การเป็น 'นักลดความเดือดร้อน' ในสถานการณ์เลวร้าย
หลักการสำคัญ
1. ตระหนักในวงจรของกรรม:
การลดความเดือดร้อนของตัวเองด้วยการเพิ่มความเดือดร้อนให้คนอื่น ไม่ได้แก้ปัญหา แต่กลับสร้างกรรมใหม่ให้ตัวเองเดือดร้อนต่อไปไม่จบสิ้น
หากเราเลือกที่จะช่วยลดความเดือดร้อนให้คนอื่น เรากำลังสร้างวงจรแห่งความสบายใจและความสงบสุขในระยะยาว
2. มีสติและปัญญาในความทุกข์:
เมื่อเผชิญสถานการณ์เลวร้าย อย่ารีบด่วนตัดสินใจด้วยอารมณ์
สังเกตความคิดและอารมณ์ของตนเอง แล้วเลือกลงมือทำสิ่งที่ไม่เพิ่มปัญหาให้ใคร
---
วิธีเป็น 'นักลดความเดือดร้อน'
1. เริ่มที่ใจของตนเอง:
ฝึกมีสติอยู่กับปัจจุบัน ไม่ตื่นตระหนกเกินเหตุ
ควบคุมอารมณ์ไม่ให้ระเบิดใส่คนอื่น เพราะการแสดงออกที่รุนแรงอาจเพิ่มความตึงเครียดในสถานการณ์
2. ช่วยเหลือในขอบเขตที่ทำได้:
หากช่วยแก้ปัญหาได้ ให้เริ่มจากสิ่งที่เล็กที่สุด เช่น การพูดปลอบโยน การให้คำแนะนำ หรือการแบ่งปันสิ่งของจำเป็น
หากไม่สามารถช่วยเหลือได้จริงๆ การไม่เพิ่มปัญหาก็ถือเป็นการช่วยแล้ว
3. พูดและกระทำด้วยเมตตา:
ใช้คำพูดที่สร้างสรรค์ ลดการตำหนิหรือโทษใคร
แสดงออกด้วยกิริยาที่ให้กำลังใจ เช่น การยิ้ม การรับฟังปัญหาอย่างตั้งใจ
4. รักษาความเป็นกลาง:
อย่าลำเอียงเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในสถานการณ์ขัดแย้ง
พยายามหาทางแก้ปัญหาที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ร่วมกัน
---
ผลลัพธ์ของการเป็น 'นักลดความเดือดร้อน'
สร้างความสงบในใจตนเอง:
เมื่อรู้ว่าตนเองไม่เพิ่มความเดือดร้อนให้ใคร ใจจะเบาสบายและสงบ
เกิดความเชื่อมั่นและความสัมพันธ์ที่ดี:
ผู้คนรอบข้างจะเห็นคุณค่าในตัวคุณ และพร้อมสนับสนุนในยามที่คุณต้องการ
เปลี่ยนสถานการณ์เลวร้ายให้ดีขึ้น:
การมีคนช่วยบรรเทาปัญหา ย่อมสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย และช่วยให้ทุกคนร่วมมือกันแก้ไขสถานการณ์ได้ดีขึ้น
---
สรุป
การเป็น 'นักลดความเดือดร้อน' เริ่มต้นจากการไม่สร้างความเดือดร้อนเพิ่มเติม ทั้งกับตนเองและผู้อื่น หากทุกคนช่วยกันลดความเดือดร้อนในสิ่งเล็กๆ น้อยๆ โลกนี้ก็จะน่าอยู่ขึ้น และสถานการณ์เลวร้ายก็จะคลี่คลายลงได้ง่ายกว่าเดิม.
หลักการสำคัญ
1. ตระหนักในวงจรของกรรม:
การลดความเดือดร้อนของตัวเองด้วยการเพิ่มความเดือดร้อนให้คนอื่น ไม่ได้แก้ปัญหา แต่กลับสร้างกรรมใหม่ให้ตัวเองเดือดร้อนต่อไปไม่จบสิ้น
หากเราเลือกที่จะช่วยลดความเดือดร้อนให้คนอื่น เรากำลังสร้างวงจรแห่งความสบายใจและความสงบสุขในระยะยาว
2. มีสติและปัญญาในความทุกข์:
เมื่อเผชิญสถานการณ์เลวร้าย อย่ารีบด่วนตัดสินใจด้วยอารมณ์
สังเกตความคิดและอารมณ์ของตนเอง แล้วเลือกลงมือทำสิ่งที่ไม่เพิ่มปัญหาให้ใคร
---
วิธีเป็น 'นักลดความเดือดร้อน'
1. เริ่มที่ใจของตนเอง:
ฝึกมีสติอยู่กับปัจจุบัน ไม่ตื่นตระหนกเกินเหตุ
ควบคุมอารมณ์ไม่ให้ระเบิดใส่คนอื่น เพราะการแสดงออกที่รุนแรงอาจเพิ่มความตึงเครียดในสถานการณ์
2. ช่วยเหลือในขอบเขตที่ทำได้:
หากช่วยแก้ปัญหาได้ ให้เริ่มจากสิ่งที่เล็กที่สุด เช่น การพูดปลอบโยน การให้คำแนะนำ หรือการแบ่งปันสิ่งของจำเป็น
หากไม่สามารถช่วยเหลือได้จริงๆ การไม่เพิ่มปัญหาก็ถือเป็นการช่วยแล้ว
3. พูดและกระทำด้วยเมตตา:
ใช้คำพูดที่สร้างสรรค์ ลดการตำหนิหรือโทษใคร
