• ทำงานด้วย เที่ยวไปด้วย Prambanan Temple, Jogjakartahttps://maps.app.goo.gl/fmMafK8eDM6yStvE6?g_st=com.google.maps.preview.copyปรัมบานัน (Prambanan Temple) เป็นหนึ่งในวัดฮินดูที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดในอินโดนีเซีย ตั้งอยู่ในจังหวัดยอกยาการ์ตา (Yogyakarta) บนเกาะชวา วัดนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี พ.ศ. 2534ประวัติย่อ • สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 9วัดปรัมบานันถูกสร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 9 ภายใต้การปกครองของราชวงศ์มาตาราม (Mataram Kingdom) เพื่ออุทิศให้กับตรีมูรติในศาสนาฮินดู ได้แก่ พระพรหม (ผู้สร้าง) พระวิษณุ (ผู้รักษา) และพระศิวะ (ผู้ทำลาย) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระศิวะ ซึ่งถือเป็นเทพเจ้าสูงสุดของวัดแห่งนี้ • รูปแบบสถาปัตยกรรมวัดหลักของปรัมบานันมีลักษณะเด่นด้วยยอดแหลมสูง ตัววัดสร้างด้วยหินภูเขาไฟและประกอบด้วยกลุ่มวัดย่อย 240 แห่ง แต่ในปัจจุบันบางส่วนอยู่ในสภาพซากปรักหักพัง • การล่มสลายหลังจากศตวรรษที่ 10 วัดนี้ถูกทิ้งร้างและเริ่มเสื่อมสภาพเนื่องจากภัยธรรมชาติ เช่น แผ่นดินไหว และการปกคลุมของพืชพรรณ • การบูรณะเริ่มต้นในศตวรรษที่ 20 โดยเฉพาะในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 โดยเน้นการอนุรักษ์ตามหลักฐานโบราณที่มีอยู่ความน่าสนใจ • วัดปรัมบานันมีลวดลายแกะสลักหินที่วิจิตรงดงาม บอกเล่าเรื่องราวมหากาพย์รามเกียรติ์ (Ramayana) • วัดหลักสามแห่งคือ วัดศิวะ (Shiva Temple), วัดวิษณุ (Vishnu Temple), และ วัดพรหม (Brahma Temple)วัดปรัมบานันยังถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่สำคัญในอินโดนีเซีย นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมและชมการแสดงรามายณะบัลเลต์ (Ramayana Ballet) ที่จัดขึ้นในยามค่ำคืนท่ามกลางแสงไฟที่วัดอีกด้วย
    ทำงานด้วย เที่ยวไปด้วย Prambanan Temple, Jogjakartahttps://maps.app.goo.gl/fmMafK8eDM6yStvE6?g_st=com.google.maps.preview.copyปรัมบานัน (Prambanan Temple) เป็นหนึ่งในวัดฮินดูที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดในอินโดนีเซีย ตั้งอยู่ในจังหวัดยอกยาการ์ตา (Yogyakarta) บนเกาะชวา วัดนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี พ.ศ. 2534ประวัติย่อ • สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 9วัดปรัมบานันถูกสร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 9 ภายใต้การปกครองของราชวงศ์มาตาราม (Mataram Kingdom) เพื่ออุทิศให้กับตรีมูรติในศาสนาฮินดู ได้แก่ พระพรหม (ผู้สร้าง) พระวิษณุ (ผู้รักษา) และพระศิวะ (ผู้ทำลาย) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระศิวะ ซึ่งถือเป็นเทพเจ้าสูงสุดของวัดแห่งนี้ • รูปแบบสถาปัตยกรรมวัดหลักของปรัมบานันมีลักษณะเด่นด้วยยอดแหลมสูง ตัววัดสร้างด้วยหินภูเขาไฟและประกอบด้วยกลุ่มวัดย่อย 240 แห่ง แต่ในปัจจุบันบางส่วนอยู่ในสภาพซากปรักหักพัง • การล่มสลายหลังจากศตวรรษที่ 10 วัดนี้ถูกทิ้งร้างและเริ่มเสื่อมสภาพเนื่องจากภัยธรรมชาติ เช่น แผ่นดินไหว และการปกคลุมของพืชพรรณ • การบูรณะเริ่มต้นในศตวรรษที่ 20 โดยเฉพาะในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 โดยเน้นการอนุรักษ์ตามหลักฐานโบราณที่มีอยู่ความน่าสนใจ • วัดปรัมบานันมีลวดลายแกะสลักหินที่วิจิตรงดงาม บอกเล่าเรื่องราวมหากาพย์รามเกียรติ์ (Ramayana) • วัดหลักสามแห่งคือ วัดศิวะ (Shiva Temple), วัดวิษณุ (Vishnu Temple), และ วัดพรหม (Brahma Temple)วัดปรัมบานันยังถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่สำคัญในอินโดนีเซีย นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมและชมการแสดงรามายณะบัลเลต์ (Ramayana Ballet) ที่จัดขึ้นในยามค่ำคืนท่ามกลางแสงไฟที่วัดอีกด้วย
    0 Comments 0 Shares 353 Views 0 Reviews
  • ทำงานด้วย เที่ยวไปด้วย Prambanan Temple, Jogjakartahttps://maps.app.goo.gl/fmMafK8eDM6yStvE6?g_st=com.google.maps.preview.copyปรัมบานัน (Prambanan Temple) เป็นหนึ่งในวัดฮินดูที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดในอินโดนีเซีย ตั้งอยู่ในจังหวัดยอกยาการ์ตา (Yogyakarta) บนเกาะชวา วัดนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี พ.ศ. 2534ประวัติย่อ • สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 9วัดปรัมบานันถูกสร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 9 ภายใต้การปกครองของราชวงศ์มาตาราม (Mataram Kingdom) เพื่ออุทิศให้กับตรีมูรติในศาสนาฮินดู ได้แก่ พระพรหม (ผู้สร้าง) พระวิษณุ (ผู้รักษา) และพระศิวะ (ผู้ทำลาย) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระศิวะ ซึ่งถือเป็นเทพเจ้าสูงสุดของวัดแห่งนี้ • รูปแบบสถาปัตยกรรมวัดหลักของปรัมบานันมีลักษณะเด่นด้วยยอดแหลมสูง ตัววัดสร้างด้วยหินภูเขาไฟและประกอบด้วยกลุ่มวัดย่อย 240 แห่ง แต่ในปัจจุบันบางส่วนอยู่ในสภาพซากปรักหักพัง • การล่มสลายหลังจากศตวรรษที่ 10 วัดนี้ถูกทิ้งร้างและเริ่มเสื่อมสภาพเนื่องจากภัยธรรมชาติ เช่น แผ่นดินไหว และการปกคลุมของพืชพรรณ • การบูรณะเริ่มต้นในศตวรรษที่ 20 โดยเฉพาะในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 โดยเน้นการอนุรักษ์ตามหลักฐานโบราณที่มีอยู่ความน่าสนใจ • วัดปรัมบานันมีลวดลายแกะสลักหินที่วิจิตรงดงาม บอกเล่าเรื่องราวมหากาพย์รามเกียรติ์ (Ramayana) • วัดหลักสามแห่งคือ วัดศิวะ (Shiva Temple), วัดวิษณุ (Vishnu Temple), และ วัดพรหม (Brahma Temple)วัดปรัมบานันยังถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่สำคัญในอินโดนีเซีย นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมและชมการแสดงรามายณะบัลเลต์ (Ramayana Ballet) ที่จัดขึ้นในยามค่ำคืนท่ามกลางแสงไฟที่วัดอีกด้วย
    ทำงานด้วย เที่ยวไปด้วย Prambanan Temple, Jogjakartahttps://maps.app.goo.gl/fmMafK8eDM6yStvE6?g_st=com.google.maps.preview.copyปรัมบานัน (Prambanan Temple) เป็นหนึ่งในวัดฮินดูที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดในอินโดนีเซีย ตั้งอยู่ในจังหวัดยอกยาการ์ตา (Yogyakarta) บนเกาะชวา วัดนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี พ.ศ. 2534ประวัติย่อ • สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 9วัดปรัมบานันถูกสร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 9 ภายใต้การปกครองของราชวงศ์มาตาราม (Mataram Kingdom) เพื่ออุทิศให้กับตรีมูรติในศาสนาฮินดู ได้แก่ พระพรหม (ผู้สร้าง) พระวิษณุ (ผู้รักษา) และพระศิวะ (ผู้ทำลาย) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระศิวะ ซึ่งถือเป็นเทพเจ้าสูงสุดของวัดแห่งนี้ • รูปแบบสถาปัตยกรรมวัดหลักของปรัมบานันมีลักษณะเด่นด้วยยอดแหลมสูง ตัววัดสร้างด้วยหินภูเขาไฟและประกอบด้วยกลุ่มวัดย่อย 240 แห่ง แต่ในปัจจุบันบางส่วนอยู่ในสภาพซากปรักหักพัง • การล่มสลายหลังจากศตวรรษที่ 10 วัดนี้ถูกทิ้งร้างและเริ่มเสื่อมสภาพเนื่องจากภัยธรรมชาติ เช่น แผ่นดินไหว และการปกคลุมของพืชพรรณ • การบูรณะเริ่มต้นในศตวรรษที่ 20 โดยเฉพาะในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 โดยเน้นการอนุรักษ์ตามหลักฐานโบราณที่มีอยู่ความน่าสนใจ • วัดปรัมบานันมีลวดลายแกะสลักหินที่วิจิตรงดงาม บอกเล่าเรื่องราวมหากาพย์รามเกียรติ์ (Ramayana) • วัดหลักสามแห่งคือ วัดศิวะ (Shiva Temple), วัดวิษณุ (Vishnu Temple), และ วัดพรหม (Brahma Temple)วัดปรัมบานันยังถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่สำคัญในอินโดนีเซีย นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมและชมการแสดงรามายณะบัลเลต์ (Ramayana Ballet) ที่จัดขึ้นในยามค่ำคืนท่ามกลางแสงไฟที่วัดอีกด้วย
    0 Comments 0 Shares 351 Views 0 Reviews
  • ทำงานด้วย เที่ยวไปด้วย Prambanan Temple, Jogjakartahttps://maps.app.goo.gl/fmMafK8eDM6yStvE6?g_st=com.google.maps.preview.copyปรัมบานัน (Prambanan Temple) เป็นหนึ่งในวัดฮินดูที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดในอินโดนีเซีย ตั้งอยู่ในจังหวัดยอกยาการ์ตา (Yogyakarta) บนเกาะชวา วัดนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี พ.ศ. 2534ประวัติย่อ • สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 9วัดปรัมบานันถูกสร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 9 ภายใต้การปกครองของราชวงศ์มาตาราม (Mataram Kingdom) เพื่ออุทิศให้กับตรีมูรติในศาสนาฮินดู ได้แก่ พระพรหม (ผู้สร้าง) พระวิษณุ (ผู้รักษา) และพระศิวะ (ผู้ทำลาย) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระศิวะ ซึ่งถือเป็นเทพเจ้าสูงสุดของวัดแห่งนี้ • รูปแบบสถาปัตยกรรมวัดหลักของปรัมบานันมีลักษณะเด่นด้วยยอดแหลมสูง ตัววัดสร้างด้วยหินภูเขาไฟและประกอบด้วยกลุ่มวัดย่อย 240 แห่ง แต่ในปัจจุบันบางส่วนอยู่ในสภาพซากปรักหักพัง • การล่มสลายหลังจากศตวรรษที่ 10 วัดนี้ถูกทิ้งร้างและเริ่มเสื่อมสภาพเนื่องจากภัยธรรมชาติ เช่น แผ่นดินไหว และการปกคลุมของพืชพรรณ • การบูรณะเริ่มต้นในศตวรรษที่ 20 โดยเฉพาะในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 โดยเน้นการอนุรักษ์ตามหลักฐานโบราณที่มีอยู่ความน่าสนใจ • วัดปรัมบานันมีลวดลายแกะสลักหินที่วิจิตรงดงาม บอกเล่าเรื่องราวมหากาพย์รามเกียรติ์ (Ramayana) • วัดหลักสามแห่งคือ วัดศิวะ (Shiva Temple), วัดวิษณุ (Vishnu Temple), และ วัดพรหม (Brahma Temple)วัดปรัมบานันยังถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่สำคัญในอินโดนีเซีย นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมและชมการแสดงรามายณะบัลเลต์ (Ramayana Ballet) ที่จัดขึ้นในยามค่ำคืนท่ามกลางแสงไฟที่วัดอีกด้วย
    ทำงานด้วย เที่ยวไปด้วย Prambanan Temple, Jogjakartahttps://maps.app.goo.gl/fmMafK8eDM6yStvE6?g_st=com.google.maps.preview.copyปรัมบานัน (Prambanan Temple) เป็นหนึ่งในวัดฮินดูที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดในอินโดนีเซีย ตั้งอยู่ในจังหวัดยอกยาการ์ตา (Yogyakarta) บนเกาะชวา วัดนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี พ.ศ. 2534ประวัติย่อ • สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 9วัดปรัมบานันถูกสร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 9 ภายใต้การปกครองของราชวงศ์มาตาราม (Mataram Kingdom) เพื่ออุทิศให้กับตรีมูรติในศาสนาฮินดู ได้แก่ พระพรหม (ผู้สร้าง) พระวิษณุ (ผู้รักษา) และพระศิวะ (ผู้ทำลาย) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระศิวะ ซึ่งถือเป็นเทพเจ้าสูงสุดของวัดแห่งนี้ • รูปแบบสถาปัตยกรรมวัดหลักของปรัมบานันมีลักษณะเด่นด้วยยอดแหลมสูง ตัววัดสร้างด้วยหินภูเขาไฟและประกอบด้วยกลุ่มวัดย่อย 240 แห่ง แต่ในปัจจุบันบางส่วนอยู่ในสภาพซากปรักหักพัง • การล่มสลายหลังจากศตวรรษที่ 10 วัดนี้ถูกทิ้งร้างและเริ่มเสื่อมสภาพเนื่องจากภัยธรรมชาติ เช่น แผ่นดินไหว และการปกคลุมของพืชพรรณ • การบูรณะเริ่มต้นในศตวรรษที่ 20 โดยเฉพาะในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 โดยเน้นการอนุรักษ์ตามหลักฐานโบราณที่มีอยู่ความน่าสนใจ • วัดปรัมบานันมีลวดลายแกะสลักหินที่วิจิตรงดงาม บอกเล่าเรื่องราวมหากาพย์รามเกียรติ์ (Ramayana) • วัดหลักสามแห่งคือ วัดศิวะ (Shiva Temple), วัดวิษณุ (Vishnu Temple), และ วัดพรหม (Brahma Temple)วัดปรัมบานันยังถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่สำคัญในอินโดนีเซีย นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมและชมการแสดงรามายณะบัลเลต์ (Ramayana Ballet) ที่จัดขึ้นในยามค่ำคืนท่ามกลางแสงไฟที่วัดอีกด้วย
    0 Comments 0 Shares 345 Views 0 Reviews
  • น.สพ.ดร.ทวีโภค อังควานิช หัวหน้าฝ่ายอนุรักษ์ช้าง ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย สถาบันคชบาลแห่งชาติ จ.ลำปาง เปิดเผยว่า หลังจากที่ ช้างพลายศักดิ์สุรินทร์ได้เดินทางจากประเทศศรีลังกา มาถึงประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 2 กรกฎาคม 2566 และครบกำหนดกักตัว เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2566 และย้ายเข้ามาตรวจรักษาอาการป่วย บาดเจ็บ ที่โรงพยาบาลช้างศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย สถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ฯ จังหวัดลำปาง จนถึงปัจจุบันครบรอบ 1 ปี 4 เดือนแล้ว อาการป่วยของช้างยังมีอาการขาหน้าด้านซ้าย มีอาการเหยียดตึงอย่างเห็นได้ชัด

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/travel/detail/9670000111719

    #MGROnline #ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย #สถาบันคชบาลแห่งชาติ #ลำปาง #ช้าง #พลายศักดิ์สุรินทร์
    น.สพ.ดร.ทวีโภค อังควานิช หัวหน้าฝ่ายอนุรักษ์ช้าง ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย สถาบันคชบาลแห่งชาติ จ.ลำปาง เปิดเผยว่า หลังจากที่ ช้างพลายศักดิ์สุรินทร์ได้เดินทางจากประเทศศรีลังกา มาถึงประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 2 กรกฎาคม 2566 และครบกำหนดกักตัว เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2566 และย้ายเข้ามาตรวจรักษาอาการป่วย บาดเจ็บ ที่โรงพยาบาลช้างศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย สถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ฯ จังหวัดลำปาง จนถึงปัจจุบันครบรอบ 1 ปี 4 เดือนแล้ว อาการป่วยของช้างยังมีอาการขาหน้าด้านซ้าย มีอาการเหยียดตึงอย่างเห็นได้ชัด • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/travel/detail/9670000111719 • #MGROnline #ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย #สถาบันคชบาลแห่งชาติ #ลำปาง #ช้าง #พลายศักดิ์สุรินทร์
    0 Comments 0 Shares 243 Views 0 Reviews
  • เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา
    กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ได้มอบหมายให้ #สภาวัฒนธรรมเขตคลองสาน จัดงานลอยกระทง ประจำปี 2567
    ในชื่องานว่า "ลอยกระทงคลองสาน สำราญใจ"

    โดยมีแนวคิด สืบสานความเป็นไทย ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
    ซึ่งเริ่มจัดงานในพื้นที่สวนสารพัด ถนนเชียงใหม่ เขตคลองสาน ครั้งนี้เป็นครั้งแรก เพื่อให้สมาชิกในชุมชนเขตคลองสานได้มีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมร่วมกัน สร้างสัมพันธ์ และเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ในการอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่นให้คงอยู่สืบไป

    ซึ่งงาน "ลอยกระทงคลองสาน สำราญใจ" ในปีนี้ ได้รับความอนุเคราะห์จากหลายหน่วยงานที่ได้ร่วมกันสนับสนุนให้เกิดงานในครั้งนี้ขึ้น ได้แก่
    สำนักงานเขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร ที่ได้นำเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆมาร่วมจัดงาน และดูแลความเรียบร้อยตลอดการจัดงาน
    ร่วมกับ สำนักงานวัดทองธรรมชาติ วรวิหาร ที่อนุเคราะห์พื้นที่บริเวณทางเดินท่าเรือให้เราได้ร่วมกันลอยกระทง
    โรงเรียนวัดทองธรรมชาติ ได้นำนักเรียนตัวน้อยๆ มาร่วมกิจกรรม
    วิทยาลัยสารพัดช่างธนบุรี นำบุคคลากรมาร่วมจัดกิจรรมสาธิตงานฝีมือ และให้คำแนะนำสำหรับผู้ที่สนใจเรียนฝึกอาชีพระยะสั้น เพื่อที่จะนำวิชาความรู้ไปประกอบอาชีพเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้
    โรงเรียนมัธยมวัดสุทธาราม ก็ได้มาร่วมอนุรักษ์วัฒนธรรม สร้างความคึกครื้นแบบไทยผ่านการแสดงพื้นบ้าน และการแสดงนาฏรศิลป์ โดยเด็กๆนักเรียน ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ที่จะสืบสานและต่อยอดศิลปะการแสดงพื้นบ้านไทยให้คงอยู่ต่อไป

