• “ตาลีบันสั่งตัดไฟเบอร์อินเทอร์เน็ตทั่วอัฟกานิสถาน — อ้าง ‘ป้องกันความผิดศีลธรรม’ แต่ผลกระทบกระจายถึงการศึกษา ธุรกิจ และสิทธิสตรี”

    ตั้งแต่กลางเดือนกันยายน 2025 รัฐบาลตาลีบันในอัฟกานิสถานเริ่มดำเนินการตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไฟเบอร์ออปติกในหลายจังหวัด โดยอ้างเหตุผลว่าเพื่อ “ป้องกันความผิดศีลธรรม” ซึ่งรวมถึงการเข้าถึงเนื้อหาลามก การพูดคุยระหว่างชายหญิง และการใช้งานสื่อที่ไม่เหมาะสม

    คำสั่งนี้มาจากผู้นำสูงสุดของตาลีบัน Hibatullah Akhundzada และเริ่มมีผลในจังหวัด Balkh ก่อนจะขยายไปยังอีกอย่างน้อย 10 จังหวัด เช่น Kunduz, Badakhshan, Baghlan, Takhar และ Nangarhar โดยมีแนวโน้มว่าจะบังคับใช้ทั่วประเทศในไม่ช้า

    แม้เครือข่ายมือถือยังคงใช้งานได้ แต่ก็มีข้อจำกัดด้านความเร็วและค่าใช้จ่ายสูง ทำให้ประชาชนจำนวนมาก โดยเฉพาะธุรกิจ ธนาคาร และหน่วยงานราชการประสบปัญหาในการดำเนินงานอย่างรุนแรง

    ผลกระทบที่น่าห่วงที่สุดคือด้านการศึกษา โดยเฉพาะสำหรับผู้หญิงและเด็กผู้หญิงที่ถูกห้ามเข้าเรียนในโรงเรียนและมหาวิทยาลัยตั้งแต่ปี 2021 การเรียนออนไลน์จึงเป็นทางเลือกสุดท้ายที่พวกเธอพึ่งพาได้ และการตัดอินเทอร์เน็ตครั้งนี้อาจทำลายโอกาสนั้นอย่างสิ้นเชิง

    องค์กรสื่อและสิทธิมนุษยชน เช่น NetBlocks และ CPJ ต่างออกมาเตือนว่าการตัดอินเทอร์เน็ตไฟเบอร์คือการปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงออก และเป็นการเพิ่มระดับการเซ็นเซอร์อย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประเทศนี้

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    ตาลีบันเริ่มตัดอินเทอร์เน็ตไฟเบอร์ในหลายจังหวัดของอัฟกานิสถานตั้งแต่กลางกันยายน 2025
    เหตุผลที่ให้คือ “ป้องกันความผิดศีลธรรม” เช่น การเข้าถึงเนื้อหาลามกและการพูดคุยระหว่างชายหญิง
    จังหวัดที่ได้รับผลกระทบแล้ว ได้แก่ Balkh, Kunduz, Badakhshan, Baghlan, Takhar, Nangarhar และอื่น ๆ
    เครือข่ายมือถือยังใช้งานได้ แต่ช้าและมีค่าใช้จ่ายสูง

    ผลกระทบต่อสังคมและเศรษฐกิจ
    ธุรกิจ ธนาคาร และหน่วยงานราชการไม่สามารถดำเนินงานได้ตามปกติ
    การเรียนออนไลน์ของเด็กผู้หญิงถูกตัดขาด ซึ่งเป็นทางเลือกเดียวหลังถูกห้ามเข้าเรียน
    สื่อมวลชนไม่สามารถรายงานข่าวได้อย่างอิสระ และเสี่ยงต่อการถูกจับกุม
    การตัดอินเทอร์เน็ตส่งผลต่อการเชื่อมต่อระหว่างประเทศและการพัฒนาเศรษฐกิจ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    อัฟกานิสถานมีเครือข่ายไฟเบอร์กว่า 1,800 กิโลเมตร และเคยอนุมัติเพิ่มอีก 488 กิโลเมตร
    การตัดอินเทอร์เน็ตไฟเบอร์คล้ายกับระบบอินเทอร์เน็ตภายในประเทศแบบปิด เช่นในเกาหลีเหนือ
    ผู้หญิงในอัฟกานิสถานใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อเรียนรู้ เชื่อมต่อ และหลบหนีจากการกดขี่
    การตัดอินเทอร์เน็ตอาจเป็นการป้องกันการประท้วงและการเผยแพร่ข้อมูลที่ตาลีบันไม่ต้องการให้ประชาชนเห็น

    https://www.tomshardware.com/service-providers/network-providers/the-taliban-begins-implementing-fiber-optic-internet-ban-to-prevent-immorality-in-afghanistan-swathes-of-the-country-plunged-into-cyberspace-darkness
    🌐 “ตาลีบันสั่งตัดไฟเบอร์อินเทอร์เน็ตทั่วอัฟกานิสถาน — อ้าง ‘ป้องกันความผิดศีลธรรม’ แต่ผลกระทบกระจายถึงการศึกษา ธุรกิจ และสิทธิสตรี” ตั้งแต่กลางเดือนกันยายน 2025 รัฐบาลตาลีบันในอัฟกานิสถานเริ่มดำเนินการตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไฟเบอร์ออปติกในหลายจังหวัด โดยอ้างเหตุผลว่าเพื่อ “ป้องกันความผิดศีลธรรม” ซึ่งรวมถึงการเข้าถึงเนื้อหาลามก การพูดคุยระหว่างชายหญิง และการใช้งานสื่อที่ไม่เหมาะสม คำสั่งนี้มาจากผู้นำสูงสุดของตาลีบัน Hibatullah Akhundzada และเริ่มมีผลในจังหวัด Balkh ก่อนจะขยายไปยังอีกอย่างน้อย 10 จังหวัด เช่น Kunduz, Badakhshan, Baghlan, Takhar และ Nangarhar โดยมีแนวโน้มว่าจะบังคับใช้ทั่วประเทศในไม่ช้า แม้เครือข่ายมือถือยังคงใช้งานได้ แต่ก็มีข้อจำกัดด้านความเร็วและค่าใช้จ่ายสูง ทำให้ประชาชนจำนวนมาก โดยเฉพาะธุรกิจ ธนาคาร และหน่วยงานราชการประสบปัญหาในการดำเนินงานอย่างรุนแรง ผลกระทบที่น่าห่วงที่สุดคือด้านการศึกษา โดยเฉพาะสำหรับผู้หญิงและเด็กผู้หญิงที่ถูกห้ามเข้าเรียนในโรงเรียนและมหาวิทยาลัยตั้งแต่ปี 2021 การเรียนออนไลน์จึงเป็นทางเลือกสุดท้ายที่พวกเธอพึ่งพาได้ และการตัดอินเทอร์เน็ตครั้งนี้อาจทำลายโอกาสนั้นอย่างสิ้นเชิง องค์กรสื่อและสิทธิมนุษยชน เช่น NetBlocks และ CPJ ต่างออกมาเตือนว่าการตัดอินเทอร์เน็ตไฟเบอร์คือการปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงออก และเป็นการเพิ่มระดับการเซ็นเซอร์อย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประเทศนี้ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ตาลีบันเริ่มตัดอินเทอร์เน็ตไฟเบอร์ในหลายจังหวัดของอัฟกานิสถานตั้งแต่กลางกันยายน 2025 ➡️ เหตุผลที่ให้คือ “ป้องกันความผิดศีลธรรม” เช่น การเข้าถึงเนื้อหาลามกและการพูดคุยระหว่างชายหญิง ➡️ จังหวัดที่ได้รับผลกระทบแล้ว ได้แก่ Balkh, Kunduz, Badakhshan, Baghlan, Takhar, Nangarhar และอื่น ๆ ➡️ เครือข่ายมือถือยังใช้งานได้ แต่ช้าและมีค่าใช้จ่ายสูง ✅ ผลกระทบต่อสังคมและเศรษฐกิจ ➡️ ธุรกิจ ธนาคาร และหน่วยงานราชการไม่สามารถดำเนินงานได้ตามปกติ ➡️ การเรียนออนไลน์ของเด็กผู้หญิงถูกตัดขาด ซึ่งเป็นทางเลือกเดียวหลังถูกห้ามเข้าเรียน ➡️ สื่อมวลชนไม่สามารถรายงานข่าวได้อย่างอิสระ และเสี่ยงต่อการถูกจับกุม ➡️ การตัดอินเทอร์เน็ตส่งผลต่อการเชื่อมต่อระหว่างประเทศและการพัฒนาเศรษฐกิจ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ อัฟกานิสถานมีเครือข่ายไฟเบอร์กว่า 1,800 กิโลเมตร และเคยอนุมัติเพิ่มอีก 488 กิโลเมตร ➡️ การตัดอินเทอร์เน็ตไฟเบอร์คล้ายกับระบบอินเทอร์เน็ตภายในประเทศแบบปิด เช่นในเกาหลีเหนือ ➡️ ผู้หญิงในอัฟกานิสถานใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อเรียนรู้ เชื่อมต่อ และหลบหนีจากการกดขี่ ➡️ การตัดอินเทอร์เน็ตอาจเป็นการป้องกันการประท้วงและการเผยแพร่ข้อมูลที่ตาลีบันไม่ต้องการให้ประชาชนเห็น https://www.tomshardware.com/service-providers/network-providers/the-taliban-begins-implementing-fiber-optic-internet-ban-to-prevent-immorality-in-afghanistan-swathes-of-the-country-plunged-into-cyberspace-darkness
    0 Comments 0 Shares 295 Views 0 Reviews
  • “MediaTek Dimensity 9500 เปิดตัวแล้ว — ชิปมือถือที่แรงที่สุดของค่าย พร้อม AI แบบ on-device และประหยัดพลังงานกว่าเดิม”

    MediaTek ประกาศเปิดตัวชิปเรือธงรุ่นใหม่ Dimensity 9500 ซึ่งจะถูกนำไปใช้ในสมาร์ตโฟนระดับไฮเอนด์ช่วงปลายปี 2025 โดยชูจุดเด่นด้านประสิทธิภาพสูงสุด การประมวลผล AI แบบ on-device และการจัดการพลังงานที่เหนือกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่างชัดเจน

    Dimensity 9500 ใช้สถาปัตยกรรม CPU แบบ All Big Core รุ่นที่ 3 ประกอบด้วย ultra core ความเร็ว 4.21GHz, premium core 3 ตัว และ performance core อีก 4 ตัว พร้อมระบบจัดเก็บข้อมูลแบบ UFS 4.1 แบบ 4 ช่อง ซึ่งช่วยเพิ่มความเร็วในการอ่าน/เขียนข้อมูลขึ้นถึง 2 เท่า และลดการใช้พลังงานสูงสุดถึง 55% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน

    ด้านกราฟิก ชิปนี้มาพร้อม GPU Arm G1-Ultra ที่ให้ประสิทธิภาพสูงขึ้น 33% และประหยัดพลังงานขึ้น 42% รองรับการเล่นเกมระดับคอนโซลด้วย frame interpolation สูงสุด 120 FPS และ ray tracing แบบเรียลไทม์ พร้อมรองรับฟีเจอร์ MegaLights และ Nanite จาก Unreal Engine 5.6 และ 5.5

    ในส่วนของ AI Dimensity 9500 ใช้ NPU รุ่นที่ 9 พร้อม Generative AI Engine 2.0 ที่สามารถประมวลผลโมเดลขนาดใหญ่ได้เร็วขึ้น 100% และลดการใช้พลังงานลงถึง 56% รองรับการสร้างภาพ 4K แบบ ultra-HD และข้อความยาวถึง 128K token ได้แบบ on-device โดยไม่ต้องพึ่งคลาวด์

    ด้านกล้องและภาพ Dimensity 9500 รองรับการถ่ายภาพ RAW สูงสุด 200MP พร้อมระบบโฟกัสต่อเนื่อง 30 FPS และวิดีโอ 4K 60 FPS แบบ cinematic portrait นอกจากนี้ยังมี MiraVision Adaptive Display ที่ปรับแสง สี และความคมชัดตามสภาพแวดล้อมแบบเรียลไทม์

    การเชื่อมต่อก็ไม่แพ้ใคร ด้วยระบบ multi-network intelligence ที่ช่วยลด latency ได้ถึง 50% และเพิ่มความแม่นยำในการระบุตำแหน่ง 20% พร้อมระบบ AI ที่ช่วยเลือกเครือข่ายที่ดีที่สุดในแต่ละสถานการณ์

    จุดเด่นของ MediaTek Dimensity 9500
    ใช้ CPU แบบ All Big Core รุ่นที่ 3 พร้อม ultra core 4.21GHz
    เพิ่มประสิทธิภาพ single-core 32% และ multi-core 17% จากรุ่นก่อน
    ลดการใช้พลังงานสูงสุด 55% เมื่อทำงานเต็มที่
    รองรับ UFS 4.1 แบบ 4 ช่อง เพิ่มความเร็วอ่าน/เขียนข้อมูล 2 เท่า

    ด้านกราฟิกและการเล่นเกม
    GPU Arm G1-Ultra ให้ประสิทธิภาพสูงขึ้น 33% และประหยัดพลังงานขึ้น 42%
    รองรับ frame interpolation สูงสุด 120 FPS และ ray tracing แบบเรียลไทม์
    รองรับ MegaLights และ Nanite จาก Unreal Engine 5.6 และ 5.5

    ด้าน AI และการประมวลผลโมเดล
    ใช้ NPU 990 รุ่นที่ 9 พร้อม Generative AI Engine 2.0
    รองรับ BitNet 1.58-bit สำหรับโมเดลขนาดใหญ่
    ประมวลผล LLM ขนาด 3 พันล้านพารามิเตอร์ได้เร็วขึ้น 100%
    รองรับข้อความยาว 128K token และภาพ 4K ultra-HD แบบ on-device

    ด้านกล้องและการแสดงผล
    รองรับการถ่ายภาพ RAW สูงสุด 200MP และวิดีโอ 4K 60 FPS แบบ portrait
    MiraVision Adaptive Display ปรับแสง สี และความคมชัดตามสภาพแวดล้อม
    ป้องกันการร้อนเกินเมื่อใช้งานกลางแจ้ง และถนอมสายตาในที่มืด

    ด้านการเชื่อมต่อและพลังงาน
    AI-powered communication ลดการใช้พลังงาน 10% ใน 5G และ 20% ใน Wi-Fi
    5CC carrier aggregation เพิ่มแบนด์วิดธ์ 15%
    AI network selection เพิ่มความแม่นยำ 20% และลด latency 50%

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ผลิตด้วยเทคโนโลยี 3 นาโนเมตร และคาดว่าจะใช้ในมือถือเรือธงปลายปี 2025
    เปรียบเทียบกับ Snapdragon 8 Gen 4 และ Apple A18 Pro ได้อย่างสูสีในหลายด้าน
    รองรับการใช้งาน AI แบบต่อเนื่องโดยไม่ต้องพึ่งคลาวด์ ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัว

    https://www.techpowerup.com/341208/mediatek-dimensity-9500-unleashes-best-in-class-performance-ai-experiences-and-power-efficiency-for-the-next-generation-of-mobile-devices
    ⚡ “MediaTek Dimensity 9500 เปิดตัวแล้ว — ชิปมือถือที่แรงที่สุดของค่าย พร้อม AI แบบ on-device และประหยัดพลังงานกว่าเดิม” MediaTek ประกาศเปิดตัวชิปเรือธงรุ่นใหม่ Dimensity 9500 ซึ่งจะถูกนำไปใช้ในสมาร์ตโฟนระดับไฮเอนด์ช่วงปลายปี 2025 โดยชูจุดเด่นด้านประสิทธิภาพสูงสุด การประมวลผล AI แบบ on-device และการจัดการพลังงานที่เหนือกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่างชัดเจน Dimensity 9500 ใช้สถาปัตยกรรม CPU แบบ All Big Core รุ่นที่ 3 ประกอบด้วย ultra core ความเร็ว 4.21GHz, premium core 3 ตัว และ performance core อีก 4 ตัว พร้อมระบบจัดเก็บข้อมูลแบบ UFS 4.1 แบบ 4 ช่อง ซึ่งช่วยเพิ่มความเร็วในการอ่าน/เขียนข้อมูลขึ้นถึง 2 เท่า และลดการใช้พลังงานสูงสุดถึง 55% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน ด้านกราฟิก ชิปนี้มาพร้อม GPU Arm G1-Ultra ที่ให้ประสิทธิภาพสูงขึ้น 33% และประหยัดพลังงานขึ้น 42% รองรับการเล่นเกมระดับคอนโซลด้วย frame interpolation สูงสุด 120 FPS และ ray tracing แบบเรียลไทม์ พร้อมรองรับฟีเจอร์ MegaLights และ Nanite จาก Unreal Engine 5.6 และ 5.5 ในส่วนของ AI Dimensity 9500 ใช้ NPU รุ่นที่ 9 พร้อม Generative AI Engine 2.0 ที่สามารถประมวลผลโมเดลขนาดใหญ่ได้เร็วขึ้น 100% และลดการใช้พลังงานลงถึง 56% รองรับการสร้างภาพ 4K แบบ ultra-HD และข้อความยาวถึง 128K token ได้แบบ on-device โดยไม่ต้องพึ่งคลาวด์ ด้านกล้องและภาพ Dimensity 9500 รองรับการถ่ายภาพ RAW สูงสุด 200MP พร้อมระบบโฟกัสต่อเนื่อง 30 FPS และวิดีโอ 4K 60 FPS แบบ cinematic portrait นอกจากนี้ยังมี MiraVision Adaptive Display ที่ปรับแสง สี และความคมชัดตามสภาพแวดล้อมแบบเรียลไทม์ การเชื่อมต่อก็ไม่แพ้ใคร ด้วยระบบ multi-network intelligence ที่ช่วยลด latency ได้ถึง 50% และเพิ่มความแม่นยำในการระบุตำแหน่ง 20% พร้อมระบบ AI ที่ช่วยเลือกเครือข่ายที่ดีที่สุดในแต่ละสถานการณ์ ✅ จุดเด่นของ MediaTek Dimensity 9500 ➡️ ใช้ CPU แบบ All Big Core รุ่นที่ 3 พร้อม ultra core 4.21GHz ➡️ เพิ่มประสิทธิภาพ single-core 32% และ multi-core 17% จากรุ่นก่อน ➡️ ลดการใช้พลังงานสูงสุด 55% เมื่อทำงานเต็มที่ ➡️ รองรับ UFS 4.1 แบบ 4 ช่อง เพิ่มความเร็วอ่าน/เขียนข้อมูล 2 เท่า ✅ ด้านกราฟิกและการเล่นเกม ➡️ GPU Arm G1-Ultra ให้ประสิทธิภาพสูงขึ้น 33% และประหยัดพลังงานขึ้น 42% ➡️ รองรับ frame interpolation สูงสุด 120 FPS และ ray tracing แบบเรียลไทม์ ➡️ รองรับ MegaLights และ Nanite จาก Unreal Engine 5.6 และ 5.5 ✅ ด้าน AI และการประมวลผลโมเดล ➡️ ใช้ NPU 990 รุ่นที่ 9 พร้อม Generative AI Engine 2.0 ➡️ รองรับ BitNet 1.58-bit สำหรับโมเดลขนาดใหญ่ ➡️ ประมวลผล LLM ขนาด 3 พันล้านพารามิเตอร์ได้เร็วขึ้น 100% ➡️ รองรับข้อความยาว 128K token และภาพ 4K ultra-HD แบบ on-device ✅ ด้านกล้องและการแสดงผล ➡️ รองรับการถ่ายภาพ RAW สูงสุด 200MP และวิดีโอ 4K 60 FPS แบบ portrait ➡️ MiraVision Adaptive Display ปรับแสง สี และความคมชัดตามสภาพแวดล้อม ➡️ ป้องกันการร้อนเกินเมื่อใช้งานกลางแจ้ง และถนอมสายตาในที่มืด ✅ ด้านการเชื่อมต่อและพลังงาน ➡️ AI-powered communication ลดการใช้พลังงาน 10% ใน 5G และ 20% ใน Wi-Fi ➡️ 5CC carrier aggregation เพิ่มแบนด์วิดธ์ 15% ➡️ AI network selection เพิ่มความแม่นยำ 20% และลด latency 50% ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ผลิตด้วยเทคโนโลยี 3 นาโนเมตร และคาดว่าจะใช้ในมือถือเรือธงปลายปี 2025 ➡️ เปรียบเทียบกับ Snapdragon 8 Gen 4 และ Apple A18 Pro ได้อย่างสูสีในหลายด้าน ➡️ รองรับการใช้งาน AI แบบต่อเนื่องโดยไม่ต้องพึ่งคลาวด์ ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัว https://www.techpowerup.com/341208/mediatek-dimensity-9500-unleashes-best-in-class-performance-ai-experiences-and-power-efficiency-for-the-next-generation-of-mobile-devices
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    MediaTek Dimensity 9500 Unleashes Best-in-Class Performance, AI Experiences, and Power Efficiency for the Next Generation of Mobile Devices
    MediaTek, the world's leading innovator of smartphone SoCs, today announced the launch of its most advanced mobile platform yet: The MediaTek Dimensity 9500. Setting new standards in on-device AI, console-class gaming, and power efficiency, the MediaTek Dimensity 9500 is engineered to super-charge t...
    0 Comments 0 Shares 249 Views 0 Reviews
  • “Biwin เปิดตัว Amber CB500 การ์ด CFexpress Type B ตัวแรกของโลกที่ผ่านมาตรฐาน VPG800 — เขียน 8K RAW ได้ลื่นไหลไม่สะดุด”

