• รวมข่าวจากเวบ TechRadar

    #รวมข่าวIT #20251205 #TechRadar

    บอทเน็ต Aisuru ทำสถิติใหม่โจมตี DDoS 29.7 Tbps
    เรื่องนี้เป็นการกลับมาอีกครั้งของบอทเน็ตชื่อ Aisuru ที่ใช้เครื่อง IoT กว่า 4 ล้านเครื่องในการสร้างการโจมตี DDoS ที่แรงที่สุดในประวัติศาสตร์ โดย Cloudflare รายงานว่าเพียงไตรมาสเดียวก็ต้องรับมือกับการโจมตีมากกว่า 1,300 ครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งมีความรุนแรงระดับหลาย Tbps เหยื่อที่โดนล่าสุดมีทั้งบริษัทเกม Gcore และ Microsoft ที่เจอการโจมตีบนคลาวด์สูงถึง 15.72 Tbps จุดที่น่ากังวลคือบอทเน็ตนี้ถูกให้บริการเป็น “บริการเช่า” ใครก็สามารถใช้โจมตีโครงสร้างพื้นฐานสำคัญได้ง่ายๆ
    https://www.techradar.com/pro/security/this-ddos-group-just-smashed-the-previous-record-with-a-29-7-tbps-attack

    Samsung OLED รุ่นใหม่หลุด พร้อมทีวี “The Frame” ขนาดยักษ์ 98 นิ้ว
    มีข้อมูลหลุดจากฐานข้อมูลอะไหล่ของ Samsung ในยุโรป เผยว่าปี 2026 จะมีทีวี OLED รุ่นใหม่หลายรุ่น รวมถึง S99H ที่คาดว่าจะเหนือกว่ารุ่นเรือธง S95F ที่เพิ่งได้รางวัลทีวีแห่งปี และยังมีการเตรียมเปิดตัว “The Frame” ขนาด 98 นิ้ว ซึ่งใหญ่จนแทบจะเรียกว่า “The Mural” ได้เลย นอกจากนี้ยังมีรุ่น S82H และ S83H ที่ใช้แผง WOLED จาก LG Display เพื่อเจาะตลาดราคาย่อมเยา คาดว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน CES 2026
    https://www.techradar.com/televisions/samsungs-next-gen-oled-tvs-leak-including-a-mysterious-new-elite-model

    Microsoft ปิดช่องโหว่ LNK ที่ถูกใช้โจมตีมานานหลายปี
    Microsoft ได้ออกแพตช์ในเดือนพฤศจิกายนเพื่อแก้ไขช่องโหว่ในไฟล์ .LNK ที่ถูกใช้โจมตีมาตั้งแต่ปี 2017 ช่องโหว่นี้ทำให้ผู้โจมตีสามารถซ่อนคำสั่งอันตรายในไฟล์ชอร์ตคัต และเมื่อผู้ใช้เปิดดูไฟล์ก็จะไม่เห็นคำสั่งที่แท้จริง ทำให้เกิดการโจมตีแบบ Remote Code Execution ได้ ช่องโหว่นี้ถูกใช้โดยกลุ่มแฮกเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐหลายประเทศ เช่น จีน อิหร่าน เกาหลีเหนือ และรัสเซีย หลังจากถูกเตือนหลายครั้ง Microsoft จึงตัดสินใจแก้ไขอย่างจริงจัง
    https://www.techradar.com/pro/security/microsoft-quietly-patches-lnk-vulnerability-thats-been-weaponized-for-years

    เบราว์เซอร์ AI กำลังเปลี่ยนเกม แต่ความปลอดภัยยังตามไม่ทัน
    เบราว์เซอร์ยุคใหม่อย่าง Edge ที่มี Copilot หรือ Chrome ที่ใส่ Gemini กำลังทำให้การใช้งานสะดวกขึ้นมาก ทั้งการสรุปเนื้อหา แปลภาษา หรือค้นหาข้อมูล แต่ความสะดวกนี้ก็แฝงความเสี่ยง เพราะ AI อาจถูกหลอกด้วยข้อความหรือโค้ดที่ซ่อนอยู่ในหน้าเว็บ แล้วทำงานตามคำสั่งที่เป็นอันตราย เช่น ส่งข้อมูลเข้าสู่มือแฮกเกอร์โดยที่ผู้ใช้ไม่รู้ตัว ปัญหาคือการนำ AI มาใช้ในเบราว์เซอร์เกิดขึ้นเร็วมาก จนมาตรการด้านความปลอดภัยยังไม่ทันตาม ทำให้ผู้เชี่ยวชี้เตือนว่าต้องระวังการโจมตีรูปแบบใหม่ที่แทบไม่มีร่องรอยให้ตรวจจับ
    https://www.techradar.com/pro/ai-browsers-are-rewriting-the-rules-is-your-security-keeping-pace

    บทเรียนจากการวิ่งมาราธอนสู่การทำงานด้านไซเบอร์ซีเคียวริตี้
    Stephanie Schneider เล่าประสบการณ์ว่า การวิ่งมาราธอน 26.2 ไมล์สอนให้เธอเข้าใจความอดทนและการจัดการพลังงาน ซึ่งเหมือนกับการทำงานในโลกไซเบอร์ที่เต็มไปด้วยแรงกดดันและความเหนื่อยล้า เธอเปรียบเทียบว่าเหมือนการเจอ “กำแพง” ตอนวิ่ง ที่ต้องใช้ใจสู้ต่อไป เช่นเดียวกับการทำงานที่ต้องเจอภัยคุกคามใหม่ๆ ทุกวัน การฝึกซ้อมอย่างต่อเนื่อง การแบ่งเป้าหมายเป็นขั้นตอนเล็กๆ และการรักษาความสมดุลคือสิ่งที่ทำให้ทั้งนักวิ่งและนักไซเบอร์สามารถไปถึงเส้นชัยได้
    https://www.techradar.com/pro/im-a-marathoner-and-a-cybersecurity-leader-heres-what-26-2-miles-have-taught-me-about-work

    Microsoft ปฏิเสธข่าวลดเป้าหมายยอดขาย AI หลังลูกค้าต้านทาน
    มีรายงานว่าลูกค้าหลายรายลังเลที่จะลงทุนในเครื่องมือ AI ของ Microsoft เพราะราคาสูงและยังไม่เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน แต่ทาง Microsoft ออกมาปฏิเสธข่าวลือว่ามีการปรับลดเป้าหมายยอดขาย โดยยืนยันว่าความต้องการยังคงแข็งแรง เพียงแต่ลูกค้าบางกลุ่มต้องใช้เวลาในการปรับตัวและวางกลยุทธ์การใช้งานจริง เรื่องนี้สะท้อนว่าการนำ AI เข้ามาในองค์กรไม่ใช่แค่เรื่องเทคโนโลยี แต่ยังเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมและวิธีทำงานด้วย
    https://www.techradar.com/pro/microsoft-denies-reports-of-lower-ai-sales-targets-as-customers-resist-new-tools

    วิกฤติชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์หนักขึ้น RAM ผู้ผลิตใหญ่เลิกตลาดผู้บริโภค
    ตลาดคอมพิวเตอร์กำลังเจอปัญหาหนัก เมื่อผู้ผลิต RAM รายใหญ่ประกาศเลิกทำตลาดสำหรับผู้ใช้ทั่วไป หันไปเน้นตลาดองค์กรแทน ทำให้เกิดความกังวลว่าราคาชิ้นส่วนจะพุ่งสูงขึ้น นอกจากนี้ยังมีข่าวลือว่าราคาซีพียูจะปรับขึ้นอีกด้วย สถานการณ์นี้ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการอัปเกรดหรือประกอบเครื่องใหม่อาจต้องเจอค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นอย่างมาก
    https://www.techradar.com/computing/memory/pc-component-crisis-just-got-worse-as-major-ram-maker-gives-up-on-consumers-and-cpu-price-hikes-are-rumored

    YouTube เตรียมบล็อกผู้ใช้อายุต่ำกว่า 16 ปีในออสเตรเลีย
    ท่ามกลางการถกเถียงเรื่องการแบนโซเชียลมีเดียสำหรับเยาวชนในออสเตรเลีย YouTube ประกาศว่าจะบล็อกการใช้งานสำหรับผู้ที่อายุต่ำกว่า 16 ปี การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นหลังจากรัฐบาลกำลังพิจารณากฎหมายใหม่เพื่อจำกัดการเข้าถึงแพลตฟอร์มออนไลน์ของเด็กและเยาวชน โดยมีเป้าหมายเพื่อปกป้องสุขภาพจิตและความปลอดภัย แต่ก็มีเสียงวิจารณ์ว่าการบังคับใช้เข้มงวดเกินไปและอาจกระทบต่อเสรีภาพในการเข้าถึงข้อมูล
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/youtube-to-lock-out-under-16s-in-australia-as-controversial-social-media-ban-looms

    รีวิวเครื่องสแกนหนังสือ CZUR ET24 Pro
    เครื่องสแกนหนังสือรุ่นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อความสะดวกในการแปลงหนังสือเป็นไฟล์ดิจิทัล จุดเด่นคือสามารถสแกนได้เร็วและมีฟีเจอร์แก้ไขภาพอัตโนมัติ เช่น การปรับหน้าหนังสือที่โค้งให้ออกมาเรียบ รวมถึงการตรวจจับหน้าที่พลิกอัตโนมัติ เหมาะสำหรับนักวิจัย นักเรียน หรือผู้ที่ต้องการเก็บเอกสารจำนวนมากในรูปแบบดิจิทัล รีวิวชี้ว่าคุณภาพการสแกนคมชัดและใช้งานง่าย แต่ราคาก็ถือว่าสูงพอสมควร
    https://www.techradar.com/computing/czur-et24-pro-book-scanner-review

    ข้อมูลลูกค้า Freedom Mobile ถูกขโมยจากแพลตฟอร์มจัดการบัญชี
    มีการแฮกแพลตฟอร์มจัดการบัญชีของ Freedom Mobile ทำให้ข้อมูลลูกค้าถูกขโมยไป เหตุการณ์นี้สร้างความกังวลอย่างมาก เพราะข้อมูลที่รั่วไหลอาจรวมถึงรายละเอียดส่วนตัวและข้อมูลการติดต่อ ปัญหานี้สะท้อนถึงความเสี่ยงที่ผู้ให้บริการโทรคมนาคมต้องเผชิญ และตอกย้ำว่าการป้องกันข้อมูลลูกค้าเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องลงทุนอย่างจริงจัง
    https://www.techradar.com/pro/security/customer-data-stolen-in-freedom-mobile-account-management-platform-hack

    ChatGPT อาจไม่ปลอดภัยเท่าเดิม หลังศาลสั่งให้ OpenAI ส่งมอบข้อมูลการสนทนา
    เรื่องนี้เริ่มจากการฟ้องร้องของ The New York Times ต่อ OpenAI โดยศาลสหรัฐฯ มีคำสั่งให้บริษัทต้องส่งมอบบันทึกการสนทนากว่า 20 ล้านรายการ เพื่อใช้ตรวจสอบการละเมิดลิขสิทธิ์ แม้ศาลยืนยันว่าจะมีการลบข้อมูลระบุตัวตนเพื่อป้องกันความเป็นส่วนตัว แต่ OpenAI กลับมองว่าการกระทำนี้บั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้ใช้ เพราะถึงแม้ชื่อจะถูกลบออก แต่รูปแบบการสนทนาก็ยังสามารถบอกอะไรได้มากมาย นี่จึงเป็นครั้งแรกที่ข้อมูลการแชทถูกบังคับให้เปิดเผย และอาจเป็นสัญญาณของการต่อสู้เรื่องความเป็นส่วนตัวในโลก AI ที่กำลังจะเข้มข้นขึ้น
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/your-chatgpt-chats-could-be-less-private-than-you-thought-heres-what-a-new-openai-court-ruling-means-for-you

    รัสเซียบล็อก FaceTime และ Roblox เพิ่มเติมในมาตรการควบคุมอินเทอร์เน็ต
    รัฐบาลรัสเซียเดินหน้าจำกัดเสรีภาพดิจิทัลมากขึ้น โดยล่าสุด FaceTime และ Roblox ถูกบล็อกอย่างเป็นทางการ เหตุผลที่อ้างคือการป้องกันการก่อการร้ายและการปกป้องเยาวชน แต่ผู้ใช้จำนวนมากมองว่านี่คือการตัดขาดจากโลกภายนอก เด็กและวัยรุ่นที่เคยใช้ Roblox เพื่อเล่นและสื่อสารได้รับผลกระทบหนัก ขณะเดียวกัน FaceTime ก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นช่องทางในการจัดกิจกรรมผิดกฎหมาย ทำให้ผู้คนหันไปใช้แอปที่รัฐสนับสนุนแทน เช่น MAX ซึ่งถูกบังคับติดตั้งในมือถือใหม่ แต่ก็มีข้อกังวลเรื่องการถูกสอดส่องมากขึ้น
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/roblox-facetime-become-the-last-targets-of-russias-censorship

    Hyundai เปิดตัวหุ่นยนต์อเนกประสงค์ MobED ที่แปลงร่างได้หลากหลาย
    Hyundai กำลังจะวางขายหุ่นยนต์แพลตฟอร์มใหม่ชื่อ MobED ที่สามารถปรับตัวได้ทั้งในร่มและกลางแจ้ง จุดเด่นคือระบบล้อที่หมุนและปรับองศาได้ ทำให้มันเคลื่อนที่บนพื้นขรุขระหรือขึ้นบันไดเล็ก ๆ ได้อย่างมั่นคง ผู้ใช้สามารถติดตั้งอุปกรณ์เสริมได้ตามต้องการ เช่น แขนกลสำหรับงานคลังสินค้า รถเข็นกอล์ฟ หรือแม้แต่กล้องถ่ายคอนเทนต์อัตโนมัติ Hyundai ตั้งใจผลิตด้วยมาตรฐานยานยนต์เพื่อให้ใช้งานจริงในโรงงานและชีวิตประจำวัน และยังมีแผนทำเวอร์ชัน Pro ที่ติดเซ็นเซอร์และ Lidar สำหรับการทำงานอัตโนมัติเต็มรูปแบบ
    https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/hyundais-charming-autonomous-robot-can-be-everything-from-a-golf-trolley-to-an-e-scooter-and-its-going-on-sale-soon

    ซีอีโอเตือนการลงทุนด้าน AI ต้องมีแผน ไม่ใช่แค่ตามกระแส
    หลายผู้บริหารบริษัทเทคโนโลยีออกมาเตือนว่าการลงทุนใน AI กำลังเสี่ยงจะกลายเป็น “ฟองสบู่” Logitech ชี้ว่าหลายผลิตภัณฑ์ AI เป็นเพียงการสร้างสิ่งที่ไม่ตอบโจทย์จริง Anthropic ก็เตือนว่าการทุ่มเงินมหาศาลโดยไม่คำนวณความเสี่ยงอาจทำให้เกิดผลเสียทางการเงิน ขณะที่ Google และ OpenAI เองก็ยอมรับว่าความตื่นตัวเกินไปอาจทำให้นักลงทุนเจ็บตัวในอนาคต สรุปคือ AI เป็นเครื่องมือทรงพลัง แต่ต้องใช้กลยุทธ์และการวางแผน ไม่ใช่การลงทุนแบบ “YOLO”
    https://www.techradar.com/pro/ceos-are-warning-ai-adoption-and-spending-should-be-more-strategic

    อัปเกรด Raspberry Pi แค่ $10 ได้ทั้ง PCIe และ HDMI คู่
    Waveshare เปิดตัวอะแดปเตอร์ใหม่สำหรับ Raspberry Pi 5 ที่ราคาเพียง $10 แต่เพิ่มความสามารถได้มากมาย ทั้งการเชื่อมต่อ PCIe M.2 สำหรับ SSD และพอร์ต HDMI ขนาดเต็มสองช่อง ทำให้สามารถบูตระบบจาก NVMe SSD ได้โดยตรง และใช้งานเหมือนเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก เหมาะสำหรับนักพัฒนาและผู้ที่อยากขยายความสามารถของบอร์ดเล็ก ๆ ให้ทำงานได้ใกล้เคียงเดสก์ท็อป แม้จะรองรับเฉพาะการ์ด M.2 ขนาดเล็ก แต่ถือเป็นการอัปเกรดที่คุ้มค่าและเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้งานอย่างมาก
    https://www.techradar.com/pro/looking-to-supercharge-your-raspberry-pi-this-adapter-provides-two-full-sized-hdmi-ports-and-a-pcie-connector-and-it-only-costs-usd10

    ธนาคารสหรัฐกว่า 70 แห่งถูกโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ Marquis
    มีรายงานว่าธนาคารและสหภาพเครดิตในสหรัฐฯ กว่า 70 แห่งตกเป็นเหยื่อการโจมตีของกลุ่มแฮกเกอร์ Marquis โดยข้อมูลลูกค้าถูกขโมยและถูกนำไปขายในตลาดมืด การโจมตีครั้งนี้สร้างความกังวลอย่างมากต่อระบบการเงิน เพราะ Marquis มีประวัติการโจมตีองค์กรขนาดใหญ่หลายครั้งแล้ว ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าธนาคารต้องเร่งเสริมระบบป้องกันไซเบอร์ และลูกค้าควรตรวจสอบบัญชีของตนเองอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันการถูกนำข้อมูลไปใช้ในทางที่ผิด
    https://www.techradar.com/pro/security/over-70-us-banks-and-credit-unions-affected-by-marquis-ransomware-breach-heres-what-we-know

    ค้นพบแหล่งดินเหนียวที่มีลิเทียมมหาศาลในสหรัฐฯ
    นักวิจัยพบแหล่งดินเหนียวที่มีลิเทียมจำนวนมหาศาลภายในซูเปอร์ภูเขาไฟในสหรัฐฯ คาดว่ามีมูลค่ากว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ และสามารถใช้ผลิตแบตเตอรี่ได้หลายสิบปี การค้นพบนี้อาจช่วยลดความผันผวนของราคาลิเทียมที่พุ่งสูงในตลาดโลก แต่ก็มีข้อกังวลเรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการทำเหมืองในพื้นที่ที่เปราะบาง การค้นพบนี้จึงเป็นทั้งโอกาสและความท้าทายสำหรับอุตสาหกรรมพลังงานสะอาด
    https://www.techradar.com/pro/newly-discovered-usd1-5-billion-lithium-deposit-could-revolutionize-the-tech-industry-but-bad-news-its-inside-a-supervolcano

    Android vs iPhone: ผลสำรวจเผยผู้ใช้ TechRadar ชอบฝั่งไหนมากกว่า
    ผลสำรวจจากผู้อ่าน TechRadar แสดงให้เห็นว่าผู้ใช้ยังคงแบ่งขั้วระหว่าง Android และ iPhone อย่างชัดเจน โดย Android ได้คะแนนนิยมจากผู้ที่ชอบความยืดหยุ่นและราคาที่หลากหลาย ส่วน iPhone ได้คะแนนจากผู้ที่ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ใช้งานที่เรียบง่ายและการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ Apple อื่น ๆ การถกเถียงเรื่อง “ใครดีกว่า” จึงยังคงดำเนินต่อไป และสะท้อนให้เห็นว่าทั้งสองระบบมีจุดแข็งที่แตกต่างกัน
    https://www.techradar.com/phones/android-vs-iphone-heres-what-techradar-readers-prefer

    Nvidia CEO Jensen Huang ผลักดันรัฐบาลสหรัฐฯ ต่อต้านข้อจำกัดชิป AI
    Jensen Huang ซีอีโอของ Nvidia ออกมาเรียกร้องต่อสภาคองเกรสและรัฐบาลสหรัฐฯ ให้ทบทวนข้อจำกัดการส่งออกชิป AI และกฎระเบียบระดับรัฐ เขาเตือนว่าการจำกัดมากเกินไปจะทำให้สหรัฐฯ เสียเปรียบในการแข่งขันระดับโลก โดยเฉพาะกับจีนที่กำลังพัฒนาเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว Nvidia ซึ่งเป็นผู้นำตลาดชิป AI มองว่าการเปิดเสรีมากขึ้นจะช่วยให้สหรัฐฯ รักษาความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรม
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/nvidia-boss-jensen-huang-steers-trump-congress-against-ai-chip-limits-and-state-level-ai-rules

    Arm64 แรงแซง x86 ในการทดสอบ AWS Lambda ปี 2025
    ผลการทดสอบล่าสุดของ AWS Lambda เผยว่า Arm64 มีประสิทธิภาพเหนือกว่า x86 อย่างชัดเจน โดยทำงานเร็วขึ้นถึง 4-5 เท่า และลดค่าใช้จ่ายลงกว่า 30% การเปลี่ยนมาใช้สถาปัตยกรรม Arm64 จึงถูกมองว่าเป็นก้าวสำคัญในการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพของระบบคลาวด์ นักพัฒนาที่ใช้ AWS อาจได้ประโยชน์มหาศาลจากการเปลี่ยนแปลงนี้ เพราะสามารถรันงานได้เร็วขึ้นและประหยัดมากขึ้น
    https://www.techradar.com/pro/arm64-dominates-aws-lambda-in-2025-rust-4-5x-faster-than-x86-costs-30-less-across-all-workloads

    Google เปิดตัวเครื่องมือสร้าง AI Agent แบบไม่ต้องมีประสบการณ์
    Google เปิดตัว Workspace Studio ให้ธุรกิจทุกระดับสามารถสร้าง AI Agent ได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องมีทักษะการเขียนโค้ด ใช้เพียงการพิมพ์คำสั่งธรรมชาติ ระบบนี้ขับเคลื่อนด้วย Gemini 3 ที่มีความสามารถด้านการวิเคราะห์และเข้าใจบริบทอย่างลึกซึ้ง จุดเด่นคือสามารถทำงานร่วมกับทั้งแอปใน Google Workspace และแอปภายนอก เช่น Asana, Jira, Salesforce และ Mailchimp ได้อย่างราบรื่น ผู้ใช้สามารถแบ่งปัน Agent ที่สร้างขึ้นกับทีมได้เหมือนแชร์ไฟล์ใน Google Drive และมีบริษัทอย่าง Kärcher ที่ทดลองใช้แล้วสามารถลดเวลาการทำงานจากหลายชั่วโมงเหลือเพียงไม่กี่นาที ถือเป็นการเปิดโอกาสให้ธุรกิจทั่วไปเข้าถึง AI ได้ง่ายขึ้น
    https://www.techradar.com/pro/google-wants-to-help-businesses-build-ai-agents-with-no-prior-experience

    รีวิว Apple Final Cut Pro 2025
    Final Cut Pro เวอร์ชันใหม่ 11.2 ยังคงรักษาจุดแข็งเรื่องการใช้งานที่ลื่นไหลและแนวคิด “Magnetic Timeline” ที่ช่วยให้การตัดต่อรวดเร็วขึ้น แต่ก็ยังมีข้อจำกัดเพราะใช้ได้เฉพาะบน Mac และบางฟีเจอร์รองรับเฉพาะเครื่องที่ใช้ Apple Silicon เท่านั้น จุดเด่นคือมีฟีเจอร์ใหม่ ๆ เช่น “Magnetic Mask” ที่ช่วยเลือกและติดตามวัตถุในวิดีโอได้อัตโนมัติ รวมถึงการทำซับไตเติลอัตโนมัติ แม้จะยังไม่สมบูรณ์สำหรับผู้ใช้ Mac รุ่นเก่า แต่ก็ถือว่า Apple กำลังพยายามไล่ตามคู่แข่งอย่าง Premiere Pro และ Resolve โดยยังคงข้อดีเรื่องการจ่ายครั้งเดียวแล้วได้อัปเดตตลอดชีพ
    https://www.techradar.com/pro/apple-final-cut-pro-review

    รีวิว Antigravity A1 โดรน 360 องศา
    Antigravity A1 เป็นโดรนที่รวมเทคโนโลยีการถ่ายภาพ 360 องศาเข้ากับการบิน ทำให้สามารถเก็บภาพและวิดีโอที่มุมมองรอบทิศได้อย่างสมจริง มาพร้อม FPV Goggles และ Motion Controller ที่ให้ประสบการณ์การบินแบบดื่มด่ำ แต่ก็ทำให้ราคาสูงกว่ากล้องโดรนทั่วไปมาก จุดเด่นคือการถ่ายวิดีโอ 8K และการออกแบบที่ทำให้ตัวโดรน “หายไป” จากภาพด้วยเทคนิคการเย็บภาพ จุดด้อยคือการใช้งานต้องมีผู้ช่วยคอยสังเกตโดรนเพื่อความปลอดภัย และคุณภาพภาพยังไม่เทียบเท่ากล้องโดรนระดับสูงอย่าง DJI Mini 5 Pro แต่ถือว่าเป็นนวัตกรรมที่ยังไม่มีคู่แข่งโดยตรง
    https://www.techradar.com/cameras/drones/antigravity-a1-review

    Apple ประกาศ 17 แอปยอดเยี่ยมแห่งปี 2025
    Apple เผยรายชื่อผู้ชนะรางวัล App Store Awards ปี 2025 รวมทั้งหมด 17 แอปและเกมที่โดดเด่นในด้านการออกแบบและการใช้ AI ตัวอย่างเช่น Tiimo แอปวางแผนงานที่คว้ารางวัล iPhone App of the Year, Detail แอปตัดต่อวิดีโอด้วย AI สำหรับ iPad และ Essayist แอปช่วยทำบรรณานุกรมสำหรับ Mac ส่วนเกมที่โดดเด่นคือ Pokémon TCG Pocket และ Cyberpunk 2077: Ultimate Edition ที่ถูกยกให้เป็น Mac Game of the Year นอกจากนี้ยังมีรางวัลด้าน Cultural Impact เช่น Be My Eyes ที่ใช้ AI ช่วยผู้พิการทางสายตา ถือเป็นการสะท้อนว่า AI กำลังกลายเป็นหัวใจหลักของแอปยุคใหม่
    https://www.techradar.com/computing/websites-apps/apple-reveals-the-17-must-download-apps-of-2025-the-app-store-award-winners-are-here

    กีตาร์ E Ink เปลี่ยนสีได้
    Cream Guitars เปิดตัว “DaVinci” กีตาร์ไฟฟ้าที่ใช้เทคโนโลยี E Ink Prism 3 ทำให้สามารถเปลี่ยนสีและลวดลายบนตัวกีตาร์ได้ตามใจผ่านแอป Bluetooth มีสีให้เลือกผสมถึง 7 สีและแบ่งเป็น 64 ส่วนเพื่อสร้างดีไซน์ที่ไม่ซ้ำใคร นอกจากรูปลักษณ์ที่ล้ำสมัย ยังมาพร้อมปิ๊กอัพ Fishman Fluence ที่ปรับเสียงได้ทั้งแบบซิงเกิลคอยล์และฮัมบัคเกอร์ จุดเด่นคือความสามารถในการปรับโฉมกีตาร์ได้ทันที แต่ราคาก็สูงถึง 3,500 ดอลลาร์ และผลิตเพียง 85 ตัวเท่านั้น กำหนดส่งในปี 2026 ถือเป็นกีตาร์ที่ผสมผสานเทคโนโลยีและดนตรีอย่างแท้จริง
    https://www.techradar.com/audio/this-color-changing-e-ink-guitar-absolutely-rocks-and-i-wish-i-could-afford-it

    รีวิว TerraMaster D4-320U NAS
    เรื่องนี้เล่าถึงอุปกรณ์เสริมสำหรับการจัดเก็บข้อมูล TerraMaster D4-320U ที่ออกแบบมาให้ติดตั้งในตู้แร็ค ใช้งานง่ายเพียงใส่ฮาร์ดดิสก์หรือ SSD แล้วเชื่อมต่อผ่านสาย USB 3.2 ก็สามารถเพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูลได้ทันที จุดเด่นคือรองรับสูงสุดถึง 120TB แต่ไม่มีระบบ RAID ในตัว ทำให้เหมาะสำหรับการขยายพื้นที่เก็บข้อมูลมากกว่าการใช้งานเป็น NAS หลัก แม้จะมีเสียงพัดลมดังไปบ้าง แต่ก็ถือว่าเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าและยืดหยุ่นสำหรับธุรกิจหรือผู้ทำงานด้านภาพและวิดีโอที่ต้องการพื้นที่มหาศาล
    https://www.techradar.com/computing/terramaster-d4-320u-nas-review

    เคล็ดลับการใช้ Nano Banana Pro ของ Google
    Google เปิดเผยเทคนิคการเขียน prompt สำหรับเครื่องมือสร้างภาพด้วย AI ที่ชื่อ Nano Banana Pro ซึ่งทำงานบน Gemini 3 โดยมีผู้ใช้แชร์วิธีที่น่าสนใจ 3 แบบ ได้แก่ การเขียน prompt แบบโค้ดกำหนดตัวแปรเพื่อให้ภาพมีความสอดคล้อง การใส่ “ความไม่สมบูรณ์” เช่นแสงรั่วหรือภาพเบลอเล็กน้อยเพื่อให้ดูสมจริง และการเปลี่ยนมุมมองเพื่อให้ภาพมีมิติและเล่าเรื่องได้ลึกขึ้น เทคนิคเหล่านี้ช่วยให้ผู้ใช้ควบคุมการสร้างภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพและสมจริงมากขึ้น
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/3-advanced-strategies-for-making-the-most-of-nano-banana-pro

    สกัดการเข้าถึงเว็บอันตรายเกือบพันล้านครั้งในสหราชอาณาจักร
    หน่วยงานความมั่นคงไซเบอร์ของสหราชอาณาจักร (NCSC) รายงานว่าเครื่องมือใหม่ชื่อ “Share and Defend” สามารถบล็อกการเข้าถึงเว็บไซต์อันตรายได้เกือบพันล้านครั้งภายในเวลาไม่ถึงปี ระบบนี้ทำงานร่วมกับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตเพื่อป้องกันผู้ใช้จากการถูกขโมยข้อมูลหรือเงิน โดยในช่วงเดียวกันยังพบว่าการโจมตี ransomware เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว และการเคลมประกันไซเบอร์พุ่งสูงถึง 230% ทำให้รัฐบาลเตรียมแผนรับมือใหม่เพื่อเสริมความปลอดภัยทางดิจิทัล
    https://www.techradar.com/pro/security/uk-cybercrime-agency-blocks-nearly-1-billion-access-attempts-to-malicious-websites

    งาน PC Gaming Show: Most Wanted
    วันนี้มีการจัดงาน PC Gaming Show: Most Wanted ที่จะนับถอยหลัง 25 เกม PC ที่ถูกคาดหวังมากที่สุดในปี 2026 พร้อมทั้งมีการเปิดตัวตัวอย่างใหม่และเบื้องหลังจากเกมกว่า 50 เรื่อง เช่น Resident Evil Requiem, Lego Batman: Legacy of the Dark Knight และ 007 First Light งานนี้ถ่ายทอดสดผ่านหลายช่องทาง และถือเป็นเวทีใหญ่ที่รวมเกมใหม่ ๆ ที่แฟน ๆ รอคอยไว้มากมาย
    https://www.techradar.com/gaming/gaming-industry/the-pc-gaming-show-most-wanted-airs-today-heres-when-you-can-tune-in-and-what-announcements-you-can-expect

    Ofcom พิจารณามาตรการเพิ่มเติมเกี่ยวกับ VPN หลัง Online Safety Act
    หน่วยงานกำกับดูแลสื่อสารของสหราชอาณาจักร (Ofcom) กำลังเก็บข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ VPN โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนที่ใช้เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบอายุหลังจากกฎหมาย Online Safety Act มีผลบังคับใช้ ขณะนี้ Ofcom ได้ลงทุนกว่า 500,000 ปอนด์ในเครื่องมือเฝ้าระวังอินเทอร์เน็ต และยังตั้งคณะทำงานร่วมกับผู้แทนเด็กเพื่อฟังความคิดเห็นโดยตรง การตัดสินใจว่าจะมีมาตรการเพิ่มเติมหรือไม่คาดว่าจะออกมาในปีหน้า
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/ofcom-weighs-further-action-on-vpns-following-online-safety-act

    ข่าว Samsung เตรียมแก้ปัญหาโฆษณาในมือถือ
    Samsung กำลังพัฒนา One UI 8.5 ที่จะช่วยลดปัญหาโฆษณาที่รบกวนผู้ใช้ในสมาร์ทโฟน โดยเฉพาะการแจ้งเตือนที่มักจะปรากฏขึ้นบ่อยครั้ง การอัปเดตใหม่นี้ถูกคาดหวังว่าจะทำให้ประสบการณ์ใช้งานราบรื่นขึ้น และช่วยให้ผู้ใช้ไม่ต้องเจอกับโฆษณาที่ไม่ต้องการอีกต่อไป ถือเป็นข่าวดีสำหรับผู้ใช้ Galaxy ที่รอคอยการปรับปรุงด้านนี้มานาน
    https://www.techradar.com/phones/samsung-galaxy-phones/your-samsung-phones-ad-nightmare-could-soon-be-over-thanks-to-this-one-ui-8-5-upgrade

    อัปเดต Windows 11 ล่าสุดแก้บั๊ก แต่ยังมีปัญหา
    Microsoft ปล่อยอัปเดตใหม่ของ Windows 11 ที่แก้ไขบั๊กหลายอย่าง แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าผู้ใช้ควรระวัง โดยเฉพาะผู้ที่ใช้โหมดมืด (Dark Mode) เนื่องจากอัปเดตนี้อาจทำให้ระบบแสดงผลผิดพลาด แม้จะช่วยแก้ปัญหาบางอย่าง แต่ก็ยังมีความเสี่ยงที่ผู้ใช้จะเจอปัญหาใหม่ จึงควรรอการปรับปรุงเพิ่มเติมก่อนที่จะติดตั้ง
    https://www.techradar.com/computing/windows/latest-windows-11-update-fixes-some-nasty-bugs-but-dont-grab-it-yet-especially-if-you-use-dark-mode

    สหราชอาณาจักรปรับแพลตฟอร์มผู้ใหญ่ 1 ล้านปอนด์
    รัฐบาลอังกฤษออกค่าปรับกว่า 1 ล้านปอนด์ต่อแพลตฟอร์มผู้ใหญ่ที่ไม่ปฏิบัติตามกฎการตรวจสอบอายุ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการเพื่อปกป้องเยาวชนออนไลน์ การบังคับใช้กฎหมายนี้สะท้อนถึงความเข้มงวดของสหราชอาณาจักรในการจัดการกับแพลตฟอร์มที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยทางดิจิทัล
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/uk-issues-gbp1-million-fine-to-adult-platform-for-failing-to-comply-with-age-verification-rules

