• 🌍 Google Workspace เพิ่ม 10 ฟีเจอร์ AI ฟรีสำหรับองค์กรไม่แสวงหากำไร
    Google ได้ประกาศ ขยายโปรแกรม Google for Nonprofits ไปยัง กว่า 100 ประเทศทั่วโลก พร้อมเพิ่ม 10 ฟีเจอร์ AI ฟรี ให้กับ Workspace for Nonprofits ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยให้องค์กรสามารถ ใช้ Gmail, Calendar, Meet และแอป AI เช่น Gemini และ NotebookLM ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

    Google สำรวจองค์กรไม่แสวงหากำไร กว่า 9,000 แห่ง และพบว่า 90% รายงานว่าการใช้ AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ แต่มีเพียง 20% ที่ใช้งาน AI อย่างแพร่หลาย

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Google ขยายโปรแกรม Google for Nonprofits ไปยังกว่า 100 ประเทศ
    - Workspace for Nonprofits ให้บริการ Gmail, Calendar, Meet และแอป AI ฟรี
    - เพิ่ม 10 ฟีเจอร์ AI ใหม่ เช่น Gems Audio Overviews, Image Generation, Deep Research และ Mind Maps
    - NotebookLM รองรับ Summaries, Audio Overviews ในกว่า 50 ภาษา และ Q&A
    - องค์กรสามารถใช้ Google Vids เพื่อสร้างวิดีโอแบบกำหนดเองด้วย Veo 2

    🔥 ผลกระทบต่อองค์กรไม่แสวงหากำไร
    Google ระบุว่า องค์กรสามารถใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และ เชื่อมต่อกับผู้คนผ่านโฆษณาใน Google Maps ได้ฟรี

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - แม้จะมีฟีเจอร์ AI ฟรี แต่บางองค์กรอาจต้องใช้ทรัพยากรเพิ่มเติมเพื่อปรับตัว
    - ต้องติดตามว่า Google จะขยายฟีเจอร์ AI ไปยังองค์กรขนาดเล็กหรือไม่
    - การใช้ AI ในองค์กรต้องมีแนวทางที่ชัดเจนเพื่อป้องกันการใช้ข้อมูลผิดวัตถุประสงค์
    - ต้องรอดูว่าองค์กรจะสามารถใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพได้จริงหรือไม่

    https://www.neowin.net/news/google-workspace-brings-10-free-ai-features-for-nonprofit-organizations/
    🌍 Google Workspace เพิ่ม 10 ฟีเจอร์ AI ฟรีสำหรับองค์กรไม่แสวงหากำไร Google ได้ประกาศ ขยายโปรแกรม Google for Nonprofits ไปยัง กว่า 100 ประเทศทั่วโลก พร้อมเพิ่ม 10 ฟีเจอร์ AI ฟรี ให้กับ Workspace for Nonprofits ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยให้องค์กรสามารถ ใช้ Gmail, Calendar, Meet และแอป AI เช่น Gemini และ NotebookLM ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย Google สำรวจองค์กรไม่แสวงหากำไร กว่า 9,000 แห่ง และพบว่า 90% รายงานว่าการใช้ AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ แต่มีเพียง 20% ที่ใช้งาน AI อย่างแพร่หลาย ✅ ข้อมูลจากข่าว - Google ขยายโปรแกรม Google for Nonprofits ไปยังกว่า 100 ประเทศ - Workspace for Nonprofits ให้บริการ Gmail, Calendar, Meet และแอป AI ฟรี - เพิ่ม 10 ฟีเจอร์ AI ใหม่ เช่น Gems Audio Overviews, Image Generation, Deep Research และ Mind Maps - NotebookLM รองรับ Summaries, Audio Overviews ในกว่า 50 ภาษา และ Q&A - องค์กรสามารถใช้ Google Vids เพื่อสร้างวิดีโอแบบกำหนดเองด้วย Veo 2 🔥 ผลกระทบต่อองค์กรไม่แสวงหากำไร Google ระบุว่า องค์กรสามารถใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และ เชื่อมต่อกับผู้คนผ่านโฆษณาใน Google Maps ได้ฟรี ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - แม้จะมีฟีเจอร์ AI ฟรี แต่บางองค์กรอาจต้องใช้ทรัพยากรเพิ่มเติมเพื่อปรับตัว - ต้องติดตามว่า Google จะขยายฟีเจอร์ AI ไปยังองค์กรขนาดเล็กหรือไม่ - การใช้ AI ในองค์กรต้องมีแนวทางที่ชัดเจนเพื่อป้องกันการใช้ข้อมูลผิดวัตถุประสงค์ - ต้องรอดูว่าองค์กรจะสามารถใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพได้จริงหรือไม่ https://www.neowin.net/news/google-workspace-brings-10-free-ai-features-for-nonprofit-organizations/
    WWW.NEOWIN.NET
    Google Workspace brings 10 free AI features for nonprofit organizations
    Google is bringing several new updates for nonprofits, including ten AI features through its dedicated Workspace tier.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 37 มุมมอง 0 รีวิว
  • 📚 Wikipedia ระงับฟีเจอร์สรุปบทความด้วย AI หลังถูกต่อต้านจากบรรณาธิการ
    Wikimedia Foundation ได้ ระงับการทดลองใช้ AI-generated summaries บน Wikipedia หลังจากได้รับ เสียงคัดค้านอย่างหนักจากบรรณาธิการอาสาสมัคร โดยฟีเจอร์นี้ใช้ Aya ซึ่งเป็นโมเดล AI จาก Cohere

    การทดลองนี้ เปิดให้ใช้งานแบบ opt-in บนเวอร์ชันมือถือเป็นเวลา 2 สัปดาห์ แต่บรรณาธิการ Wikipedia แสดงความกังวลว่าฟีเจอร์นี้อาจทำลายความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Wikipedia ทดลองใช้ AI-generated summaries โดยใช้โมเดล Aya จาก Cohere
    - การทดลองเปิดให้ใช้งานแบบ opt-in บนเวอร์ชันมือถือเป็นเวลา 2 สัปดาห์
    - บรรณาธิการ Wikipedia คัดค้านอย่างหนัก โดยให้เหตุผลว่าฟีเจอร์นี้อาจทำลายความน่าเชื่อถือ
    - บรรณาธิการบางคนกังวลว่า AI จะทำให้ Wikipedia สูญเสียรูปแบบการแก้ไขร่วมกันของมนุษย์
    - Wikimedia Foundation ระบุว่าจะไม่เปิดตัวฟีเจอร์นี้โดยไม่มีการมีส่วนร่วมจากบรรณาธิการ

    🔥 ความกังวลเกี่ยวกับ AI-generated summaries
    บรรณาธิการ Wikipedia กลัวว่า AI อาจให้ข้อมูลที่ผิดพลาด เช่นเดียวกับกรณีของ Google AI Overviews ที่เคยแนะนำให้ใส่กาวบนพิซซ่า หรือ Apple AI ที่เคยแจ้งข่าวผิดพลาดเกี่ยวกับการเสียชีวิตของบุคคล

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - AI-generated summaries อาจให้ข้อมูลที่ผิดพลาดและส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของ Wikipedia
    - บรรณาธิการกังวลว่า AI อาจทำให้ Wikipedia สูญเสียรูปแบบการแก้ไขร่วมกันของมนุษย์
    - ต้องติดตามว่า Wikimedia Foundation จะพัฒนา AI summaries ให้มีระบบตรวจสอบที่ดีขึ้นหรือไม่
    - Wikipedia อาจต้องหาวิธีใช้ AI โดยไม่กระทบต่อหลักการความเป็นกลางของเนื้อหา

    https://www.neowin.net/news/wikipedia-suffers-backlash-from-human-editors-over-ai-summaries-prompting-feature-pause/
    📚 Wikipedia ระงับฟีเจอร์สรุปบทความด้วย AI หลังถูกต่อต้านจากบรรณาธิการ Wikimedia Foundation ได้ ระงับการทดลองใช้ AI-generated summaries บน Wikipedia หลังจากได้รับ เสียงคัดค้านอย่างหนักจากบรรณาธิการอาสาสมัคร โดยฟีเจอร์นี้ใช้ Aya ซึ่งเป็นโมเดล AI จาก Cohere การทดลองนี้ เปิดให้ใช้งานแบบ opt-in บนเวอร์ชันมือถือเป็นเวลา 2 สัปดาห์ แต่บรรณาธิการ Wikipedia แสดงความกังวลว่าฟีเจอร์นี้อาจทำลายความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ ✅ ข้อมูลจากข่าว - Wikipedia ทดลองใช้ AI-generated summaries โดยใช้โมเดล Aya จาก Cohere - การทดลองเปิดให้ใช้งานแบบ opt-in บนเวอร์ชันมือถือเป็นเวลา 2 สัปดาห์ - บรรณาธิการ Wikipedia คัดค้านอย่างหนัก โดยให้เหตุผลว่าฟีเจอร์นี้อาจทำลายความน่าเชื่อถือ - บรรณาธิการบางคนกังวลว่า AI จะทำให้ Wikipedia สูญเสียรูปแบบการแก้ไขร่วมกันของมนุษย์ - Wikimedia Foundation ระบุว่าจะไม่เปิดตัวฟีเจอร์นี้โดยไม่มีการมีส่วนร่วมจากบรรณาธิการ 🔥 ความกังวลเกี่ยวกับ AI-generated summaries บรรณาธิการ Wikipedia กลัวว่า AI อาจให้ข้อมูลที่ผิดพลาด เช่นเดียวกับกรณีของ Google AI Overviews ที่เคยแนะนำให้ใส่กาวบนพิซซ่า หรือ Apple AI ที่เคยแจ้งข่าวผิดพลาดเกี่ยวกับการเสียชีวิตของบุคคล ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - AI-generated summaries อาจให้ข้อมูลที่ผิดพลาดและส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของ Wikipedia - บรรณาธิการกังวลว่า AI อาจทำให้ Wikipedia สูญเสียรูปแบบการแก้ไขร่วมกันของมนุษย์ - ต้องติดตามว่า Wikimedia Foundation จะพัฒนา AI summaries ให้มีระบบตรวจสอบที่ดีขึ้นหรือไม่ - Wikipedia อาจต้องหาวิธีใช้ AI โดยไม่กระทบต่อหลักการความเป็นกลางของเนื้อหา https://www.neowin.net/news/wikipedia-suffers-backlash-from-human-editors-over-ai-summaries-prompting-feature-pause/
    WWW.NEOWIN.NET
    Wikipedia suffers backlash from human editors over AI summaries, prompting feature pause
    Wikipedia was testing an AI summaries feature similar to Google's AI Overviews but has now paused it following editor outcry.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 32 มุมมอง 0 รีวิว
  • ด่วน!! แพทยสภา ย้ำมติเดิมลงโทษ 3 แพทย์ เอื้อ "ทักษิณ" นอนชั้น 14 รพ.ตำรวจ เข้าประชุม 68 คน เสียงเกิน 2 ใน 3
    https://www.thai-tai.tv/news/19376/
    ด่วน!! แพทยสภา ย้ำมติเดิมลงโทษ 3 แพทย์ เอื้อ "ทักษิณ" นอนชั้น 14 รพ.ตำรวจ เข้าประชุม 68 คน เสียงเกิน 2 ใน 3 https://www.thai-tai.tv/news/19376/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 25 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtube.com/shorts/vjxEU2U26I8?si=ueHy6l4RF5tzqWb-
    https://youtube.com/shorts/vjxEU2U26I8?si=ueHy6l4RF5tzqWb-
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 17 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔐 Microsoft Edge for Business เปิดตัวระบบจัดการรหัสผ่านที่ปลอดภัยสำหรับองค์กร
    Microsoft ได้เปิดตัว ฟีเจอร์ Secure Password Deployment สำหรับ Edge for Business ซึ่งช่วยให้ ผู้ดูแลระบบสามารถแชร์รหัสผ่านที่เข้ารหัสกับผู้ใช้ในองค์กร โดยไม่ต้องใช้ กระดาษโน้ตหรืออีเมล

    ผู้ดูแลระบบสามารถ จัดการรหัสผ่านผ่าน Microsoft Edge management service ใน Microsoft 365 admin center โดยสามารถ เพิ่ม, อัปเดต และเพิกถอนรหัสผ่านสำหรับกลุ่มผู้ใช้เฉพาะ

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Microsoft Edge for Business เปิดตัว Secure Password Deployment สำหรับองค์กร
    - ช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถแชร์รหัสผ่านที่เข้ารหัสกับผู้ใช้โดยไม่ต้องใช้กระดาษโน้ตหรืออีเมล
    - รหัสผ่านจะถูกจัดเก็บใน Edge password manager และสามารถใช้ autofill ได้
    - รหัสผ่านถูกผูกกับโปรไฟล์งานใน Edge บนอุปกรณ์ Windows ที่มีการจัดการ
    - ผู้ใช้ไม่สามารถดู, แก้ไข หรือส่งออกรหัสผ่านจาก password manager ได้

