันละ 15 บาททุกวัน โดยรวมกันทั้งเดือนอย่างน้อยไม่ควรต่ำกว่าร้อยละ 10 ของเงินเดือน และหากเป็นไปได้ไม่ควรออมต่ำกว่าร้อยละ 15 ของรายได้ก่อนหักภาษี
    .
    ทั้ง 3 วิธีนี้จะทำให้เก็บเงินได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ของเงินเดือน ซึ่งเงินออมทั้งหมดนี้มีแขนขาที่สามารถงอกเงยออกไปได้อย่างไม่หยุดยั่ง ขอยกตัวอย่างตัวเลขให้ดูดังนี้ การออมวันละ 15 บาท และนำฝากธนาคารทุกวันอย่างสม่ำเสมอด้วยอัตราดอกเบี้ยทยต้นร้อยละ 10 ต่อปี ในเวลา 13 ปี จะมีเงินก้อน 100,000 บาท (เงินออมจริงๆคือ 71,175 บาท ดอกเบี้ยคือ 28,825 บาท)
    .
    เงินก้อนนี้สามารถนำไปดาวน์บ้านหรือลงทุนเพื่อให้เกิดความสุขสบายโดยไม่ต้องจ่ายค่าเช่าบ้านอีกต่อไป หรือได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนซึ่งสามารถทำให้เงินงอกเงยขึ้นได้
    รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 10 ทัศนคติที่ถูกต้องเกี่ยวกับเงิน . สุภาษิตจีนบอกว่า หากจะกินผลไม้ที่ปลูกเองอย่างเร็วที่สุดก็ต้องปลูกวันนี้เลย ถ้าจะให้ผลิดอกออกผลอย่างดีแล้ว ก็ต้องเข้าใจธรรมชาติของมันตั้งแต่แรก และวางแผนก่อนลงมือปลูกว่าจะปลูกที่ใด ห่างจากต้นไม้อื่นมากน้อยแค่ไหน การผลิดอกออกผลของเงินก็เหมือนกัน จำเป็นต้องเข้าใจธรรมชาติของมัน และวางแผนเพื่อความมั่นคงที่จะได้ดอกผล . มีความตรงหลายประเด็นที่ควรทำความเข้าใจ นั่นคือเงินเป็นได้ทั้งนาย ทาส มิตร และศัตรู ถ้าผู้ใดยอมให้เงินเป็นนาย ชีวิตก็จะอับเฉา เพราะจริยธรรมจะเป็นเรื่องรองจากการแสวงหาเงินทอง การใช้เล่ห์เพทุบายฉ้อฉลคดโกงจะเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวันของคนเหล่านี้ เพราะสามารถกระทำได้ทุกสิ่งเพียงให้ได้เงิน แต่ถ้าเห็นว่าเงินมิใช่เรื่องใหญ่ที่สุด และสามารถมีวินัยควบคุมตนเองให้มีอำนาจเหนือเงินได้แล้ว เงินก็จะเป็นทาสรับใช้และเป็นมิตรไปพร้อมๆกันด้วย เพราะเงินจะทำงานรับใช้ตลอดเวลา โดยจะหาเงินมาให้จากการที่ได้เอาเงินไปลงทุนไว้ . การที่เงินเป็นศัตรูนั้นเกิดขึ้นเมื่อต้องกู้หนี้ยืมสิน เพราะจำเป็นต้องใช้เงินในขณะที่เงินในมือมีไม่พอ ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายก็คือการเป็นศัตรูของเงิน เพราะมันจะทิ่มแทงผู้กู้ตลอดเวลาทั้งหลับและตื่น การเลือกให้เงินเป็นทาสและให้เงินเป็นมิตรจึงเป็นสิ่งพึงประสงค์กว่ากรณีเงินเป็นนายและศัตรู . นอกจากนี้การใช้เงินที่เหมาะสมในแต่ละเดือนนั้น ควรมีลำดับความสำคัญเรียงลงไปดังนี้ (1) ค่าใช้จ่ายในการครองชีพ ซึ่งได้แก่ค่าอาหาร ค่าพาหนะ ค่าเสื้อผ้า ค่าหย่อนใจ สิ่งเหล่านี้สำคัญที่สุดเพราะเป็นค่าใช้จ่ายที่ทำให้มีชีวิตอยู่รอด (2) กันเงินส่วนหนึ่งไว้สำรองฉุกเฉินในรูปของเงินฝากออมทรัพย์ หรือการลงทุนระยะสั้นที่สามารถถอนมาใช้ได้ทันกาล (3) จ่ายภาระหนี้สินที่จำเป็น เช่น เงินผ่อนชำระหนี้เพื่อการบริโภค (หนี้บัตรเครดิต) และเพื่อการศึกษา และ (4) หักเงินไว้สำหรับแผนการในอนาคตที่สำคัญเพื่อการมีชีวิตที่มีความสุขสบายและมั่นคง เช่น ค่าดาวน์บ้าน ค่าดาวน์รถยนต์ ทุนการศึกษาของลูก ค่าภาษีปลายปี เงินสะสมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือเงินอย่างอื่นเพื่อเป็นทุนตอนเกษียฯอายุ (5) หักเบี้ยประกันชีวิต ประกันรถยนต์ และค่าประกันอื่นๆ เพื่อความมั่นคงในชีวิต การประกันเหล่านี้แท้จริงแล้วก็คือการประกันเงินออมทางอ้อมนั่นเอง เพราะหากไม่มีการประกันแล้ว เหตุการณ์ที่ทำให้เสียเงินมากๆ โดยไม่คาดฝันจะทำให้ต้องเอาเงินออมออกมาใช้จนอาจหมดไปก็เป็นได้ . รายจ่ายทั้ง 5 รายการนี้ปนเปกันอยู่ทั้งรายจ่ายเพื่อการบริโภคและเงินออม (ค่าดาวน์บ้าน ทุนการศึกษา ค่าดาวน์รถยนต์ เงินสะสมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ) สิ่งสำคัญก็คือ ในภาพรวมของช่วงระยะเวลาหนึ่ง เช่น หนึ่งปี รายจ่ายเพื่อการบริโภครวมกันไม่ควรเกินร้อยละ 85 ซึ่งหมายถึงมีเงินออมไม่ต่ำกว่าร้อยละ 15 นั่นเอง ซึ่งในปัจจุบันถือว่าเป็นอัตราต่ำสุดของการออม . เงินมีแขนขา มีพลวัตไม่หยุดนิ่ง การมีรายได้น้อยแต่ยังพอมีชีวิตอยู่รอดด้วยปัจจัยสี่ระดับพื้นฐาน มิได้หมายความว่าขาดโอกาสในการสร้างความมั่นคงให้แก่ชีวิต ถ้าหากสามารถกันเงินส่วนหนึ่งออกจากรายได้ก่อนการบริโภค ก็จะทำให้มีเงินออมเป็นทุนเริ่มต้น . การออมทำได้หลายวิธี ดังนี้ . (1) เก็บเงินแบบเพิ่มสิบ กล่าวคือเมื่อใดก็ตามที่ใช้เงินออกไป ให้บวกยอดเงินเข้าไปอีกร้อยละ 10 เช่น ถ้าซื้อของ 100 บาท ก็ให้เก็บเงินไว้อีก 10 บาทเสมอ ถ้าทำอย่างนี้เป็นประจำ ไม่ว่าจะจ่ายออกไปมากน้อยเพียงใด ก็จะมีเงินออมร้อยละ 10 อยู่ในมือเสมอ ข้อดีของมันคล้ายกับมีภาษีเก็บเพิ่มนั่นเอง เช่น เมื่อจะซื้อของราคา 500 บาท ก็จะเกิดความคิดว่าราคาของมันคือ 550 บาท ดังนั้น การใช้จ่ายก็จะน้อยลงไปด้วยโดยอัตโนมัติ (2) เก็บเงินแบบลบสิบ กล่าวคือ หักเงินร้อยละ 10 ของเงินเดือนทันทีที่ได้รับมาเป็นเงินออม โดยอาจเป็นการสั่งให้หักเงินเดือนเข้าอีกบัญชีหนึ่งในอัตราร้อยละ 10 ของรายได้ทุกเดือน การกระทำเช่นนี้ก็จะทำให้มีเงินออมร้อยละ 10 ของรายได้ทุกเดือน (3) กำหนดการออมแต่ละวันไว้ตายตัว เช่น แต่ละเดือนเก็บเงินออมวันละ 15 บาททุกวัน โดยรวมกันทั้งเดือนอย่างน้อยไม่ควรต่ำกว่าร้อยละ 10 ของเงินเดือน และหากเป็นไปได้ไม่ควรออมต่ำกว่าร้อยละ 15 ของรายได้ก่อนหักภาษี . ทั้ง 3 วิธีนี้จะทำให้เก็บเงินได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ของเงินเดือน ซึ่งเงินออมทั้งหมดนี้มีแขนขาที่สามารถงอกเงยออกไปได้อย่างไม่หยุดยั่ง ขอยกตัวอย่างตัวเลขให้ดูดังนี้ การออมวันละ 15 บาท และนำฝากธนาคารทุกวันอย่างสม่ำเสมอด้วยอัตราดอกเบี้ยทยต้นร้อยละ 10 ต่อปี ในเวลา 13 ปี จะมีเงินก้อน 100,000 บาท (เงินออมจริงๆคือ 71,175 บาท ดอกเบี้ยคือ 28,825 บาท) . เงินก้อนนี้สามารถนำไปดาวน์บ้านหรือลงทุนเพื่อให้เกิดความสุขสบายโดยไม่ต้องจ่ายค่าเช่าบ้านอีกต่อไป หรือได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนซึ่งสามารถทำให้เงินงอกเงยขึ้นได้
    0 Comments 0 Shares 181 Views 0 Reviews
  • รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 7 การสร้างความมั่นคงด้านการเงินแก่ครอบครัว
    .
    ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพ่อแม่และการเป็นครอบครัวที่อบอุ่นโยงใยกับการจัดการเรื่องการเงินอย่างไม่อ่จหลีกเลี่ยงได้ การที่คนสองคนมาร่วมชีวิตกันและมีลูก คือทางเลือกของชีวิตที่ทั้งสองได้ตัดสินใจแล้ว ดังนั้นจึงต้องร่วมกันรับผิดชอบให้ครอบครัวมีความสุข มีความเป็นปึกแผ่นด้านการเงิน ซึ่งจะนำไปสู่ความมั่นคงของทุกๆคนในครอบครัว
    .
    ในเบื้องแรก สามีภรรยาต้องพูดจาตกลงกันให้ชัดเจนเกี่ยวกับการจัดการเงินทองของครอบครัว เช่น จะรวมกระเป๋าและแยกกระเป๋ากันอย่างไร ค่าใช้จ่ายของครอบครัวจะรับผิดชอบกันอย่างไร ข้อพิจารณาในเรื่องนี้มีดังนี้
    .
    การตัดสินใจทางการเงินของพ่อแม่จะต้องเป็นหน่วยเดียวกัน การซื้อสิ่งของที่มีราคาสูงและผูกมัดทางการเงินของครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นการซื้อรถยนต์ ซื้อบ้าน ซื้อที่ดิน ลงทุนธุรกิจ ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ จะต้องมีการปรึกษาหารือ และตัดสินใจร่วมกันเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายทราบถึงภาระผูกพันที่จะเกิดขึ้น
    .
    การใช้จ่ายที่ต่างคนต่างทำ เช่น การใช้บัตรเครดิต การเล่นหุ้น เล่นแชร์ การร่วมลงทุนกับผู้อื่น ควรให้แต่ละฝ่ายได้รับรู้ เพราะเป็นบุคคลเดียวกันตามกฏหมาย (ในกรณีจดทะเบียนสมรส) ทั้งพ่อและแม่ต้องรับรู้ข้อมูลและรับผิดชอบสถานะการเงินของครอบครัวร่วมกัน ถ้าฝ่ายหนึ่งใช้เงินอย่างเดียวโดยไม่ยอมรับรู้เรื่องรายได้ ไม่ยอมหรือไม่ร่วมปรึกษาหารือในการวางแผนการเงินของครอบครัว ความมั่นคงทางการเงินของครอบครัวก็เกิดขึ้นไม่ได้
    .
    การวางแผนการเงินของครอบครัวเป็นเรื่องสำคัญที่พ่อแม่จะต้องจัดไว้ในลำดับสำคัญสูงสุด การจดบันทึกข้อมูลการใช้จ่ายในแต่ละเดือนจะทำให้เห็นภาพรวมของการใช้จ่าย ซึ่งจะเป็นปัจจัยนำไปสู่ความสามารถในการออมของครอบครัว ในการสร้างความมั้นคงด้านการเงินให้แก่ครอบครัว ประเด็นที่พึงพิจารณามีดังต่อไปนี้
    .
    1.ความมั่งคั่งและการมีรายได้ต่อช่วงเวลานั้นแตกต่างกัน ถ้าเปรียบเงินเหมือนน้ำที่อยู่ในถัง รายได้เสมือนน้ำที่ไหลออกจากก้นถังในช่วงเวลาหนึ่ง ถ้าน้ำไหลเข้าถังมากกว่าน้ำที่ไหลออก ปริมาณน้ำในถังที่ได้สะสมมาก่อนหน้า ก็จะมากขึ้น แต่ถ้าน้ำไหลออกจากถังในช่วงเวลาหนึ่งมากกว่าน้ำไหลเข้า ดังนั้น ปริมาณน้ำในถังที่สะสมมาก่อนหน้าก็จะลดลง ความมั่งคั่งก็คือปริมาณน้ำที่อยู่ในถัง ส่วนรายได้ก็คือปริมาณน้ำที่ไหลเข้าถึงในช่วงเวลานั้น
    .
    ความมั่งคั่งวัด ณ จุดหนึ่งของเวลา ส่วนการมีรายได้เป็นการวัดต่อช่วงเวลา เช่น บ้านมีมูลค่า 3 ล้านบาท ณ วันที่ 31 ธันวามคม 2568 เป็นความมั่งคั่ง ส่วนรายได้ 5 หมื่นบาทต่อเดือนเป็นการมีรายได้
    .
    สองสิ่งนี้แตกต่างกัน ความมั่งคั่งมีนัยผูกพันกับอนาคตที่จะมีรายได้ให้ใช้ ส่วนการมีรายได้นั้นมีนัยผูกพันกับช่วงเวลาสั้นๆ บางครอบครัวอาจมีรายได้ต่อเดือนมาก แต่อาจไม่มีความมั่งคั่งก็เป็นได้ กล่าวคือ ถึงมีรายได้มากก็ใช้ไปจนหมด ไม่เหลือไว้สร้างความมั่งคั่งซึ่งจะทำให้มีรายได้เพิ่มเติมอีกเลยในอนาคต
    .
    การสร้างความมั่งคั่งของครอบครัวต้องเน้นไปที่การสะสมความมั่งคั่งในระยะยาว ในแต่ละเดือนจะต้องมีรายได้มากกว่าการใช้จ่าย ซึงหมายถึงมีเงินออมนั่นเอง จึงจะทำให้ความมั่งคั่งเพิ่มพูนขึ้นได้ และความมั่งคั่งนี้จะเป็นฐานของการหารายได้เพิ่มเติมอีกทางหนึ่งสำหรับครอบครัวนอกเหนือจากการออกแรงทำงาน
    .
    2.การใช้จ่ายเงินอย่างชาญฉลาด สอดคล้องกับเงินในกระเป๋าเป็นเรื่องสำคัญ สุภาษิต “การหาเงินเป็นเรื่องสำคัญ แต่การรู้จักใช้เงินนั้นสำคัญกว่า” เป็นจริงทุกยุคสมัย..... พ่อแม่จำนวนมากทำงานหนักหาเงินเพื่อสร้างความมั่นคงให้แก่ครอบครัวโดยมีต้นทุนที่ต้องจ่าย นั่นคือมีเวลาให้ลูกน้อยลง ทำให้ความเอาใจใส่และผูกพันกับลูกลดลงน้อยลงไปด้วย
    .
    พ่อแม่เหล่านี้ มักเน้นการหารายได้แต่เพียงอย่างเดียวจนละเลยความสำคัญของการใช้จ่าย รายได้ส่วนหนึ่งมักถูกนำไปใช้จ่ายเพื่อชดเชยที่ใกล้ชิดลูกน้อยลง จนอาจทำให้เงินออมขนาดใหญ่ในแต่ละเดือนเกิดขึ้นไม่ได้ ดังนั้น การทุ่มเทหาเงินทองในกรณีนี้จึงไม่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ครอบครัวมากดังที่เข้าใจ หรือคาดหวัง บางครอบครัวกว่าจะรู้ตัวว่าไม่คุ้มก็ต่อเมื่อได้สูญเสียความใกล้ชิดผูกพันในครอบครัวหรือสูญเสียลูกไปแล้ว
    .
    การทำงานหนักเพื่อหาเงินและใช้จ่ายเงินเพื่อดำรงชีพและหาความสุขไม่ใช่เรื่องเสียหาย เช่นเดียวกับการมีบัตรเครดิตและการกู้ยืม ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นบริการด้านการเงินที่มีประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตและช่วยให้บรรลุความต้องการในชีวิต ประเด็นสำคัญอยู่ที่ความเหมาะสมระหว่างสถานะทางการเงินของครอบครัวกับหนี้ที่ก่อขึ้น
    .
    3.จะไม่กู้เงินเพื่อสิ่งอื่นใด นอกจากที่อยู่อาศัย การศึกษา หรือเหตุฉุกเฉินด้านปัญหาสุขภาพ นี่คือความเชื่ออย่างนึงของคนในโลกตะวันตก ที่เข้าใจเรื่องการใช้เงินมายาวนานกว่าคนเอเชีย
    .
    การมีที่อยู่อาศัยของตนเอง เป็นพื้นฐานของความมั่งคงในชีวิต นักจิตวิทยาบอกว่า ลึกเข้าไปในใจของมนุษย์ทุกคน บ้านคือตัวแทนของแม่ เพราะบ้านป้องกัน แสงแดด ลมฝน และความหนาวเย็น ก่อให้เกิดความสุขสบายปลอดภัย เฉกเช่นเดียวกับครรภ์มารดา
    .
    การที่ครอบครัวจะมีบ้านเป็นของตนเองนั้นควรเป็นเป้าหมายแรกของพ่อแม่ เพราะทำให้ไม่ต้องจ่ายค่าเช่าบ้าน ซึ่งค่าเช่านี้อาจแปรเปลี่ยนเป็นเงินผ่อนซื้อบ้านในแต่ละเดือนได้ หากมีการกู้ยืมเพื่อผ่อนซื้อบ้านหลังเดียวกันนี้ ผู้จ่ายค่าเช่าทุกเดือนไม่มีความหวังว่าจะได้เป็นเจ้าของบ้านในวันข้างหน้า ซึ่งต่างจากผู้ซื้อบ้านที่มีโอกาสในวันข้างหน้าที่จะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการอยู่อาศัยอีก เนื่องจากเป็นเจ้าของบ้านเอง นอกจากนี้ภายใต้กฏหมายไทย ไม่อาจใช้ค่าเช่าบ้านเป็นค่าลดหย่อนสำหรับการเสียถาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี แต่ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเพื่อผ่อนซื้อบ้านสามารถหักเป็นค่าลดหย่อนได้ไม่เกิน 50,000 บาท
    .
    อย่างไรก็ดี การผ่อนซื้อบ้านเป็นภาระการเงินที่หนักหน่วง เพราะไม่เพียงแต่ต้องจ่ายเงินผ่อนชำระทุกเดือนเท่านั้น ยังมีระยะเวลาผูกพันอันยาวนานเกี่ยวข้องอีกด้วย การผ่อนบ้านจึงเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญของครอบครัว ซึ่งต้องคำนึงถึงราคาบ้าน ความสามารถในการผ่อนชำระแต่ละเดือน อัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันและอนาคต ความแน่นอนของรายได้ ระยะเวลาแห่งการผูกมัด ศักยภาพการเพิ่มขึ้นของมูลค่าบ้าน ตลอดจน “ความแพง” ของบ้านในภาพรวม
    .
    ยกตัวอย่าง “ความแพง” ของบ้านเพื่อประกอบการพิจารณา : ถ้ากู้เงินซื้อบ้านราคา 100,000 บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 10 ผ่อนชำระ 10 ปี ต้องชำระเดือนละ 1,322 บาท ดังนั้นต้องจ่ายเงินรวมทั้งสิ้น 158,640 บาท สำหรับบ้านราคา 100,000 บาท (ถ้าผ่อนส่ง 20 ปี ต้องจ่ายรวมทั้งสิ้น 316,080 บาท สำหรับบ้านราคา 100,000 บาท)
    .
    ถ้ากู้เงินซื้อบ้านราคา 5 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 10 ผ่อนส่ง 10 ปี ต้องชำระเดือนละ 66,100 บาท ดังนั้นต้องจ่ายรวมทั้งสิ้น 7.93 ล้านบาท และถ้าผ่อนส่ง 15 ปี ต้องชำระเดือนละ 53,750 บาท ดังนั้นต้องจ่ายรวมทั้งสิ้นประมาณ 9.68 ล้านบาท หรืออีกเกือบหนึ่งเท่าของราคาบ้าน
    .
    ถึงแม้การกู้ยืมจะทำให้บ้าน “แพง” ขึ้นมาก แต่ก็ทำให้สามารถมีบ้านอยู่อาศัยที่เป็นของตนเองในอนาคต และมูลค่าบ้านก็อาจเพิ่มขึ้นอีกด้วย ดังนั้นจึงควรใคร่ครวญทั้งในด้าน “ความแพง” อันเกิดจากดอกเบี้ย ความมีคุณค่าของบ้านในปัจจุบันและมูลค่าบ้านในอนาคตประกอบกัน
    รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 7 การสร้างความมั่นคงด้านการเงินแก่ครอบครัว . ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพ่อแม่และการเป็นครอบครัวที่อบอุ่นโยงใยกับการจัดการเรื่องการเงินอย่างไม่อ่จหลีกเลี่ยงได้ การที่คนสองคนมาร่วมชีวิตกันและมีลูก คือทางเลือกของชีวิตที่ทั้งสองได้ตัดสินใจแล้ว ดังนั้นจึงต้องร่วมกันรับผิดชอบให้ครอบครัวมีความสุข มีความเป็นปึกแผ่นด้านการเงิน ซึ่งจะนำไปสู่ความมั่นคงของทุกๆคนในครอบครัว . ในเบื้องแรก สามีภรรยาต้องพูดจาตกลงกันให้ชัดเจนเกี่ยวกับการจัดการเงินทองของครอบครัว เช่น จะรวมกระเป๋าและแยกกระเป๋ากันอย่างไร ค่าใช้จ่ายของครอบครัวจะรับผิดชอบกันอย่างไร ข้อพิจารณาในเรื่องนี้มีดังนี้ . การตัดสินใจทางการเงินของพ่อแม่จะต้องเป็นหน่วยเดียวกัน การซื้อสิ่งของที่มีราคาสูงและผูกมัดทางการเงินของครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นการซื้อรถยนต์ ซื้อบ้าน ซื้อที่ดิน ลงทุนธุรกิจ ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ จะต้องมีการปรึกษาหารือ และตัดสินใจร่วมกันเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายทราบถึงภาระผูกพันที่จะเกิดขึ้น . การใช้จ่ายที่ต่างคนต่างทำ เช่น การใช้บัตรเครดิต การเล่นหุ้น เล่นแชร์ การร่วมลงทุนกับผู้อื่น ควรให้แต่ละฝ่ายได้รับรู้ เพราะเป็นบุคคลเดียวกันตามกฏหมาย (ในกรณีจดทะเบียนสมรส) ทั้งพ่อและแม่ต้องรับรู้ข้อมูลและรับผิดชอบสถานะการเงินของครอบครัวร่วมกัน ถ้าฝ่ายหนึ่งใช้เงินอย่างเดียวโดยไม่ยอมรับรู้เรื่องรายได้ ไม่ยอมหรือไม่ร่วมปรึกษาหารือในการวางแผนการเงินของครอบครัว ความมั่นคงทางการเงินของครอบครัวก็เกิดขึ้นไม่ได้ . การวางแผนการเงินของครอบครัวเป็นเรื่องสำคัญที่พ่อแม่จะต้องจัดไว้ในลำดับสำคัญสูงสุด การจดบันทึกข้อมูลการใช้จ่ายในแต่ละเดือนจะทำให้เห็นภาพรวมของการใช้จ่าย ซึ่งจะเป็นปัจจัยนำไปสู่ความสามารถในการออมของครอบครัว ในการสร้างความมั้นคงด้านการเงินให้แก่ครอบครัว ประเด็นที่พึงพิจารณามีดังต่อไปนี้ . 1.ความมั่งคั่งและการมีรายได้ต่อช่วงเวลานั้นแตกต่างกัน ถ้าเปรียบเงินเหมือนน้ำที่อยู่ในถัง รายได้เสมือนน้ำที่ไหลออกจากก้นถังในช่วงเวลาหนึ่ง ถ้าน้ำไหลเข้าถังมากกว่าน้ำที่ไหลออก ปริมาณน้ำในถังที่ได้สะสมมาก่อนหน้า ก็จะมากขึ้น แต่ถ้าน้ำไหลออกจากถังในช่วงเวลาหนึ่งมากกว่าน้ำไหลเข้า ดังนั้น ปริมาณน้ำในถังที่สะสมมาก่อนหน้าก็จะลดลง ความมั่งคั่งก็คือปริมาณน้ำที่อยู่ในถัง ส่วนรายได้ก็คือปริมาณน้ำที่ไหลเข้าถึงในช่วงเวลานั้น . ความมั่งคั่งวัด ณ จุดหนึ่งของเวลา ส่วนการมีรายได้เป็นการวัดต่อช่วงเวลา เช่น บ้านมีมูลค่า 3 ล้านบาท ณ วันที่ 31 ธันวามคม 2568 เป็นความมั่งคั่ง ส่วนรายได้ 5 หมื่นบาทต่อเดือนเป็นการมีรายได้ . สองสิ่งนี้แตกต่างกัน ความมั่งคั่งมีนัยผูกพันกับอนาคตที่จะมีรายได้ให้ใช้ ส่วนการมีรายได้นั้นมีนัยผูกพันกับช่วงเวลาสั้นๆ บางครอบครัวอาจมีรายได้ต่อเดือนมาก แต่อาจไม่มีความมั่งคั่งก็เป็นได้ กล่าวคือ ถึงมีรายได้มากก็ใช้ไปจนหมด ไม่เหลือไว้สร้างความมั่งคั่งซึ่งจะทำให้มีรายได้เพิ่มเติมอีกเลยในอนาคต . การสร้างความมั่งคั่งของครอบครัวต้องเน้นไปที่การสะสมความมั่งคั่งในระยะยาว ในแต่ละเดือนจะต้องมีรายได้มากกว่าการใช้จ่าย ซึงหมายถึงมีเงินออมนั่นเอง จึงจะทำให้ความมั่งคั่งเพิ่มพูนขึ้นได้ และความมั่งคั่งนี้จะเป็นฐานของการหารายได้เพิ่มเติมอีกทางหนึ่งสำหรับครอบครัวนอกเหนือจากการออกแรงทำงาน . 2.การใช้จ่ายเงินอย่างชาญฉลาด สอดคล้องกับเงินในกระเป๋าเป็นเรื่องสำคัญ สุภาษิต “การหาเงินเป็นเรื่องสำคัญ แต่การรู้จักใช้เงินนั้นสำคัญกว่า” เป็นจริงทุกยุคสมัย..... พ่อแม่จำนวนมากทำงานหนักหาเงินเพื่อสร้างความมั่นคงให้แก่ครอบครัวโดยมีต้นทุนที่ต้องจ่าย นั่นคือมีเวลาให้ลูกน้อยลง ทำให้ความเอาใจใส่และผูกพันกับลูกลดลงน้อยลงไปด้วย . พ่อแม่เหล่านี้ มักเน้นการหารายได้แต่เพียงอย่างเดียวจนละเลยความสำคัญของการใช้จ่าย รายได้ส่วนหนึ่งมักถูกนำไปใช้จ่ายเพื่อชดเชยที่ใกล้ชิดลูกน้อยลง จนอาจทำให้เงินออมขนาดใหญ่ในแต่ละเดือนเกิดขึ้นไม่ได้ ดังนั้น การทุ่มเทหาเงินทองในกรณีนี้จึงไม่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ครอบครัวมากดังที่เข้าใจ หรือคาดหวัง บางครอบครัวกว่าจะรู้ตัวว่าไม่คุ้มก็ต่อเมื่อได้สูญเสียความใกล้ชิดผูกพันในครอบครัวหรือสูญเสียลูกไปแล้ว . การทำงานหนักเพื่อหาเงินและใช้จ่ายเงินเพื่อดำรงชีพและหาความสุขไม่ใช่เรื่องเสียหาย เช่นเดียวกับการมีบัตรเครดิตและการกู้ยืม ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นบริการด้านการเงินที่มีประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตและช่วยให้บรรลุความต้องการในชีวิต ประเด็นสำคัญอยู่ที่ความเหมาะสมระหว่างสถานะทางการเงินของครอบครัวกับหนี้ที่ก่อขึ้น . 3.จะไม่กู้เงินเพื่อสิ่งอื่นใด นอกจากที่อยู่อาศัย การศึกษา หรือเหตุฉุกเฉินด้านปัญหาสุขภาพ นี่คือความเชื่ออย่างนึงของคนในโลกตะวันตก ที่เข้าใจเรื่องการใช้เงินมายาวนานกว่าคนเอเชีย . การมีที่อยู่อาศัยของตนเอง เป็นพื้นฐานของความมั่งคงในชีวิต นักจิตวิทยาบอกว่า ลึกเข้าไปในใจของมนุษย์ทุกคน บ้านคือตัวแทนของแม่ เพราะบ้านป้องกัน แสงแดด ลมฝน และความหนาวเย็น ก่อให้เกิดความสุขสบายปลอดภัย เฉกเช่นเดียวกับครรภ์มารดา . การที่ครอบครัวจะมีบ้านเป็นของตนเองนั้นควรเป็นเป้าหมายแรกของพ่อแม่ เพราะทำให้ไม่ต้องจ่ายค่าเช่าบ้าน ซึ่งค่าเช่านี้อาจแปรเปลี่ยนเป็นเงินผ่อนซื้อบ้านในแต่ละเดือนได้ หากมีการกู้ยืมเพื่อผ่อนซื้อบ้านหลังเดียวกันนี้ ผู้จ่ายค่าเช่าทุกเดือนไม่มีความหวังว่าจะได้เป็นเจ้าของบ้านในวันข้างหน้า ซึ่งต่างจากผู้ซื้อบ้านที่มีโอกาสในวันข้างหน้าที่จะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการอยู่อาศัยอีก เนื่องจากเป็นเจ้าของบ้านเอง นอกจากนี้ภายใต้กฏหมายไทย ไม่อาจใช้ค่าเช่าบ้านเป็นค่าลดหย่อนสำหรับการเสียถาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี แต่ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเพื่อผ่อนซื้อบ้านสามารถหักเป็นค่าลดหย่อนได้ไม่เกิน 50,000 บาท . อย่างไรก็ดี การผ่อนซื้อบ้านเป็นภาระการเงินที่หนักหน่วง เพราะไม่เพียงแต่ต้องจ่ายเงินผ่อนชำระทุกเดือนเท่านั้น ยังมีระยะเวลาผูกพันอันยาวนานเกี่ยวข้องอีกด้วย การผ่อนบ้านจึงเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญของครอบครัว ซึ่งต้องคำนึงถึงราคาบ้าน ความสามารถในการผ่อนชำระแต่ละเดือน อัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันและอนาคต ความแน่นอนของรายได้ ระยะเวลาแห่งการผูกมัด ศักยภาพการเพิ่มขึ้นของมูลค่าบ้าน ตลอดจน “ความแพง” ของบ้านในภาพรวม . ยกตัวอย่าง “ความแพง” ของบ้านเพื่อประกอบการพิจารณา : ถ้ากู้เงินซื้อบ้านราคา 100,000 บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 10 ผ่อนชำระ 10 ปี ต้องชำระเดือนละ 1,322 บาท ดังนั้นต้องจ่ายเงินรวมทั้งสิ้น 158,640 บาท สำหรับบ้านราคา 100,000 บาท (ถ้าผ่อนส่ง 20 ปี ต้องจ่ายรวมทั้งสิ้น 316,080 บาท สำหรับบ้านราคา 100,000 บาท) . ถ้ากู้เงินซื้อบ้านราคา 5 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 10 ผ่อนส่ง 10 ปี ต้องชำระเดือนละ 66,100 บาท ดังนั้นต้องจ่ายรวมทั้งสิ้น 7.93 ล้านบาท และถ้าผ่อนส่ง 15 ปี ต้องชำระเดือนละ 53,750 บาท ดังนั้นต้องจ่ายรวมทั้งสิ้นประมาณ 9.68 ล้านบาท หรืออีกเกือบหนึ่งเท่าของราคาบ้าน . ถึงแม้การกู้ยืมจะทำให้บ้าน “แพง” ขึ้นมาก แต่ก็ทำให้สามารถมีบ้านอยู่อาศัยที่เป็นของตนเองในอนาคต และมูลค่าบ้านก็อาจเพิ่มขึ้นอีกด้วย ดังนั้นจึงควรใคร่ครวญทั้งในด้าน “ความแพง” อันเกิดจากดอกเบี้ย ความมีคุณค่าของบ้านในปัจจุบันและมูลค่าบ้านในอนาคตประกอบกัน
    0 Comments 0 Shares 320 Views 0 Reviews
  • จับสัญญาณเศรษฐกิจ ผ่านการใช้จ่ายบัตรเครดิต : คนเคาะข่าว 14-04-68
    : ประณยา นิถานานนท์ ผู้บริหารสูงสุด สายงานการตลาดบัตรเครดิต “เคทีซี”
    ดำเนินรายการโดย นงวดี ถนิมมาลย์

