คุณคือพลาซีโบ You Are The Placebo (2025/105)

ดร.โจ ดิสเพนสซา ผู้ที่ศึกษาเรื่องเกี่ยวกับพลังที่ทรงประสิทธิภาพที่สมองมนุษย์เราทำให้เราได้ แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่เป็นวิทยาศาสตร์แท้ๆ ดร.โจ ประสบความมหัสจรรย์เหล่านี้ด้วยตัวเอง ตอนที่เขาอายุ 23ปี เขากำลังลงแข่งขันไตรกีฬาอยู่ ขณะที่อยู่ในช่วงปั่นจักรยานแล้วก็มีรถเอสยูวีที่ขับโดยคุณยายคนหนึ่งชนเขาเต็มๆและลากเขาไปด้วยอีกระยะหนึ่ง ผลของอุบัติเหตุครั้งนี้คือ รถจักรยานพังยับ แต่ตัว ดร.โจ อาการหนักเลย เพราะกระดูกสันหลังหัก 6ข้อ กระดูกลำตัวถูกบีบ และมีกระดูดที่เอวถูกบีบด้วยเช่นกัน เมื่อไปหาหมอหลายที่คุณหมอพูดเป็นแบบเดียวกันว่า ต้องดามกระดูกสันหลังและที่เอวด้วยแท่งสเตนเลส และเขาจะต้องเจ็บปวดจากการรักษาแบบนี้ไปตลอดชีวิต ….

ดร.โจ ตัดสินใจไม่รักษาด้วยการผ่าตัด เขามีความเชื่อว่าสมองของเขาสามารถสั่งฮอร์โมนให้ยีนและเซลในร่างกายรักษาตัวเองได้ ซึ่งการรักษาที่ว่าใช้การทำสมาธิแบบเข้มข้น หลังจากอุบัติเหตุ 9 สัปดาห์ครึ่ง เขาสามารถลุกขึ้นมาเดินได้ และหลังจากสัปดาห์ที่ 12 เขาไม่รู้สึกปวดอีกเลย หนังสือเล่มนี้กำลังจะบอกคุณว่าพลังภายในที่เกิดจากสมองมีผลต่อร่างกายเกินกว่าที่พวกเราคิดมากๆ

แน่นอนว่าหลังจาก ดร.โจ หายจากอาการบาดเจ็บรุนแรงจากอุบัติเหตุ เขาพยายามศึกษาค้นคว้าเรื่องเกี่ยวกับสมอง จนมีข้อมูลสนับสนุนมากมายมหาศาล เขาเขียนหนังสือออกมาก และทำภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับความวิเศษของสมองมนุษย์ ที่สามารถเยียวยารักษาโรคที่ไม่สามารถหายขาดได้อย่างมหัศจรรย์

พลาซิโบ คือ ยาหลอก ที่ใช้ในการทดสอบทางการแพทย์ เพื่อที่จะดูว่าผู้ป่วยที่ได้รับยาหลอก เช่น น้ำเกลือ เม็ดน้ำตาล รวมถึงแผลผ่าตัดที่กรีดออกมาแล้วเย็บกลับไปโดยที่ไม่ทำการผ่านตัดจริง ส่งผลต่อผู้ป่วยมากน้อยเพียงใด

บทสรุปที่ ดร.โจ สรุปได้คือยาหลอกให้ผลทางการรักษาได้จริง ถึงแม้ว่าไม่เท่ากับการรักษาแต่กลับพบว่าสามารถบรรเทาการเจ็บปวดหรือสร้างความรู้สึกที่ดีเท่ากับการรักษาจริงๆ ในสัดส่วนพอสมควร ดังนั้น ดร.โจ จึงต้องไปหาเหตุผลต่อว่าทำไมผู้ป่วยจึงอาการดีขึ้นทั้งๆที่ไม่ได้ทำการรักษา และเขาก็พบว่าสมองของมนุษย์สามารถเหนี่ยวนำใหร่างกายรักษาตัวเองได้ และเขาศึกษาลึกเข้าไปอีกว่าทำอย่างไรจึงทำให้สมองเพิ่มความสามารถพิเศษได้แบบนี้ และดร.โจ ก็พบว่าการทำสมาธิที่เข้มข้น ส่งผลมากมายต่อร่างกาย เขารักษาผู้ป่วยที่เป็นโรคที่รักษาไม่ได้จำนวนมาก และเขายังร่วมกับผู้เชี่ยวชาญทางด้านเครื่องมือวัดคลื่นสมองเพื่อวัด คลื่นสมองของผู้ป่วยที่เขาดูแลอยู่ในขณะที่อยู่ในสถานะก่อนทำสมาธิกับอยู่ระหว่างทำสมาธิ ซึ่งเมื่อทำสมาธิเข้มข้นแล้วทำให้ผู้ป่วยเหล่านั้นอาการดีขึ้น จนถึงขั้นหายเจ็บป่วยได้อย่างเหลือเชื่อ

ดังนั้นมีเหตุผลมากมายที่จะทำให้ผู้อ่านเชื่อว่า ถ้าคุณจดจ่อและมีสมาธิ ตัวคุณผู้อ่านเองนั่นแหละ คือ พลาซิโบ

