• ปัญหา: Imgur บล็อกผู้ใช้ในสหราชอาณาจักร

    Imgur ตัดสินใจบล็อกการเข้าถึงจาก UK ทำให้ลิงก์ภาพจำนวนมากที่ยังคงฝังอยู่ในเว็บบอร์ดเก่า, Reddit, เอกสาร หรือ README ของโปรเจกต์ต่าง ๆ กลายเป็น “Unavailable” ผู้เขียนยกตัวอย่างว่าแม้แต่การหาภาพ Shader ของ Minecraft ก็ไม่สามารถดูได้เพราะภาพทั้งหมดหายไป

    ทำไมไม่ใช้ VPN แบบทั่วไป
    แม้ VPN จะเป็นวิธีแก้ที่ง่าย แต่ผู้เขียนไม่เลือกใช้เพราะเพิ่งอัปเกรดอินเทอร์เน็ตเป็น 2.5Gbps และไม่อยากให้ความเร็วตก อีกทั้งการติดตั้ง VPN บนทุกอุปกรณ์ (มือถือ, แล็ปท็อป, เดสก์ท็อป) เป็นเรื่องยุ่งยากและไม่สะดวก จึงมองหาวิธีที่ทำงานได้อัตโนมัติในระดับเครือข่าย

    วิธีแก้: Proxy ระดับเครือข่าย
    ผู้เขียนใช้ Pi-hole เพื่อดัก DNS, Traefik สำหรับการ Routing, และ Gluetun เชื่อมต่อ VPN ภายใน Container จากนั้นใช้ Nginx เป็น Proxy ที่ทำ TCP passthrough โดยไม่แตะต้อง TLS ทำให้ทุกการร้องขอไปยัง i.imgur.com ถูกส่งผ่าน VPN อัตโนมัติ และภาพกลับมาปรากฏตามปกติบนทุกอุปกรณ์ในบ้าน

    ผลลัพธ์และข้อคิด
    ระบบนี้ทำให้การเข้าถึง Imgur เป็นไปอย่างราบรื่นโดยไม่ต้องติดตั้ง VPN เพิ่มบนเครื่องใด ๆ ความหน่วงเพิ่มขึ้นเล็กน้อยแต่ไม่กระทบต่อการใช้งานจริง ถือเป็นการแก้ปัญหาที่ “อาจจะดูโอเวอร์” แต่สะอาดและยั่งยืนสำหรับคนที่ชอบทำ Homelab และต้องการความสะดวกสบาย

    สรุปเป็นหัวข้อ
    ปัญหาที่เกิดขึ้น
    Imgur บล็อกผู้ใช้ใน UK ทำให้ภาพในเว็บบอร์ดและเอกสารจำนวนมากหายไป
    ตัวอย่างเช่น Shader ของ Minecraft ที่ไม่สามารถดูภาพตัวอย่างได้

    เหตุผลที่ไม่ใช้ VPN แบบทั่วไป
    อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง 2.5Gbps ไม่อยากให้ตกจากการใช้ VPN
    การติดตั้ง VPN บนทุกอุปกรณ์ยุ่งยากและไม่สะดวก

    วิธีแก้ที่ใช้
    Pi-hole ดัก DNS และส่งไปยัง Traefik
    Gluetun เชื่อมต่อ VPN และ Nginx ทำ Proxy แบบ passthrough
    ทุกอุปกรณ์ในบ้านเข้าถึง Imgur ได้โดยไม่ต้องตั้งค่าเพิ่ม

    ผลลัพธ์
    ภาพจาก Imgur กลับมาใช้งานได้ตามปกติ
    ความหน่วงเพิ่มขึ้นเล็กน้อยแต่ไม่กระทบการใช้งาน

    คำเตือน/ข้อสังเกต
    ระบบนี้ซับซ้อนและอาจเกินความจำเป็นสำหรับผู้ใช้ทั่วไป
    ต้องมีความรู้ด้าน Docker, Nginx, และการจัดการ VPN เพื่อดูแลระบบให้ปลอดภัย

    https://blog.tymscar.com/posts/imgurukproxy/
    🚫 ปัญหา: Imgur บล็อกผู้ใช้ในสหราชอาณาจักร Imgur ตัดสินใจบล็อกการเข้าถึงจาก UK ทำให้ลิงก์ภาพจำนวนมากที่ยังคงฝังอยู่ในเว็บบอร์ดเก่า, Reddit, เอกสาร หรือ README ของโปรเจกต์ต่าง ๆ กลายเป็น “Unavailable” ผู้เขียนยกตัวอย่างว่าแม้แต่การหาภาพ Shader ของ Minecraft ก็ไม่สามารถดูได้เพราะภาพทั้งหมดหายไป 🔧 ทำไมไม่ใช้ VPN แบบทั่วไป แม้ VPN จะเป็นวิธีแก้ที่ง่าย แต่ผู้เขียนไม่เลือกใช้เพราะเพิ่งอัปเกรดอินเทอร์เน็ตเป็น 2.5Gbps และไม่อยากให้ความเร็วตก อีกทั้งการติดตั้ง VPN บนทุกอุปกรณ์ (มือถือ, แล็ปท็อป, เดสก์ท็อป) เป็นเรื่องยุ่งยากและไม่สะดวก จึงมองหาวิธีที่ทำงานได้อัตโนมัติในระดับเครือข่าย 🏗️ วิธีแก้: Proxy ระดับเครือข่าย ผู้เขียนใช้ Pi-hole เพื่อดัก DNS, Traefik สำหรับการ Routing, และ Gluetun เชื่อมต่อ VPN ภายใน Container จากนั้นใช้ Nginx เป็น Proxy ที่ทำ TCP passthrough โดยไม่แตะต้อง TLS ทำให้ทุกการร้องขอไปยัง i.imgur.com ถูกส่งผ่าน VPN อัตโนมัติ และภาพกลับมาปรากฏตามปกติบนทุกอุปกรณ์ในบ้าน 📡 ผลลัพธ์และข้อคิด ระบบนี้ทำให้การเข้าถึง Imgur เป็นไปอย่างราบรื่นโดยไม่ต้องติดตั้ง VPN เพิ่มบนเครื่องใด ๆ ความหน่วงเพิ่มขึ้นเล็กน้อยแต่ไม่กระทบต่อการใช้งานจริง ถือเป็นการแก้ปัญหาที่ “อาจจะดูโอเวอร์” แต่สะอาดและยั่งยืนสำหรับคนที่ชอบทำ Homelab และต้องการความสะดวกสบาย 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ ปัญหาที่เกิดขึ้น ➡️ Imgur บล็อกผู้ใช้ใน UK ทำให้ภาพในเว็บบอร์ดและเอกสารจำนวนมากหายไป ➡️ ตัวอย่างเช่น Shader ของ Minecraft ที่ไม่สามารถดูภาพตัวอย่างได้ ✅ เหตุผลที่ไม่ใช้ VPN แบบทั่วไป ➡️ อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง 2.5Gbps ไม่อยากให้ตกจากการใช้ VPN ➡️ การติดตั้ง VPN บนทุกอุปกรณ์ยุ่งยากและไม่สะดวก ✅ วิธีแก้ที่ใช้ ➡️ Pi-hole ดัก DNS และส่งไปยัง Traefik ➡️ Gluetun เชื่อมต่อ VPN และ Nginx ทำ Proxy แบบ passthrough ➡️ ทุกอุปกรณ์ในบ้านเข้าถึง Imgur ได้โดยไม่ต้องตั้งค่าเพิ่ม ✅ ผลลัพธ์ ➡️ ภาพจาก Imgur กลับมาใช้งานได้ตามปกติ ➡️ ความหน่วงเพิ่มขึ้นเล็กน้อยแต่ไม่กระทบการใช้งาน ‼️ คำเตือน/ข้อสังเกต ⛔ ระบบนี้ซับซ้อนและอาจเกินความจำเป็นสำหรับผู้ใช้ทั่วไป ⛔ ต้องมีความรู้ด้าน Docker, Nginx, และการจัดการ VPN เพื่อดูแลระบบให้ปลอดภัย https://blog.tymscar.com/posts/imgurukproxy/
    BLOG.TYMSCAR.COM
    Imgur Geo-Blocked the UK, So I Geo-Unblocked My Entire Network
    Imgur started blocking UK users. Rather than installing a VPN on every device, I set up a network-wide proxy that tunnels Imgur traffic through a VPN automatically.
    0 Comments 0 Shares 110 Views 0 Reviews
  • รวมข่าวจากเวบ TechRadar
    #รวมข่าวIT #20251129 #TechRadar

    AI อาจทำให้หลายงานหายไป
    มีรายงานใหม่ที่ทำให้ผู้บริหารทั่วโลกเริ่มกังวล เพราะผลการสำรวจพบว่าครึ่งหนึ่งของผู้บริหารมองว่าตอนนี้บริษัทมีพนักงานมากเกินความจำเป็นราว 10-19% และในอีกสามปีข้างหน้าอาจเกินถึง 30-50% สาเหตุหลักคือการนำ AI มาใช้ในงานประจำ เช่น งานหลังบ้าน งานบริการลูกค้า และงานเริ่มต้นด้านการเงินหรือ HR ที่ AI สามารถทำแทนได้อย่างมีประสิทธิภาพ หลายองค์กรจึงเริ่มคิดใหม่ว่าบทบาทของคนจะเปลี่ยนไปเป็นการทำงานร่วมกับ AI มากกว่าทำงานแทน AI โดยตรง ขณะเดียวกัน Amazon เองก็ยอมรับว่า AI จะทำให้คนทำงานบางส่วนลดลง แม้จะมีงานใหม่เกิดขึ้น แต่ภาพรวมคือจำนวนคนทำงานอาจลดลงในอนาคต
    https://www.techradar.com/pro/another-major-survey-warns-ai-could-lead-to-major-job-cuts-at-your-business

    แฮกเกอร์โจมตีผู้ใช้ Zendesk
    กลุ่ม Scattered Lapsus$ Hunters ที่เคยโจมตี Salesforce ตอนนี้หันมาเล่นงานผู้ใช้ Zendesk โดยใช้วิธีสร้างโดเมนปลอมกว่า 40 แห่งเพื่อหลอกให้คนกรอกข้อมูลเข้าสู่ระบบ บางครั้งถึงขั้นส่งตั๋วซัพพอร์ตปลอมเข้าไปในระบบ Zendesk เพื่อแพร่มัลแวร์และขโมยสิทธิ์การเข้าถึงของเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือ นักวิจัยด้านความปลอดภัยเตือนว่ากลยุทธ์นี้อันตรายมาก เพราะมันเจาะตรงไปที่ทีมซัพพอร์ตที่มักต้องตอบสนองอย่างเร่งด่วน ทำให้มีโอกาสตกหลุมพรางสูง แม้จะมีข่าวโยงไปถึงการโจมตี Discord แต่กลุ่มนี้ก็ปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้อง
    https://www.techradar.com/pro/security/zendesk-users-targeted-by-scattered-lapsus-usd-hunters-hackers-and-fake-support-sites

    ยุโรปนำหน้าด้านความปลอดภัยไซเบอร์ แต่สหราชอาณาจักรเริ่มตามไม่ทัน
    รายงาน Digital Quality of Life Index 2025 ของ Surfshark เผยว่าประเทศในยุโรปครองอันดับต้น ๆ ด้านความปลอดภัยดิจิทัล เช่น ฟินแลนด์ เยอรมนี และฝรั่งเศส แต่สหราชอาณาจักรกลับตกอันดับจากที่เคยอยู่อันดับ 6 ด้านไซเบอร์ซีเคียวริตี้ในปี 2024 ลงมาอยู่อันดับ 39 ในปีนี้ แม้ยังมีจุดแข็งเรื่องการคุ้มครองข้อมูลตามมาตรฐาน GDPR แต่ความก้าวหน้าด้านความปลอดภัยกลับช้ากว่าประเทศอื่น อย่างไรก็ตาม สหราชอาณาจักรยังมีจุดเด่นด้าน AI ที่ติดอันดับ 4 ของโลก ซึ่งอาจช่วยเสริมความแข็งแกร่งด้านความปลอดภัยในอนาคต
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/europe-tops-the-charts-in-digital-security-but-the-uk-might-be-quickly-falling-behind-says-surfshark

    OnePlus 15 เตรียมวางขายในสหรัฐฯ หลังผ่านการอนุมัติ
    สมาร์ทโฟน OnePlus 15 ที่เพิ่งเปิดตัวและได้รับคะแนนรีวิวเต็ม 5 ดาวจาก TechRadar กำลังจะเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ หลังผ่านการรับรองจาก FCC ซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้ายก่อนวางขาย รุ่นนี้โดดเด่นด้วยประสิทธิภาพ แบตเตอรี่ และกล้องที่ยอดเยี่ยม จนถูกยกให้ “ดีกว่าสมบูรณ์แบบ” ราคาที่คาดว่าจะเริ่มต้นราว 899.99 ดอลลาร์ ถือเป็นการกลับมาท้าทายตลาดที่มักถูกครองโดย Samsung และ Google Pixel
    https://www.techradar.com/phones/oneplus-phones/the-oneplus-15-clears-its-final-hurdle-for-a-us-launch-heres-why-we-gave-the-flagship-a-rare-five-stars

    รัฐบาลอังกฤษกดดันบริษัทโทรคมนาคมให้โปร่งใสเรื่องราคา
    รัฐบาลอังกฤษโดยรัฐมนตรีการคลังและรัฐมนตรีเทคโนโลยีออกมาเรียกร้องให้บริษัทโทรคมนาคมรายใหญ่ เช่น BT/EE, Vodafone, Sky และ TalkTalk แสดงรายละเอียดราคาที่ชัดเจนขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกค้าถูกขึ้นราคาที่ไม่คาดคิด โดยต้องเปลี่ยนจากการแจ้งเป็นเปอร์เซ็นต์มาเป็นตัวเลขจริงเป็นปอนด์และเพนนี นอกจากนี้ยังมีแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อให้ประชาชนเข้าถึง 5G SA ภายในปี 2030 และอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงระดับกิกะบิตครอบคลุม 99% ภายในปี 2032
    https://www.techradar.com/pro/uk-government-tells-telecoms-to-do-more-to-protect-customers

    หลายเขตในลอนดอนถูกโจมตีทางไซเบอร์
    มีรายงานว่าหลายสภาท้องถิ่นในกรุงลอนดอนถูกโจมตีทางไซเบอร์ ทำให้ระบบบริการประชาชนบางส่วนหยุดชะงัก การโจมตีครั้งนี้สร้างความกังวลอย่างมากเพราะกระทบต่อข้อมูลและการทำงานของหน่วยงานท้องถิ่นที่ประชาชนพึ่งพาอยู่ทุกวัน แม้ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดว่าใครอยู่เบื้องหลัง แต่เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่าหน่วยงานภาครัฐก็เป็นเป้าหมายสำคัญของแฮกเกอร์เช่นกัน และจำเป็นต้องเร่งเสริมมาตรการป้องกัน
    https://www.techradar.com/pro/security/multiple-london-councils-affected-by-apparent-cyberattack

    Cybersecurity Burnout: เมื่อโลกดิจิทัลทำให้คนทำงานหมดแรง
    ในวงการไซเบอร์ ความเร็วและแรงกดดันคือเรื่องปกติ แต่สิ่งที่ตามมาคือความเหนื่อยล้าสะสมจนกลายเป็น “burnout” ที่กระทบทั้งสุขภาพและประสิทธิภาพการทำงาน งานวิจัยล่าสุดเผยว่ากว่า 76% ของผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์รู้สึกเหนื่อยล้าในปีที่ผ่านมา และ 69% บอกว่ามันแย่ลงเรื่อย ๆ ปัญหานี้ไม่ได้กระทบแค่ตัวบุคคล แต่ยังทำให้ทีมอ่อนแรง เสี่ยงต่อการถูกโจมตีมากขึ้น ทางออกคือการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่สนับสนุน ลดภาระงาน และใช้บริการเสริมอย่าง MDR ที่ช่วยแบ่งเบาภาระได้จริง เรื่องนี้สะท้อนว่า “การป้องกันภัยไซเบอร์” ไม่ใช่แค่เรื่องเทคโนโลยี แต่เป็นเรื่องของคนด้วย
    https://www.techradar.com/pro/tackling-cybersecurity-burnout-once-and-for-all

    Infosys กับแนวคิดทำงาน 72 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
    Narayana Murthy ผู้ร่วมก่อตั้ง Infosys จุดกระแสอีกครั้งด้วยการเสนอให้พนักงานทำงาน 72 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ โดยมองว่านี่คือ “ความขยันที่แท้จริง” แต่เสียงวิจารณ์กลับดังสนั่น เพราะหลักฐานจาก WHO และการทดลองในหลายประเทศ เช่น ไอซ์แลนด์และญี่ปุ่น แสดงให้เห็นว่าการทำงานสั้นลงกลับทำให้ผลผลิตและสุขภาพดีขึ้น การผลักดันให้ทำงานหนักเกินไปจึงถูกมองว่าเป็นการละเลยความเป็นอยู่ของคนทำงาน และอาจย้อนกลับมาทำร้ายองค์กรเอง
    https://www.techradar.com/pro/infosys-co-founder-once-again-calls-for-longer-than-70-hour-weeks-and-no-hes-not-joking

    ChatGPT อายุครบ 3 ปี: จากกล่องข้อความสู่เครื่องมือสารพัด
    จากวันที่เปิดตัวในปี 2022 ในฐานะ “การทดลองวิจัย” ChatGPT กลายเป็นหนึ่งในแอปที่โตเร็วที่สุดในโลก และวันนี้มันไม่ใช่แค่เครื่องมือเขียนอีเมล แต่เป็นผู้ช่วยที่ทำได้ทั้งวางแผนทริป สร้างสไลด์ ดีบักโค้ด ไปจนถึงสร้างภาพและเสียง สามปีที่ผ่านมา เทคโนโลยีเบื้องหลังพัฒนาอย่างก้าวกระโดดจาก GPT-3.5 จนถึง GPT-5.1 พร้อมความสามารถแบบมัลติโหมดที่รองรับข้อความ ภาพ เสียง และวิดีโอ แม้ยังไม่ถึงขั้น “AGI” อย่างที่หลายคนฝัน แต่ก็เปลี่ยนวิธีที่ผู้คนใช้ AI ในชีวิตประจำวันไปแล้วอย่างสิ้นเชิง
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt-turns-3-on-sunday-heres-how-far-its-really-come-and-where-its-heading-next

    Amazon Fire TV Stick รุ่นใหม่รองรับ VPN แล้ว
    ข่าวดีสำหรับสายสตรีมมิ่ง Amazon ปล่อยอัปเดต Vega OS ให้ Fire TV Stick รุ่นใหม่รองรับ VPN เป็นครั้งแรก ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงคอนเทนต์ต่างประเทศและเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งานได้ทันที อย่างไรก็ตาม ตอนนี้มีเพียง NordVPN และ IPVanish ที่พร้อมใช้งานบนระบบใหม่ ส่วนเจ้าอื่นยังตามไม่ทัน การมาของฟีเจอร์นี้ถือเป็นการยกระดับประสบการณ์สตรีมมิ่งให้ปลอดภัยและหลากหลายขึ้น
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/vpn-support-lands-on-next-gen-amazon-fire-tv-stick-but-only-two-vpns-are-ready

    ช่องโหว่ใหม่ใน AI Browser: แค่ “#” ก็โดนเจาะได้
    นักวิจัยเผยเทคนิค “HashJack” ที่ใช้เพียงการใส่ข้อความหลังเครื่องหมาย # ใน URL ก็สามารถสั่งการ AI assistant ในเบราว์เซอร์ให้ทำงานตามคำสั่งแฝงได้ โดยผู้ใช้ไม่รู้ตัว หน้าจอยังแสดงเว็บปกติ แต่เบื้องหลังข้อมูลอาจถูกส่งออกไปหรือถูกบิดเบือน นี่คือช่องโหว่ที่ทำให้การใช้ AI browser เสี่ยงต่อการถูกโจมตีแบบแนบเนียน และยากต่อการตรวจจับ การป้องกันจึงต้องเข้มงวดทั้งที่ระดับเครื่องและการออกแบบระบบ ไม่ใช่แค่การตรวจสอบทราฟฟิกทั่วไป
    https://www.techradar.com/pro/thats-not-very-trendy-of-them-ai-browsers-can-be-hacked-with-a-simple-hashtag-experts-warn

    Malicious LLMs: เมื่อ AI กลายเป็นเครื่องมือสร้างมัลแวร์
    นักวิจัยเตือนว่าระบบ AI ที่ถูกปรับแต่งอย่างไม่ถูกต้องสามารถกลายเป็น “ผู้ช่วยสร้างมัลแวร์” ให้แม้แต่แฮกเกอร์มือใหม่ได้ง่าย ๆ เพียงแค่พิมพ์คำสั่งก็สามารถสร้างโค้ดอันตรายที่ซับซ้อนขึ้นมาได้ทันที นี่คือการเปิดประตูให้ภัยไซเบอร์แพร่กระจายเร็วกว่าเดิม และทำให้โลกดิจิทัลเสี่ยงต่อการถูกโจมตีในวงกว้างมากขึ้น ปัญหานี้สะท้อนว่า AI ไม่ใช่แค่เครื่องมือสร้างสรรค์ แต่ยังอาจเป็นอาวุธหากถูกใช้ผิดทาง
    https://www.techradar.com/pro/security/malicious-llms-are-letting-even-unskilled-hackers-to-craft-dangerous-new-malware

    Tapo RV30 Max Plus: หุ่นยนต์ดูดฝุ่นราคาดิ่ง
    ใครที่มีปัญหาขนสุนัขเต็มบ้านคงยิ้มได้ เพราะ Tapo RV30 Max Plus ลดราคาหนักในช่วง Black Friday ทำให้การจัดการบ้านสะอาดง่ายขึ้นโดยไม่ต้องเหนื่อยแรงเอง รุ่นนี้ถูกรีวิวว่าใช้งานง่าย ดูดแรง และช่วยประหยัดเวลาได้มาก การลดราคาครั้งนี้จึงเป็นโอกาสดีสำหรับคนที่อยากลองใช้หุ่นยนต์ดูดฝุ่นโดยไม่ต้องจ่ายแพง
    https://www.techradar.com/seasonal-sales/tackling-a-sea-of-dog-hair-was-a-daily-headache-for-me-until-i-bought-this-robot-vacuum

    Cloudways vs InMotion Hosting: ศึกโฮสติ้ง WordPress
    สำหรับคนทำเว็บไซต์ WordPress การเลือกโฮสติ้งคือเรื่องสำคัญ บทความนี้เปรียบเทียบ Cloudways และ InMotion Hosting ว่าใครตอบโจทย์มากกว่ากัน ทั้งในด้านความเร็ว ความเสถียร การสนับสนุนลูกค้า และราคา ผลลัพธ์คือแต่ละเจ้าเหมาะกับกลุ่มผู้ใช้ต่างกัน Cloudways เด่นเรื่องความยืดหยุ่นและการปรับแต่ง ส่วน InMotion Hosting โดดเด่นด้านบริการลูกค้าและความคุ้มค่า
    https://www.techradar.com/pro/website-hosting/cloudways-vs-inmotion-hosting-which-is-better-for-wordpress-sites

    Commodore 64 กลับมาอีกครั้งหลังหายไป 30 ปี
    เครื่องคอมพิวเตอร์ในตำนาน Commodore 64 ที่เคยครองใจคนยุค 80 กำลังกลับมาผลิตใหม่อีกครั้ง แม้จะไม่ใช่เครื่องที่ตอบโจทย์การใช้งานสมัยใหม่ แต่ก็เป็นการปลุกความทรงจำและความหลงใหลในเทคโนโลยีคลาสสิก หลายคนมองว่ามันคือ “ของสะสม” มากกว่าคอมพิวเตอร์จริง ๆ และการกลับมาครั้งนี้ก็สร้างกระแสความตื่นเต้นในหมู่แฟน ๆ ได้ไม่น้อย
    https://www.techradar.com/computing/the-commodore-64-is-back-on-the-production-line-for-the-first-time-in-30-years-and-i-want-it-even-if-it-makes-zero-sense

