• อุตสาหกรรมการผลิตทั่วโลกโอด มาตรการจำกัดการส่งออกแร่ธาตุหายากหรือแรร์เอิร์ธของจีน อาจทำให้การผลิตล่าช้าหรือแม้กระทั่งหยุดชะงักและส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจท้องถิ่น หากไม่มีการแก้ไขโดยด่วน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000052490

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    อุตสาหกรรมการผลิตทั่วโลกโอด มาตรการจำกัดการส่งออกแร่ธาตุหายากหรือแรร์เอิร์ธของจีน อาจทำให้การผลิตล่าช้าหรือแม้กระทั่งหยุดชะงักและส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจท้องถิ่น หากไม่มีการแก้ไขโดยด่วน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000052490 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Haha
    12
    0 Comments 0 Shares 1155 Views 0 Reviews
  • ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย บอกกับประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ว่ารัสเซียจำเป็นต้อง "ตอบโต้" กรณียูเครนลักลอบส่งโดรนเข้าไปโจมตีฝูงบินทิ้งระเบิดศักยภาพติดหัวรบนิวเคลียร์ของมอสโก และยังพยายามระเบิดทำลายสะพานเชื่อมแหลมไครเมียด้วย
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000052508

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย บอกกับประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ว่ารัสเซียจำเป็นต้อง "ตอบโต้" กรณียูเครนลักลอบส่งโดรนเข้าไปโจมตีฝูงบินทิ้งระเบิดศักยภาพติดหัวรบนิวเคลียร์ของมอสโก และยังพยายามระเบิดทำลายสะพานเชื่อมแหลมไครเมียด้วย . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000052508 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Haha
    14
    0 Comments 0 Shares 1248 Views 0 Reviews
  • บ้านเกิดเมืองนอน
    .
    บ้านเกิดเมืองนอน 2564 - EP.1 ROCK FULL VERSION
    https://www.youtube.com/watch?v=4ZMuuVbyYTI

    บ้านเกิดเมืองนอน 2564 - EP.2 POP JAZZ FULL VERSION
    https://www.youtube.com/watch?v=PvJT3wAXBeo

    บ้านเกิดเมืองนอน 2564 - EP.3 POP ROCK FULL VERSION
    https://www.youtube.com/watch?v=7gOy-Bbq9EA

    บ้านเกิดเมืองนอน 2564 - EP.4 FINAL EPISODE - PIANO FULL VERSION
    https://www.youtube.com/watch?v=9ecmLO8RTIk

    บ้านเกิดเมืองนอน 2564 - EP.5 BONUS VERSION ลูกทุ่ง
    https://www.youtube.com/watch?v=kIX6KfHrZXU

    บ้านเกิดเมืองนอน 2564 - EP.6 KIDS VERSION
    https://www.youtube.com/watch?v=DvtW7skm-JA

    FB : บ้านเกิดเมืองนอน 2564
    https://web.facebook.com/Bankoetmueangnon2564/?ref=pages_you_manage&_rdc=1&_rdr#
    บ้านเกิดเมืองนอน . 👉บ้านเกิดเมืองนอน 2564 - EP.1 ROCK FULL VERSION https://www.youtube.com/watch?v=4ZMuuVbyYTI 👉บ้านเกิดเมืองนอน 2564 - EP.2 POP JAZZ FULL VERSION https://www.youtube.com/watch?v=PvJT3wAXBeo 👉บ้านเกิดเมืองนอน 2564 - EP.3 POP ROCK FULL VERSION https://www.youtube.com/watch?v=7gOy-Bbq9EA 👉บ้านเกิดเมืองนอน 2564 - EP.4 FINAL EPISODE - PIANO FULL VERSION https://www.youtube.com/watch?v=9ecmLO8RTIk 👉บ้านเกิดเมืองนอน 2564 - EP.5 BONUS VERSION ลูกทุ่ง https://www.youtube.com/watch?v=kIX6KfHrZXU 👉บ้านเกิดเมืองนอน 2564 - EP.6 KIDS VERSION https://www.youtube.com/watch?v=DvtW7skm-JA FB : บ้านเกิดเมืองนอน 2564 https://web.facebook.com/Bankoetmueangnon2564/?ref=pages_you_manage&_rdc=1&_rdr#
    Love
    2
    0 Comments 1 Shares 510 Views 45 0 Reviews
  • บ้านเมืองเป็นของทุกคน ถ้าเราไม่รัก ถ้าเราไม่ลุกขึ้นมาปกป้อง จะหวังพึ่งใครได้...???
    บ้านเมืองเป็นของทุกคน ถ้าเราไม่รัก ถ้าเราไม่ลุกขึ้นมาปกป้อง จะหวังพึ่งใครได้...???
    บ้านเกิดเมืองนอน
    .
    บ้านเกิดเมืองนอน 2564 - EP.1 ROCK FULL VERSION
    https://www.youtube.com/watch?v=4ZMuuVbyYTI

    บ้านเกิดเมืองนอน 2564 - EP.2 POP JAZZ FULL VERSION
    https://www.youtube.com/watch?v=PvJT3wAXBeo

    บ้านเกิดเมืองนอน 2564 - EP.3 POP ROCK FULL VERSION
    https://www.youtube.com/watch?v=7gOy-Bbq9EA

    บ้านเกิดเมืองนอน 2564 - EP.4 FINAL EPISODE - PIANO FULL VERSION
    https://www.youtube.com/watch?v=9ecmLO8RTIk

    บ้านเกิดเมืองนอน 2564 - EP.5 BONUS VERSION ลูกทุ่ง
    https://www.youtube.com/watch?v=kIX6KfHrZXU

    บ้านเกิดเมืองนอน 2564 - EP.6 KIDS VERSION
    https://www.youtube.com/watch?v=DvtW7skm-JA

    FB : บ้านเกิดเมืองนอน 2564
    https://web.facebook.com/Bankoetmueangnon2564/?ref=pages_you_manage&_rdc=1&_rdr#
    0 Comments 0 Shares 148 Views 45 0 Reviews
  • กิเลสก็ดุจพญาเสือโคร่งที่คอยกินเรา โกรธก็ดุจพญางูพิษ หลงก็ดุจพญาแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ กามฯ ก็ดุจหมาเดือน 9 เดือนไล่ 10 วิ่งไล่กันทั่งวันทั้งคืน
    กิเลสก็ดุจพญาเสือโคร่งที่คอยกินเรา โกรธก็ดุจพญางูพิษ หลงก็ดุจพญาแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ กามฯ ก็ดุจหมาเดือน 9 เดือนไล่ 10 วิ่งไล่กันทั่งวันทั้งคืน
    0 Comments 0 Shares 65 Views 0 Reviews
  • ภาพสุดตะลึง!! ทหารยูเครนประหารชีวิตทหารหนีทัพของตนเองในทิศทางโปครอฟสค์ (Pokrovsk)

    ภาพวิดีโอจากกองกำลังป้องกันทางอากาศของรัสเซีย ขณะใช้โดรนทำการลาดตระเวนทางอากาศตามแนวเชฟเชนโก-โปครอฟสค์ (Shevchenko-Pokrovsk) สามารถบันทึกเหตุการณ์ขณะทหารยูเครน 2 นาย บังคับทหารยูเครน 3 นายคุกเข่าลงแล้วลงมือสังหารพวกเขา

    จากวิดีโอจะเห็นทหารยูเครนรายที่สามพยายามวิ่งหนี แต่ไม่สามารถหลุดพ้นความตายไปได้

    จากข้อมูลแนวหน้า บริเวณทิศทางนี้เป็นแนวตั้งรับของกองพลเยเกอร์ที่ 68 (the 68th Jaeger Brigade) ของกองทัพยูเครน
    ภาพสุดตะลึง!! ทหารยูเครนประหารชีวิตทหารหนีทัพของตนเองในทิศทางโปครอฟสค์ (Pokrovsk) ภาพวิดีโอจากกองกำลังป้องกันทางอากาศของรัสเซีย ขณะใช้โดรนทำการลาดตระเวนทางอากาศตามแนวเชฟเชนโก-โปครอฟสค์ (Shevchenko-Pokrovsk) สามารถบันทึกเหตุการณ์ขณะทหารยูเครน 2 นาย บังคับทหารยูเครน 3 นายคุกเข่าลงแล้วลงมือสังหารพวกเขา จากวิดีโอจะเห็นทหารยูเครนรายที่สามพยายามวิ่งหนี แต่ไม่สามารถหลุดพ้นความตายไปได้ จากข้อมูลแนวหน้า บริเวณทิศทางนี้เป็นแนวตั้งรับของกองพลเยเกอร์ที่ 68 (the 68th Jaeger Brigade) ของกองทัพยูเครน
    0 Comments 0 Shares 235 Views 0 Reviews
  • Apple ยกเลิกโครงการแว่น AR – ก้าวต่อไปของเทคโนโลยีสวมใส่
    Apple ได้ ยกเลิกโครงการแว่น AR ที่มีรหัส N107 ซึ่งเคยถูกมองว่าเป็นอุปกรณ์เสริมสำหรับ Vision Pro โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึง การนำทาง, การแจ้งเตือน และการขยายแอป ผ่านแว่นตาที่มีดีไซน์เรียบง่าย

    แม้จะมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง แต่ Apple พบข้อจำกัดด้านฮาร์ดแวร์ โดยเฉพาะ อายุการใช้งานแบตเตอรี่ ซึ่งเป็นปัญหาหลักของอุปกรณ์ AR
    - ต้นแบบแรกต้องเชื่อมต่อกับ iPhone เพื่อประมวลผล แต่ใช้พลังงานมากเกินไป
    - การเปลี่ยนไปใช้ Mac เพื่อช่วยประมวลผล ทำให้เกิดประสบการณ์ที่ไม่ราบรื่น
    - ต้นทุนการผลิตสูงและปัญหาห่วงโซ่อุปทาน ทำให้ Apple ตัดสินใจยกเลิกโครงการ

    ข้อมูลจากข่าว
    - Apple ยกเลิกโครงการแว่น AR รหัส N107 เนื่องจากข้อจำกัดด้านฮาร์ดแวร์
    - ปัญหาหลักคืออายุการใช้งานแบตเตอรี่และต้นทุนการผลิตที่สูง
    - ต้นแบบแรกต้องเชื่อมต่อกับ iPhone แต่ใช้พลังงานมากเกินไป
    - Apple กำลังพัฒนาชิปเฉพาะสำหรับแว่นอัจฉริยะ ซึ่งอาจเปิดตัวในปี 2026
    - คาดว่า Apple อาจเปิดตัวแว่นอัจฉริยะรุ่นใหม่ในปี 2028

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - แม้จะยกเลิกโครงการ N107 แต่ Apple ยังไม่ละทิ้งตลาดแว่นอัจฉริยะ
    - ต้องติดตามว่าการพัฒนาชิปเฉพาะสำหรับแว่นจะสามารถแก้ปัญหาแบตเตอรี่ได้หรือไม่
    - คู่แข่งอย่าง Meta และ Google กำลังเร่งพัฒนาแว่นอัจฉริยะของตนเอง
    - Apple อาจรอให้เทคโนโลยีแบตเตอรี่และการประมวลผลก้าวหน้าก่อนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่

    แม้ Apple จะยกเลิกโครงการแว่น AR ในตอนนี้ แต่ บริษัทยังคงพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง เช่น VisionOS และชิปสำหรับอุปกรณ์สวมใส่ ซึ่งอาจช่วยให้ Apple สามารถเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่สมบูรณ์แบบกว่าในอนาคต

    https://computercity.com/hardware/vr/apple-reportedly-cancels-ar-video-glasses-whats-next-for-its-wearable-future
    👓 Apple ยกเลิกโครงการแว่น AR – ก้าวต่อไปของเทคโนโลยีสวมใส่ Apple ได้ ยกเลิกโครงการแว่น AR ที่มีรหัส N107 ซึ่งเคยถูกมองว่าเป็นอุปกรณ์เสริมสำหรับ Vision Pro โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึง การนำทาง, การแจ้งเตือน และการขยายแอป ผ่านแว่นตาที่มีดีไซน์เรียบง่าย แม้จะมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง แต่ Apple พบข้อจำกัดด้านฮาร์ดแวร์ โดยเฉพาะ อายุการใช้งานแบตเตอรี่ ซึ่งเป็นปัญหาหลักของอุปกรณ์ AR - ต้นแบบแรกต้องเชื่อมต่อกับ iPhone เพื่อประมวลผล แต่ใช้พลังงานมากเกินไป - การเปลี่ยนไปใช้ Mac เพื่อช่วยประมวลผล ทำให้เกิดประสบการณ์ที่ไม่ราบรื่น - ต้นทุนการผลิตสูงและปัญหาห่วงโซ่อุปทาน ทำให้ Apple ตัดสินใจยกเลิกโครงการ ✅ ข้อมูลจากข่าว - Apple ยกเลิกโครงการแว่น AR รหัส N107 เนื่องจากข้อจำกัดด้านฮาร์ดแวร์ - ปัญหาหลักคืออายุการใช้งานแบตเตอรี่และต้นทุนการผลิตที่สูง - ต้นแบบแรกต้องเชื่อมต่อกับ iPhone แต่ใช้พลังงานมากเกินไป - Apple กำลังพัฒนาชิปเฉพาะสำหรับแว่นอัจฉริยะ ซึ่งอาจเปิดตัวในปี 2026 - คาดว่า Apple อาจเปิดตัวแว่นอัจฉริยะรุ่นใหม่ในปี 2028 ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - แม้จะยกเลิกโครงการ N107 แต่ Apple ยังไม่ละทิ้งตลาดแว่นอัจฉริยะ - ต้องติดตามว่าการพัฒนาชิปเฉพาะสำหรับแว่นจะสามารถแก้ปัญหาแบตเตอรี่ได้หรือไม่ - คู่แข่งอย่าง Meta และ Google กำลังเร่งพัฒนาแว่นอัจฉริยะของตนเอง - Apple อาจรอให้เทคโนโลยีแบตเตอรี่และการประมวลผลก้าวหน้าก่อนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ แม้ Apple จะยกเลิกโครงการแว่น AR ในตอนนี้ แต่ บริษัทยังคงพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง เช่น VisionOS และชิปสำหรับอุปกรณ์สวมใส่ ซึ่งอาจช่วยให้ Apple สามารถเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่สมบูรณ์แบบกว่าในอนาคต https://computercity.com/hardware/vr/apple-reportedly-cancels-ar-video-glasses-whats-next-for-its-wearable-future
    COMPUTERCITY.COM
    Apple Reportedly Cancels AR Video Glasses – What’s Next for Its Wearable Future?
    Apple has reportedly scrapped its long-rumored AR video glasses project, codenamed N107, marking a major pivot in the company’s vision for lightweight
    0 Comments 0 Shares 316 Views 0 Reviews
  • AI อาจช่วยค้นพบความรู้ใหม่ในอนาคต
    Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI กล่าวในงาน Snowflake Summit 2025 ว่า AI อาจช่วยมนุษย์ค้นพบความรู้ใหม่ โดยเฉพาะในกรณีที่ซับซ้อน เช่น การแก้ปัญหาทางธุรกิจที่ไม่สามารถแก้ไขได้ง่าย ๆ