    Biwin ผู้ผลิตหน่วยความจำระดับมืออาชีพจากจีน ประกาศเปิดตัวการ์ด CFexpress 4.0 Type B รุ่นใหม่ในชื่อ Amber CB500 ซึ่งกลายเป็นการ์ดตัวแรกของโลกที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน VPG800 จาก CompactFlash Association โดยสามารถเขียนข้อมูลต่อเนื่องได้ที่ความเร็ว 800 MB/s อย่างมั่นคง เหมาะสำหรับงานวิดีโอระดับมืออาชีพที่ต้องการความเสถียรสูงสุด

    Amber CB500 ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการถ่ายวิดีโอ 4K, 6K, 8K และแม้แต่ 12K RAW ด้วยความเร็วอ่านสูงสุด 3750 MB/s และเขียนสูงสุด 3500 MB/s เมื่อใช้งานร่วมกับเครื่องอ่าน Biwin Amber RB510 จะสามารถถ่ายโอนข้อมูลได้เร็วถึง 40 Gb/s ช่วยลดเวลาในขั้นตอน post-production ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    การ์ดรุ่นนี้ยังมาพร้อมโครงสร้างอลูมิเนียมอัลลอยด์และเจลนำความร้อน เพื่อป้องกันความร้อนสะสมระหว่างการใช้งานต่อเนื่อง พร้อมระบบป้องกันระดับสูง เช่น ทนความร้อน -12°C ถึง +72°C, กันกระแทก, กันรอย, กันแม่เหล็ก และกันรังสี X-ray

    นอกจากนี้ Amber CB500 ยังรองรับการใช้งานกับกล้องระดับโปรหลากหลายแบรนด์ เช่น Canon, Nikon, RED, Blackmagic, DJI, Hasselblad และ Panasonic ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้สร้างคอนเทนต์ที่ต้องการความเร็ว ความเสถียร และความทนทานในทุกสถานการณ์

    จุดเด่นของ Biwin Amber CB500
    เป็นการ์ด CFexpress Type B ตัวแรกที่ได้รับการรับรอง VPG800
    รองรับการเขียนต่อเนื่องที่ 800 MB/s สำหรับงานวิดีโอระดับมืออาชีพ
    ความเร็วอ่านสูงสุด 3750 MB/s และเขียนสูงสุด 3500 MB/s
    รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K, 6K, 8K และ 12K RAW แบบไม่สะดุด

    การออกแบบเพื่อความทนทานและประสิทธิภาพ
    โครงสร้างอลูมิเนียมอัลลอยด์และเจลนำความร้อนช่วยระบายความร้อน
    ทนต่ออุณหภูมิ -12°C ถึง +72°C และป้องกันแรงกระแทก
    กันรอยขีดข่วน, กันแม่เหล็ก, กันรังสี X-ray และทนต่อการใช้งานหนัก
    รองรับการใช้งานกับกล้องระดับโปรหลายแบรนด์

    การใช้งานในสายงานมืออาชีพ
    เหมาะสำหรับงานถ่ายวิดีโอแบบ multi-camera, live broadcast และ virtual production
    ลดเวลาในการถ่ายโอนข้อมูลและเร่งขั้นตอน post-production
    มีความจุให้เลือกตั้งแต่ 128 GB ถึง 1 TB
    รองรับการใช้งานกับเครื่องอ่าน Biwin Amber RB510 ที่ให้ความเร็วสูงถึง 40 Gb/s

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    VPG800 เป็นมาตรฐานใหม่ใน Video Performance Guarantee Profile 5.0
    การ์ด CFexpress 4.0 Type B ใช้ PCIe Gen 4×2 เพื่อเพิ่มแบนด์วิดธ์
    Biwin เป็นหนึ่งในผู้ผลิตหน่วยความจำที่มีประสบการณ์ยาวนานในอุตสาหกรรม
    การ์ดนี้ผ่านการทดสอบในสภาพแวดล้อมจริงโดย Biwin Labs

    https://www.techpowerup.com/341218/biwin-introduces-amber-cb500-cfexpress-type-b-card
    📸 “Biwin เปิดตัว Amber CB500 การ์ด CFexpress Type B ตัวแรกของโลกที่ผ่านมาตรฐาน VPG800 — เขียน 8K RAW ได้ลื่นไหลไม่สะดุด” Biwin ผู้ผลิตหน่วยความจำระดับมืออาชีพจากจีน ประกาศเปิดตัวการ์ด CFexpress 4.0 Type B รุ่นใหม่ในชื่อ Amber CB500 ซึ่งกลายเป็นการ์ดตัวแรกของโลกที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน VPG800 จาก CompactFlash Association โดยสามารถเขียนข้อมูลต่อเนื่องได้ที่ความเร็ว 800 MB/s อย่างมั่นคง เหมาะสำหรับงานวิดีโอระดับมืออาชีพที่ต้องการความเสถียรสูงสุด Amber CB500 ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการถ่ายวิดีโอ 4K, 6K, 8K และแม้แต่ 12K RAW ด้วยความเร็วอ่านสูงสุด 3750 MB/s และเขียนสูงสุด 3500 MB/s เมื่อใช้งานร่วมกับเครื่องอ่าน Biwin Amber RB510 จะสามารถถ่ายโอนข้อมูลได้เร็วถึง 40 Gb/s ช่วยลดเวลาในขั้นตอน post-production ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การ์ดรุ่นนี้ยังมาพร้อมโครงสร้างอลูมิเนียมอัลลอยด์และเจลนำความร้อน เพื่อป้องกันความร้อนสะสมระหว่างการใช้งานต่อเนื่อง พร้อมระบบป้องกันระดับสูง เช่น ทนความร้อน -12°C ถึง +72°C, กันกระแทก, กันรอย, กันแม่เหล็ก และกันรังสี X-ray นอกจากนี้ Amber CB500 ยังรองรับการใช้งานกับกล้องระดับโปรหลากหลายแบรนด์ เช่น Canon, Nikon, RED, Blackmagic, DJI, Hasselblad และ Panasonic ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้สร้างคอนเทนต์ที่ต้องการความเร็ว ความเสถียร และความทนทานในทุกสถานการณ์ ✅ จุดเด่นของ Biwin Amber CB500 ➡️ เป็นการ์ด CFexpress Type B ตัวแรกที่ได้รับการรับรอง VPG800 ➡️ รองรับการเขียนต่อเนื่องที่ 800 MB/s สำหรับงานวิดีโอระดับมืออาชีพ ➡️ ความเร็วอ่านสูงสุด 3750 MB/s และเขียนสูงสุด 3500 MB/s ➡️ รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K, 6K, 8K และ 12K RAW แบบไม่สะดุด ✅ การออกแบบเพื่อความทนทานและประสิทธิภาพ ➡️ โครงสร้างอลูมิเนียมอัลลอยด์และเจลนำความร้อนช่วยระบายความร้อน ➡️ ทนต่ออุณหภูมิ -12°C ถึง +72°C และป้องกันแรงกระแทก ➡️ กันรอยขีดข่วน, กันแม่เหล็ก, กันรังสี X-ray และทนต่อการใช้งานหนัก ➡️ รองรับการใช้งานกับกล้องระดับโปรหลายแบรนด์ ✅ การใช้งานในสายงานมืออาชีพ ➡️ เหมาะสำหรับงานถ่ายวิดีโอแบบ multi-camera, live broadcast และ virtual production ➡️ ลดเวลาในการถ่ายโอนข้อมูลและเร่งขั้นตอน post-production ➡️ มีความจุให้เลือกตั้งแต่ 128 GB ถึง 1 TB ➡️ รองรับการใช้งานกับเครื่องอ่าน Biwin Amber RB510 ที่ให้ความเร็วสูงถึง 40 Gb/s ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ VPG800 เป็นมาตรฐานใหม่ใน Video Performance Guarantee Profile 5.0 ➡️ การ์ด CFexpress 4.0 Type B ใช้ PCIe Gen 4×2 เพื่อเพิ่มแบนด์วิดธ์ ➡️ Biwin เป็นหนึ่งในผู้ผลิตหน่วยความจำที่มีประสบการณ์ยาวนานในอุตสาหกรรม ➡️ การ์ดนี้ผ่านการทดสอบในสภาพแวดล้อมจริงโดย Biwin Labs https://www.techpowerup.com/341218/biwin-introduces-amber-cb500-cfexpress-type-b-card
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Biwin Introduces Amber CB500 CFexpress Type B Card
    Biwin announces that its Amber CB500 CFexpress Type B card has become the world's first CFexpress Type B card to receive VPG800 certification from the CompactFlash Association. With sustained write speeds of 800 MB/s guaranteed, the CB500 empowers filmmakers, cinematographers, and content creators t...
    0 Comments 0 Shares 177 Views 0 Reviews
  • ทดลองบดโครงไก่ รู 8 มม. บดได้ทั้งโครง!
    เร็ว แรง ใช้งานง่าย — เครื่องบดอาหาร #32 แบบตั้งพื้น

    ตัวเครื่องสแตนเลสคุณภาพสูง แข็งแรง ทนทาน ใช้งานได้นาน
    ใช้ได้หลากหลาย: บดหมู บดเนื้อ บดพริก บดกระเทียม บดโครงไก่ บดพริกแกง ฯลฯ
    เปลี่ยนหน้าแว่น/รังผึ้ง ปรับระดับความละเอียดได้ตามต้องการ
    ปลอดภัย ได้มาตรฐาน พร้อม รับประกัน 1 ปีเต็ม

    สเปกสินค้า
    มอเตอร์ 3 แรงม้า
    กำลังไฟฟ้า 220 โวลต์
    ผลิตได้ 200–300 กก./ชม.
    ระบบเดินหน้า–ถอยหลัง

    แวะชมสินค้าที่ร้าน ย่งฮะเฮง ได้เลย
    จ.–ศ. 8.00–17.00 น. | ส. 8.00–16.00 น.
    แผนที่: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7

    ☎ สอบถาม / สั่งซื้อ
    m.me/yonghahheng
    LINE: @yonghahheng

    02-215-3515-9 | 081-318-9098
    www.yoryonghahheng.com

    sales@yoryonghahheng.com
    | yonghahheng@gmail.com

    #เลือกคุณภาพ #เลือกBONNY
    เครื่องบด–ย่อย–หั่น–สับ–สไลซ์–คั้น–อัด–เลื่อย สำหรับอุตสาหกรรมอาหาร

    #เครื่องบดโครงไก่ #เครื่องบดอาหารสัตว์ #เครื่องบดโรงงาน #เครื่องบดฟาร์ม #เครื่องบดโครงไก่ฟาร์มไก่ #บดอาหารสัตว์ #บดวัตถุดิบอาหารสัตว์ #บดโครงไก่ทำอาหารสัตว์ #เครื่องบดโครงกระดูก #เครื่องบดกระดูกสัตว์ #เครื่องจักรฟาร์ม #เครื่องจักรอาหารสัตว์ #เครื่องบดกำลังการผลิตสูง #เครื่องบดอุตสาหกรรมอาหาร #โรงงานผลิตอาหารสัตว์ #โรงงานแปรรูปอาหาร #ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ #เครื่องจักรฟาร์มไก่ #เครื่องบดเนื้อไก่ #บดอาหารโรงงาน #บดอาหารฟาร์ม #เครื่องบดทนทาน #เครื่องบดโครงใหญ่ #เครื่องบดกระดูกใหญ่ #บดไก่ทั้งโครง #บดอาหารสัตว์เลี้ยง #บดอาหารปลา #บดอาหารหมาแมว
    🔥 ทดลองบดโครงไก่ รู 8 มม. บดได้ทั้งโครง! เร็ว แรง ใช้งานง่าย — เครื่องบดอาหาร #32 แบบตั้งพื้น ✨ ตัวเครื่องสแตนเลสคุณภาพสูง แข็งแรง ทนทาน ใช้งานได้นาน ✨ ใช้ได้หลากหลาย: บดหมู บดเนื้อ บดพริก บดกระเทียม บดโครงไก่ บดพริกแกง ฯลฯ ✨ เปลี่ยนหน้าแว่น/รังผึ้ง ปรับระดับความละเอียดได้ตามต้องการ ✨ ปลอดภัย ได้มาตรฐาน พร้อม รับประกัน 1 ปีเต็ม 📌 สเปกสินค้า มอเตอร์ 3 แรงม้า กำลังไฟฟ้า 220 โวลต์ ผลิตได้ 200–300 กก./ชม. ระบบเดินหน้า–ถอยหลัง 📍 แวะชมสินค้าที่ร้าน ย่งฮะเฮง ได้เลย 🕗 จ.–ศ. 8.00–17.00 น. | ส. 8.00–16.00 น. 📍 แผนที่: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7 ☎ สอบถาม / สั่งซื้อ 👉 m.me/yonghahheng 👉 LINE: @yonghahheng 📞 02-215-3515-9 | 081-318-9098 🌐 www.yoryonghahheng.com 📧 sales@yoryonghahheng.com | yonghahheng@gmail.com ✅ #เลือกคุณภาพ #เลือกBONNY ✅ เครื่องบด–ย่อย–หั่น–สับ–สไลซ์–คั้น–อัด–เลื่อย สำหรับอุตสาหกรรมอาหาร #เครื่องบดโครงไก่ #เครื่องบดอาหารสัตว์ #เครื่องบดโรงงาน #เครื่องบดฟาร์ม #เครื่องบดโครงไก่ฟาร์มไก่ #บดอาหารสัตว์ #บดวัตถุดิบอาหารสัตว์ #บดโครงไก่ทำอาหารสัตว์ #เครื่องบดโครงกระดูก #เครื่องบดกระดูกสัตว์ #เครื่องจักรฟาร์ม #เครื่องจักรอาหารสัตว์ #เครื่องบดกำลังการผลิตสูง #เครื่องบดอุตสาหกรรมอาหาร #โรงงานผลิตอาหารสัตว์ #โรงงานแปรรูปอาหาร #ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ #เครื่องจักรฟาร์มไก่ #เครื่องบดเนื้อไก่ #บดอาหารโรงงาน #บดอาหารฟาร์ม #เครื่องบดทนทาน #เครื่องบดโครงใหญ่ #เครื่องบดกระดูกใหญ่ #บดไก่ทั้งโครง #บดอาหารสัตว์เลี้ยง #บดอาหารปลา #บดอาหารหมาแมว
    0 Comments 0 Shares 713 Views 0 Reviews
  • “Ubiquiti เปิดตัว UniFi UNAS 2 และ UNAS 4 — NAS Desktop รุ่นใหม่ที่เชื่อมต่อผ่าน PoE พร้อม RAID และ NVMe สำหรับสายเน็ตเวิร์กมืออาชีพ”

    Ubiquiti ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบเครือข่าย เปิดตัว NAS desktop รุ่นใหม่ในซีรีส์ UniFi UNAS ได้แก่ UNAS 2 และ UNAS 4 โดยออกแบบมาเพื่อใช้งานในบ้านหรือสำนักงานขนาดเล็กที่ต้องการระบบจัดเก็บข้อมูลที่เชื่อถือได้ พร้อมการจัดการผ่านระบบ UniFi ที่หลายคนคุ้นเคย

    UNAS 4 เป็นรุ่นใหญ่ มาพร้อมช่องใส่ฮาร์ดดิสก์ 4 ช่อง รองรับทั้งขนาด 2.5 นิ้วและ 3.5 นิ้ว และยังมีช่อง M.2 NVMe SSD อีก 2 ช่องสำหรับใช้เป็น cache หรือจัดเก็บข้อมูลความเร็วสูง ใช้ชิป Arm Cortex-A55 แบบ quad-core ความเร็ว 1.7 GHz พร้อม RAM 4 GB และรองรับการตั้งค่า RAID รวมถึง hot-spare และ hot-swap ได้ทันทีโดยไม่ต้องปิดเครื่อง

