• เด็กป่วยมะเร็งถูกใช้เป็นเครื่องมือในแคมเปญระดมทุนปลอม

    การสืบสวนของ BBC Eye Investigations พบว่ามีการจัดทำวิดีโอปลอม โดยให้เด็กที่ป่วยมะเร็งจริงถูกบังคับให้แสดงบทบาท เช่น ถูกโกนหัว ติดสายน้ำเกลือปลอม และทำให้ร้องไห้ด้วยการใช้หัวหอมและเมนทอล เพื่อสร้างภาพความน่าสงสาร วิดีโอเหล่านี้ถูกเผยแพร่บน YouTube และเว็บไซต์ระดมทุน โดยอ้างว่าจะช่วยค่าใช้จ่ายในการรักษา

    หนึ่งในกรณีคือ คาลิล เด็กชายวัย 7 ปีจากฟิลิปปินส์ ที่ถูกถ่ายทำวิดีโอระดมทุนซึ่งระบุว่าสามารถหาเงินได้กว่า 27,000 ดอลลาร์สหรัฐ แต่ครอบครัวกลับได้รับเพียงค่าถ่ายทำ 700 ดอลลาร์ และไม่เคยเห็นเงินบริจาคที่เหลือเลย สุดท้ายคาลิลเสียชีวิตโดยไม่ได้รับการรักษาที่ดีขึ้นตามที่สัญญาไว้

    การสืบสวนยังพบว่าเครือข่ายนี้มีการดำเนินงานในหลายประเทศ เช่น โคลอมเบีย กานา และยูเครน โดยมีบุคคลสำคัญที่เชื่อมโยงคือ เอเรซ ฮาดารี ชาวอิสราเอลที่อาศัยอยู่ในแคนาดา ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้จัดการแคมเปญผ่านองค์กรต่าง ๆ เช่น Chance Letikva, Walls of Hope และ Saint Raphael

    สิ่งที่น่าตกใจคือเงินบริจาคจำนวนมหาศาล เช่น กว่า 700,000 ดอลลาร์ ในบางแคมเปญ ไม่เคยถึงมือครอบครัวเด็กเลย แต่ถูกอ้างว่าใช้ไปกับค่าโฆษณาและการจัดการ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านการกุศลเตือนว่าค่าใช้จ่ายลักษณะนี้ไม่ควรเกิน 20% ของยอดบริจาคทั้งหมด

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การสืบสวนของ BBC Eye
    พบการสร้างวิดีโอปลอมเพื่อระดมทุนจากเด็กป่วยมะเร็ง
    ใช้เทคนิคบังคับให้เด็กแสดงความทุกข์ทรมาน

    กรณีของคาลิลจากฟิลิปปินส์
    วิดีโอหาเงินได้กว่า 27,000 ดอลลาร์
    ครอบครัวได้รับเพียง 700 ดอลลาร์ และเด็กเสียชีวิต

    บุคคลและองค์กรที่เกี่ยวข้อง
    เอเรซ ฮาดารี ถูกเชื่อมโยงกับหลายองค์กร เช่น Chance Letikva
    มีการดำเนินงานในหลายประเทศทั่วโลก

    เงินบริจาคจำนวนมหาศาล
    บางแคมเปญระดมได้กว่า 700,000 ดอลลาร์
    เงินไม่ถึงครอบครัวเด็ก แต่ถูกอ้างว่าใช้ไปกับค่าโฆษณา

    คำเตือนสำหรับผู้บริจาค
    ตรวจสอบว่าองค์กรการกุศลมีการจดทะเบียนถูกต้อง
    ระวังการบริจาคผ่านเว็บไซต์หรือโฆษณาที่ไม่น่าเชื่อถือ

    https://www.bbc.com/news/articles/ckgz318y8elo
    📰 เด็กป่วยมะเร็งถูกใช้เป็นเครื่องมือในแคมเปญระดมทุนปลอม การสืบสวนของ BBC Eye Investigations พบว่ามีการจัดทำวิดีโอปลอม โดยให้เด็กที่ป่วยมะเร็งจริงถูกบังคับให้แสดงบทบาท เช่น ถูกโกนหัว ติดสายน้ำเกลือปลอม และทำให้ร้องไห้ด้วยการใช้หัวหอมและเมนทอล เพื่อสร้างภาพความน่าสงสาร วิดีโอเหล่านี้ถูกเผยแพร่บน YouTube และเว็บไซต์ระดมทุน โดยอ้างว่าจะช่วยค่าใช้จ่ายในการรักษา หนึ่งในกรณีคือ คาลิล เด็กชายวัย 7 ปีจากฟิลิปปินส์ ที่ถูกถ่ายทำวิดีโอระดมทุนซึ่งระบุว่าสามารถหาเงินได้กว่า 27,000 ดอลลาร์สหรัฐ แต่ครอบครัวกลับได้รับเพียงค่าถ่ายทำ 700 ดอลลาร์ และไม่เคยเห็นเงินบริจาคที่เหลือเลย สุดท้ายคาลิลเสียชีวิตโดยไม่ได้รับการรักษาที่ดีขึ้นตามที่สัญญาไว้ การสืบสวนยังพบว่าเครือข่ายนี้มีการดำเนินงานในหลายประเทศ เช่น โคลอมเบีย กานา และยูเครน โดยมีบุคคลสำคัญที่เชื่อมโยงคือ เอเรซ ฮาดารี ชาวอิสราเอลที่อาศัยอยู่ในแคนาดา ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้จัดการแคมเปญผ่านองค์กรต่าง ๆ เช่น Chance Letikva, Walls of Hope และ Saint Raphael สิ่งที่น่าตกใจคือเงินบริจาคจำนวนมหาศาล เช่น กว่า 700,000 ดอลลาร์ ในบางแคมเปญ ไม่เคยถึงมือครอบครัวเด็กเลย แต่ถูกอ้างว่าใช้ไปกับค่าโฆษณาและการจัดการ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านการกุศลเตือนว่าค่าใช้จ่ายลักษณะนี้ไม่ควรเกิน 20% ของยอดบริจาคทั้งหมด 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การสืบสวนของ BBC Eye ➡️ พบการสร้างวิดีโอปลอมเพื่อระดมทุนจากเด็กป่วยมะเร็ง ➡️ ใช้เทคนิคบังคับให้เด็กแสดงความทุกข์ทรมาน ✅ กรณีของคาลิลจากฟิลิปปินส์ ➡️ วิดีโอหาเงินได้กว่า 27,000 ดอลลาร์ ➡️ ครอบครัวได้รับเพียง 700 ดอลลาร์ และเด็กเสียชีวิต ✅ บุคคลและองค์กรที่เกี่ยวข้อง ➡️ เอเรซ ฮาดารี ถูกเชื่อมโยงกับหลายองค์กร เช่น Chance Letikva ➡️ มีการดำเนินงานในหลายประเทศทั่วโลก ✅ เงินบริจาคจำนวนมหาศาล ➡️ บางแคมเปญระดมได้กว่า 700,000 ดอลลาร์ ➡️ เงินไม่ถึงครอบครัวเด็ก แต่ถูกอ้างว่าใช้ไปกับค่าโฆษณา ‼️ คำเตือนสำหรับผู้บริจาค ⛔ ตรวจสอบว่าองค์กรการกุศลมีการจดทะเบียนถูกต้อง ⛔ ระวังการบริจาคผ่านเว็บไซต์หรือโฆษณาที่ไม่น่าเชื่อถือ https://www.bbc.com/news/articles/ckgz318y8elo
    WWW.BBC.COM
    Children with cancer scammed out of millions fundraised for their treatment, BBC finds
    Huge amounts appear to have been raised for seriously ill children who never received the money.
    0 Comments 0 Shares 150 Views 0 Reviews
  • Roxette ถือเป็นหนึ่งในวงดนตรีป๊อปร็อกที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดจากสวีเดนในยุค 80s-90s โดยก่อตั้งขึ้นในปี 1986 ที่เมืองฮาล์มสตัด ประเทศสวีเดน วงประกอบด้วยสมาชิกหลักสองคนคือ Marie Fredriksson นักร้องนำหญิงที่มีน้ำเสียงอันทรงพลังและเคยมีอาชีพเดี่ยวที่ประสบความสำเร็จในสวีเดนตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษ 1980 และ Per Gessle นักร้อง นักแต่งเพลง และมือกีตาร์ที่เคยโด่งดังกับวง Gyllene Tider ซึ่งเป็นวงร็อกสวีเดนที่ฮิตมากในประเทศบ้านเกิดตั้งแต่ปี 1979

    การรวมตัวของทั้งคู่เริ่มต้นจากความร่วมมือในโปรเจกต์เดี่ยวของ Marie ที่ Per เข้ามาช่วยแต่งเพลง “Neverending Love” ซึ่งกลายเป็นฮิตในสวีเดนปี 1986 และนำไปสู่การก่อตั้ง Roxette อย่างเป็นทางการ ชื่อวงได้รับแรงบันดาลใจจากเพลง “Roxette” ของวงร็อกอังกฤษ Dr. Feelgood ซึ่ง Per ชื่นชอบเป็นพิเศษ。 ในช่วงแรก Roxette มุ่งเน้นตลาดสวีเดนและยุโรป โดยอัลบั้มแรก Pearls of Passion (1986) ประสบความสำเร็จในระดับภูมิภาค แต่ความก้าวหน้าครั้งใหญ่เกิดขึ้นเมื่อพวกเขาขยายสู่ตลาดนานาชาติด้วยอัลบั้ม Look Sharp! ในปี 1988 ซึ่งมีเพลงฮิตอย่าง “The Look” ที่ขึ้นอันดับ 1 ในสหรัฐอเมริกาในปี 1989 และทำให้ Roxette กลายเป็นศิลปินสวีเดนที่ประสบความสำเร็จระดับโลกนับตั้งแต่ ABBA 。 วงออกอัลบั้มต่อเนื่องอย่าง Joyride (1991) ซึ่งมีเพลงฮิตอันดับ 1 อีกเพลงอย่าง “Joyride” และ “It Must Have Been Love” ที่ใช้ในภาพยนตร์ Pretty Woman ทำให้ยอดขายทะลุ 11 ล้านชุดทั่วโลก 。 Roxette มีช่วงหยุดพักในปี 2002 หลังจาก Marie ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งสมอง แต่พวกเขากลับมาร่วมงานกันในปี 2010 กับอัลบั้ม Charm School และทัวร์คอนเสิร์ตทั่วโลก จนกระทั่ง Marie เสียชีวิตในปี 2019 ด้วยวัย 61 ปีจากโรคแทรกซ้อน。 หลังจากนั้น Per ได้ดำเนินโครงการต่อในชื่อ PG Roxette ตั้งแต่ปี 2022 เพื่อรำลึกถึง Marie และรักษามรดกของวงไว้。 โดยรวม Roxette ขายอัลบั้มได้กว่า 75 ล้านชุดทั่วโลกและมีเพลงฮิตอันดับ 1 ในสหรัฐถึง 4 เพลง ซึ่งเป็นสถิติที่หาได้ยากสำหรับศิลปินที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ 。

    เพลง “Listen To Your Heart” เป็นหนึ่งในผลงานที่กำหนดเอกลักษณ์ของ Roxette โดยถูกเขียนขึ้นในปี 1988 และออกครั้งแรกในสวีเดนเดือนกันยายน 1988 ในฐานะซิงเกิลที่สองจากอัลบั้ม Look Sharp! ซึ่งผลิตโดย Clarence Öfwerman 。 Per Gessle ผู้แต่งเนื้อร้องและทำนองหลัก ร่วมกับ Mats Persson มือกีตาร์จาก Gyllene Tider ได้รับแรงบันดาลใจจากบทสนทนายามดึกกับเพื่อนสนิทคนหนึ่งที่กำลังเผชิญความรักที่ยุ่งยากและเจ็บปวด โดยเพื่อนคนนั้นถูกกดดันจากสังคมให้เลิกกับคนรัก 。 เพลงนี้มีโครงสร้างแบบบัลลาดป๊อปร็อก เริ่มต้นด้วยเปียโนช้า ๆ ก่อนเข้าสู่ส่วนกีตาร์และเสียงร้องอันไพเราะของ Marie ที่เพิ่มความเข้มข้นในท่อนคอรัส。 ในเวอร์ชันแรก เพลงนี้ได้รับความนิยมในสวีเดนและยุโรปเหนือ แต่การปรับแต่งสำหรับตลาดสหรัฐโดย Tom Keane ทำให้มันมีเวอร์ชันที่ยาวขึ้นและเน้นเสียงซินธ์มากกว่า。 น่าสนใจว่ามีการเปรียบเทียบกับเพลง “Alone” ของ Heart ในปี 1987 ซึ่งมีทำนองคล้ายกัน จน Roxette ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์บางส่วนให้ Heart แม้ Per จะยืนยันว่าเป็นเรื่องบังเอิญ。 เพลงนี้ถูกบันทึกที่สตูดิโอ EMI ในสตอกโฮล์ม และกลายเป็นส่วนสำคัญของอัลบั้ม Look Sharp! ที่มียอดขายกว่า 9 ล้านชุด。

    ในแง่ความหมาย เพลง “Listen To Your Heart” สื่อสารข้อความที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับการฟังเสียงหัวใจตัวเองในเรื่องความรัก โดยเฉพาะเมื่อความสัมพันธ์ถูกท้าทายจากปัจจัยภายนอก เช่น ความเห็นจากสังคม เพื่อนฝูง หรืออุปสรรคอื่น ๆ ที่อาจทำให้คู่รักต้องแยกทาง 。 เนื้อเพลงอย่าง “I know there’s something in the wake of your smile / I get a notion from the look in your eyes” แสดงถึงการสังเกตสัญญาณความรักที่แท้จริง ก่อนที่จะเตือนว่า “Listen to your heart when he’s calling for you / Listen to your heart, there’s nothing else you can do”。 มันเป็นเพลงที่ให้กำลังใจให้เชื่อมั่นในความรู้สึกภายใน แม้จะเจ็บปวดหรือสับสน และบางครั้งถูกตีความว่าเป็นการต่อต้านการแทรกแซงจากภายนอกในความรักที่บริสุทธิ์。 ในบริบทกว้างขึ้น เพลงนี้ยังถูกนำไปประยุกต์กับธีมอื่น ๆ เช่น การต่อสู้กับโรคหัวใจหรือปัญหาสุขภาพส่วนตัวในยุคปัจจุบัน โดยบางคนมองว่ามันเป็นเพลงที่ให้แรงบันดาลใจในการ “ฟังหัวใจ” ในความหมายตามตัวอักษร 。 ความหมายนี้ทำให้เพลงคงความนิยมข้ามกาลเวลา และถูกนำไปใช้ในสื่อต่าง ๆ เช่น ภาพยนตร์ โฆษณา และรายการทีวี。

    ความสำเร็จระดับโลกของ “Listen To Your Heart” ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับ Roxette โดยเพลงนี้กลายเป็นหนึ่งในซิงเกิลที่ขายดีที่สุดของปี 1989 ขึ้นอันดับ 1 ในชาร์ต Billboard Hot 100 ของสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 1989 และครองตำแหน่งนั้น 1 สัปดาห์ รวมถึงขึ้นอันดับ 1 ในแคนาดาและติดชาร์ตสูงในยุโรป 。 มันเป็นเพลงฮิตอันดับ 1 เพลงที่สองของ Roxette ในสหรัฐ ต่อจาก “The Look” และช่วยให้วงมีเพลงอันดับ 1 รวม 4 เพลงใน Billboard Hot 100 ซึ่งเป็นสถิติที่ ABBA ยังไม่เคยทำได้ 。 ในออสเตรเลีย เพลงนี้ขึ้นอันดับ 10 ในชาร์ต ARIA เมื่อเดือนพฤศจิกายน 1989 และเป็นส่วนหนึ่งของเพลงฮิตจากอัลบั้ม Look Sharp! ที่รวม “Dressed For Success” (อันดับ 3) และ “Dangerous” (อันดับ 9)。 ความสำเร็จนี้ส่วนหนึ่งมาจากนักศึกษาชาวอเมริกันจากมินนิโซตาที่ศึกษาอยู่ในสวีเดนและนำเทปเพลงกลับไปโปรโมตในสถานีวิทยุท้องถิ่น ซึ่งนำไปสู่การเซ็นสัญญากับ EMI ในสหรัฐและการบุกตลาดโลก 。 เพลงนี้ยังได้รับการรับรองแพลตตินัมในหลายประเทศและถูก cover โดยศิลปินอื่น ๆ เช่น เวอร์ชันแดนซ์ของ D.H.T. ในปี 2005 ที่ขึ้นอันดับ 8 ใน Billboard Hot 100 。 มรดกของเพลงนี้ยังคงอยู่ โดยถูกนำไปใช้ในวัฒนธรรมป๊อปและได้รับการยกย่องว่าเป็นเพลงคลาสสิกยุค 80s ที่ช่วยกำหนดภาพลักษณ์ของ Roxette ในฐานะศิลปินสวีเดนที่บุกตลาดโลกได้สำเร็จ。

    #ลุงเล่าหลานฟัง

    https://www.youtube.com/watch?v=dpfbKWoBpRw
    😇 Roxette ถือเป็นหนึ่งในวงดนตรีป๊อปร็อกที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดจากสวีเดนในยุค 80s-90s โดยก่อตั้งขึ้นในปี 1986 ที่เมืองฮาล์มสตัด ประเทศสวีเดน วงประกอบด้วยสมาชิกหลักสองคนคือ Marie Fredriksson นักร้องนำหญิงที่มีน้ำเสียงอันทรงพลังและเคยมีอาชีพเดี่ยวที่ประสบความสำเร็จในสวีเดนตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษ 1980 และ Per Gessle นักร้อง นักแต่งเพลง และมือกีตาร์ที่เคยโด่งดังกับวง Gyllene Tider ซึ่งเป็นวงร็อกสวีเดนที่ฮิตมากในประเทศบ้านเกิดตั้งแต่ปี 1979 🎸 การรวมตัวของทั้งคู่เริ่มต้นจากความร่วมมือในโปรเจกต์เดี่ยวของ Marie ที่ Per เข้ามาช่วยแต่งเพลง “Neverending Love” ซึ่งกลายเป็นฮิตในสวีเดนปี 1986 และนำไปสู่การก่อตั้ง Roxette อย่างเป็นทางการ ชื่อวงได้รับแรงบันดาลใจจากเพลง “Roxette” ของวงร็อกอังกฤษ Dr. Feelgood ซึ่ง Per ชื่นชอบเป็นพิเศษ。 ในช่วงแรก Roxette มุ่งเน้นตลาดสวีเดนและยุโรป โดยอัลบั้มแรก Pearls of Passion (1986) ประสบความสำเร็จในระดับภูมิภาค แต่ความก้าวหน้าครั้งใหญ่เกิดขึ้นเมื่อพวกเขาขยายสู่ตลาดนานาชาติด้วยอัลบั้ม Look Sharp! ในปี 1988 ซึ่งมีเพลงฮิตอย่าง “The Look” ที่ขึ้นอันดับ 1 ในสหรัฐอเมริกาในปี 1989 และทำให้ Roxette กลายเป็นศิลปินสวีเดนที่ประสบความสำเร็จระดับโลกนับตั้งแต่ ABBA 。 วงออกอัลบั้มต่อเนื่องอย่าง Joyride (1991) ซึ่งมีเพลงฮิตอันดับ 1 อีกเพลงอย่าง “Joyride” และ “It Must Have Been Love” ที่ใช้ในภาพยนตร์ Pretty Woman ทำให้ยอดขายทะลุ 11 ล้านชุดทั่วโลก 。 Roxette มีช่วงหยุดพักในปี 2002 หลังจาก Marie ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งสมอง แต่พวกเขากลับมาร่วมงานกันในปี 2010 กับอัลบั้ม Charm School และทัวร์คอนเสิร์ตทั่วโลก จนกระทั่ง Marie เสียชีวิตในปี 2019 ด้วยวัย 61 ปีจากโรคแทรกซ้อน。 หลังจากนั้น Per ได้ดำเนินโครงการต่อในชื่อ PG Roxette ตั้งแต่ปี 2022 เพื่อรำลึกถึง Marie และรักษามรดกของวงไว้。 โดยรวม Roxette ขายอัลบั้มได้กว่า 75 ล้านชุดทั่วโลกและมีเพลงฮิตอันดับ 1 ในสหรัฐถึง 4 เพลง ซึ่งเป็นสถิติที่หาได้ยากสำหรับศิลปินที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ 。 🎶 เพลง “Listen To Your Heart” เป็นหนึ่งในผลงานที่กำหนดเอกลักษณ์ของ Roxette โดยถูกเขียนขึ้นในปี 1988 และออกครั้งแรกในสวีเดนเดือนกันยายน 1988 ในฐานะซิงเกิลที่สองจากอัลบั้ม Look Sharp! ซึ่งผลิตโดย Clarence Öfwerman 。 Per Gessle ผู้แต่งเนื้อร้องและทำนองหลัก ร่วมกับ Mats Persson มือกีตาร์จาก Gyllene Tider ได้รับแรงบันดาลใจจากบทสนทนายามดึกกับเพื่อนสนิทคนหนึ่งที่กำลังเผชิญความรักที่ยุ่งยากและเจ็บปวด โดยเพื่อนคนนั้นถูกกดดันจากสังคมให้เลิกกับคนรัก 。 เพลงนี้มีโครงสร้างแบบบัลลาดป๊อปร็อก เริ่มต้นด้วยเปียโนช้า ๆ ก่อนเข้าสู่ส่วนกีตาร์และเสียงร้องอันไพเราะของ Marie ที่เพิ่มความเข้มข้นในท่อนคอรัส。 ในเวอร์ชันแรก เพลงนี้ได้รับความนิยมในสวีเดนและยุโรปเหนือ แต่การปรับแต่งสำหรับตลาดสหรัฐโดย Tom Keane ทำให้มันมีเวอร์ชันที่ยาวขึ้นและเน้นเสียงซินธ์มากกว่า。 น่าสนใจว่ามีการเปรียบเทียบกับเพลง “Alone” ของ Heart ในปี 1987 ซึ่งมีทำนองคล้ายกัน จน Roxette ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์บางส่วนให้ Heart แม้ Per จะยืนยันว่าเป็นเรื่องบังเอิญ。 เพลงนี้ถูกบันทึกที่สตูดิโอ EMI ในสตอกโฮล์ม และกลายเป็นส่วนสำคัญของอัลบั้ม Look Sharp! ที่มียอดขายกว่า 9 ล้านชุด。 💖 ในแง่ความหมาย เพลง “Listen To Your Heart” สื่อสารข้อความที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับการฟังเสียงหัวใจตัวเองในเรื่องความรัก โดยเฉพาะเมื่อความสัมพันธ์ถูกท้าทายจากปัจจัยภายนอก เช่น ความเห็นจากสังคม เพื่อนฝูง หรืออุปสรรคอื่น ๆ ที่อาจทำให้คู่รักต้องแยกทาง 。 เนื้อเพลงอย่าง “I know there’s something in the wake of your smile / I get a notion from the look in your eyes” แสดงถึงการสังเกตสัญญาณความรักที่แท้จริง ก่อนที่จะเตือนว่า “Listen to your heart when he’s calling for you / Listen to your heart, there’s nothing else you can do”。 มันเป็นเพลงที่ให้กำลังใจให้เชื่อมั่นในความรู้สึกภายใน แม้จะเจ็บปวดหรือสับสน และบางครั้งถูกตีความว่าเป็นการต่อต้านการแทรกแซงจากภายนอกในความรักที่บริสุทธิ์。 ในบริบทกว้างขึ้น เพลงนี้ยังถูกนำไปประยุกต์กับธีมอื่น ๆ เช่น การต่อสู้กับโรคหัวใจหรือปัญหาสุขภาพส่วนตัวในยุคปัจจุบัน โดยบางคนมองว่ามันเป็นเพลงที่ให้แรงบันดาลใจในการ “ฟังหัวใจ” ในความหมายตามตัวอักษร 。 ความหมายนี้ทำให้เพลงคงความนิยมข้ามกาลเวลา และถูกนำไปใช้ในสื่อต่าง ๆ เช่น ภาพยนตร์ โฆษณา และรายการทีวี。 🌍 ความสำเร็จระดับโลกของ “Listen To Your Heart” ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับ Roxette โดยเพลงนี้กลายเป็นหนึ่งในซิงเกิลที่ขายดีที่สุดของปี 1989 ขึ้นอันดับ 1 ในชาร์ต Billboard Hot 100 ของสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 1989 และครองตำแหน่งนั้น 1 สัปดาห์ รวมถึงขึ้นอันดับ 1 ในแคนาดาและติดชาร์ตสูงในยุโรป 。 มันเป็นเพลงฮิตอันดับ 1 เพลงที่สองของ Roxette ในสหรัฐ ต่อจาก “The Look” และช่วยให้วงมีเพลงอันดับ 1 รวม 4 เพลงใน Billboard Hot 100 ซึ่งเป็นสถิติที่ ABBA ยังไม่เคยทำได้ 。 ในออสเตรเลีย เพลงนี้ขึ้นอันดับ 10 ในชาร์ต ARIA เมื่อเดือนพฤศจิกายน 1989 และเป็นส่วนหนึ่งของเพลงฮิตจากอัลบั้ม Look Sharp! ที่รวม “Dressed For Success” (อันดับ 3) และ “Dangerous” (อันดับ 9)。 ความสำเร็จนี้ส่วนหนึ่งมาจากนักศึกษาชาวอเมริกันจากมินนิโซตาที่ศึกษาอยู่ในสวีเดนและนำเทปเพลงกลับไปโปรโมตในสถานีวิทยุท้องถิ่น ซึ่งนำไปสู่การเซ็นสัญญากับ EMI ในสหรัฐและการบุกตลาดโลก 。 เพลงนี้ยังได้รับการรับรองแพลตตินัมในหลายประเทศและถูก cover โดยศิลปินอื่น ๆ เช่น เวอร์ชันแดนซ์ของ D.H.T. ในปี 2005 ที่ขึ้นอันดับ 8 ใน Billboard Hot 100 。 มรดกของเพลงนี้ยังคงอยู่ โดยถูกนำไปใช้ในวัฒนธรรมป๊อปและได้รับการยกย่องว่าเป็นเพลงคลาสสิกยุค 80s ที่ช่วยกำหนดภาพลักษณ์ของ Roxette ในฐานะศิลปินสวีเดนที่บุกตลาดโลกได้สำเร็จ。 #ลุงเล่าหลานฟัง https://www.youtube.com/watch?v=dpfbKWoBpRw
    0 Comments 0 Shares 388 Views 0 Reviews
  • นิวยอร์กซิตี้ใช้ค่าผ่านทาง ลดรถ ลดมลพิษ

    มาตรการ Congestion Pricing ของนิวยอร์กซิตี้ ที่เริ่มใช้ในปี 2025 ทำให้การจราจรลดลงและมลพิษทางอากาศลดลงถึง 22% ในพื้นที่แมนฮัตตัน พร้อมผลพลอยได้เช่นอุบัติเหตุลดลงและเสียงรบกวนลดลงอย่างชัดเจน

    ตั้งแต่เดือนมกราคม 2025 รถยนต์ที่ต้องการเข้าพื้นที่ใจกลางแมนฮัตตันในช่วงเวลาเร่งด่วนต้องจ่ายค่าผ่านทาง 9 ดอลลาร์ ผลลัพธ์ใน 6 เดือนแรกคือการจราจรลดลง 11% และอุบัติเหตุลดลง 14% ขณะเดียวกันเสียงรบกวนจากการบีบแตรหรือเสียงดังอื่น ๆ ลดลงถึง 45%

    ผลลัพธ์ด้านสิ่งแวดล้อม
    งานวิจัยจาก Cornell University พบว่า มลพิษฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM) ลดลงถึง 22% ในพื้นที่ที่มีการบังคับใช้มาตรการ ซึ่งถือว่ามากกว่าผลลัพธ์ที่เคยเห็นในเมืองอื่น เช่น สตอกโฮล์มและลอนดอน มลพิษเหล่านี้เป็นสาเหตุสำคัญของโรคหอบหืด โรคหัวใจ และมะเร็งปอด

    พฤติกรรมการเดินทางเปลี่ยนไป
    นักวิจัยระบุว่ามาตรการนี้ไม่ได้เพียงแค่ผลักภาระไปยังชานเมือง แต่ช่วยให้ทั้งมหานครนิวยอร์กมีอากาศดีขึ้น เพราะผู้คนเลือกใช้ ขนส่งสาธารณะ หรือปรับเวลาเดินทาง เช่น ส่งสินค้าในเวลากลางคืน ทำให้การจราจรเบาบางลงและลดการสะสมของหมอกควัน

    ความหมายต่อเมืองใหญ่ทั่วโลก
    ผลลัพธ์นี้สะท้อนว่า Congestion Pricing ไม่ใช่แค่เรื่องการจัดการจราจร แต่เป็นเครื่องมือสำคัญในการปรับปรุงคุณภาพชีวิตและสุขภาพประชาชน หากเมืองใหญ่ทั่วโลกนำไปปรับใช้ อาจช่วยลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรจากมลพิษทางอากาศได้อย่างมีนัยสำคัญ

    สรุปสาระสำคัญ
    มาตรการ Congestion Pricing เริ่มใช้ในนิวยอร์กปี 2025
    รถยนต์ต้องจ่าย $9 เพื่อเข้าพื้นที่แมนฮัตตันช่วงเร่งด่วน

    ผลลัพธ์ใน 6 เดือนแรก
    การจราจรลดลง 11%, อุบัติเหตุลดลง 14%, เสียงรบกวนลดลง 45%

    มลพิษฝุ่นละออง PM ลดลง 22%
    ลดความเสี่ยงโรคหอบหืด, โรคหัวใจ, มะเร็งปอด

    พฤติกรรมผู้คนเปลี่ยนไป
    ใช้ขนส่งสาธารณะมากขึ้น, ส่งสินค้าเวลากลางคืน

    หากไม่มีมาตรการต่อเนื่อง มลพิษอาจกลับมาเพิ่มขึ้น
    การพึ่งพารถยนต์ส่วนตัวจะทำให้ผลลัพธ์ถดถอย

    เมืองที่ไม่ปรับใช้มาตรการคล้ายกันเสี่ยงต่อสุขภาพประชาชน
    มลพิษทางอากาศยังเป็นสาเหตุการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรทั่วโลก

    https://e360.yale.edu/digest/new-york-congestion-pricing-pollution
    🚗 นิวยอร์กซิตี้ใช้ค่าผ่านทาง ลดรถ ลดมลพิษ มาตรการ Congestion Pricing ของนิวยอร์กซิตี้ ที่เริ่มใช้ในปี 2025 ทำให้การจราจรลดลงและมลพิษทางอากาศลดลงถึง 22% ในพื้นที่แมนฮัตตัน พร้อมผลพลอยได้เช่นอุบัติเหตุลดลงและเสียงรบกวนลดลงอย่างชัดเจน ตั้งแต่เดือนมกราคม 2025 รถยนต์ที่ต้องการเข้าพื้นที่ใจกลางแมนฮัตตันในช่วงเวลาเร่งด่วนต้องจ่ายค่าผ่านทาง 9 ดอลลาร์ ผลลัพธ์ใน 6 เดือนแรกคือการจราจรลดลง 11% และอุบัติเหตุลดลง 14% ขณะเดียวกันเสียงรบกวนจากการบีบแตรหรือเสียงดังอื่น ๆ ลดลงถึง 45% 🌫️ ผลลัพธ์ด้านสิ่งแวดล้อม งานวิจัยจาก Cornell University พบว่า มลพิษฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM) ลดลงถึง 22% ในพื้นที่ที่มีการบังคับใช้มาตรการ ซึ่งถือว่ามากกว่าผลลัพธ์ที่เคยเห็นในเมืองอื่น เช่น สตอกโฮล์มและลอนดอน มลพิษเหล่านี้เป็นสาเหตุสำคัญของโรคหอบหืด โรคหัวใจ และมะเร็งปอด 🚉 พฤติกรรมการเดินทางเปลี่ยนไป นักวิจัยระบุว่ามาตรการนี้ไม่ได้เพียงแค่ผลักภาระไปยังชานเมือง แต่ช่วยให้ทั้งมหานครนิวยอร์กมีอากาศดีขึ้น เพราะผู้คนเลือกใช้ ขนส่งสาธารณะ หรือปรับเวลาเดินทาง เช่น ส่งสินค้าในเวลากลางคืน ทำให้การจราจรเบาบางลงและลดการสะสมของหมอกควัน 🌍 ความหมายต่อเมืองใหญ่ทั่วโลก ผลลัพธ์นี้สะท้อนว่า Congestion Pricing ไม่ใช่แค่เรื่องการจัดการจราจร แต่เป็นเครื่องมือสำคัญในการปรับปรุงคุณภาพชีวิตและสุขภาพประชาชน หากเมืองใหญ่ทั่วโลกนำไปปรับใช้ อาจช่วยลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรจากมลพิษทางอากาศได้อย่างมีนัยสำคัญ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ มาตรการ Congestion Pricing เริ่มใช้ในนิวยอร์กปี 2025 ➡️ รถยนต์ต้องจ่าย $9 เพื่อเข้าพื้นที่แมนฮัตตันช่วงเร่งด่วน ✅ ผลลัพธ์ใน 6 เดือนแรก ➡️ การจราจรลดลง 11%, อุบัติเหตุลดลง 14%, เสียงรบกวนลดลง 45% ✅ มลพิษฝุ่นละออง PM ลดลง 22% ➡️ ลดความเสี่ยงโรคหอบหืด, โรคหัวใจ, มะเร็งปอด ✅ พฤติกรรมผู้คนเปลี่ยนไป ➡️ ใช้ขนส่งสาธารณะมากขึ้น, ส่งสินค้าเวลากลางคืน ‼️ หากไม่มีมาตรการต่อเนื่อง มลพิษอาจกลับมาเพิ่มขึ้น ⛔ การพึ่งพารถยนต์ส่วนตัวจะทำให้ผลลัพธ์ถดถอย ‼️ เมืองที่ไม่ปรับใช้มาตรการคล้ายกันเสี่ยงต่อสุขภาพประชาชน ⛔ มลพิษทางอากาศยังเป็นสาเหตุการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรทั่วโลก https://e360.yale.edu/digest/new-york-congestion-pricing-pollution
    0 Comments 0 Shares 239 Views 0 Reviews
  • ทำไมการออกกำลังกายถึงช่วยลดความเสี่ยงมะเร็ง

    งานวิจัยใหม่จาก Yale University พบว่า การออกกำลังกายช่วยลดความเสี่ยงมะเร็ง เพราะร่างกายเปลี่ยนเส้นทางการใช้พลังงานไปเลี้ยงกล้ามเนื้อแทนที่จะไปเลี้ยงเซลล์มะเร็ง ทำให้เนื้องอกเติบโตช้าลงอย่างชัดเจน

    กลไกที่ค้นพบ
    นักวิจัยจาก Yale University ใช้การทดลองในหนูที่มีเนื้องอกมะเร็งเต้านมและเมลาโนมา พบว่า การออกกำลังกายทำให้กล้ามเนื้อดึงพลังงานไปใช้มากขึ้น โดยเฉพาะกลูโคส ส่งผลให้เซลล์มะเร็งถูก “อดอาหาร” และไม่สามารถเติบโตได้เต็มที่

    ผลลัพธ์ที่ชัดเจน
    หลังจากให้หนูออกกำลังกายด้วยการวิ่งล้อเป็นเวลา 4 สัปดาห์ พบว่า ขนาดเนื้องอกเล็กลงเกือบ 60% เมื่อเทียบกับหนูที่ไม่ได้ออกกำลังกาย แม้จะอยู่ในสภาวะอ้วนและรับประทานอาหารไขมันสูงก็ตาม

    ความหมายต่อมนุษย์
    แม้การทดลองนี้ทำในสัตว์ แต่ผลลัพธ์สอดคล้องกับหลักฐานจากการศึกษามนุษย์ที่พบว่า การออกกำลังกายทุกระดับช่วยลดความเสี่ยงมะเร็ง ไม่ว่าจะเป็นการเดินเบา ๆ หรือการออกกำลังกายหนัก การเคลื่อนไหวร่างกายช่วยปรับสมดุลพลังงานและลดโอกาสที่เซลล์มะเร็งจะเติบโต

    ข้อถกเถียงและอนาคต
    นักวิจัยชี้ว่าการค้นพบนี้เป็น “เหตุผลที่ชัดเจน” ว่าทำไมการออกกำลังกายถึงมีผลต่อการลดความเสี่ยงมะเร็ง แต่ยังต้องการการศึกษาเพิ่มเติมในมนุษย์เพื่อยืนยันกลไกและหาวิธีนำไปใช้จริง เช่น การออกแบบโปรแกรมออกกำลังกายเฉพาะสำหรับผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูง

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การออกกำลังกายเปลี่ยนเส้นทางพลังงานไปเลี้ยงกล้ามเนื้อ
    เซลล์มะเร็งถูก “อดอาหาร” และเติบโตช้าลง

