• เมื่อพลังงานลมถูกโจมตีด้วย “เงินน้ำมัน” และกลยุทธ์ทางกฎหมาย

    ในขณะที่โลกกำลังเร่งเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Brown กลับพบว่าเบื้องหลังการต่อต้านโครงการพลังงานลมนอกชายฝั่งในสหรัฐฯ มีเครือข่ายที่ซับซ้อนซึ่งได้รับทุนจากอุตสาหกรรมน้ำมันและกลุ่มการเมืองฝ่ายขวา

    รายงาน “Legal Entanglements” จาก Climate & Development Lab (CDL) เปิดเผยว่า กลุ่มต่อต้านพลังงานลมใช้กลยุทธ์ทางกฎหมายและการบิดเบือนข้อมูลเพื่อชะลอหรือยกเลิกโครงการพลังงานลม โดยอ้างความกังวลด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การคุกคามวาฬสายพันธุ์ North Atlantic Right Whale ทั้งที่ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ชี้ชัดว่าอุตสาหกรรมน้ำมันเป็นตัวการหลักที่ทำลายระบบนิเวศทางทะเล

    หนึ่งในตัวอย่างที่โดดเด่นคือการฟ้องร้องโครงการ Cape Wind โดยกลุ่ม Alliance to Protect Nantucket Sound ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากมหาเศรษฐีน้ำมัน William Koch จนทำให้โครงการต้องยุติ แม้จะใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้วก็ตาม

    เมื่อ CDL เปิดเผยความเชื่อมโยงระหว่างกลุ่มต่อต้านกับบริษัทน้ำมันและสำนักงานกฎหมาย เช่น Marzulla Law บริษัทเหล่านี้กลับตอบโต้ด้วยการข่มขู่ให้มหาวิทยาลัย Brown ถอนรายงาน และขู่ว่าจะยื่นเรื่องให้หน่วยงานรัฐตัดงบประมาณของมหาวิทยาลัย

    สิ่งที่น่ากังวลคือ การโจมตีทางกฎหมายเช่นนี้ไม่เพียงแต่ทำให้โครงการพลังงานสะอาดล่าช้า แต่ยังเป็นการคุกคามเสรีภาพทางวิชาการ และทำให้ประชาชนเข้าใจผิดเกี่ยวกับผลกระทบของพลังงานลม

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    CDL แห่งมหาวิทยาลัย Brown เผยรายงาน “Legal Entanglements” เปิดโปงเครือข่ายต่อต้านพลังงานลม
    กลุ่มต่อต้านได้รับทุนจากอุตสาหกรรมน้ำมันและกลุ่มการเมืองฝ่ายขวา
    ใช้กลยุทธ์ทางกฎหมายและการบิดเบือนข้อมูลเพื่อชะลอหรือยกเลิกโครงการพลังงานลมนอกชายฝั่ง
    อ้างการคุกคามวาฬ North Atlantic Right Whale ทั้งที่สาเหตุหลักมาจากการขนส่งน้ำมันและภาวะโลกร้อน
    Marzulla Law ส่งจดหมายข่มขู่ให้มหาวิทยาลัย Brown ถอนรายงาน และขู่ว่าจะยื่นเรื่องให้ DOE ตัดงบประมาณ
    กลุ่ม Green Oceans ที่ Marzulla Law เป็นตัวแทน เคยฟ้องโครงการ Revolution Wind จนต้องหยุดชั่วคราว
    CDL ยืนยันว่าไม่ได้รับทุนจาก DOE และจะไม่ยอมเซ็นเซอร์งานวิจัย
    Brown University ยืนยันหลักการเสรีภาพทางวิชาการ แม้จะถูกกดดันจากภายนอก
    รายงานชี้ว่าการฟ้องร้องแม้ไม่สำเร็จ ก็สามารถทำให้โครงการล่าช้าและเพิ่มต้นทุน
    การบิดเบือนข้อมูลทำให้ประชาชนเข้าใจผิดเกี่ยวกับผลกระทบของพลังงานลม

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Offshore wind มีศักยภาพสูงในแถบ North Atlantic และสามารถผลิตไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่อง
    ประเทศอย่างเดนมาร์ก เยอรมนี และเวียดนามประสบความสำเร็จในการใช้พลังงานลมนอกชายฝั่ง
    การใช้พลังงานลมช่วยลดการพึ่งพาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ และลดการปล่อยคาร์บอน
    การฟ้องร้องโครงการพลังงานสะอาดเป็นกลยุทธ์ที่ใช้กันทั่วโลกเพื่อรักษาผลประโยชน์ของอุตสาหกรรมเก่า
    การคุกคามนักวิจัยและมหาวิทยาลัยเป็นรูปแบบใหม่ของการโจมตีเสรีภาพทางวิชาการ

    https://electrek.co/2025/08/25/scientist-exposes-anti-wind-groups-as-oil-funded-now-they-want-to-silence-him/
    🌬️ เมื่อพลังงานลมถูกโจมตีด้วย “เงินน้ำมัน” และกลยุทธ์ทางกฎหมาย ในขณะที่โลกกำลังเร่งเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Brown กลับพบว่าเบื้องหลังการต่อต้านโครงการพลังงานลมนอกชายฝั่งในสหรัฐฯ มีเครือข่ายที่ซับซ้อนซึ่งได้รับทุนจากอุตสาหกรรมน้ำมันและกลุ่มการเมืองฝ่ายขวา รายงาน “Legal Entanglements” จาก Climate & Development Lab (CDL) เปิดเผยว่า กลุ่มต่อต้านพลังงานลมใช้กลยุทธ์ทางกฎหมายและการบิดเบือนข้อมูลเพื่อชะลอหรือยกเลิกโครงการพลังงานลม โดยอ้างความกังวลด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การคุกคามวาฬสายพันธุ์ North Atlantic Right Whale ทั้งที่ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ชี้ชัดว่าอุตสาหกรรมน้ำมันเป็นตัวการหลักที่ทำลายระบบนิเวศทางทะเล หนึ่งในตัวอย่างที่โดดเด่นคือการฟ้องร้องโครงการ Cape Wind โดยกลุ่ม Alliance to Protect Nantucket Sound ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากมหาเศรษฐีน้ำมัน William Koch จนทำให้โครงการต้องยุติ แม้จะใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้วก็ตาม เมื่อ CDL เปิดเผยความเชื่อมโยงระหว่างกลุ่มต่อต้านกับบริษัทน้ำมันและสำนักงานกฎหมาย เช่น Marzulla Law บริษัทเหล่านี้กลับตอบโต้ด้วยการข่มขู่ให้มหาวิทยาลัย Brown ถอนรายงาน และขู่ว่าจะยื่นเรื่องให้หน่วยงานรัฐตัดงบประมาณของมหาวิทยาลัย สิ่งที่น่ากังวลคือ การโจมตีทางกฎหมายเช่นนี้ไม่เพียงแต่ทำให้โครงการพลังงานสะอาดล่าช้า แต่ยังเป็นการคุกคามเสรีภาพทางวิชาการ และทำให้ประชาชนเข้าใจผิดเกี่ยวกับผลกระทบของพลังงานลม 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ CDL แห่งมหาวิทยาลัย Brown เผยรายงาน “Legal Entanglements” เปิดโปงเครือข่ายต่อต้านพลังงานลม ➡️ กลุ่มต่อต้านได้รับทุนจากอุตสาหกรรมน้ำมันและกลุ่มการเมืองฝ่ายขวา ➡️ ใช้กลยุทธ์ทางกฎหมายและการบิดเบือนข้อมูลเพื่อชะลอหรือยกเลิกโครงการพลังงานลมนอกชายฝั่ง ➡️ อ้างการคุกคามวาฬ North Atlantic Right Whale ทั้งที่สาเหตุหลักมาจากการขนส่งน้ำมันและภาวะโลกร้อน ➡️ Marzulla Law ส่งจดหมายข่มขู่ให้มหาวิทยาลัย Brown ถอนรายงาน และขู่ว่าจะยื่นเรื่องให้ DOE ตัดงบประมาณ ➡️ กลุ่ม Green Oceans ที่ Marzulla Law เป็นตัวแทน เคยฟ้องโครงการ Revolution Wind จนต้องหยุดชั่วคราว ➡️ CDL ยืนยันว่าไม่ได้รับทุนจาก DOE และจะไม่ยอมเซ็นเซอร์งานวิจัย ➡️ Brown University ยืนยันหลักการเสรีภาพทางวิชาการ แม้จะถูกกดดันจากภายนอก ➡️ รายงานชี้ว่าการฟ้องร้องแม้ไม่สำเร็จ ก็สามารถทำให้โครงการล่าช้าและเพิ่มต้นทุน ➡️ การบิดเบือนข้อมูลทำให้ประชาชนเข้าใจผิดเกี่ยวกับผลกระทบของพลังงานลม ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Offshore wind มีศักยภาพสูงในแถบ North Atlantic และสามารถผลิตไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่อง ➡️ ประเทศอย่างเดนมาร์ก เยอรมนี และเวียดนามประสบความสำเร็จในการใช้พลังงานลมนอกชายฝั่ง ➡️ การใช้พลังงานลมช่วยลดการพึ่งพาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ และลดการปล่อยคาร์บอน ➡️ การฟ้องร้องโครงการพลังงานสะอาดเป็นกลยุทธ์ที่ใช้กันทั่วโลกเพื่อรักษาผลประโยชน์ของอุตสาหกรรมเก่า ➡️ การคุกคามนักวิจัยและมหาวิทยาลัยเป็นรูปแบบใหม่ของการโจมตีเสรีภาพทางวิชาการ https://electrek.co/2025/08/25/scientist-exposes-anti-wind-groups-as-oil-funded-now-they-want-to-silence-him/
    ELECTREK.CO
    Scientist exposes anti-wind groups as oil-funded. Now they want to silence him.
    A report shows how fossil-funded legal groups file bogus lawsuits and spread disinfo about wind - then those lawyers threatened the authors.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 254 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อ DNS กลายเป็นเครื่องมือบิดเบือนความจริง – การบล็อกเว็บในเยอรมนีที่ไม่โปร่งใส

    ในปี 2024 เด็กสาววัย 17 ปีชื่อ Lina ได้เปิดเว็บไซต์ cuiiliste.de เพื่อรวบรวมรายชื่อโดเมนที่ถูกบล็อกโดยผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตในเยอรมนี ซึ่งเป็นสมาชิกของ CUII – กลุ่มเอกชนที่รวม ISP และเจ้าของลิขสิทธิ์เพื่อจัดการกับเว็บไซต์ละเมิดลิขสิทธิ์

    ก่อนหน้านั้น เมื่อผู้ใช้พยายามเข้าถึงเว็บไซต์ที่ถูกบล็อก DNS จะตอบกลับด้วย CNAME ที่ชี้ไปยัง notice.cuii.info ซึ่งแสดงให้เห็นชัดเจนว่าเว็บไซต์นั้นถูกบล็อกด้วยเหตุผลด้านลิขสิทธิ์

    แต่หลังจาก Lina เปิดเผยข้อมูล ผู้ให้บริการรายใหญ่ เช่น Telekom, Vodafone, 1&1 และ Telefónica (O2) เปลี่ยนวิธีตอบกลับ DNS เป็น NXDOMAIN ซึ่งหมายความว่า “ไม่มีเว็บไซต์นี้อยู่จริง” แทนที่จะบอกว่า “ถูกบล็อก” ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปไม่สามารถรู้ได้ว่าเว็บไซต์ถูกบล็อกหรือแค่พิมพ์ผิด

    Telekom อ้างว่าเป็นการเปลี่ยนชั่วคราวเพื่อเตรียมหน้า landing page ส่วน 1&1 ปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวกับการเปิดเผยของ Lina ขณะที่ O2 เป็นรายเดียวที่ยังคงแสดงการบล็อกอย่างโปร่งใส

    ในปี 2025 CUII ประกาศว่าจะเริ่มให้ศาลตรวจสอบคำขอบล็อกเว็บไซต์ทุกกรณี เพื่อเพิ่มความโปร่งใสและความชอบธรรมทางกฎหมาย แต่ก็ยังไม่มีการเปิดเผยรายชื่อเว็บไซต์ที่ถูกบล็อกอย่างเป็นทางการ

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    CUII เป็นกลุ่มเอกชนที่รวม ISP และเจ้าของลิขสิทธิ์เพื่อบล็อกเว็บไซต์ละเมิดลิขสิทธิ์
    ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตในเยอรมนีเคยตอบ DNS ด้วย CNAME ที่ชี้ไปยัง notice.cuii.info
    หลังการเปิดเผยของ Lina ผู้ให้บริการเปลี่ยนเป็น NXDOMAIN เพื่อปกปิดการบล็อก
    Lina เปิดเว็บไซต์ cuiiliste.de เพื่อรวบรวมโดเมนที่ถูกบล็อกโดย CUII
    Telekom, Vodafone, และ 1&1 เปลี่ยนวิธีตอบ DNS ภายในไม่กี่สัปดาห์หลังการเปิดเผย
    Telefónica (O2) เป็นรายเดียวที่ยังคงแสดงการบล็อกอย่างโปร่งใส
    CUII ประกาศในปี 2025 ว่าจะให้ศาลตรวจสอบคำขอบล็อกทุกกรณี
    เว็บไซต์ที่ถูกบล็อกส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับภาพยนตร์, เพลง, เกม, และหนังสือ
    Sci-Hub ถูกบล็อก แม้จะมีเนื้อหาวิชาการแบบ open access รวมอยู่ด้วย
    การบล็อกเว็บไซต์ทำผ่าน DNS ซึ่งผู้ใช้ทั่วไปไม่สามารถตรวจสอบได้ง่าย

