• ซามูไรแบกถาด ตอนที่ 5
    “ซามูไรแบกถาด”

    ตอน 5 (จบ)

    นายอาเบะ ได้รับเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นสมัยที่ 2 ในเดือนธันวาคม 2012 เขามาจากครอบครัวนักการเมืองขนานแท้ดั้งเดิม ท้ังพ่อและปู่เป็นนักการเมืองท้องถิ่น ส่วนแม่ของอาเบะ เป็นลูกสาวของนักการเมืองชื่อดังระดับประเทศ นาย Nobusuke Kishi อดีตนายกรัฐมนตรี ในช่วง 1957-1960 ซึ่งเคยเป็นรัฐมนตรี ตั้งแต่สมัยนายพลโตโจที่นำการรบ สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 นาย Kishi เป็นผู้ต้ังพรรค Democratic Party ต่อมาพรรคนี้ไปรวมกับพรรค Liberty ของอดีตนายกรัฐมนตรี Shigaru Yoshida พรรคขวาจัด ชาตินิยม และเปลี่ยนชื่อเป็นพรรค LDP ซึ่งครองอำนาจในญี่ปุ่นอย่างยาวนาน

    นายอาเบะ นี่ เคยไปเรียนหนังสือที่ University of Southern California แต่ไม่จบ กลับมาทำงานการเมืองในญี่ปุ่นต่อ เขานับเป็นลูกหม้อของพรรค LDP ถูกวางตัวให้เป็นดาราดาวรุ่ง ในที่สุดก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรีสมใจคนดันในช่วงปี 2005-2006 เขาดูเหมือนนิยมตะวันตก และมีจุดยืนที่แข็งกร้าวกับเกาหลีเหนือมาตลอด โดยพยายามหาทางคว่ำบาตรเกาหลีเหนือผ่านสหประชาติ และเมื่อตอนหาเสียงเลือกต้ังในปี ค.ศ.2012 เขาชูประเด็นเรื่องข้อพิพาทกับจีน และการขึ้นมาของจีนแทนที่ญี่ปุ่น ในเรื่องการเติบโตของเศรษฐกิจและการค้าในเอเซีย

    นับว่า สุดกร่าง CFR มีสายตายาวไกล และลึกซึ้ง การเลือกไพ่แต่ละใบของนักล่าใบตองแห้ง ดูเหมือนจะมีรูปแบบที่ชัดเจนพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นการเปิดบ่อน หรือสร้างรังโจรที่ประเทศใด ไม่ว่าจะหัวนอก หรือหัวใน ต้องพร้อมรับใช้จนสุดทาง และสุดตัว
    คงจำกันได้ว่า CFR นั้นเป็นผลผลิตของกลุ่มอิลิต นักการเงิน และนักธุรกิจ แองโกลอเมริกัน จาก 2 ฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก ที่เป็นผู้อำนวยการสร้างสงครามโลกครั้งที่ 1 และ ครั้งที่ 2 ความใหญ่ของ CFR นั้น เกินจินตนาการของเราๆ ชาวโลกส่วนใหญ่ไม่รู้จักว่า CFR คืออะไร มีอิทธิพลแค่ไหน อิทธิพล และอำนาจของ CFR เริ่มเห็นเด่นชัดขึ้น เมื่อหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยมีอิทธิพลครอบงำการเมือง และรัฐบาลของอเมริกา ต้ังแต่ประมาณปี 1950 เป็นต้นมา และเมื่ออำนาจของอเมริกาครอบงำโลก ก็คงไม่เกินไปที่จะบอกว่า CFR นั้นก็มีส่วนครอบงำโลกด้วย

    (เรื่อง ของ CFR นั้น ผมเขียนเล่าไว้ในนิทาน เรื่อง “มายากลยุทธ” และ “แกะรอยนักล่า” สำหรับท่านผู้อ่าน ที่เข้ามาอ่านตอนหลังๆ ถ้าอยากเข้าใจความเป็นไปของโลกนี้ อีกมุมมอง อีกชุดของข้อมูล ลองอ่านนิทาน 2 เรื่องนี้นะครับ)

    ข้อมูลคร่าวๆ เกี่ยวกับ CFR (เปิดดูจากกูเกิลได้ครับ) คือ ก่อตั้งในปี ค.ศ.1921 มีสมาชิก เริ่มแรกประมาณ 20 คน ซึ่งเป็นชาวอังกฤษและอเมริกัน ปัจจุบันมีสมาชิกทั่วโลกประมา ณ 5 พันคน สมาชิกส่วนใหญ่ เป็นพวกฝรั่งแองโกลแซกซอน และชาวยุโรป ใน 5 พันคนนี้ ส่วนใหญ่เป็นระดับผู้นำ หัวหน้า และผู้บริหารระดับสูงของประเทศ และบรรษัทข้ามชาติ มีหลายคน เป็นประธานาธิบดีของอเมริกา หลายคน เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ เป็นรัฐมนตรีกลาโหม เป็นรัฐมนตรีการคลัง เป็นผู้ว่าการธนาคารกลาง เป็นหัวหน้าซีไอเอและหลายคนเป็นพระราชวงศ์ในยุโรปและอังกฤษ ฯลฯ

    สำหรับไทยแลนด์แดนสมันน้อย เรามีคนไทยที่ถูกลาก หรือ สมัครใจ เข้าไปเกี่ยวกับ CFR โดยเป็นสมาชิกขององค์กร ชื่อ Trilatteral Commission ซึ่งเป็นองค์กรลูกของ CFR ที่ต้ังขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1973 ขณะน้ัน นาย David Rockefeller ซึ่งเป็นประธาน CFR เห็นว่า ควรจะเอานักธุรกิจชาวญี่ปุ่น เข้ามาอยู่ในความดูแลของ CFR ด้วย เลยพ่วงเอาชาวเอเซีย ลาติน และอาฟริกา ที่เข้าข่ายน่าจะเป็นประโยชน์ และมีแนวความคิด เกี่ยวกับความเป็นไปในโลกแนวทางเดียวกันกับ CFR เข้ามาร่วมด้วย
    จากเอกสารของ Trilateral Commissionเอง ปี ค.ศ.2014 ปรากฏมีรายชื่อ คนไทย เป็นสมาชิก Trilatteral Commission 4 คน คือ

    1. นายณรงค์ชัย อัครเศรณี
    2. นายสมเกียรติ ต้ังกิจวานิชย์ (ผู้อำนวยการ สถาบัน TDRI ของไทย)
    3. นางธาริษา วัฒนเกศ (อดีต ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย)
    4. นายกานต์ ตระกูลฮุน (กรรมการผู้จัดการใหญ่ ปูนซิเมนต์ไทย)

    ปี ค.ศ.2015 รายชื่อ ซึ่งเปลี่ยนเมื่อเดือนเมษายน นี้เอง เหลือ 2 ชื่อ ดังนี้

    1. นายสมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์
    2. นางธาริษา วัฒนเกศ

    ทำไมผมพูดเรื่องญี่ปุ่น นายอาเบะ และเครือข่ายของ CFR เพราะมันเกี่ยวกัน และมันเป็นตัวอย่าง ที่น่าจะทำให้เรามองเห็นภาพหลายภาพชัดเจนขึ้น

    CFR นั้น เริ่มมีคนพูดถึงกันในช่วงประมาณปี ค.ศ.1960 แต่ช่วงนั้น ข้อมูลส่วนใหญ่ของ CFR ยังไม่มีออกมาแพร่หลายมากนัก นักวิเคราะห์การเมือง และคนทั่วไป จึงมอง CFR ไปในแนวทฤษฏีสมคบคิด ซึ่งมักทำให้ที่ผู้ได้ยินเรื่อง CFR ไม่ให้น้ำหนัก ไม่ให้ความเชื่อถือ ถึงอำนาจและอิทธิพลจริงขององค์กรนี้ แต่เมื่อเวลาผ่านไป เทคโนโลยีสมัยใหม่ ทำให้การเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ง่ายขึ้น และลึกขึ้น มีเอกสารที่เหมือนเป็นใบเสร็จ ออกมาให้เราศึกษามากขึ้น อย่างเช่นรายงานการวิเคราะห์ของ CFR เอง ที่ออกมาให้เห็นแนวความคิดของ CFR และกลายมาเป็นนโยบายของรัฐบาลอเมริกา และการดำเนินงานของอเมริกาตามนโยบาย ที่เสนอแนะโดย CFR อย่างจริงจังในหลายส่วนของโลก จึงทำให้ผู้ที่ติดตามดูความเป็น ไปขององค์กร CFR เชื่อมากขึ้นว่า การครอบงำโลกโดย CFR ไม่ใช่เป็นเพียงทฤษฏี แต่มันเป็นของจริง อำนาจจริง อิทธิพลจริง ที่ครอบงำโลกนี้อยู่

    และถ้ามันเป็นของจริงเช่นนั้น เรื่อง Grand Stategy แผนสอยมังกร ของ CFR ก็ไม่ใช่เป็นเรื่องที่เราจะอ่านเล่น หรืออ่านแล้วก็แล้วกัน เราน่าจะต้อง อ่าน และวิเคราะห์เองต่อไปอีกด้วยว่า เมื่อญี่ปุ่น ซึ่งถูก Grand Strategy กำหนดให้มีบทบาทสำคัญ ในการสอยมังกรให้ร่วงนั้น ญี่ปุ่นเอาจริง เดินหน้าตามแผนที่ CFR กำหนดขนาดไหน และการเดินตามแผนนั้น เราคงจะพอมองเห็นได้ว่า อเมริกา กำลัง “ใช้” ญี่ปุ่น และไม่ได้ใช้ไปเดินเล่น จ่ายตลาด แต่ เป็นการ “ใช้” ให้ญี่ปุ่นไปรบแทน และอาจไปตายแทน ด้วยค่าใช้จ่ายที่อาจเป็นเงินภาษี หรือเงินกู้ของญี่ปุ่น แต่มันเป็น “ราคา” ที่ชาวญี่ปุ่นจะต้องจ่าย
    ขณะเดียวกัน ถ้าอเมริกลากเอาแดนสยาม เข้าไปร่วมขบวนการกับญี่ปุ่น ให้ช่วยกันสอยจีน เราจะถูก “ใช้” ไปรบแทน จนถึงตายแทน ร่วมกับญี่ปุ่นด้วยหรือไม่ นั่นเป็นประเด็นหนึ่ง ที่ต้องคิดกัน แต่ผมค่อนข้างเชื่อว่า ลุงตู่ของผมคงมองออก ไม่คิดเป็นคนรับใช้ต่างชาติ แต่ถ้าเกิดเหตุการณ์ผันแปร มีการบีบไข่กัน จนต้องมีการเปลี่ยนแปลง เราก็ช่วยกันมอง ช่วยกันคิดให้ดีๆ นะครับ รูปแบบที่ไอ้นักล่ามันชอบใช้ ไพ่ที่มันชอบเล่นมีอยู่ อย่าตกหลุมมันง่ายๆอีก นั่นก็เป็นเรื่องหนึ่ง