    ผลการทดลองในหนูแสดงให้เห็นว่าเนื้องอกเล็กลงเกือบ 60%
    แม้ในหนูที่อ้วนและกินอาหารไขมันสูง

    หลักฐานจากมนุษย์ยืนยันว่าการเคลื่อนไหวทุกระดับลดความเสี่ยงมะเร็ง
    การเดินเบา ๆ ก็มีผลดีเช่นเดียวกับการออกกำลังกายหนัก

    ยังต้องการงานวิจัยเพิ่มเติมในมนุษย์
    เพื่อยืนยันกลไกและหาวิธีนำไปใช้จริงในทางการแพทย์

    https://www.sciencealert.com/study-reveals-surprisingly-obvious-reason-why-exercise-reduces-cancer-risk
    🏃‍♂️ ทำไมการออกกำลังกายถึงช่วยลดความเสี่ยงมะเร็ง งานวิจัยใหม่จาก Yale University พบว่า การออกกำลังกายช่วยลดความเสี่ยงมะเร็ง เพราะร่างกายเปลี่ยนเส้นทางการใช้พลังงานไปเลี้ยงกล้ามเนื้อแทนที่จะไปเลี้ยงเซลล์มะเร็ง ทำให้เนื้องอกเติบโตช้าลงอย่างชัดเจน 🔬 กลไกที่ค้นพบ นักวิจัยจาก Yale University ใช้การทดลองในหนูที่มีเนื้องอกมะเร็งเต้านมและเมลาโนมา พบว่า การออกกำลังกายทำให้กล้ามเนื้อดึงพลังงานไปใช้มากขึ้น โดยเฉพาะกลูโคส ส่งผลให้เซลล์มะเร็งถูก “อดอาหาร” และไม่สามารถเติบโตได้เต็มที่ 📉 ผลลัพธ์ที่ชัดเจน หลังจากให้หนูออกกำลังกายด้วยการวิ่งล้อเป็นเวลา 4 สัปดาห์ พบว่า ขนาดเนื้องอกเล็กลงเกือบ 60% เมื่อเทียบกับหนูที่ไม่ได้ออกกำลังกาย แม้จะอยู่ในสภาวะอ้วนและรับประทานอาหารไขมันสูงก็ตาม 🌍 ความหมายต่อมนุษย์ แม้การทดลองนี้ทำในสัตว์ แต่ผลลัพธ์สอดคล้องกับหลักฐานจากการศึกษามนุษย์ที่พบว่า การออกกำลังกายทุกระดับช่วยลดความเสี่ยงมะเร็ง ไม่ว่าจะเป็นการเดินเบา ๆ หรือการออกกำลังกายหนัก การเคลื่อนไหวร่างกายช่วยปรับสมดุลพลังงานและลดโอกาสที่เซลล์มะเร็งจะเติบโต ⚖️ ข้อถกเถียงและอนาคต นักวิจัยชี้ว่าการค้นพบนี้เป็น “เหตุผลที่ชัดเจน” ว่าทำไมการออกกำลังกายถึงมีผลต่อการลดความเสี่ยงมะเร็ง แต่ยังต้องการการศึกษาเพิ่มเติมในมนุษย์เพื่อยืนยันกลไกและหาวิธีนำไปใช้จริง เช่น การออกแบบโปรแกรมออกกำลังกายเฉพาะสำหรับผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูง 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การออกกำลังกายเปลี่ยนเส้นทางพลังงานไปเลี้ยงกล้ามเนื้อ ➡️ เซลล์มะเร็งถูก “อดอาหาร” และเติบโตช้าลง ✅ ผลการทดลองในหนูแสดงให้เห็นว่าเนื้องอกเล็กลงเกือบ 60% ➡️ แม้ในหนูที่อ้วนและกินอาหารไขมันสูง ✅ หลักฐานจากมนุษย์ยืนยันว่าการเคลื่อนไหวทุกระดับลดความเสี่ยงมะเร็ง ➡️ การเดินเบา ๆ ก็มีผลดีเช่นเดียวกับการออกกำลังกายหนัก ‼️ ยังต้องการงานวิจัยเพิ่มเติมในมนุษย์ ⛔ เพื่อยืนยันกลไกและหาวิธีนำไปใช้จริงในทางการแพทย์ https://www.sciencealert.com/study-reveals-surprisingly-obvious-reason-why-exercise-reduces-cancer-risk
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    Study Reveals Surprisingly Obvious Reason Why Exercise Reduces Cancer Risk
    There's a lot of evidence that more exercise helps reduce cancer risk – but why are the two connected? According to a new mouse study, it may be down to a metabolic shift that appears to give muscle cells more fuel to burn, while 'starving' cancer cells of energy to grow.
    0 Comments 0 Shares 151 Views 0 Reviews
  • การถอนบทความวิจัยที่เคยยืนยันว่า "สารกำจัดวัชพืช Roundup ปลอดภัย"

    บทความวิจัยที่เคยถูกอ้างอิงอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับความปลอดภัยของสารกำจัดวัชพืช Glyphosate (ชื่อทางการค้า Roundup) ถูกถอนออกจากวารสารวิชาการ หลังจากถูกเปิดโปงว่ามีการเขียนโดยพนักงานของบริษัท Monsanto ซึ่งเป็นผู้ผลิตสารดังกล่าวเอง การถอนนี้เกิดขึ้นกว่า 25 ปีหลังการตีพิมพ์ และสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อวงการวิทยาศาสตร์ เนื่องจากบทความนี้เคยถูกใช้เป็นหลักฐานสนับสนุนในงานวิจัย รัฐบาล และแม้แต่ในฐานข้อมูลออนไลน์ที่หลายระบบ AI ใช้อ้างอิง

    ความจริงที่ถูกเปิดเผย
    การตรวจสอบพบว่าบทความดังกล่าวอ้างอิงข้อมูลจากงานวิจัยที่ไม่ได้เผยแพร่ของ Monsanto และละเลยงานวิจัยระยะยาวที่มีอยู่แล้วในช่วงเวลานั้น ทำให้เกิดข้อกังขาในความเป็นอิสระและความโปร่งใสของผู้เขียน นอกจากนี้ยังมีข้อสงสัยว่าผู้เขียนอาจได้รับค่าตอบแทนจากบริษัทโดยไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณะ

    ผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
    Glyphosate เป็นหนึ่งในสารกำจัดวัชพืชที่ใช้กันมากที่สุดทั่วโลก โดยเฉพาะในพืชดัดแปลงพันธุกรรมที่ทนต่อสารนี้ เช่น ข้าวโพด ถั่วเหลือง และฝ้าย การใช้สารอย่างแพร่หลายทำให้เกิดข้อกังวลต่อสุขภาพมนุษย์และผลกระทบต่อระบบนิเวศ เช่น การลดความหลากหลายทางชีวภาพ และการปนเปื้อนในดินและน้ำ

    มุมมองจากงานวิจัยใหม่
    องค์การอนามัยโลก (WHO) เคยจัดให้ Glyphosate เป็นสารที่ “อาจก่อมะเร็ง” โดยอ้างอิงจากการทดลองในสัตว์ แม้หน่วยงานอื่น ๆ จะยังมีความเห็นต่าง แต่การฟ้องร้องและคดีความที่ Bayer (ผู้ซื้อกิจการ Monsanto) ต้องจ่ายไปแล้วกว่า 10 พันล้านดอลลาร์ แสดงให้เห็นว่าประเด็นนี้ยังคงเป็นที่ถกเถียงและต้องการงานวิจัยอิสระเพิ่มเติมเพื่อหาคำตอบที่ชัดเจน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    บทความวิจัยถูกถอนออกหลัง 25 ปี
    พบว่ามีการเขียนโดยพนักงาน Monsanto และใช้ข้อมูลที่ไม่เปิดเผย

    Glyphosate เป็นสารกำจัดวัชพืชที่ใช้แพร่หลายทั่วโลก
    ใช้คู่กับพืช GMO เช่น ถั่วเหลือง ข้าวโพด และฝ้าย

    WHO เคยจัดให้ Glyphosate เป็นสารที่อาจก่อมะเร็ง
    แม้ยังมีความเห็นต่างจากหน่วยงานอื่น แต่คดีความจำนวนมากสะท้อนถึงความเสี่ยง

    ความโปร่งใสทางวิทยาศาสตร์ถูกตั้งคำถาม
    การอ้างอิงบทความที่มีการแทรกแซงจากบริษัทอาจทำให้ข้อมูลผิดเพี้ยน

    ผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมยังไม่ชัดเจน
    ต้องการงานวิจัยอิสระเพิ่มเติมเพื่อยืนยันความปลอดภัยของ Glyphosate

    https://www.sciencealert.com/retracted-the-monsanto-backed-paper-that-told-us-roundup-was-safe
    🧪 การถอนบทความวิจัยที่เคยยืนยันว่า "สารกำจัดวัชพืช Roundup ปลอดภัย" บทความวิจัยที่เคยถูกอ้างอิงอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับความปลอดภัยของสารกำจัดวัชพืช Glyphosate (ชื่อทางการค้า Roundup) ถูกถอนออกจากวารสารวิชาการ หลังจากถูกเปิดโปงว่ามีการเขียนโดยพนักงานของบริษัท Monsanto ซึ่งเป็นผู้ผลิตสารดังกล่าวเอง การถอนนี้เกิดขึ้นกว่า 25 ปีหลังการตีพิมพ์ และสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อวงการวิทยาศาสตร์ เนื่องจากบทความนี้เคยถูกใช้เป็นหลักฐานสนับสนุนในงานวิจัย รัฐบาล และแม้แต่ในฐานข้อมูลออนไลน์ที่หลายระบบ AI ใช้อ้างอิง ⚖️ ความจริงที่ถูกเปิดเผย การตรวจสอบพบว่าบทความดังกล่าวอ้างอิงข้อมูลจากงานวิจัยที่ไม่ได้เผยแพร่ของ Monsanto และละเลยงานวิจัยระยะยาวที่มีอยู่แล้วในช่วงเวลานั้น ทำให้เกิดข้อกังขาในความเป็นอิสระและความโปร่งใสของผู้เขียน นอกจากนี้ยังมีข้อสงสัยว่าผู้เขียนอาจได้รับค่าตอบแทนจากบริษัทโดยไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณะ 🌍 ผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม Glyphosate เป็นหนึ่งในสารกำจัดวัชพืชที่ใช้กันมากที่สุดทั่วโลก โดยเฉพาะในพืชดัดแปลงพันธุกรรมที่ทนต่อสารนี้ เช่น ข้าวโพด ถั่วเหลือง และฝ้าย การใช้สารอย่างแพร่หลายทำให้เกิดข้อกังวลต่อสุขภาพมนุษย์และผลกระทบต่อระบบนิเวศ เช่น การลดความหลากหลายทางชีวภาพ และการปนเปื้อนในดินและน้ำ 🔬 มุมมองจากงานวิจัยใหม่ องค์การอนามัยโลก (WHO) เคยจัดให้ Glyphosate เป็นสารที่ “อาจก่อมะเร็ง” โดยอ้างอิงจากการทดลองในสัตว์ แม้หน่วยงานอื่น ๆ จะยังมีความเห็นต่าง แต่การฟ้องร้องและคดีความที่ Bayer (ผู้ซื้อกิจการ Monsanto) ต้องจ่ายไปแล้วกว่า 10 พันล้านดอลลาร์ แสดงให้เห็นว่าประเด็นนี้ยังคงเป็นที่ถกเถียงและต้องการงานวิจัยอิสระเพิ่มเติมเพื่อหาคำตอบที่ชัดเจน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ บทความวิจัยถูกถอนออกหลัง 25 ปี ➡️ พบว่ามีการเขียนโดยพนักงาน Monsanto และใช้ข้อมูลที่ไม่เปิดเผย ✅ Glyphosate เป็นสารกำจัดวัชพืชที่ใช้แพร่หลายทั่วโลก ➡️ ใช้คู่กับพืช GMO เช่น ถั่วเหลือง ข้าวโพด และฝ้าย ✅ WHO เคยจัดให้ Glyphosate เป็นสารที่อาจก่อมะเร็ง ➡️ แม้ยังมีความเห็นต่างจากหน่วยงานอื่น แต่คดีความจำนวนมากสะท้อนถึงความเสี่ยง ‼️ ความโปร่งใสทางวิทยาศาสตร์ถูกตั้งคำถาม ⛔ การอ้างอิงบทความที่มีการแทรกแซงจากบริษัทอาจทำให้ข้อมูลผิดเพี้ยน ‼️ ผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมยังไม่ชัดเจน ⛔ ต้องการงานวิจัยอิสระเพิ่มเติมเพื่อยืนยันความปลอดภัยของ Glyphosate https://www.sciencealert.com/retracted-the-monsanto-backed-paper-that-told-us-roundup-was-safe
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    Retracted: The Monsanto-Backed Paper That Told Us Roundup Was Safe
    A controversial scientific paper that claimed the weed killer glyphosate (brand name Roundup) "does not pose a health risk to humans" has been formally retracted 25 years after publication due to serious ethical concerns around industry manipulation.
    0 Comments 0 Shares 208 Views 0 Reviews
  • FDA รับรองเครื่องมือ AI ตัวแรกเพื่อเร่งการพัฒนายารักษาโรคตับ

    องค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) ได้ประกาศรับรองเครื่องมือ AI ตัวแรกที่ออกแบบมาเพื่อช่วยแพทย์ประเมินโรคตับชนิดรุนแรงในกระบวนการทดลองยา เครื่องมือนี้มีชื่อว่า AIM-NASH ซึ่งทำงานบนระบบคลาวด์และใช้การวิเคราะห์ภาพชิ้นเนื้อตับ เพื่อประเมินสัญญาณของโรค เช่น การสะสมไขมัน, การอักเสบ และการเกิดพังผืด

    ปัจจุบันการประเมินโรคตับในผู้ป่วยที่เข้าร่วมการทดลองยามักต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญหลายคนตรวจสอบชิ้นเนื้อด้วยตา ซึ่งใช้เวลานานและอาจมีความไม่สอดคล้องกัน AIM-NASH จึงถูกพัฒนาขึ้นเพื่อ มาตรฐานการประเมินที่แม่นยำและรวดเร็วกว่า โดยผลลัพธ์จาก AI จะถูกส่งต่อให้แพทย์ตีความขั้นสุดท้าย

    โรคที่เครื่องมือนี้มุ่งเป้า คือ Metabolic dysfunction-associated steatohepatitis (MASH) ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชากรหลายล้านคนในสหรัฐฯ และอาจนำไปสู่ภาวะตับวายหรือมะเร็งตับได้ การใช้ AI ในการประเมินโรคนี้คาดว่าจะช่วยลดเวลาและต้นทุนในการพัฒนายาใหม่ลงได้ถึงครึ่งหนึ่งภายใน 3–5 ปี

    การรับรองครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญ เพราะ FDA ยืนยันว่า AIM-NASH ให้ผลลัพธ์ที่ เทียบเคียงได้กับการประเมินของผู้เชี่ยวชาญ และจะเปิดให้ใช้ในทุกโครงการพัฒนายาที่เกี่ยวข้องกับโรคตับในอนาคต

    สรุปประเด็นสำคัญ
    เครื่องมือ AIM-NASH ได้รับการรับรองจาก FDA
    ใช้ AI วิเคราะห์ภาพชิ้นเนื้อตับเพื่อประเมินโรค
    ผลลัพธ์ถูกส่งต่อให้แพทย์ตีความขั้นสุดท้าย

    เป้าหมายการใช้งาน
    มุ่งช่วยเร่งการพัฒนายาสำหรับโรค MASH
    ลดเวลาและต้นทุนการทดลองยาลงได้มาก

    ความสำคัญของการรับรอง
    ผลลัพธ์จาก AIM-NASH เทียบเคียงได้กับผู้เชี่ยวชาญ
    เปิดให้ใช้ในทุกโครงการพัฒนายาที่เกี่ยวข้องกับโรคตับ

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    แม้ AI จะช่วยเร่งการประเมิน แต่ยังต้องอาศัยแพทย์ตีความขั้นสุดท้าย
    หากพึ่งพา AI โดยไม่มีการตรวจสอบ อาจเสี่ยงต่อการวินิจฉัยผิดพลาด

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/09/us-fda-qualifies-first-ai-tool-to-help-speed-liver-disease-drug-development
    🧪 FDA รับรองเครื่องมือ AI ตัวแรกเพื่อเร่งการพัฒนายารักษาโรคตับ องค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) ได้ประกาศรับรองเครื่องมือ AI ตัวแรกที่ออกแบบมาเพื่อช่วยแพทย์ประเมินโรคตับชนิดรุนแรงในกระบวนการทดลองยา เครื่องมือนี้มีชื่อว่า AIM-NASH ซึ่งทำงานบนระบบคลาวด์และใช้การวิเคราะห์ภาพชิ้นเนื้อตับ เพื่อประเมินสัญญาณของโรค เช่น การสะสมไขมัน, การอักเสบ และการเกิดพังผืด ปัจจุบันการประเมินโรคตับในผู้ป่วยที่เข้าร่วมการทดลองยามักต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญหลายคนตรวจสอบชิ้นเนื้อด้วยตา ซึ่งใช้เวลานานและอาจมีความไม่สอดคล้องกัน AIM-NASH จึงถูกพัฒนาขึ้นเพื่อ มาตรฐานการประเมินที่แม่นยำและรวดเร็วกว่า โดยผลลัพธ์จาก AI จะถูกส่งต่อให้แพทย์ตีความขั้นสุดท้าย โรคที่เครื่องมือนี้มุ่งเป้า คือ Metabolic dysfunction-associated steatohepatitis (MASH) ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชากรหลายล้านคนในสหรัฐฯ และอาจนำไปสู่ภาวะตับวายหรือมะเร็งตับได้ การใช้ AI ในการประเมินโรคนี้คาดว่าจะช่วยลดเวลาและต้นทุนในการพัฒนายาใหม่ลงได้ถึงครึ่งหนึ่งภายใน 3–5 ปี การรับรองครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญ เพราะ FDA ยืนยันว่า AIM-NASH ให้ผลลัพธ์ที่ เทียบเคียงได้กับการประเมินของผู้เชี่ยวชาญ และจะเปิดให้ใช้ในทุกโครงการพัฒนายาที่เกี่ยวข้องกับโรคตับในอนาคต 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ เครื่องมือ AIM-NASH ได้รับการรับรองจาก FDA ➡️ ใช้ AI วิเคราะห์ภาพชิ้นเนื้อตับเพื่อประเมินโรค ➡️ ผลลัพธ์ถูกส่งต่อให้แพทย์ตีความขั้นสุดท้าย ✅ เป้าหมายการใช้งาน ➡️ มุ่งช่วยเร่งการพัฒนายาสำหรับโรค MASH ➡️ ลดเวลาและต้นทุนการทดลองยาลงได้มาก ✅ ความสำคัญของการรับรอง ➡️ ผลลัพธ์จาก AIM-NASH เทียบเคียงได้กับผู้เชี่ยวชาญ ➡️ เปิดให้ใช้ในทุกโครงการพัฒนายาที่เกี่ยวข้องกับโรคตับ ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง ⛔ แม้ AI จะช่วยเร่งการประเมิน แต่ยังต้องอาศัยแพทย์ตีความขั้นสุดท้าย ⛔ หากพึ่งพา AI โดยไม่มีการตรวจสอบ อาจเสี่ยงต่อการวินิจฉัยผิดพลาด https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/09/us-fda-qualifies-first-ai-tool-to-help-speed-liver-disease-drug-development
    WWW.THESTAR.COM.MY
    US FDA qualifies first AI tool to help speed liver disease drug development
    Dec 8 (Reuters) - The U.S. Food and Drug Administration has qualified the first artificial intelligence tool designed to help doctors assess a severe form of fatty liver disease in drug trials, the agency said on Monday.
    0 Comments 0 Shares 151 Views 0 Reviews
  • มะเร็งหายากในคนหนุ่มสาว: ปริศนาที่นักวิทยาศาสตร์ยังหาคำตอบ

    งานวิจัยล่าสุดพบว่า มะเร็งไส้ติ่ง (Appendiceal cancer) ซึ่งเคยพบได้น้อยและมักเกิดในผู้สูงอายุ กำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะ Gen X และ Millennials ที่มีความเสี่ยงมากกว่ารุ่นก่อนถึง 3–4 เท่า ปัจจุบันผู้ป่วย 1 ใน 3 ถูกวินิจฉัยก่อนอายุ 50 ปี

    หลักฐานจากการศึกษา
    ข้อมูลจากสหรัฐฯ ระบุว่าอัตราการเกิดมะเร็งไส้ติ่งเพิ่มขึ้นกว่า 232% ระหว่างปี 2000–2016 และแนวโน้มยังคงสูงขึ้นเรื่อย ๆ นักวิจัยชี้ว่าโรคนี้มักถูกตรวจพบโดยบังเอิญระหว่างการรักษาไส้ติ่งอักเสบ และอาการ เช่น ปวดท้อง ท้องอืด หรือปวดเชิงกราน มักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นโรคทางเดินอาหารหรือมะเร็งลำไส้ใหญ่

    ปัจจัยที่อาจเกี่ยวข้อง
    แม้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่นักวิจัยสงสัยว่า พฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น อาหารแปรรูป การนอนหลับไม่เพียงพอ และการออกกำลังกายน้อย รวมถึง สิ่งแวดล้อม เช่น สารเคมีตกค้างในน้ำดื่มและไมโครพลาสติก อาจมีบทบาทในการเพิ่มความเสี่ยง นอกจากนี้ยังมีการตั้งข้อสันนิษฐานถึงพันธุกรรมที่สืบทอดได้

    ความท้าทายในการวินิจฉัยและรักษา
    ปัจจุบันยังไม่มีแนวทางการตรวจคัดกรองเฉพาะสำหรับมะเร็งไส้ติ่ง และการรักษาก็มีข้อจำกัด เนื่องจากมะเร็งชนิดนี้ตอบสนองต่อเคมีบำบัดแตกต่างจากมะเร็งลำไส้ใหญ่ ทำให้ผู้ป่วยบางรายถูกวินิจฉัยล่าช้าและมีโอกาสแพร่กระจายสูง

    สรุปประเด็นสำคัญ

    การเพิ่มขึ้นของมะเร็งไส้ติ่งในคนหนุ่มสาว
    ความเสี่ยงสูงขึ้น 3–4 เท่าใน Gen X และ Millennials
    1 ใน 3 ผู้ป่วยถูกวินิจฉัยก่อนอายุ 50 ปี

    หลักฐานจากการศึกษา
    อัตราเพิ่มขึ้นกว่า 232% ระหว่างปี 2000–2016
    อาการคล้ายโรคทางเดินอาหาร ทำให้ตรวจพบยาก

    ปัจจัยที่อาจเกี่ยวข้อง
    อาหารแปรรูปและการนอนหลับไม่เพียงพอ
    สารเคมีในน้ำดื่มและไมโครพลาสติก

    ความท้าทายในการวินิจฉัยและรักษา
    ไม่มีแนวทางคัดกรองเฉพาะสำหรับมะเร็งไส้ติ่ง
    การตอบสนองต่อเคมีบำบัดแตกต่างจากมะเร็งลำไส้ใหญ่

    https://www.sciencealert.com/a-rare-cancer-is-surging-in-young-people-and-experts-are-puzzled
    🧩 มะเร็งหายากในคนหนุ่มสาว: ปริศนาที่นักวิทยาศาสตร์ยังหาคำตอบ งานวิจัยล่าสุดพบว่า มะเร็งไส้ติ่ง (Appendiceal cancer) ซึ่งเคยพบได้น้อยและมักเกิดในผู้สูงอายุ กำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะ Gen X และ Millennials ที่มีความเสี่ยงมากกว่ารุ่นก่อนถึง 3–4 เท่า ปัจจุบันผู้ป่วย 1 ใน 3 ถูกวินิจฉัยก่อนอายุ 50 ปี 🔬 หลักฐานจากการศึกษา ข้อมูลจากสหรัฐฯ ระบุว่าอัตราการเกิดมะเร็งไส้ติ่งเพิ่มขึ้นกว่า 232% ระหว่างปี 2000–2016 และแนวโน้มยังคงสูงขึ้นเรื่อย ๆ นักวิจัยชี้ว่าโรคนี้มักถูกตรวจพบโดยบังเอิญระหว่างการรักษาไส้ติ่งอักเสบ และอาการ เช่น ปวดท้อง ท้องอืด หรือปวดเชิงกราน มักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นโรคทางเดินอาหารหรือมะเร็งลำไส้ใหญ่ 🌱 ปัจจัยที่อาจเกี่ยวข้อง แม้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่นักวิจัยสงสัยว่า พฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น อาหารแปรรูป การนอนหลับไม่เพียงพอ และการออกกำลังกายน้อย รวมถึง สิ่งแวดล้อม เช่น สารเคมีตกค้างในน้ำดื่มและไมโครพลาสติก อาจมีบทบาทในการเพิ่มความเสี่ยง นอกจากนี้ยังมีการตั้งข้อสันนิษฐานถึงพันธุกรรมที่สืบทอดได้ ⚠️ ความท้าทายในการวินิจฉัยและรักษา ปัจจุบันยังไม่มีแนวทางการตรวจคัดกรองเฉพาะสำหรับมะเร็งไส้ติ่ง และการรักษาก็มีข้อจำกัด เนื่องจากมะเร็งชนิดนี้ตอบสนองต่อเคมีบำบัดแตกต่างจากมะเร็งลำไส้ใหญ่ ทำให้ผู้ป่วยบางรายถูกวินิจฉัยล่าช้าและมีโอกาสแพร่กระจายสูง 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การเพิ่มขึ้นของมะเร็งไส้ติ่งในคนหนุ่มสาว ➡️ ความเสี่ยงสูงขึ้น 3–4 เท่าใน Gen X และ Millennials ➡️ 1 ใน 3 ผู้ป่วยถูกวินิจฉัยก่อนอายุ 50 ปี ✅ หลักฐานจากการศึกษา ➡️ อัตราเพิ่มขึ้นกว่า 232% ระหว่างปี 2000–2016 ➡️ อาการคล้ายโรคทางเดินอาหาร ทำให้ตรวจพบยาก ✅ ปัจจัยที่อาจเกี่ยวข้อง ➡️ อาหารแปรรูปและการนอนหลับไม่เพียงพอ ➡️ สารเคมีในน้ำดื่มและไมโครพลาสติก ‼️ ความท้าทายในการวินิจฉัยและรักษา ⛔ ไม่มีแนวทางคัดกรองเฉพาะสำหรับมะเร็งไส้ติ่ง ⛔ การตอบสนองต่อเคมีบำบัดแตกต่างจากมะเร็งลำไส้ใหญ่ https://www.sciencealert.com/a-rare-cancer-is-surging-in-young-people-and-experts-are-puzzled
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    A Rare Cancer Is Surging in Young People, And Experts Are Puzzled
    A very rare type of cancer is on a sharp upward trajectory in younger generations, and no one knows why.
    0 Comments 0 Shares 274 Views 0 Reviews
  • ผู้ป่วยรายที่ 7 เข้าสู่ภาวะทุเลา HIV ยาวนาน จุดประกายความหวังใหม่ในการรักษา

    นักวิจัยรายงานกรณีผู้ป่วยชายชาวเยอรมันที่ได้รับการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์เพื่อรักษามะเร็งเม็ดเลือดขาว และเข้าสู่ภาวะทุเลา HIV ต่อเนื่องยาวนานกว่า 6 ปีโดยไม่ต้องใช้ยาต้านไวรัส (ART) นับเป็นผู้ป่วยรายที่ 7 ของโลกที่สามารถควบคุมเชื้อ HIV ได้ในระยะยาวหลังการรักษาด้วยวิธีนี้ กรณีนี้ถูกเรียกว่า Berlin Patient 2 (B2) และสร้างความตื่นเต้นในวงการแพทย์ เพราะผู้บริจาคสเต็มเซลล์มีเพียงหนึ่งชุดของยีนกลายพันธุ์ CCR5 Δ32 ซึ่งแตกต่างจากผู้ป่วยรายก่อน ๆ ที่ได้รับสองชุดเต็ม

    สิ่งที่น่าสนใจคือแม้จะมีเพียงหนึ่งชุดของยีน CCR5 Δ32 แต่ระบบภูมิคุ้มกันใหม่ที่สร้างขึ้นหลังการปลูกถ่ายสามารถกำจัดแหล่งซ่อนเชื้อ HIV ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลนี้ชี้ให้เห็นว่า “การทุเลา” อาจเกิดขึ้นได้แม้ไม่ต้องพึ่งพาผู้บริจาคที่มีการกลายพันธุ์หายากแบบสองชุดเต็ม ซึ่งเป็นการเปิดประตูสู่แนวทางการรักษาที่กว้างขึ้นและไม่จำกัดเฉพาะผู้บริจาคที่หายากมาก

    อย่างไรก็ตาม การปลูกถ่ายสเต็มเซลล์เป็นกระบวนการที่รุนแรงและมีความเสี่ยงสูง ทั้งต่อสุขภาพระยะยาวและอัตราการเสียชีวิต จึงไม่สามารถใช้เป็นวิธีรักษามาตรฐานสำหรับผู้ติดเชื้อ HIV ทั่วไปได้ แต่ความสำเร็จนี้ช่วยให้แพทย์และนักวิจัยเข้าใจกลไกใหม่ ๆ เช่น graft-versus-reservoir response ซึ่งอาจนำไปสู่การพัฒนายาและวิธีการรักษาที่ปลอดภัยกว่าในอนาคต

    กรณี B2 และผู้ป่วยจากเจนีวาที่เข้าสู่ภาวะทุเลาโดยไม่มีการกลายพันธุ์ CCR5 Δ32 เลย ยิ่งตอกย้ำว่าการกำจัดแหล่งซ่อนเชื้อ HIV อาจทำได้หลายวิธี ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาการกลายพันธุ์หายากเพียงอย่างเดียว งานวิจัยนี้จึงเป็นก้าวสำคัญที่อาจนำไปสู่การรักษา HIV แบบหายขาดในอนาคต

    สรุปประเด็นสำคัญ
    กรณีผู้ป่วยรายที่ 7 (Berlin Patient 2)
    อยู่ในภาวะทุเลา HIV ต่อเนื่องกว่า 6 ปีโดยไม่ใช้ ART
    ได้รับสเต็มเซลล์จากผู้บริจาคที่มีเพียงหนึ่งชุดของยีน CCR5 Δ32

    กลไกที่ค้นพบ
    ระบบภูมิคุ้มกันใหม่ช่วยกำจัดแหล่งซ่อนเชื้อ HIV
    ชี้ว่าการทุเลาไม่จำเป็นต้องใช้ผู้บริจาคที่มีสองชุดของ CCR5 Δ32

    ความหมายต่อการแพทย์
    เปิดแนวทางใหม่ในการรักษา HIV โดยไม่จำกัดผู้บริจาคหายาก
    ช่วยให้เข้าใจกลไก graft-versus-reservoir response ที่อาจนำไปสู่การพัฒนายาใหม่

    ข้อควรระวัง
    การปลูกถ่ายสเต็มเซลล์มีความเสี่ยงสูงและไม่เหมาะเป็นการรักษามาตรฐาน
    ต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อหาวิธีที่ปลอดภัยและใช้ได้กับผู้ติดเชื้อทั่วไป
    ผู้ป่วยบางรายที่ได้รับสเต็มเซลล์จากผู้บริจาค CCR5 ปกติยังมีการกลับมาของเชื้อ HIV

    https://www.sciencealert.com/7th-hiv-remission-raises-hope-of-long-lasting-treatment-for-more-people
    🌟 ผู้ป่วยรายที่ 7 เข้าสู่ภาวะทุเลา HIV ยาวนาน จุดประกายความหวังใหม่ในการรักษา นักวิจัยรายงานกรณีผู้ป่วยชายชาวเยอรมันที่ได้รับการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์เพื่อรักษามะเร็งเม็ดเลือดขาว และเข้าสู่ภาวะทุเลา HIV ต่อเนื่องยาวนานกว่า 6 ปีโดยไม่ต้องใช้ยาต้านไวรัส (ART) นับเป็นผู้ป่วยรายที่ 7 ของโลกที่สามารถควบคุมเชื้อ HIV ได้ในระยะยาวหลังการรักษาด้วยวิธีนี้ กรณีนี้ถูกเรียกว่า Berlin Patient 2 (B2) และสร้างความตื่นเต้นในวงการแพทย์ เพราะผู้บริจาคสเต็มเซลล์มีเพียงหนึ่งชุดของยีนกลายพันธุ์ CCR5 Δ32 ซึ่งแตกต่างจากผู้ป่วยรายก่อน ๆ ที่ได้รับสองชุดเต็ม สิ่งที่น่าสนใจคือแม้จะมีเพียงหนึ่งชุดของยีน CCR5 Δ32 แต่ระบบภูมิคุ้มกันใหม่ที่สร้างขึ้นหลังการปลูกถ่ายสามารถกำจัดแหล่งซ่อนเชื้อ HIV ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลนี้ชี้ให้เห็นว่า “การทุเลา” อาจเกิดขึ้นได้แม้ไม่ต้องพึ่งพาผู้บริจาคที่มีการกลายพันธุ์หายากแบบสองชุดเต็ม ซึ่งเป็นการเปิดประตูสู่แนวทางการรักษาที่กว้างขึ้นและไม่จำกัดเฉพาะผู้บริจาคที่หายากมาก อย่างไรก็ตาม การปลูกถ่ายสเต็มเซลล์เป็นกระบวนการที่รุนแรงและมีความเสี่ยงสูง ทั้งต่อสุขภาพระยะยาวและอัตราการเสียชีวิต จึงไม่สามารถใช้เป็นวิธีรักษามาตรฐานสำหรับผู้ติดเชื้อ HIV ทั่วไปได้ แต่ความสำเร็จนี้ช่วยให้แพทย์และนักวิจัยเข้าใจกลไกใหม่ ๆ เช่น graft-versus-reservoir response ซึ่งอาจนำไปสู่การพัฒนายาและวิธีการรักษาที่ปลอดภัยกว่าในอนาคต กรณี B2 และผู้ป่วยจากเจนีวาที่เข้าสู่ภาวะทุเลาโดยไม่มีการกลายพันธุ์ CCR5 Δ32 เลย ยิ่งตอกย้ำว่าการกำจัดแหล่งซ่อนเชื้อ HIV อาจทำได้หลายวิธี ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาการกลายพันธุ์หายากเพียงอย่างเดียว งานวิจัยนี้จึงเป็นก้าวสำคัญที่อาจนำไปสู่การรักษา HIV แบบหายขาดในอนาคต 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ กรณีผู้ป่วยรายที่ 7 (Berlin Patient 2) ➡️ อยู่ในภาวะทุเลา HIV ต่อเนื่องกว่า 6 ปีโดยไม่ใช้ ART ➡️ ได้รับสเต็มเซลล์จากผู้บริจาคที่มีเพียงหนึ่งชุดของยีน CCR5 Δ32 ✅ กลไกที่ค้นพบ ➡️ ระบบภูมิคุ้มกันใหม่ช่วยกำจัดแหล่งซ่อนเชื้อ HIV ➡️ ชี้ว่าการทุเลาไม่จำเป็นต้องใช้ผู้บริจาคที่มีสองชุดของ CCR5 Δ32 ✅ ความหมายต่อการแพทย์ ➡️ เปิดแนวทางใหม่ในการรักษา HIV โดยไม่จำกัดผู้บริจาคหายาก ➡️ ช่วยให้เข้าใจกลไก graft-versus-reservoir response ที่อาจนำไปสู่การพัฒนายาใหม่ ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ การปลูกถ่ายสเต็มเซลล์มีความเสี่ยงสูงและไม่เหมาะเป็นการรักษามาตรฐาน ⛔ ต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อหาวิธีที่ปลอดภัยและใช้ได้กับผู้ติดเชื้อทั่วไป ⛔ ผู้ป่วยบางรายที่ได้รับสเต็มเซลล์จากผู้บริจาค CCR5 ปกติยังมีการกลับมาของเชื้อ HIV https://www.sciencealert.com/7th-hiv-remission-raises-hope-of-long-lasting-treatment-for-more-people
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    7th HIV Remission Raises Hope of Long-Lasting Treatment For More People
    A German man remains in remission from HIV an incredible six years after he received a stem cell transplant to treat an aggressive form of leukemia.
    0 Comments 0 Shares 239 Views 0 Reviews
  • โมเลกุลธรรมชาติ “Spermine” อาจช่วยเคลียร์โปรตีนสะสมในสมองที่เกี่ยวข้องกับอัลไซเมอร์และพาร์กินสัน

