Clear Thinking คิดให้เฉียบคม
หนังสือที่เขียนด้วยอดีตพนักงานหน่วยข่าวกรองของอเมริกา เนื้อหาไม่ได้มีเพียงการสอนให้คิดโดยใช้เหตุผลแทนอารมณ์เท่านั้น ยังให้คำแนะนำทางเลือกในการตัดสินใจ และการเปลี่ยนแปลงความคิดเพื่อใช้ชีวิตอย่างมีความสุขด้วย
เป็นหนังสือที่ดีมากเล่มหนึ่งเลย การที่ผู้เขียนเคยทำงานอยู่ในองค์กรหน่วยข่าวกรองเป็นระยะเวลาพอสมควรได้นั้น แสดงว่าเขามีความคิดที่เฉียบคมพอสมควร แต่ในเล่มเขาเล่าว่าความคิดที่เคยเฉียบคมของเขา ต้องถูกปรับปรุงด้วยคนที่มีความคิดเฉียบคมหลายๆคน จนท้ายที่สุดกลายเป็นหลักการความคิดที่เฉียบคมในสำนักงานใช้กัน เรื่องในบทแรกที่ผู้เขียนได้อธิบายที่เกี่ยวของกับการตัดสินใจและแสดงออกก็คือเรื่อง อารมณ์ , อัตตา , ค่าตั้งต้นทางสังคม(ค่านิยม) , ความเฉื่อย (ไม่กล้าออกจากคอมฟอร์ดโซน)
Part ต่อมา เป็นเนื้อหาเกี่ยวกับแนวทางการสร้างความแข็งแกร่งให้ตัวเอง ซึ่งเกี่ยวกับเรื่อง ความรับผิดชอบ , การรู้จักตนเอง , การควบคุมตนเองและอีกหลายหัวข้อ ซึ่งใน part นี้มีเรื่องที่น่าสนใจมาก ผู้แต่งทำงานอย่างหนักแทบไม่ได้นอนเต็มอิ่มมาเป็นเดือนๆแล้วแต่มีงานชิ้นหนึ่งเขาไม่เสร็จเนื่องจากรถโดยสารของเขาติดหิมะเสียเวลาไปสองชั่วโมง หัวหน้าของเขารองานชิ้นนี้อยู่ เขาอ้างเรื่องรถ เรื่องไม่ได้พักผ่อน แล้วทำงานไม่เสร็จ แต่หัวหน้าเขาไม่ฟัง หัวหน้าเขาตอบเมลมาว่า “ผมไม่สน คุณมีความรับผิดชอบต่อทีมของเรา ที่จะต้องทำงานโง่ๆของงคุณให้เสร็จ ถ้าคุณรับหน้าที่นี้ไม่ได้ก็เรียนรู้จากมัน และทีหลังก็แก้ปัญหาให้ได้ ผมไม่อยากร่วมงานกับคุณ ป.ล. อย่าโทษรถเมล์ที่มาสาย ซื้อรถเหอะ”
เขาอธิบายความรู้สึกว่าเขาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ จนเพื่อนทำงานเขาได้สอนเขาว่า การเสียเวลาไปกับความโกรธไม่ดีเลย และไม่ได้ทำงานด้วย หลังจากนั้นเขาก็คิดเองได้ว่า การมีข้ออ้างในเรื่องที่ทำงานไม่เสร็จนั้น นอกจากจะไม่มีใครฟังไม่มีใครสนใจ หัวหน้าเขาต้องการเพียงแค่ชิ้นงานเท่านั้นเรื่องอื่นๆ หัวหน้าและคนอื่นๆเขาไม่ได้สนใจ และเขากลับมาคิดว่าการอ้างเรื่องอื่นๆเพราะงานไม่เสร็จเป็นเรื่องที่ผลักความรับผิดชอบของตัวเองไปกับสิ่งอื่นๆ ซึ่งเป็นความรู้สึกที่แย่และขาดความรับชอบอย่างมาก เขาควรจะต้องตัดการตัวเองให้ดีกว่านี้ หลังจากปรับความคิดแล้วเขากับหัวหน้าของเขาก็ทำงานเข้ากันได้เป็นอย่างดี
Part ท้ายเล่ม เป็นเรื่องการสร้างแนวคิดที่เกี่ยวกับควาสุข เราชอบเป็นพิเศษเลย ผู้เขียนสอนให้มองถึงความรู้จักพอเพียง เขาให้ผู้อ่านลองคิดถึงตอนอายุ 16ปี พวกเราแทบไม่ต้องการอะไรเลย แต่พอโตขึ้นกลับมีความต้องการมากมายและไม่สิ้นสุด , เขาแนะนำให้สร้างสิ่งดีๆกับคนรอบตัว พูดดี ทำดี และใส่ใจ , และให้พึงระลึกถึงความตายที่สามารถเกิดขึ้นได้เสมอ และเมื่อระลึกถึงความตายแล้วเราจะทำทุกอย่างให้เหมือนเป็นวันสุดท้ายขอบชีวิต
#ClearThinking #คิดให้เฉียบคม #รีวิวหนังสือ