    UNAS 2 เป็นรุ่นเล็กกว่า มีช่องใส่ฮาร์ดดิสก์ 3.5 นิ้ว 2 ช่อง ไม่มี NVMe และไม่รองรับ hot-swap แต่ใช้สเปกเดียวกันกับรุ่นใหญ่ในด้าน CPU, RAM และระบบเครือข่าย โดยทั้งสองรุ่นรองรับการจ่ายไฟผ่าน PoE (Power over Ethernet) — UNAS 2 ใช้ PoE++ ที่จ่ายไฟได้ 60W ส่วน UNAS 4 ใช้ PoE+++ ที่จ่ายไฟได้สูงสุด 90W

    ทั้งสองรุ่นมีหน้าจอสีขนาด 1.47 นิ้วสำหรับแสดงสถานะการทำงาน รองรับ Bluetooth 4.1 และใช้วัสดุโพลีคาร์บอเนตในการผลิต ตัวเครื่องสามารถจัดการผ่านระบบ UniFi Drive โดยไม่ต้องเสียค่าลิขสิทธิ์เพิ่มเติม และเชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายผ่าน Ethernet ได้ทันที

    ราคาของ UNAS 2 เริ่มต้นที่ $199 ส่วน UNAS 4 อยู่ที่ $379 โดยจะเริ่มวางจำหน่ายในไตรมาสที่ 4 ปี 2025

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Ubiquiti เปิดตัว NAS desktop รุ่นใหม่ ได้แก่ UNAS 2 และ UNAS 4
    UNAS 4 รองรับฮาร์ดดิสก์ 2.5/3.5 นิ้ว 4 ช่อง และ M.2 NVMe SSD 2 ช่อง
    UNAS 2 รองรับฮาร์ดดิสก์ 3.5 นิ้ว 2 ช่อง ไม่มี NVMe และไม่รองรับ hot-swap
    ทั้งสองรุ่นใช้ชิป Arm Cortex-A55 quad-core 1.7 GHz และ RAM 4 GB
    รองรับการจ่ายไฟผ่าน PoE — UNAS 2 ใช้ PoE++ และ UNAS 4 ใช้ PoE+++
    มีหน้าจอสี 1.47 นิ้ว, Bluetooth 4.1 และวัสดุโพลีคาร์บอเนต
    จัดการผ่าน UniFi Drive โดยไม่ต้องเสียค่าลิขสิทธิ์
    ราคาเริ่มต้นที่ $199 สำหรับ UNAS 2 และ $379 สำหรับ UNAS 4
    เริ่มวางจำหน่ายในไตรมาสที่ 4 ปี 2025

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    UniFi Drive เป็นระบบจัดการ NAS ที่เชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายของ Ubiquiti ได้โดยตรง
    PoE+++ สามารถจ่ายไฟได้สูงถึง 90W เหมาะกับอุปกรณ์ที่ใช้พลังงานสูง
    NAS แบบ desktop เหมาะกับการใช้งานในบ้านหรือสำนักงานขนาดเล็ก
    NVMe SSD ช่วยเพิ่มความเร็วในการเข้าถึงข้อมูลและลดเวลาในการ backup

    คำเตือนและข้อจำกัด
    UNAS 2 ไม่รองรับ hot-swap และไม่มีช่อง NVMe SSD
    การใช้งาน PoE+++ ต้องใช้สวิตช์ที่รองรับการจ่ายไฟระดับสูง
    ไม่มีการรองรับ disk encryption ในรุ่น UNAS 2
    ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับระบบไฟล์หรือเวอร์ชันของ Linux kernel ที่ใช้งาน
    ฟีเจอร์บางอย่าง เช่น Plex Server หรือ 10GbE ยังไม่รองรับในรุ่นนี้

    https://www.techpowerup.com/341223/ubiquiti-launches-unifi-unas-dual-and-quad-bay-desktop-nas-series
    🗄️ “Ubiquiti เปิดตัว UniFi UNAS 2 และ UNAS 4 — NAS Desktop รุ่นใหม่ที่เชื่อมต่อผ่าน PoE พร้อม RAID และ NVMe สำหรับสายเน็ตเวิร์กมืออาชีพ” Ubiquiti ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบเครือข่าย เปิดตัว NAS desktop รุ่นใหม่ในซีรีส์ UniFi UNAS ได้แก่ UNAS 2 และ UNAS 4 โดยออกแบบมาเพื่อใช้งานในบ้านหรือสำนักงานขนาดเล็กที่ต้องการระบบจัดเก็บข้อมูลที่เชื่อถือได้ พร้อมการจัดการผ่านระบบ UniFi ที่หลายคนคุ้นเคย UNAS 4 เป็นรุ่นใหญ่ มาพร้อมช่องใส่ฮาร์ดดิสก์ 4 ช่อง รองรับทั้งขนาด 2.5 นิ้วและ 3.5 นิ้ว และยังมีช่อง M.2 NVMe SSD อีก 2 ช่องสำหรับใช้เป็น cache หรือจัดเก็บข้อมูลความเร็วสูง ใช้ชิป Arm Cortex-A55 แบบ quad-core ความเร็ว 1.7 GHz พร้อม RAM 4 GB และรองรับการตั้งค่า RAID รวมถึง hot-spare และ hot-swap ได้ทันทีโดยไม่ต้องปิดเครื่อง UNAS 2 เป็นรุ่นเล็กกว่า มีช่องใส่ฮาร์ดดิสก์ 3.5 นิ้ว 2 ช่อง ไม่มี NVMe และไม่รองรับ hot-swap แต่ใช้สเปกเดียวกันกับรุ่นใหญ่ในด้าน CPU, RAM และระบบเครือข่าย โดยทั้งสองรุ่นรองรับการจ่ายไฟผ่าน PoE (Power over Ethernet) — UNAS 2 ใช้ PoE++ ที่จ่ายไฟได้ 60W ส่วน UNAS 4 ใช้ PoE+++ ที่จ่ายไฟได้สูงสุด 90W ทั้งสองรุ่นมีหน้าจอสีขนาด 1.47 นิ้วสำหรับแสดงสถานะการทำงาน รองรับ Bluetooth 4.1 และใช้วัสดุโพลีคาร์บอเนตในการผลิต ตัวเครื่องสามารถจัดการผ่านระบบ UniFi Drive โดยไม่ต้องเสียค่าลิขสิทธิ์เพิ่มเติม และเชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายผ่าน Ethernet ได้ทันที ราคาของ UNAS 2 เริ่มต้นที่ $199 ส่วน UNAS 4 อยู่ที่ $379 โดยจะเริ่มวางจำหน่ายในไตรมาสที่ 4 ปี 2025 ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Ubiquiti เปิดตัว NAS desktop รุ่นใหม่ ได้แก่ UNAS 2 และ UNAS 4 ➡️ UNAS 4 รองรับฮาร์ดดิสก์ 2.5/3.5 นิ้ว 4 ช่อง และ M.2 NVMe SSD 2 ช่อง ➡️ UNAS 2 รองรับฮาร์ดดิสก์ 3.5 นิ้ว 2 ช่อง ไม่มี NVMe และไม่รองรับ hot-swap ➡️ ทั้งสองรุ่นใช้ชิป Arm Cortex-A55 quad-core 1.7 GHz และ RAM 4 GB ➡️ รองรับการจ่ายไฟผ่าน PoE — UNAS 2 ใช้ PoE++ และ UNAS 4 ใช้ PoE+++ ➡️ มีหน้าจอสี 1.47 นิ้ว, Bluetooth 4.1 และวัสดุโพลีคาร์บอเนต ➡️ จัดการผ่าน UniFi Drive โดยไม่ต้องเสียค่าลิขสิทธิ์ ➡️ ราคาเริ่มต้นที่ $199 สำหรับ UNAS 2 และ $379 สำหรับ UNAS 4 ➡️ เริ่มวางจำหน่ายในไตรมาสที่ 4 ปี 2025 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ UniFi Drive เป็นระบบจัดการ NAS ที่เชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายของ Ubiquiti ได้โดยตรง ➡️ PoE+++ สามารถจ่ายไฟได้สูงถึง 90W เหมาะกับอุปกรณ์ที่ใช้พลังงานสูง ➡️ NAS แบบ desktop เหมาะกับการใช้งานในบ้านหรือสำนักงานขนาดเล็ก ➡️ NVMe SSD ช่วยเพิ่มความเร็วในการเข้าถึงข้อมูลและลดเวลาในการ backup ‼️ คำเตือนและข้อจำกัด ⛔ UNAS 2 ไม่รองรับ hot-swap และไม่มีช่อง NVMe SSD ⛔ การใช้งาน PoE+++ ต้องใช้สวิตช์ที่รองรับการจ่ายไฟระดับสูง ⛔ ไม่มีการรองรับ disk encryption ในรุ่น UNAS 2 ⛔ ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับระบบไฟล์หรือเวอร์ชันของ Linux kernel ที่ใช้งาน ⛔ ฟีเจอร์บางอย่าง เช่น Plex Server หรือ 10GbE ยังไม่รองรับในรุ่นนี้ https://www.techpowerup.com/341223/ubiquiti-launches-unifi-unas-dual-and-quad-bay-desktop-nas-series
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Ubiquiti Launches UniFi UNAS Dual and Quad Bay Desktop NAS Series
    Ubiquiti has unveiled its UniFi UNAS desktop NAS series that includes the UNAS 2 (two-bay) and UNAS 4 (four-bay) models each targeting different storage and performance needs. The UNAS 4 with its four bays, stands as the top model in the series featuring a quad-core Arm Cortex-A55 processor operatin...
    0 Comments 0 Shares 166 Views 0 Reviews
  • “Zen Browser 1.16b อัปเดตใหม่ เพิ่ม Command Bar และฟีเจอร์ Productivity — เบราว์เซอร์สายมินิมอลที่ไม่หยุดพัฒนา”

    Zen Browser ซึ่งเป็นเบราว์เซอร์ที่พัฒนาต่อยอดจาก Firefox และได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ใช้ที่ต้องการความเรียบง่ายและเน้นการทำงาน ได้ปล่อยอัปเดตเวอร์ชัน 1.16b โดยมีการเปลี่ยนฐานจาก Firefox 142 เป็น Firefox 143 พร้อมเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ที่เน้นการควบคุมผ่านคีย์บอร์ดและการจัดการแท็บอย่างมีประสิทธิภาพ

    ฟีเจอร์เด่นของเวอร์ชันนี้คือ “Command Bar” ซึ่งคล้ายกับ Command Palette ที่ผู้ใช้สามารถพิมพ์คำสั่งลงในช่อง URL เพื่อเรียกใช้งานฟีเจอร์ต่าง ๆ เช่น เปิดแท็บใหม่, สลับโหมด Compact, เปิดส่วนขยาย, แบ่งหน้าจอแบบ Split View หรือปักหมุดแท็บ โดยไม่ต้องใช้เมาส์เลย

    Split View ก็ได้รับการปรับปรุงเช่นกัน โดยเพิ่มคีย์ลัดใหม่ (cmd+alt+=) สำหรับแบ่งหน้าจอ พร้อมปรับปรุง UI ให้ใช้งานง่ายขึ้น และเพิ่มความลื่นไหลในการลากวางแท็บเพื่อสร้างมุมมองแบบหลายหน้าต่าง

    นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงด้านประสิทธิภาพและการแสดงผล เช่น การเปลี่ยนโหมด Compact แบบนุ่มนวลเมื่อสลับพื้นที่, การปรับปรุงการเลื่อนในหน้าต่าง Glance ให้ลื่นขึ้น และการออกแบบช่อง URL ใหม่ให้แสดงผลได้ชัดเจนและใช้งานง่ายขึ้น

    Zen Browser ยังคงรักษาคำมั่นในการเป็นเบราว์เซอร์ที่เน้น productivity และ UI ที่ปรับแต่งได้ โดยเปิดรับการมีส่วนร่วมจากผู้ใช้ในการพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง

    ฟีเจอร์ใหม่ใน Zen Browser 1.16b
    เพิ่ม Command Bar สำหรับพิมพ์คำสั่งตรงในช่อง URL เช่น toggle compact mode, เปิดแท็บ, เปิด extension
    รองรับการเปิดส่วนขยายด้วยการพิมพ์ชื่อในช่อง URL โดยตรง
    เพิ่มคีย์ลัดใหม่ (cmd+alt+=) สำหรับสร้าง Split View
    ปรับปรุง UI ของ Split View ให้ใช้งานง่ายขึ้นและลากวางแท็บได้ลื่นขึ้น
    ปรับปรุงการเปลี่ยนโหมด Compact ให้เปลี่ยนแบบนุ่มนวลเมื่อสลับพื้นที่
    ปรับปรุงการเลื่อนในหน้าต่าง Glance ให้ลื่นและเร็วขึ้น
    ออกแบบช่อง URL ใหม่ให้ใช้งานง่ายและแสดงผลได้ชัดเจน
    ปรับปรุงคีย์ลัดบน macOS ให้ใช้สัญลักษณ์ระบบแบบ native
    ปรับปรุงการลากเพื่อแบ่งหน้าจอให้ลื่นขึ้นและแม่นยำ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Split View รองรับการแบ่งหน้าจอได้สูงสุด 4 แท็บพร้อมกัน
    ผู้ใช้สามารถปรับ layout ของ Split View เป็นแนวนอน แนวตั้ง หรือแบบ grid ได้
    Zen Browser ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ใช้ Linux และผู้ที่เลิกใช้เบราว์เซอร์แบบ Chromium
    Command Bar ช่วยให้ผู้ใช้ที่เน้นคีย์บอร์ดสามารถทำงานได้เร็วขึ้นโดยไม่ต้องใช้เมาส์
    Zen Browser เปิดให้ผู้ใช้เสนอฟีเจอร์ใหม่ผ่าน GitHub และ Reddit

    https://www.techpowerup.com/341237/zen-browser-1-16b-adds-command-bar-and-updates-to-firefox-143
    🧭 “Zen Browser 1.16b อัปเดตใหม่ เพิ่ม Command Bar และฟีเจอร์ Productivity — เบราว์เซอร์สายมินิมอลที่ไม่หยุดพัฒนา” Zen Browser ซึ่งเป็นเบราว์เซอร์ที่พัฒนาต่อยอดจาก Firefox และได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ใช้ที่ต้องการความเรียบง่ายและเน้นการทำงาน ได้ปล่อยอัปเดตเวอร์ชัน 1.16b โดยมีการเปลี่ยนฐานจาก Firefox 142 เป็น Firefox 143 พร้อมเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ที่เน้นการควบคุมผ่านคีย์บอร์ดและการจัดการแท็บอย่างมีประสิทธิภาพ ฟีเจอร์เด่นของเวอร์ชันนี้คือ “Command Bar” ซึ่งคล้ายกับ Command Palette ที่ผู้ใช้สามารถพิมพ์คำสั่งลงในช่อง URL เพื่อเรียกใช้งานฟีเจอร์ต่าง ๆ เช่น เปิดแท็บใหม่, สลับโหมด Compact, เปิดส่วนขยาย, แบ่งหน้าจอแบบ Split View หรือปักหมุดแท็บ โดยไม่ต้องใช้เมาส์เลย Split View ก็ได้รับการปรับปรุงเช่นกัน โดยเพิ่มคีย์ลัดใหม่ (cmd+alt+=) สำหรับแบ่งหน้าจอ พร้อมปรับปรุง UI ให้ใช้งานง่ายขึ้น และเพิ่มความลื่นไหลในการลากวางแท็บเพื่อสร้างมุมมองแบบหลายหน้าต่าง นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงด้านประสิทธิภาพและการแสดงผล เช่น การเปลี่ยนโหมด Compact แบบนุ่มนวลเมื่อสลับพื้นที่, การปรับปรุงการเลื่อนในหน้าต่าง Glance ให้ลื่นขึ้น และการออกแบบช่อง URL ใหม่ให้แสดงผลได้ชัดเจนและใช้งานง่ายขึ้น Zen Browser ยังคงรักษาคำมั่นในการเป็นเบราว์เซอร์ที่เน้น productivity และ UI ที่ปรับแต่งได้ โดยเปิดรับการมีส่วนร่วมจากผู้ใช้ในการพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง ✅ ฟีเจอร์ใหม่ใน Zen Browser 1.16b ➡️ เพิ่ม Command Bar สำหรับพิมพ์คำสั่งตรงในช่อง URL เช่น toggle compact mode, เปิดแท็บ, เปิด extension ➡️ รองรับการเปิดส่วนขยายด้วยการพิมพ์ชื่อในช่อง URL โดยตรง ➡️ เพิ่มคีย์ลัดใหม่ (cmd+alt+=) สำหรับสร้าง Split View ➡️ ปรับปรุง UI ของ Split View ให้ใช้งานง่ายขึ้นและลากวางแท็บได้ลื่นขึ้น ➡️ ปรับปรุงการเปลี่ยนโหมด Compact ให้เปลี่ยนแบบนุ่มนวลเมื่อสลับพื้นที่ ➡️ ปรับปรุงการเลื่อนในหน้าต่าง Glance ให้ลื่นและเร็วขึ้น ➡️ ออกแบบช่อง URL ใหม่ให้ใช้งานง่ายและแสดงผลได้ชัดเจน ➡️ ปรับปรุงคีย์ลัดบน macOS ให้ใช้สัญลักษณ์ระบบแบบ native ➡️ ปรับปรุงการลากเพื่อแบ่งหน้าจอให้ลื่นขึ้นและแม่นยำ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Split View รองรับการแบ่งหน้าจอได้สูงสุด 4 แท็บพร้อมกัน ➡️ ผู้ใช้สามารถปรับ layout ของ Split View เป็นแนวนอน แนวตั้ง หรือแบบ grid ได้ ➡️ Zen Browser ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ใช้ Linux และผู้ที่เลิกใช้เบราว์เซอร์แบบ Chromium ➡️ Command Bar ช่วยให้ผู้ใช้ที่เน้นคีย์บอร์ดสามารถทำงานได้เร็วขึ้นโดยไม่ต้องใช้เมาส์ ➡️ Zen Browser เปิดให้ผู้ใช้เสนอฟีเจอร์ใหม่ผ่าน GitHub และ Reddit https://www.techpowerup.com/341237/zen-browser-1-16b-adds-command-bar-and-updates-to-firefox-143
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Zen Browser 1.16b Adds Command Bar and Updates to Firefox 143
    Zen browser, the Firefox-based desktop web browser often recommended to those fleeing the abandoned Arc browser, has received its latest update, which adds an interesting text-based control feature and a number of smaller updates and security fixes. The latest version of Zen Browser (version 1.16b) ...
    0 Comments 0 Shares 179 Views 0 Reviews
  • “Montblanc Digital Paper — สมุดโน้ตดิจิทัลสุดหรูราคาเกือบพันเหรียญ ที่ผสานความคลาสสิกกับเทคโนโลยีอย่างมีสไตล์”