    #คนเคาะข่าว #เศรษฐกิจไทย #การใช้จ่ายบัตรเครดิต #สัญญาณเศรษฐกิจ #KTC #ประณยานิถานานนท์ #การเงินส่วนบุคคล #ข่าวเศรษฐกิจ #วิเคราะห์เศรษฐกิจ #นงวดีถนิมมาลย์ #พฤติกรรมผู้บริโภค #thaitimes #แนวโน้มการใช้จ่าย #ธุรกิจการเงิน
    จับสัญญาณเศรษฐกิจ ผ่านการใช้จ่ายบัตรเครดิต : คนเคาะข่าว 14-04-68 : ประณยา นิถานานนท์ ผู้บริหารสูงสุด สายงานการตลาดบัตรเครดิต “เคทีซี” ดำเนินรายการโดย นงวดี ถนิมมาลย์ #คนเคาะข่าว #เศรษฐกิจไทย #การใช้จ่ายบัตรเครดิต #สัญญาณเศรษฐกิจ #KTC #ประณยานิถานานนท์ #การเงินส่วนบุคคล #ข่าวเศรษฐกิจ #วิเคราะห์เศรษฐกิจ #นงวดีถนิมมาลย์ #พฤติกรรมผู้บริโภค #thaitimes #แนวโน้มการใช้จ่าย #ธุรกิจการเงิน
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 379 Views 4 0 Reviews
  • Microsoft ได้ลงนามในข้อตกลง การกำจัดคาร์บอน ครั้งใหญ่ โดยจะซื้อ เครดิตการกำจัดคาร์บอน 3.685 ล้านตัน จากบริษัท CO280 ภายในระยะเวลา 12 ปี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายในการทำให้บริษัทมี คาร์บอนเป็นลบภายในปี 2030