    iPhone 17 Pro สูญเสียฟีเจอร์กล้องสำคัญ
    Apple ทำให้หลายคนแปลกใจเมื่อ iPhone 17 Pro ถูกตัดฟีเจอร์กล้องที่เคยเป็นจุดขายออกไป โดยบริษัทไม่ได้ให้คำอธิบายชัดเจนว่าทำไมถึงตัดสินใจเช่นนั้น ข่าวนี้สร้างความสงสัยและการถกเถียงในหมู่ผู้ใช้และนักวิเคราะห์ เพราะฟีเจอร์ดังกล่าวเคยเป็นหนึ่งในจุดแข็งของรุ่น Pro
    ​​​​​​​ https://www.techradar.com/phones/the-iphone-17-pro-has-just-lost-a-key-camera-feature-and-apple-wont-explain-why
    📌📡🔵 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🔵📡📌 #รวมข่าวIT #20251205 #TechRadar 🛡️ บอทเน็ต Aisuru ทำสถิติใหม่โจมตี DDoS 29.7 Tbps เรื่องนี้เป็นการกลับมาอีกครั้งของบอทเน็ตชื่อ Aisuru ที่ใช้เครื่อง IoT กว่า 4 ล้านเครื่องในการสร้างการโจมตี DDoS ที่แรงที่สุดในประวัติศาสตร์ โดย Cloudflare รายงานว่าเพียงไตรมาสเดียวก็ต้องรับมือกับการโจมตีมากกว่า 1,300 ครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งมีความรุนแรงระดับหลาย Tbps เหยื่อที่โดนล่าสุดมีทั้งบริษัทเกม Gcore และ Microsoft ที่เจอการโจมตีบนคลาวด์สูงถึง 15.72 Tbps จุดที่น่ากังวลคือบอทเน็ตนี้ถูกให้บริการเป็น “บริการเช่า” ใครก็สามารถใช้โจมตีโครงสร้างพื้นฐานสำคัญได้ง่ายๆ 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/this-ddos-group-just-smashed-the-previous-record-with-a-29-7-tbps-attack 📺 Samsung OLED รุ่นใหม่หลุด พร้อมทีวี “The Frame” ขนาดยักษ์ 98 นิ้ว มีข้อมูลหลุดจากฐานข้อมูลอะไหล่ของ Samsung ในยุโรป เผยว่าปี 2026 จะมีทีวี OLED รุ่นใหม่หลายรุ่น รวมถึง S99H ที่คาดว่าจะเหนือกว่ารุ่นเรือธง S95F ที่เพิ่งได้รางวัลทีวีแห่งปี และยังมีการเตรียมเปิดตัว “The Frame” ขนาด 98 นิ้ว ซึ่งใหญ่จนแทบจะเรียกว่า “The Mural” ได้เลย นอกจากนี้ยังมีรุ่น S82H และ S83H ที่ใช้แผง WOLED จาก LG Display เพื่อเจาะตลาดราคาย่อมเยา คาดว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน CES 2026 🔗 https://www.techradar.com/televisions/samsungs-next-gen-oled-tvs-leak-including-a-mysterious-new-elite-model 🔒 Microsoft ปิดช่องโหว่ LNK ที่ถูกใช้โจมตีมานานหลายปี Microsoft ได้ออกแพตช์ในเดือนพฤศจิกายนเพื่อแก้ไขช่องโหว่ในไฟล์ .LNK ที่ถูกใช้โจมตีมาตั้งแต่ปี 2017 ช่องโหว่นี้ทำให้ผู้โจมตีสามารถซ่อนคำสั่งอันตรายในไฟล์ชอร์ตคัต และเมื่อผู้ใช้เปิดดูไฟล์ก็จะไม่เห็นคำสั่งที่แท้จริง ทำให้เกิดการโจมตีแบบ Remote Code Execution ได้ ช่องโหว่นี้ถูกใช้โดยกลุ่มแฮกเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐหลายประเทศ เช่น จีน อิหร่าน เกาหลีเหนือ และรัสเซีย หลังจากถูกเตือนหลายครั้ง Microsoft จึงตัดสินใจแก้ไขอย่างจริงจัง 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/microsoft-quietly-patches-lnk-vulnerability-thats-been-weaponized-for-years 🌐 เบราว์เซอร์ AI กำลังเปลี่ยนเกม แต่ความปลอดภัยยังตามไม่ทัน เบราว์เซอร์ยุคใหม่อย่าง Edge ที่มี Copilot หรือ Chrome ที่ใส่ Gemini กำลังทำให้การใช้งานสะดวกขึ้นมาก ทั้งการสรุปเนื้อหา แปลภาษา หรือค้นหาข้อมูล แต่ความสะดวกนี้ก็แฝงความเสี่ยง เพราะ AI อาจถูกหลอกด้วยข้อความหรือโค้ดที่ซ่อนอยู่ในหน้าเว็บ แล้วทำงานตามคำสั่งที่เป็นอันตราย เช่น ส่งข้อมูลเข้าสู่มือแฮกเกอร์โดยที่ผู้ใช้ไม่รู้ตัว ปัญหาคือการนำ AI มาใช้ในเบราว์เซอร์เกิดขึ้นเร็วมาก จนมาตรการด้านความปลอดภัยยังไม่ทันตาม ทำให้ผู้เชี่ยวชี้เตือนว่าต้องระวังการโจมตีรูปแบบใหม่ที่แทบไม่มีร่องรอยให้ตรวจจับ 🔗 https://www.techradar.com/pro/ai-browsers-are-rewriting-the-rules-is-your-security-keeping-pace 🏃 บทเรียนจากการวิ่งมาราธอนสู่การทำงานด้านไซเบอร์ซีเคียวริตี้ Stephanie Schneider เล่าประสบการณ์ว่า การวิ่งมาราธอน 26.2 ไมล์สอนให้เธอเข้าใจความอดทนและการจัดการพลังงาน ซึ่งเหมือนกับการทำงานในโลกไซเบอร์ที่เต็มไปด้วยแรงกดดันและความเหนื่อยล้า เธอเปรียบเทียบว่าเหมือนการเจอ “กำแพง” ตอนวิ่ง ที่ต้องใช้ใจสู้ต่อไป เช่นเดียวกับการทำงานที่ต้องเจอภัยคุกคามใหม่ๆ ทุกวัน การฝึกซ้อมอย่างต่อเนื่อง การแบ่งเป้าหมายเป็นขั้นตอนเล็กๆ และการรักษาความสมดุลคือสิ่งที่ทำให้ทั้งนักวิ่งและนักไซเบอร์สามารถไปถึงเส้นชัยได้ 🔗 https://www.techradar.com/pro/im-a-marathoner-and-a-cybersecurity-leader-heres-what-26-2-miles-have-taught-me-about-work 💼 Microsoft ปฏิเสธข่าวลดเป้าหมายยอดขาย AI หลังลูกค้าต้านทาน มีรายงานว่าลูกค้าหลายรายลังเลที่จะลงทุนในเครื่องมือ AI ของ Microsoft เพราะราคาสูงและยังไม่เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน แต่ทาง Microsoft ออกมาปฏิเสธข่าวลือว่ามีการปรับลดเป้าหมายยอดขาย โดยยืนยันว่าความต้องการยังคงแข็งแรง เพียงแต่ลูกค้าบางกลุ่มต้องใช้เวลาในการปรับตัวและวางกลยุทธ์การใช้งานจริง เรื่องนี้สะท้อนว่าการนำ AI เข้ามาในองค์กรไม่ใช่แค่เรื่องเทคโนโลยี แต่ยังเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมและวิธีทำงานด้วย 🔗 https://www.techradar.com/pro/microsoft-denies-reports-of-lower-ai-sales-targets-as-customers-resist-new-tools 🖥️ วิกฤติชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์หนักขึ้น RAM ผู้ผลิตใหญ่เลิกตลาดผู้บริโภค ตลาดคอมพิวเตอร์กำลังเจอปัญหาหนัก เมื่อผู้ผลิต RAM รายใหญ่ประกาศเลิกทำตลาดสำหรับผู้ใช้ทั่วไป หันไปเน้นตลาดองค์กรแทน ทำให้เกิดความกังวลว่าราคาชิ้นส่วนจะพุ่งสูงขึ้น นอกจากนี้ยังมีข่าวลือว่าราคาซีพียูจะปรับขึ้นอีกด้วย สถานการณ์นี้ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการอัปเกรดหรือประกอบเครื่องใหม่อาจต้องเจอค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นอย่างมาก 🔗 https://www.techradar.com/computing/memory/pc-component-crisis-just-got-worse-as-major-ram-maker-gives-up-on-consumers-and-cpu-price-hikes-are-rumored 📵 YouTube เตรียมบล็อกผู้ใช้อายุต่ำกว่า 16 ปีในออสเตรเลีย ท่ามกลางการถกเถียงเรื่องการแบนโซเชียลมีเดียสำหรับเยาวชนในออสเตรเลีย YouTube ประกาศว่าจะบล็อกการใช้งานสำหรับผู้ที่อายุต่ำกว่า 16 ปี การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นหลังจากรัฐบาลกำลังพิจารณากฎหมายใหม่เพื่อจำกัดการเข้าถึงแพลตฟอร์มออนไลน์ของเด็กและเยาวชน โดยมีเป้าหมายเพื่อปกป้องสุขภาพจิตและความปลอดภัย แต่ก็มีเสียงวิจารณ์ว่าการบังคับใช้เข้มงวดเกินไปและอาจกระทบต่อเสรีภาพในการเข้าถึงข้อมูล 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/youtube-to-lock-out-under-16s-in-australia-as-controversial-social-media-ban-looms 📚 รีวิวเครื่องสแกนหนังสือ CZUR ET24 Pro เครื่องสแกนหนังสือรุ่นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อความสะดวกในการแปลงหนังสือเป็นไฟล์ดิจิทัล จุดเด่นคือสามารถสแกนได้เร็วและมีฟีเจอร์แก้ไขภาพอัตโนมัติ เช่น การปรับหน้าหนังสือที่โค้งให้ออกมาเรียบ รวมถึงการตรวจจับหน้าที่พลิกอัตโนมัติ เหมาะสำหรับนักวิจัย นักเรียน หรือผู้ที่ต้องการเก็บเอกสารจำนวนมากในรูปแบบดิจิทัล รีวิวชี้ว่าคุณภาพการสแกนคมชัดและใช้งานง่าย แต่ราคาก็ถือว่าสูงพอสมควร 🔗 https://www.techradar.com/computing/czur-et24-pro-book-scanner-review 🔓 ข้อมูลลูกค้า Freedom Mobile ถูกขโมยจากแพลตฟอร์มจัดการบัญชี มีการแฮกแพลตฟอร์มจัดการบัญชีของ Freedom Mobile ทำให้ข้อมูลลูกค้าถูกขโมยไป เหตุการณ์นี้สร้างความกังวลอย่างมาก เพราะข้อมูลที่รั่วไหลอาจรวมถึงรายละเอียดส่วนตัวและข้อมูลการติดต่อ ปัญหานี้สะท้อนถึงความเสี่ยงที่ผู้ให้บริการโทรคมนาคมต้องเผชิญ และตอกย้ำว่าการป้องกันข้อมูลลูกค้าเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องลงทุนอย่างจริงจัง 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/customer-data-stolen-in-freedom-mobile-account-management-platform-hack 🛡️ ChatGPT อาจไม่ปลอดภัยเท่าเดิม หลังศาลสั่งให้ OpenAI ส่งมอบข้อมูลการสนทนา เรื่องนี้เริ่มจากการฟ้องร้องของ The New York Times ต่อ OpenAI โดยศาลสหรัฐฯ มีคำสั่งให้บริษัทต้องส่งมอบบันทึกการสนทนากว่า 20 ล้านรายการ เพื่อใช้ตรวจสอบการละเมิดลิขสิทธิ์ แม้ศาลยืนยันว่าจะมีการลบข้อมูลระบุตัวตนเพื่อป้องกันความเป็นส่วนตัว แต่ OpenAI กลับมองว่าการกระทำนี้บั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้ใช้ เพราะถึงแม้ชื่อจะถูกลบออก แต่รูปแบบการสนทนาก็ยังสามารถบอกอะไรได้มากมาย นี่จึงเป็นครั้งแรกที่ข้อมูลการแชทถูกบังคับให้เปิดเผย และอาจเป็นสัญญาณของการต่อสู้เรื่องความเป็นส่วนตัวในโลก AI ที่กำลังจะเข้มข้นขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/your-chatgpt-chats-could-be-less-private-than-you-thought-heres-what-a-new-openai-court-ruling-means-for-you 🚫 รัสเซียบล็อก FaceTime และ Roblox เพิ่มเติมในมาตรการควบคุมอินเทอร์เน็ต รัฐบาลรัสเซียเดินหน้าจำกัดเสรีภาพดิจิทัลมากขึ้น โดยล่าสุด FaceTime และ Roblox ถูกบล็อกอย่างเป็นทางการ เหตุผลที่อ้างคือการป้องกันการก่อการร้ายและการปกป้องเยาวชน แต่ผู้ใช้จำนวนมากมองว่านี่คือการตัดขาดจากโลกภายนอก เด็กและวัยรุ่นที่เคยใช้ Roblox เพื่อเล่นและสื่อสารได้รับผลกระทบหนัก ขณะเดียวกัน FaceTime ก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นช่องทางในการจัดกิจกรรมผิดกฎหมาย ทำให้ผู้คนหันไปใช้แอปที่รัฐสนับสนุนแทน เช่น MAX ซึ่งถูกบังคับติดตั้งในมือถือใหม่ แต่ก็มีข้อกังวลเรื่องการถูกสอดส่องมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/roblox-facetime-become-the-last-targets-of-russias-censorship 🤖 Hyundai เปิดตัวหุ่นยนต์อเนกประสงค์ MobED ที่แปลงร่างได้หลากหลาย Hyundai กำลังจะวางขายหุ่นยนต์แพลตฟอร์มใหม่ชื่อ MobED ที่สามารถปรับตัวได้ทั้งในร่มและกลางแจ้ง จุดเด่นคือระบบล้อที่หมุนและปรับองศาได้ ทำให้มันเคลื่อนที่บนพื้นขรุขระหรือขึ้นบันไดเล็ก ๆ ได้อย่างมั่นคง ผู้ใช้สามารถติดตั้งอุปกรณ์เสริมได้ตามต้องการ เช่น แขนกลสำหรับงานคลังสินค้า รถเข็นกอล์ฟ หรือแม้แต่กล้องถ่ายคอนเทนต์อัตโนมัติ Hyundai ตั้งใจผลิตด้วยมาตรฐานยานยนต์เพื่อให้ใช้งานจริงในโรงงานและชีวิตประจำวัน และยังมีแผนทำเวอร์ชัน Pro ที่ติดเซ็นเซอร์และ Lidar สำหรับการทำงานอัตโนมัติเต็มรูปแบบ 🔗 https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/hyundais-charming-autonomous-robot-can-be-everything-from-a-golf-trolley-to-an-e-scooter-and-its-going-on-sale-soon 💼 ซีอีโอเตือนการลงทุนด้าน AI ต้องมีแผน ไม่ใช่แค่ตามกระแส หลายผู้บริหารบริษัทเทคโนโลยีออกมาเตือนว่าการลงทุนใน AI กำลังเสี่ยงจะกลายเป็น “ฟองสบู่” Logitech ชี้ว่าหลายผลิตภัณฑ์ AI เป็นเพียงการสร้างสิ่งที่ไม่ตอบโจทย์จริง Anthropic ก็เตือนว่าการทุ่มเงินมหาศาลโดยไม่คำนวณความเสี่ยงอาจทำให้เกิดผลเสียทางการเงิน ขณะที่ Google และ OpenAI เองก็ยอมรับว่าความตื่นตัวเกินไปอาจทำให้นักลงทุนเจ็บตัวในอนาคต สรุปคือ AI เป็นเครื่องมือทรงพลัง แต่ต้องใช้กลยุทธ์และการวางแผน ไม่ใช่การลงทุนแบบ “YOLO” 🔗 https://www.techradar.com/pro/ceos-are-warning-ai-adoption-and-spending-should-be-more-strategic 💻 อัปเกรด Raspberry Pi แค่ $10 ได้ทั้ง PCIe และ HDMI คู่ Waveshare เปิดตัวอะแดปเตอร์ใหม่สำหรับ Raspberry Pi 5 ที่ราคาเพียง $10 แต่เพิ่มความสามารถได้มากมาย ทั้งการเชื่อมต่อ PCIe M.2 สำหรับ SSD และพอร์ต HDMI ขนาดเต็มสองช่อง ทำให้สามารถบูตระบบจาก NVMe SSD ได้โดยตรง และใช้งานเหมือนเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก เหมาะสำหรับนักพัฒนาและผู้ที่อยากขยายความสามารถของบอร์ดเล็ก ๆ ให้ทำงานได้ใกล้เคียงเดสก์ท็อป แม้จะรองรับเฉพาะการ์ด M.2 ขนาดเล็ก แต่ถือเป็นการอัปเกรดที่คุ้มค่าและเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้งานอย่างมาก 🔗 https://www.techradar.com/pro/looking-to-supercharge-your-raspberry-pi-this-adapter-provides-two-full-sized-hdmi-ports-and-a-pcie-connector-and-it-only-costs-usd10 🏦 ธนาคารสหรัฐกว่า 70 แห่งถูกโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ Marquis มีรายงานว่าธนาคารและสหภาพเครดิตในสหรัฐฯ กว่า 70 แห่งตกเป็นเหยื่อการโจมตีของกลุ่มแฮกเกอร์ Marquis โดยข้อมูลลูกค้าถูกขโมยและถูกนำไปขายในตลาดมืด การโจมตีครั้งนี้สร้างความกังวลอย่างมากต่อระบบการเงิน เพราะ Marquis มีประวัติการโจมตีองค์กรขนาดใหญ่หลายครั้งแล้ว ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าธนาคารต้องเร่งเสริมระบบป้องกันไซเบอร์ และลูกค้าควรตรวจสอบบัญชีของตนเองอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันการถูกนำข้อมูลไปใช้ในทางที่ผิด 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/over-70-us-banks-and-credit-unions-affected-by-marquis-ransomware-breach-heres-what-we-know ⚡ ค้นพบแหล่งดินเหนียวที่มีลิเทียมมหาศาลในสหรัฐฯ นักวิจัยพบแหล่งดินเหนียวที่มีลิเทียมจำนวนมหาศาลภายในซูเปอร์ภูเขาไฟในสหรัฐฯ คาดว่ามีมูลค่ากว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ และสามารถใช้ผลิตแบตเตอรี่ได้หลายสิบปี การค้นพบนี้อาจช่วยลดความผันผวนของราคาลิเทียมที่พุ่งสูงในตลาดโลก แต่ก็มีข้อกังวลเรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการทำเหมืองในพื้นที่ที่เปราะบาง การค้นพบนี้จึงเป็นทั้งโอกาสและความท้าทายสำหรับอุตสาหกรรมพลังงานสะอาด 🔗 https://www.techradar.com/pro/newly-discovered-usd1-5-billion-lithium-deposit-could-revolutionize-the-tech-industry-but-bad-news-its-inside-a-supervolcano 📱 Android vs iPhone: ผลสำรวจเผยผู้ใช้ TechRadar ชอบฝั่งไหนมากกว่า ผลสำรวจจากผู้อ่าน TechRadar แสดงให้เห็นว่าผู้ใช้ยังคงแบ่งขั้วระหว่าง Android และ iPhone อย่างชัดเจน โดย Android ได้คะแนนนิยมจากผู้ที่ชอบความยืดหยุ่นและราคาที่หลากหลาย ส่วน iPhone ได้คะแนนจากผู้ที่ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ใช้งานที่เรียบง่ายและการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ Apple อื่น ๆ การถกเถียงเรื่อง “ใครดีกว่า” จึงยังคงดำเนินต่อไป และสะท้อนให้เห็นว่าทั้งสองระบบมีจุดแข็งที่แตกต่างกัน 🔗 https://www.techradar.com/phones/android-vs-iphone-heres-what-techradar-readers-prefer 💽 Nvidia CEO Jensen Huang ผลักดันรัฐบาลสหรัฐฯ ต่อต้านข้อจำกัดชิป AI Jensen Huang ซีอีโอของ Nvidia ออกมาเรียกร้องต่อสภาคองเกรสและรัฐบาลสหรัฐฯ ให้ทบทวนข้อจำกัดการส่งออกชิป AI และกฎระเบียบระดับรัฐ เขาเตือนว่าการจำกัดมากเกินไปจะทำให้สหรัฐฯ เสียเปรียบในการแข่งขันระดับโลก โดยเฉพาะกับจีนที่กำลังพัฒนาเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว Nvidia ซึ่งเป็นผู้นำตลาดชิป AI มองว่าการเปิดเสรีมากขึ้นจะช่วยให้สหรัฐฯ รักษาความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรม 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/nvidia-boss-jensen-huang-steers-trump-congress-against-ai-chip-limits-and-state-level-ai-rules 🚀 Arm64 แรงแซง x86 ในการทดสอบ AWS Lambda ปี 2025 ผลการทดสอบล่าสุดของ AWS Lambda เผยว่า Arm64 มีประสิทธิภาพเหนือกว่า x86 อย่างชัดเจน โดยทำงานเร็วขึ้นถึง 4-5 เท่า และลดค่าใช้จ่ายลงกว่า 30% การเปลี่ยนมาใช้สถาปัตยกรรม Arm64 จึงถูกมองว่าเป็นก้าวสำคัญในการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพของระบบคลาวด์ นักพัฒนาที่ใช้ AWS อาจได้ประโยชน์มหาศาลจากการเปลี่ยนแปลงนี้ เพราะสามารถรันงานได้เร็วขึ้นและประหยัดมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/pro/arm64-dominates-aws-lambda-in-2025-rust-4-5x-faster-than-x86-costs-30-less-across-all-workloads 🧑‍💻 Google เปิดตัวเครื่องมือสร้าง AI Agent แบบไม่ต้องมีประสบการณ์ Google เปิดตัว Workspace Studio ให้ธุรกิจทุกระดับสามารถสร้าง AI Agent ได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องมีทักษะการเขียนโค้ด ใช้เพียงการพิมพ์คำสั่งธรรมชาติ ระบบนี้ขับเคลื่อนด้วย Gemini 3 ที่มีความสามารถด้านการวิเคราะห์และเข้าใจบริบทอย่างลึกซึ้ง จุดเด่นคือสามารถทำงานร่วมกับทั้งแอปใน Google Workspace และแอปภายนอก เช่น Asana, Jira, Salesforce และ Mailchimp ได้อย่างราบรื่น ผู้ใช้สามารถแบ่งปัน Agent ที่สร้างขึ้นกับทีมได้เหมือนแชร์ไฟล์ใน Google Drive และมีบริษัทอย่าง Kärcher ที่ทดลองใช้แล้วสามารถลดเวลาการทำงานจากหลายชั่วโมงเหลือเพียงไม่กี่นาที ถือเป็นการเปิดโอกาสให้ธุรกิจทั่วไปเข้าถึง AI ได้ง่ายขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/pro/google-wants-to-help-businesses-build-ai-agents-with-no-prior-experience 🎬 รีวิว Apple Final Cut Pro 2025 Final Cut Pro เวอร์ชันใหม่ 11.2 ยังคงรักษาจุดแข็งเรื่องการใช้งานที่ลื่นไหลและแนวคิด “Magnetic Timeline” ที่ช่วยให้การตัดต่อรวดเร็วขึ้น แต่ก็ยังมีข้อจำกัดเพราะใช้ได้เฉพาะบน Mac และบางฟีเจอร์รองรับเฉพาะเครื่องที่ใช้ Apple Silicon เท่านั้น จุดเด่นคือมีฟีเจอร์ใหม่ ๆ เช่น “Magnetic Mask” ที่ช่วยเลือกและติดตามวัตถุในวิดีโอได้อัตโนมัติ รวมถึงการทำซับไตเติลอัตโนมัติ แม้จะยังไม่สมบูรณ์สำหรับผู้ใช้ Mac รุ่นเก่า แต่ก็ถือว่า Apple กำลังพยายามไล่ตามคู่แข่งอย่าง Premiere Pro และ Resolve โดยยังคงข้อดีเรื่องการจ่ายครั้งเดียวแล้วได้อัปเดตตลอดชีพ 🔗 https://www.techradar.com/pro/apple-final-cut-pro-review 🚁 รีวิว Antigravity A1 โดรน 360 องศา Antigravity A1 เป็นโดรนที่รวมเทคโนโลยีการถ่ายภาพ 360 องศาเข้ากับการบิน ทำให้สามารถเก็บภาพและวิดีโอที่มุมมองรอบทิศได้อย่างสมจริง มาพร้อม FPV Goggles และ Motion Controller ที่ให้ประสบการณ์การบินแบบดื่มด่ำ แต่ก็ทำให้ราคาสูงกว่ากล้องโดรนทั่วไปมาก จุดเด่นคือการถ่ายวิดีโอ 8K และการออกแบบที่ทำให้ตัวโดรน “หายไป” จากภาพด้วยเทคนิคการเย็บภาพ จุดด้อยคือการใช้งานต้องมีผู้ช่วยคอยสังเกตโดรนเพื่อความปลอดภัย และคุณภาพภาพยังไม่เทียบเท่ากล้องโดรนระดับสูงอย่าง DJI Mini 5 Pro แต่ถือว่าเป็นนวัตกรรมที่ยังไม่มีคู่แข่งโดยตรง 🔗 https://www.techradar.com/cameras/drones/antigravity-a1-review 📱 Apple ประกาศ 17 แอปยอดเยี่ยมแห่งปี 2025 Apple เผยรายชื่อผู้ชนะรางวัล App Store Awards ปี 2025 รวมทั้งหมด 17 แอปและเกมที่โดดเด่นในด้านการออกแบบและการใช้ AI ตัวอย่างเช่น Tiimo แอปวางแผนงานที่คว้ารางวัล iPhone App of the Year, Detail แอปตัดต่อวิดีโอด้วย AI สำหรับ iPad และ Essayist แอปช่วยทำบรรณานุกรมสำหรับ Mac ส่วนเกมที่โดดเด่นคือ Pokémon TCG Pocket และ Cyberpunk 2077: Ultimate Edition ที่ถูกยกให้เป็น Mac Game of the Year นอกจากนี้ยังมีรางวัลด้าน Cultural Impact เช่น Be My Eyes ที่ใช้ AI ช่วยผู้พิการทางสายตา ถือเป็นการสะท้อนว่า AI กำลังกลายเป็นหัวใจหลักของแอปยุคใหม่ 🔗 https://www.techradar.com/computing/websites-apps/apple-reveals-the-17-must-download-apps-of-2025-the-app-store-award-winners-are-here 🎸 กีตาร์ E Ink เปลี่ยนสีได้ Cream Guitars เปิดตัว “DaVinci” กีตาร์ไฟฟ้าที่ใช้เทคโนโลยี E Ink Prism 3 ทำให้สามารถเปลี่ยนสีและลวดลายบนตัวกีตาร์ได้ตามใจผ่านแอป Bluetooth มีสีให้เลือกผสมถึง 7 สีและแบ่งเป็น 64 ส่วนเพื่อสร้างดีไซน์ที่ไม่ซ้ำใคร นอกจากรูปลักษณ์ที่ล้ำสมัย ยังมาพร้อมปิ๊กอัพ Fishman Fluence ที่ปรับเสียงได้ทั้งแบบซิงเกิลคอยล์และฮัมบัคเกอร์ จุดเด่นคือความสามารถในการปรับโฉมกีตาร์ได้ทันที แต่ราคาก็สูงถึง 3,500 ดอลลาร์ และผลิตเพียง 85 ตัวเท่านั้น กำหนดส่งในปี 2026 ถือเป็นกีตาร์ที่ผสมผสานเทคโนโลยีและดนตรีอย่างแท้จริง 🔗 https://www.techradar.com/audio/this-color-changing-e-ink-guitar-absolutely-rocks-and-i-wish-i-could-afford-it 🖥️ รีวิว TerraMaster D4-320U NAS เรื่องนี้เล่าถึงอุปกรณ์เสริมสำหรับการจัดเก็บข้อมูล TerraMaster D4-320U ที่ออกแบบมาให้ติดตั้งในตู้แร็ค ใช้งานง่ายเพียงใส่ฮาร์ดดิสก์หรือ SSD แล้วเชื่อมต่อผ่านสาย USB 3.2 ก็สามารถเพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูลได้ทันที จุดเด่นคือรองรับสูงสุดถึง 120TB แต่ไม่มีระบบ RAID ในตัว ทำให้เหมาะสำหรับการขยายพื้นที่เก็บข้อมูลมากกว่าการใช้งานเป็น NAS หลัก แม้จะมีเสียงพัดลมดังไปบ้าง แต่ก็ถือว่าเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าและยืดหยุ่นสำหรับธุรกิจหรือผู้ทำงานด้านภาพและวิดีโอที่ต้องการพื้นที่มหาศาล 🔗 https://www.techradar.com/computing/terramaster-d4-320u-nas-review 🤖 เคล็ดลับการใช้ Nano Banana Pro ของ Google Google เปิดเผยเทคนิคการเขียน prompt สำหรับเครื่องมือสร้างภาพด้วย AI ที่ชื่อ Nano Banana Pro ซึ่งทำงานบน Gemini 3 โดยมีผู้ใช้แชร์วิธีที่น่าสนใจ 3 แบบ ได้แก่ การเขียน prompt แบบโค้ดกำหนดตัวแปรเพื่อให้ภาพมีความสอดคล้อง การใส่ “ความไม่สมบูรณ์” เช่นแสงรั่วหรือภาพเบลอเล็กน้อยเพื่อให้ดูสมจริง และการเปลี่ยนมุมมองเพื่อให้ภาพมีมิติและเล่าเรื่องได้ลึกขึ้น เทคนิคเหล่านี้ช่วยให้ผู้ใช้ควบคุมการสร้างภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพและสมจริงมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/3-advanced-strategies-for-making-the-most-of-nano-banana-pro 🔒 สกัดการเข้าถึงเว็บอันตรายเกือบพันล้านครั้งในสหราชอาณาจักร หน่วยงานความมั่นคงไซเบอร์ของสหราชอาณาจักร (NCSC) รายงานว่าเครื่องมือใหม่ชื่อ “Share and Defend” สามารถบล็อกการเข้าถึงเว็บไซต์อันตรายได้เกือบพันล้านครั้งภายในเวลาไม่ถึงปี ระบบนี้ทำงานร่วมกับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตเพื่อป้องกันผู้ใช้จากการถูกขโมยข้อมูลหรือเงิน โดยในช่วงเดียวกันยังพบว่าการโจมตี ransomware เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว และการเคลมประกันไซเบอร์พุ่งสูงถึง 230% ทำให้รัฐบาลเตรียมแผนรับมือใหม่เพื่อเสริมความปลอดภัยทางดิจิทัล 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/uk-cybercrime-agency-blocks-nearly-1-billion-access-attempts-to-malicious-websites 🎮 งาน PC Gaming Show: Most Wanted วันนี้มีการจัดงาน PC Gaming Show: Most Wanted ที่จะนับถอยหลัง 25 เกม PC ที่ถูกคาดหวังมากที่สุดในปี 2026 พร้อมทั้งมีการเปิดตัวตัวอย่างใหม่และเบื้องหลังจากเกมกว่า 50 เรื่อง เช่น Resident Evil Requiem, Lego Batman: Legacy of the Dark Knight และ 007 First Light งานนี้ถ่ายทอดสดผ่านหลายช่องทาง และถือเป็นเวทีใหญ่ที่รวมเกมใหม่ ๆ ที่แฟน ๆ รอคอยไว้มากมาย 🔗 https://www.techradar.com/gaming/gaming-industry/the-pc-gaming-show-most-wanted-airs-today-heres-when-you-can-tune-in-and-what-announcements-you-can-expect 🌐 Ofcom พิจารณามาตรการเพิ่มเติมเกี่ยวกับ VPN หลัง Online Safety Act หน่วยงานกำกับดูแลสื่อสารของสหราชอาณาจักร (Ofcom) กำลังเก็บข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ VPN โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนที่ใช้เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบอายุหลังจากกฎหมาย Online Safety Act มีผลบังคับใช้ ขณะนี้ Ofcom ได้ลงทุนกว่า 500,000 ปอนด์ในเครื่องมือเฝ้าระวังอินเทอร์เน็ต และยังตั้งคณะทำงานร่วมกับผู้แทนเด็กเพื่อฟังความคิดเห็นโดยตรง การตัดสินใจว่าจะมีมาตรการเพิ่มเติมหรือไม่คาดว่าจะออกมาในปีหน้า 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/ofcom-weighs-further-action-on-vpns-following-online-safety-act 📱 ข่าว Samsung เตรียมแก้ปัญหาโฆษณาในมือถือ Samsung กำลังพัฒนา One UI 8.5 ที่จะช่วยลดปัญหาโฆษณาที่รบกวนผู้ใช้ในสมาร์ทโฟน โดยเฉพาะการแจ้งเตือนที่มักจะปรากฏขึ้นบ่อยครั้ง การอัปเดตใหม่นี้ถูกคาดหวังว่าจะทำให้ประสบการณ์ใช้งานราบรื่นขึ้น และช่วยให้ผู้ใช้ไม่ต้องเจอกับโฆษณาที่ไม่ต้องการอีกต่อไป ถือเป็นข่าวดีสำหรับผู้ใช้ Galaxy ที่รอคอยการปรับปรุงด้านนี้มานาน 🔗 https://www.techradar.com/phones/samsung-galaxy-phones/your-samsung-phones-ad-nightmare-could-soon-be-over-thanks-to-this-one-ui-8-5-upgrade 💻 อัปเดต Windows 11 ล่าสุดแก้บั๊ก แต่ยังมีปัญหา Microsoft ปล่อยอัปเดตใหม่ของ Windows 11 ที่แก้ไขบั๊กหลายอย่าง แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าผู้ใช้ควรระวัง โดยเฉพาะผู้ที่ใช้โหมดมืด (Dark Mode) เนื่องจากอัปเดตนี้อาจทำให้ระบบแสดงผลผิดพลาด แม้จะช่วยแก้ปัญหาบางอย่าง แต่ก็ยังมีความเสี่ยงที่ผู้ใช้จะเจอปัญหาใหม่ จึงควรรอการปรับปรุงเพิ่มเติมก่อนที่จะติดตั้ง 🔗 https://www.techradar.com/computing/windows/latest-windows-11-update-fixes-some-nasty-bugs-but-dont-grab-it-yet-especially-if-you-use-dark-mode ⚖️ สหราชอาณาจักรปรับแพลตฟอร์มผู้ใหญ่ 1 ล้านปอนด์ รัฐบาลอังกฤษออกค่าปรับกว่า 1 ล้านปอนด์ต่อแพลตฟอร์มผู้ใหญ่ที่ไม่ปฏิบัติตามกฎการตรวจสอบอายุ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการเพื่อปกป้องเยาวชนออนไลน์ การบังคับใช้กฎหมายนี้สะท้อนถึงความเข้มงวดของสหราชอาณาจักรในการจัดการกับแพลตฟอร์มที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยทางดิจิทัล 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/uk-issues-gbp1-million-fine-to-adult-platform-for-failing-to-comply-with-age-verification-rules 📷 iPhone 17 Pro สูญเสียฟีเจอร์กล้องสำคัญ Apple ทำให้หลายคนแปลกใจเมื่อ iPhone 17 Pro ถูกตัดฟีเจอร์กล้องที่เคยเป็นจุดขายออกไป โดยบริษัทไม่ได้ให้คำอธิบายชัดเจนว่าทำไมถึงตัดสินใจเช่นนั้น ข่าวนี้สร้างความสงสัยและการถกเถียงในหมู่ผู้ใช้และนักวิเคราะห์ เพราะฟีเจอร์ดังกล่าวเคยเป็นหนึ่งในจุดแข็งของรุ่น Pro ​​​​​​​🔗 https://www.techradar.com/phones/the-iphone-17-pro-has-just-lost-a-key-camera-feature-and-apple-wont-explain-why
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 53 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline

    #รวมข่าวIT #20251205 #securityonline

    Google ทดลองให้ AI เขียนหัวข้อข่าวใหม่ แต่กลับทำให้ข้อมูลผิดเพี้ยน
    Google กำลังทดสอบระบบที่ให้ AI เขียนหัวข้อข่าวใหม่ในบริการ Google Discover โดยตั้งใจให้ผู้ใช้เข้าใจเนื้อหาได้เร็วขึ้นและกดเข้าไปอ่าน แต่ผลลัพธ์กลับไม่เป็นไปตามที่หวัง เพราะหลายครั้งหัวข้อที่ AI เขียนขึ้นมาเกิดการบิดเบือนความหมายเดิมจนทำให้เข้าใจผิด ตัวอย่างเช่น ข่าวเกี่ยวกับเครื่องเกม Steam Machine ที่ยังไม่เปิดเผยราคา แต่ AI กลับเขียนหัวข้อว่า “Steam Machine price revealed” ซึ่งผิดไปจากข้อเท็จจริงอย่างสิ้นเชิง เรื่องนี้ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่า หากปล่อยให้ AI เขียนหัวข้อข่าวโดยไม่มีการควบคุม อาจทำให้ผู้ใช้เข้าใจผิดและลดความน่าเชื่อถือของสื่อ รวมถึงกระทบต่อจำนวนคนที่คลิกเข้าไปอ่านเนื้อหาจริง แม้ Google จะบอกว่าทดลองกับผู้ใช้เพียงส่วนน้อย แต่สำนักข่าวหลายแห่งก็เริ่มเห็นผลกระทบต่อทราฟฟิกของตนแล้ว
    https://securityonline.info/misleading-ai-headlines-google-discover-testing-rewrites-that-distort-news-facts

    AWS ดันชิป Trainium สร้างรายได้หลายพันล้าน ท้าชน NVIDIA
    Amazon ผ่าน AWS กำลังสร้างแรงสั่นสะเทือนในตลาดชิป AI ที่ NVIDIA ครองอยู่ ด้วยการพัฒนา Trainium ซึ่งตอนนี้ทำรายได้ระดับหลายพันล้านดอลลาร์แล้ว โดยรุ่น Trainium2 ถูกใช้งานมากกว่า 100,000 บริษัท และผลิตไปแล้วกว่า 1 ล้านชิป จุดเด่นคือราคาถูกกว่า GPU ของ NVIDIA แต่ยังคงให้ประสิทธิภาพสูง ทำให้หลายองค์กรเลือกใช้ โดยเฉพาะ Anthropic ที่ใช้ชิป Trainium2 กว่า 500,000 ตัวในการสร้างโมเดลใหม่ของ Claude ล่าสุด AWS เปิดตัว Trainium3 ที่แรงขึ้น 4 เท่าและประหยัดพลังงานมากขึ้น พร้อมแผนพัฒนา Trainium4 ที่สามารถทำงานร่วมกับ GPU ของ NVIDIA ได้อย่างลื่นไหล ถือเป็นการเปลี่ยนกลยุทธ์จากการแข่งตรง ๆ ไปสู่การสร้างระบบไฮบริดที่ยืดหยุ่นกว่า
    https://securityonline.info/aws-trainium-chip-business-hits-multi-billion-revenue-challenging-nvidias-pricing

    Meta ดึงตัวดีไซน์เนอร์ระดับตำนานจาก Apple มาสร้างสตูดิโอใหม่
    Mark Zuckerberg ประกาศว่า Meta ได้ดึง Alan Dye อดีตหัวหน้าฝ่าย Human Interface Design ของ Apple มานำทีม Creative Studio ใหม่ใน Reality Labs Alan Dye เป็นคนที่อยู่เบื้องหลังงานออกแบบสำคัญของ Apple เช่น Apple Watch, iPhone X และ Vision Pro การเข้ามาของเขาถูกมองว่าเป็นการยกระดับงานดีไซน์ของ Meta ให้มีความโดดเด่นและผสมผสานระหว่างแฟชั่น เทคโนโลยี และ AI โดย Dye จะทำงานร่วมกับทีมดีไซน์ที่มีทั้ง Billy Sorrentino และ Joshua To เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่เป็นสัญลักษณ์ใหม่ของ Meta การดึงตัวบุคลากรจาก Apple ครั้งนี้สะท้อนการแข่งขันที่ดุเดือดระหว่างสองยักษ์ใหญ่ที่กำลังแย่งชิงอนาคตของอุปกรณ์ AI และสมาร์ทแกดเจ็ต
    https://securityonline.info/design-wars-meta-hires-apple-veteran-alan-dye-to-lead-new-reality-labs-creative-studio

    ปฏิบัติการ DUPEHIKE: มัลแวร์เจาะฝ่าย HR ของรัสเซีย
    เรื่องนี้เป็นการโจมตีแบบเจาะจงที่ถูกตั้งชื่อว่า Operation DUPEHIKE โดยกลุ่มแฮกเกอร์ใช้วิธีส่งอีเมลหลอกล่อพนักงานฝ่ายบุคคลและเงินเดือน ด้วยไฟล์ที่ดูเหมือนเอกสารโบนัสสิ้นปี แต่แท้จริงแล้วเป็นไฟล์ลัด (LNK) ที่เมื่อเปิดขึ้นจะไปดาวน์โหลดมัลแวร์ชื่อ DUPERUNNER ผ่าน PowerShell ทำงานเบื้องหลังอย่างแนบเนียน มัลแวร์นี้สามารถฉีดโค้ดเข้าไปในโปรเซสที่ใช้บ่อย เช่น explorer.exe หรือ notepad.exe เพื่อให้ฝังตัวถาวร และสุดท้ายจะติดตั้ง Adaptix C2 ซึ่งเป็นเครื่องมือควบคุมจากระยะไกล เป้าหมายคือการสอดแนมและควบคุมระบบขององค์กรที่ตกเป็นเหยื่อ
    https://securityonline.info/operation-dupehike-hits-russian-hr-bonus-lure-delivers-duperunner-and-adaptix-c2-via-process-injection

    ช่องโหว่ Splunk บน Windows เสี่ยงถูกยกระดับสิทธิ์
    Splunk ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูลชื่อดัง พบช่องโหว่ร้ายแรงสองรายการ (CVE-2025-20386 และ CVE-2025-20387) ที่ทำให้การติดตั้งบน Windows กำหนดสิทธิ์ไฟล์ผิดพลาด เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ที่ไม่ใช่แอดมินเข้าถึงไฟล์และโฟลเดอร์สำคัญได้ หากแฮกเกอร์ได้สิทธิ์ผู้ใช้ระดับต่ำ ก็สามารถแก้ไขไฟล์หรือเข้าถึงข้อมูลที่ควรจะถูกป้องกันไว้ได้ทันที ทาง Splunk ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้ว และแนะนำให้ผู้ดูแลระบบรีบอัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดเพื่อปิดช่องโหว่โดยเร็ว
    https://securityonline.info/high-severity-splunk-flaw-allows-local-privilege-escalation-via-incorrect-file-permissions-on-windows

    ช่องโหว่ Cacti เสี่ยงถูกสั่งรันโค้ดจากระยะไกล
    Cacti ซึ่งเป็นเครื่องมือโอเพ่นซอร์สสำหรับทำกราฟเครือข่าย พบช่องโหว่ร้ายแรง (CVE-2025-66399) ที่เกี่ยวกับการจัดการค่า SNMP Community String หากผู้ใช้ใส่ค่าที่มีตัวอักษรพิเศษหรือบรรทัดใหม่ ระบบจะไม่กรองออก ทำให้แฮกเกอร์สามารถแทรกคำสั่งอันตรายเข้าไปได้ เมื่อระบบนำค่าเหล่านี้ไปใช้กับเครื่องมือ SNMP ภายนอก คำสั่งที่ถูกแทรกก็จะถูกรันทันที ส่งผลให้ผู้โจมตีสามารถเข้าควบคุมเซิร์ฟเวอร์ได้เต็มรูปแบบ ทีมพัฒนาได้ออกแพตช์แก้ไขแล้วในเวอร์ชัน 1.2.29 และแนะนำให้อัปเดตทันที
    https://securityonline.info/high-severity-cacti-flaw-cve-2025-66399-risks-remote-code-execution-via-snmp-community-string-injection

    กลุ่ม Calisto APT รัสเซียโจมตี NGO ด้วยฟิชชิ่งแบบใหม่
    กลุ่มแฮกเกอร์ Calisto ที่เชื่อมโยงกับหน่วยงานความมั่นคงรัสเซีย ได้พุ่งเป้าโจมตีองค์กร Reporters Without Borders (RSF) โดยใช้เทคนิคฟิชชิ่งที่ซับซ้อน พวกเขาส่งอีเมลแสร้งเป็นคนรู้จัก พร้อมไฟล์ที่ “หายไป” หรือไฟล์ที่เปิดไม่ได้ เพื่อให้เหยื่อขอไฟล์ใหม่ เมื่อเหยื่อตอบกลับก็จะได้รับลิงก์ไปยังไฟล์ที่แท้จริงซึ่งเป็นมัลแวร์ ฟิชชิ่งนี้ยังใช้เทคนิค AiTM (Adversary-in-the-Middle) เพื่อดักข้อมูลการเข้าสู่ระบบและรหัส 2FA แบบเรียลไทม์ ถือเป็นการโจมตีที่เจาะจง NGO ที่เกี่ยวข้องกับยูเครนและเสรีภาพสื่อโดยตรง
    https://securityonline.info/russian-calisto-apt-targets-reporters-without-borders-with-custom-aitm-phishing-and-missing-file-lure