    Montblanc แบรนด์เครื่องเขียนหรูจากเยอรมนีที่ขึ้นชื่อเรื่องปากกาหมึกซึมระดับตำนาน ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในโลกดิจิทัลอย่างเป็นทางการ — “Montblanc Digital Paper” สมุดโน้ตอิเล็กทรอนิกส์ที่ออกแบบมาเพื่อผู้ใช้ที่หลงใหลในความสง่างามของการเขียนด้วยมือ แต่ต้องการความสะดวกของเทคโนโลยีสมัยใหม่

    ตัวเครื่องใช้หน้าจอ E Ink ขนาดประมาณ 10.3 นิ้ว (แม้ยังไม่มีการยืนยันขนาดอย่างเป็นทางการ) พร้อมปากกาดิจิทัลที่มีแรงกดถึง 4,000 ระดับ เพื่อให้สัมผัสการเขียนใกล้เคียงกับปากกาจริงที่สุด ตัวเครื่องมีหน่วยความจำ 64GB และแบตเตอรี่ขนาด 3740 mAh รองรับ Wi-Fi และ Bluetooth 5.4 (สำหรับเชื่อมต่อปากกา) พร้อมพอร์ต USB-C สำหรับการถ่ายโอนข้อมูล

    Montblanc ยังออกแบบซอฟต์แวร์ให้สามารถค้นหาข้อความจากลายมือ, จัดโครงสร้างความคิดด้วยเทมเพลตดิจิทัล และแชร์ไฟล์ผ่านแอป companion บน iOS และ Android ได้ทันที โดยไม่ต้องพึ่งคลาวด์ของบุคคลที่สาม

    ตัวเครื่องผลิตจากอลูมิเนียมและหนังแท้ พร้อมสีให้เลือก 3 แบบ ได้แก่ Cool Grey, Mystery Black และ Elixir Gold ส่วนเคส Folio ที่ขายแยกมีให้เลือก 4 สี ราคา $205 และปากกาสำรองราคา $275 โดยมีหัวปากกาให้เลือกหลายแบบ เช่น linen, matte และ smooth เพื่อจำลองสัมผัสการเขียนที่แตกต่างกัน

    แม้ราคาจะสูงถึง $905 แต่สำหรับผู้ที่หลงใหลในแบรนด์ Montblanc และต้องการประสบการณ์การเขียนที่เหนือระดับ นี่อาจเป็นสมุดโน้ตดิจิทัลที่ตอบโจทย์ที่สุดในตลาดตอนนี้

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Montblanc เปิดตัว Digital Paper สมุดโน้ตดิจิทัลระดับพรีเมียม
    ราคาอยู่ที่ $905 / £750 / AU$1,490 พร้อมปากกาและหัวสำรอง
    หน่วยความจำ 64GB, แบตเตอรี่ 3740 mAh, รองรับ Wi-Fi และ Bluetooth 5.4
    ใช้หน้าจอ E Ink ขาวดำ ขนาดประมาณ 10.3 นิ้ว
    ปากกามีแรงกด 4,000 ระดับ พร้อมปุ่มควบคุมฟีเจอร์
    รองรับการค้นหาข้อความจากลายมือ และแชร์ไฟล์ผ่านแอป companion
    ตัวเครื่องผลิตจากอลูมิเนียมและหนังแท้ มีให้เลือก 3 สี
    เคส Folio ราคา $205 และปากกาสำรองราคา $275 พร้อมหัวปากกาแบบต่าง ๆ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ซอฟต์แวร์ทำงานบน Android แต่ไม่รองรับการติดตั้งแอปหรือ Google Play
    การออกแบบเน้นประสบการณ์การเขียนที่ใกล้เคียงกับปากกาจริง
    Montblanc เป็นแบรนด์ที่มีประวัติยาวนานกว่า 100 ปีในวงการเครื่องเขียน
    คู่แข่งในตลาด เช่น Kindle Scribe และ Kobo Elipsa มีราคาถูกกว่าครึ่ง แต่สเปกใกล้เคียงกัน
    ตลาด e-notebook กำลังเติบโตในกลุ่มผู้ใช้ที่ต้องการลดการใช้กระดาษแต่ยังรักการเขียนด้วยมือ

    https://www.techradar.com/tablets/ereaders/montblanc-just-released-an-e-notebook-and-yes-its-staggeringly-expensive
    🖋️ “Montblanc Digital Paper — สมุดโน้ตดิจิทัลสุดหรูราคาเกือบพันเหรียญ ที่ผสานความคลาสสิกกับเทคโนโลยีอย่างมีสไตล์” Montblanc แบรนด์เครื่องเขียนหรูจากเยอรมนีที่ขึ้นชื่อเรื่องปากกาหมึกซึมระดับตำนาน ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในโลกดิจิทัลอย่างเป็นทางการ — “Montblanc Digital Paper” สมุดโน้ตอิเล็กทรอนิกส์ที่ออกแบบมาเพื่อผู้ใช้ที่หลงใหลในความสง่างามของการเขียนด้วยมือ แต่ต้องการความสะดวกของเทคโนโลยีสมัยใหม่ ตัวเครื่องใช้หน้าจอ E Ink ขนาดประมาณ 10.3 นิ้ว (แม้ยังไม่มีการยืนยันขนาดอย่างเป็นทางการ) พร้อมปากกาดิจิทัลที่มีแรงกดถึง 4,000 ระดับ เพื่อให้สัมผัสการเขียนใกล้เคียงกับปากกาจริงที่สุด ตัวเครื่องมีหน่วยความจำ 64GB และแบตเตอรี่ขนาด 3740 mAh รองรับ Wi-Fi และ Bluetooth 5.4 (สำหรับเชื่อมต่อปากกา) พร้อมพอร์ต USB-C สำหรับการถ่ายโอนข้อมูล Montblanc ยังออกแบบซอฟต์แวร์ให้สามารถค้นหาข้อความจากลายมือ, จัดโครงสร้างความคิดด้วยเทมเพลตดิจิทัล และแชร์ไฟล์ผ่านแอป companion บน iOS และ Android ได้ทันที โดยไม่ต้องพึ่งคลาวด์ของบุคคลที่สาม ตัวเครื่องผลิตจากอลูมิเนียมและหนังแท้ พร้อมสีให้เลือก 3 แบบ ได้แก่ Cool Grey, Mystery Black และ Elixir Gold ส่วนเคส Folio ที่ขายแยกมีให้เลือก 4 สี ราคา $205 และปากกาสำรองราคา $275 โดยมีหัวปากกาให้เลือกหลายแบบ เช่น linen, matte และ smooth เพื่อจำลองสัมผัสการเขียนที่แตกต่างกัน แม้ราคาจะสูงถึง $905 แต่สำหรับผู้ที่หลงใหลในแบรนด์ Montblanc และต้องการประสบการณ์การเขียนที่เหนือระดับ นี่อาจเป็นสมุดโน้ตดิจิทัลที่ตอบโจทย์ที่สุดในตลาดตอนนี้ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Montblanc เปิดตัว Digital Paper สมุดโน้ตดิจิทัลระดับพรีเมียม ➡️ ราคาอยู่ที่ $905 / £750 / AU$1,490 พร้อมปากกาและหัวสำรอง ➡️ หน่วยความจำ 64GB, แบตเตอรี่ 3740 mAh, รองรับ Wi-Fi และ Bluetooth 5.4 ➡️ ใช้หน้าจอ E Ink ขาวดำ ขนาดประมาณ 10.3 นิ้ว ➡️ ปากกามีแรงกด 4,000 ระดับ พร้อมปุ่มควบคุมฟีเจอร์ ➡️ รองรับการค้นหาข้อความจากลายมือ และแชร์ไฟล์ผ่านแอป companion ➡️ ตัวเครื่องผลิตจากอลูมิเนียมและหนังแท้ มีให้เลือก 3 สี ➡️ เคส Folio ราคา $205 และปากกาสำรองราคา $275 พร้อมหัวปากกาแบบต่าง ๆ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ซอฟต์แวร์ทำงานบน Android แต่ไม่รองรับการติดตั้งแอปหรือ Google Play ➡️ การออกแบบเน้นประสบการณ์การเขียนที่ใกล้เคียงกับปากกาจริง ➡️ Montblanc เป็นแบรนด์ที่มีประวัติยาวนานกว่า 100 ปีในวงการเครื่องเขียน ➡️ คู่แข่งในตลาด เช่น Kindle Scribe และ Kobo Elipsa มีราคาถูกกว่าครึ่ง แต่สเปกใกล้เคียงกัน ➡️ ตลาด e-notebook กำลังเติบโตในกลุ่มผู้ใช้ที่ต้องการลดการใช้กระดาษแต่ยังรักการเขียนด้วยมือ https://www.techradar.com/tablets/ereaders/montblanc-just-released-an-e-notebook-and-yes-its-staggeringly-expensive
    0 Comments 0 Shares 191 Views 0 Reviews
  • #ฮุนเซนฮุนมาเนตคืออาชญากรสงครามชาติใดก็สามารถฟ้องดำเนินคดีมันได้จึงสมควรที่สุด.

    ..ศาลอาญาระหว่างประเทศ

    ศาลซึ่งจัดตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2545 เพื่อดำเนินคดีบุคคลในข้อหาอาชญากรรมร้ายแรงที่สุดภายใต้ธรรมนูญกรุงโรม มีประเทศสมาชิก 125 ประเทศที่ให้สัตยาบันสนธิสัญญาดังกล่าว ณ เดือนเมษายน พ.ศ. 2568

    ศาลอาญาระหว่างประเทศ (อังกฤษ: International Criminal Court; ย่อ: ICC) เป็นศาลระหว่างประเทศซึ่งมีที่ทำการอยู่ในกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ มีเขตอำนาจดำเนินคดีผู้กระทำความผิดอาญาระหว่างประเทศ 4 ฐาน คือ การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ อาชญากรรมสงคราม และอาชญากรรมอันเป็นการรุกราน ก่อตั้งขึ้นโดยประสงค์จะให้เป็นส่วนเสริมของระบบยุติธรรมที่แต่ละประเทศมีอยู่ จึงมีเขตอำนาจเมื่อเป็นไปตามเงื่อนไขเท่านั้น เช่น เมื่อศาลระดับประเทศไม่สามารถหรือไม่ประสงค์จะดำเนินคดีแล้ว หรือเมื่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติหรือรัฐหนึ่ง ๆ เสนอคดีมาให้พิจารณา ศาลนี้เริ่มปฏิบัติงานในวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 2002 อันเป็นวันที่ธรรมนูญกรุงโรมเริ่มใช้บังคับ ธรรมนูญดังกล่าวเป็นสนธิสัญญาพหุภาคีซึ่งวางรากฐานและกำหนดการบริหารจัดการของศาล รัฐที่เข้าเป็นภาคีแห่งธรรมนูญจะนับเป็นรัฐสมาชิกของศาล ปัจจุบันมีรัฐภาคี 125 รัฐ

    องค์กรหลักของศาลมี 4 องค์กร คือ คณะประธาน แผนกตุลาการ สำนักงานอัยการ และสำนักงานทะเบียน ประธานศาลเป็นตุลาการที่ได้รับเลือกมาจากตุลาการคนอื่นในแผนกตุลาการ สำนักงานอัยการมีอัยการเป็นหัวหน้า ทำหน้าที่สืบสวนคดีและส่งฟ้องต่อแผนกตุลาการ ส่วนสำนักงานทะเบียนมีนายทะเบียนเป็นหัวหน้า รับผิดชอบงานธุรการทั้งปวงของศาล ซึ่งรวมถึงการบริหารสำนักงานใหญ่ของศาล หน่วยขัง และสำนักงานทนายจำเลย


    ประเทศที่เป็นสมาชิกของ ICC

    ณ เดือนเมษายน พ.ศ. 2568 มีประเทศต่างๆ 137 ประเทศลงนามในธรรมนูญกรุงโรม ซึ่งแสดงถึงเจตนาที่จะเข้าร่วม ในขณะที่ 125 ประเทศได้ให้สัตยาบันอย่างเป็นทางการ และกลายเป็นรัฐสมาชิกเต็มตัวของ ICC

    ประเทศต่างๆ ที่ได้ลงนามหรือให้สัตยาบันธรรมนูญกรุงโรมแสดงอยู่ในแผนที่ด้านล่าง


    ปี1999
    ฟิจิ กานา อิตาลี ซานมารีโน เซเนกัล ตรินิแดดและโตเบโก

    2000
    ออสเตรีย เบลเยียม บอตสวานา แคนาดา ฝรั่งเศส กาบอง เยอรมนี ไอซ์แลนด์ เลโซโท ลักเซมเบิร์ก มาลี หมู่เกาะมาร์แชลล์ นิวซีแลนด์ นอร์เวย์ เซียร์ราลีโอน แอฟริกาใต้ สเปน ทาจิกิสถาน เวเนซุเอลา

    2001
    อันดอร์รา แอนติกาและบาร์บูดา อาร์เจนตินา สาธารณรัฐแอฟริกากลาง คอสตาริกา โครเอเชีย เดนมาร์ก โดมินิกา ฮังการี ลิกเตนสไตน์ เนเธอร์แลนด์ ไนจีเรีย ปารากวัย เปรู โปแลนด์ เซอร์เบีย สโลวีเนีย สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร

    2002
    บาร์เบโดส, เบนิน, โบลิเวีย, บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา, บราซิล, บัลแกเรีย, กัมพูชา, โคลอมเบีย, สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก, จิบูตี, เอกวาดอร์, เอสโตเนีย, แกมเบีย, กรีซ, ฮอนดูรัส, ไอร์แลนด์, จอร์แดน, ลัตเวีย, มาลาวี, มอลตา, มอริเชียส, มองโกเลีย, นามิเบีย, ไนเจอร์, มาซิโดเนียเหนือ, ปานามา, โปรตุเกส, สาธารณรัฐเกาหลี, โรมาเนีย, เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์, ซามัว, สโลวาเกีย, สโลวีเนีย, แทนซาเนีย, ติมอร์-เลสเต, ยูกันดา, อุรุกวัย, แซมเบีย