    แต่อีกเรื่องที่น่าห่วงไม่น้อย หรืออาจจะมากกว่าคือ กรณีที่ญี่ปุ่นเดินหน้า ตาม CFR อย่างไม่หยุดนั่นแหละครับ ถ้าเกิดถึงเวลาอัน “เหมาะสม” อเมริกาสั่งให้ญี่ปุ่นเคลื่อนพล ไปปะทะจีน หรือตอนนั้นสถานการณ์ในเอเซียมันตึงเครียดได้ที่ ตามความต้องการของอเมริกาแล้ว แม้เราจะฉีกตัวออกมาจากการไปช่วยเขาแบกถาดได้ แต่ถ้าบรรดาคุณยุ่น ที่ขณะนี้ กระจายกันอยู่ในแดนสยามของเราไม่น้อย ไม่ว่าในกรุงเทพ โดยเฉพาะแถบสุขุมวิท ซึ่งใกล้จะเปลี่ยนเป็นแดนปลาดิบ แล้ว ยังมีที่ต่างจังหวัด ทางภาคเหนือ เช่น เชียงราย เชียงใหม่ ภาคตะวันออก เช่น ชลบุรี ศรีราชา หรือภาคใต้ เช่น ชุมพร ถ้าคุณยุ่นเขาพากันเปลี่ยนชุด หยิบเครื่องแบบทหารมาใส่ เหมือนสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ.2484 ที่กองทหารญี่ปุ่นบุกเข้าเมือง ไทย ยกพลมาจากทางภาคใต้ของไทย มาจาก สงขลา ปัตตานี นครศรีธรรมราช สุราษฏร์ธานี ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ พอถึงวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ.2484 ชาวญี่ปุ่นในกรุงเทพฯ ก็แต่งชุดทหารเดินเต็มอยู่ในกรุงเทพฯกันหมด แม้แต่หมอฟันของแม่ผม ผมได้แต่หวังว่า เหตุการณ์เช่นนั้นคงไม่เกิดขึ้นอีก

    และแม้ว่า ข้อสังเกตที่ว่า นายอาเบะอาจจะเล่นบท 2 หน้า จะเป็นซามูไรแบกถาด หรือซามูไรทิ้งถาด สิ่งที่ผมเขียนเล่ามา ผลกระทบต่อบ้านเรา ก็คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ก็คงยังน่าเป็นห่วงเช่นเดิม บางส่วน บางอย่างอาจจะมีการเปลี่ยน ถ้าเขาหักหลังกันเอง แต่ก็ไม่ได้ทำให้เราอยู่ในสถานะที่ได้เปรียบอะไรขึ้นมา เพราะไม่น่าไว้วางใจทั้งคนใช้ให้แบกถาด และคนแบกถาด หรือจะเป็นคนทิ้งถาด
    ในชีวิตคนเรา เห็นสงครามโลกครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว สงครามโลกครั้งที่ 2 ผมยังไม่โตพอที่จะไปรบ แต่โตพอที่จะรู้เรื่องว่า บ้านเมืองเราอยู่ในสภาพบ้านพัง สาแหร่กขาดอย่างไร ครอบครัวเราส่วนใหญ่ลำบากอย่างไร และมันทิ้งอะไรไว้กับบ้านเมืองเราครอบครัวเรา ผ่านไป 70 ปี ยังจำได้ไม่ลืม

    เราชาวสยาม จะต้องตื่นรู้เสียที ไม่ใช่เขียนให้แตกตื่น แต่ต้องตื่นมารับรู้ ทันเหตุการณ์นอกบ้าน ที่จะมีผลกระทบในบ้านเราเสียบ้าง ช่วยกันปลุก ช่วยกันให้ข้อมูล ไม่จำเป็นต้องเชื่อ แต่รู้แล้วเอาไปหาข้อมูลต่อ ว่า ที่อ่านกันมานี้ จริงเท็จอย่างไร แล้วคิดต่อ ดีกว่าไม่รู้จะคิดอะไร มันเป็นสมัยโลกาภิวัฒน์มิใช่หรือ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็ว เปลี่ยนแปลงเร็ว อย่ามัวเพลิดเพลินอยู่แต่กับการดูละครน้ำเน่า กับข่าวย้อมสี จนลืมสนใจภัยใหญ่ ที่อาจใกล้เราเข้ามาทุกทีแล้วนะครับ