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    NXDOMAIN เป็นการตอบกลับ DNS ที่หมายถึง “ไม่มีโดเมนนี้อยู่จริง”
    การใช้ NXDOMAIN แทนการแจ้งว่า “ถูกบล็อก” ทำให้เกิดความไม่โปร่งใส
    DNS เป็นระบบพื้นฐานของอินเทอร์เน็ต การบิดเบือนข้อมูลในระดับนี้ส่งผลต่อความเชื่อถือ
    การบล็อกผ่าน DNS ต่างจากการบล็อกผ่าน IP หรือ URL ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ง่ายกว่า
    การให้ศาลตรวจสอบคำขอบล็อกเป็นแนวทางที่เพิ่มความชอบธรรม แต่ยังขาดการเปิดเผยต่อสาธารณะ

    https://lina.sh/blog/telefonica-sabotages-me
    🎙️ เมื่อ DNS กลายเป็นเครื่องมือบิดเบือนความจริง – การบล็อกเว็บในเยอรมนีที่ไม่โปร่งใส ในปี 2024 เด็กสาววัย 17 ปีชื่อ Lina ได้เปิดเว็บไซต์ cuiiliste.de เพื่อรวบรวมรายชื่อโดเมนที่ถูกบล็อกโดยผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตในเยอรมนี ซึ่งเป็นสมาชิกของ CUII – กลุ่มเอกชนที่รวม ISP และเจ้าของลิขสิทธิ์เพื่อจัดการกับเว็บไซต์ละเมิดลิขสิทธิ์ ก่อนหน้านั้น เมื่อผู้ใช้พยายามเข้าถึงเว็บไซต์ที่ถูกบล็อก DNS จะตอบกลับด้วย CNAME ที่ชี้ไปยัง notice.cuii.info ซึ่งแสดงให้เห็นชัดเจนว่าเว็บไซต์นั้นถูกบล็อกด้วยเหตุผลด้านลิขสิทธิ์ แต่หลังจาก Lina เปิดเผยข้อมูล ผู้ให้บริการรายใหญ่ เช่น Telekom, Vodafone, 1&1 และ Telefónica (O2) เปลี่ยนวิธีตอบกลับ DNS เป็น NXDOMAIN ซึ่งหมายความว่า “ไม่มีเว็บไซต์นี้อยู่จริง” แทนที่จะบอกว่า “ถูกบล็อก” ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปไม่สามารถรู้ได้ว่าเว็บไซต์ถูกบล็อกหรือแค่พิมพ์ผิด Telekom อ้างว่าเป็นการเปลี่ยนชั่วคราวเพื่อเตรียมหน้า landing page ส่วน 1&1 ปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวกับการเปิดเผยของ Lina ขณะที่ O2 เป็นรายเดียวที่ยังคงแสดงการบล็อกอย่างโปร่งใส ในปี 2025 CUII ประกาศว่าจะเริ่มให้ศาลตรวจสอบคำขอบล็อกเว็บไซต์ทุกกรณี เพื่อเพิ่มความโปร่งใสและความชอบธรรมทางกฎหมาย แต่ก็ยังไม่มีการเปิดเผยรายชื่อเว็บไซต์ที่ถูกบล็อกอย่างเป็นทางการ 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ CUII เป็นกลุ่มเอกชนที่รวม ISP และเจ้าของลิขสิทธิ์เพื่อบล็อกเว็บไซต์ละเมิดลิขสิทธิ์ ➡️ ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตในเยอรมนีเคยตอบ DNS ด้วย CNAME ที่ชี้ไปยัง notice.cuii.info ➡️ หลังการเปิดเผยของ Lina ผู้ให้บริการเปลี่ยนเป็น NXDOMAIN เพื่อปกปิดการบล็อก ➡️ Lina เปิดเว็บไซต์ cuiiliste.de เพื่อรวบรวมโดเมนที่ถูกบล็อกโดย CUII ➡️ Telekom, Vodafone, และ 1&1 เปลี่ยนวิธีตอบ DNS ภายในไม่กี่สัปดาห์หลังการเปิดเผย ➡️ Telefónica (O2) เป็นรายเดียวที่ยังคงแสดงการบล็อกอย่างโปร่งใส ➡️ CUII ประกาศในปี 2025 ว่าจะให้ศาลตรวจสอบคำขอบล็อกทุกกรณี ➡️ เว็บไซต์ที่ถูกบล็อกส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับภาพยนตร์, เพลง, เกม, และหนังสือ ➡️ Sci-Hub ถูกบล็อก แม้จะมีเนื้อหาวิชาการแบบ open access รวมอยู่ด้วย ➡️ การบล็อกเว็บไซต์ทำผ่าน DNS ซึ่งผู้ใช้ทั่วไปไม่สามารถตรวจสอบได้ง่าย ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ NXDOMAIN เป็นการตอบกลับ DNS ที่หมายถึง “ไม่มีโดเมนนี้อยู่จริง” ➡️ การใช้ NXDOMAIN แทนการแจ้งว่า “ถูกบล็อก” ทำให้เกิดความไม่โปร่งใส ➡️ DNS เป็นระบบพื้นฐานของอินเทอร์เน็ต การบิดเบือนข้อมูลในระดับนี้ส่งผลต่อความเชื่อถือ ➡️ การบล็อกผ่าน DNS ต่างจากการบล็อกผ่าน IP หรือ URL ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ง่ายกว่า ➡️ การให้ศาลตรวจสอบคำขอบล็อกเป็นแนวทางที่เพิ่มความชอบธรรม แต่ยังขาดการเปิดเผยต่อสาธารณะ https://lina.sh/blog/telefonica-sabotages-me
    LINA.SH
    A German ISP tampered with their DNS - specifically to sabotage my website
    One of Germany's biggest ISPs changed how their DNS works, right after I exposed an organization that they’re part of.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 201 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกคริปโต: เมื่อการกู้เงินด้วยเหรียญดิจิทัลต้องเผชิญภัยไซเบอร์

    ในยุคที่คริปโตไม่ใช่แค่การลงทุน แต่กลายเป็นสินทรัพย์ที่ใช้ค้ำประกันเงินกู้ได้ “Crypto-backed lending” จึงกลายเป็นเทรนด์ที่ทั้งนักลงทุนรายย่อยและสถาบันต่างหันมาใช้กันมากขึ้น เพราะมันเปิดโอกาสให้ผู้ถือเหรียญสามารถกู้เงินโดยไม่ต้องขายเหรียญออกไป

    แต่ในความสะดวกนั้น ก็มีเงามืดของภัยไซเบอร์ที่ซ่อนอยู่ เพราะเมื่อมีสินทรัพย์ดิจิทัลมูลค่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์ถูกล็อกไว้ในแพลตฟอร์มเหล่านี้ แฮกเกอร์ก็ยิ่งพัฒนาเทคนิคใหม่ ๆ เพื่อเจาะระบบให้ได้

    ภัยที่พบได้บ่อยคือการเจาะ smart contract ที่มีช่องโหว่ เช่นกรณี Inverse Finance ที่ถูกแฮกผ่านการบิดเบือนข้อมูลจาก oracle จนสูญเงินกว่า 15 ล้านดอลลาร์ หรือกรณี Atomic Wallet ที่สูญเงินกว่า 35 ล้านดอลลาร์เพราะการจัดการ private key ที่หละหลวม

    นอกจากนี้ยังมีการปลอมเว็บกู้เงินบน Telegram และ Discord เพื่อหลอกให้ผู้ใช้กรอก seed phrase หรือ key รวมถึงมัลแวร์ที่แอบเปลี่ยน address ใน clipboard เพื่อขโมยเหรียญแบบเนียน ๆ

    บทเรียนจากอดีต เช่นการล่มของ Celsius Network และการถูกเจาะซ้ำของ Cream Finance แสดงให้เห็นว่าไม่ใช่แค่โค้ดที่ต้องแข็งแรง แต่กระบวนการภายในและการตรวจสอบความเสี่ยงก็ต้องเข้มงวดด้วย

    แนวทางป้องกันที่ดีคือการใช้ multi-signature wallet เช่น Gnosis Safe, การตรวจสอบ smart contract ด้วย formal verification, การตั้งระบบตรวจจับพฤติกรรมผิดปกติแบบ real-time และการให้ผู้ใช้ใช้ hardware wallet ร่วมกับ 2FA เป็นมาตรฐาน

    Crypto-backed lending เติบโตอย่างรวดเร็วในปี 2024
    มีสินทรัพย์กว่า $80B ถูกล็อกใน DeFi lending pools

    ผู้ใช้สามารถกู้ stablecoin โดยใช้ BTC หรือ ETH เป็นหลักประกัน
    ไม่ต้องขายเหรียญเพื่อแลกเป็นเงินสด

    ช่องโหว่ใน smart contract เป็นจุดเสี่ยงหลัก
    เช่นกรณี Inverse Finance สูญเงิน $15M จาก oracle manipulation

    การจัดการ private key ที่ไม่ปลอดภัยนำไปสู่การสูญเงินมหาศาล
    Atomic Wallet สูญเงิน $35M จาก vendor ที่เก็บ key ไม่ดี

    การปลอมเว็บกู้เงินและมัลแวร์ clipboard เป็นภัยที่พุ่งเป้าผู้ใช้ทั่วไป
    พบมากใน Telegram, Discord และ browser extensions

    Celsius Network และ Cream Finance เคยถูกแฮกจากการควบคุมภายในที่อ่อนแอ
    เช่นการไม่อัปเดตระบบและการละเลย audit findings

    แนวทางป้องกันที่แนะนำคือ multi-sig wallet, formal verification และ anomaly detection
    Gnosis Safe เป็นเครื่องมือยอดนิยมใน DeFi

    ตลาด crypto lending มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง
    คาดว่าจะกลายเป็นเครื่องมือการเงินหลักในอนาคต

    Blockchain ช่วยเพิ่มความโปร่งใสและลดการพึ่งพาตัวกลาง
    แต่ก็ยังต้องพึ่งระบบรักษาความปลอดภัยที่แข็งแรง

    End-to-end encryption และ biometric login เป็นแนวทางเสริมความปลอดภัย
    ช่วยลดความเสี่ยงจาก phishing และ social engineering

    การใช้ระบบ real-time monitoring และ kill switch ช่วยหยุดการโจมตีทันที
    ลดความเสียหายจากการเจาะระบบแบบ flash attack

    https://hackread.com/navigating-cybersecurity-risks-crypto-backed-lending/
    🛡️💸 เรื่องเล่าจากโลกคริปโต: เมื่อการกู้เงินด้วยเหรียญดิจิทัลต้องเผชิญภัยไซเบอร์ ในยุคที่คริปโตไม่ใช่แค่การลงทุน แต่กลายเป็นสินทรัพย์ที่ใช้ค้ำประกันเงินกู้ได้ “Crypto-backed lending” จึงกลายเป็นเทรนด์ที่ทั้งนักลงทุนรายย่อยและสถาบันต่างหันมาใช้กันมากขึ้น เพราะมันเปิดโอกาสให้ผู้ถือเหรียญสามารถกู้เงินโดยไม่ต้องขายเหรียญออกไป แต่ในความสะดวกนั้น ก็มีเงามืดของภัยไซเบอร์ที่ซ่อนอยู่ เพราะเมื่อมีสินทรัพย์ดิจิทัลมูลค่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์ถูกล็อกไว้ในแพลตฟอร์มเหล่านี้ แฮกเกอร์ก็ยิ่งพัฒนาเทคนิคใหม่ ๆ เพื่อเจาะระบบให้ได้ ภัยที่พบได้บ่อยคือการเจาะ smart contract ที่มีช่องโหว่ เช่นกรณี Inverse Finance ที่ถูกแฮกผ่านการบิดเบือนข้อมูลจาก oracle จนสูญเงินกว่า 15 ล้านดอลลาร์ หรือกรณี Atomic Wallet ที่สูญเงินกว่า 35 ล้านดอลลาร์เพราะการจัดการ private key ที่หละหลวม นอกจากนี้ยังมีการปลอมเว็บกู้เงินบน Telegram และ Discord เพื่อหลอกให้ผู้ใช้กรอก seed phrase หรือ key รวมถึงมัลแวร์ที่แอบเปลี่ยน address ใน clipboard เพื่อขโมยเหรียญแบบเนียน ๆ บทเรียนจากอดีต เช่นการล่มของ Celsius Network และการถูกเจาะซ้ำของ Cream Finance แสดงให้เห็นว่าไม่ใช่แค่โค้ดที่ต้องแข็งแรง แต่กระบวนการภายในและการตรวจสอบความเสี่ยงก็ต้องเข้มงวดด้วย แนวทางป้องกันที่ดีคือการใช้ multi-signature wallet เช่น Gnosis Safe, การตรวจสอบ smart contract ด้วย formal verification, การตั้งระบบตรวจจับพฤติกรรมผิดปกติแบบ real-time และการให้ผู้ใช้ใช้ hardware wallet ร่วมกับ 2FA เป็นมาตรฐาน ✅ Crypto-backed lending เติบโตอย่างรวดเร็วในปี 2024 ➡️ มีสินทรัพย์กว่า $80B ถูกล็อกใน DeFi lending pools ✅ ผู้ใช้สามารถกู้ stablecoin โดยใช้ BTC หรือ ETH เป็นหลักประกัน ➡️ ไม่ต้องขายเหรียญเพื่อแลกเป็นเงินสด ✅ ช่องโหว่ใน smart contract เป็นจุดเสี่ยงหลัก ➡️ เช่นกรณี Inverse Finance สูญเงิน $15M จาก oracle manipulation ✅ การจัดการ private key ที่ไม่ปลอดภัยนำไปสู่การสูญเงินมหาศาล ➡️ Atomic Wallet สูญเงิน $35M จาก vendor ที่เก็บ key ไม่ดี ✅ การปลอมเว็บกู้เงินและมัลแวร์ clipboard เป็นภัยที่พุ่งเป้าผู้ใช้ทั่วไป ➡️ พบมากใน Telegram, Discord และ browser extensions ✅ Celsius Network และ Cream Finance เคยถูกแฮกจากการควบคุมภายในที่อ่อนแอ ➡️ เช่นการไม่อัปเดตระบบและการละเลย audit findings ✅ แนวทางป้องกันที่แนะนำคือ multi-sig wallet, formal verification และ anomaly detection ➡️ Gnosis Safe เป็นเครื่องมือยอดนิยมใน DeFi ✅ ตลาด crypto lending มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ➡️ คาดว่าจะกลายเป็นเครื่องมือการเงินหลักในอนาคต ✅ Blockchain ช่วยเพิ่มความโปร่งใสและลดการพึ่งพาตัวกลาง ➡️ แต่ก็ยังต้องพึ่งระบบรักษาความปลอดภัยที่แข็งแรง ✅ End-to-end encryption และ biometric login เป็นแนวทางเสริมความปลอดภัย ➡️ ช่วยลดความเสี่ยงจาก phishing และ social engineering ✅ การใช้ระบบ real-time monitoring และ kill switch ช่วยหยุดการโจมตีทันที ➡️ ลดความเสียหายจากการเจาะระบบแบบ flash attack https://hackread.com/navigating-cybersecurity-risks-crypto-backed-lending/
    HACKREAD.COM
    Navigating Cybersecurity Risks in Crypto-Backed Lending
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 441 มุมมอง 0 รีวิว
  • เบิ้ดคําสิเว่า!!! โฆษกเขมร "ปฏิเสธ" ข่าวละเมิดหยุดยิง ลั่น "รักสันติ"
    https://www.thai-tai.tv/news/20618/
    .
    #เพ็ญโบนา #โฆษกรัฐบาลกัมพูชา #ปฏิเสธข่าวละเมิดหยุดยิง #ชายแดนไทยกัมพูชา #ข่าวเท็จ #รักสันติ #การบิดเบือนข้อมูล #ไทยไท
    เบิ้ดคําสิเว่า!!! โฆษกเขมร "ปฏิเสธ" ข่าวละเมิดหยุดยิง ลั่น "รักสันติ" https://www.thai-tai.tv/news/20618/ . #เพ็ญโบนา #โฆษกรัฐบาลกัมพูชา #ปฏิเสธข่าวละเมิดหยุดยิง #ชายแดนไทยกัมพูชา #ข่าวเท็จ #รักสันติ #การบิดเบือนข้อมูล #ไทยไท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 286 มุมมอง 0 รีวิว
  • รายงานจากสหประชาชาติในชื่อ World Social Report 2025 ได้เปิดเผยถึงผลกระทบของการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลที่ส่งผลต่อสภาพการทำงานและโครงสร้างสังคม โดยแม้แต่ในประเทศที่มีรายได้สูง การเปลี่ยนแปลงนี้ยังสร้างความไม่มั่นคงในงานและเพิ่มงานแบบกิ๊ก (Gig Work) ซึ่งขาดสิทธิและความมั่นคง เช่น การลาป่วยที่ได้รับค่าจ้าง ค่าแรงขั้นต่ำ และการลาคลอด