    และที่สำคัญ คือทุกท่านที่มาร่วมงานในครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็น #คนคลองสาน #คนพื้นที่บ้านใกล้เรือนเคียง หรือ #คนต่างถิ่นต่างแดน ที่มาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ ทุกคนก็มีส่วนร่วมในการส่งเสริมให้ประเพณีลอยกระทงอันดีงาม ให้คงอยู่ คู่กับเมืองไทยของเราต่อไป

    ซึ่งทาง #สภาวัฒนธรรมเขตคลองสาน โดย #กรมส่งเสริมวัฒนธรรม #กระทรวงวัฒนธรรม มีเป้าหมายในการส่งเสริมและสนับสนุน กิจกรรมทางวัฒนธรรม และองค์ความรู้พื้นบ้านที่สืบต่อกันมาของชาวคลองสาน ให้คงอยู่ และเผยแพร่วัฒนธรรมที่ดีงามในแบบชาวคลองสาน ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น
    #ลอยกระทง #คลองสาน #สยามโสภา
    เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ได้มอบหมายให้ #สภาวัฒนธรรมเขตคลองสาน จัดงานลอยกระทง ประจำปี 2567 ในชื่องานว่า "ลอยกระทงคลองสาน สำราญใจ" โดยมีแนวคิด สืบสานความเป็นไทย ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ซึ่งเริ่มจัดงานในพื้นที่สวนสารพัด ถนนเชียงใหม่ เขตคลองสาน ครั้งนี้เป็นครั้งแรก เพื่อให้สมาชิกในชุมชนเขตคลองสานได้มีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมร่วมกัน สร้างสัมพันธ์ และเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ในการอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่นให้คงอยู่สืบไป ซึ่งงาน "ลอยกระทงคลองสาน สำราญใจ" ในปีนี้ ได้รับความอนุเคราะห์จากหลายหน่วยงานที่ได้ร่วมกันสนับสนุนให้เกิดงานในครั้งนี้ขึ้น ได้แก่ สำนักงานเขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร ที่ได้นำเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆมาร่วมจัดงาน และดูแลความเรียบร้อยตลอดการจัดงาน ร่วมกับ สำนักงานวัดทองธรรมชาติ วรวิหาร ที่อนุเคราะห์พื้นที่บริเวณทางเดินท่าเรือให้เราได้ร่วมกันลอยกระทง โรงเรียนวัดทองธรรมชาติ ได้นำนักเรียนตัวน้อยๆ มาร่วมกิจกรรม วิทยาลัยสารพัดช่างธนบุรี นำบุคคลากรมาร่วมจัดกิจรรมสาธิตงานฝีมือ และให้คำแนะนำสำหรับผู้ที่สนใจเรียนฝึกอาชีพระยะสั้น เพื่อที่จะนำวิชาความรู้ไปประกอบอาชีพเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ โรงเรียนมัธยมวัดสุทธาราม ก็ได้มาร่วมอนุรักษ์วัฒนธรรม สร้างความคึกครื้นแบบไทยผ่านการแสดงพื้นบ้าน และการแสดงนาฏรศิลป์ โดยเด็กๆนักเรียน ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ที่จะสืบสานและต่อยอดศิลปะการแสดงพื้นบ้านไทยให้คงอยู่ต่อไป และที่สำคัญ คือทุกท่านที่มาร่วมงานในครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็น #คนคลองสาน #คนพื้นที่บ้านใกล้เรือนเคียง หรือ #คนต่างถิ่นต่างแดน ที่มาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ ทุกคนก็มีส่วนร่วมในการส่งเสริมให้ประเพณีลอยกระทงอันดีงาม ให้คงอยู่ คู่กับเมืองไทยของเราต่อไป ซึ่งทาง #สภาวัฒนธรรมเขตคลองสาน โดย #กรมส่งเสริมวัฒนธรรม #กระทรวงวัฒนธรรม มีเป้าหมายในการส่งเสริมและสนับสนุน กิจกรรมทางวัฒนธรรม และองค์ความรู้พื้นบ้านที่สืบต่อกันมาของชาวคลองสาน ให้คงอยู่ และเผยแพร่วัฒนธรรมที่ดีงามในแบบชาวคลองสาน ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น #ลอยกระทง #คลองสาน #สยามโสภา
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 810 Views 8 0 Reviews
  • กิจกรรม "ลอยกระทง คลองสาน สำราญใจ"
    ในแนวคิด สืบสานความเป็นไทย ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
    โดย กรมส่งเสริมวัฒนธรรม สนุบสนุนให้ทาง #สภาวัฒนธรรมเขตคลองสาน จัดงานขึ้น เพื่อให้ชุมชนและหน่วยงานในพื้นที่มีส่วนร่วม ในการอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีไทย และส่งเสริมให้เยาวชนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้และเข้าใจถึงความสำคัญของประเพณีลอยกระทง อีกทั้งเสริมสร้างให้สมาชิกในชุมชนเขตคลองสานได้มีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมร่วมกัน สร้างสัมพันธ์ และเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ในการอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่นให้คงอยู่สืบไป
    ซึ่งงาน "ลอยกระทง คลองสาน สำราญใจ" ในปีนี้ ได้รับความอนุเคราะห์จากหลายหน่วยงานที่ได้ร่วมกับสนับสนุนให้เกิดงานในครั้งนี้ขึ้น ตั้งแต่
    กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ที่ได้มอบหมายให้ทางสภาวัฒนธรรมเขตคลองสาน ประสานการจัดงานร่วมกับ
    #สำนักงานเขตคลองสาน ร่วมกับ #วัดทองธรรมชาติวรวิหาร ที่อนุเคราะห์พื้นที่บริเวณทางเดินท่าเรือให้เราได้ร่วมกันลอยกระทง
    ทาง โรงเรียนมัธยมวัดสุทธาราม ก็ได้มาร่วมอนุรักษ์วัฒนธรรม สร้างความคึกครื้นแบบไทยผ่านการแสดงพื้นบ้าน และการแสดงนาฎรศิลป์ โดยเด็กๆนักเรียน ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ที่จะสืบสานและต่อยอดศิลปะการแสดงพื้นบ้านไทยให้คงอยู่ต่อไป ก็ขอทุกท่านเป็นแรงใจและสนับสนุนให้ลูกหลานชาวมัธยมวัดสุทธาราม ได้มีพื้นที่การแสดงความสามารถแบบนี้กันอยู่เรื่อยๆ
    แล้วยังมี วิทยาลัยสารพัดช่างธนบุรี ที่มาร่วมจัดกิจรรมสาธิตงานฝีมือ ร่วมกับพี่ๆชาวชุมชนในเขตคลองสาน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งช่องทางสำหรับผู้ที่สนใจเรียนฝึกอาชีพระยะสั้น เพื่อที่จะนำวิชาความรู้ไปประกอบอาชีพเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ ซึ่งช่วงนี้ก็ได้เปิดรับสมัครหลากหลายวิชา สามารถไปติดต่อเรียนฝึกอาชีพเพิ่มเติมกันได้
    #สยามโสภา #ลอยกระทง #Thaitimes
    กิจกรรม "ลอยกระทง คลองสาน สำราญใจ" ในแนวคิด สืบสานความเป็นไทย ใส่ใจสิ่งแวดล้อม โดย กรมส่งเสริมวัฒนธรรม สนุบสนุนให้ทาง #สภาวัฒนธรรมเขตคลองสาน จัดงานขึ้น เพื่อให้ชุมชนและหน่วยงานในพื้นที่มีส่วนร่วม ในการอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีไทย และส่งเสริมให้เยาวชนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้และเข้าใจถึงความสำคัญของประเพณีลอยกระทง อีกทั้งเสริมสร้างให้สมาชิกในชุมชนเขตคลองสานได้มีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมร่วมกัน สร้างสัมพันธ์ และเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ในการอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่นให้คงอยู่สืบไป ซึ่งงาน "ลอยกระทง คลองสาน สำราญใจ" ในปีนี้ ได้รับความอนุเคราะห์จากหลายหน่วยงานที่ได้ร่วมกับสนับสนุนให้เกิดงานในครั้งนี้ขึ้น ตั้งแต่ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ที่ได้มอบหมายให้ทางสภาวัฒนธรรมเขตคลองสาน ประสานการจัดงานร่วมกับ #สำนักงานเขตคลองสาน ร่วมกับ #วัดทองธรรมชาติวรวิหาร ที่อนุเคราะห์พื้นที่บริเวณทางเดินท่าเรือให้เราได้ร่วมกันลอยกระทง ทาง โรงเรียนมัธยมวัดสุทธาราม ก็ได้มาร่วมอนุรักษ์วัฒนธรรม สร้างความคึกครื้นแบบไทยผ่านการแสดงพื้นบ้าน และการแสดงนาฎรศิลป์ โดยเด็กๆนักเรียน ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ที่จะสืบสานและต่อยอดศิลปะการแสดงพื้นบ้านไทยให้คงอยู่ต่อไป ก็ขอทุกท่านเป็นแรงใจและสนับสนุนให้ลูกหลานชาวมัธยมวัดสุทธาราม ได้มีพื้นที่การแสดงความสามารถแบบนี้กันอยู่เรื่อยๆ แล้วยังมี วิทยาลัยสารพัดช่างธนบุรี ที่มาร่วมจัดกิจรรมสาธิตงานฝีมือ ร่วมกับพี่ๆชาวชุมชนในเขตคลองสาน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งช่องทางสำหรับผู้ที่สนใจเรียนฝึกอาชีพระยะสั้น เพื่อที่จะนำวิชาความรู้ไปประกอบอาชีพเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ ซึ่งช่วงนี้ก็ได้เปิดรับสมัครหลากหลายวิชา สามารถไปติดต่อเรียนฝึกอาชีพเพิ่มเติมกันได้ #สยามโสภา #ลอยกระทง #Thaitimes
    0 Comments 0 Shares 378 Views 0 Reviews
  • #วันลอยกระทง #thaitimes #บทความ #ข้อคิด เนื่องในโอกาสพรุ่งนี้จะเป็นวันทิ้งขยะลงน้ำแห่งชาติ.......ตั้งจิตตั้งใจให้แน่วแน่เถิดครับ ว่าจะไม่เห็นแก่ตัวมักง่ายโยนขยะในมือลงตามลำน้ำสาธารณะ ถ้าอยากทิ้งให้เก็บกลับไปทิ้งที่บ้านตัวเอง ถือเป็นส่วนหนึ่งในการแสดงความสำนึกรู้คุณที่ทำได้ทุกวัน ไม่จำเป็นต้องไปลอยกระทงให้รกลำน้ำ เป็นภาระแก่พนักงาน ที่ต้องมาตามเก็บให้เราในภายหลัง รวมถึงสร้างมลพิษต่อธรรมชาติ ต้องมาย่อยสลายสิ่งที่พวกเราก่อไว้ แม้จะขนมปังแต่เมื่อมีจำนวนมหาศาล ปลาก็กินไม่ทัน สุดท้ายจมน้ำไปก็เน่าเสียเกิดเป็นก๊าซพิษใต้น้ำ ทำให้ออกซิเจนลดต่ำ สัตว์น้ำจำนวนมากตกตายอีกกลายเป็นการซ้ำเติมต่อแม่คงคาไม่ใช่ขอขมา ถ้าอดไม่ได้อยากลอยมากจริงๆ ขอแนะนำว่าให้รับผิดชอบสิ่งที่ตนได้ลอยไปด้วยการตามเก็บกลับมาทิ้งในที่อันควรให้เรียบร้อยด้วย แล้ววิธีนี้จะมีสักกี่คนกันที่มีความใส่ใจเช่นนั้น แทบทุกคนพอลอยเสร็จ ก็สะบัดก้นหันไปทำกิจกรรมอื่นกันต่อวันพระทั้งที ควรเป็นวันที่ได้ปล่อยความไม่ดีในตนให้ลอยหายไป ไม่หวงแหนหน่วงเหนี่ยวเกี่ยวพันไว้อีก ลอยอย่างนี้น่าจะดีกว่า ทั้งดีต่อตน ดีต่อสิ่งมีชีวิตทุกชนิด ดีต่อใจ ดีต่อโลก เพราะเราจะกลายเป็นผู้ที่เบียดเบียนชีวิตน้อยลง แต่ถ้าอดไม่ไหวจริงๆ หากไม่ได้ลอยกระทงแล้วอาจจะลงแดงตาย งั้นขอเสนอความเห็นเผื่อไว้ให้ลองพิจารณาดังนี้ถ้าเทศกาลลอยกระทงสำหรับคุณคือ1. เพื่อได้ขอขมาต่อแม่คงคาปีละครั้งลองไม่ต้องลอย แต่ทุกครั้งที่ใช้น้ำ ขอให้ใช้อย่างมีสติ คุ้มค่าที่สุด และไม่ทิ้งอะไรลงน้ำในทุกๆวัน ถือเป็นการกตัญญูรู้คุณ น่าจะตอบโจทย์ได้ดีกว่าไหม2. การได้สนุกสนานเฮฮา ชมบรรยากาศกับเพื่อน คนรัก หรือครอบครัวปีละครั้งลองเปลี่ยนจากชวนกันไปเที่ยวชมบรรยากาศ แสง สี เสียง ลอยกระทง จุดพลุ ฯลฯ มาเป็นชวนกันไปช่วยช้อนกระทงที่ลอยมาติดตามขอบริมตลิ่งขึ้นจากลำน้ำ จะได้ประโยชน์ 2 ต่อ คือได้บรรยากาศตามที่หวัง และได้เก็บขยะขึ้นจากน้ำด้วยน่าสนกว่าไหม3. การได้ขายกระทง ขายของกิน ของเล่น พลุประทัด และอื่นๆที่เกี่ยวข้องให้คนที่มาเที่ยว เพื่อหารายได้ให้ตัวเองลองเปลี่ยนมาเป็นขายสวิงให้คนที่เขาอยากช่วยตักขยะขึ้นจากน้ำแต่ไม่มีอุปกรณ์สิ แล้วก็เขียนป้ายตัวโตๆหน่อย เช่น "สวิงกู้โลก" อุปกรณ์สำหรับยอดมนุษย์ ผู้ที่มีความปรารถนาเสียสละตน เพื่อความสุขมวลรวมประชาชาติ ออกแบบให้แจ๋วไปเลย ราคาไม่แพง แต่ใช้งานง่าย สะดวก เบามือ และแข็งแรง เทรนด์ใหม่ที่มุมมองพลิกด้าน คนอื่นเขาขายสวิงเป็นเครื่องมือทำบาป เราเปลี่ยนให้มาเป็นเครื่องมือในการทำกุศลแทน น่าสนใจกว่าไหม4. เพื่อหวังรายได้จากการท่องเที่ยวเข้าสู่ชุมชน ทำผลงานเชิดหน้าชูตาอวดนาย หรือชนชั้นผู้มีอำนาจลองเปลี่ยนใหม่นิดเดียว แทนที่จะรณรงค์ประชาสัมพันธ์คนมาเที่ยวงานลอยกระทง ประกวดนางนพมาศ ก็ให้เป็นเที่ยวงานอนุรักษ์น่านน้ำ คืนความงดงามสู่ธรรมชาติ ประกวดความคิดในการประดิษฐ์เครื่องมือ อุปกรณ์ในการเก็บขยะตามแหล่งน้ำ ประกวดออกแบบผลิตภัณฑ์ ให้รางวัลเชิดชูพนักงานทำความสะอาดที่เขาต้องเหนื่อยหนัก ล่องเรือไปตามเก็บกวาดขยะในน้ำที่คุณๆสร้างไว้จะดีกว่าไหมแค่ช่วยคิดให้ ถ้าไม่สนใจ ไม่เห็นด้วย และไม่อยากทำก็ไม่ว่ากัน
    #วันลอยกระทง #thaitimes #บทความ #ข้อคิด เนื่องในโอกาสพรุ่งนี้จะเป็นวันทิ้งขยะลงน้ำแห่งชาติ.......ตั้งจิตตั้งใจให้แน่วแน่เถิดครับ ว่าจะไม่เห็นแก่ตัวมักง่ายโยนขยะในมือลงตามลำน้ำสาธารณะ ถ้าอยากทิ้งให้เก็บกลับไปทิ้งที่บ้านตัวเอง ถือเป็นส่วนหนึ่งในการแสดงความสำนึกรู้คุณที่ทำได้ทุกวัน ไม่จำเป็นต้องไปลอยกระทงให้รกลำน้ำ เป็นภาระแก่พนักงาน ที่ต้องมาตามเก็บให้เราในภายหลัง รวมถึงสร้างมลพิษต่อธรรมชาติ ต้องมาย่อยสลายสิ่งที่พวกเราก่อไว้ แม้จะขนมปังแต่เมื่อมีจำนวนมหาศาล ปลาก็กินไม่ทัน สุดท้ายจมน้ำไปก็เน่าเสียเกิดเป็นก๊าซพิษใต้น้ำ ทำให้ออกซิเจนลดต่ำ สัตว์น้ำจำนวนมากตกตายอีกกลายเป็นการซ้ำเติมต่อแม่คงคาไม่ใช่ขอขมา ถ้าอดไม่ได้อยากลอยมากจริงๆ ขอแนะนำว่าให้รับผิดชอบสิ่งที่ตนได้ลอยไปด้วยการตามเก็บกลับมาทิ้งในที่อันควรให้เรียบร้อยด้วย แล้ววิธีนี้จะมีสักกี่คนกันที่มีความใส่ใจเช่นนั้น แทบทุกคนพอลอยเสร็จ ก็สะบัดก้นหันไปทำกิจกรรมอื่นกันต่อวันพระทั้งที ควรเป็นวันที่ได้ปล่อยความไม่ดีในตนให้ลอยหายไป ไม่หวงแหนหน่วงเหนี่ยวเกี่ยวพันไว้อีก ลอยอย่างนี้น่าจะดีกว่า ทั้งดีต่อตน ดีต่อสิ่งมีชีวิตทุกชนิด ดีต่อใจ ดีต่อโลก เพราะเราจะกลายเป็นผู้ที่เบียดเบียนชีวิตน้อยลง แต่ถ้าอดไม่ไหวจริงๆ หากไม่ได้ลอยกระทงแล้วอาจจะลงแดงตาย งั้นขอเสนอความเห็นเผื่อไว้ให้ลองพิจารณาดังนี้ถ้าเทศกาลลอยกระทงสำหรับคุณคือ1. เพื่อได้ขอขมาต่อแม่คงคาปีละครั้งลองไม่ต้องลอย แต่ทุกครั้งที่ใช้น้ำ ขอให้ใช้อย่างมีสติ คุ้มค่าที่สุด และไม่ทิ้งอะไรลงน้ำในทุกๆวัน ถือเป็นการกตัญญูรู้คุณ น่าจะตอบโจทย์ได้ดีกว่าไหม2. การได้สนุกสนานเฮฮา ชมบรรยากาศกับเพื่อน คนรัก หรือครอบครัวปีละครั้งลองเปลี่ยนจากชวนกันไปเที่ยวชมบรรยากาศ แสง สี เสียง ลอยกระทง จุดพลุ ฯลฯ มาเป็นชวนกันไปช่วยช้อนกระทงที่ลอยมาติดตามขอบริมตลิ่งขึ้นจากลำน้ำ จะได้ประโยชน์ 2 ต่อ คือได้บรรยากาศตามที่หวัง และได้เก็บขยะขึ้นจากน้ำด้วยน่าสนกว่าไหม3. การได้ขายกระทง ขายของกิน ของเล่น พลุประทัด และอื่นๆที่เกี่ยวข้องให้คนที่มาเที่ยว เพื่อหารายได้ให้ตัวเองลองเปลี่ยนมาเป็นขายสวิงให้คนที่เขาอยากช่วยตักขยะขึ้นจากน้ำแต่ไม่มีอุปกรณ์สิ แล้วก็เขียนป้ายตัวโตๆหน่อย เช่น "สวิงกู้โลก" อุปกรณ์สำหรับยอดมนุษย์ ผู้ที่มีความปรารถนาเสียสละตน เพื่อความสุขมวลรวมประชาชาติ ออกแบบให้แจ๋วไปเลย ราคาไม่แพง แต่ใช้งานง่าย สะดวก เบามือ และแข็งแรง เทรนด์ใหม่ที่มุมมองพลิกด้าน คนอื่นเขาขายสวิงเป็นเครื่องมือทำบาป เราเปลี่ยนให้มาเป็นเครื่องมือในการทำกุศลแทน น่าสนใจกว่าไหม4. เพื่อหวังรายได้จากการท่องเที่ยวเข้าสู่ชุมชน ทำผลงานเชิดหน้าชูตาอวดนาย หรือชนชั้นผู้มีอำนาจลองเปลี่ยนใหม่นิดเดียว แทนที่จะรณรงค์ประชาสัมพันธ์คนมาเที่ยวงานลอยกระทง ประกวดนางนพมาศ ก็ให้เป็นเที่ยวงานอนุรักษ์น่านน้ำ คืนความงดงามสู่ธรรมชาติ ประกวดความคิดในการประดิษฐ์เครื่องมือ อุปกรณ์ในการเก็บขยะตามแหล่งน้ำ ประกวดออกแบบผลิตภัณฑ์ ให้รางวัลเชิดชูพนักงานทำความสะอาดที่เขาต้องเหนื่อยหนัก ล่องเรือไปตามเก็บกวาดขยะในน้ำที่คุณๆสร้างไว้จะดีกว่าไหมแค่ช่วยคิดให้ ถ้าไม่สนใจ ไม่เห็นด้วย และไม่อยากทำก็ไม่ว่ากัน
    0 Comments 0 Shares 488 Views 0 Reviews
  • ♣️ เมื่อนักการเมืองสายอนุรักษ์หัดสร้างวาทกรรม มันก็จะเลี่ยนๆ ไม่เนียน และย้อนแย้งกับผลการสอบของกรมที่ดิน ที่ปกป้องผู้บุกรุกเขากระโดง
    #7ดอกจิก
    ♣️ เมื่อนักการเมืองสายอนุรักษ์หัดสร้างวาทกรรม มันก็จะเลี่ยนๆ ไม่เนียน และย้อนแย้งกับผลการสอบของกรมที่ดิน ที่ปกป้องผู้บุกรุกเขากระโดง #7ดอกจิก
    Like
    Haha
    2
    0 Comments 0 Shares 310 Views 0 Reviews
  • โดนัลด์ ทรัมป์ ตกรางวัล อีลอน มัสก์ แต่งตั้งคุมกระทรวงใหม่ที่รับผิดชอบการปฏิรูปรัฐบาลให้มีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งเสนอชื่อ พีท เฮกเซธ ผู้ดำเนินรายการของทีวีฟ็อกซ์ นิวส์และอดีตทหารผ่านศึก เป็นรัฐมนตรีกลาโหม ดันแผนล้างบางนายพลสายก้าวหน้าและ “ผู้ทรยศ” ในเพนตากอน
    .
    มัสก์ และ วิเวก รามาสวามี อดีตผู้สมัครเพื่อเป็นตัวแทนรีพับลิกันลงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ภายหลังถอนตัวและหันมาสนับสนุนทรัมป์ จะร่วมกันคุมกระทรวงใหม่ที่มีชื่อว่ากระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาลแห่งนี้ โดยมุ่งตัดขั้นตอนระเบียบราชการตลอดจนกฎระเบียบที่ไม่จำเป็น ตลอดจนลดเลิกการใช้จ่ายที่สูญเปล่า และปรับโครงสร้างหน่วยงานของรัฐบาลกลาง
    .
    ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของอเมริกา ประกาศเมื่อวันอังคาร (12 พ.ย) ว่า หน่วยงานใหม่นี้จะทำให้ฝันของพรรครีพับลิกันเป็นจริง รวมทั้งจะเสนอคำแนะนำและแนวทางจากภายนอกรัฐบาล เป็นการส่งสัญญาณว่า บทบาทของมัสก์และรามาสวามีจะอยู่ในลักษณะไม่เป็นทางการ จึงไม่จำเป็นต้องได้รับอนุมัติจากวุฒิสภาเสียก่อน นอกจากนั้นมัสก์ยังสามารถเป็นซีอีโอเทสลา, เอ็กซ์ และสเปซเอ็กซ์ ต่อไปตามปกติ
    .
    กระทรวงใหม่นี้จะทำงานร่วมกับทำเนียบขาวและสำนักบริหารงบประมาณ เพื่อขับเคลื่อนการปรับโครงสร้างและสร้างแนวทางแบบผู้ประกอบการเพื่อทำให้เกิดรัฐบาลแบบที่ไม่เคยเห็นกันมาก่อน โดยที่ภารกิจนี้จะต้องลุล่วงภายในวันที่ 4 ก.ค. 2026 ซึ่งเป็นวันครบรอบ 250 ปีการลงนามคำประกาศอิสรภาพของอเมริกา
    .
    คาดกันว่า ความเคลื่อนไหวนี้จะส่งให้ธุรกิจของมัสก์ที่นิตยสารฟอร์บส์ยกให้เป็นบุคคลที่รวยที่สุดในโลกและได้ประโยชน์อย่างชัดเจนจากชัยชนะในการเลือกตั้งของทรัมป์ ได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นพิเศษจากรัฐบาล รวมทั้งจะมีมูลค่าตลาดเพิ่มขึ้น รวมทั้งส่งผลดีต่อพวกธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) และคริปโต
    .
    ในการรณรงค์หาเสียงเป็นประธานาธิบดีของทรัมป์รอบนี้ มีรายงานว่ามัสก์ทุ่มเงินสนับสนุนรวมแล้วเกินหลัก 100 ล้านดอลลาร์ นอกจากนั้นเขายังตระเวนช่วยทรัมป์ปราศรัยหาเสียงอีกด้วย
    .
    สำหรับภารกิจใหม่ที่ทรัมป์อวดอ้างว่า จะมีประสิทธิภาพเทียบเท่า “แมนฮัตตันโปรเจ็กต์” ซึ่งก็คือโครงการพัฒนาระเบิดปรมาณูเมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้น มัสก์สัญญาจะดำเนินการด้วยความโปร่งใสที่สุด โดยจะรายงานการดำเนินการทั้งหมดทางออนไลน์ พร้อมเชิญชวนประชาชนร่วมให้ข้อเสนอแนะบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์
    .
    ระหว่างปราศรัยช่วยทรัมป์หาเสียงที่ เมดิสันสแควร์การ์เด้น นครนิวยอร์ก เมื่อเดือนที่แล้ว มัสก์ระบุว่า งบประมาณของรัฐบาลกลางควรต้องลดลงอย่างน้อย 2 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่สำนักงบประมาณรัฐสภาประเมินว่า เฉพาะปีงบประมาณปัจจุบันรัฐบาลมีค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ซึ่งรวมถึงการใช้จ่ายทางทหาร รวม 1.9 ล้านล้านดอลลาร์จากค่าใช้จ่ายทั้งหมดของรัฐบาลกลาง 6.75 ล้านล้านดอลลาร์
    .