    ✅ Microsoft ลงนามข้อตกลงกำจัดคาร์บอน 3.685 ล้านตัน
    - โครงการจะเริ่มต้นในปี 2028 และดำเนินการเป็นเวลา 12 ปี
    - คาร์บอนจะถูกดักจับจาก โรงงานผลิตเยื่อกระดาษและกระดาษ บริเวณ Gulf Coast
    - คาร์บอนที่ถูกดักจับจะถูก เก็บรักษาอย่างถาวรในชั้นหินเกลือใต้ดิน

    ✅ เทคโนโลยีที่ใช้ในการกำจัดคาร์บอน
    - ใช้ เทคโนโลยีดักจับคาร์บอนแบบอะมีน (Amine-based capture technology)
    - ระบบนี้ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากอุตสาหกรรมกระดาษ

    ✅ เป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมของ Microsoft
    - Microsoft ตั้งเป้าหมายเป็น คาร์บอนเป็นลบภายในปี 2030
    - บริษัทต้องการกำจัด การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดตั้งแต่ก่อตั้งในปี 1975

    ✅ โครงการกำจัดคาร์บอนอื่นๆ ของ Microsoft
    - ซื้อเครดิต 1.5 ล้านตัน ผ่านโครงการปลูกป่าในอินเดีย
    - ซื้อเครดิต 1.6 ล้านตัน ในปานามาภายใน 30 ปี
    - ลงทุนในโครงการ Chestnut Carbon ที่นิวยอร์กเพื่อกำจัดคาร์บอน 7 ล้านตัน ภายใน 25 ปี

    ⚠️ ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม
    ℹ️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยี
    - ความต้องการพลังงานของ ศูนย์ข้อมูล AI ทำให้การปล่อยก๊าซเรือนกระจกของ Microsoft เพิ่มขึ้น
    - ในปี 2023 Microsoft ปล่อยก๊าซเรือนกระจก 17.2 ล้านตัน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า

    ℹ️ ความท้าทายในการกำจัดคาร์บอน
    - แม้จะมีโครงการกำจัดคาร์บอน แต่ยังไม่แน่ชัดว่า Microsoft จะสามารถบรรลุเป้าหมาย คาร์บอนเป็นลบภายในปี 2030 ได้หรือไม่
    - เทคโนโลยีดักจับคาร์บอนยังต้องการการพัฒนาเพิ่มเติมเพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

    ℹ️ แนวโน้มของอุตสาหกรรมกำจัดคาร์บอน
    - บริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ เช่น Amazon และ Google กำลังลงทุนในโครงการกำจัดคาร์บอนเช่นกัน
    - อาจมีการพัฒนา เทคโนโลยีใหม่ เพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากศูนย์ข้อมูล

    https://www.techradar.com/pro/microsoft-signs-a-major-new-carbon-removal-deal-that-might-be-powered-by-paper
    Microsoft ได้ลงนามในข้อตกลง การกำจัดคาร์บอน ครั้งใหญ่ โดยจะซื้อ เครดิตการกำจัดคาร์บอน 3.685 ล้านตัน จากบริษัท CO280 ภายในระยะเวลา 12 ปี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายในการทำให้บริษัทมี คาร์บอนเป็นลบภายในปี 2030 ✅ Microsoft ลงนามข้อตกลงกำจัดคาร์บอน 3.685 ล้านตัน - โครงการจะเริ่มต้นในปี 2028 และดำเนินการเป็นเวลา 12 ปี - คาร์บอนจะถูกดักจับจาก โรงงานผลิตเยื่อกระดาษและกระดาษ บริเวณ Gulf Coast - คาร์บอนที่ถูกดักจับจะถูก เก็บรักษาอย่างถาวรในชั้นหินเกลือใต้ดิน ✅ เทคโนโลยีที่ใช้ในการกำจัดคาร์บอน - ใช้ เทคโนโลยีดักจับคาร์บอนแบบอะมีน (Amine-based capture technology) - ระบบนี้ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากอุตสาหกรรมกระดาษ ✅ เป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมของ Microsoft - Microsoft ตั้งเป้าหมายเป็น คาร์บอนเป็นลบภายในปี 2030 - บริษัทต้องการกำจัด การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดตั้งแต่ก่อตั้งในปี 1975 ✅ โครงการกำจัดคาร์บอนอื่นๆ ของ Microsoft - ซื้อเครดิต 1.5 ล้านตัน ผ่านโครงการปลูกป่าในอินเดีย - ซื้อเครดิต 1.6 ล้านตัน ในปานามาภายใน 30 ปี - ลงทุนในโครงการ Chestnut Carbon ที่นิวยอร์กเพื่อกำจัดคาร์บอน 7 ล้านตัน ภายใน 25 ปี ⚠️ ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม ℹ️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยี - ความต้องการพลังงานของ ศูนย์ข้อมูล AI ทำให้การปล่อยก๊าซเรือนกระจกของ Microsoft เพิ่มขึ้น - ในปี 2023 Microsoft ปล่อยก๊าซเรือนกระจก 17.2 ล้านตัน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า ℹ️ ความท้าทายในการกำจัดคาร์บอน - แม้จะมีโครงการกำจัดคาร์บอน แต่ยังไม่แน่ชัดว่า Microsoft จะสามารถบรรลุเป้าหมาย คาร์บอนเป็นลบภายในปี 2030 ได้หรือไม่ - เทคโนโลยีดักจับคาร์บอนยังต้องการการพัฒนาเพิ่มเติมเพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ℹ️ แนวโน้มของอุตสาหกรรมกำจัดคาร์บอน - บริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ เช่น Amazon และ Google กำลังลงทุนในโครงการกำจัดคาร์บอนเช่นกัน - อาจมีการพัฒนา เทคโนโลยีใหม่ เพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากศูนย์ข้อมูล https://www.techradar.com/pro/microsoft-signs-a-major-new-carbon-removal-deal-that-might-be-powered-by-paper
    0 Comments 0 Shares 173 Views 0 Reviews
  • บริษัท Laboratory Services Cooperative (LSC) ซึ่งเป็นหนึ่งในห้องปฏิบัติการตรวจวิเคราะห์ทางการแพทย์รายใหญ่ของสหรัฐฯ ได้เปิดเผยว่าเกิดเหตุ ข้อมูลรั่วไหล ส่งผลกระทบต่อข้อมูลส่วนตัวของ 1.6 ล้านคน โดยข้อมูลที่ถูกขโมยอาจรวมถึง ข้อมูลทางการแพทย์, ข้อมูลการชำระเงิน และข้อมูลระบุตัวตน

    ✅ LSC ตรวจพบกิจกรรมต้องสงสัยในระบบเมื่อเดือนตุลาคม 2024
    - บริษัทแจ้งตำรวจและนำผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์เข้ามาตรวจสอบ
    - การสอบสวนเสร็จสิ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 และพบว่าข้อมูลบางส่วนอาจได้รับผลกระทบ

    ✅ ข้อมูลที่ถูกขโมยมีหลายประเภท
    - ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ, ที่อยู่, เบอร์โทรศัพท์, อีเมล
    - ข้อมูลทางการแพทย์ เช่น วันที่รับบริการ, การวินิจฉัยโรค, ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ
    - ข้อมูลประกันสุขภาพ เช่น ชื่อแผนประกัน, หมายเลขสมาชิก
    - ข้อมูลการชำระเงิน เช่น หมายเลขบัญชีธนาคาร, รายละเอียดบัตรเครดิต

    ✅ ผลกระทบต่อผู้ใช้บริการ
    - ผู้ที่เข้ารับการตรวจผ่าน Planned Parenthood ซึ่งใช้บริการของ LSC อาจได้รับผลกระทบ
    - ข้อมูลของพนักงาน LSC และบุคคลในครอบครัวของพนักงานอาจถูกขโมยด้วย

    ⚠️ ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม
    ℹ️ ข้อมูลยังไม่ถูกเผยแพร่บน Dark Web
    - ขณะนี้ยังไม่มีรายงานว่าข้อมูลที่ถูกขโมยถูกนำไปขายหรือเผยแพร่
    - แต่ผู้ใช้ควรเฝ้าระวังการโจรกรรมข้อมูลส่วนตัว

    ℹ️ ความเสี่ยงด้านการเงินและการฉ้อโกง
    - ข้อมูลการชำระเงินที่ถูกขโมยอาจถูกนำไปใช้ในการฉ้อโกง
    - ผู้ใช้ควรตรวจสอบบัญชีธนาคารและบัตรเครดิตอย่างสม่ำเสมอ

    ℹ️ แนวโน้มของภัยคุกคามไซเบอร์ในอุตสาหกรรมสุขภาพ
    - การโจมตีทางไซเบอร์ต่อองค์กรด้านสุขภาพมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
    - บริษัทต่างๆ ต้องลงทุนในระบบรักษาความปลอดภัยข้อมูลมากขึ้น

    https://www.techradar.com/pro/security/top-us-lab-testing-firm-hit-with-major-data-leak-exposes-health-info-on-1-6-million-users
    บริษัท Laboratory Services Cooperative (LSC) ซึ่งเป็นหนึ่งในห้องปฏิบัติการตรวจวิเคราะห์ทางการแพทย์รายใหญ่ของสหรัฐฯ ได้เปิดเผยว่าเกิดเหตุ ข้อมูลรั่วไหล ส่งผลกระทบต่อข้อมูลส่วนตัวของ 1.6 ล้านคน โดยข้อมูลที่ถูกขโมยอาจรวมถึง ข้อมูลทางการแพทย์, ข้อมูลการชำระเงิน และข้อมูลระบุตัวตน ✅ LSC ตรวจพบกิจกรรมต้องสงสัยในระบบเมื่อเดือนตุลาคม 2024 - บริษัทแจ้งตำรวจและนำผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์เข้ามาตรวจสอบ - การสอบสวนเสร็จสิ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 และพบว่าข้อมูลบางส่วนอาจได้รับผลกระทบ ✅ ข้อมูลที่ถูกขโมยมีหลายประเภท - ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ, ที่อยู่, เบอร์โทรศัพท์, อีเมล - ข้อมูลทางการแพทย์ เช่น วันที่รับบริการ, การวินิจฉัยโรค, ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ - ข้อมูลประกันสุขภาพ เช่น ชื่อแผนประกัน, หมายเลขสมาชิก - ข้อมูลการชำระเงิน เช่น หมายเลขบัญชีธนาคาร, รายละเอียดบัตรเครดิต ✅ ผลกระทบต่อผู้ใช้บริการ - ผู้ที่เข้ารับการตรวจผ่าน Planned Parenthood ซึ่งใช้บริการของ LSC อาจได้รับผลกระทบ - ข้อมูลของพนักงาน LSC และบุคคลในครอบครัวของพนักงานอาจถูกขโมยด้วย ⚠️ ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม ℹ️ ข้อมูลยังไม่ถูกเผยแพร่บน Dark Web - ขณะนี้ยังไม่มีรายงานว่าข้อมูลที่ถูกขโมยถูกนำไปขายหรือเผยแพร่ - แต่ผู้ใช้ควรเฝ้าระวังการโจรกรรมข้อมูลส่วนตัว ℹ️ ความเสี่ยงด้านการเงินและการฉ้อโกง - ข้อมูลการชำระเงินที่ถูกขโมยอาจถูกนำไปใช้ในการฉ้อโกง - ผู้ใช้ควรตรวจสอบบัญชีธนาคารและบัตรเครดิตอย่างสม่ำเสมอ ℹ️ แนวโน้มของภัยคุกคามไซเบอร์ในอุตสาหกรรมสุขภาพ - การโจมตีทางไซเบอร์ต่อองค์กรด้านสุขภาพมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น - บริษัทต่างๆ ต้องลงทุนในระบบรักษาความปลอดภัยข้อมูลมากขึ้น https://www.techradar.com/pro/security/top-us-lab-testing-firm-hit-with-major-data-leak-exposes-health-info-on-1-6-million-users
    0 Comments 0 Shares 263 Views 0 Reviews
  • ข่าวนี้เล่าถึงฟีเจอร์ใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวใน Windows 11 ชื่อว่า Windows Recall ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่มีความสามารถในการบันทึกภาพหน้าจอของทุกกิจกรรมที่ผู้ใช้ทำบนคอมพิวเตอร์ Copilot+ PC เพื่อให้สามารถค้นหากิจกรรมย้อนหลังได้ ฟีเจอร์นี้มีการเลื่อนเปิดตัวหลายครั้งเนื่องจากความกังวลด้านความปลอดภัย

    Microsoft ได้ประกาศว่าฟีเจอร์ Windows Recall จะเริ่มเปิดตัวในรูปแบบพรีวิวสำหรับผู้ใช้งาน Windows Insiders ใน Release Preview Channel โดยฟีเจอร์นี้จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถค้นหากิจกรรมที่เคยทำบนคอมพิวเตอร์ได้ง่ายขึ้นผ่านการบันทึกภาพหน้าจออย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์นี้ได้รับเสียงวิจารณ์อย่างหนักจากผู้ใช้และนักวิจัยด้านความปลอดภัย เนื่องจากมีความเสี่ยงในการบันทึกข้อมูลที่ละเอียดอ่อน เช่น หมายเลขบัตรเครดิตและข้อมูลส่วนตัว

    Microsoft ได้พยายามแก้ไขปัญหาโดยเพิ่มมาตรการความปลอดภัย เช่น การให้ผู้ใช้เลือกเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้เอง และการใช้ Windows Hello เพื่อป้องกันการเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถกรองแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ที่ไม่ต้องการให้บันทึกภาพหน้าจอ และสามารถลบภาพที่บันทึกไว้ได้

    ✅ Windows Recall คืออะไร ฟีเจอร์ใหม่ใน Windows 11 ที่บันทึกภาพหน้าจอของทุกกิจกรรมบน Copilot+ PC เพื่อช่วยค้นหากิจกรรมย้อนหลัง

    ✅ การเปิดตัวในรูปแบบพรีวิว Microsoft เริ่มเปิดตัว Windows Recall ในรูปแบบพรีวิวสำหรับ Windows Insiders ใน Release Preview Channel

    ✅ มาตรการความปลอดภัย ผู้ใช้ต้องเลือกเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้เอง และใช้ Windows Hello เพื่อป้องกันการเข้าถึงข้อมูล

    ℹ️ ความกังวลด้านความปลอดภัย ฟีเจอร์นี้อาจบันทึกข้อมูลที่ละเอียดอ่อน เช่น หมายเลขบัตรเครดิตและข้อมูลส่วนตัว

    ℹ️ การตอบรับจากผู้ใช้ ผู้ใช้มีความคิดเห็นที่หลากหลายต่อฟีเจอร์นี้ ตั้งแต่ชื่นชอบไปจนถึงวิจารณ์อย่างหนัก

    https://www.techspot.com/news/107508-windows-recall-finally-nearing-launch-microsoft-suggests.html
    ข่าวนี้เล่าถึงฟีเจอร์ใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวใน Windows 11 ชื่อว่า Windows Recall ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่มีความสามารถในการบันทึกภาพหน้าจอของทุกกิจกรรมที่ผู้ใช้ทำบนคอมพิวเตอร์ Copilot+ PC เพื่อให้สามารถค้นหากิจกรรมย้อนหลังได้ ฟีเจอร์นี้มีการเลื่อนเปิดตัวหลายครั้งเนื่องจากความกังวลด้านความปลอดภัย Microsoft ได้ประกาศว่าฟีเจอร์ Windows Recall จะเริ่มเปิดตัวในรูปแบบพรีวิวสำหรับผู้ใช้งาน Windows Insiders ใน Release Preview Channel โดยฟีเจอร์นี้จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถค้นหากิจกรรมที่เคยทำบนคอมพิวเตอร์ได้ง่ายขึ้นผ่านการบันทึกภาพหน้าจออย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์นี้ได้รับเสียงวิจารณ์อย่างหนักจากผู้ใช้และนักวิจัยด้านความปลอดภัย เนื่องจากมีความเสี่ยงในการบันทึกข้อมูลที่ละเอียดอ่อน เช่น หมายเลขบัตรเครดิตและข้อมูลส่วนตัว Microsoft ได้พยายามแก้ไขปัญหาโดยเพิ่มมาตรการความปลอดภัย เช่น การให้ผู้ใช้เลือกเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้เอง และการใช้ Windows Hello เพื่อป้องกันการเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถกรองแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ที่ไม่ต้องการให้บันทึกภาพหน้าจอ และสามารถลบภาพที่บันทึกไว้ได้ ✅ Windows Recall คืออะไร ฟีเจอร์ใหม่ใน Windows 11 ที่บันทึกภาพหน้าจอของทุกกิจกรรมบน Copilot+ PC เพื่อช่วยค้นหากิจกรรมย้อนหลัง ✅ การเปิดตัวในรูปแบบพรีวิว Microsoft เริ่มเปิดตัว Windows Recall ในรูปแบบพรีวิวสำหรับ Windows Insiders ใน Release Preview Channel ✅ มาตรการความปลอดภัย ผู้ใช้ต้องเลือกเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้เอง และใช้ Windows Hello เพื่อป้องกันการเข้าถึงข้อมูล ℹ️ ความกังวลด้านความปลอดภัย ฟีเจอร์นี้อาจบันทึกข้อมูลที่ละเอียดอ่อน เช่น หมายเลขบัตรเครดิตและข้อมูลส่วนตัว ℹ️ การตอบรับจากผู้ใช้ ผู้ใช้มีความคิดเห็นที่หลากหลายต่อฟีเจอร์นี้ ตั้งแต่ชื่นชอบไปจนถึงวิจารณ์อย่างหนัก https://www.techspot.com/news/107508-windows-recall-finally-nearing-launch-microsoft-suggests.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Windows Recall is finally nearing launch, Microsoft suggests
    Microsoft wrote in a post yesterday that a preview version of Recall is being rolled out to Insiders in the Release Preview Channel on Windows 11, version...
    0 Comments 0 Shares 141 Views 0 Reviews
  • ในยุคที่ภัยคุกคามไซเบอร์พัฒนาอย่างรวดเร็ว การฝึกอบรมพนักงานให้รับมือกับการโจมตี เช่น Phishing, Social Engineering และ Deepfake เป็นสิ่งสำคัญ แต่การมอบหมายให้ HR เป็นผู้ดูแลการฝึกอบรมด้านความปลอดภัยไซเบอร์โดยลำพัง อาจทำให้องค์กรตกอยู่ในความเสี่ยง