    2003
    อัฟกานิสถาน, แอลเบเนีย, จอร์เจีย, กินี, ลิทัวเนีย

    2004
    บูร์กินาฟาโซ กายอานา ไลบีเรีย สาธารณรัฐคองโก

    2005
    สาธารณรัฐโดมินิกัน เคนยา เม็กซิโก

    ปี 2549
    คอโมโรส มอนเตเนโกร เซนต์คิตส์และเนวิส

    2007
    ชาด ประเทศญี่ปุ่น

    2008
    หมู่เกาะคุก มาดากัสการ์ ซูรินาม

    ปี 2009
    ชิลี สาธารณรัฐเช็ก

    2010
    บังกลาเทศ มอลโดวา เซนต์ลูเซีย เซเชลส์

    ปี 2011
    กาบูเวร์ดี, เกรเนดา, มัลดีฟส์, ตูนิเซีย

    2012
    กัวเตมาลา วานูอาตู

    ปี 2013
    ไอวอรีโคสต์

    ปี 2558
    ปาเลสไตน์

    ปี 2559
    เอลซัลวาดอร์

    ปี 2019
    คิริบาติ

    2023
    อาร์เมเนีย

    2024
    ยูเครน




    #ฮุนเซนฮุนมาเนตคืออาชญากรสงครามชาติใดก็สามารถฟ้องดำเนินคดีมันได้จึงสมควรที่สุด. ..ศาลอาญาระหว่างประเทศ ศาลซึ่งจัดตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2545 เพื่อดำเนินคดีบุคคลในข้อหาอาชญากรรมร้ายแรงที่สุดภายใต้ธรรมนูญกรุงโรม มีประเทศสมาชิก 125 ประเทศที่ให้สัตยาบันสนธิสัญญาดังกล่าว ณ เดือนเมษายน พ.ศ. 2568 ศาลอาญาระหว่างประเทศ (อังกฤษ: International Criminal Court; ย่อ: ICC) เป็นศาลระหว่างประเทศซึ่งมีที่ทำการอยู่ในกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ มีเขตอำนาจดำเนินคดีผู้กระทำความผิดอาญาระหว่างประเทศ 4 ฐาน คือ การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ อาชญากรรมสงคราม และอาชญากรรมอันเป็นการรุกราน ก่อตั้งขึ้นโดยประสงค์จะให้เป็นส่วนเสริมของระบบยุติธรรมที่แต่ละประเทศมีอยู่ จึงมีเขตอำนาจเมื่อเป็นไปตามเงื่อนไขเท่านั้น เช่น เมื่อศาลระดับประเทศไม่สามารถหรือไม่ประสงค์จะดำเนินคดีแล้ว หรือเมื่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติหรือรัฐหนึ่ง ๆ เสนอคดีมาให้พิจารณา ศาลนี้เริ่มปฏิบัติงานในวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 2002 อันเป็นวันที่ธรรมนูญกรุงโรมเริ่มใช้บังคับ ธรรมนูญดังกล่าวเป็นสนธิสัญญาพหุภาคีซึ่งวางรากฐานและกำหนดการบริหารจัดการของศาล รัฐที่เข้าเป็นภาคีแห่งธรรมนูญจะนับเป็นรัฐสมาชิกของศาล ปัจจุบันมีรัฐภาคี 125 รัฐ องค์กรหลักของศาลมี 4 องค์กร คือ คณะประธาน แผนกตุลาการ สำนักงานอัยการ และสำนักงานทะเบียน ประธานศาลเป็นตุลาการที่ได้รับเลือกมาจากตุลาการคนอื่นในแผนกตุลาการ สำนักงานอัยการมีอัยการเป็นหัวหน้า ทำหน้าที่สืบสวนคดีและส่งฟ้องต่อแผนกตุลาการ ส่วนสำนักงานทะเบียนมีนายทะเบียนเป็นหัวหน้า รับผิดชอบงานธุรการทั้งปวงของศาล ซึ่งรวมถึงการบริหารสำนักงานใหญ่ของศาล หน่วยขัง และสำนักงานทนายจำเลย ประเทศที่เป็นสมาชิกของ ICC ณ เดือนเมษายน พ.ศ. 2568 มีประเทศต่างๆ 137 ประเทศลงนามในธรรมนูญกรุงโรม ซึ่งแสดงถึงเจตนาที่จะเข้าร่วม ในขณะที่ 125 ประเทศได้ให้สัตยาบันอย่างเป็นทางการ และกลายเป็นรัฐสมาชิกเต็มตัวของ ICC ประเทศต่างๆ ที่ได้ลงนามหรือให้สัตยาบันธรรมนูญกรุงโรมแสดงอยู่ในแผนที่ด้านล่าง ปี1999 ฟิจิ กานา อิตาลี ซานมารีโน เซเนกัล ตรินิแดดและโตเบโก 2000 ออสเตรีย เบลเยียม บอตสวานา แคนาดา ฝรั่งเศส กาบอง เยอรมนี ไอซ์แลนด์ เลโซโท ลักเซมเบิร์ก มาลี หมู่เกาะมาร์แชลล์ นิวซีแลนด์ นอร์เวย์ เซียร์ราลีโอน แอฟริกาใต้ สเปน ทาจิกิสถาน เวเนซุเอลา 2001 อันดอร์รา แอนติกาและบาร์บูดา อาร์เจนตินา สาธารณรัฐแอฟริกากลาง คอสตาริกา โครเอเชีย เดนมาร์ก โดมินิกา ฮังการี ลิกเตนสไตน์ เนเธอร์แลนด์ ไนจีเรีย ปารากวัย เปรู โปแลนด์ เซอร์เบีย สโลวีเนีย สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร 2002 บาร์เบโดส, เบนิน, โบลิเวีย, บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา, บราซิล, บัลแกเรีย, กัมพูชา, โคลอมเบีย, สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก, จิบูตี, เอกวาดอร์, เอสโตเนีย, แกมเบีย, กรีซ, ฮอนดูรัส, ไอร์แลนด์, จอร์แดน, ลัตเวีย, มาลาวี, มอลตา, มอริเชียส, มองโกเลีย, นามิเบีย, ไนเจอร์, มาซิโดเนียเหนือ, ปานามา, โปรตุเกส, สาธารณรัฐเกาหลี, โรมาเนีย, เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์, ซามัว, สโลวาเกีย, สโลวีเนีย, แทนซาเนีย, ติมอร์-เลสเต, ยูกันดา, อุรุกวัย, แซมเบีย 2003 อัฟกานิสถาน, แอลเบเนีย, จอร์เจีย, กินี, ลิทัวเนีย 2004 บูร์กินาฟาโซ กายอานา ไลบีเรีย สาธารณรัฐคองโก 2005 สาธารณรัฐโดมินิกัน เคนยา เม็กซิโก ปี 2549 คอโมโรส มอนเตเนโกร เซนต์คิตส์และเนวิส 2007 ชาด ประเทศญี่ปุ่น 2008 หมู่เกาะคุก มาดากัสการ์ ซูรินาม ปี 2009 ชิลี สาธารณรัฐเช็ก 2010 บังกลาเทศ มอลโดวา เซนต์ลูเซีย เซเชลส์ ปี 2011 กาบูเวร์ดี, เกรเนดา, มัลดีฟส์, ตูนิเซีย 2012 กัวเตมาลา วานูอาตู ปี 2013 ไอวอรีโคสต์ ปี 2558 ปาเลสไตน์ ปี 2559 เอลซัลวาดอร์ ปี 2019 คิริบาติ 2023 อาร์เมเนีย 2024 ยูเครน
    0 Comments 0 Shares 564 Views 0 Reviews
  • สาวไทยบอกรัก ฮุนเซน-ฮุนมาเนต แต่แอดย้ำว่า จะเมนต์ต้องดูให้จบคลิป! (23/9/68)

    #ThaiTimes
    #News1
    #News1short
    #TruthFromThailand
    #shorts
    #ฮุนเซน
    #ฮุนมาเนต
    #scambodia
    #การเมืองกัมพูชา
    สาวไทยบอกรัก ฮุนเซน-ฮุนมาเนต แต่แอดย้ำว่า จะเมนต์ต้องดูให้จบคลิป! (23/9/68) #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #ฮุนเซน #ฮุนมาเนต #scambodia #การเมืองกัมพูชา
    0 Comments 0 Shares 146 Views 0 0 Reviews
  • “PureVPN บน Linux พบช่องโหว่รั่วไหล IPv6 และลบกฎไฟร์วอลล์ — เสี่ยงเปิดเผยตัวตนแม้เชื่อมต่อ VPN อยู่”

    ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยจากกรีซที่ใช้ชื่อว่า Anagogistis ได้ค้นพบช่องโหว่สำคัญในแอป PureVPN บนระบบปฏิบัติการ Linux ทั้งแบบ GUI (v2.10.0) และ CLI (v2.0.1) โดยพบว่ามีการรั่วไหลของข้อมูล IPv6 และการจัดการไฟร์วอลล์ที่ผิดพลาด ซึ่งอาจทำให้ผู้ใช้งานถูกเปิดเผยตัวตนแม้จะเชื่อมต่อ VPN อยู่ก็ตาม

    ปัญหาแรกคือการรั่วไหลของ IPv6 ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงเครือข่าย เช่น การสลับ Wi-Fi หรือการปลุกเครื่องจากโหมดพัก ระบบจะกลับมาใช้ IPv6 route เดิมโดยไม่ผ่าน VPN tunnel ทำให้เว็บไซต์หรือบริการอีเมลสามารถเห็นที่อยู่จริงของผู้ใช้ได้

    อีกปัญหาคือการจัดการไฟร์วอลล์ เมื่อเชื่อมต่อ VPN แอปจะลบกฎ iptables ที่ผู้ใช้ตั้งไว้ เช่น กฎจาก UFW หรือ Docker และเมื่อยกเลิกการเชื่อมต่อ VPN กฎเหล่านั้นจะไม่ถูกคืนกลับ ทำให้ระบบเปิดกว้างมากกว่าก่อนเชื่อมต่อ VPN ซึ่งขัดกับวัตถุประสงค์ของการใช้งาน VPN เพื่อความปลอดภัย

    PureVPN ยืนยันว่าปัญหานี้เกิดเฉพาะบน Linux และไม่มีผลกับ Windows, macOS หรือมือถือ โดยทีมงานกำลังเร่งออกแพตช์แก้ไขภายในกลางเดือนตุลาคม 2025 พร้อมแนะนำให้ผู้ใช้ปิด IPv6 ด้วยตนเอง และรีเซ็ตกฎไฟร์วอลล์หลังยกเลิกการเชื่อมต่อ VPN

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    แอป PureVPN บน Linux (GUI v2.10.0 และ CLI v2.0.1) พบช่องโหว่รั่วไหล IPv6 และลบกฎไฟร์วอลล์
    การรั่วไหลเกิดหลังการเปลี่ยนเครือข่าย เช่น สลับ Wi-Fi หรือปลุกเครื่องจากโหมดพัก
    แอปลบกฎ iptables เดิมเมื่อเชื่อมต่อ VPN และไม่คืนกลับเมื่อยกเลิกการเชื่อมต่อ
    PureVPN ยืนยันว่าปัญหาเกิดเฉพาะบน Linux และกำลังออกแพตช์ภายในกลางตุลาคม
    แนะนำให้ผู้ใช้ปิด IPv6 และรีเซ็ตกฎไฟร์วอลล์ด้วยตนเองจนกว่าจะมีแพตช์

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    IPv6 มีการใช้งานเพิ่มขึ้นในหลายประเทศ โดยเฉพาะในยุโรปและเอเชีย
    การรั่วไหลของ IPv6 สามารถเปิดเผยตำแหน่งจริงของผู้ใช้ได้แม้ใช้ VPN
    iptables เป็นระบบจัดการไฟร์วอลล์หลักของ Linux ซึ่งใช้ในหลายแอปพลิเคชัน
    VPN ที่ดีควรมีระบบ kill-switch ที่ป้องกันการรั่วไหลเมื่อเครือข่ายไม่เสถียร
    การจัดการไฟร์วอลล์ที่ผิดพลาดอาจเปิดช่องให้มัลแวร์หรือการโจมตีจากภายนอก

    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/purevpn-linux-apps-found-to-leak-ipv6-traffic-and-mess-with-your-firewall-heres-how-to-secure-your-data
    🛡️ “PureVPN บน Linux พบช่องโหว่รั่วไหล IPv6 และลบกฎไฟร์วอลล์ — เสี่ยงเปิดเผยตัวตนแม้เชื่อมต่อ VPN อยู่” ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยจากกรีซที่ใช้ชื่อว่า Anagogistis ได้ค้นพบช่องโหว่สำคัญในแอป PureVPN บนระบบปฏิบัติการ Linux ทั้งแบบ GUI (v2.10.0) และ CLI (v2.0.1) โดยพบว่ามีการรั่วไหลของข้อมูล IPv6 และการจัดการไฟร์วอลล์ที่ผิดพลาด ซึ่งอาจทำให้ผู้ใช้งานถูกเปิดเผยตัวตนแม้จะเชื่อมต่อ VPN อยู่ก็ตาม ปัญหาแรกคือการรั่วไหลของ IPv6 ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงเครือข่าย เช่น การสลับ Wi-Fi หรือการปลุกเครื่องจากโหมดพัก ระบบจะกลับมาใช้ IPv6 route เดิมโดยไม่ผ่าน VPN tunnel ทำให้เว็บไซต์หรือบริการอีเมลสามารถเห็นที่อยู่จริงของผู้ใช้ได้ อีกปัญหาคือการจัดการไฟร์วอลล์ เมื่อเชื่อมต่อ VPN แอปจะลบกฎ iptables ที่ผู้ใช้ตั้งไว้ เช่น กฎจาก UFW หรือ Docker และเมื่อยกเลิกการเชื่อมต่อ VPN กฎเหล่านั้นจะไม่ถูกคืนกลับ ทำให้ระบบเปิดกว้างมากกว่าก่อนเชื่อมต่อ VPN ซึ่งขัดกับวัตถุประสงค์ของการใช้งาน VPN เพื่อความปลอดภัย PureVPN ยืนยันว่าปัญหานี้เกิดเฉพาะบน Linux และไม่มีผลกับ Windows, macOS หรือมือถือ โดยทีมงานกำลังเร่งออกแพตช์แก้ไขภายในกลางเดือนตุลาคม 2025 พร้อมแนะนำให้ผู้ใช้ปิด IPv6 ด้วยตนเอง และรีเซ็ตกฎไฟร์วอลล์หลังยกเลิกการเชื่อมต่อ VPN ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ แอป PureVPN บน Linux (GUI v2.10.0 และ CLI v2.0.1) พบช่องโหว่รั่วไหล IPv6 และลบกฎไฟร์วอลล์ ➡️ การรั่วไหลเกิดหลังการเปลี่ยนเครือข่าย เช่น สลับ Wi-Fi หรือปลุกเครื่องจากโหมดพัก ➡️ แอปลบกฎ iptables เดิมเมื่อเชื่อมต่อ VPN และไม่คืนกลับเมื่อยกเลิกการเชื่อมต่อ ➡️ PureVPN ยืนยันว่าปัญหาเกิดเฉพาะบน Linux และกำลังออกแพตช์ภายในกลางตุลาคม ➡️ แนะนำให้ผู้ใช้ปิด IPv6 และรีเซ็ตกฎไฟร์วอลล์ด้วยตนเองจนกว่าจะมีแพตช์ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ IPv6 มีการใช้งานเพิ่มขึ้นในหลายประเทศ โดยเฉพาะในยุโรปและเอเชีย ➡️ การรั่วไหลของ IPv6 สามารถเปิดเผยตำแหน่งจริงของผู้ใช้ได้แม้ใช้ VPN ➡️ iptables เป็นระบบจัดการไฟร์วอลล์หลักของ Linux ซึ่งใช้ในหลายแอปพลิเคชัน ➡️ VPN ที่ดีควรมีระบบ kill-switch ที่ป้องกันการรั่วไหลเมื่อเครือข่ายไม่เสถียร ➡️ การจัดการไฟร์วอลล์ที่ผิดพลาดอาจเปิดช่องให้มัลแวร์หรือการโจมตีจากภายนอก https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/purevpn-linux-apps-found-to-leak-ipv6-traffic-and-mess-with-your-firewall-heres-how-to-secure-your-data
    0 Comments 0 Shares 199 Views 0 Reviews
  • “Huawei เตรียมเปิดตัว Kunpeng 960 ซีพียู 256 คอร์ในปี 2028 — ท้าชน AMD และ Intel ด้วยพลังประมวลผลระดับ SuperPod”

    Huawei ประกาศแผนการพัฒนาซีพียู Kunpeng รุ่นใหม่ในงาน Connect 2025 ที่เซี่ยงไฮ้ โดยตั้งเป้าเปิดตัว Kunpeng 950 ในปี 2026 และ Kunpeng 960 ในปี 2028 ซึ่งจะมีรุ่นที่มีจำนวนคอร์สูงสุดถึง 256 คอร์ และ 512 เธรด เพื่อรองรับงานด้าน virtualization, big data, container และฐานข้อมูลขนาดใหญ่

    Kunpeng 950 จะมีสองรุ่น ได้แก่ รุ่น 96 คอร์ 192 เธรด และรุ่น 192 คอร์ 384 เธรด โดยจะถูกนำไปใช้ใน TaiShan 950 SuperPoD ซึ่งรองรับได้ถึง 16 โหนด และหน่วยความจำรวม 48TB เหมาะสำหรับการใช้งานในภาคการเงินที่ต้องการแทนที่ระบบ mainframe แบบเก่า

    สำหรับ Kunpeng 960 ซึ่งมีการอ้างถึงใน benchmark ล่าสุด จะมีรุ่นที่เน้นประสิทธิภาพต่อคอร์สูงขึ้นกว่า 50% และรุ่น high-density ที่มี 256 คอร์ขึ้นไป โดยสามารถทำงานร่วมกับระบบฐานข้อมูล GaussDB และ MogDB ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีรายงานว่าทำธุรกรรมได้ถึง 4.8 ล้านรายการต่อนาทีในระบบที่มี 768 การเชื่อมต่อพร้อมกัน

    แม้ Huawei จะระบุว่า Kunpeng 960 จะเปิดตัวในปี 2028 แต่การมี benchmark ที่ใช้งานจริงแล้วในบางระบบ ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า Huawei อาจพัฒนาไปไกลกว่าที่ประกาศไว้ และอาจเปิดตัวเร็วกว่าที่คาดการณ์

    แผนการพัฒนาซีพียู Kunpeng ของ Huawei
    Kunpeng 950 จะเปิดตัวใน Q1 ปี 2026 มีรุ่น 96 และ 192 คอร์
    Kunpeng 960 จะเปิดตัวใน Q1 ปี 2028 มีรุ่น 256 คอร์ขึ้นไป
    รุ่น high-density เหมาะสำหรับงาน virtualization, container, big data และ warehouse workloads
    รุ่นที่เน้น single-core performance จะเพิ่มประสิทธิภาพกว่า 50% สำหรับ AI และฐานข้อมูล

    การใช้งานร่วมกับระบบ SuperPod และฐานข้อมูล
    Kunpeng 950 จะใช้ใน TaiShan 950 SuperPoD รองรับ 16 โหนด และ 48TB RAM
    Kunpeng 960 จะใช้ใน SuperPoD รุ่นใหม่ที่อาจมี accelerator ถึง 15,488 ตัว
    ระบบสามารถแทนที่ Oracle Exadata และ mainframe แบบเดิมในภาคการเงิน
    Benchmark จาก MogDB แสดงผลการทำงาน 4.8 ล้านธุรกรรมต่อนาทีในระบบ 256 คอร์

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Huawei ใช้สถาปัตยกรรม Unix-Core แบบ dual-threaded ในซีพียู Kunpeng
    การพัฒนา Kunpeng เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากสหรัฐฯ
    SuperPod ของ Huawei มีเป้าหมายสร้างระบบคลัสเตอร์ที่มี accelerator รวมเกิน 1 ล้านตัว
    Kunpeng 960 อาจใช้ชื่อเดียวกับผลิตภัณฑ์ในสาย Atlas และ Ascend ที่มีเลข 960 อยู่แล้ว

    https://www.techradar.com/pro/huawei-is-planning-a-256-core-cpu-monster-to-take-on-amds-epyc-and-intels-xeon-range-but-it-wont-land-till-2028-at-least-thats-the-official-line
    🧠 “Huawei เตรียมเปิดตัว Kunpeng 960 ซีพียู 256 คอร์ในปี 2028 — ท้าชน AMD และ Intel ด้วยพลังประมวลผลระดับ SuperPod” Huawei ประกาศแผนการพัฒนาซีพียู Kunpeng รุ่นใหม่ในงาน Connect 2025 ที่เซี่ยงไฮ้ โดยตั้งเป้าเปิดตัว Kunpeng 950 ในปี 2026 และ Kunpeng 960 ในปี 2028 ซึ่งจะมีรุ่นที่มีจำนวนคอร์สูงสุดถึง 256 คอร์ และ 512 เธรด เพื่อรองรับงานด้าน virtualization, big data, container และฐานข้อมูลขนาดใหญ่ Kunpeng 950 จะมีสองรุ่น ได้แก่ รุ่น 96 คอร์ 192 เธรด และรุ่น 192 คอร์ 384 เธรด โดยจะถูกนำไปใช้ใน TaiShan 950 SuperPoD ซึ่งรองรับได้ถึง 16 โหนด และหน่วยความจำรวม 48TB เหมาะสำหรับการใช้งานในภาคการเงินที่ต้องการแทนที่ระบบ mainframe แบบเก่า สำหรับ Kunpeng 960 ซึ่งมีการอ้างถึงใน benchmark ล่าสุด จะมีรุ่นที่เน้นประสิทธิภาพต่อคอร์สูงขึ้นกว่า 50% และรุ่น high-density ที่มี 256 คอร์ขึ้นไป โดยสามารถทำงานร่วมกับระบบฐานข้อมูล GaussDB และ MogDB ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีรายงานว่าทำธุรกรรมได้ถึง 4.8 ล้านรายการต่อนาทีในระบบที่มี 768 การเชื่อมต่อพร้อมกัน แม้ Huawei จะระบุว่า Kunpeng 960 จะเปิดตัวในปี 2028 แต่การมี benchmark ที่ใช้งานจริงแล้วในบางระบบ ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า Huawei อาจพัฒนาไปไกลกว่าที่ประกาศไว้ และอาจเปิดตัวเร็วกว่าที่คาดการณ์ ✅ แผนการพัฒนาซีพียู Kunpeng ของ Huawei ➡️ Kunpeng 950 จะเปิดตัวใน Q1 ปี 2026 มีรุ่น 96 และ 192 คอร์ ➡️ Kunpeng 960 จะเปิดตัวใน Q1 ปี 2028 มีรุ่น 256 คอร์ขึ้นไป ➡️ รุ่น high-density เหมาะสำหรับงาน virtualization, container, big data และ warehouse workloads ➡️ รุ่นที่เน้น single-core performance จะเพิ่มประสิทธิภาพกว่า 50% สำหรับ AI และฐานข้อมูล ✅ การใช้งานร่วมกับระบบ SuperPod และฐานข้อมูล ➡️ Kunpeng 950 จะใช้ใน TaiShan 950 SuperPoD รองรับ 16 โหนด และ 48TB RAM ➡️ Kunpeng 960 จะใช้ใน SuperPoD รุ่นใหม่ที่อาจมี accelerator ถึง 15,488 ตัว ➡️ ระบบสามารถแทนที่ Oracle Exadata และ mainframe แบบเดิมในภาคการเงิน ➡️ Benchmark จาก MogDB แสดงผลการทำงาน 4.8 ล้านธุรกรรมต่อนาทีในระบบ 256 คอร์ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Huawei ใช้สถาปัตยกรรม Unix-Core แบบ dual-threaded ในซีพียู Kunpeng ➡️ การพัฒนา Kunpeng เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากสหรัฐฯ ➡️ SuperPod ของ Huawei มีเป้าหมายสร้างระบบคลัสเตอร์ที่มี accelerator รวมเกิน 1 ล้านตัว ➡️ Kunpeng 960 อาจใช้ชื่อเดียวกับผลิตภัณฑ์ในสาย Atlas และ Ascend ที่มีเลข 960 อยู่แล้ว https://www.techradar.com/pro/huawei-is-planning-a-256-core-cpu-monster-to-take-on-amds-epyc-and-intels-xeon-range-but-it-wont-land-till-2028-at-least-thats-the-official-line
    0 Comments 0 Shares 224 Views 0 Reviews
  • “Cixi Vigoz — รถสามล้อไฟฟ้าที่ให้คุณ ‘ปั่น’ ด้วยขาไปถึง 120 กม./ชม. บนถนนหลวง พร้อมระบบ PERS และดีไซน์สุดล้ำ”