    นอกจากนั้นชื่อย่อของกระทรวงใหม่คือ DOGE ยังพาดพิงถึงชื่อโดชคอยน์ ซึ่งเป็นคริปโตที่มัสก์สนับสนุน และราคาของมันก็ทะยานขึ้นเกินเท่าตัวนับจากวันเลือกตั้งตามกระแสการคาดหวังในตลาดคริปโตว่า คณะบริหารของทรัมป์จะผ่อนคลายกฎระเบียบในอุตสาหกรรมนี้
    .
    สำหรับรามาสวามี เป็นผู้ก่อตั้งบริษัทยา และปี 2021 เคยออกหนังสือ “โวค อิงก์” ติเตียนการตัดสินใจของบริษัทใหญ่บางแห่งที่กำหนดกลยุทธ์ธุรกิจโดยอิงกับข้อกังวลเกี่ยวกับความยุติธรรมทางสังคมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
    .
    นอกจากมัสก์และรามาสวามีแล้ว เมื่อคืนวันอังคารทรัมป์ยังเสนอชื่อ พีท เฮกเซธ ผู้ดำเนินรายการของ ฟ็อกซ์ นิวส์ เครือข่ายทีวีอนุรักษ์นิยมสุดขั้ว เป็นรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม (เพนตากอน) , จอห์น แรตคลิฟฟ์ อดีตผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองแห่งชาติในรัฐบาลทรัมป์ 1.0 เป็นผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองกลาง (ซีไอเอ), คริสตี โนเอ็ม ผู้ว่าการรัฐเซาธ์ดาโกตา เป็นรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ, สตีเฟน มิลเลอร์ ผู้เขียนนโยบายผู้อพยพที่มุ่งแบนมุสลิมของทรัมป์ เป็นรองประธานเจ้าหน้าที่ทำงานทำเนียบขาว และไมค์ ฮักคาบี อดีตผู้ว่าการรัฐอาร์คันซอส์ เป็นเอกอัครราชทูตประจำอิสราเอล
    .
    อย่างไรก็ตาม เฮกเซธ ดูจะเป็นตัวเลือกที่เซอร์ไพรส์ที่สุดในบรรดาสมาชิกคณะบริหารที่ทรัมป์ประกาศออกมาจนถึงขณะนี้ รวมทั้งยังเรียกเสียงประณามจากฝ่ายตรงข้ามบางคน เช่น อดัม สมิธ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากเดโมแครต ที่วิจารณ์ว่า ตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมไม่ใช่งานสำหรับพวกมือใหม่
    .
    ทว่า ทรัมป์ยกย่องเฮกเซธ วัย 44 ปี อดีตทหารผ่านศึกสังกัดกองทหารรักษาดินแดน (เนชั่นแนลการ์ด) ที่เคยไปประจำการในอัฟกานิสถาน อิรัก และกวนตานาโม ว่า เป็นคนทรหด ฉลาด และเชื่อมั่นในนโยบายอเมริกาต้องมาก่อนอย่างแท้จริง และสำทับว่า เฮกเซธจะทำให้กองทัพอเมริกันกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง
    .
    คาดหมายกันว่า หากได้รับการรับรองจากวุฒิสมาชิก เฮกเซธจะเป็นอาวุธชั้นดีในการกำจัดบรรดานายพลที่ทรัมป์กล่าวหาว่า ปฏิบัติตามนโยบายเชิงก้าวหน้าด้านความหลากหลายในกองทัพ เป็นต้นว่า การยอมรับชาวเกย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกอนุรักษนิยมคัดค้าน รวมทั้งยังอาจปะทะกับพลอากาศเอกซี.คิว. บราวน์ ประธานคณะเสนาธิการร่วมของสหรัฐฯคนปัจจุบัน ที่เฮกเซธกล่าวหาว่า รับนโยบายมาจากนักการเมืองฝ่ายซ้าย
    .
    ทั้งนี้ ภายในเพนตากอนกำลังกังวลว่า ทรัมป์ต้องการขุดรากถอนโคนนายทหารและข้าราชการพลเรือนที่เขามองว่าทรยศต่อตัวเขา โดยเมื่อเดือนมิถุนายน เขาให้สัมภาษณ์ฟ็อกซ์นิวส์ว่า จะไล่นายพลที่ “ตื่นรู้” ซึ่งหมายถึงผู้ที่พุ่งความสนใจที่ความยุติธรรมด้านเชื้อชาติและสังคม ทว่า คำนี้ถูกพวกอนุรักษนิยมนำมาใช้เพื่อใส่ร้ายนโยบายเชิงก้าวหน้า
    .
    นอกจากนั้นเฮกเซธยังโจมตีชาติพันธมิตรในองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ว่าอ่อนแอ รวมทั้งชี้ว่า จีนกำลังจะครอบงำประเทศเพื่อนบ้านในเอเชีย
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000109487
    ..............
    Sondhi X
    โดนัลด์ ทรัมป์ ตกรางวัล อีลอน มัสก์ แต่งตั้งคุมกระทรวงใหม่ที่รับผิดชอบการปฏิรูปรัฐบาลให้มีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งเสนอชื่อ พีท เฮกเซธ ผู้ดำเนินรายการของทีวีฟ็อกซ์ นิวส์และอดีตทหารผ่านศึก เป็นรัฐมนตรีกลาโหม ดันแผนล้างบางนายพลสายก้าวหน้าและ “ผู้ทรยศ” ในเพนตากอน . มัสก์ และ วิเวก รามาสวามี อดีตผู้สมัครเพื่อเป็นตัวแทนรีพับลิกันลงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ภายหลังถอนตัวและหันมาสนับสนุนทรัมป์ จะร่วมกันคุมกระทรวงใหม่ที่มีชื่อว่ากระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาลแห่งนี้ โดยมุ่งตัดขั้นตอนระเบียบราชการตลอดจนกฎระเบียบที่ไม่จำเป็น ตลอดจนลดเลิกการใช้จ่ายที่สูญเปล่า และปรับโครงสร้างหน่วยงานของรัฐบาลกลาง . ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของอเมริกา ประกาศเมื่อวันอังคาร (12 พ.ย) ว่า หน่วยงานใหม่นี้จะทำให้ฝันของพรรครีพับลิกันเป็นจริง รวมทั้งจะเสนอคำแนะนำและแนวทางจากภายนอกรัฐบาล เป็นการส่งสัญญาณว่า บทบาทของมัสก์และรามาสวามีจะอยู่ในลักษณะไม่เป็นทางการ จึงไม่จำเป็นต้องได้รับอนุมัติจากวุฒิสภาเสียก่อน นอกจากนั้นมัสก์ยังสามารถเป็นซีอีโอเทสลา, เอ็กซ์ และสเปซเอ็กซ์ ต่อไปตามปกติ . กระทรวงใหม่นี้จะทำงานร่วมกับทำเนียบขาวและสำนักบริหารงบประมาณ เพื่อขับเคลื่อนการปรับโครงสร้างและสร้างแนวทางแบบผู้ประกอบการเพื่อทำให้เกิดรัฐบาลแบบที่ไม่เคยเห็นกันมาก่อน โดยที่ภารกิจนี้จะต้องลุล่วงภายในวันที่ 4 ก.ค. 2026 ซึ่งเป็นวันครบรอบ 250 ปีการลงนามคำประกาศอิสรภาพของอเมริกา . คาดกันว่า ความเคลื่อนไหวนี้จะส่งให้ธุรกิจของมัสก์ที่นิตยสารฟอร์บส์ยกให้เป็นบุคคลที่รวยที่สุดในโลกและได้ประโยชน์อย่างชัดเจนจากชัยชนะในการเลือกตั้งของทรัมป์ ได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นพิเศษจากรัฐบาล รวมทั้งจะมีมูลค่าตลาดเพิ่มขึ้น รวมทั้งส่งผลดีต่อพวกธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) และคริปโต . ในการรณรงค์หาเสียงเป็นประธานาธิบดีของทรัมป์รอบนี้ มีรายงานว่ามัสก์ทุ่มเงินสนับสนุนรวมแล้วเกินหลัก 100 ล้านดอลลาร์ นอกจากนั้นเขายังตระเวนช่วยทรัมป์ปราศรัยหาเสียงอีกด้วย . สำหรับภารกิจใหม่ที่ทรัมป์อวดอ้างว่า จะมีประสิทธิภาพเทียบเท่า “แมนฮัตตันโปรเจ็กต์” ซึ่งก็คือโครงการพัฒนาระเบิดปรมาณูเมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้น มัสก์สัญญาจะดำเนินการด้วยความโปร่งใสที่สุด โดยจะรายงานการดำเนินการทั้งหมดทางออนไลน์ พร้อมเชิญชวนประชาชนร่วมให้ข้อเสนอแนะบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ . ระหว่างปราศรัยช่วยทรัมป์หาเสียงที่ เมดิสันสแควร์การ์เด้น นครนิวยอร์ก เมื่อเดือนที่แล้ว มัสก์ระบุว่า งบประมาณของรัฐบาลกลางควรต้องลดลงอย่างน้อย 2 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่สำนักงบประมาณรัฐสภาประเมินว่า เฉพาะปีงบประมาณปัจจุบันรัฐบาลมีค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ซึ่งรวมถึงการใช้จ่ายทางทหาร รวม 1.9 ล้านล้านดอลลาร์จากค่าใช้จ่ายทั้งหมดของรัฐบาลกลาง 6.75 ล้านล้านดอลลาร์ . นอกจากนั้นชื่อย่อของกระทรวงใหม่คือ DOGE ยังพาดพิงถึงชื่อโดชคอยน์ ซึ่งเป็นคริปโตที่มัสก์สนับสนุน และราคาของมันก็ทะยานขึ้นเกินเท่าตัวนับจากวันเลือกตั้งตามกระแสการคาดหวังในตลาดคริปโตว่า คณะบริหารของทรัมป์จะผ่อนคลายกฎระเบียบในอุตสาหกรรมนี้ . สำหรับรามาสวามี เป็นผู้ก่อตั้งบริษัทยา และปี 2021 เคยออกหนังสือ “โวค อิงก์” ติเตียนการตัดสินใจของบริษัทใหญ่บางแห่งที่กำหนดกลยุทธ์ธุรกิจโดยอิงกับข้อกังวลเกี่ยวกับความยุติธรรมทางสังคมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ . นอกจากมัสก์และรามาสวามีแล้ว เมื่อคืนวันอังคารทรัมป์ยังเสนอชื่อ พีท เฮกเซธ ผู้ดำเนินรายการของ ฟ็อกซ์ นิวส์ เครือข่ายทีวีอนุรักษ์นิยมสุดขั้ว เป็นรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม (เพนตากอน) , จอห์น แรตคลิฟฟ์ อดีตผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองแห่งชาติในรัฐบาลทรัมป์ 1.0 เป็นผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองกลาง (ซีไอเอ), คริสตี โนเอ็ม ผู้ว่าการรัฐเซาธ์ดาโกตา เป็นรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ, สตีเฟน มิลเลอร์ ผู้เขียนนโยบายผู้อพยพที่มุ่งแบนมุสลิมของทรัมป์ เป็นรองประธานเจ้าหน้าที่ทำงานทำเนียบขาว และไมค์ ฮักคาบี อดีตผู้ว่าการรัฐอาร์คันซอส์ เป็นเอกอัครราชทูตประจำอิสราเอล . อย่างไรก็ตาม เฮกเซธ ดูจะเป็นตัวเลือกที่เซอร์ไพรส์ที่สุดในบรรดาสมาชิกคณะบริหารที่ทรัมป์ประกาศออกมาจนถึงขณะนี้ รวมทั้งยังเรียกเสียงประณามจากฝ่ายตรงข้ามบางคน เช่น อดัม สมิธ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากเดโมแครต ที่วิจารณ์ว่า ตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมไม่ใช่งานสำหรับพวกมือใหม่ . ทว่า ทรัมป์ยกย่องเฮกเซธ วัย 44 ปี อดีตทหารผ่านศึกสังกัดกองทหารรักษาดินแดน (เนชั่นแนลการ์ด) ที่เคยไปประจำการในอัฟกานิสถาน อิรัก และกวนตานาโม ว่า เป็นคนทรหด ฉลาด และเชื่อมั่นในนโยบายอเมริกาต้องมาก่อนอย่างแท้จริง และสำทับว่า เฮกเซธจะทำให้กองทัพอเมริกันกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง . คาดหมายกันว่า หากได้รับการรับรองจากวุฒิสมาชิก เฮกเซธจะเป็นอาวุธชั้นดีในการกำจัดบรรดานายพลที่ทรัมป์กล่าวหาว่า ปฏิบัติตามนโยบายเชิงก้าวหน้าด้านความหลากหลายในกองทัพ เป็นต้นว่า การยอมรับชาวเกย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกอนุรักษนิยมคัดค้าน รวมทั้งยังอาจปะทะกับพลอากาศเอกซี.คิว. บราวน์ ประธานคณะเสนาธิการร่วมของสหรัฐฯคนปัจจุบัน ที่เฮกเซธกล่าวหาว่า รับนโยบายมาจากนักการเมืองฝ่ายซ้าย . ทั้งนี้ ภายในเพนตากอนกำลังกังวลว่า ทรัมป์ต้องการขุดรากถอนโคนนายทหารและข้าราชการพลเรือนที่เขามองว่าทรยศต่อตัวเขา โดยเมื่อเดือนมิถุนายน เขาให้สัมภาษณ์ฟ็อกซ์นิวส์ว่า จะไล่นายพลที่ “ตื่นรู้” ซึ่งหมายถึงผู้ที่พุ่งความสนใจที่ความยุติธรรมด้านเชื้อชาติและสังคม ทว่า คำนี้ถูกพวกอนุรักษนิยมนำมาใช้เพื่อใส่ร้ายนโยบายเชิงก้าวหน้า . นอกจากนั้นเฮกเซธยังโจมตีชาติพันธมิตรในองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ว่าอ่อนแอ รวมทั้งชี้ว่า จีนกำลังจะครอบงำประเทศเพื่อนบ้านในเอเชีย . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000109487 .............. Sondhi X
    Like
    5
    0 Comments 0 Shares 1088 Views 0 Reviews
  • ## ผมลอกมาจาก ณัฐพล...!!! ##
    ..
    ..
    คลิปส่วนหนึ่งจาก งานเปิดตัวหนังสือ "ความจริงที่ไม่มีใครพูด กรณีสวรรคต ร.8"
    ..
    ..
    เมื่อ สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล สารภาพให้ อาจารย์ วิมลพรรณ ปิตธวัชชัย ผู้เขียนหนังสือ เอกกษัตริย์ใต้รัฐธรรมนูญ ฟังว่า...
    .
    สิ่งที่ได้กล่าวหาในหลวงรัชกาลที่ 9 ว่ามีส่วนรู้เห็นในเรื่องรัฐประหารปี 2500 ของจอมพล สฤษดิ์ นั่น...
    .
    .
    “ ผมลอกมาจาก ณัฐพล(ใจจริง)”
    .
    .
    นั่นหล่ะฮะท่านผู้ชม...!!!
    .
    "นักวิชาการล้มเจ้า" ฝั่งนั้น เขาก็ลอกกันไปลอกกันมา Fake News ว่อน โซเชีล ทุกวัน วันละหลายเวลา
    .
    พอมีคนมาจับโป๊ะได้ ก็โดนแหก กะลาระเบิด กันไปเป็นแถวๆ
    .
    แต่...คนที่เขารับข้อมูลผิดๆไป เขาเชื่อไปแล้ว เอาข้อมูลไปส่งต่อเรียบร้อยแล้ว...!!!
    .
    และ เขาไม่ได้มารับรู้ความจริงสุดท้ายด้วยว่า เวลาที่ "นักวิชาการล้มเจ้า" โดนตอกด้วยข้อมูล ข้อเท็จจริงอีกฝั่ง โดนแหกจนกะลาแตก หน้าบู้หมอไม่รับเย็บ เขามีสถาพน่าอนาถอย่างไร...
    ...
    ...
    นี่ล่าสุด ประเด็นที่ "ชาวอนุรักษ์นิยม" ลุกขึ้นมาตีกัน มีปากเสียงกันเอง ก็เนื่องมาจาก นักวิชาการสีส้มนอกประเทศ ณ กรุงโตเกียว ออกมาปล่อยข่าวว่า...
    .
    "......ไฟเขียวแล้ว ไม่งั้นจะกลับเข้ามาในประเทศได้ยังไง และ มีคนจาก....มาคอยดูแล...."
    .
    ผมว่า "ชาวอนุรักษ์นิยม" ควรใจร่มๆ นั่งนิ่งๆ คิดให้ดีซักนิดนึง...
    .
    นักวิชาการสีส้มนอกประเทศ ณ กรุงโตเกียว เป็นคนตั้งกลุ่ม royalist marketplace ด่าเจ้า ปล่อย Fake News โจมตีเจ้าตลอด แทบจะทุกลมหายใจ...
    .
    วันดีคืนดีก็ ไปพบปะพูดคุย ไปยืนกุมเป้า ไม่ด่าทอ อีกทั้งยังชื่นชมเชิดชู...
    .
    พฤติกรรม นี้ผิดปกติหรือไม่...???
    .
    เป็นไปได้มั้ย...???
    .
    ...ว่านี่เป็นแผนที่ โยนประเด็นออกมา เพื่อ แบ่งฝักแบ่งฝ่าย "ชาวอนุรักษ์นิยม" ออกจากกัน...
    .
    ในเมื่อ เกิดการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ในหมูชน แตกเป็นกลุ่มก้อน ไม่เข้มแข็ง ไม่รวมใจ ไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวแล้ว ไม่สามัคคีกันแล้ว ก็หมดแรง หมดพลัง
    .
    สนิมก่อเกิดแต่เนื้อใน...!!!
    .
    หรือมี สำนวนหนึ่งของ จีน เขาเรียก "จับปลาตอนน้ำขุ่น"
    .
    ข้อมูลจากหลายฝั่งหาอ่านได้ไม่ยากครับ
    .
    เช่น Face Book ของ ดร. Suphanat Aphinyan
    เอาชื่อ Suphanat Aphinyan เซิร์ช ก็เจอแล้วครับ
    .
    คนไทยด้วยกัน ใจร่มๆ รักกันไว้เถอะครับ นับวัน "ชาวอนุรักษ์นิยม" มีแต่จะยิ่งมีจำนวนลดน้อยถอยลง ด้วยอายุขัย ถ้าเราไม่สามารถ ส่งต่อ ข้อมูลความรู้ที่ถูกต้องชอบธรรม ให้ลูกหลานได้ รับรองได้เลยครับ ว่าวันนึง พวกเขาจะตกเป็นเหยื่อของ "นักวิชากการล้มเจ้า" และ แนวร่วม แน่นอน...
    .
    แล้วรอบนี้ ที่ "ชาวอนุรักษ์นิยม" พ่ายแพ้ต่อ แนวรุกของพวก สีส้ม ส่วนหนึ่ง ก็มาจากพวกเรากันเองด้วยแหล่ะครับ ถ้าไม่ตระหนักถึงสิ่งนี้ เราจะหาแนวร่วมเพิ่มเติมไม่ได้ครับ
    .
    เราจะชนะเขา ไม่ใช่แค่เรา มีความรู้ และ พูดความจริง นะครับ ต้องเข้าถึง คนรุ่นใหม่ หรือ คนส่วนใหญ่ของประเทศให้ได้ด้วยครับ...
    .
    เพราะทุกวันนี้ ประเทศเราอยู่ในระบอบที่ เสียงส่วนมาก คือ Winner หรือ ความถูกต้อง...!!!
    .
    (ซึ่งพูดแบบนี้คงจะไม่ถูกต้องนักตามทฤษฎี แต่ ในชีวิตจริงก็ประมาณนั้นแหล่ะครับ)
    .
    ที่พวกเขาชนะรอบนี้ ก็เป็นเพราะ เขา ใช้ยุทธวิธี "แทรกซึม"
    .
    เขา "แทรกซึม" มา 20 กว่าปีแล้ว เพราะการแทรกซึม นั้น ไร้แรงต้าน เหมือนกับ คำที่เขาว่า "พูดความจริงฟังแล้วไม่รื่นหู" นั่นแหล่ะครับ
    .
    ลุงสนธิ ออกมาเปิดโปง เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว มีแต่คนออกมาด่า แล้ววันนี้หล่ะครับ ชัดเจนรึยัง...???
    .
    แล้วมีใครสนมั่ง...???
    .
    😔😔😔😔😔😔
    .
    https://www.youtube.com/watch?v=dxNES9dw_Bk
    ## ผมลอกมาจาก ณัฐพล...!!! ## .. .. คลิปส่วนหนึ่งจาก งานเปิดตัวหนังสือ "ความจริงที่ไม่มีใครพูด กรณีสวรรคต ร.8" .. .. เมื่อ สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล สารภาพให้ อาจารย์ วิมลพรรณ ปิตธวัชชัย ผู้เขียนหนังสือ เอกกษัตริย์ใต้รัฐธรรมนูญ ฟังว่า... . สิ่งที่ได้กล่าวหาในหลวงรัชกาลที่ 9 ว่ามีส่วนรู้เห็นในเรื่องรัฐประหารปี 2500 ของจอมพล สฤษดิ์ นั่น... . . “ ผมลอกมาจาก ณัฐพล(ใจจริง)” . . นั่นหล่ะฮะท่านผู้ชม...!!! . "นักวิชาการล้มเจ้า" ฝั่งนั้น เขาก็ลอกกันไปลอกกันมา Fake News ว่อน โซเชีล ทุกวัน วันละหลายเวลา . พอมีคนมาจับโป๊ะได้ ก็โดนแหก กะลาระเบิด กันไปเป็นแถวๆ . แต่...คนที่เขารับข้อมูลผิดๆไป เขาเชื่อไปแล้ว เอาข้อมูลไปส่งต่อเรียบร้อยแล้ว...!!! . และ เขาไม่ได้มารับรู้ความจริงสุดท้ายด้วยว่า เวลาที่ "นักวิชาการล้มเจ้า" โดนตอกด้วยข้อมูล ข้อเท็จจริงอีกฝั่ง โดนแหกจนกะลาแตก หน้าบู้หมอไม่รับเย็บ เขามีสถาพน่าอนาถอย่างไร... ... ... นี่ล่าสุด ประเด็นที่ "ชาวอนุรักษ์นิยม" ลุกขึ้นมาตีกัน มีปากเสียงกันเอง ก็เนื่องมาจาก นักวิชาการสีส้มนอกประเทศ ณ กรุงโตเกียว ออกมาปล่อยข่าวว่า... . "......ไฟเขียวแล้ว ไม่งั้นจะกลับเข้ามาในประเทศได้ยังไง และ มีคนจาก....มาคอยดูแล...." . ผมว่า "ชาวอนุรักษ์นิยม" ควรใจร่มๆ นั่งนิ่งๆ คิดให้ดีซักนิดนึง... . นักวิชาการสีส้มนอกประเทศ ณ กรุงโตเกียว เป็นคนตั้งกลุ่ม royalist marketplace ด่าเจ้า ปล่อย Fake News โจมตีเจ้าตลอด แทบจะทุกลมหายใจ... . วันดีคืนดีก็ ไปพบปะพูดคุย ไปยืนกุมเป้า ไม่ด่าทอ อีกทั้งยังชื่นชมเชิดชู... . พฤติกรรม นี้ผิดปกติหรือไม่...??? . เป็นไปได้มั้ย...??? . ...ว่านี่เป็นแผนที่ โยนประเด็นออกมา เพื่อ แบ่งฝักแบ่งฝ่าย "ชาวอนุรักษ์นิยม" ออกจากกัน... . ในเมื่อ เกิดการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ในหมูชน แตกเป็นกลุ่มก้อน ไม่เข้มแข็ง ไม่รวมใจ ไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวแล้ว ไม่สามัคคีกันแล้ว ก็หมดแรง หมดพลัง . สนิมก่อเกิดแต่เนื้อใน...!!! . หรือมี สำนวนหนึ่งของ จีน เขาเรียก "จับปลาตอนน้ำขุ่น" . ข้อมูลจากหลายฝั่งหาอ่านได้ไม่ยากครับ . เช่น Face Book ของ ดร. Suphanat Aphinyan เอาชื่อ Suphanat Aphinyan เซิร์ช ก็เจอแล้วครับ . คนไทยด้วยกัน ใจร่มๆ รักกันไว้เถอะครับ นับวัน "ชาวอนุรักษ์นิยม" มีแต่จะยิ่งมีจำนวนลดน้อยถอยลง ด้วยอายุขัย ถ้าเราไม่สามารถ ส่งต่อ ข้อมูลความรู้ที่ถูกต้องชอบธรรม ให้ลูกหลานได้ รับรองได้เลยครับ ว่าวันนึง พวกเขาจะตกเป็นเหยื่อของ "นักวิชากการล้มเจ้า" และ แนวร่วม แน่นอน... . แล้วรอบนี้ ที่ "ชาวอนุรักษ์นิยม" พ่ายแพ้ต่อ แนวรุกของพวก สีส้ม ส่วนหนึ่ง ก็มาจากพวกเรากันเองด้วยแหล่ะครับ ถ้าไม่ตระหนักถึงสิ่งนี้ เราจะหาแนวร่วมเพิ่มเติมไม่ได้ครับ . เราจะชนะเขา ไม่ใช่แค่เรา มีความรู้ และ พูดความจริง นะครับ ต้องเข้าถึง คนรุ่นใหม่ หรือ คนส่วนใหญ่ของประเทศให้ได้ด้วยครับ... . เพราะทุกวันนี้ ประเทศเราอยู่ในระบอบที่ เสียงส่วนมาก คือ Winner หรือ ความถูกต้อง...!!! . (ซึ่งพูดแบบนี้คงจะไม่ถูกต้องนักตามทฤษฎี แต่ ในชีวิตจริงก็ประมาณนั้นแหล่ะครับ) . ที่พวกเขาชนะรอบนี้ ก็เป็นเพราะ เขา ใช้ยุทธวิธี "แทรกซึม" . เขา "แทรกซึม" มา 20 กว่าปีแล้ว เพราะการแทรกซึม นั้น ไร้แรงต้าน เหมือนกับ คำที่เขาว่า "พูดความจริงฟังแล้วไม่รื่นหู" นั่นแหล่ะครับ . ลุงสนธิ ออกมาเปิดโปง เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว มีแต่คนออกมาด่า แล้ววันนี้หล่ะครับ ชัดเจนรึยัง...??? . แล้วมีใครสนมั่ง...??? . 😔😔😔😔😔😔 . https://www.youtube.com/watch?v=dxNES9dw_Bk
    0 Comments 0 Shares 315 Views 0 Reviews
  • 🌍 เชิญชวนทุกท่านร่วมสัมผัสงานปลูกป่าและขายคาร์บอนเครดิตสุดล้ำ ที่ **ไร่โอบฟ้าอิงภู ตำบลวังกะทะ**! 🌱 พบกับการนำเทคโนโลยี **RFID และ Web 3.0** มาใช้ในการติดตามและตรวจสอบได้แบบเรียลไทม์ มั่นใจได้ในกระบวนการปลูกป่าที่ยั่งยืน ✨

