• “จาก Hype สู่ความจริง: คำแนะนำถึงผู้ขายโซลูชันไซเบอร์”

    บทความ Selling to the CISO: An open letter to the cybersecurity industry โดย Tyler Farrar (CISO ของ Nextracker) วิจารณ์ว่าอุตสาหกรรมไซเบอร์เต็มไปด้วย “เสียงรบกวน” และการขายที่เน้นการตลาดมากกว่าการแก้ปัญหาจริง เขาเรียกร้องให้ผู้ขายกลับไปสู่พื้นฐานที่พิสูจน์แล้ว เช่น การจัดการแพตช์ การควบคุมสิทธิ์ และการแบ่งเครือข่าย

    อุตสาหกรรมไซเบอร์: เสียงดังแต่ไร้สาระ
    Tyler Farrar ระบุว่า ตลาดไซเบอร์เต็มไปด้วยผลิตภัณฑ์ที่สร้างขึ้นเพื่อการระดมทุนมากกว่าการใช้งานจริง หลายโซลูชันสัญญาว่าจะ “ปฏิวัติความปลอดภัย” แต่ไม่สามารถอธิบายได้ชัดเจนว่ากำลังแก้ปัญหาอะไร ผลลัพธ์คือ CISO ต้องเผชิญกับการนำเสนอที่ไม่ตอบโจทย์ ขณะที่ช่องโหว่พื้นฐานยังคงถูกละเลย

    บทบาทของ CISO: การเล่นเกมที่ไม่มีวันชนะ
    เขาเปรียบงานของ CISO ว่าเป็น เกมที่ไม่มีวันชนะ เพราะแม้จะปิดช่องโหว่ทั้งหมด ค่าใช้จ่ายก็สูงจนทำให้ธุรกิจหยุดชะงัก ดังนั้นหน้าที่ของ CISO ไม่ใช่การสร้างระบบที่ “ปลอดภัยสมบูรณ์” แต่คือการ หาสมดุลระหว่างความเสี่ยงและการดำเนินธุรกิจ โดยเลือกลงทุนในสิ่งที่ลดความเสี่ยงได้จริง เช่น การมองเห็นระบบ (visibility), การจัดการสิทธิ์ (identity), และการทำงานอัตโนมัติที่ช่วยทีมทำงานเร็วขึ้น

    กลับสู่พื้นฐานที่พิสูจน์แล้ว
    Farrar ย้ำว่า องค์กรส่วนใหญ่ไม่ต้องการเครื่องมือใหม่ แต่ต้องการทำพื้นฐานให้ถูกต้อง เช่น:
    การแพตช์ระบบอย่างสม่ำเสมอ
    การควบคุมสิทธิ์การเข้าถึง
    การแบ่งเครือข่ายเพื่อป้องกันการเคลื่อนที่ด้านข้างของผู้โจมตี

    เขาเตือนว่าการละเลยพื้นฐานเพราะ “ไม่ตื่นเต้นพอสำหรับนักลงทุน” เป็นสาเหตุที่ทำให้ช่องโหว่เดิม ๆ ยังคงสร้างความเสียหายซ้ำแล้วซ้ำเล่า

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ปัญหาในตลาดไซเบอร์
    ผลิตภัณฑ์จำนวนมากถูกสร้างเพื่อการตลาด ไม่ใช่การแก้ปัญหาจริง
    CISO ต้องเผชิญกับการขายที่เต็มไปด้วย hype

    บทบาทของ CISO
    ไม่ใช่การสร้างระบบที่ปลอดภัยสมบูรณ์ แต่คือการหาสมดุลระหว่างความเสี่ยงและธุรกิจ
    ลงทุนใน visibility, identity, automation ที่ช่วยลดความเสี่ยงจริง

    พื้นฐานที่สำคัญ
    การแพตช์ การควบคุมสิทธิ์ และการแบ่งเครือข่าย
    สิ่งเหล่านี้ลดพื้นที่โจมตีได้มากกว่าซอฟต์แวร์ใหม่ ๆ

    คำเตือนต่ออุตสาหกรรม
    การไล่ตาม hype ทำให้ละเลยพื้นฐานที่พิสูจน์แล้ว
    หากไม่เปลี่ยนแนวทาง การโจมตีเดิม ๆ จะยังคงสร้างความเสียหายต่อไป

    https://www.csoonline.com/article/4089738/selling-to-the-ciso-an-open-letter-to-the-cybersecurity-industry.html
    📧 “จาก Hype สู่ความจริง: คำแนะนำถึงผู้ขายโซลูชันไซเบอร์” บทความ Selling to the CISO: An open letter to the cybersecurity industry โดย Tyler Farrar (CISO ของ Nextracker) วิจารณ์ว่าอุตสาหกรรมไซเบอร์เต็มไปด้วย “เสียงรบกวน” และการขายที่เน้นการตลาดมากกว่าการแก้ปัญหาจริง เขาเรียกร้องให้ผู้ขายกลับไปสู่พื้นฐานที่พิสูจน์แล้ว เช่น การจัดการแพตช์ การควบคุมสิทธิ์ และการแบ่งเครือข่าย 📢 อุตสาหกรรมไซเบอร์: เสียงดังแต่ไร้สาระ Tyler Farrar ระบุว่า ตลาดไซเบอร์เต็มไปด้วยผลิตภัณฑ์ที่สร้างขึ้นเพื่อการระดมทุนมากกว่าการใช้งานจริง หลายโซลูชันสัญญาว่าจะ “ปฏิวัติความปลอดภัย” แต่ไม่สามารถอธิบายได้ชัดเจนว่ากำลังแก้ปัญหาอะไร ผลลัพธ์คือ CISO ต้องเผชิญกับการนำเสนอที่ไม่ตอบโจทย์ ขณะที่ช่องโหว่พื้นฐานยังคงถูกละเลย ⚖️ บทบาทของ CISO: การเล่นเกมที่ไม่มีวันชนะ เขาเปรียบงานของ CISO ว่าเป็น เกมที่ไม่มีวันชนะ เพราะแม้จะปิดช่องโหว่ทั้งหมด ค่าใช้จ่ายก็สูงจนทำให้ธุรกิจหยุดชะงัก ดังนั้นหน้าที่ของ CISO ไม่ใช่การสร้างระบบที่ “ปลอดภัยสมบูรณ์” แต่คือการ หาสมดุลระหว่างความเสี่ยงและการดำเนินธุรกิจ โดยเลือกลงทุนในสิ่งที่ลดความเสี่ยงได้จริง เช่น การมองเห็นระบบ (visibility), การจัดการสิทธิ์ (identity), และการทำงานอัตโนมัติที่ช่วยทีมทำงานเร็วขึ้น 🔑 กลับสู่พื้นฐานที่พิสูจน์แล้ว Farrar ย้ำว่า องค์กรส่วนใหญ่ไม่ต้องการเครื่องมือใหม่ แต่ต้องการทำพื้นฐานให้ถูกต้อง เช่น: 🎗️ การแพตช์ระบบอย่างสม่ำเสมอ 🎗️ การควบคุมสิทธิ์การเข้าถึง 🎗️ การแบ่งเครือข่ายเพื่อป้องกันการเคลื่อนที่ด้านข้างของผู้โจมตี เขาเตือนว่าการละเลยพื้นฐานเพราะ “ไม่ตื่นเต้นพอสำหรับนักลงทุน” เป็นสาเหตุที่ทำให้ช่องโหว่เดิม ๆ ยังคงสร้างความเสียหายซ้ำแล้วซ้ำเล่า 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ปัญหาในตลาดไซเบอร์ ➡️ ผลิตภัณฑ์จำนวนมากถูกสร้างเพื่อการตลาด ไม่ใช่การแก้ปัญหาจริง ➡️ CISO ต้องเผชิญกับการขายที่เต็มไปด้วย hype ✅ บทบาทของ CISO ➡️ ไม่ใช่การสร้างระบบที่ปลอดภัยสมบูรณ์ แต่คือการหาสมดุลระหว่างความเสี่ยงและธุรกิจ ➡️ ลงทุนใน visibility, identity, automation ที่ช่วยลดความเสี่ยงจริง ✅ พื้นฐานที่สำคัญ ➡️ การแพตช์ การควบคุมสิทธิ์ และการแบ่งเครือข่าย ➡️ สิ่งเหล่านี้ลดพื้นที่โจมตีได้มากกว่าซอฟต์แวร์ใหม่ ๆ ‼️ คำเตือนต่ออุตสาหกรรม ⛔ การไล่ตาม hype ทำให้ละเลยพื้นฐานที่พิสูจน์แล้ว ⛔ หากไม่เปลี่ยนแนวทาง การโจมตีเดิม ๆ จะยังคงสร้างความเสียหายต่อไป https://www.csoonline.com/article/4089738/selling-to-the-ciso-an-open-letter-to-the-cybersecurity-industry.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Selling to the CISO: An open letter to the cybersecurity industry
    The industry has stopped rewarding what works in favor of what sells. But as security leaders with very real risks on the line, we need reliable solutions more than we need revolutionary sales pitches.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 16 มุมมอง 0 รีวิว
  • Verizon ปรับโครงสร้างครั้งใหญ่

    Verizon ผู้ให้บริการเครือข่ายไร้สายรายใหญ่ของสหรัฐฯ ประกาศว่าจะปลดพนักงานมากกว่า 13,000 คนทั่วทั้งองค์กร ถือเป็นการเลิกจ้างครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์บริษัท การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นภายใต้การนำของ Dan Schulman ซีอีโอคนใหม่ที่เข้ามารับตำแหน่งในเดือนตุลาคม 2025 หลังจากเคยเป็นหัวหน้า PayPal

    นอกจากการปลดพนักงานแล้ว Verizon ยังวางแผน เปลี่ยนร้านค้าของบริษัท 179 แห่งเป็นแฟรนไชส์ และปิดร้านหนึ่งแห่ง เพื่อปรับโครงสร้างการดำเนินงานให้มีความคล่องตัวมากขึ้น

    เหตุผลเบื้องหลังการปรับโครงสร้าง
    Schulman ระบุว่า โครงสร้างต้นทุนปัจจุบันของ Verizon จำกัดความสามารถในการลงทุนเพื่อสร้างคุณค่าให้ลูกค้า บริษัทจึงจำเป็นต้องลดความซับซ้อนของการดำเนินงานและลดการพึ่งพาแรงงานภายนอก เพื่อแก้ไขความล่าช้าและความยุ่งยากที่สร้างความไม่พอใจให้ลูกค้า

    Verizon ยังตั้งกองทุนมูลค่า 20 ล้านดอลลาร์ เพื่อช่วยเหลือพนักงานที่ถูกเลิกจ้างในการเปลี่ยนสายอาชีพ โดยเน้นทักษะที่จำเป็นในยุค AI และดิจิทัล

    สถานการณ์การแข่งขันในตลาด
    การปรับโครงสร้างครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางแรงกดดันจากคู่แข่งอย่าง AT&T และ T-Mobile ที่ใช้กลยุทธ์ส่วนลดและโปรโมชันแรง ๆ ในการดึงลูกค้า Verizon เพิ่มผู้ใช้รายใหม่เพียง 44,000 ราย ในไตรมาส 3 ปี 2025 ซึ่งน้อยกว่า AT&T และห่างไกลจาก T-Mobile ที่เพิ่มผู้ใช้กว่า 1 ล้านราย

    นอกจากนี้ Verizon ยังลงทุนมหาศาลในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เช่น 52 พันล้านดอลลาร์ เพื่อซื้อคลื่น midband spectrum สำหรับ 5G และ 20 พันล้านดอลลาร์ เพื่อซื้อกิจการ Frontier Communications รวมถึง 6 พันล้านดอลลาร์ สำหรับ TracFone Wireless ซึ่งเพิ่มแรงกดดันด้านการเงินต่อบริษัท

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การเลิกจ้างครั้งใหญ่
    ปลดพนักงานกว่า 13,000 คน ถือเป็นครั้งใหญ่ที่สุดของ Verizon
    เปลี่ยนร้านค้าบริษัท 179 แห่งเป็นแฟรนไชส์

    เหตุผลการปรับโครงสร้าง
    ลดต้นทุนและความซับซ้อนในการดำเนินงาน
    ตั้งกองทุน 20 ล้านดอลลาร์ช่วยพนักงานที่ถูกเลิกจ้าง

    แรงกดดันจากตลาด
    Verizon เพิ่มผู้ใช้รายใหม่เพียง 44,000 รายใน Q3
    คู่แข่ง AT&T และ T-Mobile ใช้ส่วนลดและโปรโมชันดึงลูกค้าได้มากกว่า

    คำเตือนต่ออนาคต Verizon
    การลงทุนมหาศาลใน spectrum และการซื้อกิจการเพิ่มภาระทางการเงิน
    หากไม่สามารถฟื้นฟูความสามารถในการแข่งขัน อาจสูญเสียตำแหน่งผู้นำตลาด

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/20/verizon-cutting-more-than-13000-jobs-as-it-restructures
    📉 Verizon ปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ Verizon ผู้ให้บริการเครือข่ายไร้สายรายใหญ่ของสหรัฐฯ ประกาศว่าจะปลดพนักงานมากกว่า 13,000 คนทั่วทั้งองค์กร ถือเป็นการเลิกจ้างครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์บริษัท การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นภายใต้การนำของ Dan Schulman ซีอีโอคนใหม่ที่เข้ามารับตำแหน่งในเดือนตุลาคม 2025 หลังจากเคยเป็นหัวหน้า PayPal นอกจากการปลดพนักงานแล้ว Verizon ยังวางแผน เปลี่ยนร้านค้าของบริษัท 179 แห่งเป็นแฟรนไชส์ และปิดร้านหนึ่งแห่ง เพื่อปรับโครงสร้างการดำเนินงานให้มีความคล่องตัวมากขึ้น ⚙️ เหตุผลเบื้องหลังการปรับโครงสร้าง Schulman ระบุว่า โครงสร้างต้นทุนปัจจุบันของ Verizon จำกัดความสามารถในการลงทุนเพื่อสร้างคุณค่าให้ลูกค้า บริษัทจึงจำเป็นต้องลดความซับซ้อนของการดำเนินงานและลดการพึ่งพาแรงงานภายนอก เพื่อแก้ไขความล่าช้าและความยุ่งยากที่สร้างความไม่พอใจให้ลูกค้า Verizon ยังตั้งกองทุนมูลค่า 20 ล้านดอลลาร์ เพื่อช่วยเหลือพนักงานที่ถูกเลิกจ้างในการเปลี่ยนสายอาชีพ โดยเน้นทักษะที่จำเป็นในยุค AI และดิจิทัล 📊 สถานการณ์การแข่งขันในตลาด การปรับโครงสร้างครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางแรงกดดันจากคู่แข่งอย่าง AT&T และ T-Mobile ที่ใช้กลยุทธ์ส่วนลดและโปรโมชันแรง ๆ ในการดึงลูกค้า Verizon เพิ่มผู้ใช้รายใหม่เพียง 44,000 ราย ในไตรมาส 3 ปี 2025 ซึ่งน้อยกว่า AT&T และห่างไกลจาก T-Mobile ที่เพิ่มผู้ใช้กว่า 1 ล้านราย นอกจากนี้ Verizon ยังลงทุนมหาศาลในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เช่น 52 พันล้านดอลลาร์ เพื่อซื้อคลื่น midband spectrum สำหรับ 5G และ 20 พันล้านดอลลาร์ เพื่อซื้อกิจการ Frontier Communications รวมถึง 6 พันล้านดอลลาร์ สำหรับ TracFone Wireless ซึ่งเพิ่มแรงกดดันด้านการเงินต่อบริษัท 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การเลิกจ้างครั้งใหญ่ ➡️ ปลดพนักงานกว่า 13,000 คน ถือเป็นครั้งใหญ่ที่สุดของ Verizon ➡️ เปลี่ยนร้านค้าบริษัท 179 แห่งเป็นแฟรนไชส์ ✅ เหตุผลการปรับโครงสร้าง ➡️ ลดต้นทุนและความซับซ้อนในการดำเนินงาน ➡️ ตั้งกองทุน 20 ล้านดอลลาร์ช่วยพนักงานที่ถูกเลิกจ้าง ✅ แรงกดดันจากตลาด ➡️ Verizon เพิ่มผู้ใช้รายใหม่เพียง 44,000 รายใน Q3 ➡️ คู่แข่ง AT&T และ T-Mobile ใช้ส่วนลดและโปรโมชันดึงลูกค้าได้มากกว่า ‼️ คำเตือนต่ออนาคต Verizon ⛔ การลงทุนมหาศาลใน spectrum และการซื้อกิจการเพิ่มภาระทางการเงิน ⛔ หากไม่สามารถฟื้นฟูความสามารถในการแข่งขัน อาจสูญเสียตำแหน่งผู้นำตลาด https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/20/verizon-cutting-more-than-13000-jobs-as-it-restructures
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Verizon cutting more than 13,000 jobs as it restructures
    WASHINGTON (Reuters) -U.S. wireless carrier Verizon on Thursday said it will cut more than 13,000 jobs in its largest single layoff as it works to shrink costs and restructure operations.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 13 มุมมอง 0 รีวิว
  • AI Boom: ความร้อนแรงในตลาดการเงิน

    การประชุม Reuters Momentum AI 2026 ที่นิวยอร์กเผยว่า AI กลายเป็น “หัวข้ออันดับหนึ่ง” ของทั้งนักลงทุนและผู้บริหารบริษัท หลายองค์กรเร่งสร้างกลยุทธ์ AI โดยเลือกซื้อกิจการหรือฐานข้อมูลเฉพาะทางแทนการพัฒนาเอง ส่งผลให้การประเมินมูลค่าบริษัทพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ นักลงทุนจำนวนมากยอมจ่ายเพื่อ “อนาคต” มากกว่าพื้นฐานทางการเงินในปัจจุบัน

    เงินทุนมหาศาลและการเติบโตของ Nvidia
    McKinsey คาดว่าอุตสาหกรรม AI จะต้องใช้เงินทุนกว่า 7 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 เพื่อสร้างศูนย์ข้อมูลเพียงอย่างเดียว ขณะเดียวกัน Nvidia ซึ่งเป็นผู้นำด้านชิป AI รายงานรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 65% เมื่อเทียบปีต่อปี ทำให้หุ้นพุ่งขึ้นกว่า 5% ในการซื้อขายก่อนตลาดเปิด

    ความเสี่ยงที่ซ่อนอยู่
    Joanna Welsh จาก Citadel เตือนว่า ตลาดสมัยใหม่ขยายแรงกระแทกเร็วและแรงขึ้น ความเสี่ยงในตลาดเครดิตเริ่ม “ซ้อนทับกัน” เช่น การออกพันธบัตรระยะยาว 30-40 ปี เพื่อซื้อสินทรัพย์ที่มีอายุใช้งานเพียง 4 ปี ทำให้บริษัทต้องแบกรับหนี้นานกว่าสินทรัพย์ที่ใช้จริง นอกจากนี้ยังมีการออกพันธบัตรแบบ zero-coupon convertible bonds โดยบริษัทเทคโนโลยีที่มีเครดิตต่ำ ซึ่งเป็นสัญญาณคล้ายกับช่วงก่อนฟองสบู่ปี 2001 และ 2021

    สรุปประเด็นสำคัญ
    AI เป็นหัวข้อร้อนแรงในตลาด
    นักลงทุนและผู้บริหารเร่งหากลยุทธ์ AI
    การประเมินมูลค่าพุ่งสูงเกินพื้นฐานจริง

