• “USX-1 Defiant: เรือรบไร้คนขับลำแรกของสหรัฐฯ — จุดเปลี่ยนของสงครามทางทะเลในยุคอัตโนมัติ”

    DARPA ได้เปิดตัวเรือรบอัตโนมัติเต็มรูปแบบลำแรกของสหรัฐฯ ชื่อว่า “USX-1 Defiant” ซึ่งเป็นเรือผิวน้ำขนาด 180 ฟุต ที่ถูกออกแบบมาให้ “ไม่มีมนุษย์บนเรือเลย” ตั้งแต่ต้นจนจบ โดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ NOMARS (No Manning Required Ship) ที่มุ่งสร้างเรือที่ไม่ต้องมีลูกเรือแม้แต่คนเดียว

    Defiant มีความสูง 42 ฟุต น้ำหนักเกือบ 265 ตัน และสามารถแล่นด้วยความเร็วสูงสุด 20 นอต ที่สำคัญคือสามารถปฏิบัติการในทะเลได้ต่อเนื่องนานถึง 1 ปีโดยไม่ต้องเทียบท่า และมีระบบเติมเชื้อเพลิงกลางทะเลที่ผ่านการทดสอบแล้ว เพื่อเพิ่มระยะปฏิบัติการให้ยาวนานขึ้น

    เรือลำนี้ถูกออกแบบให้มีโครงสร้างเรียบง่าย ทำให้สามารถผลิตและซ่อมบำรุงได้ในอู่เรือขนาดเล็กที่ปกติใช้กับเรือยอชต์หรือเรือลากจูง ซึ่งช่วยลดต้นทุนและระยะเวลาในการสร้างเรือรบได้อย่างมหาศาล

    หลังจากผ่านการทดสอบระบบขั้นสุดท้าย Defiant จะเข้าสู่การทดลองในทะเลแบบยาวนาน ก่อนจะถูกส่งต่อให้กับสำนักงาน PMS 406 ของกองทัพเรือสหรัฐฯ เพื่อใช้เป็นต้นแบบในการพัฒนาเรือรบอัตโนมัติรุ่นต่อไป

    เป้าหมายของกองทัพเรือคือการสร้าง “กองเรือแบบไฮบริด” ที่ผสมผสานระหว่างเรือที่มีลูกเรือและเรืออัตโนมัติ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรบ ลดความเสี่ยงต่อชีวิต และลดต้นทุนการสร้างเรือขนาดใหญ่ที่ใช้เวลาหลายปี

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    USX-1 Defiant เป็นเรือรบอัตโนมัติเต็มรูปแบบลำแรกของสหรัฐฯ
    พัฒนาโดย DARPA ภายใต้โครงการ NOMARS (No Manning Required Ship)
    ขนาด 180 ฟุต สูง 42 ฟุต น้ำหนัก 265 ตัน ความเร็วสูงสุด 20 นอต
    สามารถปฏิบัติการในทะเลได้ต่อเนื่องนานถึง 1 ปีโดยไม่ต้องเทียบท่า
    มีระบบเติมเชื้อเพลิงกลางทะเลที่ผ่านการทดสอบแล้ว
    โครงสร้างเรือเรียบง่าย ผลิตและซ่อมได้ในอู่เรือขนาดเล็ก
    จะถูกส่งต่อให้สำนักงาน PMS 406 ของกองทัพเรือหลังการทดลอง
    เป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนผ่านสู่กองเรือแบบไฮบริด
    ได้รับการสนับสนุนจากรัฐสภาสหรัฐฯ ด้วยงบประมาณหลายพันล้านดอลลาร์

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    NOMARS เป็นโครงการที่มุ่งสร้างเรือที่ไม่ต้องมีลูกเรือเลย เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและลดต้นทุน
    การไม่มีพื้นที่สำหรับมนุษย์ช่วยให้เรือมีขนาดเล็กลงและทนต่อสภาพทะเลได้ดีขึ้น
    Defiant สามารถทนคลื่นสูงถึง 30 ฟุต และกลับมาทำงานต่อได้หลังพายุ
    การใช้เรืออัตโนมัติช่วยกระจายกำลังรบ ลดการพึ่งพาเรือขนาดใหญ่ที่เป็นเป้าหมายง่าย
    เทคโนโลยีนี้สามารถนำไปใช้ในภารกิจข่าวกรอง การลาดตระเวน และการโจมตีในอนาคต

    https://www.slashgear.com/1971599/united-states-navy-first-autonomous-warship-what-to-know-military/
    ⚓ “USX-1 Defiant: เรือรบไร้คนขับลำแรกของสหรัฐฯ — จุดเปลี่ยนของสงครามทางทะเลในยุคอัตโนมัติ” DARPA ได้เปิดตัวเรือรบอัตโนมัติเต็มรูปแบบลำแรกของสหรัฐฯ ชื่อว่า “USX-1 Defiant” ซึ่งเป็นเรือผิวน้ำขนาด 180 ฟุต ที่ถูกออกแบบมาให้ “ไม่มีมนุษย์บนเรือเลย” ตั้งแต่ต้นจนจบ โดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ NOMARS (No Manning Required Ship) ที่มุ่งสร้างเรือที่ไม่ต้องมีลูกเรือแม้แต่คนเดียว Defiant มีความสูง 42 ฟุต น้ำหนักเกือบ 265 ตัน และสามารถแล่นด้วยความเร็วสูงสุด 20 นอต ที่สำคัญคือสามารถปฏิบัติการในทะเลได้ต่อเนื่องนานถึง 1 ปีโดยไม่ต้องเทียบท่า และมีระบบเติมเชื้อเพลิงกลางทะเลที่ผ่านการทดสอบแล้ว เพื่อเพิ่มระยะปฏิบัติการให้ยาวนานขึ้น เรือลำนี้ถูกออกแบบให้มีโครงสร้างเรียบง่าย ทำให้สามารถผลิตและซ่อมบำรุงได้ในอู่เรือขนาดเล็กที่ปกติใช้กับเรือยอชต์หรือเรือลากจูง ซึ่งช่วยลดต้นทุนและระยะเวลาในการสร้างเรือรบได้อย่างมหาศาล หลังจากผ่านการทดสอบระบบขั้นสุดท้าย Defiant จะเข้าสู่การทดลองในทะเลแบบยาวนาน ก่อนจะถูกส่งต่อให้กับสำนักงาน PMS 406 ของกองทัพเรือสหรัฐฯ เพื่อใช้เป็นต้นแบบในการพัฒนาเรือรบอัตโนมัติรุ่นต่อไป เป้าหมายของกองทัพเรือคือการสร้าง “กองเรือแบบไฮบริด” ที่ผสมผสานระหว่างเรือที่มีลูกเรือและเรืออัตโนมัติ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรบ ลดความเสี่ยงต่อชีวิต และลดต้นทุนการสร้างเรือขนาดใหญ่ที่ใช้เวลาหลายปี ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ USX-1 Defiant เป็นเรือรบอัตโนมัติเต็มรูปแบบลำแรกของสหรัฐฯ ➡️ พัฒนาโดย DARPA ภายใต้โครงการ NOMARS (No Manning Required Ship) ➡️ ขนาด 180 ฟุต สูง 42 ฟุต น้ำหนัก 265 ตัน ความเร็วสูงสุด 20 นอต ➡️ สามารถปฏิบัติการในทะเลได้ต่อเนื่องนานถึง 1 ปีโดยไม่ต้องเทียบท่า ➡️ มีระบบเติมเชื้อเพลิงกลางทะเลที่ผ่านการทดสอบแล้ว ➡️ โครงสร้างเรือเรียบง่าย ผลิตและซ่อมได้ในอู่เรือขนาดเล็ก ➡️ จะถูกส่งต่อให้สำนักงาน PMS 406 ของกองทัพเรือหลังการทดลอง ➡️ เป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนผ่านสู่กองเรือแบบไฮบริด ➡️ ได้รับการสนับสนุนจากรัฐสภาสหรัฐฯ ด้วยงบประมาณหลายพันล้านดอลลาร์ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ NOMARS เป็นโครงการที่มุ่งสร้างเรือที่ไม่ต้องมีลูกเรือเลย เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและลดต้นทุน ➡️ การไม่มีพื้นที่สำหรับมนุษย์ช่วยให้เรือมีขนาดเล็กลงและทนต่อสภาพทะเลได้ดีขึ้น ➡️ Defiant สามารถทนคลื่นสูงถึง 30 ฟุต และกลับมาทำงานต่อได้หลังพายุ ➡️ การใช้เรืออัตโนมัติช่วยกระจายกำลังรบ ลดการพึ่งพาเรือขนาดใหญ่ที่เป็นเป้าหมายง่าย ➡️ เทคโนโลยีนี้สามารถนำไปใช้ในภารกิจข่าวกรอง การลาดตระเวน และการโจมตีในอนาคต https://www.slashgear.com/1971599/united-states-navy-first-autonomous-warship-what-to-know-military/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    What To Know About The Release Of The US' First Autonomous Warship - SlashGear
    This ship marks the U.S. Navy's transition toward a hybrid fleet of manned and unmanned vessels away.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 239 มุมมอง 0 รีวิว
  • “แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าอยู่ได้นานแค่ไหน? เทียบอายุการใช้งานกับรถน้ำมันแบบตรงไปตรงมา”

    ในยุคที่รถยนต์ไฟฟ้า (EV) กลายเป็นทางเลือกหลักของผู้บริโภคทั่วโลก คำถามที่ยังค้างคาใจหลายคนคือ “แบตเตอรี่ของรถ EV จะอยู่ได้นานแค่ไหน?” และ “มันจะคุ้มค่ากว่ารถน้ำมันจริงหรือ?” ล่าสุดมีการศึกษาหลายฉบับที่ช่วยให้เราเห็นภาพชัดขึ้น

    งานวิจัยจาก Nature Energy วิเคราะห์ข้อมูลจากรถกว่า 29 ล้านคันในสหราชอาณาจักรช่วงปี 2005–2022 พบว่าแบตเตอรี่ของรถ EV มีแนวโน้มใช้งานได้นานขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉลี่ยแบตเตอรี่เสื่อมเพียง 1.8% ต่อปี เทียบกับ 2.3% ในปี 2019 ขณะที่ผู้ผลิตอย่าง Tesla ระบุว่าแบตเตอรี่สามารถอยู่ได้นานถึง 10–20 ปี และ Nissan ก็ยืนยันว่าแบตเตอรี่เกือบทั้งหมดที่ผลิตยังคงใช้งานอยู่

    แม้รถน้ำมันจะมีอายุการใช้งานเฉลี่ยที่ 200,000 ไมล์ แต่ก็มีกรณีสุดโต่ง เช่น Toyota Tacoma ที่วิ่งได้ถึง 2 ล้านไมล์ โดยเจ้าของขับส่งยาให้โรงพยาบาลวันละ 100,000 ไมล์ต่อปี ส่วนฝั่ง EV ก็มี Tesla Model S ที่วิ่งไปแล้วกว่า 155,000 ไมล์ โดยเจ้าของในเยอรมนีตั้งเป้าทำลายสถิติโลกที่ 3.26 ล้านไมล์

    อย่างไรก็ตาม ปัญหาหลักของ EV คือ “ค่าเปลี่ยนแบตเตอรี่” ที่ยังสูงอยู่ โดยเฉพาะ Tesla ที่อาจต้องจ่ายถึง $10,000–$20,000 ต่อครั้ง และเจ้าของรถที่วิ่งไกลมากอาจต้องเปลี่ยนแบตหลายครั้งในช่วงอายุรถ ขณะที่เครื่องยนต์ของรถน้ำมันมีค่าซ่อมเฉลี่ยอยู่ที่ $2,000–$10,000 เท่านั้น

    ข่าวดีคือราคาของแบตเตอรี่ EV ลดลงอย่างต่อเนื่อง จาก $400/kWh ในปี 2012 เหลือเพียง $111/kWh ในปี 2024 และมีแนวโน้มลดลงอีกในอนาคต ซึ่งอาจทำให้ EV กลายเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ากว่าทั้งในด้านค่าใช้จ่ายและการดูแลรักษา

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    แบตเตอรี่รถ EV เสื่อมเฉลี่ยเพียง 1.8% ต่อปี ลดลงจาก 2.3% ในปี 2019
    Tesla ระบุว่าแบตเตอรี่สามารถอยู่ได้นาน 10–20 ปี
    Nissan ยืนยันว่าแบตเตอรี่เกือบทั้งหมดที่ผลิตยังคงใช้งานอยู่
    รถน้ำมันมีอายุเฉลี่ย 200,000 ไมล์ แต่บางคันวิ่งได้ถึง 2 ล้านไมล์
    Tesla Model S คันหนึ่งวิ่งไปแล้วกว่า 155,000 ไมล์ และตั้งเป้าทำลายสถิติโลก
    ค่าเปลี่ยนแบตเตอรี่ Tesla อยู่ที่ $10,000–$20,000 ต่อครั้ง
    ค่าเปลี่ยนเครื่องยนต์รถน้ำมันอยู่ที่ $2,000–$10,000
    ราคาของแบตเตอรี่ EV ลดลงจาก $400/kWh เหลือ $111/kWh ในปี 2024
    คาดว่าในปี 2030 ค่าเปลี่ยนแบตเตอรี่จะลดลงเหลือ $3,375–$5,000