    == ข้อจำกัดของ HR ในการฝึกอบรมด้านความปลอดภัยไซเบอร์ ==
    ✅ ขาดความรู้เฉพาะทาง:
    - HR อาจไม่มีความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับภัยคุกคามไซเบอร์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เช่น เทคนิคใหม่ ๆ ที่แฮ็กเกอร์ใช้โจมตี

    ✅ การฝึกอบรมที่ไม่ตรงจุด:
    - การฝึกอบรมที่จัดโดย HR อาจเน้นไปที่การปฏิบัติตามข้อกำหนดทั่วไป แต่ขาดการเน้นย้ำถึงภัยคุกคามเฉพาะที่องค์กรเผชิญ

    ✅ ความไม่สอดคล้องกับความต้องการขององค์กร:
    - HR อาจไม่สามารถปรับเนื้อหาให้เหมาะสมกับอุตสาหกรรม เช่น ในภาคการเงินที่ต้องเน้นการป้องกันข้อมูลบัตรเครดิต

    == ความสำคัญของความร่วมมือระหว่าง HR และทีมความปลอดภัย ==
    💡 การสร้างเนื้อหาที่มีประสิทธิภาพ:
    - ทีมความปลอดภัยสามารถให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับภัยคุกคามที่องค์กรเผชิญ และช่วยออกแบบการฝึกอบรมที่ตรงจุด

    💡 การแปลข้อมูลเทคนิคให้เข้าใจง่าย:
    - HR สามารถช่วยแปลข้อมูลเชิงเทคนิคให้เป็นภาษาที่พนักงานทั่วไปเข้าใจได้ง่าย

    💡 การสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัย:
    - การฝึกอบรมที่มีความร่วมมือระหว่าง HR และทีมความปลอดภัยช่วยสร้างความตระหนักรู้และวัฒนธรรมความปลอดภัยในองค์กร

    https://www.csoonline.com/article/3856404/is-hr-running-your-employee-security-training-heres-why-thats-not-always-the-best-idea.html
    ในยุคที่ภัยคุกคามไซเบอร์พัฒนาอย่างรวดเร็ว การฝึกอบรมพนักงานให้รับมือกับการโจมตี เช่น Phishing, Social Engineering และ Deepfake เป็นสิ่งสำคัญ แต่การมอบหมายให้ HR เป็นผู้ดูแลการฝึกอบรมด้านความปลอดภัยไซเบอร์โดยลำพัง อาจทำให้องค์กรตกอยู่ในความเสี่ยง == ข้อจำกัดของ HR ในการฝึกอบรมด้านความปลอดภัยไซเบอร์ == ✅ ขาดความรู้เฉพาะทาง: - HR อาจไม่มีความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับภัยคุกคามไซเบอร์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เช่น เทคนิคใหม่ ๆ ที่แฮ็กเกอร์ใช้โจมตี ✅ การฝึกอบรมที่ไม่ตรงจุด: - การฝึกอบรมที่จัดโดย HR อาจเน้นไปที่การปฏิบัติตามข้อกำหนดทั่วไป แต่ขาดการเน้นย้ำถึงภัยคุกคามเฉพาะที่องค์กรเผชิญ ✅ ความไม่สอดคล้องกับความต้องการขององค์กร: - HR อาจไม่สามารถปรับเนื้อหาให้เหมาะสมกับอุตสาหกรรม เช่น ในภาคการเงินที่ต้องเน้นการป้องกันข้อมูลบัตรเครดิต == ความสำคัญของความร่วมมือระหว่าง HR และทีมความปลอดภัย == 💡 การสร้างเนื้อหาที่มีประสิทธิภาพ: - ทีมความปลอดภัยสามารถให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับภัยคุกคามที่องค์กรเผชิญ และช่วยออกแบบการฝึกอบรมที่ตรงจุด 💡 การแปลข้อมูลเทคนิคให้เข้าใจง่าย: - HR สามารถช่วยแปลข้อมูลเชิงเทคนิคให้เป็นภาษาที่พนักงานทั่วไปเข้าใจได้ง่าย 💡 การสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัย: - การฝึกอบรมที่มีความร่วมมือระหว่าง HR และทีมความปลอดภัยช่วยสร้างความตระหนักรู้และวัฒนธรรมความปลอดภัยในองค์กร https://www.csoonline.com/article/3856404/is-hr-running-your-employee-security-training-heres-why-thats-not-always-the-best-idea.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Is HR running your employee security training? Here’s why that’s not always the best idea
    Training employees to resist the lure of phishing, scams, and deepfakes is central to a good cybersecurity posture, but to be effective it needs to be handled with plenty of input and guidance from the security team.
    0 Comments 0 Shares 134 Views 0 Reviews
  • Manus AI จากประเทศจีนเปิดตัวพร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลและรันงานอัตโนมัติ ด้วยรายงานที่ละเอียดและประสบการณ์การใช้งานที่ล้ำหน้า แม้จะมีข้อจำกัดเรื่องเครดิต แต่ Manus ได้รับความสนใจอย่างมากในฐานะนวัตกรรมที่สร้างความแตกต่างจาก AI รุ่นอื่น ๆ

    ✅ การวิเคราะห์ข้อมูลแบบละเอียด
    - Manus สร้างรายงานที่ลึกซึ้งและละเอียดมาก เช่น การวิเคราะห์อนาคตของ Tesla ด้วยการรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ และนำเสนอตัวเลือกที่หลากหลาย ทำให้ผู้ใช้งานได้รับมุมมองที่รอบด้าน

    ✅ ประสบการณ์ใช้งานที่เหนือกว่าเดิม
    - แม้หลายฟีเจอร์จะคล้าย ChatGPT แต่ Manus มีเอกลักษณ์ในการตอบคำถามที่ละเอียดและสร้างสรรค์ เช่น การสร้างเกมจากเหตุการณ์ข่าว หรือการศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก

    ✅ จุดเด่นเรื่องความโปร่งใสในการค้นคว้า
    - Manus ได้รับเสียงชื่นชมในด้านความโปร่งใสระหว่างการทำงาน เช่น การแจ้งกระบวนการค้นคว้าในแต่ละขั้นตอน ทำให้ผู้ใช้งานเข้าใจถึงการทำงานของ AI อย่างชัดเจน

    ✅ ความท้าทายเรื่องการเซ็นเซอร์
    - แตกต่างจาก DeepSeek AI ซึ่งเคยถูกวิจารณ์เรื่องการเซ็นเซอร์คำถามเกี่ยวกับการประท้วงที่จัตุรัสเทียนอันเหมินในปี 1989 Manus กลับสามารถสร้างรายงานที่ครอบคลุมและสะท้อนมุมมองจากแหล่งต่าง ๆ ซึ่งรวมถึง Red Cross

    ✅ อนาคตของ AI และการพัฒนาในตลาดจีน
    - Manus เป็นตัวอย่างที่สะท้อนถึงการพัฒนา AI ของจีนที่มุ่งเน้นการสร้างระบบที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานมากขึ้น โดยใช้ความสามารถในด้านการวิเคราะห์ข้อมูลเป็นจุดเด่นเพื่อแข่งขันในตลาดโลก

    https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/manus-the-much-hyped-chinese-ai-has-opened-up-public-access-and-you-get-1-000-credits-for-free-if-you-sign-up-now
    Manus AI จากประเทศจีนเปิดตัวพร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลและรันงานอัตโนมัติ ด้วยรายงานที่ละเอียดและประสบการณ์การใช้งานที่ล้ำหน้า แม้จะมีข้อจำกัดเรื่องเครดิต แต่ Manus ได้รับความสนใจอย่างมากในฐานะนวัตกรรมที่สร้างความแตกต่างจาก AI รุ่นอื่น ๆ ✅ การวิเคราะห์ข้อมูลแบบละเอียด - Manus สร้างรายงานที่ลึกซึ้งและละเอียดมาก เช่น การวิเคราะห์อนาคตของ Tesla ด้วยการรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ และนำเสนอตัวเลือกที่หลากหลาย ทำให้ผู้ใช้งานได้รับมุมมองที่รอบด้าน ✅ ประสบการณ์ใช้งานที่เหนือกว่าเดิม - แม้หลายฟีเจอร์จะคล้าย ChatGPT แต่ Manus มีเอกลักษณ์ในการตอบคำถามที่ละเอียดและสร้างสรรค์ เช่น การสร้างเกมจากเหตุการณ์ข่าว หรือการศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก ✅ จุดเด่นเรื่องความโปร่งใสในการค้นคว้า - Manus ได้รับเสียงชื่นชมในด้านความโปร่งใสระหว่างการทำงาน เช่น การแจ้งกระบวนการค้นคว้าในแต่ละขั้นตอน ทำให้ผู้ใช้งานเข้าใจถึงการทำงานของ AI อย่างชัดเจน ✅ ความท้าทายเรื่องการเซ็นเซอร์ - แตกต่างจาก DeepSeek AI ซึ่งเคยถูกวิจารณ์เรื่องการเซ็นเซอร์คำถามเกี่ยวกับการประท้วงที่จัตุรัสเทียนอันเหมินในปี 1989 Manus กลับสามารถสร้างรายงานที่ครอบคลุมและสะท้อนมุมมองจากแหล่งต่าง ๆ ซึ่งรวมถึง Red Cross ✅ อนาคตของ AI และการพัฒนาในตลาดจีน - Manus เป็นตัวอย่างที่สะท้อนถึงการพัฒนา AI ของจีนที่มุ่งเน้นการสร้างระบบที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานมากขึ้น โดยใช้ความสามารถในด้านการวิเคราะห์ข้อมูลเป็นจุดเด่นเพื่อแข่งขันในตลาดโลก https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/manus-the-much-hyped-chinese-ai-has-opened-up-public-access-and-you-get-1-000-credits-for-free-if-you-sign-up-now
    0 Comments 0 Shares 192 Views 0 Reviews
  • แพ็กเกจ Python บน PyPI (Python Package Index) ถูกพบว่ามีมัลแวร์แฝงอยู่ โดยนักวิจัยด้านความปลอดภัยจาก ReversingLabs และ Socket เผยถึงการโจมตีที่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้หลายหมื่นราย แพ็กเกจดังกล่าวถูกดาวน์โหลดรวมกว่า 40,000 ครั้ง ทำให้เกิดข้อกังวลในชุมชนโอเพนซอร์ส

    ✅ แพ็กเกจที่แฝงมัลแวร์:
    - bitcoinlibdbfix และ bitcoinlib-dev: ถูกออกแบบมาเพื่อหลอกนักพัฒนาด้านคริปโต โดยอ้างว่าเป็นการแก้ไขปัญหาของโมดูล bitcoinlib ที่ถูกต้อง
    - disgrasya: มุ่งเป้าไปยังร้านค้า WooCommerce โดยทำหน้าที่เป็น carding script ที่เปิดเผยเจตนาโจมตีอย่างตรงไปตรงมา

    ✅ กระบวนการโจมตี:
    - มัลแวร์ใน bitcoinlibdbfix และ bitcoinlib-dev ทำการเขียนคำสั่ง malicious ลงในระบบเพื่อดึงข้อมูลสำคัญ
    - ส่วน disgrasya ใช้เพื่อทดสอบข้อมูลบัตรเครดิต และอาจสร้างผลกำไรให้แก่ผู้โจมตีจากการนำข้อมูลไปขายในตลาดมืด

    ✅ ปัญหาของระบบโอเพนซอร์ส:
    - PyPI ซึ่งเป็นชุมชนโอเพนซอร์สยอดนิยม ถูกโจมตีโดยผู้ประสงค์ร้ายที่ฉวยโอกาสจากการเปิดกว้างของแพลตฟอร์ม

    ✅ การรับมือจากชุมชน:
    - แพ็กเกจเหล่านี้ถูกนำออกจาก PyPI หลังจากมีการรายงานอย่างรวดเร็ว

    ✅ ความท้าทายในการป้องกัน:
    - เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่าผู้ใช้งานและนักพัฒนาควรเพิ่มความระมัดระวังเมื่อดาวน์โหลดแพ็กเกจ และควรตรวจสอบผู้เผยแพร่แพ็กเกจอย่างละเอียด

    https://www.techradar.com/pro/security/malicious-python-packages-are-stealing-vital-data-and-have-been-downloaded-thousands-of-times-already
    แพ็กเกจ Python บน PyPI (Python Package Index) ถูกพบว่ามีมัลแวร์แฝงอยู่ โดยนักวิจัยด้านความปลอดภัยจาก ReversingLabs และ Socket เผยถึงการโจมตีที่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้หลายหมื่นราย แพ็กเกจดังกล่าวถูกดาวน์โหลดรวมกว่า 40,000 ครั้ง ทำให้เกิดข้อกังวลในชุมชนโอเพนซอร์ส ✅ แพ็กเกจที่แฝงมัลแวร์: - bitcoinlibdbfix และ bitcoinlib-dev: ถูกออกแบบมาเพื่อหลอกนักพัฒนาด้านคริปโต โดยอ้างว่าเป็นการแก้ไขปัญหาของโมดูล bitcoinlib ที่ถูกต้อง - disgrasya: มุ่งเป้าไปยังร้านค้า WooCommerce โดยทำหน้าที่เป็น carding script ที่เปิดเผยเจตนาโจมตีอย่างตรงไปตรงมา ✅ กระบวนการโจมตี: - มัลแวร์ใน bitcoinlibdbfix และ bitcoinlib-dev ทำการเขียนคำสั่ง malicious ลงในระบบเพื่อดึงข้อมูลสำคัญ - ส่วน disgrasya ใช้เพื่อทดสอบข้อมูลบัตรเครดิต และอาจสร้างผลกำไรให้แก่ผู้โจมตีจากการนำข้อมูลไปขายในตลาดมืด ✅ ปัญหาของระบบโอเพนซอร์ส: - PyPI ซึ่งเป็นชุมชนโอเพนซอร์สยอดนิยม ถูกโจมตีโดยผู้ประสงค์ร้ายที่ฉวยโอกาสจากการเปิดกว้างของแพลตฟอร์ม ✅ การรับมือจากชุมชน: - แพ็กเกจเหล่านี้ถูกนำออกจาก PyPI หลังจากมีการรายงานอย่างรวดเร็ว ✅ ความท้าทายในการป้องกัน: - เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่าผู้ใช้งานและนักพัฒนาควรเพิ่มความระมัดระวังเมื่อดาวน์โหลดแพ็กเกจ และควรตรวจสอบผู้เผยแพร่แพ็กเกจอย่างละเอียด https://www.techradar.com/pro/security/malicious-python-packages-are-stealing-vital-data-and-have-been-downloaded-thousands-of-times-already
    0 Comments 0 Shares 139 Views 0 Reviews
  • WK Kellogg เผยถึงการละเมิดข้อมูลที่อาจเกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนตัวของพนักงานจำนวนหนึ่ง ผ่านบริการถ่ายโอนไฟล์ Cleo ที่เป็นเป้าหมายของแฮกเกอร์ บริษัทได้เสนอการป้องกันและตรวจสอบเครดิตให้ฟรี พร้อมเตือนถึงความสำคัญของการบริหารความเสี่ยงด้านผู้ให้บริการบุคคลที่สามในยุคที่ธุรกิจต้องทำงานร่วมกับองค์กรภายนอก

    ✅ จำนวนผู้ได้รับผลกระทบ:
    - มีการแจ้งข้อมูลไปยังสำนักงานอัยการในรัฐ Maine และ New Hampshire โดยระบุว่ามีเพียง 4 คนที่ได้รับผลกระทบ แต่ยังไม่มีการเปิดเผยตัวเลขแน่ชัดจากทั่วประเทศ

    ✅ ข้อมูลที่อาจถูกโจมตี:
    - ข้อมูลที่ถูกโจมตีคาดว่าเกี่ยวข้องกับ ข้อมูลระบุตัวบุคคล (PII) เช่น ชื่อและข้อมูลส่วนตัว ซึ่งอาจสร้างความเสี่ยงต่อการโจรกรรมทางการเงินและอัตลักษณ์