    นอกจากนี้ การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลยังส่งผลต่อความเชื่อมั่นในสถาบันและความไว้วางใจระหว่างบุคคล โดยข้อมูลเท็จและการบิดเบือนข้อมูลที่แพร่กระจายบนโซเชียลมีเดีย เช่น WhatsApp ทำให้เกิดความไม่ไว้วางใจในรัฐบาลและสถาบันต่างๆ รวมถึงการสร้าง "echo chambers" ที่ผู้ใช้งานจะเห็นเฉพาะข้อมูลที่ตรงกับความเชื่อของตนเอง ซึ่งอาจนำไปสู่การสุดโต่ง

    เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ สหประชาชาติแนะนำให้รัฐบาลลงทุนในด้านการศึกษา การดูแลสุขภาพ ที่อยู่อาศัย และระบบสวัสดิการสังคมที่เข้มแข็ง รวมถึงการสร้างสถาบันที่มีความโปร่งใสและรับผิดชอบมากขึ้น

    ผลกระทบต่อสภาพการทำงาน
    - การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลเพิ่มงานแบบกิ๊กที่ขาดสิทธิและความมั่นคง
    - ผู้คนต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อให้เพียงพอต่อการดำรงชีวิต

    ผลกระทบต่อโครงสร้างสังคม
    - ข้อมูลเท็จและการบิดเบือนข้อมูลทำลายความเชื่อมั่นในสถาบัน
    - การสร้าง echo chambers บนโซเชียลมีเดียส่งเสริมความสุดโต่ง

    ข้อเสนอแนะจากสหประชาชาติ
    - ลงทุนในด้านการศึกษา การดูแลสุขภาพ และที่อยู่อาศัย
    - สร้างสถาบันที่โปร่งใสและรับผิดชอบ

    ความสำคัญของการแก้ไขปัญหา
    - การแก้ไขปัญหานี้ช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นในสถาบันและความร่วมมือในสังคม

    https://www.neowin.net/news/digital-transition-creating-weaker-labor-conditions-and-wrecking-social-fabric-report-says/
    รายงานจากสหประชาชาติในชื่อ World Social Report 2025 ได้เปิดเผยถึงผลกระทบของการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลที่ส่งผลต่อสภาพการทำงานและโครงสร้างสังคม โดยแม้แต่ในประเทศที่มีรายได้สูง การเปลี่ยนแปลงนี้ยังสร้างความไม่มั่นคงในงานและเพิ่มงานแบบกิ๊ก (Gig Work) ซึ่งขาดสิทธิและความมั่นคง เช่น การลาป่วยที่ได้รับค่าจ้าง ค่าแรงขั้นต่ำ และการลาคลอด นอกจากนี้ การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลยังส่งผลต่อความเชื่อมั่นในสถาบันและความไว้วางใจระหว่างบุคคล โดยข้อมูลเท็จและการบิดเบือนข้อมูลที่แพร่กระจายบนโซเชียลมีเดีย เช่น WhatsApp ทำให้เกิดความไม่ไว้วางใจในรัฐบาลและสถาบันต่างๆ รวมถึงการสร้าง "echo chambers" ที่ผู้ใช้งานจะเห็นเฉพาะข้อมูลที่ตรงกับความเชื่อของตนเอง ซึ่งอาจนำไปสู่การสุดโต่ง เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ สหประชาชาติแนะนำให้รัฐบาลลงทุนในด้านการศึกษา การดูแลสุขภาพ ที่อยู่อาศัย และระบบสวัสดิการสังคมที่เข้มแข็ง รวมถึงการสร้างสถาบันที่มีความโปร่งใสและรับผิดชอบมากขึ้น ✅ ผลกระทบต่อสภาพการทำงาน - การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลเพิ่มงานแบบกิ๊กที่ขาดสิทธิและความมั่นคง - ผู้คนต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อให้เพียงพอต่อการดำรงชีวิต ✅ ผลกระทบต่อโครงสร้างสังคม - ข้อมูลเท็จและการบิดเบือนข้อมูลทำลายความเชื่อมั่นในสถาบัน - การสร้าง echo chambers บนโซเชียลมีเดียส่งเสริมความสุดโต่ง ✅ ข้อเสนอแนะจากสหประชาชาติ - ลงทุนในด้านการศึกษา การดูแลสุขภาพ และที่อยู่อาศัย - สร้างสถาบันที่โปร่งใสและรับผิดชอบ ✅ ความสำคัญของการแก้ไขปัญหา - การแก้ไขปัญหานี้ช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นในสถาบันและความร่วมมือในสังคม https://www.neowin.net/news/digital-transition-creating-weaker-labor-conditions-and-wrecking-social-fabric-report-says/
    WWW.NEOWIN.NET
    Digital transition creating weaker labor conditions and wrecking social fabric, report says
    The United Nations has published its World Social Report 2025 which lays out the damaging effects that the digital transition is having on labor rights and the fabric of society.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 540 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักวิจัยได้เปิดเผยถึงความเสี่ยงด้านความปลอดภัยไซเบอร์ที่เกี่ยวข้องกับ เทคโนโลยีการจัดลำดับ DNA รุ่นใหม่ (Next-Generation DNA Sequencing - NGS) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มีบทบาทสำคัญในด้านการวินิจฉัยโรคมะเร็ง การติดตามโรคติดเชื้อ และการพัฒนายา แม้ว่า NGS จะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความเร็วในการวิเคราะห์จีโนม แต่การพึ่งพาอุปกรณ์ซับซ้อน ซอฟต์แวร์เฉพาะ และระบบเครือข่าย ทำให้เกิดช่องโหว่ที่อาจถูกโจมตีโดยผู้ไม่หวังดี

    NGS มีบทบาทสำคัญในหลายสาขา
    - ใช้ในงานวิจัยโรคมะเร็ง การพัฒนายา และนวัตกรรมด้านการเกษตร
    - สามารถจัดลำดับ DNA และ RNA ได้อย่างรวดเร็วและคุ้มค่า

    ช่องโหว่ในทุกขั้นตอนของกระบวนการ NGS
    - ตั้งแต่การเตรียมตัวอย่าง การจัดลำดับ ไปจนถึงการวิเคราะห์ข้อมูล
    - การจัดเก็บและแชร์ข้อมูลจีโนมออนไลน์เพิ่มความเสี่ยงต่อการถูกโจมตี

    ภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นจากการโจมตีทางไซเบอร์
    - การละเมิดความเป็นส่วนตัว การติดตามตัวบุคคล และการสร้างมัลแวร์ DNA สังเคราะห์
    - การบิดเบือนข้อมูลอาจส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของงานวิจัย

    ข้อเสนอแนะเพื่อเพิ่มความปลอดภัยใน NGS
    - ใช้โปรโตคอลการจัดลำดับที่ปลอดภัยและการเข้ารหัสข้อมูล
    - พัฒนาระบบตรวจจับความผิดปกติด้วย AI

    https://www.techspot.com/news/107635-new-study-reveals-cybersecurity-threats-next-generation-dna.html
    นักวิจัยได้เปิดเผยถึงความเสี่ยงด้านความปลอดภัยไซเบอร์ที่เกี่ยวข้องกับ เทคโนโลยีการจัดลำดับ DNA รุ่นใหม่ (Next-Generation DNA Sequencing - NGS) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มีบทบาทสำคัญในด้านการวินิจฉัยโรคมะเร็ง การติดตามโรคติดเชื้อ และการพัฒนายา แม้ว่า NGS จะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความเร็วในการวิเคราะห์จีโนม แต่การพึ่งพาอุปกรณ์ซับซ้อน ซอฟต์แวร์เฉพาะ และระบบเครือข่าย ทำให้เกิดช่องโหว่ที่อาจถูกโจมตีโดยผู้ไม่หวังดี ✅ NGS มีบทบาทสำคัญในหลายสาขา - ใช้ในงานวิจัยโรคมะเร็ง การพัฒนายา และนวัตกรรมด้านการเกษตร - สามารถจัดลำดับ DNA และ RNA ได้อย่างรวดเร็วและคุ้มค่า ✅ ช่องโหว่ในทุกขั้นตอนของกระบวนการ NGS - ตั้งแต่การเตรียมตัวอย่าง การจัดลำดับ ไปจนถึงการวิเคราะห์ข้อมูล - การจัดเก็บและแชร์ข้อมูลจีโนมออนไลน์เพิ่มความเสี่ยงต่อการถูกโจมตี ✅ ภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นจากการโจมตีทางไซเบอร์ - การละเมิดความเป็นส่วนตัว การติดตามตัวบุคคล และการสร้างมัลแวร์ DNA สังเคราะห์ - การบิดเบือนข้อมูลอาจส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของงานวิจัย ✅ ข้อเสนอแนะเพื่อเพิ่มความปลอดภัยใน NGS - ใช้โปรโตคอลการจัดลำดับที่ปลอดภัยและการเข้ารหัสข้อมูล - พัฒนาระบบตรวจจับความผิดปกติด้วย AI https://www.techspot.com/news/107635-new-study-reveals-cybersecurity-threats-next-generation-dna.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    New study reveals cybersecurity threats in next-gen DNA sequencing
    The research, published in IEEE Access and led by Dr. Nasreen Anjum of the University of Portsmouth's School of Computing, is the first to systematically map cyber-biosecurity...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 356 มุมมอง 0 รีวิว
  • TikTok กำลังทดสอบฟีเจอร์ใหม่ที่ชื่อว่า Footnotes ซึ่งเป็นระบบที่คล้ายกับ Community Notes ของ X (Twitter เดิม) โดยให้ผู้ใช้สามารถเพิ่มข้อมูลเพิ่มเติมลงในวิดีโอเพื่อช่วยให้เนื้อหามีความเข้าใจมากขึ้น

    TikTok เปิดตัว Footnotes เพื่อให้ผู้ใช้ช่วยตรวจสอบเนื้อหา
    - ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ เพิ่มข้อมูลเพิ่มเติมลงในวิดีโอ เพื่อให้เนื้อหามีความโปร่งใสมากขึ้น
    - TikTok ระบุว่า Footnotes ถูกออกแบบมาเพื่อ ให้ชุมชนมีบริบทเพิ่มเติมเกี่ยวกับเนื้อหาที่พวกเขาดู

    Footnotes ใช้ระบบการให้คะแนนแบบ "bridge-based ranking"
    - ผู้ใช้ที่ได้รับอนุญาตสามารถ เพิ่มโน้ตและให้คะแนนโน้ตของผู้อื่น
    - โน้ตที่ได้รับการจัดอันดับว่า "มีประโยชน์" จากผู้ใช้ที่มีมุมมองแตกต่างกัน จะถูกเผยแพร่สู่สาธารณะ

    ข้อกำหนดสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการเป็นผู้เพิ่มโน้ต
    - ต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป
    - ต้องมี ประวัติการใช้งานที่ดี และอยู่บนแพลตฟอร์มมาอย่างน้อย 6 เดือน

    Footnotes ไม่ได้มาแทนที่ระบบตรวจสอบข้อเท็จจริงของ TikTok
    - TikTok ยังคงใช้ องค์กรตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ได้รับการรับรองจาก IFCN
    - Footnotes เป็นเพียง อีกหนึ่งชั้นของการตรวจสอบเนื้อหา

    แรงบันดาลใจจาก Community Notes ของ X
    - Community Notes เปิดตัวครั้งแรกในปี 2021 ภายใต้ชื่อ Birdwatch
    - Elon Musk นำระบบนี้มาใช้ใน X และเพิ่มการเข้าถึงให้กว้างขึ้น