    แม้ว่าการใช้ AI ในการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ยังคงถูกมองด้วยความสงสัย แต่ก็มีตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่า AI สามารถช่วยเร่งกระบวนการวิจัย เช่น

    Microsoft Discovery Platform ซึ่งใช้ AI ในการเร่งการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ สามารถค้นพบ สารเคมีใหม่สำหรับการระบายความร้อนของศูนย์ข้อมูล ภายใน 200 ชั่วโมง ซึ่งปกติใช้เวลาหลายปี

    OpenAI Codex ซึ่งช่วยนักพัฒนาเขียนและแก้ไขโค้ด โดย OpenAI ระบุว่า วิศวกรของบริษัทใช้ Codex เป็นประจำ

    ข้อมูลจากข่าว
    - Sam Altman ระบุว่า AI อาจช่วยมนุษย์ค้นพบความรู้ใหม่ในบางกรณี
    - AI สามารถช่วยแก้ปัญหาทางธุรกิจที่ซับซ้อน
    - Microsoft Discovery Platform ใช้ AI ค้นพบสารเคมีใหม่สำหรับการระบายความร้อนของศูนย์ข้อมูล
    - OpenAI Codex ช่วยนักพัฒนาเขียนและแก้ไขโค้ด
    - บริษัทต่าง ๆ กำลังพัฒนา AI agents ที่สามารถทำงานได้หลากหลาย

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - การใช้ AI ในการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ยังคงถูกมองด้วยความสงสัย
    - AI อาจทำให้บางตำแหน่งงานถูกแทนที่ เช่น Duolingo ที่ใช้ AI แทนพนักงานสัญญาจ้าง
    - Shopify กำหนดให้ผู้จัดการต้องให้เหตุผลว่าทำไม AI ไม่สามารถทำงานแทนมนุษย์ได้ ก่อนอนุมัติการจ้างงานใหม่
    - ต้องติดตามว่าการพัฒนา AI agents จะส่งผลต่อโครงสร้างการทำงานขององค์กรอย่างไร

    AI กำลังพัฒนาไปสู่การเป็น เครื่องมือที่ช่วยค้นพบความรู้ใหม่ และอาจเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานของมนุษย์ อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่อโครงสร้างองค์กรและตลาดแรงงานอย่างไร

    https://www.neowin.net/news/sam-altman-says-ai-could-soon-help-with-discovering-new-knowledge/
    🤖 AI อาจช่วยค้นพบความรู้ใหม่ในอนาคต Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI กล่าวในงาน Snowflake Summit 2025 ว่า AI อาจช่วยมนุษย์ค้นพบความรู้ใหม่ โดยเฉพาะในกรณีที่ซับซ้อน เช่น การแก้ปัญหาทางธุรกิจที่ไม่สามารถแก้ไขได้ง่าย ๆ แม้ว่าการใช้ AI ในการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ยังคงถูกมองด้วยความสงสัย แต่ก็มีตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่า AI สามารถช่วยเร่งกระบวนการวิจัย เช่น Microsoft Discovery Platform ซึ่งใช้ AI ในการเร่งการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ สามารถค้นพบ สารเคมีใหม่สำหรับการระบายความร้อนของศูนย์ข้อมูล ภายใน 200 ชั่วโมง ซึ่งปกติใช้เวลาหลายปี OpenAI Codex ซึ่งช่วยนักพัฒนาเขียนและแก้ไขโค้ด โดย OpenAI ระบุว่า วิศวกรของบริษัทใช้ Codex เป็นประจำ ✅ ข้อมูลจากข่าว - Sam Altman ระบุว่า AI อาจช่วยมนุษย์ค้นพบความรู้ใหม่ในบางกรณี - AI สามารถช่วยแก้ปัญหาทางธุรกิจที่ซับซ้อน - Microsoft Discovery Platform ใช้ AI ค้นพบสารเคมีใหม่สำหรับการระบายความร้อนของศูนย์ข้อมูล - OpenAI Codex ช่วยนักพัฒนาเขียนและแก้ไขโค้ด - บริษัทต่าง ๆ กำลังพัฒนา AI agents ที่สามารถทำงานได้หลากหลาย ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - การใช้ AI ในการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ยังคงถูกมองด้วยความสงสัย - AI อาจทำให้บางตำแหน่งงานถูกแทนที่ เช่น Duolingo ที่ใช้ AI แทนพนักงานสัญญาจ้าง - Shopify กำหนดให้ผู้จัดการต้องให้เหตุผลว่าทำไม AI ไม่สามารถทำงานแทนมนุษย์ได้ ก่อนอนุมัติการจ้างงานใหม่ - ต้องติดตามว่าการพัฒนา AI agents จะส่งผลต่อโครงสร้างการทำงานขององค์กรอย่างไร AI กำลังพัฒนาไปสู่การเป็น เครื่องมือที่ช่วยค้นพบความรู้ใหม่ และอาจเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานของมนุษย์ อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่อโครงสร้างองค์กรและตลาดแรงงานอย่างไร https://www.neowin.net/news/sam-altman-says-ai-could-soon-help-with-discovering-new-knowledge/
    WWW.NEOWIN.NET
    Sam Altman says AI could soon help with discovering new knowledge
    OpenAI CEO Sam Altman looks pretty optimistic about AI's capability to help humans discover new knowledge.
    0 Comments 0 Shares 258 Views 0 Reviews
  • KDE เชิญชวนผู้ใช้ Windows 10 เปลี่ยนมาใช้ Linux ก่อนหมดการสนับสนุน
    KDE ได้เปิดตัวแคมเปญ "End of 10" เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ Windows 10 ที่กำลังจะหมดการสนับสนุนในวันที่ 14 ตุลาคม 2025 สามารถเปลี่ยนมาใช้ Linux แทนการซื้อฮาร์ดแวร์ใหม่

    KDE ระบุว่า Windows 10 จะกลายเป็น "ขยะ" และ "ล้าสมัย" หลังจาก Microsoft หยุดการอัปเดต ทำให้เกิด ช่องโหว่ด้านความปลอดภัย ที่อาจนำไปสู่การถูกแฮกและข้อมูลรั่วไหล

    นอกจากนี้ แอปพลิเคชันใหม่ ๆ จะไม่สามารถรันบน Windows 10 ได้ และ Microsoft อาจ บล็อกการอัปเกรดเป็น Windows เวอร์ชันใหม่ เว้นแต่ผู้ใช้จะซื้อฮาร์ดแวร์ใหม่ ซึ่ง KDE เรียกสิ่งนี้ว่า "การรีดไถทางเทคโนโลยี"

    ข้อมูลจากข่าว
    - Windows 10 จะหมดการสนับสนุนในวันที่ 14 ตุลาคม 2025
    - KDE เปิดตัวแคมเปญ "End of 10" เพื่อช่วยให้ผู้ใช้เปลี่ยนมาใช้ Linux
    - Windows 10 ที่ไม่ได้รับการอัปเดตจะมีช่องโหว่ด้านความปลอดภัย
    - Microsoft อาจบล็อกการอัปเกรดเป็น Windows เวอร์ชันใหม่ เว้นแต่ซื้อฮาร์ดแวร์ใหม่
    - KDE Plasma สามารถรันได้ดีแม้บนเครื่องที่มีอายุ 10 ปี

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - การเปลี่ยนมาใช้ Linux ต้องใช้เวลาในการปรับตัว เนื่องจากระบบแตกต่างจาก Windows
    - ผู้ใช้ต้องหาแอปพลิเคชันที่สามารถทดแทนโปรแกรม Windows ที่เคยใช้
    - บางเกมและซอฟต์แวร์ เช่น Adobe Creative Suite และ Microsoft Office อาจไม่สามารถใช้งานบน Linux ได้
    - ต้องติดตามว่าผู้ใช้ Windows 10 จะเลือกเปลี่ยนไปใช้ Linux มากน้อยเพียงใด

    KDE พยายามนำเสนอ Linux เป็นทางเลือกที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้ฮาร์ดแวร์เดิมต่อไปได้ โดยไม่ต้องซื้อเครื่องใหม่ อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าผู้ใช้จะยอมรับการเปลี่ยนแปลงนี้หรือไม่

    https://www.neowin.net/news/as-windows-10-support-winds-down-kde-welcomes-windows-10-exiles-to-linux/
    💻 KDE เชิญชวนผู้ใช้ Windows 10 เปลี่ยนมาใช้ Linux ก่อนหมดการสนับสนุน KDE ได้เปิดตัวแคมเปญ "End of 10" เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ Windows 10 ที่กำลังจะหมดการสนับสนุนในวันที่ 14 ตุลาคม 2025 สามารถเปลี่ยนมาใช้ Linux แทนการซื้อฮาร์ดแวร์ใหม่ KDE ระบุว่า Windows 10 จะกลายเป็น "ขยะ" และ "ล้าสมัย" หลังจาก Microsoft หยุดการอัปเดต ทำให้เกิด ช่องโหว่ด้านความปลอดภัย ที่อาจนำไปสู่การถูกแฮกและข้อมูลรั่วไหล นอกจากนี้ แอปพลิเคชันใหม่ ๆ จะไม่สามารถรันบน Windows 10 ได้ และ Microsoft อาจ บล็อกการอัปเกรดเป็น Windows เวอร์ชันใหม่ เว้นแต่ผู้ใช้จะซื้อฮาร์ดแวร์ใหม่ ซึ่ง KDE เรียกสิ่งนี้ว่า "การรีดไถทางเทคโนโลยี" ✅ ข้อมูลจากข่าว - Windows 10 จะหมดการสนับสนุนในวันที่ 14 ตุลาคม 2025 - KDE เปิดตัวแคมเปญ "End of 10" เพื่อช่วยให้ผู้ใช้เปลี่ยนมาใช้ Linux - Windows 10 ที่ไม่ได้รับการอัปเดตจะมีช่องโหว่ด้านความปลอดภัย - Microsoft อาจบล็อกการอัปเกรดเป็น Windows เวอร์ชันใหม่ เว้นแต่ซื้อฮาร์ดแวร์ใหม่ - KDE Plasma สามารถรันได้ดีแม้บนเครื่องที่มีอายุ 10 ปี ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - การเปลี่ยนมาใช้ Linux ต้องใช้เวลาในการปรับตัว เนื่องจากระบบแตกต่างจาก Windows - ผู้ใช้ต้องหาแอปพลิเคชันที่สามารถทดแทนโปรแกรม Windows ที่เคยใช้ - บางเกมและซอฟต์แวร์ เช่น Adobe Creative Suite และ Microsoft Office อาจไม่สามารถใช้งานบน Linux ได้ - ต้องติดตามว่าผู้ใช้ Windows 10 จะเลือกเปลี่ยนไปใช้ Linux มากน้อยเพียงใด KDE พยายามนำเสนอ Linux เป็นทางเลือกที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้ฮาร์ดแวร์เดิมต่อไปได้ โดยไม่ต้องซื้อเครื่องใหม่ อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าผู้ใช้จะยอมรับการเปลี่ยนแปลงนี้หรือไม่ https://www.neowin.net/news/as-windows-10-support-winds-down-kde-welcomes-windows-10-exiles-to-linux/
    WWW.NEOWIN.NET
    As Windows 10 support winds down, KDE welcomes "Windows 10 exiles" to Linux
    As we near the end of support for Windows 10, KDE is doubling its efforts to urge Windows users to switch to Linux and save their "perfectly good" computers from becoming obsolete.
    0 Comments 0 Shares 291 Views 0 Reviews
  • *****.....พระปิดตา.....เหนือดวง.....สายเขาอ้อ.....ปี.....2555.....*****

