• #เอาแผ่นดินไทยคืนมา #เกาะกง #พระตะบอง #ศรีโสภณ #เสียมราฐ #รัชกาลที่5 #อนุสัญญาโตเกียว1941 #UN #France #Japan ต้องคืนดินแดนที่ยึดมาให้เจ้าของเดิม ไม่ใช่ปล้น ขโมยเอาไปให้ประเทศอื่น #ฝรั่งเศส ตัวตั้งต้นปัญหา #ชายแดนไทยกัมพูชา #ปะทะไทยกัมพูชา
    https://www.youtube.com/live/WxNZ-Wp_hdE
    #เอาแผ่นดินไทยคืนมา #เกาะกง #พระตะบอง #ศรีโสภณ #เสียมราฐ #รัชกาลที่5 #อนุสัญญาโตเกียว1941 #UN #France #Japan ต้องคืนดินแดนที่ยึดมาให้เจ้าของเดิม ไม่ใช่ปล้น ขโมยเอาไปให้ประเทศอื่น #ฝรั่งเศส ตัวตั้งต้นปัญหา #ชายแดนไทยกัมพูชา #ปะทะไทยกัมพูชา https://www.youtube.com/live/WxNZ-Wp_hdE
    - YouTube
    เพลิดเพลินไปกับวิดีโอและเพลงที่คุณชอบ อัปโหลดเนื้อหาต้นฉบับ และแชร์เนื้อหาทั้งหมดกับเพื่อน ครอบครัว และผู้คนทั่วโลกบน YouTube
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 63 มุมมอง 0 รีวิว
  • สงครามระหว่าง ไทย - เขมร รอบนี้ (2568) ที่น่าแปลกใจคือ ทำไมเขมรถึงกล้ารบกับไทย ทั้งที่รู้กันทั่วโลกว่าอาวุธยุทโธปกรณ์ เทียบกับไม่ติด ถ้ามองแบบกลยุทธ์ซุมวู ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ เพราะไทยตอนนี้มองจากภายนอกเข้ามา อ่อนแออย่างน่าตกใจ ในกลยุทธ์ซุนวู รัฐที่เข้มแข็งคือรัฐที่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันระหว่างผู้ปกครองและผู้ถูกปกครอง แต่ไทยมีความแตกแยกอย่างมาก ประชาชนไม่ไว้ใจรัฐบาล ผู้มีอำนาจในรัฐบาลมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับเขมรที่ชายแดน ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจสีเทา หรือผลประโยชน์ส่วนตัว นอกจากนี้เขมรเพิ่งเปลี่ยนแปลงตัวผู้นำ ในขณะที่เศรษฐกิจโลกอยู่ในช่วงตกต่ำ ไม่มีอะไรจะหอมหวานเท่าแอ่งทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ทับซ้อนระหว่างไทย-เขมร วิธีที่จะทำให้คะแนนนิยมผู้นำเขมรเพิ่มขึ้นไม่มีอะไรดีไปกว่า การเปลี่ยนแนวเขตแดนทางบก เพื่อให้ได้พื้นที่ทางทะเลเพิ่มชึ้น

    แต่การจะเปิดสงครามกับไทยมีต้นทุนที่ต้องจ่าย จีนที่สนับสนุนด้านเศรษฐกิจเขมรมาอย่างยาวนาน ไม่มีทางที่จะเอาด้วยกับการที่จะเป็นศัตรูกับไทย เพราะภูมิรัฐศาสตร์ของไทยมีความสำคัญกับจีนอย่างมาก ตัวเลือกสุดท้ายจึงไปตกที่สหรัฐ ที่พร้อมจะเข้ามาแทรกแซงในพื้นที่ยุทธศาสตร์นี้อยู่แล้วสำหรับการปิดล้อมจีน และทรัพยากรทางธรรมชาติทางทะเล การหักหลังจีนของเขมรจึงเป็นการเล่นไพ่แบบเกหมดหน้าตัก เขมรจึงไม่สนใจหน้าในเวทีโลก เพราะรู้อยู่แล้วว่ามีใครหนุนหลัง การกุข่าวลวง การโจมตีพลเรือน-โรงพยาบาล การตั้งฐานทัพในที่โบราณสถาน จึงมีออกมาให้เห็นอย่างโจ่งแจ้ง

    ไทยเองก็ผิดพลาดทางการทูตและด้านยุทธศาสตร์ การมีอยู่ของกระทรวงการต่างประเทศ ไม่รุ้ว่ามีหรือไม่มีจะดีกว่ากัน เพราะครั้นเมื่อเขมรโจมตีพลเรือนไทยและโรงพบาบาล สิ่งที่ไทยต้องทำคือ ออกแถลงการณ์ประนาณเขมร พร้อมทั้งประกาศให้โลกรู้ว่าไทยจะตอบสนองอย่างหนัก เพราะการสูญเสียพลเมืองไทย เป็นสิ่งที่ไทยรับไม่ได้ แล้วจึงปฎิบัติการทางการทหาร โดยให้กองทัพภาคที่ 2 ทำการตรึงกำลัง และผลักดันเขมรออกจากแนวเขตแดน โดยทำทีโจมที่ในส่วนพื้นที่ของทัพภาคที่ 2 แต่ส่งกองทัพเรือ รวมถึงกองทัพภาคที่ 1 โจมตีแบบสายฟ้าแล่บและอย่างหนัก เพื่อยึดเกาะกง และสีหนุวิล เพื่อเปลี่ยนแนวเขตแดนทางทะเล เพื่อเป็นการแก้เกมเขมร โดยที่เมื่อยึดเกาะกง และสีหนุวิลได้ ก็ออกแถลงการณ์ให้เขมรเจรจาหยุดยิง ถ้าเขมรยังไม่หยุด ก็ให้เคลื่อนกำลังทัพภาคที่ 2 เข้ายึด พระตระบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ และประกาศถ้าเขมรยังไม่ยอมแพ้ จะกินดินแดนจนถึงพนมเปญ

