• เค้าก็ไม่เคยบอกใครนะ ว่าพี่ปูเขาเป็นสุภาพบุรุษนักบุญ……
    แต่คนที่จะเอาชนะกับกลุ่มมารที่ทึ้งแทะประเทศ……มันก็มีบทโหด……และ ไม่ใช่โหดเฉยๆ แต่โคตรโหดเลยจ้าาาาา
    นี่เป็นส่วนหนึ่งของน้ำจิ้มนะจ๊ะ…

    ตอนสิบเจ็ด…..…ฆาตกรรมข้ามแดนที่เรียงเป็นซีรี่ย์……เป็นเรื่องตะวันตกเขาว่าเขารับไม่ได้………!!

    ดิฉันเคยเขียนถึงเรื่องของ Aleksandr Litvinenko ที่โดนยาพิษไปแล้ว จะเอามาแปะให้ข้างล่าง แต่……เขายังเป็นอะไรที่มีโอกาสสั่งเสีย และมีเวลาเขียนจดหมายอาฆาตแค้นถึงปูติน
    ก่อนที่จะลาลับไปจากโลกนี้
    แต่ก่อนหน้านั้นหกอาทิตย์ ……คนที่ไม่มีโอกาสแม้แต่จะกระพริบตา คือ Anna Politkovskaya **วัย 48 นักข่าว นักเคลื่อนไหว
    นักเขียน ที่มีสัญชาติอเมริกัน (เชื้อชาติรัสเซีย)
    ที่เป็นฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลปูตินมาโดยตลอด เธอถือว่าเธอได้รับการคุ้มครองจากสถานทูตอเมริกัน จึงกล้าเขียนวิจารณ์ทั้งสื่อใน และ นอกประเทศ
    งานหลักของเธอคือ การจิกกัดในเรื่องของสงครามที่เชเชน
    โดยจะทำรายงานสกู๊ปข่าวอย่างละเอียด ว่า ใครได้ถูกเก็บไปบ้าง และติเตียนปูตินที่เอา Ramzan Kadyrov จิ๊กโก๋บ้าดีเดือด มาเป็นผู้ว่าการรัฐ ที่เธอเปรียบเปรย และดูถูก ว่า ไร้การศึกษา ไม่มีมารยาท กระหายเลือด และ โง่.……!!ว
    วันที่ 7 ตุลาคม 2006 ที่เธอกำลังขึ้นลิฟท์ที่พัก……มือปืนได้บุกเข้ายิงเธอสี่นัด และวางปืนไว้ข้างๆร่างของเธอ เป็นสัญญลักษณ์ว่า เป็นการจ้างวาน…

    เรื่องนี้เป็นข่าวใหญ่ทั่วโลก เพราะเป็นการกระทำที่อุกอาจกลางกรุงมอสโคว์ เหยื่อเป็นนักข่าว เป็นผู้หญิง และอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาล
    แน่นอนว่า…..ทุกคนพุ่งเป้าไปที่ปูตินพียงคนเดียว
    และไม่มีใครออกมาให้ข่าวอะไรเพื่อที่จะเคลียร์ตัวเอง
    จนสามวันถัดไปที่เป็นวันฝังร่างที่มีผู้คนไปร่วมงานนับพัน
    ที่ปูตินเดินทางไปที่ Dresden ในการพบปะกับนายกรัฐมนตรีคนใหม่ มาดาม Angela Merkel ที่มาแทน Gerhard Schroeder
    ในการพบกัน แองเจลาได้พยายามที่จะถามคุ้ยถึงเรื่องฆาตกรรม แต่ปูตินพูดเรียบๆว่า
    “มันเป็นอะไรที่เหี้ยมโหดมาก..แต่การที่หล่อนตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์กับรัสเซีย เขียนข้อความที่ต่อต้านมาโดยตลอด ซึ่งมันไม่ได้เป็นผลอะไรกับรัฐบาลเลย ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะไปทำการที่ทำให้เกิดผลเสีย……คนที่อยู่เบื้องหลังในการฆาตกรรมนี้ คือกลุ่มที่มีความตั้งใจจะให้เราเป็นแพะ……”
    เขาพูดต่อว่า…
    “เรามีศัตรูที่ฝังตัวอยู่ในและนอกรัสเซียมากมาย ที่พร้อมที่จะสาดโคลนให้เราเสียชื่อเสียงตลอดเวลา”
    นั่นเขาหมายถึง Litvinenko ที่ไปตั้งแก๊งค์รวมกลุ่มกับ Boris Berezovsky ที่ลอนดอน

    ~~สาวให้ลึกเข้าไปอีกนิดนะคะ Litvinenko (จะเรียกว่า Lit) กับ Anna อยู่ในขบวนการเดียวกัน เธอได้บินไปเยี่ยมเขาถึงในลอนดอน เพื่อให้ข้อมูลของสงครามเชเชน……เพราะ Lit ได้เจาะในเรื่องการที่เหล่าผู้นำฝ่ายกบฏถูกตามเก็บไปทีละคนสองคน จนเป็นการจบสิ้นขบวนการขัดแย้ง
    เขาเสียชีวิตในวันที่ 23 พฤศจิกายน หลังจากที่อยู่ในโรงพยาบาลยี่สิบกว่าวัน หลังจากการจากไปของแอนนาเพียงหกอาทิตย์
    ทั้งสองคดีนี้……จับคนร้ายได้ทั้งขบวนการ ติดคุกกันไปคนบะหลายปี แต่จับตัวผู้บงการไม่ได้
    และ ผู้ต้องหาส่วนใหญ่มีพื้นเพเป็นอดีต FSB
    ส่วนจดหมายอาฆาตแค้นที่ Lit เขียนถึงปูติน………
    เขาไม่ได้โต้ตอบอะไร นอกจากแสดงความเสียใจ……เช่นเดียวกับที่เขาได้ทำอย่างเดียวกันกับการฆาตกรรมของแอนนา

    แต่เนื่องจากกระแสข่าวที่ได้ถูกจุดขึ้นมา สื่อตะวันตกจึงได้ใช้กระแสนี้ ขุดเอาการตายอย่างน่าสงสัยของคนหลายๆคนในอดีตขึ้นมาด้วย ทั้งหมดเกี่ยวข้องกับ FSB เพราะ Boris Berezovsky อดีตเจ้าพ่อสื่อตั้งตัวเป็นศัตรูที่เปิดหน้าชกกับปูติน……แบบข้ามทวีป……ลอนดอน-มอสโคว์

    ปูตินเหลือเวลาที่จะอยู่ในตำแหน่งอีกเพียงปีเศษ เพราะการเลือกตั้งจะมีในปี 2008 เขาจึงหันมาสนใจที่จะเร่งมือทำทุกอย่างให้เสร็จตามแผน ส่วนเรื่องที่จะหาใครมาเป็นแคนดิเดต
    คนต่อไป.…เขายังไม่คิด
    สิ่งที่เขามุ่งมั่นที่จะทำ คือ การที่จะเอารัสเซียไปเป็นเจ้าภาพในกีฬาฤดูหนาวของโอลิมปิก 2014 เพราะตั้งแต่ ปี 1980 ที่โซเวียตได้เป็นเจ้าภาพโอลิมปิก (ฤดูร้อน) ที่มอสโคว์แล้ว
    จากนั้นมา…ไม่มีโอกาสอีกเลย เพราะการแซงชั่น (สงครามอาฟกานิสถาน) และ มาตรฐานไม่ผ่าน
    ปูตินบินไปกัวเตมาลา ในเดือนกรกฎาคม 2007
    สำหรับการประชุมนอกรอบเกี่ยวกับการขอเป็นเจ้าภาพจัดงานโอลิมปิกฤดูหนาว กับ International Olympic Committee เพราะเขาเห็นว่าถึงเวลาที่รัสเซียจะต้องอวดโฉมให้กับชาวโลกได้เห็นว่า………รัสเซียไม่ใช่ประเทศหลังเขาอย่างแต่ก่อน
    อีกทั้งปูตินเอง เป็นนักกีฬาแทบทุกชนิด เขาจึงมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะให้รัสเซียได้เป็นเจ้าภาพของโอลิมปิกให้ได้
    เพราะเขารู้จัก Sochi ดี….และเห็นว่ามีภูมิทัศน์และภูมิประเทศที่จะจัดแข่งสกีได้ไม่แพ้ที่ไหนในโลก
    เขาเรียกประชุมเหล่า CEO ทั้งหลาย เพื่อที่จะทุ่มทุนสร้าง Ski Resort แบบมาตรฐานโลก……เสียเงินเท่าไหร่ไม่ว่า…!!
    ทุกคนขานรับ….

    การประชุมที่กัวเตมาลาครั้งต่อมา ที่จะมีการพิจารณาถึงความเป็นไปได้
    ข้อเสนอที่ตรงกับความต้องการ และ ต้องได้มาตรฐานสูงสุด
    ที่จะมีการโหวตสองครั้ง ครั้งแรก คือการคัดเลือกเข้ารอบ
    ครั้งที่สอง คือการตัดสิน

    รอบแรกของการคัดเลือก ผ่านเข้ามาสามประเทศ คือ ออสเตรีย, เกาหลีใต้……และรัสเซีย ที่เกาหลีใต้เฉือนรัสเซียสี่คะแนน ส่วนออสเตรียมารั้งท้าย
    ปูตินรู้สึกกดดันอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน……

    ในการประชุมตัดสินรอบต่อไป……ที่เหลือระหว่างเกาหลีใต้กับรัสเซีย
    เขาได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน……
    ทุกคนตกตะลึง……ไม่เชื่อหู…คือ เขา present โครงการที่ทันสมัย และความสวยงามของ Sochi เป็นภาษาอังกฤษล้วนๆ ตบท้ายด้วยการสรุปเป็นภาษาฝรั่งเศส
    และทันทีที่กล่าวเสร็จ……เขาไม่อยู่รอฟังการตัดสิน บินกลับมอสโคว์ทันที
    เพราะ ปูตินไม่อยากอยู่สู้หน้าใคร ถ้าหากว่า รัสเซียหลุดไปจากโผ เพราะเขาได้ทุ่มหมดหน้าตักทั้งสมองและจิตใจ…
    และไม่อยากเผชิญกับใบหน้าที่ยิ้มเยาะของพวกตะวันตก……

    เจ้าหน้าที่ที่กัวเตมาลาได้โทรหาเขาในระหว่างที่อยู่บนเครื่องบิน เพื่อแสดงความยินดีที่ Sochi ได้รับเลือกในการที่จะเป็นเจ้าภาพกีฬาฤดูหนาว
    ปูตินดีใจจนเนื้อเต้น เขารีบโทรศัพท์ไปขอบคุณประธานและคณะกรรมการทันที

    ทันทีที่เครื่องบินได้แตะพื้นดินรัสเซีย เขาพบว่าประชาชนทุกคนมีรอยยิ้มอย่างแจ่มใสบนใบหน้า ทุกคนดีใจกับเกียรติภูมิของรัสเซียที่เขาได้นำกลับมาอีกครั้ง
    กระแสความนิยมของปูตินได้พุ่งถึงขีดสุด………

    นั่นเป็นการยืนยันกับประชาชนอย่างหนักแน่นว่า………รัสเซียกำลังจะผงาดขึ้นมาเป็นใหญ่อีกครั้ง………!!!!

    Wiwanda W. Vichit
    เค้าก็ไม่เคยบอกใครนะ ว่าพี่ปูเขาเป็นสุภาพบุรุษนักบุญ…… แต่คนที่จะเอาชนะกับกลุ่มมารที่ทึ้งแทะประเทศ……มันก็มีบทโหด……และ ไม่ใช่โหดเฉยๆ แต่โคตรโหดเลยจ้าาาาา นี่เป็นส่วนหนึ่งของน้ำจิ้มนะจ๊ะ… ตอนสิบเจ็ด…..…ฆาตกรรมข้ามแดนที่เรียงเป็นซีรี่ย์……เป็นเรื่องตะวันตกเขาว่าเขารับไม่ได้………!! ดิฉันเคยเขียนถึงเรื่องของ Aleksandr Litvinenko ที่โดนยาพิษไปแล้ว จะเอามาแปะให้ข้างล่าง แต่……เขายังเป็นอะไรที่มีโอกาสสั่งเสีย และมีเวลาเขียนจดหมายอาฆาตแค้นถึงปูติน ก่อนที่จะลาลับไปจากโลกนี้ แต่ก่อนหน้านั้นหกอาทิตย์ ……คนที่ไม่มีโอกาสแม้แต่จะกระพริบตา คือ Anna Politkovskaya **วัย 48 นักข่าว นักเคลื่อนไหว นักเขียน ที่มีสัญชาติอเมริกัน (เชื้อชาติรัสเซีย) ที่เป็นฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลปูตินมาโดยตลอด เธอถือว่าเธอได้รับการคุ้มครองจากสถานทูตอเมริกัน จึงกล้าเขียนวิจารณ์ทั้งสื่อใน และ นอกประเทศ งานหลักของเธอคือ การจิกกัดในเรื่องของสงครามที่เชเชน โดยจะทำรายงานสกู๊ปข่าวอย่างละเอียด ว่า ใครได้ถูกเก็บไปบ้าง และติเตียนปูตินที่เอา Ramzan Kadyrov จิ๊กโก๋บ้าดีเดือด มาเป็นผู้ว่าการรัฐ ที่เธอเปรียบเปรย และดูถูก ว่า ไร้การศึกษา ไม่มีมารยาท กระหายเลือด และ โง่.……!!ว วันที่ 7 ตุลาคม 2006 ที่เธอกำลังขึ้นลิฟท์ที่พัก……มือปืนได้บุกเข้ายิงเธอสี่นัด และวางปืนไว้ข้างๆร่างของเธอ เป็นสัญญลักษณ์ว่า เป็นการจ้างวาน… เรื่องนี้เป็นข่าวใหญ่ทั่วโลก เพราะเป็นการกระทำที่อุกอาจกลางกรุงมอสโคว์ เหยื่อเป็นนักข่าว เป็นผู้หญิง และอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาล แน่นอนว่า…..ทุกคนพุ่งเป้าไปที่ปูตินพียงคนเดียว และไม่มีใครออกมาให้ข่าวอะไรเพื่อที่จะเคลียร์ตัวเอง จนสามวันถัดไปที่เป็นวันฝังร่างที่มีผู้คนไปร่วมงานนับพัน ที่ปูตินเดินทางไปที่ Dresden ในการพบปะกับนายกรัฐมนตรีคนใหม่ มาดาม Angela Merkel ที่มาแทน Gerhard Schroeder ในการพบกัน แองเจลาได้พยายามที่จะถามคุ้ยถึงเรื่องฆาตกรรม แต่ปูตินพูดเรียบๆว่า “มันเป็นอะไรที่เหี้ยมโหดมาก..แต่การที่หล่อนตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์กับรัสเซีย เขียนข้อความที่ต่อต้านมาโดยตลอด ซึ่งมันไม่ได้เป็นผลอะไรกับรัฐบาลเลย ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะไปทำการที่ทำให้เกิดผลเสีย……คนที่อยู่เบื้องหลังในการฆาตกรรมนี้ คือกลุ่มที่มีความตั้งใจจะให้เราเป็นแพะ……” เขาพูดต่อว่า… “เรามีศัตรูที่ฝังตัวอยู่ในและนอกรัสเซียมากมาย ที่พร้อมที่จะสาดโคลนให้เราเสียชื่อเสียงตลอดเวลา” นั่นเขาหมายถึง Litvinenko ที่ไปตั้งแก๊งค์รวมกลุ่มกับ Boris Berezovsky ที่ลอนดอน ~~สาวให้ลึกเข้าไปอีกนิดนะคะ Litvinenko (จะเรียกว่า Lit) กับ Anna อยู่ในขบวนการเดียวกัน เธอได้บินไปเยี่ยมเขาถึงในลอนดอน เพื่อให้ข้อมูลของสงครามเชเชน……เพราะ Lit ได้เจาะในเรื่องการที่เหล่าผู้นำฝ่ายกบฏถูกตามเก็บไปทีละคนสองคน จนเป็นการจบสิ้นขบวนการขัดแย้ง เขาเสียชีวิตในวันที่ 23 พฤศจิกายน หลังจากที่อยู่ในโรงพยาบาลยี่สิบกว่าวัน หลังจากการจากไปของแอนนาเพียงหกอาทิตย์ ทั้งสองคดีนี้……จับคนร้ายได้ทั้งขบวนการ ติดคุกกันไปคนบะหลายปี แต่จับตัวผู้บงการไม่ได้ และ ผู้ต้องหาส่วนใหญ่มีพื้นเพเป็นอดีต FSB ส่วนจดหมายอาฆาตแค้นที่ Lit เขียนถึงปูติน……… เขาไม่ได้โต้ตอบอะไร นอกจากแสดงความเสียใจ……เช่นเดียวกับที่เขาได้ทำอย่างเดียวกันกับการฆาตกรรมของแอนนา แต่เนื่องจากกระแสข่าวที่ได้ถูกจุดขึ้นมา สื่อตะวันตกจึงได้ใช้กระแสนี้ ขุดเอาการตายอย่างน่าสงสัยของคนหลายๆคนในอดีตขึ้นมาด้วย ทั้งหมดเกี่ยวข้องกับ FSB เพราะ Boris Berezovsky อดีตเจ้าพ่อสื่อตั้งตัวเป็นศัตรูที่เปิดหน้าชกกับปูติน……แบบข้ามทวีป……ลอนดอน-มอสโคว์ ปูตินเหลือเวลาที่จะอยู่ในตำแหน่งอีกเพียงปีเศษ เพราะการเลือกตั้งจะมีในปี 2008 เขาจึงหันมาสนใจที่จะเร่งมือทำทุกอย่างให้เสร็จตามแผน ส่วนเรื่องที่จะหาใครมาเป็นแคนดิเดต คนต่อไป.…เขายังไม่คิด สิ่งที่เขามุ่งมั่นที่จะทำ คือ การที่จะเอารัสเซียไปเป็นเจ้าภาพในกีฬาฤดูหนาวของโอลิมปิก 2014 เพราะตั้งแต่ ปี 1980 ที่โซเวียตได้เป็นเจ้าภาพโอลิมปิก (ฤดูร้อน) ที่มอสโคว์แล้ว จากนั้นมา…ไม่มีโอกาสอีกเลย เพราะการแซงชั่น (สงครามอาฟกานิสถาน) และ มาตรฐานไม่ผ่าน ปูตินบินไปกัวเตมาลา ในเดือนกรกฎาคม 2007 สำหรับการประชุมนอกรอบเกี่ยวกับการขอเป็นเจ้าภาพจัดงานโอลิมปิกฤดูหนาว กับ International Olympic Committee เพราะเขาเห็นว่าถึงเวลาที่รัสเซียจะต้องอวดโฉมให้กับชาวโลกได้เห็นว่า………รัสเซียไม่ใช่ประเทศหลังเขาอย่างแต่ก่อน อีกทั้งปูตินเอง เป็นนักกีฬาแทบทุกชนิด เขาจึงมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะให้รัสเซียได้เป็นเจ้าภาพของโอลิมปิกให้ได้ เพราะเขารู้จัก Sochi ดี….และเห็นว่ามีภูมิทัศน์และภูมิประเทศที่จะจัดแข่งสกีได้ไม่แพ้ที่ไหนในโลก เขาเรียกประชุมเหล่า CEO ทั้งหลาย เพื่อที่จะทุ่มทุนสร้าง Ski Resort แบบมาตรฐานโลก……เสียเงินเท่าไหร่ไม่ว่า…!! ทุกคนขานรับ…. การประชุมที่กัวเตมาลาครั้งต่อมา ที่จะมีการพิจารณาถึงความเป็นไปได้ ข้อเสนอที่ตรงกับความต้องการ และ ต้องได้มาตรฐานสูงสุด ที่จะมีการโหวตสองครั้ง ครั้งแรก คือการคัดเลือกเข้ารอบ ครั้งที่สอง คือการตัดสิน รอบแรกของการคัดเลือก ผ่านเข้ามาสามประเทศ คือ ออสเตรีย, เกาหลีใต้……และรัสเซีย ที่เกาหลีใต้เฉือนรัสเซียสี่คะแนน ส่วนออสเตรียมารั้งท้าย ปูตินรู้สึกกดดันอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน…… ในการประชุมตัดสินรอบต่อไป……ที่เหลือระหว่างเกาหลีใต้กับรัสเซีย เขาได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน…… ทุกคนตกตะลึง……ไม่เชื่อหู…คือ เขา present โครงการที่ทันสมัย และความสวยงามของ Sochi เป็นภาษาอังกฤษล้วนๆ ตบท้ายด้วยการสรุปเป็นภาษาฝรั่งเศส และทันทีที่กล่าวเสร็จ……เขาไม่อยู่รอฟังการตัดสิน บินกลับมอสโคว์ทันที เพราะ ปูตินไม่อยากอยู่สู้หน้าใคร ถ้าหากว่า รัสเซียหลุดไปจากโผ เพราะเขาได้ทุ่มหมดหน้าตักทั้งสมองและจิตใจ… และไม่อยากเผชิญกับใบหน้าที่ยิ้มเยาะของพวกตะวันตก…… เจ้าหน้าที่ที่กัวเตมาลาได้โทรหาเขาในระหว่างที่อยู่บนเครื่องบิน เพื่อแสดงความยินดีที่ Sochi ได้รับเลือกในการที่จะเป็นเจ้าภาพกีฬาฤดูหนาว ปูตินดีใจจนเนื้อเต้น เขารีบโทรศัพท์ไปขอบคุณประธานและคณะกรรมการทันที ทันทีที่เครื่องบินได้แตะพื้นดินรัสเซีย เขาพบว่าประชาชนทุกคนมีรอยยิ้มอย่างแจ่มใสบนใบหน้า ทุกคนดีใจกับเกียรติภูมิของรัสเซียที่เขาได้นำกลับมาอีกครั้ง กระแสความนิยมของปูตินได้พุ่งถึงขีดสุด……… นั่นเป็นการยืนยันกับประชาชนอย่างหนักแน่นว่า………รัสเซียกำลังจะผงาดขึ้นมาเป็นใหญ่อีกครั้ง………!!!! Wiwanda W. Vichit
    0 Comments 0 Shares 35 Views 0 Reviews
  • เสนอกฎหมายเพื่อฟ้อง บริษัทยายักษ์ใหญ่

    Gosar สมาชิกสภาคองเกรส สหรัฐ เสนอกฎหมายเพื่อฟ้อง บริษัทยายักษ์ใหญ่ (Big Pharma) สําหรับการบาดเจ็บจากวัคซีน
    วอชิงตัน ดี.ซี. 26 กันยายน 2024

    สมาชิกสภาคองเกรส พอล เอ. โกซาร์, ดี.ดี.เอส. (AZ-09) ออกแถลงการณ์ ต่อไปนี้ หลังจากเสนอ H.R. 9828 พระราชบัญญัติระงับ การปกป้อง ผู้ผลิตวัคซีนจากการที่ไม่ต้องรับผิดชอบ End the Vaccine Carveout Act (https://www.congress.gov/bill/118th-congress/house-bill/9828#:~:text=Summary%20of%20H.R.9828%20-%20118th%20Congress)
    เป็นร่างกฎหมายที่จะถอดผู้ผลิตวัคซีนออกจากโล่ความที่ไม่ต้องรับผิด ส่งผลให้มีกําไรหลายแสนล้านดอลลาร์สำหรับ Big Pharma ในขณะที่ทำให้ผู้คนหลายหมื่นคนไม่สามารถแสวงหาความยุติธรรมทางกฎหมาย และ การชดเชยการบาดเจ็บที่เกิดจากวัคซีน
    และมีการแถลง press release ดังต่อไปนี้

    “แม้ว่าข้าราชการของรัฐบาลกลางและ Big Pharma จะยืนยันว่าวัคซีนนั้นปลอดภัย แต่ก็น่าเสียดายที่ขาดวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับความปลอดภัยของวัคซีน ตัวอย่างเช่น การทบทวนเอกสารทางวิทยาศาสตร์ 12,000 ฉบับโดยสถาบันการแพทย์ ที่ตีพิมพ์ในปี 2555 พบว่า 98% ของการบาดเจ็บที่ศึกษานั้น เกิดจากหรืออาจเกิดจากวัคซีน การศึกษาของรัฐบาลอีกชิ้นหนึ่ง พบว่า ในขณะที่วัคซีนทำให้เกิดการบาดเจ็บใน 10 เปอร์เซ็นต์ของผู้ป่วย มีเพียงหนึ่งเปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ได้รับรายงาน ซึ่งหมายความว่าจำนวนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากวัคซีนถูกนับน้อยไปอย่างมาก

    นอกจากนี้ ตามระบบการรายงานเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์จากวัคซีนของศูนย์ควบคุมโรค มีรายงานว่าชาวอเมริกันเกือบ 20,000 คนตายโดยวัคซีนโควิด-19 ซึ่งเท่ากับ การเสียชีวิต หนึ่งรายต่อทุกๆ 14,000 คน ที่ได้รับวัคซีน ซึ่งสูงกว่าหนึ่งในล้านของการเสียชีวิต ที่ปกติมีการอ้างถึงอันตรายจากวัคซีน

    ข้าราชการและนักวิทยาศาสตร์ของรัฐบาลที่รับผิดชอบในการอนุมัติวัคซีนอยู่บนเตียงกับ Big Pharma ซึ่งมักเป็นเจ้าของหุ้นยา โดยมีหน้าที่เป็นที่ปรึกษา และรับสัญญาที่ร่ํารวยจากบริษัทยาที่กดดันให้พวกเขาสร้างผลลัพธ์ที่ดีซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายของรัฐบาลกลางโดยตรง

    ที่แย่กว่านั้น นักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยหลายคนในหน่วยงานของรัฐพัฒนาสิทธิบัตรสําหรับวัคซีนที่ได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานที่พวกเขาทํางาน สร้างความขัดแย้งทางผลประโยชน์และก่อให้เกิดคําถามร้ายแรงเกี่ยวกับความเป็นธรรมของการตัดสินใจของพวกเขา

    ภายใต้กฎหมายปัจจุบัน แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ ผู้ผลิตวัคซีนจะต้องรับผิดชอบต่อการบาดเจ็บที่เกิดจากวัคซีน เนื่องจากกฎหมายปี 1986 ที่สร้างภูมิคุ้มกันพิเศษอย่างไม่เป็นธรรมสําหรับ Big Pharma ทําให้เหยื่อที่ได้รับบาดเจ็บจากวัคซีนชนะในศาลได้ยากมาก

    กฎหมายนี้ยกเลิกบทบัญญัติภูมิคุ้มกันในปัจจุบันที่ปกป้อง Big Pharma อย่างไม่เป็นธรรม จากอันตรายที่เกิดจากผลิตภัณฑ์ของตน และอนุญาตให้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากวัคซีนดําเนินคดีทางแพ่งในศาลของรัฐหรือรัฐบาลกลาง Big Pharma ไม่สมควรได้รับบัตรปลอดคุกสําหรับการบาดเจ็บที่เกิดจากวัคซีนที่เป็นอันตราย” สมาชิกสภาคองเกรส Gosar กล่าวสรุป

    โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ ผู้ก่อตั้ง Children's Health Defense และประธานคณะกรรมการ Leave กล่าวว่า “ผู้ผลิตวัคซีนชาวอเมริกันทั้งสี่รายเป็นองค์กรอาชญากรรมที่จ่ายค่าปรับทางอาญาหลายหมื่นล้านในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา โดยการปลดปล่อยพวกเขาจากความรับผิดสําหรับความประมาทเลินเล่อ กฎเกณฑ์ปี 1986 ได้ลบสิ่งจูงใจใด ๆ สําหรับบริษัทเหล่านี้ในการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย หากเราต้องการวัคซีนที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ เราจําเป็นต้องยุติเกราะป้องกันความรับผิด”

    แมรี่ ฮอลแลนด์ ประธานฝ่ายป้องกันสุขภาพเด็กกล่าวเสริมว่า “ขอบคุณสมาชิกสภาคองเกรสโกซาร์ที่แนะนํากฎหมายประวัติศาสตร์และจําเป็นอย่างเร่งด่วนนี้ เป็นเวลากว่า 35 ปีแล้วที่ผู้ปกครองของเด็กที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากวัคซีนที่รัฐบาลแนะนําถูกทิ้งไว้โดยไม่มีการเยียวยาที่มีความหมาย -- มีเพียงโครงการชดเชยที่ซับซ้อนและหลอกลวงที่ทําให้ครอบครัวที่เสียใจต่อต้านรัฐบาล ในขณะที่ Big Pharma ไม่มีความรับผิด ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น ภาวะสุขภาพเรื้อรังในเด็ก - ออทิสติก สมาธิสั้น โรคภูมิแพ้รุนแรง หอบหืด - ได้พุ่งสูงขึ้น กฎหมายนี้จะช่วยยุติการปกครองของ Big Pharma เหนือรัฐบาล ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนที่ทุจริตของพระราชบัญญัติการบาดเจ็บจากวัคซีนในวัยเด็กแห่งชาติปี 1986 ได้ปราบปรามวิทยาศาสตร์ ขัดขวางครอบครัว โค่นล้มตลาดการตรวจสอบและถ่วงดุลแบบประชาธิปไตย และลบสิทธิของพลเมืองในการพิจารณาคดีโดยคณะลูกขุน ชาวอเมริกันสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่านี้”

    ความเป็นมา:
    ในปี 1986 สภาคองเกรสได้ผ่านพระราชบัญญัติการบาดเจ็บจากวัคซีนในวัยเด็กแห่งชาติ (NVCIA) ซึ่งปกป้องผู้ผลิตวัคซีนจากอันตรายที่เกิดจากผลิตภัณฑ์ของตน ทําให้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้บาดเจ็บจากวัคซีนจะชนะในศาล โจทก์ต้องพิสูจน์ว่าผู้ผลิตวัคซีนจงใจ "[ระงับ] ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยหรือประสิทธิภาพของวัคซีน" มีส่วนร่วมใน "กิจกรรมทางอาญาหรือผิดกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยและประสิทธิภาพของวัคซีน" หรือ "โดยหลักฐานที่ชัดเจนและน่าเชื่อถือ... ล้มเหลวในการใช้ความระมัดระวังอย่างเหมาะสม"การปฏิบัติตามข้อกําหนดเหล่านี้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย

    ศูนย์ควบคุมโรค (CDC) และสถาบันสุขภาพแห่งชาติ (NIH) ได้รับมอบหมายให้อนุมัติวัคซีน น่าเศร้าที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนอย่างมาก เนื่องจากนักวิทยาศาสตร์ที่ทํางานในหน่วยงานเหล่านี้ออกใบอนุญาตสิทธิบัตรให้กับผู้ผลิตวัคซีน และในการทําเช่นนั้น ได้รับค่าลิขสิทธิ์สูงถึง 150,000 ดอลลาร์นอกจากนี้ สมาชิกที่ลงคะแนนเสียงในคณะกรรมการที่ให้คําแนะนําแก่ CDC และ NIH เป็นเจ้าของหุ้นของผู้ผลิตวัคซีน มีส่วนร่วมในงานสัญญาสําหรับผู้ผลิตวัคซีน และได้รับเงินช่วยเหลือจากผู้ผลิตวัคซีน

    ผู้สนับสนุนร่วมในปัจจุบัน:
    Representatives Andy Biggs, Lauren Boebert, Josh Brecheen, Tim Burchett, Eric Burlison, Mike Collins, Eli Crane, Warren Davidson, Byron Donalds, Matt Gaetz, Bob Good, Marjorie Taylor Greene, Harriet Hageman, Andy Harris, Clay Higgins, Ronny Jackson, Anna Paulina Luna, Nancy Mace, Thomas Massie, Mary E. Miller, Cory Mills, Barry Moore, Troy E. Nehls, Ralph Norman, Andy Ogles, Bill Posey, Chip Roy, Keith Self, Victoria Spartz, and Randy K. Weber Sr.

    ถอดความภาษาไทยโดย

    ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก
    มหาวิทยาลัยรังสิต
    เสนอกฎหมายเพื่อฟ้อง บริษัทยายักษ์ใหญ่ Gosar สมาชิกสภาคองเกรส สหรัฐ เสนอกฎหมายเพื่อฟ้อง บริษัทยายักษ์ใหญ่ (Big Pharma) สําหรับการบาดเจ็บจากวัคซีน วอชิงตัน ดี.ซี. 26 กันยายน 2024 สมาชิกสภาคองเกรส พอล เอ. โกซาร์, ดี.ดี.เอส. (AZ-09) ออกแถลงการณ์ ต่อไปนี้ หลังจากเสนอ H.R. 9828 พระราชบัญญัติระงับ การปกป้อง ผู้ผลิตวัคซีนจากการที่ไม่ต้องรับผิดชอบ End the Vaccine Carveout Act (https://www.congress.gov/bill/118th-congress/house-bill/9828#:~:text=Summary%20of%20H.R.9828%20-%20118th%20Congress) เป็นร่างกฎหมายที่จะถอดผู้ผลิตวัคซีนออกจากโล่ความที่ไม่ต้องรับผิด ส่งผลให้มีกําไรหลายแสนล้านดอลลาร์สำหรับ Big Pharma ในขณะที่ทำให้ผู้คนหลายหมื่นคนไม่สามารถแสวงหาความยุติธรรมทางกฎหมาย และ การชดเชยการบาดเจ็บที่เกิดจากวัคซีน และมีการแถลง press release ดังต่อไปนี้ “แม้ว่าข้าราชการของรัฐบาลกลางและ Big Pharma จะยืนยันว่าวัคซีนนั้นปลอดภัย แต่ก็น่าเสียดายที่ขาดวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับความปลอดภัยของวัคซีน ตัวอย่างเช่น การทบทวนเอกสารทางวิทยาศาสตร์ 12,000 ฉบับโดยสถาบันการแพทย์ ที่ตีพิมพ์ในปี 2555 พบว่า 98% ของการบาดเจ็บที่ศึกษานั้น เกิดจากหรืออาจเกิดจากวัคซีน การศึกษาของรัฐบาลอีกชิ้นหนึ่ง พบว่า ในขณะที่วัคซีนทำให้เกิดการบาดเจ็บใน 10 เปอร์เซ็นต์ของผู้ป่วย มีเพียงหนึ่งเปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ได้รับรายงาน ซึ่งหมายความว่าจำนวนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากวัคซีนถูกนับน้อยไปอย่างมาก นอกจากนี้ ตามระบบการรายงานเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์จากวัคซีนของศูนย์ควบคุมโรค มีรายงานว่าชาวอเมริกันเกือบ 20,000 คนตายโดยวัคซีนโควิด-19 ซึ่งเท่ากับ การเสียชีวิต หนึ่งรายต่อทุกๆ 14,000 คน ที่ได้รับวัคซีน ซึ่งสูงกว่าหนึ่งในล้านของการเสียชีวิต ที่ปกติมีการอ้างถึงอันตรายจากวัคซีน ข้าราชการและนักวิทยาศาสตร์ของรัฐบาลที่รับผิดชอบในการอนุมัติวัคซีนอยู่บนเตียงกับ Big Pharma ซึ่งมักเป็นเจ้าของหุ้นยา โดยมีหน้าที่เป็นที่ปรึกษา และรับสัญญาที่ร่ํารวยจากบริษัทยาที่กดดันให้พวกเขาสร้างผลลัพธ์ที่ดีซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายของรัฐบาลกลางโดยตรง ที่แย่กว่านั้น นักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยหลายคนในหน่วยงานของรัฐพัฒนาสิทธิบัตรสําหรับวัคซีนที่ได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานที่พวกเขาทํางาน สร้างความขัดแย้งทางผลประโยชน์และก่อให้เกิดคําถามร้ายแรงเกี่ยวกับความเป็นธรรมของการตัดสินใจของพวกเขา ภายใต้กฎหมายปัจจุบัน แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ ผู้ผลิตวัคซีนจะต้องรับผิดชอบต่อการบาดเจ็บที่เกิดจากวัคซีน เนื่องจากกฎหมายปี 1986 ที่สร้างภูมิคุ้มกันพิเศษอย่างไม่เป็นธรรมสําหรับ Big Pharma ทําให้เหยื่อที่ได้รับบาดเจ็บจากวัคซีนชนะในศาลได้ยากมาก กฎหมายนี้ยกเลิกบทบัญญัติภูมิคุ้มกันในปัจจุบันที่ปกป้อง Big Pharma อย่างไม่เป็นธรรม จากอันตรายที่เกิดจากผลิตภัณฑ์ของตน และอนุญาตให้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากวัคซีนดําเนินคดีทางแพ่งในศาลของรัฐหรือรัฐบาลกลาง Big Pharma ไม่สมควรได้รับบัตรปลอดคุกสําหรับการบาดเจ็บที่เกิดจากวัคซีนที่เป็นอันตราย” สมาชิกสภาคองเกรส Gosar กล่าวสรุป โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ ผู้ก่อตั้ง Children's Health Defense และประธานคณะกรรมการ Leave กล่าวว่า “ผู้ผลิตวัคซีนชาวอเมริกันทั้งสี่รายเป็นองค์กรอาชญากรรมที่จ่ายค่าปรับทางอาญาหลายหมื่นล้านในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา โดยการปลดปล่อยพวกเขาจากความรับผิดสําหรับความประมาทเลินเล่อ กฎเกณฑ์ปี 1986 ได้ลบสิ่งจูงใจใด ๆ สําหรับบริษัทเหล่านี้ในการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย หากเราต้องการวัคซีนที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ เราจําเป็นต้องยุติเกราะป้องกันความรับผิด” แมรี่ ฮอลแลนด์ ประธานฝ่ายป้องกันสุขภาพเด็กกล่าวเสริมว่า “ขอบคุณสมาชิกสภาคองเกรสโกซาร์ที่แนะนํากฎหมายประวัติศาสตร์และจําเป็นอย่างเร่งด่วนนี้ เป็นเวลากว่า 35 ปีแล้วที่ผู้ปกครองของเด็กที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากวัคซีนที่รัฐบาลแนะนําถูกทิ้งไว้โดยไม่มีการเยียวยาที่มีความหมาย -- มีเพียงโครงการชดเชยที่ซับซ้อนและหลอกลวงที่ทําให้ครอบครัวที่เสียใจต่อต้านรัฐบาล ในขณะที่ Big Pharma ไม่มีความรับผิด ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น ภาวะสุขภาพเรื้อรังในเด็ก - ออทิสติก สมาธิสั้น โรคภูมิแพ้รุนแรง หอบหืด - ได้พุ่งสูงขึ้น กฎหมายนี้จะช่วยยุติการปกครองของ Big Pharma เหนือรัฐบาล ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนที่ทุจริตของพระราชบัญญัติการบาดเจ็บจากวัคซีนในวัยเด็กแห่งชาติปี 1986 ได้ปราบปรามวิทยาศาสตร์ ขัดขวางครอบครัว โค่นล้มตลาดการตรวจสอบและถ่วงดุลแบบประชาธิปไตย และลบสิทธิของพลเมืองในการพิจารณาคดีโดยคณะลูกขุน ชาวอเมริกันสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่านี้” ความเป็นมา: ในปี 1986 สภาคองเกรสได้ผ่านพระราชบัญญัติการบาดเจ็บจากวัคซีนในวัยเด็กแห่งชาติ (NVCIA) ซึ่งปกป้องผู้ผลิตวัคซีนจากอันตรายที่เกิดจากผลิตภัณฑ์ของตน ทําให้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้บาดเจ็บจากวัคซีนจะชนะในศาล โจทก์ต้องพิสูจน์ว่าผู้ผลิตวัคซีนจงใจ "[ระงับ] ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยหรือประสิทธิภาพของวัคซีน" มีส่วนร่วมใน "กิจกรรมทางอาญาหรือผิดกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยและประสิทธิภาพของวัคซีน" หรือ "โดยหลักฐานที่ชัดเจนและน่าเชื่อถือ... ล้มเหลวในการใช้ความระมัดระวังอย่างเหมาะสม"การปฏิบัติตามข้อกําหนดเหล่านี้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ศูนย์ควบคุมโรค (CDC) และสถาบันสุขภาพแห่งชาติ (NIH) ได้รับมอบหมายให้อนุมัติวัคซีน น่าเศร้าที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนอย่างมาก เนื่องจากนักวิทยาศาสตร์ที่ทํางานในหน่วยงานเหล่านี้ออกใบอนุญาตสิทธิบัตรให้กับผู้ผลิตวัคซีน และในการทําเช่นนั้น ได้รับค่าลิขสิทธิ์สูงถึง 150,000 ดอลลาร์นอกจากนี้ สมาชิกที่ลงคะแนนเสียงในคณะกรรมการที่ให้คําแนะนําแก่ CDC และ NIH เป็นเจ้าของหุ้นของผู้ผลิตวัคซีน มีส่วนร่วมในงานสัญญาสําหรับผู้ผลิตวัคซีน และได้รับเงินช่วยเหลือจากผู้ผลิตวัคซีน ผู้สนับสนุนร่วมในปัจจุบัน: Representatives Andy Biggs, Lauren Boebert, Josh Brecheen, Tim Burchett, Eric Burlison, Mike Collins, Eli Crane, Warren Davidson, Byron Donalds, Matt Gaetz, Bob Good, Marjorie Taylor Greene, Harriet Hageman, Andy Harris, Clay Higgins, Ronny Jackson, Anna Paulina Luna, Nancy Mace, Thomas Massie, Mary E. Miller, Cory Mills, Barry Moore, Troy E. Nehls, Ralph Norman, Andy Ogles, Bill Posey, Chip Roy, Keith Self, Victoria Spartz, and Randy K. Weber Sr. ถอดความภาษาไทยโดย ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 89 Views 0 Reviews
  • ติ่งขา……พี่ปูช่างมีพลังเหลือเฟือ ทั้งเล่ห์เหลี่ยม ทุบสั่งสอนและปากร้าย……แหมมมม…แค่ปีกว่าๆเองนะเนี่ยยยย!!!

    ตอนสิบหก………เรื่องรักเพื่อน…ไม่เคยถอย……เรื่องลองดี…ก็ไม่รอให้ท้า…!!!

    ภายในช่วงฤดูร้อนของปี 2005 ระบบการสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจของรัสเซียได้แน่นกระชับขึ้น หลังจากที่เรียกคืนสัมปทานจากกลุ่มนายทุน (ด้วยวิธีตรวจสอบเรียกเก็บภาษีย้อนหลังแล้ว)
    ส่วนใหญ่ยอมสละเรือ พากันทิ้งแล้วหอบเงินที่มีออกไปนอกประเทศ……
    ส่วน MK (หรือ Mikhail Khodorkovsky) ที่ยังดื้อดึง เพราะมีเส้นสายอยู่รอบโลก ยังคงท้าทายอำนาจ ซึ่งเขาได้รับโทษจำคุกเก้าปี

    เมื่อสัมปทานทั้งหมดได้กลับเข้าสู่รัฐ ปูตินได้เปิดให้บริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกอื่นๆเข้ามามีส่วนร่วมในการซื้อหุ้นพลังงาน เพื่อการจูงใจในการลงทุนในภาคอื่นๆ เพราะเขามีโปรเจ็คที่จะสร้างท่อส่งก๊าสไปสู่ยุโรป โดยผ่านทั้งทางบกและลอดใต้ทะเล
    กลุ่มที่หลั่งไหลเข้ามา ก็คือ Citigroup, IBM,Intel, Alcoa, ConocoPhilip, Kraft และเจ้าพ่อยักษ์ใหญ่แห่งวงการสื่อโลก Rupert Murdoch
    ในการประชุมกับบุคคลต่างๆของบริษัทที่กล่าวมา Sanford Weill จาก Citigroup (USA) ได้ถามปูตินตรงๆว่า
    “เส้นทางที่พวกเราจะมาลงทุนนี้ มันต้องผ่านขั้นตอนหรือมีอุปสรรคอะไรบ้าง?”
    ปูตินตอบอย่างชัดเจนว่า…
    “ทางเราไม่มีอะไรมาก เพราะมีกฎหมายระบุชัดเจน ส่วนอุปสรรคที่คุณว่า มันไม่ใช่มาจากรัสเซีย แต่มันเกิดจากทางบ้านคุณ (หมายถึงอเมริกา) ที่บีบคั้นเราในทางการค้าทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการส่งออก, การควบคุมทางอวกาศ, คอมพิวเตอร์ และ ทางการทหาร ซึ่งเป็นการบีบมาตั้งแต่เมื่อครั้วเราเป็นโซเวียต เพื่อเป็นการลงโทษที่โซเวียตมีกฏหมายห้ามไม่ให้ยิว
    ลี้ภัยออกไปอิสราเอล (1974) เมื่อเราได้มาเป็นรัสเซีย กฏหมายข้อนี้ได้ล้มเลิกไป ใครจะไปไหนก็ตามสบาย
    แต่อเมริกายังไม่ยกเลิกการแซงชั่นจนถึงบัดนี้ ไม่ว่าจะเปลี่ยนมากี่ประธานาธิบดี เรื่อง”อุปสรรค” ที่พวกคุณถาม คุณถามผิดคนแล้ว คุณต้องไปถามทางผู้นำขอบคุณจะได้รับคำตอบที่ดีกว่า……”
    คำตอบนี้…เล่นเอาทุกคนสะอึก….!!!

    หลังประชุม มีการถ่ายรูปหมู่ Robert Kraft เจ้าของบริษัท Kraft Group และเป็นเจ้าของทีมฟุตบอล ที่เพิ่งชนะใน Super Bowl เมื่อต้นปี ที่เขาภูมิใจมาก ถึงขนาดสั่งทำแหวนเพชรขึ้นมาเป็นพิเศษ ด้วยเพชรกว่าสองร้อยเม็ดล้อมรอบ สลักชื่อตัวเอง สลัดชื่อทีม……Sanford Weill จึงกระเซ้าว่า ให้เอาแหวนมาอวดปูตินหน่อยซิ
    Kraft จึงค่อยบรรจงควักออกมาจากกระเป๋าเสื้อ และเปิดกล่องให้ปูตินได้ชม…
    ปูติน…หยิบเอาไปสวมในนิ้วมือ และอุทานว่า
    “นี่มันขนาดเอาไปใช้เป็นอาวุธได้เลยนะ..”
    ช่างภาพกดแฟลชกันระรัว…ยิงไม่นับ
    จากนั้น Kraft จึงยื่นมือไปเพื่อขอคืน แต่ปูตินส่งต่อให้ผู้ติดตามให้เอาไปเก็บ………และกล่าวอำลาไปอย่างหน้าตาเฉย

    Robert Kraft ถึงกับไปไม่เป็น ตามด้วยสติแตก เขารีบติดต่อหา Weill และต่อสายทางไกลไปยังทำเนียบขาว เพื่อที่จะช่วยขอแหวนคืน……
    แต่ข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ที่ออกมา มันเป็นการลักษณะของการมอบของขวัญ ที่ใครจะไปกล้าขอคืน……เสียหน้าแย่
    แต่ Kraft ก็ยังเอะอะมะเทิ่งว่า……ก็ผมให้ดูเฉยๆ ตามคำแนะนำของวีลล์ และผมรักมันมาก ตั้งใจทำมาเพื่อเป็นเกียรติยศกับวงศ์ตระกูล…

    ทำเนียบขาวตอบมาสั้นๆว่า….”เอาน่า….ไปสั่งทำใหม่ละกัน..”
    ก็สรุปตามนั้น คราฟท์ได้สั่งทำใหม่มาอีกวงหนึ่ง
    ส่วนวงออริจินัลนั้น ปัจจุบันอยู่ที่ ห้องพิพิธภัณฑ์ของที่ระลึก
    ในหอสมุดที่เครมลิน…

    ~~-นี่คือความเข้าใจผิดระดับผู้นำ……เพราะมันตรงตามโปรโตคอลที่จะเป็นภาพของการถ่ายภาพร่วมกันออกสื่อ มีการมอบของขวัญเพื่อสานสัมพันธไมตรี และเป็นการขอบคุณเจ้าภาพ….ซึ่งทางรัสเซียคงเข้าใจตามนั้น
    ถ้าจะอวดกัน…ควรจะอวดเป็นส่วนตัวในยามคุยถึงเรื่องที่เกี่ยวข้อง
    จากภาพที่เห็น……ใครๆก็ต้องคล้อยตามว่า นั่นคือการมอบของที่ระลึก…
    (ป่านนี้ปูตินคงขำกลิ้งไปแล้ว……)

    งานวางฐานเศรษฐกิจชาติ ได้สำเร็จไปตามแผน นั่นคือ
    Rosneft บริษัทพลังงานที่ใหญ่อันดับสอง ดูแลโดย Igor Sechin
    United Aircraft Corporation ดูแลโดย Sergei Ivanov
    Russian Railways ดูแลโดย Vladimir Yakunin
    Rosoboronexport ดูแลโดย Seigei Chemezov
    Gazprom ดูแลโดย Dmitry Medvedev
    ทั้งหมดนี้ ที่ทำให้เศรษฐกิจของรัสเซียก้าวพุ่ง ภายในปีเดียว
    จนก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งใน G8 แบบกระพริบตาไม่ทัน

    มกราคม 2006 นักข่าวได้ถามปูตินว่า
    “ถ้าไม่เป็นประธานาธิบดี ท่านคิดว่าท่านจะมาทำงานในส่วนคุมพลังงานนี้หรือไม่..?”
    คำตอบคือ
    “ขอบคุณที่ชี้ทางหางานให้……แต่ไม่มีทาง ผมไม่มีทักษะในเรื่องธุรกิจเลย หรือ เป็นเพราะว่าเมื่อชาติก่อนไม่เคยทำมาค้าขายก็เป็นได้…”

    เพื่อนเก่าอีกคนหนึ่งที่ต้องพูดถึง คือ สองพี่น้อง Arkady และ Boris Rotenerg ที่เรียนยูโดมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก
    สองพี่น้องนี้ได้เปิดสถานฝึกสอนยูโด และ ยิมที่เซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก ในปี 1998 ชื่อว่า Yawara-Neva ปูตินรับเป็นประธานกิตติมศักดิ์……ที่สถานฝึกสอนได้ตั้งกลุ่มผู้ที่ฝึกยูโดอย่างจริงจัง
    เรียกว่า “judocracy “
    เมื่อปี 2000 ที่ปูตินได้เป็นประธานาธิบดี เขาจัดการควบคุมโรงกลั่นเหล้าว้อดก้าให้เป็นสัมปทาน และมอบหมายให้ Arkady เป็นคนดูแล ซึ่งไม่นานต่อมา องค์กรโรงกลั่นนี้ได้ขยายไปคุมกิจการเหล้าอื่นๆเกือบทั้งประเทศ จนถึงขั้นตั้งธนาคารของตัวเองได้ ชื่อว่า SMP Bank และมีส่วนร่วมในการลงทุนในท่อก๊าสสู่ยุโรป
    ความสำเร็จเหล่านี้เป็นการยืนยันว่า เขาไม่ได้เอาเพื่อนจากถิ่นเก่ามาช่วยงานเพราะเห็นแก่หน้า……แต่เขาคัดมาเฉพาะคนที่เชื่อใจและมองเห็นในความสามารถ……

    ปูตินเชื่ออะไรหลายๆอย่างที่เป็นเรื่องแปลก เขาคือชนรุ่นโซเวียตแท้ๆตั้งแต่เกิด แต่เขามีความอ่อนไหวกับเรื่องราชาธิปไตยภายใต้ประชาธิปไตย (sovereign democracy)
    ในการบรรยายหรือให้สัมภาษณ์เขามักกล่าวถึง นักปรัชญาทางการเมืองและศาสนา Ivan Ilyin (1883-1954) ที่ต่อต้านบอลเชวิคจนต้องหนีออกไปนอกประเทศ และไปเสียชีวิตที่ สวิตเซอร์แลนด์
    ในบทความของอิวานมักจะเอนเอียงไปทางประชาธิปไตยที่ต้องออกแบบให้เหมาะสมกับฐานรากของประชาชน
    ปูตินได้ใช้บทความของอิวานครั้งหนึ่งในตอนที่เขาขึ้นรับตำแหน่งใหม่ๆว่า
    “เราต้องไม่ลืมว่า รัสเซียเป็นประชาธิปไตยเพราะนั่นคือความต้องการของประชาชน เพื่อที่จะอยู่ร่วมกันสันติสุข เราต้องใช้ชีวิตให้สอดคล้องกับภูมิภาค จดจำประวัติการความเป็นมา และการให้ความเคารพนับถือซึ่งกันและกัน
    เรามีเอกราชเป็นของตัวเอง เส้นทางข้างหน้าคือการก้าวไปอย่างเสรีด้วยกัน……ด้วยความระมัดระวัง…”

    และอีกคนหนึ่ง คือนักรบพระเจ้าซาร์ General Anton Denikin
    (1872-1947) ที่ต้องพ่ายแพ้ในการรักษาพระราชบัลลังก์ในสงครามกลางเมือง ทั้งๆที่นายพลผู้นี้ถือเป็นยอดอัศวิน (และเป็นนักเขียน) ที่ผ่านสงครามมานับไม่ถ้วน จนต้องลี้ภัยไปอยู่หลายประเทศ ในที่สุดก็ไปเสียชีวิตที่สหรัฐอเมริกา

    เวลาผ่านไปนานแสนนานก็จริง แต่ปูตินได้จัดการนำร่างของคนทั้งสองกลับมาทำพิธีและทำสุสานให้สมเกียรติที่ Donskoy Monastery, Moscow (ด้วยทุนของตัวเอง)

    กลับมาเรื่องการสร้างอำนาจด้วยพลังงาน……ปูตินได้จับมือกับนายรัฐมนตรีเยอรมันนี Gerhard Schröder ที่เป็นเกลอกัน
    ในเรื่องการสร้างท่อก๊าสจากเอเซียสู่ยุโรป ในนาม Nord Stream ที่จะเชื่อมผ่านกลุ่มท่อเก่าของโซเวียตที่ทำไว้ ที่ยูเครน, เบลารุส โปแลนด์ และ สอดผ่านใต้ทะเลบอลติก
    ที่ได้รับการสนับสนุนจากเยอรมันในโครงการนี้ถึงพันล้านยูโร
    (ในสมัยที่เยอรมันนีมีนายกรัฐมนตรีคนใหม่)
    แต่ด้วยความเป็นคนที่ไม่ทิ้งเพื่อน เพียงหนึ่งอาทิตย์ที่ Gerhard ได้ลงจากตำแหน่ง รัสเซียได้จ้างให้ Gerhard มานั่งเป็นที่ปรึกษาในบริษัท Nord Stream ……รับเละ…!!
    เพราะประธานบริษัท คือ Matthias Warnig เพื่อนเก่าสมัยที่อยู่เดรสเดน

    ทุกการเคลื่อนไหวของปูตินได้สร้างเม็ดเงินสู่ประเทศแบบทำนบแตก
    ปรกติ Gazprom ได้ส่งก๊าสให้ยูเครนในราคาเป็นกันเอง คือ 50$ ต่อ 1000 คิวบิก ที่ยูเครนจะไปขายเท่าไหร่ก็แล้วแต่
    แต่เมื่อการเมืองของยูเครนที่เกิดฝักใฝ่ทางตะวันตก…
    ตัวประธานาธิบดีคนใหม่ก็แสนจะดี๊ด๊ากับกลิ่นไอของประชาธิยไตยสีส้ม
    ปูตินก็เลยเห็นว่า……มันถึงเวลาที่จะขึ้นราคา…เท่ากับว่ากำไรที่เคยได้จะหดหายไป เพราะยูเครนไม่สามารถไปขึ้นราคากับยุโรปได้ เนื่องจากมีสัญญาระยะยาว…
    และหนี้สินที่ให้ค้างคามานาน.……รัสเซียให้เวลาสามเดือน
    ให้เอามาจ่าย

    เมื่อถึงเวลา….เงินไม่มา…ในวันที่ 31 ธันวาคม 2005 เป็นวันสำคัญของการเฉลิมฉลองของฤดูหนาว……รัสเซียตัดก๊าสสั่งสอน
    เดือดร้อนกันไปทั่วทั้งทวีป……กระจองอแงกันไปหมด
    นั่นคือการที่ต้องมาคุยกันใหม่……ทีนี้จะได้รู้บ้างว่า”ใครใหญ่”
    และจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงทางราคา….

    แต่ก็ไม่นาน……ที่ปูตินเล่นไม้แข็งก็โอนอ่อน เพราะคนที่เดือดร้อนด้วยคือมหามิตร อย่าง ออสเตรีย, ฮังการี
    เขายอมปล่อยก๊าสคืนให้ แต่….จะมีการวางท่อใหม่และราคาที่ขึ้นอยู่กับว่า……รักมาก…รักน้อย….!!

    ทีนี้ก็ถึงการลากมาสับ…รายแรกคือ Victor Yushchenko หรือ VAY ที่ทางรัสเซียได้ออกข่าวว่า ที่เรื่องก๊าสยุ่งเหยิง หนี้สินเพียบแบบนี้ เพราะการบริหารของประธานาธิบดียูเครนคนใหม่ ที่มีส่วนในการรับเงินใต้โต๊ะจากบริษัท RosUkrEnergo
    ปูตินทิ้งท้ายไว้ว่า “ถ้าอยากรู้ มากกว่านี้……ก็ไปถามกันเอง..”

    ~~บริษัทพลังงาน RosUkrEnergo เป็นของรัฐบาลยูเครนที่ Gazprom มีหุ้นครึ่งหนึ่ง ตัวเลขการเงินทางฝั่งยูเครน ไหลไปไหนก็รู้กันหมดว่า VAY เอาไปใช้ในการปฏิบัติการสีส้มจำนวนมหาศาล และในรัฐบาลยูเครน ก็ยังมีเส้นสายคนของปูตินเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ คือ Victor Yanukovych (VFY)

    เครดิตของประธานาธิบดียูเครนที่เพิ่งได้มาหมาดๆ เริ่มสั่นคลอน
    ความมั่นใจว่ามีตะวันตกหนุนหลัง……ชักลังเล………แต่เขาเริ่มเชื่อแล้วว่า……คงจะต้องมีรายการตามมาอีกเป็นหางว่าว………!!!

    Wiwanda W. Vichit
    ติ่งขา……พี่ปูช่างมีพลังเหลือเฟือ ทั้งเล่ห์เหลี่ยม ทุบสั่งสอนและปากร้าย……แหมมมม…แค่ปีกว่าๆเองนะเนี่ยยยย!!! ตอนสิบหก………เรื่องรักเพื่อน…ไม่เคยถอย……เรื่องลองดี…ก็ไม่รอให้ท้า…!!! ภายในช่วงฤดูร้อนของปี 2005 ระบบการสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจของรัสเซียได้แน่นกระชับขึ้น หลังจากที่เรียกคืนสัมปทานจากกลุ่มนายทุน (ด้วยวิธีตรวจสอบเรียกเก็บภาษีย้อนหลังแล้ว) ส่วนใหญ่ยอมสละเรือ พากันทิ้งแล้วหอบเงินที่มีออกไปนอกประเทศ…… ส่วน MK (หรือ Mikhail Khodorkovsky) ที่ยังดื้อดึง เพราะมีเส้นสายอยู่รอบโลก ยังคงท้าทายอำนาจ ซึ่งเขาได้รับโทษจำคุกเก้าปี เมื่อสัมปทานทั้งหมดได้กลับเข้าสู่รัฐ ปูตินได้เปิดให้บริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกอื่นๆเข้ามามีส่วนร่วมในการซื้อหุ้นพลังงาน เพื่อการจูงใจในการลงทุนในภาคอื่นๆ เพราะเขามีโปรเจ็คที่จะสร้างท่อส่งก๊าสไปสู่ยุโรป โดยผ่านทั้งทางบกและลอดใต้ทะเล กลุ่มที่หลั่งไหลเข้ามา ก็คือ Citigroup, IBM,Intel, Alcoa, ConocoPhilip, Kraft และเจ้าพ่อยักษ์ใหญ่แห่งวงการสื่อโลก Rupert Murdoch ในการประชุมกับบุคคลต่างๆของบริษัทที่กล่าวมา Sanford Weill จาก Citigroup (USA) ได้ถามปูตินตรงๆว่า “เส้นทางที่พวกเราจะมาลงทุนนี้ มันต้องผ่านขั้นตอนหรือมีอุปสรรคอะไรบ้าง?” ปูตินตอบอย่างชัดเจนว่า… “ทางเราไม่มีอะไรมาก เพราะมีกฎหมายระบุชัดเจน ส่วนอุปสรรคที่คุณว่า มันไม่ใช่มาจากรัสเซีย แต่มันเกิดจากทางบ้านคุณ (หมายถึงอเมริกา) ที่บีบคั้นเราในทางการค้าทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการส่งออก, การควบคุมทางอวกาศ, คอมพิวเตอร์ และ ทางการทหาร ซึ่งเป็นการบีบมาตั้งแต่เมื่อครั้วเราเป็นโซเวียต เพื่อเป็นการลงโทษที่โซเวียตมีกฏหมายห้ามไม่ให้ยิว ลี้ภัยออกไปอิสราเอล (1974) เมื่อเราได้มาเป็นรัสเซีย กฏหมายข้อนี้ได้ล้มเลิกไป ใครจะไปไหนก็ตามสบาย แต่อเมริกายังไม่ยกเลิกการแซงชั่นจนถึงบัดนี้ ไม่ว่าจะเปลี่ยนมากี่ประธานาธิบดี เรื่อง”อุปสรรค” ที่พวกคุณถาม คุณถามผิดคนแล้ว คุณต้องไปถามทางผู้นำขอบคุณจะได้รับคำตอบที่ดีกว่า……” คำตอบนี้…เล่นเอาทุกคนสะอึก….!!! หลังประชุม มีการถ่ายรูปหมู่ Robert Kraft เจ้าของบริษัท Kraft Group และเป็นเจ้าของทีมฟุตบอล ที่เพิ่งชนะใน Super Bowl เมื่อต้นปี ที่เขาภูมิใจมาก ถึงขนาดสั่งทำแหวนเพชรขึ้นมาเป็นพิเศษ ด้วยเพชรกว่าสองร้อยเม็ดล้อมรอบ สลักชื่อตัวเอง สลัดชื่อทีม……Sanford Weill จึงกระเซ้าว่า ให้เอาแหวนมาอวดปูตินหน่อยซิ Kraft จึงค่อยบรรจงควักออกมาจากกระเป๋าเสื้อ และเปิดกล่องให้ปูตินได้ชม… ปูติน…หยิบเอาไปสวมในนิ้วมือ และอุทานว่า “นี่มันขนาดเอาไปใช้เป็นอาวุธได้เลยนะ..” ช่างภาพกดแฟลชกันระรัว…ยิงไม่นับ จากนั้น Kraft จึงยื่นมือไปเพื่อขอคืน แต่ปูตินส่งต่อให้ผู้ติดตามให้เอาไปเก็บ………และกล่าวอำลาไปอย่างหน้าตาเฉย Robert Kraft ถึงกับไปไม่เป็น ตามด้วยสติแตก เขารีบติดต่อหา Weill และต่อสายทางไกลไปยังทำเนียบขาว เพื่อที่จะช่วยขอแหวนคืน…… แต่ข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ที่ออกมา มันเป็นการลักษณะของการมอบของขวัญ ที่ใครจะไปกล้าขอคืน……เสียหน้าแย่ แต่ Kraft ก็ยังเอะอะมะเทิ่งว่า……ก็ผมให้ดูเฉยๆ ตามคำแนะนำของวีลล์ และผมรักมันมาก ตั้งใจทำมาเพื่อเป็นเกียรติยศกับวงศ์ตระกูล… ทำเนียบขาวตอบมาสั้นๆว่า….”เอาน่า….ไปสั่งทำใหม่ละกัน..” ก็สรุปตามนั้น คราฟท์ได้สั่งทำใหม่มาอีกวงหนึ่ง ส่วนวงออริจินัลนั้น ปัจจุบันอยู่ที่ ห้องพิพิธภัณฑ์ของที่ระลึก ในหอสมุดที่เครมลิน… ~~-นี่คือความเข้าใจผิดระดับผู้นำ……เพราะมันตรงตามโปรโตคอลที่จะเป็นภาพของการถ่ายภาพร่วมกันออกสื่อ มีการมอบของขวัญเพื่อสานสัมพันธไมตรี และเป็นการขอบคุณเจ้าภาพ….ซึ่งทางรัสเซียคงเข้าใจตามนั้น ถ้าจะอวดกัน…ควรจะอวดเป็นส่วนตัวในยามคุยถึงเรื่องที่เกี่ยวข้อง จากภาพที่เห็น……ใครๆก็ต้องคล้อยตามว่า นั่นคือการมอบของที่ระลึก… (ป่านนี้ปูตินคงขำกลิ้งไปแล้ว……) งานวางฐานเศรษฐกิจชาติ ได้สำเร็จไปตามแผน นั่นคือ Rosneft บริษัทพลังงานที่ใหญ่อันดับสอง ดูแลโดย Igor Sechin United Aircraft Corporation ดูแลโดย Sergei Ivanov Russian Railways ดูแลโดย Vladimir Yakunin Rosoboronexport ดูแลโดย Seigei Chemezov Gazprom ดูแลโดย Dmitry Medvedev ทั้งหมดนี้ ที่ทำให้เศรษฐกิจของรัสเซียก้าวพุ่ง ภายในปีเดียว จนก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งใน G8 แบบกระพริบตาไม่ทัน มกราคม 2006 นักข่าวได้ถามปูตินว่า “ถ้าไม่เป็นประธานาธิบดี ท่านคิดว่าท่านจะมาทำงานในส่วนคุมพลังงานนี้หรือไม่..?” คำตอบคือ “ขอบคุณที่ชี้ทางหางานให้……แต่ไม่มีทาง ผมไม่มีทักษะในเรื่องธุรกิจเลย หรือ เป็นเพราะว่าเมื่อชาติก่อนไม่เคยทำมาค้าขายก็เป็นได้…” เพื่อนเก่าอีกคนหนึ่งที่ต้องพูดถึง คือ สองพี่น้อง Arkady และ Boris Rotenerg ที่เรียนยูโดมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก สองพี่น้องนี้ได้เปิดสถานฝึกสอนยูโด และ ยิมที่เซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก ในปี 1998 ชื่อว่า Yawara-Neva ปูตินรับเป็นประธานกิตติมศักดิ์……ที่สถานฝึกสอนได้ตั้งกลุ่มผู้ที่ฝึกยูโดอย่างจริงจัง เรียกว่า “judocracy “ เมื่อปี 2000 ที่ปูตินได้เป็นประธานาธิบดี เขาจัดการควบคุมโรงกลั่นเหล้าว้อดก้าให้เป็นสัมปทาน และมอบหมายให้ Arkady เป็นคนดูแล ซึ่งไม่นานต่อมา องค์กรโรงกลั่นนี้ได้ขยายไปคุมกิจการเหล้าอื่นๆเกือบทั้งประเทศ จนถึงขั้นตั้งธนาคารของตัวเองได้ ชื่อว่า SMP Bank และมีส่วนร่วมในการลงทุนในท่อก๊าสสู่ยุโรป ความสำเร็จเหล่านี้เป็นการยืนยันว่า เขาไม่ได้เอาเพื่อนจากถิ่นเก่ามาช่วยงานเพราะเห็นแก่หน้า……แต่เขาคัดมาเฉพาะคนที่เชื่อใจและมองเห็นในความสามารถ…… ปูตินเชื่ออะไรหลายๆอย่างที่เป็นเรื่องแปลก เขาคือชนรุ่นโซเวียตแท้ๆตั้งแต่เกิด แต่เขามีความอ่อนไหวกับเรื่องราชาธิปไตยภายใต้ประชาธิปไตย (sovereign democracy) ในการบรรยายหรือให้สัมภาษณ์เขามักกล่าวถึง นักปรัชญาทางการเมืองและศาสนา Ivan Ilyin (1883-1954) ที่ต่อต้านบอลเชวิคจนต้องหนีออกไปนอกประเทศ และไปเสียชีวิตที่ สวิตเซอร์แลนด์ ในบทความของอิวานมักจะเอนเอียงไปทางประชาธิปไตยที่ต้องออกแบบให้เหมาะสมกับฐานรากของประชาชน ปูตินได้ใช้บทความของอิวานครั้งหนึ่งในตอนที่เขาขึ้นรับตำแหน่งใหม่ๆว่า “เราต้องไม่ลืมว่า รัสเซียเป็นประชาธิปไตยเพราะนั่นคือความต้องการของประชาชน เพื่อที่จะอยู่ร่วมกันสันติสุข เราต้องใช้ชีวิตให้สอดคล้องกับภูมิภาค จดจำประวัติการความเป็นมา และการให้ความเคารพนับถือซึ่งกันและกัน เรามีเอกราชเป็นของตัวเอง เส้นทางข้างหน้าคือการก้าวไปอย่างเสรีด้วยกัน……ด้วยความระมัดระวัง…” และอีกคนหนึ่ง คือนักรบพระเจ้าซาร์ General Anton Denikin (1872-1947) ที่ต้องพ่ายแพ้ในการรักษาพระราชบัลลังก์ในสงครามกลางเมือง ทั้งๆที่นายพลผู้นี้ถือเป็นยอดอัศวิน (และเป็นนักเขียน) ที่ผ่านสงครามมานับไม่ถ้วน จนต้องลี้ภัยไปอยู่หลายประเทศ ในที่สุดก็ไปเสียชีวิตที่สหรัฐอเมริกา เวลาผ่านไปนานแสนนานก็จริง แต่ปูตินได้จัดการนำร่างของคนทั้งสองกลับมาทำพิธีและทำสุสานให้สมเกียรติที่ Donskoy Monastery, Moscow (ด้วยทุนของตัวเอง) กลับมาเรื่องการสร้างอำนาจด้วยพลังงาน……ปูตินได้จับมือกับนายรัฐมนตรีเยอรมันนี Gerhard Schröder ที่เป็นเกลอกัน ในเรื่องการสร้างท่อก๊าสจากเอเซียสู่ยุโรป ในนาม Nord Stream ที่จะเชื่อมผ่านกลุ่มท่อเก่าของโซเวียตที่ทำไว้ ที่ยูเครน, เบลารุส โปแลนด์ และ สอดผ่านใต้ทะเลบอลติก ที่ได้รับการสนับสนุนจากเยอรมันในโครงการนี้ถึงพันล้านยูโร (ในสมัยที่เยอรมันนีมีนายกรัฐมนตรีคนใหม่) แต่ด้วยความเป็นคนที่ไม่ทิ้งเพื่อน เพียงหนึ่งอาทิตย์ที่ Gerhard ได้ลงจากตำแหน่ง รัสเซียได้จ้างให้ Gerhard มานั่งเป็นที่ปรึกษาในบริษัท Nord Stream ……รับเละ…!! เพราะประธานบริษัท คือ Matthias Warnig เพื่อนเก่าสมัยที่อยู่เดรสเดน ทุกการเคลื่อนไหวของปูตินได้สร้างเม็ดเงินสู่ประเทศแบบทำนบแตก ปรกติ Gazprom ได้ส่งก๊าสให้ยูเครนในราคาเป็นกันเอง คือ 50$ ต่อ 1000 คิวบิก ที่ยูเครนจะไปขายเท่าไหร่ก็แล้วแต่ แต่เมื่อการเมืองของยูเครนที่เกิดฝักใฝ่ทางตะวันตก… ตัวประธานาธิบดีคนใหม่ก็แสนจะดี๊ด๊ากับกลิ่นไอของประชาธิยไตยสีส้ม ปูตินก็เลยเห็นว่า……มันถึงเวลาที่จะขึ้นราคา…เท่ากับว่ากำไรที่เคยได้จะหดหายไป เพราะยูเครนไม่สามารถไปขึ้นราคากับยุโรปได้ เนื่องจากมีสัญญาระยะยาว… และหนี้สินที่ให้ค้างคามานาน.……รัสเซียให้เวลาสามเดือน ให้เอามาจ่าย เมื่อถึงเวลา….เงินไม่มา…ในวันที่ 31 ธันวาคม 2005 เป็นวันสำคัญของการเฉลิมฉลองของฤดูหนาว……รัสเซียตัดก๊าสสั่งสอน เดือดร้อนกันไปทั่วทั้งทวีป……กระจองอแงกันไปหมด นั่นคือการที่ต้องมาคุยกันใหม่……ทีนี้จะได้รู้บ้างว่า”ใครใหญ่” และจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงทางราคา…. แต่ก็ไม่นาน……ที่ปูตินเล่นไม้แข็งก็โอนอ่อน เพราะคนที่เดือดร้อนด้วยคือมหามิตร อย่าง ออสเตรีย, ฮังการี เขายอมปล่อยก๊าสคืนให้ แต่….จะมีการวางท่อใหม่และราคาที่ขึ้นอยู่กับว่า……รักมาก…รักน้อย….!! ทีนี้ก็ถึงการลากมาสับ…รายแรกคือ Victor Yushchenko หรือ VAY ที่ทางรัสเซียได้ออกข่าวว่า ที่เรื่องก๊าสยุ่งเหยิง หนี้สินเพียบแบบนี้ เพราะการบริหารของประธานาธิบดียูเครนคนใหม่ ที่มีส่วนในการรับเงินใต้โต๊ะจากบริษัท RosUkrEnergo ปูตินทิ้งท้ายไว้ว่า “ถ้าอยากรู้ มากกว่านี้……ก็ไปถามกันเอง..” ~~บริษัทพลังงาน RosUkrEnergo เป็นของรัฐบาลยูเครนที่ Gazprom มีหุ้นครึ่งหนึ่ง ตัวเลขการเงินทางฝั่งยูเครน ไหลไปไหนก็รู้กันหมดว่า VAY เอาไปใช้ในการปฏิบัติการสีส้มจำนวนมหาศาล และในรัฐบาลยูเครน ก็ยังมีเส้นสายคนของปูตินเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ คือ Victor Yanukovych (VFY) เครดิตของประธานาธิบดียูเครนที่เพิ่งได้มาหมาดๆ เริ่มสั่นคลอน ความมั่นใจว่ามีตะวันตกหนุนหลัง……ชักลังเล………แต่เขาเริ่มเชื่อแล้วว่า……คงจะต้องมีรายการตามมาอีกเป็นหางว่าว………!!! Wiwanda W. Vichit
    0 Comments 0 Shares 123 Views 0 Reviews
  • #แถลงการคิงส์โพธิ์แดง27_09_67
    สวัสดีแฟนเพจคิงส์โพธิ์แดงทุกท่าน
    แฟนเพจหลายท่าน เป็นแฟนเพจมาตั้งแต่
    เพจคิงส์โพธิ์แดงได้ทำภาระกิจเกี่ยวกับ
    การเปิดข้อมูลที่เป็นเรื่องซีฟทางการเมือง
    การต่อสู้กับกลุ่มฟอกในประเทศและผู้มีสี
    ที่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
    มาระยะเวลาหลายปี
    และเมื่อคิงส์ฯได้พบข้อมูลที่น้องแน๊กถูกกระทำอย่างไม่ปราณี
    พี่คิงส์จึงเดินเครื่องขุดโฟกัสเต็มรูปแบบที่เรื่องนี้
    ทำให้ข้อมูล ยิ่งขุดยิ่งมีปริมาณมาก และได้ทำการโพส
    ถี่น้อยที่สุด เท่าที่ทำได้ ให้สัมพันธ์กับข้อมูลที่ต้องเปิดเผย
    รวมถึง แผนของขบก. ทั้งฝั่งกลุ่มเงินดาร์ค และหัวโจกที่อยู่ฝั่งไทย
    ทำให้พี่น้องชาวไทย ได้เกิดการรับรู้ และนำไปสู่เกิดกระบวนการตรวจสอบ
    พี่คิงส์ขอสรุปผลการปฏิบัติภาระกิจดังนี้
    1. เราได้เปิดเผยถึงขบวนการใหญ่ ของกลุ่มเงินดาร์ค ที่ใช้การพีเคบิ๊กแม็ต เป็นช่องทางในการฟอก โดยทำมาแล้วทั้งฝั่งยุโรป ตะวันออกกลาง และเอเชีย และได้แปะข้อมูลให้เข้าไปแปลเป็นไทยแล้วอ่านกันอย่างลึกซึ้งแล้ว
    2. เราได้เปิดเผย ถึงลักษณะของเอเจนซี่ ที่เป็นร่างทรงของกลุ่มทุนดาร์ค ที่กำลังจะเข้ามาตั้งฐานในประเทศไทย เพราะประเทศเรายังมีความล่าช้าด้านข่าวสารมากๆ
    3. เราได้เปิดเผย ถึงแผนของขบก เครือข่ายของ โจ มณฑนี รวมถึงได้ขุดถึงที่มาที่ไป และรายละเอียด ชนิดที่โจเองก็ตกใจ
    และณ เวลานี้ ทั้งปปง. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ดำเนินการตรวจสอบทั้งทางลับ และเปิดเผย โยงเส้นเงินทั้ง ขบก
    ดังนั้น จากผลการปฏิบัติภาระกิจดังกล่าวถือว่าได้รับความสำเร็จ
    ต้องขอขอบคุณ พี่น้องชาวเพจคิงส์ฯ และพี่น้องชายไทย ที่ได้นำสารต่างๆ เข้าไปส่งต่อใน ตต. และโซเชียลในทุกรูปแบบ
    หากไม่มีพวกท่าน งานนี้คงไม่สามารถสื่อสารให้กับพี่น้องชาวไทยได้ขนาดนี้
    และจากโพสต่างๆที่พี่คิงส์ฯได้ทำการให้ข้อมูลไปนั้น เพียงพอต่อการดำเนินการของทางเจ้าหน้าที่ ชี้เป้า รวมถึงมีการแจงรายละเอียดต่างๆอย่างครบถ้วนแล้ว
    -ในเวลาที่ผ่านมา มีหลายอย่างที่พี่คิงส์อยากทำให้พี่น้องชาวไทย แต่ต้องทำภาระกิจนี้ให้ลุล่วงก่อน และวันนี้ก็มาถึง
    ดังนั้น ขอสรุปว่า
    1. เพจคิงส์โพธิ์แดง จะนำเสนอเรื่องของโจมณฑนี และขบก.ต่อไป เฉพาะกรณีที่เป็นเรื่องสำคัญ หรือเรื่องที่มีคนอยากให้ข้อมูลบางอย่าง สื่อสารสู่พี่น้องชาวไทย แต่ไม่กล้าเปิดหน้า พี่คิงส์จะสื่อสารให้เอง แต่จะไม่ได้โพสเรื่องนี้อย่างเดียว ทั้งวันทั้งคืนอีก
    2. สิ่งที่พี่คิงส์ต้องการทำเพื่อคนไทยจากนี้ไปเพิ่มเติมคือ การรุกคืบของแรงงานต่างชาติ ที่เวลานี้ ได้บุกเข้ามายึดที่ทำกิน และสร้างกองกำลังอิทธิพล จนกลายเป็นผู้มีอิทธิพลในประเทศไทย และด้วยความถี่เป็นคนต่างด้าว ในจำนวนนั้นที่ไม่น้อยเลย ไม่มีหลักฐานรูปพรรณ หากทำอะไรคนไทย จะไม่สามารถติดตามตัวมาดำเนินการไปสู่การรับโทษได้
    3. เรื่องภั-ยทางธรรมชาติ ข้อมูลเชิงลึก ที่บางทีภาครัฐเองไม่กล้าเปิดเผย เพราะกลัวจะมีการตื่นตระหนก แต่ถ้าประชาชนไม่รู้ จะได้รับความเดือดร้อนอย่างกว้างขวาง
    4. เรื่องทุนจีน ที่เข้ามาตัดราคาสินค้าในประเทศไทย ที่ทำให้ธุรกิจของคนไทย หายไปตอนนี้มากกว่า 80% ซึ่งพี่คิงส์ต้องหาข้อมูลมาส่งแฟนเพจ เพื่อป้องกันไม่ให้ธุรกิจของคนไทย ต้องล่มสลาย
    5.พี่คิงส์ไม่ทิ้งน้องแน๊กและครอบครัว แฟนเพจคิงส์โพธิ์แดงส่งข้อมูลหลักฐานการละเมิดน้องแน๊กทางโซเชียลมาได้ตลอด เพราะพี่คิงส์ได้รับการขอความช่วยเหลือจาก...ให้เก็บรวบรวมหลักฐานทุกอย่างให้มากที่สุด ยังคงส่งมาได้อย่างต่อเนื่อง เหมือนเดิม
    -ดังนั้น ยังมีอีกหลายๆเรื่องที่พี่คิงส์ต้องทำเพื่อคนไทย แต่ยังไม่ได้ทำ
    แต่แฟนเพจที่เป็นด้อมแพนด้าไม่ต้องกังวล ว่าพี่คิงส์จะทิ้งน้องชาลีและครอบครัว ฝากบอกน้องว่า พี่คิงส์จะเป็นเรือดำน้ำคุ้มภัยให้น้องเอง
    น้องข้า ใครอย่าแตะ
    และฝากถึงขบก.ของโจว่า คงเห็นแล้วว่าการท้าทายเพจคิงส์โพธิ์แดง ผลเป็นอย่างไร หรือถ้ามีการท้าทาย การข่มขู่ววพี่คิงส์อีก ก็ไม่เป็นการยากลำบาก ในการขุดทั้งวันทั้งคืนแบบนี้อีกเช่นกัน กรรูพร้อมเสมอ
    อิฉัด
    ส่วนพวกขี้คอก พวกเบี้ยตัวเล็กๆ ที่ประเมินตัวเองสูงเกินจริง ก็ปล่อยให้มันทำไป เพราะจากนี้ไป ยิ่งทำ ก็ยิ่งเป็นหลักฐานให้แฟนเพจคิงส์ ส่งมาให้มากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งดิ้น ยิ่งมัดตัว เพราะกระบวนการดำเนินอยู่ทุกวัน เรื่องการรวบรวมพยานหลักฐาน และการตรวจสอบเชิงลึก
    พวกนี้จะเหมือนกบที่ถูกต้ม มันจะค่อยๆร้อน คิดว่ากำลังอาบน้ำอุ่น
    แต่มารู้ตัวว่าจะตรุย ก็ตอนที่ไม่มีแรงดิ้นออกจากหม้อแล้วนั่นเอง
    หากแฟนเพจ ได้อ่านแล้ว เห็นชอบตามที่พี่คิงส์แถลงนี้
    ช่วยกดไลค์ หรือเม้นว่าเห็นด้วย เพื่อให้พี่คิงส์รับรู้
    ว่าแฟนเพจ เข้าใจภาระกิจของพี่คิงส์ นับจากนี้ไป
    ขอบคุณล่วงหน้า ขอบคุณครับ
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #แถลงการคิงส์โพธิ์แดง27_09_67 สวัสดีแฟนเพจคิงส์โพธิ์แดงทุกท่าน แฟนเพจหลายท่าน เป็นแฟนเพจมาตั้งแต่ เพจคิงส์โพธิ์แดงได้ทำภาระกิจเกี่ยวกับ การเปิดข้อมูลที่เป็นเรื่องซีฟทางการเมือง การต่อสู้กับกลุ่มฟอกในประเทศและผู้มีสี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ มาระยะเวลาหลายปี และเมื่อคิงส์ฯได้พบข้อมูลที่น้องแน๊กถูกกระทำอย่างไม่ปราณี พี่คิงส์จึงเดินเครื่องขุดโฟกัสเต็มรูปแบบที่เรื่องนี้ ทำให้ข้อมูล ยิ่งขุดยิ่งมีปริมาณมาก และได้ทำการโพส ถี่น้อยที่สุด เท่าที่ทำได้ ให้สัมพันธ์กับข้อมูลที่ต้องเปิดเผย รวมถึง แผนของขบก. ทั้งฝั่งกลุ่มเงินดาร์ค และหัวโจกที่อยู่ฝั่งไทย ทำให้พี่น้องชาวไทย ได้เกิดการรับรู้ และนำไปสู่เกิดกระบวนการตรวจสอบ พี่คิงส์ขอสรุปผลการปฏิบัติภาระกิจดังนี้ 1. เราได้เปิดเผยถึงขบวนการใหญ่ ของกลุ่มเงินดาร์ค ที่ใช้การพีเคบิ๊กแม็ต เป็นช่องทางในการฟอก โดยทำมาแล้วทั้งฝั่งยุโรป ตะวันออกกลาง และเอเชีย และได้แปะข้อมูลให้เข้าไปแปลเป็นไทยแล้วอ่านกันอย่างลึกซึ้งแล้ว 2. เราได้เปิดเผย ถึงลักษณะของเอเจนซี่ ที่เป็นร่างทรงของกลุ่มทุนดาร์ค ที่กำลังจะเข้ามาตั้งฐานในประเทศไทย เพราะประเทศเรายังมีความล่าช้าด้านข่าวสารมากๆ 3. เราได้เปิดเผย ถึงแผนของขบก เครือข่ายของ โจ มณฑนี รวมถึงได้ขุดถึงที่มาที่ไป และรายละเอียด ชนิดที่โจเองก็ตกใจ และณ เวลานี้ ทั้งปปง. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ดำเนินการตรวจสอบทั้งทางลับ และเปิดเผย โยงเส้นเงินทั้ง ขบก ดังนั้น จากผลการปฏิบัติภาระกิจดังกล่าวถือว่าได้รับความสำเร็จ ต้องขอขอบคุณ พี่น้องชาวเพจคิงส์ฯ และพี่น้องชายไทย ที่ได้นำสารต่างๆ เข้าไปส่งต่อใน ตต. และโซเชียลในทุกรูปแบบ หากไม่มีพวกท่าน งานนี้คงไม่สามารถสื่อสารให้กับพี่น้องชาวไทยได้ขนาดนี้ และจากโพสต่างๆที่พี่คิงส์ฯได้ทำการให้ข้อมูลไปนั้น เพียงพอต่อการดำเนินการของทางเจ้าหน้าที่ ชี้เป้า รวมถึงมีการแจงรายละเอียดต่างๆอย่างครบถ้วนแล้ว -ในเวลาที่ผ่านมา มีหลายอย่างที่พี่คิงส์อยากทำให้พี่น้องชาวไทย แต่ต้องทำภาระกิจนี้ให้ลุล่วงก่อน และวันนี้ก็มาถึง ดังนั้น ขอสรุปว่า 1. เพจคิงส์โพธิ์แดง จะนำเสนอเรื่องของโจมณฑนี และขบก.ต่อไป เฉพาะกรณีที่เป็นเรื่องสำคัญ หรือเรื่องที่มีคนอยากให้ข้อมูลบางอย่าง สื่อสารสู่พี่น้องชาวไทย แต่ไม่กล้าเปิดหน้า พี่คิงส์จะสื่อสารให้เอง แต่จะไม่ได้โพสเรื่องนี้อย่างเดียว ทั้งวันทั้งคืนอีก 2. สิ่งที่พี่คิงส์ต้องการทำเพื่อคนไทยจากนี้ไปเพิ่มเติมคือ การรุกคืบของแรงงานต่างชาติ ที่เวลานี้ ได้บุกเข้ามายึดที่ทำกิน และสร้างกองกำลังอิทธิพล จนกลายเป็นผู้มีอิทธิพลในประเทศไทย และด้วยความถี่เป็นคนต่างด้าว ในจำนวนนั้นที่ไม่น้อยเลย ไม่มีหลักฐานรูปพรรณ หากทำอะไรคนไทย จะไม่สามารถติดตามตัวมาดำเนินการไปสู่การรับโทษได้ 3. เรื่องภั-ยทางธรรมชาติ ข้อมูลเชิงลึก ที่บางทีภาครัฐเองไม่กล้าเปิดเผย เพราะกลัวจะมีการตื่นตระหนก แต่ถ้าประชาชนไม่รู้ จะได้รับความเดือดร้อนอย่างกว้างขวาง 4. เรื่องทุนจีน ที่เข้ามาตัดราคาสินค้าในประเทศไทย ที่ทำให้ธุรกิจของคนไทย หายไปตอนนี้มากกว่า 80% ซึ่งพี่คิงส์ต้องหาข้อมูลมาส่งแฟนเพจ เพื่อป้องกันไม่ให้ธุรกิจของคนไทย ต้องล่มสลาย 5.พี่คิงส์ไม่ทิ้งน้องแน๊กและครอบครัว แฟนเพจคิงส์โพธิ์แดงส่งข้อมูลหลักฐานการละเมิดน้องแน๊กทางโซเชียลมาได้ตลอด เพราะพี่คิงส์ได้รับการขอความช่วยเหลือจาก...ให้เก็บรวบรวมหลักฐานทุกอย่างให้มากที่สุด ยังคงส่งมาได้อย่างต่อเนื่อง เหมือนเดิม -ดังนั้น ยังมีอีกหลายๆเรื่องที่พี่คิงส์ต้องทำเพื่อคนไทย แต่ยังไม่ได้ทำ แต่แฟนเพจที่เป็นด้อมแพนด้าไม่ต้องกังวล ว่าพี่คิงส์จะทิ้งน้องชาลีและครอบครัว ฝากบอกน้องว่า พี่คิงส์จะเป็นเรือดำน้ำคุ้มภัยให้น้องเอง น้องข้า ใครอย่าแตะ และฝากถึงขบก.ของโจว่า คงเห็นแล้วว่าการท้าทายเพจคิงส์โพธิ์แดง ผลเป็นอย่างไร หรือถ้ามีการท้าทาย การข่มขู่ววพี่คิงส์อีก ก็ไม่เป็นการยากลำบาก ในการขุดทั้งวันทั้งคืนแบบนี้อีกเช่นกัน กรรูพร้อมเสมอ อิฉัด ส่วนพวกขี้คอก พวกเบี้ยตัวเล็กๆ ที่ประเมินตัวเองสูงเกินจริง ก็ปล่อยให้มันทำไป เพราะจากนี้ไป ยิ่งทำ ก็ยิ่งเป็นหลักฐานให้แฟนเพจคิงส์ ส่งมาให้มากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งดิ้น ยิ่งมัดตัว เพราะกระบวนการดำเนินอยู่ทุกวัน เรื่องการรวบรวมพยานหลักฐาน และการตรวจสอบเชิงลึก พวกนี้จะเหมือนกบที่ถูกต้ม มันจะค่อยๆร้อน คิดว่ากำลังอาบน้ำอุ่น แต่มารู้ตัวว่าจะตรุย ก็ตอนที่ไม่มีแรงดิ้นออกจากหม้อแล้วนั่นเอง หากแฟนเพจ ได้อ่านแล้ว เห็นชอบตามที่พี่คิงส์แถลงนี้ ช่วยกดไลค์ หรือเม้นว่าเห็นด้วย เพื่อให้พี่คิงส์รับรู้ ว่าแฟนเพจ เข้าใจภาระกิจของพี่คิงส์ นับจากนี้ไป ขอบคุณล่วงหน้า ขอบคุณครับ #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    Love
    13
    2 Comments 0 Shares 697 Views 0 Reviews
  • #นิทานเรื่องชาวนากับงูเห่าเหม็นจอมหงี่
    นิทานเรื่องนี้ มิได้ทำการอ้างอิงจากเนื้อหาที่ไม่จริง
    เรื่องนี้ ขอเอาแค่พอสรุปเนื้อหา เพราะแฟนเพจบ่นมาเยอะว่า อ่านแล้วตาลาย
    รับรองว่าโพสนี้สั้นๆครับ เอาแค่พอเข้าใจ ไม่เกิน 1000 บรรทัด
    เรามาเริ่มกันเลย
    -กลางครั้งหนึ่ง ประมาณต้นปีนี้ มีชาวนาผู้ร่ำรวยคนหนึ่ง เป็นชาวนาหน้ามน ที่มีออร่ามาก หญิงสาวในหมู่บ้านต่างหมายปอง เพราะชาวนาคนนี้ ครบเครื่อง ทั้งหล่อ ทั้งรวย แถมมีชื่อเสียงดังไกลข้ามหมู่บ้าน
    -วันหนึ่ง ชาวนา สนุกกับการทำนาแนวใหม่ ด้วยการชวนชาวนาด้วยกัน มาร่วมการแข่งขัน พาแฟนๆมาช่วยกันรุมปลูกข้าว ใครปักข้าวได้มากกว่าคนนั้นชนะ แต่ชาวนา ก็ชวนสนุกๆหอมปากหอมคอ ได้มิตรภาพ ได้เฮฮา
    -ระหว่างนั้น ที่ชาวนารูปหล่อกำลังสนุกสนาน ก็หันไปเจอ สิ่งมีชีวิตที่หน้าตาคล้ายคน หัวเป็นงู แต่ตัวเป็นเฮี้ย ลักษณะเป็นตัวเมีย มีกลิ่นเหม็น ซึ่งก็กำลังพยายามทำนาแนวใหม่แบบชาวหนาสุดหล่อ แต่ก็แสดงความสำออย อ้างว่าตัวเองน่าสงสาร และกำลังรู้สึกหนาวว ชาวนาหนุ่มจึงตัดสินใจ ชวนเพื่อนๆที่กำลังสนุกสนานในพื้นนาของตัวเอง กับการแข่งขันปลูกข้าว ให้มาช่วย นังงูที่นาผืนนี้
    -นังงูดีใจ ตื่นตาตื่นใจอย่างมาก เพราะไม่เคยคิดว่า จะสามารถต้มคนได้ประสบความสำเร็จขนาดนี้ จึงเริ่มออกอุบาย แปลงกายใส่หน้ากาก ว่าตัวเองนั้นคือคน ที่เป็นยายโกะที่น่ารัก ทั้งๆที่นังงู อายุมากกว่า 1000 ปีแล้ว และกรำศึกมาโชกโชน
    -ชาวนาเห็นว่า นังงูเหม็น น่าสงสาร และโดนมนต์ดำของนังงูไปชั่วขณะหนึ่ง จนพลาดนำนังงูเข้ามาในบ้าน แต่ลักษณะของนังงู มีความผิดปกตินับร้อยๆเรื่อง
    นังงูเหม็น เป็นลำยอง ทุกครั้งที่สโหลสะเหล จะมีอาการหงี่อย่างแรง เรียกว่า ขาดของไม่ได้ และมีหลายครั้งที่นังงู พยายามจะทำตัวเป็นนังงูขย่มตอ แต่ชาวนาหน้าหล่อกลับปัดป้อง ด้วยเพราะคุณธรรมของชาวนา และความซกมกของนังงู ทำให้ชาวนายังรอดปลอดภัย
    -มันจึงเกิดเรื่องขึ้น นั่งงูไม่ได้หยำเปย์แค่บางวัน แต่หยำเปย์เป็นลำยองทุกคืน ในเหยือกเยติที่เห็นนั้นน่ะ ไม่ใช่น้ำ มันเป็นแอล ในเมื่อชาวนาไม่สนอง ก็ต้องหาทางออก
    โดยแทบทุกคืน ช่วงเวลาประมาณตีสอง โดยเฉพาะวันที่แสงจันทราสาดส่อง ความหงี่จะเพิ่มเป็นทวีคุณ งูเหม็นจึงโทรเรียก ชายที่มาจากดินแดนมนุษย์งูเหมือนกัน ที่เรียกว่า เพื่อน ที่เป็นคนชวนให้นังงู รู้จักการทำนาแนวใหม่
    -ชาวนา รู้ และเห็นทุกอย่าง และห้าม ไม่ให้ทำแบบนี้ พยายามจะปรับให้นังงู ให้ดีขึ้น แต่นังงูกลับไม่ใยดี เพราะความหงี่บังตา เพื่อนชายนังงูจะมารับออกไปทุกตีสอง
    และแล้ว เพื่อนพ้องท้องก็เริ่มชนกัน แต่ไม่ได้นับว่าเป็นผัวเมียกัน เพราะตัวจริงที่เลี้ยงดูงู ก็มีอยู่แล้ว ส่วนเพื่อนพ้อท้องชนเกิน มันก็เหมือนเวลาหิวข้าว หิวก็กินกัน อิ่มก็แยกกัน แล้วก็เอามาส่งที่บ้านชาวนา ในเวลา 6 โมงเช้า
    -นอกจากความหงี่ขั้นสุดแล้ว ด้วยความที่นังงู มาโปรยเสน่ห์ และใช้มนต์ดำบดบัง นังงูไม่เคยรักชาวนาเลย แม้แต่วินาทีเดียว เพราะชาวนาทั้งสะอาดเกินไป เนี๊ยบเกินไป เป็นคนดีเกินไป อย่างนังงู ผัวตัวจริงต้องลักษณะดิบๆ และซาล่าดิส
    -ดังนั้นระยะเวลากว่า7 เดือน ที่ชาวนาต้องทนอยู่กับนังงู ทุกครั้งที่นังงูถูกขัดใจ จะกระโดดกัดชาวนา หรือเอาขาหน้าหยุมหัวชาวนา หรือเอาขาหน้าบักๆๆๆๆตามร่างกายของชาวนาหนุ่ม จนตัวมีแต่รอยฟกช้ำ คอสตูมและช่างแต่หน้าของชาวนา ต่างเป็นพยายานเรื่องนี้ได้
    แฟนเพจครับ เรื่องที่นำเสนอนี้ เป็นเพียง 1 ใน 1000 ของเนื้อหาทั้งหมด
    ขออนุญาตทะยอยเล่าให้ทุกท่านได้อ่าน ในโอกาสต่อไป
    ถือว่า เป็น EP.1 ของนิทานเรื่อง ชาวนากับงูเหม็นจอมหงี่นะครับนะ
    ไม่ไหวฟังแฟนเพจบ่นว่าพิมพ์ยาวเกินไป
    นี่ก็ตัดให้สั้นๆ จะได้อ่านกันง่ายๆแล้ว
    คิดว่าแฟนเพจคงพอใจนะครับ
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #นิทานเรื่องชาวนากับงูเห่าเหม็นจอมหงี่ นิทานเรื่องนี้ มิได้ทำการอ้างอิงจากเนื้อหาที่ไม่จริง เรื่องนี้ ขอเอาแค่พอสรุปเนื้อหา เพราะแฟนเพจบ่นมาเยอะว่า อ่านแล้วตาลาย รับรองว่าโพสนี้สั้นๆครับ เอาแค่พอเข้าใจ ไม่เกิน 1000 บรรทัด เรามาเริ่มกันเลย -กลางครั้งหนึ่ง ประมาณต้นปีนี้ มีชาวนาผู้ร่ำรวยคนหนึ่ง เป็นชาวนาหน้ามน ที่มีออร่ามาก หญิงสาวในหมู่บ้านต่างหมายปอง เพราะชาวนาคนนี้ ครบเครื่อง ทั้งหล่อ ทั้งรวย แถมมีชื่อเสียงดังไกลข้ามหมู่บ้าน -วันหนึ่ง ชาวนา สนุกกับการทำนาแนวใหม่ ด้วยการชวนชาวนาด้วยกัน มาร่วมการแข่งขัน พาแฟนๆมาช่วยกันรุมปลูกข้าว ใครปักข้าวได้มากกว่าคนนั้นชนะ แต่ชาวนา ก็ชวนสนุกๆหอมปากหอมคอ ได้มิตรภาพ ได้เฮฮา -ระหว่างนั้น ที่ชาวนารูปหล่อกำลังสนุกสนาน ก็หันไปเจอ สิ่งมีชีวิตที่หน้าตาคล้ายคน หัวเป็นงู แต่ตัวเป็นเฮี้ย ลักษณะเป็นตัวเมีย มีกลิ่นเหม็น ซึ่งก็กำลังพยายามทำนาแนวใหม่แบบชาวหนาสุดหล่อ แต่ก็แสดงความสำออย อ้างว่าตัวเองน่าสงสาร และกำลังรู้สึกหนาวว ชาวนาหนุ่มจึงตัดสินใจ ชวนเพื่อนๆที่กำลังสนุกสนานในพื้นนาของตัวเอง กับการแข่งขันปลูกข้าว ให้มาช่วย นังงูที่นาผืนนี้ -นังงูดีใจ ตื่นตาตื่นใจอย่างมาก เพราะไม่เคยคิดว่า จะสามารถต้มคนได้ประสบความสำเร็จขนาดนี้ จึงเริ่มออกอุบาย แปลงกายใส่หน้ากาก ว่าตัวเองนั้นคือคน ที่เป็นยายโกะที่น่ารัก ทั้งๆที่นังงู อายุมากกว่า 1000 ปีแล้ว และกรำศึกมาโชกโชน -ชาวนาเห็นว่า นังงูเหม็น น่าสงสาร และโดนมนต์ดำของนังงูไปชั่วขณะหนึ่ง จนพลาดนำนังงูเข้ามาในบ้าน แต่ลักษณะของนังงู มีความผิดปกตินับร้อยๆเรื่อง นังงูเหม็น เป็นลำยอง ทุกครั้งที่สโหลสะเหล จะมีอาการหงี่อย่างแรง เรียกว่า ขาดของไม่ได้ และมีหลายครั้งที่นังงู พยายามจะทำตัวเป็นนังงูขย่มตอ แต่ชาวนาหน้าหล่อกลับปัดป้อง ด้วยเพราะคุณธรรมของชาวนา และความซกมกของนังงู ทำให้ชาวนายังรอดปลอดภัย -มันจึงเกิดเรื่องขึ้น นั่งงูไม่ได้หยำเปย์แค่บางวัน แต่หยำเปย์เป็นลำยองทุกคืน ในเหยือกเยติที่เห็นนั้นน่ะ ไม่ใช่น้ำ มันเป็นแอล ในเมื่อชาวนาไม่สนอง ก็ต้องหาทางออก โดยแทบทุกคืน ช่วงเวลาประมาณตีสอง โดยเฉพาะวันที่แสงจันทราสาดส่อง ความหงี่จะเพิ่มเป็นทวีคุณ งูเหม็นจึงโทรเรียก ชายที่มาจากดินแดนมนุษย์งูเหมือนกัน ที่เรียกว่า เพื่อน ที่เป็นคนชวนให้นังงู รู้จักการทำนาแนวใหม่ -ชาวนา รู้ และเห็นทุกอย่าง และห้าม ไม่ให้ทำแบบนี้ พยายามจะปรับให้นังงู ให้ดีขึ้น แต่นังงูกลับไม่ใยดี เพราะความหงี่บังตา เพื่อนชายนังงูจะมารับออกไปทุกตีสอง และแล้ว เพื่อนพ้องท้องก็เริ่มชนกัน แต่ไม่ได้นับว่าเป็นผัวเมียกัน เพราะตัวจริงที่เลี้ยงดูงู ก็มีอยู่แล้ว ส่วนเพื่อนพ้อท้องชนเกิน มันก็เหมือนเวลาหิวข้าว หิวก็กินกัน อิ่มก็แยกกัน แล้วก็เอามาส่งที่บ้านชาวนา ในเวลา 6 โมงเช้า -นอกจากความหงี่ขั้นสุดแล้ว ด้วยความที่นังงู มาโปรยเสน่ห์ และใช้มนต์ดำบดบัง นังงูไม่เคยรักชาวนาเลย แม้แต่วินาทีเดียว เพราะชาวนาทั้งสะอาดเกินไป เนี๊ยบเกินไป เป็นคนดีเกินไป อย่างนังงู ผัวตัวจริงต้องลักษณะดิบๆ และซาล่าดิส -ดังนั้นระยะเวลากว่า7 เดือน ที่ชาวนาต้องทนอยู่กับนังงู ทุกครั้งที่นังงูถูกขัดใจ จะกระโดดกัดชาวนา หรือเอาขาหน้าหยุมหัวชาวนา หรือเอาขาหน้าบักๆๆๆๆตามร่างกายของชาวนาหนุ่ม จนตัวมีแต่รอยฟกช้ำ คอสตูมและช่างแต่หน้าของชาวนา ต่างเป็นพยายานเรื่องนี้ได้ แฟนเพจครับ เรื่องที่นำเสนอนี้ เป็นเพียง 1 ใน 1000 ของเนื้อหาทั้งหมด ขออนุญาตทะยอยเล่าให้ทุกท่านได้อ่าน ในโอกาสต่อไป ถือว่า เป็น EP.1 ของนิทานเรื่อง ชาวนากับงูเหม็นจอมหงี่นะครับนะ ไม่ไหวฟังแฟนเพจบ่นว่าพิมพ์ยาวเกินไป นี่ก็ตัดให้สั้นๆ จะได้อ่านกันง่ายๆแล้ว คิดว่าแฟนเพจคงพอใจนะครับ #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    Sad
    7
    0 Comments 0 Shares 748 Views 0 Reviews
  • รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง
    สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์ สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นเป็นอนัตตา สิ่งใดเป็นอนัตตา สิ่งนั้นไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่เป็นเรา ไม่ใช่ตัวของเรา
    เมื่อสักกายทิฐิ เราสิ้นแล้ว ความตายต้องตายอย่างแน่นอน ไม่สงสัยในคำสอนของพระพุทธเจ้าพระธรรม พระสงฆ์ ศรัทธาในคำสอนของพระศาสดาและมั่นใจในคำสอนของพุทธองค์อย่างไม่มีข้อสงสัย มีความเคารพในพระสงฆ์อย่างใจจริง น้อมกายน้อมใจเคารพพระสงฆ์ สรุปคือนับถือพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์อย่างเต็มใจ และถือศีล 5 อย่างเคร่งครัดตามคำสอนของศาสดา เพื่อประโยชน์ของตนในอันที่จะได้รับธรรมอันสูงสุด
    รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์ สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นเป็นอนัตตา สิ่งใดเป็นอนัตตา สิ่งนั้นไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่เป็นเรา ไม่ใช่ตัวของเรา เมื่อสักกายทิฐิ เราสิ้นแล้ว ความตายต้องตายอย่างแน่นอน ไม่สงสัยในคำสอนของพระพุทธเจ้าพระธรรม พระสงฆ์ ศรัทธาในคำสอนของพระศาสดาและมั่นใจในคำสอนของพุทธองค์อย่างไม่มีข้อสงสัย มีความเคารพในพระสงฆ์อย่างใจจริง น้อมกายน้อมใจเคารพพระสงฆ์ สรุปคือนับถือพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์อย่างเต็มใจ และถือศีล 5 อย่างเคร่งครัดตามคำสอนของศาสดา เพื่อประโยชน์ของตนในอันที่จะได้รับธรรมอันสูงสุด
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 18 Views 0 Reviews
  • #อันนี้ต้องเรียกว่าท็อปคอมเม้นตรงใจมาก
    พี่คิงส์ถามแฟนเพจตรงๆ คิดตรงกับคอมเม้นนี้มั๊ย
    รู้สึกเหมือนกันหรือเปล่า คือทุกครั้งที่ฟังคุณโจ มณฑนี
    พรรณาเรื่องการเลิกระหว่างแน๊กกับกามินนะ
    เหมือนเธอเลิกเองเลย และหลายครั้งขณะที่นาง
    กำลังพูดเพ้อๆ พี่คิงสืไปดูที่อิเหวิงตอนนั้นก็เห็น
    เออ มันก็ยังเต้น "คือร็อมเชกาซอนเบมาเม ท่างท่าง ฮูรู้ฮูรู๊ ทั่งๆ ฮูรูวววว"
    สรุป กามิจที่แน๊กเลิก หรือ โจกำลังมโนว่าตัวเองนั้นคือ
    จี กา โจ
    ผ่าง!!
    ปล.ฝากถึงไอ้เป็ดด้วยนะ อย่าทะลึ่งเปลี่ยนภาพที่ประตูห้องน้ำ
    เอาภาพนี้ไปแปะทับภาพอิเหม็นนะ ป้านี่รุ่นยายเมิงแล้วนะไอ้เป็ด
    คิดดีๆ
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #อันนี้ต้องเรียกว่าท็อปคอมเม้นตรงใจมาก พี่คิงส์ถามแฟนเพจตรงๆ คิดตรงกับคอมเม้นนี้มั๊ย รู้สึกเหมือนกันหรือเปล่า คือทุกครั้งที่ฟังคุณโจ มณฑนี พรรณาเรื่องการเลิกระหว่างแน๊กกับกามินนะ เหมือนเธอเลิกเองเลย และหลายครั้งขณะที่นาง กำลังพูดเพ้อๆ พี่คิงสืไปดูที่อิเหวิงตอนนั้นก็เห็น เออ มันก็ยังเต้น "คือร็อมเชกาซอนเบมาเม ท่างท่าง ฮูรู้ฮูรู๊ ทั่งๆ ฮูรูวววว" สรุป กามิจที่แน๊กเลิก หรือ โจกำลังมโนว่าตัวเองนั้นคือ จี กา โจ ผ่าง!! ปล.ฝากถึงไอ้เป็ดด้วยนะ อย่าทะลึ่งเปลี่ยนภาพที่ประตูห้องน้ำ เอาภาพนี้ไปแปะทับภาพอิเหม็นนะ ป้านี่รุ่นยายเมิงแล้วนะไอ้เป็ด คิดดีๆ #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Haha
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 912 Views 0 Reviews
  • #งงกับโพสนี้มากเลยครับ
    วนกลับไปอ่านแล้วอ่านอีก
    ว่าเราใส่ชื่อเพจไปหรือ
    อ้าว ก็ไม่ใช่ ก็แค่พิมพ์ว่า
    "เพจไอ่เฒ่าคลั่งรัก"
    สรุป พิมพ์แค่นี้รู้เลยเหรอว่าเพจไหน
    แอบร้อนตัวกันไปเองหรือเปล่า
    อาจจะเป็นเพจ
    "สมาคมคนเฒ่าคลั่งอเหม็น"
    ก็ได้ ใครจะไปรู้ ต้องขอละนะ
    อย่าไปพาดพิงคิดไปเองว่าต้องเป็นเพจนั้นเพจนี้
    เพราะไม่ได้เอ่ยชื่อซักที ขุดหลุมดักไว้
    ก็อย่าตกบ่อยสิ ขี้เกียจฝังกลบนะ
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #งงกับโพสนี้มากเลยครับ วนกลับไปอ่านแล้วอ่านอีก ว่าเราใส่ชื่อเพจไปหรือ อ้าว ก็ไม่ใช่ ก็แค่พิมพ์ว่า "เพจไอ่เฒ่าคลั่งรัก" สรุป พิมพ์แค่นี้รู้เลยเหรอว่าเพจไหน แอบร้อนตัวกันไปเองหรือเปล่า อาจจะเป็นเพจ "สมาคมคนเฒ่าคลั่งอเหม็น" ก็ได้ ใครจะไปรู้ ต้องขอละนะ อย่าไปพาดพิงคิดไปเองว่าต้องเป็นเพจนั้นเพจนี้ เพราะไม่ได้เอ่ยชื่อซักที ขุดหลุมดักไว้ ก็อย่าตกบ่อยสิ ขี้เกียจฝังกลบนะ #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Haha
    1
    0 Comments 0 Shares 840 Views 0 Reviews
  • รถเมล์แอร์สาย 49 (2-43) เฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์ บริเวณจุดกลับรถแยกประชานุกูล ปากซอยรัชดาภิเษก 62 ทับสาวแบงก์คนขี่และคนซ้อนรถมอเตอร์ไซค์ตาย2ราย