หนังสือที่เขียนด้วยอดีตพนักงานหน่วยข่าวกรองของอเมริกา เนื้อหาไม่ได้มีเพียงการสอนให้คิดโดยใช้เหตุผลแทนอารมณ์เท่านั้น ยังให้คำแนะนำทางเลือกในการตัดสินใจ และการเปลี่ยนแปลงความคิดเพื่อใช้ชีวิตอย่างมีความสุขด้วย
เป็นหนังสือที่ดีมากเล่มหนึ่งเลย การที่ผู้เขียนเคยทำงานอยู่ในองค์กรหน่วยข่าวกรองเป็นระยะเวลาพอสมควรได้นั้น แสดงว่าเขามีความคิดที่เฉียบคมพอสมควร แต่ในเล่มเขาเล่าว่าความคิดที่เคยเฉียบคมของเขา ต้องถูกปรับปรุงด้วยคนที่มีความคิดเฉียบคมหลายๆคน จนท้ายที่สุดกลายเป็นหลักการความคิดที่เฉียบคมในสำนักงานใช้กัน เรื่องในบทแรกที่ผู้เขียนได้อธิบายที่เกี่ยวของกับการตัดสินใจและแสดงออกก็คือเรื่อง อารมณ์ , อัตตา , ค่าตั้งต้นทางสังคม(ค่านิยม) , ความเฉื่อย (ไม่กล้าออกจากคอมฟอร์ดโซน)
Part ต่อมา เป็นเนื้อหาเกี่ยวกับแนวทางการสร้างความแข็งแกร่งให้ตัวเอง ซึ่งเกี่ยวกับเรื่อง ความรับผิดชอบ , การรู้จักตนเอง , การควบคุมตนเองและอีกหลายหัวข้อ ซึ่งใน part นี้มีเรื่องที่น่าสนใจมาก ผู้แต่งทำงานอย่างหนักแทบไม่ได้นอนเต็มอิ่มมาเป็นเดือนๆแล้วแต่มีงานชิ้นหนึ่งเขาไม่เสร็จเนื่องจากรถโดยสารของเขาติดหิมะเสียเวลาไปสองชั่วโมง หัวหน้าของเขารองานชิ้นนี้อยู่ เขาอ้างเรื่องรถ เรื่องไม่ได้พักผ่อน แล้วทำงานไม่เสร็จ แต่หัวหน้าเขาไม่ฟัง หัวหน้าเขาตอบเมลมาว่า “ผมไม่สน คุณมีความรับผิดชอบต่อทีมของเรา ที่จะต้องทำงานโง่ๆของงคุณให้เสร็จ ถ้าคุณรับหน้าที่นี้ไม่ได้ก็เรียนรู้จากมัน และทีหลังก็แก้ปัญหาให้ได้ ผมไม่อยากร่วมงานกับคุณ ป.ล. อย่าโทษรถเมล์ที่มาสาย ซื้อรถเหอะ”
เขาอธิบายความรู้สึกว่าเขาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ จนเพื่อนทำงานเขาได้สอนเขาว่า การเสียเวลาไปกับความโกรธไม่ดีเลย และไม่ได้ทำงานด้วย หลังจากนั้นเขาก็คิดเองได้ว่า การมีข้ออ้างในเรื่องที่ทำงานไม่เสร็จนั้น นอกจากจะไม่มีใครฟังไม่มีใครสนใจ หัวหน้าเขาต้องการเพียงแค่ชิ้นงานเท่านั้นเรื่องอื่นๆ หัวหน้าและคนอื่นๆเขาไม่ได้สนใจ และเขากลับมาคิดว่าการอ้างเรื่องอื่นๆเพราะงานไม่เสร็จเป็นเรื่องที่ผลักความรับผิดชอบของตัวเองไปกับสิ่งอื่นๆ ซึ่งเป็นความรู้สึกที่แย่และขาดความรับชอบอย่างมาก เขาควรจะต้องตัดการตัวเองให้ดีกว่านี้ หลังจากปรับความคิดแล้วเขากับหัวหน้าของเขาก็ทำงานเข้ากันได้เป็นอย่างดี
Part ท้ายเล่ม เป็นเรื่องการสร้างแนวคิดที่เกี่ยวกับควาสุข เราชอบเป็นพิเศษเลย ผู้เขียนสอนให้มองถึงความรู้จักพอเพียง เขาให้ผู้อ่านลองคิดถึงตอนอายุ 16ปี พวกเราแทบไม่ต้องการอะไรเลย แต่พอโตขึ้นกลับมีความต้องการมากมายและไม่สิ้นสุด , เขาแนะนำให้สร้างสิ่งดีๆกับคนรอบตัว พูดดี ทำดี และใส่ใจ , และให้พึงระลึกถึงความตายที่สามารถเกิดขึ้นได้เสมอ และเมื่อระลึกถึงความตายแล้วเราจะทำทุกอย่างให้เหมือนเป็นวันสุดท้ายขอบชีวิต
#ClearThinking #คิดให้เฉียบคม #รีวิวหนังสือ
Clear Thinking คิดให้เฉียบคม