    การที่ไทยต้องแสดงความเป็นสุภาพบุรุษ โดยแลกมาด้วยชีวิตทหาร เป็นอะไรที่ได้ไม่คุ้มเสีย นอกจากนี้การที่ไทยพยายามจะเป็นคนดีในสายตาโลก ทั้งๆที่สหประชาชาติไม่เคยเป็นกลาง มี hidden agenda ตามชาติมหาอำนาจอยู่ตลอดเวลา ไทยจึงเหมือนคนอ่อนต่อโลก เหมือนที่เดินไปให้เขาเชือดในศาลโลก เมื่อประมาณ 10 ปีก่อน ไทยต้องทำสงครามสั่งสอนเขมร มิฉะนั้น ก็ต้องมีการยิงกัน และสูญเสียคนไทย อยู่ร่ำไป แต่หากไทยยังคงอ่อนแอด้วยการเมืองภายใน และมีผู้นำที่ขาดวิสัยทัศน์เหมือนตลอด 20 ปีที่ผ่านมา จึงเป็นเรื่องยากที่ไทยจะรอดจากภูมิรัฐศาสตร์โลกที่ร้อนแรงชึ้นเรื่อยๆ คงได้แต่หวังพระสยามเทวาธิราชคุ้มครอง สาธุ.........
    สงครามระหว่าง ไทย - เขมร รอบนี้ (2568) ที่น่าแปลกใจคือ ทำไมเขมรถึงกล้ารบกับไทย ทั้งที่รู้กันทั่วโลกว่าอาวุธยุทโธปกรณ์ เทียบกับไม่ติด ถ้ามองแบบกลยุทธ์ซุมวู ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ เพราะไทยตอนนี้มองจากภายนอกเข้ามา อ่อนแออย่างน่าตกใจ ในกลยุทธ์ซุนวู รัฐที่เข้มแข็งคือรัฐที่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันระหว่างผู้ปกครองและผู้ถูกปกครอง แต่ไทยมีความแตกแยกอย่างมาก ประชาชนไม่ไว้ใจรัฐบาล ผู้มีอำนาจในรัฐบาลมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับเขมรที่ชายแดน ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจสีเทา หรือผลประโยชน์ส่วนตัว นอกจากนี้เขมรเพิ่งเปลี่ยนแปลงตัวผู้นำ ในขณะที่เศรษฐกิจโลกอยู่ในช่วงตกต่ำ ไม่มีอะไรจะหอมหวานเท่าแอ่งทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ทับซ้อนระหว่างไทย-เขมร วิธีที่จะทำให้คะแนนนิยมผู้นำเขมรเพิ่มขึ้นไม่มีอะไรดีไปกว่า การเปลี่ยนแนวเขตแดนทางบก เพื่อให้ได้พื้นที่ทางทะเลเพิ่มชึ้น แต่การจะเปิดสงครามกับไทยมีต้นทุนที่ต้องจ่าย จีนที่สนับสนุนด้านเศรษฐกิจเขมรมาอย่างยาวนาน ไม่มีทางที่จะเอาด้วยกับการที่จะเป็นศัตรูกับไทย เพราะภูมิรัฐศาสตร์ของไทยมีความสำคัญกับจีนอย่างมาก ตัวเลือกสุดท้ายจึงไปตกที่สหรัฐ ที่พร้อมจะเข้ามาแทรกแซงในพื้นที่ยุทธศาสตร์นี้อยู่แล้วสำหรับการปิดล้อมจีน และทรัพยากรทางธรรมชาติทางทะเล การหักหลังจีนของเขมรจึงเป็นการเล่นไพ่แบบเกหมดหน้าตัก เขมรจึงไม่สนใจหน้าในเวทีโลก เพราะรู้อยู่แล้วว่ามีใครหนุนหลัง การกุข่าวลวง การโจมตีพลเรือน-โรงพยาบาล การตั้งฐานทัพในที่โบราณสถาน จึงมีออกมาให้เห็นอย่างโจ่งแจ้ง ไทยเองก็ผิดพลาดทางการทูตและด้านยุทธศาสตร์ การมีอยู่ของกระทรวงการต่างประเทศ ไม่รุ้ว่ามีหรือไม่มีจะดีกว่ากัน เพราะครั้นเมื่อเขมรโจมตีพลเรือนไทยและโรงพบาบาล สิ่งที่ไทยต้องทำคือ ออกแถลงการณ์ประนาณเขมร พร้อมทั้งประกาศให้โลกรู้ว่าไทยจะตอบสนองอย่างหนัก เพราะการสูญเสียพลเมืองไทย เป็นสิ่งที่ไทยรับไม่ได้ แล้วจึงปฎิบัติการทางการทหาร โดยให้กองทัพภาคที่ 2 ทำการตรึงกำลัง และผลักดันเขมรออกจากแนวเขตแดน โดยทำทีโจมที่ในส่วนพื้นที่ของทัพภาคที่ 2 แต่ส่งกองทัพเรือ รวมถึงกองทัพภาคที่ 1 โจมตีแบบสายฟ้าแล่บและอย่างหนัก เพื่อยึดเกาะกง และสีหนุวิล เพื่อเปลี่ยนแนวเขตแดนทางทะเล เพื่อเป็นการแก้เกมเขมร โดยที่เมื่อยึดเกาะกง และสีหนุวิลได้ ก็ออกแถลงการณ์ให้เขมรเจรจาหยุดยิง ถ้าเขมรยังไม่หยุด ก็ให้เคลื่อนกำลังทัพภาคที่ 2 เข้ายึด พระตระบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ และประกาศถ้าเขมรยังไม่ยอมแพ้ จะกินดินแดนจนถึงพนมเปญ การที่ไทยต้องแสดงความเป็นสุภาพบุรุษ โดยแลกมาด้วยชีวิตทหาร