    เงินทุนและการเติบโต
    อุตสาหกรรมต้องใช้เงินกว่า 7 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2030
    Nvidia รายงานกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 65% และหุ้นพุ่งกว่า 5%

    คำเตือนด้านความเสี่ยง
    พันธบัตรระยะยาวไม่สอดคล้องกับอายุสินทรัพย์
    การออก zero-coupon bonds โดยบริษัทเครดิตต่ำอาจนำไปสู่ความเปราะบาง

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/20/ai-boom-brings-fresh-risks-to-us-markets-and-more-money-to-ma
    📈 AI Boom: ความร้อนแรงในตลาดการเงิน การประชุม Reuters Momentum AI 2026 ที่นิวยอร์กเผยว่า AI กลายเป็น “หัวข้ออันดับหนึ่ง” ของทั้งนักลงทุนและผู้บริหารบริษัท หลายองค์กรเร่งสร้างกลยุทธ์ AI โดยเลือกซื้อกิจการหรือฐานข้อมูลเฉพาะทางแทนการพัฒนาเอง ส่งผลให้การประเมินมูลค่าบริษัทพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ นักลงทุนจำนวนมากยอมจ่ายเพื่อ “อนาคต” มากกว่าพื้นฐานทางการเงินในปัจจุบัน 💰 เงินทุนมหาศาลและการเติบโตของ Nvidia McKinsey คาดว่าอุตสาหกรรม AI จะต้องใช้เงินทุนกว่า 7 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 เพื่อสร้างศูนย์ข้อมูลเพียงอย่างเดียว ขณะเดียวกัน Nvidia ซึ่งเป็นผู้นำด้านชิป AI รายงานรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 65% เมื่อเทียบปีต่อปี ทำให้หุ้นพุ่งขึ้นกว่า 5% ในการซื้อขายก่อนตลาดเปิด ⚠️ ความเสี่ยงที่ซ่อนอยู่ Joanna Welsh จาก Citadel เตือนว่า ตลาดสมัยใหม่ขยายแรงกระแทกเร็วและแรงขึ้น ความเสี่ยงในตลาดเครดิตเริ่ม “ซ้อนทับกัน” เช่น การออกพันธบัตรระยะยาว 30-40 ปี เพื่อซื้อสินทรัพย์ที่มีอายุใช้งานเพียง 4 ปี ทำให้บริษัทต้องแบกรับหนี้นานกว่าสินทรัพย์ที่ใช้จริง นอกจากนี้ยังมีการออกพันธบัตรแบบ zero-coupon convertible bonds โดยบริษัทเทคโนโลยีที่มีเครดิตต่ำ ซึ่งเป็นสัญญาณคล้ายกับช่วงก่อนฟองสบู่ปี 2001 และ 2021 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ AI เป็นหัวข้อร้อนแรงในตลาด ➡️ นักลงทุนและผู้บริหารเร่งหากลยุทธ์ AI ➡️ การประเมินมูลค่าพุ่งสูงเกินพื้นฐานจริง ✅ เงินทุนและการเติบโต ➡️ อุตสาหกรรมต้องใช้เงินกว่า 7 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 ➡️ Nvidia รายงานกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 65% และหุ้นพุ่งกว่า 5% ‼️ คำเตือนด้านความเสี่ยง ⛔ พันธบัตรระยะยาวไม่สอดคล้องกับอายุสินทรัพย์ ⛔ การออก zero-coupon bonds โดยบริษัทเครดิตต่ำอาจนำไปสู่ความเปราะบาง https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/20/ai-boom-brings-fresh-risks-to-us-markets-and-more-money-to-ma
    WWW.THESTAR.COM.MY
    AI boom brings fresh risks to US markets, and more money to M&A
    NEW YORK (Reuters) -The AI boom is bringing new risks to the financial markets as investors flock to tech stocks and executives pay steep premiums to buy AI technology they cannot build in-house, warned two top finance executives.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 15 มุมมอง 0 รีวิว
  • คริปโตเชื่อมโยงกับระบบการเงินโลกมากขึ้น

    รายงานจาก Reuters ที่เผยแพร่โดย The Star ระบุว่า ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีซึ่งมีมูลค่ารวมกว่า 3.2 ล้านล้านดอลลาร์ และปริมาณการซื้อขายรายวันราว 197 พันล้านดอลลาร์ กำลังมีความเชื่อมโยงกับระบบการเงินโลกมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยได้รับแรงหนุนจากนโยบายที่สนับสนุนคริปโตของรัฐบาลสหรัฐฯ

    การเติบโตและการยอมรับจากสถาบันการเงิน
    การสนับสนุนคริปโตจากรัฐบาลสหรัฐฯ ทำให้สถาบันการเงินรายใหญ่เริ่มยอมรับสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น ทั้งในรูปแบบการลงทุน การจัดการกองทุน และการใช้เป็นสินทรัพย์ค้ำประกัน ขณะเดียวกันบริษัทเทคโนโลยีและสตาร์ทอัพก็เร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น กระเป๋าเงินดิจิทัลและระบบชำระเงิน เพื่อรองรับการใช้งานในวงกว้าง

    ความเสี่ยงที่มากับการเชื่อมโยง
    แม้คริปโตจะถูกยอมรับมากขึ้น แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า ความผันผวนสูงและการขาดการกำกับดูแลที่ชัดเจน อาจสร้างความเสี่ยงต่อระบบการเงินโลก หากเกิดการปรับฐานครั้งใหญ่ นักลงทุนและสถาบันที่ถือครองคริปโตจำนวนมากอาจได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงจากการฟอกเงิน การโจมตีทางไซเบอร์ และการใช้คริปโตในกิจกรรมผิดกฎหมาย

    บริบทโลกและทิศทางในอนาคต
    หลายประเทศกำลังพิจารณากฎระเบียบใหม่เพื่อควบคุมคริปโต เช่น การออก CBDC (Central Bank Digital Currency) เพื่อสร้างสมดุลระหว่างนวัตกรรมและความมั่นคงทางการเงิน หากคริปโตยังคงเติบโตและเชื่อมโยงกับระบบการเงินโลกมากขึ้น การกำกับดูแลที่เข้มงวดจะเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อป้องกันความเสี่ยงเชิงระบบ

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การเติบโตของคริปโต
    มูลค่าตลาดรวมกว่า 3.2 ล้านล้านดอลลาร์
    ปริมาณการซื้อขายรายวันราว 197 พันล้านดอลลาร์

    การยอมรับจากสถาบันการเงิน
    ใช้คริปโตเป็นสินทรัพย์ลงทุนและค้ำประกัน
    บริษัทเทคโนโลยีพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรองรับการใช้งาน

    คำเตือนด้านความเสี่ยง
    ความผันผวนสูงและการขาดการกำกับดูแลอาจกระทบระบบการเงินโลก
    เสี่ยงต่อการฟอกเงิน การโจมตีไซเบอร์ และการใช้ในกิจกรรมผิดกฎหมาย

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/21/crypto039s-connections-to-the-rest-of-the-financial-system
    💱 คริปโตเชื่อมโยงกับระบบการเงินโลกมากขึ้น รายงานจาก Reuters ที่เผยแพร่โดย The Star ระบุว่า ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีซึ่งมีมูลค่ารวมกว่า 3.2 ล้านล้านดอลลาร์ และปริมาณการซื้อขายรายวันราว 197 พันล้านดอลลาร์ กำลังมีความเชื่อมโยงกับระบบการเงินโลกมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยได้รับแรงหนุนจากนโยบายที่สนับสนุนคริปโตของรัฐบาลสหรัฐฯ 📊 การเติบโตและการยอมรับจากสถาบันการเงิน การสนับสนุนคริปโตจากรัฐบาลสหรัฐฯ ทำให้สถาบันการเงินรายใหญ่เริ่มยอมรับสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น ทั้งในรูปแบบการลงทุน การจัดการกองทุน และการใช้เป็นสินทรัพย์ค้ำประกัน ขณะเดียวกันบริษัทเทคโนโลยีและสตาร์ทอัพก็เร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น กระเป๋าเงินดิจิทัลและระบบชำระเงิน เพื่อรองรับการใช้งานในวงกว้าง ⚠️ ความเสี่ยงที่มากับการเชื่อมโยง แม้คริปโตจะถูกยอมรับมากขึ้น แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า ความผันผวนสูงและการขาดการกำกับดูแลที่ชัดเจน อาจสร้างความเสี่ยงต่อระบบการเงินโลก หากเกิดการปรับฐานครั้งใหญ่ นักลงทุนและสถาบันที่ถือครองคริปโตจำนวนมากอาจได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงจากการฟอกเงิน การโจมตีทางไซเบอร์ และการใช้คริปโตในกิจกรรมผิดกฎหมาย 🌍 บริบทโลกและทิศทางในอนาคต หลายประเทศกำลังพิจารณากฎระเบียบใหม่เพื่อควบคุมคริปโต เช่น การออก CBDC (Central Bank Digital Currency) เพื่อสร้างสมดุลระหว่างนวัตกรรมและความมั่นคงทางการเงิน หากคริปโตยังคงเติบโตและเชื่อมโยงกับระบบการเงินโลกมากขึ้น การกำกับดูแลที่เข้มงวดจะเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อป้องกันความเสี่ยงเชิงระบบ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การเติบโตของคริปโต ➡️ มูลค่าตลาดรวมกว่า 3.2 ล้านล้านดอลลาร์ ➡️ ปริมาณการซื้อขายรายวันราว 197 พันล้านดอลลาร์ ✅ การยอมรับจากสถาบันการเงิน ➡️ ใช้คริปโตเป็นสินทรัพย์ลงทุนและค้ำประกัน ➡️ บริษัทเทคโนโลยีพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรองรับการใช้งาน ‼️ คำเตือนด้านความเสี่ยง ⛔ ความผันผวนสูงและการขาดการกำกับดูแลอาจกระทบระบบการเงินโลก ⛔ เสี่ยงต่อการฟอกเงิน การโจมตีไซเบอร์ และการใช้ในกิจกรรมผิดกฎหมาย https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/21/crypto039s-connections-to-the-rest-of-the-financial-system
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Crypto's connections to the rest of the financial system
    PARIS (Reuters) -Cryptocurrency markets have surged in recent years, in part fuelled by the Trump administration's pro-crypto stance which has encouraged wider acceptance among financial institutions.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 15 มุมมอง 0 รีวิว
  • Samsung Electronics แต่งตั้ง TM Roh เป็น Co-CEO คนใหม่

    Samsung Electronics ประกาศแต่งตั้ง TM Roh หัวหน้าธุรกิจมือถือ (Mobile eXperience – MX) ขึ้นเป็น Co-CEO และหัวหน้าฝ่าย Device Experience (DX) ซึ่งดูแลธุรกิจมือถือ ทีวี และเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน การแต่งตั้งครั้งนี้ถือเป็นการกลับสู่โครงสร้าง Co-CEO แบบดั้งเดิม หลังจากบริษัทดำเนินงานภายใต้โครงสร้าง CEO เดียวชั่วคราว

    เหตุผลและบริบทการเปลี่ยนแปลง
    ก่อนหน้านี้ Samsung ใช้โครงสร้าง CEO เดียวหลังการเสียชีวิตอย่างกะทันหันของ Han Jong-Hee ในเดือนมีนาคม 2025 การแต่งตั้ง TM Roh จึงเป็นการฟื้นฟูรูปแบบการบริหารที่แบ่งความรับผิดชอบระหว่าง ธุรกิจชิป และ ธุรกิจผู้บริโภค (Consumer Devices) เพื่อเพิ่มความคล่องตัวและความชัดเจนในการบริหารจัดการ

    บทบาทของ TM Roh
    TM Roh เป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการผลักดัน Galaxy Series โดยเฉพาะการเปิดตัว Galaxy S24 ที่มาพร้อมฟีเจอร์ AI ในงาน Galaxy Unpacked ที่ซานโฮเซ สหรัฐฯ เขาได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำที่ผลักดันนวัตกรรมมือถือและสร้างความแข็งแกร่งให้ Samsung ในการแข่งขันกับ Apple และผู้ผลิตจีน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การแต่งตั้งใหม่
    TM Roh ขึ้นเป็น Co-CEO และหัวหน้าฝ่าย Device Experience
    ฟื้นโครงสร้าง Co-CEO หลังการเสียชีวิตของ Han Jong-Hee

    โครงสร้างการบริหาร
    แบ่งความรับผิดชอบระหว่างธุรกิจชิปและธุรกิจผู้บริโภค
    เพิ่มความคล่องตัวและความชัดเจนในการบริหาร

    บทบาทของ TM Roh
    ผลักดัน Galaxy Series และนวัตกรรมมือถือ
    เปิดตัว Galaxy S24 พร้อมฟีเจอร์ AI

    คำเตือนต่อการแข่งขันในตลาด
    Samsung ต้องเผชิญแรงกดดันจาก Apple และผู้ผลิตจีน
    ความท้าทายในการรักษาความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและตลาดโลก

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/21/samsung-elec-names-mobile-chief-as-new-co-ceo
    📱 Samsung Electronics แต่งตั้ง TM Roh เป็น Co-CEO คนใหม่ Samsung Electronics ประกาศแต่งตั้ง TM Roh หัวหน้าธุรกิจมือถือ (Mobile eXperience – MX) ขึ้นเป็น Co-CEO และหัวหน้าฝ่าย Device Experience (DX) ซึ่งดูแลธุรกิจมือถือ ทีวี และเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน การแต่งตั้งครั้งนี้ถือเป็นการกลับสู่โครงสร้าง Co-CEO แบบดั้งเดิม หลังจากบริษัทดำเนินงานภายใต้โครงสร้าง CEO เดียวชั่วคราว ⚙️ เหตุผลและบริบทการเปลี่ยนแปลง ก่อนหน้านี้ Samsung ใช้โครงสร้าง CEO เดียวหลังการเสียชีวิตอย่างกะทันหันของ Han Jong-Hee ในเดือนมีนาคม 2025 การแต่งตั้ง TM Roh จึงเป็นการฟื้นฟูรูปแบบการบริหารที่แบ่งความรับผิดชอบระหว่าง ธุรกิจชิป และ ธุรกิจผู้บริโภค (Consumer Devices) เพื่อเพิ่มความคล่องตัวและความชัดเจนในการบริหารจัดการ 🌍 บทบาทของ TM Roh TM Roh เป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการผลักดัน Galaxy Series โดยเฉพาะการเปิดตัว Galaxy S24 ที่มาพร้อมฟีเจอร์ AI ในงาน Galaxy Unpacked ที่ซานโฮเซ สหรัฐฯ เขาได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำที่ผลักดันนวัตกรรมมือถือและสร้างความแข็งแกร่งให้ Samsung ในการแข่งขันกับ Apple และผู้ผลิตจีน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การแต่งตั้งใหม่ ➡️ TM Roh ขึ้นเป็น Co-CEO และหัวหน้าฝ่าย Device Experience ➡️ ฟื้นโครงสร้าง Co-CEO หลังการเสียชีวิตของ Han Jong-Hee ✅ โครงสร้างการบริหาร ➡️ แบ่งความรับผิดชอบระหว่างธุรกิจชิปและธุรกิจผู้บริโภค ➡️ เพิ่มความคล่องตัวและความชัดเจนในการบริหาร ✅ บทบาทของ TM Roh ➡️ ผลักดัน Galaxy Series และนวัตกรรมมือถือ ➡️ เปิดตัว Galaxy S24 พร้อมฟีเจอร์ AI ‼️ คำเตือนต่อการแข่งขันในตลาด ⛔ Samsung ต้องเผชิญแรงกดดันจาก Apple และผู้ผลิตจีน ⛔ ความท้าทายในการรักษาความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและตลาดโลก https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/21/samsung-elec-names-mobile-chief-as-new-co-ceo
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Samsung Elec names mobile chief as new co-CEO
    SEOUL (Reuters) -Samsung Electronics said on Friday it has named its mobile chief TM Roh as a new co-CEO and head of its device experience division, which oversees the company's mobile phone, TV and home appliance devisions.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 14 มุมมอง 0 รีวิว
  • ออสเตรเลียเพิ่ม Twitch ในบัญชีห้ามใช้โซเชียลสำหรับวัยรุ่น

    รัฐบาลออสเตรเลียประกาศว่าจะเพิ่ม Twitch แพลตฟอร์มสตรีมมิงของ Amazon เข้าไปในรายชื่อโซเชียลมีเดียที่ห้ามใช้สำหรับผู้ที่มีอายุ 16 ปีหรือต่ำกว่า โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 10 ธันวาคม 2025 ขณะที่ Pinterest จะไม่ถูกเพิ่มในบัญชีห้ามครั้งนี้

    รายละเอียดของมาตรการ
    สำนักงานกำกับดูแลอินเทอร์เน็ตของออสเตรเลียระบุว่า การห้ามใช้โซเชียลสำหรับวัยรุ่นเป็นมาตรการเชิงป้องกัน เพื่อรับมือกับความเสี่ยงด้านสุขภาพจิตและความปลอดภัยออนไลน์ โดยบริษัทที่ไม่ปฏิบัติตามอาจถูกปรับสูงสุดถึง 49.5 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (ประมาณ 32 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)

    ทำไม Twitch ถูกแบน แต่ Pinterest รอด
    Twitch ถูกมองว่ามีความเสี่ยงสูงต่อเยาวชน เนื่องจากเป็นแพลตฟอร์มที่เน้นการสตรีมสดและมีการโต้ตอบแบบเรียลไทม์ ซึ่งอาจเปิดช่องให้เกิดการล่วงละเมิดหรือการเข้าถึงเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม ขณะที่ Pinterest ถูกพิจารณาว่ามีความเสี่ยงต่ำกว่า เนื่องจากเน้นการแชร์ภาพและไอเดียเชิงสร้างสรรค์

    ผลกระทบและเสียงสะท้อน
    มาตรการนี้ทำให้ออสเตรเลียกลายเป็นประเทศแรกในโลกที่ห้ามวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 16 ปีใช้โซเชียลมีเดียทั้งหมด การตัดสินใจดังกล่าวสร้างการถกเถียงทั้งในด้านการคุ้มครองเยาวชนและสิทธิในการเข้าถึงเทคโนโลยี หลายฝ่ายสนับสนุนว่าเป็นการป้องกันที่จำเป็น ขณะที่บางฝ่ายกังวลว่าจะกระทบต่อเสรีภาพและการมีส่วนร่วมทางดิจิทัลของเยาวชน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    มาตรการใหม่ของออสเตรเลีย
    ห้ามผู้ที่อายุ 16 ปีหรือต่ำกว่าใช้โซเชียลมีเดียตั้งแต่ 10 ธันวาคม 2025
    บริษัทที่ไม่ปฏิบัติตามอาจถูกปรับสูงสุด 49.5 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย

    Twitch ถูกเพิ่มในบัญชีห้าม
    เน้นการสตรีมสดและโต้ตอบแบบเรียลไทม์
    เสี่ยงต่อการล่วงละเมิดและการเข้าถึงเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม

    Pinterest ไม่ถูกแบน
    เน้นการแชร์ภาพและไอเดียเชิงสร้างสรรค์
    ถูกมองว่ามีความเสี่ยงต่ำกว่า