    ✅ การตอบสนองของ WK Kellogg:
    - บริษัทเสนอ บริการตรวจสอบเครดิตและป้องกันการโจรกรรมข้อมูล ฟรีเป็นเวลา 1 ปีให้กับผู้ได้รับผลกระทบ

    https://www.techradar.com/pro/security/kellogg-reveals-data-breach-but-its-lacking-any-real-crunch
    WK Kellogg เผยถึงการละเมิดข้อมูลที่อาจเกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนตัวของพนักงานจำนวนหนึ่ง ผ่านบริการถ่ายโอนไฟล์ Cleo ที่เป็นเป้าหมายของแฮกเกอร์ บริษัทได้เสนอการป้องกันและตรวจสอบเครดิตให้ฟรี พร้อมเตือนถึงความสำคัญของการบริหารความเสี่ยงด้านผู้ให้บริการบุคคลที่สามในยุคที่ธุรกิจต้องทำงานร่วมกับองค์กรภายนอก ✅ จำนวนผู้ได้รับผลกระทบ: - มีการแจ้งข้อมูลไปยังสำนักงานอัยการในรัฐ Maine และ New Hampshire โดยระบุว่ามีเพียง 4 คนที่ได้รับผลกระทบ แต่ยังไม่มีการเปิดเผยตัวเลขแน่ชัดจากทั่วประเทศ ✅ ข้อมูลที่อาจถูกโจมตี: - ข้อมูลที่ถูกโจมตีคาดว่าเกี่ยวข้องกับ ข้อมูลระบุตัวบุคคล (PII) เช่น ชื่อและข้อมูลส่วนตัว ซึ่งอาจสร้างความเสี่ยงต่อการโจรกรรมทางการเงินและอัตลักษณ์ ✅ การตอบสนองของ WK Kellogg: - บริษัทเสนอ บริการตรวจสอบเครดิตและป้องกันการโจรกรรมข้อมูล ฟรีเป็นเวลา 1 ปีให้กับผู้ได้รับผลกระทบ https://www.techradar.com/pro/security/kellogg-reveals-data-breach-but-its-lacking-any-real-crunch
    0 Comments 0 Shares 91 Views 0 Reviews
  • มีเกร็ดเล็กๆ น้อยที่เคยได้ยินท่านหลวงตาเล่าให้ฟังเกี่ยวกับเรื่องโชคเรื่องลาภ จึงขอนำมาเล่าให้ฟังกันครับ

    หลวงตาม้าท่านเคยบอกกับลูกศิษย์ท่านหนึ่งว่า เวลาถูกหวยหรือล็อตเตอรรี่ ให้แบ่ง 1ใน 3 ของส่วนที่ได้ไปทำบุญ แล้วครั้งต่อไปจะถูกอีก! เป็นบุญต่อบุญไง

    และอีกครั้งหนึ่ง ท่านเคยบอกได้ใจความว่า...บางทีเวลาเราไปขอหวยหรือขอเรื่องทรัพย์กับเทวดาเนี่ย เขาก็อยากให้เราเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากให้นะ แต่คนบางคนเนี่ย มันไม่เคยให้ทานมาก่อนเลย เทวดาเขาก็มองไม่เห็นบุญ เลยไม่รู้จะให้ยังไง ดังนั้นเวลาไปขอเรื่องทรัพย์หรือเรื่องหวยกับเทวดาเนี่ย ก่อนจะขอนั้น ให้เรานึกถึง บุญที่เราเคยทำทานมาก่อน เอาทานที่มันใหญ่ๆที่เราเคยทำมา นั่นแหละ เทวดาเขาจะมองเห็นบุญเรา แล้วเขาจะให้ได้

    จากที่หลวงตาม้าท่านกล่าวนั้น ที่ท่านบอกว่า ให้นึกถึงทานที่มันใหญ่ๆ ที่เราเคยทำมา บางท่านอาจจะไม่ทราบว่าอย่างไหนที่เรียกว่าทานอย่างใหญ่

    ผมขอยกตัวอย่างให้ฟังนะครับ เช่น ร่วมสร้างวิหาร ร่วมสร้างวัด ร่วมสร้างพระแล้วแจกฟรี หรือให้ธรรมะเป็นทาน อย่างนี้ล้วนแล้วแต่เป็นบุญใหญ่ทั้งนั้น ที่เป็นบุญใหญ่เพราะ อย่างการสร้างวัดนี้ ใครก็ตามที่เข้าไปทำบุญใดๆ ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวพันกับวัดนี้ เราก็มีส่วนได้บุญด้วยทั้งหมด เพราะเราเป็นเหตุให้เขาได้บุญ เอาแค่ว่ามีคนไปกวาดลานวัด เราก็ได้บุญด้วย เพราะเราเป็นเหตุ หรือการให้ธรรมะเป็นทานนั้น เช่น ถ้าเราไปสอนใครสวดมนต์ แล้วเขาคนนั้นนำไปสวด ทุกครั้งที่เขาสวด เราก็มีส่วนได้บุญด้วย เพราะเราเป็นเหตุ หลวงตาม้าท่านเคยบอกว่า..... หลวงปู่(ดู่) ท่านสอนว่า... เวลาจะทำอะไรให้เลือกทำที่มันยาวๆ จะดีกว่า อย่างการสร้างพระพุทธรูปเนี่ย
    พระพุทธรูปบางองค์อยู่ได้เป็นหลายร้อยปีเลยนะ ภายในระยะเวลาหลายร้อยปีนั้น ผู้ใดก็ตามที่มากราบพระพุทธรูปองค์นี้หรือมาทำบุญกับพระพุทธรูปองค์นี้ คนที่สร้างจะมีส่วนได้บุญทั้งหมด เพราะเป็นเหตุให้เขาได้กราบหรือได้ทำบุญ

    อย่างครูบา(ศรีวิชัย) เนี่ย ท่านไปสร้างวัดใช่ไหม ใครก็ตามที่ทำบุญใดๆ ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวพันกับวัดนั้น
    ท่านครูบาได้ด้วยหมดเลย(หัวเราะ)

    หรืออย่างหลวงตาสร้างพระเนี่ย ใครก็ตามที่เอาพระของหลวงตาไปกำทำสมาธิ หลวงตาก็ได้บุญด้วยหมดเลยนะ ตอนนี้หลวงตาใจสบายตลอดเวลาเลยเนี่ย เพราะมีคนสวดให้ตลอดเวลา(หัวเราะ)

    เมื่อหลวงตาท่านพูดอย่างนี้ ผมจึงได้เข้าใจ การทำบุญใดๆ ที่ทำแล้วส่งผลเป็นระยะยาว อานิสงส์ย่อมได้มากกว่าบุญที่ทำแล้วจบลงตรงนั้นเลย

    ขอบคุณและ เครดิตที่มา

    น้อมกราบ 
    #หลวงตาม้า
    #หลวงตาม้าวัดถ้ำเมืองนะ
    #พระวรงคตวิริยธโร
    #วัดถ้ำเมืองนะ
    #หลวงปู่ดู่พรหมปัญโญ
    #พระพรหมปัญโญ
    #สวดคาถามหาจักรพรรดิ
    #สวดมนต์ #บันทึกบุญ #โมทนาบุญ #ยินดีในบุญ
    #คาถามหาจักรพรรดิ108
    #ธรรมทานเหนือการให้ทั้งปวง
    #พุทธังอนันตังธัมมังจักรวาลังสังฆังนิพพานะปัจจะโยโหตุ

    ว่ากันต่อต่อไปให้ได้บุญ
    @แฟนตัวยง
    มีเกร็ดเล็กๆ น้อยที่เคยได้ยินท่านหลวงตาเล่าให้ฟังเกี่ยวกับเรื่องโชคเรื่องลาภ จึงขอนำมาเล่าให้ฟังกันครับ หลวงตาม้าท่านเคยบอกกับลูกศิษย์ท่านหนึ่งว่า เวลาถูกหวยหรือล็อตเตอรรี่ ให้แบ่ง 1ใน 3 ของส่วนที่ได้ไปทำบุญ แล้วครั้งต่อไปจะถูกอีก! เป็นบุญต่อบุญไง และอีกครั้งหนึ่ง ท่านเคยบอกได้ใจความว่า...บางทีเวลาเราไปขอหวยหรือขอเรื่องทรัพย์กับเทวดาเนี่ย เขาก็อยากให้เราเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากให้นะ แต่คนบางคนเนี่ย มันไม่เคยให้ทานมาก่อนเลย เทวดาเขาก็มองไม่เห็นบุญ เลยไม่รู้จะให้ยังไง ดังนั้นเวลาไปขอเรื่องทรัพย์หรือเรื่องหวยกับเทวดาเนี่ย ก่อนจะขอนั้น ให้เรานึกถึง บุญที่เราเคยทำทานมาก่อน เอาทานที่มันใหญ่ๆที่เราเคยทำมา นั่นแหละ เทวดาเขาจะมองเห็นบุญเรา แล้วเขาจะให้ได้ จากที่หลวงตาม้าท่านกล่าวนั้น ที่ท่านบอกว่า ให้นึกถึงทานที่มันใหญ่ๆ ที่เราเคยทำมา บางท่านอาจจะไม่ทราบว่าอย่างไหนที่เรียกว่าทานอย่างใหญ่ ผมขอยกตัวอย่างให้ฟังนะครับ เช่น ร่วมสร้างวิหาร ร่วมสร้างวัด ร่วมสร้างพระแล้วแจกฟรี หรือให้ธรรมะเป็นทาน อย่างนี้ล้วนแล้วแต่เป็นบุญใหญ่ทั้งนั้น ที่เป็นบุญใหญ่เพราะ อย่างการสร้างวัดนี้ ใครก็ตามที่เข้าไปทำบุญใดๆ ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวพันกับวัดนี้ เราก็มีส่วนได้บุญด้วยทั้งหมด เพราะเราเป็นเหตุให้เขาได้บุญ เอาแค่ว่ามีคนไปกวาดลานวัด เราก็ได้บุญด้วย เพราะเราเป็นเหตุ หรือการให้ธรรมะเป็นทานนั้น เช่น ถ้าเราไปสอนใครสวดมนต์ แล้วเขาคนนั้นนำไปสวด ทุกครั้งที่เขาสวด เราก็มีส่วนได้บุญด้วย เพราะเราเป็นเหตุ หลวงตาม้าท่านเคยบอกว่า..... หลวงปู่(ดู่) ท่านสอนว่า... เวลาจะทำอะไรให้เลือกทำที่มันยาวๆ จะดีกว่า อย่างการสร้างพระพุทธรูปเนี่ย พระพุทธรูปบางองค์อยู่ได้เป็นหลายร้อยปีเลยนะ ภายในระยะเวลาหลายร้อยปีนั้น ผู้ใดก็ตามที่มากราบพระพุทธรูปองค์นี้หรือมาทำบุญกับพระพุทธรูปองค์นี้ คนที่สร้างจะมีส่วนได้บุญทั้งหมด เพราะเป็นเหตุให้เขาได้กราบหรือได้ทำบุญ อย่างครูบา(ศรีวิชัย) เนี่ย ท่านไปสร้างวัดใช่ไหม ใครก็ตามที่ทำบุญใดๆ ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวพันกับวัดนั้น ท่านครูบาได้ด้วยหมดเลย(หัวเราะ) หรืออย่างหลวงตาสร้างพระเนี่ย ใครก็ตามที่เอาพระของหลวงตาไปกำทำสมาธิ หลวงตาก็ได้บุญด้วยหมดเลยนะ ตอนนี้หลวงตาใจสบายตลอดเวลาเลยเนี่ย เพราะมีคนสวดให้ตลอดเวลา(หัวเราะ) เมื่อหลวงตาท่านพูดอย่างนี้ ผมจึงได้เข้าใจ การทำบุญใดๆ ที่ทำแล้วส่งผลเป็นระยะยาว อานิสงส์ย่อมได้มากกว่าบุญที่ทำแล้วจบลงตรงนั้นเลย ขอบคุณและ เครดิตที่มา น้อมกราบ  #หลวงตาม้า #หลวงตาม้าวัดถ้ำเมืองนะ #พระวรงคตวิริยธโร #วัดถ้ำเมืองนะ #หลวงปู่ดู่พรหมปัญโญ #พระพรหมปัญโญ #สวดคาถามหาจักรพรรดิ #สวดมนต์ #บันทึกบุญ #โมทนาบุญ #ยินดีในบุญ #คาถามหาจักรพรรดิ108 #ธรรมทานเหนือการให้ทั้งปวง #พุทธังอนันตังธัมมังจักรวาลังสังฆังนิพพานะปัจจะโยโหตุ ว่ากันต่อต่อไปให้ได้บุญ @แฟนตัวยง
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 246 Views 0 Reviews
  • จริงเท็จมิทราบ,UBIก่อนตึกWTC&ตึกคู่จะถล่มลง,หากจริงก็น่าพิจารณา ถ้าย่อมาที่ไทยแบบ1:1เสมอกันจริงทั่วโลก,มันคือ100,000$ ต่อเดือน คิดเป็นเงินไทยที่อัตราปัจจุบันคือ35฿:1$=3,500,000บาทต่อเดือน....พลเมืองทุกคนที่อายุเกิน 21 ปีจะได้รับเงิน 100,000 ดอลลาร์ต่อเดือนเป็นเวลา 11 ปี นั่นคือ 13.2 ล้านดอลลาร์ต่อคนผ่านบัญชี QFS ฟังดูไม่จริง... แต่เป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการให้คุณคิด นี่ไม่ใช่จินตนาการ นี่คือการแก้แค้น· การยกหนี้กำลังจะมาถึง จำนอง? ลบหนี้? เงินกู้? หายไป ดอกเบี้ยบัตรเครดิต? ไม่เพียงคืน แต่ยังจ่ายคืนด้วยดอกเบี้ย 3.5% ต่อปี· ภาษีเงินได้? คืนเงิน ตลอดหลายปีที่ผ่านมา คุณถูกรีดไถจนหมดตัว—พวกเขาเป็นหนี้คุณ คุณถูกบังคับให้ปฏิบัติตามคำขู่และคำโกหก ตอนนี้สถานการณ์กำลังพลิกผัน· ใบสูติบัตร ใบสมรส แม้แต่ใบมรณะบัตรของคุณ—ซื้อขายในตลาดโลกราวกับเป็นวัว สิ่งนั้นจะสิ้นสุดลงทันที มูลค่าของคุณกำลังถูกคืนให้กับคุณ ไม่มีเงื่อนไขผูกมัด ไม่ต้องลงทะเบียน แค่ความยุติธรรม· เงินประกันสังคมและเงินทุพพลภาพ? พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ผู้สูงอายุและผู้รักชาติที่พิการจะได้รับการปฏิบัติอย่างมีศักดิ์ศรีในที่สุด—5,000 ดอลลาร์ต่อเดือนหรือมากกว่านั้น ตามที่สัญญาไว้· อำนาจของวาติกันกำลังแตกสลาย อาณาจักรธนาคารที่ควบคุมโดยเยซูอิตกำลังถูกยึดครอง ระบบการลงคะแนนเสียงแบบควอนตัม การศึกษาแบบควอนตัม และการดูแลสุขภาพแบบควอนตัมพร้อมแล้ว· เราไม่ได้แค่ดูประวัติศาสตร์เท่านั้น แต่เรากำลังเห็นการทำลายล้างระบบทั้งหมดของรัฐลึก โลกการเงินใหม่กำลังถือกำเนิด· เตรียมตัวให้พร้อม การนับถอยหลังสู่การปลดปล่อยได้เริ่มต้นขึ้นแล้วฉันเสี่ยงทุกอย่างเพื่อให้คุณได้รู้ความจริง อย่าเพิ่งหันหลังไปตอนนี้ เข้าร่วมช่องของฉันทันที!https://t.me/JulianAssangeWikiรัฐลึกกำลังล่มสลาย และตอนนี้เบนจามิน ฟูลฟอร์ดกำลังถ่ายทอดสดทาง Telegram โดยเปิดเผยชื่อ สถานที่ และการดำเนินการ สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้จะทำให้โลกตกตะลึง อย่าเลื่อนผ่านสิ่งนี้ เข้าร่วมก่อนที่พวกเขาจะลบมัน!https://t.me/BenjaminFulford✅️
    จริงเท็จมิทราบ,UBIก่อนตึกWTC&ตึกคู่จะถล่มลง,หากจริงก็น่าพิจารณา ถ้าย่อมาที่ไทยแบบ1:1เสมอกันจริงทั่วโลก,มันคือ100,000$ ต่อเดือน คิดเป็นเงินไทยที่อัตราปัจจุบันคือ35฿:1$=3,500,000บาทต่อเดือน....พลเมืองทุกคนที่อายุเกิน 21 ปีจะได้รับเงิน 100,000 ดอลลาร์ต่อเดือนเป็นเวลา 11 ปี นั่นคือ 13.2 ล้านดอลลาร์ต่อคนผ่านบัญชี QFS ฟังดูไม่จริง... แต่เป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการให้คุณคิด นี่ไม่ใช่จินตนาการ นี่คือการแก้แค้น· การยกหนี้กำลังจะมาถึง จำนอง? ลบหนี้? เงินกู้? หายไป ดอกเบี้ยบัตรเครดิต? ไม่เพียงคืน แต่ยังจ่ายคืนด้วยดอกเบี้ย 3.5% ต่อปี· ภาษีเงินได้? คืนเงิน ตลอดหลายปีที่ผ่านมา คุณถูกรีดไถจนหมดตัว—พวกเขาเป็นหนี้คุณ คุณถูกบังคับให้ปฏิบัติตามคำขู่และคำโกหก ตอนนี้สถานการณ์กำลังพลิกผัน· ใบสูติบัตร ใบสมรส แม้แต่ใบมรณะบัตรของคุณ—ซื้อขายในตลาดโลกราวกับเป็นวัว สิ่งนั้นจะสิ้นสุดลงทันที มูลค่าของคุณกำลังถูกคืนให้กับคุณ ไม่มีเงื่อนไขผูกมัด ไม่ต้องลงทะเบียน แค่ความยุติธรรม· เงินประกันสังคมและเงินทุพพลภาพ? พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ผู้สูงอายุและผู้รักชาติที่พิการจะได้รับการปฏิบัติอย่างมีศักดิ์ศรีในที่สุด—5,000 ดอลลาร์ต่อเดือนหรือมากกว่านั้น ตามที่สัญญาไว้· อำนาจของวาติกันกำลังแตกสลาย อาณาจักรธนาคารที่ควบคุมโดยเยซูอิตกำลังถูกยึดครอง ระบบการลงคะแนนเสียงแบบควอนตัม การศึกษาแบบควอนตัม และการดูแลสุขภาพแบบควอนตัมพร้อมแล้ว· เราไม่ได้แค่ดูประวัติศาสตร์เท่านั้น แต่เรากำลังเห็นการทำลายล้างระบบทั้งหมดของรัฐลึก โลกการเงินใหม่กำลังถือกำเนิด· เตรียมตัวให้พร้อม การนับถอยหลังสู่การปลดปล่อยได้เริ่มต้นขึ้นแล้วฉันเสี่ยงทุกอย่างเพื่อให้คุณได้รู้ความจริง อย่าเพิ่งหันหลังไปตอนนี้ เข้าร่วมช่องของฉันทันที!https://t.me/JulianAssangeWikiรัฐลึกกำลังล่มสลาย และตอนนี้เบนจามิน ฟูลฟอร์ดกำลังถ่ายทอดสดทาง Telegram โดยเปิดเผยชื่อ สถานที่ และการดำเนินการ สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้จะทำให้โลกตกตะลึง อย่าเลื่อนผ่านสิ่งนี้ เข้าร่วมก่อนที่พวกเขาจะลบมัน!https://t.me/BenjaminFulford✅️
    T.ME
    Julian Assange
    WikiLeaks - WE OPEN GOVERNMENTS
    0 Comments 0 Shares 164 Views 0 Reviews
  • ประตูเปิดทางทิศใต้