เป็นอะไรที่ได้ไม่คุ้มเสีย นอกจากนี้การที่ไทยพยายามจะเป็นคนดีในสายตาโลก ทั้งๆที่สหประชาชาติไม่เคยเป็นกลาง มี hidden agenda ตามชาติมหาอำนาจอยู่ตลอดเวลา ไทยจึงเหมือนคนอ่อนต่อโลก เหมือนที่เดินไปให้เขาเชือดในศาลโลก เมื่อประมาณ 10 ปีก่อน ไทยต้องทำสงครามสั่งสอนเขมร มิฉะนั้น ก็ต้องมีการยิงกัน และสูญเสียคนไทย อยู่ร่ำไป แต่หากไทยยังคงอ่อนแอด้วยการเมืองภายใน และมีผู้นำที่ขาดวิสัยทัศน์เหมือนตลอด 20 ปีที่ผ่านมา จึงเป็นเรื่องยากที่ไทยจะรอดจากภูมิรัฐศาสตร์โลกที่ร้อนแรงชึ้นเรื่อยๆ คงได้แต่หวังพระสยามเทวาธิราชคุ้มครอง สาธุ.........
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 377 มุมมอง 0 รีวิว
  • นั่นก็อาจจะจริงครับ เพราะคุณคงซื้อไฟฟ้าจากลาวได้...
    .
    แต่...
    .
    พลังงานไม่ได้แปลว่า ไฟฟ้าอย่างเดียวนะครับ...
    .
    ได้ข่าวว่า เขมร นำเข้า น้ำมันไทย คิดเป็น 50% จากการนำเข้าทั้งหมด...
    .
    ถ้า ไทย เลิกขายน้ำมันให้ เขมร....
    .
    ก็ปล่อยให้มันไปซื้อแพงจากเวียดนาม ที่ซื้อน้ำมันต่อจากประเทศไทยไปอีกทอดนึง...
    .
    จากนั้น เอาเรือรบไปปิดปากอ่าว...
    .
    ดูสิ แม่งจะเอาน้ำมันที่ไหนมาใช้ รบกับประเทศไทย...
    .
    เรายกเลิก MOU43 และ MOU44 + JC44 บีบให้แม่ง ยอมรับแผนที่ 1:50,000 แล้วจัดทำแผนที่ให้สมบูรณ์ ตามหลักสากลที่ใช้ สันปันน้ำ โดยแผนที่ดาวเทียมที่มีความละเอียด ภายใน 1 เดือน...
    .
    ไม่งั้น เราจะเรียกร้องเอาพื้นที่ทั้งหมด ที่ฝรั่งเศสปล้นไปจากประเทศไทยคืนมาทั้งหมด...!!!
    .
    ทั้ง พระตะบอง ศรีโสภณ เสียมราฐ ประจันตคีรีเขต เกาะกง ปราสาทพระวิหาร นครวัด...
    ...
    ...
    ดูซิ เขมรชั่ว สองพ่อลูก มันจะทำยังไง...???
    นั่นก็อาจจะจริงครับ เพราะคุณคงซื้อไฟฟ้าจากลาวได้... . แต่... . พลังงานไม่ได้แปลว่า ไฟฟ้าอย่างเดียวนะครับ... . ได้ข่าวว่า เขมร นำเข้า น้ำมันไทย คิดเป็น 50% จากการนำเข้าทั้งหมด... . ถ้า ไทย เลิกขายน้ำมันให้ เขมร.... . ก็ปล่อยให้มันไปซื้อแพงจากเวียดนาม ที่ซื้อน้ำมันต่อจากประเทศไทยไปอีกทอดนึง... . จากนั้น เอาเรือรบไปปิดปากอ่าว... . ดูสิ แม่งจะเอาน้ำมันที่ไหนมาใช้ รบกับประเทศไทย... . เรายกเลิก MOU43 และ MOU44 + JC44 บีบให้แม่ง ยอมรับแผนที่ 1:50,000 แล้วจัดทำแผนที่ให้สมบูรณ์ ตามหลักสากลที่ใช้ สันปันน้ำ โดยแผนที่ดาวเทียมที่มีความละเอียด ภายใน 1 เดือน... . ไม่งั้น เราจะเรียกร้องเอาพื้นที่ทั้งหมด ที่ฝรั่งเศสปล้นไปจากประเทศไทยคืนมาทั้งหมด...!!! . ทั้ง พระตะบอง ศรีโสภณ เสียมราฐ ประจันตคีรีเขต เกาะกง ปราสาทพระวิหาร นครวัด... ... ... ดูซิ เขมรชั่ว สองพ่อลูก มันจะทำยังไง...???
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 285 มุมมอง 0 รีวิว
  • เคลมมา เคลมกลับ ไทยทวงคืน พระตะบอง-เสียมราฐ-ศรีโสภณ : คนเคาะข่าว 09-06-86
    : ดร.ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองระหว่างประเทศ
    ดำเนินรายการโดย นงวดี ถนิมมาลย์
    เคลมมา เคลมกลับ ไทยทวงคืน พระตะบอง-เสียมราฐ-ศรีโสภณ : คนเคาะข่าว 09-06-86 : ดร.ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองระหว่างประเทศ ดำเนินรายการโดย นงวดี ถนิมมาลย์
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 214 มุมมอง 4 0 รีวิว
  • 122 ปี ปักปันเขตแดนไทย-กัมพูชา-เมืองหลวงพระบาง: ฝ่าอิทธิพลจักรวรรดินิยม รักษาเอกราช ทวงคืนอธิปไตยจันทบุรี