    ระวังอีเมลหลอกลวงช่วงโบนัสคริสต์มาส
    ใกล้ช่วงโบนัสปลายปี แฮกเกอร์ก็ไม่พลาดโอกาสปลอมอีเมลหลอกลวงให้คนหลงเชื่อ โดยอ้างว่าเป็นการแจ้งโบนัสหรือสิทธิพิเศษ เพื่อให้เหยื่อคลิกและกรอกข้อมูลส่วนตัว ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าช่วงนี้ต้องตรวจสอบอีเมลอย่างละเอียด เพราะการโจมตีลักษณะนี้แพร่หลายมากขึ้น และอาจทำให้สูญเสียข้อมูลหรือเงินโดยไม่รู้ตัว
    ​​​​​​​ https://www.techradar.com/pro/security/excited-for-your-christmas-bonus-so-are-scammers-so-check-your-emails-carefully
    📌📡🟣 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🟣📡📌 #รวมข่าวIT #20251129 #TechRadar 🧑‍💻 AI อาจทำให้หลายงานหายไป มีรายงานใหม่ที่ทำให้ผู้บริหารทั่วโลกเริ่มกังวล เพราะผลการสำรวจพบว่าครึ่งหนึ่งของผู้บริหารมองว่าตอนนี้บริษัทมีพนักงานมากเกินความจำเป็นราว 10-19% และในอีกสามปีข้างหน้าอาจเกินถึง 30-50% สาเหตุหลักคือการนำ AI มาใช้ในงานประจำ เช่น งานหลังบ้าน งานบริการลูกค้า และงานเริ่มต้นด้านการเงินหรือ HR ที่ AI สามารถทำแทนได้อย่างมีประสิทธิภาพ หลายองค์กรจึงเริ่มคิดใหม่ว่าบทบาทของคนจะเปลี่ยนไปเป็นการทำงานร่วมกับ AI มากกว่าทำงานแทน AI โดยตรง ขณะเดียวกัน Amazon เองก็ยอมรับว่า AI จะทำให้คนทำงานบางส่วนลดลง แม้จะมีงานใหม่เกิดขึ้น แต่ภาพรวมคือจำนวนคนทำงานอาจลดลงในอนาคต 🔗 https://www.techradar.com/pro/another-major-survey-warns-ai-could-lead-to-major-job-cuts-at-your-business 🔒 แฮกเกอร์โจมตีผู้ใช้ Zendesk กลุ่ม Scattered Lapsus$ Hunters ที่เคยโจมตี Salesforce ตอนนี้หันมาเล่นงานผู้ใช้ Zendesk โดยใช้วิธีสร้างโดเมนปลอมกว่า 40 แห่งเพื่อหลอกให้คนกรอกข้อมูลเข้าสู่ระบบ บางครั้งถึงขั้นส่งตั๋วซัพพอร์ตปลอมเข้าไปในระบบ Zendesk เพื่อแพร่มัลแวร์และขโมยสิทธิ์การเข้าถึงของเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือ นักวิจัยด้านความปลอดภัยเตือนว่ากลยุทธ์นี้อันตรายมาก เพราะมันเจาะตรงไปที่ทีมซัพพอร์ตที่มักต้องตอบสนองอย่างเร่งด่วน ทำให้มีโอกาสตกหลุมพรางสูง แม้จะมีข่าวโยงไปถึงการโจมตี Discord แต่กลุ่มนี้ก็ปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้อง 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/zendesk-users-targeted-by-scattered-lapsus-usd-hunters-hackers-and-fake-support-sites 🌍 ยุโรปนำหน้าด้านความปลอดภัยไซเบอร์ แต่สหราชอาณาจักรเริ่มตามไม่ทัน รายงาน Digital Quality of Life Index 2025 ของ Surfshark เผยว่าประเทศในยุโรปครองอันดับต้น ๆ ด้านความปลอดภัยดิจิทัล เช่น ฟินแลนด์ เยอรมนี และฝรั่งเศส แต่สหราชอาณาจักรกลับตกอันดับจากที่เคยอยู่อันดับ 6 ด้านไซเบอร์ซีเคียวริตี้ในปี 2024 ลงมาอยู่อันดับ 39 ในปีนี้ แม้ยังมีจุดแข็งเรื่องการคุ้มครองข้อมูลตามมาตรฐาน GDPR แต่ความก้าวหน้าด้านความปลอดภัยกลับช้ากว่าประเทศอื่น อย่างไรก็ตาม สหราชอาณาจักรยังมีจุดเด่นด้าน AI ที่ติดอันดับ 4 ของโลก ซึ่งอาจช่วยเสริมความแข็งแกร่งด้านความปลอดภัยในอนาคต 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/europe-tops-the-charts-in-digital-security-but-the-uk-might-be-quickly-falling-behind-says-surfshark 📱 OnePlus 15 เตรียมวางขายในสหรัฐฯ หลังผ่านการอนุมัติ สมาร์ทโฟน OnePlus 15 ที่เพิ่งเปิดตัวและได้รับคะแนนรีวิวเต็ม 5 ดาวจาก TechRadar กำลังจะเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ หลังผ่านการรับรองจาก FCC ซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้ายก่อนวางขาย รุ่นนี้โดดเด่นด้วยประสิทธิภาพ แบตเตอรี่ และกล้องที่ยอดเยี่ยม จนถูกยกให้ “ดีกว่าสมบูรณ์แบบ” ราคาที่คาดว่าจะเริ่มต้นราว 899.99 ดอลลาร์ ถือเป็นการกลับมาท้าทายตลาดที่มักถูกครองโดย Samsung และ Google Pixel 🔗 https://www.techradar.com/phones/oneplus-phones/the-oneplus-15-clears-its-final-hurdle-for-a-us-launch-heres-why-we-gave-the-flagship-a-rare-five-stars 📡 รัฐบาลอังกฤษกดดันบริษัทโทรคมนาคมให้โปร่งใสเรื่องราคา รัฐบาลอังกฤษโดยรัฐมนตรีการคลังและรัฐมนตรีเทคโนโลยีออกมาเรียกร้องให้บริษัทโทรคมนาคมรายใหญ่ เช่น BT/EE, Vodafone, Sky และ TalkTalk แสดงรายละเอียดราคาที่ชัดเจนขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกค้าถูกขึ้นราคาที่ไม่คาดคิด โดยต้องเปลี่ยนจากการแจ้งเป็นเปอร์เซ็นต์มาเป็นตัวเลขจริงเป็นปอนด์และเพนนี นอกจากนี้ยังมีแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อให้ประชาชนเข้าถึง 5G SA ภายในปี 2030 และอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงระดับกิกะบิตครอบคลุม 99% ภายในปี 2032 🔗 https://www.techradar.com/pro/uk-government-tells-telecoms-to-do-more-to-protect-customers 🏙️ หลายเขตในลอนดอนถูกโจมตีทางไซเบอร์ มีรายงานว่าหลายสภาท้องถิ่นในกรุงลอนดอนถูกโจมตีทางไซเบอร์ ทำให้ระบบบริการประชาชนบางส่วนหยุดชะงัก การโจมตีครั้งนี้สร้างความกังวลอย่างมากเพราะกระทบต่อข้อมูลและการทำงานของหน่วยงานท้องถิ่นที่ประชาชนพึ่งพาอยู่ทุกวัน แม้ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดว่าใครอยู่เบื้องหลัง แต่เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่าหน่วยงานภาครัฐก็เป็นเป้าหมายสำคัญของแฮกเกอร์เช่นกัน และจำเป็นต้องเร่งเสริมมาตรการป้องกัน 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/multiple-london-councils-affected-by-apparent-cyberattack 🛡️ Cybersecurity Burnout: เมื่อโลกดิจิทัลทำให้คนทำงานหมดแรง ในวงการไซเบอร์ ความเร็วและแรงกดดันคือเรื่องปกติ แต่สิ่งที่ตามมาคือความเหนื่อยล้าสะสมจนกลายเป็น “burnout” ที่กระทบทั้งสุขภาพและประสิทธิภาพการทำงาน งานวิจัยล่าสุดเผยว่ากว่า 76% ของผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์รู้สึกเหนื่อยล้าในปีที่ผ่านมา และ 69% บอกว่ามันแย่ลงเรื่อย ๆ ปัญหานี้ไม่ได้กระทบแค่ตัวบุคคล แต่ยังทำให้ทีมอ่อนแรง เสี่ยงต่อการถูกโจมตีมากขึ้น ทางออกคือการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่สนับสนุน ลดภาระงาน และใช้บริการเสริมอย่าง MDR ที่ช่วยแบ่งเบาภาระได้จริง เรื่องนี้สะท้อนว่า “การป้องกันภัยไซเบอร์” ไม่ใช่แค่เรื่องเทคโนโลยี แต่เป็นเรื่องของคนด้วย 🔗 https://www.techradar.com/pro/tackling-cybersecurity-burnout-once-and-for-all ⏱️ Infosys กับแนวคิดทำงาน 72 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ Narayana Murthy ผู้ร่วมก่อตั้ง Infosys จุดกระแสอีกครั้งด้วยการเสนอให้พนักงานทำงาน 72 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ โดยมองว่านี่คือ “ความขยันที่แท้จริง” แต่เสียงวิจารณ์กลับดังสนั่น เพราะหลักฐานจาก WHO และการทดลองในหลายประเทศ เช่น ไอซ์แลนด์และญี่ปุ่น แสดงให้เห็นว่าการทำงานสั้นลงกลับทำให้ผลผลิตและสุขภาพดีขึ้น การผลักดันให้ทำงานหนักเกินไปจึงถูกมองว่าเป็นการละเลยความเป็นอยู่ของคนทำงาน และอาจย้อนกลับมาทำร้ายองค์กรเอง 🔗 https://www.techradar.com/pro/infosys-co-founder-once-again-calls-for-longer-than-70-hour-weeks-and-no-hes-not-joking 🤖 ChatGPT อายุครบ 3 ปี: จากกล่องข้อความสู่เครื่องมือสารพัด จากวันที่เปิดตัวในปี 2022 ในฐานะ “การทดลองวิจัย” ChatGPT กลายเป็นหนึ่งในแอปที่โตเร็วที่สุดในโลก และวันนี้มันไม่ใช่แค่เครื่องมือเขียนอีเมล แต่เป็นผู้ช่วยที่ทำได้ทั้งวางแผนทริป สร้างสไลด์ ดีบักโค้ด ไปจนถึงสร้างภาพและเสียง สามปีที่ผ่านมา เทคโนโลยีเบื้องหลังพัฒนาอย่างก้าวกระโดดจาก GPT-3.5 จนถึง GPT-5.1 พร้อมความสามารถแบบมัลติโหมดที่รองรับข้อความ ภาพ เสียง และวิดีโอ แม้ยังไม่ถึงขั้น “AGI” อย่างที่หลายคนฝัน แต่ก็เปลี่ยนวิธีที่ผู้คนใช้ AI ในชีวิตประจำวันไปแล้วอย่างสิ้นเชิง 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt-turns-3-on-sunday-heres-how-far-its-really-come-and-where-its-heading-next 📺 Amazon Fire TV Stick รุ่นใหม่รองรับ VPN แล้ว ข่าวดีสำหรับสายสตรีมมิ่ง Amazon ปล่อยอัปเดต Vega OS ให้ Fire TV Stick รุ่นใหม่รองรับ VPN เป็นครั้งแรก ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงคอนเทนต์ต่างประเทศและเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งานได้ทันที อย่างไรก็ตาม ตอนนี้มีเพียง NordVPN และ IPVanish ที่พร้อมใช้งานบนระบบใหม่ ส่วนเจ้าอื่นยังตามไม่ทัน การมาของฟีเจอร์นี้ถือเป็นการยกระดับประสบการณ์สตรีมมิ่งให้ปลอดภัยและหลากหลายขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/vpn-support-lands-on-next-gen-amazon-fire-tv-stick-but-only-two-vpns-are-ready ⚠️ ช่องโหว่ใหม่ใน AI Browser: แค่ “#” ก็โดนเจาะได้ นักวิจัยเผยเทคนิค “HashJack” ที่ใช้เพียงการใส่ข้อความหลังเครื่องหมาย # ใน URL ก็สามารถสั่งการ AI assistant ในเบราว์เซอร์ให้ทำงานตามคำสั่งแฝงได้ โดยผู้ใช้ไม่รู้ตัว หน้าจอยังแสดงเว็บปกติ แต่เบื้องหลังข้อมูลอาจถูกส่งออกไปหรือถูกบิดเบือน นี่คือช่องโหว่ที่ทำให้การใช้ AI browser เสี่ยงต่อการถูกโจมตีแบบแนบเนียน และยากต่อการตรวจจับ การป้องกันจึงต้องเข้มงวดทั้งที่ระดับเครื่องและการออกแบบระบบ ไม่ใช่แค่การตรวจสอบทราฟฟิกทั่วไป 🔗 https://www.techradar.com/pro/thats-not-very-trendy-of-them-ai-browsers-can-be-hacked-with-a-simple-hashtag-experts-warn 🧑‍💻 Malicious LLMs: เมื่อ AI กลายเป็นเครื่องมือสร้างมัลแวร์ นักวิจัยเตือนว่าระบบ AI ที่ถูกปรับแต่งอย่างไม่ถูกต้องสามารถกลายเป็น “ผู้ช่วยสร้างมัลแวร์” ให้แม้แต่แฮกเกอร์มือใหม่ได้ง่าย ๆ เพียงแค่พิมพ์คำสั่งก็สามารถสร้างโค้ดอันตรายที่ซับซ้อนขึ้นมาได้ทันที นี่คือการเปิดประตูให้ภัยไซเบอร์แพร่กระจายเร็วกว่าเดิม และทำให้โลกดิจิทัลเสี่ยงต่อการถูกโจมตีในวงกว้างมากขึ้น ปัญหานี้สะท้อนว่า AI ไม่ใช่แค่เครื่องมือสร้างสรรค์ แต่ยังอาจเป็นอาวุธหากถูกใช้ผิดทาง 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/malicious-llms-are-letting-even-unskilled-hackers-to-craft-dangerous-new-malware 🤖 Tapo RV30 Max Plus: หุ่นยนต์ดูดฝุ่นราคาดิ่ง ใครที่มีปัญหาขนสุนัขเต็มบ้านคงยิ้มได้ เพราะ Tapo RV30 Max Plus ลดราคาหนักในช่วง Black Friday ทำให้การจัดการบ้านสะอาดง่ายขึ้นโดยไม่ต้องเหนื่อยแรงเอง รุ่นนี้ถูกรีวิวว่าใช้งานง่าย ดูดแรง และช่วยประหยัดเวลาได้มาก การลดราคาครั้งนี้จึงเป็นโอกาสดีสำหรับคนที่อยากลองใช้หุ่นยนต์ดูดฝุ่นโดยไม่ต้องจ่ายแพง 🔗 https://www.techradar.com/seasonal-sales/tackling-a-sea-of-dog-hair-was-a-daily-headache-for-me-until-i-bought-this-robot-vacuum 🌐 Cloudways vs InMotion Hosting: ศึกโฮสติ้ง WordPress สำหรับคนทำเว็บไซต์ WordPress การเลือกโฮสติ้งคือเรื่องสำคัญ บทความนี้เปรียบเทียบ Cloudways และ InMotion Hosting ว่าใครตอบโจทย์มากกว่ากัน ทั้งในด้านความเร็ว ความเสถียร การสนับสนุนลูกค้า และราคา ผลลัพธ์คือแต่ละเจ้าเหมาะกับกลุ่มผู้ใช้ต่างกัน Cloudways เด่นเรื่องความยืดหยุ่นและการปรับแต่ง ส่วน InMotion Hosting โดดเด่นด้านบริการลูกค้าและความคุ้มค่า 🔗 https://www.techradar.com/pro/website-hosting/cloudways-vs-inmotion-hosting-which-is-better-for-wordpress-sites 🕹️ Commodore 64 กลับมาอีกครั้งหลังหายไป 30 ปี เครื่องคอมพิวเตอร์ในตำนาน Commodore 64 ที่เคยครองใจคนยุค 80 กำลังกลับมาผลิตใหม่อีกครั้ง แม้จะไม่ใช่เครื่องที่ตอบโจทย์การใช้งานสมัยใหม่ แต่ก็เป็นการปลุกความทรงจำและความหลงใหลในเทคโนโลยีคลาสสิก หลายคนมองว่ามันคือ “ของสะสม” มากกว่าคอมพิวเตอร์จริง ๆ และการกลับมาครั้งนี้ก็สร้างกระแสความตื่นเต้นในหมู่แฟน ๆ ได้ไม่น้อย 🔗 https://www.techradar.com/computing/the-commodore-64-is-back-on-the-production-line-for-the-first-time-in-30-years-and-i-want-it-even-if-it-makes-zero-sense 📧 ระวังอีเมลหลอกลวงช่วงโบนัสคริสต์มาส ใกล้ช่วงโบนัสปลายปี แฮกเกอร์ก็ไม่พลาดโอกาสปลอมอีเมลหลอกลวงให้คนหลงเชื่อ โดยอ้างว่าเป็นการแจ้งโบนัสหรือสิทธิพิเศษ เพื่อให้เหยื่อคลิกและกรอกข้อมูลส่วนตัว ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าช่วงนี้ต้องตรวจสอบอีเมลอย่างละเอียด เพราะการโจมตีลักษณะนี้แพร่หลายมากขึ้น และอาจทำให้สูญเสียข้อมูลหรือเงินโดยไม่รู้ตัว ​​​​​​​🔗 https://www.techradar.com/pro/security/excited-for-your-christmas-bonus-so-are-scammers-so-check-your-emails-carefully
    0 Comments 0 Shares 535 Views 0 Reviews
  • รวมข่าวจากเวบ TechRadar
    #รวมข่าวIT #20251128 #TechRadar

     Google Assistant กำลังจะถูกแทนที่ด้วย Gemini บน Android Auto
    Google เตรียมปิดฉาก Google Assistant บน Android Auto ภายในเดือนมีนาคมปีหน้า และจะนำ Gemini ซึ่งเป็น AI รุ่นใหม่เข้ามาแทนที่ จุดเด่นคือการสื่อสารที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น เช่น การสั่งนำทางด้วยประโยคง่าย ๆ อย่าง “พาไปหาร้านเบอร์เกอร์ที่ดีที่สุดแถวนี้” แล้ว Gemini จะจัดการให้ทันที รวมถึงสามารถสานต่อบทสนทนา เช่นถามต่อว่าเมนูยอดนิยมคืออะไร หรือมีที่จอดฟรีไหม นอกจากนี้ Gemini ยังช่วยให้การส่งข้อความระหว่างขับรถง่ายขึ้น เช่นสั่งให้ส่งข้อความพร้อมใส่อีโมจิโดยไม่ต้องแก้ไขหลายครั้ง ถือเป็นการยกระดับการใช้งาน Android Auto ให้ปลอดภัยและสะดวกกว่าเดิม https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/google-hints-at-google-assistant-shutdown-date-for-android-auto-heres-what-that-means-for-you

    Tab 2: Amazon บล็อก Shopping Agent ของ ChatGPT
    Amazon ตัดสินใจบล็อกฟีเจอร์ Shopping Agent ใหม่ของ ChatGPT ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยผู้ใช้ค้นหาสินค้าและดีลออนไลน์ เหตุผลหลักคือความกังวลเรื่องการแข่งขันและการควบคุมข้อมูลการซื้อขายบนแพลตฟอร์มของตนเอง การบล็อกครั้งนี้อาจส่งผลต่อผู้ใช้ที่หวังจะใช้ AI เพื่อช่วยเลือกซื้อสินค้าได้สะดวกขึ้น และยังสะท้อนให้เห็นถึงความตึงเครียดระหว่างบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซกับผู้พัฒนา AI ที่กำลังรุกเข้ามาในตลาดการช้อปปิ้งออนไลน์ https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/amazon-blocks-chatgpts-new-shopping-agent-what-the-fallout-could-mean-for-you

    ระบบเตือนความปลอดภัยในรถจะ “น่ารำคาญ” น้อยลงในปี 2026
    หลายคนคงเคยหงุดหงิดกับเสียงเตือนหรือระบบความปลอดภัยในรถที่ดังบ่อยเกินไป ข่าวดีคือ ตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไป กฎใหม่ในยุโรปจะบังคับให้ผู้ผลิตรถยนต์ปรับระบบเตือนให้ “ไม่รบกวน” ผู้ขับขี่มากเกินไป เป้าหมายคือยังคงความปลอดภัย แต่ไม่สร้างความเครียดหรือรำคาญจนผู้ใช้ปิดระบบทิ้ง การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยให้การขับรถมีสมดุลระหว่างความปลอดภัยและความสบายใจมากขึ้น
    https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/sick-of-annoying-car-safety-warning-systems-good-news-theyll-become-less-intrusive-from-2026-heres-why

    รวมไอเท็มโทนดำสำหรับ Home Office สุดมินิมอล
    TechRadar แนะนำ 15 ผลิตภัณฑ์โทนสีดำที่เหมาะกับการสร้างบรรยากาศ Home Office แบบมินิมอล ตั้งแต่โต๊ะทำงาน เก้าอี้ ไปจนถึงอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ที่ช่วยให้พื้นที่ทำงานดูเรียบง่ายแต่มีสไตล์ เหมาะสำหรับคนที่ชอบโทนเข้มและอยากได้บรรยากาศที่ทันสมัยและไม่รกตา การเลือกใช้โทนสีดำยังช่วยให้โฟกัสกับงานได้ดีขึ้นและสร้างความรู้สึกเป็นระเบียบ
    https://www.techradar.com/pro/website-building/15-products-id-use-to-build-my-dream-minimalist-home-office

     AWS สร้างระบบ DNS Backstop ป้องกันการล่มครั้งใหญ่
    AWS กำลังพัฒนาระบบ DNS Backstop ใหม่เพื่อป้องกันการหยุดทำงานของบริการครั้งใหญ่ในอนาคต หลังจากที่เคยเกิดเหตุการณ์ระบบล่มจนกระทบผู้ใช้จำนวนมาก การสร้าง Backstop นี้จะช่วยให้ระบบมีความทนทานและสามารถรับมือกับปัญหาได้ดียิ่งขึ้น ถือเป็นการลงทุนเพื่อสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าองค์กรที่พึ่งพา AWS ในการดำเนินธุรกิจ
    https://www.techradar.com/pro/aws-is-building-a-new-dns-backstop-to-prevent-further-outages

    Windows 11 กำลังเสียความนิยมเมื่อเทียบกับ Windows 10
    Dell เปิดเผยข้อมูลที่สะท้อนว่า Windows 11 ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร หลังจากที่ Windows 10 หมดการสนับสนุนแล้ว ผู้ใช้จำนวนมากยังคงเลือกใช้ Windows 10 ต่อไป แม้จะไม่มีการอัปเดตด้านความปลอดภัยแล้วก็ตาม สิ่งนี้ชี้ให้เห็นถึงความท้าทายของ Microsoft ในการผลักดันให้ผู้ใช้เปลี่ยนไปใช้ Windows 11 ซึ่งอาจต้องหาวิธีสร้างแรงจูงใจเพิ่มเติมเพื่อให้ผู้ใช้ยอมอัปเกรด
    https://www.techradar.com/computing/windows/is-windows-11-fighting-a-losing-battle-dell-underlines-how-unpopular-the-os-is-after-support-ended-compared-to-windows-10

     OpenAI เปิดให้ลูกค้าองค์กรเลือกที่เก็บข้อมูล ChatGPT
    OpenAI ประกาศฟีเจอร์ใหม่สำหรับลูกค้าองค์กร โดยสามารถเลือกได้ว่าข้อมูลของ ChatGPT จะถูกเก็บไว้ที่ไหน ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ธุรกิจที่มีข้อกำหนดด้านกฎหมายหรือความปลอดภัยสามารถควบคุมการจัดเก็บข้อมูลได้มากขึ้น ถือเป็นการตอบโจทย์องค์กรที่ต้องการความยืดหยุ่นและความมั่นใจในการใช้ AI โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่มีข้อกำหนดเข้มงวด
    https://www.techradar.com/pro/openai-now-lets-business-customers-choose-where-their-chatgpt-data-is-hosted

     Apple แย่งบัลลังก์มือถือจาก Samsung หลัง 14 ปี
    Apple เตรียมขึ้นแท่นเป็นผู้นำตลาดสมาร์ทโฟนแทน Samsung เป็นครั้งแรกในรอบ 14 ปี โดยแรงหนุนหลักมาจาก iPhone 17 ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก การเปลี่ยนแปลงนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในตลาดมือถือโลก และสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของ Apple ในการสร้างนวัตกรรมและดึงดูดผู้ใช้ได้อย่างต่อเนื่อง
    https://www.techradar.com/phones/iphone/apple-will-take-samsungs-phone-crown-for-the-first-time-in-14-years-and-its-all-thanks-to-the-iphone-17

     ยุโรปเตรียมห้ามโซเชียลมีเดียสำหรับผู้ต่ำกว่า 16 ปี
    สหภาพยุโรปกำลังพิจารณากฎหมายใหม่ที่จะห้ามผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 16 ปีใช้โซเชียลมีเดีย เหตุผลหลักคือการปกป้องเยาวชนจากผลกระทบด้านสุขภาพจิตและความเสี่ยงจากการใช้งานออนไลน์ หากกฎหมายนี้ผ่าน จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่กระทบทั้งผู้ใช้และแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียทั่วโลก
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/europe-wants-to-ban-social-media-for-under-16s-heres-all-we-know

     Sony เปิดตัวเซ็นเซอร์กล้องมือถือ 200MP ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
    Sony เปิดตัวเซ็นเซอร์กล้องมือถือความละเอียด 200MP ที่ถูกขนานนามว่า “ใหญ่ที่สุดในโลก” โดยคาดว่าจะถูกนำไปใช้ในสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่หลายรุ่น จุดเด่นคือการถ่ายภาพที่คมชัดและเก็บรายละเอียดได้มากขึ้น ซึ่งอาจเป็นการยกระดับมาตรฐานการถ่ายภาพบนมือถือไปอีกขั้น
    https://www.techradar.com/phones/sony-just-launched-the-worlds-largest-200mp-smartphone-sensor-heres-which-phones-could-get-it

