“แอร์เอเชียต้องการคำตอบและค่าชดเชย”

เหตุการณ์ Microsoft outage ที่บริษัทเอกชนและภาคธุรกิจสำคัญ อาทิ สายการบิน ธนาคาร สื่อมวลชน และโรงพยาบาลในหลายประเทศ ได้รับผลกระทบจากปัญหาไอทีขัดข้องทั่วโลก จากระบบปฎิบัติการ Windows ซึ่งเชื่อมโยงกับระบบของ CrowdStrike บริษัทเทคโนโลยีความปลอดภัยทางไซเบอร์ของสหรัฐอเมริกา เมื่อวันศุกร์ (19 ก.ค.) ที่ผ่านมา

แม้ปัญหาดังกล่าวจะได้รับการคลี่คลาย แต่ภาคธุรกิจและสังคมยังคงตั้งคำถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงความรับผิดชอบจาก Microsoft และ CrowdStrike สองบริษัทด้านไอทีของสหรัฐอเมริกา

หนึ่งในนั้นคือ โทนี่ เฟอร์นานเดส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของแคปิตอล เอ ผู้ก่อตั้งสายการบินแอร์เอเชีย ที่มีต้นกำเนิดจากประเทศมาเลเซีย โพสต์ข้อความผ่าน Linkedin ระบุว่า เป็นเรื่องดีที่ CrowdStrike ขอโทษ แต่จะรอฟังจาก Microsoft ว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ทำให้สายการบินสูญเสียรายได้หลายล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

แต่ที่สำคัญกว่านั้น ความล้มเหลวของระบบได้ก่อให้เกิดความวุ่นวายมากมายในชีวิตของผู้คนอย่างไร

"บริษัทเทคโนโลยีไม่ค่อยมีความเห็นอกเห็นใจ สิ่งที่เราเจอในช่วงโควิด-19 พวกเขาไม่มีความเห็นอกเห็นใจ ตอนนี้พวกเขามีปัญหาที่พวกเขาคาดหวังให้เราทุกคนเข้าใจ ฉันจะไม่ทำแบบนั้น สายการบินต้องการคำตอบและค่าชดเชย แต่สิ่งสำคัญคือ เราจะเรียนรู้และเติบโตจากสิ่งนี้" โทนี่ ระบุ

แอร์เอเชียเป็นหนึ่งในสายการบินทั่วโลกที่ประสบปัญหาเหตุขัดข้องด้านไอที ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานทุกสนามบิน หนึ่งในนั้นคืออาคารผู้โดยสาร 2 (KLIA2) ท่าอากาศยานกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย สายการบินต้องใช้ระบบแมนวล (Manual) ในการบริหารจัดการทั้งหมด ตั้งแต่การเช็กอิน การพิมพ์บัตรโดยสาร และโหลดสัมภาระใต้ท้องเครื่อง

โทนี่ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้นึกถึงเมื่อ 23 ปีที่แล้ว ทุกอย่างทำด้วยระบบแมนวล แต่ก็ภูมิใจที่ทำให้การยกเลิกเที่ยวบินลดเหลือน้อยที่สุด เนื่องจากความคล่องตัวในการเปลี่ยนไปใช้ระบบแมนวล แม้ว่าการให้บริการจะมีความล่าช้าไปบ้าง แต่ยังคงมุ่งมั่นที่จะนำพาผู้โดยสารทุกคนไปยังจุดหมายปลายทางอย่างปลอดภัยที่สุด

อนึ่ง สายการบินแอร์เอเชียกลับมาใช้ระบบออนไลน์ในการปฎิบัติงาน รวมทั้งการเช็กอินออนไลน์แก่ผู้โดยสาร ตั้งแต่บ่ายวันเสาร์ (20 ก.ค.) ที่ผ่านมา

#Newskit #AirAsia #TonyFernandes
“แอร์เอเชียต้องการคำตอบและค่าชดเชย” เหตุการณ์ Microsoft outage ที่บริษัทเอกชนและภาคธุรกิจสำคัญ อาทิ สายการบิน ธนาคาร สื่อมวลชน และโรงพยาบาลในหลายประเทศ ได้รับผลกระทบจากปัญหาไอทีขัดข้องทั่วโลก จากระบบปฎิบัติการ Windows ซึ่งเชื่อมโยงกับระบบของ CrowdStrike บริษัทเทคโนโลยีความปลอดภัยทางไซเบอร์ของสหรัฐอเมริกา เมื่อวันศุกร์ (19 ก.ค.) ที่ผ่านมา แม้ปัญหาดังกล่าวจะได้รับการคลี่คลาย แต่ภาคธุรกิจและสังคมยังคงตั้งคำถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงความรับผิดชอบจาก Microsoft และ CrowdStrike สองบริษัทด้านไอทีของสหรัฐอเมริกา หนึ่งในนั้นคือ โทนี่ เฟอร์นานเดส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของแคปิตอล เอ ผู้ก่อตั้งสายการบินแอร์เอเชีย ที่มีต้นกำเนิดจากประเทศมาเลเซีย โพสต์ข้อความผ่าน Linkedin ระบุว่า เป็นเรื่องดีที่ CrowdStrike ขอโทษ แต่จะรอฟังจาก Microsoft ว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ทำให้สายการบินสูญเสียรายได้หลายล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ที่สำคัญกว่านั้น ความล้มเหลวของระบบได้ก่อให้เกิดความวุ่นวายมากมายในชีวิตของผู้คนอย่างไร "บริษัทเทคโนโลยีไม่ค่อยมีความเห็นอกเห็นใจ สิ่งที่เราเจอในช่วงโควิด-19 พวกเขาไม่มีความเห็นอกเห็นใจ ตอนนี้พวกเขามีปัญหาที่พวกเขาคาดหวังให้เราทุกคนเข้าใจ ฉันจะไม่ทำแบบนั้น สายการบินต้องการคำตอบและค่าชดเชย แต่สิ่งสำคัญคือ เราจะเรียนรู้และเติบโตจากสิ่งนี้" โทนี่ ระบุ แอร์เอเชียเป็นหนึ่งในสายการบินทั่วโลกที่ประสบปัญหาเหตุขัดข้องด้านไอที ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานทุกสนามบิน หนึ่งในนั้นคืออาคารผู้โดยสาร 2 (KLIA2) ท่าอากาศยานกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย สายการบินต้องใช้ระบบแมนวล (Manual) ในการบริหารจัดการทั้งหมด ตั้งแต่การเช็กอิน การพิมพ์บัตรโดยสาร และโหลดสัมภาระใต้ท้องเครื่อง โทนี่ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้นึกถึงเมื่อ 23 ปีที่แล้ว ทุกอย่างทำด้วยระบบแมนวล แต่ก็ภูมิใจที่ทำให้การยกเลิกเที่ยวบินลดเหลือน้อยที่สุด เนื่องจากความคล่องตัวในการเปลี่ยนไปใช้ระบบแมนวล แม้ว่าการให้บริการจะมีความล่าช้าไปบ้าง แต่ยังคงมุ่งมั่นที่จะนำพาผู้โดยสารทุกคนไปยังจุดหมายปลายทางอย่างปลอดภัยที่สุด อนึ่ง สายการบินแอร์เอเชียกลับมาใช้ระบบออนไลน์ในการปฎิบัติงาน รวมทั้งการเช็กอินออนไลน์แก่ผู้โดยสาร ตั้งแต่บ่ายวันเสาร์ (20 ก.ค.) ที่ผ่านมา #Newskit #AirAsia #TonyFernandes
Like
2
1 Comments 1 Shares 513 Views 0 Reviews