แสดงออกด้วยกิริยาที่ให้กำลังใจ เช่น การยิ้ม การรับฟังปัญหาอย่างตั้งใจ
4. รักษาความเป็นกลาง:
อย่าลำเอียงเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในสถานการณ์ขัดแย้ง
พยายามหาทางแก้ปัญหาที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ร่วมกัน
---
ผลลัพธ์ของการเป็น 'นักลดความเดือดร้อน'
สร้างความสงบในใจตนเอง:
เมื่อรู้ว่าตนเองไม่เพิ่มความเดือดร้อนให้ใคร ใจจะเบาสบายและสงบ
เกิดความเชื่อมั่นและความสัมพันธ์ที่ดี:
ผู้คนรอบข้างจะเห็นคุณค่าในตัวคุณ และพร้อมสนับสนุนในยามที่คุณต้องการ
เปลี่ยนสถานการณ์เลวร้ายให้ดีขึ้น:
การมีคนช่วยบรรเทาปัญหา ย่อมสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย และช่วยให้ทุกคนร่วมมือกันแก้ไขสถานการณ์ได้ดีขึ้น
---
สรุป
การเป็น 'นักลดความเดือดร้อน' เริ่มต้นจากการไม่สร้างความเดือดร้อนเพิ่มเติม ทั้งกับตนเองและผู้อื่น หากทุกคนช่วยกันลดความเดือดร้อนในสิ่งเล็กๆ น้อยๆ โลกนี้ก็จะน่าอยู่ขึ้น และสถานการณ์เลวร้ายก็จะคลี่คลายลงได้ง่ายกว่าเดิม.
การเป็น 'นักลดความเดือดร้อน' ในสถานการณ์เลวร้าย
หลักการสำคัญ
1. ตระหนักในวงจรของกรรม:
การลดความเดือดร้อนของตัวเองด้วยการเพิ่มความเดือดร้อนให้คนอื่น ไม่ได้แก้ปัญหา แต่กลับสร้างกรรมใหม่ให้ตัวเองเดือดร้อนต่อไปไม่จบสิ้น
หากเราเลือกที่จะช่วยลดความเดือดร้อนให้คนอื่น เรากำลังสร้างวงจรแห่งความสบายใจและความสงบสุขในระยะยาว
2. มีสติและปัญญาในความทุกข์:
เมื่อเผชิญสถานการณ์เลวร้าย อย่ารีบด่วนตัดสินใจด้วยอารมณ์
สังเกตความคิดและอารมณ์ของตนเอง แล้วเลือกลงมือทำสิ่งที่ไม่เพิ่มปัญหาให้ใคร
---
วิธีเป็น 'นักลดความเดือดร้อน'
1. เริ่มที่ใจของตนเอง:
ฝึกมีสติอยู่กับปัจจุบัน ไม่ตื่นตระหนกเกินเหตุ
ควบคุมอารมณ์ไม่ให้ระเบิดใส่คนอื่น เพราะการแสดงออกที่รุนแรงอาจเพิ่มความตึงเครียดในสถานการณ์
2. ช่วยเหลือในขอบเขตที่ทำได้:
หากช่วยแก้ปัญหาได้ ให้เริ่มจากสิ่งที่เล็กที่สุด เช่น การพูดปลอบโยน การให้คำแนะนำ หรือการแบ่งปันสิ่งของจำเป็น
หากไม่สามารถช่วยเหลือได้จริงๆ การไม่เพิ่มปัญหาก็ถือเป็นการช่วยแล้ว
3. พูดและกระทำด้วยเมตตา:
ใช้คำพูดที่สร้างสรรค์ ลดการตำหนิหรือโทษใคร
แสดงออกด้วยกิริยาที่ให้กำลังใจ เช่น การยิ้ม การรับฟังปัญหาอย่างตั้งใจ
4. รักษาความเป็นกลาง:
อย่าลำเอียงเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในสถานการณ์ขัดแย้ง
พยายามหาทางแก้ปัญหาที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ร่วมกัน
---
ผลลัพธ์ของการเป็น 'นักลดความเดือดร้อน'
สร้างความสงบในใจตนเอง:
เมื่อรู้ว่าตนเองไม่เพิ่มความเดือดร้อนให้ใคร ใจจะเบาสบายและสงบ
เกิดความเชื่อมั่นและความสัมพันธ์ที่ดี:
ผู้คนรอบข้างจะเห็นคุณค่าในตัวคุณ และพร้อมสนับสนุนในยามที่คุณต้องการ
เปลี่ยนสถานการณ์เลวร้ายให้ดีขึ้น:
การมีคนช่วยบรรเทาปัญหา ย่อมสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย และช่วยให้ทุกคนร่วมมือกันแก้ไขสถานการณ์ได้ดีขึ้น
---
สรุป
การเป็น 'นักลดความเดือดร้อน' เริ่มต้นจากการไม่สร้างความเดือดร้อนเพิ่มเติม ทั้งกับตนเองและผู้อื่น หากทุกคนช่วยกันลดความเดือดร้อนในสิ่งเล็กๆ น้อยๆ โลกนี้ก็จะน่าอยู่ขึ้น และสถานการณ์เลวร้ายก็จะคลี่คลายลงได้ง่ายกว่าเดิม.
0 ความคิดเห็น
0 การแบ่งปัน
50 มุมมอง
0 รีวิว