หนังสือที่เขียนด้วยอดีตพนักงานหน่วยข่าวกรองของอเมริกา เนื้อหาไม่ได้มีเพียงการสอนให้คิดโดยใช้เหตุผลแทนอารมณ์เท่านั้น ยังให้คำแนะนำทางเลือกในการตัดสินใจ และการเปลี่ยนแปลงความคิดเพื่อใช้ชีวิตอย่างมีความสุขด้วย
เป็นหนังสือที่ดีมากเล่มหนึ่งเลย การที่ผู้เขียนเคยทำงานอยู่ในองค์กรหน่วยข่าวกรองเป็นระยะเวลาพอสมควรได้นั้น แสดงว่าเขามีความคิดที่เฉียบคมพอสมควร แต่ในเล่มเขาเล่าว่าความคิดที่เคยเฉียบคมของเขา ต้องถูกปรับปรุงด้วยคนที่มีความคิดเฉียบคมหลายๆคน จนท้ายที่สุดกลายเป็นหลักการความคิดที่เฉียบคมในสำนักงานใช้กัน เรื่องในบทแรกที่ผู้เขียนได้อธิบายที่เกี่ยวของกับการตัดสินใจและแสดงออกก็คือเรื่อง อารมณ์ , อัตตา , ค่าตั้งต้นทางสังคม(ค่านิยม) , ความเฉื่อย (ไม่กล้าออกจากคอมฟอร์ดโซน)
Part ต่อมา เป็นเนื้อหาเกี่ยวกับแนวทางการสร้างความแข็งแกร่งให้ตัวเอง ซึ่งเกี่ยวกับเรื่อง ความรับผิดชอบ , การรู้จักตนเอง , การควบคุมตนเองและอีกหลายหัวข้อ ซึ่งใน part นี้มีเรื่องที่น่าสนใจมาก ผู้แต่งทำงานอย่างหนักแทบไม่ได้นอนเต็มอิ่มมาเป็นเดือนๆแล้วแต่มีงานชิ้นหนึ่งเขาไม่เสร็จเนื่องจากรถโดยสารของเขาติดหิมะเสียเวลาไปสองชั่วโมง หัวหน้าของเขารองานชิ้นนี้อยู่ เขาอ้างเรื่องรถ เรื่องไม่ได้พักผ่อน แล้วทำงานไม่เสร็จ แต่หัวหน้าเขาไม่ฟัง หัวหน้าเขาตอบเมลมาว่า “ผมไม่สน คุณมีความรับผิดชอบต่อทีมของเรา ที่จะต้องทำงานโง่ๆของงคุณให้เสร็จ ถ้าคุณรับหน้าที่นี้ไม่ได้ก็เรียนรู้จากมัน และทีหลังก็แก้ปัญหาให้ได้ ผมไม่อยากร่วมงานกับคุณ ป.ล. อย่าโทษรถเมล์ที่มาสาย ซื้อรถเหอะ”
เขาอธิบายความรู้สึกว่าเขาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ จนเพื่อนทำงานเขาได้สอนเขาว่า การเสียเวลาไปกับความโกรธไม่ดีเลย และไม่ได้ทำงานด้วย หลังจากนั้นเขาก็คิดเองได้ว่า การมีข้ออ้างในเรื่องที่ทำงานไม่เสร็จนั้น นอกจากจะไม่มีใครฟังไม่มีใครสนใจ หัวหน้าเขาต้องการเพียงแค่ชิ้นงานเท่านั้นเรื่องอื่นๆ หัวหน้าและคนอื่นๆเขาไม่ได้สนใจ และเขากลับมาคิดว่าการอ้างเรื่องอื่นๆเพราะงานไม่เสร็จเป็นเรื่องที่ผลักความรับผิดชอบของตัวเองไปกับสิ่งอื่นๆ ซึ่งเป็นความรู้สึกที่แย่และขาดความรับชอบอย่างมาก เขาควรจะต้องตัดการตัวเองให้ดีกว่านี้ หลังจากปรับความคิดแล้วเขากับหัวหน้าของเขาก็ทำงานเข้ากันได้เป็นอย่างดี
Part ท้ายเล่ม เป็นเรื่องการสร้างแนวคิดที่เกี่ยวกับควาสุข เราชอบเป็นพิเศษเลย ผู้เขียนสอนให้มองถึงความรู้จักพอเพียง เขาให้ผู้อ่านลองคิดถึงตอนอายุ 16ปี พวกเราแทบไม่ต้องการอะไรเลย แต่พอโตขึ้นกลับมีความต้องการมากมายและไม่สิ้นสุด , เขาแนะนำให้สร้างสิ่งดีๆกับคนรอบตัว พูดดี ทำดี และใส่ใจ , และให้พึงระลึกถึงความตายที่สามารถเกิดขึ้นได้เสมอ และเมื่อระลึกถึงความตายแล้วเราจะทำทุกอย่างให้เหมือนเป็นวันสุดท้ายขอบชีวิต
#ClearThinking #คิดให้เฉียบคม #รีวิวหนังสือ
0 ความคิดเห็น
0 การแบ่งปัน
25 มุมมอง
0 รีวิว