    26 กันยายน 2567 จากการสอบสวนเบื้องต้น ขณะเกิดเหตุ น.ส.มนัสสนันท์ ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์คันดังกล่าวมาพร้อมกับ น.ส.พิมพ์นิภา บนถนนรัชดาขาเข้า เพื่อที่จะไปทำงานที่ธนาคารแห่งหนึ่ง สาขาวงศ์สว่าง

    ระหว่างที่กำลังยูเทิร์นกลับรถที่บริเวณใต้สะพานข้ามแยกประชานุกูล ได้ถูกรถเมล์สาย 49 ที่วิ่งอยู่เลนขวาเบียดที่ด้านท้ายจนล้มและถูกรถเมล์คันดังกล่าวทับจนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ

    พ.ต.ท.จตุรพิทย์ กล่าวว่า นายจำนงค์ ให้การว่า ขณะขับรถมาตามเส้นทางบนถนนรัชดาขาเข้ามุ่งหน้า แยกประชานุกูล ถึงที่เกิดเหตุได้วิ่งเลนขวาเพื่อที่จะรอเลี้ยวขวาเข้าถนนประชาชื่น

    จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงดังที่บริเวณล้อหน้าด้านขวา ลักษณะเหยียบเข้ากับวัตถุอะไรบางอย่าง จากนั้นจึงได้จอดรถลงมาดู ก็พบว่าได้ขับรถชนเข้ากับรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวจนมีผู้เสียชีวิต

    อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ต้องสอบปากคำคนขับและตรวจกล้องวงจรปิดหน้ารถและบริเวณโดยรอบที่เกิดเหตุ เพื่อสรุปสาเหตุดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนศพทั้งสองได้ให้ทางมูลนิธิดำเนินการส่งนิติเวชโรงบาลตำรวจ เพื่อรอญาติประสานรับศพ ไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป

    ต่อมา มีแถลงการณ์องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ
    เรื่อง ขอแสดงความเสียใจและขออภัยกับครอบครัวผู้เสียชีวิต ระบุว่าจากกรณีรถโดยสารปรับอากาศ สาย 49 (2 – 43) หมายเลข 8 - 55073 เกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์ บริเวณจุดกลับรถแยกประชานุกูล ปากซอยรัชดาภิเษก 62 เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2567 เวลา 08.25 น. เป็นเหตุให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์และผู้ซ้อนท้าย เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ

    องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ขอแสดงความเสียใจเป็นอย่างยิ่ง และขออภัยต่อสิ่งที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของผู้เสียชีวิต ภายหลังเกิดเหตุ ขสมก. ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่อุบัติเหตุเขตการเดินรถที่ 8 ไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุ และได้ติดต่อญาติผู้เสียชีวิต พร้อมทั้ง ประสานบริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) และบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) จัดส่งเจ้าหน้าที่เพื่อดำเนินการชดเชยค่าเสียหาย และเยียวยาแก่ครอบครัวของผู้เสียชีวิตทั้งหมด ทั้งในส่วนของความคุ้มครองจาก พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ประกันภัยรถยนต์ที่คุ้มครองผู้ประสบภัยที่ ขสมก. ได้จัดทำไว้ และเพื่อเป็นการแสดงความเสียใจต่อผู้เสียชีวิตและครอบครัว ขสมก. จะร่วมเป็นเจ้าภาพสวดอภิธรรมศพให้กับผู้เสียชีวิตต่อไป

    ทั้งนี้ ขสมก. จะเร่งดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ครอบครัวของผู้ที่เสียชีวิตได้รับการชดเชยและการเยียวยาอย่างครบถ้วน โดย ขสมก. จะปรับปรุงระบบการทำงานและการให้บริการที่ดีขึ้น โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ และจะเข้มงวดกับบุคลากรที่เกี่ยวข้องในทุกภาคส่วนของการเดินรถ ให้มีความระมัดระวังต่อการปฏิบัติงานให้มากขึ้น เพื่อลดความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้น และเป็นการป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก ลงชื่อ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ
    วันที่ 26 กันยายน 2567

    #Thaitimes
    รถเมล์แอร์สาย 49 (2-43) เฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์ บริเวณจุดกลับรถแยกประชานุกูล ปากซอยรัชดาภิเษก 62 ทับสาวแบงก์คนขี่และคนซ้อนรถมอเตอร์ไซค์ตาย2ราย 26 กันยายน 2567 จากการสอบสวนเบื้องต้น ขณะเกิดเหตุ น.ส.มนัสสนันท์ ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์คันดังกล่าวมาพร้อมกับ น.ส.พิมพ์นิภา บนถนนรัชดาขาเข้า เพื่อที่จะไปทำงานที่ธนาคารแห่งหนึ่ง สาขาวงศ์สว่าง ระหว่างที่กำลังยูเทิร์นกลับรถที่บริเวณใต้สะพานข้ามแยกประชานุกูล ได้ถูกรถเมล์สาย 49 ที่วิ่งอยู่เลนขวาเบียดที่ด้านท้ายจนล้มและถูกรถเมล์คันดังกล่าวทับจนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ พ.ต.ท.จตุรพิทย์ กล่าวว่า นายจำนงค์ ให้การว่า ขณะขับรถมาตามเส้นทางบนถนนรัชดาขาเข้ามุ่งหน้า แยกประชานุกูล ถึงที่เกิดเหตุได้วิ่งเลนขวาเพื่อที่จะรอเลี้ยวขวาเข้าถนนประชาชื่น จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงดังที่บริเวณล้อหน้าด้านขวา ลักษณะเหยียบเข้ากับวัตถุอะไรบางอย่าง จากนั้นจึงได้จอดรถลงมาดู ก็พบว่าได้ขับรถชนเข้ากับรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวจนมีผู้เสียชีวิต อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ต้องสอบปากคำคนขับและตรวจกล้องวงจรปิดหน้ารถและบริเวณโดยรอบที่เกิดเหตุ เพื่อสรุปสาเหตุดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนศพทั้งสองได้ให้ทางมูลนิธิดำเนินการส่งนิติเวชโรงบาลตำรวจ เพื่อรอญาติประสานรับศพ ไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป ต่อมา มีแถลงการณ์องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ เรื่อง ขอแสดงความเสียใจและขออภัยกับครอบครัวผู้เสียชีวิต ระบุว่าจากกรณีรถโดยสารปรับอากาศ สาย 49 (2 – 43) หมายเลข 8 - 55073 เกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์ บริเวณจุดกลับรถแยกประชานุกูล ปากซอยรัชดาภิเษก 62 เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2567 เวลา 08.25 น. เป็นเหตุให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์และผู้ซ้อนท้าย เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ขอแสดงความเสียใจเป็นอย่างยิ่ง และขออภัยต่อสิ่งที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของผู้เสียชีวิต ภายหลังเกิดเหตุ ขสมก. ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่อุบัติเหตุเขตการเดินรถที่ 8 ไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุ และได้ติดต่อญาติผู้เสียชีวิต พร้อมทั้ง ประสานบริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) และบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) จัดส่งเจ้าหน้าที่เพื่อดำเนินการชดเชยค่าเสียหาย และเยียวยาแก่ครอบครัวของผู้เสียชีวิตทั้งหมด ทั้งในส่วนของความคุ้มครองจาก พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ประกันภัยรถยนต์ที่คุ้มครองผู้ประสบภัยที่ ขสมก. ได้จัดทำไว้ และเพื่อเป็นการแสดงความเสียใจต่อผู้เสียชีวิตและครอบครัว ขสมก. จะร่วมเป็นเจ้าภาพสวดอภิธรรมศพให้กับผู้เสียชีวิตต่อไป ทั้งนี้ ขสมก. จะเร่งดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ครอบครัวของผู้ที่เสียชีวิตได้รับการชดเชยและการเยียวยาอย่างครบถ้วน โดย ขสมก. จะปรับปรุงระบบการทำงานและการให้บริการที่ดีขึ้น โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ และจะเข้มงวดกับบุคลากรที่เกี่ยวข้องในทุกภาคส่วนของการเดินรถ ให้มีความระมัดระวังต่อการปฏิบัติงานให้มากขึ้น เพื่อลดความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้น และเป็นการป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก ลงชื่อ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ วันที่ 26 กันยายน 2567 #Thaitimes
    0 Comments 0 Shares 849 Views 0 Reviews
  • #ที่แท้ถาโถมทุกปมในใจใส่น้องแน๊กชาลี
    จากการสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับ โจ มณฑนี
    และพฤติกรรม วาทะกรรมม และกายกรรม
    ของนังโจ พบว่า สิ่งที่ให้ร้ายเล่นงานแน๊กชาลี
    ที่ล้วนมีสารตั้งต้นจาก โจ ล้วนมีที่มาจากปมตัวเอง
    1. เล่นงานน้องแน๊ก ด้วยการสะกดจิตทุยหน้ากระนูย(ทุยน่ารัก) เริ่มตั้งแต่ในห้อง DC ลามไปถึงกลุ่มเปิด บรรยายครั้งละ 3 - 4 ชม. แม้ไม่ได้เอ่ยชื่อ เพราะเป็นอิแอบลอบกัด แต่ในห้องต่างก็เข้าใจตรงกัน และพิมพ์คอมเม้นกันออกมาในทางเดียวกัน ว่าน้องแน๊กเปื่อยจิต และอิเหวิงเป็นเห..ื่อ
    ซึ่งเราได้พบที่มาว่า นังโจ ตกขาว เป็นผู้ป๋วยทางจิต ที่ผ่านการรักษาโดยจิตแ...ทย์ เป็นผู้ป๋วยเฉบติดดราม่า และการบรรยายต่างๆของนังโจ ล้วนแต่เป็นข้อมูลที่ฟังจาก..มอ ที่รักษาตัวเองทั้งนั้น ซึ่งความเจ็บที่เป็นปมนี้ ก็ใช้วิธีการบรรเทา ด้วยการสร้างภาพว่าตนเองนั้นเป็นห-ม-อ ที่มีความเชี่ยวชาญ ทั้งๆที่ชัดเจนแล้วว่าตัวเอง คือผู้ป๋วย พี่คิงส์มีแม้กระทั้งประวัติการรักฉา
    2. มีการสร้างวาทะกรรมเป็นสารตั้งต้นให้บรรดาทุยพลีหน้ากระนูย ไปส่งต่อๆกันจนเต็มฟีตในทุกแพลตฟอร์ม ตัวอย่างดังที่ปรากฏในภาพ เป็นการเล่นงานน้อง เรื่องจบแค่ม.6 โดยไม่สนใจว่าน้องแน๊กทำงานดูแลคนในครอบครัว และประสบความสำเร็จในทุกๆด้าน
    ซึ่งเมื่อสืบค้นจึงพบว่า โจ มณฑนี ที่บรรดาทุยต่างยกให้เป็นศาสตราจารย์ ดร. ด้วยการแสดงอันยอดเยี่ยม วาทะกรรมอันสะอิดสะเอียน แต่หารู้ไม่ ความป๋วยจิตของนาง ทำให้นางไม่สามารถเรียนจนจบ.ม.6ได้
    สรุปว่า ทุยนั่งฟังทั้งคนที่ป๋วยจิตและไม่จบม.6 หลงคารม เชื่อทุกอย่างที่โจพูด แปลว่าคนที่ฟังและเชื่อมีความอ่อนด้อยทางสติปัญญาในการพิจารณา ไตร่ตรอง โดยโจเองก็ไมไ่ด้เป็นผู้เชี่ยวชาญ หรือผู้ทรงความรู้ในสาขาใดเลย
    แต่ก็น่าแปลกใจ ว่ากล้าสร้างสาทะกรรมคายตะคาบให้สมาชิกทุย เรื่องน้องแน๊กจบแค่ม. 6 ทั้งๆที่ตัวเอง ม.หกก็ยังไม่จบ ไปเรียนพาณิชย์ ปวช.ก็เรียนไม่จบ ทำอะไรก็ไม่เคยประสบความสำเร็จ คนแบบนี้ คือคนคุณภาพของทุยจริงๆ รอคลิปเรื่องนี้แปปนะ เดี๋ยวนังโจจะบอกว่า ไม่มีหลักต๋านอีก
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #ที่แท้ถาโถมทุกปมในใจใส่น้องแน๊กชาลี จากการสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับ โจ มณฑนี และพฤติกรรม วาทะกรรมม และกายกรรม ของนังโจ พบว่า สิ่งที่ให้ร้ายเล่นงานแน๊กชาลี ที่ล้วนมีสารตั้งต้นจาก โจ ล้วนมีที่มาจากปมตัวเอง 1. เล่นงานน้องแน๊ก ด้วยการสะกดจิตทุยหน้ากระนูย(ทุยน่ารัก) เริ่มตั้งแต่ในห้อง DC ลามไปถึงกลุ่มเปิด บรรยายครั้งละ 3 - 4 ชม. แม้ไม่ได้เอ่ยชื่อ เพราะเป็นอิแอบลอบกัด แต่ในห้องต่างก็เข้าใจตรงกัน และพิมพ์คอมเม้นกันออกมาในทางเดียวกัน ว่าน้องแน๊กเปื่อยจิต และอิเหวิงเป็นเห..ื่อ ซึ่งเราได้พบที่มาว่า นังโจ ตกขาว เป็นผู้ป๋วยทางจิต ที่ผ่านการรักษาโดยจิตแ...ทย์ เป็นผู้ป๋วยเฉบติดดราม่า และการบรรยายต่างๆของนังโจ ล้วนแต่เป็นข้อมูลที่ฟังจาก..มอ ที่รักษาตัวเองทั้งนั้น ซึ่งความเจ็บที่เป็นปมนี้ ก็ใช้วิธีการบรรเทา ด้วยการสร้างภาพว่าตนเองนั้นเป็นห-ม-อ ที่มีความเชี่ยวชาญ ทั้งๆที่ชัดเจนแล้วว่าตัวเอง คือผู้ป๋วย พี่คิงส์มีแม้กระทั้งประวัติการรักฉา 2. มีการสร้างวาทะกรรมเป็นสารตั้งต้นให้บรรดาทุยพลีหน้ากระนูย ไปส่งต่อๆกันจนเต็มฟีตในทุกแพลตฟอร์ม ตัวอย่างดังที่ปรากฏในภาพ เป็นการเล่นงานน้อง เรื่องจบแค่ม.6 โดยไม่สนใจว่าน้องแน๊กทำงานดูแลคนในครอบครัว และประสบความสำเร็จในทุกๆด้าน ซึ่งเมื่อสืบค้นจึงพบว่า โจ มณฑนี ที่บรรดาทุยต่างยกให้เป็นศาสตราจารย์ ดร. ด้วยการแสดงอันยอดเยี่ยม วาทะกรรมอันสะอิดสะเอียน แต่หารู้ไม่ ความป๋วยจิตของนาง ทำให้นางไม่สามารถเรียนจนจบ.ม.6ได้ สรุปว่า ทุยนั่งฟังทั้งคนที่ป๋วยจิตและไม่จบม.6 หลงคารม เชื่อทุกอย่างที่โจพูด แปลว่าคนที่ฟังและเชื่อมีความอ่อนด้อยทางสติปัญญาในการพิจารณา ไตร่ตรอง โดยโจเองก็ไมไ่ด้เป็นผู้เชี่ยวชาญ หรือผู้ทรงความรู้ในสาขาใดเลย แต่ก็น่าแปลกใจ ว่ากล้าสร้างสาทะกรรมคายตะคาบให้สมาชิกทุย เรื่องน้องแน๊กจบแค่ม. 6 ทั้งๆที่ตัวเอง ม.หกก็ยังไม่จบ ไปเรียนพาณิชย์ ปวช.ก็เรียนไม่จบ ทำอะไรก็ไม่เคยประสบความสำเร็จ คนแบบนี้ คือคนคุณภาพของทุยจริงๆ รอคลิปเรื่องนี้แปปนะ เดี๋ยวนังโจจะบอกว่า ไม่มีหลักต๋านอีก #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 416 Views 0 Reviews
  • #ทุยหน้ากระนูยแปลว่าทุยน่ารัก
    จากการหาข้อมูลถึงกระบวนการฟอกให้ขาวกับกลุ่มทุนดาร์คในประเทศ
    ต้องยอมรับในกลอุบายของกลุ่มนี้จริงๆ
    ปั้นนางเอกตกงานให้กลายเป็นขวัญใจคนไทย
    จากสตอรี่และการแสดง ที่เข้าถึงบทบาทสุดๆ
    และถึงแม้ว่า จะสร้างวีรกรรม จนดาราชายไทย
    ไม่สามารถให้ไปต่อได้ เพื่อปกป้องคนไทย
    จากกลุ่มเงินดาร์ค ที่อาศัยช่องโหว่ในการพีเคบิ๊กแม๊ต
    ตามที่ปรากฏเป็นข่าวทั้งฝั่งยุโรป และเอเชียรวมถึงตะวันออกกลาง
    เป็นข่าวโด่งดังที่ทั่วโลกต่างตื่นตัว
    แต่ก็มิวาย ด้วยพลังงบประมาณทุนดาร์ผ่านเอเจนซี่
    และมีคนอย่างโจมณฑนี ที่ยอมแลกทุกอย่างได้
    เพียงเพื่อผลประโยชน์ โดยไม่สนใจชะตากรรมของคนไทย
    และตัวเองต้องไปร่วมสร้างกรรมบาป จากที่มาของเงินดาร์ค
    แต่ข้อมูลส่วนหนึ่ง ที่ต้องพูดถึงก็คือ
    มีคำถามที่พี่คิงส์ตั้งโจทย์ไว้แต่แรก
    ว่าโจ เอเจนซี่ และกามิจ ใช้วิธีการไหน
    ที่ทำให้ทุย ยอมที่จะให้จูงจมูก
    หัวๆทำแบบได้ค่าตอบแทนแบบฉ่ำๆ
    แต่ไอ่พวกทุย008นี่ ไม่ได้ห่านอะไรเลย
    แต่ออกแรงเล่นงานแน๊กได้ทุกวี่วัน
    ไม่ว่าหัวดำหัวหงอก งานการไม่ทำหาแต่เรื่องให้แน๊กชาลี
    ยิ่งขุด ยิ่งพบว่า โจมณฑนี ใช้วิธีการกำหนดเป้า
    โดยจะส่ง 3 สิ่ง ให้ทุยที่ทุ่มเทในการเล่นงานแน๊กชาลี
    1. ให้ข้อมูลที่ผ่านการบิดเบือน และให้ร้าย โดยให้ทุกคนโพส
    เป็นเสียงเดียวกัน
    2. ให้ทีมยูซผี เข้ามาร่วมคอมเม้นซัพพอต เพื่อให้เพจ หรือช่องดูมีความน่าเชื่อถือ ซึ่งถ้ากดเข้าไปดูโปรไฟล์ จะเห็นชัดเจนว่า ทิพย์
    และข้อที่ 3 คือคำตอบของคำถามว่าทำไม ทุยยอมพลี เพื่อ
    เพียงแค่สก็อยกิมจิไร้ค่า ที่วันนี้รู้นะ ว่าที่ผ่านมาคือการแสดง
    อิเหวิงไปออกทีวีที่เกาหลี ก็พูดชัดเจน เอเจนซี่ก็นั่งข้างๆ
    แต่ที่ยอม มาจากการสร้างทุย ให้น่ากระนูย
    จริงๆแล้ว มันเริ่มเทคนิคนี้จากห้อง DC
    โดย โจจะกำหนดเป้า MVp ที่กระเป๋าหนัก รู้พื้นเพว่าคนนี้ มีศักยภาพในการเปย์หนักๆ เมื่อกำหนดเป้าได้แล้ว และสร้างสถานการณ์จากเชียร์ชาลี และกามิจ มาดูความน่ารักของสองคน แต่เมื่อชาลี เบรคเรื่องบิ๊กแม็ต และไม่อยากให้แฟนคลับของเค้า ต้องเสียเงินมากมาย ให้พอได้สนุกๆกัน
    ซึ่งจุดนี้ ถือเป็นความขุ่นเคืองให้กับทั้งโจ เอเจนซี่ รวมถึงทุนดาร์ค ที่เวลานั้น พีเค อิเหวิงจัดบิ๊กแม็ตบ่อยมาก การฟอกที่สอดแทรกเข้ามาและทำการตกแต่งบัญชี กำลังไปได้สวย
    เมื่อโจ ได้คุยกับเอเจนซี่ จึงจะต้องแก้เกมส์ ด้วยการสร้างสตอรี่ใหม่
    ให้เป็นการบอกเล่าฉีกไปอีกทาง ว่าอิเหวิง เป็นเ..ยื่อ และชาลี เป็นตัวร้าย เป็นโ..คจิต
    หลังจากนั้น โจจะทำการชี้เป้าให้อิเหวิงทักเข้าไปในช่องแชทส่วนตัวของ Mvp คนนั้น แล้วส่งข้อความถึงลักษณะที่อ่อย "ฉันอยู่กับชาลีไม่มีความสุขเลย ฉันขอบคุณคุณมากๆที่อยู่เคียงข้างฉันเสมอ" แฟนเพจลองคิดดู ทั้งการปั้นแต่งสตอรี่ของโจ ที่ทำให้อิเหวิง หรืออิเหม็น เป็นดังเทพธิดา
    แล้วเธอคนนั้นทักส่วนตัวมาถึงฉัน ซึ่งเปย์ได้แทบไม่อั้น จะเกิดอะไรขึ้น
    นั่นไง ไม่มีการแสดงความรักใดที่ชัดไปกว่าการส่งของขวัญ ความบังลัยจึงเกิดกับหลายครอบครัว
    และวิธีการเดียวกันนี้นี่เอง
    ทั้งๆที่อิเหวิงเอง อ่านภาษาไทยไม่ออก ฟังก็ไม่รู้เรื่อง ทั้งๆที่คนเกาหลี หรือคนต่างชาติ มาอยู่ประเทศไทยที่เค้าอยากเรียนรู้ภาษาไทยจริงๆ แค่ไม่เกินสามเดือน ก็พูดได้แล้ว แต่นี่ มาเจ็ดแปดเดือน ภาษาไทยยังไม่ได้เท่าเด็กอนุบาลสามเลย ตอนมารู้แค่ไหน ตอนนี้แม่มรู้เท่าเดิม ไม่มีพัฒนาการห่านอะไรส่วนทางกับที่ซุยว่าเรียนได้เอบวก สรุปเอบวกที่ทุยเป็นซุยขรี้สิงอะ
    มันเกรดการเรียน หรือเป็นผลเลือดไม่แน่ใจ
    มาต่อกันที่ สรุปว่า มันก็ยังอ่านภาษาไทยฟังภาษาไทยไม่ออก
    แต่สามารถรู้เป้าว่า ทุยพลี ที่ไม่ได้สะตุ้งสะตางค์
    แต่เล่นแน๊กแรงๆ แบบไม่กลัวกฏมงกฏหะมายอะไรเลย
    แล้วทำยังไงครับ "ส่งติ๊กเกอร์ ดอกไม้ ของขวัญ" เป็นการส่งกำลังใจ
    อย่างที่ไอ่โจ มันให้สัมภาษณ์ ก็ไม่ผิดหรอกที่บอกว่า
    อิเหวิง ไม่เคยทำอะไรไม่เคยพูดถึงชาลีไม่ดีเลย
    ก็ใช่ ก็ถูก ก็เมิงอยู่เบื้องหลัง ในการเชียร์นี่ไง
    ใช้ปากทุยพลีพูด แล้วทุยพลีที่ไม่ตังค์อะนะ
    พออิเหวิงทักมาเท่านั้นแหละ โอ๊ย โพสโชว์กันใหญ่
    หารู้ไม่ นั่นแหละหลักฐานตัวดีเลย ฟังภาษาไทยไม่ออก
    อ่านภาษาไทยไม่ได้ แล้วเมิงรู้ได้ไง ว่าคนไทยพิมพ์ห่านอะไร
    ถูกเป้าทุยพลีทุกตัว ไม่พลาดแม้แต่ตัวเดียว
    จนบางคน ทนไม่ไหว ควักตังค์เก็บ ที่กำลังร่อยหรอ
    เพราะวันๆไม่ทำงานทำการ ไปเข้าร้านสติ๊กเกอร์
    สั่งปริ๊นไวนิลรูปอิเหวิง 2 พีช ไว้ในห้องน้ำ
    เอาไว้สำเร็จโทษตัวเอง โครตไปกันใหญ่เลย
    เชื่อมั๊ย แม้กระทั่ง วัยรุ่นทรงเอ ที่ออกอาการพูดแบบคลั่งๆอะ
    ยังได้เลย ไอ่สติ๊กเกอร์จากแชทส่วนตัวอิเหวิง
    หรือลุงแก่ๆ ที่ชื่อเพจ ต้องสอนให้คนประดิษฐ์นั่นนี่
    แต่เอามาใช่ให้ร้ายแน๊ก แบบรัวๆ ทุกวันอีกตะหาก
    หรือจะคนหน้าลอยที่เหมือนทางแป้งผิดเบอร์
    คิวขมวดตลอดเวลา ที่พูดวนไปวนมา
    ทำเหมือนมีของ แต่ไม่มีห่านอะไรเลยอะนะ
    ยังได้ติ๊กเกอร์ ได้ของขวัญส่วนตัวจากอิเหวิงเลย
    เป็นไง ถ้าโจมณฑนีไม่ชี้เป้า จะไม่มีทางที่อิเหวิง
    จะส่งแชทส่วนตัวแบบนี้ไปแน่นอน เพราะมันฟังม่ายออก อิฉัด
    อย่างบาปเลย ล้อเล่นกับหัวใจทุย
    พี่คิงส์ จึงต้องไปหาข้อมูลเพื่อปลอบใจทุยทุกคน
    โดยเฉพาะทุยพลี ที่อาลาวาด เสี่ยงซึ่งซังเตอย่างมาก
    แล้วจะมีเดินเข้าคอกเป็นทิวแถวอีกไม่นาน
    คำนั้น เป็นภาษาไทย+ภาษาขแมร์
    ซึ่งตรงกับบุคลิกที่มีความจริงใจต่อน้องกามินอย่างมาก
    เทิดทูนขนาด เรียกนายหญิงกันตลอดว่า
    ทุยหน้ากระนูย ก็เอาไว้เรียกกันทักกันระหว่าง
    ทุยกับทุยครับ มันแปลว่า
    "ทุยน่ารัก" ครับ
    ราตรีสวัสดิ์ ทุยหน้ากระนูย
    ราตรีสวัสดิ์ แฟนเพจที่พี่คิงส์รักสุดใจ
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #ทุยหน้ากระนูยแปลว่าทุยน่ารัก จากการหาข้อมูลถึงกระบวนการฟอกให้ขาวกับกลุ่มทุนดาร์คในประเทศ ต้องยอมรับในกลอุบายของกลุ่มนี้จริงๆ ปั้นนางเอกตกงานให้กลายเป็นขวัญใจคนไทย จากสตอรี่และการแสดง ที่เข้าถึงบทบาทสุดๆ และถึงแม้ว่า จะสร้างวีรกรรม จนดาราชายไทย ไม่สามารถให้ไปต่อได้ เพื่อปกป้องคนไทย จากกลุ่มเงินดาร์ค ที่อาศัยช่องโหว่ในการพีเคบิ๊กแม๊ต ตามที่ปรากฏเป็นข่าวทั้งฝั่งยุโรป และเอเชียรวมถึงตะวันออกกลาง เป็นข่าวโด่งดังที่ทั่วโลกต่างตื่นตัว แต่ก็มิวาย ด้วยพลังงบประมาณทุนดาร์ผ่านเอเจนซี่ และมีคนอย่างโจมณฑนี ที่ยอมแลกทุกอย่างได้ เพียงเพื่อผลประโยชน์ โดยไม่สนใจชะตากรรมของคนไทย และตัวเองต้องไปร่วมสร้างกรรมบาป จากที่มาของเงินดาร์ค แต่ข้อมูลส่วนหนึ่ง ที่ต้องพูดถึงก็คือ มีคำถามที่พี่คิงส์ตั้งโจทย์ไว้แต่แรก ว่าโจ เอเจนซี่ และกามิจ ใช้วิธีการไหน ที่ทำให้ทุย ยอมที่จะให้จูงจมูก หัวๆทำแบบได้ค่าตอบแทนแบบฉ่ำๆ แต่ไอ่พวกทุย008นี่ ไม่ได้ห่านอะไรเลย แต่ออกแรงเล่นงานแน๊กได้ทุกวี่วัน ไม่ว่าหัวดำหัวหงอก งานการไม่ทำหาแต่เรื่องให้แน๊กชาลี ยิ่งขุด ยิ่งพบว่า โจมณฑนี ใช้วิธีการกำหนดเป้า โดยจะส่ง 3 สิ่ง ให้ทุยที่ทุ่มเทในการเล่นงานแน๊กชาลี 1. ให้ข้อมูลที่ผ่านการบิดเบือน และให้ร้าย โดยให้ทุกคนโพส เป็นเสียงเดียวกัน 2. ให้ทีมยูซผี เข้ามาร่วมคอมเม้นซัพพอต เพื่อให้เพจ หรือช่องดูมีความน่าเชื่อถือ ซึ่งถ้ากดเข้าไปดูโปรไฟล์ จะเห็นชัดเจนว่า ทิพย์ และข้อที่ 3 คือคำตอบของคำถามว่าทำไม ทุยยอมพลี เพื่อ เพียงแค่สก็อยกิมจิไร้ค่า ที่วันนี้รู้นะ ว่าที่ผ่านมาคือการแสดง อิเหวิงไปออกทีวีที่เกาหลี ก็พูดชัดเจน เอเจนซี่ก็นั่งข้างๆ แต่ที่ยอม มาจากการสร้างทุย ให้น่ากระนูย จริงๆแล้ว มันเริ่มเทคนิคนี้จากห้อง DC โดย โจจะกำหนดเป้า MVp ที่กระเป๋าหนัก รู้พื้นเพว่าคนนี้ มีศักยภาพในการเปย์หนักๆ เมื่อกำหนดเป้าได้แล้ว และสร้างสถานการณ์จากเชียร์ชาลี และกามิจ มาดูความน่ารักของสองคน แต่เมื่อชาลี เบรคเรื่องบิ๊กแม็ต และไม่อยากให้แฟนคลับของเค้า ต้องเสียเงินมากมาย ให้พอได้สนุกๆกัน ซึ่งจุดนี้ ถือเป็นความขุ่นเคืองให้กับทั้งโจ เอเจนซี่ รวมถึงทุนดาร์ค ที่เวลานั้น พีเค อิเหวิงจัดบิ๊กแม็ตบ่อยมาก การฟอกที่สอดแทรกเข้ามาและทำการตกแต่งบัญชี กำลังไปได้สวย เมื่อโจ ได้คุยกับเอเจนซี่ จึงจะต้องแก้เกมส์ ด้วยการสร้างสตอรี่ใหม่ ให้เป็นการบอกเล่าฉีกไปอีกทาง ว่าอิเหวิง เป็นเ..ยื่อ และชาลี เป็นตัวร้าย เป็นโ..คจิต หลังจากนั้น โจจะทำการชี้เป้าให้อิเหวิงทักเข้าไปในช่องแชทส่วนตัวของ Mvp คนนั้น แล้วส่งข้อความถึงลักษณะที่อ่อย "ฉันอยู่กับชาลีไม่มีความสุขเลย ฉันขอบคุณคุณมากๆที่อยู่เคียงข้างฉันเสมอ" แฟนเพจลองคิดดู ทั้งการปั้นแต่งสตอรี่ของโจ ที่ทำให้อิเหวิง หรืออิเหม็น เป็นดังเทพธิดา แล้วเธอคนนั้นทักส่วนตัวมาถึงฉัน ซึ่งเปย์ได้แทบไม่อั้น จะเกิดอะไรขึ้น นั่นไง ไม่มีการแสดงความรักใดที่ชัดไปกว่าการส่งของขวัญ ความบังลัยจึงเกิดกับหลายครอบครัว และวิธีการเดียวกันนี้นี่เอง ทั้งๆที่อิเหวิงเอง อ่านภาษาไทยไม่ออก ฟังก็ไม่รู้เรื่อง ทั้งๆที่คนเกาหลี หรือคนต่างชาติ มาอยู่ประเทศไทยที่เค้าอยากเรียนรู้ภาษาไทยจริงๆ แค่ไม่เกินสามเดือน ก็พูดได้แล้ว แต่นี่ มาเจ็ดแปดเดือน ภาษาไทยยังไม่ได้เท่าเด็กอนุบาลสามเลย ตอนมารู้แค่ไหน ตอนนี้แม่มรู้เท่าเดิม ไม่มีพัฒนาการห่านอะไรส่วนทางกับที่ซุยว่าเรียนได้เอบวก สรุปเอบวกที่ทุยเป็นซุยขรี้สิงอะ มันเกรดการเรียน หรือเป็นผลเลือดไม่แน่ใจ มาต่อกันที่ สรุปว่า มันก็ยังอ่านภาษาไทยฟังภาษาไทยไม่ออก แต่สามารถรู้เป้าว่า ทุยพลี ที่ไม่ได้สะตุ้งสะตางค์ แต่เล่นแน๊กแรงๆ แบบไม่กลัวกฏมงกฏหะมายอะไรเลย แล้วทำยังไงครับ "ส่งติ๊กเกอร์ ดอกไม้ ของขวัญ" เป็นการส่งกำลังใจ อย่างที่ไอ่โจ มันให้สัมภาษณ์ ก็ไม่ผิดหรอกที่บอกว่า อิเหวิง ไม่เคยทำอะไรไม่เคยพูดถึงชาลีไม่ดีเลย ก็ใช่ ก็ถูก ก็เมิงอยู่เบื้องหลัง ในการเชียร์นี่ไง ใช้ปากทุยพลีพูด แล้วทุยพลีที่ไม่ตังค์อะนะ พออิเหวิงทักมาเท่านั้นแหละ โอ๊ย โพสโชว์กันใหญ่ หารู้ไม่ นั่นแหละหลักฐานตัวดีเลย ฟังภาษาไทยไม่ออก อ่านภาษาไทยไม่ได้ แล้วเมิงรู้ได้ไง ว่าคนไทยพิมพ์ห่านอะไร ถูกเป้าทุยพลีทุกตัว ไม่พลาดแม้แต่ตัวเดียว จนบางคน ทนไม่ไหว ควักตังค์เก็บ ที่กำลังร่อยหรอ เพราะวันๆไม่ทำงานทำการ ไปเข้าร้านสติ๊กเกอร์ สั่งปริ๊นไวนิลรูปอิเหวิง 2 พีช ไว้ในห้องน้ำ เอาไว้สำเร็จโทษตัวเอง โครตไปกันใหญ่เลย เชื่อมั๊ย แม้กระทั่ง วัยรุ่นทรงเอ ที่ออกอาการพูดแบบคลั่งๆอะ ยังได้เลย ไอ่สติ๊กเกอร์จากแชทส่วนตัวอิเหวิง หรือลุงแก่ๆ ที่ชื่อเพจ ต้องสอนให้คนประดิษฐ์นั่นนี่ แต่เอามาใช่ให้ร้ายแน๊ก แบบรัวๆ ทุกวันอีกตะหาก หรือจะคนหน้าลอยที่เหมือนทางแป้งผิดเบอร์ คิวขมวดตลอดเวลา ที่พูดวนไปวนมา ทำเหมือนมีของ แต่ไม่มีห่านอะไรเลยอะนะ ยังได้ติ๊กเกอร์ ได้ของขวัญส่วนตัวจากอิเหวิงเลย เป็นไง ถ้าโจมณฑนีไม่ชี้เป้า จะไม่มีทางที่อิเหวิง จะส่งแชทส่วนตัวแบบนี้ไปแน่นอน เพราะมันฟังม่ายออก อิฉัด อย่างบาปเลย ล้อเล่นกับหัวใจทุย พี่คิงส์ จึงต้องไปหาข้อมูลเพื่อปลอบใจทุยทุกคน โดยเฉพาะทุยพลี ที่อาลาวาด เสี่ยงซึ่งซังเตอย่างมาก แล้วจะมีเดินเข้าคอกเป็นทิวแถวอีกไม่นาน คำนั้น เป็นภาษาไทย+ภาษาขแมร์ ซึ่งตรงกับบุคลิกที่มีความจริงใจต่อน้องกามินอย่างมาก เทิดทูนขนาด เรียกนายหญิงกันตลอดว่า ทุยหน้ากระนูย ก็เอาไว้เรียกกันทักกันระหว่าง ทุยกับทุยครับ มันแปลว่า "ทุยน่ารัก" ครับ ราตรีสวัสดิ์ ทุยหน้ากระนูย ราตรีสวัสดิ์ แฟนเพจที่พี่คิงส์รักสุดใจ #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Haha
    1
    0 Comments 0 Shares 525 Views 0 Reviews
  • 🤠#สหรัฐฯ ค่อยๆ เข้ามาแทนที่อังกฤษและกลายเป็นเจ้าโลกได้อย่างไร? #การรื้ออำนาจเจ้าโลกจะมีผลกระทบอะไรบ้าง ตอน 02.🤠

    🤯สาม การพลิกกลับ🤯

    สถานการณ์สงครามโลกที่ไม่ได้เปลี่ยนโครงสร้างโลกทำให้ทางการสหรัฐฯไม่พอใจอย่างมาก หลังจากที่ประธานาธิบดีวูดโรว์ วิลสัน(Woodrow Wilson伍德罗·威尔逊) ลาออกจากตำแหน่ง นโยบายต่างประเทศของรัฐบาลสหรัฐฯ ก็กลับเข้าสู่ลัทธิโดดเดี่ยวอย่างเดิม

    เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ค.ศ. 1935 เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดซ้ำในสงครามโลกครั้งที่ 1 สภาคองเกรสแห่งสหรัฐอเมริกาจึงผ่านกฎหมายความเป็นกลาง ซึ่งกำหนดให้มีการคว่ำบาตร "อาวุธ กระสุน และยุทโธปกรณ์" ไปยังประเทศคู่สงครามทั้งหมด และห้ามเรือค้าขายของสหรัฐฯ จากการขนส่งอาวุธไปยังประเทศคู่สงคราม ขบวนการโดดเดี่ยวในสหรัฐอเมริกาถึงจุดสูงสุด

    ในเวลานี้ ท้องฟ้าเหนือยุโรปเต็มไปด้วยเมฆหมอกแห่งสงคราม นโยบายการโอนอ่อนผ่อนตามของอังกฤษและฝรั่งเศสมีส่วนทำให้เกิดความหยิ่งลำพองของเยอรมนีมีความเป็นฟาสซิสต์มากขึ้น ในเดือนกันยายน ค.ศ. 1939 นาซีเยอรมนีเปิดการโจมตีแบบสายฟ้าแลบต่อโปแลนด์ และสงครามโลกครั้งที่สองก็ปะทุขึ้น

    ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1940 ฝรั่งเศสซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะมหาอำนาจโดยมีกองทัพที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปยอมจำนน ในเดือนพฤศจิกายนของปีถัดมา ญี่ปุ่นซึ่งเป็นหนึ่งในมหาอำนาจฝ่ายอักษะได้เปิดฉากโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์ต่อสหรัฐอเมริกา และลากสหรัฐอเมริกาเข้าสู่วังวนแห่งสงคราม สงครามโลกครั้งที่สองและสงครามโลกครั้งที่ 1 แตกต่างกันออกไป ในเวลานี้ สหรัฐฯมีบทบาทเป็นผู้นำ โดยควบคุมในแอฟริกาเหนือ แนวรบด้านตะวันตก และสนามรบในมหาสมุทรแปซิฟิก

    ในช่วงสงคราม รัฐบาลสหรัฐฯ ไม่ลืมวางแผนสำหรับรูปแบบโลกหลังสงคราม และไม่ต้องการทำผิดพลาดแบบในสงครามโลกครั้งที่ 1 ซ้ำอีก

    สิ่งแรกที่ต้องจัดการคือเรื่องการครอบงำทางการเงินของโลกที่อังกฤษโดยก่อตั้งขึ้นตั้งแต่การปฏิวัติอุตสาหกรรม

    ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1942 ไวท์( White) ซึ่งในขณะนั้นเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ได้เปิดตัวแผนของไวท์( White) ซึ่งเป็นแผนเศรษฐกิจในช่วงสงคราม

    แผนดังกล่าวรวมถึงการจัดตั้งสถาบันสองแห่ง ได้แก่ กองทุนรักษาเสถียรภาพแห่งชาติ (National Stabilization Fund) และธนาคารเพื่อการบูรณะและพัฒนา (Bank for Reconstruction and Development.) ทั้งสองสถาบันนี้เป็นสถาบันก่อนหน้าของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund)และธนาคารโลก (World Bank.)ในอนาคต

    เพื่อป้องกันอิทธิพลอำนาจทางการเงินของสหรัฐอเมริกาหลังสงครามและปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง สหราชอาณาจักรยังเสนอให้จัดตั้งศูนย์หักบัญชีระหว่างประเทศ (international clearing center) ตาม "ลัทธิเคนส์ (Keynesianism)" และออกแบบระบบการเงินที่มีทองคำเป็นหน่วยการชำระหนี้

    อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้สหราชอาณาจักรมีแรงใจมากล้นแต่ไม่มีกำลังกายเพียงพอ และความแข็งแกร่งทางการทหารและเศรษฐกิจทำให้อังกฤษไม่สามารถแข่งขันกับสหรัฐอเมริกาเพื่อครอบงำทางการเงินได้

    เพียงสองปีหลังจากการเสนอแผนของไวท์( White) ทางการสหรัฐฯ ได้จัดการประชุมการเงินและการเงินแห่งสหประชาชาติ (United Nations Monetary and Financial Conference)ที่เบรตตันวูดส์ (Bretton Woods) ทางการสหรัฐฯมีอำนาจเหนือการเจรจาอย่างท่วมท้น และในที่สุดประเทศต่างๆ ก็ลงนามใน "ข้อตกลงเบรตตันวูดส์ (Bretton Woods Agreement)" อันโด่งดัง

    ข้อตกลงดังกล่าวเชื่อมโยงสกุลเงินของประเทศต่างๆ อย่างเป็นทางการกับดอลลาร์สหรัฐ และสร้างระบบมาตรฐานทองคำที่ดอลลาร์สหรัฐเชื่อมโยงกับทองคำ สำนักงานใหญ่ของกองทุนการเงินแห่งชาติ (National Monetary Fund)ตั้งอยู่ในวอชิงตัน (Washington) เห็นได้ชัดว่าระบบเบรตตันวูดส์ (Bretton Woods system)เป็นข้อตกลงที่ลงนามโดยสหรัฐอเมริกาที่มีอำนาจมากที่สุดและเหล่าบริวารอื่น ๆ ในสภาพแวดล้อมสงครามในขณะนั้น

    แม้ว่าอังกฤษไม่เต็มใจที่จะมอบอำนาจทางการเงินของตนให้กับผู้อื่น แต่ความรุ่งโรจน์ของจักรวรรดิที่พระอาทิตย์ไม่เคยตกดินก็สูญสิ้นไปนานแล้ว สหรัฐฯ ขู่ว่าจะปฏิเสธคำขอกู้ยืมของอังกฤษและบังคับให้ทางการอังกฤษยอมรับข้อตกลงดังกล่าว ขณะเดียวกันพวกเขาก็ใช้การล่มสลายของระบบอาณานิคมในอนาคตเป็นข้อแก้ตัวด้วย บังคับให้ฝ่ายอังกฤษละทิ้งระบบจักรวรรดิดั้งเดิมที่ให้การปฏิบัติเระบบสิทธิพิเศษ และใช้เงินปอนด์ที่แปลงสภาพอย่างเสรี

    ในท้ายที่สุด อังกฤษก็ยอมสละอำนาจทางการเงินของตน และสหรัฐฯ ได้ขจัดอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดในการก้าวไปสู่อำนาจอำนาจของโลก

    🤯4. บทสรุปและการรู้แจ้ง🤯

    อารยธรรมของมนุษย์ดำรงอยู่มานานนับพันปี ในประวัติศาสตร์อันยาวนาน ประเทศที่มีอำนาจเหนือกว่าจำนวนนับไม่ถ้วนได้ถือกำเนิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ไม่มีระบอบการปกครองใดที่สามารถรักษาความได้เปรียบของตนไว้ได้ตลอดไปในสถานการณ์ระหว่างประเทศที่ซับซ้อน

    ตัวแทนของยุคอาณานิคมตอนต้น - สเปนและโปรตุเกส สเปนใช้ประโยชน์จากยุคแห่งการค้นพบ และยึดครองดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ขนาดใหญ่ในทวีปอเมริกา แต่เขาสูญเสียเรือรบทั้งหมดในการรบทางเรือกับอังกฤษ ผู้ครองอำนาจเจ้าโลกรุ่นแรกจึงจำต้องสละสิทธิทางทะเลแก่สหราชอาณาจักรด้วยประการฉะนี้นี้

    บนพื้นฐานของลัทธิล่าอาณานิคมสเปน อังกฤษได้ก่อตั้งกลุ่มอาณานิคมขึ้น เช่น บริษัทอินเดียตะวันออก และดำเนินกิจกรรมปล้นสะดมขนาดใหญ่ในแอฟริกา เอเชีย และอเมริกา ถือเป็นรากฐานที่สำคัญสำหรับการปฏิวัติอุตสาหกรรมในเวลาต่อมา

    ในช่วงการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่สอง บรรดาสุภาพบุรุษผู้สูงศักดิ์ชาวอังกฤษคอยกินบุญเก่าซึ่งมีรายชื่อในสมุดความดีความชอบมุ่งมั่นที่จะรักษาระบบอาณานิคมของตนไว้ โดยไม่สนใจการเพิ่มทวีขึ้นของจิตสำนึกแห่งชาติเผ่าของอาณานิคม และพยายามใช้วิธีการที่ต่ำทรามน่ารังเกียจต่างๆ เพื่อรักษาสถานะที่ว่าอาณาจักรที่ดวงอาทิตย์ไม่เคยตกดินของตนไว้

    ด้วยการผงาดรุ่งเรืองขึ้นของประเทศทุนนิยมเกิดใหม่ และการทำลายล้างเศรษฐกิจของอังกฤษโดยสงครามโลกครั้งที่สอง ในที่สุดอังกฤษก็ถูกบังคับให้สละอำนาจเจ้าโลกของตนในที่สุด สหรัฐฯ ผ่านการปฏิบัติการหลายประการมีการสถาปนาอำนาจนำในหลายแง่มุมซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่ประเทศตน

    😎ในกระบวนการแย่งชิงอำนาจของอังกฤษโดยสหรัฐอเมริกา การรวมอำนาจทางการเมือง การขยายอาณาเขต การรักษาความสามัคคี และการพัฒนาเศรษฐกิจเป็นพื้นฐานของการได้รับอำนาจเป็นเจ้าโลก😎

    เมื่อความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจและความแข็งแกร่งทางการทหารมีมากกว่าประเทศอื่นๆ มาก การโอนอำนาจก็สามารถเกิดขึ้นได้ในทันที ในช่วงแรกของสงครามโลกครั้งที่สอง การเก็บตัวและสังเกตการณ์อยู่ข้างสนามและการแทรกแซงสงครามในเวลาที่เหมาะสม ล้วนแสดงให้เห็นถึงความเฉียบแหลมทางการเมืองอันยอดเยี่ยมของกลุ่มนักคิดของรัฐบาลสหรัฐฯ เมื่อประเทศในยุโรปไม่สามารถทำได้หากปราศจากการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกา การโอนอำนาจเจ้าโลกจะเป็นเรื่องที่สำเร็จแน่นอน

    ในปัจจุบัน ขณะที่การปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีครั้งที่สามกำลังจะสิ้นสุดลง และการปฏิวัติอุตสาหกรรมรอบใหม่กำลังจะแตกออก อำนาจของอเมริกาก็มาถึงทางแยกแห่งโชคชะตาเนื่องจากมีเหตุการณ์เป็นตัวเร่งคือเรื่องของการเสริมกำลังทหารและความขัดแย้งภายในของตัวเอง

    สหรัฐฯ ไม่เต็มใจที่จะปล่อยให้จีนดำเนินตามขั้นตอนเดิมพัฒนาในลักษณะที่ไม่สำคัญต่อไป จากยุทธศาสตร์ปิดล้อมด้วย“สายโซ่แห่งดินแดนวงล้อมชั้นแรก” (First Island Chain)รวมกับเครือข่ายพื้นที่แผ่นดินใหญ่ในยุคโอบามา ไปจนถึงสงครามการค้ากับจีนในยุคทรัมป์ และการโจมตีจีนโดยรัฐบริวารในเอเชียในเรื่องต่างๆ จะเห็นได้ว่าความพยายามของรัฐบาลสหรัฐฯ ในการรักษาสิ่งที่เรียกว่าอำนาจเป็นใหญ่นั้นเปรียบเสมือนนักรบที่ติดอยู่ในสนามประลอง

    ในยุคแห่งความขัดแย้งครั้งใหญ่นี้ การยืนหยัดบนเส้นทางของตัวเองและระวังการแทรกซึมของกองกำลังศัตรูเป็นหนทางที่จะทำลายแผนการสมรู้ร่วมคิดของสหรัฐฯ และอำนาจเจ้าโลกของสหรัฐฯ

    🤯โปรดติดตามบทความที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🤯

    🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    🤠#สหรัฐฯ ค่อยๆ เข้ามาแทนที่อังกฤษและกลายเป็นเจ้าโลกได้อย่างไร? #การรื้ออำนาจเจ้าโลกจะมีผลกระทบอะไรบ้าง ตอน 02.🤠 🤯สาม การพลิกกลับ🤯 สถานการณ์สงครามโลกที่ไม่ได้เปลี่ยนโครงสร้างโลกทำให้ทางการสหรัฐฯไม่พอใจอย่างมาก หลังจากที่ประธานาธิบดีวูดโรว์ วิลสัน(Woodrow Wilson伍德罗·威尔逊) ลาออกจากตำแหน่ง นโยบายต่างประเทศของรัฐบาลสหรัฐฯ ก็กลับเข้าสู่ลัทธิโดดเดี่ยวอย่างเดิม เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ค.ศ. 1935 เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดซ้ำในสงครามโลกครั้งที่ 1 สภาคองเกรสแห่งสหรัฐอเมริกาจึงผ่านกฎหมายความเป็นกลาง ซึ่งกำหนดให้มีการคว่ำบาตร "อาวุธ กระสุน และยุทโธปกรณ์" ไปยังประเทศคู่สงครามทั้งหมด และห้ามเรือค้าขายของสหรัฐฯ จากการขนส่งอาวุธไปยังประเทศคู่สงคราม ขบวนการโดดเดี่ยวในสหรัฐอเมริกาถึงจุดสูงสุด ในเวลานี้ ท้องฟ้าเหนือยุโรปเต็มไปด้วยเมฆหมอกแห่งสงคราม นโยบายการโอนอ่อนผ่อนตามของอังกฤษและฝรั่งเศสมีส่วนทำให้เกิดความหยิ่งลำพองของเยอรมนีมีความเป็นฟาสซิสต์มากขึ้น ในเดือนกันยายน ค.ศ. 1939 นาซีเยอรมนีเปิดการโจมตีแบบสายฟ้าแลบต่อโปแลนด์ และสงครามโลกครั้งที่สองก็ปะทุขึ้น ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1940 ฝรั่งเศสซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะมหาอำนาจโดยมีกองทัพที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปยอมจำนน ในเดือนพฤศจิกายนของปีถัดมา ญี่ปุ่นซึ่งเป็นหนึ่งในมหาอำนาจฝ่ายอักษะได้เปิดฉากโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์ต่อสหรัฐอเมริกา และลากสหรัฐอเมริกาเข้าสู่วังวนแห่งสงคราม สงครามโลกครั้งที่สองและสงครามโลกครั้งที่ 1 แตกต่างกันออกไป ในเวลานี้ สหรัฐฯมีบทบาทเป็นผู้นำ โดยควบคุมในแอฟริกาเหนือ แนวรบด้านตะวันตก และสนามรบในมหาสมุทรแปซิฟิก ในช่วงสงคราม รัฐบาลสหรัฐฯ ไม่ลืมวางแผนสำหรับรูปแบบโลกหลังสงคราม และไม่ต้องการทำผิดพลาดแบบในสงครามโลกครั้งที่ 1 ซ้ำอีก สิ่งแรกที่ต้องจัดการคือเรื่องการครอบงำทางการเงินของโลกที่อังกฤษโดยก่อตั้งขึ้นตั้งแต่การปฏิวัติอุตสาหกรรม ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1942 ไวท์( White) ซึ่งในขณะนั้นเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ได้เปิดตัวแผนของไวท์( White) ซึ่งเป็นแผนเศรษฐกิจในช่วงสงคราม แผนดังกล่าวรวมถึงการจัดตั้งสถาบันสองแห่ง ได้แก่ กองทุนรักษาเสถียรภาพแห่งชาติ (National Stabilization Fund) และธนาคารเพื่อการบูรณะและพัฒนา (Bank for Reconstruction and Development.) ทั้งสองสถาบันนี้เป็นสถาบันก่อนหน้าของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund)และธนาคารโลก (World Bank.)ในอนาคต เพื่อป้องกันอิทธิพลอำนาจทางการเงินของสหรัฐอเมริกาหลังสงครามและปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง สหราชอาณาจักรยังเสนอให้จัดตั้งศูนย์หักบัญชีระหว่างประเทศ (international clearing center) ตาม "ลัทธิเคนส์ (Keynesianism)" และออกแบบระบบการเงินที่มีทองคำเป็นหน่วยการชำระหนี้ อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้สหราชอาณาจักรมีแรงใจมากล้นแต่ไม่มีกำลังกายเพียงพอ และความแข็งแกร่งทางการทหารและเศรษฐกิจทำให้อังกฤษไม่สามารถแข่งขันกับสหรัฐอเมริกาเพื่อครอบงำทางการเงินได้ เพียงสองปีหลังจากการเสนอแผนของไวท์( White) ทางการสหรัฐฯ ได้จัดการประชุมการเงินและการเงินแห่งสหประชาชาติ (United Nations Monetary and Financial Conference)ที่เบรตตันวูดส์ (Bretton Woods) ทางการสหรัฐฯมีอำนาจเหนือการเจรจาอย่างท่วมท้น และในที่สุดประเทศต่างๆ ก็ลงนามใน "ข้อตกลงเบรตตันวูดส์ (Bretton Woods Agreement)" อันโด่งดัง ข้อตกลงดังกล่าวเชื่อมโยงสกุลเงินของประเทศต่างๆ อย่างเป็นทางการกับดอลลาร์สหรัฐ และสร้างระบบมาตรฐานทองคำที่ดอลลาร์สหรัฐเชื่อมโยงกับทองคำ สำนักงานใหญ่ของกองทุนการเงินแห่งชาติ (National Monetary Fund)ตั้งอยู่ในวอชิงตัน (Washington) เห็นได้ชัดว่าระบบเบรตตันวูดส์ (Bretton Woods system)เป็นข้อตกลงที่ลงนามโดยสหรัฐอเมริกาที่มีอำนาจมากที่สุดและเหล่าบริวารอื่น ๆ ในสภาพแวดล้อมสงครามในขณะนั้น แม้ว่าอังกฤษไม่เต็มใจที่จะมอบอำนาจทางการเงินของตนให้กับผู้อื่น แต่ความรุ่งโรจน์ของจักรวรรดิที่พระอาทิตย์ไม่เคยตกดินก็สูญสิ้นไปนานแล้ว สหรัฐฯ ขู่ว่าจะปฏิเสธคำขอกู้ยืมของอังกฤษและบังคับให้ทางการอังกฤษยอมรับข้อตกลงดังกล่าว ขณะเดียวกันพวกเขาก็ใช้การล่มสลายของระบบอาณานิคมในอนาคตเป็นข้อแก้ตัวด้วย บังคับให้ฝ่ายอังกฤษละทิ้งระบบจักรวรรดิดั้งเดิมที่ให้การปฏิบัติเระบบสิทธิพิเศษ และใช้เงินปอนด์ที่แปลงสภาพอย่างเสรี ในท้ายที่สุด อังกฤษก็ยอมสละอำนาจทางการเงินของตน และสหรัฐฯ ได้ขจัดอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดในการก้าวไปสู่อำนาจอำนาจของโลก 🤯4. บทสรุปและการรู้แจ้ง🤯 อารยธรรมของมนุษย์ดำรงอยู่มานานนับพันปี ในประวัติศาสตร์อันยาวนาน ประเทศที่มีอำนาจเหนือกว่าจำนวนนับไม่ถ้วนได้ถือกำเนิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ไม่มีระบอบการปกครองใดที่สามารถรักษาความได้เปรียบของตนไว้ได้ตลอดไปในสถานการณ์ระหว่างประเทศที่ซับซ้อน ตัวแทนของยุคอาณานิคมตอนต้น - สเปนและโปรตุเกส สเปนใช้ประโยชน์จากยุคแห่งการค้นพบ และยึดครองดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ขนาดใหญ่ในทวีปอเมริกา แต่เขาสูญเสียเรือรบทั้งหมดในการรบทางเรือกับอังกฤษ ผู้ครองอำนาจเจ้าโลกรุ่นแรกจึงจำต้องสละสิทธิทางทะเลแก่สหราชอาณาจักรด้วยประการฉะนี้นี้ บนพื้นฐานของลัทธิล่าอาณานิคมสเปน อังกฤษได้ก่อตั้งกลุ่มอาณานิคมขึ้น เช่น บริษัทอินเดียตะวันออก และดำเนินกิจกรรมปล้นสะดมขนาดใหญ่ในแอฟริกา เอเชีย และอเมริกา ถือเป็นรากฐานที่สำคัญสำหรับการปฏิวัติอุตสาหกรรมในเวลาต่อมา ในช่วงการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่สอง บรรดาสุภาพบุรุษผู้สูงศักดิ์ชาวอังกฤษคอยกินบุญเก่าซึ่งมีรายชื่อในสมุดความดีความชอบมุ่งมั่นที่จะรักษาระบบอาณานิคมของตนไว้ โดยไม่สนใจการเพิ่มทวีขึ้นของจิตสำนึกแห่งชาติเผ่าของอาณานิคม และพยายามใช้วิธีการที่ต่ำทรามน่ารังเกียจต่างๆ เพื่อรักษาสถานะที่ว่าอาณาจักรที่ดวงอาทิตย์ไม่เคยตกดินของตนไว้ ด้วยการผงาดรุ่งเรืองขึ้นของประเทศทุนนิยมเกิดใหม่ และการทำลายล้างเศรษฐกิจของอังกฤษโดยสงครามโลกครั้งที่สอง ในที่สุดอังกฤษก็ถูกบังคับให้สละอำนาจเจ้าโลกของตนในที่สุด สหรัฐฯ ผ่านการปฏิบัติการหลายประการมีการสถาปนาอำนาจนำในหลายแง่มุมซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่ประเทศตน 😎ในกระบวนการแย่งชิงอำนาจของอังกฤษโดยสหรัฐอเมริกา การรวมอำนาจทางการเมือง การขยายอาณาเขต การรักษาความสามัคคี และการพัฒนาเศรษฐกิจเป็นพื้นฐานของการได้รับอำนาจเป็นเจ้าโลก😎 เมื่อความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจและความแข็งแกร่งทางการทหารมีมากกว่าประเทศอื่นๆ มาก การโอนอำนาจก็สามารถเกิดขึ้นได้ในทันที ในช่วงแรกของสงครามโลกครั้งที่สอง การเก็บตัวและสังเกตการณ์อยู่ข้างสนามและการแทรกแซงสงครามในเวลาที่เหมาะสม ล้วนแสดงให้เห็นถึงความเฉียบแหลมทางการเมืองอันยอดเยี่ยมของกลุ่มนักคิดของรัฐบาลสหรัฐฯ เมื่อประเทศในยุโรปไม่สามารถทำได้หากปราศจากการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกา การโอนอำนาจเจ้าโลกจะเป็นเรื่องที่สำเร็จแน่นอน ในปัจจุบัน ขณะที่การปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีครั้งที่สามกำลังจะสิ้นสุดลง และการปฏิวัติอุตสาหกรรมรอบใหม่กำลังจะแตกออก อำนาจของอเมริกาก็มาถึงทางแยกแห่งโชคชะตาเนื่องจากมีเหตุการณ์เป็นตัวเร่งคือเรื่องของการเสริมกำลังทหารและความขัดแย้งภายในของตัวเอง สหรัฐฯ ไม่เต็มใจที่จะปล่อยให้จีนดำเนินตามขั้นตอนเดิมพัฒนาในลักษณะที่ไม่สำคัญต่อไป จากยุทธศาสตร์ปิดล้อมด้วย“สายโซ่แห่งดินแดนวงล้อมชั้นแรก” (First Island Chain)รวมกับเครือข่ายพื้นที่แผ่นดินใหญ่ในยุคโอบามา ไปจนถึงสงครามการค้ากับจีนในยุคทรัมป์ และการโจมตีจีนโดยรัฐบริวารในเอเชียในเรื่องต่างๆ จะเห็นได้ว่าความพยายามของรัฐบาลสหรัฐฯ ในการรักษาสิ่งที่เรียกว่าอำนาจเป็นใหญ่นั้นเปรียบเสมือนนักรบที่ติดอยู่ในสนามประลอง ในยุคแห่งความขัดแย้งครั้งใหญ่นี้ การยืนหยัดบนเส้นทางของตัวเองและระวังการแทรกซึมของกองกำลังศัตรูเป็นหนทางที่จะทำลายแผนการสมรู้ร่วมคิดของสหรัฐฯ และอำนาจเจ้าโลกของสหรัฐฯ 🤯โปรดติดตามบทความที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🤯 🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    0 Comments 0 Shares 120 Views 0 Reviews
  • ดรามา Car Free Day กทม.ออกมาแถลงผลทดลองละเลงกิจกรรมที่บรรทัดทอง ประชุมสรุปแล้วนำผลลัพธ์ไปต่อยอดพัฒนาย่านอื่นต่อไป ท่ามกลางเสียงสะท้อนปัญหาผลกระทบต่อชุมชนหลังจบงาน

    26 กันยายน 2567 -นายเอกวรัญญู อัมระปาล ผู้ช่วยเลขาฯ ผู้ว่าฯ กทม. และโฆษก กทม. ได้เปิดเผยถึงการจัดการจราจร Car Free Day บรรทัดทองที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 22 กันยายนนี้ว่า ตามที่สังคมตั้งข้อสังเกตหลายประเด็น หนึ่งในนั้นคือเรื่องงบประมาณว่า กิจกรรมดังกล่าวสำเร็จได้ เพราะความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ทั้งรัฐ เอกชน ประชาชน เป็นต้น โดย กทม. เป็นเพียงแกนกลางประสานสนับสนุนเจ้าหน้าที่และอุปกรณ์ โดยไม่ได้ใช้งบจัดกิจกรรมแม้แต่บาทเดียว รวมถึงสีก็ได้รับการสนับสนุนจากเอกชน ไม่ใช่สีทาถนน เพราะตั้งใจให้ล้างออกง่าย เพื่อคืนสภาพถนนที่สมบูรณ์ให้ประชาชนใช้งานตามปกติ ย้ำไม่ได้ลาดยางมะตอยทับ แต่จุดใดที่ควรซ่อมแซมก็จะดำเนินการซ่อมแซมต่อไป