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    27 พ.ค. 2558
    ซามูไรแบกถาด ตอนที่ 5 “ซามูไรแบกถาด” ตอน 5 (จบ) นายอาเบะ ได้รับเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นสมัยที่ 2 ในเดือนธันวาคม 2012 เขามาจากครอบครัวนักการเมืองขนานแท้ดั้งเดิม ท้ังพ่อและปู่เป็นนักการเมืองท้องถิ่น ส่วนแม่ของอาเบะ เป็นลูกสาวของนักการเมืองชื่อดังระดับประเทศ นาย Nobusuke Kishi อดีตนายกรัฐมนตรี ในช่วง 1957-1960 ซึ่งเคยเป็นรัฐมนตรี ตั้งแต่สมัยนายพลโตโจที่นำการรบ สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 นาย Kishi เป็นผู้ต้ังพรรค Democratic Party ต่อมาพรรคนี้ไปรวมกับพรรค Liberty ของอดีตนายกรัฐมนตรี Shigaru Yoshida พรรคขวาจัด ชาตินิยม และเปลี่ยนชื่อเป็นพรรค LDP ซึ่งครองอำนาจในญี่ปุ่นอย่างยาวนาน นายอาเบะ นี่ เคยไปเรียนหนังสือที่ University of Southern California แต่ไม่จบ กลับมาทำงานการเมืองในญี่ปุ่นต่อ เขานับเป็นลูกหม้อของพรรค LDP ถูกวางตัวให้เป็นดาราดาวรุ่ง ในที่สุดก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรีสมใจคนดันในช่วงปี 2005-2006 เขาดูเหมือนนิยมตะวันตก และมีจุดยืนที่แข็งกร้าวกับเกาหลีเหนือมาตลอด โดยพยายามหาทางคว่ำบาตรเกาหลีเหนือผ่านสหประชาติ และเมื่อตอนหาเสียงเลือกต้ังในปี ค.ศ.2012 เขาชูประเด็นเรื่องข้อพิพาทกับจีน และการขึ้นมาของจีนแทนที่ญี่ปุ่น ในเรื่องการเติบโตของเศรษฐกิจและการค้าในเอเซีย นับว่า สุดกร่าง CFR มีสายตายาวไกล และลึกซึ้ง การเลือกไพ่แต่ละใบของนักล่าใบตองแห้ง ดูเหมือนจะมีรูปแบบที่ชัดเจนพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นการเปิดบ่อน หรือสร้างรังโจรที่ประเทศใด ไม่ว่าจะหัวนอก หรือหัวใน ต้องพร้อมรับใช้จนสุดทาง และสุดตัว คงจำกันได้ว่า CFR นั้นเป็นผลผลิตของกลุ่มอิลิต นักการเงิน และนักธุรกิจ แองโกลอเมริกัน จาก 2 ฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก ที่เป็นผู้อำนวยการสร้างสงครามโลกครั้งที่ 1 และ ครั้งที่ 2 ความใหญ่ของ CFR นั้น เกินจินตนาการของเราๆ ชาวโลกส่วนใหญ่ไม่รู้จักว่า CFR คืออะไร มีอิทธิพลแค่ไหน อิทธิพล และอำนาจของ CFR เริ่มเห็นเด่นชัดขึ้น เมื่อหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยมีอิทธิพลครอบงำการเมือง และรัฐบาลของอเมริกา ต้ังแต่ประมาณปี 1950 เป็นต้นมา และเมื่ออำนาจของอเมริกาครอบงำโลก ก็คงไม่เกินไปที่จะบอกว่า CFR นั้นก็มีส่วนครอบงำโลกด้วย (เรื่อง ของ CFR นั้น ผมเขียนเล่าไว้ในนิทาน เรื่อง “มายากลยุทธ” และ “แกะรอยนักล่า” สำหรับท่านผู้อ่าน ที่เข้ามาอ่านตอนหลังๆ ถ้าอยากเข้าใจความเป็นไปของโลกนี้ อีกมุมมอง อีกชุดของข้อมูล ลองอ่านนิทาน 2 เรื่องนี้นะครับ) ข้อมูลคร่าวๆ เกี่ยวกับ CFR (เปิดดูจากกูเกิลได้ครับ) คือ ก่อตั้งในปี ค.ศ.1921 มีสมาชิก เริ่มแรกประมาณ 20 คน ซึ่งเป็นชาวอังกฤษและอเมริกัน ปัจจุบันมีสมาชิกทั่วโลกประมา ณ 5 พันคน สมาชิกส่วนใหญ่ เป็นพวกฝรั่งแองโกลแซกซอน และชาวยุโรป ใน 5 พันคนนี้ ส่วนใหญ่เป็นระดับผู้นำ หัวหน้า และผู้บริหารระดับสูงของประเทศ และบรรษัทข้ามชาติ มีหลายคน เป็นประธานาธิบดีของอเมริกา หลายคน เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ เป็นรัฐมนตรีกลาโหม เป็นรัฐมนตรีการคลัง เป็นผู้ว่าการธนาคารกลาง เป็นหัวหน้าซีไอเอและหลายคนเป็นพระราชวงศ์ในยุโรปและอังกฤษ ฯลฯ สำหรับไทยแลนด์แดนสมันน้อย เรามีคนไทยที่ถูกลาก หรือ สมัครใจ เข้าไปเกี่ยวกับ CFR โดยเป็นสมาชิกขององค์กร ชื่อ Trilatteral Commission ซึ่งเป็นองค์กรลูกของ CFR ที่ต้ังขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1973 ขณะน้ัน นาย David Rockefeller ซึ่งเป็นประธาน CFR เห็นว่า ควรจะเอานักธุรกิจชาวญี่ปุ่น เข้ามาอยู่ในความดูแลของ CFR ด้วย เลยพ่วงเอาชาวเอเซีย ลาติน และอาฟริกา ที่เข้าข่ายน่าจะเป็นประโยชน์ และมีแนวความคิด เกี่ยวกับความเป็นไปในโลกแนวทางเดียวกันกับ CFR เข้ามาร่วมด้วย จากเอกสารของ Trilateral Commissionเอง ปี ค.ศ.2014 ปรากฏมีรายชื่อ คนไทย เป็นสมาชิก Trilatteral Commission 4 คน คือ 1. นายณรงค์ชัย อัครเศรณี 2. นายสมเกียรติ ต้ังกิจวานิชย์ (ผู้อำนวยการ สถาบัน TDRI ของไทย) 3. นางธาริษา วัฒนเกศ (อดีต ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย) 4. นายกานต์ ตระกูลฮุน (กรรมการผู้จัดการใหญ่ ปูนซิเมนต์ไทย) ปี ค.ศ.2015 รายชื่อ ซึ่งเปลี่ยนเมื่อเดือนเมษายน นี้เอง เหลือ 2 ชื่อ ดังนี้ 1. นายสมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ 2. นางธาริษา วัฒนเกศ ทำไมผมพูดเรื่องญี่ปุ่น นายอาเบะ และเครือข่ายของ CFR เพราะมันเกี่ยวกัน และมันเป็นตัวอย่าง ที่น่าจะทำให้เรามองเห็นภาพหลายภาพชัดเจนขึ้น CFR นั้น เริ่มมีคนพูดถึงกันในช่วงประมาณปี ค.ศ.1960 แต่ช่วงนั้น ข้อมูลส่วนใหญ่ของ CFR ยังไม่มีออกมาแพร่หลายมากนัก นักวิเคราะห์การเมือง และคนทั่วไป จึงมอง CFR ไปในแนวทฤษฏีสมคบคิด ซึ่งมักทำให้ที่ผู้ได้ยินเรื่อง CFR ไม่ให้น้ำหนัก ไม่ให้ความเชื่อถือ ถึงอำนาจและอิทธิพลจริงขององค์กรนี้ แต่เมื่อเวลาผ่านไป เทคโนโลยีสมัยใหม่ ทำให้การเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ง่ายขึ้น และลึกขึ้น มีเอกสารที่เหมือนเป็นใบเสร็จ ออกมาให้เราศึกษามากขึ้น อย่างเช่นรายงานการวิเคราะห์ของ CFR เอง ที่ออกมาให้เห็นแนวความคิดของ CFR และกลายมาเป็นนโยบายของรัฐบาลอเมริกา และการดำเนินงานของอเมริกาตามนโยบาย ที่เสนอแนะโดย CFR อย่างจริงจังในหลายส่วนของโลก จึงทำให้ผู้ที่ติดตามดูความเป็น ไปขององค์กร CFR เชื่อมากขึ้นว่า การครอบงำโลกโดย CFR ไม่ใช่เป็นเพียงทฤษฏี แต่มันเป็นของจริง อำนาจจริง อิทธิพลจริง ที่ครอบงำโลกนี้อยู่ และถ้ามันเป็นของจริงเช่นนั้น เรื่อง Grand Stategy แผนสอยมังกร ของ CFR ก็ไม่ใช่เป็นเรื่องที่เราจะอ่านเล่น หรืออ่านแล้วก็แล้วกัน เราน่าจะต้อง อ่าน และวิเคราะห์เองต่อไปอีกด้วยว่า เมื่อญี่ปุ่น ซึ่งถูก Grand Strategy กำหนดให้มีบทบาทสำคัญ ในการสอยมังกรให้ร่วงนั้น ญี่ปุ่นเอาจริง เดินหน้าตามแผนที่ CFR กำหนดขนาดไหน และการเดินตามแผนนั้น เราคงจะพอมองเห็นได้ว่า อเมริกา กำลัง “ใช้” ญี่ปุ่น และไม่ได้ใช้ไปเดินเล่น จ่ายตลาด แต่ เป็นการ “ใช้” ให้ญี่ปุ่นไปรบแทน และอาจไปตายแทน ด้วยค่าใช้จ่ายที่อาจเป็นเงินภาษี หรือเงินกู้ของญี่ปุ่น แต่มันเป็น “ราคา” ที่ชาวญี่ปุ่นจะต้องจ่าย ขณะเดียวกัน ถ้าอเมริกลากเอาแดนสยาม เข้าไปร่วมขบวนการกับญี่ปุ่น ให้ช่วยกันสอยจีน เราจะถูก “ใช้” ไปรบแทน จนถึงตายแทน ร่วมกับญี่ปุ่นด้วยหรือไม่ นั่นเป็นประเด็นหนึ่ง ที่ต้องคิดกัน แต่ผมค่อนข้างเชื่อว่า ลุงตู่ของผมคงมองออก ไม่คิดเป็นคนรับใช้ต่างชาติ แต่ถ้าเกิดเหตุการณ์ผันแปร มีการบีบไข่กัน จนต้องมีการเปลี่ยนแปลง เราก็ช่วยกันมอง ช่วยกันคิดให้ดีๆ นะครับ รูปแบบที่ไอ้นักล่ามันชอบใช้ ไพ่ที่มันชอบเล่นมีอยู่ อย่าตกหลุมมันง่ายๆอีก นั่นก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่อีกเรื่องที่น่าห่วงไม่น้อย หรืออาจจะมากกว่าคือ กรณีที่ญี่ปุ่นเดินหน้า ตาม CFR อย่างไม่หยุดนั่นแหละครับ ถ้าเกิดถึงเวลาอัน “เหมาะสม” อเมริกาสั่งให้ญี่ปุ่นเคลื่อนพล ไปปะทะจีน หรือตอนนั้นสถานการณ์ในเอเซียมันตึงเครียดได้ที่ ตามความต้องการของอเมริกาแล้ว แม้เราจะฉีกตัวออกมาจากการไปช่วยเขาแบกถาดได้ แต่ถ้าบรรดาคุณยุ่น ที่ขณะนี้ กระจายกันอยู่ในแดนสยามของเราไม่น้อย ไม่ว่าในกรุงเทพ โดยเฉพาะแถบสุขุมวิท ซึ่งใกล้จะเปลี่ยนเป็นแดนปลาดิบ แล้ว ยังมีที่ต่างจังหวัด ทางภาคเหนือ เช่น เชียงราย เชียงใหม่ ภาคตะวันออก เช่น ชลบุรี ศรีราชา หรือภาคใต้ เช่น ชุมพร ถ้าคุณยุ่นเขาพากันเปลี่ยนชุด หยิบเครื่องแบบทหารมาใส่ เหมือนสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ.2484 ที่กองทหารญี่ปุ่นบุกเข้าเมือง ไทย ยกพลมาจากทางภาคใต้ของไทย มาจาก สงขลา ปัตตานี นครศรีธรรมราช สุราษฏร์ธานี ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ พอถึงวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ.2484 ชาวญี่ปุ่นในกรุงเทพฯ ก็แต่งชุดทหารเดินเต็มอยู่ในกรุงเทพฯกันหมด แม้แต่หมอฟันของแม่ผม ผมได้แต่หวังว่า เหตุการณ์เช่นนั้นคงไม่เกิดขึ้นอีก และแม้ว่า ข้อสังเกตที่ว่า นายอาเบะอาจจะเล่นบท 2 หน้า จะเป็นซามูไรแบกถาด หรือซามูไรทิ้งถาด สิ่งที่ผมเขียนเล่ามา ผลกระทบต่อบ้านเรา ก็คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ก็คงยังน่าเป็นห่วงเช่นเดิม บางส่วน บางอย่างอาจจะมีการเปลี่ยน ถ้าเขาหักหลังกันเอง แต่ก็ไม่ได้ทำให้เราอยู่ในสถานะที่ได้เปรียบอะไรขึ้นมา เพราะไม่น่าไว้วางใจทั้งคนใช้ให้แบกถาด และคนแบกถาด หรือจะเป็นคนทิ้งถาด ในชีวิตคนเรา เห็นสงครามโลกครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว สงครามโลกครั้งที่ 2 ผมยังไม่โตพอที่จะไปรบ แต่โตพอที่จะรู้เรื่องว่า บ้านเมืองเราอยู่ในสภาพบ้านพัง สาแหร่กขาดอย่างไร ครอบครัวเราส่วนใหญ่ลำบากอย่างไร และมันทิ้งอะไรไว้กับบ้านเมืองเราครอบครัวเรา ผ่านไป 70 ปี ยังจำได้ไม่ลืม เราชาวสยาม จะต้องตื่นรู้เสียที ไม่ใช่เขียนให้แตกตื่น แต่ต้องตื่นมารับรู้ ทันเหตุการณ์นอกบ้าน ที่จะมีผลกระทบในบ้านเราเสียบ้าง ช่วยกันปลุก ช่วยกันให้ข้อมูล ไม่จำเป็นต้องเชื่อ แต่รู้แล้วเอาไปหาข้อมูลต่อ ว่า ที่อ่านกันมานี้ จริงเท็จอย่างไร แล้วคิดต่อ ดีกว่าไม่รู้จะคิดอะไร มันเป็นสมัยโลกาภิวัฒน์มิใช่หรือ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็ว เปลี่ยนแปลงเร็ว อย่ามัวเพลิดเพลินอยู่แต่กับการดูละครน้ำเน่า กับข่าวย้อมสี จนลืมสนใจภัยใหญ่ ที่อาจใกล้เราเข้ามาทุกทีแล้วนะครับ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 27 พ.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 690 มุมมอง 0 รีวิว
  • กัมพูชามันสารภาพเองว่าเป็นฝ่ายยิงก่อน #แต่ถึงไม่มีคลิปนี้ภาพถ่ายจากดาวเทียมก็จับภาพได้ว่ากัมพูชาเปิดฉากยิงไทยก่อน !!สงสัยนะมันได้อาวุธมาจากไหนใครฝึกให้พวกมันใช้...จีนเทาหรือจีนเขายังเป็นเพื่อนกับไทยอยู่จริงๆไหม "ส่วนสหรัฐฯเราด็ไมเ่อานะขอเป็นกลางเพราะมันเคยทิ้งไทยตอนสงครามเวียดนามเรียนมาและเคยเห็นภาพ คือไม่ทันเหตุการณ์นั้นหรอกแต่ก็เจ็บใจนะที่สหรัฐฯบินกลับทิ้งทหารไทยตกค้างในเวียดนามต้องตายทรมานจำสอนใจตนเองไว้ว่าไม่ใช่เพื่อนๆจริงคงไม่ทิ้งกันแบบนี้หักหลังชัดๆ
    กัมพูชามันสารภาพเองว่าเป็นฝ่ายยิงก่อน #แต่ถึงไม่มีคลิปนี้ภาพถ่ายจากดาวเทียมก็จับภาพได้ว่ากัมพูชาเปิดฉากยิงไทยก่อน !!สงสัยนะมันได้อาวุธมาจากไหนใครฝึกให้พวกมันใช้...จีนเทาหรือจีนเขายังเป็นเพื่อนกับไทยอยู่จริงๆไหม "ส่วนสหรัฐฯเราด็ไมเ่อานะขอเป็นกลางเพราะมันเคยทิ้งไทยตอนสงครามเวียดนามเรียนมาและเคยเห็นภาพ คือไม่ทันเหตุการณ์นั้นหรอกแต่ก็เจ็บใจนะที่สหรัฐฯบินกลับทิ้งทหารไทยตกค้างในเวียดนามต้องตายทรมานจำสอนใจตนเองไว้ว่าไม่ใช่เพื่อนๆจริงคงไม่ทิ้งกันแบบนี้หักหลังชัดๆ
    Angry
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 247 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ในรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ วันที่ 20 มี.ค. 68 “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ผู้ดำเนินรายการได้เผยว่ามีคนส่งคำฟ้องหมายศาล ที่เนื้อหาระบุว่า โจทก์คือคนจีนรายหนึ่ง มอบหมายให้ชายคนไทยคนหนึ่งเป็นโจทก์ในการฟ้อง “ดิว อริสรา ทองบริสุทธิ์” นักแสดงชื่อดัง ที่ตอนนี้กำลังมีประเด็นร้อน ถูก “เมย์ วาสนา อินทะแสง” นักธุรกิจชื่อดังฟ้อง หลังยืมทรัพย์สินมูลค่า 62 ล้านไปแก้ไขปัญหาชีวิต แต่ไม่ส่งคืนตามดีล ไม่ยอมบอกว่าตอนนี้ทรัพย์สินไปตกอยู่ที่ใด