    ไม่เพียงช่วยลดคาร์บอนฟุตพริ้นต์ แต่ยังเป็นโอกาสในการสร้างรายได้กับธุรกิจสีเขียวที่ตอบโจทย์ยุคใหม่ รับประสบการณ์การอนุรักษ์ที่ทันสมัยและเป็นมิตรกับโลก 🌿0880597888

    📅 มาพบกันที่ไร่โอบฟ้าอิงภู แล้วร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้เลย!
    🌍 เชิญชวนทุกท่านร่วมสัมผัสงานปลูกป่าและขายคาร์บอนเครดิตสุดล้ำ ที่ **ไร่โอบฟ้าอิงภู ตำบลวังกะทะ**! 🌱 พบกับการนำเทคโนโลยี **RFID และ Web 3.0** มาใช้ในการติดตามและตรวจสอบได้แบบเรียลไทม์ มั่นใจได้ในกระบวนการปลูกป่าที่ยั่งยืน ✨ ไม่เพียงช่วยลดคาร์บอนฟุตพริ้นต์ แต่ยังเป็นโอกาสในการสร้างรายได้กับธุรกิจสีเขียวที่ตอบโจทย์ยุคใหม่ รับประสบการณ์การอนุรักษ์ที่ทันสมัยและเป็นมิตรกับโลก 🌿0880597888 📅 มาพบกันที่ไร่โอบฟ้าอิงภู แล้วร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้เลย!
    0 Comments 0 Shares 123 Views 0 Reviews
  • การสังหารหมู่กำลังดำเนินไป: ชนชั้นสูงกำลังทำให้โลกลดจำนวนประชากรอย่างแข็งขัน—คลาว ชะแว๊บ, Chemtrails และอาวุธชีวภาพ: แผนของ WEF ที่จะกวาดล้างผู้คนนับพันล้านถูกเปิดโปง!