    ย้อนกลับไปเมื่อ 122 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2446 (ค.ศ. 1903) ถือเป็นหมุดหมายสำคัญ ในประวัติศาสตร์ไทย เมื่อไทยและฝรั่งเศส ลงนามในสัญญาปักปันเขตแดน ระหว่างไทย-กัมพูชา และเมืองหลวงพระบาง ซึ่งเป็นดินแดน ที่อยู่ภายใต้การปกครอง ของฝรั่งเศสในขณะนั้น

    ภายใต้ข้อตกลงนี้ ไทยต้องยกดินแดน ฝั่งขวาของแม่น้ำโขง ที่อยู่ตรงข้ามเมืองหลวงพระบาง ให้แก่ฝรั่งเศส เพื่อแลกกับการถอนทหารฝรั่งเศส ออกจากจังหวัดจันทบุรี ซึ่งถูกยึดครองมา ตั้งแต่เหตุการณ์ วิกฤติการณ์ ร.ศ. 112 หรือสงครามฝรั่งเศส-สยาม (พ.ศ. 2436)

    อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของแรงกดดัน จากจักรวรรดินิยมฝรั่งเศส ไทยต้องเผชิญกับ การบีบบังคับทางการเมืองเพิ่มเติม จนต้องยอมเสียเมืองตราด และหมู่เกาะใกล้เคียง เพื่อแลกกับการได้จันทบุรีคืน

    กระแสล่าอาณานิคมของฝรั่งเศส ในอินโดจีน
    ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 จักรวรรดิฝรั่งเศส ได้ขยายอิทธิพลอย่างรวดเร็ว ในภูมิภาคอินโดจีน โดยสามารถยึดครองเวียดนาม ลาว และกัมพูชา ได้สำเร็จ ทำให้ไทยกลายเป็นรัฐกันชน ที่ต้องเผชิญแรงกดดันจากฝรั่งเศส ทางด้านตะวันออก

    ฝรั่งเศสต้องการควบคุมดินแดน แถบลุ่มแม่น้ำโขงทั้งหมด เพื่อสร้างเส้นทางการค้าจากจีน ลงมาสู่อินโดจีนของตน ในขณะที่ไทย ต้องพยายามรักษาเอกราช และดินแดนของตนไว้

    ไทยภายใต้รัชกาลที่ 5 พยายามรักษาเอกราช
    พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงตระหนักถึงภัยคุกคาม จากจักรวรรดินิยม และพยายามใช้นโยบายการทูตเชิงรุก เพื่อรักษาความเป็นอิสระของไทย ทรงดำเนินแผนการ ปรับปรุงประเทศให้ทันสมัย เพื่อลดข้ออ้างของมหาอำนาจตะวันตก ในการเข้ามาแทรกแซง

    อย่างไรก็ตาม ฝรั่งเศสใช้ข้ออ้างเรื่องอธิปไตย เหนือดินแดนฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขง เป็นเหตุผลในการเรียกร้องดินแดนเพิ่มเติมจากไทย

    วิกฤติการณ์ ร.ศ. 112 จุดเริ่มต้นของการเสียเปรียบทางดินแดน
    วิกฤติการณ์ ร.ศ. 112 (พ.ศ. 2436) เป็นเหตุการณ์ที่ฝรั่งเศส ใช้กำลังทหารเรือ บุกรุกปากแม่น้ำเจ้าพระยา และปะทะกับทหารไทย จนเป็นเหตุให้รัฐบาลไทย ต้องยอมลงนามในสนธิสัญญา ที่เสียเปรียบ

    ข้อกำหนดสำคัญของสนธิสัญญา ร.ศ. 112
    ✔ ไทยต้องยกดินแดน ฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงทั้งหมด รวมถึงลาว ให้แก่ฝรั่งเศส
    ✔ ฝรั่งเศสเข้ายึดจังหวัดจันทบุรี เป็นหลักประกันบังคับให้ไทย ปฏิบัติตามสัญญา
    ✔ ไทยต้องชดใช้ค่าเสียหายจำนวนมหาศาล ให้ฝรั่งเศส

    นี่เป็นครั้งแรกที่ไทย ต้องเสียดินแดนจำนวนมาก ให้แก่จักรวรรดินิยมฝรั่งเศส และทำให้สถานการณ์ของไทยในภูมิภาคนี้ ล่อแหลมยิ่งขึ้น

