• “Fraimic กรอบภาพ E Ink อัจฉริยะที่สั่งงานด้วยเสียง — สร้างงานศิลป์จากคำพูด พร้อมแบตเตอรี่ที่อยู่ได้นานถึง 5 ปี”

    Fraimic คือกรอบภาพอัจฉริยะที่ใช้จอสีแบบ E Ink ซึ่งไม่เพียงแค่แสดงภาพถ่ายหรืองานศิลป์ แต่ยังสามารถ “สร้างภาพใหม่จากเสียงของคุณ” ด้วยเทคโนโลยี AI ที่เชื่อมกับโมเดลของ OpenAI เช่น DALL·E โดยผู้ใช้สามารถพูดคำสั่ง เช่น “วาดภาพพระอาทิตย์ตกริมทะเล” แล้วรอให้ภาพค่อย ๆ ปรากฏขึ้นบนกรอบ

    จุดเด่นของ Fraimic คือการออกแบบให้เหมือนกรอบภาพจริง มีให้เลือกสองขนาดคือ 14×18 นิ้ว และ 24×36 นิ้ว ใช้จอ E Ink Spectra 6 ที่แสดงสีได้ถึง 65,000 เฉด โดยไม่มีแสง backlight ทำให้ภาพดูเหมือนงานพิมพ์บนกระดาษ และไม่รบกวนสายตา

    Fraimic ไม่มีแอป ไม่มีระบบสมัครสมาชิก และไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตลอดเวลา ผู้ใช้สามารถอัปโหลดภาพผ่านเว็บไซต์โดยใช้เครือข่ายเดียวกับตัวกรอบภาพ และยังสามารถสั่งงานผ่านเสียงด้วยไมโครโฟนในตัว

    แบตเตอรี่ของ Fraimic ใช้งานได้นานถึง 5 ปี เพราะจอ E Ink ใช้พลังงานเฉพาะตอนเปลี่ยนภาพเท่านั้น แม้แบตหมด ภาพก็ยังค้างอยู่บนจอได้โดยไม่หายไป และสามารถชาร์จใหม่ผ่าน USB-C

    โครงการนี้เปิดตัวบน Kickstarter และได้รับเงินสนับสนุนเกินเป้าหมายอย่างรวดเร็ว โดยมีแผนจะเริ่มจัดส่งในเดือนพฤษภาคม 2026 พร้อมฟีเจอร์เสริมในอนาคต เช่น “Movie Mode” ที่แสดงโปสเตอร์หนังที่กำลังดู และ “Music Mode” ที่แสดงปกอัลบั้มจาก Spotify

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Fraimic เป็นกรอบภาพอัจฉริยะที่ใช้จอสี E Ink และสั่งงานด้วยเสียง
    ใช้โมเดล AI จาก OpenAI เพื่อสร้างภาพจากคำสั่งเสียงของผู้ใช้
    มีให้เลือกสองขนาด: 14×18 นิ้ว และ 24×36 นิ้ว
    จอ E Ink Spectra 6 แสดงสีได้ 65,000 เฉด ไม่มีแสง backlight
    ไม่มีแอป ไม่มีค่าสมัครสมาชิก และไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตลอดเวลา
    อัปโหลดภาพผ่านเว็บไซต์ในเครือข่ายเดียวกับตัวกรอบ
    แบตเตอรี่ใช้งานได้นานถึง 5 ปี และชาร์จผ่าน USB-C
    ภาพยังค้างอยู่บนจอแม้แบตหมด ไม่หายไป
    มีแผนเพิ่มฟีเจอร์ “Movie Mode” และ “Music Mode” ผ่านอัปเดตเฟิร์มแวร์
    โครงการได้รับเงินสนับสนุนบน Kickstarter เกิน $730,000 แล้ว
    ตั้งเป้าจัดส่งในเดือนพฤษภาคม 2026

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    E Ink เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ใน Kindle และอุปกรณ์อ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์
    Spectra 6 เป็นจอ E Ink รุ่นใหม่ที่รองรับสีมากขึ้นและความละเอียดสูง
    การใช้ AI สร้างภาพจากเสียงเป็นแนวทางใหม่ที่ผสานศิลปะกับเทคโนโลยี
    Fraimic รองรับการใช้งานแบบออฟไลน์ และไม่ต้องพึ่งเซิร์ฟเวอร์ภายนอก
    การแสดงภาพแบบไม่ใช้ backlight ช่วยลดอาการล้าตาและดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น

    https://www.techradar.com/home/smart-home/this-smart-e-ink-picture-frame-lets-you-talk-your-paintings-into-life-with-ai-and-lasts-for-years-on-a-single-charge
    🖼️ “Fraimic กรอบภาพ E Ink อัจฉริยะที่สั่งงานด้วยเสียง — สร้างงานศิลป์จากคำพูด พร้อมแบตเตอรี่ที่อยู่ได้นานถึง 5 ปี” Fraimic คือกรอบภาพอัจฉริยะที่ใช้จอสีแบบ E Ink ซึ่งไม่เพียงแค่แสดงภาพถ่ายหรืองานศิลป์ แต่ยังสามารถ “สร้างภาพใหม่จากเสียงของคุณ” ด้วยเทคโนโลยี AI ที่เชื่อมกับโมเดลของ OpenAI เช่น DALL·E โดยผู้ใช้สามารถพูดคำสั่ง เช่น “วาดภาพพระอาทิตย์ตกริมทะเล” แล้วรอให้ภาพค่อย ๆ ปรากฏขึ้นบนกรอบ จุดเด่นของ Fraimic คือการออกแบบให้เหมือนกรอบภาพจริง มีให้เลือกสองขนาดคือ 14×18 นิ้ว และ 24×36 นิ้ว ใช้จอ E Ink Spectra 6 ที่แสดงสีได้ถึง 65,000 เฉด โดยไม่มีแสง backlight ทำให้ภาพดูเหมือนงานพิมพ์บนกระดาษ และไม่รบกวนสายตา Fraimic ไม่มีแอป ไม่มีระบบสมัครสมาชิก และไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตลอดเวลา ผู้ใช้สามารถอัปโหลดภาพผ่านเว็บไซต์โดยใช้เครือข่ายเดียวกับตัวกรอบภาพ และยังสามารถสั่งงานผ่านเสียงด้วยไมโครโฟนในตัว แบตเตอรี่ของ Fraimic ใช้งานได้นานถึง 5 ปี เพราะจอ E Ink ใช้พลังงานเฉพาะตอนเปลี่ยนภาพเท่านั้น แม้แบตหมด ภาพก็ยังค้างอยู่บนจอได้โดยไม่หายไป และสามารถชาร์จใหม่ผ่าน USB-C โครงการนี้เปิดตัวบน Kickstarter และได้รับเงินสนับสนุนเกินเป้าหมายอย่างรวดเร็ว โดยมีแผนจะเริ่มจัดส่งในเดือนพฤษภาคม 2026 พร้อมฟีเจอร์เสริมในอนาคต เช่น “Movie Mode” ที่แสดงโปสเตอร์หนังที่กำลังดู และ “Music Mode” ที่แสดงปกอัลบั้มจาก Spotify ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Fraimic เป็นกรอบภาพอัจฉริยะที่ใช้จอสี E Ink และสั่งงานด้วยเสียง ➡️ ใช้โมเดล AI จาก OpenAI เพื่อสร้างภาพจากคำสั่งเสียงของผู้ใช้ ➡️ มีให้เลือกสองขนาด: 14×18 นิ้ว และ 24×36 นิ้ว ➡️ จอ E Ink Spectra 6 แสดงสีได้ 65,000 เฉด ไม่มีแสง backlight ➡️ ไม่มีแอป ไม่มีค่าสมัครสมาชิก และไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตลอดเวลา ➡️ อัปโหลดภาพผ่านเว็บไซต์ในเครือข่ายเดียวกับตัวกรอบ ➡️ แบตเตอรี่ใช้งานได้นานถึง 5 ปี และชาร์จผ่าน USB-C ➡️ ภาพยังค้างอยู่บนจอแม้แบตหมด ไม่หายไป ➡️ มีแผนเพิ่มฟีเจอร์ “Movie Mode” และ “Music Mode” ผ่านอัปเดตเฟิร์มแวร์ ➡️ โครงการได้รับเงินสนับสนุนบน Kickstarter เกิน $730,000 แล้ว ➡️ ตั้งเป้าจัดส่งในเดือนพฤษภาคม 2026 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ E Ink เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ใน Kindle และอุปกรณ์อ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ➡️ Spectra 6 เป็นจอ E Ink รุ่นใหม่ที่รองรับสีมากขึ้นและความละเอียดสูง ➡️ การใช้ AI สร้างภาพจากเสียงเป็นแนวทางใหม่ที่ผสานศิลปะกับเทคโนโลยี ➡️ Fraimic รองรับการใช้งานแบบออฟไลน์ และไม่ต้องพึ่งเซิร์ฟเวอร์ภายนอก ➡️ การแสดงภาพแบบไม่ใช้ backlight ช่วยลดอาการล้าตาและดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น https://www.techradar.com/home/smart-home/this-smart-e-ink-picture-frame-lets-you-talk-your-paintings-into-life-with-ai-and-lasts-for-years-on-a-single-charge
    0 Comments 0 Shares 11 Views 0 Reviews
  • SONDHITALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep313 (live)
    “ผู้กองแคท” จากตำรวจสู่ปลัดอำเภอ แถมรันทุกวงการ ไต่เต้าแบบติดจรวด เก่งเพราะความสามารถหรือมีป๋าดัน

    คลิก https://www.youtube.com/live/re9VXGPAWpw?si=rfiJmG-7ntn8zkhJ

    สมัครสมาชิก membership ความจริงมีหนึ่งเดียว ช่อง SONDHITALK บน YouTube :  / @sondhitalk  
    • ติดต่อสอบถามได้ที่ Line : @sondhitalk
    🔴SONDHITALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep313 (live) “ผู้กองแคท” จากตำรวจสู่ปลัดอำเภอ แถมรันทุกวงการ ไต่เต้าแบบติดจรวด เก่งเพราะความสามารถหรือมีป๋าดัน • คลิก https://www.youtube.com/live/re9VXGPAWpw?si=rfiJmG-7ntn8zkhJ • สมัครสมาชิก membership ความจริงมีหนึ่งเดียว ช่อง SONDHITALK บน YouTube :  / @sondhitalk   • ติดต่อสอบถามได้ที่ Line : @sondhitalk
    Like
    Love
    Haha
    Wow
    18
    21 Comments 3 Shares 526 Views 1 Reviews
  • “เมื่อความผิดหวังกลายเป็นอิสรภาพ — ทำไมสายครีเอทีฟควรหันมาใช้ FOSS ในวันที่เครื่องมือกลายเป็นกรง”

    ในยุคที่ซอฟต์แวร์กลายเป็น “เครื่องใช้ไฟฟ้า” มากกว่าชุดเครื่องมือสร้างสรรค์ ผู้ใช้งานสายครีเอทีฟจำนวนมากเริ่มรู้สึกถึงความไม่มั่นคง: ฟีเจอร์หายไปหลังอัปเดต, ไฟล์เปิดไม่ได้เพราะ format ถูกล็อก, หรือราคาสมัครสมาชิกที่พุ่งขึ้นโดยไม่มีคำอธิบาย สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ปัญหาเล็กน้อย แต่คือสัญญาณว่า “อำนาจในการควบคุมเครื่องมือ” ได้ถูกย้ายจากผู้ใช้ไปยังผู้ขาย

    บทความจาก It's FOSS ชี้ว่า Free and Open Source Software (FOSS) ไม่ใช่แค่ทางเลือกที่ไม่มีค่าใช้จ่าย — แต่มันคือการคืนอำนาจให้ผู้สร้างสรรค์ได้ปรับแต่งเครื่องมือให้เหมาะกับตนเอง ไม่ต้องรอ vendor อัปเดต ไม่ต้องกลัวฟีเจอร์หาย และไม่ต้องผูกติดกับระบบปิดที่ไม่โปร่งใส

    ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ Blender ซึ่งเคยถูกมองว่าเป็นเครื่องมือสมัครเล่น แต่ปัจจุบันถูกใช้สร้างภาพยนตร์ระดับมืออาชีพ เพราะเปิดให้ผู้ใช้เขียนสคริปต์ สร้างปลั๊กอิน และแชร์เครื่องมือกันได้อย่างอิสระ เช่นเดียวกับ Krita ที่มีระบบแปรงแบบเปิด, Godot ที่ให้ผู้พัฒนาเกมควบคุมทุกส่วนของเอนจิน, Inkscape ที่ใช้ SVG เป็นมาตรฐานเปิด และ Darktable ที่ให้ช่างภาพปรับแต่ง RAW ได้อย่างลึกซึ้ง

    บทความยังชี้ให้เห็นว่า “มาตรฐานอุตสาหกรรม” ไม่ได้ถูกกำหนดโดยบริษัทใหญ่ แต่ถูกสร้างจากงานของผู้ใช้จริง เช่น Blender ที่กลายเป็นมาตรฐานใหม่ในวงการ VFX หรือ Krita ที่กลายเป็นเครื่องมือหลักของนักวาดการ์ตูน

    ผู้เขียนซึ่งเป็นนักเขียนและผู้กำกับภาพยนตร์จากเอเชียใต้ เล่าว่าการเปลี่ยนมาใช้ FOSS ไม่ใช่แค่เรื่องเทคนิค แต่คือการเปลี่ยนวิธีคิด — จากการเป็นผู้ใช้ มาเป็นผู้ร่วมสร้าง และจากการพึ่งพา มาเป็นการควบคุม

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    FOSS คือทางเลือกที่ให้ผู้ใช้ควบคุมเครื่องมือได้อย่างเต็มที่
    Blender, Krita, Godot, Inkscape และ Darktable เป็นตัวอย่างของ FOSS ที่ใช้จริงในอุตสาหกรรม
    Blender ใช้ในภาพยนตร์มืออาชีพ เพราะเปิดให้เขียนสคริปต์และแชร์ปลั๊กอิน
    Krita มีระบบแปรงและปลั๊กอินที่ผู้ใช้สามารถสร้างและแชร์ได้
    Godot เป็นเอนจินเกมแบบเปิดที่ให้ผู้ใช้ควบคุมทุกส่วนของการพัฒนา
    Inkscape ใช้มาตรฐาน SVG ทำให้ไม่มีการล็อกไฟล์
    Darktable ให้ช่างภาพปรับแต่ง RAW ด้วย Lua scripting และ format แบบเปิด
    ผู้เขียนบทความใช้ Neovim สร้างระบบเขียนบทแบบ Integrated Writing Environment
    การใช้ FOSS ช่วยลดการพึ่งพาระบบปิดและเพิ่มความยืดหยุ่นในการทำงาน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Ubuntu 24.04 รองรับ FOSS สำหรับงานออกแบบ เช่น GIMP, Inkscape, Kdenlive, Scribus
    Krita ได้รับความนิยมในวงการวาดการ์ตูนและภาพประกอบระดับมืออาชีพ
    Linux OS เป็นระบบที่เสถียรและเหมาะกับงานสร้างสรรค์ที่ต้องการความยืดหยุ่น
    Open formats เช่น SVG, OpenEXR, glTF, FLAC ช่วยให้ไฟล์สามารถใช้งานข้ามแพลตฟอร์มได้
    FOSS ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความปลอดภัยจากการผูกติดกับ vendor

    https://news.itsfoss.com/creatives-need-foss-now/
    🎨 “เมื่อความผิดหวังกลายเป็นอิสรภาพ — ทำไมสายครีเอทีฟควรหันมาใช้ FOSS ในวันที่เครื่องมือกลายเป็นกรง” ในยุคที่ซอฟต์แวร์กลายเป็น “เครื่องใช้ไฟฟ้า” มากกว่าชุดเครื่องมือสร้างสรรค์ ผู้ใช้งานสายครีเอทีฟจำนวนมากเริ่มรู้สึกถึงความไม่มั่นคง: ฟีเจอร์หายไปหลังอัปเดต, ไฟล์เปิดไม่ได้เพราะ format ถูกล็อก, หรือราคาสมัครสมาชิกที่พุ่งขึ้นโดยไม่มีคำอธิบาย สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ปัญหาเล็กน้อย แต่คือสัญญาณว่า “อำนาจในการควบคุมเครื่องมือ” ได้ถูกย้ายจากผู้ใช้ไปยังผู้ขาย บทความจาก It's FOSS ชี้ว่า Free and Open Source Software (FOSS) ไม่ใช่แค่ทางเลือกที่ไม่มีค่าใช้จ่าย — แต่มันคือการคืนอำนาจให้ผู้สร้างสรรค์ได้ปรับแต่งเครื่องมือให้เหมาะกับตนเอง ไม่ต้องรอ vendor อัปเดต ไม่ต้องกลัวฟีเจอร์หาย และไม่ต้องผูกติดกับระบบปิดที่ไม่โปร่งใส ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ Blender ซึ่งเคยถูกมองว่าเป็นเครื่องมือสมัครเล่น แต่ปัจจุบันถูกใช้สร้างภาพยนตร์ระดับมืออาชีพ เพราะเปิดให้ผู้ใช้เขียนสคริปต์ สร้างปลั๊กอิน และแชร์เครื่องมือกันได้อย่างอิสระ เช่นเดียวกับ Krita ที่มีระบบแปรงแบบเปิด, Godot ที่ให้ผู้พัฒนาเกมควบคุมทุกส่วนของเอนจิน, Inkscape ที่ใช้ SVG เป็นมาตรฐานเปิด และ Darktable ที่ให้ช่างภาพปรับแต่ง RAW ได้อย่างลึกซึ้ง บทความยังชี้ให้เห็นว่า “มาตรฐานอุตสาหกรรม” ไม่ได้ถูกกำหนดโดยบริษัทใหญ่ แต่ถูกสร้างจากงานของผู้ใช้จริง เช่น Blender ที่กลายเป็นมาตรฐานใหม่ในวงการ VFX หรือ Krita ที่กลายเป็นเครื่องมือหลักของนักวาดการ์ตูน ผู้เขียนซึ่งเป็นนักเขียนและผู้กำกับภาพยนตร์จากเอเชียใต้ เล่าว่าการเปลี่ยนมาใช้ FOSS ไม่ใช่แค่เรื่องเทคนิค แต่คือการเปลี่ยนวิธีคิด — จากการเป็นผู้ใช้ มาเป็นผู้ร่วมสร้าง และจากการพึ่งพา มาเป็นการควบคุม ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ FOSS คือทางเลือกที่ให้ผู้ใช้ควบคุมเครื่องมือได้อย่างเต็มที่ ➡️ Blender, Krita, Godot, Inkscape และ Darktable เป็นตัวอย่างของ FOSS ที่ใช้จริงในอุตสาหกรรม ➡️ Blender ใช้ในภาพยนตร์มืออาชีพ เพราะเปิดให้เขียนสคริปต์และแชร์ปลั๊กอิน ➡️ Krita มีระบบแปรงและปลั๊กอินที่ผู้ใช้สามารถสร้างและแชร์ได้ ➡️ Godot เป็นเอนจินเกมแบบเปิดที่ให้ผู้ใช้ควบคุมทุกส่วนของการพัฒนา ➡️ Inkscape ใช้มาตรฐาน SVG ทำให้ไม่มีการล็อกไฟล์ ➡️ Darktable ให้ช่างภาพปรับแต่ง RAW ด้วย Lua scripting และ format แบบเปิด ➡️ ผู้เขียนบทความใช้ Neovim สร้างระบบเขียนบทแบบ Integrated Writing Environment ➡️ การใช้ FOSS ช่วยลดการพึ่งพาระบบปิดและเพิ่มความยืดหยุ่นในการทำงาน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Ubuntu 24.04 รองรับ FOSS สำหรับงานออกแบบ เช่น GIMP, Inkscape, Kdenlive, Scribus ➡️ Krita ได้รับความนิยมในวงการวาดการ์ตูนและภาพประกอบระดับมืออาชีพ ➡️ Linux OS เป็นระบบที่เสถียรและเหมาะกับงานสร้างสรรค์ที่ต้องการความยืดหยุ่น ➡️ Open formats เช่น SVG, OpenEXR, glTF, FLAC ช่วยให้ไฟล์สามารถใช้งานข้ามแพลตฟอร์มได้ ➡️ FOSS ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความปลอดภัยจากการผูกติดกับ vendor https://news.itsfoss.com/creatives-need-foss-now/
    NEWS.ITSFOSS.COM
    From Disillusionment to Freedom: Why Creatives Need FOSS Now More Than Ever
    More than ever, creative professionals need to exert control over their digital footprint. Big tech will not give us control—we have to take it. Free and Open Source (FOSS) software gives us a path forward. The path isn't easy, but I argue nothing worthwhile is.
    0 Comments 0 Shares 94 Views 0 Reviews
  • “YouTube เพิ่มปุ่ม ‘ซ่อน’ สำหรับหน้าจอแนะนำท้ายคลิป — ปรับประสบการณ์ผู้ชมให้สะอาดขึ้น แม้ยังไม่สมบูรณ์แบบ”

    หนึ่งในความรำคาญที่ผู้ใช้ YouTube เจอมานาน คือหน้าจอแนะนำวิดีโอและปุ่มสมัครที่โผล่มาในช่วงท้ายคลิป ซึ่งมักจะบังฉากจบหรือเนื้อหาสำคัญที่ผู้ชมอยากดูให้ครบ ล่าสุด YouTube ได้ตอบรับเสียงเรียกร้องจากผู้ใช้ทั่วโลก ด้วยการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ชื่อว่า “Hide” หรือ “ซ่อน” ที่ให้ผู้ชมกดปิดหน้าจอแนะนำเหล่านั้นได้ทันที

    ปุ่ม “Hide” จะปรากฏที่มุมขวาบนของหน้าจอวิดีโอเมื่อมี end-screen โผล่ขึ้นมา และเมื่อกดแล้ว หน้าจอแนะนำจะหายไปทันทีจากวิดีโอนั้น อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์นี้ยังไม่สามารถตั้งค่าให้ซ่อนแบบถาวรได้ ผู้ใช้ต้องกดซ่อนใหม่ทุกครั้งเมื่อดูวิดีโอใหม่ ซึ่ง YouTube ยอมรับว่าเป็นการออกแบบโดยตั้งใจ เพื่อรักษาอัตราการดูต่อเนื่อง (watch time) บนแพลตฟอร์ม

    นอกจากนี้ YouTube ยังได้ปรับปรุงประสบการณ์บนเดสก์ท็อป โดยยกเลิกฟีเจอร์ “hover-to-subscribe” ที่เคยทำงานเมื่อผู้ใช้เอาเมาส์ไปวางบนโลโก้วิดีโอ ซึ่งเคยเป็นช่องทางสมัครสมาชิกที่ซ้ำซ้อน เพราะมีปุ่มสมัครอยู่ใต้หน้าจออยู่แล้ว