    โฆษก กทม. กล่าวต่อว่า การทาสีถนนเป็นการทดลองลดขนาดถนน (Street Diet) และการเดินข้ามถนนทแยงมุม เป็นการทดลองโดยผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเข้าร่วมการดำเนินนโยบายเพื่อเมืองอย่างยั่งยืน เป้าหมายระยะสั้นคือ การทดลองทำถนนคนเดิน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม Bangkok Car Free 2024 ทั้งยังกระตุ้นเศรษฐกิจ จัดระเบียบทางเท้าและร้านค้า สร้างกิจกรรมนันทนาการ

    ขณะที่เพจ หวังสร้างเมืองก็ได้ลงสรุปปัญหาไว้ว่า

    “การทดลอง Car Free ที่บรรทัดทองจบแล้วครับ แต่ผลลัพธ์จะถูกนำไปพัฒนาย่านอย่างถาวรกันต่อ ทีมกำลังสรุปผลทั้งแบบสอบถาม พูดคุยกับร้านค้า ผู้อยู่อาศัย และจะมีการประชุมสรุปผลสัปดาห์นี้เพื่อต่อยอดการพัฒนาย่านต่อไปครับ นอกจากเสียงตอบรับที่มีผู้มาร่วมงานมากมายแล้ว ผมอยากทดปัญหาเบื้องต้นเอาไว้ด้วยในนี้ครับ ว่าเราเห็นปัญหาอะไรบ้างหากต้องทำต่อเนื่องที่นี่ และขยายผลไปเขตอื่นๆ

    1. ผลกระทบกับคนอยู่อาศัย
    ถึงแม้การปิดถนนจะทำให้เดินอย่างปลอดภัยมากขึ้นก็จริง แต่ผู้อยู่อาศัยในละแวกที่มีผู้สูงอายุอยู่ที่บ้านและจำเป็นต้องใช้รถยนต์ก็ได้รับผลกระทบมากไม่แพ้กัน การปิดถนนแบบร้อยเปอร์เซ็นต์เลย สร้างความลำบากให้ผู้อยู่อาศัยไม่น้อย และเสียงจากดนตรีและความสนุกเกินไปของย่าน ที่อาจรบกวนผู้อยู่อาศัย หากมีการทำต่อเนื่องน่าจะต้องคิดให้ละเอียดถี่ถ้วนมากขึ้น

    2. ปริมาณคนมาด้วยปริมาณขยะที่เพิ่มขึ้น
    การจัดการขยะของร้านค้าทุกร้าน เช่น ให้แยกขยะเศษอาหาร การเข้าร่วมโครงการไม่เทรวม การคัดแยกขยะต้นทางร่วมกับทางจุฬาฯ

    3. การจัดระเบียบร้านค้า การปรับปรุงทางเท้า และการนำสายไฟลงดิน ฯลฯ

    นอกจากนี้ยังมีเสียงเรื่องการทาสี มีความกังวลเรื่องสีผิดประเภทที่อาจทำให้รถยนต์ลื่น สร้างมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม เราได้ข้อมูลแนะนำจากช่างเชี่ยวชาญของบริษัทผู้สนับสนุน เลยอยากขอใช้พื้นที่นี้ชี้แจงด้วยครับ

    1. สีที่ทาไม่เหมาะกับการเป็นสีทาผิวถนน และเป็นสีทนทาน 10 ปี ล้างไม่ออก

    เป็นข้อมูลที่ถูกต้องครับ เพราะจุดประสงค์ของการทาสีคือการทดลองลดเลนถนน (Street Diet) และการเดินข้ามถนนแทยงมุมในเวลากลางวัน พอหมดงานทีมก็ตั้งใจจะล้างออกทั้งหมด สีที่ใช้จึงเป็นสีที่จะไม่อยู่คงทนตลอด เราได้ขอคำปรึกษากับช่างเทคนิคของบริษัทผู้บริจาค และเลือกสีชนิดนี้ก่อนมาใช้ ด้วยเป็นสีทาอาคารไม่ใช่สีทาถนน สีฯ ดังกล่าว มีลักษณะการปกป้องพื้นผิว ประเภทอาคาร มีฟิล์มที่บางกว่า สีจราจร อย่างมาก ไม่ทนต่อแรงเสียดทาน ในการบดอัดของล้อยานพาหนะ ที่จะเสื่อมสภาพ ผิวฟิล์มหลุดล่อนได้ง่าย และ ไม่ทนต่อความชื้นของพื้นผิวถนน ที่จะเสื่อมสภาพในเวลาอันรวดเร็ว และทางทีมได้ล้างออกทั้งหมดในวันจันทร์แล้วครับ

    2. กรณีสีมีพิษ จากข้อมูลของบริษัทผู้บริจาค สีชนิดนี้เมื่อแห้งจะเป็นแผ่นฟิล์มและจะถูกกรองได้ ไม่ละลายลงแหล่งน้ำ และสีได้รับมาตรฐานที่ได้รับฉลากเขียวจาก สมอ. แต่อย่างไรจะขอนำความคิดเห็นนี้ไปพัฒนาต่อ และจะระวังไม่ให้กระทบกับสิ่งแวดล้อมมากกว่านี้ครับ

    3. เป็นการผลาญงบประมาณ
    งานนี้เกิดจากความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ไม่ได้ใช้เงินจากภาครัฐเลยครับ สีที่ทา เราได้รับสีบริจาคจากบริษัทเอกชน และทั้งงานเป็นความร่วมมือภาคประชาสังคมหลายภาคมาก กทม.เป็นเพียงส่วนหนึ่ง รับหน้าที่ดูแลหลังงาน ใช้อุปกรณ์ที่มี เจ้าหน้าที่รักษาฯ และได้ทำการล้างถนนไปเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาแล้วครับ ต้องขอบคุณพี่ๆข้าราชการที่ช่วยกันด้วยครับ

    อย่างไรก็ตาม ผมต้องขอน้อมรับทุกความเห็นไปปรับปรุง อยากย้ำวัตถุประสงค์หลักของงานที่เลือกที่นี่ คือ “การพัฒนาย่านบรรทัดทองระยะยาว” ไม่ใช่เพียงการจัดงานนี้ครั้งเดียวแล้วผ่านไปครับ เราจะมีการประชุมสรุปผลสัปดาห์นี้ร่วมกับจุฬาฯ และจะนำมาเล่าสู่กันฟังอีกครั้ง จะทาสีทางข้ามถาวรเลยหรือไม่ จะทำการลดเลนถนน (Street Diet) บ้างไหม หรือจะเป็นการปิดถนนบางเวลาเพื่อทำถนนคนเดิน

    ขอน้อมรับทุกความผิดพลาดและทุกอย่างไปปรับปรุงครับ หากใครมีความเห็นอย่างไรก็พิมพ์แจ้งไว้ได้เลยครับ

    ปล. รูปนี้คือภาพเมื่อเช้าหลังจากทีมงานล้างออกตั้งแต่เมื่อวานครับ
    ปล2. เพิ่มเติมที่มีคนถามเรื่องทายางมะตอยทับ เราเพียงล้างออกเท่านั้นครับ ไม่มีการเทยางมะตอยทับแต่อย่างใด พื้นถนนหลายจุดมีความชำรุดอยู่เดิมก็จะใช้โอกาสหลังจากนี้ซ่อมแซมด้วยครับ”

    ที่มา https://www.facebook.com/100086260703100/posts/pfbid02bHbrNVyqnsKQtz6bf2aStu9eR5MmkCGd3XcxMo4gtc4LZ4NR4G8TtshXa2XyMS7Ql/?
    #Thaitimes
    ดรามา Car Free Day กทม.ออกมาแถลงผลทดลองละเลงกิจกรรมที่บรรทัดทอง ประชุมสรุปแล้วนำผลลัพธ์ไปต่อยอดพัฒนาย่านอื่นต่อไป ท่ามกลางเสียงสะท้อนปัญหาผลกระทบต่อชุมชนหลังจบงาน 26 กันยายน 2567 -นายเอกวรัญญู อัมระปาล ผู้ช่วยเลขาฯ ผู้ว่าฯ กทม. และโฆษก กทม. ได้เปิดเผยถึงการจัดการจราจร Car Free Day บรรทัดทองที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 22 กันยายนนี้ว่า ตามที่สังคมตั้งข้อสังเกตหลายประเด็น หนึ่งในนั้นคือเรื่องงบประมาณว่า กิจกรรมดังกล่าวสำเร็จได้ เพราะความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ทั้งรัฐ เอกชน ประชาชน เป็นต้น โดย กทม. เป็นเพียงแกนกลางประสานสนับสนุนเจ้าหน้าที่และอุปกรณ์ โดยไม่ได้ใช้งบจัดกิจกรรมแม้แต่บาทเดียว รวมถึงสีก็ได้รับการสนับสนุนจากเอกชน ไม่ใช่สีทาถนน เพราะตั้งใจให้ล้างออกง่าย เพื่อคืนสภาพถนนที่สมบูรณ์ให้ประชาชนใช้งานตามปกติ ย้ำไม่ได้ลาดยางมะตอยทับ แต่จุดใดที่ควรซ่อมแซมก็จะดำเนินการซ่อมแซมต่อไป โฆษก กทม. กล่าวต่อว่า การทาสีถนนเป็นการทดลองลดขนาดถนน (Street Diet) และการเดินข้ามถนนทแยงมุม เป็นการทดลองโดยผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเข้าร่วมการดำเนินนโยบายเพื่อเมืองอย่างยั่งยืน เป้าหมายระยะสั้นคือ การทดลองทำถนนคนเดิน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม Bangkok Car Free 2024 ทั้งยังกระตุ้นเศรษฐกิจ จัดระเบียบทางเท้าและร้านค้า สร้างกิจกรรมนันทนาการ ขณะที่เพจ หวังสร้างเมืองก็ได้ลงสรุปปัญหาไว้ว่า “การทดลอง Car Free ที่บรรทัดทองจบแล้วครับ แต่ผลลัพธ์จะถูกนำไปพัฒนาย่านอย่างถาวรกันต่อ ทีมกำลังสรุปผลทั้งแบบสอบถาม พูดคุยกับร้านค้า ผู้อยู่อาศัย และจะมีการประชุมสรุปผลสัปดาห์นี้เพื่อต่อยอดการพัฒนาย่านต่อไปครับ นอกจากเสียงตอบรับที่มีผู้มาร่วมงานมากมายแล้ว ผมอยากทดปัญหาเบื้องต้นเอาไว้ด้วยในนี้ครับ ว่าเราเห็นปัญหาอะไรบ้างหากต้องทำต่อเนื่องที่นี่ และขยายผลไปเขตอื่นๆ 1. ผลกระทบกับคนอยู่อาศัย ถึงแม้การปิดถนนจะทำให้เดินอย่างปลอดภัยมากขึ้นก็จริง แต่ผู้อยู่อาศัยในละแวกที่มีผู้สูงอายุอยู่ที่บ้านและจำเป็นต้องใช้รถยนต์ก็ได้รับผลกระทบมากไม่แพ้กัน การปิดถนนแบบร้อยเปอร์เซ็นต์เลย สร้างความลำบากให้ผู้อยู่อาศัยไม่น้อย และเสียงจากดนตรีและความสนุกเกินไปของย่าน ที่อาจรบกวนผู้อยู่อาศัย หากมีการทำต่อเนื่องน่าจะต้องคิดให้ละเอียดถี่ถ้วนมากขึ้น 2. ปริมาณคนมาด้วยปริมาณขยะที่เพิ่มขึ้น การจัดการขยะของร้านค้าทุกร้าน เช่น ให้แยกขยะเศษอาหาร การเข้าร่วมโครงการไม่เทรวม การคัดแยกขยะต้นทางร่วมกับทางจุฬาฯ 3. การจัดระเบียบร้านค้า การปรับปรุงทางเท้า และการนำสายไฟลงดิน ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีเสียงเรื่องการทาสี มีความกังวลเรื่องสีผิดประเภทที่อาจทำให้รถยนต์ลื่น สร้างมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม เราได้ข้อมูลแนะนำจากช่างเชี่ยวชาญของบริษัทผู้สนับสนุน เลยอยากขอใช้พื้นที่นี้ชี้แจงด้วยครับ 1. สีที่ทาไม่เหมาะกับการเป็นสีทาผิวถนน และเป็นสีทนทาน 10 ปี ล้างไม่ออก เป็นข้อมูลที่ถูกต้องครับ เพราะจุดประสงค์ของการทาสีคือการทดลองลดเลนถนน (Street Diet) และการเดินข้ามถนนแทยงมุมในเวลากลางวัน พอหมดงานทีมก็ตั้งใจจะล้างออกทั้งหมด สีที่ใช้จึงเป็นสีที่จะไม่อยู่คงทนตลอด เราได้ขอคำปรึกษากับช่างเทคนิคของบริษัทผู้บริจาค และเลือกสีชนิดนี้ก่อนมาใช้ ด้วยเป็นสีทาอาคารไม่ใช่สีทาถนน สีฯ ดังกล่าว มีลักษณะการปกป้องพื้นผิว ประเภทอาคาร มีฟิล์มที่บางกว่า สีจราจร อย่างมาก ไม่ทนต่อแรงเสียดทาน ในการบดอัดของล้อยานพาหนะ ที่จะเสื่อมสภาพ ผิวฟิล์มหลุดล่อนได้ง่าย และ ไม่ทนต่อความชื้นของพื้นผิวถนน ที่จะเสื่อมสภาพในเวลาอันรวดเร็ว และทางทีมได้ล้างออกทั้งหมดในวันจันทร์แล้วครับ 2. กรณีสีมีพิษ จากข้อมูลของบริษัทผู้บริจาค สีชนิดนี้เมื่อแห้งจะเป็นแผ่นฟิล์มและจะถูกกรองได้ ไม่ละลายลงแหล่งน้ำ และสีได้รับมาตรฐานที่ได้รับฉลากเขียวจาก สมอ. แต่อย่างไรจะขอนำความคิดเห็นนี้ไปพัฒนาต่อ และจะระวังไม่ให้กระทบกับสิ่งแวดล้อมมากกว่านี้ครับ 3. เป็นการผลาญงบประมาณ งานนี้เกิดจากความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ไม่ได้ใช้เงินจากภาครัฐเลยครับ สีที่ทา เราได้รับสีบริจาคจากบริษัทเอกชน และทั้งงานเป็นความร่วมมือภาคประชาสังคมหลายภาคมาก กทม.เป็นเพียงส่วนหนึ่ง รับหน้าที่ดูแลหลังงาน ใช้อุปกรณ์ที่มี เจ้าหน้าที่รักษาฯ และได้ทำการล้างถนนไปเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาแล้วครับ ต้องขอบคุณพี่ๆข้าราชการที่ช่วยกันด้วยครับ อย่างไรก็ตาม ผมต้องขอน้อมรับทุกความเห็นไปปรับปรุง อยากย้ำวัตถุประสงค์หลักของงานที่เลือกที่นี่ คือ “การพัฒนาย่านบรรทัดทองระยะยาว” ไม่ใช่เพียงการจัดงานนี้ครั้งเดียวแล้วผ่านไปครับ เราจะมีการประชุมสรุปผลสัปดาห์นี้ร่วมกับจุฬาฯ และจะนำมาเล่าสู่กันฟังอีกครั้ง จะทาสีทางข้ามถาวรเลยหรือไม่ จะทำการลดเลนถนน (Street Diet) บ้างไหม หรือจะเป็นการปิดถนนบางเวลาเพื่อทำถนนคนเดิน ขอน้อมรับทุกความผิดพลาดและทุกอย่างไปปรับปรุงครับ หากใครมีความเห็นอย่างไรก็พิมพ์แจ้งไว้ได้เลยครับ ปล. รูปนี้คือภาพเมื่อเช้าหลังจากทีมงานล้างออกตั้งแต่เมื่อวานครับ ปล2. เพิ่มเติมที่มีคนถามเรื่องทายางมะตอยทับ เราเพียงล้างออกเท่านั้นครับ ไม่มีการเทยางมะตอยทับแต่อย่างใด พื้นถนนหลายจุดมีความชำรุดอยู่เดิมก็จะใช้โอกาสหลังจากนี้ซ่อมแซมด้วยครับ” ที่มา https://www.facebook.com/100086260703100/posts/pfbid02bHbrNVyqnsKQtz6bf2aStu9eR5MmkCGd3XcxMo4gtc4LZ4NR4G8TtshXa2XyMS7Ql/? #Thaitimes
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 842 Views 0 Reviews
  • 🔹️แพ็กคู่ซีรีส์ชุด พิกัดต่อไปใครเป็นศพ❗

    คำเตือน เนื้อหายาวมากถึงมากที่สุด

    1 #พิกัดต่อไปใครเป็นศพ #masqueradehotel

    อ่านจนจบในวันเดียว หนาถึง 547 หน้า ดีที่ขนาดไม่เทอะทะแม้หนาแต่ไม่หนัก ตอนตัดสินใจเลือกยืมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเคยชมที่สร้างเป็นหนังมาแล้วเมื่อหลายปีก่อน พออ่านไปได้ไม่กี่หน้าเริ่มรู้สึกฉากช่างคุ้นเคย เนื้อเรื่องเหมือนเคยรู้มาก่อน ทบทวนความทรงจำตนเองจึงค่อยจำได้ว่าคือเรื่องเดียวกับหนังที่ดูจบแล้วชอบมากนั่นเอง แต่ห้วงเวลาที่ชมนั้นไม่เคยทราบว่าสร้างจากนิยายเล่มนี้ ดูเพราะชอบนักแสดงหลักทั้งสองคนเลยคือ ทาคูยะ และมาซามิ และก็ไม่ผิดหวังทั้งคู่แสดงในบทบาทที่ได้รับได้ดีมาก พระนางมีการขัดแย้งในความเห็นอย่างที่เรียกว่าคู่กัด แต่ก็ห่วงใยช่วยเหลือกันมีความน่ารักปนน่าหมั่นไส้ โรงแรมที่ใช้เป็นฉากก็หรูหราโอ่โถงงดงามน่าใช้บริการอย่างมากครับ

    📚วกกลับมาเข้าเรื่องในหนังสือ

    สำนักพิมพ์น้ำพุ ปี พ.ศ.2023 /ราคา 425 บาท
    ฮิงาชิโนะ เคโงะ เขียน
    อภิญญา เตชะบุญไพศาล แปล

    เนื้อหาในเล่มกล่าวถึงชีวิตของพนักงานโรงแรมคอร์เทเชียโตเกียวสุดหรูที่มีนามว่า ยามางิชิ นาโอมิ ซึ่งเป็นตัวเอกที่ดำเนินเรื่องหลักของนิยายเล่มนี้ ที่ฉากแรกปรากฏก็เปิดตัวอย่างสง่างามสมกับความเป็นพนักงานต้อนรับมืออาชีพยิ่ง เพราะมีลูกค้าชายประเภทที่จงใจก่อปัญหาเพื่อหวังจะได้เข้าพักในห้องราคาสูงกว่าที่ตนได้เลือกจองไว้ จนพนักงานยกกระเป๋าที่เข็นของไปให้ ต้องโทร.ลงมาปรึกษาว่าจะทำอย่างไรดี ซึ่งเธอสามารถบริหารจัดการให้ผ่านพ้นสิ่งที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าลงได้อย่างสวยงาม

    จากนั้นเรื่องจึงนำพาผู้อ่านเข้าสู่ประเด็นของที่มาอันกลายเป็นชื่อเรื่องคือ ทางผู้จัดการใหญ่ที่รับผิดชอบดูแลพนักงานในโรงแรมทั้งหมด ได้รับการติดต่อขอความร่วมมือจากกรมตำรวจนครบาลโตเกียว ในการสืบสวนคดีที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นานนี้ ที่มีแนวโน้มเป็นคดีฆาตกรรมต่อเนื่องโดยคนร้ายรายเดียวกัน

    🏨

    รายละเอียดของคดีคือ มีการพบศพผู้ตาย 3 ราย ในระยะเวลาห่างกันประมาณ 6-7 วันนับจากศพแรก ทราบชื่อผู้ตายทั้งสาม เป็นชาย2หญิง1 สาเหตุเสียชีวิตจากการถูกทำร้ายด้วยการตีจากด้านหลังบ้าง รัดคอบ้าง ทุกรายพบตัวเลขปริศนา2ชุดในจุดเกิดเหตุ ซึ่งยังไม่แน่ชัดว่าเกี่ยวข้องกับการตายของเหยื่อหรือไม่อย่างไร แต่ตำรวจมั่นใจว่าคนร้ายหมายตาที่จะก่อเหตุในครั้งต่อไป โดยเล็งเป้าหมายคือโรงแรมที่นาโอมิทำงานอยู่ ปัญหาใหญ่คือไม่ทราบว่าใครที่คนร้ายหมายจะฆ่า ทำไมถึงเลือกที่นี่ และคนร้ายคือใคร ซึ่งรายละเอียดปลีกย่อยพวกนี้ ฝ่ายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ได้คุยตกลงกันกับผู้จัดการใหญ่ของโรงแรมแล้ว ดังนั้นจึงเรียกตัว หัวหน้าจากหลายฝ่ายให้มาร่วมประชุม ไม่ว่าฝ่ายห้องพัก ฝ่ายเข็นสัมภาระลูกค้าไปส่งห้อง ฝ่ายประชาสัมพันธ์ และในการนี้นาโอมิยังถูกระบุให้เข้าร่วมประชุมแม้จะเป็นแค่เพียง พนักงานระดับปฏิบัติการณ์ฝ่ายต้อนรับเท่านั้น

    🏨

    เหตุผลเพราะหัวหน้างานไว้วางใจ เชื่อมั่นในคุณสมบัติและประสบการณ์ของเธอจะสามารถเป็นพี่เลี้ยงให้กับตำรวจ ที่จะปลอมเข้ามาเป็นพนักงานเพื่อเฝ้าสังเกตบุคคลที่มาใช้บริการโรงแรม ซึ่งแผนกต้อนรับเองนาโอมิถูกเลือกให้จับคู่กับรองสารวัตรนิตตะ ส่วนแผนกอื่นก็มีตำรวจปลอมตัวเข้าไปด้วยเช่นกัน นอกจากนั้นก็มีตำรวจส่วนหนึ่งที่ถูกสั่งการให้ปะปนเข้ามาเป็นคนใช้บริการหรือจับตาความเคลื่อนไหวบริเวณโถงรับแขก ห้องอาหาร และอื่นๆ

    🏨

    นั่นคือจุดเริ่มแห่งความหรรษา เพราะนิตตะไม่ชอบอะไรที่เป็นพิธีการ แต่จำใจต้องเชื่อฟังนาโอมิที่อายุน้อยกว่า ตั้งแต่เรื่องชุดพนักงาน ท่าทีการพูดจา บุคลิกภายนอกที่ต้องถูกปรับให้กลายจากความเป็นตำรวจมาเป็นพนักงานต้อนรับให้สมจริงมากที่สุด ทั้งคู่จึงมีการกระทบกระทั่งทางความคิดที่ไม่ตรงกัน จนมีการโต้เถียงบ่อยครั้ง ซึ่งเป็นความบันเทิงประการหนึ่ง ด้วยคู่นี้มีความน่ารัก น่าลุ้น ที่จะกลายมาเป็นคู่ใจในอนาคตได้

    🏨

    ระหว่างนั้น นาโอมิมีข้อสงสัยมากมายหลายประการ เธอมักถามนิตตะที่ทราบรายละเอียดของคดีมากกว่าที่พนักงานโรงแรมทราบ แต่นิตตะไม่บอกเล่าโดยให้เหตุผลว่าเป็นความลับของทางราชการไม่อาจให้คนนอกทราบได้

    งานบริการของนาโอมิยังคงต้องดำเนินต่อไป เกิดปัญหาจากความต้องการของลูกค้าที่แวะเวียนเข้ามาพักเป็นระยะ ซึ่งเธอและนิตตะต้องพยายามแก้ไขสถานการณ์ให้ผ่านพ้น ทำให้ทั้งสองเริ่มมีความเข้าใจและยอมรับในตัวตนและงานของอีกฝ่ายได้ดีขึ้นกว่าเมื่อแรกพบหน้า ลูกค้าบางคนดูไม่น่าไว้ใจและมีท่าทางแปลกจนนิตตะจับตามองเป็นพิเศษ ด้วยสัญชาตญาณของนักสืบ

    🏨

    ขณะที่มีตำรวจวัยเลยกลางคนไปแล้ว ซึ่งเป็นตำรวจในท้องที่เกิดเหตุคนหนึ่งที่รู้จักกับนิตตะ และได้รับการมอบหมายให้เป็นคู่หูสืบคดีก่อนที่นิตตะจะต้องปลอมตัวมาเป็นพนักงานต้อนรับนั้น มีน้ำใจที่อยากจะช่วยเหลือ จึงมักอาสาช่วยสืบเรื่องราวต่าง ๆ จากด้านนอก ตามที่นิตตะมีความสงสัยด้วยอีกทางหนึ่ง

    ในที่สุดนิตตะก็ทนรบเร้าจากนาโอมิไม่ไหว อีกทั้งเริ่มมีความไว้ใจเธอมากขึ้น จนยอมเล่าให้ทราบถึงปริศนาของชุดตัวเลขที่ปรากฏทุกครั้งในสถานที่พบศพอันเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ตำรวจตัดสินใจปะปนเข้ามาในโรงแรม ทำให้เธอเริ่มเกิดความตื่นตัวและทึ่งในความสามารถของเขา รวมถึงมีความกังวลถึงเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นเมื่อไรก็ได้จนส่งผลต่อสุขภาพและงานในหน้าที่ความรับผิดชอบ

    🏨

    อย่างไรก็ตาม สุดท้ายตัวคนร้ายคือคนที่คิดไม่ถึง ซึ่งไม่น่าเชื่อจริง ๆ ว่าจะวางแผนการณ์ได้อย่างแยบยลขนาดนั้น แต่แรงจูงใจในการก่อคดียังรู้สึกว่ามีน้ำหนักน้อยไปสักหน่อย คงเพราะความที่คนร้ายเป็นคนประเภทมีจิตรุนแรงในพื้นนิสัย ทำให้ต้องลุ้นเอาใจช่วยนิตตะและนาโอมิในตอนที่เนื้อเรื่องเปิดเผยให้คนอ่านทราบแล้วว่าเป็นใคร ทั้งสองจะปลอดภัยหรือไม่ จะจับตัวคนร้ายได้ไหม ใครจะถูกฆ่าเป็นรายถัดไปหรือเปล่า ต้องตามอ่านต่อในพิกัดต่อไปใครเป็นศพครับ

    🖋วิจารณ์หลังจบเรื่อง

    เป็นการเล่าในมุมมองบุคคลที่สามคือมุมมองพระเจ้า ฉากหลักตลอดทั้งเรื่องเกิดขึ้นภายในโรงแรม ตัวละครที่มีการเอ่ยชื่อและมีบทบาทสำคัญไม่เยอะจนเกินไป จึงทำให้คนอ่านจดจำและรู้สึกใกล้ชิดกับตัวเอก ไปจนตัวรองที่ถูกกล่าวถึงบ่อย ๆ ได้ไม่ยาก ความจริงในส่วนของคดีที่เกิดในเล่มนี้นั้น พูดตามจริงแล้วไม่ได้มีความซับซ้อนซ่อนเงื่อนอะไร รูปแบบการฆ่าก็ธรรมดาเกินกว่าจะดูน่ากลัวหรือลึกลับ เพียงแต่มีจุดเด่นตรงชุดตัวเลขปริศนาว่าหมายถึงอะไร และชวนน่าสงสัยเล็กน้อยว่าคนร้ายจะฆ่าคนไปทำไม เพราะดูเหมือนตำรวจมีข้อมูลน้อยมาก จนการสืบสวนแทบไม่เดินหน้าไปไหนเลย

    🏨

    เป็นความตั้งใจของผู้เขียนที่คงจะต้องการให้โทนของเรื่องออกมาในลักษณะนี้ คือไม่เน้นที่การสืบสวนคลี่คลายปมเป็นพิเศษ จึงไม่จำเป็นต้องผูกเรื่องราวของคดีที่เกิดขึ้นให้มีความอลังการ จนดึงดูดความสนใจกระหายใคร่รู้ และกระตุ้มต่อมนักสืบของคนอ่านจนพุ่งสูงด้วยความเข้มข้นของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเหยื่อ แต่กลับเลือกที่จะให้ดูเป็นคดีทั่วไป ไม่มีความโชกเลือดหรือบ้าคลั่งของฆาตกรเป็นที่ปรากฏออกมาในบรรยากาศ ซึ่งในแง่นี้ถือว่านักอ่านหลายคนอาจถูกภาพปกของหนังสือหลอกเอาได้ เพราะโทนสีดำแดง กับเลือดเปรอะกระจายบนแผนที่ อีกทั้งชื่อเรื่องชวนค้นหาว่าคงจะดำเนินไปในแนวทางน่าตื่นเต้นกับการตามสืบอะไรทำนองนั้น ซึ่งใครที่คาดหวังมากก็อาจผิดหวังเมื่อพบว่าหนังสือเล่มนี้ไม่ได้เป็นไปในทิศทางที่ตนคาดว่าจะได้พบเจอ

    🏨

    แต่นี่ไม่มีปัญหากับผม ส่วนตัวชอบมาก แทบไม่ได้สนใจในคดีด้วยซ้ำว่าใครจะเป็นคนร้าย ใครเป็นเป้าหมายที่กำลังจะถูกฆ่า และทำไมต้องฆ่า คืออ่านไปได้เรื่อย ๆ อย่างเพลิดเพลิน ชอบในความที่เนื้อหาเจาะลึกถึงวงการคนโรงแรม ทำให้เราได้รู้ข้อมูลหลายอย่าง สิ่งที่พนักงานต้องแบกรับและพบเจอที่เป็นเรื่องเบื้องลึกเบื้องหลัง ซึ่งคนทั่วไปไม่ค่อยได้คำนึงถึงและไม่เคยมองในมุมของคนทำงานเหล่านั้น จึงเป็นความบันเทิงที่สามารถได้รู้เรื่องราวอินไซด์โดยผ่านการทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าของนาโอมิ กับประเด็นต่าง ๆ ที่เข้ามามากมาย คล้ายกำลังได้ติดตามดูซีรีส์ชีวิตการทำงานในอาชีพด้านการบริหารโรงแรมดี ๆ สักเรื่องหนึ่ง ซึ่งอดีตเมื่อ 30 กว่าปีก่อน เคยได้รับชมมาบ้างทั้งของญี่ปุ่นและเกาหลี

    🏨

    จุดเด่นในการดำเนินเรื่องคือเราจะได้เห็นพัฒนาการความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นของสองตัวละครหลัก ในระหว่างร่วมกันแก้ไขปัญหา แม้มีความขัดแย้งจากความเห็นมุมมองที่ต่างสถานะบ้างก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ดีเสียอีกทำให้ต่างฝ่ายได้เรียนรู้เพิ่ม เป็นประสบการณ์ใหม่และเปิดมุมมองอีกด้านที่ตนไม่เคยใส่ใจ จนเกิดเป็นความเห็นอกเห็นใจ และเชื่อใจกันโดยไม่รู้ตัว แม้นภายนอกเหมือนไม่ชอบหน้ากันก็ตาม ที่สำคัญคือแม้เรื่องแนวทางการสืบหาตัวคนร้ายเหมือนไม่คืบหน้าไปไหน แต่เมื่อนาโอมิแก้ปัญหาลูกค้าไปทีละเรื่องต่อเนื่องไป ทำให้นิตตะเองสะดุดคิดได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่จะเกี่ยวโยงไปถึงคดีได้อย่างไม่ตั้งใจ บางครั้งคำพูดของนาโอมิเองช่วงสนทนากับนิตตะ ไปจุดประกายให้เขาพลันนึกอะไรได้ขึ้นมาอย่างกะทันหันก็มี รวมถึงคู่หูนายตำรวจท้องที่ผู้มีอายุมากกว่าเขา ก็ยังมีส่วนช่วยอย่างคาดไม่ถึงเช่นกัน ทำให้เห็นถึงพลังของความช่วยเหลือกันและกันของความเป็นเพื่อน แม้เพิ่งทำความรู้จักกันชั่วระยะเวลาไม่นาน นี่จึงไม่ใช่นิยายสืบสวนที่เน้นความเก่งฉกาจของนักสืบที่รับผิดชอบคดีแบบฉายเดี่ยว แต่ต้องอาศัยความเชื่อใจระหว่างกันในการแลกเปลี่ยนข้อมูล ความเห็นที่มีของตนคนเดียวอาจจะไม่เพียงพอ

    หากพิจารณาให้ดี จะได้เห็นถึงความสำคัญของบุคคลแวดล้อมที่ดูราวกับไม่มีส่วนสำคัญ แต่แท้จริงถ้าไม่ได้ความคิดเห็นหรือความช่วยเหลือของเขา พระเอกของเราก็ยังคงไม่อาจฉุกใจได้คิด จนนำไปสู่การรู้ตัวคนร้ายในช่วงท้ายของเรื่อง

    บทสรุปก่อนจบ มีแนวโน้มให้คนอ่านได้ลุ้นว่านิตตะกับนาโอมิ จะมีความเป็นไปได้ในการเป็นคู่รักหรือไม่ แต่ที่มั่นใจคือน่าจะมีเล่มต่อให้ได้ติดตามกันอย่างแน่นอน.

    .........................................

    2. #พิกัดต่อไปใครเป็นศพตอนลางร้ายใต้หน้ากาก #masqueradeeve

    เล่มที่สองของซีรีส์ ที่ยังคงความสนุกได้ไม่แพ้เล่มแรก แต่ความหนาน้อยลงเหลือ 352 หน้า

    สำนักพิมพ์น้ำพุ ปี พ.ศ.2023 /ราคา 345 บาท
    ฮิงาชิโนะ เคโงะ เขียน
    อภิญญา เตชะบุญไพศาล แปล

    เนื้อหาย่อของเล่มนี้

    ถึงจะออกมาเป็นเล่มที่สองของชุด แต่เหตุการณ์เป็นเรื่องก่อนหน้าคดีในเล่มแรก คือย้อนไปเล่าสมัยที่นาโอมิเพิ่งจะเข้าทำงานใน คอร์เทเชียโตเกียวได้แค่สี่ปี และย้ายแผนกมาอยู่ฝ่ายต้อนรับไม่นาน ยังเห็นถึงความผิดพลาดบกพร่องที่ไม่คล่องตัว ยังไม่มีความเชื่อมั่นในประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญดังภาพที่ปรากฏในเล่มก่อนหน้า ทว่าก็ยังคงบุคลิกที่มุ่งมั่นในการให้บริการ และมีหัวใจในการคิดถึงและเอาใจใส่ต่อลูกค้าทุกคนอย่างซื่อสัตย์

    🏨

    เริ่มต้นมา นาโอมิก็ได้แสดงความสามารถที่ทำให้เห็นถึงความมีไหวพริบปฏิภาณ และช่างสังเกต อันเป็นคุณสมบัติที่ควรต้องมีในคนที่ทำอาชีพเช่นเธอ โดยมีชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งนาโอมิจดจำได้ว่าเป็นอดีตแฟนที่เคยคบหากันชั่วเวลาหนึ่งสมัยที่เธอเรียนมหาวิทยาลัย แต่มีเหตุให้ต้องเลิกราแยกย้ายกันไปคนละเส้นทาง เขามากับชายอีกคนหนึ่งซึ่งเป็นนักกีฬาเบสบอลอาชีพที่มีชื่อเสียงมาก โดยทำหน้าที่เป็นผจก.ส่วนตัวนักกีฬาชาย แล้วได้เกิดเหตุการณ์ชุลมุนขึ้นในขณะที่ทั้งสองมาพักอยู่ในโรงแรม จนเป็นเหตุให้แฟนเก่าคนนี้โทร.ตามตัวนาโอมิจากหน้าฟรอนต์ให้มาช่วยแก้ไขปัญหา ซึ่งเธอไม่เต็มใจนักแต่ต้องตัดความรู้สึกส่วนตัวออก แล้วสวมหัวใจพนักงานฝ่ายต้อนรับที่ต้องช่วยเหลือบริการแก่ลูกค้าอย่างดีที่สุด ซึ่งสุดท้ายเธอก็สามารถจัดการกับปัญหาให้จบลงด้วยดี

    🏨

    ทางด้านนิตตะนั้น เพิ่งเริ่มต้นอาชีพด้วยการเข้าเป็นน้องใหม่ในสังกัดกรมตำรวจหลังกลับมาจากต่างประเทศไม่นาน โดยมีรุ่นพี่โมโตมิยะ(ปรากฏตัวในเล่มแรกด้วย โดยเป็นหนึ่งที่ปลอมตัวเข้าไปในโรงแรม) ที่เป็นคู่หูและพี่เลี้ยง ซึ่งคดีแรกที่เขาต้องคลี่คลายคือ คดีฆาตกรรมวันไวต์เดย์ โดยตำรวจได้รับแจ้งจากหญิงสาวคนหนึ่งว่าสามีของตนออกไปวิ่งออกกำลังตอนกลางดึกแต่ยังไม่กลับถึงบ้านตามเวลา สุดท้ายมีการพบว่าสามีของเธอกลายเป็นศพอยู่ในสวน ซึ่งเสียชีวิตจากการถูกแทงที่ท้องและหลัง มีอะไรหลายอย่างที่พบในที่เกิดเหตุ รวมถึงข้อมูลที่ตำรวจได้สืบทราบมา ที่รบกวนใจของนิตตะ เขาได้แสดงความสามารถออกมาเป็นที่ปรากฏจนรุ่นพี่ออกจะไม่พอใจและหมั่นไส้อยู่บ้าง ด้วยสิ่งที่นิตตะคาดคะเนและวิเคราะห์ทำให้ตำรวจสามารถพบตัวของผู้ก่อเหตุได้ในเวลาไม่นาน แต่คดีนี้มีอะไรที่ซับซ้อนยิ่งกว่าสิ่งที่ตำรวจรู้

    🏨

    ตัดมาที่การปฏิบัติงานของนาโอมิ ในเหตุการณ์ที่มีกลุ่มชายหลายคน มาจองห้องพักและมีพฤติการณ์ที่ทำให้เธอรู้สึกว่าแปลกพิกล ต่อมาทราบว่าที่แท้คนกลุ่มนี้หวังที่จะมาเฝ้ารอเพื่อจะได้พบเจอกับนักเขียนนิยายที่โด่งดังนามว่า ทาจิบานะ ซากุระซึ่งเขียนแนวประโลมโลก และจะเข้ามาพักที่โรงแรมเพื่อเขียนงานใหม่ เนื่องจากเหล่าสาวกที่ชื่นชอบงานเขียนของซากุระ ไปเห็นรูปที่ถูกระบุว่าเป็นนักเขียนหญิงคนดังในโซเชียลมีเดีย พอเห็นว่าเป็นสาวสวยจึงหาวิธีที่จะได้พบเจอตัวจริงให้ได้ จึงเป็นหน้าที่ของนาโอมิ ที่จะต้องรักษาความเป็นส่วนตัวรวมถึงความปลอดภัยให้แก่ลูกค้าที่มาใช้บริการ ความยุ่งยากจึงเกิดขึ้น

    🏨

    ตอนสุดท้าย นาโอมิได้รับการขอจากผู้จัดการให้ช่วยไปสอนงานให้กับพนักงานแผนกต้อนรับที่สาขาโอซาก้า ซึ่งเพิ่งเปิดโรงแรมได้ไม่นาน เธอจึงต้องไปทำงานอยู่ที่นั่นชั่วระยะเวลาหนึ่งแต่ไม่เกินครึ่งปี ในขณะที่นิตตะมีคดีใหม่ที่ต้องรับผิดชอบกับรุ่นพี่โมโตมิยะ คือการตายของอาจารย์มหาวิทยาลัย ที่กำลังทำวิจัยเกี่ยวกับเรื่องทางสิทยาศาสตร์ โดยพบศพในห้องทำงาน คดีนี้มีผู้ต้องสงสัยที่ตำรวจค่อนข้างมั่นใจว่าน่าจะเป็นบุคคลคนหนึ่ง แต่ทว่าเขากลับมีหลักฐานยืนยันที่อยู่ชัดเจนในช่วงเวลาที่คาดว่าเหยื่อถูกฆ่าตาย ซึ่งเจ้าตัวเข้าใจว่าตนเองรอดพ้นแน่แต่แท้จริงเบื้องหลังยังมีอะไรที่ไม่เป็นดังที่คิด ที่มีความซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากกว่า

    ในกรณีทีมสืบสวนเอง ผู้ใหญ่ได้สั่งการลงมาให้นิตตะจับคู่กันกับตำรวจหญิงวัยละอ่อน ที่เป็นตำรวจท้องที่มีนามว่า ริสะ ที่ถูกย้ายมาจากแผนกความปลอดภัยชุมชน ให้มาร่วมในทีมเป็นครั้งแรก นิตตะไม่พอใจนักแต่จำใจต้องทำตาม แม้จะดูเหมือนเป็นตำรวจหญิงที่อ่อนต่อโลก พูดเป็นต่อยหอย และขาดไหวพริบม แต่ริสะก็ถือเป็นเจ้าหน้าที่ที่มีความกระตือรือร้น มุ่งมั่นใส่ใจในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการที่เธอได้รับคำสั่งจากนิตตะให้ไปสืบเช็กข้อมูลจากโรงแรมคอร์เทเชียโอซาก้า เพื่อยืนยันคำพูดจากปากของชายผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในคดี ทำให้ริสะได้พบกับนาโอมิ อันก่อให้เกิดประโยชน์อย่างมากมาถึงผลลัพธ์ในภายหลัง

    🖋วิเคราะห์หลังอ่านจบ

    เล่มนี้เล่าเรื่องโดยแยกเนื้อหาระหว่างการแก้ปัญหาในโรงแรมของนาโอมิ กับการไขคดีของนิตตะออกจากกันชัดเจนเป็นตอนที่จบในตัว เริ่มจากตอนของนาโอมิก่อน จากนั้นสลับไปเล่าฝั่งนิตตะ แต่ในตอนสุดท้ายจะผนวกสองฝั่งให้เชื่อมถึงกันในคดีที่มีผู้เกี่ยวข้องได้ไปเข้าพักที่โรงแรมคอร์เทเชียโอซาก้าซึ่งนาโอมิกำลังอยู่ในช่วงที่สอนงานให้พนักงานที่นั่น

    ทั้งคู่ไม่ได้พบกันเลย เพราะการพบกันครั้งแรกเกิดขึ้นในเล่มแรก แต่ผู้เขียนมีความสามารถในการผูกโยงเรื่องราวให้คนอ่านรู้สึกเหมือนว่าได้เห็นคนทั้งสองอย่างใกล้ชิด และได้เห็นบุคลิกกับอุปนิสัยส่วนตัวของนาโอมิกับนิตตะมากขึ้น

    นิตตะในเล่มนี้ มีโอกาสได้แสดงฝีมือในการคิดวิเคราะห์ และประเมินสถานการณ์กับข้อมูลที่ใช้หาตัวคนร้าย ได้เด่นชัดกว่าเล่มแรก สมกับที่เป็นระดับหัวกะทิที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ แต่เราก็จะได้เห็นถึงข้อเสียใหญ่ของเขาที่ไม่น่ารักเช่นกัน คือเป็นคนมั่นใจในความฉลาดของตนมากจนเหมือนดูถูกคนที่ด้อยกว่า โดยเฉพาะความคิดที่เห็นว่าผู้หญิงเป็นตัวถ่วง สู้ผู้ชายไม่ได้ ดังที่นิตตะแสดงออกทางสีหน้าท่าทางและคำพูดต่อเด็กใหม่อย่างริสะ ที่เหมือนเป็นได้แค่ลูกไล่ไร้ประโยชน์ ซึ่งต่างจากนาโอมิ ที่แม้จะมองออกว่าริสะเป็นตำรวจที่ความสามารถไม่ถึงขั้น แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีรำคาญ กลับมองเห็นถึงมุมที่เป็นความอดทน ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคใดของตำรวจหญิงในการพยายามค้นหาความจริงให้ได้ ความมุ่งมั่นของริสะจึงเอาชนะใจของนาโอมิ จนยอมช่วยเหลือด้วยการเปิดเผยเรื่องราวบางส่วนให้ริสะทราบ

    ในส่วนของการคลี่คลายคดี ไม่มีอะไรลึกลับซับซ้อนจนเกินไป แต่เล่มนี้จะเน้นไปที่คดีที่น่าจะเป็นที่มาของชื่อตอน (ลางร้ายใต้หน้ากาก) ถึงสองคดีด้วยกันครับ ถ้าได้อ่านแล้วจะเข้าใจ และน่าจะเห็นตรงกันว่าภายใต้หน้ากากที่ภายนอกดูไม่ได้รู้เลยว่าจะกลายเป็นคนร้ายได้ สุดท้ายก็แอบซ่อนความบิดเบี้ยวของใจที่โดนกิเลสเข้าครอบงำได้อย่างน่ากลัว

    ตัวละครในเรื่อง สำหรับเล่มนี้ รู้สึกว่าริสะที่แม้จะมีบทบาทเพียงแค่ช่วงคดีสุดท้ายนั้น เป็นตัวละครที่เขียนมาได้น่าสนใจมาก โผล่มาทีไรก็ทำให้คนอ่านอย่างผมอดขำไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้ไปต่อในเล่มอื่น ๆ ของชุดนี้หรือไม่ ส่วนนาโอมินั้นยังคงเป็นตัวละครที่มีเสน่ห์เช่นเดิม เทียบกับนิตตะแล้วส่วนตัวมีความรู้สึกชอบนาโอมิมากกว่า

    นอกจากนี้ยังชอบตอนจบของเรื่อง ที่มีการโยงถึงเหตุการณ์ที่เป็นต้นตอนำไปสู่ความอาฆาตแค้นของฆาตกรในคดีที่เกิดขึ้นในเล่มแรก สรุปว่าอ่านจบเล่มสองแล้วก็จะไปต่อเหตุการณ์ของเล่มแรกพอดี

    ใครเริ่มอ่านจากเล่มนี้ก่อน สามารถอ่านเล่มแรกต่อเนื่องได้เลย

    📌คำเตือน : สำหรับคนที่ชอบการสืบคดีแบบเข้มข้น มีวิธีการฆ่าที่ค่อนข้างแปลกพิสดารหรือโหดสยอง และมีกลวิธีในการอำพรางซ่อนเร้นที่ไม่ธรรมดา ซีรีส์ชุดนี้อาจไม่ตอบโจทย์ แล้วเลยพาลจะไม่ชอบหรือหมดสนุกได้ง่าย แต่ถ้าชอบแนวได้ศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับอาชีพของตัวเอกควบคู่ไปกับการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และการไขคดีที่ไม่โลดโผน ชุดนี้น่าจะเป็นที่ชื่นชอบของคุณได้ไม่ยากครับ

    ป.ล. มีปกใหม่ออกมาที่คิดว่าทำได้ดีตรงกับแนวเรื่องและชื่อตอนมากกว่าปกฉบับตีพิมพ์ครั้งแรกด้วย เพราะปกของเล่มสองนี้ดูเหมือนน่าจะโหดมาก แต่เนื้อในไม่ใช่อย่างที่คิด

    ใครอ่านตั้งแต่ต้นมาจนถึงบรรทัดสุดท้ายนี้ได้ขอได้รับความขอบคุณจากผมด้วยครับ

    #thaitimes
    #หนังสือ
    #หนังสือน่าอ่าน
    #นิยายแปล
    #นิยายญี่ปุ่น
    #นิยายสืบสวน
    #สืบสวน
    #คดีฆาตกรรม
    #งานโรงแรม
    #พนักงานต้อนรับ
    #ตำรวจ
    #นักสืบ
    #ลูกค้า
    #งานบริการ
    #อาชีพ
    #ฮิงาชิโนะเคโงะ
    🔹️แพ็กคู่ซีรีส์ชุด พิกัดต่อไปใครเป็นศพ❗ คำเตือน เนื้อหายาวมากถึงมากที่สุด 1 #พิกัดต่อไปใครเป็นศพ #masqueradehotel อ่านจนจบในวันเดียว หนาถึง 547 หน้า ดีที่ขนาดไม่เทอะทะแม้หนาแต่ไม่หนัก ตอนตัดสินใจเลือกยืมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเคยชมที่สร้างเป็นหนังมาแล้วเมื่อหลายปีก่อน พออ่านไปได้ไม่กี่หน้าเริ่มรู้สึกฉากช่างคุ้นเคย เนื้อเรื่องเหมือนเคยรู้มาก่อน ทบทวนความทรงจำตนเองจึงค่อยจำได้ว่าคือเรื่องเดียวกับหนังที่ดูจบแล้วชอบมากนั่นเอง แต่ห้วงเวลาที่ชมนั้นไม่เคยทราบว่าสร้างจากนิยายเล่มนี้ ดูเพราะชอบนักแสดงหลักทั้งสองคนเลยคือ ทาคูยะ และมาซามิ และก็ไม่ผิดหวังทั้งคู่แสดงในบทบาทที่ได้รับได้ดีมาก พระนางมีการขัดแย้งในความเห็นอย่างที่เรียกว่าคู่กัด แต่ก็ห่วงใยช่วยเหลือกันมีความน่ารักปนน่าหมั่นไส้ โรงแรมที่ใช้เป็นฉากก็หรูหราโอ่โถงงดงามน่าใช้บริการอย่างมากครับ 📚วกกลับมาเข้าเรื่องในหนังสือ สำนักพิมพ์น้ำพุ ปี พ.ศ.2023 /ราคา 425 บาท ฮิงาชิโนะ เคโงะ เขียน อภิญญา เตชะบุญไพศาล แปล เนื้อหาในเล่มกล่าวถึงชีวิตของพนักงานโรงแรมคอร์เทเชียโตเกียวสุดหรูที่มีนามว่า ยามางิชิ นาโอมิ ซึ่งเป็นตัวเอกที่ดำเนินเรื่องหลักของนิยายเล่มนี้ ที่ฉากแรกปรากฏก็เปิดตัวอย่างสง่างามสมกับความเป็นพนักงานต้อนรับมืออาชีพยิ่ง เพราะมีลูกค้าชายประเภทที่จงใจก่อปัญหาเพื่อหวังจะได้เข้าพักในห้องราคาสูงกว่าที่ตนได้เลือกจองไว้ จนพนักงานยกกระเป๋าที่เข็นของไปให้ ต้องโทร.ลงมาปรึกษาว่าจะทำอย่างไรดี ซึ่งเธอสามารถบริหารจัดการให้ผ่านพ้นสิ่งที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าลงได้อย่างสวยงาม จากนั้นเรื่องจึงนำพาผู้อ่านเข้าสู่ประเด็นของที่มาอันกลายเป็นชื่อเรื่องคือ ทางผู้จัดการใหญ่ที่รับผิดชอบดูแลพนักงานในโรงแรมทั้งหมด ได้รับการติดต่อขอความร่วมมือจากกรมตำรวจนครบาลโตเกียว ในการสืบสวนคดีที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นานนี้ ที่มีแนวโน้มเป็นคดีฆาตกรรมต่อเนื่องโดยคนร้ายรายเดียวกัน 🏨 รายละเอียดของคดีคือ มีการพบศพผู้ตาย 3 ราย ในระยะเวลาห่างกันประมาณ 6-7 วันนับจากศพแรก ทราบชื่อผู้ตายทั้งสาม เป็นชาย2หญิง1 สาเหตุเสียชีวิตจากการถูกทำร้ายด้วยการตีจากด้านหลังบ้าง รัดคอบ้าง ทุกรายพบตัวเลขปริศนา2ชุดในจุดเกิดเหตุ ซึ่งยังไม่แน่ชัดว่าเกี่ยวข้องกับการตายของเหยื่อหรือไม่อย่างไร แต่ตำรวจมั่นใจว่าคนร้ายหมายตาที่จะก่อเหตุในครั้งต่อไป โดยเล็งเป้าหมายคือโรงแรมที่นาโอมิทำงานอยู่ ปัญหาใหญ่คือไม่ทราบว่าใครที่คนร้ายหมายจะฆ่า ทำไมถึงเลือกที่นี่ และคนร้ายคือใคร ซึ่งรายละเอียดปลีกย่อยพวกนี้ ฝ่ายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ได้คุยตกลงกันกับผู้จัดการใหญ่ของโรงแรมแล้ว ดังนั้นจึงเรียกตัว หัวหน้าจากหลายฝ่ายให้มาร่วมประชุม ไม่ว่าฝ่ายห้องพัก ฝ่ายเข็นสัมภาระลูกค้าไปส่งห้อง ฝ่ายประชาสัมพันธ์ และในการนี้นาโอมิยังถูกระบุให้เข้าร่วมประชุมแม้จะเป็นแค่เพียง พนักงานระดับปฏิบัติการณ์ฝ่ายต้อนรับเท่านั้น 🏨 เหตุผลเพราะหัวหน้างานไว้วางใจ เชื่อมั่นในคุณสมบัติและประสบการณ์ของเธอจะสามารถเป็นพี่เลี้ยงให้กับตำรวจ ที่จะปลอมเข้ามาเป็นพนักงานเพื่อเฝ้าสังเกตบุคคลที่มาใช้บริการโรงแรม ซึ่งแผนกต้อนรับเองนาโอมิถูกเลือกให้จับคู่กับรองสารวัตรนิตตะ ส่วนแผนกอื่นก็มีตำรวจปลอมตัวเข้าไปด้วยเช่นกัน นอกจากนั้นก็มีตำรวจส่วนหนึ่งที่ถูกสั่งการให้ปะปนเข้ามาเป็นคนใช้บริการหรือจับตาความเคลื่อนไหวบริเวณโถงรับแขก ห้องอาหาร และอื่นๆ 🏨 นั่นคือจุดเริ่มแห่งความหรรษา เพราะนิตตะไม่ชอบอะไรที่เป็นพิธีการ แต่จำใจต้องเชื่อฟังนาโอมิที่อายุน้อยกว่า ตั้งแต่เรื่องชุดพนักงาน ท่าทีการพูดจา บุคลิกภายนอกที่ต้องถูกปรับให้กลายจากความเป็นตำรวจมาเป็นพนักงานต้อนรับให้สมจริงมากที่สุด ทั้งคู่จึงมีการกระทบกระทั่งทางความคิดที่ไม่ตรงกัน จนมีการโต้เถียงบ่อยครั้ง ซึ่งเป็นความบันเทิงประการหนึ่ง ด้วยคู่นี้มีความน่ารัก น่าลุ้น ที่จะกลายมาเป็นคู่ใจในอนาคตได้ 🏨 ระหว่างนั้น นาโอมิมีข้อสงสัยมากมายหลายประการ เธอมักถามนิตตะที่ทราบรายละเอียดของคดีมากกว่าที่พนักงานโรงแรมทราบ แต่นิตตะไม่บอกเล่าโดยให้เหตุผลว่าเป็นความลับของทางราชการไม่อาจให้คนนอกทราบได้ งานบริการของนาโอมิยังคงต้องดำเนินต่อไป เกิดปัญหาจากความต้องการของลูกค้าที่แวะเวียนเข้ามาพักเป็นระยะ ซึ่งเธอและนิตตะต้องพยายามแก้ไขสถานการณ์ให้ผ่านพ้น ทำให้ทั้งสองเริ่มมีความเข้าใจและยอมรับในตัวตนและงานของอีกฝ่ายได้ดีขึ้นกว่าเมื่อแรกพบหน้า ลูกค้าบางคนดูไม่น่าไว้ใจและมีท่าทางแปลกจนนิตตะจับตามองเป็นพิเศษ ด้วยสัญชาตญาณของนักสืบ 🏨 ขณะที่มีตำรวจวัยเลยกลางคนไปแล้ว ซึ่งเป็นตำรวจในท้องที่เกิดเหตุคนหนึ่งที่รู้จักกับนิตตะ และได้รับการมอบหมายให้เป็นคู่หูสืบคดีก่อนที่นิตตะจะต้องปลอมตัวมาเป็นพนักงานต้อนรับนั้น มีน้ำใจที่อยากจะช่วยเหลือ จึงมักอาสาช่วยสืบเรื่องราวต่าง ๆ จากด้านนอก ตามที่นิตตะมีความสงสัยด้วยอีกทางหนึ่ง ในที่สุดนิตตะก็ทนรบเร้าจากนาโอมิไม่ไหว อีกทั้งเริ่มมีความไว้ใจเธอมากขึ้น จนยอมเล่าให้ทราบถึงปริศนาของชุดตัวเลขที่ปรากฏทุกครั้งในสถานที่พบศพอันเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ตำรวจตัดสินใจปะปนเข้ามาในโรงแรม ทำให้เธอเริ่มเกิดความตื่นตัวและทึ่งในความสามารถของเขา รวมถึงมีความกังวลถึงเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นเมื่อไรก็ได้จนส่งผลต่อสุขภาพและงานในหน้าที่ความรับผิดชอบ 🏨 อย่างไรก็ตาม สุดท้ายตัวคนร้ายคือคนที่คิดไม่ถึง ซึ่งไม่น่าเชื่อจริง ๆ ว่าจะวางแผนการณ์ได้อย่างแยบยลขนาดนั้น แต่แรงจูงใจในการก่อคดียังรู้สึกว่ามีน้ำหนักน้อยไปสักหน่อย คงเพราะความที่คนร้ายเป็นคนประเภทมีจิตรุนแรงในพื้นนิสัย ทำให้ต้องลุ้นเอาใจช่วยนิตตะและนาโอมิในตอนที่เนื้อเรื่องเปิดเผยให้คนอ่านทราบแล้วว่าเป็นใคร ทั้งสองจะปลอดภัยหรือไม่ จะจับตัวคนร้ายได้ไหม ใครจะถูกฆ่าเป็นรายถัดไปหรือเปล่า ต้องตามอ่านต่อในพิกัดต่อไปใครเป็นศพครับ 🖋วิจารณ์หลังจบเรื่อง เป็นการเล่าในมุมมองบุคคลที่สามคือมุมมองพระเจ้า ฉากหลักตลอดทั้งเรื่องเกิดขึ้นภายในโรงแรม ตัวละครที่มีการเอ่ยชื่อและมีบทบาทสำคัญไม่เยอะจนเกินไป จึงทำให้คนอ่านจดจำและรู้สึกใกล้ชิดกับตัวเอก ไปจนตัวรองที่ถูกกล่าวถึงบ่อย ๆ ได้ไม่ยาก ความจริงในส่วนของคดีที่เกิดในเล่มนี้นั้น พูดตามจริงแล้วไม่ได้มีความซับซ้อนซ่อนเงื่อนอะไร รูปแบบการฆ่าก็ธรรมดาเกินกว่าจะดูน่ากลัวหรือลึกลับ เพียงแต่มีจุดเด่นตรงชุดตัวเลขปริศนาว่าหมายถึงอะไร และชวนน่าสงสัยเล็กน้อยว่าคนร้ายจะฆ่าคนไปทำไม เพราะดูเหมือนตำรวจมีข้อมูลน้อยมาก จนการสืบสวนแทบไม่เดินหน้าไปไหนเลย 🏨 เป็นความตั้งใจของผู้เขียนที่คงจะต้องการให้โทนของเรื่องออกมาในลักษณะนี้ คือไม่เน้นที่การสืบสวนคลี่คลายปมเป็นพิเศษ จึงไม่จำเป็นต้องผูกเรื่องราวของคดีที่เกิดขึ้นให้มีความอลังการ จนดึงดูดความสนใจกระหายใคร่รู้ และกระตุ้มต่อมนักสืบของคนอ่านจนพุ่งสูงด้วยความเข้มข้นของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเหยื่อ แต่กลับเลือกที่จะให้ดูเป็นคดีทั่วไป ไม่มีความโชกเลือดหรือบ้าคลั่งของฆาตกรเป็นที่ปรากฏออกมาในบรรยากาศ ซึ่งในแง่นี้ถือว่านักอ่านหลายคนอาจถูกภาพปกของหนังสือหลอกเอาได้ เพราะโทนสีดำแดง กับเลือดเปรอะกระจายบนแผนที่ อีกทั้งชื่อเรื่องชวนค้นหาว่าคงจะดำเนินไปในแนวทางน่าตื่นเต้นกับการตามสืบอะไรทำนองนั้น ซึ่งใครที่คาดหวังมากก็อาจผิดหวังเมื่อพบว่าหนังสือเล่มนี้ไม่ได้เป็นไปในทิศทางที่ตนคาดว่าจะได้พบเจอ 🏨 แต่นี่ไม่มีปัญหากับผม ส่วนตัวชอบมาก แทบไม่ได้สนใจในคดีด้วยซ้ำว่าใครจะเป็นคนร้าย ใครเป็นเป้าหมายที่กำลังจะถูกฆ่า และทำไมต้องฆ่า คืออ่านไปได้เรื่อย ๆ อย่างเพลิดเพลิน ชอบในความที่เนื้อหาเจาะลึกถึงวงการคนโรงแรม ทำให้เราได้รู้ข้อมูลหลายอย่าง สิ่งที่พนักงานต้องแบกรับและพบเจอที่เป็นเรื่องเบื้องลึกเบื้องหลัง ซึ่งคนทั่วไปไม่ค่อยได้คำนึงถึงและไม่เคยมองในมุมของคนทำงานเหล่านั้น จึงเป็นความบันเทิงที่สามารถได้รู้เรื่องราวอินไซด์โดยผ่านการทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าของนาโอมิ กับประเด็นต่าง ๆ ที่เข้ามามากมาย คล้ายกำลังได้ติดตามดูซีรีส์ชีวิตการทำงานในอาชีพด้านการบริหารโรงแรมดี ๆ สักเรื่องหนึ่ง ซึ่งอดีตเมื่อ 30 กว่าปีก่อน เคยได้รับชมมาบ้างทั้งของญี่ปุ่นและเกาหลี 🏨 จุดเด่นในการดำเนินเรื่องคือเราจะได้เห็นพัฒนาการความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นของสองตัวละครหลัก ในระหว่างร่วมกันแก้ไขปัญหา แม้มีความขัดแย้งจากความเห็นมุมมองที่ต่างสถานะบ้างก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ดีเสียอีกทำให้ต่างฝ่ายได้เรียนรู้เพิ่ม เป็นประสบการณ์ใหม่และเปิดมุมมองอีกด้านที่ตนไม่เคยใส่ใจ จนเกิดเป็นความเห็นอกเห็นใจ และเชื่อใจกันโดยไม่รู้ตัว แม้นภายนอกเหมือนไม่ชอบหน้ากันก็ตาม ที่สำคัญคือแม้เรื่องแนวทางการสืบหาตัวคนร้ายเหมือนไม่คืบหน้าไปไหน แต่เมื่อนาโอมิแก้ปัญหาลูกค้าไปทีละเรื่องต่อเนื่องไป ทำให้นิตตะเองสะดุดคิดได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่จะเกี่ยวโยงไปถึงคดีได้อย่างไม่ตั้งใจ บางครั้งคำพูดของนาโอมิเองช่วงสนทนากับนิตตะ ไปจุดประกายให้เขาพลันนึกอะไรได้ขึ้นมาอย่างกะทันหันก็มี รวมถึงคู่หูนายตำรวจท้องที่ผู้มีอายุมากกว่าเขา ก็ยังมีส่วนช่วยอย่างคาดไม่ถึงเช่นกัน ทำให้เห็นถึงพลังของความช่วยเหลือกันและกันของความเป็นเพื่อน แม้เพิ่งทำความรู้จักกันชั่วระยะเวลาไม่นาน นี่จึงไม่ใช่นิยายสืบสวนที่เน้นความเก่งฉกาจของนักสืบที่รับผิดชอบคดีแบบฉายเดี่ยว แต่ต้องอาศัยความเชื่อใจระหว่างกันในการแลกเปลี่ยนข้อมูล ความเห็นที่มีของตนคนเดียวอาจจะไม่เพียงพอ หากพิจารณาให้ดี จะได้เห็นถึงความสำคัญของบุคคลแวดล้อมที่ดูราวกับไม่มีส่วนสำคัญ แต่แท้จริงถ้าไม่ได้ความคิดเห็นหรือความช่วยเหลือของเขา พระเอกของเราก็ยังคงไม่อาจฉุกใจได้คิด จนนำไปสู่การรู้ตัวคนร้ายในช่วงท้ายของเรื่อง บทสรุปก่อนจบ มีแนวโน้มให้คนอ่านได้ลุ้นว่านิตตะกับนาโอมิ จะมีความเป็นไปได้ในการเป็นคู่รักหรือไม่ แต่ที่มั่นใจคือน่าจะมีเล่มต่อให้ได้ติดตามกันอย่างแน่นอน. ......................................... 2. #พิกัดต่อไปใครเป็นศพตอนลางร้ายใต้หน้ากาก #masqueradeeve เล่มที่สองของซีรีส์ ที่ยังคงความสนุกได้ไม่แพ้เล่มแรก แต่ความหนาน้อยลงเหลือ 352 หน้า สำนักพิมพ์น้ำพุ ปี พ.ศ.2023 /ราคา 345 บาท ฮิงาชิโนะ เคโงะ เขียน อภิญญา เตชะบุญไพศาล แปล เนื้อหาย่อของเล่มนี้ ถึงจะออกมาเป็นเล่มที่สองของชุด แต่เหตุการณ์เป็นเรื่องก่อนหน้าคดีในเล่มแรก คือย้อนไปเล่าสมัยที่นาโอมิเพิ่งจะเข้าทำงานใน คอร์เทเชียโตเกียวได้แค่สี่ปี และย้ายแผนกมาอยู่ฝ่ายต้อนรับไม่นาน ยังเห็นถึงความผิดพลาดบกพร่องที่ไม่คล่องตัว ยังไม่มีความเชื่อมั่นในประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญดังภาพที่ปรากฏในเล่มก่อนหน้า ทว่าก็ยังคงบุคลิกที่มุ่งมั่นในการให้บริการ และมีหัวใจในการคิดถึงและเอาใจใส่ต่อลูกค้าทุกคนอย่างซื่อสัตย์ 🏨 เริ่มต้นมา นาโอมิก็ได้แสดงความสามารถที่ทำให้เห็นถึงความมีไหวพริบปฏิภาณ และช่างสังเกต อันเป็นคุณสมบัติที่ควรต้องมีในคนที่ทำอาชีพเช่นเธอ โดยมีชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งนาโอมิจดจำได้ว่าเป็นอดีตแฟนที่เคยคบหากันชั่วเวลาหนึ่งสมัยที่เธอเรียนมหาวิทยาลัย แต่มีเหตุให้ต้องเลิกราแยกย้ายกันไปคนละเส้นทาง เขามากับชายอีกคนหนึ่งซึ่งเป็นนักกีฬาเบสบอลอาชีพที่มีชื่อเสียงมาก โดยทำหน้าที่เป็นผจก.ส่วนตัวนักกีฬาชาย แล้วได้เกิดเหตุการณ์ชุลมุนขึ้นในขณะที่ทั้งสองมาพักอยู่ในโรงแรม จนเป็นเหตุให้แฟนเก่าคนนี้โทร.ตามตัวนาโอมิจากหน้าฟรอนต์ให้มาช่วยแก้ไขปัญหา ซึ่งเธอไม่เต็มใจนักแต่ต้องตัดความรู้สึกส่วนตัวออก แล้วสวมหัวใจพนักงานฝ่ายต้อนรับที่ต้องช่วยเหลือบริการแก่ลูกค้าอย่างดีที่สุด ซึ่งสุดท้ายเธอก็สามารถจัดการกับปัญหาให้จบลงด้วยดี 🏨 ทางด้านนิตตะนั้น เพิ่งเริ่มต้นอาชีพด้วยการเข้าเป็นน้องใหม่ในสังกัดกรมตำรวจหลังกลับมาจากต่างประเทศไม่นาน โดยมีรุ่นพี่โมโตมิยะ(ปรากฏตัวในเล่มแรกด้วย โดยเป็นหนึ่งที่ปลอมตัวเข้าไปในโรงแรม) ที่เป็นคู่หูและพี่เลี้ยง ซึ่งคดีแรกที่เขาต้องคลี่คลายคือ คดีฆาตกรรมวันไวต์เดย์ โดยตำรวจได้รับแจ้งจากหญิงสาวคนหนึ่งว่าสามีของตนออกไปวิ่งออกกำลังตอนกลางดึกแต่ยังไม่กลับถึงบ้านตามเวลา สุดท้ายมีการพบว่าสามีของเธอกลายเป็นศพอยู่ในสวน ซึ่งเสียชีวิตจากการถูกแทงที่ท้องและหลัง มีอะไรหลายอย่างที่พบในที่เกิดเหตุ รวมถึงข้อมูลที่ตำรวจได้สืบทราบมา ที่รบกวนใจของนิตตะ เขาได้แสดงความสามารถออกมาเป็นที่ปรากฏจนรุ่นพี่ออกจะไม่พอใจและหมั่นไส้อยู่บ้าง ด้วยสิ่งที่นิตตะคาดคะเนและวิเคราะห์ทำให้ตำรวจสามารถพบตัวของผู้ก่อเหตุได้ในเวลาไม่นาน แต่คดีนี้มีอะไรที่ซับซ้อนยิ่งกว่าสิ่งที่ตำรวจรู้ 🏨 ตัดมาที่การปฏิบัติงานของนาโอมิ ในเหตุการณ์ที่มีกลุ่มชายหลายคน มาจองห้องพักและมีพฤติการณ์ที่ทำให้เธอรู้สึกว่าแปลกพิกล ต่อมาทราบว่าที่แท้คนกลุ่มนี้หวังที่จะมาเฝ้ารอเพื่อจะได้พบเจอกับนักเขียนนิยายที่โด่งดังนามว่า ทาจิบานะ ซากุระซึ่งเขียนแนวประโลมโลก และจะเข้ามาพักที่โรงแรมเพื่อเขียนงานใหม่ เนื่องจากเหล่าสาวกที่ชื่นชอบงานเขียนของซากุระ ไปเห็นรูปที่ถูกระบุว่าเป็นนักเขียนหญิงคนดังในโซเชียลมีเดีย พอเห็นว่าเป็นสาวสวยจึงหาวิธีที่จะได้พบเจอตัวจริงให้ได้ จึงเป็นหน้าที่ของนาโอมิ ที่จะต้องรักษาความเป็นส่วนตัวรวมถึงความปลอดภัยให้แก่ลูกค้าที่มาใช้บริการ ความยุ่งยากจึงเกิดขึ้น 🏨 ตอนสุดท้าย นาโอมิได้รับการขอจากผู้จัดการให้ช่วยไปสอนงานให้กับพนักงานแผนกต้อนรับที่สาขาโอซาก้า ซึ่งเพิ่งเปิดโรงแรมได้ไม่นาน เธอจึงต้องไปทำงานอยู่ที่นั่นชั่วระยะเวลาหนึ่งแต่ไม่เกินครึ่งปี ในขณะที่นิตตะมีคดีใหม่ที่ต้องรับผิดชอบกับรุ่นพี่โมโตมิยะ คือการตายของอาจารย์มหาวิทยาลัย ที่กำลังทำวิจัยเกี่ยวกับเรื่องทางสิทยาศาสตร์ โดยพบศพในห้องทำงาน คดีนี้มีผู้ต้องสงสัยที่ตำรวจค่อนข้างมั่นใจว่าน่าจะเป็นบุคคลคนหนึ่ง แต่ทว่าเขากลับมีหลักฐานยืนยันที่อยู่ชัดเจนในช่วงเวลาที่คาดว่าเหยื่อถูกฆ่าตาย ซึ่งเจ้าตัวเข้าใจว่าตนเองรอดพ้นแน่แต่แท้จริงเบื้องหลังยังมีอะไรที่ไม่เป็นดังที่คิด ที่มีความซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากกว่า ในกรณีทีมสืบสวนเอง ผู้ใหญ่ได้สั่งการลงมาให้นิตตะจับคู่กันกับตำรวจหญิงวัยละอ่อน ที่เป็นตำรวจท้องที่มีนามว่า ริสะ ที่ถูกย้ายมาจากแผนกความปลอดภัยชุมชน ให้มาร่วมในทีมเป็นครั้งแรก นิตตะไม่พอใจนักแต่จำใจต้องทำตาม แม้จะดูเหมือนเป็นตำรวจหญิงที่อ่อนต่อโลก พูดเป็นต่อยหอย และขาดไหวพริบม แต่ริสะก็ถือเป็นเจ้าหน้าที่ที่มีความกระตือรือร้น มุ่งมั่นใส่ใจในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการที่เธอได้รับคำสั่งจากนิตตะให้ไปสืบเช็กข้อมูลจากโรงแรมคอร์เทเชียโอซาก้า เพื่อยืนยันคำพูดจากปากของชายผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในคดี ทำให้ริสะได้พบกับนาโอมิ อันก่อให้เกิดประโยชน์อย่างมากมาถึงผลลัพธ์ในภายหลัง 🖋วิเคราะห์หลังอ่านจบ เล่มนี้เล่าเรื่องโดยแยกเนื้อหาระหว่างการแก้ปัญหาในโรงแรมของนาโอมิ กับการไขคดีของนิตตะออกจากกันชัดเจนเป็นตอนที่จบในตัว เริ่มจากตอนของนาโอมิก่อน จากนั้นสลับไปเล่าฝั่งนิตตะ แต่ในตอนสุดท้ายจะผนวกสองฝั่งให้เชื่อมถึงกันในคดีที่มีผู้เกี่ยวข้องได้ไปเข้าพักที่โรงแรมคอร์เทเชียโอซาก้าซึ่งนาโอมิกำลังอยู่ในช่วงที่สอนงานให้พนักงานที่นั่น ทั้งคู่ไม่ได้พบกันเลย เพราะการพบกันครั้งแรกเกิดขึ้นในเล่มแรก แต่ผู้เขียนมีความสามารถในการผูกโยงเรื่องราวให้คนอ่านรู้สึกเหมือนว่าได้เห็นคนทั้งสองอย่างใกล้ชิด และได้เห็นบุคลิกกับอุปนิสัยส่วนตัวของนาโอมิกับนิตตะมากขึ้น นิตตะในเล่มนี้ มีโอกาสได้แสดงฝีมือในการคิดวิเคราะห์ และประเมินสถานการณ์กับข้อมูลที่ใช้หาตัวคนร้าย ได้เด่นชัดกว่าเล่มแรก สมกับที่เป็นระดับหัวกะทิที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ แต่เราก็จะได้เห็นถึงข้อเสียใหญ่ของเขาที่ไม่น่ารักเช่นกัน คือเป็นคนมั่นใจในความฉลาดของตนมากจนเหมือนดูถูกคนที่ด้อยกว่า โดยเฉพาะความคิดที่เห็นว่าผู้หญิงเป็นตัวถ่วง สู้ผู้ชายไม่ได้ ดังที่นิตตะแสดงออกทางสีหน้าท่าทางและคำพูดต่อเด็กใหม่อย่างริสะ ที่เหมือนเป็นได้แค่ลูกไล่ไร้ประโยชน์ ซึ่งต่างจากนาโอมิ ที่แม้จะมองออกว่าริสะเป็นตำรวจที่ความสามารถไม่ถึงขั้น แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีรำคาญ กลับมองเห็นถึงมุมที่เป็นความอดทน ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคใดของตำรวจหญิงในการพยายามค้นหาความจริงให้ได้ ความมุ่งมั่นของริสะจึงเอาชนะใจของนาโอมิ จนยอมช่วยเหลือด้วยการเปิดเผยเรื่องราวบางส่วนให้ริสะทราบ ในส่วนของการคลี่คลายคดี ไม่มีอะไรลึกลับซับซ้อนจนเกินไป แต่เล่มนี้จะเน้นไปที่คดีที่น่าจะเป็นที่มาของชื่อตอน (ลางร้ายใต้หน้ากาก) ถึงสองคดีด้วยกันครับ ถ้าได้อ่านแล้วจะเข้าใจ และน่าจะเห็นตรงกันว่าภายใต้หน้ากากที่ภายนอกดูไม่ได้รู้เลยว่าจะกลายเป็นคนร้ายได้ สุดท้ายก็แอบซ่อนความบิดเบี้ยวของใจที่โดนกิเลสเข้าครอบงำได้อย่างน่ากลัว ตัวละครในเรื่อง สำหรับเล่มนี้ รู้สึกว่าริสะที่แม้จะมีบทบาทเพียงแค่ช่วงคดีสุดท้ายนั้น เป็นตัวละครที่เขียนมาได้น่าสนใจมาก โผล่มาทีไรก็ทำให้คนอ่านอย่างผมอดขำไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้ไปต่อในเล่มอื่น ๆ ของชุดนี้หรือไม่ ส่วนนาโอมินั้นยังคงเป็นตัวละครที่มีเสน่ห์เช่นเดิม เทียบกับนิตตะแล้วส่วนตัวมีความรู้สึกชอบนาโอมิมากกว่า นอกจากนี้ยังชอบตอนจบของเรื่อง ที่มีการโยงถึงเหตุการณ์ที่เป็นต้นตอนำไปสู่ความอาฆาตแค้นของฆาตกรในคดีที่เกิดขึ้นในเล่มแรก สรุปว่าอ่านจบเล่มสองแล้วก็จะไปต่อเหตุการณ์ของเล่มแรกพอดี ใครเริ่มอ่านจากเล่มนี้ก่อน สามารถอ่านเล่มแรกต่อเนื่องได้เลย 📌คำเตือน : สำหรับคนที่ชอบการสืบคดีแบบเข้มข้น มีวิธีการฆ่าที่ค่อนข้างแปลกพิสดารหรือโหดสยอง และมีกลวิธีในการอำพรางซ่อนเร้นที่ไม่ธรรมดา ซีรีส์ชุดนี้อาจไม่ตอบโจทย์ แล้วเลยพาลจะไม่ชอบหรือหมดสนุกได้ง่าย แต่ถ้าชอบแนวได้ศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับอาชีพของตัวเอกควบคู่ไปกับการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และการไขคดีที่ไม่โลดโผน ชุดนี้น่าจะเป็นที่ชื่นชอบของคุณได้ไม่ยากครับ ป.ล. มีปกใหม่ออกมาที่คิดว่าทำได้ดีตรงกับแนวเรื่องและชื่อตอนมากกว่าปกฉบับตีพิมพ์ครั้งแรกด้วย เพราะปกของเล่มสองนี้ดูเหมือนน่าจะโหดมาก แต่เนื้อในไม่ใช่อย่างที่คิด ใครอ่านตั้งแต่ต้นมาจนถึงบรรทัดสุดท้ายนี้ได้ขอได้รับความขอบคุณจากผมด้วยครับ #thaitimes #หนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #นิยายแปล #นิยายญี่ปุ่น #นิยายสืบสวน #สืบสวน #คดีฆาตกรรม #งานโรงแรม #พนักงานต้อนรับ #ตำรวจ #นักสืบ #ลูกค้า #งานบริการ #อาชีพ #ฮิงาชิโนะเคโงะ
    0 Comments 0 Shares 885 Views 0 Reviews
  • 25-09-67/04 : หมี CNN / "หมีตะมุตะมิ มุ้งมิ้ง จรรโลงโลก" ตอนที่ 42 ชื่อตอน "D-DAY NO MORE WAIT LONGER" อเมริกันห้าวเป้ง สั่งบุกแล้วเฟ้ย! มาตามนัด มาตามแผน พรมแดนเลบานอน-อิสราเอล ปะทะดุเดือด ซีเรียกวักมือเพ่น้องชาวเลบานอนตามพรมแดน อพยพมาได้เลย พร้อมรับไม่อั้น! อีเหี้ยขี้ข้ามะกันส่ง 5000 แต่ซีเรียส่ง 20000 อิรักส่งอีก 20000 ยกพลขึ้นบกแล้วจ๊ะ ไม่วัดให้ตายกันไปข้าง เหี้ยคงนอนตายตาไม่หลับ! สุดท้าย อิหร่านวางแผนมาดี มองขาด ขี้ข้าเหี้ยยิวต้องบูชายันต์ตัวเอง ทหารสหรัฐตัวเป็นๆ กำลังจะกลายเป็นเป้าขีปนาวุธให้ถล่มเล่น เมื่อติดบ่วงสงครามครูเสด เยรูซาเล็ม ทหารประจำการสหรัฐทั่วโลกถูกเรียกใช้บริการ แห่มาตายห่าเป็นหมู่คณะในตะวันออกกลางเพี๊ยบ หลังเพิ่งจะตายห่าไปเป็นหมื่นในศึกยูเครน พิการอีกหลายหมื่น ดอกนี้ ไปไม่สุด หากมรึงแน่จริง ยกมาให้หมดทั้งวอชิงตันสิฟ่ะ ใครก็ดูออก? ห่วงหลังบ้านเหรอจ๊ะ ยังไงก็ไม่รอดดอก! ขณะที่มรึงมั่วแต่ไปเป็นเป้าล่อให้ 3 ฮอ และพันธมิตรโลกอาหรับลงแขก แผ่นดินอเมริกาก็ยังระอุเดือดภายในอยู่แล้ว ยิ่งเพิ่มอุณหภูมิเดือดปรอทแตกเข้าไปอีก ยามเมื่อเรือรบ เรือดำน้ำ พาเหรดกันเข้ามาเยี่ยมเยียนหลังบ้านมรึง ภาพมันชัด ภาพมันฟ้อง ซ้อมรบเสร็จไม่ได้กลับบ้านน่ะจ๊ะ นอนอาบแดดแถวลาตินเพี๊ยบ ไม่ต้องนับหมู่เกาะแคริบเบี้ยนเลย ที่รัสเซียแอบไปซุกอาวุธลับไว้เยอะ ไซเรนดังเมื่อไหร่ โผล่มาแล้วมรึงจะช็อค! สรุปโลกล้อมเหี้ยเข้าให้! โดมิโน่ แอฟเฟคตามมาทันที ฐานทัพเรือสหรัฐ กองเรือที่ 5 ในบาห์เรน ถูกจับตายแล้วจ๊ะ อิหร่านเตรียมปิดช่องแคบเฮอร์มูซ ทันที ที่มรึงเคลื่อนกำลังออกมาช่วย ใครจะตายห่าก่อนกันล่ะ? ดอกนี้ สาแก่ใจอีช้อยยิ่งนัก เหี้ยอูฐ จำต้องโชว์ผลงาน จะมานอนตีกินต่อไปไม่ได้ เมื่ออิหร่าน อิรัก ซีเรีย เลบานอน ปาเลสไตน์ เปิดหน้าแลกอียิวเหี้ย โดยมีเหี้ยมะกันตามเข้ามาเล่นในเกมส์นี้ ซาอุจำเป็นต้องส่งทหาร และความช่วยเหลือตามมติสันนิบาตอาหรับ ปิดกั้นไม่ให้กองกำลังต่างชาติ เข้ามาในพื้นที่ หรือให้ใช้ฐานในแผ่นดินซาอุ นั่นคือการวัดใจ MBS พูดชัด เมื่อเทดอลล่าร์ เมื่อจับมือปูตินแล้ว ถึงเวลาก็ต้องแสดงความกล้าหาญ จงรักภักดีต่อกลุ่มเช่นกัน อีซาอุ ไม่ได้มาตัวเดียว จะมากับเป็นโขยง เพื่อรักษาพื้นที่ตะวันออกกลางไม่ให้ศึกลามกระจายไปทั่ว ก่อความเสียหายได้ พูดง่ายๆ คือ เชิญฆ่ากันในดินแดนอิสราเอลเท่านั้น มรึงอย่าล้ำเส้น ใครโผล่หัวออกมา กูตามเชือดทันที! เมื่อกองเรือรบสหรัฐ เข้าพื้นที่ยุทธศาสตร์ไม่ได้ บีบให้ต้องใช้ลูกยาวช่วยเข้าสกัด คำถามคือ มรึงเหลือกี่ลูก ลูกนึงราคาเท่าไหร่ แล้วอีกฝ่ายมีเป็นล้านลูก ราคาถูกกว่ามรึงเยอะ แถมแม่นยำกว่าเหี้ยๆ ยิ่งทำให้คลังแสงสหรัฐเกลี้ยงก็งานนี้ แล้วใครล่ะ กำลังรอยกพลขึ้นบกยึดวอชิงตันตามคุณยายละม่อม เพราะมรึงไม่เหลือเหี้ยอะไรจะสกัดได้อีกแล้ว ทุกอย่างมันมาตามสเตป แผนรีดอาวุธ เขี้ยวเล็บเหี้ย ถังแตกมาชัวร์ ขี้แตกมาแน่! อย่าลืมว่า ทันที ที่ 3 ฮอ จับมือกองกำลังยกพลขึ้นบกได้เมื่อไหร่ จุดจบเยรูซาเล็มมาทันที เพราะมรึงจะไม่สามารถควบคุมพื้นที่อะไรได้อีกแล้ว ทุกพื้นที่กลายเป็นสมรภูมิรบเต็มอัตราศึก ยังไม่นับชาติมุสลิมทั้งโลกที่อาสาจะส่งกองกำลังเข้ามาเต็มไม่อั้น หวังได้กระทืบอียิวซักครั้งก่อนตาย ทั้งแอฟริกา ทั้งอัฟกานิสถาน รอไฟเขียวอยู่ ศึกนี้ อียิวจะลากอเมริกันมาตายห่าเยอะที่สุดในประวัติศาสตร์โลก ดอลล่าร์เกิดที่นี่ แล้วกำลังจะตายห่าที่นี่เช่นกัน! หันไปทะเลจีนใต้ ไอ้สัส! จีนจัดชุดใหญ่ไฟกระพริบ ท้าทายเหี้ย กวักมือเรียก อย่าลีลาเยอะ เข้ามาตายคาตรีนกูซะที อย่าให้รอนาน เรือบรรทุกเครื่องบิน 3 ลำ เรือรบนับ 100 ลำ โชว์แสนยานุภาพจนเหี้ยเยี่ยวแตก อยากจะเปิดศึกหลายด้านมิใช่เหรอ? ช่วยตอบคำถามทีว่า มรึงสู้กับอิหร่าน เค้ามีโลกมุสลิม สันนิบาตอาหรับ ลงแขกมรึง มรึงสู้กับจีน เค้ามีกองเรือรบนับร้อย พันธมิตรนับสิบ รอสอยมรึงเช้าเย็น มรึงจะลุยรัสเซีย ใช้ยูเครนเป็นสนามรบ แพ้ยับ ตายห่าคาที่ ทั้ง NATO 40 ชาติหมา ยังเอารัสเซียไม่อยู่ แพ้ราบคาบ แล้วมรึงยังจะเหลือเหี้ยอะไรมางัดกับทั้งโลกไหว ดูความจริง ดูสิ่งที่จะเป็นไปได้ อย่ามโน? เอาตามจริง รัสเซีย จีน เค้าจะเก็บมรึงเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ใช้เวงลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ใช้เวลาทำให้ขี้ข้ามรึงย้ายขั้ว ใช้เวลาทำให้โลกประจักษ์ว่า "ตัวเหี้ยหน้าตามันเป็นยังไง" ใช้เวลาทำให้เศรษฐกิจพวกมรึงเจ๊ง พังยับเยิน ใช้เวลาทำให้โลกรวมตัวต่อกันติดเร็วมากยิ่งขึ้น เมื่อสุกงอม ก็ถึงเวลา "เด็ดผล" และนี่คือสิ่งที่กำลังจะเกิดในพศ.นี้ จีน โสมแดง ยังไม่ได้ออกโรงเลยน่ะ มรึงก็แพ้ราบคาบหมดเกลี้ยงทั้งยุทธวิธี และการทหาร อย่าให้ต้องออก เพราะออกมาแล้ว มันต้องจบที่วอชิงตันเท่านั้น ธงโสมแดง จะปักอยู่บนตึกทำเนียบขาว ให้ควายโลกรู้เต็มตา โลกฮอลีวู๊ดที่มรึงดู กับโลกความเป็นจริง แม่งคนละเรื่อง! สหรัฐ อังกฤษ อิสราเอล NATO กระจอกกว่าที่มรึงคิดไว้เยอะ หลอกควายได้ แต่หลอกความจริงไม่ได้ ว่ามรึงมัน "อ่อนหัด" กระดูกคนละเบอร์ ขั้วใหม่เค้ามาพร้อม มาแรง มาเต็มพิกัด โลกถึงได้เดินตามอยู่ทุกวันนี้ ประเด็น "ไต้หวัน" กลายเป็นแค่น้ำจิ้มทันที ยามเมื่อจีน ปักธงไว้ที่อเมริกาสำเร็จ! ถามประชาชนชาติตะวันตกทั้งหลาย "มรึงยอมโง่ ยอมตายห่าฟรีมั้ย?" สงครามมรึงเหรอ? สงครามที่มรึงก่อเองเหรอ? ทั้งหมด เป็นเพราะนักการเมืองขี้ข้ายิว สนองตัณหาให้ยิว โดยเอาพวกมรึงที่หน้าโง่เลือกเหี้ยเข้ามา พาพวกมรึงไปตายห่าทั้งโคตร สิ้นชาติ สูญพันธุ์ เชิญแดร๊กปชต.กันให้อร่อยในขุมนรกน่ะจ๊ะ อีเอ๋อ ทิ้งทวน ก่อนตกเก้าอี้ เตรียมสั่งแบนรถ EV จีน ทั้งหมด เข้าทางตรีนจีนทันที เพราะอะไร? มรึงแบนเค้าได้ เค้าก็แบนมรึงกลับได้ แล้วอะไรขายดีในจีนล่ะ ก็อีเทสล่า ของอีลอน มัสก์ไง? EV จีนไม่ได้ขายอเมริกาไม่ตาย เพราะทั้งโลกต้องการสูง แต่อีเทสล่าไม่ได้ขายในจีน ตายคาตรีนทันที! ทั้งหมด เป็นแผนอีพรรคลา โยนขี้ให้รัฐบาลใหม่สานต่อ ไม่รู้ยังจะมีรัฐบาลใหม่เหลือต่อไปมั้ย? อเมริกาอาจแตกไปซะก่อนน่ะสิ สงครามหน้ามืดที่มรึงกำลังจะเปิดกับตะวันออกกลางเพื่อช่วยอียิวเหี้ยนายใหญ่ กำลังจะทำให้ระบบทั้งหมดที่มรึงเคยมี จะหายสาบสูญไปทันที เพราะทั้งโลกเค้าจะแบนมรึงหมดแล้ว ไม่ส่ง ไม่ขาย ไม่รับดอลล่าร์ ใครฉิบหายก่อนล่ะ? ส่วนอีทรัมปป์ถูกอียิวเหี้ยไซออนนิสต์หมายหัว เป็นขี้ข้ากู เสือกริจะขึ้นมาเทียบชั้นกู ใครทำให้มรึงเปลี่ยนไป? ก็แสงไงล่ะ?