    *****.....ต่อไป..จะต้องเป็น...ตำนาน.... ในการจัดสร้างวัตถุมงคล...รุ่นเหนือดวง...ครั้งแรก...ของการปลุกเสกด้วย...ตำราพิชัยสมบัติ...พิชัยสงคราม...ว่าด้วย...วิชาเหนือดวง...อัญเชิญ...เทพเทวดา...มหาเทพ... พระอรหันต์...บรรจุลงในองค์พระ...พลิก...ชีวิต...พลิก...ดวงชะตา...เปิดตำนาน...สำนักตักศิลาเขาอ้อ...วิชาเหนือดวง...สำนักเขาอ้อเป็น...สำนักสอนวิชา...ไสยศาสตร์...มาตั้งแต่ครั้งสมัยศรีวิชัย...จนถึงสมัยสุโขทัย...สมัยศรีอยุธยา...กรุงธนบุรี...จนถึงสมัยรัตนโกสินทร์...ในปัจจุบัน...พระอาจารย์สำนัก...เขาอ้อ...ทุกๆองค์...เป็นปรมาจารย์อันเลื่องลือ...ของชาวพุทธภาคใต้...ตั้งแต่เมืองไชยา...ลงไปถึงแหลมมาลายู...ปรากฏว่า...ไปเรียนวิชาไสยศาสตร์ จากสำนักเขาอ้อ...หรือใช้ตำราที่มาจากสำนักเขาอ้อทั้งหมด...พระอาจารย์สำนักเขาอ้อ...ทุกๆองค์...จะมีความรู้...ความสามารถ...คล้ายคลึงกัน...เพราะได้ศึกษาต่อกันมาไม่ขาดระยะ...ตำราและความรู้ที่เป็นหลัก...คือ...พระอาจารย์เขาอ้อทุกองค์...สอนเวทย์มนต์...คาถา...ที่เป็นหลักเริ่มตั้งแต่...ธาตุ4 ธาตุทั้ง5 แม่ธาตุ...การตั้งธาตุ...หนุนธาตุ...แปลงธาตุ...และ...ตรวจธาตุ...วิชาคงกระพันชาตรี... แคล้วคลาด...มหาอุตฆ์...สอนให้รู้ถึงที่มาของ...เลขยันต์...อักขระยันต์ต่างๆ...ซึ่งต้องใช้ความพยายาม...และต้องอยู่ปฏิบัติอาจารย์...จนอาจารย์...เห็นความพยายาม...ที่รักในวิชาของศิษย์...จึงจะสอนให้...และยังสอนวิชาความรู้เกี่ยวกับ...ยารักษาโรค...วิชาไสยศาสตร์...ที่เป็นหลักของสำนักเขาอ้อ...ซึ่งเป็นคุณวิเศษประจำพระอาจารย์ทุกๆองค์ ...(ยกตัวอย่าง)...ดังนี้.....1.เสกน้ำมันงาดิบ...ให้เดือด...ให้แข็ง...ทำพิธีป้อนให้ศิษย์เป็นคงกระพัน.....2.อาบน้ำว่าน แช่ยา...เป็นคงกระพันกันโรคภัย.....3.หุงข้าวเหนียวดำ...เป็นคงกระพันอายุวัฒนะ...และ...อีกหลายวิชา...ครั้งแรก...ของการปลุกเสก...ว่าด้วยวิชา.....เหนือดวง.....ตามตำราวิชาสำนักเขาอ้อ...ว่าด้วย วิชากำเนิด 3 คือ.....1.ดวงกำเนิดมนุษย์หญิง-ชาย.....2.ดวงกำเนิดเทวดา.....3.ดวงกำเนิดพระอรหันต์...ยันต์ดวงกำเนิดมนุษย์หญิง-ชาย ใช้ได้...ทุกผู้ทุกนาม ฯลฯ...เมื่อท่านใช้อาราธนา...ด้วยอำนาจแห่งครูอาจารย์เขาอ้อ.....อาจารย์คล้อย อโนโม.....ด้วยอำนาจแห่งวิชา... เหมือนท่านได้เกิดใหม่อีกครั้ง...ด้วยอำนาจแห่งคุณ...พระพุทธ...ยันต์ดวงกำเนิดเทวา...เป็นการอัญเชิญ...เทวดา...องค์เทพ...องค์มหาเทพ มาประจำองค์พระ...เพื่อเป็นเทวดา...ปกป้อง...คุ้มครอง...หนุนดวงชะตา...ให้กับร้ายกลายเป็นดี...ส่งเสริมให้มีเกรียติยศ...และ...ชื่อเสียง ฯลฯ...แล้วแต่จะอธิฐานต่อ... ยันต์องค์กำเนิดพระอรหัน...เป็นการอัญเชิญ...ขอบารมี...ของพระพุทธเจ้า...พระอรหันต์...ลงมาปกป้องคุ้มครอง...ประทานพร...ประทานอำนาจ...วาสนา...บารมี...ฯลฯ.....*****

    *****.....ไอดี ไลน์.....oak_999.....ข้อความ.....หรือโทร...089-471-5666.....*****

    #พระเก๊มีทุกรุ่น #พระใหม่ดีกว่าพระเก๊แน่นอน #พระใหม่พิธีดี #เจตนาการสร้างดี #พระใหม่ยอดนิยม #พระสายใต้ #พระเครื่อง #พระเครื่องยอดนิยม #พระปิดตา #รับประกันพระแท้ตลอดชีพ #ทุกเหรียญตอกโค๊ดตอกเลขรันนัมเบอร์
    *****.....พระปิดตา.....เหนือดวง.....สายเขาอ้อ.....ปี.....2555.....***** *****.....ต่อไป..จะต้องเป็น...ตำนาน.... ในการจัดสร้างวัตถุมงคล...รุ่นเหนือดวง...ครั้งแรก...ของการปลุกเสกด้วย...ตำราพิชัยสมบัติ...พิชัยสงคราม...ว่าด้วย...วิชาเหนือดวง...อัญเชิญ...เทพเทวดา...มหาเทพ... พระอรหันต์...บรรจุลงในองค์พระ...พลิก...ชีวิต...พลิก...ดวงชะตา...เปิดตำนาน...สำนักตักศิลาเขาอ้อ...วิชาเหนือดวง...สำนักเขาอ้อเป็น...สำนักสอนวิชา...ไสยศาสตร์...มาตั้งแต่ครั้งสมัยศรีวิชัย...จนถึงสมัยสุโขทัย...สมัยศรีอยุธยา...กรุงธนบุรี...จนถึงสมัยรัตนโกสินทร์...ในปัจจุบัน...พระอาจารย์สำนัก...เขาอ้อ...ทุกๆองค์...เป็นปรมาจารย์อันเลื่องลือ...ของชาวพุทธภาคใต้...ตั้งแต่เมืองไชยา...ลงไปถึงแหลมมาลายู...ปรากฏว่า...ไปเรียนวิชาไสยศาสตร์ จากสำนักเขาอ้อ...หรือใช้ตำราที่มาจากสำนักเขาอ้อทั้งหมด...พระอาจารย์สำนักเขาอ้อ...ทุกๆองค์...จะมีความรู้...ความสามารถ...คล้ายคลึงกัน...เพราะได้ศึกษาต่อกันมาไม่ขาดระยะ...ตำราและความรู้ที่เป็นหลัก...คือ...พระอาจารย์เขาอ้อทุกองค์...สอนเวทย์มนต์...คาถา...ที่เป็นหลักเริ่มตั้งแต่...ธาตุ4 ธาตุทั้ง5 แม่ธาตุ...การตั้งธาตุ...หนุนธาตุ...แปลงธาตุ...และ...ตรวจธาตุ...วิชาคงกระพันชาตรี... แคล้วคลาด...มหาอุตฆ์...สอนให้รู้ถึงที่มาของ...เลขยันต์...อักขระยันต์ต่างๆ...ซึ่งต้องใช้ความพยายาม...และต้องอยู่ปฏิบัติอาจารย์...จนอาจารย์...เห็นความพยายาม...ที่รักในวิชาของศิษย์...จึงจะสอนให้...และยังสอนวิชาความรู้เกี่ยวกับ...ยารักษาโรค...วิชาไสยศาสตร์...ที่เป็นหลักของสำนักเขาอ้อ...ซึ่งเป็นคุณวิเศษประจำพระอาจารย์ทุกๆองค์ ...(ยกตัวอย่าง)...ดังนี้.....1.เสกน้ำมันงาดิบ...ให้เดือด...ให้แข็ง...ทำพิธีป้อนให้ศิษย์เป็นคงกระพัน.....2.อาบน้ำว่าน แช่ยา...เป็นคงกระพันกันโรคภัย.....3.หุงข้าวเหนียวดำ...เป็นคงกระพันอายุวัฒนะ...และ...อีกหลายวิชา...ครั้งแรก...ของการปลุกเสก...ว่าด้วยวิชา.....เหนือดวง.....ตามตำราวิชาสำนักเขาอ้อ...ว่าด้วย วิชากำเนิด 3 คือ.....1.ดวงกำเนิดมนุษย์หญิง-ชาย.....2.ดวงกำเนิดเทวดา.....3.ดวงกำเนิดพระอรหันต์...ยันต์ดวงกำเนิดมนุษย์หญิง-ชาย ใช้ได้...ทุกผู้ทุกนาม ฯลฯ...เมื่อท่านใช้อาราธนา...ด้วยอำนาจแห่งครูอาจารย์เขาอ้อ.....อาจารย์คล้อย อโนโม.....ด้วยอำนาจแห่งวิชา... เหมือนท่านได้เกิดใหม่อีกครั้ง...ด้วยอำนาจแห่งคุณ...พระพุทธ...ยันต์ดวงกำเนิดเทวา...เป็นการอัญเชิญ...เทวดา...องค์เทพ...องค์มหาเทพ มาประจำองค์พระ...เพื่อเป็นเทวดา...ปกป้อง...คุ้มครอง...หนุนดวงชะตา...ให้กับร้ายกลายเป็นดี...ส่งเสริมให้มีเกรียติยศ...และ...ชื่อเสียง ฯลฯ...แล้วแต่จะอธิฐานต่อ... ยันต์องค์กำเนิดพระอรหัน...เป็นการอัญเชิญ...ขอบารมี...ของพระพุทธเจ้า...พระอรหันต์...ลงมาปกป้องคุ้มครอง...ประทานพร...ประทานอำนาจ...วาสนา...บารมี...ฯลฯ.....***** *****.....ไอดี ไลน์.....oak_999.....ข้อความ.....หรือโทร...089-471-5666.....***** #พระเก๊มีทุกรุ่น #พระใหม่ดีกว่าพระเก๊แน่นอน #พระใหม่พิธีดี #เจตนาการสร้างดี #พระใหม่ยอดนิยม #พระสายใต้ #พระเครื่อง #พระเครื่องยอดนิยม #พระปิดตา #รับประกันพระแท้ตลอดชีพ #ทุกเหรียญตอกโค๊ดตอกเลขรันนัมเบอร์
    0 Comments 0 Shares 790 Views 0 Reviews
  • Microsoft ปรับปรุงช่องทางอัปเดตแอปใน Microsoft 365
    Microsoft ได้ประกาศ การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เกี่ยวกับช่องทางอัปเดตแอปใน Microsoft 365 (M365) ซึ่งจะมีผลตั้งแต่ กรกฎาคม 2025 โดยมีการ ลดระยะเวลาการสนับสนุนของบางช่องทาง และขยายการรองรับของช่องทางอื่น

    ปัจจุบัน Microsoft มี 4 ช่องทางหลัก สำหรับการอัปเดตแอปใน M365 ได้แก่
    - Current Channel – ได้รับอัปเดตเร็วที่สุด
    - Monthly Enterprise Channel – อัปเดตทุกเดือน
    - Semi-Annual Enterprise Channel (Preview) – รุ่นทดลองก่อนอัปเดตจริง
    - Semi-Annual Enterprise Channel – อัปเดตทุก 6 เดือน

    Microsoft ได้ประกาศว่า จะยกเลิก Semi-Annual Enterprise Channel (Preview) และ ลดระยะเวลาการสนับสนุนของ Semi-Annual Enterprise Channel จาก 14 เดือนเหลือ 8 เดือน

    ในทางกลับกัน Monthly Enterprise Channel จะได้รับการขยายระยะเวลาการรองรับจาก 1 เดือนเป็น 2 เดือน

    ข้อมูลจากข่าว
    - Microsoft จะยกเลิก Semi-Annual Enterprise Channel (Preview) ตั้งแต่กรกฎาคม 2025
    - Semi-Annual Enterprise Channel จะลดระยะเวลาการสนับสนุนจาก 14 เดือนเหลือ 8 เดือน
    - Monthly Enterprise Channel จะได้รับการขยายระยะเวลาการรองรับจาก 1 เดือนเป็น 2 เดือน
    - Microsoft แนะนำให้องค์กรที่ใช้ Semi-Annual Enterprise Channel ย้ายไปใช้ Monthly Enterprise Channel หรือ Current Channel
    - การเปลี่ยนแปลงนี้มีผลต่ออุปกรณ์ที่ไม่ได้รับการดูแลโดยผู้ใช้ (Unattended Devices)

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - องค์กรที่ใช้ Semi-Annual Enterprise Channel ต้องปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง
    - การลดระยะเวลาการสนับสนุนอาจทำให้บางองค์กรต้องอัปเดตบ่อยขึ้น
    - ต้องติดตามว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่อความเสถียรของแอป M365 อย่างไร
    - Microsoft อาจมีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมเกี่ยวกับช่องทางอัปเดตในอนาคต

    การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยให้ องค์กรสามารถเลือกช่องทางอัปเดตที่เหมาะสมกับการใช้งานของตนเอง อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการลดระยะเวลาการสนับสนุนจะส่งผลต่อการบริหารจัดการแอปในองค์กรอย่างไร

    https://www.neowin.net/news/microsoft-365-getting-major-change-to-how-app-updates-will-be-released/
    🔄 Microsoft ปรับปรุงช่องทางอัปเดตแอปใน Microsoft 365 Microsoft ได้ประกาศ การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เกี่ยวกับช่องทางอัปเดตแอปใน Microsoft 365 (M365) ซึ่งจะมีผลตั้งแต่ กรกฎาคม 2025 โดยมีการ ลดระยะเวลาการสนับสนุนของบางช่องทาง และขยายการรองรับของช่องทางอื่น ปัจจุบัน Microsoft มี 4 ช่องทางหลัก สำหรับการอัปเดตแอปใน M365 ได้แก่ - Current Channel – ได้รับอัปเดตเร็วที่สุด - Monthly Enterprise Channel – อัปเดตทุกเดือน - Semi-Annual Enterprise Channel (Preview) – รุ่นทดลองก่อนอัปเดตจริง - Semi-Annual Enterprise Channel – อัปเดตทุก 6 เดือน Microsoft ได้ประกาศว่า จะยกเลิก Semi-Annual Enterprise Channel (Preview) และ ลดระยะเวลาการสนับสนุนของ Semi-Annual Enterprise Channel จาก 14 เดือนเหลือ 8 เดือน ในทางกลับกัน Monthly Enterprise Channel จะได้รับการขยายระยะเวลาการรองรับจาก 1 เดือนเป็น 2 เดือน ✅ ข้อมูลจากข่าว - Microsoft จะยกเลิก Semi-Annual Enterprise Channel (Preview) ตั้งแต่กรกฎาคม 2025 - Semi-Annual Enterprise Channel จะลดระยะเวลาการสนับสนุนจาก 14 เดือนเหลือ 8 เดือน - Monthly Enterprise Channel จะได้รับการขยายระยะเวลาการรองรับจาก 1 เดือนเป็น 2 เดือน - Microsoft แนะนำให้องค์กรที่ใช้ Semi-Annual Enterprise Channel ย้ายไปใช้ Monthly Enterprise Channel หรือ Current Channel - การเปลี่ยนแปลงนี้มีผลต่ออุปกรณ์ที่ไม่ได้รับการดูแลโดยผู้ใช้ (Unattended Devices) ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - องค์กรที่ใช้ Semi-Annual Enterprise Channel ต้องปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง - การลดระยะเวลาการสนับสนุนอาจทำให้บางองค์กรต้องอัปเดตบ่อยขึ้น - ต้องติดตามว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่อความเสถียรของแอป M365 อย่างไร - Microsoft อาจมีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมเกี่ยวกับช่องทางอัปเดตในอนาคต การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยให้ องค์กรสามารถเลือกช่องทางอัปเดตที่เหมาะสมกับการใช้งานของตนเอง อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการลดระยะเวลาการสนับสนุนจะส่งผลต่อการบริหารจัดการแอปในองค์กรอย่างไร https://www.neowin.net/news/microsoft-365-getting-major-change-to-how-app-updates-will-be-released/
    WWW.NEOWIN.NET
    Microsoft 365 getting "major change" to how app updates will be released
    Microsoft has confirmed that update releases for its Microsoft 365 apps are getting a "major change" very soon.
    0 Comments 0 Shares 297 Views 0 Reviews
  • Microsoft เปิดตัวโครงการความปลอดภัยไซเบอร์ฟรีสำหรับรัฐบาลยุโรป
    Microsoft ได้เปิดตัว European Security Program ซึ่งเป็นโครงการที่ช่วยให้รัฐบาลยุโรปสามารถ รับมือกับภัยคุกคามไซเบอร์ที่ใช้ AI โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

    โครงการนี้มุ่งเน้นไปที่ การแบ่งปันข้อมูลภัยคุกคามที่ใช้ AI และ การเพิ่มขีดความสามารถด้านความปลอดภัยไซเบอร์ ให้กับรัฐบาลยุโรป

    Microsoft ยังได้ร่วมมือกับ หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในยุโรป เพื่อจัดการกับ มัลแวร์ Lumma infostealer ซึ่งเป็นมัลแวร์ที่สามารถ ขโมยรหัสผ่าน, ข้อมูลทางการเงิน และกระเป๋าเงินคริปโต โดยในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา Lumma infostealer ได้ติดไวรัสไปแล้วกว่า 400,000 เครื่องทั่วโลก

    นอกจากนี้ Microsoft ยังเตือนว่า อาชญากรไซเบอร์กำลังใช้ AI เพื่อสร้างอีเมลฟิชชิ่ง, ปลอมแปลงตัวตน และสร้างวิดีโอ deepfake ซึ่งเป็นภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

    ข้อมูลจากข่าว
    - Microsoft เปิดตัว European Security Program เพื่อช่วยรัฐบาลยุโรปรับมือกับภัยคุกคามไซเบอร์ที่ใช้ AI
    - โครงการนี้เน้นการแบ่งปันข้อมูลภัยคุกคามและเพิ่มขีดความสามารถด้านความปลอดภัยไซเบอร์
    - Microsoft ร่วมมือกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในยุโรปเพื่อจัดการกับมัลแวร์ Lumma infostealer
    - Lumma infostealer ติดไวรัสไปแล้วกว่า 400,000 เครื่องทั่วโลกในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา
    - อาชญากรไซเบอร์ใช้ AI เพื่อสร้างอีเมลฟิชชิ่ง, ปลอมแปลงตัวตน และสร้างวิดีโอ deepfake

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - แม้โครงการนี้จะช่วยเพิ่มความปลอดภัย แต่รัฐบาลยุโรปยังต้องพัฒนาแนวทางป้องกันเพิ่มเติม
    - AI ที่ใช้ในอาชญากรรมไซเบอร์กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว ทำให้การป้องกันต้องปรับตัวตาม
    - ต้องติดตามว่ารัฐบาลยุโรปจะนำข้อมูลภัยคุกคามที่ Microsoft แบ่งปันไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่
    - การใช้ AI ในการโจมตีไซเบอร์อาจทำให้เกิดภัยคุกคามรูปแบบใหม่ที่ยังไม่มีมาตรการรับมือ

    โครงการนี้ช่วยให้ รัฐบาลยุโรปสามารถรับมือกับภัยคุกคามไซเบอร์ที่ใช้ AI ได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการแบ่งปันข้อมูลภัยคุกคามจะช่วยลดจำนวนการโจมตีได้มากน้อยเพียงใด

    https://www.neowin.net/news/microsoft-offers-free-cybersecurity-programs-to-european-governments/
    🛡️ Microsoft เปิดตัวโครงการความปลอดภัยไซเบอร์ฟรีสำหรับรัฐบาลยุโรป Microsoft ได้เปิดตัว European Security Program ซึ่งเป็นโครงการที่ช่วยให้รัฐบาลยุโรปสามารถ รับมือกับภัยคุกคามไซเบอร์ที่ใช้ AI โดยไม่มีค่าใช้จ่าย โครงการนี้มุ่งเน้นไปที่ การแบ่งปันข้อมูลภัยคุกคามที่ใช้ AI และ การเพิ่มขีดความสามารถด้านความปลอดภัยไซเบอร์ ให้กับรัฐบาลยุโรป Microsoft ยังได้ร่วมมือกับ หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในยุโรป เพื่อจัดการกับ มัลแวร์ Lumma infostealer ซึ่งเป็นมัลแวร์ที่สามารถ ขโมยรหัสผ่าน, ข้อมูลทางการเงิน และกระเป๋าเงินคริปโต โดยในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา Lumma infostealer ได้ติดไวรัสไปแล้วกว่า 400,000 เครื่องทั่วโลก นอกจากนี้ Microsoft ยังเตือนว่า อาชญากรไซเบอร์กำลังใช้ AI เพื่อสร้างอีเมลฟิชชิ่ง, ปลอมแปลงตัวตน และสร้างวิดีโอ deepfake ซึ่งเป็นภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ✅ ข้อมูลจากข่าว - Microsoft เปิดตัว European Security Program เพื่อช่วยรัฐบาลยุโรปรับมือกับภัยคุกคามไซเบอร์ที่ใช้ AI - โครงการนี้เน้นการแบ่งปันข้อมูลภัยคุกคามและเพิ่มขีดความสามารถด้านความปลอดภัยไซเบอร์ - Microsoft ร่วมมือกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในยุโรปเพื่อจัดการกับมัลแวร์ Lumma infostealer - Lumma infostealer ติดไวรัสไปแล้วกว่า 400,000 เครื่องทั่วโลกในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา - อาชญากรไซเบอร์ใช้ AI เพื่อสร้างอีเมลฟิชชิ่ง, ปลอมแปลงตัวตน และสร้างวิดีโอ deepfake ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - แม้โครงการนี้จะช่วยเพิ่มความปลอดภัย แต่รัฐบาลยุโรปยังต้องพัฒนาแนวทางป้องกันเพิ่มเติม - AI ที่ใช้ในอาชญากรรมไซเบอร์กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว ทำให้การป้องกันต้องปรับตัวตาม - ต้องติดตามว่ารัฐบาลยุโรปจะนำข้อมูลภัยคุกคามที่ Microsoft แบ่งปันไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ - การใช้ AI ในการโจมตีไซเบอร์อาจทำให้เกิดภัยคุกคามรูปแบบใหม่ที่ยังไม่มีมาตรการรับมือ โครงการนี้ช่วยให้ รัฐบาลยุโรปสามารถรับมือกับภัยคุกคามไซเบอร์ที่ใช้ AI ได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการแบ่งปันข้อมูลภัยคุกคามจะช่วยลดจำนวนการโจมตีได้มากน้อยเพียงใด https://www.neowin.net/news/microsoft-offers-free-cybersecurity-programs-to-european-governments/
    WWW.NEOWIN.NET
    Microsoft offers free cybersecurity programs to European governments
    Microsoft has launched a cybersecurity enhancement program for European countries to help them repel AI-powered attacks.
    0 Comments 0 Shares 390 Views 0 Reviews
  • ฟันของเรามีต้นกำเนิดจากเกราะของปลายุคโบราณ!
    นักวิทยาศาสตร์จาก มหาวิทยาลัยชิคาโก ค้นพบว่า เนื้อเยื่อที่ไวต่อความเย็นในฟันของเรา มีต้นกำเนิดมาจาก เกราะของปลายุคโบราณ ซึ่งใช้ในการรับรู้สภาพแวดล้อมแทนการเคี้ยวอาหาร

    งานวิจัยที่ตีพิมพ์ใน Nature ยืนยันว่า เดนทีน (Dentine) ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของฟัน ไม่ได้ถูกใช้เพื่อการเคี้ยวในช่วงแรกของวิวัฒนาการ แต่กลับมีบทบาทในการช่วยให้ปลายุคโบราณ ตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของน้ำรอบตัว

    นักวิจัยใช้ Synchrotron Scanning ซึ่งเป็นเทคนิคการถ่ายภาพขั้นสูงเพื่อศึกษาฟอสซิลของ Anatolepis heintzi ซึ่งเคยถูกเข้าใจผิดว่าเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังที่เก่าแก่ที่สุด เนื่องจากมีโครงสร้างคล้ายฟัน

    แต่ผลการสแกนพบว่า Anatolepis ไม่ได้มีเดนทีน แต่มี โครงสร้างรับความรู้สึกที่คล้ายกับสัตว์จำพวกกุ้งและปู ซึ่งช่วยให้พวกมันตรวจจับสภาพแวดล้อม

    ข้อมูลจากข่าว
    - นักวิทยาศาสตร์พบว่าเนื้อเยื่อไวต่อความเย็นในฟันมีต้นกำเนิดจากเกราะของปลายุคโบราณ
    - เดนทีนในยุคแรกไม่ได้ใช้ในการเคี้ยว แต่ช่วยให้ปลาตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของน้ำ
    - Anatolepis heintzi เคยถูกเข้าใจผิดว่าเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังที่เก่าแก่ที่สุด
    - Synchrotron Scanning เผยว่า Anatolepis ไม่มีเดนทีน แต่มีโครงสร้างรับความรู้สึกคล้ายสัตว์จำพวกกุ้งและปู
    - นักวิจัยพบว่า Eriptychius ซึ่งเป็นปลายุค Ordovician มีเดนทีนในเกราะของมัน

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - แม้จะมีหลักฐานใหม่ แต่ยังต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันทฤษฎีวิวัฒนาการของฟัน
    - การค้นพบนี้อาจเปลี่ยนแนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการของสัตว์มีกระดูกสันหลัง
    - ต้องติดตามว่าการศึกษานี้จะส่งผลต่อการวิจัยด้านชีววิทยาและทันตกรรมอย่างไร
    - นักวิทยาศาสตร์ยังคงถกเถียงกันระหว่างทฤษฎี "Inside-Out" และ "Outside-In" เกี่ยวกับวิวัฒนาการของฟัน