    จากการทดลองของ YouTube พบว่าการเพิ่มปุ่ม “Hide” ทำให้ยอดวิวจาก end-screen ลดลงเพียง 1.5% และการยกเลิกปุ่มสมัครจากโลโก้ส่งผลต่อยอดสมัครสมาชิกเพียง 0.05% เท่านั้น ถือว่าไม่มีผลกระทบต่อครีเอเตอร์อย่างมีนัยสำคัญ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    YouTube เพิ่มปุ่ม “Hide” สำหรับซ่อนหน้าจอแนะนำท้ายคลิป
    ปุ่มจะปรากฏที่มุมขวาบนของหน้าจอเมื่อมี end-screen โผล่ขึ้น
    การซ่อนมีผลเฉพาะวิดีโอที่กำลังดู ต้องกดใหม่ทุกครั้ง
    ฟีเจอร์นี้เปิดใช้งานทั้งบนเว็บและแอปมือถือ
    YouTube ยกเลิกฟีเจอร์ “hover-to-subscribe” บนเดสก์ท็อป
    การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดจากเสียงเรียกร้องของผู้ใช้ทั่วโลก
    ผลกระทบต่อยอดวิวจาก end-screen ลดลงเพียง 1.5%
    ผลกระทบต่อยอดสมัครสมาชิกจากโลโก้ลดลงเพียง 0.05%
    YouTube ยืนยันว่าครีเอเตอร์ยังสามารถใช้ end-screen ได้ตามปกติ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    End-screen เป็นเครื่องมือที่ครีเอเตอร์ใช้เพื่อเพิ่มยอดวิวและการมีส่วนร่วม
    การปรับปรุง UI แบบนี้ช่วยลดความรำคาญและเพิ่มความพึงพอใจของผู้ชม
    หลายแพลตฟอร์มเริ่มให้ผู้ใช้ควบคุมประสบการณ์การรับชมมากขึ้น เช่น Netflix ที่ให้ข้าม intro หรือ credits
    การออกแบบแบบ “opt-in per video” เป็นแนวทางที่แพลตฟอร์มใช้เพื่อรักษาสมดุลระหว่าง UX และ engagement
    ฟีเจอร์ “Hide” อาจเปิดทางให้ YouTube พัฒนาโหมด “clean view” สำหรับผู้ใช้ในอนาคต

    https://securityonline.info/finally-youtube-adds-hide-button-for-end-screen-pop-ups-to-improve-viewer-experience/
    🎬 “YouTube เพิ่มปุ่ม ‘ซ่อน’ สำหรับหน้าจอแนะนำท้ายคลิป — ปรับประสบการณ์ผู้ชมให้สะอาดขึ้น แม้ยังไม่สมบูรณ์แบบ” หนึ่งในความรำคาญที่ผู้ใช้ YouTube เจอมานาน คือหน้าจอแนะนำวิดีโอและปุ่มสมัครที่โผล่มาในช่วงท้ายคลิป ซึ่งมักจะบังฉากจบหรือเนื้อหาสำคัญที่ผู้ชมอยากดูให้ครบ ล่าสุด YouTube ได้ตอบรับเสียงเรียกร้องจากผู้ใช้ทั่วโลก ด้วยการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ชื่อว่า “Hide” หรือ “ซ่อน” ที่ให้ผู้ชมกดปิดหน้าจอแนะนำเหล่านั้นได้ทันที ปุ่ม “Hide” จะปรากฏที่มุมขวาบนของหน้าจอวิดีโอเมื่อมี end-screen โผล่ขึ้นมา และเมื่อกดแล้ว หน้าจอแนะนำจะหายไปทันทีจากวิดีโอนั้น อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์นี้ยังไม่สามารถตั้งค่าให้ซ่อนแบบถาวรได้ ผู้ใช้ต้องกดซ่อนใหม่ทุกครั้งเมื่อดูวิดีโอใหม่ ซึ่ง YouTube ยอมรับว่าเป็นการออกแบบโดยตั้งใจ เพื่อรักษาอัตราการดูต่อเนื่อง (watch time) บนแพลตฟอร์ม นอกจากนี้ YouTube ยังได้ปรับปรุงประสบการณ์บนเดสก์ท็อป โดยยกเลิกฟีเจอร์ “hover-to-subscribe” ที่เคยทำงานเมื่อผู้ใช้เอาเมาส์ไปวางบนโลโก้วิดีโอ ซึ่งเคยเป็นช่องทางสมัครสมาชิกที่ซ้ำซ้อน เพราะมีปุ่มสมัครอยู่ใต้หน้าจออยู่แล้ว จากการทดลองของ YouTube พบว่าการเพิ่มปุ่ม “Hide” ทำให้ยอดวิวจาก end-screen ลดลงเพียง 1.5% และการยกเลิกปุ่มสมัครจากโลโก้ส่งผลต่อยอดสมัครสมาชิกเพียง 0.05% เท่านั้น ถือว่าไม่มีผลกระทบต่อครีเอเตอร์อย่างมีนัยสำคัญ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ YouTube เพิ่มปุ่ม “Hide” สำหรับซ่อนหน้าจอแนะนำท้ายคลิป ➡️ ปุ่มจะปรากฏที่มุมขวาบนของหน้าจอเมื่อมี end-screen โผล่ขึ้น ➡️ การซ่อนมีผลเฉพาะวิดีโอที่กำลังดู ต้องกดใหม่ทุกครั้ง ➡️ ฟีเจอร์นี้เปิดใช้งานทั้งบนเว็บและแอปมือถือ ➡️ YouTube ยกเลิกฟีเจอร์ “hover-to-subscribe” บนเดสก์ท็อป ➡️ การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดจากเสียงเรียกร้องของผู้ใช้ทั่วโลก ➡️ ผลกระทบต่อยอดวิวจาก end-screen ลดลงเพียง 1.5% ➡️ ผลกระทบต่อยอดสมัครสมาชิกจากโลโก้ลดลงเพียง 0.05% ➡️ YouTube ยืนยันว่าครีเอเตอร์ยังสามารถใช้ end-screen ได้ตามปกติ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ End-screen เป็นเครื่องมือที่ครีเอเตอร์ใช้เพื่อเพิ่มยอดวิวและการมีส่วนร่วม ➡️ การปรับปรุง UI แบบนี้ช่วยลดความรำคาญและเพิ่มความพึงพอใจของผู้ชม ➡️ หลายแพลตฟอร์มเริ่มให้ผู้ใช้ควบคุมประสบการณ์การรับชมมากขึ้น เช่น Netflix ที่ให้ข้าม intro หรือ credits ➡️ การออกแบบแบบ “opt-in per video” เป็นแนวทางที่แพลตฟอร์มใช้เพื่อรักษาสมดุลระหว่าง UX และ engagement ➡️ ฟีเจอร์ “Hide” อาจเปิดทางให้ YouTube พัฒนาโหมด “clean view” สำหรับผู้ใช้ในอนาคต https://securityonline.info/finally-youtube-adds-hide-button-for-end-screen-pop-ups-to-improve-viewer-experience/
    SECURITYONLINE.INFO
    Finally! YouTube Adds 'Hide' Button for End-Screen Pop-Ups to Improve Viewer Experience
    YouTube is rolling out a new 'Hide' button to dismiss end-of-video pop-up recommendations, a long-requested feature that improves the viewing experience.
    0 Comments 0 Shares 156 Views 0 Reviews
  • “ChatGPT Pulse: ผู้ช่วย AI ที่ตื่นก่อนคุณ — เปลี่ยนทุกเช้าให้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของวันอัจฉริยะ”

    OpenAI เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ใน ChatGPT ชื่อว่า “ChatGPT Pulse” ซึ่งเปลี่ยนบทบาทของ AI จากผู้ตอบคำถาม มาเป็นผู้ช่วยส่วนตัวที่ “คิดล่วงหน้า” และส่งข้อมูลที่คุณต้องการก่อนที่คุณจะถามเสียอีก

    Pulse ทำงานเบื้องหลังขณะคุณหลับ โดยวิเคราะห์ประวัติการสนทนา ความสนใจ และข้อมูลจากแอปที่คุณเชื่อมต่อ เช่น Gmail และ Google Calendar เพื่อสร้างสรุปประจำวันในรูปแบบ “การ์ดภาพ” ที่อ่านง่ายและเน้นการลงมือทำ เช่น แจ้งเตือนงานที่ใกล้ถึง เสนอสูตรอาหารเย็น หรือเตือนให้คุณออกกำลังกายตามแผนที่เคยตั้งไว้

    ฟีเจอร์นี้เปิดให้ใช้งานเฉพาะผู้สมัครสมาชิก Pro ($200/เดือน) ผ่านแอปมือถือ โดย Pulse จะปรากฏเป็นแท็บใหม่ในแอป และอัปเดตทุกเช้า การ์ดจะหายไปภายใน 24 ชั่วโมง เว้นแต่คุณจะบันทึกไว้หรือขอข้อมูลเพิ่มเติม

    ผู้ใช้สามารถปรับแต่ง Pulse ได้ด้วยปุ่ม “curate” เพื่อระบุหัวข้อที่ต้องการ เช่น “อัปเดตข่าวเทคโนโลยีใน Bay Area” หรือ “เตือนเรื่องสุขภาพวันศุกร์” และสามารถให้คะแนนแต่ละการ์ดเพื่อปรับปรุงการแนะนำในอนาคต

    Pulse ไม่ได้มาแทนแหล่งข้อมูลเดิม แต่ทำหน้าที่เป็น “ผู้จัดการข้อมูล” ที่ช่วยกรองและเน้นสิ่งที่สำคัญที่สุดในแต่ละวัน โดยมีระบบตรวจสอบความปลอดภัยในเนื้อหา และการเชื่อมต่อแอปทั้งหมดเป็นแบบ opt-in ผู้ใช้สามารถปิด Pulse ได้ทุกเมื่อใน Settings

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    ChatGPT Pulse เป็นฟีเจอร์ใหม่ที่เปลี่ยน ChatGPT จากผู้ตอบคำถามเป็นผู้ช่วยเชิงรุก
    ทำงานเบื้องหลังขณะผู้ใช้หลับ เพื่อสร้างสรุปประจำวันแบบการ์ดภาพ 5–10 ใบ
    ใช้ข้อมูลจากการสนทนา ความสนใจ และแอปที่เชื่อมต่อ เช่น Gmail และ Google Calendar
    การ์ดจะหายไปภายใน 24 ชั่วโมง เว้นแต่ผู้ใช้จะบันทึกหรือขอข้อมูลเพิ่มเติม
    ผู้ใช้สามารถปรับแต่งหัวข้อที่ต้องการผ่านปุ่ม “curate” และให้คะแนนการ์ดแต่ละใบ
    Pulse ใช้ระบบ Memory และ Feedback เพื่อปรับปรุงการแนะนำในอนาคต
    ฟีเจอร์นี้เปิดให้ใช้เฉพาะผู้สมัครสมาชิก Pro ($200/เดือน) ผ่านแอปมือถือ
    มีแผนขยายไปยังผู้ใช้ Plus ($20/เดือน) และผู้ใช้ฟรีในอนาคต

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Pulse เป็นส่วนหนึ่งของแนวคิด “Agentic AI” ที่ AI ทำงานเชิงรุกแทนการรอคำสั่ง
    การ์ดภาพช่วยลดการ scroll แบบไร้จุดหมาย และเน้นข้อมูลที่ actionable
    การเชื่อมต่อกับ Gmail และ Calendar ช่วยให้ Pulse เสนอแนะที่ตรงกับบริบทชีวิตจริง
    ผู้ใช้สามารถขอรายงานอัตโนมัติ เช่น “สรุปข่าวทีมฟุตบอลโปรด” หรือ “แผนเดินทางสำหรับครอบครัว”
    การทดสอบกับนักศึกษาพบว่า Pulse มีประโยชน์มากขึ้นเมื่อผู้ใช้กำหนดทิศทางการใช้งาน

    https://securityonline.info/chatgpt-pulse-arrives-the-proactive-ai-assistant-that-reshapes-your-morning-routine/
    🌅 “ChatGPT Pulse: ผู้ช่วย AI ที่ตื่นก่อนคุณ — เปลี่ยนทุกเช้าให้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของวันอัจฉริยะ” OpenAI เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ใน ChatGPT ชื่อว่า “ChatGPT Pulse” ซึ่งเปลี่ยนบทบาทของ AI จากผู้ตอบคำถาม มาเป็นผู้ช่วยส่วนตัวที่ “คิดล่วงหน้า” และส่งข้อมูลที่คุณต้องการก่อนที่คุณจะถามเสียอีก Pulse ทำงานเบื้องหลังขณะคุณหลับ โดยวิเคราะห์ประวัติการสนทนา ความสนใจ และข้อมูลจากแอปที่คุณเชื่อมต่อ เช่น Gmail และ Google Calendar เพื่อสร้างสรุปประจำวันในรูปแบบ “การ์ดภาพ” ที่อ่านง่ายและเน้นการลงมือทำ เช่น แจ้งเตือนงานที่ใกล้ถึง เสนอสูตรอาหารเย็น หรือเตือนให้คุณออกกำลังกายตามแผนที่เคยตั้งไว้ ฟีเจอร์นี้เปิดให้ใช้งานเฉพาะผู้สมัครสมาชิก Pro ($200/เดือน) ผ่านแอปมือถือ โดย Pulse จะปรากฏเป็นแท็บใหม่ในแอป และอัปเดตทุกเช้า การ์ดจะหายไปภายใน 24 ชั่วโมง เว้นแต่คุณจะบันทึกไว้หรือขอข้อมูลเพิ่มเติม ผู้ใช้สามารถปรับแต่ง Pulse ได้ด้วยปุ่ม “curate” เพื่อระบุหัวข้อที่ต้องการ เช่น “อัปเดตข่าวเทคโนโลยีใน Bay Area” หรือ “เตือนเรื่องสุขภาพวันศุกร์” และสามารถให้คะแนนแต่ละการ์ดเพื่อปรับปรุงการแนะนำในอนาคต Pulse ไม่ได้มาแทนแหล่งข้อมูลเดิม แต่ทำหน้าที่เป็น “ผู้จัดการข้อมูล” ที่ช่วยกรองและเน้นสิ่งที่สำคัญที่สุดในแต่ละวัน โดยมีระบบตรวจสอบความปลอดภัยในเนื้อหา และการเชื่อมต่อแอปทั้งหมดเป็นแบบ opt-in ผู้ใช้สามารถปิด Pulse ได้ทุกเมื่อใน Settings ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ChatGPT Pulse เป็นฟีเจอร์ใหม่ที่เปลี่ยน ChatGPT จากผู้ตอบคำถามเป็นผู้ช่วยเชิงรุก ➡️ ทำงานเบื้องหลังขณะผู้ใช้หลับ เพื่อสร้างสรุปประจำวันแบบการ์ดภาพ 5–10 ใบ ➡️ ใช้ข้อมูลจากการสนทนา ความสนใจ และแอปที่เชื่อมต่อ เช่น Gmail และ Google Calendar ➡️ การ์ดจะหายไปภายใน 24 ชั่วโมง เว้นแต่ผู้ใช้จะบันทึกหรือขอข้อมูลเพิ่มเติม ➡️ ผู้ใช้สามารถปรับแต่งหัวข้อที่ต้องการผ่านปุ่ม “curate” และให้คะแนนการ์ดแต่ละใบ ➡️ Pulse ใช้ระบบ Memory และ Feedback เพื่อปรับปรุงการแนะนำในอนาคต ➡️ ฟีเจอร์นี้เปิดให้ใช้เฉพาะผู้สมัครสมาชิก Pro ($200/เดือน) ผ่านแอปมือถือ ➡️ มีแผนขยายไปยังผู้ใช้ Plus ($20/เดือน) และผู้ใช้ฟรีในอนาคต ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Pulse เป็นส่วนหนึ่งของแนวคิด “Agentic AI” ที่ AI ทำงานเชิงรุกแทนการรอคำสั่ง ➡️ การ์ดภาพช่วยลดการ scroll แบบไร้จุดหมาย และเน้นข้อมูลที่ actionable ➡️ การเชื่อมต่อกับ Gmail และ Calendar ช่วยให้ Pulse เสนอแนะที่ตรงกับบริบทชีวิตจริง ➡️ ผู้ใช้สามารถขอรายงานอัตโนมัติ เช่น “สรุปข่าวทีมฟุตบอลโปรด” หรือ “แผนเดินทางสำหรับครอบครัว” ➡️ การทดสอบกับนักศึกษาพบว่า Pulse มีประโยชน์มากขึ้นเมื่อผู้ใช้กำหนดทิศทางการใช้งาน https://securityonline.info/chatgpt-pulse-arrives-the-proactive-ai-assistant-that-reshapes-your-morning-routine/
    SECURITYONLINE.INFO
    ChatGPT Pulse Arrives: The Proactive AI Assistant That Reshapes Your Morning Routine
    OpenAI's new ChatGPT Pulse feature delivers daily, personalized updates based on your interests, chats, and calendar. The proactive AI assistant is now available for Pro users.
    0 Comments 0 Shares 180 Views 0 Reviews
  • วิธีสมัครใช้งาน ThaiTimes (App / Web) อยากเริ่มต้นแชร์เรื่องราว เข้าร่วมชุมชน และติดตามข่าวสารบน ThaiTimes มาดูขั้นตอนสมัครง่าย ๆ กันครับ

    ลำดับที่ 1
    เข้าใช้งานได้ทั้ง App และ Web
    - ถ้ามีบัญชีแล้ว → กดเข้าสู่ระบบ
    - ถ้ายังไม่เคยสมัคร → คลิก “สมัครสมาชิก”

    ลำดับที่ 2
    - กรอกข้อมูลการสมัคร
    - เลือกสมัครด้วย เบอร์โทร หรือ Email
    - กรอกข้อมูลให้ครบ (ห้ามเว้นวรรค)
    - ติ๊กยอมรับเงื่อนไข แล้วคลิก “สมัครสมาชิก”

    ลำดับที่ 3
    - ยืนยันตัวตนด้วย OTP
    - ถ้าสมัครด้วย เบอร์โทร → รอรับรหัส OTP ทาง SMS แล้วนำมากรอก
    - ถ้าสมัครด้วย Email → เปิดเช็คกล่องจดหมาย (รวมถึง Junk/Spam) แล้วนำ OTP มากรอก
    เสร็จแล้วคลิก “ยืนยัน”

    ลำดับที่ 4
    - เพิ่มรูปโปรไฟล์ (เลือกกรอกหรือข้ามได้)
    เสร็จแล้วคลิก “ขั้นตอนถัดไป”
    - กรอกข้อมูลโปรไฟล์เพิ่มเติม ข้อมูลส่วนตัว เช่น เพศ อายุ วันเกิด (เลือกกรอกหรือข้ามได้)
    เสร็จแล้วคลิก “ขั้นตอนถัดไป”

    ลำดับที่ 5
    - เลือกเพจหรือคอนเทนต์ที่สนใจติดตาม แล้วกด “เสร็จสิ้น”

    ลำดับที่ 6
    - เมื่อเข้าสู่หน้าหลัก ถือว่าสมัครสมาชิกเรียบร้อยแล้ว
    - สามารถใช้งานฟีเจอร์ต่าง ๆ บน ThaiTimes ได้ทันที

    ต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม สามารถติดต่อทีมงานได้ทาง LINE: @sondhitalk เรายินดีช่วยเหลือครับ
    📲 วิธีสมัครใช้งาน ThaiTimes (App / Web) อยากเริ่มต้นแชร์เรื่องราว เข้าร่วมชุมชน และติดตามข่าวสารบน ThaiTimes มาดูขั้นตอนสมัครง่าย ๆ กันครับ • ลำดับที่ 1 เข้าใช้งานได้ทั้ง App และ Web - ถ้ามีบัญชีแล้ว → กดเข้าสู่ระบบ - ถ้ายังไม่เคยสมัคร → คลิก “สมัครสมาชิก” • ลำดับที่ 2 - กรอกข้อมูลการสมัคร - เลือกสมัครด้วย เบอร์โทร หรือ Email - กรอกข้อมูลให้ครบ (ห้ามเว้นวรรค) - ติ๊กยอมรับเงื่อนไข แล้วคลิก “สมัครสมาชิก” • ลำดับที่ 3 - ยืนยันตัวตนด้วย OTP - ถ้าสมัครด้วย เบอร์โทร → รอรับรหัส OTP ทาง SMS แล้วนำมากรอก - ถ้าสมัครด้วย Email → เปิดเช็คกล่องจดหมาย (รวมถึง Junk/Spam) แล้วนำ OTP มากรอก เสร็จแล้วคลิก “ยืนยัน” • ลำดับที่ 4 - เพิ่มรูปโปรไฟล์ (เลือกกรอกหรือข้ามได้) เสร็จแล้วคลิก “ขั้นตอนถัดไป” - กรอกข้อมูลโปรไฟล์เพิ่มเติม ข้อมูลส่วนตัว เช่น เพศ อายุ วันเกิด (เลือกกรอกหรือข้ามได้) เสร็จแล้วคลิก “ขั้นตอนถัดไป” • ลำดับที่ 5 - เลือกเพจหรือคอนเทนต์ที่สนใจติดตาม แล้วกด “เสร็จสิ้น” • ลำดับที่ 6 - เมื่อเข้าสู่หน้าหลัก ถือว่าสมัครสมาชิกเรียบร้อยแล้ว - สามารถใช้งานฟีเจอร์ต่าง ๆ บน ThaiTimes ได้ทันที • ต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม สามารถติดต่อทีมงานได้ทาง LINE: @sondhitalk เรายินดีช่วยเหลือครับ
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 200 Views 0 Reviews
  • วิธีสมัครใช้งาน ThaiTimes (App / Web) อยากเริ่มต้นแชร์เรื่องราว เข้าร่วมชุมชน และติดตามข่าวสารบน ThaiTimes มาดูขั้นตอนสมัครง่าย ๆ กันครับ

    ลำดับที่ 1
    เข้าใช้งานได้ทั้ง App และ Web
    - ถ้ามีบัญชีแล้ว → กดเข้าสู่ระบบ
    - ถ้ายังไม่เคยสมัคร → คลิก “สมัครสมาชิก”

    ลำดับที่ 2
    - กรอกข้อมูลการสมัคร
    - เลือกสมัครด้วย เบอร์โทร หรือ Email
    - กรอกข้อมูลให้ครบ (ห้ามเว้นวรรค)
    - ติ๊กยอมรับเงื่อนไข แล้วคลิก “สมัครสมาชิก”

    ลำดับที่ 3
    - ยืนยันตัวตนด้วย OTP
    - ถ้าสมัครด้วย เบอร์โทร → รอรับรหัส OTP ทาง SMS แล้วนำมากรอก
    - ถ้าสมัครด้วย Email → เปิดเช็คกล่องจดหมาย (รวมถึง Junk/Spam) แล้วนำ OTP มากรอก
    เสร็จแล้วคลิก “ยืนยัน”

    ลำดับที่ 4
    - เพิ่มรูปโปรไฟล์ (เลือกกรอกหรือข้ามได้)
    เสร็จแล้วคลิก “ขั้นตอนถัดไป”
    - กรอกข้อมูลโปรไฟล์เพิ่มเติม ข้อมูลส่วนตัว เช่น เพศ อายุ วันเกิด (เลือกกรอกหรือข้ามได้)
    เสร็จแล้วคลิก “ขั้นตอนถัดไป”

    ลำดับที่ 5
    - เลือกเพจหรือคอนเทนต์ที่สนใจติดตาม แล้วกด “เสร็จสิ้น”

    ลำดับที่ 6
    - เมื่อเข้าสู่หน้าหลัก ถือว่าสมัครสมาชิกเรียบร้อยแล้ว
    - สามารถใช้งานฟีเจอร์ต่าง ๆ บน ThaiTimes ได้ทันที

    ต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม สามารถติดต่อทีมงานได้ทาง LINE: @sondhitalk เรายินดีช่วยเหลือครับ