    ในยุคที่การเดินทางต้องการทั้งความเร็ว ความปลอดภัย และความยั่งยืน Cixi Vigoz คือยานพาหนะที่อาจเปลี่ยนวิธีคิดเรื่องการขับรถไปโดยสิ้นเชิง — เพราะมันคือรถสามล้อไฟฟ้าที่ให้คุณ “ปั่น” ด้วยขาเพื่อควบคุมความเร็วได้ถึง 120 กม./ชม. บนถนนหลวงอย่างถูกกฎหมาย

    Vigoz ถูกออกแบบโดยบริษัทวิศวกรรมจากฝรั่งเศสชื่อ Cixi โดยผสมผสานความเป็นจักรยาน, รถสามล้อ, ไมโครคาร์ และรถไฟฟ้าขนาดเล็กในยุโรป (L5e) เข้าด้วยกัน จุดเด่นคือระบบ PERS (Pedaling Energy Recovery System) ที่ไม่มีโซ่ แต่ใช้การปั่นเพื่อควบคุมการเร่งและเบรกผ่านมอเตอร์ไฟฟ้าโดยตรง — ปั่นเร็ว รถก็เร็ว, ปั่นถอยหลัง รถก็เบรก พร้อมระบบ regenerative braking ที่ช่วยชาร์จแบตเตอรี่ระหว่างใช้งาน

    ตัวรถมีล้อหน้า 2 ล้อสำหรับบังคับเลี้ยว และล้อหลัง 1 ล้อสำหรับขับเคลื่อน พร้อมระบบเอียงตัวอัตโนมัติเมื่อเข้าโค้งเพื่อความมั่นคงในการขับขี่ มีแบตเตอรี่ขนาด 22 kWh ที่ให้ระยะทางสูงสุดราว 160 กม. และสามารถชาร์จเต็มได้ภายใน 6 ชั่วโมงจากปลั๊กบ้านทั่วไป

    ภายใน Vigoz มีเบาะนั่งแบบปรับได้ พร้อมคันบังคับสองข้างแทนพวงมาลัย, เบรกมือ, จอแสดงผลความเร็ว และระบบเชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟนเพื่อใช้นำทาง ตัวรถรองรับเบาะเด็ก IsoFix และมีพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังเล็กน้อย

    แม้จะยังอยู่ในขั้นตอนต้นแบบ แต่ Cixi ระบุว่า Vigoz จะเปิดให้ใช้งานในรูปแบบ “สมัครสมาชิก” เท่านั้น ไม่ขายขาด โดยมีอายุการใช้งานออกแบบไว้ถึง 15 ปี พร้อมระบบอัปเดต OTA และโครงสร้างที่ซ่อมง่าย เปลี่ยนชิ้นส่วนได้ เพื่อความยั่งยืนในระยะยาว

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Vigoz เป็นรถสามล้อไฟฟ้าที่ควบคุมด้วยการปั่นแบบไร้โซ่ผ่านระบบ PERS
    ความเร็วสูงสุด 120 กม./ชม. ใช้งานได้บนถนนหลวงและทางหลวงในยุโรป
    แบตเตอรี่ 22 kWh ให้ระยะทางราว 160 กม. ชาร์จเต็มใน 6 ชั่วโมง
    ระบบ regenerative braking และการปั่นช่วยเพิ่มระยะทาง
    ล้อหน้า 2 ล้อสำหรับบังคับเลี้ยว, ล้อหลัง 1 ล้อสำหรับขับเคลื่อน
    ระบบเอียงตัวอัตโนมัติช่วยให้เข้าโค้งได้มั่นคง
    ภายในมีเบาะปรับได้, คันบังคับสองข้าง, เบรกมือ, จอแสดงผล และระบบนำทาง
    รองรับเบาะเด็ก IsoFix และมีพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลัง
    ใช้ระบบสมัครสมาชิก ไม่ขายขาด พร้อมอายุการใช้งาน 15 ปี
    โครงสร้างซ่อมง่าย, เปลี่ยนชิ้นส่วนได้ และมีระบบอัปเดต OTA

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Vigoz อยู่ในกลุ่ม L5e ซึ่งเป็นรถไฟฟ้าขนาดเล็กที่วิ่งบนถนนหลวงได้ตามกฎหมายยุโรป
    ระบบ PERS ช่วยให้ผู้ใช้เลือกแรงต้านในการปั่นได้ตามต้องการ
    ความสูงรถ 165 ซม. ช่วยให้มองเห็นในจราจรและปลอดภัยจากรถใหญ่
    Vigoz ถูกออกแบบให้เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่ภูเขา เช่น French Alps
    มีระบบปรับอากาศ, ไฟ LED, ที่ปัดน้ำฝน และหน้าต่างเลื่อนเพื่อความสะดวก

    https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/forget-e-bikes-this-electric-trike-lets-you-pedal-your-way-to-75mph-on-public-highways
    🚲⚡ “Cixi Vigoz — รถสามล้อไฟฟ้าที่ให้คุณ ‘ปั่น’ ด้วยขาไปถึง 120 กม./ชม. บนถนนหลวง พร้อมระบบ PERS และดีไซน์สุดล้ำ” ในยุคที่การเดินทางต้องการทั้งความเร็ว ความปลอดภัย และความยั่งยืน Cixi Vigoz คือยานพาหนะที่อาจเปลี่ยนวิธีคิดเรื่องการขับรถไปโดยสิ้นเชิง — เพราะมันคือรถสามล้อไฟฟ้าที่ให้คุณ “ปั่น” ด้วยขาเพื่อควบคุมความเร็วได้ถึง 120 กม./ชม. บนถนนหลวงอย่างถูกกฎหมาย Vigoz ถูกออกแบบโดยบริษัทวิศวกรรมจากฝรั่งเศสชื่อ Cixi โดยผสมผสานความเป็นจักรยาน, รถสามล้อ, ไมโครคาร์ และรถไฟฟ้าขนาดเล็กในยุโรป (L5e) เข้าด้วยกัน จุดเด่นคือระบบ PERS (Pedaling Energy Recovery System) ที่ไม่มีโซ่ แต่ใช้การปั่นเพื่อควบคุมการเร่งและเบรกผ่านมอเตอร์ไฟฟ้าโดยตรง — ปั่นเร็ว รถก็เร็ว, ปั่นถอยหลัง รถก็เบรก พร้อมระบบ regenerative braking ที่ช่วยชาร์จแบตเตอรี่ระหว่างใช้งาน ตัวรถมีล้อหน้า 2 ล้อสำหรับบังคับเลี้ยว และล้อหลัง 1 ล้อสำหรับขับเคลื่อน พร้อมระบบเอียงตัวอัตโนมัติเมื่อเข้าโค้งเพื่อความมั่นคงในการขับขี่ มีแบตเตอรี่ขนาด 22 kWh ที่ให้ระยะทางสูงสุดราว 160 กม. และสามารถชาร์จเต็มได้ภายใน 6 ชั่วโมงจากปลั๊กบ้านทั่วไป ภายใน Vigoz มีเบาะนั่งแบบปรับได้ พร้อมคันบังคับสองข้างแทนพวงมาลัย, เบรกมือ, จอแสดงผลความเร็ว และระบบเชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟนเพื่อใช้นำทาง ตัวรถรองรับเบาะเด็ก IsoFix และมีพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังเล็กน้อย แม้จะยังอยู่ในขั้นตอนต้นแบบ แต่ Cixi ระบุว่า Vigoz จะเปิดให้ใช้งานในรูปแบบ “สมัครสมาชิก” เท่านั้น ไม่ขายขาด โดยมีอายุการใช้งานออกแบบไว้ถึง 15 ปี พร้อมระบบอัปเดต OTA และโครงสร้างที่ซ่อมง่าย เปลี่ยนชิ้นส่วนได้ เพื่อความยั่งยืนในระยะยาว ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Vigoz เป็นรถสามล้อไฟฟ้าที่ควบคุมด้วยการปั่นแบบไร้โซ่ผ่านระบบ PERS ➡️ ความเร็วสูงสุด 120 กม./ชม. ใช้งานได้บนถนนหลวงและทางหลวงในยุโรป ➡️ แบตเตอรี่ 22 kWh ให้ระยะทางราว 160 กม. ชาร์จเต็มใน 6 ชั่วโมง ➡️ ระบบ regenerative braking และการปั่นช่วยเพิ่มระยะทาง ➡️ ล้อหน้า 2 ล้อสำหรับบังคับเลี้ยว, ล้อหลัง 1 ล้อสำหรับขับเคลื่อน ➡️ ระบบเอียงตัวอัตโนมัติช่วยให้เข้าโค้งได้มั่นคง ➡️ ภายในมีเบาะปรับได้, คันบังคับสองข้าง, เบรกมือ, จอแสดงผล และระบบนำทาง ➡️ รองรับเบาะเด็ก IsoFix และมีพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลัง ➡️ ใช้ระบบสมัครสมาชิก ไม่ขายขาด พร้อมอายุการใช้งาน 15 ปี ➡️ โครงสร้างซ่อมง่าย, เปลี่ยนชิ้นส่วนได้ และมีระบบอัปเดต OTA ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Vigoz อยู่ในกลุ่ม L5e ซึ่งเป็นรถไฟฟ้าขนาดเล็กที่วิ่งบนถนนหลวงได้ตามกฎหมายยุโรป ➡️ ระบบ PERS ช่วยให้ผู้ใช้เลือกแรงต้านในการปั่นได้ตามต้องการ ➡️ ความสูงรถ 165 ซม. ช่วยให้มองเห็นในจราจรและปลอดภัยจากรถใหญ่ ➡️ Vigoz ถูกออกแบบให้เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่ภูเขา เช่น French Alps ➡️ มีระบบปรับอากาศ, ไฟ LED, ที่ปัดน้ำฝน และหน้าต่างเลื่อนเพื่อความสะดวก https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/forget-e-bikes-this-electric-trike-lets-you-pedal-your-way-to-75mph-on-public-highways
    0 Comments 0 Shares 293 Views 0 Reviews
  • “Webflow AI เปิดตัวแพลตฟอร์มสร้างเว็บครบวงจร — จากคำสั่งสู่แอปใช้งานจริง พร้อมผู้ช่วยสนทนาและ SEO ยุคใหม่”

    ในงาน Webflow Conf 2025 ที่เพิ่งจัดขึ้น Webflow ได้เปิดตัวแพลตฟอร์ม AI ใหม่ที่เปลี่ยนวิธีการสร้างเว็บไซต์และแอปพลิเคชันให้กลายเป็นกระบวนการที่ “พูดแล้วได้ของจริง” โดยไม่ต้องสลับเครื่องมือหรือเขียนโค้ดเองทุกบรรทัดอีกต่อไป

    หัวใจของแพลตฟอร์มนี้คือ AI Assistant ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยสนทนาแบบเรียลไทม์ ช่วยจัดการโปรเจกต์ สร้างคอนเทนต์ และโครงสร้างแอปได้จากคำสั่งเดียว ไม่ว่าจะเป็นการสร้าง React components บน canvas, การจัดการ CMS, หรือการออกแบบ UI ที่สอดคล้องกับระบบดีไซน์ของแบรนด์

    Webflow AI ยังมาพร้อมฟีเจอร์ AI Code Gen ที่สามารถสร้างแอประดับ production ได้ทันทีจาก prompt เดียว โดยไม่ต้องผ่านขั้นตอน mockup หรือ prototype แบบเดิม และยังสามารถนำไปใช้งานจริงได้ทันทีในระบบ Webflow ที่มี CMS และ hosting พร้อมใช้งาน

    อีกหนึ่งจุดเด่นคือ Answer Engine Optimization (AEO) ซึ่งเป็นแนวคิดใหม่ของ SEO ที่ไม่เพียงแค่ทำให้เว็บไซต์ติดอันดับใน Google แต่ยังตอบโจทย์ทั้งมนุษย์และอัลกอริทึม เช่น AI search หรือ voice assistant โดยใช้ schema และโครงสร้างข้อมูลที่เหมาะสม

    นอกจากนี้ Webflow ยังเปิดตัว CMS รุ่นใหม่ที่รองรับข้อมูลขนาดใหญ่, การออกแบบที่ยืดหยุ่นมากขึ้น, และ API ที่ทรงพลัง พร้อมระบบวิเคราะห์ใหม่ที่ติดตาม traffic จาก AI และการแสดงผลแบบเรียลไทม์ รวมถึงการลงทุนในชุมชน เช่น Webflow University ที่มีคอร์ส AI, โปรแกรม beta, และรางวัลสำหรับผู้สร้างเทมเพลต

    ฟีเจอร์ใหม่ของ Webflow AI
    เปิดตัว AI Assistant ที่เป็นผู้ช่วยสนทนาในการจัดการโปรเจกต์และสร้างคอนเทนต์
    รองรับการสร้าง React components บน canvas โดยตรง
    ใช้ AI Code Gen สร้างแอประดับ production จาก prompt เดียว
    แอปที่สร้างจะสอดคล้องกับระบบดีไซน์ของแบรนด์และ CMS ของ Webflow
    รองรับการสร้าง UI ที่นำกลับมาใช้ซ้ำได้ และปรับแต่งได้ตามต้องการ

    SEO และการค้นหาแบบใหม่
    เปิดตัว Answer Engine Optimization (AEO) เพื่อเพิ่มการค้นพบทั้งจากมนุษย์และ AI
    ใช้ schema และโครงสร้างข้อมูลที่เหมาะสมกับระบบค้นหาแบบใหม่
    ปรับปรุงการจัดอันดับใน search engine และ voice assistant

    ระบบ CMS และการวิเคราะห์
    CMS รุ่นใหม่รองรับข้อมูลขนาดใหญ่และการออกแบบที่ยืดหยุ่น
    API ใหม่ช่วยให้เชื่อมต่อกับระบบภายนอกได้ง่ายขึ้น
    ระบบ Webflow Analyze ติดตาม traffic จาก AI และรายงานเป้าหมายแบบละเอียด