    การค้นพบนี้ช่วยให้เราเข้าใจ วิวัฒนาการของฟันในมุมมองใหม่ และอาจนำไปสู่ การพัฒนาเทคโนโลยีทางทันตกรรมที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการศึกษานี้จะส่งผลต่อแนวคิดทางชีววิทยาในอนาคตอย่างไร

    https://www.neowin.net/news/that-sharp-cold-toothache-you-dread-its-origins-trace-back-to-ancient-unexpected-purpose/
    🦷 ฟันของเรามีต้นกำเนิดจากเกราะของปลายุคโบราณ! นักวิทยาศาสตร์จาก มหาวิทยาลัยชิคาโก ค้นพบว่า เนื้อเยื่อที่ไวต่อความเย็นในฟันของเรา มีต้นกำเนิดมาจาก เกราะของปลายุคโบราณ ซึ่งใช้ในการรับรู้สภาพแวดล้อมแทนการเคี้ยวอาหาร งานวิจัยที่ตีพิมพ์ใน Nature ยืนยันว่า เดนทีน (Dentine) ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของฟัน ไม่ได้ถูกใช้เพื่อการเคี้ยวในช่วงแรกของวิวัฒนาการ แต่กลับมีบทบาทในการช่วยให้ปลายุคโบราณ ตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของน้ำรอบตัว นักวิจัยใช้ Synchrotron Scanning ซึ่งเป็นเทคนิคการถ่ายภาพขั้นสูงเพื่อศึกษาฟอสซิลของ Anatolepis heintzi ซึ่งเคยถูกเข้าใจผิดว่าเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังที่เก่าแก่ที่สุด เนื่องจากมีโครงสร้างคล้ายฟัน แต่ผลการสแกนพบว่า Anatolepis ไม่ได้มีเดนทีน แต่มี โครงสร้างรับความรู้สึกที่คล้ายกับสัตว์จำพวกกุ้งและปู ซึ่งช่วยให้พวกมันตรวจจับสภาพแวดล้อม ✅ ข้อมูลจากข่าว - นักวิทยาศาสตร์พบว่าเนื้อเยื่อไวต่อความเย็นในฟันมีต้นกำเนิดจากเกราะของปลายุคโบราณ - เดนทีนในยุคแรกไม่ได้ใช้ในการเคี้ยว แต่ช่วยให้ปลาตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของน้ำ - Anatolepis heintzi เคยถูกเข้าใจผิดว่าเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังที่เก่าแก่ที่สุด - Synchrotron Scanning เผยว่า Anatolepis ไม่มีเดนทีน แต่มีโครงสร้างรับความรู้สึกคล้ายสัตว์จำพวกกุ้งและปู - นักวิจัยพบว่า Eriptychius ซึ่งเป็นปลายุค Ordovician มีเดนทีนในเกราะของมัน ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - แม้จะมีหลักฐานใหม่ แต่ยังต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันทฤษฎีวิวัฒนาการของฟัน - การค้นพบนี้อาจเปลี่ยนแนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการของสัตว์มีกระดูกสันหลัง - ต้องติดตามว่าการศึกษานี้จะส่งผลต่อการวิจัยด้านชีววิทยาและทันตกรรมอย่างไร - นักวิทยาศาสตร์ยังคงถกเถียงกันระหว่างทฤษฎี "Inside-Out" และ "Outside-In" เกี่ยวกับวิวัฒนาการของฟัน การค้นพบนี้ช่วยให้เราเข้าใจ วิวัฒนาการของฟันในมุมมองใหม่ และอาจนำไปสู่ การพัฒนาเทคโนโลยีทางทันตกรรมที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการศึกษานี้จะส่งผลต่อแนวคิดทางชีววิทยาในอนาคตอย่างไร https://www.neowin.net/news/that-sharp-cold-toothache-you-dread-its-origins-trace-back-to-ancient-unexpected-purpose/
    WWW.NEOWIN.NET
    That sharp cold toothache you dread? Its origins trace back to ancient, unexpected purpose
    That cold toothache you dread? Its origins trace back to an interesting ancient adaptation, one that served purposes far beyond chewing.
    0 Comments 0 Shares 365 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 69 Views 0 Reviews
  • Vendor Email Compromise (VEC): ภัยเงียบที่สร้างความเสียหายกว่า $300 ล้าน
    Vendor Email Compromise (VEC) เป็น รูปแบบการโจมตีทางไซเบอร์ที่ใช้ AI เพื่อเลียนแบบอีเมลธุรกิจจริง ทำให้สามารถ หลอกลวงพนักงานให้ตอบกลับหรือส่งข้อมูลสำคัญ โดยไม่ต้องใช้ลิงก์หรือไฟล์แนบ

    รายงานจาก Abnormal AI พบว่า 72% ของพนักงานในองค์กรขนาดใหญ่มีปฏิสัมพันธ์กับอีเมล VEC โดย ตอบกลับหรือส่งต่ออีเมลที่ไม่มีลิงก์หรือไฟล์แนบ ซึ่งช่วยให้แฮกเกอร์สามารถ เข้าถึงข้อมูลสำคัญและดำเนินการฉ้อโกงทางการเงิน

    VEC มีอัตราการมีส่วนร่วมสูงกว่า Business Email Compromise (BEC) ถึง 90% และสร้างความเสียหายทางการเงินรวมกว่า $300 ล้านทั่วโลกในปีที่ผ่านมา

    ข้อมูลจากข่าว
    - VEC ใช้ AI เพื่อเลียนแบบอีเมลธุรกิจจริง ทำให้สามารถหลอกลวงพนักงานได้ง่ายขึ้น
    - 72% ของพนักงานในองค์กรขนาดใหญ่มีปฏิสัมพันธ์กับอีเมล VEC
    - VEC มีอัตราการมีส่วนร่วมสูงกว่า BEC ถึง 90%
    - ความเสียหายทางการเงินจาก VEC รวมกว่า $300 ล้านทั่วโลกในปีที่ผ่านมา
    - ภูมิภาค EMEA (ยุโรป, ตะวันออกกลาง, แอฟริกา) มีอัตราการมีส่วนร่วมสูงสุด แต่มีอัตราการรายงานต่ำสุดเพียง 0.27%

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - พนักงานในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมมีความเสี่ยงสูงสุด โดยมีอัตราการมีส่วนร่วมถึง 71.3%
    - VEC สามารถหลีกเลี่ยงการตรวจจับของระบบ Multi-Factor Authentication (MFA) และตัวกรองอีเมลแบบเดิม
    - 98.5% ของ VEC scams ไม่ได้รับการรายงาน และมักถูกค้นพบหลังจากเกิดความเสียหายทางการเงินแล้ว
    - องค์กรต้องปรับกลยุทธ์ด้านความปลอดภัย โดยเน้นการตรวจจับพฤติกรรมทางจิตวิทยาแทนการตรวจสอบข้อมูลรับรอง

    ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ องค์กรใช้ AI-powered email analytics เพื่อตรวจจับความผิดปกติในอีเมล รวมถึง เพิ่มมาตรการตรวจสอบผู้ขาย และฝึกอบรมพนักงานให้รู้จักการโจมตีแบบ social engineering

    https://www.csoonline.com/article/4001733/vendor-email-compromise-the-silent-300m-threat-cisos-cant-ignore.html
    📧 Vendor Email Compromise (VEC): ภัยเงียบที่สร้างความเสียหายกว่า $300 ล้าน Vendor Email Compromise (VEC) เป็น รูปแบบการโจมตีทางไซเบอร์ที่ใช้ AI เพื่อเลียนแบบอีเมลธุรกิจจริง ทำให้สามารถ หลอกลวงพนักงานให้ตอบกลับหรือส่งข้อมูลสำคัญ โดยไม่ต้องใช้ลิงก์หรือไฟล์แนบ รายงานจาก Abnormal AI พบว่า 72% ของพนักงานในองค์กรขนาดใหญ่มีปฏิสัมพันธ์กับอีเมล VEC โดย ตอบกลับหรือส่งต่ออีเมลที่ไม่มีลิงก์หรือไฟล์แนบ ซึ่งช่วยให้แฮกเกอร์สามารถ เข้าถึงข้อมูลสำคัญและดำเนินการฉ้อโกงทางการเงิน VEC มีอัตราการมีส่วนร่วมสูงกว่า Business Email Compromise (BEC) ถึง 90% และสร้างความเสียหายทางการเงินรวมกว่า $300 ล้านทั่วโลกในปีที่ผ่านมา ✅ ข้อมูลจากข่าว - VEC ใช้ AI เพื่อเลียนแบบอีเมลธุรกิจจริง ทำให้สามารถหลอกลวงพนักงานได้ง่ายขึ้น - 72% ของพนักงานในองค์กรขนาดใหญ่มีปฏิสัมพันธ์กับอีเมล VEC - VEC มีอัตราการมีส่วนร่วมสูงกว่า BEC ถึง 90% - ความเสียหายทางการเงินจาก VEC รวมกว่า $300 ล้านทั่วโลกในปีที่ผ่านมา - ภูมิภาค EMEA (ยุโรป, ตะวันออกกลาง, แอฟริกา) มีอัตราการมีส่วนร่วมสูงสุด แต่มีอัตราการรายงานต่ำสุดเพียง 0.27% ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - พนักงานในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมมีความเสี่ยงสูงสุด โดยมีอัตราการมีส่วนร่วมถึง 71.3% - VEC สามารถหลีกเลี่ยงการตรวจจับของระบบ Multi-Factor Authentication (MFA) และตัวกรองอีเมลแบบเดิม - 98.5% ของ VEC scams ไม่ได้รับการรายงาน และมักถูกค้นพบหลังจากเกิดความเสียหายทางการเงินแล้ว - องค์กรต้องปรับกลยุทธ์ด้านความปลอดภัย โดยเน้นการตรวจจับพฤติกรรมทางจิตวิทยาแทนการตรวจสอบข้อมูลรับรอง ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ องค์กรใช้ AI-powered email analytics เพื่อตรวจจับความผิดปกติในอีเมล รวมถึง เพิ่มมาตรการตรวจสอบผู้ขาย และฝึกอบรมพนักงานให้รู้จักการโจมตีแบบ social engineering https://www.csoonline.com/article/4001733/vendor-email-compromise-the-silent-300m-threat-cisos-cant-ignore.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Vendor email compromise: The silent $300M threat CISOs can’t ignore
    AI-crafted VEC scams are bypassing MFA, legacy filters, and employee awareness, demanding a fundamental shift in enterprise email defense strategy.
    0 Comments 0 Shares 417 Views 0 Reviews
  • ร้องเพลงชาติ-ทะเลาะนักข่าว "แพทองธาร" หนักขั้นสุด ไร้วุฒิภาวะชัดเจน
    .
    สถานการณ์การเมืองไทยตึงเครียด หลังเกิดกรณีพิพาทกับกัมพูชา ซึ่งกลายเป็นบททดสอบใหญ่ของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยมีดราม่าร้อนเมื่อเจ้าตัวไม่พอใจคำถามจากผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับแนวทางแก้ปัญหา จนเกิดการเผชิญหน้ากันในทำเนียบฯ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000052526

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    ร้องเพลงชาติ-ทะเลาะนักข่าว "แพทองธาร" หนักขั้นสุด ไร้วุฒิภาวะชัดเจน . สถานการณ์การเมืองไทยตึงเครียด หลังเกิดกรณีพิพาทกับกัมพูชา ซึ่งกลายเป็นบททดสอบใหญ่ของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยมีดราม่าร้อนเมื่อเจ้าตัวไม่พอใจคำถามจากผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับแนวทางแก้ปัญหา จนเกิดการเผชิญหน้ากันในทำเนียบฯ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000052526 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Sad
    Angry
    Haha
    21
    0 Comments 0 Shares 1461 Views 0 Reviews
  • การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ใน Microsoft: LinkedIn CEO รับหน้าที่ดูแล Office และ AI
    Microsoft ได้ประกาศ การปรับโครงสร้างผู้บริหาร โดยให้ Ryan Roslansky ซึ่งเป็น CEO ของ LinkedIn เข้ามาดูแลผลิตภัณฑ์ Office และ Copilot ซึ่งเป็น AI ชั้นนำของบริษัท

    Roslansky จะยังคงเป็น CEO ของ LinkedIn แต่จะได้รับหน้าที่เพิ่มเติมในการดูแล Word, Excel และ Copilot ซึ่งเป็น AI ที่ฝังอยู่ในชุดโปรแกรม Productivity ของ Microsoft

    นอกจากนี้ Roslansky จะรายงานตรงต่อ Rajesh Jha ซึ่งเป็นหัวหน้าฝ่าย Windows และ Teams ขณะที่ Sumit Chauhan และ Gaurav Sareen ซึ่งเป็นผู้นำทีม Office จะรายงานต่อ Jha เช่นกัน

    อีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงสำคัญคือ Charles Lamanna ซึ่งเป็นหัวหน้าทีม Copilot สำหรับธุรกิจและอุตสาหกรรม จะย้ายไปรายงานต่อ Jha

    ข้อมูลจากข่าว
    - Ryan Roslansky จะดูแล Office และ Copilot นอกเหนือจากการเป็น CEO ของ LinkedIn
    - Roslansky จะรายงานต่อ Rajesh Jha ซึ่งดูแล Windows และ Teams
    - Sumit Chauhan และ Gaurav Sareen จะรายงานต่อ Jha เช่นกัน
    - Charles Lamanna ซึ่งดูแล Copilot สำหรับธุรกิจ จะย้ายไปรายงานต่อ Jha
    - Microsoft กำลังปรับโครงสร้างเพื่อรวม AI เข้ากับผลิตภัณฑ์หลักมากขึ้น

