• พระพุทธเจ้าสอนเรื่อง "อนัตตา" ว่าทุกสิ่งล้วนไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริง รวมถึงความคิดของเราด้วย การบอกว่าความคิดเป็นอนัตตาหมายถึง ความคิดไม่ได้มีความคงที่ ไม่สามารถเป็นตัวเดิมได้อย่างถาวร เพราะมันเกิดจากปัจจัยหลายอย่างและเปลี่ยนแปลงไปตามสิ่งรอบตัว เช่น การเรียนรู้ใหม่ๆ การเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย หรืออารมณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนั้น

    เมื่อเราพิจารณาความคิดอย่างลึกซึ้ง จะเห็นว่ามันไม่เคยเป็นสิ่งที่แน่นอน เช่น ความคิดร้ายๆ มักเกิดขึ้นเพราะปัจจัยภายนอก เช่น การเจอคนหรือสถานการณ์ที่ทำให้เราโกรธ ในทางตรงกันข้าม ความคิดดีๆ อาจเกิดขึ้นเมื่อเรารับธรรมะเข้ามาในใจ ดังนั้น ความคิดไม่ใช่สิ่งที่มีตัวตนอยู่ถาวร แต่เป็นเพียงผลจากการปรุงแต่งของปัจจัยต่างๆ

    ความเข้าใจเรื่องอนัตตาของความคิดนี้ช่วยให้เราเห็นว่า เราไม่ได้เป็นเจ้าของความคิดเหล่านั้น ไม่ว่าเราจะคิดดีหรือคิดร้าย ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นผลของปัจจัยภายนอกที่เกิดขึ้นชั่วคราว และผ่านไป ความคิดไม่ใช่ "ตัวเรา" อย่างแท้จริง การฝึกสติและการพิจารณาให้เห็นความเป็นอนัตตาในความคิด จะทำให้เราคลายความยึดมั่นในตัวตนและปล่อยวางความคิดที่ไม่เป็นประโยชน์ไปได้

    นี่คือการเผชิญหน้ากับความจริงแห่งอนัตตา ที่ทำให้เราเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า ความคิดก็เป็นเพียงสิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไป ไม่มีตัวตนที่แท้จริง
    พระพุทธเจ้าสอนเรื่อง "อนัตตา" ว่าทุกสิ่งล้วนไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริง รวมถึงความคิดของเราด้วย การบอกว่าความคิดเป็นอนัตตาหมายถึง ความคิดไม่ได้มีความคงที่ ไม่สามารถเป็นตัวเดิมได้อย่างถาวร เพราะมันเกิดจากปัจจัยหลายอย่างและเปลี่ยนแปลงไปตามสิ่งรอบตัว เช่น การเรียนรู้ใหม่ๆ การเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย หรืออารมณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนั้น เมื่อเราพิจารณาความคิดอย่างลึกซึ้ง จะเห็นว่ามันไม่เคยเป็นสิ่งที่แน่นอน เช่น ความคิดร้ายๆ มักเกิดขึ้นเพราะปัจจัยภายนอก เช่น การเจอคนหรือสถานการณ์ที่ทำให้เราโกรธ ในทางตรงกันข้าม ความคิดดีๆ อาจเกิดขึ้นเมื่อเรารับธรรมะเข้ามาในใจ ดังนั้น ความคิดไม่ใช่สิ่งที่มีตัวตนอยู่ถาวร แต่เป็นเพียงผลจากการปรุงแต่งของปัจจัยต่างๆ ความเข้าใจเรื่องอนัตตาของความคิดนี้ช่วยให้เราเห็นว่า เราไม่ได้เป็นเจ้าของความคิดเหล่านั้น ไม่ว่าเราจะคิดดีหรือคิดร้าย ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นผลของปัจจัยภายนอกที่เกิดขึ้นชั่วคราว และผ่านไป ความคิดไม่ใช่ "ตัวเรา" อย่างแท้จริง การฝึกสติและการพิจารณาให้เห็นความเป็นอนัตตาในความคิด จะทำให้เราคลายความยึดมั่นในตัวตนและปล่อยวางความคิดที่ไม่เป็นประโยชน์ไปได้ นี่คือการเผชิญหน้ากับความจริงแห่งอนัตตา ที่ทำให้เราเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า ความคิดก็เป็นเพียงสิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไป ไม่มีตัวตนที่แท้จริง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 31 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขึ้น อย่า เหลิง
    ลง อย่า ท้อ
    ชีวิตคือการเรียนรู้
    เพื่ออยู่ให้ได้ ใน ณ ขณะนั้น

    จากหนังสือ |เป็นคนธรรมดาที่มีความสุข

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #การใช้ชีวิต #ทัศนคติ #Thaitimes #การเรียนรู้
    ขึ้น อย่า เหลิง ลง อย่า ท้อ ชีวิตคือการเรียนรู้ เพื่ออยู่ให้ได้ ใน ณ ขณะนั้น จากหนังสือ |เป็นคนธรรมดาที่มีความสุข #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #การใช้ชีวิต #ทัศนคติ #Thaitimes #การเรียนรู้
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 380 มุมมอง 0 รีวิว
  • รมว.วธ. เป็นประธานในพิธีบวงสรวง วันคล้ายวันสถาปนา ครบรอบ 22 ปี กระทรวงวัฒนธรรม

    วันที่ 3 ตุลาคม 2567 เวลา 07.30 น. นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ได้เป็นประธานในพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในกระทรวงวัฒนธรรม เนื่องในโอกาสวันครบรอบ 22 ปี ของการสถาปนากระทรวงวัฒนธรรม โดยมี ดร.ยุพา ทวีวัฒนกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูง ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ของกระทรวงร่วมพิธีบวงสรวงในช่วงเช้าที่ผ่านมา บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความสงบและศรัทธา มีการจัดเตรียมสถานที่และสิ่งของบวงสรวงอย่างเป็นระเบียบ

    ในการเริ่มต้นพิธีในช่วงเช้า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมได้สักการะพระพุทธสิริวัฒนธรรโมภาส พระสยามเทวาธิราช และศาลตา-ยาย ประจำกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อขอพรให้กระทรวงและบุคลากรมีความเจริญก้าวหน้า ปลอดภัย และประสบความสำเร็จในการทำงานเพื่อประโยชน์ของประชาชน ทั้งนี้ การบวงสรวงยังได้รับการประกอบพิธีโดยพระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ประธานพระครูพราหมณ์ เพื่อเสริมสร้างสิริมงคลให้กับกระทรวงวัฒนธรรม และเพื่อระลึกถึงบทบาทที่สำคัญของการอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยและส่งเสริมค่านิยมที่ดีงามให้คงอยู่สืบไป

    ต่อมาในเวลา 09.20 น. ได้มีพิธีสวดพุทธชัยมงคลคาถา โดยพระสงฆ์จำนวน 10 รูป เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ภายในกระทรวงวัฒนธรรม การสวดพุทธชัยมงคลคาถาเป็นพิธีที่สำคัญและเป็นมงคลในการเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ โดยเฉพาะในวาระพิเศษเช่นนี้ เพื่อให้เกิดความสบายใจและเป็นกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากรที่ร่วมกันสร้างสรรค์และอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ในพิธีทางศาสนายังได้มีการทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ล่วงลับอีกด้วย

    นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล และผู้บริหารกระทรวงฯ ได้ร่วมกันทอดผ้าบังสกุล จำนวน 10 ผืน และกรวดน้ำอุทิศส่วนบุญกุศลให้กับเด็กนักเรียนในจังหวัดอุทัยธานี ที่ประสบอุบัติเหตุจากเหตุการณ์รถบัสทัศนศึกษาที่เกิดเพลิงไหม้เมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา การกระทำดังกล่าวเป็นการแสดงถึงความห่วงใยและความเอื้อเฟื้อของกระทรวงวัฒนธรรมต่อประชาชนทั่วไป อีกทั้งยังสะท้อนถึงบทบาทที่กระทรวงต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมและสนับสนุนคุณภาพชีวิตของประชาชน การทำบุญให้กับเด็กนักเรียนที่เสียชีวิตเป็นการสร้างกำลังใจให้กับครอบครัวและผู้ได้รับผลกระทบ

    หลังจากเสร็จสิ้นพิธีทางศาสนาแล้ว นางสาวสุดาวรรณ และคณะผู้บริหารของกระทรวงวัฒนธรรม ได้ให้การต้อนรับแขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงานในครั้งนี้ ผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ ได้เดินทางมาแสดงความยินดีและร่วมเป็นส่วนหนึ่งในวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงวัฒนธรรมครั้งที่ 22 ทั้งนี้ การเข้าร่วมพิธีครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเฉลิมฉลองการก่อตั้งกระทรวงเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างหน่วยงานราชการและประชาชนที่เข้ามาร่วมงาน การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและการร่วมมือกันในการส่งเสริมวัฒนธรรมเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้กระทรวงวัฒนธรรมสามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    การถ่ายรูปร่วมกันและการมอบช่อดอกไม้และของที่ระลึกให้กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นับเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาที่สร้างความประทับใจให้กับผู้ร่วมงาน สื่อถึงความร่วมมือและความสัมพันธ์อันดีระหว่างหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง การแสดงความยินดีต่อการครบรอบ 22 ปี ของการสถาปนากระทรวงวัฒนธรรมเป็นการยืนยันถึงความสำคัญของงานที่กระทรวงวัฒนธรรมทำเพื่อสังคมและประเทศชาติ โดยมีเป้าหมายในการอนุรักษ์ ส่งเสริม และเผยแพร่วัฒนธรรมไทยให้คงอยู่และสืบทอดไปสู่คนรุ่นหลัง

    กระทรวงวัฒนธรรมก่อตั้งขึ้นเพื่อดำเนินงานด้านการอนุรักษ์ ส่งเสริม และพัฒนาวัฒนธรรมไทยให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมไทยและโลก กระทรวงวัฒนธรรมเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญในการรักษามรดกทางวัฒนธรรมทั้งที่เป็นวัตถุและไม่เป็นวัตถุ ไม่ว่าจะเป็นการดูแลโบราณสถาน โบราณวัตถุ รวมถึงการส่งเสริมงานศิลปะและการแสดงต่างๆ ที่เป็นส่วนหนึ่งของเอกลักษณ์ไทย นอกจากนี้ กระทรวงยังทำหน้าที่ในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการอนุรักษ์วัฒนธรรม ผ่านการจัดกิจกรรมต่างๆ เช่น การประกวด การอบรม และการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรม

    ตลอดระยะเวลา 22 ปีที่ผ่านมา กระทรวงวัฒนธรรมได้สร้างผลงานที่โดดเด่นและเป็นที่ยอมรับทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติ โดยมีเป้าหมายในการสร้างสังคมที่มีความสมานฉันท์และภาคภูมิใจในวัฒนธรรมของตนเอง ทั้งนี้ กระทรวงได้ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมค่านิยมที่ดีในสังคมไทย เช่น การเคารพผู้ใหญ่ การช่วยเหลือกัน และการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการสร้างสังคมที่เข้มแข็งและยั่งยืน

    ในช่วงเวลาปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว กระทรวงวัฒนธรรมยังมีบทบาทในการนำวัฒนธรรมมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับบริบทของโลกยุคใหม่ การใช้เทคโนโลยีเพื่อการเผยแพร่วัฒนธรรมและการสร้างความเข้าใจในวัฒนธรรมระหว่างประเทศถือเป็นสิ่งสำคัญ กระทรวงได้มีการจัดทำเนื้อหาด้านวัฒนธรรมในรูปแบบดิจิทัล เช่น การสร้างพิพิธภัณฑ์ออนไลน์ การจัดทำฐานข้อมูลวัฒนธรรม และการใช้สื่อสังคมออนไลน์เพื่อเผยแพร่ความรู้และกิจกรรมด้านวัฒนธรรม

    กระทรวงวัฒนธรรมมีการดำเนินกิจกรรมและโครงการที่หลากหลายเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์และพัฒนาวัฒนธรรมไทย กิจกรรมที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก เช่น โครงการฟื้นฟูและอนุรักษ์โบราณสถานทั่วประเทศ การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม การสนับสนุนศิลปินพื้นบ้านและศิลปินแห่งชาติ รวมถึงการจัดงานเทศกาลทางวัฒนธรรมต่างๆ ที่มีเป้าหมายในการส่งเสริมความเข้าใจและความภาคภูมิใจในวัฒนธรรมไทย

    อีกทั้งกระทรวงยังมีการจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมการเรียนรู้วัฒนธรรมในกลุ่มเยาวชน โดยการนำวัฒนธรรมเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการเรียนการสอน เพื่อให้เยาวชนได้เรียนรู้และเข้าใจถึงรากฐาน

    ภาพ/ข่าว​ โย​ ประเด็นรัฐ
    รมว.วธ. เป็นประธานในพิธีบวงสรวง วันคล้ายวันสถาปนา ครบรอบ 22 ปี กระทรวงวัฒนธรรม วันที่ 3 ตุลาคม 2567 เวลา 07.30 น. นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ได้เป็นประธานในพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในกระทรวงวัฒนธรรม เนื่องในโอกาสวันครบรอบ 22 ปี ของการสถาปนากระทรวงวัฒนธรรม โดยมี ดร.ยุพา ทวีวัฒนกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูง ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ของกระทรวงร่วมพิธีบวงสรวงในช่วงเช้าที่ผ่านมา บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความสงบและศรัทธา มีการจัดเตรียมสถานที่และสิ่งของบวงสรวงอย่างเป็นระเบียบ ในการเริ่มต้นพิธีในช่วงเช้า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมได้สักการะพระพุทธสิริวัฒนธรรโมภาส พระสยามเทวาธิราช และศาลตา-ยาย ประจำกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อขอพรให้กระทรวงและบุคลากรมีความเจริญก้าวหน้า ปลอดภัย และประสบความสำเร็จในการทำงานเพื่อประโยชน์ของประชาชน ทั้งนี้ การบวงสรวงยังได้รับการประกอบพิธีโดยพระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ประธานพระครูพราหมณ์ เพื่อเสริมสร้างสิริมงคลให้กับกระทรวงวัฒนธรรม และเพื่อระลึกถึงบทบาทที่สำคัญของการอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยและส่งเสริมค่านิยมที่ดีงามให้คงอยู่สืบไป ต่อมาในเวลา 09.20 น. ได้มีพิธีสวดพุทธชัยมงคลคาถา โดยพระสงฆ์จำนวน 10 รูป เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ภายในกระทรวงวัฒนธรรม การสวดพุทธชัยมงคลคาถาเป็นพิธีที่สำคัญและเป็นมงคลในการเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ โดยเฉพาะในวาระพิเศษเช่นนี้ เพื่อให้เกิดความสบายใจและเป็นกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากรที่ร่วมกันสร้างสรรค์และอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ในพิธีทางศาสนายังได้มีการทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ล่วงลับอีกด้วย นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล และผู้บริหารกระทรวงฯ ได้ร่วมกันทอดผ้าบังสกุล จำนวน 10 ผืน และกรวดน้ำอุทิศส่วนบุญกุศลให้กับเด็กนักเรียนในจังหวัดอุทัยธานี ที่ประสบอุบัติเหตุจากเหตุการณ์รถบัสทัศนศึกษาที่เกิดเพลิงไหม้เมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา การกระทำดังกล่าวเป็นการแสดงถึงความห่วงใยและความเอื้อเฟื้อของกระทรวงวัฒนธรรมต่อประชาชนทั่วไป อีกทั้งยังสะท้อนถึงบทบาทที่กระทรวงต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมและสนับสนุนคุณภาพชีวิตของประชาชน การทำบุญให้กับเด็กนักเรียนที่เสียชีวิตเป็นการสร้างกำลังใจให้กับครอบครัวและผู้ได้รับผลกระทบ หลังจากเสร็จสิ้นพิธีทางศาสนาแล้ว นางสาวสุดาวรรณ และคณะผู้บริหารของกระทรวงวัฒนธรรม ได้ให้การต้อนรับแขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงานในครั้งนี้ ผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ ได้เดินทางมาแสดงความยินดีและร่วมเป็นส่วนหนึ่งในวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงวัฒนธรรมครั้งที่ 22 ทั้งนี้ การเข้าร่วมพิธีครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเฉลิมฉลองการก่อตั้งกระทรวงเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างหน่วยงานราชการและประชาชนที่เข้ามาร่วมงาน การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและการร่วมมือกันในการส่งเสริมวัฒนธรรมเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้กระทรวงวัฒนธรรมสามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ การถ่ายรูปร่วมกันและการมอบช่อดอกไม้และของที่ระลึกให้กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นับเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาที่สร้างความประทับใจให้กับผู้ร่วมงาน สื่อถึงความร่วมมือและความสัมพันธ์อันดีระหว่างหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง การแสดงความยินดีต่อการครบรอบ 22 ปี ของการสถาปนากระทรวงวัฒนธรรมเป็นการยืนยันถึงความสำคัญของงานที่กระทรวงวัฒนธรรมทำเพื่อสังคมและประเทศชาติ โดยมีเป้าหมายในการอนุรักษ์ ส่งเสริม และเผยแพร่วัฒนธรรมไทยให้คงอยู่และสืบทอดไปสู่คนรุ่นหลัง กระทรวงวัฒนธรรมก่อตั้งขึ้นเพื่อดำเนินงานด้านการอนุรักษ์ ส่งเสริม และพัฒนาวัฒนธรรมไทยให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมไทยและโลก กระทรวงวัฒนธรรมเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญในการรักษามรดกทางวัฒนธรรมทั้งที่เป็นวัตถุและไม่เป็นวัตถุ ไม่ว่าจะเป็นการดูแลโบราณสถาน โบราณวัตถุ รวมถึงการส่งเสริมงานศิลปะและการแสดงต่างๆ ที่เป็นส่วนหนึ่งของเอกลักษณ์ไทย นอกจากนี้ กระทรวงยังทำหน้าที่ในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการอนุรักษ์วัฒนธรรม ผ่านการจัดกิจกรรมต่างๆ เช่น การประกวด การอบรม และการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรม ตลอดระยะเวลา 22 ปีที่ผ่านมา กระทรวงวัฒนธรรมได้สร้างผลงานที่โดดเด่นและเป็นที่ยอมรับทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติ โดยมีเป้าหมายในการสร้างสังคมที่มีความสมานฉันท์และภาคภูมิใจในวัฒนธรรมของตนเอง ทั้งนี้ กระทรวงได้ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมค่านิยมที่ดีในสังคมไทย เช่น การเคารพผู้ใหญ่ การช่วยเหลือกัน และการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการสร้างสังคมที่เข้มแข็งและยั่งยืน ในช่วงเวลาปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว กระทรวงวัฒนธรรมยังมีบทบาทในการนำวัฒนธรรมมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับบริบทของโลกยุคใหม่ การใช้เทคโนโลยีเพื่อการเผยแพร่วัฒนธรรมและการสร้างความเข้าใจในวัฒนธรรมระหว่างประเทศถือเป็นสิ่งสำคัญ กระทรวงได้มีการจัดทำเนื้อหาด้านวัฒนธรรมในรูปแบบดิจิทัล เช่น การสร้างพิพิธภัณฑ์ออนไลน์ การจัดทำฐานข้อมูลวัฒนธรรม และการใช้สื่อสังคมออนไลน์เพื่อเผยแพร่ความรู้และกิจกรรมด้านวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรมมีการดำเนินกิจกรรมและโครงการที่หลากหลายเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์และพัฒนาวัฒนธรรมไทย กิจกรรมที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก เช่น โครงการฟื้นฟูและอนุรักษ์โบราณสถานทั่วประเทศ การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม การสนับสนุนศิลปินพื้นบ้านและศิลปินแห่งชาติ รวมถึงการจัดงานเทศกาลทางวัฒนธรรมต่างๆ ที่มีเป้าหมายในการส่งเสริมความเข้าใจและความภาคภูมิใจในวัฒนธรรมไทย อีกทั้งกระทรวงยังมีการจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมการเรียนรู้วัฒนธรรมในกลุ่มเยาวชน โดยการนำวัฒนธรรมเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการเรียนการสอน เพื่อให้เยาวชนได้เรียนรู้และเข้าใจถึงรากฐาน ภาพ/ข่าว​ โย​ ประเด็นรัฐ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 23 มุมมอง 0 รีวิว
  • มิตรภาพบนเรื่องราวดีดี
    เปรียบเหมือนหนังสือเล่มหนึ่ง
    จะเผาหนังสือเล่มหนึ่งใช้เวลา
    ไม่กี่วินาที แต่การจะเขียนหนังสือ เล่มหนึ่ง อาจต้องใช้เวลา
    อีกหลายปี