    เดือนนี้ เพศหญิงพึงระวังจะมีเกณฑ์หย่าร้าง อีกทั้งต้องแบกรับภาระหนักเพราะความคิดสร้างสรรค์ที่ถดถอยจนถูกบั่นทอนลดความสำคัญลง ตลอดจนทำลายความมั่นใจให้หมดไป จะกระทำการสิ่งใดควรเก็บเอกสารไว้เป็นหลักฐานยืนยันเพราะมีเกณฑ์จะขัดแย้งโต้เถียงกัน หรือหากไปค้ำประกันให้กับใครชื่อเสียงจะเสียหายจนหมดเครดิต หรือรับซื้อของผิดกฎหมายจะเสียหายเกิดการฟ้องร้องฟ้องศาลเป็นคดีความได้ อีกทั้งลูกหลานบริวารจะไม่ยอมเชื่อฟัง เกิดความเครียดจนทำให้ตัดสินใจผิดพลาด แม้แต่โรคร้ายภัยแปลกๆหรือภัยจากสิ่งเร้นลับที่ยากต่อการพิสูจน์หาคำตอบได้ยาก ตลอดจนโรคบางโรคที่เป็นได้ง่ายแต่กลับรักษายากอาจกลายพันธ์ุเรื้อรังจนเป็นโรคที่น่ากลัวได้ ส่วนอาชีพการงานกลับเจริญก้าวหน้า มีตำแหน่งยศศักดิ์อำนาจ วาสนาบารมีจะโชคดีด้านการเงิน

    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้

    🔮 เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก👉 https://lin.ee/nyL0NuG
    ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง)
    .
    .
    #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร
    #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    ประตูเปิดทางทิศใต้ เดือนนี้ เพศหญิงพึงระวังจะมีเกณฑ์หย่าร้าง อีกทั้งต้องแบกรับภาระหนักเพราะความคิดสร้างสรรค์ที่ถดถอยจนถูกบั่นทอนลดความสำคัญลง ตลอดจนทำลายความมั่นใจให้หมดไป จะกระทำการสิ่งใดควรเก็บเอกสารไว้เป็นหลักฐานยืนยันเพราะมีเกณฑ์จะขัดแย้งโต้เถียงกัน หรือหากไปค้ำประกันให้กับใครชื่อเสียงจะเสียหายจนหมดเครดิต หรือรับซื้อของผิดกฎหมายจะเสียหายเกิดการฟ้องร้องฟ้องศาลเป็นคดีความได้ อีกทั้งลูกหลานบริวารจะไม่ยอมเชื่อฟัง เกิดความเครียดจนทำให้ตัดสินใจผิดพลาด แม้แต่โรคร้ายภัยแปลกๆหรือภัยจากสิ่งเร้นลับที่ยากต่อการพิสูจน์หาคำตอบได้ยาก ตลอดจนโรคบางโรคที่เป็นได้ง่ายแต่กลับรักษายากอาจกลายพันธ์ุเรื้อรังจนเป็นโรคที่น่ากลัวได้ ส่วนอาชีพการงานกลับเจริญก้าวหน้า มีตำแหน่งยศศักดิ์อำนาจ วาสนาบารมีจะโชคดีด้านการเงิน ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้ 🔮 เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก👉 https://lin.ee/nyL0NuG ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง) . . #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    0 Comments 0 Shares 181 Views 0 Reviews
  • เรื่องนี้เราสามารถมาประยุกต์เป็นข้อคิดและป้องกันสำหรับคนไทยได้ครับ

    Microsoft เตือนว่าแคมเปญหลอกลวงช่วงวันภาษีในสหรัฐฯ เป็นอันตรายที่มุ่งหวังข้อมูลส่วนบุคคลและการเงินของเหยื่อ ผู้โจมตีใช้เทคนิคเชิงจิตวิทยาเพื่อสร้างความเร่งด่วนและส่งมัลแวร์ผ่านฟิชชิ่งอีเมล การเรียนรู้วิธีรับมือและปฏิเสธการคลิกไฟล์แนบหรือลิงก์ที่น่าสงสัยเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในยุคที่ภัยไซเบอร์ขยายวงกว้าง

    == ภัยคุกคามที่ต้องระวัง==
    ✅ การใช้เทคนิคโซเชียลวิศวกรรม (Social Engineering)
    - ผู้โจมตีใช้ QR Codes, URL Shorteners และไฟล์แนบที่เป็นอันตราย เพื่อส่งมัลแวร์ เช่น Latrodectus, BruteRatel C4 (BRc4), AHKBot และ Remote Access Trojans (RATs)
    - ฟิชชิ่งอีเมลมักมาพร้อมหัวข้อเช่น “Important Action Required: IRS Audit” หรือ “Notice: IRS Has Flagged Issues with Your Tax Filing” เพื่อสร้างความเร่งด่วน

    ✅ เทคนิคหลอกลวงที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น
    - ผู้โจมตีบางกลุ่มใช้ อีเมลสร้างความไว้ใจ ก่อนส่งอีเมลรอบสองที่มาพร้อมไฟล์ PDF อันตราย ซึ่งเพิ่มความน่าเชื่อถือและอัตราการหลงเชื่อ

    ✅ มัลแวร์ที่ถูกใช้ในแคมเปญโจมตี
    - ตัวอย่างมัลแวร์ที่ได้รับความนิยม ได้แก่ GuLoader ซึ่งเป็น malware downloader แบบหลบหลีกสูง ใช้เทคนิค Process Injection และ Cloud-based Hosting ในการปล่อยมัลแวร์

    ✅ ผลกระทบที่ตามมา
    - เหยื่อต้องเผชิญกับความเสี่ยงในการถูกเปิดบัญชีเครดิตใหม่ในชื่อของตนเอง รวมถึงการสูญเสียเงินในบัญชี

    == คำแนะนำเพื่อการป้องกัน ==
    ✅ การเรียนรู้และการมีสติเป็นเกราะป้องกันที่ดีที่สุด
    - Microsoft แนะนำให้ผู้ใช้มีความรู้เกี่ยวกับ ลักษณะของฟิชชิ่งอีเมล และตรวจสอบความน่าเชื่อถือของข้อความก่อนดำเนินการใด ๆ
    - หลีกเลี่ยงการคลิกลิงก์หรือดาวน์โหลดไฟล์แนบที่ไม่คุ้นเคย

    ✅ เลือกใช้ซอฟต์แวร์ป้องกันภัยไซเบอร์
    - ใช้ Antivirus Software และ Malware Removal Tools ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อช่วยตรวจจับและลบมัลแวร์

    https://www.techradar.com/pro/security/look-out-for-tax-themed-scams-this-month-microsoft-warns
    เรื่องนี้เราสามารถมาประยุกต์เป็นข้อคิดและป้องกันสำหรับคนไทยได้ครับ Microsoft เตือนว่าแคมเปญหลอกลวงช่วงวันภาษีในสหรัฐฯ เป็นอันตรายที่มุ่งหวังข้อมูลส่วนบุคคลและการเงินของเหยื่อ ผู้โจมตีใช้เทคนิคเชิงจิตวิทยาเพื่อสร้างความเร่งด่วนและส่งมัลแวร์ผ่านฟิชชิ่งอีเมล การเรียนรู้วิธีรับมือและปฏิเสธการคลิกไฟล์แนบหรือลิงก์ที่น่าสงสัยเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในยุคที่ภัยไซเบอร์ขยายวงกว้าง == ภัยคุกคามที่ต้องระวัง== ✅ การใช้เทคนิคโซเชียลวิศวกรรม (Social Engineering) - ผู้โจมตีใช้ QR Codes, URL Shorteners และไฟล์แนบที่เป็นอันตราย เพื่อส่งมัลแวร์ เช่น Latrodectus, BruteRatel C4 (BRc4), AHKBot และ Remote Access Trojans (RATs) - ฟิชชิ่งอีเมลมักมาพร้อมหัวข้อเช่น “Important Action Required: IRS Audit” หรือ “Notice: IRS Has Flagged Issues with Your Tax Filing” เพื่อสร้างความเร่งด่วน ✅ เทคนิคหลอกลวงที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น - ผู้โจมตีบางกลุ่มใช้ อีเมลสร้างความไว้ใจ ก่อนส่งอีเมลรอบสองที่มาพร้อมไฟล์ PDF อันตราย ซึ่งเพิ่มความน่าเชื่อถือและอัตราการหลงเชื่อ ✅ มัลแวร์ที่ถูกใช้ในแคมเปญโจมตี - ตัวอย่างมัลแวร์ที่ได้รับความนิยม ได้แก่ GuLoader ซึ่งเป็น malware downloader แบบหลบหลีกสูง ใช้เทคนิค Process Injection และ Cloud-based Hosting ในการปล่อยมัลแวร์ ✅ ผลกระทบที่ตามมา - เหยื่อต้องเผชิญกับความเสี่ยงในการถูกเปิดบัญชีเครดิตใหม่ในชื่อของตนเอง รวมถึงการสูญเสียเงินในบัญชี == คำแนะนำเพื่อการป้องกัน == ✅ การเรียนรู้และการมีสติเป็นเกราะป้องกันที่ดีที่สุด - Microsoft แนะนำให้ผู้ใช้มีความรู้เกี่ยวกับ ลักษณะของฟิชชิ่งอีเมล และตรวจสอบความน่าเชื่อถือของข้อความก่อนดำเนินการใด ๆ - หลีกเลี่ยงการคลิกลิงก์หรือดาวน์โหลดไฟล์แนบที่ไม่คุ้นเคย ✅ เลือกใช้ซอฟต์แวร์ป้องกันภัยไซเบอร์ - ใช้ Antivirus Software และ Malware Removal Tools ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อช่วยตรวจจับและลบมัลแวร์ https://www.techradar.com/pro/security/look-out-for-tax-themed-scams-this-month-microsoft-warns
    WWW.TECHRADAR.COM
    Look out for tax-themed scams this month, Microsoft warns
    Criminals are taking advantage as US tax day approaches
    0 Comments 0 Shares 282 Views 0 Reviews
  • วิธีสมัครสมาชิกช่อง YouTube `sondhitalk` บนมือถือ iOS (โดยไม่เปิดแอป YouTube)

    คลิ๊ก → https://www.youtube.com/channel/UCbJfg1BrJ5hJPlVqDUUv8lg/join

    หรือเข้าด้วยตนเองคือ

    1. เปิด Safari แล้วค้นหาใน Google ว่า sondhitalk
    → เลื่อนหา ลิงก์ YouTube ช่อง Sondhitalk

    2. กด “ค้าง” ที่ลิงก์ → เลือก เปิดในแท็บใหม่ (Open in New Tab)
    (*ห้ามกดปกติ เพราะจะเปิดในแอป YouTube อัตโนมัติ*)

    3. เข้าไปที่หน้าช่องแล้วเลื่อนดู “ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับช่องนี้” →
    กดปุ่ม เพิ่มเติม (See more) → จะเห็นลิงก์ สมัครสมาชิก (Membership)
    → กดลิงก์เพื่อไปหน้า Join

    4. กดปุ่ม สมัคร (Join) → ระบบแสดงราคา 100 บาท/เดือน

    5. เลือกช่องทางชำระเงิน (Google Play)
    → หากยังไม่เคยเพิ่มบัตร ให้เพิ่มช่องทางที่รองรับ:
    💳 รองรับช่องทางต่อไปนี้
    🔹 เพิ่มบัตรเครดิต / เดบิต
    🔹 ShopeePay
    🔹 PayPal
    🔹 TrueMoney Wallet

    6. ยืนยันกด ซื้อ (Subscribe)
    → ระบบจะหักเงินอัตโนมัติทุกเดือน

    🙏 ขอบคุณสมาชิกทุกท่านที่ ร่วมสนับสนุนช่อง SONDHITALK ❤️
    .
    วิธีสมัครสมาชิก YouTube ช่อง sondhitalk บน Android

    คลิ๊ก → https://www.youtube.com/channel/UCbJfg1BrJ5hJPlVqDUUv8lg/join

    หรือเข้าด้วยตนเองคือ

    ขั้นตอนที่ 1: เปิดแอป YouTube แล้วค้นหา `sondhitalk`
    - เข้า YouTube แล้วพิมพ์คำว่า `sondhitalk` ในช่องค้นหา

    ขั้นตอนที่ 2: กดปุ่ม “Join” ได้ทันที
    - ปุ่ม `Join` (หรือ `สมัครสมาชิก`) จะอยู่ข้าง ๆ กับปุ่ม `Subscribe` (หรือ ติดตาม หรือ กำลังติดตาม)

    ขั้นตอนที่ 3: เลือกช่องทางชำระเงินผ่าน Google Play
    - ระบบจะแสดงราคา 100 บาท/เดือน
    - ถ้ายังไม่เคยเพิ่มบัตร → ให้คลิ๊กไปที่หน้า “เพิ่มช่องทางชำระเงิน”
    💳 รองรับช่องทางต่อไปนี้:
    🔹 TrueMoney Wallet
    🔹 Rabbit LINE Pay
    🔹 ShopeePay
    🔹 ค่ายเบอร์มือถือ Billing (ตัดผ่านเบอร์มือถือ รายเดือน)
    🔹 เพิ่มบัตรเครดิต / เดบิต (Add card)
    🔹 PayPal

    ขั้นตอนที่ 4: ยืนยันกด Subscribe
    - เมื่อยืนยันแล้ว ระบบจะเริ่มเรียกเก็บเงินอัตโนมัติทุกเดือนผ่าน Google Play

    🙏 ขอบคุณสมาชิกทุกท่านที่ ร่วมสนับสนุนช่อง SONDHITALK ❤️

    https://youtu.be/X88C8_6n4Uk?si=QC3NEDRuqWZSUs4h
    วิธีสมัครสมาชิกช่อง YouTube `sondhitalk` บนมือถือ iOS (โดยไม่เปิดแอป YouTube) คลิ๊ก → https://www.youtube.com/channel/UCbJfg1BrJ5hJPlVqDUUv8lg/join หรือเข้าด้วยตนเองคือ 1. เปิด Safari แล้วค้นหาใน Google ว่า sondhitalk → เลื่อนหา ลิงก์ YouTube ช่อง Sondhitalk 2. กด “ค้าง” ที่ลิงก์ → เลือก เปิดในแท็บใหม่ (Open in New Tab) (*ห้ามกดปกติ เพราะจะเปิดในแอป YouTube อัตโนมัติ*) 3. เข้าไปที่หน้าช่องแล้วเลื่อนดู “ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับช่องนี้” → กดปุ่ม เพิ่มเติม (See more) → จะเห็นลิงก์ สมัครสมาชิก (Membership) → กดลิงก์เพื่อไปหน้า Join 4. กดปุ่ม สมัคร (Join) → ระบบแสดงราคา 100 บาท/เดือน 5. เลือกช่องทางชำระเงิน (Google Play) → หากยังไม่เคยเพิ่มบัตร ให้เพิ่มช่องทางที่รองรับ: 💳 รองรับช่องทางต่อไปนี้ 🔹 เพิ่มบัตรเครดิต / เดบิต 🔹 ShopeePay 🔹 PayPal 🔹 TrueMoney Wallet 6. ยืนยันกด ซื้อ (Subscribe) → ระบบจะหักเงินอัตโนมัติทุกเดือน 🙏 ขอบคุณสมาชิกทุกท่านที่ ร่วมสนับสนุนช่อง SONDHITALK ❤️ . วิธีสมัครสมาชิก YouTube ช่อง sondhitalk บน Android คลิ๊ก → https://www.youtube.com/channel/UCbJfg1BrJ5hJPlVqDUUv8lg/join หรือเข้าด้วยตนเองคือ ขั้นตอนที่ 1: เปิดแอป YouTube แล้วค้นหา `sondhitalk` - เข้า YouTube แล้วพิมพ์คำว่า `sondhitalk` ในช่องค้นหา ขั้นตอนที่ 2: กดปุ่ม “Join” ได้ทันที - ปุ่ม `Join` (หรือ `สมัครสมาชิก`) จะอยู่ข้าง ๆ กับปุ่ม `Subscribe` (หรือ ติดตาม หรือ กำลังติดตาม) ขั้นตอนที่ 3: เลือกช่องทางชำระเงินผ่าน Google Play - ระบบจะแสดงราคา 100 บาท/เดือน - ถ้ายังไม่เคยเพิ่มบัตร → ให้คลิ๊กไปที่หน้า “เพิ่มช่องทางชำระเงิน” 💳 รองรับช่องทางต่อไปนี้: 🔹 TrueMoney Wallet 🔹 Rabbit LINE Pay 🔹 ShopeePay 🔹 ค่ายเบอร์มือถือ Billing (ตัดผ่านเบอร์มือถือ รายเดือน) 🔹 เพิ่มบัตรเครดิต / เดบิต (Add card) 🔹 PayPal ขั้นตอนที่ 4: ยืนยันกด Subscribe - เมื่อยืนยันแล้ว ระบบจะเริ่มเรียกเก็บเงินอัตโนมัติทุกเดือนผ่าน Google Play 🙏 ขอบคุณสมาชิกทุกท่านที่ ร่วมสนับสนุนช่อง SONDHITALK ❤️ https://youtu.be/X88C8_6n4Uk?si=QC3NEDRuqWZSUs4h
    Like
    Love
    15
    0 Comments 0 Shares 1272 Views 0 Reviews
  • Texas State Bar ซึ่งเป็นองค์กรควบคุมทางกฎหมายในรัฐเท็กซัส ถูกโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ INC ransomware โดยข้อมูลส่วนตัวของสมาชิกบางส่วนถูกเปิดเผยในเว็บมืด สมาชิกได้รับคำแนะนำให้ดำเนินมาตรการป้องกัน เช่น การตรวจสอบเครดิตและการแจ้งเตือนการฉ้อโกง การโจมตีครั้งนี้สร้างความกังวลในระดับสูงเกี่ยวกับความปลอดภัยของข้อมูลในองค์กร โดยมีความเสี่ยงที่ข้อมูลเพิ่มเติมอาจถูกเผยแพร่หากการเจรจาไม่สำเร็จ