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    รถ EV มีชิ้นส่วนเคลื่อนไหวน้อยกว่ารถน้ำมัน ทำให้ค่าบำรุงรักษาน้อยกว่า
    EV ไม่ต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องหรือดูแลระบบไอเสีย
    แบตเตอรี่ LFP (Lithium Iron Phosphate) มีราคาถูกลงถึง $56/kWh ในบางรุ่น
    การชาร์จที่บ้านมีค่าใช้จ่ายต่ำกว่าการเติมน้ำมันอย่างมาก
    EV ได้รับเครดิตภาษีสูงสุดถึง $7,500 ในสหรัฐฯ ทำให้ราคาซื้อจริงลดลง

    https://www.slashgear.com/1977447/electric-vehicle-vs-gas-car-battery-lifespan/
    🔋 “แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าอยู่ได้นานแค่ไหน? เทียบอายุการใช้งานกับรถน้ำมันแบบตรงไปตรงมา” ในยุคที่รถยนต์ไฟฟ้า (EV) กลายเป็นทางเลือกหลักของผู้บริโภคทั่วโลก คำถามที่ยังค้างคาใจหลายคนคือ “แบตเตอรี่ของรถ EV จะอยู่ได้นานแค่ไหน?” และ “มันจะคุ้มค่ากว่ารถน้ำมันจริงหรือ?” ล่าสุดมีการศึกษาหลายฉบับที่ช่วยให้เราเห็นภาพชัดขึ้น งานวิจัยจาก Nature Energy วิเคราะห์ข้อมูลจากรถกว่า 29 ล้านคันในสหราชอาณาจักรช่วงปี 2005–2022 พบว่าแบตเตอรี่ของรถ EV มีแนวโน้มใช้งานได้นานขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉลี่ยแบตเตอรี่เสื่อมเพียง 1.8% ต่อปี เทียบกับ 2.3% ในปี 2019 ขณะที่ผู้ผลิตอย่าง Tesla ระบุว่าแบตเตอรี่สามารถอยู่ได้นานถึง 10–20 ปี และ Nissan ก็ยืนยันว่าแบตเตอรี่เกือบทั้งหมดที่ผลิตยังคงใช้งานอยู่ แม้รถน้ำมันจะมีอายุการใช้งานเฉลี่ยที่ 200,000 ไมล์ แต่ก็มีกรณีสุดโต่ง เช่น Toyota Tacoma ที่วิ่งได้ถึง 2 ล้านไมล์ โดยเจ้าของขับส่งยาให้โรงพยาบาลวันละ 100,000 ไมล์ต่อปี ส่วนฝั่ง EV ก็มี Tesla Model S ที่วิ่งไปแล้วกว่า 155,000 ไมล์ โดยเจ้าของในเยอรมนีตั้งเป้าทำลายสถิติโลกที่ 3.26 ล้านไมล์ อย่างไรก็ตาม ปัญหาหลักของ EV คือ “ค่าเปลี่ยนแบตเตอรี่” ที่ยังสูงอยู่ โดยเฉพาะ Tesla ที่อาจต้องจ่ายถึง $10,000–$20,000 ต่อครั้ง และเจ้าของรถที่วิ่งไกลมากอาจต้องเปลี่ยนแบตหลายครั้งในช่วงอายุรถ ขณะที่เครื่องยนต์ของรถน้ำมันมีค่าซ่อมเฉลี่ยอยู่ที่ $2,000–$10,000 เท่านั้น ข่าวดีคือราคาของแบตเตอรี่ EV ลดลงอย่างต่อเนื่อง จาก $400/kWh ในปี 2012 เหลือเพียง $111/kWh ในปี 2024 และมีแนวโน้มลดลงอีกในอนาคต ซึ่งอาจทำให้ EV กลายเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ากว่าทั้งในด้านค่าใช้จ่ายและการดูแลรักษา ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ แบตเตอรี่รถ EV เสื่อมเฉลี่ยเพียง 1.8% ต่อปี ลดลงจาก 2.3% ในปี 2019 ➡️ Tesla ระบุว่าแบตเตอรี่สามารถอยู่ได้นาน 10–20 ปี ➡️ Nissan ยืนยันว่าแบตเตอรี่เกือบทั้งหมดที่ผลิตยังคงใช้งานอยู่ ➡️ รถน้ำมันมีอายุเฉลี่ย 200,000 ไมล์ แต่บางคันวิ่งได้ถึง 2 ล้านไมล์ ➡️ Tesla Model S คันหนึ่งวิ่งไปแล้วกว่า 155,000 ไมล์ และตั้งเป้าทำลายสถิติโลก ➡️ ค่าเปลี่ยนแบตเตอรี่ Tesla อยู่ที่ $10,000–$20,000 ต่อครั้ง ➡️ ค่าเปลี่ยนเครื่องยนต์รถน้ำมันอยู่ที่ $2,000–$10,000 ➡️ ราคาของแบตเตอรี่ EV ลดลงจาก $400/kWh เหลือ $111/kWh ในปี 2024 ➡️ คาดว่าในปี 2030 ค่าเปลี่ยนแบตเตอรี่จะลดลงเหลือ $3,375–$5,000 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ รถ EV มีชิ้นส่วนเคลื่อนไหวน้อยกว่ารถน้ำมัน ทำให้ค่าบำรุงรักษาน้อยกว่า ➡️ EV ไม่ต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องหรือดูแลระบบไอเสีย ➡️ แบตเตอรี่ LFP (Lithium Iron Phosphate) มีราคาถูกลงถึง $56/kWh ในบางรุ่น ➡️ การชาร์จที่บ้านมีค่าใช้จ่ายต่ำกว่าการเติมน้ำมันอย่างมาก ➡️ EV ได้รับเครดิตภาษีสูงสุดถึง $7,500 ในสหรัฐฯ ทำให้ราคาซื้อจริงลดลง https://www.slashgear.com/1977447/electric-vehicle-vs-gas-car-battery-lifespan/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    How Long Do Electric Vehicle Batteries Last Vs. Gas Cars? - SlashGear
    One common question that EV skeptics may have is how long do the batteries last when compared to a gas car. Scientific studies show that they last quite a bit.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 293 มุมมอง 0 รีวิว
  • “USB-C บนแท็บเล็ต Android: พอร์ตเล็กที่เปลี่ยนแท็บเล็ตธรรมดาให้กลายเป็นเครื่องมือสารพัดประโยชน์”

    หลายคนอาจมองว่า USB-C บนแท็บเล็ต Android มีไว้แค่ชาร์จแบตหรือถ่ายโอนไฟล์ แต่ในความเป็นจริง พอร์ตเล็ก ๆ นี้สามารถเปลี่ยนแท็บเล็ตให้กลายเป็นอุปกรณ์สารพัดประโยชน์ ทั้งด้านเกม การทำงาน เสียง และการสร้างคอนเทนต์ โดยไม่ต้องติดตั้งอะไรซับซ้อน

    เริ่มจากสายเกมเมอร์ — เพียงเสียบจอยเกมผ่าน USB-C ก็สามารถเล่นเกมมือถือหรือเกมสตรีมจาก PC ได้อย่างลื่นไหล ไม่ว่าจะเป็นจอย PS4, PS5, Xbox หรือจอยทั่วไปก็รองรับแทบทั้งหมด และบางรุ่นยังสามารถติดตั้งแบบ handheld ได้เหมือน Nintendo Switch

    สำหรับสายทำงาน USB-C สามารถเชื่อมต่อกับ dock หรือ hub เพื่อเปลี่ยนแท็บเล็ตให้กลายเป็นเครื่องทำงานเต็มรูปแบบ เช่น ต่อจอเสริม, เมาส์, คีย์บอร์ด, LAN และแม้แต่หูฟังแบบสาย โดยเฉพาะ Samsung Galaxy Tab ที่รองรับโหมด DeX ซึ่งเปลี่ยนอินเทอร์เฟซให้เหมือนเดสก์ท็อป

    ด้านประสิทธิภาพ USB-C ยังสามารถจ่ายไฟให้กับพัดลมระบายความร้อนภายนอก ซึ่งช่วยลดการ throttle ของ CPU และเพิ่มเฟรมเรตในการเล่นเกมหรือทำงานหนัก ๆ ได้จริง โดยการติดตั้งพัดลมให้ตรงจุดที่ CPU อยู่จะช่วยให้ได้ผลดีที่สุด

    สายเสียงก็ไม่แพ้กัน — USB-C รองรับการเชื่อมต่อกับ DAC, audio interface และ MIDI keyboard ได้อย่างง่ายดาย ทำให้แท็บเล็ตกลายเป็นสตูดิโอพกพาได้ทันที แม้จะต้องระวังเรื่องการกินแบตที่เพิ่มขึ้นเมื่อใช้อุปกรณ์เสียงระดับมืออาชีพ

    สุดท้าย สำหรับสายคอนเทนต์ USB-C ยังสามารถเชื่อมต่อไมโครโฟนไร้สายแบบ clip-on เพื่อใช้ในการถ่ายวิดีโอหรือประชุมออนไลน์ได้อย่างชัดเจน โดยไม่ต้องพึ่งไมค์ใหญ่หรืออุปกรณ์เสริมราคาแพง

    USB-C บนแท็บเล็ต Android รองรับการเชื่อมต่อจอยเกมหลากหลายรุ่น
    สามารถใช้แท็บเล็ตเป็นหน้าจอที่สองผ่านแอป spacedesk
    รองรับการเชื่อมต่อกับ dock/hub เพื่อใช้งานแท็บเล็ตแบบเดสก์ท็อป
    Samsung Galaxy Tab รองรับโหมด DeX สำหรับการทำงานเต็มรูปแบบ
    USB-C สามารถจ่ายไฟให้พัดลมระบายความร้อนภายนอกได้
    พัดลมช่วยลดการ throttle และเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกม
    รองรับการเชื่อมต่อกับ DAC, audio interface และ MIDI keyboard
    สามารถใช้ไมโครโฟนไร้สายผ่าน USB-C สำหรับการสร้างคอนเทนต์
    แท็บเล็ตสามารถเชื่อมต่อกับจอ, เมาส์, คีย์บอร์ด และ LAN ผ่าน hub

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    USB-C รองรับการส่งข้อมูล, พลังงาน และสัญญาณภาพในสายเดียว
    แท็บเล็ต Android รุ่นใหม่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นและรองรับการใช้งานระดับมืออาชีพ
    พัดลมระบายความร้อนแบบติดหลังช่วยให้แท็บเล็ตทำงานต่อเนื่องได้นานขึ้น
    DAC ช่วยเพิ่มคุณภาพเสียงให้ชัดเจนและละเอียดขึ้นสำหรับนักฟังเพลง
    ไมโครโฟนไร้สายแบบ clip-on เป็นที่นิยมในวงการ TikTok และ YouTube

    https://www.slashgear.com/1974688/uses-for-android-tablet-usb-c-port/
    🔌 “USB-C บนแท็บเล็ต Android: พอร์ตเล็กที่เปลี่ยนแท็บเล็ตธรรมดาให้กลายเป็นเครื่องมือสารพัดประโยชน์” หลายคนอาจมองว่า USB-C บนแท็บเล็ต Android มีไว้แค่ชาร์จแบตหรือถ่ายโอนไฟล์ แต่ในความเป็นจริง พอร์ตเล็ก ๆ นี้สามารถเปลี่ยนแท็บเล็ตให้กลายเป็นอุปกรณ์สารพัดประโยชน์ ทั้งด้านเกม การทำงาน เสียง และการสร้างคอนเทนต์ โดยไม่ต้องติดตั้งอะไรซับซ้อน เริ่มจากสายเกมเมอร์ — เพียงเสียบจอยเกมผ่าน USB-C ก็สามารถเล่นเกมมือถือหรือเกมสตรีมจาก PC ได้อย่างลื่นไหล ไม่ว่าจะเป็นจอย PS4, PS5, Xbox หรือจอยทั่วไปก็รองรับแทบทั้งหมด และบางรุ่นยังสามารถติดตั้งแบบ handheld ได้เหมือน Nintendo Switch สำหรับสายทำงาน USB-C สามารถเชื่อมต่อกับ dock หรือ hub เพื่อเปลี่ยนแท็บเล็ตให้กลายเป็นเครื่องทำงานเต็มรูปแบบ เช่น ต่อจอเสริม, เมาส์, คีย์บอร์ด, LAN และแม้แต่หูฟังแบบสาย โดยเฉพาะ Samsung Galaxy Tab ที่รองรับโหมด DeX ซึ่งเปลี่ยนอินเทอร์เฟซให้เหมือนเดสก์ท็อป ด้านประสิทธิภาพ USB-C ยังสามารถจ่ายไฟให้กับพัดลมระบายความร้อนภายนอก ซึ่งช่วยลดการ throttle ของ CPU และเพิ่มเฟรมเรตในการเล่นเกมหรือทำงานหนัก ๆ ได้จริง โดยการติดตั้งพัดลมให้ตรงจุดที่ CPU อยู่จะช่วยให้ได้ผลดีที่สุด สายเสียงก็ไม่แพ้กัน — USB-C รองรับการเชื่อมต่อกับ DAC, audio interface และ MIDI keyboard ได้อย่างง่ายดาย ทำให้แท็บเล็ตกลายเป็นสตูดิโอพกพาได้ทันที แม้จะต้องระวังเรื่องการกินแบตที่เพิ่มขึ้นเมื่อใช้อุปกรณ์เสียงระดับมืออาชีพ สุดท้าย สำหรับสายคอนเทนต์ USB-C ยังสามารถเชื่อมต่อไมโครโฟนไร้สายแบบ clip-on เพื่อใช้ในการถ่ายวิดีโอหรือประชุมออนไลน์ได้อย่างชัดเจน โดยไม่ต้องพึ่งไมค์ใหญ่หรืออุปกรณ์เสริมราคาแพง ➡️ USB-C บนแท็บเล็ต Android รองรับการเชื่อมต่อจอยเกมหลากหลายรุ่น ➡️ สามารถใช้แท็บเล็ตเป็นหน้าจอที่สองผ่านแอป spacedesk ➡️ รองรับการเชื่อมต่อกับ dock/hub เพื่อใช้งานแท็บเล็ตแบบเดสก์ท็อป ➡️ Samsung Galaxy Tab รองรับโหมด DeX สำหรับการทำงานเต็มรูปแบบ ➡️ USB-C สามารถจ่ายไฟให้พัดลมระบายความร้อนภายนอกได้ ➡️ พัดลมช่วยลดการ throttle และเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกม ➡️ รองรับการเชื่อมต่อกับ DAC, audio interface และ MIDI keyboard ➡️ สามารถใช้ไมโครโฟนไร้สายผ่าน USB-C สำหรับการสร้างคอนเทนต์ ➡️ แท็บเล็ตสามารถเชื่อมต่อกับจอ, เมาส์, คีย์บอร์ด และ LAN ผ่าน hub ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ USB-C รองรับการส่งข้อมูล, พลังงาน และสัญญาณภาพในสายเดียว ➡️ แท็บเล็ต Android รุ่นใหม่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นและรองรับการใช้งานระดับมืออาชีพ ➡️ พัดลมระบายความร้อนแบบติดหลังช่วยให้แท็บเล็ตทำงานต่อเนื่องได้นานขึ้น ➡️ DAC ช่วยเพิ่มคุณภาพเสียงให้ชัดเจนและละเอียดขึ้นสำหรับนักฟังเพลง ➡️ ไมโครโฟนไร้สายแบบ clip-on เป็นที่นิยมในวงการ TikTok และ YouTube https://www.slashgear.com/1974688/uses-for-android-tablet-usb-c-port/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    5 Uses For Your Android Tablet's USB-C Port - SlashGear
    There are a number of unexpected ways to take advantage of your Android tablet's USB-C port.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 229 มุมมอง 0 รีวิว
  • “แฮกเกอร์ปลอมเป็นตำรวจยูเครน ส่งไฟล์ SVG หลอกลวง — เปิดทางขโมยข้อมูลและขุดคริปโตแบบไร้ร่องรอย”