    โดยคนจีนฟ้องดิวฐานผิดสัญญา ละเมิดขับไล่ ไม่จ่ายค่าเช่ากรรมสิทธิ์ห้องชุด เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน เรสซิเดนเซส ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมือง ห้องมีเนื้อที่ 832.82 ตารางเมตร โดยดิวได้เช่าเดือนละ 1.5 ล้านบาท และต้องชำระเงินในวันที่ 1 ไม่เกินวันที่ 5 ของทุกๆ เดือน ที่ผ่านมาดิวมีการค้างชำระ และถูกคนจีนฟ้องร้องตั้งแต่วันที่ 20 ก.พ. ซึ่งจำนวนเงินที่ดิวค้างจ่ายคือ 9,860,471.23 บาท

    #MGROnline #ดิวอริสรา #โหนกระแส
    ในรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ วันที่ 20 มี.ค. 68 “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ผู้ดำเนินรายการได้เผยว่ามีคนส่งคำฟ้องหมายศาล ที่เนื้อหาระบุว่า โจทก์คือคนจีนรายหนึ่ง มอบหมายให้ชายคนไทยคนหนึ่งเป็นโจทก์ในการฟ้อง “ดิว อริสรา ทองบริสุทธิ์” นักแสดงชื่อดัง ที่ตอนนี้กำลังมีประเด็นร้อน ถูก “เมย์ วาสนา อินทะแสง” นักธุรกิจชื่อดังฟ้อง หลังยืมทรัพย์สินมูลค่า 62 ล้านไปแก้ไขปัญหาชีวิต แต่ไม่ส่งคืนตามดีล ไม่ยอมบอกว่าตอนนี้ทรัพย์สินไปตกอยู่ที่ใด • โดยคนจีนฟ้องดิวฐานผิดสัญญา ละเมิดขับไล่ ไม่จ่ายค่าเช่ากรรมสิทธิ์ห้องชุด เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน เรสซิเดนเซส ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมือง ห้องมีเนื้อที่ 832.82 ตารางเมตร โดยดิวได้เช่าเดือนละ 1.5 ล้านบาท และต้องชำระเงินในวันที่ 1 ไม่เกินวันที่ 5 ของทุกๆ เดือน ที่ผ่านมาดิวมีการค้างชำระ และถูกคนจีนฟ้องร้องตั้งแต่วันที่ 20 ก.พ. ซึ่งจำนวนเงินที่ดิวค้างจ่ายคือ 9,860,471.23 บาท • #MGROnline #ดิวอริสรา #โหนกระแส
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 843 มุมมอง 0 รีวิว
  • กลายเป็นข่าวใหญ่ ที่ชาวเน็ตตามเผือกตามใส่ใจ สำหรับกรณี “ลำไย ไหทองคำ” สุพรรณษา เวชกามา เลิกรากับแฟนหนุ่มนักดนตรี “ปุ้ย ศรีสกล สมทรง” นักร้องนำวงแอลกอฮอลล์ ปิดฉากความรัก 9 ปี โดยตอนแรกลำไยยืนยันว่าไม่มีเรื่องมือที่สาม ก่อนจะโดนเพจต่างๆ เปิดมหกรรมขุดแหลก แฉเรื่อง “บอส เอวหวาน” ซึ่งเป็นแดนเซอร์ พร้อมข้อมูลต่างๆ ที่หลุดออกมา จนลำไยออกมาเผยว่าเคยคุยกันจริงในระยะเวลาสั้นๆ แต่เลิกคุยไปแล้ว ลั่นถูกแฟนเก่าบอสเรียกเงิน 10 ล้าน แต่ค่ายยินยอมจ่ายให้ 2 ล้านเท่านั้น ยืนยันไม่เคยจ้าง 1 แสนเพื่อให้มีเซ็กซ์ด้วย จนคนข้องใจว่า 10 ล้านที่เรียกเป็นค่าอะไร

    ล่าสุด “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ตัวแทนหมู่บ้าน ได้จัดการเคลียร์ให้หายข้องใจในรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ (4 มี.ค.68) โดยเผยว่าตนไม่เชื่อว่าลำไยจะต้องจ้างแดนเซอร์ 1 แสนเพื่อให้มีสัมพันธ์ด้วย บอกแค่ดีดนิ้วก็มาแล้ว เพราะลำไยคือนักร้องเบอร์หนึ่งของเมืองไทยในตอนนี้

    “เอาตรงๆ นะ ผมไม่เชื่อหรอก เรื่องจ้างแสนนึงให้มีสัมพันธ์ด้วย อันนี้วิเคราะห์เองนะ คิดดีๆ นะ ลำไยจำเป็นต้องจ้างแดนเซอร์ 1 แสนให้มีสัมพันธ์กับตัวเองเหรอ ผมว่าแค่ลำไยดีดนิ้ว ก็มาเลยนะ ไม่จำเป็นต้องจ้างแสนนึง แต่ผมเชื่อเรื่องความให้โดยการเสน่หา อาจคบหากันช่วงเวลานึง เห็นว่าน้องจำเป็นต้องใช้เงินหรือเปล่าเลยให้เงินไป แต่ที่มาที่ไปมันมี ใจเย็นๆ ค่อยๆ เล่าทีละเปลาะ คนก็ไปตามหาอดีตแฟนบอส ชื่อโม ว่าเกิดอะไรขึ้น ถามว่าสุดท้ายมีการเรียกเงิน 10 ล้านจริงหรือเปล่า ต้องถามคนนี้เลย อยู่ในสายกับ น้องโม อดีตแฟนบอส” (โม แฟนเก่าบอสโฟนอินเข้ามาตอบในรายการ เผยว่าจริงๆ แล้วถูกเสนอเงิน 5 ล้าน เพื่อให้จบเรื่องนี้ และเป็นค่าเสียใจที่เกิดขึ้น พร้อมยันไม่ได้ส่งข้อมูลให้เพจต่างๆ เพื่อแฉลำไย)

    โม : “เคยคบหากับบอสจริง ไม่ได้ส่งข้อมูลให้เพจต่างๆ หนูไม่รู้ว่ามันไปที่เพจต่างๆ ได้ยังไง มีแต่เคยโพสต์ไว้ในเฟซนานมาแล้ว แล้วคนมาขุดกัน

    หนุ่ม : เรื่องเรียกเงิน 10 ล้านจริงมั้ย

    โม : หนูเรียก 5 ล้านค่ะ เขาเสนอมาค่ะ ทางค่ายเขาบอกว่าให้บอสถามหนูว่าอยากจะจบเรื่องนี้ เอาค่าเสียใจไหม มาเอาที่บอสเลย ถ้าบอสไม่มีให้ไปปรึกษาที่ค่าย ยังไงเขาจะช่วย