    ✅ การโจมตีเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนมกราคมถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์
    - Texas State Bar พบ กิจกรรมที่น่าสงสัยในระบบ เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2025 และใช้มาตรการเร่งด่วนเพื่อรักษาความปลอดภัย
    - การสืบสวนเผยว่าระบบถูกเข้าถึงอย่างไม่เหมาะสม ระหว่างวันที่ 28 มกราคมถึง 9 กุมภาพันธ์

    ✅ แรนซัมแวร์ INC อ้างตัวว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง
    - กลุ่มโจมตีแรนซัมแวร์ INC ransomware อ้างความรับผิดชอบและปล่อยตัวอย่างข้อมูลที่ขโมยมาบางส่วนในเว็บมืด
    - แม้ว่าความน่าเชื่อถือของข้อมูลที่หลุดออกมายังไม่ได้รับการยืนยัน แต่สมาชิกที่อาจได้รับผลกระทบควรดำเนินการทันทีเพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจตามมา

    ✅ มาตรการช่วยเหลือที่ Texas State Bar นำเสนอ
    - องค์กรเสนอ บริการตรวจสอบเครดิตและป้องกันการขโมยข้อมูลส่วนตัวฟรี ผ่าน Experian จนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2025
    - สมาชิกได้รับคำแนะนำให้เปิดใช้งาน credit freeze หรือแจ้งเตือนการฉ้อโกงในไฟล์เครดิตเพื่อเพิ่มความปลอดภัย

    ✅ การเจรจากับผู้โจมตีและความเสี่ยงที่ตามมา
    - หากข้อมูลเพิ่มเติมถูกเปิดเผยในเว็บมืด อาจบ่งชี้ว่าการเจรจาเพื่อปล่อยข้อมูลอาจล้มเหลว
    - หน่วยงานด้านกฎหมายแนะนำว่าการจ่ายค่าไถ่ให้กลุ่มโจมตีไม่ใช่วิธีที่เหมาะสม เนื่องจากเพิ่มความเสี่ยงให้กับองค์กรอื่นในอนาคต

    https://www.techradar.com/pro/security/texas-state-bar-hit-by-possible-ransomware-attack-warns-of-data-breach
    Texas State Bar ซึ่งเป็นองค์กรควบคุมทางกฎหมายในรัฐเท็กซัส ถูกโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ INC ransomware โดยข้อมูลส่วนตัวของสมาชิกบางส่วนถูกเปิดเผยในเว็บมืด สมาชิกได้รับคำแนะนำให้ดำเนินมาตรการป้องกัน เช่น การตรวจสอบเครดิตและการแจ้งเตือนการฉ้อโกง การโจมตีครั้งนี้สร้างความกังวลในระดับสูงเกี่ยวกับความปลอดภัยของข้อมูลในองค์กร โดยมีความเสี่ยงที่ข้อมูลเพิ่มเติมอาจถูกเผยแพร่หากการเจรจาไม่สำเร็จ ✅ การโจมตีเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนมกราคมถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์ - Texas State Bar พบ กิจกรรมที่น่าสงสัยในระบบ เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2025 และใช้มาตรการเร่งด่วนเพื่อรักษาความปลอดภัย - การสืบสวนเผยว่าระบบถูกเข้าถึงอย่างไม่เหมาะสม ระหว่างวันที่ 28 มกราคมถึง 9 กุมภาพันธ์ ✅ แรนซัมแวร์ INC อ้างตัวว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง - กลุ่มโจมตีแรนซัมแวร์ INC ransomware อ้างความรับผิดชอบและปล่อยตัวอย่างข้อมูลที่ขโมยมาบางส่วนในเว็บมืด - แม้ว่าความน่าเชื่อถือของข้อมูลที่หลุดออกมายังไม่ได้รับการยืนยัน แต่สมาชิกที่อาจได้รับผลกระทบควรดำเนินการทันทีเพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจตามมา ✅ มาตรการช่วยเหลือที่ Texas State Bar นำเสนอ - องค์กรเสนอ บริการตรวจสอบเครดิตและป้องกันการขโมยข้อมูลส่วนตัวฟรี ผ่าน Experian จนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2025 - สมาชิกได้รับคำแนะนำให้เปิดใช้งาน credit freeze หรือแจ้งเตือนการฉ้อโกงในไฟล์เครดิตเพื่อเพิ่มความปลอดภัย ✅ การเจรจากับผู้โจมตีและความเสี่ยงที่ตามมา - หากข้อมูลเพิ่มเติมถูกเปิดเผยในเว็บมืด อาจบ่งชี้ว่าการเจรจาเพื่อปล่อยข้อมูลอาจล้มเหลว - หน่วยงานด้านกฎหมายแนะนำว่าการจ่ายค่าไถ่ให้กลุ่มโจมตีไม่ใช่วิธีที่เหมาะสม เนื่องจากเพิ่มความเสี่ยงให้กับองค์กรอื่นในอนาคต https://www.techradar.com/pro/security/texas-state-bar-hit-by-possible-ransomware-attack-warns-of-data-breach
    0 Comments 0 Shares 205 Views 0 Reviews
  • นักวิจัยเตือนว่าบอท AI Scrapers กำลังดูดข้อมูลจำนวนมากจากเว็บไซต์ ซึ่งส่งผลต่อธุรกิจ, ลิขสิทธิ์ และความเป็นส่วนตัวของข้อมูล Barracuda พบว่า บางเว็บแอปได้รับคำร้องขอจาก AI มากกว่า 9.7 ล้านครั้งใน 30 วัน กลุ่มผู้สร้างเนื้อหาเริ่มเคลื่อนไหวต่อต้าน AI Scrapers โดยเรียกร้องให้ AI เคารพลิขสิทธิ์ของงานสร้างสรรค์ นอกจากนี้ บอทเหล่านี้ยังส่งผลต่อการวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ใช้ ทำให้ธุรกิจตัดสินใจผิดพลาดได้

    ✅ บอท AI Scrapers ถูกแบ่งออกเป็นสามประเภทหลัก
    - Good Bots เช่น บอท SEO หรือบอทบริการลูกค้า ที่ช่วยปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์
    - Bad Bots ที่มุ่งโจมตี เช่น บอทขโมยข้อมูล, บอททำธุรกรรมหลอกลวง และบอทเจาะระบบบัญชี
    - Gray Bots ซึ่งอยู่ตรงกลาง—มีพฤติกรรมที่ คลุมเครือและก้าวร้าวกว่า โดยดึงข้อมูลจำนวนมากเพื่อใช้ฝึกโมเดล AI

    ✅ ปริมาณการร้องขอข้อมูลจาก AI Bots เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
    - ระบบตรวจจับของ Barracuda พบว่า บางเว็บแอปได้รับคำร้องขอจาก AI Scrapers มากกว่า 9.7 ล้านครั้งใน 30 วัน
    - บอทเหล่านี้สามารถ ดูดข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต และส่งผลให้เว็บไซต์โหลดช้าลงหรือหยุดทำงาน

    ✅ ผลกระทบต่อลิขสิทธิ์และความเป็นส่วนตัวของข้อมูล
    - AI Scrapers อาจนำข้อมูลที่มีลิขสิทธิ์ไปใช้ฝึกโมเดล AI โดยไม่ได้รับอนุญาต
    - เว็บไซต์ที่มีข้อมูลลูกค้า เช่น แพลตฟอร์มด้านสุขภาพและการเงิน อาจตกอยู่ในความเสี่ยง

    ✅ กลุ่มผู้สร้างเนื้อหาเริ่มเคลื่อนไหวต่อต้าน AI Scrapers
    - ในสหราชอาณาจักร มีการเปิดตัวแคมเปญ "Make it Fair" เพื่อเรียกร้องให้ AI เคารพลิขสิทธิ์ของผู้สร้างเนื้อหา
    - เป้าหมายของแคมเปญคือ ป้องกันไม่ให้ AI ใช้รูปภาพ, วิดีโอ และข้อความที่สร้างโดยมนุษย์โดยไม่มีเครดิต

    ✅ AI Scrapers ยังส่งผลกระทบต่อการวิเคราะห์ข้อมูลเว็บไซต์
    - เว็บไซต์ที่ถูกบอทเหล่านี้โจมตี อาจไม่สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ใช้จริงได้แม่นยำ
    - ส่งผลให้ ธุรกิจตัดสินใจทางกลยุทธ์ผิดพลาด เนื่องจากข้อมูลการเข้าชมถูกรบกวน

    https://www.techradar.com/pro/security/genai-bots-could-well-be-scraping-your-web-apps-researchers-warn
    นักวิจัยเตือนว่าบอท AI Scrapers กำลังดูดข้อมูลจำนวนมากจากเว็บไซต์ ซึ่งส่งผลต่อธุรกิจ, ลิขสิทธิ์ และความเป็นส่วนตัวของข้อมูล Barracuda พบว่า บางเว็บแอปได้รับคำร้องขอจาก AI มากกว่า 9.7 ล้านครั้งใน 30 วัน กลุ่มผู้สร้างเนื้อหาเริ่มเคลื่อนไหวต่อต้าน AI Scrapers โดยเรียกร้องให้ AI เคารพลิขสิทธิ์ของงานสร้างสรรค์ นอกจากนี้ บอทเหล่านี้ยังส่งผลต่อการวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ใช้ ทำให้ธุรกิจตัดสินใจผิดพลาดได้ ✅ บอท AI Scrapers ถูกแบ่งออกเป็นสามประเภทหลัก - Good Bots เช่น บอท SEO หรือบอทบริการลูกค้า ที่ช่วยปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์ - Bad Bots ที่มุ่งโจมตี เช่น บอทขโมยข้อมูล, บอททำธุรกรรมหลอกลวง และบอทเจาะระบบบัญชี - Gray Bots ซึ่งอยู่ตรงกลาง—มีพฤติกรรมที่ คลุมเครือและก้าวร้าวกว่า โดยดึงข้อมูลจำนวนมากเพื่อใช้ฝึกโมเดล AI ✅ ปริมาณการร้องขอข้อมูลจาก AI Bots เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว - ระบบตรวจจับของ Barracuda พบว่า บางเว็บแอปได้รับคำร้องขอจาก AI Scrapers มากกว่า 9.7 ล้านครั้งใน 30 วัน - บอทเหล่านี้สามารถ ดูดข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต และส่งผลให้เว็บไซต์โหลดช้าลงหรือหยุดทำงาน ✅ ผลกระทบต่อลิขสิทธิ์และความเป็นส่วนตัวของข้อมูล - AI Scrapers อาจนำข้อมูลที่มีลิขสิทธิ์ไปใช้ฝึกโมเดล AI โดยไม่ได้รับอนุญาต - เว็บไซต์ที่มีข้อมูลลูกค้า เช่น แพลตฟอร์มด้านสุขภาพและการเงิน อาจตกอยู่ในความเสี่ยง ✅ กลุ่มผู้สร้างเนื้อหาเริ่มเคลื่อนไหวต่อต้าน AI Scrapers - ในสหราชอาณาจักร มีการเปิดตัวแคมเปญ "Make it Fair" เพื่อเรียกร้องให้ AI เคารพลิขสิทธิ์ของผู้สร้างเนื้อหา - เป้าหมายของแคมเปญคือ ป้องกันไม่ให้ AI ใช้รูปภาพ, วิดีโอ และข้อความที่สร้างโดยมนุษย์โดยไม่มีเครดิต ✅ AI Scrapers ยังส่งผลกระทบต่อการวิเคราะห์ข้อมูลเว็บไซต์ - เว็บไซต์ที่ถูกบอทเหล่านี้โจมตี อาจไม่สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ใช้จริงได้แม่นยำ - ส่งผลให้ ธุรกิจตัดสินใจทางกลยุทธ์ผิดพลาด เนื่องจากข้อมูลการเข้าชมถูกรบกวน https://www.techradar.com/pro/security/genai-bots-could-well-be-scraping-your-web-apps-researchers-warn
    0 Comments 0 Shares 222 Views 0 Reviews
  • (มีคลิป) "เชฟกระทะฮ้าง" โวยฉ่ำ! ติดเครดิตบูโรผ่อนมือถือไม่ผ่าน ก่อนฝากปัญหาถึงผู้บริหารแบรนด์โทรศัพท์ ชาวเน็ตงง แบบนี้ก็มีด้วย
    https://www.thai-tai.tv/news/18034/
    (มีคลิป) "เชฟกระทะฮ้าง" โวยฉ่ำ! ติดเครดิตบูโรผ่อนมือถือไม่ผ่าน ก่อนฝากปัญหาถึงผู้บริหารแบรนด์โทรศัพท์ ชาวเน็ตงง แบบนี้ก็มีด้วย https://www.thai-tai.tv/news/18034/
    0 Comments 0 Shares 120 Views 0 Reviews
  • มิจฉาชีพกำลังใช้ CAPTCHA ปลอมเพื่อหลอกให้ผู้ใช้ติดตั้งมัลแวร์ ซึ่งสามารถขโมยข้อมูลสำคัญหรือเข้าควบคุมอุปกรณ์ได้ ผู้ใช้มักเจอ CAPTCHA ปลอมจาก โฆษณาหรือเว็บไซต์ที่ถูกแฮก และอาจเผลอรันคำสั่งโดยไม่รู้ตัว วิธีป้องกันคือ หลีกเลี่ยงลิงก์แปลก ๆ และอัปเดตเบราว์เซอร์เพื่อปิดช่องโหว่

    ✅ CAPTCHA ปลอมมักแสดงบนเว็บไซต์ที่ถูกแฮก หรือโฆษณาที่หลอกลวง
    - ผู้ใช้มักเจอ CAPTCHA ปลอมจาก ลิงก์ที่ถูกเจาะระบบ หรือโฆษณาที่ดูไม่น่าไว้ใจ
    - เมื่อทำตามคำแนะนำใน CAPTCHA ปลอม อาจเผลอรันคำสั่งที่ทำให้มัลแวร์ติดตั้งลงบนอุปกรณ์

    ✅ มัลแวร์สามารถขโมยข้อมูลหรือเข้าควบคุมระบบได้
    - บางกรณีมัลแวร์ที่ติดตั้งจาก CAPTCHA ปลอม สามารถดูดข้อมูลบัตรเครดิต รหัสผ่าน หรือแม้แต่เข้าถึงไฟล์ส่วนตัวของผู้ใช้

    ✅ วิธีสังเกต CAPTCHA ปลอมเพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตี
    - CAPTCHA ปกติใช้การเลือกภาพหรือลอกข้อความง่าย ๆ หาก CAPTCHA ขอให้ผู้ใช้ทำอะไรที่ซับซ้อนเกินไป อาจเป็นของปลอม
    - หากถูกขอให้ คัดลอกและวางข้อมูลหรือกดรันคำสั่งแปลก ๆ ให้สงสัยไว้ก่อน