    ในเดือนกันยายน 2025 นักวิจัยจาก FortiGuard Labs ได้เปิดโปงแคมเปญฟิชชิ่งระดับความรุนแรงสูง ที่แฮกเกอร์ใช้เทคนิคปลอมตัวเป็น “สำนักงานตำรวจแห่งชาติยูเครน” ส่งอีเมลหลอกลวงไปยังองค์กรต่าง ๆ ที่ใช้ระบบ Windows โดยมีเป้าหมายเพื่อฝังมัลแวร์สองตัวคือ Amatera Stealer และ PureMiner

    อีเมลปลอมเหล่านี้แนบไฟล์ SVG ซึ่งเป็นไฟล์ภาพแบบข้อความที่สามารถฝังโค้ดอันตรายได้ เมื่อเหยื่อเปิดไฟล์ จะเห็นหน้าจอปลอมที่แสดงข้อความว่า “กำลังโหลดเอกสาร…” จากนั้นระบบจะดาวน์โหลดไฟล์ ZIP ที่มีรหัสผ่านแสดงไว้เพื่อให้ดูน่าเชื่อถือ ภายใน ZIP มีไฟล์ CHM (Compiled HTML Help) ซึ่งเป็นตัวเปิดมัลแวร์ผ่านสคริปต์ CountLoader

    CountLoader จะเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ระยะไกลเพื่อส่งข้อมูลระบบเบื้องต้น และโหลดมัลแวร์เข้าสู่หน่วยความจำโดยตรง ทำให้ตรวจจับได้ยาก เพราะไม่มีไฟล์ให้สแกนแบบปกติ

    มัลแวร์ตัวแรกคือ Amatera Stealer ซึ่งจะขโมยข้อมูลจากเบราว์เซอร์ (Chrome, Firefox), แอปแชต (Telegram, Discord), โปรแกรม FTP (FileZilla), Remote Access (AnyDesk), และกระเป๋าคริปโตยอดนิยม เช่น BitcoinCore, Exodus, Electrum โดยสามารถค้นหาไฟล์ลึกถึง 5 ชั้นในโฟลเดอร์

    อีกตัวคือ PureMiner ซึ่งจะเก็บข้อมูลฮาร์ดแวร์ เช่น การ์ดจอ แล้วใช้ทรัพยากรของเครื่องเหยื่อในการขุดคริปโตแบบลับ ๆ ทั้ง CPU และ GPU โดยไม่ให้เจ้าของเครื่องรู้ตัว

    การโจมตีนี้ถูกจัดอยู่ในระดับ “High Severity” เพราะสามารถควบคุมเครื่องจากระยะไกล ขโมยข้อมูล และใช้ทรัพยากรโดยไม่ได้รับอนุญาต

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    แฮกเกอร์ปลอมเป็นตำรวจยูเครน ส่งอีเมลหลอกลวงพร้อมไฟล์ SVG
    ไฟล์ SVG ถูกใช้เป็นช่องทางฝังโค้ดอันตรายแบบ text-based
    เมื่อเปิดไฟล์ จะดาวน์โหลด ZIP ที่มีไฟล์ CHM เป็นตัวเปิดมัลแวร์
    ใช้ CountLoader เพื่อโหลดมัลแวร์เข้าสู่หน่วยความจำโดยตรง (fileless)
    Amatera Stealer ขโมยข้อมูลจากเบราว์เซอร์ แอปแชต โปรแกรม FTP และกระเป๋าคริปโต
    PureMiner ใช้ทรัพยากรเครื่องเหยื่อในการขุดคริปโตแบบลับ ๆ
    การโจมตีนี้มีความรุนแรงสูง เพราะรวมทั้งการขโมยข้อมูลและการใช้ทรัพยากร
    Fortinet พบว่าแคมเปญนี้ไม่ได้ระบุชัดว่าเป็นฝีมือของกลุ่มใด

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    SVG เป็นไฟล์ภาพที่สามารถฝัง JavaScript และทำงานเหมือน HTML ได้
    การโจมตีแบบ fileless ทำให้มัลแวร์ไม่ทิ้งร่องรอยในระบบไฟล์
    Amatera Stealer เป็นเวอร์ชันใหม่ของ ACR Stealer ที่ถูกพัฒนาให้หลบการตรวจจับได้ดีขึ้น
    PureMiner ใช้เทคนิค DLL sideloading เพื่อหลบการตรวจสอบจากระบบป้องกัน
    การใช้ไฟล์ SVG ในแคมเปญฟิชชิ่งเพิ่มขึ้นกว่า 40% ในปี 2025

    https://hackread.com/fake-ukraine-police-notices-amatera-stealer-pureminer/
    🚨 “แฮกเกอร์ปลอมเป็นตำรวจยูเครน ส่งไฟล์ SVG หลอกลวง — เปิดทางขโมยข้อมูลและขุดคริปโตแบบไร้ร่องรอย” ในเดือนกันยายน 2025 นักวิจัยจาก FortiGuard Labs ได้เปิดโปงแคมเปญฟิชชิ่งระดับความรุนแรงสูง ที่แฮกเกอร์ใช้เทคนิคปลอมตัวเป็น “สำนักงานตำรวจแห่งชาติยูเครน” ส่งอีเมลหลอกลวงไปยังองค์กรต่าง ๆ ที่ใช้ระบบ Windows โดยมีเป้าหมายเพื่อฝังมัลแวร์สองตัวคือ Amatera Stealer และ PureMiner อีเมลปลอมเหล่านี้แนบไฟล์ SVG ซึ่งเป็นไฟล์ภาพแบบข้อความที่สามารถฝังโค้ดอันตรายได้ เมื่อเหยื่อเปิดไฟล์ จะเห็นหน้าจอปลอมที่แสดงข้อความว่า “กำลังโหลดเอกสาร…” จากนั้นระบบจะดาวน์โหลดไฟล์ ZIP ที่มีรหัสผ่านแสดงไว้เพื่อให้ดูน่าเชื่อถือ ภายใน ZIP มีไฟล์ CHM (Compiled HTML Help) ซึ่งเป็นตัวเปิดมัลแวร์ผ่านสคริปต์ CountLoader CountLoader จะเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ระยะไกลเพื่อส่งข้อมูลระบบเบื้องต้น และโหลดมัลแวร์เข้าสู่หน่วยความจำโดยตรง ทำให้ตรวจจับได้ยาก เพราะไม่มีไฟล์ให้สแกนแบบปกติ มัลแวร์ตัวแรกคือ Amatera Stealer ซึ่งจะขโมยข้อมูลจากเบราว์เซอร์ (Chrome, Firefox), แอปแชต (Telegram, Discord), โปรแกรม FTP (FileZilla), Remote Access (AnyDesk), และกระเป๋าคริปโตยอดนิยม เช่น BitcoinCore, Exodus, Electrum โดยสามารถค้นหาไฟล์ลึกถึง 5 ชั้นในโฟลเดอร์ อีกตัวคือ PureMiner ซึ่งจะเก็บข้อมูลฮาร์ดแวร์ เช่น การ์ดจอ แล้วใช้ทรัพยากรของเครื่องเหยื่อในการขุดคริปโตแบบลับ ๆ ทั้ง CPU และ GPU โดยไม่ให้เจ้าของเครื่องรู้ตัว การโจมตีนี้ถูกจัดอยู่ในระดับ “High Severity” เพราะสามารถควบคุมเครื่องจากระยะไกล ขโมยข้อมูล และใช้ทรัพยากรโดยไม่ได้รับอนุญาต ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ แฮกเกอร์ปลอมเป็นตำรวจยูเครน ส่งอีเมลหลอกลวงพร้อมไฟล์ SVG ➡️ ไฟล์ SVG ถูกใช้เป็นช่องทางฝังโค้ดอันตรายแบบ text-based ➡️ เมื่อเปิดไฟล์ จะดาวน์โหลด ZIP ที่มีไฟล์ CHM เป็นตัวเปิดมัลแวร์ ➡️ ใช้ CountLoader เพื่อโหลดมัลแวร์เข้าสู่หน่วยความจำโดยตรง (fileless) ➡️ Amatera Stealer ขโมยข้อมูลจากเบราว์เซอร์ แอปแชต โปรแกรม FTP และกระเป๋าคริปโต ➡️ PureMiner ใช้ทรัพยากรเครื่องเหยื่อในการขุดคริปโตแบบลับ ๆ ➡️ การโจมตีนี้มีความรุนแรงสูง เพราะรวมทั้งการขโมยข้อมูลและการใช้ทรัพยากร ➡️ Fortinet พบว่าแคมเปญนี้ไม่ได้ระบุชัดว่าเป็นฝีมือของกลุ่มใด ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ SVG เป็นไฟล์ภาพที่สามารถฝัง JavaScript และทำงานเหมือน HTML ได้ ➡️ การโจมตีแบบ fileless ทำให้มัลแวร์ไม่ทิ้งร่องรอยในระบบไฟล์ ➡️ Amatera Stealer เป็นเวอร์ชันใหม่ของ ACR Stealer ที่ถูกพัฒนาให้หลบการตรวจจับได้ดีขึ้น ➡️ PureMiner ใช้เทคนิค DLL sideloading เพื่อหลบการตรวจสอบจากระบบป้องกัน ➡️ การใช้ไฟล์ SVG ในแคมเปญฟิชชิ่งเพิ่มขึ้นกว่า 40% ในปี 2025 https://hackread.com/fake-ukraine-police-notices-amatera-stealer-pureminer/
    HACKREAD.COM
    Fake Ukraine Police Notices Spread New Amatera Stealer and PureMiner
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 297 มุมมอง 0 รีวิว
  • “TradingView Premium ปลอมระบาดผ่าน Google Ads และ YouTube — แฝงโทรจันขโมยข้อมูลและควบคุมเครื่องเหยื่อ”

    Bitdefender Labs ได้เปิดเผยแคมเปญโฆษณาอันตรายที่กำลังระบาดหนักในปี 2025 โดยแฮกเกอร์ใช้ชื่อ “TradingView Premium” เป็นเหยื่อล่อผ่าน Google Ads และ YouTube เพื่อหลอกให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดไฟล์ที่แฝงมัลแวร์โทรจันชื่อว่า Trojan.Agent.GOSL ซึ่งสามารถควบคุมเครื่องจากระยะไกล ขโมยรหัสผ่าน ข้อมูลส่วนตัว และกระเป๋าคริปโตได้ทันที2

    แคมเปญนี้เริ่มจากการยึดบัญชีโฆษณาของบริษัทดีไซน์ในนอร์เวย์ และช่อง YouTube ที่ได้รับเครื่องหมายยืนยัน (verified) จากนั้นแฮกเกอร์ลบเนื้อหาเดิมทั้งหมด แล้วรีแบรนด์ให้เหมือนช่องทางการของ TradingView ทั้งโลโก้ แบนเนอร์ และเพลย์ลิสต์ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือสูงสุด

    วิดีโอที่ใช้หลอกลวงจะถูกตั้งเป็น “unlisted” เพื่อหลบการตรวจสอบจากระบบของ YouTube และจะถูกโปรโมตผ่านโฆษณาเท่านั้น เช่นคลิปชื่อ “Free TradingView Premium – Secret Method They Don’t Want You to Know” ที่มียอดวิวทะลุ 182,000 ภายในไม่กี่วัน แม้จะไม่มีเนื้อหาจริงจาก TradingView เลย

    เมื่อเหยื่อคลิกดาวน์โหลดจากลิงก์ใต้คลิป จะได้ไฟล์ .exe ที่เป็นมัลแวร์เต็มรูปแบบ ซึ่งสามารถขโมยข้อมูลจากเบราว์เซอร์ โปรแกรมเทรด และกระเป๋าคริปโต รวมถึงควบคุมเครื่องเพื่อขุดเหรียญโดยไม่ให้เจ้าของรู้ตัว