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000020985

    #MGROnline #ลําไยไหทองคํา
    กลายเป็นข่าวใหญ่ ที่ชาวเน็ตตามเผือกตามใส่ใจ สำหรับกรณี “ลำไย ไหทองคำ” สุพรรณษา เวชกามา เลิกรากับแฟนหนุ่มนักดนตรี “ปุ้ย ศรีสกล สมทรง” นักร้องนำวงแอลกอฮอลล์ ปิดฉากความรัก 9 ปี โดยตอนแรกลำไยยืนยันว่าไม่มีเรื่องมือที่สาม ก่อนจะโดนเพจต่างๆ เปิดมหกรรมขุดแหลก แฉเรื่อง “บอส เอวหวาน” ซึ่งเป็นแดนเซอร์ พร้อมข้อมูลต่างๆ ที่หลุดออกมา จนลำไยออกมาเผยว่าเคยคุยกันจริงในระยะเวลาสั้นๆ แต่เลิกคุยไปแล้ว ลั่นถูกแฟนเก่าบอสเรียกเงิน 10 ล้าน แต่ค่ายยินยอมจ่ายให้ 2 ล้านเท่านั้น ยืนยันไม่เคยจ้าง 1 แสนเพื่อให้มีเซ็กซ์ด้วย จนคนข้องใจว่า 10 ล้านที่เรียกเป็นค่าอะไร • ล่าสุด “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ตัวแทนหมู่บ้าน ได้จัดการเคลียร์ให้หายข้องใจในรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ (4 มี.ค.68) โดยเผยว่าตนไม่เชื่อว่าลำไยจะต้องจ้างแดนเซอร์ 1 แสนเพื่อให้มีสัมพันธ์ด้วย บอกแค่ดีดนิ้วก็มาแล้ว เพราะลำไยคือนักร้องเบอร์หนึ่งของเมืองไทยในตอนนี้ • “เอาตรงๆ นะ ผมไม่เชื่อหรอก เรื่องจ้างแสนนึงให้มีสัมพันธ์ด้วย อันนี้วิเคราะห์เองนะ คิดดีๆ นะ ลำไยจำเป็นต้องจ้างแดนเซอร์ 1 แสนให้มีสัมพันธ์กับตัวเองเหรอ ผมว่าแค่ลำไยดีดนิ้ว ก็มาเลยนะ ไม่จำเป็นต้องจ้างแสนนึง แต่ผมเชื่อเรื่องความให้โดยการเสน่หา อาจคบหากันช่วงเวลานึง เห็นว่าน้องจำเป็นต้องใช้เงินหรือเปล่าเลยให้เงินไป แต่ที่มาที่ไปมันมี ใจเย็นๆ ค่อยๆ เล่าทีละเปลาะ คนก็ไปตามหาอดีตแฟนบอส ชื่อโม ว่าเกิดอะไรขึ้น ถามว่าสุดท้ายมีการเรียกเงิน 10 ล้านจริงหรือเปล่า ต้องถามคนนี้เลย อยู่ในสายกับ น้องโม อดีตแฟนบอส” (โม แฟนเก่าบอสโฟนอินเข้ามาตอบในรายการ เผยว่าจริงๆ แล้วถูกเสนอเงิน 5 ล้าน เพื่อให้จบเรื่องนี้ และเป็นค่าเสียใจที่เกิดขึ้น พร้อมยันไม่ได้ส่งข้อมูลให้เพจต่างๆ เพื่อแฉลำไย) • โม : “เคยคบหากับบอสจริง ไม่ได้ส่งข้อมูลให้เพจต่างๆ หนูไม่รู้ว่ามันไปที่เพจต่างๆ ได้ยังไง มีแต่เคยโพสต์ไว้ในเฟซนานมาแล้ว แล้วคนมาขุดกัน • หนุ่ม : เรื่องเรียกเงิน 10 ล้านจริงมั้ย • โม : หนูเรียก 5 ล้านค่ะ เขาเสนอมาค่ะ ทางค่ายเขาบอกว่าให้บอสถามหนูว่าอยากจะจบเรื่องนี้ เอาค่าเสียใจไหม มาเอาที่บอสเลย ถ้าบอสไม่มีให้ไปปรึกษาที่ค่าย ยังไงเขาจะช่วย • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000020985 • #MGROnline #ลําไยไหทองคํา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 772 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตามที่มีข่าวออกไปก่อนหน้านี้ ว่าทาง DSI หรือ กรมสอบสวนคดีพิเศษ อยู่ระหว่างกระบวนการเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องเข้ามาให้ถ้อยคำเกี่ยวกับคดี “แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์” ซึ่งมีประมาณ 20 ปาก โดยจะทยอยนัดหมายมาพบภายในเดือนกุมภาพันธ์ และในจำนวนดังกล่าว มีเหล่าคนดังรวมอยู่ด้วย ได้แก่ (3 ก.พ. 68) มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ เข้าให้ปากคำแล้ว, (11 ก.พ. 68) กรรมการบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด และ หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย, (13 ก.พ. 68) บิณฑ์ - เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์, (18 ก.พ. 68) พ.ต.ต.ปภิณวิช รอดบางยาง, (19 ก.พ. 68 ) ชัช ตลาดไท ตามลำดับ

    แต่ในวันนี้ที่ถึงคิวของ “หนุ่ม กรรชัย” ก็มีหลายคำถามถาโถมมาว่าทำไมถึงไม่พบดีเอสไอตามที่นัดหมาย จนเจ้าตัวต้องร่ายยาวกลางรายการ เที่ยงวันทันเหตุการณ์ ว่าไม่ใช่เป็นการนัด

    “ขอชี้แจงสักนิดนึงนะครับ ผมรำคาญเรื่องนี้มากเลยครับ ขออนุญาต คนมาถามผมเยอะมากว่าทำไมวันนี้ผมถึงไม่ไปดีเอสไอ ขอความร่วมมือให้ผมเข้าไปพบ ต้องเรียนแบบนี้ครับในกรณีของคุณแตงโม ทางดีเอสไอได้ออกหนังสือเพื่อจะเรียกผม ผมขอใช้คำว่าตามในหนังสือขอความร่วมมือ ไม่ใช่เป็นการเรียกตัวให้ไปพบ อันนี้เอาไปลง กรุณาใช้วิจารณญาณในการนำเสนอด้วย เป็นการขอความร่วมมือ อย่างที่เห็นอยู่ว่าผมเองก็ต้องทำงาน ผมก็ไปไม่ได้หรอก ผมก็เลยให้ทางฝั่งของทนายความ ประสานไป 2-3 วันแล้ว ว่าผมเองไม่ว่าง ต้องอ่านข่าว ต้องขอเลื่อนไปก่อน ถ้าได้วันไหนจะแจ้งให้ทราบอีกที หรือท่าทางดีเอสไอจะเข้ามาพบผม ผมก็ยินดี ยินดีที่จะให้ความร่วมมืออยู่แล้ว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000013711