    🔥 ความปลอดภัยและข้อจำกัด
    Microsoft ใช้ Information Protection SDK เพื่อเข้ารหัสรหัสผ่าน และการถอดรหัสจะเกิดขึ้น เฉพาะเมื่อผู้ใช้ได้รับการตรวจสอบสิทธิ์ อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ที่มีความรู้ด้านเทคนิคสามารถเปิดเผยรหัสผ่านผ่าน Developer Tools

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - ผู้ดูแลระบบควรจำกัดการเข้าถึง Developer Tools ผ่าน DeveloperToolsAvailability policy
    - รหัสผ่านที่แชร์ไม่สามารถดูหรือแก้ไขได้ อาจทำให้เกิดปัญหาในการจัดการ
    - ต้องใช้ Microsoft 365 Business Premium, E3 หรือ E5 subscription เพื่อใช้งานฟีเจอร์นี้
    - ต้องมีสิทธิ์ Edge admin หรือ Global admin ใน Microsoft 365 admin center

    https://www.neowin.net/news/edge-for-business-gets-secure-password-deployment-for-organizations/
    🔐 Microsoft Edge for Business เปิดตัวระบบจัดการรหัสผ่านที่ปลอดภัยสำหรับองค์กร Microsoft ได้เปิดตัว ฟีเจอร์ Secure Password Deployment สำหรับ Edge for Business ซึ่งช่วยให้ ผู้ดูแลระบบสามารถแชร์รหัสผ่านที่เข้ารหัสกับผู้ใช้ในองค์กร โดยไม่ต้องใช้ กระดาษโน้ตหรืออีเมล ผู้ดูแลระบบสามารถ จัดการรหัสผ่านผ่าน Microsoft Edge management service ใน Microsoft 365 admin center โดยสามารถ เพิ่ม, อัปเดต และเพิกถอนรหัสผ่านสำหรับกลุ่มผู้ใช้เฉพาะ ✅ ข้อมูลจากข่าว - Microsoft Edge for Business เปิดตัว Secure Password Deployment สำหรับองค์กร - ช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถแชร์รหัสผ่านที่เข้ารหัสกับผู้ใช้โดยไม่ต้องใช้กระดาษโน้ตหรืออีเมล - รหัสผ่านจะถูกจัดเก็บใน Edge password manager และสามารถใช้ autofill ได้ - รหัสผ่านถูกผูกกับโปรไฟล์งานใน Edge บนอุปกรณ์ Windows ที่มีการจัดการ - ผู้ใช้ไม่สามารถดู, แก้ไข หรือส่งออกรหัสผ่านจาก password manager ได้ 🔥 ความปลอดภัยและข้อจำกัด Microsoft ใช้ Information Protection SDK เพื่อเข้ารหัสรหัสผ่าน และการถอดรหัสจะเกิดขึ้น เฉพาะเมื่อผู้ใช้ได้รับการตรวจสอบสิทธิ์ อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ที่มีความรู้ด้านเทคนิคสามารถเปิดเผยรหัสผ่านผ่าน Developer Tools ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - ผู้ดูแลระบบควรจำกัดการเข้าถึง Developer Tools ผ่าน DeveloperToolsAvailability policy - รหัสผ่านที่แชร์ไม่สามารถดูหรือแก้ไขได้ อาจทำให้เกิดปัญหาในการจัดการ - ต้องใช้ Microsoft 365 Business Premium, E3 หรือ E5 subscription เพื่อใช้งานฟีเจอร์นี้ - ต้องมีสิทธิ์ Edge admin หรือ Global admin ใน Microsoft 365 admin center https://www.neowin.net/news/edge-for-business-gets-secure-password-deployment-for-organizations/
    WWW.NEOWIN.NET
    Edge for Business gets secure password deployment for organizations
    Microsoft Edge for Business customers can now enable secure password deployment, removing the need for organization members to share passwords insecurely.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 35 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtube.com/shorts/Mb-fYted8cQ?si=9EdzCCUn7KPPrtc4
    https://youtube.com/shorts/Mb-fYted8cQ?si=9EdzCCUn7KPPrtc4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 16 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า กังวลกับกระแสที่มีข้อเรียกร้องให้เปิดรายชื่อว่ากรรมการแต่ละคนโหวตอย่างไร ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า การที่แพทย์จากหลากหลายสถาบัน หลากหลายรุ่น รวมทั้งประชาชนคนไทยกว่า 50,000 คน ที่ลงนามส่งมาถึงแพทยสภา จะเห็นว่าสาระหลัก ต้องการให้แพทยสภายึดมั่นต้องการ ยึดหลักความถูกต้อง และรักษาไว้ ซึ่งจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ โดยสิ่งนี้ก็เป็นสิ่งที่กรรมการแพทยสภาตระหนักและจะทำเช่นนั้นอยู่แล้ว

    ตนขอเป็นตัวแทนกรรมการแพทยสภาทุกคน กราบขอบพระคุณแพทย์ และประชาชนทั้งหลาย ที่แสดงออกอย่างชัดเจนให้แพทยสภา ดำรงไว้ซึ่งความถูกต้อง รักษาไว้ซึ่งจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ แล้ววันนี้พวกเรากรรมการแพทยสภาก็ได้ทำสิ่งนั้นแล้ว

    “เพราะฉะนั้นสิ่งที่ให้มานั้นสำหรับผม มองว่าไม่ใช่แรงกดดัน แต่คือกำลังใจเพราะเป็นสิ่งที่เราก็อยากทำ และความเห็นของผมคือชอบแล้วด้วยการกระทำ เพราะฉะนั้นที่ส่งมานั้นผมไม่ถือว่าเป็นแรงกดดัน แต่มีบางกลุ่มที่ใช้กลไกบางอย่างที่จะทำให้กรรมการแพทยสภาไม่ได้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง หรือขัดกับจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ ให้เราทำในสิ่งที่เราไม่ต้องการทำ แบบนี้ถึงจะเรียกว่ากดดัน หรือถ้าว่าไปแล้ว ในบางกรณีเข้าเกณฑ์ข่มขู่ด้วยซ้ำ" ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าว
    ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า กังวลกับกระแสที่มีข้อเรียกร้องให้เปิดรายชื่อว่ากรรมการแต่ละคนโหวตอย่างไร ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า การที่แพทย์จากหลากหลายสถาบัน หลากหลายรุ่น รวมทั้งประชาชนคนไทยกว่า 50,000 คน ที่ลงนามส่งมาถึงแพทยสภา จะเห็นว่าสาระหลัก ต้องการให้แพทยสภายึดมั่นต้องการ ยึดหลักความถูกต้อง และรักษาไว้ ซึ่งจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ โดยสิ่งนี้ก็เป็นสิ่งที่กรรมการแพทยสภาตระหนักและจะทำเช่นนั้นอยู่แล้ว ตนขอเป็นตัวแทนกรรมการแพทยสภาทุกคน กราบขอบพระคุณแพทย์ และประชาชนทั้งหลาย ที่แสดงออกอย่างชัดเจนให้แพทยสภา ดำรงไว้ซึ่งความถูกต้อง รักษาไว้ซึ่งจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ แล้ววันนี้พวกเรากรรมการแพทยสภาก็ได้ทำสิ่งนั้นแล้ว “เพราะฉะนั้นสิ่งที่ให้มานั้นสำหรับผม มองว่าไม่ใช่แรงกดดัน แต่คือกำลังใจเพราะเป็นสิ่งที่เราก็อยากทำ และความเห็นของผมคือชอบแล้วด้วยการกระทำ เพราะฉะนั้นที่ส่งมานั้นผมไม่ถือว่าเป็นแรงกดดัน แต่มีบางกลุ่มที่ใช้กลไกบางอย่างที่จะทำให้กรรมการแพทยสภาไม่ได้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง หรือขัดกับจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ ให้เราทำในสิ่งที่เราไม่ต้องการทำ แบบนี้ถึงจะเรียกว่ากดดัน หรือถ้าว่าไปแล้ว ในบางกรณีเข้าเกณฑ์ข่มขู่ด้วยซ้ำ" ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 15 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔐 8 บทเรียนสำคัญที่ CISOs ได้เรียนรู้จากเหตุการณ์โจมตีไซเบอร์
    CISOs ที่เคยเผชิญกับการโจมตีไซเบอร์ ได้เปลี่ยนแนวทางการรักษาความปลอดภัย โดยเน้นไปที่ การตอบสนองที่รวดเร็วและการป้องกันเชิงรุก เพื่อให้สามารถ ปรับกลยุทธ์และเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับระบบรักษาความปลอดภัย

    🔍 บทเรียนสำคัญจากเหตุการณ์โจมตี
    1️⃣ การแบ่งปันบทเรียนช่วยให้ทุกคนปลอดภัยขึ้น

    CISOs ที่เคยเผชิญกับการโจมตีไซเบอร์ ควรแบ่งปันประสบการณ์เพื่อช่วยให้ชุมชนปลอดภัยขึ้น

    การวิเคราะห์เหตุการณ์โดยไม่มีการตำหนิ ช่วยให้สามารถเรียนรู้จากข้อผิดพลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    2️⃣ ต้องเปลี่ยนจากการตั้งรับเป็นการรุก

    CISOs ที่เคยเผชิญกับการโจมตี ต้องปรับแนวคิดให้เข้าใจการโจมตีมากขึ้น

    การฝึกซ้อม Red Team และ Live Fire Drill ช่วยให้สามารถตอบสนองต่อภัยคุกคามได้ดีขึ้น

    3️⃣ ต้องมีแผนรับมือที่ชัดเจน
    - การมีแผนรับมือที่ดี ช่วยลดความตื่นตระหนกและเพิ่มประสิทธิภาพในการตอบสนอง
    - ควรกำหนดบทบาทของแต่ละฝ่ายให้ชัดเจน เพื่อให้สามารถสื่อสารและตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว

    4️⃣ ต้องมีระบบสำรองข้อมูลที่ปลอดภัย
    - แฮกเกอร์มักโจมตีระบบสำรองข้อมูลก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้เหยื่อสามารถกู้คืนข้อมูลได้
    - ควรตรวจสอบและทดสอบระบบสำรองข้อมูลเป็นประจำ เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีมัลแวร์แฝงอยู่

    5️⃣ ต้องตั้งมาตรฐานความปลอดภัยให้สูงขึ้น
    - หลังจากเหตุการณ์โจมตี CISOs ควรปรับปรุงมาตรการรักษาความปลอดภัยให้แข็งแกร่งขึ้น
    - การฝึกซ้อม Tabletop Exercise ช่วยให้สามารถเตรียมพร้อมรับมือกับภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้น

    6️⃣ อย่าหลงไปกับเทคโนโลยีใหม่โดยไม่จำเป็น
    - CISOs ควรให้ความสำคัญกับ การจัดการช่องโหว่และการตรวจจับภัยคุกคามมากกว่าการใช้เทคโนโลยีใหม่
    - การใช้ Zero Trust และ Passwordless Authentication ช่วยเพิ่มความปลอดภัยโดยไม่ต้องพึ่งพาเครื่องมือที่ซับซ้อน

    7️⃣ งบประมาณด้านความปลอดภัยอาจลดลงหลังเหตุการณ์โจมตี
    - หลังจากเหตุการณ์โจมตี องค์กรอาจเพิ่มงบประมาณด้านความปลอดภัยชั่วคราว
    - CISOs ต้องวางแผนให้ดี เพื่อให้สามารถใช้ทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพแม้หลังจากงบประมาณลดลง

