คำภีร์หน้าหนา Rejection Proof

หนังสือเล่มสุดท้ายของปี 2567


เนื้อหาเกี่ยวกับการเผชิญหน้าและยืนหยัดใช้ชีวิตต่อหลังจากการถูกปฎิเสธ การถูกปฎิเสธเป็นส่วนหนึ่งในการต่อสู้กับความกลัว และหนังสือเล่มนี้จะทำให้รู้ว่าการถูกปฎิเสธเป็นเรื่องแสนธรรมดา…ลองตามมาดูแนวคิดของผู้เขียนกัน

นักเขียนชาวปักกิ่ง ที่มีความปรารถนาที่อยากเป็นผู้ประกอบการที่มีคุณบิล เกตส์ เป็นแรงบันดาลใจ เขาใช้ความพยายามอย่างยิ่งจนได้ทุนไปเรียนต่อที่ประเทศอเมริกาและเรียนจนถึงปริญญาโท เขาทำงานในบริษัทขนาดใหญ่ซึ่งมีความมั่นคงรายได้หกหลัก(น่าจะหน่วยเป็นดอลลาร์ต่อปี) ซึ่งเรียกได้ว่าใช้ชีวิตอยู่อย่างสบายและเลี้ยงดูครอบครัวได้เป็นอย่างดี เขาแต่งงานกับภรรยาเชื้อสายจีน และกำลังอุ้มท้องลูกของทั้งคู่อยู่

ภรรยาของเขาคุยกับเขาว่า ตัวเขาลืมความตั้งใจที่อยากเป็นเจ้าของธุรกิจแล้วหรือยังและถ้าไม่ได้ทำตามความฝันเขาจะเสียใจไปตลอดชีวิต หลังจากนั้นเขาคิดว่าภรรยาเขาพูดได้ถูกต้องเขาทิ้งงานที่มั่นคงและรายได้มหาศาลโดยเธอบอกว่าการออกมาเป็นเจ้าของธุรกิจนี้เธอให้เวลาผู้เขียน 6เดือนแลวค่อยมาวิเคราะห์ว่าธุรกิจนี้ไปรอดหรือไม่ ผู้เขียนได้นำเงินเก็บทั้งหมดไปลงทุนทำแอปพลิเคชัน โดยการรวมทีมโปรแกรมเมอร์และนักการตลาดที่มีฝีมือดี 3คน และหลังจากนั้น 3เดือนพวกเขาก็ปล่อย แอปพลิเคชันลงใน iOS แต่รายได้ที่เข้ามาน้อยมาก ผู้เขียนจึงตัดสินใจมองหาผู้ร่วมลงทุน และตัวเขาได้เข้าไปสู่รายการ Shark Tank(รายการทีวีที่ให้เจ้าของกิจการ มานำเสนอข้อดีของกิจการตัวเองและกำหนดสัดส่วนการลงทุนให้กับบริษัทที่ต้องการหา Starp Up เพื่อลงทุน) จนสามารถได้จับคู่กับบริษัทแห่งหนึ่งได้ พวกเขาดีใจกันมากที่แอปพลิเคชันจะได้ไปต่อจากเงินลงทุนเพิ่ม

หลังจากนั้นสองสัปดาห์บริษัทที่จะร่วมลงทุนโทรมาคุยกับเขาว่าจะไม่ร่วมลงทุนด้วย ตอนนั้นเขาลาออกจากงานมาแล้ว 4เดือน เขาคำนวณแล้วว่าถ้าไม่มีเงินจากบริษัทที่จะมาร่วมทุน เงินเก็บของเขาทั้งหมดจะหมดลงภายในสองถึงสามเดือน ตอนนั้นเขาเครียดมากผลกจากการถูกปฎิเสธนั้นมันรุนแรงสำหรับเขามาก แต่ภรรยเขาบอกกับเขาว่า ยังเหลือเวลาอีก 2เดือนที่จะต้องตัดสินใจล้มโครงการและกลับไปหางานทำแบบเดิม