    สนธิสัญญา พ.ศ. 2446 การทวงคืนจันทบุรี แต่ต้องแลกด้วยดินแดนเพิ่ม
    หลังจากไทย ถูกฝรั่งเศสยึดครองจันทบุรี ไว้นานถึง 10 ปี รัฐบาลไทยพยายามเจรจา ขอคืนจันทบุรี แต่ต้องแลกด้วย การยอมมอบดินแดนฝั่งขวาแม่น้ำโขง ที่ตรงข้ามกับเมืองหลวงพระบาง ให้แก่ฝรั่งเศส

    สนธิสัญญานี้ ลงนามเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2446 ทำให้ไทยได้รับจันทบุรีคืน แต่ฝรั่งเศสกลับยื่นเงื่อนไข ให้ไทยต้องยกเมืองตราด และหมู่เกาะอื่นๆ แทน

    ผลลัพธ์ของสนธิสัญญานี้
    ไทยได้จันทบุรีคืนจากฝรั่งเศส
    ไทยเสียเมืองตราด และหมู่เกาะให้ฝรั่งเศส
    ไทยยังสามารถรักษาเอกราชไว้ได้ แต่ต้องจำยอมต่ออำนาจ ของมหาอำนาจตะวันตก

    ไทยทวงคืนเมืองตราดสำเร็จในปี พ.ศ. 2450
    4 ปี ต่อมา ในปี พ.ศ. 2450 (ค.ศ. 1907) ไทยสามารถทวงคืนเมืองตราด กลับมาได้สำเร็จ โดยแลกกับดินแดนพระตะบอง เสียมราฐ และศรีโสภณ ที่อยู่ทางฝั่งกัมพูชา ให้ฝรั่งเศสแทน

    นี่เป็นอีกหนึ่งครั้ง ที่ไทยต้องเสียสละดินแดน เพื่อให้สามารถปกป้อง เอกราชของตนเองเอาไว้

    จากเหตุการณ์ ปักปันเขตแดนในปี พ.ศ. 2446 ไทยได้เรียนรู้ว่า
    ✔ อำนาจทางการทูต มีความสำคัญอย่างยิ่ง ไทยสามารถใช้การเจรจา เพื่อลดความเสียหายได้ แม้ว่าจะต้องยอมเสียดินแดนบางส่วน
    ✔ จักรวรรดินิยมฝรั่งเศส ไม่เคยหยุดกดดันไทย ต้องอาศัยนโยบายเชิงรุก เพื่อรักษาเอกราช
    ✔ ไทยต้องพัฒนาประเทศให้ทันสมัย เพื่อป้องกันการถูกรุกรานในอนาคต

    แม้ว่าไทยจะต้องยอม สูญเสียดินแดนบางส่วน แต่ก็สามารถรักษา ความเป็นเอกราชเอาไว้ได้ ซึ่งแตกต่างจากประเทศเพื่อนบ้าน ที่ตกเป็นอาณานิคม ของจักรวรรดินิยมในช่วงเวลานั้น

    122 ปี แห่งความเปลี่ยนแปลงทางดินแดน และอธิปไตยของไทย
    ผ่านไป 122 ปี นับตั้งแต่สนธิสัญญา ปักปันเขตแดนไทย-กัมพูชา-เมืองหลวงพระบาง เหตุการณ์นี้ยังคงเป็นบทเรียนสำคัญ ทางประวัติศาสตร์ของไทย

    ถึงแม้ไทยจะเสียดินแดนไปบางส่วน แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ไทยยังคงรักษาเอกราชไว้ได้ ไม่ต้องตกเป็นอาณานิคมของชาติตะวันตก เหมือนประเทศเพื่อนบ้าน