    8️⃣ ต้องดูแลสุขภาพจิตของตนเอง
    - CISOs ที่ต้องรับมือกับเหตุการณ์โจมตี มักเผชิญกับความเครียดสูง
    - ควรมีแผนดูแลสุขภาพจิต เพื่อให้สามารถรับมือกับแรงกดดันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    🔥 ความท้าทายในการรักษาความปลอดภัย
    ‼️ องค์กรที่ไม่มีงบประมาณเพียงพออาจมีช่องโหว่ด้านความปลอดภัย
    ‼️ การพึ่งพาเครื่องมืออัตโนมัติเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอในการป้องกันภัยคุกคามที่ซับซ้อน
    ‼️ CISOs ต้องเผชิญกับแรงกดดันจากฝ่ายบริหารในการลดต้นทุนด้านความปลอดภัย
    ‼️ ต้องติดตามแนวโน้มภัยคุกคามใหม่ ๆ เพื่อปรับกลยุทธ์ให้ทันต่อสถานการณ์

    https://www.csoonline.com/article/4002175/8-things-cisos-have-learnt-from-cyber-incidents.html
    🔐 8 บทเรียนสำคัญที่ CISOs ได้เรียนรู้จากเหตุการณ์โจมตีไซเบอร์ CISOs ที่เคยเผชิญกับการโจมตีไซเบอร์ ได้เปลี่ยนแนวทางการรักษาความปลอดภัย โดยเน้นไปที่ การตอบสนองที่รวดเร็วและการป้องกันเชิงรุก เพื่อให้สามารถ ปรับกลยุทธ์และเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับระบบรักษาความปลอดภัย 🔍 บทเรียนสำคัญจากเหตุการณ์โจมตี 1️⃣ การแบ่งปันบทเรียนช่วยให้ทุกคนปลอดภัยขึ้น CISOs ที่เคยเผชิญกับการโจมตีไซเบอร์ ควรแบ่งปันประสบการณ์เพื่อช่วยให้ชุมชนปลอดภัยขึ้น การวิเคราะห์เหตุการณ์โดยไม่มีการตำหนิ ช่วยให้สามารถเรียนรู้จากข้อผิดพลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ 2️⃣ ต้องเปลี่ยนจากการตั้งรับเป็นการรุก CISOs ที่เคยเผชิญกับการโจมตี ต้องปรับแนวคิดให้เข้าใจการโจมตีมากขึ้น การฝึกซ้อม Red Team และ Live Fire Drill ช่วยให้สามารถตอบสนองต่อภัยคุกคามได้ดีขึ้น 3️⃣ ต้องมีแผนรับมือที่ชัดเจน - การมีแผนรับมือที่ดี ช่วยลดความตื่นตระหนกและเพิ่มประสิทธิภาพในการตอบสนอง - ควรกำหนดบทบาทของแต่ละฝ่ายให้ชัดเจน เพื่อให้สามารถสื่อสารและตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว 4️⃣ ต้องมีระบบสำรองข้อมูลที่ปลอดภัย - แฮกเกอร์มักโจมตีระบบสำรองข้อมูลก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้เหยื่อสามารถกู้คืนข้อมูลได้ - ควรตรวจสอบและทดสอบระบบสำรองข้อมูลเป็นประจำ เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีมัลแวร์แฝงอยู่ 5️⃣ ต้องตั้งมาตรฐานความปลอดภัยให้สูงขึ้น - หลังจากเหตุการณ์โจมตี CISOs ควรปรับปรุงมาตรการรักษาความปลอดภัยให้แข็งแกร่งขึ้น - การฝึกซ้อม Tabletop Exercise ช่วยให้สามารถเตรียมพร้อมรับมือกับภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้น 6️⃣ อย่าหลงไปกับเทคโนโลยีใหม่โดยไม่จำเป็น - CISOs ควรให้ความสำคัญกับ การจัดการช่องโหว่และการตรวจจับภัยคุกคามมากกว่าการใช้เทคโนโลยีใหม่ - การใช้ Zero Trust และ Passwordless Authentication ช่วยเพิ่มความปลอดภัยโดยไม่ต้องพึ่งพาเครื่องมือที่ซับซ้อน 7️⃣ งบประมาณด้านความปลอดภัยอาจลดลงหลังเหตุการณ์โจมตี - หลังจากเหตุการณ์โจมตี องค์กรอาจเพิ่มงบประมาณด้านความปลอดภัยชั่วคราว - CISOs ต้องวางแผนให้ดี เพื่อให้สามารถใช้ทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพแม้หลังจากงบประมาณลดลง 8️⃣ ต้องดูแลสุขภาพจิตของตนเอง - CISOs ที่ต้องรับมือกับเหตุการณ์โจมตี มักเผชิญกับความเครียดสูง - ควรมีแผนดูแลสุขภาพจิต เพื่อให้สามารถรับมือกับแรงกดดันได้อย่างมีประสิทธิภาพ 🔥 ความท้าทายในการรักษาความปลอดภัย ‼️ องค์กรที่ไม่มีงบประมาณเพียงพออาจมีช่องโหว่ด้านความปลอดภัย ‼️ การพึ่งพาเครื่องมืออัตโนมัติเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอในการป้องกันภัยคุกคามที่ซับซ้อน ‼️ CISOs ต้องเผชิญกับแรงกดดันจากฝ่ายบริหารในการลดต้นทุนด้านความปลอดภัย ‼️ ต้องติดตามแนวโน้มภัยคุกคามใหม่ ๆ เพื่อปรับกลยุทธ์ให้ทันต่อสถานการณ์ https://www.csoonline.com/article/4002175/8-things-cisos-have-learnt-from-cyber-incidents.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    8 things CISOs have learned from cyber incidents
    CISOs who have been through cyber attacks share some of the enduring lessons that have changed their approach to cybersecurity.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 56 มุมมอง 0 รีวิว
  • ⚖️ Disney และ Universal ฟ้อง Midjourney ฐานละเมิดลิขสิทธิ์
    Disney และ Universal ได้ยื่นฟ้อง Midjourney ซึ่งเป็นบริษัท AI ที่พัฒนาเครื่องมือสร้างภาพจากข้อความ โดยกล่าวหาว่า Midjourney ใช้ข้อมูลจากคลังภาพของสตูดิโอโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อสร้าง ภาพตัวละครที่มีลิขสิทธิ์ เช่น Darth Vader และ Minions

    คดีนี้ถูกยื่นฟ้องใน ศาลรัฐบาลกลางลอสแอนเจลิส โดยสตูดิโอทั้งสองกล่าวว่า Midjourney เป็น "ผู้ละเมิดลิขสิทธิ์โดยสมบูรณ์" และเป็น "แหล่งรวมของการลอกเลียนแบบ"

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Disney และ Universal ฟ้อง Midjourney ฐานละเมิดลิขสิทธิ์
    - กล่าวหาว่า Midjourney ใช้ข้อมูลจากคลังภาพของสตูดิโอโดยไม่ได้รับอนุญาต
    - ตัวละครที่ถูกละเมิดลิขสิทธิ์ ได้แก่ Darth Vader และ Minions
    - คดีถูกยื่นฟ้องในศาลรัฐบาลกลางลอสแอนเจลิส
    - Midjourney ไม่ตอบสนองต่อคำขอให้หยุดการละเมิดลิขสิทธิ์

    🔥 ปฏิกิริยาจาก Midjourney และอุตสาหกรรม AI
    David Holz ซีอีโอของ Midjourney กล่าวในระหว่างการประชุมกับผู้ใช้ว่า บริษัทจะยังคงดำเนินงานต่อไป แม้ว่าจะเผชิญกับคดีความ

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - คดีนี้อาจส่งผลกระทบต่ออนาคตของ AI ที่ใช้ข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตในการฝึกโมเดล
    - Midjourney อาจต้องเปลี่ยนแนวทางการพัฒนา AI หากแพ้คดี
    - บริษัท AI อื่น ๆ อาจต้องพิจารณาทำข้อตกลงด้านลิขสิทธิ์กับเจ้าของเนื้อหา
    - ต้องติดตามว่าคดีนี้จะส่งผลต่อการพัฒนา AI ในอุตสาหกรรมบันเทิงอย่างไร

    🚀 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมบันเทิงและ AI
    คดีนี้เป็น คดีแรกที่สตูดิโอใหญ่ฟ้องบริษัท AI ด้านการสร้างภาพ ซึ่งอาจเป็นจุดเริ่มต้นของ การกำหนดแนวทางด้านลิขสิทธิ์สำหรับ AI ในอนาคต

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/12/disney-and-universal-sue-ai-firm-midjourney-for-copyright-infringement
    ⚖️ Disney และ Universal ฟ้อง Midjourney ฐานละเมิดลิขสิทธิ์ Disney และ Universal ได้ยื่นฟ้อง Midjourney ซึ่งเป็นบริษัท AI ที่พัฒนาเครื่องมือสร้างภาพจากข้อความ โดยกล่าวหาว่า Midjourney ใช้ข้อมูลจากคลังภาพของสตูดิโอโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อสร้าง ภาพตัวละครที่มีลิขสิทธิ์ เช่น Darth Vader และ Minions คดีนี้ถูกยื่นฟ้องใน ศาลรัฐบาลกลางลอสแอนเจลิส โดยสตูดิโอทั้งสองกล่าวว่า Midjourney เป็น "ผู้ละเมิดลิขสิทธิ์โดยสมบูรณ์" และเป็น "แหล่งรวมของการลอกเลียนแบบ" ✅ ข้อมูลจากข่าว - Disney และ Universal ฟ้อง Midjourney ฐานละเมิดลิขสิทธิ์ - กล่าวหาว่า Midjourney ใช้ข้อมูลจากคลังภาพของสตูดิโอโดยไม่ได้รับอนุญาต - ตัวละครที่ถูกละเมิดลิขสิทธิ์ ได้แก่ Darth Vader และ Minions - คดีถูกยื่นฟ้องในศาลรัฐบาลกลางลอสแอนเจลิส - Midjourney ไม่ตอบสนองต่อคำขอให้หยุดการละเมิดลิขสิทธิ์ 🔥 ปฏิกิริยาจาก Midjourney และอุตสาหกรรม AI David Holz ซีอีโอของ Midjourney กล่าวในระหว่างการประชุมกับผู้ใช้ว่า บริษัทจะยังคงดำเนินงานต่อไป แม้ว่าจะเผชิญกับคดีความ ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - คดีนี้อาจส่งผลกระทบต่ออนาคตของ AI ที่ใช้ข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตในการฝึกโมเดล - Midjourney อาจต้องเปลี่ยนแนวทางการพัฒนา AI หากแพ้คดี - บริษัท AI อื่น ๆ อาจต้องพิจารณาทำข้อตกลงด้านลิขสิทธิ์กับเจ้าของเนื้อหา - ต้องติดตามว่าคดีนี้จะส่งผลต่อการพัฒนา AI ในอุตสาหกรรมบันเทิงอย่างไร 🚀 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมบันเทิงและ AI คดีนี้เป็น คดีแรกที่สตูดิโอใหญ่ฟ้องบริษัท AI ด้านการสร้างภาพ ซึ่งอาจเป็นจุดเริ่มต้นของ การกำหนดแนวทางด้านลิขสิทธิ์สำหรับ AI ในอนาคต https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/12/disney-and-universal-sue-ai-firm-midjourney-for-copyright-infringement
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Disney and Universal sue AI firm Midjourney for copyright infringement
    Disney and Universal sued popular artificial intelligence image-generator Midjourney on June 11, marking the first time major Hollywood companies have taken legal action against a maker of generative AI technology that could upend the entertainment industry.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 29 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 9 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🤖 Meta เร่งพัฒนา AI อัจฉริยะระดับสูง ดึงนักวิจัยชั้นนำจาก Google และ Sesame
    Meta กำลัง เร่งพัฒนา AI อัจฉริยะระดับสูง (Artificial General Intelligence - AGI) โดยดึง นักวิจัยชั้นนำจาก Google DeepMind และ Sesame AI เพื่อสร้างทีม "Superintelligence" ที่จะช่วยปรับปรุงโมเดล AI ของ Meta เช่น Llama 4

    Meta ได้ว่าจ้าง Jack Rae นักวิจัยหลักจาก Google DeepMind และ Johan Schalkwyk ผู้เชี่ยวชาญด้าน Machine Learning จาก Sesame AI นอกจากนี้ Alexandr Wang ซีอีโอของ Scale AI กำลังจะเข้าร่วมทีม หลังจาก Meta ลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ใน Scale AI

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Meta ดึงนักวิจัยจาก Google DeepMind และ Sesame AI เพื่อพัฒนา AI ระดับสูง
    - Jack Rae จาก Google DeepMind และ Johan Schalkwyk จาก Sesame AI เข้าร่วมทีม Superintelligence
    - Meta กำลังลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ใน Scale AI เพื่อเพิ่มคุณภาพข้อมูลสำหรับฝึกโมเดล AI
    - Mark Zuckerberg เสนอแพ็กเกจค่าตอบแทนระดับสูงเพื่อดึงดูดนักวิจัย AI ชั้นนำ
    - Meta ตั้งเป้าจ้างนักวิจัย AI ประมาณ 50 คน รวมถึงหัวหน้าทีมวิทยาศาสตร์

    🔥 การแข่งขันในตลาด AI
    Meta ต้องการ ไล่ตาม Google และ OpenAI หลังจาก Llama 4 ได้รับเสียงตอบรับที่ไม่ดี โดย Zuckerberg จัดประชุมกับนักวิจัย AI ที่บ้านของเขาใน Lake Tahoe และ Palo Alto เพื่อโน้มน้าวให้เข้าร่วมทีม

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - แม้ Meta จะลงทุนมหาศาล แต่ยังต้องแข่งขันกับ Google และ OpenAI ที่มีโมเดล AI ที่แข็งแกร่งกว่า
    - บางนักวิจัย AI ปฏิเสธข้อเสนอของ Meta แม้จะมีค่าตอบแทนสูง
    - Google กำลังเร่งรักษานักวิจัย AI โดยแต่งตั้ง Koray Kavukcuoglu เป็น Chief AI Architect
    - ต้องติดตามว่า Meta จะสามารถพัฒนา AI ที่แข่งขันกับ Gemini และ ChatGPT ได้หรือไม่

