Word Odyssey คำสัมพันธ์ศัพท์ซ้อน
หนังสืออ่านเพลินๆ ได้สาระที่แทรกเข้ามาพอสมควร และยังได้เรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษและที่มาของคำศัพท์ ที่ผู้เขียนหยิบยกขึ้นมาร้อยเรียง จากเรื่องหนึ่งเชื่อมโยงที่มา ส่งต่อคำที่มีรากศัพท์เดียวกัน ออกมาเป็นคำศัพท์มากมาย อย่างไหล่ลื่นกลมกลืน ความเก๋ของหนังสือเล่มนี้คือการหยิบเรื่องเรานำมาเขียนได้อย่างดี
น้องตังเลือกซื้อหนังสือเล่มนี้มาจากงานหนังสือเดือนตุลาคมที่ผ่านมา น้องตังอ่านรวดเดียวจบภายใน 24ชม. ส่วนตัวเราตั้งเป้าว่าถ้าลูกอ่านหนังสือเล่มไหนจบ จะตามอ่านไปให้ได้ทุกเล่ม เพื่อที่จะมีเรื่องคุยกับลูก (การอ่านหนังสือจริงๆแล้ว ก็อ่านด้วยตัวคนเดียว จบด้วยตัวคนเดียว อิ่มเอมกับการอ่านหนังสือก็อิ่มเอมคนเดียว แต่ถ้ามีใครคุยด้วยในหนังสือที่ทั้งคู่อ่านจบไปแล้ว นี่ยิ่งดีใหญ่ ได้ต่อยอดความคิดกัน)
Word Odyssey เขียนด้วยนักภาษาคนเก่งที่เป็นนักแปลด้วย เขานำเรื่องที่น่าสนใจและเรื่องที่นำมาเสนอให้อ่านช่างย้อนแย้ง แต่เขากลับสามารถหาที่มาที่ไปของคำศัพท์เหล่านั้น เชื่อมโยงกันได้อย่างอย่างไม่น่าเชื่อ
เริ่มต้นผู้เขียนเล่าถึงที่มาที่ไปของภาษาอังกฤษที่ใช้ในยุคปัจจุบันเป็นพื้นฐานให้ผู้อ่านก่อน ซึ่งเรื่องของภาษามีประวัติความเป็นมา ตั้งแต่ 3500-4000 ก่อนแล้ว และถูกพัฒนามาจากภาษาที่ผสมผสานกันระหว่างภาษาลาตินที่มีต้นกำเนิดมากจากอิตาลีและที่มีปลายทางไปถึงภาษาฝรั่งเศส อีกฝั่งหนึ่งมาจากาภาษา Germanic ที่มีพื้นฐานภาษาจากหลายประเทศเช่นเยอรมันนี รวมไปถึงภาษาของทางแสกนดิเนเวียด้วย และที่พิเศษกว่านั้นภาษามีวิวัฒนาการไปเรื่อยๆ กว่าจะมาถึงปัจจุบันนี้ภาษาอังกฤษก็เปลี่ยนแปลงไปพอสมควรแล้ว และยังคงเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ไหนจะคำศัพท์ที่ถูกย่อ คำศัพท์ที่โด่งดังจากโซเชียล
ยกตัวอย่างคำศัพท์ในบทที่สอง ที่ผู้เขียนพูดถึงคำว่า Taxi เขาสามารถโยงจากคำว่า Taxi ไปสู่ cab ที่มาจากคำว่าแพะ และไปสู่คำว่า Tax ที่มาจากค่าโดยสาร
สำหรับคอกาแฟ มีบทหนึ่งที่เล่าถึงที่มาที่ไปของชื่อเมนูกาแฟประเภทต่างๆ
อีกตอนที่ผู้เขียน เล่าเชื่อมโยงคำศัพท์ที่มีคำศัพท์ตัวเลขที่ที่ซ่อนอยู่ และในบทนี้ทำให้เรารู้ว่าทำไม September ที่ตัว Sep มีความหมายว่าเลข 7 ถึงไปอยู่เดือนกันยายน และ October ที่ Octa ที่หมายถึงเลข 8 เป็นชื่อเรียกของเดือนตุลาคม
หนังสืออ่านเพลินดี และได้ความรู้
#WordOdyssey #คำสัมพันธ์ศัพท์ซ้อน #รีวิวหนังสือ