    เป็นการเปรียบเทียบความสัมพันธ์หรือมิตรภาพ กับหนังสือเล่มหนึ่ง โดยเน้นถึงความยากและคุณค่าของการสร้างและรักษามิตรภาพ

    *"มิตรภาพบนเรื่องราวดีดี
    เปรียบเหมือนหนังสือเล่มหนึ่ง"**
    มิตรภาพที่มีเรื่องราวและความทรงจำที่ดี เปรียบเสมือนหนังสือที่มีคุณค่า แต่ละหน้าเต็มไปด้วยประสบการณ์ ความเข้าใจ ความร่วมมือ และความรักซึ่งกันและกัน การเปรียบเทียบนี้แสดงถึงความละเอียดอ่อนและความลึกซึ้งของมิตรภาพที่ต้องใช้เวลาและความพยายามในการสร้างและบำรุงรักษา

    *"จะเผาหนังสือเล่มหนึ่งใช้เวลา
    ไม่กี่วินาที"**
    การทำลายมิตรภาพหรือความสัมพันธ์อันยาวนานทำได้ง่ายและรวดเร็ว เช่นเดียวกับการเผาหนังสือที่สามารถทำได้ในเวลาอันสั้น แม้ว่ามิตรภาพนั้นจะมีคุณค่าหรือมีความหมายมากเพียงใด แต่เมื่อเกิดการ
    กระทำหรือคำพูดที่ทำร้ายหรือทำลาย มิตรภาพนั้นก็สามารถพังทลายได้อย่างรวดเร็ว

    *"การจะเขียนหนังสือเล่มหนึ่ง
    อาจต้องใช้เวลาอีกหลายปี"**
    ในทางตรงกันข้าม การสร้างและรักษามิตรภาพนั้นต้องใช้เวลา ความพยายาม และการทุ่มเทในระยะยาว ต้องผ่านการเรียนรู้ การให้เกียรติ และการยอมรับข้อผิดพลาดของกันและกัน เช่นเดียวกับการเขียนหนังสือเล่มหนึ่งที่ต้องใช้เวลาในการสร้างสรรค์ แต่ละหน้าล้วนต้องการความใส่ใจในรายละเอียด

    สรุปคือ การสร้างมิตรภาพต้องการเวลาและความทุ่มเท แต่การทำลายมิตรภาพนั้นง่ายและรวดเร็วกว่ามาก คำกล่าวนี้จึงเป็นการเตือนให้เราเห็นคุณค่าของมิตรภาพและรักษามันอย่างถนอม
    มิตรภาพบนเรื่องราวดีดี เปรียบเหมือนหนังสือเล่มหนึ่ง จะเผาหนังสือเล่มหนึ่งใช้เวลา ไม่กี่วินาที แต่การจะเขียนหนังสือ เล่มหนึ่ง อาจต้องใช้เวลา อีกหลายปี เป็นการเปรียบเทียบความสัมพันธ์หรือมิตรภาพ กับหนังสือเล่มหนึ่ง โดยเน้นถึงความยากและคุณค่าของการสร้างและรักษามิตรภาพ *"มิตรภาพบนเรื่องราวดีดี เปรียบเหมือนหนังสือเล่มหนึ่ง"** มิตรภาพที่มีเรื่องราวและความทรงจำที่ดี เปรียบเสมือนหนังสือที่มีคุณค่า แต่ละหน้าเต็มไปด้วยประสบการณ์ ความเข้าใจ ความร่วมมือ และความรักซึ่งกันและกัน การเปรียบเทียบนี้แสดงถึงความละเอียดอ่อนและความลึกซึ้งของมิตรภาพที่ต้องใช้เวลาและความพยายามในการสร้างและบำรุงรักษา *"จะเผาหนังสือเล่มหนึ่งใช้เวลา ไม่กี่วินาที"** การทำลายมิตรภาพหรือความสัมพันธ์อันยาวนานทำได้ง่ายและรวดเร็ว เช่นเดียวกับการเผาหนังสือที่สามารถทำได้ในเวลาอันสั้น แม้ว่ามิตรภาพนั้นจะมีคุณค่าหรือมีความหมายมากเพียงใด แต่เมื่อเกิดการ กระทำหรือคำพูดที่ทำร้ายหรือทำลาย มิตรภาพนั้นก็สามารถพังทลายได้อย่างรวดเร็ว *"การจะเขียนหนังสือเล่มหนึ่ง อาจต้องใช้เวลาอีกหลายปี"** ในทางตรงกันข้าม การสร้างและรักษามิตรภาพนั้นต้องใช้เวลา ความพยายาม และการทุ่มเทในระยะยาว ต้องผ่านการเรียนรู้ การให้เกียรติ และการยอมรับข้อผิดพลาดของกันและกัน เช่นเดียวกับการเขียนหนังสือเล่มหนึ่งที่ต้องใช้เวลาในการสร้างสรรค์ แต่ละหน้าล้วนต้องการความใส่ใจในรายละเอียด สรุปคือ การสร้างมิตรภาพต้องการเวลาและความทุ่มเท แต่การทำลายมิตรภาพนั้นง่ายและรวดเร็วกว่ามาก คำกล่าวนี้จึงเป็นการเตือนให้เราเห็นคุณค่าของมิตรภาพและรักษามันอย่างถนอม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 12 มุมมอง 0 รีวิว
  • จงใช้ชีวิตราวกับว่า
    คุณจะตายพรุ่งนี้
    และเรียนรู้ราวกับว่า
    คุณจะมีชีวิตอยู่ตลอดไป

    จากหนังสือ |สำเร็จเร็วกว่าที่คิด

    หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #การใช้ชีวิต #ทัศนคติ #Thaitimes #การเรียนรู้
    จงใช้ชีวิตราวกับว่า คุณจะตายพรุ่งนี้ และเรียนรู้ราวกับว่า คุณจะมีชีวิตอยู่ตลอดไป จากหนังสือ |สำเร็จเร็วกว่าที่คิด หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #การใช้ชีวิต #ทัศนคติ #Thaitimes #การเรียนรู้
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 374 มุมมอง 0 รีวิว
  • บีบหัวใจ

    โศกนาฎกรรมเพลิงไหม้รถโดยสารบนถนนวิภาวดีรังสิต ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เมื่อช่วงเที่ยงวันที่ 1 ต.ค. 2567 ขณะนำครูและนักเรียน โรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี ออกจากอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา กำลังไปยังศูนย์การเรียนรู้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟฝ.) สำนักงานกลาง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ตามโครงการทัศนศึกษาแหล่งเรียนรู้นอกสถานที่ ประจำปีการศึกษา 2567 ทำให้นักเรียนและครูเสียชีวิต 23 ราย

    ความสูญเสียครั้งนี้บีบหัวใจคนไทยทั้งประเทศ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. กล่าวว่า เบื้องต้นสอบถามครูและตำรวจในพื้นที่เกิดเหตุ ทราบว่ารถเกิดยางระเบิด แล้วเสียการควบคุมไปชนรถเบนซ์ แล้วชนแบริเออร์เกิดไฟลุกท่วมขึ้นมา สอดคล้องกับนายชาดา ไทยเศรษฐ์ อดีต รมช.มหาดไทย เปิดเผยว่า ครูเล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่าสาเหตุมาจากรถเกิดยางระเบิด ทำให้เสียหลักไปชนกระแทกกับแบริเออร์ข้างทาง กระแทกถูกถังก๊าซพอดี จึงทำให้เกิดประกายไฟขึ้น

    แต่ข้อมูลที่เผยแพร่ผ่านสื่อ พบว่ารถโดยสารคันเกิดเหตุ จดทะเบียนครั้งแรก 19 ก.พ. 2513 หรือเมื่อ 54 ปีก่อน ระบุว่าเป็นรถโดยสารไม่ประจำทาง จำนวน 41 ที่นั่ง ดัดแปลงจากรถอีซูซุ แล้วเอาเครืองยนต์เบนซ์มาใส่ และในประวัติรถพบว่ามีถังก๊าซ 3 ถัง วันหมดอายุใบรับรองเมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 2567 จึงถูกตั้งคำถามว่ารถโดยสารได้มาตรฐานหรือไม่ ถึงกระนั้น นายทรงวิทย์ ชินบุตร เจ้าของชินบุตรทัวร์ ยืนยันว่า รถคันเกิดเหตุผ่านการตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัย 2 ครั้งต่อปีทุกครั้งก่อนต่อภาษี

    อีกด้านหนึ่ง ยังมีคนในสังคมเบี่ยงประเด็น เรียกร้องให้โรงเรียนยกเลิกทัศนศึกษาไปเลย อ้างว่าไม่มีประโยชน์ ทั้งที่การทัศนศึกษา คือกิจกรรมการเรียนรู้นอกห้องเรียน ซึ่งไม่ได้จัดขึ้นบ่อยครั้ง สถานที่บางแห่งอนุญาตเข้าชมเฉพาะหมู่คณะเท่านั้น และยังเป็นโอกาสดีที่เพื่อนทั้งห้องจะได้เที่ยวด้วยกัน เพราะบางครอบครัวไม่มีเวลา ไม่มีโอกาส ไม่มีกำลังทรัพย์พอที่จะเที่ยว ปัญหาที่แท้จริงจึงเกิดจากรถโดยสารที่ทางโรงเรียนจ้างมาไม่ได้มาตรฐาน ไม่มีความปลอดภัย

    ปัญหาก็คือ รถโดยสารที่ได้มาตรฐานนั้นมีราคาแพง บางโรงเรียนที่มีงบประมาณจำกัด จึงเลือกผู้ประกอบการถูกที่สุดหรือที่คุ้นเคย ไม่นับรวมผู้ประกอบการต่างก็บอกว่ารถตัวเองได้มาตรฐาน แต่อาจประมาทที่ไม่ได้ตรวจสอบสภาพรถ สภาพคนขับรถ หรือพูดความจริงไม่หมด จึงเป็นโจทย์ที่แต่ละโรงเรียนจะต้องพิจารณารูปแบบการจัดกิจกรรม การคัดเลือกรถโดยสารจากผู้ประกอบการที่ได้มาตรฐานความปลอดภัย และองค์ประกอบอื่นๆ เพื่อไม่ให้ซ้ำรอยกับโศกนาฎกรรมเช่นนี้อีก

    #Newskit #รถบัสทัศนศึกษา
    บีบหัวใจ โศกนาฎกรรมเพลิงไหม้รถโดยสารบนถนนวิภาวดีรังสิต ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เมื่อช่วงเที่ยงวันที่ 1 ต.ค. 2567 ขณะนำครูและนักเรียน โรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี ออกจากอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา กำลังไปยังศูนย์การเรียนรู้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟฝ.) สำนักงานกลาง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ตามโครงการทัศนศึกษาแหล่งเรียนรู้นอกสถานที่ ประจำปีการศึกษา 2567 ทำให้นักเรียนและครูเสียชีวิต 23 ราย ความสูญเสียครั้งนี้บีบหัวใจคนไทยทั้งประเทศ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. กล่าวว่า เบื้องต้นสอบถามครูและตำรวจในพื้นที่เกิดเหตุ ทราบว่ารถเกิดยางระเบิด แล้วเสียการควบคุมไปชนรถเบนซ์ แล้วชนแบริเออร์เกิดไฟลุกท่วมขึ้นมา สอดคล้องกับนายชาดา ไทยเศรษฐ์ อดีต รมช.มหาดไทย เปิดเผยว่า ครูเล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่าสาเหตุมาจากรถเกิดยางระเบิด ทำให้เสียหลักไปชนกระแทกกับแบริเออร์ข้างทาง กระแทกถูกถังก๊าซพอดี จึงทำให้เกิดประกายไฟขึ้น แต่ข้อมูลที่เผยแพร่ผ่านสื่อ พบว่ารถโดยสารคันเกิดเหตุ จดทะเบียนครั้งแรก 19 ก.พ. 2513 หรือเมื่อ 54 ปีก่อน ระบุว่าเป็นรถโดยสารไม่ประจำทาง จำนวน 41 ที่นั่ง ดัดแปลงจากรถอีซูซุ แล้วเอาเครืองยนต์เบนซ์มาใส่ และในประวัติรถพบว่ามีถังก๊าซ 3 ถัง วันหมดอายุใบรับรองเมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 2567 จึงถูกตั้งคำถามว่ารถโดยสารได้มาตรฐานหรือไม่ ถึงกระนั้น นายทรงวิทย์ ชินบุตร เจ้าของชินบุตรทัวร์ ยืนยันว่า รถคันเกิดเหตุผ่านการตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัย 2 ครั้งต่อปีทุกครั้งก่อนต่อภาษี อีกด้านหนึ่ง ยังมีคนในสังคมเบี่ยงประเด็น เรียกร้องให้โรงเรียนยกเลิกทัศนศึกษาไปเลย อ้างว่าไม่มีประโยชน์ ทั้งที่การทัศนศึกษา คือกิจกรรมการเรียนรู้นอกห้องเรียน ซึ่งไม่ได้จัดขึ้นบ่อยครั้ง สถานที่บางแห่งอนุญาตเข้าชมเฉพาะหมู่คณะเท่านั้น และยังเป็นโอกาสดีที่เพื่อนทั้งห้องจะได้เที่ยวด้วยกัน เพราะบางครอบครัวไม่มีเวลา ไม่มีโอกาส ไม่มีกำลังทรัพย์พอที่จะเที่ยว ปัญหาที่แท้จริงจึงเกิดจากรถโดยสารที่ทางโรงเรียนจ้างมาไม่ได้มาตรฐาน ไม่มีความปลอดภัย ปัญหาก็คือ รถโดยสารที่ได้มาตรฐานนั้นมีราคาแพง บางโรงเรียนที่มีงบประมาณจำกัด จึงเลือกผู้ประกอบการถูกที่สุดหรือที่คุ้นเคย ไม่นับรวมผู้ประกอบการต่างก็บอกว่ารถตัวเองได้มาตรฐาน แต่อาจประมาทที่ไม่ได้ตรวจสอบสภาพรถ สภาพคนขับรถ หรือพูดความจริงไม่หมด จึงเป็นโจทย์ที่แต่ละโรงเรียนจะต้องพิจารณารูปแบบการจัดกิจกรรม การคัดเลือกรถโดยสารจากผู้ประกอบการที่ได้มาตรฐานความปลอดภัย และองค์ประกอบอื่นๆ เพื่อไม่ให้ซ้ำรอยกับโศกนาฎกรรมเช่นนี้อีก #Newskit #รถบัสทัศนศึกษา
    Sad
    Like
    13
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 230 มุมมอง 1 รีวิว
  • พลเมืองดีเล่าละเอียด เข้าช่วยสุดกำลัง เด็กไม่ร้อง-ไฟโหมแรง-เกิดไวมาก
    .
    พลเมืองดีเล่าละเอียดมาก! จากกรณี อุบัติเหตุ รถบัสทะเบียน 30-0423 สิงห์บุรี ที่นำ นักเรียนและครูโรงเรียนวัดเขาพระยา จ.อุทัยธานี ไปทัศนศึกษายังอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา และศูนย์การเรียนรู้ กฟผ.ส่วนกลาง เกิดอุบัติเหตุไฟลุกไหม้ บริเวณหน้าเซียร์รังสิต ตรงข้ามซอยพหลโยธิน 72 บริเวณถนนวิภาวดี เบื้องต้นมีรายงานผู้เสียชีวิต 10 ราย
    .
    มีพลเมืองดีเป็นชายวัยกลางคนรายหนึ่ง (ยังไม่ทราบชื่อ) เล่าว่าขณะเกิดเหตุเขาได้ขับรถมาในระยะใกล้เคียงลักษณะตีคู่กับรถบัสนักเรียนที่เกิดเหตุ แต่คนละเลน เห็นรถบัสสั่นเล็กน้อย ไม่นานก็เห็นควันเต็มรถ มีเสียงดังขึ้น ไม่แน่ใจว่าเสียงอะไร และเกิดเพลิงลุกไหม้ จึงรีบจอดรถลงไปช่วยเหลือ ประตูเปิด มีเด็กวิ่งสวนลงมา บางคนร่างติดไฟ มีพลเมืองดีที่ลงมาช่วยกันอุ้มพาส่งโรงพยาบาล โดยพลเมืองดีรายดังกล่าวได้เข้าไปช่วยดับเพลิงจากถังดับเพลิงที่โบกรถเมล์คนอื่นๆ แล้วขอถังดับเพลิงมาช่วย โดยมีแกร๊บพลเมืองดีอีกรายที่อยู่ในเหตุการณ์ น่าเสียดายที่ไฟโหมแรงมาก เมื่อสารดับเพลิงหมด ไฟก็เริ่มลุกอีกครั้ง และเกิดขึ้นไวมาก เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีเสียงเด็กร้องไหม พลเมืองดีรายนี้ตอบว่า ไม่มีเสียงเด็กเลย เงียบมาก