    Meta กำลัง เร่งพัฒนา AI ที่สามารถแข่งขันกับ Google และ OpenAI โดยการลงทุนใน นักวิจัยระดับสูงและข้อมูลคุณภาพสูงจาก Scale AI อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่ออุตสาหกรรม AI อย่างไร

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/12/meta-taps-top-researchers-from-google-sesame-for-new-ai-lab
    🤖 Meta เร่งพัฒนา AI อัจฉริยะระดับสูง ดึงนักวิจัยชั้นนำจาก Google และ Sesame Meta กำลัง เร่งพัฒนา AI อัจฉริยะระดับสูง (Artificial General Intelligence - AGI) โดยดึง นักวิจัยชั้นนำจาก Google DeepMind และ Sesame AI เพื่อสร้างทีม "Superintelligence" ที่จะช่วยปรับปรุงโมเดล AI ของ Meta เช่น Llama 4 Meta ได้ว่าจ้าง Jack Rae นักวิจัยหลักจาก Google DeepMind และ Johan Schalkwyk ผู้เชี่ยวชาญด้าน Machine Learning จาก Sesame AI นอกจากนี้ Alexandr Wang ซีอีโอของ Scale AI กำลังจะเข้าร่วมทีม หลังจาก Meta ลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ใน Scale AI ✅ ข้อมูลจากข่าว - Meta ดึงนักวิจัยจาก Google DeepMind และ Sesame AI เพื่อพัฒนา AI ระดับสูง - Jack Rae จาก Google DeepMind และ Johan Schalkwyk จาก Sesame AI เข้าร่วมทีม Superintelligence - Meta กำลังลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ใน Scale AI เพื่อเพิ่มคุณภาพข้อมูลสำหรับฝึกโมเดล AI - Mark Zuckerberg เสนอแพ็กเกจค่าตอบแทนระดับสูงเพื่อดึงดูดนักวิจัย AI ชั้นนำ - Meta ตั้งเป้าจ้างนักวิจัย AI ประมาณ 50 คน รวมถึงหัวหน้าทีมวิทยาศาสตร์ 🔥 การแข่งขันในตลาด AI Meta ต้องการ ไล่ตาม Google และ OpenAI หลังจาก Llama 4 ได้รับเสียงตอบรับที่ไม่ดี โดย Zuckerberg จัดประชุมกับนักวิจัย AI ที่บ้านของเขาใน Lake Tahoe และ Palo Alto เพื่อโน้มน้าวให้เข้าร่วมทีม ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - แม้ Meta จะลงทุนมหาศาล แต่ยังต้องแข่งขันกับ Google และ OpenAI ที่มีโมเดล AI ที่แข็งแกร่งกว่า - บางนักวิจัย AI ปฏิเสธข้อเสนอของ Meta แม้จะมีค่าตอบแทนสูง - Google กำลังเร่งรักษานักวิจัย AI โดยแต่งตั้ง Koray Kavukcuoglu เป็น Chief AI Architect - ต้องติดตามว่า Meta จะสามารถพัฒนา AI ที่แข่งขันกับ Gemini และ ChatGPT ได้หรือไม่ Meta กำลัง เร่งพัฒนา AI ที่สามารถแข่งขันกับ Google และ OpenAI โดยการลงทุนใน นักวิจัยระดับสูงและข้อมูลคุณภาพสูงจาก Scale AI อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่ออุตสาหกรรม AI อย่างไร https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/12/meta-taps-top-researchers-from-google-sesame-for-new-ai-lab
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Meta taps top researchers from Google, Sesame for new AI lab
    Meta Platforms Inc has poached top engineers from multiple tech firms, including Alphabet Inc's Google, for a new team focused on achieving a more advanced form of AI called artificial general intelligence.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 64 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อถามว่านายสมศักดิ์ ระบุเหตุผลในการวีโต้ก็เพื่อแพทย์รุ่นใหม่ ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ว่าจะเป็นแพทย์รุ่นใหม่ หรือแพทย์รุ่นเดิม เราได้รับการอบรมสั่งสอนมาเหมือนกัน เราเข้าใจจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ และเราเข้าใจความถูกต้อง เราเข้าใจบทบาทหน้าที่เหมือนกัน และตนก็อยากจะย้ำวันนี้เราทำตามสิ่งที่เราถูกสั่งสอนไว้ แล้วตนคิดว่า แพทย์ที่กำลังเรียนอยู่ก็ใช้กรณีนี้เป็นกรณีศึกษา ก็ได้เห็นว่าบทบาทของแพทย์มีมากมาย ไม่ใช่แค่การรักษาเพียงอย่างเดียว แต่คือการรักษามาตรฐานของการรักษา
    เมื่อถามว่านายสมศักดิ์ ระบุเหตุผลในการวีโต้ก็เพื่อแพทย์รุ่นใหม่ ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ว่าจะเป็นแพทย์รุ่นใหม่ หรือแพทย์รุ่นเดิม เราได้รับการอบรมสั่งสอนมาเหมือนกัน เราเข้าใจจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ และเราเข้าใจความถูกต้อง เราเข้าใจบทบาทหน้าที่เหมือนกัน และตนก็อยากจะย้ำวันนี้เราทำตามสิ่งที่เราถูกสั่งสอนไว้ แล้วตนคิดว่า แพทย์ที่กำลังเรียนอยู่ก็ใช้กรณีนี้เป็นกรณีศึกษา ก็ได้เห็นว่าบทบาทของแพทย์มีมากมาย ไม่ใช่แค่การรักษาเพียงอย่างเดียว แต่คือการรักษามาตรฐานของการรักษา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 19 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🏭 Besi ปรับเป้าหมายทางการเงินระยะยาว คาดการณ์ความต้องการชิปเพิ่มขึ้น
    BE Semiconductor Industries (Besi) ปรับเป้าหมายทางการเงินระยะยาว โดยคาดการณ์ว่า ตลาดสำหรับเทคโนโลยีการจัดเรียงชิปขั้นสูงจะเติบโตอย่างมาก เนื่องจาก การพัฒนา AI และศูนย์ข้อมูล

    Besi เป็นผู้ผลิต เครื่องมือ Hybrid Bonding ที่แม่นยำที่สุดในโลก ซึ่งช่วยให้ สามารถเชื่อมต่อชิปหลายตัวเข้าด้วยกันโดยตรง ทำให้ ชิปมีประสิทธิภาพสูงขึ้นโดยไม่ต้องลดขนาดทรานซิสเตอร์

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Besi ปรับเป้าหมายรายได้ระยะยาวเป็น 1.5-1.9 พันล้านยูโร จากเดิม 1 พันล้านยูโร
    - อัตรากำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเป็น 40%-55% จากเดิม 35%-50%
    - การพัฒนา AI และศูนย์ข้อมูลช่วยเพิ่มความต้องการเทคโนโลยี Hybrid Bonding
    - หุ้นของ Besi เพิ่มขึ้น 7.5% หลังประกาศปรับเป้าหมาย
    - นักวิเคราะห์จาก ING ระบุว่าตลาดสำหรับเทคโนโลยีการจัดเรียงชิปเติบโตขึ้นอย่างมาก

    🔥 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์
    เมื่อการลดขนาดทรานซิสเตอร์ เริ่มถึงขีดจำกัดทางกายภาพ ผู้ผลิตชิป ต้องหาทางเพิ่มประสิทธิภาพผ่านเทคโนโลยีการจัดเรียงชิปขั้นสูง

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - แม้ Hybrid Bonding จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ แต่ยังต้องใช้เทคโนโลยีการผลิตที่ซับซ้อน
    - ต้องติดตามว่าผู้ผลิตชิปรายใหญ่ เช่น TSMC และ Intel จะนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้มากน้อยแค่ไหน
    - ตลาดเซมิคอนดักเตอร์ยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอนด้านเศรษฐกิจและซัพพลายเชน
    - ต้องรอดูว่า Besi จะสามารถรักษาอัตราการเติบโตตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้หรือไม่

    Besi เชื่อว่า เทคโนโลยี Hybrid Bonding จะเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาชิปที่เร็วขึ้นและทรงพลังขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าตลาดจะตอบรับเทคโนโลยีนี้อย่างไร

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/12/besi-lifts-its-forecast-expects-higher-demand-for-its-advanced-solutions
    🏭 Besi ปรับเป้าหมายทางการเงินระยะยาว คาดการณ์ความต้องการชิปเพิ่มขึ้น BE Semiconductor Industries (Besi) ปรับเป้าหมายทางการเงินระยะยาว โดยคาดการณ์ว่า ตลาดสำหรับเทคโนโลยีการจัดเรียงชิปขั้นสูงจะเติบโตอย่างมาก เนื่องจาก การพัฒนา AI และศูนย์ข้อมูล Besi เป็นผู้ผลิต เครื่องมือ Hybrid Bonding ที่แม่นยำที่สุดในโลก ซึ่งช่วยให้ สามารถเชื่อมต่อชิปหลายตัวเข้าด้วยกันโดยตรง ทำให้ ชิปมีประสิทธิภาพสูงขึ้นโดยไม่ต้องลดขนาดทรานซิสเตอร์ ✅ ข้อมูลจากข่าว - Besi ปรับเป้าหมายรายได้ระยะยาวเป็น 1.5-1.9 พันล้านยูโร จากเดิม 1 พันล้านยูโร - อัตรากำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเป็น 40%-55% จากเดิม 35%-50% - การพัฒนา AI และศูนย์ข้อมูลช่วยเพิ่มความต้องการเทคโนโลยี Hybrid Bonding - หุ้นของ Besi เพิ่มขึ้น 7.5% หลังประกาศปรับเป้าหมาย - นักวิเคราะห์จาก ING ระบุว่าตลาดสำหรับเทคโนโลยีการจัดเรียงชิปเติบโตขึ้นอย่างมาก 🔥 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ เมื่อการลดขนาดทรานซิสเตอร์ เริ่มถึงขีดจำกัดทางกายภาพ ผู้ผลิตชิป ต้องหาทางเพิ่มประสิทธิภาพผ่านเทคโนโลยีการจัดเรียงชิปขั้นสูง ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - แม้ Hybrid Bonding จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ แต่ยังต้องใช้เทคโนโลยีการผลิตที่ซับซ้อน - ต้องติดตามว่าผู้ผลิตชิปรายใหญ่ เช่น TSMC และ Intel จะนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้มากน้อยแค่ไหน - ตลาดเซมิคอนดักเตอร์ยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอนด้านเศรษฐกิจและซัพพลายเชน - ต้องรอดูว่า Besi จะสามารถรักษาอัตราการเติบโตตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้หรือไม่ Besi เชื่อว่า เทคโนโลยี Hybrid Bonding จะเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาชิปที่เร็วขึ้นและทรงพลังขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าตลาดจะตอบรับเทคโนโลยีนี้อย่างไร https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/12/besi-lifts-its-forecast-expects-higher-demand-for-its-advanced-solutions
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Besi lifts long-term financial targets, eyeing demand growth
    AMSTERDAM (Reuters) -BE Semiconductor Industries (Besi) raised its long-term financial targets on Thursday ahead of its investor day, saying the future is bright for its advanced chip stacking tools.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 34 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🚀 Fidji Simo: จากครอบครัวชาวประมงสู่ผู้บริหารระดับสูงใน Silicon Valley
    Fidji Simo กำลังจะกลายเป็น ผู้บริหารระดับสูงของ OpenAI โดยจะทำหน้าที่ ดูแลการดำเนินงานของบริษัท เพื่อให้ CEO Sam Altman สามารถ มุ่งเน้นไปที่การวิจัยและโครงสร้างพื้นฐาน

    Simo เติบโตใน ครอบครัวชาวประมงในเมือง Sete ประเทศฝรั่งเศส ก่อนจะเข้าเรียนที่ HEC Paris และเริ่มต้นอาชีพที่ eBay ก่อนจะก้าวเข้าสู่ Meta และ Instacart

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Fidji Simo จะเป็นผู้บริหารระดับสูงของ OpenAI ดูแลการดำเนินงานของบริษัท
    - เติบโตในครอบครัวชาวประมงในเมือง Sete ประเทศฝรั่งเศส
    - เรียนที่ HEC Paris และเริ่มต้นอาชีพที่ eBay ก่อนย้ายไป Meta ในปี 2011
    - เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงของ Meta สู่แพลตฟอร์มวิดีโอในปี 2014
    - เข้ารับตำแหน่ง CEO ของ Instacart ในปี 2021 และทำให้บริษัทมีกำไรในปี 2022