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    แฮกเกอร์ใช้ชื่อ TradingView Premium หลอกผู้ใช้ผ่าน Google Ads และ YouTube
    ยึดบัญชีโฆษณาและช่อง YouTube ที่ได้รับเครื่องหมายยืนยัน แล้วรีแบรนด์ให้เหมือนของจริง
    ใช้วิดีโอแบบ unlisted เพื่อหลบการตรวจสอบจากระบบของ YouTube
    วิดีโอปลอมมีชื่อเช่น “Free TradingView Premium – Secret Method…” และมียอดวิวสูงผิดปกติ
    ลิงก์ใต้คลิปนำไปสู่ไฟล์มัลแวร์ Trojan.Agent.GOSL ที่สามารถควบคุมเครื่องเหยื่อได้
    มัลแวร์สามารถขโมยรหัสผ่าน ข้อมูลส่วนตัว และกระเป๋าคริปโตได้ทันที
    Bitdefender ติดตามแคมเปญนี้มานานกว่า 1 ปี และพบว่ามีการใช้โดเมนปลอมกว่า 500 แห่ง
    แคมเปญนี้เคยระบาดผ่าน Facebook Ads มาก่อน และขยายมาสู่ Google และ YouTube1

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    TradingView Premium เป็นบริการวิเคราะห์กราฟเทรดที่มีค่าใช้จ่ายจริง ไม่แจกฟรี
    การใช้ช่อง YouTube ที่ได้รับเครื่องหมายยืนยันเป็นช่องทางหลอกลวงกำลังเพิ่มขึ้น
    วิดีโอแบบ unlisted มักใช้ในแคมเปญหลอกลวง เพราะไม่ถูกค้นเจอหรือรายงานง่าย
    Trojan.Agent.GOSL เป็นมัลแวร์ที่สามารถฝังตัวในระบบโดยไม่ทิ้งไฟล์ให้ตรวจจับ
    การขุดคริปโตแบบลับ ๆ ทำให้เครื่องช้า ร้อน และเสื่อมสภาพเร็วขึ้น

    คำเตือนและข้อจำกัด
    วิดีโอที่มีคำว่า “ฟรี” หรือ “วิธีลับ” มักเป็นกลลวงที่แฝงมัลแวร์
    ช่อง YouTube ที่ดูเหมือนของจริง อาจถูกยึดและใช้หลอกลวงโดยแฮกเกอร์
    การดาวน์โหลดไฟล์จากลิงก์ใต้คลิปที่ไม่ใช่ช่องทางทางการมีความเสี่ยงสูง
    Trojan.Agent.GOSL สามารถควบคุมเครื่องและขโมยข้อมูลโดยไม่ให้ผู้ใช้รู้ตัว
    การคลิกโฆษณาโดยไม่ตรวจสอบแหล่งที่มา อาจนำไปสู่การติดมัลแวร์ทันที

    https://hackread.com/tradingview-scam-expands-to-google-youtube/
    🛑 “TradingView Premium ปลอมระบาดผ่าน Google Ads และ YouTube — แฝงโทรจันขโมยข้อมูลและควบคุมเครื่องเหยื่อ” Bitdefender Labs ได้เปิดเผยแคมเปญโฆษณาอันตรายที่กำลังระบาดหนักในปี 2025 โดยแฮกเกอร์ใช้ชื่อ “TradingView Premium” เป็นเหยื่อล่อผ่าน Google Ads และ YouTube เพื่อหลอกให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดไฟล์ที่แฝงมัลแวร์โทรจันชื่อว่า Trojan.Agent.GOSL ซึ่งสามารถควบคุมเครื่องจากระยะไกล ขโมยรหัสผ่าน ข้อมูลส่วนตัว และกระเป๋าคริปโตได้ทันที2 แคมเปญนี้เริ่มจากการยึดบัญชีโฆษณาของบริษัทดีไซน์ในนอร์เวย์ และช่อง YouTube ที่ได้รับเครื่องหมายยืนยัน (verified) จากนั้นแฮกเกอร์ลบเนื้อหาเดิมทั้งหมด แล้วรีแบรนด์ให้เหมือนช่องทางการของ TradingView ทั้งโลโก้ แบนเนอร์ และเพลย์ลิสต์ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือสูงสุด วิดีโอที่ใช้หลอกลวงจะถูกตั้งเป็น “unlisted” เพื่อหลบการตรวจสอบจากระบบของ YouTube และจะถูกโปรโมตผ่านโฆษณาเท่านั้น เช่นคลิปชื่อ “Free TradingView Premium – Secret Method They Don’t Want You to Know” ที่มียอดวิวทะลุ 182,000 ภายในไม่กี่วัน แม้จะไม่มีเนื้อหาจริงจาก TradingView เลย เมื่อเหยื่อคลิกดาวน์โหลดจากลิงก์ใต้คลิป จะได้ไฟล์ .exe ที่เป็นมัลแวร์เต็มรูปแบบ ซึ่งสามารถขโมยข้อมูลจากเบราว์เซอร์ โปรแกรมเทรด และกระเป๋าคริปโต รวมถึงควบคุมเครื่องเพื่อขุดเหรียญโดยไม่ให้เจ้าของรู้ตัว ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ แฮกเกอร์ใช้ชื่อ TradingView Premium หลอกผู้ใช้ผ่าน Google Ads และ YouTube ➡️ ยึดบัญชีโฆษณาและช่อง YouTube ที่ได้รับเครื่องหมายยืนยัน แล้วรีแบรนด์ให้เหมือนของจริง ➡️ ใช้วิดีโอแบบ unlisted เพื่อหลบการตรวจสอบจากระบบของ YouTube ➡️ วิดีโอปลอมมีชื่อเช่น “Free TradingView Premium – Secret Method…” และมียอดวิวสูงผิดปกติ ➡️ ลิงก์ใต้คลิปนำไปสู่ไฟล์มัลแวร์ Trojan.Agent.GOSL ที่สามารถควบคุมเครื่องเหยื่อได้ ➡️ มัลแวร์สามารถขโมยรหัสผ่าน ข้อมูลส่วนตัว และกระเป๋าคริปโตได้ทันที ➡️ Bitdefender ติดตามแคมเปญนี้มานานกว่า 1 ปี และพบว่ามีการใช้โดเมนปลอมกว่า 500 แห่ง ➡️ แคมเปญนี้เคยระบาดผ่าน Facebook Ads มาก่อน และขยายมาสู่ Google และ YouTube1 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ TradingView Premium เป็นบริการวิเคราะห์กราฟเทรดที่มีค่าใช้จ่ายจริง ไม่แจกฟรี ➡️ การใช้ช่อง YouTube ที่ได้รับเครื่องหมายยืนยันเป็นช่องทางหลอกลวงกำลังเพิ่มขึ้น ➡️ วิดีโอแบบ unlisted มักใช้ในแคมเปญหลอกลวง เพราะไม่ถูกค้นเจอหรือรายงานง่าย ➡️ Trojan.Agent.GOSL เป็นมัลแวร์ที่สามารถฝังตัวในระบบโดยไม่ทิ้งไฟล์ให้ตรวจจับ ➡️ การขุดคริปโตแบบลับ ๆ ทำให้เครื่องช้า ร้อน และเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ‼️ คำเตือนและข้อจำกัด ⛔ วิดีโอที่มีคำว่า “ฟรี” หรือ “วิธีลับ” มักเป็นกลลวงที่แฝงมัลแวร์ ⛔ ช่อง YouTube ที่ดูเหมือนของจริง อาจถูกยึดและใช้หลอกลวงโดยแฮกเกอร์ ⛔ การดาวน์โหลดไฟล์จากลิงก์ใต้คลิปที่ไม่ใช่ช่องทางทางการมีความเสี่ยงสูง ⛔ Trojan.Agent.GOSL สามารถควบคุมเครื่องและขโมยข้อมูลโดยไม่ให้ผู้ใช้รู้ตัว ⛔ การคลิกโฆษณาโดยไม่ตรวจสอบแหล่งที่มา อาจนำไปสู่การติดมัลแวร์ทันที https://hackread.com/tradingview-scam-expands-to-google-youtube/
    HACKREAD.COM
    Google Ads Used to Spread Trojan Disguised as TradingView Premium
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 259 มุมมอง 0 รีวิว
  • “แว่นอัจฉริยะจาก Meta: เทคโนโลยีล้ำยุคที่อาจกลายเป็นภัยเงียบในที่ทำงาน”

    เมื่อ Mark Zuckerberg เปิดตัวแว่น Ray-Ban Display รุ่นใหม่จาก Meta โลกเทคโนโลยีต่างจับตามองว่าอุปกรณ์ชิ้นนี้อาจเป็น “Next Big Thing” ที่มาแทนสมาร์ตโฟน ด้วยดีไซน์ที่ดูเหมือนแว่นธรรมดา แต่แฝงด้วยกล้อง ไมโครโฟน ลำโพง จอแสดงผลขนาดจิ๋ว และระบบ AI ที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายของ Meta โดยตรง

    แต่ในขณะที่ผู้ใช้ทั่วไปตื่นเต้นกับความสามารถของแว่นที่สามารถสรุปข้อมูลจากเอกสาร หรือแปลภาษาบนป้ายได้ทันที นักวิจัยด้านความปลอดภัยและกฎหมายกลับเตือนว่า แว่นอัจฉริยะเหล่านี้อาจกลายเป็น “ช่องโหว่ความปลอดภัย” ที่ร้ายแรงในองค์กร หากไม่มีนโยบายควบคุมการใช้งานอย่างชัดเจน

    Louis Rosenberg นักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์และผู้เชี่ยวชาญด้าน AI เตือนว่า แว่นอัจฉริยะอาจทำให้พนักงานนำผู้ช่วย AI เข้ามาในห้องประชุมโดยไม่รู้ตัว และอาจบันทึกข้อมูลลับของบริษัท หรือแม้แต่ภาพ เสียง และวิดีโอของเพื่อนร่วมงานโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งอาจละเมิดกฎหมายความเป็นส่วนตัวในหลายประเทศ

    ยิ่งไปกว่านั้น หากบริษัทกำลังเตรียม IPO หรือมีสัญญากับรัฐบาล การรั่วไหลของข้อมูลจากแว่นอัจฉริยะอาจสร้างความเสียหายมหาศาล โดยเฉพาะเมื่ออุปกรณ์เหล่านี้เริ่มแพร่หลาย และพนักงานเริ่ม “ชิน” กับการใช้งานโดยไม่ระวัง

    Meta ระบุว่าแว่นจะมีไฟแสดงสถานะเมื่อมีการบันทึกภาพหรือเสียง แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าไฟเล็ก ๆ นี้อาจไม่เพียงพอในการแจ้งเตือนผู้ที่อยู่รอบข้าง และไม่มีอะไรหยุดยั้งพนักงานที่ไม่หวังดีจากการใช้แว่นเพื่อจุดประสงค์ที่ผิดกฎหมาย

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Meta เปิดตัวแว่น Ray-Ban Display ที่มีระบบ AI ในตัว
    แว่นมีฟีเจอร์กล้อง ไมโครโฟน ลำโพง และจอแสดงผลขนาดเล็ก
    สามารถใช้ AI เพื่อสรุปข้อมูลจากเอกสารหรือแปลภาษาบนป้ายได้ทันที
    Louis Rosenberg เตือนว่าแว่นอาจนำผู้ช่วย AI เข้ามาในห้องประชุมโดยไม่รู้ตัว
    แว่นสามารถบันทึกภาพ เสียง และวิดีโอของผู้คนโดยรอบ
    หากไม่มีนโยบายควบคุม อาจเกิดการรั่วไหลของข้อมูลลับในองค์กร
    Meta ระบุว่าแว่นมีไฟแสดงสถานะเมื่อมีการบันทึก แต่ขนาดเล็กและอาจไม่สังเกตเห็น
    อุปกรณ์นี้วางจำหน่ายในราคา US$800 และคาดว่าจะได้รับความนิยมในกลุ่มพนักงานออฟฟิศ
    บริษัทอื่นอย่าง Google และ Apple ก็กำลังพัฒนาแว่นอัจฉริยะเช่นกัน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    แว่นอัจฉริยะรุ่นใหม่สามารถเชื่อมต่อกับ AI เพื่อช่วยในการทำงานแบบเรียลไทม์
    เทคโนโลยี wearable AI กำลังกลายเป็นเทรนด์ใหม่ในอุตสาหกรรมอุปกรณ์พกพา
    หลายประเทศมีกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เข้มงวด เช่น GDPR ในยุโรป
    การบันทึกภาพหรือเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาตอาจเข้าข่ายละเมิดสิทธิส่วนบุคคล
    การใช้แว่นในพื้นที่ทำงานอาจต้องมีการปรับปรุงนโยบาย HR และ IT