    #ไฟไหม้ #ไฟไหม้รถ #ไฟไหม้รถบัส #ไฟไหม้รถนักเรียน #นักเรียน #ทัศนศึกษา #ข่าวด่วน

    ที่มา : https://www.facebook.com/share/v/7tdqTckpGzPp9XGM/?mibextid=oFDknk
    พลเมืองดีเล่าละเอียด เข้าช่วยสุดกำลัง เด็กไม่ร้อง-ไฟโหมแรง-เกิดไวมาก . พลเมืองดีเล่าละเอียดมาก! จากกรณี อุบัติเหตุ รถบัสทะเบียน 30-0423 สิงห์บุรี ที่นำ นักเรียนและครูโรงเรียนวัดเขาพระยา จ.อุทัยธานี ไปทัศนศึกษายังอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา และศูนย์การเรียนรู้ กฟผ.ส่วนกลาง เกิดอุบัติเหตุไฟลุกไหม้ บริเวณหน้าเซียร์รังสิต ตรงข้ามซอยพหลโยธิน 72 บริเวณถนนวิภาวดี เบื้องต้นมีรายงานผู้เสียชีวิต 10 ราย . มีพลเมืองดีเป็นชายวัยกลางคนรายหนึ่ง (ยังไม่ทราบชื่อ) เล่าว่าขณะเกิดเหตุเขาได้ขับรถมาในระยะใกล้เคียงลักษณะตีคู่กับรถบัสนักเรียนที่เกิดเหตุ แต่คนละเลน เห็นรถบัสสั่นเล็กน้อย ไม่นานก็เห็นควันเต็มรถ มีเสียงดังขึ้น ไม่แน่ใจว่าเสียงอะไร และเกิดเพลิงลุกไหม้ จึงรีบจอดรถลงไปช่วยเหลือ ประตูเปิด มีเด็กวิ่งสวนลงมา บางคนร่างติดไฟ มีพลเมืองดีที่ลงมาช่วยกันอุ้มพาส่งโรงพยาบาล โดยพลเมืองดีรายดังกล่าวได้เข้าไปช่วยดับเพลิงจากถังดับเพลิงที่โบกรถเมล์คนอื่นๆ แล้วขอถังดับเพลิงมาช่วย โดยมีแกร๊บพลเมืองดีอีกรายที่อยู่ในเหตุการณ์ น่าเสียดายที่ไฟโหมแรงมาก เมื่อสารดับเพลิงหมด ไฟก็เริ่มลุกอีกครั้ง และเกิดขึ้นไวมาก เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีเสียงเด็กร้องไหม พลเมืองดีรายนี้ตอบว่า ไม่มีเสียงเด็กเลย เงียบมาก #ไฟไหม้ #ไฟไหม้รถ #ไฟไหม้รถบัส #ไฟไหม้รถนักเรียน #นักเรียน #ทัศนศึกษา #ข่าวด่วน ที่มา : https://www.facebook.com/share/v/7tdqTckpGzPp9XGM/?mibextid=oFDknk
    Like
    Sad
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 208 มุมมอง 134 0 รีวิว
  • การเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด AI #เจาะใจ #ว่างว่างก็แวะมา #Thaitimes https://youtu.be/fi4oAGEkypw?si=hbA4s5YaUVzojSwO
    การเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด AI #เจาะใจ #ว่างว่างก็แวะมา #Thaitimes https://youtu.be/fi4oAGEkypw?si=hbA4s5YaUVzojSwO
    Like
    Love
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 633 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความสำคัญของการอ่าน
    การอ่านถือเป็นกิจกรรมที่มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับการพัฒนาความรู้และทักษะต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นทักษะการเขียน การคิดวิเคราะห์ หรือแม้แต่การเสริมสร้างจินตนาการ การอ่านทำให้เราได้รับความรู้และมุมมองใหม่ ๆ จากผู้เขียนที่มีประสบการณ์และความรู้ในเรื่องนั้น ๆ อย่างลึกซึ้ง

    การอ่านยังช่วยส่งเสริมให้เรามีความคิดสร้างสรรค์และเปิดรับไอเดียใหม่ ๆ ยกตัวอย่างเช่น หนังสือที่เกี่ยวกับการพัฒนาตนเองหรือธุรกิจสามารถให้แรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ หรือปรับปรุงกระบวนการทำงานเพื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

    อีกทั้ง การอ่านยังช่วยส่งเสริมการสื่อสารระหว่างบุคคล การได้เรียนรู้คำศัพท์ใหม่ ๆ หรือรูปประโยคที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น ทำให้เรามีความสามารถในการแสดงความคิดเห็นหรือสื่อสารในที่ทำงานหรือในชีวิตประจำวันได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ การอ่านยังช่วยให้สมองของเราเปิดรับความคิดที่หลากหลาย และส่งเสริมการพัฒนาทักษะการตัดสินใจ

    การเรียนรู้ตลอดชีวิต
    การเรียนรู้ตลอดชีวิตเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เราสามารถปรับตัวเข้ากับโลกที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ในยุคที่เทคโนโลยีและวิทยาการก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว การเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการพัฒนาตนเองและการดำเนินชีวิตที่ดีขึ้น

    การเรียนรู้ตลอดชีวิตไม่ได้จำกัดเพียงแค่ในห้องเรียนหรือการเข้ารับการศึกษาในระบบ การเรียนรู้นอกระบบ เช่น การเรียนรู้ออนไลน์ การฝึกฝนทักษะใหม่ ๆ หรือแม้กระทั่งการเรียนรู้จากประสบการณ์ชีวิตประจำวันก็ถือเป็นการเรียนรู้ที่สำคัญเช่นกัน

    ยกตัวอย่างเช่น ในปัจจุบันมีแพลตฟอร์มการเรียนรู้ทางออนไลน์ที่ช่วยให้เราสามารถเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ ได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเขียนโปรแกรม การตลาดดิจิทัล การออกแบบกราฟิก หรือแม้แต่การเรียนรู้ด้านศิลปะ การที่เราสามารถเลือกเรียนรู้ในสิ่งที่สนใจและนำไปใช้ในการทำงานหรือชีวิตส่วนตัวได้ ทำให้เรามีโอกาสที่จะเติบโตและประสบความสำเร็จมากขึ้น

    การเรียนรู้ตลอดชีวิตยังส่งเสริมให้เรามีมุมมองที่กว้างขึ้นต่อโลกและปัญหาต่าง ๆ การมีความรู้และทักษะที่หลากหลายช่วยให้เราสามารถคิดวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    การจัดการเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ
    การจัดการเวลาเป็นทักษะที่สำคัญอย่างยิ่งในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การเรียน หรือกิจกรรมส่วนตัว การจัดการเวลาที่ดีจะช่วยให้เราสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดความเครียดจากการที่ต้องทำงานมากเกินไปในเวลาจำกัด

    หนึ่งในวิธีการจัดการเวลาที่มีประสิทธิภาพคือการวางแผนงานล่วงหน้า การกำหนดเป้าหมายและสิ่งที่ต้องทำในแต่ละวันช่วยให้เรามีทิศทางและรู้ว่าควรทำอะไรก่อน-หลัง การวางแผนช่วยให้เราใช้เวลาได้อย่างเต็มที่และไม่เสียเวลาไปกับสิ่งที่ไม่จำเป็น

    การจัดลำดับความสำคัญของงานก็เป็นอีกปัจจัยที่สำคัญ งานบางอย่างอาจต้องทำให้เสร็จในเวลาที่กำหนด ขณะที่งานบางอย่างสามารถเลื่อนได้ เราควรจัดลำดับงานตามความสำคัญและเวลาที่ต้องใช้ เพื่อให้เราสามารถจัดการเวลาได้ดีและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    การตั้งเป้าหมายในชีวิต
    การตั้งเป้าหมายในชีวิตเป็นสิ่งที่ช่วยให้เรามีทิศทางและเป้าหมายที่ชัดเจน การมีเป้าหมายทำให้เรารู้ว่าจะต้องทำอะไร และสามารถวางแผนเพื่อตอบสนองต่อความสำเร็จนั้นได้อย่างเหมาะสม

    การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและเป็นไปได้ช่วยให้เรามีแรงจูงใจในการทำงาน การตั้งเป้าหมายเล็ก ๆ เพื่อสร้างความสำเร็จรายวันหรือรายสัปดาห์สามารถช่วยให้เรารู้สึกถึงความก้าวหน้าและทำให้มีความกระตือรือร้นในการทำสิ่งต่าง ๆ ต่อไป

    นอกจากนี้ การตั้งเป้าหมายยังช่วยให้เราสามารถวัดผลความสำเร็จของเราได้ การวัดผลที่ชัดเจนช่วยให้เรารู้ว่าเรากำลังทำอะไรได้ดีและควรปรับปรุงอะไรเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้

    การทำงานเป็นทีม
    การทำงานเป็นทีมเป็นทักษะที่สำคัญในหลายสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นในที่ทำงานหรือในกิจกรรมสังคม การทำงานร่วมกับผู้อื่นช่วยให้เราสามารถแบ่งปันความรู้ ความคิด และทักษะที่หลากหลาย ซึ่งทำให้เราสามารถบรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    การทำงานเป็นทีมที่ดีต้องอาศัยความร่วมมือและการสื่อสารที่ดี การสื่อสารที่ชัดเจนช่วยให้ทีมสามารถเข้าใจเป้าหมายและทิศทางของการทำงานได้ชัดเจนขึ้น การเปิดรับความคิดเห็นและความคิดสร้างสรรค์จากทุกคนในทีมก็เป็นปัจจัยสำคัญในการทำงานเป็นทีม

    นอกจากนี้ การทำงานเป็นทีมยังช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์และความเข้าใจระหว่างสมาชิกในทีม การรู้จักการทำงานร่วมกันและการช่วยเหลือซึ่งกันและกันจะทำให้ทีมมีความแข็งแกร่งและสามารถแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้ดีขึ้น

    การสร้างสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน
    ในปัจจุบัน คนจำนวนมากมักพบปัญหาในการสร้างสมดุลระหว่างชีวิตส่วนตัวและการทำงาน การที่เรามีเวลาที่จำกัดและต้องรับผิดชอบทั้งในเรื่องของงานและครอบครัวทำให้การจัดการเวลาและพลังงานกลายเป็นเรื่องที่ท้าทาย

    การสร้างสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานไม่เพียงแต่ช่วยให้เรามีความสุขในชีวิตมากขึ้น แต่ยังช่วยให้เราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย การจัดการเวลาอย่างเหมาะสมเพื่อให้เราสามารถพักผ่อนและทำกิจกรรมที่ชื่นชอบนอกเวลางานจะทำให้เรามีพลังในการทำงานมากขึ้น

    นอกจากนี้ การรู้จักแบ่งแยกเวลาและความรับผิดชอบอย่างชัดเจนจะช่วยให้เราสามารถทำงานได้ดีและยังมีเวลาสำหรับตัวเองและครอบครัวอีกด้วย การสร้างสมดุลที่ดีระหว่างชีวิตและการทำงานเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญเพื่อให้เรามีความสุขและประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างยั่งยืน

    สรุป
    การเขียนบทความ 1,000 คำต้องอาศัยการวางแผนและการเรียบเรียงความคิดอย่างเป็นระบบ แต่หากเรามีโครงสร้างและแนวทางที่ชัดเจนก็จะทำให้การเขียนเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น
    ความสำคัญของการอ่าน การอ่านถือเป็นกิจกรรมที่มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับการพัฒนาความรู้และทักษะต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นทักษะการเขียน การคิดวิเคราะห์ หรือแม้แต่การเสริมสร้างจินตนาการ การอ่านทำให้เราได้รับความรู้และมุมมองใหม่ ๆ จากผู้เขียนที่มีประสบการณ์และความรู้ในเรื่องนั้น ๆ อย่างลึกซึ้ง การอ่านยังช่วยส่งเสริมให้เรามีความคิดสร้างสรรค์และเปิดรับไอเดียใหม่ ๆ ยกตัวอย่างเช่น หนังสือที่เกี่ยวกับการพัฒนาตนเองหรือธุรกิจสามารถให้แรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ หรือปรับปรุงกระบวนการทำงานเพื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้ง การอ่านยังช่วยส่งเสริมการสื่อสารระหว่างบุคคล การได้เรียนรู้คำศัพท์ใหม่ ๆ หรือรูปประโยคที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น ทำให้เรามีความสามารถในการแสดงความคิดเห็นหรือสื่อสารในที่ทำงานหรือในชีวิตประจำวันได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ การอ่านยังช่วยให้สมองของเราเปิดรับความคิดที่หลากหลาย และส่งเสริมการพัฒนาทักษะการตัดสินใจ การเรียนรู้ตลอดชีวิต การเรียนรู้ตลอดชีวิตเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เราสามารถปรับตัวเข้ากับโลกที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ในยุคที่เทคโนโลยีและวิทยาการก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว การเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการพัฒนาตนเองและการดำเนินชีวิตที่ดีขึ้น การเรียนรู้ตลอดชีวิตไม่ได้จำกัดเพียงแค่ในห้องเรียนหรือการเข้ารับการศึกษาในระบบ การเรียนรู้นอกระบบ เช่น การเรียนรู้ออนไลน์ การฝึกฝนทักษะใหม่ ๆ หรือแม้กระทั่งการเรียนรู้จากประสบการณ์ชีวิตประจำวันก็ถือเป็นการเรียนรู้ที่สำคัญเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น ในปัจจุบันมีแพลตฟอร์มการเรียนรู้ทางออนไลน์ที่ช่วยให้เราสามารถเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ ได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเขียนโปรแกรม การตลาดดิจิทัล การออกแบบกราฟิก หรือแม้แต่การเรียนรู้ด้านศิลปะ การที่เราสามารถเลือกเรียนรู้ในสิ่งที่สนใจและนำไปใช้ในการทำงานหรือชีวิตส่วนตัวได้ ทำให้เรามีโอกาสที่จะเติบโตและประสบความสำเร็จมากขึ้น การเรียนรู้ตลอดชีวิตยังส่งเสริมให้เรามีมุมมองที่กว้างขึ้นต่อโลกและปัญหาต่าง ๆ การมีความรู้และทักษะที่หลากหลายช่วยให้เราสามารถคิดวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น การจัดการเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ การจัดการเวลาเป็นทักษะที่สำคัญอย่างยิ่งในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การเรียน หรือกิจกรรมส่วนตัว การจัดการเวลาที่ดีจะช่วยให้เราสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดความเครียดจากการที่ต้องทำงานมากเกินไปในเวลาจำกัด หนึ่งในวิธีการจัดการเวลาที่มีประสิทธิภาพคือการวางแผนงานล่วงหน้า การกำหนดเป้าหมายและสิ่งที่ต้องทำในแต่ละวันช่วยให้เรามีทิศทางและรู้ว่าควรทำอะไรก่อน-หลัง การวางแผนช่วยให้เราใช้เวลาได้อย่างเต็มที่และไม่เสียเวลาไปกับสิ่งที่ไม่จำเป็น การจัดลำดับความสำคัญของงานก็เป็นอีกปัจจัยที่สำคัญ งานบางอย่างอาจต้องทำให้เสร็จในเวลาที่กำหนด ขณะที่งานบางอย่างสามารถเลื่อนได้ เราควรจัดลำดับงานตามความสำคัญและเวลาที่ต้องใช้ เพื่อให้เราสามารถจัดการเวลาได้ดีและมีประสิทธิภาพมากขึ้น การตั้งเป้าหมายในชีวิต การตั้งเป้าหมายในชีวิตเป็นสิ่งที่ช่วยให้เรามีทิศทางและเป้าหมายที่ชัดเจน การมีเป้าหมายทำให้เรารู้ว่าจะต้องทำอะไร และสามารถวางแผนเพื่อตอบสนองต่อความสำเร็จนั้นได้อย่างเหมาะสม การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและเป็นไปได้ช่วยให้เรามีแรงจูงใจในการทำงาน การตั้งเป้าหมายเล็ก ๆ เพื่อสร้างความสำเร็จรายวันหรือรายสัปดาห์สามารถช่วยให้เรารู้สึกถึงความก้าวหน้าและทำให้มีความกระตือรือร้นในการทำสิ่งต่าง ๆ ต่อไป นอกจากนี้ การตั้งเป้าหมายยังช่วยให้เราสามารถวัดผลความสำเร็จของเราได้ การวัดผลที่ชัดเจนช่วยให้เรารู้ว่าเรากำลังทำอะไรได้ดีและควรปรับปรุงอะไรเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ การทำงานเป็นทีม การทำงานเป็นทีมเป็นทักษะที่สำคัญในหลายสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นในที่ทำงานหรือในกิจกรรมสังคม การทำงานร่วมกับผู้อื่นช่วยให้เราสามารถแบ่งปันความรู้ ความคิด และทักษะที่หลากหลาย ซึ่งทำให้เราสามารถบรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น การทำงานเป็นทีมที่ดีต้องอาศัยความร่วมมือและการสื่อสารที่ดี การสื่อสารที่ชัดเจนช่วยให้ทีมสามารถเข้าใจเป้าหมายและทิศทางของการทำงานได้ชัดเจนขึ้น การเปิดรับความคิดเห็นและความคิดสร้างสรรค์จากทุกคนในทีมก็เป็นปัจจัยสำคัญในการทำงานเป็นทีม นอกจากนี้ การทำงานเป็นทีมยังช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์และความเข้าใจระหว่างสมาชิกในทีม การรู้จักการทำงานร่วมกันและการช่วยเหลือซึ่งกันและกันจะทำให้ทีมมีความแข็งแกร่งและสามารถแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้ดีขึ้น การสร้างสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน ในปัจจุบัน คนจำนวนมากมักพบปัญหาในการสร้างสมดุลระหว่างชีวิตส่วนตัวและการทำงาน การที่เรามีเวลาที่จำกัดและต้องรับผิดชอบทั้งในเรื่องของงานและครอบครัวทำให้การจัดการเวลาและพลังงานกลายเป็นเรื่องที่ท้าทาย การสร้างสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานไม่เพียงแต่ช่วยให้เรามีความสุขในชีวิตมากขึ้น แต่ยังช่วยให้เราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย การจัดการเวลาอย่างเหมาะสมเพื่อให้เราสามารถพักผ่อนและทำกิจกรรมที่ชื่นชอบนอกเวลางานจะทำให้เรามีพลังในการทำงานมากขึ้น นอกจากนี้ การรู้จักแบ่งแยกเวลาและความรับผิดชอบอย่างชัดเจนจะช่วยให้เราสามารถทำงานได้ดีและยังมีเวลาสำหรับตัวเองและครอบครัวอีกด้วย การสร้างสมดุลที่ดีระหว่างชีวิตและการทำงานเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญเพื่อให้เรามีความสุขและประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างยั่งยืน สรุป การเขียนบทความ 1,000 คำต้องอาศัยการวางแผนและการเรียบเรียงความคิดอย่างเป็นระบบ แต่หากเรามีโครงสร้างและแนวทางที่ชัดเจนก็จะทำให้การเขียนเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 15 มุมมอง 0 รีวิว
  • การเขียนข้อความยาว 1,000 คำถือเป็นวิธีที่ดีในการพัฒนาความคิดและการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ การเขียนไม่เพียงแต่ช่วยให้เราแสดงออกถึงความคิดของเราเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจในเรื่องราวหรือประเด็นที่เราต้องการสื่อสารด้วย