    ความท้าทายในการใช้ระบบตรวจสอบเนื้อหาที่ขับเคลื่อนโดยชุมชน
    - แม้ระบบนี้จะช่วยให้ผู้ใช้มีส่วนร่วมในการตรวจสอบเนื้อหา แต่ก็อาจ เกิดข้อผิดพลาดหรือการบิดเบือนข้อมูล ได้

    ผลกระทบต่อการควบคุมข้อมูลผิดบนแพลตฟอร์ม
    - รายงานจาก Center for Countering Digital Hate พบว่า Community Notes ของ X พลาดการตรวจจับโพสต์ที่ให้ข้อมูลผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง

    แนวโน้มของการใช้ AI และชุมชนในการตรวจสอบเนื้อหา
    - TikTok อาจต้อง ปรับปรุงระบบ Footnotes เพื่อให้สามารถตรวจจับข้อมูลผิดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    https://www.neowin.net/news/tiktok-is-testing-its-own-version-of-community-notes-called-footnotes/
    TikTok กำลังทดสอบฟีเจอร์ใหม่ที่ชื่อว่า Footnotes ซึ่งเป็นระบบที่คล้ายกับ Community Notes ของ X (Twitter เดิม) โดยให้ผู้ใช้สามารถเพิ่มข้อมูลเพิ่มเติมลงในวิดีโอเพื่อช่วยให้เนื้อหามีความเข้าใจมากขึ้น ✅ TikTok เปิดตัว Footnotes เพื่อให้ผู้ใช้ช่วยตรวจสอบเนื้อหา - ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ เพิ่มข้อมูลเพิ่มเติมลงในวิดีโอ เพื่อให้เนื้อหามีความโปร่งใสมากขึ้น - TikTok ระบุว่า Footnotes ถูกออกแบบมาเพื่อ ให้ชุมชนมีบริบทเพิ่มเติมเกี่ยวกับเนื้อหาที่พวกเขาดู ✅ Footnotes ใช้ระบบการให้คะแนนแบบ "bridge-based ranking" - ผู้ใช้ที่ได้รับอนุญาตสามารถ เพิ่มโน้ตและให้คะแนนโน้ตของผู้อื่น - โน้ตที่ได้รับการจัดอันดับว่า "มีประโยชน์" จากผู้ใช้ที่มีมุมมองแตกต่างกัน จะถูกเผยแพร่สู่สาธารณะ ✅ ข้อกำหนดสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการเป็นผู้เพิ่มโน้ต - ต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป - ต้องมี ประวัติการใช้งานที่ดี และอยู่บนแพลตฟอร์มมาอย่างน้อย 6 เดือน ✅ Footnotes ไม่ได้มาแทนที่ระบบตรวจสอบข้อเท็จจริงของ TikTok - TikTok ยังคงใช้ องค์กรตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ได้รับการรับรองจาก IFCN - Footnotes เป็นเพียง อีกหนึ่งชั้นของการตรวจสอบเนื้อหา ✅ แรงบันดาลใจจาก Community Notes ของ X - Community Notes เปิดตัวครั้งแรกในปี 2021 ภายใต้ชื่อ Birdwatch - Elon Musk นำระบบนี้มาใช้ใน X และเพิ่มการเข้าถึงให้กว้างขึ้น ℹ️ ความท้าทายในการใช้ระบบตรวจสอบเนื้อหาที่ขับเคลื่อนโดยชุมชน - แม้ระบบนี้จะช่วยให้ผู้ใช้มีส่วนร่วมในการตรวจสอบเนื้อหา แต่ก็อาจ เกิดข้อผิดพลาดหรือการบิดเบือนข้อมูล ได้ ℹ️ ผลกระทบต่อการควบคุมข้อมูลผิดบนแพลตฟอร์ม - รายงานจาก Center for Countering Digital Hate พบว่า Community Notes ของ X พลาดการตรวจจับโพสต์ที่ให้ข้อมูลผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ℹ️ แนวโน้มของการใช้ AI และชุมชนในการตรวจสอบเนื้อหา - TikTok อาจต้อง ปรับปรุงระบบ Footnotes เพื่อให้สามารถตรวจจับข้อมูลผิดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น https://www.neowin.net/news/tiktok-is-testing-its-own-version-of-community-notes-called-footnotes/
    WWW.NEOWIN.NET
    TikTok is testing its own version of Community Notes, called Footnotes
    X's Community Notes model seems to be catching the attention of other social platforms, and now TikTok is the latest to take a swing at it.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 501 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยูเครนยอมตกลงในเงื่อนไขต่างๆ ในข้อตกลงแร่กับสหรัฐฯ และอาจลงนาม จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ยูเครนรายหนึ่ง ในความเคลื่อนไหวที่เคียฟได้แต่หวังว่าจะเป็นตัวปูทางสำหรับการรับประกันความมั่นคงจากวอชิงตันในอนาคต
    .
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เรียกร้องยูเครนเปิดทางให้อเมริกาเข้าถึงแร่แรร์เอิร์ธ สำหรับชดใช้เงินหลายแสนล้านดอลลาร์ ในความช่วยเหลือต่างๆ ในช่วงระหว่างสงคราม ในสมัยอดีตประธานาธิบดี โจ ไบเดน
    .
    แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ระดับสูงของยูเครน เปิดเผยกับเอเอฟพี โดยไม่ประสงค์เอ่ยนามในช่วงค่ำวันอังคาร (25 ก.พ.) ว่าข้อตกลงนี้จะได้เห็นสหรัฐฯ ร่วมพัฒนาความมั่งคั่งทางแร่ธาตุของยูเครน ในขณะที่ผลกำไรจะไหลเข้าสู่กองทุนใหม่ที่จัดตั้งขึ้นมา ซึ่งจะเป็นกองทุนร่วมระหว่างยูเครนกับอเมริกา
    .
    รายงานข่าวระบุ แหล่งข่าวบอกด้วยว่าร่างข้อตกลงนี้ยังรวมไปถึงการพาดพิงถึง "ความมั่นคง" แต่ไม่กำหนดอย่างชัดเจนเกี่ยวกับพันธสัญญาของสหรัฐฯ หนึ่งข้อเรียกร้องหลักของเคียฟ สำหรับข้อตกลงนี้
    .
    "มีประโยคทั่วไปที่บอกว่าอเมริกาจะลงทุนในชาติอธิปไตยยูเครน ที่มีเสถียรภาพและความรุ่งเรือง และมันรับใช้สันติภาพที่ยั่งยืนและบอกว่าอเมริกาสนับสนุนความพยายามรับประกันความมั่นคง เวลานี้พวกเจ้าหน้าที่รัฐบาลกำลังทำงานกันในรายละเอียด" แหล่งข่าวระบุ พร้อมบอกว่าประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน อาจลงนามในข้อตกลงนี้ ระหว่างเดินทางเยือนกรุงวอชิงตัน อย่างเร็วที่สุดในวันศุกร์ (28 ก.พ.)
    .
    ทรัมป์ เปลี่ยนแปลงนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ครั้งใหญ่ นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนที่แล้ว หันไปเปิดการเจรจากับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ขณะเดียวกันก็ข่มขู่บรรดาพันธมิตรดั้งเดิมของวอชิงตัน
    .
    นอกจากนี้ ในวอชิงตันยังยืนอยู่ข้างรัสเซีย ณ เวทีสหประชาชาติ ในการลงมติใน 2 ญัตติเมื่อวันจันทร์ (24 ก.พ.) ในขณะที่พวกเขาหาทางหลีกเลี่ยงการประณามใดๆ ต่อกณีมอสโกรุกรานยูเครนเมื่อ 3 ปีก่อน
    .
    ยูเครน หวังว่าข้อตกลงแร่จะช่วยปรับปรุงความสัมพันธ์กับรัฐบาลทรัมป์ ซึ่งมึนตึงมากขึ้นเรื่อยๆ ท่ามกลางสงครามน้ำลายระหว่างเซเลนสกีกับผู้นำสหรัฐฯ
    .
    เมื่อเดือนที่แล้ว ทรัมป์ ตราหน้า เซเลนสกี ว่าเป็น "เผด็จการ" และเรียกร้องให้เขาดำเนินการอย่างรวดเร็วในการยุติสงคราม หนึ่งวันหลังจากพวกเจ้าหน้าที่รัสเซียและสหรัฐฯ เปิดการพูดคุยหารือกันในซาอุดีอาระเบีย โดยที่ยูเครนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ
    .
    จากนั้นในวันเสาร์ (22 ก.พ.) ณ ที่ประชุมของฝ่ายอนุรักษนิยม ทรัมป์เน้นย้ำอีกครั้งว่าเขากำลังพยายามทวงเงินความช่วยเหลือหลายแสนล้านดอลลาร์ ที่ส่งไปสนับสนุนยูเครนทำสงครามกับรัสเซีย หลัง เซเลนสกี กล่าวหาผู้นำสหรัฐฯ กำลังใช้ชีวิตอยู่ใน "ฟองสบู่แห่งการบิดเบือนข้อมูลของรัสเซีย"
    .
    ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ เคยเรียกร้องขอแร่แร์เฮิร์ธ มูลค่า 500,000 ล้านดอลลาร์ แลกกับความช่วยเหลือที่เคยมอบให้เคียฟ ตัวเลขที่ยูเครนลังเลที่จะตอบรับ และไม่สอดคล้องกับตัวเลขความช่วยเหลือของสหรัฐฯ ที่เผยแพร่ต่อสาธารณะ
    .
    แหล่งข่าวบอกว่าวอชิงตันตัดข้อแม้นี้ออกไป เช่นเดียวกับเงื่อนไขอื่นๆ ที่ไม่เอื้ออำนวยกับยูเครน "พวกเขาถอนเงื่อนไขทั้งหมดที่ไม่เหมาะกับเรา"
    .
    อ้างอิงข้อมูลอย่างเป็นทางการ สหรัฐฯ มอบเงินช่วยเหลือทางทหารแก่เคียฟไปแล้วมากกว่า 60,000 ล้านดอลลาร์ นับตั้งแต่รัสเซียรุกราน ถือเป็นสัดส่วนใหญ่ที่สุดในหมู่พันธมิตรของเคียฟ แต่ต่ำกว่าตัวเลข 500,000 ล้านดอลลาร์ ตามที่ทรัมป์กล่าวอ้าง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000018794
    ..............
    Sondhi X
    ยูเครนยอมตกลงในเงื่อนไขต่างๆ ในข้อตกลงแร่กับสหรัฐฯ และอาจลงนาม จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ยูเครนรายหนึ่ง ในความเคลื่อนไหวที่เคียฟได้แต่หวังว่าจะเป็นตัวปูทางสำหรับการรับประกันความมั่นคงจากวอชิงตันในอนาคต . ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เรียกร้องยูเครนเปิดทางให้อเมริกาเข้าถึงแร่แรร์เอิร์ธ สำหรับชดใช้เงินหลายแสนล้านดอลลาร์ ในความช่วยเหลือต่างๆ ในช่วงระหว่างสงคราม ในสมัยอดีตประธานาธิบดี โจ ไบเดน . แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ระดับสูงของยูเครน เปิดเผยกับเอเอฟพี โดยไม่ประสงค์เอ่ยนามในช่วงค่ำวันอังคาร (25 ก.พ.) ว่าข้อตกลงนี้จะได้เห็นสหรัฐฯ ร่วมพัฒนาความมั่งคั่งทางแร่ธาตุของยูเครน ในขณะที่ผลกำไรจะไหลเข้าสู่กองทุนใหม่ที่จัดตั้งขึ้นมา ซึ่งจะเป็นกองทุนร่วมระหว่างยูเครนกับอเมริกา . รายงานข่าวระบุ แหล่งข่าวบอกด้วยว่าร่างข้อตกลงนี้ยังรวมไปถึงการพาดพิงถึง "ความมั่นคง" แต่ไม่กำหนดอย่างชัดเจนเกี่ยวกับพันธสัญญาของสหรัฐฯ หนึ่งข้อเรียกร้องหลักของเคียฟ สำหรับข้อตกลงนี้ . "มีประโยคทั่วไปที่บอกว่าอเมริกาจะลงทุนในชาติอธิปไตยยูเครน ที่มีเสถียรภาพและความรุ่งเรือง และมันรับใช้สันติภาพที่ยั่งยืนและบอกว่าอเมริกาสนับสนุนความพยายามรับประกันความมั่นคง เวลานี้พวกเจ้าหน้าที่รัฐบาลกำลังทำงานกันในรายละเอียด" แหล่งข่าวระบุ พร้อมบอกว่าประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน อาจลงนามในข้อตกลงนี้ ระหว่างเดินทางเยือนกรุงวอชิงตัน อย่างเร็วที่สุดในวันศุกร์ (28 ก.พ.) . ทรัมป์ เปลี่ยนแปลงนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ครั้งใหญ่ นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนที่แล้ว หันไปเปิดการเจรจากับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ขณะเดียวกันก็ข่มขู่บรรดาพันธมิตรดั้งเดิมของวอชิงตัน . นอกจากนี้ ในวอชิงตันยังยืนอยู่ข้างรัสเซีย ณ เวทีสหประชาชาติ ในการลงมติใน 2 ญัตติเมื่อวันจันทร์ (24 ก.พ.) ในขณะที่พวกเขาหาทางหลีกเลี่ยงการประณามใดๆ ต่อกณีมอสโกรุกรานยูเครนเมื่อ 3 ปีก่อน . ยูเครน หวังว่าข้อตกลงแร่จะช่วยปรับปรุงความสัมพันธ์กับรัฐบาลทรัมป์ ซึ่งมึนตึงมากขึ้นเรื่อยๆ ท่ามกลางสงครามน้ำลายระหว่างเซเลนสกีกับผู้นำสหรัฐฯ . เมื่อเดือนที่แล้ว ทรัมป์ ตราหน้า เซเลนสกี ว่าเป็น "เผด็จการ" และเรียกร้องให้เขาดำเนินการอย่างรวดเร็วในการยุติสงคราม หนึ่งวันหลังจากพวกเจ้าหน้าที่รัสเซียและสหรัฐฯ เปิดการพูดคุยหารือกันในซาอุดีอาระเบีย โดยที่ยูเครนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ . จากนั้นในวันเสาร์ (22 ก.พ.) ณ ที่ประชุมของฝ่ายอนุรักษนิยม ทรัมป์เน้นย้ำอีกครั้งว่าเขากำลังพยายามทวงเงินความช่วยเหลือหลายแสนล้านดอลลาร์ ที่ส่งไปสนับสนุนยูเครนทำสงครามกับรัสเซีย หลัง เซเลนสกี กล่าวหาผู้นำสหรัฐฯ กำลังใช้ชีวิตอยู่ใน "ฟองสบู่แห่งการบิดเบือนข้อมูลของรัสเซีย" . ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ เคยเรียกร้องขอแร่แร์เฮิร์ธ มูลค่า 500,000 ล้านดอลลาร์ แลกกับความช่วยเหลือที่เคยมอบให้เคียฟ ตัวเลขที่ยูเครนลังเลที่จะตอบรับ และไม่สอดคล้องกับตัวเลขความช่วยเหลือของสหรัฐฯ ที่เผยแพร่ต่อสาธารณะ . แหล่งข่าวบอกว่าวอชิงตันตัดข้อแม้นี้ออกไป เช่นเดียวกับเงื่อนไขอื่นๆ ที่ไม่เอื้ออำนวยกับยูเครน "พวกเขาถอนเงื่อนไขทั้งหมดที่ไม่เหมาะกับเรา" . อ้างอิงข้อมูลอย่างเป็นทางการ สหรัฐฯ มอบเงินช่วยเหลือทางทหารแก่เคียฟไปแล้วมากกว่า 60,000 ล้านดอลลาร์ นับตั้งแต่รัสเซียรุกราน ถือเป็นสัดส่วนใหญ่ที่สุดในหมู่พันธมิตรของเคียฟ แต่ต่ำกว่าตัวเลข 500,000 ล้านดอลลาร์ ตามที่ทรัมป์กล่าวอ้าง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000018794 .............. Sondhi X
    Like
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2500 มุมมอง 0 รีวิว
  • “เราได้ถอดป้าย USAID นี้ออกจากกำแพงใน Kurakhove ที่ได้รับการปลดปล่อยแล้ว