    NVIDIA Triton Server พบช่องโหว่ DoS ร้ายแรง
    NVIDIA ได้ออกประกาศเตือนเกี่ยวกับ Triton Inference Server ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับการรันโมเดล AI พบช่องโหว่สองรายการ (CVE-2025-33211 และ CVE-2025-33201) ที่ทำให้ผู้โจมตีสามารถส่งข้อมูลที่ผิดรูปแบบหรือใหญ่เกินไปจนทำให้เซิร์ฟเวอร์ล่มได้ ผลคือบริการ AI inference จะหยุดทำงานทันที ซึ่งอาจกระทบต่อองค์กรที่พึ่งพา AI ในการประมวลผลขนาดใหญ่ NVIDIA ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้ว และแนะนำให้ผู้ใช้อัปเดตเป็นเวอร์ชัน r25.10 เพื่อป้องกันการโจมตี
    https://securityonline.info/nvidia-triton-server-patches-two-high-severity-dos-flaws-risking-critical-ai-inference-disruption

    Patchwork APT ใช้ StreamSpy Trojan ซ่อนคำสั่งใน WebSocket
    กลุ่มแฮกเกอร์ Patchwork APT ถูกพบว่ากำลังใช้มัลแวร์ใหม่ชื่อ StreamSpy Trojan ที่มีความสามารถในการซ่อนคำสั่งควบคุม (C2) ภายในทราฟฟิก WebSocket ทำให้การสื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ควบคุมดูเหมือนเป็นการใช้งานเว็บตามปกติ เทคนิคนี้ช่วยให้การสอดแนมดำเนินไปโดยไม่ถูกตรวจจับง่าย ๆ และยังสามารถดึงข้อมูลหรือสั่งการเครื่องเหยื่อได้อย่างต่อเนื่อง ถือเป็นการพัฒนาแนวทางโจมตีที่เน้นความลับและการพรางตัวสูง
    https://securityonline.info/patchwork-apt-deploys-streamspy-trojan-hiding-c2-commands-in-websocket-traffic-for-stealth-espionage

    ความต้องการ AI ลดลง Microsoft ปรับลดโควตายอดขาย
    มีรายงานว่า Microsoft ได้ปรับลดโควตายอดขายของทีม Enterprise AI ลงมากถึง 50% เนื่องจากความต้องการใช้งาน AI ในระดับองค์กรไม่เติบโตตามที่คาดไว้ สาเหตุหลักมาจากลูกค้าหลายรายยังลังเลที่จะลงทุนในโซลูชัน AI ขนาดใหญ่ ทั้งเรื่องค่าใช้จ่ายและความไม่แน่ใจในผลลัพธ์ที่แท้จริง การปรับลดนี้สะท้อนถึงความท้าทายของตลาด AI ที่แม้จะถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง แต่การนำไปใช้จริงในองค์กรยังต้องใช้เวลาและการพิสูจน์คุณค่า
    https://securityonline.info/ai-demand-struggles-microsoft-slashes-enterprise-ai-sales-quotas-by-up-to-50

    Telegram เตรียมใช้ Passkey แทน SMS สำหรับการล็อกอิน
    Telegram กำลังพัฒนาระบบการยืนยันตัวตนแบบใหม่ โดยจะใช้ Passkey Authentication แทนการส่งรหัสผ่านทาง SMS เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและลดความเสี่ยงจากการดักข้อความ ระบบ Passkey จะทำงานร่วมกับมาตรฐาน FIDO2 และ WebAuthn ทำให้ผู้ใช้สามารถล็อกอินได้ด้วยการยืนยันจากอุปกรณ์ที่เชื่อถือ เช่น ลายนิ้วมือหรือ Face ID การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยให้การใช้งาน Telegram ปลอดภัยขึ้นและลดการพึ่งพา SMS ที่มีช่องโหว่ด้านความปลอดภัย
    https://securityonline.info/no-more-sms-telegram-is-developing-passkey-authentication-for-secure-login

    SpyCloud เผยผู้ใช้บริษัทเสี่ยงฟิชชิ่งมากกว่ามัลแวร์ 3 เท่า
    ข้อมูลจาก SpyCloud ระบุว่าผู้ใช้ในองค์กรมีโอกาสถูกโจมตีด้วยฟิชชิ่งมากกว่ามัลแวร์ถึง 3 เท่า โดยการโจมตีฟิชชิ่งมักใช้วิธีหลอกให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลเข้าสู่ระบบหรือคลิกลิงก์ที่เป็นอันตราย ซึ่งง่ายต่อการดำเนินการและได้ผลเร็วกว่า การศึกษานี้ชี้ให้เห็นว่าบริษัทต่าง ๆ ควรให้ความสำคัญกับการฝึกอบรมพนักงานและการใช้ระบบตรวจจับฟิชชิ่งมากขึ้น เพื่อป้องกันการสูญเสียข้อมูลและการเข้าถึงระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต
    https://securityonline.info/spycloud-data-shows-corporate-users-3x-more-likely-to-be-targeted-by-phishing-than-by-malware

    อินเดียยกเลิกบังคับใช้แอป Sanchar Saathi หลังถูกต่อต้าน
    รัฐบาลอินเดียประกาศยกเลิกข้อบังคับที่ให้ประชาชนต้องใช้แอป Sanchar Saathi ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อช่วยตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ที่ถูกหลอกลวง หลังจากประชาชนและองค์กรต่าง ๆ ออกมาคัดค้านอย่างหนัก โดยมองว่าเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลและเสรีภาพดิจิทัล การตัดสินใจครั้งนี้สะท้อนถึงแรงกดดันจากสังคมที่ไม่ยอมรับการควบคุมที่เข้มงวดเกินไป และเป็นการปรับท่าทีของรัฐบาลต่อการใช้งานเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล
    ​​​​​​​ https://securityonline.info/policy-u-turn-india-drops-mandatory-sanchar-saathi-app-after-fierce-opposition
    📌🔐🔵 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🔵🔐📌 #รวมข่าวIT #20251205 #securityonline 📰 Google ทดลองให้ AI เขียนหัวข้อข่าวใหม่ แต่กลับทำให้ข้อมูลผิดเพี้ยน Google กำลังทดสอบระบบที่ให้ AI เขียนหัวข้อข่าวใหม่ในบริการ Google Discover โดยตั้งใจให้ผู้ใช้เข้าใจเนื้อหาได้เร็วขึ้นและกดเข้าไปอ่าน แต่ผลลัพธ์กลับไม่เป็นไปตามที่หวัง เพราะหลายครั้งหัวข้อที่ AI เขียนขึ้นมาเกิดการบิดเบือนความหมายเดิมจนทำให้เข้าใจผิด ตัวอย่างเช่น ข่าวเกี่ยวกับเครื่องเกม Steam Machine ที่ยังไม่เปิดเผยราคา แต่ AI กลับเขียนหัวข้อว่า “Steam Machine price revealed” ซึ่งผิดไปจากข้อเท็จจริงอย่างสิ้นเชิง เรื่องนี้ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่า หากปล่อยให้ AI เขียนหัวข้อข่าวโดยไม่มีการควบคุม อาจทำให้ผู้ใช้เข้าใจผิดและลดความน่าเชื่อถือของสื่อ รวมถึงกระทบต่อจำนวนคนที่คลิกเข้าไปอ่านเนื้อหาจริง แม้ Google จะบอกว่าทดลองกับผู้ใช้เพียงส่วนน้อย แต่สำนักข่าวหลายแห่งก็เริ่มเห็นผลกระทบต่อทราฟฟิกของตนแล้ว 🔗 https://securityonline.info/misleading-ai-headlines-google-discover-testing-rewrites-that-distort-news-facts 💻 AWS ดันชิป Trainium สร้างรายได้หลายพันล้าน ท้าชน NVIDIA Amazon ผ่าน AWS กำลังสร้างแรงสั่นสะเทือนในตลาดชิป AI ที่ NVIDIA ครองอยู่ ด้วยการพัฒนา Trainium ซึ่งตอนนี้ทำรายได้ระดับหลายพันล้านดอลลาร์แล้ว โดยรุ่น Trainium2 ถูกใช้งานมากกว่า 100,000 บริษัท และผลิตไปแล้วกว่า 1 ล้านชิป จุดเด่นคือราคาถูกกว่า GPU ของ NVIDIA แต่ยังคงให้ประสิทธิภาพสูง ทำให้หลายองค์กรเลือกใช้ โดยเฉพาะ Anthropic ที่ใช้ชิป Trainium2 กว่า 500,000 ตัวในการสร้างโมเดลใหม่ของ Claude ล่าสุด AWS เปิดตัว Trainium3 ที่แรงขึ้น 4 เท่าและประหยัดพลังงานมากขึ้น พร้อมแผนพัฒนา Trainium4 ที่สามารถทำงานร่วมกับ GPU ของ NVIDIA ได้อย่างลื่นไหล ถือเป็นการเปลี่ยนกลยุทธ์จากการแข่งตรง ๆ ไปสู่การสร้างระบบไฮบริดที่ยืดหยุ่นกว่า 🔗 https://securityonline.info/aws-trainium-chip-business-hits-multi-billion-revenue-challenging-nvidias-pricing 🎨 Meta ดึงตัวดีไซน์เนอร์ระดับตำนานจาก Apple มาสร้างสตูดิโอใหม่ Mark Zuckerberg ประกาศว่า Meta ได้ดึง Alan Dye อดีตหัวหน้าฝ่าย Human Interface Design ของ Apple มานำทีม Creative Studio ใหม่ใน Reality Labs Alan Dye เป็นคนที่อยู่เบื้องหลังงานออกแบบสำคัญของ Apple เช่น Apple Watch, iPhone X และ Vision Pro การเข้ามาของเขาถูกมองว่าเป็นการยกระดับงานดีไซน์ของ Meta ให้มีความโดดเด่นและผสมผสานระหว่างแฟชั่น เทคโนโลยี และ AI โดย Dye จะทำงานร่วมกับทีมดีไซน์ที่มีทั้ง Billy Sorrentino และ Joshua To เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่เป็นสัญลักษณ์ใหม่ของ Meta การดึงตัวบุคลากรจาก Apple ครั้งนี้สะท้อนการแข่งขันที่ดุเดือดระหว่างสองยักษ์ใหญ่ที่กำลังแย่งชิงอนาคตของอุปกรณ์ AI และสมาร์ทแกดเจ็ต 🔗 https://securityonline.info/design-wars-meta-hires-apple-veteran-alan-dye-to-lead-new-reality-labs-creative-studio 🕵️‍♂️ ปฏิบัติการ DUPEHIKE: มัลแวร์เจาะฝ่าย HR ของรัสเซีย เรื่องนี้เป็นการโจมตีแบบเจาะจงที่ถูกตั้งชื่อว่า Operation DUPEHIKE โดยกลุ่มแฮกเกอร์ใช้วิธีส่งอีเมลหลอกล่อพนักงานฝ่ายบุคคลและเงินเดือน ด้วยไฟล์ที่ดูเหมือนเอกสารโบนัสสิ้นปี แต่แท้จริงแล้วเป็นไฟล์ลัด (LNK) ที่เมื่อเปิดขึ้นจะไปดาวน์โหลดมัลแวร์ชื่อ DUPERUNNER ผ่าน PowerShell ทำงานเบื้องหลังอย่างแนบเนียน มัลแวร์นี้สามารถฉีดโค้ดเข้าไปในโปรเซสที่ใช้บ่อย เช่น explorer.exe หรือ notepad.exe เพื่อให้ฝังตัวถาวร และสุดท้ายจะติดตั้ง Adaptix C2 ซึ่งเป็นเครื่องมือควบคุมจากระยะไกล เป้าหมายคือการสอดแนมและควบคุมระบบขององค์กรที่ตกเป็นเหยื่อ 🔗 https://securityonline.info/operation-dupehike-hits-russian-hr-bonus-lure-delivers-duperunner-and-adaptix-c2-via-process-injection ⚠️ ช่องโหว่ Splunk บน Windows เสี่ยงถูกยกระดับสิทธิ์ Splunk ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูลชื่อดัง พบช่องโหว่ร้ายแรงสองรายการ (CVE-2025-20386 และ CVE-2025-20387) ที่ทำให้การติดตั้งบน Windows กำหนดสิทธิ์ไฟล์ผิดพลาด เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ที่ไม่ใช่แอดมินเข้าถึงไฟล์และโฟลเดอร์สำคัญได้ หากแฮกเกอร์ได้สิทธิ์ผู้ใช้ระดับต่ำ ก็สามารถแก้ไขไฟล์หรือเข้าถึงข้อมูลที่ควรจะถูกป้องกันไว้ได้ทันที ทาง Splunk ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้ว และแนะนำให้ผู้ดูแลระบบรีบอัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดเพื่อปิดช่องโหว่โดยเร็ว 🔗 https://securityonline.info/high-severity-splunk-flaw-allows-local-privilege-escalation-via-incorrect-file-permissions-on-windows 🖥️ ช่องโหว่ Cacti เสี่ยงถูกสั่งรันโค้ดจากระยะไกล Cacti ซึ่งเป็นเครื่องมือโอเพ่นซอร์สสำหรับทำกราฟเครือข่าย พบช่องโหว่ร้ายแรง (CVE-2025-66399) ที่เกี่ยวกับการจัดการค่า SNMP Community String หากผู้ใช้ใส่ค่าที่มีตัวอักษรพิเศษหรือบรรทัดใหม่ ระบบจะไม่กรองออก ทำให้แฮกเกอร์สามารถแทรกคำสั่งอันตรายเข้าไปได้ เมื่อระบบนำค่าเหล่านี้ไปใช้กับเครื่องมือ SNMP ภายนอก คำสั่งที่ถูกแทรกก็จะถูกรันทันที ส่งผลให้ผู้โจมตีสามารถเข้าควบคุมเซิร์ฟเวอร์ได้เต็มรูปแบบ ทีมพัฒนาได้ออกแพตช์แก้ไขแล้วในเวอร์ชัน 1.2.29 และแนะนำให้อัปเดตทันที 🔗 https://securityonline.info/high-severity-cacti-flaw-cve-2025-66399-risks-remote-code-execution-via-snmp-community-string-injection 🎯 กลุ่ม Calisto APT รัสเซียโจมตี NGO ด้วยฟิชชิ่งแบบใหม่ กลุ่มแฮกเกอร์ Calisto ที่เชื่อมโยงกับหน่วยงานความมั่นคงรัสเซีย ได้พุ่งเป้าโจมตีองค์กร Reporters Without Borders (RSF) โดยใช้เทคนิคฟิชชิ่งที่ซับซ้อน พวกเขาส่งอีเมลแสร้งเป็นคนรู้จัก พร้อมไฟล์ที่ “หายไป” หรือไฟล์ที่เปิดไม่ได้ เพื่อให้เหยื่อขอไฟล์ใหม่ เมื่อเหยื่อตอบกลับก็จะได้รับลิงก์ไปยังไฟล์ที่แท้จริงซึ่งเป็นมัลแวร์ ฟิชชิ่งนี้ยังใช้เทคนิค AiTM (Adversary-in-the-Middle) เพื่อดักข้อมูลการเข้าสู่ระบบและรหัส 2FA แบบเรียลไทม์ ถือเป็นการโจมตีที่เจาะจง NGO ที่เกี่ยวข้องกับยูเครนและเสรีภาพสื่อโดยตรง 🔗 https://securityonline.info/russian-calisto-apt-targets-reporters-without-borders-with-custom-aitm-phishing-and-missing-file-lure 🤖 NVIDIA Triton Server พบช่องโหว่ DoS ร้ายแรง NVIDIA ได้ออกประกาศเตือนเกี่ยวกับ Triton Inference Server ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับการรันโมเดล AI พบช่องโหว่สองรายการ (CVE-2025-33211 และ CVE-2025-33201) ที่ทำให้ผู้โจมตีสามารถส่งข้อมูลที่ผิดรูปแบบหรือใหญ่เกินไปจนทำให้เซิร์ฟเวอร์ล่มได้ ผลคือบริการ AI inference จะหยุดทำงานทันที ซึ่งอาจกระทบต่อองค์กรที่พึ่งพา AI ในการประมวลผลขนาดใหญ่ NVIDIA ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้ว และแนะนำให้ผู้ใช้อัปเดตเป็นเวอร์ชัน r25.10 เพื่อป้องกันการโจมตี 🔗 https://securityonline.info/nvidia-triton-server-patches-two-high-severity-dos-flaws-risking-critical-ai-inference-disruption 🕶️ Patchwork APT ใช้ StreamSpy Trojan ซ่อนคำสั่งใน WebSocket กลุ่มแฮกเกอร์ Patchwork APT ถูกพบว่ากำลังใช้มัลแวร์ใหม่ชื่อ StreamSpy Trojan ที่มีความสามารถในการซ่อนคำสั่งควบคุม (C2) ภายในทราฟฟิก WebSocket ทำให้การสื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ควบคุมดูเหมือนเป็นการใช้งานเว็บตามปกติ เทคนิคนี้ช่วยให้การสอดแนมดำเนินไปโดยไม่ถูกตรวจจับง่าย ๆ และยังสามารถดึงข้อมูลหรือสั่งการเครื่องเหยื่อได้อย่างต่อเนื่อง ถือเป็นการพัฒนาแนวทางโจมตีที่เน้นความลับและการพรางตัวสูง 🔗 https://securityonline.info/patchwork-apt-deploys-streamspy-trojan-hiding-c2-commands-in-websocket-traffic-for-stealth-espionage 📉 ความต้องการ AI ลดลง Microsoft ปรับลดโควตายอดขาย มีรายงานว่า Microsoft ได้ปรับลดโควตายอดขายของทีม Enterprise AI ลงมากถึง 50% เนื่องจากความต้องการใช้งาน AI ในระดับองค์กรไม่เติบโตตามที่คาดไว้ สาเหตุหลักมาจากลูกค้าหลายรายยังลังเลที่จะลงทุนในโซลูชัน AI ขนาดใหญ่ ทั้งเรื่องค่าใช้จ่ายและความไม่แน่ใจในผลลัพธ์ที่แท้จริง การปรับลดนี้สะท้อนถึงความท้าทายของตลาด AI ที่แม้จะถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง แต่การนำไปใช้จริงในองค์กรยังต้องใช้เวลาและการพิสูจน์คุณค่า 🔗 https://securityonline.info/ai-demand-struggles-microsoft-slashes-enterprise-ai-sales-quotas-by-up-to-50 🔐 Telegram เตรียมใช้ Passkey แทน SMS สำหรับการล็อกอิน Telegram กำลังพัฒนาระบบการยืนยันตัวตนแบบใหม่ โดยจะใช้ Passkey Authentication แทนการส่งรหัสผ่านทาง SMS เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและลดความเสี่ยงจากการดักข้อความ ระบบ Passkey จะทำงานร่วมกับมาตรฐาน FIDO2 และ WebAuthn ทำให้ผู้ใช้สามารถล็อกอินได้ด้วยการยืนยันจากอุปกรณ์ที่เชื่อถือ เช่น ลายนิ้วมือหรือ Face ID การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยให้การใช้งาน Telegram ปลอดภัยขึ้นและลดการพึ่งพา SMS ที่มีช่องโหว่ด้านความปลอดภัย 🔗 https://securityonline.info/no-more-sms-telegram-is-developing-passkey-authentication-for-secure-login 🎣 SpyCloud เผยผู้ใช้บริษัทเสี่ยงฟิชชิ่งมากกว่ามัลแวร์ 3 เท่า ข้อมูลจาก SpyCloud ระบุว่าผู้ใช้ในองค์กรมีโอกาสถูกโจมตีด้วยฟิชชิ่งมากกว่ามัลแวร์ถึง 3 เท่า โดยการโจมตีฟิชชิ่งมักใช้วิธีหลอกให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลเข้าสู่ระบบหรือคลิกลิงก์ที่เป็นอันตราย ซึ่งง่ายต่อการดำเนินการและได้ผลเร็วกว่า การศึกษานี้ชี้ให้เห็นว่าบริษัทต่าง ๆ ควรให้ความสำคัญกับการฝึกอบรมพนักงานและการใช้ระบบตรวจจับฟิชชิ่งมากขึ้น เพื่อป้องกันการสูญเสียข้อมูลและการเข้าถึงระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต 🔗 https://securityonline.info/spycloud-data-shows-corporate-users-3x-more-likely-to-be-targeted-by-phishing-than-by-malware 🇮🇳 อินเดียยกเลิกบังคับใช้แอป Sanchar Saathi หลังถูกต่อต้าน รัฐบาลอินเดียประกาศยกเลิกข้อบังคับที่ให้ประชาชนต้องใช้แอป Sanchar Saathi ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อช่วยตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ที่ถูกหลอกลวง หลังจากประชาชนและองค์กรต่าง ๆ ออกมาคัดค้านอย่างหนัก โดยมองว่าเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลและเสรีภาพดิจิทัล การตัดสินใจครั้งนี้สะท้อนถึงแรงกดดันจากสังคมที่ไม่ยอมรับการควบคุมที่เข้มงวดเกินไป และเป็นการปรับท่าทีของรัฐบาลต่อการใช้งานเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล ​​​​​​​🔗 https://securityonline.info/policy-u-turn-india-drops-mandatory-sanchar-saathi-app-after-fierce-opposition
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 43 มุมมอง 0 รีวิว
  • "Cambricon ตั้งเป้าเพิ่มการผลิตชิป AI 3 เท่า – หวังแทนที่ Nvidia และท้าชน Huawei"

    ข่าวนี้เล่าถึงบริษัท Cambricon Technologies ของจีนที่ตั้งเป้า เพิ่มการผลิตชิป AI เป็น 3 เท่าในปี 2026 เพื่อทดแทนช่องว่างที่ Nvidia ถอนตัวออกจากตลาดจีน และแข่งขันกับ Huawei แต่ยังมีข้อกังวลเรื่องกำลังการผลิตและคุณภาพการผลิตที่ต่ำ

    Cambricon Technologies มีแผนจะผลิตชิป AI กว่า 500,000 ตัวในปี 2026 รวมถึงรุ่นเรือธง Siyuan 590 และ 690 ซึ่งมากกว่าสามเท่าของจำนวนที่คาดว่าจะผลิตในปี 2025 (ประมาณ 142,000 ตัว). การขยายนี้เกิดขึ้นหลังจาก Nvidia ถูกจำกัดการส่งออกชิปไปยังจีน ทำให้เกิดช่องว่างในตลาดที่บริษัทจีนพยายามเข้ามาเติมเต็ม.

    Cambricon จะพึ่งพากำลังการผลิตจาก Semiconductor Manufacturing International Corp (SMIC) โดยใช้กระบวนการผลิต 7nm N+2 แต่ยังมีข้อกังวลเรื่องคุณภาพ เนื่องจากชิป Siyuan มีอัตราการผลิตที่ใช้ได้จริงเพียง 20% หรือหนึ่งในห้าของจำนวนที่ผลิตออกมา ซึ่งถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับ TSMC ที่มี yield rate สูงถึง 60%.

    แม้จะมีข้อจำกัดด้านเทคนิค แต่ Cambricon ได้รับแรงหนุนจากรัฐบาลจีนและความต้องการภายในประเทศ โดยมีลูกค้ารายใหญ่เช่น Alibaba และ ByteDance ที่หันมาใช้ชิปจีนตามนโยบายลดการพึ่งพาต่างชาติ รายได้ของบริษัทก็เพิ่มขึ้นกว่า 14 เท่าในไตรมาสล่าสุด สะท้อนความต้องการที่พุ่งสูงในตลาด AI.

    อย่างไรก็ตาม ความท้าทายยังคงอยู่ที่ การจัดหาวัสดุพื้นฐานและหน่วยความจำ (HBM, LPDDR) ซึ่งขาดแคลนทั่วโลก รวมถึงการแข่งขันกับ Huawei ที่ประกาศว่าจะเพิ่มการผลิตชิปเช่นกัน ทำให้อนาคตของ Cambricon แม้จะสดใส แต่ก็เต็มไปด้วยความเสี่ยงด้านเทคนิคและทรัพยากร.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ข้อมูลจากข่าว
    Cambricon ตั้งเป้าผลิตชิป AI 500,000 ตัวในปี 2026
    ใช้กำลังการผลิตจาก SMIC ที่กระบวนการ 7nm N+2
    Yield rate ของชิป Siyuan อยู่ที่ 20% เทียบกับ TSMC ที่ 60%
    ลูกค้ารายใหญ่: Alibaba และ ByteDance
    รายได้ไตรมาสล่าสุดเพิ่มขึ้น 14 เท่า

    ข้อมูลเสริมจาก Internet
    ตลาดชิป AI คาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 25% ต่อปีในช่วง 2025–2030
    Huawei กำลังเพิ่มการผลิตชิป AI เพื่อตอบสนองความต้องการในประเทศ
    การขาดแคลน HBM และ LPDDR เป็นปัญหาสำคัญทั่วโลก

    คำเตือนจากข่าว
    Yield rate ต่ำอาจทำให้ต้นทุนสูงและการผลิตไม่คุ้มค่า
    การขาดแคลนหน่วยความจำอาจทำให้คำสั่งซื้อไม่สามารถส่งมอบได้
    การแข่งขันกับ Huawei อาจทำให้ Cambricon เสียเปรียบในตลาดภายในประเทศ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/chinese-tech-firm-cambricon-looks-to-step-into-nvidia-void-triple-ai-chip-production-next-year-seeks-to-rival-huawei-but-production-remains-a-concern
    ⚙️ "Cambricon ตั้งเป้าเพิ่มการผลิตชิป AI 3 เท่า – หวังแทนที่ Nvidia และท้าชน Huawei" ข่าวนี้เล่าถึงบริษัท Cambricon Technologies ของจีนที่ตั้งเป้า เพิ่มการผลิตชิป AI เป็น 3 เท่าในปี 2026 เพื่อทดแทนช่องว่างที่ Nvidia ถอนตัวออกจากตลาดจีน และแข่งขันกับ Huawei แต่ยังมีข้อกังวลเรื่องกำลังการผลิตและคุณภาพการผลิตที่ต่ำ Cambricon Technologies มีแผนจะผลิตชิป AI กว่า 500,000 ตัวในปี 2026 รวมถึงรุ่นเรือธง Siyuan 590 และ 690 ซึ่งมากกว่าสามเท่าของจำนวนที่คาดว่าจะผลิตในปี 2025 (ประมาณ 142,000 ตัว). การขยายนี้เกิดขึ้นหลังจาก Nvidia ถูกจำกัดการส่งออกชิปไปยังจีน ทำให้เกิดช่องว่างในตลาดที่บริษัทจีนพยายามเข้ามาเติมเต็ม. Cambricon จะพึ่งพากำลังการผลิตจาก Semiconductor Manufacturing International Corp (SMIC) โดยใช้กระบวนการผลิต 7nm N+2 แต่ยังมีข้อกังวลเรื่องคุณภาพ เนื่องจากชิป Siyuan มีอัตราการผลิตที่ใช้ได้จริงเพียง 20% หรือหนึ่งในห้าของจำนวนที่ผลิตออกมา ซึ่งถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับ TSMC ที่มี yield rate สูงถึง 60%. แม้จะมีข้อจำกัดด้านเทคนิค แต่ Cambricon ได้รับแรงหนุนจากรัฐบาลจีนและความต้องการภายในประเทศ โดยมีลูกค้ารายใหญ่เช่น Alibaba และ ByteDance ที่หันมาใช้ชิปจีนตามนโยบายลดการพึ่งพาต่างชาติ รายได้ของบริษัทก็เพิ่มขึ้นกว่า 14 เท่าในไตรมาสล่าสุด สะท้อนความต้องการที่พุ่งสูงในตลาด AI. อย่างไรก็ตาม ความท้าทายยังคงอยู่ที่ การจัดหาวัสดุพื้นฐานและหน่วยความจำ (HBM, LPDDR) ซึ่งขาดแคลนทั่วโลก รวมถึงการแข่งขันกับ Huawei ที่ประกาศว่าจะเพิ่มการผลิตชิปเช่นกัน ทำให้อนาคตของ Cambricon แม้จะสดใส แต่ก็เต็มไปด้วยความเสี่ยงด้านเทคนิคและทรัพยากร. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ข้อมูลจากข่าว ➡️ Cambricon ตั้งเป้าผลิตชิป AI 500,000 ตัวในปี 2026 ➡️ ใช้กำลังการผลิตจาก SMIC ที่กระบวนการ 7nm N+2 ➡️ Yield rate ของชิป Siyuan อยู่ที่ 20% เทียบกับ TSMC ที่ 60% ➡️ ลูกค้ารายใหญ่: Alibaba และ ByteDance ➡️ รายได้ไตรมาสล่าสุดเพิ่มขึ้น 14 เท่า ✅ ข้อมูลเสริมจาก Internet ➡️ ตลาดชิป AI คาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 25% ต่อปีในช่วง 2025–2030 ➡️ Huawei กำลังเพิ่มการผลิตชิป AI เพื่อตอบสนองความต้องการในประเทศ ➡️ การขาดแคลน HBM และ LPDDR เป็นปัญหาสำคัญทั่วโลก ‼️ คำเตือนจากข่าว ⛔ Yield rate ต่ำอาจทำให้ต้นทุนสูงและการผลิตไม่คุ้มค่า ⛔ การขาดแคลนหน่วยความจำอาจทำให้คำสั่งซื้อไม่สามารถส่งมอบได้ ⛔ การแข่งขันกับ Huawei อาจทำให้ Cambricon เสียเปรียบในตลาดภายในประเทศ https://www.tomshardware.com/tech-industry/chinese-tech-firm-cambricon-looks-to-step-into-nvidia-void-triple-ai-chip-production-next-year-seeks-to-rival-huawei-but-production-remains-a-concern
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 36 มุมมอง 0 รีวิว
  • "การ์ดจอ 3dfx Voodoo2 ปี 1998 กลับมามีชีวิตบน Ryzen 9 และ Windows 11"

    นักรีวิวจาก YouTube ช่อง Omores ได้ทดลองนำ Creative 3dfx Voodoo2 12MB ซึ่งเป็นการ์ดจอจากปี 1998 มาทำงานบนเครื่อง PC รุ่นใหม่ที่ใช้ AMD Ryzen 9 9900X และระบบปฏิบัติการ Windows 11 การเชื่อมต่อทำผ่านอุปกรณ์ PCI-E to PCI enclosure ของ StarTech เพื่อให้การ์ดเก่าทำงานร่วมกับเมนบอร์ด AM5 รุ่นใหม่.

    การทดสอบเริ่มจากการติดตั้ง Windows 98 และ Windows 10 แบบ 32-bit ซึ่งสามารถทำงานได้ด้วยไดรเวอร์จากชุมชนผู้พัฒนา ต่อมา Omores ใช้ไดรเวอร์ทดลองจากปี 2006 ที่พัฒนาสำหรับ Windows NT และปรับแก้ให้ทำงานบน Windows 10/11 แบบ 64-bit ผลคือสามารถรันเกมคลาสสิกอย่าง Quake II และ 3DMark 2001 SE ได้สำเร็จ.

    แม้จะทำงานได้ แต่เมื่อ Omores พยายามใช้การ์ด Voodoo2 สองตัวในโหมด SLI (Scan-Line Interleave) ระบบกลับล้มเหลว เนื่องจากการ์ดรุ่น Joytech Apollo 3D Fast II 12MB มีบั๊กและไม่สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างเสถียร ทำให้การทดลองต้องหยุดที่การ์ดเดี่ยว.

    การทดลองนี้สะท้อนว่า แม้เทคโนโลยีเก่าจะถูกทิ้งไปนาน แต่ด้วยความพยายามและการปรับแต่งไดรเวอร์ ก็ยังสามารถนำกลับมาใช้งานได้ในระบบใหม่ เป็นการผสมผสานระหว่าง ความ怀旧 (nostalgia) และ ความท้าทายทางเทคนิค ที่ดึงดูดใจนักเล่นฮาร์ดแวร์สายวินเทจ.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ข้อมูลจากข่าว
    ใช้การ์ดจอ 3dfx Voodoo2 12MB บน Ryzen 9 9900X และ Windows 11
    เชื่อมต่อผ่าน StarTech PCI-E to PCI enclosure
    ใช้ไดรเวอร์ทดลองจากปี 2006 เพื่อรันบน Windows 64-bit
    รันเกม Quake II และ 3DMark 2001 SE ได้สำเร็จ
    การทดลอง SLI ล้มเหลวเพราะการ์ดตัวที่สองมีบั๊ก

    ข้อมูลเสริมจาก Internet
    3dfx Voodoo2 เปิดตัวปี 1998 และเป็นการ์ดจอที่ได้รับความนิยมสูงในยุคนั้น
    เทคโนโลยี SLI ของ 3dfx เป็นต้นแบบให้กับ Nvidia ในเวลาต่อมา
    ปัจจุบันมีชุมชนออนไลน์ที่ยังคงพัฒนาไดรเวอร์และซอฟต์แวร์สำหรับการ์ดจอวินเทจ

    คำเตือนจากข่าว
    การใช้การ์ดเก่าบนระบบใหม่อาจเสี่ยงต่อความไม่เสถียรและบั๊ก
    การระบายความร้อนและการใช้พลังงานอาจไม่เหมาะสมกับสถาปัตยกรรมใหม่
    การพยายามใช้ SLI กับการ์ดรุ่นเก่าอาจทำให้ระบบล้มเหลว

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpu-drivers/ancient-3dfx-voodoo2-graphics-card-coaxed-into-working-in-modern-amd-ryzen-9-9900x-powered-windows-11-system
    🕹️ "การ์ดจอ 3dfx Voodoo2 ปี 1998 กลับมามีชีวิตบน Ryzen 9 และ Windows 11" นักรีวิวจาก YouTube ช่อง Omores ได้ทดลองนำ Creative 3dfx Voodoo2 12MB ซึ่งเป็นการ์ดจอจากปี 1998 มาทำงานบนเครื่อง PC รุ่นใหม่ที่ใช้ AMD Ryzen 9 9900X และระบบปฏิบัติการ Windows 11 การเชื่อมต่อทำผ่านอุปกรณ์ PCI-E to PCI enclosure ของ StarTech เพื่อให้การ์ดเก่าทำงานร่วมกับเมนบอร์ด AM5 รุ่นใหม่. การทดสอบเริ่มจากการติดตั้ง Windows 98 และ Windows 10 แบบ 32-bit ซึ่งสามารถทำงานได้ด้วยไดรเวอร์จากชุมชนผู้พัฒนา ต่อมา Omores ใช้ไดรเวอร์ทดลองจากปี 2006 ที่พัฒนาสำหรับ Windows NT และปรับแก้ให้ทำงานบน Windows 10/11 แบบ 64-bit ผลคือสามารถรันเกมคลาสสิกอย่าง Quake II และ 3DMark 2001 SE ได้สำเร็จ. แม้จะทำงานได้ แต่เมื่อ Omores พยายามใช้การ์ด Voodoo2 สองตัวในโหมด SLI (Scan-Line Interleave) ระบบกลับล้มเหลว เนื่องจากการ์ดรุ่น Joytech Apollo 3D Fast II 12MB มีบั๊กและไม่สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างเสถียร ทำให้การทดลองต้องหยุดที่การ์ดเดี่ยว. การทดลองนี้สะท้อนว่า แม้เทคโนโลยีเก่าจะถูกทิ้งไปนาน แต่ด้วยความพยายามและการปรับแต่งไดรเวอร์ ก็ยังสามารถนำกลับมาใช้งานได้ในระบบใหม่ เป็นการผสมผสานระหว่าง ความ怀旧 (nostalgia) และ ความท้าทายทางเทคนิค ที่ดึงดูดใจนักเล่นฮาร์ดแวร์สายวินเทจ. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ข้อมูลจากข่าว ➡️ ใช้การ์ดจอ 3dfx Voodoo2 12MB บน Ryzen 9 9900X และ Windows 11 ➡️ เชื่อมต่อผ่าน StarTech PCI-E to PCI enclosure ➡️ ใช้ไดรเวอร์ทดลองจากปี 2006 เพื่อรันบน Windows 64-bit ➡️ รันเกม Quake II และ 3DMark 2001 SE ได้สำเร็จ ➡️ การทดลอง SLI ล้มเหลวเพราะการ์ดตัวที่สองมีบั๊ก ✅ ข้อมูลเสริมจาก Internet ➡️ 3dfx Voodoo2 เปิดตัวปี 1998 และเป็นการ์ดจอที่ได้รับความนิยมสูงในยุคนั้น ➡️ เทคโนโลยี SLI ของ 3dfx เป็นต้นแบบให้กับ Nvidia ในเวลาต่อมา ➡️ ปัจจุบันมีชุมชนออนไลน์ที่ยังคงพัฒนาไดรเวอร์และซอฟต์แวร์สำหรับการ์ดจอวินเทจ ‼️ คำเตือนจากข่าว ⛔ การใช้การ์ดเก่าบนระบบใหม่อาจเสี่ยงต่อความไม่เสถียรและบั๊ก ⛔ การระบายความร้อนและการใช้พลังงานอาจไม่เหมาะสมกับสถาปัตยกรรมใหม่ ⛔ การพยายามใช้ SLI กับการ์ดรุ่นเก่าอาจทำให้ระบบล้มเหลว https://www.tomshardware.com/pc-components/gpu-drivers/ancient-3dfx-voodoo2-graphics-card-coaxed-into-working-in-modern-amd-ryzen-9-9900x-powered-windows-11-system
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 42 มุมมอง 0 รีวิว
  • "UMC จับมือ Polar ขยายการผลิตชิป 8 นิ้วในสหรัฐฯ"

    UMC ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่เป็นอันดับสองของไต้หวัน รองจาก TSMC ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจกับ Polar Semiconductor เพื่อร่วมกันสำรวจการผลิตเวเฟอร์ 8 นิ้วในสหรัฐฯ โดยจะใช้โรงงานของ Polar ที่เพิ่งขยายในรัฐมินนิโซตาเป็นฐานการผลิต.

    ความร่วมมือนี้มีเป้าหมายเพื่อรองรับความต้องการจากหลายอุตสาหกรรม เช่น ยานยนต์, ศูนย์ข้อมูล, อิเล็กทรอนิกส์ผู้บริโภค, และการบิน–กลาโหม ซึ่งต้องการชิป 8 นิ้วที่มีความเสถียรและสามารถจัดหาจากหลายแหล่ง (multi-sourcing strategy).

    UMC จะนำเทคโนโลยีและฐานลูกค้าทั่วโลกมาผสานกับศักยภาพการผลิตในสหรัฐฯ ของ Polar เพื่อสร้างความยืดหยุ่นในห่วงโซ่อุปทาน และลดการพึ่งพาการผลิตในเอเชียเพียงอย่างเดียว ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของสหรัฐฯ ที่ต้องการเพิ่มการผลิตชิปภายในประเทศ.