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/27/metas-new-smart-glasses-could-expose-your-company-to-legal-and-compliance-risks
    🕶️ “แว่นอัจฉริยะจาก Meta: เทคโนโลยีล้ำยุคที่อาจกลายเป็นภัยเงียบในที่ทำงาน” เมื่อ Mark Zuckerberg เปิดตัวแว่น Ray-Ban Display รุ่นใหม่จาก Meta โลกเทคโนโลยีต่างจับตามองว่าอุปกรณ์ชิ้นนี้อาจเป็น “Next Big Thing” ที่มาแทนสมาร์ตโฟน ด้วยดีไซน์ที่ดูเหมือนแว่นธรรมดา แต่แฝงด้วยกล้อง ไมโครโฟน ลำโพง จอแสดงผลขนาดจิ๋ว และระบบ AI ที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายของ Meta โดยตรง แต่ในขณะที่ผู้ใช้ทั่วไปตื่นเต้นกับความสามารถของแว่นที่สามารถสรุปข้อมูลจากเอกสาร หรือแปลภาษาบนป้ายได้ทันที นักวิจัยด้านความปลอดภัยและกฎหมายกลับเตือนว่า แว่นอัจฉริยะเหล่านี้อาจกลายเป็น “ช่องโหว่ความปลอดภัย” ที่ร้ายแรงในองค์กร หากไม่มีนโยบายควบคุมการใช้งานอย่างชัดเจน Louis Rosenberg นักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์และผู้เชี่ยวชาญด้าน AI เตือนว่า แว่นอัจฉริยะอาจทำให้พนักงานนำผู้ช่วย AI เข้ามาในห้องประชุมโดยไม่รู้ตัว และอาจบันทึกข้อมูลลับของบริษัท หรือแม้แต่ภาพ เสียง และวิดีโอของเพื่อนร่วมงานโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งอาจละเมิดกฎหมายความเป็นส่วนตัวในหลายประเทศ ยิ่งไปกว่านั้น หากบริษัทกำลังเตรียม IPO หรือมีสัญญากับรัฐบาล การรั่วไหลของข้อมูลจากแว่นอัจฉริยะอาจสร้างความเสียหายมหาศาล โดยเฉพาะเมื่ออุปกรณ์เหล่านี้เริ่มแพร่หลาย และพนักงานเริ่ม “ชิน” กับการใช้งานโดยไม่ระวัง Meta ระบุว่าแว่นจะมีไฟแสดงสถานะเมื่อมีการบันทึกภาพหรือเสียง แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าไฟเล็ก ๆ นี้อาจไม่เพียงพอในการแจ้งเตือนผู้ที่อยู่รอบข้าง และไม่มีอะไรหยุดยั้งพนักงานที่ไม่หวังดีจากการใช้แว่นเพื่อจุดประสงค์ที่ผิดกฎหมาย ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Meta เปิดตัวแว่น Ray-Ban Display ที่มีระบบ AI ในตัว ➡️ แว่นมีฟีเจอร์กล้อง ไมโครโฟน ลำโพง และจอแสดงผลขนาดเล็ก ➡️ สามารถใช้ AI เพื่อสรุปข้อมูลจากเอกสารหรือแปลภาษาบนป้ายได้ทันที ➡️ Louis Rosenberg เตือนว่าแว่นอาจนำผู้ช่วย AI เข้ามาในห้องประชุมโดยไม่รู้ตัว ➡️ แว่นสามารถบันทึกภาพ เสียง และวิดีโอของผู้คนโดยรอบ ➡️ หากไม่มีนโยบายควบคุม อาจเกิดการรั่วไหลของข้อมูลลับในองค์กร ➡️ Meta ระบุว่าแว่นมีไฟแสดงสถานะเมื่อมีการบันทึก แต่ขนาดเล็กและอาจไม่สังเกตเห็น ➡️ อุปกรณ์นี้วางจำหน่ายในราคา US$800 และคาดว่าจะได้รับความนิยมในกลุ่มพนักงานออฟฟิศ ➡️ บริษัทอื่นอย่าง Google และ Apple ก็กำลังพัฒนาแว่นอัจฉริยะเช่นกัน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ แว่นอัจฉริยะรุ่นใหม่สามารถเชื่อมต่อกับ AI เพื่อช่วยในการทำงานแบบเรียลไทม์ ➡️ เทคโนโลยี wearable AI กำลังกลายเป็นเทรนด์ใหม่ในอุตสาหกรรมอุปกรณ์พกพา ➡️ หลายประเทศมีกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เข้มงวด เช่น GDPR ในยุโรป ➡️ การบันทึกภาพหรือเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาตอาจเข้าข่ายละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ➡️ การใช้แว่นในพื้นที่ทำงานอาจต้องมีการปรับปรุงนโยบาย HR และ IT https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/27/metas-new-smart-glasses-could-expose-your-company-to-legal-and-compliance-risks
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Meta’s new smart glasses could expose your company to legal and compliance risks
    Using AI-connected cameras on your face could transform many jobs, but they'll see and remember everything the wearer does at work.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 289 มุมมอง 0 รีวิว
  • “AI ทำให้เราฉลาดขึ้น หรือแค่ขี้เกียจขึ้น? เมื่อ ChatGPT กลายเป็นยาชาแห่งยุคดิจิทัล”

    บทความจาก The Star โดย Christopher Ketcham ได้จุดประกายคำถามสำคัญว่า “AI โดยเฉพาะ ChatGPT กำลังทำให้เราฉลาดขึ้น หรือแค่ทำให้สมองเราเสื่อมลง?” โดยอ้างอิงงานวิจัยหลายฉบับที่ชี้ว่า การพึ่งพาเครื่องมือ AI มากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อความสามารถในการคิดวิเคราะห์อย่างลึกซึ้ง และลดการมีส่วนร่วมของสมองในระดับโครงสร้าง

    ผู้เขียนเปรียบเทียบการใช้ AI กับการขี่จักรยานไฟฟ้า — เร็วขึ้น สบายขึ้น แต่สูญเสียความแข็งแรงของร่างกาย เช่นเดียวกับสมองที่อ่อนแรงลงเมื่อปล่อยให้เครื่องมือคิดแทนเรา งานวิจัยจาก MIT พบว่า ผู้ใช้ ChatGPT ในการเขียนเรียงความมีการเชื่อมต่อของสมองต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับผู้ใช้ search engine และผู้ที่เขียนด้วยตนเองโดยไม่ใช้เครื่องมือใด ๆ

    นอกจากนี้ยังพบว่า ผู้ใช้ AI มีแนวโน้มที่จะ “offload” ความคิดของตนเองให้กับเครื่องมือ ทำให้เกิดภาวะ “cognitive debt” หรือหนี้ทางปัญญา ซึ่งสะสมและส่งผลต่อความสามารถในการเรียนรู้ในระยะยาว โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนที่สมองยังอยู่ในช่วงพัฒนา

    แม้ AI จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในบางด้าน เช่น การค้นหาข้อมูลหรือการจัดการงาน แต่การใช้เพื่อหลีกเลี่ยงการคิดด้วยตนเองอาจนำไปสู่ผลกระทบเชิงพฤติกรรม เช่น การขาดแรงจูงใจ ความรู้สึกเป็นเจ้าของงานลดลง และการพึ่งพาเครื่องมือมากเกินไปจนไม่สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยตนเอง

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    บทความชี้ว่า AI โดยเฉพาะ ChatGPT อาจทำให้ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ลดลง
    งานวิจัยจาก MIT พบว่า ผู้ใช้ ChatGPT มีการเชื่อมต่อของสมองต่ำที่สุดเมื่อเขียนเรียงความ
    ผู้ใช้ AI มีแนวโน้มเกิดภาวะ “cognitive offloading” หรือการปล่อยให้เครื่องมือคิดแทน
    เกิดภาวะ “cognitive debt” หรือหนี้ทางปัญญาเมื่อใช้ AI ต่อเนื่อง
    กลุ่มเยาวชนมีความเสี่ยงสูงที่สุดต่อผลกระทบทางสมองจากการใช้ AI
    ผู้ใช้ AI มีความรู้สึกเป็นเจ้าของงานต่ำ และจำเนื้อหาที่เขียนเองไม่ได้
    งานวิจัยจาก Microsoft และ Carnegie Mellon พบว่า AI ลดทักษะการแก้ปัญหาอย่างอิสระ
    การใช้ AI มากเกินไปอาจนำไปสู่การพึ่งพาเครื่องมือในระยะยาว
    จำนวนผู้ใช้ ChatGPT เพิ่มจาก 50 ล้านในปี 2023 เป็น 800 ล้านในกลางปี 2025

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    การใช้ AI ในการเรียนรู้ควรมีการกำกับดูแลและออกแบบให้ส่งเสริมการคิด ไม่ใช่แทนที่
    หลายมหาวิทยาลัยเริ่มออกนโยบายจำกัดการใช้ AI ในการทำงานวิชาการ
    การฝึกสมองผ่านการเขียนด้วยตนเองช่วยเพิ่มการเชื่อมต่อของสมองในหลายส่วน
    การใช้ search engine ยังมีการมีส่วนร่วมของสมองมากกว่า AI แต่ต่ำกว่าการคิดด้วยตนเอง
    นักวิจัยเสนอให้ใช้ AI เป็นเครื่องมือเสริม ไม่ใช่เครื่องมือหลักในการเรียนรู้

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/27/opinion-the-internet-made-us-stupid-ai-promises-to-make-it-worse
    🧠 “AI ทำให้เราฉลาดขึ้น หรือแค่ขี้เกียจขึ้น? เมื่อ ChatGPT กลายเป็นยาชาแห่งยุคดิจิทัล” บทความจาก The Star โดย Christopher Ketcham ได้จุดประกายคำถามสำคัญว่า “AI โดยเฉพาะ ChatGPT กำลังทำให้เราฉลาดขึ้น หรือแค่ทำให้สมองเราเสื่อมลง?” โดยอ้างอิงงานวิจัยหลายฉบับที่ชี้ว่า การพึ่งพาเครื่องมือ AI มากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อความสามารถในการคิดวิเคราะห์อย่างลึกซึ้ง และลดการมีส่วนร่วมของสมองในระดับโครงสร้าง ผู้เขียนเปรียบเทียบการใช้ AI กับการขี่จักรยานไฟฟ้า — เร็วขึ้น สบายขึ้น แต่สูญเสียความแข็งแรงของร่างกาย เช่นเดียวกับสมองที่อ่อนแรงลงเมื่อปล่อยให้เครื่องมือคิดแทนเรา งานวิจัยจาก MIT พบว่า ผู้ใช้ ChatGPT ในการเขียนเรียงความมีการเชื่อมต่อของสมองต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับผู้ใช้ search engine และผู้ที่เขียนด้วยตนเองโดยไม่ใช้เครื่องมือใด ๆ นอกจากนี้ยังพบว่า ผู้ใช้ AI มีแนวโน้มที่จะ “offload” ความคิดของตนเองให้กับเครื่องมือ ทำให้เกิดภาวะ “cognitive debt” หรือหนี้ทางปัญญา ซึ่งสะสมและส่งผลต่อความสามารถในการเรียนรู้ในระยะยาว โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนที่สมองยังอยู่ในช่วงพัฒนา แม้ AI จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในบางด้าน เช่น การค้นหาข้อมูลหรือการจัดการงาน แต่การใช้เพื่อหลีกเลี่ยงการคิดด้วยตนเองอาจนำไปสู่ผลกระทบเชิงพฤติกรรม เช่น การขาดแรงจูงใจ ความรู้สึกเป็นเจ้าของงานลดลง และการพึ่งพาเครื่องมือมากเกินไปจนไม่สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยตนเอง ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ บทความชี้ว่า AI โดยเฉพาะ ChatGPT อาจทำให้ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ลดลง ➡️ งานวิจัยจาก MIT พบว่า ผู้ใช้ ChatGPT มีการเชื่อมต่อของสมองต่ำที่สุดเมื่อเขียนเรียงความ ➡️ ผู้ใช้ AI มีแนวโน้มเกิดภาวะ “cognitive offloading” หรือการปล่อยให้เครื่องมือคิดแทน ➡️ เกิดภาวะ “cognitive debt” หรือหนี้ทางปัญญาเมื่อใช้ AI ต่อเนื่อง ➡️ กลุ่มเยาวชนมีความเสี่ยงสูงที่สุดต่อผลกระทบทางสมองจากการใช้ AI ➡️ ผู้ใช้ AI มีความรู้สึกเป็นเจ้าของงานต่ำ และจำเนื้อหาที่เขียนเองไม่ได้ ➡️ งานวิจัยจาก Microsoft และ Carnegie Mellon พบว่า AI ลดทักษะการแก้ปัญหาอย่างอิสระ ➡️ การใช้ AI มากเกินไปอาจนำไปสู่การพึ่งพาเครื่องมือในระยะยาว ➡️ จำนวนผู้ใช้ ChatGPT เพิ่มจาก 50 ล้านในปี 2023 เป็น 800 ล้านในกลางปี 2025 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ การใช้ AI ในการเรียนรู้ควรมีการกำกับดูแลและออกแบบให้ส่งเสริมการคิด ไม่ใช่แทนที่ ➡️ หลายมหาวิทยาลัยเริ่มออกนโยบายจำกัดการใช้ AI ในการทำงานวิชาการ ➡️ การฝึกสมองผ่านการเขียนด้วยตนเองช่วยเพิ่มการเชื่อมต่อของสมองในหลายส่วน ➡️ การใช้ search engine ยังมีการมีส่วนร่วมของสมองมากกว่า AI แต่ต่ำกว่าการคิดด้วยตนเอง ➡️ นักวิจัยเสนอให้ใช้ AI เป็นเครื่องมือเสริม ไม่ใช่เครื่องมือหลักในการเรียนรู้ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/27/opinion-the-internet-made-us-stupid-ai-promises-to-make-it-worse
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Opinion: The Internet made us stupid. AI promises to make it worse
    In this telling, AI is a brain-rotting narcotic; the heavier the use, the greater the addiction, the more damage done.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 288 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Stan Lee กลับมาอีกครั้งในรูปแบบ AI Hologram — เทคโนโลยีปลุกตำนานสู่ชีวิตใหม่ที่ L.A. Comic Con”

    ในงาน L.A. Comic Con ปี 2025 ที่จัดขึ้น ณ Los Angeles Convention Center ผู้เข้าร่วมงานได้สัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษกับ “Stan Lee Experience” — การปรากฏตัวของ Stan Lee ผู้สร้างฮีโร่ระดับตำนานอย่าง Spider-Man, Iron Man, Hulk และ Thor ในรูปแบบ AI hologram ที่สามารถพูดคุยและตอบคำถามแฟน ๆ ได้แบบเรียลไทม์

    แม้ Stan Lee จะเสียชีวิตไปในปี 2018 ด้วยวัย 95 ปี แต่ด้วยความร่วมมือระหว่าง Proto Hologram และ Hyperreal ทีมงานสามารถสร้าง “Holo Stan” ขึ้นมาโดยใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์และภาพจากการปรากฏตัวของเขาในงานต่าง ๆ ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา เพื่อให้คำพูดและบุคลิกของเขายังคง “เป็นตัวเขา” อย่างแท้จริง

    ผู้เข้าร่วมงานสามารถเข้าไปในบูธขนาด 1,500 ตารางฟุตเพื่อพูดคุยกับ Holo Stan ได้โดยตรง เช่น ถามว่า “คุณคิดอย่างไรกับ X-Men ที่เชื่อมโยงกับขบวนการสิทธิพลเมือง?” หรือ “ถ้าเลือกฮีโร่หนึ่งคนมาช่วยโลกวันนี้ คุณจะเลือกใคร?” ซึ่งคำตอบของเขาคือ Spider-Man พร้อมคำพูดที่อบอุ่นว่า “ฮีโร่ที่แท้จริงคือพวกคุณ — แฟน ๆ ที่ทำให้เรื่องราวเหล่านี้ยังมีชีวิตอยู่”