    หูฟังลดเสียงรบกวน Loop ลดราคาแรง
    ช่วง Black Friday นี้ TechRadar เล่าประสบการณ์ตรงจากการลองใช้หูฟังลดเสียงรบกวน Loop หลายรุ่น ที่ช่วยทั้งการสนทนาในที่เสียงดัง การดูคอนเสิร์ต ไปจนถึงการนอนหลับสบาย โดยรุ่นเด่นคือ Loop Switch 2 ที่สามารถปรับโหมดลดเสียงได้ถึง 3 ระดับในคู่เดียว ทำให้ใช้งานได้หลากหลายสถานการณ์ ราคาลดเหลือเพียง 47.95 ดอลลาร์ในสหรัฐ และ 43.95 ปอนด์ในสหราชอาณาจักร ถือเป็นดีลที่คุ้มค่ามากสำหรับคนที่อยากได้หูฟังลดเสียงคุณภาพสูง
    https://www.techradar.com/health-fitness/ive-tried-all-the-best-loop-earplugs-and-now-theyre-on-sale-for-black-friday

    Asus เตือนช่องโหว่ร้ายแรงใน AiCloud Router
    Asus ออกประกาศเร่งด่วนหลังพบช่องโหว่ร้ายแรงในฟีเจอร์ AiCloud ของเราเตอร์ ที่เปิดโอกาสให้แฮกเกอร์เข้าถึงระบบได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ช่องโหว่นี้มีคะแนนความรุนแรงถึง 9.2/10 และกระทบหลายรุ่นที่ยังใช้งานอยู่ ผู้ใช้ถูกแนะนำให้อัปเดตเฟิร์มแวร์ทันที หรือปิดการใช้งาน AiCloud และบริการแชร์ไฟล์เพื่อความปลอดภัย การอัปเดตครั้งนี้ยังแก้ไขช่องโหว่อื่น ๆ อีก 9 จุด แสดงให้เห็นว่าเราเตอร์เป็นเป้าหมายหลักของการโจมตีไซเบอร์
    https://www.techradar.com/pro/security/asus-warns-of-new-security-flaw-affecting-aicloud-routers-heres-what-we-know

    ช่องโหว่ Fluent Bit เสี่ยงกระทบระบบ Cloud ทั่วโลก
    Fluent Bit ซึ่งเป็นเครื่องมือจัดการ log ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ถูกพบว่ามีช่องโหว่หลายจุดที่เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีสามารถแก้ไข log หรือรันโค้ดอันตรายจากระยะไกลได้ ช่องโหว่บางส่วนมีอยู่มานานกว่า 4-6 ปี ทำให้ระบบ Cloud ของ AWS, Google Cloud และ Microsoft Azure เสี่ยงถูกโจมตี ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้อัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดและตรวจสอบการตั้งค่า log อย่างเข้มงวด เพราะการโจมตีสามารถทำได้ง่ายและมีผลกระทบกว้างขวางต่อธุรกิจที่พึ่งพา Cloud
    https://www.techradar.com/pro/these-worrying-security-flaws-could-put-every-major-cloud-provider-at-risk-heres-what-we-know-so-far

    รีวิวเครื่องดูดฝุ่นเบาแต่ทรงพลัง
    TechRadar ทดลองเครื่องดูดฝุ่นหลายรุ่นเพื่อหาตัวที่เบาและใช้งานง่ายที่สุด ผลคือ Shark Detect Pro และ Dreame R20 โดดเด่นที่สุด โดย Shark Detect Pro เบามากจนถือมือเดียวได้สบาย แต่กำลังดูดไม่แรงเท่า Dreame R20 ที่มีคาร์บอนไฟเบอร์ช่วยให้เบาและทำความสะอาดได้ดีกว่า ทั้งสองรุ่นมีดีลลดราคาช่วง Black Friday ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่อยากได้เครื่องดูดฝุ่นเบา ๆ แต่ยังคงประสิทธิภาพในการทำความสะอาด
    https://www.techradar.com/home/vacuums/i-tested-a-whole-bunch-of-vacuums-and-these-are-the-best-lightweight-options

    OpenAI ขอโทษเหตุข้อมูลรั่วจาก Mixpanel
    OpenAI ออกแถลงการณ์ขอโทษหลังบริษัทพันธมิตรด้านวิเคราะห์ข้อมูล Mixpanel ถูกเจาะระบบ ทำให้ข้อมูลนักพัฒนาที่ใช้แพลตฟอร์ม API ของ OpenAI รั่วไหล เช่น อีเมล ตำแหน่งโดยประมาณ และข้อมูลเบราว์เซอร์ แต่ยืนยันว่าไม่กระทบผู้ใช้ ChatGPT ทั่วไป และไม่มีข้อมูลสำคัญอย่างรหัสผ่านหรือ API key ถูกเปิดเผย OpenAI ได้ยุติการใช้บริการ Mixpanel และเพิ่มมาตรการตรวจสอบความปลอดภัยกับพันธมิตรทั้งหมด พร้อมแนะนำให้ผู้ใช้เปิดการยืนยันตัวตนหลายขั้นตอนเพื่อเพิ่มความปลอดภัย
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/openai/openai-apologizes-for-big-mixpanel-data-breach-that-exposed-emails-and-more-heres-what-we-know

    Opera Neon เปิดตัวนักวิจัย AI ช่วยหาข้อมูลเร็วขึ้น
    Opera Neon กำลังสร้างความฮือฮา ด้วยฟีเจอร์ใหม่ที่ใช้ AI ช่วยค้นคว้าและสรุปข้อมูลได้ภายในเวลาเพียง 1 นาที จากเดิมที่ต้องเปิดหลายแท็บพร้อมกัน ฟีเจอร์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้เข้าถึงข้อมูลที่ซับซ้อนอย่างรวดเร็วและเป็นระเบียบมากขึ้น ถือเป็นการยกระดับประสบการณ์การใช้งานเบราว์เซอร์ให้ทันสมัยและตอบโจทย์คนทำงานยุคใหม่
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/opera-neons-ai-researcher-does-in-one-minute-what-used-to-take-a-dozen-tabs

    มัลแวร์ปลอมตัวเป็น Windows Update
    มีรายงานว่าแฮกเกอร์กำลังใช้เทคนิคใหม่ โดยปลอมตัวเป็นการอัปเดต Windows ที่ดูสมจริงมาก เพื่อหลอกให้ผู้ใช้ติดตั้งมัลแวร์ที่ทรงพลัง วิธีการนี้สามารถหลอกแม้กระทั่งผู้ใช้ที่ระมัดระวัง การโจมตีลักษณะนี้เน้นใช้ภาพและข้อความที่เหมือนของจริง ทำให้ผู้ใช้ยากที่จะสังเกตเห็นความผิดปกติ ผู้เชี่ยวชาญเตือนให้ตรวจสอบทุกครั้งก่อนติดตั้งอัปเดต และควรดาวน์โหลดจากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น
    https://www.techradar.com/pro/maybe-dont-trust-every-windows-update-without-checking-hackers-hijack-images-to-spread-dangerous-malware

    ไฟล์ Blender ปลอมแพร่มัลแวร์ StealC
    นักวิจัยด้านความปลอดภัยพบว่าไฟล์โมเดล 3D จาก Blender ที่ถูกปลอมแปลง กำลังถูกใช้เพื่อแพร่กระจายมัลแวร์ StealC ซึ่งสามารถขโมยข้อมูลสำคัญจากเครื่องผู้ใช้ได้ การโจมตีนี้อาศัยความนิยมของ Blender ในวงการออกแบบและแอนิเมชัน ทำให้ผู้ใช้ที่ดาวน์โหลดไฟล์จากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือเสี่ยงสูงที่จะติดมัลแวร์ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ตรวจสอบแหล่งที่มาของไฟล์ทุกครั้ง และใช้ซอฟต์แวร์ป้องกันที่ทันสมัย
    https://www.techradar.com/pro/security/malicious-blender-model-files-deliver-stealc-infostealing-malware

    Missouri บังคับตรวจสอบอายุออนไลน์
    รัฐ Missouri เตรียมบังคับใช้กฎหมายใหม่ภายในสามวัน ที่กำหนดให้เว็บไซต์ต้องตรวจสอบอายุผู้ใช้งานอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการเข้าถึงเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม กฎหมายนี้จะส่งผลต่อแพลตฟอร์มออนไลน์หลายประเภท ทั้งเว็บบันเทิงและบริการสตรีมมิ่ง ทำให้ผู้ให้บริการต้องปรับระบบยืนยันตัวตนเพื่อให้สอดคล้องกับข้อบังคับใหม่ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในด้านความปลอดภัยดิจิทัล
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/missouri-to-enforce-mandatory-age-verification-in-three-days

    Amazon Leo Ultra อินเทอร์เน็ตดาวเทียมความเร็วสูง
    Amazon เปิดตัวบริการอินเทอร์เน็ตดาวเทียม Leo Ultra ที่ให้ความเร็วดาวน์โหลดสูงสุดถึง 1Gbps และอัปโหลด 400Mbps ถือเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ Starlink จุดเด่นคือความเร็วที่เหนือกว่าและการเชื่อมต่อที่เสถียร ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อรองรับทั้งผู้ใช้งานทั่วไปและธุรกิจที่ต้องการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ห่างไกล การเปิดตัวครั้งนี้อาจเปลี่ยนสมดุลของตลาดอินเทอร์เน็ตดาวเทียมทั่วโลก
    https://www.techradar.com/pro/amazons-rival-to-starlink-offers-fastest-downloads-and-uploads-but-how-will-it-stack-up-in-real-life
    📌📡🔵 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🔵📡📌 #รวมข่าวIT #20251128 #TechRadar 🛠️ Google Assistant กำลังจะถูกแทนที่ด้วย Gemini บน Android Auto Google เตรียมปิดฉาก Google Assistant บน Android Auto ภายในเดือนมีนาคมปีหน้า และจะนำ Gemini ซึ่งเป็น AI รุ่นใหม่เข้ามาแทนที่ จุดเด่นคือการสื่อสารที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น เช่น การสั่งนำทางด้วยประโยคง่าย ๆ อย่าง “พาไปหาร้านเบอร์เกอร์ที่ดีที่สุดแถวนี้” แล้ว Gemini จะจัดการให้ทันที รวมถึงสามารถสานต่อบทสนทนา เช่นถามต่อว่าเมนูยอดนิยมคืออะไร หรือมีที่จอดฟรีไหม นอกจากนี้ Gemini ยังช่วยให้การส่งข้อความระหว่างขับรถง่ายขึ้น เช่นสั่งให้ส่งข้อความพร้อมใส่อีโมจิโดยไม่ต้องแก้ไขหลายครั้ง ถือเป็นการยกระดับการใช้งาน Android Auto ให้ปลอดภัยและสะดวกกว่าเดิม 🔗 https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/google-hints-at-google-assistant-shutdown-date-for-android-auto-heres-what-that-means-for-you 🛒 Tab 2: Amazon บล็อก Shopping Agent ของ ChatGPT Amazon ตัดสินใจบล็อกฟีเจอร์ Shopping Agent ใหม่ของ ChatGPT ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยผู้ใช้ค้นหาสินค้าและดีลออนไลน์ เหตุผลหลักคือความกังวลเรื่องการแข่งขันและการควบคุมข้อมูลการซื้อขายบนแพลตฟอร์มของตนเอง การบล็อกครั้งนี้อาจส่งผลต่อผู้ใช้ที่หวังจะใช้ AI เพื่อช่วยเลือกซื้อสินค้าได้สะดวกขึ้น และยังสะท้อนให้เห็นถึงความตึงเครียดระหว่างบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซกับผู้พัฒนา AI ที่กำลังรุกเข้ามาในตลาดการช้อปปิ้งออนไลน์ 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/amazon-blocks-chatgpts-new-shopping-agent-what-the-fallout-could-mean-for-you 🚗 ระบบเตือนความปลอดภัยในรถจะ “น่ารำคาญ” น้อยลงในปี 2026 หลายคนคงเคยหงุดหงิดกับเสียงเตือนหรือระบบความปลอดภัยในรถที่ดังบ่อยเกินไป ข่าวดีคือ ตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไป กฎใหม่ในยุโรปจะบังคับให้ผู้ผลิตรถยนต์ปรับระบบเตือนให้ “ไม่รบกวน” ผู้ขับขี่มากเกินไป เป้าหมายคือยังคงความปลอดภัย แต่ไม่สร้างความเครียดหรือรำคาญจนผู้ใช้ปิดระบบทิ้ง การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยให้การขับรถมีสมดุลระหว่างความปลอดภัยและความสบายใจมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/sick-of-annoying-car-safety-warning-systems-good-news-theyll-become-less-intrusive-from-2026-heres-why 🖤 รวมไอเท็มโทนดำสำหรับ Home Office สุดมินิมอล TechRadar แนะนำ 15 ผลิตภัณฑ์โทนสีดำที่เหมาะกับการสร้างบรรยากาศ Home Office แบบมินิมอล ตั้งแต่โต๊ะทำงาน เก้าอี้ ไปจนถึงอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ที่ช่วยให้พื้นที่ทำงานดูเรียบง่ายแต่มีสไตล์ เหมาะสำหรับคนที่ชอบโทนเข้มและอยากได้บรรยากาศที่ทันสมัยและไม่รกตา การเลือกใช้โทนสีดำยังช่วยให้โฟกัสกับงานได้ดีขึ้นและสร้างความรู้สึกเป็นระเบียบ 🔗 https://www.techradar.com/pro/website-building/15-products-id-use-to-build-my-dream-minimalist-home-office 🌐 AWS สร้างระบบ DNS Backstop ป้องกันการล่มครั้งใหญ่ AWS กำลังพัฒนาระบบ DNS Backstop ใหม่เพื่อป้องกันการหยุดทำงานของบริการครั้งใหญ่ในอนาคต หลังจากที่เคยเกิดเหตุการณ์ระบบล่มจนกระทบผู้ใช้จำนวนมาก การสร้าง Backstop นี้จะช่วยให้ระบบมีความทนทานและสามารถรับมือกับปัญหาได้ดียิ่งขึ้น ถือเป็นการลงทุนเพื่อสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าองค์กรที่พึ่งพา AWS ในการดำเนินธุรกิจ 🔗 https://www.techradar.com/pro/aws-is-building-a-new-dns-backstop-to-prevent-further-outages 💻 Windows 11 กำลังเสียความนิยมเมื่อเทียบกับ Windows 10 Dell เปิดเผยข้อมูลที่สะท้อนว่า Windows 11 ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร หลังจากที่ Windows 10 หมดการสนับสนุนแล้ว ผู้ใช้จำนวนมากยังคงเลือกใช้ Windows 10 ต่อไป แม้จะไม่มีการอัปเดตด้านความปลอดภัยแล้วก็ตาม สิ่งนี้ชี้ให้เห็นถึงความท้าทายของ Microsoft ในการผลักดันให้ผู้ใช้เปลี่ยนไปใช้ Windows 11 ซึ่งอาจต้องหาวิธีสร้างแรงจูงใจเพิ่มเติมเพื่อให้ผู้ใช้ยอมอัปเกรด 🔗 https://www.techradar.com/computing/windows/is-windows-11-fighting-a-losing-battle-dell-underlines-how-unpopular-the-os-is-after-support-ended-compared-to-windows-10 🏢 OpenAI เปิดให้ลูกค้าองค์กรเลือกที่เก็บข้อมูล ChatGPT OpenAI ประกาศฟีเจอร์ใหม่สำหรับลูกค้าองค์กร โดยสามารถเลือกได้ว่าข้อมูลของ ChatGPT จะถูกเก็บไว้ที่ไหน ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ธุรกิจที่มีข้อกำหนดด้านกฎหมายหรือความปลอดภัยสามารถควบคุมการจัดเก็บข้อมูลได้มากขึ้น ถือเป็นการตอบโจทย์องค์กรที่ต้องการความยืดหยุ่นและความมั่นใจในการใช้ AI โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่มีข้อกำหนดเข้มงวด 🔗 https://www.techradar.com/pro/openai-now-lets-business-customers-choose-where-their-chatgpt-data-is-hosted 📱 Apple แย่งบัลลังก์มือถือจาก Samsung หลัง 14 ปี Apple เตรียมขึ้นแท่นเป็นผู้นำตลาดสมาร์ทโฟนแทน Samsung เป็นครั้งแรกในรอบ 14 ปี โดยแรงหนุนหลักมาจาก iPhone 17 ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก การเปลี่ยนแปลงนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในตลาดมือถือโลก และสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของ Apple ในการสร้างนวัตกรรมและดึงดูดผู้ใช้ได้อย่างต่อเนื่อง 🔗 https://www.techradar.com/phones/iphone/apple-will-take-samsungs-phone-crown-for-the-first-time-in-14-years-and-its-all-thanks-to-the-iphone-17 🚫 ยุโรปเตรียมห้ามโซเชียลมีเดียสำหรับผู้ต่ำกว่า 16 ปี สหภาพยุโรปกำลังพิจารณากฎหมายใหม่ที่จะห้ามผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 16 ปีใช้โซเชียลมีเดีย เหตุผลหลักคือการปกป้องเยาวชนจากผลกระทบด้านสุขภาพจิตและความเสี่ยงจากการใช้งานออนไลน์ หากกฎหมายนี้ผ่าน จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่กระทบทั้งผู้ใช้และแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียทั่วโลก 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/europe-wants-to-ban-social-media-for-under-16s-heres-all-we-know 📸 Sony เปิดตัวเซ็นเซอร์กล้องมือถือ 200MP ที่ใหญ่ที่สุดในโลก Sony เปิดตัวเซ็นเซอร์กล้องมือถือความละเอียด 200MP ที่ถูกขนานนามว่า “ใหญ่ที่สุดในโลก” โดยคาดว่าจะถูกนำไปใช้ในสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่หลายรุ่น จุดเด่นคือการถ่ายภาพที่คมชัดและเก็บรายละเอียดได้มากขึ้น ซึ่งอาจเป็นการยกระดับมาตรฐานการถ่ายภาพบนมือถือไปอีกขั้น 🔗 https://www.techradar.com/phones/sony-just-launched-the-worlds-largest-200mp-smartphone-sensor-heres-which-phones-could-get-it 🎧 หูฟังลดเสียงรบกวน Loop ลดราคาแรง ช่วง Black Friday นี้ TechRadar เล่าประสบการณ์ตรงจากการลองใช้หูฟังลดเสียงรบกวน Loop หลายรุ่น ที่ช่วยทั้งการสนทนาในที่เสียงดัง การดูคอนเสิร์ต ไปจนถึงการนอนหลับสบาย โดยรุ่นเด่นคือ Loop Switch 2 ที่สามารถปรับโหมดลดเสียงได้ถึง 3 ระดับในคู่เดียว ทำให้ใช้งานได้หลากหลายสถานการณ์ ราคาลดเหลือเพียง 47.95 ดอลลาร์ในสหรัฐ และ 43.95 ปอนด์ในสหราชอาณาจักร ถือเป็นดีลที่คุ้มค่ามากสำหรับคนที่อยากได้หูฟังลดเสียงคุณภาพสูง 🔗 https://www.techradar.com/health-fitness/ive-tried-all-the-best-loop-earplugs-and-now-theyre-on-sale-for-black-friday 🔐 Asus เตือนช่องโหว่ร้ายแรงใน AiCloud Router Asus ออกประกาศเร่งด่วนหลังพบช่องโหว่ร้ายแรงในฟีเจอร์ AiCloud ของเราเตอร์ ที่เปิดโอกาสให้แฮกเกอร์เข้าถึงระบบได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ช่องโหว่นี้มีคะแนนความรุนแรงถึง 9.2/10 และกระทบหลายรุ่นที่ยังใช้งานอยู่ ผู้ใช้ถูกแนะนำให้อัปเดตเฟิร์มแวร์ทันที หรือปิดการใช้งาน AiCloud และบริการแชร์ไฟล์เพื่อความปลอดภัย การอัปเดตครั้งนี้ยังแก้ไขช่องโหว่อื่น ๆ อีก 9 จุด แสดงให้เห็นว่าเราเตอร์เป็นเป้าหมายหลักของการโจมตีไซเบอร์ 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/asus-warns-of-new-security-flaw-affecting-aicloud-routers-heres-what-we-know ☁️ ช่องโหว่ Fluent Bit เสี่ยงกระทบระบบ Cloud ทั่วโลก Fluent Bit ซึ่งเป็นเครื่องมือจัดการ log ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ถูกพบว่ามีช่องโหว่หลายจุดที่เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีสามารถแก้ไข log หรือรันโค้ดอันตรายจากระยะไกลได้ ช่องโหว่บางส่วนมีอยู่มานานกว่า 4-6 ปี ทำให้ระบบ Cloud ของ AWS, Google Cloud และ Microsoft Azure เสี่ยงถูกโจมตี ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้อัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดและตรวจสอบการตั้งค่า log อย่างเข้มงวด เพราะการโจมตีสามารถทำได้ง่ายและมีผลกระทบกว้างขวางต่อธุรกิจที่พึ่งพา Cloud 🔗 https://www.techradar.com/pro/these-worrying-security-flaws-could-put-every-major-cloud-provider-at-risk-heres-what-we-know-so-far 🧹 รีวิวเครื่องดูดฝุ่นเบาแต่ทรงพลัง TechRadar ทดลองเครื่องดูดฝุ่นหลายรุ่นเพื่อหาตัวที่เบาและใช้งานง่ายที่สุด ผลคือ Shark Detect Pro และ Dreame R20 โดดเด่นที่สุด โดย Shark Detect Pro เบามากจนถือมือเดียวได้สบาย แต่กำลังดูดไม่แรงเท่า Dreame R20 ที่มีคาร์บอนไฟเบอร์ช่วยให้เบาและทำความสะอาดได้ดีกว่า ทั้งสองรุ่นมีดีลลดราคาช่วง Black Friday ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่อยากได้เครื่องดูดฝุ่นเบา ๆ แต่ยังคงประสิทธิภาพในการทำความสะอาด 🔗 https://www.techradar.com/home/vacuums/i-tested-a-whole-bunch-of-vacuums-and-these-are-the-best-lightweight-options 🛡️ OpenAI ขอโทษเหตุข้อมูลรั่วจาก Mixpanel OpenAI ออกแถลงการณ์ขอโทษหลังบริษัทพันธมิตรด้านวิเคราะห์ข้อมูล Mixpanel ถูกเจาะระบบ ทำให้ข้อมูลนักพัฒนาที่ใช้แพลตฟอร์ม API ของ OpenAI รั่วไหล เช่น อีเมล ตำแหน่งโดยประมาณ และข้อมูลเบราว์เซอร์ แต่ยืนยันว่าไม่กระทบผู้ใช้ ChatGPT ทั่วไป และไม่มีข้อมูลสำคัญอย่างรหัสผ่านหรือ API key ถูกเปิดเผย OpenAI ได้ยุติการใช้บริการ Mixpanel และเพิ่มมาตรการตรวจสอบความปลอดภัยกับพันธมิตรทั้งหมด พร้อมแนะนำให้ผู้ใช้เปิดการยืนยันตัวตนหลายขั้นตอนเพื่อเพิ่มความปลอดภัย 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/openai/openai-apologizes-for-big-mixpanel-data-breach-that-exposed-emails-and-more-heres-what-we-know 🤖 Opera Neon เปิดตัวนักวิจัย AI ช่วยหาข้อมูลเร็วขึ้น Opera Neon กำลังสร้างความฮือฮา ด้วยฟีเจอร์ใหม่ที่ใช้ AI ช่วยค้นคว้าและสรุปข้อมูลได้ภายในเวลาเพียง 1 นาที จากเดิมที่ต้องเปิดหลายแท็บพร้อมกัน ฟีเจอร์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้เข้าถึงข้อมูลที่ซับซ้อนอย่างรวดเร็วและเป็นระเบียบมากขึ้น ถือเป็นการยกระดับประสบการณ์การใช้งานเบราว์เซอร์ให้ทันสมัยและตอบโจทย์คนทำงานยุคใหม่ 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/opera-neons-ai-researcher-does-in-one-minute-what-used-to-take-a-dozen-tabs 🪟 มัลแวร์ปลอมตัวเป็น Windows Update มีรายงานว่าแฮกเกอร์กำลังใช้เทคนิคใหม่ โดยปลอมตัวเป็นการอัปเดต Windows ที่ดูสมจริงมาก เพื่อหลอกให้ผู้ใช้ติดตั้งมัลแวร์ที่ทรงพลัง วิธีการนี้สามารถหลอกแม้กระทั่งผู้ใช้ที่ระมัดระวัง การโจมตีลักษณะนี้เน้นใช้ภาพและข้อความที่เหมือนของจริง ทำให้ผู้ใช้ยากที่จะสังเกตเห็นความผิดปกติ ผู้เชี่ยวชาญเตือนให้ตรวจสอบทุกครั้งก่อนติดตั้งอัปเดต และควรดาวน์โหลดจากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น 🔗 https://www.techradar.com/pro/maybe-dont-trust-every-windows-update-without-checking-hackers-hijack-images-to-spread-dangerous-malware 🎨 ไฟล์ Blender ปลอมแพร่มัลแวร์ StealC นักวิจัยด้านความปลอดภัยพบว่าไฟล์โมเดล 3D จาก Blender ที่ถูกปลอมแปลง กำลังถูกใช้เพื่อแพร่กระจายมัลแวร์ StealC ซึ่งสามารถขโมยข้อมูลสำคัญจากเครื่องผู้ใช้ได้ การโจมตีนี้อาศัยความนิยมของ Blender ในวงการออกแบบและแอนิเมชัน ทำให้ผู้ใช้ที่ดาวน์โหลดไฟล์จากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือเสี่ยงสูงที่จะติดมัลแวร์ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ตรวจสอบแหล่งที่มาของไฟล์ทุกครั้ง และใช้ซอฟต์แวร์ป้องกันที่ทันสมัย 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/malicious-blender-model-files-deliver-stealc-infostealing-malware 🧑‍⚖️ Missouri บังคับตรวจสอบอายุออนไลน์ รัฐ Missouri เตรียมบังคับใช้กฎหมายใหม่ภายในสามวัน ที่กำหนดให้เว็บไซต์ต้องตรวจสอบอายุผู้ใช้งานอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการเข้าถึงเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม กฎหมายนี้จะส่งผลต่อแพลตฟอร์มออนไลน์หลายประเภท ทั้งเว็บบันเทิงและบริการสตรีมมิ่ง ทำให้ผู้ให้บริการต้องปรับระบบยืนยันตัวตนเพื่อให้สอดคล้องกับข้อบังคับใหม่ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในด้านความปลอดภัยดิจิทัล 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/missouri-to-enforce-mandatory-age-verification-in-three-days 🚀 Amazon Leo Ultra อินเทอร์เน็ตดาวเทียมความเร็วสูง Amazon เปิดตัวบริการอินเทอร์เน็ตดาวเทียม Leo Ultra ที่ให้ความเร็วดาวน์โหลดสูงสุดถึง 1Gbps และอัปโหลด 400Mbps ถือเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ Starlink จุดเด่นคือความเร็วที่เหนือกว่าและการเชื่อมต่อที่เสถียร ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อรองรับทั้งผู้ใช้งานทั่วไปและธุรกิจที่ต้องการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ห่างไกล การเปิดตัวครั้งนี้อาจเปลี่ยนสมดุลของตลาดอินเทอร์เน็ตดาวเทียมทั่วโลก 🔗 https://www.techradar.com/pro/amazons-rival-to-starlink-offers-fastest-downloads-and-uploads-but-how-will-it-stack-up-in-real-life
    0 Comments 0 Shares 626 Views 0 Reviews
  • Google และ Meta เลื่อนโครงการสายเคเบิลใต้น้ำในทะเลแดง