    นักวิจัยจากสถาบัน Paul Scherrer Institute (PSI) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พบว่า spermine ซึ่งเป็นโมเลกุลเล็ก ๆ ที่ร่างกายสร้างขึ้นตามธรรมชาติ อาจช่วยป้องกันการสะสมของโปรตีนผิดปกติในสมองที่เกี่ยวข้องกับโรคอัลไซเมอร์และพาร์กินสัน โดยการทดลองในหนอนที่มีอาการคล้ายโรคเหล่านี้ พบว่าสุขภาพของเซลล์ดีขึ้นและมีการเสื่อมสภาพน้อยลงเมื่อได้รับ spermine

    กลไกที่น่าสนใจคือ spermine ทำให้โปรตีน tau และ alpha-synuclein ซึ่งมักจะจับตัวเป็นก้อนแข็งและเป็นพิษต่อเซลล์สมอง กลายเป็นหยดของเหลวที่นุ่มและเคลื่อนที่ได้ง่ายขึ้น ทำให้ระบบกำจัดขยะของร่างกาย (autophagy) สามารถจัดการได้มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม ผลลัพธ์นี้เปรียบเสมือน “ชีสที่เชื่อมเส้นพาสต้าให้ย่อยง่ายขึ้น” ตามคำอธิบายของนักวิจัย

    แม้ผลการทดลองในหนอนและหลอดทดลองจะให้ความหวัง แต่ยังต้องใช้เวลาอีกมากในการพิสูจน์ว่า spermine จะมีผลเช่นเดียวกันในสมองมนุษย์ที่ซับซ้อนกว่า การวิจัยเพิ่มเติมอาจเปิดทางให้ spermine หรือโมเลกุลที่คล้ายกันถูกนำมาใช้เป็นแนวทางใหม่ในการรักษาโรคทางระบบประสาท รวมถึงโรคมะเร็งที่เกี่ยวข้องกับการสะสมโปรตีนผิดปกติ

    สิ่งที่น่าสนใจคือ spermine ไม่ได้เข้าไปแทรกแซงการทำงานของโปรตีนโดยตรง แต่จะทำงานเฉพาะเมื่อโปรตีนอยู่ในระดับที่สูงเกินไปและมีแนวโน้มผิดรูป ซึ่งหมายความว่ามันอาจช่วยรักษาสมดุลของระบบสมองโดยไม่รบกวนการทำงานปกติของโปรตีนที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การค้นพบใหม่
    Spermine ช่วยลดการสะสมโปรตีน tau และ alpha-synuclein
    การทดลองในหนอนพบว่าสุขภาพเซลล์ดีขึ้นและเสื่อมช้าลง

    กลไกการทำงาน
    เปลี่ยนโปรตีนที่แข็งเป็นหยดของเหลวที่กำจัดง่าย
    กระตุ้นระบบ autophagy ให้ทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    ความเป็นไปได้ทางการแพทย์
    อาจนำไปสู่การรักษาโรคอัลไซเมอร์ พาร์กินสัน และโรคอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโปรตีนผิดปกติ
    เปิดแนวทางใหม่ในการใช้โมเลกุลธรรมชาติเป็น “ยาชีวภาพ”

    ข้อควรระวัง
    ผลการทดลองยังอยู่ในระดับหนอนและหลอดทดลอง ไม่สามารถสรุปผลในมนุษย์ได้
    ต้องมีการศึกษาทางคลินิกเพิ่มเติมก่อนนำมาใช้จริง
    การใช้โมเลกุลในมนุษย์อาจมีผลข้างเคียงที่ยังไม่ทราบแน่ชัด

    https://www.sciencealert.com/a-natural-molecule-may-help-clear-buildup-of-alzheimers-proteins-study-finds
    ✨ โมเลกุลธรรมชาติ “Spermine” อาจช่วยเคลียร์โปรตีนสะสมในสมองที่เกี่ยวข้องกับอัลไซเมอร์และพาร์กินสัน นักวิจัยจากสถาบัน Paul Scherrer Institute (PSI) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พบว่า spermine ซึ่งเป็นโมเลกุลเล็ก ๆ ที่ร่างกายสร้างขึ้นตามธรรมชาติ อาจช่วยป้องกันการสะสมของโปรตีนผิดปกติในสมองที่เกี่ยวข้องกับโรคอัลไซเมอร์และพาร์กินสัน โดยการทดลองในหนอนที่มีอาการคล้ายโรคเหล่านี้ พบว่าสุขภาพของเซลล์ดีขึ้นและมีการเสื่อมสภาพน้อยลงเมื่อได้รับ spermine กลไกที่น่าสนใจคือ spermine ทำให้โปรตีน tau และ alpha-synuclein ซึ่งมักจะจับตัวเป็นก้อนแข็งและเป็นพิษต่อเซลล์สมอง กลายเป็นหยดของเหลวที่นุ่มและเคลื่อนที่ได้ง่ายขึ้น ทำให้ระบบกำจัดขยะของร่างกาย (autophagy) สามารถจัดการได้มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม ผลลัพธ์นี้เปรียบเสมือน “ชีสที่เชื่อมเส้นพาสต้าให้ย่อยง่ายขึ้น” ตามคำอธิบายของนักวิจัย แม้ผลการทดลองในหนอนและหลอดทดลองจะให้ความหวัง แต่ยังต้องใช้เวลาอีกมากในการพิสูจน์ว่า spermine จะมีผลเช่นเดียวกันในสมองมนุษย์ที่ซับซ้อนกว่า การวิจัยเพิ่มเติมอาจเปิดทางให้ spermine หรือโมเลกุลที่คล้ายกันถูกนำมาใช้เป็นแนวทางใหม่ในการรักษาโรคทางระบบประสาท รวมถึงโรคมะเร็งที่เกี่ยวข้องกับการสะสมโปรตีนผิดปกติ สิ่งที่น่าสนใจคือ spermine ไม่ได้เข้าไปแทรกแซงการทำงานของโปรตีนโดยตรง แต่จะทำงานเฉพาะเมื่อโปรตีนอยู่ในระดับที่สูงเกินไปและมีแนวโน้มผิดรูป ซึ่งหมายความว่ามันอาจช่วยรักษาสมดุลของระบบสมองโดยไม่รบกวนการทำงานปกติของโปรตีนที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การค้นพบใหม่ ➡️ Spermine ช่วยลดการสะสมโปรตีน tau และ alpha-synuclein ➡️ การทดลองในหนอนพบว่าสุขภาพเซลล์ดีขึ้นและเสื่อมช้าลง ✅ กลไกการทำงาน ➡️ เปลี่ยนโปรตีนที่แข็งเป็นหยดของเหลวที่กำจัดง่าย ➡️ กระตุ้นระบบ autophagy ให้ทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ✅ ความเป็นไปได้ทางการแพทย์ ➡️ อาจนำไปสู่การรักษาโรคอัลไซเมอร์ พาร์กินสัน และโรคอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโปรตีนผิดปกติ ➡️ เปิดแนวทางใหม่ในการใช้โมเลกุลธรรมชาติเป็น “ยาชีวภาพ” ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ ผลการทดลองยังอยู่ในระดับหนอนและหลอดทดลอง ไม่สามารถสรุปผลในมนุษย์ได้ ⛔ ต้องมีการศึกษาทางคลินิกเพิ่มเติมก่อนนำมาใช้จริง ⛔ การใช้โมเลกุลในมนุษย์อาจมีผลข้างเคียงที่ยังไม่ทราบแน่ชัด https://www.sciencealert.com/a-natural-molecule-may-help-clear-buildup-of-alzheimers-proteins-study-finds
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    A Natural Molecule May Help Clear Buildup of Alzheimer's Proteins, Study Finds
    The small molecule spermine has the potential to stop the toxic build-up of proteins in the brain that characterizes diseases like Alzheimer's and Parkinson's, researchers have found – and it works a bit like melting cheese on spaghetti.
    0 Comments 0 Shares 243 Views 0 Reviews
  • ความถี่ในการขับถ่ายบอกสุขภาพได้จริง

    การศึกษาจากสถาบัน ISB พบว่า คนที่ขับถ่ายวันละ 1–2 ครั้งอยู่ใน “Goldilocks Zone” ซึ่งเป็นช่วงที่เหมาะสมที่สุดต่อสุขภาพลำไส้และร่างกายโดยรวม ผู้ที่ถ่ายน้อยเกินไป (ท้องผูก) หรือบ่อยเกินไป (ท้องเสีย) มักมีความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรัง เช่น โรคไตและโรคตับ เนื่องจากจุลินทรีย์ในลำไส้เปลี่ยนไปและสร้างสารพิษเข้าสู่กระแสเลือด

    พลังของไฟเบอร์และจุลินทรีย์ดี
    ข้อมูลเสริมจากงานวิจัยล่าสุดชี้ว่า ไฟเบอร์จากพืช เป็นตัวช่วยสำคัญในการรักษาสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ โดยไฟเบอร์ชนิดหมักได้ (เช่น อินูลิน, เพกติน) จะถูกแบคทีเรียย่อยจนเกิดกรดไขมันสายสั้น (SCFAs) ซึ่งช่วยลดการอักเสบ เสริมภูมิคุ้มกัน และป้องกันโรคหัวใจ เบาหวาน รวมถึงมะเร็งบางชนิด การรับประทานผัก ผลไม้ ธัญพืชเต็มเมล็ด และถั่ว จึงเป็นวิธีง่าย ๆ ที่ช่วยให้ระบบขับถ่ายสมดุล

    การออกกำลังกายกับสุขภาพลำไส้
    งานวิจัยจากเยอรมนีในปี 2025 พบว่า การออกกำลังกายแบบต้านแรง (Resistance Training) เพียง 8 สัปดาห์ สามารถเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบจุลินทรีย์ในลำไส้ได้อย่างชัดเจน ผู้ที่แข็งแรงขึ้นมีจุลินทรีย์ที่ดีต่อสุขภาพเพิ่มขึ้น และหลายคนขยับจากกลุ่มท้องผูกหรือท้องเสียเข้าสู่ช่วง “Goldilocks Zone”

    น้ำและการใช้ชีวิตประจำวัน
    นอกจากอาหารและการออกกำลังกายแล้ว การดื่มน้ำให้เพียงพอ และการพักผ่อนอย่างเหมาะสมก็มีผลต่อระบบขับถ่ายเช่นกัน คนที่มีพฤติกรรมสุขภาพดี เช่น ดื่มน้ำมากพอ รับประทานอาหารจากพืช และออกกำลังกายสม่ำเสมอ มักมีจุลินทรีย์ที่หมักไฟเบอร์ได้ดี ส่งผลให้สุขภาพลำไส้แข็งแรงและลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง

    สรุปสาระสำคัญ
    ความถี่ในการขับถ่ายสัมพันธ์กับสุขภาพ
    วันละ 1–2 ครั้งคือช่วง “Goldilocks Zone” ที่เหมาะสม
    ถ่ายน้อยหรือบ่อยเกินไปเชื่อมโยงกับโรคเรื้อรัง

    ไฟเบอร์ช่วยเสริมจุลินทรีย์ดีในลำไส้
    ไฟเบอร์หมักได้สร้าง SCFAs ลดการอักเสบและเสริมภูมิคุ้มกัน
    อาหารจากพืช เช่น ผัก ผลไม้ ถั่ว และธัญพืชเต็มเมล็ด เป็นแหล่งสำคัญ

    การออกกำลังกายมีผลต่อจุลินทรีย์
    Resistance Training 8 สัปดาห์ช่วยปรับสมดุลลำไส้
    ผู้ที่แข็งแรงขึ้นมีโอกาสเข้าสู่ช่วงสุขภาพดี

    น้ำและการใช้ชีวิตประจำวัน
    ดื่มน้ำมากพอช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานดี
    พฤติกรรมสุขภาพดีส่งผลต่อสมดุลจุลินทรีย์

    ความเสี่ยงจากการขับถ่ายผิดปกติ
    ท้องผูกอาจทำให้เกิดสารพิษที่ทำลายไต
    ท้องเสียสัมพันธ์กับการทำงานของตับผิดปกติ

    https://www.sciencealert.com/your-poop-schedule-says-a-lot-about-your-overall-health-study-shows
    🧻 ความถี่ในการขับถ่ายบอกสุขภาพได้จริง การศึกษาจากสถาบัน ISB พบว่า คนที่ขับถ่ายวันละ 1–2 ครั้งอยู่ใน “Goldilocks Zone” ซึ่งเป็นช่วงที่เหมาะสมที่สุดต่อสุขภาพลำไส้และร่างกายโดยรวม ผู้ที่ถ่ายน้อยเกินไป (ท้องผูก) หรือบ่อยเกินไป (ท้องเสีย) มักมีความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรัง เช่น โรคไตและโรคตับ เนื่องจากจุลินทรีย์ในลำไส้เปลี่ยนไปและสร้างสารพิษเข้าสู่กระแสเลือด 🥦 พลังของไฟเบอร์และจุลินทรีย์ดี ข้อมูลเสริมจากงานวิจัยล่าสุดชี้ว่า ไฟเบอร์จากพืช เป็นตัวช่วยสำคัญในการรักษาสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ โดยไฟเบอร์ชนิดหมักได้ (เช่น อินูลิน, เพกติน) จะถูกแบคทีเรียย่อยจนเกิดกรดไขมันสายสั้น (SCFAs) ซึ่งช่วยลดการอักเสบ เสริมภูมิคุ้มกัน และป้องกันโรคหัวใจ เบาหวาน รวมถึงมะเร็งบางชนิด การรับประทานผัก ผลไม้ ธัญพืชเต็มเมล็ด และถั่ว จึงเป็นวิธีง่าย ๆ ที่ช่วยให้ระบบขับถ่ายสมดุล 🏋️‍♂️ การออกกำลังกายกับสุขภาพลำไส้ งานวิจัยจากเยอรมนีในปี 2025 พบว่า การออกกำลังกายแบบต้านแรง (Resistance Training) เพียง 8 สัปดาห์ สามารถเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบจุลินทรีย์ในลำไส้ได้อย่างชัดเจน ผู้ที่แข็งแรงขึ้นมีจุลินทรีย์ที่ดีต่อสุขภาพเพิ่มขึ้น และหลายคนขยับจากกลุ่มท้องผูกหรือท้องเสียเข้าสู่ช่วง “Goldilocks Zone” 💧 น้ำและการใช้ชีวิตประจำวัน นอกจากอาหารและการออกกำลังกายแล้ว การดื่มน้ำให้เพียงพอ และการพักผ่อนอย่างเหมาะสมก็มีผลต่อระบบขับถ่ายเช่นกัน คนที่มีพฤติกรรมสุขภาพดี เช่น ดื่มน้ำมากพอ รับประทานอาหารจากพืช และออกกำลังกายสม่ำเสมอ มักมีจุลินทรีย์ที่หมักไฟเบอร์ได้ดี ส่งผลให้สุขภาพลำไส้แข็งแรงและลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ความถี่ในการขับถ่ายสัมพันธ์กับสุขภาพ ➡️ วันละ 1–2 ครั้งคือช่วง “Goldilocks Zone” ที่เหมาะสม ➡️ ถ่ายน้อยหรือบ่อยเกินไปเชื่อมโยงกับโรคเรื้อรัง ✅ ไฟเบอร์ช่วยเสริมจุลินทรีย์ดีในลำไส้ ➡️ ไฟเบอร์หมักได้สร้าง SCFAs ลดการอักเสบและเสริมภูมิคุ้มกัน ➡️ อาหารจากพืช เช่น ผัก ผลไม้ ถั่ว และธัญพืชเต็มเมล็ด เป็นแหล่งสำคัญ ✅ การออกกำลังกายมีผลต่อจุลินทรีย์ ➡️ Resistance Training 8 สัปดาห์ช่วยปรับสมดุลลำไส้ ➡️ ผู้ที่แข็งแรงขึ้นมีโอกาสเข้าสู่ช่วงสุขภาพดี ✅ น้ำและการใช้ชีวิตประจำวัน ➡️ ดื่มน้ำมากพอช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานดี ➡️ พฤติกรรมสุขภาพดีส่งผลต่อสมดุลจุลินทรีย์ ‼️ ความเสี่ยงจากการขับถ่ายผิดปกติ ⛔ ท้องผูกอาจทำให้เกิดสารพิษที่ทำลายไต ⛔ ท้องเสียสัมพันธ์กับการทำงานของตับผิดปกติ https://www.sciencealert.com/your-poop-schedule-says-a-lot-about-your-overall-health-study-shows
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    Your Poop Schedule Says a Lot About Your Overall Health, Study Shows
    "How often do you poop?" might sound like a very personal question, but your answer could reveal quite a lot about your overall health.
    0 Comments 0 Shares 300 Views 0 Reviews
  • ฟื้นฟูเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดในหนู

    ทีมนักวิจัยจาก Icahn School of Medicine ที่ Mount Sinai และ Paris Cité University พบว่าเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด (HSCs) ในหนูสูงวัยมีปัญหาที่ “ไลโซโซม” ซึ่งเป็นศูนย์รีไซเคิลภายในเซลล์ เมื่อไลโซโซมทำงานผิดปกติจะทำให้เซลล์เข้าสู่ภาวะ “โอเวอร์ไดรฟ์” ใช้พลังงานมากเกินไปและสูญเสียความสามารถในการผลิตเม็ดเลือดที่สมดุล

    การทดลองและผลลัพธ์
    นักวิจัยใช้สารเคมีชื่อ concanamycin A เพื่อปรับสมดุลความเป็นกรดและการทำงานของไลโซโซมในเซลล์ต้นกำเนิดที่แก่ เมื่อทำการรักษาแล้วนำกลับเข้าสู่ร่างกายหนู พบว่าเซลล์เหล่านี้สามารถผลิตเม็ดเลือดใหม่ได้มากขึ้นถึง 8 เท่า และกลับมามีพฤติกรรมคล้ายเซลล์อายุน้อย

    ความหมายต่อการแพทย์
    ผลการทดลองนี้ชี้ว่า ความแก่ของเซลล์ต้นกำเนิดไม่ใช่ชะตากรรมที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่สามารถ “รีเซ็ต” ให้กลับมามีสภาพที่แข็งแรงได้ หากวิธีนี้ถูกพัฒนาต่อไป อาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการปลูกถ่ายไขกระดูกในผู้สูงอายุ และลดความเสี่ยงโรคที่เกี่ยวข้องกับเม็ดเลือด เช่น โลหิตจางหรือมะเร็งเม็ดเลือด

    ก้าวต่อไป
    แม้ผลลัพธ์ในหนูจะน่าตื่นเต้น แต่ยังต้องมีการทดสอบเพิ่มเติมในมนุษย์เพื่อยืนยันความปลอดภัยและประสิทธิภาพ หากสำเร็จ นี่อาจเป็นก้าวสำคัญในการแพทย์ฟื้นฟู (regenerative medicine) ที่ช่วยให้ผู้สูงวัยมีระบบภูมิคุ้มกันและสุขภาพที่ดีขึ้น

    สรุปสาระสำคัญ
    การค้นพบใหม่เกี่ยวกับเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด (HSCs)
    ปัญหามาจากไลโซโซมที่ทำงานผิดปกติในเซลล์สูงวัย
    ทำให้เซลล์ใช้พลังงานมากเกินไปและผลิตเม็ดเลือดไม่สมดุล

    การทดลองใช้สาร concanamycin A
    ปรับสมดุลไลโซโซมให้กลับมาทำงานปกติ
    เพิ่มความสามารถในการผลิตเม็ดเลือดใหม่ได้ถึง 8 เท่า

    ศักยภาพทางการแพทย์
    อาจช่วยให้การปลูกถ่ายไขกระดูกในผู้สูงอายุมีประสิทธิภาพมากขึ้น
    ลดความเสี่ยงโรคโลหิตจางและมะเร็งเม็ดเลือด

    ข้อควรระวัง
    การทดลองยังอยู่ในระดับสัตว์ทดลอง ต้องทดสอบในมนุษย์ก่อน
    ความปลอดภัยและผลข้างเคียงยังไม่เป็นที่ยืนยัน

    ความเสี่ยงหากนำมาใช้โดยไม่ผ่านการตรวจสอบ
    อาจเกิดผลกระทบต่อระบบภูมิคุ้มกันหรือก่อโรคใหม่
    การใช้สารเคมีในมนุษย์ต้องผ่านการควบคุมอย่างเข้มงวด

    https://www.sciencealert.com/scientists-restore-aging-blood-stem-cells-to-a-more-youthful-state-in-mice
    🧪 ฟื้นฟูเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดในหนู ทีมนักวิจัยจาก Icahn School of Medicine ที่ Mount Sinai และ Paris Cité University พบว่าเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด (HSCs) ในหนูสูงวัยมีปัญหาที่ “ไลโซโซม” ซึ่งเป็นศูนย์รีไซเคิลภายในเซลล์ เมื่อไลโซโซมทำงานผิดปกติจะทำให้เซลล์เข้าสู่ภาวะ “โอเวอร์ไดรฟ์” ใช้พลังงานมากเกินไปและสูญเสียความสามารถในการผลิตเม็ดเลือดที่สมดุล 🔬 การทดลองและผลลัพธ์ นักวิจัยใช้สารเคมีชื่อ concanamycin A เพื่อปรับสมดุลความเป็นกรดและการทำงานของไลโซโซมในเซลล์ต้นกำเนิดที่แก่ เมื่อทำการรักษาแล้วนำกลับเข้าสู่ร่างกายหนู พบว่าเซลล์เหล่านี้สามารถผลิตเม็ดเลือดใหม่ได้มากขึ้นถึง 8 เท่า และกลับมามีพฤติกรรมคล้ายเซลล์อายุน้อย 🧑‍⚕️ ความหมายต่อการแพทย์ ผลการทดลองนี้ชี้ว่า ความแก่ของเซลล์ต้นกำเนิดไม่ใช่ชะตากรรมที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่สามารถ “รีเซ็ต” ให้กลับมามีสภาพที่แข็งแรงได้ หากวิธีนี้ถูกพัฒนาต่อไป อาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการปลูกถ่ายไขกระดูกในผู้สูงอายุ และลดความเสี่ยงโรคที่เกี่ยวข้องกับเม็ดเลือด เช่น โลหิตจางหรือมะเร็งเม็ดเลือด 🌍 ก้าวต่อไป แม้ผลลัพธ์ในหนูจะน่าตื่นเต้น แต่ยังต้องมีการทดสอบเพิ่มเติมในมนุษย์เพื่อยืนยันความปลอดภัยและประสิทธิภาพ หากสำเร็จ นี่อาจเป็นก้าวสำคัญในการแพทย์ฟื้นฟู (regenerative medicine) ที่ช่วยให้ผู้สูงวัยมีระบบภูมิคุ้มกันและสุขภาพที่ดีขึ้น 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การค้นพบใหม่เกี่ยวกับเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด (HSCs) ➡️ ปัญหามาจากไลโซโซมที่ทำงานผิดปกติในเซลล์สูงวัย ➡️ ทำให้เซลล์ใช้พลังงานมากเกินไปและผลิตเม็ดเลือดไม่สมดุล ✅ การทดลองใช้สาร concanamycin A ➡️ ปรับสมดุลไลโซโซมให้กลับมาทำงานปกติ ➡️ เพิ่มความสามารถในการผลิตเม็ดเลือดใหม่ได้ถึง 8 เท่า ✅ ศักยภาพทางการแพทย์ ➡️ อาจช่วยให้การปลูกถ่ายไขกระดูกในผู้สูงอายุมีประสิทธิภาพมากขึ้น ➡️ ลดความเสี่ยงโรคโลหิตจางและมะเร็งเม็ดเลือด ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ การทดลองยังอยู่ในระดับสัตว์ทดลอง ต้องทดสอบในมนุษย์ก่อน ⛔ ความปลอดภัยและผลข้างเคียงยังไม่เป็นที่ยืนยัน ‼️ ความเสี่ยงหากนำมาใช้โดยไม่ผ่านการตรวจสอบ ⛔ อาจเกิดผลกระทบต่อระบบภูมิคุ้มกันหรือก่อโรคใหม่ ⛔ การใช้สารเคมีในมนุษย์ต้องผ่านการควบคุมอย่างเข้มงวด https://www.sciencealert.com/scientists-restore-aging-blood-stem-cells-to-a-more-youthful-state-in-mice
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    Scientists Restore Aging Blood Stem Cells to a More Youthful State in Mice
    Deep within your bone marrow, a specialized set of stem cells is busy pumping out new blood cells to sustain your body.
    0 Comments 0 Shares 320 Views 0 Reviews
  • นวัตกรรมใหม่: ยาหยอดจมูกสู้มะเร็งสมอง

    นักวิจัยจาก Washington University และ Northwestern University ได้พัฒนาวิธีการส่งยาผ่านจมูกเข้าสู่สมอง โดยใช้โครงสร้างนาโนที่เรียกว่า Spherical Nucleic Acids (SNA) ห่อหุ้มสารกระตุ้นภูมิคุ้มกัน STING pathway เพื่อให้คงตัวได้นานขึ้นและเดินทางไปยังสมองได้อย่างปลอดภัย ผลการทดลองในหนูพบว่าสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเนื้องอก Glioblastoma ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ผลลัพธ์ที่เหนือความคาดหมาย
    เมื่อยาหยอดจมูกถูกใช้ร่วมกับยาที่ช่วยกระตุ้นเซลล์ T-lymphocytes นักวิจัยพบว่าสามารถกำจัดเนื้องอกได้แทบหมดสิ้น และยังสร้างภูมิคุ้มกันระยะยาวต่อการกลับมาใหม่ของมะเร็ง นี่ถือเป็นการเปลี่ยน “Cold Tumor” ที่ไม่ตอบสนองต่อภูมิคุ้มกัน ให้กลายเป็น “Hot Tumor” ที่ระบบภูมิคุ้มกันสามารถจัดการได้ง่ายขึ้น

    ความท้าทายและข้อควรระวัง
    แม้ผลการทดลองในสัตว์จะน่าตื่นเต้น แต่นักวิจัยเตือนว่ายังต้องใช้เวลาอีกมากก่อนจะเข้าสู่การทดลองในมนุษย์ เนื่องจาก Glioblastoma เป็นมะเร็งที่ซับซ้อนและสามารถหลบเลี่ยงการตอบสนองของภูมิคุ้มกันได้หลายวิธี การรักษาอาจต้องใช้การผสมผสานหลายแนวทางเพื่อให้ได้ผลจริงในคนไข้

    ความหวังใหม่ในวงการแพทย์
    นวัตกรรมนี้สะท้อนถึงความก้าวหน้าของ Immunotherapy ที่กำลังเปลี่ยนโฉมหน้าการรักษามะเร็งสมอง จากเดิมที่ต้องพึ่งการผ่าตัดและเคมีบำบัดที่รุกรานร่างกาย สู่การรักษาแบบไม่เจ็บปวดและอาจมีผลข้างเคียงน้อยลง หากประสบความสำเร็จในมนุษย์ จะเป็นการเปิดประตูสู่ยุคใหม่ของการรักษามะเร็งที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น

    สรุปสาระสำคัญ
    นวัตกรรมยาหยอดจมูก
    ใช้โครงสร้างนาโน SNA ห่อหุ้มสารกระตุ้นภูมิคุ้มกัน
    เดินทางจากโพรงจมูกเข้าสู่สมองโดยตรง

    ผลการทดลองในสัตว์
    ยับยั้งการเจริญเติบโตของ Glioblastoma ได้
    สร้างภูมิคุ้มกันระยะยาวต่อการกลับมาใหม่ของเนื้องอก

    ศักยภาพของการรักษา
    เปลี่ยน “Cold Tumor” ให้ตอบสนองต่อภูมิคุ้มกัน
    ลดความจำเป็นในการผ่าตัดหรือการรักษาที่รุกราน

    ข้อควรระวังและความท้าทาย
    ยังอยู่ในขั้นทดลองกับสัตว์ ไม่พร้อมใช้กับมนุษย์
    Glioblastoma มีความซับซ้อน อาจต้องใช้หลายวิธีร่วมกัน
    ต้องพัฒนาเรื่องความเสถียรและการควบคุมปริมาณยาให้แม่นยำ

    https://www.sciencealert.com/nasal-drops-could-help-fight-a-common-and-deadly-brain-cancer
    🧪 นวัตกรรมใหม่: ยาหยอดจมูกสู้มะเร็งสมอง นักวิจัยจาก Washington University และ Northwestern University ได้พัฒนาวิธีการส่งยาผ่านจมูกเข้าสู่สมอง โดยใช้โครงสร้างนาโนที่เรียกว่า Spherical Nucleic Acids (SNA) ห่อหุ้มสารกระตุ้นภูมิคุ้มกัน STING pathway เพื่อให้คงตัวได้นานขึ้นและเดินทางไปยังสมองได้อย่างปลอดภัย ผลการทดลองในหนูพบว่าสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเนื้องอก Glioblastoma ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 🌟 ผลลัพธ์ที่เหนือความคาดหมาย เมื่อยาหยอดจมูกถูกใช้ร่วมกับยาที่ช่วยกระตุ้นเซลล์ T-lymphocytes นักวิจัยพบว่าสามารถกำจัดเนื้องอกได้แทบหมดสิ้น และยังสร้างภูมิคุ้มกันระยะยาวต่อการกลับมาใหม่ของมะเร็ง นี่ถือเป็นการเปลี่ยน “Cold Tumor” ที่ไม่ตอบสนองต่อภูมิคุ้มกัน ให้กลายเป็น “Hot Tumor” ที่ระบบภูมิคุ้มกันสามารถจัดการได้ง่ายขึ้น ⚠️ ความท้าทายและข้อควรระวัง แม้ผลการทดลองในสัตว์จะน่าตื่นเต้น แต่นักวิจัยเตือนว่ายังต้องใช้เวลาอีกมากก่อนจะเข้าสู่การทดลองในมนุษย์ เนื่องจาก Glioblastoma เป็นมะเร็งที่ซับซ้อนและสามารถหลบเลี่ยงการตอบสนองของภูมิคุ้มกันได้หลายวิธี การรักษาอาจต้องใช้การผสมผสานหลายแนวทางเพื่อให้ได้ผลจริงในคนไข้ 🌍 ความหวังใหม่ในวงการแพทย์ นวัตกรรมนี้สะท้อนถึงความก้าวหน้าของ Immunotherapy ที่กำลังเปลี่ยนโฉมหน้าการรักษามะเร็งสมอง จากเดิมที่ต้องพึ่งการผ่าตัดและเคมีบำบัดที่รุกรานร่างกาย สู่การรักษาแบบไม่เจ็บปวดและอาจมีผลข้างเคียงน้อยลง หากประสบความสำเร็จในมนุษย์ จะเป็นการเปิดประตูสู่ยุคใหม่ของการรักษามะเร็งที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ นวัตกรรมยาหยอดจมูก ➡️ ใช้โครงสร้างนาโน SNA ห่อหุ้มสารกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ➡️ เดินทางจากโพรงจมูกเข้าสู่สมองโดยตรง ✅ ผลการทดลองในสัตว์ ➡️ ยับยั้งการเจริญเติบโตของ Glioblastoma ได้ ➡️ สร้างภูมิคุ้มกันระยะยาวต่อการกลับมาใหม่ของเนื้องอก ✅ ศักยภาพของการรักษา ➡️ เปลี่ยน “Cold Tumor” ให้ตอบสนองต่อภูมิคุ้มกัน ➡️ ลดความจำเป็นในการผ่าตัดหรือการรักษาที่รุกราน ‼️ ข้อควรระวังและความท้าทาย ⛔ ยังอยู่ในขั้นทดลองกับสัตว์ ไม่พร้อมใช้กับมนุษย์ ⛔ Glioblastoma มีความซับซ้อน อาจต้องใช้หลายวิธีร่วมกัน ⛔ ต้องพัฒนาเรื่องความเสถียรและการควบคุมปริมาณยาให้แม่นยำ https://www.sciencealert.com/nasal-drops-could-help-fight-a-common-and-deadly-brain-cancer
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    Nasal Drops Could Help Fight a Common And Deadly Brain Cancer
    Researchers have developed nasal drops that travel along the nerves of the nose into the central nervous system to fight the deadliest brain cancer.
    0 Comments 0 Shares 321 Views 0 Reviews
  • O.P.K. เจาะลึก ดร.ก้องภพ วิธาน: จากนักอุดมการณ์สู่จอมผีดิบ




    ชื่อเต็ม: ดร.ก้องภพ วิธาน
    อายุ:42 ปี
    สถานภาพ:สมรส มีบุตร 1 คน

    ```mermaid
    graph TB
    A[นักเรียนทุน<br>เก่งวิทยาศาสตร์] --> B[ปริญญาเอก<br>ชีววิทยาโมเลกุล]
    B --> C[นักวิจัย<br>สถาบันชีวการแพทย์]
    C --> D[ได้ตำแหน่ง<br>หัวหน้าโครงการอสรพิษ]
    ```

    ความสำเร็จในวงการ

    ดร.ก้องภพเคยเป็นดาวเด่นของวงการ:

    · ตีพิมพ์งานวิจัย: 35 เรื่องในวารสารระดับโลก
    · รางวัลนักวิทยาศาสตร์年轻有為: จากราชบัณฑิตยสถาน
    · การค้นพบสำคัญ: เทคนิคการดัดแปลงพันธุกรรมแบบใหม่

    ชีวิตครอบครัว

    ```python
    class FamilyLife:
    def __init__(self):
    self.wife = "ศิริพร วิธาน - ครูโรงเรียนนานาชาติ"
    self.daughter = "น้ำตาล วิธาน - อายุ 8 ขวบ"
    self.home = "บ้านในโครงการฯ สุขุมวิท"

    self.routine = {
    "morning": "ส่งลูกไปโรงเรียน",
    "day": "ทำงานวิจัย",
    "evening": "เล่นกับลูกและสอนการบ้าน",
    "weekend": "พาครอบครัวเที่ยวพิพิธภัณฑ์"
    }
    ```





    ดร.ก้องภพพัฒนาความเชื่อว่า:
    "มนุษย์มีข้อบกพร่องมากเกินไป...
    การเจ็บป่วย ความแก่ความตาย ล้วนเป็นความอ่อนแอ"

    โครงการอสรพิษ

    ```python
    class ProjectOscrop:
    def __init__(self):
    self.original_goal = "พัฒนาทหารสมรรถนะสูงเพื่อปกป้องประเทศ"
    self.funding_source = "กองทัพและทุนลับจากต่างชาติ"
    self.facility = "ห้องทดลองใต้ดินในปทุมธานี"

    self.ethical_concerns = [
    "ทดลองกับสัตว์โดยไม่ได้รับอนุญาต",
    "ละเมิดกฎหมายชีวจริยธรรม",
    "ปกปิดผลข้างเคียงจากผู้บริหาร",
    "หลงระเริงกับอำนาจในการสร้างชีวิต"
    ]
    ```



    15 มีนาคม 2043 - คืนแห่งการตัดสินใจ:

    ```mermaid
    graph LR
    A[การทดลองกับลิง<br>ได้ผลน่าทึ่ง] --> B[ทีมวิจัย<br>ขอหยุดเพื่อความปลอดภัย]
    B --> C[ดร.ก้องภพ<br>ตัดสินใจทดลองกับตัวเอง]
    C --> D[ปรสิตกลายพันธุ์<br>เกินคาดหมาย]
    D --> E[สูญเสียการควบคุม<br>และกลายพันธุ์]
    ```



    3 แรงขับเคลื่อนหลัก

    ```python
    class Motivation:
    def __init__(self):
    self.conscious_motives = {
    "desire_for_perfection": "ต้องการสร้างมนุษย์สมบูรณ์แบบ",
    "fear_of_death": "กลัวการตายและความเจ็บป่วย",
    "scientific_curiosity": "อยากรู้ว่ามนุษย์จะก้าวข้ามขีดจำกัดได้ไหม"
    }

    self.subconscious_motives = {
    "childhood_trauma": "เห็นพ่อตายด้วยโรคมะเร็ง",
    "inferiority_complex": "รู้สึกไม่ดีพอตั้งแต่เด็ก",
    "messiah_complex": "อยากเป็นผู้กอบกู้มนุษยชาติ"
    }
    ```

    ความขัดแย้งภายใน

    ดร.ก้องภพบันทึกในไดอารี่ลับ:
    "บางครั้งฉันเฝ้าดูน้ำตาลลูกสาวนอน...
    และสงสัยว่าฉันกำลังสร้างโลกแบบไหนให้เธอ

    แต่แล้วฉันก็เห็นภาพพ่อตายในอ้อมแขนฉัน...
    และความสงสัยนั้นก็หายไป"

    การเปลี่ยนแปลงหลังติดเชื้อ

    การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ

    ```mermaid
    graph TB
    A[สัปดาห์ที่ 1<br>พลังกายเพิ่มขึ้น] --> B[สัปดาห์ที่ 2<br>ผิวคล้ำและตาดำ]
    B --> C[สัปดาห์ที่ 3<br>สามารถควบคุมผู้อื่นได้]
    C --> D[สัปดาห์ที่ 4<br>กลายเป็นจอมผีดิบอย่างสมบูรณ์]
    ```

    การเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม

    ```python
    class PhysicalChanges:
    def __init__(self):
    self.enhancements = {
    "strength": "เพิ่มขึ้น 5 เท่า",
    "speed": "เพิ่มขึ้น 3 เท่า",
    "healing": "หายจากบาดแผลในไม่กี่ชั่วโมง",
    "senses": "การได้ยินและการดมกลิ่นดีขึ้นอย่างมาก"
    }

    side_effects = {
    "emotional_blunting": "ไม่สามารถรู้สึกความรักได้เหมือนเดิม",
    "memory_fragmentation": "ความทรงจำเก่าค่อยๆ เลือนลาง",
    "physical_disfigurement": "ผิวหนังคล้ำและหนาขึ้น",
    "dietary_changes": "ต้องบริโภคเลือดสำหรับพลังงาน"
    }
    ```

    ชีวิตคู่ขนาน

    ครอบครัวที่ไม่รู้ความจริง

    ดร.ก้องภพพยายามปกปิดการเปลี่ยนแปลง:

    · ใช้เครื่องสำอาง: ปกปิดผิวหนังที่คล้ำ
    · ใส่คอนแทคเลนส์: ปกปิดตาที่ดำสนิท
    · หลีกเลี่ยงการสัมผัส: กอดลูกและภรรยาน้อยลง

    บันทึกความในใจ

    "ทุกครั้งที่น้ำตาลเรียก 'พ่อ'...
    หัวใจที่แทบไม่เต้นแล้วกลับรู้สึกอะไรบางอย่าง

    แต่แล้วเสียงของหมู่คณะในหัวก็ดังขึ้น...
    และความอบอุ่นนั้นก็หายไป"

    ความขัดแย้งทางจริยธรรม

    การเผชิญหน้ากับทีมวิจัย

    ดร.สมศรี (เพื่อนร่วมงาน): "เราต้องหยุด! นี่ผิดจริยธรรม!"
    ดร.ก้องภพ:"ความก้าวหน้าต้องการการเสียสละ!"
    ดร.สมศรี:"แต่นี่มันไม่ใช่การเสียสละ... นี่คือการทำลายล้าง!"