    ในบทความนี้ เราจะพูดถึงหัวข้อการเขียนที่น่าสนใจ โดยเราจะเลือกหัวข้อที่หลากหลายเพื่อให้คุณสามารถใช้เป็นแนวทางในการเขียนข้อความขนาดยาว

    ## การเขียนบทความเกี่ยวกับการพัฒนาตนเอง

    การพัฒนาตนเองเป็นหัวข้อที่ได้รับความนิยมอย่างมากในยุคปัจจุบัน เราอยู่ในสังคมที่ต้องการพัฒนาและปรับปรุงตนเองอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการงาน การศึกษา หรือแม้แต่ในเรื่องส่วนตัว หากเราสามารถสร้างนิสัยที่ดีและมีวินัยในการดำเนินชีวิต เราก็จะสามารถประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน

    หนึ่งในวิธีการพัฒนาตนเองคือการตั้งเป้าหมายในชีวิตและพยายามทำตามเป้าหมายนั้นอย่างต่อเนื่อง การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยให้เรามีแรงจูงใจในการทำงานและมีทิศทางในการดำเนินชีวิต ซึ่งจะทำให้เราสามารถบรรลุเป้าหมายได้เร็วขึ้น

    นอกจากนี้ การฝึกฝนความคิดเชิงบวกและการจัดการกับความเครียดก็เป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาตนเอง เราควรพยายามมองโลกในแง่ดีและเรียนรู้ที่จะเผชิญหน้ากับปัญหาโดยไม่ท้อแท้ การคิดในแง่บวกจะช่วยให้เรามีสุขภาพจิตที่ดี และสามารถจัดการกับความเครียดในชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ## การเขียนบทความเกี่ยวกับเทคโนโลยีและนวัตกรรม

    ในยุคที่เทคโนโลยีและนวัตกรรมมีบทบาทสำคัญต่อชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น เราสามารถเลือกเขียนบทความเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้เพื่อให้ผู้อ่านได้เข้าใจถึงความสำคัญของเทคโนโลยีในยุคปัจจุบัน

    ตัวอย่างเช่น การพัฒนา AI (ปัญญาประดิษฐ์) ที่มีผลกระทบต่อการทำงานในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น การแพทย์ การศึกษา การผลิต และการบริการ AI สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ลดข้อผิดพลาดจากมนุษย์ และทำให้การทำงานรวดเร็วขึ้น

    อีกหัวข้อหนึ่งที่น่าสนใจคือเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) ที่มีบทบาทสำคัญในวงการการเงิน เทคโนโลยีนี้มีความโปร่งใส ปลอดภัย และสามารถใช้ในกระบวนการทำธุรกรรมต่างๆ โดยไม่จำเป็นต้องมีตัวกลาง เช่น ธนาคาร ทำให้บล็อกเชนได้รับความสนใจอย่างมากในวงการการเงินและการค้าทั่วโลก

    นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาของอินเทอร์เน็ตแห่งสรรพสิ่ง (Internet of Things หรือ IoT) ที่ทำให้สิ่งของต่างๆ สามารถเชื่อมต่อกันผ่านอินเทอร์เน็ตได้ เช่น สมาร์ทโฮม (Smart Home) ที่สามารถควบคุมอุปกรณ์ในบ้านผ่านสมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์เชื่อมต่ออื่นๆ การเชื่อมต่อที่ง่ายและสะดวกนี้ทำให้เราสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    ## การเขียนบทความเกี่ยวกับสุขภาพและการออกกำลังกาย

    สุขภาพเป็นหัวข้อที่สำคัญไม่แพ้กันในยุคปัจจุบัน เราควรให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพทั้งกายและใจ การออกกำลังกายเป็นหนึ่งในวิธีการที่ดีที่สุดในการรักษาสุขภาพ การออกกำลังกายสม่ำเสมอไม่เพียงแต่ทำให้ร่างกายแข็งแรง แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคต่างๆ เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน และโรคอ้วน

    การออกกำลังกายไม่จำเป็นต้องซับซ้อน เราสามารถเริ่มต้นด้วยการเดินหรือวิ่งเบาๆ ทุกวันเพียง 30 นาที นอกจากนี้ การทำโยคะหรือพิลาทิสก็เป็นทางเลือกที่ดีในการสร้างความยืดหยุ่นและเพิ่มความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อ

    อาหารก็เป็นปัจจัยสำคัญในการดูแลสุขภาพ เราควรเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และสมดุล เช่น ผักผลไม้ โปรตีน และไขมันดี การลดการบริโภคอาหารที่มีน้ำตาลและไขมันสูงจะช่วยให้เรามีสุขภาพดีขึ้นในระยะยาว

    ## การเขียนบทความเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ

    ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมกลายเป็นเรื่องที่ทุกคนควรให้ความสำคัญ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) เป็นปัญหาที่ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และส่งผลกระทบต่อธรรมชาติและสภาพแวดล้อมทั่วโลก

    หนึ่งในวิธีการลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศคือการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งสามารถทำได้โดยการใช้พลังงานทดแทน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม หรือพลังงานจากน้ำ นอกจากนี้ การลดการใช้พลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้งก็เป็นวิธีที่ง่ายและมีประสิทธิภาพในการลดปริมาณขยะและรักษาทรัพยากรธรรมชาติ

    การปลูกต้นไม้และการอนุรักษ์ป่าไม้ก็เป็นวิธีหนึ่งในการช่วยฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม ต้นไม้สามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และปล่อยออกซิเจน ซึ่งเป็นกระบวนการสำคัญในการรักษาสมดุลของระบบนิเวศ

    ## การเขียนบทความเกี่ยวกับการศึกษาและการเรียนรู้

    การศึกษาเป็นสิ่งที่สำคัญมากในชีวิตของคนทุกคน การเรียนรู้ไม่จำกัดเพียงในห้องเรียนเท่านั้น แต่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดชีวิต เราสามารถเรียนรู้จากประสบการณ์ การอ่านหนังสือ หรือการฟังจากผู้รู้

    หนึ่งในหัวข้อที่น่าสนใจเกี่ยวกับการศึกษาคือการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้ในยุคปัจจุบัน เช่น การเรียนออนไลน์ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะหลังจากการระบาดของ COVID-19 การเรียนออนไลน์ทำให้นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้จากที่บ้าน และสามารถเข้าถึงแหล่งความรู้จากทั่วโลกได้ง่ายขึ้น

    อีกหัวข้อหนึ่งที่ควรกล่าวถึงคือการศึกษาด้านทักษะใหม่ๆ ในยุคดิจิทัล เช่น การเขียนโปรแกรม การวิเคราะห์ข้อมูล หรือการออกแบบกราฟิก ทักษะเหล่านี้เป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานในยุคปัจจุบัน การเรียนรู้และพัฒนาทักษะเหล่านี้จะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำงานและการพัฒนาตนเองในระยะยาว

    ## สรุป

    การเขียนข้อความ 1,000 คำอาจดูเหมือนเป็นงานที่ยาก แต่ถ้าเราแบ่งหัวข้อและวางแผนการเขียนอย่างดี ก็จะทำให้เราสามารถเขียนได้อย่างมีประสิทธิภาพและน่าสนใจ

    thaittimes
    #thaitimes #thai
    "thaitimes"
    การเขียนข้อความยาว 1,000 คำถือเป็นวิธีที่ดีในการพัฒนาความคิดและการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ การเขียนไม่เพียงแต่ช่วยให้เราแสดงออกถึงความคิดของเราเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจในเรื่องราวหรือประเด็นที่เราต้องการสื่อสารด้วย ในบทความนี้ เราจะพูดถึงหัวข้อการเขียนที่น่าสนใจ โดยเราจะเลือกหัวข้อที่หลากหลายเพื่อให้คุณสามารถใช้เป็นแนวทางในการเขียนข้อความขนาดยาว ## การเขียนบทความเกี่ยวกับการพัฒนาตนเอง การพัฒนาตนเองเป็นหัวข้อที่ได้รับความนิยมอย่างมากในยุคปัจจุบัน เราอยู่ในสังคมที่ต้องการพัฒนาและปรับปรุงตนเองอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการงาน การศึกษา หรือแม้แต่ในเรื่องส่วนตัว หากเราสามารถสร้างนิสัยที่ดีและมีวินัยในการดำเนินชีวิต เราก็จะสามารถประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน หนึ่งในวิธีการพัฒนาตนเองคือการตั้งเป้าหมายในชีวิตและพยายามทำตามเป้าหมายนั้นอย่างต่อเนื่อง การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยให้เรามีแรงจูงใจในการทำงานและมีทิศทางในการดำเนินชีวิต ซึ่งจะทำให้เราสามารถบรรลุเป้าหมายได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ การฝึกฝนความคิดเชิงบวกและการจัดการกับความเครียดก็เป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาตนเอง เราควรพยายามมองโลกในแง่ดีและเรียนรู้ที่จะเผชิญหน้ากับปัญหาโดยไม่ท้อแท้ การคิดในแง่บวกจะช่วยให้เรามีสุขภาพจิตที่ดี และสามารถจัดการกับความเครียดในชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ## การเขียนบทความเกี่ยวกับเทคโนโลยีและนวัตกรรม ในยุคที่เทคโนโลยีและนวัตกรรมมีบทบาทสำคัญต่อชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น เราสามารถเลือกเขียนบทความเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้เพื่อให้ผู้อ่านได้เข้าใจถึงความสำคัญของเทคโนโลยีในยุคปัจจุบัน ตัวอย่างเช่น การพัฒนา AI (ปัญญาประดิษฐ์) ที่มีผลกระทบต่อการทำงานในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น การแพทย์ การศึกษา การผลิต และการบริการ AI สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ลดข้อผิดพลาดจากมนุษย์ และทำให้การทำงานรวดเร็วขึ้น อีกหัวข้อหนึ่งที่น่าสนใจคือเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) ที่มีบทบาทสำคัญในวงการการเงิน เทคโนโลยีนี้มีความโปร่งใส ปลอดภัย และสามารถใช้ในกระบวนการทำธุรกรรมต่างๆ โดยไม่จำเป็นต้องมีตัวกลาง เช่น ธนาคาร ทำให้บล็อกเชนได้รับความสนใจอย่างมากในวงการการเงินและการค้าทั่วโลก นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาของอินเทอร์เน็ตแห่งสรรพสิ่ง (Internet of Things หรือ IoT) ที่ทำให้สิ่งของต่างๆ สามารถเชื่อมต่อกันผ่านอินเทอร์เน็ตได้ เช่น สมาร์ทโฮม (Smart Home) ที่สามารถควบคุมอุปกรณ์ในบ้านผ่านสมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์เชื่อมต่ออื่นๆ การเชื่อมต่อที่ง่ายและสะดวกนี้ทำให้เราสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ## การเขียนบทความเกี่ยวกับสุขภาพและการออกกำลังกาย สุขภาพเป็นหัวข้อที่สำคัญไม่แพ้กันในยุคปัจจุบัน เราควรให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพทั้งกายและใจ การออกกำลังกายเป็นหนึ่งในวิธีการที่ดีที่สุดในการรักษาสุขภาพ การออกกำลังกายสม่ำเสมอไม่เพียงแต่ทำให้ร่างกายแข็งแรง แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคต่างๆ เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน และโรคอ้วน การออกกำลังกายไม่จำเป็นต้องซับซ้อน เราสามารถเริ่มต้นด้วยการเดินหรือวิ่งเบาๆ ทุกวันเพียง 30 นาที นอกจากนี้ การทำโยคะหรือพิลาทิสก็เป็นทางเลือกที่ดีในการสร้างความยืดหยุ่นและเพิ่มความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อ อาหารก็เป็นปัจจัยสำคัญในการดูแลสุขภาพ เราควรเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และสมดุล เช่น ผักผลไม้ โปรตีน และไขมันดี การลดการบริโภคอาหารที่มีน้ำตาลและไขมันสูงจะช่วยให้เรามีสุขภาพดีขึ้นในระยะยาว ## การเขียนบทความเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมกลายเป็นเรื่องที่ทุกคนควรให้ความสำคัญ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) เป็นปัญหาที่ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และส่งผลกระทบต่อธรรมชาติและสภาพแวดล้อมทั่วโลก หนึ่งในวิธีการลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศคือการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งสามารถทำได้โดยการใช้พลังงานทดแทน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม หรือพลังงานจากน้ำ นอกจากนี้ การลดการใช้พลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้งก็เป็นวิธีที่ง่ายและมีประสิทธิภาพในการลดปริมาณขยะและรักษาทรัพยากรธรรมชาติ การปลูกต้นไม้และการอนุรักษ์ป่าไม้ก็เป็นวิธีหนึ่งในการช่วยฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม ต้นไม้สามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และปล่อยออกซิเจน ซึ่งเป็นกระบวนการสำคัญในการรักษาสมดุลของระบบนิเวศ ## การเขียนบทความเกี่ยวกับการศึกษาและการเรียนรู้ การศึกษาเป็นสิ่งที่สำคัญมากในชีวิตของคนทุกคน การเรียนรู้ไม่จำกัดเพียงในห้องเรียนเท่านั้น แต่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดชีวิต เราสามารถเรียนรู้จากประสบการณ์ การอ่านหนังสือ หรือการฟังจากผู้รู้ หนึ่งในหัวข้อที่น่าสนใจเกี่ยวกับการศึกษาคือการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้ในยุคปัจจุบัน เช่น การเรียนออนไลน์ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะหลังจากการระบาดของ COVID-19 การเรียนออนไลน์ทำให้นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้จากที่บ้าน และสามารถเข้าถึงแหล่งความรู้จากทั่วโลกได้ง่ายขึ้น อีกหัวข้อหนึ่งที่ควรกล่าวถึงคือการศึกษาด้านทักษะใหม่ๆ ในยุคดิจิทัล เช่น การเขียนโปรแกรม การวิเคราะห์ข้อมูล หรือการออกแบบกราฟิก ทักษะเหล่านี้เป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานในยุคปัจจุบัน การเรียนรู้และพัฒนาทักษะเหล่านี้จะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำงานและการพัฒนาตนเองในระยะยาว ## สรุป การเขียนข้อความ 1,000 คำอาจดูเหมือนเป็นงานที่ยาก แต่ถ้าเราแบ่งหัวข้อและวางแผนการเขียนอย่างดี ก็จะทำให้เราสามารถเขียนได้อย่างมีประสิทธิภาพและน่าสนใจ thaittimes #thaitimes #thai "thaitimes"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 935 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้อยู่เบื้องหลังหมูเด้งดัง! องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดพิธีมอบรางวัลยกย่องเชิดชูเกียรติบุคคลที่มีผลงานดีเด่น สร้างชื่อเสียง และทำคุณประโยชน์ให้กับหน่วยงาน ให้แก่ Admin เพจขาหมูแอนด์เดอะแก๊งค์ และ Admin เพจ EDU zoo say

    นายอรรถพร ศรีเหรัญ ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย เผยว่า ได้จัดพิธีมอบรางวัลยกย่องเชิดชูเกียรติบุคคลที่มีผลงานดีเด่น สร้างชื่อเสียง และทำคุณประโยชน์ให้กับหน่วยงาน ได้แก่ ( Admin เพจขาหมูแอนด์เดอะแก๊ง) นายอรรถพล หนุนดี พนักงานบำรุงและจัดการสวนสัตว์ ๓ งานบำรุงสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ฝ่ายบำรุงสัตว์ สังกัดสวนสัตว์เปิดเขาเขียว และ (Admin เพจ EDU zoo say) นางสาวอารีรัตน์ ทับทิม เจ้าหน้าที่สื่อการศึกษา ๓ งานสื่อการเรียนรู้ ฝ่ายการศึกษา ในฐานะที่ได้สร้างผลงานอันเป็นประโยชน์ต่อองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย อย่างโดดเด่นตลอดปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการส่งเสิรมกำลังใจในการทำงาน สร้างแรงบันดาลใจให้บุคลากร ได้เห็นถึงความสำคัญของการทำงานเพื่อส่วนรวม สร้างค่านิยมและวัฒธรรมองค์กร Zoogether ไปด้วยกัน ไปได้ไกล ไปกับเรา

