Last Conversation บทสนทนาสุดท้าย (2025/097)

ผมเคยมีความคิดไปเองว่า ความรู้สึกของคุณหมอถึงการจากไป(หรือการเดินทางไกล)ของคนไข้ ที่เมื่อเวลาที่ผมได้คุยกับคุณหมอหลายต่อหลายท่านในช่วงที่คุณพ่อป่วย ซึ่งผมพอรู้ว่การเดินทางไกลของคุณพ่อในตอนนั้นเหลือเวลาอีกไม่นานนัก แต่ผมเห็นคุณหมอแต่ละท่านไม่ได้มีอารมณ์ร่วมกับการที่คุณพ่อต้องเดินทางไกลนี้เลย อาจเป็นเพราะบรรดาคุณหมอเคยเห็นการเดินทางไกลของคนไข้มากมายจนชาชิน หรือคุณหมอเหล่านั้นจำเป็นต้องแสดงภาพลักษณ์ในรูปแบบของความไว้วางใจกับคนไข้ หรือกฎระเบียบต่างๆที่ทำให้คุณหมอได้มาพบคนไข้คนหนึ่งในเวลาจำกัดและการได้พบกับคนไข้ในภาระกิจหนึ่งๆเท่านั้น หรือคุณหมอเคยเสียใจ/ตกใจในการเดินทางไกลของคนไข้ในช่วงแรกที่เป็นหมอแต่ตอนนี้ไม่รู้สึกอีกแล้ว หรือแม้กระทั่งผมยังคิดว่าคุณหมอส่วนใหญ่ไร้หัวใจ-ไร้ความรู้สึก? แต่หนังสือเล่นนี้ทำให้ผมรู้ว่าผมคิดผิด

การอ่านหนังสือเล่มนี้ทำให้ผมรู้ว่ามีคุณหมออย่างน้อยหนึ่งคน และอาจจะมีจำนวนมากเลยทีเดียวที่มี “หัวใจ” คุณหมอแนตได้ทำให้ผมเห็นถึงเบื้องลึกของหัวใจของคุณหมอ ความปรารถนาดีที่อยากให้คนไข้ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และ “ตายอย่างสมศักดิ์ศรี”

คุณหมอต้องการเผยแพร่ทางเลือกของการเดินทางไกล สำหรับคนไข้ที่เจ็บป่วยระยะสุดท้าย และไม่สามารถรักษาได้ ด้วยการรักษาแบบประคับประคอง(Palliative Care) เพื่อให้คนไข้ได้ทำในสิ่งที่อยากทำเป็นครั้งสุดท้ายและเดินทางไกลด้วยการตายอย่างสมศักดิ์ศรี

ผมเคยหนังสือที่เกี่ยวข้องกับการตายมาหลายเล่ม ทั้งที่เขียนโดยศัลยแพทย์ , อายุรแพทย์ , อดีตพระป่าชาวยุโรปที่สึกมาใช้ชีวิตคารวาสที่เขียนบรรยายการเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางไกล หรือแม้กระทั่งพระเถระ แต่หนังสือเล่มนี้ให้แนวทางการเขียนที่แตกต่างไป หลักการของคุณหมอผู้เขียนหนังสือนั้นต้องการให้มีทางเลือกในการเตรียมตัวเดินทางไกลไว้อีกทางเลือกหนึ่ง ซึ่งเป็นทางเลือกที่ไม่ใช่คนไข้หลายคนของคุณหมอที่ร้องขอให้คุณหมอฉีดยาให้เขาจากไปทันทีซึ่งในประเทศไทยทำไม่ได้เนื่องด้วยไม่มีกฎหมายรองรับ หากแต่คุณหมอแนะนำทางเลือกที่ดีกว่านั้น ทางเลือกที่ว่าคือการรักษาแบบประคับประคอง ไม่รักษา ไม่ให้ยาคีโม ไม่ฉายแสง ไม่ผ่าตัด ไม่เจาะคอ ไม่สอดสายนำส่งอาหาร ไม่ปั๊มหัวใจและอื่นๆ แต่จะให้ยาเพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวด ทำให้ร่างการคนไข้ฟื้นสดชื่น เพื่ออย่างน้อยได้พูดคุยกับลูกหลานหรือได้ทำภาระกิจอื่นๆที่อยากทำ แต่การทำแบบนี้ได้นั้นต้องมีการพูดคุยกับทั้งคนไข้และญาติ

เรื่องราวซึ้ง เศร้า สะเทือนใจ เกี่ยวกับคนไข้ของคุณหมอเป็นเรื่องจริงทั้งหมด แต่คุณหมอแนตไม่ได้ต้องการโฟกัสที่จุดนั้น เธออยากให้เราๆผู้อ่านได้รู้ว่ามีทางเลือกให้กับญาติๆที่กำลังอยู่ในสถานะนี้ และรวมไปถึงการวางแผนระยะยาวในการเดินทางไกลสำหรับแต่ละคน ไม่ใช่แค่นั้นการเดินทางไกลอย่างมีคุณภาพคือการเดินทางไกลที่ถึงพร้อมทางจิตใจด้วย การได้ปลดเปลื้องภาระทางจิตใจ และไม่ติดค้างกับโลกนี้แล้ว

ความน่ารักของคุณหมอคุณหมอเรียกคนไข้ทุกคนเป็นเหมือนญาติของตัวเอง พ่อ อากู๋ คุณอา อาม่า หรือ ป๊า และการเข้าถึงชีวิตและแนวคิดของคนไข้ด้วยการรับฟัง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนไข้เดินทางไกลอย่างมีคุณภาพ ส่วนตัวคิดว่าถ้าหากจะมีโรงพยาบาลหนึ่งที่ทุ่มเทให้กับผู้ป่วยเพื่อให้พวกเขาเตรียมตัวเดินทางไกลได้มากขนาดนี้ ก็เห็นจะมีแต่โรงพยาบาลคูณเท่านั้น

ขอบคุณหนังสือที่ดีมากๆเล่มนี้ ขอบคุณที่คุณหมอวางแนวคิดที่เป็นเป้าหมายในการเดินทางไกล ขอบคุณแนวทางการพูดคุยกับคนไข้ระยะสุดท้าย ขอบคุณที่คุณหมอเป็นผู้นำแนวคิดและมอบแนวทางเป็นทางเลือกในการรักษาแบบประคับประคอง ขอบคุณที่คุณหมอได้เผยแพร่ความรู้สึกของคนไข้หลายๆท่านที่เขารู้ว่าเขากำลังจะเดินทางไกล

ขอบคุณครับ

#LastConversation #บทสนทนาสุดท้าย #รีวิวหนังสือ
Last Conversation บทสนทนาสุดท้าย (2025/097) ผมเคยมีความคิดไปเองว่า ความรู้สึกของคุณหมอถึงการจากไป(หรือการเดินทางไกล)ของคนไข้ ที่เมื่อเวลาที่ผมได้คุยกับคุณหมอหลายต่อหลายท่านในช่วงที่คุณพ่อป่วย ซึ่งผมพอรู้ว่การเดินทางไกลของคุณพ่อในตอนนั้นเหลือเวลาอีกไม่นานนัก แต่ผมเห็นคุณหมอแต่ละท่านไม่ได้มีอารมณ์ร่วมกับการที่คุณพ่อต้องเดินทางไกลนี้เลย อาจเป็นเพราะบรรดาคุณหมอเคยเห็นการเดินทางไกลของคนไข้มากมายจนชาชิน หรือคุณหมอเหล่านั้นจำเป็นต้องแสดงภาพลักษณ์ในรูปแบบของความไว้วางใจกับคนไข้ หรือกฎระเบียบต่างๆที่ทำให้คุณหมอได้มาพบคนไข้คนหนึ่งในเวลาจำกัดและการได้พบกับคนไข้ในภาระกิจหนึ่งๆเท่านั้น หรือคุณหมอเคยเสียใจ/ตกใจในการเดินทางไกลของคนไข้ในช่วงแรกที่เป็นหมอแต่ตอนนี้ไม่รู้สึกอีกแล้ว หรือแม้กระทั่งผมยังคิดว่าคุณหมอส่วนใหญ่ไร้หัวใจ-ไร้ความรู้สึก? แต่หนังสือเล่นนี้ทำให้ผมรู้ว่าผมคิดผิด การอ่านหนังสือเล่มนี้ทำให้ผมรู้ว่ามีคุณหมออย่างน้อยหนึ่งคน และอาจจะมีจำนวนมากเลยทีเดียวที่มี “หัวใจ” คุณหมอแนตได้ทำให้ผมเห็นถึงเบื้องลึกของหัวใจของคุณหมอ ความปรารถนาดีที่อยากให้คนไข้ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และ “ตายอย่างสมศักดิ์ศรี” คุณหมอต้องการเผยแพร่ทางเลือกของการเดินทางไกล สำหรับคนไข้ที่เจ็บป่วยระยะสุดท้าย และไม่สามารถรักษาได้ ด้วยการรักษาแบบประคับประคอง(Palliative Care) เพื่อให้คนไข้ได้ทำในสิ่งที่อยากทำเป็นครั้งสุดท้ายและเดินทางไกลด้วยการตายอย่างสมศักดิ์ศรี ผมเคยหนังสือที่เกี่ยวข้องกับการตายมาหลายเล่ม ทั้งที่เขียนโดยศัลยแพทย์ , อายุรแพทย์ , อดีตพระป่าชาวยุโรปที่สึกมาใช้ชีวิตคารวาสที่เขียนบรรยายการเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางไกล หรือแม้กระทั่งพระเถระ แต่หนังสือเล่มนี้ให้แนวทางการเขียนที่แตกต่างไป หลักการของคุณหมอผู้เขียนหนังสือนั้นต้องการให้มีทางเลือกในการเตรียมตัวเดินทางไกลไว้อีกทางเลือกหนึ่ง ซึ่งเป็นทางเลือกที่ไม่ใช่คนไข้หลายคนของคุณหมอที่ร้องขอให้คุณหมอฉีดยาให้เขาจากไปทันทีซึ่งในประเทศไทยทำไม่ได้เนื่องด้วยไม่มีกฎหมายรองรับ หากแต่คุณหมอแนะนำทางเลือกที่ดีกว่านั้น ทางเลือกที่ว่าคือการรักษาแบบประคับประคอง ไม่รักษา ไม่ให้ยาคีโม ไม่ฉายแสง ไม่ผ่าตัด ไม่เจาะคอ ไม่สอดสายนำส่งอาหาร ไม่ปั๊มหัวใจและอื่นๆ แต่จะให้ยาเพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวด ทำให้ร่างการคนไข้ฟื้นสดชื่น เพื่ออย่างน้อยได้พูดคุยกับลูกหลานหรือได้ทำภาระกิจอื่นๆที่อยากทำ แต่การทำแบบนี้ได้นั้นต้องมีการพูดคุยกับทั้งคนไข้และญาติ เรื่องราวซึ้ง เศร้า สะเทือนใจ เกี่ยวกับคนไข้ของคุณหมอเป็นเรื่องจริงทั้งหมด แต่คุณหมอแนตไม่ได้ต้องการโฟกัสที่จุดนั้น เธออยากให้เราๆผู้อ่านได้รู้ว่ามีทางเลือกให้กับญาติๆที่กำลังอยู่ในสถานะนี้ และรวมไปถึงการวางแผนระยะยาวในการเดินทางไกลสำหรับแต่ละคน ไม่ใช่แค่นั้นการเดินทางไกลอย่างมีคุณภาพคือการเดินทางไกลที่ถึงพร้อมทางจิตใจด้วย การได้ปลดเปลื้องภาระทางจิตใจ และไม่ติดค้างกับโลกนี้แล้ว ความน่ารักของคุณหมอคุณหมอเรียกคนไข้ทุกคนเป็นเหมือนญาติของตัวเอง พ่อ อากู๋ คุณอา อาม่า หรือ ป๊า และการเข้าถึงชีวิตและแนวคิดของคนไข้ด้วยการรับฟัง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนไข้เดินทางไกลอย่างมีคุณภาพ ส่วนตัวคิดว่าถ้าหากจะมีโรงพยาบาลหนึ่งที่ทุ่มเทให้กับผู้ป่วยเพื่อให้พวกเขาเตรียมตัวเดินทางไกลได้มากขนาดนี้ ก็เห็นจะมีแต่โรงพยาบาลคูณเท่านั้น ขอบคุณหนังสือที่ดีมากๆเล่มนี้ ขอบคุณที่คุณหมอวางแนวคิดที่เป็นเป้าหมายในการเดินทางไกล ขอบคุณแนวทางการพูดคุยกับคนไข้ระยะสุดท้าย ขอบคุณที่คุณหมอเป็นผู้นำแนวคิดและมอบแนวทางเป็นทางเลือกในการรักษาแบบประคับประคอง ขอบคุณที่คุณหมอได้เผยแพร่ความรู้สึกของคนไข้หลายๆท่านที่เขารู้ว่าเขากำลังจะเดินทางไกล ขอบคุณครับ #LastConversation #บทสนทนาสุดท้าย #รีวิวหนังสือ
0 Comments 0 Shares 5 Views 0 Reviews