    การตัดสินใจครั้งสำคัญ

    ```python
    class CriticalDecisions:
    def __init__(self):
    self.crossroads = [
    "เลือกระหว่างครอบครัวกับอุดมการณ์",
    "เลือกระหว่างความเป็นมนุษย์กับความอมตะ",
    "เลือกระหว่างความรักกับอำนาจ",
    "เลือกระหว่างจริยธรรมกับความก้าวหน้า"
    ]

    self.regrets = [
    "ไม่ฟังคำเตือนของทีมงาน",
    "หลงระเริงกับพลังจนลืมมนุษย์ธรรมดา",
    "ทำให้ครอบครัวต้องทุกข์ใจ",
    "สร้างความเสียหายให้สังคม"
    ]
    ```



    หนูดี: "ท่านยังรักครอบครัวท่านไหม?"
    ดร.ก้องภพ:"รัก... แต่ความรักนั้นเจ็บปวดเกินไป"
    หนูดี:"นั่นคือสิ่งที่ทำให้เราเป็นมนุษย์..."

    ช่วงเวลาแห่งการตระหนัก

    ขณะมองรูปครอบครัวในห้องทำงาน
    "ฉันนึกถึงวันที่น้ำตาลเกิด...
    น้ำตาที่ฉันเคยมีที่จะรู้สึก

    และฉันก็เข้าใจว่า...
    การเป็นอมตะที่ไม่มีความรู้สึก
    就是การตายชนิดที่เลวร้ายที่สุด"

    กระบวนการบำบัด

    การรักษาด้วยสมุนไพร

    ```mermaid
    graph TB
    A[ยอมรับการรักษา] --> B[ได้รับสมุนไพร<br>ฟ้าทะลายโจรและขมิ้นชัน]
    B --> C[ปรสิตค่อยๆ<br>อ่อนกำลังลง]
    C --> D[จิตสำนึกเดิม<br>ค่อยๆ กลับมา]
    D --> E[สามารถควบคุม<br>พลังได้บางส่วน]
    ```

    การกลับสู่ครอบครัว

    หลังการบำบัดบางส่วน:

    · สามารถกอดลูกได้: โดยไม่ทำร้ายเธอ
    · ความรู้สึกกลับมา: แม้จะไม่สมบูรณ์
    · เริ่มเสียใจ: กับการตัดสินใจในอดีต

    บทเรียนชีวิต

    🪷 คำสอนจากดร.ก้องภพ

    "ฉันเรียนรู้ว่า...
    ความไม่สมบูรณ์แบบของมนุษย์
    ไม่ใช่จุดอ่อนแต่คือความงาม

    และการมีชีวิตที่จำกัด...
    ทำให้ทุกช่วงเวลามีคุณค่า"

    การให้อภัยตัวเอง

    "ฉันต้องเรียนรู้ที่จะให้อภัยตัวเอง...
    สำหรับความผิดพลาดทั้งหมด

    และใช้สิ่งที่เรียนรู้...
    เพื่อช่วยเหลือผู้อื่นไม่ให้เดินทางเดียวกับฉัน"

    อนาคตใหม่

    บทบาทใหม่ในสังคม

    ดร.ก้องภพในบทบาทใหม่:

    · ที่ปรึกษาด้านชีวจริยธรรม: เตือนภัยการทดลองที่เสี่ยงเกินไป
    · ผู้ช่วยทางการแพทย์: ใช้ความรู้ในการรักษาผู้ติดเชื้อ
    · พ่อและสามี: ที่พยายามชดเชยเวลาที่เสียไป

    โครงการใหม่

    ```python
    class NewProjects:
    def __init__(self):
    self.initiatives = {
    "ethics_education": "สอนจริยธรรมการวิจัยให้นักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่",
    "zombie_rehabilitation": "ช่วยเหลือผู้ติดเชื้อให้กลับสู่สังคม",
    "family_support": "สนับสนุนครอบครัวของผู้ติดเชื้อ",
    "prevention_program": "โปรแกรมป้องกันการระบาดครั้งใหม่"
    }
    ```

    ---

    คำคมสุดท้ายจากดร.ก้องภพ:
    "ฉันเคยคิดว่าความสมบูรณ์แบบคือคำตอบ...
    แต่ความจริงคือความไม่สมบูรณ์แบบต่างหากที่ทำให้เรามนุษย์

    และฉันเคยเชื่อว่าความตายคือศัตรู...
    แต่ความจริงคือมันคือเพื่อนที่ทำให้ชีวิตมีค่า

    บัดนี้ฉันเข้าใจแล้วว่า...
    การเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์หาใช่การไร้ข้อบกพร่อง
    แต่คือการยอมรับข้อบกพร่องและยังคงเดินหน้าต่อไป"

    บทเรียนแห่งการเป็นมนุษย์:
    "จากนักอุดมการณ์สู่จอมผีดิบ...
    และจากจอมผีดิบกลับสู่ความเป็นมนุษย์

    การเดินทางนี้สอนเราว่า...
    ไม่ว่าคุณจะหลงทางไปไกลแค่ไหน
    ทางกลับบ้านยังคงรอคุณอยู่เสมอ"
    O.P.K. 🔬 เจาะลึก ดร.ก้องภพ วิธาน: จากนักอุดมการณ์สู่จอมผีดิบ ชื่อเต็ม: ดร.ก้องภพ วิธาน อายุ:42 ปี สถานภาพ:สมรส มีบุตร 1 คน ```mermaid graph TB A[นักเรียนทุน<br>เก่งวิทยาศาสตร์] --> B[ปริญญาเอก<br>ชีววิทยาโมเลกุล] B --> C[นักวิจัย<br>สถาบันชีวการแพทย์] C --> D[ได้ตำแหน่ง<br>หัวหน้าโครงการอสรพิษ] ``` 🏆 ความสำเร็จในวงการ ดร.ก้องภพเคยเป็นดาวเด่นของวงการ: · ตีพิมพ์งานวิจัย: 35 เรื่องในวารสารระดับโลก · รางวัลนักวิทยาศาสตร์年轻有為: จากราชบัณฑิตยสถาน · การค้นพบสำคัญ: เทคนิคการดัดแปลงพันธุกรรมแบบใหม่ 💞 ชีวิตครอบครัว ```python class FamilyLife: def __init__(self): self.wife = "ศิริพร วิธาน - ครูโรงเรียนนานาชาติ" self.daughter = "น้ำตาล วิธาน - อายุ 8 ขวบ" self.home = "บ้านในโครงการฯ สุขุมวิท" self.routine = { "morning": "ส่งลูกไปโรงเรียน", "day": "ทำงานวิจัย", "evening": "เล่นกับลูกและสอนการบ้าน", "weekend": "พาครอบครัวเที่ยวพิพิธภัณฑ์" } ``` ดร.ก้องภพพัฒนาความเชื่อว่า: "มนุษย์มีข้อบกพร่องมากเกินไป... การเจ็บป่วย ความแก่ความตาย ล้วนเป็นความอ่อนแอ" 🧪 โครงการอสรพิษ ```python class ProjectOscrop: def __init__(self): self.original_goal = "พัฒนาทหารสมรรถนะสูงเพื่อปกป้องประเทศ" self.funding_source = "กองทัพและทุนลับจากต่างชาติ" self.facility = "ห้องทดลองใต้ดินในปทุมธานี" self.ethical_concerns = [ "ทดลองกับสัตว์โดยไม่ได้รับอนุญาต", "ละเมิดกฎหมายชีวจริยธรรม", "ปกปิดผลข้างเคียงจากผู้บริหาร", "หลงระเริงกับอำนาจในการสร้างชีวิต" ] ``` 15 มีนาคม 2043 - คืนแห่งการตัดสินใจ: ```mermaid graph LR A[การทดลองกับลิง<br>ได้ผลน่าทึ่ง] --> B[ทีมวิจัย<br>ขอหยุดเพื่อความปลอดภัย] B --> C[ดร.ก้องภพ<br>ตัดสินใจทดลองกับตัวเอง] C --> D[ปรสิตกลายพันธุ์<br>เกินคาดหมาย] D --> E[สูญเสียการควบคุม<br>และกลายพันธุ์] ``` 🎯 3 แรงขับเคลื่อนหลัก ```python class Motivation: def __init__(self): self.conscious_motives = { "desire_for_perfection": "ต้องการสร้างมนุษย์สมบูรณ์แบบ", "fear_of_death": "กลัวการตายและความเจ็บป่วย", "scientific_curiosity": "อยากรู้ว่ามนุษย์จะก้าวข้ามขีดจำกัดได้ไหม" } self.subconscious_motives = { "childhood_trauma": "เห็นพ่อตายด้วยโรคมะเร็ง", "inferiority_complex": "รู้สึกไม่ดีพอตั้งแต่เด็ก", "messiah_complex": "อยากเป็นผู้กอบกู้มนุษยชาติ" } ``` 💔 ความขัดแย้งภายใน ดร.ก้องภพบันทึกในไดอารี่ลับ: "บางครั้งฉันเฝ้าดูน้ำตาลลูกสาวนอน... และสงสัยว่าฉันกำลังสร้างโลกแบบไหนให้เธอ แต่แล้วฉันก็เห็นภาพพ่อตายในอ้อมแขนฉัน... และความสงสัยนั้นก็หายไป" 🧟‍♂️ การเปลี่ยนแปลงหลังติดเชื้อ 🔄 การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ ```mermaid graph TB A[สัปดาห์ที่ 1<br>พลังกายเพิ่มขึ้น] --> B[สัปดาห์ที่ 2<br>ผิวคล้ำและตาดำ] B --> C[สัปดาห์ที่ 3<br>สามารถควบคุมผู้อื่นได้] C --> D[สัปดาห์ที่ 4<br>กลายเป็นจอมผีดิบอย่างสมบูรณ์] ``` 🧬 การเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม ```python class PhysicalChanges: def __init__(self): self.enhancements = { "strength": "เพิ่มขึ้น 5 เท่า", "speed": "เพิ่มขึ้น 3 เท่า", "healing": "หายจากบาดแผลในไม่กี่ชั่วโมง", "senses": "การได้ยินและการดมกลิ่นดีขึ้นอย่างมาก" } side_effects = { "emotional_blunting": "ไม่สามารถรู้สึกความรักได้เหมือนเดิม", "memory_fragmentation": "ความทรงจำเก่าค่อยๆ เลือนลาง", "physical_disfigurement": "ผิวหนังคล้ำและหนาขึ้น", "dietary_changes": "ต้องบริโภคเลือดสำหรับพลังงาน" } ``` 🎭 ชีวิตคู่ขนาน 🏠 ครอบครัวที่ไม่รู้ความจริง ดร.ก้องภพพยายามปกปิดการเปลี่ยนแปลง: · ใช้เครื่องสำอาง: ปกปิดผิวหนังที่คล้ำ · ใส่คอนแทคเลนส์: ปกปิดตาที่ดำสนิท · หลีกเลี่ยงการสัมผัส: กอดลูกและภรรยาน้อยลง 📖 บันทึกความในใจ "ทุกครั้งที่น้ำตาลเรียก 'พ่อ'... หัวใจที่แทบไม่เต้นแล้วกลับรู้สึกอะไรบางอย่าง แต่แล้วเสียงของหมู่คณะในหัวก็ดังขึ้น... และความอบอุ่นนั้นก็หายไป" ⚖️ ความขัดแย้งทางจริยธรรม 🔥 การเผชิญหน้ากับทีมวิจัย ดร.สมศรี (เพื่อนร่วมงาน): "เราต้องหยุด! นี่ผิดจริยธรรม!" ดร.ก้องภพ:"ความก้าวหน้าต้องการการเสียสละ!" ดร.สมศรี:"แต่นี่มันไม่ใช่การเสียสละ... นี่คือการทำลายล้าง!" 💔 การตัดสินใจครั้งสำคัญ ```python class CriticalDecisions: def __init__(self): self.crossroads = [ "เลือกระหว่างครอบครัวกับอุดมการณ์", "เลือกระหว่างความเป็นมนุษย์กับความอมตะ", "เลือกระหว่างความรักกับอำนาจ", "เลือกระหว่างจริยธรรมกับความก้าวหน้า" ] self.regrets = [ "ไม่ฟังคำเตือนของทีมงาน", "หลงระเริงกับพลังจนลืมมนุษย์ธรรมดา", "ทำให้ครอบครัวต้องทุกข์ใจ", "สร้างความเสียหายให้สังคม" ] ``` หนูดี: "ท่านยังรักครอบครัวท่านไหม?" ดร.ก้องภพ:"รัก... แต่ความรักนั้นเจ็บปวดเกินไป" หนูดี:"นั่นคือสิ่งที่ทำให้เราเป็นมนุษย์..." 💫 ช่วงเวลาแห่งการตระหนัก ขณะมองรูปครอบครัวในห้องทำงาน "ฉันนึกถึงวันที่น้ำตาลเกิด... น้ำตาที่ฉันเคยมีที่จะรู้สึก และฉันก็เข้าใจว่า... การเป็นอมตะที่ไม่มีความรู้สึก 就是การตายชนิดที่เลวร้ายที่สุด" 🏥 กระบวนการบำบัด 🌿 การรักษาด้วยสมุนไพร ```mermaid graph TB A[ยอมรับการรักษา] --> B[ได้รับสมุนไพร<br>ฟ้าทะลายโจรและขมิ้นชัน] B --> C[ปรสิตค่อยๆ<br>อ่อนกำลังลง] C --> D[จิตสำนึกเดิม<br>ค่อยๆ กลับมา] D --> E[สามารถควบคุม<br>พลังได้บางส่วน] ``` 💞 การกลับสู่ครอบครัว หลังการบำบัดบางส่วน: · สามารถกอดลูกได้: โดยไม่ทำร้ายเธอ · ความรู้สึกกลับมา: แม้จะไม่สมบูรณ์ · เริ่มเสียใจ: กับการตัดสินใจในอดีต 📚 บทเรียนชีวิต 🪷 คำสอนจากดร.ก้องภพ "ฉันเรียนรู้ว่า... ความไม่สมบูรณ์แบบของมนุษย์ ไม่ใช่จุดอ่อนแต่คือความงาม และการมีชีวิตที่จำกัด... ทำให้ทุกช่วงเวลามีคุณค่า" 💝 การให้อภัยตัวเอง "ฉันต้องเรียนรู้ที่จะให้อภัยตัวเอง... สำหรับความผิดพลาดทั้งหมด และใช้สิ่งที่เรียนรู้... เพื่อช่วยเหลือผู้อื่นไม่ให้เดินทางเดียวกับฉัน" 🔮 อนาคตใหม่ 🎯 บทบาทใหม่ในสังคม ดร.ก้องภพในบทบาทใหม่: · ที่ปรึกษาด้านชีวจริยธรรม: เตือนภัยการทดลองที่เสี่ยงเกินไป · ผู้ช่วยทางการแพทย์: ใช้ความรู้ในการรักษาผู้ติดเชื้อ · พ่อและสามี: ที่พยายามชดเชยเวลาที่เสียไป 🌟 โครงการใหม่ ```python class NewProjects: def __init__(self): self.initiatives = { "ethics_education": "สอนจริยธรรมการวิจัยให้นักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่", "zombie_rehabilitation": "ช่วยเหลือผู้ติดเชื้อให้กลับสู่สังคม", "family_support": "สนับสนุนครอบครัวของผู้ติดเชื้อ", "prevention_program": "โปรแกรมป้องกันการระบาดครั้งใหม่" } ``` --- คำคมสุดท้ายจากดร.ก้องภพ: "ฉันเคยคิดว่าความสมบูรณ์แบบคือคำตอบ... แต่ความจริงคือความไม่สมบูรณ์แบบต่างหากที่ทำให้เรามนุษย์ และฉันเคยเชื่อว่าความตายคือศัตรู... แต่ความจริงคือมันคือเพื่อนที่ทำให้ชีวิตมีค่า บัดนี้ฉันเข้าใจแล้วว่า... การเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์หาใช่การไร้ข้อบกพร่อง แต่คือการยอมรับข้อบกพร่องและยังคงเดินหน้าต่อไป"🔬✨ บทเรียนแห่งการเป็นมนุษย์: "จากนักอุดมการณ์สู่จอมผีดิบ... และจากจอมผีดิบกลับสู่ความเป็นมนุษย์ การเดินทางนี้สอนเราว่า... ไม่ว่าคุณจะหลงทางไปไกลแค่ไหน ทางกลับบ้านยังคงรอคุณอยู่เสมอ"🌈
    0 Comments 0 Shares 813 Views 0 Reviews
  • “การจากไปของ Rebecca Heineman – ผู้บุกเบิกวงการเกมและนักเคลื่อนไหวเพื่อความหลากหลาย”

    Rebecca Heineman เสียชีวิตหลังจากถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งชนิดรุนแรงเมื่อเดือนที่ผ่านมา เธอเป็นที่รู้จักในฐานะ แชมป์ Space Invaders คนแรกของสหรัฐฯ ในปี 1980 และต่อมาได้กลายเป็นหนึ่งในนักพัฒนาเกมที่ทรงอิทธิพลที่สุด โดยมีเครดิตในเกมกว่า 67 เรื่อง รวมถึงการร่วมก่อตั้งบริษัท Interplay ซึ่งสร้างเกมระดับตำนานอย่าง Wasteland, Fallout และ Baldur’s Gate

    นอกจากผลงานด้านการพัฒนาเกมแล้ว Heineman ยังเป็นผู้บุกเบิกด้านการเขียนโปรแกรมและการพอร์ตเกม เช่น Wolfenstein 3D และ Doom ไปยัง Macintosh รวมถึงการทำงานในโครงการที่ท้าทายอย่างการพัฒนาเวอร์ชัน 3DO ของ Doom ภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ ซึ่งกลายเป็นเรื่องเล่าขานในวงการเกม

    เธอเป็นที่เคารพในฐานะ นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิ LGBTQ+ โดยออกมาเปิดเผยตัวตนในช่วงปี 2000 และได้รับรางวัล Gayming Icon Award ปี 2025 จากการสนับสนุนความหลากหลายและการเข้าถึงในวงการเทคโนโลยี เธอแต่งงานกับ Jennell Jaquays นักออกแบบเกมชื่อดังที่เสียชีวิตในปี 2024 การจากไปของ Heineman จึงเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของชุมชนเกมและผู้สนับสนุนความหลากหลายทางเพศ

    แม้เธอจะจากไป แต่ผลงานและการอุทิศตนเพื่อวงการเกมและสิทธิมนุษยชนยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักพัฒนาและผู้เล่นรุ่นใหม่ทั่วโลก

    สรุปสาระสำคัญ
    Rebecca Heineman เสียชีวิตในวัย 62 ปี
    หลังถูกวินิจฉัยมะเร็งชนิดรุนแรง

    แชมป์ Space Invaders คนแรกของสหรัฐฯ (1980)
    จุดเริ่มต้นสู่การเป็นนักพัฒนาเกมระดับตำนาน

    ร่วมก่อตั้ง Interplay
    บริษัทผู้สร้างเกมดังอย่าง Wasteland, Fallout, Baldur’s Gate

    ผลงานด้านการพอร์ตเกม
    เช่น Wolfenstein 3D และ Doom บน Macintosh

    ได้รับรางวัล Gayming Icon Award ปี 2025
    ยกย่องบทบาทด้าน LGBTQ+ และการสนับสนุนความหลากหลาย

    การจากไปกระทบต่อชุมชนเกมและผู้สนับสนุนสิทธิ LGBTQ+
    สูญเสียบุคคลสำคัญที่เป็นแรงบันดาลใจ

    โรคมะเร็งที่ตรวจพบอย่างกะทันหัน
    ทำให้สุขภาพทรุดเร็วและไม่สามารถรักษาได้ทัน

    https://www.pcgamer.com/gaming-industry/legendary-game-designer-programmer-space-invaders-champion-and-lgbtq-trailblazer-rebecca-heineman-has-died/
    📰 “การจากไปของ Rebecca Heineman – ผู้บุกเบิกวงการเกมและนักเคลื่อนไหวเพื่อความหลากหลาย” Rebecca Heineman เสียชีวิตหลังจากถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งชนิดรุนแรงเมื่อเดือนที่ผ่านมา เธอเป็นที่รู้จักในฐานะ แชมป์ Space Invaders คนแรกของสหรัฐฯ ในปี 1980 และต่อมาได้กลายเป็นหนึ่งในนักพัฒนาเกมที่ทรงอิทธิพลที่สุด โดยมีเครดิตในเกมกว่า 67 เรื่อง รวมถึงการร่วมก่อตั้งบริษัท Interplay ซึ่งสร้างเกมระดับตำนานอย่าง Wasteland, Fallout และ Baldur’s Gate นอกจากผลงานด้านการพัฒนาเกมแล้ว Heineman ยังเป็นผู้บุกเบิกด้านการเขียนโปรแกรมและการพอร์ตเกม เช่น Wolfenstein 3D และ Doom ไปยัง Macintosh รวมถึงการทำงานในโครงการที่ท้าทายอย่างการพัฒนาเวอร์ชัน 3DO ของ Doom ภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ ซึ่งกลายเป็นเรื่องเล่าขานในวงการเกม เธอเป็นที่เคารพในฐานะ นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิ LGBTQ+ โดยออกมาเปิดเผยตัวตนในช่วงปี 2000 และได้รับรางวัล Gayming Icon Award ปี 2025 จากการสนับสนุนความหลากหลายและการเข้าถึงในวงการเทคโนโลยี เธอแต่งงานกับ Jennell Jaquays นักออกแบบเกมชื่อดังที่เสียชีวิตในปี 2024 การจากไปของ Heineman จึงเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของชุมชนเกมและผู้สนับสนุนความหลากหลายทางเพศ แม้เธอจะจากไป แต่ผลงานและการอุทิศตนเพื่อวงการเกมและสิทธิมนุษยชนยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักพัฒนาและผู้เล่นรุ่นใหม่ทั่วโลก 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Rebecca Heineman เสียชีวิตในวัย 62 ปี ➡️ หลังถูกวินิจฉัยมะเร็งชนิดรุนแรง ✅ แชมป์ Space Invaders คนแรกของสหรัฐฯ (1980) ➡️ จุดเริ่มต้นสู่การเป็นนักพัฒนาเกมระดับตำนาน ✅ ร่วมก่อตั้ง Interplay ➡️ บริษัทผู้สร้างเกมดังอย่าง Wasteland, Fallout, Baldur’s Gate ✅ ผลงานด้านการพอร์ตเกม ➡️ เช่น Wolfenstein 3D และ Doom บน Macintosh ✅ ได้รับรางวัล Gayming Icon Award ปี 2025 ➡️ ยกย่องบทบาทด้าน LGBTQ+ และการสนับสนุนความหลากหลาย ‼️ การจากไปกระทบต่อชุมชนเกมและผู้สนับสนุนสิทธิ LGBTQ+ ⛔ สูญเสียบุคคลสำคัญที่เป็นแรงบันดาลใจ ‼️ โรคมะเร็งที่ตรวจพบอย่างกะทันหัน ⛔ ทำให้สุขภาพทรุดเร็วและไม่สามารถรักษาได้ทัน https://www.pcgamer.com/gaming-industry/legendary-game-designer-programmer-space-invaders-champion-and-lgbtq-trailblazer-rebecca-heineman-has-died/
    0 Comments 0 Shares 368 Views 0 Reviews
  • กระทรวงพลังงานสหรัฐฯ และ AMD ร่วมลงทุน $1 พันล้าน สร้างซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI สองเครื่อง — หนึ่งในนั้นคือเครื่องที่เร็วที่สุดในโลก

    บทความจาก Tom’s Hardware รายงานว่า กระทรวงพลังงานสหรัฐฯ (DOE) และ AMD ได้จับมือกันในโครงการมูลค่า $1 พันล้าน เพื่อสร้างซูเปอร์คอมพิวเตอร์สองเครื่องที่ Oak Ridge National Laboratory (ORNL) โดยมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนการวิจัยด้านฟิวชันพลังงาน การรักษามะเร็ง และความมั่นคงแห่งชาติ

    ซูเปอร์คอมพิวเตอร์เครื่องแรกชื่อว่า “Lux” จะเริ่มใช้งานภายใน 6 เดือน โดยใช้ AMD Instinct MI355X accelerators ที่มีพลังงานบอร์ดสูงถึง 1400 วัตต์ต่อชิ้น Lux จะมีประสิทธิภาพด้าน AI สูงกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ปัจจุบันถึง 3 เท่า และถือเป็นการติดตั้งระบบขนาดใหญ่ที่เร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมา

    เครื่องที่สองชื่อว่า “Discovery” จะเริ่มใช้งานในปี 2029 โดยใช้ชิป MI430X-HPC ซึ่งออกแบบให้รองรับการประมวลผลแบบ FP32 และ FP64 สำหรับงานวิจัยที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น ฟิสิกส์และการแพทย์

    โครงการนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง DOE, ORNL, AMD, HPE และ Oracle โดยภาครัฐจะจัดหาสถานที่และพลังงาน ส่วนบริษัทเอกชนจะรับผิดชอบด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์

    รัฐมนตรีพลังงาน Chris Wright ระบุว่า ระบบนี้จะ “เร่งการวิจัยด้านฟิวชันพลังงานและการรักษามะเร็ง” โดยหวังว่าจะสามารถใช้ฟิวชันพลังงานได้จริงภายใน 2–3 ปี และทำให้มะเร็งกลายเป็นโรคที่ควบคุมได้ภายใน 5–8 ปี

    โครงการซูเปอร์คอมพิวเตอร์มูลค่า $1 พันล้าน
    ร่วมมือระหว่าง DOE, ORNL, AMD, HPE และ Oracle
    ภาครัฐจัดหาสถานที่และพลังงาน เอกชนจัดหาเทคโนโลยี

    ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ “Lux”
    ใช้ AMD Instinct MI355X accelerators
    เริ่มใช้งานภายใน 6 เดือน
    เร็วกว่าเครื่องปัจจุบันถึง 3 เท่าในด้าน AI

    ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ “Discovery”
    ใช้ MI430X-HPC พร้อม Epyc CPU
    เริ่มใช้งานปี 2029
    เน้นงานวิจัยที่ต้องการความแม่นยำสูง

    เป้าหมายของโครงการ
    วิจัยฟิวชันพลังงานและการรักษามะเร็ง
    เสริมความมั่นคงแห่งชาติ
    ใช้ร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน

    คำเตือนสำหรับการลงทุนด้าน AI compute
    การใช้พลังงานสูงอาจกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หากไม่มีการจัดการที่ดี
    การพึ่งพาบริษัทเอกชนมากเกินไปอาจกระทบต่อความโปร่งใสของงานวิจัย
    ต้องมีการควบคุมการใช้งานเพื่อป้องกันการนำไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/supercomputers/u-s-department-of-energy-and-amd-cut-a-usd1-billion-deal-for-two-ai-supercomputers-pairing-has-already-birthed-the-two-fastest-machines-on-the-planet
    🚀 กระทรวงพลังงานสหรัฐฯ และ AMD ร่วมลงทุน $1 พันล้าน สร้างซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI สองเครื่อง — หนึ่งในนั้นคือเครื่องที่เร็วที่สุดในโลก บทความจาก Tom’s Hardware รายงานว่า กระทรวงพลังงานสหรัฐฯ (DOE) และ AMD ได้จับมือกันในโครงการมูลค่า $1 พันล้าน เพื่อสร้างซูเปอร์คอมพิวเตอร์สองเครื่องที่ Oak Ridge National Laboratory (ORNL) โดยมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนการวิจัยด้านฟิวชันพลังงาน การรักษามะเร็ง และความมั่นคงแห่งชาติ ซูเปอร์คอมพิวเตอร์เครื่องแรกชื่อว่า “Lux” จะเริ่มใช้งานภายใน 6 เดือน โดยใช้ AMD Instinct MI355X accelerators ที่มีพลังงานบอร์ดสูงถึง 1400 วัตต์ต่อชิ้น Lux จะมีประสิทธิภาพด้าน AI สูงกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ปัจจุบันถึง 3 เท่า และถือเป็นการติดตั้งระบบขนาดใหญ่ที่เร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมา เครื่องที่สองชื่อว่า “Discovery” จะเริ่มใช้งานในปี 2029 โดยใช้ชิป MI430X-HPC ซึ่งออกแบบให้รองรับการประมวลผลแบบ FP32 และ FP64 สำหรับงานวิจัยที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น ฟิสิกส์และการแพทย์ โครงการนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง DOE, ORNL, AMD, HPE และ Oracle โดยภาครัฐจะจัดหาสถานที่และพลังงาน ส่วนบริษัทเอกชนจะรับผิดชอบด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ รัฐมนตรีพลังงาน Chris Wright ระบุว่า ระบบนี้จะ “เร่งการวิจัยด้านฟิวชันพลังงานและการรักษามะเร็ง” โดยหวังว่าจะสามารถใช้ฟิวชันพลังงานได้จริงภายใน 2–3 ปี และทำให้มะเร็งกลายเป็นโรคที่ควบคุมได้ภายใน 5–8 ปี ✅ โครงการซูเปอร์คอมพิวเตอร์มูลค่า $1 พันล้าน ➡️ ร่วมมือระหว่าง DOE, ORNL, AMD, HPE และ Oracle ➡️ ภาครัฐจัดหาสถานที่และพลังงาน เอกชนจัดหาเทคโนโลยี ✅ ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ “Lux” ➡️ ใช้ AMD Instinct MI355X accelerators ➡️ เริ่มใช้งานภายใน 6 เดือน ➡️ เร็วกว่าเครื่องปัจจุบันถึง 3 เท่าในด้าน AI ✅ ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ “Discovery” ➡️ ใช้ MI430X-HPC พร้อม Epyc CPU ➡️ เริ่มใช้งานปี 2029 ➡️ เน้นงานวิจัยที่ต้องการความแม่นยำสูง ✅ เป้าหมายของโครงการ ➡️ วิจัยฟิวชันพลังงานและการรักษามะเร็ง ➡️ เสริมความมั่นคงแห่งชาติ ➡️ ใช้ร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน ‼️ คำเตือนสำหรับการลงทุนด้าน AI compute ⛔ การใช้พลังงานสูงอาจกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หากไม่มีการจัดการที่ดี ⛔ การพึ่งพาบริษัทเอกชนมากเกินไปอาจกระทบต่อความโปร่งใสของงานวิจัย ⛔ ต้องมีการควบคุมการใช้งานเพื่อป้องกันการนำไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม https://www.tomshardware.com/tech-industry/supercomputers/u-s-department-of-energy-and-amd-cut-a-usd1-billion-deal-for-two-ai-supercomputers-pairing-has-already-birthed-the-two-fastest-machines-on-the-planet
    0 Comments 0 Shares 415 Views 0 Reviews
  • ข้อมูลก่อนหน้า
    https://t.me/ThaiPitaksithData/6914

    เปิดโปงเบื้องหลัง ธุรกิจไวรัสตัดต่อพันธุกรรม ทำไมคนไทยต้อง Save หมอธีระวัฒน์ เพื่อ Save ประชาชน จากรายการคุยทุกเรื่องกับสนธิ ศุกร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567
    https://fb.watch/qpJFWeLSO0/?
    “หมอธีระวัฒน์” เผยความจริงต้นตอที่มาโควิด พร้อมแจงละเอียดยิบเหตุยุติวิจัยไวรัสค้างคาว
    https://news1live.com/detail/9670000005954
    “หมอธีระวัฒน์-อ.ปานเทพ“ แจงละเอียดยิบ “แท่งย้วยขาวในหลอดเลือด” (White Clot) และโปรตีนหนามทั่วร่างกายไปไกลถึงลูกอัณฑะ / ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
    https://www.facebook.com/100044511276276/posts/pfbid0mcjQWeLT6R55prCBLgHHxQXfATwsQjRnh8dTuNmaYYhrC1eigXFAWG6tZUweSTTUl/?
    ปรากฏการณ์แท่งย้วยสีขาวตันเส้นเลือด
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000015694
    สารคดี Died Suddenly เป็นการค้นพบเส้นอุดตันในเส้นเลือด ที่ไม่ใช่การอุดตันปกติ นักแต่งศพหลายๆคน มีปัญหาฉีดน้ำยารักษาศพเข้าเส้นเลือดไม่ได้ จึงทำการผ่าดู ปรากฏว่าเจอการอุดตันผิดปกติ ยาวเป็นฟุต!! ฝรั่งเขารู้ก่อนเรามานานแล้ว แล้วคุณยังจะเชื่อว่ามันคือ ฮีทสโตรกอยู่เหรอ สารคดีที่ลงสื่อหลักไม่ได้ เพราะเขาไม่อยากให้คุณรู้
    https://rumble.com/v1wac7i-world-premier-died-suddenly.html
    Thai sub https://rumble.com/v1ytofw-died-suddenly-thai-subtitles-.html
    https://t.me/awakened_thailand/415
    “หมอธีระวัฒน์” ย้ำแท่งย้วยสีขาวเริ่มพบกลางปี 2021 หลังมีการใช้วัคซีน mRNA ยันไม่ใช่นักต่อต้านวัคซีน
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000015912
    “หมอธีระวัฒน์” ย้ำแท่งย้วยสีขาวเริ่มพบกลางปี 2021 หลังมีการใช้วัคซีน mRNA ยันไม่ใช่นักต่อต้านวัคซีน
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000015912
    “หมอธีระวัฒน์” เผย 5 เหตุผล ลาออก หน.ศูนย์ฯโรคอุบัติใหม่
    https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000037010
    วัคซีน : ที่ปฏิบัติในปัจจุบันเป็นการฝ่าฝืนกฎข้อบังคับทางจริยธรรมทางการแพทย์ทั้งหมดหรือไม่? (ตอนที่ 1)
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000036764
    หัวข้อ ทำไม พระสงฆ์ คนหนุ่มสาว ป่วยทรดตัวไว? รายการสภากาแฟ ช่อง News1
    https://www.youtube.com/live/4BHNF3zpCz0?si=nzF8PfAMNCo_mS8x
    "หมอธีระวัฒน์-อ.ปานเทพ" เชิญร่วมเสวนา “อันตรายจากวัคซีนร้ายแรงกว่าที่คิด” ณ หอศิลป์กรุงเทพฯ 3 พ.ค.นี้
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000035647
    เรื่องใหญ่! “หมอธีระวัฒน์” เผยนักวิจัย “โมเดอร์นา” ยอมรับเอง วัคซีน mRNA ยังต้องผ่านการปรับปรุงอีกหลายขั้นตอน
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000035583
    มะเร็งเพิ่มหลังฉีดวัคซีนโควิดในญี่ปุ่น : กรณีศึกษาในไทย
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000034512
    “หมอธีระวัฒน์-อ.ปานเทพ“ แจงละเอียดยิบ “แท่งย้วยขาวในหลอดเลือด” และโปรตีนหนามทั่วร่างกายไปไกลถึงลูกอัณฑะ
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000025152
    ไวรัสโควิด สร้างได้ในห้องทดลองและ มีจด สิทธิบัตร ตั้งแต่ปี 2018
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000025130
    นวัตกรรมสุดยอดของวัคซีนเลื้อยดุ ศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    https://mgronline.com/daily/detail/9670000023136
    White Clot ยังไม่จบ “หมอธีระวัฒน์” พร้อมตอบแบบจัดเต็ม ในงาน “ความจริงมีหนึ่งเดียว” 17 มี.ค.2567
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000020769
    อจ หมออรรถพล CDC Webinar Live Talk 04 มี.ค. 2567 หัวข้อ ภัยของ Covid Vaccine
    https://rumble.com/v4hcoae--covid-vaccine.html
    ชันสูตรศพผู้ตายจากวัคซีนโควิด 326 ราย
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000019343
    คนไทยพิทักษ์สิทธิ์ฯ ร้องดีอีปรับปรุงศูนย์ต้านข่าวปลอม พร้อมแก้ไขข้อมูลเท็จ
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000019152
    ฝ่ายค้านแคนาดาแฉ “ทรูโด” ปกปิดหลักฐานวิจัยไวรัสร่วมกับจีน
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000018855
    "ปานเทพ" เผย 7 ประเด็นสำคัญผลกระทบจากวัคซีนโควิด อันตราย-อำมหิตกว่าที่คิด จี้หยุดฉีด
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000018762
    Save หมอธีระวัฒน์ ผู้เปิดโปงธุรกิจไวรัสตัดต่อพันธุกรรม
    https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000017172
    https://youtu.be/ucQZu7LbZCM?si=YPMxtmhRnYQrnAnk
    จี้คณบดีแพทยศาสตร์ ศิริราช-จุฬาฯ เลิกติดต่อ “เฟาซี” และ EHA ที่ให้ทุนวิจัยสร้างไวรัสอันตราย
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000016687
    “ปานเทพ” เสียดายคนไทยส่วนใหญ่ไม่ได้อ่าน งานวิจัยผลกระทบจากวัคซีนต่อเด็กและเยาวชนไทย
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000016219