    📲 วิธีสมัครใช้งาน ThaiTimes (App / Web) อยากเริ่มต้นแชร์เรื่องราว เข้าร่วมชุมชน และติดตามข่าวสารบน ThaiTimes มาดูขั้นตอนสมัครง่าย ๆ กันครับ • ลำดับที่ 1 เข้าใช้งานได้ทั้ง App และ Web - ถ้ามีบัญชีแล้ว → กดเข้าสู่ระบบ - ถ้ายังไม่เคยสมัคร → คลิก “สมัครสมาชิก” • ลำดับที่ 2 - กรอกข้อมูลการสมัคร - เลือกสมัครด้วย เบอร์โทร หรือ Email - กรอกข้อมูลให้ครบ (ห้ามเว้นวรรค) - ติ๊กยอมรับเงื่อนไข แล้วคลิก “สมัครสมาชิก” • ลำดับที่ 3 - ยืนยันตัวตนด้วย OTP - ถ้าสมัครด้วย เบอร์โทร → รอรับรหัส OTP ทาง SMS แล้วนำมากรอก - ถ้าสมัครด้วย Email → เปิดเช็คกล่องจดหมาย (รวมถึง Junk/Spam) แล้วนำ OTP มากรอก เสร็จแล้วคลิก “ยืนยัน” • ลำดับที่ 4 - เพิ่มรูปโปรไฟล์ (เลือกกรอกหรือข้ามได้) เสร็จแล้วคลิก “ขั้นตอนถัดไป” - กรอกข้อมูลโปรไฟล์เพิ่มเติม ข้อมูลส่วนตัว เช่น เพศ อายุ วันเกิด (เลือกกรอกหรือข้ามได้) เสร็จแล้วคลิก “ขั้นตอนถัดไป” • ลำดับที่ 5 - เลือกเพจหรือคอนเทนต์ที่สนใจติดตาม แล้วกด “เสร็จสิ้น” • ลำดับที่ 6 - เมื่อเข้าสู่หน้าหลัก ถือว่าสมัครสมาชิกเรียบร้อยแล้ว - สามารถใช้งานฟีเจอร์ต่าง ๆ บน ThaiTimes ได้ทันที • ต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม สามารถติดต่อทีมงานได้ทาง LINE: @sondhitalk เรายินดีช่วยเหลือครับ
    Like
    5
    0 Comments 0 Shares 703 Views 0 Reviews
  • “ChatGPT Pulse: ผู้ช่วยข่าวส่วนตัวที่รู้ใจคุณ — เมื่อ AI เริ่มคิดแทนคุณตั้งแต่ก่อนตื่นนอน”

    OpenAI เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ใน ChatGPT ชื่อว่า “Pulse” ซึ่งเปลี่ยนบทบาทของ AI จากเครื่องมือที่ตอบคำถาม มาเป็นผู้ช่วยส่วนตัวที่ “คิดล่วงหน้า” ให้ผู้ใช้ โดย Pulse จะส่งการสรุปข่าวและข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับความสนใจของผู้ใช้ในรูปแบบ “การ์ดภาพ” วันละ 5–10 ใบ ทุกเช้า โดยอิงจากประวัติการสนทนา ความสนใจ และแอปที่เชื่อมต่อไว้ เช่น Gmail หรือ Google Calendar2

    Pulse เปิดให้ใช้งานเฉพาะผู้สมัครสมาชิกแบบ Pro ที่มีค่าบริการ $200 ต่อเดือน โดยจะปรากฏเป็นแท็บใหม่ในแอป ChatGPT และสามารถตั้งค่าให้สแกนอีเมลหรือปฏิทินล่วงหน้า เพื่อจัดเตรียมสรุปข่าว รายการนัดหมาย หรือแม้แต่แนะนำเมนูอาหารตามเงื่อนไขสุขภาพของผู้ใช้ได้

    ตัวอย่างการใช้งาน Pulse ที่ OpenAI สาธิต ได้แก่ การ์ดข่าวทีมฟุตบอล Arsenal, ไอเดียชุดฮาโลวีนสำหรับครอบครัว และแผนการเดินทางสำหรับเด็กเล็ก ซึ่งทั้งหมดถูกสร้างขึ้นจากบริบทที่ผู้ใช้เคยพูดคุยกับ ChatGPT มาก่อน เช่น “ลูกอายุ 6 เดือน” หรือ “อยากไปเที่ยว Sedona”

    Pulse ยังสามารถใช้ร่วมกับฟีเจอร์ Memory ของ ChatGPT เพื่อปรับแต่งการ์ดให้ตรงกับความสนใจของผู้ใช้มากขึ้น และมีการออกแบบให้ “หยุด” หลังแสดงการ์ดครบชุด โดยจะแสดงข้อความ “That’s it for today” เพื่อไม่ให้ผู้ใช้ตกอยู่ในวังวนของการเสพข้อมูลแบบไม่รู้จบ

    แม้จะยังจำกัดเฉพาะผู้ใช้ระดับ Pro แต่ OpenAI มีแผนจะขยายฟีเจอร์นี้ให้กับผู้ใช้ทั่วไปในอนาคต โดยเน้นว่า Pulse เป็นก้าวแรกของการเปลี่ยน ChatGPT จาก chatbot เป็น “ผู้ช่วยที่ทำงานแทนคุณ” อย่างแท้จริง

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    ChatGPT Pulse เป็นฟีเจอร์ใหม่ที่ส่งการ์ดสรุปข่าวและข้อมูลส่วนตัววันละ 5–10 ใบ
    การ์ดถูกสร้างจากประวัติการสนทนา ความสนใจ และแอปที่เชื่อมต่อ เช่น Gmail, Calendar
    ฟีเจอร์นี้เปิดให้ใช้เฉพาะผู้สมัครสมาชิก Pro ($200/เดือน)
    Pulse สามารถสแกนอีเมลและปฏิทินล่วงหน้าเพื่อจัดเตรียมข้อมูลตอนเช้า
    ตัวอย่างการ์ดมีทั้งข่าวกีฬา ไอเดียครอบครัว และแผนการเดินทาง
    ใช้ร่วมกับฟีเจอร์ Memory เพื่อปรับแต่งเนื้อหาให้ตรงกับผู้ใช้
    มีการออกแบบให้หยุดแสดงข้อมูลหลังครบชุด เพื่อหลีกเลี่ยงการเสพข้อมูลเกินจำเป็น
    OpenAI มีแผนขยาย Pulse ให้ผู้ใช้ทั่วไปในอนาคต

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Pulse เป็นส่วนหนึ่งของแนวทางใหม่ของ OpenAI ที่เน้น “ผู้ช่วยเชิงรุก” มากกว่า chatbot
    ฟีเจอร์นี้ใช้โมเดล AI ที่ต้องการพลังประมวลผลสูง จึงจำกัดเฉพาะผู้ใช้ Pro ในช่วงแรก
    การ์ดของ Pulse มีภาพประกอบและลิงก์อ้างอิงเหมือนกับฟีเจอร์ Search
    Pulse สามารถใช้ Connectors เพื่อเชื่อมต่อกับแอปภายนอกได้หลากหลาย
    การออกแบบให้ “หยุด” หลังแสดงครบชุด เป็นแนวคิดที่ต่างจากโซเชียลมีเดียทั่วไป

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/26/chatgpt-feature-offers-users-a-personalised-daily-briefing
    🗞️ “ChatGPT Pulse: ผู้ช่วยข่าวส่วนตัวที่รู้ใจคุณ — เมื่อ AI เริ่มคิดแทนคุณตั้งแต่ก่อนตื่นนอน” OpenAI เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ใน ChatGPT ชื่อว่า “Pulse” ซึ่งเปลี่ยนบทบาทของ AI จากเครื่องมือที่ตอบคำถาม มาเป็นผู้ช่วยส่วนตัวที่ “คิดล่วงหน้า” ให้ผู้ใช้ โดย Pulse จะส่งการสรุปข่าวและข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับความสนใจของผู้ใช้ในรูปแบบ “การ์ดภาพ” วันละ 5–10 ใบ ทุกเช้า โดยอิงจากประวัติการสนทนา ความสนใจ และแอปที่เชื่อมต่อไว้ เช่น Gmail หรือ Google Calendar2 Pulse เปิดให้ใช้งานเฉพาะผู้สมัครสมาชิกแบบ Pro ที่มีค่าบริการ $200 ต่อเดือน โดยจะปรากฏเป็นแท็บใหม่ในแอป ChatGPT และสามารถตั้งค่าให้สแกนอีเมลหรือปฏิทินล่วงหน้า เพื่อจัดเตรียมสรุปข่าว รายการนัดหมาย หรือแม้แต่แนะนำเมนูอาหารตามเงื่อนไขสุขภาพของผู้ใช้ได้ ตัวอย่างการใช้งาน Pulse ที่ OpenAI สาธิต ได้แก่ การ์ดข่าวทีมฟุตบอล Arsenal, ไอเดียชุดฮาโลวีนสำหรับครอบครัว และแผนการเดินทางสำหรับเด็กเล็ก ซึ่งทั้งหมดถูกสร้างขึ้นจากบริบทที่ผู้ใช้เคยพูดคุยกับ ChatGPT มาก่อน เช่น “ลูกอายุ 6 เดือน” หรือ “อยากไปเที่ยว Sedona” Pulse ยังสามารถใช้ร่วมกับฟีเจอร์ Memory ของ ChatGPT เพื่อปรับแต่งการ์ดให้ตรงกับความสนใจของผู้ใช้มากขึ้น และมีการออกแบบให้ “หยุด” หลังแสดงการ์ดครบชุด โดยจะแสดงข้อความ “That’s it for today” เพื่อไม่ให้ผู้ใช้ตกอยู่ในวังวนของการเสพข้อมูลแบบไม่รู้จบ แม้จะยังจำกัดเฉพาะผู้ใช้ระดับ Pro แต่ OpenAI มีแผนจะขยายฟีเจอร์นี้ให้กับผู้ใช้ทั่วไปในอนาคต โดยเน้นว่า Pulse เป็นก้าวแรกของการเปลี่ยน ChatGPT จาก chatbot เป็น “ผู้ช่วยที่ทำงานแทนคุณ” อย่างแท้จริง ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ChatGPT Pulse เป็นฟีเจอร์ใหม่ที่ส่งการ์ดสรุปข่าวและข้อมูลส่วนตัววันละ 5–10 ใบ ➡️ การ์ดถูกสร้างจากประวัติการสนทนา ความสนใจ และแอปที่เชื่อมต่อ เช่น Gmail, Calendar ➡️ ฟีเจอร์นี้เปิดให้ใช้เฉพาะผู้สมัครสมาชิก Pro ($200/เดือน) ➡️ Pulse สามารถสแกนอีเมลและปฏิทินล่วงหน้าเพื่อจัดเตรียมข้อมูลตอนเช้า ➡️ ตัวอย่างการ์ดมีทั้งข่าวกีฬา ไอเดียครอบครัว และแผนการเดินทาง ➡️ ใช้ร่วมกับฟีเจอร์ Memory เพื่อปรับแต่งเนื้อหาให้ตรงกับผู้ใช้ ➡️ มีการออกแบบให้หยุดแสดงข้อมูลหลังครบชุด เพื่อหลีกเลี่ยงการเสพข้อมูลเกินจำเป็น ➡️ OpenAI มีแผนขยาย Pulse ให้ผู้ใช้ทั่วไปในอนาคต ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Pulse เป็นส่วนหนึ่งของแนวทางใหม่ของ OpenAI ที่เน้น “ผู้ช่วยเชิงรุก” มากกว่า chatbot ➡️ ฟีเจอร์นี้ใช้โมเดล AI ที่ต้องการพลังประมวลผลสูง จึงจำกัดเฉพาะผู้ใช้ Pro ในช่วงแรก ➡️ การ์ดของ Pulse มีภาพประกอบและลิงก์อ้างอิงเหมือนกับฟีเจอร์ Search ➡️ Pulse สามารถใช้ Connectors เพื่อเชื่อมต่อกับแอปภายนอกได้หลากหลาย ➡️ การออกแบบให้ “หยุด” หลังแสดงครบชุด เป็นแนวคิดที่ต่างจากโซเชียลมีเดียทั่วไป https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/26/chatgpt-feature-offers-users-a-personalised-daily-briefing
    WWW.THESTAR.COM.MY
    ChatGPT feature offers users a personalised daily briefing
    OpenAI is rolling out a new ChatGPT feature that sends users a set of personalised news, research and other updates each day based on their prior conversations with the chatbot, an early attempt at making its flagship product more proactive.
    0 Comments 0 Shares 179 Views 0 Reviews
  • SONDHITALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep312 (live)

    ดีลการเมือง “ส้ม” ผสม “น้ำเงิน” จากศัตรูสู่คู่ผลประโยชน์การเมือง

    คลิก https://m.youtube.com/watch?v=yH0Mo05v1Hc

    สมัครสมาชิก membership ความจริงมีหนึ่งเดียว ช่อง SONDHITALK บน YouTube : / @sondhitalk
    • ติดต่อสอบถามได้ที่ Line : @sondhitalk
    🔴 SONDHITALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep312 (live) • ดีลการเมือง “ส้ม” ผสม “น้ำเงิน” จากศัตรูสู่คู่ผลประโยชน์การเมือง • คลิก https://m.youtube.com/watch?v=yH0Mo05v1Hc • สมัครสมาชิก membership ความจริงมีหนึ่งเดียว ช่อง SONDHITALK บน YouTube : / @sondhitalk • ติดต่อสอบถามได้ที่ Line : @sondhitalk
    Like
    Love
    19
    11 Comments 2 Shares 768 Views 1 Reviews
  • “Perplexity เปิดตัว Email Assistant — ผู้ช่วย AI สำหรับกล่องจดหมาย แต่ค่าบริการแรงถึง $200 ต่อเดือน”

    Perplexity บริษัทด้าน AI ที่กำลังมาแรง ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ในชื่อ “Email Assistant” ซึ่งเป็นผู้ช่วยอัจฉริยะที่สามารถจัดการกล่องจดหมายของคุณได้แบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการสรุปอีเมล, เขียนตอบกลับในสไตล์ของคุณ, จัดตารางนัดหมาย, เพิ่มลงปฏิทิน หรือแม้แต่จัดหมวดหมู่อีเมลด้วย smart labels — ทั้งหมดนี้ทำงานได้ทั้งใน Gmail และ Outlook2

    ฟีเจอร์นี้ไม่ได้มาแบบฟรี ๆ เพราะจะเปิดให้ใช้งานเฉพาะผู้สมัครสมาชิกระดับสูงสุด “Perplexity Max” ซึ่งมีค่าบริการถึง $200 ต่อเดือน โดยรวมฟีเจอร์ Email Assistant เข้าไปในแพ็กเกจที่มีสิทธิ์เข้าถึงโมเดลขั้นสูง, Labs ไม่จำกัด และฟีเจอร์ใหม่ก่อนใคร

    ผู้ใช้สามารถเรียกใช้งาน Email Assistant ได้ง่าย ๆ เพียงส่งอีเมลไปที่ assistant@perplexity.com หรือ CC เข้าไปในเธรดที่ต้องการให้ช่วยจัดการ ระบบจะรู้ทันทีว่าเป็นคุณ และเริ่มทำงานโดยอัตโนมัติ เช่น ตรวจสอบปฏิทิน, เสนอเวลานัดหมาย, ส่งคำเชิญประชุม หรือสรุปเนื้อหาอีเมลให้เข้าใจง่าย

    แม้ราคาจะสูง แต่ Perplexity เน้นกลุ่มลูกค้าองค์กรที่ต้องการความปลอดภัยระดับสูง โดยระบบรองรับ SOC 2 และ GDPR พร้อมการเข้ารหัสแบบ enterprise-grade และยืนยันว่าจะไม่ใช้ข้อมูลผู้ใช้ในการฝึกโมเดล

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Perplexity เปิดตัว Email Assistant สำหรับ Gmail และ Outlook
    ฟีเจอร์รวมถึงการเขียนตอบอีเมล, สรุปเนื้อหา, จัดตารางนัดหมาย, เพิ่มลงปฏิทิน
    ใช้งานผ่านการส่งอีเมลหรือ CC ไปที่ assistant@perplexity.com
    รองรับ smart labels เพื่อจัดหมวดหมู่อีเมลแบบอัตโนมัติ
    ใช้ได้เฉพาะผู้สมัครสมาชิก Perplexity Max ที่มีค่าบริการ $200/เดือน
    รองรับ SOC 2 และ GDPR พร้อมการเข้ารหัสระดับองค์กร
    ยืนยันว่าจะไม่ใช้ข้อมูลผู้ใช้ในการฝึกโมเดล

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Perplexity Max ยังรวมฟีเจอร์ Comet browser และ Labs ไม่จำกัด
    Google Gemini และ Microsoft Copilot ก็มีฟีเจอร์คล้ายกันใน Gmail และ Outlook
    ตลาด productivity software มีมูลค่ากว่า $50 พันล้าน และกำลังแข่งขันสูง
    AI agent แบบนี้สามารถลดเวลาทำงานของผู้ช่วยและฝ่ายบุคคลได้หลายชั่วโมงต่อวัน
    การจัดการอีเมลอัตโนมัติเป็นเทรนด์ใหม่ในองค์กรยุค AI

    https://www.techradar.com/pro/perplexity-launches-an-ai-assistant-for-your-inbox-but-you-wont-believe-how-much-it-costs
    📨 “Perplexity เปิดตัว Email Assistant — ผู้ช่วย AI สำหรับกล่องจดหมาย แต่ค่าบริการแรงถึง $200 ต่อเดือน” Perplexity บริษัทด้าน AI ที่กำลังมาแรง ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ในชื่อ “Email Assistant” ซึ่งเป็นผู้ช่วยอัจฉริยะที่สามารถจัดการกล่องจดหมายของคุณได้แบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการสรุปอีเมล, เขียนตอบกลับในสไตล์ของคุณ, จัดตารางนัดหมาย, เพิ่มลงปฏิทิน หรือแม้แต่จัดหมวดหมู่อีเมลด้วย smart labels — ทั้งหมดนี้ทำงานได้ทั้งใน Gmail และ Outlook2 ฟีเจอร์นี้ไม่ได้มาแบบฟรี ๆ เพราะจะเปิดให้ใช้งานเฉพาะผู้สมัครสมาชิกระดับสูงสุด “Perplexity Max” ซึ่งมีค่าบริการถึง $200 ต่อเดือน โดยรวมฟีเจอร์ Email Assistant เข้าไปในแพ็กเกจที่มีสิทธิ์เข้าถึงโมเดลขั้นสูง, Labs ไม่จำกัด และฟีเจอร์ใหม่ก่อนใคร ผู้ใช้สามารถเรียกใช้งาน Email Assistant ได้ง่าย ๆ เพียงส่งอีเมลไปที่ assistant@perplexity.com หรือ CC เข้าไปในเธรดที่ต้องการให้ช่วยจัดการ ระบบจะรู้ทันทีว่าเป็นคุณ และเริ่มทำงานโดยอัตโนมัติ เช่น ตรวจสอบปฏิทิน, เสนอเวลานัดหมาย, ส่งคำเชิญประชุม หรือสรุปเนื้อหาอีเมลให้เข้าใจง่าย แม้ราคาจะสูง แต่ Perplexity เน้นกลุ่มลูกค้าองค์กรที่ต้องการความปลอดภัยระดับสูง โดยระบบรองรับ SOC 2 และ GDPR พร้อมการเข้ารหัสแบบ enterprise-grade และยืนยันว่าจะไม่ใช้ข้อมูลผู้ใช้ในการฝึกโมเดล ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Perplexity เปิดตัว Email Assistant สำหรับ Gmail และ Outlook ➡️ ฟีเจอร์รวมถึงการเขียนตอบอีเมล, สรุปเนื้อหา, จัดตารางนัดหมาย, เพิ่มลงปฏิทิน ➡️ ใช้งานผ่านการส่งอีเมลหรือ CC ไปที่ assistant@perplexity.com ➡️ รองรับ smart labels เพื่อจัดหมวดหมู่อีเมลแบบอัตโนมัติ ➡️ ใช้ได้เฉพาะผู้สมัครสมาชิก Perplexity Max ที่มีค่าบริการ $200/เดือน ➡️ รองรับ SOC 2 และ GDPR พร้อมการเข้ารหัสระดับองค์กร ➡️ ยืนยันว่าจะไม่ใช้ข้อมูลผู้ใช้ในการฝึกโมเดล ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Perplexity Max ยังรวมฟีเจอร์ Comet browser และ Labs ไม่จำกัด ➡️ Google Gemini และ Microsoft Copilot ก็มีฟีเจอร์คล้ายกันใน Gmail และ Outlook ➡️ ตลาด productivity software มีมูลค่ากว่า $50 พันล้าน และกำลังแข่งขันสูง ➡️ AI agent แบบนี้สามารถลดเวลาทำงานของผู้ช่วยและฝ่ายบุคคลได้หลายชั่วโมงต่อวัน ➡️ การจัดการอีเมลอัตโนมัติเป็นเทรนด์ใหม่ในองค์กรยุค AI https://www.techradar.com/pro/perplexity-launches-an-ai-assistant-for-your-inbox-but-you-wont-believe-how-much-it-costs
    0 Comments 0 Shares 196 Views 0 Reviews
  • “Cixi Vigoz — รถสามล้อไฟฟ้าที่ให้คุณ ‘ปั่น’ ด้วยขาไปถึง 120 กม./ชม. บนถนนหลวง พร้อมระบบ PERS และดีไซน์สุดล้ำ”

    ในยุคที่การเดินทางต้องการทั้งความเร็ว ความปลอดภัย และความยั่งยืน Cixi Vigoz คือยานพาหนะที่อาจเปลี่ยนวิธีคิดเรื่องการขับรถไปโดยสิ้นเชิง — เพราะมันคือรถสามล้อไฟฟ้าที่ให้คุณ “ปั่น” ด้วยขาเพื่อควบคุมความเร็วได้ถึง 120 กม./ชม. บนถนนหลวงอย่างถูกกฎหมาย

    Vigoz ถูกออกแบบโดยบริษัทวิศวกรรมจากฝรั่งเศสชื่อ Cixi โดยผสมผสานความเป็นจักรยาน, รถสามล้อ, ไมโครคาร์ และรถไฟฟ้าขนาดเล็กในยุโรป (L5e) เข้าด้วยกัน จุดเด่นคือระบบ PERS (Pedaling Energy Recovery System) ที่ไม่มีโซ่ แต่ใช้การปั่นเพื่อควบคุมการเร่งและเบรกผ่านมอเตอร์ไฟฟ้าโดยตรง — ปั่นเร็ว รถก็เร็ว, ปั่นถอยหลัง รถก็เบรก พร้อมระบบ regenerative braking ที่ช่วยชาร์จแบตเตอรี่ระหว่างใช้งาน

    ตัวรถมีล้อหน้า 2 ล้อสำหรับบังคับเลี้ยว และล้อหลัง 1 ล้อสำหรับขับเคลื่อน พร้อมระบบเอียงตัวอัตโนมัติเมื่อเข้าโค้งเพื่อความมั่นคงในการขับขี่ มีแบตเตอรี่ขนาด 22 kWh ที่ให้ระยะทางสูงสุดราว 160 กม. และสามารถชาร์จเต็มได้ภายใน 6 ชั่วโมงจากปลั๊กบ้านทั่วไป

    ภายใน Vigoz มีเบาะนั่งแบบปรับได้ พร้อมคันบังคับสองข้างแทนพวงมาลัย, เบรกมือ, จอแสดงผลความเร็ว และระบบเชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟนเพื่อใช้นำทาง ตัวรถรองรับเบาะเด็ก IsoFix และมีพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังเล็กน้อย

    แม้จะยังอยู่ในขั้นตอนต้นแบบ แต่ Cixi ระบุว่า Vigoz จะเปิดให้ใช้งานในรูปแบบ “สมัครสมาชิก” เท่านั้น ไม่ขายขาด โดยมีอายุการใช้งานออกแบบไว้ถึง 15 ปี พร้อมระบบอัปเดต OTA และโครงสร้างที่ซ่อมง่าย เปลี่ยนชิ้นส่วนได้ เพื่อความยั่งยืนในระยะยาว

