• เรื่องเล่าจาก ACP: เมื่อ Claude Code หลุดจากเทอร์มินัลและกลายเป็นเพื่อนร่วมงานใน Zed

    หลังจากเสียงเรียกร้องจากนักพัฒนาทั่วโลก ทีมงาน Zed ได้เปิดตัวการเชื่อมต่อ Claude Code แบบ native ผ่าน Agent Client Protocol (ACP) ซึ่งเป็นมาตรฐานเปิดใหม่ที่ช่วยให้ AI agent ทำงานร่วมกับ editor ได้อย่างลื่นไหล โดยไม่ต้องพึ่งการผูกติดแบบเฉพาะเจาะจง

    Claude Code ซึ่งเคยเป็นเครื่องมือที่ต้องรันผ่าน CLI ตอนนี้สามารถทำงานใน Zed ได้แบบเต็มรูปแบบ: แก้โค้ดหลายไฟล์พร้อมกัน, แสดง syntax highlight, ใช้ language server, และให้ผู้ใช้ตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงแบบ granular ผ่าน multibuffer—เลือกได้ว่าจะรับหรือปฏิเสธแต่ละ hunk

    ผู้ใช้ยังสามารถสร้าง workflow ของตัวเองผ่าน slash command และดู task list ของ Claude Code ได้จาก sidebar แบบ real-time ซึ่งช่วยให้การทำงานร่วมกับ agent เป็นไปอย่างโปร่งใสและมีประสิทธิภาพ

    การเชื่อมต่อนี้ไม่ได้เกิดจากการ hardcode แต่ใช้ ACP ซึ่งเป็นมาตรฐาน JSON-RPC ที่ Zed พัฒนาและเปิดซอร์สไว้ ทำให้ Claude Code สามารถทำงานใน Zed ได้แบบ process อิสระ และสามารถนำไปใช้ใน editor อื่นที่รองรับ ACP เช่น Neovim ผ่าน community adapter

    แม้ตอนนี้ยังอยู่ในช่วง beta และบางฟีเจอร์ของ Claude Code ยังไม่รองรับผ่าน SDK เช่น Plan mode หรือ slash command บางตัว แต่ทีมงาน Zed ยืนยันว่าจะเพิ่มความสามารถต่อเนื่องตามการอัปเดตจาก Anthropic

    https://zed.dev/blog/claude-code-via-acp
    🎙️ เรื่องเล่าจาก ACP: เมื่อ Claude Code หลุดจากเทอร์มินัลและกลายเป็นเพื่อนร่วมงานใน Zed หลังจากเสียงเรียกร้องจากนักพัฒนาทั่วโลก ทีมงาน Zed ได้เปิดตัวการเชื่อมต่อ Claude Code แบบ native ผ่าน Agent Client Protocol (ACP) ซึ่งเป็นมาตรฐานเปิดใหม่ที่ช่วยให้ AI agent ทำงานร่วมกับ editor ได้อย่างลื่นไหล โดยไม่ต้องพึ่งการผูกติดแบบเฉพาะเจาะจง Claude Code ซึ่งเคยเป็นเครื่องมือที่ต้องรันผ่าน CLI ตอนนี้สามารถทำงานใน Zed ได้แบบเต็มรูปแบบ: แก้โค้ดหลายไฟล์พร้อมกัน, แสดง syntax highlight, ใช้ language server, และให้ผู้ใช้ตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงแบบ granular ผ่าน multibuffer—เลือกได้ว่าจะรับหรือปฏิเสธแต่ละ hunk ผู้ใช้ยังสามารถสร้าง workflow ของตัวเองผ่าน slash command และดู task list ของ Claude Code ได้จาก sidebar แบบ real-time ซึ่งช่วยให้การทำงานร่วมกับ agent เป็นไปอย่างโปร่งใสและมีประสิทธิภาพ การเชื่อมต่อนี้ไม่ได้เกิดจากการ hardcode แต่ใช้ ACP ซึ่งเป็นมาตรฐาน JSON-RPC ที่ Zed พัฒนาและเปิดซอร์สไว้ ทำให้ Claude Code สามารถทำงานใน Zed ได้แบบ process อิสระ และสามารถนำไปใช้ใน editor อื่นที่รองรับ ACP เช่น Neovim ผ่าน community adapter แม้ตอนนี้ยังอยู่ในช่วง beta และบางฟีเจอร์ของ Claude Code ยังไม่รองรับผ่าน SDK เช่น Plan mode หรือ slash command บางตัว แต่ทีมงาน Zed ยืนยันว่าจะเพิ่มความสามารถต่อเนื่องตามการอัปเดตจาก Anthropic https://zed.dev/blog/claude-code-via-acp
    ZED.DEV
    Claude Code: Now in Beta in Zed - Zed Blog
    From the Zed Blog: You asked, and here it is. Use Claude Code in public beta directly in Zed, built on the new Agent Client Protocol.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 33 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐบาลใหม่มีเวลา 4 เดือนกอบกู้เศรษฐกิจ! ภาคเอกชนเร่งแก้ปัญหาเร่งด่วน หวั่นกระทบความเชื่อมั่นประเทศ กกร.เสนอลดภาษีที่ดิน สร้างแรงงานทักษะสูง เอกชนกังวลปัญหาการเมืองฉุดเศรษฐกิจ วอนเร่งจัดตั้งรัฐบาลฟื้นความเชื่อมั่นโดยเร็ว
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000084502

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    รัฐบาลใหม่มีเวลา 4 เดือนกอบกู้เศรษฐกิจ! ภาคเอกชนเร่งแก้ปัญหาเร่งด่วน หวั่นกระทบความเชื่อมั่นประเทศ กกร.เสนอลดภาษีที่ดิน สร้างแรงงานทักษะสูง เอกชนกังวลปัญหาการเมืองฉุดเศรษฐกิจ วอนเร่งจัดตั้งรัฐบาลฟื้นความเชื่อมั่นโดยเร็ว . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000084502 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 339 มุมมอง 0 รีวิว
  • ‘ชูวิทย์’ ลั่น นี่คือการหลอกลวงที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่เคยเห็นมาในการเมืองไทย บอก ‘พรรคประชาชน’ ปฏิเสธไม่ได้ ต้องรับผิดชอบต่อนายกฯ และ ครม.ที่โหวตมา
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000084503

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    ‘ชูวิทย์’ ลั่น นี่คือการหลอกลวงที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่เคยเห็นมาในการเมืองไทย บอก ‘พรรคประชาชน’ ปฏิเสธไม่ได้ ต้องรับผิดชอบต่อนายกฯ และ ครม.ที่โหวตมา . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000084503 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Haha
    Yay
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 336 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจาก EEG: เมื่อ ChatGPT ไม่ได้แค่ช่วยเขียน แต่กำลัง “เขียนใหม่” ระบบประสาทของเรา

    งานวิจัยล่าสุดจาก MIT Media Lab ชื่อว่า “Your Brain on ChatGPT” ได้ทดลองให้ผู้เข้าร่วม 54 คนแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม: กลุ่มที่เขียนด้วยสมองตัวเอง, กลุ่มที่ใช้ Search Engine, และกลุ่มที่ใช้ LLM (เช่น ChatGPT หรือ Grok) เพื่อช่วยเขียนเรียงความ SAT โดยใช้ EEG สแกนสมองระหว่างทำงาน

    ผลลัพธ์ชัดเจน: กลุ่มที่ใช้ LLM มีการเชื่อมต่อของสมองลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในคลื่น alpha, beta, delta และ theta ซึ่งเกี่ยวข้องกับการจดจ่อ, การมองเห็น, และการประมวลผลเชิงลึก

    ที่น่าตกใจคือ เมื่อให้เขียนโดยไม่ใช้ AI ใน Session 4 ผู้ที่เคยใช้ LLM กลับไม่สามารถฟื้นฟูการทำงานของสมองได้เหมือนเดิม—แสดงถึง “ความเสียหายตกค้าง” ที่อาจกลายเป็นภาวะถดถอยทางปัญญาระยะยาว

    นอกจากนี้ 83.3% ของผู้ใช้ LLM ไม่สามารถจำแม้แต่ประโยคเดียวจากเรียงความที่เพิ่งเขียนได้ ขณะที่กลุ่มที่ใช้สมองหรือ Search Engine สามารถอ้างอิงได้อย่างแม่นยำ และยังรู้สึกเป็นเจ้าของงานเขียนของตัวเองมากกว่า

    นักวิจัยเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “cognitive offloading” คือสมองเริ่มปรับตัวให้ใช้พลังงานน้อยลงเมื่อมีเครื่องมือช่วย—แต่ผลที่ตามมาคือการลดลงของการเรียนรู้เชิงลึก, การสังเคราะห์ข้อมูล, และความพยายามในการแก้ปัญหา

    ผลกระทบของการใช้ LLM ต่อสมอง
    EEG แสดงการลดลงของการเชื่อมต่อสมองในหลายคลื่นความถี่
    การใช้ LLM ทำให้สมองไม่กระตุ้นเครือข่ายการมองเห็นและความสนใจ
    ผู้ใช้ LLM มีความจำและการจดจำเนื้อหาลดลงอย่างชัดเจน

    ความรู้สึกของผู้ใช้ต่อผลงานของตัวเอง
    ผู้ใช้ LLM มักตอบว่า “50/50” หรือ “ไม่แน่ใจว่าเป็นของตัวเอง”
    กลุ่มที่ใช้สมองเองรายงานความรู้สึกเป็นเจ้าของงานอย่างชัดเจน
    การใช้ AI ทำให้เกิดความรู้สึกแยกตัวจากกระบวนการสร้างสรรค์

    ผลกระทบระยะยาวจากการใช้ AI
    ผู้ใช้ LLM ที่เปลี่ยนกลับมาเขียนเองยังคงมีการทำงานของสมองต่ำกว่าปกติ
    สมองปรับตัวให้ “ประหยัดพลังงาน” แต่แลกด้วยการลดความสามารถในการเรียนรู้
    งานเขียนจาก LLM มักสั้นลง, มีโครงสร้างจำกัด, และขาดการบูรณาการเชิงกลยุทธ์