    ในการนี้ ได้รับเกียรติจาก รศ.เจษฎ์ โทณะวณิก ประธานกรรมการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย เป็นประธานมอบรางวัลในพิธีฯ พร้อมด้วย นายภัทระ คำพิทักษ์ กรรมการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย นายชวลิต ชูขจร ที่ปรึกษาคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย รวมถึงคณะผู้บริหารองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทยร่วมเป็นเกียรติในพิธีด้วย

    ที่มา : NBT Connext

    #Thaitimes
    ผู้อยู่เบื้องหลังหมูเด้งดัง! องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดพิธีมอบรางวัลยกย่องเชิดชูเกียรติบุคคลที่มีผลงานดีเด่น สร้างชื่อเสียง และทำคุณประโยชน์ให้กับหน่วยงาน ให้แก่ Admin เพจขาหมูแอนด์เดอะแก๊งค์ และ Admin เพจ EDU zoo say นายอรรถพร ศรีเหรัญ ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย เผยว่า ได้จัดพิธีมอบรางวัลยกย่องเชิดชูเกียรติบุคคลที่มีผลงานดีเด่น สร้างชื่อเสียง และทำคุณประโยชน์ให้กับหน่วยงาน ได้แก่ ( Admin เพจขาหมูแอนด์เดอะแก๊ง) นายอรรถพล หนุนดี พนักงานบำรุงและจัดการสวนสัตว์ ๓ งานบำรุงสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ฝ่ายบำรุงสัตว์ สังกัดสวนสัตว์เปิดเขาเขียว และ (Admin เพจ EDU zoo say) นางสาวอารีรัตน์ ทับทิม เจ้าหน้าที่สื่อการศึกษา ๓ งานสื่อการเรียนรู้ ฝ่ายการศึกษา ในฐานะที่ได้สร้างผลงานอันเป็นประโยชน์ต่อองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย อย่างโดดเด่นตลอดปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการส่งเสิรมกำลังใจในการทำงาน สร้างแรงบันดาลใจให้บุคลากร ได้เห็นถึงความสำคัญของการทำงานเพื่อส่วนรวม สร้างค่านิยมและวัฒธรรมองค์กร Zoogether ไปด้วยกัน ไปได้ไกล ไปกับเรา ในการนี้ ได้รับเกียรติจาก รศ.เจษฎ์ โทณะวณิก ประธานกรรมการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย เป็นประธานมอบรางวัลในพิธีฯ พร้อมด้วย นายภัทระ คำพิทักษ์ กรรมการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย นายชวลิต ชูขจร ที่ปรึกษาคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย รวมถึงคณะผู้บริหารองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทยร่วมเป็นเกียรติในพิธีด้วย ที่มา : NBT Connext #Thaitimes
    Like
    Love
    18
    3 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1282 มุมมอง 0 รีวิว
  • สวัสดีวันที่ 27/9/2024 วันที่เริ่มใช้แอปนี้เป็นครั้งแรก .. ทุกคนก็ต้องผ่านการเรียนรู้ ชั้นก็เช่นกัน จะมาอัพเดทชีวิตเรื่อยๆแล้วกันนะคะ
    สวัสดีวันที่ 27/9/2024 วันที่เริ่มใช้แอปนี้เป็นครั้งแรก .. ทุกคนก็ต้องผ่านการเรียนรู้ ชั้นก็เช่นกัน จะมาอัพเดทชีวิตเรื่อยๆแล้วกันนะคะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 15 มุมมอง 0 รีวิว
  • น้องๆจาก วงดนตรีไทย โรงเรียนมัธยมวัดสิงห์ รุ่นมัธยมศึกษา ตอนต้น
    ขึ้นโชว์ความสามารถบนเวทีการประกวดเดี่ยวเครื่องดนตรีไทย "ไทยโหมโรง ปี ๒" (ระดับชาติ)
    ฝึกซ้อมโดย นายตะวัน โตเอี่ยม ครูกลุ่มสาระการเรียนรู้ ศิลปะ
    #ดนตรีไทยสร้างสรรค์ #สยามเด็กเล่น #ไทยโหมโรง #รับรางวัล #โรงเรียนมัธยมวัดสิงห์ #siamplayground #วงสิงหราช #thaitimes #ศรีวัฒนธรรม #วัฒนธรรม
    น้องๆจาก วงดนตรีไทย โรงเรียนมัธยมวัดสิงห์ รุ่นมัธยมศึกษา ตอนต้น ขึ้นโชว์ความสามารถบนเวทีการประกวดเดี่ยวเครื่องดนตรีไทย "ไทยโหมโรง ปี ๒" (ระดับชาติ) ฝึกซ้อมโดย นายตะวัน โตเอี่ยม ครูกลุ่มสาระการเรียนรู้ ศิลปะ #ดนตรีไทยสร้างสรรค์ #สยามเด็กเล่น #ไทยโหมโรง #รับรางวัล #โรงเรียนมัธยมวัดสิงห์ #siamplayground #วงสิงหราช #thaitimes #ศรีวัฒนธรรม #วัฒนธรรม
    Like
    Love
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 617 มุมมอง 305 0 รีวิว
  • 🔥🔥มีท่านนึงอินบอกซ์เข้ามาถามแอดมินว่า
    ตอนนี้กำลังศึกษาการลงทุนในตลาดหุ้น และ
    มีวิธีการไหน ที่จะทำให้เราได้กำไรเร็วๆ หรือรวยเร็วๆมั้ย?

    🚩แอดมิน : กำลังคิดถึงตัวเองช่วงเข้ามาตลาดหุ้นใหม่ๆ
    และ ใจเราอยากจะได้เงินเร็วๆ รวยเร็วๆ โดยลืมนึก
    ถึงจุดสำคัญจุดนึงไป คือ การสร้างภูมิต้านทาน
    ของเราในตลาดหุ้นให้แข็งแรงเสียก่อน
    การสร้างภูมิต้านทานในที่นี้หมายถึง การเรียนรู้ และสะสม
    ประสบการณ์ให้มากๆ เรียนรู้ทุกจุด โดยเฉพาะความผิดพลาด
    เพื่อไม่ให้ทำซ้ำ และพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ จากวันเป็นสัปดาห์
    เป็นเดือน เป็นปี เป็นหลายปี ต่อเนื่องไปเรื่อยๆ อย่าหยุดเรียนรู้
    และพัฒนาตัวเอง

    🚩แอดมินเชื่อว่า ถ้าเราสร้างภูมิต้านทานที่แข็งแรงดีแล้ว
    รวมทั้งการพัฒนาตัวเองไปตลอด และไม่หยุดนิ่ง
    สะสมองค์ความรู้ จนเกิดเป็น ทักษะ และความเชี่ยวชาญ
    เมื่อนั้นเราจะยืนระยะในตลาดหุ้นได้นานขึ้น และมีผลตอบแทน
    คือ Passive income หรือ กระแสเงินสดเข้ามาต่อเนื่อง
    หรือ ได้กำไรจากส่วนต่างของราคาหุ้นที่มากขึ้นได้

    🚩ดังนั้น อดทน เรียนรู้ พัฒนาตัวเองอย่างสม่ำเสมอ
    อย่าใจร้อน รีบรวย มากไป โดยเฉพาะลงทุนกับสิ่ง
    ที่เราไม่รู้จริง เพราะจะทำให้เรา ยืนระยะในตลาด
    ได้ไม่นาน และขาดทุนมากครับ

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ตลาดหุ้น #SET
    #thaitimes

    🔥🔥มีท่านนึงอินบอกซ์เข้ามาถามแอดมินว่า ตอนนี้กำลังศึกษาการลงทุนในตลาดหุ้น และ มีวิธีการไหน ที่จะทำให้เราได้กำไรเร็วๆ หรือรวยเร็วๆมั้ย? 🚩แอดมิน : กำลังคิดถึงตัวเองช่วงเข้ามาตลาดหุ้นใหม่ๆ และ ใจเราอยากจะได้เงินเร็วๆ รวยเร็วๆ โดยลืมนึก ถึงจุดสำคัญจุดนึงไป คือ การสร้างภูมิต้านทาน ของเราในตลาดหุ้นให้แข็งแรงเสียก่อน การสร้างภูมิต้านทานในที่นี้หมายถึง การเรียนรู้ และสะสม ประสบการณ์ให้มากๆ เรียนรู้ทุกจุด โดยเฉพาะความผิดพลาด เพื่อไม่ให้ทำซ้ำ และพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ จากวันเป็นสัปดาห์ เป็นเดือน เป็นปี เป็นหลายปี ต่อเนื่องไปเรื่อยๆ อย่าหยุดเรียนรู้ และพัฒนาตัวเอง 🚩แอดมินเชื่อว่า ถ้าเราสร้างภูมิต้านทานที่แข็งแรงดีแล้ว รวมทั้งการพัฒนาตัวเองไปตลอด และไม่หยุดนิ่ง สะสมองค์ความรู้ จนเกิดเป็น ทักษะ และความเชี่ยวชาญ เมื่อนั้นเราจะยืนระยะในตลาดหุ้นได้นานขึ้น และมีผลตอบแทน คือ Passive income หรือ กระแสเงินสดเข้ามาต่อเนื่อง หรือ ได้กำไรจากส่วนต่างของราคาหุ้นที่มากขึ้นได้ 🚩ดังนั้น อดทน เรียนรู้ พัฒนาตัวเองอย่างสม่ำเสมอ อย่าใจร้อน รีบรวย มากไป โดยเฉพาะลงทุนกับสิ่ง ที่เราไม่รู้จริง เพราะจะทำให้เรา ยืนระยะในตลาด ได้ไม่นาน และขาดทุนมากครับ #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ตลาดหุ้น #SET #thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1229 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่มีใครเข้าใจผมเลย ผมไม่ได้เล่นเกมส์อย่างเดียวนะ พอดีผู้ว่าจ้างเขา Meet มาแต่ไม่มีอารมณ์ในการทำงาน Burnout ในการทำงาน และมีการวีนเล็กน้อย บ่นอุบใส่ผู้ว่าจ้าง
    ส่วนตัวผมมองว่าสิ่งที่ผมทำมันถูกทางแล้ว แต่ต้องเข้าใจว่ารอให้เขาตรวจสอบให้เสร็จก่อน ถ้ามีให้แก้ก็แก้เลย ไม่ต้องมาแก้ตอนใกล้ถึงเวลา เพราะกระทบเยอะครับ
    ผมหงุดหงิดง่ายเพราะเงินช็อต เขาไม่ค่อยอัดฉีด ให้แก้แต่งานเดิมๆและกลายเป็น ยิ่งแก้ยิ่งบั๊ก สุดท้ายทำอะไรไม่ได้ งานใหม่ยังไม่ได้ทำ งานเก่าก็มีแต่ต้ามแก้ คือยิ่งแก้ ยิ่งมีให้แก้อีก แต่สุดท้ายก็แก้ตามที่เขาบอกหมด แรกๆจะไม่เข้าใจแต่หลังๆเริ่มเข้าใจ คือเบลมผมไปก็ไม่ช่วยอะไร ไม่ได้อะไร ได้แค่ทำให้คนๆนึงตกต่ำ ถูกด้อยค่า ถูกลดทอนความเป็นผู้มีฝีมือแต่ไม่มากพอ คนมันต้องการเรียนรู้ ไม่ต้องการเป็นลูกจ้างเงินน้อย ทุ่มทำหนักแค่ไหนก็ได้เท่าเดิมจนแก่ ผมไม่ชอบทางนั้น
    ไม่มีใครเข้าใจผมเลย ผมไม่ได้เล่นเกมส์อย่างเดียวนะ พอดีผู้ว่าจ้างเขา Meet มาแต่ไม่มีอารมณ์ในการทำงาน Burnout ในการทำงาน และมีการวีนเล็กน้อย บ่นอุบใส่ผู้ว่าจ้าง ส่วนตัวผมมองว่าสิ่งที่ผมทำมันถูกทางแล้ว แต่ต้องเข้าใจว่ารอให้เขาตรวจสอบให้เสร็จก่อน ถ้ามีให้แก้ก็แก้เลย ไม่ต้องมาแก้ตอนใกล้ถึงเวลา เพราะกระทบเยอะครับ ผมหงุดหงิดง่ายเพราะเงินช็อต เขาไม่ค่อยอัดฉีด ให้แก้แต่งานเดิมๆและกลายเป็น ยิ่งแก้ยิ่งบั๊ก สุดท้ายทำอะไรไม่ได้ งานใหม่ยังไม่ได้ทำ งานเก่าก็มีแต่ต้ามแก้ คือยิ่งแก้ ยิ่งมีให้แก้อีก แต่สุดท้ายก็แก้ตามที่เขาบอกหมด แรกๆจะไม่เข้าใจแต่หลังๆเริ่มเข้าใจ คือเบลมผมไปก็ไม่ช่วยอะไร ไม่ได้อะไร ได้แค่ทำให้คนๆนึงตกต่ำ ถูกด้อยค่า ถูกลดทอนความเป็นผู้มีฝีมือแต่ไม่มากพอ คนมันต้องการเรียนรู้ ไม่ต้องการเป็นลูกจ้างเงินน้อย ทุ่มทำหนักแค่ไหนก็ได้เท่าเดิมจนแก่ ผมไม่ชอบทางนั้น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 153 มุมมอง 0 รีวิว
  • EP 1 #

    ตัวเลขต่างๆที่เกี่ยวข้องกับชีวิตสามารถบ่งบอกอะไรได้บ้าง

    ตัวเลขเข้ามามีอิทธิพลต่อชีวิตมนุษย์ตั้งแต่เกิดจนตาย และให้พลังในแบบรุนแรงด้วย ไม่ว่าจะเป็น วันเดือนปีเกิด, เลขบัตรประชาชน, เลขที่บ้าน, ทะเบียนรถ, รหัสเอทีเอ็ม หรือกระทั่งเบอร์มือถือ นอกจากตัวเลขจะสามารถอธิบายเชื่อมโยงกับบุคลิกนิสัยใจคอ และพฤติกรรมของผู้ใช้ได้อย่างแม่นยำ ยังบ่งบอกถึงกรรมเก่าที่ติดตัวเรามาด้วย โดยอิทธิพลของตัวเลขที่เห็นชัดที่สุดคือ “ตัวเลขเบอร์มือถือ” เพราะอยู่ใกล้ตัวเรามากที่สุด ในตัวเลข 0-9 มีรหัสลับสำหรับวิเคราะห์ที่บ่งบอกตัวตนนิสัยของเจ้าของเบอร์, และสิ่งที่ไม่น่าเขื่อกว่านั้น คือ สามารถส่งพลังงาน ที่ให้คุณ หรือให้โทษได้
    👉แรงดึงดูดของพลังของตัวเลข