    #MGROnline #DSI #กรมสอบสวนคดีพิเศษ #หนุ่มกรรชัย #แตงโมนิดา #แตงโมต้องได้รับความยุติธรรม
    ตามที่มีข่าวออกไปก่อนหน้านี้ ว่าทาง DSI หรือ กรมสอบสวนคดีพิเศษ อยู่ระหว่างกระบวนการเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องเข้ามาให้ถ้อยคำเกี่ยวกับคดี “แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์” ซึ่งมีประมาณ 20 ปาก โดยจะทยอยนัดหมายมาพบภายในเดือนกุมภาพันธ์ และในจำนวนดังกล่าว มีเหล่าคนดังรวมอยู่ด้วย ได้แก่ (3 ก.พ. 68) มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ เข้าให้ปากคำแล้ว, (11 ก.พ. 68) กรรมการบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด และ หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย, (13 ก.พ. 68) บิณฑ์ - เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์, (18 ก.พ. 68) พ.ต.ต.ปภิณวิช รอดบางยาง, (19 ก.พ. 68 ) ชัช ตลาดไท ตามลำดับ • แต่ในวันนี้ที่ถึงคิวของ “หนุ่ม กรรชัย” ก็มีหลายคำถามถาโถมมาว่าทำไมถึงไม่พบดีเอสไอตามที่นัดหมาย จนเจ้าตัวต้องร่ายยาวกลางรายการ เที่ยงวันทันเหตุการณ์ ว่าไม่ใช่เป็นการนัด • “ขอชี้แจงสักนิดนึงนะครับ ผมรำคาญเรื่องนี้มากเลยครับ ขออนุญาต คนมาถามผมเยอะมากว่าทำไมวันนี้ผมถึงไม่ไปดีเอสไอ ขอความร่วมมือให้ผมเข้าไปพบ ต้องเรียนแบบนี้ครับในกรณีของคุณแตงโม ทางดีเอสไอได้ออกหนังสือเพื่อจะเรียกผม ผมขอใช้คำว่าตามในหนังสือขอความร่วมมือ ไม่ใช่เป็นการเรียกตัวให้ไปพบ อันนี้เอาไปลง กรุณาใช้วิจารณญาณในการนำเสนอด้วย เป็นการขอความร่วมมือ อย่างที่เห็นอยู่ว่าผมเองก็ต้องทำงาน ผมก็ไปไม่ได้หรอก ผมก็เลยให้ทางฝั่งของทนายความ ประสานไป 2-3 วันแล้ว ว่าผมเองไม่ว่าง ต้องอ่านข่าว ต้องขอเลื่อนไปก่อน ถ้าได้วันไหนจะแจ้งให้ทราบอีกที หรือท่าทางดีเอสไอจะเข้ามาพบผม ผมก็ยินดี ยินดีที่จะให้ความร่วมมืออยู่แล้ว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000013711 • #MGROnline #DSI #กรมสอบสวนคดีพิเศษ #หนุ่มกรรชัย #แตงโมนิดา #แตงโมต้องได้รับความยุติธรรม
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 908 มุมมอง 0 รีวิว
  • จิตวิญญาณพันธมิตรฯ
    เมื่อเอ่ยถึงพันธมิตรฯ ผู้คนส่วนใหญ่มักจะรู้จักกัน และมีชื่อที่หลากหลายเช่น เสื้อเหลือง เป็นต้น
    การเข้ามาเป็นพันธมิตรฯไม่ใช่เรื่องยาก แต่มันก็ไม่ง่ายดายที่จะดำรงอยู่ต่อไปในชื่อนี้ เพราะจะต้องต่อสู้ทั้งกับผู้อื่นและกับตนเอง การเป็นพันธมิตรฯที่แท้จริงนั้นไม่ง่ายดายเลย มันเหมือนกับสู้อยู่คนเดียวตามลำพัง เพราะไม่มีใครเข้าใจเรา เพราะเราเป็นคนปกติในสังคมที่ไม่ปกติ คุยกับใครไม่ค่อยรู้เรื่อง หาว่าโง่บ้าง งมงายบ้าง สุดโต่งบ้าง ไม่ยอมรับฟังผู้อื่นบ้าง ทำตัวเป็นคนโดดเดี่ยวเดียวดาย อยู่ในโลกที่ซึ่งมีความมืดบอดในตัวเอง ซึ่งสิ่งที่เอ่ยมาในข้างต้นนั้นเป็นเพียงแค่บางส่วนเท่านั้น
    ใครๆต่างก็บอกว่าพันธมิตรฯใกล้ที่จะดับมอดไหม้เต็มทีแล้ว เพราะพวกเราพันธมิตรฯนั้นต่างก็ได้รับการกลั่นกรองมาจากพวก นปช.หรือพวกเสื้อแดง พวกปชป.หรือพวกเสื้อฟ้า และโดยเฉพาะพวกกลางกลวงมานั่นเอง และในอนาคตข้างหน้าเราอาจจะถูกกลั่นกรองอีกจากพวกเดียวกันเอง เพื่อเอาพวกที่โง่งงมงายไม่รู้จักพัฒนาตนเองอย่างสม่ำเสมอที่ไม่รู้เท่าทันเหตุการณ์ในปัจจุบัน ซึ่งพวกเราอาจจะเหลือน้อยลงไปอีกมากก็จริง แต่ที่แน่นอนคือพวกพ้องที่เหลืออยู่นั้นก็เป็นคนที่มีคุณภาพสูงกว่าพวกอื่นๆอย่างแน่นอน และพวกเราจะต้องรวมตัวเกาะกลุ่มกันไว้ให้มีความเหนียวแน่นแนบแฟ้นยิ่งขึ้นกว่าแต่ก่อนให้มากยิ่งขึ้น เพราะพวกเราเท่านั้นที่จะเข้าใจกันและกัน และเปลี่ยนแปลงสังคมนี้ให้ดีเหมือนดังกับเมื่อก่อน ที่บรรพชนเราเคยมีความสามัคคีกันเพื่อปกป้องกอบกู้ประเทศไทยนี้ให้มีซึ่งศีลธรรม,จริยธรรม และคุณธรรมดีงาม เพื่อให้คนดีไม่ถูกคนชั่วรังแก เพื่อให้ลูกหลานเราได้มีที่ยืนในสังคม เพื่อให้ประเทศนี้น่าอยู่ยิ่งขึ้นกว่าเดิม และกลับมามีความสงบสุขอีกครั้งนั่นเอง ซึ่งผมเชื่อมั่นว่าสุดท้ายแล้วธรรมะย่อมชนะอธรรม คนดีไม่มีวันตาย และแผ่นดินนี้ศักดิ์สิทธิ์จริง คนดีเท่านั้นที่อยู่ได้ ซึ่งผมเชื่อมั่นว่าแม้ในตอนนี้ที่ประเทศไทยยังไม่ฉิบหายล่มจมไปกว่านี้เพราะดวงวิญญาณบรรพชนของเรา พวกเค้ายังคงคอยปกปักษ์รักษาประเทศนี้อยู่เสมอมานั่นเอง
    จิตวิญญาณพันธมิตรฯ เมื่อเอ่ยถึงพันธมิตรฯ ผู้คนส่วนใหญ่มักจะรู้จักกัน และมีชื่อที่หลากหลายเช่น เสื้อเหลือง เป็นต้น การเข้ามาเป็นพันธมิตรฯไม่ใช่เรื่องยาก แต่มันก็ไม่ง่ายดายที่จะดำรงอยู่ต่อไปในชื่อนี้ เพราะจะต้องต่อสู้ทั้งกับผู้อื่นและกับตนเอง การเป็นพันธมิตรฯที่แท้จริงนั้นไม่ง่ายดายเลย มันเหมือนกับสู้อยู่คนเดียวตามลำพัง เพราะไม่มีใครเข้าใจเรา เพราะเราเป็นคนปกติในสังคมที่ไม่ปกติ คุยกับใครไม่ค่อยรู้เรื่อง หาว่าโง่บ้าง งมงายบ้าง สุดโต่งบ้าง ไม่ยอมรับฟังผู้อื่นบ้าง ทำตัวเป็นคนโดดเดี่ยวเดียวดาย อยู่ในโลกที่ซึ่งมีความมืดบอดในตัวเอง ซึ่งสิ่งที่เอ่ยมาในข้างต้นนั้นเป็นเพียงแค่บางส่วนเท่านั้น ใครๆต่างก็บอกว่าพันธมิตรฯใกล้ที่จะดับมอดไหม้เต็มทีแล้ว เพราะพวกเราพันธมิตรฯนั้นต่างก็ได้รับการกลั่นกรองมาจากพวก นปช.หรือพวกเสื้อแดง พวกปชป.หรือพวกเสื้อฟ้า และโดยเฉพาะพวกกลางกลวงมานั่นเอง และในอนาคตข้างหน้าเราอาจจะถูกกลั่นกรองอีกจากพวกเดียวกันเอง เพื่อเอาพวกที่โง่งงมงายไม่รู้จักพัฒนาตนเองอย่างสม่ำเสมอที่ไม่รู้เท่าทันเหตุการณ์ในปัจจุบัน ซึ่งพวกเราอาจจะเหลือน้อยลงไปอีกมากก็จริง แต่ที่แน่นอนคือพวกพ้องที่เหลืออยู่นั้นก็เป็นคนที่มีคุณภาพสูงกว่าพวกอื่นๆอย่างแน่นอน และพวกเราจะต้องรวมตัวเกาะกลุ่มกันไว้ให้มีความเหนียวแน่นแนบแฟ้นยิ่งขึ้นกว่าแต่ก่อนให้มากยิ่งขึ้น เพราะพวกเราเท่านั้นที่จะเข้าใจกันและกัน และเปลี่ยนแปลงสังคมนี้ให้ดีเหมือนดังกับเมื่อก่อน ที่บรรพชนเราเคยมีความสามัคคีกันเพื่อปกป้องกอบกู้ประเทศไทยนี้ให้มีซึ่งศีลธรรม,จริยธรรม และคุณธรรมดีงาม เพื่อให้คนดีไม่ถูกคนชั่วรังแก เพื่อให้ลูกหลานเราได้มีที่ยืนในสังคม เพื่อให้ประเทศนี้น่าอยู่ยิ่งขึ้นกว่าเดิม และกลับมามีความสงบสุขอีกครั้งนั่นเอง ซึ่งผมเชื่อมั่นว่าสุดท้ายแล้วธรรมะย่อมชนะอธรรม คนดีไม่มีวันตาย และแผ่นดินนี้ศักดิ์สิทธิ์จริง คนดีเท่านั้นที่อยู่ได้ ซึ่งผมเชื่อมั่นว่าแม้ในตอนนี้ที่ประเทศไทยยังไม่ฉิบหายล่มจมไปกว่านี้เพราะดวงวิญญาณบรรพชนของเรา พวกเค้ายังคงคอยปกปักษ์รักษาประเทศนี้อยู่เสมอมานั่นเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 396 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไปกันใหญ่!!!

    "หนุ่ม กรรชัย" เผยในรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ ว่า
    “แต่ที่แน่ๆ ประเด็นแสตมป์บอกว่าเขาคบหากับผู้หญิงที่ชื่อแจม ซึ่งมีแฟนคือแก๊ป แต่ประเด็นหลักๆ แจมเขาบอก ฉันไม่ได้คบกับเธอแสตมป์ เธอมาฟ้องฉันได้อย่างไร แจมอ้างไม่ได้คบกับแสตมป์”
    ไปกันใหญ่!!! "หนุ่ม กรรชัย" เผยในรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ ว่า “แต่ที่แน่ๆ ประเด็นแสตมป์บอกว่าเขาคบหากับผู้หญิงที่ชื่อแจม ซึ่งมีแฟนคือแก๊ป แต่ประเด็นหลักๆ แจมเขาบอก ฉันไม่ได้คบกับเธอแสตมป์ เธอมาฟ้องฉันได้อย่างไร แจมอ้างไม่ได้คบกับแสตมป์”
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 387 มุมมอง 0 รีวิว
  • นามธรรมรู้ยากไซร้
    ได้พยานงานรูปธรรม
    จึ่งตื่นรู้น้อมนำ
    ธรรมศรัทธาพาเบิกบาน

    มีความเพียรขวนขวาย
    ให้เจริญเดินการงาน
    สติทันเหตุการณ์
    สมานพาสมาธิ

    นิ่งได้จิตตั้งมั่น
    ปัญญาธรรมนำเป็นมิตร
    สนิทสนมจิต
    สถิตเด่นเป็นหนึ่งเดียว

    ธรรมดีมีสุขแท้
    แก้ทุกข์ได้ไม่โดดเดี่ยว
    อบอุ่นไม่ปล่าวเปลี่ยว
    เทียวไปมาพาร่มเย็น

    เมตตาภาวนา
    พาธรรมได้ให้บำเพ็ญ
    บุญวาสนาเด่น
    เป็นฤทธาบารมี
    นามธรรมรู้ยากไซร้ ได้พยานงานรูปธรรม จึ่งตื่นรู้น้อมนำ ธรรมศรัทธาพาเบิกบาน มีความเพียรขวนขวาย ให้เจริญเดินการงาน สติทันเหตุการณ์ สมานพาสมาธิ นิ่งได้จิตตั้งมั่น ปัญญาธรรมนำเป็นมิตร สนิทสนมจิต สถิตเด่นเป็นหนึ่งเดียว ธรรมดีมีสุขแท้ แก้ทุกข์ได้ไม่โดดเดี่ยว อบอุ่นไม่ปล่าวเปลี่ยว เทียวไปมาพาร่มเย็น เมตตาภาวนา พาธรรมได้ให้บำเพ็ญ บุญวาสนาเด่น เป็นฤทธาบารมี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 335 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภายหลังจากนักแสดง-พิธีกรมากความสามารถ “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ได้รับฉายาจากสมาคมนักข่าวบันเทิงว่า “หน่วงส่งกรรม” ล่าสุดเจ้าตัวได้เปิดใจถึงเรื่องนี้ในรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ ลั่นขอบคุณที่มอบฉายานี้ให้ พร้อมยอมรับได้คุยกับบางคนที่ได้ฉายา ซึ่งบางคนงงๆ ตะขิดตะขวงใจ แต่ก็ปลอบไปว่าให้คิดในแง่ดี

    “เขาตั้งหน่วงส่งกรรม (หัวเราะก่อนถอนใจ) มันก็จะเงียบๆ อยู่แล้วนะ (หัวเราะ) นี่ยื่นดาบมาให้ เดี๋ยวคนที่เขามีประเด็นเขาจะหาว่าเป็นเพราะเรา ไม่ใช่ จริงๆ แล้วเป็นที่ตำรวจกับศาล เราแค่เป็นกระบอกเสียงนะ ผู้ตัดสินผิดถูกก็จะเป็นศาลนะครับ ขอบคุณนะครับสำหรับฉายาที่มอบให้

    มีโอกาสได้คุยกับบางท่านที่ได้รับฉายามาเหมือนกัน บางท่านก็งงๆ รู้สึกตะขิดตะขวงใจ เลยบอกไปว่าไม่เป็นไรหรอก มองในแง่บวกแล้วกัน อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ลืมเรา เป็น 10 คนที่เขาอุตส่าห์มอบให้ ก็อย่าไปคิดอะไรมาก เขาหยิกแกมหยอกแหละ ไม่มีอะไร