    ✅ การป้องกันตัวเองจากการโจมตี CAPTCHA ปลอม
    - อย่ากดลิงก์จากโฆษณาหรือเว็บไซต์ที่ไม่น่าไว้ใจ
    - อัปเดตเบราว์เซอร์ และใช้ ระบบรักษาความปลอดภัยที่เชื่อถือได้
    - หลีกเลี่ยงการทำตามคำสั่ง CAPTCHA ที่ดูผิดปกติ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/04/watch-out-for-fake-captcha-scams-online
    มิจฉาชีพกำลังใช้ CAPTCHA ปลอมเพื่อหลอกให้ผู้ใช้ติดตั้งมัลแวร์ ซึ่งสามารถขโมยข้อมูลสำคัญหรือเข้าควบคุมอุปกรณ์ได้ ผู้ใช้มักเจอ CAPTCHA ปลอมจาก โฆษณาหรือเว็บไซต์ที่ถูกแฮก และอาจเผลอรันคำสั่งโดยไม่รู้ตัว วิธีป้องกันคือ หลีกเลี่ยงลิงก์แปลก ๆ และอัปเดตเบราว์เซอร์เพื่อปิดช่องโหว่ ✅ CAPTCHA ปลอมมักแสดงบนเว็บไซต์ที่ถูกแฮก หรือโฆษณาที่หลอกลวง - ผู้ใช้มักเจอ CAPTCHA ปลอมจาก ลิงก์ที่ถูกเจาะระบบ หรือโฆษณาที่ดูไม่น่าไว้ใจ - เมื่อทำตามคำแนะนำใน CAPTCHA ปลอม อาจเผลอรันคำสั่งที่ทำให้มัลแวร์ติดตั้งลงบนอุปกรณ์ ✅ มัลแวร์สามารถขโมยข้อมูลหรือเข้าควบคุมระบบได้ - บางกรณีมัลแวร์ที่ติดตั้งจาก CAPTCHA ปลอม สามารถดูดข้อมูลบัตรเครดิต รหัสผ่าน หรือแม้แต่เข้าถึงไฟล์ส่วนตัวของผู้ใช้ ✅ วิธีสังเกต CAPTCHA ปลอมเพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตี - CAPTCHA ปกติใช้การเลือกภาพหรือลอกข้อความง่าย ๆ หาก CAPTCHA ขอให้ผู้ใช้ทำอะไรที่ซับซ้อนเกินไป อาจเป็นของปลอม - หากถูกขอให้ คัดลอกและวางข้อมูลหรือกดรันคำสั่งแปลก ๆ ให้สงสัยไว้ก่อน ✅ การป้องกันตัวเองจากการโจมตี CAPTCHA ปลอม - อย่ากดลิงก์จากโฆษณาหรือเว็บไซต์ที่ไม่น่าไว้ใจ - อัปเดตเบราว์เซอร์ และใช้ ระบบรักษาความปลอดภัยที่เชื่อถือได้ - หลีกเลี่ยงการทำตามคำสั่ง CAPTCHA ที่ดูผิดปกติ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/04/watch-out-for-fake-captcha-scams-online
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Watch out for fake CAPTCHA scams online
    Not content with deceiving Internet users through phishing campaigns and the creation of increasingly convincing fake websites, cybercriminals are now deploying fake CAPTCHAs, the automated tests designed to verify that you're "not a robot" when you visit a website.
    0 Comments 0 Shares 127 Views 0 Reviews
  • ธนาคารกลางบราซิลเตรียมเปิดตัวฟีเจอร์ Pix Installments ที่ช่วยให้ผู้ใช้แบ่งจ่ายค่าธุรกรรมเป็นงวด ขณะที่ ผู้ขายได้รับเงินเต็มจำนวนทันที ฟีเจอร์นี้อาจทำให้ บัตรเครดิตสูญเสียความได้เปรียบในตลาด โดยเฉพาะกับประชาชนที่ไม่มีบัตรเครดิต นอกจากนี้ ในปี 2026 ธนาคารกลางมีแผนให้ธุรกิจ ใช้ยอดเงินจาก Pix เป็นหลักประกันสินเชื่อ เพื่อช่วยลดต้นทุนการกู้เงิน

    ✅ Pix Parcelado—ช่วยให้ผู้ใช้สามารถผ่อนชำระได้
    - ผู้ซื้อสามารถเลือกแบ่งจ่ายเป็นงวด ในขณะที่ ผู้ขายจะได้รับเงินเต็มจำนวนทันที
    - ไม่มีรายละเอียดด้านค่าธรรมเนียมและเงื่อนไขของฟีเจอร์นี้ในตอนนี้ แต่คาดว่าจะช่วยเพิ่มการใช้งาน Pix ในการซื้อสินค้าราคาแพง

    ✅ ตลาดบัตรเครดิตอาจได้รับผลกระทบ
    - การแบ่งจ่ายเป็นงวดถือเป็นข้อดีสำคัญของบัตรเครดิต แต่ตอนนี้ Pix กำลังเข้ามาแข่งขันโดยตรง
    - Pix เป็น ระบบชำระเงินที่เติบโตเร็วที่สุดในบราซิล นับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2020

    ✅ ธนาคารกลางบราซิลมีแผนเพิ่มฟีเจอร์สินเชื่ออีกในปี 2026
    - ผู้ค้าจะสามารถใช้ ยอดเงินที่คาดว่าจะได้รับจากธุรกรรม Pix เป็นหลักประกันเงินกู้
    - แนวทางนี้อาจช่วยให้ธุรกิจที่พึ่งพา Pix ลดต้นทุนในการกู้เงิน

    ✅ ธนาคารกลางระบุว่าฟีเจอร์นี้ต้องใช้โครงสร้างพื้นฐานที่ซับซ้อน
    - การเพิ่มระบบแบ่งจ่ายต้องมี การปรับปรุงแพลตฟอร์ม Pix อย่างมาก
    - อย่างไรก็ตาม การใช้งานทั่วไปของ Pix จะไม่เปลี่ยนไป

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/04/brazil-central-bank-to-launch-pix-installment-feature-in-september
    ธนาคารกลางบราซิลเตรียมเปิดตัวฟีเจอร์ Pix Installments ที่ช่วยให้ผู้ใช้แบ่งจ่ายค่าธุรกรรมเป็นงวด ขณะที่ ผู้ขายได้รับเงินเต็มจำนวนทันที ฟีเจอร์นี้อาจทำให้ บัตรเครดิตสูญเสียความได้เปรียบในตลาด โดยเฉพาะกับประชาชนที่ไม่มีบัตรเครดิต นอกจากนี้ ในปี 2026 ธนาคารกลางมีแผนให้ธุรกิจ ใช้ยอดเงินจาก Pix เป็นหลักประกันสินเชื่อ เพื่อช่วยลดต้นทุนการกู้เงิน ✅ Pix Parcelado—ช่วยให้ผู้ใช้สามารถผ่อนชำระได้ - ผู้ซื้อสามารถเลือกแบ่งจ่ายเป็นงวด ในขณะที่ ผู้ขายจะได้รับเงินเต็มจำนวนทันที - ไม่มีรายละเอียดด้านค่าธรรมเนียมและเงื่อนไขของฟีเจอร์นี้ในตอนนี้ แต่คาดว่าจะช่วยเพิ่มการใช้งาน Pix ในการซื้อสินค้าราคาแพง ✅ ตลาดบัตรเครดิตอาจได้รับผลกระทบ - การแบ่งจ่ายเป็นงวดถือเป็นข้อดีสำคัญของบัตรเครดิต แต่ตอนนี้ Pix กำลังเข้ามาแข่งขันโดยตรง - Pix เป็น ระบบชำระเงินที่เติบโตเร็วที่สุดในบราซิล นับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2020 ✅ ธนาคารกลางบราซิลมีแผนเพิ่มฟีเจอร์สินเชื่ออีกในปี 2026 - ผู้ค้าจะสามารถใช้ ยอดเงินที่คาดว่าจะได้รับจากธุรกรรม Pix เป็นหลักประกันเงินกู้ - แนวทางนี้อาจช่วยให้ธุรกิจที่พึ่งพา Pix ลดต้นทุนในการกู้เงิน ✅ ธนาคารกลางระบุว่าฟีเจอร์นี้ต้องใช้โครงสร้างพื้นฐานที่ซับซ้อน - การเพิ่มระบบแบ่งจ่ายต้องมี การปรับปรุงแพลตฟอร์ม Pix อย่างมาก - อย่างไรก็ตาม การใช้งานทั่วไปของ Pix จะไม่เปลี่ยนไป https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/04/brazil-central-bank-to-launch-pix-installment-feature-in-september
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Brazil central bank to launch Pix installment feature in September
    BRASILIA (Reuters) - Brazil's central bank said on Thursday that a new feature allowing users to pay for transactions in installments through its widely popular instant payment system, Pix, is set to become available in September.
    0 Comments 0 Shares 137 Views 0 Reviews
  • OpenAI เปิดให้ใช้ ChatGPT Plus ฟรีสำหรับนักศึกษาวิทยาลัยในสหรัฐฯ และแคนาดาจนถึงเดือนพฤษภาคม นักศึกษาต้องยืนยันตัวตนผ่าน SheerID หากมีบัญชี ChatGPT Plus อยู่แล้ว จะได้รับเครดิตการใช้งานเพิ่ม สองเดือน ฟีเจอร์พิเศษที่นักศึกษาได้รับรวมถึง การใช้ GPT-4.5, โหมดเสียงขั้นสูง และการสร้าง Custom GPTs ขณะนี้ OpenAI กำลังเผชิญกับความท้าทายด้านโครงสร้างพื้นฐาน เนื่องจากจำนวนผู้ใช้เพิ่มขึ้นมหาศาล

    ✅ ChatGPT Plus เปิดให้ใช้งานฟรีสำหรับนักศึกษาทั้งแบบเต็มเวลาและพาร์ทไทม์
    - นักศึกษาต้องผ่านระบบ SheerID Verification เพื่อยืนยันสถานะ
    - หากมีบัญชี ChatGPT Plus อยู่แล้ว จะได้รับเครดิตการใช้งานฟรีสองเดือน

    ✅ สิทธิ์ที่นักศึกษาได้รับจาก ChatGPT Plus
    - ขยายขีดจำกัดการส่งข้อความและวิเคราะห์ข้อมูล
    - สามารถใช้โหมดเสียงขั้นสูง พร้อมวิดีโอและแชร์หน้าจอ
    - เข้าถึง GPT-4.5 ซึ่งเป็นโมเดลที่ใหญ่ที่สุดของ OpenAI
    - สามารถสร้าง Custom GPTs และใช้ Sora Video Generation

    ✅ OpenAI กำลังเผชิญความท้าทายด้านโครงสร้างพื้นฐาน
    - ผู้ใช้ ChatGPT เพิ่มขึ้นถึง 500 ล้านคนต่อสัปดาห์ ทำให้เซิร์ฟเวอร์รองรับการใช้งานหนัก
    - CEO Sam Altman ขอความช่วยเหลือในการหา GPU เพิ่มเพื่อรองรับบริการ

    ✅ ChatGPT กำลังกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในภาคการศึกษา
    - การให้บริการฟรีแก่นักศึกษาอาจช่วยขยายฐานผู้ใช้และทำให้ AI มีบทบาทมากขึ้นในมหาวิทยาลัย
    - นักศึกษาสามารถใช้ AI เพื่อ วิเคราะห์ข้อมูล, เขียนเอกสาร และช่วยแก้โจทย์วิจัย

    https://www.neowin.net/news/chatgpt-plus-is-now-free-for-college-students-in-the-us-and-canada/
    OpenAI เปิดให้ใช้ ChatGPT Plus ฟรีสำหรับนักศึกษาวิทยาลัยในสหรัฐฯ และแคนาดาจนถึงเดือนพฤษภาคม นักศึกษาต้องยืนยันตัวตนผ่าน SheerID หากมีบัญชี ChatGPT Plus อยู่แล้ว จะได้รับเครดิตการใช้งานเพิ่ม สองเดือน ฟีเจอร์พิเศษที่นักศึกษาได้รับรวมถึง การใช้ GPT-4.5, โหมดเสียงขั้นสูง และการสร้าง Custom GPTs ขณะนี้ OpenAI กำลังเผชิญกับความท้าทายด้านโครงสร้างพื้นฐาน เนื่องจากจำนวนผู้ใช้เพิ่มขึ้นมหาศาล ✅ ChatGPT Plus เปิดให้ใช้งานฟรีสำหรับนักศึกษาทั้งแบบเต็มเวลาและพาร์ทไทม์ - นักศึกษาต้องผ่านระบบ SheerID Verification เพื่อยืนยันสถานะ - หากมีบัญชี ChatGPT Plus อยู่แล้ว จะได้รับเครดิตการใช้งานฟรีสองเดือน ✅ สิทธิ์ที่นักศึกษาได้รับจาก ChatGPT Plus - ขยายขีดจำกัดการส่งข้อความและวิเคราะห์ข้อมูล - สามารถใช้โหมดเสียงขั้นสูง พร้อมวิดีโอและแชร์หน้าจอ - เข้าถึง GPT-4.5 ซึ่งเป็นโมเดลที่ใหญ่ที่สุดของ OpenAI - สามารถสร้าง Custom GPTs และใช้ Sora Video Generation ✅ OpenAI กำลังเผชิญความท้าทายด้านโครงสร้างพื้นฐาน - ผู้ใช้ ChatGPT เพิ่มขึ้นถึง 500 ล้านคนต่อสัปดาห์ ทำให้เซิร์ฟเวอร์รองรับการใช้งานหนัก - CEO Sam Altman ขอความช่วยเหลือในการหา GPU เพิ่มเพื่อรองรับบริการ ✅ ChatGPT กำลังกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในภาคการศึกษา - การให้บริการฟรีแก่นักศึกษาอาจช่วยขยายฐานผู้ใช้และทำให้ AI มีบทบาทมากขึ้นในมหาวิทยาลัย - นักศึกษาสามารถใช้ AI เพื่อ วิเคราะห์ข้อมูล, เขียนเอกสาร และช่วยแก้โจทย์วิจัย https://www.neowin.net/news/chatgpt-plus-is-now-free-for-college-students-in-the-us-and-canada/
    WWW.NEOWIN.NET
    ChatGPT Plus is now free for college students in the US and Canada
    To further expand its user base, OpenAI is offering free ChatGPT Plus subscriptions to students, while also facing infrastructure challenges due to the high demand.
    0 Comments 0 Shares 244 Views 0 Reviews
  • อธิบดีกรมสรรพากร มอบหมายเจ้าหน้าที่กล่าวโทษต่อดีเอสไอ ให้ดำเนินคดีอาญากับผู้ผลิตเหล็ก ซิน เคอ หยวน หลังพบนำใบกำกับภาษีปลอมไปใช้เครดิตภาษี กว่า 7 พันฉบับ เสียหายกว่า 200 ล้านบาท ขยายผลจากเหตุอาคาร สตง. ถล่ม
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000031966
    อธิบดีกรมสรรพากร มอบหมายเจ้าหน้าที่กล่าวโทษต่อดีเอสไอ ให้ดำเนินคดีอาญากับผู้ผลิตเหล็ก ซิน เคอ หยวน หลังพบนำใบกำกับภาษีปลอมไปใช้เครดิตภาษี กว่า 7 พันฉบับ เสียหายกว่า 200 ล้านบาท ขยายผลจากเหตุอาคาร สตง. ถล่ม . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000031966
    Like
    Haha
    Love
    13
    0 Comments 0 Shares 1733 Views 0 Reviews
  • ตั้งข้อสังเกต

    กู้ภัยจีนที่มีความถนัดเรื่องแผ่นดินไหว​มาตั้งแต่วันแรก​ ถูกสั่งให้สแตนบายไม่ให้เข้าพื้นที่.. กลัวพบอะไรหรือไม่
    ครบ​ 72ชั่วโมงยื้อสถานการณ์​ไม่ยอมให้เครนเข้ายกปูนแผ่นใหญ่ออก​ เหมือนจะยื้อเวลาให้คนที่ติดอยู่เสียชีวิตทั้งหมดเพื่อปิดปาก
    ให้หน่วยรบพิเศษ​ของอเมริกาอิสราเอล​เข้าสแกนค้นหาอะไรบางอย่างซ้ำแล้วซ้ำเล่า
    มีผู้รอดชีวิตบางคนบอกว่าได้ยินเสียงระเบิดจากชั้นสองของตึก
    ลักษณะ​การถล่มของตึก​ เหมือนการรื้อถอนตึกเก่าจากการวางระเบิด​ ไม่มีการเอียงเหมือนตึกถล่มจากแผ่นดิน​ไหว
    ถ้าการวางระเบิดเป็นเรื่องจริงก็​ ซตพ.ว่าแผ่นดินไหว​ครั้งนี้ไม่ใช่ธรรมชาติ​ แต่มีการกระตุ้นจากรอยร้าวที่แอคทีฟสูง​ สามารถกำหนดเวลาได้
    รัสเซีย​ต้องการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์​ที่พม่า​ .. แก๊งสาม​ อ.ยอมไม่ได้
    พังตึก​ สตง.เพื่อดิสเครดิตจีน
    ทดสอบเครื่องที่เพิ่งติดตั้งที่กงสุลเชียงใหม่
    ตั้งข้อสังเกต กู้ภัยจีนที่มีความถนัดเรื่องแผ่นดินไหว​มาตั้งแต่วันแรก​ ถูกสั่งให้สแตนบายไม่ให้เข้าพื้นที่.. กลัวพบอะไรหรือไม่ ครบ​ 72ชั่วโมงยื้อสถานการณ์​ไม่ยอมให้เครนเข้ายกปูนแผ่นใหญ่ออก​ เหมือนจะยื้อเวลาให้คนที่ติดอยู่เสียชีวิตทั้งหมดเพื่อปิดปาก ให้หน่วยรบพิเศษ​ของอเมริกาอิสราเอล​เข้าสแกนค้นหาอะไรบางอย่างซ้ำแล้วซ้ำเล่า มีผู้รอดชีวิตบางคนบอกว่าได้ยินเสียงระเบิดจากชั้นสองของตึก ลักษณะ​การถล่มของตึก​ เหมือนการรื้อถอนตึกเก่าจากการวางระเบิด​ ไม่มีการเอียงเหมือนตึกถล่มจากแผ่นดิน​ไหว ถ้าการวางระเบิดเป็นเรื่องจริงก็​ ซตพ.ว่าแผ่นดินไหว​ครั้งนี้ไม่ใช่ธรรมชาติ​ แต่มีการกระตุ้นจากรอยร้าวที่แอคทีฟสูง​ สามารถกำหนดเวลาได้ รัสเซีย​ต้องการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์​ที่พม่า​ .. แก๊งสาม​ อ.ยอมไม่ได้ พังตึก​ สตง.เพื่อดิสเครดิตจีน ทดสอบเครื่องที่เพิ่งติดตั้งที่กงสุลเชียงใหม่
    0 Comments 0 Shares 180 Views 0 Reviews
More Results