    🔥 ความท้าทายที่รออยู่ใน OpenAI
    แม้ว่า OpenAI จะเป็น หนึ่งในสตาร์ทอัพที่ได้รับเงินทุนสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่บริษัท กำลังเผชิญกับปัญหาการใช้เงินทุนจำนวนมากและความไม่แน่นอนด้านการบริหาร

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - OpenAI กำลังเผชิญกับปัญหาการใช้เงินทุนจำนวนมาก แม้จะประสบความสำเร็จกับ ChatGPT
    - บริษัทมีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารหลายครั้ง รวมถึงการปลดและคืนตำแหน่งของ Sam Altman ในปี 2023
    - ต้องติดตามว่า Simo จะสามารถช่วยให้ OpenAI มีเสถียรภาพด้านการบริหารได้หรือไม่
    - การแข่งขันในตลาด AI กำลังรุนแรงขึ้น โดยมีคู่แข่งอย่าง Google DeepMind และ Anthropic

    การเข้ามาของ Simo อาจช่วยให้ OpenAI มีความมั่นคงมากขึ้น และ สามารถขยายธุรกิจไปสู่การใช้งาน AI ในระดับองค์กร อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่อกลยุทธ์ของบริษัทอย่างไร

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/12/from-fishing-family-to-big-tech-french-ceo-takes-on-silicon-valley
    🚀 Fidji Simo: จากครอบครัวชาวประมงสู่ผู้บริหารระดับสูงใน Silicon Valley Fidji Simo กำลังจะกลายเป็น ผู้บริหารระดับสูงของ OpenAI โดยจะทำหน้าที่ ดูแลการดำเนินงานของบริษัท เพื่อให้ CEO Sam Altman สามารถ มุ่งเน้นไปที่การวิจัยและโครงสร้างพื้นฐาน Simo เติบโตใน ครอบครัวชาวประมงในเมือง Sete ประเทศฝรั่งเศส ก่อนจะเข้าเรียนที่ HEC Paris และเริ่มต้นอาชีพที่ eBay ก่อนจะก้าวเข้าสู่ Meta และ Instacart ✅ ข้อมูลจากข่าว - Fidji Simo จะเป็นผู้บริหารระดับสูงของ OpenAI ดูแลการดำเนินงานของบริษัท - เติบโตในครอบครัวชาวประมงในเมือง Sete ประเทศฝรั่งเศส - เรียนที่ HEC Paris และเริ่มต้นอาชีพที่ eBay ก่อนย้ายไป Meta ในปี 2011 - เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงของ Meta สู่แพลตฟอร์มวิดีโอในปี 2014 - เข้ารับตำแหน่ง CEO ของ Instacart ในปี 2021 และทำให้บริษัทมีกำไรในปี 2022 🔥 ความท้าทายที่รออยู่ใน OpenAI แม้ว่า OpenAI จะเป็น หนึ่งในสตาร์ทอัพที่ได้รับเงินทุนสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่บริษัท กำลังเผชิญกับปัญหาการใช้เงินทุนจำนวนมากและความไม่แน่นอนด้านการบริหาร ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - OpenAI กำลังเผชิญกับปัญหาการใช้เงินทุนจำนวนมาก แม้จะประสบความสำเร็จกับ ChatGPT - บริษัทมีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารหลายครั้ง รวมถึงการปลดและคืนตำแหน่งของ Sam Altman ในปี 2023 - ต้องติดตามว่า Simo จะสามารถช่วยให้ OpenAI มีเสถียรภาพด้านการบริหารได้หรือไม่ - การแข่งขันในตลาด AI กำลังรุนแรงขึ้น โดยมีคู่แข่งอย่าง Google DeepMind และ Anthropic การเข้ามาของ Simo อาจช่วยให้ OpenAI มีความมั่นคงมากขึ้น และ สามารถขยายธุรกิจไปสู่การใช้งาน AI ในระดับองค์กร อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่อกลยุทธ์ของบริษัทอย่างไร https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/12/from-fishing-family-to-big-tech-french-ceo-takes-on-silicon-valley
    WWW.THESTAR.COM.MY
    From fishing family to Big Tech: French CEO takes on Silicon Valley
    At just 39 years old, Fidji Simo is poised to become OpenAI's second-in-command after leaving her mark at two other major tech firms, including Meta.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 43 มุมมอง 0 รีวิว
  • เครื่องบินแอร์อินเดียเที่ยวบิน AI171 มีกำหนดเดินทางถึงสนามบินแกตวิค(Gatwick) กรุงลอนดอนในเวลา 18.25 น.แต่เกิดตกที่อะห์มดาบาด(Ahmedabad)ทางตะวันตกของอินเดีย หลังเพิ่งขึ้นเทคออฟเมื่อเวลส 13.38 น. ของวันพฤหัสบดี(12 มิ.ย) ตามเวลาท้องถิ่น ล่าสุดยังไม่ทราบชะตากรรมของคนบนเครื่องทั้งหมด 244 ชีวิตรวมผู้โดยสารต่างชาติส่วนใหญ่เป็นชาวอังกฤษ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000055273

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    เครื่องบินแอร์อินเดียเที่ยวบิน AI171 มีกำหนดเดินทางถึงสนามบินแกตวิค(Gatwick) กรุงลอนดอนในเวลา 18.25 น.แต่เกิดตกที่อะห์มดาบาด(Ahmedabad)ทางตะวันตกของอินเดีย หลังเพิ่งขึ้นเทคออฟเมื่อเวลส 13.38 น. ของวันพฤหัสบดี(12 มิ.ย) ตามเวลาท้องถิ่น ล่าสุดยังไม่ทราบชะตากรรมของคนบนเครื่องทั้งหมด 244 ชีวิตรวมผู้โดยสารต่างชาติส่วนใหญ่เป็นชาวอังกฤษ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000055273 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 382 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🌐 Cisco ปรับกลยุทธ์สู่ Hybrid AI รองรับการประมวลผลทั้งบนคลาวด์และในองค์กร
    Cisco ได้ประกาศ ขยายโซลูชัน AI ไปยังระบบภายในองค์กร โดยเน้น Hybrid AI ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถ ใช้ทั้งคลาวด์และศูนย์ข้อมูลภายใน เพื่อรองรับ AI workloads

    Cisco มองว่า ข้อมูลที่มีค่าที่สุดขององค์กรยังคงอยู่ภายในระบบของบริษัท และ การนำ AI workloads ไปประมวลผลภายในองค์กรช่วยลดความล่าช้าและเพิ่มความปลอดภัย

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Cisco เปิดตัวโซลูชัน Hybrid AI รองรับการประมวลผลทั้งบนคลาวด์และในองค์กร
    - เปิดตัวฮาร์ดแวร์ใหม่ เช่น C9000 series switches และ 8000 series routers ที่รองรับ AI workloads
    - เปิดตัว Cisco AI Pods ซึ่งเป็นเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ Nvidia Blackwell RTX Pro 6000 GPU
    - Webex AI Agent ช่วยให้การสื่อสารและการสนับสนุนลูกค้ามีประสิทธิภาพมากขึ้น
    - Cisco เปิดตัว Deep Network Model ซึ่งเป็น LLM ที่ฝึกจากข้อมูลเครือข่ายของ Cisco

    🔥 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม AI และเครือข่าย
    Cisco กำลัง แข่งขันกับผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่ โดยเน้น การนำ AI ไปใช้ในองค์กรเพื่อเพิ่มความปลอดภัยและลดต้นทุน

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - แม้ Hybrid AI จะช่วยลดความล่าช้า แต่ต้องลงทุนในฮาร์ดแวร์และโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติม
    - Cisco ต้องแข่งขันกับผู้ให้บริการคลาวด์ เช่น AWS และ Google Cloud ที่มีโซลูชัน AI ที่แข็งแกร่ง
    - ต้องติดตามว่าองค์กรจะยอมรับแนวทาง Hybrid AI มากน้อยแค่ไหน
    - การใช้ AI ในองค์กรต้องมีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดเพื่อป้องกันภัยคุกคามไซเบอร์

    https://www.techspot.com/news/108259-cloud-not-enough-cisco-embraces-shift-toward-hybrid.html
    🌐 Cisco ปรับกลยุทธ์สู่ Hybrid AI รองรับการประมวลผลทั้งบนคลาวด์และในองค์กร Cisco ได้ประกาศ ขยายโซลูชัน AI ไปยังระบบภายในองค์กร โดยเน้น Hybrid AI ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถ ใช้ทั้งคลาวด์และศูนย์ข้อมูลภายใน เพื่อรองรับ AI workloads Cisco มองว่า ข้อมูลที่มีค่าที่สุดขององค์กรยังคงอยู่ภายในระบบของบริษัท และ การนำ AI workloads ไปประมวลผลภายในองค์กรช่วยลดความล่าช้าและเพิ่มความปลอดภัย ✅ ข้อมูลจากข่าว - Cisco เปิดตัวโซลูชัน Hybrid AI รองรับการประมวลผลทั้งบนคลาวด์และในองค์กร - เปิดตัวฮาร์ดแวร์ใหม่ เช่น C9000 series switches และ 8000 series routers ที่รองรับ AI workloads - เปิดตัว Cisco AI Pods ซึ่งเป็นเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ Nvidia Blackwell RTX Pro 6000 GPU - Webex AI Agent ช่วยให้การสื่อสารและการสนับสนุนลูกค้ามีประสิทธิภาพมากขึ้น - Cisco เปิดตัว Deep Network Model ซึ่งเป็น LLM ที่ฝึกจากข้อมูลเครือข่ายของ Cisco 🔥 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม AI และเครือข่าย Cisco กำลัง แข่งขันกับผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่ โดยเน้น การนำ AI ไปใช้ในองค์กรเพื่อเพิ่มความปลอดภัยและลดต้นทุน ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - แม้ Hybrid AI จะช่วยลดความล่าช้า แต่ต้องลงทุนในฮาร์ดแวร์และโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติม - Cisco ต้องแข่งขันกับผู้ให้บริการคลาวด์ เช่น AWS และ Google Cloud ที่มีโซลูชัน AI ที่แข็งแกร่ง - ต้องติดตามว่าองค์กรจะยอมรับแนวทาง Hybrid AI มากน้อยแค่ไหน - การใช้ AI ในองค์กรต้องมีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดเพื่อป้องกันภัยคุกคามไซเบอร์ https://www.techspot.com/news/108259-cloud-not-enough-cisco-embraces-shift-toward-hybrid.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    The cloud is not enough: Cisco embraces the shift toward Hybrid AI workloads
    From new AI-optimized, on-premises-focused routers and switches delivered through the company's traditional networking hardware business, to AI-enhanced versions of their communications, collaboration, and customer support software platforms,...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 49 มุมมอง 0 รีวิว
  • มติแพทยสภาซ้ำเติม ไม่มีใครอยากเป็นหมอ : [NEWS UPDATE]

    นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษ เผยถึงการชี้แจงที่ประชุมแพทยสภา ประเด็นเห็นต่าง(วีโต้)มติแพทยสภา ลงโทษแพทย์ 3 คน ที่เกี่ยวข้องกับการรักษา นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยืนยันไม่ได้เป็นการขู่กรรมการแพทยสภาก่อนลงมติ แค่หวังดีกลัวองค์กรถูกลดความน่าเชื่อถือ ส่วนเอกสารที่แนบให้แพทยสภาที่มีคำว่า “ตีวัวกระทบคราด” ก็หมายความเช่นนั้น เหมือนโกรธอีกคนหนึ่ง แต่ไปตีอีกคนหนึ่ง คนที่ถูกตีก็เจ็บ และสะเทือนไปทั้งระบบกับหมอที่เกิดมาใหม่ เดี๋ยวจะไม่มีใครมาทำหน้าที่ตรงนี้ พวกเราก็เดือดร้อน ขณะนี้ยังขาดหมออีกกว่า 30,000 คน หวั่นบทลงโทษเกิดบรรทัดฐาน กระทบหมอรุ่นใหม่ ไม่มีใครอยากเป็นแพทย์ ซ้ำเติมปัญหาหมอขาดแคลน

