• 12/06/68 : ค่าเงินบาทเช้านี้ยังมีแนวโน้มอ่อนตัวลง
    โดยค่าเงินบาทไทย เมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ
    จะอยู่ที่ 32.486 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ (-0.40%)
    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #Invesment #ค่าเงินบาท
    #thaitimes
    🔥 12/06/68 : ค่าเงินบาทเช้านี้ยังมีแนวโน้มอ่อนตัวลง โดยค่าเงินบาทไทย เมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ จะอยู่ที่ 32.486 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ (-0.40%) #หุ้นติดดอย #การลงทุน #Invesment #ค่าเงินบาท #thaitimes
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 200 Views 0 Reviews
  • ราคาทองคำ (Gold) หรือ สัญญาซื้อขายทองคำในตลาดโลก
    วันที่ 11/06/2568 แม้จะย่อตัวลงมา แต่ภาพรวมทางเทคนิคัล
    (Timeframe Day) ยังอยู่ในเทรนด์ขาขึ้น (สำคัญ)
    แสดงว่ายังมีโอกาส และแนวโน้ม ที่ราคาจะสามารถ
    ปรับตัวสูงขึ้นอีกได้

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #Invesment #ทองคำ #Gold
    #thaitimes
    🔥 ราคาทองคำ (Gold) หรือ สัญญาซื้อขายทองคำในตลาดโลก วันที่ 11/06/2568 แม้จะย่อตัวลงมา แต่ภาพรวมทางเทคนิคัล (Timeframe Day) ยังอยู่ในเทรนด์ขาขึ้น (สำคัญ) แสดงว่ายังมีโอกาส และแนวโน้ม ที่ราคาจะสามารถ ปรับตัวสูงขึ้นอีกได้ #หุ้นติดดอย #การลงทุน #Invesment #ทองคำ #Gold #thaitimes
    0 Comments 0 Shares 234 Views 0 Reviews
  • มุมมอง SET หรือ ดัชนีตลาดหุ้นไทย ทางเทคนิคัล
    ถ้าพิจารณาจากเทรนด์ (Trend) หรือ แนวโน้ม
    ใน Timeframe Day ยังมีแนวโน้มเป็น "ขาลง" (สำคัญ)
    โดยมีช่วงในการเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 1125-1225 จุด
    มากสุดอยู่ที่ 1092-1257 จุด
    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #SET #ตลาดหุ้นไทย
    #thaitimes
    🔥มุมมอง SET หรือ ดัชนีตลาดหุ้นไทย ทางเทคนิคัล ถ้าพิจารณาจากเทรนด์ (Trend) หรือ แนวโน้ม ใน Timeframe Day ยังมีแนวโน้มเป็น "ขาลง" (สำคัญ) โดยมีช่วงในการเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 1125-1225 จุด มากสุดอยู่ที่ 1092-1257 จุด #หุ้นติดดอย #การลงทุน #SET #ตลาดหุ้นไทย #thaitimes
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 198 Views 0 Reviews
  • กองเงินกองทอง ทำสวนมาก็ได้ปันผลประมาณนี้ จ่ายทุกหน้าแล้ง ส่วนที่เป็นต้นทุนลงเป็นก้อนโตขึ้นทุกวัน ถอนออกมาใช้ยังไม่ได้เพราะติดดอย ยังดีที่มีเก็บส่วนต่างได้บ้างตามรอบ คือสุขภาพและใจเบิกบาน ... แอะไงเนี่ย! ไม่ใช่รายงานพอร์ทหุ้นแต่เป็นภาพรวมการเกษตรแบบอินดี้ค่ะ
    #จ๊อดอินดี้
    กองเงินกองทอง ทำสวนมาก็ได้ปันผลประมาณนี้ จ่ายทุกหน้าแล้ง ส่วนที่เป็นต้นทุนลงเป็นก้อนโตขึ้นทุกวัน ถอนออกมาใช้ยังไม่ได้เพราะติดดอย😆 ยังดีที่มีเก็บส่วนต่างได้บ้างตามรอบ คือสุขภาพและใจเบิกบาน ... แอะไงเนี่ย! ไม่ใช่รายงานพอร์ทหุ้นแต่เป็นภาพรวมการเกษตรแบบอินดี้ค่ะ🤣🤣🤣 #จ๊อดอินดี้
    0 Comments 0 Shares 254 Views 0 Reviews
  • SCB EIC ศูนย์วิจัยไทยพาณิชณ์ ได้คาดการณ์
    ภาวะเศรษฐกิจไทย ในปีหน้า 2568 ดังนี้

    1.1 ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศของไทย (GDP ประเทศไทย)

    SCB EIC ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 2568 เหลือ 2.4%
    จากเดิมที่คาดไว้ 2.6% เนื่องจากผลกระทบของนโยบาย
    "Trump 2.0" ที่อาจเพิ่มความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์
    และการกีดกันทางการค้าอย่างรุนแรง ซึ่งส่งผลต่อเศรษฐกิจไทย
    ผ่านช่องทางการค้า การผลิต และการลงทุนเป็นหลัก

    สำหรับเศรษฐกิจไทยปี 2567 SCB EIC ปรับเพิ่มคาดการณ์
    การขยายตัวทางเศรษฐกิจเป็น 2.7% จากเดิม 2.5%
    โดยเหตุผลหลักมาจากมาตรการแจกเงิน 10,000 บาท
    เพื่อช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางที่เริ่มตั้งแต่ปลายไตรมาส 3
    การใช้จ่ายของภาครัฐที่เพิ่มขึ้นจากการเร่งเบิกงบประมาณ
    รวมถึงการส่งออกสินค้าที่กลับมาฟื้นตัว

    นอกจากนี้ ยังมีการเร่งตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ
    ในช่วงสองเดือนสุดท้ายของปี ซึ่งช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม

    1.2 อัตราเงินเฟ้อของไทย
    SCB EIC ประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยในปี 2567
    จะอยู่ที่ 0.5% สำหรับปีหน้า (2568) จะอยู่ที่ 1%
    (ประเมิน ณ เดือน พ.ย. 2567)

    1.3 อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย
    SCB EIC คาดการณ์ว่า ในการประชุมเดือน ธ.ค. นี้ กนง.
    จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้เช่นเดิม ตามแนวทางที่ กนง.
    สื่อสารไว้เกี่ยวกับการรักษาขีดความสามารถของนโยบายการเงิน
    (Policy space) เพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนในระบบเศรษฐกิ
    จและการเงินของไทยในอนาคต

    อย่างไรก็ตาม SCB EIC มองว่า กนง. อาจตัดสินใจลดดอกเบี้ย
    นโยบายลงอีก 0.25% ในการประชุมเดือน ก.พ. 2568
    เพื่อช่วยผ่อนคลายสภาพคล่องทางการเงินเพิ่มเติม
    และเศรษฐกิจไทยจะมีความเสี่ยงด้านลบเพิ่มขึ้นจากนโยบาย
    Trump 2.0