    USAID คือหน่วยงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ และเป็นผู้จัดและสนับสนุนการรัฐประหารที่สนับสนุนอเมริกาไปทั่วโลก

    เราทราบดีว่าองค์กรนี้สร้างปัญหาให้มากมายเพียงใด เราอยากจะใส่เครื่องหมายคำพูดในคำว่า 'การพัฒนา' เพราะในความเป็นจริง USAID ทำแต่สิ่งที่ตรงกันข้ามกับคำนี้ นั่นคือการทำลายประเทศต่างๆ รวมถึงการสร้างเครือข่ายสื่อ 'ต่อต้าน' และเครือข่ายในโซเชียลมีเดียที่พร้อมทำตามคำสั่งเกี่ยวกับวิธีการบิดเบือนข้อมูลเพื่อเปลี่ยนความคิดของประชน”

    — ผู้ว่าการสาธารณรัฐประชาชนโดเน็ตสก์ (DPR) เดนิส พุชชิลิน
    “เราได้ถอดป้าย USAID นี้ออกจากกำแพงใน Kurakhove ที่ได้รับการปลดปล่อยแล้ว USAID คือหน่วยงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ และเป็นผู้จัดและสนับสนุนการรัฐประหารที่สนับสนุนอเมริกาไปทั่วโลก เราทราบดีว่าองค์กรนี้สร้างปัญหาให้มากมายเพียงใด เราอยากจะใส่เครื่องหมายคำพูดในคำว่า 'การพัฒนา' เพราะในความเป็นจริง USAID ทำแต่สิ่งที่ตรงกันข้ามกับคำนี้ นั่นคือการทำลายประเทศต่างๆ รวมถึงการสร้างเครือข่ายสื่อ 'ต่อต้าน' และเครือข่ายในโซเชียลมีเดียที่พร้อมทำตามคำสั่งเกี่ยวกับวิธีการบิดเบือนข้อมูลเพื่อเปลี่ยนความคิดของประชน” — ผู้ว่าการสาธารณรัฐประชาชนโดเน็ตสก์ (DPR) เดนิส พุชชิลิน
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 326 มุมมอง 0 รีวิว
  • แอปจีน Litle Rednote หรือXiaohongshu กำลังขโมยหัวใจชาวอเมริกัน

    เสี่ยวหงซู (Xiaohongshu) แอปพลิเคชันโซเชียลมีเดียของจีน ทะยานขึ้นมาอยู่อันดับหนึ่งในแอปสโตร์ (App Store) ของแอปเปิล และเพลย์ สโตร์ (Play Store) ของกูเกิล เมื่อวันจันทร์ (13 ม.ค.) หลังจากคำสั่งแบนติ๊กต็อก (TikTok) ที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯและTikTokในสหรัฐจะยุติวันอาทิตย์ที่ 19 มกราคมนี้ 
    .
    รายงานระบุว่า “เสี่ยวหงซู” ได้รับความนิยมพุ่งพรวดในหมู่ผู้ใช้ชาวอเมริกัน หลังจากติ๊กต็อกเผชิญความเสี่ยงจะถูกแบนวันที่ 19 ม.ค. 2025 นี้ โดยเสี่ยวหงซูได้กลายเป็นสวรรค์สำหรับนักคอนเทนต์และผู้ใช้ชาวอเมริกันซึ่งกำลังมองหาแพลตฟอร์มทางเลือกอื่นมาแทนติ๊กต็อก
    .
    กระแสความนิยมอันรวดเร็วของเสี่ยวหงซูเห็นได้ชัดเจนหลังศาลสูงสุดสหรัฐฯ ต้องตัดสินกรณีการบังคับใช้กฎหมายซึ่งอาจทำให้ติ๊กต็อกถูกแบน หรือบีบให้ไบต์แดนซ์ (ByteDance) บริษัทแม่ของติ๊กต็อกของจีน ต้องจำหน่ายกิจการให้กับบริษัทสัญชาติอเมริกา ความไม่แน่นอนทางกฎหมายครั้งนี้ส่งผลผู้ใช้ติ๊กต็อกจำนวนมากมองหาแพลตฟอร์มทางเลือกอื่น ซึ่งมีเสี่ยวหงซูกลายมาเป็นตัวเลือกยอดนิยม

    สำหรับแอปXiaohongshu หรือ Little Red Book เป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่น่าสนใจไม่แพ้ Douyin เพราะเป็นแพลตฟอร์มไลฟ์สไตล์ที่เน้นเรื่องการรีวิวที่เที่ยว ที่กิน และของช้อปปิ้งโดยเฉพาะ 

    Xiaohongshu มีผู้ใช้มากกว่า 500 ล้านคน ส่วนมากเป็นกลุ่มคนจีนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะผู้หญิงอายุ 20-35 ปี ที่ชอบช้อปปิ้ง ท่องเที่ยว และบิวตี้ เน้นฟีเจอร์โพสท์รีวิว โดยต่างกับ instagram ตรงที่ ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้อง follow ใคร ก็สามารถที่จะมองเห็นโพสต์รีวิวต่างๆได้ ตามความสนใจของผู้ใช้ ดังนั้นโพสต์รีวิวสินค้าและบริการสามารถที่จะได้รับการมองเห็นได้หากมี keywords และติด hashtag ที่ตรงกับความสนใจ

    แม้ว่าแพลตฟอร์มของ Xiaohongshu จะเป็นภาษาจีนกลางเกือบทั้งหมด แต่ก็ดูเหมือนจะไม่สามารถหยุดยั้งชาวอเมริกันหนุ่มสาวรุ่นใหม่ที่อยากค้นหาจีนที่แท้จริงในปัจจุบัน แทนที่จะค้นพบสิ่งที่สื่อตะวันตกนำเสนอ ยุคแห่งการโฆษณาชวนเชื่อและการบิดเบือนข้อมูลกำลังจะสิ้นสุดลงในที่สุด

    ล่าสุด สำนักงานใหญ่ XIAOHONGSHU หรือ  RedNote ในเซี่ยงไฮ้ได้ออกประกาศรับสมัครผู้ดูแลเนื้อหาในจีนที่สามารถใช้ภาษาอังกฤษอย่างดี เพื่อขยายฐานผู้ใช้สากล
    แอปจีน Litle Rednote หรือXiaohongshu กำลังขโมยหัวใจชาวอเมริกัน เสี่ยวหงซู (Xiaohongshu) แอปพลิเคชันโซเชียลมีเดียของจีน ทะยานขึ้นมาอยู่อันดับหนึ่งในแอปสโตร์ (App Store) ของแอปเปิล และเพลย์ สโตร์ (Play Store) ของกูเกิล เมื่อวันจันทร์ (13 ม.ค.) หลังจากคำสั่งแบนติ๊กต็อก (TikTok) ที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯและTikTokในสหรัฐจะยุติวันอาทิตย์ที่ 19 มกราคมนี้  . รายงานระบุว่า “เสี่ยวหงซู” ได้รับความนิยมพุ่งพรวดในหมู่ผู้ใช้ชาวอเมริกัน หลังจากติ๊กต็อกเผชิญความเสี่ยงจะถูกแบนวันที่ 19 ม.ค. 2025 นี้ โดยเสี่ยวหงซูได้กลายเป็นสวรรค์สำหรับนักคอนเทนต์และผู้ใช้ชาวอเมริกันซึ่งกำลังมองหาแพลตฟอร์มทางเลือกอื่นมาแทนติ๊กต็อก . กระแสความนิยมอันรวดเร็วของเสี่ยวหงซูเห็นได้ชัดเจนหลังศาลสูงสุดสหรัฐฯ ต้องตัดสินกรณีการบังคับใช้กฎหมายซึ่งอาจทำให้ติ๊กต็อกถูกแบน หรือบีบให้ไบต์แดนซ์ (ByteDance) บริษัทแม่ของติ๊กต็อกของจีน ต้องจำหน่ายกิจการให้กับบริษัทสัญชาติอเมริกา ความไม่แน่นอนทางกฎหมายครั้งนี้ส่งผลผู้ใช้ติ๊กต็อกจำนวนมากมองหาแพลตฟอร์มทางเลือกอื่น ซึ่งมีเสี่ยวหงซูกลายมาเป็นตัวเลือกยอดนิยม สำหรับแอปXiaohongshu หรือ Little Red Book เป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่น่าสนใจไม่แพ้ Douyin เพราะเป็นแพลตฟอร์มไลฟ์สไตล์ที่เน้นเรื่องการรีวิวที่เที่ยว ที่กิน และของช้อปปิ้งโดยเฉพาะ  Xiaohongshu มีผู้ใช้มากกว่า 500 ล้านคน ส่วนมากเป็นกลุ่มคนจีนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะผู้หญิงอายุ 20-35 ปี ที่ชอบช้อปปิ้ง ท่องเที่ยว และบิวตี้ เน้นฟีเจอร์โพสท์รีวิว โดยต่างกับ instagram ตรงที่ ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้อง follow ใคร ก็สามารถที่จะมองเห็นโพสต์รีวิวต่างๆได้ ตามความสนใจของผู้ใช้ ดังนั้นโพสต์รีวิวสินค้าและบริการสามารถที่จะได้รับการมองเห็นได้หากมี keywords และติด hashtag ที่ตรงกับความสนใจ แม้ว่าแพลตฟอร์มของ Xiaohongshu จะเป็นภาษาจีนกลางเกือบทั้งหมด แต่ก็ดูเหมือนจะไม่สามารถหยุดยั้งชาวอเมริกันหนุ่มสาวรุ่นใหม่ที่อยากค้นหาจีนที่แท้จริงในปัจจุบัน แทนที่จะค้นพบสิ่งที่สื่อตะวันตกนำเสนอ ยุคแห่งการโฆษณาชวนเชื่อและการบิดเบือนข้อมูลกำลังจะสิ้นสุดลงในที่สุด ล่าสุด สำนักงานใหญ่ XIAOHONGSHU หรือ  RedNote ในเซี่ยงไฮ้ได้ออกประกาศรับสมัครผู้ดูแลเนื้อหาในจีนที่สามารถใช้ภาษาอังกฤษอย่างดี เพื่อขยายฐานผู้ใช้สากล
    Like
    Love
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1058 มุมมอง 0 รีวิว
  • คำแถลงการณ์ครั้งแรกของอดีตประธานาธิบดีซีเรีย ระบุว่ามีความพยายามสร้างข่าวปลอมว่าเป็นการปลดปล่อยซีเรีย แต่แท้จริงแล้วเป็นการกระทำของกลุ่มก่อการร้ายระหว่างประเทศ พร้อมทั้งระบุไม่เคยเตรียมการล่วงหน้าเพื่อหลบหนี แต่สถานการณ์เลวร้ายลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากการพังทลายของกองทัพ และจำเป็นต้องตัดสินใจที่ยากลำบาก และยังกล่าวอีกว่า จำเป็นต้องแก้ไขการบิดเบือนข้อมูลเหล่านี้ตั้งแต่เริ่มต้น ซึ่งจะมีการอธิบายเหตุการณ์อย่างละเอียดถี่ถ้วนในภายหลัง

    รายละเอียดคำแถลงฉบับแรกที่ออกโดยอดีตประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดแห่งซีเรีย:

    'ด้วยการขยายตัวของการก่อการร้ายในซีเรียและการมาถึงกรุงดามัสกัสในตอนเย็นของวันเสาร์ที่ 7 ธันวาคม 2024 คำถามเกี่ยวกับที่อยู่และชะตากรรมของประธานาธิบดีก็เริ่มเกิดขึ้น ท่ามกลางความสับสนและข่าวลือที่ห่างไกลจากความจริง เพื่อสนับสนุนการกระทำของกลุ่มก่อการร้ายระหว่างประเทศที่หลอกลวงว่าเป้าหมายคือ "การปฏิวัติเพื่อปลดปล่อยซีเรีย"