    ข้อเสนอจากนักวิจัย
    ควรใช้ AI อย่างมีขอบเขต และให้สมองได้ทำงานจริงเป็นระยะ
    การใช้ AI เพื่อความสะดวกอาจนำไปสู่ “หนี้ทางปัญญา” ที่สะสมเรื่อย ๆ
    การเรียนรู้ที่แท้จริงต้องใช้ความพยายาม ไม่ใช่แค่ผลลัพธ์ที่ดูดี

    https://publichealthpolicyjournal.com/mit-study-finds-artificial-intelligence-use-reprograms-the-brain-leading-to-cognitive-decline/
    🎙️ เรื่องเล่าจาก EEG: เมื่อ ChatGPT ไม่ได้แค่ช่วยเขียน แต่กำลัง “เขียนใหม่” ระบบประสาทของเรา งานวิจัยล่าสุดจาก MIT Media Lab ชื่อว่า “Your Brain on ChatGPT” ได้ทดลองให้ผู้เข้าร่วม 54 คนแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม: กลุ่มที่เขียนด้วยสมองตัวเอง, กลุ่มที่ใช้ Search Engine, และกลุ่มที่ใช้ LLM (เช่น ChatGPT หรือ Grok) เพื่อช่วยเขียนเรียงความ SAT โดยใช้ EEG สแกนสมองระหว่างทำงาน ผลลัพธ์ชัดเจน: กลุ่มที่ใช้ LLM มีการเชื่อมต่อของสมองลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในคลื่น alpha, beta, delta และ theta ซึ่งเกี่ยวข้องกับการจดจ่อ, การมองเห็น, และการประมวลผลเชิงลึก ที่น่าตกใจคือ เมื่อให้เขียนโดยไม่ใช้ AI ใน Session 4 ผู้ที่เคยใช้ LLM กลับไม่สามารถฟื้นฟูการทำงานของสมองได้เหมือนเดิม—แสดงถึง “ความเสียหายตกค้าง” ที่อาจกลายเป็นภาวะถดถอยทางปัญญาระยะยาว นอกจากนี้ 83.3% ของผู้ใช้ LLM ไม่สามารถจำแม้แต่ประโยคเดียวจากเรียงความที่เพิ่งเขียนได้ ขณะที่กลุ่มที่ใช้สมองหรือ Search Engine สามารถอ้างอิงได้อย่างแม่นยำ และยังรู้สึกเป็นเจ้าของงานเขียนของตัวเองมากกว่า นักวิจัยเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “cognitive offloading” คือสมองเริ่มปรับตัวให้ใช้พลังงานน้อยลงเมื่อมีเครื่องมือช่วย—แต่ผลที่ตามมาคือการลดลงของการเรียนรู้เชิงลึก, การสังเคราะห์ข้อมูล, และความพยายามในการแก้ปัญหา ✅ ผลกระทบของการใช้ LLM ต่อสมอง ➡️ EEG แสดงการลดลงของการเชื่อมต่อสมองในหลายคลื่นความถี่ ➡️ การใช้ LLM ทำให้สมองไม่กระตุ้นเครือข่ายการมองเห็นและความสนใจ ➡️ ผู้ใช้ LLM มีความจำและการจดจำเนื้อหาลดลงอย่างชัดเจน ✅ ความรู้สึกของผู้ใช้ต่อผลงานของตัวเอง ➡️ ผู้ใช้ LLM มักตอบว่า “50/50” หรือ “ไม่แน่ใจว่าเป็นของตัวเอง” ➡️ กลุ่มที่ใช้สมองเองรายงานความรู้สึกเป็นเจ้าของงานอย่างชัดเจน ➡️ การใช้ AI ทำให้เกิดความรู้สึกแยกตัวจากกระบวนการสร้างสรรค์ ✅ ผลกระทบระยะยาวจากการใช้ AI ➡️ ผู้ใช้ LLM ที่เปลี่ยนกลับมาเขียนเองยังคงมีการทำงานของสมองต่ำกว่าปกติ ➡️ สมองปรับตัวให้ “ประหยัดพลังงาน” แต่แลกด้วยการลดความสามารถในการเรียนรู้ ➡️ งานเขียนจาก LLM มักสั้นลง, มีโครงสร้างจำกัด, และขาดการบูรณาการเชิงกลยุทธ์ ✅ ข้อเสนอจากนักวิจัย ➡️ ควรใช้ AI อย่างมีขอบเขต และให้สมองได้ทำงานจริงเป็นระยะ ➡️ การใช้ AI เพื่อความสะดวกอาจนำไปสู่ “หนี้ทางปัญญา” ที่สะสมเรื่อย ๆ ➡️ การเรียนรู้ที่แท้จริงต้องใช้ความพยายาม ไม่ใช่แค่ผลลัพธ์ที่ดูดี https://publichealthpolicyjournal.com/mit-study-finds-artificial-intelligence-use-reprograms-the-brain-leading-to-cognitive-decline/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 64 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจาก stress-ng: เมื่อ 50% CPU utilization อาจหมายถึง 80% ของงานจริงที่ระบบทำได้
    Brendan Long จาก MITRE Labs ได้ทดลองกับเครื่อง Ryzen 9 5900X โดยใช้ stress-ng เพื่อทดสอบว่า %CPU utilization ที่ระบบรายงานนั้นสัมพันธ์กับงานจริงที่เครื่องทำได้มากน้อยแค่ไหน ผลลัพธ์กลับชวนให้ตั้งคำถามกับสิ่งที่เราคิดว่า “เข้าใจดี” มาตลอด

    เขารัน stress-ng ด้วย worker 24 ตัวที่ทำงานในระดับ utilization ต่าง ๆ และอีกชุดที่รัน 1–24 worker ที่ 100% utilization เพื่อดูว่าระบบจัดการงานอย่างไร และพบว่า:

    ในงานทั่วไป เช่น CPU benchmark ทั่วไป: ที่ระบบรายงานว่าใช้ CPU 50% จริง ๆ แล้วเครื่องทำงานได้ถึง 60–65% ของความสามารถสูงสุด

    ในงานคำนวณ 64-bit integer: 50% utilization กลับเท่ากับ 65–85% ของงานจริง

    ในงาน matrix math ที่ใช้ SIMD หนัก ๆ: 50% utilization เท่ากับ 80–100% ของงานจริง—และการเพิ่ม worker ไม่ได้เพิ่มงานเลย แต่แค่ทำให้ตัวเลข utilization สูงขึ้น

    สาเหตุหลักคือ hyperthreading และ turbo boost:

    Hyperthreading ทำให้ core เสมือนแชร์ทรัพยากรกับ core จริง เมื่อใช้เกินจำนวน core จริง ประสิทธิภาพจะลดลงอย่างไม่เป็นเชิงเส้น

    Turbo boost ทำให้ CPU ลดความเร็วเมื่อมี core ทำงานมากขึ้น เพื่อควบคุมความร้อนและพลังงาน ส่งผลให้การคำนวณ utilization (busy cycles / total cycles) ผิดเพี้ยนไป

    Brendan สรุปว่า %CPU utilization ไม่สามารถใช้เป็นตัวแทนของ “งานจริง” ได้ และแนะนำให้วัดจาก benchmark ที่ดูจำนวนงานที่ทำได้จริง เช่น Bogo ops หรือ latency ของระบบแทน

    https://www.brendanlong.com/cpu-utilization-is-a-lie.html
    🎙️ เรื่องเล่าจาก stress-ng: เมื่อ 50% CPU utilization อาจหมายถึง 80% ของงานจริงที่ระบบทำได้ Brendan Long จาก MITRE Labs ได้ทดลองกับเครื่อง Ryzen 9 5900X โดยใช้ stress-ng เพื่อทดสอบว่า %CPU utilization ที่ระบบรายงานนั้นสัมพันธ์กับงานจริงที่เครื่องทำได้มากน้อยแค่ไหน ผลลัพธ์กลับชวนให้ตั้งคำถามกับสิ่งที่เราคิดว่า “เข้าใจดี” มาตลอด เขารัน stress-ng ด้วย worker 24 ตัวที่ทำงานในระดับ utilization ต่าง ๆ และอีกชุดที่รัน 1–24 worker ที่ 100% utilization เพื่อดูว่าระบบจัดการงานอย่างไร และพบว่า: ℹ️ ในงานทั่วไป เช่น CPU benchmark ทั่วไป: ที่ระบบรายงานว่าใช้ CPU 50% จริง ๆ แล้วเครื่องทำงานได้ถึง 60–65% ของความสามารถสูงสุด ℹ️ ในงานคำนวณ 64-bit integer: 50% utilization กลับเท่ากับ 65–85% ของงานจริง ℹ️ ในงาน matrix math ที่ใช้ SIMD หนัก ๆ: 50% utilization เท่ากับ 80–100% ของงานจริง—และการเพิ่ม worker ไม่ได้เพิ่มงานเลย แต่แค่ทำให้ตัวเลข utilization สูงขึ้น สาเหตุหลักคือ hyperthreading และ turbo boost: ℹ️ Hyperthreading ทำให้ core เสมือนแชร์ทรัพยากรกับ core จริง เมื่อใช้เกินจำนวน core จริง ประสิทธิภาพจะลดลงอย่างไม่เป็นเชิงเส้น ℹ️ Turbo boost ทำให้ CPU ลดความเร็วเมื่อมี core ทำงานมากขึ้น เพื่อควบคุมความร้อนและพลังงาน ส่งผลให้การคำนวณ utilization (busy cycles / total cycles) ผิดเพี้ยนไป Brendan สรุปว่า %CPU utilization ไม่สามารถใช้เป็นตัวแทนของ “งานจริง” ได้ และแนะนำให้วัดจาก benchmark ที่ดูจำนวนงานที่ทำได้จริง เช่น Bogo ops หรือ latency ของระบบแทน https://www.brendanlong.com/cpu-utilization-is-a-lie.html
    WWW.BRENDANLONG.COM
    %CPU Utilization Is A Lie
    I deal with a lot of servers at work, and one thing everyone wants to know about their servers is how close they are to being at max utilization. It should be easy, right? Just pull up top or another system monitor tool, look at network, memory and CPU utilization …
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 52 มุมมอง 0 รีวิว
  • The neoclassical architecture with a Portuguese influence style cover with the blue and white azulejo tiles wall
    The neoclassical architecture with a Portuguese influence style cover with the blue and white azulejo tiles wall
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 41 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจาก Sanity: เมื่อ AI กลายเป็นทีมงานที่ลืมทุกอย่างทุกเช้า แต่ยังช่วยให้เราส่งงานได้เร็วขึ้น 2–3 เท่า

    Vincent Quigley วิศวกรอาวุโสจาก Sanity ได้แชร์ประสบการณ์ 6 สัปดาห์ในการใช้ Claude Code ผ่าน Agent Client Protocol (ACP) ซึ่งเป็นมาตรฐานใหม่ที่ช่วยให้ AI agent ทำงานร่วมกับ editor ได้อย่างลื่นไหล โดยเฉพาะใน Zed editor ที่รองรับ Claude แบบ native แล้ว

    เขาเปรียบ Claude Code ว่าเป็น “นักพัฒนาฝึกหัดที่ลืมทุกอย่างทุกเช้า” และนั่นคือเหตุผลที่ workflow ของเขาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง: ไม่ใช่การรอให้ AI สร้างโค้ดที่สมบูรณ์ในครั้งเดียว แต่คือการทำงานร่วมกันแบบ iterative ที่เริ่มจาก “95% ขยะ” แล้วค่อย ๆ refine จนกลายเป็นโค้ดที่ใช้ได้จริง