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 131208 ก.พ. 2568

    #ประวัติศาสตร์ไทย #ไทยฝรั่งเศส #อธิปไตย #วิกฤติการณ์รศ112 #เอกราชไทย
    122 ปี ปักปันเขตแดนไทย-กัมพูชา-เมืองหลวงพระบาง: ฝ่าอิทธิพลจักรวรรดินิยม รักษาเอกราช ทวงคืนอธิปไตยจันทบุรี 📅 ย้อนกลับไปเมื่อ 122 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2446 (ค.ศ. 1903) ถือเป็นหมุดหมายสำคัญ ในประวัติศาสตร์ไทย 🇹🇭 เมื่อไทยและฝรั่งเศส 🇫🇷 ลงนามในสัญญาปักปันเขตแดน ระหว่างไทย-กัมพูชา และเมืองหลวงพระบาง ซึ่งเป็นดินแดน ที่อยู่ภายใต้การปกครอง ของฝรั่งเศสในขณะนั้น ภายใต้ข้อตกลงนี้ ไทยต้องยกดินแดน ฝั่งขวาของแม่น้ำโขง ที่อยู่ตรงข้ามเมืองหลวงพระบาง ให้แก่ฝรั่งเศส เพื่อแลกกับการถอนทหารฝรั่งเศส ออกจากจังหวัดจันทบุรี ซึ่งถูกยึดครองมา ตั้งแต่เหตุการณ์ วิกฤติการณ์ ร.ศ. 112 หรือสงครามฝรั่งเศส-สยาม (พ.ศ. 2436) อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของแรงกดดัน จากจักรวรรดินิยมฝรั่งเศส ไทยต้องเผชิญกับ การบีบบังคับทางการเมืองเพิ่มเติม จนต้องยอมเสียเมืองตราด และหมู่เกาะใกล้เคียง เพื่อแลกกับการได้จันทบุรีคืน 📌 🌍 กระแสล่าอาณานิคมของฝรั่งเศส ในอินโดจีน 🔹 ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 จักรวรรดิฝรั่งเศส ได้ขยายอิทธิพลอย่างรวดเร็ว ในภูมิภาคอินโดจีน โดยสามารถยึดครองเวียดนาม ลาว และกัมพูชา ได้สำเร็จ ทำให้ไทยกลายเป็นรัฐกันชน ที่ต้องเผชิญแรงกดดันจากฝรั่งเศส ทางด้านตะวันออก 💡 ฝรั่งเศสต้องการควบคุมดินแดน แถบลุ่มแม่น้ำโขงทั้งหมด เพื่อสร้างเส้นทางการค้าจากจีน ลงมาสู่อินโดจีนของตน ในขณะที่ไทย ต้องพยายามรักษาเอกราช และดินแดนของตนไว้ 🇹🇭 ไทยภายใต้รัชกาลที่ 5 พยายามรักษาเอกราช พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงตระหนักถึงภัยคุกคาม จากจักรวรรดินิยม และพยายามใช้นโยบายการทูตเชิงรุก เพื่อรักษาความเป็นอิสระของไทย ทรงดำเนินแผนการ ปรับปรุงประเทศให้ทันสมัย เพื่อลดข้ออ้างของมหาอำนาจตะวันตก ในการเข้ามาแทรกแซง อย่างไรก็ตาม ฝรั่งเศสใช้ข้ออ้างเรื่องอธิปไตย เหนือดินแดนฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขง เป็นเหตุผลในการเรียกร้องดินแดนเพิ่มเติมจากไทย 🔹 วิกฤติการณ์ ร.ศ. 112 จุดเริ่มต้นของการเสียเปรียบทางดินแดน 📍 วิกฤติการณ์ ร.ศ. 112 (พ.ศ. 2436) เป็นเหตุการณ์ที่ฝรั่งเศส ใช้กำลังทหารเรือ บุกรุกปากแม่น้ำเจ้าพระยา และปะทะกับทหารไทย จนเป็นเหตุให้รัฐบาลไทย ต้องยอมลงนามในสนธิสัญญา ที่เสียเปรียบ 📜 ข้อกำหนดสำคัญของสนธิสัญญา ร.ศ. 112 ✔ ไทยต้องยกดินแดน ฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงทั้งหมด รวมถึงลาว ให้แก่ฝรั่งเศส ✔ ฝรั่งเศสเข้ายึดจังหวัดจันทบุรี เป็นหลักประกันบังคับให้ไทย ปฏิบัติตามสัญญา ✔ ไทยต้องชดใช้ค่าเสียหายจำนวนมหาศาล ให้ฝรั่งเศส 🛑 นี่เป็นครั้งแรกที่ไทย ต้องเสียดินแดนจำนวนมาก ให้แก่จักรวรรดินิยมฝรั่งเศส และทำให้สถานการณ์ของไทยในภูมิภาคนี้ ล่อแหลมยิ่งขึ้น 🔹 สนธิสัญญา พ.ศ. 2446 การทวงคืนจันทบุรี แต่ต้องแลกด้วยดินแดนเพิ่ม หลังจากไทย ถูกฝรั่งเศสยึดครองจันทบุรี ไว้นานถึง 10 ปี รัฐบาลไทยพยายามเจรจา ขอคืนจันทบุรี แต่ต้องแลกด้วย การยอมมอบดินแดนฝั่งขวาแม่น้ำโขง ที่ตรงข้ามกับเมืองหลวงพระบาง ให้แก่ฝรั่งเศส 📌 สนธิสัญญานี้ ลงนามเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2446 ทำให้ไทยได้รับจันทบุรีคืน แต่ฝรั่งเศสกลับยื่นเงื่อนไข ให้ไทยต้องยกเมืองตราด และหมู่เกาะอื่นๆ แทน 🌏 ผลลัพธ์ของสนธิสัญญานี้ ✅ ไทยได้จันทบุรีคืนจากฝรั่งเศส ❌ ไทยเสียเมืองตราด และหมู่เกาะให้ฝรั่งเศส ✅ ไทยยังสามารถรักษาเอกราชไว้ได้ แต่ต้องจำยอมต่ออำนาจ ของมหาอำนาจตะวันตก 🔹 ไทยทวงคืนเมืองตราดสำเร็จในปี พ.ศ. 2450 4 ปี ต่อมา ในปี พ.ศ. 2450 (ค.ศ. 1907) ไทยสามารถทวงคืนเมืองตราด กลับมาได้สำเร็จ โดยแลกกับดินแดนพระตะบอง เสียมราฐ และศรีโสภณ ที่อยู่ทางฝั่งกัมพูชา ให้ฝรั่งเศสแทน นี่เป็นอีกหนึ่งครั้ง ที่ไทยต้องเสียสละดินแดน เพื่อให้สามารถปกป้อง เอกราชของตนเองเอาไว้ 🧐 จากเหตุการณ์ ปักปันเขตแดนในปี พ.ศ. 2446 ไทยได้เรียนรู้ว่า ✔ อำนาจทางการทูต มีความสำคัญอย่างยิ่ง ไทยสามารถใช้การเจรจา เพื่อลดความเสียหายได้ แม้ว่าจะต้องยอมเสียดินแดนบางส่วน ✔ จักรวรรดินิยมฝรั่งเศส ไม่เคยหยุดกดดันไทย ต้องอาศัยนโยบายเชิงรุก เพื่อรักษาเอกราช ✔ ไทยต้องพัฒนาประเทศให้ทันสมัย เพื่อป้องกันการถูกรุกรานในอนาคต 🎯 แม้ว่าไทยจะต้องยอม สูญเสียดินแดนบางส่วน แต่ก็สามารถรักษา ความเป็นเอกราชเอาไว้ได้ ซึ่งแตกต่างจากประเทศเพื่อนบ้าน ที่ตกเป็นอาณานิคม ของจักรวรรดินิยมในช่วงเวลานั้น 🔹 122 ปี แห่งความเปลี่ยนแปลงทางดินแดน และอธิปไตยของไทย 🌏 ผ่านไป 122 ปี นับตั้งแต่สนธิสัญญา ปักปันเขตแดนไทย-กัมพูชา-เมืองหลวงพระบาง เหตุการณ์นี้ยังคงเป็นบทเรียนสำคัญ ทางประวัติศาสตร์ของไทย 🇹🇭 📌 ถึงแม้ไทยจะเสียดินแดนไปบางส่วน แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ไทยยังคงรักษาเอกราชไว้ได้ ไม่ต้องตกเป็นอาณานิคมของชาติตะวันตก เหมือนประเทศเพื่อนบ้าน 💬 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 131208 ก.พ. 2568 #ประวัติศาสตร์ไทย #ไทยฝรั่งเศส #อธิปไตย #วิกฤติการณ์รศ112 #เอกราชไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1116 มุมมอง 0 รีวิว
  • 7/11/67