    -"ทักษิณ"ร้อนรุ่มยื้อเวลา

    -ไลฟ์สดพิจารณางบ 2569

    -เทรนด์เบลเยียมเลี้ยงแมว

    -กองทัพปลุกใจทหาร
    มติแพทยสภาซ้ำเติม ไม่มีใครอยากเป็นหมอ : [NEWS UPDATE] นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษ เผยถึงการชี้แจงที่ประชุมแพทยสภา ประเด็นเห็นต่าง(วีโต้)มติแพทยสภา ลงโทษแพทย์ 3 คน ที่เกี่ยวข้องกับการรักษา นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยืนยันไม่ได้เป็นการขู่กรรมการแพทยสภาก่อนลงมติ แค่หวังดีกลัวองค์กรถูกลดความน่าเชื่อถือ ส่วนเอกสารที่แนบให้แพทยสภาที่มีคำว่า “ตีวัวกระทบคราด” ก็หมายความเช่นนั้น เหมือนโกรธอีกคนหนึ่ง แต่ไปตีอีกคนหนึ่ง คนที่ถูกตีก็เจ็บ และสะเทือนไปทั้งระบบกับหมอที่เกิดมาใหม่ เดี๋ยวจะไม่มีใครมาทำหน้าที่ตรงนี้ พวกเราก็เดือดร้อน ขณะนี้ยังขาดหมออีกกว่า 30,000 คน หวั่นบทลงโทษเกิดบรรทัดฐาน กระทบหมอรุ่นใหม่ ไม่มีใครอยากเป็นแพทย์ ซ้ำเติมปัญหาหมอขาดแคลน -"ทักษิณ"ร้อนรุ่มยื้อเวลา -ไลฟ์สดพิจารณางบ 2569 -เทรนด์เบลเยียมเลี้ยงแมว -กองทัพปลุกใจทหาร
    Haha
    Like
    3
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 380 มุมมอง 28 0 รีวิว
  • 🌌 การเปิดตัวฐานข้อมูลจักรวาลจากกล้องโทรทรรศน์ James Webb
    โครงการ COSMOS-Web ได้เปิดตัวฐานข้อมูลขนาดใหญ่ที่รวบรวม ข้อมูลของกว่า 800,000 กาแล็กซี ซึ่งเป็น ภาพที่ลึกที่สุดของจักรวาลที่เคยบันทึกโดยกล้องโทรทรรศน์ James Webb

    ฐานข้อมูลนี้ช่วยให้ นักดาราศาสตร์และผู้สนใจสามารถสำรวจและวิเคราะห์ข้อมูลจักรวาล ที่เคยเป็น เอกสิทธิ์ของนักวิจัยเฉพาะทาง

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - COSMOS-Web เป็นโครงการสำรวจจักรวาลที่ใหญ่ที่สุดในปีแรกของกล้อง James Webb
    - ใช้ Near Infrared Camera (NIRCam) และ Mid-Infrared Instrument (MIRI) เพื่อบันทึกภาพ
    - ฐานข้อมูล "COSMOS2025" มีข้อมูลเกี่ยวกับโครงสร้าง, redshifts และพารามิเตอร์ทางกายภาพของกาแล็กซี
    - สามารถค้นหาวัตถุเฉพาะหรือสำรวจคุณสมบัติของกาแล็กซีผ่านเครื่องมือแบบอินเทอร์แอกทีฟ
    - โครงการนี้ใช้เวลากว่า 250 ชั่วโมงในการสังเกตการณ์และมีนักวิจัยกว่า 50 คนจากทั่วโลกเข้าร่วม

    🔥 ความสำคัญของข้อมูลที่เปิดเผย
    ข้อมูลจาก COSMOS-Web ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์สามารถศึกษากาแล็กซีในยุคแรกของจักรวาล และ ติดตามวิวัฒนาการของสสารมืดและสสารที่มองเห็นได้

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - แม้ว่าข้อมูลจะมีคุณภาพสูง แต่ยังต้องมีการตรวจสอบเพิ่มเติมเพื่อยืนยันความถูกต้อง
    - การวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาลต้องใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูง
    - ต้องติดตามว่าข้อมูลนี้จะนำไปสู่การค้นพบใหม่เกี่ยวกับจักรวาลหรือไม่
    - การเปิดเผยข้อมูลสู่สาธารณะอาจทำให้เกิดการตีความผิดพลาดจากผู้ที่ไม่มีความรู้ด้านดาราศาสตร์

    https://www.techspot.com/news/108269-public-gains-unprecedented-access-webb-telescope-vast-cosmic.html
    🌌 การเปิดตัวฐานข้อมูลจักรวาลจากกล้องโทรทรรศน์ James Webb โครงการ COSMOS-Web ได้เปิดตัวฐานข้อมูลขนาดใหญ่ที่รวบรวม ข้อมูลของกว่า 800,000 กาแล็กซี ซึ่งเป็น ภาพที่ลึกที่สุดของจักรวาลที่เคยบันทึกโดยกล้องโทรทรรศน์ James Webb ฐานข้อมูลนี้ช่วยให้ นักดาราศาสตร์และผู้สนใจสามารถสำรวจและวิเคราะห์ข้อมูลจักรวาล ที่เคยเป็น เอกสิทธิ์ของนักวิจัยเฉพาะทาง ✅ ข้อมูลจากข่าว - COSMOS-Web เป็นโครงการสำรวจจักรวาลที่ใหญ่ที่สุดในปีแรกของกล้อง James Webb - ใช้ Near Infrared Camera (NIRCam) และ Mid-Infrared Instrument (MIRI) เพื่อบันทึกภาพ - ฐานข้อมูล "COSMOS2025" มีข้อมูลเกี่ยวกับโครงสร้าง, redshifts และพารามิเตอร์ทางกายภาพของกาแล็กซี - สามารถค้นหาวัตถุเฉพาะหรือสำรวจคุณสมบัติของกาแล็กซีผ่านเครื่องมือแบบอินเทอร์แอกทีฟ - โครงการนี้ใช้เวลากว่า 250 ชั่วโมงในการสังเกตการณ์และมีนักวิจัยกว่า 50 คนจากทั่วโลกเข้าร่วม 🔥 ความสำคัญของข้อมูลที่เปิดเผย ข้อมูลจาก COSMOS-Web ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์สามารถศึกษากาแล็กซีในยุคแรกของจักรวาล และ ติดตามวิวัฒนาการของสสารมืดและสสารที่มองเห็นได้ ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - แม้ว่าข้อมูลจะมีคุณภาพสูง แต่ยังต้องมีการตรวจสอบเพิ่มเติมเพื่อยืนยันความถูกต้อง - การวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาลต้องใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูง - ต้องติดตามว่าข้อมูลนี้จะนำไปสู่การค้นพบใหม่เกี่ยวกับจักรวาลหรือไม่ - การเปิดเผยข้อมูลสู่สาธารณะอาจทำให้เกิดการตีความผิดพลาดจากผู้ที่ไม่มีความรู้ด้านดาราศาสตร์ https://www.techspot.com/news/108269-public-gains-unprecedented-access-webb-telescope-vast-cosmic.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Public gains unprecedented access to Webb telescope's vast cosmic survey
    The COSMOS-Web project – the largest General Observer program selected for JWST's first year – has mapped a region of the sky equivalent to three full moons...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 61 มุมมอง 0 รีวิว
  • 📉 อัตราว่างงานในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5
    รายงานล่าสุดจาก Janco Associates ระบุว่า อัตราว่างงานของผู้เชี่ยวชาญด้าน IT ในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเป็น 5.5% ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศ และเป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5

    🔍 สาเหตุของการเพิ่มขึ้นของอัตราว่างงาน
    การเติบโตของ AI และระบบอัตโนมัติ ส่งผลให้ ตำแหน่งงานระดับเริ่มต้นในอุตสาหกรรม IT ลดลง โดยเฉพาะใน ภาคโทรคมนาคม, การรายงานข้อมูล และการสนับสนุนด้านเทคนิค

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - อัตราว่างงานของผู้เชี่ยวชาญด้าน IT ในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเป็น 5.5% ในเดือนพฤษภาคม
    - ตำแหน่งงานที่เกี่ยวข้องกับ AI, Blockchain และ Omnichannel Commerce ยังคงมีความต้องการสูง
    - ตำแหน่งงานที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือในภาคโทรคมนาคมและการรายงานข้อมูล
    - ผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะ "Legacy" ในเมืองเล็ก เช่น Nashville และ Tulsa ได้รับผลกระทบมากกว่าผู้ที่อยู่ในเมืองใหญ่ เช่น New York และ Dallas
    - AI ถูกใช้แทนพนักงานในงานด้านการรายงานและการตรวจสอบข้อมูล

    🔥 ผลกระทบของ AI ต่อการจ้างงาน
    แม้ว่าผู้บริหารหลายคนจะกล่าวว่า AI มีไว้เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ไม่ใช่แทนที่พนักงาน แต่ในทางปฏิบัติ AI ได้เข้ามาแทนที่งานระดับเริ่มต้นจำนวนมาก

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - AI อาจทำให้ตำแหน่งงานระดับเริ่มต้นในอุตสาหกรรม IT ลดลงอย่างต่อเนื่อง
    - บริษัทต่าง ๆ กำลังใช้ AI เพื่อแทนที่พนักงานในงานที่เกี่ยวข้องกับการรายงานและการตรวจสอบข้อมูล
    - Sebastian Siemiatkowski ซีอีโอของ Klarna เชื่อว่า AI อาจทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย
    - Dario Amodei ซีอีโอของ Anthropic คาดการณ์ว่า AI อาจทำให้ตำแหน่งงานระดับเริ่มต้นหายไปถึง 50% ในอีก 5 ปีข้างหน้า

    แม้ว่าตำแหน่งงานบางประเภทจะลดลง แต่ความต้องการผู้เชี่ยวชาญด้าน AI ยังคงเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่อเศรษฐกิจและตลาดแรงงานในระยะยาวอย่างไร

    https://www.techspot.com/news/108275-us-unemployment-rate-climbs-fifth-consecutive-month-55.html
    📉 อัตราว่างงานในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 รายงานล่าสุดจาก Janco Associates ระบุว่า อัตราว่างงานของผู้เชี่ยวชาญด้าน IT ในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเป็น 5.5% ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศ และเป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 🔍 สาเหตุของการเพิ่มขึ้นของอัตราว่างงาน การเติบโตของ AI และระบบอัตโนมัติ ส่งผลให้ ตำแหน่งงานระดับเริ่มต้นในอุตสาหกรรม IT ลดลง โดยเฉพาะใน ภาคโทรคมนาคม, การรายงานข้อมูล และการสนับสนุนด้านเทคนิค ✅ ข้อมูลจากข่าว - อัตราว่างงานของผู้เชี่ยวชาญด้าน IT ในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเป็น 5.5% ในเดือนพฤษภาคม - ตำแหน่งงานที่เกี่ยวข้องกับ AI, Blockchain และ Omnichannel Commerce ยังคงมีความต้องการสูง - ตำแหน่งงานที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือในภาคโทรคมนาคมและการรายงานข้อมูล - ผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะ "Legacy" ในเมืองเล็ก เช่น Nashville และ Tulsa ได้รับผลกระทบมากกว่าผู้ที่อยู่ในเมืองใหญ่ เช่น New York และ Dallas - AI ถูกใช้แทนพนักงานในงานด้านการรายงานและการตรวจสอบข้อมูล 🔥 ผลกระทบของ AI ต่อการจ้างงาน แม้ว่าผู้บริหารหลายคนจะกล่าวว่า AI มีไว้เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ไม่ใช่แทนที่พนักงาน แต่ในทางปฏิบัติ AI ได้เข้ามาแทนที่งานระดับเริ่มต้นจำนวนมาก ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - AI อาจทำให้ตำแหน่งงานระดับเริ่มต้นในอุตสาหกรรม IT ลดลงอย่างต่อเนื่อง - บริษัทต่าง ๆ กำลังใช้ AI เพื่อแทนที่พนักงานในงานที่เกี่ยวข้องกับการรายงานและการตรวจสอบข้อมูล - Sebastian Siemiatkowski ซีอีโอของ Klarna เชื่อว่า AI อาจทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย - Dario Amodei ซีอีโอของ Anthropic คาดการณ์ว่า AI อาจทำให้ตำแหน่งงานระดับเริ่มต้นหายไปถึง 50% ในอีก 5 ปีข้างหน้า แม้ว่าตำแหน่งงานบางประเภทจะลดลง แต่ความต้องการผู้เชี่ยวชาญด้าน AI ยังคงเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่อเศรษฐกิจและตลาดแรงงานในระยะยาวอย่างไร https://www.techspot.com/news/108275-us-unemployment-rate-climbs-fifth-consecutive-month-55.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Tech unemployment in the US climbs for fifth consecutive month to 5.5%, AI blamed for job losses
    The report, from IT management consulting company Janco, states that the unemployment rate for IT pros in the United States jumped 0.9% from 4.6% in April to 5.5% in May.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 44 มุมมอง 0 รีวิว
  • 📱 Android 16 เปิดตัวพร้อมการปรับปรุงเล็กน้อย เตรียมรองรับฟีเจอร์ใหญ่ในอนาคต
    Google ได้เปิดตัว Android 16 ซึ่งมาพร้อมกับ การปรับปรุงระบบแจ้งเตือน, ความปลอดภัย และการเข้าถึง โดยเน้น การอัปเดตต่อเนื่องตลอดทั้งปี แทนที่จะปล่อยฟีเจอร์ทั้งหมดในครั้งเดียว
    Android 16 เริ่มเปิดตัวบนอุปกรณ์ Pixel ก่อน และจะขยายไปยังแบรนด์อื่น ๆ เช่น Samsung และ OnePlus ในอนาคต