    จวก “หมอธีระ” ยืนข้างบริษัทยา ปล่อยข่าวปลอมเสียเอง ท้าดีเบตกับวิชาการตัวจริง
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000015945
    หมอธีระ หมอที่ยืนข้างบริษัทยา
    https://www.facebook.com/share/p/9x61sF5dLf2dy6wk/?mibextid=Nif5oz
    https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid049af37rusAcp8AW12nnFEe2MehpUHd5buVdroxoPy6tmSBFnx7M4RRcHoCSXLFYWl&id=100064810775743&mibextid=Nif5oz
    ปรากฏการณ์แท่งย้วยสีขาวตันเส้นเลือด
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000015694
    “หมอธีระวัฒน์” เผยพบปรากฏการณ์ที่ไม่ได้เห็นมาก่อนในคนฉีดวัคซีน mRNA
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000015334
    โลกใช้เชื้อโรคเป็นอาวุธ..แผ่นดินเรามีโอสถภูมิปัญญา WHO..อย่ายุ่งมาก! | สภากาแฟเวทีชาวบ้าน ช่อง News1
    เข้าใจ สนธิสัญญาโรคระบาดและการแก้ไข IHR ( International Health Regulation หรือ กฎระเบียบด้านสุขภาพระหว่างประเทศ) ของ WHO (องค์การอนามัยโลก)
    https://youtu.be/Cvml6w6c5WI?si=UL81i3lAOVL9872W
    https://www.rookon.com/?p=1176
    สภาทนายความ แถลงข่าว เรื่อง ประกันโควิด กับผลกระทบวัคซีน 05-06-2024
    https://rumble.com/v4zrij6--05-06-2024.html
    เปิดโปงธุรกิจไวรัสตัดต่อพันธุกรรม : Sondhitalk (ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง) EP.230
    https://m.youtube.com/watch?si=Q9kw0ho0R0JfKya5&fbclid=IwAR2tadgM38rB01iG7B_EKK8lvTA4DScCO4-iSpyg9bBZyAmXfGLsiExEFmI_aem_AZq7B_ZfF8BLBoKcmTknNdVCH9GPFMRKMg6tuV_UV8w2m106s6kASAKDgBYMmG3Lzmg&v=ucQZu7LbZCM&feature=youtu.be
    นวัตกรรมสุดยอดของวัคซีนเลื้อยดุ ศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    https://mgronline.com/daily/detail/9670000023136
    สร้างเท็จเป็นจริง เปลี่ยนจริงเป็นเท็จ
    https://m.youtube.com/watch?si=XN7rAI1qEWlI-kr6&fbclid=IwAR1mynXiLAbnauASWUlJJWFbJ9YUkDlYd3MpVN975-j1XiXKT8m6LK2stvs_aem_AQH-ZkLmZSDYhXTbonKF3fZqbmCD50usAsDLiZk9cI9WNJJdVKVS7dUUuc-N1nedwd8&v=D6NboVSczKU&feature=youtu.be
    “หมอธีระวัฒน์” เผยความจริงปรากฏ โควิดหลุดจากแล็บเป็นเรื่องจริง ฝีมือหมอใหญ่สหรัฐฯ ผ่านองค์กร Eco Health Alliance
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000042959
    เราจะรอดพ้นจากการเป็นซอมบี้ได้อย่างไร ?!! / โดย ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    https://youtu.be/RLWADSjPdC0?si=6oot2AiWzNbH7efq
    “อีลอน มัสก์” ร้องเอาผิด “เฟาซี” ตอกย้ำโควิดมาจากแล็บอู่ฮั่นที่อเมริกาให้เงินอุดหนุน
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000043013
    อย่าเงียบ!กดดันไฟเซอร์-โมเดอร์นาถอนใบอนุญาตวัคซีนโควิด อ้างพบตายมากกว่าแอสตร้าฯ3เท่า
    https://mgronline.com/around/detail/9670000040887
    “หมอธีระวัฒน์” ตั้งคำถามหลังแอสตร้าฯ หยุดขาย แล้ววัคซีนชนิดอื่นทำไมทางการไทยยังปกป้อง แฉไฟเซอร์ต้องยอมความ 1 หมื่นคดี
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000040486
    “หมอธีระวัฒน์” ถามแพทย์ศาสตร์ จุฬาฯ รับเงิน 2 พันล้านก๊อปปี้วัคซีนโควิดไฟเซอร์ ได้ผลสำเร็จอย่างไร
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000040290
    “ปานเทพ” ชี้แอสตร้าฯ ถอนใบอนุญาตการตลาดวัคซีนทั่วโลกหลังยอมรับก่อผลข้างเคียง แต่องค์กรรัฐไทยเงียบกริบ สะท้อนสำนึกความปลอดภัยที่ตกต่ำ
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000040078
    “ฉีดแล้ว แถมอะไรบ้าง?” ฟังเวอร์ชั่นมึผู้ดัดแปลง แรพเตอร์ประยุกต์
    https://fb.watch/rY3hwhondy/?
    https://fb.watch/rY3jv7hMym/?
    เปิดวิธีป้องกัน ความอันตราย จากพิษของวัคซีน / ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา สัมภาษณ์โดย ปากซอย 105 รู้ก่อนใคร ลึกจากข่าววงใน
    https://youtu.be/44uwz3X0Gh4?si=_qNy29hSXEYptH4g
    “หมอธีระวัฒน์” เผยเคสคนป่วยจากแอสตร้า-ไฟเซอร์ ชี้ทั้งวัคซีนเชื้อเป็นและ mRNA ส่งผลกระทบระยะสั้นถึงยาว ต่อสมอง-กล้ามเนื้อ
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000037733
    แท่งย้วยสีขาวในหลอดเลือด เกิดขึ้น “ก่อน”ตายเท่านั้น รีบช่วยชมและแชร์ก่อนถูกลบ
    https://fb.watch/s0hNc3DymZ/?
    https://fb.watch/s0hJ12wEyq/?
    ช็อค!!! คำสารภาพของไฟเซอร์ รีบชมและแชร์ก่อนโดนลบ
    https://fb.watch/s0bmq6HW8P/?
    “หมอธีระวัฒน์-อ.ปานเทพ“ แจงละเอียดยิบ “แท่งย้วยขาวในหลอดเลือด” (White Clot) และโปรตีนหนามทั่วร่างกายไปไกลถึงลูกอัณฑะ / ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
    https://www.facebook.com/100044511276276/posts/945435006950200/?
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000025152
    ไวรัสโควิด สร้างได้ในห้องทดลองและ มีจด สิทธิบัตร ตั้งแต่ปี 2018
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000025130
    “หมอชลธวัช” เผยวัคซีน mRNA โยงโรคสมองเสื่อม แนะคนกลัวอัลไซเมอร์-พาร์กินสัน ไม่ควรฉีด
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000052341
    เงินสำคัญกว่าชีวิต! ผู้เชี่ยวชาญเชื่อ US บิดเบือนวัคซีน 'โควิด' จีน มีเป้าหมายเพื่อสกัดคู่แข่ง
    https://mgronline.com/around/detail/9670000051671

    วัคซีนเทพระส่ำ! รัฐแคนซัสลุยฟ้องเอาผิด 'ไฟเซอร์' กล่าวหาปกปิดความเสี่ยง-โป้ปดประสิทธิภาพ
    https://mgronline.com/around/detail/9670000052000
    ความจริงปรากฏ! รอยเตอร์แฉเอง US ใช้ยุทธการบิดเบือน ใส่ร้ายป้ายสีวัคซีนโควิดของจีน
    https://mgronline.com/around/detail/9670000051466
    “หมอธีระวัฒน์” เผยผลชันสูตรคนตาย วัคซีนโควิดอาจเป็นสาเหตุเชื้ออสุจิไม่วิ่ง
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000051903
    สะเทือนแน่! ศาลสหรัฐฯ ตัดสิน วัคซีนโควิด mRNA ไม่ใช่วัคซีนตามความหมายเดิม
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000051429
    เผยเหตุเชื้อ “ฝีดาษลิง” รุนแรงขึ้นอาจเป็นเพราะการทดลองของมนุษย์
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000050851
    วัคซีนเล่มสีชมพู – ดร. เชอร์รี เทนเพนนี
    https://www.rookon.com/?p=1112
    เรื่องใหญ่! 'หมอธีระวัฒน์'แฉนักวิทยาศาสตร์ของ 'โมเดนา' ยอมรับ วัคซีน mRNR มีอันตรายต้องปรับปรุง https://www.thaipost.net/x-cite-news/574701/
    ตัวเร่งอัลไซเมอร์ ปัจจัยสมองเสื่อม
    https://www.thairath.co.th/news/local/2780279?fbclid=IwZXh0bgNhZW0BMQABHasG0naYhGMWkauoJynJJogiy5_NDCd315hbeWbq9VKsujvb0QlhIDaYXw_aem_AVdXSF5wlAW6xu0DqygB78_9MAXrrrSl80nxmlnJULaXM7V7p4XE8sSaW8nA80wGr9U
    “หมอธีระวัฒน์” แฉวัคซีนไฟเซอร์โดนฟ้องแหลกในสหรัฐฯ แต่ในไทยยังประชาสัมพันธ์ให้ฉีด
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000052545
    ลับ ลวง พราง ชั่วร้าย ยาและวัคซีน (ตอนที่ 1)
    https://mgronline.com/daily/detail/9670000053749
    ขึ้นเครื่องบิน ตอนนี้ต้องถามว่า นักบินฉีดกี่เข็ม มีมรณา mRNA ด้วยไหม ถ้าตอบว่ามี รอไฟลต์หน้าปลอดภัย กว่า
    https://x.com/makismd/status/1805541350026199289?s=53&t=Pd2sCn9Dej9GlmSuERlElA
    งานวิจัย วัคซีน mRNA แทรกตัว เปลี่ยน DNA มนุษย์ได้ใน 6 ชม. โดย รศ.ดร.คล้ายอัปสร พงศ์รพีพร
    https://youtu.be/S32-hkJBJKA
    รูต่ายส่ายสะโพก เสนอ ความจริงที่สื่อกระแสหลักไม่กล้าพูดถึง การหลอกลวงและความเชื่อมโยง...
    วัคซีน mRNA ... มือที่มองไม่เห็นและปลายเข็มแห่งซาตาน (วัคซีน mRNA ส่งผลต่อร่างกายมนุษย์ยังไง)
    https://rumble.com/v6gea87--mrna-...-.html?e9s=src_v1_upp_a
    เปิดแฟ้มลับ...มือสังหารหมู่โลก (วัคซีน mRNA, กำเนิดเชื้อโควิด และ RFK JR. แหกทุจริตในอเมริกา)
    https://rumble.com/v6q1hmg-...-mrna-.html?e9s=src_v1_upp_a
    เปิดแฟ้มลับ...มือสังหาร JFK (วัคซีนก่อมะเร็ง,การลอบสังหาร, รัฐลึก, 911)
    https://rumble.com/v6rewkc-...-jfk-ep3.html?e9s=src_v1_upp_a
    ตัวอย่างหนังสือปฏิเสธวัคซีน
    https://t.me/ThaiPitaksithData/6897
    ชำแหละหมอธนีย์
    ตอนที่ 1. ใครกันแน่ที่หาแสง เพื่อขายของ https://www.facebook.com/share/p/1GzjbbbCHp/
    ตอนที่ 2.สื่อไหนนะที่ให้ข่าวปลอม https://www.facebook.com/share/p/1MVZc5gBdM/
    ตอนที่ 3.ก่อนอ่านงานวิจัย อ่านเอกสารกำกับยาก่อนดีไหม
    https://www.facebook.com/share/p/17W8FE6zLY/
    ตอนที่ 4. มีคนเอาข้อมูลไฟเซอร์มาเขียนรายงาน 102 ฉบับ หมอเคยอ่านไหม https://www.facebook.com/share/p/1JCYxQopJV/
    ตอนที่ 5. อาจารย์ธีระวัฒน์ที่เป็น ครู ของหมอ อธิบายได้ดีพร้อมมีหลักฐานแสดง https://www.facebook.com/share/p/1GU7bL72BH/
    ตอนที่ 6.ไหนว่า อ่านงานวิจัยเป็น ทำไมหมอโดนหลอก?
    https://www.facebook.com/share/p/16YVXEaET1/
    ตอนที่ 7.หมอเข้าใจ mRNA มากแค่ไหน Antigen คืออะไร ตอบได้รึเปล่า? https://www.facebook.com/share/p/1BcP47gdMN/
    ตอนที่ 8. อคติ คือ อะไร ทำไม หมอไม่รู้ตัว ?
    https://www.facebook.com/share/p/1GnAz468Kk/
    ตอนที่ 9.หมอสนใจข้อมูล จริงๆ หรือ? แค่พูดให้ดูดี หรือ กล้าไปขอมาดูจริงๆ
    https://www.facebook.com/share/p/14M6mFcCrE2/
    ตอนที่ 10.กาลามสูตรคือ อะไร ต่างจากใช้ AI อย่างไร
    https://www.facebook.com/share/p/17Wua35Hmi/
    โควิดความจริงที่ถูกเปิดเผย
    ตอนที่ 1 https://www.thairath.co.th/newspaper/2756723
    ตอนที่ 2 https://mgronline.com/daily/detail/9670000008184
    ตอนที่ 3 https://mgronline.com/daily/detail/9670000010320
    ตอนที่ 4 https://mgronline.com/daily/detail/9670000012549
    ตอนที่ 5 https://mgronline.com/daily/detail/9670000014922
    ตอนที่ 6 https://www.thairath.co.th/news/local/2765797
    ตอนที่ 7 https://www.facebook.com/share/p/19ohqtKnpQ/
    ตอนที่ 8 https://www.facebook.com/share/p/1FaswKgAHT/
    ตอนที่ 9 https://www.facebook.com/share/p/19fp8ufNYM/
    ตอน 10
    https://www.facebook.com/share/14MV2xoK5Bq/?mibextid=wwXIfr
    ตอน 11
    https://www.facebook.com/share/p/1JHQybX6oW/?mibextid=wwXIfr
    ตอน 12
    https://www.facebook.com/share/17XgRhXGNF/?mibextid=wwXIfr





    ข้อมูลก่อนหน้า https://t.me/ThaiPitaksithData/6914 ✍️เปิดโปงเบื้องหลัง ธุรกิจไวรัสตัดต่อพันธุกรรม ทำไมคนไทยต้อง Save หมอธีระวัฒน์ เพื่อ Save ประชาชน จากรายการคุยทุกเรื่องกับสนธิ ศุกร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 https://fb.watch/qpJFWeLSO0/? ✍️“หมอธีระวัฒน์” เผยความจริงต้นตอที่มาโควิด พร้อมแจงละเอียดยิบเหตุยุติวิจัยไวรัสค้างคาว https://news1live.com/detail/9670000005954 ✍️“หมอธีระวัฒน์-อ.ปานเทพ“ แจงละเอียดยิบ “แท่งย้วยขาวในหลอดเลือด” (White Clot) และโปรตีนหนามทั่วร่างกายไปไกลถึงลูกอัณฑะ / ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ https://www.facebook.com/100044511276276/posts/pfbid0mcjQWeLT6R55prCBLgHHxQXfATwsQjRnh8dTuNmaYYhrC1eigXFAWG6tZUweSTTUl/? ✍️ปรากฏการณ์แท่งย้วยสีขาวตันเส้นเลือด https://mgronline.com/qol/detail/9670000015694 ✍️สารคดี Died Suddenly เป็นการค้นพบเส้นอุดตันในเส้นเลือด ที่ไม่ใช่การอุดตันปกติ นักแต่งศพหลายๆคน มีปัญหาฉีดน้ำยารักษาศพเข้าเส้นเลือดไม่ได้ จึงทำการผ่าดู ปรากฏว่าเจอการอุดตันผิดปกติ ยาวเป็นฟุต!! ฝรั่งเขารู้ก่อนเรามานานแล้ว แล้วคุณยังจะเชื่อว่ามันคือ ฮีทสโตรกอยู่เหรอ สารคดีที่ลงสื่อหลักไม่ได้ เพราะเขาไม่อยากให้คุณรู้ https://rumble.com/v1wac7i-world-premier-died-suddenly.html Thai sub https://rumble.com/v1ytofw-died-suddenly-thai-subtitles-.html https://t.me/awakened_thailand/415 ✍️“หมอธีระวัฒน์” ย้ำแท่งย้วยสีขาวเริ่มพบกลางปี 2021 หลังมีการใช้วัคซีน mRNA ยันไม่ใช่นักต่อต้านวัคซีน https://mgronline.com/qol/detail/9670000015912 ✍️“หมอธีระวัฒน์” ย้ำแท่งย้วยสีขาวเริ่มพบกลางปี 2021 หลังมีการใช้วัคซีน mRNA ยันไม่ใช่นักต่อต้านวัคซีน https://mgronline.com/qol/detail/9670000015912 ✍️“หมอธีระวัฒน์” เผย 5 เหตุผล ลาออก หน.ศูนย์ฯโรคอุบัติใหม่ https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000037010 ✍️วัคซีน : ที่ปฏิบัติในปัจจุบันเป็นการฝ่าฝืนกฎข้อบังคับทางจริยธรรมทางการแพทย์ทั้งหมดหรือไม่? (ตอนที่ 1) https://mgronline.com/qol/detail/9670000036764 ✍️หัวข้อ ทำไม พระสงฆ์ คนหนุ่มสาว ป่วยทรดตัวไว? รายการสภากาแฟ ช่อง News1 https://www.youtube.com/live/4BHNF3zpCz0?si=nzF8PfAMNCo_mS8x ✍️"หมอธีระวัฒน์-อ.ปานเทพ" เชิญร่วมเสวนา “อันตรายจากวัคซีนร้ายแรงกว่าที่คิด” ณ หอศิลป์กรุงเทพฯ 3 พ.ค.นี้ https://mgronline.com/qol/detail/9670000035647 ✍️เรื่องใหญ่! “หมอธีระวัฒน์” เผยนักวิจัย “โมเดอร์นา” ยอมรับเอง วัคซีน mRNA ยังต้องผ่านการปรับปรุงอีกหลายขั้นตอน https://mgronline.com/qol/detail/9670000035583 ✍️มะเร็งเพิ่มหลังฉีดวัคซีนโควิดในญี่ปุ่น : กรณีศึกษาในไทย https://mgronline.com/qol/detail/9670000034512 ✍️“หมอธีระวัฒน์-อ.ปานเทพ“ แจงละเอียดยิบ “แท่งย้วยขาวในหลอดเลือด” และโปรตีนหนามทั่วร่างกายไปไกลถึงลูกอัณฑะ https://mgronline.com/qol/detail/9670000025152 ✍️ไวรัสโควิด สร้างได้ในห้องทดลองและ มีจด สิทธิบัตร ตั้งแต่ปี 2018 https://mgronline.com/qol/detail/9670000025130 ✍️นวัตกรรมสุดยอดของวัคซีนเลื้อยดุ ศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา https://mgronline.com/daily/detail/9670000023136 ✍️White Clot ยังไม่จบ “หมอธีระวัฒน์” พร้อมตอบแบบจัดเต็ม ในงาน “ความจริงมีหนึ่งเดียว” 17 มี.ค.2567 https://mgronline.com/qol/detail/9670000020769 ✍️อจ หมออรรถพล CDC Webinar Live Talk 04 มี.ค. 2567 หัวข้อ ภัยของ Covid Vaccine https://rumble.com/v4hcoae--covid-vaccine.html ✍️ชันสูตรศพผู้ตายจากวัคซีนโควิด 326 ราย https://mgronline.com/qol/detail/9670000019343 ✍️คนไทยพิทักษ์สิทธิ์ฯ ร้องดีอีปรับปรุงศูนย์ต้านข่าวปลอม พร้อมแก้ไขข้อมูลเท็จ https://mgronline.com/qol/detail/9670000019152 ✍️ฝ่ายค้านแคนาดาแฉ “ทรูโด” ปกปิดหลักฐานวิจัยไวรัสร่วมกับจีน https://mgronline.com/qol/detail/9670000018855 ✍️"ปานเทพ" เผย 7 ประเด็นสำคัญผลกระทบจากวัคซีนโควิด อันตราย-อำมหิตกว่าที่คิด จี้หยุดฉีด https://mgronline.com/qol/detail/9670000018762 ✍️Save หมอธีระวัฒน์ ผู้เปิดโปงธุรกิจไวรัสตัดต่อพันธุกรรม https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000017172 https://youtu.be/ucQZu7LbZCM?si=YPMxtmhRnYQrnAnk ✍️จี้คณบดีแพทยศาสตร์ ศิริราช-จุฬาฯ เลิกติดต่อ “เฟาซี” และ EHA ที่ให้ทุนวิจัยสร้างไวรัสอันตราย https://mgronline.com/qol/detail/9670000016687 ✍️“ปานเทพ” เสียดายคนไทยส่วนใหญ่ไม่ได้อ่าน งานวิจัยผลกระทบจากวัคซีนต่อเด็กและเยาวชนไทย https://mgronline.com/qol/detail/9670000016219 ✍️จวก “หมอธีระ” ยืนข้างบริษัทยา ปล่อยข่าวปลอมเสียเอง ท้าดีเบตกับวิชาการตัวจริง https://mgronline.com/qol/detail/9670000015945 ✍️หมอธีระ หมอที่ยืนข้างบริษัทยา https://www.facebook.com/share/p/9x61sF5dLf2dy6wk/?mibextid=Nif5oz https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid049af37rusAcp8AW12nnFEe2MehpUHd5buVdroxoPy6tmSBFnx7M4RRcHoCSXLFYWl&id=100064810775743&mibextid=Nif5oz ✍️ปรากฏการณ์แท่งย้วยสีขาวตันเส้นเลือด https://mgronline.com/qol/detail/9670000015694 ✍️“หมอธีระวัฒน์” เผยพบปรากฏการณ์ที่ไม่ได้เห็นมาก่อนในคนฉีดวัคซีน mRNA https://mgronline.com/qol/detail/9670000015334 ✍️ โลกใช้เชื้อโรคเป็นอาวุธ..แผ่นดินเรามีโอสถภูมิปัญญา WHO..อย่ายุ่งมาก! | สภากาแฟเวทีชาวบ้าน ช่อง News1 เข้าใจ สนธิสัญญาโรคระบาดและการแก้ไข IHR ( International Health Regulation หรือ กฎระเบียบด้านสุขภาพระหว่างประเทศ) ของ WHO (องค์การอนามัยโลก) https://youtu.be/Cvml6w6c5WI?si=UL81i3lAOVL9872W https://www.rookon.com/?p=1176 ✍️ สภาทนายความ แถลงข่าว เรื่อง ประกันโควิด กับผลกระทบวัคซีน 05-06-2024 https://rumble.com/v4zrij6--05-06-2024.html ✍️ เปิดโปงธุรกิจไวรัสตัดต่อพันธุกรรม : Sondhitalk (ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง) EP.230 https://m.youtube.com/watch?si=Q9kw0ho0R0JfKya5&fbclid=IwAR2tadgM38rB01iG7B_EKK8lvTA4DScCO4-iSpyg9bBZyAmXfGLsiExEFmI_aem_AZq7B_ZfF8BLBoKcmTknNdVCH9GPFMRKMg6tuV_UV8w2m106s6kASAKDgBYMmG3Lzmg&v=ucQZu7LbZCM&feature=youtu.be ✍️ นวัตกรรมสุดยอดของวัคซีนเลื้อยดุ ศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา https://mgronline.com/daily/detail/9670000023136 ✍️ สร้างเท็จเป็นจริง เปลี่ยนจริงเป็นเท็จ https://m.youtube.com/watch?si=XN7rAI1qEWlI-kr6&fbclid=IwAR1mynXiLAbnauASWUlJJWFbJ9YUkDlYd3MpVN975-j1XiXKT8m6LK2stvs_aem_AQH-ZkLmZSDYhXTbonKF3fZqbmCD50usAsDLiZk9cI9WNJJdVKVS7dUUuc-N1nedwd8&v=D6NboVSczKU&feature=youtu.be ✍️“หมอธีระวัฒน์” เผยความจริงปรากฏ โควิดหลุดจากแล็บเป็นเรื่องจริง ฝีมือหมอใหญ่สหรัฐฯ ผ่านองค์กร Eco Health Alliance https://mgronline.com/qol/detail/9670000042959 ✍️เราจะรอดพ้นจากการเป็นซอมบี้ได้อย่างไร ?!! / โดย ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา https://youtu.be/RLWADSjPdC0?si=6oot2AiWzNbH7efq ✍️“อีลอน มัสก์” ร้องเอาผิด “เฟาซี” ตอกย้ำโควิดมาจากแล็บอู่ฮั่นที่อเมริกาให้เงินอุดหนุน https://mgronline.com/qol/detail/9670000043013 ✍️อย่าเงียบ!กดดันไฟเซอร์-โมเดอร์นาถอนใบอนุญาตวัคซีนโควิด อ้างพบตายมากกว่าแอสตร้าฯ3เท่า https://mgronline.com/around/detail/9670000040887 ✍️“หมอธีระวัฒน์” ตั้งคำถามหลังแอสตร้าฯ หยุดขาย แล้ววัคซีนชนิดอื่นทำไมทางการไทยยังปกป้อง แฉไฟเซอร์ต้องยอมความ 1 หมื่นคดี https://mgronline.com/qol/detail/9670000040486 ✍️“หมอธีระวัฒน์” ถามแพทย์ศาสตร์ จุฬาฯ รับเงิน 2 พันล้านก๊อปปี้วัคซีนโควิดไฟเซอร์ ได้ผลสำเร็จอย่างไร https://mgronline.com/qol/detail/9670000040290 ✍️“ปานเทพ” ชี้แอสตร้าฯ ถอนใบอนุญาตการตลาดวัคซีนทั่วโลกหลังยอมรับก่อผลข้างเคียง แต่องค์กรรัฐไทยเงียบกริบ สะท้อนสำนึกความปลอดภัยที่ตกต่ำ https://mgronline.com/qol/detail/9670000040078 ✍️“ฉีดแล้ว แถมอะไรบ้าง?” ฟังเวอร์ชั่นมึผู้ดัดแปลง แรพเตอร์ประยุกต์ https://fb.watch/rY3hwhondy/? https://fb.watch/rY3jv7hMym/? ✍️เปิดวิธีป้องกัน ความอันตราย จากพิษของวัคซีน / ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา สัมภาษณ์โดย ปากซอย 105 รู้ก่อนใคร ลึกจากข่าววงใน https://youtu.be/44uwz3X0Gh4?si=_qNy29hSXEYptH4g ✍️“หมอธีระวัฒน์” เผยเคสคนป่วยจากแอสตร้า-ไฟเซอร์ ชี้ทั้งวัคซีนเชื้อเป็นและ mRNA ส่งผลกระทบระยะสั้นถึงยาว ต่อสมอง-กล้ามเนื้อ https://mgronline.com/qol/detail/9670000037733 ✍️แท่งย้วยสีขาวในหลอดเลือด เกิดขึ้น “ก่อน”ตายเท่านั้น รีบช่วยชมและแชร์ก่อนถูกลบ https://fb.watch/s0hNc3DymZ/? https://fb.watch/s0hJ12wEyq/? ✍️ช็อค!!! คำสารภาพของไฟเซอร์ รีบชมและแชร์ก่อนโดนลบ https://fb.watch/s0bmq6HW8P/? ✍️ “หมอธีระวัฒน์-อ.ปานเทพ“ แจงละเอียดยิบ “แท่งย้วยขาวในหลอดเลือด” (White Clot) และโปรตีนหนามทั่วร่างกายไปไกลถึงลูกอัณฑะ / ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ https://www.facebook.com/100044511276276/posts/945435006950200/? https://mgronline.com/qol/detail/9670000025152 ✍️ ไวรัสโควิด สร้างได้ในห้องทดลองและ มีจด สิทธิบัตร ตั้งแต่ปี 2018 https://mgronline.com/qol/detail/9670000025130 ✍️ “หมอชลธวัช” เผยวัคซีน mRNA โยงโรคสมองเสื่อม แนะคนกลัวอัลไซเมอร์-พาร์กินสัน ไม่ควรฉีด https://mgronline.com/qol/detail/9670000052341 ✍️ เงินสำคัญกว่าชีวิต! ผู้เชี่ยวชาญเชื่อ US บิดเบือนวัคซีน 'โควิด' จีน มีเป้าหมายเพื่อสกัดคู่แข่ง https://mgronline.com/around/detail/9670000051671 ✍️ วัคซีนเทพระส่ำ! รัฐแคนซัสลุยฟ้องเอาผิด 'ไฟเซอร์' กล่าวหาปกปิดความเสี่ยง-โป้ปดประสิทธิภาพ https://mgronline.com/around/detail/9670000052000 ✍️ ความจริงปรากฏ! รอยเตอร์แฉเอง US ใช้ยุทธการบิดเบือน ใส่ร้ายป้ายสีวัคซีนโควิดของจีน https://mgronline.com/around/detail/9670000051466 ✍️ “หมอธีระวัฒน์” เผยผลชันสูตรคนตาย วัคซีนโควิดอาจเป็นสาเหตุเชื้ออสุจิไม่วิ่ง https://mgronline.com/qol/detail/9670000051903 ✍️ สะเทือนแน่! ศาลสหรัฐฯ ตัดสิน วัคซีนโควิด mRNA ไม่ใช่วัคซีนตามความหมายเดิม https://mgronline.com/qol/detail/9670000051429 ✍️เผยเหตุเชื้อ “ฝีดาษลิง” รุนแรงขึ้นอาจเป็นเพราะการทดลองของมนุษย์ https://mgronline.com/qol/detail/9670000050851 ✍️ วัคซีนเล่มสีชมพู – ดร. เชอร์รี เทนเพนนี https://www.rookon.com/?p=1112 ✍️ เรื่องใหญ่! 'หมอธีระวัฒน์'แฉนักวิทยาศาสตร์ของ 'โมเดนา' ยอมรับ วัคซีน mRNR มีอันตรายต้องปรับปรุง https://www.thaipost.net/x-cite-news/574701/ ✍️ ตัวเร่งอัลไซเมอร์ ปัจจัยสมองเสื่อม https://www.thairath.co.th/news/local/2780279?fbclid=IwZXh0bgNhZW0BMQABHasG0naYhGMWkauoJynJJogiy5_NDCd315hbeWbq9VKsujvb0QlhIDaYXw_aem_AVdXSF5wlAW6xu0DqygB78_9MAXrrrSl80nxmlnJULaXM7V7p4XE8sSaW8nA80wGr9U ✍️ “หมอธีระวัฒน์” แฉวัคซีนไฟเซอร์โดนฟ้องแหลกในสหรัฐฯ แต่ในไทยยังประชาสัมพันธ์ให้ฉีด https://mgronline.com/qol/detail/9670000052545 ✍️ ลับ ลวง พราง ชั่วร้าย ยาและวัคซีน (ตอนที่ 1) https://mgronline.com/daily/detail/9670000053749 ✍️ขึ้นเครื่องบิน ตอนนี้ต้องถามว่า นักบินฉีดกี่เข็ม มีมรณา mRNA ด้วยไหม ถ้าตอบว่ามี รอไฟลต์หน้าปลอดภัย กว่า https://x.com/makismd/status/1805541350026199289?s=53&t=Pd2sCn9Dej9GlmSuERlElA ✍️งานวิจัย วัคซีน mRNA แทรกตัว เปลี่ยน DNA มนุษย์ได้ใน 6 ชม. โดย รศ.ดร.คล้ายอัปสร พงศ์รพีพร https://youtu.be/S32-hkJBJKA รูต่ายส่ายสะโพก เสนอ ความจริงที่สื่อกระแสหลักไม่กล้าพูดถึง การหลอกลวงและความเชื่อมโยง... ✍️วัคซีน mRNA ... มือที่มองไม่เห็นและปลายเข็มแห่งซาตาน (วัคซีน mRNA ส่งผลต่อร่างกายมนุษย์ยังไง) https://rumble.com/v6gea87--mrna-...-.html?e9s=src_v1_upp_a ✍️เปิดแฟ้มลับ...มือสังหารหมู่โลก (วัคซีน mRNA, กำเนิดเชื้อโควิด และ RFK JR. แหกทุจริตในอเมริกา) https://rumble.com/v6q1hmg-...-mrna-.html?e9s=src_v1_upp_a ✍️เปิดแฟ้มลับ...มือสังหาร JFK (วัคซีนก่อมะเร็ง,การลอบสังหาร, รัฐลึก, 911) https://rumble.com/v6rewkc-...-jfk-ep3.html?e9s=src_v1_upp_a ✍️ตัวอย่างหนังสือปฏิเสธวัคซีน https://t.me/ThaiPitaksithData/6897 ✍️🔪ชำแหละหมอธนีย์ ตอนที่ 1. ใครกันแน่ที่หาแสง เพื่อขายของ https://www.facebook.com/share/p/1GzjbbbCHp/ ตอนที่ 2.สื่อไหนนะที่ให้ข่าวปลอม https://www.facebook.com/share/p/1MVZc5gBdM/ ตอนที่ 3.ก่อนอ่านงานวิจัย อ่านเอกสารกำกับยาก่อนดีไหม https://www.facebook.com/share/p/17W8FE6zLY/ ตอนที่ 4. มีคนเอาข้อมูลไฟเซอร์มาเขียนรายงาน 102 ฉบับ หมอเคยอ่านไหม https://www.facebook.com/share/p/1JCYxQopJV/ ตอนที่ 5. อาจารย์ธีระวัฒน์ที่เป็น ครู ของหมอ อธิบายได้ดีพร้อมมีหลักฐานแสดง https://www.facebook.com/share/p/1GU7bL72BH/ ตอนที่ 6.ไหนว่า อ่านงานวิจัยเป็น ทำไมหมอโดนหลอก? https://www.facebook.com/share/p/16YVXEaET1/ ตอนที่ 7.หมอเข้าใจ mRNA มากแค่ไหน Antigen คืออะไร ตอบได้รึเปล่า? https://www.facebook.com/share/p/1BcP47gdMN/ ตอนที่ 8. อคติ คือ อะไร ทำไม หมอไม่รู้ตัว ? https://www.facebook.com/share/p/1GnAz468Kk/ ตอนที่ 9.หมอสนใจข้อมูล จริงๆ หรือ? แค่พูดให้ดูดี หรือ กล้าไปขอมาดูจริงๆ https://www.facebook.com/share/p/14M6mFcCrE2/ ตอนที่ 10.กาลามสูตรคือ อะไร ต่างจากใช้ AI อย่างไร https://www.facebook.com/share/p/17Wua35Hmi/ ✍️โควิดความจริงที่ถูกเปิดเผย ตอนที่ 1 https://www.thairath.co.th/newspaper/2756723 ตอนที่ 2 https://mgronline.com/daily/detail/9670000008184 ตอนที่ 3 https://mgronline.com/daily/detail/9670000010320 ตอนที่ 4 https://mgronline.com/daily/detail/9670000012549 ตอนที่ 5 https://mgronline.com/daily/detail/9670000014922 ตอนที่ 6 https://www.thairath.co.th/news/local/2765797 ตอนที่ 7 https://www.facebook.com/share/p/19ohqtKnpQ/ ตอนที่ 8 https://www.facebook.com/share/p/1FaswKgAHT/ ตอนที่ 9 https://www.facebook.com/share/p/19fp8ufNYM/ ตอน 10 https://www.facebook.com/share/14MV2xoK5Bq/?mibextid=wwXIfr ตอน 11 https://www.facebook.com/share/p/1JHQybX6oW/?mibextid=wwXIfr ตอน 12 https://www.facebook.com/share/17XgRhXGNF/?mibextid=wwXIfr
    0 Comments 0 Shares 1548 Views 0 Reviews
  • 112. วันที่ 1 ม.ค.2568 ประกาศถามหาจรรยาบรรณวิชาชีพของแพทยสภา https://drive.google.com/file/d/1kV3jlyTl_JNAzYo5HJ_nrw9Hx8DJTl6R/view?usp=drive_link
    ตามที่ กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ ได้ทำหนังสือถึงแพทยสภา ลงวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๗ ขอให้ดำเนินการสอบสวนจริยธรรมของ นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข https://drive.google.com/file/d/1sypT-zqTStHuo4CGJa1EevEt9cixfNhl/view?usp=drivesdk เนื่องจากปล่อยให้มีการใช้ใบยินยอมอันเป็นเท็จให้ผู้ที่ต้องการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ทั้งนี้ได้มีการทำหนังสือ ขอให้ทบทวนแก้ไขใบยินยอมดังกล่าวแล้ว แต่กระทรวงฯกลับไม่ใส่ใจที่จะทำให้ถูกต้อง ทางกลุ่มจึงจำเป็นต้อง ยื่นหนังสือให้แพทยสภา ดำเนินการสอบสวนเรื่องดังกล่าวกับ นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะที่มีหน้าที่กำกับดูแลกระทรวงสาธารณสุข อย่างไรก็ดี แทนที่ แพทยสภา จะดำเนินการสอบสวนและเสนอให้มีการแก้ไขใบยินยอมดังกล่าวให้ถูกต้อง แพทยสภากลับเลือกที่จะปกป้อง ปลัดกระทรวงสาธารณสุข โดยอ้างว่าการกระทำดังกล่าวมิได้เป็นการประกอบวิชาชีพเวชกรรม แต่เป็นการกระทำในตำแหน่งบริหาร การปกป้องปลัดกระทรวงสาธารณสุขของแพทยสภาดังกล่าว แสดงให้เห็นว่า กรรมการแพทยสภา มิได้สนใจที่จะปกป้อง สิทธิของผู้ป่วยที่จะได้รับข้อมูลที่เป็นจริงเกี่ยวกับการรักษา อันเป็นจรรยาบรรณขั้นพื้นฐานของการเป็นแพทย์ ทั้งที่ใบยินยอมดังกล่าว มิได้ให้ข้อมูลสำคัญที่ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาให้การรับรองไว้ในเอกสารกำกับยา ซึ่งระบุไว้ชัดเจนว่า วัคซีนดังกล่าว เป็นสารพันธุกรรมดัดแปลงที่ยังอยู่ระหว่างการทำวิจัย และไม่ได้ทดสอบความปลอดภัยว่าก่อให้เกิดความผิดปกติทางพันธุกรรม หรือไม่ได้ทดสอบว่า mRNA วัคซีนสามารถก่อมะเร็งหรือไม่
    ั้งนี้ หากแพทยสภามีเจตนาที่จะปกป้องความปลอดภัยเด็กและเยาวชน และยึดมั่นในจรรยาบรรณวิชาชีพแพทย์ แพทยสภาสามารถจัดแถลงข่าว เรียกร้องให้มีการแก้ไขข้อมูลในใบยินยอมดังกล่าวให้ถูกต้อง และลงโทษสถานเบาโดยการว่ากล่าวตักเตือนปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้ แต่แพทยสภากลับทำหนังสือ “ลับ” (ที่ พส.๐๑๑/๑/๑๗๔๐๖ วันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๖๗) พยายามปกป้องผู้ที่กระทำผิดโดยไม่ใส่ใจในความปลอดภัยของเด็กและเยาวชนแม้แต่น้อย การกระทำดังกล่าวของ คณะกรรมการแพทยสภา รวมทั้งพฤติกรรมของนายกแพทยสภา เลขาธิการนายกแพทยสภา และรองเลขาธิการแพทยสภา แสดงให้เห็นว่า มิได้ยึดถือจรรยาบรรณวิชาชีพแพทย์
    113. วันที่ 3 ม.ค.2568 กลุ่มคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ได้ส่งจดหมาย เรื่อง ขอให้ปกป้องความปลอดภัยของเด็กและเยาวชนก่อนการปกป้องปลัดกระทรวงสาธารณสุข https://drive.google.com/file/d/12c_6_kI3Q9wMaIbahsz5t-P_fAqbyesj/view?usp=drive_link
    เรียน พ.ญ.นางสมศรี เผ่าสวัสดิ์ นายกแพทยสภา น.พ. นายอิทธิพร คณะเจริญ เลขาธิการแพทยสภา น.พ. นายวิสูตร ฟองศิริไพบูลย์ รองเลขาธิการแพทยสภา
    สำเนาเรียน (ส่งวันที่ 9มค.) กรรมการแพทยสภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ทุกสถาบัน สื่อสารมวลชน และสำนักข่าวทุกสำนัก
    114. วันที่ 5 ม.ค.2568 ประกาศข่าว คนไทยตายเพิ่มขึ้นในปี 2567
    https://drive.google.com/file/d/1mfgjiKEyCTfccFf_TcdVjDmS0jvJwzPa/view?usp=drive_link
    https://www.facebook.com/share/p/1AHaC6eSK8/
    115. วันที่ 17 ม.ค.2568 กลุ่มฯได้ส่งจดหมายถึงเลขาธิการแพทยสภา ขอข้อมูลข่าวสาร
    https://drive.google.com/file/d/172-XOvnm43P4LUntgyydYHHM7ZTOtH8Y/view?usp=drive_link
    116. วันที่ 2 ก.พ.2568 รูต่ายส่ายสะโพก Special (หมออรรถพล x เทนโด้) วัคซีน mRNA ... มือที่มองไม่เห็นและปลายเข็มแห่งซาตาน (วัคซีน mRNA ส่งผลต่อร่างกายมนุษย์ยังไง)
    https://rumble.com/v6gea87--mrna-...-.html
    117. วันที่ 11 ก.พ.2568 บ๊วยLive EP.16 I Full Disclosure การเปิดโปงขั้นสุด กับคุณซันนี่
    https://www.youtube.com/watch?v=8d3zRy35Iqw
    118. วันที่ 26 ก.พ.2568 อัพเดทผลข้างเคียงจากวัคซีนโควิด ที่มีผลต่อร่างกาย | ปากซอย105 สัมภาษณ์ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    https://www.youtube.com/watch?v=nMawgnjhgcc
    119. วันที่ 6 มี.ค.2568 วัคซีนโควิด ยิ่งฉีดเยอะ ยิ่งเปลี่ยนชีวิต |ปากซอย105 สัมภาษณ์ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    https://www.youtube.com/watch?v=B3H0bySl-24
    120. วันที่ 2 มี.ค.2568 รูต่ายส่ายสะโพก Special (หมออรรถพล x เทนโด้)
    เปิดแฟ้มลับ...มือสังหารหมู่โลก (วัคซีน mRNA, เชื้อโควิด และการทุจริตในอเมริกา)
    https://rumble.com/v6q1hmg-...-mrna-.html?start=179
    121. วันที่ 14 มี.ค.2568 บ๊วยLive EP.18 l เข้าถึงปัญญาญาณ เข้าถึงDNA! กับคุณหมออรรถพล
    https://www.youtube.com/watch?app=desktop&v=B6_Z7LtIwBk
    122. วันที่ 30 มี.ค.2568 เปิดจักรวาล 'รายการมืด' หมออรรถพล นิลฉงน นลเฉลย ชวนพูดคุย พร้อมตอบคำถามใน ไลฟ์ "เปิดแฟ้มลับ...มือสังหาร JFK" #รต่ายส่ายสะโพก EP3
    (หมออรรถพล x เทนโด้ x อาจารย์ต้น ตำนานนักล้วงข้อมูลลับแห่งประเทศไทย)
    https://www.facebook.com/share/v/16YMx4sWn6/
    รับชมคลิปที่ https://rumble.com/v6rewkc-...-jfk-ep3.html
    หรือ https://zap.stream/naddr1qq9rzde5xqurjvfcx5mqz9thwden5te0wfjkccte9ejxzmt4wvhxjme0qgsfwrl76z6zy0tjhsdnlaj6tkqweyx5w9vdyja5n788vl07p3nw3ugrqsqqqan8vzj3gy
    123. วันที่ 1 เม.ย.2568 ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑาและนพ.ชลธวัช สุวรรณปิยะศิริ จัดรายการ Health Nexus
    ตอนที่ 1 เปิดเผยที่มาของการเซ็นเซอร์ข้อมูลข่าวสาร เซ็นเซอร์กำเนิดโควิดซึ่งมาจากการสร้างไวรัสใหม่และหลุดรั่วออกจากห้องปฏิบัติการ วัคซีนซึ่งเตรียมพร้อมมาก่อนการระบาด และการปกปิดข้อมูลผลข้างเคียงของวัคซีน
    https://youtu.be/aexZXA0QSKg?si=qoQxKZtu255RUhq1
    ตอนที่ 2 นโยบายใหม่ของรัฐบาลทรัมป์ส่งผลกระทบด้านสาธารณสุขทั้งในและต่างประเทศอย่างไร ?
    https://youtu.be/cuU1QmYGZtI?si=ftzZdTtK0bxen9PP
    ตอนที่ 3 วัคซีนโควิดและผลกระทบ
    https://youtu.be/ys_ykPbyMks?si=sOZ4BZpb1Zhg-MTz
    ตอนที่ 4 เกิดอะไรขึ้นหลังรับวัคซีนโควิด ?
    https://youtu.be/vfNhMVNZWNg?si=yS65NMKehklN7szQ
    https://t.me/ThaiPitaksithData/6914
    124. วันที่ 14 เม.ย.2568 กลุ่มฯได้ส่งหนังสือ ขอแสดงความเห็น “คัดค้าน” การยอมรับกฎ
    อนามัยระหว่างประเทศ ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ค.ศ.๒๐๒๔ ถึงนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการ
    กระทรวงสาธารณสุข อธิบดีกรมควบคุมโรค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ประธาน
    รัฐสภา และสื่อมวลชนทุกสํานัก
    และเรียกร้องการจัดเวทีสาธารณะให้คนไทยทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น
    https://www.facebook.com/share/p/1639NvU9RX/
    https://drive.google.com/file/d/1eOHJXX2DczIsh33Z1wzZ_dtaQ1sJccKU/view?u
    จดหมายที่เกี่ยวข้องที่เคยยื่นหน่วยงานทั้งหมด
    https://drive.google.com/drive/folders/1xAV-
    r3WhU5mt1WvTp8DBZktDPRatYrna
    125. วันที่ 22 เม.ย.2568 คุณอดิเทพ จาวลาห์ ตัวแทนกลุ่มคนไทยพิทักษ์สิทธิ์เข้ารับฟังการสัมมนาประชุมเชิงปฏิบัติการ
    ต่อกฎอนามัยระหว่างประเทศและมีการพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็น
    ⭐️เหตุผลว่าทำไมต้องปฏิเสธ
    https://www.facebook.com/share/p/1EfD6VWF7A/?mibextid=wwXIfr
    ⭐️ร่าง กฏหมาย อนามัย
    https://drive.google.com/drive/folders/1aIfGOD-CE2dwcR1lFunjEFz4_yDriC-n
    รายการปากซอย 105 สัมภาษณ์ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    https://www.youtube.com/live/O62sTRIcOKE?si=TygTglExUaiNUein
    126. วันที่ 25 เม.ย. 2568
    ยื่นจดหมายขอแสดงความคิดเห็น “คัดค้าน” การยอมรับกฎอนามัยระหว่างประเทศ ฉบับ
    แก้ไขเพิ่มเติม ค.ศ๒๐๒๔
    เรียน อธิบดีกรมควบคุมโรค
    สําเนาเรียน นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวง
    ต่างประเทศ ประธานรัฐสภา และสื่อมวลชนทุกสํานัก
    ข้าพเจ้าอดิเทพ จาวลาห์ กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์
    ขอแสดงความไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งต่อการแก้ไขที่ได้รับการรับรองในการประชุมสมัชชา องค์การอนามัยโลก ครั้งที่ 77 ผ่านมติ WHA77.17 ในปี 2024 ซึ่งข้าพเจ้ามีความกังวลในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขระเบียบสุขภาพระหว่างประเทศ ที่อาจส่งผลกระทบต่อสิทธิพื้นฐานและเสรีภาพของประชาชน รวมทั้งการใช้อํานาจในทางที่ผิดโดยไม่ผ่านการตรวจสอบอย่างเพียงพอ ข้าพเจ้าจึงขอใช้โอกาสนี้เพื่อแสดงความไม่เห็นด้วย คัดค้าน และเรียกร้องให้มีการพิจารณาและทบทวนข้อกําหนดดังกล่าวอย่างรอบคอบ
    ไฟล์เอกสาร
    https://drive.google.com/file/d/1l0OQkErvfCimQrYl68IcrKQIT0VjuVGD/view?usp
    =drivesdk
    https://www.facebook.com/share/p/192ygrBgKv/
    127. วันที่ 28 เม.ย.2568 กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ ยื่นจดหมายถึงอธิบดีกรม
    ควบคุมโรค ขอความโปร่งใสในการดําเนินงานเกี่ยวกับกฎอนามัยระหว่างประเทศ ฉบับแก้ไข
    เพิ่มเติม ค.ศ.2024 พร้อมเรียกร้องให้เปิดเผยเอกสารสําคัญและรายชื่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องภายใน
    7 วันทําการ
    https://mgronline.com/qol/detail/9680000039977
    https://drive.google.com/file/d/1lOx-z6YYotg4x6sm3w0aWb3k3xyimC4U/view?usp=drivesdk
    128.วันที่ 15 พ.ค. 2568 รายการสภากาแฟ ช่อง News1 หัวข้อ โลกรับรู้มนุษย์ทําไวรัสเขา
    มีเจตนาอะไร? คิดกุศลหรืออกุศล สัมภาษณ์ นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง
    ยูทูบ https://www.youtube.com/live/LQcoOjcPNkQ?si=QFfCzxuYBKx14God
    เฟสบุ๊กไลฟ์ https://www.facebook.com/share/v/15PyyQ8pgE/
    129.วันที่ 19 พ.ค.2568 กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ยื่นหนังสือถึง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานคณะกรรมการยา ตามพระราชบัญญัติยา พุทธศักราช ๒๕๑๐
    เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และ คณะกรรมการยาทุกท่าน ขอให้ดำเนินการระงับการอนุญาตให้ใช้วัคซีน mRNA ในมนุษย์
    https://drive.google.com/file/d/1BR1vKiDPMrlXMykJqZUVgj3aAK-KkyjH/view?usp=drivesdk
    ข้อมูลเหล่านั้นบางส่วนได้รับการเปิดเผยในเว็บไซต์ทางการของทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา https://www.whitehouse.gov/lab-leak-true-origins-of-covid-19/
    https://www.facebook.com/share/p/1F5cKBiQSK/
    https://www.facebook.com/share/p/16EB5JToNy/
    ไฟล์จดหมายฉบับนี้
    https://drive.google.com/file/d/1zx62n7IaqEdPYL-SFeNcrS2s8cpnLuDE/view?usp=drivesdk
    130.วันที่ 22 พ.ค.2568 ผู้ที่ได้รับยาฉีดโควิดแล้วมีผลเสียต่อร่างกายและจิตใจ ร่างกายไม่เหมือนเดิม และญาติผู้เสียชีวิต รว่มกับ คุณอี้ แทนคุณ จิตต์อิสระ
    ประธานชมรมสันติประชาธรรม พอ.นพ.พงษฺศักดิ์ ตั้งคณา นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง พญ.ชนิฎา ศิริประภารัตน์ ดร.ศรีวิชัย ศรีสุวรรณ และจิตอาสากลุ่มคนไทยพิทักษฺสิทธิ์ ร่วมยื่นหนังสือขอความอนุเคราะห์ในการรับฟังความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากวัคซีนโควิด และให้มีการจัดเวทีทางวิชาการ ถึงท่านประธานรัฐสภาไทย และประธานสภาผู้แทนราษฎร พณฯท่าน วันมูหะมัดนอร์ มะทา
    จดหมายยื่นรัฐสภา
    https://drive.google.com/drive/folders/114MB4aBXnhPjSOb5iZKhThk0d9B0rs6f
    ไลฟ์สด https://www.facebook.com/share/v/189S4WxV6j/
    https://www.thaipithaksith.com/my-posta3c48515
    https://www.facebook.com/share/p/1NaPKfhgkD/
    https://www.khaosod.co.th/politics/news_9770255
    https://www.facebook.com/share/v/189S4WxV6j/
    https://www.facebook.com/share/19RpSX1zVx/
    131. วันที่ 29พ.ค.2568 กลุ่มผู้ได้รับผลกระทบจากวัคซีนโควิด-19 พร้อมด้วย
    อ.นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์
    และ คุณอี้ แทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม
    ได้เข้ายื่นหนังสือต่อ นายแพทย์นิติ เหตานุรักษ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
    เพื่อเรียกร้องให้กระทรวงสาธารณสุขสั่งการโดยเร่งด่วน กรณีปัญหาผลกระทบจากวัคซีนโควิด19
    https://drive.google.com/file/d/167IaJuYpekFBg7Le5GleNykqNsZzbJz_/view?usp=dri
    ve_link
    ในหนังสือฉบับนี้ มีข้อเรียกร้องหลัก 6 ประการ ได้แก่:
    1. ระงับการฉีดวัคซีน mRNA ในเด็กและเยาวชน จนกว่าจะมีผลการสอบสวนผลข้างเคียงอย่าง
    เป็นระบบ
    2. ให้สํานักงาน อย. ทบทวนการอนุญาตวัคซีน mRNA ทุกยี่ห้อ โดยโปร่งใส พร้อมเปิดข้อมูลจาก
    ต่างประเทศประกอบการพิจารณา
    3. เปิดเผยสัญญาจัดซื้อวัคซีน โดยเฉพาะในกลุ่ม mRNA ที่รัฐทําไว้กับบริษัทเอกชน
    4. เปิดให้รับคําร้องเรียนจากผู้ได้รับผลกระทบ เพื่อจัดทําทะเบียนผู้เดือดร้อน
    5. จัดเวทีวิชาการสาธารณะ โดยกรมควบคุมโรคร่วมกับสถาบันวัคซีนแห่งชาติ เพื่ออภิปรายอย่าง
    เปิดเผยเรื่องผลกระทบจากวัคซีน โดยเชิญทั้งนักวิชาการและผู้ป่วยเข้าร่วม
    6. ให้แพทยสภาสอบสวนกรณีจริยธรรมทางการแพทย์ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ใบยินยอมที่อาจเป็น
    เท็จ