    Vincent ใช้ Claude.md เป็นไฟล์บริบทที่รวม architecture, pattern, gotchas และลิงก์เอกสาร เพื่อให้ Claude เริ่มต้นจาก attempt ที่สองแทนที่จะต้องอธิบายใหม่ทุกครั้ง และยังเชื่อม Claude เข้ากับ Linear, Notion, GitHub และฐานข้อมูลแบบ read-only เพื่อให้ AI เข้าใจระบบได้ลึกขึ้น

    เขายังใช้ Claude หลาย instance พร้อมกัน โดยแบ่งงานเป็นคนละปัญหา และใช้ multibuffer ใน Zed เพื่อ review โค้ดแบบ granular—เลือกได้ว่าจะรับหรือปฏิเสธแต่ละ hunk พร้อม task list ที่แสดงใน sidebar แบบ real-time

    แม้ Claude จะช่วย review โค้ดได้ดี แต่ Vincent ย้ำว่า “วิศวกรต้องรับผิดชอบโค้ดที่ตัวเองส่ง” ไม่ว่าจะเขียนเองหรือ AI เขียนให้ และการไม่มี emotional attachment กับโค้ดที่ไม่ได้พิมพ์เอง กลับทำให้ review ได้ตรงจุดและกล้าลบสิ่งที่ไม่ดีมากขึ้น

    วิธีทำงานร่วมกับ Claude Code
    ใช้ Claude.md เพื่อสร้างบริบทให้ AI เข้าใจระบบ
    เชื่อม Claude กับ Linear, Notion, GitHub และฐานข้อมูลแบบ read-only
    ใช้ Claude หลาย instance พร้อมกัน โดยแบ่งงานเป็นคนละปัญหา

    การทำงานใน Zed ผ่าน ACP
    Claude Code ทำงานแบบ native ผ่าน Agent Client Protocol (ACP)
    รองรับ multibuffer review, syntax highlight, และ task list ใน sidebar
    สามารถใช้ slash command เพื่อสร้าง workflow แบบกำหนดเอง

    กระบวนการ iterative ที่ใช้ Claude
    Attempt แรก: 95% ขยะ แต่ช่วยให้เข้าใจระบบ
    Attempt สอง: เริ่มมีโครงสร้างที่ใช้ได้
    Attempt สาม: ได้โค้ดที่สามารถนำไป iterate ต่อได้จริง

    การ review โค้ดที่ AI สร้าง
    Claude ช่วยตรวจ test coverage, bug และเสนอ improvement
    วิศวกรต้อง review และรับผิดชอบโค้ดที่ส่ง
    ไม่มี emotional attachment ทำให้ review ได้ตรงจุดและกล้าลบมากขึ้น

    ผลลัพธ์และต้นทุน
    ส่งงานได้เร็วขึ้น 2–3 เท่า
    ลดเวลาทำ boilerplate และงานซ้ำ
    ค่าใช้จ่ายประมาณ $1000–1500 ต่อเดือนต่อวิศวกรที่ใช้ AI เต็มรูปแบบ

    https://www.sanity.io/blog/first-attempt-will-be-95-garbage
    🎙️ เรื่องเล่าจาก Sanity: เมื่อ AI กลายเป็นทีมงานที่ลืมทุกอย่างทุกเช้า แต่ยังช่วยให้เราส่งงานได้เร็วขึ้น 2–3 เท่า Vincent Quigley วิศวกรอาวุโสจาก Sanity ได้แชร์ประสบการณ์ 6 สัปดาห์ในการใช้ Claude Code ผ่าน Agent Client Protocol (ACP) ซึ่งเป็นมาตรฐานใหม่ที่ช่วยให้ AI agent ทำงานร่วมกับ editor ได้อย่างลื่นไหล โดยเฉพาะใน Zed editor ที่รองรับ Claude แบบ native แล้ว เขาเปรียบ Claude Code ว่าเป็น “นักพัฒนาฝึกหัดที่ลืมทุกอย่างทุกเช้า” และนั่นคือเหตุผลที่ workflow ของเขาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง: ไม่ใช่การรอให้ AI สร้างโค้ดที่สมบูรณ์ในครั้งเดียว แต่คือการทำงานร่วมกันแบบ iterative ที่เริ่มจาก “95% ขยะ” แล้วค่อย ๆ refine จนกลายเป็นโค้ดที่ใช้ได้จริง Vincent ใช้ Claude.md เป็นไฟล์บริบทที่รวม architecture, pattern, gotchas และลิงก์เอกสาร เพื่อให้ Claude เริ่มต้นจาก attempt ที่สองแทนที่จะต้องอธิบายใหม่ทุกครั้ง และยังเชื่อม Claude เข้ากับ Linear, Notion, GitHub และฐานข้อมูลแบบ read-only เพื่อให้ AI เข้าใจระบบได้ลึกขึ้น เขายังใช้ Claude หลาย instance พร้อมกัน โดยแบ่งงานเป็นคนละปัญหา และใช้ multibuffer ใน Zed เพื่อ review โค้ดแบบ granular—เลือกได้ว่าจะรับหรือปฏิเสธแต่ละ hunk พร้อม task list ที่แสดงใน sidebar แบบ real-time แม้ Claude จะช่วย review โค้ดได้ดี แต่ Vincent ย้ำว่า “วิศวกรต้องรับผิดชอบโค้ดที่ตัวเองส่ง” ไม่ว่าจะเขียนเองหรือ AI เขียนให้ และการไม่มี emotional attachment กับโค้ดที่ไม่ได้พิมพ์เอง กลับทำให้ review ได้ตรงจุดและกล้าลบสิ่งที่ไม่ดีมากขึ้น ✅ วิธีทำงานร่วมกับ Claude Code ➡️ ใช้ Claude.md เพื่อสร้างบริบทให้ AI เข้าใจระบบ ➡️ เชื่อม Claude กับ Linear, Notion, GitHub และฐานข้อมูลแบบ read-only ➡️ ใช้ Claude หลาย instance พร้อมกัน โดยแบ่งงานเป็นคนละปัญหา ✅ การทำงานใน Zed ผ่าน ACP ➡️ Claude Code ทำงานแบบ native ผ่าน Agent Client Protocol (ACP) ➡️ รองรับ multibuffer review, syntax highlight, และ task list ใน sidebar ➡️ สามารถใช้ slash command เพื่อสร้าง workflow แบบกำหนดเอง ✅ กระบวนการ iterative ที่ใช้ Claude ➡️ Attempt แรก: 95% ขยะ แต่ช่วยให้เข้าใจระบบ ➡️ Attempt สอง: เริ่มมีโครงสร้างที่ใช้ได้ ➡️ Attempt สาม: ได้โค้ดที่สามารถนำไป iterate ต่อได้จริง ✅ การ review โค้ดที่ AI สร้าง ➡️ Claude ช่วยตรวจ test coverage, bug และเสนอ improvement ➡️ วิศวกรต้อง review และรับผิดชอบโค้ดที่ส่ง ➡️ ไม่มี emotional attachment ทำให้ review ได้ตรงจุดและกล้าลบมากขึ้น ✅ ผลลัพธ์และต้นทุน ➡️ ส่งงานได้เร็วขึ้น 2–3 เท่า ➡️ ลดเวลาทำ boilerplate และงานซ้ำ ➡️ ค่าใช้จ่ายประมาณ $1000–1500 ต่อเดือนต่อวิศวกรที่ใช้ AI เต็มรูปแบบ https://www.sanity.io/blog/first-attempt-will-be-95-garbage
    WWW.SANITY.IO
    First attempt will be 95% garbage: A staff engineer's 6-week journey with Claude Code | Sanity
    This started as an internal Sanity workshop where I demoed how I actually use AI. Spoiler: it's running multiple agents like a small team with daily amnesia.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 63 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดรายชื่อ 16 สส. รวมไทยสร้างชาติ ‘สุชาติ ชมกลิ่น’ นำทีมหนุน ‘อนุทิน’ นั่งนายกฯ
    https://www.thai-tai.tv/news/21305/
    .
    #ไทยไท #สุชาติชมกลิ่น #รวมไทยสร้างชาติ #อนุทินชาญวีรกูล #ภูมิใจไทย #โหวตนายก #จัดตั้งรัฐบาล #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้

    เปิดรายชื่อ 16 สส. รวมไทยสร้างชาติ ‘สุชาติ ชมกลิ่น’ นำทีมหนุน ‘อนุทิน’ นั่งนายกฯ https://www.thai-tai.tv/news/21305/ . #ไทยไท #สุชาติชมกลิ่น #รวมไทยสร้างชาติ #อนุทินชาญวีรกูล #ภูมิใจไทย #โหวตนายก #จัดตั้งรัฐบาล #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 36 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากคะแนนที่ไม่มีใครบอกว่าเป็นคะแนน: เมื่อระบบจัดอันดับพฤติกรรมกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานของชีวิตดิจิทัล

    หลายคนมองว่า “ระบบเครดิตสังคม” เป็นสิ่งที่จีนใช้ควบคุมประชาชน เช่น การหักคะแนนจากการข้ามถนนผิดกฎ หรือการใช้กล้องตรวจจับพฤติกรรม แต่ในความเป็นจริง จีนยังไม่มีระบบเครดิตสังคมระดับประเทศสำหรับบุคคลทั่วไป—มีเพียงระบบสำหรับบริษัท และโครงการนำร่องในเมืองเล็ก ๆ เท่านั้น เช่น Rongcheng ซึ่งก็ยังไม่มีผลกระทบในระดับชาติ

    ในทางกลับกัน โลกตะวันตก โดยเฉพาะสหรัฐฯ กลับมีระบบจัดอันดับพฤติกรรมที่แฝงอยู่ในชีวิตประจำวันอย่างแนบเนียน: Uber ให้คะแนนผู้โดยสาร, LinkedIn จัดอันดับการมีส่วนร่วม, Instagram วัด engagement, Amazon วิเคราะห์พฤติกรรมการซื้อ, Airbnb ให้คะแนนเจ้าของบ้าน—ทั้งหมดนี้คือระบบเครดิตสังคมที่ไม่เคยถูกเรียกด้วยชื่อนั้น

    แม้จะไม่มีการรวมระบบเหล่านี้เข้าด้วยกันอย่างเป็นทางการ แต่โครงสร้างพื้นฐานกำลังถูกสร้างขึ้น: บริษัทต่าง ๆ เริ่มแชร์ข้อมูลความน่าเชื่อถือ, ธนาคารใช้ข้อมูลจากโซเชียลมีเดียในการประเมินเครดิต, และรัฐบาลบางแห่งสามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ผ่านช่องทางกฎหมายหรือการซื้อข้อมูล