    ในช่วงเวลาสำคัญทางประวัติศาสตร์ในชีวิตของประเทศของเรา ความจริงควรต้องถูกเปิดเผย และจำเป็นต้องชี้แจงผ่านแถลงการณ์สั้นๆของสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น แต่ข้าพเจ้าจำเป็นต้องยกเลิกไปด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย ทำให้ไม่สามารถออกแถลงการณ์ได้ ซึ่งเหตุการณ์เหล่านั้นไม่สามารถบรรยายรายละเอียดของทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้หมดในแถลงการณ์นี้ ข้าพเจ้าจะกล่าวถึงอย่างละเอียดในภายหลังเมื่อมีโอกาส

    ก่อนอื่นเลย ข้าพเจ้าไม่ได้วางแผนออกจากประเทศอย่างที่มีข่าวลือกัน และไม่ได้ออกจากประเทศในช่วงชั่วโมงสุดท้ายของการสู้รบ แต่ข้าพเจ้ายังคงอยู่ในดามัสกัสเพื่อปฏิบัติหน้าที่จนถึงเช้าตรู่ของวันอาทิตย์ที่ 8 ธันวาคม 2024 เมื่อการก่อการร้ายขยายตัวมาในดามัสกัส ข้าพเจ้าจำเป็นต้องย้ายการบัญชาการไปที่ลาตาเกียพร้อมกับเพื่อนชาวรัสเซียเพื่อติดตามการปฏิบัติการรบจากที่นั่น

    เมื่อมาถึงฐานทัพอากาศฮไมมิมในตอนเช้า เห็นได้ชัดว่ากองกำลังของเราได้ถอนตัวออกจากแนวป้องกันทั้งหมดแล้ว และตำแหน่งสุดท้ายของกองทัพก็ถูกพังทลายลง โดยสถานการณ์ภาคสนามในพื้นที่นั้นเลวร้ายลงเรื่อยๆ และการโจมตีฐานทัพทหารรัสเซียเองก็ทวีความรุนแรงขึ้นจากการถูกโจมตีจากโดรน เนื่องจากไม่สามารถออกจากฐานทัพไปทางใดทางหนึ่งได้ มอสโกจึงขอให้ผู้นำฐานทัพทำงานเพื่อเตรียมอพยพไปยังรัสเซียทันทีในเย็นวันอาทิตย์ที่ 8 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันถัดจากการยึดกรุงดามัสกัส และหลังจากการยึดตำแหน่งทางทหารสุดท้ายและสถาบันของรัฐที่เหลือทั้งหมดได้ปิดตัวลงในเวลาต่อมา

    ในระหว่างเหตุการณ์ดังกล่าว ประเด็นเรื่องการขอสถานะผู้ลี้ภัยหรือการลาออกไม่ได้ถูกหยิบยกขึ้นมาโดยข้าพเจ้าหรือบุคคลหรือฝ่ายใด และทางเลือกเดียวที่นำเสนอคือการต่อสู้ต่อไปเพื่อป้องกันการโจมตีของผู้ก่อการร้าย

    ในบริบทนี้ ข้าพเจ้าขอเน้นย้ำว่าตั้งแต่วันแรกของสงคราม ข้าพเจ้าปฏิเสธที่จะแลกความอยู่รอดของประเทศกับความปลอดภัยของตัวเอง หรือต่อรองกับประชาชนของข้าพเจ้าด้วยข้อเสนอและสิ่งจูงใจต่างๆ ข้าพเจ้ายังคงเป็นบุคคลเดียวกันกับที่ยืนเคียงข้างกับเจ้าหน้าที่และทหารของกองทัพในแนวหน้า ห่างจากผู้ก่อการร้ายเพียงไม่กี่สิบเมตรในสถานการณ์ที่ร้อนแรงและอันตรายที่สุดของความขัดแย้ง ข้าพเจ้ายังเป็นคนเดิม คนที่ไม่เคยจากไปในช่วงปีที่ยากลำบากที่สุดของสงคราม ยังอยู่กับครอบครัวและประชาชนของข้าพเจ้าเพื่อเผชิญหน้ากับการก่อการร้ายภายใต้การโจมตีและอันตรายจากผู้ก่อการร้ายที่บุกโจมตีเมืองหลวงมากกว่าหนึ่งครั้งในช่วงสิบสี่ปีของสงคราม และยังเป็นคนเดียวกับที่ไม่เคยละทิ้งการต่อต้านที่ไม่ใช่เรื่องของซีเรียในปาเลสไตน์และเลบานอน และไม่เคยทรยศต่อพันธมิตรที่ยืนเคียงข้าง แน่นอนว่าข้าพเจ้าไม่ใช่คนที่ละทิ้งประชาชน หรือทรยศต่อพวกเขาและกองทัพของเขาได้

    ข้าพเจ้าไม่ใช่คนที่แสวงหาความมั่นคงให้กับตัวเอง แต่ข้าพเจ้าถือว่าตัวเองคือโครงการระดับชาติที่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนที่เชื่อมั่นในโครงการนั้น ข้าพเจ้ามีความมั่นคงในเจตจำนงของประชาชนเหล่านั้น แต่เมื่อรัฐตกอยู่ในมือของผู้ก่อการร้าย และสูญเสียความสามารถในการจัดหาสิ่งใดๆ ตำแหน่งนั้นก็จะว่างเปล่าและไม่มีความหมาย และไม่มีความหมายที่จะรับผิดชอบในเรื่องนี้ต่อไป นี่ไม่ได้หมายความว่าจะละทิ้งความเป็นชาติที่แท้จริงของซีเรียและประชาชนชาวซีเรีย ความเป็นชาติจะยังมั่นคงแน่นอนซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ ความเป็นชาติที่เต็มไปด้วยความหวังว่าซีเรียจะกลับมาอย่างเสรีและเป็นอิสระ

    หมายเหตุ:
    เป็นบัญชีของประธานาธิบดีซีเรียที่เผยแพร่แถลงการณ์ แต่ขณะนี้ทุกช่องทางสื่อสารอยู่ภายใต้การควบคุมของ HTS สื่อของรัฐ และช่องทางสื่อสารของรัฐบาล ฯลฯ