    Google และ Meta กำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ตระดับโลก หลังจากตัดสินใจเลื่อนการวางสายเคเบิลใต้น้ำในทะเลแดง ซึ่งเป็นเส้นทางที่สำคัญต่อการเชื่อมต่อระหว่างยุโรป เอเชีย และแอฟริกา สาเหตุหลักมาจากความเสี่ยงด้านความปลอดภัย เช่น การโจมตีด้วยขีปนาวุธและความไม่มั่นคงทางการเมืองในภูมิภาค

    ผลกระทบต่อการเชื่อมต่อโลก
    ทะเลแดงถือเป็นเส้นทางที่รับผิดชอบต่อการส่งผ่านข้อมูลอินเทอร์เน็ตถึง หนึ่งในห้าของการจราจรโลก การเลื่อนโครงการทำให้ข้อมูลต้องเบี่ยงเส้นทางไปยังเส้นทางที่ยาวกว่า เช่น รอบทวีปแอฟริกา ส่งผลให้เกิด ความหน่วง (latency) สูงขึ้น และเพิ่มค่าใช้จ่ายให้กับบริษัทที่ต้องซื้อแบนด์วิดท์จากเส้นทางอื่นเพื่อรองรับความต้องการในระยะสั้น

    ต้นทุนและความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ
    การหยุดชะงักนี้ไม่เพียงแต่ทำให้บริษัทเทคโนโลยีสูญเสียโอกาสในการสร้างรายได้จากโครงสร้างพื้นฐานใหม่ แต่ยังทำให้ผู้ใช้งานในภูมิภาคที่พึ่งพาอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงต้องเผชิญกับ ราคาที่สูงขึ้นและความเร็วที่ลดลง โดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนาในแอฟริกาและเอเชียที่ยังขาดการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่เสถียร

    ทางเลือกใหม่และความท้าทาย
    เพื่อรับมือกับความเสี่ยง บริษัทโทรคมนาคมและเทคโนโลยีเริ่มพิจารณาเส้นทางทางบกผ่านประเทศอย่าง บาห์เรน ซาอุดีอาระเบีย และแม้กระทั่งอิรัก ซึ่งเดิมถูกมองว่าเสี่ยงและมีต้นทุนสูง แต่สถานการณ์ปัจจุบันทำให้เส้นทางเหล่านี้กลายเป็นทางเลือกที่จริงจังมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การเจรจาและการขออนุญาตจากรัฐบาลท้องถิ่นยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญ

    สรุปสาระสำคัญ
    การเลื่อนโครงการสายเคเบิลใต้น้ำของ Google และ Meta
    โครงการ 2Africa และ Blue-Raman ถูกเลื่อนออกไปไม่มีกำหนด

    ทะเลแดงมีความสำคัญต่อการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตโลก
    รับผิดชอบต่อการจราจรข้อมูลถึง 20% ของโลก

    ผลกระทบต่อผู้ใช้งานและบริษัทเทคโนโลยี
    เกิดความหน่วงสูงขึ้นและต้นทุนการดำเนินงานเพิ่มขึ้น

    ทางเลือกใหม่ในการเชื่อมต่อ
    เส้นทางทางบกผ่านบาห์เรน ซาอุดีอาระเบีย และอิรักถูกพิจารณา

    ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยในทะเลแดง
    มีรายงานการโจมตีด้วยขีปนาวุธและภัยจากกลุ่มติดอาวุธ

    ผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต
    ประเทศกำลังพัฒนาต้องเผชิญราคาสูงและความเร็วต่ำลง

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/google-and-meta-delay-red-sea-cables-over-security-concerns
    🌊 Google และ Meta เลื่อนโครงการสายเคเบิลใต้น้ำในทะเลแดง Google และ Meta กำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ตระดับโลก หลังจากตัดสินใจเลื่อนการวางสายเคเบิลใต้น้ำในทะเลแดง ซึ่งเป็นเส้นทางที่สำคัญต่อการเชื่อมต่อระหว่างยุโรป เอเชีย และแอฟริกา สาเหตุหลักมาจากความเสี่ยงด้านความปลอดภัย เช่น การโจมตีด้วยขีปนาวุธและความไม่มั่นคงทางการเมืองในภูมิภาค 🚢 ผลกระทบต่อการเชื่อมต่อโลก ทะเลแดงถือเป็นเส้นทางที่รับผิดชอบต่อการส่งผ่านข้อมูลอินเทอร์เน็ตถึง หนึ่งในห้าของการจราจรโลก การเลื่อนโครงการทำให้ข้อมูลต้องเบี่ยงเส้นทางไปยังเส้นทางที่ยาวกว่า เช่น รอบทวีปแอฟริกา ส่งผลให้เกิด ความหน่วง (latency) สูงขึ้น และเพิ่มค่าใช้จ่ายให้กับบริษัทที่ต้องซื้อแบนด์วิดท์จากเส้นทางอื่นเพื่อรองรับความต้องการในระยะสั้น 💰 ต้นทุนและความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ การหยุดชะงักนี้ไม่เพียงแต่ทำให้บริษัทเทคโนโลยีสูญเสียโอกาสในการสร้างรายได้จากโครงสร้างพื้นฐานใหม่ แต่ยังทำให้ผู้ใช้งานในภูมิภาคที่พึ่งพาอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงต้องเผชิญกับ ราคาที่สูงขึ้นและความเร็วที่ลดลง โดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนาในแอฟริกาและเอเชียที่ยังขาดการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่เสถียร 🔒 ทางเลือกใหม่และความท้าทาย เพื่อรับมือกับความเสี่ยง บริษัทโทรคมนาคมและเทคโนโลยีเริ่มพิจารณาเส้นทางทางบกผ่านประเทศอย่าง บาห์เรน ซาอุดีอาระเบีย และแม้กระทั่งอิรัก ซึ่งเดิมถูกมองว่าเสี่ยงและมีต้นทุนสูง แต่สถานการณ์ปัจจุบันทำให้เส้นทางเหล่านี้กลายเป็นทางเลือกที่จริงจังมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การเจรจาและการขออนุญาตจากรัฐบาลท้องถิ่นยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การเลื่อนโครงการสายเคเบิลใต้น้ำของ Google และ Meta ➡️ โครงการ 2Africa และ Blue-Raman ถูกเลื่อนออกไปไม่มีกำหนด ✅ ทะเลแดงมีความสำคัญต่อการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตโลก ➡️ รับผิดชอบต่อการจราจรข้อมูลถึง 20% ของโลก ✅ ผลกระทบต่อผู้ใช้งานและบริษัทเทคโนโลยี ➡️ เกิดความหน่วงสูงขึ้นและต้นทุนการดำเนินงานเพิ่มขึ้น ✅ ทางเลือกใหม่ในการเชื่อมต่อ ➡️ เส้นทางทางบกผ่านบาห์เรน ซาอุดีอาระเบีย และอิรักถูกพิจารณา ‼️ ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยในทะเลแดง ⛔ มีรายงานการโจมตีด้วยขีปนาวุธและภัยจากกลุ่มติดอาวุธ ‼️ ผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต ⛔ ประเทศกำลังพัฒนาต้องเผชิญราคาสูงและความเร็วต่ำลง https://www.tomshardware.com/tech-industry/google-and-meta-delay-red-sea-cables-over-security-concerns
    0 Comments 0 Shares 340 Views 0 Reviews
  • กสทช.ชง “เน็ตคนละครึ่ง” เดือนละ 160 บาท , ให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ ใช้เน็ต 40GB นาน 3 เดือน
    .
    โครงการช่วยลดเหลื่อมล้ำดิจิทัลเตรียมเข้าครม. ผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ 14 ล้านคนจ่ายเพียง 160 บาทต่อเดือน ได้สิทธิเน็ตความเร็วสูง 40GB ใช้ต่อเนื่อง 3 เดือน คุมคุณภาพสัญญาณ–ครอบคลุมทั่วประเทศ
    .
    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000109157
    .
    #News1live #News1 #เน็ตคนละครึ่ง #กสทช #บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ #อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง #ลดเหลื่อมล้ำดิจิทัล #กทปส #ข่าวเศรษฐกิจดิจิทัล #newsupdate
    กสทช.ชง “เน็ตคนละครึ่ง” เดือนละ 160 บาท , ให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ ใช้เน็ต 40GB นาน 3 เดือน . โครงการช่วยลดเหลื่อมล้ำดิจิทัลเตรียมเข้าครม. ผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ 14 ล้านคนจ่ายเพียง 160 บาทต่อเดือน ได้สิทธิเน็ตความเร็วสูง 40GB ใช้ต่อเนื่อง 3 เดือน คุมคุณภาพสัญญาณ–ครอบคลุมทั่วประเทศ . อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000109157 . #News1live #News1 #เน็ตคนละครึ่ง #กสทช #บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ #อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง #ลดเหลื่อมล้ำดิจิทัล #กทปส #ข่าวเศรษฐกิจดิจิทัล #newsupdate
    Like
    4
    0 Comments 0 Shares 465 Views 0 Reviews
  • “12 โมเด็ม 56K รวมพลังสตรีม YouTube ได้จริง — ย้อนยุค Dial-Up ด้วยเทคโนโลยี Multilink PPP”

    ในยุคที่อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงกลายเป็นเรื่องธรรมดา กลุ่ม YouTuber จากช่อง The Serial Port ได้ทดลองสิ่งที่หลายคนคิดว่าเป็นไปไม่ได้: สตรีม YouTube ด้วยโมเด็ม 56K แบบ Dial-Up โดยใช้เทคนิคการรวมสัญญาณที่เรียกว่า Multilink PPP (MPPP) เพื่อสร้างการเชื่อมต่อที่เร็วพอสำหรับการดูวิดีโอในปี 2025

    พวกเขาเริ่มจากการใช้คอมพิวเตอร์ IBM รุ่นปี 2001 ที่รัน Windows ME และเชื่อมต่อโมเด็ม 2 ตัวเข้าด้วยกัน ซึ่งสามารถใช้งานได้จริง แต่เมื่อพยายามเพิ่มจำนวนโมเด็ม ระบบเริ่มมีปัญหาเรื่องไดรเวอร์และพอร์ต COM ที่ชนกัน จึงเปลี่ยนมาใช้ IBM ThinkCentre รุ่นปี 2004 ที่รัน Windows XP ซึ่งสามารถจัดการกับการเชื่อมต่อพร้อมกันได้ดีกว่า

    หลังจากติดตั้งการ์ดขยายพอร์ตแบบใหม่และปรับแต่ง DIP switch ของโมเด็ม พวกเขาสามารถเชื่อมต่อโมเด็มได้ถึง 12 ตัวพร้อมกัน และสร้างการเชื่อมต่อที่มีความเร็วรวม 668.8 kbps ซึ่งถือว่าเร็วกว่า Dial-Up ปกติถึง 12 เท่า และสามารถสตรีม YouTube ที่ความละเอียด 240p ได้โดยไม่กระตุก

    แม้จะเป็นการทดลองที่ดูย้อนยุค แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความสามารถของเทคโนโลยี Multilink PPP ที่เคยถูกใช้ในยุคก่อน ADSL และ ISDN เพื่อเพิ่มความเร็วอินเทอร์เน็ตโดยไม่ต้องเปลี่ยนฮาร์ดแวร์หลัก

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    ทีมงานใช้โมเด็ม 56K จำนวน 12 ตัวรวมสัญญาณผ่าน Multilink PPP
    ใช้คอมพิวเตอร์ IBM ThinkCentre ปี 2004 ที่รัน Windows XP
    ความเร็วรวมที่ได้คือ 668.8 kbps ซึ่งสามารถสตรีม YouTube ได้จริง
    ใช้การ์ดขยายพอร์ต serial และปรับ DIP switch เพื่อให้โมเด็มทำงานพร้อมกัน
    Windows XP สามารถจัดการการเชื่อมต่อพร้อมกันได้ดีกว่า Windows ME
    Multilink PPP เป็นเทคโนโลยีที่รวมแบนด์วิดท์จากหลายโมเด็มให้เป็นช่องสัญญาณเดียว
    FCC เคยกำหนดว่าอินเทอร์เน็ต 200 kbps ถือว่าเป็น “บรอดแบนด์” ในปี 2000
    การทดลองนี้อาจเป็นสถิติโลก เพราะไม่พบการใช้โมเด็มมากกว่า 4 ตัวพร้อมกันในอดีต

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Multilink PPP เคยถูกใช้ในอุปกรณ์เชิงพาณิชย์ เช่น Diamond Shotgun PCI card
    โมเด็ม 56K ใช้เสียงในการเชื่อมต่อผ่านสายโทรศัพท์ ซึ่งมีเสียง “สตรีม” ที่เป็นเอกลักษณ์
    การรวมโมเด็มหลายตัวต้องใช้ ISP ที่รองรับการเชื่อมต่อแบบ digital modem
    ในยุคก่อน ADSL การดาวน์โหลด MP3 อาจใช้เวลานานถึง 20 นาที
    ปัจจุบัน FCC กำหนดว่าอินเทอร์เน็ตต้องมีความเร็ว 100 Mbps ขึ้นไปถึงจะเรียกว่า “บรอดแบนด์”

    https://www.tomshardware.com/networking/enthusiasts-bond-twelve-56k-dial-up-modems-together-to-set-dial-up-broadband-records-a-dozen-screeching-boxes-achieve-record-668-kbps-download-speeds
    📞 “12 โมเด็ม 56K รวมพลังสตรีม YouTube ได้จริง — ย้อนยุค Dial-Up ด้วยเทคโนโลยี Multilink PPP” ในยุคที่อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงกลายเป็นเรื่องธรรมดา กลุ่ม YouTuber จากช่อง The Serial Port ได้ทดลองสิ่งที่หลายคนคิดว่าเป็นไปไม่ได้: สตรีม YouTube ด้วยโมเด็ม 56K แบบ Dial-Up โดยใช้เทคนิคการรวมสัญญาณที่เรียกว่า Multilink PPP (MPPP) เพื่อสร้างการเชื่อมต่อที่เร็วพอสำหรับการดูวิดีโอในปี 2025 พวกเขาเริ่มจากการใช้คอมพิวเตอร์ IBM รุ่นปี 2001 ที่รัน Windows ME และเชื่อมต่อโมเด็ม 2 ตัวเข้าด้วยกัน ซึ่งสามารถใช้งานได้จริง แต่เมื่อพยายามเพิ่มจำนวนโมเด็ม ระบบเริ่มมีปัญหาเรื่องไดรเวอร์และพอร์ต COM ที่ชนกัน จึงเปลี่ยนมาใช้ IBM ThinkCentre รุ่นปี 2004 ที่รัน Windows XP ซึ่งสามารถจัดการกับการเชื่อมต่อพร้อมกันได้ดีกว่า หลังจากติดตั้งการ์ดขยายพอร์ตแบบใหม่และปรับแต่ง DIP switch ของโมเด็ม พวกเขาสามารถเชื่อมต่อโมเด็มได้ถึง 12 ตัวพร้อมกัน และสร้างการเชื่อมต่อที่มีความเร็วรวม 668.8 kbps ซึ่งถือว่าเร็วกว่า Dial-Up ปกติถึง 12 เท่า และสามารถสตรีม YouTube ที่ความละเอียด 240p ได้โดยไม่กระตุก แม้จะเป็นการทดลองที่ดูย้อนยุค แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความสามารถของเทคโนโลยี Multilink PPP ที่เคยถูกใช้ในยุคก่อน ADSL และ ISDN เพื่อเพิ่มความเร็วอินเทอร์เน็ตโดยไม่ต้องเปลี่ยนฮาร์ดแวร์หลัก ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ทีมงานใช้โมเด็ม 56K จำนวน 12 ตัวรวมสัญญาณผ่าน Multilink PPP ➡️ ใช้คอมพิวเตอร์ IBM ThinkCentre ปี 2004 ที่รัน Windows XP ➡️ ความเร็วรวมที่ได้คือ 668.8 kbps ซึ่งสามารถสตรีม YouTube ได้จริง ➡️ ใช้การ์ดขยายพอร์ต serial และปรับ DIP switch เพื่อให้โมเด็มทำงานพร้อมกัน ➡️ Windows XP สามารถจัดการการเชื่อมต่อพร้อมกันได้ดีกว่า Windows ME ➡️ Multilink PPP เป็นเทคโนโลยีที่รวมแบนด์วิดท์จากหลายโมเด็มให้เป็นช่องสัญญาณเดียว ➡️ FCC เคยกำหนดว่าอินเทอร์เน็ต 200 kbps ถือว่าเป็น “บรอดแบนด์” ในปี 2000 ➡️ การทดลองนี้อาจเป็นสถิติโลก เพราะไม่พบการใช้โมเด็มมากกว่า 4 ตัวพร้อมกันในอดีต ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Multilink PPP เคยถูกใช้ในอุปกรณ์เชิงพาณิชย์ เช่น Diamond Shotgun PCI card ➡️ โมเด็ม 56K ใช้เสียงในการเชื่อมต่อผ่านสายโทรศัพท์ ซึ่งมีเสียง “สตรีม” ที่เป็นเอกลักษณ์ ➡️ การรวมโมเด็มหลายตัวต้องใช้ ISP ที่รองรับการเชื่อมต่อแบบ digital modem ➡️ ในยุคก่อน ADSL การดาวน์โหลด MP3 อาจใช้เวลานานถึง 20 นาที ➡️ ปัจจุบัน FCC กำหนดว่าอินเทอร์เน็ตต้องมีความเร็ว 100 Mbps ขึ้นไปถึงจะเรียกว่า “บรอดแบนด์” https://www.tomshardware.com/networking/enthusiasts-bond-twelve-56k-dial-up-modems-together-to-set-dial-up-broadband-records-a-dozen-screeching-boxes-achieve-record-668-kbps-download-speeds
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Enthusiasts bond twelve 56K modems together to set dial-up broadband records — a dozen screeching boxes achieve record 668 kbps download speeds
    Multilink PPP worked well on an era-appropriate Windows XP PC, after progress using an earlier Windows ME box stalled.
    0 Comments 0 Shares 264 Views 0 Reviews
  • “รู้จักเสาอากาศ Wi-Fi และวิธีอัปเกรดให้สัญญาณแรงขึ้น — เพราะอินเทอร์เน็ตเร็วไม่พอ ถ้าเสาอากาศไม่ส่งดี”

    แม้คุณจะจ่ายเงินเพื่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูง แต่ถ้า Wi-Fi ยังอืดหรือมีจุดอับสัญญาณในบ้าน ปัญหาอาจไม่ได้อยู่ที่แพ็กเกจเน็ตหรือเราเตอร์เสมอไป — แต่อาจอยู่ที่ “เสาอากาศ Wi-Fi” ที่คุณมองข้ามไป

    เสาอากาศ Wi-Fi ทำหน้าที่เป็นตัวแปลงคลื่นวิทยุให้กลายเป็นสัญญาณที่อุปกรณ์รับได้ และส่งกลับไปยังเราเตอร์ ถ้าเสาอากาศเสื่อมสภาพหรือไม่เหมาะกับพื้นที่ใช้งาน ก็จะทำให้สัญญาณอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด แม้จะใช้เราเตอร์รุ่นใหม่ก็ตาม

    ก่อนจะเปลี่ยนเราเตอร์ ลองตรวจสอบเสาอากาศก่อน โดยใช้แอปวิเคราะห์สัญญาณ Wi-Fi และลองย้ายตำแหน่งเราเตอร์ไปยังจุดที่ไม่มีสิ่งกีดขวาง หากสัญญาณยังอ่อนอยู่ การเปลี่ยนเสาอากาศอาจช่วยได้มาก

    เสาอากาศมีหลายประเภท เช่น:
    - Omnidirectional: กระจายสัญญาณรอบทิศ เหมาะกับบ้านหรือออฟฟิศที่มีอุปกรณ์อยู่หลายจุด
    - Directional: ส่งสัญญาณไปในทิศทางเดียว เหมาะกับการเชื่อมต่อระยะไกลหรือพื้นที่เฉพาะ

    การอัปเกรดเสาอากาศไม่ยาก หากเราเตอร์รองรับการถอดเปลี่ยน (เช่น SMA หรือ RP-SMA) แต่บางรุ่นโดยเฉพาะ Wi-Fi 6E อาจมีเสาอากาศฝังในตัว ซึ่งไม่สามารถเปลี่ยนได้

    นอกจากเปลี่ยนเสาอากาศ ยังสามารถติดตั้ง Wi-Fi extender หรือ booster เพื่อขยายสัญญาณในพื้นที่ที่สัญญาณอ่อน เช่น ห้องชั้นบนหรือมุมบ้านที่มีผนังหนา

    และถ้าคุณใช้ Wi-Fi 6, 6E หรือ Wi-Fi 7 ในปี 2025 การเลือกเสาอากาศที่รองรับ tri-band และ 6GHz จะช่วยให้คุณใช้เทคโนโลยีใหม่ได้เต็มประสิทธิภาพ เช่น OFDMA, MU-MIMO และ Multi-Link Operation

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    เสาอากาศ Wi-Fi เป็นตัวกลางในการรับส่งคลื่นวิทยุระหว่างเราเตอร์กับอุปกรณ์
    เสาอากาศเสื่อมสภาพได้ ทำให้สัญญาณ Wi-Fi อ่อนลงแม้ใช้เน็ตเร็ว
    ควรตรวจสอบเสาอากาศก่อนเปลี่ยนเราเตอร์ หากพบปัญหาสัญญาณ
    การเปลี่ยนเสาอากาศสามารถทำได้ง่าย หากเราเตอร์รองรับการถอดเปลี่ยน

    ประเภทของเสาอากาศ
    Omnidirectional: กระจายสัญญาณรอบทิศ เหมาะกับพื้นที่เปิด
    Directional: ส่งสัญญาณเฉพาะทิศทาง เหมาะกับการเชื่อมต่อระยะไกล
    Sector Antenna: ใช้ในพื้นที่กลางแจ้งหรือเชื่อมต่อระหว่างอาคาร

    วิธีอัปเกรดและปรับปรุงสัญญาณ
    ใช้แอปวิเคราะห์สัญญาณ Wi-Fi เพื่อหาจุดอับ
    วางเราเตอร์ในตำแหน่งสูงและไม่มีสิ่งกีดขวาง
    ใช้ Wi-Fi extender หรือ booster เพื่อขยายสัญญาณ
    เลือกเสาอากาศที่รองรับ tri-band และ 6GHz สำหรับ Wi-Fi 6E/7

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Beamforming ช่วยเพิ่มความแรงสัญญาณที่ขอบพื้นที่ได้ถึง 30%
    Wi-Fi 6 ใช้ OFDMA และ MU-MIMO เพื่อส่งข้อมูลหลายอุปกรณ์พร้อมกัน2
    Wi-Fi 7 รองรับ Multi-Link Aggregation และ 320MHz channel สำหรับความเร็วสูงสุด
    เสาอากาศแบบ programmable metasurface อาจเพิ่ม coverage ได้ถึง 500% ในอนาคต