    สิ่งที่จีนทำคือ “บอกคุณว่ากำลังให้คะแนนคุณอยู่” แต่สิ่งที่โลกตะวันตกทำคือ “ให้คะแนนคุณโดยไม่บอก” และนั่นคือความแตกต่างที่น่ากังวล—เพราะเมื่อคุณไม่รู้ว่ากำลังถูกประเมิน คุณก็ไม่รู้ว่าจะปรับตัวอย่างไร หรือแม้แต่จะปกป้องสิทธิของตัวเองได้อย่างไร

    ระบบเครดิตสังคมในจีน
    ไม่มีระบบระดับประเทศสำหรับบุคคลทั่วไป
    มีระบบสำหรับบริษัทกว่า 33 ล้านแห่ง และโครงการนำร่องในเมืองเล็ก
    ส่วนใหญ่เน้นการติดตามการผิดนัดชำระหนี้และคำสั่งศาล

    ระบบจัดอันดับพฤติกรรมในโลกตะวันตก
    Uber, LinkedIn, Instagram, Amazon, Airbnb ล้วนมีระบบให้คะแนนพฤติกรรม
    คะแนนเหล่านี้ส่งผลต่อการเข้าถึงบริการและโอกาสทางสังคม
    ไม่มีการแจ้งเตือนหรือความโปร่งใสในการให้คะแนน

    การขยายตัวของระบบแบบแฝง
    ธนาคารใช้ข้อมูลโซเชียลมีเดียในการประเมินเครดิต
    บริษัท background check วิเคราะห์พฤติกรรมออนไลน์
    รัฐบาลสามารถเข้าถึงข้อมูลผ่านช่องทางกฎหมายหรือการซื้อ

    ความแตกต่างระหว่างจีนกับตะวันตก
    จีนแจ้งให้ประชาชนรู้ว่ากำลังถูกให้คะแนน
    ตะวันตกซ่อนระบบไว้ภายใต้ “ฟีเจอร์ผู้ใช้” หรือ “การปรับปรุงประสบการณ์”
    ความโปร่งใสในจีนอาจมากกว่าระบบที่ดูเหมือนเสรีในตะวันตก

    ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ “เสรีภาพ”
    การไม่มีระบบรวมศูนย์ไม่ได้แปลว่าไม่มีการควบคุม
    การให้คะแนนแบบแฝงอาจส่งผลต่อชีวิตโดยที่ผู้ใช้ไม่รู้ตัว

    ความเสี่ยงจากการรวมระบบในอนาคต
    โครงสร้างพื้นฐานกำลังถูกสร้างเพื่อเชื่อมระบบต่าง ๆ เข้าด้วยกัน
    หากไม่มีการกำกับดูแล อาจเกิดระบบเครดิตสังคมแบบรวมศูนย์โดยไม่ตั้งใจ

    ความเปราะบางของสิทธิส่วนบุคคล
    ผู้ใช้ไม่สามารถรู้ได้ว่าพฤติกรรมใดส่งผลต่อคะแนนของตน
    ไม่มีช่องทางในการโต้แย้งหรือแก้ไขคะแนนที่ได้รับ

    https://www.thenexus.media/your-phone-already-has-social-credit-we-just-lie-about-it/
    🎙️ เรื่องเล่าจากคะแนนที่ไม่มีใครบอกว่าเป็นคะแนน: เมื่อระบบจัดอันดับพฤติกรรมกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานของชีวิตดิจิทัล หลายคนมองว่า “ระบบเครดิตสังคม” เป็นสิ่งที่จีนใช้ควบคุมประชาชน เช่น การหักคะแนนจากการข้ามถนนผิดกฎ หรือการใช้กล้องตรวจจับพฤติกรรม แต่ในความเป็นจริง จีนยังไม่มีระบบเครดิตสังคมระดับประเทศสำหรับบุคคลทั่วไป—มีเพียงระบบสำหรับบริษัท และโครงการนำร่องในเมืองเล็ก ๆ เท่านั้น เช่น Rongcheng ซึ่งก็ยังไม่มีผลกระทบในระดับชาติ ในทางกลับกัน โลกตะวันตก โดยเฉพาะสหรัฐฯ กลับมีระบบจัดอันดับพฤติกรรมที่แฝงอยู่ในชีวิตประจำวันอย่างแนบเนียน: Uber ให้คะแนนผู้โดยสาร, LinkedIn จัดอันดับการมีส่วนร่วม, Instagram วัด engagement, Amazon วิเคราะห์พฤติกรรมการซื้อ, Airbnb ให้คะแนนเจ้าของบ้าน—ทั้งหมดนี้คือระบบเครดิตสังคมที่ไม่เคยถูกเรียกด้วยชื่อนั้น แม้จะไม่มีการรวมระบบเหล่านี้เข้าด้วยกันอย่างเป็นทางการ แต่โครงสร้างพื้นฐานกำลังถูกสร้างขึ้น: บริษัทต่าง ๆ เริ่มแชร์ข้อมูลความน่าเชื่อถือ, ธนาคารใช้ข้อมูลจากโซเชียลมีเดียในการประเมินเครดิต, และรัฐบาลบางแห่งสามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ผ่านช่องทางกฎหมายหรือการซื้อข้อมูล สิ่งที่จีนทำคือ “บอกคุณว่ากำลังให้คะแนนคุณอยู่” แต่สิ่งที่โลกตะวันตกทำคือ “ให้คะแนนคุณโดยไม่บอก” และนั่นคือความแตกต่างที่น่ากังวล—เพราะเมื่อคุณไม่รู้ว่ากำลังถูกประเมิน คุณก็ไม่รู้ว่าจะปรับตัวอย่างไร หรือแม้แต่จะปกป้องสิทธิของตัวเองได้อย่างไร ✅ ระบบเครดิตสังคมในจีน ➡️ ไม่มีระบบระดับประเทศสำหรับบุคคลทั่วไป ➡️ มีระบบสำหรับบริษัทกว่า 33 ล้านแห่ง และโครงการนำร่องในเมืองเล็ก ➡️ ส่วนใหญ่เน้นการติดตามการผิดนัดชำระหนี้และคำสั่งศาล ✅ ระบบจัดอันดับพฤติกรรมในโลกตะวันตก ➡️ Uber, LinkedIn, Instagram, Amazon, Airbnb ล้วนมีระบบให้คะแนนพฤติกรรม ➡️ คะแนนเหล่านี้ส่งผลต่อการเข้าถึงบริการและโอกาสทางสังคม ➡️ ไม่มีการแจ้งเตือนหรือความโปร่งใสในการให้คะแนน ✅ การขยายตัวของระบบแบบแฝง ➡️ ธนาคารใช้ข้อมูลโซเชียลมีเดียในการประเมินเครดิต ➡️ บริษัท background check วิเคราะห์พฤติกรรมออนไลน์ ➡️ รัฐบาลสามารถเข้าถึงข้อมูลผ่านช่องทางกฎหมายหรือการซื้อ ✅ ความแตกต่างระหว่างจีนกับตะวันตก ➡️ จีนแจ้งให้ประชาชนรู้ว่ากำลังถูกให้คะแนน ➡️ ตะวันตกซ่อนระบบไว้ภายใต้ “ฟีเจอร์ผู้ใช้” หรือ “การปรับปรุงประสบการณ์” ➡️ ความโปร่งใสในจีนอาจมากกว่าระบบที่ดูเหมือนเสรีในตะวันตก ‼️ ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ “เสรีภาพ” ⛔ การไม่มีระบบรวมศูนย์ไม่ได้แปลว่าไม่มีการควบคุม ⛔ การให้คะแนนแบบแฝงอาจส่งผลต่อชีวิตโดยที่ผู้ใช้ไม่รู้ตัว ‼️ ความเสี่ยงจากการรวมระบบในอนาคต ⛔ โครงสร้างพื้นฐานกำลังถูกสร้างเพื่อเชื่อมระบบต่าง ๆ เข้าด้วยกัน ⛔ หากไม่มีการกำกับดูแล อาจเกิดระบบเครดิตสังคมแบบรวมศูนย์โดยไม่ตั้งใจ ‼️ ความเปราะบางของสิทธิส่วนบุคคล ⛔ ผู้ใช้ไม่สามารถรู้ได้ว่าพฤติกรรมใดส่งผลต่อคะแนนของตน ⛔ ไม่มีช่องทางในการโต้แย้งหรือแก้ไขคะแนนที่ได้รับ https://www.thenexus.media/your-phone-already-has-social-credit-we-just-lie-about-it/
    WWW.THENEXUS.MEDIA
    Your Phone Already Has Social Credit. We Just Lie About It.
    Your credit score is social credit. Your LinkedIn endorsements are social credit. Your Uber passenger rating, Instagram engagement metrics, Amazon reviews, and Airbnb host status are all social credit systems that track you, score you, and reward you based on your behavior. Social credit, in its original economic definition, means
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 72 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'ศรีสุวรรณ' บุก ป.ป.ช. ร้องสอบ ‘ภูมิธรรม’ ปมยื่นยุบสภา ทั้งที่ไร้อำนาจ ลั่นเข้าข่ายผิดจริยธรรมร้ายแรง
    https://www.thai-tai.tv/news/21306/
    .
    #ไทยไท #ศรีสุวรรณจรรยา #ภูมิธรรมเวชยชัย #ยุบสภา #ปปช #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้

    'ศรีสุวรรณ' บุก ป.ป.ช. ร้องสอบ ‘ภูมิธรรม’ ปมยื่นยุบสภา ทั้งที่ไร้อำนาจ ลั่นเข้าข่ายผิดจริยธรรมร้ายแรง https://www.thai-tai.tv/news/21306/ . #ไทยไท #ศรีสุวรรณจรรยา #ภูมิธรรมเวชยชัย #ยุบสภา #ปปช #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 20 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจาก WeTransfer ถึง ChatGPT: เมื่อ AI ไม่ได้แค่ฉลาด แต่เริ่ม “รู้มากเกินไป”

    กลางปี 2025 WeTransfer จุดชนวนความกังวลทั่วโลก เมื่อมีการเปลี่ยนเงื่อนไขการใช้งานให้สามารถนำไฟล์ของผู้ใช้ไปใช้ในการ “พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ รวมถึงการปรับปรุงโมเดล AI” แม้ภายหลังจะออกมาชี้แจงว่าเป็นการใช้ AI เพื่อจัดการเนื้อหา ไม่ใช่การฝึกโมเดล แต่ความไม่ชัดเจนนี้ก็สะท้อนถึงแนวโน้มที่น่ากังวล: ข้อมูลของผู้ใช้กำลังกลายเป็นเชื้อเพลิงของ AI โดยที่ผู้ใช้ไม่รู้ตัว