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - ระบบแจ้งเตือนแบบใหม่รวมการแจ้งเตือนจากแอปเดียวกันเป็นกลุ่มเดียว
    - เพิ่ม Live Update Notifications สำหรับแอปเรียกรถและส่งอาหาร
    - ขยาย Advanced Protection ให้ครอบคลุมทั้งระบบ Android 16
    - ปรับปรุงการรองรับเครื่องช่วยฟัง ให้สามารถใช้ไมโครโฟนของโทรศัพท์แทนไมโครโฟนของเครื่องช่วยฟัง
    - เพิ่มฟีเจอร์สำหรับนักพัฒนา เช่น การปรับแอปให้รองรับหน้าจอขนาดใหญ่และอุปกรณ์พับได้

    🔥 ฟีเจอร์ที่คาดว่าจะเปิดตัวในอนาคต
    Google วางแผนที่จะเพิ่ม Material 3 Expressive Design และ โหมดเดสก์ท็อป ซึ่งจะช่วยให้ แท็บเล็ตและสมาร์ทโฟนสามารถแสดงผลแบบเดสก์ท็อปเมื่อเชื่อมต่อกับหน้าจอภายนอก

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - บางแอปอาจได้รับผลกระทบจากข้อจำกัดใหม่เกี่ยวกับกระบวนการเบื้องหลัง
    - โหมดเดสก์ท็อปยังอยู่ในช่วงพัฒนา และอาจไม่รองรับทุกอุปกรณ์ในช่วงแรก
    - การเปลี่ยนแปลงด้านความปลอดภัยอาจทำให้บางฟีเจอร์ของแอปเก่าถูกปิดกั้น
    - ต้องติดตามว่าแบรนด์อื่น ๆ จะนำฟีเจอร์ใหม่ไปปรับใช้ในอินเทอร์เฟซของตนอย่างไร

    https://www.techspot.com/news/108264-android-16-launches-subtle-tweaks-paves-way-major.html
    📱 Android 16 เปิดตัวพร้อมการปรับปรุงเล็กน้อย เตรียมรองรับฟีเจอร์ใหญ่ในอนาคต Google ได้เปิดตัว Android 16 ซึ่งมาพร้อมกับ การปรับปรุงระบบแจ้งเตือน, ความปลอดภัย และการเข้าถึง โดยเน้น การอัปเดตต่อเนื่องตลอดทั้งปี แทนที่จะปล่อยฟีเจอร์ทั้งหมดในครั้งเดียว Android 16 เริ่มเปิดตัวบนอุปกรณ์ Pixel ก่อน และจะขยายไปยังแบรนด์อื่น ๆ เช่น Samsung และ OnePlus ในอนาคต ✅ ข้อมูลจากข่าว - ระบบแจ้งเตือนแบบใหม่รวมการแจ้งเตือนจากแอปเดียวกันเป็นกลุ่มเดียว - เพิ่ม Live Update Notifications สำหรับแอปเรียกรถและส่งอาหาร - ขยาย Advanced Protection ให้ครอบคลุมทั้งระบบ Android 16 - ปรับปรุงการรองรับเครื่องช่วยฟัง ให้สามารถใช้ไมโครโฟนของโทรศัพท์แทนไมโครโฟนของเครื่องช่วยฟัง - เพิ่มฟีเจอร์สำหรับนักพัฒนา เช่น การปรับแอปให้รองรับหน้าจอขนาดใหญ่และอุปกรณ์พับได้ 🔥 ฟีเจอร์ที่คาดว่าจะเปิดตัวในอนาคต Google วางแผนที่จะเพิ่ม Material 3 Expressive Design และ โหมดเดสก์ท็อป ซึ่งจะช่วยให้ แท็บเล็ตและสมาร์ทโฟนสามารถแสดงผลแบบเดสก์ท็อปเมื่อเชื่อมต่อกับหน้าจอภายนอก ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - บางแอปอาจได้รับผลกระทบจากข้อจำกัดใหม่เกี่ยวกับกระบวนการเบื้องหลัง - โหมดเดสก์ท็อปยังอยู่ในช่วงพัฒนา และอาจไม่รองรับทุกอุปกรณ์ในช่วงแรก - การเปลี่ยนแปลงด้านความปลอดภัยอาจทำให้บางฟีเจอร์ของแอปเก่าถูกปิดกั้น - ต้องติดตามว่าแบรนด์อื่น ๆ จะนำฟีเจอร์ใหม่ไปปรับใช้ในอินเทอร์เฟซของตนอย่างไร https://www.techspot.com/news/108264-android-16-launches-subtle-tweaks-paves-way-major.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Android 16 launches with subtle tweaks, paves way for major features later this year
    Android 16 introduces a series of thoughtful updates aimed at refining the user experience, strengthening security, and improving accessibility across the Android ecosystem. Rolling out initially to...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 40 มุมมอง 0 รีวิว
  • โฆษกป.ป.ช. ยืนยันส่งคำแถลง คำชี้แจง พร้อมเอกสารประกอบคดีชั้น 14 รพ.ตำรวจ ให้ศาลฎีกาฯ แล้ว กลบกระแสโจมตีส่งเอกสารไม่ครบ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000055276

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    โฆษกป.ป.ช. ยืนยันส่งคำแถลง คำชี้แจง พร้อมเอกสารประกอบคดีชั้น 14 รพ.ตำรวจ ให้ศาลฎีกาฯ แล้ว กลบกระแสโจมตีส่งเอกสารไม่ครบ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000055276 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Love
    6
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 413 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🚖 Tesla เตรียมเปิดตัวบริการ Robotaxi ใน Austin เดือนนี้
    Elon Musk ได้ประกาศว่า Tesla พร้อมเปิดตัวบริการรถแท็กซี่ไร้คนขับ (Robotaxi) ใน Austin, Texas โดยกำหนดวันเปิดตัว เบื้องต้นเป็นวันที่ 22 มิถุนายน แต่ยังสามารถเปลี่ยนแปลงได้เนื่องจาก Tesla ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยเป็นอันดับแรก

    Tesla ได้เผยแพร่ วิดีโอของรถ Model Y ที่ขับเคลื่อนเองบนถนนใน Austin โดยรถเหล่านี้มี คำว่า "Robotaxi" ติดอยู่ด้านข้าง และไม่มีคนขับอยู่หลังพวงมาลัย

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Tesla เตรียมเปิดตัวบริการ Robotaxi ใน Austin วันที่ 22 มิถุนายน
    - Elon Musk ระบุว่าการเปิดตัวอาจเลื่อนออกไปเพื่อความปลอดภัย
    - Tesla วางแผนให้รถ Model Y ขับเคลื่อนเองจากโรงงานไปยังบ้านลูกค้าเป็นครั้งแรกในวันที่ 28 มิถุนายน
    - การเปิดตัวครั้งแรกจะจำกัดจำนวนรถเพียง 10-20 คัน ก่อนขยายไปยังเมืองอื่น ๆ เช่น Los Angeles และ San Francisco
    - Tesla ใช้เทคโนโลยี geofencing เพื่อให้ Robotaxi วิ่งเฉพาะในพื้นที่ที่ปลอดภัยที่สุด

    🔥 การแข่งขันในตลาด Robotaxi
    Austin กลายเป็น ศูนย์กลางการทดสอบรถแท็กซี่ไร้คนขับ โดยมีบริษัทอื่น ๆ เช่น Waymo และ Zoox ที่กำลังดำเนินการทดสอบในเมืองนี้

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - Tesla ยังต้องพิสูจน์ว่า Robotaxi สามารถทำงานได้อย่างปลอดภัยในสภาพแวดล้อมจริง
    - Waymo และ Zoox มีข้อได้เปรียบในการให้บริการเชิงพาณิชย์มาก่อน Tesla
    - Tesla ต้องเผชิญกับความท้าทายด้านกฎระเบียบและการยอมรับจากสาธารณะ
    - ต้องติดตามว่าการเปิดตัว Robotaxi จะส่งผลต่อยอดขายรถยนต์ Tesla อย่างไร

    https://www.techspot.com/news/108273-tesla-robotaxi-service-launch-june-22-austin.html
    🚖 Tesla เตรียมเปิดตัวบริการ Robotaxi ใน Austin เดือนนี้ Elon Musk ได้ประกาศว่า Tesla พร้อมเปิดตัวบริการรถแท็กซี่ไร้คนขับ (Robotaxi) ใน Austin, Texas โดยกำหนดวันเปิดตัว เบื้องต้นเป็นวันที่ 22 มิถุนายน แต่ยังสามารถเปลี่ยนแปลงได้เนื่องจาก Tesla ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยเป็นอันดับแรก Tesla ได้เผยแพร่ วิดีโอของรถ Model Y ที่ขับเคลื่อนเองบนถนนใน Austin โดยรถเหล่านี้มี คำว่า "Robotaxi" ติดอยู่ด้านข้าง และไม่มีคนขับอยู่หลังพวงมาลัย ✅ ข้อมูลจากข่าว - Tesla เตรียมเปิดตัวบริการ Robotaxi ใน Austin วันที่ 22 มิถุนายน - Elon Musk ระบุว่าการเปิดตัวอาจเลื่อนออกไปเพื่อความปลอดภัย - Tesla วางแผนให้รถ Model Y ขับเคลื่อนเองจากโรงงานไปยังบ้านลูกค้าเป็นครั้งแรกในวันที่ 28 มิถุนายน - การเปิดตัวครั้งแรกจะจำกัดจำนวนรถเพียง 10-20 คัน ก่อนขยายไปยังเมืองอื่น ๆ เช่น Los Angeles และ San Francisco - Tesla ใช้เทคโนโลยี geofencing เพื่อให้ Robotaxi วิ่งเฉพาะในพื้นที่ที่ปลอดภัยที่สุด 🔥 การแข่งขันในตลาด Robotaxi Austin กลายเป็น ศูนย์กลางการทดสอบรถแท็กซี่ไร้คนขับ โดยมีบริษัทอื่น ๆ เช่น Waymo และ Zoox ที่กำลังดำเนินการทดสอบในเมืองนี้ ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - Tesla ยังต้องพิสูจน์ว่า Robotaxi สามารถทำงานได้อย่างปลอดภัยในสภาพแวดล้อมจริง - Waymo และ Zoox มีข้อได้เปรียบในการให้บริการเชิงพาณิชย์มาก่อน Tesla - Tesla ต้องเผชิญกับความท้าทายด้านกฎระเบียบและการยอมรับจากสาธารณะ - ต้องติดตามว่าการเปิดตัว Robotaxi จะส่งผลต่อยอดขายรถยนต์ Tesla อย่างไร https://www.techspot.com/news/108273-tesla-robotaxi-service-launch-june-22-austin.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Tesla's long-awaited robotaxi service is coming to Austin this month
    Replying to an X user asking about when public rides would begin, Musk said the launch date is "tentatively" set for June 22, but the actual timing...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 64 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🏗️ Amazon ลงทุน 20 พันล้านดอลลาร์ สร้างศูนย์ข้อมูล AI ในเพนซิลเวเนีย
    Amazon Web Services (AWS) ประกาศแผนลงทุนอย่างน้อย 20 พันล้านดอลลาร์ เพื่อสร้าง ศูนย์ข้อมูล AI และคลาวด์คอมพิวติ้ง ในรัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งถือเป็น การลงทุนภาคเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของรัฐ

    AWS จะสร้าง AI campuses ใน Salem Township และ Falls Township โดยมีแผนขยายเพิ่มเติม ซึ่งอาจทำให้ มูลค่าการลงทุนสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Amazon ลงทุน 20 พันล้านดอลลาร์ในศูนย์ข้อมูล AI และคลาวด์คอมพิวติ้งในเพนซิลเวเนีย
    - โครงการนี้จะสร้างงาน IT อย่างน้อย 1,250 ตำแหน่ง พร้อมงานก่อสร้างและบำรุงรักษาอีกหลายพันตำแหน่ง
    - รัฐเพนซิลเวเนียทำงานร่วมกับ Amazon และผู้นำท้องถิ่นเพื่อสรุปข้อตกลงนี้
    - Governor Josh Shapiro ระบุว่าโครงการนี้จะช่วยให้รัฐมีบทบาทสำคัญในการพัฒนา AI ขั้นสูง
    - Amazon ลงทุนในเพนซิลเวเนียมากกว่า 26 พันล้านดอลลาร์ตั้งแต่ปี 2010

    🔥 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม AI และเศรษฐกิจ
    การลงทุนครั้งนี้ ช่วยให้สหรัฐฯ รักษาความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรม AI และ เพิ่มโอกาสการจ้างงานในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - แม้โครงการนี้จะสร้างงานจำนวนมาก แต่ต้องติดตามว่าผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจะเป็นอย่างไร
    - Amazon อาจได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากรัฐ ซึ่งอาจส่งผลต่อรายได้ของรัฐบาลท้องถิ่น
    - ต้องติดตามว่าโครงการนี้จะช่วยให้เพนซิลเวเนียกลายเป็นศูนย์กลาง AI ระดับโลกหรือไม่
    - การพัฒนา AI ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยและการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล

    Amazon มุ่งเน้น การพัฒนา AI และโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ เพื่อรองรับ บริการ AI ขั้นสูง เช่น Generative AI และ Machine Learning อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการลงทุนนี้จะส่งผลต่อการแข่งขันในตลาด AI อย่างไร

    https://www.techspot.com/news/108276-amazon-invest-20-billion-ai-data-centers-across.html
    🏗️ Amazon ลงทุน 20 พันล้านดอลลาร์ สร้างศูนย์ข้อมูล AI ในเพนซิลเวเนีย Amazon Web Services (AWS) ประกาศแผนลงทุนอย่างน้อย 20 พันล้านดอลลาร์ เพื่อสร้าง ศูนย์ข้อมูล AI และคลาวด์คอมพิวติ้ง ในรัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งถือเป็น การลงทุนภาคเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของรัฐ AWS จะสร้าง AI campuses ใน Salem Township และ Falls Township โดยมีแผนขยายเพิ่มเติม ซึ่งอาจทำให้ มูลค่าการลงทุนสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ✅ ข้อมูลจากข่าว - Amazon ลงทุน 20 พันล้านดอลลาร์ในศูนย์ข้อมูล AI และคลาวด์คอมพิวติ้งในเพนซิลเวเนีย - โครงการนี้จะสร้างงาน IT อย่างน้อย 1,250 ตำแหน่ง พร้อมงานก่อสร้างและบำรุงรักษาอีกหลายพันตำแหน่ง - รัฐเพนซิลเวเนียทำงานร่วมกับ Amazon และผู้นำท้องถิ่นเพื่อสรุปข้อตกลงนี้ - Governor Josh Shapiro ระบุว่าโครงการนี้จะช่วยให้รัฐมีบทบาทสำคัญในการพัฒนา AI ขั้นสูง - Amazon ลงทุนในเพนซิลเวเนียมากกว่า 26 พันล้านดอลลาร์ตั้งแต่ปี 2010 🔥 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม AI และเศรษฐกิจ การลงทุนครั้งนี้ ช่วยให้สหรัฐฯ รักษาความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรม AI และ เพิ่มโอกาสการจ้างงานในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - แม้โครงการนี้จะสร้างงานจำนวนมาก แต่ต้องติดตามว่าผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจะเป็นอย่างไร - Amazon อาจได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากรัฐ ซึ่งอาจส่งผลต่อรายได้ของรัฐบาลท้องถิ่น - ต้องติดตามว่าโครงการนี้จะช่วยให้เพนซิลเวเนียกลายเป็นศูนย์กลาง AI ระดับโลกหรือไม่ - การพัฒนา AI ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยและการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล Amazon มุ่งเน้น การพัฒนา AI และโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ เพื่อรองรับ บริการ AI ขั้นสูง เช่น Generative AI และ Machine Learning อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการลงทุนนี้จะส่งผลต่อการแข่งขันในตลาด AI อย่างไร https://www.techspot.com/news/108276-amazon-invest-20-billion-ai-data-centers-across.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Amazon to invest $20 billion in AI data centers across Pennsylvania
    Amazon has announced plans to invest at least $20 billion in new cloud computing facilities across Pennsylvania. The tech giant, founded by Jeff Bezos, says the move...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 52 มุมมอง 0 รีวิว
  • ‼️สิ่งที่ลุงรอกำลังจะมาแล้วววววว.....

    🚀 Nvidia เปิดตัวชิป N1X ที่อาจท้าทาย Intel และ AMD ในตลาดแล็ปท็อป
    Nvidia กำลังเข้าสู่ตลาด Windows-on-Arm ด้วย N1X SoC ซึ่งมี 20 คอร์ และทำคะแนน 3,096 คะแนนใน Geekbench (single-core) โดยมี ประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ Intel Arrow Lake-HX และ AMD Ryzen AI MAX

    Nvidia ได้ร่วมมือกับ MediaTek เพื่อพัฒนา CPU ที่ใช้ Arm Cortex cores โดยชิปนี้ ถูกทดสอบบน HP development board ที่ใช้ Ubuntu 24.04.1

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Nvidia N1X มี 20 คอร์ (10x Cortex-X925 + 10x Cortex-A725)
    - ทำคะแนน 3,096 (single-core) และ 18,837 (multi-core) ใน Geekbench
    - ใช้สถาปัตยกรรม Blackwell GPU ที่มี 6,144 CUDA cores
    - ทดสอบบน HP development board พร้อม RAM 128GB (8GB สำหรับ GPU)
    - ประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ Intel Arrow Lake-HX และ AMD Ryzen AI MAX

    🔥 การแข่งขันในตลาดชิปแล็ปท็อป
    แม้ว่า N1X จะมีประสิทธิภาพสูง แต่ยังตามหลัง Apple M4 Max ที่ทำคะแนน 4,054 (single-core) และ 25,913 (multi-core)

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - Nvidia ยังไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับ N1X SoC
    - Apple M4 Max ยังคงเป็นผู้นำด้านประสิทธิภาพใน Geekbench
    - ต้องติดตามว่า Nvidia จะเปิดตัวชิปนี้ในปี 2026 หรือไม่
    - AMD และ Qualcomm กำลังพัฒนา SoC ใหม่ เช่น Sound Wave APUs และ Snapdragon X2

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/nvidias-20-core-n1x-leaks-with-3000-single-core-geekbench-score-arm-chip-could-rival-intel-and-amds-laptop-offerings
    ‼️สิ่งที่ลุงรอกำลังจะมาแล้วววววว..... 🚀 Nvidia เปิดตัวชิป N1X ที่อาจท้าทาย Intel และ AMD ในตลาดแล็ปท็อป Nvidia กำลังเข้าสู่ตลาด Windows-on-Arm ด้วย N1X SoC ซึ่งมี 20 คอร์ และทำคะแนน 3,096 คะแนนใน Geekbench (single-core) โดยมี ประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ Intel Arrow Lake-HX และ AMD Ryzen AI MAX Nvidia ได้ร่วมมือกับ MediaTek เพื่อพัฒนา CPU ที่ใช้ Arm Cortex cores โดยชิปนี้ ถูกทดสอบบน HP development board ที่ใช้ Ubuntu 24.04.1 ✅ ข้อมูลจากข่าว - Nvidia N1X มี 20 คอร์ (10x Cortex-X925 + 10x Cortex-A725) - ทำคะแนน 3,096 (single-core) และ 18,837 (multi-core) ใน Geekbench - ใช้สถาปัตยกรรม Blackwell GPU ที่มี 6,144 CUDA cores - ทดสอบบน HP development board พร้อม RAM 128GB (8GB สำหรับ GPU) - ประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ Intel Arrow Lake-HX และ AMD Ryzen AI MAX 🔥 การแข่งขันในตลาดชิปแล็ปท็อป แม้ว่า N1X จะมีประสิทธิภาพสูง แต่ยังตามหลัง Apple M4 Max ที่ทำคะแนน 4,054 (single-core) และ 25,913 (multi-core) ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - Nvidia ยังไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับ N1X SoC - Apple M4 Max ยังคงเป็นผู้นำด้านประสิทธิภาพใน Geekbench - ต้องติดตามว่า Nvidia จะเปิดตัวชิปนี้ในปี 2026 หรือไม่ - AMD และ Qualcomm กำลังพัฒนา SoC ใหม่ เช่น Sound Wave APUs และ Snapdragon X2 https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/nvidias-20-core-n1x-leaks-with-3000-single-core-geekbench-score-arm-chip-could-rival-intel-and-amds-laptop-offerings
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 53 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔧 ปัญหาความเข้ากันได้ของ RTX 50 Series กับเมนบอร์ด EVGA
    ผู้ใช้เมนบอร์ด EVGA Z690 กำลังเผชิญกับ ปัญหาการบูตเครื่องเมื่อใช้กับการ์ดจอ RTX 50 Series โดยพบว่า SMBUS pins บนเมนบอร์ดทำให้เกิดความขัดแย้งกับ GPU ของ Nvidia

    EVGA ถอนตัวจากตลาด GPU ในปี 2022 และลดขนาดธุรกิจลงอย่างมาก ส่งผลให้ การสนับสนุนซอฟต์แวร์ลดลง และอาจเป็น สาเหตุของปัญหาความเข้ากันได้กับการ์ดจอรุ่นใหม่

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - ผู้ใช้เมนบอร์ด EVGA Z690 พบปัญหาบูตเครื่องเมื่อใช้กับ RTX 50 Series
    - SMBUS pins บนเมนบอร์ดทำให้เกิดความขัดแย้งกับ GPU ของ Nvidia
    - EVGA ถอนตัวจากตลาด GPU ในปี 2022 และลดขนาดธุรกิจลง
    - ผู้ใช้บางรายแก้ปัญหาโดยใช้เทป Kapton ปิด SMBUS pins บน PCIe connector ของ GPU
    - เมนบอร์ด EVGA รุ่นอื่น ๆ เช่น Z790 ไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหานี้

    🔥 วิธีแก้ปัญหาที่ผู้ใช้ค้นพบ
    ผู้ใช้บางราย ใช้เทป Kapton กว้าง 2 มม. ปิด SMBUS pins (pins 5 และ 6) บน PCIe connector ของ GPU เพื่อ หยุดสัญญาณ SMBUS ไม่ให้ส่งไปยังการ์ดจอ

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - การใช้เทป Kapton ต้องทำอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้ส่งผลต่อการเชื่อมต่ออื่น ๆ
    - EVGA ยังไม่มีการประกาศแก้ไขปัญหานี้อย่างเป็นทางการ
    - การแก้ไขด้วยเทปเป็นเพียงวิธีชั่วคราว และอาจไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุดในระยะยาว
    - ต้องติดตามว่า Nvidia หรือ EVGA จะออกอัปเดต BIOS เพื่อแก้ไขปัญหานี้หรือไม่

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/evga-motherboard-owners-furious-over-modern-gpu-issues-diy-users-resort-to-taping-over-pins-to-fix-rtx-50-series-problem-on-z690-boards
    🔧 ปัญหาความเข้ากันได้ของ RTX 50 Series กับเมนบอร์ด EVGA ผู้ใช้เมนบอร์ด EVGA Z690 กำลังเผชิญกับ ปัญหาการบูตเครื่องเมื่อใช้กับการ์ดจอ RTX 50 Series โดยพบว่า SMBUS pins บนเมนบอร์ดทำให้เกิดความขัดแย้งกับ GPU ของ Nvidia EVGA ถอนตัวจากตลาด GPU ในปี 2022 และลดขนาดธุรกิจลงอย่างมาก ส่งผลให้ การสนับสนุนซอฟต์แวร์ลดลง และอาจเป็น สาเหตุของปัญหาความเข้ากันได้กับการ์ดจอรุ่นใหม่ ✅ ข้อมูลจากข่าว - ผู้ใช้เมนบอร์ด EVGA Z690 พบปัญหาบูตเครื่องเมื่อใช้กับ RTX 50 Series - SMBUS pins บนเมนบอร์ดทำให้เกิดความขัดแย้งกับ GPU ของ Nvidia - EVGA ถอนตัวจากตลาด GPU ในปี 2022 และลดขนาดธุรกิจลง - ผู้ใช้บางรายแก้ปัญหาโดยใช้เทป Kapton ปิด SMBUS pins บน PCIe connector ของ GPU - เมนบอร์ด EVGA รุ่นอื่น ๆ เช่น Z790 ไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหานี้ 🔥 วิธีแก้ปัญหาที่ผู้ใช้ค้นพบ ผู้ใช้บางราย ใช้เทป Kapton กว้าง 2 มม. ปิด SMBUS pins (pins 5 และ 6) บน PCIe connector ของ GPU เพื่อ หยุดสัญญาณ SMBUS ไม่ให้ส่งไปยังการ์ดจอ ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - การใช้เทป Kapton ต้องทำอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้ส่งผลต่อการเชื่อมต่ออื่น ๆ - EVGA ยังไม่มีการประกาศแก้ไขปัญหานี้อย่างเป็นทางการ - การแก้ไขด้วยเทปเป็นเพียงวิธีชั่วคราว และอาจไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุดในระยะยาว - ต้องติดตามว่า Nvidia หรือ EVGA จะออกอัปเดต BIOS เพื่อแก้ไขปัญหานี้หรือไม่ https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/evga-motherboard-owners-furious-over-modern-gpu-issues-diy-users-resort-to-taping-over-pins-to-fix-rtx-50-series-problem-on-z690-boards
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 39 มุมมอง 0 รีวิว