5 แนวคิดการลงทุน ที่นักลงทุนควรรู้

วันนี้แอดมิน เพจหุ้นติดดอย มี 5 แนวคิด
เกี่ยวกับการลงทุน มาฝากพี่ๆน้องๆเพื่อนๆ
ทุกๆท่านดังนี้ครับ

1. การกระจายความเสี่ยง (Diversification)
คือ การไม่นำเงินทั้งหมด ไปลงในสินทรัพย์ใด
สินทรัพย์หนึ่งโดดๆ เพียงสินทรัพย์เดียว
แต่ควรกระจายความเสี่ยงออกไป เช่น ลงทุนในหุ้น,
พันธบัตรรัฐบาล, ทองคำ, อสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น
เพื่อป้องกันความเสี่ยง เมื่อสินทรัพย์นั้นราคาตกลง
จะได้มีสินทรัพย์อื่นๆ เข้ามาชดเชย

2. การลงทุนระยะยาว (Long term investment)
การลงทุนระยะยาวมักจะให้ผลตอบแทน ที่ดีกว่า
การลงทุนในระยะสั้น เช่น ได้ทั้งปันผลและ ราคาหุ้น
ที่ขยับตัวสูงขึ้น เป็นต้น รวมทั้ง ลดความเสี่ยง
จากการซื้อขายเก็งกำไร ระยะสั้นที่มีความผันผวนสูง

3. การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis)
การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน เช่น ทางการเงิน
จะช่วยให้เรามองเห็นภาพบริษัท หรือ หุ้น ที่เรา
จะเข้าไปลงทุนได้กระจ่างแจ้งมากขึ้น เช่น ผลประกอบการ,
กำไร, ขาดทุน, หนี้สิน หรือ การเติบโตของบริษัท เป็นต้น

4. การตั้งเป้าหมายการลงทุน (Invesment Goals)
การตั้งเป้าหมายการลงทุน จะช่วยทำให้ภาพที่เรามอง
ในการลงทุนนั้นๆ มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น เช่น
ตั้งเป้าหมายในการซื้อหุ้นครั้งนี้ เพื่อการปันผล
ให้สูงกว่าฝากธนาคารปกติ ที่ 3% ขึ้นไป และ
ลงทุนระยะยาว หรือ การซื้อหุ้นครั้งนี้เพื่อกำไร
ในการกินส่วนต่างของราคา โดยลงทุนระยะสั้น
และระยะกลาง เป็นต้น

5. ติดตามและปรับปรุงพอร์ต
(Portfoloi Monitoring and Rebalancing)
การติดตามผลการดำเนินงาน ของบริษัท
หรือ หุ้นที่เราถือ หรือ สินทรัพย์ที่เข้าลงทุน
จะทำให้เราทราบสถานการณ์ได้ทันท่วงที
ว่าจะดำเนินการอย่างไรกับหุ้น หรือ สินทรัพย์นั้นๆ
เช่น ซื้อเพิ่ม, ขายทำกำไร, ขายทิ้ง , ลดจำนวนลง
เป็นต้น

ทั้ง 5 ข้อนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ที่เป็นแนวคิด
ที่สามารถนำไปปรับประยุกต์ใช้ในการลงทุน
ในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ ของเราให้มีผลลัพธ์ที่ดี
ยิ่งขึ้น

#หุ้นติดดอย #การลงทุน #5แนวคิดการลงทุน
#investment #thaitimes
💥💥 5 แนวคิดการลงทุน ที่นักลงทุนควรรู้ วันนี้แอดมิน เพจหุ้นติดดอย มี 5 แนวคิด เกี่ยวกับการลงทุน มาฝากพี่ๆน้องๆเพื่อนๆ ทุกๆท่านดังนี้ครับ 🚩1. การกระจายความเสี่ยง (Diversification) คือ การไม่นำเงินทั้งหมด ไปลงในสินทรัพย์ใด สินทรัพย์หนึ่งโดดๆ เพียงสินทรัพย์เดียว แต่ควรกระจายความเสี่ยงออกไป เช่น ลงทุนในหุ้น, พันธบัตรรัฐบาล, ทองคำ, อสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น เพื่อป้องกันความเสี่ยง เมื่อสินทรัพย์นั้นราคาตกลง จะได้มีสินทรัพย์อื่นๆ เข้ามาชดเชย 🚩2. การลงทุนระยะยาว (Long term investment) การลงทุนระยะยาวมักจะให้ผลตอบแทน ที่ดีกว่า การลงทุนในระยะสั้น เช่น ได้ทั้งปันผลและ ราคาหุ้น ที่ขยับตัวสูงขึ้น เป็นต้น รวมทั้ง ลดความเสี่ยง จากการซื้อขายเก็งกำไร ระยะสั้นที่มีความผันผวนสูง 🚩3. การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis) การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน เช่น ทางการเงิน จะช่วยให้เรามองเห็นภาพบริษัท หรือ หุ้น ที่เรา จะเข้าไปลงทุนได้กระจ่างแจ้งมากขึ้น เช่น ผลประกอบการ, กำไร, ขาดทุน, หนี้สิน หรือ การเติบโตของบริษัท เป็นต้น 🚩4. การตั้งเป้าหมายการลงทุน (Invesment Goals) การตั้งเป้าหมายการลงทุน จะช่วยทำให้ภาพที่เรามอง ในการลงทุนนั้นๆ มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น เช่น ตั้งเป้าหมายในการซื้อหุ้นครั้งนี้ เพื่อการปันผล ให้สูงกว่าฝากธนาคารปกติ ที่ 3% ขึ้นไป และ ลงทุนระยะยาว หรือ การซื้อหุ้นครั้งนี้เพื่อกำไร ในการกินส่วนต่างของราคา โดยลงทุนระยะสั้น และระยะกลาง เป็นต้น 🚩5. ติดตามและปรับปรุงพอร์ต (Portfoloi Monitoring and Rebalancing) การติดตามผลการดำเนินงาน ของบริษัท หรือ หุ้นที่เราถือ หรือ สินทรัพย์ที่เข้าลงทุน จะทำให้เราทราบสถานการณ์ได้ทันท่วงที ว่าจะดำเนินการอย่างไรกับหุ้น หรือ สินทรัพย์นั้นๆ เช่น ซื้อเพิ่ม, ขายทำกำไร, ขายทิ้ง , ลดจำนวนลง เป็นต้น 🟢ทั้ง 5 ข้อนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ที่เป็นแนวคิด ที่สามารถนำไปปรับประยุกต์ใช้ในการลงทุน ในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ ของเราให้มีผลลัพธ์ที่ดี ยิ่งขึ้น #หุ้นติดดอย #การลงทุน #5แนวคิดการลงทุน #investment #thaitimes
Like
1
0 Comments 0 Shares 41 Views 0 Reviews