    คำเตือนต่อผลกระทบ
    อาจกระทบเสรีภาพและการเข้าถึงเทคโนโลยีของเยาวชน
    สร้างข้อถกเถียงระหว่างการคุ้มครองสุขภาพจิตกับสิทธิพลเมือง

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/21/australia-adds-amazon039s-twitch-to-teen-social-media-ban-spares-pinterest
    🚫 ออสเตรเลียเพิ่ม Twitch ในบัญชีห้ามใช้โซเชียลสำหรับวัยรุ่น รัฐบาลออสเตรเลียประกาศว่าจะเพิ่ม Twitch แพลตฟอร์มสตรีมมิงของ Amazon เข้าไปในรายชื่อโซเชียลมีเดียที่ห้ามใช้สำหรับผู้ที่มีอายุ 16 ปีหรือต่ำกว่า โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 10 ธันวาคม 2025 ขณะที่ Pinterest จะไม่ถูกเพิ่มในบัญชีห้ามครั้งนี้ ⚖️ รายละเอียดของมาตรการ สำนักงานกำกับดูแลอินเทอร์เน็ตของออสเตรเลียระบุว่า การห้ามใช้โซเชียลสำหรับวัยรุ่นเป็นมาตรการเชิงป้องกัน เพื่อรับมือกับความเสี่ยงด้านสุขภาพจิตและความปลอดภัยออนไลน์ โดยบริษัทที่ไม่ปฏิบัติตามอาจถูกปรับสูงสุดถึง 49.5 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (ประมาณ 32 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) 🎮 ทำไม Twitch ถูกแบน แต่ Pinterest รอด Twitch ถูกมองว่ามีความเสี่ยงสูงต่อเยาวชน เนื่องจากเป็นแพลตฟอร์มที่เน้นการสตรีมสดและมีการโต้ตอบแบบเรียลไทม์ ซึ่งอาจเปิดช่องให้เกิดการล่วงละเมิดหรือการเข้าถึงเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม ขณะที่ Pinterest ถูกพิจารณาว่ามีความเสี่ยงต่ำกว่า เนื่องจากเน้นการแชร์ภาพและไอเดียเชิงสร้างสรรค์ 🌍 ผลกระทบและเสียงสะท้อน มาตรการนี้ทำให้ออสเตรเลียกลายเป็นประเทศแรกในโลกที่ห้ามวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 16 ปีใช้โซเชียลมีเดียทั้งหมด การตัดสินใจดังกล่าวสร้างการถกเถียงทั้งในด้านการคุ้มครองเยาวชนและสิทธิในการเข้าถึงเทคโนโลยี หลายฝ่ายสนับสนุนว่าเป็นการป้องกันที่จำเป็น ขณะที่บางฝ่ายกังวลว่าจะกระทบต่อเสรีภาพและการมีส่วนร่วมทางดิจิทัลของเยาวชน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ มาตรการใหม่ของออสเตรเลีย ➡️ ห้ามผู้ที่อายุ 16 ปีหรือต่ำกว่าใช้โซเชียลมีเดียตั้งแต่ 10 ธันวาคม 2025 ➡️ บริษัทที่ไม่ปฏิบัติตามอาจถูกปรับสูงสุด 49.5 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย ✅ Twitch ถูกเพิ่มในบัญชีห้าม ➡️ เน้นการสตรีมสดและโต้ตอบแบบเรียลไทม์ ➡️ เสี่ยงต่อการล่วงละเมิดและการเข้าถึงเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม ✅ Pinterest ไม่ถูกแบน ➡️ เน้นการแชร์ภาพและไอเดียเชิงสร้างสรรค์ ➡️ ถูกมองว่ามีความเสี่ยงต่ำกว่า ‼️ คำเตือนต่อผลกระทบ ⛔ อาจกระทบเสรีภาพและการเข้าถึงเทคโนโลยีของเยาวชน ⛔ สร้างข้อถกเถียงระหว่างการคุ้มครองสุขภาพจิตกับสิทธิพลเมือง https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/21/australia-adds-amazon039s-twitch-to-teen-social-media-ban-spares-pinterest
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Australia adds Amazon's Twitch to teen social media ban, spares Pinterest
    SYDNEY (Reuters) -Australia's internet watchdog on Friday said it would include Amazon.com-owned live streaming service Twitch in its upcoming teen social media ban, but will not add image-sharing platform Pinterest to the list.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 11 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/O2uuByNsoEM?si=9PvF3S46d1x05g00
    https://youtu.be/O2uuByNsoEM?si=9PvF3S46d1x05g00
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2 มุมมอง 0 รีวิว
  • Foxconn เร่งผลิต AI Racks 1,000 ชุดต่อสัปดาห์

    Foxconn ประกาศว่าสามารถผลิต AI server racks ได้มากกว่า 1,000 ชุดต่อสัปดาห์ และมีแผนจะเพิ่มกำลังการผลิตในปีหน้า เพื่อรองรับความต้องการที่พุ่งสูงจากบริษัทเทคโนโลยีทั่วโลกที่กำลังลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน AI

    รายละเอียดจาก Chairman Liu Young-way
    Liu Young-way ประธาน Foxconn เปิดเผยว่า ความต้องการ AI server racks มาจากการขยายตัวของ ศูนย์ข้อมูล (datacenter) ที่ใช้สำหรับการประมวลผลโมเดล AI ขนาดใหญ่ โดย Foxconn ได้ลงทุนในสายการผลิตและการจัดหาชิ้นส่วนสำคัญ เช่น GPU และระบบระบายความร้อน เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

    บริบทตลาดโลก
    การเติบโตของ AI ทำให้บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ เช่น Google, Microsoft และ Amazon ต้องเร่งสร้างศูนย์ข้อมูลใหม่ ส่งผลให้ซัพพลายเชนของอุปกรณ์ AI server racks มีความสำคัญมากขึ้น Foxconn ในฐานะผู้ผลิตรายใหญ่จึงกลายเป็นผู้เล่นหลักที่ช่วยผลักดันการขยายตัวของตลาดนี้ โดยเฉพาะในเอเชียที่มีฐานการผลิตและแรงงานจำนวนมาก

    ความท้าทายและความเสี่ยง
    แม้ Foxconn จะเร่งผลิต แต่ก็ยังเผชิญกับความท้าทาย เช่น การขาดแคลน GPU, ต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น และแรงกดดันจากคู่แข่งรายอื่นในตลาดเซิร์ฟเวอร์ AI หากไม่สามารถจัดการซัพพลายเชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาจกระทบต่อการส่งมอบและความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว

    สรุปประเด็นสำคัญ
    กำลังการผลิตของ Foxconn
    ผลิต AI racks ได้มากกว่า 1,000 ชุดต่อสัปดาห์
    มีแผนเพิ่มกำลังการผลิตในปีหน้า

    แรงผลักดันจากตลาด
    ความต้องการสูงจากการสร้างศูนย์ข้อมูล AI
    บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ลงทุนมหาศาลในโครงสร้างพื้นฐาน

    คำเตือนด้านความเสี่ยง
    การขาดแคลน GPU และต้นทุนพลังงานสูง
    แรงกดดันจากคู่แข่งในตลาดเซิร์ฟเวอร์ AI

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/21/foxconn-can-make-1000-ai-racks-a-week-to-increase-next-year-chairman-says
    🏭 Foxconn เร่งผลิต AI Racks 1,000 ชุดต่อสัปดาห์ Foxconn ประกาศว่าสามารถผลิต AI server racks ได้มากกว่า 1,000 ชุดต่อสัปดาห์ และมีแผนจะเพิ่มกำลังการผลิตในปีหน้า เพื่อรองรับความต้องการที่พุ่งสูงจากบริษัทเทคโนโลยีทั่วโลกที่กำลังลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน AI ⚙️ รายละเอียดจาก Chairman Liu Young-way Liu Young-way ประธาน Foxconn เปิดเผยว่า ความต้องการ AI server racks มาจากการขยายตัวของ ศูนย์ข้อมูล (datacenter) ที่ใช้สำหรับการประมวลผลโมเดล AI ขนาดใหญ่ โดย Foxconn ได้ลงทุนในสายการผลิตและการจัดหาชิ้นส่วนสำคัญ เช่น GPU และระบบระบายความร้อน เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว 🌍 บริบทตลาดโลก การเติบโตของ AI ทำให้บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ เช่น Google, Microsoft และ Amazon ต้องเร่งสร้างศูนย์ข้อมูลใหม่ ส่งผลให้ซัพพลายเชนของอุปกรณ์ AI server racks มีความสำคัญมากขึ้น Foxconn ในฐานะผู้ผลิตรายใหญ่จึงกลายเป็นผู้เล่นหลักที่ช่วยผลักดันการขยายตัวของตลาดนี้ โดยเฉพาะในเอเชียที่มีฐานการผลิตและแรงงานจำนวนมาก ⚠️ ความท้าทายและความเสี่ยง แม้ Foxconn จะเร่งผลิต แต่ก็ยังเผชิญกับความท้าทาย เช่น การขาดแคลน GPU, ต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น และแรงกดดันจากคู่แข่งรายอื่นในตลาดเซิร์ฟเวอร์ AI หากไม่สามารถจัดการซัพพลายเชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาจกระทบต่อการส่งมอบและความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ กำลังการผลิตของ Foxconn ➡️ ผลิต AI racks ได้มากกว่า 1,000 ชุดต่อสัปดาห์ ➡️ มีแผนเพิ่มกำลังการผลิตในปีหน้า ✅ แรงผลักดันจากตลาด ➡️ ความต้องการสูงจากการสร้างศูนย์ข้อมูล AI ➡️ บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ลงทุนมหาศาลในโครงสร้างพื้นฐาน ‼️ คำเตือนด้านความเสี่ยง ⛔ การขาดแคลน GPU และต้นทุนพลังงานสูง ⛔ แรงกดดันจากคู่แข่งในตลาดเซิร์ฟเวอร์ AI https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/21/foxconn-can-make-1000-ai-racks-a-week-to-increase-next-year-chairman-says
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Foxconn can make 1,000 AI racks a week, to increase next year, chairman says
    TAIPEI (Reuters) -Foxconn Chairman Young Liu said on Friday the company now had the capability to manufacture 1,000 artificial intelligence racks per week, and it expected that rate to increase next year.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 12 มุมมอง 0 รีวิว
  • Nvidia ปล่อย Hotfix Driver ฉุกเฉิน

    Nvidia ได้ออก GeForce Hotfix Display Driver 581.94 เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นหลังจาก Microsoft ปล่อยอัปเดต KB5066835 สำหรับ Windows 11 เวอร์ชัน 25H2 และ 24H2 ซึ่งทำให้เกมบางเกมมี FPS ลดลงอย่างชัดเจน การอัปเดตนี้ถือเป็นการแก้ไขเร่งด่วน เนื่องจากผู้ใช้จำนวนมากรายงานว่าประสบปัญหาการเล่นเกมไม่ลื่นไหล

    ผลกระทบต่อเกมและผู้ใช้
    ปัญหาที่เกิดขึ้นส่งผลให้เกมยอดนิยมอย่าง Assassin’s Creed: Shadows และ CS2 มีอาการกระตุกและ FPS ลดลง ผู้ใช้บางรายยังพบว่า Windows Update ทำให้ระบบ Recovery Environment ไม่สามารถใช้คีย์บอร์ดหรือเมาส์ได้ รวมถึงบางเครื่องถูกบังคับให้เข้าหน้า BitLocker Recovery โดยไม่คาดคิด ซึ่งสร้างความยุ่งยากให้กับผู้ใช้ที่ไม่มีคีย์รีคอฟเวอรี

    Microsoft Update ที่ถูกเรียกว่า “Cursed Update”
    อัปเดต KB5066835 ถูกเรียกว่าเป็นหนึ่งใน “Cursed Update” เพราะนอกจากจะกระทบต่อเกมแล้ว ยังทำให้ระบบ localhost (HTTP.sys) ใช้งานไม่ได้ ส่งผลกระทบต่อผู้พัฒนาและองค์กรที่ต้องใช้ IIS ในการทดสอบระบบ นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าบางเครื่องถูกบังคับลด Refresh Rate ลงเหลือ 60Hz พร้อมการกะพริบหน้าจอโดยไม่ทราบสาเหตุ

    แนวทางแก้ไขและสิ่งที่ควรทำ
    ผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบควรรีบดาวน์โหลดและติดตั้ง Hotfix Driver 581.94 จากเว็บไซต์ Nvidia เพื่อแก้ไขปัญหา FPS และความเสถียรของเกม แม้ว่า Microsoft จะยังไม่ประกาศยอมรับปัญหานี้อย่างเป็นทางการ แต่การอัปเดตไดรเวอร์ถือเป็นวิธีแก้ไขที่ได้ผลในทันที อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ควรระวังว่า Hotfix เป็นเวอร์ชันเบต้าและอาจยังมีบั๊กอื่น ๆ ที่ไม่ได้รับการแก้ไข

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การออก Hotfix Driver ของ Nvidia
    GeForce Hotfix Display Driver 581.94 แก้ปัญหา FPS ลดลงหลังอัปเดต Windows 11 KB5066835

    ผลกระทบต่อเกมและระบบ
    เกม Assassin’s Creed: Shadows และ CS2 มี FPS ลดลง
    ระบบ Recovery Environment ไม่รองรับคีย์บอร์ด/เมาส์
    BitLocker Recovery ถูกเรียกใช้งานโดยไม่ตั้งใจ

    Microsoft Update ที่มีปัญหา
    KB5066835 ทำให้ localhost (HTTP.sys) ใช้งานไม่ได้
    หน้าจอถูกบังคับลด Refresh Rate เหลือ 60Hz

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้
    หากไม่อัปเดต Hotfix อาจยังคงเจอ FPS ลดลงและระบบไม่เสถียร
    ผู้ใช้ที่ไม่มีคีย์ BitLocker Recovery อาจต้องล้างข้อมูลทั้งเครื่อง
    Hotfix เป็นเวอร์ชันเบต้า อาจยังมีบั๊กอื่นที่ไม่ได้แก้ไข

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpu-drivers/nvidia-releases-emergency-driver-update-for-windows-11-25h2-and-24h2-fixes-reduced-gaming-performance-driven-by-botched-windows-updates
    🖥️ Nvidia ปล่อย Hotfix Driver ฉุกเฉิน Nvidia ได้ออก GeForce Hotfix Display Driver 581.94 เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นหลังจาก Microsoft ปล่อยอัปเดต KB5066835 สำหรับ Windows 11 เวอร์ชัน 25H2 และ 24H2 ซึ่งทำให้เกมบางเกมมี FPS ลดลงอย่างชัดเจน การอัปเดตนี้ถือเป็นการแก้ไขเร่งด่วน เนื่องจากผู้ใช้จำนวนมากรายงานว่าประสบปัญหาการเล่นเกมไม่ลื่นไหล 🎮 ผลกระทบต่อเกมและผู้ใช้ ปัญหาที่เกิดขึ้นส่งผลให้เกมยอดนิยมอย่าง Assassin’s Creed: Shadows และ CS2 มีอาการกระตุกและ FPS ลดลง ผู้ใช้บางรายยังพบว่า Windows Update ทำให้ระบบ Recovery Environment ไม่สามารถใช้คีย์บอร์ดหรือเมาส์ได้ รวมถึงบางเครื่องถูกบังคับให้เข้าหน้า BitLocker Recovery โดยไม่คาดคิด ซึ่งสร้างความยุ่งยากให้กับผู้ใช้ที่ไม่มีคีย์รีคอฟเวอรี ⚠️ Microsoft Update ที่ถูกเรียกว่า “Cursed Update” อัปเดต KB5066835 ถูกเรียกว่าเป็นหนึ่งใน “Cursed Update” เพราะนอกจากจะกระทบต่อเกมแล้ว ยังทำให้ระบบ localhost (HTTP.sys) ใช้งานไม่ได้ ส่งผลกระทบต่อผู้พัฒนาและองค์กรที่ต้องใช้ IIS ในการทดสอบระบบ นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าบางเครื่องถูกบังคับลด Refresh Rate ลงเหลือ 60Hz พร้อมการกะพริบหน้าจอโดยไม่ทราบสาเหตุ 🔧 แนวทางแก้ไขและสิ่งที่ควรทำ ผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบควรรีบดาวน์โหลดและติดตั้ง Hotfix Driver 581.94 จากเว็บไซต์ Nvidia เพื่อแก้ไขปัญหา FPS และความเสถียรของเกม แม้ว่า Microsoft จะยังไม่ประกาศยอมรับปัญหานี้อย่างเป็นทางการ แต่การอัปเดตไดรเวอร์ถือเป็นวิธีแก้ไขที่ได้ผลในทันที อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ควรระวังว่า Hotfix เป็นเวอร์ชันเบต้าและอาจยังมีบั๊กอื่น ๆ ที่ไม่ได้รับการแก้ไข 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การออก Hotfix Driver ของ Nvidia ➡️ GeForce Hotfix Display Driver 581.94 แก้ปัญหา FPS ลดลงหลังอัปเดต Windows 11 KB5066835 ✅ ผลกระทบต่อเกมและระบบ ➡️ เกม Assassin’s Creed: Shadows และ CS2 มี FPS ลดลง ➡️ ระบบ Recovery Environment ไม่รองรับคีย์บอร์ด/เมาส์ ➡️ BitLocker Recovery ถูกเรียกใช้งานโดยไม่ตั้งใจ ✅ Microsoft Update ที่มีปัญหา ➡️ KB5066835 ทำให้ localhost (HTTP.sys) ใช้งานไม่ได้ ➡️ หน้าจอถูกบังคับลด Refresh Rate เหลือ 60Hz ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ ⛔ หากไม่อัปเดต Hotfix อาจยังคงเจอ FPS ลดลงและระบบไม่เสถียร ⛔ ผู้ใช้ที่ไม่มีคีย์ BitLocker Recovery อาจต้องล้างข้อมูลทั้งเครื่อง ⛔ Hotfix เป็นเวอร์ชันเบต้า อาจยังมีบั๊กอื่นที่ไม่ได้แก้ไข https://www.tomshardware.com/pc-components/gpu-drivers/nvidia-releases-emergency-driver-update-for-windows-11-25h2-and-24h2-fixes-reduced-gaming-performance-driven-by-botched-windows-updates
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 12 มุมมอง 0 รีวิว
  • เนเธอร์แลนด์ระงับคำสั่งควบคุม Nexperia

    รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ได้ตัดสินใจ ระงับคำสั่งฉุกเฉินที่บังคับควบคุมการดำเนินงานของ Nexperia ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิปที่อยู่ภายใต้การถือครองของ Wingtech จากจีน หลังจากการเจรจาระหว่างหลายประเทศ รวมถึงจีน สหภาพยุโรป เยอรมนี และสหรัฐฯ มีความคืบหน้า โดยรัฐบาลระบุว่า Nexperia “ไม่มีพฤติกรรมที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของซัพพลายเชน” ในช่วงนี้

    ผลกระทบต่อซัพพลายเชนโลก
    ก่อนหน้านี้ การบังคับควบคุมทำให้จีนตอบโต้ด้วยการจำกัดการส่งออกชิ้นส่วนจากโรงงาน Guangdong ซึ่งกระทบต่อการผลิตชิปที่จำเป็นสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ เช่น Honda และ Volkswagen ต้องปรับการจัดหาชิ้นส่วนทันที การระงับคำสั่งครั้งนี้จึงช่วย ลดแรงกดดันต่อซัพพลายเชนโลก และเป็นสัญญาณว่าความร่วมมือระหว่างจีนและยุโรปอาจกลับมาดีขึ้น