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Vigoz เป็นรถสามล้อไฟฟ้าที่ควบคุมด้วยการปั่นแบบไร้โซ่ผ่านระบบ PERS
    ความเร็วสูงสุด 120 กม./ชม. ใช้งานได้บนถนนหลวงและทางหลวงในยุโรป
    แบตเตอรี่ 22 kWh ให้ระยะทางราว 160 กม. ชาร์จเต็มใน 6 ชั่วโมง
    ระบบ regenerative braking และการปั่นช่วยเพิ่มระยะทาง
    ล้อหน้า 2 ล้อสำหรับบังคับเลี้ยว, ล้อหลัง 1 ล้อสำหรับขับเคลื่อน
    ระบบเอียงตัวอัตโนมัติช่วยให้เข้าโค้งได้มั่นคง
    ภายในมีเบาะปรับได้, คันบังคับสองข้าง, เบรกมือ, จอแสดงผล และระบบนำทาง
    รองรับเบาะเด็ก IsoFix และมีพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลัง
    ใช้ระบบสมัครสมาชิก ไม่ขายขาด พร้อมอายุการใช้งาน 15 ปี
    โครงสร้างซ่อมง่าย, เปลี่ยนชิ้นส่วนได้ และมีระบบอัปเดต OTA

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Vigoz อยู่ในกลุ่ม L5e ซึ่งเป็นรถไฟฟ้าขนาดเล็กที่วิ่งบนถนนหลวงได้ตามกฎหมายยุโรป
    ระบบ PERS ช่วยให้ผู้ใช้เลือกแรงต้านในการปั่นได้ตามต้องการ
    ความสูงรถ 165 ซม. ช่วยให้มองเห็นในจราจรและปลอดภัยจากรถใหญ่
    Vigoz ถูกออกแบบให้เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่ภูเขา เช่น French Alps
    มีระบบปรับอากาศ, ไฟ LED, ที่ปัดน้ำฝน และหน้าต่างเลื่อนเพื่อความสะดวก

    https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/forget-e-bikes-this-electric-trike-lets-you-pedal-your-way-to-75mph-on-public-highways
    🚲⚡ “Cixi Vigoz — รถสามล้อไฟฟ้าที่ให้คุณ ‘ปั่น’ ด้วยขาไปถึง 120 กม./ชม. บนถนนหลวง พร้อมระบบ PERS และดีไซน์สุดล้ำ” ในยุคที่การเดินทางต้องการทั้งความเร็ว ความปลอดภัย และความยั่งยืน Cixi Vigoz คือยานพาหนะที่อาจเปลี่ยนวิธีคิดเรื่องการขับรถไปโดยสิ้นเชิง — เพราะมันคือรถสามล้อไฟฟ้าที่ให้คุณ “ปั่น” ด้วยขาเพื่อควบคุมความเร็วได้ถึง 120 กม./ชม. บนถนนหลวงอย่างถูกกฎหมาย Vigoz ถูกออกแบบโดยบริษัทวิศวกรรมจากฝรั่งเศสชื่อ Cixi โดยผสมผสานความเป็นจักรยาน, รถสามล้อ, ไมโครคาร์ และรถไฟฟ้าขนาดเล็กในยุโรป (L5e) เข้าด้วยกัน จุดเด่นคือระบบ PERS (Pedaling Energy Recovery System) ที่ไม่มีโซ่ แต่ใช้การปั่นเพื่อควบคุมการเร่งและเบรกผ่านมอเตอร์ไฟฟ้าโดยตรง — ปั่นเร็ว รถก็เร็ว, ปั่นถอยหลัง รถก็เบรก พร้อมระบบ regenerative braking ที่ช่วยชาร์จแบตเตอรี่ระหว่างใช้งาน ตัวรถมีล้อหน้า 2 ล้อสำหรับบังคับเลี้ยว และล้อหลัง 1 ล้อสำหรับขับเคลื่อน พร้อมระบบเอียงตัวอัตโนมัติเมื่อเข้าโค้งเพื่อความมั่นคงในการขับขี่ มีแบตเตอรี่ขนาด 22 kWh ที่ให้ระยะทางสูงสุดราว 160 กม. และสามารถชาร์จเต็มได้ภายใน 6 ชั่วโมงจากปลั๊กบ้านทั่วไป ภายใน Vigoz มีเบาะนั่งแบบปรับได้ พร้อมคันบังคับสองข้างแทนพวงมาลัย, เบรกมือ, จอแสดงผลความเร็ว และระบบเชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟนเพื่อใช้นำทาง ตัวรถรองรับเบาะเด็ก IsoFix และมีพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังเล็กน้อย แม้จะยังอยู่ในขั้นตอนต้นแบบ แต่ Cixi ระบุว่า Vigoz จะเปิดให้ใช้งานในรูปแบบ “สมัครสมาชิก” เท่านั้น ไม่ขายขาด โดยมีอายุการใช้งานออกแบบไว้ถึง 15 ปี พร้อมระบบอัปเดต OTA และโครงสร้างที่ซ่อมง่าย เปลี่ยนชิ้นส่วนได้ เพื่อความยั่งยืนในระยะยาว ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Vigoz เป็นรถสามล้อไฟฟ้าที่ควบคุมด้วยการปั่นแบบไร้โซ่ผ่านระบบ PERS ➡️ ความเร็วสูงสุด 120 กม./ชม. ใช้งานได้บนถนนหลวงและทางหลวงในยุโรป ➡️ แบตเตอรี่ 22 kWh ให้ระยะทางราว 160 กม. ชาร์จเต็มใน 6 ชั่วโมง ➡️ ระบบ regenerative braking และการปั่นช่วยเพิ่มระยะทาง ➡️ ล้อหน้า 2 ล้อสำหรับบังคับเลี้ยว, ล้อหลัง 1 ล้อสำหรับขับเคลื่อน ➡️ ระบบเอียงตัวอัตโนมัติช่วยให้เข้าโค้งได้มั่นคง ➡️ ภายในมีเบาะปรับได้, คันบังคับสองข้าง, เบรกมือ, จอแสดงผล และระบบนำทาง ➡️ รองรับเบาะเด็ก IsoFix และมีพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลัง ➡️ ใช้ระบบสมัครสมาชิก ไม่ขายขาด พร้อมอายุการใช้งาน 15 ปี ➡️ โครงสร้างซ่อมง่าย, เปลี่ยนชิ้นส่วนได้ และมีระบบอัปเดต OTA ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Vigoz อยู่ในกลุ่ม L5e ซึ่งเป็นรถไฟฟ้าขนาดเล็กที่วิ่งบนถนนหลวงได้ตามกฎหมายยุโรป ➡️ ระบบ PERS ช่วยให้ผู้ใช้เลือกแรงต้านในการปั่นได้ตามต้องการ ➡️ ความสูงรถ 165 ซม. ช่วยให้มองเห็นในจราจรและปลอดภัยจากรถใหญ่ ➡️ Vigoz ถูกออกแบบให้เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่ภูเขา เช่น French Alps ➡️ มีระบบปรับอากาศ, ไฟ LED, ที่ปัดน้ำฝน และหน้าต่างเลื่อนเพื่อความสะดวก https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/forget-e-bikes-this-electric-trike-lets-you-pedal-your-way-to-75mph-on-public-highways
    0 Comments 0 Shares 201 Views 0 Reviews
  • 'พีระพันธุ์' ลั่นไม่ร่วมรัฐบาลเบี้ยล่างพรรคส้ม พร้อมนำทัพ รทสช. สู้ศึกเลือกตั้ง

    //////////////////


    รวมไทยสร้างชาติไปต่อ! "พีระพันธุ์" พร้อมเดินหน้านำทัพสู้ศึกเลือกตั้ง ย้ำทำเต็มที่ เชื่อมั่นพรรคสามารถผ่านทุกอุปสรรคไปได้ เชิญชวนชาวไทยหัวใจรักชาติร่วมทำงานเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน

    18 กันยายน 2568 - เวลา 19.00 น. นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยถึงทิศทางการทำงานของพรรคท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองว่า ในลำดับแรกตนขอยืนยันว่าพร้อมเดินหน้าในการดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค เพื่อเป็นแม่ทัพของพรรครวมไทยสร้างชาติในการทำงานทางการเมืองต่อไป

    สำหรับกระแสข่าวเลือดไหลออกจากพรรครวมไทยสร้างชาตินั้น ในวันนี้ยังไม่มีเลือดไหลออกจากพรรค เพราะทุกคนยังเป็นสมาชิกพรรคอยู่ และยังมีผู้สนใจมาสมัครสมาชิกพรรคเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทุกวัน
    นายพีระพันธุ์ยังได้เปิดเผยถึงจุดยืนของตนเกี่ยวกับการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีที่ผ่านมาว่า หลังจากที่มีการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ การเมืองของไทยก็มีพัฒนาการทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง ประเด็นสำคัญก็คือ มีการพยายามนำพรรคการเมืองบางพรรค ซึ่งพรรครวมไทยสร้างชาติได้ประกาศตั้งแต่ต้นว่าพรรครวมไทยสร้างชาติไม่สามารถร่วมมือด้วยได้ เนื่องจากมีอุดมการณ์ทางการเมืองและแนวคิดทางการเมืองที่แตกต่างกันเป็นอย่างมาก และมีการใช้วิธีการให้พรรคการเมืองนั้นมาลงมติสนับสนุนผู้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีโดยไม่ได้เป็นการร่วมรัฐบาล แต่เป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ระหว่างกัน ซึ่งสำหรับตนเห็นว่าแนวทางเช่นนี้ไม่ถูกต้องทางการเมือง เพราะจะทำให้รัฐบาลกลายเป็นเบี้ยล่างทางการเมืองของพรรคการเมืองอื่นที่ไม่ได้เป็นพรรคร่วมรัฐบาล
    นอกจากนี้ตนยังเห็นว่า วิธีการดังกล่าวอาจเป็นการผิดกฎหมายพรรคการเมืองในการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ ซึ่งจาก 2 เหตุผลข้างต้น ทำให้ตนมีความเห็นว่าไม่สามารถลงคะแนนเสียงสนับสนุนท่านอนุทินเป็นนายกรัฐมนตรีได้ในขณะนั้น ทั้งที่โดยส่วนตัวตนเคารพและรักท่านอนุทินมาก และคิดว่าเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ แต่วิธีการในการจัดตั้งรัฐบาลในรูปแบบนี้ ไม่ใช่วิธีทางที่ถูกต้อง

    ต่อมาทางพรรคเพื่อไทยก็ได้มีการติดต่อในการเพิ่มเสียงสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ด้วยแนวทางแลกเปลี่ยนผลประโยชน์แต่ไม่ร่วมรัฐบาลนั้น ซึ่งตนยืนยันว่าไม่เห็นด้วยกับแนวทางนี้ ดังนั้นตนจึงมีความเห็นว่าถ้าจะมีการจัดตั้งรัฐบาลด้วยการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ ก็ไม่สามารถสนับสนุนฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดได้เลย

    “สำหรับผมคิดว่า นี่เป็นวิธีการทางการเมืองที่ไม่ถูกต้อง และจะทำให้รัฐบาลกลายเป็นเบี้ยล่างของพรรคการเมืองอื่นซึ่งไม่ได้เป็นพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งในทางการเมืองเป็นสิ่งที่เกิดไม่น่าจะเกิดขึ้น และผมรับไม่ได้ ” นายพีระพันธุ์กล่าว

    อย่างไรก็ดี ในส่วนการบริหารจัดการพรรคจะต้องมีการประชุมกรรมการบริหารพรรค ซึ่งเบื้องต้นนายพีระพันธุ์ได้มีการหารือกับผู้บริหารระดับสูงของพรรคว่า หากแนวทางเป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ด้วยวิธีการที่ไม่ถูกต้องทางการเมืองเช่นนี้ พรรครวมไทยสร้างชาติก็ไม่สามารถร่วมรัฐบาลได้ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็ตาม โดยก่อนการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคร่วมกับ สส. พรรค นายพีระพันธุ์มองว่าเมื่อการเมืองเดินมาถึงสถานการณ์เช่นนี้น่าจะจบลงด้วยการยุบสภา จึงยังไม่มีมติของพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นเพียงการหารือแลกเปลี่ยนความเห็นกันเท่านั้น
    ต่อมาปรากฏว่าการยุบสภาไม่สามารถทำได้ ประกอบกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในส่วนของพรรคหลายคนได้สอบถามและแสดงความคิดเห็นว่า กรรมการบริหารพรรครวมไทยสร้างชาติควรมีมติที่ชัดเจนเพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินการของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรครวมไทยสร้างชาติ จึงมีการเชิญประชุมกรรมการบริหารพรรครวมไทยสร้างชาติอย่างเร่งด่วน ในวันพุธก่อนการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี
    นายพีระพันธุ์เปิดเผยว่า ในการประชุมกรรมการบริหารพรรคครั้งนั้น กรรมการบริหารพรรค 3 ท่าน เห็นด้วยกับแนวทางของตน มีกรรมการบริหารพรรค 1 ท่าน เห็นว่าหากท่านอนุทินยืนยันว่าจะไม่มีการแตะต้องมาตรา 112 และยืนยันว่าจะไม่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในหมวด 1 และหมวด 2 ควรจะต้องสนับสนุนท่านอนุทิน ส่วนกรรมการบริหารพรรค 2 ท่านเห็นว่าควรให้เป็นเอกสิทธิ์ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเมื่อพิจารณาแล้วหากมีมติทางใดทางหนึ่งจะทำให้เกิดปัญหาในพรรคได้ จึงไม่มีการพูดถึงมติของกรรมการบริหารพรรค แต่แจ้งผลความเห็นของกรรมการบริหารพรรคว่ามีความเห็นกี่แนวทาง อย่างไรบ้าง และให้เป็นเอกสิทธิ์ดุลพินิจของ สส. โดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติได้ลงมติเลือกท่านอนุทิน 33 เสียง
    ไม่ประสงค์ลงคะแนน 3 เสียง ซึ่งตนยืนยันว่าในพรรคไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น และทุกอย่างก็เดินหน้าตามกระบวนการต่อไป

    นายพีระพันธุ์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับกระแสข่าวว่าพรรครวมไทยสร้างชาติถูกซื้อ ตนขอยืนยันในส่วนของตนว่าตนไม่มีทางโดนซื้อเด็ดขาด ส่วนกรณีที่มีการโจมตีว่าตนหวังตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น ตนขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่มีการหารือในการเสนอชื่อของตนในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะหากคิดในทางการเมืองแล้วเมื่อพรรคมีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอยู่แล้วแต่ไปดึงแคนดิเดตทางการเมืองจากพรรคอื่นมาแทน แบบนี้ในทางการเมืองจะเสียหายเป็นอย่างมาก ตนจึงยืนยันได้ว่าเรื่องที่ว่ามานี้ไม่เป็นความจริง และสำหรับตนถ้าจะได้รับเลือกนายกรัฐมนตรีจะต้องมีศักดิ์ศรี ซึ่งแนวทางนี้ไม่ใช่แนวทางที่มีศักดิ์ศรี
    “พรรคการเมืองก็เหมือนกับชีวิตมนุษย์ ทุกคนเกิดมาก็ต้องมีปัญหาอุปสรรคเกิดขึ้น ไม่มีใครที่ชีวิตราบรื่นมีแต่ความสำเร็จมีแต่ความสุข เพียงแต่ว่าแต่ละคนเมื่อเจอปัญหาแล้วท้อไหม พรรครวมไทยสร้างชาติไม่ใช่เป็นพรรคแรกที่เพิ่งเกิดและเจอปัญหา แต่พรรครวมไทยสร้างชาติจะผ่านปัญหาทุกอย่างไปได้ ส่วนตัวผมไม่เคยท้อ เพราะว่าความจริงในชีวิตก็เจอปัญหามาเยอะอยู่แล้ว นี่ก็เป็นอีกแค่เสี้ยวหนึ่งของชีวิต แนวทางการทำงานของผมคือทำทุกอย่างให้ดีที่สุดทำให้เต็มที่ที่เราทำได้ ทำไม่สำเร็จก็ต้องยอมรับว่ามันทำไม่สำเร็จ แต่ว่าทำให้ดีที่สุด ทำให้มากที่สุด ทำให้เต็มที่ ได้เท่านี้ ก็เท่านี้ ผมจะไม่ติดยึดกับคำพูดคนอื่น
    เพราะว่าคนอื่นไม่รู้ดีเท่าตัวเรา ผมติดยึดกับตัวเราเองว่าเราทำดีหรือยัง เราทำถูกต้องไหม เราไม่มีทางทำให้คนทุกคนถูกใจ ไม่มีวันทำให้ทุกคนพอใจ แต่เราทำในสิ่งที่ต้องทำหรือเปล่า ทำสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับบ้านเมืองกับส่วนรวมหรือเปล่า ผมคิดว่าแนวทางการทำงานของผมแบบนี้ที่ทำให้ผมเดินหน้ามาจนถึงวันนี้ได้” นายพีระพันธุ์กล่าว
    นายพีระพันธุ์ กล่าวต่อไปในเรื่องของการแก้ไขเรื่องของพลังงานว่า เรื่องการจัดการกับปัญหาพลังงานของตนนั้นสะท้อนถึงแนวทางการทำงานของตนเป็นอย่างดี ยกตัวอย่าง เช่น ค่าไฟที่เมื่อตนเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ค่าไฟอยู่ที่ 4.70 บาทต่อหน่วย แต่ในวันนี้ค่าไฟเหลือเพียง 3.94 บาทต่อหน่วยเท่านั้น และไม่มีการปรับขึ้นค่าไฟ และค่าแก๊สแม้แต่ครั้งเดียว สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจากวิธีการทำงานของตน คือทำให้ดีที่สุด ทำให้เต็มที่ สุดท้ายแล้วได้เท่าไร ได้เท่านั้น และหากเดินหน้าต่อไปจนครบวาระ ตนยืนยันว่าราคาน้ำมันจะ
    สามารถควบคุมได้ และประเทศไทยจะมีคลังน้ำมันสำรองของประเทศ ที่เป็นของรัฐเพื่อความมั่นคงไม่ใช่ของเอกชน