    พลังงานที่ดีย่อมดึงดูดสิ่งดีๆเข้าหาตัว ตรงข้ามกับพลังงานที่เสียจะดึงดูดสิ่งไม่ดีเข้าหาตัวเรา เช่น ความลุ่มหลง มัวเมา ถ้ามากไป ชีวิตอาจพังได้ ผู้เขียน เช่น ผู้เขียนชอบเลข 6 เลยใช้ 081-62x 6666 ในช่วงนั้นไม่มีความรู้ใช้แต่ความชอบ หาเงินได้มาก แต่ลุ่มหลง มัวเมา ในหลากหลายสิ่ง จนชีวิตพัง ก็ไม่เคยนึกถึงสิ่งนี้ จนมาศึกษาย้อน เทียบเคียงไปแต่ละช่วงเวลาของชีวิต ช่วงเริ่มต้น ช่วงรุ่งเรือง ล้วนเป็นเลขดี ผลรวมดี ทั้งหมด ..ตัวเลขดี ย่อมเหนี่ยวนำพลังงานที่ดีเข้ามาหาเรา สามารถดึงดูดทั้งความสุข, ความสำเร็จ, เงินทอง, ดึงดูดคนรอบข้างที่ดี, ดึงดูดผู้ใหญ่ที่เมตตาและให้การสนับสนุน, ดึงดูดให้มีโชคดี หรือแม้กระทั่งดึงดูดความรัก
    ความสำเร็จ การเรียนรู้
    อีกตัวอย่างนึง ยุคที่ใช้ Pack link ยุคก่อนมีมือถือ เบอร์ 571444 ส่วนตัวไม่ชอบเลข 4 เลย แต่เห็นมันเป็นเลข ตอง ก็เลยเอา... มันให้พลังเปลี่ยนตัวตนไปเลย จากเป็นคนขี้อาย พูดน้อย สมัยเรียนมหา'ลัย วิชา การพูดตกทุกเทอม ..เพราะพอออกไปพูดแล้วอาย สั่น ...จนไม่กล้าพูด กลายมาเป็นนักขายในระดับยอดฝีมือ พูดแล้วคนเชื่อ กลายเป็นผู้บรรยายให้คนฟัง อบรมสั่งสอนคน.....พอมาศึกษาถึง พลังของเลข 4 ก็เข้าใจเลย เพราะมันคือเลขแห่งการเจรจา
    __ต่อ EP2
    EP 1 # ตัวเลขต่างๆที่เกี่ยวข้องกับชีวิตสามารถบ่งบอกอะไรได้บ้าง ตัวเลขเข้ามามีอิทธิพลต่อชีวิตมนุษย์ตั้งแต่เกิดจนตาย และให้พลังในแบบรุนแรงด้วย ไม่ว่าจะเป็น วันเดือนปีเกิด, เลขบัตรประชาชน, เลขที่บ้าน, ทะเบียนรถ, รหัสเอทีเอ็ม หรือกระทั่งเบอร์มือถือ นอกจากตัวเลขจะสามารถอธิบายเชื่อมโยงกับบุคลิกนิสัยใจคอ และพฤติกรรมของผู้ใช้ได้อย่างแม่นยำ ยังบ่งบอกถึงกรรมเก่าที่ติดตัวเรามาด้วย โดยอิทธิพลของตัวเลขที่เห็นชัดที่สุดคือ “ตัวเลขเบอร์มือถือ” เพราะอยู่ใกล้ตัวเรามากที่สุด ในตัวเลข 0-9 มีรหัสลับสำหรับวิเคราะห์ที่บ่งบอกตัวตนนิสัยของเจ้าของเบอร์, และสิ่งที่ไม่น่าเขื่อกว่านั้น คือ สามารถส่งพลังงาน ที่ให้คุณ หรือให้โทษได้ 👉แรงดึงดูดของพลังของตัวเลข พลังงานที่ดีย่อมดึงดูดสิ่งดีๆเข้าหาตัว ตรงข้ามกับพลังงานที่เสียจะดึงดูดสิ่งไม่ดีเข้าหาตัวเรา เช่น ความลุ่มหลง มัวเมา ถ้ามากไป ชีวิตอาจพังได้ ผู้เขียน เช่น ผู้เขียนชอบเลข 6 เลยใช้ 081-62x 6666 ในช่วงนั้นไม่มีความรู้ใช้แต่ความชอบ หาเงินได้มาก แต่ลุ่มหลง มัวเมา ในหลากหลายสิ่ง จนชีวิตพัง ก็ไม่เคยนึกถึงสิ่งนี้ จนมาศึกษาย้อน เทียบเคียงไปแต่ละช่วงเวลาของชีวิต ช่วงเริ่มต้น ช่วงรุ่งเรือง ล้วนเป็นเลขดี ผลรวมดี ทั้งหมด ..ตัวเลขดี ย่อมเหนี่ยวนำพลังงานที่ดีเข้ามาหาเรา สามารถดึงดูดทั้งความสุข, ความสำเร็จ, เงินทอง, ดึงดูดคนรอบข้างที่ดี, ดึงดูดผู้ใหญ่ที่เมตตาและให้การสนับสนุน, ดึงดูดให้มีโชคดี หรือแม้กระทั่งดึงดูดความรัก ความสำเร็จ การเรียนรู้ อีกตัวอย่างนึง ยุคที่ใช้ Pack link ยุคก่อนมีมือถือ เบอร์ 571444 ส่วนตัวไม่ชอบเลข 4 เลย แต่เห็นมันเป็นเลข ตอง ก็เลยเอา... มันให้พลังเปลี่ยนตัวตนไปเลย จากเป็นคนขี้อาย พูดน้อย สมัยเรียนมหา'ลัย วิชา การพูดตกทุกเทอม ..เพราะพอออกไปพูดแล้วอาย สั่น ...จนไม่กล้าพูด กลายมาเป็นนักขายในระดับยอดฝีมือ พูดแล้วคนเชื่อ กลายเป็นผู้บรรยายให้คนฟัง อบรมสั่งสอนคน.....พอมาศึกษาถึง พลังของเลข 4 ก็เข้าใจเลย เพราะมันคือเลขแห่งการเจรจา __ต่อ EP2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 172 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลี่ เฉียง : จีนยกสัมพันธ์ 'ซาอุดีอาระเบีย'
    พันธกิจการทูตสำคัญในตะวันออกกลาง
    .
    ซินหัว - หลี่เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ซึ่งอยู่ระหว่างการเยือนประเทศซาอุดีอาระเบียเมื่อวันพุธ (11 ก.ย.) กล่าวว่าการพัฒนาความสัมพันธ์กับซาอุดีอาระเบียเป็นพันธกิจสำคัญในการทูตโดยรวมของจีน โดยเฉพาะการทูตในตะวันออกกลาง
    .
    นายหลี่กล่าวคำข้างต้นขณะพบปะหารือกับโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน อัล ซาอุด มกุฎราชกุมารและนายกรัฐมนตรีซาอุดีอาระเบีย และร่วมเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมระดับสูงจีน-ซาอุดีอาระเบีย ครั้งที่ 4 โดยหลี่ส่งสารทักทายอันอบอุ่นจากสีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน แก่ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัล ซาอุด กษัตริย์ซาอุดีอาระเบีย และมกุฎราชกุมาร เป็นลำดับแรก
    .
    นายหลี่เน้นย้ำว่าจีนและซาอุดีอาระเบียได้รักษาไว้ซึ่งความเคารพ ความไว้วางใจ และผลประโยชน์ร่วมกัน รวมถึงการเรียนรู้และความเข้าใจซึ่งกันและกัน ภายใต้การชี้นำเชิงยุทธศาสตร์ของผู้นำสองประเทศ โดยความสัมพันธ์ทวิภาคีได้พัฒนาอย่างรอบด้าน รวดเร็ว และลึกซึ้ง ส่งผลลัพธ์ความร่วมมือด้านต่างๆ
    .
    จีนยินดีจะสนับสนุนซาอุดีอาระเบียและทำงานเพื่อบรรลุผลสำเร็จร่วมกัน มองการพัฒนาของอีกฝ่ายเป็นโอกาสสำคัญ และเสริมสร้างบทบาทของคณะกรรมการร่วมระดับสูงจีน-ซาอุดีอาระเบีย ด้วยเป้าหมายเดินหน้าความสัมพันธ์ทวิภาคีสู่ระดับสูงครั้งใหม่ และยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนสองประเทศอย่างต่อเนื่อง
    .
    จีนและซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นประเทศกำลังพัฒนาที่สำคัญ มีผลประโยชน์ร่วมกันในวงกว้าง โดยจีนพร้อมทำงานร่วมกับซาอุดีอาระเบียอย่างใกล้ชิดและเดินหน้าบนวิถีทางการพัฒนาไปด้วยกัน
    .
    นายหลี่เรียกร้องทั้งสองฝ่ายขยับขยายการค้าทวิภาคี กระชับความร่วมมือดั้งเดิมในด้านน้ำมันและก๊าซ ปิโตรเคมีและโครงสร้างพื้นฐาน สำรวจความร่วมมือใหม่ในด้านพลังงานใหม่ สารสนเทศและการสื่อสาร เศรษฐกิจดิจิทัลและเศรษฐกิจสีเขียว พร้อมกระตุ้นบริษัทลงทุนในอีกประเทศและทำงานร่วมกันเพื่อรักษาเสถียรภาพของห่วงโซ่อุตสาหกรรมและห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก
    .
    นอกจากนั้น นายหลี่ส่งเสริมทั้งสองฝ่ายจัดงานปีแห่งวัฒนธรรมจีน-ซาอุดีอาระเบีย ในปี 2025 ให้ประสบผลสำเร็จ เดินหน้าความร่วมมือด้านวัฒนธรรม คลังสมอง การศึกษา สื่อมวลชน การแลกเปลี่ยนนอกภาครัฐและระหว่างประชาชน และยกระดับความเข้าใจซึ่งกันและกันและมิตรภาพระหว่างประชาชนสองประเทศอย่างต่อเนื่อง
    .
    จีนสนับสนุนซาอุดีอาระเบียในการมีบทบาทในกิจการระหว่างประเทศและระดับภูมิภาคเพิ่มขึ้น และพร้อมยกระดับการประสานงานพหุภาคีกับซาอุดีอาระเบีย บ่มเพาะความสามัคคีและความร่วมมือในกลุ่มประเทศเอเชีย ร่วมยึดมั่นความยุติธรรมและความเป็นธรรมสากล และส่งเสริมธรรมาภิบาลโลกในทิศทางที่เที่ยงธรรมและสมเหตุสมผลยิ่งขึ้น
    .
    ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามเอกสารความร่วมมือทวิภาคีเกี่ยวกับการฝึกอบรมทางเทคนิคและอาชีวศึกษา อุตุนิยมวิทยา และอื่นๆ จำนวนหลายฉบับระหว่างการเยือนของหลี่ด้วย
    .
    แฟ้มภาพซินหัว : นายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน พบปะกับโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน อัล ซาอุด มกุฎราชกุมารและนายกรัฐมนตรีซาอุดีอาระเบีย และร่วมเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมระดับสูงจีน-ซาอุดีอาระเบีย ครั้งที่ 4 ณ พระราชวังอัลยามามะฮ์ ในกรุงริยาดของซาอุดีอาระเบีย วันที่ 11 ก.ย. 2567)
    หลี่ เฉียง : จีนยกสัมพันธ์ 'ซาอุดีอาระเบีย' พันธกิจการทูตสำคัญในตะวันออกกลาง . ซินหัว - หลี่เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ซึ่งอยู่ระหว่างการเยือนประเทศซาอุดีอาระเบียเมื่อวันพุธ (11 ก.ย.) กล่าวว่าการพัฒนาความสัมพันธ์กับซาอุดีอาระเบียเป็นพันธกิจสำคัญในการทูตโดยรวมของจีน โดยเฉพาะการทูตในตะวันออกกลาง . นายหลี่กล่าวคำข้างต้นขณะพบปะหารือกับโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน อัล ซาอุด มกุฎราชกุมารและนายกรัฐมนตรีซาอุดีอาระเบีย และร่วมเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมระดับสูงจีน-ซาอุดีอาระเบีย ครั้งที่ 4 โดยหลี่ส่งสารทักทายอันอบอุ่นจากสีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน แก่ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัล ซาอุด กษัตริย์ซาอุดีอาระเบีย และมกุฎราชกุมาร เป็นลำดับแรก . นายหลี่เน้นย้ำว่าจีนและซาอุดีอาระเบียได้รักษาไว้ซึ่งความเคารพ ความไว้วางใจ และผลประโยชน์ร่วมกัน รวมถึงการเรียนรู้และความเข้าใจซึ่งกันและกัน ภายใต้การชี้นำเชิงยุทธศาสตร์ของผู้นำสองประเทศ โดยความสัมพันธ์ทวิภาคีได้พัฒนาอย่างรอบด้าน รวดเร็ว และลึกซึ้ง ส่งผลลัพธ์ความร่วมมือด้านต่างๆ . จีนยินดีจะสนับสนุนซาอุดีอาระเบียและทำงานเพื่อบรรลุผลสำเร็จร่วมกัน มองการพัฒนาของอีกฝ่ายเป็นโอกาสสำคัญ และเสริมสร้างบทบาทของคณะกรรมการร่วมระดับสูงจีน-ซาอุดีอาระเบีย ด้วยเป้าหมายเดินหน้าความสัมพันธ์ทวิภาคีสู่ระดับสูงครั้งใหม่ และยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนสองประเทศอย่างต่อเนื่อง . จีนและซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นประเทศกำลังพัฒนาที่สำคัญ มีผลประโยชน์ร่วมกันในวงกว้าง โดยจีนพร้อมทำงานร่วมกับซาอุดีอาระเบียอย่างใกล้ชิดและเดินหน้าบนวิถีทางการพัฒนาไปด้วยกัน . นายหลี่เรียกร้องทั้งสองฝ่ายขยับขยายการค้าทวิภาคี กระชับความร่วมมือดั้งเดิมในด้านน้ำมันและก๊าซ ปิโตรเคมีและโครงสร้างพื้นฐาน สำรวจความร่วมมือใหม่ในด้านพลังงานใหม่ สารสนเทศและการสื่อสาร เศรษฐกิจดิจิทัลและเศรษฐกิจสีเขียว พร้อมกระตุ้นบริษัทลงทุนในอีกประเทศและทำงานร่วมกันเพื่อรักษาเสถียรภาพของห่วงโซ่อุตสาหกรรมและห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก . นอกจากนั้น นายหลี่ส่งเสริมทั้งสองฝ่ายจัดงานปีแห่งวัฒนธรรมจีน-ซาอุดีอาระเบีย ในปี 2025 ให้ประสบผลสำเร็จ เดินหน้าความร่วมมือด้านวัฒนธรรม คลังสมอง การศึกษา สื่อมวลชน การแลกเปลี่ยนนอกภาครัฐและระหว่างประชาชน และยกระดับความเข้าใจซึ่งกันและกันและมิตรภาพระหว่างประชาชนสองประเทศอย่างต่อเนื่อง . จีนสนับสนุนซาอุดีอาระเบียในการมีบทบาทในกิจการระหว่างประเทศและระดับภูมิภาคเพิ่มขึ้น และพร้อมยกระดับการประสานงานพหุภาคีกับซาอุดีอาระเบีย บ่มเพาะความสามัคคีและความร่วมมือในกลุ่มประเทศเอเชีย ร่วมยึดมั่นความยุติธรรมและความเป็นธรรมสากล และส่งเสริมธรรมาภิบาลโลกในทิศทางที่เที่ยงธรรมและสมเหตุสมผลยิ่งขึ้น . ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามเอกสารความร่วมมือทวิภาคีเกี่ยวกับการฝึกอบรมทางเทคนิคและอาชีวศึกษา อุตุนิยมวิทยา และอื่นๆ จำนวนหลายฉบับระหว่างการเยือนของหลี่ด้วย . แฟ้มภาพซินหัว : นายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน พบปะกับโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน อัล ซาอุด มกุฎราชกุมารและนายกรัฐมนตรีซาอุดีอาระเบีย และร่วมเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมระดับสูงจีน-ซาอุดีอาระเบีย ครั้งที่ 4 ณ พระราชวังอัลยามามะฮ์ ในกรุงริยาดของซาอุดีอาระเบีย วันที่ 11 ก.ย. 2567)
    Like
    Love
    14
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 633 มุมมอง 0 รีวิว
  • หนุ่มทัณฑสถานสิงคโปร์ ที่หลงรักมวยไทย

    เมื่อวันก่อน เฟซบุ๊ก Singapore Prison Service ขององค์กรทัณฑสถานสิงคโปร์ ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้กระทรวงมหาดไทยของสิงคโปร์ (Ministry of Home Affairs หรือ MHA) ได้เผยแพร่วีดีโอคลิปรายการที่ชื่อว่า Captain of lives, Outside of work สัมภาษณ์พันตำรวจตรี อาหมัด เนาฟัล (ASP Ahmad Naufal) เจ้าหน้าที่กองฟื้นฟูความร่วมมือชุมชนและการกลับคืนสู่สังคม ที่อีกด้านหนึ่งของชีวิตเป็นผู้ที่หลงรักมวยไทย

    อาหมัดเล่าว่า ทำงานที่นี่มาเป็นเวลา 6 ปีแล้ว โดยได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับชุมชนพันธมิตร ช่วยเหลือด้านการวางแผนและพัฒนากลยุทธ์เพื่อเสริมสร้างการสนับสนุนด้านระบบความสัมพันธ์ สำหรับผู้ต้องขัง อดีตผู้กระทำความผิด และครอบครัวของพวกเขา แต่ละวันเกี่ยวข้องกับการสร้างการมีส่วนร่วมกับชุมชนพันธมิตร ทำอย่างไรที่จะทำให้อดีตผู้กระทำความผิด มีส่วนร่วมกับกิจกรรมเพื่อสังคม และเสริมสร้างอัตลักษณ์ทางสังคมของพวกเขา

    แต่นอกเวลางาน อาหมัดใช้เวลาจำนวนมากไปกับการเข้ายิมเพื่อฝึกซ้อมมวยไทย

    เขากล่าวว่า เมื่อ 7 ปีก่อนไปเที่ยวที่กรุงเทพฯ กับกลุ่มเพื่อนเมื่อปี 2560 สิ่งสำคัญที่ได้ทำในประเทศไทย คือการเยี่ยมชมเวทีมวยราชดำเนิน ทำให้ได้จุดประกายบางอย่างในตัวขึ้นมา เมื่อกลับมายังสิงคโปร์ก็เริ่มฝึกมวยไทย ผ่านมาแล้ว 7 ปี ก็ยังคงฝึกซ้อมมวยไทย 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์

    "มวยไทยช่วยให้ผมคลายเครียด คลายความกดดันอย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากวันทำงานอันยาวนาน ดังนั้นไม่มีอะไรดีไปกว่าการเตะและต่อยกระสอบทรายอีกแล้ว มันเป็นทางออกที่ดีจริงๆ สำหรับการคลายเครียด"

    อาหมัดฝึกซ้อมมวยไทยกับยิมท้องถิ่นในศูนย์การค้าคิเนกซ์ (Kinex) สนิทกับผู้ฝึกสอนจากประเทศไทยที่ชื่อว่า "ครูตุ๊ก" เป็นพิเศษ ซึ่งได้เรียนรู้จากเขาทุกครั้งที่ทำการฝึกเข้าเป้า เขาจะลงมือลงแรงกับตนเป็นพิเศษ เมื่อเทียบกับผู้เข้ารับการฝึกคนอื่นๆ จำไม่ได้ว่าเคยมีช่วงเวลาไหนที่ไม่หมดแรง เมื่อต้องฝึกซ้อมร่วมกับเขา ดังนั้นพวกเราจึงเติบโตขึ้นอย่างใกล้ชิดตลอดหลายปีที่ผ่านมา และรู้สึกยินดีที่ได้พบกับเขาดังครูฝึกของตน

    "ผมคิดว่า สิ่งสำคัญประการหนึ่งในการเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ คือไม่เพียงแต่คุณจะสามารถรักษาความฟิตได้เท่านั้น แต่ยังทำให้จิตใจเฉียบแหลมขึ้น และมีสมาธิในการทำงานที่ดีขึ้นด้วย"