#คุณคือพลาซีโบ #YouAreThePlacebo #รีวิวหนังสือ
คุณคือพลาซีโบ You Are The Placebo (2025/105) ดร.โจ ดิสเพนสซา ผู้ที่ศึกษาเรื่องเกี่ยวกับพลังที่ทรงประสิทธิภาพที่สมองมนุษย์เราทำให้เราได้ แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่เป็นวิทยาศาสตร์แท้ๆ ดร.โจ ประสบความมหัสจรรย์เหล่านี้ด้วยตัวเอง ตอนที่เขาอายุ 23ปี เขากำลังลงแข่งขันไตรกีฬาอยู่ ขณะที่อยู่ในช่วงปั่นจักรยานแล้วก็มีรถเอสยูวีที่ขับโดยคุณยายคนหนึ่งชนเขาเต็มๆและลากเขาไปด้วยอีกระยะหนึ่ง ผลของอุบัติเหตุครั้งนี้คือ รถจักรยานพังยับ แต่ตัว ดร.โจ อาการหนักเลย เพราะกระดูกสันหลังหัก 6ข้อ กระดูกลำตัวถูกบีบ และมีกระดูดที่เอวถูกบีบด้วยเช่นกัน เมื่อไปหาหมอหลายที่คุณหมอพูดเป็นแบบเดียวกันว่า ต้องดามกระดูกสันหลังและที่เอวด้วยแท่งสเตนเลส และเขาจะต้องเจ็บปวดจากการรักษาแบบนี้ไปตลอดชีวิต …. ดร.โจ ตัดสินใจไม่รักษาด้วยการผ่าตัด เขามีความเชื่อว่าสมองของเขาสามารถสั่งฮอร์โมนให้ยีนและเซลในร่างกายรักษาตัวเองได้ ซึ่งการรักษาที่ว่าใช้การทำสมาธิแบบเข้มข้น หลังจากอุบัติเหตุ 9 สัปดาห์ครึ่ง เขาสามารถลุกขึ้นมาเดินได้ และหลังจากสัปดาห์ที่ 12 เขาไม่รู้สึกปวดอีกเลย หนังสือเล่มนี้กำลังจะบอกคุณว่าพลังภายในที่เกิดจากสมองมีผลต่อร่างกายเกินกว่าที่พวกเราคิดมากๆ แน่นอนว่าหลังจาก ดร.โจ หายจากอาการบาดเจ็บรุนแรงจากอุบัติเหตุ เขาพยายามศึกษาค้นคว้าเรื่องเกี่ยวกับสมอง จนมีข้อมูลสนับสนุนมากมายมหาศาล เขาเขียนหนังสือออกมาก และทำภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับความวิเศษของสมองมนุษย์ ที่สามารถเยียวยารักษาโรคที่ไม่สามารถหายขาดได้อย่างมหัศจรรย์ พลาซิโบ คือ ยาหลอก ที่ใช้ในการทดสอบทางการแพทย์ เพื่อที่จะดูว่าผู้ป่วยที่ได้รับยาหลอก เช่น น้ำเกลือ เม็ดน้ำตาล รวมถึงแผลผ่าตัดที่กรีดออกมาแล้วเย็บกลับไปโดยที่ไม่ทำการผ่านตัดจริง ส่งผลต่อผู้ป่วยมากน้อยเพียงใด บทสรุปที่ ดร.โจ สรุปได้คือยาหลอกให้ผลทางการรักษาได้จริง ถึงแม้ว่าไม่เท่ากับการรักษาแต่กลับพบว่าสามารถบรรเทาการเจ็บปวดหรือสร้างความรู้สึกที่ดีเท่ากับการรักษาจริงๆ ในสัดส่วนพอสมควร ดังนั้น ดร.โจ จึงต้องไปหาเหตุผลต่อว่าทำไมผู้ป่วยจึงอาการดีขึ้นทั้งๆที่ไม่ได้ทำการรักษา และเขาก็พบว่าสมองของมนุษย์สามารถเหนี่ยวนำใหร่างกายรักษาตัวเองได้ และเขาศึกษาลึกเข้าไปอีกว่าทำอย่างไรจึงทำให้สมองเพิ่มความสามารถพิเศษได้แบบนี้ และดร.โจ ก็พบว่าการทำสมาธิที่เข้มข้น ส่งผลมากมายต่อร่างกาย เขารักษาผู้ป่วยที่เป็นโรคที่รักษาไม่ได้จำนวนมาก และเขายังร่วมกับผู้เชี่ยวชาญทางด้านเครื่องมือวัดคลื่นสมองเพื่อวัด คลื่นสมองของผู้ป่วยที่เขาดูแลอยู่ในขณะที่อยู่ในสถานะก่อนทำสมาธิกับอยู่ระหว่างทำสมาธิ ซึ่งเมื่อทำสมาธิเข้มข้นแล้วทำให้ผู้ป่วยเหล่านั้นอาการดีขึ้น จนถึงขั้นหายเจ็บป่วยได้อย่างเหลือเชื่อ ดังนั้นมีเหตุผลมากมายที่จะทำให้ผู้อ่านเชื่อว่า ถ้าคุณจดจ่อและมีสมาธิ ตัวคุณผู้อ่านเองนั่นแหละ คือ พลาซิโบ #คุณคือพลาซีโบ #YouAreThePlacebo #รีวิวหนังสือ
0 Comments 0 Shares 9 Views 0 Reviews