    การสนับสนุนชุมชน
    Webflow University มีคอร์ส AI และเส้นทางการเรียนรู้ใหม่
    โปรแกรม beta ให้เข้าถึงฟีเจอร์ก่อนใคร
    รางวัล $50,000 สำหรับผู้สร้างเทมเพลต และค่าคอมมิชชั่น 95%
    เปิดตัว Global Leaders Hub สำหรับผู้แทน Webflow ทั่วโลก

    https://www.techradar.com/pro/webflow-jumps-into-the-crowded-vibe-coding-market-with-its-own-all-singing-all-dancing-ai-code-generation-tool
    🧠 “Webflow AI เปิดตัวแพลตฟอร์มสร้างเว็บครบวงจร — จากคำสั่งสู่แอปใช้งานจริง พร้อมผู้ช่วยสนทนาและ SEO ยุคใหม่” ในงาน Webflow Conf 2025 ที่เพิ่งจัดขึ้น Webflow ได้เปิดตัวแพลตฟอร์ม AI ใหม่ที่เปลี่ยนวิธีการสร้างเว็บไซต์และแอปพลิเคชันให้กลายเป็นกระบวนการที่ “พูดแล้วได้ของจริง” โดยไม่ต้องสลับเครื่องมือหรือเขียนโค้ดเองทุกบรรทัดอีกต่อไป หัวใจของแพลตฟอร์มนี้คือ AI Assistant ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยสนทนาแบบเรียลไทม์ ช่วยจัดการโปรเจกต์ สร้างคอนเทนต์ และโครงสร้างแอปได้จากคำสั่งเดียว ไม่ว่าจะเป็นการสร้าง React components บน canvas, การจัดการ CMS, หรือการออกแบบ UI ที่สอดคล้องกับระบบดีไซน์ของแบรนด์ Webflow AI ยังมาพร้อมฟีเจอร์ AI Code Gen ที่สามารถสร้างแอประดับ production ได้ทันทีจาก prompt เดียว โดยไม่ต้องผ่านขั้นตอน mockup หรือ prototype แบบเดิม และยังสามารถนำไปใช้งานจริงได้ทันทีในระบบ Webflow ที่มี CMS และ hosting พร้อมใช้งาน อีกหนึ่งจุดเด่นคือ Answer Engine Optimization (AEO) ซึ่งเป็นแนวคิดใหม่ของ SEO ที่ไม่เพียงแค่ทำให้เว็บไซต์ติดอันดับใน Google แต่ยังตอบโจทย์ทั้งมนุษย์และอัลกอริทึม เช่น AI search หรือ voice assistant โดยใช้ schema และโครงสร้างข้อมูลที่เหมาะสม นอกจากนี้ Webflow ยังเปิดตัว CMS รุ่นใหม่ที่รองรับข้อมูลขนาดใหญ่, การออกแบบที่ยืดหยุ่นมากขึ้น, และ API ที่ทรงพลัง พร้อมระบบวิเคราะห์ใหม่ที่ติดตาม traffic จาก AI และการแสดงผลแบบเรียลไทม์ รวมถึงการลงทุนในชุมชน เช่น Webflow University ที่มีคอร์ส AI, โปรแกรม beta, และรางวัลสำหรับผู้สร้างเทมเพลต ✅ ฟีเจอร์ใหม่ของ Webflow AI ➡️ เปิดตัว AI Assistant ที่เป็นผู้ช่วยสนทนาในการจัดการโปรเจกต์และสร้างคอนเทนต์ ➡️ รองรับการสร้าง React components บน canvas โดยตรง ➡️ ใช้ AI Code Gen สร้างแอประดับ production จาก prompt เดียว ➡️ แอปที่สร้างจะสอดคล้องกับระบบดีไซน์ของแบรนด์และ CMS ของ Webflow ➡️ รองรับการสร้าง UI ที่นำกลับมาใช้ซ้ำได้ และปรับแต่งได้ตามต้องการ ✅ SEO และการค้นหาแบบใหม่ ➡️ เปิดตัว Answer Engine Optimization (AEO) เพื่อเพิ่มการค้นพบทั้งจากมนุษย์และ AI ➡️ ใช้ schema และโครงสร้างข้อมูลที่เหมาะสมกับระบบค้นหาแบบใหม่ ➡️ ปรับปรุงการจัดอันดับใน search engine และ voice assistant ✅ ระบบ CMS และการวิเคราะห์ ➡️ CMS รุ่นใหม่รองรับข้อมูลขนาดใหญ่และการออกแบบที่ยืดหยุ่น ➡️ API ใหม่ช่วยให้เชื่อมต่อกับระบบภายนอกได้ง่ายขึ้น ➡️ ระบบ Webflow Analyze ติดตาม traffic จาก AI และรายงานเป้าหมายแบบละเอียด ✅ การสนับสนุนชุมชน ➡️ Webflow University มีคอร์ส AI และเส้นทางการเรียนรู้ใหม่ ➡️ โปรแกรม beta ให้เข้าถึงฟีเจอร์ก่อนใคร ➡️ รางวัล $50,000 สำหรับผู้สร้างเทมเพลต และค่าคอมมิชชั่น 95% ➡️ เปิดตัว Global Leaders Hub สำหรับผู้แทน Webflow ทั่วโลก https://www.techradar.com/pro/webflow-jumps-into-the-crowded-vibe-coding-market-with-its-own-all-singing-all-dancing-ai-code-generation-tool
    0 Comments 0 Shares 289 Views 0 Reviews
  • “DigiCert ซื้อกิจการ Valimail เสริมแกร่งระบบยืนยันอีเมล — สร้างเกราะป้องกันฟิชชิ่งระดับโลกด้วย DMARC และ BIMI”

    ในยุคที่อีเมลกลายเป็นช่องทางหลักของการโจมตีทางไซเบอร์ DigiCert ผู้ให้บริการด้าน digital trust ระดับโลก ได้ประกาศเข้าซื้อกิจการของ Valimail บริษัทผู้นำด้านการยืนยันตัวตนของอีเมลแบบ zero trust เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับแพลตฟอร์ม DigiCert ONE และรับมือกับภัยฟิชชิ่งและการปลอมแปลงอีเมลที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก

    Valimail เป็นผู้บุกเบิกเทคโนโลยี DMARC (Domain-based Message Authentication, Reporting and Conformance) ซึ่งช่วยให้องค์กรสามารถตรวจสอบว่าอีเมลที่ส่งออกมานั้นเป็นของจริงหรือไม่ และป้องกันการปลอมแปลงชื่อโดเมน โดย Valimail ยังเป็นผู้ให้บริการ DMARC รายเดียวที่ได้รับการรับรอง FedRAMP สำหรับการใช้งานในหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ

    การรวมตัวครั้งนี้ยังเปิดโอกาสให้ DigiCert ขยายการใช้งาน Verified Mark Certificates (VMCs) และ BIMI (Brand Indicators for Message Identification) ซึ่งช่วยให้อีเมลแสดงโลโก้ที่ได้รับการยืนยันในกล่องจดหมายของผู้รับ เพิ่มความน่าเชื่อถือและลดโอกาสการตกเป็นเหยื่อฟิชชิ่ง

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    DigiCert เข้าซื้อกิจการ Valimail เพื่อเสริมระบบยืนยันอีเมลแบบ zero trust
    Valimail เป็นผู้นำด้าน DMARC และได้รับการรับรอง FedRAMP สำหรับการใช้งานในหน่วยงานรัฐบาล
    DigiCert ONE จะรวมเทคโนโลยีของ Valimail เพื่อสร้างแพลตฟอร์ม digital trust ที่ครอบคลุม
    การรวม VMCs และ BIMI ช่วยให้อีเมลแสดงโลโก้ที่ได้รับการยืนยัน เพิ่มความน่าเชื่อถือ
    Valimail มีลูกค้ากว่า 92,000 รายทั่วโลก และเติบโต 70% ในปีที่ผ่านมา
    DigiCert ตั้งเป้าครองตลาด DMARC มูลค่ากว่า $4 พันล้าน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    DMARC ช่วยป้องกันการปลอมแปลงอีเมลและการโจมตีแบบ spoofing
    BIMI ช่วยให้ผู้รับเห็นโลโก้ของแบรนด์ในอีเมล เพิ่มความไว้วางใจ
    VMCs ต้องใช้ร่วมกับ DMARC เพื่อให้โลโก้แสดงผลในกล่องจดหมาย
    การยืนยันอีเมลแบบ zero trust เป็นแนวทางใหม่ในการป้องกันภัยไซเบอร์
    การรวมระบบ DNS, PKI และ certificate lifecycle management ช่วยให้ DigiCert ONE เป็นแพลตฟอร์มที่ครบวงจร

    https://www.techradar.com/pro/digicert-buys-valimail-to-boost-email-security-and-mitigate-growing-global-phishing-threats-using-dmarc
    📧 “DigiCert ซื้อกิจการ Valimail เสริมแกร่งระบบยืนยันอีเมล — สร้างเกราะป้องกันฟิชชิ่งระดับโลกด้วย DMARC และ BIMI” ในยุคที่อีเมลกลายเป็นช่องทางหลักของการโจมตีทางไซเบอร์ DigiCert ผู้ให้บริการด้าน digital trust ระดับโลก ได้ประกาศเข้าซื้อกิจการของ Valimail บริษัทผู้นำด้านการยืนยันตัวตนของอีเมลแบบ zero trust เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับแพลตฟอร์ม DigiCert ONE และรับมือกับภัยฟิชชิ่งและการปลอมแปลงอีเมลที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก Valimail เป็นผู้บุกเบิกเทคโนโลยี DMARC (Domain-based Message Authentication, Reporting and Conformance) ซึ่งช่วยให้องค์กรสามารถตรวจสอบว่าอีเมลที่ส่งออกมานั้นเป็นของจริงหรือไม่ และป้องกันการปลอมแปลงชื่อโดเมน โดย Valimail ยังเป็นผู้ให้บริการ DMARC รายเดียวที่ได้รับการรับรอง FedRAMP สำหรับการใช้งานในหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ การรวมตัวครั้งนี้ยังเปิดโอกาสให้ DigiCert ขยายการใช้งาน Verified Mark Certificates (VMCs) และ BIMI (Brand Indicators for Message Identification) ซึ่งช่วยให้อีเมลแสดงโลโก้ที่ได้รับการยืนยันในกล่องจดหมายของผู้รับ เพิ่มความน่าเชื่อถือและลดโอกาสการตกเป็นเหยื่อฟิชชิ่ง ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ DigiCert เข้าซื้อกิจการ Valimail เพื่อเสริมระบบยืนยันอีเมลแบบ zero trust ➡️ Valimail เป็นผู้นำด้าน DMARC และได้รับการรับรอง FedRAMP สำหรับการใช้งานในหน่วยงานรัฐบาล ➡️ DigiCert ONE จะรวมเทคโนโลยีของ Valimail เพื่อสร้างแพลตฟอร์ม digital trust ที่ครอบคลุม ➡️ การรวม VMCs และ BIMI ช่วยให้อีเมลแสดงโลโก้ที่ได้รับการยืนยัน เพิ่มความน่าเชื่อถือ ➡️ Valimail มีลูกค้ากว่า 92,000 รายทั่วโลก และเติบโต 70% ในปีที่ผ่านมา ➡️ DigiCert ตั้งเป้าครองตลาด DMARC มูลค่ากว่า $4 พันล้าน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ DMARC ช่วยป้องกันการปลอมแปลงอีเมลและการโจมตีแบบ spoofing ➡️ BIMI ช่วยให้ผู้รับเห็นโลโก้ของแบรนด์ในอีเมล เพิ่มความไว้วางใจ ➡️ VMCs ต้องใช้ร่วมกับ DMARC เพื่อให้โลโก้แสดงผลในกล่องจดหมาย ➡️ การยืนยันอีเมลแบบ zero trust เป็นแนวทางใหม่ในการป้องกันภัยไซเบอร์ ➡️ การรวมระบบ DNS, PKI และ certificate lifecycle management ช่วยให้ DigiCert ONE เป็นแพลตฟอร์มที่ครบวงจร https://www.techradar.com/pro/digicert-buys-valimail-to-boost-email-security-and-mitigate-growing-global-phishing-threats-using-dmarc
    WWW.TECHRADAR.COM
    DigiCert grabs Valimail to lock down email while attackers circle for their next big strike
    Email hosting services could benefit from scaled DMARC adoption globally
    0 Comments 0 Shares 239 Views 0 Reviews
  • “Apple C1X โมเด็ม 5G ตัวใหม่ใน iPhone Air — เร็วไม่เท่า Qualcomm แต่แบตอึดกว่า พร้อมแผนเลิกพึ่ง Snapdragon ภายในปี 2027”

    Apple เปิดตัวโมเด็ม 5G รุ่นใหม่ในชื่อ C1X ซึ่งเป็นชิปที่พัฒนาเองภายในบริษัท และถูกนำมาใช้ใน iPhone Air รุ่นล่าสุด โดยชูจุดเด่นด้านการประหยัดพลังงานมากกว่า Snapdragon X75 ถึง 30% แม้ในด้านความเร็วและประสิทธิภาพโดยรวมจะยังตามหลัง Qualcomm อยู่บ้าง

    Ben Bajarin ซีอีโอของ Creative Strategies ให้ความเห็นว่า C1X ยังไม่สามารถเทียบเคียง Snapdragon X75 หรือ X80 ได้ในแง่ของ throughput และความเร็วสูงสุด แต่ Apple ได้เปรียบในด้านการควบคุมพลังงานและการผสานฮาร์ดแวร์กับซอฟต์แวร์อย่างแน่นหนา ทำให้ iPhone Air มีอายุแบตเตอรี่สูงถึง 27 ชั่วโมงในการเล่นวิดีโอ

    อย่างไรก็ตาม C1X ยังไม่รองรับ mmWave ซึ่งเป็นคลื่น 5G ความเร็วสูงที่ใช้ในเมืองใหญ่ ทำให้ iPhone Air ใช้งานได้เฉพาะคลื่น sub-6GHz เท่านั้น ต่างจาก iPhone 17 และรุ่น Pro ที่ยังใช้ Snapdragon X80 ซึ่งรองรับทั้ง sub-6GHz และ mmWave

    Apple ยังไม่สามารถเลิกใช้โมเด็มจาก Qualcomm ได้ทันที โดยคาดว่าจะยังพึ่งพาอยู่จนถึงปี 2027 ซึ่งเป็นปีที่สัญญา license ระหว่างสองบริษัทจะหมดลง แต่มีรายงานว่า Apple กำลังพัฒนาโมเด็มรุ่นถัดไปในชื่อ C2 ซึ่งจะรองรับ mmWave และอาจรวมโมเด็ม 5G, Wi-Fi และ Bluetooth เข้าด้วยกันในแพ็กเดียว เพื่อประหยัดพื้นที่และพลังงาน

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Apple เปิดตัวโมเด็ม C1X ใน iPhone Air รุ่นล่าสุด
    C1X ประหยัดพลังงานกว่า Snapdragon X75 ถึง 30%
    iPhone Air มีอายุแบตเตอรี่สูงสุด 27 ชั่วโมงในการเล่นวิดีโอ
    C1X ยังไม่รองรับ mmWave ใช้งานได้เฉพาะ sub-6GHz
    iPhone 17 และรุ่น Pro ยังใช้ Snapdragon X80 ที่รองรับ mmWave
    Apple ยังต้องพึ่งพา Qualcomm ไปจนถึงปี 2027
    มีแผนพัฒนาโมเด็ม C2 ที่รองรับ mmWave และรวมชิปสื่อสารหลายตัวเข้าด้วยกัน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    mmWave ให้ความเร็วสูงสุดในเครือข่าย 5G แต่มีระยะครอบคลุมน้อย
    sub-6GHz เป็นคลื่นที่ใช้งานได้ทั่วไปและครอบคลุมพื้นที่กว้าง
    Apple ซื้อกิจการโมเด็มจาก Intel ตั้งแต่ปี 2019 เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีของตัวเอง
    การรวมโมเด็ม 5G, Wi-Fi และ Bluetooth จะช่วยลดพื้นที่ภายในเครื่องและเพิ่มประสิทธิภาพ
    Snapdragon X80 รองรับการรวมคลื่นหลายย่านและมีความเร็วสูงสุดในตลาดตอนนี้

    https://wccftech.com/apple-c1x-not-as-fast-as-qualcomm-5g-modems-says-research-firm-ceo/
    📶 “Apple C1X โมเด็ม 5G ตัวใหม่ใน iPhone Air — เร็วไม่เท่า Qualcomm แต่แบตอึดกว่า พร้อมแผนเลิกพึ่ง Snapdragon ภายในปี 2027” Apple เปิดตัวโมเด็ม 5G รุ่นใหม่ในชื่อ C1X ซึ่งเป็นชิปที่พัฒนาเองภายในบริษัท และถูกนำมาใช้ใน iPhone Air รุ่นล่าสุด โดยชูจุดเด่นด้านการประหยัดพลังงานมากกว่า Snapdragon X75 ถึง 30% แม้ในด้านความเร็วและประสิทธิภาพโดยรวมจะยังตามหลัง Qualcomm อยู่บ้าง Ben Bajarin ซีอีโอของ Creative Strategies ให้ความเห็นว่า C1X ยังไม่สามารถเทียบเคียง Snapdragon X75 หรือ X80 ได้ในแง่ของ throughput และความเร็วสูงสุด แต่ Apple ได้เปรียบในด้านการควบคุมพลังงานและการผสานฮาร์ดแวร์กับซอฟต์แวร์อย่างแน่นหนา ทำให้ iPhone Air มีอายุแบตเตอรี่สูงถึง 27 ชั่วโมงในการเล่นวิดีโอ อย่างไรก็ตาม C1X ยังไม่รองรับ mmWave ซึ่งเป็นคลื่น 5G ความเร็วสูงที่ใช้ในเมืองใหญ่ ทำให้ iPhone Air ใช้งานได้เฉพาะคลื่น sub-6GHz เท่านั้น ต่างจาก iPhone 17 และรุ่น Pro ที่ยังใช้ Snapdragon X80 ซึ่งรองรับทั้ง sub-6GHz และ mmWave Apple ยังไม่สามารถเลิกใช้โมเด็มจาก Qualcomm ได้ทันที โดยคาดว่าจะยังพึ่งพาอยู่จนถึงปี 2027 ซึ่งเป็นปีที่สัญญา license ระหว่างสองบริษัทจะหมดลง แต่มีรายงานว่า Apple กำลังพัฒนาโมเด็มรุ่นถัดไปในชื่อ C2 ซึ่งจะรองรับ mmWave และอาจรวมโมเด็ม 5G, Wi-Fi และ Bluetooth เข้าด้วยกันในแพ็กเดียว เพื่อประหยัดพื้นที่และพลังงาน ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Apple เปิดตัวโมเด็ม C1X ใน iPhone Air รุ่นล่าสุด ➡️ C1X ประหยัดพลังงานกว่า Snapdragon X75 ถึง 30% ➡️ iPhone Air มีอายุแบตเตอรี่สูงสุด 27 ชั่วโมงในการเล่นวิดีโอ ➡️ C1X ยังไม่รองรับ mmWave ใช้งานได้เฉพาะ sub-6GHz ➡️ iPhone 17 และรุ่น Pro ยังใช้ Snapdragon X80 ที่รองรับ mmWave ➡️ Apple ยังต้องพึ่งพา Qualcomm ไปจนถึงปี 2027 ➡️ มีแผนพัฒนาโมเด็ม C2 ที่รองรับ mmWave และรวมชิปสื่อสารหลายตัวเข้าด้วยกัน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ mmWave ให้ความเร็วสูงสุดในเครือข่าย 5G แต่มีระยะครอบคลุมน้อย ➡️ sub-6GHz เป็นคลื่นที่ใช้งานได้ทั่วไปและครอบคลุมพื้นที่กว้าง ➡️ Apple ซื้อกิจการโมเด็มจาก Intel ตั้งแต่ปี 2019 เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีของตัวเอง ➡️ การรวมโมเด็ม 5G, Wi-Fi และ Bluetooth จะช่วยลดพื้นที่ภายในเครื่องและเพิ่มประสิทธิภาพ ➡️ Snapdragon X80 รองรับการรวมคลื่นหลายย่านและมีความเร็วสูงสุดในตลาดตอนนี้ https://wccftech.com/apple-c1x-not-as-fast-as-qualcomm-5g-modems-says-research-firm-ceo/
    WCCFTECH.COM
    Apple’s C1X 5G Modem Is Not ‘Good As Qualcomm’s Yet’ In Raw Performance, Says Research Firm CEO, But Mentions Battery Advantage
    A research firm’s CEO has commented on Apple’s C1X 5G modem, stating that it might not be as fast as Qualcomm’s, but it has other strengths such as battery life
    0 Comments 0 Shares 182 Views 0 Reviews
  • บทความกฎหมาย EP.4

    คำว่า “เคหสถาน” ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ตัวบ้าน
    หรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้เป็นที่พักอาศัยเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงบริเวณรอบๆ ที่อยู่อาศัยนั้นด้วย
    ไม่ว่าจะมีรั้วล้อมรอบหรือไม่ก็ตาม ซึ่งเป็นหลักการที่สำคัญยิ่งในการคุ้มครองสิทธิความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของประชาชน
    เช่นเดียวกับในคดีความอาญาที่เกี่ยวกับข้อหาบุกรุก
    การกระทำที่ถือว่าเป็นการบุกรุกเคหสถานจึงไม่ได้หมายถึงการเข้าสู่ตัวอาคารเพียงอย่างเดียว
    แต่ยังรวมถึงการเข้าไปในอาณาบริเวณโดยรอบโดยไม่ได้รับอนุญาต
    ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิในเคหสถานของผู้อื่น