    แต่ที่มีคือคอมเมนต์ที่บอกว่าหน่วงคาบ้าน (แมนยูฯ แพ้คาบ้าน) ฟังดีๆ นะ เอ็งจะคาบ้าน เพราะเข้ามาในบ้านข้าตอนนี้ มาแซะข้าในบ้าน เดี๋ยวจะบล็อกทิ้ง (หัวเราะ) ไม่ต้องพิมพ์มาแล้ว รู้แล้ว ยอม”

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/entertainment/detail/9670000122920

    #MGROnline #หนุ่มกรรชัย #หน่วงส่งกรรม
    ภายหลังจากนักแสดง-พิธีกรมากความสามารถ “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ได้รับฉายาจากสมาคมนักข่าวบันเทิงว่า “หน่วงส่งกรรม” ล่าสุดเจ้าตัวได้เปิดใจถึงเรื่องนี้ในรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ ลั่นขอบคุณที่มอบฉายานี้ให้ พร้อมยอมรับได้คุยกับบางคนที่ได้ฉายา ซึ่งบางคนงงๆ ตะขิดตะขวงใจ แต่ก็ปลอบไปว่าให้คิดในแง่ดี • “เขาตั้งหน่วงส่งกรรม (หัวเราะก่อนถอนใจ) มันก็จะเงียบๆ อยู่แล้วนะ (หัวเราะ) นี่ยื่นดาบมาให้ เดี๋ยวคนที่เขามีประเด็นเขาจะหาว่าเป็นเพราะเรา ไม่ใช่ จริงๆ แล้วเป็นที่ตำรวจกับศาล เราแค่เป็นกระบอกเสียงนะ ผู้ตัดสินผิดถูกก็จะเป็นศาลนะครับ ขอบคุณนะครับสำหรับฉายาที่มอบให้ • มีโอกาสได้คุยกับบางท่านที่ได้รับฉายามาเหมือนกัน บางท่านก็งงๆ รู้สึกตะขิดตะขวงใจ เลยบอกไปว่าไม่เป็นไรหรอก มองในแง่บวกแล้วกัน อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ลืมเรา เป็น 10 คนที่เขาอุตส่าห์มอบให้ ก็อย่าไปคิดอะไรมาก เขาหยิกแกมหยอกแหละ ไม่มีอะไร • แต่ที่มีคือคอมเมนต์ที่บอกว่าหน่วงคาบ้าน (แมนยูฯ แพ้คาบ้าน) ฟังดีๆ นะ เอ็งจะคาบ้าน เพราะเข้ามาในบ้านข้าตอนนี้ มาแซะข้าในบ้าน เดี๋ยวจะบล็อกทิ้ง (หัวเราะ) ไม่ต้องพิมพ์มาแล้ว รู้แล้ว ยอม” • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/entertainment/detail/9670000122920 • #MGROnline #หนุ่มกรรชัย #หน่วงส่งกรรม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 916 มุมมอง 0 รีวิว
  • “หนุ่ม กรรชัย” เผยในรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ ได้ต่อสายหา “สนธิ ลิ้มทองกุล” โดยคุณสนธิบอกไม่มีอะไรเลยหนุ่ม ที่พูดไปไม่ได้หมายความว่าหนุ่มไปฟอกขาวให้เขา แต่ให้ระวังมีคนแฝงเข้ามาฟอกขาวในรายการ ฟังก็เคลียร์ สบายใจ ก็เป็นเรื่องคุณสนธิกับทนายตั้มจะเอายังไง

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000103028

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “หนุ่ม กรรชัย” เผยในรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ ได้ต่อสายหา “สนธิ ลิ้มทองกุล” โดยคุณสนธิบอกไม่มีอะไรเลยหนุ่ม ที่พูดไปไม่ได้หมายความว่าหนุ่มไปฟอกขาวให้เขา แต่ให้ระวังมีคนแฝงเข้ามาฟอกขาวในรายการ ฟังก็เคลียร์ สบายใจ ก็เป็นเรื่องคุณสนธิกับทนายตั้มจะเอายังไง อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000103028 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Yay
    Love
    Haha
    Wow
    Sad
    97
    3 ความคิดเห็น 3 การแบ่งปัน 4392 มุมมอง 6 รีวิว
  • กรรชัย ต่อสายเคลียร์ สนธิ
    .
    จากกรณที่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล กล่าวตอนหนึ่งในรายการ sondhitalk ระบุว่า หนุ่ม กรรชัย ต้องระวัง ไม่ใช่ใครให้เงินซี้ซั้ว ให้เขาออกรายการฟอกตัว อย่าพลาดนะ เพราะช่วงหลังเริ่มหลงตัวเอง คุณกับผมรู้จักกันดี คุณมีคุณูปการกับสังคม เช่น กรณีของดิไอคอน ตนชื่นชม แต่การเอานายษิทรา (นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม) มาฟอกแบบนี้ มันด้อยค่า ทำให้ตนมองคุณหนุ่มด้อยลงไปเยอะมาก
    .
    ทั้งนี้ นายษิทรา หรือทนายต้ม และนายสนธิ มีข้อพิพาทกัน หลังจากที่ทนายตั้มออกรายการโหนกระแสเคลียร์ดราม่าเรื่องเป็นทนายสีเทา โดยช่วงหนึ่งบอกว่า ตนได้มีการรับเงิน 71 ล้าน จากลูกความมหาเศรษฐี จนเกิดการท้าทายใครหน้าแหกกินเยี่ยว 71 แก้วนั้น
    .
    เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หนุ่ม กรรชัย ได้พูดถึงประเด็นดังกล่าวในรายการ เที่ยงวันทันเหตุการณ์ ระบุว่า คุณสนธิและทนายตั้มไฟต์กันอยู่ ก็มีสะเก็ดระเบิดกระเด็นมาโดนผมด้วย เพราะทนายตั้มมาออกโหนกระแส และบางช่วงบางตอนที่คุณสนธิไลฟ์ บอกว่าทนายตั้มมาออกโหนกระแสเพื่อฟอกขาว
    .
    “ผมไม่สบายใจ ยืนยันว่าไม่รู้มาก่อนเลย ผมไม่รู้มาก่อนว่าทนายตั้มจะตอบเรื่องราวแบบนี้ แต่หลังจากที่คุณสนธิเปิดเรื่องมาแล้วว่าทนายตั้มได้รับเงิน 71 ล้านบาท ซึ่งทนายตั้มสวนมาคำหนึ่งที่คุณสนธิรู้สึกไม่โอเคมาก คือ ‘ไอ้ลิ้มมาเจอกูที่โหนกระแส’ ซึ่งทำให้คุณสนธิไม่โอเคมาก เหมือนเป็นการท้าทาย”
    .
    หนุ่ม กรรชัย กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องเรียน “ทนายตั้ม” ขอตำหนิหน่อย ว่าเรื่องนี้เป็นข้อพิพาทระหว่างสองคน หากจะไปดึงโหนกระแสไปเกี่ยวด้วย ทำให้มีประเด็นเกิดขึ้น เดี๋ยวจะเข้าใจผิดกันไปใหญ่
    .
    “ผมได้ต่อสาย บอกว่าไม่ได้ฟอกขาว คุณสนธิบอกว่าไม่มีอะไรเลยหนุ่ม ที่อาพูดไปไม่ได้บอกว่าหนุ่มไปฟอกขาวให้เขา แต่ขอให้หนุ่มระวังว่าจะมีคนมาฟอกขาวในรายการ”
    .
    #MGRInfographics #หนุ่มกรรชัย #สนธิลิ้มทองกุล #ทนายตั้ม
    กรรชัย ต่อสายเคลียร์ สนธิ . จากกรณที่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล กล่าวตอนหนึ่งในรายการ sondhitalk ระบุว่า หนุ่ม กรรชัย ต้องระวัง ไม่ใช่ใครให้เงินซี้ซั้ว ให้เขาออกรายการฟอกตัว อย่าพลาดนะ เพราะช่วงหลังเริ่มหลงตัวเอง คุณกับผมรู้จักกันดี คุณมีคุณูปการกับสังคม เช่น กรณีของดิไอคอน ตนชื่นชม แต่การเอานายษิทรา (นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม) มาฟอกแบบนี้ มันด้อยค่า ทำให้ตนมองคุณหนุ่มด้อยลงไปเยอะมาก . ทั้งนี้ นายษิทรา หรือทนายต้ม และนายสนธิ มีข้อพิพาทกัน หลังจากที่ทนายตั้มออกรายการโหนกระแสเคลียร์ดราม่าเรื่องเป็นทนายสีเทา โดยช่วงหนึ่งบอกว่า ตนได้มีการรับเงิน 71 ล้าน จากลูกความมหาเศรษฐี จนเกิดการท้าทายใครหน้าแหกกินเยี่ยว 71 แก้วนั้น . เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หนุ่ม กรรชัย ได้พูดถึงประเด็นดังกล่าวในรายการ เที่ยงวันทันเหตุการณ์ ระบุว่า คุณสนธิและทนายตั้มไฟต์กันอยู่ ก็มีสะเก็ดระเบิดกระเด็นมาโดนผมด้วย เพราะทนายตั้มมาออกโหนกระแส และบางช่วงบางตอนที่คุณสนธิไลฟ์ บอกว่าทนายตั้มมาออกโหนกระแสเพื่อฟอกขาว . “ผมไม่สบายใจ ยืนยันว่าไม่รู้มาก่อนเลย ผมไม่รู้มาก่อนว่าทนายตั้มจะตอบเรื่องราวแบบนี้ แต่หลังจากที่คุณสนธิเปิดเรื่องมาแล้วว่าทนายตั้มได้รับเงิน 71 ล้านบาท ซึ่งทนายตั้มสวนมาคำหนึ่งที่คุณสนธิรู้สึกไม่โอเคมาก คือ ‘ไอ้ลิ้มมาเจอกูที่โหนกระแส’ ซึ่งทำให้คุณสนธิไม่โอเคมาก เหมือนเป็นการท้าทาย” . หนุ่ม กรรชัย กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องเรียน “ทนายตั้ม” ขอตำหนิหน่อย ว่าเรื่องนี้เป็นข้อพิพาทระหว่างสองคน หากจะไปดึงโหนกระแสไปเกี่ยวด้วย ทำให้มีประเด็นเกิดขึ้น เดี๋ยวจะเข้าใจผิดกันไปใหญ่ . “ผมได้ต่อสาย บอกว่าไม่ได้ฟอกขาว คุณสนธิบอกว่าไม่มีอะไรเลยหนุ่ม ที่อาพูดไปไม่ได้บอกว่าหนุ่มไปฟอกขาวให้เขา แต่ขอให้หนุ่มระวังว่าจะมีคนมาฟอกขาวในรายการ” . #MGRInfographics #หนุ่มกรรชัย #สนธิลิ้มทองกุล #ทนายตั้ม
    Like
    Yay
    10
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 2665 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฉีกหน้ากากขายตรง ขายฝันจนตัวตาย