    วาระการลดจำนวนประชากรของ WEF ไม่ใช่ภัยคุกคามที่อยู่ห่างไกล แต่มันเกิดขึ้นที่นี่และตอนนี้ในทุกวิกฤตที่เขย่าโลกของเรา นี่คือสงครามเต็มรูปแบบกับมนุษยชาติ และคุณคือเป้าหมาย

    พวกเขาได้ปลดปล่อยอาวุธที่ออกแบบมาเพื่อกำจัดเรา—อย่างช้าๆ แอบๆ และไม่ลดละ W0rld Ec0n0my F0room, คลาว ชะแว๊บ และผู้ควบคุมเงาของพวกเขาได้วางแผนชั่วร้ายที่ซ่อนเร้นอยู่ในที่แจ้งชัด

    การปรับเปลี่ยนสภาพอากาศ? นี่ไม่ใช่ "การหว่านเมฆ"; พวกเขากำลังบงการพายุ ภัยแล้ง ไฟป่าด้วยเทคโนโลยีระดับทหารเพื่อทำให้ประเทศไม่มั่นคง ทำลายพืชผล และทำให้มวลชนอดอยาก ทุกพายุเฮอริเคน ทุกภัยพิบัติ—ออกแบบมาเพื่อควบคุมจำนวนประชากร
    การย้ายถิ่นฐานอย่างผิดกฎหมาย? ไม่ใช่เรื่องของ “ผู้ลี้ภัย” แต่เป็นการรุกรานที่ออกแบบมาให้ระบบทำงานหนักเกินไปและทำให้เศรษฐกิจไม่มั่นคง ทำให้มีคนต่อต้านน้อยลง ความวุ่นวาย ความไม่มั่นคง และการเกิดน้อยลง—เป้าหมายของพวกเขาชัดเจน

    ฟลูออไรด์ในน้ำของคุณ? มันไม่เหมาะกับฟันของคุณ การสัมผัสเป็นเวลานานจะทำให้ไอคิวลดลง ลดการเจริญพันธุ์ และรับรองการปฏิบัติตาม คนรุ่นต่อรุ่นกำลังกลายเป็นแกะที่เป็นหมันและเชื่อง และระดับไอคิวก็ลดลงอย่างรวดเร็วเมื่อภาวะมีบุตรยากเพิ่มขึ้น

    ความหลากหลาย ความเสมอภาค และการรวมกลุ่ม (DEI) ไม่เกี่ยวกับความยุติธรรม แต่เป็นอาวุธทางจิตวิทยาเพื่อแบ่งแยกสังคม ทำลายค่านิยม และหยุดการเติบโตของประชากร นี่คือสงครามเพื่อความสามัคคีและครอบครัว

    มาพูดถึงจีเอ็มโอกันดีกว่า สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่พืชผลที่ไม่เป็นอันตราย แต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่ถูกสร้างอาวุธเพื่อทำลายสุขภาพและความอุดมสมบูรณ์ โรคเรื้อรังไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เป็นส่วนหนึ่งของวัฏจักรแห่งความตายที่ขับเคลื่อนโดยบริษัทเวชภัณฑ์ขนาดใหญ่ ซึ่งขายโรคและ "การรักษา"

    Chemtrails? ร่องรอยบนท้องฟ้าเหล่านั้นไม่ใช่เชื้อเพลิงเครื่องบิน แต่เป็นการโจมตีด้วยละอองลอยที่มีสารพิษร้ายแรง เช่น แบเรียมและอะลูมิเนียม โปรยปรายลงมาบนเมือง ทุกลมหายใจทำให้เราเข้าใกล้หลุมศพก่อนวัยอันควร ทำให้ประชากรป่วยและปฏิบัติตาม

    การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไม่ได้เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม แต่เป็นกลวิธีควบคุม ตำนานเรื่องรอยเท้าคาร์บอนมีไว้เพื่อทำให้เรารู้สึกผิดและตกอยู่ในความยากจน ทำให้เราต้องพึ่งพาระบบของชนชั้นนำ พวกเขากำลังทำให้เราเป็นทาสภายใต้หน้ากากของลัทธิอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

    ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่เป็นเพียงการทดลอง แต่ตอนนี้พวกเขากำลังทำให้ความยากจนทั่วโลกแย่ลง ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตที่อยู่อาศัย ราคาอาหารที่ถูกบิดเบือน เงินเฟ้อ พวกเขาต้องการให้เราหมดตัวและไม่สามารถต้านทานได้

    และเครื่องมือที่อันตรายที่สุด? อาวุธชีวภาพ โรค "อุบัติใหม่"? การปล่อยโรคตามแผน โควิดเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น คลื่นลูกต่อไปจะมุ่งเป้าไปที่เครื่องหมายทางพันธุกรรม ซึ่งจะทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากและควบคุมสถานการณ์ได้ทั้งหมด ในขณะเดียวกัน พวกเขายังต้องนั่งหลบภัยอย่างปลอดภัยในบังเกอร์ โดยเฝ้าดูความโกลาหลที่เกิดขึ้น

    อาณาจักรสื่อของพวกเขายกย่องความเสื่อมโทรม โรคทางจิต การล่มสลายของครอบครัว ฮอลลีวูด เครื่องจักรโฆษณาชวนเชื่อ พวกเขาทั้งหมดเข้ามาเกี่ยวข้องและผลักดันวัฒนธรรมแห่งความเสื่อมโทรม

    แผนการลดจำนวนประชากรโลกในปี 2000 กำลังดำเนินไป โดยมีรากฐานที่หยั่งรากลึก—ตระกูลร็อคกี้เฟลเลอร์ คิสซิงเจอร์ สโมสรแห่งโรม คลาว ชะแว๊บ ซึ่งเป็นใบหน้าล่าสุดของวาระนี้ เป็นผู้สานต่อ

    นี่ไม่ใช่ทฤษฎี แต่เป็นเรื่องจริง และมันอยู่ที่นี่ ตื่นได้แล้ว! พายุมาถึงแล้ว และมันกำลังมาหาเราทุกคน
    การสังหารหมู่กำลังดำเนินไป: ชนชั้นสูงกำลังทำให้โลกลดจำนวนประชากรอย่างแข็งขัน—คลาว ชะแว๊บ, Chemtrails และอาวุธชีวภาพ: แผนของ WEF ที่จะกวาดล้างผู้คนนับพันล้านถูกเปิดโปง! วาระการลดจำนวนประชากรของ WEF ไม่ใช่ภัยคุกคามที่อยู่ห่างไกล แต่มันเกิดขึ้นที่นี่และตอนนี้ในทุกวิกฤตที่เขย่าโลกของเรา นี่คือสงครามเต็มรูปแบบกับมนุษยชาติ และคุณคือเป้าหมาย พวกเขาได้ปลดปล่อยอาวุธที่ออกแบบมาเพื่อกำจัดเรา—อย่างช้าๆ แอบๆ และไม่ลดละ W0rld Ec0n0my F0room, คลาว ชะแว๊บ และผู้ควบคุมเงาของพวกเขาได้วางแผนชั่วร้ายที่ซ่อนเร้นอยู่ในที่แจ้งชัด การปรับเปลี่ยนสภาพอากาศ? นี่ไม่ใช่ "การหว่านเมฆ"; พวกเขากำลังบงการพายุ ภัยแล้ง ไฟป่าด้วยเทคโนโลยีระดับทหารเพื่อทำให้ประเทศไม่มั่นคง ทำลายพืชผล และทำให้มวลชนอดอยาก ทุกพายุเฮอริเคน ทุกภัยพิบัติ—ออกแบบมาเพื่อควบคุมจำนวนประชากร การย้ายถิ่นฐานอย่างผิดกฎหมาย? ไม่ใช่เรื่องของ “ผู้ลี้ภัย” แต่เป็นการรุกรานที่ออกแบบมาให้ระบบทำงานหนักเกินไปและทำให้เศรษฐกิจไม่มั่นคง ทำให้มีคนต่อต้านน้อยลง ความวุ่นวาย ความไม่มั่นคง และการเกิดน้อยลง—เป้าหมายของพวกเขาชัดเจน ฟลูออไรด์ในน้ำของคุณ? มันไม่เหมาะกับฟันของคุณ การสัมผัสเป็นเวลานานจะทำให้ไอคิวลดลง ลดการเจริญพันธุ์ และรับรองการปฏิบัติตาม คนรุ่นต่อรุ่นกำลังกลายเป็นแกะที่เป็นหมันและเชื่อง และระดับไอคิวก็ลดลงอย่างรวดเร็วเมื่อภาวะมีบุตรยากเพิ่มขึ้น ความหลากหลาย ความเสมอภาค และการรวมกลุ่ม (DEI) ไม่เกี่ยวกับความยุติธรรม แต่เป็นอาวุธทางจิตวิทยาเพื่อแบ่งแยกสังคม ทำลายค่านิยม และหยุดการเติบโตของประชากร นี่คือสงครามเพื่อความสามัคคีและครอบครัว มาพูดถึงจีเอ็มโอกันดีกว่า สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่พืชผลที่ไม่เป็นอันตราย แต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่ถูกสร้างอาวุธเพื่อทำลายสุขภาพและความอุดมสมบูรณ์ โรคเรื้อรังไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เป็นส่วนหนึ่งของวัฏจักรแห่งความตายที่ขับเคลื่อนโดยบริษัทเวชภัณฑ์ขนาดใหญ่ ซึ่งขายโรคและ "การรักษา" Chemtrails? ร่องรอยบนท้องฟ้าเหล่านั้นไม่ใช่เชื้อเพลิงเครื่องบิน แต่เป็นการโจมตีด้วยละอองลอยที่มีสารพิษร้ายแรง เช่น แบเรียมและอะลูมิเนียม โปรยปรายลงมาบนเมือง ทุกลมหายใจทำให้เราเข้าใกล้หลุมศพก่อนวัยอันควร ทำให้ประชากรป่วยและปฏิบัติตาม การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไม่ได้เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม แต่เป็นกลวิธีควบคุม ตำนานเรื่องรอยเท้าคาร์บอนมีไว้เพื่อทำให้เรารู้สึกผิดและตกอยู่ในความยากจน ทำให้เราต้องพึ่งพาระบบของชนชั้นนำ พวกเขากำลังทำให้เราเป็นทาสภายใต้หน้ากากของลัทธิอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่เป็นเพียงการทดลอง แต่ตอนนี้พวกเขากำลังทำให้ความยากจนทั่วโลกแย่ลง ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตที่อยู่อาศัย ราคาอาหารที่ถูกบิดเบือน เงินเฟ้อ พวกเขาต้องการให้เราหมดตัวและไม่สามารถต้านทานได้ และเครื่องมือที่อันตรายที่สุด? อาวุธชีวภาพ โรค "อุบัติใหม่"? การปล่อยโรคตามแผน โควิดเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น คลื่นลูกต่อไปจะมุ่งเป้าไปที่เครื่องหมายทางพันธุกรรม ซึ่งจะทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากและควบคุมสถานการณ์ได้ทั้งหมด ในขณะเดียวกัน พวกเขายังต้องนั่งหลบภัยอย่างปลอดภัยในบังเกอร์ โดยเฝ้าดูความโกลาหลที่เกิดขึ้น อาณาจักรสื่อของพวกเขายกย่องความเสื่อมโทรม โรคทางจิต การล่มสลายของครอบครัว ฮอลลีวูด เครื่องจักรโฆษณาชวนเชื่อ พวกเขาทั้งหมดเข้ามาเกี่ยวข้องและผลักดันวัฒนธรรมแห่งความเสื่อมโทรม แผนการลดจำนวนประชากรโลกในปี 2000 กำลังดำเนินไป โดยมีรากฐานที่หยั่งรากลึก—ตระกูลร็อคกี้เฟลเลอร์ คิสซิงเจอร์ สโมสรแห่งโรม คลาว ชะแว๊บ ซึ่งเป็นใบหน้าล่าสุดของวาระนี้ เป็นผู้สานต่อ นี่ไม่ใช่ทฤษฎี แต่เป็นเรื่องจริง และมันอยู่ที่นี่ ตื่นได้แล้ว! พายุมาถึงแล้ว และมันกำลังมาหาเราทุกคน
    0 Comments 0 Shares 285 Views 0 Reviews
  • เกิดเหตุการณ์อื้อฉาวในนิวยอร์ก เกี่ยวกับการทำลายสัตว์เลี้ยงของชายคนหนึ่ง โดยเจ้าหน้าที่ด้านสิ่งแวดแล้ม จนเป็นที่พูดถึงกันอย่างมากในสังคมชาวนิวยอร์ก

    ชายชาวนิวยอร์กเล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของนิวยอร์ก บุกเข้าค้นบ้านของเขาเพียงเพื่อต้องการจับ "พีนัต" ซึ่งเป็นกระรอกของเขา พร้อมกับ "เฟร็ด" แรคคูนไปด้วย และทำลายพวกมันทิ้ง หลังจากมีผู้ร้องเรียนโดยไม่ระบุชื่อ

    “เจ้าหน้าที่บุกเข้าบ้านของผม และทำเหมือนกับเป็นพ่อค้ายา โดยให้ผมนั่งอยู่หน้าบ้านนานถึง 5 ชั่วโมง จับตาดูผมแม้แต่ตอนเข้าห้องน้ำ”

    “เจ้าหน้าที่ไม่ยอมให้ผมไปให้อาหารม้าที่ผมเลี้ยงดูจากการช่วยชีวิตมันไว้เมื่อนานมาแล้ว ผมทำได้แค่นั่งอยู่เฉยๆ เหมือนผมก่อคดีอาชญากรรมร้ายแรง เจ้าหน้าที่ยังเค้นสอบปากคำภรรยาของผมเพื่อตรวจสอบสถานะการอพยพของเธอว่าถูกกฎหมายหรือไม่”

    “เจ้าหน้าที่ถามหากล้องวงจรปิดภายในบ้าน พวกเขารื้อค้นตู้ทุกตู้ ทุกซอกทุกมุมในบ้านเพียงเพื่อหากระรอกและแรคคูน”

    กรมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของนิวยอร์กได้ทำการุณยฆาตเจ้า"พีนัต" กระรอกน้อยที่เขารักอย่างมาก มันเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตที่ไร้เดียงสาตัวหนึ่งแต่กลับถูกพรากไปจากเขา ซึ่งเขาเลี้ยงมันด้วยความรักมาตั้งแต่ยังเป็นลูกกระรอก หลังจากที่แม่ของมันถูกรถชนตาย
    เกิดเหตุการณ์อื้อฉาวในนิวยอร์ก เกี่ยวกับการทำลายสัตว์เลี้ยงของชายคนหนึ่ง โดยเจ้าหน้าที่ด้านสิ่งแวดแล้ม จนเป็นที่พูดถึงกันอย่างมากในสังคมชาวนิวยอร์ก ชายชาวนิวยอร์กเล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของนิวยอร์ก บุกเข้าค้นบ้านของเขาเพียงเพื่อต้องการจับ "พีนัต" ซึ่งเป็นกระรอกของเขา พร้อมกับ "เฟร็ด" แรคคูนไปด้วย และทำลายพวกมันทิ้ง หลังจากมีผู้ร้องเรียนโดยไม่ระบุชื่อ “เจ้าหน้าที่บุกเข้าบ้านของผม และทำเหมือนกับเป็นพ่อค้ายา โดยให้ผมนั่งอยู่หน้าบ้านนานถึง 5 ชั่วโมง จับตาดูผมแม้แต่ตอนเข้าห้องน้ำ” “เจ้าหน้าที่ไม่ยอมให้ผมไปให้อาหารม้าที่ผมเลี้ยงดูจากการช่วยชีวิตมันไว้เมื่อนานมาแล้ว ผมทำได้แค่นั่งอยู่เฉยๆ เหมือนผมก่อคดีอาชญากรรมร้ายแรง เจ้าหน้าที่ยังเค้นสอบปากคำภรรยาของผมเพื่อตรวจสอบสถานะการอพยพของเธอว่าถูกกฎหมายหรือไม่” “เจ้าหน้าที่ถามหากล้องวงจรปิดภายในบ้าน พวกเขารื้อค้นตู้ทุกตู้ ทุกซอกทุกมุมในบ้านเพียงเพื่อหากระรอกและแรคคูน” กรมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของนิวยอร์กได้ทำการุณยฆาตเจ้า"พีนัต" กระรอกน้อยที่เขารักอย่างมาก มันเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตที่ไร้เดียงสาตัวหนึ่งแต่กลับถูกพรากไปจากเขา ซึ่งเขาเลี้ยงมันด้วยความรักมาตั้งแต่ยังเป็นลูกกระรอก หลังจากที่แม่ของมันถูกรถชนตาย
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 178 Views 30 0 Reviews
  • https://www.youtube.com/watch?v=FG9-8pqFqBY
    บทสนทนาของหมูเด้งกับครอบครัว
    (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้)
    แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาของหมูเด้งกับครอบครัวแนะนำตัวเอง
    มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ

    #conversations #listeningtest #หมูเด้ง

    The conversations from the clip :

    Moo Deng: Hello everyone! My name is Moo Deng, and I’m the superstar of Khao Kheow Zoo! I was born on July 10, 2024. I have an older brother named Moo Toon; we share the same parents. I love sleeping and swimming in my pond. I have a playful personality and love nibbling on the zoo keeper's shoes!
    Jona (Mom): Hello! My name is Jona, Moo Deng’s mom. I’m 25 years old, and I’m a very loving hippo mom who always keeps Moo Deng safe and happy. I enjoy spending time with him and teaching him how to play in the water. It’s amazing to watch him grow and have fun!
    Tony (DaD): Hi there! My name is Tony, Moo Deng’s dad. I’m 24 years old, and I’m a strong hippo. I want to teach him about the world. I also enjoy relaxing by the pond and sunbathing. I hope to be playing with Moo Deng soon!
    Moo Deng: My parents are awesome! They always support me and help me become a great hippo. I love them both very much. We have so much fun together at the zoo, and I look forward to showing everyone my playful side!
    Jona: As a family, we promote awareness about the importance of wildlife conservation. We want people to understand that hippos are unique animals and that their natural habitats need protection.
    Tony: We’re proud to be part of Khao Kheow Zoo, where we get to interact with visitors and share our story. It’s wonderful to see so many people come here to learn about us!
    Moo Deng: So, come visit us at the zoo! I promise you’ll have a great time watching my playful antics and learning about hippos. Let’s have fun together at the zoo! Thank you for listening to our story!

    หมูเด้ง:สวัสดีทุกคน! ฉันชื่อหมูเด้ง และฉันเป็นซูเปอร์สตาร์ของสวนสัตว์เขาเขียว! ฉันเกิดเมื่อวันที่ 10 กรกฏาคม 2024 ฉ้นมีพี่ชาย พ่อแม่เดียวกันชื่อหมูตุ๋น ฉันชอบนอนและว่ายน้ำในบ่อของฉัน ฉันมีบุคลิกที่ขี้เล่นและชอบกัดรองเท้าของผู้ดูแลสวนสัตว์!
    โจวน่า (แม่):สวัสดีค่ะ! ฉันชื่อโจวน่า แม่ของหมูเด้ง ฉันอายุ 25 ปี ฉันเป็นฮิปโปที่รักลูกมาก และมักจะทำให้หมูเด้งปลอดภัยและมีความสุข ฉันชอบใช้เวลาร่วมกับเขาและสอนเขาเล่นในน้ำ มันยอดเยี่ยมมากที่ได้เห็นเขาเติบโตและสนุกสนาน!
    โทนี่ (พ่อ):สวัสดีครับ! ฉันชื่อโทนี่ พ่อของหมูเด้ง ฉันอายุ 24 ปี ฉันเป็นฮิปโปที่แข็งแรง ฉันอยากสอนเขาเกี่ยวกับโลก ฉันยังชอบนั่งพักผ่อนริมบ่อน้ำและอาบแดด ฉันหวังว่าจะได้เล่นกับหมูเด้งในไม่ช้า!
    หมูเด้ง:พ่อแม่ของฉันยอดเยี่ยมมาก! พวกเขาคอยสนับสนุนฉันและช่วยให้ฉันเป็นอิปโป
    ที่ดี ฉันรักพวกเขาทั้งคู่มาก เรามีความสนุกสนานมากมายที่สวนสัตว์ และฉันรอคอยที่จะแสดงด้านขี้เล่นของฉันให้ทุกคนเห็น!
    โจวน่า:ในฐานะครอบครัว เราส่งเสริมการตระหนักรู้เกี่ยวกับความสำคัญของการอนุรักษ์สัตว์ป่า เราต้องการให้ผู้คนเข้าใจว่าฮิปโปเป็นสิ่งมีชีวิตที่พิเศษและจำเป็นต้องปกป้องที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติของพวกเขา
    โทนี่:เราภูมิใจที่เป็นส่วนหนึ่งของสวนสัตว์เขาเขียว ที่เราสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับผู้เข้าชมและแบ่งปันเรื่องราวของเรา มันดีมากที่ได้เห็นผู้คนมากมายมาที่นี่เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับเรา!
    หมูเด้ง:ดังนั้น มาที่สวนสัตว์และเยี่ยมชมเรานะ! ฉันสัญญาว่าคุณจะมีช่วงเวลาที่สนุกสนานในการดูความซุกซนของฉันและเรียนรู้เกี่ยวกับฮิปโป มาสนุกด้วยกันที่สวนสัตว์! ขอบคุณที่ฟังเรื่องราวของเราค่ะ!

    Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้)

    Superstar (ซู-เปอร์-สตาร์) n. แปลว่า ดารา/นักแสดงที่มีชื่อเสียงมาก
    Zoo (ซู) n. แปลว่า สวนสัตว์
    Older (โอ-เดอร์) adj. แปลว่า ที่มีอายุมากกว่า
    Playful (เพล-ฟูล) adj. แปลว่า ขี้เล่น
    Personality (เพอร์-ซะ-แนล-ละ-ที) n. แปลว่า บุคลิกภาพ
    Nibble (นิบ-เบิล) v. แปลว่า กัดเล็กๆ น้อยๆ
    Keeper (คี-เพอร์) n. แปลว่า ผู้ดูแล
    Pond (พอนด์) n. แปลว่า บ่อน้ำ
    Amazing (อะ-เม-ซิง) adj. แปลว่า น่าทึ่ง
    Grow (โกรว) v. แปลว่า เติบโต
    Awareness (อะ-แวร์-เนส) n. แปลว่า การตระหนักรู้
    Conservation (คอน-เซอร์-เว-ชัน) n. แปลว่า การอนุรักษ์
    Unique (ยู-นีค) adj. แปลว่า พิเศษ/ไม่เหมือนใคร
    Habitat (แฮบ-บิ-แทท) n. แปลว่า ที่อยู่อาศัยของสัตว์
    Antics (แอน-ทิคส์) n. แปลว่า พฤติกรรม/การกระทำที่สนุกสนาน
    https://www.youtube.com/watch?v=FG9-8pqFqBY บทสนทนาของหมูเด้งกับครอบครัว (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้) แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาของหมูเด้งกับครอบครัวแนะนำตัวเอง มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ #conversations #listeningtest #หมูเด้ง The conversations from the clip : Moo Deng: Hello everyone! My name is Moo Deng, and I’m the superstar of Khao Kheow Zoo! I was born on July 10, 2024. I have an older brother named Moo Toon; we share the same parents. I love sleeping and swimming in my pond. I have a playful personality and love nibbling on the zoo keeper's shoes! Jona (Mom): Hello! My name is Jona, Moo Deng’s mom. I’m 25 years old, and I’m a very loving hippo mom who always keeps Moo Deng safe and happy. I enjoy spending time with him and teaching him how to play in the water. It’s amazing to watch him grow and have fun! Tony (DaD): Hi there! My name is Tony, Moo Deng’s dad. I’m 24 years old, and I’m a strong hippo. I want to teach him about the world. I also enjoy relaxing by the pond and sunbathing. I hope to be playing with Moo Deng soon! Moo Deng: My parents are awesome! They always support me and help me become a great hippo. I love them both very much. We have so much fun together at the zoo, and I look forward to showing everyone my playful side! Jona: As a family, we promote awareness about the importance of wildlife conservation. We want people to understand that hippos are unique animals and that their natural habitats need protection. Tony: We’re proud to be part of Khao Kheow Zoo, where we get to interact with visitors and share our story. It’s wonderful to see so many people come here to learn about us! Moo Deng: So, come visit us at the zoo! I promise you’ll have a great time watching my playful antics and learning about hippos. Let’s have fun together at the zoo! Thank you for listening to our story! หมูเด้ง:สวัสดีทุกคน! ฉันชื่อหมูเด้ง และฉันเป็นซูเปอร์สตาร์ของสวนสัตว์เขาเขียว! ฉันเกิดเมื่อวันที่ 10 กรกฏาคม 2024 ฉ้นมีพี่ชาย พ่อแม่เดียวกันชื่อหมูตุ๋น ฉันชอบนอนและว่ายน้ำในบ่อของฉัน ฉันมีบุคลิกที่ขี้เล่นและชอบกัดรองเท้าของผู้ดูแลสวนสัตว์! โจวน่า (แม่):สวัสดีค่ะ! ฉันชื่อโจวน่า แม่ของหมูเด้ง ฉันอายุ 25 ปี ฉันเป็นฮิปโปที่รักลูกมาก และมักจะทำให้หมูเด้งปลอดภัยและมีความสุข ฉันชอบใช้เวลาร่วมกับเขาและสอนเขาเล่นในน้ำ มันยอดเยี่ยมมากที่ได้เห็นเขาเติบโตและสนุกสนาน! โทนี่ (พ่อ):สวัสดีครับ! ฉันชื่อโทนี่ พ่อของหมูเด้ง ฉันอายุ 24 ปี ฉันเป็นฮิปโปที่แข็งแรง ฉันอยากสอนเขาเกี่ยวกับโลก ฉันยังชอบนั่งพักผ่อนริมบ่อน้ำและอาบแดด ฉันหวังว่าจะได้เล่นกับหมูเด้งในไม่ช้า! หมูเด้ง:พ่อแม่ของฉันยอดเยี่ยมมาก! พวกเขาคอยสนับสนุนฉันและช่วยให้ฉันเป็นอิปโป ที่ดี ฉันรักพวกเขาทั้งคู่มาก เรามีความสนุกสนานมากมายที่สวนสัตว์ และฉันรอคอยที่จะแสดงด้านขี้เล่นของฉันให้ทุกคนเห็น! โจวน่า:ในฐานะครอบครัว เราส่งเสริมการตระหนักรู้เกี่ยวกับความสำคัญของการอนุรักษ์สัตว์ป่า เราต้องการให้ผู้คนเข้าใจว่าฮิปโปเป็นสิ่งมีชีวิตที่พิเศษและจำเป็นต้องปกป้องที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติของพวกเขา โทนี่:เราภูมิใจที่เป็นส่วนหนึ่งของสวนสัตว์เขาเขียว ที่เราสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับผู้เข้าชมและแบ่งปันเรื่องราวของเรา มันดีมากที่ได้เห็นผู้คนมากมายมาที่นี่เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับเรา! หมูเด้ง:ดังนั้น มาที่สวนสัตว์และเยี่ยมชมเรานะ! ฉันสัญญาว่าคุณจะมีช่วงเวลาที่สนุกสนานในการดูความซุกซนของฉันและเรียนรู้เกี่ยวกับฮิปโป มาสนุกด้วยกันที่สวนสัตว์! ขอบคุณที่ฟังเรื่องราวของเราค่ะ! Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้) Superstar (ซู-เปอร์-สตาร์) n. แปลว่า ดารา/นักแสดงที่มีชื่อเสียงมาก Zoo (ซู) n. แปลว่า สวนสัตว์ Older (โอ-เดอร์) adj. แปลว่า ที่มีอายุมากกว่า Playful (เพล-ฟูล) adj. แปลว่า ขี้เล่น Personality (เพอร์-ซะ-แนล-ละ-ที) n. แปลว่า บุคลิกภาพ Nibble (นิบ-เบิล) v. แปลว่า กัดเล็กๆ น้อยๆ Keeper (คี-เพอร์) n. แปลว่า ผู้ดูแล Pond (พอนด์) n. แปลว่า บ่อน้ำ Amazing (อะ-เม-ซิง) adj. แปลว่า น่าทึ่ง Grow (โกรว) v. แปลว่า เติบโต Awareness (อะ-แวร์-เนส) n. แปลว่า การตระหนักรู้ Conservation (คอน-เซอร์-เว-ชัน) n. แปลว่า การอนุรักษ์ Unique (ยู-นีค) adj. แปลว่า พิเศษ/ไม่เหมือนใคร Habitat (แฮบ-บิ-แทท) n. แปลว่า ที่อยู่อาศัยของสัตว์ Antics (แอน-ทิคส์) n. แปลว่า พฤติกรรม/การกระทำที่สนุกสนาน
    Like
    Love
    2
    0 Comments 0 Shares 383 Views 0 Reviews
  • เคมิ บาเดนอค(Kemi Badenoch) นักการเมืองเชื้อสายอังกฤษ-ไนจีเรีย เกิดที่วิมเบิลดัน ลอนดอน ประเทศอังกฤษ ได้รับเลือกให้เป็นผู้นำคนใหม่ของพรรคอนุรักษ์นิยม(Conservative Party) ของอังกฤษ

    เธอได้รับคะแนนเสียง 54,000 คะแนน ขณะที่โรเบิร์ต เจนริก คู่แข่งของเธอได้รับไป 41,000 คะแนน

    เคมิ เข้าเป็นสมาชิกพรรคอนุรักษ์นิยมตั้งแต่ปี 2017

    ภาพวิดีโอแสดงท่าทางของภรรยาของ "โรเบิร์ต เจนริค" เธอคิดว่าเธอได้ปรบมือให้ เคมิ บาเดนอค ที่เอาชนะสามีของเธอมากพอแล้ว "แต่อาจยังไม่พอดี" 😂
    เคมิ บาเดนอค(Kemi Badenoch) นักการเมืองเชื้อสายอังกฤษ-ไนจีเรีย เกิดที่วิมเบิลดัน ลอนดอน ประเทศอังกฤษ ได้รับเลือกให้เป็นผู้นำคนใหม่ของพรรคอนุรักษ์นิยม(Conservative Party) ของอังกฤษ เธอได้รับคะแนนเสียง 54,000 คะแนน ขณะที่โรเบิร์ต เจนริก คู่แข่งของเธอได้รับไป 41,000 คะแนน เคมิ เข้าเป็นสมาชิกพรรคอนุรักษ์นิยมตั้งแต่ปี 2017 ภาพวิดีโอแสดงท่าทางของภรรยาของ "โรเบิร์ต เจนริค" เธอคิดว่าเธอได้ปรบมือให้ เคมิ บาเดนอค ที่เอาชนะสามีของเธอมากพอแล้ว "แต่อาจยังไม่พอดี" 😂
    Haha
    1
    0 Comments 0 Shares 71 Views 0 Reviews
  • ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 ตรวจเยี่ยมและตรวจติดตามการปฏิบัติงานของอุทยานแห่งชาติศรีน่าน
    https://www.facebook.com/share/p/yYvDwHZYXWhXe5Hw/
    ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 ตรวจเยี่ยมและตรวจติดตามการปฏิบัติงานของอุทยานแห่งชาติศรีน่าน https://www.facebook.com/share/p/yYvDwHZYXWhXe5Hw/
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 91 Views 0 Reviews
  • โกตาบารูอัปเกรดสนามบิน-ระบบราง

    โกตาบารู (Kota Bharu) เมืองหลวงของรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ตั้งอยู่ใกล้ชายแดนไทย-มาเลเซีย ทางรถยนต์ที่ด่านพรมแดนสุไหงโก-ลก และเรือข้ามฟากที่ด่านตากใบ (ท่าเรือ) จ.นราธิวาส แม้จะเป็นรัฐอนุรักษ์นิยมที่เคร่งครัดในเรื่องศาสนามากที่สุด และจัดอยู่ในกลุ่มรัฐที่ยากจนที่สุด แต่ที่ผ่านมารัฐบาลกลางของมาเลเซียได้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการเดินทาง กระตุ้นเศรษฐกิจ การลงทุน และการท่องเที่ยว

    ท่าอากาศยานสุลต่านอิสมาอิล เปตรา โกตาบารู (KBR) ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2567 ได้เปิดให้บริการอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ระยะที่ 1 รองรับผู้โดยสารได้ 1.5 ล้านคนต่อปี ใช้งบประมาณในการก่อสร้าง 440 ล้านริงกิต ขณะที่นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เคยตอบรับที่จะขยายทางวิ่ง (Runway) เพิ่มอีก 400 เมตร จากเดิม 2,400 เมตร เป็น 2,800 เมตร ตามที่มุขมนตรีรัฐกลันตันร้องขอ เพื่อรองรับการเป็นท่าอากาศยานนานาชาติ นำผู้แสวงบุญไปยังประเทศซาอุดิอาระเบีย

    ปัจจุบันสนามบินโกตาบารู มีเที่ยวบินไปยังสนามบินกัวลาลัมเปอร์ (KUL) มี 3 สายการบิน ได้แก่ แอร์เอเชีย มาเลเซียแอร์ไลน์ส และบาติกแอร์ สนามบินซูบัง (SZB) กับสนามบินปีนัง (PEN) มีบินทุกวันโดยไฟร์ฟลาย สนามบินโคตาคินาบาลู (BKI) กับสนามบินยะโฮร์บาห์รู (JHB) 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ และสนามบินกูชิ่ง (KCH) 2 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ที่ผ่านมามีชาวไทยในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ มาขึ้นเครื่องไปยังกรุงกัวลาลัมเปอร์ เพราะค่าโดยสารถูก ไม่ถึง 1,000 บาทต่อเที่ยว

    ส่วนโครงการทางรถไฟเชื่อมชายฝั่งตะวันออกมาเลเซีย หรือ ECRL (East Coast Rail Link) ระยะทาง 665 กิโลเมตร มูลค่าโครงการ 50,270 ล้านริงกิต ต้นทางจากสถานีโกตาบารู ผ่านรัฐกลันตัน รัฐตรังกานู รัฐปะหัง และรัฐสลังงอร์ ปลายทางสถานีจาลัน คาสตัม (Jalan Castam) ย่านพอร์ตแคลง (Port Klang) โดยใช้รถไฟโดยสารความเร็วสูงสุด 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ลดเวลาเดินทางไปยังสถานีกอมบัค (Gombak) เหลือประมาณ 4 ชั่วโมง สามารถต่อรถไฟฟ้า LRT ไปยังกรุงกัวลาลัมเปอร์ได้

    นายนิค โซห์ ยาคูบ (Nik Soh Yaacoub) ผู้อำนวยการฝ่ายโยธาธิการของรัฐกลันตัน เปิดเผยความคืบหน้าการก่อสร้างทางรถไฟช่วงที่ผ่านรัฐกลันตัน ระยะทาง 48.86 กิโลเมตร คืบหน้า 83.27% ส่วนการก่อสร้างสถานีโกตาบารู คืบหน้า 45.48% เร็วกว่าแผนเล็กน้อย ส่วนสถานีปาซีร์ปูเตะห์ (Pasir Puteh) สำหรับการโดยสารและขนส่งสินค้า ล่าช้าเล็กน้อยเพราะปัจจัยแวดล้อมหลายประการ คาดว่าโครงการจะแล้วเสร็จในเดือน ก.ค. 2568 และเปิดให้บริการในปี 2570

    #Newskit #KotaBharu #ECRL
    โกตาบารูอัปเกรดสนามบิน-ระบบราง โกตาบารู (Kota Bharu) เมืองหลวงของรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ตั้งอยู่ใกล้ชายแดนไทย-มาเลเซีย ทางรถยนต์ที่ด่านพรมแดนสุไหงโก-ลก และเรือข้ามฟากที่ด่านตากใบ (ท่าเรือ) จ.นราธิวาส แม้จะเป็นรัฐอนุรักษ์นิยมที่เคร่งครัดในเรื่องศาสนามากที่สุด และจัดอยู่ในกลุ่มรัฐที่ยากจนที่สุด แต่ที่ผ่านมารัฐบาลกลางของมาเลเซียได้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการเดินทาง กระตุ้นเศรษฐกิจ การลงทุน และการท่องเที่ยว ท่าอากาศยานสุลต่านอิสมาอิล เปตรา โกตาบารู (KBR) ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2567 ได้เปิดให้บริการอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ระยะที่ 1 รองรับผู้โดยสารได้ 1.5 ล้านคนต่อปี ใช้งบประมาณในการก่อสร้าง 440 ล้านริงกิต ขณะที่นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เคยตอบรับที่จะขยายทางวิ่ง (Runway) เพิ่มอีก 400 เมตร จากเดิม 2,400 เมตร เป็น 2,800 เมตร ตามที่มุขมนตรีรัฐกลันตันร้องขอ เพื่อรองรับการเป็นท่าอากาศยานนานาชาติ นำผู้แสวงบุญไปยังประเทศซาอุดิอาระเบีย ปัจจุบันสนามบินโกตาบารู มีเที่ยวบินไปยังสนามบินกัวลาลัมเปอร์ (KUL) มี 3 สายการบิน ได้แก่ แอร์เอเชีย มาเลเซียแอร์ไลน์ส และบาติกแอร์ สนามบินซูบัง (SZB) กับสนามบินปีนัง (PEN) มีบินทุกวันโดยไฟร์ฟลาย สนามบินโคตาคินาบาลู (BKI) กับสนามบินยะโฮร์บาห์รู (JHB) 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ และสนามบินกูชิ่ง (KCH) 2 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ที่ผ่านมามีชาวไทยในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ มาขึ้นเครื่องไปยังกรุงกัวลาลัมเปอร์ เพราะค่าโดยสารถูก ไม่ถึง 1,000 บาทต่อเที่ยว ส่วนโครงการทางรถไฟเชื่อมชายฝั่งตะวันออกมาเลเซีย หรือ ECRL (East Coast Rail Link) ระยะทาง 665 กิโลเมตร มูลค่าโครงการ 50,270 ล้านริงกิต ต้นทางจากสถานีโกตาบารู ผ่านรัฐกลันตัน รัฐตรังกานู รัฐปะหัง และรัฐสลังงอร์ ปลายทางสถานีจาลัน คาสตัม (Jalan Castam) ย่านพอร์ตแคลง (Port Klang) โดยใช้รถไฟโดยสารความเร็วสูงสุด 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ลดเวลาเดินทางไปยังสถานีกอมบัค (Gombak) เหลือประมาณ 4 ชั่วโมง สามารถต่อรถไฟฟ้า LRT ไปยังกรุงกัวลาลัมเปอร์ได้ นายนิค โซห์ ยาคูบ (Nik Soh Yaacoub) ผู้อำนวยการฝ่ายโยธาธิการของรัฐกลันตัน เปิดเผยความคืบหน้าการก่อสร้างทางรถไฟช่วงที่ผ่านรัฐกลันตัน ระยะทาง 48.86 กิโลเมตร คืบหน้า 83.27% ส่วนการก่อสร้างสถานีโกตาบารู คืบหน้า 45.48% เร็วกว่าแผนเล็กน้อย ส่วนสถานีปาซีร์ปูเตะห์ (Pasir Puteh) สำหรับการโดยสารและขนส่งสินค้า ล่าช้าเล็กน้อยเพราะปัจจัยแวดล้อมหลายประการ คาดว่าโครงการจะแล้วเสร็จในเดือน ก.ค. 2568 และเปิดให้บริการในปี 2570 #Newskit #KotaBharu #ECRL
    Like
    6
    0 Comments 0 Shares 485 Views 0 Reviews
  • หลังการโจมตีอิหร่านโดยอิสราเอลได้เพียงวันเดียว สื่อตะวันตกก็เริ่มประโคมข่าวการป่วยหนักอีกครั้งของ "อายาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี" ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน

    - รายงานของสื่อตะวันตกระบุว่า อายาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ในวัย 85 ปี ซึ่งเป็นผู้นำอิหร่านมาตั้งแต่ปี 1989 มีอาการป่วยหนัก