    การยื่นหนังสือในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อผลักดันให้เกิดกระบวนการตรวจสอบอย่างโปร่งใส เป็นธรรม
    และมีส่วนร่วมจากภาคประชาชน โดยเฉพาะในประเด็นที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนทั้ง
    ในปัจจุบันและอนาคต

    รายการจดหมายทั้งหมดที่ยื่นหน่วยงานต่างๆ
    https://drive.google.com/drive/folders/1xAV-r3WhU5mt1WvTp8DBZktDPRatYrna
    132. วันที่ 13ก.ย.2568 อสมท MCOT News FM100.5 ในรายการ สีสันชีวิต ช่วง เร้นไม่ลับกับเซเลบฯ คุณลักขณา จำปา อ.เสน่ห์ ศรีสุวรรณ สัมภาษณ์ อ.นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง
    https://www.facebook.com/share/p/1Gj4PLybRN/
    https://www.facebook.com/share/p/166ByWxQNb/
    https://www.youtube.com/watch?v=sbfllJghw7w
    133. วันที่ 6 ต.ค.2568 กลุ่มคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ ส่งหนังสือถึงอธิบดีกรมควบคุมโรค เรื่อง ขอให้กรมควบคุมโรคปรับแก้ข้อมูล แนวทางการให้บริการวัคซีนโควิด 19 เข็มกระตุ้นสำหรับเด็กอายุ 5-11 ปี ในเว็บไซต์ของกรมควบคุมโรค
    https://drive.google.com/file/d/1zKmgZ-nGb7mJnKQYbkX9AbbXi-8S0VpZ/view?usp=drivesdk
    134. วันที่ 21ม.ค.-21ต.ค.2568 ศ.นพ. ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ศูนย์ความเป็นเลิศ ด้านการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุข
    และที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต เผยแพร่บทความ
    โควิดความจริงที่ถูกเปิดเผย
    ตอนที่ 1 https://www.thairath.co.th/newspaper/2756723
    ตอนที่ 2 https://mgronline.com/daily/detail/9670000008184
    ตอนที่ 3 https://mgronline.com/daily/detail/9670000010320
    ตอนที่ 4 https://mgronline.com/daily/detail/9670000012549
    ตอนที่ 5 https://mgronline.com/daily/detail/9670000014922
    ตอนที่ 6 https://www.thairath.co.th/news/local/2765797
    ตอนที่ 7 https://www.facebook.com/share/p/19ohqtKnpQ/
    ตอนที่ 8 https://www.facebook.com/share/p/1FaswKgAHT/
    ตอนที่ 9 https://www.facebook.com/share/p/19fp8ufNYM/
    ตอน 10
    https://www.facebook.com/share/14MV2xoK5Bq/?mibextid=wwXIfr
    ตอน 11
    https://www.facebook.com/share/p/1JHQybX6oW/?mibextid=wwXIfr
    ตอน 12
    https://www.facebook.com/share/17XgRhXGNF/?mibextid=wwXIfr
    135. วันที่ 22ต.ค.2568 นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง
    อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บรรยายสั้นๆ ในภาควิชา จุฬาฯ เรื่องโควิด ข้อมูลที่จะเป็นดั่งรูรั่วเล็กๆที่จะทำให้ เขื่อน ที่ปิดกั้นความจริงพังทลายลงในไม่ช้า
    https://www.facebook.com/share/1D7vvevs4h/
    https://www.tiktok.com/@atapolhuawei/video/7563880418664107280

    รวบรวมข้อมูลโดยแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์
    🇹🇭112. วันที่ 1 ม.ค.2568 ประกาศถามหาจรรยาบรรณวิชาชีพของแพทยสภา https://drive.google.com/file/d/1kV3jlyTl_JNAzYo5HJ_nrw9Hx8DJTl6R/view?usp=drive_link ตามที่ กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ ได้ทำหนังสือถึงแพทยสภา ลงวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๗ ขอให้ดำเนินการสอบสวนจริยธรรมของ นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข https://drive.google.com/file/d/1sypT-zqTStHuo4CGJa1EevEt9cixfNhl/view?usp=drivesdk เนื่องจากปล่อยให้มีการใช้ใบยินยอมอันเป็นเท็จให้ผู้ที่ต้องการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ทั้งนี้ได้มีการทำหนังสือ ขอให้ทบทวนแก้ไขใบยินยอมดังกล่าวแล้ว แต่กระทรวงฯกลับไม่ใส่ใจที่จะทำให้ถูกต้อง ทางกลุ่มจึงจำเป็นต้อง ยื่นหนังสือให้แพทยสภา ดำเนินการสอบสวนเรื่องดังกล่าวกับ นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะที่มีหน้าที่กำกับดูแลกระทรวงสาธารณสุข อย่างไรก็ดี แทนที่ แพทยสภา จะดำเนินการสอบสวนและเสนอให้มีการแก้ไขใบยินยอมดังกล่าวให้ถูกต้อง แพทยสภากลับเลือกที่จะปกป้อง ปลัดกระทรวงสาธารณสุข โดยอ้างว่าการกระทำดังกล่าวมิได้เป็นการประกอบวิชาชีพเวชกรรม แต่เป็นการกระทำในตำแหน่งบริหาร การปกป้องปลัดกระทรวงสาธารณสุขของแพทยสภาดังกล่าว แสดงให้เห็นว่า กรรมการแพทยสภา มิได้สนใจที่จะปกป้อง สิทธิของผู้ป่วยที่จะได้รับข้อมูลที่เป็นจริงเกี่ยวกับการรักษา อันเป็นจรรยาบรรณขั้นพื้นฐานของการเป็นแพทย์ ทั้งที่ใบยินยอมดังกล่าว มิได้ให้ข้อมูลสำคัญที่ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาให้การรับรองไว้ในเอกสารกำกับยา ซึ่งระบุไว้ชัดเจนว่า ⚠️วัคซีนดังกล่าว เป็นสารพันธุกรรมดัดแปลงที่ยังอยู่ระหว่างการทำวิจัย และไม่ได้ทดสอบความปลอดภัยว่าก่อให้เกิดความผิดปกติทางพันธุกรรม หรือไม่ได้ทดสอบว่า mRNA วัคซีนสามารถก่อมะเร็งหรือไม่ ⁉️ ั้งนี้ หากแพทยสภามีเจตนาที่จะปกป้องความปลอดภัยเด็กและเยาวชน และยึดมั่นในจรรยาบรรณวิชาชีพแพทย์ แพทยสภาสามารถจัดแถลงข่าว เรียกร้องให้มีการแก้ไขข้อมูลในใบยินยอมดังกล่าวให้ถูกต้อง และลงโทษสถานเบาโดยการว่ากล่าวตักเตือนปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้ แต่แพทยสภากลับทำหนังสือ “ลับ” (ที่ พส.๐๑๑/๑/๑๗๔๐๖ วันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๖๗) พยายามปกป้องผู้ที่กระทำผิดโดยไม่ใส่ใจในความปลอดภัยของเด็กและเยาวชนแม้แต่น้อย การกระทำดังกล่าวของ คณะกรรมการแพทยสภา รวมทั้งพฤติกรรมของนายกแพทยสภา เลขาธิการนายกแพทยสภา และรองเลขาธิการแพทยสภา แสดงให้เห็นว่า มิได้ยึดถือจรรยาบรรณวิชาชีพแพทย์ 🇹🇭113. วันที่ 3 ม.ค.2568 กลุ่มคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ได้ส่งจดหมาย เรื่อง ขอให้ปกป้องความปลอดภัยของเด็กและเยาวชนก่อนการปกป้องปลัดกระทรวงสาธารณสุข https://drive.google.com/file/d/12c_6_kI3Q9wMaIbahsz5t-P_fAqbyesj/view?usp=drive_link เรียน พ.ญ.นางสมศรี เผ่าสวัสดิ์ นายกแพทยสภา น.พ. นายอิทธิพร คณะเจริญ เลขาธิการแพทยสภา น.พ. นายวิสูตร ฟองศิริไพบูลย์ รองเลขาธิการแพทยสภา สำเนาเรียน (ส่งวันที่ 9มค.) กรรมการแพทยสภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ทุกสถาบัน สื่อสารมวลชน และสำนักข่าวทุกสำนัก 🇹🇭114. วันที่ 5 ม.ค.2568 ประกาศข่าว คนไทยตายเพิ่มขึ้นในปี 2567 https://drive.google.com/file/d/1mfgjiKEyCTfccFf_TcdVjDmS0jvJwzPa/view?usp=drive_link https://www.facebook.com/share/p/1AHaC6eSK8/ 🇹🇭115. วันที่ 17 ม.ค.2568 กลุ่มฯได้ส่งจดหมายถึงเลขาธิการแพทยสภา ขอข้อมูลข่าวสาร https://drive.google.com/file/d/172-XOvnm43P4LUntgyydYHHM7ZTOtH8Y/view?usp=drive_link 🇹🇭116. วันที่ 2 ก.พ.2568 รูต่ายส่ายสะโพก Special (หมออรรถพล x เทนโด้) วัคซีน mRNA ... มือที่มองไม่เห็นและปลายเข็มแห่งซาตาน (วัคซีน mRNA ส่งผลต่อร่างกายมนุษย์ยังไง) https://rumble.com/v6gea87--mrna-...-.html 🇹🇭117. วันที่ 11 ก.พ.2568 บ๊วยLive EP.16 I Full Disclosure การเปิดโปงขั้นสุด กับคุณซันนี่ https://www.youtube.com/watch?v=8d3zRy35Iqw 🇹🇭118. วันที่ 26 ก.พ.2568 อัพเดทผลข้างเคียงจากวัคซีนโควิด ที่มีผลต่อร่างกาย | ปากซอย105 สัมภาษณ์ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา https://www.youtube.com/watch?v=nMawgnjhgcc 🇹🇭119. วันที่ 6 มี.ค.2568 วัคซีนโควิด ยิ่งฉีดเยอะ ยิ่งเปลี่ยนชีวิต |ปากซอย105 สัมภาษณ์ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา https://www.youtube.com/watch?v=B3H0bySl-24 🇹🇭120. วันที่ 2 มี.ค.2568 รูต่ายส่ายสะโพก Special (หมออรรถพล x เทนโด้) เปิดแฟ้มลับ...มือสังหารหมู่โลก (วัคซีน mRNA, เชื้อโควิด และการทุจริตในอเมริกา) https://rumble.com/v6q1hmg-...-mrna-.html?start=179 🇹🇭121. วันที่ 14 มี.ค.2568 บ๊วยLive EP.18 l เข้าถึงปัญญาญาณ เข้าถึงDNA! กับคุณหมออรรถพล https://www.youtube.com/watch?app=desktop&v=B6_Z7LtIwBk 🇹🇭122. วันที่ 30 มี.ค.2568 เปิดจักรวาล 'รายการมืด' หมออรรถพล นิลฉงน นลเฉลย ชวนพูดคุย พร้อมตอบคำถามใน ไลฟ์ "เปิดแฟ้มลับ...มือสังหาร JFK" #รต่ายส่ายสะโพก EP3 (หมออรรถพล x เทนโด้ x อาจารย์ต้น ตำนานนักล้วงข้อมูลลับแห่งประเทศไทย) https://www.facebook.com/share/v/16YMx4sWn6/ รับชมคลิปที่ https://rumble.com/v6rewkc-...-jfk-ep3.html หรือ https://zap.stream/naddr1qq9rzde5xqurjvfcx5mqz9thwden5te0wfjkccte9ejxzmt4wvhxjme0qgsfwrl76z6zy0tjhsdnlaj6tkqweyx5w9vdyja5n788vl07p3nw3ugrqsqqqan8vzj3gy 🇹🇭123. วันที่ 1 เม.ย.2568 ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑาและนพ.ชลธวัช สุวรรณปิยะศิริ จัดรายการ Health Nexus ตอนที่ 1 เปิดเผยที่มาของการเซ็นเซอร์ข้อมูลข่าวสาร เซ็นเซอร์กำเนิดโควิดซึ่งมาจากการสร้างไวรัสใหม่และหลุดรั่วออกจากห้องปฏิบัติการ วัคซีนซึ่งเตรียมพร้อมมาก่อนการระบาด และการปกปิดข้อมูลผลข้างเคียงของวัคซีน https://youtu.be/aexZXA0QSKg?si=qoQxKZtu255RUhq1 ตอนที่ 2 นโยบายใหม่ของรัฐบาลทรัมป์ส่งผลกระทบด้านสาธารณสุขทั้งในและต่างประเทศอย่างไร ? https://youtu.be/cuU1QmYGZtI?si=ftzZdTtK0bxen9PP ตอนที่ 3 วัคซีนโควิดและผลกระทบ https://youtu.be/ys_ykPbyMks?si=sOZ4BZpb1Zhg-MTz ตอนที่ 4 เกิดอะไรขึ้นหลังรับวัคซีนโควิด ? https://youtu.be/vfNhMVNZWNg?si=yS65NMKehklN7szQ https://t.me/ThaiPitaksithData/6914 🇹🇭124. วันที่ 14 เม.ย.2568 กลุ่มฯได้ส่งหนังสือ ขอแสดงความเห็น “คัดค้าน” การยอมรับกฎ อนามัยระหว่างประเทศ ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ค.ศ.๒๐๒๔ ถึงนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงสาธารณสุข อธิบดีกรมควบคุมโรค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ประธาน รัฐสภา และสื่อมวลชนทุกสํานัก และเรียกร้องการจัดเวทีสาธารณะให้คนไทยทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น https://www.facebook.com/share/p/1639NvU9RX/ https://drive.google.com/file/d/1eOHJXX2DczIsh33Z1wzZ_dtaQ1sJccKU/view?u จดหมายที่เกี่ยวข้องที่เคยยื่นหน่วยงานทั้งหมด https://drive.google.com/drive/folders/1xAV- r3WhU5mt1WvTp8DBZktDPRatYrna 🇹🇭125. วันที่ 22 เม.ย.2568 คุณอดิเทพ จาวลาห์ ตัวแทนกลุ่มคนไทยพิทักษ์สิทธิ์เข้ารับฟังการสัมมนาประชุมเชิงปฏิบัติการ ต่อกฎอนามัยระหว่างประเทศและมีการพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็น ⭐️เหตุผลว่าทำไมต้องปฏิเสธ https://www.facebook.com/share/p/1EfD6VWF7A/?mibextid=wwXIfr ⭐️ร่าง กฏหมาย อนามัย https://drive.google.com/drive/folders/1aIfGOD-CE2dwcR1lFunjEFz4_yDriC-n รายการปากซอย 105 สัมภาษณ์ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา https://www.youtube.com/live/O62sTRIcOKE?si=TygTglExUaiNUein 🇹🇭126. วันที่ 25 เม.ย. 2568 ยื่นจดหมายขอแสดงความคิดเห็น “คัดค้าน” การยอมรับกฎอนามัยระหว่างประเทศ ฉบับ แก้ไขเพิ่มเติม ค.ศ๒๐๒๔ เรียน อธิบดีกรมควบคุมโรค สําเนาเรียน นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวง ต่างประเทศ ประธานรัฐสภา และสื่อมวลชนทุกสํานัก ข้าพเจ้าอดิเทพ จาวลาห์ กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ ขอแสดงความไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งต่อการแก้ไขที่ได้รับการรับรองในการประชุมสมัชชา องค์การอนามัยโลก ครั้งที่ 77 ผ่านมติ WHA77.17 ในปี 2024 ซึ่งข้าพเจ้ามีความกังวลในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขระเบียบสุขภาพระหว่างประเทศ ที่อาจส่งผลกระทบต่อสิทธิพื้นฐานและเสรีภาพของประชาชน รวมทั้งการใช้อํานาจในทางที่ผิดโดยไม่ผ่านการตรวจสอบอย่างเพียงพอ ข้าพเจ้าจึงขอใช้โอกาสนี้เพื่อแสดงความไม่เห็นด้วย คัดค้าน และเรียกร้องให้มีการพิจารณาและทบทวนข้อกําหนดดังกล่าวอย่างรอบคอบ ไฟล์เอกสาร https://drive.google.com/file/d/1l0OQkErvfCimQrYl68IcrKQIT0VjuVGD/view?usp =drivesdk https://www.facebook.com/share/p/192ygrBgKv/ 🇹🇭127. วันที่ 28 เม.ย.2568 กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ ยื่นจดหมายถึงอธิบดีกรม ควบคุมโรค ขอความโปร่งใสในการดําเนินงานเกี่ยวกับกฎอนามัยระหว่างประเทศ ฉบับแก้ไข เพิ่มเติม ค.ศ.2024 พร้อมเรียกร้องให้เปิดเผยเอกสารสําคัญและรายชื่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องภายใน 7 วันทําการ https://mgronline.com/qol/detail/9680000039977 https://drive.google.com/file/d/1lOx-z6YYotg4x6sm3w0aWb3k3xyimC4U/view?usp=drivesdk 🇹🇭128.วันที่ 15 พ.ค. 2568 รายการสภากาแฟ ช่อง News1 หัวข้อ โลกรับรู้มนุษย์ทําไวรัสเขา มีเจตนาอะไร? คิดกุศลหรืออกุศล สัมภาษณ์ นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง ยูทูบ https://www.youtube.com/live/LQcoOjcPNkQ?si=QFfCzxuYBKx14God เฟสบุ๊กไลฟ์ https://www.facebook.com/share/v/15PyyQ8pgE/ 🇹🇭129.วันที่ 19 พ.ค.2568 กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ยื่นหนังสือถึง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานคณะกรรมการยา ตามพระราชบัญญัติยา พุทธศักราช ๒๕๑๐ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และ คณะกรรมการยาทุกท่าน ขอให้ดำเนินการระงับการอนุญาตให้ใช้วัคซีน mRNA ในมนุษย์ https://drive.google.com/file/d/1BR1vKiDPMrlXMykJqZUVgj3aAK-KkyjH/view?usp=drivesdk ข้อมูลเหล่านั้นบางส่วนได้รับการเปิดเผยในเว็บไซต์ทางการของทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา https://www.whitehouse.gov/lab-leak-true-origins-of-covid-19/ https://www.facebook.com/share/p/1F5cKBiQSK/ https://www.facebook.com/share/p/16EB5JToNy/ ไฟล์จดหมายฉบับนี้ https://drive.google.com/file/d/1zx62n7IaqEdPYL-SFeNcrS2s8cpnLuDE/view?usp=drivesdk 🇹🇭130.วันที่ 22 พ.ค.2568 ผู้ที่ได้รับยาฉีดโควิดแล้วมีผลเสียต่อร่างกายและจิตใจ ร่างกายไม่เหมือนเดิม และญาติผู้เสียชีวิต รว่มกับ คุณอี้ แทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม พอ.นพ.พงษฺศักดิ์ ตั้งคณา นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง พญ.ชนิฎา ศิริประภารัตน์ ดร.ศรีวิชัย ศรีสุวรรณ และจิตอาสากลุ่มคนไทยพิทักษฺสิทธิ์ ร่วมยื่นหนังสือขอความอนุเคราะห์ในการรับฟังความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากวัคซีนโควิด และให้มีการจัดเวทีทางวิชาการ ถึงท่านประธานรัฐสภาไทย และประธานสภาผู้แทนราษฎร พณฯท่าน วันมูหะมัดนอร์ มะทา จดหมายยื่นรัฐสภา https://drive.google.com/drive/folders/114MB4aBXnhPjSOb5iZKhThk0d9B0rs6f ไลฟ์สด https://www.facebook.com/share/v/189S4WxV6j/ https://www.thaipithaksith.com/my-posta3c48515 https://www.facebook.com/share/p/1NaPKfhgkD/ https://www.khaosod.co.th/politics/news_9770255 https://www.facebook.com/share/v/189S4WxV6j/ https://www.facebook.com/share/19RpSX1zVx/ 🇹🇭131. วันที่ 29พ.ค.2568 กลุ่มผู้ได้รับผลกระทบจากวัคซีนโควิด-19 พร้อมด้วย อ.นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ และ คุณอี้ แทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม ได้เข้ายื่นหนังสือต่อ นายแพทย์นิติ เหตานุรักษ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เพื่อเรียกร้องให้กระทรวงสาธารณสุขสั่งการโดยเร่งด่วน กรณีปัญหาผลกระทบจากวัคซีนโควิด19 https://drive.google.com/file/d/167IaJuYpekFBg7Le5GleNykqNsZzbJz_/view?usp=dri ve_link ในหนังสือฉบับนี้ มีข้อเรียกร้องหลัก 6 ประการ ได้แก่: 1. ระงับการฉีดวัคซีน mRNA ในเด็กและเยาวชน จนกว่าจะมีผลการสอบสวนผลข้างเคียงอย่าง เป็นระบบ 2. ให้สํานักงาน อย. ทบทวนการอนุญาตวัคซีน mRNA ทุกยี่ห้อ โดยโปร่งใส พร้อมเปิดข้อมูลจาก ต่างประเทศประกอบการพิจารณา 3. เปิดเผยสัญญาจัดซื้อวัคซีน โดยเฉพาะในกลุ่ม mRNA ที่รัฐทําไว้กับบริษัทเอกชน 4. เปิดให้รับคําร้องเรียนจากผู้ได้รับผลกระทบ เพื่อจัดทําทะเบียนผู้เดือดร้อน 5. จัดเวทีวิชาการสาธารณะ โดยกรมควบคุมโรคร่วมกับสถาบันวัคซีนแห่งชาติ เพื่ออภิปรายอย่าง เปิดเผยเรื่องผลกระทบจากวัคซีน โดยเชิญทั้งนักวิชาการและผู้ป่วยเข้าร่วม 6. ให้แพทยสภาสอบสวนกรณีจริยธรรมทางการแพทย์ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ใบยินยอมที่อาจเป็น เท็จ การยื่นหนังสือในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อผลักดันให้เกิดกระบวนการตรวจสอบอย่างโปร่งใส เป็นธรรม และมีส่วนร่วมจากภาคประชาชน โดยเฉพาะในประเด็นที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนทั้ง ในปัจจุบันและอนาคต รายการจดหมายทั้งหมดที่ยื่นหน่วยงานต่างๆ https://drive.google.com/drive/folders/1xAV-r3WhU5mt1WvTp8DBZktDPRatYrna 🇹🇭132. วันที่ 13ก.ย.2568 อสมท MCOT News FM100.5 ในรายการ สีสันชีวิต ช่วง เร้นไม่ลับกับเซเลบฯ คุณลักขณา จำปา อ.เสน่ห์ ศรีสุวรรณ สัมภาษณ์ อ.นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง https://www.facebook.com/share/p/1Gj4PLybRN/ https://www.facebook.com/share/p/166ByWxQNb/ https://www.youtube.com/watch?v=sbfllJghw7w 🇹🇭133. วันที่ 6 ต.ค.2568 กลุ่มคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ ส่งหนังสือถึงอธิบดีกรมควบคุมโรค เรื่อง ขอให้กรมควบคุมโรคปรับแก้ข้อมูล แนวทางการให้บริการวัคซีนโควิด 19 เข็มกระตุ้นสำหรับเด็กอายุ 5-11 ปี ในเว็บไซต์ของกรมควบคุมโรค https://drive.google.com/file/d/1zKmgZ-nGb7mJnKQYbkX9AbbXi-8S0VpZ/view?usp=drivesdk 🇹🇭134. วันที่ 21ม.ค.-21ต.ค.2568 ศ.นพ. ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ศูนย์ความเป็นเลิศ ด้านการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุข และที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต เผยแพร่บทความ ✍️โควิดความจริงที่ถูกเปิดเผย ตอนที่ 1 https://www.thairath.co.th/newspaper/2756723 ตอนที่ 2 https://mgronline.com/daily/detail/9670000008184 ตอนที่ 3 https://mgronline.com/daily/detail/9670000010320 ตอนที่ 4 https://mgronline.com/daily/detail/9670000012549 ตอนที่ 5 https://mgronline.com/daily/detail/9670000014922 ตอนที่ 6 https://www.thairath.co.th/news/local/2765797 ตอนที่ 7 https://www.facebook.com/share/p/19ohqtKnpQ/ ตอนที่ 8 https://www.facebook.com/share/p/1FaswKgAHT/ ตอนที่ 9 https://www.facebook.com/share/p/19fp8ufNYM/ ตอน 10 https://www.facebook.com/share/14MV2xoK5Bq/?mibextid=wwXIfr ตอน 11 https://www.facebook.com/share/p/1JHQybX6oW/?mibextid=wwXIfr ตอน 12 https://www.facebook.com/share/17XgRhXGNF/?mibextid=wwXIfr 🇹🇭135. วันที่ 22ต.ค.2568 นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บรรยายสั้นๆ ในภาควิชา จุฬาฯ เรื่องโควิด ข้อมูลที่จะเป็นดั่งรูรั่วเล็กๆที่จะทำให้ เขื่อน ที่ปิดกั้นความจริงพังทลายลงในไม่ช้า https://www.facebook.com/share/1D7vvevs4h/ https://www.tiktok.com/@atapolhuawei/video/7563880418664107280 รวบรวมข้อมูลโดยแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์
    0 Comments 0 Shares 1498 Views 0 Reviews
  • “รักษามะเร็งโดยไม่ต้องผ่าตัด — เมื่อคลื่นเสียงกลายเป็นอาวุธใหม่ที่แม่นยำและไร้แผล”