    Slack ก็เป็นอีกตัวอย่างที่ใช้ข้อมูลของลูกค้าในการฝึกโมเดล machine learning โดยค่าเริ่มต้น ซึ่งหมายความว่แม้จะเป็นบริการที่ใช้ในองค์กร ก็ยังมีความเสี่ยงด้านข้อมูลหากไม่มีการตั้งค่าความปลอดภัยอย่างรัดกุม

    นอกจากนี้ยังมีกรณีที่ผู้ใช้ ChatGPT เปิดใช้งาน “make this chat discoverable” โดยไม่รู้ว่าเนื้อหาจะถูกจัดทำดัชนีโดย Google และปรากฏในผลการค้นหา ซึ่งอาจมีข้อมูลส่วนตัวหรือกลยุทธ์ทางธุรกิจที่ไม่ควรเปิดเผย

    สิ่งที่น่ากังวลที่สุดคือการใช้ AI ในองค์กรโดยไม่มีการควบคุม เช่น พนักงานนำข้อมูลภายในไปใส่ใน ChatGPT เพื่อแปลเอกสารหรือเขียนอีเมล โดยไม่รู้ว่าข้อมูลนั้นอาจถูกนำไปใช้ในการฝึกโมเดลในอนาคต

    CISOs (Chief Information Security Officers) ทั่วโลกกำลังเผชิญกับภาระสองด้าน: ต้องใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านความปลอดภัย แต่ก็ต้องป้องกันไม่ให้ AI กลายเป็นช่องโหว่ใหม่ขององค์กร ซึ่งเป็นความท้าทายที่ซับซ้อนและกำลังสร้างความเหนื่อยล้าให้กับผู้บริหารด้านความปลอดภัยทั่วโลก

    การเปลี่ยนแปลงนโยบายของบริการออนไลน์
    WeTransfer เพิ่มเงื่อนไขให้สามารถใช้ไฟล์ผู้ใช้ในการพัฒนา AI
    Slack ใช้ข้อมูลลูกค้าในการฝึกโมเดล machine learning โดยค่าเริ่มต้น
    Meta และบริการอื่น ๆ เริ่มปรับนโยบายเพื่อใช้ข้อมูลผู้ใช้ในการฝึกโมเดล

    ความเสี่ยงจากการใช้งาน AI โดยผู้ใช้ทั่วไป
    พนักงานอาจนำข้อมูลภายในองค์กรไปใส่ใน ChatGPT โดยไม่รู้ผลกระทบ
    การเปิดใช้งาน “make this chat discoverable” ทำให้ข้อมูลปรากฏใน Google
    ข้อมูลส่วนตัวหรือกลยุทธ์ทางธุรกิจอาจถูกเปิดเผยโดยไม่ตั้งใจ

    ความท้าทายของผู้บริหารด้านความปลอดภัย
    CISOs ต้องใช้ AI เพื่อเพิ่มความปลอดภัย แต่ก็ต้องควบคุมความเสี่ยงจาก AI
    64% ของผู้บริหารด้านความปลอดภัยมองว่า AI เป็นเป้าหมายเชิงกลยุทธ์
    48% ระบุว่าการใช้งาน AI อย่างปลอดภัยเป็นเรื่องเร่งด่วน

    แนวโน้มของการเปลี่ยนแปลงในองค์กร
    บริษัทต่าง ๆ เริ่มปรับนโยบายเพื่อให้สามารถใช้ข้อมูลในการฝึก AI ได้
    ต้องมีการปรับปรุงเงื่อนไขการใช้งานให้โปร่งใสและสอดคล้องกับกฎหมาย
    การใช้ AI ต้องมีการกำกับดูแลร่วมกัน ไม่ใช่แค่หน้าที่ของ CISO

    https://www.csoonline.com/article/4049373/how-the-generative-ai-boom-opens-up-new-privacy-and-cybersecurity-risks.html
    🎙️ เรื่องเล่าจาก WeTransfer ถึง ChatGPT: เมื่อ AI ไม่ได้แค่ฉลาด แต่เริ่ม “รู้มากเกินไป” กลางปี 2025 WeTransfer จุดชนวนความกังวลทั่วโลก เมื่อมีการเปลี่ยนเงื่อนไขการใช้งานให้สามารถนำไฟล์ของผู้ใช้ไปใช้ในการ “พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ รวมถึงการปรับปรุงโมเดล AI” แม้ภายหลังจะออกมาชี้แจงว่าเป็นการใช้ AI เพื่อจัดการเนื้อหา ไม่ใช่การฝึกโมเดล แต่ความไม่ชัดเจนนี้ก็สะท้อนถึงแนวโน้มที่น่ากังวล: ข้อมูลของผู้ใช้กำลังกลายเป็นเชื้อเพลิงของ AI โดยที่ผู้ใช้ไม่รู้ตัว Slack ก็เป็นอีกตัวอย่างที่ใช้ข้อมูลของลูกค้าในการฝึกโมเดล machine learning โดยค่าเริ่มต้น ซึ่งหมายความว่แม้จะเป็นบริการที่ใช้ในองค์กร ก็ยังมีความเสี่ยงด้านข้อมูลหากไม่มีการตั้งค่าความปลอดภัยอย่างรัดกุม นอกจากนี้ยังมีกรณีที่ผู้ใช้ ChatGPT เปิดใช้งาน “make this chat discoverable” โดยไม่รู้ว่าเนื้อหาจะถูกจัดทำดัชนีโดย Google และปรากฏในผลการค้นหา ซึ่งอาจมีข้อมูลส่วนตัวหรือกลยุทธ์ทางธุรกิจที่ไม่ควรเปิดเผย สิ่งที่น่ากังวลที่สุดคือการใช้ AI ในองค์กรโดยไม่มีการควบคุม เช่น พนักงานนำข้อมูลภายในไปใส่ใน ChatGPT เพื่อแปลเอกสารหรือเขียนอีเมล โดยไม่รู้ว่าข้อมูลนั้นอาจถูกนำไปใช้ในการฝึกโมเดลในอนาคต CISOs (Chief Information Security Officers) ทั่วโลกกำลังเผชิญกับภาระสองด้าน: ต้องใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านความปลอดภัย แต่ก็ต้องป้องกันไม่ให้ AI กลายเป็นช่องโหว่ใหม่ขององค์กร ซึ่งเป็นความท้าทายที่ซับซ้อนและกำลังสร้างความเหนื่อยล้าให้กับผู้บริหารด้านความปลอดภัยทั่วโลก ✅ การเปลี่ยนแปลงนโยบายของบริการออนไลน์ ➡️ WeTransfer เพิ่มเงื่อนไขให้สามารถใช้ไฟล์ผู้ใช้ในการพัฒนา AI ➡️ Slack ใช้ข้อมูลลูกค้าในการฝึกโมเดล machine learning โดยค่าเริ่มต้น ➡️ Meta และบริการอื่น ๆ เริ่มปรับนโยบายเพื่อใช้ข้อมูลผู้ใช้ในการฝึกโมเดล ✅ ความเสี่ยงจากการใช้งาน AI โดยผู้ใช้ทั่วไป ➡️ พนักงานอาจนำข้อมูลภายในองค์กรไปใส่ใน ChatGPT โดยไม่รู้ผลกระทบ ➡️ การเปิดใช้งาน “make this chat discoverable” ทำให้ข้อมูลปรากฏใน Google ➡️ ข้อมูลส่วนตัวหรือกลยุทธ์ทางธุรกิจอาจถูกเปิดเผยโดยไม่ตั้งใจ ✅ ความท้าทายของผู้บริหารด้านความปลอดภัย ➡️ CISOs ต้องใช้ AI เพื่อเพิ่มความปลอดภัย แต่ก็ต้องควบคุมความเสี่ยงจาก AI ➡️ 64% ของผู้บริหารด้านความปลอดภัยมองว่า AI เป็นเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ ➡️ 48% ระบุว่าการใช้งาน AI อย่างปลอดภัยเป็นเรื่องเร่งด่วน ✅ แนวโน้มของการเปลี่ยนแปลงในองค์กร ➡️ บริษัทต่าง ๆ เริ่มปรับนโยบายเพื่อให้สามารถใช้ข้อมูลในการฝึก AI ได้ ➡️ ต้องมีการปรับปรุงเงื่อนไขการใช้งานให้โปร่งใสและสอดคล้องกับกฎหมาย ➡️ การใช้ AI ต้องมีการกำกับดูแลร่วมกัน ไม่ใช่แค่หน้าที่ของ CISO https://www.csoonline.com/article/4049373/how-the-generative-ai-boom-opens-up-new-privacy-and-cybersecurity-risks.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    How the generative AI boom opens up new privacy and cybersecurity risks
    Corporate strategy will need to take these potential issues into account, both by shielding who owns the data and by preventing AI from becoming a security breach.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 72 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปิดฉากศึกชิงเก้าอี้นายกฯ หลังยืดเยื้อมานาน สภาผู้แทนราษฎรนัดโหวต “อนุทิน” นั่งนายกฯ คนที่ 32 วันที่ 5 ก.ย.เพื่อไทยศิโรราบถอยไปรับบทฝ่ายค้านร่วมพรรคประชาชน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000084504

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    ปิดฉากศึกชิงเก้าอี้นายกฯ หลังยืดเยื้อมานาน สภาผู้แทนราษฎรนัดโหวต “อนุทิน” นั่งนายกฯ คนที่ 32 วันที่ 5 ก.ย.เพื่อไทยศิโรราบถอยไปรับบทฝ่ายค้านร่วมพรรคประชาชน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000084504 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 238 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจาก xAI: เมื่อบริษัทที่วิ่งเร็วที่สุดในวงการ AI ต้องหยุดชั่วคราวเพื่อจัดระเบียบภายใน

    Mike Liberatore อดีตผู้บริหารจาก Airbnb เข้ารับตำแหน่ง CFO ของ xAI ในเดือนเมษายน 2025 และลาออกในปลายเดือนกรกฎาคม หลังจากอยู่ในตำแหน่งเพียง 4 เดือน โดยไม่มีการเปิดเผยเหตุผลอย่างเป็นทางการจากบริษัท2 แต่การลาออกของเขาไม่ได้เกิดขึ้นโดดเดี่ยว—เพราะก่อนหน้านั้นไม่นาน ผู้ร่วมก่อตั้ง Igor Babuschkin ก็ประกาศลาออกเพื่อไปตั้งบริษัทด้าน AI safety ของตัวเอง และตามมาด้วยการลาออกของที่ปรึกษากฎหมายระดับสูงอีกสองคน รวมถึง CEO ของแพลตฟอร์ม X ที่ถูกควบรวมเข้ากับ xAI

    Liberatore มีบทบาทสำคัญในการระดมทุนกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์ ทั้งในรูปแบบหนี้และหุ้น เพื่อสนับสนุนการสร้าง data center และการพัฒนา Grok ซึ่งเป็นโมเดล AI ที่ Musk ตั้งใจใช้เป็นทางเลือกที่ “ปลอด censorship” ต่อ OpenAI และ Google