ด้วยการที่เขาโฟกัสไปกับการถูกปฎิเสธ เขาเลยคิดจะทำอะไรบ้าๆดูว่าถ้าหากถูกปฎิเสธสักร้อยครั้งจะเกิดอะไรขึ้น เขาตั้งโครงการปฎิเสธ 100ครังใน 100วัน โดยการถ่ายคลิปไปด้วย เมื่อถ่ายคลิปแล้วเขาก็นำเอาไปลงใน Youtube วันแรกเขาลองเดินไปขอยืมเงิน 100USD กับยามคนหนึ่งที่ไม่รู้จัก แน่นอนเขาปฎิเสธแต่เขาพูดกลับมาว่า ทำไมผมต้องเอาเงินให้คุณยืมด้วย หลังจากนั้นเขาก็ไปเคาะประตูเพราะของไปไดรฟ์กอล์ฟหลังบ้านชายคนหนึ่ง

และในวันที่ 5 ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่ลอนดอน เขาไปที่ร้าน ขายโดนัทคริสปีครีม และบอกกับพนักงานหน้าร้านว่าเขาอยากซื้อโดนัทที่คล้องกันเป็นห่วงแบบสัญลักษณ์โอลิมปิก พนักงานคนนั้นบอกว่าขอเวลา 15 นาที ซึ่งการร้องขอของเขาครั้งนี้เค้าเพียงคิดว่าถ้าถูกปฎิเสธก็อดกินโดนัทถ้าไม่ถูกปฎิเสธก็แค่จ่ายเงินค่าโดนัทแล้วนำกลับไปรับประทานที่บ้าน หลังจากนั้นพนักงานเรียกเขามารับโดนัทซึ่งสามารถทำเป็นห่วงอย่างที่เขาต้องการได้ และพนักงานคนนั้นไม่คิดเงินเขา โดยคลิปวีดีโอนี้ทำให้เขาและพนักงานคนนั้นดังเป็นไวรัลเลย แต่ผู้เขียนไม่หยุดแค่นั้นเขายังคงทำภาระกิจการถูกปฎิเสธให้ครบ 100 ครั้ง

ในระหว่างทำภาระกิจผู้เขียนเขาอ่านหนังสือและวิเคราะห์การถูกปฎิเสธ จนเขียนเป็นทฤษฎีขึ้นมาได้ ซึ่งเป็นการสอนให้ทำความเข้าใจการถูกปฎิเสธและการปฎิบัติตัวหลังถูกปฎิเสธ มีอยู่ในหนังสือเล่มนี้แล้ว