    สำหรับความคืบหน้าของกฎหมายต่าง ๆ นั้น กฎหมายฉบับแรกคือกฎหมายส่งเสริมการติดตั้งโซลาร์เซลล์นั้น ตนหวังว่ารัฐบาลชุดต่อไปจะเดินหน้าต่อ ในส่วนของกฎหมายควบคุมราคาน้ำมันเชื้อเพลิง และกฎหมายคลังน้ำมันนั้น กฎหมายฉบับแรกคือการควบคุมราคาน้ำมันเสร็จเรียบร้อย และกฎหมายคลังน้ำมันนั้นใกล้แล้วเสร็จ ซึ่งกฎหมายทั้ง 2 ฉบับนี้จะต้องเสนอคู่กัน เพื่อปรับโครงสร้างราคาน้ำมันได้ทั้งกระบวนการ โดยนายพีระพันธุ์ยืนยันว่าจะต้องมีการเดินหน้ากฎหมายทั้ง 2 ฉบับนี้ต่อโดยผ่านกลไกของสภาผู้แทนราษฎร แต่ด้วยเงื่อนไขการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ที่จะต้องยุบสภาใน 4 เดือนนี้ คาดว่าไม่น่าจะสำเร็จได้ด้วยสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้
    นายพีระพันธุ์ ยังกล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งหลังการยุบสภาที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วง 4 เดือนนี้ว่า เมื่อเป็นพรรคการเมืองจะต้องมีความพร้อมในการลงรับเลือกตั้งตลอดเวลาอยู่แล้ว เมื่อมีความชัดเจนเช่นนี้เกิดขึ้น จะต้องมีการเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ทุกด้าน โดยเฉพาะผู้สมัครลงรับเลือกตั้งในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยทางพรรคพร้อมที่จะหาตัวแทนที่พร้อมจะเดินหน้า สู้ให้ทุกปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนโดยเฉพาะเรื่องของพลังงาน และเรื่องของความไม่เป็นธรรมในสังคม ซึ่งในระยะเวลาของการทำงานที่ผ่านมาตนเชื่อว่า ทางพรรครวมไทยสร้างชาติได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เราพูดแล้วเราทำ และเราเดินหน้าทำงานตลอดเวลา
    “ทุกคนที่สนใจร่วมอุดมการณ์และเดินหน้าทำงานตามแนวทางของพรรครวมไทยสร้างชาติ คือพรรคที่มาทำงานการเมืองเพื่อประโยชน์ของชาติ ไม่ได้มาเพื่อเล่นการเมืองเพื่อประโยชน์ส่วนตัว เพื่อยศถาบรรดาศักดิ์ เพราะพรรครวมไทยสร้างชาติคือพรรคของคนทำงาน หากใครมีแนวทางเดียวกันขอเชิญชวนให้มาร่วมทำงานด้วยกันครับ” นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค กล่าวในตอนท้าย
    อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มีการตั้งคำถามถึงข้อเท็จจริงกรณีปัญหาความขัดแย้งกับนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ที่ได้ลาออกจากเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งนายพีระพันธุ์ไม่ได้ชี้แจงหรือพูดถึงในประเด็นดังกล่าว
    'พีระพันธุ์' ลั่นไม่ร่วมรัฐบาลเบี้ยล่างพรรคส้ม พร้อมนำทัพ รทสช. สู้ศึกเลือกตั้ง ////////////////// รวมไทยสร้างชาติไปต่อ! "พีระพันธุ์" พร้อมเดินหน้านำทัพสู้ศึกเลือกตั้ง ย้ำทำเต็มที่ เชื่อมั่นพรรคสามารถผ่านทุกอุปสรรคไปได้ เชิญชวนชาวไทยหัวใจรักชาติร่วมทำงานเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน 18 กันยายน 2568 - เวลา 19.00 น. นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยถึงทิศทางการทำงานของพรรคท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองว่า ในลำดับแรกตนขอยืนยันว่าพร้อมเดินหน้าในการดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค เพื่อเป็นแม่ทัพของพรรครวมไทยสร้างชาติในการทำงานทางการเมืองต่อไป สำหรับกระแสข่าวเลือดไหลออกจากพรรครวมไทยสร้างชาตินั้น ในวันนี้ยังไม่มีเลือดไหลออกจากพรรค เพราะทุกคนยังเป็นสมาชิกพรรคอยู่ และยังมีผู้สนใจมาสมัครสมาชิกพรรคเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทุกวัน นายพีระพันธุ์ยังได้เปิดเผยถึงจุดยืนของตนเกี่ยวกับการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีที่ผ่านมาว่า หลังจากที่มีการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ การเมืองของไทยก็มีพัฒนาการทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง ประเด็นสำคัญก็คือ มีการพยายามนำพรรคการเมืองบางพรรค ซึ่งพรรครวมไทยสร้างชาติได้ประกาศตั้งแต่ต้นว่าพรรครวมไทยสร้างชาติไม่สามารถร่วมมือด้วยได้ เนื่องจากมีอุดมการณ์ทางการเมืองและแนวคิดทางการเมืองที่แตกต่างกันเป็นอย่างมาก และมีการใช้วิธีการให้พรรคการเมืองนั้นมาลงมติสนับสนุนผู้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีโดยไม่ได้เป็นการร่วมรัฐบาล แต่เป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ระหว่างกัน ซึ่งสำหรับตนเห็นว่าแนวทางเช่นนี้ไม่ถูกต้องทางการเมือง เพราะจะทำให้รัฐบาลกลายเป็นเบี้ยล่างทางการเมืองของพรรคการเมืองอื่นที่ไม่ได้เป็นพรรคร่วมรัฐบาล นอกจากนี้ตนยังเห็นว่า วิธีการดังกล่าวอาจเป็นการผิดกฎหมายพรรคการเมืองในการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ ซึ่งจาก 2 เหตุผลข้างต้น ทำให้ตนมีความเห็นว่าไม่สามารถลงคะแนนเสียงสนับสนุนท่านอนุทินเป็นนายกรัฐมนตรีได้ในขณะนั้น ทั้งที่โดยส่วนตัวตนเคารพและรักท่านอนุทินมาก และคิดว่าเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ แต่วิธีการในการจัดตั้งรัฐบาลในรูปแบบนี้ ไม่ใช่วิธีทางที่ถูกต้อง ต่อมาทางพรรคเพื่อไทยก็ได้มีการติดต่อในการเพิ่มเสียงสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ด้วยแนวทางแลกเปลี่ยนผลประโยชน์แต่ไม่ร่วมรัฐบาลนั้น ซึ่งตนยืนยันว่าไม่เห็นด้วยกับแนวทางนี้ ดังนั้นตนจึงมีความเห็นว่าถ้าจะมีการจัดตั้งรัฐบาลด้วยการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ ก็ไม่สามารถสนับสนุนฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดได้เลย “สำหรับผมคิดว่า นี่เป็นวิธีการทางการเมืองที่ไม่ถูกต้อง และจะทำให้รัฐบาลกลายเป็นเบี้ยล่างของพรรคการเมืองอื่นซึ่งไม่ได้เป็นพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งในทางการเมืองเป็นสิ่งที่เกิดไม่น่าจะเกิดขึ้น และผมรับไม่ได้ ” นายพีระพันธุ์กล่าว อย่างไรก็ดี ในส่วนการบริหารจัดการพรรคจะต้องมีการประชุมกรรมการบริหารพรรค ซึ่งเบื้องต้นนายพีระพันธุ์ได้มีการหารือกับผู้บริหารระดับสูงของพรรคว่า หากแนวทางเป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ด้วยวิธีการที่ไม่ถูกต้องทางการเมืองเช่นนี้ พรรครวมไทยสร้างชาติก็ไม่สามารถร่วมรัฐบาลได้ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็ตาม โดยก่อนการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคร่วมกับ สส. พรรค นายพีระพันธุ์มองว่าเมื่อการเมืองเดินมาถึงสถานการณ์เช่นนี้น่าจะจบลงด้วยการยุบสภา จึงยังไม่มีมติของพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นเพียงการหารือแลกเปลี่ยนความเห็นกันเท่านั้น ต่อมาปรากฏว่าการยุบสภาไม่สามารถทำได้ ประกอบกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในส่วนของพรรคหลายคนได้สอบถามและแสดงความคิดเห็นว่า กรรมการบริหารพรรครวมไทยสร้างชาติควรมีมติที่ชัดเจนเพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินการของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรครวมไทยสร้างชาติ จึงมีการเชิญประชุมกรรมการบริหารพรรครวมไทยสร้างชาติอย่างเร่งด่วน ในวันพุธก่อนการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี นายพีระพันธุ์เปิดเผยว่า ในการประชุมกรรมการบริหารพรรคครั้งนั้น กรรมการบริหารพรรค 3 ท่าน เห็นด้วยกับแนวทางของตน มีกรรมการบริหารพรรค 1 ท่าน เห็นว่าหากท่านอนุทินยืนยันว่าจะไม่มีการแตะต้องมาตรา 112 และยืนยันว่าจะไม่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในหมวด 1 และหมวด 2 ควรจะต้องสนับสนุนท่านอนุทิน ส่วนกรรมการบริหารพรรค 2 ท่านเห็นว่าควรให้เป็นเอกสิทธิ์ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเมื่อพิจารณาแล้วหากมีมติทางใดทางหนึ่งจะทำให้เกิดปัญหาในพรรคได้ จึงไม่มีการพูดถึงมติของกรรมการบริหารพรรค แต่แจ้งผลความเห็นของกรรมการบริหารพรรคว่ามีความเห็นกี่แนวทาง อย่างไรบ้าง และให้เป็นเอกสิทธิ์ดุลพินิจของ สส. โดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติได้ลงมติเลือกท่านอนุทิน 33 เสียง ไม่ประสงค์ลงคะแนน 3 เสียง ซึ่งตนยืนยันว่าในพรรคไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น และทุกอย่างก็เดินหน้าตามกระบวนการต่อไป นายพีระพันธุ์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับกระแสข่าวว่าพรรครวมไทยสร้างชาติถูกซื้อ ตนขอยืนยันในส่วนของตนว่าตนไม่มีทางโดนซื้อเด็ดขาด ส่วนกรณีที่มีการโจมตีว่าตนหวังตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น ตนขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่มีการหารือในการเสนอชื่อของตนในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะหากคิดในทางการเมืองแล้วเมื่อพรรคมีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอยู่แล้วแต่ไปดึงแคนดิเดตทางการเมืองจากพรรคอื่นมาแทน แบบนี้ในทางการเมืองจะเสียหายเป็นอย่างมาก ตนจึงยืนยันได้ว่าเรื่องที่ว่ามานี้ไม่เป็นความจริง และสำหรับตนถ้าจะได้รับเลือกนายกรัฐมนตรีจะต้องมีศักดิ์ศรี ซึ่งแนวทางนี้ไม่ใช่แนวทางที่มีศักดิ์ศรี “พรรคการเมืองก็เหมือนกับชีวิตมนุษย์ ทุกคนเกิดมาก็ต้องมีปัญหาอุปสรรคเกิดขึ้น ไม่มีใครที่ชีวิตราบรื่นมีแต่ความสำเร็จมีแต่ความสุข เพียงแต่ว่าแต่ละคนเมื่อเจอปัญหาแล้วท้อไหม พรรครวมไทยสร้างชาติไม่ใช่เป็นพรรคแรกที่เพิ่งเกิดและเจอปัญหา แต่พรรครวมไทยสร้างชาติจะผ่านปัญหาทุกอย่างไปได้ ส่วนตัวผมไม่เคยท้อ เพราะว่าความจริงในชีวิตก็เจอปัญหามาเยอะอยู่แล้ว นี่ก็เป็นอีกแค่เสี้ยวหนึ่งของชีวิต แนวทางการทำงานของผมคือทำทุกอย่างให้ดีที่สุดทำให้เต็มที่ที่เราทำได้ ทำไม่สำเร็จก็ต้องยอมรับว่ามันทำไม่สำเร็จ แต่ว่าทำให้ดีที่สุด ทำให้มากที่สุด ทำให้เต็มที่ ได้เท่านี้ ก็เท่านี้ ผมจะไม่ติดยึดกับคำพูดคนอื่น เพราะว่าคนอื่นไม่รู้ดีเท่าตัวเรา ผมติดยึดกับตัวเราเองว่าเราทำดีหรือยัง เราทำถูกต้องไหม เราไม่มีทางทำให้คนทุกคนถูกใจ ไม่มีวันทำให้ทุกคนพอใจ แต่เราทำในสิ่งที่ต้องทำหรือเปล่า ทำสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับบ้านเมืองกับส่วนรวมหรือเปล่า ผมคิดว่าแนวทางการทำงานของผมแบบนี้ที่ทำให้ผมเดินหน้ามาจนถึงวันนี้ได้” นายพีระพันธุ์กล่าว นายพีระพันธุ์ กล่าวต่อไปในเรื่องของการแก้ไขเรื่องของพลังงานว่า เรื่องการจัดการกับปัญหาพลังงานของตนนั้นสะท้อนถึงแนวทางการทำงานของตนเป็นอย่างดี ยกตัวอย่าง เช่น ค่าไฟที่เมื่อตนเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ค่าไฟอยู่ที่ 4.70 บาทต่อหน่วย แต่ในวันนี้ค่าไฟเหลือเพียง 3.94 บาทต่อหน่วยเท่านั้น และไม่มีการปรับขึ้นค่าไฟ และค่าแก๊สแม้แต่ครั้งเดียว สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจากวิธีการทำงานของตน คือทำให้ดีที่สุด ทำให้เต็มที่ สุดท้ายแล้วได้เท่าไร ได้เท่านั้น และหากเดินหน้าต่อไปจนครบวาระ ตนยืนยันว่าราคาน้ำมันจะ สามารถควบคุมได้ และประเทศไทยจะมีคลังน้ำมันสำรองของประเทศ ที่เป็นของรัฐเพื่อความมั่นคงไม่ใช่ของเอกชน สำหรับความคืบหน้าของกฎหมายต่าง ๆ นั้น กฎหมายฉบับแรกคือกฎหมายส่งเสริมการติดตั้งโซลาร์เซลล์นั้น ตนหวังว่ารัฐบาลชุดต่อไปจะเดินหน้าต่อ ในส่วนของกฎหมายควบคุมราคาน้ำมันเชื้อเพลิง และกฎหมายคลังน้ำมันนั้น กฎหมายฉบับแรกคือการควบคุมราคาน้ำมันเสร็จเรียบร้อย และกฎหมายคลังน้ำมันนั้นใกล้แล้วเสร็จ ซึ่งกฎหมายทั้ง 2 ฉบับนี้จะต้องเสนอคู่กัน เพื่อปรับโครงสร้างราคาน้ำมันได้ทั้งกระบวนการ โดยนายพีระพันธุ์ยืนยันว่าจะต้องมีการเดินหน้ากฎหมายทั้ง 2 ฉบับนี้ต่อโดยผ่านกลไกของสภาผู้แทนราษฎร แต่ด้วยเงื่อนไขการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ที่จะต้องยุบสภาใน 4 เดือนนี้ คาดว่าไม่น่าจะสำเร็จได้ด้วยสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ นายพีระพันธุ์ ยังกล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งหลังการยุบสภาที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วง 4 เดือนนี้ว่า เมื่อเป็นพรรคการเมืองจะต้องมีความพร้อมในการลงรับเลือกตั้งตลอดเวลาอยู่แล้ว เมื่อมีความชัดเจนเช่นนี้เกิดขึ้น จะต้องมีการเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ทุกด้าน โดยเฉพาะผู้สมัครลงรับเลือกตั้งในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยทางพรรคพร้อมที่จะหาตัวแทนที่พร้อมจะเดินหน้า สู้ให้ทุกปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนโดยเฉพาะเรื่องของพลังงาน และเรื่องของความไม่เป็นธรรมในสังคม ซึ่งในระยะเวลาของการทำงานที่ผ่านมาตนเชื่อว่า ทางพรรครวมไทยสร้างชาติได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เราพูดแล้วเราทำ และเราเดินหน้าทำงานตลอดเวลา “ทุกคนที่สนใจร่วมอุดมการณ์และเดินหน้าทำงานตามแนวทางของพรรครวมไทยสร้างชาติ คือพรรคที่มาทำงานการเมืองเพื่อประโยชน์ของชาติ ไม่ได้มาเพื่อเล่นการเมืองเพื่อประโยชน์ส่วนตัว เพื่อยศถาบรรดาศักดิ์ เพราะพรรครวมไทยสร้างชาติคือพรรคของคนทำงาน หากใครมีแนวทางเดียวกันขอเชิญชวนให้มาร่วมทำงานด้วยกันครับ” นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค กล่าวในตอนท้าย อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มีการตั้งคำถามถึงข้อเท็จจริงกรณีปัญหาความขัดแย้งกับนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ที่ได้ลาออกจากเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งนายพีระพันธุ์ไม่ได้ชี้แจงหรือพูดถึงในประเด็นดังกล่าว
    0 Comments 0 Shares 393 Views 0 0 Reviews
  • Microsoft และ Cloudflare ร่วมมือถล่มเครือข่ายฟิชชิ่ง RaccoonO365 — ยุติการขโมยบัญชี Microsoft 365 กว่า 5,000 รายทั่วโลก

    ในปฏิบัติการระดับโลกที่เริ่มต้นเมื่อเดือนกันยายน 2025 Microsoft และ Cloudflare ได้ร่วมกันรื้อถอนเครือข่ายฟิชชิ่งชื่อ RaccoonO365 ซึ่งเป็นบริการ “Phishing-as-a-Service” ที่เปิดให้แฮกเกอร์เช่าชุดเครื่องมือเพื่อขโมยบัญชี Microsoft 365 ได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องมีทักษะด้านเทคนิคใด ๆ

    RaccoonO365 ถูกติดตามโดย Microsoft ภายใต้ชื่อ Storm-2246 และมีรูปแบบการให้บริการแบบสมัครสมาชิก โดยคิดค่าบริการ $355 ต่อ 30 วัน หรือ $999 ต่อ 90 วัน ซึ่งผู้ใช้สามารถป้อนอีเมลเป้าหมายได้ถึง 9,000 รายต่อวัน และใช้เทคนิคหลอกลวงที่ซับซ้อน เช่น CAPTCHA ปลอม, หน้าเข้าสู่ระบบ Microsoft ปลอม, และการข้ามระบบยืนยันตัวตนแบบหลายขั้นตอน (MFA)

    Microsoft ได้ยื่นฟ้องต่อศาล Southern District of New York และได้รับคำสั่งให้ยึดเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องถึง 338 แห่ง พร้อมระบุผู้อยู่เบื้องหลังคือ Joshua Ogundipe จากไนจีเรีย ซึ่งเป็นผู้พัฒนาและบริหารระบบนี้ผ่าน Telegram ที่มีสมาชิกกว่า 850 คน

    Cloudflare เข้าร่วมปฏิบัติการโดยปิดบัญชีผู้ใช้ที่เกี่ยวข้อง, ลบสคริปต์ Workers ที่ใช้ป้องกันบอท และแสดงหน้าเตือนก่อนเข้าถึงโดเมนที่เป็นอันตราย การดำเนินการนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแนวทางจากการลบโดเมนทีละตัว ไปสู่การรื้อถอนโครงสร้างเครือข่ายแบบครบวงจร

    Microsoft และ Cloudflare ร่วมกันรื้อถอนเครือข่ายฟิชชิ่ง RaccoonO365
    ปฏิบัติการเริ่มต้นวันที่ 2 กันยายน 2025 และเสร็จสิ้นภายในวันที่ 8 กันยายน
    ยึดเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องได้ถึง 338 แห่ง

    RaccoonO365 เป็นบริการ Phishing-as-a-Service
    ให้แฮกเกอร์เช่าชุดเครื่องมือผ่าน Telegram
    ค่าบริการ $355 ต่อ 30 วัน หรือ $999 ต่อ 90 วัน
    รองรับเป้าหมายได้ถึง 9,000 อีเมลต่อวัน

    เทคนิคที่ใช้ในการหลอกลวงมีความซับซ้อน
    ใช้ CAPTCHA ปลอมและหน้าเข้าสู่ระบบ Microsoft ปลอม
    ข้ามระบบ MFA และขโมย session cookies
    ใช้แบรนด์ดังเช่น DocuSign, Adobe, Maersk เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ

    ผู้พัฒนาและผู้อยู่เบื้องหลังคือ Joshua Ogundipe
    มีพื้นฐานด้านโปรแกรมมิ่งและเขียนโค้ดส่วนใหญ่ด้วยตัวเอง
    ดำเนินการจากไนจีเรียและยังไม่ถูกจับกุม

    Cloudflare ปิดระบบสนับสนุนของเครือข่ายนี้
    ลบสคริปต์ Workers และแสดงหน้าเตือนก่อนเข้าถึงโดเมน
    ปิดบัญชีผู้ใช้ที่เกี่ยวข้องกับการโจมตี

    https://www.techradar.com/pro/security/microsoft-and-cloudflare-jointly-take-down-phishing-network-that-stole-thousands-of-microsoft-365-credentials
    📰 Microsoft และ Cloudflare ร่วมมือถล่มเครือข่ายฟิชชิ่ง RaccoonO365 — ยุติการขโมยบัญชี Microsoft 365 กว่า 5,000 รายทั่วโลก ในปฏิบัติการระดับโลกที่เริ่มต้นเมื่อเดือนกันยายน 2025 Microsoft และ Cloudflare ได้ร่วมกันรื้อถอนเครือข่ายฟิชชิ่งชื่อ RaccoonO365 ซึ่งเป็นบริการ “Phishing-as-a-Service” ที่เปิดให้แฮกเกอร์เช่าชุดเครื่องมือเพื่อขโมยบัญชี Microsoft 365 ได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องมีทักษะด้านเทคนิคใด ๆ RaccoonO365 ถูกติดตามโดย Microsoft ภายใต้ชื่อ Storm-2246 และมีรูปแบบการให้บริการแบบสมัครสมาชิก โดยคิดค่าบริการ $355 ต่อ 30 วัน หรือ $999 ต่อ 90 วัน ซึ่งผู้ใช้สามารถป้อนอีเมลเป้าหมายได้ถึง 9,000 รายต่อวัน และใช้เทคนิคหลอกลวงที่ซับซ้อน เช่น CAPTCHA ปลอม, หน้าเข้าสู่ระบบ Microsoft ปลอม, และการข้ามระบบยืนยันตัวตนแบบหลายขั้นตอน (MFA) Microsoft ได้ยื่นฟ้องต่อศาล Southern District of New York และได้รับคำสั่งให้ยึดเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องถึง 338 แห่ง พร้อมระบุผู้อยู่เบื้องหลังคือ Joshua Ogundipe จากไนจีเรีย ซึ่งเป็นผู้พัฒนาและบริหารระบบนี้ผ่าน Telegram ที่มีสมาชิกกว่า 850 คน Cloudflare เข้าร่วมปฏิบัติการโดยปิดบัญชีผู้ใช้ที่เกี่ยวข้อง, ลบสคริปต์ Workers ที่ใช้ป้องกันบอท และแสดงหน้าเตือนก่อนเข้าถึงโดเมนที่เป็นอันตราย การดำเนินการนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแนวทางจากการลบโดเมนทีละตัว ไปสู่การรื้อถอนโครงสร้างเครือข่ายแบบครบวงจร ✅ Microsoft และ Cloudflare ร่วมกันรื้อถอนเครือข่ายฟิชชิ่ง RaccoonO365 ➡️ ปฏิบัติการเริ่มต้นวันที่ 2 กันยายน 2025 และเสร็จสิ้นภายในวันที่ 8 กันยายน ➡️ ยึดเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องได้ถึง 338 แห่ง ✅ RaccoonO365 เป็นบริการ Phishing-as-a-Service ➡️ ให้แฮกเกอร์เช่าชุดเครื่องมือผ่าน Telegram ➡️ ค่าบริการ $355 ต่อ 30 วัน หรือ $999 ต่อ 90 วัน ➡️ รองรับเป้าหมายได้ถึง 9,000 อีเมลต่อวัน ✅ เทคนิคที่ใช้ในการหลอกลวงมีความซับซ้อน ➡️ ใช้ CAPTCHA ปลอมและหน้าเข้าสู่ระบบ Microsoft ปลอม ➡️ ข้ามระบบ MFA และขโมย session cookies ➡️ ใช้แบรนด์ดังเช่น DocuSign, Adobe, Maersk เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ ✅ ผู้พัฒนาและผู้อยู่เบื้องหลังคือ Joshua Ogundipe ➡️ มีพื้นฐานด้านโปรแกรมมิ่งและเขียนโค้ดส่วนใหญ่ด้วยตัวเอง ➡️ ดำเนินการจากไนจีเรียและยังไม่ถูกจับกุม ✅ Cloudflare ปิดระบบสนับสนุนของเครือข่ายนี้ ➡️ ลบสคริปต์ Workers และแสดงหน้าเตือนก่อนเข้าถึงโดเมน ➡️ ปิดบัญชีผู้ใช้ที่เกี่ยวข้องกับการโจมตี https://www.techradar.com/pro/security/microsoft-and-cloudflare-jointly-take-down-phishing-network-that-stole-thousands-of-microsoft-365-credentials
    WWW.TECHRADAR.COM
    Joint Microsoft and Cloudflare operation disrupts phishing as a service targeting Microsoft 365 credentials
    RaccoonO365 sold phishing kits that copied Microsoft emails, attachments, and websites
    0 Comments 0 Shares 212 Views 0 Reviews
  • ปากท้องพ่อค้า สำคัญกว่า แผ่นดิน : Sondhitalk EP310 - 120968 (Full)
    -ปากท้องพ่อค้า สำคัญกว่า แผ่นดิน
    -“ทักษิณ’” ติดคุก
    -“วีระ" ล้างบาง ป.ป.ช.
    -ศึกสายเลือด "ดุสิตธานี"

    สมัครสมาชิก membership ความจริงมีหนึ่งเดียว ช่อง SONDHITALK บน YouTube
    • ติดต่อสอบถามได้ที่ Line : @sondhitalk

    https://www.youtube.com/watch?v=cvL-If1ajKk
    ปากท้องพ่อค้า สำคัญกว่า แผ่นดิน : Sondhitalk EP310 - 120968 (Full) -ปากท้องพ่อค้า สำคัญกว่า แผ่นดิน -“ทักษิณ’” ติดคุก -“วีระ" ล้างบาง ป.ป.ช. -ศึกสายเลือด "ดุสิตธานี" สมัครสมาชิก membership ความจริงมีหนึ่งเดียว ช่อง SONDHITALK บน YouTube • ติดต่อสอบถามได้ที่ Line : @sondhitalk https://www.youtube.com/watch?v=cvL-If1ajKk
    Like
    Love
    Wow
    12
    1 Comments 0 Shares 1148 Views 2 Reviews
  • “Signal เปิดตัวฟีเจอร์ Secure Backups สำรองข้อมูลแบบเข้ารหัส ปลอดภัยขั้นสุด!”