    ปล.มันส์ล่ะมรึง? อีแดงเสียวตูด หาช่องหลบกฎหมาย เอาเงินโปรยแจกควาย หวังซื้อคะแนนเสียงกลับมา ฝ่ายกฎหมาย ตาวิเศษ จ้องทุกดอก เอาทุกเม็ด ยังไงก็ไม่รอด? ยิ่งดิ้น ยิ่งต่างกรรม ต่างวาระ ผูกกันจนชาติหน้าไม่พอขัง แจกเลยวันนี้ แจกจริงซักที คนรอเชือดกระดิกตรีนรอนานแล้วน่ะ ลงชื่อถ่วงเวลาทำไม? ไม่ว่าจะพลิกลิ้น ดิ้นไปทางไหน สุดท้ายก็หนีความจริงไม่พ้น เงินเอามาจากไหน? ใช้ผิดวัตถุประสงค์ ใช้ผิดกฎระเบียบการคลัง ใช้เพื่อหาเสียง ใช้เพื่อบ่อนทำลายชาติ แค่ดันทุรังจะเอาให้ผ่าน จะเอาให้ได้ เที่ยวประกาศลงชื่อ ลงทะเบียน ยังไม่ผ่านประชุมสภา ยังไม่ผ่านมือศาล เข้าข่ายอะไรเอ่ย? ควายรอคอยด้วยความหวัง 10000 ไม่มา ระวังจะกลายเป็นโดมิโน แอฟเฟค สาปแช่งทั้งแผ่นดินกลับน่ะ เตือนแล้ว! ประชากรควายไทยวันวันตั้งหน้าจะแบมือขอเศษเงินท่าเดียว แค่มรึงคิดจะทำมาหาแดร๊กจริงจัง ไม่ขี้เกียจ และสู้ชีวิต ดำรงตนในความพอเพียง มรึงแทบจะไม่ต้องแบมือขอใครแดร๊กได้สบาย สันดาน เอาแต่ได้ คิดแค่ตัวเอง ควายก็คือควาย! ล่าสุด จีนประกาศหนุนเลบานอนแล้ว เพราะรู้ดีว่า เหี้ยมันแพ้ชัวร์ แล้วจะหันหัวเรือเข้าแปซิฟิคแน่ ดังนั้น ต้องล่อตั้งแต่หัวขบวน จีน รัสเซีย อิหร่าน หนุนใคร ไม่มีคำว่า "แพ้" ชนะเห็นๆ ชนะแบเบอร์ มรึงดูเยเมน เป็นตัวอย่าง NATO เสียหมาทั้งคณะเพราะใคร? อีไก่งวงซ่าส์! งวดนี้ ขอร่วมวงกระทืบเหี้ยด้วย ในฐานะชาติมสุลิม ซัดเหี้ยมะกัน ปากเจรจาสันติภาพ แต่เสือกส่งอาวุธให้ยิว ส่งกองกำลังเสริมเข้าไป นี่มันตั้งใจฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชัดเจน ก็ดี "นัดล้างตาโลก" ใครเกลียดไอ้อีพวกชาติชั่ว อยากจะไล่ฆ่าล้างโคตรเหี้ยให้หมดโลก ก็ขอเชิญมาที่เยรูซาเล็มได้เลยจ๊ะ เดี๋ยวมรึงได้เห็นฤทธิ์กองกำลังเติร์ก ขุนศึกออตโตมานแน่ ทะเลดำ ช่องแคบบอสฟอรัส ไอ้อีหน้าไหนก็ผ่านไม่ได้ หากกูไม่ปลื้ม รัสเซียสั่งปิดตายไปแล้ว เรือรบเหี้ยไม่กล้าเข้ามาในรัศมีขีปนาวุธร่อน ดูเกมส์โลกตอนนี้ยิ่งชัด เหี้ยเทหมดหน้าตัก แก้ผ้าล่อนจ้อน เหี้ยแท้ ตัวจริง เสียงจริง เอาให้โลกสุมหัวกันเข้ามา จะเปลี่ยนโลก ไม่สูญเสียก็ไม่มีวันเปลี่ยน ด้านอาเซียนพร้อมรับมือ ใครเป็นใคร ขั้วไหน ตอนนี้ต้องเลือกให้ชัดเจน ปากบอกเป็นกลาง แต่การกระทำมันชัดไปนานแล้วว่า อยู่ฝ่ายไหน? มีแค่ 2 ฝ่าย ฝ่ายโลก กับฝ่ายเหี้ย แม้แต่เกมส์ในบ้านศรีธนญชัยก็เช่นกัน เหี้ยสั่งลุย เร่งเครื่องเต็มกำลัง บีบให้อีแดงที่มีแผลเวอะหวะ เตรียมต้องบูชายันต์ตายห่ายกแก๊งค์เหี้ย แพแตกชัวร์

    หมี CNN(ระฆังดังแล้ว สัญญานชัดเจน ROUND 1 เหี้ยกล้าบุก ก็ต้องกล้าตาย สันนิบาตอาหรับจะล้างอสรพิษ ใครอีแอบ ใครหนอนบ่อนไส้ ถึงเวลาเดี๋ยวรู้ ชาติอาหรับมติเดียว ใครยังจะแถต่อ ถีบส่งทันที วัดใจอีซาอุ UAE ถึงเวลากล้าจับปืนฆ่ายิวมุย? แต่ขั้วใหม่เค้าไม่รอมรึงแล้วน่ะ ใส่หมดแม็ก ตายคาที่เกลื่อน อะไรที่ไม่เคยเห็น จะได้เห็น ย้ายขั้ว ย้ายข้างกันเมามันส์ ไม่มีใครอยากจะยืนอยู่ข้างผู้แพ้ดอกน่ะ สัจธรรมโลก เพราะนี่คือ "มนุษย์")
    25 กย. 67
    14.49 น.
    https://linevoom.line.me/post/1172725073690929512
    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ :
    https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    25-09-67/04 : หมี CNN / "หมีตะมุตะมิ มุ้งมิ้ง จรรโลงโลก" ตอนที่ 42 ชื่อตอน "D-DAY NO MORE WAIT LONGER" อเมริกันห้าวเป้ง สั่งบุกแล้วเฟ้ย! มาตามนัด มาตามแผน พรมแดนเลบานอน-อิสราเอล ปะทะดุเดือด ซีเรียกวักมือเพ่น้องชาวเลบานอนตามพรมแดน อพยพมาได้เลย พร้อมรับไม่อั้น! อีเหี้ยขี้ข้ามะกันส่ง 5000 แต่ซีเรียส่ง 20000 อิรักส่งอีก 20000 ยกพลขึ้นบกแล้วจ๊ะ ไม่วัดให้ตายกันไปข้าง เหี้ยคงนอนตายตาไม่หลับ! สุดท้าย อิหร่านวางแผนมาดี มองขาด ขี้ข้าเหี้ยยิวต้องบูชายันต์ตัวเอง ทหารสหรัฐตัวเป็นๆ กำลังจะกลายเป็นเป้าขีปนาวุธให้ถล่มเล่น เมื่อติดบ่วงสงครามครูเสด เยรูซาเล็ม ทหารประจำการสหรัฐทั่วโลกถูกเรียกใช้บริการ แห่มาตายห่าเป็นหมู่คณะในตะวันออกกลางเพี๊ยบ หลังเพิ่งจะตายห่าไปเป็นหมื่นในศึกยูเครน พิการอีกหลายหมื่น ดอกนี้ ไปไม่สุด หากมรึงแน่จริง ยกมาให้หมดทั้งวอชิงตันสิฟ่ะ ใครก็ดูออก? ห่วงหลังบ้านเหรอจ๊ะ ยังไงก็ไม่รอดดอก! ขณะที่มรึงมั่วแต่ไปเป็นเป้าล่อให้ 3 ฮอ และพันธมิตรโลกอาหรับลงแขก แผ่นดินอเมริกาก็ยังระอุเดือดภายในอยู่แล้ว ยิ่งเพิ่มอุณหภูมิเดือดปรอทแตกเข้าไปอีก ยามเมื่อเรือรบ เรือดำน้ำ พาเหรดกันเข้ามาเยี่ยมเยียนหลังบ้านมรึง ภาพมันชัด ภาพมันฟ้อง ซ้อมรบเสร็จไม่ได้กลับบ้านน่ะจ๊ะ นอนอาบแดดแถวลาตินเพี๊ยบ ไม่ต้องนับหมู่เกาะแคริบเบี้ยนเลย ที่รัสเซียแอบไปซุกอาวุธลับไว้เยอะ ไซเรนดังเมื่อไหร่ โผล่มาแล้วมรึงจะช็อค! สรุปโลกล้อมเหี้ยเข้าให้! โดมิโน่ แอฟเฟคตามมาทันที ฐานทัพเรือสหรัฐ กองเรือที่ 5 ในบาห์เรน ถูกจับตายแล้วจ๊ะ อิหร่านเตรียมปิดช่องแคบเฮอร์มูซ ทันที ที่มรึงเคลื่อนกำลังออกมาช่วย ใครจะตายห่าก่อนกันล่ะ? ดอกนี้ สาแก่ใจอีช้อยยิ่งนัก เหี้ยอูฐ จำต้องโชว์ผลงาน จะมานอนตีกินต่อไปไม่ได้ เมื่ออิหร่าน อิรัก ซีเรีย เลบานอน ปาเลสไตน์ เปิดหน้าแลกอียิวเหี้ย โดยมีเหี้ยมะกันตามเข้ามาเล่นในเกมส์นี้ ซาอุจำเป็นต้องส่งทหาร และความช่วยเหลือตามมติสันนิบาตอาหรับ ปิดกั้นไม่ให้กองกำลังต่างชาติ เข้ามาในพื้นที่ หรือให้ใช้ฐานในแผ่นดินซาอุ นั่นคือการวัดใจ MBS พูดชัด เมื่อเทดอลล่าร์ เมื่อจับมือปูตินแล้ว ถึงเวลาก็ต้องแสดงความกล้าหาญ จงรักภักดีต่อกลุ่มเช่นกัน อีซาอุ ไม่ได้มาตัวเดียว จะมากับเป็นโขยง เพื่อรักษาพื้นที่ตะวันออกกลางไม่ให้ศึกลามกระจายไปทั่ว ก่อความเสียหายได้ พูดง่ายๆ คือ เชิญฆ่ากันในดินแดนอิสราเอลเท่านั้น มรึงอย่าล้ำเส้น ใครโผล่หัวออกมา กูตามเชือดทันที! เมื่อกองเรือรบสหรัฐ เข้าพื้นที่ยุทธศาสตร์ไม่ได้ บีบให้ต้องใช้ลูกยาวช่วยเข้าสกัด คำถามคือ มรึงเหลือกี่ลูก ลูกนึงราคาเท่าไหร่ แล้วอีกฝ่ายมีเป็นล้านลูก ราคาถูกกว่ามรึงเยอะ แถมแม่นยำกว่าเหี้ยๆ ยิ่งทำให้คลังแสงสหรัฐเกลี้ยงก็งานนี้ แล้วใครล่ะ กำลังรอยกพลขึ้นบกยึดวอชิงตันตามคุณยายละม่อม เพราะมรึงไม่เหลือเหี้ยอะไรจะสกัดได้อีกแล้ว ทุกอย่างมันมาตามสเตป แผนรีดอาวุธ เขี้ยวเล็บเหี้ย ถังแตกมาชัวร์ ขี้แตกมาแน่! อย่าลืมว่า ทันที ที่ 3 ฮอ จับมือกองกำลังยกพลขึ้นบกได้เมื่อไหร่ จุดจบเยรูซาเล็มมาทันที เพราะมรึงจะไม่สามารถควบคุมพื้นที่อะไรได้อีกแล้ว ทุกพื้นที่กลายเป็นสมรภูมิรบเต็มอัตราศึก ยังไม่นับชาติมุสลิมทั้งโลกที่อาสาจะส่งกองกำลังเข้ามาเต็มไม่อั้น หวังได้กระทืบอียิวซักครั้งก่อนตาย ทั้งแอฟริกา ทั้งอัฟกานิสถาน รอไฟเขียวอยู่ ศึกนี้ อียิวจะลากอเมริกันมาตายห่าเยอะที่สุดในประวัติศาสตร์โลก ดอลล่าร์เกิดที่นี่ แล้วกำลังจะตายห่าที่นี่เช่นกัน! หันไปทะเลจีนใต้ ไอ้สัส! จีนจัดชุดใหญ่ไฟกระพริบ ท้าทายเหี้ย กวักมือเรียก อย่าลีลาเยอะ เข้ามาตายคาตรีนกูซะที อย่าให้รอนาน เรือบรรทุกเครื่องบิน 3 ลำ เรือรบนับ 100 ลำ โชว์แสนยานุภาพจนเหี้ยเยี่ยวแตก อยากจะเปิดศึกหลายด้านมิใช่เหรอ? ช่วยตอบคำถามทีว่า มรึงสู้กับอิหร่าน เค้ามีโลกมุสลิม สันนิบาตอาหรับ ลงแขกมรึง มรึงสู้กับจีน เค้ามีกองเรือรบนับร้อย พันธมิตรนับสิบ รอสอยมรึงเช้าเย็น มรึงจะลุยรัสเซีย ใช้ยูเครนเป็นสนามรบ แพ้ยับ ตายห่าคาที่ ทั้ง NATO 40 ชาติหมา ยังเอารัสเซียไม่อยู่ แพ้ราบคาบ แล้วมรึงยังจะเหลือเหี้ยอะไรมางัดกับทั้งโลกไหว ดูความจริง ดูสิ่งที่จะเป็นไปได้ อย่ามโน? เอาตามจริง รัสเซีย จีน เค้าจะเก็บมรึงเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ใช้เวงลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ใช้เวลาทำให้ขี้ข้ามรึงย้ายขั้ว ใช้เวลาทำให้โลกประจักษ์ว่า "ตัวเหี้ยหน้าตามันเป็นยังไง" ใช้เวลาทำให้เศรษฐกิจพวกมรึงเจ๊ง พังยับเยิน ใช้เวลาทำให้โลกรวมตัวต่อกันติดเร็วมากยิ่งขึ้น เมื่อสุกงอม ก็ถึงเวลา "เด็ดผล" และนี่คือสิ่งที่กำลังจะเกิดในพศ.นี้ จีน โสมแดง ยังไม่ได้ออกโรงเลยน่ะ มรึงก็แพ้ราบคาบหมดเกลี้ยงทั้งยุทธวิธี และการทหาร อย่าให้ต้องออก เพราะออกมาแล้ว มันต้องจบที่วอชิงตันเท่านั้น ธงโสมแดง จะปักอยู่บนตึกทำเนียบขาว ให้ควายโลกรู้เต็มตา โลกฮอลีวู๊ดที่มรึงดู กับโลกความเป็นจริง แม่งคนละเรื่อง! สหรัฐ อังกฤษ อิสราเอล NATO กระจอกกว่าที่มรึงคิดไว้เยอะ หลอกควายได้ แต่หลอกความจริงไม่ได้ ว่ามรึงมัน "อ่อนหัด" กระดูกคนละเบอร์ ขั้วใหม่เค้ามาพร้อม มาแรง มาเต็มพิกัด โลกถึงได้เดินตามอยู่ทุกวันนี้ ประเด็น "ไต้หวัน" กลายเป็นแค่น้ำจิ้มทันที ยามเมื่อจีน ปักธงไว้ที่อเมริกาสำเร็จ! ถามประชาชนชาติตะวันตกทั้งหลาย "มรึงยอมโง่ ยอมตายห่าฟรีมั้ย?" สงครามมรึงเหรอ? สงครามที่มรึงก่อเองเหรอ? ทั้งหมด เป็นเพราะนักการเมืองขี้ข้ายิว สนองตัณหาให้ยิว โดยเอาพวกมรึงที่หน้าโง่เลือกเหี้ยเข้ามา พาพวกมรึงไปตายห่าทั้งโคตร สิ้นชาติ สูญพันธุ์ เชิญแดร๊กปชต.กันให้อร่อยในขุมนรกน่ะจ๊ะ อีเอ๋อ ทิ้งทวน ก่อนตกเก้าอี้ เตรียมสั่งแบนรถ EV จีน ทั้งหมด เข้าทางตรีนจีนทันที เพราะอะไร? มรึงแบนเค้าได้ เค้าก็แบนมรึงกลับได้ แล้วอะไรขายดีในจีนล่ะ ก็อีเทสล่า ของอีลอน มัสก์ไง? EV จีนไม่ได้ขายอเมริกาไม่ตาย เพราะทั้งโลกต้องการสูง แต่อีเทสล่าไม่ได้ขายในจีน ตายคาตรีนทันที! ทั้งหมด เป็นแผนอีพรรคลา โยนขี้ให้รัฐบาลใหม่สานต่อ ไม่รู้ยังจะมีรัฐบาลใหม่เหลือต่อไปมั้ย? อเมริกาอาจแตกไปซะก่อนน่ะสิ สงครามหน้ามืดที่มรึงกำลังจะเปิดกับตะวันออกกลางเพื่อช่วยอียิวเหี้ยนายใหญ่ กำลังจะทำให้ระบบทั้งหมดที่มรึงเคยมี จะหายสาบสูญไปทันที เพราะทั้งโลกเค้าจะแบนมรึงหมดแล้ว ไม่ส่ง ไม่ขาย ไม่รับดอลล่าร์ ใครฉิบหายก่อนล่ะ? ส่วนอีทรัมปป์ถูกอียิวเหี้ยไซออนนิสต์หมายหัว เป็นขี้ข้ากู เสือกริจะขึ้นมาเทียบชั้นกู ใครทำให้มรึงเปลี่ยนไป? ก็แสงไงล่ะ? ปล.มันส์ล่ะมรึง? อีแดงเสียวตูด หาช่องหลบกฎหมาย เอาเงินโปรยแจกควาย หวังซื้อคะแนนเสียงกลับมา ฝ่ายกฎหมาย ตาวิเศษ จ้องทุกดอก เอาทุกเม็ด ยังไงก็ไม่รอด? ยิ่งดิ้น ยิ่งต่างกรรม ต่างวาระ ผูกกันจนชาติหน้าไม่พอขัง แจกเลยวันนี้ แจกจริงซักที คนรอเชือดกระดิกตรีนรอนานแล้วน่ะ ลงชื่อถ่วงเวลาทำไม? ไม่ว่าจะพลิกลิ้น ดิ้นไปทางไหน สุดท้ายก็หนีความจริงไม่พ้น เงินเอามาจากไหน? ใช้ผิดวัตถุประสงค์ ใช้ผิดกฎระเบียบการคลัง ใช้เพื่อหาเสียง ใช้เพื่อบ่อนทำลายชาติ แค่ดันทุรังจะเอาให้ผ่าน จะเอาให้ได้ เที่ยวประกาศลงชื่อ ลงทะเบียน ยังไม่ผ่านประชุมสภา ยังไม่ผ่านมือศาล เข้าข่ายอะไรเอ่ย? ควายรอคอยด้วยความหวัง 10000 ไม่มา ระวังจะกลายเป็นโดมิโน แอฟเฟค สาปแช่งทั้งแผ่นดินกลับน่ะ เตือนแล้ว! ประชากรควายไทยวันวันตั้งหน้าจะแบมือขอเศษเงินท่าเดียว แค่มรึงคิดจะทำมาหาแดร๊กจริงจัง ไม่ขี้เกียจ และสู้ชีวิต ดำรงตนในความพอเพียง มรึงแทบจะไม่ต้องแบมือขอใครแดร๊กได้สบาย สันดาน เอาแต่ได้ คิดแค่ตัวเอง ควายก็คือควาย! ล่าสุด จีนประกาศหนุนเลบานอนแล้ว เพราะรู้ดีว่า เหี้ยมันแพ้ชัวร์ แล้วจะหันหัวเรือเข้าแปซิฟิคแน่ ดังนั้น ต้องล่อตั้งแต่หัวขบวน จีน รัสเซีย อิหร่าน หนุนใคร ไม่มีคำว่า "แพ้" ชนะเห็นๆ ชนะแบเบอร์ มรึงดูเยเมน เป็นตัวอย่าง NATO เสียหมาทั้งคณะเพราะใคร? อีไก่งวงซ่าส์! งวดนี้ ขอร่วมวงกระทืบเหี้ยด้วย ในฐานะชาติมสุลิม ซัดเหี้ยมะกัน ปากเจรจาสันติภาพ แต่เสือกส่งอาวุธให้ยิว ส่งกองกำลังเสริมเข้าไป นี่มันตั้งใจฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชัดเจน ก็ดี "นัดล้างตาโลก" ใครเกลียดไอ้อีพวกชาติชั่ว อยากจะไล่ฆ่าล้างโคตรเหี้ยให้หมดโลก ก็ขอเชิญมาที่เยรูซาเล็มได้เลยจ๊ะ เดี๋ยวมรึงได้เห็นฤทธิ์กองกำลังเติร์ก ขุนศึกออตโตมานแน่ ทะเลดำ ช่องแคบบอสฟอรัส ไอ้อีหน้าไหนก็ผ่านไม่ได้ หากกูไม่ปลื้ม รัสเซียสั่งปิดตายไปแล้ว เรือรบเหี้ยไม่กล้าเข้ามาในรัศมีขีปนาวุธร่อน ดูเกมส์โลกตอนนี้ยิ่งชัด เหี้ยเทหมดหน้าตัก แก้ผ้าล่อนจ้อน เหี้ยแท้ ตัวจริง เสียงจริง เอาให้โลกสุมหัวกันเข้ามา จะเปลี่ยนโลก ไม่สูญเสียก็ไม่มีวันเปลี่ยน ด้านอาเซียนพร้อมรับมือ ใครเป็นใคร ขั้วไหน ตอนนี้ต้องเลือกให้ชัดเจน ปากบอกเป็นกลาง แต่การกระทำมันชัดไปนานแล้วว่า อยู่ฝ่ายไหน? มีแค่ 2 ฝ่าย ฝ่ายโลก กับฝ่ายเหี้ย แม้แต่เกมส์ในบ้านศรีธนญชัยก็เช่นกัน เหี้ยสั่งลุย เร่งเครื่องเต็มกำลัง บีบให้อีแดงที่มีแผลเวอะหวะ เตรียมต้องบูชายันต์ตายห่ายกแก๊งค์เหี้ย แพแตกชัวร์ หมี CNN(ระฆังดังแล้ว สัญญานชัดเจน ROUND 1 เหี้ยกล้าบุก ก็ต้องกล้าตาย สันนิบาตอาหรับจะล้างอสรพิษ ใครอีแอบ ใครหนอนบ่อนไส้ ถึงเวลาเดี๋ยวรู้ ชาติอาหรับมติเดียว ใครยังจะแถต่อ ถีบส่งทันที วัดใจอีซาอุ UAE ถึงเวลากล้าจับปืนฆ่ายิวมุย? แต่ขั้วใหม่เค้าไม่รอมรึงแล้วน่ะ ใส่หมดแม็ก ตายคาที่เกลื่อน อะไรที่ไม่เคยเห็น จะได้เห็น ย้ายขั้ว ย้ายข้างกันเมามันส์ ไม่มีใครอยากจะยืนอยู่ข้างผู้แพ้ดอกน่ะ สัจธรรมโลก เพราะนี่คือ "มนุษย์") 25 กย. 67 14.49 น. https://linevoom.line.me/post/1172725073690929512 ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    0 Comments 0 Shares 271 Views 0 Reviews
  • #แม้ว่าพยายามจะหลบหลีกอย่างไรความจริงก็คือความจริง
    หลายเดือน ทั้งห้อง DC และช่องตัวเอง ของโจ มณฑนี
    รวมถึงขึ้นไลฟ์ในช่องของเครื่อข่ายที่โจ มณฑนีได้สร้างไว้
    แม้ว่า จะไม่เอ่ยถึงน้องแน๊กชาลีตรงๆ ซึ่งเป็นวิธีอิแอบของนาง
    แต่ผลสรุปที่ได้จากการฟังไลฟ์ ก็จะออกมาแบบนี้
    ไม่เอ่ยชื่อแน๊ก แต่ทั้งห้อง จะเชื่อว่าแน๊กป๋วยจิต
    และทะยอยสร้างความเ..ลียดชัง โดยจะไลฟ์คู่กับ
    การสร้างวาทะกรรมว่า อิกามิจ คือเ..ยื่อ คือผู้ถูกอธรรม
    และสิ่งเหล่านี้ ก็คือภาพเชิงประจักษ์ที่จะถูกเก็บรวบรวมไว้
    เพื่อจัดการกับโจ มณฑนีเช่นกัน
    ทุกอย่าง ย่อมมีร่องรอยให้ตามเสมอ
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #แม้ว่าพยายามจะหลบหลีกอย่างไรความจริงก็คือความจริง หลายเดือน ทั้งห้อง DC และช่องตัวเอง ของโจ มณฑนี รวมถึงขึ้นไลฟ์ในช่องของเครื่อข่ายที่โจ มณฑนีได้สร้างไว้ แม้ว่า จะไม่เอ่ยถึงน้องแน๊กชาลีตรงๆ ซึ่งเป็นวิธีอิแอบของนาง แต่ผลสรุปที่ได้จากการฟังไลฟ์ ก็จะออกมาแบบนี้ ไม่เอ่ยชื่อแน๊ก แต่ทั้งห้อง จะเชื่อว่าแน๊กป๋วยจิต และทะยอยสร้างความเ..ลียดชัง โดยจะไลฟ์คู่กับ การสร้างวาทะกรรมว่า อิกามิจ คือเ..ยื่อ คือผู้ถูกอธรรม และสิ่งเหล่านี้ ก็คือภาพเชิงประจักษ์ที่จะถูกเก็บรวบรวมไว้ เพื่อจัดการกับโจ มณฑนีเช่นกัน ทุกอย่าง ย่อมมีร่องรอยให้ตามเสมอ #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Haha
    2
    0 Comments 0 Shares 457 Views 0 Reviews
  • #เรื่องนี้ไม่มีซ้ำเติมและต้องเห็นใจพี่เดจากใจ
    แฟนเพจคิงส์ฯน่าจะจำกันได้ เพราะเมื่อไม่นานมานี้
    พี่เดชา ได้ลงคลิป ที่ทำให้ผู้ชมเข้าใจตรงกันว่า
    พี่เดชา ได้รับมอบอำนาจ ในการฟ้-อ-ง คนไทย
    และมีการเอ่ยถึงท-น-า-ย-แปดหมื่นคนที่คล้ายจะร่วมลงมาทำค-ดี
    และหลังจากที่ได้มีการนำเสนอข่าวนี้ไปนั้น
    พี่เดชา ก็ได้ออกมายืนยันว่า ไม่ได้รับค-ดี นี้
    ซึ่งทำให้ประชาชนไทย เกิดความรู้สึกงง กับเหตุการณ์นี้เป็นอย่างมาก
    โดยล่าสุด พี่คิงส์ ได้พบคลิปที่พี่เดชา ได้ทำการอธิบาย
    ถึงเรื่องราวดังกล่าวโดยละเอียด โดยมีข้อสรุปดังนี้
    1. มีบุคคล ที่มีตัวตนจริง ได้ติดต่อพี่เดชาจริง เป็นเบอร์คนจริง
    2. อ้างว่า ทางกามิจ ได้ให้ติดต่อมา เพื่อจะให้พี่เด ดำเนินการ
    3. พี่เด จึงออกคลิปแรก เพราะมั่นใจในข้อมูลว่ากามิจจะส่งใบมอบอำนาจมาให้ดำเนินการ
    4. หลังจากนั้น บุคคลดังกล่าว ก็ไม่ได้ติดต่ออะไรกับพี่เดชาอีก เงียบไปเฉยๆ
    ซึ่งพี่เดชาอาจไม่ทราบว่า นี่คือการลูบคมอินฟูลเอ็นเซอร์ชื่อพี่เดชาอย่างหนักมาก
    เพราะโจมณฑนี ได้ทำแผนสยบความจริง
    ด้วยการปล่อยข่าวดังนี้
    1. เกิดชุดข้อความว่า พี่ชายกามิจทนไม่ไหว ทนกระแสว่าน้องตัวเองไม่ได้ (ทั้งๆที่อ่านภาษไทยไม่ออกซักตัว) จะดำเนินการกับคนไทยอย่างหนัก
    2. ปล่อยข่าวอีกว่า จะมีการดำเนินค-ดี และมีท-นายรับค-ดีแล้ว
    นี่คือชุดข้อความที่ประดิษฐ์โดย โจมณฑนี
    หลังจากนั้น ก็ให้บุคคล ทำหน้าที่ประสานไปที่พี่เด ทั้งๆที่ ไม่ได้คิดจะให้พี่เดชา ดำเนินการเรื่องนี้จริง เพียงหวังให้เกิดกระแส ให้พี่เดออกมาเป็นหน้าด่าน
    3. เมื่อพี่เดไลฟ์สดปุ๊ก ก็รีบแจกข่าวไปยังสนข.ที่โจ มณฑนีเอางบจากเงินดาร์ค ผ่านนอร์มีนี ซัพพอต สนข. เอาไปตีข่าวต่อ
    แต่เมื่อได้ตามเป้า ตามแผนที่โจวางไว้
    บุคคลที่ติดต่อพี่เดชา ก็เงียบหายไปอย่างไร้วี่แวว
    และโจมณฑนี รีออกตัวว่า ยังไม่เคยติดต่อพี่เดชา
    อ้าว ไอ่ฉัด เมิงให้คนอื่นติดต่อนี่ ถึงเมิงไม่ได้ติดต่อด้วยตัวเอง
    แต่ไอ้โม่งที่ให้ข้อมูลพี่เดชา แม่มมมมข้อมูลเดียวกับที่เมิงปล่อยในโซเชียลเป๊ะ
    ดังนั้น นี่คือความห้าวของโจมณฑนี ที่ต้มพี่เดชาจนเปื่อย ถึงกับหมดสภาพ เพราะคลิปแรกที่ออกไป มีหลายคำที่ไม่น่าฟัง จนทำให้พี่เดชา โดนกระแสคนไทยชังอย่างมาก จนพี่เดชาต้องรีบออกมาชี้แจงเรื่องนี้ให้ชัดเจน
    ดังนั้น โพสนี้ เรียนพี่เดชาโดยตรง ว่าถ้าพี่จะโทษใครซักคนในเรื่องนี้
    ขอชี้เป้าไปที่ โจ มณฑานี ที่ลูบคมพี่เดครับ
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #เรื่องนี้ไม่มีซ้ำเติมและต้องเห็นใจพี่เดจากใจ แฟนเพจคิงส์ฯน่าจะจำกันได้ เพราะเมื่อไม่นานมานี้ พี่เดชา ได้ลงคลิป ที่ทำให้ผู้ชมเข้าใจตรงกันว่า พี่เดชา ได้รับมอบอำนาจ ในการฟ้-อ-ง คนไทย และมีการเอ่ยถึงท-น-า-ย-แปดหมื่นคนที่คล้ายจะร่วมลงมาทำค-ดี และหลังจากที่ได้มีการนำเสนอข่าวนี้ไปนั้น พี่เดชา ก็ได้ออกมายืนยันว่า ไม่ได้รับค-ดี นี้ ซึ่งทำให้ประชาชนไทย เกิดความรู้สึกงง กับเหตุการณ์นี้เป็นอย่างมาก โดยล่าสุด พี่คิงส์ ได้พบคลิปที่พี่เดชา ได้ทำการอธิบาย ถึงเรื่องราวดังกล่าวโดยละเอียด โดยมีข้อสรุปดังนี้ 1. มีบุคคล ที่มีตัวตนจริง ได้ติดต่อพี่เดชาจริง เป็นเบอร์คนจริง 2. อ้างว่า ทางกามิจ ได้ให้ติดต่อมา เพื่อจะให้พี่เด ดำเนินการ 3. พี่เด จึงออกคลิปแรก เพราะมั่นใจในข้อมูลว่ากามิจจะส่งใบมอบอำนาจมาให้ดำเนินการ 4. หลังจากนั้น บุคคลดังกล่าว ก็ไม่ได้ติดต่ออะไรกับพี่เดชาอีก เงียบไปเฉยๆ ซึ่งพี่เดชาอาจไม่ทราบว่า นี่คือการลูบคมอินฟูลเอ็นเซอร์ชื่อพี่เดชาอย่างหนักมาก เพราะโจมณฑนี ได้ทำแผนสยบความจริง ด้วยการปล่อยข่าวดังนี้ 1. เกิดชุดข้อความว่า พี่ชายกามิจทนไม่ไหว ทนกระแสว่าน้องตัวเองไม่ได้ (ทั้งๆที่อ่านภาษไทยไม่ออกซักตัว) จะดำเนินการกับคนไทยอย่างหนัก 2. ปล่อยข่าวอีกว่า จะมีการดำเนินค-ดี และมีท-นายรับค-ดีแล้ว นี่คือชุดข้อความที่ประดิษฐ์โดย โจมณฑนี หลังจากนั้น ก็ให้บุคคล ทำหน้าที่ประสานไปที่พี่เด ทั้งๆที่ ไม่ได้คิดจะให้พี่เดชา ดำเนินการเรื่องนี้จริง เพียงหวังให้เกิดกระแส ให้พี่เดออกมาเป็นหน้าด่าน 3. เมื่อพี่เดไลฟ์สดปุ๊ก ก็รีบแจกข่าวไปยังสนข.ที่โจ มณฑนีเอางบจากเงินดาร์ค ผ่านนอร์มีนี ซัพพอต สนข. เอาไปตีข่าวต่อ แต่เมื่อได้ตามเป้า ตามแผนที่โจวางไว้ บุคคลที่ติดต่อพี่เดชา ก็เงียบหายไปอย่างไร้วี่แวว และโจมณฑนี รีออกตัวว่า ยังไม่เคยติดต่อพี่เดชา อ้าว ไอ่ฉัด เมิงให้คนอื่นติดต่อนี่ ถึงเมิงไม่ได้ติดต่อด้วยตัวเอง แต่ไอ้โม่งที่ให้ข้อมูลพี่เดชา แม่มมมมข้อมูลเดียวกับที่เมิงปล่อยในโซเชียลเป๊ะ ดังนั้น นี่คือความห้าวของโจมณฑนี ที่ต้มพี่เดชาจนเปื่อย ถึงกับหมดสภาพ เพราะคลิปแรกที่ออกไป มีหลายคำที่ไม่น่าฟัง จนทำให้พี่เดชา โดนกระแสคนไทยชังอย่างมาก จนพี่เดชาต้องรีบออกมาชี้แจงเรื่องนี้ให้ชัดเจน ดังนั้น โพสนี้ เรียนพี่เดชาโดยตรง ว่าถ้าพี่จะโทษใครซักคนในเรื่องนี้ ขอชี้เป้าไปที่ โจ มณฑานี ที่ลูบคมพี่เดครับ #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Haha
    2
    0 Comments 0 Shares 496 Views 0 Reviews
  • มาแล้วค่าาาา……มาช้าดีกว่าไม่มา เรื่องพี่ปูเขาเยอะ คนเขียนต้องใช้เวลาเรียบเรียง……นี๊ดดดดดดดดนึงนะคะ……!!!

    ตอนสิบสาม….…ถ้าไม่แน่จริง……อย่ามาขวางทาง เพราะจะเลี้ยงไม่โต……!!!!

    วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2003 เรื่องสำคัญที่ปูตินได้เตรียมพร้อมที่จะลงดาบ……นั่นคือเรื่องเศรษฐกิจของประเทศ
    หลังจากที่ได้คุยกันไปในรอบแรกถึงนโยบายเมื่อครั้งที่เขาได้รับตำแหน่งใหม่ๆ เมื่อมาถึงตอนนี้……หลังจากที่เฝ้าจับตาดูมานานกว่าสองปี เขาเรียกประชุมกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับภาคการเงิน
    ภาคอุตสาหกรรมทั้งหมด ที่หอประชุม Catherine Hall
    โดยเริ่มต้นว่า……
    “เงินและทรัพย์สินที่พวกคุณที่หามาได้ จะมากมายแค่ไหน……
    ผมจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง คุณก็ทำมาหากินของคุณไป
    แต่มีข้อแม้อย่างเดียว คือ อย่าใช้เงินของคุณ มาเกี่ยวข้องหรือมาเล่นการเมืองโดยเด็ดขาด……และเรื่องสัมปทานทั้งหลาย
    ถ้ามีการฟอกเงินไม่ว่าสกุลไหน หรือถ่ายเทออกไปให้ใคร…
    ผมจะยึดคืนเข้ารัฐ…”

    ประกาสิตของปูตินที่ออกมา ได้กระทบกันระนาว คนหนึ่งในนั้นนั่นคือ Roman Abramovich มหาเศรษฐีที่มีตำแหน่งเป็นผู้ว่าการรัฐ Chukotka (ที่มาจากการเลือกตั้ง อยู่ในตำแหน่ง 2000-2008)
    ซึ่งได้มีการพูดคุยกับปูติน ว่า..ตำแหน่งผู้ว่าที่ได้มานั้น มาจากการที่เขาบริจาคทรัพย์สินที่มีมากมายมหาศาลในการสร้างเมืองที่แสนยากจนให้มาอยู่ดีกินดี เขาคนที่รวยที่สุดคนหนึ่งในรัสเซียที่สร้างตัวมาได้จากการขายเศษเหล็ก จนเป็นหุ้นใหญ่ในบริษัทน้ำมัน Sibneft
    ในกลุ่มของเขา มีเหล่าอภิมหาเศรษฐีที่รวมกลุ่มกัน คือ Badri Patarkatsishvili, Boris Berezovsky, Mikhail Fridman และ Mikhail Khodorkovsky และคนอื่นๆกว่ายี่สิบ ที่มีทรัพย์สินรวมกันแล้ว
    มากกว่างบประมาณประจำปีของหลายประเทศ

    ทุกคน(ส่วนใหญ่คือยิว)เริ่มหวั่นไหว เพราะปูตินได้กล่าวว่า ผมมีทางเลือกให้สองทาง จะเล่นการเมือง หรือ จะค้าขาย พวกคุณจะทำทั้งสองอย่างไม่ได้…
    ว่าแล้ว……ปูตินก็กางบัญชีเก็บภาษีย้อนหลัง (ที่ตรียมไว้)
    ซึ่งทุกคนต้องจ่าย และขอให้เริ่มต้นทำบัญชีให้ตรงตามความเป็นจริง เพราะจากนี้ไป… รัฐบาลจะจัดเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลและตรวจสอบ

    มีคนเดียว…ที่ตกลงตามคำสั่งทุกประการ นั่นคือ Roman Abramovich….พร้อมจ่าย พร้อมให้ตรวจสอบทุกสิ่ง
    ส่วนคนที่ไม่เห็นด้วย ……เงียบ
    (แต่หอบเงินหนีไปต่างประเทศ และไปตั้งตัวเป็นศัตรูของปูติน)
    คนที่เสียงดังที่สุด คือ Mikhail Khodorkovsky (หรือจะเรียกว่า MK) คนนี้ เป็นอภิมหาเศรษฐีที่มีอายุเพียง 39 ปี เป็นคนหัวทันสมัย ชื่นชอบนโยบายตะวันตก และมีเส้นสายกับกลุ่มยิวอเมริกันอย่างเปิดเผย เขาเปรียบเสมือน บิล เกตต์ แห่งรัสเซีย

    ระหว่าง MK มหาเศรษฐีสมัยใหม่ พูดจาผ่าซาก กับ ปูติน ผู้ที่มีอำนาจสูงสุดในรัสเซีย จึงเกิดการศรศิลป์ไม่กินกันตั้งแต่นั้นมา
    เพราะ MK เริ่มพูดถึงการคอรัปชั่นที่มีมาตั้งแต่ยุคกอร์บาเชฟ
    ที่ทำให้พวกเขาได้ร่ำรวยกันทุกวันนี้
    และการคอรัปชั่นนั้น มันมีมาตั้งแต่การสอบเข้ารับราชการที่ต้องมีการติดสินบนเจ้าหน้าที่ เพราะใครๆก็อยากเข้ามาทำราชการ ช่องทางหากินเยอะแยะ รวมทั้งเรื่องการเข้าประมูลสัมปทานน้ำมันที่อาร์คติก ที่มีมูลค่าถึง 600 ล้านดอลล่าร์
    เพราะต้องจ่ายเบี้ยบ้ายรายทางให้คนของรัฐหลายหน่วยงาน
    เขายังร่ายยาวต่อไป
    ความหมายคือ เขาไม่เชื่อว่าปูตินจะมาปราบโกง ในเมื่อมันได้หยั่งรากฝังลึกมาตั้งแต่ครั้งที่เป็นคอมมิวนิสต์แล้ว

    ปูตินเดือดจนแทบระเบิด ……แต่เขาพยายามสกัดอารมณ์
    พร้อมกับส่งบัญชีภาษีย้อนหลังให้กับ MK ในรายการธุรกิจน้ำมัน บริษัท Yukos ที่ MK เป็นเจ้าของอยู่
    ผู้รับ……ไม่มีทีท่าสะทกสะท้าน ซ้ำยังพูดเปรยๆว่า
    “ฝ่ายบัญชีท่าจะว่างจัด..!!!”
    เหล่ามหาเศรษฐีกลุ่มนี้ ไม่สามารถที่จะโต้แย้งในเรื่องยอดภาษีจำนวนมหาศาลที่หมกเม็ดไว้นานแสนนานได้ และเห็นว่าทำต่อไปก็ไร้ประโยชน์ เลยเทหุ้นขาย หรือ ไม่จ่าย
    ต่างหนีออกไปอยู่สบายๆที่ยุโรปกันแทบทั้งหมด

    เท่ากับว่า…รัฐบาลของปูตินได้ก้าวเข้าไปเป็นเจ้าของในอุตสาหกรรมที่เป็นเส้นเลือดใหญ่ของประเทศตามเจตนารมณ์ของปูติน ที่ต้องการใช้ทรัพยากรทั้งหมดสร้างเม็ดเงินเพื่อพัฒนาประเทศ

    ในช่วงขณะที่มีการประชุมกับกลุ่มมหาเศรษฐีนั้น คือช่วงที่สหรัฐอเมริกาเข้าบุกอิรัค ที่ปูตินไม่เห็นด้วย
    ปธน. บุชได้ชวนรัสเซียเข้ามาร่วมด้วยในการกำจัด ซัดดัม ฮุสเซน แต่ในประวัติศาสตร์ของรัสเซียที่ผูกพันกับอิรัคมายาวนาน
    หรือแม้ในช่วง 1991 ที่มีสงครามอ่าว รัสเซียก็ยังช่วยซื้อน้ำมันจากอิรัค ในขณะที่ UN ไม่ได้ยื่นมือเข้าไปช่วยอะไรเลย
    ทำให้บุชรู้สึกไม่พอใจในรัสเซีย เพราะ……เห็นว่ารัสเซียเข้าข้างซัดดัม
    โดยเบื้องหลังแล้ว……ปูตินได้แอบส่ง Primakov ไปที่กรุงแบกแดดไปเจรจากับซัดดัมให้ลาออกจากตำแหน่ง
    ซัดดัมรับฟังเงียบๆ แล้วก็เรียกคณะมนตรีเข้ามา พร้อมกับประกาศว่า
    “ฟังนะ ทุกคน……ตอนนี้รัสเซียได้กลายเป็นลูกจ๊อกของอเมริกาไปแล้ว…”
    แต่ลูกจ๊อกคนนี้ คือผู้ที่ส่งยุทโธปกรณ์และเครื่องสกัดขีปนาวุธให้กับอิรักอย่างต่อเนื่อง

    ไม่มีใครรู้ว่า ในสองปีที่ปูตินได้พยายามเป็นญาติดีกับอเมริกา
    นั้น……มันเปล่าประโยชน์จริงๆ และเขาได้เห็นอย่างชัดเจนว่า
    อเมริกา…ไม่ต้องการเป็นมิตร……แต่ต้องการที่จะครอบครอง
    ทั้งโลกแต่ผู้เดียว……!!!

    อเมริกาที่เข้าไปแทรกแซงทุกแห่งหนในโลก ทั้งทางตรง (รุกราน) และทางอ้อม (soft power) แม้แต่ในรัสเซียที่มีทุนของอเมริกาไหลบ่ามาอย่างมากมาย เช่นกลุ่ม Peace Corps,
    AFL-CIO (สหภาพแรงงาน), Chevron, Exxon
    ปูตินสั่งการให้เข้าคุมเข้ม และตรวจสอบแบบไม่ให้กระดิกกระเดี้ย

    ในปี 2003 ที่เขารีบทำการตอกหมุดเรื่องเศรษฐกิจ เพราะจะมีการเตรียมตัวเลือกตั้งในสมัยต่อไป (2004) ที่เขามีศัตรูเพิ่มขึ้น คือ
    MK ที่ได้ใช้เงินซื้อทุกพรรค
    จนต้องเรียกมาคุยกันเป็นการส่วนตัว
    ปูตินได้บอกกับ MK ว่า……เลิกทำตัวเป็นสปอนด์เซ่อร์ใหญ่ของฝ่ายค้านเสียที……!!
    MK ตอบอย่างยะโสว่า……ด๊ายยย เลิกก็ได้ แต่ผมห้ามคนอื่นๆในองค์กรของผมไม่ได้นะ เขาจะสนับสนุนพรรคไหนก็เป็นสิทธิของเขา……!!!

    ได้เลย…ถ้าต้องการแบบนั้น เดือนมิถุนายน ตำรวจได้เข้าทำการจับกุมหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยของบริษัทน้ำมัน Yukos (ของ MK) ด้วยข้อหาเกี่ยวพันกับคดีอาชญากรรม…ที่ต่อมามีการซัดทอดกันไปมาในกลุ่มผู้บริหารของบริษัท (ยังไม่เกี่ยวกับ MK)
    ในการซัดทอดนี้ ได้เป็นข่าวสนุกรายวัน เพราะมีการแฉเรื่องความเป็นมาของแต่ละคนว่า มีตำหนิตรงไหน ด้วยเรื่องอะไร
    กับใคร และเมื่อไหร่
    ซึ่งนำเข้าสู่การจับกุม Platon Lebedev (หุ้นส่วนใหญ่ของ MK)
    ที่ทำให้สองวันต่อมา หุ้นของ Yukos มูลค่ากว่า 7 พันล้านเหรียญ (เทียบเท่า) ตกดิ่งลงเหว
    ส่วน MK ยังทำไม่รู้ ไม่ชี้ ไม่เกี่ยว ยังเดินทางไปโน่นมานี่อย่างปรกติ
    วันที่ 23 ตุลาคม ศาลได้ส่งหมายเรียกให้ MK ไปเข้าให้การในเรื่องภาษี แต่……เขาไม่ปรากฎตัว
    วันที่ 25 ขณะที่กำลังจะเดินทางออกนอกประเทศ และแวะเติมน้ำมันที่ Novosibirsk เขาได้ถูกจับที่สนามบิน และถูกควบคุมตัวกลับสู่มอสโคว์

    การควบคุมตัวของ MK ได้สร้างความสั่นสะเทือนให้กับเศรษฐกิจของประเทศ หุ้นตก นักลงทุนหวั่นไหว
    แต่สองเดือนก่อนหน้านี้ปูตินได้ออกหนังสือขึ้นมาจ่ายแจกกับประชาชนในเรื่องของ “กลุ่มทุนที่บั่นทอนประเทศ” โดยอธิบายความเป็นมาที่สร้างความเสียหาย
    พอเกิดเหตุการณ์ขึ้น ปูตินได้ออกรายการทีวี เอาเหตุการณ์ของ Yukos นี้มาเป็นตัวอย่างที่เห็นจริง……และให้สัญญากับประชาชนว่า สัมปทานในเรื่องน้ำมันและพลังงานจะต้องไม่ตกอยู่ในมือของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่จะต้องเป็นของประชาชนทั่วไป…

    ปัญหาต่อมาของปูติน คือ การก่อความไม่สงบในเชเชนที่มีมาอย่างต่อเนื่อง ในระบบใหม่ นั่นคือ ระเบิดฆ่าตัวตาย ที่เกิดขึ้นที่โน่นที่นี่ ทำให้เกิดความโกลาหลและสูญเสีย และเป็นผลเสียกับรัฐบาล ที่อาจจะเป็นข้อเสียในการโหวต
    นั่นเป็นสิ่งที่เขากังวล

    คืนหนึ่งก่อนที่จะถึงวันเลือกตั้ง เขานอนไม่หลับ ตื่นไปหยอดบัตรแต่เช้า ซึ่งในวันนั้น Koni สุนัขแสนรักได้ออกลูกมา แปดตัว ข่าวของลูกสุนัขแปดตัวของปูตินดังกลบข่าวเลือกตั้งของฝ่ายค้านไปสนิท
    ในที่สุด พรรค United Russia ของปูตินได้รับคะแนนเป็นส่วนใหญ่ ฝ่ายค้านร่วงไปกว่าคราวที่แล้วกว่าสิบเปอร์เซ็นต์ พรรคที่สนับสนุนโดย MK ได้ไม่ถึงห้าเปอร์เซนต์
    สรุปว่า พรรคของปูตินได้แบบแลนด์สไลด์ 300 ที่นั่ง จากจำนวนที่นั่งในสภา 450 ที่นั่ง

    ที่ปูตินประกาศถึงชัยชนะในครั้งนี้ว่า
    “เป็นการสิ้นสุดของการเมืองในระบบเก่าๆ จากนี้ไปเราจะก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ การเมืองใหม่……”

    ~~~พูดถึงการเลือกตั้ง ดิฉันลืมเล่าถึง Anatoly Sobchak
    ผู้ที่มีพระคุณของปูติน ที่ต้องหลบหนีไปยังฝรั่งเศสด้วยความช่วยเหลือของปูตินในปี 1997 นั้น
    ในปี 1999 ที่ปูตินได้รับการแต่งตั้งจากเยลซินให้เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น เขาได้ทำการนิรโทษกรรมให้อนาโตลีกลับคืนสู่รัสเซียอย่างไร้มลทิน ปูตินไปรอรับที่สนามบินที่เซนต์ ปีเตอร์เบอร์ก
    อนาโตลีได้พยายามช่วยงานปูตินในการหาเสียงสู่ประธานาธิบดีในปี 2000
    แต่ในดือนกุมภาพันธ์ เขาเกิดอาการหัวใจวายเฉียบพลัน
    เสียชีวิต……
    ปูตินได้เข้าไปช่วยในพิธีงานศพตั้งแต่ต้นจนจบ โดยถือเสมอว่า อนาโตลีคือผู้มีพระคุณ….
    และนั่นคือ ครั้งแรก….ที่คนได้เห็นน้ำตาของปูติน….!!!!

    Wiwanda W. Vichit
    มาแล้วค่าาาา……มาช้าดีกว่าไม่มา เรื่องพี่ปูเขาเยอะ คนเขียนต้องใช้เวลาเรียบเรียง……นี๊ดดดดดดดดนึงนะคะ……!!! ตอนสิบสาม….…ถ้าไม่แน่จริง……อย่ามาขวางทาง เพราะจะเลี้ยงไม่โต……!!!! วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2003 เรื่องสำคัญที่ปูตินได้เตรียมพร้อมที่จะลงดาบ……นั่นคือเรื่องเศรษฐกิจของประเทศ หลังจากที่ได้คุยกันไปในรอบแรกถึงนโยบายเมื่อครั้งที่เขาได้รับตำแหน่งใหม่ๆ เมื่อมาถึงตอนนี้……หลังจากที่เฝ้าจับตาดูมานานกว่าสองปี เขาเรียกประชุมกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับภาคการเงิน ภาคอุตสาหกรรมทั้งหมด ที่หอประชุม Catherine Hall โดยเริ่มต้นว่า…… “เงินและทรัพย์สินที่พวกคุณที่หามาได้ จะมากมายแค่ไหน…… ผมจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง คุณก็ทำมาหากินของคุณไป แต่มีข้อแม้อย่างเดียว คือ อย่าใช้เงินของคุณ มาเกี่ยวข้องหรือมาเล่นการเมืองโดยเด็ดขาด……และเรื่องสัมปทานทั้งหลาย ถ้ามีการฟอกเงินไม่ว่าสกุลไหน หรือถ่ายเทออกไปให้ใคร… ผมจะยึดคืนเข้ารัฐ…” ประกาสิตของปูตินที่ออกมา ได้กระทบกันระนาว คนหนึ่งในนั้นนั่นคือ Roman Abramovich มหาเศรษฐีที่มีตำแหน่งเป็นผู้ว่าการรัฐ Chukotka (ที่มาจากการเลือกตั้ง อยู่ในตำแหน่ง 2000-2008) ซึ่งได้มีการพูดคุยกับปูติน ว่า..ตำแหน่งผู้ว่าที่ได้มานั้น มาจากการที่เขาบริจาคทรัพย์สินที่มีมากมายมหาศาลในการสร้างเมืองที่แสนยากจนให้มาอยู่ดีกินดี เขาคนที่รวยที่สุดคนหนึ่งในรัสเซียที่สร้างตัวมาได้จากการขายเศษเหล็ก จนเป็นหุ้นใหญ่ในบริษัทน้ำมัน Sibneft ในกลุ่มของเขา มีเหล่าอภิมหาเศรษฐีที่รวมกลุ่มกัน คือ Badri Patarkatsishvili, Boris Berezovsky, Mikhail Fridman และ Mikhail Khodorkovsky และคนอื่นๆกว่ายี่สิบ ที่มีทรัพย์สินรวมกันแล้ว มากกว่างบประมาณประจำปีของหลายประเทศ ทุกคน(ส่วนใหญ่คือยิว)เริ่มหวั่นไหว เพราะปูตินได้กล่าวว่า ผมมีทางเลือกให้สองทาง จะเล่นการเมือง หรือ จะค้าขาย พวกคุณจะทำทั้งสองอย่างไม่ได้… ว่าแล้ว……ปูตินก็กางบัญชีเก็บภาษีย้อนหลัง (ที่ตรียมไว้) ซึ่งทุกคนต้องจ่าย และขอให้เริ่มต้นทำบัญชีให้ตรงตามความเป็นจริง เพราะจากนี้ไป… รัฐบาลจะจัดเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลและตรวจสอบ มีคนเดียว…ที่ตกลงตามคำสั่งทุกประการ นั่นคือ Roman Abramovich….พร้อมจ่าย พร้อมให้ตรวจสอบทุกสิ่ง ส่วนคนที่ไม่เห็นด้วย ……เงียบ (แต่หอบเงินหนีไปต่างประเทศ และไปตั้งตัวเป็นศัตรูของปูติน) คนที่เสียงดังที่สุด คือ Mikhail Khodorkovsky (หรือจะเรียกว่า MK) คนนี้ เป็นอภิมหาเศรษฐีที่มีอายุเพียง 39 ปี เป็นคนหัวทันสมัย ชื่นชอบนโยบายตะวันตก และมีเส้นสายกับกลุ่มยิวอเมริกันอย่างเปิดเผย เขาเปรียบเสมือน บิล เกตต์ แห่งรัสเซีย ระหว่าง MK มหาเศรษฐีสมัยใหม่ พูดจาผ่าซาก กับ ปูติน ผู้ที่มีอำนาจสูงสุดในรัสเซีย จึงเกิดการศรศิลป์ไม่กินกันตั้งแต่นั้นมา เพราะ MK เริ่มพูดถึงการคอรัปชั่นที่มีมาตั้งแต่ยุคกอร์บาเชฟ ที่ทำให้พวกเขาได้ร่ำรวยกันทุกวันนี้ และการคอรัปชั่นนั้น มันมีมาตั้งแต่การสอบเข้ารับราชการที่ต้องมีการติดสินบนเจ้าหน้าที่ เพราะใครๆก็อยากเข้ามาทำราชการ ช่องทางหากินเยอะแยะ รวมทั้งเรื่องการเข้าประมูลสัมปทานน้ำมันที่อาร์คติก ที่มีมูลค่าถึง 600 ล้านดอลล่าร์ เพราะต้องจ่ายเบี้ยบ้ายรายทางให้คนของรัฐหลายหน่วยงาน เขายังร่ายยาวต่อไป ความหมายคือ เขาไม่เชื่อว่าปูตินจะมาปราบโกง ในเมื่อมันได้หยั่งรากฝังลึกมาตั้งแต่ครั้งที่เป็นคอมมิวนิสต์แล้ว ปูตินเดือดจนแทบระเบิด ……แต่เขาพยายามสกัดอารมณ์ พร้อมกับส่งบัญชีภาษีย้อนหลังให้กับ MK ในรายการธุรกิจน้ำมัน บริษัท Yukos ที่ MK เป็นเจ้าของอยู่ ผู้รับ……ไม่มีทีท่าสะทกสะท้าน ซ้ำยังพูดเปรยๆว่า “ฝ่ายบัญชีท่าจะว่างจัด..!!!” เหล่ามหาเศรษฐีกลุ่มนี้ ไม่สามารถที่จะโต้แย้งในเรื่องยอดภาษีจำนวนมหาศาลที่หมกเม็ดไว้นานแสนนานได้ และเห็นว่าทำต่อไปก็ไร้ประโยชน์ เลยเทหุ้นขาย หรือ ไม่จ่าย ต่างหนีออกไปอยู่สบายๆที่ยุโรปกันแทบทั้งหมด เท่ากับว่า…รัฐบาลของปูตินได้ก้าวเข้าไปเป็นเจ้าของในอุตสาหกรรมที่เป็นเส้นเลือดใหญ่ของประเทศตามเจตนารมณ์ของปูติน ที่ต้องการใช้ทรัพยากรทั้งหมดสร้างเม็ดเงินเพื่อพัฒนาประเทศ ในช่วงขณะที่มีการประชุมกับกลุ่มมหาเศรษฐีนั้น คือช่วงที่สหรัฐอเมริกาเข้าบุกอิรัค ที่ปูตินไม่เห็นด้วย ปธน. บุชได้ชวนรัสเซียเข้ามาร่วมด้วยในการกำจัด ซัดดัม ฮุสเซน แต่ในประวัติศาสตร์ของรัสเซียที่ผูกพันกับอิรัคมายาวนาน หรือแม้ในช่วง 1991 ที่มีสงครามอ่าว รัสเซียก็ยังช่วยซื้อน้ำมันจากอิรัค ในขณะที่ UN ไม่ได้ยื่นมือเข้าไปช่วยอะไรเลย ทำให้บุชรู้สึกไม่พอใจในรัสเซีย เพราะ……เห็นว่ารัสเซียเข้าข้างซัดดัม โดยเบื้องหลังแล้ว……ปูตินได้แอบส่ง Primakov ไปที่กรุงแบกแดดไปเจรจากับซัดดัมให้ลาออกจากตำแหน่ง ซัดดัมรับฟังเงียบๆ แล้วก็เรียกคณะมนตรีเข้ามา พร้อมกับประกาศว่า “ฟังนะ ทุกคน……ตอนนี้รัสเซียได้กลายเป็นลูกจ๊อกของอเมริกาไปแล้ว…” แต่ลูกจ๊อกคนนี้ คือผู้ที่ส่งยุทโธปกรณ์และเครื่องสกัดขีปนาวุธให้กับอิรักอย่างต่อเนื่อง ไม่มีใครรู้ว่า ในสองปีที่ปูตินได้พยายามเป็นญาติดีกับอเมริกา นั้น……มันเปล่าประโยชน์จริงๆ และเขาได้เห็นอย่างชัดเจนว่า อเมริกา…ไม่ต้องการเป็นมิตร……แต่ต้องการที่จะครอบครอง ทั้งโลกแต่ผู้เดียว……!!! อเมริกาที่เข้าไปแทรกแซงทุกแห่งหนในโลก ทั้งทางตรง (รุกราน) และทางอ้อม (soft power) แม้แต่ในรัสเซียที่มีทุนของอเมริกาไหลบ่ามาอย่างมากมาย เช่นกลุ่ม Peace Corps, AFL-CIO (สหภาพแรงงาน), Chevron, Exxon ปูตินสั่งการให้เข้าคุมเข้ม และตรวจสอบแบบไม่ให้กระดิกกระเดี้ย ในปี 2003 ที่เขารีบทำการตอกหมุดเรื่องเศรษฐกิจ เพราะจะมีการเตรียมตัวเลือกตั้งในสมัยต่อไป (2004) ที่เขามีศัตรูเพิ่มขึ้น คือ MK ที่ได้ใช้เงินซื้อทุกพรรค จนต้องเรียกมาคุยกันเป็นการส่วนตัว ปูตินได้บอกกับ MK ว่า……เลิกทำตัวเป็นสปอนด์เซ่อร์ใหญ่ของฝ่ายค้านเสียที……!! MK ตอบอย่างยะโสว่า……ด๊ายยย เลิกก็ได้ แต่ผมห้ามคนอื่นๆในองค์กรของผมไม่ได้นะ เขาจะสนับสนุนพรรคไหนก็เป็นสิทธิของเขา……!!! ได้เลย…ถ้าต้องการแบบนั้น เดือนมิถุนายน ตำรวจได้เข้าทำการจับกุมหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยของบริษัทน้ำมัน Yukos (ของ MK) ด้วยข้อหาเกี่ยวพันกับคดีอาชญากรรม…ที่ต่อมามีการซัดทอดกันไปมาในกลุ่มผู้บริหารของบริษัท (ยังไม่เกี่ยวกับ MK) ในการซัดทอดนี้ ได้เป็นข่าวสนุกรายวัน เพราะมีการแฉเรื่องความเป็นมาของแต่ละคนว่า มีตำหนิตรงไหน ด้วยเรื่องอะไร กับใคร และเมื่อไหร่ ซึ่งนำเข้าสู่การจับกุม Platon Lebedev (หุ้นส่วนใหญ่ของ MK) ที่ทำให้สองวันต่อมา หุ้นของ Yukos มูลค่ากว่า 7 พันล้านเหรียญ (เทียบเท่า) ตกดิ่งลงเหว ส่วน MK ยังทำไม่รู้ ไม่ชี้ ไม่เกี่ยว ยังเดินทางไปโน่นมานี่อย่างปรกติ วันที่ 23 ตุลาคม ศาลได้ส่งหมายเรียกให้ MK ไปเข้าให้การในเรื่องภาษี แต่……เขาไม่ปรากฎตัว วันที่ 25 ขณะที่กำลังจะเดินทางออกนอกประเทศ และแวะเติมน้ำมันที่ Novosibirsk เขาได้ถูกจับที่สนามบิน และถูกควบคุมตัวกลับสู่มอสโคว์ การควบคุมตัวของ MK ได้สร้างความสั่นสะเทือนให้กับเศรษฐกิจของประเทศ หุ้นตก นักลงทุนหวั่นไหว แต่สองเดือนก่อนหน้านี้ปูตินได้ออกหนังสือขึ้นมาจ่ายแจกกับประชาชนในเรื่องของ “กลุ่มทุนที่บั่นทอนประเทศ” โดยอธิบายความเป็นมาที่สร้างความเสียหาย พอเกิดเหตุการณ์ขึ้น ปูตินได้ออกรายการทีวี เอาเหตุการณ์ของ Yukos นี้มาเป็นตัวอย่างที่เห็นจริง……และให้สัญญากับประชาชนว่า สัมปทานในเรื่องน้ำมันและพลังงานจะต้องไม่ตกอยู่ในมือของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่จะต้องเป็นของประชาชนทั่วไป… ปัญหาต่อมาของปูติน คือ การก่อความไม่สงบในเชเชนที่มีมาอย่างต่อเนื่อง ในระบบใหม่ นั่นคือ ระเบิดฆ่าตัวตาย ที่เกิดขึ้นที่โน่นที่นี่ ทำให้เกิดความโกลาหลและสูญเสีย และเป็นผลเสียกับรัฐบาล ที่อาจจะเป็นข้อเสียในการโหวต นั่นเป็นสิ่งที่เขากังวล คืนหนึ่งก่อนที่จะถึงวันเลือกตั้ง เขานอนไม่หลับ ตื่นไปหยอดบัตรแต่เช้า ซึ่งในวันนั้น Koni สุนัขแสนรักได้ออกลูกมา แปดตัว ข่าวของลูกสุนัขแปดตัวของปูตินดังกลบข่าวเลือกตั้งของฝ่ายค้านไปสนิท ในที่สุด พรรค United Russia ของปูตินได้รับคะแนนเป็นส่วนใหญ่ ฝ่ายค้านร่วงไปกว่าคราวที่แล้วกว่าสิบเปอร์เซ็นต์ พรรคที่สนับสนุนโดย MK ได้ไม่ถึงห้าเปอร์เซนต์ สรุปว่า พรรคของปูตินได้แบบแลนด์สไลด์ 300 ที่นั่ง จากจำนวนที่นั่งในสภา 450 ที่นั่ง ที่ปูตินประกาศถึงชัยชนะในครั้งนี้ว่า “เป็นการสิ้นสุดของการเมืองในระบบเก่าๆ จากนี้ไปเราจะก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ การเมืองใหม่……” ~~~พูดถึงการเลือกตั้ง ดิฉันลืมเล่าถึง Anatoly Sobchak ผู้ที่มีพระคุณของปูติน ที่ต้องหลบหนีไปยังฝรั่งเศสด้วยความช่วยเหลือของปูตินในปี 1997 นั้น ในปี 1999 ที่ปูตินได้รับการแต่งตั้งจากเยลซินให้เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น เขาได้ทำการนิรโทษกรรมให้อนาโตลีกลับคืนสู่รัสเซียอย่างไร้มลทิน ปูตินไปรอรับที่สนามบินที่เซนต์ ปีเตอร์เบอร์ก อนาโตลีได้พยายามช่วยงานปูตินในการหาเสียงสู่ประธานาธิบดีในปี 2000 แต่ในดือนกุมภาพันธ์ เขาเกิดอาการหัวใจวายเฉียบพลัน เสียชีวิต…… ปูตินได้เข้าไปช่วยในพิธีงานศพตั้งแต่ต้นจนจบ โดยถือเสมอว่า อนาโตลีคือผู้มีพระคุณ…. และนั่นคือ ครั้งแรก….ที่คนได้เห็นน้ำตาของปูติน….!!!! Wiwanda W. Vichit
    0 Comments 0 Shares 309 Views 0 Reviews
  • #โจวีนจะเอาเรื่องเพราะตัวเองไม่เคยพูด
    #ไม่เคยสงสารแน๊กที่ตอนนี้น้องโดนหนักจริงๆ
    เออ มีจุดยืนที่ดี สรุป
    จะฟ้-อ-ง ที่คิงส์ฯบอกว่า เมิงเห็นใจน้องแน๊ก
    เมิงวีนเพราะว่าเมิงไม่เคยเห็นใจ โอเค ตามนั้น
    แต่กรรรูจะเบิกเนตรเมิงนะอิโจ
    กรรูมีคลิป ว่าเมิงพูดประโยคนี้
    เมิงแม่ม เพื้ยนจริงๆ
    พูด เ..ือก ลืม
    พูดแค่ปากไง แต่ใจมันไม่มีสติคิด
    มันเลยลืม กกรรรูขรรรม
    เมิงฟ้-อ-ง กรรูมีคลิปเสียงยืนยันในศ-า-ล
    เท่ากับเมิงฟ้-อ-ง เท็จไง
    อิฉัด
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #โจวีนจะเอาเรื่องเพราะตัวเองไม่เคยพูด #ไม่เคยสงสารแน๊กที่ตอนนี้น้องโดนหนักจริงๆ เออ มีจุดยืนที่ดี สรุป จะฟ้-อ-ง ที่คิงส์ฯบอกว่า เมิงเห็นใจน้องแน๊ก เมิงวีนเพราะว่าเมิงไม่เคยเห็นใจ โอเค ตามนั้น แต่กรรรูจะเบิกเนตรเมิงนะอิโจ กรรูมีคลิป ว่าเมิงพูดประโยคนี้ เมิงแม่ม เพื้ยนจริงๆ พูด เ..ือก ลืม พูดแค่ปากไง แต่ใจมันไม่มีสติคิด มันเลยลืม กกรรรูขรรรม เมิงฟ้-อ-ง กรรูมีคลิปเสียงยืนยันในศ-า-ล เท่ากับเมิงฟ้-อ-ง เท็จไง อิฉัด #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Haha
    2
    0 Comments 0 Shares 520 Views 0 Reviews
  • มาครงมาแปลก เรียกร้องให้ปฏิรูประบบโลกในปัจจุบันที่ไม่ยุติธรรม

    ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง เรียกร้องให้มีการปฏิรูประเบียบโลกที่ “ไม่ยุติธรรม” ในปัจจุบัน เพื่อให้มนุษย์สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติมากขึ้น

    เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เขาได้สรุปวิสัยทัศน์ของเขาในงานประชุมนานาชาติ “Imagining Peace” ที่กรุงปารีส ซึ่งนำบุคคลสำคัญทางการเมืองและศาสนามารวมตัวกัน

    ในการกล่าวต่อหน้าชุมชนคาทอลิกแห่งซานต์เอจิดิโอ มาครงกล่าวว่า “เราต้องมีจินตนาการมากพอที่จะคิดถึงสันติภาพของวันพรุ่งนี้ สันติภาพในยุโรปในรูปแบบใหม่”

    หากทวีปยุโรปต้องการมีเสถียรภาพมากขึ้น ทุกคนควรยอมรับว่า “ไม่ใช่สหภาพยุโรปหรือ NATO อย่างเด็ดขาด” เขากล่าว “เราจะต้องคิดรูปแบบใหม่ขององค์กรยุโรปและคิดทบทวนความสัมพันธ์ของเรากับรัสเซีย” หลังจากความขัดแย้งในยูเครนสิ้นสุดลง

    ในสุนทรพจน์ของเขา มาครงกล่าวอ้างว่าระบบโลกที่สร้างขึ้นภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้น “ไม่สมบูรณ์และไม่ยุติธรรม” เนื่องจากประเทศที่เกิดขึ้นมาใหม่จำนวนมากยังไม่มีอยู่จริงในเวลานั้น และไม่มีส่วนร่วมในโต๊ะเจรจา

    เขากล่าวว่าองค์กรระหว่างประเทศ เช่น สหประชาชาติ ธนาคารโลก และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ควรได้รับการปฏิรูป

    สิ่งที่มาครงนำเสนอก็เพียงแต่คำพูด เพราะว่าผู้ที่จะปฏิรูปโครงสร้างระบบโลกได้ก็คือสหรัฐและอังกฤษ ซึ่งไม่ต้องการทำสิ่งนั้่นอยู่แล้ว เพราะว่าต้องการรักษาสถานภาพของอำนาจที่มีอยู่
    ผ่านมาตรการแซงชั่น การเมือง และการทหาร

    แต่ในขณะเดียวกัน จีนและรัสเซียเป็นผู้นำของประเทศกำลังพัฒนาที่ต้องการปฏิรูประบบโลกผ่านความร่วมมือของกลุ่มBRICS เพื่อสร้างสถาปัตยกรรมทางเศรษฐกิจและการเงินของโลกใหม่

    มาครงอ้างว่าต้องการสันติภาพ แต่ในทางปฏิบัติเขาเป็นพวกสายเหยี่ยวที่ต้องการให้นาโต้ทำสงครามกับรัสเซีย เท่ากับว่าเขาสนับสนุนสงครามโลกครั้งที่ 3 ให้เกิดขึ้น ฝรั่งเศสเป็นหนึ่งในประเทศนาโต้ที่ให้การสนับสนุนยูเครนอย่างแข็งขันในการทำสงครามกับรัสเซียผ่านการเงินและการส่งมอบอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ นอกจากนี้มีทหารฝรั่งเศสเดินทางเข้ายูเครน พร้อมกับทหารนาโต้ชาติอื่นๆเพื่อรบกับรัสเซียโดยตรงอีกด้วย

    มาครงต้องการประกาศส่งทหารฝรั่งเศสเข้าช่วยยูเครนรบกับรัสเซียอย่างเป็นทางการ และเรียกร้องให้นาโต้กระทำตาม โดยอ้างว่ายุโรปและนาโต้จะสูญเสียความน่าเชื่อถือถ้าหากปล่อยให้รัสเซียมีชัยชนะเหนือยูเครน แต่คำประกาศที่เป็นทางการไม่เกิดขึ้น หลังจากรัสเซียขู่ว่าจะตอบโต้ด้วยสงครามนิวเคลียร์กับนาโต้

    ผู้นำยุโรปที่เรียกร้องสันติภาพที่แท้จริงไม่ใช่มาครง แต่เป็นวิคเตอร์ ออร์บาน นายกรัฐมนตรีของฮังการี และโรเบิร์ต ฟิโก้ ผู้นำของสโลวาเนีย ซึ่งถูกลอบสังหารแต่รอดชีวิตมาได้ เพราะว่าแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับสงครามยูเครน

    คำปราศรัยของมาครงเกิดขึ้นในขณะที่นายวลาดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนเตรียมพบกับนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพื่อนำเสนอแผนที่เรียกว่า "ชัยชนะ" ซึ่งเป็นแผนงานในการกดดันให้รัสเซียยอมรับความพ่ายแพ้ เซเลนสกี้ต้องการคำอนุญาตให้ใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลของตะวันตกเพื่อโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนของรัสเซีย

    ฝรั่งเศสเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่บริจาคฮาร์ดแวร์ทางทหารดังกล่าวให้กับยูเครนในรูปแบบของขีปนาวุธร่อน SCALP/Storm Shadow ซึ่งฝรั่งเศสผลิตร่วมกับสหราชอาณาจักร เจ้าหน้าที่อังกฤษสนับสนุนคำขอของเคียฟในการโจมตีรัสเซีย แต่การตัดสินใจขั้นสุดท้ายนั้นเข้าใจกันว่าอยู่ในมือของวอชิงตัน

    มาครงไม่ได้มีอำนาจตัดสินใจที่แท้จริงในยุโรป หรือนาโต้ เพราะว่าเขาเป็นเพียงแค่เชียร์ลีดเดอร์