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - การเปลี่ยนแปลงนี้อาจส่งผลต่อทิศทางของ Office และ Copilot ในอนาคต
    - ต้องติดตามว่า Roslansky จะสามารถบริหาร LinkedIn และ Office พร้อมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่
    - Microsoft อาจปรับกลยุทธ์เพิ่มเติมเพื่อให้ AI มีบทบาทมากขึ้นในผลิตภัณฑ์ของบริษัท
    - การเปลี่ยนแปลงนี้อาจส่งผลต่อโครงสร้างองค์กรและการทำงานภายในของ Microsoft

    การปรับโครงสร้างครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า Microsoft กำลังให้ความสำคัญกับ AI มากขึ้น และอาจนำไปสู่ การพัฒนา Copilot ให้มีบทบาทสำคัญในผลิตภัณฑ์ของบริษัท อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่อการบริหารงานของ Roslansky และทิศทางของ Office อย่างไร

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/04/linkedin-ceo-to-take-over-office-more-ai-duties-in-microsoft-executive-shuffle-
    🔄 การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ใน Microsoft: LinkedIn CEO รับหน้าที่ดูแล Office และ AI Microsoft ได้ประกาศ การปรับโครงสร้างผู้บริหาร โดยให้ Ryan Roslansky ซึ่งเป็น CEO ของ LinkedIn เข้ามาดูแลผลิตภัณฑ์ Office และ Copilot ซึ่งเป็น AI ชั้นนำของบริษัท Roslansky จะยังคงเป็น CEO ของ LinkedIn แต่จะได้รับหน้าที่เพิ่มเติมในการดูแล Word, Excel และ Copilot ซึ่งเป็น AI ที่ฝังอยู่ในชุดโปรแกรม Productivity ของ Microsoft นอกจากนี้ Roslansky จะรายงานตรงต่อ Rajesh Jha ซึ่งเป็นหัวหน้าฝ่าย Windows และ Teams ขณะที่ Sumit Chauhan และ Gaurav Sareen ซึ่งเป็นผู้นำทีม Office จะรายงานต่อ Jha เช่นกัน อีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงสำคัญคือ Charles Lamanna ซึ่งเป็นหัวหน้าทีม Copilot สำหรับธุรกิจและอุตสาหกรรม จะย้ายไปรายงานต่อ Jha ✅ ข้อมูลจากข่าว - Ryan Roslansky จะดูแล Office และ Copilot นอกเหนือจากการเป็น CEO ของ LinkedIn - Roslansky จะรายงานต่อ Rajesh Jha ซึ่งดูแล Windows และ Teams - Sumit Chauhan และ Gaurav Sareen จะรายงานต่อ Jha เช่นกัน - Charles Lamanna ซึ่งดูแล Copilot สำหรับธุรกิจ จะย้ายไปรายงานต่อ Jha - Microsoft กำลังปรับโครงสร้างเพื่อรวม AI เข้ากับผลิตภัณฑ์หลักมากขึ้น ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - การเปลี่ยนแปลงนี้อาจส่งผลต่อทิศทางของ Office และ Copilot ในอนาคต - ต้องติดตามว่า Roslansky จะสามารถบริหาร LinkedIn และ Office พร้อมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ - Microsoft อาจปรับกลยุทธ์เพิ่มเติมเพื่อให้ AI มีบทบาทมากขึ้นในผลิตภัณฑ์ของบริษัท - การเปลี่ยนแปลงนี้อาจส่งผลต่อโครงสร้างองค์กรและการทำงานภายในของ Microsoft การปรับโครงสร้างครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า Microsoft กำลังให้ความสำคัญกับ AI มากขึ้น และอาจนำไปสู่ การพัฒนา Copilot ให้มีบทบาทสำคัญในผลิตภัณฑ์ของบริษัท อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่อการบริหารงานของ Roslansky และทิศทางของ Office อย่างไร https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/04/linkedin-ceo-to-take-over-office-more-ai-duties-in-microsoft-executive-shuffle-
    WWW.THESTAR.COM.MY
    LinkedIn CEO to take over Office, more AI duties in Microsoft executive shuffle
    SAN FRANCISCO (Reuters) -The CEO of LinkedIn will take additional responsibility for Microsoft's Office products, while an executive responsible for one of the company's leading business-to-business artificial intelligence products will start reporting to head of the company's Windows unit, according to a memo from Microsoft CEO Satya Nadella viewed by Reuters.
    0 Comments 0 Shares 175 Views 0 Reviews
  • เก็บภาษีต้องเป็นมิตร สร้างความเป็นธรรม ให้โอกาสพิสูจน์ตัวเอง
    .
    เมื่อเร็วๆนี้ ในเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่กระทู้ถามที่ 203 ร. ซึ่งกระทู้ถามที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ตั้งคำถามต่อแนวปฏิบัติของกรมสรรพากรในการปฏิเสธการนำใบกำกับภาษีมาใช้ในการขอคืนภาษี โดยให้เหตุผลว่า ผู้ประกอบการไม่ได้ตรวจสอบคู่ค้าหรือผู้ขายอย่างละเอียดเพียงพอว่ามีการเสียภาษีอย่างถูกต้องหรือไม่

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000052528

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    เก็บภาษีต้องเป็นมิตร สร้างความเป็นธรรม ให้โอกาสพิสูจน์ตัวเอง . เมื่อเร็วๆนี้ ในเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่กระทู้ถามที่ 203 ร. ซึ่งกระทู้ถามที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ตั้งคำถามต่อแนวปฏิบัติของกรมสรรพากรในการปฏิเสธการนำใบกำกับภาษีมาใช้ในการขอคืนภาษี โดยให้เหตุผลว่า ผู้ประกอบการไม่ได้ตรวจสอบคู่ค้าหรือผู้ขายอย่างละเอียดเพียงพอว่ามีการเสียภาษีอย่างถูกต้องหรือไม่ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000052528 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    5
    0 Comments 0 Shares 787 Views 0 Reviews
  • Amazon ใช้ AI ปรับปรุงระบบคลังสินค้าและการจัดส่ง
    Amazon กำลังนำ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้เพื่อปรับปรุง ระบบคลังสินค้าและการจัดส่ง โดยเน้นการพัฒนา หุ่นยนต์อัจฉริยะ และ แผนที่นำทางสำหรับพนักงานส่งของ

    Amazon กำลังพัฒนา หุ่นยนต์คลังสินค้ารุ่นใหม่ ที่สามารถทำงานได้หลายอย่างพร้อมกัน เช่น ขนถ่ายสินค้าออกจากรถบรรทุก และนำชิ้นส่วนไปซ่อมแซม ซึ่งเป็นการก้าวกระโดดจากหุ่นยนต์รุ่นก่อนที่ทำงานได้เพียงอย่างเดียว

    เทคโนโลยีนี้ใช้ Agentic AI ซึ่งช่วยให้หุ่นยนต์สามารถ ตัดสินใจและดำเนินการได้เองโดยไม่ต้องมีคำสั่งจากมนุษย์ โดยคาดว่า จะช่วยลดของเสียและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน

    ข้อมูลจากข่าว
    - Amazon พัฒนา AI เพื่อปรับปรุงระบบคลังสินค้าและการจัดส่ง
    - หุ่นยนต์คลังสินค้ารุ่นใหม่สามารถทำงานได้หลายอย่างพร้อมกัน
    - ใช้ Agentic AI เพื่อให้หุ่นยนต์สามารถตัดสินใจและดำเนินการได้เอง
    - เทคโนโลยีนี้ช่วยลดของเสียและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน
    - Amazon ยังใช้ AI เพื่อสร้างแผนที่นำทางที่ละเอียดขึ้นสำหรับพนักงานส่งของ

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - ยังไม่มีข้อมูลว่าหุ่นยนต์เหล่านี้จะถูกนำมาใช้จริงเมื่อใด
    - ต้องติดตามว่าการใช้ AI ในคลังสินค้าจะส่งผลต่อการจ้างงานของพนักงานหรือไม่
    - การใช้ AI ในการนำทางอาจทำให้เกิดข้อกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของพนักงาน
    - Amazon อาจเผชิญกับข้อกฎหมายเกี่ยวกับการควบคุมข้อมูลที่ AI ใช้ในการตัดสินใจ

    การนำ AI มาใช้ในระบบคลังสินค้าและการจัดส่ง อาจช่วยให้ Amazon สามารถส่งสินค้าได้เร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่อพนักงานและกฎระเบียบด้านความปลอดภัยอย่างไร

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/05/amazon039s-delivery-and-logistics-will-get-an-ai-boost
    🚚 Amazon ใช้ AI ปรับปรุงระบบคลังสินค้าและการจัดส่ง Amazon กำลังนำ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้เพื่อปรับปรุง ระบบคลังสินค้าและการจัดส่ง โดยเน้นการพัฒนา หุ่นยนต์อัจฉริยะ และ แผนที่นำทางสำหรับพนักงานส่งของ Amazon กำลังพัฒนา หุ่นยนต์คลังสินค้ารุ่นใหม่ ที่สามารถทำงานได้หลายอย่างพร้อมกัน เช่น ขนถ่ายสินค้าออกจากรถบรรทุก และนำชิ้นส่วนไปซ่อมแซม ซึ่งเป็นการก้าวกระโดดจากหุ่นยนต์รุ่นก่อนที่ทำงานได้เพียงอย่างเดียว เทคโนโลยีนี้ใช้ Agentic AI ซึ่งช่วยให้หุ่นยนต์สามารถ ตัดสินใจและดำเนินการได้เองโดยไม่ต้องมีคำสั่งจากมนุษย์ โดยคาดว่า จะช่วยลดของเสียและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน ✅ ข้อมูลจากข่าว - Amazon พัฒนา AI เพื่อปรับปรุงระบบคลังสินค้าและการจัดส่ง - หุ่นยนต์คลังสินค้ารุ่นใหม่สามารถทำงานได้หลายอย่างพร้อมกัน - ใช้ Agentic AI เพื่อให้หุ่นยนต์สามารถตัดสินใจและดำเนินการได้เอง - เทคโนโลยีนี้ช่วยลดของเสียและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน - Amazon ยังใช้ AI เพื่อสร้างแผนที่นำทางที่ละเอียดขึ้นสำหรับพนักงานส่งของ ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - ยังไม่มีข้อมูลว่าหุ่นยนต์เหล่านี้จะถูกนำมาใช้จริงเมื่อใด - ต้องติดตามว่าการใช้ AI ในคลังสินค้าจะส่งผลต่อการจ้างงานของพนักงานหรือไม่ - การใช้ AI ในการนำทางอาจทำให้เกิดข้อกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของพนักงาน - Amazon อาจเผชิญกับข้อกฎหมายเกี่ยวกับการควบคุมข้อมูลที่ AI ใช้ในการตัดสินใจ การนำ AI มาใช้ในระบบคลังสินค้าและการจัดส่ง อาจช่วยให้ Amazon สามารถส่งสินค้าได้เร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่อพนักงานและกฎระเบียบด้านความปลอดภัยอย่างไร https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/05/amazon039s-delivery-and-logistics-will-get-an-ai-boost
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Amazon's delivery, logistics get an AI boost
    SUNNYVALE, Calif. (Reuters) -Amazon wants customers to know that artificial intelligence is not just for writing college essays.
    0 Comments 0 Shares 198 Views 0 Reviews
  • AI กำลังเปลี่ยนแปลงแนวคิดของคนรุ่นใหม่เกี่ยวกับอาชีพ
    ปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงแนวคิดของ คนรุ่นใหม่ เกี่ยวกับ การหางานและการเลือกอาชีพ โดยมีผลกระทบทั้งในแง่ของ โอกาสใหม่ ๆ และความกังวลเกี่ยวกับอนาคตของงานบางประเภท

    จากการสำรวจของ Prospects ในกลุ่มนักศึกษาและบัณฑิตกว่า 4,000 คนในสหราชอาณาจักร พบว่า 39% ของผู้หางานใช้ AI ในการปรับแต่งเรซูเม่และจดหมายสมัครงาน และ 30% ใช้ AI เขียนเอกสารเหล่านี้ตั้งแต่ต้น

    นอกจากนี้ AI ยังถูกนำมาใช้ในการ เตรียมตัวสัมภาษณ์งาน (29%) และตอบคำถามในแบบฟอร์มสมัครงาน (23%) ทำให้กระบวนการสมัครงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    ข้อมูลจากข่าว
    - 39% ของผู้หางานใช้ AI ในการปรับแต่งเรซูเม่และจดหมายสมัครงาน
    - 30% ใช้ AI เขียนเอกสารสมัครงานตั้งแต่ต้น
    - 29% ใช้ AI เตรียมตัวสัมภาษณ์งาน และ 23% ใช้ AI ตอบคำถามในแบบฟอร์มสมัครงาน
    - 18% ของผู้ตอบแบบสอบถามใช้ ChatGPT หรือ Microsoft Copilot เพื่อขอคำแนะนำด้านอาชีพ
    - 84% ของผู้ใช้ AI เพื่อขอคำแนะนำด้านอาชีพพบว่ามีประโยชน์