    ที่มา : SCBEIC

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ภาวะเศรษฐกิจไทย2568
    #SCBEIC #thaitimes
    💥💥SCB EIC ศูนย์วิจัยไทยพาณิชณ์ ได้คาดการณ์ ภาวะเศรษฐกิจไทย ในปีหน้า 2568 ดังนี้ 1.1 ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศของไทย (GDP ประเทศไทย) SCB EIC ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 2568 เหลือ 2.4% จากเดิมที่คาดไว้ 2.6% เนื่องจากผลกระทบของนโยบาย "Trump 2.0" ที่อาจเพิ่มความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และการกีดกันทางการค้าอย่างรุนแรง ซึ่งส่งผลต่อเศรษฐกิจไทย ผ่านช่องทางการค้า การผลิต และการลงทุนเป็นหลัก สำหรับเศรษฐกิจไทยปี 2567 SCB EIC ปรับเพิ่มคาดการณ์ การขยายตัวทางเศรษฐกิจเป็น 2.7% จากเดิม 2.5% โดยเหตุผลหลักมาจากมาตรการแจกเงิน 10,000 บาท เพื่อช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางที่เริ่มตั้งแต่ปลายไตรมาส 3 การใช้จ่ายของภาครัฐที่เพิ่มขึ้นจากการเร่งเบิกงบประมาณ รวมถึงการส่งออกสินค้าที่กลับมาฟื้นตัว นอกจากนี้ ยังมีการเร่งตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ในช่วงสองเดือนสุดท้ายของปี ซึ่งช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม 1.2 อัตราเงินเฟ้อของไทย SCB EIC ประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยในปี 2567 จะอยู่ที่ 0.5% สำหรับปีหน้า (2568) จะอยู่ที่ 1% (ประเมิน ณ เดือน พ.ย. 2567) 1.3 อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย SCB EIC คาดการณ์ว่า ในการประชุมเดือน ธ.ค. นี้ กนง. จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้เช่นเดิม ตามแนวทางที่ กนง. สื่อสารไว้เกี่ยวกับการรักษาขีดความสามารถของนโยบายการเงิน (Policy space) เพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนในระบบเศรษฐกิ จและการเงินของไทยในอนาคต อย่างไรก็ตาม SCB EIC มองว่า กนง. อาจตัดสินใจลดดอกเบี้ย นโยบายลงอีก 0.25% ในการประชุมเดือน ก.พ. 2568 เพื่อช่วยผ่อนคลายสภาพคล่องทางการเงินเพิ่มเติม และเศรษฐกิจไทยจะมีความเสี่ยงด้านลบเพิ่มขึ้นจากนโยบาย Trump 2.0 ที่มา : SCBEIC #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ภาวะเศรษฐกิจไทย2568 #SCBEIC #thaitimes
    0 Comments 0 Shares 1304 Views 0 Reviews
  • 01/12/67 แอดมิน นั่งทำการบ้านหุ้น SETHD, SET50 และ SET100
    มีหุ้นอยู่ 2 ตัว ที่มีราคาเหมาะสม และจังหวะในการซื้อที่ดี
    ลองไปทำการบ้านกันต่อด้วยนะครับ

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ตลาดหุ้นไทย #SET
    #thaitimes
    01/12/67 แอดมิน นั่งทำการบ้านหุ้น SETHD, SET50 และ SET100 มีหุ้นอยู่ 2 ตัว ที่มีราคาเหมาะสม และจังหวะในการซื้อที่ดี ลองไปทำการบ้านกันต่อด้วยนะครับ 🙏 #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ตลาดหุ้นไทย #SET #thaitimes
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 914 Views 0 Reviews
  • 29/11/2567 สิ่งที่น่าสนใจคือ สถาบัน หรือ กองทุน และโบรก คือ คนซื้อหลักของวันนี้ ส่วนนักลงทุนต่างประเทศ และ นักลงทุนในประเทศ คือ คนขายหลักในวันนี้ #หุ้นติดดอย #การลงทุน #SET #ตลาดหุ้นไทย #Thaitimes
    29/11/2567 สิ่งที่น่าสนใจคือ สถาบัน หรือ กองทุน และโบรก คือ คนซื้อหลักของวันนี้ ส่วนนักลงทุนต่างประเทศ และ นักลงทุนในประเทศ คือ คนขายหลักในวันนี้ #หุ้นติดดอย #การลงทุน #SET #ตลาดหุ้นไทย #Thaitimes
    0 Comments 0 Shares 885 Views 0 Reviews
  • แอดมิน นั่งทำการบ้านหุ้น SETHD, SET50 และ SET100
    มีหุ้นอยู่ 2 ตัว ที่ราคาเหมาะสม และจังหวะการซื้อที่ดี
    ลองไปทำการบ้านกันต่อด้วยนะครับ

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ตลาดหุ้นไทย #SET
    #thaitimes
    💥แอดมิน นั่งทำการบ้านหุ้น SETHD, SET50 และ SET100 มีหุ้นอยู่ 2 ตัว ที่ราคาเหมาะสม และจังหวะการซื้อที่ดี ลองไปทำการบ้านกันต่อด้วยนะครับ 🙏 #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ตลาดหุ้นไทย #SET #thaitimes
    0 Comments 0 Shares 1077 Views 0 Reviews
  • 21/11/2567 ตลาดหุ้นไทยวันนี้
    สิ่งที่น่่าสนใจคือ สถาบัน หรือ กองทุน
    และ นักลงทุนในประเทศ คือ คนซื้อหุ้นไทย
    หลักๆ ในวันนี้

    ส่วนนักลงทุนต่างประเทศ และ โบรก
    คือ คนขายหุ้นไทยในวันนี้

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #SET #ตลาดหุ้นไทย
    #thaitimes
    21/11/2567 ตลาดหุ้นไทยวันนี้ สิ่งที่น่่าสนใจคือ สถาบัน หรือ กองทุน และ นักลงทุนในประเทศ คือ คนซื้อหุ้นไทย หลักๆ ในวันนี้ ส่วนนักลงทุนต่างประเทศ และ โบรก คือ คนขายหุ้นไทยในวันนี้ #หุ้นติดดอย #การลงทุน #SET #ตลาดหุ้นไทย #thaitimes
    0 Comments 0 Shares 1002 Views 0 Reviews
  • 20/11/2567 วันนี้ตลาดหุ้นไทย
    สิ่งที่น่าสนใจคือ นักลงทุนต่างประเทศ,
    กองทุน หรือ สถาบัน และ โบรก
    คือ ผู้ขายหลักในวันนี้

    ส่วนนักลงทุนในประเทศ คือ ผู้ซื้อหลัก

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ตลาดหุ้นไทย #SET
    #thaitimes
    20/11/2567 วันนี้ตลาดหุ้นไทย สิ่งที่น่าสนใจคือ นักลงทุนต่างประเทศ, กองทุน หรือ สถาบัน และ โบรก คือ ผู้ขายหลักในวันนี้ ส่วนนักลงทุนในประเทศ คือ ผู้ซื้อหลัก #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ตลาดหุ้นไทย #SET #thaitimes
    0 Comments 0 Shares 930 Views 0 Reviews
  • แอดมิน นั่งทำการบ้าน SETHD, SET50 และ SET100
    สัปดาห์นี้พบหุ้น ที่ราคาเหมาะสม และจังหวะ
    การซื้อที่ดีจำนวน ศูนย์ ตัว

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ตลาดหุ้นไทย #SET
    #thaitime
    แอดมิน นั่งทำการบ้าน SETHD, SET50 และ SET100 สัปดาห์นี้พบหุ้น ที่ราคาเหมาะสม และจังหวะ การซื้อที่ดีจำนวน ศูนย์ ตัว 🙏 #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ตลาดหุ้นไทย #SET #thaitime
    Wow
    1
    1 Comments 0 Shares 958 Views 0 Reviews
  • 11/11/2567 ตลาดหุ้นไทย
    สิ่งที่น่าสนใจวันนี้คือ นักลงทุนต่างประเทศ, โบรก
    และ สถาบัน หรือ กองทุน คือ คนขายหุ้นไทยหลัก