    ผู้บริหารทั้งสองฝ่ายย้ำว่า ความร่วมมือครั้งนี้เป็นการตอบสนองต่อความต้องการ “Made in USA chips” และช่วยเสริมความมั่นคงด้านเทคโนโลยีในยุคที่การแข่งขันด้านเซมิคอนดักเตอร์ทวีความเข้มข้น โดยเฉพาะเมื่อ AI และยานยนต์ไฟฟ้ากำลังผลักดันความต้องการชิปเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ข้อมูลจากข่าว
    UMC ลงนามบันทึกความเข้าใจกับ Polar Semiconductor
    ใช้โรงงาน Polar ในรัฐมินนิโซตาที่เพิ่งขยายเป็นฐานผลิต
    รองรับอุตสาหกรรมยานยนต์, ศูนย์ข้อมูล, อิเล็กทรอนิกส์ผู้บริโภค, การบิน–กลาโหม
    สอดคล้องกับกลยุทธ์ multi-sourcing และนโยบาย Made in USA

    ข้อมูลเสริมจาก Internet
    ตลาดชิป 8 นิ้วยังคงมีความต้องการสูงในอุตสาหกรรมยานยนต์และ IoT
    สหรัฐฯ ออกกฎหมาย CHIPS Act เพื่อสนับสนุนการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในประเทศ
    Polar Semiconductor เป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับการสนับสนุนทุนเพื่อขยายกำลังการผลิต

    คำเตือนจากข่าว
    การขยายการผลิตในสหรัฐฯ อาจเจอความท้าทายด้านต้นทุนและแรงงาน
    ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์อาจทำให้ห่วงโซ่อุปทานยังคงเปราะบาง
    การแข่งขันกับผู้ผลิตรายใหญ่ เช่น TSMC และ Samsung อาจทำให้ตลาดกดดันด้านราคา

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/04/taiwan039s-umc-in-pact-with-polar-to-explore-us-production-of-eight-inch-chip
    🔧 "UMC จับมือ Polar ขยายการผลิตชิป 8 นิ้วในสหรัฐฯ" UMC ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่เป็นอันดับสองของไต้หวัน รองจาก TSMC ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจกับ Polar Semiconductor เพื่อร่วมกันสำรวจการผลิตเวเฟอร์ 8 นิ้วในสหรัฐฯ โดยจะใช้โรงงานของ Polar ที่เพิ่งขยายในรัฐมินนิโซตาเป็นฐานการผลิต. ความร่วมมือนี้มีเป้าหมายเพื่อรองรับความต้องการจากหลายอุตสาหกรรม เช่น ยานยนต์, ศูนย์ข้อมูล, อิเล็กทรอนิกส์ผู้บริโภค, และการบิน–กลาโหม ซึ่งต้องการชิป 8 นิ้วที่มีความเสถียรและสามารถจัดหาจากหลายแหล่ง (multi-sourcing strategy). UMC จะนำเทคโนโลยีและฐานลูกค้าทั่วโลกมาผสานกับศักยภาพการผลิตในสหรัฐฯ ของ Polar เพื่อสร้างความยืดหยุ่นในห่วงโซ่อุปทาน และลดการพึ่งพาการผลิตในเอเชียเพียงอย่างเดียว ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของสหรัฐฯ ที่ต้องการเพิ่มการผลิตชิปภายในประเทศ. ผู้บริหารทั้งสองฝ่ายย้ำว่า ความร่วมมือครั้งนี้เป็นการตอบสนองต่อความต้องการ “Made in USA chips” และช่วยเสริมความมั่นคงด้านเทคโนโลยีในยุคที่การแข่งขันด้านเซมิคอนดักเตอร์ทวีความเข้มข้น โดยเฉพาะเมื่อ AI และยานยนต์ไฟฟ้ากำลังผลักดันความต้องการชิปเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ข้อมูลจากข่าว ➡️ UMC ลงนามบันทึกความเข้าใจกับ Polar Semiconductor ➡️ ใช้โรงงาน Polar ในรัฐมินนิโซตาที่เพิ่งขยายเป็นฐานผลิต ➡️ รองรับอุตสาหกรรมยานยนต์, ศูนย์ข้อมูล, อิเล็กทรอนิกส์ผู้บริโภค, การบิน–กลาโหม ➡️ สอดคล้องกับกลยุทธ์ multi-sourcing และนโยบาย Made in USA ✅ ข้อมูลเสริมจาก Internet ➡️ ตลาดชิป 8 นิ้วยังคงมีความต้องการสูงในอุตสาหกรรมยานยนต์และ IoT ➡️ สหรัฐฯ ออกกฎหมาย CHIPS Act เพื่อสนับสนุนการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในประเทศ ➡️ Polar Semiconductor เป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับการสนับสนุนทุนเพื่อขยายกำลังการผลิต ‼️ คำเตือนจากข่าว ⛔ การขยายการผลิตในสหรัฐฯ อาจเจอความท้าทายด้านต้นทุนและแรงงาน ⛔ ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์อาจทำให้ห่วงโซ่อุปทานยังคงเปราะบาง ⛔ การแข่งขันกับผู้ผลิตรายใหญ่ เช่น TSMC และ Samsung อาจทำให้ตลาดกดดันด้านราคา https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/04/taiwan039s-umc-in-pact-with-polar-to-explore-us-production-of-eight-inch-chip
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Taiwan's UMC in pact with Polar to explore US production of eight-inch chip
    TAIPEI, Dec 4 (Reuters) - Taiwan chip maker United Microelectronics Corp (UMC) said on Thursday it had signed a memorandum of understanding with U.S.-based Polar Semiconductor to explore collaboration on manufacturing of 8-inch wafers in the United States.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 32 มุมมอง 0 รีวิว
  • เส้นทางจากนักข่าวสู่ผู้นำด้าน Privacy

    บทสัมภาษณ์นี้พูดคุยกับ Alexander Linton ประธานมูลนิธิ Session Technology Foundation เกี่ยวกับการสร้างแพลตฟอร์มแชทที่เข้ารหัสแบบกระจายศูนย์ (decentralized encrypted messaging) และความท้าทายด้านความปลอดภัย ความเชื่อมั่น และการกำกับดูแล

    Alexander Linton เริ่มต้นจากการเป็นนักข่าวที่ต้องเผชิญกับปัญหาการสื่อสารที่ไม่ปลอดภัย เขาเห็นช่องว่างสำคัญในเครื่องมือที่ใช้ปกป้องข้อมูลและแหล่งข่าว จึงเข้าร่วมทีมพัฒนา Session เมื่อ 7 ปีก่อน และปัจจุบันก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำมูลนิธิที่ดูแลโครงการนี้ เป้าหมายของเขาคือทำให้การสื่อสารที่ปลอดภัยเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของทุกคน

    ความท้าทายด้าน Trust & Safety
    Session ใช้โครงสร้างแบบ decentralized node network คล้าย Tor ทำให้ไม่มีเซิร์ฟเวอร์กลางที่สามารถควบคุมหรือสอดส่องได้ ส่งผลให้การทำ content moderation แบบรวมศูนย์แทบเป็นไปไม่ได้ Linton ย้ำว่า “ไม่มีอนาคตของความปลอดภัยออนไลน์หากปราศจาก Privacy และ Security” โดย Session เลือกใช้การควบคุมในระดับชุมชนแทนที่จะเปิดช่องทางให้รัฐบาลหรือองค์กรใด ๆ แทรกแซง

    บทบาทของสวิตเซอร์แลนด์และการกำกับดูแล
    หลังจากย้ายฐานจากออสเตรเลียไปสวิตเซอร์แลนด์ มูลนิธิได้รับสภาพแวดล้อมที่มั่นคงและเป็นมิตรต่อสิทธิด้านดิจิทัล อย่างไรก็ตามยังมีข้อกังวลเรื่องกฎหมายใหม่ที่อาจกระทบต่อการเข้ารหัส (เช่น VÜPF) ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการต่อสู้เพื่อ Privacy เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นทั่วโลก ไม่ใช่เฉพาะประเทศใดประเทศหนึ่ง

    อนาคตของ Session และ Token
    เพื่อสร้างความยั่งยืน Session ได้เปิดตัว Session Token ที่ใช้เป็นแรงจูงใจให้ชุมชนช่วยดูแลโครงสร้างพื้นฐาน โดย Linton ยืนยันว่าไม่ใช่การ “cash grab” แต่เป็นการสร้างโมเดลที่ให้ผู้สนับสนุนเครือข่ายได้รับผลตอบแทนจากการมีส่วนร่วม ซึ่งจะช่วยให้แพลตฟอร์มเติบโตโดยไม่ต้องพึ่งพาบริษัทเอกชน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ข้อมูลจากข่าว
    Alexander Linton จากนักข่าวสู่ประธาน Session Technology Foundation
    Session ใช้โครงสร้าง decentralized node network คล้าย Tor
    Content moderation ทำในระดับชุมชน ไม่ใช่รวมศูนย์
    มูลนิธิย้ายฐานไปสวิตเซอร์แลนด์เพื่อความมั่นคงด้านสิทธิข้อมูล
    เปิดตัว Session Token เพื่อสร้างความยั่งยืนของแพลตฟอร์ม

    คำเตือนจากข่าว
    กฎหมายใหม่ในสวิตเซอร์แลนด์ (VÜPF) อาจกระทบต่อการเข้ารหัส
    การละเลยการปกป้อง Privacy อาจทำให้ผู้ใช้เสี่ยงต่อการถูกสอดส่อง
    หากไม่เข้าใจโมเดล Token อาจถูกมองว่าเป็นการแสวงหาผลประโยชน์
    การลดความเข้มแข็งของ Encryption จะทำให้ทุกคนไม่ปลอดภัยมากขึ้น

    https://itsfoss.com/news/alexander-linton-interview/
    📰 เส้นทางจากนักข่าวสู่ผู้นำด้าน Privacy บทสัมภาษณ์นี้พูดคุยกับ Alexander Linton ประธานมูลนิธิ Session Technology Foundation เกี่ยวกับการสร้างแพลตฟอร์มแชทที่เข้ารหัสแบบกระจายศูนย์ (decentralized encrypted messaging) และความท้าทายด้านความปลอดภัย ความเชื่อมั่น และการกำกับดูแล Alexander Linton เริ่มต้นจากการเป็นนักข่าวที่ต้องเผชิญกับปัญหาการสื่อสารที่ไม่ปลอดภัย เขาเห็นช่องว่างสำคัญในเครื่องมือที่ใช้ปกป้องข้อมูลและแหล่งข่าว จึงเข้าร่วมทีมพัฒนา Session เมื่อ 7 ปีก่อน และปัจจุบันก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำมูลนิธิที่ดูแลโครงการนี้ เป้าหมายของเขาคือทำให้การสื่อสารที่ปลอดภัยเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของทุกคน 🔐 ความท้าทายด้าน Trust & Safety Session ใช้โครงสร้างแบบ decentralized node network คล้าย Tor ทำให้ไม่มีเซิร์ฟเวอร์กลางที่สามารถควบคุมหรือสอดส่องได้ ส่งผลให้การทำ content moderation แบบรวมศูนย์แทบเป็นไปไม่ได้ Linton ย้ำว่า “ไม่มีอนาคตของความปลอดภัยออนไลน์หากปราศจาก Privacy และ Security” โดย Session เลือกใช้การควบคุมในระดับชุมชนแทนที่จะเปิดช่องทางให้รัฐบาลหรือองค์กรใด ๆ แทรกแซง 🌍 บทบาทของสวิตเซอร์แลนด์และการกำกับดูแล หลังจากย้ายฐานจากออสเตรเลียไปสวิตเซอร์แลนด์ มูลนิธิได้รับสภาพแวดล้อมที่มั่นคงและเป็นมิตรต่อสิทธิด้านดิจิทัล อย่างไรก็ตามยังมีข้อกังวลเรื่องกฎหมายใหม่ที่อาจกระทบต่อการเข้ารหัส (เช่น VÜPF) ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการต่อสู้เพื่อ Privacy เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นทั่วโลก ไม่ใช่เฉพาะประเทศใดประเทศหนึ่ง 💡 อนาคตของ Session และ Token เพื่อสร้างความยั่งยืน Session ได้เปิดตัว Session Token ที่ใช้เป็นแรงจูงใจให้ชุมชนช่วยดูแลโครงสร้างพื้นฐาน โดย Linton ยืนยันว่าไม่ใช่การ “cash grab” แต่เป็นการสร้างโมเดลที่ให้ผู้สนับสนุนเครือข่ายได้รับผลตอบแทนจากการมีส่วนร่วม ซึ่งจะช่วยให้แพลตฟอร์มเติบโตโดยไม่ต้องพึ่งพาบริษัทเอกชน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ข้อมูลจากข่าว ➡️ Alexander Linton จากนักข่าวสู่ประธาน Session Technology Foundation ➡️ Session ใช้โครงสร้าง decentralized node network คล้าย Tor ➡️ Content moderation ทำในระดับชุมชน ไม่ใช่รวมศูนย์ ➡️ มูลนิธิย้ายฐานไปสวิตเซอร์แลนด์เพื่อความมั่นคงด้านสิทธิข้อมูล ➡️ เปิดตัว Session Token เพื่อสร้างความยั่งยืนของแพลตฟอร์ม ‼️ คำเตือนจากข่าว ⛔ กฎหมายใหม่ในสวิตเซอร์แลนด์ (VÜPF) อาจกระทบต่อการเข้ารหัส ⛔ การละเลยการปกป้อง Privacy อาจทำให้ผู้ใช้เสี่ยงต่อการถูกสอดส่อง ⛔ หากไม่เข้าใจโมเดล Token อาจถูกมองว่าเป็นการแสวงหาผลประโยชน์ ⛔ การลดความเข้มแข็งของ Encryption จะทำให้ทุกคนไม่ปลอดภัยมากขึ้น https://itsfoss.com/news/alexander-linton-interview/
    ITSFOSS.COM
    There is No Future for Online Safety Without Privacy and Security
    Alexander Linton of the Session Technology Foundation on building decentralized messaging and why platform-wide content moderation is impractical on encrypted platforms.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 15 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดูหนังฟังเพลง
    ♡ขอบคุณที่มีเธอ♡
    เรื่องย่อ:หลินท่าและอันจือเซวี่ยรู้จักกันในงานรับสมัครนักเรียน ฝึกงานตอนปีสาม ทั้งสองเป็นรักแรกพบและคบกันเมื่อรู้จักกันดีขึ้น เมื่อเรียนจบ สองคนออกสู่สังคมด้วยกัน แม้ว่าเส้นทางชีวิตจะไม่ราบรื่นแต่พวกเขาก็เป็นกำลังใจ กันและค่อย ๆ มาถูกทาง เมื่อทุกอย่างกำลังไปได้สวย หลินท่าได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ความหวังดับวูบลง แต่ภายใต้กำลังใจและความอบอุ่น ของครอบครัว แฟนและเพื่อน หลินท่าท้าทายโรคภัย อย่างกล้าหาญและเป็นแรงบันดาลใจให้คนรอบตัวในการ ใช้ชีวิตที่เต็มไปด้วยความหวัง
    #wetv
    #wetvthailand
    #เพลงไทย
    #ซีรีส์จีน
    #เพลงเพราะ
    #ชีวิตคือสมมุติ
    ดูหนังฟังเพลง ♡ขอบคุณที่มีเธอ♡ เรื่องย่อ:หลินท่าและอันจือเซวี่ยรู้จักกันในงานรับสมัครนักเรียน ฝึกงานตอนปีสาม ทั้งสองเป็นรักแรกพบและคบกันเมื่อรู้จักกันดีขึ้น เมื่อเรียนจบ สองคนออกสู่สังคมด้วยกัน แม้ว่าเส้นทางชีวิตจะไม่ราบรื่นแต่พวกเขาก็เป็นกำลังใจ กันและค่อย ๆ มาถูกทาง เมื่อทุกอย่างกำลังไปได้สวย หลินท่าได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ความหวังดับวูบลง แต่ภายใต้กำลังใจและความอบอุ่น ของครอบครัว แฟนและเพื่อน หลินท่าท้าทายโรคภัย อย่างกล้าหาญและเป็นแรงบันดาลใจให้คนรอบตัวในการ ใช้ชีวิตที่เต็มไปด้วยความหวัง #wetv #wetvthailand #เพลงไทย #ซีรีส์จีน #เพลงเพราะ #ชีวิตคือสมมุติ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 23 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • รวมข่าวจากเวบ TechRadar

    #รวมข่าวIT #20251204 #TechRadar

    Google Antigravity AI ลบข้อมูลนักพัฒนาแล้วขอโทษ
    เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดเมื่อระบบ AI ของ Google ที่ชื่อว่า Antigravity ลบข้อมูลใน Google Drive ของนักพัฒนารายหนึ่งโดยไม่ได้ตั้งใจ หลังจากนั้นระบบได้ส่งข้อความขอโทษกลับมาเอง เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดคำถามใหญ่เกี่ยวกับความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยของ AI ที่มีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ หลายฝ่ายกังวลว่าหาก AI สามารถทำผิดพลาดในระดับนี้ อาจสร้างผลกระทบต่อธุรกิจและบุคคลทั่วไปได้อย่างรุนแรง
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/googles-antigravity-ai-deleted-a-developers-drive-and-then-apologized

    ความพยายามของทรัมป์ในการผลักดันกฎหมาย AI ระดับชาติสะดุด
    เรื่องนี้เป็นการถกเถียงใหญ่ในสภาอเมริกา เมื่อประธานาธิบดีทรัมป์พยายามผลักดันให้กฎหมายควบคุม AI ถูกกำหนดในระดับรัฐบาลกลาง เพื่อหลีกเลี่ยงการมี “กฎหมาย 50 แบบ” จากแต่ละรัฐ เขาเชื่อว่าการรวมศูนย์จะช่วยให้สหรัฐฯ แข่งขันกับจีนได้ แต่ฝ่ายนิติบัญญัติหลายคน โดยเฉพาะรีพับลิกันเอง กลับไม่เห็นด้วย เพราะมองว่ารัฐมีความคล่องตัวในการออกกฎหมายที่ตอบโจทย์สถานการณ์ได้เร็วกว่า อีกทั้งยังมีเสียงวิจารณ์ว่าการผลักดันนี้คือการเข้าข้างบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี สุดท้ายข้อเสนอนี้ถูกโหวตคว่ำอย่างท่วมท้น และทำให้ทรัมป์ถูกโจมตีว่า “ยืนอยู่ข้าง Big Tech”
    https://www.techradar.com/pro/trumps-push-to-overrule-ai-regulation-falters-as-republicans-split

    AWS เปิดตัว Nova Forge ให้ธุรกิจสร้างโมเดล AI ของตัวเอง
    Amazon Web Services เปิดตัวบริการใหม่ชื่อ Nova Forge ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถปรับแต่งโมเดล AI ได้ตามต้องการ โดยเริ่มจากโมเดลพื้นฐานของ Amazon แล้วนำข้อมูลของบริษัทมาผสมเพื่อสร้างโมเดลเฉพาะกิจที่เรียกว่า “Novellas” จุดเด่นคือช่วยลดต้นทุนและเวลาในการฝึกโมเดลใหม่จากศูนย์ ซึ่งปกติอาจใช้เงินมหาศาลและทีมงานจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัว Nova 2 ที่มาพร้อมโมเดลพื้นฐานใหม่หลายตัว รวมถึงความสามารถด้านการสนทนาแบบเสียงต่อเสียงที่ใกล้เคียงมนุษย์ ถือเป็นการขยายศักยภาพของ AWS ในตลาด AI อย่างจริงจัง
    https://www.techradar.com/pro/aws-nova-forge-could-be-your-companys-cue-to-start-building-custom-ai-models

    แฮกเกอร์เกาหลีเหนือถูกจับตาแบบสด ๆ ระหว่างปฏิบัติการ
    นักวิจัยด้านความปลอดภัยสามารถหลอกกลุ่ม Lazarus ของเกาหลีเหนือให้ใช้เครื่องที่พวกเขาคิดว่าเป็น “แล็ปท็อปจริง” แต่แท้จริงคือ sandbox ที่ควบคุมจากระยะไกล ทำให้สามารถเห็นการทำงานของแฮกเกอร์แบบสด ๆ แผนการนี้เกี่ยวข้องกับการสร้าง “คนงานปลอม” เพื่อสมัครงานในบริษัทใหญ่ แล้วใช้ตำแหน่งนั้นทำกิจกรรมโจมตีไซเบอร์ นักวิจัยพบว่าแฮกเกอร์ใช้เครื่องมืออย่าง OTP generator, AI automation และ Google Remote Desktop เพื่อเลี่ยงการตรวจสอบสองชั้น เหตุการณ์นี้ช่วยเปิดเผยวิธีการทำงานของกลุ่ม Lazarus และเป็นข้อมูลสำคัญในการป้องกันภัยไซเบอร์ในอนาคต
    https://www.techradar.com/pro/security/north-korean-fake-worker-scheme-caught-live-on-camera

    รีวิว Lenovo ThinkBook Plus Gen 6 Rollable โน้ตบุ๊คจอขยายได้
    Lenovo เปิดตัวโน้ตบุ๊คที่เรียกว่า “Rollable” รุ่นแรกของโลก ThinkBook Plus Gen 6 ที่สามารถขยายหน้าจอจาก 14 นิ้วเป็น 16 นิ้วได้เพียงกดปุ่มเดียว ทำให้การทำงานนอกสถานที่สะดวกขึ้นมาก ตัวเครื่องมาพร้อมสเปกแรง เช่น Intel Core Ultra 7, RAM 32GB และ SSD 1TB จุดเด่นคือจอ OLED ที่ขยายได้อย่างลื่นไหลและใช้งานจริงได้ ไม่ใช่แค่ลูกเล่น ผู้รีวิวเล่าว่าทุกครั้งที่กางจอออก คนรอบข้างมักตื่นตาตื่นใจ ถือเป็นการเปลี่ยนมุมมองใหม่ต่อโน้ตบุ๊คสำหรับธุรกิจและการทำงานแบบพกพา
    https://www.techradar.com/pro/lenovo-thinkbook-plus-gen-6-rollable-business-laptop-review

    หลุดข้อมูล Xeon 6 เวิร์กสเตชันใหม่ของ Intel
    มีการพบเมนบอร์ด ADLINK ISB-W890 ที่เผยให้เห็นแพลตฟอร์มใหม่ของ Intel สำหรับเวิร์กสเตชัน Granite Rapids-WS จุดเด่นคือรองรับหน่วยความจำ ECC DDR5 ได้สูงสุดถึง 1TB และมีช่อง PCIe มากมายสำหรับงานประมวลผลหนัก ๆ รวมถึงการ์ดกราฟิกหลายตัว ซีพียู Xeon รุ่นใหม่คาดว่าจะมีสูงสุดถึง 86 คอร์ พร้อมความเร็วสูงถึง 4.8GHz ซึ่งจะเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ AMD ThreadRipper รุ่นท็อป การรั่วไหลนี้ทำให้เห็นว่า Intel กำลังกลับมาท้าทายตลาดเวิร์กสเตชันระดับสูงอีกครั้ง
    https://www.techradar.com/pro/is-this-our-first-look-at-intels-xeon-6-workstation-hardware-leak-claims-to-show-w890-platform-ahead-of-granite-rapids-launch

    Qualcomm สู้กลับด้วย Snapdragon 8 Gen 5
    เรื่องนี้เริ่มจาก OnePlus เตรียมเปิดตัวมือถือรุ่นใหม่ OnePlus 15R ที่จะใช้ชิป Snapdragon 8 Gen 5 เป็นครั้งแรก จุดที่น่าสนใจคือ Qualcomm เลือกใช้กลยุทธ์ “สองรุ่นเรือธง” คล้ายกับที่ Apple ทำกับชิป A-series โดยแบ่งเป็นรุ่น Elite และรุ่นปกติ เพื่อให้มือถือราคาย่อมเยาได้สัมผัสพลังระดับเรือธงเช่นกัน ผู้บริหาร OnePlus อธิบายว่า Apple เป็นแรงบันดาลใจ เพราะการแยกชิป Pro และชิปธรรมดาใน iPhone ทำให้ตลาดแตกต่างชัดเจน Qualcomm จึงต้องเดินตามแนวทางนี้เพื่อไม่ให้เสียเปรียบ และผลลัพธ์คือผู้ใช้จะได้มือถือที่แรงขึ้นแม้ไม่ใช่รุ่นแพงสุด
    https://www.techradar.com/phones/oneplus-phones/qualcomm-knows-it-has-to-fight-back-oneplus-exec-explains-why-apple-is-partially-responsible-for-the-new-snapdragon-8-gen-5-chipset

    รื้อความเข้าใจผิดเรื่อง Passwordless Authentication
    หลายคนยังเชื่อว่าการเข้าสู่ระบบแบบไม่ใช้รหัสผ่านนั้นไม่ปลอดภัย แต่บทความนี้อธิบายชัดว่ามันคือการยกระดับความปลอดภัย เพราะใช้สิ่งที่คุณ “เป็น” เช่น ลายนิ้วมือหรือใบหน้า ร่วมกับ PIN ที่ทำงานเฉพาะบนอุปกรณ์ ไม่ถูกส่งออกไปเหมือนรหัสผ่านทั่วไป จึงยากต่อการโจมตี อีกทั้งยังช่วยลดภาระของทีม IT ที่ต้องคอยแก้ปัญหาการรีเซ็ตรหัสผ่านซ้ำๆ เทคโนโลยีนี้จึงเป็นก้าวสำคัญสู่ยุค Zero-Trust ที่องค์กรกำลังมุ่งไป
    https://www.techradar.com/pro/passwordless-authentication-isnt-the-problem-the-myths-around-the-technology-are

    โฆษณา Windows 11 “PC ที่พูดคุยได้” สร้างเสียงแตก
    Microsoft ปล่อยโฆษณาใหม่ช่วงเทศกาลที่โชว์ฟีเจอร์ “Hey Copilot” ให้ผู้ใช้พูดคุยกับคอมพิวเตอร์ได้เหมือนผู้ช่วยส่วนตัว โฆษณามีฉากสนุกๆ เช่นการให้ Copilot ซิงค์ไฟคริสต์มาสกับเพลง แต่ปัญหาคือฟีเจอร์จริงยังทำไม่ได้ ทำให้ผู้ชมบางส่วนมองว่า Microsoft กำลังสร้างความคาดหวังเกินจริง หลายคอมเมนต์ประชดประชัน เช่น “Hey Copilot – ช่วยติดตั้ง Linux ให้หน่อย” สะท้อนว่าผู้ใช้บางกลุ่มรู้สึกถูกยัดเยียด AI มากเกินไป
    https://www.techradar.com/computing/windows/new-windows-11-pc-you-can-talk-to-ad-pushing-copilot-is-proving-divisive-and-i-can-see-it-seriously-backfiring

    ความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือในยุค AI
    AI กำลังเปลี่ยนโลกธุรกิจให้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ปัญหาคือข้อมูลที่ใช้ฝึก AI มักเป็นข้อมูลลับและอ่อนไหว หากบริษัทไม่โปร่งใสในการจัดการข้อมูล ลูกค้าอาจหมดความเชื่อใจ ตัวอย่างเช่น OpenAI เคยถูกปรับเพราะใช้ข้อมูลผู้ใช้โดยไม่ชัดเจน ทำให้เกิดคำถามใหญ่: ผู้ให้บริการ AI จะสร้างความเชื่อมั่นได้อย่างไร? คำตอบคือการเปิดเผยที่มาของข้อมูลและสถานที่จัดเก็บอย่างชัดเจน พร้อมเสริมระบบความปลอดภัย เช่น การเข้ารหัสและ MFA เพื่อให้ลูกค้าเห็นว่าข้อมูลของพวกเขาปลอดภัยจริง
    https://www.techradar.com/pro/the-search-for-transparency-and-reliability-in-the-ai-era

    Nvidia กับดีล 100 พันล้านดอลลาร์ที่ยังไม่เสร็จ
    แม้จะมีข่าวใหญ่เรื่อง Nvidia จับมือ OpenAI ทำโครงการโครงสร้างพื้นฐาน AI มูลค่า 100 พันล้านดอลลาร์ แต่ความจริงคือดีลนี้ยังไม่ถูกลงนามอย่างเป็นทางการ CFO ของ Nvidia ยอมรับว่าทุกอย่างยังอยู่ในขั้นตอน “จดหมายแสดงเจตนา” เท่านั้น ความเสี่ยงคือการลงทุนระยะยาวอาจเจอปัญหาสินค้าล้นสต็อกหรือการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีที่เร็วเกินไป นักลงทุนบางส่วนจึงกังวลว่าอาจเกิด “ฟองสบู่ AI” ที่พร้อมแตกได้ทุกเมื่อ ถึงแม้หุ้น Nvidia จะยังขึ้น แต่คำถามเรื่องความยั่งยืนยังคงอยู่
    https://www.techradar.com/pro/nvidia-admits-the-usd100bn-biggest-ai-infrastructure-project-in-history-openai-deal-still-isnt-finalized

    Character.ai ปรับกลยุทธ์ใหม่สำหรับวัยรุ่น
    แพลตฟอร์ม AI ชื่อดัง Character.ai เริ่มเปลี่ยนแนวทางการให้บริการ โดยลดการสนทนาแบบเปิดกว้างสำหรับผู้ใช้ที่อายุต่ำกว่า 18 ปี แล้วเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ชื่อ “Stories” เพื่อดึงดูดวัยรุ่นให้ยังคงสนใจอยู่ จุดประสงค์คือสร้างพื้นที่ที่ปลอดภัยมากขึ้น และยังคงให้ผู้ใช้ได้สนุกกับการเล่าเรื่องในรูปแบบที่ควบคุมได้มากกว่า การปรับนี้สะท้อนว่าตลาด AI กำลังหาทางบาลานซ์ระหว่างความสร้างสรรค์และความรับผิดชอบต่อผู้ใช้เยาวชน
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/character-ai-launches-stories-to-keep-teens-engaged-as-it-scales-back-open-ended-chat-for-under-18s

    กลุ่มแฮ็กเกอร์อิหร่านใช้เกม Snake เป็นอาวุธ
    มีรายงานว่ากลุ่มแฮ็กเกอร์จากอิหร่านได้สร้างเกม Snake ปลอมขึ้นมาเพื่อโจมตีโครงสร้างพื้นฐานสำคัญในอียิปต์และอิสราเอล เกมนี้ถูกออกแบบให้ดูเหมือนเกมธรรมดา แต่จริงๆ แล้วแฝงมัลแวร์ที่สามารถเจาะระบบได้ การใช้วิธีที่ดู “ไร้เดียงสา” เช่นเกมยอดนิยม เป็นกลยุทธ์ที่ทำให้การโจมตีมีโอกาสสำเร็จสูงขึ้น และเป็นสัญญาณเตือนว่าภัยคุกคามไซเบอร์กำลังซับซ้อนและอันตรายมากขึ้น
    https://www.techradar.com/pro/security/iranian-hacker-group-deploys-malicious-snake-game-to-target-egyptian-and-israeli-critical-infrastructure

    รีวิว MSI Cubi NUC AI+ 2MG Mini PC
    บทความนี้รีวิวเครื่อง Mini PC รุ่นใหม่จาก MSI ที่ชื่อ Cubi NUC AI+ 2MG จุดเด่นคือขนาดเล็กแต่ทรงพลัง เหมาะสำหรับงานสำนักงานหรือผู้ใช้ที่ต้องการเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ไม่กินพื้นที่มาก ตัวเครื่องมาพร้อมการรองรับ AI workload และการเชื่อมต่อที่ครบครัน ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่อยากได้ PC ขนาดกะทัดรัดแต่ยังคงความแรงไว้ครบ
    https://www.techradar.com/pro/msi-cubi-nuc-ai-2mg-mini-pc-review

    ExpressVPN อัปเดตใหม่ เร็วขึ้นและปรับโฉมบน Mac
    ExpressVPN ปล่อยอัปเดตล่าสุดที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการเชื่อมต่อ และปรับปรุงแอปบน Mac ให้ใช้งานง่ายขึ้น ดีไซน์ใหม่ทำให้ผู้ใช้เข้าถึงฟีเจอร์หลักได้สะดวกกว่าเดิม พร้อมทั้งเสริมความปลอดภัยและเสถียรภาพของการเชื่อมต่อ ถือเป็นการยกระดับประสบการณ์ใช้งาน VPN ที่ตอบโจทย์ทั้งผู้ใช้ทั่วไปและผู้ใช้ระดับมืออาชีพ
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/expressvpns-latest-update-boosts-connection-speeds-and-revamps-its-mac-app

    กฎหมาย Chat Control สร้างเสียงวิจารณ์ในวงการ Privacy Tech
    กฎหมายใหม่ที่ชื่อ Chat Control กำลังถูกวิจารณ์อย่างหนักจากผู้เชี่ยวชาญด้านความเป็นส่วนตัว หลายคนมองว่ามันคือ “หายนะที่รอเกิดขึ้น” เพราะเปิดช่องให้มีการสอดส่องการสื่อสารส่วนตัวของผู้ใช้ แม้จะอ้างว่าเพื่อความปลอดภัย แต่ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่ามันจะกระทบสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน และอาจทำให้ความเชื่อมั่นต่อเทคโนโลยีด้านความเป็นส่วนตัวพังทลาย
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/a-disaster-waiting-to-happen-the-privacy-tech-world-reacts-to-the-new-chat-control-bill

    Devolo WiFi 6 Router 3600 5G Review
    เรื่องนี้เล่าได้ว่าเป็นประสบการณ์ตรงของผู้ทดสอบที่ได้ลองใช้เราเตอร์ Devolo WiFi 6 รุ่น 3600 ที่รองรับซิมการ์ด 5G LTE ตัวเครื่องออกแบบมาให้ใช้งานง่ายมาก เพียงใส่ซิม เปิดไฟ และกดปุ่ม WPS ก็เชื่อมต่อได้ทันที จุดเด่นคือสามารถรองรับอุปกรณ์ได้มากกว่า 100 เครื่องพร้อมกัน เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่ที่ไม่มีอินเทอร์เน็ตบ้าน เช่นออฟฟิศใหม่หรือการทำงานนอกสถานที่ ความเร็วขึ้นอยู่กับสัญญาณเครือข่าย แต่เมื่ออยู่ในพื้นที่ที่มี 5G แรง ๆ ก็เร็วและเสถียรกว่าการแชร์ฮอตสปอตจากมือถือมาก แม้ราคาจะสูงเกือบ £399 แต่ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในสถานการณ์ที่ต้องการอินเทอร์เน็ตที่เชื่อถือได้
    https://www.techradar.com/computing/devolo-wifi-6-router-3600-5g-lte-review

    OnePlus 15 เตรียมเปิดตัวในสหรัฐฯ พร้อมของแถมพิเศษ
    OnePlus 15 ที่หลายคนรอคอยกำลังจะเปิดให้พรีออเดอร์ในสหรัฐฯ วันที่ 4 ธันวาคมนี้ หลังจากเลื่อนเปิดตัวเพราะติดปัญหาการรับรองจาก FCC ราคาจะเริ่มต้นที่ $899.99 สำหรับรุ่น RAM 12GB และ $999.99 สำหรับรุ่น RAM 16GB พร้อมของแถมให้เลือก เช่นนาฬิกา OnePlus Watch 3 มูลค่า $300 หรือหูฟัง Buds Pro 3 จุดเด่นของรุ่นนี้คือแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 7,300mAh ที่ใช้งานได้ยาวนานมาก รวมถึงกล้องและซอฟต์แวร์ที่ได้รับคำชมจนได้คะแนนรีวิวเต็ม 5 ดาว ถือเป็นการกลับมาที่น่าตื่นเต้นของ OnePlus ในตลาดสหรัฐฯ
    https://www.techradar.com/phones/oneplus-phones/the-oneplus-15-is-finally-heading-to-the-us-and-you-can-grab-a-major-pre-order-bonus

    รัสเซียเตรียมแบน WhatsApp ภายใต้ “ม่านเหล็กดิจิทัล”
    รัฐบาลรัสเซียโดยหน่วยงาน Roskomnadzor ขู่จะบล็อก WhatsApp แบบเต็มรูปแบบ โดยกล่าวหาว่าแพลตฟอร์มนี้ถูกใช้เพื่อกิจกรรมก่อการร้าย และไม่ปฏิบัติตามกฎหมายท้องถิ่น ปัจจุบันมีผู้ใช้ WhatsApp ในรัสเซียกว่า 97 ล้านคน หากถูกบล็อกจริงจะกระทบการสื่อสารอย่างรุนแรง โดยก่อนหน้านี้ Signal ก็ถูกบล็อกไปแล้ว ทำให้ผู้ใช้ถูกบังคับไปใช้แอปที่รัฐควบคุมอย่าง MAX ซึ่งมีความเสี่ยงด้านการสอดส่องสูง WhatsApp ยืนยันว่าจะยังคงให้บริการการสื่อสารแบบเข้ารหัสเพื่อปกป้องสิทธิผู้ใช้ แม้จะถูกกดดันจากรัฐบาล
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/russias-digital-iron-curtain-whatsapp-next-on-the-chopping-block

    Amazon ทดลอง “AI Factories” ติดตั้งในองค์กรลูกค้า
    Amazon Web Services เปิดตัวแนวคิดใหม่ที่เรียกว่า “AI Factories” คือการนำฮาร์ดแวร์และระบบ AI ไปติดตั้งในศูนย์ข้อมูลของลูกค้าเอง เพื่อรองรับข้อกำหนดด้านความปลอดภัยและอธิปไตยข้อมูล ลูกค้าไม่ต้องลงทุนสร้างระบบเอง แต่ AWS จะจัดการทุกอย่างให้ โดยใช้ชิป Nvidia Blackwell และ Trainium3 ของ Amazon จุดนี้ถือเป็นการกลับไปสู่แนวทาง on-premises อีกครั้ง หลังยุคที่ทุกอย่างย้ายขึ้นคลาวด์ เหมาะกับองค์กรหรือรัฐบาลที่ต้องการใช้ AI แต่ไม่สามารถส่งข้อมูลออกนอกพื้นที่ได้
    https://www.techradar.com/pro/amazon-is-testing-out-private-on-premises-ai-factories

    Windows 11 มีบั๊กใหม่ใน Dark Mode ของ File Explorer
    Microsoft ปล่อยอัปเดตตัวล่าสุด KB5070311 ที่ตั้งใจจะปรับปรุง Dark Mode ให้สมบูรณ์ขึ้น แต่กลับทำให้เกิดบั๊กที่สร้างความรำคาญ เมื่อผู้ใช้เปิดโฟลเดอร์หรือแท็บใหม่ใน File Explorer จะมีแฟลชสีขาววาบขึ้นมา ซึ่งยิ่งรบกวนสายตาในสภาพแสงน้อย Microsoft ยอมรับปัญหาและกำลังแก้ไขก่อนที่จะปล่อยอัปเดตเต็มในสัปดาห์หน้า แม้จะเป็นเพียงเวอร์ชันทดลอง แต่หากไม่แก้ทันก็อาจกระทบผู้ใช้จำนวนมากที่รออัปเดต
    https://www.techradar.com/computing/windows/microsoft-just-broke-file-explorer-dark-mode-some-windows-11-users-are-seeing-jarring-white-flashes-when-opening-folders

    Zettlab D6 NAS Review
    นี่เป็นรีวิวของ Zettlab D6 NAS อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลเครือข่ายที่ออกแบบมาเพื่อผู้ใช้ที่ต้องการความเร็วและความปลอดภัยสูง จุดเด่นคือรองรับการเชื่อมต่อความเร็วสูง มีพอร์ตหลากหลาย และระบบจัดการที่ใช้งานง่าย เหมาะกับทั้งธุรกิจขนาดเล็กและผู้ใช้ที่ต้องการเก็บไฟล์จำนวนมากในบ้าน แม้ราคาจะสูง แต่ถือว่าคุ้มค่าเมื่อเทียบกับความสามารถในการปกป้องและแชร์ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    https://www.techradar.com/computing/zettlab-d6-nas-device-review

    ทดสอบ ChatGPT, Gemini และ Claude ในโลกมัลติโหมด
    บทความนี้เล่าถึงการทดสอบ AI รุ่นใหม่ ๆ ที่สามารถทำงานแบบมัลติโหมดได้ เช่น ChatGPT, Gemini และ Claude โดยเปรียบเทียบความสามารถในการเข้าใจข้อความ ภาพ และเสียง จุดที่น่าสนใจคือแต่ละระบบมีจุดแข็งต่างกัน เช่น ChatGPT เด่นด้านการสนทนาเชิงลึก Gemini เน้นการเชื่อมโยงข้อมูลหลายรูปแบบ ส่วน Claude มีความแม่นยำในการตีความบริบท การทดสอบนี้สะท้อนให้เห็นว่า AI กำลังพัฒนาไปสู่การใช้งานที่หลากหลายและซับซ้อนมากขึ้น
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/testing-chatgpt-gemini-and-claude-in-the-multimodal-maze