    ลองจินตนาการว่า...คุณใช้ Signal เป็นช่องทางหลักในการสื่อสารกับคนสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นข้อความหวานๆ รูปครอบครัว หรือเอกสารลับทางธุรกิจ แล้ววันหนึ่งโทรศัพท์คุณพังหรือหาย—ทุกอย่างหายไปหมด ไม่มีทางกู้คืนได้เลย

    นั่นคือปัญหาที่ Signal เพิ่งแก้ไขด้วยฟีเจอร์ใหม่ “Secure Backups” ซึ่งเปิดให้ใช้ในเวอร์ชันเบต้าบน Android แล้ว และจะตามมาใน iOS และ Desktop เร็วๆ นี้

    ฟีเจอร์นี้ให้ผู้ใช้ “เลือกเปิดใช้งานเอง” (opt-in) เพื่อสำรองข้อมูลการสนทนาแบบเข้ารหัสปลายทาง (end-to-end encrypted) โดยไม่มีใคร—including Signal เอง—สามารถเข้าถึงได้ ยกเว้นคุณคนเดียวผ่าน “รหัสกู้คืน” ที่ยาวถึง 64 ตัวอักษร ซึ่งถ้าคุณทำหาย ก็ไม่มีใครช่วยคุณได้เลย

    ที่น่าสนใจคือ Signal ยังเปิดตัวระบบสมัครสมาชิกแบบเสียเงินครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของแอป เพื่อให้คุณสามารถสำรองไฟล์มีเดียย้อนหลังเกิน 45 วันได้ โดยคิดค่าบริการเพียง $1.99 ต่อเดือน ซึ่งถือว่าถูกมากเมื่อเทียบกับบริการอื่นที่มักแลกมาด้วยการขายข้อมูลผู้ใช้

    และทั้งหมดนี้ยังคงยึดมั่นในหลักการ “ไม่เก็บข้อมูลผู้ใช้” และ “ไม่ผูกบัญชีสำรองกับตัวตนของผู้ใช้” ซึ่งเป็นหัวใจของ Signal มาตลอด

    ฟีเจอร์ใหม่: Secure Backups
    เปิดให้ใช้ในเวอร์ชันเบต้าบน Android แล้ว
    จะขยายไปยัง iOS และ Desktop ในอนาคต
    เป็นฟีเจอร์แบบ opt-in ผู้ใช้ต้องเปิดใช้งานเอง
    สำรองข้อมูลแบบเข้ารหัสปลายทาง (end-to-end encryption)
    สำรองข้อความทั้งหมดและไฟล์มีเดียย้อนหลัง 45 วันได้ฟรี
    มีระบบสมัครสมาชิก $1.99/เดือน สำหรับการสำรองไฟล์มีเดียย้อนหลังเกิน 45 วัน
    ใช้เทคโนโลยี zero-knowledge ไม่ผูกกับบัญชีผู้ใช้หรือข้อมูลการชำระเงิน
    สำรองข้อมูลใหม่ทุกวันโดยอัตโนมัติ
    ข้อมูลที่ถูกตั้งให้ลบภายใน 24 ชั่วโมงจะไม่ถูกสำรองไว้

    ความปลอดภัยของระบบ
    ใช้รหัสกู้คืน 64 ตัวอักษรที่สร้างบนอุปกรณ์ของผู้ใช้
    Signal ไม่สามารถเข้าถึงหรือกู้คืนรหัสนี้ได้
    แนะนำให้เก็บรหัสไว้ในที่ปลอดภัย เช่น สมุดโน้ตหรือ password manager
    ไม่มีการเชื่อมโยงข้อมูลสำรองกับบัญชีผู้ใช้โดยตรง

    คำเตือนสำคัญ
    หากทำรหัสกู้คืนหาย จะไม่สามารถกู้คืนข้อมูลได้อีกเลย
    ข้อมูลที่ถูกลบหรือตั้งให้หายไปภายใน 24 ชั่วโมงจะไม่อยู่ในสำรอง
    ผู้ใช้ต้องเปิดใช้งานฟีเจอร์เอง มิฉะนั้นจะไม่มีการสำรองข้อมูลใดๆ
    การสำรองข้อมูลมีข้อจำกัดในเวอร์ชันฟรี (45 วันของไฟล์มีเดีย)

    https://signal.org/blog/introducing-secure-backups/
    🔐 “Signal เปิดตัวฟีเจอร์ Secure Backups สำรองข้อมูลแบบเข้ารหัส ปลอดภัยขั้นสุด!” ลองจินตนาการว่า...คุณใช้ Signal เป็นช่องทางหลักในการสื่อสารกับคนสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นข้อความหวานๆ รูปครอบครัว หรือเอกสารลับทางธุรกิจ แล้ววันหนึ่งโทรศัพท์คุณพังหรือหาย—ทุกอย่างหายไปหมด ไม่มีทางกู้คืนได้เลย นั่นคือปัญหาที่ Signal เพิ่งแก้ไขด้วยฟีเจอร์ใหม่ “Secure Backups” ซึ่งเปิดให้ใช้ในเวอร์ชันเบต้าบน Android แล้ว และจะตามมาใน iOS และ Desktop เร็วๆ นี้ ฟีเจอร์นี้ให้ผู้ใช้ “เลือกเปิดใช้งานเอง” (opt-in) เพื่อสำรองข้อมูลการสนทนาแบบเข้ารหัสปลายทาง (end-to-end encrypted) โดยไม่มีใคร—including Signal เอง—สามารถเข้าถึงได้ ยกเว้นคุณคนเดียวผ่าน “รหัสกู้คืน” ที่ยาวถึง 64 ตัวอักษร ซึ่งถ้าคุณทำหาย ก็ไม่มีใครช่วยคุณได้เลย ที่น่าสนใจคือ Signal ยังเปิดตัวระบบสมัครสมาชิกแบบเสียเงินครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของแอป เพื่อให้คุณสามารถสำรองไฟล์มีเดียย้อนหลังเกิน 45 วันได้ โดยคิดค่าบริการเพียง $1.99 ต่อเดือน ซึ่งถือว่าถูกมากเมื่อเทียบกับบริการอื่นที่มักแลกมาด้วยการขายข้อมูลผู้ใช้ และทั้งหมดนี้ยังคงยึดมั่นในหลักการ “ไม่เก็บข้อมูลผู้ใช้” และ “ไม่ผูกบัญชีสำรองกับตัวตนของผู้ใช้” ซึ่งเป็นหัวใจของ Signal มาตลอด ✅ ฟีเจอร์ใหม่: Secure Backups ➡️ เปิดให้ใช้ในเวอร์ชันเบต้าบน Android แล้ว ➡️ จะขยายไปยัง iOS และ Desktop ในอนาคต ➡️ เป็นฟีเจอร์แบบ opt-in ผู้ใช้ต้องเปิดใช้งานเอง ➡️ สำรองข้อมูลแบบเข้ารหัสปลายทาง (end-to-end encryption) ➡️ สำรองข้อความทั้งหมดและไฟล์มีเดียย้อนหลัง 45 วันได้ฟรี ➡️ มีระบบสมัครสมาชิก $1.99/เดือน สำหรับการสำรองไฟล์มีเดียย้อนหลังเกิน 45 วัน ➡️ ใช้เทคโนโลยี zero-knowledge ไม่ผูกกับบัญชีผู้ใช้หรือข้อมูลการชำระเงิน ➡️ สำรองข้อมูลใหม่ทุกวันโดยอัตโนมัติ ➡️ ข้อมูลที่ถูกตั้งให้ลบภายใน 24 ชั่วโมงจะไม่ถูกสำรองไว้ ✅ ความปลอดภัยของระบบ ➡️ ใช้รหัสกู้คืน 64 ตัวอักษรที่สร้างบนอุปกรณ์ของผู้ใช้ ➡️ Signal ไม่สามารถเข้าถึงหรือกู้คืนรหัสนี้ได้ ➡️ แนะนำให้เก็บรหัสไว้ในที่ปลอดภัย เช่น สมุดโน้ตหรือ password manager ➡️ ไม่มีการเชื่อมโยงข้อมูลสำรองกับบัญชีผู้ใช้โดยตรง ‼️ คำเตือนสำคัญ ⛔ หากทำรหัสกู้คืนหาย จะไม่สามารถกู้คืนข้อมูลได้อีกเลย ⛔ ข้อมูลที่ถูกลบหรือตั้งให้หายไปภายใน 24 ชั่วโมงจะไม่อยู่ในสำรอง ⛔ ผู้ใช้ต้องเปิดใช้งานฟีเจอร์เอง มิฉะนั้นจะไม่มีการสำรองข้อมูลใดๆ ⛔ การสำรองข้อมูลมีข้อจำกัดในเวอร์ชันฟรี (45 วันของไฟล์มีเดีย) https://signal.org/blog/introducing-secure-backups/
    SIGNAL.ORG
    Introducing Signal Secure Backups
    In the past, if you broke or lost your phone, your Signal message history was gone. This has been a challenge for people whose most important conversations happen on Signal. Think family photos, sweet messages, important documents, or anything else you don’t want to lose forever. This explains wh...
    0 Comments 0 Shares 190 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจาก Egg Minder ถึงกล้องที่ไม่มี 2FA: เมื่อเทคโนโลยีในบ้านกลายเป็นดาบสองคม

    ในยุคที่ทุกอย่างเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ การเพิ่มสมาร์ทดีไวซ์เข้าไปในบ้านดูเหมือนจะเป็นทางลัดสู่ความสะดวกสบาย แต่บทความจาก SlashGear ได้เตือนว่า มีอุปกรณ์บางประเภทที่ควรหลีกเลี่ยง เพราะมันอาจสร้างปัญหามากกว่าประโยชน์

    ตัวอย่างแรกคืออุปกรณ์ที่ต้องสมัครสมาชิกเพื่อใช้งาน เช่นชุด SmartHome ของ Telus ที่รวมกล้อง, ไฟ, และเทอร์โมสแตตไว้ในแพ็กเกจรายเดือน แม้จะดูคุ้มในตอนแรก แต่ฟีเจอร์หลักหลายอย่างถูกล็อกไว้หลัง paywall และหากเลิกจ่าย อุปกรณ์อาจกลายเป็นของไร้ประโยชน์ทันที

    อีกกลุ่มคืออุปกรณ์ที่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตลอดเวลา เช่นกล้องจาก Wyze หรือ Google Nest ที่สูญเสียฟีเจอร์สำคัญเมื่อเน็ตหลุด ซึ่งอาจทำให้ระบบรักษาความปลอดภัยในบ้านไร้ประโยชน์ในช่วงเวลาสำคัญ

    ที่น่าขำแต่จริงคือ Egg Minder—ถาดใส่ไข่ที่เชื่อมต่อแอปเพื่อบอกว่าไข่ไหนเก่า แต่กลับมีปัญหาเรื่องการซิงก์ข้อมูล, การแสดงวันหมดอายุผิด และต้องให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลเอง ทำให้มันกลายเป็นภาระมากกว่าผู้ช่วย

    ด้านความปลอดภัย กล้องหรืออุปกรณ์ล็อกที่ไม่มีระบบ two-factor authentication (2FA) ก็เป็นอีกจุดอ่อนสำคัญ เช่นกล้อง Echo ที่ไม่บังคับใช้ 2FA ทำให้ผู้ไม่หวังดีอาจเข้าถึงระบบได้ง่ายขึ้น

    สุดท้ายคือสถานีตรวจอากาศ AcuRite ที่แม้จะมีแผงโซลาร์ แต่ใช้แค่กับพัดลมภายใน ขณะที่หน้าจอยังต้องใช้แบตเตอรี่ และหากต้องการดูข้อมูลผ่านมือถือ ต้องเสียบสาย USB กับคอมพิวเตอร์ก่อน ซึ่งไม่สะดวกเลยเมื่อเทียบกับรุ่นที่เชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi ได้โดยตรง

    สมาร์ทดีไวซ์ที่ควรหลีกเลี่ยง
    อุปกรณ์ที่ต้องสมัครสมาชิก เช่น Telus SmartHome bundle
    อุปกรณ์ที่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตลอดเวลา เช่น Wyze, Google Nest
    Egg Minder ที่ต้องกรอกข้อมูลเองและซิงก์ผิดพลาดบ่อย
    กล้องหรืออุปกรณ์ล็อกที่ไม่มี 2FA เช่น Echo Camera
    สถานีอากาศ AcuRite ที่ไม่สามารถดูข้อมูลผ่านมือถือโดยตรง

    ปัญหาที่พบจากการใช้งานจริง
    ฟีเจอร์หลักถูกล็อกหลังระบบสมาชิก
    อุปกรณ์หยุดทำงานเมื่อเน็ตหลุด
    แอปซิงก์ข้อมูลผิดพลาดและต้องกรอกเอง
    ไม่มีระบบยืนยันตัวตนแบบสองขั้นตอน
    ต้องเสียบสาย USB เพื่อดูข้อมูลจากสถานีอากาศ

    ทางเลือกที่ควรพิจารณา
    เลือกอุปกรณ์ที่ไม่มีระบบสมาชิก
    ใช้อุปกรณ์ที่ทำงานได้แม้ไม่มีอินเทอร์เน็ต
    เลือกกล้องหรืออุปกรณ์ล็อกที่มี 2FA
    ใช้สถานีอากาศที่เชื่อมต่อกับมือถือผ่าน Wi-Fi

    https://www.slashgear.com/1956282/smart-devices-to-avoid-at-home/
    🎙️ เรื่องเล่าจาก Egg Minder ถึงกล้องที่ไม่มี 2FA: เมื่อเทคโนโลยีในบ้านกลายเป็นดาบสองคม ในยุคที่ทุกอย่างเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ การเพิ่มสมาร์ทดีไวซ์เข้าไปในบ้านดูเหมือนจะเป็นทางลัดสู่ความสะดวกสบาย แต่บทความจาก SlashGear ได้เตือนว่า มีอุปกรณ์บางประเภทที่ควรหลีกเลี่ยง เพราะมันอาจสร้างปัญหามากกว่าประโยชน์ ตัวอย่างแรกคืออุปกรณ์ที่ต้องสมัครสมาชิกเพื่อใช้งาน เช่นชุด SmartHome ของ Telus ที่รวมกล้อง, ไฟ, และเทอร์โมสแตตไว้ในแพ็กเกจรายเดือน แม้จะดูคุ้มในตอนแรก แต่ฟีเจอร์หลักหลายอย่างถูกล็อกไว้หลัง paywall และหากเลิกจ่าย อุปกรณ์อาจกลายเป็นของไร้ประโยชน์ทันที อีกกลุ่มคืออุปกรณ์ที่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตลอดเวลา เช่นกล้องจาก Wyze หรือ Google Nest ที่สูญเสียฟีเจอร์สำคัญเมื่อเน็ตหลุด ซึ่งอาจทำให้ระบบรักษาความปลอดภัยในบ้านไร้ประโยชน์ในช่วงเวลาสำคัญ ที่น่าขำแต่จริงคือ Egg Minder—ถาดใส่ไข่ที่เชื่อมต่อแอปเพื่อบอกว่าไข่ไหนเก่า แต่กลับมีปัญหาเรื่องการซิงก์ข้อมูล, การแสดงวันหมดอายุผิด และต้องให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลเอง ทำให้มันกลายเป็นภาระมากกว่าผู้ช่วย ด้านความปลอดภัย กล้องหรืออุปกรณ์ล็อกที่ไม่มีระบบ two-factor authentication (2FA) ก็เป็นอีกจุดอ่อนสำคัญ เช่นกล้อง Echo ที่ไม่บังคับใช้ 2FA ทำให้ผู้ไม่หวังดีอาจเข้าถึงระบบได้ง่ายขึ้น สุดท้ายคือสถานีตรวจอากาศ AcuRite ที่แม้จะมีแผงโซลาร์ แต่ใช้แค่กับพัดลมภายใน ขณะที่หน้าจอยังต้องใช้แบตเตอรี่ และหากต้องการดูข้อมูลผ่านมือถือ ต้องเสียบสาย USB กับคอมพิวเตอร์ก่อน ซึ่งไม่สะดวกเลยเมื่อเทียบกับรุ่นที่เชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi ได้โดยตรง ✅ สมาร์ทดีไวซ์ที่ควรหลีกเลี่ยง ➡️ อุปกรณ์ที่ต้องสมัครสมาชิก เช่น Telus SmartHome bundle ➡️ อุปกรณ์ที่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตลอดเวลา เช่น Wyze, Google Nest ➡️ Egg Minder ที่ต้องกรอกข้อมูลเองและซิงก์ผิดพลาดบ่อย ➡️ กล้องหรืออุปกรณ์ล็อกที่ไม่มี 2FA เช่น Echo Camera ➡️ สถานีอากาศ AcuRite ที่ไม่สามารถดูข้อมูลผ่านมือถือโดยตรง ✅ ปัญหาที่พบจากการใช้งานจริง ➡️ ฟีเจอร์หลักถูกล็อกหลังระบบสมาชิก ➡️ อุปกรณ์หยุดทำงานเมื่อเน็ตหลุด ➡️ แอปซิงก์ข้อมูลผิดพลาดและต้องกรอกเอง ➡️ ไม่มีระบบยืนยันตัวตนแบบสองขั้นตอน ➡️ ต้องเสียบสาย USB เพื่อดูข้อมูลจากสถานีอากาศ ✅ ทางเลือกที่ควรพิจารณา ➡️ เลือกอุปกรณ์ที่ไม่มีระบบสมาชิก ➡️ ใช้อุปกรณ์ที่ทำงานได้แม้ไม่มีอินเทอร์เน็ต ➡️ เลือกกล้องหรืออุปกรณ์ล็อกที่มี 2FA ➡️ ใช้สถานีอากาศที่เชื่อมต่อกับมือถือผ่าน Wi-Fi https://www.slashgear.com/1956282/smart-devices-to-avoid-at-home/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    5 Smart Devices You Should Avoid Having In Your Home - SlashGear
    Some smart devices create more hassle than help, from subscription-locked gadgets to weak security features and impractical trackers.
    0 Comments 0 Shares 174 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากโลก Container: Bitnami กำลังเปลี่ยนบ้านใหม่

    Bitnami ซึ่งเป็นชื่อที่คุ้นเคยในวงการ DevOps และ Kubernetes กำลังปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ โดยจะย้ายภาพ container และ Helm charts ออกจาก Docker Hub ไปยัง registry ใหม่ที่ปลอดภัยกว่า และบางส่วนก็จะถูกเก็บไว้ใน Bitnami Legacy ซึ่งเป็นเหมือน “โกดังเก็บของเก่า” ที่ไม่มีการอัปเดตอีกต่อไป

    การเปลี่ยนแปลงนี้เริ่มต้นตั้งแต่ 28 สิงหาคม 2025 โดยจะมีการ “brownout” หรือการปิดการเข้าถึงภาพ container บางชุดเป็นเวลา 24 ชั่วโมงในหลายช่วง เพื่อเตือนให้ผู้ใช้เตรียมตัวก่อนการลบจริงในวันที่ 29 กันยายน

    Bitnami Secure Images (BSI) คือทางเลือกใหม่ที่ปลอดภัยกว่า มีการลดจำนวนช่องโหว่ CVE อย่างมหาศาล และมีระบบรายงานความเสี่ยงแบบมืออาชีพ พร้อมรองรับ Photon Linux ซึ่งเป็นระบบที่แข็งแกร่งกว่า Debian เดิม

    แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนจะพร้อมจ่าย เพราะ BSI แบบเต็มต้องสมัครสมาชิกเชิงพาณิชย์ ซึ่งมีราคาสูงถึง $50,000–$72,000 ต่อปี ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปต้องเลือกว่าจะไปต่อกับ BSI หรือใช้ Bitnami Legacy แบบไม่มีการอัปเดตและเสี่ยงต่อความปลอดภัย

    การเปลี่ยนแปลงของ Bitnami Registry
    Bitnami จะลบ image container จาก docker.io/bitnami ภายใน 29 กันยายน 2025
    มีการ brownout ชั่วคราวในวันที่ 28 ส.ค., 2 ก.ย., และ 17 ก.ย. เพื่อเตือนผู้ใช้
    Helm charts และ source code ยังเปิดให้เข้าถึงบน GitHub ภายใต้ Apache 2.0

    Bitnami Secure Images (BSI)
    เป็นภาพ container ที่ผ่านการ hardening และลด CVE ได้มากกว่า 100 รายการ
    มีระบบรายงาน VEX, KEV, EPSS และ UI/API สำหรับจัดการ metadata
    รองรับ Photon Linux ที่ปลอดภัยกว่า Debian และใช้ร่วมกับ Helm charts เดิมได้
    มี distroless charts ที่ลด attack surface ได้ถึง 83%
    ส่งภาพผ่าน private OCI registry เพื่อหลีกเลี่ยง rate limit ของ Docker Hub

    Bitnami Legacy Registry
    เป็น registry สำหรับภาพ container เก่าแบบไม่มีการอัปเดต
    เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ยังไม่พร้อมเปลี่ยน แต่เสี่ยงต่อช่องโหว่ในอนาคต
    แนะนำให้คัดลอก image ไปยัง registry ส่วนตัวเพื่อความปลอดภัย

    เหตุผลที่ควรเปลี่ยนตอนนี้
    จำนวนแพ็กเกจ open source ที่เป็นอันตรายเพิ่มขึ้นกว่า 245,000 รายการในช่วง 2019–2023
    Cyber Resilience Act ของ EU กำหนดให้ต้องมีหลักฐานความปลอดภัยของซอฟต์แวร์
    การใช้ BSI ช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มความสามารถในการปฏิบัติตามข้อกำหนด

    https://community.broadcom.com/tanzu/blogs/beltran-rueda-borrego/2025/08/18/how-to-prepare-for-the-bitnami-changes-coming-soon
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลก Container: Bitnami กำลังเปลี่ยนบ้านใหม่ Bitnami ซึ่งเป็นชื่อที่คุ้นเคยในวงการ DevOps และ Kubernetes กำลังปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ โดยจะย้ายภาพ container และ Helm charts ออกจาก Docker Hub ไปยัง registry ใหม่ที่ปลอดภัยกว่า และบางส่วนก็จะถูกเก็บไว้ใน Bitnami Legacy ซึ่งเป็นเหมือน “โกดังเก็บของเก่า” ที่ไม่มีการอัปเดตอีกต่อไป การเปลี่ยนแปลงนี้เริ่มต้นตั้งแต่ 28 สิงหาคม 2025 โดยจะมีการ “brownout” หรือการปิดการเข้าถึงภาพ container บางชุดเป็นเวลา 24 ชั่วโมงในหลายช่วง เพื่อเตือนให้ผู้ใช้เตรียมตัวก่อนการลบจริงในวันที่ 29 กันยายน Bitnami Secure Images (BSI) คือทางเลือกใหม่ที่ปลอดภัยกว่า มีการลดจำนวนช่องโหว่ CVE อย่างมหาศาล และมีระบบรายงานความเสี่ยงแบบมืออาชีพ พร้อมรองรับ Photon Linux ซึ่งเป็นระบบที่แข็งแกร่งกว่า Debian เดิม แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนจะพร้อมจ่าย เพราะ BSI แบบเต็มต้องสมัครสมาชิกเชิงพาณิชย์ ซึ่งมีราคาสูงถึง $50,000–$72,000 ต่อปี ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปต้องเลือกว่าจะไปต่อกับ BSI หรือใช้ Bitnami Legacy แบบไม่มีการอัปเดตและเสี่ยงต่อความปลอดภัย ✅ การเปลี่ยนแปลงของ Bitnami Registry ➡️ Bitnami จะลบ image container จาก docker.io/bitnami ภายใน 29 กันยายน 2025 ➡️ มีการ brownout ชั่วคราวในวันที่ 28 ส.ค., 2 ก.ย., และ 17 ก.ย. เพื่อเตือนผู้ใช้ ➡️ Helm charts และ source code ยังเปิดให้เข้าถึงบน GitHub ภายใต้ Apache 2.0 ✅ Bitnami Secure Images (BSI) ➡️ เป็นภาพ container ที่ผ่านการ hardening และลด CVE ได้มากกว่า 100 รายการ ➡️ มีระบบรายงาน VEX, KEV, EPSS และ UI/API สำหรับจัดการ metadata ➡️ รองรับ Photon Linux ที่ปลอดภัยกว่า Debian และใช้ร่วมกับ Helm charts เดิมได้ ➡️ มี distroless charts ที่ลด attack surface ได้ถึง 83% ➡️ ส่งภาพผ่าน private OCI registry เพื่อหลีกเลี่ยง rate limit ของ Docker Hub ✅ Bitnami Legacy Registry ➡️ เป็น registry สำหรับภาพ container เก่าแบบไม่มีการอัปเดต ➡️ เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ยังไม่พร้อมเปลี่ยน แต่เสี่ยงต่อช่องโหว่ในอนาคต ➡️ แนะนำให้คัดลอก image ไปยัง registry ส่วนตัวเพื่อความปลอดภัย ✅ เหตุผลที่ควรเปลี่ยนตอนนี้ ➡️ จำนวนแพ็กเกจ open source ที่เป็นอันตรายเพิ่มขึ้นกว่า 245,000 รายการในช่วง 2019–2023 ➡️ Cyber Resilience Act ของ EU กำหนดให้ต้องมีหลักฐานความปลอดภัยของซอฟต์แวร์ ➡️ การใช้ BSI ช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มความสามารถในการปฏิบัติตามข้อกำหนด https://community.broadcom.com/tanzu/blogs/beltran-rueda-borrego/2025/08/18/how-to-prepare-for-the-bitnami-changes-coming-soon
    0 Comments 0 Shares 161 Views 0 Reviews
  • iKKO MindOne: สมาร์ตโฟนจิ๋วที่อัดแน่นด้วย AI และอินเทอร์เน็ตฟรี