    ส่วนผู้ซื้อหุ้นไทยในวันนี้คือ นักลงทุนในประเทศ

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ตลาดหุ้นไทย #SET
    #thaitimes
    💥11/11/2567 ตลาดหุ้นไทย สิ่งที่น่าสนใจวันนี้คือ นักลงทุนต่างประเทศ, โบรก และ สถาบัน หรือ กองทุน คือ คนขายหุ้นไทยหลัก ส่วนผู้ซื้อหุ้นไทยในวันนี้คือ นักลงทุนในประเทศ #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ตลาดหุ้นไทย #SET #thaitimes
    Like
    4
    0 Comments 0 Shares 990 Views 0 Reviews
  • แอดมิน นั่งทำการบ้าน SETHD, SET50 และ SET100
    มีหุ้นอยู่ 5 ตัว ที่ราคาเหมาะสม และ จังหวะการซื้อที่ดี
    ลองไปทำการบ้านกันต่อด้วยนะครับ

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #SET #ตลาดหุ้นไทย
    #thaitimes
    💥แอดมิน นั่งทำการบ้าน SETHD, SET50 และ SET100 มีหุ้นอยู่ 5 ตัว ที่ราคาเหมาะสม และ จังหวะการซื้อที่ดี ลองไปทำการบ้านกันต่อด้วยนะครับ 🙏 #หุ้นติดดอย #การลงทุน #SET #ตลาดหุ้นไทย #thaitimes
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 1101 Views 0 Reviews
  • 06/11/2567 ตลาดหุ้นไทยวันนี้ สิ่งที่น่าสนใจคือ
    นักลงทุนในประเทศ และสถาบันหรือกองทุน
    คือผู้ซื้อหุ้นไทยในวันนี้ ส่วนคนขายหุ้นไทยหลักๆ
    คือ นักลงทุนต่างประเทศ และ โบรก
    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #SET #ตลาดหุ้นไทย
    06/11/2567 ตลาดหุ้นไทยวันนี้ สิ่งที่น่าสนใจคือ นักลงทุนในประเทศ และสถาบันหรือกองทุน คือผู้ซื้อหุ้นไทยในวันนี้ ส่วนคนขายหุ้นไทยหลักๆ คือ นักลงทุนต่างประเทศ และ โบรก #หุ้นติดดอย #การลงทุน #SET #ตลาดหุ้นไทย
    0 Comments 0 Shares 883 Views 0 Reviews
  • 05/11/2567 วันนี้สิ่งที่น่าสนใจคือ
    สถาบัน หรือ กองทุน และ นักลงทุนต่างประเทศ
    คือ คนซื้อหุ้นไทยหลักๆ

    ส่วนนักลงทุนในประเทศ และ โบรก คือ คนขายหุ้นไทยในวันนี้
    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes
    05/11/2567 วันนี้สิ่งที่น่าสนใจคือ สถาบัน หรือ กองทุน และ นักลงทุนต่างประเทศ คือ คนซื้อหุ้นไทยหลักๆ ส่วนนักลงทุนในประเทศ และ โบรก คือ คนขายหุ้นไทยในวันนี้ #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes
    0 Comments 0 Shares 943 Views 0 Reviews
  • แอดมิน ทำการบ้านหุ้น SETHD, SET50 และ SET100
    มีหุ้นอยู่ 5 ตัว ที่ราคาเหมาะสม และจังหวะการซื้อที่ดี
    ลองไปทำการบ้านกันต่อด้วยนะครับ

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #SET #ตลาดหุ้นไทย
    #thaitimes
    แอดมิน ทำการบ้านหุ้น SETHD, SET50 และ SET100 มีหุ้นอยู่ 5 ตัว ที่ราคาเหมาะสม และจังหวะการซื้อที่ดี ลองไปทำการบ้านกันต่อด้วยนะครับ 🙏 #หุ้นติดดอย #การลงทุน #SET #ตลาดหุ้นไทย #thaitimes
    0 Comments 0 Shares 1098 Views 0 Reviews
  • ..นี้หากมองว่าสายมโน ก็สามารถพูดไม่ผิดได้,แต่แบงค์ไทยจะว่าไปจริงๆก็ปิดปรับปรุงบ่อยมากๆผิดปกติ นี้8พ.ยบวกลบ2-3วันปรับปรุงก็จะทำกันอีกแล้ว.บางคนก็ว่า CBDCสายมืดของฝ่ายมืด,QFSสายฝ่ายแสงฝ่ายดีพะนะ,บางคนก็บอกว่าเหี้ยพวกเดียวกันหมดนั้นล่ะ เล่นหลอกชาวโลกคนละบริบทเฉยพะนะ,ตรองกันเองเน้อ.(ช่วงนี้มีหุ้นขายหุ้นขายกองทุนทิ้งเน้อ จะติดดอย,มีตังฝากในแบงค์มากๆก็คงเหลือไว้สัก100บาทในแต่ละบัญชีก็พอ เขาคุ้มครองแค่ล้านเดียวเนาะ,ไฟดับ หน่วยความจำระบบเหี้ยทั้งแบงค์ถูกแฮ็กลบเป็นว่างเปล่า ตังเป็นศูนย์บาทจะหนาว,ใครทำเองใครทำให้ก็ได้หมดนะ,จงเชื่อแค่ตัวท่านเองเถอะ)

    ..ได้รับการยืนยันแล้ว! การเปิดตัว QFS กำลังบังคับให้ธนาคารกระจายความมั่งคั่งทันที—ภายในการประชุมลับของชนชั้นสูงธนาคาร!

    ระบบการเงินควอนตัม (QFS) เป็นเครื่องมือปลดปล่อยที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมา และกำลังเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ทางการเงินระดับโลกอย่างเป็นความลับ การเปิดตัว QFS นี้เป็นปฏิบัติการลับเพื่อรื้อถอนระบบการเงินที่ทุจริตซึ่งกดขี่ประชาชนมานานหลายทศวรรษ QFS คืออนาคต—ดำเนินการอย่างแม่นยำและเป็นความลับโดยกลุ่มหมวกขาวและพันธมิตรของพวกเขา

    การโอนความมั่งคั่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษย์มาถึงแล้ว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนแม่บท QFS ภายใต้ GESARA นี่ไม่ใช่แค่การเชื่อมโยงธนาคารเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการยึดทรัพย์สมบัติที่ขโมยมาของชนชั้นสูงแล้วส่งคืนให้กับประชาชนอีกด้วย เงินหลายล้านล้านที่ขโมยมาจากการโกหกและการจัดการกำลังจะถูกดึงออกมาจากผู้ทุจริตและส่งคืนให้กับประชาชน

    QFS ซึ่งสอดคล้องกับ GESARA กำลังพลิกโฉมระบบการเงิน เป็นเวลาหลายศตวรรษแล้วที่กลุ่มคนชั้นสูงได้กักตุนความมั่งคั่งและอำนาจไว้ แต่ตอนนี้สถานการณ์กลับตาลปัตร ในที่สุดมวลชนก็ได้รับอำนาจ และการผูกขาดของกลุ่มคนระดับโลกกำลังจะสิ้นสุดลง

    ธนาคารทั่วโลกกำลังถูกดึงเข้าสู่ระบบ QFS ด้วยความเร็วที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน นี่ไม่ใช่การอัปเกรดแบบเลือกได้ แต่เป็นความต้องการที่กำลังสั่นคลอนโลกการเงินแบบดั้งเดิม ธนาคารทั้งขนาดใหญ่และเล็กกำลังถูกบูรณาการ ตรวจสอบ และทดสอบ QFS ไม่สนใจสถานะหรือประวัติ แต่จะบังคับใช้การปฏิบัติตามและความซื่อสัตย์อย่างสมบูรณ์