    ในอดีต การรักษามะเร็งมักหมายถึงการผ่าตัด เคมีบำบัด หรือฉายรังสี ซึ่งล้วนมีผลข้างเคียงและความเสี่ยงสูง แต่วันนี้ นักวิทยาศาสตร์กำลังเปิดประตูสู่ยุคใหม่ของการรักษาแบบ “ไร้แผล” ด้วยเทคโนโลยีที่เรียกว่า “Focused Ultrasound” หรือคลื่นเสียงความเข้มสูงแบบเจาะจง

    เทคโนโลยีนี้ใช้คลื่นเสียงที่แม่นยำในการทำลายเนื้อเยื่อมะเร็งโดยไม่ต้องเปิดผิวหนังหรือแทรกแซงอวัยวะใด ๆ คล้ายกับการใช้แว่นขยายรวมแสงอาทิตย์เพื่อเผาจุดเล็ก ๆ — แต่แทนที่จะใช้แสง ใช้คลื่นเสียงที่สามารถเจาะลึกถึงอวัยวะภายในได้อย่างปลอดภัย

    การทดลองล่าสุดในสหรัฐฯ และยุโรปแสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีนี้สามารถใช้รักษามะเร็งตับ, ต่อมลูกหมาก, สมอง และแม้แต่มะเร็งเต้านมบางชนิดได้ โดยไม่ต้องผ่าตัดหรือพักฟื้นนาน ผู้ป่วยบางรายสามารถกลับบ้านได้ภายในวันเดียว

    นอกจากการทำลายเนื้อเยื่อมะเร็งโดยตรงแล้ว คลื่นเสียงยังสามารถ “เปิดช่อง” ให้ยาเคมีบำบัดหรือภูมิคุ้มกันบำบัดเข้าสู่เนื้อเยื่อได้ดีขึ้น ซึ่งอาจเพิ่มประสิทธิภาพของการรักษาแบบผสม

    “Focused Ultrasound” คือการใช้คลื่นเสียงความเข้มสูงแบบเจาะจง
    ทำลายเนื้อเยื่อมะเร็งโดยไม่ต้องผ่าตัด

    คลื่นเสียงสามารถเจาะลึกถึงอวัยวะภายในโดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อรอบข้าง
    คล้ายการใช้แว่นขยายรวมแสง แต่ปลอดภัยกว่า

    ใช้รักษามะเร็งหลายชนิด เช่น ตับ, ต่อมลูกหมาก, สมอง, เต้านม
    ผู้ป่วยบางรายกลับบ้านได้ภายในวันเดียว

    คลื่นเสียงสามารถช่วยให้ยาเข้าสู่เนื้อเยื่อได้ดีขึ้น
    เพิ่มประสิทธิภาพของเคมีบำบัดหรือภูมิคุ้มกันบำบัด

    การรักษาแบบนี้ไม่ต้องใช้มีดผ่าตัดหรือการฉายรังสี
    ลดผลข้างเคียงและความเสี่ยงจากการรักษาแบบเดิม

    มีการทดลองในหลายประเทศ เช่น สหรัฐฯ, อังกฤษ, เยอรมนี
    ผลลัพธ์เบื้องต้นเป็นบวกและปลอดภัย

    เทคโนโลยีนี้ยังอยู่ในขั้นทดลองสำหรับบางชนิดของมะเร็ง
    ยังไม่สามารถใช้แทนการรักษาแบบเดิมได้ทั้งหมด

    ต้องใช้เครื่องมือเฉพาะและทีมแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ
    ไม่สามารถใช้ได้ในโรงพยาบาลทั่วไปทุกแห่ง

    การรักษาอาจไม่เหมาะกับผู้ป่วยที่มีเนื้องอกในตำแหน่งลึกหรือใกล้โครงสร้างสำคัญ
    เช่น ใกล้เส้นเลือดใหญ่หรือเส้นประสาท

    ยังไม่มีข้อมูลระยะยาวเกี่ยวกับประสิทธิภาพและผลข้างเคียง
    ต้องติดตามผลการทดลองเพิ่มเติมในอนาคต

    https://www.bbc.com/future/article/20251007-how-ultrasound-is-ushering-a-new-era-of-surgery-free-cancer-treatment
    🩺 “รักษามะเร็งโดยไม่ต้องผ่าตัด — เมื่อคลื่นเสียงกลายเป็นอาวุธใหม่ที่แม่นยำและไร้แผล” ในอดีต การรักษามะเร็งมักหมายถึงการผ่าตัด เคมีบำบัด หรือฉายรังสี ซึ่งล้วนมีผลข้างเคียงและความเสี่ยงสูง แต่วันนี้ นักวิทยาศาสตร์กำลังเปิดประตูสู่ยุคใหม่ของการรักษาแบบ “ไร้แผล” ด้วยเทคโนโลยีที่เรียกว่า “Focused Ultrasound” หรือคลื่นเสียงความเข้มสูงแบบเจาะจง เทคโนโลยีนี้ใช้คลื่นเสียงที่แม่นยำในการทำลายเนื้อเยื่อมะเร็งโดยไม่ต้องเปิดผิวหนังหรือแทรกแซงอวัยวะใด ๆ คล้ายกับการใช้แว่นขยายรวมแสงอาทิตย์เพื่อเผาจุดเล็ก ๆ — แต่แทนที่จะใช้แสง ใช้คลื่นเสียงที่สามารถเจาะลึกถึงอวัยวะภายในได้อย่างปลอดภัย การทดลองล่าสุดในสหรัฐฯ และยุโรปแสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีนี้สามารถใช้รักษามะเร็งตับ, ต่อมลูกหมาก, สมอง และแม้แต่มะเร็งเต้านมบางชนิดได้ โดยไม่ต้องผ่าตัดหรือพักฟื้นนาน ผู้ป่วยบางรายสามารถกลับบ้านได้ภายในวันเดียว นอกจากการทำลายเนื้อเยื่อมะเร็งโดยตรงแล้ว คลื่นเสียงยังสามารถ “เปิดช่อง” ให้ยาเคมีบำบัดหรือภูมิคุ้มกันบำบัดเข้าสู่เนื้อเยื่อได้ดีขึ้น ซึ่งอาจเพิ่มประสิทธิภาพของการรักษาแบบผสม ✅ “Focused Ultrasound” คือการใช้คลื่นเสียงความเข้มสูงแบบเจาะจง ➡️ ทำลายเนื้อเยื่อมะเร็งโดยไม่ต้องผ่าตัด ✅ คลื่นเสียงสามารถเจาะลึกถึงอวัยวะภายในโดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อรอบข้าง ➡️ คล้ายการใช้แว่นขยายรวมแสง แต่ปลอดภัยกว่า ✅ ใช้รักษามะเร็งหลายชนิด เช่น ตับ, ต่อมลูกหมาก, สมอง, เต้านม ➡️ ผู้ป่วยบางรายกลับบ้านได้ภายในวันเดียว ✅ คลื่นเสียงสามารถช่วยให้ยาเข้าสู่เนื้อเยื่อได้ดีขึ้น ➡️ เพิ่มประสิทธิภาพของเคมีบำบัดหรือภูมิคุ้มกันบำบัด ✅ การรักษาแบบนี้ไม่ต้องใช้มีดผ่าตัดหรือการฉายรังสี ➡️ ลดผลข้างเคียงและความเสี่ยงจากการรักษาแบบเดิม ✅ มีการทดลองในหลายประเทศ เช่น สหรัฐฯ, อังกฤษ, เยอรมนี ➡️ ผลลัพธ์เบื้องต้นเป็นบวกและปลอดภัย ‼️ เทคโนโลยีนี้ยังอยู่ในขั้นทดลองสำหรับบางชนิดของมะเร็ง ⛔ ยังไม่สามารถใช้แทนการรักษาแบบเดิมได้ทั้งหมด ‼️ ต้องใช้เครื่องมือเฉพาะและทีมแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ ⛔ ไม่สามารถใช้ได้ในโรงพยาบาลทั่วไปทุกแห่ง ‼️ การรักษาอาจไม่เหมาะกับผู้ป่วยที่มีเนื้องอกในตำแหน่งลึกหรือใกล้โครงสร้างสำคัญ ⛔ เช่น ใกล้เส้นเลือดใหญ่หรือเส้นประสาท ‼️ ยังไม่มีข้อมูลระยะยาวเกี่ยวกับประสิทธิภาพและผลข้างเคียง ⛔ ต้องติดตามผลการทดลองเพิ่มเติมในอนาคต https://www.bbc.com/future/article/20251007-how-ultrasound-is-ushering-a-new-era-of-surgery-free-cancer-treatment
    WWW.BBC.COM
    How ultrasound is ushering a new era of surgery-free cancer treatment
    Ultrasound has long been used for helping doctors see inside the body, but focused high frequency sound waves are offering new ways of targeting cancer.
    0 Comments 0 Shares 507 Views 0 Reviews
  • “ข่าวที่เราเสพ กับความจริงที่เราตายจาก — เมื่อสื่อพูดถึงสิ่งที่สะเทือนใจ มากกว่าสิ่งที่พรากชีวิตคนส่วนใหญ่”

    บทความจาก Our World in Data วิเคราะห์อย่างลึกซึ้งถึงความไม่สมดุลระหว่าง “สิ่งที่สื่อรายงาน” กับ “สิ่งที่คนเสียชีวิตจากจริง ๆ” โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา ซึ่งพบว่าข่าวส่วนใหญ่มักเน้นไปที่เหตุการณ์รุนแรง เช่น ฆาตกรรมหรือก่อการร้าย ทั้งที่สาเหตุการเสียชีวิตหลักกลับเป็นโรคเรื้อรังอย่างโรคหัวใจและมะเร็ง

    การศึกษานี้ใช้ข้อมูลจาก CDC และ Media Cloud โดยเปรียบเทียบสัดส่วนของสาเหตุการตายกับจำนวนบทความข่าวจากสื่อใหญ่ 3 แห่ง ได้แก่ New York Times, Washington Post และ Fox News ในปี 2023 ผลลัพธ์ชี้ชัดว่า:

    โรคหัวใจและมะเร็ง คิดเป็น 56% ของการเสียชีวิต แต่ได้รับพื้นที่ข่าวเพียง 7%
    ในทางกลับกัน การฆาตกรรมและก่อการร้าย ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนการตายเพียงเล็กน้อย กลับได้รับความสนใจจากสื่อมากถึงครึ่งหนึ่งของข่าวทั้งหมด

    บทความยังชี้ให้เห็นว่า ความไม่สมดุลนี้ไม่ได้เกิดจากอคติทางการเมืองของสื่อ แต่เป็นเพราะธรรมชาติของข่าวที่เน้น “สิ่งใหม่และสะเทือนอารมณ์” มากกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ ทุกวัน เช่น โรคเรื้อรัง

    การศึกษานี้ใช้ข้อมูลจาก CDC และ Media Cloud
    เปรียบเทียบสาเหตุการตายกับการรายงานข่าวในสหรัฐฯ ปี 2023

    โรคหัวใจและมะเร็งเป็นสาเหตุการตายหลัก (56%)
    แต่ได้รับพื้นที่ข่าวเพียง 7%

    การฆาตกรรมและก่อการร้ายได้รับพื้นที่ข่าวมากเกินจริง
    ฆาตกรรมถูกพูดถึงมากกว่าความเป็นจริงถึง 43 เท่า
    ก่อการร้ายมากกว่าความเป็นจริงถึง 18,000 เท่า

    ความแตกต่างระหว่างสื่อสายซ้าย-ขวาไม่มากนัก
    ทุกสื่อให้ความสำคัญกับเหตุการณ์รุนแรงมากกว่าสาเหตุเรื้อรัง

    สื่อมักเลือกนำเสนอสิ่งที่ “ใหม่และสะเทือนใจ”
    เช่น ฆาตกรรม, อุบัติเหตุ, หรือภัยพิบัติ

    ผู้คนมักเข้าใจผิดว่าข่าวสะท้อนความเป็นจริง
    ส่งผลให้ประเมินความเสี่ยงในชีวิตผิดพลาด

    การเสพข่าวที่ไม่สมดุลอาจทำให้เกิด “ภาพลวงตา” ของความเสี่ยง
    เช่น กลัวการก่อการร้ายมากกว่ามะเร็ง ทั้งที่โอกาสตายน้อยกว่ามาก

    ความเข้าใจผิดนี้ส่งผลต่อการกำหนดนโยบายและการจัดสรรทรัพยากร
    เช่น ทุ่มงบให้กับการรักษาความปลอดภัยมากกว่าสาธารณสุข

    การรายงานข่าวที่เน้นอารมณ์มากกว่าสถิติ
    อาจทำให้ประชาชนวิตกเกินจริงและขาดความเข้าใจในปัญหาสาธารณสุข

    การไม่พูดถึงโรคเรื้อรังในข่าว
    ทำให้ผู้คนไม่ตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันและดูแลสุขภาพ

    https://ourworldindata.org/does-the-news-reflect-what-we-die-from
    📰 “ข่าวที่เราเสพ กับความจริงที่เราตายจาก — เมื่อสื่อพูดถึงสิ่งที่สะเทือนใจ มากกว่าสิ่งที่พรากชีวิตคนส่วนใหญ่” บทความจาก Our World in Data วิเคราะห์อย่างลึกซึ้งถึงความไม่สมดุลระหว่าง “สิ่งที่สื่อรายงาน” กับ “สิ่งที่คนเสียชีวิตจากจริง ๆ” โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา ซึ่งพบว่าข่าวส่วนใหญ่มักเน้นไปที่เหตุการณ์รุนแรง เช่น ฆาตกรรมหรือก่อการร้าย ทั้งที่สาเหตุการเสียชีวิตหลักกลับเป็นโรคเรื้อรังอย่างโรคหัวใจและมะเร็ง การศึกษานี้ใช้ข้อมูลจาก CDC และ Media Cloud โดยเปรียบเทียบสัดส่วนของสาเหตุการตายกับจำนวนบทความข่าวจากสื่อใหญ่ 3 แห่ง ได้แก่ New York Times, Washington Post และ Fox News ในปี 2023 ผลลัพธ์ชี้ชัดว่า: ✝️ โรคหัวใจและมะเร็ง คิดเป็น 56% ของการเสียชีวิต แต่ได้รับพื้นที่ข่าวเพียง 7% ✝️ ในทางกลับกัน การฆาตกรรมและก่อการร้าย ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนการตายเพียงเล็กน้อย กลับได้รับความสนใจจากสื่อมากถึงครึ่งหนึ่งของข่าวทั้งหมด บทความยังชี้ให้เห็นว่า ความไม่สมดุลนี้ไม่ได้เกิดจากอคติทางการเมืองของสื่อ แต่เป็นเพราะธรรมชาติของข่าวที่เน้น “สิ่งใหม่และสะเทือนอารมณ์” มากกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ ทุกวัน เช่น โรคเรื้อรัง ✅ การศึกษานี้ใช้ข้อมูลจาก CDC และ Media Cloud ➡️ เปรียบเทียบสาเหตุการตายกับการรายงานข่าวในสหรัฐฯ ปี 2023 ✅ โรคหัวใจและมะเร็งเป็นสาเหตุการตายหลัก (56%) ➡️ แต่ได้รับพื้นที่ข่าวเพียง 7% ✅ การฆาตกรรมและก่อการร้ายได้รับพื้นที่ข่าวมากเกินจริง ➡️ ฆาตกรรมถูกพูดถึงมากกว่าความเป็นจริงถึง 43 เท่า ➡️ ก่อการร้ายมากกว่าความเป็นจริงถึง 18,000 เท่า ✅ ความแตกต่างระหว่างสื่อสายซ้าย-ขวาไม่มากนัก ➡️ ทุกสื่อให้ความสำคัญกับเหตุการณ์รุนแรงมากกว่าสาเหตุเรื้อรัง ✅ สื่อมักเลือกนำเสนอสิ่งที่ “ใหม่และสะเทือนใจ” ➡️ เช่น ฆาตกรรม, อุบัติเหตุ, หรือภัยพิบัติ ✅ ผู้คนมักเข้าใจผิดว่าข่าวสะท้อนความเป็นจริง ➡️ ส่งผลให้ประเมินความเสี่ยงในชีวิตผิดพลาด ‼️ การเสพข่าวที่ไม่สมดุลอาจทำให้เกิด “ภาพลวงตา” ของความเสี่ยง ⛔ เช่น กลัวการก่อการร้ายมากกว่ามะเร็ง ทั้งที่โอกาสตายน้อยกว่ามาก ‼️ ความเข้าใจผิดนี้ส่งผลต่อการกำหนดนโยบายและการจัดสรรทรัพยากร ⛔ เช่น ทุ่มงบให้กับการรักษาความปลอดภัยมากกว่าสาธารณสุข ‼️ การรายงานข่าวที่เน้นอารมณ์มากกว่าสถิติ ⛔ อาจทำให้ประชาชนวิตกเกินจริงและขาดความเข้าใจในปัญหาสาธารณสุข ‼️ การไม่พูดถึงโรคเรื้อรังในข่าว ⛔ ทำให้ผู้คนไม่ตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันและดูแลสุขภาพ https://ourworldindata.org/does-the-news-reflect-what-we-die-from
    OURWORLDINDATA.ORG
    Does the news reflect what we die from?
    What do Americans die from, and what do the New York Times, Washington Post, and Fox News report on?
    0 Comments 0 Shares 453 Views 0 Reviews
  • “Jonathan Clements จากไปอย่างสงบ — นักเขียนผู้เปลี่ยนชีวิตคนธรรมดาด้วยคำว่า ‘เงิน’ และ ‘ความหมาย’”

    Jonathan Clements ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ HumbleDollar และอดีตคอลัมนิสต์ชื่อดังของ The Wall Street Journal ได้เขียนข้อความอำลาครั้งสุดท้ายไว้ล่วงหน้าในฟอรัมของเว็บไซต์ ก่อนจากไปด้วยโรคมะเร็งเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2025 ด้วยวัย 62 ปี

    เขาเริ่มต้นข้อความว่า “ถ้าคุณเห็นโพสต์นี้ แปลว่าผมจากไปแล้ว” พร้อมขอให้ผู้อ่านไม่เศร้า เพราะเขามีชีวิตที่เต็มไปด้วยความรัก ประสบการณ์ และโอกาสที่ดีในอาชีพ เขาหวังว่าใต้ต้นไม้หน้าบ้านในฟิลาเดลเฟีย ภรรยาของเขา Elaine จะวางแผ่นหินจารึกชื่อของเขา พร้อมคำว่า “Family • Readers • Words” ซึ่งเป็นสามสิ่งที่เขายึดถือมาตลอดชีวิต

    Jonathan เล่าถึงชีวิตตั้งแต่เกิดในลอนดอน ย้ายไปอเมริกาเมื่อพ่อได้งานที่ World Bank และต้องเผชิญกับชีวิตในโรงเรียนประจำที่โหดร้ายในอังกฤษ ก่อนจะสอบเข้า Cambridge และเริ่มต้นเส้นทางนักข่าวที่ Forbes และ The Wall Street Journal ซึ่งเขาเขียนคอลัมน์ “Getting Going” กว่า 1,000 ตอน

    เขาเป็นผู้ผลักดันแนวคิดการลงทุนในกองทุนดัชนี (index fund) ตั้งแต่ยุคที่ยังไม่เป็นที่นิยม และใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแต่มีเป้าหมาย เขาเคยวิ่งมาราธอนใต้สามชั่วโมง และคว้าอันดับหนึ่งในฮาล์ฟมาราธอนบนเรือกลางทะเลแอนตาร์กติกา

    แม้ชีวิตคู่จะไม่ราบรื่นนัก แต่เขาพบรักครั้งสุดท้ายกับ Elaine ในปี 2020 และแต่งงานกันในปี 2024 เพียงห้าวันหลังได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย

    เขาใช้เวลาช่วงสุดท้ายจัดการชีวิต เตรียมเว็บไซต์ HumbleDollar ให้ดำเนินต่อได้ และเขียนบทความเกี่ยวกับการเผชิญความตายอย่างมีสติ จนได้รับความสนใจจากสื่อหลายแห่ง เช่น The New York Times, WSJ และ AARP

    Jonathan ไม่เพียงเป็นนักเขียนด้านการเงิน แต่เป็นนักคิดที่ใช้ “คำ” เป็นเครื่องมือสร้างความเข้าใจชีวิต เขาจากไปอย่างสงบ แต่ทิ้งไว้ซึ่งบทเรียนเรื่องเงิน ความรัก และการใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Jonathan Clements เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2025 ด้วยวัย 62 ปี
    เขาเขียนข้อความอำลาไว้ล่วงหน้าในฟอรัมของ HumbleDollar
    ขอให้ภรรยาวางแผ่นหินจารึกคำว่า “Family • Readers • Words” ใต้ต้นไม้หน้าบ้าน
    เกิดในลอนดอน ย้ายมาอเมริกาเมื่อพ่อได้งานที่ World Bank
    เรียนที่ Cambridge และเริ่มงานที่ Forbes ก่อนย้ายไป The Wall Street Journal
    เขียนคอลัมน์ “Getting Going” กว่า 1,000 ตอน และผลักดันแนวคิด index fund
    เคยวิ่งมาราธอนใต้สามชั่วโมง และชนะการแข่งขันหลายรายการ
    พบรักกับ Elaine ในปี 2020 และแต่งงานกันในปี 2024 หลังรู้ว่าเป็นมะเร็ง
    เตรียม HumbleDollar ให้ดำเนินต่อ และเขียนบทความเกี่ยวกับการเผชิญความตาย
    ได้รับการยกย่องจากสื่อหลายแห่ง เช่น NYT, WSJ, AARP

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Jonathan เป็นหนึ่งในนักเขียนด้านการเงินที่ผลักดัน index fund สู่กระแสหลัก
    หนังสือ “How to Think About Money” เป็นผลงานที่ขายดีที่สุดของเขา
    เขาเคยทำงานกับ Citigroup และ Creative Planning ในบทบาทด้านการศึกษาการเงิน
    HumbleDollar เปิดให้ผู้เขียนสมัครเล่นร่วมเขียนบทความ โดยเขาเป็นผู้แก้ไขด้วยตัวเอง
    เขาเชื่อว่าความสุขมาจากการใช้เงินเพื่อประสบการณ์ ไม่ใช่สิ่งของ

    https://humbledollar.com/forum/farewell-friends/
    🕊️ “Jonathan Clements จากไปอย่างสงบ — นักเขียนผู้เปลี่ยนชีวิตคนธรรมดาด้วยคำว่า ‘เงิน’ และ ‘ความหมาย’” Jonathan Clements ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ HumbleDollar และอดีตคอลัมนิสต์ชื่อดังของ The Wall Street Journal ได้เขียนข้อความอำลาครั้งสุดท้ายไว้ล่วงหน้าในฟอรัมของเว็บไซต์ ก่อนจากไปด้วยโรคมะเร็งเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2025 ด้วยวัย 62 ปี เขาเริ่มต้นข้อความว่า “ถ้าคุณเห็นโพสต์นี้ แปลว่าผมจากไปแล้ว” พร้อมขอให้ผู้อ่านไม่เศร้า เพราะเขามีชีวิตที่เต็มไปด้วยความรัก ประสบการณ์ และโอกาสที่ดีในอาชีพ เขาหวังว่าใต้ต้นไม้หน้าบ้านในฟิลาเดลเฟีย ภรรยาของเขา Elaine จะวางแผ่นหินจารึกชื่อของเขา พร้อมคำว่า “Family • Readers • Words” ซึ่งเป็นสามสิ่งที่เขายึดถือมาตลอดชีวิต Jonathan เล่าถึงชีวิตตั้งแต่เกิดในลอนดอน ย้ายไปอเมริกาเมื่อพ่อได้งานที่ World Bank และต้องเผชิญกับชีวิตในโรงเรียนประจำที่โหดร้ายในอังกฤษ ก่อนจะสอบเข้า Cambridge และเริ่มต้นเส้นทางนักข่าวที่ Forbes และ The Wall Street Journal ซึ่งเขาเขียนคอลัมน์ “Getting Going” กว่า 1,000 ตอน เขาเป็นผู้ผลักดันแนวคิดการลงทุนในกองทุนดัชนี (index fund) ตั้งแต่ยุคที่ยังไม่เป็นที่นิยม และใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแต่มีเป้าหมาย เขาเคยวิ่งมาราธอนใต้สามชั่วโมง และคว้าอันดับหนึ่งในฮาล์ฟมาราธอนบนเรือกลางทะเลแอนตาร์กติกา แม้ชีวิตคู่จะไม่ราบรื่นนัก แต่เขาพบรักครั้งสุดท้ายกับ Elaine ในปี 2020 และแต่งงานกันในปี 2024 เพียงห้าวันหลังได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย เขาใช้เวลาช่วงสุดท้ายจัดการชีวิต เตรียมเว็บไซต์ HumbleDollar ให้ดำเนินต่อได้ และเขียนบทความเกี่ยวกับการเผชิญความตายอย่างมีสติ จนได้รับความสนใจจากสื่อหลายแห่ง เช่น The New York Times, WSJ และ AARP Jonathan ไม่เพียงเป็นนักเขียนด้านการเงิน แต่เป็นนักคิดที่ใช้ “คำ” เป็นเครื่องมือสร้างความเข้าใจชีวิต เขาจากไปอย่างสงบ แต่ทิ้งไว้ซึ่งบทเรียนเรื่องเงิน ความรัก และการใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Jonathan Clements เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2025 ด้วยวัย 62 ปี ➡️ เขาเขียนข้อความอำลาไว้ล่วงหน้าในฟอรัมของ HumbleDollar ➡️ ขอให้ภรรยาวางแผ่นหินจารึกคำว่า “Family • Readers • Words” ใต้ต้นไม้หน้าบ้าน ➡️ เกิดในลอนดอน ย้ายมาอเมริกาเมื่อพ่อได้งานที่ World Bank ➡️ เรียนที่ Cambridge และเริ่มงานที่ Forbes ก่อนย้ายไป The Wall Street Journal ➡️ เขียนคอลัมน์ “Getting Going” กว่า 1,000 ตอน และผลักดันแนวคิด index fund ➡️ เคยวิ่งมาราธอนใต้สามชั่วโมง และชนะการแข่งขันหลายรายการ ➡️ พบรักกับ Elaine ในปี 2020 และแต่งงานกันในปี 2024 หลังรู้ว่าเป็นมะเร็ง ➡️ เตรียม HumbleDollar ให้ดำเนินต่อ และเขียนบทความเกี่ยวกับการเผชิญความตาย ➡️ ได้รับการยกย่องจากสื่อหลายแห่ง เช่น NYT, WSJ, AARP ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Jonathan เป็นหนึ่งในนักเขียนด้านการเงินที่ผลักดัน index fund สู่กระแสหลัก ➡️ หนังสือ “How to Think About Money” เป็นผลงานที่ขายดีที่สุดของเขา ➡️ เขาเคยทำงานกับ Citigroup และ Creative Planning ในบทบาทด้านการศึกษาการเงิน ➡️ HumbleDollar เปิดให้ผู้เขียนสมัครเล่นร่วมเขียนบทความ โดยเขาเป็นผู้แก้ไขด้วยตัวเอง ➡️ เขาเชื่อว่าความสุขมาจากการใช้เงินเพื่อประสบการณ์ ไม่ใช่สิ่งของ https://humbledollar.com/forum/farewell-friends/
    HUMBLEDOLLAR.COM
    Farewell Friends - HumbleDollar
    If this post is appearing, it means I’ve succumbed to cancer or one of its side effects. Please don’t feel sad for me. I’ve had a life filled with love, great experiences and wonderful career opportunities. Despite my demise at a relatively young age, I consider myself beyond fortunate. I’m hoping that, under the tree in front of our little Philadelphia rowhome, my wife Elaine will place a stone tablet inscribed with my name, and the year I was born and died.
    0 Comments 0 Shares 565 Views 0 Reviews
  • วันนี้ 29 ก.ย. เมื่อเวลาประมาณ 19.00 น. ที่แฟนเพจ "สโรชา พรอุดมศักดิ์" ของผู้ประกาศข่าวหญิง "แอ้ม" สโรชา พรอุดมศักดิ์ ได้มีการโพสต์ข้อความระบุว่า... "ด่วน! เรียนทุกท่านทราบ ช่วงบ่ายวันนี้คุณแอ้มได้ล้มป่วยจากอาการข้างเคียงโรคมะเร็งที่ตอนนี้กระจายไปหลายจุดของร่างกาย มีอาการชักเกร็งและหมดสติไป