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - 10% ของนักศึกษาที่ตอบแบบสอบถามเปลี่ยนแผนการทำงานเนื่องจาก AI
    - บางคนละทิ้งอาชีพที่อาจถูกแทนที่ด้วย AI เช่น กราฟิกดีไซน์และงานแปลภาษา
    - 46% ของผู้ที่เปลี่ยนแผนการทำงานรู้สึกไม่มั่นใจเกี่ยวกับอนาคตของตนเอง
    - 29% ของผู้ที่เปลี่ยนแผนการทำงานมีมุมมองที่เป็นลบเกี่ยวกับโอกาสในอนาคต
    - สถาบันการศึกษาและบริษัทต้องปรับตัวเพื่อให้คนรุ่นใหม่สามารถทำงานร่วมกับ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    AI กำลังเปลี่ยนแปลง แนวคิดเกี่ยวกับอาชีพและการหางานของคนรุ่นใหม่ โดยบางคนมองว่าเป็น โอกาสในการเข้าสู่สายงานใหม่ เช่น ความปลอดภัยไซเบอร์และการวิเคราะห์ข้อมูล ขณะที่บางคน กังวลว่าอาชีพของตนจะล้าสมัย

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/05/artificial-intelligence-is-prompting-young-people-to-rethink-their-career-plans
    🎓 AI กำลังเปลี่ยนแปลงแนวคิดของคนรุ่นใหม่เกี่ยวกับอาชีพ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงแนวคิดของ คนรุ่นใหม่ เกี่ยวกับ การหางานและการเลือกอาชีพ โดยมีผลกระทบทั้งในแง่ของ โอกาสใหม่ ๆ และความกังวลเกี่ยวกับอนาคตของงานบางประเภท จากการสำรวจของ Prospects ในกลุ่มนักศึกษาและบัณฑิตกว่า 4,000 คนในสหราชอาณาจักร พบว่า 39% ของผู้หางานใช้ AI ในการปรับแต่งเรซูเม่และจดหมายสมัครงาน และ 30% ใช้ AI เขียนเอกสารเหล่านี้ตั้งแต่ต้น นอกจากนี้ AI ยังถูกนำมาใช้ในการ เตรียมตัวสัมภาษณ์งาน (29%) และตอบคำถามในแบบฟอร์มสมัครงาน (23%) ทำให้กระบวนการสมัครงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ✅ ข้อมูลจากข่าว - 39% ของผู้หางานใช้ AI ในการปรับแต่งเรซูเม่และจดหมายสมัครงาน - 30% ใช้ AI เขียนเอกสารสมัครงานตั้งแต่ต้น - 29% ใช้ AI เตรียมตัวสัมภาษณ์งาน และ 23% ใช้ AI ตอบคำถามในแบบฟอร์มสมัครงาน - 18% ของผู้ตอบแบบสอบถามใช้ ChatGPT หรือ Microsoft Copilot เพื่อขอคำแนะนำด้านอาชีพ - 84% ของผู้ใช้ AI เพื่อขอคำแนะนำด้านอาชีพพบว่ามีประโยชน์ ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - 10% ของนักศึกษาที่ตอบแบบสอบถามเปลี่ยนแผนการทำงานเนื่องจาก AI - บางคนละทิ้งอาชีพที่อาจถูกแทนที่ด้วย AI เช่น กราฟิกดีไซน์และงานแปลภาษา - 46% ของผู้ที่เปลี่ยนแผนการทำงานรู้สึกไม่มั่นใจเกี่ยวกับอนาคตของตนเอง - 29% ของผู้ที่เปลี่ยนแผนการทำงานมีมุมมองที่เป็นลบเกี่ยวกับโอกาสในอนาคต - สถาบันการศึกษาและบริษัทต้องปรับตัวเพื่อให้คนรุ่นใหม่สามารถทำงานร่วมกับ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ AI กำลังเปลี่ยนแปลง แนวคิดเกี่ยวกับอาชีพและการหางานของคนรุ่นใหม่ โดยบางคนมองว่าเป็น โอกาสในการเข้าสู่สายงานใหม่ เช่น ความปลอดภัยไซเบอร์และการวิเคราะห์ข้อมูล ขณะที่บางคน กังวลว่าอาชีพของตนจะล้าสมัย https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/05/artificial-intelligence-is-prompting-young-people-to-rethink-their-career-plans
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Artificial intelligence is prompting young people to rethink their career plans
    Gone are the days when young graduates waited patiently for the doors to employment to open for them. Today, they are breaking with established norms by embracing artificial intelligence to transform their career choices.
    0 Comments 0 Shares 387 Views 0 Reviews
  • มันไม่ใช่แค่บทเพลงเท่านั้น แต่มันคือเลือดเนื้อ วิญญาณ และน้ำตา ของชายผู้ยากไร้คนหนึ่งที่อาศัยเพียงความรักในเสียงดนตรีเท่านั้นใช้เวลาทุ่มเทถึง 10 เดือนเต็ม รังสรรค์มันขึ้นมา

    ตลอดเวลา 10 เดือนที่ผ่านมา เขาต้องผ่านความทุกข์ยากลำบากมากมาย ต้องอดมื้อกินมื้อ อดหลับอดนอน เจ็บป่วย เหน็ดเหนื่อยทั้งแรงกายที่ทุ่มเทให้กับงานและจิตใจที่ครุ่นคิดกลั่นกรองท่วงทำนองอันซับซ้อนอ่อนหวานออกมา ในขณะที่ต้องแบกรับคำดูแคลนต่าง ๆ ของผู้คนไปด้วยตลอดระยะเวลาที่ทุ่มเทนั้น

    #ความไพเราะที่กลั่นออกมาจากความขื่นขม ที่ชายผู้ยากไร้คนนั้นปราถนาจะแบ่งให้ทุกคนได้เสพสัมผัสสุนทรียรสของมันจากใจจริงที่จริงใจ
    มันไม่ใช่แค่บทเพลงเท่านั้น แต่มันคือเลือดเนื้อ วิญญาณ และน้ำตา ของชายผู้ยากไร้คนหนึ่งที่อาศัยเพียงความรักในเสียงดนตรีเท่านั้นใช้เวลาทุ่มเทถึง 10 เดือนเต็ม รังสรรค์มันขึ้นมา ตลอดเวลา 10 เดือนที่ผ่านมา เขาต้องผ่านความทุกข์ยากลำบากมากมาย ต้องอดมื้อกินมื้อ อดหลับอดนอน เจ็บป่วย เหน็ดเหนื่อยทั้งแรงกายที่ทุ่มเทให้กับงานและจิตใจที่ครุ่นคิดกลั่นกรองท่วงทำนองอันซับซ้อนอ่อนหวานออกมา ในขณะที่ต้องแบกรับคำดูแคลนต่าง ๆ ของผู้คนไปด้วยตลอดระยะเวลาที่ทุ่มเทนั้น #ความไพเราะที่กลั่นออกมาจากความขื่นขม ที่ชายผู้ยากไร้คนนั้นปราถนาจะแบ่งให้ทุกคนได้เสพสัมผัสสุนทรียรสของมันจากใจจริงที่จริงใจ
    0 Comments 0 Shares 203 Views 0 Reviews
  • มหาวิทยาลัยมิชิแกนบันทึกสัญญาณสมองมนุษย์ครั้งแรกด้วยอุปกรณ์ไร้สาย
    ทีมนักวิจัยจาก มหาวิทยาลัยมิชิแกน ได้สร้าง ความก้าวหน้าครั้งสำคัญในเทคโนโลยี Brain-Computer Interface (BCI) โดยสามารถ บันทึกสัญญาณสมองของมนุษย์เป็นครั้งแรกด้วยอุปกรณ์ไร้สาย ซึ่งอาจช่วยให้ผู้ที่มีภาวะอัมพาตหรือสูญเสียการพูดสามารถสื่อสารได้อีกครั้ง

    อุปกรณ์ที่ใช้ในการทดลองคือ Connexus ซึ่งพัฒนาโดย Paradromics เป็น BCI แบบไร้สายที่สามารถฝังเข้าไปในร่างกายได้อย่างสมบูรณ์ โดยมีขนาดเล็กกว่าหนึ่งเซนติเมตร และใช้ 421 ไมโครอิเล็กโทรด ที่บางกว่าขนมนุษย์

    Connexus ทำงานโดย เก็บสัญญาณไฟฟ้าจากเซลล์ประสาทแต่ละตัว และส่งข้อมูลไปยัง ตัวรับสัญญาณที่ฝังอยู่ในหน้าอก ก่อนจะ ส่งข้อมูลแบบไร้สายไปยังคอมพิวเตอร์ภายนอก ซึ่ง AI จะช่วยแปลสัญญาณเหล่านี้ให้เป็นการเคลื่อนไหวหรือคำพูด

    ข้อมูลจากข่าว
    - มหาวิทยาลัยมิชิแกนบันทึกสัญญาณสมองมนุษย์ครั้งแรกด้วยอุปกรณ์ไร้สาย
    - Connexus เป็น BCI ที่ฝังเข้าไปในร่างกายได้อย่างสมบูรณ์
    - ใช้ 421 ไมโครอิเล็กโทรดเพื่อเก็บสัญญาณจากเซลล์ประสาทแต่ละตัว
    - ส่งข้อมูลแบบไร้สายไปยังคอมพิวเตอร์ภายนอกเพื่อแปลเป็นการเคลื่อนไหวหรือคำพูด
    - Paradromics เตรียมทดลองทางคลินิกกับผู้เข้าร่วม 10 คนเป็นเวลาหนึ่งปี

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - แม้ Connexus จะมีความแม่นยำสูง แต่ยังต้องผ่านการทดลองทางคลินิกเพิ่มเติม
    - ต้องติดตามว่าการฝังอุปกรณ์จะมีผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวหรือไม่
    - BCI อาจมีข้อจำกัดด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของข้อมูลสมอง
    - Paradromics ต้องได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลก่อนนำไปใช้จริง

    เทคโนโลยีนี้อาจช่วยให้ ผู้ที่มีภาวะอัมพาตหรือสูญเสียการพูดสามารถสื่อสารได้อีกครั้ง และอาจนำไปสู่ การพัฒนา BCI ที่สามารถช่วยรักษาภาวะทางจิตเวชหรือความเจ็บปวดเรื้อรัง อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการทดลองทางคลินิกจะให้ผลลัพธ์ที่ดีเพียงใด

    https://www.techspot.com/news/108160-university-michigan-achieves-first-human-brain-recording-wireless.html
    🧠 มหาวิทยาลัยมิชิแกนบันทึกสัญญาณสมองมนุษย์ครั้งแรกด้วยอุปกรณ์ไร้สาย ทีมนักวิจัยจาก มหาวิทยาลัยมิชิแกน ได้สร้าง ความก้าวหน้าครั้งสำคัญในเทคโนโลยี Brain-Computer Interface (BCI) โดยสามารถ บันทึกสัญญาณสมองของมนุษย์เป็นครั้งแรกด้วยอุปกรณ์ไร้สาย ซึ่งอาจช่วยให้ผู้ที่มีภาวะอัมพาตหรือสูญเสียการพูดสามารถสื่อสารได้อีกครั้ง อุปกรณ์ที่ใช้ในการทดลองคือ Connexus ซึ่งพัฒนาโดย Paradromics เป็น BCI แบบไร้สายที่สามารถฝังเข้าไปในร่างกายได้อย่างสมบูรณ์ โดยมีขนาดเล็กกว่าหนึ่งเซนติเมตร และใช้ 421 ไมโครอิเล็กโทรด ที่บางกว่าขนมนุษย์ Connexus ทำงานโดย เก็บสัญญาณไฟฟ้าจากเซลล์ประสาทแต่ละตัว และส่งข้อมูลไปยัง ตัวรับสัญญาณที่ฝังอยู่ในหน้าอก ก่อนจะ ส่งข้อมูลแบบไร้สายไปยังคอมพิวเตอร์ภายนอก ซึ่ง AI จะช่วยแปลสัญญาณเหล่านี้ให้เป็นการเคลื่อนไหวหรือคำพูด ✅ ข้อมูลจากข่าว - มหาวิทยาลัยมิชิแกนบันทึกสัญญาณสมองมนุษย์ครั้งแรกด้วยอุปกรณ์ไร้สาย - Connexus เป็น BCI ที่ฝังเข้าไปในร่างกายได้อย่างสมบูรณ์ - ใช้ 421 ไมโครอิเล็กโทรดเพื่อเก็บสัญญาณจากเซลล์ประสาทแต่ละตัว - ส่งข้อมูลแบบไร้สายไปยังคอมพิวเตอร์ภายนอกเพื่อแปลเป็นการเคลื่อนไหวหรือคำพูด - Paradromics เตรียมทดลองทางคลินิกกับผู้เข้าร่วม 10 คนเป็นเวลาหนึ่งปี ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - แม้ Connexus จะมีความแม่นยำสูง แต่ยังต้องผ่านการทดลองทางคลินิกเพิ่มเติม - ต้องติดตามว่าการฝังอุปกรณ์จะมีผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวหรือไม่ - BCI อาจมีข้อจำกัดด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของข้อมูลสมอง - Paradromics ต้องได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลก่อนนำไปใช้จริง เทคโนโลยีนี้อาจช่วยให้ ผู้ที่มีภาวะอัมพาตหรือสูญเสียการพูดสามารถสื่อสารได้อีกครั้ง และอาจนำไปสู่ การพัฒนา BCI ที่สามารถช่วยรักษาภาวะทางจิตเวชหรือความเจ็บปวดเรื้อรัง อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการทดลองทางคลินิกจะให้ผลลัพธ์ที่ดีเพียงใด https://www.techspot.com/news/108160-university-michigan-achieves-first-human-brain-recording-wireless.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    University of Michigan achieves first human brain recording with wireless implant
    In a significant advance for brain-computer interface (BCI) technology, a University of Michigan research team has achieved the first in-human recording using Paradromics' Connexus device – a...
    0 Comments 0 Shares 202 Views 0 Reviews
  • เพื่อไทยโต้กลับ ปม นายกฯ ปะทะนักข่าว ปมชายแดน ชี้ “ตรวจสอบต้องมีข้อเท็จจริง ไม่ใช่อคติ” ด้าน ส.ส.ประชาชน ซัดไร้วุฒิภาวะ
    https://www.thai-tai.tv/news/19187/
    เพื่อไทยโต้กลับ ปม นายกฯ ปะทะนักข่าว ปมชายแดน ชี้ “ตรวจสอบต้องมีข้อเท็จจริง ไม่ใช่อคติ” ด้าน ส.ส.ประชาชน ซัดไร้วุฒิภาวะ https://www.thai-tai.tv/news/19187/
    0 Comments 0 Shares 93 Views 0 Reviews
  • Google Wallet ยกเลิกการรองรับ PayPal สำหรับผู้ใช้ในสหรัฐฯ
    Google ได้ประกาศว่า ตั้งแต่วันที่ 13 มิถุนายน 2025 เป็นต้นไป ผู้ใช้ Google Wallet ในสหรัฐฯ จะไม่สามารถใช้ PayPal เป็นวิธีการชำระเงินได้อีกต่อไป โดยบัญชี PayPal ที่เชื่อมต่อกับ Wallet จะถูกลบออกโดยอัตโนมัติ