    หลังประตูที่ปิดสนิท เจ้าหน้าที่ธนาคารกำลังตื่นตระหนก ซีอีโอและหัวหน้าฝ่ายการเงินเข้าร่วมการบรรยายสรุปแบบลับ โดยถูกบอกว่าพวกเขาต้องปฏิบัติตามมาตรฐาน QFS มิฉะนั้นจะถูกตัดขาดจากเศรษฐกิจใหม่ ยุคของการทุจริตระบบ ปกปิดธุรกรรม และโอนเงินเข้าบัญชีลับได้สิ้นสุดลงแล้ว QFS มองเห็นทุกสิ่ง—กำลังบังคับให้มีการตรวจสอบในทุกธุรกรรม
    มีผู้รักชาติและผู้แจ้งเบาะแสที่ได้รับสิทธิ์ในการเข้าถึงบัญชี QFS ก่อนกำหนดเป็นรางวัลสำหรับการเปิดโปงระบบเก่า ผู้บุกเบิกเหล่านี้ซึ่งติดอาวุธด้วยสิทธิ์ในการเข้าถึง QFS กำลังเป็นผู้นำในการก้าวเข้าสู่ยุคแห่งอิสรภาพทางการเงิน

    QFS เป็นมากกว่าเทคโนโลยี แต่เป็นการปฏิวัติเพื่อถ่ายโอนอำนาจกลับคืนสู่ประชาชน ระบบเก่าถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ประชาชนเป็นหนี้และพึ่งพาผู้อื่น แต่ QFS กำลังเขียนสคริปต์นั้นใหม่ เงินของคุณเป็นของคุณเพียงผู้เดียวแล้ว—ได้รับการคุ้มครองจากธนาคาร รัฐบาล และใครก็ตามที่เคยอ้างสิทธิ์เงินนั้น

    แม้ในขณะที่เรากำลังพูดอยู่นี้ ทีมงานลับทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อนำธนาคารเข้ามาอยู่ใน QFS โดยไม่สนใจสื่อเพราะกลุ่มคนชั้นนำไม่ต้องการให้สาธารณชนตระหนักว่าการควบคุมของพวกเขาลดลงอย่างรวดเร็วเพียงใด การเปลี่ยนแปลงทุกอย่างที่คุณเห็น ไม่ว่าจะเป็นธนาคารที่ผลักดันการอัปเดตทางดิจิทัล การหยุดให้บริการโดยไม่ทราบสาเหตุ ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของการบูรณาการ QFS

    ความปลอดภัยของ QFS นั้นไม่มีใครเทียบได้: การเข้ารหัสควอนตัม การเชื่อมโยงบัญชีกับบุคคลโดยใช้ลายเซ็นควอนตัมโดยเฉพาะ ช่วยให้มั่นใจได้ถึงการป้องกันอย่างสมบูรณ์ ไม่มีแฮกเกอร์ รัฐนอกกฎหมาย หรืออาชญากรใดที่จะเจาะระบบได้ ด้วย QFS การควบคุมทางการเงินจะอยู่ที่คุณและคุณเท่านั้น

    อำนาจเก่ากำลังต่อสู้กลับ QFS พร้อมแล้ว สถาบันที่ไม่ปฏิบัติตามกฎจะถูกอายัดทรัพย์สิน และถูกตัดขาดโดยสิ้นเชิง ผู้พิทักษ์เก่ากำลังถูกกำจัดออกไปอย่างเป็นระบบ เหลือเพียงผู้ที่พร้อมจะยอมรับวิสัยทัศน์ของ QFS เกี่ยวกับความรับผิดชอบและความโปร่งใส

    QFS คือแสงนำทางในยุคการเงินยุคใหม่นี้ ที่ซึ่งสกุลเงินทุกหน่วยมีมูลค่าที่แท้จริง นี่คือรุ่งอรุณของระบบที่รับใช้ประชาชน โลกที่เรารู้จักกำลังเปลี่ยนแปลง และอนาคตก็ชัดเจน: QFS อยู่ที่นี่เพื่ออยู่ต่อ

    เข้าร่วมและแชร์ช่องของฉันทันที:


    เจ้าหญิงไดอาน่า
    ..นี้หากมองว่าสายมโน ก็สามารถพูดไม่ผิดได้,แต่แบงค์ไทยจะว่าไปจริงๆก็ปิดปรับปรุงบ่อยมากๆผิดปกติ นี้8พ.ยบวกลบ2-3วันปรับปรุงก็จะทำกันอีกแล้ว.บางคนก็ว่า CBDCสายมืดของฝ่ายมืด,QFSสายฝ่ายแสงฝ่ายดีพะนะ,บางคนก็บอกว่าเหี้ยพวกเดียวกันหมดนั้นล่ะ เล่นหลอกชาวโลกคนละบริบทเฉยพะนะ,ตรองกันเองเน้อ.(ช่วงนี้มีหุ้นขายหุ้นขายกองทุนทิ้งเน้อ จะติดดอย,มีตังฝากในแบงค์มากๆก็คงเหลือไว้สัก100บาทในแต่ละบัญชีก็พอ เขาคุ้มครองแค่ล้านเดียวเนาะ,ไฟดับ หน่วยความจำระบบเหี้ยทั้งแบงค์ถูกแฮ็กลบเป็นว่างเปล่า ตังเป็นศูนย์บาทจะหนาว,ใครทำเองใครทำให้ก็ได้หมดนะ,จงเชื่อแค่ตัวท่านเองเถอะ) ..ได้รับการยืนยันแล้ว! การเปิดตัว QFS กำลังบังคับให้ธนาคารกระจายความมั่งคั่งทันที—ภายในการประชุมลับของชนชั้นสูงธนาคาร! ระบบการเงินควอนตัม (QFS) เป็นเครื่องมือปลดปล่อยที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมา และกำลังเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ทางการเงินระดับโลกอย่างเป็นความลับ การเปิดตัว QFS นี้เป็นปฏิบัติการลับเพื่อรื้อถอนระบบการเงินที่ทุจริตซึ่งกดขี่ประชาชนมานานหลายทศวรรษ QFS คืออนาคต—ดำเนินการอย่างแม่นยำและเป็นความลับโดยกลุ่มหมวกขาวและพันธมิตรของพวกเขา การโอนความมั่งคั่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษย์มาถึงแล้ว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนแม่บท QFS ภายใต้ GESARA นี่ไม่ใช่แค่การเชื่อมโยงธนาคารเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการยึดทรัพย์สมบัติที่ขโมยมาของชนชั้นสูงแล้วส่งคืนให้กับประชาชนอีกด้วย เงินหลายล้านล้านที่ขโมยมาจากการโกหกและการจัดการกำลังจะถูกดึงออกมาจากผู้ทุจริตและส่งคืนให้กับประชาชน QFS ซึ่งสอดคล้องกับ GESARA กำลังพลิกโฉมระบบการเงิน เป็นเวลาหลายศตวรรษแล้วที่กลุ่มคนชั้นสูงได้กักตุนความมั่งคั่งและอำนาจไว้ แต่ตอนนี้สถานการณ์กลับตาลปัตร ในที่สุดมวลชนก็ได้รับอำนาจ และการผูกขาดของกลุ่มคนระดับโลกกำลังจะสิ้นสุดลง ธนาคารทั่วโลกกำลังถูกดึงเข้าสู่ระบบ QFS ด้วยความเร็วที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน นี่ไม่ใช่การอัปเกรดแบบเลือกได้ แต่เป็นความต้องการที่กำลังสั่นคลอนโลกการเงินแบบดั้งเดิม ธนาคารทั้งขนาดใหญ่และเล็กกำลังถูกบูรณาการ ตรวจสอบ และทดสอบ QFS ไม่สนใจสถานะหรือประวัติ แต่จะบังคับใช้การปฏิบัติตามและความซื่อสัตย์อย่างสมบูรณ์ หลังประตูที่ปิดสนิท เจ้าหน้าที่ธนาคารกำลังตื่นตระหนก ซีอีโอและหัวหน้าฝ่ายการเงินเข้าร่วมการบรรยายสรุปแบบลับ โดยถูกบอกว่าพวกเขาต้องปฏิบัติตามมาตรฐาน QFS มิฉะนั้นจะถูกตัดขาดจากเศรษฐกิจใหม่ ยุคของการทุจริตระบบ ปกปิดธุรกรรม และโอนเงินเข้าบัญชีลับได้สิ้นสุดลงแล้ว QFS มองเห็นทุกสิ่ง—กำลังบังคับให้มีการตรวจสอบในทุกธุรกรรม มีผู้รักชาติและผู้แจ้งเบาะแสที่ได้รับสิทธิ์ในการเข้าถึงบัญชี QFS ก่อนกำหนดเป็นรางวัลสำหรับการเปิดโปงระบบเก่า ผู้บุกเบิกเหล่านี้ซึ่งติดอาวุธด้วยสิทธิ์ในการเข้าถึง QFS กำลังเป็นผู้นำในการก้าวเข้าสู่ยุคแห่งอิสรภาพทางการเงิน QFS เป็นมากกว่าเทคโนโลยี แต่เป็นการปฏิวัติเพื่อถ่ายโอนอำนาจกลับคืนสู่ประชาชน ระบบเก่าถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ประชาชนเป็นหนี้และพึ่งพาผู้อื่น แต่ QFS กำลังเขียนสคริปต์นั้นใหม่ เงินของคุณเป็นของคุณเพียงผู้เดียวแล้ว—ได้รับการคุ้มครองจากธนาคาร รัฐบาล และใครก็ตามที่เคยอ้างสิทธิ์เงินนั้น แม้ในขณะที่เรากำลังพูดอยู่นี้ ทีมงานลับทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อนำธนาคารเข้ามาอยู่ใน QFS โดยไม่สนใจสื่อเพราะกลุ่มคนชั้นนำไม่ต้องการให้สาธารณชนตระหนักว่าการควบคุมของพวกเขาลดลงอย่างรวดเร็วเพียงใด การเปลี่ยนแปลงทุกอย่างที่คุณเห็น ไม่ว่าจะเป็นธนาคารที่ผลักดันการอัปเดตทางดิจิทัล การหยุดให้บริการโดยไม่ทราบสาเหตุ ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของการบูรณาการ QFS ความปลอดภัยของ QFS นั้นไม่มีใครเทียบได้: การเข้ารหัสควอนตัม การเชื่อมโยงบัญชีกับบุคคลโดยใช้ลายเซ็นควอนตัมโดยเฉพาะ ช่วยให้มั่นใจได้ถึงการป้องกันอย่างสมบูรณ์ ไม่มีแฮกเกอร์ รัฐนอกกฎหมาย หรืออาชญากรใดที่จะเจาะระบบได้ ด้วย QFS การควบคุมทางการเงินจะอยู่ที่คุณและคุณเท่านั้น อำนาจเก่ากำลังต่อสู้กลับ QFS พร้อมแล้ว สถาบันที่ไม่ปฏิบัติตามกฎจะถูกอายัดทรัพย์สิน และถูกตัดขาดโดยสิ้นเชิง ผู้พิทักษ์เก่ากำลังถูกกำจัดออกไปอย่างเป็นระบบ เหลือเพียงผู้ที่พร้อมจะยอมรับวิสัยทัศน์ของ QFS เกี่ยวกับความรับผิดชอบและความโปร่งใส QFS คือแสงนำทางในยุคการเงินยุคใหม่นี้ ที่ซึ่งสกุลเงินทุกหน่วยมีมูลค่าที่แท้จริง นี่คือรุ่งอรุณของระบบที่รับใช้ประชาชน โลกที่เรารู้จักกำลังเปลี่ยนแปลง และอนาคตก็ชัดเจน: QFS อยู่ที่นี่เพื่ออยู่ต่อ เข้าร่วมและแชร์ช่องของฉันทันที: ⬇️⬇️⬇️⬇️ เจ้าหญิงไดอาน่า
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 617 Views 0 Reviews
  • 01/11/2567 ตลาดหุ้นไทยวันนี้
    สิ่งที่น่าสนใจคือ นักลงทุนต่างประเทศ คือ
    ผู้ขายหุ้นไทย หลักๆ ในวันนี้

    ส่วนผู้ที่ซื้อหลักในวันนี้ คือ นักลงทุนสถาบัน
    หรือ กองทุน สมทบด้วย โบรก และ นักลงทุนในประเทศ
    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #SET #ตลาดหุ้นไทย
    #thaitimes
    01/11/2567 ตลาดหุ้นไทยวันนี้ สิ่งที่น่าสนใจคือ นักลงทุนต่างประเทศ คือ ผู้ขายหุ้นไทย หลักๆ ในวันนี้ ส่วนผู้ที่ซื้อหลักในวันนี้ คือ นักลงทุนสถาบัน หรือ กองทุน สมทบด้วย โบรก และ นักลงทุนในประเทศ #หุ้นติดดอย #การลงทุน #SET #ตลาดหุ้นไทย #thaitimes
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 1115 Views 0 Reviews
  • 30/10/2567 ตลาดหุ้นไทย
    สิ่งที่น่าสนใจวันนี้คือ นักลงทุนต่างประเทศ
    คือ ผู้ขายหุ้นไทยหลักๆในวันนี้

    ส่วนผู้ซื้อหุ้นไทยหลักๆในวันนี้ คือ นักลงทุนในประเทศ
    สมทบการซื้อด้วย นักลงทุนสถาบัน หรือ กองทุน
    และ โบรกเกอร์

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #SET #ตลาดหุ้นไทย
    #thaitimes
    💥💥30/10/2567 ตลาดหุ้นไทย สิ่งที่น่าสนใจวันนี้คือ นักลงทุนต่างประเทศ คือ ผู้ขายหุ้นไทยหลักๆในวันนี้ ส่วนผู้ซื้อหุ้นไทยหลักๆในวันนี้ คือ นักลงทุนในประเทศ สมทบการซื้อด้วย นักลงทุนสถาบัน หรือ กองทุน และ โบรกเกอร์ #หุ้นติดดอย #การลงทุน #SET #ตลาดหุ้นไทย #thaitimes
    0 Comments 0 Shares 1014 Views 0 Reviews
  • หนังสือพิมพ์ U.S.News จัดสหรัฐอเมริกา
    ได้เผยแพร่ผลการจัดอันดับ
    ประเทศที่มีมรดกทางวัฒนธรรมมากที่สุดในโลก
    ประจำปี 2567 พบว่า ประเทศไทย อยู่อันดับที่ 8 ของโลก
    จากจำนวน 89 ประเทศทั่วโลก
    ส่วอันดับ 1 คือ กรีซ ,อันดับ 2 คือ อิตาลี, อันดับ 3 คือ สเปน

    ที่มา : U.S.News

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes
    💥💥หนังสือพิมพ์ U.S.News จัดสหรัฐอเมริกา ได้เผยแพร่ผลการจัดอันดับ ประเทศที่มีมรดกทางวัฒนธรรมมากที่สุดในโลก ประจำปี 2567 พบว่า ประเทศไทย อยู่อันดับที่ 8 ของโลก จากจำนวน 89 ประเทศทั่วโลก ส่วอันดับ 1 คือ กรีซ ,อันดับ 2 คือ อิตาลี, อันดับ 3 คือ สเปน ที่มา : U.S.News #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes
    0 Comments 0 Shares 927 Views 0 Reviews
  • สุดยอด ปรบมือ!! ก.ล.ต. และ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
    ประสานความร่วมมือ ยกระดับการทำหน้าที่กำกับดูแล
    ตลาดทุนร่วมกัน ให้มีประสิทธิภาพยอดเยี่ยม มากยิ่งขึ้น