    โปรดพิจารณาให้ดีก่อนเชื่อ เนื่องจากยังไม่มีคำยืนยันจากอัสซาดโดยตรง
    คำแถลงการณ์ครั้งแรกของอดีตประธานาธิบดีซีเรีย ระบุว่ามีความพยายามสร้างข่าวปลอมว่าเป็นการปลดปล่อยซีเรีย แต่แท้จริงแล้วเป็นการกระทำของกลุ่มก่อการร้ายระหว่างประเทศ พร้อมทั้งระบุไม่เคยเตรียมการล่วงหน้าเพื่อหลบหนี แต่สถานการณ์เลวร้ายลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากการพังทลายของกองทัพ และจำเป็นต้องตัดสินใจที่ยากลำบาก และยังกล่าวอีกว่า จำเป็นต้องแก้ไขการบิดเบือนข้อมูลเหล่านี้ตั้งแต่เริ่มต้น ซึ่งจะมีการอธิบายเหตุการณ์อย่างละเอียดถี่ถ้วนในภายหลัง รายละเอียดคำแถลงฉบับแรกที่ออกโดยอดีตประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดแห่งซีเรีย: 'ด้วยการขยายตัวของการก่อการร้ายในซีเรียและการมาถึงกรุงดามัสกัสในตอนเย็นของวันเสาร์ที่ 7 ธันวาคม 2024 คำถามเกี่ยวกับที่อยู่และชะตากรรมของประธานาธิบดีก็เริ่มเกิดขึ้น ท่ามกลางความสับสนและข่าวลือที่ห่างไกลจากความจริง เพื่อสนับสนุนการกระทำของกลุ่มก่อการร้ายระหว่างประเทศที่หลอกลวงว่าเป้าหมายคือ "การปฏิวัติเพื่อปลดปล่อยซีเรีย" ในช่วงเวลาสำคัญทางประวัติศาสตร์ในชีวิตของประเทศของเรา ความจริงควรต้องถูกเปิดเผย และจำเป็นต้องชี้แจงผ่านแถลงการณ์สั้นๆของสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น แต่ข้าพเจ้าจำเป็นต้องยกเลิกไปด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย ทำให้ไม่สามารถออกแถลงการณ์ได้ ซึ่งเหตุการณ์เหล่านั้นไม่สามารถบรรยายรายละเอียดของทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้หมดในแถลงการณ์นี้ ข้าพเจ้าจะกล่าวถึงอย่างละเอียดในภายหลังเมื่อมีโอกาส ก่อนอื่นเลย ข้าพเจ้าไม่ได้วางแผนออกจากประเทศอย่างที่มีข่าวลือกัน และไม่ได้ออกจากประเทศในช่วงชั่วโมงสุดท้ายของการสู้รบ แต่ข้าพเจ้ายังคงอยู่ในดามัสกัสเพื่อปฏิบัติหน้าที่จนถึงเช้าตรู่ของวันอาทิตย์ที่ 8 ธันวาคม 2024 เมื่อการก่อการร้ายขยายตัวมาในดามัสกัส ข้าพเจ้าจำเป็นต้องย้ายการบัญชาการไปที่ลาตาเกียพร้อมกับเพื่อนชาวรัสเซียเพื่อติดตามการปฏิบัติการรบจากที่นั่น เมื่อมาถึงฐานทัพอากาศฮไมมิมในตอนเช้า เห็นได้ชัดว่ากองกำลังของเราได้ถอนตัวออกจากแนวป้องกันทั้งหมดแล้ว และตำแหน่งสุดท้ายของกองทัพก็ถูกพังทลายลง โดยสถานการณ์ภาคสนามในพื้นที่นั้นเลวร้ายลงเรื่อยๆ และการโจมตีฐานทัพทหารรัสเซียเองก็ทวีความรุนแรงขึ้นจากการถูกโจมตีจากโดรน เนื่องจากไม่สามารถออกจากฐานทัพไปทางใดทางหนึ่งได้ มอสโกจึงขอให้ผู้นำฐานทัพทำงานเพื่อเตรียมอพยพไปยังรัสเซียทันทีในเย็นวันอาทิตย์ที่ 8 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันถัดจากการยึดกรุงดามัสกัส และหลังจากการยึดตำแหน่งทางทหารสุดท้ายและสถาบันของรัฐที่เหลือทั้งหมดได้ปิดตัวลงในเวลาต่อมา ในระหว่างเหตุการณ์ดังกล่าว ประเด็นเรื่องการขอสถานะผู้ลี้ภัยหรือการลาออกไม่ได้ถูกหยิบยกขึ้นมาโดยข้าพเจ้าหรือบุคคลหรือฝ่ายใด และทางเลือกเดียวที่นำเสนอคือการต่อสู้ต่อไปเพื่อป้องกันการโจมตีของผู้ก่อการร้าย ในบริบทนี้ ข้าพเจ้าขอเน้นย้ำว่าตั้งแต่วันแรกของสงคราม ข้าพเจ้าปฏิเสธที่จะแลกความอยู่รอดของประเทศกับความปลอดภัยของตัวเอง หรือต่อรองกับประชาชนของข้าพเจ้าด้วยข้อเสนอและสิ่งจูงใจต่างๆ ข้าพเจ้ายังคงเป็นบุคคลเดียวกันกับที่ยืนเคียงข้างกับเจ้าหน้าที่และทหารของกองทัพในแนวหน้า ห่างจากผู้ก่อการร้ายเพียงไม่กี่สิบเมตรในสถานการณ์ที่ร้อนแรงและอันตรายที่สุดของความขัดแย้ง ข้าพเจ้ายังเป็นคนเดิม คนที่ไม่เคยจากไปในช่วงปีที่ยากลำบากที่สุดของสงคราม ยังอยู่กับครอบครัวและประชาชนของข้าพเจ้าเพื่อเผชิญหน้ากับการก่อการร้ายภายใต้การโจมตีและอันตรายจากผู้ก่อการร้ายที่บุกโจมตีเมืองหลวงมากกว่าหนึ่งครั้งในช่วงสิบสี่ปีของสงคราม และยังเป็นคนเดียวกับที่ไม่เคยละทิ้งการต่อต้านที่ไม่ใช่เรื่องของซีเรียในปาเลสไตน์และเลบานอน และไม่เคยทรยศต่อพันธมิตรที่ยืนเคียงข้าง แน่นอนว่าข้าพเจ้าไม่ใช่คนที่ละทิ้งประชาชน หรือทรยศต่อพวกเขาและกองทัพของเขาได้ ข้าพเจ้าไม่ใช่คนที่แสวงหาความมั่นคงให้กับตัวเอง แต่ข้าพเจ้าถือว่าตัวเองคือโครงการระดับชาติที่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนที่เชื่อมั่นในโครงการนั้น ข้าพเจ้ามีความมั่นคงในเจตจำนงของประชาชนเหล่านั้น แต่เมื่อรัฐตกอยู่ในมือของผู้ก่อการร้าย และสูญเสียความสามารถในการจัดหาสิ่งใดๆ ตำแหน่งนั้นก็จะว่างเปล่าและไม่มีความหมาย และไม่มีความหมายที่จะรับผิดชอบในเรื่องนี้ต่อไป นี่ไม่ได้หมายความว่าจะละทิ้งความเป็นชาติที่แท้จริงของซีเรียและประชาชนชาวซีเรีย ความเป็นชาติจะยังมั่นคงแน่นอนซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ ความเป็นชาติที่เต็มไปด้วยความหวังว่าซีเรียจะกลับมาอย่างเสรีและเป็นอิสระ หมายเหตุ: เป็นบัญชีของประธานาธิบดีซีเรียที่เผยแพร่แถลงการณ์ แต่ขณะนี้ทุกช่องทางสื่อสารอยู่ภายใต้การควบคุมของ HTS สื่อของรัฐ และช่องทางสื่อสารของรัฐบาล ฯลฯ โปรดพิจารณาให้ดีก่อนเชื่อ เนื่องจากยังไม่มีคำยืนยันจากอัสซาดโดยตรง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 692 มุมมอง 0 รีวิว
  • โดนัลด์ ทรัมป์ จากรีพับลิกัน คว้าชัยในรัฐอินดีแอนา, รัฐเคนทักกี และรัฐเวสต์เวอร์จิเนีย ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯในวันอังคาร(5พ.ย.) ขณะที่ กมลา แฮร์ริส คว้าชัยได้ที่เวอร์มอนต์ จากการคาดการณ์ของสถาบันเอดิสัน รีเสิร์ช ขณะที่หน่วยเลือกตั้งต่างๆทยอยปิดหีบไปแล้ว 9 รัฐ ในนั้นรวมถึงรัฐสมรภูมิสำคัญอย่างจอร์เจียและนอร์ทแคโรไลนา
    .
    ทั้งนี้ในรัฐจอร์เจียนั้น หลังการนับคะแนนผ่านพ้นไปราวๆ 21.7% ทางสถาบันเอดิสัน รีเสิร์ช ระบุว่า ทรัมป์ ได้คะแนนเสียงไป 59.8% ทิ้งห่าง แฮร์ริส ที่ได้ไป 39.8%
    .
    ผลการเลือกตั้งเบื้องต้นของรัฐดังกล่าวข้างต้นที่ไม่ใช่รัฐสมรภูมิถือว่าเป็นไปตามความคาดหมาย ดังนั้นศึกชิงชัยครั้งนี้จึงน่าจะไปตัดสินกันที่รัฐสมรภูมิ 7 รัฐ อันประกอบด้วยจอร์เจีย, นอร์ทโคไรนา, แอริโซนา, มิชิแกน, เนวาดา, เพนซิลเวเนียและวิสคอนซิน ขณะที่ผลสำรวจความคิดเห็นของสำนักโพลต่างๆก่อนหน้านี้ เผยให้เห็นว่าทั้งคู่มีคะแนนนิยมแบบหายใจรดต้นคอจนถึงวันเลือกตั้ง
    .
    ไม่กี่ชั่วโมงก่อนปิดหีบ ทรัมป์กล่าวอ้างบนแพลตฟอร์มทรัสต์ โซเชียล โดยไม่ให้หลักฐานใดๆ ว่า "มีการพูดกันอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับการโกงเลือกตั้งในฟิลาเดลเฟีย" หลังจากเขาเคยกล่าวอ้างแบบเดียวกันนี้เมื่อปี 2020 ในเมืองที่ชาวเดโมแครตเป็นกลุ่มใหญ่ ทั้งนี้ในโพสต์ต่อมา ทรัมป์ อ้างอีกว่ามีการโกงในดีทรอยต์เช่นกัน
    .
    เซธ บลูสเตน คณะกรรมการการเลือกตั้งเมืองฟิลาเดลเฟีย ตอบโต้บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ ระบุว่า "ข้อกล่าวหานี้ไม่เป็นความจริงแม้แต่น้อย มันเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของการบิดเบือนข้อมูล การโหวตในฟิลาเดลเฟียเป็นไปอย่างปลอดภัยและเชื่อถือได้"
    .
    ทีมหาเสียงของทรัมป์ บ่งชี้ว่าเขาอาจประกาศชัยชนะในคืนวันเลือกตั้ง แม้ว่าบัตรเลือกตั้งหลายล้านใบยังไม่ถูกนับ แบบเดียวกับที่เขาเคยทำเมื่อ 4 ปีก่อน อย่างไรก็ตามคาดหมายว่าอาจต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะทราบว่าใครเป็นฝ่ายชนะ หากว่าระยะห่างของคะแนนในบรรดารัฐสมรภูมินั้นออกมาฉิวเฉียดอย่างที่คาดหมายไว้
    .
    ทรัมป์ มีแผนรับชมผลการเลือกตั้งที่บ้านพักตากอากาศในมาร์อาโก ก่อนปราศรัยกับบรรดาผู้สนับสนุน ณ ศูนย์ประชุมที่อยู่ใกล้เคียง ส่วน กมลา แฮร์ริส คู่แข่งของทรัมป์ มีรายงานว่าเธอจะอยู่ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และให้สัมภาษณ์ทางวิทยุ จากนั้นจะไปร่วมติดตามการนับคะแนนที่มหาวิทยาลัยฮาวเวิร์ด ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่เธอเคยเรียน ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000106770
    ..............
    Sondhi X
    โดนัลด์ ทรัมป์ จากรีพับลิกัน คว้าชัยในรัฐอินดีแอนา, รัฐเคนทักกี และรัฐเวสต์เวอร์จิเนีย ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯในวันอังคาร(5พ.ย.) ขณะที่ กมลา แฮร์ริส คว้าชัยได้ที่เวอร์มอนต์ จากการคาดการณ์ของสถาบันเอดิสัน รีเสิร์ช ขณะที่หน่วยเลือกตั้งต่างๆทยอยปิดหีบไปแล้ว 9 รัฐ ในนั้นรวมถึงรัฐสมรภูมิสำคัญอย่างจอร์เจียและนอร์ทแคโรไลนา . ทั้งนี้ในรัฐจอร์เจียนั้น หลังการนับคะแนนผ่านพ้นไปราวๆ 21.7% ทางสถาบันเอดิสัน รีเสิร์ช ระบุว่า ทรัมป์ ได้คะแนนเสียงไป 59.8% ทิ้งห่าง แฮร์ริส ที่ได้ไป 39.8% . ผลการเลือกตั้งเบื้องต้นของรัฐดังกล่าวข้างต้นที่ไม่ใช่รัฐสมรภูมิถือว่าเป็นไปตามความคาดหมาย ดังนั้นศึกชิงชัยครั้งนี้จึงน่าจะไปตัดสินกันที่รัฐสมรภูมิ 7 รัฐ อันประกอบด้วยจอร์เจีย, นอร์ทโคไรนา, แอริโซนา, มิชิแกน, เนวาดา, เพนซิลเวเนียและวิสคอนซิน ขณะที่ผลสำรวจความคิดเห็นของสำนักโพลต่างๆก่อนหน้านี้ เผยให้เห็นว่าทั้งคู่มีคะแนนนิยมแบบหายใจรดต้นคอจนถึงวันเลือกตั้ง . ไม่กี่ชั่วโมงก่อนปิดหีบ ทรัมป์กล่าวอ้างบนแพลตฟอร์มทรัสต์ โซเชียล โดยไม่ให้หลักฐานใดๆ ว่า "มีการพูดกันอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับการโกงเลือกตั้งในฟิลาเดลเฟีย" หลังจากเขาเคยกล่าวอ้างแบบเดียวกันนี้เมื่อปี 2020 ในเมืองที่ชาวเดโมแครตเป็นกลุ่มใหญ่ ทั้งนี้ในโพสต์ต่อมา ทรัมป์ อ้างอีกว่ามีการโกงในดีทรอยต์เช่นกัน . เซธ บลูสเตน คณะกรรมการการเลือกตั้งเมืองฟิลาเดลเฟีย ตอบโต้บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ ระบุว่า "ข้อกล่าวหานี้ไม่เป็นความจริงแม้แต่น้อย มันเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของการบิดเบือนข้อมูล การโหวตในฟิลาเดลเฟียเป็นไปอย่างปลอดภัยและเชื่อถือได้" . ทีมหาเสียงของทรัมป์ บ่งชี้ว่าเขาอาจประกาศชัยชนะในคืนวันเลือกตั้ง แม้ว่าบัตรเลือกตั้งหลายล้านใบยังไม่ถูกนับ แบบเดียวกับที่เขาเคยทำเมื่อ 4 ปีก่อน อย่างไรก็ตามคาดหมายว่าอาจต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะทราบว่าใครเป็นฝ่ายชนะ หากว่าระยะห่างของคะแนนในบรรดารัฐสมรภูมินั้นออกมาฉิวเฉียดอย่างที่คาดหมายไว้ . ทรัมป์ มีแผนรับชมผลการเลือกตั้งที่บ้านพักตากอากาศในมาร์อาโก ก่อนปราศรัยกับบรรดาผู้สนับสนุน ณ ศูนย์ประชุมที่อยู่ใกล้เคียง ส่วน กมลา แฮร์ริส คู่แข่งของทรัมป์ มีรายงานว่าเธอจะอยู่ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และให้สัมภาษณ์ทางวิทยุ จากนั้นจะไปร่วมติดตามการนับคะแนนที่มหาวิทยาลัยฮาวเวิร์ด ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่เธอเคยเรียน ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000106770 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    Yay
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1941 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัสเซีย จีน และอิหร่านมีความตั้งใจโหมกระพือเรื่องเล่าต่างๆ สร้างความแตกแยกในหมู่ชาวอเมริกา ก่อนถึงศึกเลือกตั้งในวันที่ 5 พฤศจิกายน และอาจพิจารณาปลุกปั่นความรุนแรง หลังบรรดาผู้มีสิทธิเลือกตั้งออกไปใช้สิทธิกันแล้ว จากคำกล่าวอ้างของเจ้าหน้าที่ข่าวกรองสหรัฐฯ ในวันอังคาร (22 ต.ค.)
    .
    พวกเจ้าหน้าที่ที่ทำการบรรยายสรุปแก่บรรดาผู้สื่อข่าวในด้านความปลอดภัยของการเลือกตั้ง ระบุว่าเหล่าตัวละครต่างชาติอาจเล็งเป้าคุกคามทางกายภาพและปลุกปั่นความรุนแรง และมีความเป็นไปได้ที่จะลงมือปฏิบัติการบิดเบือนข้อมูล ก่อความไม่แน่นอน และบ่อนทำลายกระบวนการเลือกตั้ง
    .
    "พวกตัวละครต่างชาติ โดยเฉพาะรัสเซีย อิหร่าน และจีน ยังคงมีเจตนาโหมกระพือเรื่องเล่า สร้างความแตกแยกแก่ชาวอเมริกาและบ่อนทำลายความเชื่อมั่นของอเมริกันชนที่มีต่อระบบประชาธิปไตยสหรัฐฯ ในความเคลื่อนไหวต่างๆ เหล่านี้ พวกตัวละครได้ดำเนินการต่างๆ ที่สอดคล้องกับสิ่งที่พวกเขามองว่าจะเป็นประโยชน์ของพวกเขา ในขณะที่กลยุทธ์ของพวกเขาเริ่มปรากฏให้เห็นอย่างต่อเนื่อง" เจ้าหน้าที่รายหนึ่งจากสำนักงานผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติสหรัฐฯ (ODNI)
    .
    เจ้าหน้าที่บอกต่อว่าเหล่าตัวละครทรงอิทธิพลทั้งหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากรัสเซีย อิหร่าน และจีน เรียนรู้จากศึกเลือกตั้งสหรัฐฯ ที่ผ่านๆ มา และเตรียมพร้อมดีกว่าเดิมในการฉวยโอกาสโหมกระพือความไม่สงบ
    .
    ตัวละครเหล่านี้อาจอาศัยเครื่องไม้เครื่องมือแบบเดียวกับที่พวกเขาเคยใช้ในช่วงก่อนหน้าศึกเลือกตั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารและไซเบอร์ และอาจเล็งข่มขู่คุกคามทางกายภาพและโหมกระพือความรุนแรง จากคำกล่าวอ้างของ เจ้าหน้าที่จาก ODNI ระบุ
    .
    อย่างไรก็ตาม หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ไม่พบเห็นการร่วมมือกันระหว่างรัสเซีย จีน และอิหร่าน ในความเคลื่อนไหวต่างๆ ที่หวังก่ออิทธิพลเหนือการเลือกตั้ง พร้อมชี้ว่าแม้พวกตัวละครต่างชาติอาจก่อความปั่นป่วนแก่กระบวนการต่างๆ ในวันเลือกตั้ง ปลุกปั่นความไม่พอใจ แต่ระบบการเลือกตั้งมีความปลอดภัยเพียงพอที่จะทำให้ความพยายามของพวกเขานั้นไม่อาจเปลี่ยนผลการเลือกตั้งได้
    .
    "ตัวละครต่างชาติบางส่วนมีความสามารถในการโหมกระพือการประท้วงและความรุนแรงในช่วงเวลาหลังการเลือกตั้ง" เจ้าหน้าที่ ODNI กล่าว "โดยเฉพาะอย่างยิ่งอิหร่านและรัสเซีย ที่อย่างน้อยๆ บางทีอาจกำลังพิจารณากลยุทธ์ต่างๆ ที่จะสามารถยุยงความรุนแรงดังกล่าว"
    .
    บันทึกช่วยจำที่ไม่เป็นชั้นความลับฉบับหนึ่งที่ถูกเผยแพร่ออกมาตามหลังการบรรยายสรุปของสภาข่าวกรองแห่งชาติ (NIC ) หน่วยงานวิเคราะห์ข่าวกรองสูงสุดของสหรัฐฯ ได้เตือนว่าเกือบเป็นที่แน่นอนว่า หน่วยปฏิบัติการของต่างชาติจะโหมกระพือคำกล่าวอ้างอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดปกติต่างๆ ของการเลือกตั้งหลังการลงคะแนน
    .
    นอกจากนี้ NIC ยังเชื่อว่าตัวละครต่างชาติอาจใช้การโจมตีทางไซเบอร์และการจารกรรม ก่อความปั่นปั่วนหรือดัดแปลงข่าวสารและเว็บไซต์ต่างๆ ของรัฐบาล เพื่อจุดชนวนความสับสนเกี่ยวกับผลเลือกตั้ง รวมถึงเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนเกี่ยวกับกระบวนการนับคะแนน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรัฐต่างๆ ที่คู่คี่สูสียากจะคาดเดา
    .
    โฆษกสถานทูตจีนออกมาตอบโต้คำกล่าวหาดังกล่าวผ่านอีเมล โดยบอกว่าปักกิ่งไม่มีความตั้งใจแทรกแซงการเลือกตั้ง และหวังว่าใครก็ตามที่เป็นฝ่ายชนะ จะมุ่งมั่นในความสัมพันธ์ที่เติบโตและมีเสถียรภาพระหว่างจีนกับสหรัฐฯ"
    .
    ส่วนสถานทูตรัสเซียและคณะผู้แทนอิหร่านประจำสหประชาชาติ ยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อคำกล่าวหาของสหรัฐฯ ในขณะที่ทั้ง 2 ชาติ เคยออกมาปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่าต่อคำกล่าวหาแทรกแซงศึกเลือกตั้งสหรัฐฯ
    .
    เจ้าหน้าที่ของ ODNI อ้างว่าตัวละครต่างชาติใช้สื่อสังคมออนไลน์และปฏิบัติการทางออนไลน์อื่นๆ ในความพยายามก่ออิทธิพลเหนือศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีและสภาคองเกรสสหรัฐฯ เพื่อใส้ร้ายป้ายสีผู้สมัครบางคนและสนับสนุนผู้สมัครรายอื่น
    .
    บรรดาหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ประเมินมานานหลายเดือนแล้วว่า รัสเซีย อยากเห็น ทรัมป์ กลับมาครองเก้าอี้ทำเนียบขาวอีกสมัย
    .
    ระหว่างแถลงสรุปกับพวกผู้สื่อข่าวในวันอังคาร (22 ต.ค.) เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรอง คาดหมายว่ารัสเซียโหมกระพือขยายวงการประท้วง หากว่า แฮร์ริส ชนะศึกเลือกตั้ง "รัสเซียอยากเห็นอดีตประธานาธิบดีชนะ และพวกเขาจะหาทางดำเนินการในเชิงรุกกว่าเดิม ในการบ่อนทำลายการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของว่าที่ประธานาธิบดีแฮร์ริส ณ ขณะนั้น" เจ้าหน้าที่ ODNI กล่าว
    .
    อย่างไรก็ตาม อีกด้านหนึ่งทาง NIC กลับมองว่าตัวละครอิหร่าน อาจพยายามเผยแพร่เนื้อหาทางออนไลน์ ที่ทำให้ชื่อเสียงของ โดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งของแฮร์ริส แปดเปื้อน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000102038
    ..............
    Sondhi X
    รัสเซีย จีน และอิหร่านมีความตั้งใจโหมกระพือเรื่องเล่าต่างๆ สร้างความแตกแยกในหมู่ชาวอเมริกา ก่อนถึงศึกเลือกตั้งในวันที่ 5 พฤศจิกายน และอาจพิจารณาปลุกปั่นความรุนแรง หลังบรรดาผู้มีสิทธิเลือกตั้งออกไปใช้สิทธิกันแล้ว จากคำกล่าวอ้างของเจ้าหน้าที่ข่าวกรองสหรัฐฯ ในวันอังคาร (22 ต.ค.) . พวกเจ้าหน้าที่ที่ทำการบรรยายสรุปแก่บรรดาผู้สื่อข่าวในด้านความปลอดภัยของการเลือกตั้ง ระบุว่าเหล่าตัวละครต่างชาติอาจเล็งเป้าคุกคามทางกายภาพและปลุกปั่นความรุนแรง และมีความเป็นไปได้ที่จะลงมือปฏิบัติการบิดเบือนข้อมูล ก่อความไม่แน่นอน และบ่อนทำลายกระบวนการเลือกตั้ง . "พวกตัวละครต่างชาติ โดยเฉพาะรัสเซีย อิหร่าน และจีน ยังคงมีเจตนาโหมกระพือเรื่องเล่า สร้างความแตกแยกแก่ชาวอเมริกาและบ่อนทำลายความเชื่อมั่นของอเมริกันชนที่มีต่อระบบประชาธิปไตยสหรัฐฯ ในความเคลื่อนไหวต่างๆ เหล่านี้ พวกตัวละครได้ดำเนินการต่างๆ ที่สอดคล้องกับสิ่งที่พวกเขามองว่าจะเป็นประโยชน์ของพวกเขา ในขณะที่กลยุทธ์ของพวกเขาเริ่มปรากฏให้เห็นอย่างต่อเนื่อง" เจ้าหน้าที่รายหนึ่งจากสำนักงานผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติสหรัฐฯ (ODNI) . เจ้าหน้าที่บอกต่อว่าเหล่าตัวละครทรงอิทธิพลทั้งหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากรัสเซีย อิหร่าน และจีน เรียนรู้จากศึกเลือกตั้งสหรัฐฯ ที่ผ่านๆ มา และเตรียมพร้อมดีกว่าเดิมในการฉวยโอกาสโหมกระพือความไม่สงบ . ตัวละครเหล่านี้อาจอาศัยเครื่องไม้เครื่องมือแบบเดียวกับที่พวกเขาเคยใช้ในช่วงก่อนหน้าศึกเลือกตั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารและไซเบอร์ และอาจเล็งข่มขู่คุกคามทางกายภาพและโหมกระพือความรุนแรง จากคำกล่าวอ้างของ เจ้าหน้าที่จาก ODNI ระบุ . อย่างไรก็ตาม หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ไม่พบเห็นการร่วมมือกันระหว่างรัสเซีย จีน และอิหร่าน ในความเคลื่อนไหวต่างๆ ที่หวังก่ออิทธิพลเหนือการเลือกตั้ง พร้อมชี้ว่าแม้พวกตัวละครต่างชาติอาจก่อความปั่นป่วนแก่กระบวนการต่างๆ ในวันเลือกตั้ง ปลุกปั่นความไม่พอใจ แต่ระบบการเลือกตั้งมีความปลอดภัยเพียงพอที่จะทำให้ความพยายามของพวกเขานั้นไม่อาจเปลี่ยนผลการเลือกตั้งได้ . "ตัวละครต่างชาติบางส่วนมีความสามารถในการโหมกระพือการประท้วงและความรุนแรงในช่วงเวลาหลังการเลือกตั้ง" เจ้าหน้าที่ ODNI กล่าว "โดยเฉพาะอย่างยิ่งอิหร่านและรัสเซีย ที่อย่างน้อยๆ บางทีอาจกำลังพิจารณากลยุทธ์ต่างๆ ที่จะสามารถยุยงความรุนแรงดังกล่าว" . บันทึกช่วยจำที่ไม่เป็นชั้นความลับฉบับหนึ่งที่ถูกเผยแพร่ออกมาตามหลังการบรรยายสรุปของสภาข่าวกรองแห่งชาติ (NIC ) หน่วยงานวิเคราะห์ข่าวกรองสูงสุดของสหรัฐฯ ได้เตือนว่าเกือบเป็นที่แน่นอนว่า หน่วยปฏิบัติการของต่างชาติจะโหมกระพือคำกล่าวอ้างอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดปกติต่างๆ ของการเลือกตั้งหลังการลงคะแนน . นอกจากนี้ NIC ยังเชื่อว่าตัวละครต่างชาติอาจใช้การโจมตีทางไซเบอร์และการจารกรรม ก่อความปั่นปั่วนหรือดัดแปลงข่าวสารและเว็บไซต์ต่างๆ ของรัฐบาล เพื่อจุดชนวนความสับสนเกี่ยวกับผลเลือกตั้ง รวมถึงเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนเกี่ยวกับกระบวนการนับคะแนน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรัฐต่างๆ ที่คู่คี่สูสียากจะคาดเดา . โฆษกสถานทูตจีนออกมาตอบโต้คำกล่าวหาดังกล่าวผ่านอีเมล โดยบอกว่าปักกิ่งไม่มีความตั้งใจแทรกแซงการเลือกตั้ง และหวังว่าใครก็ตามที่เป็นฝ่ายชนะ จะมุ่งมั่นในความสัมพันธ์ที่เติบโตและมีเสถียรภาพระหว่างจีนกับสหรัฐฯ" . ส่วนสถานทูตรัสเซียและคณะผู้แทนอิหร่านประจำสหประชาชาติ ยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อคำกล่าวหาของสหรัฐฯ ในขณะที่ทั้ง 2 ชาติ เคยออกมาปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่าต่อคำกล่าวหาแทรกแซงศึกเลือกตั้งสหรัฐฯ . เจ้าหน้าที่ของ ODNI อ้างว่าตัวละครต่างชาติใช้สื่อสังคมออนไลน์และปฏิบัติการทางออนไลน์อื่นๆ ในความพยายามก่ออิทธิพลเหนือศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีและสภาคองเกรสสหรัฐฯ เพื่อใส้ร้ายป้ายสีผู้สมัครบางคนและสนับสนุนผู้สมัครรายอื่น . บรรดาหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ประเมินมานานหลายเดือนแล้วว่า รัสเซีย อยากเห็น ทรัมป์ กลับมาครองเก้าอี้ทำเนียบขาวอีกสมัย . ระหว่างแถลงสรุปกับพวกผู้สื่อข่าวในวันอังคาร (22 ต.ค.) เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรอง คาดหมายว่ารัสเซียโหมกระพือขยายวงการประท้วง หากว่า แฮร์ริส ชนะศึกเลือกตั้ง "รัสเซียอยากเห็นอดีตประธานาธิบดีชนะ และพวกเขาจะหาทางดำเนินการในเชิงรุกกว่าเดิม ในการบ่อนทำลายการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของว่าที่ประธานาธิบดีแฮร์ริส ณ ขณะนั้น" เจ้าหน้าที่ ODNI กล่าว . อย่างไรก็ตาม อีกด้านหนึ่งทาง NIC กลับมองว่าตัวละครอิหร่าน อาจพยายามเผยแพร่เนื้อหาทางออนไลน์ ที่ทำให้ชื่อเสียงของ โดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งของแฮร์ริส แปดเปื้อน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000102038 .............. Sondhi X
    Like
    7
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 2165 มุมมอง 0 รีวิว
  • "การแยกแยะ"