    มาครงมาแปลก เรียกร้องให้ปฏิรูประบบโลกในปัจจุบันที่ไม่ยุติธรรม ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง เรียกร้องให้มีการปฏิรูประเบียบโลกที่ “ไม่ยุติธรรม” ในปัจจุบัน เพื่อให้มนุษย์สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติมากขึ้น เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เขาได้สรุปวิสัยทัศน์ของเขาในงานประชุมนานาชาติ “Imagining Peace” ที่กรุงปารีส ซึ่งนำบุคคลสำคัญทางการเมืองและศาสนามารวมตัวกัน ในการกล่าวต่อหน้าชุมชนคาทอลิกแห่งซานต์เอจิดิโอ มาครงกล่าวว่า “เราต้องมีจินตนาการมากพอที่จะคิดถึงสันติภาพของวันพรุ่งนี้ สันติภาพในยุโรปในรูปแบบใหม่” หากทวีปยุโรปต้องการมีเสถียรภาพมากขึ้น ทุกคนควรยอมรับว่า “ไม่ใช่สหภาพยุโรปหรือ NATO อย่างเด็ดขาด” เขากล่าว “เราจะต้องคิดรูปแบบใหม่ขององค์กรยุโรปและคิดทบทวนความสัมพันธ์ของเรากับรัสเซีย” หลังจากความขัดแย้งในยูเครนสิ้นสุดลง ในสุนทรพจน์ของเขา มาครงกล่าวอ้างว่าระบบโลกที่สร้างขึ้นภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้น “ไม่สมบูรณ์และไม่ยุติธรรม” เนื่องจากประเทศที่เกิดขึ้นมาใหม่จำนวนมากยังไม่มีอยู่จริงในเวลานั้น และไม่มีส่วนร่วมในโต๊ะเจรจา เขากล่าวว่าองค์กรระหว่างประเทศ เช่น สหประชาชาติ ธนาคารโลก และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ควรได้รับการปฏิรูป สิ่งที่มาครงนำเสนอก็เพียงแต่คำพูด เพราะว่าผู้ที่จะปฏิรูปโครงสร้างระบบโลกได้ก็คือสหรัฐและอังกฤษ ซึ่งไม่ต้องการทำสิ่งนั้่นอยู่แล้ว เพราะว่าต้องการรักษาสถานภาพของอำนาจที่มีอยู่ ผ่านมาตรการแซงชั่น การเมือง และการทหาร แต่ในขณะเดียวกัน จีนและรัสเซียเป็นผู้นำของประเทศกำลังพัฒนาที่ต้องการปฏิรูประบบโลกผ่านความร่วมมือของกลุ่มBRICS เพื่อสร้างสถาปัตยกรรมทางเศรษฐกิจและการเงินของโลกใหม่ มาครงอ้างว่าต้องการสันติภาพ แต่ในทางปฏิบัติเขาเป็นพวกสายเหยี่ยวที่ต้องการให้นาโต้ทำสงครามกับรัสเซีย เท่ากับว่าเขาสนับสนุนสงครามโลกครั้งที่ 3 ให้เกิดขึ้น ฝรั่งเศสเป็นหนึ่งในประเทศนาโต้ที่ให้การสนับสนุนยูเครนอย่างแข็งขันในการทำสงครามกับรัสเซียผ่านการเงินและการส่งมอบอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ นอกจากนี้มีทหารฝรั่งเศสเดินทางเข้ายูเครน พร้อมกับทหารนาโต้ชาติอื่นๆเพื่อรบกับรัสเซียโดยตรงอีกด้วย มาครงต้องการประกาศส่งทหารฝรั่งเศสเข้าช่วยยูเครนรบกับรัสเซียอย่างเป็นทางการ และเรียกร้องให้นาโต้กระทำตาม โดยอ้างว่ายุโรปและนาโต้จะสูญเสียความน่าเชื่อถือถ้าหากปล่อยให้รัสเซียมีชัยชนะเหนือยูเครน แต่คำประกาศที่เป็นทางการไม่เกิดขึ้น หลังจากรัสเซียขู่ว่าจะตอบโต้ด้วยสงครามนิวเคลียร์กับนาโต้ ผู้นำยุโรปที่เรียกร้องสันติภาพที่แท้จริงไม่ใช่มาครง แต่เป็นวิคเตอร์ ออร์บาน นายกรัฐมนตรีของฮังการี และโรเบิร์ต ฟิโก้ ผู้นำของสโลวาเนีย ซึ่งถูกลอบสังหารแต่รอดชีวิตมาได้ เพราะว่าแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับสงครามยูเครน คำปราศรัยของมาครงเกิดขึ้นในขณะที่นายวลาดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนเตรียมพบกับนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพื่อนำเสนอแผนที่เรียกว่า "ชัยชนะ" ซึ่งเป็นแผนงานในการกดดันให้รัสเซียยอมรับความพ่ายแพ้ เซเลนสกี้ต้องการคำอนุญาตให้ใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลของตะวันตกเพื่อโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนของรัสเซีย ฝรั่งเศสเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่บริจาคฮาร์ดแวร์ทางทหารดังกล่าวให้กับยูเครนในรูปแบบของขีปนาวุธร่อน SCALP/Storm Shadow ซึ่งฝรั่งเศสผลิตร่วมกับสหราชอาณาจักร เจ้าหน้าที่อังกฤษสนับสนุนคำขอของเคียฟในการโจมตีรัสเซีย แต่การตัดสินใจขั้นสุดท้ายนั้นเข้าใจกันว่าอยู่ในมือของวอชิงตัน มาครงไม่ได้มีอำนาจตัดสินใจที่แท้จริงในยุโรป หรือนาโต้ เพราะว่าเขาเป็นเพียงแค่เชียร์ลีดเดอร์
    Like
    Haha
    14
    1 Comments 0 Shares 654 Views 0 Reviews
  • #แฟนเพจคิงส์ขอมาเรื่องดอกไม้สีทองอยากรู้ว่าสรุปยังไง
    เรื่องดอกไม้สีทองของแยกเป็น 2 เรื่อง
    เรื่องแรก ดอกไม้สีทองจากร้านที่เรียกตัวเองว่า แม่ตั๊ก
    แม่ใครไม่รู้แต่ไม่ใช่แม่กรรรูละกัน
    แม่ตั๊ก แม่ค้าออนไลน์ ที่ไลฟ์มาหลายปี
    เรียกได้ว่ามีคนเชื่อถือไม่น้อย จึงเอฟกันรัวๆ
    ดอกไม้สีทองนี้ ถ้าสังเกตุดีๆ จะมีใบรับประกัน
    เป็นภาษาจีน สรุปคือ ดอกไม้สีทองนี้
    มีอยู่ในแอพดัง ไม่ลอกไม่ดำ แต่จำนำไม่ได้เพราะอะไร
    นั่นก็เพราะมันไม่ใช่ทอง บางรุ่นด้านในคล้ายพลาสติก
    บางรุ่นด้านในเป็นส่วนผสมของทองแดง เงิน และชุบด้วยทอง
    แต่ตั๊กก็รับคืน
    แต่ฉันคืนในเรทที่ประมาณ 33% ของเรทที่ระบายออกไป
    ดังนั้น นี่คือข้อมูลนะครับนะ
    ส่วน ดอกสีทองที่สอง
    คือนางสุวรรณมาลี คชสารสมสู่
    อย่างที่เห็นในภาพ นี่ก็ไม่แท้
    ทั้งความแบ๊ว ความใส่ ความเรียบร้อยและความโก๊ะ
    ที่บรรดาทุยจินตนาการ มโนกันไป
    โดยหารู้ไม่ เราทุกคนต่างเห็นซีนแรกของนาง
    คือการแสดงการกินมาม่า และซีเรียล
    ต้องอดๆ อยากๆ และไลฟ์ 23 ชม.
    เพื่อหาทุนเรียน
    แม้จะเอ๊ะ ในรอยสักแปลกๆ
    แต่ บรรดา โจ และทีมก็มักจะมี
    คำบรรยายอันสวยหรูไว้ให้
    ทำให้คนไทยต่างมองข้ามไป
    เห็นเพียงบทบาทที่นางแสดง
    แต่ภาพที่คุณเห็น อาจมีคำถามว่า ถ่ายตอนไหนนะ
    ทำไม มีท่าทีแบบนี้นะ
    อันนี้พี่คิงส์บอกเลย เพราะได้โพสดักทุยให้มาคอนเฟิร์ม
    กันเถียงไว้ โดยเค้ายืนยันว่า มันคือภาพเมื่อวันที่ 22 กุมพาพันธ์ ปี 2023
    นั่นแปลว่า เป็นภาพที่โพสไว้ในไอจี ปีที่แล้ว ก่อนที่จะมานั่งแสดง
    ละคร ที่เราเห็นเมื่อต้นปี
    ในระยะเวลานั้น ก่อนหน้าภาพนี้ อิเหวิง
    หรือสุวรรณมาลี คชสารสมสู่ ไปอยู่ที่ญี่ปุ่นเป็นแรมเดือน
    ในฐานะนักแสดงตกงาน ที่ไม่มีใครจ้าง
    สนุกสนานหลงอยู่กับสล็อทญี่ปุ่น หรือปาจิงโกะ
    ถึงขนาดไปสักสัญลัษณ์ปาจิงโกะเต็มตัว
    เชื่อว่า ณ เวลานั้น คงไม่คิดกลับมาเป็นแดนเซอร์
    หรือ ดาราตัวประกอบอีกแล้ว ด้วยอายุสามสิบ
    ซึ่งมีดาราตัวประกอบรุ่นใหม่ๆที่ใสกว่า เก่งกว่าเกิดขึ้นมากมาย
    แต่ไม่รู้ จังหวะนรกภูมิยังไง ที่กำลังขุดอยู่
    มารู้จักการไลฟ์ตต. มีเอเจนซี่คอยกำกับดูแล
    และสุดท้ายกลายเป็นตัวแสดงหลัก
    ให้บรรดาเงินดาร์คเข้ามาใช้ในการผ่านในการฟอก
    ด้วยการพีเคบิ๊กแม็ต โดยแน๊กชาลีห้ามอย่างไร นางไม่เคยฟัง
    เพราะทุกอย่างถูกวางแผนโดยระบบ
    ที่กลุ่มทุนดาร์คสร้างไว้
    เหมือนกับที่ได้ทำในสหรัฐ ไต้หวัน จีน ตุรกี ที่ขณะนี้
    มีการกวาดบ้านกันขนานใหญ่ดังที่พี่คิงส์ได้ให้ข้อมูล
    ไปอ่านตามที่แปะไว้ใต้โพส เรื่องทุนดาร์คและการกวาดเรียบ
    ในประเทศที่พี่คิงส์แจ้งไว้
    ดังนั้น ทุยไทย เลิกมโนได้แล้ว
    อย่าให้ โจมณฑานี สร้างโลกที่บิดเบี้ยว
    เห็นผิดเป็นชอบ ทำตัวระรานคนไทยด้วยกัน
    โจหวังเพียงงบที่จะมาสร้างกระแส ผ่านยูซผี ผ่านเทรนทิพย์
    และลูกค้าโรงเรียนเถี่อน ที่สอนความงมงาย
    ผลประโยชน์ตัวเองล้วนๆ
    ส่วนทุย บางตัวก็ได้เศษกระดูก
    และหลายตัว ก็ได้แค่อิสุวรรณมาลีคชสาร
    ส่งดอกไม้ให้ ชมเลยว่า ให้ร้ายแน๊กชาลีเก่งมาก
    แค่นี้ พวกนี้ก็ถวายหัวให้ อันนี้ดูหลักต๋านที่พี่คิงส์โพสไปก่อนหน้า
    ดังนั้นนี่คือข้อสรุป ของสุวรรณมาลี
    ที่ไม่แท้ทั้งคู่ จะได้ตามข่าวกันทันนะ
    และเรื่องสำคัญที่แฟนเพจร้องกันลั่นคือ
    วันนี้ กดไลค์ไม่ทัน อ่านไม่ทัน
    พี่คิงส์ก็ต้องขอโทษที่รัวจริงๆแหละ
    ทำไงได้ เครื่องขุดมันทำงาน
    ท่ามกลางความท้าทายของ โจ มณฑานี
    ชอบนัก อะไรที่เป็นคำขู่วว
    กรรูขุดยันก้นเหว
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #แฟนเพจคิงส์ขอมาเรื่องดอกไม้สีทองอยากรู้ว่าสรุปยังไง เรื่องดอกไม้สีทองของแยกเป็น 2 เรื่อง เรื่องแรก ดอกไม้สีทองจากร้านที่เรียกตัวเองว่า แม่ตั๊ก แม่ใครไม่รู้แต่ไม่ใช่แม่กรรรูละกัน แม่ตั๊ก แม่ค้าออนไลน์ ที่ไลฟ์มาหลายปี เรียกได้ว่ามีคนเชื่อถือไม่น้อย จึงเอฟกันรัวๆ ดอกไม้สีทองนี้ ถ้าสังเกตุดีๆ จะมีใบรับประกัน เป็นภาษาจีน สรุปคือ ดอกไม้สีทองนี้ มีอยู่ในแอพดัง ไม่ลอกไม่ดำ แต่จำนำไม่ได้เพราะอะไร นั่นก็เพราะมันไม่ใช่ทอง บางรุ่นด้านในคล้ายพลาสติก บางรุ่นด้านในเป็นส่วนผสมของทองแดง เงิน และชุบด้วยทอง แต่ตั๊กก็รับคืน แต่ฉันคืนในเรทที่ประมาณ 33% ของเรทที่ระบายออกไป ดังนั้น นี่คือข้อมูลนะครับนะ ส่วน ดอกสีทองที่สอง คือนางสุวรรณมาลี คชสารสมสู่ อย่างที่เห็นในภาพ นี่ก็ไม่แท้ ทั้งความแบ๊ว ความใส่ ความเรียบร้อยและความโก๊ะ ที่บรรดาทุยจินตนาการ มโนกันไป โดยหารู้ไม่ เราทุกคนต่างเห็นซีนแรกของนาง คือการแสดงการกินมาม่า และซีเรียล ต้องอดๆ อยากๆ และไลฟ์ 23 ชม. เพื่อหาทุนเรียน แม้จะเอ๊ะ ในรอยสักแปลกๆ แต่ บรรดา โจ และทีมก็มักจะมี คำบรรยายอันสวยหรูไว้ให้ ทำให้คนไทยต่างมองข้ามไป เห็นเพียงบทบาทที่นางแสดง แต่ภาพที่คุณเห็น อาจมีคำถามว่า ถ่ายตอนไหนนะ ทำไม มีท่าทีแบบนี้นะ อันนี้พี่คิงส์บอกเลย เพราะได้โพสดักทุยให้มาคอนเฟิร์ม กันเถียงไว้ โดยเค้ายืนยันว่า มันคือภาพเมื่อวันที่ 22 กุมพาพันธ์ ปี 2023 นั่นแปลว่า เป็นภาพที่โพสไว้ในไอจี ปีที่แล้ว ก่อนที่จะมานั่งแสดง ละคร ที่เราเห็นเมื่อต้นปี ในระยะเวลานั้น ก่อนหน้าภาพนี้ อิเหวิง หรือสุวรรณมาลี คชสารสมสู่ ไปอยู่ที่ญี่ปุ่นเป็นแรมเดือน ในฐานะนักแสดงตกงาน ที่ไม่มีใครจ้าง สนุกสนานหลงอยู่กับสล็อทญี่ปุ่น หรือปาจิงโกะ ถึงขนาดไปสักสัญลัษณ์ปาจิงโกะเต็มตัว เชื่อว่า ณ เวลานั้น คงไม่คิดกลับมาเป็นแดนเซอร์ หรือ ดาราตัวประกอบอีกแล้ว ด้วยอายุสามสิบ ซึ่งมีดาราตัวประกอบรุ่นใหม่ๆที่ใสกว่า เก่งกว่าเกิดขึ้นมากมาย แต่ไม่รู้ จังหวะนรกภูมิยังไง ที่กำลังขุดอยู่ มารู้จักการไลฟ์ตต. มีเอเจนซี่คอยกำกับดูแล และสุดท้ายกลายเป็นตัวแสดงหลัก ให้บรรดาเงินดาร์คเข้ามาใช้ในการผ่านในการฟอก ด้วยการพีเคบิ๊กแม็ต โดยแน๊กชาลีห้ามอย่างไร นางไม่เคยฟัง เพราะทุกอย่างถูกวางแผนโดยระบบ ที่กลุ่มทุนดาร์คสร้างไว้ เหมือนกับที่ได้ทำในสหรัฐ ไต้หวัน จีน ตุรกี ที่ขณะนี้ มีการกวาดบ้านกันขนานใหญ่ดังที่พี่คิงส์ได้ให้ข้อมูล ไปอ่านตามที่แปะไว้ใต้โพส เรื่องทุนดาร์คและการกวาดเรียบ ในประเทศที่พี่คิงส์แจ้งไว้ ดังนั้น ทุยไทย เลิกมโนได้แล้ว อย่าให้ โจมณฑานี สร้างโลกที่บิดเบี้ยว เห็นผิดเป็นชอบ ทำตัวระรานคนไทยด้วยกัน โจหวังเพียงงบที่จะมาสร้างกระแส ผ่านยูซผี ผ่านเทรนทิพย์ และลูกค้าโรงเรียนเถี่อน ที่สอนความงมงาย ผลประโยชน์ตัวเองล้วนๆ ส่วนทุย บางตัวก็ได้เศษกระดูก และหลายตัว ก็ได้แค่อิสุวรรณมาลีคชสาร ส่งดอกไม้ให้ ชมเลยว่า ให้ร้ายแน๊กชาลีเก่งมาก แค่นี้ พวกนี้ก็ถวายหัวให้ อันนี้ดูหลักต๋านที่พี่คิงส์โพสไปก่อนหน้า ดังนั้นนี่คือข้อสรุป ของสุวรรณมาลี ที่ไม่แท้ทั้งคู่ จะได้ตามข่าวกันทันนะ และเรื่องสำคัญที่แฟนเพจร้องกันลั่นคือ วันนี้ กดไลค์ไม่ทัน อ่านไม่ทัน พี่คิงส์ก็ต้องขอโทษที่รัวจริงๆแหละ ทำไงได้ เครื่องขุดมันทำงาน ท่ามกลางความท้าทายของ โจ มณฑานี ชอบนัก อะไรที่เป็นคำขู่วว กรรูขุดยันก้นเหว #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 578 Views 0 Reviews
  • #ภาพไอจีที่ตอนนี้แฟนคลับเท่านั้นที่มองเห็น
    นี่ไง สาวน้อยที่อิโจสร้างสตอรี่
    ว่าน่าสงสาร บอกบาง น่าร๊ากกก
    โก๊ะๆ ไม่ใช่โก๊ะ ที่จริงแล้ว
    คือ ปาจิงโก๊ะ ตะหาก นั่นไง เต็มตัว
    ตื่นยังทุย รุ้จังว่ามันการแสดง
    นี่อุตส่าโพสภาพนี้ขึ้น
    ให้แฟนคลับอิเหวิงมายืนยันเอง
    ว่าไม่ใช่ปัจจุบัน แต่ แต่ แต่
    เป็นปีที่แล้วก่อนมาไทย
    ดักไว้ ก็ตกจริงๆ
    หลุม ดัก ทุย
    สรุปนะ คอนเฟริ์ม
    เซฟอินี่ เพื่อ
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #ภาพไอจีที่ตอนนี้แฟนคลับเท่านั้นที่มองเห็น นี่ไง สาวน้อยที่อิโจสร้างสตอรี่ ว่าน่าสงสาร บอกบาง น่าร๊ากกก โก๊ะๆ ไม่ใช่โก๊ะ ที่จริงแล้ว คือ ปาจิงโก๊ะ ตะหาก นั่นไง เต็มตัว ตื่นยังทุย รุ้จังว่ามันการแสดง นี่อุตส่าโพสภาพนี้ขึ้น ให้แฟนคลับอิเหวิงมายืนยันเอง ว่าไม่ใช่ปัจจุบัน แต่ แต่ แต่ เป็นปีที่แล้วก่อนมาไทย ดักไว้ ก็ตกจริงๆ หลุม ดัก ทุย สรุปนะ คอนเฟริ์ม เซฟอินี่ เพื่อ #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 411 Views 0 Reviews
  • 23-09-67/01 : หมี CNN / คอลัมน์ใหม่ "3 แยกปากหมา" ทุกวันอาทิตย์ ตอนแรก เอาฤกษ์ ลงวันจันทร์เปิดตัว ครั้งต่อไป ติดตามได้ทุกวันอาทิตย์ ไม่สั้น ไม่ยาว กำลังดี CONCEPT คือ "ด่าเหี้ยสบายใจจัง ด่ากี่ครั้งก็ยังเป็นเหี้ย"

    เลบานอน เฮซบอเลาะห์ vs ยิวเหี้ยเสนียดโลก อุบัติขึ้นแล้ว งานนี้ อียิวเสี้ยนจัด หมดมุก ต้องก่อสงครามย้ายบ้านเท่านั้น ไม่มีเหี้ยอะไรจะเสีย เข้าทางตรีนอิหร่าน กูไม่ต้องออกตัวแรง ปล่อยเฮซบอเลาะห์ขยี้ให้เละ แผนยกพลขึ้นบกประจักษ์ชัดแล้ว เรือรบเหี้ยมะกันเอามาแค่โชว์ ป้องกันเหี้ยอะไรไม่ได้เลย มันเองยังเอาตัวไม่รอด เพราะจากนี้ ทั้งเยเมน เฮซบอเลาะห์ โดยเลบานอน จะล่ออียิวด้วยไฮเปอร์โซนิคล้วนๆ ของดีจากเปียงยาง เตหะราน ปักกิ่ง มอสโคว์ มาหมด เลือกแดร๊กได้เลย อยากได้รสไหน? ระเบิดเพจเจอร์ หน่วยข่าวกรองรู้ล่วงหน้าแล้ว แต่ทำไมยังปล่อยให้ระเบิด คำตอบคือ มันทำลาย ฆ่าคนได้เฉพาะจุด โดยไม่เลือก เด็ก สตรี ผู้ใหญ่ การศึก ยอมเสียเบี้ยเพื่อแลกขุน จำเป็นต้องทำ เพราะสิ่งที่ตามมาคือ "มติเอกฉันท์" ความสามัคคีภายในชาติ ขอบคุณที่มรึงจุดไฟให้คนทั้งโลกรวมตัวต่อกันติดหมดแล้ว นี่ต่างหากที่มรึงพลาดอย่างแรง! จะเล่นบทเหี้ยจัญไร แต่ทำได้แค่ฆ่าคนไม่กี่สิบ แต่สิ่งที่มรึงจะโดนจากผลลัพธ์ของการกระทำ ตายเป็นหมื่นชัวร์ หลายคนไม่เข้าใจ เกมส์สงคราม เพื่อผลแพ้ชนะ ทำไมต้องยอมสละชีวิตผู้บริสุทธิ์ เชิญมรึงไปแหกตาดูประวัติศาสตร์โลกย้อนหลัง 3000 ปี นี่ไม่ใช่เรื่องใหม่ ยอมเสียเมืองทั้งเมืองถูกเผาทั้งเป็น เพื่อแลกพันธมิตรใหม่ที่จะเข้ามาช่วยกู้แผ่นดิน ทั้งหมดมันคือการวางหมากที่ชาญฉลาด และเด็ดขาด อย่าลืมว่า มรึงกำลังสู้อยู่กับใคร? มรึงดูเหี้ยก็รู้แล้ว ฆ่าพลเมืองมันเอง 3000 ตัว ทั้งตึกเวิร์ดเทรด เพียงเพื่อมติ ปล่อยงบ 3 แสนล้านเหรียญ เพื่อไปปล้นอิรัก ข้ออ้างฆ่าซัดดัม แท้จริงยึดทองคำ น้ำมัน เค้ามาเพื่อสนองตัณหาให้บริษัทพลังงานยิว ความจริงคือ ตายพันเพื่อแลกรักษาชีวิตคนนับล้าน จำเป็นต้องทำ เป็นแม่ทัพ โลกสวยไม่ได้! ก็เหมือนชาวปาเลสไตน์ ก่อนจะมาถึงวันนี้ เค้ายอมเอาชีวิต 100000 แลกชีวิตอียิวเหี้ยทั้งแผ่นดิน แล้วก็ทำสำเร็จ ทั้งโลกต่อต้านอียิวเสียหมา อีเนรคุณทันยาถูกหมายศาลโลกเป็นอาชญากรโลก ออกนอกแผ่นดินโดนจับทันที นอกจากหนีไปซุกชาติขี้ข้ายิวเท่านั้น ทั้งโลกมุสลิม กำลังจะตัดการค้ากับอิสราเอลทั้งหมด งานนี้ อยู่ได้ อยู่ไป ดีออก!

    ไอ้สัส! อีแขกภาระตะตามไทยเฉย แบนไม่เข้าเกาหลีใต้ จัดหนัก เหยียดกูเหรอ? ถูกอียุ่นปี่เหยียบหัวมาเกือบศตวรรษ พอลืมตาอ้าปากได้ ทำตัวเองเหมือนเป็นเทพเจ้า อินเดียไม่เที่ยว ไทยไม่เอา อีโสมจะเหลือห่าอะไรอีก ไม่ใช่แค่การท่องเที่ยว สินค้าแบรนด์เกาหลีใต้ ถูกลูกหลงไปเต็มตรีน หันไปใช้ของในชาติกันเอง ไทยใช้จีน ถูกกว่า แจ่มกว่า ทันสมัยกว่า อีแขกใช้ของผลิตในชาติ แบรนด์จีน แต่ MADE IN INDIA แบบนี้ มิน่า ยอดอีส่ำส่อน ถึงได้ร่วงระนาว ซีรีย์ก็ตก ถูกจีนเขมือบแซงหน้า วงการ K-POP ตกต่ำ หมาไม่แล ทั้งหมด มรึงทำตัวเองทั้งสิ้น หากไม่มีดีพอ อย่าริสะเออะเสนอหน้ายึดแท่นผู้นำเอเซีย หมายังอายแทน? ที่มาว่าทำไม อีโสมขาวแก้เกมส์ มาเปิดคอนเสิร์ต K-POP ที่ไทย ถี่ยิบ เอาวงตำนานมาเล่น เพื่อดึงเรตติ้งกลับ แต่สายไปแล้ว แก้วที่มันร้าว ไม่นานก็คงจะแตก! อิทธิ ไม่ได้กล่าวไว้ เดินหมากผิด คิดสั้น คิดจนตัวตาย ถ้าอีโสมขาวไม่เอาอาเซียน มรึงคือโง่ยิ่งกว่าอียุโรป

    หลายคนยังกังวล เงิน 10000 จะได้มุย? บอกตรง "ขอให้ได้ ขอให้ครบ" เพราะมันหมายถึงจะมีคนเป็นหมู่คณะต้องเข้าคุก ตั้งแต่รมต. นายกฯ คนเซ็นต์ คนอนุมัติ ไม่รอด ไปหมดทั้งองคาพยพ ไม่ว่ารัฐบาลเถื่อน จะเล่นแร่แปรวิญญานยังไง ลูกไม้ขนาดไหน ก็ไม่พ้นส้นตรีนทหารดอกน่ะ เค้าอ่านมรึงออกหมดเกลี้ยงทุกรูขุมขน ไม่งั้น มรึงต้องบูชายันต์อี 6 SEASON ไปทำไมกันล่ะ? มันคือเกมส์ เค้าเล่นเกมส์กันอยู่ อย่าอินมาก วัดกันที่ใครอึดกว่ากัน? เพราะเกจิดัง มองออก รู้นานแล้ว ว่ามันจะจบที่ศาลทุกกรณี? ได้ 10000 มา อย่าเพิ่งดีใจ เพราะมรึงอาจจะต้องชดใช้คืน?(หากวังไม่ช่วย) แต่ใครจะสน เงินเข้าปากหมาแล้ว หมามันใช้ทันทีแน่ กระตุ้นเศรษฐกิจเหรอ? ข้ออ้างทั้งนั้น แผนบ่อนทำลายชาติ ตามใบสั่งเยรูซาเล็ม หมายังมองออก แต่คนมองไม่ออก? เชื่อกูเหอะ ของจริง เค้าไม่มาเสียเวลากับละครปาหี่ ทุกอย่างยัดลงศาลไคฟงเชือดอย่างเดียว เป็นไปตามกฎหมายสากลทุกประการ คนชงมีเพี๊ยบ มรึงก็เห็นคาตากันอยู่ อีเกรียงไกรเนี่ย แค่หัวหมู่ทะลวงฟัน ของจริงยังมีตามมาอีกเยอะ รอแค่ใบเสร็จเท่านั้น! คนไทยเห็นแก่ตัว เอาแต่ได้ จริงเหรอ? มรึงลองถามตัวเองดู?

    อาทิตย์หฤโหด อียิวตายคาที่ 190 ลูกระดมยิงแบบลืมหายใจ ตามเมืองสำคัญ เมืองท่า ทั่วประเทศอิสราเอล ชาวยิวมุดลงถ้ำ หลุมหลบภัยกันหมด ไม่ต้องอยู่แล้วบนดิน เหมือนนายใหญ่มรึงเป๊ะเด๊ะ อีสัตว์นรกเลื้อยคลานเรปทีเรี่ยน ไม่ต้องเห็นเดือนเห็นตะวันกันไปเลย! อิรักส่งนักรบช่วยเฮซบอเลาะห์ ดาหน้าถล่มฐานทัพเหี้ยมะกันทั่วตะวันออกกลาง แดร๊กลูกยาวกันอิ่มตลอดสัปดาห์ งานนี้เลือดท่วมแผ่นดินเหี้ยชัวร์! ข้ามวิกแป๊บ : แล้วก็มาตามนัด โปรดเกล้าแล้ว "บิ๊กปู" ผบทบ.คนใหม่ สายวงศ์เทวัญ ยุคเปลี่ยนขั้วอำนาจใหม่ ป๋าเปรมก็สายวงศ์เทวัญเก่า งานนี้ ใบสั่งวังมาเต็ม รอดู อะไรมันส์ๆ กำลังจะมา เด็กเพ่แดงเค้า มองภาพเห็นชัดยังจ๊ะ? เพ่แดงต้องออก เพื่อไปทำหน้าที่ล้างบางเหี้ยสัดนรกในแผ่นดิน ปล่อยน้องเลิฟขึ้นมาควบคุมกองทัพต่อ อ้าว..แล้วไหง รมต.กลาโหมคนใหม่ จะล้างบางทหารผู้จงรักภักดีมิใช่เหรอ? ดีออก เป็นได้แค่ตำแหน่ง แต่อำนาจไม่มี สั่งใครได้ล่ะ? ทหารเค้าฟังมรึงมุย? สรุปแค่ตำแหน่งหัวโขน ไอ้สัส! รมต.สั่งผบทบ.บ่ได้จ๊ะ กระดูกคนละเบอร์? กูบอกเลย สายวงศ์เทวัญขึ้นเนี่ย ประกบวังน่ะจ๊ะ ไม่ต้องให้แปล ดีออก? ให้รู้บ้าง "ฟ้าสูง แผ่นดินต่ำ มันเป็นยังไง" เชิญมรึงเล่นละครปาหี่หลอกควายไปวันวันเหอะ ควายรอ 10000 มรึงรอหนีออกนอก หมายังรู้? ชัดเจนน่ะ กองทัพขยับแล้ว ล้างบางทหารแตงโม ทหารล้มเจ้า ไม่ได้ขึ้น รอโดนเชือด ปลดประจำการทั้งคณะ กลียุคมันจบแล้ว แสงทำงาน เหี้ยอยู่ไม่ได้ จบน่ะ!

    ปล.จริงดิ? ตัวเล่นหลักแพ้ยับ ถึงตาลูกสมุนขี้ข้าชั้นรอง ทั้งอีจิงโจ้ อีแคน อียุ่นปี่ เตรียมถูกบูชายันต์ได้เลย คราวก่อนศึกแปซิฟิค กองเรือเหี้ยจิงโจ้ ยังไม่ทันจะเขยิบ แค่ตงเฟิงหันหัวไปจ่อเรือธง รัศมี 3000 กม. แม่งหยุดเดินเรือทันที มรึงกล้าหน่อยดิ ริจะโตอย่าปอดแหก จีนก็เลยอดไม่ได้โชว์ของเล่นให้โลกดูเต็มตาซักกะที ช่วยมาเป็นเป้าหน่อย ด้านอีแคนยังเสี้ยนไม่เลิก หลังเคยเสือกสะเออะเสนอหน้าจับเจ้าหญิงหัวเว่ยไป จีนกาหัวหมามรึงนานแล้ว งวดนี้ เจอจีนล่อการค้ายับ ไม่ส่ง ไม่สั่ง ไม่คบ อีแคนดิ้นพล่าน ปากดี ดีให้สุดทาง จำไว้ ไอ้กระจอก! แถมยังจะโดนฝ่ายอีทรัมปป์ พรรคช้าง ล่อพรมแดนต่อ เรื่องผู้อพยพ สร้างกำแพงกั้นใหม่ หลังเคยโดยรถบรรทุกจอดปิดถนนข้ามประเทศ ตอนนี้ อีทรัมปป์กลายเป็นเป้าล่อของอียิวเหี้ยไซออนนิสต์ หลังประกาศศึกล้างบาง DEEP STATE แยกอเมริกันคน กับอเมริกันควายออกจากกัน ศึกภายในเละเทะ มรึงไม่ใช่คู่ต่อกรรัสเซีย จีน นานแล้ว มันคนละเลเวล หมาทันที เมื่อปูตินสั่งทดสอบนุ๊กที่อาร์คติค ยิงสด LIVE ให้ทั้งโลกดูเต็มตา รอวัน SHOW TIME เท่านั้น เกมส์จิตวิทยา ทำเอาอียูเครน หมอบหมดแล้ว อีเสี้ยนยากำลังจะถูกปฎิวัติ นกรู้ เตรียมหาบันไดลง แต่ยังไง ปูตินหมายหัวมรึงแล้ว ต้องตายโหงตายห่าเท่านั้น เพราะมรึงสั่งฆ่าชาวดอนบาส และชาวบูชา นีโอนาซีจะถูกฆ่าล้างโคตรเกลี้ยงแผ่นดิน คำไหน คำนั้น นี่คือ "ปูติน" เปิดโลกความจริง ไม่ใช่โซเชี่ยลหน้าฉาก จะบอกว่า "ชาติอาเซียน" ในโซเชี่ยลรบกันจะเป็นจะตาย แต่กองทัพ และฝ่ายความมั่นคง เค้าดีกันเสมอมา ไม่ว่าไทย ขะแมร์ พม่า ลาว เวียดนาม ยกเว้นอีเสือเหลือง(อีแอบ) ที่จ้องเสียบหลังไทยเสมอ เพราะเล่นบทขี้อิจฉา แต่ไม่กล้าชนซึ่งหน้า เพราะรู้ดีว่า ลูกเลิฟจีน รัสเซีย อาเซียนจะไม่แตก เหตุเพราะต่างรู้ดีว่า อาเซียนคือเกราะกำบังให้ทุกชาติสมาชิก หากแตกเมื่อไหร่ เหี้ยมันจะโจมตีแต่ละชาติง่ายดาย ไทยไม่เท่าไหร่ เพราะมีมือ 1 โลกดูแลถึง 2 ประเทศ แล้วชาติอาเซียนอื่นล่ะ? ดังนั้น อย่ามาซ่าส์กับไทย อย่ามาเสี้ยม เพราะในความเป็นจริง จีน รัสเซีย เข้ามาอุ้ม เข้ามาช่วย ชาติอาเซียน มาโดยตลอด ตั้งแต่ยุคโควิท มาจนถึงวันนี้ ใครเป็นใคร ภาพยิ่งชัด ปูตินมาเยือนอาเซียน สีจิ้นผิง เยือนอาเซียน ดูขบวนต้อนรับก็พอแล้ว แตกต่างจากเหี้ยทุกรูขุมขน? เกมส์โลกมรึงแพ้ไปแล้ว ยังหน้าด้านจะก่อสงครามล้มกระดานให้ได้ ไม่ต้องถามต่อน่ะ สงครามจะมีมั้ย? เค้าข้ามจุดนั้นไปนานแล้ว ต้องถามว่า "เหี้ยยังจะเหลือแผ่นดินมั้ยดีกว่า?"

    หมี CNN(บิ๊กแจ๊สตบลุงชาญร่วง ชาวปทุมไม่เอาทั้งอีแดง อีส้ม เบื่อการเมือง มาเลือกกันน้อยกว่าครั้งก่อน แต่เสือกชนะขาด หลอกควายต่อยากแล้วสิน่ะ อีเหลิมฉลอง กูสาแก่ใจนัก เขี่ยอีแดงคาสนามเลือกตั้ง นายกอบจ. ใครว่าไม่สำคัญ งบประมาณทั้งนั้น รากฐานเสียง สนามใหญ่ นี่ไง ปชต. มีไว้หาแดร๊ก ขายเสียงกัน ที่ใดมีควายเยอะ ที่นั่น ปชต.เบ่งบาน ระบบที่เหี้ยยิวสร้าง อย่าหวังว่ามันจะทำให้ชาติใดรอด? ปชต.คือเสนียดโลก จำจงดี!)
    23 กย. 67
    12.50 น.

    https://linevoom.line.me/post/1172707076283787922
    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ :
    https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    23-09-67/01 : หมี CNN / คอลัมน์ใหม่ "3 แยกปากหมา" ทุกวันอาทิตย์ ตอนแรก เอาฤกษ์ ลงวันจันทร์เปิดตัว ครั้งต่อไป ติดตามได้ทุกวันอาทิตย์ ไม่สั้น ไม่ยาว กำลังดี CONCEPT คือ "ด่าเหี้ยสบายใจจัง ด่ากี่ครั้งก็ยังเป็นเหี้ย" เลบานอน เฮซบอเลาะห์ vs ยิวเหี้ยเสนียดโลก อุบัติขึ้นแล้ว งานนี้ อียิวเสี้ยนจัด หมดมุก ต้องก่อสงครามย้ายบ้านเท่านั้น ไม่มีเหี้ยอะไรจะเสีย เข้าทางตรีนอิหร่าน กูไม่ต้องออกตัวแรง ปล่อยเฮซบอเลาะห์ขยี้ให้เละ แผนยกพลขึ้นบกประจักษ์ชัดแล้ว เรือรบเหี้ยมะกันเอามาแค่โชว์ ป้องกันเหี้ยอะไรไม่ได้เลย มันเองยังเอาตัวไม่รอด เพราะจากนี้ ทั้งเยเมน เฮซบอเลาะห์ โดยเลบานอน จะล่ออียิวด้วยไฮเปอร์โซนิคล้วนๆ ของดีจากเปียงยาง เตหะราน ปักกิ่ง มอสโคว์ มาหมด เลือกแดร๊กได้เลย อยากได้รสไหน? ระเบิดเพจเจอร์ หน่วยข่าวกรองรู้ล่วงหน้าแล้ว แต่ทำไมยังปล่อยให้ระเบิด คำตอบคือ มันทำลาย ฆ่าคนได้เฉพาะจุด โดยไม่เลือก เด็ก สตรี ผู้ใหญ่ การศึก ยอมเสียเบี้ยเพื่อแลกขุน จำเป็นต้องทำ เพราะสิ่งที่ตามมาคือ "มติเอกฉันท์" ความสามัคคีภายในชาติ ขอบคุณที่มรึงจุดไฟให้คนทั้งโลกรวมตัวต่อกันติดหมดแล้ว นี่ต่างหากที่มรึงพลาดอย่างแรง! จะเล่นบทเหี้ยจัญไร แต่ทำได้แค่ฆ่าคนไม่กี่สิบ แต่สิ่งที่มรึงจะโดนจากผลลัพธ์ของการกระทำ ตายเป็นหมื่นชัวร์ หลายคนไม่เข้าใจ เกมส์สงคราม เพื่อผลแพ้ชนะ ทำไมต้องยอมสละชีวิตผู้บริสุทธิ์ เชิญมรึงไปแหกตาดูประวัติศาสตร์โลกย้อนหลัง 3000 ปี นี่ไม่ใช่เรื่องใหม่ ยอมเสียเมืองทั้งเมืองถูกเผาทั้งเป็น เพื่อแลกพันธมิตรใหม่ที่จะเข้ามาช่วยกู้แผ่นดิน ทั้งหมดมันคือการวางหมากที่ชาญฉลาด และเด็ดขาด อย่าลืมว่า มรึงกำลังสู้อยู่กับใคร? มรึงดูเหี้ยก็รู้แล้ว ฆ่าพลเมืองมันเอง 3000 ตัว ทั้งตึกเวิร์ดเทรด เพียงเพื่อมติ ปล่อยงบ 3 แสนล้านเหรียญ เพื่อไปปล้นอิรัก ข้ออ้างฆ่าซัดดัม แท้จริงยึดทองคำ น้ำมัน เค้ามาเพื่อสนองตัณหาให้บริษัทพลังงานยิว ความจริงคือ ตายพันเพื่อแลกรักษาชีวิตคนนับล้าน จำเป็นต้องทำ เป็นแม่ทัพ โลกสวยไม่ได้! ก็เหมือนชาวปาเลสไตน์ ก่อนจะมาถึงวันนี้ เค้ายอมเอาชีวิต 100000 แลกชีวิตอียิวเหี้ยทั้งแผ่นดิน แล้วก็ทำสำเร็จ ทั้งโลกต่อต้านอียิวเสียหมา อีเนรคุณทันยาถูกหมายศาลโลกเป็นอาชญากรโลก ออกนอกแผ่นดินโดนจับทันที นอกจากหนีไปซุกชาติขี้ข้ายิวเท่านั้น ทั้งโลกมุสลิม กำลังจะตัดการค้ากับอิสราเอลทั้งหมด งานนี้ อยู่ได้ อยู่ไป ดีออก! ไอ้สัส! อีแขกภาระตะตามไทยเฉย แบนไม่เข้าเกาหลีใต้ จัดหนัก เหยียดกูเหรอ? ถูกอียุ่นปี่เหยียบหัวมาเกือบศตวรรษ พอลืมตาอ้าปากได้ ทำตัวเองเหมือนเป็นเทพเจ้า อินเดียไม่เที่ยว ไทยไม่เอา อีโสมจะเหลือห่าอะไรอีก ไม่ใช่แค่การท่องเที่ยว สินค้าแบรนด์เกาหลีใต้ ถูกลูกหลงไปเต็มตรีน หันไปใช้ของในชาติกันเอง ไทยใช้จีน ถูกกว่า แจ่มกว่า ทันสมัยกว่า อีแขกใช้ของผลิตในชาติ แบรนด์จีน แต่ MADE IN INDIA แบบนี้ มิน่า ยอดอีส่ำส่อน ถึงได้ร่วงระนาว ซีรีย์ก็ตก ถูกจีนเขมือบแซงหน้า วงการ K-POP ตกต่ำ หมาไม่แล ทั้งหมด มรึงทำตัวเองทั้งสิ้น หากไม่มีดีพอ อย่าริสะเออะเสนอหน้ายึดแท่นผู้นำเอเซีย หมายังอายแทน? ที่มาว่าทำไม อีโสมขาวแก้เกมส์ มาเปิดคอนเสิร์ต K-POP ที่ไทย ถี่ยิบ เอาวงตำนานมาเล่น เพื่อดึงเรตติ้งกลับ แต่สายไปแล้ว แก้วที่มันร้าว ไม่นานก็คงจะแตก! อิทธิ ไม่ได้กล่าวไว้ เดินหมากผิด คิดสั้น คิดจนตัวตาย ถ้าอีโสมขาวไม่เอาอาเซียน มรึงคือโง่ยิ่งกว่าอียุโรป หลายคนยังกังวล เงิน 10000 จะได้มุย? บอกตรง "ขอให้ได้ ขอให้ครบ" เพราะมันหมายถึงจะมีคนเป็นหมู่คณะต้องเข้าคุก ตั้งแต่รมต. นายกฯ คนเซ็นต์ คนอนุมัติ ไม่รอด ไปหมดทั้งองคาพยพ ไม่ว่ารัฐบาลเถื่อน จะเล่นแร่แปรวิญญานยังไง ลูกไม้ขนาดไหน ก็ไม่พ้นส้นตรีนทหารดอกน่ะ เค้าอ่านมรึงออกหมดเกลี้ยงทุกรูขุมขน ไม่งั้น มรึงต้องบูชายันต์อี 6 SEASON ไปทำไมกันล่ะ? มันคือเกมส์ เค้าเล่นเกมส์กันอยู่ อย่าอินมาก วัดกันที่ใครอึดกว่ากัน? เพราะเกจิดัง มองออก รู้นานแล้ว ว่ามันจะจบที่ศาลทุกกรณี? ได้ 10000 มา อย่าเพิ่งดีใจ เพราะมรึงอาจจะต้องชดใช้คืน?(หากวังไม่ช่วย) แต่ใครจะสน เงินเข้าปากหมาแล้ว หมามันใช้ทันทีแน่ กระตุ้นเศรษฐกิจเหรอ? ข้ออ้างทั้งนั้น แผนบ่อนทำลายชาติ ตามใบสั่งเยรูซาเล็ม หมายังมองออก แต่คนมองไม่ออก? เชื่อกูเหอะ ของจริง เค้าไม่มาเสียเวลากับละครปาหี่ ทุกอย่างยัดลงศาลไคฟงเชือดอย่างเดียว เป็นไปตามกฎหมายสากลทุกประการ คนชงมีเพี๊ยบ มรึงก็เห็นคาตากันอยู่ อีเกรียงไกรเนี่ย แค่หัวหมู่ทะลวงฟัน ของจริงยังมีตามมาอีกเยอะ รอแค่ใบเสร็จเท่านั้น! คนไทยเห็นแก่ตัว เอาแต่ได้ จริงเหรอ? มรึงลองถามตัวเองดู? อาทิตย์หฤโหด อียิวตายคาที่ 190 ลูกระดมยิงแบบลืมหายใจ ตามเมืองสำคัญ เมืองท่า ทั่วประเทศอิสราเอล ชาวยิวมุดลงถ้ำ หลุมหลบภัยกันหมด ไม่ต้องอยู่แล้วบนดิน เหมือนนายใหญ่มรึงเป๊ะเด๊ะ อีสัตว์นรกเลื้อยคลานเรปทีเรี่ยน ไม่ต้องเห็นเดือนเห็นตะวันกันไปเลย! อิรักส่งนักรบช่วยเฮซบอเลาะห์ ดาหน้าถล่มฐานทัพเหี้ยมะกันทั่วตะวันออกกลาง แดร๊กลูกยาวกันอิ่มตลอดสัปดาห์ งานนี้เลือดท่วมแผ่นดินเหี้ยชัวร์! ข้ามวิกแป๊บ : แล้วก็มาตามนัด โปรดเกล้าแล้ว "บิ๊กปู" ผบทบ.คนใหม่ สายวงศ์เทวัญ ยุคเปลี่ยนขั้วอำนาจใหม่ ป๋าเปรมก็สายวงศ์เทวัญเก่า งานนี้ ใบสั่งวังมาเต็ม รอดู อะไรมันส์ๆ กำลังจะมา เด็กเพ่แดงเค้า มองภาพเห็นชัดยังจ๊ะ? เพ่แดงต้องออก เพื่อไปทำหน้าที่ล้างบางเหี้ยสัดนรกในแผ่นดิน ปล่อยน้องเลิฟขึ้นมาควบคุมกองทัพต่อ อ้าว..แล้วไหง รมต.กลาโหมคนใหม่ จะล้างบางทหารผู้จงรักภักดีมิใช่เหรอ? ดีออก เป็นได้แค่ตำแหน่ง แต่อำนาจไม่มี สั่งใครได้ล่ะ? ทหารเค้าฟังมรึงมุย? สรุปแค่ตำแหน่งหัวโขน ไอ้สัส! รมต.สั่งผบทบ.บ่ได้จ๊ะ กระดูกคนละเบอร์? กูบอกเลย สายวงศ์เทวัญขึ้นเนี่ย ประกบวังน่ะจ๊ะ ไม่ต้องให้แปล ดีออก? ให้รู้บ้าง "ฟ้าสูง แผ่นดินต่ำ มันเป็นยังไง" เชิญมรึงเล่นละครปาหี่หลอกควายไปวันวันเหอะ ควายรอ 10000 มรึงรอหนีออกนอก หมายังรู้? ชัดเจนน่ะ กองทัพขยับแล้ว ล้างบางทหารแตงโม ทหารล้มเจ้า ไม่ได้ขึ้น รอโดนเชือด ปลดประจำการทั้งคณะ กลียุคมันจบแล้ว แสงทำงาน เหี้ยอยู่ไม่ได้ จบน่ะ! ปล.จริงดิ? ตัวเล่นหลักแพ้ยับ ถึงตาลูกสมุนขี้ข้าชั้นรอง ทั้งอีจิงโจ้ อีแคน อียุ่นปี่ เตรียมถูกบูชายันต์ได้เลย คราวก่อนศึกแปซิฟิค กองเรือเหี้ยจิงโจ้ ยังไม่ทันจะเขยิบ แค่ตงเฟิงหันหัวไปจ่อเรือธง รัศมี 3000 กม. แม่งหยุดเดินเรือทันที มรึงกล้าหน่อยดิ ริจะโตอย่าปอดแหก จีนก็เลยอดไม่ได้โชว์ของเล่นให้โลกดูเต็มตาซักกะที ช่วยมาเป็นเป้าหน่อย ด้านอีแคนยังเสี้ยนไม่เลิก หลังเคยเสือกสะเออะเสนอหน้าจับเจ้าหญิงหัวเว่ยไป จีนกาหัวหมามรึงนานแล้ว งวดนี้ เจอจีนล่อการค้ายับ ไม่ส่ง ไม่สั่ง ไม่คบ อีแคนดิ้นพล่าน ปากดี ดีให้สุดทาง จำไว้ ไอ้กระจอก! แถมยังจะโดนฝ่ายอีทรัมปป์ พรรคช้าง ล่อพรมแดนต่อ เรื่องผู้อพยพ สร้างกำแพงกั้นใหม่ หลังเคยโดยรถบรรทุกจอดปิดถนนข้ามประเทศ ตอนนี้ อีทรัมปป์กลายเป็นเป้าล่อของอียิวเหี้ยไซออนนิสต์ หลังประกาศศึกล้างบาง DEEP STATE แยกอเมริกันคน กับอเมริกันควายออกจากกัน ศึกภายในเละเทะ มรึงไม่ใช่คู่ต่อกรรัสเซีย จีน นานแล้ว มันคนละเลเวล หมาทันที เมื่อปูตินสั่งทดสอบนุ๊กที่อาร์คติค ยิงสด LIVE ให้ทั้งโลกดูเต็มตา รอวัน SHOW TIME เท่านั้น เกมส์จิตวิทยา ทำเอาอียูเครน หมอบหมดแล้ว อีเสี้ยนยากำลังจะถูกปฎิวัติ นกรู้ เตรียมหาบันไดลง แต่ยังไง ปูตินหมายหัวมรึงแล้ว ต้องตายโหงตายห่าเท่านั้น เพราะมรึงสั่งฆ่าชาวดอนบาส และชาวบูชา นีโอนาซีจะถูกฆ่าล้างโคตรเกลี้ยงแผ่นดิน คำไหน คำนั้น นี่คือ "ปูติน" เปิดโลกความจริง ไม่ใช่โซเชี่ยลหน้าฉาก จะบอกว่า "ชาติอาเซียน" ในโซเชี่ยลรบกันจะเป็นจะตาย แต่กองทัพ และฝ่ายความมั่นคง เค้าดีกันเสมอมา ไม่ว่าไทย ขะแมร์ พม่า ลาว เวียดนาม ยกเว้นอีเสือเหลือง(อีแอบ) ที่จ้องเสียบหลังไทยเสมอ เพราะเล่นบทขี้อิจฉา แต่ไม่กล้าชนซึ่งหน้า เพราะรู้ดีว่า ลูกเลิฟจีน รัสเซีย อาเซียนจะไม่แตก เหตุเพราะต่างรู้ดีว่า อาเซียนคือเกราะกำบังให้ทุกชาติสมาชิก หากแตกเมื่อไหร่ เหี้ยมันจะโจมตีแต่ละชาติง่ายดาย ไทยไม่เท่าไหร่ เพราะมีมือ 1 โลกดูแลถึง 2 ประเทศ แล้วชาติอาเซียนอื่นล่ะ? ดังนั้น อย่ามาซ่าส์กับไทย อย่ามาเสี้ยม เพราะในความเป็นจริง จีน รัสเซีย เข้ามาอุ้ม เข้ามาช่วย ชาติอาเซียน มาโดยตลอด ตั้งแต่ยุคโควิท มาจนถึงวันนี้ ใครเป็นใคร ภาพยิ่งชัด ปูตินมาเยือนอาเซียน สีจิ้นผิง เยือนอาเซียน ดูขบวนต้อนรับก็พอแล้ว แตกต่างจากเหี้ยทุกรูขุมขน? เกมส์โลกมรึงแพ้ไปแล้ว ยังหน้าด้านจะก่อสงครามล้มกระดานให้ได้ ไม่ต้องถามต่อน่ะ สงครามจะมีมั้ย? เค้าข้ามจุดนั้นไปนานแล้ว ต้องถามว่า "เหี้ยยังจะเหลือแผ่นดินมั้ยดีกว่า?" หมี CNN(บิ๊กแจ๊สตบลุงชาญร่วง ชาวปทุมไม่เอาทั้งอีแดง อีส้ม เบื่อการเมือง มาเลือกกันน้อยกว่าครั้งก่อน แต่เสือกชนะขาด หลอกควายต่อยากแล้วสิน่ะ อีเหลิมฉลอง กูสาแก่ใจนัก เขี่ยอีแดงคาสนามเลือกตั้ง นายกอบจ. ใครว่าไม่สำคัญ งบประมาณทั้งนั้น รากฐานเสียง สนามใหญ่ นี่ไง ปชต. มีไว้หาแดร๊ก ขายเสียงกัน ที่ใดมีควายเยอะ ที่นั่น ปชต.เบ่งบาน ระบบที่เหี้ยยิวสร้าง อย่าหวังว่ามันจะทำให้ชาติใดรอด? ปชต.คือเสนียดโลก จำจงดี!) 23 กย. 67 12.50 น. https://linevoom.line.me/post/1172707076283787922 ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    0 Comments 0 Shares 549 Views 0 Reviews
  • #เปิดเหตุผลดีๆที่เทพทุยหาทางลงแบบไม่ได้นัดหมาย
    ก็ตั้งแต่เช้า มีแฟนเพจทักมา
    บอกว่า สนธิ ถูกเบรคจากผู้ใหญ่นั-ก-ก-า-รเ-มื-อ-งผู้มีอำนาจ ไม่ให้พูดเรื่องกามิจ
    พี่คิงส์ขำมาก ตั้งแต่รู้จักชื่อสนธิ ลิ้มทองกุล ก็ยังไม่เคยเห็นใครคุมได้ กล้าพูดกล้าขุดทุกเรื่อง ไม่สนหน้าอินทร์ หน้าพรหม แม้แต่สุ-ร-เ-ช-ษ-ฐ์ อดีตรองผบตร.ผู้มี-อำ-นาจ ขวางกระแสโซเชียลยังไม่ยี่หระเลย จนความจริงเปิดเผยให้คนไทยได้รู้ทั่วประเทศ
    แล้วเค้าจะมาหยุดเพียงเพราะสก้อยกิมจิ๊เนี่ยนะ เอาสมองส่วนไหนมาคิด
    เอาจริงๆ มันมีที่มาจากนี่
    #8เหตุผลดีๆที่เทพทุยจะเททุยไทย
    1. ผู้ใหญ่ฝั่งก-า-ร-เ-มื-อ-งเ-ส-น-อยุ-ติความขั-ดแ-ย้-ง คำใบ้ "แป้ง" หวั่นกระทบ คสพ. ระหว่างประเทศ
    ตอบ..นี่สืบแล้วนะคนที่เทพทุยเอาไปอ้างบอกไม่เกี่ยวและไม่พอใจด้วยที่เอาเค้าไปอ้าง ก็แก้ปัญหาเองละกันนะอ้างไม่เข้าเรื่อง
    2. พี่ชายฝ่าย ญ. ที่เป็นข้-ารา-ช-การไม่พอใจเป็นอย่างมาก กับสิ่งที่น้องสาวสกำลังโดนกระทำแต่ฝ่ายญ.ห้ามไว้ไม่ให้เคลื่อนไหวหวั่นกระทบงาน
    ตอบ..นี่ก็ที่สร้างกระแสอ้างว่าพี่อิเหวิงจะฟ้-อ-งคนไทยแหละก็กลับลำและมีเหตุผลหล่อๆประมาณนี้ไม่ว่ากันสำหรับข้อนี้ เพราะโจดันอยากฟ้-อ-ง แต่กันอิเหวิงเลยโยนว่าพี่ชายเป็นคนทำ ความอิ๊บอ๋ายก็เกิดขึ้นกับอิพี่สิ ทำอะไรไม่คิด
    3. ฝ่ายญ.เป็นห่วงและไม่เคยคิดทำร้ายฝ่ายชาย
    ตอบ..อันนี้ให้ไปดูโพสวันนี้ก่อนหน้าของพี่คิงส์ที่ชื่อตอนหน้ากล้องตี้ร๊ากหลักล้องขรี้เมาท์แล้วจะสว่างวาบ
    4. ฝ่ายชายยอมรับยังรักอยู่ครับ
    ตอบ..ตอบด้วยเพลงนะฉันไม่ได้รู้สึกอะไรแล้วเพราะฉันโดนทำร้ายมามากแล้ว รอยแผลและความเจ็บช้ำไม่รู้สึกถึงมันอีกแล้ว
    5. ครอบครัวและคนใกล้ชิดฝ่ายชายมีบางส่วนไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ฝ่ายชายกำลังทำ
    ตอบ..ดูแล้วชาลีก็ไม่ได้ทำอะไรที่ควรตำหนินะมีแต่ให้ด้อมแพนด้าทำท่าออกกำลังกายท่ายากนั่นแหละเห็นกันหรือยังที่ดึงตัวให้ขนานกับพื้นโลกโดยเกาะหลังซาเล้งอะใครจะไปทำตามได้ฟร๊ะฝากบอกแน๊กด้วย
    6. จะมีการออกรายการทะเลาะกันกับฝ่ายญ.มีรายการที่ชาวเน็ตเกาสใจติดต่อมาแต่ปฏิเสธเรียบร้อย
    ตอบ ก่อนบอกว่ามีทีวีเอาไปออกชวเน็ตเกาสนใจขอให้ไปถามคนเกาหลีก่อนรู้จักอิเหวิงมั๊ยก่อนหัวจะปวด
    7. ฝ่ายช.ยืนยันรักออนไลน์จะไม่มีคนที่2
    ตอบ ใครจะไม่เข็ดกรรูขำ
    8.จะมีไฟท์บินเกาหลีไทยสิ้นเดือนแน่นอน
    ตอบ ..เทพทุยบอกไม่เกี่ยวแต่จะบินไปเกาหลีสิ้นเดือนสรุปไม่มีการมีงานทำกันจริงๆใช่มั๊ย55
    ข้อมูลจาก DC สรุปไว้
    โปรดใช้จักรยานไฟฟ้าในการรับชม
    และโปรดแสดงความคิดเห็นด้วยความค่อนข้างไปทางสุภาพก็ได้
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #เปิดเหตุผลดีๆที่เทพทุยหาทางลงแบบไม่ได้นัดหมาย ก็ตั้งแต่เช้า มีแฟนเพจทักมา บอกว่า สนธิ ถูกเบรคจากผู้ใหญ่นั-ก-ก-า-รเ-มื-อ-งผู้มีอำนาจ ไม่ให้พูดเรื่องกามิจ พี่คิงส์ขำมาก ตั้งแต่รู้จักชื่อสนธิ ลิ้มทองกุล ก็ยังไม่เคยเห็นใครคุมได้ กล้าพูดกล้าขุดทุกเรื่อง ไม่สนหน้าอินทร์ หน้าพรหม แม้แต่สุ-ร-เ-ช-ษ-ฐ์ อดีตรองผบตร.ผู้มี-อำ-นาจ ขวางกระแสโซเชียลยังไม่ยี่หระเลย จนความจริงเปิดเผยให้คนไทยได้รู้ทั่วประเทศ แล้วเค้าจะมาหยุดเพียงเพราะสก้อยกิมจิ๊เนี่ยนะ เอาสมองส่วนไหนมาคิด เอาจริงๆ มันมีที่มาจากนี่ #8เหตุผลดีๆที่เทพทุยจะเททุยไทย 1. ผู้ใหญ่ฝั่งก-า-ร-เ-มื-อ-งเ-ส-น-อยุ-ติความขั-ดแ-ย้-ง คำใบ้ "แป้ง" หวั่นกระทบ คสพ. ระหว่างประเทศ ตอบ..นี่สืบแล้วนะคนที่เทพทุยเอาไปอ้างบอกไม่เกี่ยวและไม่พอใจด้วยที่เอาเค้าไปอ้าง ก็แก้ปัญหาเองละกันนะอ้างไม่เข้าเรื่อง 2. พี่ชายฝ่าย ญ. ที่เป็นข้-ารา-ช-การไม่พอใจเป็นอย่างมาก กับสิ่งที่น้องสาวสกำลังโดนกระทำแต่ฝ่ายญ.ห้ามไว้ไม่ให้เคลื่อนไหวหวั่นกระทบงาน ตอบ..นี่ก็ที่สร้างกระแสอ้างว่าพี่อิเหวิงจะฟ้-อ-งคนไทยแหละก็กลับลำและมีเหตุผลหล่อๆประมาณนี้ไม่ว่ากันสำหรับข้อนี้ เพราะโจดันอยากฟ้-อ-ง แต่กันอิเหวิงเลยโยนว่าพี่ชายเป็นคนทำ ความอิ๊บอ๋ายก็เกิดขึ้นกับอิพี่สิ ทำอะไรไม่คิด 3. ฝ่ายญ.เป็นห่วงและไม่เคยคิดทำร้ายฝ่ายชาย ตอบ..อันนี้ให้ไปดูโพสวันนี้ก่อนหน้าของพี่คิงส์ที่ชื่อตอนหน้ากล้องตี้ร๊ากหลักล้องขรี้เมาท์แล้วจะสว่างวาบ 4. ฝ่ายชายยอมรับยังรักอยู่ครับ ตอบ..ตอบด้วยเพลงนะฉันไม่ได้รู้สึกอะไรแล้วเพราะฉันโดนทำร้ายมามากแล้ว รอยแผลและความเจ็บช้ำไม่รู้สึกถึงมันอีกแล้ว 5. ครอบครัวและคนใกล้ชิดฝ่ายชายมีบางส่วนไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ฝ่ายชายกำลังทำ ตอบ..ดูแล้วชาลีก็ไม่ได้ทำอะไรที่ควรตำหนินะมีแต่ให้ด้อมแพนด้าทำท่าออกกำลังกายท่ายากนั่นแหละเห็นกันหรือยังที่ดึงตัวให้ขนานกับพื้นโลกโดยเกาะหลังซาเล้งอะใครจะไปทำตามได้ฟร๊ะฝากบอกแน๊กด้วย 6. จะมีการออกรายการทะเลาะกันกับฝ่ายญ.มีรายการที่ชาวเน็ตเกาสใจติดต่อมาแต่ปฏิเสธเรียบร้อย ตอบ ก่อนบอกว่ามีทีวีเอาไปออกชวเน็ตเกาสนใจขอให้ไปถามคนเกาหลีก่อนรู้จักอิเหวิงมั๊ยก่อนหัวจะปวด 7. ฝ่ายช.ยืนยันรักออนไลน์จะไม่มีคนที่2 ตอบ ใครจะไม่เข็ดกรรูขำ 8.จะมีไฟท์บินเกาหลีไทยสิ้นเดือนแน่นอน ตอบ ..เทพทุยบอกไม่เกี่ยวแต่จะบินไปเกาหลีสิ้นเดือนสรุปไม่มีการมีงานทำกันจริงๆใช่มั๊ย55 ข้อมูลจาก DC สรุปไว้ โปรดใช้จักรยานไฟฟ้าในการรับชม และโปรดแสดงความคิดเห็นด้วยความค่อนข้างไปทางสุภาพก็ได้ #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    Love
    Haha
    9
    0 Comments 0 Shares 1545 Views 0 Reviews
  • #โอ้วอะไรก็เกิดขึ้นได้โจลั่นในไลฟ์แบบนี้
    ลองอ่านกันนะ สรุปใจความว่า
    "พี่โจ ก็รักน้องทั้งสองคน ชาลีพี่ก็สงสารนะ เพราะเค้าโดนหนักเหมือนกัน พี่โจ ไม่เค๊ยไม่เคย ที่จะไปว่าชาลีเปื่อย เรื่องนี้พี่ไม่เคยทำ"
    อุ๊ต๊ะ นั่นหมายความว่า ทุยที่เล่นแน๊กมาตลอด ที่เคลิ้มจากใครซากดจิตก็ม่ายรู้
    ณ เวลานี้ มีข่าวดีจะบอก
    "ทุยไทยโดยเท"
    "โจไม่เค๊ย ไม่เคยว่าน้องแน๊ก"
    ผ่าง!!!! อิ๊บอ๋ายเลี้ยววววว
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #โอ้วอะไรก็เกิดขึ้นได้โจลั่นในไลฟ์แบบนี้ ลองอ่านกันนะ สรุปใจความว่า "พี่โจ ก็รักน้องทั้งสองคน ชาลีพี่ก็สงสารนะ เพราะเค้าโดนหนักเหมือนกัน พี่โจ ไม่เค๊ยไม่เคย ที่จะไปว่าชาลีเปื่อย เรื่องนี้พี่ไม่เคยทำ" อุ๊ต๊ะ นั่นหมายความว่า ทุยที่เล่นแน๊กมาตลอด ที่เคลิ้มจากใครซากดจิตก็ม่ายรู้ ณ เวลานี้ มีข่าวดีจะบอก "ทุยไทยโดยเท" "โจไม่เค๊ย ไม่เคยว่าน้องแน๊ก" ผ่าง!!!! อิ๊บอ๋ายเลี้ยววววว #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    Love
    Haha
    3
    0 Comments 0 Shares 606 Views 0 Reviews
  • โจ เปลี่ยนเวย์ ลั่น ไม่เคยว่าชาลีเปื่อยจิต เอาแล้วทุยโดนเท สรุปโจบอกว่า พวกเมิงทำเอง อิ๊บอ๊ายแล้ว
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    โจ เปลี่ยนเวย์ ลั่น ไม่เคยว่าชาลีเปื่อยจิต เอาแล้วทุยโดนเท สรุปโจบอกว่า พวกเมิงทำเอง อิ๊บอ๊ายแล้ว #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    Haha
    2
    0 Comments 0 Shares 562 Views 0 Reviews
  • #คนไทยโดยต้มตั้งแต่ซีนแรก
    #สติมาปัญญาจะเกิด
    ห้วงเวลา ตอนดร็อปเรียน งานไม่มี จากเดิมที่เป็นแดนเซอร์บ้าง เป็นตัวประกอบบ้างแบบปลายแถว ชนิดที่ คนญี่ปุ่นไปเดินถามกี่คนก็ไม่มีชื่อจีกามินในความทรงจำ จนสุดท้าย อายุที่มากขึ้น
    งานหาย แต่บินไปญี่ปุ่น ติดปาจิงโกะ ไม่มีงานไม่มีเงิน น่าสงสารดราม่า แต่อยู่ที่นั่นได้เป็นเดือนๆ ติดปาจิงโกะหรือสล็อตญี่ปุ่นหนักมาก ถึงขนาดสักตัว นั่นแปลว่า มันไม่คิดจะไปเป็นนักแสดงในวงการแล้ว เกาหลีทีวีเค้าแบน เค้าไม่ชอบ เค้าถือว่าสกปรก เป็นลักษณะสก็อยกิมจิ
    ถ้าคนที่ติดตามตั้งสติได้ จะเอ๊ะทันที
    แล้วเขียนสตอรี่ ว่าหาทุนเรียนการแสดง อยากจบโท ไอ้การแสดงนี่ เรียนก็เพื่อเป็นนักแสดง เพราะในวงการไม่สำเร็จ การเรียนโทการแสดงเหมือนใบเบิกทางในเกาหลี
    ดังนั้นสรุปได้เลยว่า กามิจล้มเลิกอาชีพนักแสดงตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว และไม่ได้คิดจะเรียนต่อ และตั้งใจเป็นนักพนันเต็มตัว เหมือนรอยสักที่มีอยู่ในตำแหน่งทั่วตัว แต่พอมีช่องทางที่ ตต. ได้พีเค มีเอเจนซี่ดูแล การสร้างสตอรี่เพื่อเรียกสติ๊กเกอร์จึงเกิดขึ้น
    แบบนี้ ทุยไหนจะเถียว ว่ามาได้เลย
    ตอบสิว่า เกาหลีช่องไหน ให้สาวกิมจิที่มีรอยสักแบบนี้แสดงซี่รี่
    หรือเป็นนักร้องนักแสดง หรือแม้กระทั่งเป็นแดนเซอร์
    แบบที่เคยทำมาหากินก่อนไปญี่ปุ่น ตอนตัวเกลี้ยงๆ ถ้าตอนนี้เค้าจะรับมั๊ย
    ดังนั้น สภาพแบ๊วๆที่เห็น คือการแสดงอย่างชัดเจน
    สิ่งที่กามินได้เรียนมา ได้ใช้ประโยชน์จริงๆ
    ก็คือ นำมาใช้ให้คนไทยได้หลง
    จนป่านนี้ ยังมีทุยไทยอีกจำนวนพอสมควร
    ที่ยังไม่ได้ตื่นจากความฝัน จริงๆ
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คนไทยโดยต้มตั้งแต่ซีนแรก #สติมาปัญญาจะเกิด ห้วงเวลา ตอนดร็อปเรียน งานไม่มี จากเดิมที่เป็นแดนเซอร์บ้าง เป็นตัวประกอบบ้างแบบปลายแถว ชนิดที่ คนญี่ปุ่นไปเดินถามกี่คนก็ไม่มีชื่อจีกามินในความทรงจำ จนสุดท้าย อายุที่มากขึ้น งานหาย แต่บินไปญี่ปุ่น ติดปาจิงโกะ ไม่มีงานไม่มีเงิน น่าสงสารดราม่า แต่อยู่ที่นั่นได้เป็นเดือนๆ ติดปาจิงโกะหรือสล็อตญี่ปุ่นหนักมาก ถึงขนาดสักตัว นั่นแปลว่า มันไม่คิดจะไปเป็นนักแสดงในวงการแล้ว เกาหลีทีวีเค้าแบน เค้าไม่ชอบ เค้าถือว่าสกปรก เป็นลักษณะสก็อยกิมจิ ถ้าคนที่ติดตามตั้งสติได้ จะเอ๊ะทันที แล้วเขียนสตอรี่ ว่าหาทุนเรียนการแสดง อยากจบโท ไอ้การแสดงนี่ เรียนก็เพื่อเป็นนักแสดง เพราะในวงการไม่สำเร็จ การเรียนโทการแสดงเหมือนใบเบิกทางในเกาหลี ดังนั้นสรุปได้เลยว่า กามิจล้มเลิกอาชีพนักแสดงตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว และไม่ได้คิดจะเรียนต่อ และตั้งใจเป็นนักพนันเต็มตัว เหมือนรอยสักที่มีอยู่ในตำแหน่งทั่วตัว แต่พอมีช่องทางที่ ตต. ได้พีเค มีเอเจนซี่ดูแล การสร้างสตอรี่เพื่อเรียกสติ๊กเกอร์จึงเกิดขึ้น แบบนี้ ทุยไหนจะเถียว ว่ามาได้เลย ตอบสิว่า เกาหลีช่องไหน ให้สาวกิมจิที่มีรอยสักแบบนี้แสดงซี่รี่ หรือเป็นนักร้องนักแสดง หรือแม้กระทั่งเป็นแดนเซอร์ แบบที่เคยทำมาหากินก่อนไปญี่ปุ่น ตอนตัวเกลี้ยงๆ ถ้าตอนนี้เค้าจะรับมั๊ย ดังนั้น สภาพแบ๊วๆที่เห็น คือการแสดงอย่างชัดเจน สิ่งที่กามินได้เรียนมา ได้ใช้ประโยชน์จริงๆ ก็คือ นำมาใช้ให้คนไทยได้หลง จนป่านนี้ ยังมีทุยไทยอีกจำนวนพอสมควร ที่ยังไม่ได้ตื่นจากความฝัน จริงๆ #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    Haha
    2
    0 Comments 0 Shares 960 Views 0 Reviews
  • #EP2
    เอากันตามตรง ถ้าขายแบบตรงๆ กำไรน้อย..ส่วนที่กำไรชัดเจน คือ 2 สิ่ง คือ ส่วนต่างเปอร์เซ็นต์ทอง กับส่วนต่างของค่าแรงช่างขึ้นงาน (สมมุติจ้างช่างชิ้นละ 200 ก็เก็บ 4-600 เป็นต้น งานตลับแพงกว่านี้ 1500-3000)
    ก็เหมือนร้านขายทองรูปพรรณ ถ้าขายปกติอย่างเดียว กำไรแค่ค่ากำเน็จ และอาจกำไรราคาทองที่เปลี่ยนแปลง ..(แต่อันนี้มันไม่ยั่งยืน สมมุติคุณมี Stock 3 กิโล คุณก็กำไรแค่ 3 กิโลนั้น ..แล้วไงต่อ คุณก็ต้องไปหามาใหม่ 3 กิโล ในราคาตลาด...เพื่อมาขาย ทำธุรกิจต่อ..หรือจะกำไรแล้วเลิกเลย .ก็คงไม่ใช่
    ส่วนที่กำไรจริงๆคือ รับซื้อทองเก่า รับจำนำแล้วขาดส่ง ระยะหลังมีระบบออมทอง มีคนเอาเงินมาฝากไว้ฟรีๆ ไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยด้วย..
    วันนี้ข่าวใหญ่ เรื่องซื้อทองในเฟส หรือ Tiktok ไม่ทราบ แล้วเอาไปขาย สรุปขายไม่ได้...อยากบอกว่า ด้วยความที่ผู้เขียนสนิทกับเศรษญีชาวจีนท่านนึง เทคโนโลยีเคลือบทองคำแบบนี้ มีมา 15 ปีแล้ว พร้อมใบ certificate ครบ การันตี Gold 99.9 .(ผู้เขียนได้มา 15 ปีก่อน เป็นแบงค์ Us dollars ทองคำ (แต่ทำโดยจีน)
    ...ออกตัวก่อน ส่วนตัวไม่ได้อ่าน ว่าใครขาย ใครซื้อ และไม่ทราบด้วย และมันไม่ใช่เรื่องใหม่ จึงไม่ได้สนใจ . ,
    ..แต่บอกได้อย่างนึง ถ้าขายเป็นทองแท้ แต่เขาพิสูจน์แล้วไม่ใช่ทองคำ และถ้ามีผู้เสียหายจำนวนมาก ก็โดนคดี ฉัอโกงประชาชน เต็มๆ......ถ้าเคลียร์ได้ก็ดี คดีนี้ แรง....ถ้าความเสียหายมาก บางทีศาลไม่ให้ประกัน...สู้ไปติดไปกันมาเยอะแล้ว คดีนี้...
    พรก อภัยโทษมาในวาระสำคัญ ก็มักไม่ cover คดีแบบนี้ ส่วนใหญ่มักติดยาว..
    #ไม่โลภไม่โดน# #ท่องไว้#
    #EP2 เอากันตามตรง ถ้าขายแบบตรงๆ กำไรน้อย..ส่วนที่กำไรชัดเจน คือ 2 สิ่ง คือ ส่วนต่างเปอร์เซ็นต์ทอง กับส่วนต่างของค่าแรงช่างขึ้นงาน (สมมุติจ้างช่างชิ้นละ 200 ก็เก็บ 4-600 เป็นต้น งานตลับแพงกว่านี้ 1500-3000) ก็เหมือนร้านขายทองรูปพรรณ ถ้าขายปกติอย่างเดียว กำไรแค่ค่ากำเน็จ และอาจกำไรราคาทองที่เปลี่ยนแปลง ..(แต่อันนี้มันไม่ยั่งยืน สมมุติคุณมี Stock 3 กิโล คุณก็กำไรแค่ 3 กิโลนั้น ..แล้วไงต่อ คุณก็ต้องไปหามาใหม่ 3 กิโล ในราคาตลาด...เพื่อมาขาย ทำธุรกิจต่อ..หรือจะกำไรแล้วเลิกเลย .ก็คงไม่ใช่ ส่วนที่กำไรจริงๆคือ รับซื้อทองเก่า รับจำนำแล้วขาดส่ง ระยะหลังมีระบบออมทอง มีคนเอาเงินมาฝากไว้ฟรีๆ ไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยด้วย.. วันนี้ข่าวใหญ่ เรื่องซื้อทองในเฟส หรือ Tiktok ไม่ทราบ แล้วเอาไปขาย สรุปขายไม่ได้...อยากบอกว่า ด้วยความที่ผู้เขียนสนิทกับเศรษญีชาวจีนท่านนึง เทคโนโลยีเคลือบทองคำแบบนี้ มีมา 15 ปีแล้ว พร้อมใบ certificate ครบ การันตี Gold 99.9 .(ผู้เขียนได้มา 15 ปีก่อน เป็นแบงค์ Us dollars ทองคำ (แต่ทำโดยจีน) ...ออกตัวก่อน ส่วนตัวไม่ได้อ่าน ว่าใครขาย ใครซื้อ และไม่ทราบด้วย และมันไม่ใช่เรื่องใหม่ จึงไม่ได้สนใจ . , ..แต่บอกได้อย่างนึง ถ้าขายเป็นทองแท้ แต่เขาพิสูจน์แล้วไม่ใช่ทองคำ และถ้ามีผู้เสียหายจำนวนมาก ก็โดนคดี ฉัอโกงประชาชน เต็มๆ......ถ้าเคลียร์ได้ก็ดี คดีนี้ แรง....ถ้าความเสียหายมาก บางทีศาลไม่ให้ประกัน...สู้ไปติดไปกันมาเยอะแล้ว คดีนี้... พรก อภัยโทษมาในวาระสำคัญ ก็มักไม่ cover คดีแบบนี้ ส่วนใหญ่มักติดยาว.. #ไม่โลภไม่โดน# #ท่องไว้#
    0 Comments 0 Shares 226 Views 0 Reviews
  • #เพลงรำวง#กฐินวัดจันทร์ #บทสรุปในหนึ่งเพลง
    https://youtu.be/aEETXv_OiQ8?si=biMRlGAQZdx5CzDO
    #เพลงรำวง#กฐินวัดจันทร์ #บทสรุปในหนึ่งเพลง https://youtu.be/aEETXv_OiQ8?si=biMRlGAQZdx5CzDO
    0 Comments 0 Shares 55 Views 0 Reviews
  • การแก้บนด้วยม้าลายเป็นความเชื่อที่แพร่หลายในสังคมไทย โดยมีที่มาและเหตุผลหลายประการ ดังนี้
    1. #ความเชื่อเรื่องม้าลายช่วยขจัดปัดเป่าอุปสรรค
    * ลายของม้าลาย: เชื่อว่าลายขาวดำของม้าลายเปรียบเสมือนการขจัดสิ่งไม่ดีออกไป และนำพาสิ่งดีๆ เข้ามา ช่วยให้ผู้บนประสบความสำเร็จและราบรื่นในสิ่งที่หวังไว้
    * ความว่องไวของม้าลาย: ม้าลายเป็นสัตว์ที่ว่องไวและแข็งแรง เชื่อว่าจะช่วยให้ผู้บนผ่านพ้นอุปสรรคและปัญหาต่างๆ ไปได้อย่างรวดเร็ว
    2. #ความเชื่อเรื่องม้าลายนำโชคลาภ
    * เสียงร้องของม้าลาย: บางคนเชื่อว่าเสียงร้องของม้าลายคล้ายกับเสียงหัวเราะ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความสุขและโชคลาภ
    * ความหายากของม้าลาย: ม้าลายไม่ใช่สัตว์พื้นเมืองของไทย ทำให้มีความแปลกและหายาก เชื่อว่าการนำม้าลายมาถวายแก้บนจะทำให้คำขอเป็นที่สะดุดตาและได้รับการตอบสนองจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์
    3. #ความเชื่อเรื่องม้าลายช่วยเตือนสติ
    * ลายขาวดำของม้าลาย: เชื่อว่าลายขาวดำของม้าลายเป็นเครื่องเตือนใจให้ระมัดระวังและไม่ประมาท ช่วยให้ผู้บนมีสติและไตร่ตรองก่อนตัดสินใจ
    * การอยู่รวมกันเป็นฝูงของม้าลาย: ม้าลายเป็นสัตว์สังคมที่อยู่รวมกันเป็นฝูง เชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์ของความสามัคคีและการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
    4. #การบอกเล่าและสืบทอด
    ความเชื่อเรื่องการแก้บนด้วยม้าลายถูกบอกเล่าและสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ทำให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมและความเชื่อของคนไทย
    5. #ความสบายใจและกำลังใจ
    แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยืนยัน แต่การแก้บนด้วยม้าลายก็เป็นสิ่งที่ช่วยให้ผู้บนรู้สึกสบายใจและมีกำลังใจมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการเผชิญหน้ากับปัญหาและอุปสรรคต่างๆ

    #สรุป การแก้บนด้วยม้าลายเป็นความเชื่อที่มีรากฐานมาจากหลายปัจจัย ทั้งความเชื่อเรื่องการขจัดปัดเป่าอุปสรรค การนำโชคลาภ การเตือนสติ และการบอกเล่าสืบทอด แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยืนยัน แต่ก็เป็นสิ่งที่ช่วยให้ผู้บนรู้สึกสบายใจและมีกำลังใจมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการดำเนินชีวิต
    การแก้บนด้วยม้าลายเป็นความเชื่อที่แพร่หลายในสังคมไทย โดยมีที่มาและเหตุผลหลายประการ ดังนี้ 1. #ความเชื่อเรื่องม้าลายช่วยขจัดปัดเป่าอุปสรรค * ลายของม้าลาย: เชื่อว่าลายขาวดำของม้าลายเปรียบเสมือนการขจัดสิ่งไม่ดีออกไป และนำพาสิ่งดีๆ เข้ามา ช่วยให้ผู้บนประสบความสำเร็จและราบรื่นในสิ่งที่หวังไว้ * ความว่องไวของม้าลาย: ม้าลายเป็นสัตว์ที่ว่องไวและแข็งแรง เชื่อว่าจะช่วยให้ผู้บนผ่านพ้นอุปสรรคและปัญหาต่างๆ ไปได้อย่างรวดเร็ว 2. #ความเชื่อเรื่องม้าลายนำโชคลาภ * เสียงร้องของม้าลาย: บางคนเชื่อว่าเสียงร้องของม้าลายคล้ายกับเสียงหัวเราะ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความสุขและโชคลาภ * ความหายากของม้าลาย: ม้าลายไม่ใช่สัตว์พื้นเมืองของไทย ทำให้มีความแปลกและหายาก เชื่อว่าการนำม้าลายมาถวายแก้บนจะทำให้คำขอเป็นที่สะดุดตาและได้รับการตอบสนองจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ 3. #ความเชื่อเรื่องม้าลายช่วยเตือนสติ * ลายขาวดำของม้าลาย: เชื่อว่าลายขาวดำของม้าลายเป็นเครื่องเตือนใจให้ระมัดระวังและไม่ประมาท ช่วยให้ผู้บนมีสติและไตร่ตรองก่อนตัดสินใจ * การอยู่รวมกันเป็นฝูงของม้าลาย: ม้าลายเป็นสัตว์สังคมที่อยู่รวมกันเป็นฝูง เชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์ของความสามัคคีและการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน 4. #การบอกเล่าและสืบทอด ความเชื่อเรื่องการแก้บนด้วยม้าลายถูกบอกเล่าและสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ทำให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมและความเชื่อของคนไทย 5. #ความสบายใจและกำลังใจ แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยืนยัน แต่การแก้บนด้วยม้าลายก็เป็นสิ่งที่ช่วยให้ผู้บนรู้สึกสบายใจและมีกำลังใจมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการเผชิญหน้ากับปัญหาและอุปสรรคต่างๆ #สรุป การแก้บนด้วยม้าลายเป็นความเชื่อที่มีรากฐานมาจากหลายปัจจัย ทั้งความเชื่อเรื่องการขจัดปัดเป่าอุปสรรค การนำโชคลาภ การเตือนสติ และการบอกเล่าสืบทอด แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยืนยัน แต่ก็เป็นสิ่งที่ช่วยให้ผู้บนรู้สึกสบายใจและมีกำลังใจมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการดำเนินชีวิต
    0 Comments 0 Shares 206 Views 0 Reviews
  • 🛑 ขอนอกคอกหน่อย คนอื่น หรือแหล่งข้อมูลหลากหลาย จะแปลว่า รวยทางเดียว..
    มาดูสิ่งที่ผู้เขียน รับฟังจาก มหาเศรษฐีขาวจีนท่านนึง เขาอธิบายว่า
    _เลข 1 คือ เป็นที่ 1
    _ เลข 6 คือ การเดินทาง (ไม่ได้หมายถึงแค่การขับรถหมายรวมไปถึงทุกการเดินทาง (การใช้ชีวิตนั่นเอง)
    _ เลข 8 คือ ความร่ำรวย.
    ...
    ก็เอาความหมายเหล่านี้ผสมกัน ส่วนใครจะคิดคำสละสลวยแบบใด ก็ว่ากันไป..
    🧡 อยากที่เคยเขียน ผู้เขียนจะไม่เชื่อข้อมูลจากแหล่งเดียว จะเอาข้อมูลหบายส่วนมาเทียบและประมวลผล.
    1 ผลรวม 168 ได้ 15 ถือว่า ดีเยี่ยม
    2. ความหมายเลข 1 คือ ดวงอาทิตย์ ความเป็นที่ 1 มีพลังงานมาก
    ความหมายเลข 6 คือ การลุ่มหลง การมีมากๆ ความสุข สนุกสนาน.
    ความหมายเลข 8 คือ เลขรวย ของชาวจีน
    #สรุป# ทั้ง 3 เหตุผล จึงเป็นคำอธิบายว่า เลขนี้ ทำไมนิยม ทำไมแพง 🙂🙏🧡

    🛑 ขอนอกคอกหน่อย คนอื่น หรือแหล่งข้อมูลหลากหลาย จะแปลว่า รวยทางเดียว.. มาดูสิ่งที่ผู้เขียน รับฟังจาก มหาเศรษฐีขาวจีนท่านนึง เขาอธิบายว่า _เลข 1 คือ เป็นที่ 1 _ เลข 6 คือ การเดินทาง (ไม่ได้หมายถึงแค่การขับรถหมายรวมไปถึงทุกการเดินทาง (การใช้ชีวิตนั่นเอง) _ เลข 8 คือ ความร่ำรวย. ... ก็เอาความหมายเหล่านี้ผสมกัน ส่วนใครจะคิดคำสละสลวยแบบใด ก็ว่ากันไป.. 🧡 อยากที่เคยเขียน ผู้เขียนจะไม่เชื่อข้อมูลจากแหล่งเดียว จะเอาข้อมูลหบายส่วนมาเทียบและประมวลผล. 1 ผลรวม 168 ได้ 15 ถือว่า ดีเยี่ยม 2. ความหมายเลข 1 คือ ดวงอาทิตย์ ความเป็นที่ 1 มีพลังงานมาก ความหมายเลข 6 คือ การลุ่มหลง การมีมากๆ ความสุข สนุกสนาน. ความหมายเลข 8 คือ เลขรวย ของชาวจีน #สรุป# ทั้ง 3 เหตุผล จึงเป็นคำอธิบายว่า เลขนี้ ทำไมนิยม ทำไมแพง 🙂🙏🧡
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 131 Views 0 Reviews
  • 🇷🇺 ⚔️ 🇺🇦 จุดจบใกล้เข้ามาแล้วหรือไม่?
    • นี่คือสิ่งที่กองทัพรัสเซียประสบความสำเร็จในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา😁
    • กองทัพมอสโกกำลังสร้างผลกำไรใน 3 แนวรบสำคัญ ขณะที่เคียฟพยายามหาทางตอบโต้อย่างสิ้นหวัง😆
    .
    #แนวรบความขัดแย้ง ในยูเครนได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคม เมื่อพิจารณาจากเวลา 7 สัปดาห์ที่ผ่านไป ตอนนี้สามารถสรุปผลเบื้องต้นได้บางส่วน ในพื้นที่สำคัญของแนวรบตั้งแต่เหนือจรดใต้
    .
    🔺🔺 แนวรบเคิร์สก์
    เมื่อ 6 ส.ค. กองทัพยูเครนได้เปิดฉากบุกโจมตีแคว้นเคิร์สก์ เมื่อมองเผินๆ ก็ดูเหมือนการโจมตีข้ามพรมแดนอีกครั้ง ซึ่งคล้ายกับหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ในไม่ช้าก็เห็นได้ชัดว่าปฏิบัติการนี้มีความสำคัญมากกว่า

    ◉ ในครั้งนี้ AFU ได้รุกคืบ และตั้งเป้าที่จะทำซ้ำความสำเร็จที่เคยทำในแคว้นคาร์คิฟ ในฤดูใบไม้ร่วงปี 65 อย่างชัดเจน
    #กลยุทธ์ คือการฝ่าแนวรบที่ค่อนข้างอ่อนแอ (เมื่อเทียบกับดอนบาสและซาปอริซเซีย) ยึดพื้นที่ขนาดใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว และบังคับให้กองทัพรัสเซียล่าถอยโดยไม่สู้รบ

    ◉ แม้ว่าในช่วงแรกจะมีกำลังพลเพิ่มขึ้น แต่การโจมตีก็หยุดชะงักในไม่ช้า **ความสำเร็จสูงสุดของกองทัพยูเครนคือการยึดเมืองต.ซูดจา Sudzha** ซึ่งมีประชากรประมาณ 5,000 คน กองทัพยูเครนยังยึดครองพื้นที่ที่ค่อนข้างใหญ่แต่มีประชากรเบาบางประมาณ 1,200 - 1,300 ตร.กม.ได้
    • โดยพื้นฐานแล้ว ประโยชน์เดียวที่เคียฟได้รับจากปฏิบัติการนี้คือการขยายแนวหน้าออกไปอีกประมาณ 130 กม.

