อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่า จิตไม่มีตัณหา เรียกว่าอยู่คนเดียว
สัทธรรมลำดับที่ : 310
ชื่อบทธรรม :- จิตไม่มีตัณหาเรียกว่าอยู่คนเดียว
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=310
เนื้อความทั้งหมด :-
--จิตไม่มีตัณหา เรียกว่าอยู่คนเดียว
--“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ด้วยเหตุเพียงเท่าไรหนอแล
ภิกษุจึงชื่อว่า เป็นผู้มีการอยู่อย่างอยู่ผู้เดียว พระเจ้าข้า ?”
--มิคชาละ ! รูป ทั้งหลายอันจะพึงเห็นได้ด้วยจักษุ เป็นรูปที่น่าปรารถนา น่ารักใคร่ น่าพอใจ
มีลักษณะน่ารัก เป็นที่เข้าไปตั้งอาศัยอยู่แห่งความใคร่ เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัดย้อมใจ มีอยู่.
ถ้าหากว่าภิกษุย่อมไม่เพลิดเพลิน ไม่พร่ำสรรเสริญ ไม่สยบมัวเมา ซึ่งรูปนั้นไซร้,
+--แก่ภิกษุผู้ไม่เพลิดเพลิน ไม่พร่ำสรรเสริญ ไม่สยบมัวเมา ซึ่งรูปนั้นนั่นแหละ,
นันทิ (ความเพลิน) ย่อมดับ ;
http://etipitaka.com/read/pali/18/44/?keywords=นนฺทิยา
+--เมื่อนันทิ ไม่มีอยู่, สาราคะ (ความกำหนัดกล้า) ย่อมไม่มี ;
+--เมื่อสาราคะ ไม่มีอยู่, สัญโญคะ (ความผูกจิตติดกับอารมณ์) ย่อมไม่มี ;
--มิคชาละ ! ภิกษุผู้ ไม่ประกอบพร้อมแล้ว
#ด้วยการผูกจิตติดกับอารมณ์ด้วยอำนาจแห่งความเพลิน (นนฺทิสญฺโญชนวิสํยุตฺโต)
นั่นแล เราเรียกว่า “ผู้มีการอยู่อย่างอยู่ผู้เดียว”.
(ในกรณีแห่ง
เสียง ทั้งหลายอันจะพึงได้ยินด้วยหูก็ดี,
กลิ่น ทั้งหลายอันจะพึงดมด้วยจมูกก็ดี,
รส ทั้งหลายอันจะพึงลิ้มด้วยลิ้นก็ดี,
โผฏฐัพพะ ทั้งหลายอันจะพึงสัมผัสด้วยผิวกายก็ดี, และ
ธรรมารมณ์ ทั้งหลายอันจะพึงรู้แจ้งด้วยใจก็ดี,
พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้มีนัยยะอย่างเดียวกันกับในกรณีแห่ง
รูปทั้งหลายอันจะพึงเห็นด้วยตา{จักษุ}).
--มิคชาละ ! ภิกษุผู้มีการอยู่ด้วยอาการอย่างนี้
แม้อยู่ในหมู่บ้าน อันเกลื่อนกล่นไปด้วยภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกาทั้งหลาย,
ด้วยพระราชา มหาอำมาตย์ของพระราชาทั้งหลาย,
ด้วยเดียรถีย์ สาวกของเดียรถีย์ทั้งหลายก็ตาม ;
ถึงกระนั้น ภิกษุนั้นเราก็เรียกว่า ผู้มีการอยู่อย่างอยู่ผู้เดียวโดยแท้.
+--ข้อนั้นเพราะเหตุไรเล่า ?
ข้อนั้นเพราะเหตุว่าตัณหานั่นแล เป็นเพื่อนสองของภิกษุนั้น ;
ตัณหานั้น อันภิกษุนั้นละเสียได้แล้ว
เพราะเหตุนั้น ภิกษุนั้นเรา จึงเรียกว่า #ผู้มีการอยู่อย่างอยู่ผู้เดียว,
ดังนี้ แล.-
#ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สฬา.สํ. 18/44/67.
http://etipitaka.com/read/thai/18/34/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%97
อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สฬา.สํ. ๑๘/๔๔/๖๗.
http://etipitaka.com/read/pali/18/44/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%97
ศึกษาเพิ่มเติม..
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=310
http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=21&id=310
หรือ
http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=21
ลำดับสาธยายธรรม : 21 ฟังเสียงอ่าน...
http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_21.mp3
สัทธรรมลำดับที่ : 310
ชื่อบทธรรม :- จิตไม่มีตัณหาเรียกว่าอยู่คนเดียว
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=310
เนื้อความทั้งหมด :-
--จิตไม่มีตัณหา เรียกว่าอยู่คนเดียว
--“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ด้วยเหตุเพียงเท่าไรหนอแล
ภิกษุจึงชื่อว่า เป็นผู้มีการอยู่อย่างอยู่ผู้เดียว พระเจ้าข้า ?”
--มิคชาละ ! รูป ทั้งหลายอันจะพึงเห็นได้ด้วยจักษุ เป็นรูปที่น่าปรารถนา น่ารักใคร่ น่าพอใจ
มีลักษณะน่ารัก เป็นที่เข้าไปตั้งอาศัยอยู่แห่งความใคร่ เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัดย้อมใจ มีอยู่.
ถ้าหากว่าภิกษุย่อมไม่เพลิดเพลิน ไม่พร่ำสรรเสริญ ไม่สยบมัวเมา ซึ่งรูปนั้นไซร้,
+--แก่ภิกษุผู้ไม่เพลิดเพลิน ไม่พร่ำสรรเสริญ ไม่สยบมัวเมา ซึ่งรูปนั้นนั่นแหละ,
นันทิ (ความเพลิน) ย่อมดับ ;
http://etipitaka.com/read/pali/18/44/?keywords=นนฺทิยา
+--เมื่อนันทิ ไม่มีอยู่, สาราคะ (ความกำหนัดกล้า) ย่อมไม่มี ;
+--เมื่อสาราคะ ไม่มีอยู่, สัญโญคะ (ความผูกจิตติดกับอารมณ์) ย่อมไม่มี ;
--มิคชาละ ! ภิกษุผู้ ไม่ประกอบพร้อมแล้ว
#ด้วยการผูกจิตติดกับอารมณ์ด้วยอำนาจแห่งความเพลิน (นนฺทิสญฺโญชนวิสํยุตฺโต)
นั่นแล เราเรียกว่า “ผู้มีการอยู่อย่างอยู่ผู้เดียว”.
(ในกรณีแห่ง
เสียง ทั้งหลายอันจะพึงได้ยินด้วยหูก็ดี,
กลิ่น ทั้งหลายอันจะพึงดมด้วยจมูกก็ดี,
รส ทั้งหลายอันจะพึงลิ้มด้วยลิ้นก็ดี,
โผฏฐัพพะ ทั้งหลายอันจะพึงสัมผัสด้วยผิวกายก็ดี, และ
ธรรมารมณ์ ทั้งหลายอันจะพึงรู้แจ้งด้วยใจก็ดี,
พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้มีนัยยะอย่างเดียวกันกับในกรณีแห่ง
รูปทั้งหลายอันจะพึงเห็นด้วยตา{จักษุ}).
--มิคชาละ ! ภิกษุผู้มีการอยู่ด้วยอาการอย่างนี้
แม้อยู่ในหมู่บ้าน อันเกลื่อนกล่นไปด้วยภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกาทั้งหลาย,
ด้วยพระราชา มหาอำมาตย์ของพระราชาทั้งหลาย,
ด้วยเดียรถีย์ สาวกของเดียรถีย์ทั้งหลายก็ตาม ;
ถึงกระนั้น ภิกษุนั้นเราก็เรียกว่า ผู้มีการอยู่อย่างอยู่ผู้เดียวโดยแท้.
+--ข้อนั้นเพราะเหตุไรเล่า ?
ข้อนั้นเพราะเหตุว่าตัณหานั่นแล เป็นเพื่อนสองของภิกษุนั้น ;
ตัณหานั้น อันภิกษุนั้นละเสียได้แล้ว
เพราะเหตุนั้น ภิกษุนั้นเรา จึงเรียกว่า #ผู้มีการอยู่อย่างอยู่ผู้เดียว,
ดังนี้ แล.-
#ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สฬา.สํ. 18/44/67.
http://etipitaka.com/read/thai/18/34/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%97
อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สฬา.สํ. ๑๘/๔๔/๖๗.
http://etipitaka.com/read/pali/18/44/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%97
ศึกษาเพิ่มเติม..
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=310
http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=21&id=310
หรือ
http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=21
ลำดับสาธยายธรรม : 21 ฟังเสียงอ่าน...
http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_21.mp3
อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่า จิตไม่มีตัณหา เรียกว่าอยู่คนเดียว
สัทธรรมลำดับที่ : 310
ชื่อบทธรรม :- จิตไม่มีตัณหาเรียกว่าอยู่คนเดียว
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=310
เนื้อความทั้งหมด :-
--จิตไม่มีตัณหา เรียกว่าอยู่คนเดียว
--“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ด้วยเหตุเพียงเท่าไรหนอแล
ภิกษุจึงชื่อว่า เป็นผู้มีการอยู่อย่างอยู่ผู้เดียว พระเจ้าข้า ?”
--มิคชาละ ! รูป ทั้งหลายอันจะพึงเห็นได้ด้วยจักษุ เป็นรูปที่น่าปรารถนา น่ารักใคร่ น่าพอใจ
มีลักษณะน่ารัก เป็นที่เข้าไปตั้งอาศัยอยู่แห่งความใคร่ เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัดย้อมใจ มีอยู่.
ถ้าหากว่าภิกษุย่อมไม่เพลิดเพลิน ไม่พร่ำสรรเสริญ ไม่สยบมัวเมา ซึ่งรูปนั้นไซร้,
+--แก่ภิกษุผู้ไม่เพลิดเพลิน ไม่พร่ำสรรเสริญ ไม่สยบมัวเมา ซึ่งรูปนั้นนั่นแหละ,
นันทิ (ความเพลิน) ย่อมดับ ;
http://etipitaka.com/read/pali/18/44/?keywords=นนฺทิยา
+--เมื่อนันทิ ไม่มีอยู่, สาราคะ (ความกำหนัดกล้า) ย่อมไม่มี ;
+--เมื่อสาราคะ ไม่มีอยู่, สัญโญคะ (ความผูกจิตติดกับอารมณ์) ย่อมไม่มี ;
--มิคชาละ ! ภิกษุผู้ ไม่ประกอบพร้อมแล้ว
#ด้วยการผูกจิตติดกับอารมณ์ด้วยอำนาจแห่งความเพลิน (นนฺทิสญฺโญชนวิสํยุตฺโต)
นั่นแล เราเรียกว่า “ผู้มีการอยู่อย่างอยู่ผู้เดียว”.
(ในกรณีแห่ง
เสียง ทั้งหลายอันจะพึงได้ยินด้วยหูก็ดี,
กลิ่น ทั้งหลายอันจะพึงดมด้วยจมูกก็ดี,
รส ทั้งหลายอันจะพึงลิ้มด้วยลิ้นก็ดี,
โผฏฐัพพะ ทั้งหลายอันจะพึงสัมผัสด้วยผิวกายก็ดี, และ
ธรรมารมณ์ ทั้งหลายอันจะพึงรู้แจ้งด้วยใจก็ดี,
พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้มีนัยยะอย่างเดียวกันกับในกรณีแห่ง
รูปทั้งหลายอันจะพึงเห็นด้วยตา{จักษุ}).
--มิคชาละ ! ภิกษุผู้มีการอยู่ด้วยอาการอย่างนี้
แม้อยู่ในหมู่บ้าน อันเกลื่อนกล่นไปด้วยภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกาทั้งหลาย,
ด้วยพระราชา มหาอำมาตย์ของพระราชาทั้งหลาย,
ด้วยเดียรถีย์ สาวกของเดียรถีย์ทั้งหลายก็ตาม ;
ถึงกระนั้น ภิกษุนั้นเราก็เรียกว่า ผู้มีการอยู่อย่างอยู่ผู้เดียวโดยแท้.
+--ข้อนั้นเพราะเหตุไรเล่า ?
ข้อนั้นเพราะเหตุว่าตัณหานั่นแล เป็นเพื่อนสองของภิกษุนั้น ;
ตัณหานั้น อันภิกษุนั้นละเสียได้แล้ว
เพราะเหตุนั้น ภิกษุนั้นเรา จึงเรียกว่า #ผู้มีการอยู่อย่างอยู่ผู้เดียว,
ดังนี้ แล.-
#ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สฬา.สํ. 18/44/67.
http://etipitaka.com/read/thai/18/34/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%97
อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สฬา.สํ. ๑๘/๔๔/๖๗.
http://etipitaka.com/read/pali/18/44/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%97
ศึกษาเพิ่มเติม..
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=310
http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=21&id=310
หรือ
http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=21
ลำดับสาธยายธรรม : 21 ฟังเสียงอ่าน...
http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_21.mp3
0 Comments
0 Shares
104 Views
0 Reviews