    ในสังคมปัจจุบัน ท่านได้รับข้อมูลมากมาย
    โดยผ่านช่องทางการสื่อสารที่หลากหลาย Platform.

    จากอิทธิพลของ Social Media ที่สามารถเข้าถึงทุกๆ คนนี้
    จึงมีนักสื่อสารมวลชน(ชั่ว)บางกลุ่ม ได้ใช้ช่องทางสื่อสารดังกล่าว
    เพื่อวัตถุประสงค์ในการบิดเบือนข้อมูล ด้วยการสร้างภาพ
    "ความเลว" ให้เป็น "ความดี" รวมทั้งการใส่ร้าย "คนดี".

    ดังน้้น ท่านควรใช้คุณธรรม "โยนิโสมนสิการ"
    เป็นเครื่องมือสำหรับพิจารณาแยกแยะข้อมูลข่าวสาร.

    แล้วท่านจะสามารถดำเนินชีวิตอยู่ในสังคมปัจจุบัน
    อันตั้งอยู่บนความถูกต้อง และเหมาะสมได้ในที่สุด.

    ณรงค์ คนขำ
    21/10/2567
    "การแยกแยะ" ในสังคมปัจจุบัน ท่านได้รับข้อมูลมากมาย โดยผ่านช่องทางการสื่อสารที่หลากหลาย Platform. จากอิทธิพลของ Social Media ที่สามารถเข้าถึงทุกๆ คนนี้ จึงมีนักสื่อสารมวลชน(ชั่ว)บางกลุ่ม ได้ใช้ช่องทางสื่อสารดังกล่าว เพื่อวัตถุประสงค์ในการบิดเบือนข้อมูล ด้วยการสร้างภาพ "ความเลว" ให้เป็น "ความดี" รวมทั้งการใส่ร้าย "คนดี". ดังน้้น ท่านควรใช้คุณธรรม "โยนิโสมนสิการ" เป็นเครื่องมือสำหรับพิจารณาแยกแยะข้อมูลข่าวสาร. แล้วท่านจะสามารถดำเนินชีวิตอยู่ในสังคมปัจจุบัน อันตั้งอยู่บนความถูกต้อง และเหมาะสมได้ในที่สุด. ณรงค์ คนขำ 21/10/2567
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 168 มุมมอง 0 รีวิว
  • "การแยกแยะ"

    ในสังคมปัจจุบัน ท่านได้รับข้อมูลมากมาย
    โดยผ่านช่องทางการสื่อสารที่หลากหลาย Platform.

    จากอิทธิพลของ Social Media ที่สามารถเข้าถึงทุกๆ คนนี้
    จึงมีนักสื่อสารมวลชน(ชั่ว)บางกลุ่ม ได้ใช้ช่องทางสื่อสารดังกล่าว
    เพื่อวัตถุประสงค์ในการบิดเบือนข้อมูล ด้วยการสร้างภาพ
    "ความเลว" ให้เป็น "ความดี" รวมทั้งการใส่ร้าย "คนดี".

    ดังน้้น ท่านควรใช้คุณธรรม "โยนิโสมนสิการ"
    เป็นเครื่องมือสำหรับพิจารณาแยกแยะข้อมูลข่าวสาร.

    แล้วท่านจะสามารถดำเนินชีวิตอยู่ในสังคมปัจจุบัน
    อันตั้งอยู่บนความถูกต้อง และเหมาะสมได้ในที่สุด.

    ณรงค์ คนขำ
    21/10/2567
    "การแยกแยะ" ในสังคมปัจจุบัน ท่านได้รับข้อมูลมากมาย โดยผ่านช่องทางการสื่อสารที่หลากหลาย Platform. จากอิทธิพลของ Social Media ที่สามารถเข้าถึงทุกๆ คนนี้ จึงมีนักสื่อสารมวลชน(ชั่ว)บางกลุ่ม ได้ใช้ช่องทางสื่อสารดังกล่าว เพื่อวัตถุประสงค์ในการบิดเบือนข้อมูล ด้วยการสร้างภาพ "ความเลว" ให้เป็น "ความดี" รวมทั้งการใส่ร้าย "คนดี". ดังน้้น ท่านควรใช้คุณธรรม "โยนิโสมนสิการ" เป็นเครื่องมือสำหรับพิจารณาแยกแยะข้อมูลข่าวสาร. แล้วท่านจะสามารถดำเนินชีวิตอยู่ในสังคมปัจจุบัน อันตั้งอยู่บนความถูกต้อง และเหมาะสมได้ในที่สุด. ณรงค์ คนขำ 21/10/2567
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 130 มุมมอง 0 รีวิว