    ลองจินตนาการว่าคุณมีสมาร์ตโฟนขนาดเท่าบัตรเครดิต แต่สามารถทำงานได้เหมือนเครื่องมือระดับมืออาชีพ ทั้งแปลภาษาแบบเรียลไทม์ บันทึกเสียงเป็นข้อความ และสรุปเนื้อหาอัตโนมัติ—ทั้งหมดนี้โดยไม่ต้องเสียค่าสมัครสมาชิกใด ๆ

    นั่นคือสิ่งที่ iKKO MindOne เสนอไว้ในแคมเปญระดมทุนที่ระดมได้มากกว่า 1.2 ล้านดอลลาร์ ตัวเครื่องมีขนาด 86×72×8.9 มม. ใช้หน้าจอ AMOLED ขนาด 4.02 นิ้ว พร้อมกระจกแซฟไฟร์กันรอยระดับ 9H และกล้อง Sony 50MP ที่หมุนได้ 180° ใช้ได้ทั้งหน้าและหลัง

    ที่โดดเด่นคือระบบ vSIM แบบคู่: NovaLink ให้ใช้งาน AI ฟรีในกว่า 60 ประเทศ ส่วน vSIM แบบเสียเงินครอบคลุมกว่า 140 ประเทศสำหรับการใช้งานเต็มรูปแบบ เช่น ดูวิดีโอหรือท่องเว็บ นอกจากนี้ยังมีช่องใส่ nano SIM สำหรับ 4G+ LTE ที่เลือกใช้แทน 5G เพื่อความเสถียรและประหยัดพลังงาน

    ระบบปฏิบัติการมีสองชุด: Android 15 สำหรับแอปทั่วไป และ iKKO AI OS สำหรับงานที่ต้องการสมาธิและความปลอดภัย โดยสามารถสลับผ่านปุ่มจริง และนำแอป Android เข้าไปใช้ในโหมด AI ได้

    อุปกรณ์เสริมอย่างเคสคีย์บอร์ด QWERTY ยังเพิ่มแบตเตอรี่เสริม 500mAh, DAC คุณภาพสูง Cirrus Logic CS43198 และช่องหูฟัง 3.5 มม. สำหรับคนที่ต้องการเสียงคุณภาพและการพิมพ์แบบ tactile

    ข้อมูลพื้นฐานของ iKKO MindOne
    ขนาด 86×72×8.9 มม. หนาเท่าบัตรเครดิต
    หน้าจอ AMOLED 4.02 นิ้ว พร้อมกระจกแซฟไฟร์ระดับ 9H
    กล้อง Sony 50MP หมุนได้ 180° ใช้ได้ทั้งหน้าและหลัง

    ระบบการเชื่อมต่อและอินเทอร์เน็ต
    ใช้ระบบ vSIM แบบคู่: NovaLink (ฟรี AI) และ vSIM แบบเสียเงิน
    ครอบคลุมกว่า 140 ประเทศสำหรับการใช้งานเต็มรูปแบบ
    รองรับ nano SIM สำหรับ 4G+ LTE ทั่วโลก
    เลือกใช้ 4G+ แทน 5G เพื่อความเสถียรและลดความร้อน

    ระบบปฏิบัติการและฟีเจอร์ AI
    ใช้ Android 15 และ iKKO AI OS สลับได้ผ่านปุ่มจริง
    รองรับ Google Mobile Services และอัปเดต Android 3 รุ่น + แพตช์ 5 ปี
    ฟีเจอร์ AI: แปลภาษา, สรุปเนื้อหา, บันทึกเสียงเป็นข้อความ, จดโน้ตอัตโนมัติ
    ไม่มีค่าสมัครสมาชิก และไม่เก็บข้อมูลส่วนตัว

    อุปกรณ์เสริมและการใช้งาน
    เคสคีย์บอร์ด QWERTY พร้อมแบตเตอรี่เสริม 500mAh
    DAC Cirrus Logic CS43198 และช่องหูฟัง 3.5 มม. สำหรับเสียงคุณภาพสูง
    เหมาะกับนักเดินทาง นักเรียน และผู้ใช้ที่ต้องการความคล่องตัว

    ยังไม่มีข้อมูลสเปก CPU และ RAM อย่างเป็นทางการ
    การใช้งานอินเทอร์เน็ตฟรีจำกัดเฉพาะฟีเจอร์ AI เท่านั้น ไม่รวมการท่องเว็บหรือดูวิดีโอ
    เคสคีย์บอร์ดเพิ่มขนาดและน้ำหนักของเครื่อง
    ยังไม่ชัดเจนว่าคุณภาพการผลิตจริงจะตรงกับที่โฆษณาหรือไม่
    การใช้งานในบางประเทศอาจมีข้อจำกัดด้านเครือข่ายหรือกฎหมาย

    https://www.techradar.com/pro/crowdfunded-ai-smartphone-with-free-global-internet-detachable-keyboard-and-square-screen-gets-over-usd1-million-pledge-and-its-strangely-mesmerizing
    🧠 iKKO MindOne: สมาร์ตโฟนจิ๋วที่อัดแน่นด้วย AI และอินเทอร์เน็ตฟรี ลองจินตนาการว่าคุณมีสมาร์ตโฟนขนาดเท่าบัตรเครดิต แต่สามารถทำงานได้เหมือนเครื่องมือระดับมืออาชีพ ทั้งแปลภาษาแบบเรียลไทม์ บันทึกเสียงเป็นข้อความ และสรุปเนื้อหาอัตโนมัติ—ทั้งหมดนี้โดยไม่ต้องเสียค่าสมัครสมาชิกใด ๆ นั่นคือสิ่งที่ iKKO MindOne เสนอไว้ในแคมเปญระดมทุนที่ระดมได้มากกว่า 1.2 ล้านดอลลาร์ ตัวเครื่องมีขนาด 86×72×8.9 มม. ใช้หน้าจอ AMOLED ขนาด 4.02 นิ้ว พร้อมกระจกแซฟไฟร์กันรอยระดับ 9H และกล้อง Sony 50MP ที่หมุนได้ 180° ใช้ได้ทั้งหน้าและหลัง ที่โดดเด่นคือระบบ vSIM แบบคู่: NovaLink ให้ใช้งาน AI ฟรีในกว่า 60 ประเทศ ส่วน vSIM แบบเสียเงินครอบคลุมกว่า 140 ประเทศสำหรับการใช้งานเต็มรูปแบบ เช่น ดูวิดีโอหรือท่องเว็บ นอกจากนี้ยังมีช่องใส่ nano SIM สำหรับ 4G+ LTE ที่เลือกใช้แทน 5G เพื่อความเสถียรและประหยัดพลังงาน ระบบปฏิบัติการมีสองชุด: Android 15 สำหรับแอปทั่วไป และ iKKO AI OS สำหรับงานที่ต้องการสมาธิและความปลอดภัย โดยสามารถสลับผ่านปุ่มจริง และนำแอป Android เข้าไปใช้ในโหมด AI ได้ อุปกรณ์เสริมอย่างเคสคีย์บอร์ด QWERTY ยังเพิ่มแบตเตอรี่เสริม 500mAh, DAC คุณภาพสูง Cirrus Logic CS43198 และช่องหูฟัง 3.5 มม. สำหรับคนที่ต้องการเสียงคุณภาพและการพิมพ์แบบ tactile ✅ ข้อมูลพื้นฐานของ iKKO MindOne ➡️ ขนาด 86×72×8.9 มม. หนาเท่าบัตรเครดิต ➡️ หน้าจอ AMOLED 4.02 นิ้ว พร้อมกระจกแซฟไฟร์ระดับ 9H ➡️ กล้อง Sony 50MP หมุนได้ 180° ใช้ได้ทั้งหน้าและหลัง ✅ ระบบการเชื่อมต่อและอินเทอร์เน็ต ➡️ ใช้ระบบ vSIM แบบคู่: NovaLink (ฟรี AI) และ vSIM แบบเสียเงิน ➡️ ครอบคลุมกว่า 140 ประเทศสำหรับการใช้งานเต็มรูปแบบ ➡️ รองรับ nano SIM สำหรับ 4G+ LTE ทั่วโลก ➡️ เลือกใช้ 4G+ แทน 5G เพื่อความเสถียรและลดความร้อน ✅ ระบบปฏิบัติการและฟีเจอร์ AI ➡️ ใช้ Android 15 และ iKKO AI OS สลับได้ผ่านปุ่มจริง ➡️ รองรับ Google Mobile Services และอัปเดต Android 3 รุ่น + แพตช์ 5 ปี ➡️ ฟีเจอร์ AI: แปลภาษา, สรุปเนื้อหา, บันทึกเสียงเป็นข้อความ, จดโน้ตอัตโนมัติ ➡️ ไม่มีค่าสมัครสมาชิก และไม่เก็บข้อมูลส่วนตัว ✅ อุปกรณ์เสริมและการใช้งาน ➡️ เคสคีย์บอร์ด QWERTY พร้อมแบตเตอรี่เสริม 500mAh ➡️ DAC Cirrus Logic CS43198 และช่องหูฟัง 3.5 มม. สำหรับเสียงคุณภาพสูง ➡️ เหมาะกับนักเดินทาง นักเรียน และผู้ใช้ที่ต้องการความคล่องตัว ⛔ ยังไม่มีข้อมูลสเปก CPU และ RAM อย่างเป็นทางการ ⛔ การใช้งานอินเทอร์เน็ตฟรีจำกัดเฉพาะฟีเจอร์ AI เท่านั้น ไม่รวมการท่องเว็บหรือดูวิดีโอ ⛔ เคสคีย์บอร์ดเพิ่มขนาดและน้ำหนักของเครื่อง ⛔ ยังไม่ชัดเจนว่าคุณภาพการผลิตจริงจะตรงกับที่โฆษณาหรือไม่ ⛔ การใช้งานในบางประเทศอาจมีข้อจำกัดด้านเครือข่ายหรือกฎหมาย https://www.techradar.com/pro/crowdfunded-ai-smartphone-with-free-global-internet-detachable-keyboard-and-square-screen-gets-over-usd1-million-pledge-and-its-strangely-mesmerizing
    0 Comments 0 Shares 318 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากโลก AI วิดีโอ: Grok Imagine กับโหมด “Spicy” ที่ทั้งสร้างสรรค์และสั่นสะเทือน

    Elon Musk และทีม xAI ได้เปิดตัว Grok Imagine เครื่องมือสร้างวิดีโอด้วย AI สำหรับผู้ใช้บนแพลตฟอร์ม X (เดิมคือ Twitter) โดยผู้ใช้ที่สมัครสมาชิกระดับ SuperGrok ($30/เดือน) หรือ Premium+ ($35/เดือน) จะสามารถเข้าถึงฟีเจอร์นี้ผ่านแอป Grok ได้ทันที

    Grok Imagine สามารถสร้างวิดีโอสั้นความยาว 6 วินาทีจากข้อความหรือภาพนิ่ง พร้อมเสียงประกอบแบบซิงก์ ซึ่งทำให้มันโดดเด่นกว่าคู่แข่งอย่าง Sora, Veo 3 หรือ Runway ที่ยังไม่มีระบบเสียงในตัว

    แต่สิ่งที่ทำให้เกิดกระแสคือ “Spicy Mode” ซึ่งเปิดให้ผู้ใช้สามารถสร้างวิดีโอที่มีเนื้อหาเร้าอารมณ์ได้ในระดับหนึ่ง แม้จะมีระบบกรองไม่ให้เกิดภาพโป๊หรือเนื้อหาทางเพศโดยตรง แต่ก็มีผู้ใช้บางรายพยายามทดสอบขอบเขตของระบบอย่างหนัก เช่นการสร้างภาพนางฟ้าในชุดวาบหวิวที่ Musk เองโพสต์ลง X

    แม้ xAI จะยืนยันว่ามีระบบกรองและตรวจสอบ แต่หลายฝ่ายก็ยังตั้งคำถามถึงความเหมาะสม โดยเฉพาะเมื่อ Grok เคยมีประวัติเกี่ยวกับการแสดงความเห็นสุดโต่งในอดีต

    Grok Imagine เปิดให้ผู้ใช้ SuperGrok และ Premium+ ใช้งาน
    สร้างวิดีโอ 6 วินาทีจากข้อความหรือภาพนิ่ง พร้อมเสียงประกอบ

    Elon Musk เปรียบ Grok Imagine ว่าเป็น “AI Vine”
    เน้นวิดีโอสั้นที่แชร์ง่ายและสร้างได้เร็ว

    Spicy Mode เปิดให้สร้างวิดีโอที่มีเนื้อหาเร้าอารมณ์
    มีระบบกรองไม่ให้เกิดภาพโป๊หรือเนื้อหาทางเพศโดยตรง

    ผู้ใช้สามารถอัปโหลดภาพนิ่งเพื่อแปลงเป็นวิดีโอวนลูป
    เพิ่มความยืดหยุ่นในการสร้างคอนเทนต์

    Grok Imagine มีระบบอัปเดตทุกไม่กี่วัน
    เพื่อปรับปรุงคุณภาพและความสามารถของโมเดล

    Grok Imagine ใช้สถาปัตยกรรม Aurora และ GPU กว่า 100,000 ตัว
    เพื่อรองรับการประมวลผลวิดีโอแบบเรียลไทม์

    วิดีโอที่สร้างสามารถดาวน์โหลด แชร์ หรือจัดเก็บเป็นคอลเลกชัน
    ทำให้เหมาะกับการใช้งานเชิงธุรกิจและการเรียนการสอน

    มีการเปรียบเทียบกับ Sora และ Veo 3 ว่า Grok เน้นความเร็วและความกล้า
    โดยเฉพาะในด้านเนื้อหาที่ท้าทายขอบเขต

    Elon Musk เคยกล่าวว่า Grok จะ “ดีขึ้นทุกวัน”
    สะท้อนแนวคิดการพัฒนาแบบต่อเนื่องและเปิดรับฟีดแบ็ก

    มีผู้ใช้บางรายเริ่มใช้ Grok Imagine สร้างวิดีโอโฆษณาและเนื้อหา TikTok
    ทำให้เกิดกระแส “AI creator economy” ใหม่

    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/grok-rolls-out-ai-video-creator-for-x-with-bonus-spicy-mode
    🎬🔥 เรื่องเล่าจากโลก AI วิดีโอ: Grok Imagine กับโหมด “Spicy” ที่ทั้งสร้างสรรค์และสั่นสะเทือน Elon Musk และทีม xAI ได้เปิดตัว Grok Imagine เครื่องมือสร้างวิดีโอด้วย AI สำหรับผู้ใช้บนแพลตฟอร์ม X (เดิมคือ Twitter) โดยผู้ใช้ที่สมัครสมาชิกระดับ SuperGrok ($30/เดือน) หรือ Premium+ ($35/เดือน) จะสามารถเข้าถึงฟีเจอร์นี้ผ่านแอป Grok ได้ทันที Grok Imagine สามารถสร้างวิดีโอสั้นความยาว 6 วินาทีจากข้อความหรือภาพนิ่ง พร้อมเสียงประกอบแบบซิงก์ ซึ่งทำให้มันโดดเด่นกว่าคู่แข่งอย่าง Sora, Veo 3 หรือ Runway ที่ยังไม่มีระบบเสียงในตัว แต่สิ่งที่ทำให้เกิดกระแสคือ “Spicy Mode” ซึ่งเปิดให้ผู้ใช้สามารถสร้างวิดีโอที่มีเนื้อหาเร้าอารมณ์ได้ในระดับหนึ่ง แม้จะมีระบบกรองไม่ให้เกิดภาพโป๊หรือเนื้อหาทางเพศโดยตรง แต่ก็มีผู้ใช้บางรายพยายามทดสอบขอบเขตของระบบอย่างหนัก เช่นการสร้างภาพนางฟ้าในชุดวาบหวิวที่ Musk เองโพสต์ลง X แม้ xAI จะยืนยันว่ามีระบบกรองและตรวจสอบ แต่หลายฝ่ายก็ยังตั้งคำถามถึงความเหมาะสม โดยเฉพาะเมื่อ Grok เคยมีประวัติเกี่ยวกับการแสดงความเห็นสุดโต่งในอดีต ✅ Grok Imagine เปิดให้ผู้ใช้ SuperGrok และ Premium+ ใช้งาน ➡️ สร้างวิดีโอ 6 วินาทีจากข้อความหรือภาพนิ่ง พร้อมเสียงประกอบ ✅ Elon Musk เปรียบ Grok Imagine ว่าเป็น “AI Vine” ➡️ เน้นวิดีโอสั้นที่แชร์ง่ายและสร้างได้เร็ว ✅ Spicy Mode เปิดให้สร้างวิดีโอที่มีเนื้อหาเร้าอารมณ์ ➡️ มีระบบกรองไม่ให้เกิดภาพโป๊หรือเนื้อหาทางเพศโดยตรง ✅ ผู้ใช้สามารถอัปโหลดภาพนิ่งเพื่อแปลงเป็นวิดีโอวนลูป ➡️ เพิ่มความยืดหยุ่นในการสร้างคอนเทนต์ ✅ Grok Imagine มีระบบอัปเดตทุกไม่กี่วัน ➡️ เพื่อปรับปรุงคุณภาพและความสามารถของโมเดล ✅ Grok Imagine ใช้สถาปัตยกรรม Aurora และ GPU กว่า 100,000 ตัว ➡️ เพื่อรองรับการประมวลผลวิดีโอแบบเรียลไทม์ ✅ วิดีโอที่สร้างสามารถดาวน์โหลด แชร์ หรือจัดเก็บเป็นคอลเลกชัน ➡️ ทำให้เหมาะกับการใช้งานเชิงธุรกิจและการเรียนการสอน ✅ มีการเปรียบเทียบกับ Sora และ Veo 3 ว่า Grok เน้นความเร็วและความกล้า ➡️ โดยเฉพาะในด้านเนื้อหาที่ท้าทายขอบเขต ✅ Elon Musk เคยกล่าวว่า Grok จะ “ดีขึ้นทุกวัน” ➡️ สะท้อนแนวคิดการพัฒนาแบบต่อเนื่องและเปิดรับฟีดแบ็ก ✅ มีผู้ใช้บางรายเริ่มใช้ Grok Imagine สร้างวิดีโอโฆษณาและเนื้อหา TikTok ➡️ ทำให้เกิดกระแส “AI creator economy” ใหม่ https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/grok-rolls-out-ai-video-creator-for-x-with-bonus-spicy-mode
    0 Comments 0 Shares 311 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากฟอรั่มใต้ดิน: เมื่อ XSS.IS ถูกปิดตายหลังผู้ดูแลถูกจับในยูเครน

    XSS.IS เป็นฟอรั่มอาชญากรรมไซเบอร์ที่มีสมาชิกกว่า 50,000 คน เปิดตัวครั้งแรกในปี 2004 ภายใต้ชื่อ DaMaGeLaB ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็น XSS ในปี 2018 เพื่อสร้างภาพลักษณ์ใหม่ที่เน้นด้านเทคนิค โดยอ้างอิงจากช่องโหว่ “cross-site scripting”

    ฟอรั่มนี้เป็นแหล่งซื้อขาย:
    - ข้อมูลบัญชีที่ถูกขโมย
    - ระบบที่ถูกแฮก
    - ชุด ransomware
    - ฐานข้อมูล
    - ช่องทางสื่อสารแบบเข้ารหัสผ่าน Jabber

    ผู้ใช้ต้องผ่านการตรวจสอบอย่างเข้มงวด และบางรายต้องจ่ายเงินเพื่อสมัครสมาชิก เพื่อป้องกันสแปมและการแฝงตัวของเจ้าหน้าที่รัฐ

    เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2025 ทางการยูเครนจับกุมผู้ต้องสงสัยว่าเป็นผู้ดูแลระบบ โดยได้รับความร่วมมือจาก Europol และตำรวจฝรั่งเศส (BL2C) จากนั้นเว็บไซต์หลักของ XSS.IS ถูกเปลี่ยนเป็นหน้าประกาศยึดระบบ ส่วนโดเมน dark web (.onion) และ mirror domain (XSS.AS) กลับขึ้นข้อความ “504 Gateway Timeout”

    ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่าผู้ต้องสงสัยเป็นพลเมืองยูเครนหรือรัสเซีย และยังไม่ทราบว่าหน่วยงานรัฐสามารถเข้าถึง Telegram ของผู้ดูแลได้หรือไม่

    ผู้ดูแลระบบของ XSS.IS ถูกจับกุมในยูเครนเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2025
    ปฏิบัติการร่วมระหว่าง SBU ยูเครน, Europol และตำรวจฝรั่งเศส BL2C

    เว็บไซต์หลักของ XSS.IS ถูกเปลี่ยนเป็นหน้าประกาศยึดระบบ
    ส่วนโดเมน dark web และ mirror domain แสดงข้อความ “504 Gateway Timeout”

    XSS.IS เป็นฟอรั่มอาชญากรรมไซเบอร์ที่มีสมาชิกกว่า 50,000 คน
    ต้องผ่านการตรวจสอบและบางรายต้องจ่ายเงินเพื่อสมัครสมาชิก

    ฟอรั่มนี้เป็นแหล่งซื้อขายข้อมูลที่ถูกขโมย, ransomware, และช่องทางสื่อสารแบบเข้ารหัส
    สร้างรายได้หลายล้านดอลลาร์จากค่าธรรมเนียมและโฆษณา

    เดิมชื่อ DaMaGeLaB ก่อนเปลี่ยนเป็น XSS ในปี 2018 เพื่อสร้างภาพลักษณ์ใหม่
    ชื่อใหม่อ้างอิงจากช่องโหว่ cross-site scripting ที่คุ้นเคยในวงการแฮกเกอร์

    Europol ระบุว่าข้อมูลผู้ใช้ถูกยึดและกำลังถูกวิเคราะห์เพื่อใช้ในการสืบสวนต่อ
    เพื่อขยายผลการจับกุมและติดตามเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ทั่วโลก

    https://hackread.com/xss-is-cybercrime-forum-seized-ukraine-arrested-admin/
    🎙️ เรื่องเล่าจากฟอรั่มใต้ดิน: เมื่อ XSS.IS ถูกปิดตายหลังผู้ดูแลถูกจับในยูเครน XSS.IS เป็นฟอรั่มอาชญากรรมไซเบอร์ที่มีสมาชิกกว่า 50,000 คน เปิดตัวครั้งแรกในปี 2004 ภายใต้ชื่อ DaMaGeLaB ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็น XSS ในปี 2018 เพื่อสร้างภาพลักษณ์ใหม่ที่เน้นด้านเทคนิค โดยอ้างอิงจากช่องโหว่ “cross-site scripting” ฟอรั่มนี้เป็นแหล่งซื้อขาย: - ข้อมูลบัญชีที่ถูกขโมย - ระบบที่ถูกแฮก - ชุด ransomware - ฐานข้อมูล - ช่องทางสื่อสารแบบเข้ารหัสผ่าน Jabber ผู้ใช้ต้องผ่านการตรวจสอบอย่างเข้มงวด และบางรายต้องจ่ายเงินเพื่อสมัครสมาชิก เพื่อป้องกันสแปมและการแฝงตัวของเจ้าหน้าที่รัฐ เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2025 ทางการยูเครนจับกุมผู้ต้องสงสัยว่าเป็นผู้ดูแลระบบ โดยได้รับความร่วมมือจาก Europol และตำรวจฝรั่งเศส (BL2C) จากนั้นเว็บไซต์หลักของ XSS.IS ถูกเปลี่ยนเป็นหน้าประกาศยึดระบบ ส่วนโดเมน dark web (.onion) และ mirror domain (XSS.AS) กลับขึ้นข้อความ “504 Gateway Timeout” ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่าผู้ต้องสงสัยเป็นพลเมืองยูเครนหรือรัสเซีย และยังไม่ทราบว่าหน่วยงานรัฐสามารถเข้าถึง Telegram ของผู้ดูแลได้หรือไม่ ✅ ผู้ดูแลระบบของ XSS.IS ถูกจับกุมในยูเครนเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2025 ➡️ ปฏิบัติการร่วมระหว่าง SBU ยูเครน, Europol และตำรวจฝรั่งเศส BL2C ✅ เว็บไซต์หลักของ XSS.IS ถูกเปลี่ยนเป็นหน้าประกาศยึดระบบ ➡️ ส่วนโดเมน dark web และ mirror domain แสดงข้อความ “504 Gateway Timeout” ✅ XSS.IS เป็นฟอรั่มอาชญากรรมไซเบอร์ที่มีสมาชิกกว่า 50,000 คน ➡️ ต้องผ่านการตรวจสอบและบางรายต้องจ่ายเงินเพื่อสมัครสมาชิก ✅ ฟอรั่มนี้เป็นแหล่งซื้อขายข้อมูลที่ถูกขโมย, ransomware, และช่องทางสื่อสารแบบเข้ารหัส ➡️ สร้างรายได้หลายล้านดอลลาร์จากค่าธรรมเนียมและโฆษณา ✅ เดิมชื่อ DaMaGeLaB ก่อนเปลี่ยนเป็น XSS ในปี 2018 เพื่อสร้างภาพลักษณ์ใหม่ ➡️ ชื่อใหม่อ้างอิงจากช่องโหว่ cross-site scripting ที่คุ้นเคยในวงการแฮกเกอร์ ✅ Europol ระบุว่าข้อมูลผู้ใช้ถูกยึดและกำลังถูกวิเคราะห์เพื่อใช้ในการสืบสวนต่อ ➡️ เพื่อขยายผลการจับกุมและติดตามเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ทั่วโลก https://hackread.com/xss-is-cybercrime-forum-seized-ukraine-arrested-admin/
    HACKREAD.COM
    XSS.IS Cybercrime Forum Seized After Admin Arrested in Ukraine
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 Comments 0 Shares 439 Views 0 Reviews
  • ไทยรัฐฉบับพิมพ์อ่านไม่ฟรี ใช้ระบบ Subscription จริงจัง