    การออกมาเปิดประเด็นบริษัทธุรกิจขายตรงแห่งหนึ่ง ของนายกรรชัย กำเนิดพลอย พิธีกรรายการโหนกระแส ทางไทยทีวีสีช่อง 3 เมื่อวันที่ 8 ต.ค. กลายเป็นที่วิจารณ์อย่างมากในสังคม เจ้าตัวกล่าวว่า “เหล่าแม่ข่ายของบริษัทธุรกิจเครือข่ายดัง เริ่มมีการข่มขู่ไปทั่วกลัวโดนเปิดแผล มีการระดมคนติดแฮชแท็ก เซฟบอส เซฟบริษัทตัวเอง ไม่เซฟผู้เสียบ้างเหรอ?” ซึ่งจากแฮชแท็กที่บรรดาแม่ข่ายใช้แสดงพลัง พบว่าพยายามอธิบายอีกด้านเกี่ยวกับบริษัทดังกล่าว ว่าไม่ได้เป็นไปตามที่ถูกกล่าวหา พร้อมกับให้กำลังใจประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัทดังกล่าว

    ก่อนหน้านี้ นายกรรชัยกล่าวในรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 7 ต.ค. ว่า มีบริษัทดังบางบริษัทที่มีการมาขายตรง ไปให้ทางตัวแทนเปิดบิล โดยการให้มีเหล่านักแสดงทั้งหลายไปเป็นพ่อข่าย แม่ข่าย ตนเก็บรวบรวมข้อมูลทั้งหมดแล้ว มีโอกาสคุยกับผู้เสียหายแล้ว มีบางคนถึงขั้นฆ่าตัวตาย เพราะมีการไปซื้อของ จ่ายเงินไปแล้ว บอกว่าขายได้แน่นอน ถึงเวลาขายไม่ได้ ต้องเอาไปเร่ขายเอง กินเอง บางคนได้ยินมาว่าเป็น รปภ. เอาเงินไปซื้อสินค้าเก็บไว้ 200,000 บาท ซื้อเสร็จปรากฎว่า ไปขายก็ไม่ได้ ฆ่าตัวตาย แต่ข่าวเงียบ เร็วๆ นี้ เรื่องราวที่ส่งเข้ามา ตนเห็นตลอด รู้กันว่าที่ไหน ไม่ได้นิ่งนอนใจ เก็บรวบรวมข้อมูลอยู่ มีผู้เสียหายเข้ามาคุยหลายคน แล้วบอกไว้เลยว่าใหญ่

    ด้านเฟซบุ๊ก "มูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม - CRSJ Foundation" ที่มีนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความชื่อดัง เป็นประธาน โพสต์ข้อความระบุว่า "บริษัทธุรกิจขนาดใหญ่ น่าเชื่อถือมาก ชาวบ้าน คนหนุ่มสาว คนสูงอายุ ลงทุนเสียหายกันเพียบ หลักหมื่น แสน ล้าน บางคนร้องไห้ บางคนที่บ้านด่า เร็วๆ นี้แน่นอน" และกล่าวว่า "ใครที่เสียหายจากบริษัทขนาดใหญ่ น่าเชื่อถือนี้ ทักกันมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมนะครับ มูลนิธิรณรงค์ฯ จะพิจารณาให้ความช่วยเหลือ ด่วน! เห็นว่าเสียหายกันทั่วประเทศ เร็วๆ นี้เจอกันแน่นอน" โดยมีผู้เสียหายคอมเมนต์ให้ข้อมูลจำนวนมาก

    รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า บริษัทดังกล่าวก่อตั้งไม่นานนัก แต่ใช้ดารานักแสดงเป็นผู้บริหารและพรีเซ็นเตอร์สินค้า ใช้สื่อโฆษณาบิลบอร์ดทั่วประเทศเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และมีการซื้อเวลารายการโทรทัศน์ ให้แม่ข่ายชักชวนคนเข้ามาสมัครคอร์สเรียนออนไลน์การตลาดบนโซเชียลมีเดีย ในราคาไม่ถึง 100 บาท เมื่อมีผู้หลงเชื่อเข้ามาเรียนก็จะโน้มน้าวให้ลองนำสินค้าไปขาย แต่เนื่องจากมีผู้เสียหายหลายรูปแบบ จึงต้องคอยดูว่าในรายการโหนกระแส นายกรรชัยจะเปิดประเด็นอย่างไร ซึ่งจะเห็นภาพชัดเจนขึ้น

    #Newskit #ขายตรง
    ฉีกหน้ากากขายตรง ขายฝันจนตัวตาย การออกมาเปิดประเด็นบริษัทธุรกิจขายตรงแห่งหนึ่ง ของนายกรรชัย กำเนิดพลอย พิธีกรรายการโหนกระแส ทางไทยทีวีสีช่อง 3 เมื่อวันที่ 8 ต.ค. กลายเป็นที่วิจารณ์อย่างมากในสังคม เจ้าตัวกล่าวว่า “เหล่าแม่ข่ายของบริษัทธุรกิจเครือข่ายดัง เริ่มมีการข่มขู่ไปทั่วกลัวโดนเปิดแผล มีการระดมคนติดแฮชแท็ก เซฟบอส เซฟบริษัทตัวเอง ไม่เซฟผู้เสียบ้างเหรอ?” ซึ่งจากแฮชแท็กที่บรรดาแม่ข่ายใช้แสดงพลัง พบว่าพยายามอธิบายอีกด้านเกี่ยวกับบริษัทดังกล่าว ว่าไม่ได้เป็นไปตามที่ถูกกล่าวหา พร้อมกับให้กำลังใจประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัทดังกล่าว ก่อนหน้านี้ นายกรรชัยกล่าวในรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 7 ต.ค. ว่า มีบริษัทดังบางบริษัทที่มีการมาขายตรง ไปให้ทางตัวแทนเปิดบิล โดยการให้มีเหล่านักแสดงทั้งหลายไปเป็นพ่อข่าย แม่ข่าย ตนเก็บรวบรวมข้อมูลทั้งหมดแล้ว มีโอกาสคุยกับผู้เสียหายแล้ว มีบางคนถึงขั้นฆ่าตัวตาย เพราะมีการไปซื้อของ จ่ายเงินไปแล้ว บอกว่าขายได้แน่นอน ถึงเวลาขายไม่ได้ ต้องเอาไปเร่ขายเอง กินเอง บางคนได้ยินมาว่าเป็น รปภ. เอาเงินไปซื้อสินค้าเก็บไว้ 200,000 บาท ซื้อเสร็จปรากฎว่า ไปขายก็ไม่ได้ ฆ่าตัวตาย แต่ข่าวเงียบ เร็วๆ นี้ เรื่องราวที่ส่งเข้ามา ตนเห็นตลอด รู้กันว่าที่ไหน ไม่ได้นิ่งนอนใจ เก็บรวบรวมข้อมูลอยู่ มีผู้เสียหายเข้ามาคุยหลายคน แล้วบอกไว้เลยว่าใหญ่ ด้านเฟซบุ๊ก "มูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม - CRSJ Foundation" ที่มีนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความชื่อดัง เป็นประธาน โพสต์ข้อความระบุว่า "บริษัทธุรกิจขนาดใหญ่ น่าเชื่อถือมาก ชาวบ้าน คนหนุ่มสาว คนสูงอายุ ลงทุนเสียหายกันเพียบ หลักหมื่น แสน ล้าน บางคนร้องไห้ บางคนที่บ้านด่า เร็วๆ นี้แน่นอน" และกล่าวว่า "ใครที่เสียหายจากบริษัทขนาดใหญ่ น่าเชื่อถือนี้ ทักกันมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมนะครับ มูลนิธิรณรงค์ฯ จะพิจารณาให้ความช่วยเหลือ ด่วน! เห็นว่าเสียหายกันทั่วประเทศ เร็วๆ นี้เจอกันแน่นอน" โดยมีผู้เสียหายคอมเมนต์ให้ข้อมูลจำนวนมาก รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า บริษัทดังกล่าวก่อตั้งไม่นานนัก แต่ใช้ดารานักแสดงเป็นผู้บริหารและพรีเซ็นเตอร์สินค้า ใช้สื่อโฆษณาบิลบอร์ดทั่วประเทศเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และมีการซื้อเวลารายการโทรทัศน์ ให้แม่ข่ายชักชวนคนเข้ามาสมัครคอร์สเรียนออนไลน์การตลาดบนโซเชียลมีเดีย ในราคาไม่ถึง 100 บาท เมื่อมีผู้หลงเชื่อเข้ามาเรียนก็จะโน้มน้าวให้ลองนำสินค้าไปขาย แต่เนื่องจากมีผู้เสียหายหลายรูปแบบ จึงต้องคอยดูว่าในรายการโหนกระแส นายกรรชัยจะเปิดประเด็นอย่างไร ซึ่งจะเห็นภาพชัดเจนขึ้น #Newskit #ขายตรง
    Like
    Love
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1108 มุมมอง 0 รีวิว
  • นี่ก็ทันเหตุการณ์จริงๆ
    รีบตัดก่อนเลย เอาๆ
    วัยรุ่นก้าวไกล ทันเหตุการณ์ดีครับ
    พี่คิงส์โพธิ์แดงชื่นชม
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #ผมทรงใหม่
    #ทันเหตุการณ์
    #ขอชื่นชม
    นี่ก็ทันเหตุการณ์จริงๆ รีบตัดก่อนเลย เอาๆ วัยรุ่นก้าวไกล ทันเหตุการณ์ดีครับ พี่คิงส์โพธิ์แดงชื่นชม #คิงส์โพธิ์แดง #ผมทรงใหม่ #ทันเหตุการณ์ #ขอชื่นชม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 557 มุมมอง 0 รีวิว