    #Newskit #SingaporePrisonService #CaptainOfLives
    หนุ่มทัณฑสถานสิงคโปร์ ที่หลงรักมวยไทย เมื่อวันก่อน เฟซบุ๊ก Singapore Prison Service ขององค์กรทัณฑสถานสิงคโปร์ ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้กระทรวงมหาดไทยของสิงคโปร์ (Ministry of Home Affairs หรือ MHA) ได้เผยแพร่วีดีโอคลิปรายการที่ชื่อว่า Captain of lives, Outside of work สัมภาษณ์พันตำรวจตรี อาหมัด เนาฟัล (ASP Ahmad Naufal) เจ้าหน้าที่กองฟื้นฟูความร่วมมือชุมชนและการกลับคืนสู่สังคม ที่อีกด้านหนึ่งของชีวิตเป็นผู้ที่หลงรักมวยไทย อาหมัดเล่าว่า ทำงานที่นี่มาเป็นเวลา 6 ปีแล้ว โดยได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับชุมชนพันธมิตร ช่วยเหลือด้านการวางแผนและพัฒนากลยุทธ์เพื่อเสริมสร้างการสนับสนุนด้านระบบความสัมพันธ์ สำหรับผู้ต้องขัง อดีตผู้กระทำความผิด และครอบครัวของพวกเขา แต่ละวันเกี่ยวข้องกับการสร้างการมีส่วนร่วมกับชุมชนพันธมิตร ทำอย่างไรที่จะทำให้อดีตผู้กระทำความผิด มีส่วนร่วมกับกิจกรรมเพื่อสังคม และเสริมสร้างอัตลักษณ์ทางสังคมของพวกเขา แต่นอกเวลางาน อาหมัดใช้เวลาจำนวนมากไปกับการเข้ายิมเพื่อฝึกซ้อมมวยไทย เขากล่าวว่า เมื่อ 7 ปีก่อนไปเที่ยวที่กรุงเทพฯ กับกลุ่มเพื่อนเมื่อปี 2560 สิ่งสำคัญที่ได้ทำในประเทศไทย คือการเยี่ยมชมเวทีมวยราชดำเนิน ทำให้ได้จุดประกายบางอย่างในตัวขึ้นมา เมื่อกลับมายังสิงคโปร์ก็เริ่มฝึกมวยไทย ผ่านมาแล้ว 7 ปี ก็ยังคงฝึกซ้อมมวยไทย 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ "มวยไทยช่วยให้ผมคลายเครียด คลายความกดดันอย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากวันทำงานอันยาวนาน ดังนั้นไม่มีอะไรดีไปกว่าการเตะและต่อยกระสอบทรายอีกแล้ว มันเป็นทางออกที่ดีจริงๆ สำหรับการคลายเครียด" อาหมัดฝึกซ้อมมวยไทยกับยิมท้องถิ่นในศูนย์การค้าคิเนกซ์ (Kinex) สนิทกับผู้ฝึกสอนจากประเทศไทยที่ชื่อว่า "ครูตุ๊ก" เป็นพิเศษ ซึ่งได้เรียนรู้จากเขาทุกครั้งที่ทำการฝึกเข้าเป้า เขาจะลงมือลงแรงกับตนเป็นพิเศษ เมื่อเทียบกับผู้เข้ารับการฝึกคนอื่นๆ จำไม่ได้ว่าเคยมีช่วงเวลาไหนที่ไม่หมดแรง เมื่อต้องฝึกซ้อมร่วมกับเขา ดังนั้นพวกเราจึงเติบโตขึ้นอย่างใกล้ชิดตลอดหลายปีที่ผ่านมา และรู้สึกยินดีที่ได้พบกับเขาดังครูฝึกของตน "ผมคิดว่า สิ่งสำคัญประการหนึ่งในการเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ คือไม่เพียงแต่คุณจะสามารถรักษาความฟิตได้เท่านั้น แต่ยังทำให้จิตใจเฉียบแหลมขึ้น และมีสมาธิในการทำงานที่ดีขึ้นด้วย" #Newskit #SingaporePrisonService #CaptainOfLives
    Like
    6
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 694 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/9lxQoXKAMgc
    AH 4566 บรรยายที่ 3/10 หัวข้อ “การเรียนรู้” โดย อาจารย์อับดุลฮากีม มังเดชะ
    งาน 10 ปี กลุ่มอัลฮัมดุลิ้ลลาฮฺ
    03.08.67 @ ณ มัสยิดดารุสสลาม (บาหยัน) หนองจอก
    https://youtu.be/9lxQoXKAMgc AH 4566 บรรยายที่ 3/10 หัวข้อ “การเรียนรู้” โดย อาจารย์อับดุลฮากีม มังเดชะ งาน 10 ปี กลุ่มอัลฮัมดุลิ้ลลาฮฺ 03.08.67 @ ณ มัสยิดดารุสสลาม (บาหยัน) หนองจอก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 88 มุมมอง 0 รีวิว
  • Viktor Axelsen ยอดยุทธ์ลูกขนไก่จาก "มณฑลตานไม่" ?
    [丹麦 คือเสียงภาษาจีนของชื่อ "ประเทศเดนมาร์ก"] 😆
    .
    เมื่อได้ฟังอัน ไซ่หลง (安賽龍) หรือ วิกเตอร์ อเซลเซน (Viktor Axelsen) แชมป์แบดมินตันชายเดี่ยวเหรียญทองโอลิมปิก 2024 ที่กรุงปารีส พูดภาษาจีนกลางแบบลื่นปรื๊ด ๆ >> https://www.facebook.com/watch/?v=498307282745228
    .
    หลายคนคงสงสัยว่าเขาไปเรียนภาษาจีนมาจากไหน?
    .
    อัน ไซ่หลง ผู้พกความสูงถึง 194 เซนติเมตร นอกจากจะพูดภาษาเดนมาร์กได้แล้ว ยังสามารถพูดภาษาอังกฤษ และจีนได้อย่างคล่องแคล่วด้วย โดยสาเหตุที่ยอดฝีมือลูกขนไก่จากมณฑลตานไม่หันมาเรียนภาษาจีนนั้นเริ่มมาจากเมื่อ 10 ปีก่อน ในปี 2557 (ค.ศ.2014) เจ้าตัวเชื่อว่าการเรียนภาษาจีนจะช่วยเอื้อให้ตัวเขาเป็นนักแบดมินตันที่เก่งขึ้น ทำให้เขาเริ่มเรียนภาษาจีนอย่างจริงจัง
    .
    "ผมไม่รู้หรอกว่าการพูดภาษาจีนกลางจะช่วยพัฒนาผลงานของผมในสนามแบดได้ไหม แต่ผลได้ที่มากที่สุดก็คือ ผมสามารถสื่อสารกับนักแบดได้หลากหลายขึ้น โดยเฉพาะกับนักแบดชาวจีน เพื่อที่จะได้เรียนรู้ว่าพวกเขาฝึกซ้อมกันอย่างไร ... นั่นจะทำให้คุณเรียนรู้ว่าสิ่งที่คุณทำอยู่นั้นถูกต้องหรือไม่ คือการเรียนรู้จากนักแบดมินตันชาวจีน"
    .
    วิกเตอร์ทุ่มเทให้กับการเรียนภาษาจีนอย่างมาก โดยมักจะใช้เวลาว่างในการฝึกฝนการพูดภาษาอังกฤษ โดยทุกสัปดาห์เขาจะนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ และฝึกพูดประโยคภาษาจีนยาก ๆ (ชมคลิปในคอมเมนต์)
    .
    ทั้งนี้นอกจากจะได้ภาษา ได้เรียนรู้เคล็ดลับจากยอดฝีมือลูกขนไก่ชาวจีนแล้ว "วิกเตอร์" นักแบดจากมณฑลตานไม่ยังมีโอกาสเปิดรับสปอนเซอร์จากแผ่นดินใหญ่ได้อีกด้วย เพราะนับตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมาหลังจากโอลิมปิกที่กรุงริโอ เดอ จาเนโร ที่เขาคว้าเหรียญทองแดงมาได้ และให้สัมภาษณ์กับช่อง CCTV ของจีนเป็นภาษาจีน เขาก็กลายเป็นขวัญใจของแฟนแบดชาวจีนไปโดยปริยาย
    .
    Cr:บูรพาไม่แพ้
    Viktor Axelsen ยอดยุทธ์ลูกขนไก่จาก "มณฑลตานไม่" ? [丹麦 คือเสียงภาษาจีนของชื่อ "ประเทศเดนมาร์ก"] 😆 . เมื่อได้ฟังอัน ไซ่หลง (安賽龍) หรือ วิกเตอร์ อเซลเซน (Viktor Axelsen) แชมป์แบดมินตันชายเดี่ยวเหรียญทองโอลิมปิก 2024 ที่กรุงปารีส พูดภาษาจีนกลางแบบลื่นปรื๊ด ๆ >> https://www.facebook.com/watch/?v=498307282745228 . หลายคนคงสงสัยว่าเขาไปเรียนภาษาจีนมาจากไหน? . อัน ไซ่หลง ผู้พกความสูงถึง 194 เซนติเมตร นอกจากจะพูดภาษาเดนมาร์กได้แล้ว ยังสามารถพูดภาษาอังกฤษ และจีนได้อย่างคล่องแคล่วด้วย โดยสาเหตุที่ยอดฝีมือลูกขนไก่จากมณฑลตานไม่หันมาเรียนภาษาจีนนั้นเริ่มมาจากเมื่อ 10 ปีก่อน ในปี 2557 (ค.ศ.2014) เจ้าตัวเชื่อว่าการเรียนภาษาจีนจะช่วยเอื้อให้ตัวเขาเป็นนักแบดมินตันที่เก่งขึ้น ทำให้เขาเริ่มเรียนภาษาจีนอย่างจริงจัง . "ผมไม่รู้หรอกว่าการพูดภาษาจีนกลางจะช่วยพัฒนาผลงานของผมในสนามแบดได้ไหม แต่ผลได้ที่มากที่สุดก็คือ ผมสามารถสื่อสารกับนักแบดได้หลากหลายขึ้น โดยเฉพาะกับนักแบดชาวจีน เพื่อที่จะได้เรียนรู้ว่าพวกเขาฝึกซ้อมกันอย่างไร ... นั่นจะทำให้คุณเรียนรู้ว่าสิ่งที่คุณทำอยู่นั้นถูกต้องหรือไม่ คือการเรียนรู้จากนักแบดมินตันชาวจีน" . วิกเตอร์ทุ่มเทให้กับการเรียนภาษาจีนอย่างมาก โดยมักจะใช้เวลาว่างในการฝึกฝนการพูดภาษาอังกฤษ โดยทุกสัปดาห์เขาจะนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ และฝึกพูดประโยคภาษาจีนยาก ๆ (ชมคลิปในคอมเมนต์) . ทั้งนี้นอกจากจะได้ภาษา ได้เรียนรู้เคล็ดลับจากยอดฝีมือลูกขนไก่ชาวจีนแล้ว "วิกเตอร์" นักแบดจากมณฑลตานไม่ยังมีโอกาสเปิดรับสปอนเซอร์จากแผ่นดินใหญ่ได้อีกด้วย เพราะนับตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมาหลังจากโอลิมปิกที่กรุงริโอ เดอ จาเนโร ที่เขาคว้าเหรียญทองแดงมาได้ และให้สัมภาษณ์กับช่อง CCTV ของจีนเป็นภาษาจีน เขาก็กลายเป็นขวัญใจของแฟนแบดชาวจีนไปโดยปริยาย . Cr:บูรพาไม่แพ้
    Like
    6
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 478 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประกาศผลเลือก 6 กรรมการนโยบาย ThaiPBS คนใหม่

    3 สิงหาคม 2567-รายงานสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ระบุว่า วันที่ 2 ส.ค.2567 ด้วยกรรมการนโยบาย องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) ครบกำหนดวาระการดำรงตำแหน่ง 4 ปี ตามมาตรา 23 วรรคแรก แห่งพระราชบัญญัติองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2551

    ทำให้ตำแหน่งกรรมการนโยบาย ด้านการบริหารจัดการองค์กร ว่างลง จำนวน 2 คน และด้านส่งเสริมประชาธิปไตย การพัฒนาชุมชนหรือท้องถิ่น การเรียนรู้และศึกษา การคุ้มครองและพัฒนาเด็ก เยาวชนหรือครอบครัว หรือการส่งเสริมสิทธิของผู้ด้อยโอกาสทางสังคม ว่างลง จำนวน 3 คน รวมทั้งหมด 5 คน

    อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 18 แห่งพระราชบัญญัติองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2551 คณะกรรมการสรรหากรรมการนโยบาย องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย ได้คัดเลือกผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเพื่อดำรงตำแหน่งกรรมการนโยบาย ดังนี้

    ด้านการส่งเสริมประชาธิปไตย การพัฒนาชุมชนหรือท้องถิ่น การเรียนรู้และศึกษา การคุ้มครองและพัฒนาเด็ก เยาวชนหรือครอบครัว หรือการส่งเสริมสิทธิของผู้ด้อยโอกาสทางสังคม

    นายโกมาตร จึงเสถียรทรัพย
    นายบุญเลิศ คชายุทธเดช
    นางวรินรำไพ ปุณย์ธนารีย์

    รายชื่อบุคคลสำรอง ตามลำดับ ดังนี้
    นายพงษ์เทพ สันติกุล
    นายเมธา มาสขาว
    นายอมรวิชช์ นาครทรรพ

    ด้านบริหารจัดการองค์กร
    นายเจษฎา อนุจารี
    นางทัศนีย์ ผลชานิโก

    รายชื่อบุคคลสำรอง ตามลำดับ ดังนี้
    นายอนุสรณ์ ธรรมใจ
    นายพิศาล มาณวพัฒน์

    ด้วยกรรมการนโยบาย องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) ลาออก ตามมาตรา 24(2) แห่งพระราชบัญญัติองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2551 ทำให้ตำแหน่งกรรมการนโยบาย ด้านส่งเสริมประชาธิปไตย การพัฒนาชุมชนหรือท้องถิ่น การเรียนรู้และศึกษา การคุ้มครองและพัฒนาเด็ก เยาวชนหรือครอบครัว หรือการส่งเสริม สิทธิของผู้ด้อยโอกาสทางสังคม ว่างลง มีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2567 เป็นต้นไป จำนวน 1 คน โดยจะมีวาระการดำรงตำแหน่งแทนอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการนโยบายผู้ซึ่งตนแทน (ครบวาระวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2570)

    อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 18 แห่งพระราชบัญญัติองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2551 คณะกรรมการสรรหากรรมการนโยบาย องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย ได้คัดเลือกผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเพื่อดำรงตำแหน่งกรรมการนโยบาย ดังนี้

    ด้านการส่งเสริมประชาธิปไตย การพัฒนาชุมชนหรือท้องถิ่น การเรียนรู้และศึกษา การคุ้มครองและพัฒนาเด็ก เยาวชนหรือครอบครัว หรือการส่งเสริมสิทธิของผู้ด้อยโอกาสทางสังคม

    นายสมโภชน์ โตรักษา

    รายชื่อบุคคลสำรอง ดังนี้
    นายคำนูณ สิทธิสมาน

    กรณีผู้ได้รับการคัดเลือกสละสิทธิ์ ให้ถือว่าบุคคลสำรองเป็นผู้ได้รับการคัดเลือกแทน

    ทั้งนี้ คณะกรรมการสรรหากรรมการนโยบาย ส.ส.ท. จะแจ้งรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือก พร้อมหลักฐานแสดงคุณสมบัติ และการไม่มีลักษณะต้องห้าม ตลอดจนความยินยอมของบุคคลดังกล่าว ต่อนายกรัฐมนตรี เพื่อแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการนโยบาย องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย ให้นายกรัฐมนตรีประกาศชื่อในราชกิจจานุเบกษาต่อไป