    บันทึกความเข้าใจฉบับนี้ได้มีการปรับปรุงกรอบการ
    ทำงานร่วมกันของทั้ง 2 องค์กรในงานด้านกำกับดูแล
    ให้มีความชัดเจน ลดความซ้ำซ้อน รวมถึงสอดรับกับระบบนิเวศ
    และการเปลี่ยนแปลงของตลาดทุนในปัจจุบัน
    ตลอดจนสามารถรองรับกับแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
    ได้แก่

    (1) การกำกับดูแลบริษัทที่เสนอขายหลักทรัพย์ต่อประชาชน
    และการกำกับดูแลบริษัทจดทะเบียน

    (2) การกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์และสมาชิก
    ของตลาดหลักทรัพย์ฯ

    (3) การติดตามดูแลการซื้อขายหลักทรัพย์จดทะเบียน
    และการบังคับใช้กฎหมาย และ

    (4) การออกระเบียบข้อบังคับหรือกฎเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ
    อีกทั้งจะเพิ่มการสนับสนุนและแลกเปลี่ยนข้อมูลการกำกับดูแล
    ระหว่างกัน เพื่อให้การทำหน้าที่ของแต่ละองค์กรมีประสิทธิภาพ
    มากยิ่งขึ้น เช่น การร่วมกันพิจารณาคำขอกรณีการจดทะเบียนโดยอ้อม
    (Backdoor Listing) การขอย้ายกลับมาซื้อขายของบริษัทจดทะเบียน
    หลังแก้ไขเหตุอาจถูกเพิกถอน (Resume Trading) เพื่อให้กระบวนการ
    พิจารณา มีมาตรฐานเทียบเท่าการรับหลักทรัพย์จดทะเบียนใหม่
    และยังจะมีการร่วมกันกำหนดหรือปรับปรุงกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
    หากเห็นว่ากฎเกณฑ์ที่มีอยู่ยังไม่เพียงพอที่จะช่วยสนับสนุน ป้องปราม
    หรือยับยั้งพฤติกรรมที่อาจนำไปสู่การซื้อขายหลักทรัพย์ที่ไม่เป็นธรรม
    ในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นต้น

    อีกทั้งบันทึกความเข้าใจฉบับนี้ยังครอบคลุมถึงแนวทางการทำงาน
    และการประสานงานร่วมกัน ทั้งในระดับคณะกรรมการและฝ่ายจัดการ
    ของทั้ง 2 องค์กร เพื่อให้การขับเคลื่อนทิศทางนโยบายการพัฒนา
    ตลาดทุน การส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันกับตลาดทุนอื่น
    และการกำกับดูแลตลาดทุนของ ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ
    มีความสอดคล้องกันมากยิ่งขึ้น

    นอกจากนี้ ทั้ง 2 องค์กรยังมีการหารือในประเด็นที่จะขับเคลื่อน
    ร่วมกันที่สำคัญ ดังนี้

    (1) การสร้างระบบนิเวศ (ecosystem) หลักทรัพย์อิเล็กทรอนิกส์
    เพื่อรองรับการพัฒนาการลงทุนในรูปแบบใหม่ ที่อยู่ระหว่างปรับปรุง
    พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

    (2) การสนับสนุนการเพิ่มมูลค่า (value up) ของบริษัทจดทะเบียน
    เพื่อสนับสนุนและสร้างแรงจูงใจให้บริษัทจดทะเบียนมุ่งมั่น
    ที่จะเสริมศักยภาพและมูลค่าของตัวเอง สื่อสารกับนักลงทุน
    อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกเหนือจากที่รัฐบาลได้สนับสนุน
    การขยายรายชื่อหลักทรัพย์ที่กองทุน Thai ESG สามารถลงทุนได้

    (3) การส่งเสริมการเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืนตามมาตรฐาน
    International Sustainability Standards Board (ISSB)
    ซึ่ง ก.ล.ต. อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมและขอความร่วมมือ
    จากตลาดหลักทรัพย์ฯ ในการสนับสนุนและต่อยอดการดำเนินการ
    และการทำความเข้าใจกับบริษัทจดทะเบียน

    (4) การส่งเสริมผู้ลงทุนให้มีความรู้ (investor empowerment)
    ผ่าน Open Data ของภาคตลาดทุนและภาคการเงิน เพื่อให้ผู้ลงทุน
    สามารถใช้ข้อมูลของตนที่อยู่กับผู้ประกอบธุรกิจได้อย่างมี
    ประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

    ที่มา ก.ล.ต.
    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes
    💥💥สุดยอด ปรบมือ!! ก.ล.ต. และ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประสานความร่วมมือ ยกระดับการทำหน้าที่กำกับดูแล ตลาดทุนร่วมกัน ให้มีประสิทธิภาพยอดเยี่ยม มากยิ่งขึ้น บันทึกความเข้าใจฉบับนี้ได้มีการปรับปรุงกรอบการ ทำงานร่วมกันของทั้ง 2 องค์กรในงานด้านกำกับดูแล ให้มีความชัดเจน ลดความซ้ำซ้อน รวมถึงสอดรับกับระบบนิเวศ และการเปลี่ยนแปลงของตลาดทุนในปัจจุบัน ตลอดจนสามารถรองรับกับแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ได้แก่ (1) การกำกับดูแลบริษัทที่เสนอขายหลักทรัพย์ต่อประชาชน และการกำกับดูแลบริษัทจดทะเบียน (2) การกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์และสมาชิก ของตลาดหลักทรัพย์ฯ (3) การติดตามดูแลการซื้อขายหลักทรัพย์จดทะเบียน และการบังคับใช้กฎหมาย และ (4) การออกระเบียบข้อบังคับหรือกฎเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ อีกทั้งจะเพิ่มการสนับสนุนและแลกเปลี่ยนข้อมูลการกำกับดูแล ระหว่างกัน เพื่อให้การทำหน้าที่ของแต่ละองค์กรมีประสิทธิภาพ มากยิ่งขึ้น เช่น การร่วมกันพิจารณาคำขอกรณีการจดทะเบียนโดยอ้อม (Backdoor Listing) การขอย้ายกลับมาซื้อขายของบริษัทจดทะเบียน หลังแก้ไขเหตุอาจถูกเพิกถอน (Resume Trading) เพื่อให้กระบวนการ พิจารณา มีมาตรฐานเทียบเท่าการรับหลักทรัพย์จดทะเบียนใหม่ และยังจะมีการร่วมกันกำหนดหรือปรับปรุงกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง หากเห็นว่ากฎเกณฑ์ที่มีอยู่ยังไม่เพียงพอที่จะช่วยสนับสนุน ป้องปราม หรือยับยั้งพฤติกรรมที่อาจนำไปสู่การซื้อขายหลักทรัพย์ที่ไม่เป็นธรรม ในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นต้น อีกทั้งบันทึกความเข้าใจฉบับนี้ยังครอบคลุมถึงแนวทางการทำงาน และการประสานงานร่วมกัน ทั้งในระดับคณะกรรมการและฝ่ายจัดการ ของทั้ง 2 องค์กร เพื่อให้การขับเคลื่อนทิศทางนโยบายการพัฒนา ตลาดทุน การส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันกับตลาดทุนอื่น และการกำกับดูแลตลาดทุนของ ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ มีความสอดคล้องกันมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ทั้ง 2 องค์กรยังมีการหารือในประเด็นที่จะขับเคลื่อน ร่วมกันที่สำคัญ ดังนี้ (1) การสร้างระบบนิเวศ (ecosystem) หลักทรัพย์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อรองรับการพัฒนาการลงทุนในรูปแบบใหม่ ที่อยู่ระหว่างปรับปรุง พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (2) การสนับสนุนการเพิ่มมูลค่า (value up) ของบริษัทจดทะเบียน เพื่อสนับสนุนและสร้างแรงจูงใจให้บริษัทจดทะเบียนมุ่งมั่น ที่จะเสริมศักยภาพและมูลค่าของตัวเอง สื่อสารกับนักลงทุน อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกเหนือจากที่รัฐบาลได้สนับสนุน การขยายรายชื่อหลักทรัพย์ที่กองทุน Thai ESG สามารถลงทุนได้ (3) การส่งเสริมการเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืนตามมาตรฐาน International Sustainability Standards Board (ISSB) ซึ่ง ก.ล.ต. อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมและขอความร่วมมือ จากตลาดหลักทรัพย์ฯ ในการสนับสนุนและต่อยอดการดำเนินการ และการทำความเข้าใจกับบริษัทจดทะเบียน (4) การส่งเสริมผู้ลงทุนให้มีความรู้ (investor empowerment) ผ่าน Open Data ของภาคตลาดทุนและภาคการเงิน เพื่อให้ผู้ลงทุน สามารถใช้ข้อมูลของตนที่อยู่กับผู้ประกอบธุรกิจได้อย่างมี ประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ที่มา ก.ล.ต. #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes
    0 Comments 0 Shares 1170 Views 0 Reviews
  • 26/10/2567
    แอดมินทำการบ้าน SETHD, SET50 และ SET100
    มีหุ้นอยู่ 5 ตัว ที่ราคาเหมาะสม และจังหวะการซื้อที่ดี
    ลองไปทำการบ้านกันต่อด้วยนะครับ