    - เป็นที่รู้จักในฐานะผู้รวบรวมอำนาจภายในกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติ ผลงานของเขาได้แก่ การเป็นผู้นำต่อต้านอิทธิพลของตะวันตกอย่างเข้มแข็ง และผลักดันให้ภูมิภาคเข้มแข็งขึ้น มีอิทธิพลอย่างมากในอิหร่าน และยังแพร่ขยายออกไปในภูมิภาคผ่านพันธมิตรทั่วตะวันออกกลาง

    - สื่อยังรายงานอีกว่า "สุขภาพของเขาย่ำแย่และเสื่อมถอยลงอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับอนาคตต่อไปของอิหร่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการโจมตีของอิสราเอลเมื่อคืนนี้"

    - เท่านั้นยังไม่พอ สื่อยังคาดการณ์ล่วงหน้าอีกว่า "โมจตาบา คาเมเนอี" ลูกชายคนที่สองของคาเมเนอี จะเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งต่อจากเขา

    - โมจตาบา มีอิทธิพลอย่างสูงในกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติของอิหร่าน (IRGC) และเครือข่ายข่าวกรองที่ทรงอิทธิพลของอิหร่าน

    - การก้าวขึ้นมาของเขา อาจเพิ่มพลังขับเคลื่อนในการเสริมสร้างนโยบายด้านอนุรักษ์นิยมภายในโครงสร้างอำนาจของอิหร่านให้เข้มแข็งกว่าเดิม
    หลังการโจมตีอิหร่านโดยอิสราเอลได้เพียงวันเดียว สื่อตะวันตกก็เริ่มประโคมข่าวการป่วยหนักอีกครั้งของ "อายาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี" ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน - รายงานของสื่อตะวันตกระบุว่า อายาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ในวัย 85 ปี ซึ่งเป็นผู้นำอิหร่านมาตั้งแต่ปี 1989 มีอาการป่วยหนัก - เป็นที่รู้จักในฐานะผู้รวบรวมอำนาจภายในกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติ ผลงานของเขาได้แก่ การเป็นผู้นำต่อต้านอิทธิพลของตะวันตกอย่างเข้มแข็ง และผลักดันให้ภูมิภาคเข้มแข็งขึ้น มีอิทธิพลอย่างมากในอิหร่าน และยังแพร่ขยายออกไปในภูมิภาคผ่านพันธมิตรทั่วตะวันออกกลาง - สื่อยังรายงานอีกว่า "สุขภาพของเขาย่ำแย่และเสื่อมถอยลงอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับอนาคตต่อไปของอิหร่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการโจมตีของอิสราเอลเมื่อคืนนี้" - เท่านั้นยังไม่พอ สื่อยังคาดการณ์ล่วงหน้าอีกว่า "โมจตาบา คาเมเนอี" ลูกชายคนที่สองของคาเมเนอี จะเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งต่อจากเขา - โมจตาบา มีอิทธิพลอย่างสูงในกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติของอิหร่าน (IRGC) และเครือข่ายข่าวกรองที่ทรงอิทธิพลของอิหร่าน - การก้าวขึ้นมาของเขา อาจเพิ่มพลังขับเคลื่อนในการเสริมสร้างนโยบายด้านอนุรักษ์นิยมภายในโครงสร้างอำนาจของอิหร่านให้เข้มแข็งกว่าเดิม
    0 Comments 0 Shares 78 Views 0 Reviews
  • TikTok@chaipattana9 #มูลนิธิชัยพัฒนา #อนุรักษ์ #ผ้าไทย #ไทย #ว่างว่างก็แวะมา Thaitimes
    TikTok@chaipattana9 #มูลนิธิชัยพัฒนา #อนุรักษ์ #ผ้าไทย #ไทย #ว่างว่างก็แวะมา Thaitimes
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 469 Views 243 0 Reviews
  • เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าฮาลา – บาลา

    พื้นที่อนุรักษ์แห่งใหม่ของประเทศไทย ได้รับการจัดตั้งอย่างเป็นทางการเมื่อ พ.ศ. 2539 เป็นแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย มีพื้นที่ 270,725 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่เขาสันกาลาคีรี ป่าฮาลาและป่าบาลาเป็นผืนป่าดงดิบที่ไม่ต่อเนื่องกัน แต่ได้รับประกาศเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเดียวกัน คือ ป่าฮาลา ในเขตอำเภอเบตง จังหวัดยะลา และอำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส แต่ส่วนที่เปิดให้ประชาชนเข้าไปศึกษาธรรมชาติจะเป็นพื้นที่ป่าบาลาที่ครอบคลุม อำเภอแว้ง และอำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส มีพันธุ์ไม้ต่างๆ ที่หาชมได้ยาก เช่น ต้นยวน ต้นยูคาลิบตัส ต้นสยา เป็นไม้เด่นของป่าฮาลา-บาลา เพราะเป็นแหล่งทำรังที่สำคัญของนกเงือก ยังมีสัตว์ป่าหายากหลายชนิด เช่น ชะนีดำใหญ่ หรือ เซียมัง นอกจากนั้นยังมีกบทูด ซึ่งเป็นกบขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

    ผู้ที่มีความประสงค์เข้าพื้นที่เพื่อศึกษาธรรมชาติ ต้องทำหนังสือแจ้งความประสงค์ล่วงหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา-บาลา ตู้ ปณ. 3 อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส หรือฝ่ายกิจการเขตรักษาพันธุ์ สำนักอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชกรุงเทพฯ โทร 0-2561-0777 ต่อ 1615 ในวันเวลาราชการ หรือเข้าชมเว็บไซต์ที่ www.dnp.go.th

    การเดินทาง สามารถขับไปตามทางหลวงหมายเลข 4057 มุ่งหน้าไปอำเภอแว้ง จนถึงบ้านบูเก๊ะตา จะมีป้ายบอกทางให้ขับต่ไปทางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา-บาลา
    เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าฮาลา – บาลา พื้นที่อนุรักษ์แห่งใหม่ของประเทศไทย ได้รับการจัดตั้งอย่างเป็นทางการเมื่อ พ.ศ. 2539 เป็นแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย มีพื้นที่ 270,725 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่เขาสันกาลาคีรี ป่าฮาลาและป่าบาลาเป็นผืนป่าดงดิบที่ไม่ต่อเนื่องกัน แต่ได้รับประกาศเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเดียวกัน คือ ป่าฮาลา ในเขตอำเภอเบตง จังหวัดยะลา และอำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส แต่ส่วนที่เปิดให้ประชาชนเข้าไปศึกษาธรรมชาติจะเป็นพื้นที่ป่าบาลาที่ครอบคลุม อำเภอแว้ง และอำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส มีพันธุ์ไม้ต่างๆ ที่หาชมได้ยาก เช่น ต้นยวน ต้นยูคาลิบตัส ต้นสยา เป็นไม้เด่นของป่าฮาลา-บาลา เพราะเป็นแหล่งทำรังที่สำคัญของนกเงือก ยังมีสัตว์ป่าหายากหลายชนิด เช่น ชะนีดำใหญ่ หรือ เซียมัง นอกจากนั้นยังมีกบทูด ซึ่งเป็นกบขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ผู้ที่มีความประสงค์เข้าพื้นที่เพื่อศึกษาธรรมชาติ ต้องทำหนังสือแจ้งความประสงค์ล่วงหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา-บาลา ตู้ ปณ. 3 อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส หรือฝ่ายกิจการเขตรักษาพันธุ์ สำนักอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชกรุงเทพฯ โทร 0-2561-0777 ต่อ 1615 ในวันเวลาราชการ หรือเข้าชมเว็บไซต์ที่ www.dnp.go.th การเดินทาง สามารถขับไปตามทางหลวงหมายเลข 4057 มุ่งหน้าไปอำเภอแว้ง จนถึงบ้านบูเก๊ะตา จะมีป้ายบอกทางให้ขับต่ไปทางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา-บาลา
    Like
    Love
    2
    0 Comments 0 Shares 162 Views 0 Reviews
  • พรุโต๊ะแดง” มหัศจรรย์ป่าพรุใต้ร่มพระบารมี/ปิ่น บุตรี ผู้เขียน

    “พรุเราต้องเก็บไว้ เพราะมีความสำคัญเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ต้องห้ามไม่ให้บุกรุกเข้าไป คราวนี้เราทำโครงการที่โคกใน เขาจะบุกรุกเข้าไปไม่ได้อีกแล้ว เพราะจำกัดบริเวณเขา ในพรุเราก็ส่งเสริมเอาไม้พรุเพิ่มประสิทธิภาพ อย่างตามข้างทางนี้สวยมากเห็นไม้ต่างๆ ไม้หลาวชะโอนก็มี”

    “การกำหนดขอบเขตป่าพรุ ควรกำหนดขอบเขตป่าพรุให้แน่นอน เพื่อป้องกันการบุกรุกพื้นที่ อันจะทำให้สภาพแวดล้อมเสียหมด”

    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำริไว้เมื่อ วันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2535

    “ป่าพรุ” เป็นป่าลักษณะพิเศษ เป็นป่าไม้ทึบไม่ผลัดใบประเภทหนึ่ง มีต้นไม้ใหญ่น้อยขึ้นปะปนกัน ส่วนใหญ่เป็นต้นไม้ที่ไม่ได้ขึ้นบน“ดินพรุ”ที่เกิดจากสะสมตัวของซากอินทรียวัตถุ

    ป่าพรุมีลักษณะเด่นที่สำคัญยิ่ง คือ เป็นป่าดงดิบที่มีน้ำท่วมขังอยู่ตลอด

    สำหรับหนึ่งในป่าพรุผืนสำคัญยิ่งของเมืองไทยก็คือ “ป่าพรุโต๊ะแดง” ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดนราธิวาส ปัจจุบันมีเนื้อที่กว่า 120,000 ไร่ (มีส่วนที่สมบูรณ์จริงๆประมาณ 50,000 ไร่) ครอบคลุมพื้นที่ 4 อำเภอในจังหวัดนราธิวาส ได้แก่ อำเภอสุไหงโก-ลก อำเภอตากใบ อำเภอสุไหงปาดี และอำเภอเมือง

    “มาเณศ บุณยานันต์” หัวหน้าศูนย์วิจัยและศึกษาธรรมชาติป่าพรุสิรินธร เล่าให้ผมฟังเมื่อครั้งไปเยือนศูนย์ฯแห่งนี้หนล่าสุดว่า ป่าพรุโต๊ะแดงเป็นป่าผืนสำคัญของชาวนราธิวาสมาช้านาน มีทั้งตำนานเรื่องเล่าความเชื่อ เกี่ยวกับที่มาของผืนป่าแห่งนี้ ปัจจุบันแม้ชื่อจริงๆของป่าพรุแห่งนี้จะเรียกขานกันว่า “ป่าพรุโต๊ะแดง” แต่เนื่องจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯมายังป่าพรุแห่งนี้หลายครั้ง หลายๆคนจึงยกให้เป็นดังป่าพรุของสมเด็จพระเทพฯ แล้วพากันนิยมเรียกขานป่าพรุแห่งนี้ว่า “ป่าพรุสิรินธร”

    ป่าพรุโต๊ะแดง หรือ ป่าพรุสิรินธร มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า “เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี” ปัจจุบันเป็นป่าพรุขนาดใหญ่ผืนสุดท้ายที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์ มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง และมีคุณประโยชน์อันหลากหลายทั้งทางตรงทางอ้อมต่อสภาพแวดล้อมและมนุษย์เรา
    อย่างไรก็ดีในอดีตป่าพรุโต๊ะแดงและบริเวณใกล้เคียงได้ถูกทำลายลงจากน้ำมือมนุษย์ ทั้งจากการบุกรุกแผ้วถางป่าพรุ การทำการเกษตรที่ผิดวิธี การใช้ประโยชน์จากพื้นที่ป่าพรุอย่างไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการ รวมถึงการเกิดไฟป่า(ที่มีทั้งเกิดจากธรรมชาติและฝีมือมนุษย์) ส่งผลให้ป่าพรุโต๊ะแดงและป่าพรุอื่นๆในจังหวัดนราธิวาสถูกทำลายกลายเป็นป่าเสื่อมโทรม ใช้ประโยชน์ได้เพียงส่วนน้อย
    กระทั่งในปี พ.ศ. 2517 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินแปพระราชฐานไปยัง พระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ จ.นราธิวาส ความทราบสู่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทถึงความเดือดร้อนของราษฎรในพื้นที่บริเวณป่าพรุ พระองค์ท่านจึงมีพระราชดำริเป็นแนวทางในการฟื้นฟูป่าพรุ

    หลังจากนั้นป่าพรุโต๊ะแดง และป่าพรุอื่นๆในจังหวัดนราธิวาสก็ได้รับการฟื้นฟูเรื่อยมา โดยในแนวทางการฟื้นฟูป่าพรุนั้น ได้มุ่งเน้นการส่งเสริมให้ชาวบ้านในพื้นที่ได้ตระหนักถึงความสำคัญของพื้นที่ป่าพรุและมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์พัฒนาพื้นที่ป่าพรุ เช่น การป้องกันไฟไหม้ป่าพรุ การบริหารจัดการน้ำในป่าพรุ การทำการเกษตรในพื้นที่ป่าพรุอย่างถูกวิธี ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
    อ่านต่อ >>> https://mgronline.com/travel/detail/9590000110516 <<<<<

    #ป่าพุโต๊ะแดง

    พรุโต๊ะแดง” มหัศจรรย์ป่าพรุใต้ร่มพระบารมี/ปิ่น บุตรี ผู้เขียน “พรุเราต้องเก็บไว้ เพราะมีความสำคัญเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ต้องห้ามไม่ให้บุกรุกเข้าไป คราวนี้เราทำโครงการที่โคกใน เขาจะบุกรุกเข้าไปไม่ได้อีกแล้ว เพราะจำกัดบริเวณเขา ในพรุเราก็ส่งเสริมเอาไม้พรุเพิ่มประสิทธิภาพ อย่างตามข้างทางนี้สวยมากเห็นไม้ต่างๆ ไม้หลาวชะโอนก็มี” “การกำหนดขอบเขตป่าพรุ ควรกำหนดขอบเขตป่าพรุให้แน่นอน เพื่อป้องกันการบุกรุกพื้นที่ อันจะทำให้สภาพแวดล้อมเสียหมด” พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำริไว้เมื่อ วันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2535 “ป่าพรุ” เป็นป่าลักษณะพิเศษ เป็นป่าไม้ทึบไม่ผลัดใบประเภทหนึ่ง มีต้นไม้ใหญ่น้อยขึ้นปะปนกัน ส่วนใหญ่เป็นต้นไม้ที่ไม่ได้ขึ้นบน“ดินพรุ”ที่เกิดจากสะสมตัวของซากอินทรียวัตถุ ป่าพรุมีลักษณะเด่นที่สำคัญยิ่ง คือ เป็นป่าดงดิบที่มีน้ำท่วมขังอยู่ตลอด สำหรับหนึ่งในป่าพรุผืนสำคัญยิ่งของเมืองไทยก็คือ “ป่าพรุโต๊ะแดง” ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดนราธิวาส ปัจจุบันมีเนื้อที่กว่า 120,000 ไร่ (มีส่วนที่สมบูรณ์จริงๆประมาณ 50,000 ไร่) ครอบคลุมพื้นที่ 4 อำเภอในจังหวัดนราธิวาส ได้แก่ อำเภอสุไหงโก-ลก อำเภอตากใบ อำเภอสุไหงปาดี และอำเภอเมือง “มาเณศ บุณยานันต์” หัวหน้าศูนย์วิจัยและศึกษาธรรมชาติป่าพรุสิรินธร เล่าให้ผมฟังเมื่อครั้งไปเยือนศูนย์ฯแห่งนี้หนล่าสุดว่า ป่าพรุโต๊ะแดงเป็นป่าผืนสำคัญของชาวนราธิวาสมาช้านาน มีทั้งตำนานเรื่องเล่าความเชื่อ เกี่ยวกับที่มาของผืนป่าแห่งนี้ ปัจจุบันแม้ชื่อจริงๆของป่าพรุแห่งนี้จะเรียกขานกันว่า “ป่าพรุโต๊ะแดง” แต่เนื่องจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯมายังป่าพรุแห่งนี้หลายครั้ง หลายๆคนจึงยกให้เป็นดังป่าพรุของสมเด็จพระเทพฯ แล้วพากันนิยมเรียกขานป่าพรุแห่งนี้ว่า “ป่าพรุสิรินธร” ป่าพรุโต๊ะแดง หรือ ป่าพรุสิรินธร มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า “เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี” ปัจจุบันเป็นป่าพรุขนาดใหญ่ผืนสุดท้ายที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์ มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง และมีคุณประโยชน์อันหลากหลายทั้งทางตรงทางอ้อมต่อสภาพแวดล้อมและมนุษย์เรา อย่างไรก็ดีในอดีตป่าพรุโต๊ะแดงและบริเวณใกล้เคียงได้ถูกทำลายลงจากน้ำมือมนุษย์ ทั้งจากการบุกรุกแผ้วถางป่าพรุ การทำการเกษตรที่ผิดวิธี การใช้ประโยชน์จากพื้นที่ป่าพรุอย่างไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการ รวมถึงการเกิดไฟป่า(ที่มีทั้งเกิดจากธรรมชาติและฝีมือมนุษย์) ส่งผลให้ป่าพรุโต๊ะแดงและป่าพรุอื่นๆในจังหวัดนราธิวาสถูกทำลายกลายเป็นป่าเสื่อมโทรม ใช้ประโยชน์ได้เพียงส่วนน้อย กระทั่งในปี พ.ศ. 2517 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินแปพระราชฐานไปยัง พระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ จ.นราธิวาส ความทราบสู่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทถึงความเดือดร้อนของราษฎรในพื้นที่บริเวณป่าพรุ พระองค์ท่านจึงมีพระราชดำริเป็นแนวทางในการฟื้นฟูป่าพรุ หลังจากนั้นป่าพรุโต๊ะแดง และป่าพรุอื่นๆในจังหวัดนราธิวาสก็ได้รับการฟื้นฟูเรื่อยมา โดยในแนวทางการฟื้นฟูป่าพรุนั้น ได้มุ่งเน้นการส่งเสริมให้ชาวบ้านในพื้นที่ได้ตระหนักถึงความสำคัญของพื้นที่ป่าพรุและมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์พัฒนาพื้นที่ป่าพรุ เช่น การป้องกันไฟไหม้ป่าพรุ การบริหารจัดการน้ำในป่าพรุ การทำการเกษตรในพื้นที่ป่าพรุอย่างถูกวิธี ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม เป็นต้น อ่านต่อ >>> https://mgronline.com/travel/detail/9590000110516 <<<<< #ป่าพุโต๊ะแดง
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 248 Views 0 Reviews
  • ปะการังเจ็ดสี Unseen กองหินขาว จ.สตูล

    เอ่ยถึงจังหวัดสตูล หลายคนมักจะถึงเกาะตะรุเตา เกาะหลีเป๊ะ อาดังราวี แต่รู้หรือไม่ว่า ที่จังหวัดสตูล ยังมีทะเลอีกหนึ่งจุดที่รอนักท่องเที่ยวมาสัมผัสความงามใต้ท้องทะเลลึก ณ กองหินขาว อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา

    หลายปีที่ผ่านมา ชื่อของกองหินขาว โด่งดังขึ้นมา จากโครงการท่าเรือน้ำลึกปากบารา ซึ่งเหล่านักวิชาการ -นักอนุรักษ์มองว่าการก่อสร้างท่าเรือดังกล่าวจะส่งผลกระทบโดยตรงกับกองหินขาว และระบบนิเวศวิทยาทางทะเลที่อยู่ล้อมรอบ ดังนั้นจึงมีการนำภาพนิ่ง - วีดีโอ ต่างๆของท้องทะเลใต้กองหินขาวและบริเวณรอบๆมานำเสนอต่อประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับรู้ ได้เห็นว่าแท้จริงแล้ว ใต้ท้องทะเลแห่งนี้มีของดีล้ำค่าเพียงใด

    ผลของการออกโรงของนักวิชาการ -นักอนุรักษ์ รวมไปถึงชุมชนที่หวั่นว่าจะได้รับผลกระทบ ส่งผลให้รัฐบาลโดยกรมเจ้าท่า ได้ลงนามร่วมกับบริษัทที่ปรึกษาที่เป็นคู่สัญญายุติโครงการศึกษาทบทวนและสำรวจออกแบบรายละเอียด (EHIA) โครงการท่าเรือน้ำลึกฯ (ปากบารา) เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2562

    #ปะการัง7สี
    ปะการังเจ็ดสี Unseen กองหินขาว จ.สตูล เอ่ยถึงจังหวัดสตูล หลายคนมักจะถึงเกาะตะรุเตา เกาะหลีเป๊ะ อาดังราวี แต่รู้หรือไม่ว่า ที่จังหวัดสตูล ยังมีทะเลอีกหนึ่งจุดที่รอนักท่องเที่ยวมาสัมผัสความงามใต้ท้องทะเลลึก ณ กองหินขาว อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา หลายปีที่ผ่านมา ชื่อของกองหินขาว โด่งดังขึ้นมา จากโครงการท่าเรือน้ำลึกปากบารา ซึ่งเหล่านักวิชาการ -นักอนุรักษ์มองว่าการก่อสร้างท่าเรือดังกล่าวจะส่งผลกระทบโดยตรงกับกองหินขาว และระบบนิเวศวิทยาทางทะเลที่อยู่ล้อมรอบ ดังนั้นจึงมีการนำภาพนิ่ง - วีดีโอ ต่างๆของท้องทะเลใต้กองหินขาวและบริเวณรอบๆมานำเสนอต่อประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับรู้ ได้เห็นว่าแท้จริงแล้ว ใต้ท้องทะเลแห่งนี้มีของดีล้ำค่าเพียงใด ผลของการออกโรงของนักวิชาการ -นักอนุรักษ์ รวมไปถึงชุมชนที่หวั่นว่าจะได้รับผลกระทบ ส่งผลให้รัฐบาลโดยกรมเจ้าท่า ได้ลงนามร่วมกับบริษัทที่ปรึกษาที่เป็นคู่สัญญายุติโครงการศึกษาทบทวนและสำรวจออกแบบรายละเอียด (EHIA) โครงการท่าเรือน้ำลึกฯ (ปากบารา) เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2562 #ปะการัง7สี
    0 Comments 0 Shares 177 Views 0 Reviews
  • อนาคตสถานีลพบุรี

    โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ระยะทาง 145 กิโลเมตร มูลค่าโครงการ 21,467 ล้านบาท เริ่มก่อสร้างตั้งแต่กลางปี 2561 ในที่สุดสัญญาที่ 1 ช่วงบ้านกลับ-โคกกะเทียม (ทางรถไฟยกระดับ) ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อเดือน ก.ย. 2567 ส่วนสัญญาที่ 2 ท่าแค-ปากน้ำโพ คืบหน้า 98.26% คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือน พ.ย. 2567 และสัญญาที่ 3 งานระบบอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคม (ST8) คืบหน้า 49.59% คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือน ก.ค. 2568

    สำหรับไฮไลต์ของโครงการอยู่ที่สัญญาที่ 1 เป็นการก่อสร้างทางรถไฟทางคู่ใหม่ ระยะทาง 29 กิโลเมตร เพื่อป้องกันผลกระทบต่อโบราณสถานอย่างพระปรางค์สามยอด มีจุดเริ่มต้นทางทิศใต้ของสถานีบ้านกลับ เบี่ยงออกทางด้านทิศตะวันตกของเมืองลพบุรี และยกระดับบนแนวเกาะกลางถนนของทางหลวงหมายเลข 366 (ถนนเลี่ยงเมืองลพบุรี) ระยะทาง 19 กิโลเมตร ก่อนลดระดับลง บรรจบแนวเส้นทางรถไฟเดิม ระหว่างสถานีท่าแค และสถานีโคกกะเทียม

    พร้อมปรับปรุงสถานีรถไฟบ้านกลับ โดยอนุรักษ์อาคารเดิมไว้ และก่อสร้างสถานีรถไฟลพบุรี 2 บริเวณถนนเลี่ยงเมืองลพบุรี ก่อนถึงแยกสนามไชย ต.โพลาดแก้ว อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี เป็นโครงสร้างขนาดใหญ่ 3 ชั้น ประกอบด้วยชั้น 1 ที่จอดรถ ชั้น 2 พื้นที่จำหน่ายตั๋วและรองรับผู้โดยสาร ชั้น 3 ชานชาลา

    อย่างไรก็ตาม เนื่องจากที่ตั้งสถานีรถไฟลพบุรี 2 อยู่ห่างจากสถานีรถไฟลพบุรี ต.ท่าหิน อ.เมืองฯ จ.ลพบุรี ประมาณ 9 กิโลเมตร ตามแผนของกระทรวงคมนาคม จะให้รถไฟชานเมือง กรุงเทพ (หัวลำโพง)-ลพบุรี และรถไฟท้องถิ่น พิษณุโลก-ลพบุรี ทั้งไปและกลับ จอดที่สถานีเดิม นอกนั้นทั้งรถไฟธรรมดา รถเร็ว รถด่วน รถด่วนพิเศษ ย้ายไปให้บริการที่สถานีลพบุรี 2 แห่งใหม่

    แน่นอนว่าย่อมมีผู้ไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะนักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไปที่ต้องอาศัยรถไฟธรรมดา สายพิษณุโลก สายตะพานหิน สายนครสวรรค์ และสายบ้านตาคลี มายังสถานีลพบุรี ไม่นับรวมกรณีรถไฟทางไกลสายเหนือ ต้องไปใช้บริการที่สถานีลพบุรี 2 มีสิ่งอำนวยความสะดวกเพียงพอหรือไม่ มีรถรับส่งผู้โดยสารไปยังตัวเมืองลพบุรีหรือไม่ บริการฟรีหรือเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม ภาระตกอยู่กับผู้โดยสารเพิ่มขึ้น

    ขณะนี้สถานีรถไฟลพบุรี ได้ทำทำแบบสำรวจเพื่อประกอบการจัดทำแผนในการเดินขบวนรถไฟโดยสาร ที่ให้บริการระหว่างสถานีลพบุรี (เดิม) และสถานีลพบุรี 2 เพื่อรับทราบถึงความคิดเห็น ความต้องการ ข้อดีข้อเสีย และผลกระทบที่ได้รับ สามารถแสดงความคิดเห็นได้ที่ Google Form https://forms.gle/8HG7zhG7gheZBaSW6 หรือที่ช่องจำหน่ายตั๋วโดยสาร สถานีรถไฟลพบุรี

    #Newskit #สถานีลพบุรี #รถไฟทางคู่
    อนาคตสถานีลพบุรี โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ระยะทาง 145 กิโลเมตร มูลค่าโครงการ 21,467 ล้านบาท เริ่มก่อสร้างตั้งแต่กลางปี 2561 ในที่สุดสัญญาที่ 1 ช่วงบ้านกลับ-โคกกะเทียม (ทางรถไฟยกระดับ) ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อเดือน ก.ย. 2567 ส่วนสัญญาที่ 2 ท่าแค-ปากน้ำโพ คืบหน้า 98.26% คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือน พ.ย. 2567 และสัญญาที่ 3 งานระบบอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคม (ST8) คืบหน้า 49.59% คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือน ก.ค. 2568 สำหรับไฮไลต์ของโครงการอยู่ที่สัญญาที่ 1 เป็นการก่อสร้างทางรถไฟทางคู่ใหม่ ระยะทาง 29 กิโลเมตร เพื่อป้องกันผลกระทบต่อโบราณสถานอย่างพระปรางค์สามยอด มีจุดเริ่มต้นทางทิศใต้ของสถานีบ้านกลับ เบี่ยงออกทางด้านทิศตะวันตกของเมืองลพบุรี และยกระดับบนแนวเกาะกลางถนนของทางหลวงหมายเลข 366 (ถนนเลี่ยงเมืองลพบุรี) ระยะทาง 19 กิโลเมตร ก่อนลดระดับลง บรรจบแนวเส้นทางรถไฟเดิม ระหว่างสถานีท่าแค และสถานีโคกกะเทียม พร้อมปรับปรุงสถานีรถไฟบ้านกลับ โดยอนุรักษ์อาคารเดิมไว้ และก่อสร้างสถานีรถไฟลพบุรี 2 บริเวณถนนเลี่ยงเมืองลพบุรี ก่อนถึงแยกสนามไชย ต.โพลาดแก้ว อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี เป็นโครงสร้างขนาดใหญ่ 3 ชั้น ประกอบด้วยชั้น 1 ที่จอดรถ ชั้น 2 พื้นที่จำหน่ายตั๋วและรองรับผู้โดยสาร ชั้น 3 ชานชาลา อย่างไรก็ตาม เนื่องจากที่ตั้งสถานีรถไฟลพบุรี 2 อยู่ห่างจากสถานีรถไฟลพบุรี ต.ท่าหิน อ.เมืองฯ จ.ลพบุรี ประมาณ 9 กิโลเมตร ตามแผนของกระทรวงคมนาคม จะให้รถไฟชานเมือง กรุงเทพ (หัวลำโพง)-ลพบุรี และรถไฟท้องถิ่น พิษณุโลก-ลพบุรี ทั้งไปและกลับ จอดที่สถานีเดิม นอกนั้นทั้งรถไฟธรรมดา รถเร็ว รถด่วน รถด่วนพิเศษ ย้ายไปให้บริการที่สถานีลพบุรี 2 แห่งใหม่ แน่นอนว่าย่อมมีผู้ไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะนักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไปที่ต้องอาศัยรถไฟธรรมดา สายพิษณุโลก สายตะพานหิน สายนครสวรรค์ และสายบ้านตาคลี มายังสถานีลพบุรี ไม่นับรวมกรณีรถไฟทางไกลสายเหนือ ต้องไปใช้บริการที่สถานีลพบุรี 2 มีสิ่งอำนวยความสะดวกเพียงพอหรือไม่ มีรถรับส่งผู้โดยสารไปยังตัวเมืองลพบุรีหรือไม่ บริการฟรีหรือเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม ภาระตกอยู่กับผู้โดยสารเพิ่มขึ้น ขณะนี้สถานีรถไฟลพบุรี ได้ทำทำแบบสำรวจเพื่อประกอบการจัดทำแผนในการเดินขบวนรถไฟโดยสาร ที่ให้บริการระหว่างสถานีลพบุรี (เดิม) และสถานีลพบุรี 2 เพื่อรับทราบถึงความคิดเห็น ความต้องการ ข้อดีข้อเสีย และผลกระทบที่ได้รับ สามารถแสดงความคิดเห็นได้ที่ Google Form https://forms.gle/8HG7zhG7gheZBaSW6 หรือที่ช่องจำหน่ายตั๋วโดยสาร สถานีรถไฟลพบุรี #Newskit #สถานีลพบุรี #รถไฟทางคู่
    Like
    8
    0 Comments 1 Shares 416 Views 0 Reviews
  • ชมภาพ! ชาวบ้านรุมช่วย "โลมา 2 แม่-ลูก" ว่ายหลงในเขตน้ำท่วมเมืองบีลิน รัฐมอญ
    .
    ชาวบ้านร่วมกับเจ้าหน้าที่ รุมให้ความช่วยเหลือโลมาอิระวดี 2 แม่-ลูก ที่ว่ายหลงเข้าไปในเขตน้ำท่วมขัง เมืองบีลิน รัฐมอญ ก่อนนำไปปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ
    .
    ช่วงค่ำของวันที่ 9 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา เพจองค์กรอนุรักษ์ธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพ(Biodiversity And Nature Conservation Association : BANCA) ของเมียนมา ได้เผยแพร่ภาพการช่วยเหลือโลมาอิระวดี หรือโลมาหัวบาตรหลังเรียบ 2 ตัว แม่-ลูก ที่ได้ว่ายหลงเข้าไปในทุ่งนากว้างซึ่งเป็นพื้นที่น้ำท่วมขังห่างจากชายฝั่ง ในเขตตำบลซุกกะลิ เมืองบีลิน รัฐมอญ
    .
    ชาวบ้านในพื้นที่ได้พบโลมา 2 ตัว แม่-ลูกว่ายหลงทางอยู่ในทุ่งนาเมื่อเวลา 16.25 น. ของวันที่ 5 ตุลาคม จึงได้แจ้งไปยังฝ่ายปกครองในพื้นที่ เพื่อประสานงานขอเจ้าหน้าที่ผู้ชำนาญจากแผนกประมงรัฐมอญ กลุ่มอนุรักษ์พื้นที่หมู่บ้านมุติง รวมถึงเจ้าหน้าที่ของ BANCA มาช่วยกันล้อมจับโลมาทั้งคู่ เพื่อนำไปปล่อยคืนสู่ธรรมชาติในแม่น้ำบีลิน
    .
    หลังจับโลมาแม่-ลูกได้แล้ว เจ้าหน้าที่ได้นำไปวัดขนาด พบว่าโลมาตัวแม่ยาว 5.6 ฟุต ส่วนโลมาตัวลูกยาว 2.5 ฟุต
    .
    คลิกชม >> https://mgronline.com/indochina/detail/9670000097502
    ชมภาพ! ชาวบ้านรุมช่วย "โลมา 2 แม่-ลูก" ว่ายหลงในเขตน้ำท่วมเมืองบีลิน รัฐมอญ . ชาวบ้านร่วมกับเจ้าหน้าที่ รุมให้ความช่วยเหลือโลมาอิระวดี 2 แม่-ลูก ที่ว่ายหลงเข้าไปในเขตน้ำท่วมขัง เมืองบีลิน รัฐมอญ ก่อนนำไปปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ . ช่วงค่ำของวันที่ 9 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา เพจองค์กรอนุรักษ์ธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพ(Biodiversity And Nature Conservation Association : BANCA) ของเมียนมา ได้เผยแพร่ภาพการช่วยเหลือโลมาอิระวดี หรือโลมาหัวบาตรหลังเรียบ 2 ตัว แม่-ลูก ที่ได้ว่ายหลงเข้าไปในทุ่งนากว้างซึ่งเป็นพื้นที่น้ำท่วมขังห่างจากชายฝั่ง ในเขตตำบลซุกกะลิ เมืองบีลิน รัฐมอญ . ชาวบ้านในพื้นที่ได้พบโลมา 2 ตัว แม่-ลูกว่ายหลงทางอยู่ในทุ่งนาเมื่อเวลา 16.25 น. ของวันที่ 5 ตุลาคม จึงได้แจ้งไปยังฝ่ายปกครองในพื้นที่ เพื่อประสานงานขอเจ้าหน้าที่ผู้ชำนาญจากแผนกประมงรัฐมอญ กลุ่มอนุรักษ์พื้นที่หมู่บ้านมุติง รวมถึงเจ้าหน้าที่ของ BANCA มาช่วยกันล้อมจับโลมาทั้งคู่ เพื่อนำไปปล่อยคืนสู่ธรรมชาติในแม่น้ำบีลิน . หลังจับโลมาแม่-ลูกได้แล้ว เจ้าหน้าที่ได้นำไปวัดขนาด พบว่าโลมาตัวแม่ยาว 5.6 ฟุต ส่วนโลมาตัวลูกยาว 2.5 ฟุต . คลิกชม >> https://mgronline.com/indochina/detail/9670000097502
    MGRONLINE.COM
    ชมภาพ! ชาวบ้านรุมช่วย "โลมา 2 แม่-ลูก" ว่ายหลงในเขตน้ำท่วมเมืองบีลิน รัฐมอญ
    ชมภาพชาวบ้านร่วมกับเจ้าหน้าที่ รุมให้ความช่วยเหลือโลมาอิระวดี 2 แม่-ลูก ที่ว่ายหลงเข้าไปในเขตน้ำท่วมขัง เมืองบีลิน รัฐมอญ ก่อนนำไปปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ
    Like
    Love
    Yay
    13
    0 Comments 1 Shares 513 Views 0 Reviews
  • โบราณสถาน ในวัดใหญ่โพหัก อ.บางแพ จ.ราชบุรี ภายในวัดจะปรากฎให้เห็นถึงวิหารอุดหลังเก่า ที่แสดงให้เห็นถึงความเก่าแก่ของวัดใหญ่โพหัก ภายในวิหารเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปหินทรายแดง ลงรัก ปิดทอง เป็นศิลปะสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ปัจจุบันไม่ได้เปิดให้เข้าเนื่องจากประตูชำรุดเก่ามาก และรอการบูรณะจากกรมศิลปากร (กรมศิลปากร ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2543)#วัดใหญ่โพหัก #วัดเก่าแก่ #วัดสวย #โบราณสถาน #โบราณ #อนุรักษ์ของเก่า#ราชบุรีไม่ได้มีดีแค่โอ่ง #เที่ยวราชบุรี#tixtoxพาเที่ยว#ทริปนี้ที่รอคอย#ให้ภาพเล่าเรื่อง @ให้ภาพเล่าเรื่อง @ให้ภาพเล่าเรื่อง @ให้ภาพเล่าเรื่อง
    โบราณสถาน ในวัดใหญ่โพหัก อ.บางแพ จ.ราชบุรี ภายในวัดจะปรากฎให้เห็นถึงวิหารอุดหลังเก่า ที่แสดงให้เห็นถึงความเก่าแก่ของวัดใหญ่โพหัก ภายในวิหารเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปหินทรายแดง ลงรัก ปิดทอง เป็นศิลปะสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ปัจจุบันไม่ได้เปิดให้เข้าเนื่องจากประตูชำรุดเก่ามาก และรอการบูรณะจากกรมศิลปากร (กรมศิลปากร ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2543)#วัดใหญ่โพหัก #วัดเก่าแก่ #วัดสวย #โบราณสถาน #โบราณ #อนุรักษ์ของเก่า#ราชบุรีไม่ได้มีดีแค่โอ่ง #เที่ยวราชบุรี#tixtoxพาเที่ยว#ทริปนี้ที่รอคอย#ให้ภาพเล่าเรื่อง @ให้ภาพเล่าเรื่อง @ให้ภาพเล่าเรื่อง @ให้ภาพเล่าเรื่อง
    0 Comments 0 Shares 207 Views 9 0 Reviews
More Results