    อย่างไรก็ตาม Grok เองก็เผชิญกับปัญหาหนัก—ตั้งแต่การถูกเจาะระบบภายใน 48 ชั่วโมงหลังเปิดตัว ไปจนถึงการสร้างเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม เช่น การยกย่องเผด็จการ หรือการสร้าง deepfake ที่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ซึ่งทำให้เกิดคำถามว่า xAI กำลังเร่งพัฒนาเร็วเกินไปโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยและความมั่นคงของระบบ

    การลาออกของ Mike Liberatore
    เข้ารับตำแหน่ง CFO ในเดือนเมษายน 2025 และลาออกปลายกรกฎาคม
    ไม่มีการเปิดเผยเหตุผลอย่างเป็นทางการจาก xAI
    มีบทบาทสำคัญในการระดมทุนกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์เพื่อพัฒนา Grok และ data center

    ลำดับการลาออกของผู้บริหาร
    ผู้ร่วมก่อตั้ง Igor Babuschkin ลาออกเพื่อก่อตั้งบริษัทด้าน AI safety
    ที่ปรึกษากฎหมาย Robert Keele และ Raghu Rao ลาออกในเดือนสิงหาคม
    Linda Yaccarino CEO ของ X ลาออกหลังจากแพลตฟอร์มถูกควบรวมกับ xAI

    ปัญหาของ Grok และผลกระทบต่อองค์กร
    Grok ถูกเจาะระบบภายใน 48 ชั่วโมงหลังเปิดตัว
    สร้างเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม เช่น การยกย่องเผด็จการและ deepfake ละเมิดสิทธิ
    เกิดคำถามเรื่องความปลอดภัยและการควบคุมโมเดล AI

    บริบทการแข่งขันในวงการ AI
    xAI แข่งขันกับ OpenAI, Google และ Anthropic ที่ลงทุนมหาศาลในระบบ AI
    Musk ตั้งใจใช้ Grok เป็นทางเลือกที่ “ปลอด censorship”
    การลาออกของผู้บริหารอาจสะท้อนถึงแรงกดดันภายในองค์กร

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/04/xai039s-finance-chief-steps-down-wsj-reports
    🎙️ เรื่องเล่าจาก xAI: เมื่อบริษัทที่วิ่งเร็วที่สุดในวงการ AI ต้องหยุดชั่วคราวเพื่อจัดระเบียบภายใน Mike Liberatore อดีตผู้บริหารจาก Airbnb เข้ารับตำแหน่ง CFO ของ xAI ในเดือนเมษายน 2025 และลาออกในปลายเดือนกรกฎาคม หลังจากอยู่ในตำแหน่งเพียง 4 เดือน โดยไม่มีการเปิดเผยเหตุผลอย่างเป็นทางการจากบริษัท2 แต่การลาออกของเขาไม่ได้เกิดขึ้นโดดเดี่ยว—เพราะก่อนหน้านั้นไม่นาน ผู้ร่วมก่อตั้ง Igor Babuschkin ก็ประกาศลาออกเพื่อไปตั้งบริษัทด้าน AI safety ของตัวเอง และตามมาด้วยการลาออกของที่ปรึกษากฎหมายระดับสูงอีกสองคน รวมถึง CEO ของแพลตฟอร์ม X ที่ถูกควบรวมเข้ากับ xAI Liberatore มีบทบาทสำคัญในการระดมทุนกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์ ทั้งในรูปแบบหนี้และหุ้น เพื่อสนับสนุนการสร้าง data center และการพัฒนา Grok ซึ่งเป็นโมเดล AI ที่ Musk ตั้งใจใช้เป็นทางเลือกที่ “ปลอด censorship” ต่อ OpenAI และ Google อย่างไรก็ตาม Grok เองก็เผชิญกับปัญหาหนัก—ตั้งแต่การถูกเจาะระบบภายใน 48 ชั่วโมงหลังเปิดตัว ไปจนถึงการสร้างเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม เช่น การยกย่องเผด็จการ หรือการสร้าง deepfake ที่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ซึ่งทำให้เกิดคำถามว่า xAI กำลังเร่งพัฒนาเร็วเกินไปโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยและความมั่นคงของระบบ ✅ การลาออกของ Mike Liberatore ➡️ เข้ารับตำแหน่ง CFO ในเดือนเมษายน 2025 และลาออกปลายกรกฎาคม ➡️ ไม่มีการเปิดเผยเหตุผลอย่างเป็นทางการจาก xAI ➡️ มีบทบาทสำคัญในการระดมทุนกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์เพื่อพัฒนา Grok และ data center ✅ ลำดับการลาออกของผู้บริหาร ➡️ ผู้ร่วมก่อตั้ง Igor Babuschkin ลาออกเพื่อก่อตั้งบริษัทด้าน AI safety ➡️ ที่ปรึกษากฎหมาย Robert Keele และ Raghu Rao ลาออกในเดือนสิงหาคม ➡️ Linda Yaccarino CEO ของ X ลาออกหลังจากแพลตฟอร์มถูกควบรวมกับ xAI ✅ ปัญหาของ Grok และผลกระทบต่อองค์กร ➡️ Grok ถูกเจาะระบบภายใน 48 ชั่วโมงหลังเปิดตัว ➡️ สร้างเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม เช่น การยกย่องเผด็จการและ deepfake ละเมิดสิทธิ ➡️ เกิดคำถามเรื่องความปลอดภัยและการควบคุมโมเดล AI ✅ บริบทการแข่งขันในวงการ AI ➡️ xAI แข่งขันกับ OpenAI, Google และ Anthropic ที่ลงทุนมหาศาลในระบบ AI ➡️ Musk ตั้งใจใช้ Grok เป็นทางเลือกที่ “ปลอด censorship” ➡️ การลาออกของผู้บริหารอาจสะท้อนถึงแรงกดดันภายในองค์กร https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/04/xai039s-finance-chief-steps-down-wsj-reports
    WWW.THESTAR.COM.MY
    xAI's finance chief steps down after a few months on job, WSJ reports
    (Reuters) -The finance chief of Elon Musk's xAI, Mike Liberatore, has left the artificial intelligence startup after just a few months on the job, the Wall Street Journal reported on Wednesday, citing people familiar with the matter.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 68 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐบาลใหม่มีเวลา 4 เดือนกอบกู้เศรษฐกิจ! ภาคเอกชนเร่งแก้ปัญหาเร่งด่วน หวั่นกระทบความเชื่อมั่นประเทศ กกร.เสนอลดภาษีที่ดิน สร้างแรงงานทักษะสูง เอกชนกังวลปัญหาการเมืองฉุดเศรษฐกิจ วอนเร่งจัดตั้งรัฐบาลฟื้นความเชื่อมั่นโดยเร็ว

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000084505

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    รัฐบาลใหม่มีเวลา 4 เดือนกอบกู้เศรษฐกิจ! ภาคเอกชนเร่งแก้ปัญหาเร่งด่วน หวั่นกระทบความเชื่อมั่นประเทศ กกร.เสนอลดภาษีที่ดิน สร้างแรงงานทักษะสูง เอกชนกังวลปัญหาการเมืองฉุดเศรษฐกิจ วอนเร่งจัดตั้งรัฐบาลฟื้นความเชื่อมั่นโดยเร็ว อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000084505 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 243 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจาก OceanDisk: เมื่อ SSD กลายเป็นอาวุธใหม่ในสงครามเทคโนโลยี AI

    ในงานเปิดตัวล่าสุด Huawei ได้เผยโฉม OceanDisk EX 560, SP 560 และ LC 560 ซึ่งเป็น SSD สำหรับงาน AI โดยเฉพาะ โดยมีเป้าหมายชัดเจน: ลดการพึ่งพา HBM (High Bandwidth Memory) ที่จีนถูกจำกัดการนำเข้าอย่างหนักจากสหรัฐฯ

    OceanDisk LC 560 คือไฮไลต์ของงาน ด้วยความจุ 245TB ซึ่งถือเป็น SSD ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ณ ขณะนี้ และมี read bandwidth สูงถึง 14.7GB/s เหมาะสำหรับงานฝึกโมเดลขนาดใหญ่แบบ multimodal ที่ต้องการพื้นที่เก็บข้อมูลมหาศาล

    OceanDisk EX 560 เน้นประสิทธิภาพสูงสุด ด้วย write speed 1,500K IOPS, latency ต่ำกว่า 7µs และ endurance สูงถึง 60 DWPD เหมาะสำหรับงาน fine-tuning LLM ที่ต้องการความเร็วและความทนทาน ส่วน SP 560 เป็นรุ่นประหยัดที่เน้น inference โดยลด latency ของ token แรกได้ถึง 75% และเพิ่ม throughput เป็นสองเท่า

    แต่สิ่งที่ทำให้ OceanDisk น่าสนใจไม่ใช่แค่ฮาร์ดแวร์—Huawei ยังเปิดตัว DiskBooster ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่ช่วยรวมหน่วยความจำจาก SSD, HBM และ DDR ให้เป็น memory pool เดียวกัน เพิ่มความจุได้ถึง 20 เท่า และลด write amplification ด้วยเทคโนโลยี multi-stream

    ทั้งหมดนี้คือความพยายามของ Huawei ในการสร้างระบบ AI ที่ไม่ต้องพึ่ง HBM เพียงอย่างเดียว โดยใช้ SSD ความจุสูงและซอฟต์แวร์อัจฉริยะเป็นตัวเสริม เพื่อให้สามารถฝึกและใช้งานโมเดล AI ได้แม้จะถูกจำกัดด้านฮาร์ดแวร์จากต่างประเทศ

    การเปิดตัว OceanDisk SSD สำหรับ AI
    OceanDisk LC 560 มีความจุ 245TB และ read bandwidth 14.7GB/s
    OceanDisk EX 560 มี write speed 1,500K IOPS และ latency ต่ำกว่า 7µs
    OceanDisk SP 560 ลด latency ของ token แรกได้ 75% และเพิ่ม throughput 2 เท่า

    ความสามารถของ DiskBooster
    รวมหน่วยความจำจาก SSD, HBM และ DDR เป็น memory pool เดียว
    เพิ่มความจุได้ถึง 20 เท่าเมื่อเทียบกับระบบเดิม
    ใช้ multi-stream เพื่อลด write amplification และเพิ่มอายุการใช้งาน SSD

    บริบทของการพัฒนา
    Huawei พัฒนา OceanDisk เพื่อลดการพึ่งพา HBM ซึ่งถูกจำกัดการส่งออกจากสหรัฐฯ
    เน้นใช้ NAND flash ภายในประเทศเพื่อสร้างระบบที่พึ่งพาตัวเอง
    ตอบโจทย์ปัญหา “memory wall” และ “capacity wall” ในงาน AI ขนาดใหญ่