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ตลาดหุ้นไทย #SET
    #thaitimes
    26/10/2567 แอดมินทำการบ้าน SETHD, SET50 และ SET100 มีหุ้นอยู่ 5 ตัว ที่ราคาเหมาะสม และจังหวะการซื้อที่ดี ลองไปทำการบ้านกันต่อด้วยนะครับ 🙏 #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ตลาดหุ้นไทย #SET #thaitimes
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 1198 Views 0 Reviews
  • ศูนย์วิจัยไทยพาณิชย์ SCB EIC เผยแพร่ข้อมูล
    แนวโน้มธุรกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ และการก่อสร้าง
    ตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2567 มีแนวโน้มหดตัว
    จากปัจจัยกดดันด้านการฟื้นตัวของกำลังซื้อ
    และในปี 2568 ยังคงหดตัวต่อเนื่อง
    แต่ในอัตราที่ลดลง

    ตลาดที่อยู่อาศัยยังต้องเผชิญความท้าทายอย่างต่อเนื่อง
    โดยเฉพาะจากการฟื้นตัวช้าของกำลังซื้อ ซึ่งกดดันให้
    ตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2567-2568 มีแนวโน้มหดตัวต่อเนื่อง

    ปัจจัยกดดันทางเศรษฐกิจทั้งค่าครองชีพ ค่าใช้จ่าย
    และหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง ประกอบกับอัตราดอกเบี้ย
    และความเข้มงวดในการให้สินเชื่อ ยังคงกดดันการฟื้นตัว
    ของตลาดที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลาง-ล่าง
    ที่ส่วนใหญ่ตัดสินใจยังไม่ซื้อที่อยู่อาศัย หรือชะลอการซื้อออกไป

    โดยคาดว่า หน่วยโอนกรรมสิทธิ์ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล
    ในปี 2567 จะหดตัวราว -10% (เทียบปีต่อปี) และหดตัวต่อเนื่องราว
    -1% ถึง -3% (เทียบปีต่อปี) ในปี 2568

    ส่วนมูลค่าโอนกรรมสิทธิ์ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลในปี 2567
    มีแนวโน้มหดตัวราว -9% (เทียบปีต่อปี) แต่อาจเริ่มทรงตัวได้
    หรือหดตัวเล็กน้อยราว +0% ถึง -2% (ปีต่อปี) ในปี 2568

    ขณะที่การโอนกรรมสิทธิ์ในต่างจังหวัด มีแนวโน้มหดตัว
    ในอัตราที่สูงกว่ากรุงเทพฯ และปริมณฑลเล็กน้อย
    เนื่องจากมีสัดส่วนกำลังซื้อกลุ่มรายได้ปานกลาง-ล่างที่สูงกว่า


    การเปิดโครงการใหม่ในปี 2567-2568 ยังมีแนวโน้มหดตัว
    ต่อเนื่อง จากการที่ผู้ประกอบการระมัดระวังในการเปิดโครงการ
    จากหน่วยเหลือขายสะสมที่เพิ่มขึ้น

    อีกทั้ง ต้นทุนก่อสร้างยังอยู่ในระดับสูง จำนวนหน่วยที่อยู่อาศัย
    เปิดใหม่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลคาดว่าจะหดตัวราว
    -28% (เทียบปีต่อปี) ในปี 2567 และหดตัวต่อเนื่องอีกราว
    -2% ถึง -4% (เทียบปีต่อปี) ในปี 2568
    โดยเป็นการเปิดโครงการระดับราคาปานกลาง-บนเป็นหลัก
    เพื่อเน้นเจาะกลุ่มกำลังซื้อที่มีศักยภาพ

    นอกจากนี้ ยังช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถรักษาอัตรา
    กำไรได้ ท่ามกลางภาวะต้นทุนการก่อสร้างที่ยังอยู่ในระดับสูง
    ทั้งวัสดุก่อสร้าง แรงงาน และราคาที่ดิน

    ส่วนการเปิดโครงการระดับราคาปานกลาง-ล่าง ยังเป็นไป
    อย่างระมัดระวัง เน้นเฉพาะทำเลที่มีศักยภาพ และระบาย
    สินค้าคงเหลือ มากขึ้นแทน


    ภาวะตลาดที่ซบเซาและการแข่งขันในตลาดที่อยู่อาศัย
    ที่ยังมีแนวโน้มเป็นไปอย่างเข้มข้น ผู้ประกอบการจึงต้อง
    ปรับกลยุทธ์ในหลายด้าน โดยกลยุทธ์ที่ผู้ประกอบการ
    ควรให้ความสำคัญ ได้แก่

    1) พัฒนาโครงการใหม่อย่างระมัดระวัง
    2) ตอบโจทย์ความต้องการผู้ซื้อแต่ละกลุ่มอย่างตรงจุด
    3) ขยายตลาดผู้ซื้อชาวต่างชาติ
    4) บริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อรักษา
    อัตรากำไร นอกจากนี้ ผู้ประกอบการต้องให้ความสำคัญ
    กับการดำเนินธุรกิจภายใต้กรอบ ESG มากขึ้น
    โดยเฉพาะการพัฒนาโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