    https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid0wtGwGxxx2yADXfGPcg1g2ssRuANArQV8YknfinwEfUuXxb7caxLMttmeKn9Pn3pjl&id=100050478820109

    เห็นหน้านายกแถลงจริงจัง เรื่องเกาะกูดเป็นของไทย MOU 44 เลิกไม่ได้ หากเลิกจะถูกฟ้องและ ต้องเดินหน้าเจรจาต่อ แล้วรู้สึกแปลก ๆ ว่าเธอจบรัฐศาสตร์จุฬาจริงหรือ ใครสอนวิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หรือเธอไม่ตั้งใจเรียน

    1. เกาะกูดน่ะ อย่างไรก็เป็นของไทย ตามสนธิสัญญาระหว่างไทยกับฝรั่งเศสเมื่อปี 2450 ที่ไทยยอมแลก พระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ เพื่อเอาจันทบุรี และตราดคืนมา โดยแบ่งพื้นที่ว่า เกาะกูดนั้นอยู่ในเขตแดนไทย ส่วนเกาะกง หรือเมืองประจันต์คีรีเขต ที่เป็นเมืองหน้าด่านทางทะเลทางตะวันออก คู่กับ ประจวบคีรีขันธ์ทางทิศตะวันตก นั้นเป็นของฝรั่งเศส

    2. MOU ก็แค่ Memorandum Of Understanding บันทึกความเข้าใจต่อกัน ไม่ใช่สนธิสัญญา (Treaty) ที่มีผลบังคับที่มีข้อผูกพันตามกฎหมาย สนธิสัญญานั้น หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งละเมิด อีกฝ่ายสามารถฟ้องร้องดำเนินคดีในศาลระหว่างประเทศได้ แต่ MOU นั้นเป็นแค่บันทึกความเข้าใจ นำไปฟ้องร้องใด ๆ ไม่ได้ และหากอยากจะยกเลิก ก็ยกเลิกฝ่ายเดียวได้ คือ ผ่าน ครม. และผ่านสภา จากนั้นก็แจ้งฝ่ายตรงข้ามว่า ฉันขอยกเลิกบันทึกความเข้าใจฉบับนี้เท่านั้น

    3. รัฐบาลจะเดินหน้าเจรจาต่อตาม MOU อันนี้ไม่ผิดอะไร แต่คุณเธอไม่พูดให้ชัดสักคำว่า การเดินหน้าเจรจาจะต้องเจรจาเรื่องเขตแดนให้ชัดเจนควบคู่ไปกับการเจรจาแบ่งปันประโยชน์ ไม่ใช่แบบอีตาอ้วนที่บอกว่า ขอเจรจาเรื่องผลประโยชน์ก่อน เขตแดนคุยไปก็ไม่จบ เสียเวลาคุย ราวกับหากช้าเดี๋ยวของที่อยู่ใต้ทะเลจะเน่าเสีย