    ◉ ตลอดเดือน ก.ย. AFU พยายามขยายพื้นที่ควบคุมไปทางตะวันตกสู่ อ.กลุชคอฟสกี้ ซึ่งสามารถตั้งแนวป้องกันที่แข็งแกร่งริมแม่น้ำ Seim ได้
    • กองทัพรัสเซีย ได้เข้าขัดขวางและเปิดฉากโจมตีตอบโต้ ซึ่งไม่อนุญาตให้กองกำลังยูเครนขนอุปกรณ์ทางทหารหนักเข้ามา หรือสร้างโครงสร้างป้องกัน
    .
    ⏺⏺สถานการณ์ปัจจุบันเป็นอย่างไร?⏺⏺
    ◙ วันที่ 10 กันยายน ได้ยินข่าวการโต้กลับของรัสเซียเป็นครั้งแรก โดยอาศัยจุดอ่อนในกองทัพยูเครน .... กองทัพมอสโกว์ได้รุกคืบอย่างรวดเร็วและตัดฐานที่มั่นบางแห่งของยูเครนออกจากเส้นทางส่งกำลังบำรุงได้สำเร็จ
    • ในเวลา 2 วัน กองทัพรัสเซียสามารถปลดปล่อยหมู่บ้าน 10 แห่งและรุกคืบได้ 15 กิโลเมตร ตามแนวรบยาว 25 กิโลเมตร ซึ่งถือว่าคืบหน้าไปมากเมื่อเทียบกับมาตรฐานของความขัดแย้งนี้
    • ในวันต่อมา กองกำลังรัสเซียยังคงรุกคืบไปทางตะวันออก มุ่งหน้าสู่ ม.ลิวบิมอฟกา และทางหลวง Sudzha-Korenevo

    📍 อันที่จริงการปฏิบัติการนี้ค่อนข้างผิดปกติในบริบทของการสงครามตามตำแหน่ง .... เนื่องจากปฏิบัติการนี้ได้ใช้กลยุทธ์ต่างๆ เช่น การข้ามแม่น้ำอย่างลับๆ เพื่อรวบรวมกำลังพล, การโจมตีด้วยขบวนยานเกราะแบบดั้งเดิม และหน่วยพลร่มในเมืองต่างๆ ที่ถูกศัตรูยึดครอง

    ◙ ตั้งแต่วันที่ 13 กันยายน กองทัพ AFU ได้เปิดฉากโจมตีข้ามพรมแดนหลายครั้งเพื่อเข้าใกล้แนวหลังของกองทัพรัสเซียที่กำลังรุกคืบ แม้ว่าสถานการณ์จะไม่แน่นอน แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ
    .
    🔺🔺 พื้นที่โปโครฟส์
    การรุกคืบของรัสเซียอย่างช้าๆ ในทิศทางโปครอฟส์ เริ่มขึ้นในฤดูหนาวปี 2566 โดยเป็นการสานต่อปฏิบัติการอัฟดิฟกา

    ◉ แกนหลักของการรุกคืบครั้งนี้คือเส้นทางรถไฟสายหลัก ช่วงเวลาสำคัญมาถึงในเดือน เม.ษ. 67 เมื่อยึดหมู่บ้านเล็กๆ โอเชเรติโนได้ หลังจากความก้าวหน้าครั้งนี้ กองทัพรัสเซียก็เดินหน้าต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง
    .
    📍 #เรื่องน่าสนใจ : ตั้งแต่เม.ษ. ถึง ก.ย. กองทัพรัสเซียได้รุกคืบไป 25 กม. ในแนวรบที่มีความยาวเท่ากัน (เปรียบเทียบกับแนวรบเคิร์สก์)

    ◉ เมื่อเริ่มปฏิบัติการเคิร์สก์ของยูเครน ความก้าวหน้าของกองทัพรัสเซียในแนวรบโปครอฟส์ก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
    • กองทัพภาค "กลาง" ของรัสเซีย ซึ่งปฏิบัติการในพื้นที่นี้ กำลังได้รับชัยชนะครั้งใหญ่ที่สุดในขณะนี้ นับตั้งแต่รัสเซียเริ่มบุกโจมตีเมื่อ ก.พ. 65
    • การโจมตีจะเริ่มต้นด้วยการยิงปืนใหญ่ และการโจมตีทางอากาศโดยใช้ระเบิดนำวิถี ก่อนที่หน่วยจู่โจมจะรุกคืบโดยส่วนใหญ่ด้วยการเดินเท้าเพื่อแทรกซึมเข้าไปในป้อมปราการของยูเครน

    ◉ การป้องกันของยูเครนที่อ่อนแอลงได้ “แตกร้าว” ในบางพื้นที่ ตัวอย่างเช่น ในช่วงปลายเดือน ส.ค. กองทัพรัสเซียสามารถยึดเมือง ต.โนโวโรดิฟกา (ประชากรก่อนเกิดสงคราม 15,000 คน) ได้เกือบจะโดยไม่ต้องสู้รบ
    • ในขณะที่ในสถานการณ์อื่นๆ เมืองนี้สามารถทำหน้าที่เป็นฐานที่มั่นในการป้องกันได้นานหลายเดือน
    .
    ⏺⏺สถานการณ์ปัจจุบันเป็นอย่างไร?⏺⏺
    ◙ หลังจากภัยพิบัติที่ Novohrodivka กองกำลังยูเครนได้ถูกส่งไปประจำการใหม่ในทิศทางโปครอฟส์ ซึ่งทำให้การรุกคืบของรัสเซียช้าลง แม้ว่าจะยังคงเร็วเกินกว่าที่เห็นในช่วงเดือนมิ.ย.และก.ค.ก็ตาม

    ◙ ปัจจุบันการสู้รบกำลังเกิดขึ้นในเขตชานเมืองของเขตเมือง อ.โปครอฟส์ - ต.เซลิโดฟ Selydove ซึ่งมีประชากรประมาณ 200,000 คน
    • นี่คือเขตเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ใน Donbass รองจาก อ.ครามาทอร์ส Kramatorsk - ต.สโลเวียนส์ Sloviansk ซึ่งยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมของ AFU
    • เมื่อค่ำวันที่ 17 ก.ย. มีรายงานว่าเมือง Ukrainsk (ปชก. 10,000 คน) ถูก RF ยึดครอง

    ◙ เป้าหมายในทันทีของรัสเซียคือการยึดเมืองเซลิโดฟ ซึ่งต่างจากเมืองฮโรดิฟกา Hrodivka หรือ Grodivka ที่ไม่สามารถยึดได้ในทันที
    • กองทัพรัสเซียกำลังพยายามปิดล้อมเซลิโดฟ โดยเข้าใกล้ผ่านเมืองกอร์เนียก Gorniak ในขณะเดียวกัน กองทัพยูเครนกำลังดำเนินการโจมตีตอบโต้ตลอดแนวรบ แต่จนถึงขณะนี้ยังประสบความสำเร็จเพียงเล็กน้อย
    .
    📌📌 โดยทั่วไป หากกองกำลังรัสเซียยึดโปครอฟส์ได้ก่อนฤดูหนาว นั่นจะถือเป็นชัยชนะครั้งสำคัญ และเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงความท้าทายครั้งใหญ่ที่กองทัพยูเครนต้องเผชิญ
    .
    🔺🔺 มารินก้า Marinka อ.โปครอฟส์ และ วูห์เลดาร์ Vuhledar อ.โวลโนวาคา
    ความสำเร็จล่าสุดในพื้นที่โปครอฟส์ ที่อยู่ใกล้เคียงได้"เขย่า"แนวรบที่นี่ด้วยเช่นกัน ในเวลาเพียง 1 เดือน หน่วยทหารของรัสเซียได้ก้าวหน้ามากกว่าในช่วง 1 ปีครึ่งที่ผ่านมา

    ◉ ทางตอนใต้ บริเวณจุดตัดระหว่างแนวรบโดเนตส์และซาปอริซเซีย คือเมืองเหมืองแร่วูห์เลดาร์ ซึ่งเคยเป็นที่อาศัยของผู้คนราว 15,000 คนก่อนเกิดสงคราม
    • เมืองนี้ตั้งอยู่บนพื้นที่สูง และเป็นฐานที่มั่นที่ยากจะเข้าถึงได้ตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิปี 2565 และรอดพ้นจากความพยายามโจมตีหลายครั้ง
    • อย่างไรก็ตาม หลังจากที่กองบัญชาการยูเครนถอนกองพลที่พร้อมรบที่สุดออกจากพื้นที่นี้ สถานการณ์ในส่วนนี้ของแนวรบก็เปลี่ยนไปเช่นกัน

    #ข้อมูลที่น่าสนใจ : ฐานที่มั่นสำคัญรอบๆ Vuhledar ตั้งอยู่ในโครงเหล็กของเหมืองถ่านหิน โครงสร้างคอนกรีตขนาดใหญ่เหล่านี้มีความสูงกว่า 100 เมตร ครอบคลุมพื้นที่ทุ่งหญ้าโดยรอบ ให้ทัศนวิสัยที่ดีเยี่ยม
    .
    ⏺⏺สถานการณ์ปัจจุบันเป็นอย่างไร?⏺⏺
    ◙ พื้นที่ขนาดใหญ่ระหว่างเมือง ต.ครัสโนโฮริฟกา Krasnohorivka และแนวสันดอน Pokrovsk กำลังจะถูก RF ยึดครอง
    • รายงานระบุว่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว AFU ได้ถอนทัพออกจากฐานที่มั่นในพื้นที่นี้โดยไม่สู้รบ เนื่องจากอาจเกิดการปิดล้อมโจมตี

    ◙ ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา RF ได้ปิดล้อมเมืองวูห์เลดาร์บางส่วน และยึดครองหมู่บ้านหลายแห่งทางเหนือ และตะวันตกของเมือง
    • หาก RF ตัดเส้นทางไปยัง ม.โบไฮอาฟเลนกา Bohoyavlenka เมืองวูห์เลดาร์ก็จะถูกปิดล้อม

    Noraseth Tuntasiri
    🇷🇺 ⚔️ 🇺🇦 จุดจบใกล้เข้ามาแล้วหรือไม่? • นี่คือสิ่งที่กองทัพรัสเซียประสบความสำเร็จในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา😁 • กองทัพมอสโกกำลังสร้างผลกำไรใน 3 แนวรบสำคัญ ขณะที่เคียฟพยายามหาทางตอบโต้อย่างสิ้นหวัง😆 . #แนวรบความขัดแย้ง ในยูเครนได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคม เมื่อพิจารณาจากเวลา 7 สัปดาห์ที่ผ่านไป ตอนนี้สามารถสรุปผลเบื้องต้นได้บางส่วน ในพื้นที่สำคัญของแนวรบตั้งแต่เหนือจรดใต้ . 🔺🔺 แนวรบเคิร์สก์ เมื่อ 6 ส.ค. กองทัพยูเครนได้เปิดฉากบุกโจมตีแคว้นเคิร์สก์ เมื่อมองเผินๆ ก็ดูเหมือนการโจมตีข้ามพรมแดนอีกครั้ง ซึ่งคล้ายกับหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ในไม่ช้าก็เห็นได้ชัดว่าปฏิบัติการนี้มีความสำคัญมากกว่า ◉ ในครั้งนี้ AFU ได้รุกคืบ และตั้งเป้าที่จะทำซ้ำความสำเร็จที่เคยทำในแคว้นคาร์คิฟ ในฤดูใบไม้ร่วงปี 65 อย่างชัดเจน • #กลยุทธ์ คือการฝ่าแนวรบที่ค่อนข้างอ่อนแอ (เมื่อเทียบกับดอนบาสและซาปอริซเซีย) ยึดพื้นที่ขนาดใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว และบังคับให้กองทัพรัสเซียล่าถอยโดยไม่สู้รบ ◉ แม้ว่าในช่วงแรกจะมีกำลังพลเพิ่มขึ้น แต่การโจมตีก็หยุดชะงักในไม่ช้า **ความสำเร็จสูงสุดของกองทัพยูเครนคือการยึดเมืองต.ซูดจา Sudzha** ซึ่งมีประชากรประมาณ 5,000 คน กองทัพยูเครนยังยึดครองพื้นที่ที่ค่อนข้างใหญ่แต่มีประชากรเบาบางประมาณ 1,200 - 1,300 ตร.กม.ได้ • โดยพื้นฐานแล้ว ประโยชน์เดียวที่เคียฟได้รับจากปฏิบัติการนี้คือการขยายแนวหน้าออกไปอีกประมาณ 130 กม. ◉ ตลอดเดือน ก.ย. AFU พยายามขยายพื้นที่ควบคุมไปทางตะวันตกสู่ อ.กลุชคอฟสกี้ ซึ่งสามารถตั้งแนวป้องกันที่แข็งแกร่งริมแม่น้ำ Seim ได้ • กองทัพรัสเซีย ได้เข้าขัดขวางและเปิดฉากโจมตีตอบโต้ ซึ่งไม่อนุญาตให้กองกำลังยูเครนขนอุปกรณ์ทางทหารหนักเข้ามา หรือสร้างโครงสร้างป้องกัน . ⏺⏺สถานการณ์ปัจจุบันเป็นอย่างไร?⏺⏺ ◙ วันที่ 10 กันยายน ได้ยินข่าวการโต้กลับของรัสเซียเป็นครั้งแรก โดยอาศัยจุดอ่อนในกองทัพยูเครน .... กองทัพมอสโกว์ได้รุกคืบอย่างรวดเร็วและตัดฐานที่มั่นบางแห่งของยูเครนออกจากเส้นทางส่งกำลังบำรุงได้สำเร็จ • ในเวลา 2 วัน กองทัพรัสเซียสามารถปลดปล่อยหมู่บ้าน 10 แห่งและรุกคืบได้ 15 กิโลเมตร ตามแนวรบยาว 25 กิโลเมตร ซึ่งถือว่าคืบหน้าไปมากเมื่อเทียบกับมาตรฐานของความขัดแย้งนี้ • ในวันต่อมา กองกำลังรัสเซียยังคงรุกคืบไปทางตะวันออก มุ่งหน้าสู่ ม.ลิวบิมอฟกา และทางหลวง Sudzha-Korenevo 📍 อันที่จริงการปฏิบัติการนี้ค่อนข้างผิดปกติในบริบทของการสงครามตามตำแหน่ง .... เนื่องจากปฏิบัติการนี้ได้ใช้กลยุทธ์ต่างๆ เช่น การข้ามแม่น้ำอย่างลับๆ เพื่อรวบรวมกำลังพล, การโจมตีด้วยขบวนยานเกราะแบบดั้งเดิม และหน่วยพลร่มในเมืองต่างๆ ที่ถูกศัตรูยึดครอง ◙ ตั้งแต่วันที่ 13 กันยายน กองทัพ AFU ได้เปิดฉากโจมตีข้ามพรมแดนหลายครั้งเพื่อเข้าใกล้แนวหลังของกองทัพรัสเซียที่กำลังรุกคืบ แม้ว่าสถานการณ์จะไม่แน่นอน แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ . 🔺🔺 พื้นที่โปโครฟส์ การรุกคืบของรัสเซียอย่างช้าๆ ในทิศทางโปครอฟส์ เริ่มขึ้นในฤดูหนาวปี 2566 โดยเป็นการสานต่อปฏิบัติการอัฟดิฟกา ◉ แกนหลักของการรุกคืบครั้งนี้คือเส้นทางรถไฟสายหลัก ช่วงเวลาสำคัญมาถึงในเดือน เม.ษ. 67 เมื่อยึดหมู่บ้านเล็กๆ โอเชเรติโนได้ หลังจากความก้าวหน้าครั้งนี้ กองทัพรัสเซียก็เดินหน้าต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง . 📍 #เรื่องน่าสนใจ : ตั้งแต่เม.ษ. ถึง ก.ย. กองทัพรัสเซียได้รุกคืบไป 25 กม. ในแนวรบที่มีความยาวเท่ากัน (เปรียบเทียบกับแนวรบเคิร์สก์) ◉ เมื่อเริ่มปฏิบัติการเคิร์สก์ของยูเครน ความก้าวหน้าของกองทัพรัสเซียในแนวรบโปครอฟส์ก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด • กองทัพภาค "กลาง" ของรัสเซีย ซึ่งปฏิบัติการในพื้นที่นี้ กำลังได้รับชัยชนะครั้งใหญ่ที่สุดในขณะนี้ นับตั้งแต่รัสเซียเริ่มบุกโจมตีเมื่อ ก.พ. 65 • การโจมตีจะเริ่มต้นด้วยการยิงปืนใหญ่ และการโจมตีทางอากาศโดยใช้ระเบิดนำวิถี ก่อนที่หน่วยจู่โจมจะรุกคืบโดยส่วนใหญ่ด้วยการเดินเท้าเพื่อแทรกซึมเข้าไปในป้อมปราการของยูเครน ◉ การป้องกันของยูเครนที่อ่อนแอลงได้ “แตกร้าว” ในบางพื้นที่ ตัวอย่างเช่น ในช่วงปลายเดือน ส.ค. กองทัพรัสเซียสามารถยึดเมือง ต.โนโวโรดิฟกา (ประชากรก่อนเกิดสงคราม 15,000 คน) ได้เกือบจะโดยไม่ต้องสู้รบ • ในขณะที่ในสถานการณ์อื่นๆ เมืองนี้สามารถทำหน้าที่เป็นฐานที่มั่นในการป้องกันได้นานหลายเดือน . ⏺⏺สถานการณ์ปัจจุบันเป็นอย่างไร?⏺⏺ ◙ หลังจากภัยพิบัติที่ Novohrodivka กองกำลังยูเครนได้ถูกส่งไปประจำการใหม่ในทิศทางโปครอฟส์ ซึ่งทำให้การรุกคืบของรัสเซียช้าลง แม้ว่าจะยังคงเร็วเกินกว่าที่เห็นในช่วงเดือนมิ.ย.และก.ค.ก็ตาม ◙ ปัจจุบันการสู้รบกำลังเกิดขึ้นในเขตชานเมืองของเขตเมือง อ.โปครอฟส์ - ต.เซลิโดฟ Selydove ซึ่งมีประชากรประมาณ 200,000 คน • นี่คือเขตเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ใน Donbass รองจาก อ.ครามาทอร์ส Kramatorsk - ต.สโลเวียนส์ Sloviansk ซึ่งยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมของ AFU • เมื่อค่ำวันที่ 17 ก.ย. มีรายงานว่าเมือง Ukrainsk (ปชก. 10,000 คน) ถูก RF ยึดครอง ◙ เป้าหมายในทันทีของรัสเซียคือการยึดเมืองเซลิโดฟ ซึ่งต่างจากเมืองฮโรดิฟกา Hrodivka หรือ Grodivka ที่ไม่สามารถยึดได้ในทันที • กองทัพรัสเซียกำลังพยายามปิดล้อมเซลิโดฟ โดยเข้าใกล้ผ่านเมืองกอร์เนียก Gorniak ในขณะเดียวกัน กองทัพยูเครนกำลังดำเนินการโจมตีตอบโต้ตลอดแนวรบ แต่จนถึงขณะนี้ยังประสบความสำเร็จเพียงเล็กน้อย . 📌📌 โดยทั่วไป หากกองกำลังรัสเซียยึดโปครอฟส์ได้ก่อนฤดูหนาว นั่นจะถือเป็นชัยชนะครั้งสำคัญ และเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงความท้าทายครั้งใหญ่ที่กองทัพยูเครนต้องเผชิญ . 🔺🔺 มารินก้า Marinka อ.โปครอฟส์ และ วูห์เลดาร์ Vuhledar อ.โวลโนวาคา ความสำเร็จล่าสุดในพื้นที่โปครอฟส์ ที่อยู่ใกล้เคียงได้"เขย่า"แนวรบที่นี่ด้วยเช่นกัน ในเวลาเพียง 1 เดือน หน่วยทหารของรัสเซียได้ก้าวหน้ามากกว่าในช่วง 1 ปีครึ่งที่ผ่านมา ◉ ทางตอนใต้ บริเวณจุดตัดระหว่างแนวรบโดเนตส์และซาปอริซเซีย คือเมืองเหมืองแร่วูห์เลดาร์ ซึ่งเคยเป็นที่อาศัยของผู้คนราว 15,000 คนก่อนเกิดสงคราม • เมืองนี้ตั้งอยู่บนพื้นที่สูง และเป็นฐานที่มั่นที่ยากจะเข้าถึงได้ตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิปี 2565 และรอดพ้นจากความพยายามโจมตีหลายครั้ง • อย่างไรก็ตาม หลังจากที่กองบัญชาการยูเครนถอนกองพลที่พร้อมรบที่สุดออกจากพื้นที่นี้ สถานการณ์ในส่วนนี้ของแนวรบก็เปลี่ยนไปเช่นกัน #ข้อมูลที่น่าสนใจ : ฐานที่มั่นสำคัญรอบๆ Vuhledar ตั้งอยู่ในโครงเหล็กของเหมืองถ่านหิน โครงสร้างคอนกรีตขนาดใหญ่เหล่านี้มีความสูงกว่า 100 เมตร ครอบคลุมพื้นที่ทุ่งหญ้าโดยรอบ ให้ทัศนวิสัยที่ดีเยี่ยม . ⏺⏺สถานการณ์ปัจจุบันเป็นอย่างไร?⏺⏺ ◙ พื้นที่ขนาดใหญ่ระหว่างเมือง ต.ครัสโนโฮริฟกา Krasnohorivka และแนวสันดอน Pokrovsk กำลังจะถูก RF ยึดครอง • รายงานระบุว่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว AFU ได้ถอนทัพออกจากฐานที่มั่นในพื้นที่นี้โดยไม่สู้รบ เนื่องจากอาจเกิดการปิดล้อมโจมตี ◙ ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา RF ได้ปิดล้อมเมืองวูห์เลดาร์บางส่วน และยึดครองหมู่บ้านหลายแห่งทางเหนือ และตะวันตกของเมือง • หาก RF ตัดเส้นทางไปยัง ม.โบไฮอาฟเลนกา Bohoyavlenka เมืองวูห์เลดาร์ก็จะถูกปิดล้อม Noraseth Tuntasiri
    0 Comments 0 Shares 395 Views 0 Reviews
  • บางทีบทความยาว ๆ เราก็ไม่อยากอ่าน ใช้ Google Gemini ช่วยสรุปให้ ใช้เวลานิดเดียว https://youtu.be/9lGOfJs8ygk #google #gemini #สรุปเนื้อหา
    บางทีบทความยาว ๆ เราก็ไม่อยากอ่าน ใช้ Google Gemini ช่วยสรุปให้ ใช้เวลานิดเดียว https://youtu.be/9lGOfJs8ygk #google #gemini #สรุปเนื้อหา
    0 Comments 0 Shares 126 Views 0 Reviews
  • Creative Valuation เป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ที่รวบรวมงานศิลปะคุณภาพสูง ทั้งภาพสต็อก ภาพวาดสีน้ำ และกราฟิกดีไซน์ที่สร้างสรรค์โดยศิลปินจากทั่วทุกมุมโลก โดยเน้นความเป็นเอกลักษณ์และความละเอียดในการสร้างสรรค์ผลงาน การซื้อขายบนแพลตฟอร์มนี้ไม่เพียงแต่ช่วยสนับสนุนศิลปินอิสระ แต่ยังเปิดโอกาสให้ผู้ซื้อได้รับผลงานที่ไม่ซ้ำใคร เพื่อใช้ในโครงการต่าง ๆ เช่น การออกแบบเว็บไซต์ โฆษณา หรือสื่อสิ่งพิมพ์

    จุดเด่นของ Creative Valuation

    1. ศิลปะที่ไม่เหมือนใคร: แพลตฟอร์มนี้นำเสนอผลงานที่มีความเป็นเอกลักษณ์เกิดจากศิลปินมืออาชีพที่สร้างสรรค์ด้วยมือ ทำให้ผลงานแต่ละชิ้นมีความเป็นธรรมชาติและมีอารมณ์ที่จับต้องได้
    2. คุณภาพสูง: ทุกชิ้นงานบนเว็บไซต์ได้รับการตรวจสอบเพื่อคุณภาพสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นภาพสต็อกหรือภาพวาดสีน้ำ ล้วนผ่านการคัดสรรอย่างพิถีพิถัน
    3. ใช้งานได้หลากหลาย: ผู้ซื้อสามารถใช้ผลงานจาก Creative Valuation ในหลากหลายบริบท ไม่ว่าจะเป็นงานออกแบบดิจิทัล สื่อสิ่งพิมพ์ การโฆษณา หรือการนำเสนอ
    4. สนับสนุนศิลปินอิสระ: ทุกการซื้อขายบนเว็บไซต์นี้ ช่วยสนับสนุนศิลปินอิสระ ให้พวกเขาสามารถสร้างสรรค์ผลงานต่อไปได้ นอกจากนี้ยังเป็นโอกาสให้ศิลปินสามารถแสดงผลงานและขายได้โดยตรง

    วิธีการใช้งาน Creative Valuation

    1. เลือกประเภทของงานศิลปะ: ไม่ว่าคุณจะมองหาภาพสต็อกเพื่อใช้ในการออกแบบเว็บไซต์ หรือภาพวาดสีน้ำที่สวยงามเพื่อเพิ่มความโดดเด่นให้กับงานพิมพ์ คุณสามารถค้นหางานศิลปะที่เหมาะสมได้จากหมวดหมู่ที่จัดไว้อย่างชัดเจน
    2. สั่งซื้อและดาวน์โหลด: หลังจากเลือกผลงานที่ต้องการแล้ว การสั่งซื้อเป็นเรื่องง่าย คุณสามารถชำระเงินและดาวน์โหลดไฟล์ได้ทันที ซึ่งช่วยให้คุณได้รับผลงานพร้อมใช้งานได้อย่างรวดเร็ว
    3. ร่วมเป็นศิลปิน: หากคุณเป็นศิลปินและต้องการมีช่องทางในการเผยแพร่และขายผลงานของคุณ Creative Valuation ยังเปิดโอกาสให้คุณเข้าร่วมและนำเสนอผลงานของคุณบนแพลตฟอร์ม

    แนวทางการส่งเสริมเว็บไซต์ Creative Valuation

    1. สร้างความสัมพันธ์กับชุมชนศิลปิน: การโปรโมต Creative Valuation สามารถเริ่มต้นจากการสร้างเครือข่ายกับศิลปินอิสระผ่านโซเชียลมีเดีย การเชิญชวนให้ศิลปินแชร์ประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ และการเผยแพร่ผลงานที่พวกเขาได้ขายผ่านแพลตฟอร์มนี้ เป็นอีกวิธีหนึ่งในการสร้างความน่าสนใจและความเชื่อมั่น
    2. แคมเปญการตลาดออนไลน์: การใช้โฆษณาผ่านแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ เช่น Facebook และ Instagram ช่วยเพิ่มการเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้ที่ต้องการงานศิลปะคุณภาพสูง นอกจากนี้ ยังสามารถจัดแคมเปญส่งเสริมการขาย เช่น ส่วนลดพิเศษสำหรับผู้ที่ลงทะเบียนในครั้งแรก
    3. การโปรโมตผ่านผู้ทรงอิทธิพล: การร่วมงานกับ influencers ในวงการศิลปะหรือกราฟิกดีไซน์ สามารถช่วยให้ Creative Valuation ได้รับความสนใจจากกลุ่มเป้าหมายที่กว้างขึ้น
    4. รีวิวและบทความในบล็อก: การเขียนบทความรีวิวเกี่ยวกับการใช้เว็บไซต์ Creative Valuation รวมถึงการแนะนำผลงานเด่นๆ บนบล็อกหรือเว็บไซต์เกี่ยวกับการออกแบบและศิลปะ จะช่วยให้เว็บเป็นที่รู้จักและสร้างความเชื่อถือให้กับผู้ที่กำลังมองหาแหล่งซื้อขายงานศิลปะออนไลน์

    ประโยชน์สำหรับผู้ซื้อ

    • ความเป็นเอกลักษณ์: ผลงานบน Creative Valuation มีความเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร ทำให้คุณสามารถใช้ภาพและกราฟิกที่แตกต่างจากแหล่งอื่น ๆ
    • ใช้งานง่าย: เว็บไซต์ออกแบบมาให้ใช้งานง่ายและสะดวกในการค้นหา คุณสามารถหาและดาวน์โหลดงานศิลปะได้อย่างรวดเร็ว
    • ราคาสมเหตุสมผล: Creative Valuation นำเสนอผลงานในราคาที่เข้าถึงได้ ทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงงานศิลปะคุณภาพสูงได้ง่ายๆ

    ประโยชน์สำหรับศิลปิน

    • แพลตฟอร์มที่เปิดโอกาส: ศิลปินสามารถใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อเผยแพร่ผลงานของตน และได้รับรายได้จากการขายผลงาน
    • สร้างชื่อเสียง: การที่ผลงานของคุณถูกนำไปใช้ในหลากหลายโครงการจะช่วยให้คุณได้รับการยอมรับและสร้างชื่อเสียงในวงการ
    • ไม่มีค่าใช้จ่ายในการลงผลงาน: Creative Valuation ให้ศิลปินสามารถลงผลงานได้ฟรี โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายล่วงหน้า

    สรุป
    Creative Valuation เป็นแหล่งรวมงานศิลปะคุณภาพที่เหมาะสำหรับทั้งผู้ที่ต้องการซื้อภาพสต็อกหรือภาพวาดสีน้ำ และศิลปินที่ต้องการแสดงผลงานของตนให้เป็นที่รู้จัก การโปรโมตเว็บไซต์นี้ควรเน้นที่ความเป็นเอกลักษณ์ของผลงาน คุณภาพสูง และโอกาสในการสนับสนุนศิลปินอิสระเพื่อให้ชุมชนศิลปะเติบโตไปด้วยกัน

    เยี่ยมชม Creative Valuation เพื่อค้นพบและเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสรรค์ศิลปะใหม่ๆ ที่นี่ https://creativevaluation.com
    Creative Valuation เป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ที่รวบรวมงานศิลปะคุณภาพสูง ทั้งภาพสต็อก ภาพวาดสีน้ำ และกราฟิกดีไซน์ที่สร้างสรรค์โดยศิลปินจากทั่วทุกมุมโลก โดยเน้นความเป็นเอกลักษณ์และความละเอียดในการสร้างสรรค์ผลงาน การซื้อขายบนแพลตฟอร์มนี้ไม่เพียงแต่ช่วยสนับสนุนศิลปินอิสระ แต่ยังเปิดโอกาสให้ผู้ซื้อได้รับผลงานที่ไม่ซ้ำใคร เพื่อใช้ในโครงการต่าง ๆ เช่น การออกแบบเว็บไซต์ โฆษณา หรือสื่อสิ่งพิมพ์ จุดเด่นของ Creative Valuation 1. ศิลปะที่ไม่เหมือนใคร: แพลตฟอร์มนี้นำเสนอผลงานที่มีความเป็นเอกลักษณ์เกิดจากศิลปินมืออาชีพที่สร้างสรรค์ด้วยมือ ทำให้ผลงานแต่ละชิ้นมีความเป็นธรรมชาติและมีอารมณ์ที่จับต้องได้ 2. คุณภาพสูง: ทุกชิ้นงานบนเว็บไซต์ได้รับการตรวจสอบเพื่อคุณภาพสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นภาพสต็อกหรือภาพวาดสีน้ำ ล้วนผ่านการคัดสรรอย่างพิถีพิถัน 3. ใช้งานได้หลากหลาย: ผู้ซื้อสามารถใช้ผลงานจาก Creative Valuation ในหลากหลายบริบท ไม่ว่าจะเป็นงานออกแบบดิจิทัล สื่อสิ่งพิมพ์ การโฆษณา หรือการนำเสนอ 4. สนับสนุนศิลปินอิสระ: ทุกการซื้อขายบนเว็บไซต์นี้ ช่วยสนับสนุนศิลปินอิสระ ให้พวกเขาสามารถสร้างสรรค์ผลงานต่อไปได้ นอกจากนี้ยังเป็นโอกาสให้ศิลปินสามารถแสดงผลงานและขายได้โดยตรง วิธีการใช้งาน Creative Valuation 1. เลือกประเภทของงานศิลปะ: ไม่ว่าคุณจะมองหาภาพสต็อกเพื่อใช้ในการออกแบบเว็บไซต์ หรือภาพวาดสีน้ำที่สวยงามเพื่อเพิ่มความโดดเด่นให้กับงานพิมพ์ คุณสามารถค้นหางานศิลปะที่เหมาะสมได้จากหมวดหมู่ที่จัดไว้อย่างชัดเจน 2. สั่งซื้อและดาวน์โหลด: หลังจากเลือกผลงานที่ต้องการแล้ว การสั่งซื้อเป็นเรื่องง่าย คุณสามารถชำระเงินและดาวน์โหลดไฟล์ได้ทันที ซึ่งช่วยให้คุณได้รับผลงานพร้อมใช้งานได้อย่างรวดเร็ว 3. ร่วมเป็นศิลปิน: หากคุณเป็นศิลปินและต้องการมีช่องทางในการเผยแพร่และขายผลงานของคุณ Creative Valuation ยังเปิดโอกาสให้คุณเข้าร่วมและนำเสนอผลงานของคุณบนแพลตฟอร์ม แนวทางการส่งเสริมเว็บไซต์ Creative Valuation 1. สร้างความสัมพันธ์กับชุมชนศิลปิน: การโปรโมต Creative Valuation สามารถเริ่มต้นจากการสร้างเครือข่ายกับศิลปินอิสระผ่านโซเชียลมีเดีย การเชิญชวนให้ศิลปินแชร์ประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ และการเผยแพร่ผลงานที่พวกเขาได้ขายผ่านแพลตฟอร์มนี้ เป็นอีกวิธีหนึ่งในการสร้างความน่าสนใจและความเชื่อมั่น 2. แคมเปญการตลาดออนไลน์: การใช้โฆษณาผ่านแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ เช่น Facebook และ Instagram ช่วยเพิ่มการเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้ที่ต้องการงานศิลปะคุณภาพสูง นอกจากนี้ ยังสามารถจัดแคมเปญส่งเสริมการขาย เช่น ส่วนลดพิเศษสำหรับผู้ที่ลงทะเบียนในครั้งแรก 3. การโปรโมตผ่านผู้ทรงอิทธิพล: การร่วมงานกับ influencers ในวงการศิลปะหรือกราฟิกดีไซน์ สามารถช่วยให้ Creative Valuation ได้รับความสนใจจากกลุ่มเป้าหมายที่กว้างขึ้น 4. รีวิวและบทความในบล็อก: การเขียนบทความรีวิวเกี่ยวกับการใช้เว็บไซต์ Creative Valuation รวมถึงการแนะนำผลงานเด่นๆ บนบล็อกหรือเว็บไซต์เกี่ยวกับการออกแบบและศิลปะ จะช่วยให้เว็บเป็นที่รู้จักและสร้างความเชื่อถือให้กับผู้ที่กำลังมองหาแหล่งซื้อขายงานศิลปะออนไลน์ ประโยชน์สำหรับผู้ซื้อ • ความเป็นเอกลักษณ์: ผลงานบน Creative Valuation มีความเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร ทำให้คุณสามารถใช้ภาพและกราฟิกที่แตกต่างจากแหล่งอื่น ๆ • ใช้งานง่าย: เว็บไซต์ออกแบบมาให้ใช้งานง่ายและสะดวกในการค้นหา คุณสามารถหาและดาวน์โหลดงานศิลปะได้อย่างรวดเร็ว • ราคาสมเหตุสมผล: Creative Valuation นำเสนอผลงานในราคาที่เข้าถึงได้ ทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงงานศิลปะคุณภาพสูงได้ง่ายๆ ประโยชน์สำหรับศิลปิน • แพลตฟอร์มที่เปิดโอกาส: ศิลปินสามารถใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อเผยแพร่ผลงานของตน และได้รับรายได้จากการขายผลงาน • สร้างชื่อเสียง: การที่ผลงานของคุณถูกนำไปใช้ในหลากหลายโครงการจะช่วยให้คุณได้รับการยอมรับและสร้างชื่อเสียงในวงการ • ไม่มีค่าใช้จ่ายในการลงผลงาน: Creative Valuation ให้ศิลปินสามารถลงผลงานได้ฟรี โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายล่วงหน้า สรุป Creative Valuation เป็นแหล่งรวมงานศิลปะคุณภาพที่เหมาะสำหรับทั้งผู้ที่ต้องการซื้อภาพสต็อกหรือภาพวาดสีน้ำ และศิลปินที่ต้องการแสดงผลงานของตนให้เป็นที่รู้จัก การโปรโมตเว็บไซต์นี้ควรเน้นที่ความเป็นเอกลักษณ์ของผลงาน คุณภาพสูง และโอกาสในการสนับสนุนศิลปินอิสระเพื่อให้ชุมชนศิลปะเติบโตไปด้วยกัน เยี่ยมชม Creative Valuation เพื่อค้นพบและเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสรรค์ศิลปะใหม่ๆ ที่นี่ https://creativevaluation.com
    CREATIVEVALUATION.COM
    Human Artistry : Handcrafted Imagery , Authentic Watercolor creations & Stock Photos .
    Discover a curated collection of genuine human-made art. Explore handcrafted imagery, authentic watercolor paintings, and unique photography-every piece created by talented artists, not AI. Perfect for those who value true artistic craftsmanship.
    0 Comments 0 Shares 339 Views 0 Reviews
  • ระยะเวลาไว้ทุกข์จีนโบราณ ตอนที่ 2

    สวัสดีค่ะ สัปดาห์ที่แล้วคุยกันเรื่องการแบ่งการไว้ทุกข์ออกเป็นห้าระดับตามชื่อของชุดไว้ทุกข์ที่มีมาแต่สมัยราชวงศ์โจว หรือที่เรียกว่า ‘อู่ฝู’ (五服 แปลตรงตัวว่า ห้าชุด) โดยแต่ละระดับมีระยะเวลาไว้ทุกข์ที่ต่างกัน วันนี้เรามาคุยกันต่อค่ะ

    Storyฯ ขออิงตามประมวลกฏหมายต้าหมิงหุ้ยเตี่ยนที่ถูกจัดทำขึ้นในรัชสมัยว่านลี่ขององค์จูอี้จวิน (ซึ่งค่อนข้างนิ่งแล้ว แต่อาจมีบางรายการแตกต่างกับปัจจุบัน) โดยยกมาเฉพาะสำหรับชาวบ้านไม่รวมราชนิกูล เพื่อนเพจดูชุดไว้ทุกข์สมัยหมิงได้ตามรูปประกอบ 1 ส่วนการจัดลำดับเครือญาตินั้น เนื่องจากภาษาไทยเราไม่มีคำระบุเครือญาติได้ชัดเจนเหมือนจีน พอกล่าวถึงญาติห่างๆ จะสับสน Storyฯ จึงจัดทำเป็นผังตารางในรูปประกอบ 2 ในรูปแบบของพงศาวลีให้ง่ายสำหรับความเข้าใจ ซึ่งแตกต่างจากหน้าตาผังอู่ฝูในภาษาจีนที่บางท่านอาจเคยเห็น และนอกจากนี้ยังมีบางข้อมูลที่ไม่สามารถเขียนรวมอยู่ในผังได้

    สรุปหลักสำคัญของ ‘อู่ฝู’ มีดังนี้:

    1. ระดับที่หนึ่ง เป็นการไว้ทุกข์ขั้นสูงสุด ชุดไว้ทุกข์เรียกว่า ‘จ่านชุย’ (斩衰) เป็นชุดเนื้อหยาบที่สุด ใช้สำหรับไว้ทุกข์ให้กับพ่อแม่โดยลูกชายและภรรยา รวมถึงลูกสาวที่ยังอยู่ในเรือน (กล่าวคือ ยังไม่ออกเรือน หรือเป็นหม้ายไร้บุตรหวนกลับเข้าเรือน) รายละเอียดคุยไปแล้วในสัปดาห์ที่แล้ว (https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/pfbid02iGKyX4S6jcPqcr2kS6aigeGEv2v7oL2HB7WYx7UFHUkXV9i8hBPR33HyxRCnZ19kl)

    2. ระดับที่สอง ชุดไว้ทุกข์เรียกว่า ‘จือชุย’ (齐衰) ดูจากรูปหน้าตาคล้ายกับชุดจ่านชุย ทำจากผ้ากระสอบดิบเนื้อหยาบเช่นกัน แต่มีการเย็บเก็บชายผ้าเรียบร้อย ไม้เท้าทำจากไม้คนละชนิด สตรีแต่งกายเหมือนกับบุรุษและใช้เนื้อผ้าเดียวกัน มีการคลุมหัวเหมือนแบบจ่านชุย ส่วนระยะเวลาไว้ทุกข์ในระดับนี้แบ่งย่อยออกเป็นสี่แบบ
    2.1 แบบที่หนึ่ง คือสามปี ถือไม้เท้า: ในสมัยหมิงไม่มีอีกต่อไป
    2.2 แบบที่สอง คือหนึ่งปี ถือไม้เท้า:
    - สามี: ไว้ทุกข์ให้กับภรรยา
    - ลูกชายและภรรยา: ไว้ทุกข์ให้กับแม่เล็ก (คืออนุภรรยาของพ่อ)
    - ลูกชายและภรรยา: ไว้ทุกข์ให้กับพ่อเลี้ยง กรณีแม่แต่งงานใหม่
    2.3 แบบที่สาม คือหนึ่งปี ไม่ถือไม้เท้า เป็นการไว้ทุกข์สำหรับ:
    - บุรุษ และสตรีที่ยังอยู่ในเรือน: ไว้ทุกข์ให้กับญาติสนิทและญาติผู้ใหญ่สายตรง (ดูตามผังในรูปประกอบ 2)
    - สะใภ้: ไว้ทุกข์ให้กับพี่น้องชายของสามี; ลูกชายและลูกสาวที่ยังอยู่ในเรือนของพี่น้องชายสามี
    - ลูกสาวที่ออกเรือนไปแล้ว: ไว้ทุกข์ให้กับพ่อแม่ของตน
    - พ่อแม่: ไว้ทุกข์ให้กับลูกชาย ลูกสาวที่ยังอยู่ในเรือน และลูกสะใภ้ใหญ่ (คือภรรยาของลูกชายคนโตอันเกิดจากแม่ใหญ่);
    - หลาน: ไว้ทุกข์ให้กับปู่ย่า ทั้งนี้หมายรวมถึงหลานสาวที่ออกเรือนไปแล้วด้วย (แต่หลานสะใภ้ไว้ทุกข์ในระดับ 3)
    - ปู่ย่า: ไว้ทุกข์ให้กับหลานชายคนโต (ลูกของลูกชาย) ในสายภรรยาเอก
    - อนุภรรยา: ไว้ทุกข์ให้กับภรรยาเอก; บุตรชายทุกคนของสามีไม่ว่าจะเกิดจากแม่ใด รวมบุตรชายของตน; พ่อแม่ของตน
    2.4 แบบที่สี่ คือ สามถึงห้าเดือน ไม่ถือไม้เท้า:
    - เหลนไว้ทุกข์ให้กับปู่ทวดย่าทวด ระยะเวลาห้าเดือน โดยหมายรวมถึงเหลนสาวที่ออกเรือนไปแล้ว (หมายเหตุ สะใภ้ไว้ทุกข์ให้ปู่ทวดย่าทวดของสามีด้วยชุดซือหมาแบบ 5 ระยะเวลาสามเดือน)
    - ลื่อ (ลูกของเหลน) ไว้ทุกข์ให้กับปู่เทียดย่าเทียด ระยะสามเดือน หมายรวมถึงลื่อสาวที่ออกเรือนไปแล้ว (หมายเหตุ สะใภ้ไม่ต้องไว้ทุกข์ให้)

    สำหรับการไว้ทุกข์ในระดับ 2.2-2.4 นี้ ชีวิตความเป็นอยู่จะสบายขึ้นกว่าระดับแรกหน่อย ก็คืองดอาหารเพียงสามมื้อ (คือวันเดียว) จากนั้นในสามเดือนแรกกินข้าวต้ม งดผักผลไม้เนื้อสัตว์และสุรา โดยมีข้อยกเว้นคือผู้สูงอายุและผู้ป่วยตามที่ได้กล่าวไปในสัปดาห์ที่แล้ว และพอพ้นสามเดือนก็กินดื่มได้ปกติแต่กินกันเองไม่ร่วมกินดื่มกับผู้อื่นเพราะจะกลายเป็นการสังสรรค์ ในส่วนของที่พักนั้น หากเคร่งครัดมาก สามเดือนแรกบุรุษอาจย้ายออกมาอยู่กระท่อมแบบสมถะ พ้นสามเดือนจึงกลับไปนอนบ้านได้ปกติ ซึ่งสาเหตุที่ยึดเกณฑ์สามเดือนก็คือ สามเดือนจึงทำพิธีฝังศพ

    3. ระดับที่สาม ชุดไว้ทุกข์เรียกว่า ‘ต้ากง’ (大功) ทำจากผ้ากระสอบเนื้อละเอียดขึ้น เป็นผ้าต้มสุกและมีการเย็บเก็บชายผ้าเรียบร้อย ไม่ต้องมีไม้เท้า สวมรองเท้าเชือกสาน สตรีแต่งกายแบบบุรุษ ผมเปลี่ยนจากผ้าคลุมหัวเป็นผ้าโพกมวย ระยะเวลาไว้ทุกข์เก้าเดือน เป็นการไว้ทุกข์สำหรับ:
    - บุรุษ และสตรีที่ยังอยู่ในเรือน: ไว้ทุกข์ให้กับญาติที่ห่างออกมาอีกลำดับขั้น (ดูผังในรูปประกอบ 2)
    - พ่อแม่: ไว้ทุกข์ให้กับลูกสะใภ้ (ยกเว้นลูกสะใภ้คนโตที่ไว้ทุกข์ในระดับ 2.3)
    - ปู่ย่า: ไว้ทุกข์ให้กับหลานชายทุกคน (ยกเว้นหลานชายคนโตสายภรรยาเอกที่ไว้ทุกข์ในระดับ 2.3) และหลานสาวที่ยังอยู่ในเรือน
    - สตรีที่ออกเรือนไปแล้ว: ไว้ทุกข์ให้แก่ลุงและอา (พี่น้องชายของพ่อ) ของตน; ป้าและอาหญิง (พี่น้องสาวของพ่อ) ของตนที่ยังอยู่ในเรือน; พี่น้องชายของตน รวมลูกชายและลูกสาวที่ยังอยู่ในเรือน; พี่น้องสาวของตนที่ยังอยู่ในเรือน

    สำหรับการไว้ทุกข์ในระดับต้ากงนี้ งดอาหารเพียงสามมื้อ (คือวันเดียว) จากนั้นในสามเดือนแรกกินข้าวต้ม งดผักผลไม้เนื้อสัตว์และสุรา โดยมีข้อยกเว้นคือผู้สูงอายุและผู้ป่วยตามที่ได้กล่าวไปในสัปดาห์ที่แล้ว และบุรุษอาจย้ายออกมาอยู่กระท่อมแบบสมถะไม่นอนเตียง พอพ้นสามเดือนก็กินอยู่ได้ปกติ

    4. ระดับที่สี่ ชุดไว้ทุกข์เรียกว่า ‘เสี่ยวกง’ (小功) ทำจากผ้ากระสอบเนื้อบางละเอียดต้มสุกและมีการเย็บเก็บชายผ้าเรียบร้อย ไม่ต้องมีไม้เท้า สวมรองเท้าปกติได้ ระยะเวลาไว้ทุกข์ห้าเดือน เป็นการไว้ทุกข์สำหรับ:
    - บุรุษ และสตรีที่ยังอยู่ในเรือน: ไว้ทุกข์ให้กับญาติที่ห่างออกมาอีกลำดับขั้น (ดูผังในรูปประกอบ 2) และลูกชายของพี่น้องหญิงที่ออกเรือนไปแล้ว
    - ปู่ย่า: ไว้ทุกข์ให้กับหลานสะใภ้คนโตในสายภรรยาเอก (ภรรยาของลูกชายของลูกชาย); หลานสาว (ลูกสาวของลูกชาย) ที่ออกเรือนไปแล้ว
    - บุตรของแม่เล็ก: ไว้ทุกข์ให้พ่อแม่พี่น้องชายหญิงของแม่ใหญ่ เฉพาะในกรณีที่แม่ใหญ่ยังมีชีวิตอยู่
    - สตรีที่ออกเรือนไปแล้ว: ไว้ทุกข์ให้กับลูกชายและลูกสาวที่ยังอยู่ในเรือนของลุงอาชายของตน (คือลูกพี่ลูกน้อง)

    5. ระดับที่ห้า ชุดไว้ทุกข์เรียกว่า ‘ซือหมา’ (缌麻) ทำจากผ้ากระสอบเนื้อละเอียดที่สุดต้มสุกและมีการเย็บเก็บชายผ้าเรียบร้อย ไม่ต้องมีไม้เท้า ระยะเวลาไว้ทุกข์สามเดือน เป็นการไว้ทุกข์สำหรับ:
    - บุรุษ และสตรีที่ยังอยู่ในเรือน: ไว้ทุกข์ให้กับญาติที่ห่างออกมาอีกลำดับขั้น (ดูผังในรูปประกอบ 2)
    - บุรุษ และสตรีที่ยังอยู่ในเรือน: ไว้ทุกข์ให้กับลูกชายของป้าอาหญิง (พี่น้องสาวของพ่อ) ที่ออกเรือนไปแล้ว; ลูกชายของพี่น้องชายหญิงของแม่ รวมภรรยา
    - บุรุษ: ไว้ทุกข์ให้กับพ่อตาแม่ยาย (พ่อแม่ของภรรยา)
    - บุรุษและภรรยา: ไว้ทุกข์ให้หลานชายหญิง (ลูกของลูกชาย) ของลูกสาวที่ออกเรือนไปแล้ว รวมภรรยาของหลานชาย
    - สตรีที่ออกเรือนไปแล้ว: ไว้ทุกข์ให้กับญาติผู้ใหญ่ของตนคือ พี่น้องชายของปู่และภรรยา รวมลูกชายและภรรยา; พี่น้องสาวของปู่ที่ยังอยู่ในเรือน
    - สตรีที่ออกเรือนไปแล้ว: ไว้ทุกข์ให้กับลูกชายหญิงของลูกชายของลุงอาชายของตน (คือลูกของลูกพี่ลูกน้องสาวของตน); ลูกสาวของลุงอาชายที่ออกเรือนไปแล้ว (คือลูกพี่ลูกน้องสาวของตน)

    การไว้ทุกข์ระดับ 4 และ 5 นี้ นับเป็นการไว้ทุกข์แบบเบา มีการอดอาหารเพียงหนึ่งหรือสองมื้อ แรกงดผักผลไม้เนื้อสัตว์และสุราสามเดือน หลังจากนั้นกินดื่มปกติ และในช่วงเวลาไว้ทุกข์สามารถหลับนอนในห้องนอนเดิมนอนเตียงได้

    การนับลำดับญาติเพื่อการไว้ทุกข์อาจฟังดูซับซ้อน แต่จากผังลำดับญาติจะเห็นได้ว่าหลักการในการนับความอาวุโสคือ ญาติในรุ่นเดียวกัน ถ้าเป็นพ่อคนเดียวกัน (คือพี่น้อง) ห่างออกไปหนึ่งขั้น หากเป็นปู่คนเดียวกัน ห่างออกไปสองขั้น หากเป็นปู่ทวดคนเดียวกัน ห่างออกไปสามขั้น และหากเป็นปู่เทียดคนเดียวกัน ห่างออกไปสี่ขั้น และจบอู่ฝูที่ลำดับญาติขึ้นสี่รุ่นลงสี่รุ่นรวมตนเองเป็นเก้ารุ่น เกณฑ์นี้ใช้สำหรับบุรุษหรือสตรีที่ยังอยู่ในเรือน และมีการกล่าวไว้ว่า พอพ้นเกณฑ์อู่ฝูนี้ก็ไม่ถือว่าเป็นญาติครอบครัวเดียวกันแล้ว

    ส่วนสตรีที่ออกเรือนไปแล้ว ให้ด้อยศักดิ์ลงหนึ่งขั้น (ยกเว้นกรณีที่กล่าวไว้แล้วในรายละเอียดข้างต้น) และสำหรับสตรีที่แต่งเข้ามาเป็นสะใภ้นั้น ไว้ทุกข์เทียบเท่าสามีให้รุ่นลูกลงไป แต่สำหรับการไว้ทุกข์ให้รุ่นเดียวกันและรุ่นอาวุโสกว่าให้ด้อยศักดิ์จากสามีหนึ่งขั้น (ยกเว้นกรณีที่กล่าวไว้แล้วในรายละเอียดข้างต้น) เช่น ไว้ทุกข์ให้พี่น้องสาวที่ออกเรือนไปแล้วของสามีในระดับ 4 ในขณะที่สามีไว้ทุกข์ในระดับ 3

    ทั้งนี้ เนื่องจากการลำดับญาติมีความซับซ้อนและสรรพนามของไทยไม่ระบุเจาะจงเท่าของจีน อีกทั้งปัจจุบันมีเปลี่ยนแปลงไปบ้าง และข้อมูลก็ไม่สมบูรณ์โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสะใภ้และเขย หากมีตกหล่นผิดเพี้ยนไปแต่ประการใด Storyฯ ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

    โดยทั่วไปแล้ว ในช่วงเวลาไว้ทุกข์ ไม่ว่าจะเป็นการไว้ทุกข์ระดับใด ห้ามสังสรรค์รื่นเริง ห้ามจัดงานมงคล กินอยู่อย่างสมถะ ไม่แต่งหน้าแต่งตาใส่เครื่องประดับ ทั้งนี้ ในช่วงเวลาไว้ทุกข์ไม่ได้จำเป็นต้องสวมชุดไว้ทุกข์เต็มยศตามที่กล่าวมาข้างต้นตลอดเวลา แต่จะใส่เฉพาะวันพิธีการสำคัญที่เกี่ยวข้อง นอกนั้นใส่ชุดไว้ทุกข์แบบเรียบง่ายหรือเปลี่ยนเป็นชุดขาวเรียบง่ายได้ ทั้งนี้มีตามหลักเกณฑ์เหมือนกัน แต่ Storyฯ ไม่ได้หาข้อมูลลงลึกเพิ่มเติม

    แน่นอนว่าพิธีการไว้ทุกข์มีความซับซ้อนมากกว่าที่เขียน ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดของชุดและกิจกรรมประจำวันต่างๆ และพิธีการเหล่านี้เปลี่ยนแปลงไปตามการเวลา ปัจจุบันยังมีธรรมเนียมการไว้ทุกข์นับตามอู่ฝูอยู่บ้างในประเทศจีนแต่ก็คลายความเคร่งครัดไป และสำหรับชาวไทยเชื้อสายจีนนั้น ปัจจุบันโดยส่วนใหญ่จะไม่นับถึงรุ่นทวดเดียวกันแล้ว เพื่อนเพจท่านใดมีประสบการณ์ที่แตกต่างอย่างไร เม้นท์เข้ามาเล่าสู่กันฟังหน่อยค่ะ

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    https://historyindrama.wixsite.com/historyindrama/single-post/2018/03/17/-風起長林-披麻戴孝
    https://kknews.cc/news/j5bqeq.html
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://m.thepaper.cn/baijiahao_12081296
    https://ctext.org/yili/sang-fu/zhs
    https://ctext.org/wiki.pl?if=gb&chapter=880555&remap=gb
    https://baike.baidu.com/item/丧服制度/5983791
    https://baike.baidu.com/item/齐衰
    https://www.sohu.com/a/124382586_555629
    https://k.sina.cn/article_6093535129_16b33f79900100pcu5.html

    #หลางหยาป่าง2 #ไว้ทุกข์จีน #อู่ฝู #ติงโยว #การลำดับญาติจีน #สาระจีน
    ระยะเวลาไว้ทุกข์จีนโบราณ ตอนที่ 2 สวัสดีค่ะ สัปดาห์ที่แล้วคุยกันเรื่องการแบ่งการไว้ทุกข์ออกเป็นห้าระดับตามชื่อของชุดไว้ทุกข์ที่มีมาแต่สมัยราชวงศ์โจว หรือที่เรียกว่า ‘อู่ฝู’ (五服 แปลตรงตัวว่า ห้าชุด) โดยแต่ละระดับมีระยะเวลาไว้ทุกข์ที่ต่างกัน วันนี้เรามาคุยกันต่อค่ะ Storyฯ ขออิงตามประมวลกฏหมายต้าหมิงหุ้ยเตี่ยนที่ถูกจัดทำขึ้นในรัชสมัยว่านลี่ขององค์จูอี้จวิน (ซึ่งค่อนข้างนิ่งแล้ว แต่อาจมีบางรายการแตกต่างกับปัจจุบัน) โดยยกมาเฉพาะสำหรับชาวบ้านไม่รวมราชนิกูล เพื่อนเพจดูชุดไว้ทุกข์สมัยหมิงได้ตามรูปประกอบ 1 ส่วนการจัดลำดับเครือญาตินั้น เนื่องจากภาษาไทยเราไม่มีคำระบุเครือญาติได้ชัดเจนเหมือนจีน พอกล่าวถึงญาติห่างๆ จะสับสน Storyฯ จึงจัดทำเป็นผังตารางในรูปประกอบ 2 ในรูปแบบของพงศาวลีให้ง่ายสำหรับความเข้าใจ ซึ่งแตกต่างจากหน้าตาผังอู่ฝูในภาษาจีนที่บางท่านอาจเคยเห็น และนอกจากนี้ยังมีบางข้อมูลที่ไม่สามารถเขียนรวมอยู่ในผังได้ สรุปหลักสำคัญของ ‘อู่ฝู’ มีดังนี้: 1. ระดับที่หนึ่ง เป็นการไว้ทุกข์ขั้นสูงสุด ชุดไว้ทุกข์เรียกว่า ‘จ่านชุย’ (斩衰) เป็นชุดเนื้อหยาบที่สุด ใช้สำหรับไว้ทุกข์ให้กับพ่อแม่โดยลูกชายและภรรยา รวมถึงลูกสาวที่ยังอยู่ในเรือน (กล่าวคือ ยังไม่ออกเรือน หรือเป็นหม้ายไร้บุตรหวนกลับเข้าเรือน) รายละเอียดคุยไปแล้วในสัปดาห์ที่แล้ว (https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/pfbid02iGKyX4S6jcPqcr2kS6aigeGEv2v7oL2HB7WYx7UFHUkXV9i8hBPR33HyxRCnZ19kl) 2. ระดับที่สอง ชุดไว้ทุกข์เรียกว่า ‘จือชุย’ (齐衰) ดูจากรูปหน้าตาคล้ายกับชุดจ่านชุย ทำจากผ้ากระสอบดิบเนื้อหยาบเช่นกัน แต่มีการเย็บเก็บชายผ้าเรียบร้อย ไม้เท้าทำจากไม้คนละชนิด สตรีแต่งกายเหมือนกับบุรุษและใช้เนื้อผ้าเดียวกัน มีการคลุมหัวเหมือนแบบจ่านชุย ส่วนระยะเวลาไว้ทุกข์ในระดับนี้แบ่งย่อยออกเป็นสี่แบบ 2.1 แบบที่หนึ่ง คือสามปี ถือไม้เท้า: ในสมัยหมิงไม่มีอีกต่อไป 2.2 แบบที่สอง คือหนึ่งปี ถือไม้เท้า: - สามี: ไว้ทุกข์ให้กับภรรยา - ลูกชายและภรรยา: ไว้ทุกข์ให้กับแม่เล็ก (คืออนุภรรยาของพ่อ) - ลูกชายและภรรยา: ไว้ทุกข์ให้กับพ่อเลี้ยง กรณีแม่แต่งงานใหม่ 2.3 แบบที่สาม คือหนึ่งปี ไม่ถือไม้เท้า เป็นการไว้ทุกข์สำหรับ: - บุรุษ และสตรีที่ยังอยู่ในเรือน: ไว้ทุกข์ให้กับญาติสนิทและญาติผู้ใหญ่สายตรง (ดูตามผังในรูปประกอบ 2) - สะใภ้: ไว้ทุกข์ให้กับพี่น้องชายของสามี; ลูกชายและลูกสาวที่ยังอยู่ในเรือนของพี่น้องชายสามี - ลูกสาวที่ออกเรือนไปแล้ว: ไว้ทุกข์ให้กับพ่อแม่ของตน - พ่อแม่: ไว้ทุกข์ให้กับลูกชาย ลูกสาวที่ยังอยู่ในเรือน และลูกสะใภ้ใหญ่ (คือภรรยาของลูกชายคนโตอันเกิดจากแม่ใหญ่); - หลาน: ไว้ทุกข์ให้กับปู่ย่า ทั้งนี้หมายรวมถึงหลานสาวที่ออกเรือนไปแล้วด้วย (แต่หลานสะใภ้ไว้ทุกข์ในระดับ 3) - ปู่ย่า: ไว้ทุกข์ให้กับหลานชายคนโต (ลูกของลูกชาย) ในสายภรรยาเอก - อนุภรรยา: ไว้ทุกข์ให้กับภรรยาเอก; บุตรชายทุกคนของสามีไม่ว่าจะเกิดจากแม่ใด รวมบุตรชายของตน; พ่อแม่ของตน 2.4 แบบที่สี่ คือ สามถึงห้าเดือน ไม่ถือไม้เท้า: - เหลนไว้ทุกข์ให้กับปู่ทวดย่าทวด ระยะเวลาห้าเดือน โดยหมายรวมถึงเหลนสาวที่ออกเรือนไปแล้ว (หมายเหตุ สะใภ้ไว้ทุกข์ให้ปู่ทวดย่าทวดของสามีด้วยชุดซือหมาแบบ 5 ระยะเวลาสามเดือน) - ลื่อ (ลูกของเหลน) ไว้ทุกข์ให้กับปู่เทียดย่าเทียด ระยะสามเดือน หมายรวมถึงลื่อสาวที่ออกเรือนไปแล้ว (หมายเหตุ สะใภ้ไม่ต้องไว้ทุกข์ให้) สำหรับการไว้ทุกข์ในระดับ 2.2-2.4 นี้ ชีวิตความเป็นอยู่จะสบายขึ้นกว่าระดับแรกหน่อย ก็คืองดอาหารเพียงสามมื้อ (คือวันเดียว) จากนั้นในสามเดือนแรกกินข้าวต้ม งดผักผลไม้เนื้อสัตว์และสุรา โดยมีข้อยกเว้นคือผู้สูงอายุและผู้ป่วยตามที่ได้กล่าวไปในสัปดาห์ที่แล้ว และพอพ้นสามเดือนก็กินดื่มได้ปกติแต่กินกันเองไม่ร่วมกินดื่มกับผู้อื่นเพราะจะกลายเป็นการสังสรรค์ ในส่วนของที่พักนั้น หากเคร่งครัดมาก สามเดือนแรกบุรุษอาจย้ายออกมาอยู่กระท่อมแบบสมถะ พ้นสามเดือนจึงกลับไปนอนบ้านได้ปกติ ซึ่งสาเหตุที่ยึดเกณฑ์สามเดือนก็คือ สามเดือนจึงทำพิธีฝังศพ 3. ระดับที่สาม ชุดไว้ทุกข์เรียกว่า ‘ต้ากง’ (大功) ทำจากผ้ากระสอบเนื้อละเอียดขึ้น เป็นผ้าต้มสุกและมีการเย็บเก็บชายผ้าเรียบร้อย ไม่ต้องมีไม้เท้า สวมรองเท้าเชือกสาน สตรีแต่งกายแบบบุรุษ ผมเปลี่ยนจากผ้าคลุมหัวเป็นผ้าโพกมวย ระยะเวลาไว้ทุกข์เก้าเดือน เป็นการไว้ทุกข์สำหรับ: - บุรุษ และสตรีที่ยังอยู่ในเรือน: ไว้ทุกข์ให้กับญาติที่ห่างออกมาอีกลำดับขั้น (ดูผังในรูปประกอบ 2) - พ่อแม่: ไว้ทุกข์ให้กับลูกสะใภ้ (ยกเว้นลูกสะใภ้คนโตที่ไว้ทุกข์ในระดับ 2.3) - ปู่ย่า: ไว้ทุกข์ให้กับหลานชายทุกคน (ยกเว้นหลานชายคนโตสายภรรยาเอกที่ไว้ทุกข์ในระดับ 2.3) และหลานสาวที่ยังอยู่ในเรือน - สตรีที่ออกเรือนไปแล้ว: ไว้ทุกข์ให้แก่ลุงและอา (พี่น้องชายของพ่อ) ของตน; ป้าและอาหญิง (พี่น้องสาวของพ่อ) ของตนที่ยังอยู่ในเรือน; พี่น้องชายของตน รวมลูกชายและลูกสาวที่ยังอยู่ในเรือน; พี่น้องสาวของตนที่ยังอยู่ในเรือน สำหรับการไว้ทุกข์ในระดับต้ากงนี้ งดอาหารเพียงสามมื้อ (คือวันเดียว) จากนั้นในสามเดือนแรกกินข้าวต้ม งดผักผลไม้เนื้อสัตว์และสุรา โดยมีข้อยกเว้นคือผู้สูงอายุและผู้ป่วยตามที่ได้กล่าวไปในสัปดาห์ที่แล้ว และบุรุษอาจย้ายออกมาอยู่กระท่อมแบบสมถะไม่นอนเตียง พอพ้นสามเดือนก็กินอยู่ได้ปกติ 4. ระดับที่สี่ ชุดไว้ทุกข์เรียกว่า ‘เสี่ยวกง’ (小功) ทำจากผ้ากระสอบเนื้อบางละเอียดต้มสุกและมีการเย็บเก็บชายผ้าเรียบร้อย ไม่ต้องมีไม้เท้า สวมรองเท้าปกติได้ ระยะเวลาไว้ทุกข์ห้าเดือน เป็นการไว้ทุกข์สำหรับ: - บุรุษ และสตรีที่ยังอยู่ในเรือน: ไว้ทุกข์ให้กับญาติที่ห่างออกมาอีกลำดับขั้น (ดูผังในรูปประกอบ 2) และลูกชายของพี่น้องหญิงที่ออกเรือนไปแล้ว - ปู่ย่า: ไว้ทุกข์ให้กับหลานสะใภ้คนโตในสายภรรยาเอก (ภรรยาของลูกชายของลูกชาย); หลานสาว (ลูกสาวของลูกชาย) ที่ออกเรือนไปแล้ว - บุตรของแม่เล็ก: ไว้ทุกข์ให้พ่อแม่พี่น้องชายหญิงของแม่ใหญ่ เฉพาะในกรณีที่แม่ใหญ่ยังมีชีวิตอยู่ - สตรีที่ออกเรือนไปแล้ว: ไว้ทุกข์ให้กับลูกชายและลูกสาวที่ยังอยู่ในเรือนของลุงอาชายของตน (คือลูกพี่ลูกน้อง) 5. ระดับที่ห้า ชุดไว้ทุกข์เรียกว่า ‘ซือหมา’ (缌麻) ทำจากผ้ากระสอบเนื้อละเอียดที่สุดต้มสุกและมีการเย็บเก็บชายผ้าเรียบร้อย ไม่ต้องมีไม้เท้า ระยะเวลาไว้ทุกข์สามเดือน เป็นการไว้ทุกข์สำหรับ: - บุรุษ และสตรีที่ยังอยู่ในเรือน: ไว้ทุกข์ให้กับญาติที่ห่างออกมาอีกลำดับขั้น (ดูผังในรูปประกอบ 2) - บุรุษ และสตรีที่ยังอยู่ในเรือน: ไว้ทุกข์ให้กับลูกชายของป้าอาหญิง (พี่น้องสาวของพ่อ) ที่ออกเรือนไปแล้ว; ลูกชายของพี่น้องชายหญิงของแม่ รวมภรรยา - บุรุษ: ไว้ทุกข์ให้กับพ่อตาแม่ยาย (พ่อแม่ของภรรยา) - บุรุษและภรรยา: ไว้ทุกข์ให้หลานชายหญิง (ลูกของลูกชาย) ของลูกสาวที่ออกเรือนไปแล้ว รวมภรรยาของหลานชาย - สตรีที่ออกเรือนไปแล้ว: ไว้ทุกข์ให้กับญาติผู้ใหญ่ของตนคือ พี่น้องชายของปู่และภรรยา รวมลูกชายและภรรยา; พี่น้องสาวของปู่ที่ยังอยู่ในเรือน - สตรีที่ออกเรือนไปแล้ว: ไว้ทุกข์ให้กับลูกชายหญิงของลูกชายของลุงอาชายของตน (คือลูกของลูกพี่ลูกน้องสาวของตน); ลูกสาวของลุงอาชายที่ออกเรือนไปแล้ว (คือลูกพี่ลูกน้องสาวของตน) การไว้ทุกข์ระดับ 4 และ 5 นี้ นับเป็นการไว้ทุกข์แบบเบา มีการอดอาหารเพียงหนึ่งหรือสองมื้อ แรกงดผักผลไม้เนื้อสัตว์และสุราสามเดือน หลังจากนั้นกินดื่มปกติ และในช่วงเวลาไว้ทุกข์สามารถหลับนอนในห้องนอนเดิมนอนเตียงได้ การนับลำดับญาติเพื่อการไว้ทุกข์อาจฟังดูซับซ้อน แต่จากผังลำดับญาติจะเห็นได้ว่าหลักการในการนับความอาวุโสคือ ญาติในรุ่นเดียวกัน ถ้าเป็นพ่อคนเดียวกัน (คือพี่น้อง) ห่างออกไปหนึ่งขั้น หากเป็นปู่คนเดียวกัน ห่างออกไปสองขั้น หากเป็นปู่ทวดคนเดียวกัน ห่างออกไปสามขั้น และหากเป็นปู่เทียดคนเดียวกัน ห่างออกไปสี่ขั้น และจบอู่ฝูที่ลำดับญาติขึ้นสี่รุ่นลงสี่รุ่นรวมตนเองเป็นเก้ารุ่น เกณฑ์นี้ใช้สำหรับบุรุษหรือสตรีที่ยังอยู่ในเรือน และมีการกล่าวไว้ว่า พอพ้นเกณฑ์อู่ฝูนี้ก็ไม่ถือว่าเป็นญาติครอบครัวเดียวกันแล้ว ส่วนสตรีที่ออกเรือนไปแล้ว ให้ด้อยศักดิ์ลงหนึ่งขั้น (ยกเว้นกรณีที่กล่าวไว้แล้วในรายละเอียดข้างต้น) และสำหรับสตรีที่แต่งเข้ามาเป็นสะใภ้นั้น ไว้ทุกข์เทียบเท่าสามีให้รุ่นลูกลงไป แต่สำหรับการไว้ทุกข์ให้รุ่นเดียวกันและรุ่นอาวุโสกว่าให้ด้อยศักดิ์จากสามีหนึ่งขั้น (ยกเว้นกรณีที่กล่าวไว้แล้วในรายละเอียดข้างต้น) เช่น ไว้ทุกข์ให้พี่น้องสาวที่ออกเรือนไปแล้วของสามีในระดับ 4 ในขณะที่สามีไว้ทุกข์ในระดับ 3 ทั้งนี้ เนื่องจากการลำดับญาติมีความซับซ้อนและสรรพนามของไทยไม่ระบุเจาะจงเท่าของจีน อีกทั้งปัจจุบันมีเปลี่ยนแปลงไปบ้าง และข้อมูลก็ไม่สมบูรณ์โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสะใภ้และเขย หากมีตกหล่นผิดเพี้ยนไปแต่ประการใด Storyฯ ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย โดยทั่วไปแล้ว ในช่วงเวลาไว้ทุกข์ ไม่ว่าจะเป็นการไว้ทุกข์ระดับใด ห้ามสังสรรค์รื่นเริง ห้ามจัดงานมงคล กินอยู่อย่างสมถะ ไม่แต่งหน้าแต่งตาใส่เครื่องประดับ ทั้งนี้ ในช่วงเวลาไว้ทุกข์ไม่ได้จำเป็นต้องสวมชุดไว้ทุกข์เต็มยศตามที่กล่าวมาข้างต้นตลอดเวลา แต่จะใส่เฉพาะวันพิธีการสำคัญที่เกี่ยวข้อง นอกนั้นใส่ชุดไว้ทุกข์แบบเรียบง่ายหรือเปลี่ยนเป็นชุดขาวเรียบง่ายได้ ทั้งนี้มีตามหลักเกณฑ์เหมือนกัน แต่ Storyฯ ไม่ได้หาข้อมูลลงลึกเพิ่มเติม แน่นอนว่าพิธีการไว้ทุกข์มีความซับซ้อนมากกว่าที่เขียน ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดของชุดและกิจกรรมประจำวันต่างๆ และพิธีการเหล่านี้เปลี่ยนแปลงไปตามการเวลา ปัจจุบันยังมีธรรมเนียมการไว้ทุกข์นับตามอู่ฝูอยู่บ้างในประเทศจีนแต่ก็คลายความเคร่งครัดไป และสำหรับชาวไทยเชื้อสายจีนนั้น ปัจจุบันโดยส่วนใหญ่จะไม่นับถึงรุ่นทวดเดียวกันแล้ว เพื่อนเพจท่านใดมีประสบการณ์ที่แตกต่างอย่างไร เม้นท์เข้ามาเล่าสู่กันฟังหน่อยค่ะ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://historyindrama.wixsite.com/historyindrama/single-post/2018/03/17/-風起長林-披麻戴孝 https://kknews.cc/news/j5bqeq.html Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://m.thepaper.cn/baijiahao_12081296 https://ctext.org/yili/sang-fu/zhs https://ctext.org/wiki.pl?if=gb&chapter=880555&remap=gb https://baike.baidu.com/item/丧服制度/5983791 https://baike.baidu.com/item/齐衰 https://www.sohu.com/a/124382586_555629 https://k.sina.cn/article_6093535129_16b33f79900100pcu5.html #หลางหยาป่าง2 #ไว้ทุกข์จีน #อู่ฝู #ติงโยว #การลำดับญาติจีน #สาระจีน
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 582 Views 0 Reviews
  • ระยะเวลาไว้ทุกข์จีนโบราณ (ตอน 1)

    สืบเนื่องจากมีเพื่อนเพจถามเข้ามาถึงระยะเวลาไว้ทุกข์จีนโบราณ และ Storyฯ ได้ดู <องค์หญิงใหญ่> ซึ่งในเรื่องนี้ พระเอกจำเป็นต้องกลับบ้านนอกไว้ทุกข์ให้กับพ่อที่ตายไปเป็นเวลาสามปีจึงจะกลับมาเมืองหลวงอีกครั้ง ทำให้พลาดโอกาสก้าวหน้าทางราชการไป

    วันนี้เราจึงมาคุยกันเรื่องระยะเวลาไว้ทุกข์นี้ บทความยาวมากจึงขอแบ่งเป็นสองตอนนะคะ

    การไว้ทุกข์เรียกว่า ‘โส่วเซี่ยว’ (守孝 แปลได้ว่า รักษาความกตัญญู) หรือมีอีกวิธีเรียกคือ ‘ฝูซาง’ (服丧 แปลได้ว่า สวมใส่ความทุกข์) ซึ่งสะท้อนถึงการแบ่งการไว้ทุกข์ออกเป็นห้าระดับตามชื่อของชุดไว้ทุกข์ หรือที่เรียกว่า ‘อู่ฝู’ (五服 แปลตรงตัวว่า ห้าชุด) โดยแต่ละระดับมีระยะเวลาไว้ทุกข์ที่ต่างกัน

    ‘อู่ฝู’ แรกปรากฏในบันทึกอี้หลี่ (仪礼) เป็นพิธีการสมัยราชวงศ์โจว โดยการแบ่งแยกระดับขั้นการไว้ทุกข์นี้เป็นไปตามลำดับความสนิทของญาติ และในรายละเอียดมีการจำแนกตามอายุ (เช่น ถึงวัยเติบใหญ่แล้วหรือไม่) และบรรดาศักดิ์ของผู้ตาย รวมถึงรายละเอียดอื่นๆ

    ‘อู่ฝู’ มีอะไรบ้าง?

    รายละเอียดและระยะเวลาไว้ทุกข์เหล่านี้ต่อมาเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย และเนื่องจากหลายแหล่งข้อมูลมีความแตกต่าง Storyฯ ขออิงตามประมวลกฏหมายต้าหมิงหุ้ยเตี่ยนที่ถูกจัดทำขึ้นในรัชสมัยว่านลี่ขององค์จูอี้จวิน ซึ่งมีการแก้ไขไปจากเดิม ตัวอย่างเช่น เปลี่ยนการไว้ทุกข์ให้แม่มาเป็นแบบเดียวกับไว้ทุกข์ให้พ่อ เพื่อนเพจสามารถดูชุดไว้ทุกข์สมัยหมิงได้ตามรูปประกอบ 1

    1. ระดับที่หนึ่ง เป็นการไว้ทุกข์ขั้นสูงสุด ชุดไว้ทุกข์เรียกว่า ‘จ่านชุย’ (斩衰) สรุปโดยคร่าวคือทำจากชุดผ้ากระสอบดิบเนื้อหยาบ ไม่มีการเนาหรือเย็บ ไม่เย็บเก็บชายผ้า เพื่อแสดงถึงความสัมพันธ์สนิทสุดที่ถูกสะบั้นลง ใช้เชือกถักหยาบแทนเข็มขัด ถือไม้เท้ายาวถึงหน้าอกทำจากไม้ไผ่ เป็นสัญลักษณ์ว่าโศกเศร้าจนไม่สามารถยืนได้ (เด็กไม่ต้องถือไม้เท้า) รองเท้าทำจากหญ้า

    ชุดจ่านชุยเป็นชุดไว้ทุกข์สำหรับ:
    - ลูกชายและภรรยา: ไว้ทุกข์ให้กับพ่อและแม่ ทั้งนี้ ‘แม่’ หมายรวมถึงภรรยาเอกของพ่อ (ขอเรียกว่า แม่ใหญ่) แม่ผู้เลี้ยงดู และแม่แท้ๆ ดังนั้น ลูกทุกคนรวมทั้งลูกของอนุภรรยาต้องไว้ทุกข์ให้แม่ใหญ่ด้วยจ่านชุย แต่ลูกของแม่ใหญ่ไม่ต้องไว้ทุกข์ให้อนุภรรยาของพ่อ (ขอเรียกว่าแม่เล็ก) ด้วยจ่านชุย
    อนึ่ง ในกรณีที่ลูกชายเสียชีวิตไปก่อนหน้านี้ ให้หลานชายคนโตสายภรรยาเอกทำหน้าที่ไว้ทุกข์แทน และในกรณีที่ทั้งลูกชายและหลานชายคนโตสายภรรยาเอกเสียชีวิตไปก่อนหน้านี้ ให้เหลนชายคนโตสายภรรยาเอกทำหน้าที่ไว้ทุกข์แทน
    - ลูกสาวที่ยังอยู่ในเรือน (คือยังไม่แต่งงานหรือเป็นหม้ายไร้บุตรแล้วกลับมาอยู่บ้าน) ไว้ทุกข์ตามเกณฑ์เดียวกับลูกชาย
    - ภรรยาและอนุภรรยา: ไว้ทุกข์ให้แก่สามี

    สำหรับชุดจ่านชุยของสตรีนั้น แต่งกายเหมือนชายแต่ใช้ผ้ากระสอบกว้างหนึ่งนิ้วคาดหน้าผาก ปักปิ่นที่ทำจากไม้ไผ่ และมีผ้าคลุมหัว

    ระยะเวลาสวมชุดจ่านชุยไว้ทุกข์คือสามปี แต่จริงๆ แล้ววิธีนับคือสองปีเต็มกับอีกหนึ่งเดือน แรกเริ่มนับเป็นยี่สิบห้าเดือน ต่อมาเนื่องจากมีการปรับปรุงปฏิทินจีนและในบางปีอาจมีสิบสามเดือนในหนึ่งปี ระยะเวลาจ่านชุยจึงเปลี่ยนเป็นยี่สิบเจ็ดเดือน เพื่อว่าจะอย่างไรเสียก็ต้องมีอย่างน้อยหนึ่งเดือนในปีที่สาม และสาเหตุที่ระบุเป็น ‘สามปี’ นี้ เป็นไปตามแนวคิดและคำสอนของขงจื๊อที่ว่า พ่อแม่เลี้ยงดูเราจนสามปี ลูกจึงออกจากอ้อมอกพ่อแม่เดินเหินได้คล่อง ในระหว่างนั้นคอยอุ้มคอยดูแลสารพัด ผู้เป็นลูกก็ควรไว้ทุกข์เพื่อแสดงความกตัญญูให้บุพการีได้ในระยะเวลาเดียวกัน

    ในช่วงเวลาไว้ทุกข์นี้ มีหลักเกณฑ์ปฏิบัติที่สืบทอดมาตามคำสอนของขงจื๊ออีกเช่นกัน กล่าวคือ สามวันแรกห้ามกินข้าวกินน้ำ พ้นสามวันกินข้าวต้มได้ พ้นสามเดือนจึงจะอาบน้ำสระผมได้ พ้นหนึ่งปีเปลี่ยนหมวกเป็นมัดมวยผมด้วยผ้ากระสอบ และพ้นสามปีจึงจะใช้ชีวิตปกติได้
    จริงแล้วในช่วงเวลาสามปีนี้ไม่ได้จำเป็นต้องสวมชุดไว้ทุกข์เต็มยศตลอดเวลา แต่จะใส่เฉพาะวันพิธีการสำคัญที่เกี่ยวข้อง นอกนั้นใส่ชุดกระสอบปกติไม่ต้องถือไม้เท้า หรือค่อยๆ เปลี่ยนเป็นชุดสีขาวเรียบง่ายได้ ทั้งนี้มีตามหลักเกณฑ์เหมือนกัน แต่ Storyฯ ไม่ได้หาข้อมูลลงลึกเพิ่มเติม

    ในเรื่องอาหารการกินมีรายละเอียดเพิ่มเติมว่า ในระยะเวลาไว้ทุกข์ห้ามดื่มสุรา ส่วนอาหารที่กินเน้นข้าวต้มจืด พ้นหนึ่งปีจึงจะกินผักผลไม้ได้ พ้นสองปีจึงจะกินอาหารปรุงรสด้วยซีอิ๊วและน้ำส้มสายชูได้ พ้นสามปีจึงจะกินเนื้อสัตว์ได้ แต่ทั้งนี้ หลักการมีอีกว่า การไว้ทุกข์ไม่ควรทำให้ป่วย ดังนั้นในช่วงไว้ทุกข์นี้ ผู้ที่แก่ชรา (พ้นวัยเจ็ดสิบในสมัยโบราณถือว่าแก่มาก) ให้กินผักผลไม้กินเนื้อสัตว์ได้ และดื่มสุราได้ (เพราะสุราสมัยโบราณมักเป็นเหล้ายา) และผู้ป่วยหรือเด็กก็อนุโลมให้กินได้ตามความเหมาะสม เมื่อหายป่วยค่อยกลับมากินแบบไว้ทุกข์ตามเดิม

    นอกจากนี้ยังมีธรรมเนียมนอนเฝ้าโลงและเฝ้าหลุมศพ (ฝ่ายหญิงไม่ต้อง) โดยมีหลายระดับที่แตกต่างสำหรับบ้านนอก เช่นเป็นเพิงธรรมดา ต่อมาล้อมผนังได้ เสริมผนังด้วยดิน ปรับปรุงเป็นกระท่อมหลังเล็กผนังฉาบขี้เถ้า (เรียกว่า เอ้อซึ / 垩室) ปูพื้นนอนได้ ห้ามนอนเตียงจนพ้นสองปี ฯลฯ ซึ่งธรรมเนียมเหล่านี้ผ่อนคลายไปตามยุคสมัย Storyฯ ของไม่ลงรายละเอียด แต่ไม่เปลี่ยนคือในช่วงเวลาไว้ทุกข์นี้ ห้ามจัดงานสังสรรค์รื่นเริง ห้ามจัดงานมงคล สามีภรรยาห้ามมีเพศสัมพันธ์กันและอาจถึงขนาดต้องแยกห้องนอน กินอยู่อย่างสมถะ ไม่แต่งหน้าแต่งตาใส่เครื่องประดับ ฯลฯ

    ในเรื่อง <องค์หญิงใหญ่> พระเอกต้องลาราชการไปไว้ทุกข์ให้พ่อที่บ้านเกิดถึงสามปี (ซึ่งก็คือยี่สิบเจ็ดเดือนตามที่อธิบายมาข้างต้น) เกณฑ์ปฏิบัตินี้เรียกว่า ‘ติงโยว’ (丁忧) ใช้สำหรับการไว้ทุกข์ให้พ่อของขุนนาง เป็นกฎเกณฑ์ที่มีมาแต่สมัยราชวงศ์ฮั่นอันสืบเนื่องมาจากแนวคิดของขงจื๊อ ต่อมามีความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ตามยุคสมัยจนหมายรวมถึงการไว้ทุกข์ให้แม่ด้วย

    ในช่วงติงโยวนี้ ผู้ที่ไว้ทุกข์อยู่ห้ามรับราชการ ห้ามสอบราชบัณฑิต เว้นแต่จะมีคำสั่งหรือพระราชโองการยกเว้นเป็นกรณีพิเศษ (เช่น ในระหว่างทำศึก) และต้องแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ หากไม่แจ้งหรือโกหกจะมีโทษ ทั้งนี้ เพราะการไว้ทุกข์เป็นการแสดงออกถึงความกตัญญูอันเป็นหนึ่งในจรรยาหลักที่พึงมีของข้าราชสำนัก

    แน่นอนว่าพิธีการ ธรรมเนียมปฏิบัติ และรายละเอียดขององค์ประกอบของชุดไว้ทุกข์มีรายละเอียดมากกว่าที่กล่าวมาข้างต้น ซึ่ง Storyฯ ไม่ได้ค้นคว้าในเชิงลึกเพราะรายละเอียดเหล่านี้เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยเช่นกัน หากเพื่อนเพจท่านใดมีข้อมูลเพิ่มเติมก็เม้นท์เข้ามาเล่าสู่กันฟังได้ค่ะ

    สัปดาห์หน้าเรามาคุยต่อถึงการไว้ทุกข์ระดับอื่น ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับการนับลำดับญาติด้วย ติดตามต่อในตอนต่อไปนะคะ

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    https://www.sohu.com/a/790545230_121948376
    https://kknews.cc/news/j5bqeq.html
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://m.thepaper.cn/baijiahao_12081296
    https://ctext.org/yili/sang-fu/zhs
    https://ctext.org/wiki.pl?if=gb&chapter=880555&remap=gb
    https://baike.baidu.com/item/斩衰/1296602
    https://baike.baidu.com/item/丧服制度/5983791