    แม้ว่า Google จะไม่ได้ให้เหตุผลอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการยกเลิกการรองรับ PayPal แต่มีการคาดการณ์ว่า PayPal อาจเป็นฝ่ายยุติการสนับสนุน Google Wallet ในสหรัฐฯ เพื่อมุ่งเน้นไปที่ โซลูชันการชำระเงินของตนเอง

    PayPal เปิดตัวการรองรับ Google Wallet ครั้งแรกในปี 2017 เมื่อ Wallet ยังใช้ชื่อ Android Pay ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ Android มีความยืดหยุ่นในการชำระเงินมากขึ้น อย่างไรก็ตาม PayPal อาจต้องการลดการพึ่งพาแพลตฟอร์มของบุคคลที่สาม และผลักดันให้ผู้ใช้หันไปใช้ แอป PayPal โดยตรง

    ข้อมูลจากข่าว
    - Google Wallet จะหยุดรองรับ PayPal ในสหรัฐฯ ตั้งแต่วันที่ 13 มิถุนายน 2025
    - บัญชี PayPal ที่เชื่อมต่อกับ Wallet จะถูกลบออกโดยอัตโนมัติ
    - Google Wallet ยังคงรองรับบัตรเดบิตที่มีตราสินค้า PayPal ในสหรัฐฯ
    - PayPal จะยังคงเป็นวิธีการชำระเงินที่รองรับใน Google Wallet สำหรับผู้ใช้ในเยอรมนี
    - หลังวันที่ 13 มิถุนายน ผู้ใช้ต้องตรวจสอบธุรกรรม PayPal ผ่านเว็บไซต์หรือแอป PayPal แทน

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - ผู้ใช้ Google Wallet ในสหรัฐฯ ต้องเพิ่มบัตรเครดิตหรือเดบิตเพื่อใช้บริการต่อไป
    - การเปลี่ยนแปลงนี้อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจที่พึ่งพา PayPal ผ่าน Google Wallet
    - PayPal อาจกำลังพัฒนาโซลูชันการชำระเงินของตนเองเพื่อลดการพึ่งพาแพลตฟอร์มอื่น
    - ต้องติดตามว่า Google จะมีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการชำระเงินในอนาคตหรือไม่

    การเปลี่ยนแปลงนี้อาจทำให้ ผู้ใช้ Google Wallet ในสหรัฐฯ ต้องปรับตัวโดยเพิ่มบัตรเครดิตหรือเดบิตเป็นวิธีการชำระเงินหลัก ขณะที่ ธุรกิจที่พึ่งพา PayPal ผ่าน Google Wallet อาจต้องหาทางเลือกใหม่ในการรับชำระเงิน

    https://www.techspot.com/news/108166-google-wallet-removes-paypal-payment-option-us-users.html
    💳 Google Wallet ยกเลิกการรองรับ PayPal สำหรับผู้ใช้ในสหรัฐฯ Google ได้ประกาศว่า ตั้งแต่วันที่ 13 มิถุนายน 2025 เป็นต้นไป ผู้ใช้ Google Wallet ในสหรัฐฯ จะไม่สามารถใช้ PayPal เป็นวิธีการชำระเงินได้อีกต่อไป โดยบัญชี PayPal ที่เชื่อมต่อกับ Wallet จะถูกลบออกโดยอัตโนมัติ แม้ว่า Google จะไม่ได้ให้เหตุผลอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการยกเลิกการรองรับ PayPal แต่มีการคาดการณ์ว่า PayPal อาจเป็นฝ่ายยุติการสนับสนุน Google Wallet ในสหรัฐฯ เพื่อมุ่งเน้นไปที่ โซลูชันการชำระเงินของตนเอง PayPal เปิดตัวการรองรับ Google Wallet ครั้งแรกในปี 2017 เมื่อ Wallet ยังใช้ชื่อ Android Pay ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ Android มีความยืดหยุ่นในการชำระเงินมากขึ้น อย่างไรก็ตาม PayPal อาจต้องการลดการพึ่งพาแพลตฟอร์มของบุคคลที่สาม และผลักดันให้ผู้ใช้หันไปใช้ แอป PayPal โดยตรง ✅ ข้อมูลจากข่าว - Google Wallet จะหยุดรองรับ PayPal ในสหรัฐฯ ตั้งแต่วันที่ 13 มิถุนายน 2025 - บัญชี PayPal ที่เชื่อมต่อกับ Wallet จะถูกลบออกโดยอัตโนมัติ - Google Wallet ยังคงรองรับบัตรเดบิตที่มีตราสินค้า PayPal ในสหรัฐฯ - PayPal จะยังคงเป็นวิธีการชำระเงินที่รองรับใน Google Wallet สำหรับผู้ใช้ในเยอรมนี - หลังวันที่ 13 มิถุนายน ผู้ใช้ต้องตรวจสอบธุรกรรม PayPal ผ่านเว็บไซต์หรือแอป PayPal แทน ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - ผู้ใช้ Google Wallet ในสหรัฐฯ ต้องเพิ่มบัตรเครดิตหรือเดบิตเพื่อใช้บริการต่อไป - การเปลี่ยนแปลงนี้อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจที่พึ่งพา PayPal ผ่าน Google Wallet - PayPal อาจกำลังพัฒนาโซลูชันการชำระเงินของตนเองเพื่อลดการพึ่งพาแพลตฟอร์มอื่น - ต้องติดตามว่า Google จะมีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการชำระเงินในอนาคตหรือไม่ การเปลี่ยนแปลงนี้อาจทำให้ ผู้ใช้ Google Wallet ในสหรัฐฯ ต้องปรับตัวโดยเพิ่มบัตรเครดิตหรือเดบิตเป็นวิธีการชำระเงินหลัก ขณะที่ ธุรกิจที่พึ่งพา PayPal ผ่าน Google Wallet อาจต้องหาทางเลือกใหม่ในการรับชำระเงิน https://www.techspot.com/news/108166-google-wallet-removes-paypal-payment-option-us-users.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Google Wallet removes PayPal as a payment option for US users
    The move will likely inconvenience many dedicated Wallet users, but it isn't entirely unexpected. Google started blocking US users from linking their PayPal accounts with Wallet on...
    0 Comments 0 Shares 212 Views 0 Reviews
  • การพักระหว่างวันช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
    ผลการศึกษาล่าสุดจาก DeskTime พบว่า พนักงานที่มีประสิทธิภาพสูงสุดไม่ได้ทำงานต่อเนื่องตลอดทั้งวัน แต่ใช้ รูปแบบการทำงานแบบ 75/33 ซึ่งหมายถึง ทำงาน 75 นาที แล้วพัก 33 นาที

    ในช่วงการทำงานจากที่บ้านระหว่างการระบาดของโควิด-19 พนักงานมีแนวโน้ม ทำงานต่อเนื่องนานขึ้น โดยมีอัตราส่วน 112/26 (ทำงาน 112 นาที พัก 26 นาที) ซึ่งแตกต่างจากปัจจุบันที่พนักงาน ใช้เวลาพักมากขึ้น

    DeskTime วิเคราะห์ข้อมูลจาก ผู้ใช้ซอฟต์แวร์ 6,000 คน และพบว่า พนักงานที่มีประสิทธิภาพสูงสุดมักจะหยุดพักประมาณ 4 ครั้งต่อวัน ซึ่งมากกว่าช่วงที่ทำงานจากที่บ้านที่มีการพักเพียง 3 ครั้ง

    ข้อมูลจากข่าว
    - พนักงานที่มีประสิทธิภาพสูงสุดใช้รูปแบบการทำงาน 75/33 (ทำงาน 75 นาที พัก 33 นาที)
    - ในช่วงโควิด-19 พนักงานทำงานต่อเนื่องนานขึ้น โดยมีอัตราส่วน 112/26
    - DeskTime วิเคราะห์ข้อมูลจากผู้ใช้ซอฟต์แวร์ 6,000 คน
    - พนักงานที่มีประสิทธิภาพสูงสุดมักจะหยุดพักประมาณ 4 ครั้งต่อวัน
    - การทำงานในออฟฟิศหรือแบบไฮบริดช่วยให้พนักงานมีโอกาสพักมากขึ้น

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - การทำงานต่อเนื่องโดยไม่พักอาจลดประสิทธิภาพและส่งผลเสียต่อสุขภาพจิต
    - ซอฟต์แวร์ติดตามการทำงานอาจไม่สามารถวัดประสิทธิภาพที่แท้จริงได้
    - ต้องติดตามว่าการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานจะส่งผลต่อองค์กรในระยะยาวอย่างไร
    - การทำงานจากที่บ้านอาจทำให้พนักงานมีเวลาพักน้อยลงและรู้สึกโดดเดี่ยวมากขึ้น

    การศึกษานี้แสดงให้เห็นว่า การพักระหว่างวันมีความสำคัญต่อประสิทธิภาพการทำงาน และอาจช่วยให้ องค์กรสามารถปรับรูปแบบการทำงานเพื่อเพิ่มผลผลิตและความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน

    https://www.techspot.com/news/108182-most-productive-workers-rest-almost-two-half-hours.html
    🏢 การพักระหว่างวันช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ผลการศึกษาล่าสุดจาก DeskTime พบว่า พนักงานที่มีประสิทธิภาพสูงสุดไม่ได้ทำงานต่อเนื่องตลอดทั้งวัน แต่ใช้ รูปแบบการทำงานแบบ 75/33 ซึ่งหมายถึง ทำงาน 75 นาที แล้วพัก 33 นาที ในช่วงการทำงานจากที่บ้านระหว่างการระบาดของโควิด-19 พนักงานมีแนวโน้ม ทำงานต่อเนื่องนานขึ้น โดยมีอัตราส่วน 112/26 (ทำงาน 112 นาที พัก 26 นาที) ซึ่งแตกต่างจากปัจจุบันที่พนักงาน ใช้เวลาพักมากขึ้น DeskTime วิเคราะห์ข้อมูลจาก ผู้ใช้ซอฟต์แวร์ 6,000 คน และพบว่า พนักงานที่มีประสิทธิภาพสูงสุดมักจะหยุดพักประมาณ 4 ครั้งต่อวัน ซึ่งมากกว่าช่วงที่ทำงานจากที่บ้านที่มีการพักเพียง 3 ครั้ง ✅ ข้อมูลจากข่าว - พนักงานที่มีประสิทธิภาพสูงสุดใช้รูปแบบการทำงาน 75/33 (ทำงาน 75 นาที พัก 33 นาที) - ในช่วงโควิด-19 พนักงานทำงานต่อเนื่องนานขึ้น โดยมีอัตราส่วน 112/26 - DeskTime วิเคราะห์ข้อมูลจากผู้ใช้ซอฟต์แวร์ 6,000 คน - พนักงานที่มีประสิทธิภาพสูงสุดมักจะหยุดพักประมาณ 4 ครั้งต่อวัน - การทำงานในออฟฟิศหรือแบบไฮบริดช่วยให้พนักงานมีโอกาสพักมากขึ้น ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - การทำงานต่อเนื่องโดยไม่พักอาจลดประสิทธิภาพและส่งผลเสียต่อสุขภาพจิต - ซอฟต์แวร์ติดตามการทำงานอาจไม่สามารถวัดประสิทธิภาพที่แท้จริงได้ - ต้องติดตามว่าการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานจะส่งผลต่อองค์กรในระยะยาวอย่างไร - การทำงานจากที่บ้านอาจทำให้พนักงานมีเวลาพักน้อยลงและรู้สึกโดดเดี่ยวมากขึ้น การศึกษานี้แสดงให้เห็นว่า การพักระหว่างวันมีความสำคัญต่อประสิทธิภาพการทำงาน และอาจช่วยให้ องค์กรสามารถปรับรูปแบบการทำงานเพื่อเพิ่มผลผลิตและความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน https://www.techspot.com/news/108182-most-productive-workers-rest-almost-two-half-hours.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    The most productive workers "rest" almost two and a half hours during an 8-hour workday, study claims
    DeskTime, the cloud-based time tracking and productivity management software from the Draugiem Group, carried out the recent productivity study.
    0 Comments 0 Shares 407 Views 0 Reviews