    คำเตือนและข้อจำกัด
    ไม่ใช่เราเตอร์ทุกตัวที่รองรับการเปลี่ยนเสาอากาศ โดยเฉพาะรุ่นใหม่ที่มีเสาฝัง
    การเลือกเสาอากาศผิดประเภทอาจทำให้สัญญาณแย่ลงแทนที่จะดีขึ้น
    การวางเราเตอร์ใกล้ไมโครเวฟหรืออุปกรณ์ Bluetooth อาจทำให้สัญญาณรบกวน
    การใช้เสาอากาศแบบ directional ต้องวางให้ตรงทิศ ไม่เช่นนั้นจะไม่ครอบคลุม
    การอัปเกรดเสาอากาศไม่ช่วยหากปัญหาอยู่ที่ ISP หรือการตั้งค่าเครือข่าย

    https://www.slashgear.com/1968538/wifi-antenna-everything-need-know-about-how-upgrade-guide/
    📡 “รู้จักเสาอากาศ Wi-Fi และวิธีอัปเกรดให้สัญญาณแรงขึ้น — เพราะอินเทอร์เน็ตเร็วไม่พอ ถ้าเสาอากาศไม่ส่งดี” แม้คุณจะจ่ายเงินเพื่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูง แต่ถ้า Wi-Fi ยังอืดหรือมีจุดอับสัญญาณในบ้าน ปัญหาอาจไม่ได้อยู่ที่แพ็กเกจเน็ตหรือเราเตอร์เสมอไป — แต่อาจอยู่ที่ “เสาอากาศ Wi-Fi” ที่คุณมองข้ามไป เสาอากาศ Wi-Fi ทำหน้าที่เป็นตัวแปลงคลื่นวิทยุให้กลายเป็นสัญญาณที่อุปกรณ์รับได้ และส่งกลับไปยังเราเตอร์ ถ้าเสาอากาศเสื่อมสภาพหรือไม่เหมาะกับพื้นที่ใช้งาน ก็จะทำให้สัญญาณอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด แม้จะใช้เราเตอร์รุ่นใหม่ก็ตาม ก่อนจะเปลี่ยนเราเตอร์ ลองตรวจสอบเสาอากาศก่อน โดยใช้แอปวิเคราะห์สัญญาณ Wi-Fi และลองย้ายตำแหน่งเราเตอร์ไปยังจุดที่ไม่มีสิ่งกีดขวาง หากสัญญาณยังอ่อนอยู่ การเปลี่ยนเสาอากาศอาจช่วยได้มาก เสาอากาศมีหลายประเภท เช่น: - Omnidirectional: กระจายสัญญาณรอบทิศ เหมาะกับบ้านหรือออฟฟิศที่มีอุปกรณ์อยู่หลายจุด - Directional: ส่งสัญญาณไปในทิศทางเดียว เหมาะกับการเชื่อมต่อระยะไกลหรือพื้นที่เฉพาะ การอัปเกรดเสาอากาศไม่ยาก หากเราเตอร์รองรับการถอดเปลี่ยน (เช่น SMA หรือ RP-SMA) แต่บางรุ่นโดยเฉพาะ Wi-Fi 6E อาจมีเสาอากาศฝังในตัว ซึ่งไม่สามารถเปลี่ยนได้ นอกจากเปลี่ยนเสาอากาศ ยังสามารถติดตั้ง Wi-Fi extender หรือ booster เพื่อขยายสัญญาณในพื้นที่ที่สัญญาณอ่อน เช่น ห้องชั้นบนหรือมุมบ้านที่มีผนังหนา และถ้าคุณใช้ Wi-Fi 6, 6E หรือ Wi-Fi 7 ในปี 2025 การเลือกเสาอากาศที่รองรับ tri-band และ 6GHz จะช่วยให้คุณใช้เทคโนโลยีใหม่ได้เต็มประสิทธิภาพ เช่น OFDMA, MU-MIMO และ Multi-Link Operation ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ เสาอากาศ Wi-Fi เป็นตัวกลางในการรับส่งคลื่นวิทยุระหว่างเราเตอร์กับอุปกรณ์ ➡️ เสาอากาศเสื่อมสภาพได้ ทำให้สัญญาณ Wi-Fi อ่อนลงแม้ใช้เน็ตเร็ว ➡️ ควรตรวจสอบเสาอากาศก่อนเปลี่ยนเราเตอร์ หากพบปัญหาสัญญาณ ➡️ การเปลี่ยนเสาอากาศสามารถทำได้ง่าย หากเราเตอร์รองรับการถอดเปลี่ยน ✅ ประเภทของเสาอากาศ ➡️ Omnidirectional: กระจายสัญญาณรอบทิศ เหมาะกับพื้นที่เปิด ➡️ Directional: ส่งสัญญาณเฉพาะทิศทาง เหมาะกับการเชื่อมต่อระยะไกล ➡️ Sector Antenna: ใช้ในพื้นที่กลางแจ้งหรือเชื่อมต่อระหว่างอาคาร ✅ วิธีอัปเกรดและปรับปรุงสัญญาณ ➡️ ใช้แอปวิเคราะห์สัญญาณ Wi-Fi เพื่อหาจุดอับ ➡️ วางเราเตอร์ในตำแหน่งสูงและไม่มีสิ่งกีดขวาง ➡️ ใช้ Wi-Fi extender หรือ booster เพื่อขยายสัญญาณ ➡️ เลือกเสาอากาศที่รองรับ tri-band และ 6GHz สำหรับ Wi-Fi 6E/7 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Beamforming ช่วยเพิ่มความแรงสัญญาณที่ขอบพื้นที่ได้ถึง 30% ➡️ Wi-Fi 6 ใช้ OFDMA และ MU-MIMO เพื่อส่งข้อมูลหลายอุปกรณ์พร้อมกัน2 ➡️ Wi-Fi 7 รองรับ Multi-Link Aggregation และ 320MHz channel สำหรับความเร็วสูงสุด ➡️ เสาอากาศแบบ programmable metasurface อาจเพิ่ม coverage ได้ถึง 500% ในอนาคต ‼️ คำเตือนและข้อจำกัด ⛔ ไม่ใช่เราเตอร์ทุกตัวที่รองรับการเปลี่ยนเสาอากาศ โดยเฉพาะรุ่นใหม่ที่มีเสาฝัง ⛔ การเลือกเสาอากาศผิดประเภทอาจทำให้สัญญาณแย่ลงแทนที่จะดีขึ้น ⛔ การวางเราเตอร์ใกล้ไมโครเวฟหรืออุปกรณ์ Bluetooth อาจทำให้สัญญาณรบกวน ⛔ การใช้เสาอากาศแบบ directional ต้องวางให้ตรงทิศ ไม่เช่นนั้นจะไม่ครอบคลุม ⛔ การอัปเกรดเสาอากาศไม่ช่วยหากปัญหาอยู่ที่ ISP หรือการตั้งค่าเครือข่าย https://www.slashgear.com/1968538/wifi-antenna-everything-need-know-about-how-upgrade-guide/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Everything You Need To Know About Wi-Fi Antennas (And How To Upgrade Them) - SlashGear
    Antennas are your router’s translators, turning radio waves into usable internet. Swapping in high-gain or directional models can eliminate dead zones and lag.
    0 Comments 0 Shares 208 Views 0 Reviews
  • Starlink ได้รับใบอนุญาตให้ให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมในอินเดีย
    Elon Musk และบริษัท Starlink ได้รับ ใบอนุญาตจากกระทรวงโทรคมนาคมของอินเดีย เพื่อเริ่มดำเนินการให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมในประเทศ ซึ่งถือเป็น ก้าวสำคัญในการขยายตลาดของ Starlink ในเอเชียใต้

    Starlink เป็น บริษัทที่สามที่ได้รับใบอนุญาตจากอินเดีย ต่อจาก Eutelsat's OneWeb และ Reliance Jio อย่างไรก็ตาม Starlink ยังต้องได้รับใบอนุญาตเพิ่มเติมจากหน่วยงานกำกับดูแลด้านอวกาศของอินเดีย ก่อนที่จะสามารถเริ่มให้บริการได้

    นอกจากนี้ Starlink ยังต้อง ขอจัดสรรคลื่นความถี่จากรัฐบาล และ สร้างโครงสร้างพื้นฐานภาคพื้นดิน รวมถึง ผ่านการทดสอบด้านความปลอดภัย ตามข้อกำหนดของอินเดีย

    ข้อมูลจากข่าว
    - Starlink ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงโทรคมนาคมของอินเดีย
    - เป็นบริษัทที่สามที่ได้รับอนุญาต ต่อจาก OneWeb และ Reliance Jio
    - ยังต้องได้รับใบอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลด้านอวกาศของอินเดีย
    - ต้องขอจัดสรรคลื่นความถี่จากรัฐบาลและสร้างโครงสร้างพื้นฐานภาคพื้นดิน
    - ต้องผ่านการทดสอบด้านความปลอดภัยก่อนเริ่มให้บริการ

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - กระบวนการเปิดตัวอาจใช้เวลาหลายเดือน เนื่องจากต้องผ่านการตรวจสอบหลายขั้นตอน
    - Starlink ยังต้องได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานด้านความปลอดภัยของอินเดีย
    - อินเดียกำหนดให้ผู้ให้บริการดาวเทียมต้องจ่าย 4% ของรายได้ต่อปีให้รัฐบาล ซึ่งอาจส่งผลต่อราคาค่าบริการ
    - ต้องติดตามว่าการแข่งขันระหว่าง Starlink และผู้ให้บริการท้องถิ่น เช่น Jio จะส่งผลต่อการกำหนดราคาหรือไม่

    การได้รับใบอนุญาตครั้งนี้ ช่วยให้ Starlink สามารถเข้าสู่ตลาดอินเดียได้อย่างเป็นทางการ ซึ่งอาจ ช่วยให้พื้นที่ห่างไกลสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงได้ อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่ากระบวนการเปิดตัวจะเป็นไปตามแผนหรือไม่

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/06/musk039s-starlink-gets-key-india-licence-from-telecoms-ministry-sources-say
    🚀 Starlink ได้รับใบอนุญาตให้ให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมในอินเดีย Elon Musk และบริษัท Starlink ได้รับ ใบอนุญาตจากกระทรวงโทรคมนาคมของอินเดีย เพื่อเริ่มดำเนินการให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมในประเทศ ซึ่งถือเป็น ก้าวสำคัญในการขยายตลาดของ Starlink ในเอเชียใต้ Starlink เป็น บริษัทที่สามที่ได้รับใบอนุญาตจากอินเดีย ต่อจาก Eutelsat's OneWeb และ Reliance Jio อย่างไรก็ตาม Starlink ยังต้องได้รับใบอนุญาตเพิ่มเติมจากหน่วยงานกำกับดูแลด้านอวกาศของอินเดีย ก่อนที่จะสามารถเริ่มให้บริการได้ นอกจากนี้ Starlink ยังต้อง ขอจัดสรรคลื่นความถี่จากรัฐบาล และ สร้างโครงสร้างพื้นฐานภาคพื้นดิน รวมถึง ผ่านการทดสอบด้านความปลอดภัย ตามข้อกำหนดของอินเดีย ✅ ข้อมูลจากข่าว - Starlink ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงโทรคมนาคมของอินเดีย - เป็นบริษัทที่สามที่ได้รับอนุญาต ต่อจาก OneWeb และ Reliance Jio - ยังต้องได้รับใบอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลด้านอวกาศของอินเดีย - ต้องขอจัดสรรคลื่นความถี่จากรัฐบาลและสร้างโครงสร้างพื้นฐานภาคพื้นดิน - ต้องผ่านการทดสอบด้านความปลอดภัยก่อนเริ่มให้บริการ ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - กระบวนการเปิดตัวอาจใช้เวลาหลายเดือน เนื่องจากต้องผ่านการตรวจสอบหลายขั้นตอน - Starlink ยังต้องได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานด้านความปลอดภัยของอินเดีย - อินเดียกำหนดให้ผู้ให้บริการดาวเทียมต้องจ่าย 4% ของรายได้ต่อปีให้รัฐบาล ซึ่งอาจส่งผลต่อราคาค่าบริการ - ต้องติดตามว่าการแข่งขันระหว่าง Starlink และผู้ให้บริการท้องถิ่น เช่น Jio จะส่งผลต่อการกำหนดราคาหรือไม่ การได้รับใบอนุญาตครั้งนี้ ช่วยให้ Starlink สามารถเข้าสู่ตลาดอินเดียได้อย่างเป็นทางการ ซึ่งอาจ ช่วยให้พื้นที่ห่างไกลสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงได้ อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่ากระบวนการเปิดตัวจะเป็นไปตามแผนหรือไม่ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/06/musk039s-starlink-gets-key-india-licence-from-telecoms-ministry-sources-say
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Musk's Starlink gets India licence to offer satcom services, sources say
    NEW DELHI (Reuters) -Elon Musk's Starlink has received a licence to launch commercial operations in India from the telecoms ministry, two sources told Reuters on Friday, clearing a major hurdle for the satellite provider that has long wanted to enter the South Asian country.
    0 Comments 0 Shares 259 Views 0 Reviews
  • บันทึกความเร็วใหม่ของอินเทอร์เน็ต: 1.02 เพตะบิตต่อวินาที
    นักวิจัยจาก สถาบันเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแห่งชาติญี่ปุ่น (NICT) ร่วมกับ Sumitomo Electric Industries ได้สร้างสถิติใหม่ในการส่งข้อมูลผ่าน สายไฟเบอร์ออปติก ด้วยความเร็ว 1.02 เพตะบิตต่อวินาที ซึ่งมากพอที่จะดาวน์โหลด ภาพยนตร์ทั้งหมดบน Netflix ได้ถึง 30 รอบ

    สายไฟเบอร์ออปติกที่ใช้ในงานวิจัยนี้มี 19 คอร์ ซึ่งแต่ละคอร์ทำหน้าที่เป็นช่องทางส่งข้อมูลแยกกัน เปรียบเสมือน ทางหลวง 19 เลน ที่อยู่ในพื้นที่เดียวกับสายไฟเบอร์แบบดั้งเดิม

    เทคโนโลยีนี้สามารถทำงานได้บน C และ L bands ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ใช้กันทั่วโลก โดยมีการปรับปรุงโครงสร้างภายในเพื่อ ลดการสูญเสียสัญญาณลง 40% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า

    ข้อมูลจากข่าว
    - NICT และ Sumitomo Electric Industries สร้างสถิติใหม่ในการส่งข้อมูลผ่านไฟเบอร์ออปติก
    - ความเร็วสูงสุดที่ทำได้คือ 1.02 เพตะบิตต่อวินาที
    - ใช้สายไฟเบอร์แบบ 19 คอร์ ซึ่งช่วยให้สามารถส่งข้อมูลได้มากขึ้นในพื้นที่เท่าเดิม
    - เทคโนโลยีนี้สามารถทำงานบน C และ L bands ซึ่งเป็นมาตรฐานสากล
    - ลดการสูญเสียสัญญาณลง 40% เมื่อเทียบกับไฟเบอร์รุ่นก่อนหน้า

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - แม้จะมีความเร็วสูง แต่ยังต้องพัฒนาเทคโนโลยีการขยายสัญญาณให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
    - การนำไปใช้ในระดับอุตสาหกรรมต้องมีการปรับปรุงกระบวนการผลิตให้รองรับการผลิตจำนวนมาก
    - ต้องติดตามว่าผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตจะนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้จริงเมื่อใด
    - การขยายเครือข่ายระดับเพตะบิตอาจต้องใช้โครงสร้างพื้นฐานใหม่ในบางพื้นที่

    เทคโนโลยีนี้อาจช่วยให้ อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงระดับเพตะบิตกลายเป็นความจริง และอาจนำไปสู่ การพัฒนาเครือข่ายที่สามารถรองรับข้อมูลระดับศูนย์ข้อมูลทั้งแห่งได้ในเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง

    https://www.techspot.com/news/108133-ultra-fast-fiber-sets-global-speed-record-102.html
    🚀 บันทึกความเร็วใหม่ของอินเทอร์เน็ต: 1.02 เพตะบิตต่อวินาที นักวิจัยจาก สถาบันเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแห่งชาติญี่ปุ่น (NICT) ร่วมกับ Sumitomo Electric Industries ได้สร้างสถิติใหม่ในการส่งข้อมูลผ่าน สายไฟเบอร์ออปติก ด้วยความเร็ว 1.02 เพตะบิตต่อวินาที ซึ่งมากพอที่จะดาวน์โหลด ภาพยนตร์ทั้งหมดบน Netflix ได้ถึง 30 รอบ สายไฟเบอร์ออปติกที่ใช้ในงานวิจัยนี้มี 19 คอร์ ซึ่งแต่ละคอร์ทำหน้าที่เป็นช่องทางส่งข้อมูลแยกกัน เปรียบเสมือน ทางหลวง 19 เลน ที่อยู่ในพื้นที่เดียวกับสายไฟเบอร์แบบดั้งเดิม เทคโนโลยีนี้สามารถทำงานได้บน C และ L bands ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ใช้กันทั่วโลก โดยมีการปรับปรุงโครงสร้างภายในเพื่อ ลดการสูญเสียสัญญาณลง 40% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ✅ ข้อมูลจากข่าว - NICT และ Sumitomo Electric Industries สร้างสถิติใหม่ในการส่งข้อมูลผ่านไฟเบอร์ออปติก - ความเร็วสูงสุดที่ทำได้คือ 1.02 เพตะบิตต่อวินาที - ใช้สายไฟเบอร์แบบ 19 คอร์ ซึ่งช่วยให้สามารถส่งข้อมูลได้มากขึ้นในพื้นที่เท่าเดิม - เทคโนโลยีนี้สามารถทำงานบน C และ L bands ซึ่งเป็นมาตรฐานสากล - ลดการสูญเสียสัญญาณลง 40% เมื่อเทียบกับไฟเบอร์รุ่นก่อนหน้า ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - แม้จะมีความเร็วสูง แต่ยังต้องพัฒนาเทคโนโลยีการขยายสัญญาณให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น - การนำไปใช้ในระดับอุตสาหกรรมต้องมีการปรับปรุงกระบวนการผลิตให้รองรับการผลิตจำนวนมาก - ต้องติดตามว่าผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตจะนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้จริงเมื่อใด - การขยายเครือข่ายระดับเพตะบิตอาจต้องใช้โครงสร้างพื้นฐานใหม่ในบางพื้นที่ เทคโนโลยีนี้อาจช่วยให้ อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงระดับเพตะบิตกลายเป็นความจริง และอาจนำไปสู่ การพัฒนาเครือข่ายที่สามารถรองรับข้อมูลระดับศูนย์ข้อมูลทั้งแห่งได้ในเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง https://www.techspot.com/news/108133-ultra-fast-fiber-sets-global-speed-record-102.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Ultra-fast fiber sets global speed record: 1.02 petabits per second over continental distance
    At the heart of this breakthrough – driven by Japan's National Institute of Information and Communications Technology (NICT) and Sumitomo Electric Industries – is a 19-core optical...
    0 Comments 0 Shares 317 Views 0 Reviews
  • ChatGPT ในตลาดอาเซียน

    เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะแพลตฟอร์ม ChatGPT ซึ่งเป็นผู้ช่วยโต้ตอบที่สามารถเข้าใจและตอบสนองภาษามนุษย์ได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งในด้านการวางแผน แก้ปัญหา และให้คำแนะนำในชีวิตประจำวัน ปัจจุบันมีผู้ใช้งานทั่วโลกประมาณ 800 ล้านคน โดยมีผู้ใช้งานประจำวันราว 122 ล้านคน ท่ามกลางการแข่งขันกับแพลตฟอร์มจากค่ายเทคโนโลยีรายใหญ่อย่าง Google, Microsoft, Meta ตลอดจนคู่แข่งจากฝั่งเอเชีย เช่น DeepSeek, Baidu, Alibaba และ Tencent

    สำหรับประเทศไทย แม้กลุ่มผู้ใช้งานหลักจะอยู่ในสายโค้ดดิ้ง โปรแกรมมิ่ง หรือการสร้างภาพ AI แต่ ChatGPT ก็เริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างด้านการใช้สร้างสรรค์เนื้อหาและแนวคิดใหม่ๆ โดยมีสัดส่วนผู้ใช้งานประมาณ 14% จากประชากร 65.89 ล้านคน

    หากพิจารณาภาพรวมของตลาดอาเซียน ซึ่งมีประชากรรวมราว 600 ล้านคน พบว่า อินโดนีเซียมีสัดส่วนผู้ใช้งานสูงที่สุด ประมาณ 32% ของประชากร 283.48 ล้านคน รองลงมาคือฟิลิปปินส์ ที่มีผู้ใช้งานประมาณ 28% จากประชากรราว 119 ล้านคน ส่วนสิงคโปร์มีการใช้งานอย่างแพร่หลายในกลุ่มที่มีรายได้สูงและการศึกษาดี ขณะที่มาเลเซียมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในกลุ่มผู้สนใจเทคโนโลยีใหม่ อย่างไรก็ตาม อุปสรรคสำคัญของภูมิภาคนี้ยังอยู่ที่ความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง อุปกรณ์ที่รองรับ AI และต้นทุนบริการที่ยังถือว่าสูงสำหรับประชากรบางส่วน

    ที่ผ่านมา OpenAI ซึ่งเป็นบริษัทด้าน AI จากสหรัฐอเมริกา ได้เปิดตัวโครงการ “OpenAI for Countries” ซึ่งเป็นความร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI และการเข้าถึง ChatGPT ในระดับประเทศ ขณะที่สิงคโปร์ OpenAI ได้ประกาศความร่วมมือกับโครงการ AI Singapore ซึ่งเป็นโครงการร่วมระหว่างรัฐบาลและสถาบันการศึกษา เพื่อส่งเสริมการนำ AI มาใช้ในประเทศ ส่วนประเทศอื่นๆ สามารถเข้าถึงได้ผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ และผ่านเว็บไซต์

    โดยรวมแล้ว ตลาดอาเซียนกำลังตื่นตัวต่อบริการ AI มากขึ้น แม้ยังไม่เทียบเท่าตลาดยุโรปหรือสหรัฐฯ ความร่วมมือระหว่าง OpenAI กับผู้ให้บริการโทรคมนาคมในภูมิภาค จึงเป็นกุญแจสำคัญในการขยายการเข้าถึง ChatGPT ให้ครอบคลุมประชากรในวงกว้างมากยิ่งขึ้น

    #Newskit
    ChatGPT ในตลาดอาเซียน เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะแพลตฟอร์ม ChatGPT ซึ่งเป็นผู้ช่วยโต้ตอบที่สามารถเข้าใจและตอบสนองภาษามนุษย์ได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งในด้านการวางแผน แก้ปัญหา และให้คำแนะนำในชีวิตประจำวัน ปัจจุบันมีผู้ใช้งานทั่วโลกประมาณ 800 ล้านคน โดยมีผู้ใช้งานประจำวันราว 122 ล้านคน ท่ามกลางการแข่งขันกับแพลตฟอร์มจากค่ายเทคโนโลยีรายใหญ่อย่าง Google, Microsoft, Meta ตลอดจนคู่แข่งจากฝั่งเอเชีย เช่น DeepSeek, Baidu, Alibaba และ Tencent สำหรับประเทศไทย แม้กลุ่มผู้ใช้งานหลักจะอยู่ในสายโค้ดดิ้ง โปรแกรมมิ่ง หรือการสร้างภาพ AI แต่ ChatGPT ก็เริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างด้านการใช้สร้างสรรค์เนื้อหาและแนวคิดใหม่ๆ โดยมีสัดส่วนผู้ใช้งานประมาณ 14% จากประชากร 65.89 ล้านคน หากพิจารณาภาพรวมของตลาดอาเซียน ซึ่งมีประชากรรวมราว 600 ล้านคน พบว่า อินโดนีเซียมีสัดส่วนผู้ใช้งานสูงที่สุด ประมาณ 32% ของประชากร 283.48 ล้านคน รองลงมาคือฟิลิปปินส์ ที่มีผู้ใช้งานประมาณ 28% จากประชากรราว 119 ล้านคน ส่วนสิงคโปร์มีการใช้งานอย่างแพร่หลายในกลุ่มที่มีรายได้สูงและการศึกษาดี ขณะที่มาเลเซียมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในกลุ่มผู้สนใจเทคโนโลยีใหม่ อย่างไรก็ตาม อุปสรรคสำคัญของภูมิภาคนี้ยังอยู่ที่ความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง อุปกรณ์ที่รองรับ AI และต้นทุนบริการที่ยังถือว่าสูงสำหรับประชากรบางส่วน ที่ผ่านมา OpenAI ซึ่งเป็นบริษัทด้าน AI จากสหรัฐอเมริกา ได้เปิดตัวโครงการ “OpenAI for Countries” ซึ่งเป็นความร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI และการเข้าถึง ChatGPT ในระดับประเทศ ขณะที่สิงคโปร์ OpenAI ได้ประกาศความร่วมมือกับโครงการ AI Singapore ซึ่งเป็นโครงการร่วมระหว่างรัฐบาลและสถาบันการศึกษา เพื่อส่งเสริมการนำ AI มาใช้ในประเทศ ส่วนประเทศอื่นๆ สามารถเข้าถึงได้ผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ และผ่านเว็บไซต์ โดยรวมแล้ว ตลาดอาเซียนกำลังตื่นตัวต่อบริการ AI มากขึ้น แม้ยังไม่เทียบเท่าตลาดยุโรปหรือสหรัฐฯ ความร่วมมือระหว่าง OpenAI กับผู้ให้บริการโทรคมนาคมในภูมิภาค จึงเป็นกุญแจสำคัญในการขยายการเข้าถึง ChatGPT ให้ครอบคลุมประชากรในวงกว้างมากยิ่งขึ้น #Newskit
    Like
    2
    0 Comments 1 Shares 1342 Views 0 Reviews
  • การท่องอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงในอนาคตจะพัฒนาอย่างก้าวกระโดดด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เปลี่ยนโฉมการเชื่อมต่อและประสบการณ์ออนไลน์ของผู้ใช้ โดยมีแนวโน้มสำคัญดังนี้:

    ### 1. **เทคโนโลยีเครือข่ายขั้นสูง**
    - **5G และ 6G**: ความเร็วสูงถึง **หลายสิบ Gbps** (เร็วกว่า 4G เป็นร้อยเท่า) พร้อม latency ต่ำสุด **1 ms** หรือน้อยกว่า เหมาะสำหรับ VR/AR, การแพทย์ทางไกล และรถยนต์อิสระ
    - **ดาวเทียมความเร็วสูง**: เช่น Starlink (SpaceX), Project Kuiper (Amazon) ให้ครอบคลุมพื้นที่ห่างไกลด้วยความเร็ว **100 Mbps–1 Gbps**

    ### 2. **โครงสร้างพื้นฐานใหม่**
    - **ไฟเบอร์ออปติกทั่วถึง**: เคเบิลใยแก้ว **Terabit-class** (เช่นเทคโนโลยี **Alcatel Lucent's 1.6 Tbps**) จะเชื่อมต่อเมืองใหญ่และชนบท
    - **Li-Fi**: ใช้แสงส่องสว่างส่งข้อมูลด้วยความเร็ว **สูงถึง 224 Gbps** ในห้องปฏิบัติการ

    ### 3. **การประมวลผลแบบกระจายศูนย์**
    - **Edge Computing**: ลด latency โดยประมวลผลข้อมูลใกล้ผู้ใช้ (เช่น ศูนย์ข้อมูลขนาดเล็กในเมือง)
    - **Quantum Networking**: การสื่อสารควอนตัมผ่าน **Quantum Key Distribution (QKD)** ป้องกันการแฮก 100%

    ### 4. **แอปพลิเคชันแห่งอนาคต**
    - **Metaverse**: โลกเสมือนจริงที่ต้องการ **ความเร็ว ≥ 50 Mbps/คน** และ latency ≤ 10 ms
    - **Holographic Communication**: การสตรีมโฮโลแกรม 3D ใช้แบนด์วิธ **≥ 1 Tbps/วินาที** (ทดสอบโดย MIT Media Lab)
    - **AI Real-Time Processing**: เช่นรถยนต์ไร้คนขับวิเคราะห์ข้อมูล **4 TB/วัน/คัน**

    ### 5. **ความท้าทาย**
    - **ค่าใช้จ่าย**: การติดตั้งโครงสร้าง 6G อาจใช้งบ **3-5 เท่าของ 5G**
    - **ความปลอดภัย**: การโจมตีแบบ **DDoS ขนาด > 100 Tbps** (เทียบกับ 2.3 Tbps ในปี 2020)
    - **Digital Divide**: 30% ของประชากรโลกยังขาดการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตพื้นฐาน (ข้อมูล ITU 2023)

    ### 6. **ตัวเลขที่น่าสนใจ**
    - ปี 2030 คาดการณ์:
    - อุปกรณ์ IoT ทั่วโลก **> 50,000 ล้านชิ้น**
    - ปริมาณข้อมูลโลก **> 5,000 EB/ปี** (1 EB = 1 ล้าน TB)
    - ความเร็วเฉลี่ยทั่วโลก **> 500 Mbps** (จาก 100 Mbps ในปี 2025)

    อนาคตอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงจะไม่ใช่แค่การโหลดเร็วขึ้น แต่เป็นพื้นฐานของ **Smart Cities, Digital Twins, และเทคโนโลยีเปลี่ยนโลก** ที่ต้องการการเชื่อมต่อแบบเรียลไทม์สมบูรณ์แบบ โดยอาจเห็นการใช้งานทั่วไปภายใน **ปี 2030-2035**
    การท่องอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงในอนาคตจะพัฒนาอย่างก้าวกระโดดด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เปลี่ยนโฉมการเชื่อมต่อและประสบการณ์ออนไลน์ของผู้ใช้ โดยมีแนวโน้มสำคัญดังนี้: ### 1. **เทคโนโลยีเครือข่ายขั้นสูง** - **5G และ 6G**: ความเร็วสูงถึง **หลายสิบ Gbps** (เร็วกว่า 4G เป็นร้อยเท่า) พร้อม latency ต่ำสุด **1 ms** หรือน้อยกว่า เหมาะสำหรับ VR/AR, การแพทย์ทางไกล และรถยนต์อิสระ - **ดาวเทียมความเร็วสูง**: เช่น Starlink (SpaceX), Project Kuiper (Amazon) ให้ครอบคลุมพื้นที่ห่างไกลด้วยความเร็ว **100 Mbps–1 Gbps** ### 2. **โครงสร้างพื้นฐานใหม่** - **ไฟเบอร์ออปติกทั่วถึง**: เคเบิลใยแก้ว **Terabit-class** (เช่นเทคโนโลยี **Alcatel Lucent's 1.6 Tbps**) จะเชื่อมต่อเมืองใหญ่และชนบท - **Li-Fi**: ใช้แสงส่องสว่างส่งข้อมูลด้วยความเร็ว **สูงถึง 224 Gbps** ในห้องปฏิบัติการ ### 3. **การประมวลผลแบบกระจายศูนย์** - **Edge Computing**: ลด latency โดยประมวลผลข้อมูลใกล้ผู้ใช้ (เช่น ศูนย์ข้อมูลขนาดเล็กในเมือง) - **Quantum Networking**: การสื่อสารควอนตัมผ่าน **Quantum Key Distribution (QKD)** ป้องกันการแฮก 100% ### 4. **แอปพลิเคชันแห่งอนาคต** - **Metaverse**: โลกเสมือนจริงที่ต้องการ **ความเร็ว ≥ 50 Mbps/คน** และ latency ≤ 10 ms - **Holographic Communication**: การสตรีมโฮโลแกรม 3D ใช้แบนด์วิธ **≥ 1 Tbps/วินาที** (ทดสอบโดย MIT Media Lab) - **AI Real-Time Processing**: เช่นรถยนต์ไร้คนขับวิเคราะห์ข้อมูล **4 TB/วัน/คัน** ### 5. **ความท้าทาย** - **ค่าใช้จ่าย**: การติดตั้งโครงสร้าง 6G อาจใช้งบ **3-5 เท่าของ 5G** - **ความปลอดภัย**: การโจมตีแบบ **DDoS ขนาด > 100 Tbps** (เทียบกับ 2.3 Tbps ในปี 2020) - **Digital Divide**: 30% ของประชากรโลกยังขาดการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตพื้นฐาน (ข้อมูล ITU 2023) ### 6. **ตัวเลขที่น่าสนใจ** - ปี 2030 คาดการณ์: - อุปกรณ์ IoT ทั่วโลก **> 50,000 ล้านชิ้น** - ปริมาณข้อมูลโลก **> 5,000 EB/ปี** (1 EB = 1 ล้าน TB) - ความเร็วเฉลี่ยทั่วโลก **> 500 Mbps** (จาก 100 Mbps ในปี 2025) อนาคตอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงจะไม่ใช่แค่การโหลดเร็วขึ้น แต่เป็นพื้นฐานของ **Smart Cities, Digital Twins, และเทคโนโลยีเปลี่ยนโลก** ที่ต้องการการเชื่อมต่อแบบเรียลไทม์สมบูรณ์แบบ โดยอาจเห็นการใช้งานทั่วไปภายใน **ปี 2030-2035**
    0 Comments 0 Shares 459 Views 0 Reviews
  • การเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงระบบดิจิทัล (Digital Divide) เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย โดยความเหลื่อมล้ำนี้สามารถแบ่งออกได้หลายมิติ ดังนี้:

    ### 1. **ความเหลื่อมล้ำด้านโครงสร้างพื้นฐาน**
    - **พื้นที่เมือง vs. ชนบท**: ในเขตเมืองมักมีการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ดีกว่า ในขณะที่พื้นที่ห่างไกลหรือชนบทอาจขาดแคลนสัญญาณอินเทอร์เน็ตหรือไฟฟ้า
    - **ความเร็วและความเสถียร**: แม้ในพื้นที่ที่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต ความเร็วและความเสถียรอาจไม่เท่ากัน ทำให้การใช้งานมีประสิทธิภาพต่างกัน

    ### 2. **ความเหลื่อมล้ำด้านเศรษฐกิจ**
    - **ค่าใช้จ่าย**: การเข้าถึงอุปกรณ์ดิจิทัล (เช่น สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์) และค่าบริการอินเทอร์เน็ตอาจเป็นภาระสำหรับกลุ่มผู้มีรายได้น้อย
    - **รายได้และโอกาส**: กลุ่มที่มีรายได้สูงมักมีโอกาสเข้าถึงเทคโนโลยีและทักษะดิจิทัลได้ดีกว่า ส่งผลให้เกิดช่องว่างทางเศรษฐกิจมากขึ้น

    ### 3. **ความเหลื่อมล้ำด้านทักษะและการศึกษา**
    - **ทักษะดิจิทัล**: กลุ่มผู้สูงอายุหรือผู้ที่ขาดโอกาสในการเรียนรู้อาจไม่มีความรู้เพียงพอในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล
    - **การศึกษา**: โรงเรียนในเมืองอาจมีทรัพยากรด้านดิจิทัล (เช่น อุปกรณ์การเรียนออนไลน์) ดีกว่าโรงเรียนในพื้นที่ห่างไกล

    ### 4. **ความเหลื่อมล้ำด้านสังคมและประชากรศาสตร์**
    - **วัย**: คนรุ่นใหม่อาจปรับตัวกับเทคโนโลยีได้ดีกว่าผู้สูงอายุ
    - **เพศ**: ในบางสังคม ผู้หญิงอาจมีโอกาสเข้าถึงเทคโนโลยีน้อยกว่าผู้ชายเนื่องจากอคติทางวัฒนธรรม

    ### 5. **นโยบายและการสนับสนุนจากรัฐ**
    - **การกระจายทรัพยากร**: นโยบายของรัฐอาจไม่ทั่วถึง ทำให้บางพื้นที่หรือกลุ่มคนถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
    - **การส่งเสริมทักษะดิจิทัล**: โครงการฝึกอบรมอาจไม่เพียงพอหรือไม่ครอบคลุมทุกกลุ่ม

    ### ผลกระทบของความเหลื่อมล้ำดิจิทัล
    - **เศรษฐกิจ**: กลุ่มที่ขาดแคลนโอกาสดิจิทัลอาจถูกกีดกันจากตลาดงานสมัยใหม่
    - **การศึกษา**: นักเรียนในพื้นที่ห่างไกลอาจเสียเปรียบเนื่องจากขาดแคลนอุปกรณ์การเรียนออนไลน์
    - **สุขภาพ**: การเข้าถึงบริการสุขภาพดิจิทัล (Telemedicine) อาจจำกัดในบางพื้นที่
    - **สังคม**: ความเหลื่อมล้ำอาจทำให้เกิดช่องว่างทางสังคมระหว่างกลุ่มคนที่เข้าถึงเทคโนโลยีและกลุ่มที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

    ### แนทางแก้ไข
    - **พัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน** โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกล
    - **ลดค่าใช้จ่าย** ในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและอุปกรณ์ดิจิทัล
    - **ส่งเสริมการศึกษาและฝึกทักษะดิจิทัล** ให้กับทุกกลุ่มวัย
    - **ออกนโยบายที่ครอบคลุม** เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ เช่น โครงการอินเทอร์เน็ตหมู่บ้านหรือแจกแท็บเล็ตสำหรับนักเรียน

    ความเหลื่อมล้ำด้านดิจิทัลเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน เพราะในยุคที่เทคโนโลยีเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิต การเข้าถึงดิจิทัลอย่างเท่าเทียมจะช่วยลดความไม่เสมอภาคทางสังคมและเศรษฐกิจได้อย่างมีนัยสำคัญ
    การเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงระบบดิจิทัล (Digital Divide) เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย โดยความเหลื่อมล้ำนี้สามารถแบ่งออกได้หลายมิติ ดังนี้: ### 1. **ความเหลื่อมล้ำด้านโครงสร้างพื้นฐาน** - **พื้นที่เมือง vs. ชนบท**: ในเขตเมืองมักมีการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ดีกว่า ในขณะที่พื้นที่ห่างไกลหรือชนบทอาจขาดแคลนสัญญาณอินเทอร์เน็ตหรือไฟฟ้า - **ความเร็วและความเสถียร**: แม้ในพื้นที่ที่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต ความเร็วและความเสถียรอาจไม่เท่ากัน ทำให้การใช้งานมีประสิทธิภาพต่างกัน ### 2. **ความเหลื่อมล้ำด้านเศรษฐกิจ** - **ค่าใช้จ่าย**: การเข้าถึงอุปกรณ์ดิจิทัล (เช่น สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์) และค่าบริการอินเทอร์เน็ตอาจเป็นภาระสำหรับกลุ่มผู้มีรายได้น้อย - **รายได้และโอกาส**: กลุ่มที่มีรายได้สูงมักมีโอกาสเข้าถึงเทคโนโลยีและทักษะดิจิทัลได้ดีกว่า ส่งผลให้เกิดช่องว่างทางเศรษฐกิจมากขึ้น ### 3. **ความเหลื่อมล้ำด้านทักษะและการศึกษา** - **ทักษะดิจิทัล**: กลุ่มผู้สูงอายุหรือผู้ที่ขาดโอกาสในการเรียนรู้อาจไม่มีความรู้เพียงพอในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล - **การศึกษา**: โรงเรียนในเมืองอาจมีทรัพยากรด้านดิจิทัล (เช่น อุปกรณ์การเรียนออนไลน์) ดีกว่าโรงเรียนในพื้นที่ห่างไกล ### 4. **ความเหลื่อมล้ำด้านสังคมและประชากรศาสตร์** - **วัย**: คนรุ่นใหม่อาจปรับตัวกับเทคโนโลยีได้ดีกว่าผู้สูงอายุ - **เพศ**: ในบางสังคม ผู้หญิงอาจมีโอกาสเข้าถึงเทคโนโลยีน้อยกว่าผู้ชายเนื่องจากอคติทางวัฒนธรรม ### 5. **นโยบายและการสนับสนุนจากรัฐ** - **การกระจายทรัพยากร**: นโยบายของรัฐอาจไม่ทั่วถึง ทำให้บางพื้นที่หรือกลุ่มคนถูกทิ้งไว้ข้างหลัง - **การส่งเสริมทักษะดิจิทัล**: โครงการฝึกอบรมอาจไม่เพียงพอหรือไม่ครอบคลุมทุกกลุ่ม ### ผลกระทบของความเหลื่อมล้ำดิจิทัล - **เศรษฐกิจ**: กลุ่มที่ขาดแคลนโอกาสดิจิทัลอาจถูกกีดกันจากตลาดงานสมัยใหม่ - **การศึกษา**: นักเรียนในพื้นที่ห่างไกลอาจเสียเปรียบเนื่องจากขาดแคลนอุปกรณ์การเรียนออนไลน์ - **สุขภาพ**: การเข้าถึงบริการสุขภาพดิจิทัล (Telemedicine) อาจจำกัดในบางพื้นที่ - **สังคม**: ความเหลื่อมล้ำอาจทำให้เกิดช่องว่างทางสังคมระหว่างกลุ่มคนที่เข้าถึงเทคโนโลยีและกลุ่มที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ### แนทางแก้ไข - **พัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน** โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกล - **ลดค่าใช้จ่าย** ในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและอุปกรณ์ดิจิทัล - **ส่งเสริมการศึกษาและฝึกทักษะดิจิทัล** ให้กับทุกกลุ่มวัย - **ออกนโยบายที่ครอบคลุม** เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ เช่น โครงการอินเทอร์เน็ตหมู่บ้านหรือแจกแท็บเล็ตสำหรับนักเรียน ความเหลื่อมล้ำด้านดิจิทัลเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน เพราะในยุคที่เทคโนโลยีเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิต การเข้าถึงดิจิทัลอย่างเท่าเทียมจะช่วยลดความไม่เสมอภาคทางสังคมและเศรษฐกิจได้อย่างมีนัยสำคัญ
    0 Comments 0 Shares 688 Views 0 Reviews
  • Amazon กำลังเริ่มต้นยุคใหม่ของอินเทอร์เน็ตอวกาศด้วยการส่งดาวเทียม Kuiper 27 ดวงแรกขึ้นสู่อวกาศ ในวันที่ 9 เมษายน 2025 โดยตั้งเป้า สร้างเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่ใหญ่กว่าและเสถียรกว่า Starlink ของ SpaceX Kuiper จะมีดาวเทียมกว่า 3,000 ดวง เพื่อให้บริการทั่วโลก โดยทีมพัฒนาโครงการประกอบด้วย อดีตวิศวกรของ SpaceX Amazon หวังว่า ความเชี่ยวชาญด้านบริการอินเทอร์เน็ตและอุปกรณ์รับสัญญาณที่ใช้งานง่าย จะช่วยดึงดูดลูกค้าให้มาใช้ Kuiper แทน Starlink

    Kuiper Atlas 1—ภารกิจแรกของ Amazon ในการแข่งขันอินเทอร์เน็ตอวกาศ
    - ดาวเทียม Kuiper จะถูกส่งขึ้นสู่อวกาศโดยใช้ จรวด Atlas 5 จาก United Launch Alliance (ULA)
    - ภารกิจนี้เป็นส่วนหนึ่งของ ข้อตกลงการปล่อยดาวเทียมหลายครั้งที่ Amazon เซ็นสัญญาไว้ในปี 2022

    เป้าหมายของ Project Kuiper—ครอบคลุมอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงทั่วโลก
    - Amazon ตั้งเป้าส่งดาวเทียมมากกว่า 3,000 ดวง เพื่อให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง
    - ระบบนี้จะเป็นเครือข่าย Mesh Network ซึ่งมีความเสถียรสูง

    การเปรียบเทียบกับ Starlink ของ SpaceX
    - SpaceX เปิดตัว Starlink ตั้งแต่ปี 2019 และปัจจุบันมี ดาวเทียมมากกว่า 8,000 ดวง
    - Starlink มีผู้ใช้งานแล้วกว่า 5 ล้านรายจาก 125 ประเทศ
    - Amazon แม้จะเริ่มช้ากว่า แต่หวังว่าความเชี่ยวชาญด้าน บริการเว็บและผลิตภัณฑ์สำหรับผู้บริโภค จะช่วยดึงดูดลูกค้า

    ความได้เปรียบของ Amazon ในการแข่งขัน
    - Amazon มีโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง เช่น AWS และการจัดการอุปกรณ์สำหรับผู้บริโภค
    - บริษัทตั้งเป้าพัฒนา อุปกรณ์รับสัญญาณขนาดเล็ก (คล้ายกล่องพิซซ่า) ที่สื่อสารกับดาวเทียม Kuiper เพื่อใช้งานได้ง่ายขึ้น

    Amazon เคยจ้างวิศวกร Starlink ก่อนที่ Musk จะปลดพวกเขาออก
    - ทีมงานที่สร้าง Kuiper ประกอบด้วย อดีตวิศวกรจาก SpaceX ที่เคยทำงานกับ Starlink ก่อนถูกปลด
    - Amazon ลงทุนกว่า $10 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อพัฒนา Kuiper ตั้งแต่ปี 2019

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/03/amazon-targets-april-9-launch-of-first-kuiper-internet-satellites
    Amazon กำลังเริ่มต้นยุคใหม่ของอินเทอร์เน็ตอวกาศด้วยการส่งดาวเทียม Kuiper 27 ดวงแรกขึ้นสู่อวกาศ ในวันที่ 9 เมษายน 2025 โดยตั้งเป้า สร้างเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่ใหญ่กว่าและเสถียรกว่า Starlink ของ SpaceX Kuiper จะมีดาวเทียมกว่า 3,000 ดวง เพื่อให้บริการทั่วโลก โดยทีมพัฒนาโครงการประกอบด้วย อดีตวิศวกรของ SpaceX Amazon หวังว่า ความเชี่ยวชาญด้านบริการอินเทอร์เน็ตและอุปกรณ์รับสัญญาณที่ใช้งานง่าย จะช่วยดึงดูดลูกค้าให้มาใช้ Kuiper แทน Starlink ✅ Kuiper Atlas 1—ภารกิจแรกของ Amazon ในการแข่งขันอินเทอร์เน็ตอวกาศ - ดาวเทียม Kuiper จะถูกส่งขึ้นสู่อวกาศโดยใช้ จรวด Atlas 5 จาก United Launch Alliance (ULA) - ภารกิจนี้เป็นส่วนหนึ่งของ ข้อตกลงการปล่อยดาวเทียมหลายครั้งที่ Amazon เซ็นสัญญาไว้ในปี 2022 ✅ เป้าหมายของ Project Kuiper—ครอบคลุมอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงทั่วโลก - Amazon ตั้งเป้าส่งดาวเทียมมากกว่า 3,000 ดวง เพื่อให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง - ระบบนี้จะเป็นเครือข่าย Mesh Network ซึ่งมีความเสถียรสูง ✅ การเปรียบเทียบกับ Starlink ของ SpaceX - SpaceX เปิดตัว Starlink ตั้งแต่ปี 2019 และปัจจุบันมี ดาวเทียมมากกว่า 8,000 ดวง - Starlink มีผู้ใช้งานแล้วกว่า 5 ล้านรายจาก 125 ประเทศ - Amazon แม้จะเริ่มช้ากว่า แต่หวังว่าความเชี่ยวชาญด้าน บริการเว็บและผลิตภัณฑ์สำหรับผู้บริโภค จะช่วยดึงดูดลูกค้า ✅ ความได้เปรียบของ Amazon ในการแข่งขัน - Amazon มีโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง เช่น AWS และการจัดการอุปกรณ์สำหรับผู้บริโภค - บริษัทตั้งเป้าพัฒนา อุปกรณ์รับสัญญาณขนาดเล็ก (คล้ายกล่องพิซซ่า) ที่สื่อสารกับดาวเทียม Kuiper เพื่อใช้งานได้ง่ายขึ้น ✅ Amazon เคยจ้างวิศวกร Starlink ก่อนที่ Musk จะปลดพวกเขาออก - ทีมงานที่สร้าง Kuiper ประกอบด้วย อดีตวิศวกรจาก SpaceX ที่เคยทำงานกับ Starlink ก่อนถูกปลด - Amazon ลงทุนกว่า $10 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อพัฒนา Kuiper ตั้งแต่ปี 2019 https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/03/amazon-targets-april-9-launch-of-first-kuiper-internet-satellites
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Amazon targets April 9 launch of first Kuiper internet satellites
    WASHINGTON (Reuters) -Amazon.com said on Wednesday it plans to launch the first 27 satellites for its Project Kuiper internet network next week, pinning down a long-awaited start to the company's plan to deploy a massive constellation that will rival Elon Musk's Starlink system.
    0 Comments 0 Shares 309 Views 0 Reviews
  • GL.iNet ได้เปิดตัว Slate 7 (GL-BE3600) ซึ่งเป็นเราเตอร์ Wi-Fi 7 แบบพกพาตัวแรกของโลก โดยออกแบบมาเพื่อรองรับ 4K และ 8K streaming, การประชุมวิดีโอ และการใช้งานอินเทอร์เน็ตที่ต้องใช้แบนด์วิดท์สูง Slate 7 มีคุณสมบัติเด่นหลายอย่าง รวมถึง ซีพียู Qualcomm 1.1GHz quad-core, แรม 1GB DDR4 และหน่วยความจำแฟลช 512MB

    ความเร็ว Wi-Fi 7 ระดับสูงสุด—เหมาะสำหรับการเชื่อมต่อที่ต้องการความเร็วและเสถียรภาพ
    - ความเร็ว 688 Mbps บนคลื่น 2.4GHz และ 2882 Mbps บนคลื่น 5GHz
    - เสาอากาศภายนอกพับเก็บได้ ช่วยขยายสัญญาณให้ครอบคลุมมากขึ้น

    รองรับการเชื่อมต่อแบบสายที่มีประสิทธิภาพสูง
    - มี พอร์ต WAN 2.5Gbps และ LAN 1Gbps เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการ อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและเสถียร
    - รองรับ USB 3.0 สำหรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลหรือโมเด็ม

    ระบบ VPN ที่แข็งแกร่ง—ความปลอดภัยระดับสูงสำหรับการเชื่อมต่อออนไลน์
    - รองรับ OpenVPN ความเร็วสูงสุด 100 Mbps และ WireGuard ที่ความเร็วสูงสุด 540 Mbps
    - สามารถเชื่อมต่อกับ บริการ VPN กว่า 30 แห่ง เพื่อปกป้องข้อมูลและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้

    พลังงานยืดหยุ่น—ใช้งานได้หลากหลาย
    - ใช้ พอร์ต USB-C และรองรับ แรงดันไฟฟ้าหลายระดับ (5V/3A, 9V/3A, 12V/2.5A)
    - สามารถใช้พลังงานจาก แล็ปท็อป, พาวเวอร์แบงก์ หรือสมาร์ทโฟน