    เงื่อนไขและข้อควรระวัง
    แม้คำสั่งจะถูกระงับ แต่ยังไม่ถูกยกเลิกอย่างถาวร Nexperia ยังต้องรายงานต่อรัฐบาลหากมีการโอนสินทรัพย์หรือทรัพย์สินทางปัญญา ขณะที่จีนมองว่านี่เป็น “ก้าวที่ถูกต้อง” แต่ยังย้ำว่าต้นเหตุของความขัดแย้งยังไม่ถูกแก้ไขทั้งหมด นั่นหมายความว่า ความเสี่ยงด้านการเมืองและการค้า ยังคงอยู่

    ความสำคัญต่ออุตสาหกรรมยานยนต์
    กรณีนี้สะท้อนให้เห็นว่าแม้โลกจะจับตามองชิปประสิทธิภาพสูง แต่ ชิปที่ใช้ในยานยนต์และระบบพื้นฐานก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน การหยุดชะงักเพียงเล็กน้อยสามารถสร้างผลกระทบใหญ่ต่อการผลิตรถยนต์และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง การผ่อนคลายข้อจำกัดครั้งนี้จึงถือเป็นข่าวดีสำหรับผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลก

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การระงับคำสั่งควบคุม Nexperia
    รัฐบาลเนเธอร์แลนด์คืนสิทธิการดำเนินงานให้กับ Wingtech จากจีน

    ผลกระทบต่อซัพพลายเชน
    จีนผ่อนคลายการส่งออกจาก Guangdong
    Honda และ Volkswagen ได้รับผลกระทบก่อนหน้านี้

    เงื่อนไขที่ยังคงอยู่
    Nexperia ต้องรายงานการโอนสินทรัพย์หรือ IP ต่อรัฐบาล
    จีนยังมองว่าต้นเหตุความขัดแย้งยังไม่ถูกแก้ไข

    ความสำคัญต่ออุตสาหกรรมยานยนต์
    ชิปพื้นฐานมีผลต่อการผลิตรถยนต์อย่างมาก

    คำเตือนสำหรับอนาคต
    ความเสี่ยงทางการเมืองและการค้าอาจกลับมาอีก
    คำสั่งถูก “ระงับ” ไม่ใช่ “ยกเลิกถาวร”

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/netherlands-suspends-nexperia-takeover-order-as-china-eases-export-curbs
    🇳🇱 เนเธอร์แลนด์ระงับคำสั่งควบคุม Nexperia รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ได้ตัดสินใจ ระงับคำสั่งฉุกเฉินที่บังคับควบคุมการดำเนินงานของ Nexperia ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิปที่อยู่ภายใต้การถือครองของ Wingtech จากจีน หลังจากการเจรจาระหว่างหลายประเทศ รวมถึงจีน สหภาพยุโรป เยอรมนี และสหรัฐฯ มีความคืบหน้า โดยรัฐบาลระบุว่า Nexperia “ไม่มีพฤติกรรมที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของซัพพลายเชน” ในช่วงนี้ 🌏 ผลกระทบต่อซัพพลายเชนโลก ก่อนหน้านี้ การบังคับควบคุมทำให้จีนตอบโต้ด้วยการจำกัดการส่งออกชิ้นส่วนจากโรงงาน Guangdong ซึ่งกระทบต่อการผลิตชิปที่จำเป็นสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ เช่น Honda และ Volkswagen ต้องปรับการจัดหาชิ้นส่วนทันที การระงับคำสั่งครั้งนี้จึงช่วย ลดแรงกดดันต่อซัพพลายเชนโลก และเป็นสัญญาณว่าความร่วมมือระหว่างจีนและยุโรปอาจกลับมาดีขึ้น ⚖️ เงื่อนไขและข้อควรระวัง แม้คำสั่งจะถูกระงับ แต่ยังไม่ถูกยกเลิกอย่างถาวร Nexperia ยังต้องรายงานต่อรัฐบาลหากมีการโอนสินทรัพย์หรือทรัพย์สินทางปัญญา ขณะที่จีนมองว่านี่เป็น “ก้าวที่ถูกต้อง” แต่ยังย้ำว่าต้นเหตุของความขัดแย้งยังไม่ถูกแก้ไขทั้งหมด นั่นหมายความว่า ความเสี่ยงด้านการเมืองและการค้า ยังคงอยู่ 🚗 ความสำคัญต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ กรณีนี้สะท้อนให้เห็นว่าแม้โลกจะจับตามองชิปประสิทธิภาพสูง แต่ ชิปที่ใช้ในยานยนต์และระบบพื้นฐานก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน การหยุดชะงักเพียงเล็กน้อยสามารถสร้างผลกระทบใหญ่ต่อการผลิตรถยนต์และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง การผ่อนคลายข้อจำกัดครั้งนี้จึงถือเป็นข่าวดีสำหรับผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลก 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การระงับคำสั่งควบคุม Nexperia ➡️ รัฐบาลเนเธอร์แลนด์คืนสิทธิการดำเนินงานให้กับ Wingtech จากจีน ✅ ผลกระทบต่อซัพพลายเชน ➡️ จีนผ่อนคลายการส่งออกจาก Guangdong ➡️ Honda และ Volkswagen ได้รับผลกระทบก่อนหน้านี้ ✅ เงื่อนไขที่ยังคงอยู่ ➡️ Nexperia ต้องรายงานการโอนสินทรัพย์หรือ IP ต่อรัฐบาล ➡️ จีนยังมองว่าต้นเหตุความขัดแย้งยังไม่ถูกแก้ไข ✅ ความสำคัญต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ ➡️ ชิปพื้นฐานมีผลต่อการผลิตรถยนต์อย่างมาก ‼️ คำเตือนสำหรับอนาคต ⛔ ความเสี่ยงทางการเมืองและการค้าอาจกลับมาอีก ⛔ คำสั่งถูก “ระงับ” ไม่ใช่ “ยกเลิกถาวร” https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/netherlands-suspends-nexperia-takeover-order-as-china-eases-export-curbs
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Netherlands suspends Nexperia takeover order as China eases export curbs — de-escalation could be welcome break for automotive industry
    The Hague hands operational control back to Wingtech-owned chipmaker after talks with Beijing, but warns powers could return if supplies falter.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 10 มุมมอง 0 รีวิว
  • สิทธิพิเศษสำหรับเจ้าของ Chromebook

    ตั้งแต่วันที่ 20 พฤศจิกายนเป็นต้นไป Google และ Nvidia ร่วมมือกันมอบสิทธิ์ GeForce Now Fast Pass ฟรี 1 ปี ให้กับผู้ใช้ Chromebook รุ่นใหม่ โดยสิทธิ์นี้จะให้การเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์เกมของ Nvidia แบบ Priority Access และไม่มีโฆษณา ซึ่งถือเป็นการยกระดับประสบการณ์การเล่นเกมบน Chromebook ที่ปกติไม่สามารถเล่นเกม PC ได้โดยตรง

    รายละเอียดของ Fast Pass
    Fast Pass จะมอบเวลาเล่นเกม 10 ชั่วโมงต่อเดือน และสามารถสะสมเพิ่มได้สูงสุดถึง 15 ชั่วโมงหากมีการเหลือเวลาเล่นจากเดือนก่อน ผู้ใช้สามารถเข้าถึงเกมกว่า 2,000 เกม จากแพลตฟอร์มยอดนิยม เช่น Steam, Epic Games Store และ Xbox โดยใช้ Chromebook ที่มีสเปกเบา ๆ แต่เชื่อมต่อกับ GPU เสมือนของ Nvidia ผ่านระบบคลาวด์

    เปรียบเทียบกับแพ็กเกจอื่น
    Fast Pass มีความคล้ายกับแพ็กเกจฟรี แต่เพิ่มสิทธิ์ Priority Access และไม่มีโฆษณา ต่างจากแพ็กเกจ Performance และ Ultimate ที่ให้สิทธิ์เข้าถึงเกมกว่า 4,000 เกม และฟีเจอร์ “Install-to-Play” รวมถึงการเล่นที่ความละเอียดสูงสุดถึง 5K และเฟรมเรตสูงสุด 360 FPS โดยใช้ GPU ระดับ RTX 4080 และ RTX 5080

    ความสำคัญต่อผู้ใช้ Chromebook
    Chromebook ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานเบา ๆ เช่นงานเอกสารและการเรียน แต่การเพิ่มบริการ Fast Pass ทำให้ผู้ใช้สามารถสัมผัสประสบการณ์เกม PC ได้โดยไม่ต้องใช้ฮาร์ดแวร์แรง ๆ ถือเป็นการเปิดตลาดใหม่ให้กับ Chromebook และช่วยให้ผู้ใช้ทั่วไปเข้าถึงเกมคุณภาพสูงได้ง่ายขึ้น

    สรุปประเด็นสำคัญ
    สิทธิพิเศษสำหรับเจ้าของ Chromebook
    ได้รับ GeForce Now Fast Pass ฟรี 1 ปี

    รายละเอียดของ Fast Pass
    เล่นเกมได้ 10–15 ชั่วโมงต่อเดือน
    เข้าถึงเกมกว่า 2,000 เกมจาก Steam, Epic, Xbox

    เปรียบเทียบกับแพ็กเกจอื่น
    Performance และ Ultimate มีเกมมากกว่า 4,000 เกม
    Ultimate รองรับ 5K และ 360 FPS ด้วย RTX 5080

    ความสำคัญต่อผู้ใช้ Chromebook
    Chromebook สามารถเล่นเกม PC ผ่านคลาวด์ได้
    เปิดตลาดใหม่ให้กับผู้ใช้ทั่วไปที่ไม่ต้องการเครื่องแรง

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้
    Fast Pass มีข้อจำกัดเวลาเล่นเพียง 10–15 ชั่วโมงต่อเดือน
    ไม่รองรับเกมทั้งหมดเหมือนแพ็กเกจ Performance/Ultimate
    หากอินเทอร์เน็ตไม่เสถียร อาจกระทบต่อประสบการณ์เล่นเกม

    https://www.tomshardware.com/video-games/cloud-gaming/new-chromebook-owners-are-getting-an-exclusive-free-nvidia-geforce-now-subscription-for-one-year-fast-pass-gives-chromebook-gamers-ad-free-priority-access-to-cloud-servers
    🎁 สิทธิพิเศษสำหรับเจ้าของ Chromebook ตั้งแต่วันที่ 20 พฤศจิกายนเป็นต้นไป Google และ Nvidia ร่วมมือกันมอบสิทธิ์ GeForce Now Fast Pass ฟรี 1 ปี ให้กับผู้ใช้ Chromebook รุ่นใหม่ โดยสิทธิ์นี้จะให้การเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์เกมของ Nvidia แบบ Priority Access และไม่มีโฆษณา ซึ่งถือเป็นการยกระดับประสบการณ์การเล่นเกมบน Chromebook ที่ปกติไม่สามารถเล่นเกม PC ได้โดยตรง 🎮 รายละเอียดของ Fast Pass Fast Pass จะมอบเวลาเล่นเกม 10 ชั่วโมงต่อเดือน และสามารถสะสมเพิ่มได้สูงสุดถึง 15 ชั่วโมงหากมีการเหลือเวลาเล่นจากเดือนก่อน ผู้ใช้สามารถเข้าถึงเกมกว่า 2,000 เกม จากแพลตฟอร์มยอดนิยม เช่น Steam, Epic Games Store และ Xbox โดยใช้ Chromebook ที่มีสเปกเบา ๆ แต่เชื่อมต่อกับ GPU เสมือนของ Nvidia ผ่านระบบคลาวด์ ⚡ เปรียบเทียบกับแพ็กเกจอื่น Fast Pass มีความคล้ายกับแพ็กเกจฟรี แต่เพิ่มสิทธิ์ Priority Access และไม่มีโฆษณา ต่างจากแพ็กเกจ Performance และ Ultimate ที่ให้สิทธิ์เข้าถึงเกมกว่า 4,000 เกม และฟีเจอร์ “Install-to-Play” รวมถึงการเล่นที่ความละเอียดสูงสุดถึง 5K และเฟรมเรตสูงสุด 360 FPS โดยใช้ GPU ระดับ RTX 4080 และ RTX 5080 🌐 ความสำคัญต่อผู้ใช้ Chromebook Chromebook ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานเบา ๆ เช่นงานเอกสารและการเรียน แต่การเพิ่มบริการ Fast Pass ทำให้ผู้ใช้สามารถสัมผัสประสบการณ์เกม PC ได้โดยไม่ต้องใช้ฮาร์ดแวร์แรง ๆ ถือเป็นการเปิดตลาดใหม่ให้กับ Chromebook และช่วยให้ผู้ใช้ทั่วไปเข้าถึงเกมคุณภาพสูงได้ง่ายขึ้น 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ สิทธิพิเศษสำหรับเจ้าของ Chromebook ➡️ ได้รับ GeForce Now Fast Pass ฟรี 1 ปี ✅ รายละเอียดของ Fast Pass ➡️ เล่นเกมได้ 10–15 ชั่วโมงต่อเดือน ➡️ เข้าถึงเกมกว่า 2,000 เกมจาก Steam, Epic, Xbox ✅ เปรียบเทียบกับแพ็กเกจอื่น ➡️ Performance และ Ultimate มีเกมมากกว่า 4,000 เกม ➡️ Ultimate รองรับ 5K และ 360 FPS ด้วย RTX 5080 ✅ ความสำคัญต่อผู้ใช้ Chromebook ➡️ Chromebook สามารถเล่นเกม PC ผ่านคลาวด์ได้ ➡️ เปิดตลาดใหม่ให้กับผู้ใช้ทั่วไปที่ไม่ต้องการเครื่องแรง ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ ⛔ Fast Pass มีข้อจำกัดเวลาเล่นเพียง 10–15 ชั่วโมงต่อเดือน ⛔ ไม่รองรับเกมทั้งหมดเหมือนแพ็กเกจ Performance/Ultimate ⛔ หากอินเทอร์เน็ตไม่เสถียร อาจกระทบต่อประสบการณ์เล่นเกม https://www.tomshardware.com/video-games/cloud-gaming/new-chromebook-owners-are-getting-an-exclusive-free-nvidia-geforce-now-subscription-for-one-year-fast-pass-gives-chromebook-gamers-ad-free-priority-access-to-cloud-servers
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 14 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศึก AMD vs Intel ปี 2025

    การแข่งขันระหว่าง AMD และ Intel ยังคงดุเดือด โดย AMD ใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 Ryzen 9000 และรุ่นพิเศษ X3D ที่มีเทคโนโลยี 3D V-Cache ทำให้ได้เปรียบด้านเกมอย่างชัดเจน ส่วน Intel เปิดตัว Arrow Lake Core Ultra 200S ที่เน้นพลังงานและการทำงานแบบ Hybrid Core แต่กลับถูกวิจารณ์ว่าประสิทธิภาพเกมยังด้อยกว่า AMD

    ราคาและความคุ้มค่า
    AMD ยังคงครองตำแหน่ง “คุ้มค่า” โดย Ryzen 9000 หลายรุ่นขายต่ำกว่า MSRP และให้ประสิทธิภาพสูงทั้งเกมและงานทั่วไป ขณะที่ Intel Core Ultra 200S มักขายใกล้ MSRP และแม้จะมีข้อดีด้าน Productivity แต่ก็ไม่สามารถชดเชยการเล่นเกมที่ด้อยกว่าได้ ทำให้ AMD ได้คะแนนนำในด้านนี้

    ประสิทธิภาพการเล่นเกม
    AMD Ryzen 9000X3D เช่น Ryzen 9 9800X3D และ Ryzen 9 9950X3D ถูกยกให้เป็น CPU ที่เร็วที่สุดในโลกสำหรับเกม โดยเหนือกว่า Intel ถึงกว่า 30% ในหลายกรณี ขณะที่ Intel Core i9-14900K แม้ยังคงเป็นตัวเลือกที่ดี แต่ก็ไม่สามารถสู้กับ X3D ได้ในด้านเกม ทำให้ AMD ชนะอย่างขาดลอยในตลาดเกม

    Productivity และการใช้งานจริง
    Intel ยังคงได้เปรียบในงาน Single-threaded ด้วย P-core ที่ตอบสนองไว แต่ AMD มีจำนวนคอร์มากกว่าและรองรับ AVX-512 ทำให้ได้เปรียบในงาน Multi-threaded เช่นการเรนเดอร์และคอนเทนต์ครีเอชัน ผลลัพธ์คือ “เสมอกัน” ขึ้นอยู่กับประเภทงานที่ผู้ใช้ต้องการ

    การโอเวอร์คล็อกและซอฟต์แวร์
    Intel ยังคงเป็นผู้นำด้านการโอเวอร์คล็อก โดย K-series สามารถดันความเร็วได้สูงกว่า AMD แต่ต้องใช้เมนบอร์ด Z-series และระบบระบายความร้อนที่ดี ส่วน AMD แม้จะมี Precision Boost Overdrive ที่ใช้งานง่าย แต่ไม่สามารถดันความเร็วได้เท่า Intel ขณะที่ด้านไดรเวอร์และซอฟต์แวร์ Intel ยังมีความเสถียรมากกว่า AMD

    ความปลอดภัยและพลังงาน
    AMD ได้เปรียบในด้าน การใช้พลังงานต่อประสิทธิภาพ ด้วยสถาปัตยกรรม Zen 5 บนกระบวนการผลิต 4nm ของ TSMC ที่ประหยัดพลังงานมากกว่า Intel Arrow Lake ส่วนด้านความปลอดภัย AMD มีช่องโหว่น้อยกว่า Intel ที่ยังคงเจอปัญหา Spectre และ Meltdown ในรุ่นเก่า ทำให้ AMD ได้คะแนนนำในด้านนี้เช่นกัน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    AMD ได้เปรียบด้านราคาและความคุ้มค่า
    Ryzen 9000 มักขายต่ำกว่า MSRP และให้ประสิทธิภาพสูง

    AMD ชนะด้านเกม
    Ryzen 9 9800X3D และ 9950X3D เร็วกว่า Intel ถึง 30%

    Productivity เสมอกัน
    Intel เหนือกว่า Single-threaded
    AMD เหนือกว่า Multi-threaded

    Intel ชนะด้านโอเวอร์คล็อกและไดรเวอร์
    K-series มี headroom สูงกว่า
    ไดรเวอร์ Intel เสถียรกว่า

    AMD ชนะด้านพลังงานและความปลอดภัย
    Zen 5 4nm ประหยัดพลังงาน
    ช่องโหว่น้อยกว่า Intel รุ่นเก่า

