ฟาห์เรนไฮต์ 451 / Fahrenheit 451 (2025/010) นิยายแนวดิสโทเปีย(แนวโลกสมมติในแบบที่มนุษย์ไม่มีค่า)และเหนือกาลเวลา นิยายแต่งเมื่อปี ค.ศ. 1953(พ.ศ.2496) แต่เนื้อหาดูทันสมัยมาก เป็นเนื้อหาเกี่ยวกับโลกอนาคต ที่ผู้มีอำนาจสามารถควบคุมผู้ใต้ปกครองให้ทำทุกอย่างที่ต้องการและทำลายล้างหนังสือและผู้มีความรู้มานานกว่า 50ปีแล้วและที่นั่น ตัวเอกของเรื่องเป็นนักผจญเพลิงที่ไม่ได้ทำหน้าที่ดับเพลิง หากแต่ทำหน้าที่เผาหนังสือทุกเล่ม ด้วยสายดับเพลิงที่บรรจุน้ำมันก๊าดและจุดไฟเผาหนังสือทุกเล่มที่ขวางหน้า แต่เขาได้พบและพูดคุยกับหญิงสาวที่เรียกตัวเองว่าเป็นผู้ป่วยทางจิตเวช หลังจากนั้นความคิดในการเปลี่ยนแปลงสภาพสังคมของเขาก็เปลี่ยนไป นิยายเขียนขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1953 และช่วงเวลาที่นิยายอ้างเป็นช่วงปี 2022(ใกล้กับปีปัจจุบันเลย) กาย มอนทาก เป็นนักผจญเพลิงแต่ไม่ได้ช่วยดับเพลิงแบบที่เราๆเข้าใจกัน เพราะช่วงเวลาในนิยายดำเนินเรื่องอยู่นั้นบ้านทั้งหลายไม่ได้สร้างด้วยวัสดุติดไฟ แล้วนักผจญเพลิงทำอะไร? ในเวลานั้นนักผจญเพลิงทำหน้าที่รับคำสั่งโดยตรงกับรัฐบาล ให้ทำลายหนังสือทุกเล่มที่มีอยู่ รวมไปถึงจับกุมผู้เป็นเจ้าของหนังสือให้ได้รับโทษตามกฎหมาย กาย มอนทาก เป็นหนึ่งในนักผจญเพลิงของเขตนั้น โดยในทีมเขามีหัวหน้าและเพื่อนร่วมงานอยู่อีกหลายคน มนุษย์ในเรื่อง ทำตัวเลื่อนลอยทำงานไป ดูทีวีล้างสมองและบางคนก็ฟังวิทยุที่ใช้หูฟังติดตัวตลอด โดยฟังรายการของทางรัฐบาล มนุษย์ในเรื่องเหมือนเครื่องจักร ขี้กลัวและไม่มีความสุข ช่วงดึกหลังจาก กาย มอนทาก กลับจากสถานีดับเพลิง เขาพบกับหญิงสาว หน้าขาวตัวผอม เธอทักทายกายและพูดคุยกับกายในแบบที่ไม่เหมือนคนอื่นพูดคุยกับ เธอพูดถึงต้นไม้ สายลม ดวงดาว เธอพูดว่าเธอมีความสุขกับเรื่องเหล่านี้ แต่คนในสังคมบอกว่าเธอบ้าออกจากโรงเรียนตั้งแต่เด็กๆ และพูดคุยเรื่องประหลาด กายได้คุยกับเธอในช่วงกลับบ้านและก่อนออกไปทำงาน หลังจากคุยได้ 5วัน เธอก็หายตัวไป พร้อมกับเหตุการที่นักผจญเพลิงต้องไปทำลายหนังสือบ้านของหญิงคนหนึ่ง ซึ่งเป็นเหตุการสะเทือนใจมากและหลังจากนั้น กาย มอนทาก ก็เริ่มสงสัยในการใช้ชีวิตของเขา ภรรยาของเขา สังคมรอบตัว ผู้คนในที่ทำงาน และรัฐบาล เขาจะทำอย่างไรต่อไป… อ้อ จากชื่อหนังสือ ฟาห์เรนไฮต์ 451 ที่อุณหภูมินี้ ว่ากันว่าเป็นจุดอุณหภูมิที่กระดาษ(หนังสือ)สามารถลุกไหม้เป็นไฟขึ้นได้เอง และทีมนักดับเพลิง(ในเรื่อง)ก็ใช้ชื่อนี้เป็นชือทีมงานดับเพลิงด้วย #ฟาห์เรนไฮต์451 #Fahrenheit451 #รีวิวหนังสือ