    #องค์หญิงใหญ่ #ไว้ทุกข์จีน #อู่ฝู #ติงโยว #การลำดับญาติจีน #สาระจีน
    ระยะเวลาไว้ทุกข์จีนโบราณ (ตอน 1) สืบเนื่องจากมีเพื่อนเพจถามเข้ามาถึงระยะเวลาไว้ทุกข์จีนโบราณ และ Storyฯ ได้ดู <องค์หญิงใหญ่> ซึ่งในเรื่องนี้ พระเอกจำเป็นต้องกลับบ้านนอกไว้ทุกข์ให้กับพ่อที่ตายไปเป็นเวลาสามปีจึงจะกลับมาเมืองหลวงอีกครั้ง ทำให้พลาดโอกาสก้าวหน้าทางราชการไป วันนี้เราจึงมาคุยกันเรื่องระยะเวลาไว้ทุกข์นี้ บทความยาวมากจึงขอแบ่งเป็นสองตอนนะคะ การไว้ทุกข์เรียกว่า ‘โส่วเซี่ยว’ (守孝 แปลได้ว่า รักษาความกตัญญู) หรือมีอีกวิธีเรียกคือ ‘ฝูซาง’ (服丧 แปลได้ว่า สวมใส่ความทุกข์) ซึ่งสะท้อนถึงการแบ่งการไว้ทุกข์ออกเป็นห้าระดับตามชื่อของชุดไว้ทุกข์ หรือที่เรียกว่า ‘อู่ฝู’ (五服 แปลตรงตัวว่า ห้าชุด) โดยแต่ละระดับมีระยะเวลาไว้ทุกข์ที่ต่างกัน ‘อู่ฝู’ แรกปรากฏในบันทึกอี้หลี่ (仪礼) เป็นพิธีการสมัยราชวงศ์โจว โดยการแบ่งแยกระดับขั้นการไว้ทุกข์นี้เป็นไปตามลำดับความสนิทของญาติ และในรายละเอียดมีการจำแนกตามอายุ (เช่น ถึงวัยเติบใหญ่แล้วหรือไม่) และบรรดาศักดิ์ของผู้ตาย รวมถึงรายละเอียดอื่นๆ ‘อู่ฝู’ มีอะไรบ้าง? รายละเอียดและระยะเวลาไว้ทุกข์เหล่านี้ต่อมาเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย และเนื่องจากหลายแหล่งข้อมูลมีความแตกต่าง Storyฯ ขออิงตามประมวลกฏหมายต้าหมิงหุ้ยเตี่ยนที่ถูกจัดทำขึ้นในรัชสมัยว่านลี่ขององค์จูอี้จวิน ซึ่งมีการแก้ไขไปจากเดิม ตัวอย่างเช่น เปลี่ยนการไว้ทุกข์ให้แม่มาเป็นแบบเดียวกับไว้ทุกข์ให้พ่อ เพื่อนเพจสามารถดูชุดไว้ทุกข์สมัยหมิงได้ตามรูปประกอบ 1 1. ระดับที่หนึ่ง เป็นการไว้ทุกข์ขั้นสูงสุด ชุดไว้ทุกข์เรียกว่า ‘จ่านชุย’ (斩衰) สรุปโดยคร่าวคือทำจากชุดผ้ากระสอบดิบเนื้อหยาบ ไม่มีการเนาหรือเย็บ ไม่เย็บเก็บชายผ้า เพื่อแสดงถึงความสัมพันธ์สนิทสุดที่ถูกสะบั้นลง ใช้เชือกถักหยาบแทนเข็มขัด ถือไม้เท้ายาวถึงหน้าอกทำจากไม้ไผ่ เป็นสัญลักษณ์ว่าโศกเศร้าจนไม่สามารถยืนได้ (เด็กไม่ต้องถือไม้เท้า) รองเท้าทำจากหญ้า ชุดจ่านชุยเป็นชุดไว้ทุกข์สำหรับ: - ลูกชายและภรรยา: ไว้ทุกข์ให้กับพ่อและแม่ ทั้งนี้ ‘แม่’ หมายรวมถึงภรรยาเอกของพ่อ (ขอเรียกว่า แม่ใหญ่) แม่ผู้เลี้ยงดู และแม่แท้ๆ ดังนั้น ลูกทุกคนรวมทั้งลูกของอนุภรรยาต้องไว้ทุกข์ให้แม่ใหญ่ด้วยจ่านชุย แต่ลูกของแม่ใหญ่ไม่ต้องไว้ทุกข์ให้อนุภรรยาของพ่อ (ขอเรียกว่าแม่เล็ก) ด้วยจ่านชุย อนึ่ง ในกรณีที่ลูกชายเสียชีวิตไปก่อนหน้านี้ ให้หลานชายคนโตสายภรรยาเอกทำหน้าที่ไว้ทุกข์แทน และในกรณีที่ทั้งลูกชายและหลานชายคนโตสายภรรยาเอกเสียชีวิตไปก่อนหน้านี้ ให้เหลนชายคนโตสายภรรยาเอกทำหน้าที่ไว้ทุกข์แทน - ลูกสาวที่ยังอยู่ในเรือน (คือยังไม่แต่งงานหรือเป็นหม้ายไร้บุตรแล้วกลับมาอยู่บ้าน) ไว้ทุกข์ตามเกณฑ์เดียวกับลูกชาย - ภรรยาและอนุภรรยา: ไว้ทุกข์ให้แก่สามี สำหรับชุดจ่านชุยของสตรีนั้น แต่งกายเหมือนชายแต่ใช้ผ้ากระสอบกว้างหนึ่งนิ้วคาดหน้าผาก ปักปิ่นที่ทำจากไม้ไผ่ และมีผ้าคลุมหัว ระยะเวลาสวมชุดจ่านชุยไว้ทุกข์คือสามปี แต่จริงๆ แล้ววิธีนับคือสองปีเต็มกับอีกหนึ่งเดือน แรกเริ่มนับเป็นยี่สิบห้าเดือน ต่อมาเนื่องจากมีการปรับปรุงปฏิทินจีนและในบางปีอาจมีสิบสามเดือนในหนึ่งปี ระยะเวลาจ่านชุยจึงเปลี่ยนเป็นยี่สิบเจ็ดเดือน เพื่อว่าจะอย่างไรเสียก็ต้องมีอย่างน้อยหนึ่งเดือนในปีที่สาม และสาเหตุที่ระบุเป็น ‘สามปี’ นี้ เป็นไปตามแนวคิดและคำสอนของขงจื๊อที่ว่า พ่อแม่เลี้ยงดูเราจนสามปี ลูกจึงออกจากอ้อมอกพ่อแม่เดินเหินได้คล่อง ในระหว่างนั้นคอยอุ้มคอยดูแลสารพัด ผู้เป็นลูกก็ควรไว้ทุกข์เพื่อแสดงความกตัญญูให้บุพการีได้ในระยะเวลาเดียวกัน ในช่วงเวลาไว้ทุกข์นี้ มีหลักเกณฑ์ปฏิบัติที่สืบทอดมาตามคำสอนของขงจื๊ออีกเช่นกัน กล่าวคือ สามวันแรกห้ามกินข้าวกินน้ำ พ้นสามวันกินข้าวต้มได้ พ้นสามเดือนจึงจะอาบน้ำสระผมได้ พ้นหนึ่งปีเปลี่ยนหมวกเป็นมัดมวยผมด้วยผ้ากระสอบ และพ้นสามปีจึงจะใช้ชีวิตปกติได้ จริงแล้วในช่วงเวลาสามปีนี้ไม่ได้จำเป็นต้องสวมชุดไว้ทุกข์เต็มยศตลอดเวลา แต่จะใส่เฉพาะวันพิธีการสำคัญที่เกี่ยวข้อง นอกนั้นใส่ชุดกระสอบปกติไม่ต้องถือไม้เท้า หรือค่อยๆ เปลี่ยนเป็นชุดสีขาวเรียบง่ายได้ ทั้งนี้มีตามหลักเกณฑ์เหมือนกัน แต่ Storyฯ ไม่ได้หาข้อมูลลงลึกเพิ่มเติม ในเรื่องอาหารการกินมีรายละเอียดเพิ่มเติมว่า ในระยะเวลาไว้ทุกข์ห้ามดื่มสุรา ส่วนอาหารที่กินเน้นข้าวต้มจืด พ้นหนึ่งปีจึงจะกินผักผลไม้ได้ พ้นสองปีจึงจะกินอาหารปรุงรสด้วยซีอิ๊วและน้ำส้มสายชูได้ พ้นสามปีจึงจะกินเนื้อสัตว์ได้ แต่ทั้งนี้ หลักการมีอีกว่า การไว้ทุกข์ไม่ควรทำให้ป่วย ดังนั้นในช่วงไว้ทุกข์นี้ ผู้ที่แก่ชรา (พ้นวัยเจ็ดสิบในสมัยโบราณถือว่าแก่มาก) ให้กินผักผลไม้กินเนื้อสัตว์ได้ และดื่มสุราได้ (เพราะสุราสมัยโบราณมักเป็นเหล้ายา) และผู้ป่วยหรือเด็กก็อนุโลมให้กินได้ตามความเหมาะสม เมื่อหายป่วยค่อยกลับมากินแบบไว้ทุกข์ตามเดิม นอกจากนี้ยังมีธรรมเนียมนอนเฝ้าโลงและเฝ้าหลุมศพ (ฝ่ายหญิงไม่ต้อง) โดยมีหลายระดับที่แตกต่างสำหรับบ้านนอก เช่นเป็นเพิงธรรมดา ต่อมาล้อมผนังได้ เสริมผนังด้วยดิน ปรับปรุงเป็นกระท่อมหลังเล็กผนังฉาบขี้เถ้า (เรียกว่า เอ้อซึ / 垩室) ปูพื้นนอนได้ ห้ามนอนเตียงจนพ้นสองปี ฯลฯ ซึ่งธรรมเนียมเหล่านี้ผ่อนคลายไปตามยุคสมัย Storyฯ ของไม่ลงรายละเอียด แต่ไม่เปลี่ยนคือในช่วงเวลาไว้ทุกข์นี้ ห้ามจัดงานสังสรรค์รื่นเริง ห้ามจัดงานมงคล สามีภรรยาห้ามมีเพศสัมพันธ์กันและอาจถึงขนาดต้องแยกห้องนอน กินอยู่อย่างสมถะ ไม่แต่งหน้าแต่งตาใส่เครื่องประดับ ฯลฯ ในเรื่อง <องค์หญิงใหญ่> พระเอกต้องลาราชการไปไว้ทุกข์ให้พ่อที่บ้านเกิดถึงสามปี (ซึ่งก็คือยี่สิบเจ็ดเดือนตามที่อธิบายมาข้างต้น) เกณฑ์ปฏิบัตินี้เรียกว่า ‘ติงโยว’ (丁忧) ใช้สำหรับการไว้ทุกข์ให้พ่อของขุนนาง เป็นกฎเกณฑ์ที่มีมาแต่สมัยราชวงศ์ฮั่นอันสืบเนื่องมาจากแนวคิดของขงจื๊อ ต่อมามีความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ตามยุคสมัยจนหมายรวมถึงการไว้ทุกข์ให้แม่ด้วย ในช่วงติงโยวนี้ ผู้ที่ไว้ทุกข์อยู่ห้ามรับราชการ ห้ามสอบราชบัณฑิต เว้นแต่จะมีคำสั่งหรือพระราชโองการยกเว้นเป็นกรณีพิเศษ (เช่น ในระหว่างทำศึก) และต้องแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ หากไม่แจ้งหรือโกหกจะมีโทษ ทั้งนี้ เพราะการไว้ทุกข์เป็นการแสดงออกถึงความกตัญญูอันเป็นหนึ่งในจรรยาหลักที่พึงมีของข้าราชสำนัก แน่นอนว่าพิธีการ ธรรมเนียมปฏิบัติ และรายละเอียดขององค์ประกอบของชุดไว้ทุกข์มีรายละเอียดมากกว่าที่กล่าวมาข้างต้น ซึ่ง Storyฯ ไม่ได้ค้นคว้าในเชิงลึกเพราะรายละเอียดเหล่านี้เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยเช่นกัน หากเพื่อนเพจท่านใดมีข้อมูลเพิ่มเติมก็เม้นท์เข้ามาเล่าสู่กันฟังได้ค่ะ สัปดาห์หน้าเรามาคุยต่อถึงการไว้ทุกข์ระดับอื่น ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับการนับลำดับญาติด้วย ติดตามต่อในตอนต่อไปนะคะ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://www.sohu.com/a/790545230_121948376 https://kknews.cc/news/j5bqeq.html Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://m.thepaper.cn/baijiahao_12081296 https://ctext.org/yili/sang-fu/zhs https://ctext.org/wiki.pl?if=gb&chapter=880555&remap=gb https://baike.baidu.com/item/斩衰/1296602 https://baike.baidu.com/item/丧服制度/5983791 #องค์หญิงใหญ่ #ไว้ทุกข์จีน #อู่ฝู #ติงโยว #การลำดับญาติจีน #สาระจีน
    WWW.SOHU.COM
    度华年:了解裴文宣父亲对老婆好的方式 才懂前世驸马公主注定分离_李蓉跟_裴礼_事情
    裴礼之的家庭观就是, 身为丈夫就应当保护妻儿给她最好的生活,不管家里家外发生的事情都揽在了自己身上,所有的责任义务也都是自己一个人扛。 而这在李蓉看来,是你站在了我的对立面,是你不再要我,是你放弃了我们…
    0 Comments 0 Shares 589 Views 0 Reviews
  • #หลากเรื่องในชีวิตของชายที่รักหนังสือ

    อ่านจบแล้วต้องรีบระบายความในใจที่มีต่อหนังสือเล่มนี้ทันที ไม่อย่างนั้นคงจะอึดอัด

    ขอใช้ประโยคนี้ที่พิจารณาแล้วเห็นว่าซื่อตรงต่อตนเองมากที่สุดครับ

    "ผมหลงรักเรื่องราวในหนังสือเล่มนี้"

    เดิมก็คาดการณ์ไว้ตอนตัดสินใจเลือกยืมมาจากห้องสมุด เล่มนี้ต้องดีแน่ คงจะมอบความอิ่มเอมให้เราพอสมควร เชื่ออย่างนั้นเพียงแค่ได้เห็นหน้าปก และชื่อที่ดึงความสนใจได้ชงัดนัก ประกอบกับบางส่วนที่เกริ่นไว้ด้านหลังปก เท่านี้ก็เหมือนเห็นแสงที่อบอุ่นขาวนวล สว่างออกมารอบ ๆ หนังสือ อาจจะเป็นคำบอกเล่าที่ดูเกินจริงไปหน่อย แต่รู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ เพราะส่วนตัวค่อนข้างจะเปราะบางกับอะไรก็ตามที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับร้านหนังสือและเจ้าของที่ค่อนข้างโดดเดี่ยว

    📚 The Storied Life of A.j.Fikry หรือชื่อไทยว่า
    หลากเรื่องในชีวิตของชายที่รักหนังสือ (ชอบชื่อไทยมาก ตั้งได้ดีจริง)

    แพรวสำนักพิมพ์ ออกมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2563 ในขณะที่ต้นฉบับขายตั้งแต่ปี 2014 หนาเพียง 216 หน้า

    หลายคนคงเคยอ่านแล้ว แต่น่าจะมีอีกหลายคนที่มีอยู่ในมือแต่ยังไม่ได้อ่าน หวังว่าหลังจากอ่านสิ่งที่ผมเล่าจบแล้ว จะเกิดแรงขับมากพอทำให้คุณรู้สึกอยากหยิบขึ้นมาอ่านได้

    โครงเรื่องจริง ๆ ก็ดังที่ชื่อไทยได้บอกไว้ ชัดเจนและสรุปเนื้อหาทั้งหมดในเล่มออกมาในประโยคเดียวได้อย่างสมบูรณ์ แต่เนื้อหาย่อยที่อยู่ในเล่มนี้สิ ที่แต่ละอย่างล้วนโดนใจทั้งนั้น

    สรุปเนื้อเรื่องคือ

    ชายวัยใกล้สี่สิบคนหนึ่งเป็นเจ้าของร้านหนังสือที่ตั้งอยู่บนเกาะอลิซ เป็นคนที่มีบุคลิกปิด ไม่ชอบสุงสิงใคร เพิ่งสูญเสียเมียอันเป็นที่รักไปไม่นานจากอุบัติเหตุ จึงจ่อมจมอยู่กับความเศร้าเฝ้าร้านที่ยอดขายก็ย่ำแย่ วันหนึ่งมีตัวแทนสาวสวยคนใหม่จาก สนพ.แห่งหนึ่ง เดินทางไกลมาเพื่อจะนำเสนอตัวอย่างหนังสือที่จะออกในช่วงฤดูหนาว และแนะนำเล่มที่น่าสนใจที่น่าจะสั่งมาวางขายในร้าน ให้กับเขาแทนคนเก่าที่เสียชีวิตไป ทว่าเขากลับพูดจาด้วยอย่างหยาบคาย กลายเป็นความทรงจำเลวร้ายต่อเธอที่เพิ่งเริ่มต้นงาน

    หลังจากวันนั้นไม่นาน คืนหนึ่งเขาดื่มหนักมากและฟุบหลับไป เมื่อรู้สึกตัวอีกที ต้องตกใจเพราะของมีค่ามหาศาลชิ้นหนึ่งหายไปจากร้านของเขา จึงไปแจ้งความกับตำรวจหนุ่มใหญ่คนหนึ่งให้ช่วยตามหา เพราะเขากะว่าอีกไม่นานจะขายสมบัติชิ้นนั้นเพื่อนำเงินก้อนมาใช้ หลังจากปิดร้านหนังสือ แต่ตำรวจหาไม่พบ ขณะที่กำลังประสบเคราะห์ร้ายอย่างถึงที่สุด ปรากฏว่ามีสถานการณ์ใหม่ที่ไม่น่าเชื่อบังเกิดขึ้นกับเขาตามมาติด ๆ และการตัดสินใจต่อกรณีนี้ ได้นำพาให้ชีวิตของเขารวมถึงร้านหนังสือที่รักประสบกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ที่จะทำให้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

    ตัวละครทุกตัวในเรื่องต่างมีอัตลักษณ์ที่น่าสนใจ โดยเฉพาะตัวละครหญิง ไม่ว่าจะรุ่นเล็ก หรือรุ่นใหญ่ ล้วนแต่มีเสน่ห์ น่าหลงใหล ผู้เขียนช่างสร้างบุคลิก อุปนิสัย และปูมหลังของแต่ละคนได้อย่างยอดเยี่ยม ยิ่งอ่านไปก็ยิ่งตกหลุมรัก คอยลุ้นเอาใจช่วยไปกับตัวละครแต่ละตัวให้ผ่านพ้นช่วงเวลาอันยากลำบากไปให้ได้ ยามถึงฉากที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับความรักของตัวละครเด่น ก็พลอยตื่นเต้นและอยากให้ทั้งสองฝ่ายต่างสมหวัง บางฉากก็ได้ยิ้งแก้มปริ บางฉากก็ขำ บางฉากก็ซึมเซา เศร้าและเสียดาย สุดท้ายฉากชีวิตของหนุ่มใหญ่เจ้าของร้านหนังสือจะลงเอยอย่างไร ลองไปตามอ่านกันให้ได้นะ

    สำนวนการเขียนของนักเขียนช่างกระชับ จับใจ ในหน้ากระดาษจำกัดเพียง 216 หน้านี้ แทบจะบอกได้ว่าไม่มีเรื่องราวหรือเหตุการณ์ไหน ตัวละครใดที่ถูกใส่เข้ามาอย่างเสียของ ไร้ความหมาย เพียงเป็นตัวประกอบไร้ค่าที่ไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ เพราะแม้จะเพียงแค่ปรากฏมาไม่กี่หน้า แต่ก็มีหน้าที่เฉพาะซึ่งสำคัญต่อการเดินเรื่อง อ่านไปช่วงแรกอาจยังไม่รู้สึกถึงสิ่งเหล่านี้ แต่ยิ่งจำนวนหน้าฝั่งซ้ายเริ่มมากขึ้นจนแซงฝั่งขวา ก็เห็นถึงการวางแผนมาแล้วอย่างดีและใส่ใจในรายละเอียดอย่างมาก สิ่งที่ถูกเริ่มไว้ในตอนต้น ในหลายประเด็น และคาใจให้คนอ่านเหมือนมีอะไรติดค้างอยู่ หากไม่รู้หรือไม่ยอมเฉลยในตอนจบคงต้องนอนไม่หลับแน่ ก็ปรากฏว่านักเขียนได้เปิดจนหมดเปลือก ทว่าใช้วิธีเผยความจริงได้อย่างชาญฉลาด และน่าทึ่ง

    ช่วงต้นอาจจะยังจับทางไม่ถูกก็จะไม่คุ้นชินกับการตัดฉาก ลำดับเหตุการณ์ที่เปลี่ยนทันใดอย่างรวดเร็ว เพียงแค่ใช้ย่อหน้าใหม่และอักษรเริ่มต้นประโยคของย่อหน้านั้นที่เป็นสีซีดจางต่างจากบรรทัดถัดไป และดำเนินในลักษณะนี้ตั้งแต่ต้นจนจบ โดยไม่มีการแบ่งเป็นบท หรือใส่เลขเพื่อบ่งบอกเมื่อขึ้นฉากหรือสถานการณ์ใหม่ ปล่อยให้คนอ่านได้ใช้สมองอย่างเต็มที่ ว่าอ๋อ..นี่จบเรื่องเหตุการณ์ก่อนหน้าไปแล้ว เริ่มต้นเข้าสู่ช่วงตอนใหม่อย่างปุบปับ อาศัยเพียงคำบรรยายไม่ถึงครึ่งหน้าเพื่อนำให้คิดตาม พอรู้ว่าอยู่ในช่วงเวลาไหน จากนั้นจึงเล่าเรื่องผ่านบทสนทนาของตัวละครหลักในเรื่องต่อไป

    ใช่ นี่คือหนังสือที่เดินหน้าด้วยการเน้นที่บทสนทนาของตัวละครหลักเพียงไม่กี่ตัว โดยมีการบรรยายความเพียงแค่เป็นส่วนประกอบฉาก ไม่มากแต่ทรงพลัง โดยเฉพาะการคั่นจังหวะของแต่ละช่วงตอนของการเล่าเรื่อง ด้วยบันทึกของพ่อที่เขียนให้กับลูกสาว เกี่ยวกับหนังสือเรื่องต่าง ๆ ที่ตนเห็นว่ามีความน่าสนใจ และดีพอที่จะแนะนำต่อให้ลูกไปตามอ่านนั้น เป็นอะไรที่แสนจะน่ารักและน่าประทับใจในคราวเดียว มันทำให้เราได้ประเมินตัวเองเหมือนกัน ว่าฉันคือนักอ่านที่แท้จริงแล้วหรือไม่ โดยดูจากชื่อหนังสือที่พ่อแนะนำให้ลูกอ่านนี้แหละ มีสักกี่เรื่องที่เคยผ่านตาผ่านมือเราแล้วบ้าง และอีกกี่เรื่องที่แค่เคยได้ยินชื่อแต่ไม่เคยอ่าน กี่เรื่องกันที่แม้แต่ชื่อเรื่องยังไม่เคยได้ยิน

    ตลอดทั้งเล่มนี้ นอกจากจะมีหน้าคั่นที่เป็นบันทึกของพ่อแนะนำหนังสือให้ลูกดังได้กล่าวไป ยังมีกล่าวถึงหนังสือหลากหลายประเภท หลายเรื่อง ผ่านบทสนทนากับตัวละครอื่นอยู่เป็นระยะ เรียกได้ว่าอ่านเล่มนี้เพียงเล่มเดียว เราจะได้เปิดโลกเหมือนเข้าไปในร้านหนังสือแห่งหนึ่งจริง ๆ นักอ่านบางคนอาจรู้สึกหงุดหงิดหรือไม่คุ้นเคยกับการเล่าเรื่องลักษณะนี้ ยิ่งไม่เคยรู้จักหรือได้ยินหนังสือที่ถูกเอ่ยถึงเลยในเล่ม คงยิ่งจะอ่านแล้วเหมือนขาดความเชื่อมโยง หรือเกิดความรู้สึกร่วมไปกับตัวละครในเรื่องได้น้อย แต่เชื่อเถิด ต่อให้คุณไม่เคยได้ยิน ได้อ่าน เรื่องใดเลยที่กล่าวถึงในหนังสือเล่มนี้ แต่ถ้าได้อ่านไปเรื่อย ๆ จนจบเล่ม สุดท้ายคุณจะพบว่า นี่คือหนังสือที่ดีเล่มหนึ่ง และไม่เพียงแค่ดีเท่านั้น แต่ระหว่างทางหนังสือยังได้สร้างความสุขให้เกิดขึ้นกับเราไม่มากก็น้อย

    สำหรับผมนั้น แน่นอนว่าอ่านด้วยความรู้สึกยินดีมีสุขในทุกหน้า ไม่ว่าเรื่องราวในนั้นจะมีครบ ทั้งสนุกสนาน ได้อมยิ้ม ได้หัวเราะ หรืออาจเศร้าซึมเซาบ้างในบางช่วง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องไม่ดี เพราะนี่แหละคือชีวิต เราจะหวังให้ชีวิตพบเจอแต่สิ่งดีไปตลอดย่อมเป็นไปไม่ได้ ..จริงหรือไม่

    #หนังสือ
    #นิยายแปล
    #ร้านหนังสือ
    #คนรักการอ่าน
    #thaitimes
    #หนังสือน่าอ่าน
    #หลากเรื่องในชีวิตของชายที่รักหนังสือ อ่านจบแล้วต้องรีบระบายความในใจที่มีต่อหนังสือเล่มนี้ทันที ไม่อย่างนั้นคงจะอึดอัด ขอใช้ประโยคนี้ที่พิจารณาแล้วเห็นว่าซื่อตรงต่อตนเองมากที่สุดครับ "ผมหลงรักเรื่องราวในหนังสือเล่มนี้" เดิมก็คาดการณ์ไว้ตอนตัดสินใจเลือกยืมมาจากห้องสมุด เล่มนี้ต้องดีแน่ คงจะมอบความอิ่มเอมให้เราพอสมควร เชื่ออย่างนั้นเพียงแค่ได้เห็นหน้าปก และชื่อที่ดึงความสนใจได้ชงัดนัก ประกอบกับบางส่วนที่เกริ่นไว้ด้านหลังปก เท่านี้ก็เหมือนเห็นแสงที่อบอุ่นขาวนวล สว่างออกมารอบ ๆ หนังสือ อาจจะเป็นคำบอกเล่าที่ดูเกินจริงไปหน่อย แต่รู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ เพราะส่วนตัวค่อนข้างจะเปราะบางกับอะไรก็ตามที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับร้านหนังสือและเจ้าของที่ค่อนข้างโดดเดี่ยว 📚 The Storied Life of A.j.Fikry หรือชื่อไทยว่า หลากเรื่องในชีวิตของชายที่รักหนังสือ (ชอบชื่อไทยมาก ตั้งได้ดีจริง) แพรวสำนักพิมพ์ ออกมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2563 ในขณะที่ต้นฉบับขายตั้งแต่ปี 2014 หนาเพียง 216 หน้า หลายคนคงเคยอ่านแล้ว แต่น่าจะมีอีกหลายคนที่มีอยู่ในมือแต่ยังไม่ได้อ่าน หวังว่าหลังจากอ่านสิ่งที่ผมเล่าจบแล้ว จะเกิดแรงขับมากพอทำให้คุณรู้สึกอยากหยิบขึ้นมาอ่านได้ โครงเรื่องจริง ๆ ก็ดังที่ชื่อไทยได้บอกไว้ ชัดเจนและสรุปเนื้อหาทั้งหมดในเล่มออกมาในประโยคเดียวได้อย่างสมบูรณ์ แต่เนื้อหาย่อยที่อยู่ในเล่มนี้สิ ที่แต่ละอย่างล้วนโดนใจทั้งนั้น สรุปเนื้อเรื่องคือ ชายวัยใกล้สี่สิบคนหนึ่งเป็นเจ้าของร้านหนังสือที่ตั้งอยู่บนเกาะอลิซ เป็นคนที่มีบุคลิกปิด ไม่ชอบสุงสิงใคร เพิ่งสูญเสียเมียอันเป็นที่รักไปไม่นานจากอุบัติเหตุ จึงจ่อมจมอยู่กับความเศร้าเฝ้าร้านที่ยอดขายก็ย่ำแย่ วันหนึ่งมีตัวแทนสาวสวยคนใหม่จาก สนพ.แห่งหนึ่ง เดินทางไกลมาเพื่อจะนำเสนอตัวอย่างหนังสือที่จะออกในช่วงฤดูหนาว และแนะนำเล่มที่น่าสนใจที่น่าจะสั่งมาวางขายในร้าน ให้กับเขาแทนคนเก่าที่เสียชีวิตไป ทว่าเขากลับพูดจาด้วยอย่างหยาบคาย กลายเป็นความทรงจำเลวร้ายต่อเธอที่เพิ่งเริ่มต้นงาน หลังจากวันนั้นไม่นาน คืนหนึ่งเขาดื่มหนักมากและฟุบหลับไป เมื่อรู้สึกตัวอีกที ต้องตกใจเพราะของมีค่ามหาศาลชิ้นหนึ่งหายไปจากร้านของเขา จึงไปแจ้งความกับตำรวจหนุ่มใหญ่คนหนึ่งให้ช่วยตามหา เพราะเขากะว่าอีกไม่นานจะขายสมบัติชิ้นนั้นเพื่อนำเงินก้อนมาใช้ หลังจากปิดร้านหนังสือ แต่ตำรวจหาไม่พบ ขณะที่กำลังประสบเคราะห์ร้ายอย่างถึงที่สุด ปรากฏว่ามีสถานการณ์ใหม่ที่ไม่น่าเชื่อบังเกิดขึ้นกับเขาตามมาติด ๆ และการตัดสินใจต่อกรณีนี้ ได้นำพาให้ชีวิตของเขารวมถึงร้านหนังสือที่รักประสบกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ที่จะทำให้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ตัวละครทุกตัวในเรื่องต่างมีอัตลักษณ์ที่น่าสนใจ โดยเฉพาะตัวละครหญิง ไม่ว่าจะรุ่นเล็ก หรือรุ่นใหญ่ ล้วนแต่มีเสน่ห์ น่าหลงใหล ผู้เขียนช่างสร้างบุคลิก อุปนิสัย และปูมหลังของแต่ละคนได้อย่างยอดเยี่ยม ยิ่งอ่านไปก็ยิ่งตกหลุมรัก คอยลุ้นเอาใจช่วยไปกับตัวละครแต่ละตัวให้ผ่านพ้นช่วงเวลาอันยากลำบากไปให้ได้ ยามถึงฉากที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับความรักของตัวละครเด่น ก็พลอยตื่นเต้นและอยากให้ทั้งสองฝ่ายต่างสมหวัง บางฉากก็ได้ยิ้งแก้มปริ บางฉากก็ขำ บางฉากก็ซึมเซา เศร้าและเสียดาย สุดท้ายฉากชีวิตของหนุ่มใหญ่เจ้าของร้านหนังสือจะลงเอยอย่างไร ลองไปตามอ่านกันให้ได้นะ สำนวนการเขียนของนักเขียนช่างกระชับ จับใจ ในหน้ากระดาษจำกัดเพียง 216 หน้านี้ แทบจะบอกได้ว่าไม่มีเรื่องราวหรือเหตุการณ์ไหน ตัวละครใดที่ถูกใส่เข้ามาอย่างเสียของ ไร้ความหมาย เพียงเป็นตัวประกอบไร้ค่าที่ไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ เพราะแม้จะเพียงแค่ปรากฏมาไม่กี่หน้า แต่ก็มีหน้าที่เฉพาะซึ่งสำคัญต่อการเดินเรื่อง อ่านไปช่วงแรกอาจยังไม่รู้สึกถึงสิ่งเหล่านี้ แต่ยิ่งจำนวนหน้าฝั่งซ้ายเริ่มมากขึ้นจนแซงฝั่งขวา ก็เห็นถึงการวางแผนมาแล้วอย่างดีและใส่ใจในรายละเอียดอย่างมาก สิ่งที่ถูกเริ่มไว้ในตอนต้น ในหลายประเด็น และคาใจให้คนอ่านเหมือนมีอะไรติดค้างอยู่ หากไม่รู้หรือไม่ยอมเฉลยในตอนจบคงต้องนอนไม่หลับแน่ ก็ปรากฏว่านักเขียนได้เปิดจนหมดเปลือก ทว่าใช้วิธีเผยความจริงได้อย่างชาญฉลาด และน่าทึ่ง ช่วงต้นอาจจะยังจับทางไม่ถูกก็จะไม่คุ้นชินกับการตัดฉาก ลำดับเหตุการณ์ที่เปลี่ยนทันใดอย่างรวดเร็ว เพียงแค่ใช้ย่อหน้าใหม่และอักษรเริ่มต้นประโยคของย่อหน้านั้นที่เป็นสีซีดจางต่างจากบรรทัดถัดไป และดำเนินในลักษณะนี้ตั้งแต่ต้นจนจบ โดยไม่มีการแบ่งเป็นบท หรือใส่เลขเพื่อบ่งบอกเมื่อขึ้นฉากหรือสถานการณ์ใหม่ ปล่อยให้คนอ่านได้ใช้สมองอย่างเต็มที่ ว่าอ๋อ..นี่จบเรื่องเหตุการณ์ก่อนหน้าไปแล้ว เริ่มต้นเข้าสู่ช่วงตอนใหม่อย่างปุบปับ อาศัยเพียงคำบรรยายไม่ถึงครึ่งหน้าเพื่อนำให้คิดตาม พอรู้ว่าอยู่ในช่วงเวลาไหน จากนั้นจึงเล่าเรื่องผ่านบทสนทนาของตัวละครหลักในเรื่องต่อไป ใช่ นี่คือหนังสือที่เดินหน้าด้วยการเน้นที่บทสนทนาของตัวละครหลักเพียงไม่กี่ตัว โดยมีการบรรยายความเพียงแค่เป็นส่วนประกอบฉาก ไม่มากแต่ทรงพลัง โดยเฉพาะการคั่นจังหวะของแต่ละช่วงตอนของการเล่าเรื่อง ด้วยบันทึกของพ่อที่เขียนให้กับลูกสาว เกี่ยวกับหนังสือเรื่องต่าง ๆ ที่ตนเห็นว่ามีความน่าสนใจ และดีพอที่จะแนะนำต่อให้ลูกไปตามอ่านนั้น เป็นอะไรที่แสนจะน่ารักและน่าประทับใจในคราวเดียว มันทำให้เราได้ประเมินตัวเองเหมือนกัน ว่าฉันคือนักอ่านที่แท้จริงแล้วหรือไม่ โดยดูจากชื่อหนังสือที่พ่อแนะนำให้ลูกอ่านนี้แหละ มีสักกี่เรื่องที่เคยผ่านตาผ่านมือเราแล้วบ้าง และอีกกี่เรื่องที่แค่เคยได้ยินชื่อแต่ไม่เคยอ่าน กี่เรื่องกันที่แม้แต่ชื่อเรื่องยังไม่เคยได้ยิน ตลอดทั้งเล่มนี้ นอกจากจะมีหน้าคั่นที่เป็นบันทึกของพ่อแนะนำหนังสือให้ลูกดังได้กล่าวไป ยังมีกล่าวถึงหนังสือหลากหลายประเภท หลายเรื่อง ผ่านบทสนทนากับตัวละครอื่นอยู่เป็นระยะ เรียกได้ว่าอ่านเล่มนี้เพียงเล่มเดียว เราจะได้เปิดโลกเหมือนเข้าไปในร้านหนังสือแห่งหนึ่งจริง ๆ นักอ่านบางคนอาจรู้สึกหงุดหงิดหรือไม่คุ้นเคยกับการเล่าเรื่องลักษณะนี้ ยิ่งไม่เคยรู้จักหรือได้ยินหนังสือที่ถูกเอ่ยถึงเลยในเล่ม คงยิ่งจะอ่านแล้วเหมือนขาดความเชื่อมโยง หรือเกิดความรู้สึกร่วมไปกับตัวละครในเรื่องได้น้อย แต่เชื่อเถิด ต่อให้คุณไม่เคยได้ยิน ได้อ่าน เรื่องใดเลยที่กล่าวถึงในหนังสือเล่มนี้ แต่ถ้าได้อ่านไปเรื่อย ๆ จนจบเล่ม สุดท้ายคุณจะพบว่า นี่คือหนังสือที่ดีเล่มหนึ่ง และไม่เพียงแค่ดีเท่านั้น แต่ระหว่างทางหนังสือยังได้สร้างความสุขให้เกิดขึ้นกับเราไม่มากก็น้อย สำหรับผมนั้น แน่นอนว่าอ่านด้วยความรู้สึกยินดีมีสุขในทุกหน้า ไม่ว่าเรื่องราวในนั้นจะมีครบ ทั้งสนุกสนาน ได้อมยิ้ม ได้หัวเราะ หรืออาจเศร้าซึมเซาบ้างในบางช่วง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องไม่ดี เพราะนี่แหละคือชีวิต เราจะหวังให้ชีวิตพบเจอแต่สิ่งดีไปตลอดย่อมเป็นไปไม่ได้ ..จริงหรือไม่ #หนังสือ #นิยายแปล #ร้านหนังสือ #คนรักการอ่าน #thaitimes #หนังสือน่าอ่าน
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 1776 Views 0 Reviews
  • #ความเชื่อ#
    #การรับรู้#
    #ความคิด#
    🪷🪷
    _ความเชื่อ (ย่อ)
    ลอยน้ำมาจากทางเหนือ กับพระพี่น้อง บางตำนานว่า 3 บางตำนานว่า 5 ถูกอัญเชิญขึ้น ณ วัดโสธรในปัจจุบัน
    _ การรับรู้ ผู้มิมิตรท่านนึง กล่าวว่า หล่อขึ้นที่เชียงใหม่ (จำตรงตรงนี้ไว้) และเมื่อเกิดสงคราม เข้าประชิดเมือง จึงผูกแพลอยน้ำไป เพื่อรอดจากการเผาทำลาย และมาขึ้นที่วัดโสธรในปัจจุบัน
    _ ความคิด จากหลักฐานเชิงประจักษ์ ชุมชนนี้เกิดขึ้นเพราะเป็นย่านการค้าขาย ในสมัยกรุงศรีอยุธยา เนื่องจากเป็นปากอ่าวติดทะเล เมื่อมีชุมชน ก็มีศาสนสถาน (เป็นทุกอารยะธรรม) ในที่นี้ก็คือ วัด และศิลปะในองค์พระ คือ ศิลปะอยุธยาตอนปลาย และถูกแกะขึ้นจากหินทราย แบบหลายชิ้นมาประกอบกัน (ไม่ใช่การหล่อโลหะ) และยังพบพระพุทธรูปศิลปะแบบนี้ อีกหลายวัด ในบริเวณใกล้เคียงกันนี้ ....จากข้อมูลประกอบ จึงมีข้อสรุปที่ว่า ไม่ได้มาจากที่อื่น คงสร้างและอยู่ที่นี่มาตั้งแต่แรก
    🙂😊🙏 ท่านผู้อ่านจะเชื่อแบบใด แล้วแต่ท่านเลย เพราะเป็นเรื่องของปัจเจกบุคคล.
    #ความเชื่อ# #การรับรู้# #ความคิด# 🪷🪷 _ความเชื่อ (ย่อ) ลอยน้ำมาจากทางเหนือ กับพระพี่น้อง บางตำนานว่า 3 บางตำนานว่า 5 ถูกอัญเชิญขึ้น ณ วัดโสธรในปัจจุบัน _ การรับรู้ ผู้มิมิตรท่านนึง กล่าวว่า หล่อขึ้นที่เชียงใหม่ (จำตรงตรงนี้ไว้) และเมื่อเกิดสงคราม เข้าประชิดเมือง จึงผูกแพลอยน้ำไป เพื่อรอดจากการเผาทำลาย และมาขึ้นที่วัดโสธรในปัจจุบัน _ ความคิด จากหลักฐานเชิงประจักษ์ ชุมชนนี้เกิดขึ้นเพราะเป็นย่านการค้าขาย ในสมัยกรุงศรีอยุธยา เนื่องจากเป็นปากอ่าวติดทะเล เมื่อมีชุมชน ก็มีศาสนสถาน (เป็นทุกอารยะธรรม) ในที่นี้ก็คือ วัด และศิลปะในองค์พระ คือ ศิลปะอยุธยาตอนปลาย และถูกแกะขึ้นจากหินทราย แบบหลายชิ้นมาประกอบกัน (ไม่ใช่การหล่อโลหะ) และยังพบพระพุทธรูปศิลปะแบบนี้ อีกหลายวัด ในบริเวณใกล้เคียงกันนี้ ....จากข้อมูลประกอบ จึงมีข้อสรุปที่ว่า ไม่ได้มาจากที่อื่น คงสร้างและอยู่ที่นี่มาตั้งแต่แรก 🙂😊🙏 ท่านผู้อ่านจะเชื่อแบบใด แล้วแต่ท่านเลย เพราะเป็นเรื่องของปัจเจกบุคคล.
    0 Comments 0 Shares 275 Views 0 Reviews
  • 🤣เจ้าหน้าที่สหรัฐฯสรุป ข้อตกลงสันติภาพตะวันออกกลางอยู่นอกเหนือขอบเขต ในช่วงดำรงตำแหน่งของไบเดน🤣

    Douglas Macgregor
    .
    BREAKING: US officials conclude Middle East peace deal out of reach during Biden's term.
    .
    6:00 AM · Sep 20, 2024 · 38K Views
    https://x.com/DougAMacgregor/status/1836903127183696160
    🤣เจ้าหน้าที่สหรัฐฯสรุป ข้อตกลงสันติภาพตะวันออกกลางอยู่นอกเหนือขอบเขต ในช่วงดำรงตำแหน่งของไบเดน🤣 Douglas Macgregor . BREAKING: US officials conclude Middle East peace deal out of reach during Biden's term. . 6:00 AM · Sep 20, 2024 · 38K Views https://x.com/DougAMacgregor/status/1836903127183696160
    Haha
    2
    0 Comments 0 Shares 174 Views 0 Reviews
  • มาร่วมแสดงความยินดีกับท่านนายกรัฐมนตรีพี่ปูหน่อยค่าาาา….ติ่งขาาาาา……!!!!

    ตอนเก้า………บุญหล่นทับ……จนนักเลงสายลับรับแทบไม่ทัน……!!!

    จากกรณีท่านอัยการ ทำให้มีการปลดออกอีกหลายคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง บางคนก็มีการไว้หน้า เช่น เสนอให้ไปทำงานที่สถานทูตที่เดนมาร์คบ้าง ฟินแลนด์บ้าง
    และเยลซินได้มอบหมายให้ปูตินดูแลรับผิดชอบในฝ่ายอารักขาส่วนตัวควบคู่ไปกับเป็นผู้อำนวยการของ FSB
    ปูตินได้ถือโอกาสนี้…ขออำนาจเด็ดขาดในการบริหารงานและตัดสินใจ
    ซึ่งเขาก็ได้ตามนั้น
    นั่นเท่ากับ……ปูตินได้เข้ามาอยู่ใน”วงใน” ของเยลซินไปโดยปริยาย ในระยะเวลาเพียงสองปีครึ่งของการทำงานในมอสโคว์
    แต่เวลาในการผงาดของปูติน มันเป็นเวลาเดียวกันกับความอ่อนเปลี้ยของเยลซิน ที่รุมเร้าด้วยสุขภาพ และความผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำอีกกับการทำงานที่ไร้ประสิทธิภาพของทีมที่เลือกมา

    วันที่ 5 มีนาคม 1999 ได้เกิดเหตุขึ้น นายพล Gennady Shpigun แห่งกระทรวงกลาโหม ที่ได้มีภาระกิจที่เมือง Grozny, Chechen (Chechen Republic of Ichkeria) ได้ถูกลักพาตัวไปเมื่อทันที่ที่ถึงสนามบิน โดยกลุ่มชายฉกรรจ์ที่ใส่หน้ากากคลุมหน้าคลุมตา พร้อมอาวุธเต็มพิกัด
    โดยปรกติสถานะการณ์ในเชเชนนั้น ร้อนระอุมาตั้งแต่หลังจากที่ได้รับการปลดปล่อยให้เป็นเอกราชในปี 1991 จากรัสเซีย แต่ก็เป็นแบบครึ่งๆกลางๆ
    การต่อต้านจึงลุกฮือขึ้นอีก ในปี 1993 เยลซินจึงให้นายพล Lebed ขี้เก๊กยกทัพไปปราบ
    แต่ปรากฏว่าแพ้ยับกลับมาในปี 1996
    ทางเชเชนก็เสียหายไม่น้อย บ้านเมืองพังพินาศ
    ทำได้แค่สงบศึก ต่างคนต่างอยู่
    เพราะต่างก็เสียทหารไปจำนวนมาก แต่รัสเซียยังคอยแทรกแซง หรือกำไว้แบบหลวม……
    จึงได้เกิดขบวนการต่อต้านรัสเซีย ที่ก่อความไม่สงบ มีการจับตัวคนนั้นคนนี้ไปบ่อยๆ
    เพียงแต่คราวนี้เหิมเกริม……อุกอาจจับตัวรัฐมนตรีกลาโหมไป พร้อมเรียกร้องค่าไถ่ตัวถึง สิบห้าล้านยูเอสดอลล่าร์
    ตามาด้วยการระเบิดที่ใจกลางเมือง Vladikavkas ทางคอเคซัส มีคนตายถึง 60 คน

    เยลซินสั่งการให้ปูตินและ Seigei Stepashin นายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งมาหมาดๆ ( แทน Yevgeny Primakov) ให้ไปดูสถานะการณ์ที่เมือง Vladikavkas โดยด่วน
    เพื่อไปพบกับ Aslan Maskhadov ประธานาธิบดีเชเชนที่ยังมีสัมพันธภาพที่ดีกับรัสเซีย
    การไปพบครั้งนี้ อัสลานได้มีทีท่าแปลกๆ เขาพูดว่า
    “ได้ข่าวมาว่า ทางรัสเซียได้มอบหมายให้”หน่วยงานพิเศษ” จะเข้ามาปฎิบัติการสังหารผม เพื่อที่จะได้เป็นข้ออ้างที่จะประกาศเป็นสถานะการณ์ฉุกเฉิน แล้วยกทัพเข้ามาควบคุมพื้นที่ ……”
    ปูตินได้ยินดังนั้น…โกรธจนหูกระดิก เพราะไอ้หน่วยงานพิเศษที่ว่านั้น มันก็หมายถึง FSB ที่เขาดูแลอยู่
    และอีกประการหนึ่ง ในเรื่องที่รัสเซียแพ้สงครามในเชเชนทั้งๆที่มีกำลังมากกว่าถึงสามเท่านั้น มันก็น่าอับอายพออยู่แล้ว
    เป็นอันว่า….เรื่องการเจรจานั้น……เลิกคิดไปได้เลย
    ถึงแม้ว่า……จะตระหนักดีในความจริงที่ว่า รัสเซียจะไม่ได้รบกับกบฏเชเชน แต่…มันอาจจะเป็นการรบกับ NATO ศัตรูดั้งเดิมก็ได้
    ที่ทำให้ปูตินต้องหาทางเจรจากับเยลซิน……

    ฝ่ายกลาโหมได้ตั้งรับแนวปะทะ ฝ่ายกบฏเชเชนได้ล่วงล้ำไปใน Dagestan และได้รับข่าวร้ายว่าได้พบกับร่างที่หมดลมหายใจของนายพล Shpigun ที่ถูกลักพาตัวไปแล้ว

    ทางกองทัพรัสเซียได้ทำการเตรียมการมาตั้งแต่เดือนมีนาคม
    ปูตินได้เดินทางไปพบกับกองกำลังของรัสเซียที่รัฐดาเกสถาน
    หลายครั้งเพื่อความมั่นใจว่า แม่ทัพ Anatoly Kvashnin มีความพร้อม

    วันที่ 5 สิงหาคม เยลซินได้มีคำสั่งให้ปูตินเข้าพบในบ้านพัก
    ชายขอบกรุงมอสโคว์
    พอนั่งลงเสร็จ เยลซินได้จ้องหน้าปูติน และกล่าวขึ้นมาว่า
    “ฉันตัดสินใจแล้วนะ ที่เรียกเธอมาในวันนี้ คือ ฉันอยากจะแต่งตั้งเธอให้เป็นนายกรัฐมนตรี…”
    ปูตินเงียบไปอึดใจหนึ่ง ฟังเยลซินได้บรรยายปัญหาของภาระของรัสเซียแบกไว้ในคอเคซัส
    ให้ปูตินฟัง ถึงเรื่อง เศรษฐกิจ สภาพเงินเฟ้อ และที่เขากังวลเป็นอย่างมากคือ ปัญหาของโครงสร้างและบุคลากรสภาที่ไม่แข็งแรงพอกับการที่จะมีเลือกตั้งในสี่เดือนข้างหน้า
    เขาเคยมีความหวังกับ Yury Luzhkov หรือไม่ก็ Yevgeny Primakov
    แต่ต้องมาพบกับหลังบ้านของ Luzhkov ทำธุรกิจที่อิงการเมือง
    จนร่ำรวยมหาศาล ในขณะที่บ้านเมืองยังอยู่ในสภาพอดมื้อกินมื้อ
    แถมตัวสามี Yury ก็เถียงแทนเมียฉอดๆ ว่า
    “ก็ชั้นทำงานให้กับเครมลิน…ไม่ได้ทำเพื่อชาติ…”

    เยลซินถามขึ้นมาว่า
    “เธอจะทำได้ไหม ทำในสิ่งที่ฉันต้องการที่จะเห็น นั่นคือ พาประเทศชาติของเราให้เจริญอยู่ยงอย่างแข็งแรงต่อไป..”
    ปูตินอึกอัก “กระผมไม่แน่ใจ เรื่องงาน กระผมไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น
    แต่ถ้าจะต้องไปหาเสียง……ไปโฆษณาตัวเอง กระผมไม่ชอบ”
    “นั่นไม่ต้องห่วงอะไรทั้งสิ้น เป็นธุระของทางเราเอง”
    “ถ้าเช่นนั้น ก็แล้วแต่ท่านจะกรุณา…”
    “ไม่ต้องกังวล เธอเตรียมตัวไว้ได้เลย เพราะเธอจะไปไกลกว่านี้แน่นอน”

    วันที่ 9 สิงหาคม เยลซินได้ออกทีวี ประกาศว่า
    “เราได้เลือกได้บุคคลที่เหมาะสมที่จะมาทำงานรับใช้ประเทศชาติแล้ว ขอให้ท่านเชื่อใจได้เลยว่า เขาเป็นคนที่มีประสบการณ์อย่างมากมาย
    และมีความสามารถเหลือล้น”

    ข่าวนี้ได้สร้างความฮือฮาประหลาดใจกับทุกคนในเครมลิน ที่ส่วนใหญ่มองไปในด้านลบ เพราะ ปูตินไอ้หน้าจืดเนี่ยนะ………นายกรัฐมนตรี ?!!!
    มีประสบการณ์อะไรมา……นี่เท่ากับว่าส่งมาลงนรก หมดอนาคตต่อไปเชียว
    อย่างมากก็สามเดือน จะถึงหรือเปล่าก็ไม่รู้…?!!
    ช่วงนั้นเป็นช่วงที่หนักหน่วงของปูติน เพราะวลาดิเมียร์ผู้พ่ออยู่ในสภาพเจ็บหนัก ที่เขาต้องไปเยี่ยมเดือนละครั้งหรือสองครั้ง ส่วนมาเรีย มารดาได้จากไปเมื่อสองปีที่แล้ว
    และทุกครั้งที่พ่อเห็นเขา…พ่อจะพูดว่า ….”ลูกชายของพ่อ เจ้าช่างเหมือนกับซาร์เลยเชียวนะ……”
    วลาดิเมียร์ได้ถึงแก่กรรมในวันที่ 2 สิงหาคม ไม่ทันที่จะได้รับรู้ว่าลูกชายจะได้เป็นถึงนายกรัฐมนตรีในกาลอันใกล้

    ปูตินเองก็มานั่งทบทวนดู ว่า อนาคตเขาอาจจะไม่ต่างไปจากเหล่าอดีตนายกรัฐมนตรีคนอื่นๆของเยลซิน ที่ล้วนมีอายุราชการสั้น สามเดือน หกเดือน เหมือนอย่างที่เกิดขึ้นกับ Stepashin, Ptimakov และ Kiriyenko
    แต่อีกใจหนึ่ง เขาก็คิดว่า ช่างมันประไร เขามีอายุเพียงสี่สิบหก
    และจะได้รับงานที่เป็นการท้าทายความสามารถ มีอำนาจเด็ดขาด
    ที่จะได้ทำในสิ่งที่อยากทำ โดยเฉพาะเรื่องสงครามที่เชเชน ที่เขาจะต้องกู้ชื่อเสียงกลับมาให้ได้ …
    เท่ากับว่า……เขาไม่ได้ลงทุนอะไรเลย และเขาได้คิดถึงในสมัยที่ยังเป็นเด็กหนุ่มที่วิ่งเข้าวิ่งออกในอาคารสงเคราะห์ ที่ไม่เคยกลัวใคร
    ไม่เคยรอเสียเวลาในการถกเถียง….เปิดฉากปะทะก่อนทุกครั้ง…
    และครั้งนี้…ในคอเคซัส….เขาจะไปให้พวกมันเห็นว่านรกมีจริงงงง……!!!

    ปูตินได้รับการผ่านในการเสนอชื่อในสภาเพื่อเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 16 สิงหาคม
    สิ่งแรกที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่หมาดๆทำ คือ แต่งตัวลำลอง บินไปชายแดนเชเชน ไปพบปะพูดคุยกับทหารหาญ ไปมอบเหรียญกล้าหาญ

    ทางฝ่ายกบฏเชเชนได้ทำการท้าทายอำนาจใหม่อย่างเหิมเกริม นั่นคือการวางระเบิดอพาร์ตเมนต์ในเมือง Volgodonsk มีคนเสียชีวิตนับสิบ

    วันที่ 23 สิงหาคม ฝูงบินจากรัสเซียส่งเข้าไปถล่มถึงกลางกรุง Grozny
    ถล่มโรงกลั่นน้ำมันจนราบเป็นหน้ากลอง เป็นการถล่มแบบนอกตำรายุทธการ เพราะมาแบบล้างแค้นสถานเดียว
    ปูตินอยู่สังเกตการณ์ทั้งหมด มีนักข่าวไปถามว่า
    “บอมบ์เพื่อหวังผลอะไร..?”
    ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคน เพราะปูตินพูดจาด้วยภาษานักเลงแบบที่ได้ยินตามมุมถนน เขาตอบว่า
    “เบื่อโคตรๆ ที่ต้องมาตอบอะไรซ้ำซากแบบนี้ เราถล่มเฉพาะจุดที่เรารู้ว่าพวกไอ้เลวนั่นมันสุมหัวอยู่กัน โทษทีนะ ถ้าพบว่ามันนั่งอยู่ในส้วม ก็จะส่งมันลงท่อไปตรงนั้นเลย…”

    หลังจากที่ถล่มจนราบแล้ว วันที่ 29 กันยายน ปูตินได้ถามกับ ประธานาธิบดีเชเชน Aslan Maskhadov ว่า..
    “ถ้านายพร้อมที่จะเจรจา……เรามีทางเลือกให้สถานเดียวคือ ส่งตัวไอ้อาชญากรสงคราม Basayev กับ Khattab และไอ้พวกหัวกระทิตามบัญชีรายชื่อทั้งหลายมา และ นี่ไม่ใช่ข้อแลกเปลี่ยน……แต่เป็นคำสั่ง..!!”
    ทางอัสลาน ก็ได้แต่ปฏิเสธ บอกว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับการวางระเบิด……
    และเรื่องที่จะส่งตัว คนพวกนั้นก็ทำไม่ได้อีก เพราะมันจะกลายเป็นการหักหลังกัน…”
    คือสรุปว่า….เขาเลือกที่จะอยู่ตรงข้ามกับรัสเซีย

    วันรุ่งขึ้น…กองทัพรัสเซียกว่า แปดหมื่นนายบุกประชิดเชเชน มีสำรองไว้อีก 93,000 แทบจะเป็นขนาดเดียวกันกับที่รัสเซียบุกอาฟกานิสถาน ที่ใหญ่กว่าเชเชนสี่สิบเท่า…
    วันที่ 1 ตุลาคม รัสเซียไม่ยอมรับรัฐบาลของอัสลาน
    วันที่ 5 ตุลาคม…รัสเซียเข้าครองพื้นที่กว่าครึ่งของทางเหนือ และ วันต่อมาก็ข้ามแม่น้ำไปยังเมืองหลวง Grozny
    ปูตินไม่ยอมเสียกำลังทหารในการบุก
    เขาให้สัมภาษณ์ว่า……
    เราใช้การส่งฝูงบินโจมตีเป็นส่วนใหญ่ ส่วนทหาร เอาไว้เข้าตามเก็บกวาดให้เรียบ เพราะการรบสมัยใหม่นี้
    มีเครื่องทุ่นแรงเยอะ ไม่ใช่อย่างสมัยสงครามโลก……”
    นักข่าวถามว่า “ ถ้าฝูงบินไม่สำเร็จผลล่ะ……”
    “เราก็ชนะอยู่ดี………เพราะในตำราของเรา……ไม่มีคำว่า…ถ้า……”

    *** สงครามเชเชนครั้งนี้คือครั้งที่สอง จาก ครั้งแรกในปี1996
    ครั้งนี้เริ่มในวันที่ 7 สิงหาคม 1999 ถึง 30 เมษายน 2000
    ที่รัสเซียได้ชัยชนะ……
    แต่ยังมีการปราบปรามกลุ่มต่อต้าน ที่มารูปของการก่อวินาศกรรมอีก ตั้งแต่ ปี 2000-2009 ที่หัวหน้าใหญ่อย่าง Aslan Maskhadov (อดีตประธานาธิบดี) ที่หนีไปอยู่ในถ้ำ ยังถูกตามเก็บจนหมด ส่วนเหล่าลูกน้องก็สลายตัวไปปนอยู่ในกลุ่มของ ISIS
    บัดนี้ คือ สาธารณรัฐเชเชน (หรือ เซซเนีย) คือ สาธารณรัฐหนึ่งของรัสเซีย ที่มี นายกรัฐมนตรี คือ Ramzan Kadyrov เป็นลูกชายของอดีตประธานาธิบดีคนแรกของเชเชน Akhmad Kadyrov ที่ได้มีโอกาสเป็น ประธานาธิบดีเพียงไม่กี่เดือน ก็ถูกลอบสังหาร..

    NATO ได้ยื่นมือเข้ามาตามเคยในการที่จะเรียกร้องหาความยุติธรรม และเรื่องเจรจาสงบศึก ทางรัสเซียก็ย้อนกลับไปว่า แล้วกองทัพนาโต้ที่เข้าไปบอมบ์ Kosovo เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน (1999) มีชาวยูโกสลาฟตายกว่า 500 คน
    ไหนล่ะ…ความยุติธรรม……???

    Wiwanda W. Vichit
    มาร่วมแสดงความยินดีกับท่านนายกรัฐมนตรีพี่ปูหน่อยค่าาาา….ติ่งขาาาาา……!!!! ตอนเก้า………บุญหล่นทับ……จนนักเลงสายลับรับแทบไม่ทัน……!!! จากกรณีท่านอัยการ ทำให้มีการปลดออกอีกหลายคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง บางคนก็มีการไว้หน้า เช่น เสนอให้ไปทำงานที่สถานทูตที่เดนมาร์คบ้าง ฟินแลนด์บ้าง และเยลซินได้มอบหมายให้ปูตินดูแลรับผิดชอบในฝ่ายอารักขาส่วนตัวควบคู่ไปกับเป็นผู้อำนวยการของ FSB ปูตินได้ถือโอกาสนี้…ขออำนาจเด็ดขาดในการบริหารงานและตัดสินใจ ซึ่งเขาก็ได้ตามนั้น นั่นเท่ากับ……ปูตินได้เข้ามาอยู่ใน”วงใน” ของเยลซินไปโดยปริยาย ในระยะเวลาเพียงสองปีครึ่งของการทำงานในมอสโคว์ แต่เวลาในการผงาดของปูติน มันเป็นเวลาเดียวกันกับความอ่อนเปลี้ยของเยลซิน ที่รุมเร้าด้วยสุขภาพ และความผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำอีกกับการทำงานที่ไร้ประสิทธิภาพของทีมที่เลือกมา วันที่ 5 มีนาคม 1999 ได้เกิดเหตุขึ้น นายพล Gennady Shpigun แห่งกระทรวงกลาโหม ที่ได้มีภาระกิจที่เมือง Grozny, Chechen (Chechen Republic of Ichkeria) ได้ถูกลักพาตัวไปเมื่อทันที่ที่ถึงสนามบิน โดยกลุ่มชายฉกรรจ์ที่ใส่หน้ากากคลุมหน้าคลุมตา พร้อมอาวุธเต็มพิกัด โดยปรกติสถานะการณ์ในเชเชนนั้น ร้อนระอุมาตั้งแต่หลังจากที่ได้รับการปลดปล่อยให้เป็นเอกราชในปี 1991 จากรัสเซีย แต่ก็เป็นแบบครึ่งๆกลางๆ การต่อต้านจึงลุกฮือขึ้นอีก ในปี 1993 เยลซินจึงให้นายพล Lebed ขี้เก๊กยกทัพไปปราบ แต่ปรากฏว่าแพ้ยับกลับมาในปี 1996 ทางเชเชนก็เสียหายไม่น้อย บ้านเมืองพังพินาศ ทำได้แค่สงบศึก ต่างคนต่างอยู่ เพราะต่างก็เสียทหารไปจำนวนมาก แต่รัสเซียยังคอยแทรกแซง หรือกำไว้แบบหลวม…… จึงได้เกิดขบวนการต่อต้านรัสเซีย ที่ก่อความไม่สงบ มีการจับตัวคนนั้นคนนี้ไปบ่อยๆ เพียงแต่คราวนี้เหิมเกริม……อุกอาจจับตัวรัฐมนตรีกลาโหมไป พร้อมเรียกร้องค่าไถ่ตัวถึง สิบห้าล้านยูเอสดอลล่าร์ ตามาด้วยการระเบิดที่ใจกลางเมือง Vladikavkas ทางคอเคซัส มีคนตายถึง 60 คน เยลซินสั่งการให้ปูตินและ Seigei Stepashin นายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งมาหมาดๆ ( แทน Yevgeny Primakov) ให้ไปดูสถานะการณ์ที่เมือง Vladikavkas โดยด่วน เพื่อไปพบกับ Aslan Maskhadov ประธานาธิบดีเชเชนที่ยังมีสัมพันธภาพที่ดีกับรัสเซีย การไปพบครั้งนี้ อัสลานได้มีทีท่าแปลกๆ เขาพูดว่า “ได้ข่าวมาว่า ทางรัสเซียได้มอบหมายให้”หน่วยงานพิเศษ” จะเข้ามาปฎิบัติการสังหารผม เพื่อที่จะได้เป็นข้ออ้างที่จะประกาศเป็นสถานะการณ์ฉุกเฉิน แล้วยกทัพเข้ามาควบคุมพื้นที่ ……” ปูตินได้ยินดังนั้น…โกรธจนหูกระดิก เพราะไอ้หน่วยงานพิเศษที่ว่านั้น มันก็หมายถึง FSB ที่เขาดูแลอยู่ และอีกประการหนึ่ง ในเรื่องที่รัสเซียแพ้สงครามในเชเชนทั้งๆที่มีกำลังมากกว่าถึงสามเท่านั้น มันก็น่าอับอายพออยู่แล้ว เป็นอันว่า….เรื่องการเจรจานั้น……เลิกคิดไปได้เลย ถึงแม้ว่า……จะตระหนักดีในความจริงที่ว่า รัสเซียจะไม่ได้รบกับกบฏเชเชน แต่…มันอาจจะเป็นการรบกับ NATO ศัตรูดั้งเดิมก็ได้ ที่ทำให้ปูตินต้องหาทางเจรจากับเยลซิน…… ฝ่ายกลาโหมได้ตั้งรับแนวปะทะ ฝ่ายกบฏเชเชนได้ล่วงล้ำไปใน Dagestan และได้รับข่าวร้ายว่าได้พบกับร่างที่หมดลมหายใจของนายพล Shpigun ที่ถูกลักพาตัวไปแล้ว ทางกองทัพรัสเซียได้ทำการเตรียมการมาตั้งแต่เดือนมีนาคม ปูตินได้เดินทางไปพบกับกองกำลังของรัสเซียที่รัฐดาเกสถาน หลายครั้งเพื่อความมั่นใจว่า แม่ทัพ Anatoly Kvashnin มีความพร้อม วันที่ 5 สิงหาคม เยลซินได้มีคำสั่งให้ปูตินเข้าพบในบ้านพัก ชายขอบกรุงมอสโคว์ พอนั่งลงเสร็จ เยลซินได้จ้องหน้าปูติน และกล่าวขึ้นมาว่า “ฉันตัดสินใจแล้วนะ ที่เรียกเธอมาในวันนี้ คือ ฉันอยากจะแต่งตั้งเธอให้เป็นนายกรัฐมนตรี…” ปูตินเงียบไปอึดใจหนึ่ง ฟังเยลซินได้บรรยายปัญหาของภาระของรัสเซียแบกไว้ในคอเคซัส ให้ปูตินฟัง ถึงเรื่อง เศรษฐกิจ สภาพเงินเฟ้อ และที่เขากังวลเป็นอย่างมากคือ ปัญหาของโครงสร้างและบุคลากรสภาที่ไม่แข็งแรงพอกับการที่จะมีเลือกตั้งในสี่เดือนข้างหน้า เขาเคยมีความหวังกับ Yury Luzhkov หรือไม่ก็ Yevgeny Primakov แต่ต้องมาพบกับหลังบ้านของ Luzhkov ทำธุรกิจที่อิงการเมือง จนร่ำรวยมหาศาล ในขณะที่บ้านเมืองยังอยู่ในสภาพอดมื้อกินมื้อ แถมตัวสามี Yury ก็เถียงแทนเมียฉอดๆ ว่า “ก็ชั้นทำงานให้กับเครมลิน…ไม่ได้ทำเพื่อชาติ…” เยลซินถามขึ้นมาว่า “เธอจะทำได้ไหม ทำในสิ่งที่ฉันต้องการที่จะเห็น นั่นคือ พาประเทศชาติของเราให้เจริญอยู่ยงอย่างแข็งแรงต่อไป..” ปูตินอึกอัก “กระผมไม่แน่ใจ เรื่องงาน กระผมไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น แต่ถ้าจะต้องไปหาเสียง……ไปโฆษณาตัวเอง กระผมไม่ชอบ” “นั่นไม่ต้องห่วงอะไรทั้งสิ้น เป็นธุระของทางเราเอง” “ถ้าเช่นนั้น ก็แล้วแต่ท่านจะกรุณา…” “ไม่ต้องกังวล เธอเตรียมตัวไว้ได้เลย เพราะเธอจะไปไกลกว่านี้แน่นอน” วันที่ 9 สิงหาคม เยลซินได้ออกทีวี ประกาศว่า “เราได้เลือกได้บุคคลที่เหมาะสมที่จะมาทำงานรับใช้ประเทศชาติแล้ว ขอให้ท่านเชื่อใจได้เลยว่า เขาเป็นคนที่มีประสบการณ์อย่างมากมาย และมีความสามารถเหลือล้น” ข่าวนี้ได้สร้างความฮือฮาประหลาดใจกับทุกคนในเครมลิน ที่ส่วนใหญ่มองไปในด้านลบ เพราะ ปูตินไอ้หน้าจืดเนี่ยนะ………นายกรัฐมนตรี ?!!! มีประสบการณ์อะไรมา……นี่เท่ากับว่าส่งมาลงนรก หมดอนาคตต่อไปเชียว อย่างมากก็สามเดือน จะถึงหรือเปล่าก็ไม่รู้…?!! ช่วงนั้นเป็นช่วงที่หนักหน่วงของปูติน เพราะวลาดิเมียร์ผู้พ่ออยู่ในสภาพเจ็บหนัก ที่เขาต้องไปเยี่ยมเดือนละครั้งหรือสองครั้ง ส่วนมาเรีย มารดาได้จากไปเมื่อสองปีที่แล้ว และทุกครั้งที่พ่อเห็นเขา…พ่อจะพูดว่า ….”ลูกชายของพ่อ เจ้าช่างเหมือนกับซาร์เลยเชียวนะ……” วลาดิเมียร์ได้ถึงแก่กรรมในวันที่ 2 สิงหาคม ไม่ทันที่จะได้รับรู้ว่าลูกชายจะได้เป็นถึงนายกรัฐมนตรีในกาลอันใกล้ ปูตินเองก็มานั่งทบทวนดู ว่า อนาคตเขาอาจจะไม่ต่างไปจากเหล่าอดีตนายกรัฐมนตรีคนอื่นๆของเยลซิน ที่ล้วนมีอายุราชการสั้น สามเดือน หกเดือน เหมือนอย่างที่เกิดขึ้นกับ Stepashin, Ptimakov และ Kiriyenko แต่อีกใจหนึ่ง เขาก็คิดว่า ช่างมันประไร เขามีอายุเพียงสี่สิบหก และจะได้รับงานที่เป็นการท้าทายความสามารถ มีอำนาจเด็ดขาด ที่จะได้ทำในสิ่งที่อยากทำ โดยเฉพาะเรื่องสงครามที่เชเชน ที่เขาจะต้องกู้ชื่อเสียงกลับมาให้ได้ … เท่ากับว่า……เขาไม่ได้ลงทุนอะไรเลย และเขาได้คิดถึงในสมัยที่ยังเป็นเด็กหนุ่มที่วิ่งเข้าวิ่งออกในอาคารสงเคราะห์ ที่ไม่เคยกลัวใคร ไม่เคยรอเสียเวลาในการถกเถียง….เปิดฉากปะทะก่อนทุกครั้ง… และครั้งนี้…ในคอเคซัส….เขาจะไปให้พวกมันเห็นว่านรกมีจริงงงง……!!! ปูตินได้รับการผ่านในการเสนอชื่อในสภาเพื่อเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 16 สิงหาคม สิ่งแรกที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่หมาดๆทำ คือ แต่งตัวลำลอง บินไปชายแดนเชเชน ไปพบปะพูดคุยกับทหารหาญ ไปมอบเหรียญกล้าหาญ ทางฝ่ายกบฏเชเชนได้ทำการท้าทายอำนาจใหม่อย่างเหิมเกริม นั่นคือการวางระเบิดอพาร์ตเมนต์ในเมือง Volgodonsk มีคนเสียชีวิตนับสิบ วันที่ 23 สิงหาคม ฝูงบินจากรัสเซียส่งเข้าไปถล่มถึงกลางกรุง Grozny ถล่มโรงกลั่นน้ำมันจนราบเป็นหน้ากลอง เป็นการถล่มแบบนอกตำรายุทธการ เพราะมาแบบล้างแค้นสถานเดียว ปูตินอยู่สังเกตการณ์ทั้งหมด มีนักข่าวไปถามว่า “บอมบ์เพื่อหวังผลอะไร..?” ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคน เพราะปูตินพูดจาด้วยภาษานักเลงแบบที่ได้ยินตามมุมถนน เขาตอบว่า “เบื่อโคตรๆ ที่ต้องมาตอบอะไรซ้ำซากแบบนี้ เราถล่มเฉพาะจุดที่เรารู้ว่าพวกไอ้เลวนั่นมันสุมหัวอยู่กัน โทษทีนะ ถ้าพบว่ามันนั่งอยู่ในส้วม ก็จะส่งมันลงท่อไปตรงนั้นเลย…” หลังจากที่ถล่มจนราบแล้ว วันที่ 29 กันยายน ปูตินได้ถามกับ ประธานาธิบดีเชเชน Aslan Maskhadov ว่า.. “ถ้านายพร้อมที่จะเจรจา……เรามีทางเลือกให้สถานเดียวคือ ส่งตัวไอ้อาชญากรสงคราม Basayev กับ Khattab และไอ้พวกหัวกระทิตามบัญชีรายชื่อทั้งหลายมา และ นี่ไม่ใช่ข้อแลกเปลี่ยน……แต่เป็นคำสั่ง..!!” ทางอัสลาน ก็ได้แต่ปฏิเสธ บอกว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับการวางระเบิด…… และเรื่องที่จะส่งตัว คนพวกนั้นก็ทำไม่ได้อีก เพราะมันจะกลายเป็นการหักหลังกัน…” คือสรุปว่า….เขาเลือกที่จะอยู่ตรงข้ามกับรัสเซีย วันรุ่งขึ้น…กองทัพรัสเซียกว่า แปดหมื่นนายบุกประชิดเชเชน มีสำรองไว้อีก 93,000 แทบจะเป็นขนาดเดียวกันกับที่รัสเซียบุกอาฟกานิสถาน ที่ใหญ่กว่าเชเชนสี่สิบเท่า… วันที่ 1 ตุลาคม รัสเซียไม่ยอมรับรัฐบาลของอัสลาน วันที่ 5 ตุลาคม…รัสเซียเข้าครองพื้นที่กว่าครึ่งของทางเหนือ และ วันต่อมาก็ข้ามแม่น้ำไปยังเมืองหลวง Grozny ปูตินไม่ยอมเสียกำลังทหารในการบุก เขาให้สัมภาษณ์ว่า…… เราใช้การส่งฝูงบินโจมตีเป็นส่วนใหญ่ ส่วนทหาร เอาไว้เข้าตามเก็บกวาดให้เรียบ เพราะการรบสมัยใหม่นี้ มีเครื่องทุ่นแรงเยอะ ไม่ใช่อย่างสมัยสงครามโลก……” นักข่าวถามว่า “ ถ้าฝูงบินไม่สำเร็จผลล่ะ……” “เราก็ชนะอยู่ดี………เพราะในตำราของเรา……ไม่มีคำว่า…ถ้า……” *** สงครามเชเชนครั้งนี้คือครั้งที่สอง จาก ครั้งแรกในปี1996 ครั้งนี้เริ่มในวันที่ 7 สิงหาคม 1999 ถึง 30 เมษายน 2000 ที่รัสเซียได้ชัยชนะ…… แต่ยังมีการปราบปรามกลุ่มต่อต้าน ที่มารูปของการก่อวินาศกรรมอีก ตั้งแต่ ปี 2000-2009 ที่หัวหน้าใหญ่อย่าง Aslan Maskhadov (อดีตประธานาธิบดี) ที่หนีไปอยู่ในถ้ำ ยังถูกตามเก็บจนหมด ส่วนเหล่าลูกน้องก็สลายตัวไปปนอยู่ในกลุ่มของ ISIS บัดนี้ คือ สาธารณรัฐเชเชน (หรือ เซซเนีย) คือ สาธารณรัฐหนึ่งของรัสเซีย ที่มี นายกรัฐมนตรี คือ Ramzan Kadyrov เป็นลูกชายของอดีตประธานาธิบดีคนแรกของเชเชน Akhmad Kadyrov ที่ได้มีโอกาสเป็น ประธานาธิบดีเพียงไม่กี่เดือน ก็ถูกลอบสังหาร.. NATO ได้ยื่นมือเข้ามาตามเคยในการที่จะเรียกร้องหาความยุติธรรม และเรื่องเจรจาสงบศึก ทางรัสเซียก็ย้อนกลับไปว่า แล้วกองทัพนาโต้ที่เข้าไปบอมบ์ Kosovo เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน (1999) มีชาวยูโกสลาฟตายกว่า 500 คน ไหนล่ะ…ความยุติธรรม……??? Wiwanda W. Vichit
    0 Comments 0 Shares 667 Views 0 Reviews
  • 💥💥มาจากความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆครับ
    แอดมิน ขอเล่าภาพ SET ณ ปัจจุบัน (19/09/2567)
    ล่าสุดดัชนีอยู่ที่ 1440.35 จุด วันนี้บวกไป 19 จุด
    หรือ เพิ่มขึ้น 1.33%

    🚩ถ้าเรามองแนวโน้ม หรือ เทรนด์ของ SET ในปัจจุบัน
    (ในระยะสั้น) จะเห็นเทรนด์หรือแนวโน้มเป็นเทรนด์ขาขึ้น
    ส่วนในระยะยาว (ที่จะวัดผลกันจริงๆ) ต้องติดตามต่อไป
    ้เป็นระยะ

    🚩ทีนี้มาดูในแง่ของราคาหุ้น ในแต่ละตัว ที่นักลงทุนเข้าซื้อ
    ก็จะแปรผันไปตาม เป้าหมายของนักลงทุนแต่ละท่าน
    หรือ แต่ละกลุ่มที่เข้าซื้อว่ามีจุดประสงค์อะไร
    เช่น เพื่อปันผล หรือ เพื่อกินส่วนต่างของราคา

    🚩ถ้ามองจากกราฟ สายปันผลที่ต้องการเก็บของที่ราคาต่ำ
    และต้นทุนไม่สูง ราคาเหมาะสม จะเริ่มเก็บทะยอยหุ้นมา
    ตั้งแต่ช่วง SET อยู่ที่ราวๆ 1274-1300 จุด คงไม่มาไล่ราคา
    หรือก็บหุ้นช่วงนี้ เพราะมีเป้าหมายถือยาว

    🚩ภาพที่จะเห็นช่วงนี้ คือ ฝั่งเก็งกำไร ซึ่งจะเปลี่ยนมือ
    ซื้อขายหุ้น กันไปมา ไปเรื่อยๆ

    🚩ดังนั้น นักลงทุนที่มักติดดอยสูงๆ โดยส่วนใหญ่ มักเป็นฝั่ง
    นักลงทุนรายย่อย ที่เข้าซื้อแบบไล่ราคา และเก็งกำไร
    ตามกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศ โบรก และ กองทุน
    ที่มักช่วงชิงจังหวะ ที่ได้เปรียบ ในการเทขายทำกำไร
    ออกมาได้ก่อนเสมอ

    🚩สรุปแล้ว นักลงทุนรายย่อย ก็ขอให้ระวังกันด้วยครับ
    โดยเฉพาะการซื้อแบบเก็งกำไร และ ไล่ราคา
    เพราะมีโอกาสติดดอยได้สูง ถ้าในช่วงจังหวะ
    โดนเทขายทำกำไร และไม่ยอมคัต ตัดขาดทุน
    ออกมา