    แม้หลายคนจะรู้สึกตื่นเต้นกับการได้พบ Stan Lee อีกครั้งในรูปแบบใหม่ แต่ก็มีเสียงวิจารณ์จากบางกลุ่มที่มองว่าเป็นการ “ไม่ให้เขาได้พักผ่อน” และตั้งคำถามถึงขอบเขตของการใช้ AI กับบุคคลที่ล่วงลับไปแล้ว

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Stan Lee ปรากฏตัวในรูปแบบ AI hologram ที่ L.A. Comic Con ปี 2025
    ใช้เทคโนโลยีจาก Proto Hologram และ Hyperreal ในการสร้าง “Holo Stan”
    Hologram ถูกฝึกจากภาพและเสียงของ Stan Lee ตลอดชีวิตการทำงาน
    ผู้เข้าร่วมสามารถพูดคุยกับ Holo Stan ได้แบบเรียลไทม์ในบูธขนาด 1,500 ตารางฟุต
    คำพูดของ Holo Stan ถูกควบคุมให้ไม่ออกนอกบริบทจากสิ่งที่ Stan เคยพูดจริง
    โครงการนี้ได้รับการอนุมัติจาก Stan Lee Universe และอดีตผู้บริหาร Marvel
    Holo Stan กล่าวถึงความรักที่มีต่อแฟน ๆ และความหวังในโลกผ่านฮีโร่
    มีการใช้เทคโนโลยี “guardrails” เพื่อป้องกันไม่ให้ AI พูดสิ่งที่ไม่เหมาะสม
    ผู้ชมสามารถถ่ายภาพและพูดคุยกับ Holo Stan ได้เหมือนพบตัวจริง

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Proto Hologram เคยใช้เทคโนโลยีนี้โปรโมตภาพยนตร์ เช่น The Conjuring และ Minecraft Movie
    Hyperreal เป็นบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านการสร้าง digital humans ด้วย AI
    Stan Lee เคยปรากฏตัวในภาพยนตร์ Marvel ทุกเรื่องก่อนเสียชีวิต
    การใช้ AI hologram เริ่มแพร่หลายในวงการบันเทิง เช่น Elvis, Whitney Houston และ ABBA
    การสร้าง “digital legacy” กำลังกลายเป็นเทรนด์ใหม่ในการอนุรักษ์บุคคลสำคัญ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/27/ai-hologram-of-spider-man-creator-stan-lee-debuts-at-la-comic-con
    🕹️ “Stan Lee กลับมาอีกครั้งในรูปแบบ AI Hologram — เทคโนโลยีปลุกตำนานสู่ชีวิตใหม่ที่ L.A. Comic Con” ในงาน L.A. Comic Con ปี 2025 ที่จัดขึ้น ณ Los Angeles Convention Center ผู้เข้าร่วมงานได้สัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษกับ “Stan Lee Experience” — การปรากฏตัวของ Stan Lee ผู้สร้างฮีโร่ระดับตำนานอย่าง Spider-Man, Iron Man, Hulk และ Thor ในรูปแบบ AI hologram ที่สามารถพูดคุยและตอบคำถามแฟน ๆ ได้แบบเรียลไทม์ แม้ Stan Lee จะเสียชีวิตไปในปี 2018 ด้วยวัย 95 ปี แต่ด้วยความร่วมมือระหว่าง Proto Hologram และ Hyperreal ทีมงานสามารถสร้าง “Holo Stan” ขึ้นมาโดยใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์และภาพจากการปรากฏตัวของเขาในงานต่าง ๆ ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา เพื่อให้คำพูดและบุคลิกของเขายังคง “เป็นตัวเขา” อย่างแท้จริง ผู้เข้าร่วมงานสามารถเข้าไปในบูธขนาด 1,500 ตารางฟุตเพื่อพูดคุยกับ Holo Stan ได้โดยตรง เช่น ถามว่า “คุณคิดอย่างไรกับ X-Men ที่เชื่อมโยงกับขบวนการสิทธิพลเมือง?” หรือ “ถ้าเลือกฮีโร่หนึ่งคนมาช่วยโลกวันนี้ คุณจะเลือกใคร?” ซึ่งคำตอบของเขาคือ Spider-Man พร้อมคำพูดที่อบอุ่นว่า “ฮีโร่ที่แท้จริงคือพวกคุณ — แฟน ๆ ที่ทำให้เรื่องราวเหล่านี้ยังมีชีวิตอยู่” แม้หลายคนจะรู้สึกตื่นเต้นกับการได้พบ Stan Lee อีกครั้งในรูปแบบใหม่ แต่ก็มีเสียงวิจารณ์จากบางกลุ่มที่มองว่าเป็นการ “ไม่ให้เขาได้พักผ่อน” และตั้งคำถามถึงขอบเขตของการใช้ AI กับบุคคลที่ล่วงลับไปแล้ว ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Stan Lee ปรากฏตัวในรูปแบบ AI hologram ที่ L.A. Comic Con ปี 2025 ➡️ ใช้เทคโนโลยีจาก Proto Hologram และ Hyperreal ในการสร้าง “Holo Stan” ➡️ Hologram ถูกฝึกจากภาพและเสียงของ Stan Lee ตลอดชีวิตการทำงาน ➡️ ผู้เข้าร่วมสามารถพูดคุยกับ Holo Stan ได้แบบเรียลไทม์ในบูธขนาด 1,500 ตารางฟุต ➡️ คำพูดของ Holo Stan ถูกควบคุมให้ไม่ออกนอกบริบทจากสิ่งที่ Stan เคยพูดจริง ➡️ โครงการนี้ได้รับการอนุมัติจาก Stan Lee Universe และอดีตผู้บริหาร Marvel ➡️ Holo Stan กล่าวถึงความรักที่มีต่อแฟน ๆ และความหวังในโลกผ่านฮีโร่ ➡️ มีการใช้เทคโนโลยี “guardrails” เพื่อป้องกันไม่ให้ AI พูดสิ่งที่ไม่เหมาะสม ➡️ ผู้ชมสามารถถ่ายภาพและพูดคุยกับ Holo Stan ได้เหมือนพบตัวจริง ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Proto Hologram เคยใช้เทคโนโลยีนี้โปรโมตภาพยนตร์ เช่น The Conjuring และ Minecraft Movie ➡️ Hyperreal เป็นบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านการสร้าง digital humans ด้วย AI ➡️ Stan Lee เคยปรากฏตัวในภาพยนตร์ Marvel ทุกเรื่องก่อนเสียชีวิต ➡️ การใช้ AI hologram เริ่มแพร่หลายในวงการบันเทิง เช่น Elvis, Whitney Houston และ ABBA ➡️ การสร้าง “digital legacy” กำลังกลายเป็นเทรนด์ใหม่ในการอนุรักษ์บุคคลสำคัญ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/27/ai-hologram-of-spider-man-creator-stan-lee-debuts-at-la-comic-con
    WWW.THESTAR.COM.MY
    AI hologram of Spider-Man creator Stan Lee debuts at L.A. Comic Con
    LOS ANGELES (Reuters) -Wearing a green sweater and tan pants against a bright blue screen, Marvel comic book superhero creator Stan Lee will return to L.A. Comic Con in holographic form to meet fans of his characters including Spider-Man, Hulk, Iron Man and Thor.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 297 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/3EZxDiIirAA?si=Ry0TqnEVR89R44wt ความรู้ฟังเพลินๆ #ลับหลังไมค์ #ข่าวช่อง8 #ข่าวออนไลน์ช่อง8 #การเมือง #ชายแดน #ไทยกัมพูชา #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #ว่างว่างก็แวะมา
    https://youtu.be/3EZxDiIirAA?si=Ry0TqnEVR89R44wt ความรู้ฟังเพลินๆ #ลับหลังไมค์ #ข่าวช่อง8 #ข่าวออนไลน์ช่อง8 #การเมือง #ชายแดน #ไทยกัมพูชา #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #ว่างว่างก็แวะมา
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 184 มุมมอง 0 รีวิว
  • Live : ความจริงมีหนึ่งเดียว ครั้งที่ 4 / 2568 ณ หอประชุมเล็ก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
    .
    คลิก https://www.youtube.com/watch?v=rfMwfy2RRrU
    .
    ติดต่อสอบถาม Line @sondhitalk
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 46 มุมมอง 0 รีวิว
  • Live : ความจริงมีหนึ่งเดียว ครั้งที่ 4 / 2568 ณ หอประชุมเล็ก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
    .
    คลิก https://www.youtube.com/watch?v=rfMwfy2RRrU
    .
    ติดต่อสอบถาม Line @sondhitalk
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 39 มุมมอง 0 รีวิว
  • Live : ความจริงมีหนึ่งเดียว ครั้งที่ 4 / 2568 ณ หอประชุมเล็ก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
    .
    คลิก https://www.youtube.com/watch?v=rfMwfy2RRrU
    .
    ติดต่อสอบถาม Line @sondhitalk
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 39 มุมมอง 0 รีวิว
  • “สีหศักด์” กล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมสหประชาชาติ โต้กัมพูชาบิดเบือนความจริง เล่นบทเหยื่อซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่เหยื่อที่แท้จริงคือทหารไทยที่เสียขา เด็กนักเรียนและพลเรือนไทยผู้บริสุทธิ์ ที่กัมพูชายิงถล่ม ซัดคุยกันต่อหน้าพูดดี แต่ขึ้นเวทีแล้วพูดอีกอย่าง ชี้ข้อตกลงหยุดยิงยังเปราะบาง เพราะกัมพูชายั่วยุไม่เลิก ถามอยากสร้างสันติภาพตามที่พูดจริงหรือไม่

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000092690

    #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด

    “สีหศักด์” กล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมสหประชาชาติ โต้กัมพูชาบิดเบือนความจริง เล่นบทเหยื่อซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่เหยื่อที่แท้จริงคือทหารไทยที่เสียขา เด็กนักเรียนและพลเรือนไทยผู้บริสุทธิ์ ที่กัมพูชายิงถล่ม ซัดคุยกันต่อหน้าพูดดี แต่ขึ้นเวทีแล้วพูดอีกอย่าง ชี้ข้อตกลงหยุดยิงยังเปราะบาง เพราะกัมพูชายั่วยุไม่เลิก ถามอยากสร้างสันติภาพตามที่พูดจริงหรือไม่ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000092690 #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    Like
    Love
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 488 มุมมอง 0 รีวิว
  • โฆษก ทบ.ไล่ไทม์ไลน์ชี้ชัด เหตุการณ์กัมพูชายิงอาวุธหลายขนาดใส่พื้นที่ช่องอานม้า เป็นการวางแผนล่วงหน้า ทั้งการยั่วยุด้วยอาวุธ การนัดหมายคณะ IOT เข้าพื้นที่ และการแถลงบิดเบือนกล่าวหาไทย ทั้งหมดเป็นเพียง “การสร้างสถานการณ์” ของฝ่ายกัมพูชา เมื่อวานนี้

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000092698

    #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    โฆษก ทบ.ไล่ไทม์ไลน์ชี้ชัด เหตุการณ์กัมพูชายิงอาวุธหลายขนาดใส่พื้นที่ช่องอานม้า เป็นการวางแผนล่วงหน้า ทั้งการยั่วยุด้วยอาวุธ การนัดหมายคณะ IOT เข้าพื้นที่ และการแถลงบิดเบือนกล่าวหาไทย ทั้งหมดเป็นเพียง “การสร้างสถานการณ์” ของฝ่ายกัมพูชา เมื่อวานนี้ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000092698 #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    Like
    Haha
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 400 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/hi1oit6vV2o?si=dM67PfM-Oums4QUe
    https://youtu.be/hi1oit6vV2o?si=dM67PfM-Oums4QUe
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 52 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความจริงเริ่มปรากฏ​! สองผัวเมียเขมรหอบลูกวัย 2 ขวบลอบเข้าไทยหวัง “เก็บผัก-ของป่า” กลับไปขาย-กินประทังชีวิต เผยบ้านเกิดขาดแคลนผักป่า ไม่มีงานทำ จนต้องยอมเสี่ยงตายเข้ามาหาของขายในไทย สุดท้ายถูกจับ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000092709

    #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    ความจริงเริ่มปรากฏ​! สองผัวเมียเขมรหอบลูกวัย 2 ขวบลอบเข้าไทยหวัง “เก็บผัก-ของป่า” กลับไปขาย-กินประทังชีวิต เผยบ้านเกิดขาดแคลนผักป่า ไม่มีงานทำ จนต้องยอมเสี่ยงตายเข้ามาหาของขายในไทย สุดท้ายถูกจับ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000092709 #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    Like
    7
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 427 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความจริงเริ่มปรากฏ​! สองผัวเมียเขมรหอบลูกวัย 2 ขวบลอบเข้าไทยหวัง “เก็บผัก-ของป่า” กลับไปขาย-กินประทังชีวิต เผยบ้านเกิดขาดแคลนผักป่า ไม่มีงานทำ จนต้องยอมเสี่ยงตายเข้ามาหาของขายในไทย สุดท้ายถูกจับ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000092709

    #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 46 มุมมอง 0 รีวิว
  • “แขนกลช่วยเล็งจาก AI ดัน YouTuber ขึ้นอันดับ 2 โลก — เมื่อ ‘Aimbot’ กลายเป็น ‘Aimborg’ ในชีวิตจริง”

    Nick Zetta หรือที่รู้จักในชื่อ Basically Homeless บน YouTube ได้สร้างสิ่งที่เรียกว่า “แขนกลช่วยเล็ง” หรือ exoskeleton แบบโฮมเมด ที่ใช้ AI และฮาร์ดแวร์จริงในการปรับท่าทางแขนและนิ้วของเขา เพื่อให้เล็งเป้าในเกม FPS ได้แม่นยำขึ้น โดยเป้าหมายคือการไต่ขึ้นอันดับใน Aimlabs ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มฝึกเล็งยอดนิยมของเกมเมอร์สายแข่งขัน

    อุปกรณ์นี้ประกอบด้วยกล้องความเร็วสูง, ชิป Nvidia Jetson, มอเตอร์, เซอร์โว และชิ้นส่วน 3D-printed ที่ติดตั้งบนแขนและนิ้วของเขา โดยระบบจะตรวจจับตำแหน่งมือและเป้าหมายบนหน้าจอ แล้วปรับท่าทางของแขนให้เล็งเป้าได้แม่นยำขึ้นแบบเรียลไทม์

    ในช่วงแรกของการทดลอง คะแนนของเขากลับลดลงถึง 20% เพราะยังไม่ชินกับการปล่อยให้ระบบควบคุมแขน แต่เมื่อปรับตัวได้ เขาสามารถเพิ่มคะแนนได้ถึง 3% จากเดิม และหลังจากปรับปรุงระบบให้มี latency ต่ำลงจาก 50ms เหลือเพียง 17ms พร้อมเพิ่มแรงมอเตอร์ให้แข็งแรงขึ้น เขาก็สามารถเพิ่มคะแนนได้แบบก้าวกระโดด — จาก 12% เป็น 28%, 43% และสุดท้าย 63% ซึ่งทำให้เขาขึ้นอันดับ 2 ของโลกใน Aimlabs

    แม้จะดูเหมือน “โกง” แต่ในทางเทคนิคแล้ว เกมไม่สามารถตรวจจับได้ เพราะเป็นการปรับท่าทางในโลกจริง ไม่ใช่การแฮกซอฟต์แวร์ ทำให้เกิดคำถามใหม่ว่า “ถ้า AI ควบคุมร่างกายเราแทน จะถือว่าโกงหรือไม่?”