    ผลกระทบต่อวงการ AI
    อาจเปลี่ยนแนวทางการออกแบบระบบฝึกโมเดลจาก HBM-centric เป็น SSD-centric
    เปิดทางให้ประเทศที่เข้าถึง HBM ได้จำกัดสามารถสร้างระบบ AI ได้ด้วยต้นทุนต่ำ
    เป็นตัวอย่างของการใช้ “ระบบเสริมหลายชั้น” แทนการพึ่งพาหน่วยความจำจุดเดียว

    https://www.techradar.com/pro/huawei-released-an-ai-ssd-that-uses-a-secret-sauce-to-reduce-the-need-for-large-amounts-of-expensive-hbm
    🎙️ เรื่องเล่าจาก OceanDisk: เมื่อ SSD กลายเป็นอาวุธใหม่ในสงครามเทคโนโลยี AI ในงานเปิดตัวล่าสุด Huawei ได้เผยโฉม OceanDisk EX 560, SP 560 และ LC 560 ซึ่งเป็น SSD สำหรับงาน AI โดยเฉพาะ โดยมีเป้าหมายชัดเจน: ลดการพึ่งพา HBM (High Bandwidth Memory) ที่จีนถูกจำกัดการนำเข้าอย่างหนักจากสหรัฐฯ OceanDisk LC 560 คือไฮไลต์ของงาน ด้วยความจุ 245TB ซึ่งถือเป็น SSD ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ณ ขณะนี้ และมี read bandwidth สูงถึง 14.7GB/s เหมาะสำหรับงานฝึกโมเดลขนาดใหญ่แบบ multimodal ที่ต้องการพื้นที่เก็บข้อมูลมหาศาล OceanDisk EX 560 เน้นประสิทธิภาพสูงสุด ด้วย write speed 1,500K IOPS, latency ต่ำกว่า 7µs และ endurance สูงถึง 60 DWPD เหมาะสำหรับงาน fine-tuning LLM ที่ต้องการความเร็วและความทนทาน ส่วน SP 560 เป็นรุ่นประหยัดที่เน้น inference โดยลด latency ของ token แรกได้ถึง 75% และเพิ่ม throughput เป็นสองเท่า แต่สิ่งที่ทำให้ OceanDisk น่าสนใจไม่ใช่แค่ฮาร์ดแวร์—Huawei ยังเปิดตัว DiskBooster ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่ช่วยรวมหน่วยความจำจาก SSD, HBM และ DDR ให้เป็น memory pool เดียวกัน เพิ่มความจุได้ถึง 20 เท่า และลด write amplification ด้วยเทคโนโลยี multi-stream ทั้งหมดนี้คือความพยายามของ Huawei ในการสร้างระบบ AI ที่ไม่ต้องพึ่ง HBM เพียงอย่างเดียว โดยใช้ SSD ความจุสูงและซอฟต์แวร์อัจฉริยะเป็นตัวเสริม เพื่อให้สามารถฝึกและใช้งานโมเดล AI ได้แม้จะถูกจำกัดด้านฮาร์ดแวร์จากต่างประเทศ ✅ การเปิดตัว OceanDisk SSD สำหรับ AI ➡️ OceanDisk LC 560 มีความจุ 245TB และ read bandwidth 14.7GB/s ➡️ OceanDisk EX 560 มี write speed 1,500K IOPS และ latency ต่ำกว่า 7µs ➡️ OceanDisk SP 560 ลด latency ของ token แรกได้ 75% และเพิ่ม throughput 2 เท่า ✅ ความสามารถของ DiskBooster ➡️ รวมหน่วยความจำจาก SSD, HBM และ DDR เป็น memory pool เดียว ➡️ เพิ่มความจุได้ถึง 20 เท่าเมื่อเทียบกับระบบเดิม ➡️ ใช้ multi-stream เพื่อลด write amplification และเพิ่มอายุการใช้งาน SSD ✅ บริบทของการพัฒนา ➡️ Huawei พัฒนา OceanDisk เพื่อลดการพึ่งพา HBM ซึ่งถูกจำกัดการส่งออกจากสหรัฐฯ ➡️ เน้นใช้ NAND flash ภายในประเทศเพื่อสร้างระบบที่พึ่งพาตัวเอง ➡️ ตอบโจทย์ปัญหา “memory wall” และ “capacity wall” ในงาน AI ขนาดใหญ่ ✅ ผลกระทบต่อวงการ AI ➡️ อาจเปลี่ยนแนวทางการออกแบบระบบฝึกโมเดลจาก HBM-centric เป็น SSD-centric ➡️ เปิดทางให้ประเทศที่เข้าถึง HBM ได้จำกัดสามารถสร้างระบบ AI ได้ด้วยต้นทุนต่ำ ➡️ เป็นตัวอย่างของการใช้ “ระบบเสริมหลายชั้น” แทนการพึ่งพาหน่วยความจำจุดเดียว https://www.techradar.com/pro/huawei-released-an-ai-ssd-that-uses-a-secret-sauce-to-reduce-the-need-for-large-amounts-of-expensive-hbm
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 76 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจาก Citigroup Conference: เมื่อ AMD มองว่า AI คือโอกาสครั้งเดียวในชีวิต ไม่ใช่แค่กระแสชั่วคราว

    ในการประชุมกับนักลงทุนที่จัดโดย Citigroup เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2025 Jean Hu (CFO ของ AMD) และ Matthew Ramsay (VP ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์) ได้ตอบคำถามเกี่ยวกับสถานการณ์ตลาด AI, ความสัมพันธ์กับจีน, และราคาชิปที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    Hu ยืนยันว่า AMD ไม่ได้เริ่มผลิตชิปใหม่สำหรับตลาดจีน แม้จะได้รับใบอนุญาตจากรัฐบาลสหรัฐฯ โดยระบุว่าบริษัทกำลังพิจารณาว่าลูกค้าจีนจะสามารถซื้อจากสหรัฐฯ ได้หรือไม่ และยังไม่เริ่มผลิต wafer สำหรับ MI308 ซึ่งเป็น GPU รุ่นเฉพาะสำหรับจีน

    Ramsay เสริมว่า “ความต้องการชิป AI ในจีนมีมากกว่าความสามารถในการผลิต” เนื่องจากผู้ผลิตชิปในจีนถูกจำกัดจากมาตรการคว่ำบาตร และ Huawei ไม่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีระดับสูงจากสหรัฐฯ ได้

    เมื่อถูกถามว่า AI เป็นฟองสบู่หรือไม่ Hu ตอบว่า “เรายังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการนำ AI ไปใช้” และชี้ไปที่การลงทุนของ hyperscaler รายใหญ่ในไตรมาสที่ผ่านมา รวมถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพขององค์กรผ่าน AI ซึ่งสะท้อนว่า AI ไม่ใช่แค่ hype แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง

    AMD ประเมินว่า TAM (Total Addressable Market) ของ AI จะสูงถึง 500,000 ล้านดอลลาร์ โดย Ramsay ระบุว่า inference workload, ขนาดของ dataset และการขยายไปยังอุตสาหกรรมต่าง ๆ คือปัจจัยหลักที่ผลักดันตลาดนี้ พร้อมเสริมว่า “AI คือจุดเปลี่ยนที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่การเกิดอินเทอร์เน็ต”

    สำหรับราคาชิปที่เพิ่มขึ้น Hu อธิบายว่าเป็นผลจากการเพิ่มฟีเจอร์ในแต่ละรุ่น ทำให้ต้นทุนวัสดุสูงขึ้น แต่ AMD พยายามรักษาสมดุลระหว่างราคาขายกับต้นทุนรวมของการเป็นเจ้าของ (TCO) เพื่อให้ลูกค้าได้รับความคุ้มค่าในระยะยาว

    AMD ปฏิเสธว่า AI เป็นฟองสบู่
    Hu ระบุว่า AI ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการนำไปใช้
    การลงทุนของ hyperscaler และ productivity gains เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์
    AI ถูกมองว่าเป็นโอกาสครั้งเดียวในชีวิตสำหรับอุตสาหกรรม

    การประเมินตลาด AI มูลค่า 500,000 ล้านดอลลาร์
    TAM ของ AI ถูกประเมินโดย AMD ว่าจะสูงถึง $500B
    ปัจจัยหลักคือ inference workload, dataset ขนาดใหญ่ และการขยายสู่อุตสาหกรรม
    Ramsay ระบุว่า AI คือจุดเปลี่ยนใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่การเกิดอินเทอร์เน็ต

    สถานการณ์ในจีนและการจำกัดการผลิต
    AMD ยังไม่เริ่มผลิต MI308 GPU สำหรับจีน แม้ได้รับใบอนุญาต
    ความต้องการในจีนสูงกว่าความสามารถในการผลิตเนื่องจากข้อจำกัดจากสหรัฐฯ
    Huawei ไม่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีระดับสูงจากสหรัฐฯ ได้

    เหตุผลของราคาชิปที่เพิ่มขึ้น
    AMD เพิ่มฟีเจอร์ในแต่ละรุ่น ทำให้ต้นทุนวัสดุสูงขึ้น
    บริษัทเน้นการปรับปรุง TCO เพื่อให้ลูกค้าได้รับความคุ้มค่า
    ราคาขายสูงขึ้นเพื่อรักษา margin และความสามารถในการแข่งขัน