    ในยุคดิจิทัลดิสรัปชัน สื่อมวลชนค่ายต่างๆ พยายามแสวงหารายได้ทดแทนช่องทางดั้งเดิม เช่น การลงโฆษณาผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ ที่มีแนวโน้มลดลง ถูกแทนที่ด้วยสื่อโซเชียลฯ และอินฟลูเอนเซอร์ ล่าสุดเว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์ได้ปรับเปลี่ยนหน้าไทยรัฐฉบับพิมพ์ ซึ่งลงข่าวจากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐในช่วงสายๆ ของวัน หลังหนังสือพิมพ์วางแผงไปแล้ว เปลี่ยนเป็นหนังสือพิมพ์ไทยรัฐฉบับดิจิทัล (Thairath E-Newspaper) เมื่อวันที่ 15 ก.ค. เมื่อสมัครสมาชิกแล้ว สามารถอ่านทุกข่าว และคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐได้ไม่จำกัด และไม่มีโฆษณา

    หนังสือพิมพ์ไทยรัฐฉบับดิจิทัลจะอัปเดตหนังสือพิมพ์ฉบับใหม่เป็นประจำทุกวัน ตั้งแต่เวลาตีห้า (05.00 น.) เป็นต้นไป และอ่านฉบับย้อนหลังได้ตลอดทั้งปี ซึ่งกลุ่มเป้าหมายแตกต่างจากกลุ่มผู้บริโภคสื่อทั่วไปที่อ่านข่าวฟรี แต่มุ่งไปที่นักเรียน นักศึกษา และนักวิชาการที่ต้องการแหล่งอ้างอิง นักธุรกิจและผู้นำองค์กรที่ต้องการติดตามสถานการณ์สังคม การเมือง และเศรษฐกิจ รวมทั้งคนที่ต้องการเสพข่าวในรูปแบบหนังสือพิมพ์ ที่สรุปข่าวของเมื่อวานนี้แบบครบประเด็น โดยไม่ต้องย้อนดูข่าวออนไลน์หลายหน้าเว็บเพจ ซึ่งจุดแข็งของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ คือเนื้อหาข่าวย่อยให้เข้าใจง่าย

    แม้ว่าไทยรัฐกรุ๊ป จะออกกลยุทธ์ Subscription ช้ากว่าค่ายอื่น เพราะให้อ่านฟรีมานาน เมื่อเทียบกับกรุงเทพธุรกิจ ที่ทำหนังสือพิมพ์รูปแบบดิจิทัล i-NewsPaper มานานแล้ว หรือสื่อหลายค่ายต่างพึ่งแพลตฟอร์มออนไลน์ทั้งในประเทศ เช่น ปิ่นโต (pintobook.com) หรือต่างประเทศอย่าง Pressreader (pressreader.com) ก็ตาม แต่ก็เป็นการดัดแปลงจากระบบของตัวเอง จึงไม่ต้องพึ่งพาแพลตฟอร์มต่างประเทศซึ่งมีค่าใช้จ่าย ในต่างประเทศค่ายสื่อต่างก็ใช้กลยุทธ์ Subscription เพียงแต่ว่าเส้นทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะยอดสมัครเพียงแค่ไม่กี่เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับประชากรทั้งประเทศ

    อีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจ เมื่อสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ (SONP) เผยแพร่สถิติเว็บไซต์ข่าวเดือน มิ.ย.2568 พบว่าไทยรัฐออนไลน์มีค่าเฉลี่ยการดูเว็บเพจ (Avg.PV/User) อยู่ที่ 7.3 หน้าต่อคนต่อวัน สูงกว่าค่ายอื่นอย่างผู้จัดการออนไลน์ 3.4 หน้าต่อคนต่อวัน ข่าวสดออนไลน์ 2.4 หน้าต่อคนต่อวัน คนในแวดวงสื่อจึงสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น บ้างก็คาดว่าเป็นเพราะกูเกิลใช้ฟีเจอร์ AI Overviews หากเป็นเช่นนั้นจริงคนทำสื่อและเว็บทั่วไปต้องปรับตัวอีกรอบ แต่เมื่อคุยกับแหล่งข่าวในค่ายไทยรัฐ ระบุว่าช่วงนี้แจกทองครบรอบ 11 ปีไทยรัฐทีวี ทำให้มีผู้เข้าชมมากเป็นพิเศษ

    #Newskit
    ไทยรัฐฉบับพิมพ์อ่านไม่ฟรี ใช้ระบบ Subscription จริงจัง ในยุคดิจิทัลดิสรัปชัน สื่อมวลชนค่ายต่างๆ พยายามแสวงหารายได้ทดแทนช่องทางดั้งเดิม เช่น การลงโฆษณาผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ ที่มีแนวโน้มลดลง ถูกแทนที่ด้วยสื่อโซเชียลฯ และอินฟลูเอนเซอร์ ล่าสุดเว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์ได้ปรับเปลี่ยนหน้าไทยรัฐฉบับพิมพ์ ซึ่งลงข่าวจากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐในช่วงสายๆ ของวัน หลังหนังสือพิมพ์วางแผงไปแล้ว เปลี่ยนเป็นหนังสือพิมพ์ไทยรัฐฉบับดิจิทัล (Thairath E-Newspaper) เมื่อวันที่ 15 ก.ค. เมื่อสมัครสมาชิกแล้ว สามารถอ่านทุกข่าว และคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐได้ไม่จำกัด และไม่มีโฆษณา หนังสือพิมพ์ไทยรัฐฉบับดิจิทัลจะอัปเดตหนังสือพิมพ์ฉบับใหม่เป็นประจำทุกวัน ตั้งแต่เวลาตีห้า (05.00 น.) เป็นต้นไป และอ่านฉบับย้อนหลังได้ตลอดทั้งปี ซึ่งกลุ่มเป้าหมายแตกต่างจากกลุ่มผู้บริโภคสื่อทั่วไปที่อ่านข่าวฟรี แต่มุ่งไปที่นักเรียน นักศึกษา และนักวิชาการที่ต้องการแหล่งอ้างอิง นักธุรกิจและผู้นำองค์กรที่ต้องการติดตามสถานการณ์สังคม การเมือง และเศรษฐกิจ รวมทั้งคนที่ต้องการเสพข่าวในรูปแบบหนังสือพิมพ์ ที่สรุปข่าวของเมื่อวานนี้แบบครบประเด็น โดยไม่ต้องย้อนดูข่าวออนไลน์หลายหน้าเว็บเพจ ซึ่งจุดแข็งของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ คือเนื้อหาข่าวย่อยให้เข้าใจง่าย แม้ว่าไทยรัฐกรุ๊ป จะออกกลยุทธ์ Subscription ช้ากว่าค่ายอื่น เพราะให้อ่านฟรีมานาน เมื่อเทียบกับกรุงเทพธุรกิจ ที่ทำหนังสือพิมพ์รูปแบบดิจิทัล i-NewsPaper มานานแล้ว หรือสื่อหลายค่ายต่างพึ่งแพลตฟอร์มออนไลน์ทั้งในประเทศ เช่น ปิ่นโต (pintobook.com) หรือต่างประเทศอย่าง Pressreader (pressreader.com) ก็ตาม แต่ก็เป็นการดัดแปลงจากระบบของตัวเอง จึงไม่ต้องพึ่งพาแพลตฟอร์มต่างประเทศซึ่งมีค่าใช้จ่าย ในต่างประเทศค่ายสื่อต่างก็ใช้กลยุทธ์ Subscription เพียงแต่ว่าเส้นทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะยอดสมัครเพียงแค่ไม่กี่เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับประชากรทั้งประเทศ อีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจ เมื่อสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ (SONP) เผยแพร่สถิติเว็บไซต์ข่าวเดือน มิ.ย.2568 พบว่าไทยรัฐออนไลน์มีค่าเฉลี่ยการดูเว็บเพจ (Avg.PV/User) อยู่ที่ 7.3 หน้าต่อคนต่อวัน สูงกว่าค่ายอื่นอย่างผู้จัดการออนไลน์ 3.4 หน้าต่อคนต่อวัน ข่าวสดออนไลน์ 2.4 หน้าต่อคนต่อวัน คนในแวดวงสื่อจึงสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น บ้างก็คาดว่าเป็นเพราะกูเกิลใช้ฟีเจอร์ AI Overviews หากเป็นเช่นนั้นจริงคนทำสื่อและเว็บทั่วไปต้องปรับตัวอีกรอบ แต่เมื่อคุยกับแหล่งข่าวในค่ายไทยรัฐ ระบุว่าช่วงนี้แจกทองครบรอบ 11 ปีไทยรัฐทีวี ทำให้มีผู้เข้าชมมากเป็นพิเศษ #Newskit
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 587 Views 0 Reviews
  • "สนธิ" จับตา “แม้ว” ทรยศชาติยอมให้สหรัฐฯ ตั้งฐานทัพที่พังงา แลก “ทรัมป์” ลดภาษี เตือน ก.ย.- ต.ค.เจอชุมนุมใหญ่กว่า 28 มิ.ย.เป็นร้อยเท่

    • สมัครสมาชิก membership ความจริงมีหนึ่งเดียว ช่อง SONDHITALK บน YouTube
    • ติดต่อสอบถามได้ที่ Line : @sondhitalk

    คลิกชม https://www.youtube.com/watch?v=lGPiy5T9Bv8
    "สนธิ" จับตา “แม้ว” ทรยศชาติยอมให้สหรัฐฯ ตั้งฐานทัพที่พังงา แลก “ทรัมป์” ลดภาษี เตือน ก.ย.- ต.ค.เจอชุมนุมใหญ่กว่า 28 มิ.ย.เป็นร้อยเท่ • สมัครสมาชิก membership ความจริงมีหนึ่งเดียว ช่อง SONDHITALK บน YouTube • ติดต่อสอบถามได้ที่ Line : @sondhitalk คลิกชม https://www.youtube.com/watch?v=lGPiy5T9Bv8
    Like
    Love
    13
    0 Comments 0 Shares 2093 Views 0 Reviews
  • สมัคร membership YouTube ไม่ได้เพราะ ลืมรหัส Gmail ใช่ไหม?

    ดูขั้นตอนเปลี่ยนรหัสผ่านผ่านแอป Play Store บน Android ได้ที่นี่!

    วิธีเปลี่ยนหรือรีเซ็ตรหัสผ่าน Gmail ผ่าน Play Store (Android)

    1. เปิดแอป Play Store

    2. แตะที่รูปโปรไฟล์ของคุณมุมขวาบน (วงกลมที่แสดงชื่อย่อหรือรูปภาพของคุณ)

    3. ตรวจสอบอีเมลที่แสดงอยู่
    - ต้องเป็น อีเมลเดียวกันกับที่คุณใช้ใน YouTube
    - หากไม่ใช่ ให้เปลี่ยนไปยังอีเมลที่ถูกต้องก่อน
    - กรุณาตรวจสอบให้แน่ใจว่าเป็นบัญชีที่ต้องการเปลี่ยนรหัสผ่านจริง ๆ

    4. เลือกเมนู "จัดการบัญชี Google" (Google Account)

    5. ไปที่แท็บ "ความปลอดภัย" (Security)
    - เลื่อนแถบเมนูด้านบน หรือเลื่อนหน้าจอลงมาจนเจอหัวข้อนี้

    6. แตะที่เมนู "รหัสผ่าน" (Password)
    - ระบบจะให้ใส่ รหัสปลดล็อกหน้าจอมือถือของคุณ ก่อนดำเนินการต่อ

    7. ตั้งรหัสผ่านใหม่
    - พิมพ์รหัสผ่านใหม่ที่คุณต้องการ
    - ยืนยันรหัสผ่านอีกครั้ง
    - กด "เปลี่ยนรหัสผ่าน" (Change Password) เพื่อยืนยันการเปลี่ยน

    หมายเหตุเพิ่มเติม
    - รหัสผ่านใหม่ควรมีความยาวอย่างน้อย 8 ตัวอักษร
    - ระบบให้ท่านตั้งรหัสโดย ตัวพิมพ์ใหญ่ ตัวพิมพ์เล็ก ตัวเลข ผสมกัน
    - หลังเปลี่ยนแล้ว ระบบอาจให้คุณเข้าสู่ระบบใหม่ในอุปกรณ์อื่น ๆ ด้วยรหัสผ่านใหม่ / ให้ยืนยัน


    #sondhitalk #สนธิ #youtube #สมัครสมาชิก #membership #thaitimes #ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว #android #Gmail #password #ลืมรหัส #Email
    สมัคร membership YouTube ไม่ได้เพราะ ลืมรหัส Gmail ใช่ไหม? ดูขั้นตอนเปลี่ยนรหัสผ่านผ่านแอป Play Store บน Android ได้ที่นี่! 🔐 วิธีเปลี่ยนหรือรีเซ็ตรหัสผ่าน Gmail ผ่าน Play Store (Android) 1. เปิดแอป Play Store 2. แตะที่รูปโปรไฟล์ของคุณมุมขวาบน (วงกลมที่แสดงชื่อย่อหรือรูปภาพของคุณ) 3. ตรวจสอบอีเมลที่แสดงอยู่ - ต้องเป็น อีเมลเดียวกันกับที่คุณใช้ใน YouTube - หากไม่ใช่ ให้เปลี่ยนไปยังอีเมลที่ถูกต้องก่อน - กรุณาตรวจสอบให้แน่ใจว่าเป็นบัญชีที่ต้องการเปลี่ยนรหัสผ่านจริง ๆ 4. เลือกเมนู "จัดการบัญชี Google" (Google Account) 5. ไปที่แท็บ "ความปลอดภัย" (Security) - เลื่อนแถบเมนูด้านบน หรือเลื่อนหน้าจอลงมาจนเจอหัวข้อนี้ 6. แตะที่เมนู "รหัสผ่าน" (Password) - ระบบจะให้ใส่ รหัสปลดล็อกหน้าจอมือถือของคุณ ก่อนดำเนินการต่อ 7. ตั้งรหัสผ่านใหม่ - พิมพ์รหัสผ่านใหม่ที่คุณต้องการ - ยืนยันรหัสผ่านอีกครั้ง - กด "เปลี่ยนรหัสผ่าน" (Change Password) เพื่อยืนยันการเปลี่ยน ✅ หมายเหตุเพิ่มเติม - รหัสผ่านใหม่ควรมีความยาวอย่างน้อย 8 ตัวอักษร - ระบบให้ท่านตั้งรหัสโดย ตัวพิมพ์ใหญ่ ตัวพิมพ์เล็ก ตัวเลข ผสมกัน - หลังเปลี่ยนแล้ว ระบบอาจให้คุณเข้าสู่ระบบใหม่ในอุปกรณ์อื่น ๆ ด้วยรหัสผ่านใหม่ / ให้ยืนยัน #sondhitalk #สนธิ #youtube #สมัครสมาชิก #membership #thaitimes #ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว #android #Gmail #password #ลืมรหัส #Email
    Like
    8
    0 Comments 0 Shares 1802 Views 1 Reviews
  • สมัครสมาชิกช่อง SONDHITALK ใน YouTube เดือนละ 100 บาท เพื่อร่วมสนับสนุนรายการของเราอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน

    เปิด YouTube → ไปที่ช่อง SONDHITALK

    1 → Android คลิกปุ่ม “สมัคร” “Join”
    1.2 → (iOS) คลิกคำอธิบาย “เพิ่มเติม” หรือ "...more"
    1.3 → (iOS) เมื่อ popup ขึ้น ให้คลิก Link สมัครสมาชิก Membership
    1.4 → (iOS) แล้วเลือก default browser App หรือ แอปเบราว์เซอร์เริ่มต้น

    2. เมื่อเข้าหน้าสมัคร Join this channel SONDHITALK
    - กรุณาตรวจชื่อ Email
    - เสร็จแล้วคลิก “สมัคร” หรือคลิก “Join”

    3. เลือกวิธีชำระเงินที่รองรับ (Android / iOS)
    - TrueMoney Wallet
    - Shopee Pay
    - บัตรเครดิต / เดบิต
    - เรียกเก็บผ่านเบอร์มือถือ (เฉพาะบน Android เท่านั้น)

    4. เมื่อท่านเลือกข้อมูลที่ต้องการผูกหักเงินได้แล้ว หรือ กรอกข้อมูลถูกต้อง ตามที่ระบบต้องการแล้ว
    - ให้คลิก “ซื้อ หรือ สมัครใช้บริการ หรือ Buy”
    - เพื่อยืนยันการสมัคร

    5. เมื่อท่านทำรายการ “ซื้อ หรือ สมัครใช้บริการ หรือ Buy” สำเร็จแล้ว ท่านจะเห็นข้อความ

    "ยินดีต้อนรับ"
    "เรายินดีอย่างยิ่งที่มีคุณเป็นสมาชิก"

    หมายเหตุ
    - ระบบการชำระเงินจะผูกกับ Google Account ของคุณ
    - ระบบจะขอ “ยืนยันตัวตน” หลังคลิก “ซื้อ / สมัครใช้บริการ / Buy”
    - ท่านอาจต้องให้ใส่ รหัสผ่าน ของ Gmail ที่คุณใช้กับ YouTube
    - หรือถ้าใช้มือถือรุ่นใหม่ → ใช้ สแกนนิ้ว / สแกนหน้า (Face ID) แทนได้เลย

    ระบบจะหักเงินอัตโนมัติทุกเดือนจนกว่าจะยกเลิก

    ขอขอบคุณทุกท่านที่ร่วมสนับสนุน
    SONDHITALK
    ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว

    ทางเข้าช่อง >> https://www.youtube.com/@sondhitalk

    ติดต่อสอบถาม Line ID เพิ่มเพื่อนชื่อ @sondhitalk
    หรือคลิกเพิ่มเพื่อน https://lin.ee/hBk0QJF

    #sondhitalk #สนธิ #youtube #สมัครสมาชิก #membership #thaitimes
    สมัครสมาชิกช่อง SONDHITALK ใน YouTube เดือนละ 100 บาท เพื่อร่วมสนับสนุนรายการของเราอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน เปิด YouTube → ไปที่ช่อง SONDHITALK 1 → Android คลิกปุ่ม “สมัคร” “Join” 1.2 → (iOS) คลิกคำอธิบาย “เพิ่มเติม” หรือ "...more" 1.3 → (iOS) เมื่อ popup ขึ้น ให้คลิก Link สมัครสมาชิก Membership 1.4 → (iOS) แล้วเลือก default browser App หรือ แอปเบราว์เซอร์เริ่มต้น 2. เมื่อเข้าหน้าสมัคร Join this channel SONDHITALK - กรุณาตรวจชื่อ Email - เสร็จแล้วคลิก “สมัคร” หรือคลิก “Join” 3. เลือกวิธีชำระเงินที่รองรับ (Android / iOS) - TrueMoney Wallet - Shopee Pay - บัตรเครดิต / เดบิต - เรียกเก็บผ่านเบอร์มือถือ (เฉพาะบน Android เท่านั้น) 4. เมื่อท่านเลือกข้อมูลที่ต้องการผูกหักเงินได้แล้ว หรือ กรอกข้อมูลถูกต้อง ตามที่ระบบต้องการแล้ว - ให้คลิก “ซื้อ หรือ สมัครใช้บริการ หรือ Buy” - เพื่อยืนยันการสมัคร 5. เมื่อท่านทำรายการ “ซื้อ หรือ สมัครใช้บริการ หรือ Buy” สำเร็จแล้ว ท่านจะเห็นข้อความ "ยินดีต้อนรับ" "เรายินดีอย่างยิ่งที่มีคุณเป็นสมาชิก" หมายเหตุ - ระบบการชำระเงินจะผูกกับ Google Account ของคุณ - ระบบจะขอ “ยืนยันตัวตน” หลังคลิก “ซื้อ / สมัครใช้บริการ / Buy” - ท่านอาจต้องให้ใส่ รหัสผ่าน ของ Gmail ที่คุณใช้กับ YouTube - หรือถ้าใช้มือถือรุ่นใหม่ → ใช้ สแกนนิ้ว / สแกนหน้า (Face ID) แทนได้เลย 🔁 ระบบจะหักเงินอัตโนมัติทุกเดือนจนกว่าจะยกเลิก ขอขอบคุณทุกท่านที่ร่วมสนับสนุน ✨SONDHITALK✨ ✨ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว✨ ทางเข้าช่อง >> https://www.youtube.com/@sondhitalk ติดต่อสอบถาม Line ID เพิ่มเพื่อนชื่อ @sondhitalk หรือคลิกเพิ่มเพื่อน https://lin.ee/hBk0QJF #sondhitalk #สนธิ #youtube #สมัครสมาชิก #membership #thaitimes
    Like
    7
    0 Comments 0 Shares 1815 Views 0 Reviews
  • นี่คือสภาพของเมืองทามาราของอิสราเอลในปัจจุบันหลังจากที่อิหร่านโจมตีเมืองดังกล่าวเมื่อคืนนี้ตามข้อมูลล่าสุด มีผู้เสียชีวิต 4 รายจากการโจมตีเมืองดังกล่าวโดยอิหร่าน The Times of Israel รายงาน สมัครสมาชิก | ส่งข่าว | อ่านการวิเคราะห์
    นี่คือสภาพของเมืองทามาราของอิสราเอลในปัจจุบันหลังจากที่อิหร่านโจมตีเมืองดังกล่าวเมื่อคืนนี้ตามข้อมูลล่าสุด มีผู้เสียชีวิต 4 รายจากการโจมตีเมืองดังกล่าวโดยอิหร่าน The Times of Israel รายงาน🟩 สมัครสมาชิก | ส่งข่าว | อ่านการวิเคราะห์
    0 Comments 0 Shares 143 Views 0 0 Reviews
More Results