    ยุคโฆษณาใน ChatGPT เริ่มต้นแล้ว
    ผู้ใช้ ChatGPT โดยเฉพาะกลุ่ม Pro ที่จ่ายถึง $200 ต่อเดือน กำลังไม่พอใจอย่างหนัก เพราะ OpenAI เริ่มแสดงโฆษณาและแนะนำแอปในระบบ แม้จะเป็นผู้ใช้แบบเสียเงินก็ตาม การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงการหาทางสร้างรายได้ใหม่ของบริษัท แต่ก็ทำให้เกิดเสียงวิจารณ์ว่าเป็นการลดคุณภาพประสบการณ์ของผู้ใช้ที่ยอมจ่ายแพงเพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งรบกวน
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/the-era-of-ads-in-chatgpt-begins-users-furious-as-even-usd200-a-month-pro-subscribers-hit-with-app-suggestions

    ออสเตรเลียสั่งห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 16 ใช้ VPN เพื่อเลี่ยงกฎหมายโซเชียล
    รัฐบาลออสเตรเลียออกมาตรการใหม่ บังคับให้แพลตฟอร์มออนไลน์ต้องป้องกันไม่ให้ผู้ใช้อายุต่ำกว่า 16 ปีใช้ VPN เพื่อหลบเลี่ยงการแบนโซเชียลมีเดีย กฎหมายนี้ถูกวิจารณ์ว่าอาจละเมิดสิทธิส่วนบุคคลและสร้างภาระให้กับบริษัทเทคโนโลยี แต่รัฐบาลยืนยันว่าจำเป็นเพื่อปกป้องเยาวชนจากผลกระทบของโซเชียลมีเดีย
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/australia-expects-platforms-to-stop-under-16s-from-using-vpns-to-evade-social-media-ban

    กว่า 2 ใน 3 ของร้านค้าปลีกใช้ AI Agent เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพแล้ว
    รายงานล่าสุดเผยว่ามากกว่า 67% ของผู้ค้าปลีกได้เริ่มนำ AI Agent มาใช้ในการทำงาน เช่น การตอบลูกค้า การจัดการสต็อก และการวิเคราะห์ข้อมูล จุดนี้สะท้อนว่าการใช้ AI ไม่ใช่แค่แนวโน้ม แต่กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของธุรกิจค้าปลีกที่ต้องการความเร็วและความแม่นยำในการแข่งขัน
    https://www.techradar.com/pro/over-two-thirds-of-retailers-have-already-partially-deployed-ai-agents-for-efficiency



    📌📡🟠 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🟠📡📌 #รวมข่าวIT #20251204 #TechRadar 🤖 Google Antigravity AI ลบข้อมูลนักพัฒนาแล้วขอโทษ เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดเมื่อระบบ AI ของ Google ที่ชื่อว่า Antigravity ลบข้อมูลใน Google Drive ของนักพัฒนารายหนึ่งโดยไม่ได้ตั้งใจ หลังจากนั้นระบบได้ส่งข้อความขอโทษกลับมาเอง เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดคำถามใหญ่เกี่ยวกับความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยของ AI ที่มีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ หลายฝ่ายกังวลว่าหาก AI สามารถทำผิดพลาดในระดับนี้ อาจสร้างผลกระทบต่อธุรกิจและบุคคลทั่วไปได้อย่างรุนแรง 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/googles-antigravity-ai-deleted-a-developers-drive-and-then-apologized 🏛️ ความพยายามของทรัมป์ในการผลักดันกฎหมาย AI ระดับชาติสะดุด เรื่องนี้เป็นการถกเถียงใหญ่ในสภาอเมริกา เมื่อประธานาธิบดีทรัมป์พยายามผลักดันให้กฎหมายควบคุม AI ถูกกำหนดในระดับรัฐบาลกลาง เพื่อหลีกเลี่ยงการมี “กฎหมาย 50 แบบ” จากแต่ละรัฐ เขาเชื่อว่าการรวมศูนย์จะช่วยให้สหรัฐฯ แข่งขันกับจีนได้ แต่ฝ่ายนิติบัญญัติหลายคน โดยเฉพาะรีพับลิกันเอง กลับไม่เห็นด้วย เพราะมองว่ารัฐมีความคล่องตัวในการออกกฎหมายที่ตอบโจทย์สถานการณ์ได้เร็วกว่า อีกทั้งยังมีเสียงวิจารณ์ว่าการผลักดันนี้คือการเข้าข้างบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี สุดท้ายข้อเสนอนี้ถูกโหวตคว่ำอย่างท่วมท้น และทำให้ทรัมป์ถูกโจมตีว่า “ยืนอยู่ข้าง Big Tech” 🔗 https://www.techradar.com/pro/trumps-push-to-overrule-ai-regulation-falters-as-republicans-split ☁️ AWS เปิดตัว Nova Forge ให้ธุรกิจสร้างโมเดล AI ของตัวเอง Amazon Web Services เปิดตัวบริการใหม่ชื่อ Nova Forge ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถปรับแต่งโมเดล AI ได้ตามต้องการ โดยเริ่มจากโมเดลพื้นฐานของ Amazon แล้วนำข้อมูลของบริษัทมาผสมเพื่อสร้างโมเดลเฉพาะกิจที่เรียกว่า “Novellas” จุดเด่นคือช่วยลดต้นทุนและเวลาในการฝึกโมเดลใหม่จากศูนย์ ซึ่งปกติอาจใช้เงินมหาศาลและทีมงานจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัว Nova 2 ที่มาพร้อมโมเดลพื้นฐานใหม่หลายตัว รวมถึงความสามารถด้านการสนทนาแบบเสียงต่อเสียงที่ใกล้เคียงมนุษย์ ถือเป็นการขยายศักยภาพของ AWS ในตลาด AI อย่างจริงจัง 🔗 https://www.techradar.com/pro/aws-nova-forge-could-be-your-companys-cue-to-start-building-custom-ai-models 🕵️ แฮกเกอร์เกาหลีเหนือถูกจับตาแบบสด ๆ ระหว่างปฏิบัติการ นักวิจัยด้านความปลอดภัยสามารถหลอกกลุ่ม Lazarus ของเกาหลีเหนือให้ใช้เครื่องที่พวกเขาคิดว่าเป็น “แล็ปท็อปจริง” แต่แท้จริงคือ sandbox ที่ควบคุมจากระยะไกล ทำให้สามารถเห็นการทำงานของแฮกเกอร์แบบสด ๆ แผนการนี้เกี่ยวข้องกับการสร้าง “คนงานปลอม” เพื่อสมัครงานในบริษัทใหญ่ แล้วใช้ตำแหน่งนั้นทำกิจกรรมโจมตีไซเบอร์ นักวิจัยพบว่าแฮกเกอร์ใช้เครื่องมืออย่าง OTP generator, AI automation และ Google Remote Desktop เพื่อเลี่ยงการตรวจสอบสองชั้น เหตุการณ์นี้ช่วยเปิดเผยวิธีการทำงานของกลุ่ม Lazarus และเป็นข้อมูลสำคัญในการป้องกันภัยไซเบอร์ในอนาคต 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/north-korean-fake-worker-scheme-caught-live-on-camera 💻 รีวิว Lenovo ThinkBook Plus Gen 6 Rollable โน้ตบุ๊คจอขยายได้ Lenovo เปิดตัวโน้ตบุ๊คที่เรียกว่า “Rollable” รุ่นแรกของโลก ThinkBook Plus Gen 6 ที่สามารถขยายหน้าจอจาก 14 นิ้วเป็น 16 นิ้วได้เพียงกดปุ่มเดียว ทำให้การทำงานนอกสถานที่สะดวกขึ้นมาก ตัวเครื่องมาพร้อมสเปกแรง เช่น Intel Core Ultra 7, RAM 32GB และ SSD 1TB จุดเด่นคือจอ OLED ที่ขยายได้อย่างลื่นไหลและใช้งานจริงได้ ไม่ใช่แค่ลูกเล่น ผู้รีวิวเล่าว่าทุกครั้งที่กางจอออก คนรอบข้างมักตื่นตาตื่นใจ ถือเป็นการเปลี่ยนมุมมองใหม่ต่อโน้ตบุ๊คสำหรับธุรกิจและการทำงานแบบพกพา 🔗 https://www.techradar.com/pro/lenovo-thinkbook-plus-gen-6-rollable-business-laptop-review ⚙️ หลุดข้อมูล Xeon 6 เวิร์กสเตชันใหม่ของ Intel มีการพบเมนบอร์ด ADLINK ISB-W890 ที่เผยให้เห็นแพลตฟอร์มใหม่ของ Intel สำหรับเวิร์กสเตชัน Granite Rapids-WS จุดเด่นคือรองรับหน่วยความจำ ECC DDR5 ได้สูงสุดถึง 1TB และมีช่อง PCIe มากมายสำหรับงานประมวลผลหนัก ๆ รวมถึงการ์ดกราฟิกหลายตัว ซีพียู Xeon รุ่นใหม่คาดว่าจะมีสูงสุดถึง 86 คอร์ พร้อมความเร็วสูงถึง 4.8GHz ซึ่งจะเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ AMD ThreadRipper รุ่นท็อป การรั่วไหลนี้ทำให้เห็นว่า Intel กำลังกลับมาท้าทายตลาดเวิร์กสเตชันระดับสูงอีกครั้ง 🔗 https://www.techradar.com/pro/is-this-our-first-look-at-intels-xeon-6-workstation-hardware-leak-claims-to-show-w890-platform-ahead-of-granite-rapids-launch 📱 Qualcomm สู้กลับด้วย Snapdragon 8 Gen 5 เรื่องนี้เริ่มจาก OnePlus เตรียมเปิดตัวมือถือรุ่นใหม่ OnePlus 15R ที่จะใช้ชิป Snapdragon 8 Gen 5 เป็นครั้งแรก จุดที่น่าสนใจคือ Qualcomm เลือกใช้กลยุทธ์ “สองรุ่นเรือธง” คล้ายกับที่ Apple ทำกับชิป A-series โดยแบ่งเป็นรุ่น Elite และรุ่นปกติ เพื่อให้มือถือราคาย่อมเยาได้สัมผัสพลังระดับเรือธงเช่นกัน ผู้บริหาร OnePlus อธิบายว่า Apple เป็นแรงบันดาลใจ เพราะการแยกชิป Pro และชิปธรรมดาใน iPhone ทำให้ตลาดแตกต่างชัดเจน Qualcomm จึงต้องเดินตามแนวทางนี้เพื่อไม่ให้เสียเปรียบ และผลลัพธ์คือผู้ใช้จะได้มือถือที่แรงขึ้นแม้ไม่ใช่รุ่นแพงสุด 🔗 https://www.techradar.com/phones/oneplus-phones/qualcomm-knows-it-has-to-fight-back-oneplus-exec-explains-why-apple-is-partially-responsible-for-the-new-snapdragon-8-gen-5-chipset 🔐 รื้อความเข้าใจผิดเรื่อง Passwordless Authentication หลายคนยังเชื่อว่าการเข้าสู่ระบบแบบไม่ใช้รหัสผ่านนั้นไม่ปลอดภัย แต่บทความนี้อธิบายชัดว่ามันคือการยกระดับความปลอดภัย เพราะใช้สิ่งที่คุณ “เป็น” เช่น ลายนิ้วมือหรือใบหน้า ร่วมกับ PIN ที่ทำงานเฉพาะบนอุปกรณ์ ไม่ถูกส่งออกไปเหมือนรหัสผ่านทั่วไป จึงยากต่อการโจมตี อีกทั้งยังช่วยลดภาระของทีม IT ที่ต้องคอยแก้ปัญหาการรีเซ็ตรหัสผ่านซ้ำๆ เทคโนโลยีนี้จึงเป็นก้าวสำคัญสู่ยุค Zero-Trust ที่องค์กรกำลังมุ่งไป 🔗 https://www.techradar.com/pro/passwordless-authentication-isnt-the-problem-the-myths-around-the-technology-are 🎄 โฆษณา Windows 11 “PC ที่พูดคุยได้” สร้างเสียงแตก Microsoft ปล่อยโฆษณาใหม่ช่วงเทศกาลที่โชว์ฟีเจอร์ “Hey Copilot” ให้ผู้ใช้พูดคุยกับคอมพิวเตอร์ได้เหมือนผู้ช่วยส่วนตัว โฆษณามีฉากสนุกๆ เช่นการให้ Copilot ซิงค์ไฟคริสต์มาสกับเพลง แต่ปัญหาคือฟีเจอร์จริงยังทำไม่ได้ ทำให้ผู้ชมบางส่วนมองว่า Microsoft กำลังสร้างความคาดหวังเกินจริง หลายคอมเมนต์ประชดประชัน เช่น “Hey Copilot – ช่วยติดตั้ง Linux ให้หน่อย” สะท้อนว่าผู้ใช้บางกลุ่มรู้สึกถูกยัดเยียด AI มากเกินไป 🔗 https://www.techradar.com/computing/windows/new-windows-11-pc-you-can-talk-to-ad-pushing-copilot-is-proving-divisive-and-i-can-see-it-seriously-backfiring 🤖 ความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือในยุค AI AI กำลังเปลี่ยนโลกธุรกิจให้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ปัญหาคือข้อมูลที่ใช้ฝึก AI มักเป็นข้อมูลลับและอ่อนไหว หากบริษัทไม่โปร่งใสในการจัดการข้อมูล ลูกค้าอาจหมดความเชื่อใจ ตัวอย่างเช่น OpenAI เคยถูกปรับเพราะใช้ข้อมูลผู้ใช้โดยไม่ชัดเจน ทำให้เกิดคำถามใหญ่: ผู้ให้บริการ AI จะสร้างความเชื่อมั่นได้อย่างไร? คำตอบคือการเปิดเผยที่มาของข้อมูลและสถานที่จัดเก็บอย่างชัดเจน พร้อมเสริมระบบความปลอดภัย เช่น การเข้ารหัสและ MFA เพื่อให้ลูกค้าเห็นว่าข้อมูลของพวกเขาปลอดภัยจริง 🔗 https://www.techradar.com/pro/the-search-for-transparency-and-reliability-in-the-ai-era 💰 Nvidia กับดีล 100 พันล้านดอลลาร์ที่ยังไม่เสร็จ แม้จะมีข่าวใหญ่เรื่อง Nvidia จับมือ OpenAI ทำโครงการโครงสร้างพื้นฐาน AI มูลค่า 100 พันล้านดอลลาร์ แต่ความจริงคือดีลนี้ยังไม่ถูกลงนามอย่างเป็นทางการ CFO ของ Nvidia ยอมรับว่าทุกอย่างยังอยู่ในขั้นตอน “จดหมายแสดงเจตนา” เท่านั้น ความเสี่ยงคือการลงทุนระยะยาวอาจเจอปัญหาสินค้าล้นสต็อกหรือการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีที่เร็วเกินไป นักลงทุนบางส่วนจึงกังวลว่าอาจเกิด “ฟองสบู่ AI” ที่พร้อมแตกได้ทุกเมื่อ ถึงแม้หุ้น Nvidia จะยังขึ้น แต่คำถามเรื่องความยั่งยืนยังคงอยู่ 🔗 https://www.techradar.com/pro/nvidia-admits-the-usd100bn-biggest-ai-infrastructure-project-in-history-openai-deal-still-isnt-finalized 📖 Character.ai ปรับกลยุทธ์ใหม่สำหรับวัยรุ่น แพลตฟอร์ม AI ชื่อดัง Character.ai เริ่มเปลี่ยนแนวทางการให้บริการ โดยลดการสนทนาแบบเปิดกว้างสำหรับผู้ใช้ที่อายุต่ำกว่า 18 ปี แล้วเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ชื่อ “Stories” เพื่อดึงดูดวัยรุ่นให้ยังคงสนใจอยู่ จุดประสงค์คือสร้างพื้นที่ที่ปลอดภัยมากขึ้น และยังคงให้ผู้ใช้ได้สนุกกับการเล่าเรื่องในรูปแบบที่ควบคุมได้มากกว่า การปรับนี้สะท้อนว่าตลาด AI กำลังหาทางบาลานซ์ระหว่างความสร้างสรรค์และความรับผิดชอบต่อผู้ใช้เยาวชน 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/character-ai-launches-stories-to-keep-teens-engaged-as-it-scales-back-open-ended-chat-for-under-18s 🎮 กลุ่มแฮ็กเกอร์อิหร่านใช้เกม Snake เป็นอาวุธ มีรายงานว่ากลุ่มแฮ็กเกอร์จากอิหร่านได้สร้างเกม Snake ปลอมขึ้นมาเพื่อโจมตีโครงสร้างพื้นฐานสำคัญในอียิปต์และอิสราเอล เกมนี้ถูกออกแบบให้ดูเหมือนเกมธรรมดา แต่จริงๆ แล้วแฝงมัลแวร์ที่สามารถเจาะระบบได้ การใช้วิธีที่ดู “ไร้เดียงสา” เช่นเกมยอดนิยม เป็นกลยุทธ์ที่ทำให้การโจมตีมีโอกาสสำเร็จสูงขึ้น และเป็นสัญญาณเตือนว่าภัยคุกคามไซเบอร์กำลังซับซ้อนและอันตรายมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/iranian-hacker-group-deploys-malicious-snake-game-to-target-egyptian-and-israeli-critical-infrastructure 💻 รีวิว MSI Cubi NUC AI+ 2MG Mini PC บทความนี้รีวิวเครื่อง Mini PC รุ่นใหม่จาก MSI ที่ชื่อ Cubi NUC AI+ 2MG จุดเด่นคือขนาดเล็กแต่ทรงพลัง เหมาะสำหรับงานสำนักงานหรือผู้ใช้ที่ต้องการเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ไม่กินพื้นที่มาก ตัวเครื่องมาพร้อมการรองรับ AI workload และการเชื่อมต่อที่ครบครัน ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่อยากได้ PC ขนาดกะทัดรัดแต่ยังคงความแรงไว้ครบ 🔗 https://www.techradar.com/pro/msi-cubi-nuc-ai-2mg-mini-pc-review 🌐 ExpressVPN อัปเดตใหม่ เร็วขึ้นและปรับโฉมบน Mac ExpressVPN ปล่อยอัปเดตล่าสุดที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการเชื่อมต่อ และปรับปรุงแอปบน Mac ให้ใช้งานง่ายขึ้น ดีไซน์ใหม่ทำให้ผู้ใช้เข้าถึงฟีเจอร์หลักได้สะดวกกว่าเดิม พร้อมทั้งเสริมความปลอดภัยและเสถียรภาพของการเชื่อมต่อ ถือเป็นการยกระดับประสบการณ์ใช้งาน VPN ที่ตอบโจทย์ทั้งผู้ใช้ทั่วไปและผู้ใช้ระดับมืออาชีพ 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/expressvpns-latest-update-boosts-connection-speeds-and-revamps-its-mac-app ⚖️ กฎหมาย Chat Control สร้างเสียงวิจารณ์ในวงการ Privacy Tech กฎหมายใหม่ที่ชื่อ Chat Control กำลังถูกวิจารณ์อย่างหนักจากผู้เชี่ยวชาญด้านความเป็นส่วนตัว หลายคนมองว่ามันคือ “หายนะที่รอเกิดขึ้น” เพราะเปิดช่องให้มีการสอดส่องการสื่อสารส่วนตัวของผู้ใช้ แม้จะอ้างว่าเพื่อความปลอดภัย แต่ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่ามันจะกระทบสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน และอาจทำให้ความเชื่อมั่นต่อเทคโนโลยีด้านความเป็นส่วนตัวพังทลาย 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/a-disaster-waiting-to-happen-the-privacy-tech-world-reacts-to-the-new-chat-control-bill 📡 Devolo WiFi 6 Router 3600 5G Review เรื่องนี้เล่าได้ว่าเป็นประสบการณ์ตรงของผู้ทดสอบที่ได้ลองใช้เราเตอร์ Devolo WiFi 6 รุ่น 3600 ที่รองรับซิมการ์ด 5G LTE ตัวเครื่องออกแบบมาให้ใช้งานง่ายมาก เพียงใส่ซิม เปิดไฟ และกดปุ่ม WPS ก็เชื่อมต่อได้ทันที จุดเด่นคือสามารถรองรับอุปกรณ์ได้มากกว่า 100 เครื่องพร้อมกัน เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่ที่ไม่มีอินเทอร์เน็ตบ้าน เช่นออฟฟิศใหม่หรือการทำงานนอกสถานที่ ความเร็วขึ้นอยู่กับสัญญาณเครือข่าย แต่เมื่ออยู่ในพื้นที่ที่มี 5G แรง ๆ ก็เร็วและเสถียรกว่าการแชร์ฮอตสปอตจากมือถือมาก แม้ราคาจะสูงเกือบ £399 แต่ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในสถานการณ์ที่ต้องการอินเทอร์เน็ตที่เชื่อถือได้ 🔗 https://www.techradar.com/computing/devolo-wifi-6-router-3600-5g-lte-review 📱 OnePlus 15 เตรียมเปิดตัวในสหรัฐฯ พร้อมของแถมพิเศษ OnePlus 15 ที่หลายคนรอคอยกำลังจะเปิดให้พรีออเดอร์ในสหรัฐฯ วันที่ 4 ธันวาคมนี้ หลังจากเลื่อนเปิดตัวเพราะติดปัญหาการรับรองจาก FCC ราคาจะเริ่มต้นที่ $899.99 สำหรับรุ่น RAM 12GB และ $999.99 สำหรับรุ่น RAM 16GB พร้อมของแถมให้เลือก เช่นนาฬิกา OnePlus Watch 3 มูลค่า $300 หรือหูฟัง Buds Pro 3 จุดเด่นของรุ่นนี้คือแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 7,300mAh ที่ใช้งานได้ยาวนานมาก รวมถึงกล้องและซอฟต์แวร์ที่ได้รับคำชมจนได้คะแนนรีวิวเต็ม 5 ดาว ถือเป็นการกลับมาที่น่าตื่นเต้นของ OnePlus ในตลาดสหรัฐฯ 🔗 https://www.techradar.com/phones/oneplus-phones/the-oneplus-15-is-finally-heading-to-the-us-and-you-can-grab-a-major-pre-order-bonus 🚫 รัสเซียเตรียมแบน WhatsApp ภายใต้ “ม่านเหล็กดิจิทัล” รัฐบาลรัสเซียโดยหน่วยงาน Roskomnadzor ขู่จะบล็อก WhatsApp แบบเต็มรูปแบบ โดยกล่าวหาว่าแพลตฟอร์มนี้ถูกใช้เพื่อกิจกรรมก่อการร้าย และไม่ปฏิบัติตามกฎหมายท้องถิ่น ปัจจุบันมีผู้ใช้ WhatsApp ในรัสเซียกว่า 97 ล้านคน หากถูกบล็อกจริงจะกระทบการสื่อสารอย่างรุนแรง โดยก่อนหน้านี้ Signal ก็ถูกบล็อกไปแล้ว ทำให้ผู้ใช้ถูกบังคับไปใช้แอปที่รัฐควบคุมอย่าง MAX ซึ่งมีความเสี่ยงด้านการสอดส่องสูง WhatsApp ยืนยันว่าจะยังคงให้บริการการสื่อสารแบบเข้ารหัสเพื่อปกป้องสิทธิผู้ใช้ แม้จะถูกกดดันจากรัฐบาล 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/russias-digital-iron-curtain-whatsapp-next-on-the-chopping-block 🤖 Amazon ทดลอง “AI Factories” ติดตั้งในองค์กรลูกค้า Amazon Web Services เปิดตัวแนวคิดใหม่ที่เรียกว่า “AI Factories” คือการนำฮาร์ดแวร์และระบบ AI ไปติดตั้งในศูนย์ข้อมูลของลูกค้าเอง เพื่อรองรับข้อกำหนดด้านความปลอดภัยและอธิปไตยข้อมูล ลูกค้าไม่ต้องลงทุนสร้างระบบเอง แต่ AWS จะจัดการทุกอย่างให้ โดยใช้ชิป Nvidia Blackwell และ Trainium3 ของ Amazon จุดนี้ถือเป็นการกลับไปสู่แนวทาง on-premises อีกครั้ง หลังยุคที่ทุกอย่างย้ายขึ้นคลาวด์ เหมาะกับองค์กรหรือรัฐบาลที่ต้องการใช้ AI แต่ไม่สามารถส่งข้อมูลออกนอกพื้นที่ได้ 🔗 https://www.techradar.com/pro/amazon-is-testing-out-private-on-premises-ai-factories 💻 Windows 11 มีบั๊กใหม่ใน Dark Mode ของ File Explorer Microsoft ปล่อยอัปเดตตัวล่าสุด KB5070311 ที่ตั้งใจจะปรับปรุง Dark Mode ให้สมบูรณ์ขึ้น แต่กลับทำให้เกิดบั๊กที่สร้างความรำคาญ เมื่อผู้ใช้เปิดโฟลเดอร์หรือแท็บใหม่ใน File Explorer จะมีแฟลชสีขาววาบขึ้นมา ซึ่งยิ่งรบกวนสายตาในสภาพแสงน้อย Microsoft ยอมรับปัญหาและกำลังแก้ไขก่อนที่จะปล่อยอัปเดตเต็มในสัปดาห์หน้า แม้จะเป็นเพียงเวอร์ชันทดลอง แต่หากไม่แก้ทันก็อาจกระทบผู้ใช้จำนวนมากที่รออัปเดต 🔗 https://www.techradar.com/computing/windows/microsoft-just-broke-file-explorer-dark-mode-some-windows-11-users-are-seeing-jarring-white-flashes-when-opening-folders 💾 Zettlab D6 NAS Review นี่เป็นรีวิวของ Zettlab D6 NAS อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลเครือข่ายที่ออกแบบมาเพื่อผู้ใช้ที่ต้องการความเร็วและความปลอดภัยสูง จุดเด่นคือรองรับการเชื่อมต่อความเร็วสูง มีพอร์ตหลากหลาย และระบบจัดการที่ใช้งานง่าย เหมาะกับทั้งธุรกิจขนาดเล็กและผู้ใช้ที่ต้องการเก็บไฟล์จำนวนมากในบ้าน แม้ราคาจะสูง แต่ถือว่าคุ้มค่าเมื่อเทียบกับความสามารถในการปกป้องและแชร์ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ 🔗 https://www.techradar.com/computing/zettlab-d6-nas-device-review 🧩 ทดสอบ ChatGPT, Gemini และ Claude ในโลกมัลติโหมด บทความนี้เล่าถึงการทดสอบ AI รุ่นใหม่ ๆ ที่สามารถทำงานแบบมัลติโหมดได้ เช่น ChatGPT, Gemini และ Claude โดยเปรียบเทียบความสามารถในการเข้าใจข้อความ ภาพ และเสียง จุดที่น่าสนใจคือแต่ละระบบมีจุดแข็งต่างกัน เช่น ChatGPT เด่นด้านการสนทนาเชิงลึก Gemini เน้นการเชื่อมโยงข้อมูลหลายรูปแบบ ส่วน Claude มีความแม่นยำในการตีความบริบท การทดสอบนี้สะท้อนให้เห็นว่า AI กำลังพัฒนาไปสู่การใช้งานที่หลากหลายและซับซ้อนมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/testing-chatgpt-gemini-and-claude-in-the-multimodal-maze 📢 ยุคโฆษณาใน ChatGPT เริ่มต้นแล้ว ผู้ใช้ ChatGPT โดยเฉพาะกลุ่ม Pro ที่จ่ายถึง $200 ต่อเดือน กำลังไม่พอใจอย่างหนัก เพราะ OpenAI เริ่มแสดงโฆษณาและแนะนำแอปในระบบ แม้จะเป็นผู้ใช้แบบเสียเงินก็ตาม การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงการหาทางสร้างรายได้ใหม่ของบริษัท แต่ก็ทำให้เกิดเสียงวิจารณ์ว่าเป็นการลดคุณภาพประสบการณ์ของผู้ใช้ที่ยอมจ่ายแพงเพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งรบกวน 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/the-era-of-ads-in-chatgpt-begins-users-furious-as-even-usd200-a-month-pro-subscribers-hit-with-app-suggestions 🛡️ ออสเตรเลียสั่งห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 16 ใช้ VPN เพื่อเลี่ยงกฎหมายโซเชียล รัฐบาลออสเตรเลียออกมาตรการใหม่ บังคับให้แพลตฟอร์มออนไลน์ต้องป้องกันไม่ให้ผู้ใช้อายุต่ำกว่า 16 ปีใช้ VPN เพื่อหลบเลี่ยงการแบนโซเชียลมีเดีย กฎหมายนี้ถูกวิจารณ์ว่าอาจละเมิดสิทธิส่วนบุคคลและสร้างภาระให้กับบริษัทเทคโนโลยี แต่รัฐบาลยืนยันว่าจำเป็นเพื่อปกป้องเยาวชนจากผลกระทบของโซเชียลมีเดีย 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/australia-expects-platforms-to-stop-under-16s-from-using-vpns-to-evade-social-media-ban 🛍️ กว่า 2 ใน 3 ของร้านค้าปลีกใช้ AI Agent เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพแล้ว รายงานล่าสุดเผยว่ามากกว่า 67% ของผู้ค้าปลีกได้เริ่มนำ AI Agent มาใช้ในการทำงาน เช่น การตอบลูกค้า การจัดการสต็อก และการวิเคราะห์ข้อมูล จุดนี้สะท้อนว่าการใช้ AI ไม่ใช่แค่แนวโน้ม แต่กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของธุรกิจค้าปลีกที่ต้องการความเร็วและความแม่นยำในการแข่งขัน 🔗 https://www.techradar.com/pro/over-two-thirds-of-retailers-have-already-partially-deployed-ai-agents-for-efficiency
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 227 มุมมอง 0 รีวิว
  • Smart Glasses จีนกำลังเร่งบุกตลาดต่างประเทศ

    ความสนใจใน Smart Glasses พุ่งสูงขึ้นในจีน เนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล เช่น QR Code สำหรับการชำระเงิน และการใช้สมาร์ทโฟนอย่างแพร่หลาย ทำให้ผู้บริโภคพร้อมรับเทคโนโลยีใหม่ IDC คาดการณ์ว่ายอดขาย Smart Glasses ในจีนปี 2025 จะเติบโตถึง 116% เมื่อเทียบกับปีก่อน

    ผู้เล่นหลักและสตาร์ทอัพ
    นอกจาก Meta ที่ครองตลาดโลกด้วย Ray-Ban Meta Smart Glasses แล้ว บริษัทจีนอย่าง Xiaomi, Rokid, RayNeo, Thunderobot และ Kopin ก็กำลังเร่งพัฒนาและเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ Xiaomi ถูกมองว่าเป็น “ม้ามืด” เพราะสามารถขึ้นเป็นอันดับ 3 ของยอดขาย Smart Glasses ในครึ่งปีแรกของ 2025 แม้เพิ่งเปิดตัวเพียงสัปดาห์เดียว

    กลยุทธ์บุกตลาดต่างประเทศ
    บริษัทจีนใช้กลยุทธ์ที่แตกต่างจาก Meta เช่น Rokid ที่เปิดให้ผู้ใช้เลือกเชื่อมต่อกับหลายโมเดล AI (OpenAI, Llama, Gemini, Grok) และรองรับแอปที่แตกต่างกันตามภูมิภาค เพื่อให้เข้ากับตลาดทั้งในจีนและต่างประเทศ อีกทั้งยังโชว์ฟีเจอร์ การแปลภาษาแบบเรียลไทม์ ที่แสดงซับไตเติ้ลบนเลนส์

    ความท้าทายและข้อกังวล
    แม้บริษัทจีนจะมีความได้เปรียบด้านซัพพลายเชนและการผลิต แต่ยังมีข้อจำกัดด้าน เทคโนโลยีชิปและ Optical Waveguides เมื่อเทียบกับคู่แข่งตะวันตก นอกจากนี้ยังมี ความกังวลด้านความเป็นส่วนตัว เพราะ Smart Glasses สามารถบันทึกภาพและเสียงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจนำไปสู่การถกเถียงด้านกฎหมายและการยอมรับในสังคม

    สรุปสาระสำคัญ
    ตลาดจีนเติบโตอย่างรวดเร็ว
    ยอดขาย Smart Glasses ปี 2025 โตขึ้น 116%

    ผู้เล่นหลักและสตาร์ทอัพจีน
    Xiaomi, Rokid, XREAL, RayNeo กำลังแข่งขันกับ Meta

    กลยุทธ์บุกตลาดต่างประเทศ
    รองรับหลายโมเดล AI และฟีเจอร์แปลภาษาแบบเรียลไทม์

    ข้อจำกัดด้านเทคโนโลยี
    ชิปและ Optical Waveguides ยังตามหลังคู่แข่งตะวันตก

    ความกังวลด้านความเป็นส่วนตัว
    การบันทึกภาพและเสียงอาจนำไปสู่ปัญหากฎหมายและการยอมรับในสังคม

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/04/chinese-smart-glasses-firms-eye-overseas-conquest
    👓 Smart Glasses จีนกำลังเร่งบุกตลาดต่างประเทศ ความสนใจใน Smart Glasses พุ่งสูงขึ้นในจีน เนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล เช่น QR Code สำหรับการชำระเงิน และการใช้สมาร์ทโฟนอย่างแพร่หลาย ทำให้ผู้บริโภคพร้อมรับเทคโนโลยีใหม่ IDC คาดการณ์ว่ายอดขาย Smart Glasses ในจีนปี 2025 จะเติบโตถึง 116% เมื่อเทียบกับปีก่อน 🏢 ผู้เล่นหลักและสตาร์ทอัพ นอกจาก Meta ที่ครองตลาดโลกด้วย Ray-Ban Meta Smart Glasses แล้ว บริษัทจีนอย่าง Xiaomi, Rokid, RayNeo, Thunderobot และ Kopin ก็กำลังเร่งพัฒนาและเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ Xiaomi ถูกมองว่าเป็น “ม้ามืด” เพราะสามารถขึ้นเป็นอันดับ 3 ของยอดขาย Smart Glasses ในครึ่งปีแรกของ 2025 แม้เพิ่งเปิดตัวเพียงสัปดาห์เดียว 🌍 กลยุทธ์บุกตลาดต่างประเทศ บริษัทจีนใช้กลยุทธ์ที่แตกต่างจาก Meta เช่น Rokid ที่เปิดให้ผู้ใช้เลือกเชื่อมต่อกับหลายโมเดล AI (OpenAI, Llama, Gemini, Grok) และรองรับแอปที่แตกต่างกันตามภูมิภาค เพื่อให้เข้ากับตลาดทั้งในจีนและต่างประเทศ อีกทั้งยังโชว์ฟีเจอร์ การแปลภาษาแบบเรียลไทม์ ที่แสดงซับไตเติ้ลบนเลนส์ ⚠️ ความท้าทายและข้อกังวล แม้บริษัทจีนจะมีความได้เปรียบด้านซัพพลายเชนและการผลิต แต่ยังมีข้อจำกัดด้าน เทคโนโลยีชิปและ Optical Waveguides เมื่อเทียบกับคู่แข่งตะวันตก นอกจากนี้ยังมี ความกังวลด้านความเป็นส่วนตัว เพราะ Smart Glasses สามารถบันทึกภาพและเสียงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจนำไปสู่การถกเถียงด้านกฎหมายและการยอมรับในสังคม 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ตลาดจีนเติบโตอย่างรวดเร็ว ➡️ ยอดขาย Smart Glasses ปี 2025 โตขึ้น 116% ✅ ผู้เล่นหลักและสตาร์ทอัพจีน ➡️ Xiaomi, Rokid, XREAL, RayNeo กำลังแข่งขันกับ Meta ✅ กลยุทธ์บุกตลาดต่างประเทศ ➡️ รองรับหลายโมเดล AI และฟีเจอร์แปลภาษาแบบเรียลไทม์ ‼️ ข้อจำกัดด้านเทคโนโลยี ⛔ ชิปและ Optical Waveguides ยังตามหลังคู่แข่งตะวันตก ‼️ ความกังวลด้านความเป็นส่วนตัว ⛔ การบันทึกภาพและเสียงอาจนำไปสู่ปัญหากฎหมายและการยอมรับในสังคม https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/04/chinese-smart-glasses-firms-eye-overseas-conquest
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Chinese smart glasses firms eye overseas conquest
    In China, AI glasses let the wearer pay in shops with just a glance at a QR code and a voice command, as a growing number of companies look to conquer both growing domestic and overseas markets.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 93 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยุคใหม่ของ TLS Certificates กำลังมา

    การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโลกไซเบอร์เริ่มต้นขึ้นเมื่อ CA/Browser Forum และผู้เล่นรายใหญ่เช่น Apple, Google, Mozilla และ Microsoft ลงมติให้ลดอายุการใช้งานของ TLS Certificates ลงอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2026 (200 วัน) ปี 2027 (100 วัน) และในปี 2029 จะเหลือเพียง 47 วัน เท่านั้น การเปลี่ยนแปลงนี้มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความปลอดภัย ลดความเสี่ยงจากการใช้ Certificate ที่ถูกขโมยหรือหมดอายุโดยไม่รู้ตัว

    Automation คือคำตอบ
    การลดอายุการใช้งานลงเหลือไม่กี่สิบวันทำให้ การจัดการแบบ Manual แทบจะเป็นไปไม่ได้ หลายองค์กรจึงหันมาใช้ ACME Protocol ซึ่งช่วยให้การออก, ต่ออายุ และเพิกถอน Certificates ทำได้อัตโนมัติ ตัวอย่างเช่น Cloudflare และ Let’s Encrypt ได้ใช้ระบบนี้เพื่อให้ผู้ดูแลระบบไม่ต้องกังวลกับการต่ออายุอีกต่อไป การทำงานแบบอัตโนมัติยังช่วยลด Human Error และเพิ่มความเร็วในการปรับตัวต่อภัยคุกคามใหม่ ๆ

    Post-Quantum Cryptography: ความท้าทายใหม่
    นอกจากเรื่องอายุการใช้งานที่สั้นลงแล้ว อีกหนึ่งแรงผลักดันคือ ภัยคุกคามจาก Quantum Computing ซึ่งสามารถทำลาย RSA และ ECC ที่ใช้ใน TLS ได้ในอนาคต นักวิจัยจึงพัฒนา Post-Quantum Cryptography (PQC) เช่น Kyber และ Dilithium เพื่อใช้ควบคู่กับระบบเดิมในรูปแบบ Hybrid Handshake การเปลี่ยนแปลงนี้จะทำให้ระบบ TLS สามารถต้านทานการโจมตีจากคอมพิวเตอร์ควอนตัมได้

    ความเสี่ยงหากไม่ปรับตัว
    หากองค์กรยังคงใช้วิธีการเดิม เช่น การบันทึกวันหมดอายุใน Excel หรือการต่ออายุแบบ Manual ความเสี่ยงที่จะเกิด Outage ครั้งใหญ่ มีสูงมาก โดยเฉพาะในธุรกิจการเงินที่ต้องการความต่อเนื่อง หาก Certificate หมดอายุในช่วงเวลาสำคัญ อาจนำไปสู่การสูญเสียรายได้ ความเชื่อมั่น และเปิดช่องให้ผู้โจมตีเข้าถึงข้อมูลที่ไม่ได้เข้ารหัส

    สรุปสาระสำคัญ
    การลดอายุ TLS Certificates
    จาก 398 วัน เหลือ 200 วันในปี 2026, 100 วันในปี 2027 และ 47 วันในปี 2029

    การใช้ Automation ผ่าน ACME Protocol
    ลด Human Error, ต่ออายุอัตโนมัติ, ใช้ได้กับ Cloudflare และ Let’s Encrypt

    การเตรียมรับมือ Post-Quantum Cryptography
    ใช้ Hybrid Handshake ผสมระหว่างอัลกอริทึมเดิมกับ Quantum-safe เช่น Kyber, Dilithium

    ความเสี่ยงหากยังใช้ Manual Management
    อาจเกิด Outage, สูญเสียรายได้, เสี่ยงต่อการโจมตีจากช่องโหว่ของ Certificate ที่หมดอายุ