    หลักการนี้สะท้อนให้เห็นว่ากฎหมายให้ความสำคัญกับการปกป้องพื้นที่ส่วนตัวที่บุคคลใช้เป็นที่พำนักอาศัย
    เพราะเคหสถานเป็นสถานที่ที่บุคคลควรได้รับความคุ้มครองสูงสุดจากภยันตรายและการรบกวน
    การทำความเข้าใจขอบเขตของคำว่า “เคหสถาน” จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง
    เพื่อให้ทุกคนตระหนักถึงหน้าที่ในการเคารพสิทธิของผู้อื่น
    และเพื่อป้องกันการกระทำที่อาจนำไปสู่การละเมิดกฎหมายโดยไม่ตั้งใจ
    หรือในทางกลับกันก็เพื่อรักษาสิทธิของตนเองในยามที่ถูกละเมิด

    ดังนั้น การทราบความหมายที่แท้จริงของคำว่า “เคหสถาน”
    ตามหลักกฎหมายจึงเป็นรากฐานสำคัญในการอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างสงบสุขเพราะการเคารพในพื้นที่ส่วนตัวของผู้อื่นนั้น
    เป็นหัวใจสำคัญของการสร้างความมั่นคงและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของทุกคนในสังคม.
    บทความกฎหมาย EP.4 คำว่า “เคหสถาน” ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ตัวบ้าน หรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้เป็นที่พักอาศัยเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงบริเวณรอบๆ ที่อยู่อาศัยนั้นด้วย ไม่ว่าจะมีรั้วล้อมรอบหรือไม่ก็ตาม ซึ่งเป็นหลักการที่สำคัญยิ่งในการคุ้มครองสิทธิความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของประชาชน เช่นเดียวกับในคดีความอาญาที่เกี่ยวกับข้อหาบุกรุก การกระทำที่ถือว่าเป็นการบุกรุกเคหสถานจึงไม่ได้หมายถึงการเข้าสู่ตัวอาคารเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงการเข้าไปในอาณาบริเวณโดยรอบโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิในเคหสถานของผู้อื่น หลักการนี้สะท้อนให้เห็นว่ากฎหมายให้ความสำคัญกับการปกป้องพื้นที่ส่วนตัวที่บุคคลใช้เป็นที่พำนักอาศัย เพราะเคหสถานเป็นสถานที่ที่บุคคลควรได้รับความคุ้มครองสูงสุดจากภยันตรายและการรบกวน การทำความเข้าใจขอบเขตของคำว่า “เคหสถาน” จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อให้ทุกคนตระหนักถึงหน้าที่ในการเคารพสิทธิของผู้อื่น และเพื่อป้องกันการกระทำที่อาจนำไปสู่การละเมิดกฎหมายโดยไม่ตั้งใจ หรือในทางกลับกันก็เพื่อรักษาสิทธิของตนเองในยามที่ถูกละเมิด ดังนั้น การทราบความหมายที่แท้จริงของคำว่า “เคหสถาน” ตามหลักกฎหมายจึงเป็นรากฐานสำคัญในการอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างสงบสุขเพราะการเคารพในพื้นที่ส่วนตัวของผู้อื่นนั้น เป็นหัวใจสำคัญของการสร้างความมั่นคงและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของทุกคนในสังคม.
    0 Comments 0 Shares 305 Views 0 Reviews
  • ในช่วงสงคราม 12 วัน ระหว่างอิหร่านกับอิสราเอลที่ผ่านมา หัวขโมยชาวอิหร่านรายหนึ่งกลายเป็นวีรบุรุษจำเป็นในช่วงข้ามคืน!
    .
    เรื่องราวเริ่มขึ้นเมื่อ หัวขโฒยรายหนึ่งพยายามบุกเข้าไปในบ้านหลังหนึ่งในกรุงเตหะราน เมืองหลวงของอิหร่าน เพื่อหวังขโมยทรัพย์สินในบ้านหลังนั้น แต่กลายเป็นว่า บ้านหลังดังกล่าวไม่ใช่บ้านธรรมดา แต่มันคือสถานที่แอบลักลอบผลิตโดรนของสายลับมอสสาดของอิสราเอล
    .
    หัวขโมยรายนั้นตกใจมาก แทนที่เขาจะหลบหนีออกจากบ้านไปเฉยๆ แต่เขาเลือกโทรแจ้งตำรวจ พร้อมกับสารภาพต่อเจ้าหน้าที่ตรงๆ ว่า เขาคือหัวขโมยที่ในบ้านหลังนั้นเพื่อขโมยของ แต่เขาดันไปเจอโดรนเข้าของสายลับมอสสาด พร้อมแจ้งพิกัดบ้านหลังดังกล่าว
    .
    ตำรวจรีบมาตรวจสอบสถานที่ทันที การโทรของหัวขโมยครั้งนั้นมีส่วนสำคัญอย่างมากในการสืบสวนขยายผล และทำลายล้างเครือข่ายปฏิบัติการสำคัญของสายลับมอสสาดในเตหะรานในช่วงสงคราม 12 วัน ที่ผ่านมา
    .
    ที่มา:
    https://x.com/AryJeay/status/1970071466822586487
    ในช่วงสงคราม 12 วัน ระหว่างอิหร่านกับอิสราเอลที่ผ่านมา หัวขโมยชาวอิหร่านรายหนึ่งกลายเป็นวีรบุรุษจำเป็นในช่วงข้ามคืน! . เรื่องราวเริ่มขึ้นเมื่อ หัวขโฒยรายหนึ่งพยายามบุกเข้าไปในบ้านหลังหนึ่งในกรุงเตหะราน เมืองหลวงของอิหร่าน เพื่อหวังขโมยทรัพย์สินในบ้านหลังนั้น แต่กลายเป็นว่า บ้านหลังดังกล่าวไม่ใช่บ้านธรรมดา แต่มันคือสถานที่แอบลักลอบผลิตโดรนของสายลับมอสสาดของอิสราเอล . หัวขโมยรายนั้นตกใจมาก แทนที่เขาจะหลบหนีออกจากบ้านไปเฉยๆ แต่เขาเลือกโทรแจ้งตำรวจ พร้อมกับสารภาพต่อเจ้าหน้าที่ตรงๆ ว่า เขาคือหัวขโมยที่ในบ้านหลังนั้นเพื่อขโมยของ แต่เขาดันไปเจอโดรนเข้าของสายลับมอสสาด พร้อมแจ้งพิกัดบ้านหลังดังกล่าว . ตำรวจรีบมาตรวจสอบสถานที่ทันที การโทรของหัวขโมยครั้งนั้นมีส่วนสำคัญอย่างมากในการสืบสวนขยายผล และทำลายล้างเครือข่ายปฏิบัติการสำคัญของสายลับมอสสาดในเตหะรานในช่วงสงคราม 12 วัน ที่ผ่านมา . ที่มา: https://x.com/AryJeay/status/1970071466822586487
    0 Comments 0 Shares 262 Views 0 0 Reviews
  • ภาพการชุมนุมประท้วงของชาวอิตาลีในกรุงโรม มิลาน ตูริน เพื่อต่อต้านการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในฉนวนกาซา และเพื่อแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับชาวปาเลสไตน์ต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในฉนวนกาซา
    .
    นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้รัฐบาลยุติการขายอาวุธให้กับอิสราเอล แล้วใช้มาตรการคว่ำบาตรเพื่อยุติการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
    ภาพการชุมนุมประท้วงของชาวอิตาลีในกรุงโรม มิลาน ตูริน เพื่อต่อต้านการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในฉนวนกาซา และเพื่อแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับชาวปาเลสไตน์ต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในฉนวนกาซา . นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้รัฐบาลยุติการขายอาวุธให้กับอิสราเอล แล้วใช้มาตรการคว่ำบาตรเพื่อยุติการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
    0 Comments 0 Shares 329 Views 0 0 Reviews
  • ภาพหาดูยาก จากกล้องของเจ้าหน้าที่ดับเพลิงยูเครน ขณะที่โดรน Geran-2 ของรัสเซีย บินเข้าโจมตีคลังน้ำมันแห่งหนึ่ง
    ภาพหาดูยาก จากกล้องของเจ้าหน้าที่ดับเพลิงยูเครน ขณะที่โดรน Geran-2 ของรัสเซีย บินเข้าโจมตีคลังน้ำมันแห่งหนึ่ง
    0 Comments 0 Shares 166 Views 0 0 Reviews
  • "เอ็มมานูเอล มาครง" ผู้นำฝรั่งเศส ประกาศรับรองสถานะรัฐปาเลสไตน์อย่างเป็นทางการแล้ว
    "เอ็มมานูเอล มาครง" ผู้นำฝรั่งเศส ประกาศรับรองสถานะรัฐปาเลสไตน์อย่างเป็นทางการแล้ว
    0 Comments 0 Shares 161 Views 0 Reviews
  • สรุปหลักแดนที่ จ. สระแก้ว(กองกำลังบูรพา )
    หลักเขตแดนในพื้นที่จังหวัดสระแก้วของกองกำลังบูรพามีทั้งหมด 24 หลัก(หลักที่ 28-51)

    ✅️มีความเห็นตรงกัน ในที่ตั้งหลักเขตแดน 13 หลักได้แก่ 29 30 31 32 37 40 41 43 44 45 49 50 5
    ❌️มีความเห็นไม่ตรงกันในที่ตั้งหลักเขตแดน 11 หลัก ได้แก่ 28 33 34 35 36 38 39 42 46 47 48

    ลักษณะทางกายภาพแนวเขตแดน
    28-31 ห้วยโอปะอาว
    32-33 ห้วยไทร
    33-43 เส้นตรง
    43-44 ห้วยระลมระสือ
    44-45 เส้นตรง(45 เป็นจุดเลี้ยว)
    45-49 เส้นตรง
    49-50 คลองลึก
    50-51 ห้วยพรมโหด

    การที่ ลูกแหง่อย่างฮุนมาเนท ฟ้องโลกก็เป็นเพียงกลบเกลื่อนความจริงเท่านั้นและฮุน ไม่กล้าเล่นพื้นที่สระแก้วแน่นอนเพราะเสียผลประโยชน์มากเพราะทางการเขมรเซ็นยอมรับหลักแดนเอง การยอมรับหลักแดนก็เท่ากับยอมรับเส้นเขตแดนไปด้วย แม้บางหลักไม่ตรงกันบ้างแต่ก็พอจะประมาณได้ว่า พื้นที่ใดอ้างสิทธิ์ ซ้อนกัน พื้นที่ใด้เป็นของใครชัดเจน

    เมื่อดูจาก ข้อเท็จจริงแล้วจะพบว่า เขมรได้สร้างคาสิโนล้ำเข้ามาในพื้นที่อ้างสิทธิ์ชัดเจน อีกทั้ง ยังมีชาวบ้านเขมรที่สร้างที่พักอาศัยล้ำเขตแดนเข้ามาในพื้นที่ของไทยอีกด้วย มาถึงตรงนี้ผมชักเป็นห่วงความปลอดภัยของ นาย ลายเซียงลี (คนที่เซ็นยอมรับหลักเขตแดนร่วมกันกับไทย )ซะแล้ว ว่าจะอยู่ดีหรือไม่

    อีกประการที่สำคัญแม้ว่าจะมีค่ายอพยพผู้ลี้ภัย(คำเรียกจากต่างชาติ)อยู่ในพื้นที่จังหวัดสระแก้วก็ตาม แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด มีมากที่เข้ามาอยู่เอง และบอกได้อย่างชัดเจนว่า ทางเทคนิคประเทศไทยไม่ยอมรับชาวเขมรเหล่านี้ว่าเป็นผู้ลี้ภัยเลย ดังนั้นไม่ใช่เขมรทั้งหมดจะเป็นผู้ลี้ภัย และส่วนมากเป็น พวกหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย โดยไทยได้จัดตั้งหน่วยที่ชื่อว่า
    “หน่วยควบคุมผู้หลบหนีเข้าเมืองจากกัมพูชา”
    ดังนั้นจากนี้เป็นต้นไปเราจะไม่เรียกเขมรว่าเป็นผู้ลี้ภัยแต่เราจะจำกัดคำนิยามพวกเขมรว่า

    “ผู้หลบหนีเข้าเมืองจากกัมพูชา”

    Cr.: wanchana sawasdee (เสธ.เบิร์ด)
    สรุปหลักแดนที่ จ. สระแก้ว(กองกำลังบูรพา ) หลักเขตแดนในพื้นที่จังหวัดสระแก้วของกองกำลังบูรพามีทั้งหมด 24 หลัก(หลักที่ 28-51) ✅️มีความเห็นตรงกัน ในที่ตั้งหลักเขตแดน 13 หลักได้แก่ 29 30 31 32 37 40 41 43 44 45 49 50 5 ❌️มีความเห็นไม่ตรงกันในที่ตั้งหลักเขตแดน 11 หลัก ได้แก่ 28 33 34 35 36 38 39 42 46 47 48 ลักษณะทางกายภาพแนวเขตแดน 28-31 ห้วยโอปะอาว 32-33 ห้วยไทร 33-43 เส้นตรง 43-44 ห้วยระลมระสือ 44-45 เส้นตรง(45 เป็นจุดเลี้ยว) 45-49 เส้นตรง 49-50 คลองลึก 50-51 ห้วยพรมโหด การที่ ลูกแหง่อย่างฮุนมาเนท ฟ้องโลกก็เป็นเพียงกลบเกลื่อนความจริงเท่านั้นและฮุน ไม่กล้าเล่นพื้นที่สระแก้วแน่นอนเพราะเสียผลประโยชน์มากเพราะทางการเขมรเซ็นยอมรับหลักแดนเอง การยอมรับหลักแดนก็เท่ากับยอมรับเส้นเขตแดนไปด้วย แม้บางหลักไม่ตรงกันบ้างแต่ก็พอจะประมาณได้ว่า พื้นที่ใดอ้างสิทธิ์ ซ้อนกัน พื้นที่ใด้เป็นของใครชัดเจน เมื่อดูจาก ข้อเท็จจริงแล้วจะพบว่า เขมรได้สร้างคาสิโนล้ำเข้ามาในพื้นที่อ้างสิทธิ์ชัดเจน อีกทั้ง ยังมีชาวบ้านเขมรที่สร้างที่พักอาศัยล้ำเขตแดนเข้ามาในพื้นที่ของไทยอีกด้วย มาถึงตรงนี้ผมชักเป็นห่วงความปลอดภัยของ นาย ลายเซียงลี (คนที่เซ็นยอมรับหลักเขตแดนร่วมกันกับไทย )ซะแล้ว ว่าจะอยู่ดีหรือไม่ อีกประการที่สำคัญแม้ว่าจะมีค่ายอพยพผู้ลี้ภัย(คำเรียกจากต่างชาติ)อยู่ในพื้นที่จังหวัดสระแก้วก็ตาม แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด มีมากที่เข้ามาอยู่เอง และบอกได้อย่างชัดเจนว่า ทางเทคนิคประเทศไทยไม่ยอมรับชาวเขมรเหล่านี้ว่าเป็นผู้ลี้ภัยเลย ดังนั้นไม่ใช่เขมรทั้งหมดจะเป็นผู้ลี้ภัย และส่วนมากเป็น พวกหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย โดยไทยได้จัดตั้งหน่วยที่ชื่อว่า “หน่วยควบคุมผู้หลบหนีเข้าเมืองจากกัมพูชา” ดังนั้นจากนี้เป็นต้นไปเราจะไม่เรียกเขมรว่าเป็นผู้ลี้ภัยแต่เราจะจำกัดคำนิยามพวกเขมรว่า “ผู้หลบหนีเข้าเมืองจากกัมพูชา” Cr.: wanchana sawasdee (เสธ.เบิร์ด)
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 392 Views 0 Reviews
  • สาวไทยใจถึง จัดหนักสอนให้สำนึก พ่อค้าแม่ค้าไทย แต่ใจเขมร (23/9/68)

    #ThaiTimes
    #News1
    #News1short
    #TruthFromThailand
    #shorts
    #สาวไทย
    #พ่อค้าแม่ค้า
    #เขมร
    #ชายแดนไทย
    สาวไทยใจถึง จัดหนักสอนให้สำนึก พ่อค้าแม่ค้าไทย แต่ใจเขมร (23/9/68) #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #สาวไทย #พ่อค้าแม่ค้า #เขมร #ชายแดนไทย
    0 Comments 0 Shares 141 Views 0 0 Reviews
  • ต้องยอมรับ นายกหนูรู้จริง อย่าด้อยค่าพลังของประชาชน (23/9/68)

    #ThaiTimes
    #News1
    #News1short
    #TruthFromThailand
    #shorts
    #นายกหนู
    #อนุทิน
    #การเมืองไทย
    ต้องยอมรับ นายกหนูรู้จริง อย่าด้อยค่าพลังของประชาชน (23/9/68) #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #นายกหนู #อนุทิน #การเมืองไทย
    0 Comments 0 Shares 118 Views 0 0 Reviews
  • ท.เขมรรันทด ที่พึ่งสุดท้าย บริกรรมคาถาป้องกัน F-16 (23/9/68)

    #ThaiTimes
    #News1
    #News1short
    #TruthFromThailand
    #shorts
    #เขมร
    #F16
    #ชายแดนไทย
    #scambodia
    ท.เขมรรันทด ที่พึ่งสุดท้าย บริกรรมคาถาป้องกัน F-16 (23/9/68) #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #เขมร #F16 #ชายแดนไทย #scambodia
    0 Comments 0 Shares 105 Views 0 0 Reviews
  • FENGSHUI DAILY
    อัพเดตทุกวัน ที่นี่ที่เดียว
    สีเสริมดวง เสริมความเฮง
    ทิศมงคล เวลามงคล
    อย่าลืมดูกัน เมื่อเริ่มวันใหม่
    วันพุธที่ 24 เดือนกันยายน พ.ศ.2568
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    FENGSHUI DAILY อัพเดตทุกวัน ที่นี่ที่เดียว สีเสริมดวง เสริมความเฮง ทิศมงคล เวลามงคล อย่าลืมดูกัน เมื่อเริ่มวันใหม่ วันพุธที่ 24 เดือนกันยายน พ.ศ.2568 ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    0 Comments 0 Shares 95 Views 0 Reviews