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Nick Zetta สร้างแขนกลช่วยเล็งแบบโฮมเมดเพื่อใช้ใน Aimlabs
    ใช้กล้องความเร็วสูง, Nvidia Jetson, มอเตอร์ และเซอร์โวควบคุมแขนและนิ้ว
    ระบบสามารถปรับท่าทางแขนให้เล็งเป้าได้แม่นยำขึ้นแบบเรียลไทม์
    latency ของระบบลดลงจาก 50ms เหลือเพียง 17ms
    เพิ่มแรงมอเตอร์ให้แข็งแรงขึ้นเพื่อควบคุมแขนแม้มีแรงต้าน
    คะแนนเพิ่มขึ้นจากเดิม 3% ไปจนถึง 63% หลังปรับระบบ
    ขึ้นอันดับ 2 ของโลกใน Aimlabs leaderboard
    ระบบใช้ YOLO model ในการตรวจจับเป้าหมายบนหน้าจอ
    อุปกรณ์ประกอบด้วยชิ้นส่วน 3D-printed และกลไกที่ติดตั้งบนแขนจริง

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Nvidia Jetson เป็นชิปที่นิยมใช้ในงาน AI ฝังตัว เช่น หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ
    YOLO (You Only Look Once) เป็นโมเดล AI ที่ใช้ในการตรวจจับวัตถุแบบเรียลไทม์
    Aimlabs เป็นแพลตฟอร์มฝึกเล็งที่ใช้โดยนักกีฬาอีสปอร์ตทั่วโลก
    การใช้ exoskeleton ในการควบคุมร่างกายเริ่มถูกนำไปใช้ในงานแพทย์และกายภาพบำบัด
    การผสมผสาน AI กับร่างกายมนุษย์กำลังเป็นแนวทางใหม่ในวงการเทคโนโลยี

    https://www.tomshardware.com/video-games/pc-gaming/youtubers-homebrew-aim-assist-exoskeleton-grabs-them-second-place-in-global-aimlabs-leader-board-63-percent-aim-boost-from-ai-powered-project
    🎮 “แขนกลช่วยเล็งจาก AI ดัน YouTuber ขึ้นอันดับ 2 โลก — เมื่อ ‘Aimbot’ กลายเป็น ‘Aimborg’ ในชีวิตจริง” Nick Zetta หรือที่รู้จักในชื่อ Basically Homeless บน YouTube ได้สร้างสิ่งที่เรียกว่า “แขนกลช่วยเล็ง” หรือ exoskeleton แบบโฮมเมด ที่ใช้ AI และฮาร์ดแวร์จริงในการปรับท่าทางแขนและนิ้วของเขา เพื่อให้เล็งเป้าในเกม FPS ได้แม่นยำขึ้น โดยเป้าหมายคือการไต่ขึ้นอันดับใน Aimlabs ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มฝึกเล็งยอดนิยมของเกมเมอร์สายแข่งขัน อุปกรณ์นี้ประกอบด้วยกล้องความเร็วสูง, ชิป Nvidia Jetson, มอเตอร์, เซอร์โว และชิ้นส่วน 3D-printed ที่ติดตั้งบนแขนและนิ้วของเขา โดยระบบจะตรวจจับตำแหน่งมือและเป้าหมายบนหน้าจอ แล้วปรับท่าทางของแขนให้เล็งเป้าได้แม่นยำขึ้นแบบเรียลไทม์ ในช่วงแรกของการทดลอง คะแนนของเขากลับลดลงถึง 20% เพราะยังไม่ชินกับการปล่อยให้ระบบควบคุมแขน แต่เมื่อปรับตัวได้ เขาสามารถเพิ่มคะแนนได้ถึง 3% จากเดิม และหลังจากปรับปรุงระบบให้มี latency ต่ำลงจาก 50ms เหลือเพียง 17ms พร้อมเพิ่มแรงมอเตอร์ให้แข็งแรงขึ้น เขาก็สามารถเพิ่มคะแนนได้แบบก้าวกระโดด — จาก 12% เป็น 28%, 43% และสุดท้าย 63% ซึ่งทำให้เขาขึ้นอันดับ 2 ของโลกใน Aimlabs แม้จะดูเหมือน “โกง” แต่ในทางเทคนิคแล้ว เกมไม่สามารถตรวจจับได้ เพราะเป็นการปรับท่าทางในโลกจริง ไม่ใช่การแฮกซอฟต์แวร์ ทำให้เกิดคำถามใหม่ว่า “ถ้า AI ควบคุมร่างกายเราแทน จะถือว่าโกงหรือไม่?” ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Nick Zetta สร้างแขนกลช่วยเล็งแบบโฮมเมดเพื่อใช้ใน Aimlabs ➡️ ใช้กล้องความเร็วสูง, Nvidia Jetson, มอเตอร์ และเซอร์โวควบคุมแขนและนิ้ว ➡️ ระบบสามารถปรับท่าทางแขนให้เล็งเป้าได้แม่นยำขึ้นแบบเรียลไทม์ ➡️ latency ของระบบลดลงจาก 50ms เหลือเพียง 17ms ➡️ เพิ่มแรงมอเตอร์ให้แข็งแรงขึ้นเพื่อควบคุมแขนแม้มีแรงต้าน ➡️ คะแนนเพิ่มขึ้นจากเดิม 3% ไปจนถึง 63% หลังปรับระบบ ➡️ ขึ้นอันดับ 2 ของโลกใน Aimlabs leaderboard ➡️ ระบบใช้ YOLO model ในการตรวจจับเป้าหมายบนหน้าจอ ➡️ อุปกรณ์ประกอบด้วยชิ้นส่วน 3D-printed และกลไกที่ติดตั้งบนแขนจริง ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Nvidia Jetson เป็นชิปที่นิยมใช้ในงาน AI ฝังตัว เช่น หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ ➡️ YOLO (You Only Look Once) เป็นโมเดล AI ที่ใช้ในการตรวจจับวัตถุแบบเรียลไทม์ ➡️ Aimlabs เป็นแพลตฟอร์มฝึกเล็งที่ใช้โดยนักกีฬาอีสปอร์ตทั่วโลก ➡️ การใช้ exoskeleton ในการควบคุมร่างกายเริ่มถูกนำไปใช้ในงานแพทย์และกายภาพบำบัด ➡️ การผสมผสาน AI กับร่างกายมนุษย์กำลังเป็นแนวทางใหม่ในวงการเทคโนโลยี https://www.tomshardware.com/video-games/pc-gaming/youtubers-homebrew-aim-assist-exoskeleton-grabs-them-second-place-in-global-aimlabs-leader-board-63-percent-aim-boost-from-ai-powered-project
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 272 มุมมอง 0 รีวิว
  • “AMD จดสิทธิบัตร HB-DIMM อีกครั้ง — แต่เทคโนโลยีนี้อาจไม่มา เพราะ MRDIMM แซงหน้าไปแล้ว”

    เมื่อเร็ว ๆ นี้ AMD ได้จดสิทธิบัตรใหม่ในชื่อ “High-bandwidth memory module architecture” ซึ่งหลายคนเข้าใจว่าเป็นการเปิดตัวเทคโนโลยี RAM แบบใหม่ที่ใช้ DDR5 เป็นฐาน โดยเรียกว่า HB-DIMM (High-Bandwidth DIMM) แต่แท้จริงแล้ว สิทธิบัตรนี้เป็นเพียงการต่อยอดจากเอกสารเดิมที่ยื่นไว้ตั้งแต่ปี 2022 และถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยี MRDIMM ไปแล้วตั้งแต่ปี 2023

    HB-DIMM เป็นแนวคิดที่ใช้ “pseudo-channels” หรือช่องสัญญาณจำลองภายในโมดูลเดียว เพื่อเพิ่มอัตราการส่งข้อมูลของ DDR5 ได้ถึงสองเท่า โดยไม่ต้องเปลี่ยนชิป DRAM แต่ต้องเพิ่มชิ้นส่วน เช่น data buffers และ RCD (Register Clock Driver) ซึ่งทำให้ HB-DIMM มีศักยภาพเหนือกว่า RDIMM และ CUDIMM แบบเดิม

    อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีนี้ได้ถูกนำไปพัฒนาเป็นมาตรฐานใหม่ชื่อ MRDIMM (Multiplexed-Rank DIMM) โดย JEDEC ซึ่งรวมแนวคิดของ HB-DIMM และ MCR-DIMM (จาก Intel และ SK hynix) เข้าด้วยกัน เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดมาตรฐานที่ไม่เข้ากันในตลาด

    MRDIMM ได้รับการสนับสนุนจาก Intel และ AMD แล้ว โดย Intel ใช้ในซีพียู Xeon 6 และ AMD เตรียมใช้ใน EPYC ‘Venice’ ที่มีแบนด์วิดท์สูงถึง 1.6 TB/s ต่อซ็อกเก็ต ซึ่งตรงกับความเร็วที่ JEDEC ระบุไว้สำหรับ MRDIMM รุ่นที่สอง

    แม้จะมีประสิทธิภาพสูง แต่ MRDIMM ยังมีราคาสูงมาก โดยแพงกว่ารุ่น DDR5 RDIMM ทั่วไปถึง 28–114% ต่อ GB ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการนำมาใช้ในระบบทั่วไป

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    AMD จดสิทธิบัตร HB-DIMM อีกครั้งในปี 2025 แต่เป็นการต่อยอดจากเอกสารเดิม
    HB-DIMM ใช้ pseudo-channels เพื่อเพิ่มอัตราการส่งข้อมูลของ DDR5
    ต้องใช้ชิ้นส่วนเพิ่ม เช่น data buffers และ RCD เพื่อให้ทำงานได้
    แนวคิด HB-DIMM ถูกนำไปพัฒนาเป็นมาตรฐาน MRDIMM โดย JEDEC
    MRDIMM รวมแนวคิดจาก HB-DIMM และ MCR-DIMM เพื่อหลีกเลี่ยงความไม่เข้ากัน
    Intel ใช้ MRDIMM ใน Xeon 6 และ AMD เตรียมใช้ใน EPYC ‘Venice’
    EPYC ‘Venice’ มีแบนด์วิดท์สูงถึง 1.6 TB/s ต่อซ็อกเก็ต
    MRDIMM รุ่นที่สองมีความเร็วสูงถึง 12,800 Mbps ตามมาตรฐาน JEDEC
    MRDIMM มีราคาสูงกว่ารุ่น DDR5 RDIMM ถึง 28–114% ต่อ GB