    ภัยจาก Quantum Computing
    RSA และ ECC อาจถูกทำลายด้วย Shor’s Algorithm ทำให้ TLS ปัจจุบันไม่ปลอดภัยในอนาคต

    https://www.csoonline.com/article/4097721/how-cisos-can-prepare-for-the-new-era-of-short-lived-tls-certificates.html
    🛡️ ยุคใหม่ของ TLS Certificates กำลังมา การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโลกไซเบอร์เริ่มต้นขึ้นเมื่อ CA/Browser Forum และผู้เล่นรายใหญ่เช่น Apple, Google, Mozilla และ Microsoft ลงมติให้ลดอายุการใช้งานของ TLS Certificates ลงอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2026 (200 วัน) ปี 2027 (100 วัน) และในปี 2029 จะเหลือเพียง 47 วัน เท่านั้น การเปลี่ยนแปลงนี้มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความปลอดภัย ลดความเสี่ยงจากการใช้ Certificate ที่ถูกขโมยหรือหมดอายุโดยไม่รู้ตัว ⚙️ Automation คือคำตอบ การลดอายุการใช้งานลงเหลือไม่กี่สิบวันทำให้ การจัดการแบบ Manual แทบจะเป็นไปไม่ได้ หลายองค์กรจึงหันมาใช้ ACME Protocol ซึ่งช่วยให้การออก, ต่ออายุ และเพิกถอน Certificates ทำได้อัตโนมัติ ตัวอย่างเช่น Cloudflare และ Let’s Encrypt ได้ใช้ระบบนี้เพื่อให้ผู้ดูแลระบบไม่ต้องกังวลกับการต่ออายุอีกต่อไป การทำงานแบบอัตโนมัติยังช่วยลด Human Error และเพิ่มความเร็วในการปรับตัวต่อภัยคุกคามใหม่ ๆ 🔮 Post-Quantum Cryptography: ความท้าทายใหม่ นอกจากเรื่องอายุการใช้งานที่สั้นลงแล้ว อีกหนึ่งแรงผลักดันคือ ภัยคุกคามจาก Quantum Computing ซึ่งสามารถทำลาย RSA และ ECC ที่ใช้ใน TLS ได้ในอนาคต นักวิจัยจึงพัฒนา Post-Quantum Cryptography (PQC) เช่น Kyber และ Dilithium เพื่อใช้ควบคู่กับระบบเดิมในรูปแบบ Hybrid Handshake การเปลี่ยนแปลงนี้จะทำให้ระบบ TLS สามารถต้านทานการโจมตีจากคอมพิวเตอร์ควอนตัมได้ ⚠️ ความเสี่ยงหากไม่ปรับตัว หากองค์กรยังคงใช้วิธีการเดิม เช่น การบันทึกวันหมดอายุใน Excel หรือการต่ออายุแบบ Manual ความเสี่ยงที่จะเกิด Outage ครั้งใหญ่ มีสูงมาก โดยเฉพาะในธุรกิจการเงินที่ต้องการความต่อเนื่อง หาก Certificate หมดอายุในช่วงเวลาสำคัญ อาจนำไปสู่การสูญเสียรายได้ ความเชื่อมั่น และเปิดช่องให้ผู้โจมตีเข้าถึงข้อมูลที่ไม่ได้เข้ารหัส 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การลดอายุ TLS Certificates ➡️ จาก 398 วัน เหลือ 200 วันในปี 2026, 100 วันในปี 2027 และ 47 วันในปี 2029 ✅ การใช้ Automation ผ่าน ACME Protocol ➡️ ลด Human Error, ต่ออายุอัตโนมัติ, ใช้ได้กับ Cloudflare และ Let’s Encrypt ✅ การเตรียมรับมือ Post-Quantum Cryptography ➡️ ใช้ Hybrid Handshake ผสมระหว่างอัลกอริทึมเดิมกับ Quantum-safe เช่น Kyber, Dilithium ‼️ ความเสี่ยงหากยังใช้ Manual Management ⛔ อาจเกิด Outage, สูญเสียรายได้, เสี่ยงต่อการโจมตีจากช่องโหว่ของ Certificate ที่หมดอายุ ‼️ ภัยจาก Quantum Computing ⛔ RSA และ ECC อาจถูกทำลายด้วย Shor’s Algorithm ทำให้ TLS ปัจจุบันไม่ปลอดภัยในอนาคต https://www.csoonline.com/article/4097721/how-cisos-can-prepare-for-the-new-era-of-short-lived-tls-certificates.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    How CISOs can prepare for the new era of short-lived TLS certificates
    TLS certificate lifespans are shrinking — first to 200 days, then to just 47. That means more frequent renewals, higher risk of outages, and tighter operational timelines.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 97 มุมมอง 0 รีวิว
  • Linux Kernel 5.4 ปิดฉากหลัง 6 ปีการดูแล

    Linux Kernel 5.4 เปิดตัวครั้งแรกเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2019 และได้รับการดูแลต่อเนื่องโดย Greg Kroah-Hartman ผ่านการอัปเดตมากกว่า 300 ครั้ง ตลอดระยะเวลา 6 ปี ล่าสุดได้ออกเวอร์ชัน 5.4.302 ซึ่งถือเป็นการอัปเดตครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะถูกประกาศเข้าสู่สถานะ EOL (End of Life) หมายความว่าจะไม่มีการแก้ไขบั๊กหรืออัปเดตความปลอดภัยอีกต่อไป

    ความเสี่ยงจากการใช้งาน Kernel 5.4 ต่อไป
    Greg Kroah-Hartman ระบุว่า Kernel 5.4 มี ช่องโหว่ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขกว่า 1,539 CVEs และจำนวนนี้จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ หากยังมีการค้นพบใหม่ การใช้งาน Kernel รุ่นนี้ต่อไปจึงเสี่ยงต่อการถูกโจมตี โดยเฉพาะระบบที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตหรือใช้ในงานที่ต้องการความปลอดภัยสูง

    ทางเลือกสำหรับผู้ใช้
    ผู้ใช้ที่ยังคงใช้ Kernel 5.4 ควรรีบอัปเกรดไปยัง Kernel รุ่นใหม่ที่ยังได้รับการสนับสนุน เช่น:
    Linux 5.10 และ 5.15 (สนับสนุนถึงปี 2026)
    Linux 6.1 และ 6.6 (สนับสนุนถึงปี 2027)
    Linux 6.12 LTS (รุ่นล่าสุดที่แนะนำสำหรับระบบใหม่)

    สำหรับผู้ใช้ที่มีฮาร์ดแวร์ใหม่ การเลือก Kernel รุ่นใหม่จะช่วยให้ได้ประสิทธิภาพและความปลอดภัยที่ดีกว่า

    มุมมองจากชุมชนโอเพ่นซอร์ส
    แม้การสิ้นสุดการสนับสนุนของ Kernel 5.4 จะเป็นเรื่องปกติในวงจรชีวิตของ LTS แต่ก็สะท้อนถึงความท้าทายในการดูแลระบบที่ยังใช้ฮาร์ดแวร์เก่า ผู้ใช้บางรายอาจต้องพึ่งพา Extended LTS Support จากบริษัทที่ให้บริการเชิงพาณิชย์ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม แต่ก็เป็นทางเลือกสำหรับองค์กรที่ไม่สามารถอัปเกรดระบบได้ทันที

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Linux Kernel 5.4 เข้าสู่ EOL
    เปิดตัวเมื่อปี 2019
    ได้รับการดูแลกว่า 6 ปี และอัปเดตครั้งสุดท้ายเป็น 5.4.302

    ความเสี่ยงจากการใช้งานต่อ
    มีช่องโหว่ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขกว่า 1,539 CVEs
    ไม่มีการอัปเดตความปลอดภัยอีกต่อไป

    ทางเลือกสำหรับผู้ใช้
    อัปเกรดไปยัง Kernel 5.10, 5.15, 6.1, 6.6 หรือ 6.12 LTS
    ใช้ Extended LTS Support หากไม่สามารถอัปเกรดได้ทันที

    คำเตือนต่อผู้ใช้
    การใช้งาน Kernel 5.4 ต่อไปเสี่ยงต่อการถูกโจมตี
    ระบบที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตมีความเสี่ยงสูงเป็นพิเศษ
    องค์กรที่ไม่อัปเดตอาจละเมิดข้อกำหนดด้านความปลอดภัย

    https://9to5linux.com/linux-kernel-5-4-reaches-end-of-life-after-more-than-six-years-of-maintenance
    🛡️ Linux Kernel 5.4 ปิดฉากหลัง 6 ปีการดูแล Linux Kernel 5.4 เปิดตัวครั้งแรกเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2019 และได้รับการดูแลต่อเนื่องโดย Greg Kroah-Hartman ผ่านการอัปเดตมากกว่า 300 ครั้ง ตลอดระยะเวลา 6 ปี ล่าสุดได้ออกเวอร์ชัน 5.4.302 ซึ่งถือเป็นการอัปเดตครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะถูกประกาศเข้าสู่สถานะ EOL (End of Life) หมายความว่าจะไม่มีการแก้ไขบั๊กหรืออัปเดตความปลอดภัยอีกต่อไป ⚙️ ความเสี่ยงจากการใช้งาน Kernel 5.4 ต่อไป Greg Kroah-Hartman ระบุว่า Kernel 5.4 มี ช่องโหว่ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขกว่า 1,539 CVEs และจำนวนนี้จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ หากยังมีการค้นพบใหม่ การใช้งาน Kernel รุ่นนี้ต่อไปจึงเสี่ยงต่อการถูกโจมตี โดยเฉพาะระบบที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตหรือใช้ในงานที่ต้องการความปลอดภัยสูง 🔒 ทางเลือกสำหรับผู้ใช้ ผู้ใช้ที่ยังคงใช้ Kernel 5.4 ควรรีบอัปเกรดไปยัง Kernel รุ่นใหม่ที่ยังได้รับการสนับสนุน เช่น: 💠 Linux 5.10 และ 5.15 (สนับสนุนถึงปี 2026) 💠 Linux 6.1 และ 6.6 (สนับสนุนถึงปี 2027) 💠 Linux 6.12 LTS (รุ่นล่าสุดที่แนะนำสำหรับระบบใหม่) สำหรับผู้ใช้ที่มีฮาร์ดแวร์ใหม่ การเลือก Kernel รุ่นใหม่จะช่วยให้ได้ประสิทธิภาพและความปลอดภัยที่ดีกว่า 🌐 มุมมองจากชุมชนโอเพ่นซอร์ส แม้การสิ้นสุดการสนับสนุนของ Kernel 5.4 จะเป็นเรื่องปกติในวงจรชีวิตของ LTS แต่ก็สะท้อนถึงความท้าทายในการดูแลระบบที่ยังใช้ฮาร์ดแวร์เก่า ผู้ใช้บางรายอาจต้องพึ่งพา Extended LTS Support จากบริษัทที่ให้บริการเชิงพาณิชย์ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม แต่ก็เป็นทางเลือกสำหรับองค์กรที่ไม่สามารถอัปเกรดระบบได้ทันที 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Linux Kernel 5.4 เข้าสู่ EOL ➡️ เปิดตัวเมื่อปี 2019 ➡️ ได้รับการดูแลกว่า 6 ปี และอัปเดตครั้งสุดท้ายเป็น 5.4.302 ✅ ความเสี่ยงจากการใช้งานต่อ ➡️ มีช่องโหว่ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขกว่า 1,539 CVEs ➡️ ไม่มีการอัปเดตความปลอดภัยอีกต่อไป ✅ ทางเลือกสำหรับผู้ใช้ ➡️ อัปเกรดไปยัง Kernel 5.10, 5.15, 6.1, 6.6 หรือ 6.12 LTS ➡️ ใช้ Extended LTS Support หากไม่สามารถอัปเกรดได้ทันที ‼️ คำเตือนต่อผู้ใช้ ⛔ การใช้งาน Kernel 5.4 ต่อไปเสี่ยงต่อการถูกโจมตี ⛔ ระบบที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตมีความเสี่ยงสูงเป็นพิเศษ ⛔ องค์กรที่ไม่อัปเดตอาจละเมิดข้อกำหนดด้านความปลอดภัย https://9to5linux.com/linux-kernel-5-4-reaches-end-of-life-after-more-than-six-years-of-maintenance
    9TO5LINUX.COM
    Linux Kernel 5.4 Reaches End of Life After More Than Six Years of Maintenance - 9to5Linux
    Linux 5.4 LTS kernel series has reached end of life after being maintained for more than six years, receiving a total of 302 point releases.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 53 มุมมอง 0 รีวิว
  • Lisuan 7G106: GPU จีนรุ่นใหม่ อาจจะรองรับ Windows on ARM (WoA) เป็นเจ้าแรก

    บริษัทจีนชื่อ Lisuan เตรียมเปิดตัวการ์ดจอ 7G106 (6nm) ที่อาจเป็น GPU ตัวแรกของโลกที่รองรับ Windows on ARM (WoA) ก่อนทั้ง NVIDIA และ AMD โดยจับคู่กับซีพียู ARMv9 ของจีน และอยู่ระหว่างการผลิตเพื่อวางขายในไตรมาสแรกปี 2026

    Lisuan เปิดเผยว่า 7G106 Gaming GPU ผลิตบนเทคโนโลยี TSMC N6 (6nm) มีหน่วยความจำ 12GB GDDR6 บัส 192-bit รองรับ PCIe 4.0 x16 และใช้พลังงานสูงสุด 225W จุดเด่นคือการออกแบบเพื่อแข่งขันกับ NVIDIA GeForce RTX 60-series โดยมีจำนวน 192 TMUs และ 96 ROPs

    รองรับ Windows on ARM เป็นครั้งแรก
    สิ่งที่ทำให้ 7G106 น่าสนใจคือการถูกทดสอบร่วมกับซีพียู ARMv9 CP8180 (12 คอร์, 3.2 GHz) และสามารถรัน Windows on ARM ได้จริง นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ GPU แบบ discrete รองรับ WoA ซึ่งปกติถูกจำกัดอยู่ในโน้ตบุ๊กที่ใช้ Snapdragon X Elite เท่านั้น

    ความท้าทายด้านการผลิต
    แม้จะใช้เทคโนโลยี TSMC N6 แต่เนื่องจากข้อจำกัดด้านการส่งออกชิปไปจีน ทำให้ Lisuan อาจต้องหันไปใช้ SMIC 6nm ในอนาคต การเปลี่ยนแหล่งผลิตอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพและต้นทุน แต่ Lisuan ยืนยันว่ากำลังเข้าสู่การผลิตจำนวนมากแล้ว

    ผลกระทบต่อการแข่งขัน GPU โลก
    การที่ Lisuanสามารถเปิดตัว GPU ที่รองรับ WoA ก่อน NVIDIA และ AMD อาจทำให้ตลาด ARM-based PC ในจีนเติบโตเร็วขึ้น และสร้างแรงกดดันให้ผู้ผลิตตะวันตกต้องเร่งพัฒนาไดรเวอร์สำหรับ WoA หาก Lisuanทำสำเร็จ จะเป็นการเปลี่ยนเกมในตลาดที่ ARM กำลังได้รับความนิยมสูงขึ้น

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Lisuan 7G106 GPU ผลิตบน TSMC N6
    12GB GDDR6, PCIe 4.0, 225W TDP

    รองรับ Windows on ARM เป็นครั้งแรก
    ทดสอบกับซีพียู ARMv9 CP8180 และ WoA desktop environment

    กำลังเข้าสู่การผลิตจำนวนมาก
    คาดเปิดตัวในไตรมาสแรกปี 2026

    ข้อจำกัดด้านการผลิตจาก TSMC
    อาจต้องเปลี่ยนไปใช้ SMIC 6nm ในอนาคต

    NVIDIA และ AMD ยังไม่รองรับ WoA บน dGPU
    Lisuanอาจได้เปรียบในตลาด ARM-based PC

    https://wccftech.com/the-first-gpu-to-support-windows-on-arm-may-not-come-from-nvidia-or-amd-but-from-china-lisuan/
    🇨🇳 Lisuan 7G106: GPU จีนรุ่นใหม่ อาจจะรองรับ Windows on ARM (WoA) เป็นเจ้าแรก บริษัทจีนชื่อ Lisuan เตรียมเปิดตัวการ์ดจอ 7G106 (6nm) ที่อาจเป็น GPU ตัวแรกของโลกที่รองรับ Windows on ARM (WoA) ก่อนทั้ง NVIDIA และ AMD โดยจับคู่กับซีพียู ARMv9 ของจีน และอยู่ระหว่างการผลิตเพื่อวางขายในไตรมาสแรกปี 2026 Lisuan เปิดเผยว่า 7G106 Gaming GPU ผลิตบนเทคโนโลยี TSMC N6 (6nm) มีหน่วยความจำ 12GB GDDR6 บัส 192-bit รองรับ PCIe 4.0 x16 และใช้พลังงานสูงสุด 225W จุดเด่นคือการออกแบบเพื่อแข่งขันกับ NVIDIA GeForce RTX 60-series โดยมีจำนวน 192 TMUs และ 96 ROPs 🐧 รองรับ Windows on ARM เป็นครั้งแรก สิ่งที่ทำให้ 7G106 น่าสนใจคือการถูกทดสอบร่วมกับซีพียู ARMv9 CP8180 (12 คอร์, 3.2 GHz) และสามารถรัน Windows on ARM ได้จริง นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ GPU แบบ discrete รองรับ WoA ซึ่งปกติถูกจำกัดอยู่ในโน้ตบุ๊กที่ใช้ Snapdragon X Elite เท่านั้น 🔋 ความท้าทายด้านการผลิต แม้จะใช้เทคโนโลยี TSMC N6 แต่เนื่องจากข้อจำกัดด้านการส่งออกชิปไปจีน ทำให้ Lisuan อาจต้องหันไปใช้ SMIC 6nm ในอนาคต การเปลี่ยนแหล่งผลิตอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพและต้นทุน แต่ Lisuan ยืนยันว่ากำลังเข้าสู่การผลิตจำนวนมากแล้ว ⚠️ ผลกระทบต่อการแข่งขัน GPU โลก การที่ Lisuanสามารถเปิดตัว GPU ที่รองรับ WoA ก่อน NVIDIA และ AMD อาจทำให้ตลาด ARM-based PC ในจีนเติบโตเร็วขึ้น และสร้างแรงกดดันให้ผู้ผลิตตะวันตกต้องเร่งพัฒนาไดรเวอร์สำหรับ WoA หาก Lisuanทำสำเร็จ จะเป็นการเปลี่ยนเกมในตลาดที่ ARM กำลังได้รับความนิยมสูงขึ้น 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Lisuan 7G106 GPU ผลิตบน TSMC N6 ➡️ 12GB GDDR6, PCIe 4.0, 225W TDP ✅ รองรับ Windows on ARM เป็นครั้งแรก ➡️ ทดสอบกับซีพียู ARMv9 CP8180 และ WoA desktop environment ✅ กำลังเข้าสู่การผลิตจำนวนมาก ➡️ คาดเปิดตัวในไตรมาสแรกปี 2026 ‼️ ข้อจำกัดด้านการผลิตจาก TSMC ⛔ อาจต้องเปลี่ยนไปใช้ SMIC 6nm ในอนาคต ‼️ NVIDIA และ AMD ยังไม่รองรับ WoA บน dGPU ⛔ Lisuanอาจได้เปรียบในตลาด ARM-based PC https://wccftech.com/the-first-gpu-to-support-windows-on-arm-may-not-come-from-nvidia-or-amd-but-from-china-lisuan/
    WCCFTECH.COM
    The First Discrete GPU to Support “Windows on ARM” May Not Come From NVIDIA or AMD, but From China’s Lisuan
    Lisuan is expected to introduce its 7G106 gaming GPU soon, and it is reported to feature support for 'Windows on ARM' platform.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 79 มุมมอง 0 รีวิว
  • ต้นทุนมหาศาลของศูนย์ข้อมูล AI

    CEO ของ IBM เตือนว่า การลงทุนสร้างศูนย์ข้อมูล AI มูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์อาจไม่ยั่งยืน เพราะต้นทุนโครงสร้างพื้นฐานสูงเกินไป โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายด้านฮาร์ดแวร์ การเสื่อมราคา และพลังงาน

    Arvind Krishna, CEO ของ IBM กล่าวว่าการสร้างศูนย์ข้อมูล AI ขนาดใหญ่ต้องใช้เงินมหาศาล เช่น 1 กิกะวัตต์ของศูนย์ข้อมูลต้องใช้เงินราว 80 พันล้านดอลลาร์ และเมื่อรวมโครงการที่ประกาศแล้วทั่วโลก ตัวเลขอาจสูงถึง 8 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งต้องการกำไรปีละ 800 พันล้านดอลลาร์เพื่อชดเชยต้นทุนการลงทุน

    ปัญหาการเสื่อมราคาและการเปลี่ยนฮาร์ดแวร์
    Krishna ชี้ว่า GPU และ AI accelerators มีอายุการใช้งานเพียง 5 ปี เพราะต้องเปลี่ยนรุ่นใหม่ตามการพัฒนาโมเดลและสถาปัตยกรรม ทำให้ต้นทุนสะสมสูงขึ้นเรื่อย ๆ นักลงทุนจำนวนมากอาจประเมินค่าการเสื่อมราคาต่ำเกินไป และไม่คำนึงถึงการต้องเปลี่ยนฮาร์ดแวร์ทั้งชุดในรอบสั้น ๆ

    ความท้าทายด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐาน
    ศูนย์ข้อมูล AI ขนาดใหญ่ต้องใช้ไฟฟ้าปริมาณมหาศาล เช่น โครงการของบางบริษัทมีแผนสร้างศูนย์ข้อมูลที่ใช้ไฟฟ้า มากกว่า 100 กิกะวัตต์ ซึ่งเทียบเท่ากับการใช้ไฟฟ้าของประเทศขนาดใหญ่ทั้งประเทศ ปัญหานี้ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานจะไม่สามารถรองรับได้

    ความเสี่ยงต่อความยั่งยืนของอุตสาหกรรม
    แม้ AI จะสร้างประโยชน์ด้านผลิตภาพ แต่ Krishna เตือนว่า สัดส่วนระหว่างต้นทุนและผลตอบแทนยังไม่สมดุล หากบริษัทไม่สามารถสร้างรายได้มหาศาลเพื่อชดเชยการลงทุน อุตสาหกรรมอาจเข้าสู่ภาวะฟองสบู่ และเสี่ยงต่อการล้มเหลวในระยะยาว

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ต้นทุนสร้างศูนย์ข้อมูล AI สูงถึง 8 ล้านล้านดอลลาร์
    ต้องการกำไรปีละ 800 พันล้านดอลลาร์เพื่อคุ้มทุน

    ฮาร์ดแวร์ AI มีอายุใช้งานเพียง 5 ปี
    ต้องเปลี่ยน GPU และ accelerators ทั้งชุดบ่อยครั้ง

    โครงการศูนย์ข้อมูลบางแห่งใช้ไฟฟ้ามากกว่า 100 กิกะวัตต์
    เทียบเท่าการใช้ไฟฟ้าของประเทศทั้งประเทศ

    นักลงทุนอาจประเมินค่าการเสื่อมราคาต่ำเกินไป
    เสี่ยงต่อการขาดทุนและไม่สามารถคืนทุนได้

    อุตสาหกรรม AI อาจเข้าสู่ภาวะฟองสบู่
    หากรายได้ไม่สมดุลกับต้นทุนมหาศาล

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/ibm-ceo-warns-trillion-dollar-ai-boom-unsustainable-at-current-infrastructure-costs
    💰 ต้นทุนมหาศาลของศูนย์ข้อมูล AI CEO ของ IBM เตือนว่า การลงทุนสร้างศูนย์ข้อมูล AI มูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์อาจไม่ยั่งยืน เพราะต้นทุนโครงสร้างพื้นฐานสูงเกินไป โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายด้านฮาร์ดแวร์ การเสื่อมราคา และพลังงาน Arvind Krishna, CEO ของ IBM กล่าวว่าการสร้างศูนย์ข้อมูล AI ขนาดใหญ่ต้องใช้เงินมหาศาล เช่น 1 กิกะวัตต์ของศูนย์ข้อมูลต้องใช้เงินราว 80 พันล้านดอลลาร์ และเมื่อรวมโครงการที่ประกาศแล้วทั่วโลก ตัวเลขอาจสูงถึง 8 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งต้องการกำไรปีละ 800 พันล้านดอลลาร์เพื่อชดเชยต้นทุนการลงทุน 🔄 ปัญหาการเสื่อมราคาและการเปลี่ยนฮาร์ดแวร์ Krishna ชี้ว่า GPU และ AI accelerators มีอายุการใช้งานเพียง 5 ปี เพราะต้องเปลี่ยนรุ่นใหม่ตามการพัฒนาโมเดลและสถาปัตยกรรม ทำให้ต้นทุนสะสมสูงขึ้นเรื่อย ๆ นักลงทุนจำนวนมากอาจประเมินค่าการเสื่อมราคาต่ำเกินไป และไม่คำนึงถึงการต้องเปลี่ยนฮาร์ดแวร์ทั้งชุดในรอบสั้น ๆ ⚡ ความท้าทายด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐาน ศูนย์ข้อมูล AI ขนาดใหญ่ต้องใช้ไฟฟ้าปริมาณมหาศาล เช่น โครงการของบางบริษัทมีแผนสร้างศูนย์ข้อมูลที่ใช้ไฟฟ้า มากกว่า 100 กิกะวัตต์ ซึ่งเทียบเท่ากับการใช้ไฟฟ้าของประเทศขนาดใหญ่ทั้งประเทศ ปัญหานี้ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานจะไม่สามารถรองรับได้ ⚠️ ความเสี่ยงต่อความยั่งยืนของอุตสาหกรรม แม้ AI จะสร้างประโยชน์ด้านผลิตภาพ แต่ Krishna เตือนว่า สัดส่วนระหว่างต้นทุนและผลตอบแทนยังไม่สมดุล หากบริษัทไม่สามารถสร้างรายได้มหาศาลเพื่อชดเชยการลงทุน อุตสาหกรรมอาจเข้าสู่ภาวะฟองสบู่ และเสี่ยงต่อการล้มเหลวในระยะยาว 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ต้นทุนสร้างศูนย์ข้อมูล AI สูงถึง 8 ล้านล้านดอลลาร์ ➡️ ต้องการกำไรปีละ 800 พันล้านดอลลาร์เพื่อคุ้มทุน ✅ ฮาร์ดแวร์ AI มีอายุใช้งานเพียง 5 ปี ➡️ ต้องเปลี่ยน GPU และ accelerators ทั้งชุดบ่อยครั้ง ✅ โครงการศูนย์ข้อมูลบางแห่งใช้ไฟฟ้ามากกว่า 100 กิกะวัตต์ ➡️ เทียบเท่าการใช้ไฟฟ้าของประเทศทั้งประเทศ ‼️ นักลงทุนอาจประเมินค่าการเสื่อมราคาต่ำเกินไป ⛔ เสี่ยงต่อการขาดทุนและไม่สามารถคืนทุนได้ ‼️ อุตสาหกรรม AI อาจเข้าสู่ภาวะฟองสบู่ ⛔ หากรายได้ไม่สมดุลกับต้นทุนมหาศาล https://www.tomshardware.com/tech-industry/ibm-ceo-warns-trillion-dollar-ai-boom-unsustainable-at-current-infrastructure-costs
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 75 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฉลอง 31 ปี PlayStation ด้วยเมนบอร์ดจิ๋ว

    วันที่ 3 ธันวาคม 1994 คือวันที่ Sony เปิดตัว PlayStation รุ่นแรก และในปีนี้ครบรอบ 31 ปี นักดัดแปลงเครื่องเกม Thedrew ได้สร้างผลงานสุดพิเศษเพื่อฉลอง โดยออกแบบเมนบอร์ดใหม่ของ PS One revision ให้เล็กลงเหลือเพียง 73 x 59 มม. ซึ่งเล็กกว่าของเดิมถึงสี่เท่า แต่ยังคงใช้ชิปดั้งเดิมของ Sony ทั้ง CPU, GPU, SPU, RAM และ BIOS

    ใช้ชิปแท้ ไม่พึ่ง FPGA หรือ Emulator
    สิ่งที่ทำให้โปรเจกต์นี้โดดเด่นคือการเลือกใช้ ฮาร์ดแวร์แท้ของ Sony แทนที่จะใช้ FPGA หรือ SoC ที่จำลองการทำงาน การออกแบบจึงยังคงความเป็น “Original hardware for the win” และสามารถเล่นเกมได้เหมือนเครื่องจริงทุกประการ ถือเป็นการผสมผสานระหว่างความคลาสสิกกับงานวิศวกรรมสมัยใหม่

    ขนาดเล็กกว่าที่เคย
    เพื่อให้เห็นภาพชัดเจน:
    เมนบอร์ด PlayStation รุ่นแรก: ประมาณ 10 x 7 นิ้ว
    เมนบอร์ด PS One: ประมาณ 7.5 x 5.5 นิ้ว
    เมนบอร์ดใหม่ของ Thedrew: น้อยกว่า 3 x 2.5 นิ้ว

    การย่อขนาดนี้ทำให้สามารถนำไปใช้ในโปรเจกต์ใหม่ ๆ ได้หลากหลาย เช่น เครื่องเกมพกพา หรือการออกแบบเคสที่เล็กกะทัดรัด

    ความท้าทายและอนาคตของโปรเจกต์
    แม้จะเป็นต้นแบบที่ใช้งานได้จริง แต่ Thedrew ยังกล่าวว่าต้องการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นในอนาคต ความท้าทายคือการรักษาความเสถียรและความทนทานของชิปดั้งเดิมเมื่อถูกบีบอัดลงในพื้นที่เล็กมาก อีกทั้งยังต้องหาวิธีจัดการความร้อนและพลังงานให้เหมาะสม

    สรุปประเด็นสำคัญ
    เมนบอร์ด PS One ถูกย่อเหลือเพียงหนึ่งในสี่ของเดิม
    ขนาดเพียง 73 x 59 มม. เล็กกว่าที่เคย

    ใช้ชิปแท้ของ Sony ทั้งหมด
    CPU, GPU, SPU, RAM และ BIOS ดั้งเดิม

    ยังคงเล่นเกมได้เหมือนเครื่องจริง
    ไม่พึ่ง FPGA หรือ Emulator

    ความท้าทายด้านความทนทานและการจัดการความร้อน
    ต้องพัฒนาเพิ่มเติมเพื่อให้ใช้งานได้ระยะยาว

    ยังเป็นเพียงต้นแบบในซีรีส์ Redesign
    อาจมีการปรับปรุงและขยายผลในอนาคต

    https://www.tomshardware.com/video-games/playstation/enthusiast-modder-celebrates-playstations-31st-anniversary-in-style-creates-smallest-ever-motherboard-using-genuine-chips-redesigned-pcb-is-less-than-a-quarter-size-of-the-already-dinky-ps-one-revision
    🎉 ฉลอง 31 ปี PlayStation ด้วยเมนบอร์ดจิ๋ว วันที่ 3 ธันวาคม 1994 คือวันที่ Sony เปิดตัว PlayStation รุ่นแรก และในปีนี้ครบรอบ 31 ปี นักดัดแปลงเครื่องเกม Thedrew ได้สร้างผลงานสุดพิเศษเพื่อฉลอง โดยออกแบบเมนบอร์ดใหม่ของ PS One revision ให้เล็กลงเหลือเพียง 73 x 59 มม. ซึ่งเล็กกว่าของเดิมถึงสี่เท่า แต่ยังคงใช้ชิปดั้งเดิมของ Sony ทั้ง CPU, GPU, SPU, RAM และ BIOS 🔧 ใช้ชิปแท้ ไม่พึ่ง FPGA หรือ Emulator สิ่งที่ทำให้โปรเจกต์นี้โดดเด่นคือการเลือกใช้ ฮาร์ดแวร์แท้ของ Sony แทนที่จะใช้ FPGA หรือ SoC ที่จำลองการทำงาน การออกแบบจึงยังคงความเป็น “Original hardware for the win” และสามารถเล่นเกมได้เหมือนเครื่องจริงทุกประการ ถือเป็นการผสมผสานระหว่างความคลาสสิกกับงานวิศวกรรมสมัยใหม่ 📏 ขนาดเล็กกว่าที่เคย เพื่อให้เห็นภาพชัดเจน: 💠 เมนบอร์ด PlayStation รุ่นแรก: ประมาณ 10 x 7 นิ้ว 💠 เมนบอร์ด PS One: ประมาณ 7.5 x 5.5 นิ้ว 💠 เมนบอร์ดใหม่ของ Thedrew: น้อยกว่า 3 x 2.5 นิ้ว การย่อขนาดนี้ทำให้สามารถนำไปใช้ในโปรเจกต์ใหม่ ๆ ได้หลากหลาย เช่น เครื่องเกมพกพา หรือการออกแบบเคสที่เล็กกะทัดรัด ⚠️ ความท้าทายและอนาคตของโปรเจกต์ แม้จะเป็นต้นแบบที่ใช้งานได้จริง แต่ Thedrew ยังกล่าวว่าต้องการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นในอนาคต ความท้าทายคือการรักษาความเสถียรและความทนทานของชิปดั้งเดิมเมื่อถูกบีบอัดลงในพื้นที่เล็กมาก อีกทั้งยังต้องหาวิธีจัดการความร้อนและพลังงานให้เหมาะสม 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ เมนบอร์ด PS One ถูกย่อเหลือเพียงหนึ่งในสี่ของเดิม ➡️ ขนาดเพียง 73 x 59 มม. เล็กกว่าที่เคย ✅ ใช้ชิปแท้ของ Sony ทั้งหมด ➡️ CPU, GPU, SPU, RAM และ BIOS ดั้งเดิม ✅ ยังคงเล่นเกมได้เหมือนเครื่องจริง ➡️ ไม่พึ่ง FPGA หรือ Emulator ‼️ ความท้าทายด้านความทนทานและการจัดการความร้อน ⛔ ต้องพัฒนาเพิ่มเติมเพื่อให้ใช้งานได้ระยะยาว ‼️ ยังเป็นเพียงต้นแบบในซีรีส์ Redesign ⛔ อาจมีการปรับปรุงและขยายผลในอนาคต https://www.tomshardware.com/video-games/playstation/enthusiast-modder-celebrates-playstations-31st-anniversary-in-style-creates-smallest-ever-motherboard-using-genuine-chips-redesigned-pcb-is-less-than-a-quarter-size-of-the-already-dinky-ps-one-revision
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 88 มุมมอง 0 รีวิว
  • Linux บน Steam พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์

    ผลสำรวจ Steam Hardware Survey ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า Linux มีผู้ใช้งานถึง 3.2% ซึ่งถือว่าสูงที่สุดตั้งแต่มีการเก็บข้อมูลมา การเติบโตนี้สะท้อนถึงความนิยมของ Steam Deck และการสนับสนุนจากซอฟต์แวร์อย่าง Proton ที่ทำให้เกม Windows เล่นได้บน Linux อย่างราบรื่น นอกจากนี้ ความไม่พอใจต่อ Windows 11 ที่บังคับอัปเกรดและมีการแจ้งเตือนรบกวน ก็ยิ่งผลักดันให้ผู้เล่นหันมาใช้ Linux มากขึ้น

    AMD เดินหน้าท้าชน Intel
    AMD ยังคงเพิ่มส่วนแบ่งตลาด CPU อย่างต่อเนื่อง โดยในกลุ่มเกมเมอร์บน Steam มีสัดส่วนกว่า 43–44% และในบางภูมิภาค เช่น เยอรมนี AMD ครองตลาดร้านค้าปลีกเกือบทั้งหมด ความสำเร็จนี้เกิดจาก Ryzen 7000/8000 series ที่ให้จำนวนคอร์มากต่อราคา และ EPYC server chips ที่ครองรายได้เหนือ Intel ในศูนย์ข้อมูล ทำให้ AMD ไม่ใช่ผู้ตามอีกต่อไป แต่กลายเป็นคู่แข่งที่ท้าทาย Intel อย่างจริงจัง

    NVIDIA RTX 5070 ขึ้นแท่น GPU ยอดนิยม
    ในฝั่งการ์ดจอ NVIDIA RTX 5070 กำลังแซงรุ่นก่อนหน้าอย่าง RTX 4070 และติดอันดับ Top 10 GPU บน Steam ด้วยสัดส่วนราว 2.1–2.2% จุดเด่นคือสถาปัตยกรรม Blackwell ที่ให้ประสิทธิภาพสูงขึ้นและรองรับฟีเจอร์เรนเดอร์สมัยใหม่ ขณะที่ราคาวางตลาดสมเหตุสมผลกว่ารุ่นก่อน ทำให้ผู้เล่นจำนวนมากเลือกอัปเกรดเร็วผิดคาด การเติบโตนี้ยังส่งผลต่อทิศทางการพัฒนาเกม ที่สามารถใช้เทคโนโลยีกราฟิกขั้นสูงได้มากขึ้น

    ความท้าทายและความเสี่ยงในตลาด
    แม้ตัวเลขจะสดใส แต่ก็มีสัญญาณเตือน เช่น AMD RDNA 4 GPUs ยังไม่ปรากฏในผลสำรวจ ซึ่งอาจสะท้อนถึงปัญหาการผลิตหรือการยอมรับของตลาด อีกทั้ง Intel เตรียมเปิดตัว Lunar Lake ที่มุ่งเน้น AI และกราฟิกในปี 2026 ซึ่งอาจพลิกเกมการแข่งขันได้ นอกจากนี้ การแข่งขันด้านราคาอาจทำให้ทั้ง AMD และ Intel ต้องลดกำไรลงเพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาด

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Linux Usage บน Steam พุ่งสูงสุด 3.2%
    ความนิยม Steam Deck และ Proton ทำให้เกม Windows เล่นได้บน Linux

    AMD เพิ่มส่วนแบ่ง CPU ในตลาดเกมเมอร์
    Ryzen และ EPYC ช่วยให้ AMD แข็งแกร่งทั้งในเดสก์ท็อปและเซิร์ฟเวอร์

    NVIDIA RTX 5070 กำลังขึ้นแท่น GPU ยอดนิยม
    สถาปัตยกรรม Blackwell และราคาที่แข่งขันได้ดึงดูดผู้ใช้จำนวนมาก

    AMD RDNA 4 ยังไม่ปรากฏในผลสำรวจ
    อาจสะท้อนถึงปัญหาการผลิตหรือการยอมรับของตลาด

    การแข่งขันด้านราคาอาจบีบกำไรของผู้ผลิต CPU
    Intel เตรียมเปิดตัว Lunar Lake ที่อาจสร้างแรงกดดันใหม่

