เพราะไม่มีอะไรจึงมีอะไร MUJI

หนังสือที่เกี่ยวกับการตลาดสำหรับองค์กรใหญ่ โดยเฉพาะการบุกเบิกตลาดไปต่างประเทศ ไปยังที่ๆวัฒนธรรมแตกต่างกัน ซึ่งเนื้อหาเล่าถึงสำเร็จและความล้มเหลว หลักคิดต่างๆที่ทำให้ MUJI ประสบความสำเร็จในตลาดต่างประเทศได้

ผู้เขียนหนังเป็นคนที่เก่งมาก เขาจบพลศึกษาหลังจากนั้นเขาได้ไปทำงานบริษัทแม่ของ MUJI และย้ายไปที่ MUJI ในตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายบุคคล แต่เมื่อปี ค.ศ. 1992 เขาได้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ ซึ่งในขณะนั้น MUJI ขาดทุนหนักมากจนฟื้นตัวจนทำยอดขายสูงสุดในปี ค.ศ. 2007 และในปี ค.ศ. 2008 เขาได้ขึ้นเป็นประธานใหญ่ ในระหว่างที่เขาดำรงตำแหน่งเป็นช่วงที่ MUJI ออกไปทำตลาดต่างประเทศ ตาม UNIQLO และแบรนด์อื่นๆของญี่ปุ่น

เนื้อหาของหนังสือเขียนออกเป็นบท ซึ่งแต่ละบทใหญ่จะมีบทความสั้นๆจบภายในแต่ละตอนเลย ผู้เขียนเล่าถึงสิ่งที่ทำให้ MUJI มีความเป็นเอกลักษณ์โดดเด่น ยอดขายที่ดีก็คือ MUJI หลักการที่ยึดมั่นมาโดยตลอดไม่เปลี่ยนแปลง ได้แก่ในการออกแบบที่เรียบง่าย , โทนสินค้าเป็นสี Earth Tone , สินค้าแข็งแรงทนทาน , คิดถึงประโยชน์ใช้งาน , เรียบหรู , ไม่จำเป็นต้องแปะแบรนด์ที่สินค้า และ ไม่มีการโฆษณาสินค้าใช้หลักการบอกต่อ และสิ่งสำคัญ MUJI สร้างกระแสและวัฒนธรรม MUJISM ซึ่งหมายถึงแฟนคลับพันธุ์ของ MUJI นั่นเอง

การเล่าเรื่องของอดีตประธาน MUJI (ผู้เขียน) มีเนื้อเบื้องหลังเชิงลึกของ MUJI รวมถึงหลักการและแนวทางการออกแบบสินค้า , การเลือกประเทศที่จะไปลงทุน , การต่อสู้กับบริษัทของจีนที่ไปจดเครื่องหมายการค้า MUJI ก่อนที่ MUJI ญี่ปุ่นจะเข้าไปขาย , การอบรมพนักกงานให้เข้าถึงวัฒนธรรม MUJI และ การคัดเลือกคุณสมบัติเพื่อส่งคนไปบุกเบิกตลาดต่างประเทศโดยเขาต้องมาเพียงคนเดียวและเก็บข้อมูลให้ได้มากที่สุด

เนื้อหาของหนังสือเป็นเรื่องการตลาดที่ดี สามารถอ่านแล้วสามารถนำแนวคิดไปใช้กับงานธุรกิจของผู้อ่านได้

#เพราะไม่มีอะไรจึงมีอะไร #MUJI #รีวิวหนังสือ
เพราะไม่มีอะไรจึงมีอะไร MUJI หนังสือที่เกี่ยวกับการตลาดสำหรับองค์กรใหญ่ โดยเฉพาะการบุกเบิกตลาดไปต่างประเทศ ไปยังที่ๆวัฒนธรรมแตกต่างกัน ซึ่งเนื้อหาเล่าถึงสำเร็จและความล้มเหลว หลักคิดต่างๆที่ทำให้ MUJI ประสบความสำเร็จในตลาดต่างประเทศได้ ผู้เขียนหนังเป็นคนที่เก่งมาก เขาจบพลศึกษาหลังจากนั้นเขาได้ไปทำงานบริษัทแม่ของ MUJI และย้ายไปที่ MUJI ในตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายบุคคล แต่เมื่อปี ค.ศ. 1992 เขาได้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ ซึ่งในขณะนั้น MUJI ขาดทุนหนักมากจนฟื้นตัวจนทำยอดขายสูงสุดในปี ค.ศ. 2007 และในปี ค.ศ. 2008 เขาได้ขึ้นเป็นประธานใหญ่ ในระหว่างที่เขาดำรงตำแหน่งเป็นช่วงที่ MUJI ออกไปทำตลาดต่างประเทศ ตาม UNIQLO และแบรนด์อื่นๆของญี่ปุ่น เนื้อหาของหนังสือเขียนออกเป็นบท ซึ่งแต่ละบทใหญ่จะมีบทความสั้นๆจบภายในแต่ละตอนเลย ผู้เขียนเล่าถึงสิ่งที่ทำให้ MUJI มีความเป็นเอกลักษณ์โดดเด่น ยอดขายที่ดีก็คือ MUJI หลักการที่ยึดมั่นมาโดยตลอดไม่เปลี่ยนแปลง ได้แก่ในการออกแบบที่เรียบง่าย , โทนสินค้าเป็นสี Earth Tone , สินค้าแข็งแรงทนทาน , คิดถึงประโยชน์ใช้งาน , เรียบหรู , ไม่จำเป็นต้องแปะแบรนด์ที่สินค้า และ ไม่มีการโฆษณาสินค้าใช้หลักการบอกต่อ และสิ่งสำคัญ MUJI สร้างกระแสและวัฒนธรรม MUJISM ซึ่งหมายถึงแฟนคลับพันธุ์ของ MUJI นั่นเอง การเล่าเรื่องของอดีตประธาน MUJI (ผู้เขียน) มีเนื้อเบื้องหลังเชิงลึกของ MUJI รวมถึงหลักการและแนวทางการออกแบบสินค้า , การเลือกประเทศที่จะไปลงทุน , การต่อสู้กับบริษัทของจีนที่ไปจดเครื่องหมายการค้า MUJI ก่อนที่ MUJI ญี่ปุ่นจะเข้าไปขาย , การอบรมพนักกงานให้เข้าถึงวัฒนธรรม MUJI และ การคัดเลือกคุณสมบัติเพื่อส่งคนไปบุกเบิกตลาดต่างประเทศโดยเขาต้องมาเพียงคนเดียวและเก็บข้อมูลให้ได้มากที่สุด เนื้อหาของหนังสือเป็นเรื่องการตลาดที่ดี สามารถอ่านแล้วสามารถนำแนวคิดไปใช้กับงานธุรกิจของผู้อ่านได้ #เพราะไม่มีอะไรจึงมีอะไร #MUJI #รีวิวหนังสือ
Like
1
0 Comments 0 Shares 31 Views 0 Reviews