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000093231

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    วันนี้ 29 ก.ย. เมื่อเวลาประมาณ 19.00 น. ที่แฟนเพจ "สโรชา พรอุดมศักดิ์" ของผู้ประกาศข่าวหญิง "แอ้ม" สโรชา พรอุดมศักดิ์ ได้มีการโพสต์ข้อความระบุว่า... "ด่วน! เรียนทุกท่านทราบ ช่วงบ่ายวันนี้คุณแอ้มได้ล้มป่วยจากอาการข้างเคียงโรคมะเร็งที่ตอนนี้กระจายไปหลายจุดของร่างกาย มีอาการชักเกร็งและหมดสติไป อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000093231 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    Like
    Sad
    3
    0 Comments 0 Shares 428 Views 0 Reviews
  • ..มองผ่านๆว่านี้ของเล่นๆนะ,มันคือภัยความมั่นคงของชาติอีกด้านหนึ่งเลยล่ะ,นี้อาจมาจากผลงานวัคซีนยุคลุงตู่ที่ฉีดวัคซีนโควิดให้คนไทยอย่าง2เข็มจึงจะอนุญาตเข้าสังคมร้านค้า,ตลาด การค้า การขาย การบริการ การรับจ้างรับงานต่างๆ ขนส่งไม่ต่อใบอนุญาตให้หากไม่ฉีดวัคซีนโควิดอย่างน้อย2เข็ม อาชีพเอกชนก็ด้วย ราชการก็ไม่รอด นี้คือภัยความมั่นคงด้านการดำรงอยู่ของประชากรคนไทยเลยล่ะ, เช่นพ่อแม่เสียชีวิตไปก่อนลูกน้อยๆซึ่งมีมากมาย ทางรัฐบาลและหน่วยงานราชการไทยมียุทธศาสตร์ในสงครามนี้แล้วหรือยัง,มีองค์กรหน่วยใดตั้งขึ้นมาเพื่อต่อสู้ภัยนี้ รับมือกันจริงจังแล้วหรือยัง อย่าปล่อยเยาวชนไทยเราต้องโดดเดียว,รัฐบาลต้องร่วมดูแลเยียวยาอาจเลี้ยงดูเด็กๆเยาวชนไทยเราในโครงการพิเศษเลย,,และตั้งจัดตั้งกระทรวงพิเศษขึ้นมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะเพื่อแก้ไขปัญหาทางตรงทันที,เด็กๆเยาวชนใดๆไทยเรา พ่อแม่เสียชีวิตแบบเคสนี้กรณีนี้สามารถเข้ารับการดูแลพิเศษทันทีจากกระทรวงนี้โดยตรง,รัฐมีหน้าที่ตรงต้องดูแลเยาวชนไทยเราจนกว่าจะสามารถทำงานเลี้ยงดูตนเองได้,ที่ขาดญาติไร้มิตรหรือญาติพี่น้องผิดใจกันไม่เอามาเป็นภาระ,รัฐต้องเอามาเป็นภาระ,และสามารถสืบสวนการตายอย่างผิดปกติของพ่อแม่เด็กๆเหล่านี้ได้ว่า ,เป็นหนักขึ้นหลังไปรับวัคซีนmRNAโควิดมามั้ย,
    ..การตั้งกระทรวงพิเศษเพื่อรับภัยพิบัติจากสถานการณ์นี้ถือว่าสมควรมาก,คนไทยเราจะยิ่งมั่นใจในรัฐบาลของประเทศชาติตนเองมากขึ้น ฝากเป็นฝากตายกันได้,และนั้นคือทุกๆคนไทยเราจะสามัคคีร่วมกันสร้างชาติ ปกป้องชาติร่วมกันอย่างแข็งขัน,แม้ตนเสียชีวิตไปจากวัคซีนพิษที่รัฐบาลเชิญชวนกระตุ้นบีบบังคับทั้งทางตรงทางอ้อมให้ไปฉีดมา ฉีดใส่ร่างกายตนเอง ซึ่งมีโอกาสสูงในการก่อโรคใดโรคหนึ่งใน1,291โรค โรควูบ ลิ่มเลือดอุดตัน มะเร็งโทเบอร์ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ทำลายภูมิตุ้มกันธรรมชาติลงไปเรื่อยๆ เป็นต้น,เมื่อประชาชนพ่อแม่เขาตายไป รัฐบาลมีหน้าที่ตรงต้องรับเลี้ยงดูเด็กๆเยาวชนคนไทยเราต่อไปอย่างมีมาตราฐานอารยะธรรม ธรรมชาติที่ดีงามด้วย, หน่วยงานระดับอำเภอต้องเกิด,เพื่อบริหารจัดการส่งต่อเยาวชนเหล่านั้นไปรับการศึกษาเลี้ยงดูต่อไป,1ตำบล อาจมีเด็กๆลักษณะนี้ที่พ่อแม่ตายทั้งสองคน,ปู่ย่าตายายวูบตายอุบัติเหตุหมด ไร้ใครเลี้ยงดู รัฐบาลหน่วยงานที่ว่าต้องเข้าไปทำหน้าที่ทันที,1ตำบลมี10-15หมู่บ้าน อาจมีหมู่บ้านล่ะคนก็10-15คนต่อตำบล,1อำเภอมี8-10ตำบลก็ประมาณ150คนต่ออำเภอ,1จังหวัดมี18-20อำเภอก็3,000คนต่อจังหวัดอย่างน้อย,77จังหวัดก็ประมาณ231,000คน การตั้งกระทรวงพิเศษเพื่อดูแลปัญหานี้จึงสำคัญมาก,เพราะเยาวชนไทยเราเหล่านี้อนาคตคือกำลังพลที่สำคัญของชาติเช่นกันในการร่วมพัฒนาชาติไทยเราให้ก้าวไปด้วยร่วมกันเป็นหนึ่งเดียวกัน เราไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังของจริง.

    https://youtube.com/shorts/JGs1GNVGpFE?si=YGu7boLHFVNVvl_i
    ..มองผ่านๆว่านี้ของเล่นๆนะ,มันคือภัยความมั่นคงของชาติอีกด้านหนึ่งเลยล่ะ,นี้อาจมาจากผลงานวัคซีนยุคลุงตู่ที่ฉีดวัคซีนโควิดให้คนไทยอย่าง2เข็มจึงจะอนุญาตเข้าสังคมร้านค้า,ตลาด การค้า การขาย การบริการ การรับจ้างรับงานต่างๆ ขนส่งไม่ต่อใบอนุญาตให้หากไม่ฉีดวัคซีนโควิดอย่างน้อย2เข็ม อาชีพเอกชนก็ด้วย ราชการก็ไม่รอด นี้คือภัยความมั่นคงด้านการดำรงอยู่ของประชากรคนไทยเลยล่ะ, เช่นพ่อแม่เสียชีวิตไปก่อนลูกน้อยๆซึ่งมีมากมาย ทางรัฐบาลและหน่วยงานราชการไทยมียุทธศาสตร์ในสงครามนี้แล้วหรือยัง,มีองค์กรหน่วยใดตั้งขึ้นมาเพื่อต่อสู้ภัยนี้ รับมือกันจริงจังแล้วหรือยัง อย่าปล่อยเยาวชนไทยเราต้องโดดเดียว,รัฐบาลต้องร่วมดูแลเยียวยาอาจเลี้ยงดูเด็กๆเยาวชนไทยเราในโครงการพิเศษเลย,,และตั้งจัดตั้งกระทรวงพิเศษขึ้นมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะเพื่อแก้ไขปัญหาทางตรงทันที,เด็กๆเยาวชนใดๆไทยเรา พ่อแม่เสียชีวิตแบบเคสนี้กรณีนี้สามารถเข้ารับการดูแลพิเศษทันทีจากกระทรวงนี้โดยตรง,รัฐมีหน้าที่ตรงต้องดูแลเยาวชนไทยเราจนกว่าจะสามารถทำงานเลี้ยงดูตนเองได้,ที่ขาดญาติไร้มิตรหรือญาติพี่น้องผิดใจกันไม่เอามาเป็นภาระ,รัฐต้องเอามาเป็นภาระ,และสามารถสืบสวนการตายอย่างผิดปกติของพ่อแม่เด็กๆเหล่านี้ได้ว่า ,เป็นหนักขึ้นหลังไปรับวัคซีนmRNAโควิดมามั้ย, ..การตั้งกระทรวงพิเศษเพื่อรับภัยพิบัติจากสถานการณ์นี้ถือว่าสมควรมาก,คนไทยเราจะยิ่งมั่นใจในรัฐบาลของประเทศชาติตนเองมากขึ้น ฝากเป็นฝากตายกันได้,และนั้นคือทุกๆคนไทยเราจะสามัคคีร่วมกันสร้างชาติ ปกป้องชาติร่วมกันอย่างแข็งขัน,แม้ตนเสียชีวิตไปจากวัคซีนพิษที่รัฐบาลเชิญชวนกระตุ้นบีบบังคับทั้งทางตรงทางอ้อมให้ไปฉีดมา ฉีดใส่ร่างกายตนเอง ซึ่งมีโอกาสสูงในการก่อโรคใดโรคหนึ่งใน1,291โรค โรควูบ ลิ่มเลือดอุดตัน มะเร็งโทเบอร์ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ทำลายภูมิตุ้มกันธรรมชาติลงไปเรื่อยๆ เป็นต้น,เมื่อประชาชนพ่อแม่เขาตายไป รัฐบาลมีหน้าที่ตรงต้องรับเลี้ยงดูเด็กๆเยาวชนคนไทยเราต่อไปอย่างมีมาตราฐานอารยะธรรม ธรรมชาติที่ดีงามด้วย, หน่วยงานระดับอำเภอต้องเกิด,เพื่อบริหารจัดการส่งต่อเยาวชนเหล่านั้นไปรับการศึกษาเลี้ยงดูต่อไป,1ตำบล อาจมีเด็กๆลักษณะนี้ที่พ่อแม่ตายทั้งสองคน,ปู่ย่าตายายวูบตายอุบัติเหตุหมด ไร้ใครเลี้ยงดู รัฐบาลหน่วยงานที่ว่าต้องเข้าไปทำหน้าที่ทันที,1ตำบลมี10-15หมู่บ้าน อาจมีหมู่บ้านล่ะคนก็10-15คนต่อตำบล,1อำเภอมี8-10ตำบลก็ประมาณ150คนต่ออำเภอ,1จังหวัดมี18-20อำเภอก็3,000คนต่อจังหวัดอย่างน้อย,77จังหวัดก็ประมาณ231,000คน การตั้งกระทรวงพิเศษเพื่อดูแลปัญหานี้จึงสำคัญมาก,เพราะเยาวชนไทยเราเหล่านี้อนาคตคือกำลังพลที่สำคัญของชาติเช่นกันในการร่วมพัฒนาชาติไทยเราให้ก้าวไปด้วยร่วมกันเป็นหนึ่งเดียวกัน เราไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังของจริง. https://youtube.com/shorts/JGs1GNVGpFE?si=YGu7boLHFVNVvl_i
    0 Comments 0 Shares 641 Views 0 Reviews
  • “เกม BlockBlasters บน Steam กลายเป็นกับดักมัลแวร์ — สตรีมเมอร์สูญเงินบริจาครักษามะเร็งกว่า $32,000 พร้อมเหยื่อรวมกว่า 478 ราย”

    เรื่องราวสุดสะเทือนใจของ Raivo “RastalandTV” สตรีมเมอร์บน Twitch ที่กำลังระดมทุนเพื่อรักษามะเร็งขั้นรุนแรง กลับต้องเผชิญเหตุการณ์ไม่คาดคิด เมื่อเกมที่มีชื่อว่า “BlockBlasters” บน Steam ซึ่งดูเหมือนเกม 2D ธรรมดา กลับกลายเป็นมัลแวร์ที่ขโมยเงินคริปโตจากกระเป๋าเงินของเขาไปกว่า $32,000 ระหว่างการไลฟ์สดในวันที่ 30 กันยายน 2025

    เกม BlockBlasters เปิดตัวในเดือนกรกฎาคมและดูปลอดภัยในช่วงแรก แต่หลังจากอัปเดตเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม มัลแวร์ถูกฝังเข้ามาในตัวเกมโดยไม่แจ้งเตือน ทำให้ผู้เล่นที่ดาวน์โหลดเกมในช่วงนั้นตกเป็นเหยื่อโดยไม่รู้ตัว

    มัลแวร์ในเกมสามารถขโมยข้อมูลล็อกอิน Steam, ที่อยู่ IP และข้อมูลกระเป๋าคริปโต จากนั้นส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ควบคุมของผู้โจมตี โดยใช้เทคนิค dropper script, Python backdoor และ payload ที่ชื่อว่า StealC ซึ่งมีความสามารถในการเจาะระบบอย่างลึก

    นักวิจัยด้านความปลอดภัยจากกลุ่ม vx-underground และ ZachXBT ระบุว่ามีผู้เสียหายรวมกว่า 478 ราย และมูลค่าความเสียหายรวมกว่า $150,000 โดยเหยื่อส่วนใหญ่เป็นผู้ใช้ Steam ที่มีคริปโตในบัญชี และถูกชักชวนให้ลองเกมผ่านช่องทางเช่น Twitter หรือ Discord

    แม้เกมจะถูกถอดออกจาก Steam แล้ว แต่เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงช่องโหว่ในการตรวจสอบเนื้อหาเกมบนแพลตฟอร์มที่ผู้ใช้ไว้วางใจอย่างสูง และยังไม่มีคำตอบจาก Valve ถึงมาตรการป้องกันในอนาคต

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    เกม BlockBlasters บน Steam ถูกฝังมัลแวร์หลังอัปเดตเมื่อ 30 สิงหาคม 2025
    สตรีมเมอร์ RastalandTV สูญเงินบริจาครักษามะเร็งกว่า $32,000 ระหว่างไลฟ์สด
    มัลแวร์ขโมยข้อมูล Steam, IP และกระเป๋าคริปโต แล้วส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ของผู้โจมตี
    นักวิจัยพบเหยื่อรวมกว่า 478 ราย และมูลค่าความเสียหายรวมกว่า $150,000
    เกมถูกถอดออกจาก Steam หลังเกิดเหตุการณ์ แต่ไม่มีคำชี้แจงจาก Valve

    เทคนิคที่ใช้ในการโจมตี
    ใช้ dropper script ตรวจสอบสภาพแวดล้อมก่อนขโมยข้อมูล
    ใช้ Python backdoor และ payload StealC เพื่อเจาะระบบ
    เหยื่อถูกชักชวนผ่าน Twitter และ Discord โดยเน้นกลุ่มที่ถือคริปโต
    Telegram bot ของผู้โจมตีถูกเปิดเผย พร้อม token ที่ใช้ควบคุม

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    เกมที่มีรีวิว “Very Positive” และอยู่ในหมวด Early Access อาจถูกใช้เป็นช่องทางโจมตี
    การโจมตีแบบนี้คล้ายกับกรณี Chemia, PirateFi และ Sniper: Phantom’s Resolution ที่เคยเกิดขึ้นบน Steam
    การใช้มัลแวร์ในเกมเพื่อขโมยคริปโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2025
    ผู้ใช้ควรเปลี่ยนรหัส Steam และย้ายคริปโตไปยังกระเป๋าใหม่ทันทีหากเคยติดตั้งเกม

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/twitch-streamer-raising-money-for-cancer-treatment-has-funds-stolen-by-malware-ridden-steam-game-blockblasters-title-stole-usd150-000-from-hundreds-of-players
    🎮 “เกม BlockBlasters บน Steam กลายเป็นกับดักมัลแวร์ — สตรีมเมอร์สูญเงินบริจาครักษามะเร็งกว่า $32,000 พร้อมเหยื่อรวมกว่า 478 ราย” เรื่องราวสุดสะเทือนใจของ Raivo “RastalandTV” สตรีมเมอร์บน Twitch ที่กำลังระดมทุนเพื่อรักษามะเร็งขั้นรุนแรง กลับต้องเผชิญเหตุการณ์ไม่คาดคิด เมื่อเกมที่มีชื่อว่า “BlockBlasters” บน Steam ซึ่งดูเหมือนเกม 2D ธรรมดา กลับกลายเป็นมัลแวร์ที่ขโมยเงินคริปโตจากกระเป๋าเงินของเขาไปกว่า $32,000 ระหว่างการไลฟ์สดในวันที่ 30 กันยายน 2025 เกม BlockBlasters เปิดตัวในเดือนกรกฎาคมและดูปลอดภัยในช่วงแรก แต่หลังจากอัปเดตเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม มัลแวร์ถูกฝังเข้ามาในตัวเกมโดยไม่แจ้งเตือน ทำให้ผู้เล่นที่ดาวน์โหลดเกมในช่วงนั้นตกเป็นเหยื่อโดยไม่รู้ตัว มัลแวร์ในเกมสามารถขโมยข้อมูลล็อกอิน Steam, ที่อยู่ IP และข้อมูลกระเป๋าคริปโต จากนั้นส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ควบคุมของผู้โจมตี โดยใช้เทคนิค dropper script, Python backdoor และ payload ที่ชื่อว่า StealC ซึ่งมีความสามารถในการเจาะระบบอย่างลึก นักวิจัยด้านความปลอดภัยจากกลุ่ม vx-underground และ ZachXBT ระบุว่ามีผู้เสียหายรวมกว่า 478 ราย และมูลค่าความเสียหายรวมกว่า $150,000 โดยเหยื่อส่วนใหญ่เป็นผู้ใช้ Steam ที่มีคริปโตในบัญชี และถูกชักชวนให้ลองเกมผ่านช่องทางเช่น Twitter หรือ Discord แม้เกมจะถูกถอดออกจาก Steam แล้ว แต่เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงช่องโหว่ในการตรวจสอบเนื้อหาเกมบนแพลตฟอร์มที่ผู้ใช้ไว้วางใจอย่างสูง และยังไม่มีคำตอบจาก Valve ถึงมาตรการป้องกันในอนาคต ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ เกม BlockBlasters บน Steam ถูกฝังมัลแวร์หลังอัปเดตเมื่อ 30 สิงหาคม 2025 ➡️ สตรีมเมอร์ RastalandTV สูญเงินบริจาครักษามะเร็งกว่า $32,000 ระหว่างไลฟ์สด ➡️ มัลแวร์ขโมยข้อมูล Steam, IP และกระเป๋าคริปโต แล้วส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ของผู้โจมตี ➡️ นักวิจัยพบเหยื่อรวมกว่า 478 ราย และมูลค่าความเสียหายรวมกว่า $150,000 ➡️ เกมถูกถอดออกจาก Steam หลังเกิดเหตุการณ์ แต่ไม่มีคำชี้แจงจาก Valve ✅ เทคนิคที่ใช้ในการโจมตี ➡️ ใช้ dropper script ตรวจสอบสภาพแวดล้อมก่อนขโมยข้อมูล ➡️ ใช้ Python backdoor และ payload StealC เพื่อเจาะระบบ ➡️ เหยื่อถูกชักชวนผ่าน Twitter และ Discord โดยเน้นกลุ่มที่ถือคริปโต ➡️ Telegram bot ของผู้โจมตีถูกเปิดเผย พร้อม token ที่ใช้ควบคุม ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ เกมที่มีรีวิว “Very Positive” และอยู่ในหมวด Early Access อาจถูกใช้เป็นช่องทางโจมตี ➡️ การโจมตีแบบนี้คล้ายกับกรณี Chemia, PirateFi และ Sniper: Phantom’s Resolution ที่เคยเกิดขึ้นบน Steam ➡️ การใช้มัลแวร์ในเกมเพื่อขโมยคริปโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2025 ➡️ ผู้ใช้ควรเปลี่ยนรหัส Steam และย้ายคริปโตไปยังกระเป๋าใหม่ทันทีหากเคยติดตั้งเกม https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/twitch-streamer-raising-money-for-cancer-treatment-has-funds-stolen-by-malware-ridden-steam-game-blockblasters-title-stole-usd150-000-from-hundreds-of-players
    0 Comments 0 Shares 507 Views 0 Reviews
  • เมื่อความเศร้าไม่มีวันหมดอายุ — บันทึกของหมอฉุกเฉินผู้เป็นแม่หม้าย กับคำถามว่า “ยังเศร้าอยู่เหรอ?”

    บทความจาก Bess Stillman แพทย์ฉุกเฉินและนักเขียนผู้สูญเสียสามี Jake Seliger จากมะเร็งลิ้นเมื่อหนึ่งปีก่อน ถ่ายทอดความรู้สึกของการอยู่กับความเศร้าอย่างไม่มีกำหนดเวลา เธอเล่าว่าแม้เวลาจะผ่านไป แต่ความรู้สึกสูญเสียยังคงอยู่ในทุกการกระทำ ตั้งแต่การจองร้านอาหารที่เคยไปด้วยกัน ไปจนถึงการเลี้ยงลูกสาว Athena ที่มีใบหน้าเหมือนพ่อของเธอ

    บทความตั้งคำถามต่อการวินิจฉัย “ภาวะโศกเศร้าเรื้อรัง” (Prolonged Grief Disorder) ที่ถูกระบุใน DSM-5-TR โดยสมาคมจิตแพทย์อเมริกัน ซึ่งกำหนดว่า หากผู้ใหญ่ยังมีอาการเศร้าอย่างรุนแรงเกิน 1 ปีหลังการสูญเสีย อาจเข้าข่ายภาวะผิดปกติ แต่ Bess มองว่า ความเศร้าไม่ใช่โรค และการพยายามจัดระเบียบความเศร้าอาจสะท้อนความกลัวของสังคมต่อความเจ็บปวดมากกว่าความเข้าใจ

    เธอเปรียบเทียบความเศร้าเป็น “การเรียนรู้ที่เจ็บปวด” ซึ่งต้องใช้การทำซ้ำเพื่อปรับตัวกับโลกที่ไม่มีคนรักอยู่ และแม้เธอจะสามารถกลับไปทำงาน ดูแลลูก และใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่ภายในยังคงมีความรู้สึกสูญเสียที่ไม่เคยหายไป

    บทความยังสะท้อนความจริงที่ว่า สังคมมักหลีกเลี่ยงความเศร้า และพยายามหาคำอธิบายเพื่อป้องกันตัวเองจากความเจ็บปวด เช่น การถามถึงปัจจัยเสี่ยงของโรคมะเร็งของสามี เพื่อให้รู้สึกว่า “ฉันไม่น่าจะเป็นแบบนั้น” ทั้งที่ความตายเป็นสิ่งที่ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้

    ความเศร้าไม่มีวันหมดอายุ และไม่ควรถูกจำกัดด้วยกรอบเวลา
    Bess ยังรู้สึกถึง Jake ในชีวิตประจำวัน แม้เขาจะจากไปแล้วหนึ่งปี
    ความทรงจำและความรักยังคงอยู่ในทุกการกระทำ

    DSM-5-TR ระบุภาวะ “โศกเศร้าเรื้อรัง” หากมีอาการเกิน 1 ปี
    ต้องมีอาการอย่างน้อย 3 อย่าง เช่น ความรู้สึกไร้ความหมาย หรือความเศร้าอย่างรุนแรง
    Bess ตั้งคำถามว่า “แค่ 3 อาการก็เป็นโรคแล้วหรือ?”

    ความเศร้าเป็นการเรียนรู้ที่เจ็บปวด
    สมองต้องปรับตัวกับโลกที่ไม่มีคนรักอยู่
    การทำซ้ำช่วยให้เข้าใจว่าเขาจะไม่กลับมาอีก

    สังคมพยายามหลีกเลี่ยงความเศร้า
    คนมักถามถึงปัจจัยเสี่ยงเพื่อป้องกันตัวเองจากความกลัว
    ความเศร้าถูกซ่อนไว้หลังประตูห้องน้ำหรือการเดินเล่นคนเดียว

    ความเศร้าไม่ใช่โรค แต่เป็นส่วนหนึ่งของความเป็นมนุษย์
    Bess ยืนยันว่า “ฉันไม่ได้ป่วย ฉันแค่ยังรักอยู่”
    ความเจ็บปวดคือหลักฐานของความรักที่ลึกซึ้ง

    คำเตือนเกี่ยวกับการวินิจฉัยความเศร้า
    การกำหนดกรอบเวลาอาจทำให้ผู้สูญเสียรู้สึกผิดที่ยังเศร้าอยู่
    การวินิจฉัยอาจสะท้อนความกลัวของสังคมมากกว่าความเข้าใจ
    การซ่อนความเศร้าอาจทำให้เกิดความเจ็บปวดในระยะยาว
    ความคาดหวังให้ “หายเศร้า” อาจทำให้ผู้สูญเสียรู้สึกโดดเดี่ยว

    https://bessstillman.substack.com/p/oh-****-youre-still-sad
    📰 เมื่อความเศร้าไม่มีวันหมดอายุ — บันทึกของหมอฉุกเฉินผู้เป็นแม่หม้าย กับคำถามว่า “ยังเศร้าอยู่เหรอ?” บทความจาก Bess Stillman แพทย์ฉุกเฉินและนักเขียนผู้สูญเสียสามี Jake Seliger จากมะเร็งลิ้นเมื่อหนึ่งปีก่อน ถ่ายทอดความรู้สึกของการอยู่กับความเศร้าอย่างไม่มีกำหนดเวลา เธอเล่าว่าแม้เวลาจะผ่านไป แต่ความรู้สึกสูญเสียยังคงอยู่ในทุกการกระทำ ตั้งแต่การจองร้านอาหารที่เคยไปด้วยกัน ไปจนถึงการเลี้ยงลูกสาว Athena ที่มีใบหน้าเหมือนพ่อของเธอ บทความตั้งคำถามต่อการวินิจฉัย “ภาวะโศกเศร้าเรื้อรัง” (Prolonged Grief Disorder) ที่ถูกระบุใน DSM-5-TR โดยสมาคมจิตแพทย์อเมริกัน ซึ่งกำหนดว่า หากผู้ใหญ่ยังมีอาการเศร้าอย่างรุนแรงเกิน 1 ปีหลังการสูญเสีย อาจเข้าข่ายภาวะผิดปกติ แต่ Bess มองว่า ความเศร้าไม่ใช่โรค และการพยายามจัดระเบียบความเศร้าอาจสะท้อนความกลัวของสังคมต่อความเจ็บปวดมากกว่าความเข้าใจ เธอเปรียบเทียบความเศร้าเป็น “การเรียนรู้ที่เจ็บปวด” ซึ่งต้องใช้การทำซ้ำเพื่อปรับตัวกับโลกที่ไม่มีคนรักอยู่ และแม้เธอจะสามารถกลับไปทำงาน ดูแลลูก และใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่ภายในยังคงมีความรู้สึกสูญเสียที่ไม่เคยหายไป บทความยังสะท้อนความจริงที่ว่า สังคมมักหลีกเลี่ยงความเศร้า และพยายามหาคำอธิบายเพื่อป้องกันตัวเองจากความเจ็บปวด เช่น การถามถึงปัจจัยเสี่ยงของโรคมะเร็งของสามี เพื่อให้รู้สึกว่า “ฉันไม่น่าจะเป็นแบบนั้น” ทั้งที่ความตายเป็นสิ่งที่ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้ ✅ ความเศร้าไม่มีวันหมดอายุ และไม่ควรถูกจำกัดด้วยกรอบเวลา ➡️ Bess ยังรู้สึกถึง Jake ในชีวิตประจำวัน แม้เขาจะจากไปแล้วหนึ่งปี ➡️ ความทรงจำและความรักยังคงอยู่ในทุกการกระทำ ✅ DSM-5-TR ระบุภาวะ “โศกเศร้าเรื้อรัง” หากมีอาการเกิน 1 ปี ➡️ ต้องมีอาการอย่างน้อย 3 อย่าง เช่น ความรู้สึกไร้ความหมาย หรือความเศร้าอย่างรุนแรง ➡️ Bess ตั้งคำถามว่า “แค่ 3 อาการก็เป็นโรคแล้วหรือ?” ✅ ความเศร้าเป็นการเรียนรู้ที่เจ็บปวด ➡️ สมองต้องปรับตัวกับโลกที่ไม่มีคนรักอยู่ ➡️ การทำซ้ำช่วยให้เข้าใจว่าเขาจะไม่กลับมาอีก ✅ สังคมพยายามหลีกเลี่ยงความเศร้า ➡️ คนมักถามถึงปัจจัยเสี่ยงเพื่อป้องกันตัวเองจากความกลัว ➡️ ความเศร้าถูกซ่อนไว้หลังประตูห้องน้ำหรือการเดินเล่นคนเดียว ✅ ความเศร้าไม่ใช่โรค แต่เป็นส่วนหนึ่งของความเป็นมนุษย์ ➡️ Bess ยืนยันว่า “ฉันไม่ได้ป่วย ฉันแค่ยังรักอยู่” ➡️ ความเจ็บปวดคือหลักฐานของความรักที่ลึกซึ้ง ‼️ คำเตือนเกี่ยวกับการวินิจฉัยความเศร้า ⛔ การกำหนดกรอบเวลาอาจทำให้ผู้สูญเสียรู้สึกผิดที่ยังเศร้าอยู่ ⛔ การวินิจฉัยอาจสะท้อนความกลัวของสังคมมากกว่าความเข้าใจ ⛔ การซ่อนความเศร้าอาจทำให้เกิดความเจ็บปวดในระยะยาว ⛔ ความคาดหวังให้ “หายเศร้า” อาจทำให้ผู้สูญเสียรู้สึกโดดเดี่ยว https://bessstillman.substack.com/p/oh-fuck-youre-still-sad
    BESSSTILLMAN.SUBSTACK.COM
    Oh fuck, you're still sad?
    Grief gets an expiration date. Just like us.
    0 Comments 0 Shares 470 Views 0 Reviews
  • “ญี่ปุ่นทำสถิติใหม่! ผู้สูงวัยอายุเกิน 100 ปีเกือบแสนคน — เบื้องหลังความยืนยาวที่โลกต้องเรียนรู้”

    รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศตัวเลขล่าสุดในเดือนกันยายน 2025 ว่ามีประชากรอายุ 100 ปีขึ้นไปถึง 99,763 คน ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดเป็นปีที่ 55 ติดต่อกัน โดยในจำนวนนี้ ผู้หญิงมีสัดส่วนถึง 88% สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มอายุขัยที่ยืนยาวของผู้หญิงญี่ปุ่นอย่างชัดเจน

    ผู้สูงวัยที่อายุมากที่สุดในประเทศคือคุณ Shigeko Kagawa อายุ 114 ปี จากเมือง Nara ส่วนผู้ชายที่อายุมากที่สุดคือคุณ Kiyotaka Mizuno อายุ 111 ปี จากเมือง Iwata ซึ่งกล่าวว่า “สิ่งสำคัญที่สุดคือไม่เก็บเรื่องต่าง ๆ มาใส่ใจ” หรือในภาษาญี่ปุ่นคือ “ไม่ kuyokuyo” หมายถึงไม่วิตกกังวลเกินเหตุ

    เบื้องหลังความยืนยาวของชาวญี่ปุ่นมีหลายปัจจัย ทั้งอาหารที่เน้นปลา ผัก และลดเนื้อแดง การออกกำลังกายแบบกลุ่ม เช่น Radio Taiso ที่มีมาตั้งแต่ปี 1928 และการใช้ชีวิตที่มีจังหวะช้าแต่มั่นคง เช่น การเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะแทนรถยนต์ส่วนตัว

    นอกจากนี้ยังมีวัฒนธรรม “hara hachi bu” หรือการกินแค่ 80% ของความอิ่ม และ “ikigai” หรือการมีเป้าหมายในชีวิต ซึ่งเป็นแนวคิดที่ฝังรากลึกในสังคมญี่ปุ่น โดยเฉพาะในพื้นที่ Blue Zone อย่าง Okinawa ที่มีอัตราผู้สูงวัยมากที่สุดในโลก

    อย่างไรก็ตาม มีข้อกังวลเรื่องความถูกต้องของข้อมูล เนื่องจากการตรวจสอบในปี 2010 พบว่ามีผู้ที่ถูกระบุว่าอายุเกิน 100 ปีแต่เสียชีวิตไปแล้วกว่า 230,000 คน ซึ่งเกิดจากการบันทึกข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน และบางกรณีมีการปกปิดการเสียชีวิตเพื่อรับเงินบำนาญ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    ญี่ปุ่นมีผู้สูงวัยอายุเกิน 100 ปีถึง 99,763 คนในปี 2025
    ผู้หญิงมีสัดส่วนถึง 88% ของผู้สูงวัยทั้งหมด
    ผู้ที่อายุมากที่สุดคือ Shigeko Kagawa (114 ปี) และ Kiyotaka Mizuno (111 ปี)
    มีการจัดงานวันผู้สูงอายุแห่งชาติในวันที่ 15 กันยายน พร้อมมอบถ้วยเงินและจดหมายแสดงความยินดีจากนายกรัฐมนตรี

    ปัจจัยที่ส่งเสริมอายุยืน
    อาหารที่เน้นปลา ผัก และลดเนื้อแดง ลดอัตราโรคหัวใจและมะเร็ง
    การออกกำลังกายแบบกลุ่ม เช่น Radio Taiso ที่ออกอากาศทุกวัน
    วัฒนธรรม “hara hachi bu” และ “ikigai” ที่ส่งเสริมสุขภาพจิตและร่างกาย
    การเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะช่วยให้ผู้สูงวัยเคลื่อนไหวมากขึ้น

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Okinawa เป็นหนึ่งใน Blue Zone ที่มีผู้สูงวัยมากที่สุดในโลก
    ผู้หญิงทั่วโลกมีแนวโน้มอายุยืนกว่าผู้ชายจากปัจจัยทางชีวภาพและพฤติกรรม
    ญี่ปุ่นมีอัตราโรคอ้วนต่ำ โดยเฉพาะในผู้หญิง
    การลดการบริโภคเกลือและน้ำตาลเป็นผลจากนโยบายสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพ

    https://www.bbc.com/news/articles/cd07nljlyv0o
    🎉 “ญี่ปุ่นทำสถิติใหม่! ผู้สูงวัยอายุเกิน 100 ปีเกือบแสนคน — เบื้องหลังความยืนยาวที่โลกต้องเรียนรู้” รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศตัวเลขล่าสุดในเดือนกันยายน 2025 ว่ามีประชากรอายุ 100 ปีขึ้นไปถึง 99,763 คน ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดเป็นปีที่ 55 ติดต่อกัน โดยในจำนวนนี้ ผู้หญิงมีสัดส่วนถึง 88% สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มอายุขัยที่ยืนยาวของผู้หญิงญี่ปุ่นอย่างชัดเจน ผู้สูงวัยที่อายุมากที่สุดในประเทศคือคุณ Shigeko Kagawa อายุ 114 ปี จากเมือง Nara ส่วนผู้ชายที่อายุมากที่สุดคือคุณ Kiyotaka Mizuno อายุ 111 ปี จากเมือง Iwata ซึ่งกล่าวว่า “สิ่งสำคัญที่สุดคือไม่เก็บเรื่องต่าง ๆ มาใส่ใจ” หรือในภาษาญี่ปุ่นคือ “ไม่ kuyokuyo” หมายถึงไม่วิตกกังวลเกินเหตุ เบื้องหลังความยืนยาวของชาวญี่ปุ่นมีหลายปัจจัย ทั้งอาหารที่เน้นปลา ผัก และลดเนื้อแดง การออกกำลังกายแบบกลุ่ม เช่น Radio Taiso ที่มีมาตั้งแต่ปี 1928 และการใช้ชีวิตที่มีจังหวะช้าแต่มั่นคง เช่น การเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะแทนรถยนต์ส่วนตัว นอกจากนี้ยังมีวัฒนธรรม “hara hachi bu” หรือการกินแค่ 80% ของความอิ่ม และ “ikigai” หรือการมีเป้าหมายในชีวิต ซึ่งเป็นแนวคิดที่ฝังรากลึกในสังคมญี่ปุ่น โดยเฉพาะในพื้นที่ Blue Zone อย่าง Okinawa ที่มีอัตราผู้สูงวัยมากที่สุดในโลก อย่างไรก็ตาม มีข้อกังวลเรื่องความถูกต้องของข้อมูล เนื่องจากการตรวจสอบในปี 2010 พบว่ามีผู้ที่ถูกระบุว่าอายุเกิน 100 ปีแต่เสียชีวิตไปแล้วกว่า 230,000 คน ซึ่งเกิดจากการบันทึกข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน และบางกรณีมีการปกปิดการเสียชีวิตเพื่อรับเงินบำนาญ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ญี่ปุ่นมีผู้สูงวัยอายุเกิน 100 ปีถึง 99,763 คนในปี 2025 ➡️ ผู้หญิงมีสัดส่วนถึง 88% ของผู้สูงวัยทั้งหมด ➡️ ผู้ที่อายุมากที่สุดคือ Shigeko Kagawa (114 ปี) และ Kiyotaka Mizuno (111 ปี) ➡️ มีการจัดงานวันผู้สูงอายุแห่งชาติในวันที่ 15 กันยายน พร้อมมอบถ้วยเงินและจดหมายแสดงความยินดีจากนายกรัฐมนตรี ✅ ปัจจัยที่ส่งเสริมอายุยืน ➡️ อาหารที่เน้นปลา ผัก และลดเนื้อแดง ลดอัตราโรคหัวใจและมะเร็ง ➡️ การออกกำลังกายแบบกลุ่ม เช่น Radio Taiso ที่ออกอากาศทุกวัน ➡️ วัฒนธรรม “hara hachi bu” และ “ikigai” ที่ส่งเสริมสุขภาพจิตและร่างกาย ➡️ การเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะช่วยให้ผู้สูงวัยเคลื่อนไหวมากขึ้น ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Okinawa เป็นหนึ่งใน Blue Zone ที่มีผู้สูงวัยมากที่สุดในโลก ➡️ ผู้หญิงทั่วโลกมีแนวโน้มอายุยืนกว่าผู้ชายจากปัจจัยทางชีวภาพและพฤติกรรม ➡️ ญี่ปุ่นมีอัตราโรคอ้วนต่ำ โดยเฉพาะในผู้หญิง ➡️ การลดการบริโภคเกลือและน้ำตาลเป็นผลจากนโยบายสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพ https://www.bbc.com/news/articles/cd07nljlyv0o
    WWW.BBC.COM
    Japan sets new record with nearly 100,000 people aged over 100
    The number of Japanese centenarians rose to 99,763 in September, with women making up 88% of the total.
    0 Comments 0 Shares 665 Views 0 Reviews
More Results