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/linux-usage-hits-an-all-time-high-in-steam-hardware-survey-and-amd-processors-continue-their-march-against-intel
    🐧 Linux บน Steam พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ผลสำรวจ Steam Hardware Survey ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า Linux มีผู้ใช้งานถึง 3.2% ซึ่งถือว่าสูงที่สุดตั้งแต่มีการเก็บข้อมูลมา การเติบโตนี้สะท้อนถึงความนิยมของ Steam Deck และการสนับสนุนจากซอฟต์แวร์อย่าง Proton ที่ทำให้เกม Windows เล่นได้บน Linux อย่างราบรื่น นอกจากนี้ ความไม่พอใจต่อ Windows 11 ที่บังคับอัปเกรดและมีการแจ้งเตือนรบกวน ก็ยิ่งผลักดันให้ผู้เล่นหันมาใช้ Linux มากขึ้น 🔥 AMD เดินหน้าท้าชน Intel AMD ยังคงเพิ่มส่วนแบ่งตลาด CPU อย่างต่อเนื่อง โดยในกลุ่มเกมเมอร์บน Steam มีสัดส่วนกว่า 43–44% และในบางภูมิภาค เช่น เยอรมนี AMD ครองตลาดร้านค้าปลีกเกือบทั้งหมด ความสำเร็จนี้เกิดจาก Ryzen 7000/8000 series ที่ให้จำนวนคอร์มากต่อราคา และ EPYC server chips ที่ครองรายได้เหนือ Intel ในศูนย์ข้อมูล ทำให้ AMD ไม่ใช่ผู้ตามอีกต่อไป แต่กลายเป็นคู่แข่งที่ท้าทาย Intel อย่างจริงจัง 🎮 NVIDIA RTX 5070 ขึ้นแท่น GPU ยอดนิยม ในฝั่งการ์ดจอ NVIDIA RTX 5070 กำลังแซงรุ่นก่อนหน้าอย่าง RTX 4070 และติดอันดับ Top 10 GPU บน Steam ด้วยสัดส่วนราว 2.1–2.2% จุดเด่นคือสถาปัตยกรรม Blackwell ที่ให้ประสิทธิภาพสูงขึ้นและรองรับฟีเจอร์เรนเดอร์สมัยใหม่ ขณะที่ราคาวางตลาดสมเหตุสมผลกว่ารุ่นก่อน ทำให้ผู้เล่นจำนวนมากเลือกอัปเกรดเร็วผิดคาด การเติบโตนี้ยังส่งผลต่อทิศทางการพัฒนาเกม ที่สามารถใช้เทคโนโลยีกราฟิกขั้นสูงได้มากขึ้น ⚠️ ความท้าทายและความเสี่ยงในตลาด แม้ตัวเลขจะสดใส แต่ก็มีสัญญาณเตือน เช่น AMD RDNA 4 GPUs ยังไม่ปรากฏในผลสำรวจ ซึ่งอาจสะท้อนถึงปัญหาการผลิตหรือการยอมรับของตลาด อีกทั้ง Intel เตรียมเปิดตัว Lunar Lake ที่มุ่งเน้น AI และกราฟิกในปี 2026 ซึ่งอาจพลิกเกมการแข่งขันได้ นอกจากนี้ การแข่งขันด้านราคาอาจทำให้ทั้ง AMD และ Intel ต้องลดกำไรลงเพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาด 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Linux Usage บน Steam พุ่งสูงสุด 3.2% ➡️ ความนิยม Steam Deck และ Proton ทำให้เกม Windows เล่นได้บน Linux ✅ AMD เพิ่มส่วนแบ่ง CPU ในตลาดเกมเมอร์ ➡️ Ryzen และ EPYC ช่วยให้ AMD แข็งแกร่งทั้งในเดสก์ท็อปและเซิร์ฟเวอร์ ✅ NVIDIA RTX 5070 กำลังขึ้นแท่น GPU ยอดนิยม ➡️ สถาปัตยกรรม Blackwell และราคาที่แข่งขันได้ดึงดูดผู้ใช้จำนวนมาก ‼️ AMD RDNA 4 ยังไม่ปรากฏในผลสำรวจ ⛔ อาจสะท้อนถึงปัญหาการผลิตหรือการยอมรับของตลาด ‼️ การแข่งขันด้านราคาอาจบีบกำไรของผู้ผลิต CPU ⛔ Intel เตรียมเปิดตัว Lunar Lake ที่อาจสร้างแรงกดดันใหม่ https://www.tomshardware.com/tech-industry/linux-usage-hits-an-all-time-high-in-steam-hardware-survey-and-amd-processors-continue-their-march-against-intel
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 85 มุมมอง 0 รีวิว
  • “OpenAI Code Red – เร่งพัฒนา ChatGPT รับมือการแข่งขันจาก Google Gemini”

    OpenAI กำลังเผชิญแรงกดดันครั้งใหญ่ในตลาด AI หลังจาก Google เปิดตัว Gemini 3 ที่ทำคะแนนสูงกว่า ChatGPT ในหลาย benchmark และได้รับการยอมรับจากผู้ใช้จำนวนมาก รวมถึงผู้บริหารระดับสูงในอุตสาหกรรมที่ประกาศเปลี่ยนมาใช้ Gemini แทน ChatGPT สิ่งนี้ทำให้ Sam Altman CEO ของ OpenAI ต้องประกาศ “Code Red” เพื่อเร่งปรับปรุง ChatGPT ให้เร็วขึ้น, เชื่อถือได้มากขึ้น และตอบโจทย์ผู้ใช้ได้กว้างกว่าเดิม

    ในบันทึกภายใน Altman ระบุว่า OpenAI จะ เลื่อนโครงการอื่น ๆ เช่นการนำโฆษณาเข้ามาใน ChatGPT, การพัฒนา AI agent สำหรับสุขภาพและการช้อปปิ้ง, และผู้ช่วยส่วนตัว Pulse เพื่อทุ่มทรัพยากรทั้งหมดไปที่ ChatGPT เขายังสั่งให้มีการประชุมรายวันสำหรับทีมที่รับผิดชอบ และสนับสนุนให้มีการโยกย้ายทีมชั่วคราวเพื่อเร่งการพัฒนา

    การประกาศครั้งนี้สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในตลาด AI ที่รวดเร็วมาก เมื่อสามปีก่อน Google เคยประกาศ “Code Red” หลัง ChatGPT เปิดตัวและได้รับความนิยมอย่างถล่มทลาย แต่ปัจจุบันสถานการณ์กลับตาลปัตร Google กำลังไล่ทันและแซงในบางด้าน ทำให้ OpenAI ต้องกลับมาปรับกลยุทธ์อย่างเร่งด่วน

    นอกจากการแข่งขันด้านเทคโนโลยีแล้ว ยังมีแรงกดดันด้านการเงิน เนื่องจาก OpenAI ใช้เงินมหาศาลในการพัฒนาและให้บริการ AI แต่รายได้หลักยังมาจากการสมัครสมาชิกและความร่วมมือกับธุรกิจ หากการนำโฆษณาเข้ามาเลื่อนออกไป ก็ยิ่งทำให้คำถามเรื่องโมเดลธุรกิจและความยั่งยืนของบริษัทชัดเจนขึ้น

    สรุปเป็นหัวข้อ
    การประกาศ Code Red ของ OpenAI
    Sam Altman สั่งเลื่อนโครงการอื่น ๆ เพื่อโฟกัส ChatGPT
    มีการประชุมรายวันและโยกย้ายทีมเพื่อเร่งพัฒนา
    เป้าหมายคือทำให้ ChatGPT เร็วขึ้น, เชื่อถือได้มากขึ้น, และตอบโจทย์ผู้ใช้กว้างขึ้น

    การแข่งขันกับ Google
    Gemini 3 ทำคะแนนสูงกว่า ChatGPT ในหลาย benchmark
    ผู้ใช้และผู้บริหารบางรายประกาศเปลี่ยนมาใช้ Gemini
    ตลาด AI กลายเป็น “แข่งอาวุธ” ระหว่าง OpenAI และ Google

    ความเสี่ยงและความท้าทาย
    การเลื่อนโครงการโฆษณาและ AI agent อาจกระทบรายได้
    ค่าใช้จ่ายในการพัฒนา AI สูงมาก แต่รายได้ยังจำกัด
    หาก ChatGPT ไม่สามารถปรับปรุงได้เร็วพอ อาจเสียส่วนแบ่งตลาดให้คู่แข่ง

    https://www.theverge.com/news/836212/openai-code-red-chatgpt
    ⚡ “OpenAI Code Red – เร่งพัฒนา ChatGPT รับมือการแข่งขันจาก Google Gemini” OpenAI กำลังเผชิญแรงกดดันครั้งใหญ่ในตลาด AI หลังจาก Google เปิดตัว Gemini 3 ที่ทำคะแนนสูงกว่า ChatGPT ในหลาย benchmark และได้รับการยอมรับจากผู้ใช้จำนวนมาก รวมถึงผู้บริหารระดับสูงในอุตสาหกรรมที่ประกาศเปลี่ยนมาใช้ Gemini แทน ChatGPT สิ่งนี้ทำให้ Sam Altman CEO ของ OpenAI ต้องประกาศ “Code Red” เพื่อเร่งปรับปรุง ChatGPT ให้เร็วขึ้น, เชื่อถือได้มากขึ้น และตอบโจทย์ผู้ใช้ได้กว้างกว่าเดิม ในบันทึกภายใน Altman ระบุว่า OpenAI จะ เลื่อนโครงการอื่น ๆ เช่นการนำโฆษณาเข้ามาใน ChatGPT, การพัฒนา AI agent สำหรับสุขภาพและการช้อปปิ้ง, และผู้ช่วยส่วนตัว Pulse เพื่อทุ่มทรัพยากรทั้งหมดไปที่ ChatGPT เขายังสั่งให้มีการประชุมรายวันสำหรับทีมที่รับผิดชอบ และสนับสนุนให้มีการโยกย้ายทีมชั่วคราวเพื่อเร่งการพัฒนา การประกาศครั้งนี้สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในตลาด AI ที่รวดเร็วมาก เมื่อสามปีก่อน Google เคยประกาศ “Code Red” หลัง ChatGPT เปิดตัวและได้รับความนิยมอย่างถล่มทลาย แต่ปัจจุบันสถานการณ์กลับตาลปัตร Google กำลังไล่ทันและแซงในบางด้าน ทำให้ OpenAI ต้องกลับมาปรับกลยุทธ์อย่างเร่งด่วน นอกจากการแข่งขันด้านเทคโนโลยีแล้ว ยังมีแรงกดดันด้านการเงิน เนื่องจาก OpenAI ใช้เงินมหาศาลในการพัฒนาและให้บริการ AI แต่รายได้หลักยังมาจากการสมัครสมาชิกและความร่วมมือกับธุรกิจ หากการนำโฆษณาเข้ามาเลื่อนออกไป ก็ยิ่งทำให้คำถามเรื่องโมเดลธุรกิจและความยั่งยืนของบริษัทชัดเจนขึ้น 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ การประกาศ Code Red ของ OpenAI ➡️ Sam Altman สั่งเลื่อนโครงการอื่น ๆ เพื่อโฟกัส ChatGPT ➡️ มีการประชุมรายวันและโยกย้ายทีมเพื่อเร่งพัฒนา ➡️ เป้าหมายคือทำให้ ChatGPT เร็วขึ้น, เชื่อถือได้มากขึ้น, และตอบโจทย์ผู้ใช้กว้างขึ้น ✅ การแข่งขันกับ Google ➡️ Gemini 3 ทำคะแนนสูงกว่า ChatGPT ในหลาย benchmark ➡️ ผู้ใช้และผู้บริหารบางรายประกาศเปลี่ยนมาใช้ Gemini ➡️ ตลาด AI กลายเป็น “แข่งอาวุธ” ระหว่าง OpenAI และ Google ‼️ ความเสี่ยงและความท้าทาย ⛔ การเลื่อนโครงการโฆษณาและ AI agent อาจกระทบรายได้ ⛔ ค่าใช้จ่ายในการพัฒนา AI สูงมาก แต่รายได้ยังจำกัด ⛔ หาก ChatGPT ไม่สามารถปรับปรุงได้เร็วพอ อาจเสียส่วนแบ่งตลาดให้คู่แข่ง https://www.theverge.com/news/836212/openai-code-red-chatgpt
    WWW.THEVERGE.COM
    OpenAI declares ‘code red’ as Google catches up in AI race
    Google’s own ‘code red’ response to ChatGPT has started paying off.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 95 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Mistral 3 – ยกระดับ AI Open Source สู่ยุค Multimodal และ Reasoning”

    Mistral AI ประกาศเปิดตัว Mistral 3 ซึ่งเป็นเจเนอเรชันใหม่ของโมเดล AI ที่เน้นความเปิดกว้างและการเข้าถึง โดยมีทั้งรุ่นเล็กที่เหมาะกับการใช้งาน edge (Ministral 3B, 8B, 14B) และรุ่นใหญ่ Mistral Large 3 ที่ถือเป็นโมเดล Mixture-of-Experts รุ่นแรกของบริษัทนับตั้งแต่ Mixtral series จุดเด่นคือการใช้ 41B active parameters จากทั้งหมด 675B ทำให้สามารถรองรับงาน reasoning และ multilingual ได้ในระดับสูงสุด

    Mistral Large 3 ถูกเทรนจากศูนย์ด้วย GPU NVIDIA H200 จำนวน 3000 ตัว และหลังการปรับแต่ง (post-training) สามารถทำงานได้ทัดเทียมกับโมเดล instruction-tuned ชั้นนำในตลาด ทั้งด้านการเข้าใจภาพ (image understanding) และการสนทนาแบบหลายภาษา โดยติดอันดับ #2 ในหมวด OSS non-reasoning models และ #6 รวมทั้งหมดบน LMArena leaderboard

    นอกจากนี้ Mistral ยังร่วมมือกับ NVIDIA, vLLM และ Red Hat เพื่อทำให้การใช้งาน Mistral 3 มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เช่น การรองรับ speculative decoding, Blackwell attention และการ deploy บน edge devices อย่าง Jetson และ RTX PCs ได้อย่างราบรื่น จุดนี้ทำให้ Mistral 3 ไม่เพียงแต่เป็นโมเดลสำหรับ data center แต่ยังสามารถใช้งานในหุ่นยนต์หรืออุปกรณ์พกพาได้ด้วย

    สำหรับผู้ใช้งานทั่วไป Mistral 3 พร้อมให้ใช้งานแล้วบนหลายแพลตฟอร์ม เช่น Hugging Face, Amazon Bedrock, Azure Foundry, IBM WatsonX และ OpenRouter รวมถึงบริการ API ของ Mistral AI เอง อีกทั้งยังมีบริการ custom training สำหรับองค์กรที่ต้องการปรับแต่งโมเดลให้เหมาะกับงานเฉพาะทาง เช่น การวิเคราะห์เอกสาร, coding, หรือ creative collaboration

    สรุปเป็นหัวข้อ
    คุณสมบัติหลักของ Mistral 3
    มีทั้งรุ่นเล็ก (3B, 8B, 14B) และรุ่นใหญ่ Mistral Large 3
    รองรับ multimodal (ข้อความ + ภาพ) และ multilingual (40+ ภาษา)
    ใช้ Mixture-of-Experts พร้อม 41B active parameters จากทั้งหมด 675B

    ความร่วมมือด้านเทคโนโลยี
    เทรนด้วย NVIDIA H200 GPUs กว่า 3000 ตัว
    รองรับ speculative decoding และ Blackwell attention
    ใช้งานได้ทั้ง data center และ edge devices เช่น Jetson, RTX PCs

    การเข้าถึงและการใช้งาน
    เปิดให้ใช้งานบน Hugging Face, Amazon Bedrock, Azure Foundry, IBM WatsonX
    มีบริการ API และ custom training สำหรับองค์กร
    โมเดลทั้งหมดเปิดภายใต้ Apache 2.0 license

    ข้อควรระวังและความท้าทาย
    แม้จะเป็น open-source แต่การ deploy บนระบบใหญ่ต้องใช้ทรัพยากรสูงมาก
    การใช้งาน reasoning model อาจมี latency สูงกว่า instruct model
    องค์กรต้องมีการกำกับดูแลเพื่อป้องกันการใช้ผิดวัตถุประสงค์

    https://mistral.ai/news/mistral-3
    🤖 “Mistral 3 – ยกระดับ AI Open Source สู่ยุค Multimodal และ Reasoning” Mistral AI ประกาศเปิดตัว Mistral 3 ซึ่งเป็นเจเนอเรชันใหม่ของโมเดล AI ที่เน้นความเปิดกว้างและการเข้าถึง โดยมีทั้งรุ่นเล็กที่เหมาะกับการใช้งาน edge (Ministral 3B, 8B, 14B) และรุ่นใหญ่ Mistral Large 3 ที่ถือเป็นโมเดล Mixture-of-Experts รุ่นแรกของบริษัทนับตั้งแต่ Mixtral series จุดเด่นคือการใช้ 41B active parameters จากทั้งหมด 675B ทำให้สามารถรองรับงาน reasoning และ multilingual ได้ในระดับสูงสุด Mistral Large 3 ถูกเทรนจากศูนย์ด้วย GPU NVIDIA H200 จำนวน 3000 ตัว และหลังการปรับแต่ง (post-training) สามารถทำงานได้ทัดเทียมกับโมเดล instruction-tuned ชั้นนำในตลาด ทั้งด้านการเข้าใจภาพ (image understanding) และการสนทนาแบบหลายภาษา โดยติดอันดับ #2 ในหมวด OSS non-reasoning models และ #6 รวมทั้งหมดบน LMArena leaderboard นอกจากนี้ Mistral ยังร่วมมือกับ NVIDIA, vLLM และ Red Hat เพื่อทำให้การใช้งาน Mistral 3 มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เช่น การรองรับ speculative decoding, Blackwell attention และการ deploy บน edge devices อย่าง Jetson และ RTX PCs ได้อย่างราบรื่น จุดนี้ทำให้ Mistral 3 ไม่เพียงแต่เป็นโมเดลสำหรับ data center แต่ยังสามารถใช้งานในหุ่นยนต์หรืออุปกรณ์พกพาได้ด้วย สำหรับผู้ใช้งานทั่วไป Mistral 3 พร้อมให้ใช้งานแล้วบนหลายแพลตฟอร์ม เช่น Hugging Face, Amazon Bedrock, Azure Foundry, IBM WatsonX และ OpenRouter รวมถึงบริการ API ของ Mistral AI เอง อีกทั้งยังมีบริการ custom training สำหรับองค์กรที่ต้องการปรับแต่งโมเดลให้เหมาะกับงานเฉพาะทาง เช่น การวิเคราะห์เอกสาร, coding, หรือ creative collaboration 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ คุณสมบัติหลักของ Mistral 3 ➡️ มีทั้งรุ่นเล็ก (3B, 8B, 14B) และรุ่นใหญ่ Mistral Large 3 ➡️ รองรับ multimodal (ข้อความ + ภาพ) และ multilingual (40+ ภาษา) ➡️ ใช้ Mixture-of-Experts พร้อม 41B active parameters จากทั้งหมด 675B ✅ ความร่วมมือด้านเทคโนโลยี ➡️ เทรนด้วย NVIDIA H200 GPUs กว่า 3000 ตัว ➡️ รองรับ speculative decoding และ Blackwell attention ➡️ ใช้งานได้ทั้ง data center และ edge devices เช่น Jetson, RTX PCs ✅ การเข้าถึงและการใช้งาน ➡️ เปิดให้ใช้งานบน Hugging Face, Amazon Bedrock, Azure Foundry, IBM WatsonX ➡️ มีบริการ API และ custom training สำหรับองค์กร ➡️ โมเดลทั้งหมดเปิดภายใต้ Apache 2.0 license ‼️ ข้อควรระวังและความท้าทาย ⛔ แม้จะเป็น open-source แต่การ deploy บนระบบใหญ่ต้องใช้ทรัพยากรสูงมาก ⛔ การใช้งาน reasoning model อาจมี latency สูงกว่า instruct model ⛔ องค์กรต้องมีการกำกับดูแลเพื่อป้องกันการใช้ผิดวัตถุประสงค์ https://mistral.ai/news/mistral-3
    MISTRAL.AI
    Introducing Mistral 3 | Mistral AI
    A family of frontier open-source multimodal models
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 92 มุมมอง 0 รีวิว
  • “AI Security – โอกาสและความเสี่ยงในยุค Shadow AI”

    องค์กรทั่วโลกกำลังเร่งนำ AI มาใช้เพื่อเสริมความแข็งแกร่งด้านความปลอดภัยไซเบอร์ ตั้งแต่การตรวจจับภัยคุกคาม การวิเคราะห์ข้อมูล ไปจนถึงการสร้างรายงานอัตโนมัติ ข้อดีคือช่วยลดเวลาในการตอบสนองต่อเหตุการณ์และลดต้นทุนจากการโจมตีได้อย่างมหาศาล เช่น รายงานของ IBM ระบุว่าองค์กรที่ใช้ AI อย่างจริงจังสามารถลดเวลาการฟื้นตัวจากการโจมตีได้ถึง 80 วัน และประหยัดค่าใช้จ่ายเฉลี่ยกว่า 1.9 ล้านดอลลาร์

    อย่างไรก็ตาม ความท้าทายใหม่ที่เรียกว่า “Shadow AI” กำลังกลายเป็นภัยเงียบในองค์กร พนักงานจำนวนมากนำเครื่องมือ AI มาใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากฝ่าย IT ทำให้ข้อมูลสำคัญถูกป้อนเข้าสู่แพลตฟอร์มที่ไม่ได้รับการควบคุม ส่งผลให้เกิดช่องโหว่ด้านความปลอดภัยและเพิ่มค่าใช้จ่ายจากการรั่วไหลของข้อมูล เช่น มีการประเมินว่าความเสียหายจาก Shadow AI อาจสูงถึง 670,000 ดอลลาร์ต่อเหตุการณ์

    นอกจากนี้ แนวโน้มปี 2025–2026 ยังชี้ว่า AI ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือป้องกัน แต่ถูกใช้โดยผู้โจมตีเช่นกัน ทั้งการสร้าง Deepfake เพื่อหลอกลวง การทำฟิชชิ่งที่ซับซ้อนขึ้น และการสร้างมัลแวร์ที่เปลี่ยนแปลงตัวเองได้ ทำให้เกิด “แข่งอาวุธไซเบอร์” ระหว่างฝ่ายป้องกันและฝ่ายโจมตีที่ใช้ AI ทั้งคู่

    สิ่งที่ CISO และผู้บริหารควรถามก่อนเลือกใช้โซลูชัน AI คือ ความเสี่ยงที่องค์กรยอมรับได้ ระดับการกำกับดูแล และความสามารถของผู้ขายในการป้องกันข้อมูล รวมถึงการวางมาตรการตรวจจับ Shadow AI และการสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยที่เข้มแข็ง เพื่อให้การใช้ AI เป็นพลังบวก ไม่ใช่ช่องโหว่ใหม่ที่ยากควบคุม

    สรุปเป็นหัวข้อ
    การใช้ AI ในการป้องกันภัยไซเบอร์
    ลดเวลาในการฟื้นตัวจากการโจมตีได้ถึง 80 วัน
    ประหยัดค่าใช้จ่ายเฉลี่ยกว่า 1.9 ล้านดอลลาร์
    ใช้ในงานตรวจจับภัยคุกคาม, วิเคราะห์ข้อมูล, สร้างรายงานอัตโนมัติ

    แนวโน้มการใช้ AI ในองค์กร
    Vendor และ Startup แข่งกันนำ AI มาใส่ในโซลูชัน
    ใช้ Generative AI ในการสร้างรายงานและช่วย Threat Hunting
    AI Agent เริ่มถูกใช้ในงาน Malware Analysis และ Code Interpretation

    ความเสี่ยงจาก Shadow AI
    พนักงานใช้เครื่องมือ AI โดยไม่ได้รับอนุญาต
    ข้อมูลสำคัญถูกป้อนเข้าสู่แพลตฟอร์มที่ไม่ได้ควบคุม
    เพิ่มค่าใช้จ่ายจากการรั่วไหลของข้อมูลเฉลี่ย 670,000 ดอลลาร์

    การโจมตีที่ใช้ AI
    Deepfake และฟิชชิ่งที่ซับซ้อนขึ้น
    มัลแวร์ที่เปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อหลบการตรวจจับ
    การโจมตีแบบอัตโนมัติที่เร็วและยากต่อการรับมือ

    https://www.csoonline.com/article/4094763/key-questions-cisos-must-ask-before-adopting-ai-enabled-cyber-solutions.html
    🛡️ “AI Security – โอกาสและความเสี่ยงในยุค Shadow AI” องค์กรทั่วโลกกำลังเร่งนำ AI มาใช้เพื่อเสริมความแข็งแกร่งด้านความปลอดภัยไซเบอร์ ตั้งแต่การตรวจจับภัยคุกคาม การวิเคราะห์ข้อมูล ไปจนถึงการสร้างรายงานอัตโนมัติ ข้อดีคือช่วยลดเวลาในการตอบสนองต่อเหตุการณ์และลดต้นทุนจากการโจมตีได้อย่างมหาศาล เช่น รายงานของ IBM ระบุว่าองค์กรที่ใช้ AI อย่างจริงจังสามารถลดเวลาการฟื้นตัวจากการโจมตีได้ถึง 80 วัน และประหยัดค่าใช้จ่ายเฉลี่ยกว่า 1.9 ล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ความท้าทายใหม่ที่เรียกว่า “Shadow AI” กำลังกลายเป็นภัยเงียบในองค์กร พนักงานจำนวนมากนำเครื่องมือ AI มาใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากฝ่าย IT ทำให้ข้อมูลสำคัญถูกป้อนเข้าสู่แพลตฟอร์มที่ไม่ได้รับการควบคุม ส่งผลให้เกิดช่องโหว่ด้านความปลอดภัยและเพิ่มค่าใช้จ่ายจากการรั่วไหลของข้อมูล เช่น มีการประเมินว่าความเสียหายจาก Shadow AI อาจสูงถึง 670,000 ดอลลาร์ต่อเหตุการณ์ นอกจากนี้ แนวโน้มปี 2025–2026 ยังชี้ว่า AI ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือป้องกัน แต่ถูกใช้โดยผู้โจมตีเช่นกัน ทั้งการสร้าง Deepfake เพื่อหลอกลวง การทำฟิชชิ่งที่ซับซ้อนขึ้น และการสร้างมัลแวร์ที่เปลี่ยนแปลงตัวเองได้ ทำให้เกิด “แข่งอาวุธไซเบอร์” ระหว่างฝ่ายป้องกันและฝ่ายโจมตีที่ใช้ AI ทั้งคู่ สิ่งที่ CISO และผู้บริหารควรถามก่อนเลือกใช้โซลูชัน AI คือ ความเสี่ยงที่องค์กรยอมรับได้ ระดับการกำกับดูแล และความสามารถของผู้ขายในการป้องกันข้อมูล รวมถึงการวางมาตรการตรวจจับ Shadow AI และการสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยที่เข้มแข็ง เพื่อให้การใช้ AI เป็นพลังบวก ไม่ใช่ช่องโหว่ใหม่ที่ยากควบคุม 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ การใช้ AI ในการป้องกันภัยไซเบอร์ ➡️ ลดเวลาในการฟื้นตัวจากการโจมตีได้ถึง 80 วัน ➡️ ประหยัดค่าใช้จ่ายเฉลี่ยกว่า 1.9 ล้านดอลลาร์ ➡️ ใช้ในงานตรวจจับภัยคุกคาม, วิเคราะห์ข้อมูล, สร้างรายงานอัตโนมัติ ✅ แนวโน้มการใช้ AI ในองค์กร ➡️ Vendor และ Startup แข่งกันนำ AI มาใส่ในโซลูชัน ➡️ ใช้ Generative AI ในการสร้างรายงานและช่วย Threat Hunting ➡️ AI Agent เริ่มถูกใช้ในงาน Malware Analysis และ Code Interpretation ‼️ ความเสี่ยงจาก Shadow AI ⛔ พนักงานใช้เครื่องมือ AI โดยไม่ได้รับอนุญาต ⛔ ข้อมูลสำคัญถูกป้อนเข้าสู่แพลตฟอร์มที่ไม่ได้ควบคุม ⛔ เพิ่มค่าใช้จ่ายจากการรั่วไหลของข้อมูลเฉลี่ย 670,000 ดอลลาร์ ‼️ การโจมตีที่ใช้ AI ⛔ Deepfake และฟิชชิ่งที่ซับซ้อนขึ้น ⛔ มัลแวร์ที่เปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อหลบการตรวจจับ ⛔ การโจมตีแบบอัตโนมัติที่เร็วและยากต่อการรับมือ https://www.csoonline.com/article/4094763/key-questions-cisos-must-ask-before-adopting-ai-enabled-cyber-solutions.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Key questions CISOs must ask before adopting AI-enabled cyber solutions
    From assessing your organizational risk tolerance to vetting the vendor’s long-term viability, AI-powered capabilities present complexities and nuances that require a deep commitment to determining fit.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 94 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐฯ หนุน xLight พัฒนาเทคโนโลยี EUV รุ่นใหม่

    กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ลงนามใน Letter of Intent (LOI) เพื่อสนับสนุนเงินทุน 150 ล้านดอลลาร์แก่บริษัท xLight ที่ตั้งอยู่ใน Albany Nanotech Complex โดยมีเป้าหมายสร้างระบบ FEL-based EUV light source ซึ่งจะช่วยยกระดับการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ และลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ

    เทคโนโลยี Free-Electron Laser (FEL)
    ต่างจากแหล่งกำเนิดแสง EUV แบบ Laser-Produced Plasma (LPP) ที่ใช้เลเซอร์ CO₂ ยิงไปยังดีบุกเพื่อสร้างพลาสมา FEL ใช้เครื่องเร่งอนุภาคเพื่อเร่งอิเล็กตรอน แล้วส่งผ่าน “undulators” ที่สร้างสนามแม่เหล็กเป็นระยะ ทำให้เกิดแสง EUV ที่มีความเข้มสูงและความยาวคลื่นที่แม่นยำกว่า ข้อดีคือสามารถส่งแสงไปยังเครื่องสแกนเนอร์ ASML ได้โดยตรง และรองรับการใช้งานหลายเครื่องพร้อมกัน

    ผลกระทบเชิงยุทธศาสตร์
    หาก xLight ประสบความสำเร็จ สหรัฐฯ จะมีบทบาทสำคัญในห่วงโซ่อุปทานของเครื่อง EUV lithography ซึ่งปัจจุบันถูกครองโดย ASML จากเนเธอร์แลนด์ การพัฒนา FEL อาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตชิป ลดต้นทุน และสร้างความมั่นคงทางเทคโนโลยีในประเทศ

    ความท้าทายที่ยังต้องพิสูจน์
    แม้เทคโนโลยี FEL มีศักยภาพสูง แต่ยังต้องพิสูจน์ว่าใช้งานได้จริงในระดับการผลิตเชิงพาณิชย์ เนื่องจากเครื่องสแกนเนอร์ EUV มีราคาสูงถึง 200–400 ล้านดอลลาร์ต่อเครื่อง และการทดสอบต้องใช้พันธมิตรที่มีเครื่องหลายตัวเพื่อทดลองใช้งาน นอกจากนี้ บางส่วนของเทคโนโลยีอาจถูกจัดเป็นข้อมูลลับ ทำให้การส่งออกไปต่างประเทศมีข้อจำกัด

    สรุปสาระสำคัญ
    รัฐบาลสหรัฐฯ สนับสนุน xLight ด้วยเงิน 150 ล้านดอลลาร์
    ลงนาม LOI ภายใต้ CHIPS and Science Act

    xLight พัฒนา FEL-based EUV light source
    ใช้เครื่องเร่งอนุภาคแทนเลเซอร์พลาสมา

    เทคโนโลยีใหม่สามารถส่งแสงไปยังหลายเครื่องสแกนเนอร์ได้
    เพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิตชิป

    เทคโนโลยี FEL ยังไม่พิสูจน์ในระดับการผลิตจริง
    ต้องใช้เครื่อง EUV มูลค่าหลายร้อยล้านดอลลาร์ในการทดสอบ

    บางส่วนของเทคโนโลยีอาจถูกจัดเป็นข้อมูลลับ
    อาจจำกัดการส่งออกและการใช้งานในต่างประเทศ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/u-s-government-awards-gelsinger-backed-euv-developer-xlight-with-usd150-million-in-federal-incentives-company-to-develop-new-electron-based-light-source-for-lithography-tools
    💡 สหรัฐฯ หนุน xLight พัฒนาเทคโนโลยี EUV รุ่นใหม่ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ลงนามใน Letter of Intent (LOI) เพื่อสนับสนุนเงินทุน 150 ล้านดอลลาร์แก่บริษัท xLight ที่ตั้งอยู่ใน Albany Nanotech Complex โดยมีเป้าหมายสร้างระบบ FEL-based EUV light source ซึ่งจะช่วยยกระดับการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ และลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ ⚙️ เทคโนโลยี Free-Electron Laser (FEL) ต่างจากแหล่งกำเนิดแสง EUV แบบ Laser-Produced Plasma (LPP) ที่ใช้เลเซอร์ CO₂ ยิงไปยังดีบุกเพื่อสร้างพลาสมา FEL ใช้เครื่องเร่งอนุภาคเพื่อเร่งอิเล็กตรอน แล้วส่งผ่าน “undulators” ที่สร้างสนามแม่เหล็กเป็นระยะ ทำให้เกิดแสง EUV ที่มีความเข้มสูงและความยาวคลื่นที่แม่นยำกว่า ข้อดีคือสามารถส่งแสงไปยังเครื่องสแกนเนอร์ ASML ได้โดยตรง และรองรับการใช้งานหลายเครื่องพร้อมกัน 🌍 ผลกระทบเชิงยุทธศาสตร์ หาก xLight ประสบความสำเร็จ สหรัฐฯ จะมีบทบาทสำคัญในห่วงโซ่อุปทานของเครื่อง EUV lithography ซึ่งปัจจุบันถูกครองโดย ASML จากเนเธอร์แลนด์ การพัฒนา FEL อาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตชิป ลดต้นทุน และสร้างความมั่นคงทางเทคโนโลยีในประเทศ 📊 ความท้าทายที่ยังต้องพิสูจน์ แม้เทคโนโลยี FEL มีศักยภาพสูง แต่ยังต้องพิสูจน์ว่าใช้งานได้จริงในระดับการผลิตเชิงพาณิชย์ เนื่องจากเครื่องสแกนเนอร์ EUV มีราคาสูงถึง 200–400 ล้านดอลลาร์ต่อเครื่อง และการทดสอบต้องใช้พันธมิตรที่มีเครื่องหลายตัวเพื่อทดลองใช้งาน นอกจากนี้ บางส่วนของเทคโนโลยีอาจถูกจัดเป็นข้อมูลลับ ทำให้การส่งออกไปต่างประเทศมีข้อจำกัด 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ รัฐบาลสหรัฐฯ สนับสนุน xLight ด้วยเงิน 150 ล้านดอลลาร์ ➡️ ลงนาม LOI ภายใต้ CHIPS and Science Act ✅ xLight พัฒนา FEL-based EUV light source ➡️ ใช้เครื่องเร่งอนุภาคแทนเลเซอร์พลาสมา ✅ เทคโนโลยีใหม่สามารถส่งแสงไปยังหลายเครื่องสแกนเนอร์ได้ ➡️ เพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิตชิป ‼️ เทคโนโลยี FEL ยังไม่พิสูจน์ในระดับการผลิตจริง ⛔ ต้องใช้เครื่อง EUV มูลค่าหลายร้อยล้านดอลลาร์ในการทดสอบ ‼️ บางส่วนของเทคโนโลยีอาจถูกจัดเป็นข้อมูลลับ ⛔ อาจจำกัดการส่งออกและการใช้งานในต่างประเทศ https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/u-s-government-awards-gelsinger-backed-euv-developer-xlight-with-usd150-million-in-federal-incentives-company-to-develop-new-electron-based-light-source-for-lithography-tools
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 123 มุมมอง 0 รีวิว
  • Samsung และ SK hynix ระวังการเพิ่มกำลังผลิต DRAM

    สองผู้ผลิต DRAM รายใหญ่ของโลก Samsung และ SK hynix ได้ออกมาประกาศจุดยืนชัดเจนว่า แม้ตลาดหน่วยความจำกำลังอยู่ในภาวะ “supercycle” ที่ความต้องการสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แต่พวกเขาจะไม่เร่งขยายกำลังการผลิตทันที เนื่องจากกังวลว่าหากลงทุนมหาศาลเพื่อเพิ่ม capacity อาจนำไปสู่ ภาวะ oversupply เมื่อกระแส AI ลดลงในอนาคต

    รายงานระบุว่า ราคาหน่วยความจำ RAM พุ่งสูงจนเกือบ “ไม่สามารถซื้อได้” ในตลาดผู้บริโภค โดยเฉพาะ DDR5 และ GPU ที่ใช้ DRAM อย่างหนัก ซึ่งทำให้ผู้ใช้ทั่วไปได้รับผลกระทบมากที่สุด อย่างไรก็ตาม Samsung และ SK hynix ยืนยันว่าจะใช้กลยุทธ์ CAPEX ที่เน้นความสมดุลระหว่างความต้องการและราคา เพื่อรักษากำไรระยะยาว

    ทั้งสองบริษัทเคยเผชิญปัญหาการผลิตเกินในอดีต โดยเฉพาะช่วง COVID-19 ที่ความต้องการลดลง ทำให้ต้องลดกำลังการผลิตอย่างหนัก ปัจจุบันพวกเขาจึงเลือกแนวทางระมัดระวังมากขึ้น และคาดการณ์ว่า ภาวะขาดแคลน DRAM จะยืดเยื้อไปจนถึงปี 2028

    ผลกระทบที่ตามมาคือผู้ผลิตอุปกรณ์และผู้บริโภคต้องเผชิญราคาที่สูงขึ้นต่อเนื่อง โดยมีการทำสัญญาระยะสั้นเพื่อสะท้อนการปรับราคาที่รวดเร็ว ซึ่งอาจทำให้ตลาดฮาร์ดแวร์เช่น PC และสมาร์ทโฟนยังคงอยู่ในภาวะตึงตัวอีกหลายปี

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Samsung และ SK hynix ไม่เร่งเพิ่มกำลังผลิต DRAM
    เน้นกลยุทธ์ “กำไรระยะยาว”
    หลีกเลี่ยงความเสี่ยง oversupply เมื่อกระแส AI ลดลง

    ผลกระทบต่อผู้บริโภคและตลาด
    ราคาหน่วยความจำ RAM และ GPU พุ่งสูง
    สัญญาระยะสั้นสะท้อนการปรับราคาที่รวดเร็ว

    ประสบการณ์ในอดีตทำให้ระมัดระวังมากขึ้น
    ช่วง COVID-19 เคยลดกำลังผลิตหนักเพราะความต้องการตกต่ำ
    ปัจจุบันเลือกแนวทางระวังเพื่อไม่ให้ซ้ำรอยเดิม

    คำเตือนและความท้าทาย
    ภาวะขาดแคลน DRAM อาจยืดเยื้อถึงปี 2028
    ราคาฮาร์ดแวร์สำหรับผู้บริโภคอาจยังสูงต่อเนื่อง
    การลงทุนเพิ่ม capacity ต้องใช้ทรัพยากรและเวลาอย่างมาก

    https://wccftech.com/two-of-the-biggest-dram-suppliers-are-skeptical-about-increasing-production/
    🏭 Samsung และ SK hynix ระวังการเพิ่มกำลังผลิต DRAM สองผู้ผลิต DRAM รายใหญ่ของโลก Samsung และ SK hynix ได้ออกมาประกาศจุดยืนชัดเจนว่า แม้ตลาดหน่วยความจำกำลังอยู่ในภาวะ “supercycle” ที่ความต้องการสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แต่พวกเขาจะไม่เร่งขยายกำลังการผลิตทันที เนื่องจากกังวลว่าหากลงทุนมหาศาลเพื่อเพิ่ม capacity อาจนำไปสู่ ภาวะ oversupply เมื่อกระแส AI ลดลงในอนาคต รายงานระบุว่า ราคาหน่วยความจำ RAM พุ่งสูงจนเกือบ “ไม่สามารถซื้อได้” ในตลาดผู้บริโภค โดยเฉพาะ DDR5 และ GPU ที่ใช้ DRAM อย่างหนัก ซึ่งทำให้ผู้ใช้ทั่วไปได้รับผลกระทบมากที่สุด อย่างไรก็ตาม Samsung และ SK hynix ยืนยันว่าจะใช้กลยุทธ์ CAPEX ที่เน้นความสมดุลระหว่างความต้องการและราคา เพื่อรักษากำไรระยะยาว ทั้งสองบริษัทเคยเผชิญปัญหาการผลิตเกินในอดีต โดยเฉพาะช่วง COVID-19 ที่ความต้องการลดลง ทำให้ต้องลดกำลังการผลิตอย่างหนัก ปัจจุบันพวกเขาจึงเลือกแนวทางระมัดระวังมากขึ้น และคาดการณ์ว่า ภาวะขาดแคลน DRAM จะยืดเยื้อไปจนถึงปี 2028 ผลกระทบที่ตามมาคือผู้ผลิตอุปกรณ์และผู้บริโภคต้องเผชิญราคาที่สูงขึ้นต่อเนื่อง โดยมีการทำสัญญาระยะสั้นเพื่อสะท้อนการปรับราคาที่รวดเร็ว ซึ่งอาจทำให้ตลาดฮาร์ดแวร์เช่น PC และสมาร์ทโฟนยังคงอยู่ในภาวะตึงตัวอีกหลายปี 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Samsung และ SK hynix ไม่เร่งเพิ่มกำลังผลิต DRAM ➡️ เน้นกลยุทธ์ “กำไรระยะยาว” ➡️ หลีกเลี่ยงความเสี่ยง oversupply เมื่อกระแส AI ลดลง ✅ ผลกระทบต่อผู้บริโภคและตลาด ➡️ ราคาหน่วยความจำ RAM และ GPU พุ่งสูง ➡️ สัญญาระยะสั้นสะท้อนการปรับราคาที่รวดเร็ว ✅ ประสบการณ์ในอดีตทำให้ระมัดระวังมากขึ้น ➡️ ช่วง COVID-19 เคยลดกำลังผลิตหนักเพราะความต้องการตกต่ำ ➡️ ปัจจุบันเลือกแนวทางระวังเพื่อไม่ให้ซ้ำรอยเดิม ‼️ คำเตือนและความท้าทาย ⛔ ภาวะขาดแคลน DRAM อาจยืดเยื้อถึงปี 2028 ⛔ ราคาฮาร์ดแวร์สำหรับผู้บริโภคอาจยังสูงต่อเนื่อง ⛔ การลงทุนเพิ่ม capacity ต้องใช้ทรัพยากรและเวลาอย่างมาก https://wccftech.com/two-of-the-biggest-dram-suppliers-are-skeptical-about-increasing-production/
    WCCFTECH.COM
    Two of the Biggest DRAM Suppliers Are Skeptical About Increasing Production as They Eye "Long-Term" Profitability
    Samsung and SK hynix are stating that their strategy towards the ongoing 'memory boom' will focus on profitability.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 127 มุมมอง 0 รีวิว
  • Dan Houser วิจารณ์การผลักดัน Generative AI ในการสร้างเกม