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้
    Intel Arrow Lake ไม่รองรับ backward compatibility กับเมนบอร์ดรุ่นเก่า
    AMD X3D แม้แรง แต่ราคาสูงกว่ารุ่นปกติ

    https://www.tomshardware.com/features/amd-vs-intel-cpus
    ⚔️ ศึก AMD vs Intel ปี 2025 การแข่งขันระหว่าง AMD และ Intel ยังคงดุเดือด โดย AMD ใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 Ryzen 9000 และรุ่นพิเศษ X3D ที่มีเทคโนโลยี 3D V-Cache ทำให้ได้เปรียบด้านเกมอย่างชัดเจน ส่วน Intel เปิดตัว Arrow Lake Core Ultra 200S ที่เน้นพลังงานและการทำงานแบบ Hybrid Core แต่กลับถูกวิจารณ์ว่าประสิทธิภาพเกมยังด้อยกว่า AMD 💰 ราคาและความคุ้มค่า AMD ยังคงครองตำแหน่ง “คุ้มค่า” โดย Ryzen 9000 หลายรุ่นขายต่ำกว่า MSRP และให้ประสิทธิภาพสูงทั้งเกมและงานทั่วไป ขณะที่ Intel Core Ultra 200S มักขายใกล้ MSRP และแม้จะมีข้อดีด้าน Productivity แต่ก็ไม่สามารถชดเชยการเล่นเกมที่ด้อยกว่าได้ ทำให้ AMD ได้คะแนนนำในด้านนี้ 🎮 ประสิทธิภาพการเล่นเกม AMD Ryzen 9000X3D เช่น Ryzen 9 9800X3D และ Ryzen 9 9950X3D ถูกยกให้เป็น CPU ที่เร็วที่สุดในโลกสำหรับเกม โดยเหนือกว่า Intel ถึงกว่า 30% ในหลายกรณี ขณะที่ Intel Core i9-14900K แม้ยังคงเป็นตัวเลือกที่ดี แต่ก็ไม่สามารถสู้กับ X3D ได้ในด้านเกม ทำให้ AMD ชนะอย่างขาดลอยในตลาดเกม ⚡ Productivity และการใช้งานจริง Intel ยังคงได้เปรียบในงาน Single-threaded ด้วย P-core ที่ตอบสนองไว แต่ AMD มีจำนวนคอร์มากกว่าและรองรับ AVX-512 ทำให้ได้เปรียบในงาน Multi-threaded เช่นการเรนเดอร์และคอนเทนต์ครีเอชัน ผลลัพธ์คือ “เสมอกัน” ขึ้นอยู่กับประเภทงานที่ผู้ใช้ต้องการ 🔧 การโอเวอร์คล็อกและซอฟต์แวร์ Intel ยังคงเป็นผู้นำด้านการโอเวอร์คล็อก โดย K-series สามารถดันความเร็วได้สูงกว่า AMD แต่ต้องใช้เมนบอร์ด Z-series และระบบระบายความร้อนที่ดี ส่วน AMD แม้จะมี Precision Boost Overdrive ที่ใช้งานง่าย แต่ไม่สามารถดันความเร็วได้เท่า Intel ขณะที่ด้านไดรเวอร์และซอฟต์แวร์ Intel ยังมีความเสถียรมากกว่า AMD 🔒 ความปลอดภัยและพลังงาน AMD ได้เปรียบในด้าน การใช้พลังงานต่อประสิทธิภาพ ด้วยสถาปัตยกรรม Zen 5 บนกระบวนการผลิต 4nm ของ TSMC ที่ประหยัดพลังงานมากกว่า Intel Arrow Lake ส่วนด้านความปลอดภัย AMD มีช่องโหว่น้อยกว่า Intel ที่ยังคงเจอปัญหา Spectre และ Meltdown ในรุ่นเก่า ทำให้ AMD ได้คะแนนนำในด้านนี้เช่นกัน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ AMD ได้เปรียบด้านราคาและความคุ้มค่า ➡️ Ryzen 9000 มักขายต่ำกว่า MSRP และให้ประสิทธิภาพสูง ✅ AMD ชนะด้านเกม ➡️ Ryzen 9 9800X3D และ 9950X3D เร็วกว่า Intel ถึง 30% ✅ Productivity เสมอกัน ➡️ Intel เหนือกว่า Single-threaded ➡️ AMD เหนือกว่า Multi-threaded ✅ Intel ชนะด้านโอเวอร์คล็อกและไดรเวอร์ ➡️ K-series มี headroom สูงกว่า ➡️ ไดรเวอร์ Intel เสถียรกว่า ✅ AMD ชนะด้านพลังงานและความปลอดภัย ➡️ Zen 5 4nm ประหยัดพลังงาน ➡️ ช่องโหว่น้อยกว่า Intel รุ่นเก่า ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ ⛔ Intel Arrow Lake ไม่รองรับ backward compatibility กับเมนบอร์ดรุ่นเก่า ⛔ AMD X3D แม้แรง แต่ราคาสูงกว่ารุ่นปกติ https://www.tomshardware.com/features/amd-vs-intel-cpus
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Intel vs AMD: Which CPUs Are Better in 2025?
    We put Intel vs AMD in a battle of processor prowess.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 10 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ศูนย์ข้อมูล AI นอกโลก: ทางเลือกต้นทุนต่ำหรือแค่ภาพฝัน?”

    Elon Musk เชื่อว่าในอีก 4–5 ปีข้างหน้า การประมวลผล AI ในอวกาศจะมีต้นทุนต่ำที่สุด ขณะที่ Jensen Huang ซีอีโอ Nvidia มองว่านี่เป็นเพียง “ความฝัน” เพราะยังมีอุปสรรคด้านเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐานมากมาย

    มุมมองของ Elon Musk
    Elon Musk กล่าวในงานประชุมการลงทุนว่า AI Compute ในอวกาศจะมีต้นทุนต่ำกว่าโลก เนื่องจากสามารถใช้พลังงานแสงอาทิตย์ฟรีและการระบายความร้อนด้วยการแผ่รังสีในสุญญากาศโดยตรง เขาเชื่อว่าในอีกไม่เกิน 5 ปี การสร้างศูนย์ข้อมูล AI บนอวกาศจะเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าที่สุด โดยชี้ว่าบนโลก การสร้างโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่เพื่อรองรับความต้องการระดับเทรา-วัตต์นั้นแทบเป็นไปไม่ได้

    ความท้าทายด้านเทคนิค
    แม้แนวคิดจะน่าสนใจ แต่การสร้างศูนย์ข้อมูล AI ในอวกาศยังมีอุปสรรคมากมาย เช่น
    การควบคุมอุณหภูมิ: แม้ในอวกาศจะเย็น แต่การอยู่ในวงโคจรทำให้เกิดการแกว่งอุณหภูมิสูงถึง -65°C ถึง +125°C
    การระบายความร้อน: ต้องใช้โครงสร้างขนาดมหึมาเพื่อแผ่รังสีความร้อนออกไป ซึ่งยังไม่เคยมีการสร้างในระดับนี้มาก่อน
    การทนต่อรังสี: GPU และฮาร์ดแวร์ขั้นสูงยังไม่สามารถทนต่อรังสีในวงโคจร GEO ได้โดยไม่ใช้การป้องกันขั้นสูง ซึ่งจะลดประสิทธิภาพลง
    การขนส่งและบำรุงรักษา: ต้องใช้การปล่อยจรวดหลายพันเที่ยวเพื่อส่งอุปกรณ์ขึ้นไป และยังไม่มีระบบซ่อมบำรุงอัตโนมัติที่รองรับ

    มุมมองของ Jensen Huang
    Jensen Huang ซีอีโอ Nvidia ยอมรับว่าปัญหาพลังงานและความเย็นเป็นความท้าทายใหญ่ แต่เขามองว่า ศูนย์ข้อมูล AI ในอวกาศยังเป็นเพียง “ความฝัน” เพราะเทคโนโลยีที่จำเป็น เช่น การเชื่อมต่อความเร็วสูงกับโลก การบำรุงรักษาด้วยหุ่นยนต์ และการสร้างโครงสร้างขนาดใหญ่ในอวกาศ ยังไม่พร้อมในช่วงเวลา 5 ปีตามที่ Musk คาดการณ์

    ผลกระทบต่ออนาคต AI
    แนวคิดนี้สะท้อนถึงความกังวลว่า โลกอาจไม่สามารถรองรับความต้องการพลังงานมหาศาลของ AI ได้ หากต้องการศูนย์ข้อมูลระดับเทรา-วัตต์ การหาทางเลือกใหม่ เช่น อวกาศ อาจเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในอนาคต แต่ในปัจจุบันยังคงต้องพึ่งพาโครงสร้างบนโลกและการพัฒนาเทคโนโลยีที่มีอยู่

    สรุปประเด็นสำคัญ
    มุมมองของ Elon Musk
    AI Compute ในอวกาศจะใช้พลังงานแสงอาทิตย์ฟรีและระบายความร้อนง่าย
    คาดว่าจะเป็นต้นทุนต่ำที่สุดใน 4–5 ปี

    ความท้าทายด้านเทคนิค
    อุณหภูมิแกว่งแรงในวงโคจร
    ต้องใช้โครงสร้างขนาดใหญ่เพื่อระบายความร้อน
    GPU ยังไม่ทนรังสี
    ต้องใช้การขนส่งและบำรุงรักษามหาศาล

    มุมมองของ Jensen Huang
    มองว่าเป็น “ความฝัน” เพราะเทคโนโลยียังไม่พร้อม
    ปัญหาการเชื่อมต่อและบำรุงรักษายังไม่แก้ไข

    คำเตือนสำหรับอนาคต
    ความต้องการพลังงาน AI อาจเกินขีดความสามารถของโลก
    การสร้างศูนย์ข้อมูลในอวกาศยังไม่เป็นไปได้จริงในระยะสั้น

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/spacex-ceo-elon-musk-says-ai-compute-in-space-will-be-the-lowest-cost-option-in-5-years-but-nvidias-jensen-huang-says-its-a-dream
    🛰️ “ศูนย์ข้อมูล AI นอกโลก: ทางเลือกต้นทุนต่ำหรือแค่ภาพฝัน?” Elon Musk เชื่อว่าในอีก 4–5 ปีข้างหน้า การประมวลผล AI ในอวกาศจะมีต้นทุนต่ำที่สุด ขณะที่ Jensen Huang ซีอีโอ Nvidia มองว่านี่เป็นเพียง “ความฝัน” เพราะยังมีอุปสรรคด้านเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐานมากมาย 🚀 มุมมองของ Elon Musk Elon Musk กล่าวในงานประชุมการลงทุนว่า AI Compute ในอวกาศจะมีต้นทุนต่ำกว่าโลก เนื่องจากสามารถใช้พลังงานแสงอาทิตย์ฟรีและการระบายความร้อนด้วยการแผ่รังสีในสุญญากาศโดยตรง เขาเชื่อว่าในอีกไม่เกิน 5 ปี การสร้างศูนย์ข้อมูล AI บนอวกาศจะเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าที่สุด โดยชี้ว่าบนโลก การสร้างโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่เพื่อรองรับความต้องการระดับเทรา-วัตต์นั้นแทบเป็นไปไม่ได้ 🌌 ความท้าทายด้านเทคนิค แม้แนวคิดจะน่าสนใจ แต่การสร้างศูนย์ข้อมูล AI ในอวกาศยังมีอุปสรรคมากมาย เช่น 🎗️ การควบคุมอุณหภูมิ: แม้ในอวกาศจะเย็น แต่การอยู่ในวงโคจรทำให้เกิดการแกว่งอุณหภูมิสูงถึง -65°C ถึง +125°C 🎗️ การระบายความร้อน: ต้องใช้โครงสร้างขนาดมหึมาเพื่อแผ่รังสีความร้อนออกไป ซึ่งยังไม่เคยมีการสร้างในระดับนี้มาก่อน 🎗️ การทนต่อรังสี: GPU และฮาร์ดแวร์ขั้นสูงยังไม่สามารถทนต่อรังสีในวงโคจร GEO ได้โดยไม่ใช้การป้องกันขั้นสูง ซึ่งจะลดประสิทธิภาพลง 🎗️ การขนส่งและบำรุงรักษา: ต้องใช้การปล่อยจรวดหลายพันเที่ยวเพื่อส่งอุปกรณ์ขึ้นไป และยังไม่มีระบบซ่อมบำรุงอัตโนมัติที่รองรับ 💡 มุมมองของ Jensen Huang Jensen Huang ซีอีโอ Nvidia ยอมรับว่าปัญหาพลังงานและความเย็นเป็นความท้าทายใหญ่ แต่เขามองว่า ศูนย์ข้อมูล AI ในอวกาศยังเป็นเพียง “ความฝัน” เพราะเทคโนโลยีที่จำเป็น เช่น การเชื่อมต่อความเร็วสูงกับโลก การบำรุงรักษาด้วยหุ่นยนต์ และการสร้างโครงสร้างขนาดใหญ่ในอวกาศ ยังไม่พร้อมในช่วงเวลา 5 ปีตามที่ Musk คาดการณ์ 🌐 ผลกระทบต่ออนาคต AI แนวคิดนี้สะท้อนถึงความกังวลว่า โลกอาจไม่สามารถรองรับความต้องการพลังงานมหาศาลของ AI ได้ หากต้องการศูนย์ข้อมูลระดับเทรา-วัตต์ การหาทางเลือกใหม่ เช่น อวกาศ อาจเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในอนาคต แต่ในปัจจุบันยังคงต้องพึ่งพาโครงสร้างบนโลกและการพัฒนาเทคโนโลยีที่มีอยู่ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ มุมมองของ Elon Musk ➡️ AI Compute ในอวกาศจะใช้พลังงานแสงอาทิตย์ฟรีและระบายความร้อนง่าย ➡️ คาดว่าจะเป็นต้นทุนต่ำที่สุดใน 4–5 ปี ✅ ความท้าทายด้านเทคนิค ➡️ อุณหภูมิแกว่งแรงในวงโคจร ➡️ ต้องใช้โครงสร้างขนาดใหญ่เพื่อระบายความร้อน ➡️ GPU ยังไม่ทนรังสี ➡️ ต้องใช้การขนส่งและบำรุงรักษามหาศาล ✅ มุมมองของ Jensen Huang ➡️ มองว่าเป็น “ความฝัน” เพราะเทคโนโลยียังไม่พร้อม ➡️ ปัญหาการเชื่อมต่อและบำรุงรักษายังไม่แก้ไข ‼️ คำเตือนสำหรับอนาคต ⛔ ความต้องการพลังงาน AI อาจเกินขีดความสามารถของโลก ⛔ การสร้างศูนย์ข้อมูลในอวกาศยังไม่เป็นไปได้จริงในระยะสั้น https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/spacex-ceo-elon-musk-says-ai-compute-in-space-will-be-the-lowest-cost-option-in-5-years-but-nvidias-jensen-huang-says-its-a-dream
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 10 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 0 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • รายได้ Nvidia พุ่งทะยาน

    Nvidia ประกาศผลประกอบการไตรมาส 3 ปีงบประมาณ 2026 โดยมีรายได้รวมกว่า 57.006 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 62% เมื่อเทียบปีต่อปี และ 22% เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส กำไรสุทธิอยู่ที่ 31.91 พันล้านดอลลาร์ พร้อมอัตรากำไรขั้นต้นสูงถึง 73.4% ซึ่งถือเป็นการทำลายสถิติรายได้ต่อไตรมาสของบริษัท

    ดาต้าเซ็นเตอร์คือหัวใจหลัก
    รายได้จากธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์สูงถึง 51.215 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 66% เมื่อเทียบปีต่อปี โดยส่วนใหญ่จากการขายแพลตฟอร์ม Blackwell และ Blackwell Ultra ที่ถูกนำไปใช้โดยผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่, โครงการ AI ภาครัฐ และอุตสาหกรรมต่าง ๆ นอกจากนี้ รายได้จากระบบเครือข่ายยังเพิ่มขึ้นกว่า 162% เนื่องจากลูกค้าหันมาใช้โซลูชันแบบ Rack-scale สำหรับ AI

    ตลาดเกมและ ProViz
    แม้รายได้จากเกมจะอยู่ที่ 4.265 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบปีต่อปี แต่ลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อน สะท้อนว่าตลาดเกมอาจถึงจุดสูงสุดแล้ว ขณะที่ธุรกิจ Professional Visualization (ProViz) ทำสถิติใหม่ที่ 760 ล้านดอลลาร์ จากความต้องการ GPU สำหรับงาน CAD, CAM และครีเอทีฟที่ใช้แพลตฟอร์ม Blackwell

    ยานยนต์และหุ่นยนต์
    ธุรกิจยานยนต์และหุ่นยนต์สร้างรายได้ 592 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 32% เมื่อเทียบปีต่อปี โดยมีการนำแพลตฟอร์ม Drive AGX Hyperion 10 ที่รองรับการขับขี่อัตโนมัติระดับ 4 มาใช้โดยพันธมิตรสำคัญ เช่น Uber ซึ่งคาดว่าจะช่วยขยายตลาดในอนาคต

    สรุปประเด็นสำคัญ
    รายได้รวม Nvidia
    57.006 พันล้านดอลลาร์ใน Q3 FY2026
    กำไรสุทธิ 31.91 พันล้านดอลลาร์

    ดาต้าเซ็นเตอร์คือรายได้หลัก
    51.215 พันล้านดอลลาร์จาก Blackwell และ Blackwell Ultra
    เครือข่ายเพิ่มขึ้น 162%

    ตลาดเกมและ ProViz
    เกมทำรายได้ 4.265 พันล้านดอลลาร์
    ProViz ทำสถิติใหม่ 760 ล้านดอลลาร์

    ยานยนต์และหุ่นยนต์
    รายได้ 592 ล้านดอลลาร์จาก Drive AGX Hyperion 10

    คำเตือนสำหรับอนาคต
    ตลาดเกมอาจถึงจุดอิ่มตัว
    รายได้จากจีนหายไปหลังข้อจำกัดการส่งออก AI GPU

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/nvidias-revenue-skyrockets-to-record-usd57-billion-per-quarter-all-gpus-are-sold-out
    💹 รายได้ Nvidia พุ่งทะยาน Nvidia ประกาศผลประกอบการไตรมาส 3 ปีงบประมาณ 2026 โดยมีรายได้รวมกว่า 57.006 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 62% เมื่อเทียบปีต่อปี และ 22% เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส กำไรสุทธิอยู่ที่ 31.91 พันล้านดอลลาร์ พร้อมอัตรากำไรขั้นต้นสูงถึง 73.4% ซึ่งถือเป็นการทำลายสถิติรายได้ต่อไตรมาสของบริษัท 🏢 ดาต้าเซ็นเตอร์คือหัวใจหลัก รายได้จากธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์สูงถึง 51.215 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 66% เมื่อเทียบปีต่อปี โดยส่วนใหญ่จากการขายแพลตฟอร์ม Blackwell และ Blackwell Ultra ที่ถูกนำไปใช้โดยผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่, โครงการ AI ภาครัฐ และอุตสาหกรรมต่าง ๆ นอกจากนี้ รายได้จากระบบเครือข่ายยังเพิ่มขึ้นกว่า 162% เนื่องจากลูกค้าหันมาใช้โซลูชันแบบ Rack-scale สำหรับ AI 🎮 ตลาดเกมและ ProViz แม้รายได้จากเกมจะอยู่ที่ 4.265 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบปีต่อปี แต่ลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อน สะท้อนว่าตลาดเกมอาจถึงจุดสูงสุดแล้ว ขณะที่ธุรกิจ Professional Visualization (ProViz) ทำสถิติใหม่ที่ 760 ล้านดอลลาร์ จากความต้องการ GPU สำหรับงาน CAD, CAM และครีเอทีฟที่ใช้แพลตฟอร์ม Blackwell 🚗 ยานยนต์และหุ่นยนต์ ธุรกิจยานยนต์และหุ่นยนต์สร้างรายได้ 592 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 32% เมื่อเทียบปีต่อปี โดยมีการนำแพลตฟอร์ม Drive AGX Hyperion 10 ที่รองรับการขับขี่อัตโนมัติระดับ 4 มาใช้โดยพันธมิตรสำคัญ เช่น Uber ซึ่งคาดว่าจะช่วยขยายตลาดในอนาคต 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ รายได้รวม Nvidia ➡️ 57.006 พันล้านดอลลาร์ใน Q3 FY2026 ➡️ กำไรสุทธิ 31.91 พันล้านดอลลาร์ ✅ ดาต้าเซ็นเตอร์คือรายได้หลัก ➡️ 51.215 พันล้านดอลลาร์จาก Blackwell และ Blackwell Ultra ➡️ เครือข่ายเพิ่มขึ้น 162% ✅ ตลาดเกมและ ProViz ➡️ เกมทำรายได้ 4.265 พันล้านดอลลาร์ ➡️ ProViz ทำสถิติใหม่ 760 ล้านดอลลาร์ ✅ ยานยนต์และหุ่นยนต์ ➡️ รายได้ 592 ล้านดอลลาร์จาก Drive AGX Hyperion 10 ‼️ คำเตือนสำหรับอนาคต ⛔ ตลาดเกมอาจถึงจุดอิ่มตัว ⛔ รายได้จากจีนหายไปหลังข้อจำกัดการส่งออก AI GPU https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/nvidias-revenue-skyrockets-to-record-usd57-billion-per-quarter-all-gpus-are-sold-out
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 9 มุมมอง 0 รีวิว
  • “DDR4 ยังไหว หรือถึงเวลาย้ายไป DDR5”

    DDR5 มอบแบนด์วิดท์สูงและความจุที่มากกว่า DDR4 แต่ยังมีข้อจำกัดด้านราคาและค่า Latency ทำให้การอัปเกรดเหมาะกับงานเฉพาะทางมากกว่าการเล่นเกมทั่วไป

    สเปกและความแตกต่างหลัก
    DDR5 ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับ ชิปที่มีจำนวนคอร์สูง โดยมีแบนด์วิดท์มากกว่า DDR4 ถึง 112% เมื่อเทียบกับ DDR4-2133 และยังสามารถขยายความจุได้สูงสุดถึง 128GB ต่อโมดูลในตลาดผู้ใช้ทั่วไป ขณะที่ DDR4 หยุดอยู่ที่ 16Gb ต่อชิป นอกจากนี้ DDR5 ยังมี สถาปัตยกรรมใหม่ เช่นการแบ่งช่องสัญญาณเป็น 2×32-bit, Burst Length 16 ไบต์ และการใช้ PMIC (Power Management IC) บนโมดูล ทำให้การจัดการพลังงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ก็เพิ่มต้นทุนการผลิต

    ผลการทดสอบประสิทธิภาพ
    Bandwidth: DDR5-4800 C40 มีแบนด์วิดท์มากกว่า DDR4-4000 C16 ถึง 19% และ DDR5-6400 C36 สามารถเข้าใกล้ 100 GB/s
    Latency: DDR5 มีค่า Latency สูงกว่า DDR4 โดย DDR4-3200 C22 เร็วกว่า DDR5-4800 C40 ถึง 17%
    งานทั่วไป: Microsoft Office และงานเบา ๆ แทบไม่เห็นความแตกต่าง (เพียง 4%)
    งานเฉพาะทาง: Compression และการคำนวณเชิงวิทยาศาสตร์ (เช่น y-cruncher) ได้ประโยชน์ชัดเจนจาก DDR5 โดยเร็วกว่า DDR4 ถึง 25–46%
    เกม: ความแตกต่างน้อยมาก เช่น Assassin’s Creed Valhalla DDR5-6400 C36 เร็วกว่า DDR4-3200 C15 เพียง 3%

    ราคาและความคุ้มค่า
    DDR5 ยังมีราคาสูงกว่า DDR4 อย่างมาก เช่น DDR5-4800 32GB C40 ราคาเฉลี่ย 73 ดอลลาร์ ขณะที่ DDR4-3200 32GB C16 ราคาเพียง 50 ดอลลาร์ แม้ DDR5 จะให้ประสิทธิภาพสูงกว่า 6% แต่ก็แพงกว่า 46% อย่างไรก็ตาม การลงทุนใน DDR5 ถือเป็นการ Future-proof เพราะซีพียูรุ่นใหม่จาก Intel และ AMD ไม่รองรับ DDR4 อีกต่อไป

    สรุปประเด็นสำคัญ
    สเปก DDR5
    แบนด์วิดท์สูงกว่า DDR4 ถึง 112%
    รองรับความจุสูงสุด 128GB ต่อโมดูล

    ผลการทดสอบ
    งาน Compression และคำนวณเร็วขึ้น 25–46%
    เกมต่างกันเพียง 1–3%

    ราคาและความคุ้มค่า
    DDR5 แพงกว่า DDR4 ถึง 46%
    แต่เป็นการลงทุนเพื่ออนาคต

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้
    หากใช้เพื่อเล่นเกมทั่วไป DDR4 ยังคุ้มค่ากว่า
    DDR5 มีค่า Latency สูงกว่า DDR4 ในหลายกรณี

    https://www.tomshardware.com/features/ddr5-vs-ddr4-is-it-time-to-upgrade-your-ram
    💸 “DDR4 ยังไหว หรือถึงเวลาย้ายไป DDR5” DDR5 มอบแบนด์วิดท์สูงและความจุที่มากกว่า DDR4 แต่ยังมีข้อจำกัดด้านราคาและค่า Latency ทำให้การอัปเกรดเหมาะกับงานเฉพาะทางมากกว่าการเล่นเกมทั่วไป ⚙️ สเปกและความแตกต่างหลัก DDR5 ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับ ชิปที่มีจำนวนคอร์สูง โดยมีแบนด์วิดท์มากกว่า DDR4 ถึง 112% เมื่อเทียบกับ DDR4-2133 และยังสามารถขยายความจุได้สูงสุดถึง 128GB ต่อโมดูลในตลาดผู้ใช้ทั่วไป ขณะที่ DDR4 หยุดอยู่ที่ 16Gb ต่อชิป นอกจากนี้ DDR5 ยังมี สถาปัตยกรรมใหม่ เช่นการแบ่งช่องสัญญาณเป็น 2×32-bit, Burst Length 16 ไบต์ และการใช้ PMIC (Power Management IC) บนโมดูล ทำให้การจัดการพลังงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ก็เพิ่มต้นทุนการผลิต 📊 ผลการทดสอบประสิทธิภาพ Bandwidth: DDR5-4800 C40 มีแบนด์วิดท์มากกว่า DDR4-4000 C16 ถึง 19% และ DDR5-6400 C36 สามารถเข้าใกล้ 100 GB/s 🟢 Latency: DDR5 มีค่า Latency สูงกว่า DDR4 โดย DDR4-3200 C22 เร็วกว่า DDR5-4800 C40 ถึง 17% 🟢 งานทั่วไป: Microsoft Office และงานเบา ๆ แทบไม่เห็นความแตกต่าง (เพียง 4%) 🟢 งานเฉพาะทาง: Compression และการคำนวณเชิงวิทยาศาสตร์ (เช่น y-cruncher) ได้ประโยชน์ชัดเจนจาก DDR5 โดยเร็วกว่า DDR4 ถึง 25–46% 🟢 เกม: ความแตกต่างน้อยมาก เช่น Assassin’s Creed Valhalla DDR5-6400 C36 เร็วกว่า DDR4-3200 C15 เพียง 3% 💰 ราคาและความคุ้มค่า DDR5 ยังมีราคาสูงกว่า DDR4 อย่างมาก เช่น DDR5-4800 32GB C40 ราคาเฉลี่ย 73 ดอลลาร์ ขณะที่ DDR4-3200 32GB C16 ราคาเพียง 50 ดอลลาร์ แม้ DDR5 จะให้ประสิทธิภาพสูงกว่า 6% แต่ก็แพงกว่า 46% อย่างไรก็ตาม การลงทุนใน DDR5 ถือเป็นการ Future-proof เพราะซีพียูรุ่นใหม่จาก Intel และ AMD ไม่รองรับ DDR4 อีกต่อไป 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ สเปก DDR5 ➡️ แบนด์วิดท์สูงกว่า DDR4 ถึง 112% ➡️ รองรับความจุสูงสุด 128GB ต่อโมดูล ✅ ผลการทดสอบ ➡️ งาน Compression และคำนวณเร็วขึ้น 25–46% ➡️ เกมต่างกันเพียง 1–3% ✅ ราคาและความคุ้มค่า ➡️ DDR5 แพงกว่า DDR4 ถึง 46% ➡️ แต่เป็นการลงทุนเพื่ออนาคต ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ ⛔ หากใช้เพื่อเล่นเกมทั่วไป DDR4 ยังคุ้มค่ากว่า ⛔ DDR5 มีค่า Latency สูงกว่า DDR4 ในหลายกรณี https://www.tomshardware.com/features/ddr5-vs-ddr4-is-it-time-to-upgrade-your-ram
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 9 มุมมอง 0 รีวิว
  • DJI หันมาลงทุนใน 3D Printing

    DJI ได้เข้าซื้อหุ้นในบริษัทแม่ของ Elegoo ผู้ผลิตเครื่องพิมพ์ 3D ราคาประหยัด โดยมีการปรับทะเบียนธุรกิจในจีนเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายนที่ผ่านมา การลงทุนครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นการ กระจายความเสี่ยง จากธุรกิจโดรนที่กำลังถูกจับตามองด้านความมั่นคงในสหรัฐฯ

    แรงกดดันจากสหรัฐฯ
    ตั้งแต่ปี 2016 สหรัฐฯ มีความกังวลด้านความปลอดภัยเกี่ยวกับโดรนของ DJI และในปี 2020 บริษัทถูกขึ้นบัญชี Entity List ของกระทรวงพาณิชย์ ทำให้ไม่สามารถซื้อชิ้นส่วนจากบริษัทอเมริกันได้ แม้ยังขายโดรนให้ประชาชนทั่วไป แต่ในปี 2024 สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เคยเสนอร่างกฎหมายแบน DJI โดยให้เวลาหนึ่งปีพิสูจน์ว่าไม่เป็นภัยต่อความมั่นคง

    Elegoo และตลาด 3D Printing
    Elegoo เป็นแบรนด์ที่โด่งดังในตลาดเครื่องพิมพ์ 3D ราคาประหยัด เช่น Elegoo Centauri Carbon และมีฐานลูกค้าทั่วโลก การที่ DJI เข้ามาลงทุนจึงถูกมองว่าเป็นการเข้าสู่ตลาดที่กำลังเติบโต และอาจใช้เทคโนโลยี 3D Printing เพื่อสนับสนุนการผลิตชิ้นส่วนโดรนในอนาคต

    ความเสี่ยงและความเป็นไปได้
    แม้การลงทุนครั้งนี้จะช่วยลดความเสี่ยง แต่ DJI ยังต้องเผชิญกับการตรวจสอบจากสหรัฐฯ ที่มองว่าบริษัทมีความเชื่อมโยงกับกฎหมายข่าวกรองของจีน ซึ่งบังคับให้บริษัทต้องให้ความร่วมมือกับรัฐหากถูกขอข้อมูล ทำให้อนาคตของ DJI ในตลาดสหรัฐฯ ยังคงไม่แน่นอน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    DJI ลงทุนใน Elegoo
    กระจายธุรกิจจากโดรนไปสู่ 3D Printing

    แรงกดดันจากสหรัฐฯ
    ถูกขึ้นบัญชี Entity List ปี 2020
    สภาสหรัฐฯ เคยเสนอร่างกฎหมายแบน DJI

    จุดแข็งของ Elegoo
    ผู้ผลิตเครื่องพิมพ์ 3D ราคาประหยัด
    มีฐานลูกค้าทั่วโลก

    คำเตือนสำหรับอนาคต
    DJI ยังถูกจับตามองด้านความมั่นคง
    ความเสี่ยงจากกฎหมายข่าวกรองจีนยังคงอยู่

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/dronemaker-dji-buys-into-3d-printer-manufacturer-elegoo-move-seen-as-way-to-diversify-away-from-drones-amid-worries-of-u-s-ban
    🚁 DJI หันมาลงทุนใน 3D Printing DJI ได้เข้าซื้อหุ้นในบริษัทแม่ของ Elegoo ผู้ผลิตเครื่องพิมพ์ 3D ราคาประหยัด โดยมีการปรับทะเบียนธุรกิจในจีนเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายนที่ผ่านมา การลงทุนครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นการ กระจายความเสี่ยง จากธุรกิจโดรนที่กำลังถูกจับตามองด้านความมั่นคงในสหรัฐฯ 🇺🇸 แรงกดดันจากสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2016 สหรัฐฯ มีความกังวลด้านความปลอดภัยเกี่ยวกับโดรนของ DJI และในปี 2020 บริษัทถูกขึ้นบัญชี Entity List ของกระทรวงพาณิชย์ ทำให้ไม่สามารถซื้อชิ้นส่วนจากบริษัทอเมริกันได้ แม้ยังขายโดรนให้ประชาชนทั่วไป แต่ในปี 2024 สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เคยเสนอร่างกฎหมายแบน DJI โดยให้เวลาหนึ่งปีพิสูจน์ว่าไม่เป็นภัยต่อความมั่นคง 🖨️ Elegoo และตลาด 3D Printing Elegoo เป็นแบรนด์ที่โด่งดังในตลาดเครื่องพิมพ์ 3D ราคาประหยัด เช่น Elegoo Centauri Carbon และมีฐานลูกค้าทั่วโลก การที่ DJI เข้ามาลงทุนจึงถูกมองว่าเป็นการเข้าสู่ตลาดที่กำลังเติบโต และอาจใช้เทคโนโลยี 3D Printing เพื่อสนับสนุนการผลิตชิ้นส่วนโดรนในอนาคต ⚠️ ความเสี่ยงและความเป็นไปได้ แม้การลงทุนครั้งนี้จะช่วยลดความเสี่ยง แต่ DJI ยังต้องเผชิญกับการตรวจสอบจากสหรัฐฯ ที่มองว่าบริษัทมีความเชื่อมโยงกับกฎหมายข่าวกรองของจีน ซึ่งบังคับให้บริษัทต้องให้ความร่วมมือกับรัฐหากถูกขอข้อมูล ทำให้อนาคตของ DJI ในตลาดสหรัฐฯ ยังคงไม่แน่นอน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ DJI ลงทุนใน Elegoo ➡️ กระจายธุรกิจจากโดรนไปสู่ 3D Printing ✅ แรงกดดันจากสหรัฐฯ ➡️ ถูกขึ้นบัญชี Entity List ปี 2020 ➡️ สภาสหรัฐฯ เคยเสนอร่างกฎหมายแบน DJI ✅ จุดแข็งของ Elegoo ➡️ ผู้ผลิตเครื่องพิมพ์ 3D ราคาประหยัด ➡️ มีฐานลูกค้าทั่วโลก ‼️ คำเตือนสำหรับอนาคต ⛔ DJI ยังถูกจับตามองด้านความมั่นคง ⛔ ความเสี่ยงจากกฎหมายข่าวกรองจีนยังคงอยู่ https://www.tomshardware.com/tech-industry/dronemaker-dji-buys-into-3d-printer-manufacturer-elegoo-move-seen-as-way-to-diversify-away-from-drones-amid-worries-of-u-s-ban
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 10 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Yttrium พุ่ง 1,500% เขย่าโลกชิปเซ็ต”

    ราคาของแร่หายาก Yttrium พุ่งขึ้นกว่า 1,500% ภายใน 12 เดือน จาก $8 เป็น $126 ต่อกิโลกรัม เนื่องจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก

    ราคาพุ่งทะยาน
    Bloomberg รายงานว่า Yttrium ซึ่งเป็นแร่หายากที่ใช้ในกระบวนการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ เช่น thin-film deposition และ wafer polishing มีราคาพุ่งขึ้นจาก $8 เป็น $126 ต่อกิโลกรัมในเวลาไม่ถึงปี ถือเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

    สงครามการค้าสหรัฐฯ–จีน
    ความตึงเครียดเริ่มรุนแรงขึ้นเมื่อสหรัฐฯ ประกาศเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนสูงถึง 145% และจีนตอบโต้ด้วยการจำกัดการส่งออกแร่หายาก รวมถึง Yttrium แม้จะมีการเจรจาและพักรบทางภาษี แต่จีนยังคงคุมเข้มการส่งออกบางรายการ ทำให้ซัพพลายยังคงตึงตัว

    ผลกระทบต่อซัพพลายเชนโลก
    มากกว่า 90% ของแร่หายากที่สหรัฐฯ ต้องใช้มาจากจีน ทำให้การควบคุมการส่งออกส่งผลกระทบอย่างหนักต่อผู้ผลิตชิปทั่วโลก ขณะนี้สหรัฐฯ กำลังพยายามหาทางออก เช่น โครงการ Mountain Pass ในแคลิฟอร์เนีย รวมถึงการลงทุน $2 พันล้านดอลลาร์จาก CHIPS Act เพื่อสร้างซัพพลายเชนที่ยั่งยืน ขณะที่ออสเตรเลียและแคนาดาก็เร่งหาทางผลิตแร่หายากจากเหมืองและของเสีย

    แนวโน้มในอนาคต
    แม้จะมีการหาทางออก แต่ราคาของ Yttrium ยังคงสูงขึ้นต่อเนื่อง และอาจสร้างแรงกดดันต่อการผลิตชิปในระยะยาว หากประเทศตะวันตกไม่สามารถสร้างซัพพลายเชนใหม่ได้ทันเวลา อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์อาจเผชิญความเสี่ยงด้านต้นทุนและการผลิตที่ไม่เสถียร

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ราคาพุ่ง
    Yttrium เพิ่มจาก $8 เป็น $126 ต่อกิโลกรัมใน 12 เดือน

    สงครามการค้าสหรัฐฯ–จีน
    สหรัฐฯ เก็บภาษี 145%
    จีนจำกัดการส่งออกแร่หายาก

    ผลกระทบต่อซัพพลายเชน
    สหรัฐฯ พึ่งพาจีนกว่า 90%
    โครงการ Mountain Pass และ CHIPS Act ลงทุน $2 พันล้าน
    ออสเตรเลีย–แคนาดาเร่งผลิตแร่หายาก

    คำเตือนสำหรับอนาคต
    ราคายังคงสูงขึ้นต่อเนื่อง
    ความเสี่ยงต่อการผลิตชิปหากซัพพลายเชนใหม่ไม่ทันเวลา