หนังสืออ่านเพลินๆ ได้สาระที่แทรกเข้ามาพอสมควร และยังได้เรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษและที่มาของคำศัพท์ ที่ผู้เขียนหยิบยกขึ้นมาร้อยเรียง จากเรื่องหนึ่งเชื่อมโยงที่มา ส่งต่อคำที่มีรากศัพท์เดียวกัน ออกมาเป็นคำศัพท์มากมาย อย่างไหล่ลื่นกลมกลืน ความเก๋ของหนังสือเล่มนี้คือการหยิบเรื่องเรานำมาเขียนได้อย่างดี
น้องตังเลือกซื้อหนังสือเล่มนี้มาจากงานหนังสือเดือนตุลาคมที่ผ่านมา น้องตังอ่านรวดเดียวจบภายใน 24ชม. ส่วนตัวเราตั้งเป้าว่าถ้าลูกอ่านหนังสือเล่มไหนจบ จะตามอ่านไปให้ได้ทุกเล่ม เพื่อที่จะมีเรื่องคุยกับลูก (การอ่านหนังสือจริงๆแล้ว ก็อ่านด้วยตัวคนเดียว จบด้วยตัวคนเดียว อิ่มเอมกับการอ่านหนังสือก็อิ่มเอมคนเดียว แต่ถ้ามีใครคุยด้วยในหนังสือที่ทั้งคู่อ่านจบไปแล้ว นี่ยิ่งดีใหญ่ ได้ต่อยอดความคิดกัน)
Word Odyssey เขียนด้วยนักภาษาคนเก่งที่เป็นนักแปลด้วย เขานำเรื่องที่น่าสนใจและเรื่องที่นำมาเสนอให้อ่านช่างย้อนแย้ง แต่เขากลับสามารถหาที่มาที่ไปของคำศัพท์เหล่านั้น เชื่อมโยงกันได้อย่างอย่างไม่น่าเชื่อ
เริ่มต้นผู้เขียนเล่าถึงที่มาที่ไปของภาษาอังกฤษที่ใช้ในยุคปัจจุบันเป็นพื้นฐานให้ผู้อ่านก่อน ซึ่งเรื่องของภาษามีประวัติความเป็นมา ตั้งแต่ 3500-4000 ก่อนแล้ว และถูกพัฒนามาจากภาษาที่ผสมผสานกันระหว่างภาษาลาตินที่มีต้นกำเนิดมากจากอิตาลีและที่มีปลายทางไปถึงภาษาฝรั่งเศส อีกฝั่งหนึ่งมาจากาภาษา Germanic ที่มีพื้นฐานภาษาจากหลายประเทศเช่นเยอรมันนี รวมไปถึงภาษาของทางแสกนดิเนเวียด้วย และที่พิเศษกว่านั้นภาษามีวิวัฒนาการไปเรื่อยๆ กว่าจะมาถึงปัจจุบันนี้ภาษาอังกฤษก็เปลี่ยนแปลงไปพอสมควรแล้ว และยังคงเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ไหนจะคำศัพท์ที่ถูกย่อ คำศัพท์ที่โด่งดังจากโซเชียล
ยกตัวอย่างคำศัพท์ในบทที่สอง ที่ผู้เขียนพูดถึงคำว่า Taxi เขาสามารถโยงจากคำว่า Taxi ไปสู่ cab ที่มาจากคำว่าแพะ และไปสู่คำว่า Tax ที่มาจากค่าโดยสาร
สำหรับคอกาแฟ มีบทหนึ่งที่เล่าถึงที่มาที่ไปของชื่อเมนูกาแฟประเภทต่างๆ
อีกตอนที่ผู้เขียน เล่าเชื่อมโยงคำศัพท์ที่มีคำศัพท์ตัวเลขที่ที่ซ่อนอยู่ และในบทนี้ทำให้เรารู้ว่าทำไม September ที่ตัว Sep มีความหมายว่าเลข 7 ถึงไปอยู่เดือนกันยายน และ October ที่ Octa ที่หมายถึงเลข 8 เป็นชื่อเรียกของเดือนตุลาคม
หนังสืออ่านเพลินดี และได้ความรู้
#WordOdyssey #คำสัมพันธ์ศัพท์ซ้อน #รีวิวหนังสือ
Word Odyssey คำสัมพันธ์ศัพท์ซ้อน