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    HB-DIMM ไม่ใช่เทคโนโลยีใหม่ แต่เป็นแนวคิดที่ถูกพัฒนาไปแล้ว
    JEDEC เป็นองค์กรที่กำหนดมาตรฐานหน่วยความจำระดับโลก
    pseudo-channels ช่วยให้สามารถเข้าถึงข้อมูลแบบขนานภายในโมดูลเดียว
    MRDIMM ช่วยลด latency และเพิ่ม throughput ในงานที่ใช้หน่วยความจำหนัก
    AMD และ Intel มีแนวโน้มร่วมมือกันมากขึ้นในด้านมาตรฐานหน่วยความจำ

    https://www.tomshardware.com/pc-components/ram/amds-memory-patent-outlining-a-new-improved-ram-made-from-ddr5-memory-isnt-a-new-development-hb-dimms-already-superseded-probably-wont-come-to-market
    🧠 “AMD จดสิทธิบัตร HB-DIMM อีกครั้ง — แต่เทคโนโลยีนี้อาจไม่มา เพราะ MRDIMM แซงหน้าไปแล้ว” เมื่อเร็ว ๆ นี้ AMD ได้จดสิทธิบัตรใหม่ในชื่อ “High-bandwidth memory module architecture” ซึ่งหลายคนเข้าใจว่าเป็นการเปิดตัวเทคโนโลยี RAM แบบใหม่ที่ใช้ DDR5 เป็นฐาน โดยเรียกว่า HB-DIMM (High-Bandwidth DIMM) แต่แท้จริงแล้ว สิทธิบัตรนี้เป็นเพียงการต่อยอดจากเอกสารเดิมที่ยื่นไว้ตั้งแต่ปี 2022 และถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยี MRDIMM ไปแล้วตั้งแต่ปี 2023 HB-DIMM เป็นแนวคิดที่ใช้ “pseudo-channels” หรือช่องสัญญาณจำลองภายในโมดูลเดียว เพื่อเพิ่มอัตราการส่งข้อมูลของ DDR5 ได้ถึงสองเท่า โดยไม่ต้องเปลี่ยนชิป DRAM แต่ต้องเพิ่มชิ้นส่วน เช่น data buffers และ RCD (Register Clock Driver) ซึ่งทำให้ HB-DIMM มีศักยภาพเหนือกว่า RDIMM และ CUDIMM แบบเดิม อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีนี้ได้ถูกนำไปพัฒนาเป็นมาตรฐานใหม่ชื่อ MRDIMM (Multiplexed-Rank DIMM) โดย JEDEC ซึ่งรวมแนวคิดของ HB-DIMM และ MCR-DIMM (จาก Intel และ SK hynix) เข้าด้วยกัน เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดมาตรฐานที่ไม่เข้ากันในตลาด MRDIMM ได้รับการสนับสนุนจาก Intel และ AMD แล้ว โดย Intel ใช้ในซีพียู Xeon 6 และ AMD เตรียมใช้ใน EPYC ‘Venice’ ที่มีแบนด์วิดท์สูงถึง 1.6 TB/s ต่อซ็อกเก็ต ซึ่งตรงกับความเร็วที่ JEDEC ระบุไว้สำหรับ MRDIMM รุ่นที่สอง แม้จะมีประสิทธิภาพสูง แต่ MRDIMM ยังมีราคาสูงมาก โดยแพงกว่ารุ่น DDR5 RDIMM ทั่วไปถึง 28–114% ต่อ GB ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการนำมาใช้ในระบบทั่วไป ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ AMD จดสิทธิบัตร HB-DIMM อีกครั้งในปี 2025 แต่เป็นการต่อยอดจากเอกสารเดิม ➡️ HB-DIMM ใช้ pseudo-channels เพื่อเพิ่มอัตราการส่งข้อมูลของ DDR5 ➡️ ต้องใช้ชิ้นส่วนเพิ่ม เช่น data buffers และ RCD เพื่อให้ทำงานได้ ➡️ แนวคิด HB-DIMM ถูกนำไปพัฒนาเป็นมาตรฐาน MRDIMM โดย JEDEC ➡️ MRDIMM รวมแนวคิดจาก HB-DIMM และ MCR-DIMM เพื่อหลีกเลี่ยงความไม่เข้ากัน ➡️ Intel ใช้ MRDIMM ใน Xeon 6 และ AMD เตรียมใช้ใน EPYC ‘Venice’ ➡️ EPYC ‘Venice’ มีแบนด์วิดท์สูงถึง 1.6 TB/s ต่อซ็อกเก็ต ➡️ MRDIMM รุ่นที่สองมีความเร็วสูงถึง 12,800 Mbps ตามมาตรฐาน JEDEC ➡️ MRDIMM มีราคาสูงกว่ารุ่น DDR5 RDIMM ถึง 28–114% ต่อ GB ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ HB-DIMM ไม่ใช่เทคโนโลยีใหม่ แต่เป็นแนวคิดที่ถูกพัฒนาไปแล้ว ➡️ JEDEC เป็นองค์กรที่กำหนดมาตรฐานหน่วยความจำระดับโลก ➡️ pseudo-channels ช่วยให้สามารถเข้าถึงข้อมูลแบบขนานภายในโมดูลเดียว ➡️ MRDIMM ช่วยลด latency และเพิ่ม throughput ในงานที่ใช้หน่วยความจำหนัก ➡️ AMD และ Intel มีแนวโน้มร่วมมือกันมากขึ้นในด้านมาตรฐานหน่วยความจำ https://www.tomshardware.com/pc-components/ram/amds-memory-patent-outlining-a-new-improved-ram-made-from-ddr5-memory-isnt-a-new-development-hb-dimms-already-superseded-probably-wont-come-to-market
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 233 มุมมอง 0 รีวิว
  • แม่ทัพภาคที่ 2 นำเหล่าทหารกล้าร้องเพลงชาติไทย ณ ยอดภูมะเขือ ยืนหยัดปกป้องผืนแผ่นดินไทยด้วยชีวิต ไม่ให้สูญเสียแม้เพียงตารางนิ้ว

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000092724

    #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    แม่ทัพภาคที่ 2 นำเหล่าทหารกล้าร้องเพลงชาติไทย ณ ยอดภูมะเขือ ยืนหยัดปกป้องผืนแผ่นดินไทยด้วยชีวิต ไม่ให้สูญเสียแม้เพียงตารางนิ้ว อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000092724 #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    Like
    Love
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 494 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 51 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/Mg6mYM25xeY?si=xzbGvGruOXPO0FH8
    https://youtu.be/Mg6mYM25xeY?si=xzbGvGruOXPO0FH8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 42 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชาวบ้านแห่เข้าศูนย์พักพิงชั่วคราว อำเภอเดชอุดม หลังมีกระแสข่าวการปะทะช่องอานม้า และต่างฝากบอกนายกฯ-แม่ทัพภาค 2 ให้รีบรบกับเขมรให้รู้แพ้ชนะไปเลย จะได้ทำมาหากินปกติ ด้านศูนย์อพยพเตรียมความพร้อมบุคลากรร้องรับ แต่อาหารการกินช่วงแรกต้องช่วยเหลือกันเองไปก่อน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000092732

    #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    ชาวบ้านแห่เข้าศูนย์พักพิงชั่วคราว อำเภอเดชอุดม หลังมีกระแสข่าวการปะทะช่องอานม้า และต่างฝากบอกนายกฯ-แม่ทัพภาค 2 ให้รีบรบกับเขมรให้รู้แพ้ชนะไปเลย จะได้ทำมาหากินปกติ ด้านศูนย์อพยพเตรียมความพร้อมบุคลากรร้องรับ แต่อาหารการกินช่วงแรกต้องช่วยเหลือกันเองไปก่อน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000092732 #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    Like
    Love
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 409 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดูดวง 12 นักษัตร เดือนตุลาคม 2568
    คำทำนาย พื้นดวงชะตา ของคนที่เกิดในแต่ละนักษัตร ทั้ง 12 ราศี ในเดือนตุลาคม 2568 ว่าพื้นดวงชะตาของแต่ละคนมี การเปลี่ยนแปลงทางด้านบวกหรือด้านลบอย่างไร เรื่องใดโดดเด่น และ เรื่องใดต้องระมัดระวังปรับปรุงแก้ไข
    ในเดือน ตุลาคมเป็นเดือน เปี้ยสุกนักษัตร จอ พลังดิน ธาตุไฟ ตามหลักโป้ยหยี่ซีเถียวโหราศาสตร์จีน พลังธาตุของปีมะเส็งเสริมพลังธาตุของเดือนจอทำให้มีพลังส่งเสริมในทางที่ดี
    ส่งผลให้สถานะการณ์ในเดือนนี้เรื่องที่เป็นปัญหาติดขัด ได้รับการแก้ไขให้คลี่คลาย ธุรกิจการค้าขยายตัวช่วย ส่งผลดีต่อธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์ นายหน้า ซื้อมาขายไป การลงทุนตลาดหุ้น การโรงแรม แหล่งท่องเที่ยว
    ในเดือนนี้ คนที่เกิดในนักษัตรที่มีพลังธาตุสอดคล้องกับเดือน จอ จะได้รับผลดีและหากนักษัตรใด มีพื้นดวงขัดแย้ง ก็ต้องระวังผลเสียที่เข้ากระทบ เช่นกัน

    https://youtu.be/sZ8CbhCQCFk

    ดูดวง 12 นักษัตร เดือนตุลาคม 2568

    00:00 บทนำ
    01:21 ดวง ปีชวด (หนู)
    03:02 ดวง ปีฉลู (วัว)
    04:53 ดวง ปีขาล (เสือ)
    06:55 ดวง ปีเถาะ (กระต่าย)
    08:52 ดวง ปีมะโรง (งูใหญ่)
    10:46 ดวง ปีมะเส็ง (งูเล็ก)
    12:42 ดวง ปีมะเมีย (ม้า)
    15:15 ดวง ปีมะแม (แพะ)
    17:21 ดวง ปีวอก (ลิง)
    19:26 ดวง ปีระกา (ไก่)
    21:49 ดวง ปีจอ (หมา)
    24:00 ดวง ปีกุน (หมู)
    คำทำนายนี้มีผล ตั้งแต่วันที่ วันที่ 8 ตุลาคมถึงวันที่ 6 พฤศจิกายน 2568

    ดูดวง 12 นักษัตร เดือนตุลาคม 2568 คำทำนาย พื้นดวงชะตา ของคนที่เกิดในแต่ละนักษัตร ทั้ง 12 ราศี ในเดือนตุลาคม 2568 ว่าพื้นดวงชะตาของแต่ละคนมี การเปลี่ยนแปลงทางด้านบวกหรือด้านลบอย่างไร เรื่องใดโดดเด่น และ เรื่องใดต้องระมัดระวังปรับปรุงแก้ไข ในเดือน ตุลาคมเป็นเดือน เปี้ยสุกนักษัตร จอ พลังดิน ธาตุไฟ ตามหลักโป้ยหยี่ซีเถียวโหราศาสตร์จีน พลังธาตุของปีมะเส็งเสริมพลังธาตุของเดือนจอทำให้มีพลังส่งเสริมในทางที่ดี ส่งผลให้สถานะการณ์ในเดือนนี้เรื่องที่เป็นปัญหาติดขัด ได้รับการแก้ไขให้คลี่คลาย ธุรกิจการค้าขยายตัวช่วย ส่งผลดีต่อธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์ นายหน้า ซื้อมาขายไป การลงทุนตลาดหุ้น การโรงแรม แหล่งท่องเที่ยว ในเดือนนี้ คนที่เกิดในนักษัตรที่มีพลังธาตุสอดคล้องกับเดือน จอ จะได้รับผลดีและหากนักษัตรใด มีพื้นดวงขัดแย้ง ก็ต้องระวังผลเสียที่เข้ากระทบ เช่นกัน https://youtu.be/sZ8CbhCQCFk ดูดวง 12 นักษัตร เดือนตุลาคม 2568 00:00 บทนำ 01:21 ดวง ปีชวด (หนู) 03:02 ดวง ปีฉลู (วัว) 04:53 ดวง ปีขาล (เสือ) 06:55 ดวง ปีเถาะ (กระต่าย) 08:52 ดวง ปีมะโรง (งูใหญ่) 10:46 ดวง ปีมะเส็ง (งูเล็ก) 12:42 ดวง ปีมะเมีย (ม้า) 15:15 ดวง ปีมะแม (แพะ) 17:21 ดวง ปีวอก (ลิง) 19:26 ดวง ปีระกา (ไก่) 21:49 ดวง ปีจอ (หมา) 24:00 ดวง ปีกุน (หมู) คำทำนายนี้มีผล ตั้งแต่วันที่ วันที่ 8 ตุลาคมถึงวันที่ 6 พฤศจิกายน 2568
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 459 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดูดวง 12 นักษัตร เดือนตุลาคม 2568
    คำทำนาย พื้นดวงชะตา ของคนที่เกิดในแต่ละนักษัตร ทั้ง 12 ราศี ในเดือนตุลาคม 2568 ว่าพื้นดวงชะตาของแต่ละคนมี การเปลี่ยนแปลงทางด้านบวกหรือด้านลบอย่างไร เรื่องใดโดดเด่น และ เรื่องใดต้องระมัดระวังปรับปรุงแก้ไข
    ในเดือน ตุลาคมเป็นเดือน เปี้ยสุกนักษัตร จอ พลังดิน ธาตุไฟ ตามหลักโป้ยหยี่ซีเถียวโหราศาสตร์จีน พลังธาตุของปีมะเส็งเสริมพลังธาตุของเดือนจอทำให้มีพลังส่งเสริมในทางที่ดี
    ส่งผลให้สถานะการณ์ในเดือนนี้เรื่องที่เป็นปัญหาติดขัด ได้รับการแก้ไขให้คลี่คลาย ธุรกิจการค้าขยายตัวช่วย ส่งผลดีต่อธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์ นายหน้า ซื้อมาขายไป การลงทุนตลาดหุ้น การโรงแรม แหล่งท่องเที่ยว
    ในเดือนนี้ คนที่เกิดในนักษัตรที่มีพลังธาตุสอดคล้องกับเดือน จอ จะได้รับผลดีและหากนักษัตรใด มีพื้นดวงขัดแย้ง ก็ต้องระวังผลเสียที่เข้ากระทบ เช่นกัน

    https://youtu.be/sZ8CbhCQCFk

    ดูดวง 12 นักษัตร เดือนตุลาคม 2568

    00:00 บทนำ
    01:21 ดวง ปีชวด (หนู)
    03:02 ดวง ปีฉลู (วัว)
    04:53 ดวง ปีขาล (เสือ)
    06:55 ดวง ปีเถาะ (กระต่าย)
    08:52 ดวง ปีมะโรง (งูใหญ่)
    10:46 ดวง ปีมะเส็ง (งูเล็ก)
    12:42 ดวง ปีมะเมีย (ม้า)
    15:15 ดวง ปีมะแม (แพะ)
    17:21 ดวง ปีวอก (ลิง)
    19:26 ดวง ปีระกา (ไก่)
    21:49 ดวง ปีจอ (หมา)
    24:00 ดวง ปีกุน (หมู)
    คำทำนายนี้มีผล ตั้งแต่วันที่ วันที่ 8 ตุลาคมถึงวันที่ 6 พฤศจิกายน 2568

    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 53 มุมมอง 0 รีวิว