    Dan Houser ผู้ร่วมก่อตั้ง Rockstar Games และผู้มีบทบาทสำคัญในการสร้างซีรีส์ดังอย่าง Grand Theft Auto และ Red Dead Redemption ได้ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับการใช้ Generative AI ในการสร้างเกม โดยเขามองว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่เทคโนโลยี แต่คือ “คนที่พยายามผลักดันให้ AI ถูกใช้ในทุกสถานการณ์” ซึ่งเขาเรียกว่า “ไม่ใช่คนที่มีความเป็นมนุษย์หรือความคิดสร้างสรรค์มากที่สุด”

    Houser อธิบายว่า AI มีข้อจำกัดที่ชัดเจน โดยเฉพาะการพึ่งพาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต ซึ่งในอนาคตจะเต็มไปด้วยข้อมูลที่สร้างโดย AI เอง ทำให้คุณภาพของข้อมูลลดลง เขาเปรียบเทียบว่า “เหมือนตอนที่เราให้อาหารวัวด้วยวัวเองแล้วเกิดโรค BSE (mad cow disease)” ซึ่งสะท้อนถึงความเสี่ยงที่ AI จะวนซ้ำและเสื่อมคุณภาพไปเรื่อย ๆ

    แม้ Houser จะยอมรับว่า AI สามารถช่วยให้บางคนสร้างสรรค์ผลงานได้ง่ายขึ้น แต่เขาเชื่อว่าผลงานจำนวนมากจะออกมา “คล้ายกันหมด” และ AI จะเก่งในงานที่ “ราคาถูกและพอใช้ได้” แต่ไม่สามารถสร้าง “เวทมนตร์” แบบที่มนุษย์ทำได้ เขายังเสริมว่า คนที่มีพรสวรรค์จริง ๆ จะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เพราะความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ยังคงเป็นสิ่งที่ AI ไม่สามารถแทนที่ได้

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Dan Houser วิจารณ์การผลักดัน Generative AI
    มองว่าคนที่ผลักดันไม่ใช่คนที่มีความคิดสร้างสรรค์หรือความเป็นมนุษย์มากที่สุด
    เชื่อว่า AI ไม่สามารถแทนที่ความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ได้

    ข้อจำกัดของ AI ที่ Houser ชี้ให้เห็น
    พึ่งพาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตที่อาจเสื่อมคุณภาพเมื่อ AI สร้างข้อมูลเอง
    เปรียบเทียบกับโรค mad cow disease ที่เกิดจากการวนซ้ำในระบบ

    มุมมองต่อผลกระทบในวงการเกม
    AI จะสร้างผลงานที่คล้ายกันไปหมด
    เก่งในงานที่ราคาถูกและพอใช้ แต่ไม่สามารถสร้าง “เวทมนตร์” ได้

    ข้อควรระวังและความท้าทาย
    การใช้ AI ในทุกด้านอาจลดความหลากหลายและคุณภาพของงานสร้างสรรค์
    ความเสี่ยงที่ข้อมูลจะวนซ้ำและเสื่อมคุณภาพ
    อาจทำให้ผู้สร้างเกมที่ไม่มีความคิดสร้างสรรค์จริง ๆ พึ่งพา AI มากเกินไป

    https://wccftech.com/dan-houser-calls-people-pushing-genai-not-the-most-humane-or-creative-people/
    🎮 Dan Houser วิจารณ์การผลักดัน Generative AI ในการสร้างเกม Dan Houser ผู้ร่วมก่อตั้ง Rockstar Games และผู้มีบทบาทสำคัญในการสร้างซีรีส์ดังอย่าง Grand Theft Auto และ Red Dead Redemption ได้ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับการใช้ Generative AI ในการสร้างเกม โดยเขามองว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่เทคโนโลยี แต่คือ “คนที่พยายามผลักดันให้ AI ถูกใช้ในทุกสถานการณ์” ซึ่งเขาเรียกว่า “ไม่ใช่คนที่มีความเป็นมนุษย์หรือความคิดสร้างสรรค์มากที่สุด” Houser อธิบายว่า AI มีข้อจำกัดที่ชัดเจน โดยเฉพาะการพึ่งพาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต ซึ่งในอนาคตจะเต็มไปด้วยข้อมูลที่สร้างโดย AI เอง ทำให้คุณภาพของข้อมูลลดลง เขาเปรียบเทียบว่า “เหมือนตอนที่เราให้อาหารวัวด้วยวัวเองแล้วเกิดโรค BSE (mad cow disease)” ซึ่งสะท้อนถึงความเสี่ยงที่ AI จะวนซ้ำและเสื่อมคุณภาพไปเรื่อย ๆ แม้ Houser จะยอมรับว่า AI สามารถช่วยให้บางคนสร้างสรรค์ผลงานได้ง่ายขึ้น แต่เขาเชื่อว่าผลงานจำนวนมากจะออกมา “คล้ายกันหมด” และ AI จะเก่งในงานที่ “ราคาถูกและพอใช้ได้” แต่ไม่สามารถสร้าง “เวทมนตร์” แบบที่มนุษย์ทำได้ เขายังเสริมว่า คนที่มีพรสวรรค์จริง ๆ จะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เพราะความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ยังคงเป็นสิ่งที่ AI ไม่สามารถแทนที่ได้ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Dan Houser วิจารณ์การผลักดัน Generative AI ➡️ มองว่าคนที่ผลักดันไม่ใช่คนที่มีความคิดสร้างสรรค์หรือความเป็นมนุษย์มากที่สุด ➡️ เชื่อว่า AI ไม่สามารถแทนที่ความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ได้ ✅ ข้อจำกัดของ AI ที่ Houser ชี้ให้เห็น ➡️ พึ่งพาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตที่อาจเสื่อมคุณภาพเมื่อ AI สร้างข้อมูลเอง ➡️ เปรียบเทียบกับโรค mad cow disease ที่เกิดจากการวนซ้ำในระบบ ✅ มุมมองต่อผลกระทบในวงการเกม ➡️ AI จะสร้างผลงานที่คล้ายกันไปหมด ➡️ เก่งในงานที่ราคาถูกและพอใช้ แต่ไม่สามารถสร้าง “เวทมนตร์” ได้ ‼️ ข้อควรระวังและความท้าทาย ⛔ การใช้ AI ในทุกด้านอาจลดความหลากหลายและคุณภาพของงานสร้างสรรค์ ⛔ ความเสี่ยงที่ข้อมูลจะวนซ้ำและเสื่อมคุณภาพ ⛔ อาจทำให้ผู้สร้างเกมที่ไม่มีความคิดสร้างสรรค์จริง ๆ พึ่งพา AI มากเกินไป https://wccftech.com/dan-houser-calls-people-pushing-genai-not-the-most-humane-or-creative-people/
    WCCFTECH.COM
    Rockstar Co-Founder Dan Houser Calls Those Pushing for GenAI Use In Everything "Not the Most Humane or Creative People"
    Rockstar co-founder and lead creative Dan Houser calls those pushing GenAI "not the most humane or creative people."
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 122 มุมมอง 0 รีวิว
  • MediaTek ร่วมพัฒนา Google TPU v7 เพื่อยกระดับ Dimensity 9600

    MediaTek ได้เข้าร่วมในโครงการพัฒนา Google TPU v7 Ironwood ซึ่งถูกมองว่าเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ NVIDIA Blackwell GPUs โดย MediaTek มีบทบาทสำคัญในการออกแบบ I/O modules ของ TPU รุ่นนี้ เพื่อให้การสื่อสารระหว่างโปรเซสเซอร์และอุปกรณ์รอบข้างมีประสิทธิภาพสูงขึ้น การมีส่วนร่วมครั้งนี้ไม่เพียงสร้างรายได้มหาศาลให้กับ MediaTek แต่ยังเปิดโอกาสให้บริษัทนำประสบการณ์ไปปรับใช้กับชิปสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่อย่าง Dimensity 9600

    สถาปัตยกรรมของ TPU v7 ใช้ dual-chiplet design ที่ประกอบด้วย TensorCore, Vector Processing Unit (VPU), Matrix Multiply Unit (MXU) และ SparseCores พร้อมหน่วยความจำ HBM ขนาด 96GB เชื่อมต่อกันด้วย die-to-die interconnect ที่เร็วกว่าเดิมถึง 6 เท่า และสามารถขยายเป็นระบบ superpod ที่มีมากกว่า 9,000 ชิปเพื่อรองรับงาน AI ขนาดใหญ่

    สำหรับ Dimensity 9600 แม้จะเป็น Application Processor (AP) ที่แตกต่างจาก ASIC อย่าง TPU แต่ MediaTek สามารถนำแนวคิดจากการทำงานร่วมกับ Google มาปรับใช้ เช่น กลยุทธ์ power gating ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น, การปรับปรุง voltage scaling และ การจัดการ clock-gating เพื่อยืดอายุแบตเตอรี่และลดการใช้พลังงาน ซึ่งถือเป็นการยกระดับชิปมือถือให้แข่งขันได้ในตลาดที่เน้น AI และประสิทธิภาพพลังงาน

    การร่วมมือครั้งนี้ยังสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในตลาดเซมิคอนดักเตอร์ ที่บริษัทผู้ผลิตสมาร์ทโฟนเริ่มมีบทบาทในโครงสร้างพื้นฐาน AI ขนาดใหญ่ ซึ่งอาจทำให้ MediaTek ก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นสำคัญในตลาด AI chips ในอนาคต

    สรุปประเด็นสำคัญ
    MediaTek มีบทบาทใน Google TPU v7 Ironwood
    ออกแบบ I/O modules เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสาร
    คาดว่าจะสร้างรายได้กว่า 4 พันล้านดอลลาร์

    สถาปัตยกรรม TPU v7 ที่ล้ำสมัย
    Dual-chiplet design พร้อม TensorCore, VPU, MXU และ SparseCores
    ใช้ HBM 96GB และ interconnect ที่เร็วกว่าเดิม 6 เท่า

    ผลต่อ Dimensity 9600
    ปรับปรุง power gating และ voltage scaling
    clock-gating ที่ดีขึ้นเพื่อยืดอายุแบตเตอรี่

    ข้อควรระวังและความท้าทาย
    ASIC และ AP มีโครงสร้างต่างกัน ทำให้ไม่สามารถนำประสบการณ์มาใช้ได้ทั้งหมด
    การแข่งขันกับ NVIDIA และ Qualcomm ในตลาด AI chips ยังเข้มข้น
    การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่อาจเพิ่มต้นทุนการผลิตและความเสี่ยงด้านซัพพลายเชน

    https://wccftech.com/mediateks-work-on-the-google-tpu-v7-to-boost-dimensity-9600s-efficiency/
    ⚙️ MediaTek ร่วมพัฒนา Google TPU v7 เพื่อยกระดับ Dimensity 9600 MediaTek ได้เข้าร่วมในโครงการพัฒนา Google TPU v7 Ironwood ซึ่งถูกมองว่าเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ NVIDIA Blackwell GPUs โดย MediaTek มีบทบาทสำคัญในการออกแบบ I/O modules ของ TPU รุ่นนี้ เพื่อให้การสื่อสารระหว่างโปรเซสเซอร์และอุปกรณ์รอบข้างมีประสิทธิภาพสูงขึ้น การมีส่วนร่วมครั้งนี้ไม่เพียงสร้างรายได้มหาศาลให้กับ MediaTek แต่ยังเปิดโอกาสให้บริษัทนำประสบการณ์ไปปรับใช้กับชิปสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่อย่าง Dimensity 9600 สถาปัตยกรรมของ TPU v7 ใช้ dual-chiplet design ที่ประกอบด้วย TensorCore, Vector Processing Unit (VPU), Matrix Multiply Unit (MXU) และ SparseCores พร้อมหน่วยความจำ HBM ขนาด 96GB เชื่อมต่อกันด้วย die-to-die interconnect ที่เร็วกว่าเดิมถึง 6 เท่า และสามารถขยายเป็นระบบ superpod ที่มีมากกว่า 9,000 ชิปเพื่อรองรับงาน AI ขนาดใหญ่ สำหรับ Dimensity 9600 แม้จะเป็น Application Processor (AP) ที่แตกต่างจาก ASIC อย่าง TPU แต่ MediaTek สามารถนำแนวคิดจากการทำงานร่วมกับ Google มาปรับใช้ เช่น กลยุทธ์ power gating ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น, การปรับปรุง voltage scaling และ การจัดการ clock-gating เพื่อยืดอายุแบตเตอรี่และลดการใช้พลังงาน ซึ่งถือเป็นการยกระดับชิปมือถือให้แข่งขันได้ในตลาดที่เน้น AI และประสิทธิภาพพลังงาน การร่วมมือครั้งนี้ยังสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในตลาดเซมิคอนดักเตอร์ ที่บริษัทผู้ผลิตสมาร์ทโฟนเริ่มมีบทบาทในโครงสร้างพื้นฐาน AI ขนาดใหญ่ ซึ่งอาจทำให้ MediaTek ก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นสำคัญในตลาด AI chips ในอนาคต 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ MediaTek มีบทบาทใน Google TPU v7 Ironwood ➡️ ออกแบบ I/O modules เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสาร ➡️ คาดว่าจะสร้างรายได้กว่า 4 พันล้านดอลลาร์ ✅ สถาปัตยกรรม TPU v7 ที่ล้ำสมัย ➡️ Dual-chiplet design พร้อม TensorCore, VPU, MXU และ SparseCores ➡️ ใช้ HBM 96GB และ interconnect ที่เร็วกว่าเดิม 6 เท่า ✅ ผลต่อ Dimensity 9600 ➡️ ปรับปรุง power gating และ voltage scaling ➡️ clock-gating ที่ดีขึ้นเพื่อยืดอายุแบตเตอรี่ ‼️ ข้อควรระวังและความท้าทาย ⛔ ASIC และ AP มีโครงสร้างต่างกัน ทำให้ไม่สามารถนำประสบการณ์มาใช้ได้ทั้งหมด ⛔ การแข่งขันกับ NVIDIA และ Qualcomm ในตลาด AI chips ยังเข้มข้น ⛔ การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่อาจเพิ่มต้นทุนการผลิตและความเสี่ยงด้านซัพพลายเชน https://wccftech.com/mediateks-work-on-the-google-tpu-v7-to-boost-dimensity-9600s-efficiency/
    WCCFTECH.COM
    MediaTek Dimensity 9600: Google's TPU v7 Partnership Unlocks Next-Gen Efficiency
    MediaTek won't be able to use all of its TPU v7 Ironwood experience on the Dimensity 9600, but can still use the know-how to make a difference.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 145 มุมมอง 0 รีวิว
  • Samsung พัฒนา NAND รุ่นใหม่ ลดพลังงานได้ 96%

    Samsung ได้ตีพิมพ์งานวิจัยในวารสาร Nature เกี่ยวกับสถาปัตยกรรม NAND แบบใหม่ที่ใช้ Ferroelectric Field-Effect Transistor (FeFET) โดยผสมผสานวัสดุ hafnia-based ferroelectric เข้ากับช่องสัญญาณออกไซด์เซมิคอนดักเตอร์ จุดเด่นคือการทำงานที่ near-zero pass voltage ซึ่งช่วยลดพลังงานที่ใช้ในการอ่านและเขียนข้อมูลได้อย่างมหาศาล

    ใน NAND แบบดั้งเดิม การเพิ่มจำนวนเลเยอร์ทำให้ต้องใช้แรงดันไฟฟ้า (Vpass) สูงขึ้นเพื่อป้องกันการรบกวนข้อมูล แต่สถาปัตยกรรมใหม่ของ Samsung สามารถทำงานได้โดยไม่ต้องใช้แรงดันสูง ทำให้ลดภาระของวงจร charge pump และลดการใช้พลังงานรวมได้ถึง 94–96% ในอุปกรณ์ที่มี 286–1024 เลเยอร์

    นักวิจัยได้ทดสอบทั้งในรูปแบบ planar arrays และโครงสร้าง 3D NAND ขนาดเล็ก พบว่าสามารถรองรับการเขียนข้อมูลได้ถึง 5 บิตต่อเซลล์ (PLC-class) แม้ความทนทานยังจำกัดอยู่ที่หลักร้อยถึงพันรอบการเขียน แต่ถือเป็นการพิสูจน์ศักยภาพของเทคโนโลยีนี้สำหรับอนาคต

    แม้ยังไม่มีแผนผลิตเชิงพาณิชย์ในตอนนี้ แต่ Samsung มองว่านี่คือ งานวิจัยพื้นฐาน ที่จะนำไปสู่ NAND รุ่นใหม่ที่ใช้พลังงานต่ำและมีความหนาแน่นสูง เหมาะสำหรับการใช้งานใน AI accelerators, ดาต้าเซ็นเตอร์ และอุปกรณ์ความจุสูง ที่ต้องการประสิทธิภาพและความยั่งยืนด้านพลังงาน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    สถาปัตยกรรม NAND แบบใหม่จาก Samsung
    ใช้ Ferroelectric Field-Effect Transistor (FeFET)
    ทำงานที่ near-zero pass voltage ลดพลังงาน

    ประสิทธิภาพที่เหนือกว่า NAND เดิม
    ลดการใช้พลังงานได้ 94–96% ในอุปกรณ์ 286–1024 เลเยอร์
    รองรับการเขียนข้อมูลได้ถึง 5 บิตต่อเซลล์

    การทดสอบและผลลัพธ์
    ทดสอบทั้ง planar arrays และโครงสร้าง 3D NAND
    ความทนทานอยู่ที่หลักร้อยถึงพันรอบการเขียน

    ข้อควรระวังและความท้าทาย
    ความทนทานของเซลล์ยังต่ำเมื่อเทียบกับ NAND เชิงพาณิชย์
    ต้องพัฒนาระบบ program-inhibit และ negative-voltage generation เพิ่มเติม
    พฤติกรรมของช่องสัญญาณออกไซด์ภายใต้ความร้อนสูงยังต้องศึกษาเพิ่มเติม

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/samsung-researchers-publish-96percent-lower-power-nand-design-based-on-ferroelectric-transistors
    🔋 Samsung พัฒนา NAND รุ่นใหม่ ลดพลังงานได้ 96% Samsung ได้ตีพิมพ์งานวิจัยในวารสาร Nature เกี่ยวกับสถาปัตยกรรม NAND แบบใหม่ที่ใช้ Ferroelectric Field-Effect Transistor (FeFET) โดยผสมผสานวัสดุ hafnia-based ferroelectric เข้ากับช่องสัญญาณออกไซด์เซมิคอนดักเตอร์ จุดเด่นคือการทำงานที่ near-zero pass voltage ซึ่งช่วยลดพลังงานที่ใช้ในการอ่านและเขียนข้อมูลได้อย่างมหาศาล ใน NAND แบบดั้งเดิม การเพิ่มจำนวนเลเยอร์ทำให้ต้องใช้แรงดันไฟฟ้า (Vpass) สูงขึ้นเพื่อป้องกันการรบกวนข้อมูล แต่สถาปัตยกรรมใหม่ของ Samsung สามารถทำงานได้โดยไม่ต้องใช้แรงดันสูง ทำให้ลดภาระของวงจร charge pump และลดการใช้พลังงานรวมได้ถึง 94–96% ในอุปกรณ์ที่มี 286–1024 เลเยอร์ นักวิจัยได้ทดสอบทั้งในรูปแบบ planar arrays และโครงสร้าง 3D NAND ขนาดเล็ก พบว่าสามารถรองรับการเขียนข้อมูลได้ถึง 5 บิตต่อเซลล์ (PLC-class) แม้ความทนทานยังจำกัดอยู่ที่หลักร้อยถึงพันรอบการเขียน แต่ถือเป็นการพิสูจน์ศักยภาพของเทคโนโลยีนี้สำหรับอนาคต แม้ยังไม่มีแผนผลิตเชิงพาณิชย์ในตอนนี้ แต่ Samsung มองว่านี่คือ งานวิจัยพื้นฐาน ที่จะนำไปสู่ NAND รุ่นใหม่ที่ใช้พลังงานต่ำและมีความหนาแน่นสูง เหมาะสำหรับการใช้งานใน AI accelerators, ดาต้าเซ็นเตอร์ และอุปกรณ์ความจุสูง ที่ต้องการประสิทธิภาพและความยั่งยืนด้านพลังงาน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ สถาปัตยกรรม NAND แบบใหม่จาก Samsung ➡️ ใช้ Ferroelectric Field-Effect Transistor (FeFET) ➡️ ทำงานที่ near-zero pass voltage ลดพลังงาน ✅ ประสิทธิภาพที่เหนือกว่า NAND เดิม ➡️ ลดการใช้พลังงานได้ 94–96% ในอุปกรณ์ 286–1024 เลเยอร์ ➡️ รองรับการเขียนข้อมูลได้ถึง 5 บิตต่อเซลล์ ✅ การทดสอบและผลลัพธ์ ➡️ ทดสอบทั้ง planar arrays และโครงสร้าง 3D NAND ➡️ ความทนทานอยู่ที่หลักร้อยถึงพันรอบการเขียน ‼️ ข้อควรระวังและความท้าทาย ⛔ ความทนทานของเซลล์ยังต่ำเมื่อเทียบกับ NAND เชิงพาณิชย์ ⛔ ต้องพัฒนาระบบ program-inhibit และ negative-voltage generation เพิ่มเติม ⛔ พฤติกรรมของช่องสัญญาณออกไซด์ภายใต้ความร้อนสูงยังต้องศึกษาเพิ่มเติม https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/samsung-researchers-publish-96percent-lower-power-nand-design-based-on-ferroelectric-transistors
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Samsung touts 96% lower-power NAND design — researchers investigate design based on ferroelectric transistors
    Researchers demonstrate FeFET-based 3D NAND cells with near-zero pass voltage and up to five bits per cell.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 131 มุมมอง 0 รีวิว
  • Bambu Lab และ Prusa เปิดตัวเครื่องพิมพ์ 3D รุ่นใหม่ที่ Formnext 2025

    ที่งาน Formnext 2025 ในแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี สองผู้ผลิตเครื่องพิมพ์ 3D ชั้นนำอย่าง Bambu Lab และ Prusa Research ได้เปิดตัวเครื่องพิมพ์รุ่นใหม่ที่สร้างความตื่นเต้นให้กับวงการ โดย Bambu Lab เปิดตัว H2C dual-nozzle printer ที่ใช้หัวฉีดแบบ Vortek nozzle swapper ซึ่งช่วยแก้ปัญหา “printer poop” หรือเศษวัสดุที่เกิดจากการเปลี่ยนสี/วัสดุในการพิมพ์

    เครื่อง H2C สามารถสลับหัวฉีดได้อัตโนมัติจากชุดหัวฉีดไร้สายที่ถูกทำความร้อนด้วย induction heater ทำให้รองรับการพิมพ์ได้สูงสุด 7 สี โดยไม่ต้องสร้างเศษวัสดุจำนวนมากเหมือนรุ่นก่อนหน้า นอกจากนี้ยังมีระบบเก็บข้อมูลวัสดุในแต่ละหัวฉีดเพื่อป้องกันการอุดตันและเพิ่มความแม่นยำในการพิมพ์

    ด้าน Prusa Research ได้เปิดตัว CORE One INDX tool changer ที่สามารถติดตั้งหัวฉีดได้ตั้งแต่ 4–8 หัว โดยใช้ระบบเปลี่ยนเครื่องมือแบบรวดเร็ว ทำให้การพิมพ์หลายวัสดุหรือหลายสีมีประสิทธิภาพมากขึ้น รุ่นนี้เปิดตัวในรูปแบบ Founders Edition kits ซึ่งขายหมดทันทีหลังเปิดตัว แสดงถึงความต้องการสูงในตลาด

    นอกจากสองแบรนด์ใหญ่ ยังมีผู้ผลิตรายอื่น เช่น Snapmaker, Anycubic, Creality และ Elegoo ที่นำเสนอเครื่องพิมพ์ 3D รุ่นใหม่ที่เน้นการพิมพ์หลายสีและการลดของเสีย รวมถึงการพัฒนาเครื่องพิมพ์เรซินสีเต็มรูปแบบ ซึ่งอาจเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในตลาดเครื่องพิมพ์ 3D ระดับผู้ใช้ทั่วไป

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Bambu Lab เปิดตัว H2C dual-nozzle printer
    ใช้หัวฉีด Vortek nozzle swapper ลดปัญหา “printer poop”
    รองรับการพิมพ์สูงสุด 7 สีด้วยระบบหัวฉีดไร้สาย

    Prusa Research เปิดตัว CORE One INDX tool changer
    รองรับหัวฉีด 4–8 หัว เปลี่ยนเครื่องมือได้รวดเร็ว
    รุ่น Founders Edition kits ขายหมดทันทีหลังเปิดตัว

    ผู้ผลิตรายอื่นร่วมโชว์นวัตกรรม
    Snapmaker U1 ระดมทุนได้กว่า 20 ล้านดอลลาร์
    Creality Ender 3 v4 เน้นผู้เริ่มต้น ใช้งานง่ายและสีสันสดใส
    Elegoo Centauri Carbon 2 รองรับการพิมพ์หลายสีด้วยระบบ CANVAS

    ข้อควรระวังและความท้าทาย
    ระบบหัวฉีดหลายสีอาจเพิ่มความซับซ้อนในการบำรุงรักษา
    ราคาของเครื่องพิมพ์หลายสีและหลายหัวฉีดอาจสูงกว่ารุ่นทั่วไป
    การพิมพ์หลายวัสดุพร้อมกันยังต้องการการปรับแต่งและทดสอบเพื่อให้ได้คุณภาพที่เสถียร

    https://www.tomshardware.com/3d-printing/bambu-lab-and-prusa-show-off-new-3d-printers-at-formnext-h2c-dual-nozzle-uses-vortek-nozzle-to-eliminate-3d-printer-poop
    🖨️ Bambu Lab และ Prusa เปิดตัวเครื่องพิมพ์ 3D รุ่นใหม่ที่ Formnext 2025 ที่งาน Formnext 2025 ในแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี สองผู้ผลิตเครื่องพิมพ์ 3D ชั้นนำอย่าง Bambu Lab และ Prusa Research ได้เปิดตัวเครื่องพิมพ์รุ่นใหม่ที่สร้างความตื่นเต้นให้กับวงการ โดย Bambu Lab เปิดตัว H2C dual-nozzle printer ที่ใช้หัวฉีดแบบ Vortek nozzle swapper ซึ่งช่วยแก้ปัญหา “printer poop” หรือเศษวัสดุที่เกิดจากการเปลี่ยนสี/วัสดุในการพิมพ์ เครื่อง H2C สามารถสลับหัวฉีดได้อัตโนมัติจากชุดหัวฉีดไร้สายที่ถูกทำความร้อนด้วย induction heater ทำให้รองรับการพิมพ์ได้สูงสุด 7 สี โดยไม่ต้องสร้างเศษวัสดุจำนวนมากเหมือนรุ่นก่อนหน้า นอกจากนี้ยังมีระบบเก็บข้อมูลวัสดุในแต่ละหัวฉีดเพื่อป้องกันการอุดตันและเพิ่มความแม่นยำในการพิมพ์ ด้าน Prusa Research ได้เปิดตัว CORE One INDX tool changer ที่สามารถติดตั้งหัวฉีดได้ตั้งแต่ 4–8 หัว โดยใช้ระบบเปลี่ยนเครื่องมือแบบรวดเร็ว ทำให้การพิมพ์หลายวัสดุหรือหลายสีมีประสิทธิภาพมากขึ้น รุ่นนี้เปิดตัวในรูปแบบ Founders Edition kits ซึ่งขายหมดทันทีหลังเปิดตัว แสดงถึงความต้องการสูงในตลาด นอกจากสองแบรนด์ใหญ่ ยังมีผู้ผลิตรายอื่น เช่น Snapmaker, Anycubic, Creality และ Elegoo ที่นำเสนอเครื่องพิมพ์ 3D รุ่นใหม่ที่เน้นการพิมพ์หลายสีและการลดของเสีย รวมถึงการพัฒนาเครื่องพิมพ์เรซินสีเต็มรูปแบบ ซึ่งอาจเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในตลาดเครื่องพิมพ์ 3D ระดับผู้ใช้ทั่วไป 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Bambu Lab เปิดตัว H2C dual-nozzle printer ➡️ ใช้หัวฉีด Vortek nozzle swapper ลดปัญหา “printer poop” ➡️ รองรับการพิมพ์สูงสุด 7 สีด้วยระบบหัวฉีดไร้สาย ✅ Prusa Research เปิดตัว CORE One INDX tool changer ➡️ รองรับหัวฉีด 4–8 หัว เปลี่ยนเครื่องมือได้รวดเร็ว ➡️ รุ่น Founders Edition kits ขายหมดทันทีหลังเปิดตัว ✅ ผู้ผลิตรายอื่นร่วมโชว์นวัตกรรม ➡️ Snapmaker U1 ระดมทุนได้กว่า 20 ล้านดอลลาร์ ➡️ Creality Ender 3 v4 เน้นผู้เริ่มต้น ใช้งานง่ายและสีสันสดใส ➡️ Elegoo Centauri Carbon 2 รองรับการพิมพ์หลายสีด้วยระบบ CANVAS ‼️ ข้อควรระวังและความท้าทาย ⛔ ระบบหัวฉีดหลายสีอาจเพิ่มความซับซ้อนในการบำรุงรักษา ⛔ ราคาของเครื่องพิมพ์หลายสีและหลายหัวฉีดอาจสูงกว่ารุ่นทั่วไป ⛔ การพิมพ์หลายวัสดุพร้อมกันยังต้องการการปรับแต่งและทดสอบเพื่อให้ได้คุณภาพที่เสถียร https://www.tomshardware.com/3d-printing/bambu-lab-and-prusa-show-off-new-3d-printers-at-formnext-h2c-dual-nozzle-uses-vortek-nozzle-to-eliminate-3d-printer-poop
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 122 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🖧 TSMC เปิดตัวโซลูชัน Optical Connectivity สำหรับชิป AI รุ่นใหม่

    ที่งาน TSMC European OIP Forum ล่าสุด บริษัท Alchip และ Ayar Labs ได้ร่วมกันสาธิตโซลูชันเชื่อมต่อแบบ Optical I/O ที่สร้างบนแพลตฟอร์ม COUPE (Compact Universal Photonic Engine) ของ TSMC ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการประมวลผล AI รุ่นใหม่ โซลูชันนี้สามารถส่งข้อมูลได้สูงสุดถึง 100 Tb/s ต่อหนึ่งตัวเร่งความเร็ว (accelerator) และรองรับการเชื่อมต่อกับชิปอื่น ๆ ผ่านมาตรฐาน UCIe interface

    สิ่งที่น่าสนใจคือ โซลูชันนี้ช่วยให้บริษัทขนาดเล็กที่ไม่มีทรัพยากรในการพัฒนา subsystem ด้าน optical เอง สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีระดับสูงได้ โดยใช้โมดูลที่พร้อมใช้งานจาก Alchip และ Ayar Labs ทำให้ลดต้นทุนการลงทุนหลายสิบล้านดอลลาร์ และยังสามารถขยายระบบได้ในระดับ rack-scale หรือ multi-rack-scale เพื่อเชื่อมต่อชิปจำนวนมหาศาลให้ทำงานเหมือนเป็นโปรเซสเซอร์เดียว

    ในเชิงเทคนิค โซลูชันนี้ประกอบด้วย สาม chiplets ได้แก่ ตัว protocol converter ของ Alchip, ตัว EIC (electrical interface die) และตัว PIC (photonic integrated circuit) ของ Ayar Labs ที่ใช้สถาปัตยกรรม microring พร้อมตัวเชื่อมต่อไฟเบอร์แบบถอดได้ รองรับทั้ง PAM4 CWDM และ DWDM ซึ่งให้ latency ต่ำและอัตราความผิดพลาดของข้อมูล (BER) ที่ดีมาก

    นอกจากการเชื่อมต่อระหว่างชิปแล้ว ทีมพัฒนายังมองว่าโซลูชันนี้สามารถนำไปใช้เป็น memory extender ได้ด้วย โดย reference design ที่นำเสนอมีการรวม accelerator dies, HBM stacks และ optical engines บน substrate เดียว ทำให้เกิดการเชื่อมต่อที่มีประสิทธิภาพสูงและใช้พลังงานต่ำ ซึ่งอาจเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนา AI accelerators ในอนาคต

    สรุปประเด็นสำคัญ
    โซลูชัน Optical I/O จาก TSMC, Alchip และ Ayar Labs
    รองรับ bandwidth สูงสุด 100 Tb/s ต่อ accelerator
    ใช้มาตรฐาน UCIe interface เชื่อมต่อกับชิปอื่น ๆ

    ช่วยให้บริษัทขนาดเล็กเข้าถึงเทคโนโลยี optical connectivity ได้ง่ายขึ้น
    ลดต้นทุนการลงทุน subsystem optical หลายสิบล้านดอลลาร์
    สามารถขยายระบบได้ทั้ง rack-scale และ multi-rack-scale

    โครงสร้างสาม chiplets ที่ทำงานร่วมกัน
    Protocol converter รองรับ UCIe และ proprietary protocols
    PIC ของ Ayar Labs ใช้ microring architecture พร้อม fiber connector

    การใช้งานที่หลากหลาย
    เชื่อมต่อ XPU-to-XPU, XPU-to-switch และ switch-to-switch
    สามารถใช้เป็น memory extender ได้

    ความท้าทายและข้อควรระวัง
    การผลิตและบูรณาการ subsystem optical ต้องการความแม่นยำสูง
    หาก latency หรือ BER ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน อาจกระทบต่อประสิทธิภาพ AI accelerators
    การขยายระบบในระดับ multi-rack-scale อาจเพิ่มความซับซ้อนในการจัดการพลังงานและความเสถียร

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/industrys-first-tsmc-coupe-based-optical-connectivity-solution-for-next-gen-ai-chips-displayed-alchip-and-ayar-labs-show-future-silicon-photonics-device
    🖧 TSMC เปิดตัวโซลูชัน Optical Connectivity สำหรับชิป AI รุ่นใหม่ ที่งาน TSMC European OIP Forum ล่าสุด บริษัท Alchip และ Ayar Labs ได้ร่วมกันสาธิตโซลูชันเชื่อมต่อแบบ Optical I/O ที่สร้างบนแพลตฟอร์ม COUPE (Compact Universal Photonic Engine) ของ TSMC ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการประมวลผล AI รุ่นใหม่ โซลูชันนี้สามารถส่งข้อมูลได้สูงสุดถึง 100 Tb/s ต่อหนึ่งตัวเร่งความเร็ว (accelerator) และรองรับการเชื่อมต่อกับชิปอื่น ๆ ผ่านมาตรฐาน UCIe interface สิ่งที่น่าสนใจคือ โซลูชันนี้ช่วยให้บริษัทขนาดเล็กที่ไม่มีทรัพยากรในการพัฒนา subsystem ด้าน optical เอง สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีระดับสูงได้ โดยใช้โมดูลที่พร้อมใช้งานจาก Alchip และ Ayar Labs ทำให้ลดต้นทุนการลงทุนหลายสิบล้านดอลลาร์ และยังสามารถขยายระบบได้ในระดับ rack-scale หรือ multi-rack-scale เพื่อเชื่อมต่อชิปจำนวนมหาศาลให้ทำงานเหมือนเป็นโปรเซสเซอร์เดียว ในเชิงเทคนิค โซลูชันนี้ประกอบด้วย สาม chiplets ได้แก่ ตัว protocol converter ของ Alchip, ตัว EIC (electrical interface die) และตัว PIC (photonic integrated circuit) ของ Ayar Labs ที่ใช้สถาปัตยกรรม microring พร้อมตัวเชื่อมต่อไฟเบอร์แบบถอดได้ รองรับทั้ง PAM4 CWDM และ DWDM ซึ่งให้ latency ต่ำและอัตราความผิดพลาดของข้อมูล (BER) ที่ดีมาก นอกจากการเชื่อมต่อระหว่างชิปแล้ว ทีมพัฒนายังมองว่าโซลูชันนี้สามารถนำไปใช้เป็น memory extender ได้ด้วย โดย reference design ที่นำเสนอมีการรวม accelerator dies, HBM stacks และ optical engines บน substrate เดียว ทำให้เกิดการเชื่อมต่อที่มีประสิทธิภาพสูงและใช้พลังงานต่ำ ซึ่งอาจเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนา AI accelerators ในอนาคต 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ โซลูชัน Optical I/O จาก TSMC, Alchip และ Ayar Labs ➡️ รองรับ bandwidth สูงสุด 100 Tb/s ต่อ accelerator ➡️ ใช้มาตรฐาน UCIe interface เชื่อมต่อกับชิปอื่น ๆ ✅ ช่วยให้บริษัทขนาดเล็กเข้าถึงเทคโนโลยี optical connectivity ได้ง่ายขึ้น ➡️ ลดต้นทุนการลงทุน subsystem optical หลายสิบล้านดอลลาร์ ➡️ สามารถขยายระบบได้ทั้ง rack-scale และ multi-rack-scale ✅ โครงสร้างสาม chiplets ที่ทำงานร่วมกัน ➡️ Protocol converter รองรับ UCIe และ proprietary protocols ➡️ PIC ของ Ayar Labs ใช้ microring architecture พร้อม fiber connector ✅ การใช้งานที่หลากหลาย ➡️ เชื่อมต่อ XPU-to-XPU, XPU-to-switch และ switch-to-switch ➡️ สามารถใช้เป็น memory extender ได้ ‼️ ความท้าทายและข้อควรระวัง ⛔ การผลิตและบูรณาการ subsystem optical ต้องการความแม่นยำสูง ⛔ หาก latency หรือ BER ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน อาจกระทบต่อประสิทธิภาพ AI accelerators ⛔ การขยายระบบในระดับ multi-rack-scale อาจเพิ่มความซับซ้อนในการจัดการพลังงานและความเสถียร https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/industrys-first-tsmc-coupe-based-optical-connectivity-solution-for-next-gen-ai-chips-displayed-alchip-and-ayar-labs-show-future-silicon-photonics-device
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 150 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts