The Outward Mindset เพราะมองออกนอกคุณถึงเห็นข้างใน (2025/016)
มองออกนอกคือการเอาใจเขามาใส่ใจเรา แต่จุดประสงค์ของการเขียนหนังสือเล่มนี้เน้นในเรื่องธุรกิจหรือองค์การเป็นหลัก แต่ก็สามารถนำหลักการนี้นำไปใช้ในเรื่องส่วนบุคคลได้ด้วย เนื้อหาชี้ไปในทิศทางเดียวกันว่าหากมองจุดประสงค์และปัญหาของหน่วยงานต่างๆที่ต้องส่งงานต่อให้กันนั้น ถ้ามองในลักษณะเข้าใจการกระทำของคู่ประสานงานกัน จะทำให้องค์การมีความสุข และเจริญรุ่งเรืองในที่สุด
เนื่องจากทีมงานผู้เขียนเป็นองค์กรที่รับแก้ปัญหาในเรื่องความสามัคคีในองค์กร พวกเขานำหลักการนี้ไปใช้และสามารถปรับปรุง เปลี่ยนแปลงให้องค์กรจากขาดทุนจนทำให้มีกำไร หลักการง่ายๆของพวกเขาคือการมองออก
เนื้อหาในเล่มทีมผู้เขียน นำตัวอย่างเคสต่างๆที่เกิดขึ้นจริงในวงการธุรกิจโดยที่พวกเขาสามารถเปลี่ยนจากสถานการณ์ย่ำแย่ กลับกลายมาเป็นทีมงานที่แข็งแกร่งได้ ตัวอย่างที่ผู้เขียนยกมาเช่น ทีมหน่วยคอมมานโดที่เคยทำอะไรตามใจ มีเคสร้องเรียนมากมาย และต้องถูกปรับเป็นจำนวนเงินมหาศาล หัวหน้าทีมมีปมใจจากการเลื้ยงดูตั้งแต่เด็ก แต่เขาถูกคำพูดของลูกชายตัวเองจนทำให้คิดได้ว่า เขาควรทำงานโดยมองผู้เกี่ยวข้อง รวมถึงผู้กระทำผิดว่าพวกเขาต้องการอะไรบ้าง และวัตถุประสงค์ที่แท้จริงในการทำงานของเขาทำไปเพื่ออะไร และนำทุกอย่างมาผสานให้สถานการณ์ลงตัว ยังมีเหตุการณ์ลักษณะแบบนี้อีกเช่น บริษัทว่าความยอมคืนเงินที่คิดว่าทำงานว่างความแล้วผลออกมาไม่ดีนักให้กับลูกความตัวเอง , บริษัทรับจ้างทวงหนี้ แทนที่จะรีบทวงหนี้โดยไม่คิดวิธีการ แต่พวกเขารู้ว่าถึงทำไปก็ไม่สามารถนำเงินที่ค้างคืนมาได้ บริษัทเลยทำหน้าที่ช่วยหางานให้กับลูกหนี้ เขียนเรซูเม่ให้ และซักซ้อมการเข้าสัมภาษณ์จนนี้เสียลดลงอย่างมาก ยังมีอีกหลายเรื่องที่น่าอ่านที่ให้ผลในทำนองเดียวกัน
การให้โดยที่ตั้งใจให้ผู้ที่เกี่ยวข้องรอบๆตัวได้บรรลุวัตถุประสงค์ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายหลัก ไม่ว่าจะเป็น ลูกค้า , ฝ่ายขาย , เจ้านาย หรือทีมงานระดับมดงาน โดยไม่คิดถึงเป้าหมายของตัวเองฝ่ายเดียว เมื่อเวลาผ่านไป บรรยากาศจะดีขึ้น จะมีรายได้เข้ามามากขึ้น และสามารถรอดพ้นจากวิกฤติได้
#TheOutwardMindset #เพราะมองออกนอกคุณถึงเห็นข้างใน #รีวิวหนังสือ
มองออกนอกคือการเอาใจเขามาใส่ใจเรา แต่จุดประสงค์ของการเขียนหนังสือเล่มนี้เน้นในเรื่องธุรกิจหรือองค์การเป็นหลัก แต่ก็สามารถนำหลักการนี้นำไปใช้ในเรื่องส่วนบุคคลได้ด้วย เนื้อหาชี้ไปในทิศทางเดียวกันว่าหากมองจุดประสงค์และปัญหาของหน่วยงานต่างๆที่ต้องส่งงานต่อให้กันนั้น ถ้ามองในลักษณะเข้าใจการกระทำของคู่ประสานงานกัน จะทำให้องค์การมีความสุข และเจริญรุ่งเรืองในที่สุด
เนื่องจากทีมงานผู้เขียนเป็นองค์กรที่รับแก้ปัญหาในเรื่องความสามัคคีในองค์กร พวกเขานำหลักการนี้ไปใช้และสามารถปรับปรุง เปลี่ยนแปลงให้องค์กรจากขาดทุนจนทำให้มีกำไร หลักการง่ายๆของพวกเขาคือการมองออก
เนื้อหาในเล่มทีมผู้เขียน นำตัวอย่างเคสต่างๆที่เกิดขึ้นจริงในวงการธุรกิจโดยที่พวกเขาสามารถเปลี่ยนจากสถานการณ์ย่ำแย่ กลับกลายมาเป็นทีมงานที่แข็งแกร่งได้ ตัวอย่างที่ผู้เขียนยกมาเช่น ทีมหน่วยคอมมานโดที่เคยทำอะไรตามใจ มีเคสร้องเรียนมากมาย และต้องถูกปรับเป็นจำนวนเงินมหาศาล หัวหน้าทีมมีปมใจจากการเลื้ยงดูตั้งแต่เด็ก แต่เขาถูกคำพูดของลูกชายตัวเองจนทำให้คิดได้ว่า เขาควรทำงานโดยมองผู้เกี่ยวข้อง รวมถึงผู้กระทำผิดว่าพวกเขาต้องการอะไรบ้าง และวัตถุประสงค์ที่แท้จริงในการทำงานของเขาทำไปเพื่ออะไร และนำทุกอย่างมาผสานให้สถานการณ์ลงตัว ยังมีเหตุการณ์ลักษณะแบบนี้อีกเช่น บริษัทว่าความยอมคืนเงินที่คิดว่าทำงานว่างความแล้วผลออกมาไม่ดีนักให้กับลูกความตัวเอง , บริษัทรับจ้างทวงหนี้ แทนที่จะรีบทวงหนี้โดยไม่คิดวิธีการ แต่พวกเขารู้ว่าถึงทำไปก็ไม่สามารถนำเงินที่ค้างคืนมาได้ บริษัทเลยทำหน้าที่ช่วยหางานให้กับลูกหนี้ เขียนเรซูเม่ให้ และซักซ้อมการเข้าสัมภาษณ์จนนี้เสียลดลงอย่างมาก ยังมีอีกหลายเรื่องที่น่าอ่านที่ให้ผลในทำนองเดียวกัน
การให้โดยที่ตั้งใจให้ผู้ที่เกี่ยวข้องรอบๆตัวได้บรรลุวัตถุประสงค์ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายหลัก ไม่ว่าจะเป็น ลูกค้า , ฝ่ายขาย , เจ้านาย หรือทีมงานระดับมดงาน โดยไม่คิดถึงเป้าหมายของตัวเองฝ่ายเดียว เมื่อเวลาผ่านไป บรรยากาศจะดีขึ้น จะมีรายได้เข้ามามากขึ้น และสามารถรอดพ้นจากวิกฤติได้
#TheOutwardMindset #เพราะมองออกนอกคุณถึงเห็นข้างใน #รีวิวหนังสือ
The Outward Mindset เพราะมองออกนอกคุณถึงเห็นข้างใน (2025/016)
มองออกนอกคือการเอาใจเขามาใส่ใจเรา แต่จุดประสงค์ของการเขียนหนังสือเล่มนี้เน้นในเรื่องธุรกิจหรือองค์การเป็นหลัก แต่ก็สามารถนำหลักการนี้นำไปใช้ในเรื่องส่วนบุคคลได้ด้วย เนื้อหาชี้ไปในทิศทางเดียวกันว่าหากมองจุดประสงค์และปัญหาของหน่วยงานต่างๆที่ต้องส่งงานต่อให้กันนั้น ถ้ามองในลักษณะเข้าใจการกระทำของคู่ประสานงานกัน จะทำให้องค์การมีความสุข และเจริญรุ่งเรืองในที่สุด
เนื่องจากทีมงานผู้เขียนเป็นองค์กรที่รับแก้ปัญหาในเรื่องความสามัคคีในองค์กร พวกเขานำหลักการนี้ไปใช้และสามารถปรับปรุง เปลี่ยนแปลงให้องค์กรจากขาดทุนจนทำให้มีกำไร หลักการง่ายๆของพวกเขาคือการมองออก
เนื้อหาในเล่มทีมผู้เขียน นำตัวอย่างเคสต่างๆที่เกิดขึ้นจริงในวงการธุรกิจโดยที่พวกเขาสามารถเปลี่ยนจากสถานการณ์ย่ำแย่ กลับกลายมาเป็นทีมงานที่แข็งแกร่งได้ ตัวอย่างที่ผู้เขียนยกมาเช่น ทีมหน่วยคอมมานโดที่เคยทำอะไรตามใจ มีเคสร้องเรียนมากมาย และต้องถูกปรับเป็นจำนวนเงินมหาศาล หัวหน้าทีมมีปมใจจากการเลื้ยงดูตั้งแต่เด็ก แต่เขาถูกคำพูดของลูกชายตัวเองจนทำให้คิดได้ว่า เขาควรทำงานโดยมองผู้เกี่ยวข้อง รวมถึงผู้กระทำผิดว่าพวกเขาต้องการอะไรบ้าง และวัตถุประสงค์ที่แท้จริงในการทำงานของเขาทำไปเพื่ออะไร และนำทุกอย่างมาผสานให้สถานการณ์ลงตัว ยังมีเหตุการณ์ลักษณะแบบนี้อีกเช่น บริษัทว่าความยอมคืนเงินที่คิดว่าทำงานว่างความแล้วผลออกมาไม่ดีนักให้กับลูกความตัวเอง , บริษัทรับจ้างทวงหนี้ แทนที่จะรีบทวงหนี้โดยไม่คิดวิธีการ แต่พวกเขารู้ว่าถึงทำไปก็ไม่สามารถนำเงินที่ค้างคืนมาได้ บริษัทเลยทำหน้าที่ช่วยหางานให้กับลูกหนี้ เขียนเรซูเม่ให้ และซักซ้อมการเข้าสัมภาษณ์จนนี้เสียลดลงอย่างมาก ยังมีอีกหลายเรื่องที่น่าอ่านที่ให้ผลในทำนองเดียวกัน
การให้โดยที่ตั้งใจให้ผู้ที่เกี่ยวข้องรอบๆตัวได้บรรลุวัตถุประสงค์ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายหลัก ไม่ว่าจะเป็น ลูกค้า , ฝ่ายขาย , เจ้านาย หรือทีมงานระดับมดงาน โดยไม่คิดถึงเป้าหมายของตัวเองฝ่ายเดียว เมื่อเวลาผ่านไป บรรยากาศจะดีขึ้น จะมีรายได้เข้ามามากขึ้น และสามารถรอดพ้นจากวิกฤติได้
#TheOutwardMindset #เพราะมองออกนอกคุณถึงเห็นข้างใน #รีวิวหนังสือ
0 ความคิดเห็น
0 การแบ่งปัน
8 มุมมอง
0 รีวิว