#คำภีร์หน้าหนา #RejectionProof #รีวิวหนังสือ
คำภีร์หน้าหนา Rejection Proof หนังสือเล่มสุดท้ายของปี 2567 เนื้อหาเกี่ยวกับการเผชิญหน้าและยืนหยัดใช้ชีวิตต่อหลังจากการถูกปฎิเสธ การถูกปฎิเสธเป็นส่วนหนึ่งในการต่อสู้กับความกลัว และหนังสือเล่มนี้จะทำให้รู้ว่าการถูกปฎิเสธเป็นเรื่องแสนธรรมดา…ลองตามมาดูแนวคิดของผู้เขียนกัน นักเขียนชาวปักกิ่ง ที่มีความปรารถนาที่อยากเป็นผู้ประกอบการที่มีคุณบิล เกตส์ เป็นแรงบันดาลใจ เขาใช้ความพยายามอย่างยิ่งจนได้ทุนไปเรียนต่อที่ประเทศอเมริกาและเรียนจนถึงปริญญาโท เขาทำงานในบริษัทขนาดใหญ่ซึ่งมีความมั่นคงรายได้หกหลัก(น่าจะหน่วยเป็นดอลลาร์ต่อปี) ซึ่งเรียกได้ว่าใช้ชีวิตอยู่อย่างสบายและเลี้ยงดูครอบครัวได้เป็นอย่างดี เขาแต่งงานกับภรรยาเชื้อสายจีน และกำลังอุ้มท้องลูกของทั้งคู่อยู่ ภรรยาของเขาคุยกับเขาว่า ตัวเขาลืมความตั้งใจที่อยากเป็นเจ้าของธุรกิจแล้วหรือยังและถ้าไม่ได้ทำตามความฝันเขาจะเสียใจไปตลอดชีวิต หลังจากนั้นเขาคิดว่าภรรยาเขาพูดได้ถูกต้องเขาทิ้งงานที่มั่นคงและรายได้มหาศาลโดยเธอบอกว่าการออกมาเป็นเจ้าของธุรกิจนี้เธอให้เวลาผู้เขียน 6เดือนแลวค่อยมาวิเคราะห์ว่าธุรกิจนี้ไปรอดหรือไม่ ผู้เขียนได้นำเงินเก็บทั้งหมดไปลงทุนทำแอปพลิเคชัน โดยการรวมทีมโปรแกรมเมอร์และนักการตลาดที่มีฝีมือดี 3คน และหลังจากนั้น 3เดือนพวกเขาก็ปล่อย แอปพลิเคชันลงใน iOS แต่รายได้ที่เข้ามาน้อยมาก ผู้เขียนจึงตัดสินใจมองหาผู้ร่วมลงทุน และตัวเขาได้เข้าไปสู่รายการ Shark Tank(รายการทีวีที่ให้เจ้าของกิจการ มานำเสนอข้อดีของกิจการตัวเองและกำหนดสัดส่วนการลงทุนให้กับบริษัทที่ต้องการหา Starp Up เพื่อลงทุน) จนสามารถได้จับคู่กับบริษัทแห่งหนึ่งได้ พวกเขาดีใจกันมากที่แอปพลิเคชันจะได้ไปต่อจากเงินลงทุนเพิ่ม หลังจากนั้นสองสัปดาห์บริษัทที่จะร่วมลงทุนโทรมาคุยกับเขาว่าจะไม่ร่วมลงทุนด้วย ตอนนั้นเขาลาออกจากงานมาแล้ว 4เดือน เขาคำนวณแล้วว่าถ้าไม่มีเงินจากบริษัทที่จะมาร่วมทุน เงินเก็บของเขาทั้งหมดจะหมดลงภายในสองถึงสามเดือน ตอนนั้นเขาเครียดมากผลกจากการถูกปฎิเสธนั้นมันรุนแรงสำหรับเขามาก แต่ภรรยเขาบอกกับเขาว่า ยังเหลือเวลาอีก 2เดือนที่จะต้องตัดสินใจล้มโครงการและกลับไปหางานทำแบบเดิม ด้วยการที่เขาโฟกัสไปกับการถูกปฎิเสธ เขาเลยคิดจะทำอะไรบ้าๆดูว่าถ้าหากถูกปฎิเสธสักร้อยครั้งจะเกิดอะไรขึ้น เขาตั้งโครงการปฎิเสธ 100ครังใน 100วัน โดยการถ่ายคลิปไปด้วย เมื่อถ่ายคลิปแล้วเขาก็นำเอาไปลงใน Youtube วันแรกเขาลองเดินไปขอยืมเงิน 100USD กับยามคนหนึ่งที่ไม่รู้จัก แน่นอนเขาปฎิเสธแต่เขาพูดกลับมาว่า ทำไมผมต้องเอาเงินให้คุณยืมด้วย หลังจากนั้นเขาก็ไปเคาะประตูเพราะของไปไดรฟ์กอล์ฟหลังบ้านชายคนหนึ่ง และในวันที่ 5 ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่ลอนดอน เขาไปที่ร้าน ขายโดนัทคริสปีครีม และบอกกับพนักงานหน้าร้านว่าเขาอยากซื้อโดนัทที่คล้องกันเป็นห่วงแบบสัญลักษณ์โอลิมปิก พนักงานคนนั้นบอกว่าขอเวลา 15 นาที ซึ่งการร้องขอของเขาครั้งนี้เค้าเพียงคิดว่าถ้าถูกปฎิเสธก็อดกินโดนัทถ้าไม่ถูกปฎิเสธก็แค่จ่ายเงินค่าโดนัทแล้วนำกลับไปรับประทานที่บ้าน หลังจากนั้นพนักงานเรียกเขามารับโดนัทซึ่งสามารถทำเป็นห่วงอย่างที่เขาต้องการได้ และพนักงานคนนั้นไม่คิดเงินเขา โดยคลิปวีดีโอนี้ทำให้เขาและพนักงานคนนั้นดังเป็นไวรัลเลย แต่ผู้เขียนไม่หยุดแค่นั้นเขายังคงทำภาระกิจการถูกปฎิเสธให้ครบ 100 ครั้ง ในระหว่างทำภาระกิจผู้เขียนเขาอ่านหนังสือและวิเคราะห์การถูกปฎิเสธ จนเขียนเป็นทฤษฎีขึ้นมาได้ ซึ่งเป็นการสอนให้ทำความเข้าใจการถูกปฎิเสธและการปฎิบัติตัวหลังถูกปฎิเสธ มีอยู่ในหนังสือเล่มนี้แล้ว #คำภีร์หน้าหนา #RejectionProof #รีวิวหนังสือ
0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 27 มุมมอง 0 รีวิว