หนังสืออ่านเพลินๆ ได้สาระที่แทรกเข้ามาพอสมควร และยังได้เรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษและที่มาของคำศัพท์ ที่ผู้เขียนหยิบยกขึ้นมาร้อยเรียง จากเรื่องหนึ่งเชื่อมโยงที่มา ส่งต่อคำที่มีรากศัพท์เดียวกัน ออกมาเป็นคำศัพท์มากมาย อย่างไหล่ลื่นกลมกลืน ความเก๋ของหนังสือเล่มนี้คือการหยิบเรื่องเรานำมาเขียนได้อย่างดี
น้องตังเลือกซื้อหนังสือเล่มนี้มาจากงานหนังสือเดือนตุลาคมที่ผ่านมา น้องตังอ่านรวดเดียวจบภายใน 24ชม. ส่วนตัวเราตั้งเป้าว่าถ้าลูกอ่านหนังสือเล่มไหนจบ จะตามอ่านไปให้ได้ทุกเล่ม เพื่อที่จะมีเรื่องคุยกับลูก (การอ่านหนังสือจริงๆแล้ว ก็อ่านด้วยตัวคนเดียว จบด้วยตัวคนเดียว อิ่มเอมกับการอ่านหนังสือก็อิ่มเอมคนเดียว แต่ถ้ามีใครคุยด้วยในหนังสือที่ทั้งคู่อ่านจบไปแล้ว นี่ยิ่งดีใหญ่ ได้ต่อยอดความคิดกัน)
Word Odyssey เขียนด้วยนักภาษาคนเก่งที่เป็นนักแปลด้วย เขานำเรื่องที่น่าสนใจและเรื่องที่นำมาเสนอให้อ่านช่างย้อนแย้ง แต่เขากลับสามารถหาที่มาที่ไปของคำศัพท์เหล่านั้น เชื่อมโยงกันได้อย่างอย่างไม่น่าเชื่อ
เริ่มต้นผู้เขียนเล่าถึงที่มาที่ไปของภาษาอังกฤษที่ใช้ในยุคปัจจุบันเป็นพื้นฐานให้ผู้อ่านก่อน ซึ่งเรื่องของภาษามีประวัติความเป็นมา ตั้งแต่ 3500-4000 ก่อนแล้ว และถูกพัฒนามาจากภาษาที่ผสมผสานกันระหว่างภาษาลาตินที่มีต้นกำเนิดมากจากอิตาลีและที่มีปลายทางไปถึงภาษาฝรั่งเศส อีกฝั่งหนึ่งมาจากาภาษา Germanic ที่มีพื้นฐานภาษาจากหลายประเทศเช่นเยอรมันนี รวมไปถึงภาษาของทางแสกนดิเนเวียด้วย และที่พิเศษกว่านั้นภาษามีวิวัฒนาการไปเรื่อยๆ กว่าจะมาถึงปัจจุบันนี้ภาษาอังกฤษก็เปลี่ยนแปลงไปพอสมควรแล้ว และยังคงเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ไหนจะคำศัพท์ที่ถูกย่อ คำศัพท์ที่โด่งดังจากโซเชียล
ยกตัวอย่างคำศัพท์ในบทที่สอง ที่ผู้เขียนพูดถึงคำว่า Taxi เขาสามารถโยงจากคำว่า Taxi ไปสู่ cab ที่มาจากคำว่าแพะ และไปสู่คำว่า Tax ที่มาจากค่าโดยสาร
สำหรับคอกาแฟ มีบทหนึ่งที่เล่าถึงที่มาที่ไปของชื่อเมนูกาแฟประเภทต่างๆ
อีกตอนที่ผู้เขียน เล่าเชื่อมโยงคำศัพท์ที่มีคำศัพท์ตัวเลขที่ที่ซ่อนอยู่ และในบทนี้ทำให้เรารู้ว่าทำไม September ที่ตัว Sep มีความหมายว่าเลข 7 ถึงไปอยู่เดือนกันยายน และ October ที่ Octa ที่หมายถึงเลข 8 เป็นชื่อเรียกของเดือนตุลาคม
หนังสืออ่านเพลินดี และได้ความรู้
#WordOdyssey #คำสัมพันธ์ศัพท์ซ้อน #รีวิวหนังสือ
0 ความคิดเห็น
0 การแบ่งปัน
8 มุมมอง
0 รีวิว