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/manufacturing/1-500-percent-price-increase-on-some-rare-earth-elements-squeezes-chipmaking-business-yttrium-surge-caused-by-trade-war-between-u-s-and-china
    💸 “Yttrium พุ่ง 1,500% เขย่าโลกชิปเซ็ต” ราคาของแร่หายาก Yttrium พุ่งขึ้นกว่า 1,500% ภายใน 12 เดือน จาก $8 เป็น $126 ต่อกิโลกรัม เนื่องจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก 📈 ราคาพุ่งทะยาน Bloomberg รายงานว่า Yttrium ซึ่งเป็นแร่หายากที่ใช้ในกระบวนการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ เช่น thin-film deposition และ wafer polishing มีราคาพุ่งขึ้นจาก $8 เป็น $126 ต่อกิโลกรัมในเวลาไม่ถึงปี ถือเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ⚖️ สงครามการค้าสหรัฐฯ–จีน ความตึงเครียดเริ่มรุนแรงขึ้นเมื่อสหรัฐฯ ประกาศเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนสูงถึง 145% และจีนตอบโต้ด้วยการจำกัดการส่งออกแร่หายาก รวมถึง Yttrium แม้จะมีการเจรจาและพักรบทางภาษี แต่จีนยังคงคุมเข้มการส่งออกบางรายการ ทำให้ซัพพลายยังคงตึงตัว 🌍 ผลกระทบต่อซัพพลายเชนโลก มากกว่า 90% ของแร่หายากที่สหรัฐฯ ต้องใช้มาจากจีน ทำให้การควบคุมการส่งออกส่งผลกระทบอย่างหนักต่อผู้ผลิตชิปทั่วโลก ขณะนี้สหรัฐฯ กำลังพยายามหาทางออก เช่น โครงการ Mountain Pass ในแคลิฟอร์เนีย รวมถึงการลงทุน $2 พันล้านดอลลาร์จาก CHIPS Act เพื่อสร้างซัพพลายเชนที่ยั่งยืน ขณะที่ออสเตรเลียและแคนาดาก็เร่งหาทางผลิตแร่หายากจากเหมืองและของเสีย 🔮 แนวโน้มในอนาคต แม้จะมีการหาทางออก แต่ราคาของ Yttrium ยังคงสูงขึ้นต่อเนื่อง และอาจสร้างแรงกดดันต่อการผลิตชิปในระยะยาว หากประเทศตะวันตกไม่สามารถสร้างซัพพลายเชนใหม่ได้ทันเวลา อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์อาจเผชิญความเสี่ยงด้านต้นทุนและการผลิตที่ไม่เสถียร 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ราคาพุ่ง ➡️ Yttrium เพิ่มจาก $8 เป็น $126 ต่อกิโลกรัมใน 12 เดือน ✅ สงครามการค้าสหรัฐฯ–จีน ➡️ สหรัฐฯ เก็บภาษี 145% ➡️ จีนจำกัดการส่งออกแร่หายาก ✅ ผลกระทบต่อซัพพลายเชน ➡️ สหรัฐฯ พึ่งพาจีนกว่า 90% ➡️ โครงการ Mountain Pass และ CHIPS Act ลงทุน $2 พันล้าน ➡️ ออสเตรเลีย–แคนาดาเร่งผลิตแร่หายาก ‼️ คำเตือนสำหรับอนาคต ⛔ ราคายังคงสูงขึ้นต่อเนื่อง ⛔ ความเสี่ยงต่อการผลิตชิปหากซัพพลายเชนใหม่ไม่ทันเวลา https://www.tomshardware.com/tech-industry/manufacturing/1-500-percent-price-increase-on-some-rare-earth-elements-squeezes-chipmaking-business-yttrium-surge-caused-by-trade-war-between-u-s-and-china
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 8 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิ้วโซเชียลเขมรพร้อม
    ปั่นข่าวไทยรังแก
    หลังนางงามเขมรตกรอบ
    Miss Universe 2025
    #คิงส์โพธิ์แดง
    นิ้วโซเชียลเขมรพร้อม ปั่นข่าวไทยรังแก หลังนางงามเขมรตกรอบ Miss Universe 2025 #คิงส์โพธิ์แดง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 9 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดลับ “พิมวิไล” เจ้าแม่เว็บพนันตัวจริง Ep320 (live)

    SONDHITALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep320 (live)
    “พิมวิไล” พยานเอกบิ๊กโจ๊ก มือส่งส่วยหรือเจ้าแม่เว็บพนันตัวจริง

    คลิกรับชม https://m.youtube.com/watch?v=v9nITrHsUn0
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไอ้ประวิตร สามกีบ โดนศาลอุทธรณ์สั่งคุก เพราะเผาป้อมจราจร หลังเลิกชุมนุม "คาร์ม็อบใหญ่ไล่ทรราชย์" ปี64 ถ้าไปชุมนุมแล้วแยกย้ายกลับบ้านเหมือนคนอื่น ก็ไม่โดนฟ้อง เสือกไปเชื่อแกนนำอนาคตหมด สนน.
    #คิงส์โพธิ์แดง
    ไอ้ประวิตร สามกีบ โดนศาลอุทธรณ์สั่งคุก เพราะเผาป้อมจราจร หลังเลิกชุมนุม "คาร์ม็อบใหญ่ไล่ทรราชย์" ปี64 ถ้าไปชุมนุมแล้วแยกย้ายกลับบ้านเหมือนคนอื่น ก็ไม่โดนฟ้อง เสือกไปเชื่อแกนนำอนาคตหมด สนน. #คิงส์โพธิ์แดง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 8 มุมมอง 0 รีวิว
  • Nvidia เปิดตัว Vera Rubin เร็วกว่ากำหนด

    Jensen Huang ซีอีโอ Nvidia ยืนยันว่าแพลตฟอร์ม Vera Rubin ซึ่งรวมทั้ง GPU, CPU, DPU และระบบเครือข่าย จะเปิดตัวในไตรมาส 3 ปี 2026 เร็วกว่าที่เคยประกาศไว้ในครึ่งหลังของปี การเร่งเปิดตัวครั้งนี้เกิดจากความต้องการ AI Compute ที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก โดยมีทีมวิศวกรกว่า 20,000 คนทำงานตลอดเวลาเพื่อเตรียมความพร้อม

    เป้าหมายยอดขายมหาศาล
    Nvidia ตั้งเป้ายอดขาย GPU สำหรับ AI สูงถึง 500 พันล้านดอลลาร์ภายในสิ้นปี 2026 โดยไม่รวมตลาดจีน ซึ่งเคยเป็นตลาดใหญ่อันดับสามของบริษัท การเติบโตนี้มาจากการใช้งาน AI ที่แพร่หลายทั้งในภาคธุรกิจ รัฐบาล และสถาบันวิจัย ทำให้ความต้องการชิปประสิทธิภาพสูงพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    ผลกระทบจากข้อจำกัดจีน
    สหรัฐฯ ได้สั่งห้ามการขาย GPU ขั้นสูงให้จีน ขณะที่รัฐบาลจีนก็ห้ามหน่วยงานรัฐซื้อฮาร์ดแวร์ต่างประเทศ ทำให้ Nvidia ต้องตัดจีนออกจากการคาดการณ์รายได้ Huang ระบุว่า “เราคาดการณ์รายได้จากจีนเป็นศูนย์” แม้จะยอมรับว่าตลาด AI ของจีนมีมูลค่ากว่า 50 พันล้านดอลลาร์ แต่บริษัทจะยังคงพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ และประเทศอื่น ๆ

    สถาปัตยกรรม Vera Rubin
    แพลตฟอร์ม Vera Rubin ประกอบด้วย
    Rubin GPU แบบ dual-chiplet พร้อม HBM4 288GB
    Rubin CPX accelerator พร้อม GDDR7 128GB
    Vera CPU ที่มี 88 คอร์
    BlueField-4 DPU
    NVLink รุ่นที่ 6 และอะแดปเตอร์ Ethernet/InfiniBand รุ่นใหม่

    ทั้งหมดถูกออกแบบเพื่อรองรับการประมวลผล AI และ HPC ในระดับศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Vera Rubin เปิดตัวเร็วกว่ากำหนด
    เปิดตัวไตรมาส 3 ปี 2026
    ทีมวิศวกรกว่า 20,000 คนทำงานพัฒนา

    เป้าหมายยอดขาย
    ตั้งเป้า 500 พันล้านดอลลาร์ภายในสิ้นปี 2026
    ความต้องการ AI Compute พุ่งสูงทั่วโลก

    ผลกระทบจากจีน
    สหรัฐฯ ห้ามขาย GPU ขั้นสูงให้จีน
    จีนห้ามหน่วยงานรัฐซื้อฮาร์ดแวร์ต่างประเทศ
    Nvidia คาดการณ์รายได้จากจีนเป็นศูนย์

    สถาปัตยกรรม Vera Rubin
    Rubin GPU, CPX accelerator, Vera CPU, BlueField-4 DPU
    NVLink รุ่นที่ 6 และระบบเครือข่ายใหม่

    คำเตือนสำหรับอนาคต
    การสูญเสียตลาดจีนอาจกระทบต่อการเติบโตระยะยาว
    ความเสี่ยงจากสงครามการค้าสหรัฐฯ–จีนยังคงอยู่

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/nvidia-hints-at-early-vera-rubin-launch-on-track-for-usd500-billion-in-gpu-sales-by-late-2026-despite-losing-china
    🚀 Nvidia เปิดตัว Vera Rubin เร็วกว่ากำหนด Jensen Huang ซีอีโอ Nvidia ยืนยันว่าแพลตฟอร์ม Vera Rubin ซึ่งรวมทั้ง GPU, CPU, DPU และระบบเครือข่าย จะเปิดตัวในไตรมาส 3 ปี 2026 เร็วกว่าที่เคยประกาศไว้ในครึ่งหลังของปี การเร่งเปิดตัวครั้งนี้เกิดจากความต้องการ AI Compute ที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก โดยมีทีมวิศวกรกว่า 20,000 คนทำงานตลอดเวลาเพื่อเตรียมความพร้อม 💹 เป้าหมายยอดขายมหาศาล Nvidia ตั้งเป้ายอดขาย GPU สำหรับ AI สูงถึง 500 พันล้านดอลลาร์ภายในสิ้นปี 2026 โดยไม่รวมตลาดจีน ซึ่งเคยเป็นตลาดใหญ่อันดับสามของบริษัท การเติบโตนี้มาจากการใช้งาน AI ที่แพร่หลายทั้งในภาคธุรกิจ รัฐบาล และสถาบันวิจัย ทำให้ความต้องการชิปประสิทธิภาพสูงพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง 🌐 ผลกระทบจากข้อจำกัดจีน สหรัฐฯ ได้สั่งห้ามการขาย GPU ขั้นสูงให้จีน ขณะที่รัฐบาลจีนก็ห้ามหน่วยงานรัฐซื้อฮาร์ดแวร์ต่างประเทศ ทำให้ Nvidia ต้องตัดจีนออกจากการคาดการณ์รายได้ Huang ระบุว่า “เราคาดการณ์รายได้จากจีนเป็นศูนย์” แม้จะยอมรับว่าตลาด AI ของจีนมีมูลค่ากว่า 50 พันล้านดอลลาร์ แต่บริษัทจะยังคงพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ และประเทศอื่น ๆ ⚡ สถาปัตยกรรม Vera Rubin แพลตฟอร์ม Vera Rubin ประกอบด้วย 🎗️ Rubin GPU แบบ dual-chiplet พร้อม HBM4 288GB 🎗️ Rubin CPX accelerator พร้อม GDDR7 128GB 🎗️ Vera CPU ที่มี 88 คอร์ 🎗️ BlueField-4 DPU 🎗️ NVLink รุ่นที่ 6 และอะแดปเตอร์ Ethernet/InfiniBand รุ่นใหม่ ทั้งหมดถูกออกแบบเพื่อรองรับการประมวลผล AI และ HPC ในระดับศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Vera Rubin เปิดตัวเร็วกว่ากำหนด ➡️ เปิดตัวไตรมาส 3 ปี 2026 ➡️ ทีมวิศวกรกว่า 20,000 คนทำงานพัฒนา ✅ เป้าหมายยอดขาย ➡️ ตั้งเป้า 500 พันล้านดอลลาร์ภายในสิ้นปี 2026 ➡️ ความต้องการ AI Compute พุ่งสูงทั่วโลก ✅ ผลกระทบจากจีน ➡️ สหรัฐฯ ห้ามขาย GPU ขั้นสูงให้จีน ➡️ จีนห้ามหน่วยงานรัฐซื้อฮาร์ดแวร์ต่างประเทศ ➡️ Nvidia คาดการณ์รายได้จากจีนเป็นศูนย์ ✅ สถาปัตยกรรม Vera Rubin ➡️ Rubin GPU, CPX accelerator, Vera CPU, BlueField-4 DPU ➡️ NVLink รุ่นที่ 6 และระบบเครือข่ายใหม่ ‼️ คำเตือนสำหรับอนาคต ⛔ การสูญเสียตลาดจีนอาจกระทบต่อการเติบโตระยะยาว ⛔ ความเสี่ยงจากสงครามการค้าสหรัฐฯ–จีนยังคงอยู่ https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/nvidia-hints-at-early-vera-rubin-launch-on-track-for-usd500-billion-in-gpu-sales-by-late-2026-despite-losing-china
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 8 มุมมอง 0 รีวิว
  • คณะกรรมการการค้าแห่งเกาหลี (KFTC) ได้บุกตรวจสอบสำนักงานของ Arm ในกรุงโซล

    รายงานจาก The Korea Times ระบุว่า KFTC ได้ดำเนินการตรวจสอบภายในสำนักงาน Arm ที่กรุงโซล โดยมีเป้าหมายเพื่อหาหลักฐานว่าบริษัทมีการจำกัดสิทธิ์การเข้าถึงเทคโนโลยีสถาปัตยกรรมชิป หลังจาก Qualcomm ยื่นเรื่องร้องเรียนในเดือนมีนาคมต่อหน่วยงานกำกับดูแลหลายประเทศ รวมถึงสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป

    ข้อพิพาทระหว่าง Arm และ Qualcomm
    ข้อพิพาทเริ่มต้นเมื่อ Arm ยกเลิกสัญญา Architecture License Agreement (ALA) ของ Nuvia ซึ่ง Qualcomm ซื้อกิจการในปี 2021 Qualcomm ยืนยันว่าตนมีสิทธิ์ใช้เทคโนโลยี Nuvia ภายใต้สัญญา Arm เดิม แต่ Arm โต้แย้งว่าต้องทำสัญญาใหม่ ทำให้เกิดการฟ้องร้องยืดเยื้อมากว่า 3 ปี ล่าสุดศาลสหรัฐฯ ตัดสินให้ Qualcomm ชนะคดี แต่ Arm ยังคงยื่นอุทธรณ์

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม
    การตรวจสอบครั้งนี้มีความสำคัญเพราะเกาหลีเป็นศูนย์กลางของผู้ผลิตชิป เช่น Samsung ที่เป็นทั้งคู่แข่งและพันธมิตรของ Qualcomm หากพบว่า Arm มีการจำกัดสิทธิ์จริง อาจนำไปสู่การสอบสวนระดับนานาชาติ และกระทบต่อการเข้าถึงเทคโนโลยีที่สำคัญในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์

    แนวโน้มในอนาคต
    แม้ Qualcomm จะชนะคดีในสหรัฐฯ แต่การร้องเรียนต่อหลายประเทศ รวมถึงการตรวจสอบของ KFTC แสดงให้เห็นว่าประเด็นนี้ยังไม่จบง่าย ๆ หาก Arm ถูกตัดสินว่ามีการละเมิดกฎการค้า อาจต้องปรับเปลี่ยนโมเดลธุรกิจและการออกใบอนุญาต ซึ่งจะส่งผลต่อผู้ผลิตชิปทั่วโลก

    สรุปประเด็นสำคัญ
    KFTC ตรวจสอบสำนักงาน Arm ในกรุงโซล
    สืบหาหลักฐานการจำกัดสิทธิ์การใช้งานสถาปัตยกรรมชิป

    ข้อพิพาท Arm–Qualcomm
    เกิดจากการยกเลิกสัญญา ALA ของ Nuvia
    Qualcomm ชนะคดีในสหรัฐฯ แต่ Arm ยื่นอุทธรณ์

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม
    Samsung และผู้ผลิตชิปในเกาหลีอาจได้รับผลกระทบ
    อาจนำไปสู่การสอบสวนระดับนานาชาติ

    คำเตือนสำหรับอนาคต
    หาก Arm ถูกตัดสินว่าละเมิด อาจต้องปรับโมเดลธุรกิจ
    ความไม่แน่นอนอาจกระทบต่อซัพพลายเชนเซมิคอนดักเตอร์โลก

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/koreas-fair-trade-commission-reportedly-raids-arms-seoul-office-amid-qualcomm-licensing-dispute-stems-from-allegations-of-unfair-market-practices
    ⚖️ คณะกรรมการการค้าแห่งเกาหลี (KFTC) ได้บุกตรวจสอบสำนักงานของ Arm ในกรุงโซล รายงานจาก The Korea Times ระบุว่า KFTC ได้ดำเนินการตรวจสอบภายในสำนักงาน Arm ที่กรุงโซล โดยมีเป้าหมายเพื่อหาหลักฐานว่าบริษัทมีการจำกัดสิทธิ์การเข้าถึงเทคโนโลยีสถาปัตยกรรมชิป หลังจาก Qualcomm ยื่นเรื่องร้องเรียนในเดือนมีนาคมต่อหน่วยงานกำกับดูแลหลายประเทศ รวมถึงสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป 🔍 ข้อพิพาทระหว่าง Arm และ Qualcomm ข้อพิพาทเริ่มต้นเมื่อ Arm ยกเลิกสัญญา Architecture License Agreement (ALA) ของ Nuvia ซึ่ง Qualcomm ซื้อกิจการในปี 2021 Qualcomm ยืนยันว่าตนมีสิทธิ์ใช้เทคโนโลยี Nuvia ภายใต้สัญญา Arm เดิม แต่ Arm โต้แย้งว่าต้องทำสัญญาใหม่ ทำให้เกิดการฟ้องร้องยืดเยื้อมากว่า 3 ปี ล่าสุดศาลสหรัฐฯ ตัดสินให้ Qualcomm ชนะคดี แต่ Arm ยังคงยื่นอุทธรณ์ 🌐 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม การตรวจสอบครั้งนี้มีความสำคัญเพราะเกาหลีเป็นศูนย์กลางของผู้ผลิตชิป เช่น Samsung ที่เป็นทั้งคู่แข่งและพันธมิตรของ Qualcomm หากพบว่า Arm มีการจำกัดสิทธิ์จริง อาจนำไปสู่การสอบสวนระดับนานาชาติ และกระทบต่อการเข้าถึงเทคโนโลยีที่สำคัญในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ 🔮 แนวโน้มในอนาคต แม้ Qualcomm จะชนะคดีในสหรัฐฯ แต่การร้องเรียนต่อหลายประเทศ รวมถึงการตรวจสอบของ KFTC แสดงให้เห็นว่าประเด็นนี้ยังไม่จบง่าย ๆ หาก Arm ถูกตัดสินว่ามีการละเมิดกฎการค้า อาจต้องปรับเปลี่ยนโมเดลธุรกิจและการออกใบอนุญาต ซึ่งจะส่งผลต่อผู้ผลิตชิปทั่วโลก 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ KFTC ตรวจสอบสำนักงาน Arm ในกรุงโซล ➡️ สืบหาหลักฐานการจำกัดสิทธิ์การใช้งานสถาปัตยกรรมชิป ✅ ข้อพิพาท Arm–Qualcomm ➡️ เกิดจากการยกเลิกสัญญา ALA ของ Nuvia ➡️ Qualcomm ชนะคดีในสหรัฐฯ แต่ Arm ยื่นอุทธรณ์ ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม ➡️ Samsung และผู้ผลิตชิปในเกาหลีอาจได้รับผลกระทบ ➡️ อาจนำไปสู่การสอบสวนระดับนานาชาติ ‼️ คำเตือนสำหรับอนาคต ⛔ หาก Arm ถูกตัดสินว่าละเมิด อาจต้องปรับโมเดลธุรกิจ ⛔ ความไม่แน่นอนอาจกระทบต่อซัพพลายเชนเซมิคอนดักเตอร์โลก https://www.tomshardware.com/tech-industry/koreas-fair-trade-commission-reportedly-raids-arms-seoul-office-amid-qualcomm-licensing-dispute-stems-from-allegations-of-unfair-market-practices
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 9 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความกฎหมาย EP.30

    อำนาจหน้าที่ของตำรวจในฐานะผู้รักษากฎหมายมิได้จำกัดอยู่เพียงการปรากฏกายในเครื่องแบบ แต่คือการเป็นกลไกสำคัญที่สุดในการบังคับใช้กฎหมายอาญาและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อธำรงไว้ซึ่งความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของสาธารณชน บทบาทหลักของตำรวจจึงครอบคลุมตั้งแต่การป้องกันการกระทำผิดทางอาญา การป้องปรามมิให้เกิดความวุ่นวาย ไปจนถึงภารกิจอันละเอียดอ่อนของการสืบสวนสอบสวนเพื่อแสวงหาพยานหลักฐานในการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด การใช้อำนาจของเจ้าพนักงานตำรวจทุกขั้นตอน นับตั้งแต่การเรียกตรวจสอบ การจับกุม หรือการควบคุมตัวชั่วคราว จึงต้องอยู่ภายใต้กรอบของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาและหลักสิทธิมนุษยชนอย่างเคร่งครัด การปฏิบัติหน้าที่อย่างชอบด้วยกฎหมายเท่านั้นที่จะทำให้อำนาจรัฐมีความชอบธรรมและได้รับการยอมรับจากประชาชน ในแง่ของการสืบสวน ตำรวจคือด่านแรกที่ต้องรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานให้ครบถ้วนสมบูรณ์ เพื่อเป็นรากฐานที่มั่นคงให้แก่การพิจารณาคดีในชั้นอัยการและศาล การตัดสินใจทุกครั้ง ตั้งแต่การลงบันทึกประจำวันไปจนถึงการสรุปสำนวนคดี ล้วนมีผลกระทบโดยตรงต่อเสรีภาพและสิทธิของบุคคล รวมถึงความยุติธรรมที่สังคมคาดหวัง การเป็นเจ้าหน้าที่รักษากฎหมายจึงหมายถึงการรับผิดชอบต่อการรักษาหลักนิติรัฐและนิติธรรมอย่างแท้จริง

    ภารกิจในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมของตำรวจเป็นไปเพื่อคุ้มครองผลประโยชน์พื้นฐานของรัฐและประชาชน การป้องกันอาชญากรรมมิใช่เพียงการลาดตระเวนหรือการตั้งจุดตรวจ แต่ยังรวมถึงการวิเคราะห์อาชญากรรมเชิงพื้นที่และเชิงสังคม การสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับชุมชน และการบังคับใช้กฎหมายอย่างเสมอภาค เพื่อขจัดช่องโหว่และปัจจัยกระตุ้นให้เกิดการกระทำผิด สำหรับการสืบสวนอาชญากรรม ตำรวจต้องใช้ทักษะความเชี่ยวชาญในการรวบรวมพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ การสอบปากคำ และการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างเป็นระบบ เพื่อเชื่อมโยงการกระทำผิดไปยังผู้ต้องหาได้อย่างปราศจากข้อสงสัย หน้าที่เหล่านี้ไม่ได้เป็นไปเพื่อการลงโทษเท่านั้น แต่เพื่อรักษาความเชื่อมั่นของประชาชนในกระบวนการยุติธรรมของประเทศ เจ้าพนักงานตำรวจจึงเป็นผู้ถืออำนาจตามกฎหมายที่ต้องใช้ดุลยพินิจภายใต้ความรับผิดชอบอย่างสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่ความซับซ้อนของอาชญากรรมเพิ่มขึ้น ทั้งอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและอาชญากรรมข้ามชาติ บทบาทของตำรวจจึงต้องพัฒนาตามทันเพื่อตอบสนองต่อความท้าทายทางกฎหมายที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา

    ดังนั้น ตำรวจจึงเป็นมากกว่าผู้จับกุมหรือผู้สอบสวน แต่เป็นเสาหลักแห่งการบังคับใช้กฎหมายที่สร้างความมั่นคงและความเชื่อมั่นในชีวิตประจำวันของพลเมืองทุกคน การปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจคือการแสดงออกถึงอำนาจอธิปไตยของรัฐในการคุ้มครองพลเมืองภายใต้หลักนิติธรรม ความสำเร็จของภารกิจตำรวจจึงเป็นตัวชี้วัดสำคัญของความเข้มแข็งของระบบกฎหมายในสังคม การมุ่งมั่นในจรรยาบรรณ การพัฒนาความรู้ทางกฎหมายอย่างต่อเนื่อง และการยึดมั่นในความยุติธรรม จะเป็นเกราะป้องกันและเสริมสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ เพื่อให้สังคมไทยยังคงไว้ซึ่งความสงบสุขและความเป็นระเบียบเรียบร้อยภายใต้ร่มเงาของกฎหมายตลอดไป
    บทความกฎหมาย EP.30 อำนาจหน้าที่ของตำรวจในฐานะผู้รักษากฎหมายมิได้จำกัดอยู่เพียงการปรากฏกายในเครื่องแบบ แต่คือการเป็นกลไกสำคัญที่สุดในการบังคับใช้กฎหมายอาญาและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อธำรงไว้ซึ่งความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของสาธารณชน บทบาทหลักของตำรวจจึงครอบคลุมตั้งแต่การป้องกันการกระทำผิดทางอาญา การป้องปรามมิให้เกิดความวุ่นวาย ไปจนถึงภารกิจอันละเอียดอ่อนของการสืบสวนสอบสวนเพื่อแสวงหาพยานหลักฐานในการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด การใช้อำนาจของเจ้าพนักงานตำรวจทุกขั้นตอน นับตั้งแต่การเรียกตรวจสอบ การจับกุม หรือการควบคุมตัวชั่วคราว จึงต้องอยู่ภายใต้กรอบของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาและหลักสิทธิมนุษยชนอย่างเคร่งครัด การปฏิบัติหน้าที่อย่างชอบด้วยกฎหมายเท่านั้นที่จะทำให้อำนาจรัฐมีความชอบธรรมและได้รับการยอมรับจากประชาชน ในแง่ของการสืบสวน ตำรวจคือด่านแรกที่ต้องรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานให้ครบถ้วนสมบูรณ์ เพื่อเป็นรากฐานที่มั่นคงให้แก่การพิจารณาคดีในชั้นอัยการและศาล การตัดสินใจทุกครั้ง ตั้งแต่การลงบันทึกประจำวันไปจนถึงการสรุปสำนวนคดี ล้วนมีผลกระทบโดยตรงต่อเสรีภาพและสิทธิของบุคคล รวมถึงความยุติธรรมที่สังคมคาดหวัง การเป็นเจ้าหน้าที่รักษากฎหมายจึงหมายถึงการรับผิดชอบต่อการรักษาหลักนิติรัฐและนิติธรรมอย่างแท้จริง ภารกิจในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมของตำรวจเป็นไปเพื่อคุ้มครองผลประโยชน์พื้นฐานของรัฐและประชาชน การป้องกันอาชญากรรมมิใช่เพียงการลาดตระเวนหรือการตั้งจุดตรวจ แต่ยังรวมถึงการวิเคราะห์อาชญากรรมเชิงพื้นที่และเชิงสังคม การสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับชุมชน และการบังคับใช้กฎหมายอย่างเสมอภาค เพื่อขจัดช่องโหว่และปัจจัยกระตุ้นให้เกิดการกระทำผิด สำหรับการสืบสวนอาชญากรรม ตำรวจต้องใช้ทักษะความเชี่ยวชาญในการรวบรวมพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ การสอบปากคำ และการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างเป็นระบบ เพื่อเชื่อมโยงการกระทำผิดไปยังผู้ต้องหาได้อย่างปราศจากข้อสงสัย หน้าที่เหล่านี้ไม่ได้เป็นไปเพื่อการลงโทษเท่านั้น แต่เพื่อรักษาความเชื่อมั่นของประชาชนในกระบวนการยุติธรรมของประเทศ เจ้าพนักงานตำรวจจึงเป็นผู้ถืออำนาจตามกฎหมายที่ต้องใช้ดุลยพินิจภายใต้ความรับผิดชอบอย่างสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่ความซับซ้อนของอาชญากรรมเพิ่มขึ้น ทั้งอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและอาชญากรรมข้ามชาติ บทบาทของตำรวจจึงต้องพัฒนาตามทันเพื่อตอบสนองต่อความท้าทายทางกฎหมายที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา ดังนั้น ตำรวจจึงเป็นมากกว่าผู้จับกุมหรือผู้สอบสวน แต่เป็นเสาหลักแห่งการบังคับใช้กฎหมายที่สร้างความมั่นคงและความเชื่อมั่นในชีวิตประจำวันของพลเมืองทุกคน การปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจคือการแสดงออกถึงอำนาจอธิปไตยของรัฐในการคุ้มครองพลเมืองภายใต้หลักนิติธรรม ความสำเร็จของภารกิจตำรวจจึงเป็นตัวชี้วัดสำคัญของความเข้มแข็งของระบบกฎหมายในสังคม การมุ่งมั่นในจรรยาบรรณ การพัฒนาความรู้ทางกฎหมายอย่างต่อเนื่อง และการยึดมั่นในความยุติธรรม จะเป็นเกราะป้องกันและเสริมสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ เพื่อให้สังคมไทยยังคงไว้ซึ่งความสงบสุขและความเป็นระเบียบเรียบร้อยภายใต้ร่มเงาของกฎหมายตลอดไป
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 6 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ศึกชิป AI – NVIDIA ปะทะ Google TPU Ironwood"

    Jensen Huang ซีอีโอของ NVIDIA ยืนยันว่า ASICs จาก Google หรือ Amazon ยังไม่สามารถแทนที่เทคโนโลยีของ NVIDIA ได้ เพราะการแข่งขันจริง ๆ อยู่ที่ “ทีมวิศวกร” ไม่ใช่แค่บริษัท ขณะเดียวกัน Google ก็เปิดตัว TPU รุ่นใหม่ Ironwood ที่ท้าทาย Blackwell ของ NVIDIA ด้วยประสิทธิภาพและการประหยัดพลังงานที่เหนือกว่าในบางด้าน

    NVIDIA ยังคงครองตลาด GPU สำหรับ AI ด้วยสัดส่วนกว่า 80–90% โดย Jensen Huang ย้ำว่าความได้เปรียบของบริษัทไม่ได้อยู่แค่ฮาร์ดแวร์ แต่คือทีมวิศวกรและซอฟต์แวร์ CUDA ที่ทำให้ NVIDIA ยากจะถูกแทนที่ แม้ Google และ Amazon จะพัฒนา ASICs และ TPUs แต่ Jensen มองว่าการสร้างชิปที่ซับซ้อนระดับนี้ต้องอาศัยทีมที่มีความเชี่ยวชาญสูง ซึ่งมีอยู่ไม่มากนักในโลกนี้

    ในอีกด้าน Google เปิดตัว TPU รุ่นใหม่ชื่อ Ironwood ซึ่งเร็วกว่า Trillium รุ่นก่อนถึง 4 เท่า และใช้พลังงานน้อยลงกว่า 30% จุดเด่นคือสามารถเชื่อมต่อชิปได้มากถึง 9,216 ตัวในหนึ่ง Pod ทำให้รองรับงาน AI ขนาดมหึมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ Ironwood ยังมีหน่วยความจำ HBM3e ขนาด 192 GB ต่อชิป และแบนด์วิดท์สูงถึง 7.4 TB/s ซึ่งท้าชนกับ Blackwell ของ NVIDIA ได้อย่างสูสี

    การแข่งขันนี้สะท้อนการเปลี่ยนแปลงในตลาด AI จากการเน้น “การฝึกสอนโมเดล” (training) ไปสู่ “การใช้งานจริง” (inference) ที่ต้องการชิปที่มีประสิทธิภาพสูงและใช้พลังงานต่ำ Google จึงวาง Ironwood เป็นตัวเลือกสำหรับงาน inference โดยเฉพาะ ขณะที่ NVIDIA ยังคงเน้นความยืดหยุ่นและการรองรับทุกงาน AI ผ่าน GPU

    อย่างไรก็ตาม ความท้าทายของ NVIDIA คือราคาชิปที่สูงและปัญหาความร้อนที่ลูกค้าบางรายกังวล ขณะที่ Google ใช้กลยุทธ์ “vertical stack” ควบคุมทั้งฮาร์ดแวร์และคลาวด์ ทำให้ลูกค้าใช้งานได้สะดวกแต่ก็เสี่ยงต่อการผูกขาด การแข่งขันนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องเทคโนโลยี แต่ยังเป็นเรื่องกลยุทธ์ธุรกิจและการครองตลาดในอนาคตด้วย

    สรุปเป็นหัวข้อ
    NVIDIA ยืนยันความเหนือกว่าในตลาด AI
    ทีมวิศวกรและซอฟต์แวร์ CUDA เป็นจุดแข็งหลัก
    ครองตลาด GPU AI กว่า 80–90%

    Google เปิดตัว TPU Ironwood รุ่นใหม่
    เร็วกว่า Trillium 4 เท่า และใช้พลังงานน้อยลง 30%
    รองรับการเชื่อมต่อชิปได้ถึง 9,216 ตัวในหนึ่ง Pod
    หน่วยความจำ HBM3e 192 GB และแบนด์วิดท์ 7.4 TB/s

    การแข่งขันเปลี่ยนจาก Training ไปสู่ Inference
    Google เน้นชิปเฉพาะงาน inference
    NVIDIA เน้นความยืดหยุ่นและรองรับทุกงาน AI

    ความเสี่ยงและคำเตือนในตลาดชิป AI
    ราคาชิป NVIDIA สูงและมีปัญหาความร้อนที่ลูกค้ากังวล
    Google ใช้กลยุทธ์ vertical stack อาจนำไปสู่การผูกขาด
    การแข่งขันรุนแรงอาจทำให้บริษัทต้องลงทุนมหาศาลและเสี่ยงต่อกำไร

    https://wccftech.com/nvidia-jensen-huang-explains-why-asics-wont-do-much-to-the-firm-ai-dominance/
    🖥️ "ศึกชิป AI – NVIDIA ปะทะ Google TPU Ironwood" Jensen Huang ซีอีโอของ NVIDIA ยืนยันว่า ASICs จาก Google หรือ Amazon ยังไม่สามารถแทนที่เทคโนโลยีของ NVIDIA ได้ เพราะการแข่งขันจริง ๆ อยู่ที่ “ทีมวิศวกร” ไม่ใช่แค่บริษัท ขณะเดียวกัน Google ก็เปิดตัว TPU รุ่นใหม่ Ironwood ที่ท้าทาย Blackwell ของ NVIDIA ด้วยประสิทธิภาพและการประหยัดพลังงานที่เหนือกว่าในบางด้าน NVIDIA ยังคงครองตลาด GPU สำหรับ AI ด้วยสัดส่วนกว่า 80–90% โดย Jensen Huang ย้ำว่าความได้เปรียบของบริษัทไม่ได้อยู่แค่ฮาร์ดแวร์ แต่คือทีมวิศวกรและซอฟต์แวร์ CUDA ที่ทำให้ NVIDIA ยากจะถูกแทนที่ แม้ Google และ Amazon จะพัฒนา ASICs และ TPUs แต่ Jensen มองว่าการสร้างชิปที่ซับซ้อนระดับนี้ต้องอาศัยทีมที่มีความเชี่ยวชาญสูง ซึ่งมีอยู่ไม่มากนักในโลกนี้ ในอีกด้าน Google เปิดตัว TPU รุ่นใหม่ชื่อ Ironwood ซึ่งเร็วกว่า Trillium รุ่นก่อนถึง 4 เท่า และใช้พลังงานน้อยลงกว่า 30% จุดเด่นคือสามารถเชื่อมต่อชิปได้มากถึง 9,216 ตัวในหนึ่ง Pod ทำให้รองรับงาน AI ขนาดมหึมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ Ironwood ยังมีหน่วยความจำ HBM3e ขนาด 192 GB ต่อชิป และแบนด์วิดท์สูงถึง 7.4 TB/s ซึ่งท้าชนกับ Blackwell ของ NVIDIA ได้อย่างสูสี การแข่งขันนี้สะท้อนการเปลี่ยนแปลงในตลาด AI จากการเน้น “การฝึกสอนโมเดล” (training) ไปสู่ “การใช้งานจริง” (inference) ที่ต้องการชิปที่มีประสิทธิภาพสูงและใช้พลังงานต่ำ Google จึงวาง Ironwood เป็นตัวเลือกสำหรับงาน inference โดยเฉพาะ ขณะที่ NVIDIA ยังคงเน้นความยืดหยุ่นและการรองรับทุกงาน AI ผ่าน GPU อย่างไรก็ตาม ความท้าทายของ NVIDIA คือราคาชิปที่สูงและปัญหาความร้อนที่ลูกค้าบางรายกังวล ขณะที่ Google ใช้กลยุทธ์ “vertical stack” ควบคุมทั้งฮาร์ดแวร์และคลาวด์ ทำให้ลูกค้าใช้งานได้สะดวกแต่ก็เสี่ยงต่อการผูกขาด การแข่งขันนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องเทคโนโลยี แต่ยังเป็นเรื่องกลยุทธ์ธุรกิจและการครองตลาดในอนาคตด้วย 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ NVIDIA ยืนยันความเหนือกว่าในตลาด AI ➡️ ทีมวิศวกรและซอฟต์แวร์ CUDA เป็นจุดแข็งหลัก ➡️ ครองตลาด GPU AI กว่า 80–90% ✅ Google เปิดตัว TPU Ironwood รุ่นใหม่ ➡️ เร็วกว่า Trillium 4 เท่า และใช้พลังงานน้อยลง 30% ➡️ รองรับการเชื่อมต่อชิปได้ถึง 9,216 ตัวในหนึ่ง Pod ➡️ หน่วยความจำ HBM3e 192 GB และแบนด์วิดท์ 7.4 TB/s ✅ การแข่งขันเปลี่ยนจาก Training ไปสู่ Inference ➡️ Google เน้นชิปเฉพาะงาน inference ➡️ NVIDIA เน้นความยืดหยุ่นและรองรับทุกงาน AI ‼️ ความเสี่ยงและคำเตือนในตลาดชิป AI ⛔ ราคาชิป NVIDIA สูงและมีปัญหาความร้อนที่ลูกค้ากังวล ⛔ Google ใช้กลยุทธ์ vertical stack อาจนำไปสู่การผูกขาด ⛔ การแข่งขันรุนแรงอาจทำให้บริษัทต้องลงทุนมหาศาลและเสี่ยงต่อกำไร https://wccftech.com/nvidia-jensen-huang-explains-why-asics-wont-do-much-to-the-firm-ai-dominance/
    WCCFTECH.COM
    NVIDIA's Jensen Huang Explains Why ASICs Won't Do Much to the Firm's AI Dominance, Arguing the Real Battle Is “Between Teams, Not Companies”
    NVIDIA's CEO has commented on the battle with ASIC, claiming that there are not many teams out there that can do what Team Green does.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 9 มุมมอง 0 รีวิว