    ฟีเจอร์เพิ่มเติมสำหรับการจัดการเครือข่ายขั้นสูง
    - ระบบ OpenWrt 23.05 พร้อม Kernel 5.4.213 ให้ผู้ใช้สามารถติดตั้งปลั๊กอินเพิ่มเติม เช่น การตรวจสอบการใช้แบนด์วิดท์ และกำหนดค่าฟีเจอร์ไฟร์วอลล์
    - ใช้ WPA3 encryption เพื่อป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์

    ราคาเป็นมิตรกับงบประมาณ—เข้าถึงได้ง่าย
    - ราคา $120 สำหรับการสั่งจองล่วงหน้า และ ราคาเต็มอยู่ที่ $149.90
    - การส่งมอบสินค้าเริ่มต้นใน เดือนพฤษภาคม 2025

    https://www.techradar.com/pro/heres-the-worlds-first-mobile-wi-fi-7-router-and-i-cant-believe-how-ridiculously-cheap-it-is
    GL.iNet ได้เปิดตัว Slate 7 (GL-BE3600) ซึ่งเป็นเราเตอร์ Wi-Fi 7 แบบพกพาตัวแรกของโลก โดยออกแบบมาเพื่อรองรับ 4K และ 8K streaming, การประชุมวิดีโอ และการใช้งานอินเทอร์เน็ตที่ต้องใช้แบนด์วิดท์สูง Slate 7 มีคุณสมบัติเด่นหลายอย่าง รวมถึง ซีพียู Qualcomm 1.1GHz quad-core, แรม 1GB DDR4 และหน่วยความจำแฟลช 512MB ✅ ความเร็ว Wi-Fi 7 ระดับสูงสุด—เหมาะสำหรับการเชื่อมต่อที่ต้องการความเร็วและเสถียรภาพ - ความเร็ว 688 Mbps บนคลื่น 2.4GHz และ 2882 Mbps บนคลื่น 5GHz - เสาอากาศภายนอกพับเก็บได้ ช่วยขยายสัญญาณให้ครอบคลุมมากขึ้น ✅ รองรับการเชื่อมต่อแบบสายที่มีประสิทธิภาพสูง - มี พอร์ต WAN 2.5Gbps และ LAN 1Gbps เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการ อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและเสถียร - รองรับ USB 3.0 สำหรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลหรือโมเด็ม ✅ ระบบ VPN ที่แข็งแกร่ง—ความปลอดภัยระดับสูงสำหรับการเชื่อมต่อออนไลน์ - รองรับ OpenVPN ความเร็วสูงสุด 100 Mbps และ WireGuard ที่ความเร็วสูงสุด 540 Mbps - สามารถเชื่อมต่อกับ บริการ VPN กว่า 30 แห่ง เพื่อปกป้องข้อมูลและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ ✅ พลังงานยืดหยุ่น—ใช้งานได้หลากหลาย - ใช้ พอร์ต USB-C และรองรับ แรงดันไฟฟ้าหลายระดับ (5V/3A, 9V/3A, 12V/2.5A) - สามารถใช้พลังงานจาก แล็ปท็อป, พาวเวอร์แบงก์ หรือสมาร์ทโฟน ✅ ฟีเจอร์เพิ่มเติมสำหรับการจัดการเครือข่ายขั้นสูง - ระบบ OpenWrt 23.05 พร้อม Kernel 5.4.213 ให้ผู้ใช้สามารถติดตั้งปลั๊กอินเพิ่มเติม เช่น การตรวจสอบการใช้แบนด์วิดท์ และกำหนดค่าฟีเจอร์ไฟร์วอลล์ - ใช้ WPA3 encryption เพื่อป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ ✅ ราคาเป็นมิตรกับงบประมาณ—เข้าถึงได้ง่าย - ราคา $120 สำหรับการสั่งจองล่วงหน้า และ ราคาเต็มอยู่ที่ $149.90 - การส่งมอบสินค้าเริ่มต้นใน เดือนพฤษภาคม 2025 https://www.techradar.com/pro/heres-the-worlds-first-mobile-wi-fi-7-router-and-i-cant-believe-how-ridiculously-cheap-it-is
    0 Comments 0 Shares 440 Views 0 Reviews
  • รัฐบาลทรัมป์เสนอชื่อ Arielle Roth ให้บริหารโครงการนำอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเข้าสู่พื้นที่ห่างไกล โดยเธอยืนยันว่าจะบริหารโครงการเพื่อประโยชน์ของประชาชน ไม่ใช่เพื่อบริษัท Starlink หรือ Elon Musk อย่างไรก็ตาม พรรคเดโมแครตแสดงความกังวลถึงความโปร่งใส และมีการพิจารณาปรับเปลี่ยนแนวทางโครงการเพื่อให้เกิดความคุ้มค่าและครอบคลุมยิ่งขึ้น

    การวิจารณ์โครงการโดยพรรคเดโมแครต:
    - พรรคเดโมแครตชี้ว่าโครงการนี้อาจเปลี่ยนจากการให้ความสำคัญกับการใช้สายไฟเบอร์ที่มีราคาถูก ไปสนับสนุนบริการดาวเทียม ซึ่งอาจทำให้ Elon Musk ได้รับผลประโยชน์ถึง 20 พันล้านดอลลาร์.

    คำแถลงของ Roth:
    - เธอยืนยันว่าเธอจะบริหารโครงการให้เป็นประโยชน์ต่อประชาชนอเมริกันโดยรวม ไม่ใช่เพื่อบริษัทหรือบุคคลใดเป็นพิเศษ.

    จุดยืนของพรรครีพับลิกัน:
    - พรรครีพับลิกันกล่าวหาโครงการนี้ว่าในอดีตยังไม่ได้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตให้ประชาชนคนใดเลย ทั้งที่ได้รับอนุมัติในปี 2021 และชี้ว่าแนวทางที่รัฐบาลเดิมจัดการอาจมีแรงจูงใจทางการเมือง.

    การเปลี่ยนแปลงในแนวทาง:
    - รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าวเมื่อต้นเดือนว่ากำลังพิจารณาแนวทางใหม่ที่มุ่งเน้นให้รัฐต่าง ๆ เลือกโครงสร้างระบบอินเทอร์เน็ตตามผลลัพธ์และต้นทุนต่ำที่สุด โดยไม่มุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยีเฉพาะอย่าง.

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/28/trump-nominee-says-she-would-not-administer-internet-program-to-benefit-elon-musk
    รัฐบาลทรัมป์เสนอชื่อ Arielle Roth ให้บริหารโครงการนำอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเข้าสู่พื้นที่ห่างไกล โดยเธอยืนยันว่าจะบริหารโครงการเพื่อประโยชน์ของประชาชน ไม่ใช่เพื่อบริษัท Starlink หรือ Elon Musk อย่างไรก็ตาม พรรคเดโมแครตแสดงความกังวลถึงความโปร่งใส และมีการพิจารณาปรับเปลี่ยนแนวทางโครงการเพื่อให้เกิดความคุ้มค่าและครอบคลุมยิ่งขึ้น การวิจารณ์โครงการโดยพรรคเดโมแครต: - พรรคเดโมแครตชี้ว่าโครงการนี้อาจเปลี่ยนจากการให้ความสำคัญกับการใช้สายไฟเบอร์ที่มีราคาถูก ไปสนับสนุนบริการดาวเทียม ซึ่งอาจทำให้ Elon Musk ได้รับผลประโยชน์ถึง 20 พันล้านดอลลาร์. คำแถลงของ Roth: - เธอยืนยันว่าเธอจะบริหารโครงการให้เป็นประโยชน์ต่อประชาชนอเมริกันโดยรวม ไม่ใช่เพื่อบริษัทหรือบุคคลใดเป็นพิเศษ. จุดยืนของพรรครีพับลิกัน: - พรรครีพับลิกันกล่าวหาโครงการนี้ว่าในอดีตยังไม่ได้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตให้ประชาชนคนใดเลย ทั้งที่ได้รับอนุมัติในปี 2021 และชี้ว่าแนวทางที่รัฐบาลเดิมจัดการอาจมีแรงจูงใจทางการเมือง. การเปลี่ยนแปลงในแนวทาง: - รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าวเมื่อต้นเดือนว่ากำลังพิจารณาแนวทางใหม่ที่มุ่งเน้นให้รัฐต่าง ๆ เลือกโครงสร้างระบบอินเทอร์เน็ตตามผลลัพธ์และต้นทุนต่ำที่สุด โดยไม่มุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยีเฉพาะอย่าง. https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/28/trump-nominee-says-she-would-not-administer-internet-program-to-benefit-elon-musk
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Trump nominee says she would not administer internet program to benefit Elon Musk
    WASHINGTON (Reuters) -The Trump administration's nominee to oversee a $42 billion government fund to bring high-speed broadband internet to unserved or underserved parts of the United States denied on Thursday that she would administer the program to benefit Starlink owner Elon Musk.
    0 Comments 0 Shares 468 Views 0 Reviews
  • United Airlines ได้เริ่มใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง Starlink บนเครื่องบิน โดยให้บริการฟรีสำหรับสมาชิก MileagePlus บริการอินเทอร์เน็ตใหม่นี้มีความเร็วสูงถึง 250 เมกะบิตต่อวินาที (Mbps) ซึ่งเร็วกว่าอินเทอร์เน็ตในเครื่องบินที่ใช้งานทั่วไปถึง 50 เท่า!

    การใช้งานอินเทอร์เน็ตในเครื่องบินถือว่าเป็นเรื่องที่ชาวบินหลายคนร้องขอมานาน เนื่องจากอินเทอร์เน็ตบนเครื่องบินปกติมักจะช้าและไม่เสถียร แต่ตอนนี้ United Airlines ได้นำ Starlink มาติดตั้งบนเครื่องบิน Embraer E170 และ E175 ทำให้สามารถเข้าถึงความบันเทิงและการทำงานได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบเอกสารการทำงาน สตรีมเนื้อหา หรือการเล่นเกมออนไลน์

    United Airlines มีแผนติดตั้ง Starlink บนเครื่องบิน 40 ลำต่อเดือน โดยภายในปีนี้จะสามารถติดตั้งบนเครื่องบินทั้งหมด 300 ลำในฝูงบินภูมิภาค ซึ่งแต่ละลำมีความจุผู้โดยสารต่ำกว่า 100 คน ในอนาคต United มีแผนที่จะติดตั้ง Starlink บนเครื่องบินทุกลำในฝูงบิน

    การติดตั้งอุปกรณ์ Starlink บนเครื่องบินต้องใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง และการถอดอุปกรณ์เก่าออกก็ใช้เวลาหลายชั่วโมงเช่นกัน รวมเวลาทั้งหมดที่เครื่องบินต้องอยู่นอกบริการประมาณ 4 วัน อย่างไรก็ตาม ความพยายามนี้คุ้มค่าเนื่องจากทำให้ผู้โดยสารสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตที่มีความเร็วและเสถียรเหมือนอยู่บ้าน

    อินเทอร์เน็ต Starlink บนเครื่องบินของ United Airlines จะให้บริการฟรีสำหรับสมาชิก MileagePlus ซึ่งสามารถสมัครได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยบริการนี้จะรวมถึงการช็อปปิ้ง การเล่นเกม และอื่น ๆ ปัจจุบันค่าใช้จ่ายในการใช้อินเทอร์เน็ตบนเที่ยวบินของ United Airlines อยู่ที่ $6 ถึง $10 ต่อเที่ยวบิน

    https://www.zdnet.com/home-and-office/networking/high-speed-starlink-internet-rollout-on-united-airlines-planes-begins-and-its-free/
    United Airlines ได้เริ่มใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง Starlink บนเครื่องบิน โดยให้บริการฟรีสำหรับสมาชิก MileagePlus บริการอินเทอร์เน็ตใหม่นี้มีความเร็วสูงถึง 250 เมกะบิตต่อวินาที (Mbps) ซึ่งเร็วกว่าอินเทอร์เน็ตในเครื่องบินที่ใช้งานทั่วไปถึง 50 เท่า! การใช้งานอินเทอร์เน็ตในเครื่องบินถือว่าเป็นเรื่องที่ชาวบินหลายคนร้องขอมานาน เนื่องจากอินเทอร์เน็ตบนเครื่องบินปกติมักจะช้าและไม่เสถียร แต่ตอนนี้ United Airlines ได้นำ Starlink มาติดตั้งบนเครื่องบิน Embraer E170 และ E175 ทำให้สามารถเข้าถึงความบันเทิงและการทำงานได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบเอกสารการทำงาน สตรีมเนื้อหา หรือการเล่นเกมออนไลน์ United Airlines มีแผนติดตั้ง Starlink บนเครื่องบิน 40 ลำต่อเดือน โดยภายในปีนี้จะสามารถติดตั้งบนเครื่องบินทั้งหมด 300 ลำในฝูงบินภูมิภาค ซึ่งแต่ละลำมีความจุผู้โดยสารต่ำกว่า 100 คน ในอนาคต United มีแผนที่จะติดตั้ง Starlink บนเครื่องบินทุกลำในฝูงบิน การติดตั้งอุปกรณ์ Starlink บนเครื่องบินต้องใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง และการถอดอุปกรณ์เก่าออกก็ใช้เวลาหลายชั่วโมงเช่นกัน รวมเวลาทั้งหมดที่เครื่องบินต้องอยู่นอกบริการประมาณ 4 วัน อย่างไรก็ตาม ความพยายามนี้คุ้มค่าเนื่องจากทำให้ผู้โดยสารสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตที่มีความเร็วและเสถียรเหมือนอยู่บ้าน อินเทอร์เน็ต Starlink บนเครื่องบินของ United Airlines จะให้บริการฟรีสำหรับสมาชิก MileagePlus ซึ่งสามารถสมัครได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยบริการนี้จะรวมถึงการช็อปปิ้ง การเล่นเกม และอื่น ๆ ปัจจุบันค่าใช้จ่ายในการใช้อินเทอร์เน็ตบนเที่ยวบินของ United Airlines อยู่ที่ $6 ถึง $10 ต่อเที่ยวบิน https://www.zdnet.com/home-and-office/networking/high-speed-starlink-internet-rollout-on-united-airlines-planes-begins-and-its-free/
    0 Comments 0 Shares 305 Views 0 Reviews
  • นโยบายพรรคการเมือง: การปฏิรูปการศึกษาเพื่ออนาคต ด้วยเทคโนโลยีและ STEM

    วิสัยทัศน์

    สร้างระบบการศึกษาที่ทันสมัย เปิดโอกาสให้นักเรียนทุกคนเข้าถึงองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ และนวัตกรรม พัฒนาเยาวชนให้เป็นนักคิด นักแก้ปัญหา และนักนวัตกรรมที่พร้อมแข่งขันในเวทีโลก


    ---

    1. การพัฒนา STEM Education ให้เป็นรากฐานของระบบการศึกษา

    ปรับหลักสูตรการเรียนการสอน ให้สอดคล้องกับแนวทาง STEM (Science, Technology, Engineering, Mathematics) ตั้งแต่ระดับประถมศึกษา
    ส่งเสริมโครงการเรียนรู้ผ่านการลงมือทำ (Project-Based Learning) ให้นักเรียนได้ทดลอง คิดวิเคราะห์ และพัฒนาทักษะผ่านโครงงานจริง
    เพิ่มวิชาหุ่นยนต์ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเขียนโค้ด (Coding) เป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรมาตรฐาน
    สนับสนุนการแข่งขันด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เช่น โอลิมปิกวิชาการ การแข่งขันหุ่นยนต์ และแฮ็กกาธอน


    ---

    2. การนำเทคโนโลยีมาปรับปรุงการเรียนการสอน

    จัดหาอุปกรณ์และโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลให้โรงเรียนทั่วประเทศ เช่น อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์สำหรับนักเรียน
    พัฒนาระบบการเรียนการสอนออนไลน์ (E-Learning & Hybrid Learning) เพื่อให้นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ ทุกเวลา
    ใช้ AI และ Big Data วิเคราะห์พฤติกรรมการเรียนรู้ เพื่อออกแบบการสอนที่เหมาะกับนักเรียนแต่ละคน
    พัฒนาคลังสื่อดิจิทัล (Open Educational Resources - OER) รวมถึงแพลตฟอร์มบทเรียนออนไลน์ฟรีสำหรับทุกคน


    ---

    3. การพัฒนาครูให้พร้อมสำหรับยุคดิจิทัล

    อบรมและพัฒนาครูด้านเทคโนโลยีและ STEM เพื่อให้สามารถถ่ายทอดความรู้และพัฒนาทักษะของนักเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    สร้างเครือข่ายครูและนักวิชาการด้านเทคโนโลยี เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และพัฒนาแนวทางการสอนที่ทันสมัย
    เพิ่มแรงจูงใจให้ครูพัฒนาทักษะดิจิทัล เช่น การให้ทุนอบรมหรือการเลื่อนขั้นสำหรับครูที่ผ่านการรับรองทักษะเทคโนโลยี


    ---

    4. สร้างความร่วมมือกับภาคเอกชนและอุตสาหกรรม

    เปิดโอกาสให้ภาคธุรกิจเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตร เพื่อให้การเรียนการสอนสอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน
    ส่งเสริมการฝึกงานและโครงการนักศึกษาฝึกงานในสายงานเทคโนโลยีและ STEM เพื่อให้นักเรียนได้ประสบการณ์จริงก่อนจบการศึกษา
    จัดตั้งกองทุนส่งเสริมนวัตกรรมทางการศึกษา สนับสนุนสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีการศึกษา (EdTech)


    ---

    5. ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา

    ให้ทุนการศึกษาและอุปกรณ์เรียนฟรีสำหรับนักเรียนที่ขาดแคลน โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทและห่างไกล
    สร้างโรงเรียนต้นแบบด้านเทคโนโลยีในทุกภูมิภาค เพื่อเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ STEM ในแต่ละพื้นที่
    พัฒนาระบบการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมและอินเทอร์เน็ต เพื่อให้นักเรียนในพื้นที่ห่างไกลสามารถเข้าถึงการศึกษาเท่าเทียมกับเมืองใหญ่


    ---

    ผลลัพธ์ที่คาดหวัง

    นักเรียนไทยมีทักษะด้านเทคโนโลยีและ STEM ที่แข็งแกร่ง พร้อมแข่งขันในระดับนานาชาติ
    ครูมีความสามารถในการใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน
    ระบบการศึกษาของไทยสามารถตอบโจทย์ตลาดแรงงานและเศรษฐกิจดิจิทัล
    ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ให้โอกาสเด็กทุกคนเข้าถึงการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ


    ---

    "การศึกษาไทยก้าวไกล เทคโนโลยีล้ำหน้า STEM นำอนาคต"
    #พรรคเพื่อการศึกษายุคใหม่

    นโยบายพรรคการเมือง: การปฏิรูปการศึกษาเพื่ออนาคต ด้วยเทคโนโลยีและ STEM วิสัยทัศน์ สร้างระบบการศึกษาที่ทันสมัย เปิดโอกาสให้นักเรียนทุกคนเข้าถึงองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ และนวัตกรรม พัฒนาเยาวชนให้เป็นนักคิด นักแก้ปัญหา และนักนวัตกรรมที่พร้อมแข่งขันในเวทีโลก --- 1. การพัฒนา STEM Education ให้เป็นรากฐานของระบบการศึกษา ✅ ปรับหลักสูตรการเรียนการสอน ให้สอดคล้องกับแนวทาง STEM (Science, Technology, Engineering, Mathematics) ตั้งแต่ระดับประถมศึกษา ✅ ส่งเสริมโครงการเรียนรู้ผ่านการลงมือทำ (Project-Based Learning) ให้นักเรียนได้ทดลอง คิดวิเคราะห์ และพัฒนาทักษะผ่านโครงงานจริง ✅ เพิ่มวิชาหุ่นยนต์ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเขียนโค้ด (Coding) เป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรมาตรฐาน ✅ สนับสนุนการแข่งขันด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เช่น โอลิมปิกวิชาการ การแข่งขันหุ่นยนต์ และแฮ็กกาธอน --- 2. การนำเทคโนโลยีมาปรับปรุงการเรียนการสอน ✅ จัดหาอุปกรณ์และโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลให้โรงเรียนทั่วประเทศ เช่น อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์สำหรับนักเรียน ✅ พัฒนาระบบการเรียนการสอนออนไลน์ (E-Learning & Hybrid Learning) เพื่อให้นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ ทุกเวลา ✅ ใช้ AI และ Big Data วิเคราะห์พฤติกรรมการเรียนรู้ เพื่อออกแบบการสอนที่เหมาะกับนักเรียนแต่ละคน ✅ พัฒนาคลังสื่อดิจิทัล (Open Educational Resources - OER) รวมถึงแพลตฟอร์มบทเรียนออนไลน์ฟรีสำหรับทุกคน --- 3. การพัฒนาครูให้พร้อมสำหรับยุคดิจิทัล ✅ อบรมและพัฒนาครูด้านเทคโนโลยีและ STEM เพื่อให้สามารถถ่ายทอดความรู้และพัฒนาทักษะของนักเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ✅ สร้างเครือข่ายครูและนักวิชาการด้านเทคโนโลยี เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และพัฒนาแนวทางการสอนที่ทันสมัย ✅ เพิ่มแรงจูงใจให้ครูพัฒนาทักษะดิจิทัล เช่น การให้ทุนอบรมหรือการเลื่อนขั้นสำหรับครูที่ผ่านการรับรองทักษะเทคโนโลยี --- 4. สร้างความร่วมมือกับภาคเอกชนและอุตสาหกรรม ✅ เปิดโอกาสให้ภาคธุรกิจเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตร เพื่อให้การเรียนการสอนสอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน ✅ ส่งเสริมการฝึกงานและโครงการนักศึกษาฝึกงานในสายงานเทคโนโลยีและ STEM เพื่อให้นักเรียนได้ประสบการณ์จริงก่อนจบการศึกษา ✅ จัดตั้งกองทุนส่งเสริมนวัตกรรมทางการศึกษา สนับสนุนสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีการศึกษา (EdTech) --- 5. ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ✅ ให้ทุนการศึกษาและอุปกรณ์เรียนฟรีสำหรับนักเรียนที่ขาดแคลน โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทและห่างไกล ✅ สร้างโรงเรียนต้นแบบด้านเทคโนโลยีในทุกภูมิภาค เพื่อเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ STEM ในแต่ละพื้นที่ ✅ พัฒนาระบบการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมและอินเทอร์เน็ต เพื่อให้นักเรียนในพื้นที่ห่างไกลสามารถเข้าถึงการศึกษาเท่าเทียมกับเมืองใหญ่ --- ผลลัพธ์ที่คาดหวัง ✅ นักเรียนไทยมีทักษะด้านเทคโนโลยีและ STEM ที่แข็งแกร่ง พร้อมแข่งขันในระดับนานาชาติ ✅ ครูมีความสามารถในการใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน ✅ ระบบการศึกษาของไทยสามารถตอบโจทย์ตลาดแรงงานและเศรษฐกิจดิจิทัล ✅ ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ให้โอกาสเด็กทุกคนเข้าถึงการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ --- "การศึกษาไทยก้าวไกล เทคโนโลยีล้ำหน้า STEM นำอนาคต" #พรรคเพื่อการศึกษายุคใหม่
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 1712 Views 0 Reviews
  • นโยบายพรรคการเมือง: การปฏิรูปการศึกษาเพื่ออนาคต ด้วยเทคโนโลยีและ STEM

    วิสัยทัศน์

    สร้างระบบการศึกษาที่ทันสมัย เปิดโอกาสให้นักเรียนทุกคนเข้าถึงองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ และนวัตกรรม พัฒนาเยาวชนให้เป็นนักคิด นักแก้ปัญหา และนักนวัตกรรมที่พร้อมแข่งขันในเวทีโลก


    ---

    1. การพัฒนา STEM Education ให้เป็นรากฐานของระบบการศึกษา

    ปรับหลักสูตรการเรียนการสอน ให้สอดคล้องกับแนวทาง STEM (Science, Technology, Engineering, Mathematics) ตั้งแต่ระดับประถมศึกษา
    ส่งเสริมโครงการเรียนรู้ผ่านการลงมือทำ (Project-Based Learning) ให้นักเรียนได้ทดลอง คิดวิเคราะห์ และพัฒนาทักษะผ่านโครงงานจริง
    เพิ่มวิชาหุ่นยนต์ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเขียนโค้ด (Coding) เป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรมาตรฐาน
    สนับสนุนการแข่งขันด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เช่น โอลิมปิกวิชาการ การแข่งขันหุ่นยนต์ และแฮ็กกาธอน


    ---

    2. การนำเทคโนโลยีมาปรับปรุงการเรียนการสอน

    จัดหาอุปกรณ์และโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลให้โรงเรียนทั่วประเทศ เช่น อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์สำหรับนักเรียน
    พัฒนาระบบการเรียนการสอนออนไลน์ (E-Learning & Hybrid Learning) เพื่อให้นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ ทุกเวลา
    ใช้ AI และ Big Data วิเคราะห์พฤติกรรมการเรียนรู้ เพื่อออกแบบการสอนที่เหมาะกับนักเรียนแต่ละคน
    พัฒนาคลังสื่อดิจิทัล (Open Educational Resources - OER) รวมถึงแพลตฟอร์มบทเรียนออนไลน์ฟรีสำหรับทุกคน