    ที่มา : scbeic
    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #อสังหาริมทรัพย์ #thaitimes
    💥💥ศูนย์วิจัยไทยพาณิชย์ SCB EIC เผยแพร่ข้อมูล แนวโน้มธุรกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ และการก่อสร้าง ตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2567 มีแนวโน้มหดตัว จากปัจจัยกดดันด้านการฟื้นตัวของกำลังซื้อ และในปี 2568 ยังคงหดตัวต่อเนื่อง แต่ในอัตราที่ลดลง 🚩ตลาดที่อยู่อาศัยยังต้องเผชิญความท้าทายอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากการฟื้นตัวช้าของกำลังซื้อ ซึ่งกดดันให้ ตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2567-2568 มีแนวโน้มหดตัวต่อเนื่อง 🚩ปัจจัยกดดันทางเศรษฐกิจทั้งค่าครองชีพ ค่าใช้จ่าย และหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง ประกอบกับอัตราดอกเบี้ย และความเข้มงวดในการให้สินเชื่อ ยังคงกดดันการฟื้นตัว ของตลาดที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลาง-ล่าง ที่ส่วนใหญ่ตัดสินใจยังไม่ซื้อที่อยู่อาศัย หรือชะลอการซื้อออกไป 🚩โดยคาดว่า หน่วยโอนกรรมสิทธิ์ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ในปี 2567 จะหดตัวราว -10% (เทียบปีต่อปี) และหดตัวต่อเนื่องราว -1% ถึง -3% (เทียบปีต่อปี) ในปี 2568 🚩ส่วนมูลค่าโอนกรรมสิทธิ์ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลในปี 2567 มีแนวโน้มหดตัวราว -9% (เทียบปีต่อปี) แต่อาจเริ่มทรงตัวได้ หรือหดตัวเล็กน้อยราว +0% ถึง -2% (ปีต่อปี) ในปี 2568 🚩ขณะที่การโอนกรรมสิทธิ์ในต่างจังหวัด มีแนวโน้มหดตัว ในอัตราที่สูงกว่ากรุงเทพฯ และปริมณฑลเล็กน้อย เนื่องจากมีสัดส่วนกำลังซื้อกลุ่มรายได้ปานกลาง-ล่างที่สูงกว่า 🚩การเปิดโครงการใหม่ในปี 2567-2568 ยังมีแนวโน้มหดตัว ต่อเนื่อง จากการที่ผู้ประกอบการระมัดระวังในการเปิดโครงการ จากหน่วยเหลือขายสะสมที่เพิ่มขึ้น 🚩อีกทั้ง ต้นทุนก่อสร้างยังอยู่ในระดับสูง จำนวนหน่วยที่อยู่อาศัย เปิดใหม่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลคาดว่าจะหดตัวราว -28% (เทียบปีต่อปี) ในปี 2567 และหดตัวต่อเนื่องอีกราว -2% ถึง -4% (เทียบปีต่อปี) ในปี 2568 โดยเป็นการเปิดโครงการระดับราคาปานกลาง-บนเป็นหลัก เพื่อเน้นเจาะกลุ่มกำลังซื้อที่มีศักยภาพ 🚩นอกจากนี้ ยังช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถรักษาอัตรา กำไรได้ ท่ามกลางภาวะต้นทุนการก่อสร้างที่ยังอยู่ในระดับสูง ทั้งวัสดุก่อสร้าง แรงงาน และราคาที่ดิน 🚩ส่วนการเปิดโครงการระดับราคาปานกลาง-ล่าง ยังเป็นไป อย่างระมัดระวัง เน้นเฉพาะทำเลที่มีศักยภาพ และระบาย สินค้าคงเหลือ มากขึ้นแทน 🚩ภาวะตลาดที่ซบเซาและการแข่งขันในตลาดที่อยู่อาศัย ที่ยังมีแนวโน้มเป็นไปอย่างเข้มข้น ผู้ประกอบการจึงต้อง ปรับกลยุทธ์ในหลายด้าน โดยกลยุทธ์ที่ผู้ประกอบการ ควรให้ความสำคัญ ได้แก่ 🚩1) พัฒนาโครงการใหม่อย่างระมัดระวัง 🚩2) ตอบโจทย์ความต้องการผู้ซื้อแต่ละกลุ่มอย่างตรงจุด 🚩3) ขยายตลาดผู้ซื้อชาวต่างชาติ 🚩4) บริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อรักษา อัตรากำไร นอกจากนี้ ผู้ประกอบการต้องให้ความสำคัญ กับการดำเนินธุรกิจภายใต้กรอบ ESG มากขึ้น โดยเฉพาะการพัฒนาโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ที่มา : scbeic #หุ้นติดดอย #การลงทุน #อสังหาริมทรัพย์ #thaitimes
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 1467 Views 0 Reviews
  • สตาร์บัค ร้านกาแฟเชนระดับโลก ยังไม่พ้นขีดอันตราย
    เมื่อกลยุทธ์ซื้อ 1 แถม 1 ไม่สามารถดันยอดขายขึ้นมาได้

    ซึ่งคาดการณ์ยอดขายกาแฟ ในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้
    (ไตรมาส 4/2567)
    ยอดขายกาแฟสตาร์บัค มีแนวโน้มออกมาน่าผิดหวัง
    โดยยอดขายในสหรัฐ -6% และในจีนดิ่งเหวถึง -14%

    ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #สตาร์บัค #thaitimes
    🔥🔥สตาร์บัค ร้านกาแฟเชนระดับโลก ยังไม่พ้นขีดอันตราย เมื่อกลยุทธ์ซื้อ 1 แถม 1 ไม่สามารถดันยอดขายขึ้นมาได้ ซึ่งคาดการณ์ยอดขายกาแฟ ในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ (ไตรมาส 4/2567) ยอดขายกาแฟสตาร์บัค มีแนวโน้มออกมาน่าผิดหวัง โดยยอดขายในสหรัฐ -6% และในจีนดิ่งเหวถึง -14% ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ #หุ้นติดดอย #การลงทุน #สตาร์บัค #thaitimes
    Sad
    1
    0 Comments 0 Shares 1395 Views 0 Reviews
  • กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟ IMF
    คาดหนี้สาธารณะโลกจะพุ่งแตะ 100 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
    หรือ ประมาณ 3,400 ล้านล้านบาท ภายในสิ้นปีนี้

    กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ออกคำเตือน
    เมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า สถานการณ์หนี้สาธารณะทั่วโลก
    อาจเลวร้ายกว่าที่หลายคนคิด โดยเน้นย้ำถึงการขาดดุล
    การคลัง ที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในสหรัฐและจีน

    หน่วยงานดังกล่าวคาดการณ์ว่าหนี้สาธารณะทั่วโลก
    จะพุ่งสูงเกิน 100 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ
    ประมาณ 3,400 ล้านล้านบาท ภายในสิ้นปี 2567
    โดยคาดการณ์ว่าหนี้สาธารณะทั่วโลกจะพุ่งสูงถึง 100%
    ของ GDP ของโลกภายในสิ้นทศวรรษนี้

    สหรัฐฯ และจีนมีสัดส่วนหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก
    หากไม่รวมทั้งสองประเทศนี้ในการคำนวณ อัตราส่วน
    หนี้สาธารณะต่อ GDP ทั่วโลกจะลดลงประมาณ 20%

    ที่มา : cnbc

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #IMF #thaitimes
    🔥🔥กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟ IMF คาดหนี้สาธารณะโลกจะพุ่งแตะ 100 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ ประมาณ 3,400 ล้านล้านบาท ภายในสิ้นปีนี้ 🚩กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ออกคำเตือน เมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า สถานการณ์หนี้สาธารณะทั่วโลก อาจเลวร้ายกว่าที่หลายคนคิด โดยเน้นย้ำถึงการขาดดุล การคลัง ที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในสหรัฐและจีน 🚩หน่วยงานดังกล่าวคาดการณ์ว่าหนี้สาธารณะทั่วโลก จะพุ่งสูงเกิน 100 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ ประมาณ 3,400 ล้านล้านบาท ภายในสิ้นปี 2567 โดยคาดการณ์ว่าหนี้สาธารณะทั่วโลกจะพุ่งสูงถึง 100% ของ GDP ของโลกภายในสิ้นทศวรรษนี้ 🚩สหรัฐฯ และจีนมีสัดส่วนหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก หากไม่รวมทั้งสองประเทศนี้ในการคำนวณ อัตราส่วน หนี้สาธารณะต่อ GDP ทั่วโลกจะลดลงประมาณ 20% ที่มา : cnbc #หุ้นติดดอย #การลงทุน #IMF #thaitimes
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 1387 Views 0 Reviews
More Results