    ที่มา https://www.isranews.org/article/isranews-other-news/130648-isra-110.html

    #Thaitimes
    ประกาศผลเลือก 6 กรรมการนโยบาย ThaiPBS คนใหม่ 3 สิงหาคม 2567-รายงานสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ระบุว่า วันที่ 2 ส.ค.2567 ด้วยกรรมการนโยบาย องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) ครบกำหนดวาระการดำรงตำแหน่ง 4 ปี ตามมาตรา 23 วรรคแรก แห่งพระราชบัญญัติองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2551 ทำให้ตำแหน่งกรรมการนโยบาย ด้านการบริหารจัดการองค์กร ว่างลง จำนวน 2 คน และด้านส่งเสริมประชาธิปไตย การพัฒนาชุมชนหรือท้องถิ่น การเรียนรู้และศึกษา การคุ้มครองและพัฒนาเด็ก เยาวชนหรือครอบครัว หรือการส่งเสริมสิทธิของผู้ด้อยโอกาสทางสังคม ว่างลง จำนวน 3 คน รวมทั้งหมด 5 คน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 18 แห่งพระราชบัญญัติองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2551 คณะกรรมการสรรหากรรมการนโยบาย องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย ได้คัดเลือกผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเพื่อดำรงตำแหน่งกรรมการนโยบาย ดังนี้ ด้านการส่งเสริมประชาธิปไตย การพัฒนาชุมชนหรือท้องถิ่น การเรียนรู้และศึกษา การคุ้มครองและพัฒนาเด็ก เยาวชนหรือครอบครัว หรือการส่งเสริมสิทธิของผู้ด้อยโอกาสทางสังคม นายโกมาตร จึงเสถียรทรัพย นายบุญเลิศ คชายุทธเดช นางวรินรำไพ ปุณย์ธนารีย์ รายชื่อบุคคลสำรอง ตามลำดับ ดังนี้ นายพงษ์เทพ สันติกุล นายเมธา มาสขาว นายอมรวิชช์ นาครทรรพ ด้านบริหารจัดการองค์กร นายเจษฎา อนุจารี นางทัศนีย์ ผลชานิโก รายชื่อบุคคลสำรอง ตามลำดับ ดังนี้ นายอนุสรณ์ ธรรมใจ นายพิศาล มาณวพัฒน์ ด้วยกรรมการนโยบาย องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) ลาออก ตามมาตรา 24(2) แห่งพระราชบัญญัติองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2551 ทำให้ตำแหน่งกรรมการนโยบาย ด้านส่งเสริมประชาธิปไตย การพัฒนาชุมชนหรือท้องถิ่น การเรียนรู้และศึกษา การคุ้มครองและพัฒนาเด็ก เยาวชนหรือครอบครัว หรือการส่งเสริม สิทธิของผู้ด้อยโอกาสทางสังคม ว่างลง มีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2567 เป็นต้นไป จำนวน 1 คน โดยจะมีวาระการดำรงตำแหน่งแทนอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการนโยบายผู้ซึ่งตนแทน (ครบวาระวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2570) อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 18 แห่งพระราชบัญญัติองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2551 คณะกรรมการสรรหากรรมการนโยบาย องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย ได้คัดเลือกผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเพื่อดำรงตำแหน่งกรรมการนโยบาย ดังนี้ ด้านการส่งเสริมประชาธิปไตย การพัฒนาชุมชนหรือท้องถิ่น การเรียนรู้และศึกษา การคุ้มครองและพัฒนาเด็ก เยาวชนหรือครอบครัว หรือการส่งเสริมสิทธิของผู้ด้อยโอกาสทางสังคม นายสมโภชน์ โตรักษา รายชื่อบุคคลสำรอง ดังนี้ นายคำนูณ สิทธิสมาน กรณีผู้ได้รับการคัดเลือกสละสิทธิ์ ให้ถือว่าบุคคลสำรองเป็นผู้ได้รับการคัดเลือกแทน ทั้งนี้ คณะกรรมการสรรหากรรมการนโยบาย ส.ส.ท. จะแจ้งรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือก พร้อมหลักฐานแสดงคุณสมบัติ และการไม่มีลักษณะต้องห้าม ตลอดจนความยินยอมของบุคคลดังกล่าว ต่อนายกรัฐมนตรี เพื่อแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการนโยบาย องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย ให้นายกรัฐมนตรีประกาศชื่อในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ที่มา https://www.isranews.org/article/isranews-other-news/130648-isra-110.html #Thaitimes
    WWW.ISRANEWS.ORG
    ประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกเป็นกรรมการนโยบาย ThaiPBS จำนวน 6 คน
    ThaiPBS ประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกเป็นกรรมการนโยบาย ส.ส.ท. จำนวน 6 คน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 458 มุมมอง 0 รีวิว
  • ว่าด้วยเรื่องการดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา...
    ถ้าได้มีลูกน้องในหลายๆระดับก็จะมีทั้งความสนุก มันส์ ฮา ความเออ ออ ความทุกข์ที่ลูกน้องเราก่อ หรือความเอากลับมาคิดหลังเราตำหนิเขา ว่าแรงไปไหม เขาจะคิดได้ไหม เขาจะมองว่ายังงัย บลาๆๆ
    มีหลายหลายตำราที่ได้ฟังได้อ่านมาในเรื่องการวิเคราะห์ดูลูกน้อง และให้งานแต่ละคนตามความเหมาะสม จากที่เจอมากับการปกครองลูกน้องร้อยกว่าชีวิตตั้งแต่ระดับต้นๆยันระดับจัดการก็จะมี....
    1. ขยัน แต่ไม่ฉลาด เติบโตมาจากความขยัน มาแต่เช้าตรู่ แม้จะทำงานบ้างไม่ทำงานบ้าง แต่ก็ไม่เคยขาด ลา มาสาย ข้อเสียคือมักจะตัดสินใจผิดเสมอ ไปจนถึงสถานการณ์จริงแก้ปัญหาไม่ได้ เน้นใช้งานลูกน้องเป็นหลัก (แม้แต่งานตัวเอง) กลุ่มนี้ต้องมอบหมายงานที่เป็นประจำๆเป็นหลัก หลีกเลี่ยงงานที่ต้องให้วิเคราะห์ ตัดสินใจ หรือโปรเจ็กใหม่ๆ
    2. ฉลาด แต่ขี้เกียจ กลุ่มนี้นี่แค่เกริ่นคร่าวๆให้ฟัง ก็คิดต่อ คิดตามได้เลย พวกเขาจะประยุกต์ และคิดวิธีใหม่ๆได้เสมอ และมักที่จะ get the job done แต่ข้อเสียคือ ไม่ค่อยเล่นเป็นทีม (ต่อให้เป็นระดับหัวหน้าทีมเล้วตาม ก็จะมองที่งานของตัวเองให้รอดก่อน) ขี้เกียจ ขี้เบื่อ ลาบ่อย ถ้าเบื่อมากๆก็จะหรอยไปโน่นนี่นั่น รวมไปถึงมีทัศนคติที่สูง ถ้าจะให้เขาเคารพคุณแบบหัวหน้า คุณก็ต้องพิสูจน์ฝีมือให้เขาดูก่อน ปกป้องสิทธิของตัวเองเป็นหลักก่อนเสมอ กลุ่มนี้จะต้องมอบงานที่ท้าทาย หรือไม่เคยทำมาก่อนในแผนก ไม่ต้องจูงมือให้เขาทำ หรือให้เขาเดินตามทางเรา เขาจะหาทางทำ และไปถึงจุดหมายด้วยตัวเอง แต่พองานเสร็จแล้วคุณจำเป็นต้องมานั่งคุยกับเขาด้วย ว่างานนี้อะไรดีไม่ดี อะไรต้องปรับปรุง เพราะไม่งั้นเขาจะมองว่างานเขาดีเลิศที่หนึ่ง และอย่าไปมอบงานประจำน่าเบื่อๆให้ล่ะ รับรองหรอยไปเดินเล่น หรือนั่งดูซีรีย์ตั้งแต่สามวันแรกแน่นอน
    3. กลุ่มน้ำเต็มแก้วที่จมปลักอยู่กับสิ่งตัวเองคิดว่าเป็น achievement กลุ่มนี้จะมีทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ เป็นกลุ่มที่มักจะพูดให้คนอื่นฟังว่าเคยทำอะไรมาก่อน งานเก่าประสบความสำเร็จยังไง เคยผ่านงานลำบากขนาดไหน เคยเข้าประชุมประสานงานกับผู้บริหารหรือเจ้าของมาแล้ว บลาๆๆๆ แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่ดีซะทั้งหมด ผมมองว่ากลุ่มนี้เหมือนเตียวหุย มีฝีมือ แต่ประมาท และไม่ค่อยชอบเรียนรู้เพิ่ม สกิลหลักของกลุ่มนี้คือการพูด การเข้าหา และการพรีเซนต์ ถ้าคุณใช้เขาให้ถูกที่ ถูกเวลา ถูกสถานการณ์ เขาจะช่วยประหยัดเวลาคุณในการที่ต้องเข้าไปประชุม หรือจัดการด้วยตัวเองเยอะ แต่ข้อเสียกลุ่มนี้คือ ไม่ชอบ หรือไม่ถนัดการทำ full report หรือ analysis report เลย และอย่าไปยัดเยียดอะไรใหม่ๆให้เขาเรียนรู้ เพราะเขาจะมองว่าสกิลเขามีเพียงพอแล้ว
    4. กลุ่มเพชรในตม คนที่เรามองข้าม อาจจะด้วยความที่เขาเป็นระดับเล็ก ไม่มีโอกาสได้คุยกับเรามากนัก หรือเรามองเลยไป กลุ่มนี้มี potential สูง หรือมี skill ที่ดี แต่อาจไม่ไดโอกาสในการแสดง ซึ่งถ้าขัดเกลา หรือเพิ่มการเรียนรู้ให้เขา เขาจะเป็นหัวหน้าที่ดีในอนาคตเลย การที่เราหยุดคุยกับลูกน้องเราสัก 2-3 นาที และให้ระดับหัวหน้า หรือผู้จัดการ พูดคุยถึงลูกน้องตัวเองก็ทำให้เราได้เพชรในตมเหมือนกันนะครับ

    ขยันและฉลาด หายากมาก
    โง่และขี้เกียจ มีนะแต่ไม่ค่อยปล่อยให้อยู่นาน
    น้ำไม่เต็มแก้ว พูดเก่ง มี achievement ไม่ค่อยเจอ ถ้าเจอมักจะเป็นเพชรในตม เพราะมีความถ่อมตนมากกว่า
    วันนี้นึกออกแค่นี้แหละ ขอบคุณครับ
    ว่าด้วยเรื่องการดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา... ถ้าได้มีลูกน้องในหลายๆระดับก็จะมีทั้งความสนุก มันส์ ฮา ความเออ ออ ความทุกข์ที่ลูกน้องเราก่อ หรือความเอากลับมาคิดหลังเราตำหนิเขา ว่าแรงไปไหม เขาจะคิดได้ไหม เขาจะมองว่ายังงัย บลาๆๆ มีหลายหลายตำราที่ได้ฟังได้อ่านมาในเรื่องการวิเคราะห์ดูลูกน้อง และให้งานแต่ละคนตามความเหมาะสม จากที่เจอมากับการปกครองลูกน้องร้อยกว่าชีวิตตั้งแต่ระดับต้นๆยันระดับจัดการก็จะมี.... 1. ขยัน แต่ไม่ฉลาด เติบโตมาจากความขยัน มาแต่เช้าตรู่ แม้จะทำงานบ้างไม่ทำงานบ้าง แต่ก็ไม่เคยขาด ลา มาสาย ข้อเสียคือมักจะตัดสินใจผิดเสมอ ไปจนถึงสถานการณ์จริงแก้ปัญหาไม่ได้ เน้นใช้งานลูกน้องเป็นหลัก (แม้แต่งานตัวเอง) กลุ่มนี้ต้องมอบหมายงานที่เป็นประจำๆเป็นหลัก หลีกเลี่ยงงานที่ต้องให้วิเคราะห์ ตัดสินใจ หรือโปรเจ็กใหม่ๆ 2. ฉลาด แต่ขี้เกียจ กลุ่มนี้นี่แค่เกริ่นคร่าวๆให้ฟัง ก็คิดต่อ คิดตามได้เลย พวกเขาจะประยุกต์ และคิดวิธีใหม่ๆได้เสมอ และมักที่จะ get the job done แต่ข้อเสียคือ ไม่ค่อยเล่นเป็นทีม (ต่อให้เป็นระดับหัวหน้าทีมเล้วตาม ก็จะมองที่งานของตัวเองให้รอดก่อน) ขี้เกียจ ขี้เบื่อ ลาบ่อย ถ้าเบื่อมากๆก็จะหรอยไปโน่นนี่นั่น รวมไปถึงมีทัศนคติที่สูง ถ้าจะให้เขาเคารพคุณแบบหัวหน้า คุณก็ต้องพิสูจน์ฝีมือให้เขาดูก่อน ปกป้องสิทธิของตัวเองเป็นหลักก่อนเสมอ กลุ่มนี้จะต้องมอบงานที่ท้าทาย หรือไม่เคยทำมาก่อนในแผนก ไม่ต้องจูงมือให้เขาทำ หรือให้เขาเดินตามทางเรา เขาจะหาทางทำ และไปถึงจุดหมายด้วยตัวเอง แต่พองานเสร็จแล้วคุณจำเป็นต้องมานั่งคุยกับเขาด้วย ว่างานนี้อะไรดีไม่ดี อะไรต้องปรับปรุง เพราะไม่งั้นเขาจะมองว่างานเขาดีเลิศที่หนึ่ง และอย่าไปมอบงานประจำน่าเบื่อๆให้ล่ะ รับรองหรอยไปเดินเล่น หรือนั่งดูซีรีย์ตั้งแต่สามวันแรกแน่นอน 3. กลุ่มน้ำเต็มแก้วที่จมปลักอยู่กับสิ่งตัวเองคิดว่าเป็น achievement กลุ่มนี้จะมีทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ เป็นกลุ่มที่มักจะพูดให้คนอื่นฟังว่าเคยทำอะไรมาก่อน งานเก่าประสบความสำเร็จยังไง เคยผ่านงานลำบากขนาดไหน เคยเข้าประชุมประสานงานกับผู้บริหารหรือเจ้าของมาแล้ว บลาๆๆๆ แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่ดีซะทั้งหมด ผมมองว่ากลุ่มนี้เหมือนเตียวหุย มีฝีมือ แต่ประมาท และไม่ค่อยชอบเรียนรู้เพิ่ม สกิลหลักของกลุ่มนี้คือการพูด การเข้าหา และการพรีเซนต์ ถ้าคุณใช้เขาให้ถูกที่ ถูกเวลา ถูกสถานการณ์ เขาจะช่วยประหยัดเวลาคุณในการที่ต้องเข้าไปประชุม หรือจัดการด้วยตัวเองเยอะ แต่ข้อเสียกลุ่มนี้คือ ไม่ชอบ หรือไม่ถนัดการทำ full report หรือ analysis report เลย และอย่าไปยัดเยียดอะไรใหม่ๆให้เขาเรียนรู้ เพราะเขาจะมองว่าสกิลเขามีเพียงพอแล้ว 4. กลุ่มเพชรในตม คนที่เรามองข้าม อาจจะด้วยความที่เขาเป็นระดับเล็ก ไม่มีโอกาสได้คุยกับเรามากนัก หรือเรามองเลยไป กลุ่มนี้มี potential สูง หรือมี skill ที่ดี แต่อาจไม่ไดโอกาสในการแสดง ซึ่งถ้าขัดเกลา หรือเพิ่มการเรียนรู้ให้เขา เขาจะเป็นหัวหน้าที่ดีในอนาคตเลย การที่เราหยุดคุยกับลูกน้องเราสัก 2-3 นาที และให้ระดับหัวหน้า หรือผู้จัดการ พูดคุยถึงลูกน้องตัวเองก็ทำให้เราได้เพชรในตมเหมือนกันนะครับ ขยันและฉลาด หายากมาก โง่และขี้เกียจ มีนะแต่ไม่ค่อยปล่อยให้อยู่นาน น้ำไม่เต็มแก้ว พูดเก่ง มี achievement ไม่ค่อยเจอ ถ้าเจอมักจะเป็นเพชรในตม เพราะมีความถ่อมตนมากกว่า วันนี้นึกออกแค่นี้แหละ ขอบคุณครับ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 427 มุมมอง 0 รีวิว
  • Kidzooona เป็นศูนย์การเรียนรู้และเล่นในร่มที่ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้าหลายแห่งในประเทศไทย เช่น กรุงเทพฯ และภูเก็ต เป็นที่ยอดนิยมสำหรับครอบครัวที่มองหากิจกรรมสนุกๆ สำหรับเด็กเล็ก โดยเฉพาะเด็กอายุ 2-12 ปี ที่นี่มีการออกแบบโซนการเล่นต่างๆ อย่างสร้างสรรค์ เพื่อส่งเสริมทักษะการเรียนรู้และพัฒนาทางด้านร่างกายและจิตใจของเด็กๆ ผ่านการเล่นแบบโต้ตอบ เช่น มินิมาร์เก็ต ห้องครัว สระลูกบอล สนามเด็กเล่นในร่ม และกิจกรรมสร้างสรรค์อื่นๆ

    จุดเด่นของ Kidzooona:
    - โซนการเล่นหลากหลาย: มีการจัดสรรพื้นที่เป็นโซนต่างๆ เช่น โซนการเล่นสมมุติ โซนกีฬา โซนสร้างสรรค์ เช่น การระบายสี และการประดิษฐ์ ซึ่งช่วยเสริมสร้างทักษะต่างๆ ให้กับเด็ก
    - ความปลอดภัยสูง: มีเจ้าหน้าที่ดูแลและตรวจสอบความปลอดภัยของเด็กๆ ตลอดเวลา ทำให้ผู้ปกครองสามารถปล่อยให้ลูกเล่นได้อย่างสบายใจ
    - กิจกรรมเสริมสร้างทักษะ: นอกจากการเล่นสนุกแล้ว Kidzooona ยังมีส่วนเสริมทักษะทางการสื่อสารและการเข้าสังคมผ่านการเล่นเป็นทีมกับเพื่อนๆ

    ค่าบริการและข้อกำหนด:
    - ค่าบริการ: ราคาบัตรเข้า Kidzooona อาจแตกต่างกันไปตามแต่ละสาขาและวัน เช่น วันธรรมดาหรือวันหยุด โดยเฉลี่ยแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 200-400 บาทต่อเด็กหนึ่งคน
    - ข้อกำหนดการเข้าใช้บริการ: ทุกคนที่เข้าใช้บริการต้องใส่ถุงเท้าเพื่อความสะอาดและความปลอดภัย

    Kidzooona เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการพาเด็กๆ ออกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน โดยมีทั้งความสนุกและการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับวัยของเด็ก ถ้าคุณกำลังมองหาสถานที่เล่นที่ปลอดภัยและมีความสร้างสรรค์สำหรับลูกน้อย Kidzooona เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่คุณไม่ควรพลาด!

    #thaitimes #พาไปเที่ยว
    Kidzooona เป็นศูนย์การเรียนรู้และเล่นในร่มที่ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้าหลายแห่งในประเทศไทย เช่น กรุงเทพฯ และภูเก็ต เป็นที่ยอดนิยมสำหรับครอบครัวที่มองหากิจกรรมสนุกๆ สำหรับเด็กเล็ก โดยเฉพาะเด็กอายุ 2-12 ปี ที่นี่มีการออกแบบโซนการเล่นต่างๆ อย่างสร้างสรรค์ เพื่อส่งเสริมทักษะการเรียนรู้และพัฒนาทางด้านร่างกายและจิตใจของเด็กๆ ผ่านการเล่นแบบโต้ตอบ เช่น มินิมาร์เก็ต ห้องครัว สระลูกบอล สนามเด็กเล่นในร่ม และกิจกรรมสร้างสรรค์อื่นๆ จุดเด่นของ Kidzooona: - โซนการเล่นหลากหลาย: มีการจัดสรรพื้นที่เป็นโซนต่างๆ เช่น โซนการเล่นสมมุติ โซนกีฬา โซนสร้างสรรค์ เช่น การระบายสี และการประดิษฐ์ ซึ่งช่วยเสริมสร้างทักษะต่างๆ ให้กับเด็ก - ความปลอดภัยสูง: มีเจ้าหน้าที่ดูแลและตรวจสอบความปลอดภัยของเด็กๆ ตลอดเวลา ทำให้ผู้ปกครองสามารถปล่อยให้ลูกเล่นได้อย่างสบายใจ - กิจกรรมเสริมสร้างทักษะ: นอกจากการเล่นสนุกแล้ว Kidzooona ยังมีส่วนเสริมทักษะทางการสื่อสารและการเข้าสังคมผ่านการเล่นเป็นทีมกับเพื่อนๆ ค่าบริการและข้อกำหนด: - ค่าบริการ: ราคาบัตรเข้า Kidzooona อาจแตกต่างกันไปตามแต่ละสาขาและวัน เช่น วันธรรมดาหรือวันหยุด โดยเฉลี่ยแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 200-400 บาทต่อเด็กหนึ่งคน - ข้อกำหนดการเข้าใช้บริการ: ทุกคนที่เข้าใช้บริการต้องใส่ถุงเท้าเพื่อความสะอาดและความปลอดภัย Kidzooona เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการพาเด็กๆ ออกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน โดยมีทั้งความสนุกและการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับวัยของเด็ก ถ้าคุณกำลังมองหาสถานที่เล่นที่ปลอดภัยและมีความสร้างสรรค์สำหรับลูกน้อย Kidzooona เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่คุณไม่ควรพลาด! #thaitimes #พาไปเที่ยว
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 577 มุมมอง 0 รีวิว