    ---

    3. การพัฒนาครูให้พร้อมสำหรับยุคดิจิทัล

    อบรมและพัฒนาครูด้านเทคโนโลยีและ STEM เพื่อให้สามารถถ่ายทอดความรู้และพัฒนาทักษะของนักเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    สร้างเครือข่ายครูและนักวิชาการด้านเทคโนโลยี เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และพัฒนาแนวทางการสอนที่ทันสมัย
    เพิ่มแรงจูงใจให้ครูพัฒนาทักษะดิจิทัล เช่น การให้ทุนอบรมหรือการเลื่อนขั้นสำหรับครูที่ผ่านการรับรองทักษะเทคโนโลยี


    ---

    4. สร้างความร่วมมือกับภาคเอกชนและอุตสาหกรรม

    เปิดโอกาสให้ภาคธุรกิจเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตร เพื่อให้การเรียนการสอนสอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน
    ส่งเสริมการฝึกงานและโครงการนักศึกษาฝึกงานในสายงานเทคโนโลยีและ STEM เพื่อให้นักเรียนได้ประสบการณ์จริงก่อนจบการศึกษา
    จัดตั้งกองทุนส่งเสริมนวัตกรรมทางการศึกษา สนับสนุนสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีการศึกษา (EdTech)


    ---

    5. ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา

    ให้ทุนการศึกษาและอุปกรณ์เรียนฟรีสำหรับนักเรียนที่ขาดแคลน โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทและห่างไกล
    สร้างโรงเรียนต้นแบบด้านเทคโนโลยีในทุกภูมิภาค เพื่อเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ STEM ในแต่ละพื้นที่
    พัฒนาระบบการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมและอินเทอร์เน็ต เพื่อให้นักเรียนในพื้นที่ห่างไกลสามารถเข้าถึงการศึกษาเท่าเทียมกับเมืองใหญ่


    ---

    ผลลัพธ์ที่คาดหวัง

    นักเรียนไทยมีทักษะด้านเทคโนโลยีและ STEM ที่แข็งแกร่ง พร้อมแข่งขันในระดับนานาชาติ
    ครูมีความสามารถในการใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน
    ระบบการศึกษาของไทยสามารถตอบโจทย์ตลาดแรงงานและเศรษฐกิจดิจิทัล
    ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ให้โอกาสเด็กทุกคนเข้าถึงการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ


    ---

    "การศึกษาไทยก้าวไกล เทคโนโลยีล้ำหน้า STEM นำอนาคต"
    #พรรคเพื่อการศึกษายุคใหม่

    นโยบายพรรคการเมือง: การปฏิรูปการศึกษาเพื่ออนาคต ด้วยเทคโนโลยีและ STEM วิสัยทัศน์ สร้างระบบการศึกษาที่ทันสมัย เปิดโอกาสให้นักเรียนทุกคนเข้าถึงองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ และนวัตกรรม พัฒนาเยาวชนให้เป็นนักคิด นักแก้ปัญหา และนักนวัตกรรมที่พร้อมแข่งขันในเวทีโลก --- 1. การพัฒนา STEM Education ให้เป็นรากฐานของระบบการศึกษา ✅ ปรับหลักสูตรการเรียนการสอน ให้สอดคล้องกับแนวทาง STEM (Science, Technology, Engineering, Mathematics) ตั้งแต่ระดับประถมศึกษา ✅ ส่งเสริมโครงการเรียนรู้ผ่านการลงมือทำ (Project-Based Learning) ให้นักเรียนได้ทดลอง คิดวิเคราะห์ และพัฒนาทักษะผ่านโครงงานจริง ✅ เพิ่มวิชาหุ่นยนต์ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเขียนโค้ด (Coding) เป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรมาตรฐาน ✅ สนับสนุนการแข่งขันด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เช่น โอลิมปิกวิชาการ การแข่งขันหุ่นยนต์ และแฮ็กกาธอน --- 2. การนำเทคโนโลยีมาปรับปรุงการเรียนการสอน ✅ จัดหาอุปกรณ์และโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลให้โรงเรียนทั่วประเทศ เช่น อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์สำหรับนักเรียน ✅ พัฒนาระบบการเรียนการสอนออนไลน์ (E-Learning & Hybrid Learning) เพื่อให้นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ ทุกเวลา ✅ ใช้ AI และ Big Data วิเคราะห์พฤติกรรมการเรียนรู้ เพื่อออกแบบการสอนที่เหมาะกับนักเรียนแต่ละคน ✅ พัฒนาคลังสื่อดิจิทัล (Open Educational Resources - OER) รวมถึงแพลตฟอร์มบทเรียนออนไลน์ฟรีสำหรับทุกคน --- 3. การพัฒนาครูให้พร้อมสำหรับยุคดิจิทัล ✅ อบรมและพัฒนาครูด้านเทคโนโลยีและ STEM เพื่อให้สามารถถ่ายทอดความรู้และพัฒนาทักษะของนักเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ✅ สร้างเครือข่ายครูและนักวิชาการด้านเทคโนโลยี เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และพัฒนาแนวทางการสอนที่ทันสมัย ✅ เพิ่มแรงจูงใจให้ครูพัฒนาทักษะดิจิทัล เช่น การให้ทุนอบรมหรือการเลื่อนขั้นสำหรับครูที่ผ่านการรับรองทักษะเทคโนโลยี --- 4. สร้างความร่วมมือกับภาคเอกชนและอุตสาหกรรม ✅ เปิดโอกาสให้ภาคธุรกิจเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตร เพื่อให้การเรียนการสอนสอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน ✅ ส่งเสริมการฝึกงานและโครงการนักศึกษาฝึกงานในสายงานเทคโนโลยีและ STEM เพื่อให้นักเรียนได้ประสบการณ์จริงก่อนจบการศึกษา ✅ จัดตั้งกองทุนส่งเสริมนวัตกรรมทางการศึกษา สนับสนุนสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีการศึกษา (EdTech) --- 5. ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ✅ ให้ทุนการศึกษาและอุปกรณ์เรียนฟรีสำหรับนักเรียนที่ขาดแคลน โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทและห่างไกล ✅ สร้างโรงเรียนต้นแบบด้านเทคโนโลยีในทุกภูมิภาค เพื่อเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ STEM ในแต่ละพื้นที่ ✅ พัฒนาระบบการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมและอินเทอร์เน็ต เพื่อให้นักเรียนในพื้นที่ห่างไกลสามารถเข้าถึงการศึกษาเท่าเทียมกับเมืองใหญ่ --- ผลลัพธ์ที่คาดหวัง ✅ นักเรียนไทยมีทักษะด้านเทคโนโลยีและ STEM ที่แข็งแกร่ง พร้อมแข่งขันในระดับนานาชาติ ✅ ครูมีความสามารถในการใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน ✅ ระบบการศึกษาของไทยสามารถตอบโจทย์ตลาดแรงงานและเศรษฐกิจดิจิทัล ✅ ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ให้โอกาสเด็กทุกคนเข้าถึงการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ --- "การศึกษาไทยก้าวไกล เทคโนโลยีล้ำหน้า STEM นำอนาคต" #พรรคเพื่อการศึกษายุคใหม่
    0 Comments 0 Shares 1701 Views 0 Reviews
  • เป็นที่รู้กันว่ารัฐบาลทหารพม่าใช้การปิดกั้นอินเทอร์เน็ตเป็นเครื่องมือควบคุมประชาชนและจำกัดการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่อต้าน แต่ท่ามกลางการปิดกั้นเหล่านี้ เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม "สตาร์ลิงค์" (Starlink) ของอีลอน มักส์ (Elon Musk) ได้กลายเป็นความหวังของประชาชน เพื่อฝันในการเชื่อมต่อและไม่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก

    ปัจจุบัน มีรายงานว่าอินเทอร์เน็ตของ Starlink ถูกให้บริการในมากกว่า 60 แห่งในพื้นที่ของฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทหารพม่า เช่น ซะไกง์หรือสะกาย มัคเวย์ คะเรนนี และคะฉิ่น ซึ่งแม้จะทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้อย่างอิสระมากขึ้น แต่ Starlink ก็กำลังเป็นที่จับตามอง โดยเฉพาะในกรณีของขบวนการหลอกลวงออนไลน์ที่ใช้ประโยชน์จากเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงนี้เพื่อดำเนินธุรกิจผิดกฎหมาย

    ในขณะที่ Starlink อาจถูกใช้งานทั้งในเชิงบวกและเชิงลบ แต่ต้นสังกัดอย่าง "สเปซ เอ็กซ์" (SpaceX) ก็ยังคงเดินหน้าขยายเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง โดยในต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2025 บริษัท SpaceX มีกำหนดการปล่อยดาวเทียม Starlink เพิ่มอีก 23 ดวงผ่านจรวด Falcon 9 จากฐานปล่อยจรวด Vandenberg Space Force Base เป้าหมายหลักของการขยายเครือข่ายคือการปรับปรุงการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตในพื้นที่ห่างไกลและเพิ่มประสิทธิภาพของบริการ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/cyberbiz/detail/9680000013337

    #MGROnline #Starlink #ElonMusk
    เป็นที่รู้กันว่ารัฐบาลทหารพม่าใช้การปิดกั้นอินเทอร์เน็ตเป็นเครื่องมือควบคุมประชาชนและจำกัดการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่อต้าน แต่ท่ามกลางการปิดกั้นเหล่านี้ เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม "สตาร์ลิงค์" (Starlink) ของอีลอน มักส์ (Elon Musk) ได้กลายเป็นความหวังของประชาชน เพื่อฝันในการเชื่อมต่อและไม่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก • ปัจจุบัน มีรายงานว่าอินเทอร์เน็ตของ Starlink ถูกให้บริการในมากกว่า 60 แห่งในพื้นที่ของฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทหารพม่า เช่น ซะไกง์หรือสะกาย มัคเวย์ คะเรนนี และคะฉิ่น ซึ่งแม้จะทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้อย่างอิสระมากขึ้น แต่ Starlink ก็กำลังเป็นที่จับตามอง โดยเฉพาะในกรณีของขบวนการหลอกลวงออนไลน์ที่ใช้ประโยชน์จากเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงนี้เพื่อดำเนินธุรกิจผิดกฎหมาย • ในขณะที่ Starlink อาจถูกใช้งานทั้งในเชิงบวกและเชิงลบ แต่ต้นสังกัดอย่าง "สเปซ เอ็กซ์" (SpaceX) ก็ยังคงเดินหน้าขยายเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง โดยในต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2025 บริษัท SpaceX มีกำหนดการปล่อยดาวเทียม Starlink เพิ่มอีก 23 ดวงผ่านจรวด Falcon 9 จากฐานปล่อยจรวด Vandenberg Space Force Base เป้าหมายหลักของการขยายเครือข่ายคือการปรับปรุงการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตในพื้นที่ห่างไกลและเพิ่มประสิทธิภาพของบริการ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/cyberbiz/detail/9680000013337 • #MGROnline #Starlink #ElonMusk
    Like
    Angry
    2
    0 Comments 0 Shares 694 Views 0 Reviews
  • Openreach บริษัทที่รับผิดชอบการจัดการโครงสร้างพื้นฐานโทรศัพท์และไฟเบอร์ในสหราชอาณาจักร ได้ร่วมมือกับ Nokia ในการทดสอบการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่มีความเร็วสูงถึง 50Gbps การทดสอบนี้เกิดขึ้นที่เมือง Ipswich โดยใช้เทคโนโลยีจาก Nokia ที่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในบ้านที่อยู่อาศัยได้สำเร็จ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีการทดสอบการเชื่อมต่อความเร็วสูงถึงระดับนี้ในสหราชอาณาจักร

    ปัจจุบัน Openreach ใช้เทคโนโลยี Gigabit Passive Optical Network (GPON) ในการให้บริการอินเทอร์เน็ตที่สามารถให้ความเร็วสูงสุดถึง 2.5Gbps ทาง Downstream และ 1.24Gbps ทาง Upstream แต่ด้วยเทคโนโลยีใหม่ที่ถูกทดสอบในครั้งนี้ Openreach ได้ใช้ชุดอุปกรณ์ 50G PON จาก Nokia ที่เชื่อมต่อกับโครงข่ายไฟเบอร์ของ BT ซึ่งสามารถให้ความเร็วสูงถึง 41.9Gbps ทาง Downstream และ 20.6Gbps ทาง Upstream

    เทคโนโลยีใหม่นี้มีศักยภาพสูงในการเพิ่มประสิทธิภาพการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตสำหรับผู้บริโภคในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานในด้านความเป็นจริงเสมือนและความเป็นจริงเสมือนที่ผสมผสานกับการถ่ายทอดสดวิดีโอ 8K และการสนทนาทางไกลที่มีความคมชัดสูง นอกจากนี้ยังสามารถใช้ในการประสานงานและฝึกอบรมปัญญาประดิษฐ์เจนเนอเรทีฟได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ทั้งนี้ นักวิเคราะห์โทรคมนาคมได้คาดการณ์ว่าแม้เทคโนโลยีนี้อาจยังต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่งก่อนที่จะสามารถนำมาใช้เชิงพาณิชย์ได้ แต่การเตรียมความพร้อมตั้งแต่วันนี้ถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะในอนาคตการบริโภคข้อมูลจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทำให้ความต้องการเครือข่ายที่มีความสามารถสูงเป็นสิ่งจำเป็น

    https://www.techspot.com/news/106693-openreach-testing-50gbps-broadband-nokia-kits-uk.html
    Openreach บริษัทที่รับผิดชอบการจัดการโครงสร้างพื้นฐานโทรศัพท์และไฟเบอร์ในสหราชอาณาจักร ได้ร่วมมือกับ Nokia ในการทดสอบการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่มีความเร็วสูงถึง 50Gbps การทดสอบนี้เกิดขึ้นที่เมือง Ipswich โดยใช้เทคโนโลยีจาก Nokia ที่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในบ้านที่อยู่อาศัยได้สำเร็จ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีการทดสอบการเชื่อมต่อความเร็วสูงถึงระดับนี้ในสหราชอาณาจักร ปัจจุบัน Openreach ใช้เทคโนโลยี Gigabit Passive Optical Network (GPON) ในการให้บริการอินเทอร์เน็ตที่สามารถให้ความเร็วสูงสุดถึง 2.5Gbps ทาง Downstream และ 1.24Gbps ทาง Upstream แต่ด้วยเทคโนโลยีใหม่ที่ถูกทดสอบในครั้งนี้ Openreach ได้ใช้ชุดอุปกรณ์ 50G PON จาก Nokia ที่เชื่อมต่อกับโครงข่ายไฟเบอร์ของ BT ซึ่งสามารถให้ความเร็วสูงถึง 41.9Gbps ทาง Downstream และ 20.6Gbps ทาง Upstream เทคโนโลยีใหม่นี้มีศักยภาพสูงในการเพิ่มประสิทธิภาพการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตสำหรับผู้บริโภคในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานในด้านความเป็นจริงเสมือนและความเป็นจริงเสมือนที่ผสมผสานกับการถ่ายทอดสดวิดีโอ 8K และการสนทนาทางไกลที่มีความคมชัดสูง นอกจากนี้ยังสามารถใช้ในการประสานงานและฝึกอบรมปัญญาประดิษฐ์เจนเนอเรทีฟได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ นักวิเคราะห์โทรคมนาคมได้คาดการณ์ว่าแม้เทคโนโลยีนี้อาจยังต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่งก่อนที่จะสามารถนำมาใช้เชิงพาณิชย์ได้ แต่การเตรียมความพร้อมตั้งแต่วันนี้ถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะในอนาคตการบริโภคข้อมูลจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทำให้ความต้องการเครือข่ายที่มีความสามารถสูงเป็นสิ่งจำเป็น https://www.techspot.com/news/106693-openreach-testing-50gbps-broadband-nokia-kits-uk.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Openreach is testing 50Gbps broadband in the UK using Nokia kits
    Openreach and Nokia have successfully tested what the two companies call the first "live" 50Gbps-class broadband connection from a residential location in the UK. The test took...
    0 Comments 0 Shares 308 Views 0 Reviews
  • บริษัท Gigabyte ได้เปิดโอกาสให้บุคคลหรือองค์กรที่มีความคิดสร้างสรรค์และมีโครงการที่น่าสนใจ สามารถทดสอบซูเปอร์คอมพิวเตอร์รุ่น G383-R80 ที่ใช้โปรเซสเซอร์ AMD MI300A ได้ฟรีเป็นเวลา 7 วัน ซูเปอร์คอมพิวเตอร์นี้มีมูลค่าถึง $304,207 หรือประมาณ 10,000,000 บาท และถูกออกแบบมาเพื่อรองรับงานที่ต้องการประสิทธิภาพสูง เช่น การฝึก AI, การทำนายข้อมูลด้วย AI, และการประมวลผลความเร็วสูง

    เพื่อเข้าร่วมทดสอบ ผู้สมัครต้องกรอกแบบฟอร์มบนเว็บไซต์ Gigabyte Launchpad และโครงการที่เสนอต้องมีความเป็นไปได้เชิงพาณิชย์หรือมีความคิดสร้างสรรค์ที่น่าสนใจ ทางบริษัทจะพิจารณาใบสมัครและแจ้งผลให้ผู้สมัครทราบภายในสามวันทำการ โดยระยะเวลาการทดสอบสามารถขยายได้ถึงสองสัปดาห์ผ่านการติดต่อกับตัวแทนขาย

    ซูเปอร์คอมพิวเตอร์รุ่นนี้มีคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยม เช่น การรองรับโปรเซสเซอร์ AMD MI300A APUs ซึ่งรวมทั้ง CPU และ GPU ไว้ด้วยกันเพื่อการประมวลผลที่รวดเร็ว นอกจากนี้ ยังมีหน่วยเก็บข้อมูลแบบ NVMe ที่รองรับความจุถึง 61.44TB และการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูง 10Gb/s Ethernet

    https://www.techradar.com/pro/want-to-rent-a-usd300-000-amd-mi300a-supercomputer-for-free-for-seven-days-gigabyte-wants-to-hear-from-you-asap
    บริษัท Gigabyte ได้เปิดโอกาสให้บุคคลหรือองค์กรที่มีความคิดสร้างสรรค์และมีโครงการที่น่าสนใจ สามารถทดสอบซูเปอร์คอมพิวเตอร์รุ่น G383-R80 ที่ใช้โปรเซสเซอร์ AMD MI300A ได้ฟรีเป็นเวลา 7 วัน ซูเปอร์คอมพิวเตอร์นี้มีมูลค่าถึง $304,207 หรือประมาณ 10,000,000 บาท และถูกออกแบบมาเพื่อรองรับงานที่ต้องการประสิทธิภาพสูง เช่น การฝึก AI, การทำนายข้อมูลด้วย AI, และการประมวลผลความเร็วสูง เพื่อเข้าร่วมทดสอบ ผู้สมัครต้องกรอกแบบฟอร์มบนเว็บไซต์ Gigabyte Launchpad และโครงการที่เสนอต้องมีความเป็นไปได้เชิงพาณิชย์หรือมีความคิดสร้างสรรค์ที่น่าสนใจ ทางบริษัทจะพิจารณาใบสมัครและแจ้งผลให้ผู้สมัครทราบภายในสามวันทำการ โดยระยะเวลาการทดสอบสามารถขยายได้ถึงสองสัปดาห์ผ่านการติดต่อกับตัวแทนขาย ซูเปอร์คอมพิวเตอร์รุ่นนี้มีคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยม เช่น การรองรับโปรเซสเซอร์ AMD MI300A APUs ซึ่งรวมทั้ง CPU และ GPU ไว้ด้วยกันเพื่อการประมวลผลที่รวดเร็ว นอกจากนี้ ยังมีหน่วยเก็บข้อมูลแบบ NVMe ที่รองรับความจุถึง 61.44TB และการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูง 10Gb/s Ethernet https://www.techradar.com/pro/want-to-rent-a-usd300-000-amd-mi300a-supercomputer-for-free-for-seven-days-gigabyte-wants-to-hear-from-you-asap
    0 Comments 0 Shares 424 Views 0 Reviews
  • อดีตผู้บริหารระดับสูงของ Sony Interactive Entertainment USA ชอว์น เลย์เดน (Shawn Layden) ที่เชื่อว่า PlayStation 6 จะยังคงรองรับแผ่นดิสก์ (Optical Disc) โดยเลย์เดนกล่าวว่า Sony อาจจะเปิดตัว PlayStation 6 ในสองรูปแบบ คือมีหรือไม่มีไดรฟ์แผ่นดิสก์

    เลย์เดนกล่าวว่า Sony ไม่สามารถทำเหมือนกับ Xbox ที่เปิดตัวคอนโซลที่เป็นดิจิตอลอย่างเดียว เนื่องจาก PlayStation 5 ซึ่งประกอบด้วยรุ่นมาตรฐาน รุ่นบาง และรุ่น Pro เป็นผู้นำตลาดในปัจจุบัน โดยมียอดขายกว่า 65 ล้านเครื่องทั่วโลกเมื่อเดือนกันยายน 2024 และผู้ใช้ในพื้นที่ชนบทของบางประเทศสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ดีพอที่จะเพลิดเพลินกับเกมหรือไม่ ซึ่งเป็นประเด็นที่ Sony จะต้องทำการวิจัยอย่างละเอียดเกี่ยวกับตลาดที่อาจได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนไปสู่ดิจิตอลอย่างเดียว และจะมีจุดที่สามารถตัดสินใจได้ว่าเมื่อไหร่ที่สามารถละเลยส่วนที่ได้รับผลกระทบได้

    เลย์เดนกล่าวว่า "Sony มีความรับผิดชอบต่อผู้ใช้งานทั่วโลก หากเราไปสู่ตลาดที่ไม่มีแผ่นดิสก์ จะมีส่วนใดของตลาดที่ไม่สามารถทำตามได้" เขาเชื่อว่า Sony จะพิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบ เนื่องจากตลาดของ Sony มีความกว้างใหญ่ทั่วโลก

    การตัดสินใจของ Sony ที่จะยังคงรองรับแผ่นดิสก์แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการรองรับความหลากหลายของตลาดทั่วโลก และความพยายามในการตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ในพื้นที่ที่อาจไม่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงได้ การรักษาความสามารถในการใช้แผ่นดิสก์เป็นการยืนยันถึงความใส่ใจในตลาดที่หลากหลายและครอบคลุมของ Sony

    https://www.techpowerup.com/332025/former-sony-exec-believes-playstation-6-will-retain-optical-disc-support
    อดีตผู้บริหารระดับสูงของ Sony Interactive Entertainment USA ชอว์น เลย์เดน (Shawn Layden) ที่เชื่อว่า PlayStation 6 จะยังคงรองรับแผ่นดิสก์ (Optical Disc) โดยเลย์เดนกล่าวว่า Sony อาจจะเปิดตัว PlayStation 6 ในสองรูปแบบ คือมีหรือไม่มีไดรฟ์แผ่นดิสก์ เลย์เดนกล่าวว่า Sony ไม่สามารถทำเหมือนกับ Xbox ที่เปิดตัวคอนโซลที่เป็นดิจิตอลอย่างเดียว เนื่องจาก PlayStation 5 ซึ่งประกอบด้วยรุ่นมาตรฐาน รุ่นบาง และรุ่น Pro เป็นผู้นำตลาดในปัจจุบัน โดยมียอดขายกว่า 65 ล้านเครื่องทั่วโลกเมื่อเดือนกันยายน 2024 และผู้ใช้ในพื้นที่ชนบทของบางประเทศสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ดีพอที่จะเพลิดเพลินกับเกมหรือไม่ ซึ่งเป็นประเด็นที่ Sony จะต้องทำการวิจัยอย่างละเอียดเกี่ยวกับตลาดที่อาจได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนไปสู่ดิจิตอลอย่างเดียว และจะมีจุดที่สามารถตัดสินใจได้ว่าเมื่อไหร่ที่สามารถละเลยส่วนที่ได้รับผลกระทบได้ เลย์เดนกล่าวว่า "Sony มีความรับผิดชอบต่อผู้ใช้งานทั่วโลก หากเราไปสู่ตลาดที่ไม่มีแผ่นดิสก์ จะมีส่วนใดของตลาดที่ไม่สามารถทำตามได้" เขาเชื่อว่า Sony จะพิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบ เนื่องจากตลาดของ Sony มีความกว้างใหญ่ทั่วโลก การตัดสินใจของ Sony ที่จะยังคงรองรับแผ่นดิสก์แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการรองรับความหลากหลายของตลาดทั่วโลก และความพยายามในการตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ในพื้นที่ที่อาจไม่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงได้ การรักษาความสามารถในการใช้แผ่นดิสก์เป็นการยืนยันถึงความใส่ใจในตลาดที่หลากหลายและครอบคลุมของ Sony https://www.techpowerup.com/332025/former-sony-exec-believes-playstation-6-will-retain-optical-disc-support
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Former Sony Exec Believes PlayStation 6 Will Retain Optical Disc Support
    A former chairman of Sony Interactive Entertainment USA—Shawn Layden—has shared his views regarding current and future PlayStation product landscapes. In an interview conducted by podcaster Reece Reilly (of KIWI TALKZ), the American businessman was asked about Microsoft's recent-ish release of all-d...
    0 Comments 0 Shares 222 Views 0 Reviews