    4. วันนึงเพื่อนบ้านคุณ ขีดเส้นมาผ่ากลางบ้านคุณ แล้วบอกว่า เป็นแค่เส้นสมมติ อย่าไปใส่ใจ เรามาขุดหาสมบัติใต้พื้นดินตรงนั้นกันดีกว่า ขุดได้แล้วหารสองแบ่งกันคนละครึ่ง หากคุณยอม ไม่โง่ ก็บ้า ครับ
    7/11/67 https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid0wtGwGxxx2yADXfGPcg1g2ssRuANArQV8YknfinwEfUuXxb7caxLMttmeKn9Pn3pjl&id=100050478820109 เห็นหน้านายกแถลงจริงจัง เรื่องเกาะกูดเป็นของไทย MOU 44 เลิกไม่ได้ หากเลิกจะถูกฟ้องและ ต้องเดินหน้าเจรจาต่อ แล้วรู้สึกแปลก ๆ ว่าเธอจบรัฐศาสตร์จุฬาจริงหรือ ใครสอนวิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หรือเธอไม่ตั้งใจเรียน 1. เกาะกูดน่ะ อย่างไรก็เป็นของไทย ตามสนธิสัญญาระหว่างไทยกับฝรั่งเศสเมื่อปี 2450 ที่ไทยยอมแลก พระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ เพื่อเอาจันทบุรี และตราดคืนมา โดยแบ่งพื้นที่ว่า เกาะกูดนั้นอยู่ในเขตแดนไทย ส่วนเกาะกง หรือเมืองประจันต์คีรีเขต ที่เป็นเมืองหน้าด่านทางทะเลทางตะวันออก คู่กับ ประจวบคีรีขันธ์ทางทิศตะวันตก นั้นเป็นของฝรั่งเศส 2. MOU ก็แค่ Memorandum Of Understanding บันทึกความเข้าใจต่อกัน ไม่ใช่สนธิสัญญา (Treaty) ที่มีผลบังคับที่มีข้อผูกพันตามกฎหมาย สนธิสัญญานั้น หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งละเมิด อีกฝ่ายสามารถฟ้องร้องดำเนินคดีในศาลระหว่างประเทศได้ แต่ MOU นั้นเป็นแค่บันทึกความเข้าใจ นำไปฟ้องร้องใด ๆ ไม่ได้ และหากอยากจะยกเลิก ก็ยกเลิกฝ่ายเดียวได้ คือ ผ่าน ครม. และผ่านสภา จากนั้นก็แจ้งฝ่ายตรงข้ามว่า ฉันขอยกเลิกบันทึกความเข้าใจฉบับนี้เท่านั้น 3. รัฐบาลจะเดินหน้าเจรจาต่อตาม MOU อันนี้ไม่ผิดอะไร แต่คุณเธอไม่พูดให้ชัดสักคำว่า การเดินหน้าเจรจาจะต้องเจรจาเรื่องเขตแดนให้ชัดเจนควบคู่ไปกับการเจรจาแบ่งปันประโยชน์ ไม่ใช่แบบอีตาอ้วนที่บอกว่า ขอเจรจาเรื่องผลประโยชน์ก่อน เขตแดนคุยไปก็ไม่จบ เสียเวลาคุย ราวกับหากช้าเดี๋ยวของที่อยู่ใต้ทะเลจะเน่าเสีย 4. วันนึงเพื่อนบ้านคุณ ขีดเส้นมาผ่ากลางบ้านคุณ แล้วบอกว่า เป็นแค่เส้นสมมติ อย่าไปใส่ใจ เรามาขุดหาสมบัติใต้พื้นดินตรงนั้นกันดีกว่า ขุดได้แล้วหารสองแบ่งกันคนละครึ่ง หากคุณยอม ไม่โง่ ก็บ้า ครับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1054 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลักฐานสำคัญ ที่แสดงว่า "เกาะกูด" เป็นของไทย

    สมัยร.๕ ในยุคล่าอาณานิคมฝรั่งเศสบุกยึดเวียตนาม รบกันหลายครั้ง สยามยอมแพ้ จึงทำสนธิสัญญาต่อกัน บังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม คศ.1907 มีใจความสำคัญว่า

    1. รัฐบาลสยามยอมยกดินแดนเมืองพระตะบอง เสียมราฐ และ​ศรีโสภณ ให้ ฝรั่งเศส ตามกำหนดปักปันเขตแดนที่แนบท้ายสัญญาข้อที่ 1
    2. ฝรั่งเศสยอมยกเมืองด่านซ้าย และเมืองตราดกับเกาะทั้งหลายซึ่งอยู่ภายใต้แหลมสิงลงไปถึงเกาะกูดให่แก่กรุงสยาม ตามกำหนดปักปันเขตแดนที่แนบท้ายสัญญาข้อที่ 2

    ลงนามโดย
    V.Collin de Plancy และ
    สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาเทววงศ์วโรปการ


    อ้างอิง : https://www.persee.fr/doc/geo_0003-4010_1907_num_16_87_6973
    .
    .
    พัชรี ว่องไววิทย์
    October23, 2024
    Sausalito, California

    หลักฐานสำคัญ ที่แสดงว่า "เกาะกูด" เป็นของไทย สมัยร.๕ ในยุคล่าอาณานิคมฝรั่งเศสบุกยึดเวียตนาม รบกันหลายครั้ง สยามยอมแพ้ จึงทำสนธิสัญญาต่อกัน บังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม คศ.1907 มีใจความสำคัญว่า 1. รัฐบาลสยามยอมยกดินแดนเมืองพระตะบอง เสียมราฐ และ​ศรีโสภณ ให้ ฝรั่งเศส ตามกำหนดปักปันเขตแดนที่แนบท้ายสัญญาข้อที่ 1 2. ฝรั่งเศสยอมยกเมืองด่านซ้าย และเมืองตราดกับเกาะทั้งหลายซึ่งอยู่ภายใต้แหลมสิงลงไปถึงเกาะกูดให่แก่กรุงสยาม ตามกำหนดปักปันเขตแดนที่แนบท้ายสัญญาข้อที่ 2 ลงนามโดย V.Collin de Plancy และ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาเทววงศ์วโรปการ อ้างอิง : https://www.persee.fr/doc/geo_0003-4010_1907_num_16_87_6973 . . พัชรี ว่องไววิทย์ October23, 2024 Sausalito, California
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 541 มุมมอง 0 รีวิว