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ตลาดหุ้นไทย #SET
    #thaitimes
    💥💥มาจากความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆครับ แอดมิน ขอเล่าภาพ SET ณ ปัจจุบัน (19/09/2567) ล่าสุดดัชนีอยู่ที่ 1440.35 จุด วันนี้บวกไป 19 จุด หรือ เพิ่มขึ้น 1.33% 🚩ถ้าเรามองแนวโน้ม หรือ เทรนด์ของ SET ในปัจจุบัน (ในระยะสั้น) จะเห็นเทรนด์หรือแนวโน้มเป็นเทรนด์ขาขึ้น ส่วนในระยะยาว (ที่จะวัดผลกันจริงๆ) ต้องติดตามต่อไป ้เป็นระยะ 🚩ทีนี้มาดูในแง่ของราคาหุ้น ในแต่ละตัว ที่นักลงทุนเข้าซื้อ ก็จะแปรผันไปตาม เป้าหมายของนักลงทุนแต่ละท่าน หรือ แต่ละกลุ่มที่เข้าซื้อว่ามีจุดประสงค์อะไร เช่น เพื่อปันผล หรือ เพื่อกินส่วนต่างของราคา 🚩ถ้ามองจากกราฟ สายปันผลที่ต้องการเก็บของที่ราคาต่ำ และต้นทุนไม่สูง ราคาเหมาะสม จะเริ่มเก็บทะยอยหุ้นมา ตั้งแต่ช่วง SET อยู่ที่ราวๆ 1274-1300 จุด คงไม่มาไล่ราคา หรือก็บหุ้นช่วงนี้ เพราะมีเป้าหมายถือยาว 🚩ภาพที่จะเห็นช่วงนี้ คือ ฝั่งเก็งกำไร ซึ่งจะเปลี่ยนมือ ซื้อขายหุ้น กันไปมา ไปเรื่อยๆ 🚩ดังนั้น นักลงทุนที่มักติดดอยสูงๆ โดยส่วนใหญ่ มักเป็นฝั่ง นักลงทุนรายย่อย ที่เข้าซื้อแบบไล่ราคา และเก็งกำไร ตามกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศ โบรก และ กองทุน ที่มักช่วงชิงจังหวะ ที่ได้เปรียบ ในการเทขายทำกำไร ออกมาได้ก่อนเสมอ 🚩สรุปแล้ว นักลงทุนรายย่อย ก็ขอให้ระวังกันด้วยครับ โดยเฉพาะการซื้อแบบเก็งกำไร และ ไล่ราคา เพราะมีโอกาสติดดอยได้สูง ถ้าในช่วงจังหวะ โดนเทขายทำกำไร และไม่ยอมคัต ตัดขาดทุน ออกมา #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ตลาดหุ้นไทย #SET #thaitimes
    Like
    4
    0 Comments 0 Shares 1868 Views 0 Reviews
  • #จีนตื่นตัวพีเคฟอกขาว
    รายละเอียดดังนี้ บอกเลย ละเอียดยิบจริงๆ
    ---------------------------------------------
    นักร้องอินเทอร์เน็ตหวังมี่เหียน (王冕) ถูกจับกุมเนื่องจากใช้การให้รางวัลในถ่ายทอดสดเพื่อฟ-อ-กเ-งิ-นเกือบ 100 ล้านหยวน โดยเขาเคยร้องเพลงที่โด่งดัง "勉为其难" (Mianweiqinan)
    เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม สถานีข่าว CCTV รายงานเกี่ยวกับคดี-ฟ-อ-ก-เงินผ่านการให้รางวัลในถ่ายทอดสด ซึ่งเป็นค-ดีแรกในประเทศที่จั-บกุ-มได้ โดยมีผู้ต้องสงสัย 21 คน รวมถึง 4 คนที่เป็นนักร้องชื่อดังในแพลตฟอร์ม
    ตามรายงานของ CCTV เมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว ตำรวจได้สื-บส-ว-นค-ดีต้มการระดมทุน และพบว่าทรัพย์สินที่ถูกเก็บมานั้นถูกใช้ในการให้รางวัลในถ่ายทอดสด โดยมีเงินที่เกี่ยวข้องเกือบ 100 ล้านหยวน ผู้ต้องสงสัยในค-ดีห-ล-อ-ก-ล-ว-งได้ติดต่อกับนักร้องออนไลน์คนหนึ่งและเสนอให้ใช้การให้รางวัลในถ่ายทอดสดเพื่อฟ-อ-ก-เ-งิ-น
    นักร้องที่เกี่ยวข้องรู้ว่าทรัพย์สินที่ได้รับคือเงินจากการห-ล-อ-ก-ล-ว-ง และหวังมี่เหียนยังเคยขอให้มีส่วนร่วมในการฟอกเพื่อให้ได้ตำแหน่งในอันดับประจำปี
    แม้ว่าสถานีข่าวจะไม่ได้เปิดเผยชื่อของผู้ต้องสงสัยทั้งหมด แต่จากคลิปที่เผยแพร่ ผู้คนในโลกออนไลน์ได้ระบุถึงผู้ต้องสงสัยที่ถูกจับได้รวมถึงหวังมี่เหียน
    ปัจจุบัน-ตำร-ว-จได้จั-บ-กุ-มผู้ต้องสงสัย 4 คน รวมถึงนักร้องออนไลน์ และเจ้าหน้าที่ในสตูดิโอของนักร้องที่รู้ว่าเป็นการฟอกแต่ยังคงทำเงินจากการกระทำนี้
    ก่อนหน้านี้มีข่าวลือเกี่ยวกับปัญหาของหวังมี่เหียน และบัญชีโซเชียลมีเดียของเขาได้หยุดอัปเดตมาหลายเดือน โดยโพสต์สุดท้ายของเขาคือเมื่อวันที่ 25 มกราคม ที่ผ่านมา
    หวังมี่เหียนเคยเขียนเกี่ยวกับความรู้สึกของเขาที่ไม่ใช่วัยรุ่นแล้ว แต่เป็นชายวัย 39 ปี เขาเขียนว่า "เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ชีวิตในช่วงที่สับสนที่สุดคือช่วงที่ยังไม่แก่แต่ไม่ใช่หนุ่มแล้ว" อาจเป็นไปได้ว่าเขาไม่คาดคิดว่าตนเองจะถู-กจั-บในไม่ช้านี้
    หลังจากที่ข่าวถูกเผยแพร่ ผู้คนได้ไปที่บัญชีโซเชียลมีเดียของหวังมี่เหียนและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวนี้
    หวังมี่เหียนเริ่มต้นเส้นทางการถ่ายทอดสดออนไลน์ตั้งแต่ปี 2012 และมีผลงานในภาพยนตร์และเพลงหลายเพลง โดยเพลง "勉为其难" ทำให้เขาเป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศ แต่เขากลับเลือกเส้นทางที่ผิดและทำให้โอกาสที่ดีในชีวิตของเขาสูญเสียไป
    -------------------------------
    ข้อมูลอ้างอิงเดี๋ยวเอาไว้ใต้โพส
    สรุป
    อเมริกา ไต้หวัน ตุรกี จีน อีกไม่นาน ก็ไทย รอติดตาม
    โจ มณฑานี รอรับกรรมนะ
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #จีนตื่นตัวพีเคฟอกขาว รายละเอียดดังนี้ บอกเลย ละเอียดยิบจริงๆ --------------------------------------------- นักร้องอินเทอร์เน็ตหวังมี่เหียน (王冕) ถูกจับกุมเนื่องจากใช้การให้รางวัลในถ่ายทอดสดเพื่อฟ-อ-กเ-งิ-นเกือบ 100 ล้านหยวน โดยเขาเคยร้องเพลงที่โด่งดัง "勉为其难" (Mianweiqinan) เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม สถานีข่าว CCTV รายงานเกี่ยวกับคดี-ฟ-อ-ก-เงินผ่านการให้รางวัลในถ่ายทอดสด ซึ่งเป็นค-ดีแรกในประเทศที่จั-บกุ-มได้ โดยมีผู้ต้องสงสัย 21 คน รวมถึง 4 คนที่เป็นนักร้องชื่อดังในแพลตฟอร์ม ตามรายงานของ CCTV เมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว ตำรวจได้สื-บส-ว-นค-ดีต้มการระดมทุน และพบว่าทรัพย์สินที่ถูกเก็บมานั้นถูกใช้ในการให้รางวัลในถ่ายทอดสด โดยมีเงินที่เกี่ยวข้องเกือบ 100 ล้านหยวน ผู้ต้องสงสัยในค-ดีห-ล-อ-ก-ล-ว-งได้ติดต่อกับนักร้องออนไลน์คนหนึ่งและเสนอให้ใช้การให้รางวัลในถ่ายทอดสดเพื่อฟ-อ-ก-เ-งิ-น นักร้องที่เกี่ยวข้องรู้ว่าทรัพย์สินที่ได้รับคือเงินจากการห-ล-อ-ก-ล-ว-ง และหวังมี่เหียนยังเคยขอให้มีส่วนร่วมในการฟอกเพื่อให้ได้ตำแหน่งในอันดับประจำปี แม้ว่าสถานีข่าวจะไม่ได้เปิดเผยชื่อของผู้ต้องสงสัยทั้งหมด แต่จากคลิปที่เผยแพร่ ผู้คนในโลกออนไลน์ได้ระบุถึงผู้ต้องสงสัยที่ถูกจับได้รวมถึงหวังมี่เหียน ปัจจุบัน-ตำร-ว-จได้จั-บ-กุ-มผู้ต้องสงสัย 4 คน รวมถึงนักร้องออนไลน์ และเจ้าหน้าที่ในสตูดิโอของนักร้องที่รู้ว่าเป็นการฟอกแต่ยังคงทำเงินจากการกระทำนี้ ก่อนหน้านี้มีข่าวลือเกี่ยวกับปัญหาของหวังมี่เหียน และบัญชีโซเชียลมีเดียของเขาได้หยุดอัปเดตมาหลายเดือน โดยโพสต์สุดท้ายของเขาคือเมื่อวันที่ 25 มกราคม ที่ผ่านมา หวังมี่เหียนเคยเขียนเกี่ยวกับความรู้สึกของเขาที่ไม่ใช่วัยรุ่นแล้ว แต่เป็นชายวัย 39 ปี เขาเขียนว่า "เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ชีวิตในช่วงที่สับสนที่สุดคือช่วงที่ยังไม่แก่แต่ไม่ใช่หนุ่มแล้ว" อาจเป็นไปได้ว่าเขาไม่คาดคิดว่าตนเองจะถู-กจั-บในไม่ช้านี้ หลังจากที่ข่าวถูกเผยแพร่ ผู้คนได้ไปที่บัญชีโซเชียลมีเดียของหวังมี่เหียนและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวนี้ หวังมี่เหียนเริ่มต้นเส้นทางการถ่ายทอดสดออนไลน์ตั้งแต่ปี 2012 และมีผลงานในภาพยนตร์และเพลงหลายเพลง โดยเพลง "勉为其难" ทำให้เขาเป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศ แต่เขากลับเลือกเส้นทางที่ผิดและทำให้โอกาสที่ดีในชีวิตของเขาสูญเสียไป ------------------------------- ข้อมูลอ้างอิงเดี๋ยวเอาไว้ใต้โพส สรุป อเมริกา ไต้หวัน ตุรกี จีน อีกไม่นาน ก็ไทย รอติดตาม โจ มณฑานี รอรับกรรมนะ #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    Haha
    13
    0 Comments 0 Shares 2197 Views 0 Reviews
  • #บทพิสูจน์ความจริงบนเพจคิงส์โพธิ์แดง
    เพจคิงส์โพธิ์แดงคือเพจแรกที่ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลสำคัญ
    เกี่ยวกับ กามิน เอเจนซี่ ขบวนการกลุ่มเงินดาร์คที่ใช้ตต.และการพีเค
    ในการซักอบรีดเงินดาร์คให้ขาวสะอาด เป็น อชญก ข้ามชาติ
    โดยมีคนไทย นำโดย โจมณฑานี ร่วมมือกับจีกามิน และเอเจน ที่เป็นบริษัทของกลุ่มทุนดาร์ค สร้างขบวนการสร้างกระแส
    แต่ดาราชายของไทย คือแน๊กชาลี ได้รับการชี้ชวนจากเอเจนซี่ แต่กลับปฏิเสธ เพราะไม่อยากทำให้คนไทยได้รับความเสียหาย
    แม้ชาลี จะไม่ทราบลึกถึงขนาดว่า พีเค บิ๊กแม็ต เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มทุนดาร์คก็ตาม แต่เพียงแค่การพีเค ต้องทำให้แฟนคลับ ต้องทุ่มเงินเพียงเพื่อให้ตนเองชนะ แน๊กทำไม่ได้ ต่อให้ได้รับผลประโยชน์มากแค่ไหน ก็ไม่เอา
    -จุดนี้คือจุดสำคัญ ที่ทำให้เอเจน กามิน และโจ มองเห็นแล้วว่า ต่อไป แน๊กจะเป็นตัวปัญหาของขบวนการ โจ ในฐานะผู้ดูแลกระแสโซเชียล จึงวางแผนสร้างสตอรี่ ให้แฟนคลับเข้าใจผิดว่า แน๊ก มีปัญหา ด้านจิต เพื่อดิ-ส-เ-ค-ร-ดิ-ต ดาราชาย หากมีการเปิดเผยข้อมูลในอนาคต จะได้ไม่มีคนเชื่อ ซึ่งกระบวนการนี้ทำมานานหลายเดือน จึงได้เห็นปรากฏการทัวร์ลงชาลีมากมาย และอวยกามินอย่างประหลาด
    -ในขณะที่แน๊กชาลี ไม่ยอม พีเค ลักษณะบิ๊กแม๊ต แต่กามิน และเอเจนซี่ รวมถึงโจ กลับปฏิบัติการ จัดบิ๊กแม็ตหลายครั้งและถี่มาก เพื่อสอดไส้เงินดาร์คเข้าระบบ ให้สมดุลกับยอดการเข้าชม โดยแทบไม่ต้องซื้อสติ๊กเกอร์ของขวัญเลยด้วยซ้ำ จากเงินดาร์ค เป็นเหรียญ จากเหรียญเป็นเงินที่มีการตกแต่งบัญชี ว่าได้มาจากค่าของขวัญและนำไปเสียภ-า-ษี-เพื่อให้เงินดาร์คสะอาด
    -เรื่องที่เล่ามานี้ เป็นสิ่งที่เพจคิงส์โพธิ์แดง ได้ทำการเปิดเผยมาก่อนหน้านี้ แต่ โจ มณฑานี กลับให้ขบวนการทั้งยูซผี และกองกำลังที่เป็นลูทีน ว่าเพจคิงส์นำเสนอสิ่งที่มโน วิเคราะห์มั่ว สารพัดตามแบบฉบับโจ และไอโอของกลุ่มเงินดาร์ค-
    -ในที่สุด โมเดลนี้ การซักอบรีดเงินดาร์คให้ขาว ก็ได้ไปถึงทั้งฝั่งยุโรป และตะวันออกกลาง นั่นคือสหรัฐ และตุรกี และได้มีการดำเนินคดีอย่างจริงจัง
    พร้อมเผยแพร่ข้อมูลนี้ สู่ชาวโลก
    -เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ชัดเจนว่า ข้อมูลที่คิงส์โพธิ์แดงให้นั้น เป็นความจริง
    ---------------------------------------------------------
    โดย ทางตุรกี จากตุรกีนิวส์ มีรายละเอียดดังนี้
    "สรุปข่าวย่อ ๆ เมื่อเร็ว ๆ นี้ มีความกังวลเกี่ยวกับกิจกรรมการฟ-อ-ก-เ-งิ-นบน T..t โดยเฉพาะผ่านฟีเจอร์การถ่ายทอดสดและ
    #การให้ของขวัญทางดิจิทัลในประเทศตุรกี
    #เจ้าหน้าที่พบว่ามีการโอนเงินจำนวนมากผ่านแพลตฟอร์มนี้
    #โดยบางส่วนถูกสงสัยว่ามีความเชื่อมโยงกับกิจกรรมทางอาญา
    #รวมถึงการสนับสนุนทางการเงินให้กับกลุ่มก่อการร้าย
    #ระบบของขวัญดิจิทัลของ T..t
    #ช่วยให้ผู้ใช้สามารถส่งของขวัญเสมือนจริง
    #ซึ่งผู้สร้างเนื้อหาสามารถแลกเป็นเงินจริงได้
    #ทำให้เกิดช่องโหว่ที่อาจใช้สำหรับการฟอกเงิน
    กรณีที่มีชื่อเสียงในตุรกี พบว่า การสืบสวนเกี่ยวกับอินฟลูเอนเซอร์บนโซเชียลมีเดีย รวมถึงบุคคลที่มีชื่อเสียงอย่าง Dilan และ Engin Polat เผยให้เห็นการโอนเงินจำนวนมากผ่าน T..t ซึ่งมักถูกปลอมแปลงว่าเป็นธุรกรรมทางธุรกิจที่ถูกต้อง อินฟลูเอนเซอร์เหล่านี้ถูกกล่าวหาว่าใช้ระบบการเงินของ T..t เพื่อฟอกเงินผิดกฎหมาย โดยการจำลองการขายสินค้าหรือบริการที่มีมูลค่าสูงและซื้อสินค้าหรูหรา เช่น อสังหาริมทรัพย์และเครื่องประดับ ปัญหานี้ทำให้ T..tต้องเพิ่มมาตรการควบคุมการเงินที่เข้มงวดขึ้น แต่แพลตฟอร์มยังคงถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด
    นอกจากนี้ ธนาคาร HSBC ยังได้ปิดบัญชีที่เกี่ยวข้องT..t เนื่องจากไม่สามารถควบคุมการทำธุรกรรมทางการเงินได้เพียงพอ ซึ่งทำให้หน่วยงานกำกับดูแลในตุรกีและไอร์แลนด์เกิดความกังวลมากขึ้น"
    ส่วนฝั่งสหรัฐ
    ก็ได้เปิดเผยข้อมูลยืนยันเช่นกัน ว่าขบวนการ อชญก ข้ามชาติ
    ใช้ ตต. และการพีเค ในการฟอกจริง
    มีรายละเอียดดังนี้
    "ในสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะในรัฐยูทาห์ มีการดำเนินการทางกฎหมายต่อ T.. .. T.. ... เกี่ยวกับฟีเจอร์ T.. .. T.. .. LIVE (pk) ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นช่องทางในการทำกิจกรรมผิ..กฎห..าย เช่น ก..รค้า..นุษย์ การขาย..าเ..พติ.. และการฟ-อ-ก-เ-งิ-น ผ่านการใช้สกุลเงินดิจิทัลในแอป ในเดือนมิถุนายน 2024 อัยการสูงสุดของรัฐยูทาห์ได้ยื่นฟ้-อ-ง T..T.. โดยอ้างว่าแพลตฟอร์มนี้ใช้กลวิธีเพื่อห..อกล..งผู้ใช้ให้ทำธุรกรรมผ่านแอป ซึ่งส่งผลให้เกิดการฟ-อ-ก-เ-งิ-น และ T..T..k ยังได้รับประโยชน์จากการเก็บค่าคอมมิ..ชั่นจำนวนมากจากแต่ละธุรกรรมอีกด้วย​"
    ข้อมูลทั้งหมดให้ไปดูในโพสที่พี่คิงส์แยกให้ ทั้งของสหรัฐและตุรกีมีลงไว้ใต้โพสครบถ้วน แหล่งอ้างอิงต่างๆ
    ----------------------------------------------------------
    ดังนั้น คิงส์โพธิ์แดงขอยืนหยัดในการนำเสนอข้อมูลที่เป็นความจริง
    ซึ่งหลายเรื่อง ต้องใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
    และในหลายๆประเด็น ก็มีข้อมูลที่สามารถยืนยันได้
    และเมื่อขบวนการเหล่านี้ มีจริง
    โจ และกองทัพไอโอ ก็มีอยู่จริง
    และทุกเรื่องที่เพจคิงส์โพธิ์แดงนำเสนอ
    ล้วนมีที่มาจากความเป็นจริง
    แล้วท่านจะรู้ว่า เพจคิงส์โพธิ์แดง
    กำลังต่อสู้กับอะไร
    ใครพร้อมไปให้สุดกับเพจคิงส์บ้าง ยกมือขึ้น
    แล้วลุยไปด้วยกันครับ
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #บทพิสูจน์ความจริงบนเพจคิงส์โพธิ์แดง เพจคิงส์โพธิ์แดงคือเพจแรกที่ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลสำคัญ เกี่ยวกับ กามิน เอเจนซี่ ขบวนการกลุ่มเงินดาร์คที่ใช้ตต.และการพีเค ในการซักอบรีดเงินดาร์คให้ขาวสะอาด เป็น อชญก ข้ามชาติ โดยมีคนไทย นำโดย โจมณฑานี ร่วมมือกับจีกามิน และเอเจน ที่เป็นบริษัทของกลุ่มทุนดาร์ค สร้างขบวนการสร้างกระแส แต่ดาราชายของไทย คือแน๊กชาลี ได้รับการชี้ชวนจากเอเจนซี่ แต่กลับปฏิเสธ เพราะไม่อยากทำให้คนไทยได้รับความเสียหาย แม้ชาลี จะไม่ทราบลึกถึงขนาดว่า พีเค บิ๊กแม็ต เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มทุนดาร์คก็ตาม แต่เพียงแค่การพีเค ต้องทำให้แฟนคลับ ต้องทุ่มเงินเพียงเพื่อให้ตนเองชนะ แน๊กทำไม่ได้ ต่อให้ได้รับผลประโยชน์มากแค่ไหน ก็ไม่เอา -จุดนี้คือจุดสำคัญ ที่ทำให้เอเจน กามิน และโจ มองเห็นแล้วว่า ต่อไป แน๊กจะเป็นตัวปัญหาของขบวนการ โจ ในฐานะผู้ดูแลกระแสโซเชียล จึงวางแผนสร้างสตอรี่ ให้แฟนคลับเข้าใจผิดว่า แน๊ก มีปัญหา ด้านจิต เพื่อดิ-ส-เ-ค-ร-ดิ-ต ดาราชาย หากมีการเปิดเผยข้อมูลในอนาคต จะได้ไม่มีคนเชื่อ ซึ่งกระบวนการนี้ทำมานานหลายเดือน จึงได้เห็นปรากฏการทัวร์ลงชาลีมากมาย และอวยกามินอย่างประหลาด -ในขณะที่แน๊กชาลี ไม่ยอม พีเค ลักษณะบิ๊กแม๊ต แต่กามิน และเอเจนซี่ รวมถึงโจ กลับปฏิบัติการ จัดบิ๊กแม็ตหลายครั้งและถี่มาก เพื่อสอดไส้เงินดาร์คเข้าระบบ ให้สมดุลกับยอดการเข้าชม โดยแทบไม่ต้องซื้อสติ๊กเกอร์ของขวัญเลยด้วยซ้ำ จากเงินดาร์ค เป็นเหรียญ จากเหรียญเป็นเงินที่มีการตกแต่งบัญชี ว่าได้มาจากค่าของขวัญและนำไปเสียภ-า-ษี-เพื่อให้เงินดาร์คสะอาด -เรื่องที่เล่ามานี้ เป็นสิ่งที่เพจคิงส์โพธิ์แดง ได้ทำการเปิดเผยมาก่อนหน้านี้ แต่ โจ มณฑานี กลับให้ขบวนการทั้งยูซผี และกองกำลังที่เป็นลูทีน ว่าเพจคิงส์นำเสนอสิ่งที่มโน วิเคราะห์มั่ว สารพัดตามแบบฉบับโจ และไอโอของกลุ่มเงินดาร์ค- -ในที่สุด โมเดลนี้ การซักอบรีดเงินดาร์คให้ขาว ก็ได้ไปถึงทั้งฝั่งยุโรป และตะวันออกกลาง นั่นคือสหรัฐ และตุรกี และได้มีการดำเนินคดีอย่างจริงจัง พร้อมเผยแพร่ข้อมูลนี้ สู่ชาวโลก -เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ชัดเจนว่า ข้อมูลที่คิงส์โพธิ์แดงให้นั้น เป็นความจริง --------------------------------------------------------- โดย ทางตุรกี จากตุรกีนิวส์ มีรายละเอียดดังนี้ "สรุปข่าวย่อ ๆ เมื่อเร็ว ๆ นี้ มีความกังวลเกี่ยวกับกิจกรรมการฟ-อ-ก-เ-งิ-นบน T..t โดยเฉพาะผ่านฟีเจอร์การถ่ายทอดสดและ #การให้ของขวัญทางดิจิทัลในประเทศตุรกี #เจ้าหน้าที่พบว่ามีการโอนเงินจำนวนมากผ่านแพลตฟอร์มนี้ #โดยบางส่วนถูกสงสัยว่ามีความเชื่อมโยงกับกิจกรรมทางอาญา #รวมถึงการสนับสนุนทางการเงินให้กับกลุ่มก่อการร้าย #ระบบของขวัญดิจิทัลของ T..t #ช่วยให้ผู้ใช้สามารถส่งของขวัญเสมือนจริง #ซึ่งผู้สร้างเนื้อหาสามารถแลกเป็นเงินจริงได้ #ทำให้เกิดช่องโหว่ที่อาจใช้สำหรับการฟอกเงิน กรณีที่มีชื่อเสียงในตุรกี พบว่า การสืบสวนเกี่ยวกับอินฟลูเอนเซอร์บนโซเชียลมีเดีย รวมถึงบุคคลที่มีชื่อเสียงอย่าง Dilan และ Engin Polat เผยให้เห็นการโอนเงินจำนวนมากผ่าน T..t ซึ่งมักถูกปลอมแปลงว่าเป็นธุรกรรมทางธุรกิจที่ถูกต้อง อินฟลูเอนเซอร์เหล่านี้ถูกกล่าวหาว่าใช้ระบบการเงินของ T..t เพื่อฟอกเงินผิดกฎหมาย โดยการจำลองการขายสินค้าหรือบริการที่มีมูลค่าสูงและซื้อสินค้าหรูหรา เช่น อสังหาริมทรัพย์และเครื่องประดับ ปัญหานี้ทำให้ T..tต้องเพิ่มมาตรการควบคุมการเงินที่เข้มงวดขึ้น แต่แพลตฟอร์มยังคงถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ ธนาคาร HSBC ยังได้ปิดบัญชีที่เกี่ยวข้องT..t เนื่องจากไม่สามารถควบคุมการทำธุรกรรมทางการเงินได้เพียงพอ ซึ่งทำให้หน่วยงานกำกับดูแลในตุรกีและไอร์แลนด์เกิดความกังวลมากขึ้น" ส่วนฝั่งสหรัฐ ก็ได้เปิดเผยข้อมูลยืนยันเช่นกัน ว่าขบวนการ อชญก ข้ามชาติ ใช้ ตต. และการพีเค ในการฟอกจริง มีรายละเอียดดังนี้ "ในสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะในรัฐยูทาห์ มีการดำเนินการทางกฎหมายต่อ T.. .. T.. ... เกี่ยวกับฟีเจอร์ T.. .. T.. .. LIVE (pk) ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นช่องทางในการทำกิจกรรมผิ..กฎห..าย เช่น ก..รค้า..นุษย์ การขาย..าเ..พติ.. และการฟ-อ-ก-เ-งิ-น ผ่านการใช้สกุลเงินดิจิทัลในแอป ในเดือนมิถุนายน 2024 อัยการสูงสุดของรัฐยูทาห์ได้ยื่นฟ้-อ-ง T..T.. โดยอ้างว่าแพลตฟอร์มนี้ใช้กลวิธีเพื่อห..อกล..งผู้ใช้ให้ทำธุรกรรมผ่านแอป ซึ่งส่งผลให้เกิดการฟ-อ-ก-เ-งิ-น และ T..T..k ยังได้รับประโยชน์จากการเก็บค่าคอมมิ..ชั่นจำนวนมากจากแต่ละธุรกรรมอีกด้วย​" ข้อมูลทั้งหมดให้ไปดูในโพสที่พี่คิงส์แยกให้ ทั้งของสหรัฐและตุรกีมีลงไว้ใต้โพสครบถ้วน แหล่งอ้างอิงต่างๆ ---------------------------------------------------------- ดังนั้น คิงส์โพธิ์แดงขอยืนหยัดในการนำเสนอข้อมูลที่เป็นความจริง ซึ่งหลายเรื่อง ต้องใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ และในหลายๆประเด็น ก็มีข้อมูลที่สามารถยืนยันได้ และเมื่อขบวนการเหล่านี้ มีจริง โจ และกองทัพไอโอ ก็มีอยู่จริง และทุกเรื่องที่เพจคิงส์โพธิ์แดงนำเสนอ ล้วนมีที่มาจากความเป็นจริง แล้วท่านจะรู้ว่า เพจคิงส์โพธิ์แดง กำลังต่อสู้กับอะไร ใครพร้อมไปให้สุดกับเพจคิงส์บ้าง ยกมือขึ้น แล้วลุยไปด้วยกันครับ #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    Haha
    Yay
    14
    0 Comments 0 Shares 2748 Views 0 Reviews
  • #ตุรกีจัดการแล้วมาแนวเดียวกับกามินและเอเจนซี่
    #รายละเอียดดังนี้
    "สรุปข่าวย่อ ๆ เมื่อเร็ว ๆ นี้ มีความกังวลเกี่ยวกับกิจกรรมการฟ-อ-ก-เ-งิ-นบน T..t โดยเฉพาะผ่านฟีเจอร์การถ่ายทอดสดและ
    #การให้ของขวัญทางดิจิทัลในประเทศตุรกี
    #เจ้าหน้าที่พบว่ามีการโอนเงินจำนวนมากผ่านแพลตฟอร์มนี้
    #โดยบางส่วนถูกสงสัยว่ามีความเชื่อมโยงกับกิจกรรมทางอาญา
    #รวมถึงการสนับสนุนทางการเงินให้กับกลุ่มก่อการร้าย
    #ระบบของขวัญดิจิทัลของ T..t
    #ช่วยให้ผู้ใช้สามารถส่งของขวัญเสมือนจริง
    #ซึ่งผู้สร้างเนื้อหาสามารถแลกเป็นเงินจริงได้
    #ทำให้เกิดช่องโหว่ที่อาจใช้สำหรับการฟอกเงิน
    กรณีที่มีชื่อเสียงในตุรกี พบว่า การสืบสวนเกี่ยวกับอินฟลูเอนเซอร์บนโซเชียลมีเดีย รวมถึงบุคคลที่มีชื่อเสียงอย่าง Dilan และ Engin Polat เผยให้เห็นการโอนเงินจำนวนมากผ่าน T..t ซึ่งมักถูกปลอมแปลงว่าเป็นธุรกรรมทางธุรกิจที่ถูกต้อง อินฟลูเอนเซอร์เหล่านี้ถูกกล่าวหาว่าใช้ระบบการเงินของ T..t เพื่อฟอกเงินผิดกฎหมาย โดยการจำลองการขายสินค้าหรือบริการที่มีมูลค่าสูงและซื้อสินค้าหรูหรา เช่น อสังหาริมทรัพย์และเครื่องประดับ ปัญหานี้ทำให้ T..tต้องเพิ่มมาตรการควบคุมการเงินที่เข้มงวดขึ้น แต่แพลตฟอร์มยังคงถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด
    นอกจากนี้ ธนาคาร HSBC ยังได้ปิดบัญชีที่เกี่ยวข้องT..t เนื่องจากไม่สามารถควบคุมการทำธุรกรรมทางการเงินได้เพียงพอ ซึ่งทำให้หน่วยงานกำกับดูแลในตุรกีและไอร์แลนด์เกิดความกังวลมากขึ้น
    รายละเอียดอื่นๆใต้โพส
    -------------------------
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #ตุรกีจัดการแล้วมาแนวเดียวกับกามินและเอเจนซี่ #รายละเอียดดังนี้ "สรุปข่าวย่อ ๆ เมื่อเร็ว ๆ นี้ มีความกังวลเกี่ยวกับกิจกรรมการฟ-อ-ก-เ-งิ-นบน T..t โดยเฉพาะผ่านฟีเจอร์การถ่ายทอดสดและ #การให้ของขวัญทางดิจิทัลในประเทศตุรกี #เจ้าหน้าที่พบว่ามีการโอนเงินจำนวนมากผ่านแพลตฟอร์มนี้ #โดยบางส่วนถูกสงสัยว่ามีความเชื่อมโยงกับกิจกรรมทางอาญา #รวมถึงการสนับสนุนทางการเงินให้กับกลุ่มก่อการร้าย #ระบบของขวัญดิจิทัลของ T..t #ช่วยให้ผู้ใช้สามารถส่งของขวัญเสมือนจริง #ซึ่งผู้สร้างเนื้อหาสามารถแลกเป็นเงินจริงได้ #ทำให้เกิดช่องโหว่ที่อาจใช้สำหรับการฟอกเงิน กรณีที่มีชื่อเสียงในตุรกี พบว่า การสืบสวนเกี่ยวกับอินฟลูเอนเซอร์บนโซเชียลมีเดีย รวมถึงบุคคลที่มีชื่อเสียงอย่าง Dilan และ Engin Polat เผยให้เห็นการโอนเงินจำนวนมากผ่าน T..t ซึ่งมักถูกปลอมแปลงว่าเป็นธุรกรรมทางธุรกิจที่ถูกต้อง อินฟลูเอนเซอร์เหล่านี้ถูกกล่าวหาว่าใช้ระบบการเงินของ T..t เพื่อฟอกเงินผิดกฎหมาย โดยการจำลองการขายสินค้าหรือบริการที่มีมูลค่าสูงและซื้อสินค้าหรูหรา เช่น อสังหาริมทรัพย์และเครื่องประดับ ปัญหานี้ทำให้ T..tต้องเพิ่มมาตรการควบคุมการเงินที่เข้มงวดขึ้น แต่แพลตฟอร์มยังคงถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ ธนาคาร HSBC ยังได้ปิดบัญชีที่เกี่ยวข้องT..t เนื่องจากไม่สามารถควบคุมการทำธุรกรรมทางการเงินได้เพียงพอ ซึ่งทำให้หน่วยงานกำกับดูแลในตุรกีและไอร์แลนด์เกิดความกังวลมากขึ้น รายละเอียดอื่นๆใต้โพส ------------------------- #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    Haha
    Yay
    11
    0 Comments 0 Shares 2492 Views 0 Reviews
  • HowTo : วิธีการแชร์เรื่องราวและเนื้อหาบน Thaitimes อย่างปลอดภัยและสร้างสรรค์

    ในแอป Thaitimes เป็นที่ที่คุณสามารถเขียนและแชร์เนื้อหาต่าง ๆ กับเพื่อนหรือผู้ติดตามของคุณได้ง่าย ๆ โดยคุณสามารถทำสิ่งต่อไปนี้ได้:

    1. เขียนข้อความ: แบ่งปันความคิด ความรู้สึก หรืออัปเดตสถานะของคุณ
    2. เพิ่ม Hashtags (#): ใช้แฮชแท็กเพื่อให้โพสต์ของคุณเข้าถึงผู้คนที่สนใจในหัวข้อเดียวกัน
    3. Mention เพื่อน (@): แท็กเพื่อนเพื่อกล่าวถึงพวกเขาในโพสต์
    4. วางลิงก์ (Link): แชร์ลิงก์ไปยังเนื้อหาภายนอก เช่น บทความ วิดีโอ หรือเว็บไซต์ที่คุณอยากแบ่งปัน

    ### ฟีเจอร์เพิ่มเติมสำหรับการโพสต์:
    - Upload Photos: อัปโหลดรูปภาพเพื่อเพิ่มสีสันให้กับโพสต์ของคุณ
    - Create Album: สร้างอัลบั้มเพื่อแชร์รูปหลายรูปในโพสต์เดียว
    - Colored Posts: เลือกสีพื้นหลังให้โพสต์ของคุณโดดเด่น
    - Feelings/Activity: แสดงอารมณ์หรือกิจกรรมที่คุณกำลังทำอยู่

    ### การตั้งค่าความเป็นส่วนตัว:
    ก่อนโพสต์ อย่าลืมเลือกว่าต้องการให้โพสต์ของคุณเป็นสาธารณะ (Public) หรือให้เฉพาะเพื่อน (Friends) เห็นเท่านั้น จากนั้นกดปุ่ม "Post" เพื่อแชร์เนื้อหาของคุณ

    ### ข้อควรระวังเกี่ยวกับการใช้ภาพและวิดีโอ:
    - เมื่อคุณอัปโหลด ภาพ หรือ วิดีโอ ลงในโพสต์ ควรระมัดระวังเรื่อง ลิขสิทธิ์ และการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา เช่น หลีกเลี่ยงการใช้รูปภาพหรือเพลงที่มีลิขสิทธิ์โดยไม่ได้รับอนุญาต
    - การใช้เนื้อหาที่ละเมิดลิขสิทธิ์อาจส่งผลให้คุณถูกฟ้องร้อง หรือโดนดำเนินคดีตาม กฎหมายคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีบทลงโทษที่เข้มงวด
    - ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าเนื้อหาที่คุณแชร์นั้นถูกต้องตามกฎหมายและได้รับอนุญาตในการเผยแพร่

    สรุป: ช่องนี้เป็นพื้นที่สำหรับการเขียนและแชร์เรื่องราว ข้อความ รูปภาพ วิดีโอ หรือแม้แต่ลิงก์ได้ง่าย ๆ พร้อมกับตัวเลือกเพิ่มเติมที่ช่วยให้โพสต์ของคุณน่าสนใจมากขึ้น อย่าลืมคำนึงถึง กฎหมายลิขสิทธิ์ และ กฎหมายคอมพิวเตอร์ ในการแชร์เนื้อหาต่าง ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาทางกฎหมายในอนาคต
    HowTo : วิธีการแชร์เรื่องราวและเนื้อหาบน Thaitimes อย่างปลอดภัยและสร้างสรรค์ ในแอป Thaitimes เป็นที่ที่คุณสามารถเขียนและแชร์เนื้อหาต่าง ๆ กับเพื่อนหรือผู้ติดตามของคุณได้ง่าย ๆ โดยคุณสามารถทำสิ่งต่อไปนี้ได้: 1. เขียนข้อความ: แบ่งปันความคิด ความรู้สึก หรืออัปเดตสถานะของคุณ 2. เพิ่ม Hashtags (#): ใช้แฮชแท็กเพื่อให้โพสต์ของคุณเข้าถึงผู้คนที่สนใจในหัวข้อเดียวกัน 3. Mention เพื่อน (@): แท็กเพื่อนเพื่อกล่าวถึงพวกเขาในโพสต์ 4. วางลิงก์ (Link): แชร์ลิงก์ไปยังเนื้อหาภายนอก เช่น บทความ วิดีโอ หรือเว็บไซต์ที่คุณอยากแบ่งปัน ### ฟีเจอร์เพิ่มเติมสำหรับการโพสต์: - Upload Photos: อัปโหลดรูปภาพเพื่อเพิ่มสีสันให้กับโพสต์ของคุณ - Create Album: สร้างอัลบั้มเพื่อแชร์รูปหลายรูปในโพสต์เดียว - Colored Posts: เลือกสีพื้นหลังให้โพสต์ของคุณโดดเด่น - Feelings/Activity: แสดงอารมณ์หรือกิจกรรมที่คุณกำลังทำอยู่ ### การตั้งค่าความเป็นส่วนตัว: ก่อนโพสต์ อย่าลืมเลือกว่าต้องการให้โพสต์ของคุณเป็นสาธารณะ (Public) หรือให้เฉพาะเพื่อน (Friends) เห็นเท่านั้น จากนั้นกดปุ่ม "Post" เพื่อแชร์เนื้อหาของคุณ ### ข้อควรระวังเกี่ยวกับการใช้ภาพและวิดีโอ: - เมื่อคุณอัปโหลด ภาพ หรือ วิดีโอ ลงในโพสต์ ควรระมัดระวังเรื่อง ลิขสิทธิ์ และการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา เช่น หลีกเลี่ยงการใช้รูปภาพหรือเพลงที่มีลิขสิทธิ์โดยไม่ได้รับอนุญาต - การใช้เนื้อหาที่ละเมิดลิขสิทธิ์อาจส่งผลให้คุณถูกฟ้องร้อง หรือโดนดำเนินคดีตาม กฎหมายคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีบทลงโทษที่เข้มงวด - ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าเนื้อหาที่คุณแชร์นั้นถูกต้องตามกฎหมายและได้รับอนุญาตในการเผยแพร่ สรุป: ช่องนี้เป็นพื้นที่สำหรับการเขียนและแชร์เรื่องราว ข้อความ รูปภาพ วิดีโอ หรือแม้แต่ลิงก์ได้ง่าย ๆ พร้อมกับตัวเลือกเพิ่มเติมที่ช่วยให้โพสต์ของคุณน่าสนใจมากขึ้น อย่าลืมคำนึงถึง กฎหมายลิขสิทธิ์ และ กฎหมายคอมพิวเตอร์ ในการแชร์เนื้อหาต่าง ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาทางกฎหมายในอนาคต
    Like
    13
    4 Comments 6 Shares 1889 Views 1 Reviews
  • ได้ยินเสียงเหมือนมีคนมาคอยหน้าวิก……แต่งองค์ทรงเครื่องพี่ปูเสร็จแล้วค่าาาา…………เชิด…!!!!!!

    ตอนแปด…………มารไม่มี……บารมีไม่เกิด……!!!

    ท่านนายกฯหนุ่ม Kiriyenko ได้พาปูตินไปที่ สำนักงานใหญ่ FSB ที่ตั้งอยู่บนถนน Lubyanka, Moscow ในวันที่ 27 กรกฎาคม 1998 เพื่อไปทำความรู้จักกับ
    Nikolai Kovalyov ผู้อำนวยการคนเก่าที่เพิ่งรู้ตัวว่าถูกปลดออกจากตำแหน่งก็เพราะทีวีออกข่าว ท่านนายกฯได้กล่าวสั้นๆว่า “เปลี่ยนสถานะการณ์……ก็ต้องเปลี่ยนคน……”
    นิโคไล……รับสภาพการเปลี่ยนนั้นได้ดี เขาพาปูตินไปที่ห้องทำงานและได้มอบเอกสารลับทั้งหมดให้ และย้ำว่า เอกสารพวกนี้เป็นยิ่งกว่าอาวุธ……

    การปรับตำแหน่งใหม่แบบก้าวกระโดดนี้ เป็นเรื่องใหญ่มาก
    ทุกคนพุ่งความสนใจไปยัง วลาดิเมียร์ ปูติน ……ใครๆก็อยากรู้ว่า เขาเป็นใคร……มาได้อย่างไร?
    สองวันต่อมา ปูตินจึงได้อนุญาตให้หนังสือพิมพ์ Kommersant เข้ามาทำการสัมภาษณ์ เพื่อที่จะบอกวัตถุประสงค์หลักในการทำงาน
    เขาให้การสัมภาษณ์ว่า……เขามุ่งไปที่การทำงานที่มีประสิทธิภาพที่เขาหวังว่าจะได้รับจากผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคน และองค์กรนี้จะไม่ตกเป็นเครื่องมือของนักการเมือง หรือ พวกสุดโต่งทุกสายพันธุ์ และจะระวังเข้มในเรื่องการแทรกแซงของสายลับต่างชาติ
    เมื่อถูกถามเรื่องใช้อินเตอร์เน็ต (สอดแนมประชาชน)
    คำตอบคือ ไม่ถึงขนาดนั้น……แต่ต้องเข้าใจด้วยว่า การใช้อินเทอร์เน็ตมันก็คือความมั่นคงของชาติอีกโสดหนึ่ง……

    การมาของปูตินได้สร้างความหวั่นไหวไปทั้งองค์กร โดยเฉพาะพวกกลุ่มสายลับเก่าสมัยยุค KGB โอนมาเป็น FSB ที่มองเขาด้วยสายตาไม่เป็นมิตร เพราะมาจากถิ่นอื่น (เลนินกราด) ยังอายุน้อย และเป็นแค่ “พันโท”
    (โดยปรกติต้องเป็นนายพล) สุดท้าย คือ สถานภาพของปูตินในยามนั้น
    เขาคือนายทหารนอกประจำการ

    ทั้งหมดนี้……ทำให้เกิดความท้าทายและลองดี รวมทั้งคอยดูว่าจะไปรอดหรือไม่……!!!

    วันที่ 1 สิงหาคม หลังจากที่เยลซินกลับมาจากการพักร้อน เขาเรียกให้ปูตินเข้าพบเพื่อถามไถ่ความคืบหน้า และได้เสนอหลักการว่า ควรจะต้องทำงานอย่างตรงไปตรงมา อย่าใช้ระบบการเมืองในการปกครอง
    เยลซินอยากให้ปูตินกลับเข้าไปรับราชการใหม่ โดยเสนอยศพลตรีให้……
    แต่ปูตินปฏิเสธ เพราะเขาคิดถึงอดีตในวันที่เขาลาออก เป็นวันเดียวกับวันนี้ คือ 1 สิงหาคม (1991) มันไม่มีประโยชน์อะไรที่ต้องแบกยศเอาไว้
    เขาจึงบอกว่า
    “ผมอยากเป็นประชาชนธรรมดาดีกว่า ไม่ต้องมีพรรคมีพวก ไม่ต้องเห็นแก่หน้าใคร ในการที่จะควบคุมองค์กรขนาดนี้ หัวโขนไม่ใช่สิ่งจำเป็น”
    สรุปว่า……ปูตินคือผู้อำนายการคนแรกและคนสุดท้ายของ FSB ที่เป็นคนธรรมดา……!!!

    งานแรก……เขาจัดห้องที่ทำงานในห้องอื่นที่ไม่ใช่ห้องเดิมตามตำแหน่ง
    แต่เขาได้จัดห้องนั้นให้เป็นพิพิธภัณฑ์ เพราะมันเป็นห้องที่เคยเป็นที่ทำงานของ Lavrenty Beria (จอมเชือดในยุคสตาลิน)
    ต่อมา คือ การตัดงบ จาก สายลับหกพันนาย เหลือ สี่พันนาย
    แผนกไหน……ไม่มีผลงาน ยุบ……

    วันที่ 20 สิงหาคม เขาได้ทำงานยังไม่ถึงเดือน นักข่าวจากเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก นาย Anatoly Levin ผันตัวมาเป็นบรรณาธิการและเจ้าของได้เปิดตัวหนังสือพิมพ์ใหม่ ในชื่อว่า Legal Petersburg Today
    ตัวนายเลวินเอง……ไม่มีเงินทองอะไรที่จะมาเป็นทุนรอน แต่เขามีผู้สนับสนุนรายใหญ่ คือ Boris Berezovsky ที่เป็นมหาเศรษฐีที่คอยจับจ้องเกาะติดผู้มีอำนาจเพื่อผลประโยชน์ เขาทำทุกอย่างเพื่อที่จะใช้เป็นอาวุธ (ทั้ง soft และ direct power)
    เขาใช้เลวิน เพื่อที่จะเป็นกระบอกเสียงในการดิสเครดิตทุกคนที่ขวางเส้นทางเขา หรือ เพื่อที่จะใช้ให้มาสยบในอำนาจของเขา

    เลวินเล่นข่าวใหญ่ประเดิมทันที พาดหัวว่า “ วลาดิเมียร์ ปูติน คนเหนือกฏหมาย สู่ FSB” ในเนื้อข่าว คือการโจมตีที่ อนาโตลีที่ได้หลบหนีออกไปนอกประเทศได้ เพราะการช่วยเหลือของ ปูติน ที่ปัจจุบันได้ดิบได้ดีมาเป็นผู้อำนวยการ FSB
    หลังจากนั้นก็มีข่าวออกมาว่า มีลูกน้องของปูตินได้เข้าไปพบปะเจรจากับบก.ฝ่ายข่าว ซึ่งได้บอกไปว่า เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องธรรมดาของคนหนังสือพิมพ์ ไม่กี่วัน คนก็ลืม…!!

    แต่เผอิญว่า.……มันไม่เงียบ เพราะ ค่ำวันหนึ่ง เลวินกลับไปที่อพาร์ตเมนต์
    เขาแวะไปเปิดตู้จดหมาย ทันใดนั้น มีชายสองคนพุ่งตัวมาจากทางด้านหลัง กระหน่ำตีเขาด้วยท่อนเหล็ก และปล่อยให้นอนจมกองเลือดอยู่ที่หน้าอพาร์ตเมนต์……
    เขาถูกส่งตัวไปโรงพยาบาล และเสียชีวิตในสองวันต่อมา

    เหตุอุบัติแบบนี้……ในเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก มีเกิดขึ้นรายวัน เพราะเป็นดงมาเฟีย แต่เรื่องมันไม่เงียบ……เพราะเลวินเป็นนักข่าว สมาคมนักข่าวจึงถือเป็นเรื่องใหญ่ในการคุกคามเสรีภาพสื่อ
    ชื่อของ ปูติน และ บอริส เกี่ยวกับเรื่องฆาตกรรมนี้บนหน้าหนึ่งอยู่หลายวัน
    (นี่เป็นแค่ปฐมฤกษ์………จะมีตามอีกเรื่อยๆ…)
    เพียงแต่……ไม่มีใครสามารถหาเส้นสายที่จะโยงไปถึงปูตินว่ามีส่วนเกี่ยวข้องได้

    สามวันหลังจากที่เลวินได้จากโลกนี้ไป สภาพเศรษฐกิจของรัสเซียล้มครืนลงจริงๆ หลังจากที่จวนเจียนไหวคลอนมาเรื่อยๆ จนสุดที่จะยื้อ
    ในวันที่ 21 สิงหาคม สภามีมติขอให้เยลซินลาออก…
    แต่เยลซิน…ยังวางเฉย เขาปลดนายกฯหนุ่ม คิริเยงโก ออกจากตำแหน่งในสองวันต่อมา หวังที่จะทอนกระแส..
    แล้วเยลซินคิดที่จะเอาอดีตนายกรัฐมนตรี Viktor Chernomydrin มาเป็นนายกรัฐมนตรีขัดตาทัพ
    แต่ข่าวว่าจะมีการปฏิวัตเริ่มหนาหู ฝ่ายโปรคอมมิวนิสต์ที่ช่วยกันกระจาย สร้างข่าวลวงรายวันและใช้โอกาสนี้ กล่าวโทษยิว พร้อมส่งคำอาฆาต
    มีข่าวว่าฝ่ายความมั่นคงทั้งหมดได้มีการเตรียมพร้อม ในการรับมือ
    ประชาชนเริ่มแตกตื่น หวาดกลัว

    วันที่ 1 กันยายน ปูติน พร้อมหน่วยFSB ที่ยืนเรียงรายอยู่เป็นฉากหลังประกาศออกทีวีว่า
    “ไม่มีการเตรียมพร้อมอะไรทั้งนั้น ทุกอย่างปรกติ แต่ใครก็ตามที่ทำตัวเป็นพิษเป็นภัยกับความมั่นคงและฝ่าฝืนกฎหมาย ผมไม่รับรองในความปลอดภัย……”

    วันที่ 11 กันยายน สภามีมติที่จะให้นาย Yevgeny Primakov อดีตรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศมานั่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
    พรีมาคอฟ คืออดีตนักข่าวที่ทำงานในตะวันออกกลางมานานถึงสิบสี่ปี และได้ทำงานให้กับ KGB ในสายต่างประเทศ ทั้งที่ตะวันออกกลางและอเมริกา หลังจากที่โซเวียตได้สลายตัวลงในปี 1991
    เขาได้มารับตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ
    การที่ได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ เขาคิดที่จะรื้อฟื้นโครงสร้างยุทธการสามเหลี่ยม……คือ รัสเซีย จีน อินเดีย เพื่อที่จะถ่วงดุลย์อำนาจกับสหรัฐอเมริกา
    ทฤษฎีนี้……เขาได้เขียนไว้นานแล้ว ในชื่อว่า Primakov doctrine…!!
    แต่การที่จะทำงานได้สำเร็จ เขาจะต้องมีแรงสนับสนุนจาก FSB
    (เพราะนี่คือ……สงครามเย็น)
    หากแต่……เขายังไม่แน่ใจกับปูตินและทีมที่มาจาก เซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก
    ว่าเขาจะพึ่งพาทำงานด้วยได้มากน้อยแค่ไหน……

    ส่วนปูติน……ต้องเจอกับศึกหนักอีกครั้ง ในวันที่ 17 พฤศจิกายน
    มีกลุ่มชายกลุ่มหนึ่ง จำนวนหกคน สี่คนใส่หน้ากากดำใส่แว่น ส่วนอีกสองคน เปิดหน้าตาชัดเจน คือ Aleksandr Litvitnenko และ Mikhaïl Trepashkin ทั้งหมดทั้งที่ปิดหน้าและไม่ปิด คือ เจ้าหน้าที่ในหน่วย FSB
    ที่ได้เปิดการจัดรายการพบปะนักข่าว……เพื่อที่จะแฉ ชี้ความผิดในองค์กร
    ที่ทำงานว่ามีการคอร์รัปชั่น มีขบวนการสร้างความแตกแยก มีการทำอาชญากรรม มีการเกี่ยวข้องกับกลุ่มมาเฟีย…
    แต่เรื่องนี้……ไม่ได้เกี่ยวข้องกับปูตินโดยตรง เพราะเป็นเหตุที่เกิดขึ้นก่อนที่เขามารับตำแหน่ง
    ที่เกี่ยวข้องเต็มๆ คือ อเล็กซานเดอร์ ได้เป็นตัวแทนที่นำเสนอว่า เขาได้พยายามหาทางเจรจากับปูตินแล้ว แต่ไม่สามารถพบได้
    ส่งเอกสารไปกี่ชุด……ก็ไม่ได้รับคำตอบใดๆ ไม่เคยสนใจ และไม่ช่วยแก้ไขปัญหา……

    สองอาทิตย์ต่อมา ปูตินได้เรียกอเล็กซานเดอร์ไปพบที่ห้องทำงาน
    ที่เขาไปพบพร้อมเอกสารปึกโต เข้าไปพบว่า ปูตินนั่งอยู่คนเดียวในห้องทำงาน ไม่มีผู้ช่วยอยู่ด้วยเหมือนเช่นเคย
    ปูตินลุกขึ้นมาจับมือทักทาย คุยด้วย ปรกติ
    แต่อเล็กซานเดอร์ไปเล่าให้ภรรยาฟังว่า………ผมเห็นแววตาเขาชัดเจนเลย ว่า เขาเกลียดผม……!!

    วันที่ 19 พฤศจิกายน ปูตินออกรายการในโทรทัศน์ เพื่อแถลงในการข้อพิสูจน์หาความเป็นจริงจากเรื่องที่อยู่ในความสนใจของประชาชน
    ว่า ไม่พบหลักฐานที่สามารถบ่งบอกได้ชัดเจน ทุกอย่างเป็นเพียงปากคำ
    พล็อตเรื่องออกแนวนิยายเด็ก การกระทำก็เป็นเด็ก เพราะเรียกประชุมนักข่าว ใส่หน้ากาก แต่บอกชื่อเสียงเรียงนาม………(สาบานว่าเป็นสายลับ……)
    ที่ขำๆ คือ ตบท้าย…ปูตินเล่าว่า อดีตภรรยาของหนึ่งในสี่คนที่ใส่หน้ากาก หลังจากวันพบปะกับนักข่าวในวันนั้น โทรมาหาปูติน บอกว่า
    “ท่านคะ ช่วยทวงค่าเลี้ยงดูจากไอ้นั่นให้หน่อย ไม่ได้จ่ายมาหลายเดือนแล้ว……”
    ปูติน…เลยบอกว่า “ตรงนี้ต่างหาก……ที่ผิดกฎหมายเต็มๆ”

    เยลซินเรียกปูตินเข้าพบ……เพื่อถามถึงเรื่องนี้
    ปูตินเลยเปิดอกพูด…บอกว่า ถ้าคนในองค์กรจะทำความผิด มันก็เป็นอีหรอบเดียวกันกับกลุ่มคนในรัฐบาลเท่าที่เห็นอยู่ในวันนี้ แต่……สิ่งที่อเล็กซานเดอร์และพวกทำลงไป (ที่จัดแถลงข่าว) นั่นถือเป็นความผิดที่ร้ายแรงต่อสัตยาบันของหน่วยงาน เพราะ หน้าที่ของหน่วยงานคือต้องรักษาความลับขององค์กร ถ้ามีปัญหา……ก็ต้องแก้ไขในองค์กร
    ไม่ใช่ไปเที่ยวป่าวประกาศ……

    ปูตินรู้ตัวดีว่า จะหาคนรักหรือพวกพ้องคนยาก เพราะเขาได้วางระบบเข้ม ตั้งแต่เรื่องการลดเจ้าหน้าที่ การใส่ร้ายป้ายสี การขัดขาขัดแข้ง
    และที่ร้ายคือ……ข่าวจาก เซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก ที่ส่งมาว่า
    Galina Starovoitova นักเคลื่อนไหวสาวเพื่อสิทธิของชนกลุ่มน้อย ได้ถูกสังหารไปเมื่อไม่กี่วันนี้
    หล่อนมีส่วนเกี่ยวข้องกับปูติน ก็คือเรื่องที่ขานรับกับเลวินในกรณีที่กล่าวหาว่า ปูตินได้ทำผิดกฏหมายในเรื่องช่วยเหลืออนาโตลีให้หนีคดีออกไปยังฝรั่งเศส
    ที่พลอยทำให้ปูติน……อยู่ในกลุ่มผู้ต้องสงสัยไปด้วย

    วันที่ 15 ธันวาคม ที่ปูตินได้พบกับเยลซินอีกครั้ง ที่จะหารือกันเรื่องของการฆาตกรรมนี้ ……และเรื่องกระแสการต่อต้านบอริส และเรื่องงานของปูตินที่หลายคนไม่พอใจเพราะต้องตกงาน……
    ปูตินจึงสรุปให้เยลซินฟังว่า……ข่าวลือทั้งหลายนั้น มาจากวงในของท่านทั้งหมด มันมาทุกรูปแบบ แบบโยนหินถามทางบ้าง หรือโยนลงบนหัวชาวบ้านบ้าง เพราะไม่มีใครรักษากฎระเบียบ การควบคุมก็หย่อนยาน
    และที่ออกข่าวลวงๆกันทุกวันนี้ ก็เพราะทุกคนกลัว กลัวที่จะต้องถูกตรวจสอบ และกระผมจะเรียนท่านให้ทราบตรงนี้เลย ว่า เมื่อไหร่ที่ท่านลงจากตำแหน่ง……ผมก็ขอลาออก…!!!

    แต่……ก่อนที่ท่านจะจากไป และก่อนที่ปูตินจะลาออก……ก็ต้องแสดงฝีมือให้เป็นที่ประจักษ์กันก่อน
    ในช่วงนั้นรัฐบาลของเยลซินกำลังโดนไล่บี้ในเรื่องทุจริต สินบน ที่ทีมอัยการนำโดย Yuri Skuratov เป็นหัวหน้าทีมในการสอบสวน เพราะเยลซินจะหมดวาระในปีรุ่งขึ้น คือ ปี 2000
    นั่นหมายถึงทุกคนจะต้องโดนคดีกันระนาวเพราะในช่วงที่เศรษฐกิจเสื่อมถอยนั้น รัฐบาลของเยลซินได้ทำทุกอย่างที่จะผันเงิน แม้แต่เงินของ IMF ก็ใช้อย่างผิดวัตถุประสงค์
    รวมทั้งหน่วยงาน FSB ทั้งระบบด้วย
    ถึงแม้อาจจะไม่เกี่ยวกับปูตินเท่าไหร่ในฐานะที่มาทีหลัง
    แต่……เรื่องนี้เกี่ยวกับหน่วยงานภาษีของอิตาลี, สวิตเซอร์แลนด์ และ คาริบเบียนด้วย……
    เดือนมกราคม 1999 วันหนึ่งก่อนที่ท่านอัยการยูริจะนำเอกสารทั้งหมดเข้าสู่กระบวนการศาล
    คืนนั้น……สถานีโทรทัศน์แห่งชาติได้ออกรายการ “สามคนบนเตียง” ที่มีความยาวร่วมชั่วโมงสู่สายตาของประชาชน ที่มีทั้งหนุ่มสาว เด็กเล็ก คนชรา……
    เป็นกิจกรรมบนเตียงของชายหนึ่ง หญิงสอง แม้ว่าจะไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ (ขาว-ดำ) แต่พอเห็นได้ว่า ฝ่ายชายคือ ท่านอัยการยูริ
    และมีเสียงสนทนาด้วย……หนึ่งในสองสาว ถามว่า “คุณชื่ออะไร?”
    ฝ่ายชายตอบว่า…”ยูรา” (เป็นชื่อเล่นของ ยูริ)

    วันต่อมา เยลซินจึงเรียกยูริขึ้นพบ ถามถึงเรื่องกิจกรรมสามคนผัวเมีย……ผลคือ ท่านอัยการต้องเซ็นใบลาออกตรงนั้นเลย……
    เรื่องการที่จะเอาผิดเยลซินก็จบลงแค่นั้น…

    ทั้งหมดคือฝีมือของหน่วยงาน “Kompromat” ในสังกัดของ FSB ของปูตินที่มีหน้าที่ในการ blackmail โดยเฉพาะ…!!

    Wiwanda W. Vichit
    ได้ยินเสียงเหมือนมีคนมาคอยหน้าวิก……แต่งองค์ทรงเครื่องพี่ปูเสร็จแล้วค่าาาา…………เชิด…!!!!!! ตอนแปด…………มารไม่มี……บารมีไม่เกิด……!!! ท่านนายกฯหนุ่ม Kiriyenko ได้พาปูตินไปที่ สำนักงานใหญ่ FSB ที่ตั้งอยู่บนถนน Lubyanka, Moscow ในวันที่ 27 กรกฎาคม 1998 เพื่อไปทำความรู้จักกับ Nikolai Kovalyov ผู้อำนวยการคนเก่าที่เพิ่งรู้ตัวว่าถูกปลดออกจากตำแหน่งก็เพราะทีวีออกข่าว ท่านนายกฯได้กล่าวสั้นๆว่า “เปลี่ยนสถานะการณ์……ก็ต้องเปลี่ยนคน……” นิโคไล……รับสภาพการเปลี่ยนนั้นได้ดี เขาพาปูตินไปที่ห้องทำงานและได้มอบเอกสารลับทั้งหมดให้ และย้ำว่า เอกสารพวกนี้เป็นยิ่งกว่าอาวุธ…… การปรับตำแหน่งใหม่แบบก้าวกระโดดนี้ เป็นเรื่องใหญ่มาก ทุกคนพุ่งความสนใจไปยัง วลาดิเมียร์ ปูติน ……ใครๆก็อยากรู้ว่า เขาเป็นใคร……มาได้อย่างไร? สองวันต่อมา ปูตินจึงได้อนุญาตให้หนังสือพิมพ์ Kommersant เข้ามาทำการสัมภาษณ์ เพื่อที่จะบอกวัตถุประสงค์หลักในการทำงาน เขาให้การสัมภาษณ์ว่า……เขามุ่งไปที่การทำงานที่มีประสิทธิภาพที่เขาหวังว่าจะได้รับจากผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคน และองค์กรนี้จะไม่ตกเป็นเครื่องมือของนักการเมือง หรือ พวกสุดโต่งทุกสายพันธุ์ และจะระวังเข้มในเรื่องการแทรกแซงของสายลับต่างชาติ เมื่อถูกถามเรื่องใช้อินเตอร์เน็ต (สอดแนมประชาชน) คำตอบคือ ไม่ถึงขนาดนั้น……แต่ต้องเข้าใจด้วยว่า การใช้อินเทอร์เน็ตมันก็คือความมั่นคงของชาติอีกโสดหนึ่ง…… การมาของปูตินได้สร้างความหวั่นไหวไปทั้งองค์กร โดยเฉพาะพวกกลุ่มสายลับเก่าสมัยยุค KGB โอนมาเป็น FSB ที่มองเขาด้วยสายตาไม่เป็นมิตร เพราะมาจากถิ่นอื่น (เลนินกราด) ยังอายุน้อย และเป็นแค่ “พันโท” (โดยปรกติต้องเป็นนายพล) สุดท้าย คือ สถานภาพของปูตินในยามนั้น เขาคือนายทหารนอกประจำการ ทั้งหมดนี้……ทำให้เกิดความท้าทายและลองดี รวมทั้งคอยดูว่าจะไปรอดหรือไม่……!!! วันที่ 1 สิงหาคม หลังจากที่เยลซินกลับมาจากการพักร้อน เขาเรียกให้ปูตินเข้าพบเพื่อถามไถ่ความคืบหน้า และได้เสนอหลักการว่า ควรจะต้องทำงานอย่างตรงไปตรงมา อย่าใช้ระบบการเมืองในการปกครอง เยลซินอยากให้ปูตินกลับเข้าไปรับราชการใหม่ โดยเสนอยศพลตรีให้…… แต่ปูตินปฏิเสธ เพราะเขาคิดถึงอดีตในวันที่เขาลาออก เป็นวันเดียวกับวันนี้ คือ 1 สิงหาคม (1991) มันไม่มีประโยชน์อะไรที่ต้องแบกยศเอาไว้ เขาจึงบอกว่า “ผมอยากเป็นประชาชนธรรมดาดีกว่า ไม่ต้องมีพรรคมีพวก ไม่ต้องเห็นแก่หน้าใคร ในการที่จะควบคุมองค์กรขนาดนี้ หัวโขนไม่ใช่สิ่งจำเป็น” สรุปว่า……ปูตินคือผู้อำนายการคนแรกและคนสุดท้ายของ FSB ที่เป็นคนธรรมดา……!!! งานแรก……เขาจัดห้องที่ทำงานในห้องอื่นที่ไม่ใช่ห้องเดิมตามตำแหน่ง แต่เขาได้จัดห้องนั้นให้เป็นพิพิธภัณฑ์ เพราะมันเป็นห้องที่เคยเป็นที่ทำงานของ Lavrenty Beria (จอมเชือดในยุคสตาลิน) ต่อมา คือ การตัดงบ จาก สายลับหกพันนาย เหลือ สี่พันนาย แผนกไหน……ไม่มีผลงาน ยุบ…… วันที่ 20 สิงหาคม เขาได้ทำงานยังไม่ถึงเดือน นักข่าวจากเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก นาย Anatoly Levin ผันตัวมาเป็นบรรณาธิการและเจ้าของได้เปิดตัวหนังสือพิมพ์ใหม่ ในชื่อว่า Legal Petersburg Today ตัวนายเลวินเอง……ไม่มีเงินทองอะไรที่จะมาเป็นทุนรอน แต่เขามีผู้สนับสนุนรายใหญ่ คือ Boris Berezovsky ที่เป็นมหาเศรษฐีที่คอยจับจ้องเกาะติดผู้มีอำนาจเพื่อผลประโยชน์ เขาทำทุกอย่างเพื่อที่จะใช้เป็นอาวุธ (ทั้ง soft และ direct power) เขาใช้เลวิน เพื่อที่จะเป็นกระบอกเสียงในการดิสเครดิตทุกคนที่ขวางเส้นทางเขา หรือ เพื่อที่จะใช้ให้มาสยบในอำนาจของเขา เลวินเล่นข่าวใหญ่ประเดิมทันที พาดหัวว่า “ วลาดิเมียร์ ปูติน คนเหนือกฏหมาย สู่ FSB” ในเนื้อข่าว คือการโจมตีที่ อนาโตลีที่ได้หลบหนีออกไปนอกประเทศได้ เพราะการช่วยเหลือของ ปูติน ที่ปัจจุบันได้ดิบได้ดีมาเป็นผู้อำนวยการ FSB หลังจากนั้นก็มีข่าวออกมาว่า มีลูกน้องของปูตินได้เข้าไปพบปะเจรจากับบก.ฝ่ายข่าว ซึ่งได้บอกไปว่า เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องธรรมดาของคนหนังสือพิมพ์ ไม่กี่วัน คนก็ลืม…!! แต่เผอิญว่า.……มันไม่เงียบ เพราะ ค่ำวันหนึ่ง เลวินกลับไปที่อพาร์ตเมนต์ เขาแวะไปเปิดตู้จดหมาย ทันใดนั้น มีชายสองคนพุ่งตัวมาจากทางด้านหลัง กระหน่ำตีเขาด้วยท่อนเหล็ก และปล่อยให้นอนจมกองเลือดอยู่ที่หน้าอพาร์ตเมนต์…… เขาถูกส่งตัวไปโรงพยาบาล และเสียชีวิตในสองวันต่อมา เหตุอุบัติแบบนี้……ในเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก มีเกิดขึ้นรายวัน เพราะเป็นดงมาเฟีย แต่เรื่องมันไม่เงียบ……เพราะเลวินเป็นนักข่าว สมาคมนักข่าวจึงถือเป็นเรื่องใหญ่ในการคุกคามเสรีภาพสื่อ ชื่อของ ปูติน และ บอริส เกี่ยวกับเรื่องฆาตกรรมนี้บนหน้าหนึ่งอยู่หลายวัน (นี่เป็นแค่ปฐมฤกษ์………จะมีตามอีกเรื่อยๆ…) เพียงแต่……ไม่มีใครสามารถหาเส้นสายที่จะโยงไปถึงปูตินว่ามีส่วนเกี่ยวข้องได้ สามวันหลังจากที่เลวินได้จากโลกนี้ไป สภาพเศรษฐกิจของรัสเซียล้มครืนลงจริงๆ หลังจากที่จวนเจียนไหวคลอนมาเรื่อยๆ จนสุดที่จะยื้อ ในวันที่ 21 สิงหาคม สภามีมติขอให้เยลซินลาออก… แต่เยลซิน…ยังวางเฉย เขาปลดนายกฯหนุ่ม คิริเยงโก ออกจากตำแหน่งในสองวันต่อมา หวังที่จะทอนกระแส.. แล้วเยลซินคิดที่จะเอาอดีตนายกรัฐมนตรี Viktor Chernomydrin มาเป็นนายกรัฐมนตรีขัดตาทัพ แต่ข่าวว่าจะมีการปฏิวัตเริ่มหนาหู ฝ่ายโปรคอมมิวนิสต์ที่ช่วยกันกระจาย สร้างข่าวลวงรายวันและใช้โอกาสนี้ กล่าวโทษยิว พร้อมส่งคำอาฆาต มีข่าวว่าฝ่ายความมั่นคงทั้งหมดได้มีการเตรียมพร้อม ในการรับมือ ประชาชนเริ่มแตกตื่น หวาดกลัว วันที่ 1 กันยายน ปูติน พร้อมหน่วยFSB ที่ยืนเรียงรายอยู่เป็นฉากหลังประกาศออกทีวีว่า “ไม่มีการเตรียมพร้อมอะไรทั้งนั้น ทุกอย่างปรกติ แต่ใครก็ตามที่ทำตัวเป็นพิษเป็นภัยกับความมั่นคงและฝ่าฝืนกฎหมาย ผมไม่รับรองในความปลอดภัย……” วันที่ 11 กันยายน สภามีมติที่จะให้นาย Yevgeny Primakov อดีตรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศมานั่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พรีมาคอฟ คืออดีตนักข่าวที่ทำงานในตะวันออกกลางมานานถึงสิบสี่ปี และได้ทำงานให้กับ KGB ในสายต่างประเทศ ทั้งที่ตะวันออกกลางและอเมริกา หลังจากที่โซเวียตได้สลายตัวลงในปี 1991 เขาได้มารับตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ การที่ได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ เขาคิดที่จะรื้อฟื้นโครงสร้างยุทธการสามเหลี่ยม……คือ รัสเซีย จีน อินเดีย เพื่อที่จะถ่วงดุลย์อำนาจกับสหรัฐอเมริกา ทฤษฎีนี้……เขาได้เขียนไว้นานแล้ว ในชื่อว่า Primakov doctrine…!! แต่การที่จะทำงานได้สำเร็จ เขาจะต้องมีแรงสนับสนุนจาก FSB (เพราะนี่คือ……สงครามเย็น) หากแต่……เขายังไม่แน่ใจกับปูตินและทีมที่มาจาก เซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก ว่าเขาจะพึ่งพาทำงานด้วยได้มากน้อยแค่ไหน…… ส่วนปูติน……ต้องเจอกับศึกหนักอีกครั้ง ในวันที่ 17 พฤศจิกายน มีกลุ่มชายกลุ่มหนึ่ง จำนวนหกคน สี่คนใส่หน้ากากดำใส่แว่น ส่วนอีกสองคน เปิดหน้าตาชัดเจน คือ Aleksandr Litvitnenko และ Mikhaïl Trepashkin ทั้งหมดทั้งที่ปิดหน้าและไม่ปิด คือ เจ้าหน้าที่ในหน่วย FSB ที่ได้เปิดการจัดรายการพบปะนักข่าว……เพื่อที่จะแฉ ชี้ความผิดในองค์กร ที่ทำงานว่ามีการคอร์รัปชั่น มีขบวนการสร้างความแตกแยก มีการทำอาชญากรรม มีการเกี่ยวข้องกับกลุ่มมาเฟีย… แต่เรื่องนี้……ไม่ได้เกี่ยวข้องกับปูตินโดยตรง เพราะเป็นเหตุที่เกิดขึ้นก่อนที่เขามารับตำแหน่ง ที่เกี่ยวข้องเต็มๆ คือ อเล็กซานเดอร์ ได้เป็นตัวแทนที่นำเสนอว่า เขาได้พยายามหาทางเจรจากับปูตินแล้ว แต่ไม่สามารถพบได้ ส่งเอกสารไปกี่ชุด……ก็ไม่ได้รับคำตอบใดๆ ไม่เคยสนใจ และไม่ช่วยแก้ไขปัญหา…… สองอาทิตย์ต่อมา ปูตินได้เรียกอเล็กซานเดอร์ไปพบที่ห้องทำงาน ที่เขาไปพบพร้อมเอกสารปึกโต เข้าไปพบว่า ปูตินนั่งอยู่คนเดียวในห้องทำงาน ไม่มีผู้ช่วยอยู่ด้วยเหมือนเช่นเคย ปูตินลุกขึ้นมาจับมือทักทาย คุยด้วย ปรกติ แต่อเล็กซานเดอร์ไปเล่าให้ภรรยาฟังว่า………ผมเห็นแววตาเขาชัดเจนเลย ว่า เขาเกลียดผม……!! วันที่ 19 พฤศจิกายน ปูตินออกรายการในโทรทัศน์ เพื่อแถลงในการข้อพิสูจน์หาความเป็นจริงจากเรื่องที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ว่า ไม่พบหลักฐานที่สามารถบ่งบอกได้ชัดเจน ทุกอย่างเป็นเพียงปากคำ พล็อตเรื่องออกแนวนิยายเด็ก การกระทำก็เป็นเด็ก เพราะเรียกประชุมนักข่าว ใส่หน้ากาก แต่บอกชื่อเสียงเรียงนาม………(สาบานว่าเป็นสายลับ……) ที่ขำๆ คือ ตบท้าย…ปูตินเล่าว่า อดีตภรรยาของหนึ่งในสี่คนที่ใส่หน้ากาก หลังจากวันพบปะกับนักข่าวในวันนั้น โทรมาหาปูติน บอกว่า “ท่านคะ ช่วยทวงค่าเลี้ยงดูจากไอ้นั่นให้หน่อย ไม่ได้จ่ายมาหลายเดือนแล้ว……” ปูติน…เลยบอกว่า “ตรงนี้ต่างหาก……ที่ผิดกฎหมายเต็มๆ” เยลซินเรียกปูตินเข้าพบ……เพื่อถามถึงเรื่องนี้ ปูตินเลยเปิดอกพูด…บอกว่า ถ้าคนในองค์กรจะทำความผิด มันก็เป็นอีหรอบเดียวกันกับกลุ่มคนในรัฐบาลเท่าที่เห็นอยู่ในวันนี้ แต่……สิ่งที่อเล็กซานเดอร์และพวกทำลงไป (ที่จัดแถลงข่าว) นั่นถือเป็นความผิดที่ร้ายแรงต่อสัตยาบันของหน่วยงาน เพราะ หน้าที่ของหน่วยงานคือต้องรักษาความลับขององค์กร ถ้ามีปัญหา……ก็ต้องแก้ไขในองค์กร ไม่ใช่ไปเที่ยวป่าวประกาศ…… ปูตินรู้ตัวดีว่า จะหาคนรักหรือพวกพ้องคนยาก เพราะเขาได้วางระบบเข้ม ตั้งแต่เรื่องการลดเจ้าหน้าที่ การใส่ร้ายป้ายสี การขัดขาขัดแข้ง และที่ร้ายคือ……ข่าวจาก เซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก ที่ส่งมาว่า Galina Starovoitova นักเคลื่อนไหวสาวเพื่อสิทธิของชนกลุ่มน้อย ได้ถูกสังหารไปเมื่อไม่กี่วันนี้ หล่อนมีส่วนเกี่ยวข้องกับปูติน ก็คือเรื่องที่ขานรับกับเลวินในกรณีที่กล่าวหาว่า ปูตินได้ทำผิดกฏหมายในเรื่องช่วยเหลืออนาโตลีให้หนีคดีออกไปยังฝรั่งเศส ที่พลอยทำให้ปูติน……อยู่ในกลุ่มผู้ต้องสงสัยไปด้วย วันที่ 15 ธันวาคม ที่ปูตินได้พบกับเยลซินอีกครั้ง ที่จะหารือกันเรื่องของการฆาตกรรมนี้ ……และเรื่องกระแสการต่อต้านบอริส และเรื่องงานของปูตินที่หลายคนไม่พอใจเพราะต้องตกงาน…… ปูตินจึงสรุปให้เยลซินฟังว่า……ข่าวลือทั้งหลายนั้น มาจากวงในของท่านทั้งหมด มันมาทุกรูปแบบ แบบโยนหินถามทางบ้าง หรือโยนลงบนหัวชาวบ้านบ้าง เพราะไม่มีใครรักษากฎระเบียบ การควบคุมก็หย่อนยาน และที่ออกข่าวลวงๆกันทุกวันนี้ ก็เพราะทุกคนกลัว กลัวที่จะต้องถูกตรวจสอบ และกระผมจะเรียนท่านให้ทราบตรงนี้เลย ว่า เมื่อไหร่ที่ท่านลงจากตำแหน่ง……ผมก็ขอลาออก…!!! แต่……ก่อนที่ท่านจะจากไป และก่อนที่ปูตินจะลาออก……ก็ต้องแสดงฝีมือให้เป็นที่ประจักษ์กันก่อน ในช่วงนั้นรัฐบาลของเยลซินกำลังโดนไล่บี้ในเรื่องทุจริต สินบน ที่ทีมอัยการนำโดย Yuri Skuratov เป็นหัวหน้าทีมในการสอบสวน เพราะเยลซินจะหมดวาระในปีรุ่งขึ้น คือ ปี 2000 นั่นหมายถึงทุกคนจะต้องโดนคดีกันระนาวเพราะในช่วงที่เศรษฐกิจเสื่อมถอยนั้น รัฐบาลของเยลซินได้ทำทุกอย่างที่จะผันเงิน แม้แต่เงินของ IMF ก็ใช้อย่างผิดวัตถุประสงค์ รวมทั้งหน่วยงาน FSB ทั้งระบบด้วย ถึงแม้อาจจะไม่เกี่ยวกับปูตินเท่าไหร่ในฐานะที่มาทีหลัง แต่……เรื่องนี้เกี่ยวกับหน่วยงานภาษีของอิตาลี, สวิตเซอร์แลนด์ และ คาริบเบียนด้วย…… เดือนมกราคม 1999 วันหนึ่งก่อนที่ท่านอัยการยูริจะนำเอกสารทั้งหมดเข้าสู่กระบวนการศาล คืนนั้น……สถานีโทรทัศน์แห่งชาติได้ออกรายการ “สามคนบนเตียง” ที่มีความยาวร่วมชั่วโมงสู่สายตาของประชาชน ที่มีทั้งหนุ่มสาว เด็กเล็ก คนชรา…… เป็นกิจกรรมบนเตียงของชายหนึ่ง หญิงสอง แม้ว่าจะไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ (ขาว-ดำ) แต่พอเห็นได้ว่า ฝ่ายชายคือ ท่านอัยการยูริ และมีเสียงสนทนาด้วย……หนึ่งในสองสาว ถามว่า “คุณชื่ออะไร?” ฝ่ายชายตอบว่า…”ยูรา” (เป็นชื่อเล่นของ ยูริ) วันต่อมา เยลซินจึงเรียกยูริขึ้นพบ ถามถึงเรื่องกิจกรรมสามคนผัวเมีย……ผลคือ ท่านอัยการต้องเซ็นใบลาออกตรงนั้นเลย…… เรื่องการที่จะเอาผิดเยลซินก็จบลงแค่นั้น… ทั้งหมดคือฝีมือของหน่วยงาน “Kompromat” ในสังกัดของ FSB ของปูตินที่มีหน้าที่ในการ blackmail โดยเฉพาะ…!! Wiwanda W. Vichit
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 662 Views 0 Reviews
  • #สรุปใครเปื่อยเอาให้แน่นะนาง
    โจลั่น ก้องห้วยไร่ มีเงินกามินด้วยห้าแสน
    เช็ด เขร้
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #สรุปใครเปื่อยเอาให้แน่นะนาง โจลั่น ก้องห้วยไร่ มีเงินกามินด้วยห้าแสน เช็ด เขร้ #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    Haha
    Angry
    6
    0 Comments 0 Shares 2274 Views 0 Reviews
  • คือช่วงนี้ผมโพสต์ขยายความใน VK ถี่และบ่อยมาก และส่วนมากขยายความมาจาก Facebook เพราะผมคงเขียนมากกว่านั้นไม่ได้แล้ว แต่นำมาสรุปใน Facebook ก่อน ค่อยขยายความและอธิบายตีความเนื้อหาใน VK พ่วงกับเขียนบทเกมส์ที่ผมจะนำไปพัฒนาในอนาคตข้างหน้า และช่วงนี้งานผมก็เข้ามารัวๆเลย เลยไม่ค่อยว่างพิมพ์นะครับ
    คือช่วงนี้ผมโพสต์ขยายความใน VK ถี่และบ่อยมาก และส่วนมากขยายความมาจาก Facebook เพราะผมคงเขียนมากกว่านั้นไม่ได้แล้ว แต่นำมาสรุปใน Facebook ก่อน ค่อยขยายความและอธิบายตีความเนื้อหาใน VK พ่วงกับเขียนบทเกมส์ที่ผมจะนำไปพัฒนาในอนาคตข้างหน้า และช่วงนี้งานผมก็เข้ามารัวๆเลย เลยไม่ค่อยว่างพิมพ์นะครับ
    0 Comments 0 Shares 114 Views 0 Reviews
  • ทางการจีนลงโทษสั่งแบนบริษัท PwC China เป็นเวลา 6 เดือนและปรับเงิน 441 ล้านหยวน (62 ล้านดอลลาร์) หลังจากที่ พบหลักฐานว่า PwC ที่ตรวจสอบบัญชี บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ Evergrande ผิดพลาดร้ายแรง จนส่งผลให้เกิดความเสียหายทางการเงินมหาศาล และละเมิดกฎระเบียบ เจ้าหน้าที่ระบุว่าพนักงาน "ปกปิดหรือแม้กระทั่งยินยอม" ให้เกิดการฉ้อโกงในการตรวจสอบบัญชีบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ Evergrande ที่ล้มละลาย

    17 กันยายน 2567-รายงานไฟแนนซ์เชียลไทม์ระบุว่ ทางการจีนดำเนินการกับBig Four บริษัทตรวจสอบบัญชีชั้นนำของโลกสี่อันดับแรก โดยเกิดขึ้นหลังจากที่หน่วยงานกำกับดูแลหลักทรัพย์ของจีนประกาศเมื่อเดือนมีนาคมว่า PwC China ได้อนุมัติบัญชีของ Evergrande แล้ว แม้ว่าบริษัทอสังหาริมทรัพย์Evergrandeรายนี้จะมีรายได้เกือบ 8 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วงสองปีก่อนจะผิดนัดชำระหนี้ในปี 2021

    กระทรวงการคลังของจีนกล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า PwC Zhong Tian ซึ่งรู้จักกันทั่วไปในชื่อ PwC China และสาขาที่กว่างโจวทราบถึง "ข้อผิดพลาดสำคัญ" ในการตรวจสอบบัญชีของ Evergrande ตั้งแต่ปี 2018 ถึง 2020 แต่ไม่ยอมชี้แจงให้ชัดเจน โดยกระทรวงฯ สั่งให้ปิดสาขาที่กว่างโจวของ PwC China

    PwC China มี "ข้อบกพร่องร้ายแรง" ในกระบวนการตรวจสอบบัญชีของ Hengda Real Estate ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Evergrande ในแผ่นดินใหญ่ ซึ่งนำไปสู่ ​​"ข้อสรุปที่ผิดพลาดมากมาย" กระทรวงฯ กล่าว บริษัท "สูญเสียความเป็นอิสระ" และ "เพิ่มผลกำไร" ผ่านการตรวจสอบบัญชี เจ้าหน้าที่กล่าวเสริม

    "พฤติกรรมของ PwC ไม่ใช่แค่ความล้มเหลวในการตรวจสอบบัญชีเท่านั้น พวกเขาปกปิดหรือแม้กระทั่งยินยอมให้มีการฉ้อโกงทางการเงินและการออกพันธบัตรของบริษัทโดยฉ้อโกงของ Hengda Real Estate" สำนักงานกำกับดูแลหลักทรัพย์ของจีนกล่าวในแถลงการณ์แยกต่างหาก

    สำนักงานกำกับดูแลหลักทรัพย์พบว่าบันทึกของ PwC เกี่ยวกับโครงการอสังหาริมทรัพย์ Hengda ถึง 88 เปอร์เซ็นต์ไม่ได้สะท้อน "สภาพที่แท้จริง" ในพื้นที่ โดยระบุว่ากระบวนการคัดเลือกตัวอย่างของ PwC "อยู่นอกเหนือการควบคุม" โดยที่ทรัพย์สินที่ผู้พัฒนาโครงการระบุว่า "ห้ามเข้า" จะไม่รวมอยู่ในการเยี่ยมชมไซต์ของ PwC

    คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของจีนได้สั่งปรับ PwC China เป็นเงิน 116 ล้านหยวน และ 325 ล้านหยวน
    PwC ระบุในแถลงการณ์ว่า “เราผิดหวังกับการตรวจสอบบัญชีของ PwC Zhong Tian (หรือ ‘PwC ZT’) ของ Hengda ซึ่งต่ำกว่ามาตรฐานที่เราคาดหวังจากบริษัทสมาชิกเครือข่าย PwC อย่างไม่สามารถยอมรับได้“

    PwC ระบุว่าได้เลิกจ้างหุ้นส่วน 6 คน และสั่งปลด พนักงาน 5 คนที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบบัญชีโดยตรงให้ลาออก
    PwC กล่าวว่า Daniel Li ซึ่งเพิ่งเข้ามาดำรงตำแหน่งหุ้นส่วนอาวุโสของ PwC China เมื่อเดือนกรกฎาคม และคาดว่าจะดำรงตำแหน่งเป็นเวลา 4 ปี ได้ตกลงที่จะลาออกจากตำแหน่ง

    “เนื่องจากความรับผิดชอบเดิมของเขา” ในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายตรวจสอบของบริษัท โดยเขาจะยังคงดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายบัญชีของบริษัทต่อไป

    PwC กล่าวว่า Hemione Hudson หุ้นส่วนอาวุโสในสหราชอาณาจักร จะเข้ามาดูแลธุรกิจในประเทศจีนเป็นการชั่วคราว และPwC ดึงพันธมิตรจากอังกฤษเข้ามาบริหารธุรกิจในจีนที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องอื้อฉาว

    การเคลื่อนไหวดังกล่าวตอกย้ำถึงระดับความกังวลภายในกลุ่ม Big Four เกี่ยวกับวิกฤตการณ์ในจีน ซึ่งแตกต่างจากบริษัทข้ามชาติอื่นๆ PwC มักดำเนินงานเป็นเครือข่ายของหุ้นส่วนที่เป็นเจ้าของในท้องถิ่นอย่างอิสระ ดังนั้น การแต่งตั้งบุคคลภายนอกจึงถือเป็นก้าวที่แปลกมาก

    Mohamed Kande ประธาน PwC ระดับโลกกล่าวว่า “งานที่ดำเนินการโดยทีมตรวจสอบบัญชี Hengda ของ PwC Zhong Tian ต่ำกว่าความคาดหวังสูงของเราอย่างมาก และเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้อย่างสิ้นเชิง ซึ่งไม่สะท้อนถึงสิ่งที่เรายึดมั่นในฐานะเครือข่าย และไม่มีที่ว่างสำหรับสิ่งนี้ที่ PwC”
    ค่าปรับPwCดังกล่าว 31 ล้านดอลลาร์และคำสั่งห้ามดำเนินธุรกิจบางส่วนเป็นเวลาสามเดือนที่บังคับใช้กับ Deloitte เมื่อปีที่แล้วสำหรับ “ข้อบกพร่องในการตรวจสอบบัญชีที่ร้ายแรง” ที่เกี่ยวข้องกับงานของบริษัทกับ China Huarong Asset Management ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้จัดการหนี้เสียรายใหญ่ที่สุดในจีน

    กระทรวงการคลังยังกล่าวอีกว่าจะดำเนินการสอบสวน "การละเมิดที่เกี่ยวข้อง" ของหน่วยงาน PwC ในฮ่องกง ซึ่งทำการตรวจสอบบัญชีของกลุ่มบริษัทแม่ Evergrande

    กระทรวงได้เพิกถอนใบอนุญาตการบัญชีของพนักงาน PwC 4 คนที่ลงนามในงบการเงินของ Hengda ตั้งแต่ปี 2018 ถึง 2020 และปรับเงินบุคคลอื่นอีก 7 คนที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำเอกสารบัญชีของ Hengda

    PwC สูญเสียรายได้จากการบัญชีไปแล้วประมาณสองในสามจากลูกค้าที่จดทะเบียนในแผ่นดินใหญ่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรัฐวิสาหกิจของจีน ซึ่งเปลี่ยนผู้ตรวจสอบบัญชีจาก PwC ในปีนี้ เนื่องจากคดีความขัดแย้งเกี่ยวกับ Evergrande ที่เพิ่มมากขึ้น ธนาคารแห่งประเทศจีน ซึ่งเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุดรายหนึ่ง ได้เปลี่ยนมาใช้คู่แข่งอย่าง EY ในเดือนสิงหาคม

    PwC พยายามรักษาลูกค้าไว้โดยให้คำมั่นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาว่าสามารถทำการตรวจสอบบัญชีในปี 2024 ได้สำเร็จแม้จะมีการห้ามก็ตาม ลูกค้ารายใหญ่ที่จดทะเบียนในต่างประเทศ ได้แก่ บริษัทอินเทอร์เน็ตยักษ์ใหญ่ของจีนอย่าง Alibaba และ Tencent รวมถึงบริษัทประกันภัย AIA ซึ่งยังคงทำงานร่วมกับ PwC

    ตามกฎหมายในจีน รัฐวิสาหกิจของจีนไม่สามารถใช้ผู้ตรวจสอบบัญชีที่ได้รับผลกระทบจากการคว่ำบาตรร่วมกับลูกค้าในแผ่นดินใหญ่จำนวนมากได้

    #Thaitimes
    ทางการจีนลงโทษสั่งแบนบริษัท PwC China เป็นเวลา 6 เดือนและปรับเงิน 441 ล้านหยวน (62 ล้านดอลลาร์) หลังจากที่ พบหลักฐานว่า PwC ที่ตรวจสอบบัญชี บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ Evergrande ผิดพลาดร้ายแรง จนส่งผลให้เกิดความเสียหายทางการเงินมหาศาล และละเมิดกฎระเบียบ เจ้าหน้าที่ระบุว่าพนักงาน "ปกปิดหรือแม้กระทั่งยินยอม" ให้เกิดการฉ้อโกงในการตรวจสอบบัญชีบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ Evergrande ที่ล้มละลาย 17 กันยายน 2567-รายงานไฟแนนซ์เชียลไทม์ระบุว่ ทางการจีนดำเนินการกับBig Four บริษัทตรวจสอบบัญชีชั้นนำของโลกสี่อันดับแรก โดยเกิดขึ้นหลังจากที่หน่วยงานกำกับดูแลหลักทรัพย์ของจีนประกาศเมื่อเดือนมีนาคมว่า PwC China ได้อนุมัติบัญชีของ Evergrande แล้ว แม้ว่าบริษัทอสังหาริมทรัพย์Evergrandeรายนี้จะมีรายได้เกือบ 8 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วงสองปีก่อนจะผิดนัดชำระหนี้ในปี 2021 กระทรวงการคลังของจีนกล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า PwC Zhong Tian ซึ่งรู้จักกันทั่วไปในชื่อ PwC China และสาขาที่กว่างโจวทราบถึง "ข้อผิดพลาดสำคัญ" ในการตรวจสอบบัญชีของ Evergrande ตั้งแต่ปี 2018 ถึง 2020 แต่ไม่ยอมชี้แจงให้ชัดเจน โดยกระทรวงฯ สั่งให้ปิดสาขาที่กว่างโจวของ PwC China PwC China มี "ข้อบกพร่องร้ายแรง" ในกระบวนการตรวจสอบบัญชีของ Hengda Real Estate ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Evergrande ในแผ่นดินใหญ่ ซึ่งนำไปสู่ ​​"ข้อสรุปที่ผิดพลาดมากมาย" กระทรวงฯ กล่าว บริษัท "สูญเสียความเป็นอิสระ" และ "เพิ่มผลกำไร" ผ่านการตรวจสอบบัญชี เจ้าหน้าที่กล่าวเสริม "พฤติกรรมของ PwC ไม่ใช่แค่ความล้มเหลวในการตรวจสอบบัญชีเท่านั้น พวกเขาปกปิดหรือแม้กระทั่งยินยอมให้มีการฉ้อโกงทางการเงินและการออกพันธบัตรของบริษัทโดยฉ้อโกงของ Hengda Real Estate" สำนักงานกำกับดูแลหลักทรัพย์ของจีนกล่าวในแถลงการณ์แยกต่างหาก สำนักงานกำกับดูแลหลักทรัพย์พบว่าบันทึกของ PwC เกี่ยวกับโครงการอสังหาริมทรัพย์ Hengda ถึง 88 เปอร์เซ็นต์ไม่ได้สะท้อน "สภาพที่แท้จริง" ในพื้นที่ โดยระบุว่ากระบวนการคัดเลือกตัวอย่างของ PwC "อยู่นอกเหนือการควบคุม" โดยที่ทรัพย์สินที่ผู้พัฒนาโครงการระบุว่า "ห้ามเข้า" จะไม่รวมอยู่ในการเยี่ยมชมไซต์ของ PwC คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของจีนได้สั่งปรับ PwC China เป็นเงิน 116 ล้านหยวน และ 325 ล้านหยวน PwC ระบุในแถลงการณ์ว่า “เราผิดหวังกับการตรวจสอบบัญชีของ PwC Zhong Tian (หรือ ‘PwC ZT’) ของ Hengda ซึ่งต่ำกว่ามาตรฐานที่เราคาดหวังจากบริษัทสมาชิกเครือข่าย PwC อย่างไม่สามารถยอมรับได้“ PwC ระบุว่าได้เลิกจ้างหุ้นส่วน 6 คน และสั่งปลด พนักงาน 5 คนที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบบัญชีโดยตรงให้ลาออก PwC กล่าวว่า Daniel Li ซึ่งเพิ่งเข้ามาดำรงตำแหน่งหุ้นส่วนอาวุโสของ PwC China เมื่อเดือนกรกฎาคม และคาดว่าจะดำรงตำแหน่งเป็นเวลา 4 ปี ได้ตกลงที่จะลาออกจากตำแหน่ง “เนื่องจากความรับผิดชอบเดิมของเขา” ในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายตรวจสอบของบริษัท โดยเขาจะยังคงดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายบัญชีของบริษัทต่อไป PwC กล่าวว่า Hemione Hudson หุ้นส่วนอาวุโสในสหราชอาณาจักร จะเข้ามาดูแลธุรกิจในประเทศจีนเป็นการชั่วคราว และPwC ดึงพันธมิตรจากอังกฤษเข้ามาบริหารธุรกิจในจีนที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องอื้อฉาว การเคลื่อนไหวดังกล่าวตอกย้ำถึงระดับความกังวลภายในกลุ่ม Big Four เกี่ยวกับวิกฤตการณ์ในจีน ซึ่งแตกต่างจากบริษัทข้ามชาติอื่นๆ PwC มักดำเนินงานเป็นเครือข่ายของหุ้นส่วนที่เป็นเจ้าของในท้องถิ่นอย่างอิสระ ดังนั้น การแต่งตั้งบุคคลภายนอกจึงถือเป็นก้าวที่แปลกมาก Mohamed Kande ประธาน PwC ระดับโลกกล่าวว่า “งานที่ดำเนินการโดยทีมตรวจสอบบัญชี Hengda ของ PwC Zhong Tian ต่ำกว่าความคาดหวังสูงของเราอย่างมาก และเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้อย่างสิ้นเชิง ซึ่งไม่สะท้อนถึงสิ่งที่เรายึดมั่นในฐานะเครือข่าย และไม่มีที่ว่างสำหรับสิ่งนี้ที่ PwC” ค่าปรับPwCดังกล่าว 31 ล้านดอลลาร์และคำสั่งห้ามดำเนินธุรกิจบางส่วนเป็นเวลาสามเดือนที่บังคับใช้กับ Deloitte เมื่อปีที่แล้วสำหรับ “ข้อบกพร่องในการตรวจสอบบัญชีที่ร้ายแรง” ที่เกี่ยวข้องกับงานของบริษัทกับ China Huarong Asset Management ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้จัดการหนี้เสียรายใหญ่ที่สุดในจีน กระทรวงการคลังยังกล่าวอีกว่าจะดำเนินการสอบสวน "การละเมิดที่เกี่ยวข้อง" ของหน่วยงาน PwC ในฮ่องกง ซึ่งทำการตรวจสอบบัญชีของกลุ่มบริษัทแม่ Evergrande กระทรวงได้เพิกถอนใบอนุญาตการบัญชีของพนักงาน PwC 4 คนที่ลงนามในงบการเงินของ Hengda ตั้งแต่ปี 2018 ถึง 2020 และปรับเงินบุคคลอื่นอีก 7 คนที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำเอกสารบัญชีของ Hengda PwC สูญเสียรายได้จากการบัญชีไปแล้วประมาณสองในสามจากลูกค้าที่จดทะเบียนในแผ่นดินใหญ่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรัฐวิสาหกิจของจีน ซึ่งเปลี่ยนผู้ตรวจสอบบัญชีจาก PwC ในปีนี้ เนื่องจากคดีความขัดแย้งเกี่ยวกับ Evergrande ที่เพิ่มมากขึ้น ธนาคารแห่งประเทศจีน ซึ่งเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุดรายหนึ่ง ได้เปลี่ยนมาใช้คู่แข่งอย่าง EY ในเดือนสิงหาคม PwC พยายามรักษาลูกค้าไว้โดยให้คำมั่นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาว่าสามารถทำการตรวจสอบบัญชีในปี 2024 ได้สำเร็จแม้จะมีการห้ามก็ตาม ลูกค้ารายใหญ่ที่จดทะเบียนในต่างประเทศ ได้แก่ บริษัทอินเทอร์เน็ตยักษ์ใหญ่ของจีนอย่าง Alibaba และ Tencent รวมถึงบริษัทประกันภัย AIA ซึ่งยังคงทำงานร่วมกับ PwC ตามกฎหมายในจีน รัฐวิสาหกิจของจีนไม่สามารถใช้ผู้ตรวจสอบบัญชีที่ได้รับผลกระทบจากการคว่ำบาตรร่วมกับลูกค้าในแผ่นดินใหญ่จำนวนมากได้ #Thaitimes
    Like
    5
    0 Comments 0 Shares 1182 Views 0 Reviews
  • #เด็กมีแวว ที่มากความสามารถ จาก โรงเรียนมูลนิธิสตรีไทยมุสลิม ที่มีโอกาสมาเป็นพิธีกร #อาสาพาสุข ในกิจกรรมของโรงเรียน

    ซึ่งตามสไตล์การทำงานที่ไม่ได้ให้น้องอ่านสคริปต์ แต่บอกหัวข้อให้น้องพูดเองเลย และน้องจะเป็นคนคุยกับครู ที่จะให้ข้อมูล น้องก็จะนำมาสรุปเองอีกรอบ

    ปล.โรงเรียนนี้มีเด็กเก่งหัวไว อีกหลายคน ขอบคุณโรงเรียนที่ฝึกฝนเด็กๆอย่างดี

    #สยามเด็กเล่น #ไม่ได้มาเล่นๆ #มูลนิธิสตรีไทยมุสลิม #ผู้สื่อข่าว #อาสาสมัคร #siamplayground
    #thaitimesเยาวชน
    #เด็กมีแวว ที่มากความสามารถ จาก โรงเรียนมูลนิธิสตรีไทยมุสลิม ที่มีโอกาสมาเป็นพิธีกร #อาสาพาสุข ในกิจกรรมของโรงเรียน ซึ่งตามสไตล์การทำงานที่ไม่ได้ให้น้องอ่านสคริปต์ แต่บอกหัวข้อให้น้องพูดเองเลย และน้องจะเป็นคนคุยกับครู ที่จะให้ข้อมูล น้องก็จะนำมาสรุปเองอีกรอบ ปล.โรงเรียนนี้มีเด็กเก่งหัวไว อีกหลายคน ขอบคุณโรงเรียนที่ฝึกฝนเด็กๆอย่างดี #สยามเด็กเล่น #ไม่ได้มาเล่นๆ #มูลนิธิสตรีไทยมุสลิม #ผู้สื่อข่าว #อาสาสมัคร #siamplayground #thaitimesเยาวชน
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 841 Views 141 0 Reviews
More Results