    https://wccftech.com/amd-rejects-ai-bubble-defends-500-billion-ai-market-says-chip-price-hikes-are-due-to-high-costs/
    🎙️ เรื่องเล่าจาก Citigroup Conference: เมื่อ AMD มองว่า AI คือโอกาสครั้งเดียวในชีวิต ไม่ใช่แค่กระแสชั่วคราว ในการประชุมกับนักลงทุนที่จัดโดย Citigroup เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2025 Jean Hu (CFO ของ AMD) และ Matthew Ramsay (VP ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์) ได้ตอบคำถามเกี่ยวกับสถานการณ์ตลาด AI, ความสัมพันธ์กับจีน, และราคาชิปที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง Hu ยืนยันว่า AMD ไม่ได้เริ่มผลิตชิปใหม่สำหรับตลาดจีน แม้จะได้รับใบอนุญาตจากรัฐบาลสหรัฐฯ โดยระบุว่าบริษัทกำลังพิจารณาว่าลูกค้าจีนจะสามารถซื้อจากสหรัฐฯ ได้หรือไม่ และยังไม่เริ่มผลิต wafer สำหรับ MI308 ซึ่งเป็น GPU รุ่นเฉพาะสำหรับจีน Ramsay เสริมว่า “ความต้องการชิป AI ในจีนมีมากกว่าความสามารถในการผลิต” เนื่องจากผู้ผลิตชิปในจีนถูกจำกัดจากมาตรการคว่ำบาตร และ Huawei ไม่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีระดับสูงจากสหรัฐฯ ได้ เมื่อถูกถามว่า AI เป็นฟองสบู่หรือไม่ Hu ตอบว่า “เรายังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการนำ AI ไปใช้” และชี้ไปที่การลงทุนของ hyperscaler รายใหญ่ในไตรมาสที่ผ่านมา รวมถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพขององค์กรผ่าน AI ซึ่งสะท้อนว่า AI ไม่ใช่แค่ hype แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง AMD ประเมินว่า TAM (Total Addressable Market) ของ AI จะสูงถึง 500,000 ล้านดอลลาร์ โดย Ramsay ระบุว่า inference workload, ขนาดของ dataset และการขยายไปยังอุตสาหกรรมต่าง ๆ คือปัจจัยหลักที่ผลักดันตลาดนี้ พร้อมเสริมว่า “AI คือจุดเปลี่ยนที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่การเกิดอินเทอร์เน็ต” สำหรับราคาชิปที่เพิ่มขึ้น Hu อธิบายว่าเป็นผลจากการเพิ่มฟีเจอร์ในแต่ละรุ่น ทำให้ต้นทุนวัสดุสูงขึ้น แต่ AMD พยายามรักษาสมดุลระหว่างราคาขายกับต้นทุนรวมของการเป็นเจ้าของ (TCO) เพื่อให้ลูกค้าได้รับความคุ้มค่าในระยะยาว ✅ AMD ปฏิเสธว่า AI เป็นฟองสบู่ ➡️ Hu ระบุว่า AI ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการนำไปใช้ ➡️ การลงทุนของ hyperscaler และ productivity gains เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ ➡️ AI ถูกมองว่าเป็นโอกาสครั้งเดียวในชีวิตสำหรับอุตสาหกรรม ✅ การประเมินตลาด AI มูลค่า 500,000 ล้านดอลลาร์ ➡️ TAM ของ AI ถูกประเมินโดย AMD ว่าจะสูงถึง $500B ➡️ ปัจจัยหลักคือ inference workload, dataset ขนาดใหญ่ และการขยายสู่อุตสาหกรรม ➡️ Ramsay ระบุว่า AI คือจุดเปลี่ยนใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่การเกิดอินเทอร์เน็ต ✅ สถานการณ์ในจีนและการจำกัดการผลิต ➡️ AMD ยังไม่เริ่มผลิต MI308 GPU สำหรับจีน แม้ได้รับใบอนุญาต ➡️ ความต้องการในจีนสูงกว่าความสามารถในการผลิตเนื่องจากข้อจำกัดจากสหรัฐฯ ➡️ Huawei ไม่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีระดับสูงจากสหรัฐฯ ได้ ✅ เหตุผลของราคาชิปที่เพิ่มขึ้น ➡️ AMD เพิ่มฟีเจอร์ในแต่ละรุ่น ทำให้ต้นทุนวัสดุสูงขึ้น ➡️ บริษัทเน้นการปรับปรุง TCO เพื่อให้ลูกค้าได้รับความคุ้มค่า ➡️ ราคาขายสูงขึ้นเพื่อรักษา margin และความสามารถในการแข่งขัน https://wccftech.com/amd-rejects-ai-bubble-defends-500-billion-ai-market-says-chip-price-hikes-are-due-to-high-costs/
    WCCFTECH.COM
    AMD Rejects 'AI Bubble,' Defends $500 Billion AI Market & Says Chip Price Hikes Are Due To High Costs
    AMD CFO Jean Hu confirms no new China chip production despite licenses and denies an AI bubble exists while discussing $500 billion TAM.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 73 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 21 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • https://youtube.com/shorts/AofnNF1j_4s?si=SxvdbFtabJMSrsYH
    https://youtube.com/shorts/AofnNF1j_4s?si=SxvdbFtabJMSrsYH
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 30 มุมมอง 0 รีวิว
  • มาเป็นกำลังใจให้เด็กลพบุรีกันหน่อยนะครับ
    ____________
    เพลง เสือ prod.kop'ps(official mv)
    เฟี้ยว สหรัฐ

    https://youtu.be/KInTEDXW_Bw?si=9JXymvmRfc3aqNIv
    /////////////////////
    https://www.facebook.com/share/v/1JbqePYCdK/
    มาเป็นกำลังใจให้เด็กลพบุรีกันหน่อยนะครับ ____________ เพลง เสือ prod.kop'ps(official mv) เฟี้ยว สหรัฐ https://youtu.be/KInTEDXW_Bw?si=9JXymvmRfc3aqNIv ///////////////////// https://www.facebook.com/share/v/1JbqePYCdK/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 36 มุมมอง 0 รีวิว
  • Bratislava River Cruise Port ท่าเรือหลักริมแม่น้ำดานูบในเมืองบราติสลาวา ประเทศสโลวาเกีย ตั้งอยู่ใกล้เมืองเก่า ห่างจากปราสาทบราติสลาวาเพียง 1 กิโล เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมบารอก คาเฟ่ท้องถิ่น และแหล่งประวัติศาสตร์สำคัญ

    Bratislava Castle ปราสาทบราติสลาวา
    ปราสาทสีขาวเด่นเป็นสง่าบนเนินเขา ริมแม่น้ำดานูบ เป็นจุดชมวิวเมืองบราติสลาวาแบบพาโนรามา และเคยเป็นพระราชวังของราชวงศ์ฮังการี

    Old Town Bratislava เมืองเก่าบราติสลาวา
    ใจกลางเมืองเก่า เดินตรงจากท่าเรือผ่านถนน Hviezdoslav จัดเป็นเป็นหัวใจของบราติสลาวา เต็มไปด้วยร้านอาหาร คาเฟ่ และอาคารเก่าแก่ มีหอคอยให้ชมวิวจัตุรัส

    UFO Bridge สะพานยูเอฟโอและจุดชมวิว
    ฝั่ง Petržalka วิวพาโนรามาแบบ 360 องศา เหมาะกับการชมพระอาทิตย์ตก หอคอย UFO มีร้านอาหารหมุนได้ และ Skywalk บนดาดฟ้า

    Hviezdoslav Square จัตุรัสฮวีเอสดอสลาฟ
    จัตุรัสกว้างใหญ่ที่อยู่ใจกลางเมืองเก่า ใกล้กับแม่น้ำดานูบและท่าเรือ รูปปั้นนักกวี Pavol Országh Hviezdoslav ด้านข้างมี โรงละครแห่งชาติ Slovak National Theatre

    สอบถามเพิ่มเติมหรือจองแพ็คเกจได้ทันที!
    https://cruisedomain.com/
    LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029
    Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121
    Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620
    : 0 2116 9696

    #BratislavaRiverCruisePort #DanubeRiver #BratislavaCastle #OldTownBratislava #UFOBridge #HviezdoslavSquare #port #cruisedomain #thaitimes #News1 #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #แชร์ที่เที่ยว #ไอเดียทริป #EuropeTravel
    🅿️ Bratislava River Cruise Port ท่าเรือหลักริมแม่น้ำดานูบในเมืองบราติสลาวา ประเทศสโลวาเกีย ตั้งอยู่ใกล้เมืองเก่า ห่างจากปราสาทบราติสลาวาเพียง 1 กิโล เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมบารอก คาเฟ่ท้องถิ่น และแหล่งประวัติศาสตร์สำคัญ 🏰 ✔️ Bratislava Castle ✨ ปราสาทบราติสลาวา ปราสาทสีขาวเด่นเป็นสง่าบนเนินเขา ริมแม่น้ำดานูบ เป็นจุดชมวิวเมืองบราติสลาวาแบบพาโนรามา และเคยเป็นพระราชวังของราชวงศ์ฮังการี ✔️ Old Town Bratislava ✨ เมืองเก่าบราติสลาวา ใจกลางเมืองเก่า เดินตรงจากท่าเรือผ่านถนน Hviezdoslav จัดเป็นเป็นหัวใจของบราติสลาวา เต็มไปด้วยร้านอาหาร คาเฟ่ และอาคารเก่าแก่ มีหอคอยให้ชมวิวจัตุรัส ✔️ UFO Bridge ✨ สะพานยูเอฟโอและจุดชมวิว ฝั่ง Petržalka วิวพาโนรามาแบบ 360 องศา เหมาะกับการชมพระอาทิตย์ตก หอคอย UFO มีร้านอาหารหมุนได้ และ Skywalk บนดาดฟ้า ✔️ Hviezdoslav Square ✨ จัตุรัสฮวีเอสดอสลาฟ จัตุรัสกว้างใหญ่ที่อยู่ใจกลางเมืองเก่า ใกล้กับแม่น้ำดานูบและท่าเรือ รูปปั้นนักกวี Pavol Országh Hviezdoslav ด้านข้างมี โรงละครแห่งชาติ Slovak National Theatre 📩 สอบถามเพิ่มเติมหรือจองแพ็คเกจได้ทันที! https://cruisedomain.com/ LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029 Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121 Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620 ☎️: 0 2116 9696 #BratislavaRiverCruisePort #DanubeRiver #BratislavaCastle #OldTownBratislava #UFOBridge #HviezdoslavSquare #port #cruisedomain #thaitimes #News1 #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #แชร์ที่เที่ยว #ไอเดียทริป #EuropeTravel
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 83 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtube.com/shorts/KwEZZMno5P4?si=Zojty4Q7citytKaj
    https://youtube.com/shorts/KwEZZMno5P4?si=Zojty4Q7citytKaj
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 33 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่รู้ผู้ว่าฯ สระแก้ว เพิ่งนึกได้ว่าเป็นคนไทย หรือเพราะพรรคเพื่อไทยสิ้นอำนาจ จึงประกาศทวงคืนบ้านหนองจาน
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #ผู้ว่าสระแก้ว
    #บ้านหนองจาน
    ไม่รู้ผู้ว่าฯ สระแก้ว เพิ่งนึกได้ว่าเป็นคนไทย หรือเพราะพรรคเพื่อไทยสิ้นอำนาจ จึงประกาศทวงคืนบ้านหนองจาน #คิงส์โพธิ์แดง #ผู้ว่าสระแก้ว #บ้านหนองจาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 65 มุมมอง 0 รีวิว
  • แบบนี้เริ่มมีเยอะ...ตั้งขื่อร้านทอง บูสเพจ ..แต่นัดรับไม่ได้....โอนส่งอย่างเดียว....ทองแท้ พระแท้...แต่ไม่ส่ง...หรือส่งเก๊ .....อย่าโลภ ...
    แบบนี้เริ่มมีเยอะ...ตั้งขื่อร้านทอง บูสเพจ ..แต่นัดรับไม่ได้....โอนส่งอย่างเดียว....ทองแท้ พระแท้...แต่ไม่ส่ง...หรือส่งเก๊ .....อย่าโลภ ...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 15 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 17 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 17 มุมมอง 0 0 รีวิว